หัวข้อข่าวปีที่ 5 ฉบับที่ 40 ประจำวันที่ 2004-10-03

ข่าวการศึกษา

เปิดตัว 2 เด็กเก่งชิงชัยดาราศาสตร์โลกครั้งแรก
ม.แม่ฟ้าหลวงชี้รัฐไม่เข้าใจม.นอกระบบ
มศว ผุดศูนย์เรียนรู้ตลอดชีวิต ให้ปริญญา "ภูมิปัญญาบัณฑิต"
ใช้ "เน็ต" สมัครแอดมิชชั่นลดภาระ นร.
การโรงแรมและท่องเที่ยวรุ่ง แนะ ม.ผลิตนักศึกษารองรับ
"อดิศัย" มอบ ร.ร.ทำหลักสูตรกีฬา ปั้นเด็กไทยรองรับโอลิมปิก 2016
มศว ตั้งศูนย์เรียนรู้ตลอดชีวิต มอบภูมิปัญญาบัณฑิตให้ชาวบ้าน
8 เยาวชนมั่นใจ ชิงแชมป์โลก กีฬาเกมคอมพ์
จุฬาฯ เตรียมเปิดหลักสูตรสอนแฟชั่น
ศธ.ร่นเวลาราชการ ทำงานแล้ว 12 เดือนลาเรียนต่อฝึกอบรมได้
นศ.พม่าสนเรียนต่อม.ไทยเพียบ สกอ.เตรียมลุยโรดโชว์ภูมิภาคเอเชีย
ไทยคว้า4เหรียญทอง แข่งฝีมือช่างอาเซียน
จุฬาฯ เปิดรับสมัครผ่านออนไลน์ช่วยลดภาระ นร.
สถาบันวิทยาการการเรียนรู้ เริ่มเดินเครื่องวิจัยต้นปีหน้า
ชี้ปฏิรูปอุดมศึกษาเดินหน้าช้า เหตุบุคลากรเมินพัฒนาตัวเอง
มฟล.รับตรง ป.ตรีปี 48 หลักสูตรภาษาจีน 60 คน
นร.แห่ติวเอนทรานซ์กับ “มาม่า”
เจาะใจ 2 หนุ่มนศ.ต่างชาติ ทำไมเลือกเรียนต่อเมืองไทย
แฉอาจารย์อุดมฯเมินพัฒนาตนเองอ้างไม่มีเวลา
สกอ.จี้อาจารย์มหา ลัยพัฒนาตน
ม.อ.วิทยานุสรณ์คิดนอกกรอบ ปั้นนักวิทย์เลือดใหม่หัวใจศิลป์

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

ธารน้ำแข็งขั้วโลกใต้บางลง หวั่นทำให้น้ำทะเลหนุนสูงขึ้น
ซิป้า-ซอฟต์แวร์ พาร์ค ประสานเสียงสร้างคนป้อนอุตสาหกรรม
พบพรายไดโนเสาร์คอยาวกว่าตัวซ่อนตัวใต้น้ำ โผล่หัวขึ้นมากินปลา
เตรียมทัศนาจรอวกาศนอกโลกยกพวกกันไปเป็นหมู่เป็นคณะ
สภาอุตสาหกรรมดันโครงการเหมืองแร่โปแตช
โลกถูกดาวเคราะห์น้อยเฉียดแต่ไม่ต้องกลัวนอนตาหลับได้
ปลาหมึกฉลาดเรืองแสงพรางศัตรู แถมใช้เป็นไฟฉายส่องหาอาหาร
โรงเรียนชาวเขาสมองใส ผลิตไฟฟ้าจากมูลช้างแห่งแรก
นักวิทย์มองเห็นอะตอม เล็กกว่าเส้นผม 5 แสนเท่า
ไทย"คว้ารางวัลภาพวาด ขึ้นปกนิตยสาร"ดาราศาสตร์โลก"
สร้างบ้านประหยัดพลังงาน
กว่าจะมาเป็นเม้าส์
ปล่อยยานนำร่องท่องเที่ยวอวกาศรอบ2
"มกอช."เล็งเพิ่ม14มาตรฐานเกษตร-อาหาร ยกระดับคุณภาพสินค้าไทยแข่งตลาดโลก
ราชภัฏอุบลฯ เก่ง คิดฟอนท์ธรรม-ไทยน้อย ลงคอมพ์สำเร็จ

