หัวข้อข่าวปีที่ 4 ฉบับที่ 9 ประจำวันที่ 2003-03-04

ข่าวการศึกษา

ระบบการศึกษาอินโดนีเซีย
วิทย์ฟุ้งคนแห่พึ่งคลินิกเทคโนฯ
อาชีวะตั้งศูนย์นวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์
นำร่องทุนวิจัยสาขาวิชาใหม่ 230 ล. แนะมหาวิทยาลัยร่วมมือเครือข่าย
อาชีวะปรับ “ป.วช.” เอื้อภาคเศรษฐกิจจับมือบิ๊กซีขยายทวิภาคีระดับ ป.วส.
ทบวงฯ เสนอ “แม้ว” ส่งจนท. ประจำตปท. ไม่เน้นหน่วยงาน-ดูภารกิจเป็นหลัก
ศธ.ดันร่างอาชีวะเข้าสภาสอนแค่ป.ตรี
ภาคประชาชนสะท้อนฝากรัฐหนุนเรียนฟรี 12 ปี ต้องชัดเจน
สช.ปรับชั้นตอนการขอตั้งโรงเรียนใหม่ระบุช่วยเอกชนลดค่าใช้จ่ายการลงทุน
ผังมโนทัศน์วิชาการโดนใจครูเล็งพิมพ์แจก ร.ร.ทั่วประเทศ
เปิดมินิ 2 ภาษาก่อนเต็มรูปแบบ
ปอมท.ไม่ยอมเจรจาหาข้อยุติม.นอกระบบ
‘ครูป๊อก’ ชงข้อมูลเสนอสภาซีเมคตั้ง 3 ศูนย์ฯรับมือสถานการณ์โลก
ปลัดทบวงฯแนะวิธีเฟ้นหาเด็กอัจฉริยะ

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

รออีก 20 ปี คนอาจจะอยู่ได้ค้ำฟ้า ส่งเครื่องมือจิ๋วเข้าไปแก้ไขในเซลล์
สร้างหุ่นยนต์วัดความสาวสวย บอกให้รู้ได้ “ใครสวยเลิศในปฐพี”
แพทย์ศิริราชประดิษฐ์หุ่นข้อเข่าจำลอง
‘แผ่นฟางซีเมนต์’ ไอเดียเพื่อชุมชนของนักวิทย์แก่นนครฯ
กันขโมย
สู่อวกาศด้วยพาราฟิน

ข่าววิจัย/พัฒนา

จุฬาฯ เจ๋งสร้างเครื่องนับฟ้าผ่า
ดื่มชาเขียวช่วยป้องกันข้อเสื่อม รักษากระดูกอ่อนโดนกัดกร่อน
หนุนชาวไทยทั่วประเทศนั่งสมาธิ เกิดผลดีทั้งร่างกายและจิตใจ
ไบโอเทคปลูกพืชต้านดินเค็มสำเร็จ
สารถั่วเหลืองก่อเหตุหวาดเสียว ทำลายอาวุธของตัวผู้จนพิการ
ชายกินอาหารพลังงาน-โปรตีนสูง หมอญี่ปุ่นชี้เสี่ยง “ต่อมลูกหมากโต”
ราชมงคลน่าน วิจัยกล้วยน้ำว้า รักษาโรคขี้ไหลในสุกร
นักวิจัยพัฒนา ‘สายพันธุ์ถั่ว’ ปลอดเชื้อราก่อมะเร็งในคน
สกว.เดินหน้าสร้างงานวิจัยเพื่อสังคม
ครีมลดสัดส่วนฝีมือนักวิจัยไทย
ข้าวหอมมะลิหุงสุกเร็ว
ค้นพบ ‘จำปีศรีเมืองไทย’ พรรณไม้วงศ์จำปาชนิดใหม่ของโลก

ข่าวทั่วไป

มหิดลพบหลอดเลือดแดงต้นเหตุมะเร็งตับ คร่าชีวิต 3 หมื่นคน/ปี
ถวายพระสมัญญานาม “วิศิษฏศิลปิน” แด่ พระเทพฯ ออกไปรษณียบัตรกาชาด
รอบเอวเกินมาตรฐาน
“ตบนม” ยังมาแรง สธ. ปั๊มซีดีขาย เปิดเต้นกระชับทรวงรุ่น 2 เมษาฯ
เกม “แร็คน่าร็อก” ออนไลน์ ภัยร้ายที่แฝงเร้น
เมนู “หนอนไม้ไผ่” ฮิต 88 ตัน/ปี กินเพลินระวังไขมัน –สารเคมี
เตือนผลข้างเคียงฉีดโบทอกซ์อาจเกิดรอยย่นใหม่ที่หว่างคิ้ว
เครื่องสแกนเลเซอร์ 3 มิติฝีมือคนรุ่นใหม่
วอนรัฐตั้งบริษัทผลิตหุ่นยนต์สู้ญี่ปุ่น
ภาษีออนไลน์
ตู้โทรศัพท์ไร้สาย





ข่าวการศึกษา


ระบบการศึกษาอินโดนีเซีย

อินโดนีเซีย มีรูปแบบการปกครองที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุข ซึ่งปัจจุบันคือ นางเมกาวตี ซูการ์โน บุตรี โดยสภาพการศึกษาร้อยละ 90 ของประชากรสามารถอ่านออกเขียนได้ มีระบบการศึกษาในโรงเรียน ประกอบด้วยระดับการศึกษาขั้นต่างๆ คือการศึกษาขั้นพื้นฐาน การศึกษาชั้นมัธยมและการศึกษาระดับสูง รวมทั้งการศึกษาก่อนวัยเรียน การศึกษาขั้นพื้นฐานตามเกณฑ์จะใช้เวลา 9 ปี โดยเรียนชั้นประถมฯ 6 ปี และชั้นมัธยมฯ ต้น 3 ปี ในโรงเรียนประถมจะมีลักษณะแตกต่างกัน 2 แบบ คือ โรงเรียนประถมศึกษาทั่วไป และโรงเรียนประถมศึกษาพิเศษสำหรับเด็กพิการ เช่นเดียวกับโรงเรียนมัธยมฯต้น การศึกษาชั้นมัธยมหรือโรงเรียนมัธยมศึกษาจะรับผู้จบการศึกษาขั้นพื้นฐานใช้เวลาเรียน 3 ปี โดยมีรูปแบบการจัดการศึกษาหลายแบบ เช่น แบบสามัญทั่วไป แบบสามัญวิชาชีพ แบบสามัญทางศาสนา แบบสามัญบริการ และแบบการศึกษาพิเศษ โดยมีวัตถุประสงค์ของการจัดการศึกษาเพื่อ 1. พัฒนาความรู้แก่นักเรียนให้ได้ศึกษาต่อเนื่องไปถึงขั้นสูง และเพื่อพัฒนาตนเองให้สอดคล้องกับการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและศาสตร์แขนงต่างๆ 2. พัฒนาความสามารถของนักเรียนในฐานะเป็นสมาชิกของสังคม ให้มีปฏิสัมพันธ์ต่อสังคม วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ทั้งนี้ในระบบการศึกษามัธยมแบบทั่วไปจะมีหลักสูตรประกอบด้วยโครงการวิชาการสอนทั่วไป ระบบมัธยมทางวิชาชีพเหมาะสำหรับผู้ต้องการเข้าสู่วิชาชีพ ซึ่งสามารถแยกการศึกษานี้ออกเป็น 6 กลุ่ม ตามสาขาวิชาชีพต่างๆ ดังนี้ การเกษตรกรรมและการป่าไม้, เทคโนโลยีและอุตสาหกรรม, ความเป็นอยู่ของชุมชน, การท่องเที่ยว, ศิลปะและหัตถกรรม มัธยมทางศาสนาเป็นการจัดการศึกษาด้านศาสนาโดยเฉพาะ มัธยมแบบบริการเป็นการจัดการศึกษาเพื่อเตรียมความรู้ความสามารถ สำหรับผู้ที่จะเข้าเป็นพนักงานหรือข้าราชการ มัธยมแบบพิเศษเป็นการจัดการศึกษาสำหรับนักเรียนที่พิการทางร่างกายและจิตใจ ส่วนการศึกษาระดับสูงหรืออุดมศึกษาในระดับปริญญาตรีใช้เวลาเรียน 3-4 ปี ปริญญาโท 2 ปี และปริญญาเอก 3 ปี โดยสถาบันที่ให้การศึกษาระดับสูงนี้มีลักษณะเป็นสถาบันวิชาการ โพลีเทคนิค สถาบันการศึกษาและมหาวิทยาลัย ทั่วประเทศอินโดนีเซียมีมหาวิทยาลัยของรัฐ 49 แห่ง และเอกชนกว่า 950 แห่ง (มติชนรายวัน วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 4)





วิทย์ฟุ้งคนแห่พึ่งคลินิกเทคโนฯ

นายพินิจ จารุสมบัติ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) กล่าวว่า หลังจากที่ วท.ได้ร่วมกับสถาบันการศึกษา 17 แห่ง ทั่วประเทศนำร่องในการจัดตั้งเป็นคลินิกเทคโนโลยี ซึ่งได้ลงนามเปิดอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา โดยจะรับเป็นที่ปรึกษาช่วยแก้ปัญหาด้านการประกอบอาชีพของชาวบ้านในระดับรากหญ้า ไปจนถึงภาคธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง การถ่ายทอดเทคโนโลยีนั้น ปรากฏว่ามีคนให้ความสนใจโทรศัพท์มาสอบถามและเดินทางเข้ามาขอคำปรึกษาโครงการคลินิกเทคโนโลยีมากกว่า 300 รายแล้ว โดยส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับโครงการด้านการแปรรูปอาหาร ปุ๋ยและผลิตภัณฑ์างการเกษตร สุราพื้นบ้านและภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งการที่ชาวบ้านให้ความสนใจอย่างมาก เป็นเพราะที่ผ่านมาประเทศเป็นโรคขาดเทคโนโลยี และชาวบ้านก็ไม่รู้จะไปพึ่งหน่วยงานไหนที่จะช่วยในประเด็นเหล่านี้ แต่การที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯในยุคนี้ได้ริเริ่มโครงการนี้ขึ้น จึงทำให้ชาวบ้านมองเห็นช่องทางที่จะพึ่งภาครัฐได้ สำหรับชาวบ้านที่สนใจสามารถติดต่อที่ โทร. 0-2245-0746 หรือที่ www.clinictech@most.go.th (ไทยรัฐ วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 15)





อาชีวะตั้งศูนย์นวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์

นายปองพล อดิเรกสาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวในการเป็นประธานเปิดงานประกวดสิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่ประจำปีการศึกษา 2545 ระดับชาติ จัดโดยกรมอาชีวศึกษา ที่เดอะมอลล์ บางกะปิว่า โครงการประกวดสิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่เป็นโครงการที่มีคุณค่า เพราะนอกจากจะมุ่งเน้นให้เยาวชนคิดเป็น ทำเป็น และสร้างความรู้ได้ด้วยตนเองแล้ว ยังเป็นโครงการที่มีส่วนในการเสริมสร้าง นักประดิษฐ์รุ่นใหม่ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ผลงานประดิษฐ์คิดค้นที่มีศักยภาพ และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งตนเห็นว่าโครงการนี้ไม่ควรจะหยุดอยู่เพียงแค่นี้ ควรสานต่อให้เกิดความต่อเนื่องทั้งด้านผลงานสิ่งประดิษฐ์ และการจัดตั้งศูนย์กลางเพื่อรวบรวมสิ่งประดิษฐ์ เพื่อต่อยอดภูมิปัญาของเยาวชนไทย นายพยุงศักดิ์ จันทรสุรินทร์ อธิบดีกรมอาชีวศึกษา กล่าวว่า กรมอาชีวศึกษาได้เล็งเห็นความสำคัญของการวิจัยและการพัฒนาผลงานสิ่งประดิษฐ์ ดังนั้น ในการปรับโครงสร้างใหม่ของกรมอาชีวศึกษาจึงได้กำหนดให้จัดตั้งหน่วยงานเพื่อรองรับการพัฒนาทางด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีขึ้นเป็นการเฉพาะ โดยจะจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์อาชีวศึกษาขึ้น เพื่อเป็นแหล่งสำหรับศึกษาค้นคว้าและเผยแพร่ (มติชนรายวัน วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 20)





