หัวข้อข่าวปีที่ 5 ฉบับที่ 29 ประจำวันที่ 2004-07-19

ข่าวการศึกษา

นักศึกษาเอเชียแปซิฟิกทำปฏิญญาร่วมกัน
รัฐทุ่มงบประมาณพันล้าน ยกเครื่องหอสมุดในรอบ 40 ปี
ปฏิญญาพัฒนา นศ.
ชี้เปิด FTA อุดมศึกษาไทยเสียเปรียบ
จัดข้อสอบลงเว็บ
ชงพรบ.กลาง “มหา ลัยนอกระบบ” คลอดฉบับเดียวครอบคลุมทุกสถาบัน
จุฬาฯชี้คนเก่งยังสนใจเป็นครู
คนเก่งแข่งเคมีโอลิมปิก
เด็กไทยร่วมแข่งแร็กนาร็อคชิงแชมป์โลก
สภาแนะยกร่าง กม.เอาผิดพวกจ้างทำวิทยานิพนธ์
กรรมาธิการเสนอยกร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลงานวิชาการ
"ทักษิณ" เอาจริงเลิกระบบเอ็นทรานซ์ จวก ศธ.ยึดติดโครงสร้าง

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

ไอซีทีตื่นตัวเทคโนฯ IPV6
กำแพงโปร่งแสงเสริมสุนทรียภาพให้อาคาร
นาซ่าส่ง Aura สำรวจสิ่งแวดล้อมโลก
ไอซีทีเตรียมเปิด 2 โปรเจคใหญ่ พัฒนาคนไอที
อินเทล-ไอซีทีหนุนเน็ตไร้สายมหาวิทยาลัย
เนคเทค-กฟน.พัฒนาระบบ ขายอัตโนมัติ
สร้างซอฟต์แวร์โค้ช ฝึกแชมป์นักเทนนิส
นักวิทย์หวั่นชีวิตใต้ทะเลถูกรบกวน เหตุมลพิษจากคาร์บอนไดออกไซด์

ข่าววิจัย/พัฒนา

'แม้ว' ลุยวิจัยไบโอดีเซล
ดันไทยผลิต "วัคซีนไข้สมองอักเสบ" เทคโนชีวภาพ
ประดิษฐ์ตู้เย็นคนยากด้วยดินไม่ใช้ไฟฟ้าเก็บผักผลไม้ไว้ได้
วิจัยมะระขี้นกถึงทางตัน ขาดงบ-คนไทยมองข้ามสมุนไพร
สหรัฐลุยพัฒนา หุ่นยนต์ธุรการ ส่งยาให้ผู้ป่วย
บัวบกกินมากเม็ดเลือดขาวต่ำ
แบตฯพลังเซลล์เชื้อเพลิง เวลาใช้งานนานขึ้นรองรับมือถือดูทีวี-เล่นเกม
ไทยสร้างเซลล์ต้นกำเนิดรักษาโรคข้อ
สหรัฐออกแบบ ถังแก้วบรรจุน้ำมัน เพื่อยานยนต์อนาคต
มก.ใช้ไอทีวิจัยพืชสมุนไพรยับยั้งหวัดนก-เอดส์
วิจัยพบมะนาวปราบโรคเอดส์ชะงัดออสเตรเลีย รายงานที่ประชุมใหญ่
หมอไทยวิจัยสูตรรักษาผู้ติดเชื้อที่ป่วยวัณโรค
หมอไทยโชว์ผลงาน ยาต้าน “ไวรัสเอดส์”
น้ำผลทับทิมรักษาโรคหัวใจชะงัดกินแล้วไม่ต้องผ่าตัดทำบายพาส
เด็กไทยค้นพบยีสต์ดีที่สุด ในการทำไวน์ผลไม้ไทย
6 ประเทศจับมือผลิตยาต้านเอดส์ องค์การเภสัชกรรมผลิตต้นแบบ

ข่าวทั่วไป

เจ้าชายชาร์ลส์โชว์วิสัยทัศน์ห่วงนาโนเทคโนโลยี
ยาเอดส์ไม่ถึงฝั่งเหตุไวรัสกลายพันธุ์
โรคมะเร็งป้องกันได้เผยวิธีป้องกัน 4 ข้อ
แพทย์รับปลิงดูดเลือดรักษาโรค ช่วยรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก-ต่ออวัยวะ
อี-พลัสป่วนผลทดสอบไม่ตรงกัน
นอร์เวย์คุณภาพชีวิตเยี่ยมไทยแย่กว่ามาเลย์-เกาหลีใต้
นักวิจัยสหรัฐเผยวัคซีนเอดส์ล้มเหลว
ร้องเตือนเด็กหน้าจอให้ระวัง โตขึ้นมีปัญหาสุขภาพตามมา





ข่าวการศึกษา


นักศึกษาเอเชียแปซิฟิกทำปฏิญญาร่วมกัน

ผศ.ดร.จันจิรา วงษ์ขมทอง อธิการบดีมหาวิทยาลัย คริสเตียน ในฐานะนายกสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมสัมมนากิจการนิสิตนักศึกษาภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 9 ที่กรุงเทพมหานคร เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมได้มีการจัดทำปฏิญญาว่าด้วยการพัฒนานิสิตนักศึกษาในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกร่วมกัน 10 หัวข้อ ประกอบด้วย 1. นิสิตนักศึกษาจะต้องเป็นผู้นำในการเตรียมพร้อมเพื่ออนาคต โดยต้องอนุรักษ์และส่งเสริมทรัพยากรทางวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมของโลก 2. เป็นผู้นำ เจ้าของ และผู้รับผิดชอบต่อกิจกรรมต่างๆ ที่จะพัฒนาทัศนคติ ประสบการณ์และความสามารถที่จำเป็นต่อการสร้างเสริมบทบาทและหน้าที่ทั้งในปัจจุบันและอนาคต 3. มีส่วนร่วมทั้งทางเศรษฐกิจ ทางปัญญาและทางอารมณ์ เพื่อที่จะเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของคณะกรรมการต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน 4. นิสิตนักศึกษานอกจากจะเป็นผู้เรียนแล้วยังต้องสามารถเป็นผู้สอนและเป็นผู้ให้ประโยชน์ทางปัญญาแก่บุคคลทุกกลุ่มและทุกวัย 5. ควรได้รับการส่งเสริมทางด้านศิลปะ การมีความสนใจและเอื้ออาทรต่อสังคม รวมทั้งด้านศาสนาและวัฒนธรรม 6. พึงมีสิทธิ ที่จะได้รับประโยชน์ทางสังคมและอาชีพจากการศึกษา โดยไม่มีการปิดกั้นและมีความหลากหลายตามที่แต่ละคนถนัดและต้องการ 7. ได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการพัฒนาด้านกีฬาที่ช่วยให้ค้นพบความสามารถพิเศษที่ซ่อนอยู่ และพึงได้รับการจัดสรรสถานที่สันทนาการ งบประมาณและด้านอื่น ๆ จากทุกภาคส่วนของสังคม ทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชน 8. นิสิตนักศึกษาพึงมีสิทธิได้รับโอกาสในการพัฒนาทักษะการใช้ ICT ทั้งในหลักสูตรการศึกษาและกิจกรรมนอกหลักสูตร 9. ควรได้รับการพัฒนาทางด้านกิจกรรมและทางวิชาการอย่างเท่าเทียมกัน และ 10. ได้รับงบประมาณอย่างเพียงพอที่จะมาสนับสนุนการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาจากรัฐโดยตรง (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 12 ก.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





รัฐทุ่มงบประมาณพันล้าน ยกเครื่องหอสมุดในรอบ 40 ปี

นายอนุรักษ์ จุรีมาศ รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยหลังการประชุมโครงการปรับปรุงหอสมุดแห่งชาติ ว่าที่ประชุมมีมติปรับปรุงหอสมุดแห่งชาติ โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1.พัฒนาบุคลากรให้มีวิสัยทัศน์ บุคลิกภาพ และรู้จักใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารไว้บริการประชาชน 2.ปรับสถานที่ในการจัดเก็บเอกสารโบราณให้ถูกต้องตามหลักการอนุรักษ์และสงวนเอกสารสำคัญต้นฉบับในรูปแบบต่างๆ ของประเทศ นำออกมาจัดแสดงเป็นนิทรรศการให้บุคคลทั่วไปศึกษาได้ชม 3.พัฒนาด้านเทคโนโลยีให้เชื่อมโยงกับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานราชการ เอกชน สถาบันการศึกษาทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมทั้งหอสมุดแห่งชาติอีก 18 แห่งทั่วประเทศ ให้จัดเก็บเอกสารแบบออนไลน์ในฐานข้อมูลเดียวกัน คัดลอกเอกสารโบราณที่หายากมาใช้ในระบบอีบุ๊ค (e-book) เพื่อป้องกันความเสียหายและสามารถเรียกอ่านผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้ทั้งประเทศ ขณะนี้ได้ทำการคัดลอกเสร็จแล้วประมาณ 200 เล่ม จากทั้งหมดกว่า 2 แสนเล่ม คาดจะใช้งบประมาณการดำเนินงานทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยจะยึดหอสมุดของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตและหอสมุดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่มีระบบที่ทันสมัยที่สุดในขณะนี้เป็นต้นแบบ โดยจะเสนอให้ ครม.อนุมัติในเร็วๆ นี้ (คมชัดลึก จันทร์ที่ 12 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





ปฏิญญาพัฒนา นศ.

ผศ.ดร.จันจิรา วงศ์ขมทอง ประธานที่ประชุมสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) ในฐานะประธานจัดประชุมสัมมนากิจการนิสิตนักศึกษาภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 9 เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้กำหนด ปฏิญญาว่าด้วยการพัฒนานิสิตนักศึกษาที่กรุงเทพฯ ดังนี้ 1.เป็นผู้นำอนุรักษ์และส่งเสริมทรัพยากรทางวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมโลก 2.มีสิทธิได้รับการพัฒนาความเป็นผู้นำ 3.เป็นผู้ริเริ่มและกำหนดทิศทางวัฒนธรรมและเทคโนโลยีในอนาคต และมีส่วนร่วมทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง พาณิชย์ และวัฒนธรรม ในกิจกรรมมหาวิทยาลัยและสังคม 4.มีสิทธิได้รับการสอนและเรียนรู้จากประสบการณ์ของบุคคลทุกกลุ่ม ไม่จำกัดอายุ ฐานะ หรือเชื้อชาติ 5.ได้รับการพัฒนาทางด้านจิตวิญญาณ สังคม และพึงมีสิทธิได้รับโอกาสทางการศึกษาอบรม 6.มีสิทธิได้รับประโยชน์ทางสังคมและอาชีพจากการศึกษาระดับอุดมศึกษาในสิ่งแวดล้อมที่หลากหลาย 7.มีสิทธิเข้าร่วมโครงการพัฒนาด้านกีฬาและสันทนาการ โดยรัฐและเอกชนอุดหนุน 8.มีสิทธิได้พัฒนาทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทั้งในและนอกหลักสูตร 9.ควรให้ความสำคัญต่อกิจกรรมพัฒนานิสิตนักศึกษาและกิจกรรมทางวิชาการเท่าเทียมกัน และ 10.มีสิทธิได้รับการสนับสนุนทางการเงินที่มั่นคงตลอดหลักสูตร (คมชัดลึก จันทร์ที่ 12 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