ข่าววิจัย/พัฒนา

ยืมจมูกหนูมาดมกลิ่นช่วยคน อยู่ในทีมกู้ภัยชี้ตำแหน่งตึกถล่ม
นักวิทย์มหิดลคว้านักวิจัยดีเด่นปี 47
ซีเมนส์ผุดมือถือวัดกลิ่นปาก
กล้องจุลทรรศน์ส่องอะตอมจิ๋ว
ไอบีเอ็มถ่ายทอด'นาโนเทค'นักวิจัยไทย ผลงาน กร เดินสายดึงเทคโนโลยีชั้นนำเข้าประเทศ
สงสัยเปิดไฟนอนอาจยั่วมะเร็งแสงไฟไปกดการผลิตฮอร์โมน
วช.ทุ่ม 20 ล้าน วิจัยหนุนอุตฯ กุ้งส่งออก ศึกษา 7 เรื่องมุ่งผลิตกุ้งปลอดสารปฏิชีวนะรับฟู้ด เซฟตี้
ยกคุณประโยชน์โทรศัพท์มือถือกระตุ้นเซลล์สมองเด็กให้ตื่นตัว
แปลงทานตะวันเป็นแหล่งพลังงาน ผลิตไฮโดรเจนป้อนรถยนต์ยุคใหม่
ธุรกิจเภสัชภัณฑ์กระตุ้นนักวิทย์สร้างผลงาน มอบทุนวิจัยกว่า 1.4 ล้านบาท/ปี เงื่อนไขมีชื่อร่วมสิทธิบัตร
มก.พัฒนาเครื่องให้อาหารต้นข้าว เพิ่มผลผลิตจาก60เป็น100/ไร่
รม.หันตราใช้ขิงแทนสารเคมี “เร่งราก-แตกใบ” ทำใช้เอง
จับนักนอนกรนให้ดูดนมยางเด็กดับเสียงกรนนอนหลับสนิททันที
อินเดียทำยาเม็ดคุมกำเนิดสมุนไพรตามตำรับโบราณอายุ 2,500 ปี
สหรัฐทำแผนที่ดีเอ็นเอช้างแกะรอยการค้างา
วช.วิจัย'เทสต์คิต' ตรวจกุ้งรู้ผลเร็ว
แพทย์รามา คิดค้นสูตรอาหารเหลวรักษา
ภัยไมโครเวฟ-มือถือ : ผลวิจัยคลื่นแม่เหล็ก ระบุเป็นภัยต่อสมอง
ร.พ.กรุงเทพโชว์"ดา วินชี่"หุ่นยนต์ไฮเทคผ่าตัดหัวใจ
ซุปเปอร์แอร์ประหยัดไฟ
เครื่องใช้ไฟฟ้าพลังอาทิตย์

ข่าวทั่วไป

สศอ.ผนึกเอกชนตั้งบริษัทกำจัดของเสียบรรจุภัณฑ์ หวั่นกระทบส่งออกหลังผู้นำเข้าเข้มสวล.
ศิลปินแห่งชาติเสนอ 7 แนวคิดสร้างวัฒนธรรมของชาติ
ยูซีแอลเอบริจาคเครื่องมือ 40 ล้าน เพื่องานวิจัยไทย
ชานเมืองเฮ! ครม.แจ้งเกิดรถไฟฟ้า
สคบ.สั่งห้ามใช้แอลกอฮอล์เหลวแล้ว
รพ.รามาธิบดี พบโรคเบาหวาน ในเด็ก 72% บริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ด
แพทย์เผยน้ำเชื้อชายไทยคุณภาพต่ำ
นำตู้รถไฟทิ้งทะเลสร้างปะการังเทียม เนรมิตโลกใบน้อยให้สัตว์ใต้ท้อง
สธ.ขึ้นทะเบียนสมุนไพรต้านเอดส์ใหม่
ประกาศเป็นศูนย์กลางธุรกิจสุขภาพ
วธ.เร่งทำคู่มือสอนต่างชาติรู้วิถีไทย
ไทยจับมืออิตาลีพัฒนาSMEs





ข่าวการศึกษา


เปิดตัว 2 เด็กเก่งชิงชัยดาราศาสตร์โลกครั้งแรก

นายอารี สวัสดี นายกสมาคมดาราศาสตร์ไทย กล่าวว่า ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมี พระราชดำรัสผ่านทางสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ให้ส่งนักเรียนไทยร่วมแข่งขันดาราศาสตร์โอลิมปิกนั้น ขณะนี้สมาคมฯร่วมกับมูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการ และพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษาในพระอุปถัมภ์สมเด็จ (สอวน.) ได้จัดแข่งขันและคัดเลือกผู้แทนนักเรียนไทย 2 คน คือ นายรักพงษ์ กิตินราดร ร.ร.ราชวินิตบางแก้ว และนายประวีณ สิริธนศักดิ์ ร.ร.มหิดลวิทยานุสรณ์ เข้าร่วมแข่งขันดาราศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ครั้งที่ 9 ในวันที่ 1-9 ต.ค.นี้ ที่ ประเทศยูเครนเป็นครั้งแรกของไทย ทั้งยังสอดคล้องกับวโรกาสครบรอบพระราชสมภพ 200 ปี ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทยอีกด้วย ทั้งนี้ ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีของเด็กทั้ง 2 คนในการแข่งขันระดับโลก โดยจะมี ม.ล.อนิวรรต สุขสวัสดิ์ คณะวิทยาศาสตร์ ม.เชียงใหม่ และ ผศ.ดร.ปิยพงษ์ สิทธิคง คณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล ร่วมเดินทางไปกับคณะนักเรียนไทยด้วย ผศ.ดร.ปิยพงษ์กล่าวว่า ไม่คาดหวังว่าจะได้รับรางวัลกลับมาเหมือนกับส่งเยาวชนไทย ชิมลางในเวทีโลกก่อนเพราะเป็นปีแรก โดยสิ่งที่ห่วงคือปัญหาการสอบภาคปฏิบัติ เพราะเด็กยังไม่พร้อม (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 27 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





