หัวข้อข่าวปีที่ 5 ฉบับที่ 19 ประจำวันที่ 2004-05-17

ข่าวการศึกษา

ทปอ.ขอมั่นใจออกนอกระบบ
สช.คุมเข้มโรงเรียนกวดวิชา
"กร" ขอเฟ้น 10 เด็กเก่งค่ายเอเปค
อัพเกรด “ครูโรงเรียนเล็ก”...อบรม IT ที่เมืองลอดช่อง
ม.ศิลปากรเผยงานวิชาการไทย เข้าตาต่างชาติชมผลงานโดดเด่น
40 สำนักพิมพ์ออกโรงหนุน วธ. รุกสร้างห้องสมุดในวัด-โรงพัก
มร.ยกระดับการศึกษาไทย สู่มหาวิทยาลัยเพื่อมวลชน
ตั้งศูนย์การศึกษา อุ้มเด็กด้อยโอกาส ให้จบระดับ ม.ต้น
รัฐหนุนงบสร้างค่ายวิทยาศาสตร์ถาวร
"อดิศัย"ยอมรับคิดวิธีปฏิรูปศึกษาไม่เหมือนใคร
ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์พระราชทานทุนพิษวิทยา
ศิลปากร เฟ้นหานักออกแบบดีเด่น รวมผลงานดันสู่ตลาดโลก
อดิศัยปิ๊งไอเดีย ร.ร.รัฐ-เอกชน ใช้ทรัพยากรร่วม
มหา'ลัยปิ๊งวิชาวีดิโอเกม
ยูนิเซฟทุ่มงบ 30 ล้าน พัฒนา ร.ร.ขนาดเล็ก
“รุ่ง”เผยคณะทำงานชุด"เนวิน" ดันตั้งมหาวิทยาลัยใน 3 จังหวัดภาคใต้
เปิดตัวเด็กไทยชิงชัยโอลิมปิกวิชาการ เตรียมอุดมฯ/สวนกุหลาบติดโผเหมือนเคย(หัวรอง)

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

ใกล้คลอดเกณฑ์มาตรฐานแบตฯมือถือ
ดาวศุกร์เคลื่อนบังพระอาทิตย์ ดาราศาสตร์เตือนดูไม่ระวังอาจตาบอด
บรรยากาศชั้นโอโซน...อันตราย เลิกใช้ 'สารซีเอฟซี' ทั่วโลก
ส่งผลเอกซเรย์ออนไลน์ถึงมือ สะดวกกว่าใช้ฟิล์มแบบเก่า
มหัศจรรย์เลเซอร์ ถึงเวลาเลิกกลัวหมอฟันเสียที

ข่าววิจัย/พัฒนา

เอ็นพีวีจุลินทรีย์กำจัดศัตรูพืช ผู้ใช้ปลอดภัยไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
ออกกำลังช่วยขับไอเสียในกระเพาะ เหมาะกับคนมีก๊าซฟุ้งอยู่เต็มพุง
พัฒนาเครื่องบอกสายรถเมล์เมืองกรุงถึงที่หมายไม่ต้องกลัวหลงทาง
โลกวิทยาศาสตร์ : นักเคมีสร้าง "หุ่นยนต์นาโน" สำเร็จใช้ดีเอ็นเอทำเป็นขาเดินสลับไปมา
เผยโฉมสุดยอดอัจฉริยะไอที
อะดิดาสโชว์นวัตกรรมรองเท้าไฮเทคปรับพื้นเท้าอัตโนมัติให้เหมาะกับนักวิ่ง
แปลงรถเข็นเป็นอุปกรณ์ออกกำลัง ติดเซ็นเซอร์วัดอัตราผลาญไขมัน
เภสัชกรไทยคิดค้นแคปซูลไคโตซาน คุณสมบัติละลายในลำไส้ขจัดปัญหาฤทธิ์ยากัดกระเพาะ
ชิปคอมพิวเตอร์กับพัดลม...อนาคตบนทางเส้นขนาน
'ศูนย์ประกันคุณภาพอาหาร' รับวิเคราะห์ตรวจสอบทุกประเภท
ตู้จำหน่ายหนังสือพิมพ์สิ่งประดิษฐ์วิศวะรุ่นเยาว์
ค้นพบเทคนิคใหม่รักษาโรคอ้วน สหรัฐทดสอบตัดตอนแหล่งอาหารของไขมัน
คาสิโอเผยโฉมเซลล์เชื้อเพลิงเล็กที่สุดในโลก
มจธ.คิดค้น เครื่องต้มไก่ระบบคลื่นไมโครเวฟร่วมกับน้ำร้อน
เตียงกำราบเด็กดิ้นก่อนเอกซเรย์ช่วยงานถ่ายภาพรังสีเป็นเรื่องกล้วยๆ
วิจัยใบบัวบกรักษามะเร็งลำไส้ มช.พร้อมทดลองในคนแต่ขาดงบ
วว.เปิดตัวเครื่องตรวจแอลกอฮอล์ เล็งพัฒนาต่อยอดสู่การตรวจมะเร็งจากลมหายใจ
นิโคตินในใบยาสูบลดความเครียดนิโคตินในใบยาสูบลดความเครียด
ระบบการจัดการน้ำเสียจากฟาร์มสุกร ในพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาปสงขลา
"กร" เอาด้วยติดอุปกรณ์เซฟน้ำมันฝีมือนักวิจัยวว.
ฝรั่งเศสหนุนเทคโนฯ'เภสัชชีวภาพ' ส่งมอบมหิดลแล็บออกแบบโมเลกุลยา
สูตรอาหารคุณแม่ใกล้คลอด เปิบปลามากช่วยให้ลูกตัวโต

ข่าวทั่วไป

กินยาลดไขมันดันไขมันไปพอกตับ จิบเบียร์กระป๋องเท่ากับกินไขมัน 2 ช้อน
เร่งวิจัยสินค้าเกษตรอินทรีย์ ชิงเค้กตลาดนอกแสนล้าน
“บางปู"ห้องเรียนธรรมชาติใกล้กรุง งานชิ้นล่าของกองทุนสัตว์ป่าโลก
พัดลมไอน้ำ : คุณอนันต์-โทษมหันต์
เวียดนามจะปั้นประชาชนให้ตัวใหญ่ ใช้บำรุงทั้งอาหารและการพลศึกษา
พระราชทานตราตั้งพระครุฑพ่าห์4บริษัทยักษ์ใหญ่ค้าขายสุจริต
สนช.จุดพลุเอกชน วิจัยนวัตกรรมเชิงพาณิชย์
แนะรัฐเพิ่มค่าตอบแทนอีก60% แก้ปัญหาวิกฤติแพทย์ลาออก
พบกล้วยไม้หายาก"เอื้องศรี" จุดขึ้นกระเช้าไฟฟ้าเชียงดาว
"แม้ว"หนุน"ไบโอดีเซล"ประหยัดน้ำมัน
วิกฤติครอบครัวไทยเน้นเก่งเมินความดี
ร่างแผนแก้เด็กไทยไอคิวต่ำ
คลังกล่อม ก.พ.ใจอ่อนเขี่ยเท่าที่จำเป็น ปลดล็อกแผนโละขรก





ข่าวการศึกษา


ทปอ.ขอมั่นใจออกนอกระบบ

ศ.ดร.อดุลย์ วิริยะเวชกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยว่า เมื่อ เร็ว ๆ นี้ ทปอ. ได้หารือและมีมติเกี่ยวกับเรื่องออกนอกระบบว่า ทปอ. เห็นด้วยในหลักการของการออกนอกระบบ แต่จะต้องหารือกับดร.อดิศัย โพธารามิก รมว. ศึกษาธิการ เพื่อขอความมั่นใจในเรื่องดังกล่าวว่ารัฐจะยังสนับสนุนมหาวิทยาลัยในด้านต่าง ๆ ตามที่เคยรับปากหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณที่จะเพิ่มขึ้น เพื่อมหาวิทยาลัยจะได้นำไปพัฒนาคุณภาพของมหาวิทยาลัยให้ได้อย่างน้อยเท่าเทียมกับมหาวิทยาลัยในภูมิภาคเดียวกัน นอกจากนี้ ทปอ. เห็นว่าหากเป็นไปได้อยากให้ รมว.ศธ.ช่วยนำร่าง พ.ร.บ. มหาวิทยาลัยออกนอกระบบเข้าสู่การพิจารณาของสภาพร้อมกันทั้งหมดเพื่อร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวจะได้ประกาศใช้พร้อมกัน ดร.สุชาติ เมืองแก้ว รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กอ.) กล่าวว่า ขณะนี้มีร่าง พ.ร.บ. มหาวิทยาลัยบูรพาที่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ส่วนที่เหลืออยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการกฤษฎีกา และ สกอ. ซึ่งคาดว่าก่อนปิดสมัยประชุมปลายเดือนนี้ น่าจะมีร่าง พ.ร.บ. ของมหาวิทยาลัยอีกเพียง 6 แห่ง ที่น่าจะผ่านการพิจารณา คือ ม.นเรศวร, ม.ทักษิณ, ม.มหาสาร คาม, ม.มหิดล, ม.ขอนแก่น และม.เชียงใหม่ และในการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) คณะที่ 4 ซึ่งมีนายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มีมติในภาพรวมว่าในช่วง 10 ปีอยากให้ข้าราชการออกไปเป็นพนักงานให้ได้ 75% เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ และการบริหารงานที่จะต้องดำเนินการในลักษณะคู่ขนาน (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2547 http://www.dailynews.co.th)





สช.คุมเข้มโรงเรียนกวดวิชา

นายสุรเทพ ตั๊นประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) รักษาราชการแทน ผอ.สช.ให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลกวดขันโรงเรียนกวดวิชาว่า ตามที่ สช. ได้เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองและนักเรียนร้องเรียนขอความเป็นธรรมกรณีปัญหาของโรงเรียนกวดวิชา ทั้งทางจดหมายและทางเว็บไซต์ www.opec.go.th นั้นปรากฏว่า ได้มีผู้ร้องเรียนเข้ามาจำนวนหนึ่ง โดยปัญหาที่ร้องเรียนส่วนใหญ่มี 4 เรื่อง คือ 1. การโฆษณาเกินความเป็นจริง 2. สภาพห้องเรียนแออัด ไม่ปลอดภัย 3. เก็บค่าธรรมเนียมการเรียนสูงกว่าอัตราที่กำหนด และ 4. เปิดสอนกวดวิชาโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจากการร้องเรียนดังกล่าว สช. ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบโรงเรียนกวดวิชาที่ถูกร้องเรียนและได้มีการลงโทษตามระเบียบไปแล้ว และต่อไปนี้ก็จะมีการส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจตราทุกที่อย่างเข้มงวดขึ้นด้วย นายสุรเทพ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันมีโรงเรียนกวดวิชาทั่วประเทศทั้งสิ้น 751 โรง แยกเป็นส่วนกลาง 306 โรง และส่วนภูมิภาค 445 โรง ซึ่งส่วนใหญ่จะปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการอย่างเคร่งครัด เพราะหากมีการตรวจสอบพบว่ามีการกระทำผิดก็จะถูกลงโทษตาม พ.ร.บ. โรงเรียนเอกชน ซึ่งมีตั้งแต่ปรับเป็นเงินไปจนถึงเพิกถอนใบอนุญาตแล้วแต่กรณีที่กระทำความผิด อาทิ เมื่อมีผู้ร้องเรียนและตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่ากระทำผิดตามข้อร้องเรียนก็ต้องถูกลงโทษ (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2547 http://www.dailynews.co.th)





"กร" ขอเฟ้น 10 เด็กเก่งค่ายเอเปค

ดร.รุ่งเรือง ลิ้มชูปฏิภาณ์ รองผู้ว่าการบริการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กล่าวว่า ตามที่นายกร ทัพพะรังสี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้มอบหมายให้ วว.ดำเนินการคัดเลือกเด็กเก่งของไทย จำนวน 10 คน ไปร่วมโครงการเด็กที่มีความสามารถพิเศษในด้านวิทยาศาสตร์กลุ่มประเทศภูมิภาคเอเปค ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 16-26 ส.ค.นี้นั้น ขณะนี้ วว.ได้ประสานไปยังสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสถาบันการศึกษาร่วมในการคัดเลือกเด็กอัจฉริยะในสาขาต่างๆ ตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงมัธยมศึกษา จำนวน 120 คน มาร่วมเข้าค่ายในช่วงปลายเดือน ก.ค.-2 ส.ค.นี้ เพื่อดูความสามารถของเด็กที่คัดไปร่วมกิจกรรมที่เกาหลีใต้ เกณฑ์การคัดเลือกไม่เพียงแต่จะมุ่งเน้นแค่การสามารถวิเคราะห์ปัญหา รวมถึงแนวคิดวิธีการแก้ปัญหา การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และการดึงความสามารถพิเศษของเด็กทางด้านวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่จะเน้นให้เด็กทำการวิจัยขั้นสูง เช่นด้านนาโนเทคโนโลยี ซุปเปอร์คอนดัคเตอร์ ด้านอิเล็กทรอนิกส์ และด้านไบโอเทค ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อให้แข่งขันกับเด็กๆจาก 21 ประเทศทั่วโลกได้ อย่างไรก็ตาม ที่สำคัญเด็กจะต้องมีความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษเป็นอย่างดีด้วย นอกจากนี้เด็กที่คัดเหลือ 10 คน รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จะขอเป็นคนสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว เพื่อทดสอบความเก่งที่เป็นผู้แทนเด็กไทยไปร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2447 http://www.thairath.co.th)





อัพเกรด “ครูโรงเรียนเล็ก”...อบรม IT ที่เมืองลอดช่อง

กระทรวงศึกษาธิการ จัด “โครงการพัฒนาศักยภาพครูอาจารย์ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT)” โดยเฉพาะครู-อาจารย์ในโรงเรียนขนาดเล็ก ที่มีนักเรียนต่ำกว่า 120 คน ได้เข้ารับอบรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ(IT) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งได้คัดเลือกครูจำนวน 300 คนไปอบรมที่ประเทศสิงคโปร์ โดยแบ่งเป็น 2 รุ่นๆ ละ 150 คน คือ ระหว่างวันที่ 19-30 เม.ย. และ วันที่ 2-14 พ.ค.2547 โดยโครงการนี้ได้รับเงินสนับสนุนจากคณะกรรมการพิจารณาโครงการเพื่อการสาธารณประโยชน์ ซึ่งเป็นรายได้จากการออกสลากพิเศษ จำนวน 35 ล้านบาท และเมื่อวันที่ 29 เม.ย.2547 นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมคณะผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสื่อมวลชน ได้เดินทางไปเยี่ยมคณะครูที่เข้ารับการอบรมที่ NANYANG POLYTECHNIG ประเทศสิงคโปร์ พร้อมทั้งมอบใบประกาศนียบัตร แก่ครู-อาจารย์ ที่จบหลักสูตรอบรมเป็นรุ่นแรก ซึ่งครูจะสามารถเอาไปถ่ายทอดให้นักเรียนเข้าใจได้เพราะการเรียนเทคโนโลยีนั้นวิธีการสอนสำคัญมาก ซึ่งสิงคโปร์ก็เป็นประเทศที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ อย่างครูรุ่นแรกที่มาอบรม 150 คน อบรมภายใน 2 สัปดาห์ถือว่าประสบความสำเร็จค่อนข้างดีมาก ทุกคนบอกว่าอยากจะสอนวิธีการใหม่ๆ ให้นักเรียนมากขึ้น (สยามรัฐ จันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2547 http://www.siamrath.co.th)





ม.ศิลปากรเผยงานวิชาการไทย เข้าตาต่างชาติชมผลงานโดดเด่น

รศ.สิทธิพร ภิรมย์รื่น คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากรเผยต่างชาติชื่นชมผลงานสถาปัตยกรรมของนักวิชาการไทย ชี้หลายเรื่องมีความโดดเด่นและน่าสนใจ ขณะที่นักวิชาการชี้ผลงานสถาปัตยกรรมและผังเมือง มักสร้างผลกระทบต่อประชาชนอย่างมาก แนะสถาปนิกควรมีมุมมองที่กว้างขวางครอบคลุมหลากหลาย พร้อมยกประเทศฝรั่งเศส เป็นตัวอย่างของวงการสถาปนิก ที่คำนึงถึงเรื่องสังคมและสิ่งแวดล้อม จากการประชุมสัมมนาทางวิชาการ "สถาปัตยปาฐะ ครั้งที่ 3" ในหัวข้อ "กระแสทรรศน์ : สถาปัตย์สะท้อนสังคม" ว่า การประชุมครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยประเมินจากจำนวนผู้ส่งผลงานวิชาการเข้ามาราว 40 ชิ้น และผลงานที่ได้รับคัดเลือกให้นำเสนอทั้งสิ้น 24 ชิ้น จากผู้ที่มาลงทะเบียนร่วมสัมมนากว่า 150 คน และที่สำคัญในปีนี้ได้รับความสนใจจากนักวิชาการต่างประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย อินเดีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย เข้าร่วมสัมมนาและนำเสนอผลงานเป็นครั้งแรก ซึ่งส่วนใหญ่ต่างแสดงความชื่นชมว่า ผลงานของนักวิชาการไทยหลายเรื่องมีความโดดเด่นและน่าสนใจ (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2547 http://www.bangkokbiznews.com )





40 สำนักพิมพ์ออกโรงหนุน วธ. รุกสร้างห้องสมุดในวัด-โรงพัก

นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผย ถึงภารกิจด้านส่งเสริมการเรียนรู้และการอ่านในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรมว่า การสร้างแหล่งเรียนรู้ระดับชาตินั้น จะจัดตั้งห้องสมุดอีไลบรารี่ ในโครงการศูนย์วัฒนธรรมอาเซียน ด้วยงบประมาณ 5,800 ล้านบาท ใน 3-5 ปีข้างหน้า ขณะเดียวกันจะต้องมีการสร้างแหล่งเรียนรู้ระดับรากหญ้าด้วย ล่าสุดกระทรวงวัฒนธรรมได้มีการปรับกลยุทธ์สร้างห้องสมุด 4 มุมเมือง โดยความร่วมมือจาก40 สำนักพิมพ์และ กระทรวงวัฒนธรรมร่วมมือกันสร้างห้องสมุดระดับรากหญ้า ทั้งในห้างสรรพสินค้า วัด โรงเรียน ศูนย์สายใยชุมชน สถานพินิจฯ และโรงพัก หวังสร้างเด็กไทยรักการอ่าน ประเดิม 3 แห่งแรกที่ศูนย์การค้ากาดสวนแก้ว จ.เชียงใหม่ วัดดอกบัว จ.สุพรรณบุรี และโรงพักสมเด็จเจ้าพระยา ฝั่งธนฯ (คมชัดลึก จันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2547 http://www.komchadluek.com)