ชี้เปิด FTA อุดมศึกษาไทยเสียเปรียบ

รศ.ดร.ไพฑูรย์ สินลารัตน์ คณบดีคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวอภิปรายในการสัมมนาวิชาการครบรอบ 27 ปีภาควิชาอุดมศึกษา “เรื่องผลกระทบการค้าเสรีต่ออุดมศึกษาไทย” เมื่อเร็วๆ นี้ว่า การเปิดเสรีทางการอุดมศึกษาไทย เป็นพัฒนาอีกขั้นหนึ่งของความสัมพันธ์ของการศึกษาระหว่างประเทศ ประเทศที่พัฒนาแล้วกับประเทศที่กำลังพัฒนา และจะเป็นการพัฒนาในรูปแบบที่ทำให้ประเทศที่พัฒนาแล้วมีโอกาสมากขึ้น ซึ่งถ้าไทยไม่เตรียมตัวอย่างดี ก็อาจจะเป็นเครื่องมือทางการศึกษาของประเทศไทยที่พัฒนาแล้วได้ ซึ่งมองได้ 2 ส่วน คือ เราสามารถเข้าไปดำเนินการการศึกษาในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ส่งคนไปเรียน ไปตั้งมหาวิทยาลัย แต่เราจะมีโอกาสไปแข่งขันทางการศึกษากับประเทศเหล่านั้นได้มากแค่ไหน เรื่องนี้ต่างประเทศโดยเฉพาะกลุ่มประเทศออสเตรเลีย นิวซิแลนด์ และอังกฤษ ได้เตรียมการมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว ซึ่งการเปิดเสรีทางการค้า ก็จะสอดคล้องกับนโยบายการส่งการศึกษาเป็นสินค้าออกของเขา และถ้าเราไม่เตรียมการอย่างดี ก็จะทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบในกลุ่มการศึกษาไทยอย่างแน่นอน ซึ่งทางออกในอนาคต จึงอยู่ที่เราต้องปรับกระบวนทัศน์ทางการศึกษา การวิจัย เพื่อสร้างองค์ความรู้สำหรับแลกเปลี่ยนและไม่ถูกครอบงำทางวิชาการมากไปกว่าที่เป็นอยู่ (สยามรัฐ จันทร์ที่ 12 ก.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)





จัดข้อสอบลงเว็บ

นายอดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงการนำข้อสอบเอ็นทรานซ์เก่า มาเผยแพร่ทางเว็บไซต์ ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ว่า เพื่อความเป็นธรรมกับนักเรียนจำนวนมากที่จะสอบเอ็นทรานซ์ ตนจึงได้ให้นำข้อสอบเก่าที่มีอยู่ ในช่วง 3 -5 ปี ของทุกวิชาทุกสาขา ไปบรรจุเป็นข้อมูลไว้ในเว็บไซต์ เพื่อให้เด็กสามารถทดลองทำข้อสอบเก่าได้ โดยไม่ต้องไปเสียเงินซื้อคู่มือเตรียมสอบ นอกจากนี้ตนยังได้เสนอให้ทาง สกอ.ไปหาแนวทางในการช่วย เหลือเด็กนักเรียนชั้น ม.6 ซึ่งอาจจะขอความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยราชภัฏต่างๆจัดกิจกรรม เช่น จัดอภิปรายการถาม-ตอบเกี่ยวกับข้อสอบเอ็นทรานซ์ เพื่อให้นักเรียนได้รับการปรึกษาและแนวทางการทำข้อสอบ จากอาจารย์ ซึ่งจะไม่ใช่ลักษณะเดียวกับการกวดวิชา (ไทยรัฐ อังคารที่ 13 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ชงพรบ.กลาง “มหา ลัยนอกระบบ” คลอดฉบับเดียวครอบคลุมทุกสถาบัน

ตามที่ ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(ทปอ.) ได้เสนอแนวคิดที่จะแยกสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ออกไปตั้งเป็นกระทรวงการอุดมศึกษาแต่ นายอดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว และชี้ว่า เป็นความเข้าใจผิดของ ทปอ. เพราะตน เพียงเสนอให้มหาวิทยาลัยเป็นอิสระอย่าง เต็มที่ไม่ใช่ให้แยกไปตั้งเป็นกระทรวงใหม่ รมว.ศึกษาธิการ มองว่า เมื่อมหาวิทยาลัยเป็นอิสระแล้ว กระทรวงก็ไม่มีความหมายจึงไม่จำเป็นต้องมีกระทรวงใหม่ นายภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กอ.) เลขาธิการ กอ. กล่าวว่า รมว.ศึกษาธิการ มองไปไกลกว่าที่จะให้ตั้งกระทรวงใหม่ โดยได้มอบหมายให้ สกอ.ช่วยดูรายละเอียดของกฎหมาย พ.ร.บ.ออกนอกระบบของมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง ในแง่ของความเป็นอิสระว่าเป็นอย่างไรบ้าง มีเรื่องใดที่ยังไม่ครอบคลุม มีกฎหมายฉบับใดที่ยังต้องแก้ไข และสิ่งใดที่จะทำให้มหาวิทยาลัยได้รับประโยชน์มากที่สุด เช่น มีหลักประกันอะไรที่ว่าเมื่อออกนอกระบบแล้ว จะยังได้งบฯ สนับสนุนจากรัฐเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้น หรือหลักประกันคุณภาพให้กับผู้เรียนว่าเมื่อออกนอกระบบแล้วจะยังเหมือนเดิมหรือดีขึ้นกว่าเดิม หากมีความเป็นไปได้ รมว.ศึกษาธิการ ยังอยากให้มีพ.ร.บ.มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ที่เป็นพ.ร.บ.กลาง ซึ่งกำหนดหลักการใหญ่ของการออกนอกระบบที่ชัดเจน และครอบคลุมทั้งหมดไว้ใน พ.ร.บ.เดียวกัน เมื่อมหาวิทยาลัยใดต้องการจะออกนอกระบบก็สามารถออกได้เลย โดยออกเป็นกฤษฎีกาฉบับเดียว จากนั้นก็มา อ้างอิง พ.ร.บ.ดังกล่าวก็ออกนอกระบบได้เลย จะได้ไม่ต้องทยอยกันออกเหมือนปัจจุบันนี้ และเป็นการประหยัดเวลาที่ไม่ต้องมากำหนดมาตราต่างๆ จากเดิมอาจจะต้องกำหนดถึง 80 มาตราก็อาจจะเหลือเพียง 10 มาตรา เป็นต้น (สยามรัฐ อังคารที่ 13 ก.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)





จุฬาฯชี้คนเก่งยังสนใจเป็นครู

นายภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กอ.) เป็นประธานเปิดประชุมนานาชาติ เรื่อง การจัดการครุศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ และกล่าวตอนหนึ่ง ว่า ครูถือเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาคุณภาพของนักเรียนเพื่อมาพัฒนาประเทศชาติ ดังนั้นความสำเร็จและความล้มเหลวทางการศึกษาจึงขั้นอยู่กับครู ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องให้ความสำคัญและสนับสนุนให้ครูมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ยิ่งยุคปัจจุบันในสังคมที่ความรู้เป็นฐาน ครูต้องคิดสร้างสรรค์และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ต้องเพิ่มเติมทักษะความรู้ที่จำเป็นต่อการครุศึกษาแบบผสมผสานให้มากยึ่งขึ้น ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่สนับสนุนการศึกษา ต่างพยายามพัฒนารูปแบบและกระบวนการครุศึกษา ซึ่งจะทำให้ได้ครูที่มีคุณภาพมากขึ้น ด้านนายไพฑูรย์ สินลารัตน์ คณบดีคณะครุศาสตร์ จุฬาฯ ได้ปรับทิศทางการผลิตบุคลากร ด้านครุศาสตร์ให้มีมาตรฐานระดับสากลมากขึ้น โดยเน้นกระบวนการสร้างองค์ความรู้ด้านศึกษาศาสตร์ และการวิจัยค้นคว้าที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม รวมทั้งการฝึกอบรมด้านคุณธรรมจริยธรรมควบคู่กันไป นอกจากนี้ คณะฯ ยังมีโครงการลดภาควิชาให้เหลือ 4 ภาควิชา สำคัญเพื่อประสิทธิภาพของบัณฑิต ได้แก่ ภาคการผลิตครูโดยตรงทางด้านการเรียนการสอน, ภาคผลิตครู ด้านศิลปะ ดนตรี นาฏศิลป์, ภาควิชานโยบายการจัดการความเป็นผู้นำทางการศึกษา และภาควิชาที่สร้างองค์ความรู้ทางด้านการศึกษา เพื่องานวิจัยใหม่ๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอประกาศในราชกิจจานุเบกษา สำหรับภาพรวมของวิชาชีพครูนั้น ตนคิดว่าคนเก่งยังสนใจวิชาชีพครูอยู่ เพียงแต่รัฐยังขาดความมุ่งมั่นและความต่อเนื่องในการส่งเสริมวิชาชีพครูอย่างจริงจัง ซึ่งสิ่งที่รัฐควรให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน คือ เรื่องระบบการพัฒนาการเลื่อนขั้นเพื่อความก้าวหน้า, การส่งเสริมพัฒนาตัวเองของครู และการจัดงานครูให้มีความชัดเจนเป็นต้น (สยามรัฐ อังคารที่ 13 ก.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)





คนเก่งแข่งเคมีโอลิมปิก

สสวท. นายพิศาล สร้อยธุหร่ำ ผอ.สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เปิดเผยว่า สสวท.จะจัดส่งผู้แทนประเทศไทยจำนวน 4 คน ไปร่วมการแข่งขันเคมีโอลิมปิกระหว่างประเทศ ณ เมืองคีล ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่18-27 ก.ค.2547 ได้แก่ นายเจษฎา เตมัยสมิธิ ร.ร.อัสสัมชัญ บางรัก นายเนติ สันแสนดี ร.ร.วัดสุทธิวราราม นายปัณณทัต สุนทราภา ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา และ น.ส.มัญชุตา แดงกุลวานิช ร.ร.มหิดลวิทยานุสรณ์ (สยามรัฐ พุธที่ 14 ก.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)





เด็กไทยร่วมแข่งแร็กนาร็อคชิงแชมป์โลก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (15 ก.ค.) มีเด็กไทย 2 ทีม รวม 20 คน ได้เดินทางไปประเทศเกาหลีใต้ เพื่อเข้าร่วมแข่งขัน "Ragnarok World Championship 2004 " หรือ "RWC" ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 17-18 ก.ค.2547 ซึ่งเป็นการแข่งขันเกมแร็กนาร็อคระดับโลก โดยมีเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 64,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,600,000 บาท ส่วนทีมที่ชนะเลิศจะได้รับเงินจำนวน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 400,000 บาท ซึ่งจัดขึ้นโดยบริษัท Gravity Corp ผู้ผลิตเกมออนไลน์ นายธนบัตร วิริยาอรรถกิจ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญในฐานะหัวหน้าทีม ZMR Team ที่ได้เดินทางไปครั้งนี้ เปิดเผยว่า ทีมของตน และทีม Wheel of Fortune Team จะเป็นตัวแทนประเทศไทยไปร่วมการแข่งขันแร็กนาร็อคระดับโลกที่ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งมีสุดยอดทีมจากประเทศต่าง ๆ ทั้งจากเอเชีย ยุโรป และอเมริกา เข้าร่วมแข่งขันรวม 18 ทีม (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 15 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





สภาแนะยกร่าง กม.เอาผิดพวกจ้างทำวิทยานิพนธ์

จากการประชุมคณะกรรมาธิการการศึกษาสภาผู้แทนราษฎร นายวิจิตร ศรีสอ้าน ประธานกรรมาธิการการศึกษา เปิดเผยหลังประชุมว่า ที่ประชุมทำการศึกษาและพิจารณาปัญหาการจ้างทำวิทยานิพนธ์ โดยเชิญผู้แทนมหาวิทยาลัยที่สอนระดับบัณฑิตศึกษา ผู้แทน คณะกรรมการกฤษฎีกา อัยการ ตำรวจ เพื่อร่วมกันหามาตรการป้องกัน ทั้งนี้ ในส่วนของมหาวิทยาลัยยืนยันว่า มาตรการที่มหาวิทยาลัยมีอยู่รัดกุมพอสมควร แต่ทว่ารับที่จะกลับไปทบทวนอุดจุดบอดให้รัดกุมมากขึ้น ส่วนมาตรการการลงโทษผู้จ้างทำวิทยานิพนธ์ยังไม่ชัดเจน เหมือนการลงโทษผู้ที่ทุจริตในการสอบ รวมทั้งอำนาจของมหาวิทยาลัยก็ไม่สามารถเข้าไปจัดการได้ถึงตัวบริษัทหรือผู้รับจ้างทำ ต้องอาศัยกฎหมายอาญาเรื่องปลอมแปลงเอกสาร ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา กล่าวต่อว่า ที่ประชุมจึงเห็นว่าควรจะมีกฎหมายกลางที่ใช้ได้ทั้งมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชน โดยระบุความผิดให้ชัดเจนว่า การทำผลงานวิชาการเพื่อประกอบการศึกษา ทั้งวิทยานิพนธ์ งานวิจัยระหว่างเรียน หากมีการจ้างจะถือว่ากระทบต่อคุณภาพและคุณธรรมการจัดการศึกษา ต้องมีบทลงโทษที่ชัดเจนเพื่อทำให้นิสิตนักศึกษาเกิดความยำเกรง โดยมอบหมายให้ผู้แทนคณะกรรมการกฤษฎีกายกร่าง และนำกลับเข้าที่ประชุมพิจารณาอีกครั้งต่อไป คาดว่าจะแล้วเสร็จในสภาชุดนี้ (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 16 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