ม.แม่ฟ้าหลวงชี้รัฐไม่เข้าใจม.นอกระบบ

รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวถึงการออกนอกระบบราชการของมหาวิทยาลัยรัฐว่า จากการดำเนินการของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงที่เป็นมหาวิทยาลัยออกนอกระบบพบว่า การออกนอกระบบราชการมีข้อดีคือ ทำให้มหาวิทยาลัยมีความคล่องตัวปรับเปลี่ยนนโยบายให้สอดคล้องกับเหตุการณ์บ้านเมือง และการบริหารจัดการทุกๆ ด้าน การอนุมัติเบิกจ่ายงบประมาณ การจัดซื้อจัดจ้างทำได้สะดวก คล่องตัว เนื่องจากไม่ต้องผ่านสำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลาง อีกทั้งการบริหารงานบุคคลสามารถจัดกลุ่มและคัดเลือกคนดี มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงานกับมหาวิทยาลัยได้ง่าย ซึ่งมหาวิทยาลัยกำหนดค่าตอบแทนให้แก่บุคลากรได้เอง สำหรับข้อเสียคือ มหาวิทยาลัยมีความจำเป็นต้องได้ผู้บริหารที่มีภาวะผู้นำสูง อีกทั้งหากผู้บริหารมหาวิทยาลัยและบุคลากรไม่มีความเป็นนักบริหารจัดการที่ดีแล้ว จะทำให้โอกาสก้าวหน้าของมหาวิทยาลัยตามแผนที่วางไว้มีน้อย รวมถึงการประเมินความดีความชอบจากผลงาน จะทำให้บางครั้งบุคลากรมุ่งสร้างผลงานของตัวเองเป็นหลัก ทำให้ขาดการทำงานเป็นทีม ส่งผลให้มหาวิทยาลัยต้องปรับรูปแบบประเมินผลงานมาเป็นแบบทีม สิ่งที่มหาวิทยารัฐที่จะออกนอกระบบ ต้องเตรียมการคือ การทำความเข้าใจกับบุคลากร วางระบบบริหารจัดการให้ดี อย่างไรก็ตาม ที่น่าเป็นห่วงคือ ขณะนี้รัฐบาลยังไม่ค่อยเข้าใจรูปแบบการออกนอกระบบราชการของมหาวิทยาลัย จะเห็นได้จากออกระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารงบประมาณและการเงิน เช่น รัฐขึ้นเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ 3% แต่ยังไม่ได้ปรับเงินเดือนให้แก่ข้าราชการที่อยู่ในมหาวิทยาลัยนอกระบบราชการ เป็นต้น (คมชัดลึก จันทร์ที่ 27 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)





มศว ผุดศูนย์เรียนรู้ตลอดชีวิต ให้ปริญญา "ภูมิปัญญาบัณฑิต"

รศ.ดร.นภาภรณ์ หะวานนท์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า มศว ได้ตั้งศูนย์นวัตกรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิต หรือ Center for Life - long Education Innovation ขึ้นมา เนื่องจากการได้ทำงานกับชุมชนทำให้พบปราชญ์ชาวบ้าน ที่มีความรู้และภูมิปัญญา บางคนจบการศึกษาแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หากแต่มีความเชี่ยวชาญและทักษะเกี่ยวกับชุมชน ทว่าครูในโรงเรียนยังไม่ยอมรับความรู้ที่มีอยู่ในชุมชนมากนัก แม้ ศธ.จะพยายามให้โรงเรียนจัดความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้าสู่โรงเรียนก็ตาม โดยการยอมรับความรู้ของชาวบ้านถูกนำไปพ่วงติดกับปริญญาบัตร ศูนย์นวัตกรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิต มศว นี้ จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการสร้างกระบวนการเรียนรู้กับชุมชน โดยมุ่งเน้นทำความรู้สมัยใหม่ให้เป็นทุน ในการพัฒนาชุมชนและสังคม มีกิจกรรมการทำวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมจะทำให้เกิดการบูรณาการความรู้ ทั้งนี้จะมีการเชื่อมโยงหลักสูตรระดับปริญญาตรี โท เอก กับหลักสูตรระดับประกาศนียบัตรและวุฒิบัตร ให้กับคนในชุมชนด้วย ปริญญาที่คิดไว้ว่าจะมอบให้กับผู้ที่มีความรู้ความสามารถในชุมชนนั้นคือ ภูมิปัญญาบัณฑิต (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 27 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ใช้ "เน็ต" สมัครแอดมิชชั่นลดภาระ นร.