มร.ยกระดับการศึกษาไทย สู่มหาวิทยาลัยเพื่อมวลชน

เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ดร.รุ่ง แก้วแดง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในการอภิปรายเรื่องการศึกษาเพื่อ มวลชนว่า ถ้าเปรียบการศึกษาประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน พบว่าการศึกษาโดยเฉลี่ยของคนไทยประมาณ 4.3 ปี ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำมาก จากอดีตที่ประเทศเราบังคับเพียง 4 ปีเท่านั้น ในขณะที่คนประเทศญี่ปุ่นการศึกษาเฉลี่ย 14 ปี เกาหลีเฉลี่ย 12 ปี จีนเฉลี่ย 11 ปี คนเวียดนามยังมีการศึกษาสูงกว่าประเทศไทยเสียอีก ขณะนี้การศึกษาได้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับ 2543 ที่เปิดโอกาสให้คนไทยต้องได้รับการศึกษาภาคบังคับที่กำหนด จากข้อมูลของ World Education พบว่า ประเทศไทยมีการลงทุนในการศึกษาถึง 4.5 % ของจีดีพี (รายได้ประชากรมวลรวมทั้งประเทศ) ขณะที่ประเทศเกาหลีมีการลงทุนด้านการศึกษาประมาณ 3.2% ของรายได้จีดีพีประเทศ แต่ทำไมระบบการศึกษาของประเทศเขาดีกว่าประเทศเรามาก การศึกษาควรเปลี่ยนเป็นการเรียนรู้มากกว่า คือการให้เรียนรู้ได้ตลอดชีวิต เพราะโลกในอนาคตจะเปลี่ยนไปไม่ใช่เรียนเฉพาะในห้องเรียนอีกแล้วต้องใช้ประสบการณ์ด้วย และถ้าท่านไม่พัฒนาตัวเอง ก็จะไม่ทันกระแสโลก ท่านจะก้าวไปไม่ทันกัน ดังนั้นจึงต้องปฏิวัติการศึกษาและระบบไอที ด้าน ศ.ประจำรังสรรค์ แสงสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง (มร.) กล่าวในการอภิปรายว่า การเรียนเพื่อชีวิตไม่ใช่เพียงปริญญาบัตร และให้ใช่เพียงให้เด็กเป็นศูนย์กลางเท่านั้น ต้องสวิงกันได้ด้วย ซึ่งการศึกษาเพื่อมวลชนเริ่มตั้งแต่การศึกษานอกโรงเรียน เป็นผู้ให้โอกาสกับเด็ก เพราะการศึกษาหรือการเรียนรู้อยู่ที่ไหนก็เรียนได้เหมือนกัน ม.รามคำแหง ถือว่าเป็นผู้นำด้านการศึกษาเพื่อมวลชนที่ต้องการเน้นให้นักศึกษาได้การเรียนไปทำงานไป และอย่าคาดหวังกับใบปริญญาบัตรแต่จะต้องดูว่าทำงานอะไรได้หรือไม่ และการเรียนที่ม.รามคำแหงเพียงต้องการให้คนเป็นคนและอยู่ในสังคมนานาชาติได้อย่างปกติสุข (สยามรัฐ อังคารที่ 11 พฤษภาคม 2547 http://www.siamrath.co.th)





ตั้งศูนย์การศึกษา อุ้มเด็กด้อยโอกาส ให้จบระดับ ม.ต้น

น.พ.พิชิต สุวรรณประกร ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ฝ่ายนโยบายและแผน ประจำเลขาธิการสภากาชาดไทย เปิดเผยว่า สภากาชาดไทยได้จัดตั้งศูนย์พัฒนาทักษะการคิดเพื่อชีวิตที่สดใส จำนวน 2 แห่ง เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 72 พรรษา ขึ้นเมื่อต้นเดือน พ.ค. ที่ย่านตลาดพลู และเดือน มิ.ย.นี้ จะจัดตั้งที่ย่านดินแดง มุ่งจัดการศึกษาให้เด็กด้อยโอกาส ทั้งเด็กที่มีความสามารถพิเศษและฐานะยากจนที่ไม่จบ ป.6 และ ม.3 เริ่มเปิดบริการฟรี พ.ค.นี้ โดยได้รับงบประมาณจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแห่งละ 2 ล้านบาท และเงินบริจาคจากประชาชน ศูนย์ดังกล่าวทำหน้าที่จัดการศึกษาให้เด็กด้อยโอกาสทางการศึกษาและมีความสามารถพิเศษ โดยสภากาชาดไทยจะจัดรถโมบาย 1 คัน ออกตระเวนวัดแววเด็กในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดฟรี ภายในรถมีมุมวัดแวว 9 มุม ได้แก่ วิทยาศาสตร์ คำนวณ ศิลปะ นักคิด สร้างสรรค์ ภาษา ผู้นำ ดนตรี และกีฬา จัดสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หลักสูตรที่สอนเด็กด้อยโอกาส เปิดให้เด็กเรียนจบ ป.6 หรือ ม.3 ได้ภายใน 1 ปี หรือ 3 ปีก็ได้ ซึ่งเด็กที่มีความสามารถพิเศษก็เข้ามาเรียนได้ ทั้งนี้สภากาชาดไทยได้ร่วมกับโรงเรียนสาธิตประถมและมัธยมของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ประสานมิตร จัดทำหลักเกณฑ์ เพื่อให้เด็กนำความรู้มาเทียบโอนหน่วยกิตและได้รับวุฒิ ป.6 และ ม.3 คาดว่าเริ่มให้เทียบโอนปีการศึกษา 2548" (คมชัดลึก อังคารที่ 11 พฤษภาคม 2547 http://www.komchadluek.com)





รัฐหนุนงบสร้างค่ายวิทยาศาสตร์ถาวร

นายสันทัด สมชีวิตา ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า รัฐบาลจะให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ สำหรับการเปิดค่ายการเรียนรู้ถาวร สำหรับโครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับเด็กและเยาวชน (Junior Science Talent Project :JSTP) ซึ่งจะสามารถรองรับเยาวชนที่สนใจได้ตลอดทั้งปี จากปกติค่ายจะจัดขึ้นเฉพาะช่วงภาคฤดูร้อนเท่านั้น โดยมีโครงการสร้างหอพักและอาคารสถานที่ให้ทันสมัย มีลักษณะความเป็นวิชาการมากขึ้น ภายในเนื้อที่ของอุทยานวิทยาศาสตร์ (ไซม์ปาร์ค) อีกทั้งให้ทุนวิจัยต่อเนื่องจนถึงการจดสิทธิบัตรเพื่อผลักดันสู่นักวิจัยมืออาชีพ ดร.ธีรวัฒน์ มงคลอัศวรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนา สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สวทช.) กล่าวว่า เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ จะได้รับความรู้จากนักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยง ที่จะคอยแนะนำให้เด็กได้เรียนรู้ในการทำการวิจัยอย่างถูกวิธี และรู้ถึงผลการวิจัยว่าออกมาเป็นอย่างไร โดยนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการส่วนหนึ่งได้รับทุนไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ในต่างประเทศ แบ่งเยาวชนในค่ายออกเป็น 5 กลุ่มตามความสนใจและความถนัด ประกอบด้วย กลุ่มเคมีและชีวเคมี กลุ่มชีววิทยาและวิทยาศาสตร์การแพทย์ กลุ่มฟิสิกส์และวิศวกรรมศาสตร์ กลุ่มคอมพิวเตอร์ และกลุ่มคณิตศาสตร์ ส่วนวิธีการคัดเลือกเยาวชนเข้าร่วมโครงการ จะคัดเลือกจากโครงงานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่เด็กสนใจเข้ามาสมัครและสอบสัมภาษณ์ ( กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 11 พฤษภาคม 2547 http://www.bangkokbiznews.com)





"อดิศัย"ยอมรับคิดวิธีปฏิรูปศึกษาไม่เหมือนใคร

ดร.อดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ กล่าวตอนหนึ่งในการประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานโครงการยกระดับคุณภาพโรงเรียนขนาดเล็กแก่ผู้จัดการสำนักงานโครงการทั้ง 175 เขตพื้นที่การศึกษา ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ กท. เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ว่า การพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สู่ทางปฏิบัติของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่ต้องการให้เด็กในชนบทซึ่งส่วนใหญ่มีฐานะยากจนให้มีโอกาสทางการศึกษาที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งยุคนี้เป็นยุคที่ปฏิบัติจริง ๆ ไม่ใช่พูดอย่างเดียว และ ศธ. ต้องมีการพัฒนาทุกระดับทั้งแนวคิดวิธีการ และวิธีการนี้ก็จะทำให้แยกผู้ที่อยากทำงานกับไม่อยากทำงานออกจากกันได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้โรงเรียนขนาดเล็กทุกแห่งไม่เหมือนกัน ดังนั้นอย่าไปตั้งกติกาหรือคำสั่งที่ดิ้นไม่ได้ แต่ควรให้ ผอ.โรงเรียนเสนอวิธีการเข้ามา โดยเราเป็นผู้คุมคุณภาพของเด็กและครู และเมื่อสิ้นปีการศึกษา 2547 นี้โรงเรียนขนาดเล็กต้องมีคุณภาพดีขึ้น หากไม่ดีขึ้นก็ต้องตรวจสอบและพัฒนาต่อไป อย่างไรก็ตาม ตนอยากฝากถึงสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในส่วนกลางว่าควรหาวิธีลดการบริหารของโรงเรียนลง ซึ่งทุกวันนี้มีการส่งหนังสือด่วนที่สุดไปยังโรงเรียนจำนวนมาก แต่พอเปิดดูก็ไม่เห็นมีเรื่องด่วนอะไร ดังนั้นอย่าใช้คำว่า "ด่วนที่สุด" พร่ำเพรื่อ และแนวคิดของตนก็อาจไม่เหมือนคนอื่น ซึ่งอาจทำให้ครูและบุคลากรขยับตัวลำบาก แต่ทุกอย่างต้องเคลื่อน และเมื่อเคลื่อนที่แล้วก็จะมีผลดีตามมา ซึ่งในอนาคตอันใกล้ สพฐ. จะกระจายอำนาจให้กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ดังนั้น สพท. จะมีความสำคัญมาก จึงจำเป็นต้องเลือกผู้อำนวยการ สพท. ดี ๆ เพื่อให้บริหารได้ และในส่วนของผู้อำนวยการโรงเรียนต่อไปก็จะต้องมีการประเมิน แต่ไม่ใช่เป็นการสอบแข่งขัน รวมถึงการพัฒนาครูที่ขณะนี้ได้มีการจดทะเบียนครูและนักเรียนหมดแล้ว ดังนั้นต่อไปถ้าครูมีการพัฒนาหรือผ่านการอบรมอะไรมาก็จะมีการบันทึกข้อมูลไว้ แล้วนำไปประเมินเพื่อเลื่อนระดับ ซึ่งต่อไปครูจะต้องแข่งขันกับตนเอง และระบบเส้นสายจะลดน้อยลง เกี่ยวกับกฎหมายการปฏิรูปการศึกษา ในส่วนนี้ต้องมีการเแก้ไขปรับปรุงแน่นอน เพราะหลังจากที่ได้ปฏิบัติมาระยะหนึ่งแล้วก็เห็นชัดว่ามีปัญหา ดังนั้นในเมื่อเราคนไทยเขียนกันเองทำกันเองก็ต้องปรับปรุงได้" ดร.อดิศัย กล่าว (เดลินิวส์ พุธที่ 12 พ.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์พระราชทานทุนพิษวิทยา

เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เปิดเผยว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเล็งเห็นความสำคัญของการดำเนินงานด้านพิษวิทยา สิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรมการบริหารจัดการ ว่าเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยเอง บุคลากรด้านพิษวิทยามีความสำคัญและเป็นความต้องการอย่างมากทั้งปัจจุบันและอนาคต โครงการบัณฑิตศึกษา หรือการศึกษานานาชาติ ระดับปริญญาโท-เอก ด้านพิษวิทยาสิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม การบริหารจัดการเป็นการพัฒนาบุคลากรด้านพิษวิทยาอีกทางหนึ่งที่จะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์, มหา วิทยาลัยมหิดล และสถาบัน AIT ซึ่งโครงการนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี มีพระประสงค์ที่จะให้เป็นโครงการที่มีมาตรฐานในระดับสากล จึงทรงเชิญผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงจากสถาบันชั้นนำของนานาประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา และประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรปมาเป็นอาจารย์ประจำกว่าครึ่ง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัคราชกุมารี พระราช ทานโอกาสอันดีแก่ผู้สนใจเข้ารับการศึกษาที่มีมาตรฐานความรู้ในระดับสากล โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงมากในการไปศึกษาในต่างประเทศ ผู้สนใจสมัครเข้ารับการศึกษาได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ 30 มิ.ย. นี้ สอบถามรายละเอียดได้ที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ โทรศัพท์ 0-2574-0622-33 ต่อ 3938, 3939, 3942 แฟกซ์ 0-2574-0622-33 ต่อ 3940 หรือสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) โทรศัพท์ 0-2524-6069 แฟกซ์ 0-2524-6071 ในเวลาราชการ (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 13 พ.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





ศิลปากร เฟ้นหานักออกแบบดีเด่น รวมผลงานดันสู่ตลาดโลก

มหาวิทยาลัยศิลปากรจะ ทำการคัดเลือก "ผลงานการ ออกแบบดีเด่น ประจำปี 2547" อันเป็นหนึ่ง ในโครงการเส้นทาง สู่ระดับสากลของนักออกแบบไทย ในงาน OTOP-AMEs-BOI : Made in Thailand โดยผลงานที่ได้รับการคัดเลือก ทางมหาวิทยาลัย ได้จัดทำบันทึกเป็นฐานข้อมูล Thai Design Index 2004 เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้สนใจที่เข้าเยี่ยมบูธ Design Center ของ ม.ศิลปากร ในงาน OTOP-AMEs-BOI : Made in Thailand ที่จะมีขึ้นระหว่าง 11-20 มิ.ย. ศกนี้ สำหรับ 10 นักออกแบบที่ได้รับการคัดเลือก ประกอบด้วย ชเล วุฒานันท์, อุดม อุดมไสยนันท์, กนิษฐ์ เศรษฐไชย, ม.ล.ภาวิณี สันติศิริ, พรพิไล มีมาลัย, ยุทธนา บำรุงกิจ, ชนะชัย ส่งวัฒนา, ศศิวรรณ ดำรงศิริ, อนุรักษ์ สุชาติ และสุวรรณ กรขุนเธียร โดยผลงานของทั้งหมดล้วนแต่นำวัสดุจากธรรมชาติมาออกแบบ เป็นเครื่องใช้และเครื่องประดับที่สวยงาม ส่วนรางวัลที่จะได้รับ นอกจากเหรียญทองเกียรติคุณ "ศิลป์ พีระศรี" แล้ว ทุกคนยังจะได้รับเชิญเข้าร่วมกิจกรรมของมหาวิทยาลัย ในการช่วยติวเข้มนักออกแบบรุ่นใหม่ในมหาวิทยาลัย เพื่อสร้างผลงานให้ได้มาตรฐานโลก สำหรับผลงานที่ชนะจะถูกเก็บบันทึกไว้เป็นข้อมูล เพื่อแนะนำให้กับผู้ที่สนใจทั้งในและต่างประเทศต่อไปสำหรับ 10 นักออกแบบที่ได้รับการคัดเลือก ประกอบด้วย ชเล วุฒานันท์, อุดม อุดมไสยนันท์, กนิษฐ์ เศรษฐไชย, ม.ล.ภาวิณี สันติศิริ, พรพิไล มีมาลัย, ยุทธนา บำรุงกิจ, ชนะชัย ส่งวัฒนา, ศศิวรรณ ดำรงศิริ, อนุรักษ์ สุชาติ และสุวรรณ กรขุนเธียร โดยผลงานของทั้งหมดล้วนแต่นำวัสดุจากธรรมชาติมาออกแบบ เป็นเครื่องใช้และเครื่องประดับที่สวยงาม ส่วนรางวัลที่จะได้รับ นอกจากเหรียญทองเกียรติคุณ "ศิลป์ พีระศรี" แล้ว ทุกคนยังจะได้รับเชิญเข้าร่วมกิจกรรมของมหาวิทยาลัย ในการช่วยติวเข้มนักออกแบบรุ่นใหม่ในมหาวิทยาลัย เพื่อสร้างผลงานให้ได้มาตรฐานโลก สำหรับผลงานที่ชนะจะถูกเก็บบันทึกไว้เป็นข้อมูล เพื่อแนะนำให้กับผู้ที่สนใจทั้งในและต่างประเทศต่อไป (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 13 พ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





อดิศัยปิ๊งไอเดีย ร.ร.รัฐ-เอกชน ใช้ทรัพยากรร่วม

นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวว่ารัฐบาลพยายามจะให้การศึกษาของรัฐกับเอกชนรวมตัวกันมากขึ้น เพื่อใช้ทรัพยากรทางด้านการศึกษาร่วมกัน "ผมคิดว่าในอนาคตรัฐและเอกชนควรจะใช้ทรัพยากรร่วมกัน ทั้งในเรื่องบุคลากร อาคาร สถานที่และสื่อ อุปกรณ์การศึกษา เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สำคัญเพราะแม้แต่รัฐเอง ก็ไม่อยากใช้ทรัพยากรร่วมกัน ต่างเก็บและปิดบังกัน เพื่อแสดงความใหญ่ของตัวเอง โดยไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำเป็นการสูญเสียทรัพยากรการศึกษา"นายอดิศัย กล่าว เขากล่าวอีกว่าต่อไปจะพยายามให้การศึกษาของรัฐและเอกชนมารวมตัวกันให้ได้ เพราะต้องการให้ใช้ทรัพยากรร่วมกัน โดยเอกชนสามารถใช้ครู อาจารย์เก่งๆ ของรัฐได้ โดยไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ หรือมาประมูลตัวกัน ขณะเดียวกันเอกชนที่มีเครื่องมือและสถานที่พร้อม ก็ควรเปิดให้สถานศึกษาของรัฐเช่าสถานที่ได้ เพื่อให้ต้นทุนทั้งรัฐและเอกชนถูกลง ไม่เช่นนั้นต้นทุนทั้งสองฝ่ายจะสูง (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 13 พ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