กรรมาธิการเสนอยกร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลงานวิชาการ

นายวิจิตร ศรีสอ้าน ประธานคณะกรรมาธิการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร เผยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเห็นพ้อง ยกร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับการทำผลงานวิชาการ ครอบคลุมทั้งมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชน พร้อมกำหนดบทลงโทษนักศึกษา ทั้งผู้รับจ้างเขียนวิทยานิพนธ์และอาจารย์ชัดเจน มอบสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ยกร่างกฎหมาย เตรียมเสนอรัฐบาล ลุ้นให้มีผลบังคับใช้ทันการประชุมสภาสมัยนี้ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 16 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





"ทักษิณ" เอาจริงเลิกระบบเอ็นทรานซ์ จวก ศธ.ยึดติดโครงสร้าง

ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานการปฏิรูปการศึกษายุคใหม่ (Beyond Educational Reform) พร้อมทั้งปาฐกถาพิเศษการศึกษายุคใหม่ ตอนหนึ่งว่า หากยังปฏิรูปตามความหมายเดิมตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ มีโครงสร้างใหม่ 5 แท่งคงไม่เพียงพอ นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า สถานศึกษาทุกแห่งจะต้องเตรียมตัวพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ขณะนี้ตนกำลังศึกษาโครงการการให้ เงินกู้เพื่อการศึกษาโดยการไปผูกเข้ากับรายได้ในอนาคต โดยใช้บัตรสมาร์ทการ์ดสมัครเข้าไปเรียน รัฐจะจ่ายเงินให้สถานศึกษาไปก่อน เมื่อเรียนจบมีงานทำมีรายได้มาก จึงชำระคืนโดยไม่มีดอกเบี้ย ผ่านระบบของกรมสรรพากร สิ่งนี้จะทำให้โรงเรียน มหาวิทยาลัยทุกแห่งทั้งของรัฐและเอกชนเกิดการแข่งขัน โดยจะเริ่มนำร่องกับมหาวิทยาลัยก่อน ด้าน นายภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการ กอ. กล่าวว่า ปีการศึกษา 2549 จะไม่มีการเอ็นทรานซ์ แต่จะใช้ระบบแอดมิชชั่น หรือระบบกลางการรับนักศึกษาแทน โดยในปีการศึกษา 2548 จะมีการนำร่องการใช้ระบบแอดมิชชั่น ซึ่งมีมหาวิทยาลัยเข้าร่วมประมาณ 10 แห่ง และบางสาขาใช้ระบบแอดมิชชั่นได้เลย อย่างไรก็ตาม ในปี 2548 แม้มหาวิทยาลัยจะยังใช้ระบบเอ็นทรานซ์อยู่ แต่ก็มีการรับตรงมากขึ้น รวมแล้วประมาณ 50% จากปีที่แล้วที่รับอยู่ประมาณ 40% หรือจากจำนวนนักศึกษาที่จะรับทั้งสิ้น 80,000 คน ก็จะรับตรง 40,000 คน โดยหลักการรับนักศึกษาตามระบบแอดมิชชั่น จะไม่มีการสอบวัดความรู้เหมือนในปัจจุบัน แต่จะมีการทดสอบศักยภาพเบื้องต้นในการเรียนต่อ ซึ่งเป็นการทดสอบความสามารถในด้านหลักๆ และเปิดให้นักเรียนสอบเมื่อไหร่ก็ได้ เหมือนการสอบ โทเฟล โดยให้สำนักทดสอบกลางของ สกอ.เป็นผู้ดูแล ส่วนการสมัครนั้น สกอ.จะจัดให้มีหน่วยงานกลางรับผิดชอบและส่งข้อมูลไปยังมหาวิทยาลัย. (ไทยรัฐ อาทิตย์ที่ 18 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


ไอซีทีตื่นตัวเทคโนฯ IPV6

ไอซีทีเตรียมตั้งคณะกรรมการทำงาน IPV6 หลังญี่ปุ่นนำหน้าประกาศสิ้นปี ค.ศ. 2005 ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชิ้น ต้องต่อเชื่อมอินเทอร์เน็ตได้ ภายหลังการเข้าหารือเรื่อง IPV6 อินเทอร์เน็ตยุคหน้ากับการพัฒนา ระหว่างกรรมการซิป้าสาขาภูเก็ตและคณะ กับ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโน โลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า ไอซีที มอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งจัดตั้งคณะกรรมการดูแลเรื่อง IPV6 หรือเทคโนโลยีจัดแบ่งเลขหมายผู้ใช้อินเทอร์เน็ตตัวใหม่ ซึ่งภายหลังตั้งคณะทำงานแล้วเสร็จ คณะทำงานดังกล่าวจะอยู่ภายใต้การดูแลของซิป้า โดยมีกระทรวงไอซีทีสนับสนุนเรื่องการของบประมาณอีกต่อหนึ่ง ทั้งนี้ ปัจจุบันทั่วโลกใช้เทคโนโลยี IPV4 ในการจัดแบ่งเลขหมายผู้ใช้อินเทอร์เน็ต แต่เทคโนโลยีดังกล่าวมีข้อจำกัดเรื่องการจัดแบ่งเลขหมายที่เหลือน้อยเต็มที ทำให้ต้องพัฒนาเทคโนโลยี IPV6 ขึ้นรองรับการจัดแบ่งเลขหมายผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอย่างไม่จำกัด รวมทั้งมีความปลอดภัยมากขึ้น และทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าต่อเชื่อมอินเทอร์เน็ตได้ตลอดเวลา สำหรับประเทศที่มีการจัดตั้งคณะกรรมการ IPV6 ดูแลนโยบายและการใช้งานแล้ว ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน เกาหลี และอินเดีย โดยญี่ปุ่นประกาศหลังปี ค.ศ.2005 ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชิ้นต้องสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน IPV6ได้ (เดลินิวส์ อังคารที่ 13 ก.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





กำแพงโปร่งแสงเสริมสุนทรียภาพให้อาคาร

พิพิธภัณฑ์สิ่งก่อสร้างแห่งชาติในกรุงวอชิงตัน สหรัฐ จัดนิทรรศการ "ลิควิด สโตน" งานแสดงสถาปัตยกรรมคอนกรีตแนวใหม่ ซึ่งรวมโครงการเกี่ยวกับคอนกรีตเกือบ 30 ชิ้นงานมาจัดแสดง โดยจุดเด่นของงานนี้อยู่ที่คอนกรีตโปร่งแสง ที่คาดว่าจะปฏิวัติวงการสิ่งก่อสร้างทั่วโลก เนื่องจากเป็นการผสานความงามเชิงศิลปะเข้ากับการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว ตัวอย่างเช่น กำแพงที่ก่อด้วยบล็อกคอนกรีตโปร่งแสง เมื่อมีคนไปยืนอยู่ด้านหน้ากำแพง และส่องไฟเข้าทางด้านหลัง จะปรากฏเงาของคนผู้นั้นในอีกด้านของกำแพงคอนกรีต บล็อกโปร่งแสงดังกล่าวผลิตจากใยแก้วที่นำไปผสมกับหิน ซีเมนต์ และน้ำ เป็นผลงานของ อารอน โลซอนซี สถาปนิกชาวฮังการี ซึ่งมีแนวคิดนี้ เมื่อปี 2544 ซึ่งได้แนวคิดจากงานศิลปะที่เห็นในบูดาเปสต์ และรู้สึกประทับใจกับชิ้นงานที่ทำมาจากแก้วและคอนกรีตธรรมดาผสมกัน จึงสนใจทำวิจัยและสำเร็จเป็นชิ้นงานดังกล่าว โลซอนซี กล่าวว่า คอนกรีตโปร่งแสงนี้แข็งแรงเทียบเท่ากับคอนกรีตทั่วไป แต่หากต้องการให้แข็งแรงมากขึ้น สามารถเพิ่มสารเคมีบางตัวลงไป นอกจากกำแพงโปร่งใสแล้ว ภายในงานนิทรรศการยังจัดแสดงทางเดินที่สร้างด้วยแผ่นคอนกรีตโปร่งใสชนิดบาง ซึ่งช่วงกลางวันจะดูเหมือนทางเดินเท้าปกติ แต่พอตกกลางคืน ทางเดินดังกล่าวจะเรืองแสงออก เนื่องจากแสงไฟจากด้านล่างส่องขึ้นมา ขณะนี้บริษัทแห่งหนึ่งในเยอรมนี กำลังเร่งมือผลิตคอนกรีตโปร่งแสงออกวางจำหน่าย โดยเชื่อว่าสามารถประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย อาทิ ผนังและทางเดินในสถานีรถไฟใต้ดิน สำหรับผู้สนใจนิทรรศการคอนกรีตล้ำสมัยครั้งนี้ คลิกเข้าไปที่ www.nbm.org งานนี้มีให้ชมตั้งแต่วันนี้จนถึง ม.ค. 2548 (คมชัดลึก อังคารที่ 13 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





นาซ่าส่ง Aura สำรวจสิ่งแวดล้อมโลก

เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นดอทคอม ราย งานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา องค์การด้านอวกาศนาซ่า ได้ส่ง Aura ขึ้นไปสำรวจชั้นบรรยากาศและการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของโลกแล้ว โดยนาซ่าใช้เวลาในการสร้าง Aura นานถึง 15 ปี และจากการทดลองในห้องแล็บ ที่พาซาดีน่า แคลิฟอร์เนีย พบว่า การขึ้นไปสำรวจการเปลี่ยนแปลงของ สิ่งแวดล้อมโลกครั้งนี้ จะทำให้ได้ข้อมูลมากพอสำหรับทำนายการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของโลกที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ รายงานข่าวระบุว่า Aura จะทำงานโดยส่งข้อมูลที่ได้ ผ่านดาวเทียมมายังจอคอมพิวเตอร์ของระบบสังเกตการณ์นาซ่าบนโลก หรือ Nasa' Earth Observing System เช่นเดียวกับ Terra และ Aqua ซึ่งใช้อิเล็กทรอนิกส์ เซ็นเซอร์ ตรวจวัด คาร์บอนไดออกไซด์ และสารกัมมันตภาพรังสีในเมฆและฝุ่น (เดลินิวส์ พุธที่ 14 ก.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





ไอซีทีเตรียมเปิด 2 โปรเจคใหญ่ พัฒนาคนไอที

นายฉัตรชัย คุณปิติลักษณ์ โฆษกกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า กระทรวงไอซีทีเตรียมงบ 164 ล้านบาท เพื่อพัฒนา 2 โครงการใหญ่ ได้แก่ โครงการตั้งศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านไอซีทีแห่งชาติ (เอ็นไอทีซี) (National ICT Learning Center) ที่เซ็นทรัลเวิล์ด พลาซา ใช้งบประมาณ 98 ล้าน โดยศูนย์นี้จะรวบรวมเทคโนโลยีไอซีทีที่ครบวงจร เช่น การอบรมเกี่ยวกับการตัดต่อภาพยนตร์ วิดีโอ การจัดทำโปรแกรม คอมพิวเตอร์ เป็นต้น คาดว่าจะเริ่มเปิดโครงการประมาณเดือนสิงหาคมนี้ และอีกโครงการคือ โครงการสร้างเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในสถาบันการศึกษา โดยจะติดตั้งอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง (ไว-ไฟ) ตามสถาบันการศึกษาของรัฐ 11 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (หาดใหญ่) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี สถาบันพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งทั้งโครงการคาดว่าน่าจะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 66 ล้านบาท นอกจากจะเป็นการวางรากฐานด้านไอซีทีให้กับบุคลากรของประเทศแล้ว ไทยยังเตรียมพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) ด้านไอซีที ในระดับภูมิภาคในอนาคตอีกด้วย โดยขณะนี้งบประมาณที่จะนำมาใช้ในโครงการนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรอง คาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้ (เดลินิวส์ พุธที่ 14 ก.ค. 47 http://www.dailynews.co.th) ไทยรัฐ (พุธที่ 14 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