นำร่องทุนวิจัยสาขาวิชาใหม่ 230 ล. แนะมหาวิทยาลัยร่วมมือเครือข่าย

นางสุมณฑา พรหมบุญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และประธาน อ.ก.ม. วิสามัญ เกี่ยวกับการสรรหาและพัฒนา กล่าวในการสัมมนาเรื่อง “การดำเนินการของเครือข่ายและแนวทางการจัดสรรทุนปี 2546” ว่า ประเทศไทยมาถึงจุดของการเปลี่ยนแปลง ชาวอุดมศึกษาจึงต้องร่วมกันคิดร่วมกันทำ หลังจากต่างคิดต่างทำมานานเพราะไม่มีกลไกประสาน โดยเฉพาะงานการวิจัยที่มักเป็นโครงการเล็กๆ จึงต้องเชื่อมโครงการวิจัยเข้ากับการผลิตบัณฑิตศึกษา เพื่อตอบปัญหาของประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันโดยการสร้างเครือข่ายการวิจัย ทั้งนี้พบว่าเครือข่ายการวิจัยของไทยหลายเครือข่ายกระจุกอยู่ที่เดียว ทำให้ทำโครงการวิจัยใหญ่ๆ ไม่ได้ เพราะไม่สามารถระดมทรัพยากรได้ นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีนักวิจัยไม่ถึง 10,000 คน อย่างไรก็ตามเวลานี้คณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้เห็นชอบโครงการทุนพัฒนาศักยภาพในการทำงานวิจัยของอาจารย์รุ่นใหม่ระยะ 10 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2547-2556 รวมวงเงิน 1,575 ล้านบาท ซึ่งจะให้ทุนกับอาจารย์ที่จบปริญญาเอก น.พ.อดุลย์ วิริยเวชกุล อ.ก.ม.วิสามัญฯกล่าวว่า การเสนอโครงการวิจัยเพื่อขอทุนของเครือข่ายการวิจัย หรือ (Cooperative Research Network-CRN) จะต้องโปร่งใสและอธิบายได้ เพราะเมื่อปีที่ผ่านมามีปัญหามาก เช่น ส่งบุคลากรที่ไม่เหมาะสมไปเรียน จึงเรียนไม่จบ และการให้ทุนต้องไม่ใช้วิธีกระจายทุนในสาขาต่างๆ เท่าๆกัน แต่ต้องดูความเหมาะสม (มติชนรายวัน วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2546 หน้20)





อาชีวะปรับ “ป.วช.” เอื้อภาคเศรษฐกิจจับมือบิ๊กซีขยายทวิภาคีระดับ ป.วส.

นายพยุงศักดิ์ จันทรสุรินทร์ อธิบดีกรมอาชีวศึกษา กล่าวในการประชุมเชิงปฏิบัติการ “เพื่อพัฒนาหลักสูตร ป.วช. 2545 ให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคเศรษฐกิจ” โดยมีผู้อำนวยการสถาบันการอาชีวศึกษาจากทั่วประเทศเข้าร่วมว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อสรุปผลและประเมินผล ตลอดจนวิเคราะห์การนำหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ป.วช.) พ.ศ. 2545 ไปใช้ในการเรียนการสอนในระยะ 1 ปี ให้สอดคล้งกับความต้องการของภาคเศรษฐกิจ ซึ่งได้ให้สถาบันการอาชีวศึกษาได้นำเอาวิธีการเขียนรายวิชาใหม่ ไปขยายผลให้กับสถานศึกษาอาชีวะในสังกัดของสถาบันต่อไป รวมทั้งเพื่อให้สถานศึกษาอาชีวะได้เพิ่มเติม แก้ไข และเปลี่ยนแปลงรายวิชาต่างๆ ในหลักสูตร ป.วช. 2545 เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการภาคเศรษฐกิจดังกล่าว นายพยุงศักดิ์ยังกล่าวถึงโครงการความร่วมมือกับบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ว่า กรมอาชีวะได้มีความร่วมมือกับบิ๊กซีดำเนินงานจัดการศึกษาระบบทวิภาคี ตามหลักสูตรค้าปลีกมาตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่ผ่านมา โดยมีนักศึกษาระดับ ป.วช. และครูอาจารย์เข้าร่วมโครงการแล้วประมาณ 1,500 คน ซึ่งได้รับความรู้คู่ประสบการณ์ เพราะมีโอกาสได้เรียนรู้จากการสัมผัสงานจริง ทั้งนี้ ในปีนี้มีแผนจะขยายผลโดยเปิดโอกาสทางการศึกษาสำหรับนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ป.วส.) และพนักงานของบิ๊กซีทั่วประเทศ เพื่อพัฒนาศักยภาพรองรับตลาดแรงงานในอนาคต และความร่วมมือดังกล่าวได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ที่เข้าร่วมโครงการได้มีโอกาสฝึกปฏิบัติงานจริงถึง 50% ของระยะเวลาเรียน ซึ่งนับเป็นประโยชน์ในการเพิ่มความรู้เกี่ยวกับธุรกิจค้าปลีก (มติชนรายวัน วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 21)





ทบวงฯ เสนอ “แม้ว” ส่งจนท. ประจำตปท. ไม่เน้นหน่วยงาน-ดูภารกิจเป็นหลัก

ร.ต.อ. วรเดช จันทรศร ปลัดทบวงมหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้เชิญประชุมผู้บริหารทุกกระทรวง ทบวงกรม เพื่อดูว่าสถานเอกอัครทูตไทยในต่างประเทศควรจัดโครงสร้างใหม่อย่างไร เพื่อเพิ่มศักยภาพของไทยในการแข่งขันกับต่างประเทศ โดยให้พิจารณาและเสนอแนวทางกลับไปภายในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ เพื่อหารือร่วมกันอีกครั้งประมาณต้นเดือนมีนาคม ในส่วนของทบวงฯเสนอว่าบางเรื่องและในบางประเทศที่สำคัญ ทบวงฯอาจต้องส่งเจ้าหน้าที่ 1 คน ไปประจำในสถานทูตไทย เช่น เบลเยียม เพื่อแสวงหาความร่วมมือด้านการอุดมศึกษากับกลุ่มสหภาพยุโรปหรือ EU รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ไปพบกับผู้บริหารมหาวิทยาลัย คณบดี เป็นต้น แต่บางเรื่องอาจมอบหมายให้ทูตไทยประเทศนั้นๆ ร.ต.อ.วรเดชกล่าวว่า “นายกฯบอกว่า การส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำสถานทูตไทยในต่างประเทศจะไม่เน้นหน่วยงานไหนหรือเน้นที่ตัวบุคคลที่จะไปประจำ แต่ต้องเน้นที่ภารกิจเป็นหลัก ไม่เช่นนั้นทุกหน่วยงานก็อยากจะไปตั้งหน่วยงานที่ต่างประเทศกันหมด อีกทั้งไม่จำเป็นต้องส่งคนไปประจำในประเทศเดียวกันเพราะภารกิจต่างกัน” (มติชนรายวัน วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 20)





ศธ.ดันร่างอาชีวะเข้าสภาสอนแค่ป.ตรี

นางจรวยพร ธรณินทร์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการการอาชีวศึกษาซึ่งได้พิจารณาเรื่องโครงสร้างกรมอาชีวศึกษาเนื่องจากในแท่งอาชีวศึกษาจำเป็นต้องออกบทเฉพาะกาล ในร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการ ศธ. เพราะว่าในตัว พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 เดิมไม่มีแท่งอาชีวศึกษา จึงของให้เตรียมโครงสร้างต่างๆ รวมถึงจัดอัตรากำลังคนลงโคลงสร้างให้เหมาะสมสอดคล้องกับงาน ขณะเดียวกัน ร่าง พ.ร.บ.การอาชีวะ ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่าง ได้ปรับเปลี่ยนเนื้อหาโดยอยากให้กรมอาชีวศึกษา ผลิตบัณฑิตเฉพาะปริญญาตรีเท่านั้น จากเดิมของร่างที่เสนอผลิตทั้งปริญญาตรี โทและเอก ทว่านายจำลอง ครุฑขุนทด ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านการศึกษาขอให้ส่งร่างกลับเข้ามาที่ ครม. ก่อนส่วนจะให้กรมอาชีวศึกษาผลิตบัณฑิตระดับใดบ้างขอให้เป็นนโยบายของนายปองพล อดิเรกสาร รมว.ศึกษาธิการ เพราะเกรงว่าจะไม่ทันร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการ ศธ.ที่กำลังอยู่ระหว่างพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร ถึงกระนั้นก็ตาม ที่ประชุมยังได้พิจารณาการจัดตั้งมหาวิทยาลัยนราธิวาสซึ่งจะรวมวิทยาลัยอาชีวศึกษาเข้าไปด้วยโดยเห็นว่าไม่ควรจะรวมเนื่องจากอยู่ในกลุ่มอุดมศึกษาซึ่งนายปองพลให้นโยบายว่าการผลิตสายอาชีวะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของนักเรียน นักศึกษา ที่มุ่งสู่การศึกษาพื้นฐาน ที่ได้ปูพื้นฐานมาตั้งแต่ระดับ ปวช.จะสามารถต่อระดับ ปวส. และรับปริญญาได้ จึงอยากให้กรมอาชีวะเน้นผลิตปริญญาตรีสายอาชีวศึกษาให้เป็นนักปฏิบัติการหรือนักเทคโนโลยีส่วนปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยให้เป็นสายวิจัยและสายวิชาการ และขอให้กรมอาชีวศึกษาเข้าใจบทบาทนี้ ในการออกหลักสูตรให้เหมาะสมกับนักปฏิบัติการ (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 15)





ภาคประชาชนสะท้อนฝากรัฐหนุนเรียนฟรี 12 ปี ต้องชัดเจน

งานสัมมนา 47 ปี สกศ. ผู้ปกครองครูแห่งชาติ ครูภูมิปัญญาสะท้อนฝากภาครัฐ เร่งทำการประชาสัมพันธ์นโยบายให้ประชาชนเข้าในการปฏิรูปการศึกษา โดยเฉพาะการจัดการศึกษาฟรี 12 ปี จัดให้ใคร และถึงระดับใดแนะครูในท้องถิ่นต้องร่วมมือทำงานเป็นตัวอย่างให้กับชุมชน น.พ.ภาวิช ปุญญาฤทธิ์ อุปนายกสมาคมผู้ปกครองโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กล่าวในงานสัมมนา 47 ปี สกศ.ว่า ตนขอย้ำให้รัฐบาลทำความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับเงินอุดหนุนการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปีให้ตรงกันว่าฟรีระดับไหน ถึงเมื่อไร เพราะขณะนี้ประชาชนเข้าใจผิดคิดว่าเรียนฟรีทุกระดับชั้น (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 15)