มหา'ลัยปิ๊งวิชาวีดิโอเกม

มหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐฯ เตรียมลงวิชาการออกแบบวีดิโอเกม เพื่อให้นักศึกษาฝึกความชำนาญ ต่อยอดไป ประกอบวิชาชีพในธุรกิจอุตสาหกรรมการ ผลิตภาพยนตร์ที่เป็นรายได้หลักของ ประเทศ ทั้งนี้ สถาบันโพลีเทคนิคเรนส์เซแลร์ ในเมืองทรอย มลรัฐนิวยอร์ก ซึ่งรู้จักกัน เป็นวงกว้างไปทั่วโลกถึงความช่ำชอง โปรแกรมคณิตศาสตร์และ วิศวกรรมศาสตร์ก็จะมีวิชา เรียนวีดิโอเกมภายในสิ้นปี 2547 ซึ่งแคทเธอ-ลีน รุซ ผู้อำนวยการร่วมโปรแกรมใหม่นี้ มองว่า การเล่นเกมนั้นถือเป็นวัฒนธรรมที่สำคัญ อย่างหนึ่งของสหรัฐฯ ล่าสุดมหาวิทยาลัยแห่ง รัฐแคลิฟอร์เนียใต้เพิ่งร่วมมือกับอิเล็กทรอนิกส์ อาร์ตส์ ผู้ผลิตเกมรายใหญ่ที่สุดของโลก รังสรรค์โปรแกรมการออกแบบวีดิโอเกมจะได้เสนอ ให้กับนักศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาวิจิตรศิลป์ (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 14 พ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ยูนิเซฟทุ่มงบ 30 ล้าน พัฒนา ร.ร.ขนาดเล็ก

นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับผู้บริหารองค์การยูนิเซฟว่า ที่ประชุมได้หารือถึงโครงการไชลด์ เซนรี่ สคูล ที่องค์การยูนิเซฟได้จัดสรรงบประมาณให้แก่ไทยจำนวน 30 ล้านบาท ในการอบรมครูในเรื่องวิธีการสอน เพื่อให้เด็กมีความสุขกับการเรียน และดึงชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมจัดการศึกษา ซึ่งตนได้แนะนำผู้บริหารองค์การยูนิเซฟว่า ไม่ควรส่งเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือในโครงการนี้เท่านั้น แต่ควรจะมีการศึกษาลงลึกเป็นรายโรงเรียนไปว่า รัฐบาลไทยทำอะไรอยู่ ยูนิเซฟมีส่วนช่วยเหลือเรื่องใดบ้าง และการดำเนินการของสองฝ่ายไปกันด้วยดีหรือไม่ หากไม่ดีจะได้มาช่วยกันปรับปรุงแก้ไข ”ที่ผ่านมาการดำเนินโครงการ ทางองค์การยูนิเซฟจะเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณ และบอกถึงวิธีการทำงานมาให้ แต่ไม่ค่อยมาดูแลเท่าไร ผมก็เสนอไปว่า แทนที่จะช่วยเหลือโรงเรียนขนาดเล็กพร้อมกัน 300 แห่งตามเป้าหมายโครงการ ก็ควรจะเน้นการช่วยเหลือโรงเรียนอย่างเต็มที่ประมาณ 10 แห่ง และศึกษาในเชิงลึกเพื่อเป็นตัวอย่างว่า มีปัญหาอะไรและประสบความสำเร็จอย่างไร ดีกว่าการทุ่มเงินไปกับการอบรมครูเพียงอย่างเดียว ซึ่งผู้บริหารองค์การยูนิเซฟก็เห็นด้วย" รมว.ศธ. กล่าว (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 14 พ.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





“รุ่ง”เผยคณะทำงานชุด"เนวิน" ดันตั้งมหาวิทยาลัยใน 3 จังหวัดภาคใต้

ดร.รุ่ง แก้วแดง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะทำงานของนายกรัฐมนตรีในการพัฒนา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (นราธิวาส ยะลา และปัตตานี) เปิดเผยถึงแนวทางการพัฒนาการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า คณะทำงานจะเน้นการพัฒนาโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามให้จัดการศึกษามีคุณภาพมากขึ้น รวมถึงดูแลการจดทะเบียนปอเนาะ และจะสอนวิชาศาสนาควบคู่ไปกับวิชาสามัญหรือไม่ ซึ่งไม่บังคับกัน แต่ให้ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละปอเนาะ อย่างไรก็ตาม จะให้เด็กๆในปอเนาะทุกแห่งได้เรียนวิชาชีพ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) จะร่วมกันอบรมให้แก่เด็ก เพื่อจะได้มีอาชีพติดตัว รวมทั้งจะตั้งศูนย์สอนวิชาชีพให้ด้วย ในอนาคตไม่เกินปี 2547 ทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมีมหาวิทยาลัยเกิดขึ้นทุกจังหวัด ซึ่งในส่วน จ.นราธิวาส ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยนราธิวาส จะเข้าสู่วาระที่ 1 ของสภาผู้แทนราษฎร โดยนำสถาบันอุดมศึกษาใน จ.นราธิวาส มาหลอมรวมกัน ได้รับพระราชทานชื่อว่า ม.นราธิวาสราชนครินทร์ ส่วน จ.ยะลา ก็จะยกฐานะสถาบันราชภัฏยะลา เป็น ม.ยะลา และจะตั้งวิทยาเขตขึ้น 1 แห่งที่ อ.เบตง สำหรับ จ.ปัตตานี ก็มี ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี(มอ.) อยู่แล้ว ซึ่งอาจจะแยกเป็นเอกเทศจาก มอ.สงขลา ซึ่งเรื่องนี้คณะทำงานฯ จะไปหารือกับอธิการบดีของทั้งสองแห่งในเร็วๆ นี้ (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 14 พ.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





เปิดตัวเด็กไทยชิงชัยโอลิมปิกวิชาการ เตรียมอุดมฯ/สวนกุหลาบติดโผเหมือนเคย(หัวรอง)

นายพิศาล สร้อยธุหร่ำ ผอ.สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เปิดเผยว่า ตามที่สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)และคณะอนุกรรมการอำนวยการจัดส่งผู้แทนประเทศไทยไปแข่งขันคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ประจำปี พ.ศ.2547 ได้ดำเนินการสอบคัดเลือกนักเรียนเข้าค่ายคัดเลือก ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 14-31 มี.ค. และ 15 เม.ย.- 5 พ.ค.2547นั้น มีผู้ได้รับคัดเลือกเป็นผู้แทนประเทศไทยไปแข่งขันคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ประจำปี พ.ศ.2547 ดังนี้ สาขาคณิตศาสตร์ รวม 6 คน ได้แก่ นายณภัทร รุจีรไพบูลย์ และนายณัฐ เพชระบูรณิน ร.ร.มหิดลวิทยานุสรณ์ จ.นครปฐม นายนิธิ รุ่งธนาภิรมย์ ร.ร.เตรียมอุดม ศึกษา กทม. นายภวัต เตชะพงศ์ธาดา ร.ร.กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย กทม. นายวุฒิศักดิ์ ตรงศิริวัฒน์ ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย กทม. นายศรัณย์ อาฮูยา ร.ร.มงฟอร์ตวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ โดยจะทำการแข่งขัน ณ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ วันที่ 6-18 ก.ค.2547, สาขาชีววิทยา รวม 4 คน ได้แก่ นายจิตชัย ขยันการนาวี ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย กทม. น.ส.วรวรรณ ลิ่มปิติกุล และนายวรากร กุลาเลิศร.ร.เตรียมอุดมศึกษา กทม. น.ส.วิชสิณี วิบุลผลประเสริฐ ร.ร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ กทม. ทำการแข่งขัน ณ เมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย วันที่ 10-19 ก.ค.2547 สาขาฟิสิกส์ รวม 5 คน ได้แก่ นายธนสิน นำไพศาล ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย กทม. นายชรัต ทองประยูร และนายภูมิยศ วิมลกิตติวัฒน์ นายวาทิต อัศวสุนทรเนตร และนายวุฒิวัฒน์ งามพฤฒิกร ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา กทม. ทำการแข่งขัน ณ เมืองโปฮาง ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 15-23 ก.ค.2547, สาขาเคมี รวม 4 คน ได้แก่ นายเจษฎา เตมัยสมิธิ ร.ร.อัสสัมชัญ บางรัก กทม. นายเนติ สันแสนดี ร.ร.วัดสุทธิวราราม กทม. นายปัณณทัต สุนทราภา ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา กทม. น.ส.มัญชุตาแตงกุลวานิช ร.ร.มหิดลวิทยานุสรณ์ จ.นครปฐม ทำการแข่งขัน ณ เมืองคีล ประเทศเยอรมนี วันที่ 18-27 ก.ค.2547 และสาขาคอมพิวเตอร์ รวม 4 คนได้แก่ นายชาณิน เลาหพันธุ ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา กทม. นายปรัชญา ไพศาลวิภัชพงศ์ และนายวสันต์ เจียรมณีทวีสิน ร.ร.อัสสัมชัญ บางรัก กทม. นายอนรรฆ ยอดภิญญาณี ร.ร.สาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒปทุมวัน กทม. ทำการแข่งขันณ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ วันที่ 11-18 ก.ย.2547 (สยามรัฐ เสาร์ที่ 15 พ.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


ใกล้คลอดเกณฑ์มาตรฐานแบตฯมือถือ

จากการประชุม “แนวทางการแก้ปัญหาโทรศัพท์มือถือระเบิด” ที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้แทนจากสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวว่า สมอ. ได้จัดตั้งคณะทำงานวิชาการ เพื่อร่างมาตรฐานแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ ซึ่งขณะนี้ติดปัญหาเพียงชื่อที่ยาวเกินไปเท่านั้น โดยจะสามารถส่งเอกสารขอความเห็นจากหน่วย งานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาปรับปรุงได้ปลายเดือนนี้ คาดอีก 4-5 เดือนข้างหน้าจะประกาศใช้มาตรฐานดังกล่าวได้ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.ไอซีที กล่าวว่า ระหว่างรอร่างมาตรฐานดังกล่าวประกาศใช้ กระทรวงไอซีทีจะประสานขอความร่วมมือจากกระทรวงพาณิชย์ กรมศุลกากร และกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อจับกุมผู้ค้าแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือปลอมทั่วประเทศ แบตเตอรี่มือถือปลอมมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนของแท้มีเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากราคาที่ต่างกันมาก แบตฯปลอมราคา 200 บาท ส่วนแบตฯแท้ราคา 900-1,000 บาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาษีที่ผู้ผลิตต้องเสียให้รัฐรวม 38 เปอร์เซ็นต์ตลอดการผลิต (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2547 http://www.dailynews.co.th)





ดาวศุกร์เคลื่อนบังพระอาทิตย์ ดาราศาสตร์เตือนดูไม่ระวังอาจตาบอด

น.ท.ฐากูร แก้วเกิด หัวหน้าโครงการการเรียนรู้เรื่องวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้จะเกิดในวันที่ 8 มิ.ย. ตั้งแต่เวลา 12.13 - 18.23 น. คนไทยและคนในทวีปยุโรปและแอฟริกาจะมีโอกาสได้ชมพร้อมกัน โดยปรากฏการณ์ดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์ได้เกิดขึ้นทุก 120 ปี และจะเกิดขึ้นทีละ 2 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 8 ปี หรือที่เรียกกันว่าปรากฏการณ์คู่แฝด ปรากฏการณ์ครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรกในศตวรรษ และห่างจากการเกิดในครั้งล่าสุดถึง 122 ปี จึงไม่มีคนที่ยังมีชีวิตอยู่ได้เคยเห็นปรากฏการณ์ซ้ำรอบสอง และหากพลาดโอกาสในครั้งนี้ต้องรอไปอีก 8 ปี เพราะปรากฏการณ์คู่แฝดจะเกิดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 6 มิ.ย. 2555 แต่ถ้ายังพลาดโอกาสชมอีก ก็ต้องรอไปอีก 105 ปี วิธีการดูอย่างถูกต้องและต้องใช้แผ่นกรองแสงอาทิตย์ที่มีคุณภาพ รศ.สุชาดา ชินะจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายสวัสดิภาพสาธารณะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กล่าวว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ได้รับความสนใจจากทั่วโลก โดยสมาคมยุโรปเพื่อการศึกษาดาราศาสตร์ หอดูดาวปารีส และสถาบันดาราศาสตร์ สาธารณรัฐเช็ก ได้ร่วมกันจัดตั้งโครงการ VT- 2004 (Venus Transit แปลว่าดาวศุกร์โคจรผ่านดวงอาทิตย์) โดยมีเป้าหมายให้เด็กๆ ช่วยกันเก็บบันทึกข้อมูล เพื่อใช้ในการคำนวณระยะทางระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ สำหรับประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่เข้าร่วมกิจกรรม VT-2004 โดยได้ร่วมกับโครงการเรียนรู้เรื่องวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย และบริษัทนานมีบุ๊คส์จำกัด จัดประชุมเชิงปฏิบัติการกับนักเรียน ครูอาจารย์ และผู้ที่สนใจ ในวันที่ 22 พ.ค พร้อมทั้งจัดแคมป์ดาราศาสตร์ในวันที่ 5-8 มิ.ย. เพื่อชมปรากฏการณ์จริงที่หอดูดาวเกิดแก้ว จ.กาญจนบุรี ทั้งนี้ อาจารย์และนักเรียนที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถดาวน์โหลดใบสมัครที่ www.lesaproject.com (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 12 พ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





บรรยากาศชั้นโอโซน...อันตราย เลิกใช้ 'สารซีเอฟซี' ทั่วโลก

สารซี เอฟ ซี ซึ่งเป็นสารทำลายชั้นบรรยากาศที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีนั้น มีชื่อเต็ม ว่า "สารคลอโรฟลูออไรคาร์บอน (Chloro fluorocarbons, CFCs)" ที่ส่วนใหญ่จะถูกสังเคราะห์ขึ้นเพื่อ นำมาใช้เป็นสารทำความเย็นในตู้เย็น ตู้แช่ เครื่องปรับอากาศ รถยนต์ และเครื่องทำความเย็นที่ใช้ในระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ (Chiller นอกจากนั้นยังใช้เป็นตัวเป่าโฟมในอุตสาหกรรมผลิตโฟม ใช้เป็นตัวละลายในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และใช้เป็นสารผลักดันในกระป๋องสเปรย์ อีกด้วย เนื่องจากสารซี เอฟ ซี มีคุณสมบัติที่ดีอยู่หลายประการ และมีโทษหลายประการเช่นกัน โดยเฉพาะการทำลายโอโซน โอโซนเป็นชั้นบรรยากาศที่ทำหน้าที่กรอง รังสีไวโอเลตไว้ไม่ให้ผ่านชั้นบรรยากาศลงมามากเกินไป โดยเฉพาะรังสี UV-B ซึ่งถ้ามนุษย์ได้รับรังสีชนิดนี้เป็นระยะเวลานาน ๆ จะมีความเสี่ยงในการเกิดอันตราย ต่อดวงตา มะเร็งผิวหนัง ทำลายการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำในช่วงแรกและทำให้แพลงก์ตอน ซึ่งเป็นรากฐานของปฏิกิริยาลูกโซ่อาหารในน้ำมีปริมาณลดลง ทำให้ในปี พ.ศ. 2524 องค์การสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติได้จัดตั้งคณะทำงานด้านกฎหมายและวิชาการเพื่อวางโครงการร่างสำหรับการป้องกันชั้นโอโซน ในรูปของสนธิสัญญาระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาการทำลายชั้นโอโซนที่มีชื่อว่า "อนุ สัญญาเวียนนาว่าด้วยการป้องกันชั้นโอโซน" (The Vienna Convention for the Protection of the Ozone Layer) ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างประเทศต่าง ๆ 28 ประเทศ ในการศึกษาค้นคว้า เฝ้าระวังและแลกเปลี่ยนข้อมูลปริมาณการผลิตและการปล่อยสารทำลายชั้นโอโซน รวมถึงการดำเนินการควบคุมตามอนุสัญญาที่จะกำหนดขึ้นในอนาคตด้วย ในวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2530 ที่นครมอนทรีออล ประเทศแคนาดา มีประเทศจากทั่วโลกเข้าร่วม 47 ประเทศ โดยเรียก ข้อกำหนดนี้ว่า "พิธีสารมอนทรีออลว่าด้วยการลดและเลิกใช้สารทำลายชั้นโอโซน" (The montral Protocol on Substanes that Deplete the Ozone Layer) ประเทศไทยในฐานะภาคีสมาชิกของอนุสัญญาเวียนนาและพิธีสารมอนทรีออล ทั้งภาครัฐและเอกชนมีมาตรการสนับสนุนและส่งเสริมในการลดและเลิก ใช้สารทำลายชั้นโอโซนให้เร็วขึ้น อย่าง การยกเว้นภาษีการนำเข้าสารทดแทน การลดภาษีเครื่องมือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บกักและปรับปรุงสภาพสารทำความเย็น รวมทั้งการสนับสนุนให้มีการลงทุนใหม่ในอุตสาหกรรมที่ไม่ใช้สารทำลายชั้นโอโซน" จึงทำให้อุตสาหกรรมของประเทศไทยลดความเสี่ยงในการขาดสารที่ต้องใช้เพื่อการผลิต แล้วยังส่งผลให้อุตสาหกรรมของไทยไม่ถูกกีดกันในการแข่งขันในตลาดโลกไปพร้อม ๆ กับการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมของโลกด้วย (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 13 พ.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





ส่งผลเอกซเรย์ออนไลน์ถึงมือ สะดวกกว่าใช้ฟิล์มแบบเก่า

รัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษ จอห์น ฮัทตัน เปิดเผยว่า อีกไม่นานแพทย์โรงพยาบาลในอังกฤษ สามารถเรียกดูผลเอกซเรย์ หรือผลสแกนผ่านคอมพิวเตอร์ หรือส่งพร้อมอีเมล์ทางอินเตอร์เน็ต เพื่อการวินิจฉัยโรคสะดวกขึ้นแทนฟิล์มแบบเดิม งานดังกล่าวมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "งานจัดเก็บแฟ้มข้อมูลภาพและระบบสื่อสาร" เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนางานเทคโนโลยีสารสนเทศของกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ มูลค่า 6,000 ล้านปอนด์ ซึ่งวางเป้าว่า ในที่สุดแพทย์ผู้รักษาจะสามารถเรียกดูและบริหารงานข้อมูลผู้ป่วย รวมทั้งการนัดหมายผู้ป่วยผ่านคอมพิวเตอร์ โดยงานข้อมูลเอกซเรย์ออนไลน์ จะเริ่มดำเนินงานได้ภายในไตรมาสนี้ผ่านผู้ให้บริการโครงข่ายท้องถิ่น 5 แห่ง ซึ่งคาดว่าผู้บริโภคในชนบทจะได้ประโยชน์ อย่างเห็นได้ชัดจากโครงการภาพเอกซเรย์ออนไลน์นี้ โดยผู้รับการรักษาไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่โรงพยาบาลใหญ่ๆ ส่วนแพทย์ผู้รักษาก็สามารถให้บริการได้เร็วดีอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ผลเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ยังช่วยหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงของรังสีต่อผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่การแพทย์ รวมทั้งยุติการใช้สารเคมีอันตรายในการล้างฟิล์ม (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 14 พ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