อินเทล-ไอซีทีหนุนเน็ตไร้สายมหาวิทยาลัย

นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด จะประกาศความร่วมมือกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) สนับสนุนนโยบายอี-ยูนิเวอร์ซิตี้ ซึ่งเป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายสำหรับการเชื่อมต่อไร้สายใน 12 มหาวิทยาลัย ที่ผ่านมา จากการศึกษาการติดตั้งจุดเชื่อมต่อไร้สาย (ฮอตสปอต) ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในเวลา 2 ปี ใช้งบไป 6 ล้านบาท ซึ่งสามารถนำประสบการณ์ดังกล่าวมาจัดทำพิมพ์เขียว (บลูพริ้นท์) เป็นแนวทางให้มหาวิทยาลัยอื่นๆ ติดตั้งเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และใช้เวลาน้อยลง "การใช้งานเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการลดค่าใช้บริการบรอดแบนด์ของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดคอนเท้นท์บรอดแบนด์มากขึ้น และราคาเครื่องโน้ตบุ๊คที่เชื่อมต่อระบบไร้สาย ก็มีผู้ผลิตเริ่มแข่งขันในตลาดนี้ ส่งผลให้การลงทุนในฮอตสปอตเพิ่มขึ้นในอนาคต" นายเอกรัศมิ์ กล่าว ขณะที่แหล่งข่าวจากกระทรวงไอซีที กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงยื่นของบประมาณสำหรับการติดตั้งฮอตสปอตให้มหาวิทยาลัย 12 แห่ง ด้วยงบ 60 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการกลั่นกรอง ก่อนจะเข้าสู่คณะรัฐมนตรี ซึ่งมีข้อเสนอแนะว่า น่าจะดำเนินการติดตั้งให้หมดทุกมหาวิทยาลัยด้วย ส่วนความร่วมมือกับอินเทลนั้น อินเทล ในฐานะผู้ผลิตชิพประมวลผลรายใหญ่ และกำลังมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ชิพประมวลผลสำหรับคอมพิวเตอร์ที่เคลื่อนที่ได้ (โมบายล์ คอมพิวเตอร์) จะร่วมมือกับบริษัทคอมพิวเตอร์ต่างๆ ประมาณ 5 ราย เช่น เอเซอร์ โตชิบา ไอบีเอ็ม ฮิวเลตต์-แพคการ์ด เป็นต้น นำคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คที่บรรจุชิพเซ็นทริโน ซึ่งสามารถเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ตไร้สายได้ให้กับมหาวิทยาลัยประมาณ 10 เครื่อง รวมถึงสนับสนุนบุคลากร และเป็นที่ปรึกษาการติดตั้งฮอตสปอตให้มหาวิทยาลัยด้วย 2552 (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 14 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





เนคเทค-กฟน.พัฒนาระบบ ขายอัตโนมัติ

นายชลิต เรืองวิเศษ ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง ร่วมลงนามกับนายไพรัช ธัชยพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และนายทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการเนคเทค ในบันทึกข้อตกลงความร่วมกันในการทำวิจัยและพัฒนาระบบควบคุมระบบจำหน่ายอัตโนมัติ (Distribution Automation System : DAS) เพื่อนำไปใช้ในกิจการของ กฟน. ในวงเงินจำนวน 11,500,000 บาท รวมทั้งผลิตและจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ ทั้งนี้ ร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุนดำเนินกิจการดังกล่าวด้วย ด้านนายไพรัช ธัชยพงษ์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า เนคเทคจะเป็นผู้วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบควบคุมและติดตามการใช้งานอุปกรณ์ที่อยู่ในระยะไกล (Supervisory Control and Data Acquistion : SCADA) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นำมาใช้สำหรับการวิจัยและพัฒนาระบบควบคุมระบบจำหน่ายอัตโนมัติ โดยร่วมมือกับการไฟฟ้านครหลวง ทั้งนี้ กำหนดระยะเวลา 12 เดือน นับจากที่ได้ลงนามความร่วมมือ และระยะเวลาดังกล่าวไม่รวมถึงระยะเวลาในการทดสอบ การใช้งาน และการปรับปรุงต้นแบบเป็นระยะเวลา 2 (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 14 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





สร้างซอฟต์แวร์โค้ช ฝึกแชมป์นักเทนนิส

ดร.อาเหม็ด ชิฮับ โรงเรียนระบบคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ มหาวิทยาลัยคิงสตัน ในอังกฤษ บอกว่า โมเดลซอฟต์แวร์ที่กำลังพัฒนาอยู่ จะช่วยให้ทุกคนสามารถเอาชนะนักกีฬาระดับแชมป์ได้ไม่ยาก เพราะระบบจะทำหน้าที่วิเคราะห์ท่าทางคู่แข่ง และบอกกลยุทธ์ดักทางไว้พร้อมสรรพ โดยโครงการนี้ได้รับทุนกว่า 80,000 ปอนด์ หรือราว 6 ล้านบาท ในระยะเวลา 3 ปี จากสภาวิจัยวิทยาศาสตร์กายภาพและวิศวกรรม ซอฟต์แวร์ทำหน้าที่โค้ชนี้จะวิเคราะห์ตำแหน่งผู้เล่น และเทคนิคการเล่นของผู้เล่นแต่ละคน ตลอดเกมการแข่งขัน จากนั้นข้อมูลจะถูกส่งต่อเพื่อสร้างเป็นโมเดลพยากรณ์ ซึ่งจะจดจำความแตกต่างในช่วงการรุกและป้องกันของผู้เล่นในสนาม นั่นทำให้เราสามารถรับรู้ว่าต้องวางเกมอย่างไรถึงจะเป็นผู้ชนะได้ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยในเบื้องต้นยังคงเน้นไปที่กีฬาเทนนิส และต่อจากนั้นจะขยายไปสู่กีฬาอื่นๆ มากขึ้น อย่าง ฟุตบอล บาสเกตบอล ดร.ชิฮับ เชื่อว่านอกจากจะใช้ช่วยฝึกนักกีฬาให้เก่งขึ้นแล้ว ยังสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนี้ในด้านอื่นๆ ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น เกมคอมพิวเตอร์เสมือนจริง หรือระบบตรวจสอบความปลอดภัยต่างๆ (คมชัดลึก พุธที่ 14 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





นักวิทย์หวั่นชีวิตใต้ทะเลถูกรบกวน เหตุมลพิษจากคาร์บอนไดออกไซด์

รายงานในนิตยสารวิทยาศาสตร์ "นิวไซเอน-ทิสต์" แจ้งว่า ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กำลังกัดกร่อนทะเลและอาจคุกคามต่อชีวิตของสัตว์น้ำในทะเลได้ "มหาสมุทรได้ทำประโยชน์มหาศาลต่อมนุษยชาติ ด้วยการลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ ในบรรยากาศ ซึ่งสามารถนำไปสู่ภาวะโลกร้อนขึ้น" คริส ซาบิน หัวหน้าคณะผู้ศึกษา กล่าว พร้อมกับเพิ่มเติมว่า แต่มันก็ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของทะเล และอาจจะเป็นผลกระทบถึงระบบนิเวศน์ทางทะเลด้วย คณะวิจัยชุดนี้ได้ใช้เวลา 10 ปีในการศึกษาด้วยการล่องเรือไปทั่วโลก พบว่ามหาสมุทรได้ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล และการผลิตซีเมนต์ไว้ถึง 48 เปอร์เซ็นต์ เมื่อก๊าซดังกล่าวละลายในน้ำทะเล จะทำให้เกิดกรดคาร์บอนิก ซึ่งจะเข้าไปละลายพวกเปลือก และกระดูกของสัตว์ทะเลลงได้ แม้ว่ามันจะว่ายน้ำได้ แต่เปลือกของพวกมันได้ถูกละลายลงไปหมดแล้ว (ไทยรัฐ อาทิตย์ที่ 18 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ข่าววิจัย/พัฒนา


'แม้ว' ลุยวิจัยไบโอดีเซล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาเปิดโครงการวิจัยการสาธิตการผลิตและการใช้ไบโอดีเซลหรือน้ำมันเชื้อเพลิงจากพืช ซึ่งเป็นโครงการของกรมพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงานที่ร่วมมือกับกรมอู่ทหารเรือ กองทัพเรือในการวิจัยสาธิตการผลิตไบโอดีเซลเป็นเชื้อเพลิงระดับชุมชน ในส่วนของ จ.เชียงใหม่ ได้ดำเนินการภายใต้ชื่อ "การวิจัยสาธิตการผลิตไบโอดีเซลเป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์รับจ้างสองแถวในเชียงใหม่" เพื่อเป็นการสนับสนุนการประหยัดพลังงานควบคู่ไปกับการรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม โดยโครงการนี้เป็นการรวบรวมเทคโนโลยีการผลิตไบโอดีเซลมาประยุกต์ใช้ในโครงการ มีการกำหนดแนวทางที่จะจัดหาน้ำมันพืชที่ใช้แล้วมาเป็นวัตถุดิบหลัก นำวัตถุดิบในเชียงใหม่และใกล้เคียงมาใช้เพื่อผลิต 2,000 ลิตรต่อวัน (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 12 ก.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





ดันไทยผลิต "วัคซีนไข้สมองอักเสบ" เทคโนชีวภาพ

น.พ.สุธี ยกส้าน ในฐานะผู้ประสานงานโครงการวิจัยบูรณาการ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่า ตามกรอบนโยบายการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพของประเทศไทย พ.ศ.2547-2554 ซึ่งจัดทำโดยคณะกรรมการนโยบายเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ที่มุ่งเน้นการดำเนินงานด้านเทคโนโลยีชีว-ภาพเพื่อใช้พัฒนาประเทศนั้น ในส่วนของการวิจัยและพัฒนาด้านวัคซีน โดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาพของประเทศ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายวัคซีนแห่งชาติ ได้มีข้อสรุปในการเร่งพัฒนาวัคซีน 3 ชนิด ได้แก่ วัคซีน ไข้สมองอักเสบชนิด Japanese encephalitis ที่เตรียมจากเซลล์เพาะเลี้ยง วัคซีนรวม คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก และตับอักเสบ-บี และวัคซีนไข้เลือดออก ขณะนี้คณะนักวิจัยได้ทบทวนปรับปรุงแผนปฏิบัติเสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้เสนอของบประมาณจาก วช. จำนวน 2 ล้านบาท เพื่อดำเนินงานตามแผนงาน ซึ่งตั้งเป้าเอาไว้ภายใน 6 ปีข้างหน้า สำหรับการพัฒนาวัคซีนไข้สมองอักเสบนั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นการทดลองฉีดในหนู คาดว่าจะรู้ผลในอีก 3 เดือนข้างหน้า จากนั้นขั้นต่อไป ก็จะนำไปทดสอบในหมูซึ่งเป็นพาหะของโรคทั่วประเทศในอีก 6 เดือน อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆนี้ ทางสาธารณสุขยังร่วมกับประเทศจีนทำการถ่ายทอดเทคโนโลยีในระดับอุตสาหกรรม เพื่อเตรียมผลิตวัคซีนไข้สมองอักเสบในระดับอุตสาหกรรมในอนาคต (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 12 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ประดิษฐ์ตู้เย็นคนยากด้วยดินไม่ใช้ไฟฟ้าเก็บผักผลไม้ไว้ได้