สช.ปรับชั้นตอนการขอตั้งโรงเรียนใหม่ระบุช่วยเอกชนลดค่าใช้จ่ายการลงทุน

นางพรนิภา ลิมปพยอม เลขาธิการคณะกรรมการการศึกเอกชน (กช.) เปิดเผยว่าทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนได้ปรับขั้นตอนการขออนุญาตจัดตั้งโรงเรียนเอกชนใหม่เนื่องจากที่ผ่านมาการขออนุญาตจัดตั้งโรงเรียนเอกชนมาตรา 15 (2) ผู้ขอจัดตั้งโรงเรียนต้องยื่นคำขอพร้อมโครงการจัดตั้งโรงเรียน หลักสูตร และเอกสารแสดงการเป็นเจ้ากรรมสิทธิ์ในอาคารสถานที่ที่จะใช้จัดตั้งเป็นโรงเรียน แต่ในการปรับขั้นตอนใหม่นี้จะเป็นการปรับขั้นตอนการขอ โดยให้เพิ่มการพิจารณาโครงการจัดตั้งโรงเรียนให้ชัดเจน เพื่อมิให้ผู้ขอต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเช่าอาคาร สถานที่ก่อนการลงทุนโดยให้ถือปฏิบัตินับแต่นี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามหากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามมาได้ที่กองส่งเสริมการศึกษานอกระบบ สช.โทร.0-2628-9047-8 และ 0-2282-9635 (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 15)





ผังมโนทัศน์วิชาการโดนใจครูเล็งพิมพ์แจก ร.ร.ทั่วประเทศ

ดร.ประพัฒน์พงศ์ เสนาฤทธิ์ อธิบดีกรมวิชาการ เปิดเผยว่า หลังจากคณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพวิชาการของกลุ่มสาระการเรียนรู้และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ได้จัดทำผังมโนทัศน์และสาระการเรียนรู้รายปี/รายภาค เพื่อให้เป็นสาระการเรียนรู้แกนกลาง ที่จะให้สถานศึกษานำไปเทียบเคียง หรือตรวจสอบกับสาระพื้นฐานและเพิ่มที่โรงเรียนได้จัดทำไว้ตามโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาขึ้นนั้น ล่าสุดทางกรมวิชาการได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรและการสอน มาให้ความรู้ความเข้าใจกับครูผู้สอนและผู้เกี่ยวข้อง ทั้งนี้เพื่อให้สามารถจัดทำผังมโนทัศน์และสาระการเรียนรู้รายปี/รายภาคของกลุ่มสาระการเรียนรู้และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนโดยพบว่ากลุ่มครูส่วนใหญ่รู้สึกพอใจกับการจัดทำผังมโนทัศน์ดังกล่าว เนื่องจากทำให้ครูสอนแต่รายวิชาเห็นภาพชัดเจนว่าเด็กแต่ละระดับชั้นต้องเรียนอะไรบ้าง ครูต้องสอนอย่างไรให้สอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน อธิบดีกรมวิชาการ กล่าวอีกว่า ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะเชิญผู้ทรงคุณวุฒิและนักวิชาการมาหารือเพื่อปรับปรุงผังมโนทัศน์อีกครั้ง จากนั้นจะเร่งจัดพิมพ์ผังมโนทัศน์ดังกล่าวประมาณ 40,000 ชุด และแจกจ่ายให้โรงเรียนทั่วประเทศในเดือนมีนาคมนี้ รวมทั้งบรรจุลงในเวบไซต์กรมวิชาการคือ www.dcid.go.th และทำเป็นซีดี เพื่อให้ครูสะดวกในการดาวน์โหลดและนำไปใช้ประโยชน์ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 12)





เปิดมินิ 2 ภาษาก่อนเต็มรูปแบบ

นายเสน่ห์ ขาวโต ผอ.กองการมัธยมศึกษา กรมสามัญศึกษา เปิเผยผลการประชุมคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกโรงเรียนเข้าร่วมโครงการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อ เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ตามที่กรมสามัญศึกษาได้เปิดไห้โรงเรียนมัธยมศึกษาในสังกัดที่ประสงค์จะจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นภาษาอังกฤษ เสนอรายชื่อเพื่อขอรับการพิจารณาอนุญาตให้ดำเนินการสอนเป็นภาษาอังกฤษในปีการศึกษา 2546 ได้นั้น ปรากฏว่ามีโรงเรียนแจ้งความประสงค์เข้ามาทั้งสิ้น 109 โรงเรียน ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าควรเปิดโอกาสให้โรงเรียนได้พิสูจน์ตนเองว่าจะสามารถทำการสอนเป็นภาษาอังกฤษได้หรือไม่ เพราะทางกรมเองก็ไม่แน่ใจในบางส่วนจะสามารถเปิดสอนได้จริง ดังนั้นทางคณะกรรมการฯ จึงเห็นควรให้ทั้ง 109 โรง ทำการสอนเป็นมินิภาษาอังกฤษ คือ ให้จัดการเรียนการสอนตามหลักสูตร ศธ. เป็นภาษาอังกฤษเพียง 3-4 รายวิชา ไม่ใช้ทำการสอนทุกรายวิชาเหมือนโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการเต็มรูปแบบทั้ง 8 แห่ง ที่ได้มีการเปิดสอนอยู่แล้ว โดยวิชาที่จะสอนเป็นภาษาอังกฤษจะต้องเป็นวิชาที่เข้าใจง่ายเพื่อไม่ให้เด็กเบื่อการเรียนเป็นภาษาอังกฤษและให้เก็บค่าเทอมได้เพียงครึ่งหนึ่งของโรงเรียนที่เปิดสอนเต็มรูปแบบเท่านั้น คือ ม.ต้น เก็บ ได้ไม่เกิน 17,500 บาทต่อปี ส่วน ม.ปลายไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งในปีแรกจะมีการประเมินการจัดการเรียนการสอนทุกเทอม หากพิสูจน์ตัวเองได้ว่าพร้อมที่จะให้เปิดสอนเต็มรูปแบบ ทั้งนี้คณะกรรมการฯ จะเสนอเรื่องดังกล่าวต่อนายไพฑูรย์ จัยสิน อธิบดีกรมสามัญศึกษา เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป ซึ่งก็ต้องขึ้นกับอธิบดีว่าจะอนุมัติทั้ง 109 โรงเรียนหรือไม่ (เดลินิวส์ อังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 14)





ปอมท.ไม่ยอมเจรจาหาข้อยุติม.นอกระบบ

จากกรณีที่ที่ประชุมประธานสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ปอมท.) จะรวบรวมรายชื่อนักวิชาการ อาจารย์และบุคลากรของมหาวิทยาลัย 17 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบยื่นถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น นายปองพล อดิเรกสาร รมว.ศึกษาธิการ และรักษาการ รมว.ทบวงมหาวิทยาลัย กล่าวว่า เมื่อวันที 25 ก.พ. ตนได้นัดหารือนอกรอบกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี ศ.ดร.วรเดช จันทรศร ปลัดทบวงฯ รศ.ดร.ธัชชัย สุมิตร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) รศ.ดร.สุมณฑา พรหมบุญ อธิการบดี ม.ศรีนครินทรวิโรฒ อดีตประธาน ทปอ. และได้เชิญ ผศ.น.พ.พิศิษฐ์ โจทย์กิ่ง ประธาน ปอมท. มาร่วมกันหาทางออก เพราะที่เป็นปัญหาส่วนใหญ่แก้ไขไปหมดแล้วทั้งในส่วนของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ผลตอบแทนต่างๆ และค่าหน่วยกิต แต่ปรากฏว่า ผศ.น.พ.พิศิษฐ์ ไม่ได้เข้าร่วมหารือ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเลื่อนการหารือออกไปเป็นวันพฤหัสบดีที่ 13 มี.ค. ที่ทบวงฯ ซึ่งในวันที่ 13 มี.ค.หาก ผศ.น.พ.พิศิษฐ์ ไม่มาก็จะถือว่าสละสิทธ์ที่จะชี้แจงเพราะถือว่าได้แจ้งล่วงหน้าแล้ว (เดลินิวส์ พุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 14)





‘ครูป๊อก’ ชงข้อมูลเสนอสภาซีเมคตั้ง 3 ศูนย์ฯรับมือสถานการณ์โลก

นายปองพล อดิเรกสาร รมว.ศึกษาธการ ให้สัมภาษณ์ระหว่างการตรวจเยี่ยมศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยเทคนิคและอาชีวศึกษา (voctech) ขององค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (seameo) ที่ประเทศบรูไน ว่า จากการที่ตนได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์ต่างๆ ของซีมีโอในประเทศสมาชิก ตนค่อนข้างพอใจในการดำเนินงานของศูนย์ ตนจะเสนอให้มีการจัดส่งผู้เชี่ยวชาญของแต่ละศูนย์ฯ ไปยังประเทศสมาชิกเพื่อทำการฝึกอบรมให้แก่บุคลากรของประเทศสมาชิกสนอกจากนี้ยังจะเสนอให้มีการจัดตั้งเพิ่มอีก 3 ศูนย์เพื่อให้ทันกับสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนไป ได้แก่ 1.ศูนย์ฯไอทีเพราะปัจจุบันทุกโรงเรียนในโลกต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องของไอทีมาก 2.ศูนย์ฯ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเนื่องจากภูมิภาคอาเซียนเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทั้งทางวัฒนธรรมและประเพณีซึ่งจำเป็นต้องมีการพัฒนาบุคลากรด้านนี้ และ 3.ศูนย์ฝึกอบรมว่าด้วยวิทยาศาสตร์ทางทะเล เพราะ 9 ใน 10ประเทศสมาชิกล้วนติดทะเล ส่วนจะจัดตั้งศูนย์ฯ ขึ้นในประเทศใดนั้น ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมสภาซีเมคจะเป็นผู้พิจารณา (เดลินิวส์ พุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 14)





ปลัดทบวงฯแนะวิธีเฟ้นหาเด็กอัจฉริยะ

ดร.วรเดช จันทรศร ปลัดทบวงมหาวิทยาลัยเปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ทบวงฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนเด็กนักเรียน นิสิต นักศึกษา นักเรียนทุนรัฐบาล รวมทั้งบุคคลรุ่นใหม่ที่ฉลาดมีความรู้ความสามารถพิเศษมาร่วมปฏิบัติงาน เพื่อการพัฒนาประเทศนั้น ขณะนี้ทบวงฯ ได้มอบนโยบายให้อธิการบดีสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวใน 3 เรื่อง คือ ส่งเสริมและพัฒนาเด็กที่มีความสามารถพิเศษ ส่งเสริมนักเรียนทุนรัฐบาลที่ทำงานใช้ทุนอยู่ในสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ และจัดระบบเพื่อดึงผู้มีความรู้ ความสามารถจากต่างประเทศเข้ามามีส่วนร่วมในการทำประโยชน์และพัฒนาประเทศให้ตรงตามความรู้ความสามารถเฉพาะทางที่ถนัดและสนใจ (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 14)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