มหัศจรรย์เลเซอร์ ถึงเวลาเลิกกลัวหมอฟันเสียที

ทอม ลิโอเลียส กล่าวถึงพัฒนาการของเลเซอร์เพื่อทันตกรรมว่า เกิดขึ้นจากแนวความคิดของหมอฟันชาวฝรั่งเศสท่านหนึ่ง ซึ่งตระหนักถึงคุณประโยชน์ของเลเซอร์ นายแพทย์ท่านนี้นำเอาแนวความคิดดังกล่าวมาพัฒนาร่วมกับนักวิชาการที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตลอสแองเจลิส(ยูซีแอลเอ) ผลลัพธ์ก็คือ เครื่องมือสร้างแสงเลเซอร์ทางการแพทย์หลายชิ้น ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา(เอฟดีเอ)ของสหรัฐอเมริกามาแล้วเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ทอม ลิโอเลียส นำ 2 เครื่องในจำนวนนั้นมาทดลองใช้งานให้ดู เครื่องแรก คือ วอเตอร์เลส อุปกรณ์สร้างแสงเลเซอร์ระบบไฮโดรคีเนติก เพื่อใช้สำหรับเนื้อเยื่อแข็ง(อย่างฟัน หรือกระดูก) และเนื้อเยื่อนุ่ม(อย่างเหงือก หรือเนื้อเยื่ออื่นในช่องปาก) วอเตอร์เลส สร้างลำแสงเลเซอร์ด้วยการยิงแสงผ่านผลึกคริสตัล เพื่อสร้างเลเซอร์ที่มีขนาดความยาวคลื่นคงที่ และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการเมื่อใช้งาน ปกติแล้วเลเซอร์จะมีอำนาจทะลุทะลวง และก่อให้เกิดความร้อนเมื่อสัมผัสพื้นผิวอื่น แต่วอเตอร์เลสขจัดปัญหาดังกล่าวด้วยการทำงานร่วมกับน้ำและลมเมื่อใช้งานจริง ลำแสงเลเซอร์ขนาดเล็กราว 300 ไมครอน จะถูกยิงออกจากท่อนำแสง พร้อมๆ กับน้ำ(เย็นจัด) และลม แสงเลเซอร์จะเข้าไปกระตุ้นโมเลกุลของน้ำให้เกิดพลังในการทะลุทะลวงแทน ในขณะที่ลมจะเป่าเอาเศษฟันผุๆ และหยดน้ำออกไป น้ำเย็นจัดที่พ่นเข้าสู่ฟันจะทำหน้าที่เหมือนยาชา ทำให้เกิดอาการชาบริเวณปลายประสาทแทนที่การใช้ยาชา ในขณะที่โมเลกุลของน้ำที่ถูกเร่งจะเป็นตัวกัดเซาะเอาเนื้อฟันผุออกจนเหลือแต่เนื้อฟันแกร่งๆ ที่ต้องการเท่านั้น แต่ถ้าหากต้องการฟอกสีเคลือบฟัน เพื่อให้ดูขาวสะอาดมากกว่าเดิม ก็ต้องไปใช้อีกเครื่องที่เรียกว่า เลเซอร์สไมล์ ที่อาศัย เซมิคอนดักเตอร์ ทรานซิสเตอร์ สร้างลำแสงเลเซอร์ที่มีขนาดคงที่ขึ้นมา(เหมือนกับเลเซอร์ที่ใช้ในการอ่านแผ่น ดีวีดีหรือวีซีดี) ใช้งานประกอบกับเจลสำหรับฟอกสีฟัน โดยลำแสงเลเซอร์ที่คงที่สม่ำเสมอจะเข้าไปทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาให้เจลเข้าไปเปลี่ยนสีเคลือบฟันอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรอนานและทำซ้ำๆ หลายๆ ครั้งเหมือนกับการไม่ใช้เลเซอร์ โดยไม่มีการสูญเสียเคลือบฟันเกิดขึ้นแต่อย่างใดทั้งสิ้น ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงบางส่วนของการใช้ประโยชน์จากลำแสงมหัศจรรย์อย่างเลเซอร์ในทางการแพทย์ที่คริสตัล เลเซอร์ เซนเตอร์ ศูนย์เลเซอร์ทางการแพทย์สมบูรณ์แบบแห่งแรกของไทย ที่ชั้น 14 อาคารเอ็มโพเรียมทาวเวอร์ ซึ่งนอกจากจะใช้เลเซอร์เพื่อทันตกรรมแล้วยังมีเลเซอร์ในการทำเลสิก แก้ไขความบกพร่องของดวงตาและการใช้เลเซอร์เพื่อความงาม อาทิ การกำจัดขน หรือขจัดริ้วรอยบนใบหน้า เป็นต้น ผู้สนใจติดต่อได้ที่ศูนย์หรือที่โทรศัพท์ 0-2664-7211-6 ครับ (มติชนรายวัน เสาร์ที่ 15 พ.ค. 47 http://www.matichon.co.th)





ข่าววิจัย/พัฒนา


เอ็นพีวีจุลินทรีย์กำจัดศัตรูพืช ผู้ใช้ปลอดภัยไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม

นายอุทัย เกตุนุติ นักกีฏวิทยา 8 สำนักวิจัยและพัฒนาการปราบศัตรูพืช กรมวิชาการเกษตร ได้ศึกษาค้นคว้า พบว่าสาเหตุเกิดจากไวรัส Nuclear Polyhedrosis Virus (NPV) เป็นโรคไวรัส ที่เกิดกับแมลงชนิดหนึ่ง มีประสิทธิภาพ ในการทำลายแมลงศัตรูพืช ในกลุ่มเดียวกัน สามารถพบได้ ตามแหล่งธรรมชาติ โดย เฉพาะในแหล่ง ที่มีการระบาด ของหนอน กระทู้หอม ไวรัส เอ็น พี วี หนอนกระทู้ผัก เพราะหนอนทั้งสองชนิดจะกัดกินพืชทุกชนิด ยกเว้น ข่า ตะไคร้ ข้าว และไวรัส เอ็น พี วี หนอนเจาะสมอฝ้าย โดยแนวทางการวิจัยจะทำการเก็บตัวหนอนในพื้นที่ต่างจังหวัด นำมาตรวจวิเคราะห์ว่ามีเชื้อดังกล่าวหรือไม่ เพื่อเก็บไว้เป็นอาหารในตัวหนอน (ต่อเชื้อ) ที่เลี้ยงไว้ในห้องแล็บ สำหรับวิธีการต่อเชื้อเอ็น พี วี เริ่มแรกจะเก็บไข่หนอนอายุ 2 วัน นำเข้าห้องฟัก ซึ่งหนอนตัวเล็กจะเกาะกระดาษที่ใส่ไว้ ตัดกระดาษใส่ลงไปในกล่องที่มีถั่วเขียวบด ซึ่งใช้สำหรับเป็นอาหารเทียม ใช้ผ้าขาวบางปิดเลี้ยงต่ออีก 8 วัน ทำการแยกหนอนใส่ตามล็อกเกอร์ที่จัดไว้ จากนั้นใส่หนอนตายซึ่งมีเชื้อ เอ็น พี วี และทิ้งไว้นาน 7 วัน หนอนจะโตเต็มที่และตาย ซึ่งจะทำให้ได้เชื้อ เอ็น พี วี มาก เสร็จแล้วใช้เครื่องดูดซากหนอนตามล็อกเกอร์จำนวน 2,500 ตัว/ขวด นำเข้าเครื่องตีปั่นละเอียด จากนั้นนำเชื้อ เอ็น พี วี อัตรา 30 มิลลิลิตร /น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุก 5-7 วัน จำนวน 2 ครั้ง ในแปลงทดลองหอมแดง หอมหัวใหญ่ แปลงฝ้าย และในไร่องุ่น ในพื้นที่อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ที่มีการระบาดของหนอนรุนแรง ซึ่งผลที่ได้ พบว่าปริมาณหนอนลดลง และที่สำคัญ เกษตรกรสามารถทำการต่อเชื้อได้ ด้วยการนำหนอนตาย 2-4 ตัว ในแปลงที่ผ่าน การฉีดพ่นเชื้อ เอ็น พี วี มาผสมน้ำ 2 ลิตร ฉีดพ่นในแปลงผัก ส่วนที่หลายคนวิตกกังวลว่า จะมีผลกับผู้ใช้ และสภาพแวดล้อมหรือไม่นั้น ทีมวิจัยได้มีการทดลองแล้ว ซึ่งผลที่ได้ คือมีความปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายทั้งนก ปลา และตัวเกษตรกร แต่จะมีผลในหนอนพวกเดียวกัน เกษตรกรที่สนใจ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ กลุ่มงานวิจัยการปราบศัตรูพืช ทางชีวภาพกองกีฎและสัตววิทยา โทร.0-2579-7580, 0-2940-7493 (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2447 http://www.thairath.co.th)





ออกกำลังช่วยขับไอเสียในกระเพาะ เหมาะกับคนมีก๊าซฟุ้งอยู่เต็มพุง

ดร.เฟอนันโด อัซไพรรอซ คณะนักวิจัยของโรงพยาบาลกลางเวลเฮบรอน ที่กรุงบาร์เซโลนาของสเปน ได้พบในการศึกษาวิจัยขนาดเล็กว่า การออกกำลังช่วยให้ขับก๊าซอัดอยู่ในท้องออกมาได้ มันช่วยขับก๊าซในลำไส้ออก ดังนั้นจึงป้องกันอาการไม่สบายในท้อง เนื่องมาจากก๊าซแน่นท้อง อย่างเช่นท้องขึ้นท้องเฟ้อได้ แต่ยังไม่นับรวมถึงผู้ที่มีอาการ โรคลำไส้ทำงานแปรปรวน ผิดปกติในการขับถ่าย ปวดท้องเป็นๆ หายๆ อย่างไรก็ตาม นักวิจัยก็ยังไม่อาจบอกได้ว่า เหตุใด การออกกำลังช่วยขับก๊าซในกระเพาะได้ เพียงแต่บอกว่าอาจจะเป็นเพราะมันทำให้เกิดแรงบีบในท้องสูงขึ้นเท่านั้น (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2447 http://www.thairath.co.th)





พัฒนาเครื่องบอกสายรถเมล์เมืองกรุงถึงที่หมายไม่ต้องกลัวหลงทาง

นายจตุรงค์ แสนสบาย นักศึกษาจากภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร ได้ประดิษฐ์เครื่องค้นหาเส้นทางเดินรถประจำทางอัตโนมัติขึ้นมา เพื่อแก้ไขปัญหานักท่องเที่ยวและคนต่างจังหวัดที่ไม่คุ้นเคยกับเส้นทางเดินรถ ขสมก. และเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการรถประจำทาง ขสมก. โดยได้ศึกษาและทดลองประดิษฐ์เครื่องค้นหาสายรถประจำทางอัตโนมัติ ซึ่งมีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมมีแป้นตัวเลข และจอแสดงผลแอลซีดีขนาดเล็ก เพื่อช่วยค้นหาสายรถประจำทางที่วิ่งไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการ โดยใช้เวลาค้นหาเพียง 15 วินาที ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ข้อมูลมาคำนวณหาหมายเลขรถประจำทางที่เหมาะสม ผู้ประดิษฐ์ได้กำหนดรหัสให้กับสถานที่สำคัญในกรุงเทพมหานครไว้ทั้งหมด 813 จุด ผนวกกับข้อมูลเส้นทางเดินรถของสายรถประจำทางของ ขสมก.จำนวน 198 สาย เก็บลงในคอมพิวเตอร์เพื่อประมวลผลหาสายรถ และยังได้จัดทำคู่มือประกอบการใช้งาน เพื่อสะดวกในการค้นหาด้วย ในการใช้งานเพื่อค้นหาสายรถประจำทางนั้น ผู้ใช้ต้องป้อนหมายเลขรหัสสถานที่ต้นทางและปลายทางตามที่ระบุไว้ลงบนแป้นตัวเลข จากนั้นข้อมูลตัวเลขสองตำแหน่งดังกล่าวจะถูกนำมาประมวลผลหาสายรถประจำทางทั้งชนิดปรับอากาศและธรรมดา เมื่อผู้ใช้บริการต้องการค้นหาสายรถประจำทาง เพียงกดรหัสสถานที่ต้นทางและรหัสสถานที่ปลายทางที่ต้องการจะไปตามคู่มือรหัสที่เตรียมไว้ ลงบนเครื่องค้นหา จากนั้นเครื่องก็จะทำการประมวลผลพร้อมแสดงหมายเลขสายรถประจำทางที่ค้นหาก็จะปรากฏผ่านหน้าจอแอลซีดีอย่างรวดเร็ว ทีมพัฒนาได้ต่อยอดมาจากโครงงานเครื่องค้นหาเส้นทางเดินรถของนักศึกษารุ่นพี่ ที่แสดงข้อมูลเส้นทางที่รถวิ่งผ่านเท่านั้น แต่ยังไม่สามารถแจ้งหมายเลขรถเมล์และรถประจำทางที่วิ่งระหว่างสองจุดหมายที่เป็นต้นทางและปลายทางได้ ใช้เวลาในการประดิษฐ์และรวบรวมข้อมูลประมาณ 1 ปี ด้วยงบประมาณราว 8,000 บาท เครื่องค้นหาเส้นทางเดินรถ ขสมก.อัตโนมัติ ดังกล่าวไดรับรางวัลชนะเลิศการประกวดผลงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์ 2004 วันนักคิดต้นน้ำแห่งมหานครไปครอง ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 20,000 บาทพร้อมเกียรติบัตร สามารถพัฒนาต่อยอดเชิง (คมชัดลึก จันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2547 http://www.komchadluek.com)





โลกวิทยาศาสตร์ : นักเคมีสร้าง "หุ่นยนต์นาโน" สำเร็จใช้ดีเอ็นเอทำเป็นขาเดินสลับไปมา

นาเดรียน ซีแมน และวิลเลี่ยม เซอร์แมน จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ นักเคมีสหรัฐ ประดิษฐ์หุ่นยนต์โมเลกุลสองขาเล็กจิ๋วมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นได้เป็นผลสำเร็จ ประเดิมทดลองเดินบนจานเลี้ยงเชื้อในห้องวิจัย นับเป็นผลงานสิ่งประดิษฐ์ขนาดนาโน ที่สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยสองขาตัวเองเป็นครั้งแรกของ หุ่นยนต์จิ๋วที่มีขนาดเล็กจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เป็นความสำเร็จครั้งแรกในวงการนาโนเทคโนโลยี เจ้าหุ่นสองขาตัวนี้มีขนาดเพียง หนึ่งในหมื่นล้านเมตร (สิบนาโนเมตร) เท่านั้น และเหตุที่สามารถเดินได้ด้วยสองขานั้น เป็นเพราะมันเป็นหุ่นยนต์ที่สร้างขึ้นมาจากขาดีเอ็นเอ หรือสารพันธุกรรมของชีวิต ที่ประกอบกันเป็นเกลียวด้วยการจับคู่กัน "เบส" 4 ตัว ได้แก่ เอ, ที, จี และ ซี โดยที่ขาดีเอ็นเอเหล่านี้ สามารถก้าวออกจากสายดีเอ็นเอเพื่อเดินไปทีละก้าว แล้วค่อยเชื่อมตัวเองเข้ากับสายดีเอ็นเอใหม่ ที่ต้องใช้ดีเอ็นเอนั้น มีเหตุผลอยู่ 2 ประการคือ ประการแรก การเชื่อมต่อของดีเอ็นเอมีลักษณะต่อกันเป็นสายขึ้นไป แต่เกลียวดีเอ็นเอจะจับคู่กันก็ต่อเมื่อการเรียงลำดับของเบสของแต่ละข้างเข้าคู่กันอย่างถูกต้องเท่านั้น เปรียบเทียบได้กับ "ซิป" ซึ่งจะรูดเข้าหากันสนิทได้ ขาแต่ละข้างจะต้องจับคู่กันถูกต้อง ประการที่สอง นักวิจัยหวังว่าสักวันหนึ่งจะสามารถออกแบบเซลล์เพื่อสร้างหุ่นยนต์ที่ทำด้วยดีเอ็นเอได้ ขาแต่ละข้างของหุ่นยนต์จิ๋ว ประกอบด้วย เบส 36 ตัว และสร้างขึ้นจากคู่สายดีเอ็นเอที่จับคู่กันเป็นเกลียวไขว้ ที่ส่วนบนของเกลียวขาข้างซ้ายและขวาจะเชื่อมต่อกัน ขณะที่ปลายข้างล่าง ขาเบสซี่หนึ่งจะกางออกจากเกลียวคู่เพื่อใช้เป็นขาสำหรับเกาะ ทางเดิน หรือ "ทางเท้า" สำหรับให้หุ่นยนต์นาโนเดินนั้น ก็ทำจากดีเอ็นเอเช่นกัน และได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ส่วนที่ไม่ได้จับคู่ของสายดีเอ็นเอเข้ามาเกาะ โดยมีลักษณะเป็นเดือยยื่นออกมาเรียงต่อๆ กันตลอดทาง และให้ขาของหุ่นยนต์ดีเอ็นเอใช้เป็นแท่นเหยียบ โดยจะมี "สมอ" ของดีเอ็นเอคอยยึดไว้ ซึ่งจะล็อกเข้ากันพอดี และเนื่องจากขาและแท่นเหยียบทั้งของข้างซ้ายและขวา มีลักษณะที่เฉพาะตัว จึงต้องใช้ "สมอ" ที่ต่างกัน ส่วนวิธีการที่ทำให้ขาแต่ละข้างก้าวไปข้างหน้าได้นั้น จำเป็นต้องมีขาข้างหนึ่งของดีเอ็นเอที่ยังไม่ได้จับเข้าชุดเพื่อดึง "สมอ" ตัวหนึ่งออกมา และจังหวะเดียวกันจะทำให้ขาที่ยึดอยู่หลุดก้าวเดินออกมาได้ ที่ตัวสมอจะมีด้ามจับอยู่ด้านบน ซึ่งเป็นสายดีเอ็นเอขนาดสั้น ที่ไม่ยึดติดกับขาหรือแท่นเหยียบ สายดีเอ็นเอที่ไม่ได้จับคู่จะเกาะกับด้ามจับนี้ และยึดกับสมอที่อยู่ข้างล่าง จากนั้นสมอจะหลุดออกมาโดยง่าย เนื่องจากมันต้องการหาคู่เบสอยู่แล้ว ส่วนขาข้างที่ยังเป็นอิสระอยู่ จะก้าวไปเกาะกับสมออันใหม่ และจะยึดกับแท่นเหยียบอันต่อไป ทำให้หุ่นยนต์ดีเอ็นเอก้าวไปข้างหน้าตลอด (คมชัดลึก จันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2547 http://www.komchadluek.com)