ช่างปั้นหม้อเมืองอินเดีย สร้างตู้เย็นขึ้นด้วยดินอย่างเดียว โดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้าเลย แช่น้ำให้เย็นได้ เก็บผักผลไม้สดได้นาน 7 วันและรักษานมไม่ให้บูดเน่าได้นาน 3 วัน โดยที่ไม่ทำให้รสชาติเปลี่ยนไป ช่างปั้นหม้อนักประดิษฐ์ชื่อนายมั่นสุขภัย ประชาปาติ ช่างปั้นหม้อที่เมืองวันกาเนอร์ ในแคว้นราชคต ได้พากเพียรสร้างตู้เย็นมานานถึง 2 ปีกว่าจะได้ผล โดยทำจากดินทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงตั้งชื่อมันว่า "ตู้เย็นดิน" จะเสียค่าทำประมาณ 2,600 บาทเท่านั้น ตัวตู้เย็นประกอบด้วยถังจุน้ำขนาดใหญ่ 2 ถัง ถังบนเก็บน้ำได้ประมาณ 20 ลิตร และถังล่างจะมีส่วนแบ่งออกสำหรับเก็บผัก ผลไม้และนม เจ้าของตู้เย็นดินอวดว่า มันสามารถจะเก็บผัก ผลไม้ให้คงสดและรสชาติไม่เปลี่ยนแปลงได้ 7 วัน เก็บรักษานมได้ 3 วัน ขณะนี้ก็ได้คิดประดิษฐ์เครื่องกรองน้ำดินด้วย (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 12 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





วิจัยมะระขี้นกถึงทางตัน ขาดงบ-คนไทยมองข้ามสมุนไพร

อาจารย์วีณา จิรัจฉริยากูล รักษาการรองคณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ตามที่ได้รับทุนจากสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (ทบวงมหาวิทยาลัย) ตั้งแต่ปี พ.ศ.2539 ให้ดำเนินการสำรวจค้นหาสมุนไพรที่มีคุณสมบัติต้านเชื้อเอชไอวี เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ติดเชื้อเอดส์โดยเลือกศึกษามะระขี้นก หลังจากได้ทำการศึกษาพบว่าสารกลุ่มอนุพันธ์ไอโซพรีนอยด์ในมะระขี้นกนั้น มีฤทธิ์การต้านเชื้อเอชไอวี โดยมีคุณสมบัติออกฤทธิ์เป็นโปรตีนชื่อ MRK29 ซึ่งแยกได้จากผลและเมล็ดของมะระขี้นก และจากการวิจัยต่อเนื่อง ทำให้สามารถศึกษาสารสกัดจากมะระขี้นกจนประสบผลสำเร็จ ได้ยาออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปของยาสวนทวาร แต่ยังอยู่ในขั้นของการตรวจสอบควบคุมคุณภาพทางคลินิก เหตุผลที่ทำเป็นยาสวนทวารก็เพราะโปรตีนที่อยู่ในมะระขี้นกนั้นไม่สามารถรับประทานได้ เนื่องจากโปรตีนจะละลายได้โดยน้ำย่อยในช่องปาก จึงต้องทำเป็นยาสวนทวารเพื่อให้ดูดซึมผ่านทางลำไส้ใหญ่ซึ่งจะได้ผลดีกว่า หากตรวจสอบแล้วพบว่ายาสวนทวารหนักโปรตีนมะระขี้นกสามารถเพิ่ม CD4/CD8 และลด viral load และมีผลข้างเคียงน้อยกว่ายาเคมีสังเคราะห์ จะเป็นประโยชน์ใช้ทดแทนรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีต่อไป ซึ่งจะเป็นค้นพบวิธีการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี ด้วยยาจากสมุนไพรและเน้นการพัฒนาการผลิตยารักษาโรคจากทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ภายในประเทศ (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 12 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





สหรัฐลุยพัฒนา หุ่นยนต์ธุรการ ส่งยาให้ผู้ป่วย

บริษัทเอกชนสหรัฐหลายแห่งได้พัฒนาหุ่นยนต์มาใช้ช่วยงานในโรงพยาบาล ปฏิบัติหน้าที่ แทนบุรุษพยาบาล เช่น หุ่นยนต์ที่เรียกว่า "ทัก" มีหน้าตาเหมือนเครื่องดูดฝุ่นผลิตโดยบริษัทเอธอน ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองพิตตส์เบิร์ก และ "โรโบคาร์ท" ผลิตโดย แคลิฟอร์เนีย คอมพิวเตอร์ รีเสิร์ช อิงค์ ส่วนเฮลพ์เมท ผลิตโดยคาร์ดินาล เฮลท์ โรโบคาร์ท เป็นหุ่นยนต์ที่เหมือนกับโต๊ะเคลื่อนที่ได้ ส่วนเจ้าเฮลพ์เมทมีลักษณะเป็นตู้สูงขนาด 4 ฟุต ที่มีไฟกะพริบและสัญญาณไฟเลี้ยว ซึ่งอาจเป็นที่สนใจของนักสร้างภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ โดยการทำงานของหุ่นยนต์ "ทัก" มีเซ็นเซอร์ที่สามารถช่วยให้มัน "มองเห็น" แถมยังสามารถบอกความแตกต่างระหว่างคนที่ยืนอยู่บนทางเดินกับถุงที่วางอยู่ในห้องโถงได้ ขณะที่เฮลพ์เมทเป็นหุ่นยนต์เดินตามเส้นที่ติดอยู่บนพื้นทางเดิน และยังใช้คลื่นเสียงสะท้อนช่วยไม่ให้มันเดินชนสิ่งของหรือคนที่อยู่ตามทาง หุ่นยนต์เหล่านี้ยังสามารถปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ได้อย่างสุภาพอ่อนโยน (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 12 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





บัวบกกินมากเม็ดเลือดขาวต่ำ

น.พ.วิชัย โชควิวัฒน อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกเตือนผู้นิยมใช้สมุนไพร "บัวบก" เพื่อทำอาหารเสริมและยารักษาโรคมากขึ้น ทางกรมจึงได้นำมาทำศึกษาเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค โดยผลการศึกษาระบุว่า บัวบกรับประทานในปริมาณที่ใช้เป็นยาประมาณ 1 –2 กรัมต่อวันไม่เป็นพิษต่อร่างกาย และได้มีการทดลองในสัตว์โดยให้บัวบกในปริมาณที่สูงกว่าที่ใช้ในคนพบว่าไม่เป็นพิษ แต่อาจทำให้เม็ดเลือดขาวต่ำลง เมื่อรับประทานในปริมาณที่ได้มาตรฐานสามารถจะช่วยลดความดันในหลอดเลือดดำในโรคที่เกิดความผิดปกติของหลอดเลือดดำ บรรเทาอาการขาบวมในผู้สูงอายุ หรือบรรเทาอาการบวมของข้อเท้า ช่วยรักษาโรคข้ออักเสบ รักษาแผลในกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ยังพบผลวิจัยในต่างประเทศพบว่า สามารถช่วยเพิ่มความจำและเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้ หรือลดอาการอัลไซเมอร์ได้ ซึ่งในประเทศไทยคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกำลังทำวิจัยบัวบกในการช่วยลดอาการอัลไซเมอร์ และช่วยเพิ่มความจำ ทั้งนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ทำวิจัยพิษเฉียบพลันและพิษเรื้อรังของผงบัวบกแห้งในสัตว์ทดลองพบว่า ผงบัวบกในขนาดที่ใช้เป็นยาในคนโดยองค์การอนามัยโลกคือ ขนาด 1- 2 กรัมต่อวัน ไม่ทำให้เกิดพิษเรื้อรังต่อสัตว์ทดลอง การรับประทานติดต่อเป็นระยะเวลานาน ควรมีการตรวจเลือดทางโลหิตวิทยา และเคมีคลินิกร่วมด้วยเป็นระยะ เพื่อติดตามความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น สำหรับการรับประทานบัวบกเป็นครั้งคราวสับเปลี่ยนกับการบริโภคผักหรืออาหารไม่พบว่าทำให้เกิดพิษใดๆ อย่างไรก็ตาม การรับประทานมีข้อห้ามในคนที่แพ้สมุนไพรวงศ์นี้ และมีรายงานว่า บัวบกอาจลดประสิทธิภาพของยาลดน้ำตาลหรือยาลดไขมันในเลือด ผลข้างเคียงบัวบกอาจทำให้เกิดอาการคัน อาการแพ้ของผิวหนัง ปวดศีรษะ และทำให้แพ้แสงแดด นอกจากนี้ลดโอกาสในการตั้งครรภ์ (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 12 ก.ค. 47 http://www.matichon.co.th)





แบตฯพลังเซลล์เชื้อเพลิง เวลาใช้งานนานขึ้นรองรับมือถือดูทีวี-เล่นเกม

บริษัทเคดีดีไอ จำกัด ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถืออันดับ 2 ของญี่ปุ่น ประกาศร่วมมือกับบริษัทโตชิบาและบริษัทฮิตาชิ จำกัด พัฒนาแบตเตอรี่เซลล์เชื้อเพลิงที่ใช้สารเมทานอลเป็นตัวให้พลังงานสำหรับใช้กับโทรศัพท์มือถือ โดยเคดีดีไอจะดูแลในส่วนของรายละเอียดทางเทคโนโลยีของแบตเตอรี่เซลล์เชื้อเพลิงสำหรับใช้กับเครื่องโทรศัพท์ ส่วนโตชิบาและฮิตาชิ จะแยกกันพัฒนาเซลล์แบตเตอรี่ ทั้งนี้ แบตเตอรี่เซลล์เชื้อเพลิง ซึ่งใช้เวลาในการชาร์จไฟน้อยกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนนั้น จะช่วยให้ผู้บริโภคใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ของตัวเองได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล(โน้ตบุ๊ค) หรือเครื่องเล่นเพลงพกพา ด้วยการเปลี่ยนตลับหรือเติมสารเมทานอลเข้าไป โดยแบตเตอรี่เซลล์เชื้อเพลิงเพียงก้อนเดียว สามารถทำงานได้นานกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนราว 2 เท่า ขณะที่ได้รับการคาดหมายว่า จะเป็นแหล่งพลังงานสะอาดในอนาคต เนื่องจากผลิตกระแสไฟฟ้าโดยอาศัยกระบวนการทางไฟฟ้าเคมีของออกซิเจนและไฮโดรเจน จึงไม่สร้างมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อม คาดกันว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงเดือน เม.ย.ปีหน้า (คมชัดลึก พุธที่ 14 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





ไทยสร้างเซลล์ต้นกำเนิดรักษาโรคข้อ

ศ.ดร.อานนท์ บุณยะรัตเวช สถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ได้เริ่มต้นทำวิจัยเซลล์ต้นกำเนิดร่วมกับมหาวิทยาลัยวิสคอนซิล ตั้งแต่ปี 2543 โดยได้รับเงินสนับสนุนการวิจัยจากคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ซึ่งในปีนี้ได้ให้ทุนวิจัยต่อยอดอีก 50 ล้านบาท จึงนับเป็นการวิจัยเซลล์ต้นกำเนิดโครงการแรกในประเทศไทย "งานวิจัยนี้จะช่วยสร้างเซลล์เนื้อเยื่อทดแทน ด้วยวิธีการทางวิชาการใหม่ที่วิธีเดิมรักษาไม่หาย โดยในระยะแรกจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างเซลล์ต้นกำเนิดของเนื้อเยื่อกระดูกอ่อน กล้ามเนื้อหัวใจ และระบบเลือด เพื่อให้คนไทยได้รับการฟื้นฟูและการรักษาโรคที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น" ศ.ดร.อานนท์ กล่าว ผลงานการวิจัยได้ประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรมแล้ว จากการดำเนินการวิจัยตั้งแต่ปี 2543 ด้วยการสร้างเซลล์ต้นกำเนิดกระดูกอ่อนจากกระบวนการวิศวกรรมเนื้อเยื่อ และนำไปทดสอบใช้รักษาจริงกับผู้ป่วยโรคข้อเข่าในผู้สูงอายุ ผู้ประสบอุบัติเหตุ รวมถึงการฟื้นฟูกล่องเสียงในผู้ป่วยที่เสียงแหบ ขั้นตอนต่อไปจะทำการวิจัยต่อยอดเซลล์ต้นกำเนิด ในส่วนของการสร้างหลอดเลือดเพื่อใช้รักษาผู้ป่วยโรคหัวใจ ซึ่งในขณะนี้มีความคืบหน้าไปกว่า 70% และในอนาคตจะผลิตน้ำยาบางชนิดที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ ทดแทนการนำเข้าน้ำยาจากต่างประเทศ เพื่อต้นทุนการรักษาที่ต่ำลงในอนาคต (คมชัดลึก พุธที่ 14 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