รออีก 20 ปี คนอาจจะอยู่ได้ค้ำฟ้า ส่งเครื่องมือจิ๋วเข้าไปแก้ไขในเซลล์

มหาเศรษฐีจิม ฟอน เออร์ ผู้เป็นทั้งมหาเศรษฐีและนักวิทยาศาสตร์เชี่ยวชาญในวิชาการจุลเทคโนโลยีอันเป็นวิทยาศาสตร์ว่าด้วยการย่อส่วน เหมือนกับการเล่นตัวต่อเลโกในระดับปรมาณู กล่าวแสดงความเชื่อมั่นในที่ประชุมเรื่อง “จุลเทคโนโลยี” ที่นครเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ว่า ศาสตร์อันนี้จะสามารถบันดาลให้มนุษย์จะคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวอยู่กันได้นานๆ หลายปี เขากล่าวว่า “เราจะสามารถประดิษฐ์อุปกรณ์เล็กจิ๋ว ส่งเข้าไปอยู่ในร่างกายของเรา ให้มันช่วยต่อสู้กับโรคและแก้ไขปัญหาความแก่ชราของเซลล์ต่างๆ ภายในระยะเวลา 20 ปีข้างหน้านี้” นักวิทยาศาสตร์มหาเศรษฐีได้ตั้งบริษัทชื่อ “ไซเวกว์” เพื่อลงทุนใช้ดาราศาสตร์ทางด้านนี้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ขึ้นเป็นคนเดียวในโลก บอกต่อไปว่า “เรายังรู้เรื่องความแก่ชรากันน้อยมาก แต่มันดูเหมือนว่ามันขึ้นอยู่กับความเสื่อมโทรมของเซลล์ กลไกเล็กๆในเซลล์ของเราได้เสียลง ดังนั้นหากเราสามารถส่งเครื่องมือเข้าไปซ่อมแซมในเซลล์ และตามหลักแล้วเราก็สามารถซ่อมแซมให้คืนดีได้ ถ้าหากเราซ่อมแซมเซลล์ให้มันกลับคืนเหมือนกับตอนที่เรายังหนุ่มแน่นแข็งแรงได้ เราก็สามารถจะมีชีวิตยืนยาวกันได้อีกนาน (ไทยรัฐ วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 7)





สร้างหุ่นยนต์วัดความสาวสวย บอกให้รู้ได้ “ใครสวยเลิศในปฐพี”

วิศวกรของบริษัทพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ของสหรัฐฯ แจ้งว่า ได้สร้างหุ่นยนต์ซึ่งสามารถวัดสาวๆคนไหนได้ว่า มีความสวยมากน้อยเพียงใด มันจะมองตรวจหาลักษณะต่างๆ บนใบหน้าของสาวแต่ละคน เพื่อหาดูว่ามีลักษณะแบบผู้หญิงมากน้อยเท่าไร สาวคนใดมีลักษณะของแบบผู้หญิงมากกว่าเพื่อน ก็จะถือว่ามีความสวยงามมากกว่าผู้อื่น เขาอธิบายว่า “เพราะเราได้ศึกษาวิจัยทางจิตวิทยาได้พบว่า ความสวยงามของใบหน้าผู้หญิงขึ้นอยู่กับการมีลักษณะใบหน้าแบนที่เป็นหญิงมาก เราจึงนำสิ่งมาเป็นเกณฑ์วัดความสวยงาม” และได้บอกเสริมว่า แต่หุ่นยนต์ของเขามองออกเฉพาะแต่ผู้หญิงเท่านั้น ไม่อาจจะใช้กับผู้ชายได้ หุ่นยนต์วัดความสวยของผู้หญิงตัวต้นแบบยังสร้างขึ้นเฉพาะแต่ผู้หญิงเท่านั้น ไม่อาจจะใช้กับผู้ชายได้ หุ่นยนต์วัดความสวยของผู้หญิงตัวต้นแบบ ยังสร้างขึ้นเฉพาะแต่ส่วนหัวอยู่ มีกล้องถ่ายภาพเว็บอยู่ภายใน กล้องจะถ่ายภาพป้อนใบหน้าให้กับคอมพิวเตอร์ในตัววิเคราะห์ข้อมูลออกมา วิศวกรผู้ประดิษฐ์บอกแจ้งว่า รุ่นต่อไปจะประดิษฐ์ให้มีขนาดเต็มทั้งตัว และยังให้โต้ตอบได้อีกด้วย โดยจะสร้างให้มีความสามารถมากขึ้น ถึงขั้นให้เป็นผู้ช่วยบุคคลได้ สามารถรับข่าวสารจดจำแขกที่ไปมาหาสู่กันบ่อยๆได้ จนสามารถเรียกชื่อได้ถูก ประมาณว่าราคาจำหน่ายจะอยู่ระหว่างตัวละ 129,000 – 265,000 บาท สุดแต่ว่าจะให้ประดิษฐ์ให้เก่งกล้าขนาดไหน (ไทยรัฐ วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 7)





แพทย์ศิริราชประดิษฐ์หุ่นข้อเข่าจำลอง

นายแพทย์สารเนตร์ ไวคกุล ภาควิชาศัลย์ศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ ริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดลและทีมงาน ได้ประดิษฐ์คิดค้น หุ่นจำลองข้อเข่าเพื่อการฝึกเจาะและฉีดเข้าข้อเปิดเผยว่า นักศึกษาแพทย์ทุกคนควรได้รับการฝึกเจาะข้อ โดยเฉพาะข้อเข่า การเจาะที่ไม่ถูกต้องอาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บต่อกระดูกอ่อนของข้อ หรือเกิดการติดเชื้อของข้อก่อให้เกิดผลเสียร้ายแรงแก่ผู้ป่วย กลุ่มผู้ประดิษฐ์พบว่านักศึกษาและแพทย์ทั่วไปมีโอกาสฝึกเจาะข้อเข่าน้อยมากและในการฝึกเจาะกับผู้ป่วยจำเป็นต้องคำนึงถึงสิทธิผู้ป่วยอยู่เสมอจึงเป็นที่มาของการประดิษฐ์หุ่นจำลองข้อเข่าดังกล่าวประกอบกับแพทยสภาและหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิตกำหนดให้แพทย์ต้องมีความสามารถในการเจาะข้อเพื่อนำของเหลวออกมาตรวจได้อย่างถูกต้อง นักศึกษาและแพทย์สามารถใช้ประโยชน์ในการฝึกเจาะข้อเข่า โดยไม่ต้องรบกวนผู้ป่วยจริง โดยหุ่นจำลองข้อเข่ามีลักษณะใกล้เคียงข้อเข่าจริงทั้งภายนอกและอวัยวะใต้ผิวหนังใช้งบประมาณการค้นคว้าและประดิษฐ์ประมาณ 100,000 บาท และได้รับรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้นประจำปี 2546 สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ โดยผิวหนังของหุ่นจำลองทำมาจากแผ่นซิลิโคน ที่มีความนิ่มและยืดหยุ่นคล้ายผิวหนังมนุษย์ และทนต่อการฝึกเจาะได้หลายครั้งภายในหุ่นจำลองมีส่วนแสดงกายวิภาคที่ถูกต้องของอวัยวะต่างๆ ทางด้านหน้าของข้อเข่าสำหรับกระดูกฟีเมอร์, ทิเบียและสะบ้า ทำด้วยพลาสติกแข็ง ที่หล่อมาจากพิมพ์กระดูกจริงของผู้เสียชีวิตหญิงไทยซึ่งเป็นข้อเข่าข้างขวา (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 9)





‘แผ่นฟางซีเมนต์’ ไอเดียเพื่อชุมชนของนักวิทย์แก่นนครฯ

นายณัฐวุฒิ อนุนิวัฒน์ นักเรียนชั้นม.6 โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย ซึ่งเป็นนักเรียนทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ได้คิดค้น สูตรการทำแผ่นซีเมนต์ ซึ่งมีอาจารย์ดำรง ชาแท่น เป็นที่ปรึกษา วิธีผลิตแผ่นฟางซีเมนต์นั้น นำฟางข้าวไปหมักน้ำปูนขาวเข้มข้น 7-10 วัน เพื่อให้เส้นใยเปื่อยยุ่ยจากนั้นจะนำไปผสมกับวัตถุดิบเพื่อหล่อเป็นแผ่น มีส่วนประกอบด้วย ฟาง 3 ส่วน ซีเมนต์ 1 ส่วน ทราย ½ ส่วน ปูนขาว ½ ส่วน ขยำให้เข้ากันแล้วนำไปหล่อในแบบที่เตรียมไว้โดยใส่ตะแกรงลวดไว้แกนกลางแผ่น เพื่อให้แผ่นฟางซีเมนต์มีความแข็งแรง สามารถรับแรงอัดและยึดเกาะได้ดีขึ้น หลังจากนั้นประมาณ 24 ชั่วโมง จึงแกะแบบหล่อได้แต่ต้องทิ้งไว้ประมาณ 1-2 วันให้แข็งตัว ช่วงนั้นต้องพรมน้ำทุกวัน แล้วยกขึ้นไปเรียงไว้ในแนวตั้งแล้วบ่มต่อโดยใช้กระสอบป่านคลุม รดน้ำให้ชุ่มติดต่อกัน 3 วัน แล้วนำมาวางไว้ในที่อากาศถ่ายเทสะดวกจน แห้งสนิท เมื่อแผ่นฟางมีอายุครบ 15 วัน แล้วจึงนำไปใช้งานได้ (สยามรัฐ จันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 7)





กันขโมย

นักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคลำปาง ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ป้องกันการถูกขโมยรถจักรยานยนต์ ใช้ไมโครคอนเทลเลอร์เป็นตัวควบคุมการทำงาน โดยใช้คอมพิวเตอร์เขียนโปรแกรมใส่รหัสผ่านก่อนสตาร์ตรถ อาทิ ไขกุญแจและบีบแตร 2 ครั้งก่อนสตาร์ตรถถ้าไม่ทำตามขั้นตอนภายใน 15 วินาที แตรจะดังขึ้นพร้อมกับไฟเลี้ยวกระพริบเพื่อเป็นสัญญาณเตือนว่ารถกำลังจะถูกขโมย (เดลินิวส์ พุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 16)





สู่อวกาศด้วยพาราฟิน

องค์การนาซาได้เปิดเผยว่ากำลังทำการวิจัยและพัฒนาโครงการนำพาราฟินมาใช้ทดแทนเชื้อเพลิงที่ใช้กับจรวดขับดันในปัจจุบัน ซึ่งการทดลองดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างการทดลองเฟสแรกอยู่และพาราฟินที่ใช้ในการทดลองก็มาจากการสั่งซื้อจากบริษัททั่วไปรวมถึงการสั่งซื้อทางอินเทอร์เน็ตด้วย ซึ่งเป็นพาราฟินที่เรานำมาใช้ทำเทียนหอม เทียนประดับตกแต่งนั่นเองเพียงแต่ว่าแทนที่นักวิจัยจะนำไปเผาไหม้ในอากาศธรรมดาซึ่งมีออกซิเจนเป็นองค์ประกอบอยู่ประมาณ 21 เปอร์เซ็นต์ ก็นำมันมาเผาไหม้ในที่ออกซิเจนบริสุทธิ์ 100 เปอร์เซ็นต์แทนการพ่นออกซิเจนซึ่งมีความเร็วและแรงมากพอลงไปบนผิวหน้าของพาราฟินเหลวจะทำให้ผิวหน้าของพาราฟินเหลวปั่นป่วนคล้ายท้องทะเลยามที่มีพายุ หยดละอองเล็กๆ ของพาราฟินเหลวจำนวนมากจะถูกกระแสออกซิเจนที่พ่นออกมากวาดไป และด้วยวิธีนี้จะช่วยให้อัตราการเผาไหม้เพิ่มขึ้นจากเดิม 3 เท่าเมื่อเทียบกับการเผาไหม้แบบธรรมดา (เดลินิวส์ พุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 16)