เผยโฉมสุดยอดอัจฉริยะไอที

กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที ร่วมกับ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด จัดโครงการ เลอเมล กรังด์ปรีซ์ แชมเปี้ยนชิพ 2004 หรือ"ไอทีเพื่ออนาคตเด็กไทย" เพื่อเฟ้นหาสุดยอดอัจฉริยะด้านคอมพิวเตอร์ การแข่งขันมีทั้งระดับอุดมศึกษา และระดับมัธยมศึกษา ซึ่งมีนักเรียนนักศึกษาเข้าร่วมโครงการ กว่า 3,000 คน จากกรุงเทพฯ และปริมณฑล สำหรับผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับอุดมศึกษา คือนายไพบูลย์ บุญธกานนท์ นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม น้องชนะพงษ์ แสงสูง และ น้องวรวัฒน์ คงบวรเกียรติ จากโรงเรียนวัดอินทาราม ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศระดับมัธยมศึกษา สามารถประกอบคอมพิวเตอร์เสร็จเร็วที่สุด ด้วยเวลา 3.23 นาที โดยมีนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ไอซีทีเป็นประธานมอบรางวัลแก่แชมป์เยาวชนผู้ชนะเลิศ (เดลินิวส์ อังคารที่ 11 พฤษภาคม 2547 http://www.dailynews.co.th)





อะดิดาสโชว์นวัตกรรมรองเท้าไฮเทคปรับพื้นเท้าอัตโนมัติให้เหมาะกับนักวิ่ง

"อดิดาส" ผู้ผลิตรองเท้ากีฬาชั้นนำ พัฒนา "รองเท้าอัจฉริยะ" ติดชิพคอมพิวเตอร์คู่แรกของโลก ที่สามารถปรับระดับพื้นรองให้เหมาะเจาะกับขนาดและระยะก้าวเท้าของนักวิ่ง ระบุเป็นนวัตกรรมแห่งอนาคต ที่ช่วยเสริมสมรรถนะในการวิ่งทางไกล ส่วนราคาขายแพงลิ่วถึงคู่ละหมื่นบาท อดิดาส ได้ตั้งฉายาเจ้ารองเท้าไฮเทครุ่นนี้ว่า "อดิดาส วัน" หลังจากผู้ผลิตสัญชาติเยอรมันรายนี้ .ใช้เวลาพัฒนา 3 ปี อีริช สแตมมิ่งเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของบริษัทรองเท้ารายนี้ กล่าวถึง "อดิดาส วัน" ว่าเป็นรองเท้าอัจฉริยะคู่แรกของโลก เพราะมันสามารถรับรู้สัมผัส เข้าใจ และสามารถปรับสภาพตัวเองได้ ทางบริษัทได้นำรองเท้าดังกล่าวไปทดสอบการใช้งานนับพันชั่วโมง จนมั่นใจว่า รองเท้าที่ฝังชิพคอมพิวเตอร์นี้ทนต่อการใช้งานวิ่งในเกือบทุกสภาพ ตั้งแต่ทางเท้ายันถนนกรวด ถนนดินแดงไปถึงชายหาดเปียกๆ จุดเด่นของรองเท้าคู่นี้อยู่ที่ไมโครโปรเซสเซอร์ ที่ฝังอยู่ตรงกลางพื้นโค้งรองเท้า ซึ่งจะปรับสกรูและสายเคเบิลเพื่อปรับพื้นส้นเท้าให้เข้ากับนักวิ่ง หลังรับข้อมูลจากตัวเซ็นเซอร์ที่ฝังอยู่ในรองเท้า หน่วยประมวลผลทำงานโดยอาศัยแเบตเตอรี่ ซึ่งจะปรับรองเท้าเฉพาะตอนที่เท้าลอยอยู่กลางอากาศขณะนักกีฬาก้าววิ่ง ซึ่งจะลดแรงเสียดทานจากพื้นด้วย (คมชัดลึก อังคารที่ 11 พฤษภาคม 2547 http://www.komchadluek.com)





แปลงรถเข็นเป็นอุปกรณ์ออกกำลัง ติดเซ็นเซอร์วัดอัตราผลาญไขมัน

บริษัท วานล์ ในเยอรมนี เปิดเผยว่าได้ ดัดแปลงรถเข็นในห้างสรรพสินค้า ให้กลายเป็นเครื่องออกกำลังกาย หวังกระตุ้นให้นักช้อปหันมาใส่ใจสุขภาพ เล็งนำร่องใช้งานที่เทสโก้ในอังกฤษเป็นรายแรก รถเข็นเพื่อสุขภาพนามว่า "ทริมโทลลี" (Trim Trolley) สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจและบอกปริมาณแคลอรีของคนเข็นที่กำลังถูกเผาผลาญขณะกำลังชอปปิงอยู่ได้ ด้วยการติดตั้งเซ็นเซอร์ไว้ที่คานจับ ที่ใช้สำหรับควบคุมการเคลื่อนที่ของรถเข็น ผู้ผลิตเชื่อว่า ระบบที่ติดตั้งใหม่ลงในรถเข็น จะมีส่วนช่วยให้ผู้บริโภคใส่ใจในสุขภาพมากขึ้น อาทิ การตัดสินใจลากรถเข็นไปยังซุ้มผลไม้ แทนที่จะไปหยิบเอาเค้กช็อกโกแลตกลับบ้าน นอกจากนี้ เจ้าทริมโทลลี ยังทำให้บรรดานักช้อปต้องออกกำลังมากกว่าเดิม เพราะทีมงานได้เพิ่มระดับความฝืดของล้อด้านหน้าตัวรถ เพื่อให้เกิดการเผาผลาญแคลอรีสูงขึ้น รถเข็นมูลค่า 30,000 บาท ( กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 11 พฤษภาคม 2547 http://www.bangkokbiznews.com)





เภสัชกรไทยคิดค้นแคปซูลไคโตซาน คุณสมบัติละลายในลำไส้ขจัดปัญหาฤทธิ์ยากัดกระเพาะ

ผศ.ดร.ภูริวัฒน์ ลี้สวัสดิ์ ภาควิชาวิทยาศาสตร์เภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ประสบควสมสำเร็จจากการวิจัยศึกษาคุณสมบัติไคโตซานอย่างละเอียด ได้นำมาประยุกต์ใช้ประโยชน์ในการเป็นวัตถุดิบผลิตเปลือกแคปซูลยาทดแทนวัตถุดิบเจลาติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ได้จากสัตว์ และคุณสมบัติของแคปซูลไคโตซานยังมีความพิเศษที่แตกต่างจากแคปซูลเจลาติน และราคาต้นทุนต่ำกว่า จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นทางเลือกใหม่ให้วงการอุตสาหกรรมยาในประเทศ เริ่มต้นโดยนำฟิล์มไคโตซานมาทดลองขึ้นรูปบนแม่พิมพ์ พบว่าสามารถทำได้ตามความหนาที่ต้องการ โดยเพิ่มเทคนิคผลิตคือหลังจากจุ่มในไคโตซานแล้วต้องนำไปจุ่มในด่างเพื่อให้เกิดการคงตัว แล้วล้างน้ำเพื่อทำความสะอาดสารด่างให้หมดไป ซึ่งจะได้สารเคลือบ 1 ชั้นแต่มีความบางเกินไป ขาดความแข็งแรง จึงทดลองจุ่มซ้ำอีกรวม 4 ครั้งๆ ละ 2 นาที จึงจะได้แคปซูลที่มีความแข็งพอดี "แคปซูลไคโตซานที่ได้แตกต่างจากแคปซูลเจลาติน โดยเจลาตินจะละลายในกระเพาะภายใน 30 วินาทีหลังรับประทาน แต่แคปซูลไคโตซานใช้เวลา 30 นาทีกว่าจะละลายหมด จึงต้องประยุกต์ใช้งานให้เหมาะสม โดยสามารถนำมาใช้เป็น "แคปซูลที่ไม่ละลายในกระเพาะอาหารแต่ไปละลายในลำไส้" เหมาะสมกับยาบางชนิดที่ออกฤทธิ์ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร เช่น สมุนไพรกระเทียมที่ระคายเคืองกระเพาะอาหารสูง แต่ถ้าใช้แคปซูลไคโตซานจะเข้าไปละลายและแตกตัวในลำไส้ ปัญหาการระคายเคืองจะไม่เกิดขึ้น" นักวิจัย ม.เชียงใหม่ กล่าว งานวิจัยที่ค้นพบถือเป็นรูปแบบการใช้งาน ที่แตกต่างจากแคปซูลเจลาติน และในอนาคตจะพัฒนาต่อให้เป็นแคปซูลที่ออกฤทธิ์ยาในระยะเวลาที่ยาวนานกว่าปกติ โดยจะทำหน้าที่นำส่งตัวฮอร์โมนเข้าสู่ปลาบึก ด้วยการฝังแคปซูลที่เจาะรูด้วยเลเซอร์ในตัวปลาบึก เพื่อให้แคปซูลค่อยๆปลดปล่อยฮอร์โมนออกมาอาจจะใช้เวลานานถึง 6 เดือน เพื่อควบคุมการเจริญเติบโตของปลาบึก ( กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 11 พฤษภาคม 2547 http://www.bangkokbiznews.com)





ชิปคอมพิวเตอร์กับพัดลม...อนาคตบนทางเส้นขนาน

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Perdue ในมลรัฐอินเดียนาประเทศสหรัฐอเมริกาได้เปิดเผยผลงานวิจัยซึ่งกำลังได้รับการพัฒนาอยู่ โดยงานวิจัยดังกล่าวเป็นงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับระบบระบายความร้อน ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับสิ่งประดิษฐ์หรือเครื่องมือเครื่องใช้หลาย ๆ อย่างไม่จำกัดเฉพาะแค่ชิปคอมพิวเตอร์เพียงเท่านั้น เครื่องมือที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาจากงานวิจัยชิ้นดังกล่าวประกอบด้วยส่วนหลัก ๆ คือขั้ว Electrode กว่า 300 ขั้วซึ่งเป็นท่อคาร์บอนขนาดจิ๋วที่เล็กในระดับนาโนเมตร โดยจะมีขั้ว Electrode อยู่ทั้งสองขั้วของเครื่องมือ หลักการทำงานที่อธิบายอย่างง่าย ๆ ก็คือว่าเมื่อเราให้ความต่างศักย์แก่ขั้วทั้งสองมากพอ อิเล็กตรอนจากขั้วหนึ่งของ Electrode ก็จะกระโดดข้ามผ่านช่องว่างขนาด 10 ไมครอนข้ามไปยังขั้วฝั่งตรงข้าม อิเล็กตรอนที่กระโดดข้ามช่องว่างนี้เองที่จะไปทำให้โมเลกุลของอากาศมีสภาพประจุเป็นบวก แต่ยังไม่ทันที่อิเล็กตรอนจะกระโดดข้ามไปถึงฝั่งตรงข้าม ความต่างศักย์ที่ให้ก็จะถูกกลับขั้วส่งผลให้อิเล็กตรอนที่หลุดออกมาแล้วจึงถูกชักเย่อระหว่างขั้วทั้งสอง อากาศบริเวณนั้นจึงปกคลุมไปด้วยหมอกของประจุบวกในที่สุด อิเล็กตรอนที่ถูกดึงกลับไปกลับมาระหว่างขั้ว Electrode จะทำให้อากาศบริเวณนั้นเคลื่อนตัวผ่านพื้นผิวของ Heat Sink ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้สำหรับระบายความร้อนของชิปคอมพิวเตอร์ก็จะทำให้ความร้อนที่เกิดขึ้นจากชิปคอมพิว เตอร์ถูกถ่ายเทออกไปจากบริเวณนั้นได้นั่นเอง อย่างไรก็ตามสิ่งประดิษฐ์จากงานวิจัยชิ้นนี้อยู่ในระหว่างการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นไปอีก แต่อย่างไรก็ดีจากการทดลองในห้องปฏิบัติการนักวิจัยประสบความสำเร็จในการระบายความร้อนของพื้นผิวโลหะแม้ว่าจะยังไม่ดำเนินการ ทดลองกับชิปคอมพิวเตอร์จริง ๆ ก็ตาม หากว่าเทคโนโลยีดังกล่าวได้รับการพัฒนาจนสามารถนำมาใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้จริง เราคงมีโอกาสได้เห็นเครื่องคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลงไปกว่าที่เป็นอยู่ และไม่มีเสียงพัดลมที่ดังอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย (เดลินิวส์ พุธที่ 12 พ.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





'ศูนย์ประกันคุณภาพอาหาร' รับวิเคราะห์ตรวจสอบทุกประเภท

ศูนย์บริการประกันคุณภาพอาหาร และห้องปฏิบัติการวิเคราะห์อาหารและเครื่องดื่ม เป็นหนึ่งในหน่วยงานสังกัดของสถาบันค้นคว้าและพัฒนา ผลิตภัณฑ์อาหาร เมื่อปี 2540 จึงเปิดบริการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์อาหารและวัตถุดิบทางการเกษตร แก่หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ศูนย์ฯได้พัฒนาศักยภาพและภารกิจของศูนย์ฯอย่างต่อเนื่อง และได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ยูนิลีเวอร์ เบสท์ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในการมอบทุนพัฒนาจำนวน 20 ล้านบาท จึงทำให้ศูนย์ฯสามารถพัฒนาศักยภาพได้ดียิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องพัฒนาบุคลากร ตลอดจนพัฒนาอุปกรณ์ตรวจสอบวิเคราะห์ ล่าสุดมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดพิธีเปิด “ศูนย์บริการประกันคุณภาพ และห้องปฏิบัติการวิเคราะห์อาหารและเครื่องดื่ม” อย่างเป็นทางการเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่อาคารอมรภูมิรัตน สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร โดยนางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.สาธารณสุข เป็นประธานเปิดงาน มีดร.วารุณี วารัญญานนท์ ผอ.สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันฯสามารถพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของศูนย์บริการประกันคุณภาพอาหารและห้องปฏิบัติการวิเคราะห์อาหารและเครื่องดื่มได้มากขึ้น ทั้งในเรื่องเทคนิคอุปกรณ์ บุคลากร วิธีวิเคราะห์ตรวจสอบ ทำให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างครบวงจรมากขึ้น มีการวิจัย พัฒนา รวมถึงฝึกอบรมด้วย หากคุณภาพอาหารที่ส่งมาตรวจสอบไม่ได้คุณภาพ ทางศูนย์ฯก็มีคำแนะนำแก้ไขให้ด้วยสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีปัญหา แต่หากพื้นที่ใดไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ทางศูนย์ฯก็จะมีเจ้าหน้าที่ลงไปช่วยพัฒนา แนะนำกรรมวิธีในการผลิตที่ถูกต้อง เหมาะสม มีผู้นำผลิตภัณฑ์มาให้ทดสอบพอสมควร ประมาณเดือนละกว่า 100 ตัวอย่าง หากผู้ใดสนใจสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์บริการประกันคุณภาพอาหาร และห้องปฏิบัติการวิเคราะห์อาหารและเครื่องดื่ม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน” ดร.วารุณีกล่าว (เดลินิวส์ พุธที่ 12 พ.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





ตู้จำหน่ายหนังสือพิมพ์สิ่งประดิษฐ์วิศวะรุ่นเยาว์

เครื่องจำหน่ายหนังสือแบบหยอดเหรียญ เป็นผลงานการคิดค้นของนายนิรุต เขียวย้อย และนายณพงศ์ จินดา นักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหานคร หัวใจการทำงานอยู่ที่เซ็นเซอร์อินฟราเรด ซึ่งติดตั้งอยู่ด้านหน้า มีหน้าที่ตรวจสอบว่าหนังสือพิมพ์ที่ผู้ซื้อซื้อนั้นถูกหยิบออกไปหรือยัง หากหยิบออกไปแล้ว แท่นวางหนังสือพิมพ์จะยกขึ้นโดยอัตโนมัติ เพื่อรอการขายหนังสือพิมพ์ฉบับต่อไป นายนิรุต เล่าว่า เมื่อเปิดเครื่อง แท่นรับหนังสือพิมพ์จะเลื่อนลงมารอรับการบรรจุหนังสือพิมพ์สำหรับจำหน่าย ซึ่งรองรับได้มากสุด 50 ฉบับ จากนั้นตั้งราคาขายโดยกดปุ่มตั้งค่า (set) ตามด้วยปุ่มเริ่มต้นทำงาน (start) เสร็จแล้วแท่นวางหนังสือพิมพ์จะยกขึ้นไปจนชนกับลิมิต สวิทช์ เพื่อเป็นการตรวจสอบว่าหนังสือพิมพ์พร้อมที่จะจ่ายออกจากเครื่อง เมื่อผู้ซื้อหยอดเหรียญตามราคาที่ตั้งไว้ หรือจำนวนมากกว่านั้น แล้วกดปุ่มซื้อ เครื่องจะจ่ายหนังสือพิมพ์ออกจากจากช่องจ่าย ส่วนระบบการหยอดเหรียญนั้น ใช้ชุดรับเหรียญสำเร็จรูปที่มีขายอยู่ในท้องตลาด เนื่องจากในการตรวจสอบการซื้อ ต้องมีการตรวจว่าเหรียญที่หยอดมานั้นเป็นเหรียญจริงหรือปลอม โดยจะตรวจสอบจากขนาดและน้ำหนัก และชุดรับเหรียญสำเร็จจะมีการตรวจสอบอยู่แล้ว เครื่องจะทำการตรวจนับหนังสือพิมพ์ที่ขายไป และจำนวนที่เหลืออยู่ โดยการหักออกจากจำนวนที่ตั้งไว้ในตอนแรกไปเรื่อยๆ หากหนังสือพิมพ์หมด จะมีไฟติดตรงคำว่าหมดเพื่อบอกแก่ผู้ซื้อ และเพื่อผู้ขายจะได้ทราบและนำหนังสือพิมพ์มาเติมได้ แต่มีข้อจำกัดคือ ขายหนังสือพิมพ์ได้เพียงหัวเดียวเท่านั้น เพราะเป็นเครื่องต้นแบบของนักศึกษา แต่หากต้องการขายหนังสือพิมพ์หลายหัว ที่ราคาต่างกัน จะต้องปรับปรุงโครงสร้างของเครื่องเพื่อวางขายหนังสือพิมพ์หัวอื่นๆ แต่ยังใช้ช่องจ่ายหนังสือพิมพ์ช่องเดียวกันได้ และออกแบบในส่วนของวงจรเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถเลือกฉบับได้ (คมชัดลึก พุธที่ 12 พ.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