สหรัฐออกแบบ ถังแก้วบรรจุน้ำมัน เพื่อยานยนต์อนาคต

จิม เชลบี้ ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมเซรามิก มหาวิทยาลัยอัลเฟรด ในนิวยอร์ก เปิดเผยว่า โครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากกระทรวงพลังงานสหรัฐ มูลค่า 2 ล้านดอลลาร์ หรือราว 80 ล้านบาท วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารถยนต์เซลล์พลังงานที่ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงแทนน้ำมัน วัสดุที่ทีมงานพัฒนาขึ้นมาบรรจุไฮโดรเจนนั้นเรียกว่า ไมโครสเปียร์ มีลักษณะเป็นเม็ดแก้วทรงกลมขนาดจิ๋วที่เล็กกว่าเม็ดเกลือ ซึ่งแต่ละเม็ดจะบรรจุไฮโดรเจนแยกส่วนกัน ดังนั้น เมื่อเกิดอุบัติเหตุ โอกาสที่ไฮโดรเจนปริมาณมากจะรั่วไหลออกมาจึงเป็นไปได้น้อย จึงไม่แปลกที่นักวิจัยจะเชื่อว่าการขนส่งไฮโดรเจนด้วยวิธีนี้มีความปลอดภัยสูงมาก "เม็ดแก้วจิ๋วมีความแข็งแรงกว่าแก้วปกติราว 100 เท่า และยังแข็งแรงกว่าใยแก้วนำแสงที่ใช้ในระบบโทรคมนาคมด้วย" เชลบี้ กล่าวและว่า ด้วยขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 50 ไมโครเมตร และพื้นผิวที่หนาไม่ถึง 1 ไมโครเมตร ทำให้ไมโครสเปียร์แต่ละเม็ดสามารถบรรจุไฮโดรเจนได้เพียงเล็กน้อย แต่หากนำเอามารวมกันนับล้านล้านเม็ด จะสามารถผลิตระบบจัดเก็บไฮโดรเจนที่ใหญ่ขึ้นได้ ที่สำคัญมีน้ำหนักเบากว่าถังโลหะที่ใช้ในปัจจุบันอีกด้วย อย่างไรก็ตาม กระบวนการเติมเชื้อเพลิงให้กับไมโครสเปียร์มี 2 ขั้นตอน โดยขั้นแรกต้องดูดอากาศออกจากเม็ดแก้วที่ใช้แล้วออกมาให้หมดก่อนจะส่งไปยังถังเติมเชื้อเพลิง เมื่อเติมเต็มแล้ว ก็จะนำเม็ดแก้วไปจัดเก็บไว้ในถังเชื้อเพลิงอีกถังที่พร้อมใช้งาน ทั้งนี้ ทีมวิจัยเชื่อว่าภายใน 4 ปี จะสามารถพัฒนาอุปกรณ์ต้นแบบออกมาได้ (คมชัดลึก พุธที่ 14 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





มก.ใช้ไอทีวิจัยพืชสมุนไพรยับยั้งหวัดนก-เอดส์

ดร.จักร แสงมา อาจารย์ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ผู้ทำการวิจัยโครงการพัฒนาโปรแกรมการสร้างฐานข้อมูลโครงสร้างสามมิติและการสืบค้นข้อมูลของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ เปิดเผยว่า การพัฒนาตัวยาใหม่ ๆ ในกระบวนการแบบเดิมเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลานานและใช้เงินทุนสูงมาก ซึ่งกระบวนการพัฒนาจะเกี่ยวข้องกับการสกัดและสังเคราะห์สารจำนวนมาก และการทดสอบในหลอดแก้วเพื่อประเมินฤทธิ์ทางชีวภาพก่อน ถ้าได้ผลจึงจะทำการทดสอบในสัตว์ทดลองต่อไป และต้องทำการทดสอบหาความเป็นพิษและผลข้างเคียงด้วย นอกจากนี้ ยังต้องทำการทดสอบในมนุษย์อย่างละเอียดและต้องแน่ใจว่าใช้แล้วปลอดภัยจริง ๆ ก่อนที่จะนำออกสู่ออกตลาดได้ จะเห็นว่ากระบวนการแบบเดิมนี้ต้องใช้เวลานานโดยเฉลี่ยประมาณ 10-12 ปี และใช้เงินลงทุนที่ค่อนข้างสูงมากต่อการได้ยาที่ใช้รักษาโรคได้หนึ่งชนิด การใช้เคมีคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยในการออกแบบยาเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย โดย ดร.จักร เลือกใช้วิธีโมเลคิวลาร์ ดอกกิง (Molecular Docking) ซึ่งเป็นเทคนิคที่ได้รับการยอมรับทั้งด้านความถูกต้องและความรวดเร็ว อาศัยโปรแกรมคอมพิวเตอร์คำนวณค่าความสัมพันธ์ของโครงสร้างและการออกฤทธิ์ จากการประมวลผลจะทำให้ทราบได้ว่าสารออกฤทธิ์นั้นจับกับเอนไซม์ของเชื้อโรคได้ดีมากน้อยเพียงใด หรือควรจะออกแบบโมเลกุลให้มีลักษณะอย่างไร จึงจะสามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ได้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ถือเป็นสถาบันการศึกษาเดียวของประเทศไทยที่มีความพร้อมทั้งสองด้าน คือ มีทั้งสำนักบริการคอมพิวเตอร์และศูนย์วิจัยระบบคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูงและเครือข่ายที่มีศักยภาพเอื้อต่อการทำงานวิจัยเป็นอย่างมาก ผลการวิจัยของ ดร.จักร ในขณะนี้ได้รวบรวมโครงสร้างสารออกฤทธิ์ประมาณ 3,000 สาร จากสมุนไพรกว่า 30 ชนิด ซึ่งยังถือว่ายังอยู่ในขั้นเริ่มต้นเมื่อเทียบกับปริมาณสมุนไพรที่มีอยู่ในประเทศไทย สารดังกล่าวก็ได้ถูกนำไปใช้ในการค้นหาสารที่ออกฤทธิ์ยับยั้งโรคไข้หวัดนกและโรคเอดส์แล้ว ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้โดยตรงที่ ดร.จักร แสงมา ศูนย์เคมีศาสตร์สนเทศ (Centre of Cheminformatics) ห้อง 425 ชั้น 4 ตึกภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์ 02-942-8900 ต่อ 433 โทรสาร 02-942-8900 ต่อ 324 (ผู้จัดการ พุธที่ 14 ก.ค. 47 http://www.manager.co.th)





วิจัยพบมะนาวปราบโรคเอดส์ชะงัดออสเตรเลีย รายงานที่ประชุมใหญ่

นักวิจัยออสเตเลีย ซึ่งได้สนใจติดตามศึกษาทราบว่า มีการใช้มะนาวเป็นยาคุมกำเนิดในหมู่สตรีตามชาติเอเชียอาคเนย์ เพราะมะนาวออกฤทธิ์ฆ่าตัวอสุจิได้ พวกเขาเตรียมจะได้เสนอผลการศึกษาวิจัยเรื่องนี้ ต่อที่ประชุมเรื่องโรคเอดส์ระหว่างประเทศ ที่กรุงเทพฯในครั้งนี้ โดยนายโรเจอร์ ชอร์ต หัวหน้าทีมแห่งมหาวิทยาลัยเมลเบิร์นกล่าวว่า การศึกษาได้พบว่า น้ำยาผสมมะนาว ได้แสดงฤทธิ์ให้เห็น ในจานทดลองในห้องปฏิบัติการว่า เป็นน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัสโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องในมนุษย์ได้อย่างแรง ถ้าหากว่าการทดลองในสถานพยาบาลต่อไป ปรากฏผลยืนยันตรงตามนี้ น้ำมะนาวก็จะกลายเป็นยาฆ่าเชื้อโรคเอดส์ธรรมชาติ ที่ปลอดภัยและได้ผลชะงัดไปได้ (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 15 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





หมอไทยวิจัยสูตรรักษาผู้ติดเชื้อที่ป่วยวัณโรค

น.พ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้นำเสนอความก้าวหน้าในการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวีที่ติดเชื้อวัณโรคร่วมด้วย ด้วยการให้ยารักษาโรคทั้ง 2 พร้อมกันไปโดยใช้ยา 3 ขนาน ประกอบด้วย ยาอีฟาไวเรนซ์ ขนาด 600 มก.ต่อวันสำหรับต้านเชื้อไวรัสเอชไอวี ร่วมกับยาต้านไวรัสเอชไอวีอื่นๆ อีก 2 ชนิด ควบคู่กับยารักษาวัณโรคที่ประกอบด้วยยาไรแฟมปิซิน และยาอื่นอีก 3 ชนิด ผลการศึกษาพบว่าได้ผลดีทำให้จำนวนเม็ดเลือดขาวและระดับภูมิต้านทานโรค หรือซีดี 4 เพิ่มขึ้น จึงช่วยเพิ่มภูมิต้านทานของผู้ติดเชื้อได้เป็นอย่างดี และการรักษาวัณโรคก็ได้ผลดีด้วย คาดว่าวิธีการนี้จะสามารถทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นลดการติดเชื้อฉวยโอกาสอื่นๆ และยืดอายุผู้ป่วยได้อย่างดี ทั้งนี้ จากแนวทางการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อทั้งวัณโรคและเอชไอวี แพทย์จะรักษาวัณโรคให้หายก่อนแล้ว แล้วจึงให้ยาต้านไวรัสเอชไอวี เพราะยารักษาวัณโรคมีผลข้างเคียงลดการทำงานของยาต้านไวรัส ผู้ป่วยบางรายจึงเสียชีวิตก่อนการรักษาวัณโรคสิ้นสุดลง สำหรับผลงานวิจัยนี้เป็นที่สนใจของนักวิชาการนักวิทยาศาสตร์เป็นอันมาก เนื่องจากโรควัณโรคเป็นโรคที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีระดับภูมิคุ้มกันบกพร่องได้ง่ายมากและเป็นปัญหาทั่วโลก เมื่อผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี เมื่อติดเชื้อวัณโรคแล้ว เชื้อวัณโรคจะเป็นตัวเร่งให้เชื้อเอชไอวีลุกลามเข้าสู่ระยะของการป่วยด้วยโรคเอดส์เต็มขั้น เพราะเชื้อวัณโรคจะเข้าไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ต่อสู้กับเชื้อวัณโรค จึงไปกระตุ้นให้เชื้อเอชไอวีมีการแบ่งตัวเร็วขึ้นไปอีก (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 15 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





หมอไทยโชว์ผลงาน ยาต้าน “ไวรัสเอดส์”