ข่าววิจัย/พัฒนา


จุฬาฯ เจ๋งสร้างเครื่องนับฟ้าผ่า

นายสำรวย สังข์สะอาด อาจารย์จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเมธีวิจัยอาวุโส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กล่าวว่า ปกติแล้วอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดสามารถทนต่อแรงดันไฟฟ้าได้ในระดับหนึ่ง แต่ฟ้าผ่านับเป็นไฟฟ้าอีกประเภทหนึ่งที่มีแรงดันไฟฟ้าสูงกว่าแรงดันไฟฟ้าปกติมาก หากมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นและกระแสจากฟ้าผ่าสามารถเข้าสู่ระบบไฟฟ้าตามบ้านเรือน ก็จะทำให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์ไฟฟ้าเกือบทุกชนิด ทั้งในบ้านเรือนและสำนักงาน โดยเฉพาะหากเกิดกับอุปกรณ์สำนักงานที่ใช้เก็บข้อมูลสำคัญๆ ก็จะสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจและเศรษฐกิจโดยรวมได้ ซึ่งออกแบบระบบป้องกันให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัย จำเป็นต้องทราบข้อมูลฟ้าผ่าของต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งจะเหมือนกับข้อมูลฟ้าผ่าในประเทศไทยหรือไม่ จึงสมควรจะได้มีการศึกษาวิจัยบันทึกข้อมูลฟ้าผ่าให้เป็นเชิงวิทยาศาสตร์ ทางหนึ่งที่ทำได้อย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพเพียงพอ คือการบันทึกรวบรวมข้อมูลด้วยเครื่องนับฟ้าผ่า นายสำรวยกล่าวอีกว่า นอกจากงานวิจัยนี้จะได้แสดงถึงศักยภาพของคนไทยในการพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงแล้ว ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการออกแบบระบบป้องกันฟ้าผ่าแก่อาคาร และสิ่งปลูกสร้าง สิ่งมีชีวิต ระบบส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้า ระบบสื่อสาร การป้องกันแรงดันเสิร์จแก่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความไวสูงต่อไป (มติชนรายวัน วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 18)





ดื่มชาเขียวช่วยป้องกันข้อเสื่อม รักษากระดูกอ่อนโดนกัดกร่อน

นักวิจัยของมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์แห่งอังกฤษได้ศึกษาค้นพบสรรพคุณในการช่วยป้องกันรักษากระดูกให้แข็งแรง เมื่อได้พบว่าสารประกอบ 2 ชนิดในชาเขียว ที่มีชื่อเรียกว่า “อีวีจี” กับ “อีจีซีจี” สามารถช่วยป้องกันโรคข้อเสื่อมได้ เพราะมันไปสกัดน้ำย่อยที่มีฤทธิ์เป็นกรด มากัดกินกระดูกอ่อนได้ หัวหน้าคณะนักวิจัย ดร.เดวิด บัตเติล กล่าวว่าการทดลองในห้องปฏิบัติการ ทำให้ได้เล็งเห็นคุณประโยชน์ของการดื่มชาเขียวเป็นประจำ ซึ่งได้เห็นในหลอดทดลองว่า สารอีจีซีที่มีอยู่ในชาช่วยป้องกันรักษากระดูกอ่อนแบบเดียวกับเมื่อเกิดตอนที่เป็นโรคข้ออักเสบไม่ให้ถูกทำลายไว้ได้ จึงควรจะดื่มมันเหมือนกับเป็นการกินยาป้องกันเอาไว้ ทั้งยังมีคนเคยศึกษาพบว่า ชาเขียวยังช่วยบรรเทาอาการข้อบวมและปวดอักเสบได้อีกด้วย สำหรับคนที่เป็นโรคข้อเสื่อมรุนแรงอยู่แล้ว ก็อาจจะสายไปสักหน่อย แต่ถ้าหากเราดื่มขาเขียวมาอยู่แล้วเป็นสิบๆ ปี ก็อาจะเป็นคุณคุ้มกันเราได้ ทางโฆษกของกองทุนวิจัยโรคข้ออักเสบของอังกฤษ ก็ได้กล่าวแสดงความเห็นควรด้วยว่า การค้นพบครั้งนี้นับว่าน่าสนใจมาก ดังนั้นจึงควรดื่มชาเขียวกันไว้ เพราะมันไม่มีโทษอะไร มีแต่คุณประโยชน์ (ไทยรัฐ วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 7)





หนุนชาวไทยทั่วประเทศนั่งสมาธิ เกิดผลดีทั้งร่างกายและจิตใจ

นางนิตยา จันทร์เรือง มหาผล โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าเนื่องในวันมาฆบูชาซึ่งเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา ขอเชิญชาวไทยปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิเป็นมงคลชีวิตให้ตัวเองโดยการนั่งสมาธิ นอกจากเป็นการสร้างสุขภาพจิตแล้ว ยังมีผลดีต่อสุขภาพกายตามมาด้วย ซึ่งเร็วๆนี้วงการแพทย์ของสหรัฐอเมริกาได้ศึกษาวิจัยพบว่าการนั่งสมาธิส่งผลดีต่อสมองและระบบภูมิคุ้มกันโรคในร่างกาย จะช่วยลดความตึงเครียดหรือควบคุมอาการเจ็บป่วยจากโรคต่างๆได้ นางนิตยากล่าวต่อไปว่า การศึกษาครั้งนี้สรุปได้ว่าการนั่งสมาธิ ซึ่งชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธได้ปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดผลดีทั้งต่อร่างกายและจิตใจ (ไทยรัฐ วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 7)





ไบโอเทคปลูกพืชต้านดินเค็มสำเร็จ

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) และบริษัทเกลือพิมาย จำกัด ลงพื้นที่เยี่ยมชมโครงการในการแก้ปัญหาดินเค็มบนพื้นที่ประมาณ 1,000 ไร่ บริเวณอ่างเก็บน้ำหนองบ่อ เป็นต้นน้ำของลำน้ำเสียวใหญ่ ไหลผ่าน อ.บรบือ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม อ.ปทุมรัตน์ อ.เกษตรวิสัย อ.สุวรรณภูมิโพนทราย จ.ร้อยเอ็ด และ อ.ราษีไศล จ.ศรีษะเกษ และไหลลงแม่น้ำมูล มีความยาวประมาณ 250 กิโลเมตร อ่างเก็บน้ำดังกล่าวมีปัญหาความเสื่อมโทรมมาจากการทำเกลือสินเธาว์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512 ทำให้พื้นที่มีความเค็มสูง ไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้ นายเฉลิมพล เกิดมณี นักวิจัยโครงการการวิจัยพื้นฐานและการพัฒนาพันธุ์ป่าไม้ทนเค็มโดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพเพื่อการฟื้นฟูดินเค็ม กล่าวว่า การแก้ปัญหาดินเค็มโดยใช้วิธีการปลูกพืชทนเค็มเพื่อลดน้ำใต้ดิน วิธีการคือให้พืชดูดน้ำใต้ดินไปใช้ในกระบวนการคายน้ำ เมื่อน้ำใต้ดินลดลงเกลือจะลดลงสู่ชั้นใต้ดินต่อไป โดยใช้พื้นที่นำร่อง 43 ไร่ เริ่มต้นที่ค่าความเค็มของดินอยู่ที่ 10% เกลือ ซึ่งไม่มีต้นไม่มีหรือพืชขึ้นอยู่เลย ในปีแรกนำกลุ่มพืชคลุมดิน เช่น ถั่วเขียว ข้าวหอม มะลิ หญ้า ฟาง เป็นต้น มาคลุมดินเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุให้กับดิน ไม้คลุมดินดังกล่าวนี้จะช่วยในระดับหน้าดินหรือผิวดินเท่านั้น หลังจากนั้นความเค็มลดลงเหลือ 5% เกลือ ส่วนในระดับลึกต้องอาศุยไม้ยืนต้นที่มีความทนเค็มในระดับสูง เช่น สะเดาออสเตรเลีย มะขาม มะขามเทศ พุทราไทย ขนุน มะละกอ ตีนเป็ด คูน มะเฟือง ส้ม มะขวิด เป็นต้น ส่วนวิธีการปลูกจะต้องปลูกตั้งแต่ต้นกล้า โดยการรดน้ำเกลือทีละน้อย จนกระทั่งต้นใหญ่ขึ้นเพื่อให้สามารถปรับสภาพให้ต้านทานและทนความเค็มได้แล้วจึงนำลงปลูก โดยมีการนำแคลเซียมซัลเฟตและเศษวัชพืชรองก้นหลุมในช่วงแรกของการปลูกต้นไม้ ซึ่งจะช่วยให้พืชรอดตายได้ดีขึ้น หลังจากนั้น 4 ปี ความเค็มก็จะลดลงตามลำดับ จนกระทั่งพื้นที่ดังกล่าวกลับมาอุดมสมบูรณ์ มีต้นไม้ขึ้นและมีความเค็มลดลงเหลือเพียง 1.5% เกลือ เนื่องจากเมื่อพืชเริ่มขึ้นได้แล้วก็จะมีความชุ่มชื่นที่จะกดไม่ให้ความเค็มที่อยู่ใต้ดินเลื่อนขึ้นมาผิวดิน (มติชนรายวัน วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 18)





สารถั่วเหลืองก่อเหตุหวาดเสียว ทำลายอาวุธของตัวผู้จนพิการ

นักวิจัยของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอบกินส์ในสหรัฐฯ เป็นผู้ศึกษาพบว่าสารเคมีที่มีชื่อว่า “เจนีสไตน์” ที่มีในถั่วเหลืองมีส่วนทำให้หนูตัวผู้ที่ได้รับสารดังกล่าวในปริมาณมากขณะที่อยู่ในท้องแม่ เมื่อคลอดออกมาพากันมีต่อมลูกหมากใหญ่กว่าปกติ แต่ถุงอัณฑะกลับมีขนาดหดเล็กลง ที่สำคัญก็คือแม้ว่าพวกมันจะยังสามารถผสมกับตัวเมียได้ตามปกติ และคงมีปริมาณของตัวอสุจิมากเท่าเดิม แต่มันไม่มีน้ำเชื้อเหมือนกับตัวปกติธรรมดา พวกเขาเห็นว่า ผลการค้นพบนับว่าเป็นเรื่องสำคัญ ควรจะรีบเร่งศึกษาต่อว่า มันจะเกิดเป็นแบบเดียวกันกับคนหรือไม่ หากว่าสตรีบริโภคถั่วเหลืองเข้าไปขณะตั้งครรภ์ แต่ยังไม่เคยมีหลักฐานว่าจะเกิดเป็นแบบเดียวกันขึ้น เพราะไม่เคยมีรายงานทำนองนั้นจากทวีปเอเชีย ซึ่งชาวเอเชียบริโภคถั่วเหลืองในอาหารกันอยู่เป็นประจำ หนูในการทดลอง นอกจากความผิดปกติที่พบแล้ว ยังถูกพบด้วยว่ามีต่อมไทมัสซึ่งอยู่ใต้ต่อมไทรอยด์ตรงช่องอกเหนือหัวใจขึ้นไปมีหน้าที่สร้างเซลล์ของภูมิคุ้มโรคไตด้วย นักวิจัยผู้เป็นแพทย์โรคของทางเดินปัสสาวะ ได้แสดงความเห็นว่าควรจะแนะนำหญิงมีครรภ์ให้หลีกเลี่ยงการบริโภคถั่วเหลืองเสียและเพื่อนนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม ก็บอกอย่างร้อนรนว่า “เรื่องนี้นับเป็นปัญหาร้ายแรง ที่สมควรจะต้องทำให้รู้กันให้กระจ่าง” (ไทยรัฐ วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 7)