ค้นพบเทคนิคใหม่รักษาโรคอ้วน สหรัฐทดสอบตัดตอนแหล่งอาหารของไขมัน

มิกเฮล โคโลนิน นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแท็กซัส ในเมืองฮุสตัน เปิดเผยว่าคณะทำงานของเขาค้นพบวิธีขจัดไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายของหนูทดลองที่เป็นโรคอ้วน ด้วยการใช้ยาฉีดเข้าไปทำลายหลอดเลือดฝอยที่ทำหน้าที่หล่อเลี้ยงไขมันสีขาวในร่างกายได้เป็นผลสำเร็จ สามารถลดน้ำหนักให้หายเกือบหนึ่งในสามของน้ำหนักรวมร่างกายภายในหนึ่งเดือน ตัวยาดังกล่าว เป็นยารักษาโรคมะเร็งที่ออกแบบมาเพื่อยับยั้งการเติบโตของเส้นเลือดภายในเนื้องอก และเมื่อนำมาทดสอบกับหนูก็พบว่าสามารถลดปริมาณไขมันสะสมในตัวหนูได้เช่นกัน แต่งานวิจัยชิ้นนี้ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าตัวยาจะส่งผลข้างเคียงต่อเนื้อเยื่อส่วนอื่นในร่างกายหรือไม่ ดังนั้น คณะทำงานชุดนี้จึงตัดสินใจพัฒนายาที่มีผลเจาะจงไปที่เนื้อเยื่อไขมันสีขาวเท่านั้น โดยคัดเลือกเปปไทด์ ที่มีอยู่ในเมมเบรนโปรตีน และพบเฉพาะในเส้นเลือดที่ทำหน้าที่หล่อเลี้ยงไขมันสีขาวในร่างกาย จากนั้นก็นำไปผสมกับเปปไทด์อีกชนิด เพื่อให้เกิดการทำลายตัวเอง หรือที่ เอพ็อปโทซิส (apoptosis ) หลังจากนั้นทีมงานได้นำไปทดลองกับหนูที่เป็นโรคอ้วน โดยฉีดเปปไทด์ที่ผ่านการผสมแล้วใส่ในตัวหนูทุกวัน พบว่าภายใน 4 สัปดาห์ หนูมีน้ำหนักตัวลดลง 30% ขณะที่หนูในกลุ่มควบคุมซึ่งได้รับเปปไทด์แยกส่วนกัน กลับยังคงอ้วนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวยาดังกล่าวยังไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงใดๆ และไขมันก็ไม่ได้ไปสะสมในอวัยวะส่วนอื่นของร่างกายด้วย คณะนักวิจัยเชื่อว่าไขมันที่หายไป เป็นเพาะอัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกายมีระดับสูงขึ้นกว่าปกติ สำหรับเมมเบรนโปรตีนเป้าหมายมีชื่อว่า โพรฮิบิติน (prohibitin) มีอยู่ในเส้นเลือดไขมันสีขาวของมนุษย์ ดังนั้นคณะทำงานของโคโลนินจึงเชื่อว่างานวิจัยนี้จะนำไปสู่การพัฒนายาสำหรับรักษาผู้ป่วยโรคอ้วนได้อย่างเห็นผล (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 12 พ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





คาสิโอเผยโฉมเซลล์เชื้อเพลิงเล็กที่สุดในโลก

ตัวแทนบริษัทคาสิโอ เปิดเผยว่า ทางบริษัทสามารถพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิง โพลีเมอร์ อิเล็กโทรไลต์ ซึ่งออกแบบขึ้นสำหรับใช้ในรถยนต์ และอุปกรณ์ภายในบ้าน ให้มีขนาดเล็ก จนเกือบเท่ากับขนาดของแบตเตอรี่ลิเธียม ไอออน ทั่วๆไปได้ ขณะที่ เซลล์ดังกล่าว จะมีความจุสูงกว่าแบตเตอรี่ธรรมดาเกือบ 4 เท่า และสามารถให้พลังงานแก่คอมพิวเตอร์แล็บทอปมาตรฐาน ได้นานราว 8-16 ชั่วโมง เซลล์เชื้อเพลิงดังกล่าว จะประกอบด้วยอุปกรณ์ ซึ่งทำหน้าที่ดึงเอาก๊าซไฮโดรเจน ออกมาจากสารเมธานอล และส่งก๊าซไฮโดรเจนไปยังเซลล์เชื้อเพลิงหลักได้ โดยบริษัทคาสิโอ ร่วมมือกับนายอากิระ อิการาชิ ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรม มหาวิทยาลัยโคกะกุอิน ในการพัฒนาให้อุปกรณ์ดังกล่าว มีขนาดเล็กเท่าเหรียญ 500 เยน จึงสามารถนำเซลล์ทั้งหมด มาติดตั้งลงในแล็บทอปได้ อุปกรณ์ ซึ่งทำหน้าที่ดึงก๊าซไฮโดรเจนออกมา อาจมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นสูงมากได้ ดังนั้น ทางบริษัทจึงตัดสินใจแก้ปัญหาดังกล่าว โดยการนำเคสป้องกันความร้อน มาหุ้มไว้อีกชั้นหนึ่ง นอกจากนี้ ทางบริษัทยังพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิง ที่ใช้พลังงานจากสารเมธานอลโดยตรงเช่นกัน แต่เซลล์รูปแบบดังกล่าว ต้องอาศัยปั๊มสำหรับควบคุมสารเมธานอลเหลว จึงทำให้มีขนาดใหญ่เกินกว่าจะติดตั้งลงในแล็บทอปได้ (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 12 พ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





มจธ.คิดค้น เครื่องต้มไก่ระบบคลื่นไมโครเวฟร่วมกับน้ำร้อน

รศ.วีระชัย แก่นทรัพย์ และนายพชรพล ปานมุข นายสุรพงศ์ ธวัชชัยไพศาล นายทวีโชค เตชะธรรมวงศ์นักศึกษาจากภาควิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ได้ทำการศึกษาการต้มไก่ที่ทำกันอยู่ในปัจจุบันพบว่าหนังไก่แตก สุกไม่พร้อมกัน ชิ้นส่วนของไก่หลุด ทางคณะผู้ศึกษาวิจัยจึงประดิษอุปกรณ์สำหรับการผลิตไก่โดยไม่ให้มีปัญหา ดังกล่าวด้วยการใช้คลื่นไมโครเวฟร่วมกับน้ำร้อน ที่ต้องร่วมกับน้ำร้อนเพราะการทำให้ไก่สุกด้วยคลื่นไมโครเวฟเพียงอย่างเดียวจะทำให้ทุกส่วนของตัวไก่ได้รับพลังงานความร้อนพร้อมกันและเท่า ๆ จึงได้นำผลดีของทั้งสองวิธีมารวมกัน โดยที่คลื่นไมโคร เวฟจะทำให้ชิ้นส่วนหนา ๆ เช่น หน้าอกสุกได้รวดเร็ว และน้ำร้อนทำให้ชิ้นส่วนบาง ๆ เช่น ปีก น่องและขาหนีบสุกได้รวดเร็ว ทำให้หนังไก่ไม่แตกและชิ้นส่วนไม่หลุดออกจากกัน ขณะเดียวกันก็จะใช้น้ำในการต้มให้ น้อยที่สุด หรือใช้น้ำซุปไก่เพื่อให้เกิดการแพร่ของโปรตีนและแร่ธาตุออกจากตัวไก่ให้น้อยที่สุด ซึ่งจะทำให้รสชาติของเนื้อไก่อร่อย การใช้กรรมวิธีต้มไก่ด้วยระบบคลื่นไมโครเวฟร่วมกับน้ำร้อนนี้ สามารถลดเวลาจากการต้มไก่ได้ด้วยคือจากวิธีเดิมต้องใช้เลา 90-100 นาทีมาเป็นเพียง 40-50 นาทีเท่านั้น และมีค่าใช้ จ่ายประมาณ 3 บาทต่อไก่ 1 ตัว สำหรับเครื่องต้มไก่ชนิดนี้ประกอบด้วยถัง สแตนเลสทรงกระบอกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 36 ซม. สูง 60 ซม. ติดตั้งหลอดแมกนีตรอนด้านข้าง 1 ตัว ขนาดกำลังไฟฟ้า 800 วัตต์ ฝาเปิด-ปิดอยู่ทางด้านบน ออกแบบให้ป้องกันการรั่วของคลื่นไมโครเวฟและทั้งหมดประกอบอยู่ภายในตู้สแตนเลสขนาด 50x50 สูง 100 ซม. สนใจต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่ภาควิชาวิศวเครื่องกล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี หมายเลขโทรศัพท์ 0-2470-9125 (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 13 พ.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





เตียงกำราบเด็กดิ้นก่อนเอกซเรย์ช่วยงานถ่ายภาพรังสีเป็นเรื่องกล้วยๆ

น.ส.ศิรดา เมธาฤทธิ์ นักศึกษาสาขาวิชารังสีเทคนิค คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้คิดค้นชุดอุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากรังสีในการถ่ายภาพรังสีเด็ก ซึ่งจะช่วยลดโอกาสรับปริมาณรังสีเกินจำเป็น จากการถ่ายซ้ำในกรณีที่ภาพขาดคุณภาพ รวมทั้งลดความเสี่ยงในการรับรังสีของเจ้าหน้าที่และผู้ปกครอง ที่ต้องช่วยกันจับยึดเด็กให้อยู่นิ่ง อุปกรณ์ที่ใช้คำนึงถึงขนาดรูปร่างของเด็กอายุ 1-3 ขวบ พิจารณาจากน้ำหนัก ความสูง และความกว้างของลำตัว นำมาใช้ในการออกแบบส่วนต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมสำหรับเอกซเรย์ทรวงอก ส่วนวัสดุการผลิตเป็นไฟเบอร์กลาส ซึ่งต้นทุนไม่สูงนัก หาได้ในประเทศ เจ้าของผลงานได้ส่งอุปกรณ์ช่วยงานเอกซเรย์เด็กนี้ ไปทดสอบใช้งานในโรงพยาบาลมหาราช จ.เชียงใหม่ พบว่า เจ้าหน้าที่รังสีเทคนิคส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในประสิทธิภาพในการทำงานของอุปกรณ์ดังกล่าว และให้ข้อสังเกตว่ามีความสะดวกในการใช้งาน เช่น สามารถจัดท่าได้โดยไม่มีผลการรบกวนเนื่องจากรังสีกระเจิง สำหรับลักษณะของอุปกรณ์ช่วยเอกซเรย์เด็กนี้ มีลักษณะคล้ายเตียงขนาดกว้าง 40 ซม. ยาว 80 ซม.สูงจากพื้น 75 ซม. ติดตั้งล้อเลื่อนจำนวน 8 ล้อ เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย พร้อมด้วยสายรัดที่สามารถใช้กับเด็กขนาดต่างๆ ได้ และเตียงนี้สามารถปรับให้อยู่ในแนวตั้งและแนวนอนได้ เพื่อรองรับการเอกซเรย์ท่ายืนและท่านอน ส่วนด้านล่างของเตียงมีถาดวางตลับฟิล์ม ซึ่งควบคุมการเคลื่อนที่ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เขายังได้ออกแบบอุปกรณ์ช่วยงานเอกซเรย์เด็กเล็กแบบตั้งโต๊ะ มีน้ำหนักเบา สามารถหิ้วไปใช้งานนอกสถานที่ได้สะดวก จึงเหมาะสำหรับหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ หรืองานบริการชุมชนของนักเรียนแพทย์ ผลงานอุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากรังสีในการถ่ายภาพรังสีเด็ก ได้รับรางวัลอันดับ 1 จากการโหวตลงคะแนนภายในงานแสดงผลงานพัฒนาเทคโนโลยีทุนปริญญาตรี สกว. ครั้งที่ 2 เมื่อปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีผลงานนักศึกษาร่วมแสดงเกือบ 200 โครงงาน (คมชักลึก พฤหัสบดีที่ 13 พ.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





วิจัยใบบัวบกรักษามะเร็งลำไส้ มช.พร้อมทดลองในคนแต่ขาดงบ

รศ.อุษณีย์ วินิจเขตคำนวณ หัวหน้าภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับเภสัชกรของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วิจัยสารสกัดใบบัวบกเพื่อหาสารต้านมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยขั้นตอนการวิจัยได้มีการพิสูจน์กลไกการออกฤทธิ์ โดยทดลองสารสกัดกับหนูที่ผ่านการกระตุ้นจนเป็นมะเร็งในลำไส้ใหญ่ พบว่า มีเซลล์ที่ผิดปกติได้ลดขนาดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะสารที่สกัดจากใบบัวบกได้ไปทำปฏิกิริยากับเซลล์มะเร็ง ทำให้หยุดการเจริญเติบโตของมะเร็ง และพัฒนาได้ถึงขั้นสามารถทำลายเซลล์มะเร็งสามารถรักษาโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากคุณสมบัติพิเศษเช่นสามารถเพิ่มภูมิต้านทานโรค และเพิ่มเม็ดเลือดขาวให้กับร่างกาย สามารถผลักดันให้ใบบัวบก เป็นพืชที่มีความสำคัญในวงการแพทย์อีกชนิดหนึ่งที่น่าจับตามอง สำหรับการวิจัยเพิ่มเติมนั้น ยังขาดงบประมาณการวิจัย ทำให้ต้องชะลอโครงการไว้ก่อน หากว่าได้รับงบประมาณเข้ามาสนับสนุน เพื่อพัฒนาการวิจัย ขั้นตอนต่อไปจะดำเนินการทดลองใช้กับคน ซึ่งตอนนี้ได้มีคนไข้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะสุดท้ายที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ได้ขอเข้าร่วมโครงการทดลองจำนวน 3-5ราย หลังจากทราบข่าวว่ามีสารสกัดจากใบบัวบกรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 13 พ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





วว.เปิดตัวเครื่องตรวจแอลกอฮอล์ เล็งพัฒนาต่อยอดสู่การตรวจมะเร็งจากลมหายใจ

ดร.พีรศักดิ์ วรสุนทโรสถ ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เปิดเผยว่า วว.ประสบความสำเร็จในการวิจัยและพัฒนา เครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดชนิดพกพา พร้อมเครื่องพิมพ์ผลที่ช่วยให้แสดงผลได้ในทันที มีประสิทธิภาพความแม่นยำเทียบเท่าเทคโนโลยีต่างประเทศ แต่ทำงานเร็วกว่า 15 เท่า พร้อมทั้งราคาต่ำกว่า 50% โดยต้นทุนผลิตราคา 20,000 - 25,000 บาท เทียบกับเครื่องนำเข้าราคา 40,000 - 100,000 บาท นอกจากนี้ หลังจากการใช้งานตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วเสร็จครั้งแรก เครื่องพร้อมจะทำงานตรวจสอบครั้งต่อไปได้ภายใน 15 วินาที ซึ่งแตกต่างจากเครื่องนำเข้าที่ต้องใช้เวลาในการคำนวณและแจ้งผลประมาณ 45 วินาที ถึง 1.5 นาที จากนั้นต้องรออีก 45 วินาที ถึงจะพร้อมในการตรวจวัดครั้งต่อไป ส่วนการบันทึกข้อมูลสามารถบันทึกได้ 8,000 ข้อมูล และจะลบข้อมูลแรกโดยอัตโนมัติหากมีข้อมูลที่ 8,001 เข้ามา เครื่องสามารถพิมพ์ข้อมูลย้อนหลังได้ 20 ข้อมูล สามารถใช้ได้กับโปรแกรมวินโดว์สได้ทุกโปรแกรม โดยไม่ต้องมีซอฟต์แวร์ในการติดตั้ง ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ 12 โวลล์ น้ำหนักน้อยกว่า 600 กรัม อีกทั้งใช้วัสดุที่หาได้ภายในทำให้มีราคาถูก โดยราคาสายเป่าที่ต้องเปลี่ยนทุกครั้งในการตรวจวัดแต่ละคน ไทยผลิตได้ที่ราคา 1 บาทต่ออันเท่านั้น ขณะที่ปัจจุบันใช้ของต่างประเทศราคาเส้นละ 12-20 บาท ดร.สมโรจน์ พณิชย์อำนวย ที่ปรึกษาโครงการวิจัยฯ วว. กล่าวว่า เทคโนที่ใช้ในเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์เป็นระบบใหม่คือ ใช้ระบบผลิตความถี่โดยที่เครื่องจะปล่อยอิเล็กตรอนย่านความถี่ระดับหนึ่ง ซึ่งจะทำปฏิกิริยากับแอลกอฮอล์ หากผู้ทดสอบมีปริมาณแอลกอฮอล์จากลมหายใจ จะสามารถตรวจสอบได้โดยตรวจวัดได้ตั้งแต่ปริมาณ 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร ขณะที่เครื่องต่างประเทศใช้เซลล์เชื้อเพลิง ซึ่งด้านหนึ่งเป็นฮิตเตอร์และอีกด้านหนึ่งเป็นตัววัดอุณหภูมิ เมื่อแอลกอฮอล์วิ่งผ่านฮิตเตอร์ จะทำให้มีความร้อนเกิดขึ้น และวัดอุณหภูมิออกมาคำนวณหาเป็นปริมาณแอลกอฮอล์ "เครื่องตรวจวัดที่ไทยผลิตได้เองนี้ใช้เทคโนโลยีที่ใช้ในการแพทย์มาผลิต ซึ่งอนาคตจะพัฒนาเครื่องนี้ให้ตรวจวัดผู้ป่วยมะเร็งปอดและมะเร็งกระเพาะอาหาร เพราะเครื่องนี้สามารถตรวจสอบค่าความเป็นกรดด่างของลมหายใจ" ผู้ว่าการ วว. กล่าว (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 13 พ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





นิโคตินในใบยาสูบลดความเครียดนิโคตินในใบยาสูบลดความเครียด

ศ.นพ.สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจตัวรับสัญญาณสารนิโคตินที่มีอยู่ในเซลล์ทั่วไปในร่างกายของมนุษย์ เพราะสารนิโคตินในใบยาสูบจะไปช่วยกระตุ้นทำให้เซลล์ต่างๆ ที่เกิดความเครียด ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อ หรือเซลล์เสื่อมสภาพให้มีความเครียดน้อยลง ในอนาคตจะมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยจากโรคอัลไซเมอร์ หรือโรคความจำเสื่อมปกติโดยทั่วไป สารนิโคตินที่เรารู้จักในบุหรี่นั้น มักรู้จักในด้านที่เป็นโทษต่อร่างกาย และเมื่อไปผสมกับกับทาร์ จะก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ แต่ในวงการวิทยาศาสตร์เห็นประโยชน์ของนิโคตินและกำลังให้ความสนใจ ศึกษาประโยชน์ด้านนี้อยู่ ขณะนี้คณะแพทย์ศาสตร์ เภสัชศาสตร์ มศว ร่วมกันทำวิจัยกับโรงพยาบาลโรงงานยาสูบ เพื่อนำใบยาสูบสายพันธุ์ต่างๆ จากโรงงานยาสูบมาสกัดเอาสารนิโคติน จากนั้นก็นำไปทดสอบในเซลล์ที่ต้องทนต่อสภาพความเครียดต่างๆ ที่เซลล์ได้รับ งานวิจัยนี้จะทำให้รู้สายพันธุ์ใบยาสูบว่าสายพันธุ์ไหนมีคุณภาพ ของสารนิโคตินอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ดีกับเซลล์ของมนุษย์มากที่สุด ซึ่งในอนาคตอาจนำไปสู่การพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ยาที่อาจจะช่วยในด้านเซลล์ประสาทเสื่อมสภาพได้ (ผู้จัดการรายวัน พฤหัสบดที่ 13 พ.ค. 47 http://www.manager.co.th)