แพทย์โชว์ผลงานผลิตยาเม็ดต้านไวรัสเอดส์สำหรับเด็ก “จีพีโอ-เวียร์” สำเร็จ เผยอยู่ในขั้นทดสอบความคงตัวและชีวสมมูล คาดนำออกจำหน่ายกลางปี 48 ปลัดฯยันเด็กติดเชื้อจากแม่โอกาสรอดชีวิตสูงหลังผลวิจัยใช้ “ซิโดวูดิน-เนวิราพีน” ควบคู่กันลดการถ่ายทอดเชื้อสู่ลูกเหลือต่ำกว่าร้อยละ 2 ที่บูธองค์การเภสัชกรรม ฮอลล์ 1 เมืองทองธานี มีการเปิดตัวความสำเร็จในการวิจัยยาจีพีโอ-เวียร์เด็ก โดยนพ.ธงชัย ทวิชาชาติ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรมกล่าวว่า ปัจจุบันองค์การเภสัชกรรมได้วิจัยและผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ออกมาจำหน่ายแล้ว 6ตัว รวม 24 รายการ และสูตรที่จำหน่ายได้มากที่สุด คือ ยาเม็ดจีพีโอ-เวียร์ ซึ่งเป็นสูตรสำหรับผู้ใหญ่ แต่ยังไม่มียาเม็ดสำหรับเด็กทำให้เด็กมีปัญหาได้รับปริมาณยาไม่ได้มาตรฐาน ที่ผ่านมาเด็กที่ติดเชื้อเอชไอวีจะได้รับยาต้านไวรัสที่เป็นแบบน้ำ ซึ่งในการรับประทานต้องใช้ปริมาณมาก และต้องใช้ตัวยาหลายชนิดควบคู่กัน ทำให้ยุ่งยากทั้งต่อตัวเด็กเวลารับประทาน และต่อแพทย์เวลาจ่ายยา นอกจากนี้ ยังมีแพทย์บางส่วนนำยาจีพีโอ-เวียร์(ผู้ใหญ่) ตัดแบ่งเป็นส่วนๆ ให้เด็กรับประทาน ซึ่งก็สามารถทำได้ แต่อาจไม่ได้ปริมาณและสัดส่วนที่เหมาะสมกับเด็ก ดังนั้น องค์การเภสัชกรรมจึงได้คิดค้นผลิตยาเม็ดจีพีโอ-เวียร์ของเด็กขึ้นมาทำให้ง่ายและสะดวกกับเด็ก สำหรับสูตรยาจีพีโอ-เวียร์ชนิดเด็ก ประกอบด้วย Stavudine 7 มก.Lamivudine 30 มก. Nevirapine 50 มก.และDidanosine 25 มก.โดยได้พัฒนามาตั้งแต่ต้นปี 2547 แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างทดสอบความคงตัวและชีวสมมูลในคน คาดว่าจะสามารถแจกจ่ายและออกจำหน่ายให้เด็กที่ติดเชื้อได้ประมาณกลางปี 2548 (สยามรัฐ พฤหัสบดีที่ 15 ก.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)





น้ำผลทับทิมรักษาโรคหัวใจชะงัดกินแล้วไม่ต้องผ่าตัดทำบายพาส

นักวิจัยของแผนกห้องปฏิบัติการวัตถุหรือสารประกอบจำพวกไขมันของอิสราเอล ที่นครไฮฟาได้พบว่า น้ำคั้นผลทับทิมมีสรรพคุณป้องกันโรคหัวใจได้อย่างชะงัด ฤทธิ์ของมันช่วยบรรเทาความเสียหาย อันเกิดขึ้นจากคอเลสเตอรอล และช่วยทำให้ความดันโลหิตลดต่ำลง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของศูนย์ ดร.อวีรัม ถึงกับบอกแสดงความหวังว่า ผลจากการวิจัยส่อว่า ผู้ป่วยโรคหัวใจที่มีความเสี่ยงสูง อาจจะไม่ต้องเข้ารับทำการผ่าตัดทำบายพาส หากว่าได้กินน้ำคั้นผลทับทิมแทนเท่านั้น ขณะนี้ตัวเขาเองกำลังพยายามผลิตมันขึ้นเป็นยาเม็ด เพื่อจะให้คนไข้ใช้กินรักษาตัวได้สะดวกขึ้น (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 16 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





เด็กไทยค้นพบยีสต์ดีที่สุด ในการทำไวน์ผลไม้ไทย

นายนรวิชญ์ ชุมฉิม หรือปาล์ม จากโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย จ.สงขลา นักเรียนทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ได้ศึกษาค้นคว้าในการผลิตไวน์เพื่อให้ได้ไวน์คุณภาพดีเป็นที่ถูกใจของผู้บริโภค โดยทำโครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง "การคัดเลือกยีสต์เพื่อใช้ในการทำไวน์ผลไม้ไทย" โดยคัดเลือกยีสต์ที่ดีที่สุดมาใช้ในการหมัก เพราะยีสต์แต่ละสายพันธุ์ให้ผลที่แตกต่างกัน จากการแยกเชื้อยีสต์จากผลไม้และนํ้าผลไม้ต่างๆ 20 ตัวอย่าง สามารถคัดเลือกยีสต์ได้ 1 ไอโซเลท คือ เอ็น 7 ซึ่งเป็นยีสต์ที่แยกได้จากนํ้าอ้อย เป็นยีสต์ที่สามารถเติบโตได้ในอาหารที่มีเอทานอล 10% หมักได้เร็วในอาหารที่มีนํ้าตาลซูโครส 25% หมักนํ้ากระเจี๊ยบที่มีความเข้มข้น นํ้าตาล 25 บริกซ์ และปรับพีเอช 4 ที่อุณหภูมิ 28 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 14 วัน ผลปรากฏว่าได้แอลกอฮอล์สูงถึง 12.2% (V/V) ซึ่งใกล้เคียงกับเชื้อเปรียบเทียบ S. cerevisiae (Burgundy) ซึ่งหมักได้ 12.6% (V/V) สามารถตกตะกอนได้ดีหลังการหมักเสร็จสิ้น ทำให้ไวน์ที่ได้มีลักษณะใส และตรวจไม่พบเมทานอลในไวน์กระเจี๊ยบที่หมักได้ ดังนั้น เอ็น 7 จึงเป็นยีสต์ที่น่าสนใจที่จะใช้ศึกษาเพื่อการทำไวน์ผลไม้ นับได้ว่าเป็นโครงงานที่ช่วยคัดเลือกยีสต์ที่มีคุณภาพที่เหมาะสมในการทำไวน์ และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่สนใจจะใช้ยีสต์ตัวนี้ในการผลิตไวน์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจที่นักเรียนทุน พสวท.ของไทย มีความสามารถไม่แพ้นานาประเทศ (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 16 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





6 ประเทศจับมือผลิตยาต้านเอดส์ องค์การเภสัชกรรมผลิตต้นแบบ

นายภักดี โพธิศิริ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้ลงนามความร่วมมือในคำแถลงการณ์ร่วมระหว่างกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาเพื่อพัฒนางานวิจัยยาต้านไวรัส วัคซีน และผลิตภัณฑ์การป้องกันการติดเชื้อเอดส์ใน 6 ประเทศ ได้แก่ บราซิล รัสเซีย ยูเครน จีน ไนจีเรีย และไทย โดยหารือใน 3 ประเด็น คือ ความร่วมมือการพัฒนายาวัคซีนและผลิตภัณฑ์ การกำหนดให้มีการประชุมร่วมมือเพื่อกำหนดแนวทางการทำงาน ซึ่งคาดว่าจะจัดที่ประเทศรัสเซีย ในเดือนตุลาคมนี้ และทั้ง 6 ประเทศ เห็นว่าควรขยายความร่วมมือไปยังประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ซึ่งจะส่งผลให้ไทยได้พัฒนานวัตกรรมการผลิตยาและวัตถุดิบในการผลิตยาและวัคซีนใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการดำเนินงานเกี่ยวกับการต่อสู้โรคเอดส์ด้วย นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงโครงการความร่วมมือในการร่วมผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ 6 ประเทศว่า มีจุดประสงค์เพื่อให้ยามีราคาถูกลง และผู้ป่วยเอดส์สามารถเข้าถึงยาได้มากขึ้น ซึ่งภายหลังการหารือข้อตกลงดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะสามารถดำเนินการได้ทันที เพราะแม้แต่องค์การระหว่างประเทศก็เห็นชอบให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการถ่ายทอดวิชาการทางด้านระบาดวิทยาและเทคโนโลยีในการช่วยผู้ป่วยเอดส์ รวมไปถึงการผลิตยาต้านไวรัสป้อนให้กับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งทั้งหมดนี้สอดคล้องกับนโยบายการผลิตยาขององค์การเภสัชกรรม และอยู่ระหว่างการขยายการผลิต ขณะที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะเป็นศูนย์กลางทางด้านไบโอเทค โดยการผลิตยาต้านไวรัสมีแนวคิดในการลดต้นทุนผลิตเป็นสำคัญ ซึ่งปัจจุบันองค์การเภสัชกรรมต้องสั่งซื้อวัตถุดิบในการนำมาผลิตจากประเทศอินเดีย (มติชนรายวัน 16 ก.ค. 47 http://www.matichon.co.th)





ข่าวทั่วไป


เจ้าชายชาร์ลส์โชว์วิสัยทัศน์ห่วงนาโนเทคโนโลยี

เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษทรงเขียนบทความในหนังสือพิมพ์ดิ อินดีเพนเดนท์ ฉบับวันที่ 11 ก.ค.โดยทรงแสดงความเป็นห่วงและทรงเตือน นักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับอันตรายของ การคิดค้นศาสตร์แห่งนาโนเทคโนโลยีหรือ เทคโนโลยีที่มีหน่วยเล็กที่สุด เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ผู้ทรงฝักใฝ่กับการเป็นนักสิ่งแวดล้อม ทรงแสดงความเห็นผ่านบทความว่า ความสำเร็จในการคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่อาจ เป็นสิ่งน่ายินดี แต่ก็อาจสร้างความหายนะให้ได้ ความเห็นของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์สอดคล้องกับจอห์น แคร์รอลล์ อดีตศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรม มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ที่เคยทักท้วงเรื่องนี้ไปยังสถาบันวิศวกรรมศึกษา พระองค์ยังได้ยกตัวอย่างยาธาลิโดไมด์ที่คิดค้นเมื่อทศวรรษ 1960 เพื่อใช้แก้อาการแพ้ท้องในสตรีตั้งครรภ์ว่า ต่อมาภายหลังก็ต้องห้ามจำหน่ายเมื่อ พบว่ายาตัวนี้ส่งผลข้างเคียงทำให้เด็กเกิดมาผิดปกติ ซึ่งนาโนเทคโนโลยีก็เช่นเดียวกัน หากไม่พัฒนาอย่างระมัดระวังก็อาจก่อให้ผลลัพธ์คล้ายกัน รายงานระบุการแสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับนาโนเทคโนโลยีของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ไม่ได้รับการตอบสนองจากแวดวงนักวิทยาศาสตร์ (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 12 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ยาเอดส์ไม่ถึงฝั่งเหตุไวรัสกลายพันธุ์

รศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยถึงการพัฒนายาปราบไวรัสเอดส์ให้ราบคาบยังอยู่อีกไกล แต่ผลงานการพัฒนายาต้านไวรัสที่ผ่านมา สามารถยืดอายุผู้ป่วยได้ชัดเจน ยกกรณีสูตรยา ป้องกันการติดเชื้อ จากครรภ์มารดา ช่วยผู้ติดเชื้อ ตั้งแต่เกิดสามารถให้กำเนิดทารก ที่แข็งแรงมาแล้ว ระบุวิวัฒนาการ ยาต้านไวรัสเอชไอวี จะเป็นมิตร กับผู้ใช้มากขึ้น โดยรับประทานง่ายและราคาถูก ส่วนกลไกการออกฤทธิ์ยังยึดแนว 10 ปี มุ่งคุมกำเนิดไวรัสในร่างกายให้เหลือน้อยที่สุด เมื่อเร็วๆ นี้บริษัทยาในสหรัฐได้คิดค้นยาใหม่ ที่มีเป้าหมายการโจมตีไวรัสต่างจากเดิม โดยออกฤทธิ์ขัดขวางไม่ให้ไวรัสเข้าไปในเซลล์เม็ดเลือดขาว แต่ยาใหม่นี้ยังมีราคาแพงมากและเป็นยาฉีด ซึ่งแนวทางใหม่นี้จะนำไปสู่การพัฒนายารุ่นต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 12 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