รศ.ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเตรียมการจัดการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา โครงการนำร่องระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือระบบแอดมิชชั่น ปีการศึกษา 2548 ว่า การรับสมัครนั้น สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จะแจ้งประกาศ ขั้นตอนการรับสมัครผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ ให้นักเรียนทราบและจะให้รับสมัครผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งจะไม่มีการจำหน่ายใบสมัคร เพื่อลดภาระการเดินทางและค่าใช่จ่ายของนักเรียน ส่วนค่าสมัครสอบ ให้ชำระผ่านธนาคาร การส่งหลักฐานการสมัคร ซึ่งจะให้เลือกคณะวิชาได้ 4 อันดับ ผู้เรียนก็จะส่งหลักฐาน ทั้ง 4 ชุดไปยังคณะที่เลือกไว้ ผ่านทางไปรษณีย์ ซึ่งวิธีการดังกล่าวจะช่วยลดภาระของผู้เรียนในการเดินทางไปสมัครได้ และระบบนี้ก็จะเป็นระบบที่จะใช้ในการสมัครของปีการศึกษา 2549 ด้วย เลขาธิการ กกอ.กล่าวต่อว่า เนื่องจากในปี 2548 การรับระบบแอดมิชชั่นเป็นระบบนำร่องหรือการทดลอง ดังนั้น จึงขอให้ผู้ที่มีสิทธิสมัครเป็นนักเรียนชั้น ม.6 ที่เรียนในระบบปกติเท่านั้น ทั้งนี้ได้ประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เรียบร้อยแล้ว ที่จะใช้คะแนนเฉลี่ยสะสม ม.ปลาย หรือจีพีเอจำนวน 5 ภาคเรียน และคะแนนรายวิชา ส่วนคะแนนสอบวัดความรู้เดือน ต.ค.นี้จะใช้ ไม่เกิน 3 วิชา ซึ่งขณะนี้ ทาง สพฐ.กำลังพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับจีพีเอ และคะแนนรายวิชา เพื่อเป็นการยืนยันกับข้อมูลจีพีเอ และคะแนนรายวิชาที่ส่งมาจากนักเรียน ส่วน สกอ.ก็จะพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการคำนวณสัดส่วน คะแนน จากนั้นจะมีการเก็บข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบ คะแนนจีพีเอ คะแนนรายวิชา กับ คะแนนสอบวัดความรู้เดือนต.ค. ว่ามีความสัมพันธ์กันมากน้อยเพียงใด (ไทยรัฐ พุธที่ 29 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





การโรงแรมและท่องเที่ยวรุ่ง แนะ ม.ผลิตนักศึกษารองรับ

ผศ.ดร.สมพิศ ขัตติยพิกุล ผู้อำนวยการวิทยาลัยนานาชาติ เปิดเผยถึงหลักสูตรสาขาการจัดการโรงแรม และสาขาการออกแบบมัลติมีเดีย ซึ่งเป็นหลักสูตรใหม่ว่าได้ร่วมมือกับสถาบันวาแตล ประเทศฝรั่งเศส และโรงแรมชั้นนำทั่วประเทศ เพื่อพัฒนาหลักสูตรการโรงแรมที่เป็นสากล และผลิตบัณฑิตที่มีความสามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจการโรงแรมและการท่องเที่ยวในปัจจุบัน ขณะนี้เปิดรับนักศึกษาแล้ว 2 รุ่น ระดับปริญญาตรีมีนักศึกษาประมาณ 100 คน และระดับปริญญาโทที่คาดว่าจะรองรับนักศึกษาได้อีกประมาณ 100 คน เน้นการเรียนในภาคทฤษฎีควบคู่กับการปฏิบัติงานจริง ทำให้นักศึกษาสามารถนำเอาทฤษฎีที่เรียนรู้มาปรับใช้กับการปฏิบัติงานจริงได้ในโรงแรมระดับชั้นนำ ส่วนสาขาการออกแบบมัลติมีเดียนั้น เปิดรับนักศึกษามาแล้ว 1 รุ่น มีนักศึกษาประมาณ 23 คน โดยในอนาตอาจจะมีการแลกเปลี่ยนกับสถาบันการศึกษาต่างประเทศ (คมชัดลึก พุธที่ 29 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)