ระบบการจัดการน้ำเสียจากฟาร์มสุกร ในพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาปสงขลา

ผศ.ดร.อนุสรณ์ อินทรังษี ผู้อำนวยการโครงการนำร่องระบบการจัดการน้ำเสียจากฟาร์มสุกรในพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา สถานเทคโนโลยีก๊าซชีวภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากปัญหาเร่งด่วนเกี่ยวกับความเสื่อม-โทรมของคุณภาพน้ำในทะเลสาบสงขลา ซึ่งมีสาเหตุมาจากการระบายน้ำเสียจากกิจกรรมต่าง ๆ ลงสู่ทะเลสาบ รัฐบาลจึงต้องการที่จะให้มีการพัฒนาและใช้ประโยชน์ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา โดยมีการบริหารน้ำเสียและน้ำทิ้งบริเวณลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาไปในทิศทางที่ถูกต้อง ดังนั้น จึงมอบหมายให้ กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานมายัง สถานเทคโนโลยีก๊าซชีวภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อนำระบบก๊าซชีวภาพสำหรับฟาร์มเลี้ยงสัตว์มาเป็นระบบสาธิตของโครงการนำร่องระบบการจัดการน้ำเสียจากฟาร์มสุกรในพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา เนื่องจากเป็นระบบกำจัดน้ำเสียที่เหมาะสมในการนำมาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหามลภาวะจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โดยใช้หลักการนำสารอินทรีย์หรือมูลสัตว์ไปหมักในสภาพที่ไร้อากาศ เพื่อให้แบคทีเรียย่อยสลายสารอินทรีย์ให้เปลี่ยนรูปเป็นก๊าซชีวภาพ ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นเชื้อเพลิง สามารถใช้เป็นพลังงานทดแทนได้ เช่น ก๊าซหุงต้มในครัวเรือน หรือใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลในการสูบน้ำ ใช้ความร้อนเพื่อกกลูกสุกร ใช้มูลสัตว์ที่ผ่านการหมักแล้วเป็นปุ๋ยอินทรีย์ และน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วสามารถหมุนเวียนกลับมาใช้ประโยชน์ในฟาร์มและพื้นที่เกษตรได้ ทำให้คนในชุมชนได้รับประโยชน์จากระบบรวมที่จัดสร้างขึ้น โดยได้คัดเลือกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าหิน อ.สมิงพระ จ.สงขลา เป็นพื้นที่สาธิตโครงการ และจากการสำรวจพบว่า มีการเลี้ยงสุกรมากที่หมู่ที่ 4-6 ประมาณ 2,000 ตัว การตั้งฟาร์มจะตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบและระบายน้ำเสียลงสู่ทะเลสาบโดยตรง ทำให้เกิดปัญหาน้ำเสียและน้ำในทะเลสาบตื้นเขิน ประกอบกับผู้บริหารและสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าหินให้ความสนใจ ที่จะนำมูลสัตว์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงได้ตกลงร่วมกันที่จะจัดสร้างระบบบำบัด (ไทยนิวส์รายวัน พฤหัสบดีที่ 13 พ.ค. 2547 http://www.thainews70.com)





"กร" เอาด้วยติดอุปกรณ์เซฟน้ำมันฝีมือนักวิจัยวว.

ดร.พีรศักดิ์ วรสุนทโรสถ ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กล่าวว่า หลังจากได้เสนอข่าวการคิดค้น "E-plus เทคโนโลยีช่วยประหยัดน้ำมันรถยนต์" ขึ้น เพื่อตอบรับกระแสน้ำมันขึ้นราคา โดยอุปกรณ์ดังกล่าวจะช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 10% ที่สำคัญยังใช้ได้กับรถยนต์ทุกยี่ห้อทั้งประเภทเบนซินและดีเซล โดยมีราคาขายเพียง 3,500 บาทนั้น ปรากฏว่ามีชาวบ้านโทรมาสอบถามที่วว.และขอจองเครื่องประหยัดน้ำมันมากกว่า 3,000 รายแล้ว แต่ทางวว.ได้ขอให้ขึ้นทะเบียนเอาไว้ เนื่องจากนักวิจัยจะผลิตเครื่องได้ทันวันที่ 28 พ.ค.-1 มิ.ย.นี้ ประมาณแค่ 2,000 เครื่องเท่านั้น ขณะนี้กำลังคิดกันว่าจะทำอย่างไร ถึงจะผลิตให้ทันความต้องการของชาวบ้านได้ แต่คนที่ลงชื่อเอาไว้จะมีการผลิตและเรียกมาติดตั้งอุปกรณ์ไปเรื่อยๆ นายกร ทัพพะรังสี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า นับเป็นความสำเร็จและเป็นความเก่งของนักวิจัยไทย ที่สามารถผลิตอุปกรณ์ช่วยประหยัดน้ำมันได้ เข้ากับสถานการณ์ที่น้ำมันกำลังขึ้นราคาพอดี โดยตนก็รู้สึกสนใจอุปกรณ์ดังกล่าวอย่างมาก ขณะนี้ได้สอบถามรายละเอียดกับ ดร.พีรศักดิ์ ว่ารถรุ่นไหนจะเหมาะกับการติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดน้ำมัน ระหว่างรถยนต์ยี่ห้อ BMW หมายเลขทะเบียน กร 5115 และรถยนต์ ทะเบียน กร 11 โดยตนจะนำไปติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าว เพื่อจะได้เป็นตัวอย่างที่ดีกับคนทั่วไป และเป็นการยืนยันว่าเครื่องที่ผลิตโดยฝีมือคนไทยมีประสิทธิภาพ คาดว่าจะนำรถยนต์ไปติดตั้งในเร็วๆนี้ (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 14 พ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ฝรั่งเศสหนุนเทคโนฯ'เภสัชชีวภาพ' ส่งมอบมหิดลแล็บออกแบบโมเลกุลยา

อาจารย์จตุรงค์ ประเทืองเดชกุล หน่วยแบบจำลองระดับโมเลกุลและชีวสารสนเทศ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า คณะได้รับเงินทุนจากรัฐบาลฝรั่งเศสจำนวน 5 หมื่นยูโร ในการจัดซื้อฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ใช้ในกิจกรรมจัดตั้ง "หน่วยแบบจำลองระดับโมเลกุลและชีวสารสนเทศ" ในคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุใช้ประโยชน์ด้านวิจัยและพัฒนา ด้านเภสัชศาสตร์ชีวภาพ เผยงานวิจัยแรก ค้นหายาต้านมาลาเรียและเอดส์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการขนส่งมาจากประเทศฝรั่งเศส อีกทั้งได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการวิจัยเกี่ยวกับแบบจำลองโมเลกุลจากมหาวิทยาลัยปารี ขณะที่บริษัท ไบโอควอนตา จำกัด เอกชนด้านวิจัยเทคโนโลยีจะสนับสนุนทุนงวดต่อไปพร้อมเทคโนโลยีให้หน่วยฯ สำหรับแบบจำลองโมเลกุลเป็นการศึกษาหาแบบจำลองโมเลกุลโดยใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อนำไปอธิบายกลไกสิ่งมีชีวิต การเกิดโรคและโครงสร้างโมเลกุลยา สำหรับนำข้อมูลไปใช้ในการคิดค้นยาใหม่ ทำนายผลของยาที่คิดค้นขึ้นใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพยาเดิม ส่วนชีวสารสนเทศเป็นการนำข้อมูลข่าวสารของสิ่งมีชีวิต ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้วิจัยมาแล้วนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และใช้สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ "งานวิจัยนำร่องของหน่วยฯจะค้นหายาต้านโรคมาลาเรียและเอดส์ พร้อมทั้งวิจัยพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพยาเดิม รวมถึงหาแนวทางใหม่ในการรักษา 2 โรคนี้ โดยใช้เทคโนโลยีแบบจำลองระดับโมเลกุล และในอนาคตจะพัฒนาไปถึงการค้นหายาต้านมะเร็ง รวมถึงสร้างแบบจำลองสารสำคัญจากสมุนไพร เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและลดความเป็นพิษ ก่อนนำมาสังเคราะห์สารใช้ประโยชน์ต่อไป" อาจารย์จตุรงค์ กล่าว (กรุงเทพุรกิจ ศุกร์ที่ 14 พ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





สูตรอาหารคุณแม่ใกล้คลอด เปิบปลามากช่วยให้ลูกตัวโต

คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยบริสทอล ผู้ทำการวิจัยครั้งนี้ ได้สอบถามสตรีมีครรภ์เกือบ 12,000 ราย เกี่ยวกับการกินปลาในช่วงตั้งครรภ์ 32 สัปดาห์ จากนั้นคิดคำนวณการได้รับกรดไขมันโอเมกา-3 จากปลา จนเชื่อได้ว่า กรดไขมันตัวนี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เกณฑ์เฉลี่ยพบว่าแต่ละวันว่าที่คุณแม่กลุ่มนี้ กินปลาประมาณ 1 ใน 3 ของปลาทูนากระป๋องเล็ก หรือเท่ากับได้รับกรดไขมันโอเมกา-3 ในปริมาณ 0.15 กรัม สรุปได้ว่า ยิ่งคุณแม่กินปลามากเท่าไร เด็กที่คลอดออกมาก็ยิ่งห่างไกลจากอัตราการเป็นเด็กตัวเล็ก ดร.อิโมเจน โรเจอร์ หัวหน้าคณะวิจัย ชี้ว่า อาจเป็นไปได้ว่ากรดไขมันโอเมกา-3 ช่วยกระตุ้นอัตราการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ โดยทำให้เลือดข้นน้อยลง และเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตสู่รก ทำให้เด็กได้รับปริมาณสารอาหารจากแม่เพิ่มขึ้น (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 15 พ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ข่าวทั่วไป


กินยาลดไขมันดันไขมันไปพอกตับ จิบเบียร์กระป๋องเท่ากับกินไขมัน 2 ช้อน

น.พ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล แพทย์แผนปัจจุบัน ที่สนใจศึกษาการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ปัจจุบันมีคนไทยไม่น้อยที่มีระดับไขมันในเลือดสูง โดยเฉพาะคอเลสเทอรอล คนส่วนใหญ่เอาแต่กินยาลดไขมันในเลือด โดยไม่สนใจปรับพฤติกรรมการบริโภค ยังรับประทานอาหารไขมันสูง โดยไม่รู้ว่ายาลดไขมันในเลือดจะเข้าไปกดการทำงาน ของตับไม่ให้สร้างไขมันคอเลสเทอรอลออกมา จนเกิดภาวะตับสำลักไขมัน หรือไขมันเกาะตับ จากการกินอาหารที่มีไขมันล้นเกิน น.พ.บรรจบกล่าวด้วยว่า การบริโภคที่ไม่เหมาะสม ทำให้คนไทยอ้วน เช่น การดื่มนมวัวทำให้ได้รับไขมันคอเลสเทอรอลจากนมวัว เกิดเป็นไขมันในเลือดสูง ควรดื่มนมถั่วเหลืองจะมีผลดีต่อสุขภาพมากกว่า คนส่วนใหญ่รับประทานน้ำมันพืช เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก เพราะต้องการลดคอเลสเทอรอล แล้วทำไมจึงดื่มนมเอาไขมันคอเลสเทอรอลใส่ตัว นอกจากนั้น ยังพบว่า การดื่มเบียร์ไทย 1 กระป๋อง ได้พลังงานเท่ากับการรับประทานไขมัน 2 ช้อนโต๊ะครึ่ง ไขมันที่ล้นเกิน จึงไม่แปลกใจที่คนดื่มเบียร์จะอ้วนฉุ เตือนประชาชนให้ตระหนัก ถึงการรับประทานอาหารที่เหมาะสมด้วย (ไทยรัฐ อังคารที่ 11 พฤษภาคม 2547 http://www.thairath.co.th)





เร่งวิจัยสินค้าเกษตรอินทรีย์ ชิงเค้กตลาดนอกแสนล้าน

นายฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่าความต้องการบริโภคผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรอินทรีย์ในตลาดทั้งในและต่างประเทศมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย แคนาดา และญี่ปุ่น มีความต้องการค่อนข้างมาก ทำให้สินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ประเทศไทยส่งออกมีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกปี ดังนั้น ปี 2547-2549 กรมวิชาการเกษตรจึงได้เตรียมแผนการศึกษาวิจัยด้านเกษตรอินทรีย์ เพื่อรับรองแหล่งผลิต ผลผลิต และปัจจัยการผลิต การศึกษาวิจัยดังกล่าวจะเน้นวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตพืชอินทรีย์ 6 ชนิด ได้แก่ ข้าวขาวดอกมะลิ 105 ลองกอง ส้มโอ ทุเรียน เงาะ และมังคุด ทั้งนี้ เพื่อสร้างและกำหนดมาตรฐานคุณภาพการผลิตพืชอินทรีย์ พร้อมกับพัฒนาระบบมาตรฐานการตรวจสอบและรับรองพืชอินทรีย์ด้วย คาดว่าอีก 5 ปีข้างหน้า ตลาดการค้าอาหารอินทรีย์จะมีอัตราสูงขึ้นมากกว่า 10% คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 100,000 ล้านบาท ( กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 11 พฤษภาคม 2547 http://www.bangkokbiznews.com)





“บางปู"ห้องเรียนธรรมชาติใกล้กรุง งานชิ้นล่าของกองทุนสัตว์ป่าโลก

ผลงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ เป็นข้อสนับสนุนได้ดี ถึงความสัมพันธ์ระหว่างป่าชายเลนกับแนวปะการัง ที่ค้นพบว่าแนวปะการังที่อยู่ไม่ไกลจากป่าชายเลน จะมีสัตว์ทะเลในจำนวนมากกว่าแนวปะการังที่ตั้งอยู่โดดๆ ถึง 26 เท่า แต่ในทางตรงกันข้าม ป่าชายเลนกลับถูกทำลายลงเร็วกว่าป่าฝนเขตร้อนถึง 35 % เนื่องจากคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับป่าบนแผ่นดินมากกว่าป่าชายน้ำ บางปูเป็นแหล่งรองรับนกน้ำอพยพ ที่เดินทางมาไกลจากไซบีเรีย และตอนเหนือของจีนในทุกฤดูหนาว ไม่น้อยกว่า 20,000 ตัวในแต่ละปี นกบางส่วนใช้บางปู เป็นที่แวะพัก ในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนเดินทางต่อไปยังแผ่นดินตอนใต้ แต่ก็มีอีกไม่น้อย ที่เลือกที่นี่เป็นที่พักพิงตลอดฤดูหนาว นกที่พบได้ที่บางปู นอกจากนกนางนวลธรรมดาหลายพันตัวแล้ว ยังสามารถพบเห็นนกที่อยู่ในภาวะถูกคุกคามระดับโลกอีกหลายชนิด "บางปูเป็นพื้นที่พิเศษกว่าพื้นที่อื่น โดยรอบกรุงเทพฯ ในการทำเป็นศูนย์ศึกษาธรรมชาติ เนื่องจากมีพื้นที่ชุ่มน้ำ และยังเหลือป่าชายเลนที่คงความสมบูรณ์ เมื่อเทียบกับพื้นที่อื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง ทั้งยังเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไปอย่างกว้างขวาง การที่ประชาชนเดินทางมาพักผ่อนตากอากาศ และได้ร่วมกิจกรรมศึกษาธรรมชาติด้วยจึงน่าจะเป็นผลดี นี่คือสาเหตุที่เลือกบางปู จ.สมุทรปราการ เป็นพื้นที่สำหรับจัดตั้งศูนย์ศึกษาธรรมชาติแห่งแรกของ WWF ในประเทศไทย" จอห์น พาร์ ผอ.ฝ่ายอนุรักษ์กองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) สำนักงานประเทศไทย กล่าว กองทัพบกได้ร่วมมือกับ WWF จัดตั้งโครงการศูนย์ธรรมชาติศึกษาบางปู มุ่งเน้นให้เยาวชนศึกษาธรรมชาติ ตลอดจนประชาชนทั่วไปเข้ามาพักผ่อน มีนิทรรศการ ห้องฉายสไลด์ และใช้จัดกิจกรรมกลุ่ม โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในวันที่ 12 ส.ค.นี้ ด้วยรูปแบบของศูนย์ธรรมชาติศึกษาครบวงจร "บางปู" ในวันนี้ จึงมิใช่เป็นเพียงแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของคนกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ยังเป็นชั้นเรียนธรรมชาติศึกษา ที่เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ ให้กับทุกคน (มติชนรายวัน พุธที่ 12 พ.ค. 47 http://www.matichon.co.th/khaosod)





พัดลมไอน้ำ : คุณอนันต์-โทษมหันต์

นิตยา จันทร์เรือง มหาผล โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ บอกว่า พัดลมไอน้ำนั้นมีทั้งประโยชน์และข้อเสีย ซึ่งประโยชน์ของมันก็คือเหมาะใช้คลายร้อนในช่วงหน้าร้อน โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีอุณหภูมิสูงมาก จะทำให้เราได้รับความชุ่มชื้นจากไอน้ำ แต่พัดลมชนิดนี้ไม่เหมาะที่จะใช้ในช่วงหน้าฝนและหน้าหนาว เนื่องจากอากาศมีความชื้นสูงอยู่แล้ว ที่สำคัญคือ พัดลมไอน้ำไม่เหมาะที่จะใช้กับผู้ที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ และจะทำให้เกิดผลเสียขึ้นได้ เพราะการทำงานของร่างกายคนเรานั้น จะมีการปรับสมดุลกันระหว่างร่างกายกับสภาพอากาศ ซึ่งผู้มีปัญหาระบบทางเดินหายใจนั้น ร่างกายจะทำงานไม่สมดุลอยู่แล้ว และถ้าใช้พัดลมไอน้ำด้วยแล้ว ร่างกายก็จะทำงานที่หนักขึ้น ทั้งนี้เนื่องจาก การนำไอน้ำจากพัดลมเข้าไปในร่างกาย จะทำให้ปอดมีน้ำอยู่ในปริมาณมาก และจะทำให้เกิดเป็นโรคปอดบวมได้ ยิ่งถ้านำไปใช้ในเวลานอนด้วยแล้ว ก็จะทำให้เป็นโรคปอดบวมได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากเวลานอนเป็นช่วงที่ร่างกายต้องพักผ่อน แถมยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคที่ปอดได้อีก เช่น อาจทำให้เป็นโรคปอดอักเสบ ดังนั้นพัดลมไอน้ำจึงมีประโยชน์เฉพาะบางฤดูกาลและเฉพาะบางคนเท่านั้น (ผู้จัดการรายสัปดาห์ 6 พฤษภาคม 2547 http://www.manager.co.th)