ชายกินอาหารพลังงาน-โปรตีนสูง หมอญี่ปุ่นชี้เสี่ยง “ต่อมลูกหมากโต”

นายซูซูกิ ซาดาโอ และคณะได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างอาหารกับความเสี่ยงของการเกิดโรคต่อมลูกหมายโต ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร อเมริกันเจอร์นัล ออฟ คลินิคอล นูทริชั่น พบว่าผู้ชายที่ได้รับอาหารที่ให้พลังงานสูงประเภทโปรตีนกับไขมันบางตัวในปริมาณสูงจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่อมลูกหมากโตสูง ทั้งนี้มีการศึกษาในผู้ชายที่มีอายุเฉลี่ย 53 ปี จำนวน 33,334 คน โดยผู้ร่วมการศึกษาเหล่านี้จะต้องตอบแบบสอบถามปีละ 2 ครั้ง ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ทำการศึกษา (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529-2536) และให้รายละเอียดเกี่ยวกับอาหารที่รับประทาน พร้อมทั้งข้อมูลเรื่องสุขภาพต่อมลูกหมาก เมื่อครบปีของการทดลองพบว่ามีชายที่อยู่ในกลุ่มศึกษามากถึง 3,523 คน ที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับต่อมลูกหมากโต เช่น มีอาการของระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบอย่างรุนแรง มีลักษณะต่อมลูกหมากโตซึ่งตรวจพบด้วยวิธี DIGITAL-RECTAL EXAM (มติชนรายวัน วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 18)





ราชมงคลน่าน วิจัยกล้วยน้ำว้า รักษาโรคขี้ไหลในสุกร

อาจารย์องอาจ ส่องสี อาจารย์ภาควิชาพืชศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตน่าน ได้คิดค้นตัวยาป้องกันโรคขี้ไหลในสุกรเพื่อลดต้นทุนในการรักษาแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรไทย โดยการนำกล้วยน้ำว้าดิบมาปอกเปลือกแล้วตากให้แห้ง จากนั้นนำไปบดหรือใช้ครกตำเกือบละเอียด ใช้ผสมในอาหารสุกร 5% หรือในอัตราส่วน 40-50 กรัม ต่ออาหาร 1 กิโลกรัม ให้สุกรกินในระยะสุกรนมและสุกรระยะอนุบาล ซึ่งเป็นช่วงเริ่มกินอาหารจะช่วยรักษาอาการโรคขี้ไหลได้เป็นอย่างดี นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับพี่น้องที่เลี้ยงสุกร ที่จะไม่ต้องเสียเงินเป็นแสนในการหาซื้อวัคซีนมารักษาโรคขี้ไหลในสุกร (สยามรัฐ เสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 7)





นักวิจัยพัฒนา ‘สายพันธุ์ถั่ว’ ปลอดเชื้อราก่อมะเร็งในคน

ศ.ดร.จักรี เส้นทอง คณะพืชสวน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทำการวิจัยเรื่อง “กลไกสร้างความต้านทานของสายพันธุ์ถั่วลิสง ต่อการทำลายของเชื้อรา A. flavus และการเกิดสารอะฟลาทอกซิน” ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับการวิจัย (สกว.) กล่าวว่า ทีมวิจัยใกล้จะสร้างสายพันธุ์ถั่วลิสงที่มีความต้านทานต่อเชื้อราที่ก่อให้เกิดสารอะฟลาทอกซินได้แล้ว โดยคาดว่าภายในเดือนมิถุนายนนี้เป็นอย่างช้าและจากนั้นจะนำไปให้นักผสมพันธุ์พืชขยายผลต่อไป งานวิจัยนี้เป็นการพัฒนาวิธีการวัดการเจริญเติบโตของรากถั่วลิสง ตลอดถึงการใช้สำรวจการเจริญเติบโตของฝักถั่วเพื่อให้ทราบกลไกการเข้าทำลายของเชื้อดังกล่าวเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไข โดยได้ทดลองปลูกถั่วลิสงที่มหาวิทยาลัยจอร์เจีย สหรัฐอเมริกาใน Green house และ Growth chamber ได้นำเทคนิคของกล้อง minirhizotron ช่วยสำรวจการเจริญเติบโตของรากและฝักถั่วลิสงและละสายพันธุ์และการเกิดเชื้อราในสภาวะขาดน้ำ (การทดลองใน Green house) นักวิจัยพบว่าการติดเชื้อของถั่วลิสงจากเชื้อรานั้น สามารถเกิดได้ทั้งส่วนของต้นถั่วลิสงที่อยู่เหนือผิวดิน และส่วนที่อยู่ใต้ผิวดิน และการติดเชื้อของถั่วลิสงแต่ละสายพันธุ์แตกต่างกันอาจจะเนื่องมาจากรากและฝักถั่วลิสงมีการปลดปล่อยสารจำพวกน้ำตาล ได้แก่ กลูโคส ฟรุคโตส ซูโคส ออกมาต่างกัน ซึ่งอาจมีผลต่อการต้านทานการติดเชื้อจากเชื้อรา นอกจากนี้ ถั่วลิสงที่ปลดปล่อยสารจำพวกน้ำตาลอย่างกลูโคสออกมา เชื้อราชอบและเข้าไปทำลาย ขณะที่ถั่วลิสงที่ปลดปล่อยสารแลคโตส ฟรุคโตส พบว่า เชื้อราไม่ชอบ ฉะนั้นสิ่งที่ต้องศึกษาต่อไปคือ เร่งหาพันธุ์ที่ปล่อยสารที่เชื้อราไม่ชอบ ว่ามีปริมาณเท่าไหร่แล้วนำไปวิเคราะห์ต่อไป สนใจอยากทราบรายละเอียดติดตามได้ที่ในงาน “ความรู้เพื่อชีวิต 10 ปี สกว.” ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิต์ 19-23 กุมภาพันธ์ นี้ (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 7)





สกว.เดินหน้าสร้างงานวิจัยเพื่อสังคม

ศ.ดร.ปิยะวัติ บุญ-หลง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงานสังคมไทยเข้าใจและเห็นว่างานวิจัยสามารถแทรกอยู่ในวิถีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสังคมได้อย่างกลมกลืนและไม่ใช่เป็นเรื่องไกลตัวที่เกี่ยวพันกับนักวิจัยระดับสูงเท่านั้นรวมทั้งกระตุ้นให้คนในสังคม ทั้งภาครัฐ เอกชน เยาวชนไทยหันมาสนใจงานวิจัยมากขึ้น สกว.ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2536 โดยทำหน้าที่เป็นหน่วยงานสนับสนุนการสร้างความรู้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงนโยบายประเทศ สร้างนักวิจัยที่มีคุณภาพ และสร้างระบบวิจัยที่ได้มาตรฐาน โดยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา มีงานวิจัยที่ออกสู่สายตาสาธารณชนแล้วกว่า 4,000 ชิ้นงาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นงานวิจัยที่สามารถพัฒนาเข้าสู่เชิงพาณิชย์ได้อย่างเห็นผล และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของคนในสังคมสำหรับผลงานวิจัยที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับ สกว. มากที่สุดได้แก่ งานวิจัยด้านข้าว และอัญมณี ซึ่ง ณ ขณะนี้ถือได้ว่าอยู่ในระดับที่มั่นคงสามารถก้าวสู่ตลาดระดับโลกได้ สำหรับงาน “ความรู้เพื่อชีวิต 10 ปี สกว.” นั้น มีกิจกรรมหลัก 3 ส่วน ได้แก่ งานแสดงนิทรรศการที่นำผลงานโดดเด่นในรอบ 10 ปี มาจัดแสดงกว่า 1,000 ชิ้น การประชุมวิชาการ และกิจกรรมเวทีกลาง นอกจากจะโชว์ผลงานแล้ว ภายในยังสาธิตการผลิตสินค้าเพื่อการเกษตรบางอย่าง เช่น การผลิตไส้กรอกปลากึ่งแห้งที่มีกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัวสูง วุ้นสวรรค์แปรรูปและการถ่ายทอดสู่ธุรกิจเอสเอ็มอี การจัดแสดงหุ่นยนต์ไทยนับสิบตัวจากสถาบันด้านเทคโนโลยีชั้นนำของประเทศ อาทิ หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ หุ่นยนต์ปลา Flying Robot และหุ่นยนต์ดนตรี เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และอุตสาหกรรมที่น่าสนใจหลายรายการ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 7)





ครีมลดสัดส่วนฝีมือนักวิจัยไทย

ศ.ดร.พิเขษฐ์ วิริยะจิตรา กรรมการอำนวยการ เอเชียนนูทราซูติคอลเซ็นเตอร์ (ANC) ได้คิดค้นครีมลดสัดส่วน SlimsSAFE ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาเรื่องไขมันส่วนเกินให้กับสาวๆ ครีมดังกล่าวสกัดมาจากธรรมชาติ เช่น ส้มการซิเนียซึ่งสกัดสารพิษออกแล้ว และบัวบก โดยครีมดังกล่าวจะทำการเร่งการเผาผลาญไขมันโดยที่ไม่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง เพราะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ครีม SlimsSAFE ใช้สำหรับทาเพื่อลดไขมันส่วนเกินใต้ผิวหนัง และมีความปลอดภัย (เดลินิวส์ เสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 25)





ข้าวหอมมะลิหุงสุกเร็ว

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยคณะอุตสาหกรรมเกษตร สถาบันวิจัยและพัฒนา และศูนย์พัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีรัฐร่วมเอกชน ได้สนับสนุนให้มีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าวหุงสุกเร็วขึ้น ผลิตภัณฑ์ข้าวหุงสุกเร็วจะใช้ระยะเวลาประมาณ 3-5 นาที ในการเตรียมข้าวสำหรับการบริโภค โดยที่ข้าวยังคงคุณลักษณะที่ดีของข้าวหอมมะลิไว้ได้อย่างครบถ้วนเป็นการเพิ่มความสะดวกรวดเร็วแก่ผู้บริโภคมากขึ้น และขณะนี้ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับบริษัท ไทยเบตเตอร์ฟู้ด จำกัด นำไปผลิตในระดับอุตสาหกรรมเรียบร้อยแล้ว (เดลินิวส์ เสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 25)