"อดิศัย" มอบ ร.ร.ทำหลักสูตรกีฬา ปั้นเด็กไทยรองรับโอลิมปิก 2016

นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการจัดกิจกรรม "นักเรียนไทยมุ่งไปโอลิมปิก 2016" และแสดงความยินดีกับนักกีฬาจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ปี 2004 ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ว่าวันที่ 27 ก.ย.เป็นวันแรกที่หน่วยงานรัฐรวมถึง ศธ. จัดทำแผนงานส่งเสริมกีฬา ปลูกฝังเด็กให้เล่นกีฬาตั้งแต่ระดับประถมจนถึงอุดมศึกษา ซึ่งในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการได้มอบนโยบายให้สถานศึกษาแต่ละแห่งจัดหลักสูตรกีฬาตามความถนัดและความพร้อมด้านสถานที่ หวังปั้นเด็กไทยให้เป็นนักกีฬารองรับไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพแข่งโอลิมปิก 2016 (คมชัดลึก พุธที่ 29 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)





มศว ตั้งศูนย์เรียนรู้ตลอดชีวิต มอบภูมิปัญญาบัณฑิตให้ชาวบ้าน

รศ.ดร.นภาภรณ์ หะวานนท์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า จากที่ได้ทำงานกับชุมชนทำให้พบปราชญ์ชาวบ้านที่มีความรู้และภูมิปัญญา บางคนจบการศึกษาแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ทำให้ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม มศว จึงได้ตั้งศูนย์นวัตกรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิต หรือ Center for Life-long Education Innovation ขึ้นมาเพื่อยกระดับความรู้ของคนในชุมชนให้ตรงตามความสามารถ โดยศูนย์นวัตกรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิต มศว นี้ จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการสร้างกระบวนการเรียนรู้กับชุมชน โดยมุ่งเน้นทำความรู้สมัยใหม่ ให้เป็นทุนในการพัฒนาชุมชนและสังคม วิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม จะทำให้เกิดการบูรณาการความรู้ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชุมชนกับความรู้สมัยใหม่ที่มาจากวิถีชีวิตและวัฒนธรรมชุมชน ทั้งนี้จะมีการเชื่อมโยงหลักสูตรระดับปริญญาตรี โท เอก กับหลักสูตรระดับประกาศนียบัตรและวุฒิบัตร ให้กับคนในชุมชนด้วย ถือเป็นการเปิดพื้นที่ให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถในชุมชน สามารถเข้าสู่ระบบการเรียนรู้และการศึกษาของมหาวิทยาลัยได้อย่างกว้างขวางขึ้น โดยคนในชุมชนที่มีความรู้ความสามารถจะได้รับปริญญาภูมิปัญญาบัณฑิต (คมชัดลึก พุธที่ 29 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)





8 เยาวชนมั่นใจ ชิงแชมป์โลก กีฬาเกมคอมพ์

หลังจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ร่วมกับซัมซุง, อินเทลและลิเบอร์ต้า จัดแข่งขันเวิลด์ ไซเบอร์เกมชิงแชมป์ประเทศไทย เพื่อคัดเลือกผู้ชนะเป็นตัวแทนประเทศไทยไปโอลิมปิกสำหรับเกมคอมพิวเตอร์ ระหว่างวันที่ 4-10 ต.ค. ณ บิลล์ เกรแฮม ชีวิค ออดิทอเรียม เมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา โดย 8 เยาวชนคนเก่งจาก 4 เกมมาตรฐาน ได้แก่ เกมเคาน์เตอร์ สไตรค์ ซึ่งฝึกทักษะการทำงานเป็นทีม ได้ตัวแทนคือทีม เนียร์ลี ก็อด เอ มีสมาชิก 5 คน ได้แก่ นายณัฐวินร์ ไมยะ นายสากล ภวานุรักษ์ นายชยุตม์ ฉางทองคำ นักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ นายสธน ภวานุรักษ์ ร.ร.บดินทรเดชา และนายศิร์เวทย์ เครือวิทย์ ร.ร.นวมินบดินทรเดชา, เกมฟีฟ่า ซอคเกอร์ 2004 ฝึกฝนทักษะทางกีฬา ได้แก่ นายประยุทธ ชัยสุข มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต, เกมนีดฟอร์สปีด ได้แก่ นายวีรสิษฐ์ กิติวรรณกุล มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ส่วนผู้ชนะเกมฝึกฝนการวางแผนและกำหนดยุทธวิธี วอร์คราฟท์ 3 คือนายชนินทร ติงรัตนสุวรรณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยขณะนี้ทั้งหมดได้เสร็จสิ้นการเก็บตัวที่เวิลด์ไซเบอร์แคมป์ในกรุงเทพฯ และในสัปดาห์นี้จะเดินทางไปสหรัฐเพื่อชิงชัยกับ 64 ชาติ (คมชัดลึก พุธที่ 29 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)