เวียดนามจะปั้นประชาชนให้ตัวใหญ่ ใช้บำรุงทั้งอาหารและการพลศึกษา

รัฐบาลเวียดนามได้ลงมือปลุกปั้น เพื่อให้ชาวเวียดนามมีรูปร่างสูงใหญ่ขึ้น ด้วยหนทางด้านโภชนาการและการออกกำลัง เพราะเห็นว่าคนเวียดนาม ยังมีรูปร่างต่ำเตี้ย กว่าคนชาวเอเชีย อย่างคนจีนและญี่ปุ่นด้วยกันอีกหลายชาติ โดยตั้งงบเอาไว้มูลค่า 1,600 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมเรื่องอาหารการกินและการมีสุขภาพร่างกายดี โดยจะได้ดำเนินการขึ้นตามโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ "เรากำลังทำโครงการทางด้านโภชนาการและการพลศึกษา เพื่อจะช่วยให้เด็กทั้งหญิงชาย มีรูปร่างสูงใหญ่ขึ้น ชาวเวียดนามล้วนแต่ใฝ่ฝันอยากมีรูปร่างสูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่อีกสัก 2-3 นิ้วด้วยกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะเด็กหนุ่มสาว ต่างเห็นกันว่า คนสูงถึงจะสวยงาม ยิ่งเด็กสาวด้วยแล้วจะเลือกหาแฟนหรือเพื่อนฝูงที่ล้วนแต่เป็นคนรูปร่างสูง นอกจากนั้นการเป็นคนรูปร่างเตี้ย ยังโดนถูกจำกัดสิทธิหลายอย่าง เช่น การประกวดความงามและในการงานอาชีพบางอย่าง เช่น การสมัครเข้าเป็นแอร์โฮสเตส ของสายการบินต่างๆอีกด้วย (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 13 พ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





พระราชทานตราตั้งพระครุฑพ่าห์4บริษัทยักษ์ใหญ่ค้าขายสุจริต

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อ 4 บริษัทยักษ์ของเมืองไทยอย่างหาที่สุดมิได้ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานตราตั้งพระครุฑพ่าห์ให้เป็นขวัญและกำลังใจ ซึ่งตราตั้งพระ ราชทานเป็นเสมือนเอกสารรับรองแก่บริษัทห้างร้านที่ได้รับว่าเป็นบริษัทที่มีหลักฐาน ตั้งมั่นอยู่ในความดี ประกอบการค้าด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่เชื่อถือมาช้านาน ทั้ง 4 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) โดยนายสมชาย บุลสุข ประธานคณะกรรมการบริหาร, บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด (มหาชน) โดยนายพงส์ สารสิน ประธานกรรมการ, บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยนายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา และบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยนายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการและกรรมการ ผู้อำนวยการใหญ่ เข้ารับหนังสือตราตั้งจากนายแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการพระราชวัง เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ศาลาว่าการพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 14 พ.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





สนช.จุดพลุเอกชน วิจัยนวัตกรรมเชิงพาณิชย์

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ จับมือสถาบันการเงิน จัดทำโครงการ 'นวัตกรรมดีไม่มีดอกเบี้ย' กระตุ้นภาคธุรกิจ ทำวิจัยและพัฒนา เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือกระบวนการผลิตใหม่ โดยสนับสนุนเงินกู้ปลอดดอกเบี้ย ระบุเงื่อนไขจำกัดเฉพาะงานวิจัย 5 สาขา ภายใต้ยุทธศาสตร์ของชาติ พร้อมเปิดตัว 5 บริษัทนวัตกรรมนำร่องโครงการ เมื่อ (13 พ.ค.) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IFCT) และธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามความมือโครงการ 'นวัตกรรมดีไม่มีดอกเบี้ย' โดยนำร่องสนับสนุนทุนกู้ยืมปลอดดอกเบี้ยแก่ผู้ประกอบการ 5 แห่ง สำหรับดำเนินโครงการวิจัยต่อยอดด้านนวัตกรรม ที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ นายศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ เปิดเผยว่า โครงการนวัตกรรมดีไม่มีดอกเบี้ย เป็นการให้เงินสนับสนุนโครงการนวัตกรรมที่มีการต่อยอดจากผลงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์และสิทธิบัตร หรือเทคโนโลยีที่มีอยู่เดิมไปสู่เชิงพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์ใหม่หรือกระบวนการผลิตใหม่ ที่จะทำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพ และผลกำไรในที่สุด สนช.มีงบประมาณในการสนับสนุนเงินให้เปล่าแก่โครงการที่ผ่านการพิจารณา เพื่อใช้เป็นดอกเบี้ยเงินกู้จำนวน 90 ล้านบาท ขณะที่ผู้ประกอบการต้องรับภาระเงินต้นด้วยตนเอง และธนาคารที่เข้าร่วมโครงการจะสามารถปล่อยสินเชื่อในโครงการนี้ได้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท สำหรับนวัตกรรมเชิงยุทธศาสตร์ของไทย มีทั้งหมด 5 สาขา ประกอบด้วย อาหารสมุนไพร, ยาง ผลิตภัณฑ์ยางและไม้ยาง, ซอฟต์แวร์และแมคาทรอนิกส์, ยานยนต์และชิ้นส่วน รวมถึงการออกแบบเชิงวิศวกรรมและเชิงอุตสาหกรรมด้วย ส่วนโครงการนวัตกรรมนำร่องที่ได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้ มีทั้งหมด 5 โครงการ ได้แก่ โครงการกังหันลมผลิตไฟฟ้าความเร็วลมต่ำที่เหมาะสมกับประเทศไทย โครงการผลิตเอนไซม์อะไมเลส/โปรตีนเอสและไคโตซานสำหรับผสมหัวอาหารสัตว์ โครงการนวัตกรรมผลิตน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ โครงการนวัตกรรมผลิตภัณฑ์จากผักตบชวาและโครงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง (ชนิดอัดเม็ด) โครงการนวัตกรรมที่ได้รับการคัดเลือก จะต้องมีความเป็นนวัตกรรมที่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อกลุ่มอุตสาหกรรม มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ต่อยอดจากผลงานวิจัย หรือเทคโนโลยีที่มีอยู่เดิม ต้องมีความเป็นไปได้ในเชิงธุรกิจด้วย (กรุงเทพุรกิจ ศุกร์ที่ 14 พ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





แนะรัฐเพิ่มค่าตอบแทนอีก60% แก้ปัญหาวิกฤติแพทย์ลาออก

น.พ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกสมาคมแพทยสภา กล่าวว่า รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขแพทย์ลาออก คือ การเพิ่มค่าตอบแทนเพื่อทำให้แพทย์อยู่ในระบบมากขึ้น และต้องไม่น้อยกว่า 60% เมื่อเทียบกับค่าตอบแทนของเอกชน ซึ่งต้องเพิ่มให้ทั้งในส่วนค่าวิชาชีพ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิเศษที่ขาดแคลน โดยเฉพาะในชนบทจะต้องเพิ่มแรงจูงใจเพื่อให้แพทย์อยู่ในพื้นที่ได้ รวมไปถึงค่าทำงานเกินอัตราของแพทย์ ซึ่งเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีทราบปัญหาดี 'หากเทียบเงินเดือนของแพทย์จบใหม่ หากเข้าทำงานในโรงพยาบาลของรัฐจะได้รับเงินเดือนเพียง 8,320 บาทเท่านั้น ขณะที่ทำงานในโรงพยาบาลเอกชนจะได้รับเงินเดือนถึง 80,000-100,000 บาท เป็นสาเหตุทำให้จำนวนแพทย์เฉพาะทางของโรงพยาบาลรัฐ ขณะนี้เหลือเพียงกว่า 1,000 คนเท่านั้น' ทั้งนี้ นายกสมาคมแพทยสภาได้กล่าวขอบคุณรัฐบาล ที่ได้อนุมัติให้ปรับเปลี่ยนตำแหน่งพนักงานของรัฐเข้าเป็นข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2547 ซึ่งมีจำนวนถึง 27,385 คน โดยในจำนวนนี้ มีแพทย์รวมอยู่ประมาณ 1,300 คน ที่เป็นแพทย์จบใหม่ และยังไม่ได้รับการบรรจุ โดยระบุว่า ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี และยังเป็นการแสดงความจริงใจของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา (กรุงเทพุรกิจ ศุกร์ที่ 14 พ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





พบกล้วยไม้หายาก"เอื้องศรี" จุดขึ้นกระเช้าไฟฟ้าเชียงดาว

น.พ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ ประธานชมรมอนุรักษ์นกและธรรมชาติล้านนา เปิดเผยว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตน และคณะเดินทางไปสำรวจจุดที่จะสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นดอยเชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พบว่าบริเวณจุดซึ่งจะใช้สร้างสถานีรับส่งบนดอยเชียงดาว ซึ่งจะสร้างในระดับความสูงประมาณ 2,100 เมตรเป็นแหล่งของกล้วยไม้ตระกูลใหม่ของโลก ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงอนุญาตให้ใช้พระนามตั้งชื่อกล้วยไม้นี้ว่า "เอื้องศรีเชียงดาว(Sirindhornia pulchella)" ปัจจุบันทั่วโลกมีพบที่ดอยเชียงดาวเพียงที่เดียวเท่านั้น และพบในจุดที่จะนำไปสร้างสถานีกระเช้าไฟฟ้า ซึ่งจากการสำรวจพบว่าบริเวณนี้มีต้นกล้วยไม้เอื้องศรีเชียงดาวขึ้นกระจายไปทั่วบริเวณ 35 จุด ถ้าปล่อยให้มีการสถานีกระเช้าไฟฟ้า จะต้องมีการปรับพื้นดิน ต้นกล้วยไม้พันธุ์นี้จะได้รับผลกระทบต้องสูญพันธุ์ไปจากโลกแน่นอน ซึ่งจะเป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง "ต้นเอื้องศรีเชียงดาว ถูกค้นพบโดยนายปิยเกษตร สุขสถาน นักพฤกษศาสตร์สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ในปี 2543 และได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Nordic Journal of Botany Vol.22 No.4 ในปี 2545 โดยกล้วยไม้นี้จะขึ้นตามร่องแตกของหินปูน จะออกดอกในเดือนเมษายน ถึง มิถุนายน ซึ่งที่ผ่านมาทางองค์การ สวนพฤกษศาสตร์พยายามที่จะเพาะพันธุ์กล้วยไม้นี้แต่ไม่สำเร็จ ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่า กล้วยไม้นี้ต้องการสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเท่านั้นถึงจะขึ้นได้ ถ้ามีการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม มีการสร้างสถานีกระเช้าไฟฟ้า สร้างโรงปั่นไฟ ต้นเอื้องศรีเชียงดาวต้องสูญพันธุ์หมดแน่นอน" น.พ.รังสฤษฎ์กล่าว ในเดือนมิถุนายน จะมีคณะรัฐมนตรี(ครม.) สัญจรที่จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มชาวบ้านในพื้นที่จะเดินทางไปยื่นหนังสือถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คัดค้านโครงการสร้างกระเช้าไฟฟ้า เพราะที่นี่เป็นสถานที่อุดมสมบูรณ์ของพันธุ์พืชมากที่สุด โดยเฉพาะมีกล้วยไม้ที่มีที่เดียวในโลก (มติชน ศุกร์ที่ 14 พ.ค. 47 http://www.matichon.co.th)





"แม้ว"หนุน"ไบโอดีเซล"ประหยัดน้ำมัน

เมื่อวันที่ 13 พ.ค. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ถีบตัวสูงขึ้นตลอดเวลาว่า ในการประชุมครม.วันที่ 18 พ.ค. คงต้องสั่งการและหามาตรการพิเศษขึ้นมา จากที่ได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเมื่อคืนวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันวิจัยโดยสรุปว่าอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า ราคาน้ำมันอาจขึ้นสูงกว่านี้เป็นเท่าตัว เนื่องจากน้ำมันนับวันจะหมดลงไป แต่ปริมาณความต้องการน้ำมันกลับสูงขึ้น ฉะนั้นเราต้องมีมาตรการอย่างจริงจังในการประหยัดพลังงาน ทั้งเรื่องการรณรงค์และหันมาใช้น้ำมันผสม เช่นน้ำมันปาล์มกับดีเซล หรือที่เรียกว่าไบโอดีเซล คงต้องทำอย่างจริงจัง รวมทั้งการหาพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันเพิ่ม และต้องกระตุ้นให้เกิดการใช้มากขึ้น โดยอาจจะให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) เพิ่มรถใช้น้ำมันไบโอดีเซลให้มากขึ้น (ข่าวสด http://www.matichon.co.th/khaosod)





วิกฤติครอบครัวไทยเน้นเก่งเมินความดี

จากการสัมมนาครอบครัวสากล 2547 เรื่อง "สถาบันครอบครัวกับความมั่นคงของประเทศและสันติภาพโลก" จัดโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับสหพันธ์ครอบครัวเพื่อความสามัคคีและสันติภาพโลก (ประเทศไทย) และคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ สำหรับเอเชียและแปซิฟิก น.พ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ได้กล่าวว่า สถาบันหลักของประเทศคือ พระมหากษัตริย์, ศาสนาและครอบครัว ทั้ง 3 สถาบันเป็นกระดูกของสังคมไทยที่มีความเกี่ยวโยงซึ่งกันและกัน สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหลักในยามสงบสุข และเป็นหลักชัยในยามสงครามและวิกฤติต่างๆ ไม่ว่าเศรษฐกิจ หรือการเมือง โดยเฉพาะพระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน มีแง่คิดเกี่ยวกับการเลี้ยงดูเด็ก ผู้สูงอายุและความสัมพันธ์ในครอบครัวมากมาย ปัญหาในขณะนี้ คือครอบครัวสมัยใหม่ยัดเยียดความรู้ ไม่สอนความดีและไม่มีการสอนการทำงาน ให้เด็กเรียนกวดวิชา 7 วัน โดยไม่ต้องทำงานบ้าน ไม่มีการทำประโยชน์ เพื่อสังคม พ่อแม่เน้นให้ลูกเรียนแต่ไม่เคยพาไปวัด สอนความดีน้อยเกินไปจนเกิดวิกฤติศีลธรรมในสังคมไทย เด็กที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยดังแต่พร้อมที่จะโกงให้ตัวเองได้คะแนนสูง เก่งแต่โกงก็ไม่เอา ยึดเอาแต่ เปลือกภายนอกของสังคม บูชาคนรวย ไม่บูชาความเป็นคนของคนทุกคน ยุทธศาสตร์ในการแก้วิกฤติครอบครัวไทย คือ เร่งพัฒนาทำให้ครอบครัวไทยอบอุ่นเป็นที่ถ่ายทอดสิ่งดีงามทำให้ครอบครัวมีความเข้มแข็ง และต้องรีบแก้ไขผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของวิกฤติครอบครัวไทย ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่ถูกทอดทิ้ง และผู้สูงอายุ และอยากจะฝากให้มีการรวบรวมองค์ทางด้านความรู้ เทคโนโลยีพัฒนาครอบครัว หรือที่เรียกว่า คฤหศาสตร์ ไปพัฒนาครอบครัว ทางด้าน น.พ.ประเวศ วะสี ได้กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่สุดที่กระทบสถาบันครอบครัวคือ การพัฒนาของประเทศที่เน้นค่าทาง จีดีพี หรือรายได้ของประชากร ซึ่งถ้าพ่อแม่อยู่บ้านเลี้ยงลูกค่าจีดีพีจะไม่ขึ้น ดังนั้น อยากจะให้สร้างดัชนีใหม่ วัดครอบครัวอบอุ่นความสุขในครอบครัว จีเอ็นเอช ประจำทุกปีแทน (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 15 พ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ร่างแผนแก้เด็กไทยไอคิวต่ำ

ดร.สิริกร มณีรินทร์ รมช.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้พัฒนาการความฉลาดทางปัญญาหรือไอคิว ของเด็กไทยลดต่ำกว่าปกติจำนวนมาก เด็กปฐมวัยอายุระหว่าง 0-5 ปี มีไอคิว 71.69 ส่วนเด็กในวัยเรียน 6-12 ปี มีไอคิวโดยเฉลี่ย 91 ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ และเมื่อสำรวจซ้ำในปี 2545 พบว่ามีค่าเฉลี่ยลดลงเหลือ 88.06 ส่วนเด็กวัยรุ่น 13-18 ปี มีไอคิวเฉลี่ย 86.72 เท่านั้น สถานการณ์เช่นนี้ถือเป็นสัญญาณ ที่ไม่ดีต่อคุณภาพของเด็กไทยที่จะเติบโตเป็นอนาคตของชาติ เพราะส่งผลต่อการเรียนรู้ของเด็กตั้งแต่เริ่มศึกษาในชั้นอนุบาล นอกจากนี้ความฉลาดทางอารมณ์หรืออีคิวก็มีแนวโน้มที่จะลดลงด้วย สาเหตุที่มีผลกระทบต่อพัฒนาการของเด็กคือพฤติกรรมสุขภาพของหญิงตั้งแต่เริ่มมีครรภ์ จนถึงการเลี้ยงดูบุตร รวมทั้งปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์ นอกจากนี้พบว่าหญิงไทยเลี้ยงลูกด้วยนมแม่น้อยลง ปัญหาที่ตามมาคือ อัตราการตายของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีสูงขึ้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหา สธ. จึงประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็ก ร่วมกันระดมสมองเพื่อหากรอบแนวคิด และแนวทางจัดทำร่างแผนแม่บท เด็กไทยปัญญาดี มีคุณธรรม พ.ศ.2547-2550 เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติของเด็กไทย (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 15 พ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





คลังกล่อม ก.พ.ใจอ่อนเขี่ยเท่าที่จำเป็น ปลดล็อกแผนโละขรก

นายสมใจนึก เองตระกูล ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ถึงกรณีที่ ก.พ.ออกแบบประเมินวัดผลการทำงานของข้าราชการทั่วประเทศกว่า 1.7 ล้านคน เพื่อคัดข้าราชการที่ไร้ประสิทธิภาพออกจากข้าราชการ 5% หรือ 85,000 คนนั้น กระทรวงการคลังเห็นว่า ก.พ.ไม่ควรไปล็อกจำนวนข้าราชการที่ไร้ประสิทธิภาพไว้ที่ 5% เพราะไม่ยุติธรรมกับส่วนราชการ ซึ่ง ก.พ.ได้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์ดังกล่าวลงมาแล้วโดยได้ปลดล็อก 5% ออกไป แต่ส่วนราชการนั้นๆ ต้องมีประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น และต้องชี้แจงให้ ครม.รับทราบด้วยตนเอง "ถ้าส่วนราชการใดมีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น ก็ไม่จำเป็นต้องคัดข้าราชการที่ไม่มีประสิทธิภาพออกถึง 5% แต่จะขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการทำงานของส่วนราชการนั้นๆ เป็นหลัก (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 15 พ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215