ค้นพบ ‘จำปีศรีเมืองไทย’ พรรณไม้วงศ์จำปาชนิดใหม่ของโลก

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ประสบความสำเร็จในการค้นพบ จำปีศรีเมืองไทย พรรณไม้วงศ์จำปาชนิดใหม่ของโลก มีดอกขนาดจิ๋ว ความยาวเพียง 2-2.5 เซนติเมตร พบในพื้นที่ 4 จังหวัดของประเทศ ในเพชรบูรณ์ เลย ชัยภูมิ กาญจนบุรี ระบุเป็นพืชชั้นสูง มีความเก่าแก่ดึกดำบรรพ์มากที่สุด พร้อมโชว์ต้นกล้าในงานวันสถาปนา วว. ครบรอบ 40 ปี ณ ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานีโดย ดร.ปิยะ เฉลิมกลิ่น ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีการเกษตร ได้ปฏิบัติงานวิจัยในโครงการอนุรักษ์และพัฒนาพันธุ์กรรมพืชในวงศ์จำปามาตั้งแต่ปี 2540-2545 โดยได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากโครงการอนุรักษ์พันธุ์กรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ประสบความสำเร็จในการค้นพบจำปีชนิดใหม่ของโลกจำนวน 10 ต้น ในพื้นที่ 4 จังหวัดของประเทศได้แก่ อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวน 5 ต้น อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จังหวัดเลย 1 ต้น เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ จำนวน 3 ต้น และเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 1 ต้น (เดลินิวส์ พุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 27)





ข่าวทั่วไป


มหิดลพบหลอดเลือดแดงต้นเหตุมะเร็งตับ คร่าชีวิต 3 หมื่นคน/ปี

นพ.ดร.วิชัย เอกทักษิณ ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เนื่องจากประเทศไทยมีจำนวนผู้ป่วยมะเร็งตับสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก แต่ละปีที่พบจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับสูงถึง 20,000 – 30,000 ราย เพราะนอกจากคนไทยส่วนใหญ่จะขาดความรู้ด้านการรักษาสุขอนามัยและความรู้พื้นฐานของหลอดเลือดแดงที่เกี่ยวข้องกับกลไกการทำงานของตับ ทำให้การวินิจฉัยและการรักษาโรคไม่สามารถพัฒนาจากแนวทางที่ปฏิบัติอยู่ จึงทำวิจัยเรื่องหลอดเลือดแดง : พฤติกรรมแปลกทางพัฒนาการเนื้อเยื่อวิทยาและความค้านทฤษฎีแห่งระบบไหลเวียนโลหิตตับระดับจุลภาค การค้นพบหลอดเลือดแดงโดยที่เกี่ยวข้องกับกลไกการเกิดโรคตับ จะนำไปสู่กระบวนการรักษาโรคตับแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพในอนาคต และผลการศึกษาอย่างต่อเนื่องและจริงจังทำให้ทราบว่าในตับมีหลอดเลือดแดงที่เรียกว่า หลอดเลือดแดงโดด ซึ่งเป็นหลอดเลือดแขนงที่ทำหน้าที่หล่อเลี้ยงโครงสร้างตับ และสัมพันธ์โดยตรงกับการเกิดเนื้องอกในตับ นอกจากนี้ หลอดเลือดแดงโดดยังเป็นช่องทางตัดโดยตรงเข้าสู่หลอดเลือดตับ ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเสียเลือดแดงจำนวนมากหรือภาวะขาดเลือดโดยไม่รู้สาเหตุในการผ่าตัดเปลี่ยนตับด้วย (มติชนรายวัน วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 18)





ถวายพระสมัญญานาม “วิศิษฏศิลปิน” แด่ พระเทพฯ ออกไปรษณียบัตรกาชาด

นางอุไรวรรณ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) แถลงภายหลังประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.) ขอพระราชทานพระราชานุญาต น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระสมัญญานาม “วิศิษฏศิลปิน” แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวันศิลปินแห่งชาติ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ เนื่องด้วยทรงมีพระอัจฉริยภาพในศิลปะหลายสาขา ทั้งด้านวรรณศิลป์ สังคีตศิลป์ สังคีตศิลป์ ทัศนศิลป์ ศิลปสถาปัตยกรรม ศิลปการแสดง ทั้งทรงเป็นปราชญ์ผู้เลิศทางวิชาการและการบริหารจัดการด้านวัฒนธรรม ทรงเป็นอัครอุปถัมภกที่ทรงมีความรู้อย่างลึกซึ้งทางด้านศิลปวัฒนธรรม คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ วธ. จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ นอกจากนี้ ยังเป็นการเทิดพระเกียรติเนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุ 48 พรรษา ด้าน ม.ร.ว.จักรรถ จิตรพงศ์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า คำว่า “วิศิษฏศิลปิน” เป็นคำสมาส แปลว่า เลิศ ยอดเยี่ยม เด่น ดียิ่งและประเสริฐ แปลตามศัพท์ว่า ผู้เป็นศิลปินด้วยพระองค์เอง ประเสริฐเลิศกว่าศิลปินแห่งชาติ เมธีวัฒนธรรมแห่งชาติ ซึ่งหลังจากนี้กระทรวงวัฒนธรรมจะเตรียมจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติในช่วงเดือนเมษายนที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย นายพงษ์ศักดิ์ พูลศรี ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ การสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) กล่าวว่า กสท. ได้จัดทำไปรษณียบัตรกาชาดมหากุศลขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ องค์อุปนายิกา ผู้อำนวยการสภาการชาดไทย ทรงเจริญพระชนมายุครบ 48 พรรษา ในวันที่ 2 เมษายน 2546 โดยจะเป็นไปรษณียบัตรชุดแรกของไทยที่มีการออกรางวัล มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท มีรูปแบบพิเศษคือ มีหมายเลขและพยัญชนะประจำชุดกำกับไว้บนไปรษณียบัตรไม่ซ้ำกันทุกแผ่น จำหน่ายในราคาแผ่นละ 20 บาท หาซื้อได้ตามที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มีนาคมนี้ โดยจะทำการออกรางวัลในวันที่ 2 เมษายน 2546 ณ อาคารใหม่สวนอัมพร และสามารถตรวจรางวัลได้ที่ www.thailandpost.co.th และที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่ง (มติชนรายวัน วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 15)





รอบเอวเกินมาตรฐาน

คนไทยกำลังโรคอ้วนมากขึ้นทุกที พ.อ.หญิงพ.ญ.พรฑิตา ชัยอำนวย ผู้อำนวยการเวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าบรรยายเรื่อง “กินอย่างไรให้ห่างไกลโรคหัวใจและโรคอ้วน” ตอนหนึ่งคุณหมอบอกว่า สิ่งที่พึงตระหนักคือ ผู้ชายไม่ควรให้รอบเอวเกิน 36 นิ้ว ผู้หญิงไม่ควรเกิน 32 นิ้ว ถ้ามากกว่านี้ต้องเร่งลดน้ำหนัก ไม่เช่นนั้นเสี่ยงที่จะต้องพบกับโรคร้ายต่างๆ ไหนจะโรคหัวใจ เบาหวานที่คนอ้วนเสี่ยงกว่าคนน้ำหนักปกติ 30 เท่า เสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบกว่าคนทั่วไป 15 เท่า โรคอัมพาต 11 เท่า โรคมะเร็งลำไส้ 2 เท่า ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง อัมพาตและอาจหยุดหายใจขณะหลับด้วยเกิดภาวะพร่องออกซิเจน ตื่นนอนจะมีอาการมึน เป็นต้อหินง่ายเนื่องจากเลือดขาดออกซิเจน เป็นโรคข้อเพราะแบกรับน้ำหนักมาก เป็นเกาต์ มะเร็ง นิ่วในถุงน้ำดี มีลูกยาก โรคเกี่ยวกับระบบหายใจ โรคถุงน้ำดี เมื่อเกิดปัญหาก็ต้องหาวิธีแก้ไข พ.ญ.พรฑิตา มีคำแนะนำว่า วิธีรักษาโรคอ้วนสามารถทำได้ด้วยการควบคุมแคลอรีของอาหารที่รับประทาน พยายามให้ลดลงวันละ 600 แคลอรี ซึ่งภายใน 7 วัน จะสามารถลดน้ำหนักได้ 0.6 กิโลกรัม ไขมัน 1 กิโลกรัม เท่ากับ 7,000 แคลอรี ที่สำคัญต้องออกกำลังกายได้ 60 นาที ยิ่งส่งผลดีถ้าสามารถเพิ่มเติมความรู้ด้านโภชนาการ คือ ศึกษาประเภทอาหารที่ให้พลังงานนัอย พลังงานมากยิ่งเป็นประโยชน์ และควรสร้างความสุขที่ได้บริโภคอาหารไขมันต่ำๆ ในการรับประทานอาหารควรเคี้ยวให้ช้าๆ (มติชนรายวัน วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 26)





“ตบนม” ยังมาแรง สธ. ปั๊มซีดีขาย เปิดเต้นกระชับทรวงรุ่น 2 เมษาฯ

พ.ญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ รองอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กรมจะจัดทำโครงการส่งเสริมอาชีพการนวดแบบแผนไทยให้กับกลุ่มแม่บ้านในต่างแดน โดยส่งวิทยากรไปสอนให้กับกลุ่มแม่บ้านและแรงงานไทยในต่างแดน เพื่อสร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว สามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ทำงานในสปาต่างๆ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก โดยอาจเริ่มที่ประเทศญี่ปุ่นก่อน เพราะคณะทูตไทยประจำประเทศญี่ปุ่นได้เข้ามาศึกษาความเป็นไปได้ในเรื่องนี้แล้ว ขณะนี้รอการตอบรับอย่างเป็นทางการและคุยรายละเอียดเพิ่มเติม โครงการนี้เหมือนเป็นทูตวัฒนธรรมด้านสุขภาพที่ช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมไทยซึ่งการนวดถือเป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง รองอธิการบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย ยังได้กล่าวถึงการเต้นกระชับทรวงอกว่า มีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่อยู่ในวัยกลางคน โดยจะมีการอบรมเต้นกระชับทรวงอกรุ่นที่ 2 ในเดือนเมษายน ถึง พฤษภาคมนี้ เพื่อให้สมาคม ชมรม ผู้นำการออกกำลังกายจากพื้นที่ต่างๆ ประมาณ 150 คน ส่วนการทำคู่มือเต้นกระชับทรวงอกคงแล้วเสร็จในเดือนเมษายนนี้ สำหรับซีดีท่าบริหารกระชับทรวงอกจะพิจารณาหาตัวแทนผลิตให้ได้ต้นทุนที่ราคาต่ำที่สุด เพื่อประโยชน์ของประชาชน (มติชนรายวัน วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 18)