จุฬาฯ เตรียมเปิดหลักสูตรสอนแฟชั่น

รศ.ดร.วีระศักดิ์ อุดมกิจเดชา รองอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ขณะนี้ จุฬาฯ ได้รับมอบหมายจากโครงการกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่น ให้เป็นผู้ดำเนินการพัฒนาบุคลากรด้านแฟชั่น โดยมี ศ.คุณหญิง สุชาดา กีระนันท์ อธิการบดีจุฬาฯ เป็นประธาน ส่วนตนเป็นประธานดำเนินโครงการ โดยจะมีการร่างหลักสูตรพัฒนาบุคลากรด้านแฟชั่นขึ้นมาทั้งระยะสั้นและระยะยาว เปิดสอนในเดือน พ.ย.นี้ สอนแฟชั่นดีไซน์ การบริหาร จัดการและเทคโนโลยีแฟชั่น เพื่อตอบสนองกลุ่มอุตสาหกรรม 3 กลุ่มหลักที่สร้างรายได้ให้กับประเทศประกอบด้วยสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องหนังและอัญมณีเครื่องประดับ โดยจะใช้อาจารย์จากต่างประเทศมาสอน ส่วนนักศึกษาจะต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ขณะที่ผู้ ที่จบต่ำกว่า แต่มีประสบการณ์โดดเด่นจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ และหลังจบโครงการจุฬาฯ อาจจะมีการต่อยอดจัดตั้งภาควิชาสอนแฟชั่นขึ้นเป็นการถาวรทั้งในระดับปริญญาตรีและโท โดยจะใช้รูปแบบการ บริหารงานเหมือนสถาบันศศินทร์ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย ด้าน ดร.วิฑูรย์ สิมะโชคดี ผอ.โครงการกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่น กล่าวว่า จุฬาฯ จะต้องผลิตบุคลากรเข้าสู่ อุตสาหกรรมให้ได้ไม่ต่ำกว่า 600 คน และในจำนวนนี้ หากมีนักศึกษาที่มีฝีมือโดดเด่น ก็จะส่งไปเรียนต่อในสถาบันการศึกษาชั้นนำ โดยจะสนับสนุนทุนการศึกษาด้วย (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 30 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ศธ.ร่นเวลาราชการ ทำงานแล้ว 12 เดือนลาเรียนต่อฝึกอบรมได้

ดร.จรวยพร ธรณินทร์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 ก.ย. นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ลงนามในระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษาต่อและฝึกอบรมภายในประเทศ (ฉบับที่ 2) โดยสาระสำคัญของระเบียบกระทรวงฉบับนี้คือ การนับอายุราชการของข้าราชการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ แต่เดิมกำหนดให้ข้าราชการต้องมีเวลารับราชการติดต่อกันไม่น้อยกว่า 24 เดือน จึงเข้ารับการอบรม หรือเข้ารับการฝึกอบรมเพิ่มเติมได้เปลี่ยนเป็นรับราชการไม่น้อยกว่า 12 เดือน ส่วนข้าราชการที่จะไปศึกษาต่อภาคปกติจากเดิมต้องมีอายุไม่เกิน 45 ปีบริบูรณ์ โดยนับตามปีปฏิทิน เปลี่ยนเป็นให้นับตามวันเริ่มต้นเปิดภาคเรียนที่จะเข้าศึกษา จะเป็นภาคต้นหรือภาคปลายก็ได้ รวมทั้งกำหนดให้ข้าราชการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการที่ลาราชการได้รับทุนไปเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรนานเกินกว่า 6 เดือน แต่เดิมไม่ต้องทำสัญญา เปลี่ยนเป็นหากเข้ารับการอบรมหลักสูตรนานเกินกว่า 6 เดือน และทางราชการจ่ายเงินเป็นค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมเกินกว่า 20,000 บาท จะต้องทำสัญญากับหน่วยงานต้นสังกัด รวมถึงข้าราชการที่ลาไปศึกษาระดับปริญญาโทหรือเอก จะต้องมอบวิทยานิพนธ์หรือผลงานต่อหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อราชการ (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 30 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)