โรคมะเร็งป้องกันได้เผยวิธีป้องกัน 4 ข้อ

สถาบันวิจัยโรคมะเร็งในอเมริกา ได้กำหนดคำแนะนำ9 รายการที่จะช่วยให้ผู้หญิงลดอัตราเสี่ยง ในการเป็นโรคมะเร็งลงได้ คือ 1. ไม่ควรสูบบุหรี่ 2. ระวังและตรวจสอบน้ำหนักไม่ให้เกิน 5 กก. จากน้ำหนักเมื่อตอนอายุ 18 ปี 3. ต้องออกกำลังกายทุกวัน และออกแรงหนักๆ สัปดาห์ละครั้ง 4. ควรบริโภคผักและผลไม้ทุกวัน 5. บริโภคอาหารจำพวกธัญพืชทุกวัน อย่างน้อยวันละประมาณ 400 กรัม 6. สุภาพสตรีควรจำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เหลือแค่วันละแก้วก็พอ 7. ไม่ควรกินเนื้อสัตว์ที่เป็นเนื้อแดงเกินวันละ 90 กรัม 8. อาหารที่เป็นพวกไขมันไม่ควรเกินวันละ 30 เปอร์เซ็นต์ของแคลอรีที่ควรได้รับแต่ละวัน 9. อย่ากินเค็มเกิน กล่าวคือไม่ควรเติมเกลือลงในอาหารเกิน 2,400 มิลลิกรัมต่อวัน รายงานวิจัยที่ว่านี้ ได้สังเกตศึกษากลุ่มผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน 3,000 ราย และพบว่าคนที่ทำตามคำแนะนำเหล่านี้เพียง 1 รายการ หรือไม่ทำเลย มีโอกาสเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นถึง 35 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับคนที่ปฏิบัติตามคำแนะนำนี้ 5-6 ข้อ ไทยรัฐ (พุธที่ 14 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





แพทย์รับปลิงดูดเลือดรักษาโรค ช่วยรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก-ต่ออวัยวะ

องค์การอาหารและยา (เอฟดีเอ) สหรัฐ รับรองการใช้ปลิงเป็นเครื่องมือในการรักษาทางการแพทย์ โดยบริษัทจากฝรั่งเศสแห่งหนึ่ง หลังจากพิจารณาข้อมูลทางการแพทย์และข้อมูลด้านความปลอดภัยที่ทางบริษัทจัดเตรียมไว้ให้ ทั้งยังพิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงปลิง สภาพแวดล้อมที่อาศัยอยู่ รวมถึงผู้ที่เลี้ยงปลิงด้วย โดยบริษัทแห่งนี้ได้ดำเนินการเพาะเลี้ยงปลิงมาเป็นเวลา 150 ปีแล้ว เจ้าหน้าที่จาก อย.สหรัฐ ยังได้พูดถึงแนวทางรักษานี้ด้วยว่า ปัจจุบันมีแพทย์ทั่วโลกใช้ปลิงช่วยดูดเอาเลือดคั่งใต้ผิวหนังในผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ซึ่งต้องเข้ารับการปลูกผิวหนัง และยังใช้ช่วยฟื้นฟูการไหลเวียนของโลหิตในเส้นเลือดที่อุดตัน โดยใช้ปลิงดูเลือดที่คั่งออกมาก บริษัทของฝรั่งเศสแห่งนี้ ได้ระบุข้อมูลในเวบไซต์ของตัวเองถึงประโยชน์ของปลิงว่ามีประโยชน์มาก โดยเฉพาะในการผ่าตัดเพื่อต่อส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายกลับเข้าไป อย่างเช่น นิ้วมือ หู โดยปลิงจะสามาถช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นเมื่อต่อเส้นเลือดดำเข้าด้วยกัน ในการต่ออวัยวะเข้าด้วยกัน ศัลยแพทย์ไม่ค่อยประสบปัญหานักในการต่อปลายเส้นเลือดขนาดเล็กเข้าด้วยกัน เนื่องจากเส้นเลือดแดงมีผนังที่หนา และเย็บต่อง่าย แต่ในกรณีของเส้นเลือดดำอาจลำบากหน่อย เนื่องจากมีผนังเลือดบาง เปราะง่าย และเย็บต่อยาก แพทย์จึงนำปลิงมาช่วยในการทำศัลยกรรมเนื้อเยื่อ โดยแพทย์ที่บุกเบิกเรื่องนี้คือ เอ็ม.เดอร์แกนซ์ และ เอฟ.ดราวิซ ซึ่งได้ตีพิมพ์งานวิจัยเมื่อปี 2503 (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 15 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





อี-พลัสป่วนผลทดสอบไม่ตรงกัน

สืบเนื่องจากกรณีที่นายเฉลิมชัย ห่อนาค ประธานคณะกรรมการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) สั่งให้ วว.ชะลอการติดตั้งอี-พลัส หรืออุปกรณ์ประหยัดน้ำมัน โดยระบุว่าอุปกรณ์ดังกล่าวยังไม่ได้รับรองมาตรฐาน จากสถาบันใดๆ ทำให้นายกร ทัพพะรังสี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) สั่งให้ตั้งกรรมการกลางมาทดสอบ โดยให้สรุปผลในวันที่ 15 ก.ค.นั้น นายภิมุข สิมะโรจน์ เลขานุการ รมว.วท. กล่าวว่า นายเฉลิมชัยนำผลการทดสอบซึ่งใช้วิธีการจำลองกำลัง ของเครื่องในห้องปฏิบัติการของเอกชน ปรากฏว่า อี-พลัส ไม่มีผลแตกต่างในเรื่องการประหยัดน้ำมัน ขณะที่ นายพีรศักดิ์ วรสุนทโรสถ ผู้ว่าการ วว. ก็นำผลทดลองวิ่งจริง ซึ่งมีนายคณิตย์ วัฒนวิเชียร หัวหน้าห้องปฏิบัติการวิจัย เครื่องยนต์สำหรับภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทดสอบวิ่งด้วยรถที่ติดอี-พลัสในรถ 3 คันเป็นระยะทาง 200 กิโลเมตร พบว่าประหยัดน้ำมันได้ถึง 10% อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผลการทดสอบทั้ง 2 ส่วนที่ไม่ตรงกันนี้ ทำให้ยังไม่สามารถสรุปอะไรที่ชัดเจนได้ นายกรจึงขอเวลาพิจารณารายละเอียด รวมทั้งยังไม่ลงนามอนุมัติการลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าการ วว.ด้วย เพราะเห็นว่าควรจะพิจารณาการผลิตอี-พลัสกับการลาออกควบคู่กันไป (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 16 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





นอร์เวย์คุณภาพชีวิตเยี่ยมไทยแย่กว่ามาเลย์-เกาหลีใต้

รายงานประจำปี 2547 ของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ วัดดัชนีคุณภาพชีวิต ประชากรในประเทศต่างๆทั่วโลก 177 ชาติ ทั้งด้านรายได้ ประชาชาติ ระดับการศึกษา คุณภาพสาธารณสุขและค่าเฉลี่ยความมีอายุยืนยาวของประชากร อันดับ 1 ถึง 10 ได้แก่ นอร์เวย์ สวีเดน ออสเตรเลีย แคนาดา เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม ไอซ์แลนด์ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และไอร์แลนด์ ไทยอยู่อันดับ 76 ยังแย่กว่าเกาหลีใต้ อันดับ 28 มาเลเซีย (59) แต่ยังดีกว่าซาอุดีอาระเบีย อันดับ 77 ฟิลิปปินส์ (83) จีน (94) ศรีลังกา (96) อินโดนีเซีย (111) เวียดนาม (112) อินเดีย (127) กัมพูชา (130) พม่า (132) ลาว (135) ส่วนประเทศที่คุณภาพชีวิตประชากรแย่ที่สุดเรียงจากท้ายสุด 10 อันดับ คือ เซียร์ราลีโอน (177) ไนเจอร์ บูร์กินาฟาโซ มาลี บุรุนดี กินีบิสเซา โมซัมบิก เอธิโอเปีย สาธารณรัฐแอฟริกากลาง และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (168) (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 16 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





นักวิจัยสหรัฐเผยวัคซีนเอดส์ล้มเหลว

ที่ประชุมนานาชาติเรื่องโรคเอดส์ครั้งที่ 15 วานนี้ (15 ก.ค.) ดร.โฆเซ่ เอสปารซา ผู้อำนวยการโครงการพัฒนาวัคซีนเอชไอวี มูลนิธิบิลล์ แอนด์ เมลินดา เกตต์ สหรัฐอเมริกา บรรยายหัวข้อการขยายทางเลือกเพื่อเข้าถึงการป้องกันเอดส์ โดยระบุว่า ผลการทดลองวัคซีนรักษาเอดส์ในปีที่ผ่านมาไม่ประสบผลสำเร็จ โดยวัคซีนไม่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสเอชไอวีในร่างกายของผู้ติดเชื้อ วัคซีนแว็กซ์เจน (VaxGen) ซึ่งตอนนี้ก็ทดลองในระยะที่ 3 แล้วในทวีปอเมริกาเหนือและประเทศไทย ไม่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสเอชไอวีในมนุษย์ ส่วนการทดลองระยะที่ 3 ในอาสาสมัครคนไทยกว่า 16,000 คน คงต้องรอการประเมินผลว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการทดลองจะล้มเหลวแต่ไม่ควรละทิ้งความพยายามคิดค้นหาวิธีการใหม่ๆ มารักษาโรคเอดส์ รัฐบาลและแหล่งทุนควรให้การสนับสนุนงานวิจัยด้านวัคซีนให้มากเพิ่มขึ้น เพราะตอนนี้เราได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จะพัฒนาวัคซีนในรุ่นต่อไป ดร.ณัฐวัฒน์ อ่อนลมูล หน่วยเครื่องมือพิเศษเพื่อการวิจัย คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เสนอผลการทดลองของตนเองว่า อยู่ระหว่างวิจัยวัคซีนเพิ่มจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาวที่คอยดักจับเชื้อไวรัสเอสไอวี เพื่อใช้ด้านการรักษา หากวิจัยสำเร็จจะช่วยให้ผู้ติดเชื้อมีชีวิตยืนยาว โดยไม่ป่วยด้วยโรคฉวยโอกาส แต่คงไม่สามารถกำจัดเชื้อโรคเอชไอวีในร่างกายได้หมด แต่จะควบคุมให้อยู่ในร่างกายโดยไม่แสดงอาการเท่านั้น (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 16 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ร้องเตือนเด็กหน้าจอให้ระวัง โตขึ้นมีปัญหาสุขภาพตามมา

"แลนเซ็ท" วารสารการแพทย์ในอังกฤษรายงานผลวิจัยของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอ-ตาโก ในนิวซีแลนด์ ระบุว่า ผู้ที่มีพฤติกรรมในวัยเด็กชอบดูโทรทัศน์ และใช้เวลาอยู่หน้าจอโทรทัศน์เป็นเวลาหลายชั่วโมง จะเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคอ้วน รวมถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆตามมา นายโรเบิร์ต เจ. แฮนค็อก จากมหาวิทยาลัยโอตาโก และทีมงาน เริ่มสุ่มตัวอย่างเด็กๆที่เกิดในเมืองดูนดิน ในช่วงปี 2515-2516 จำนวน 1,000 คน และเก็บข้อมูลมาอย่างต่อเนื่อง พบว่าผู้ที่ดูโทรทัศน์เกินกว่า 2 ชั่วโมงต่อวันในช่วงวัยเด็กและวัยผู้ใหญ่ จนถึงอายุ 26 ปี พบว่ามีปริมาณดัชนีมวลร่างกาย หรือบีเอ็มไอ รวมถึงระดับคอเลสเทอรอลเพิ่มขึ้น และยังมีสัดส่วนในการติดบุหรี่สูงด้วย นอกจากนี้ ยังจะมีปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือดอุดตัน ซึ่งทุกวันนี้จากสถิติขององค์การอนามัยโลก มีผู้ประสบภาวะโรคอ้วนราว 1,000 ล้านคน ในจำนวนนี้ 300 ล้านคน มีปัญหาโรคอ้วนอย่างรุนแรง เขายังกล่าวด้วยว่า ผู้ปกครองนอกจากจะต้องระวังเรื่องเวลาในการดูโทรทัศน์แล้ว ควรจะให้ความสำคัญกับเนื้อหารายการที่เด็กดู (ไทยรัฐ อาทิตย์ที่ 18 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215