เกม “แร็คน่าร็อก” ออนไลน์ ภัยร้ายที่แฝงเร้น

เกม “แร็คน่าร็อก” ออนไลน์เป็นเกมแนว MMORPG (Massively Multiplayer Online Roleplaying Games) คือการที่ผู้เล่นจะต้องสวมบทบาทเป็นตัวละครในเกม และเล่นผ่านระบบอินเตอร์เน็ต โดยผู้เล่นต้องดาวน์โหลดซอฟแวร์ของเกมจากเว็บไซต์แร็คน่าร็อก หรือติดตั้งจากแผ่นซีดีที่แถมมาจากหนังสือคู่มือ จากนั้นก็สมัครเพื่อขอชื่อกับรหัสผ่านสำหรับเล่นเกม โดยต้องระบุข้อมูลส่วนตัวทั้งชื่อ นามสกุล ที่อยู่ และหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน รวมทั้งหมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้ ซึ่งทางบริษัทจะต้องสามารถตรวจสอบได้ ลักษณะของเกมจะมีฉากเป็นภาพแนวการ์ตูนแฟนตาซี ที่ผู้เล่นสามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ในฉากที่มีอยู่อย่างมากมายได้อย่างอิสระรวมทั้งการฆ่าสัตว์ประหลาดเพื่อเก็บของนำไปขายแลกเป็นเงิน (ในเกม) ยิ่งฆ่าสัตว์ประหลาดได้มาก ผู้เล่นก็จะมีระดับความสามารถสูงขึ้น เมื่อถึงระดับหนึ่งก็สามารถเลือกเปลี่ยนอาชีพต่างๆ ได้ 6 อาชีพ คือ นักดาบ นักธนู นักเวทย์ นักบวช โจร พ่อค้า โดยแต่ละอาชีพจะมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างกันไป เกมแร็คน่าร็อกออนไลน์เวอร์ชั่นล่าสุด ผู้ผลิตได้เพิ่มอาชีพระดับสองให้ผู้เล่นเลือกเปลี่ยนได้ในระดับที่สูงขึ้นไปอีก เช่น เมื่อเป็นนักดาบแล้วแต่สามารถเก็บประสบการณ์ได้มากก็จะได้เปลี่ยนเป็นอัศวิน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มเติมเซิร์ฟเวอร์พิเศษเพื่อทดสอบระบบการต่อสู้กันเองระหว่างผู้เล่น โดยผู้ร่วมทดสอบจะต้องเสียเงินเพื่อซื้อสิทธิเข้าไปทดสอบ จุดที่ทำให้เด็กๆ ติดงอมแงม เป็นเพราะเกมนี้ไม่ได้เล่นลำพังคนเดียวเหมือนเกมคอมพิวเตอร์ แต่ผู้เล่นสามารถพูดคุยกันได้ผ่านทางเกมและสามารถแลกเปลี่ยนสิ่งของกัน ช่วยเหลือกัน นอกจากนี้ยังสามารถรวมกลุ่มตั้งกันเป็นสมาคมได้ ทำให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ขึ้นในกลุ่มนักเล่นเกม อย่างไรก็ตาม เกมแร็คน่าร็อกนี้ไม่มีจุดจบ ผู้เล่นสามารถเล่นได้เรื่อยๆ จนกว่าจะเบื่อไปเอง ทำให้ผู้เล่นส่วนใหญ่ติดพัน จนกลายเป็นปัญหาของการแบ่งเวลาไม่ถูกต้องของเยาวชน (มติชนรายวัน วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 5)





เมนู “หนอนไม้ไผ่” ฮิต 88 ตัน/ปี กินเพลินระวังไขมัน –สารเคมี

ดร.องุ่น ลิ่ววานิช นักกีฏวิทยาอาวุโส ผู้รับทุนสนับสนุนจากโครงการพัฒนาองค์ความรู้และศึกษานโยบายการจัดการทรัพยากรชีวภาพในประเทศไทย (BRT) กล่าวถึงแมลงกินได้ อาหารว่างยอดฮิตคือ 1. หนอนไม้ไผ่ซื้อนำมาบริโภค 87,942 กิโลกรัมต่อปี มีโปรตีน 8.06 กรัม/น้ำหนักแมลงสด 100 กรัม มีไขมันมากถึง 19.17 กรัม/น้ำหนักแมลงสด 100 กรัม 2.ตั๊กแตนปาทังก้า มีโปรตีน 25.88 กรัม/น้ำหนักแมลงสด 100 กรัม 3.ตั๊กแตนหญ้าคา 4.ตั๊กแตนเขียวใหญ่ 5. ตั๊กแตนอ้อย 6. ตั๊กแตนข้าว 7.จิ้งหรีดทอดดำ มีโปรตีน 21.80 กรัม/น้ำหนักแมลงสด 100 กรัม 8.จิ้งหรีดทองแดง มีโปรตีน 18.90 กรัม น้ำหนักแมลงสด 100 กรัม 9.จิ้งโกร่งมีรสชาติอร่อยกว่าจิ้งหรีดมีโปรตีน 20.72 กรัม/น้ำหนักแมลงสด 100 กรัม 10.มดแดง ไข่มดแดงมีโปรตีน 8.73 กรัม/น้ำหนักแมลงสด 100 กรัม 11.มวนนักกล้าม 12.มวนแมงป่องน้ำ 13.มวนลิ้นจี่ 14.มวนลำไย 15.มวนเขา 16.แมลงแคงเล็ก ดร.องุ่นกล่าว่า การบริโภคแมลงประชาชนต้องดูว่าชนิดไหนกินได้ ชนิดไหนกินไม่ได้ ชนิดไหนเป็นโทษ และต้องระวังไม่นำแมลงที่ได้รับสารเคมีกำจัดศัตรูพืชมารับประทาน อย่างไรก็ตาม มีแมลงบางชนิดเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วอาจเป็นอันตรายทำให้เสียชีวิต อย่างด้วงน้ำมัน Mylabris phalerata pall เมื่อมีใครมารบกวนก็จะขับสารพิษออกมาสารนี้มีชื่อว่า “แคนทาริดิน” เมื่อบริโภคเข้าไปจะไปทำลายระบบการทำงานของไตและทำให้เลือดออกในกระเพาะอาหาร ผู้ที่รับประทานด้วงน้ำมันจะอาการเซื่องซึม อาเจียน ปัสสาวะเป็นเลือด ช็อกหมดสติ และตายในที่สุด (มติชนรายวัน วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 18)





เตือนผลข้างเคียงฉีดโบทอกซ์อาจเกิดรอยย่นใหม่ที่หว่างคิ้ว

ดร.เดวิด เบคเกอร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านโรคผิวหนังจากวิทยาลัยการแพทย์เวลล์ คอร์เนลในนิวยอร์ก กล่าวเตือนผู้ที่ต้องการฉีดโบทอกซ์เพื่อลบริ้วรอยเป็นการชั่วคราวว่า อาจเสี่ยงต่อการเกิดรอยเหี่ยวย่นเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกล้ามเนื้อในบริเวณใกล้เคียง ดังนั้น การเข้ารับการบำบัดควรต้องให้ความระมัดระวังอย่างมาก สำหรับบริเวณที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดผลข้างเคียงดังกล่าว ได้แก่ ระหว่างคิ้วและเปลือกตาซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับความนิยมในการฉีดโบทอกซ์สูงสุด ดร.เบคเกอร์ ย้ำว่า แม้โบทอกซ์จะได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นวิธีรักษารอยเหี่ยวย่นที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพแต่หากผลข้างเคียงของการฉีดนำไปสู่การพัฒนาเป็นรอยย่นใหม่ ผู้ป่วยและแพทย์จึงต้องเป็นผู้เลือกเองว่าจะเลือกใช้วิธีนี้ รักษาใบหน้าในบริเวณอื่นต่อไปหรือไม่ ทั้งนี้ โบทอกซ์ หรือ “botulinumtoxin A” นั้น เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวหนังแล้ว จะทำให้กล้ามเนื้อหยุดทำงานชั่วคราว และภายใน 3-7 วัน จะมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นแต่หลังจากผ่านระยะเวลาดังกล่าวไปแล้ว ใบหน้าจะเต่งตึงและคงสภาพได้นาน 3-4 เดือน โดยส่วนใหญ่ผู้เข้ารับการรักษามักจะเข้ามาฉีดซ้ำเรื่อยๆ เพื่อทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่เหี่ยวย่นเกิดอาการลีบและหดตัว ซึ่งจะส่งผลให้ใบหน้ายิ่งตึงยาวนานขึ้นไปอีก (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 7)





เครื่องสแกนเลเซอร์ 3 มิติฝีมือคนรุ่นใหม่

การประกวดออกแบบและเขียนแบบชิ้นงานด้านเครื่องยนต์กลไกซึ่งใช้โปรแกรม Solidworks ช่วยในการดีไซน์ชิ้นงาน โดยบริษัท แอพพลิแคด จำกัด ร่วมกับเว็บไซต์ แคดไทย ร่วมกันจัดการประกวดขึ้น และผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดครั้งนี้ ได้แก่ น้องอำนาจ ฤทธิเนีย นักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 จากสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ผลงานชื่อ 3D Laser Digitizer Machine หรือเครื่องสแกนเลเซอร์ 3 มิติ ของน้องอำนาจคว้ารางวัลที่ 1 มาครองได้เป็นผลสำเร็จ (เดลินิวส์ อังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 16)





วอนรัฐตั้งบริษัทผลิตหุ่นยนต์สู้ญี่ปุ่น

รศ.ดร.ชิต เหล่าวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (ฟีโป้) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้อุตสาหกรรมรถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ของไทย สั่งหุ่นยนต์จากญี่ปุ่นเข้ามาทำงานราว 1,000 ตัวแล้ว คิดเป็นเงินประมาณ 2,000 ล้านบาท ส่วนงานวิจัยด้านหุ่นยนต์ของคนไทยยังไม่มีการสนับสนุนให้ผลิตเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมอย่างจริงจัง ทั้งที่ ความรู้ความสามารถของนักวิจัยไทยไม่ได้ด้อยกว่าชาติไหน ผู้อำนวยการฟีโป้ กล่าวต่อว่า สาเหตุหลักที่ทำให้งานวิจัยหุ่นยนต์ของไทยยังไม่ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรม เพราะมุมมองในการทำงานของนักวิจัยกับนักธุรกิจมีความแตกต่างกัน นักวิจัยมองด้านวิชาการเป็นหลัก ส่วนนักธุรกิจมองเรื่องรายได้และผลประโยชน์เป็นสำคัญ ทางออกคือ รัฐบาลต้องให้การสนับสนุนจัดตั้งบริษัทผลิตหุ่นยนต์ขึ้น และเป็นตัวกลางประสานงานระหว่างนักธุรกิจกับนักวิจัย คาดว่า หากมีการผลิตหุ่นยนต์จากงานวิจัยไทยจริง ราคาหุ่นยนต์ฝีมือคนไทยจะถูกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศถึง 60 เปอร์เซ็นต์ (เดลินิวส์ อังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 16)





ภาษีออนไลน์

ผู้ที่ประสงค์ยื่นแบบ ภ.ง.ด.91 หรือ ภ.ง.ด. 90 ทางอินเทอร์เน็ต โดยไม่จำเป็นต้องไปติดต่อที่กรมสรรพากรด้วยตนเอง แค่เข้าเว็บ กรอกชื่อ ที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้ เพื่อให้กรมสรรพากรสามารถส่งใบเสร็จรับเงินไปถึง แต่กรณีภาษีชำระเกินไม่สามารถขอคืนภาษีได้ หากต้องการขอคืนต้องยื่นแบบฯที่สำนักงานเท่านั้น หากสนใจไม่อยากเสียเวลาในการยื่นแบบฯ ก็เข้าไปดูรายละเอียดกันได้ที่ www.rd.go.th (เดลินิวส์ อังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 16)





ตู้โทรศัพท์ไร้สาย

เว็บไซต์ของนิตยสารไทม์ รายงานผลการออกแบบตู้โทรศัพท์สาธารณะในอนาคต โดยให้ดีไซเนอร์หน้าใหม่คิดคอนเซปต์นี้ แล้วคัดเหลือเพียง 5 คน ที่มีผลงานเข้าตากรรมการเอามาขึ้นโชว์บนเว็บไซต์ การออกแบบดังกล่าว เน้นให้บริการสื่อสารไร้สาย อินเทอร์เน็ต อีเมล บริการสาธารณะต่างๆ หรือจะดาวน์โหลดข้อมูลก็ได้ (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2546 หน้า 16)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215