นศ.พม่าสนเรียนต่อม.ไทยเพียบ สกอ.เตรียมลุยโรดโชว์ภูมิภาคเอเชีย

นายสมศักดิ์ ทองงอก ที่ปรึกษาสำนักยุทธศาสตร์อุดมศึกษาต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) กล่าวว่า มหาวิทยาลัยไทย 31 แห่ง ที่ร่วมจัดนิทรรศการการอุดมศึกษาไทยที่กรุงย่างกุ้ง สหภาพพม่า ระหว่างวันที่ 25-26 ก.ย. ที่ผ่านมา มี พล.อ.ขิ่น ยุ้นต์ นายกรัฐมนตรีสหภาพพม่า เป็นเกียรติในงาน นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของไทย กับนายตาน อ่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาสหภาพพม่า เป็นประธานเปิดงาน โดยวันที่ 25 ก.ย.นั้น ถือเป็นการโรดโชว์ด้านการศึกษาของไทยครั้งแรกในพม่า ผลปรากฏว่า การสัมมนาเรื่องอนาคตการจ้างงานด้านไอซีที กับด้านวิศวกรรมศาสตร์ นิทรรศการหลักสูตรการเรียนการสอนระดับอุดมศึกษาของไทย ได้รับความสนใจจากนักเรียนนักศึกษาชาวพม่าเป็นอย่างมาก มีคนมาร่วมงานวันละหลายพันคน ถือเป็นปรากฏ การณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในพม่า นักศึกษาจำนวนมากขอให้จัดส่งรายละเอียดหลักสูตร ขั้นตอนการสมัครเรียน แนวทางการขอรับทุนการศึกษา ทั้งนี้ มีสถาบันอุดมศึกษาของไทยเข้าร่วมงาน 31 แห่ง คือ จุฬาฯ, ม.เกษตรฯ, ม.ขอนแก่น, ม.เชียงใหม่, ม.นเรศวร, ม.มหิดล, ม.แม่ฟ้าหลวง, ม.รามฯ, ม.อุบลราชธานี, ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต, สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, ม.รังสิต, ม.อัสสัมชัญ, วิทยาลัยเซนต์เทเรซา-อินติ, ม.พายัพ, ม.สยาม, ม.เว็บสเตอร์ (ประเทศไทย) มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) 8 แห่ง คือมรภ.ราชนครินทร์, มรภ.รำไพพรรณี, มรภ.กาญจนบุรี, มรภ.เพชรบุรี, มรภ.นครศรีธรรมราช, มรภ.บ้านสมเด็จเจ้าพระยา, มรภ.สวนสุนันทา, มรภ.พิบูลสงคราม และสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล 5 แห่ง ได้แก่ วิทยาเขตเทเวศร์ วิทยาเขตอุเทนถวาย วิทยาเขตบางพระ วิทยาเขตภาคพายัพ และวิทยาเขตตาก (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 30 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)





ไทยคว้า4เหรียญทอง แข่งฝีมือช่างอาเซียน

รายงานข่าวจากกระทรวงแรงงานเปิดเผยว่า ผลการแข่งขันฝีมือแรงงานอาเซียนครั้งที่ 5 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-30 กันยายน 2547 ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ปรากฏว่าตัวแทนเยาวชนไทยสามารถคว้ารางวัลได้ 4 เหรียญทอง 4 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง และ 9 รางวัลชมเชย สำหรับผู้ที่คว้ารางวัลเหรียญทอง คือนายสมจินต์ หงษ์สระแก้ว ในสาขาช่างออกแบบและเขียนแบบเครื่องกลด้วยคอมพิวเตอร์ นายอักษร โปร่งอากาศ ในสาขาช่างเชื่อม นายคมสรรค์ ธิวะโต ในสาขาช่างปูกระเบื้อง และนายวราวุฒิ ติวารี ในสาขาพนักงานบริการอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนที่คว้าเหรียญเงินคือนายสำเริง แก้วสุวรรณ น.ส.ฐิติพร ปฐมกนกพงศ์ นายอำนาจ วิจิตรโกเมน นายเอกลักษณ์ ทีอุทิศ ส่วนเหรียญทองแดงคือ น.ส.อัจฉรา จิตต์บรรยงค์ และนายรวีกานต์ ทักขิญเสถียร ทั้งนี้เยาวชนที่ได้เหรียญทั้งหมดจะเข้าแข่งขันในระดับนานาชาติ ที่ประเทศฟินแลนด์ในปี 2548 ต่อไป (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 30 ก.ย. 47 http://www.matichon.co.th)





จุฬาฯ เปิดรับสมัครผ่านออนไลน์ช่วยลดภาระ นร.

รศ.ดร.วีระศักดิ์ อุดมกิจเดชา รองอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยแนวทางการรับนิสิต ปีการศึกษา 2548 ว่า จุฬาฯ วางแนวทางการคัดเลือกบุคคลเพื่อเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี 4 ประเภท ได้แก่ ประเภทที่ 1 คัดเลือกโดยวิธีพิเศษ คณะนิติศาสตร์ รับ 250 คน รับสมัคร 1 พ.ย.-21 ธ.ค.47 คณะแพทยศาสตร์ รับ 30 คน รับสมัคร 10 ม.ค.-11 ก.พ.48 ประเภทที่ 2 คัดเลือกโดยวิธีรับตรง คณะศิลปกรรมศาสตร์ รับ 7 คน สมัครตั้งแต่บัดนี้ถึง 15 ต.ค. คณะแพทยศาสตร์ รับ 190 คน รับสมัคร 1-5 ต.ค. คณะอื่นๆรวม 10 คณะ 1 โครงการ รับ 674 คน รับสมัคร 8 พ.ย.-3 ธ.ค.47 ประเภทที่ 3 การคัดเลือกเข้าศึกษาหลักสูตรนานาชาติ/ภาษาอังกฤษ ได้แก่ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี รับ 110 คน คณะเศรษฐศาสตร์ รับ 120 คน คณะนิเทศศาสตร์ รับ 100 คน รับสมัคร ประมาณเดือน มี.ค.-เม.ย.48 ประเภทที่ 4 การคัดเลือกผ่านสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) หรือระบบเอ็นทรานซ์ รวม 17 คณะ ประมาณ 4,100 คน รับสมัคร 8-11 เม.ย.48 สำหรับปี 2548 คณะแพทย์จะรับนิสิตด้วยวิธีพิเศษ และรับตรง และไม่ผ่านระบบการเอ็นทรานซ์ เนื่องจากขณะนี้มีท่าทีที่ชัดเจนแล้วว่า ในปี 2549 จะไม่มีการสอบ เอ็นทรานซ์ จึงจัดการคัดเลือกตรงเต็มรูปแบบในปีนี้ ส่วนที่หลายฝ่ายเป็นห่วงเรื่องการรับสมัครตรงจะทำให้เด็กนักเรียน แห่สมัครจนเกิดความวุ่นวายและเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากนั้น จุฬาฯก็ห่วงใยเช่นกัน และหากระบบแอดมิชชั่นไม่เกิดขึ้น ก็ต้องใช้วิธีรับตรง ทั้งนี้จุฬาฯ ได้วางระบบเพื่อให้นักเรียนเกิดความสะดวก โดยปีนี้จะรับสมัครผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ออนไลน์ ธนาคาร ไปรษณีย์ และร้านสะดวกซื้อ เพื่อเข้าถึงนักเรียนทุกกลุ่ม (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 1 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





สถาบันวิทยาการการเรียนรู้ เริ่มเดินเครื่องวิจัยต้นปีหน้า

น.พ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกประจำกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ช่วยราชการสถาบันวิทยาการการเรียนรู้ เปิดเผยว่า เมื่อเดือน ส.ค. 2547 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้จัดตั้งสถาบันวิทยาการการเรียนรู้ เพื่อเป็นองค์กรพัฒนาองค์ความรู้และคลังข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนรู้ของสมองคนในทุกช่วงวัย โดยนำความรู้จากต่างประเทศและในประเทศมาวิจัยและพัฒนาสร้างหลักสูตร สื่อการสอนให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด เพื่อให้ผู้ปกครองและสถานศึกษานำไปใช้จัดการศึกษาให้แก่เด็ก โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยมี ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ทำหน้าที่รักษาการผู้อำนวยการสถาบัน มีบุคลากรได้แก่ นักการศึกษา, นักวิทยาศาสตร์, นักวิจัย, แพทย์, จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น, นักสังคมศาสตร์, ผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรี, ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา, นักระบาดวิทยา, เจ้าหน้าที่สาธารณสุข, ผู้ผลิตสื่อการเรียนรู้ ฯลฯ โดยตั้งอยู่ที่อาคารจัสมิน กรุงเทพฯ ทั้งนี้ สถาบันวิทยาการการเรียนรู้ จะทำหน้าที่สร้างองค์ความรู้พัฒนาการเรียนรู้ทางสมองของเด็กทุกช่วงวัยคือ อนุบาลเน้นพัฒนากล้ามเนื้อ ภาษา ดนตรีและการเจริญเติบโตทางสมอง รวมถึงให้ความรู้แก่พ่อแม่ในการพัฒนาสมองเด็ก ส่วนประถมเน้นส่งเสริมในเรื่องที่อยากเรียนรู้เช่น ศิลปะ ดนตรี กีฬา เพื่อให้พัฒนาไปได้เร็ว และมัธยมเน้นพัฒนาอารมณ์ รวมทั้งจัดกิจกรรมที่ดึงศักยภาพทางสมองเด็กออกมาใช้ให้ถูกทาง คาดว่าสถาบันจะใช้เวลา 6 เดือนจัดโครงสร้างองค์กรและบุคลากร จากนั้นคาดว่าหลังเดือน ม.ค. 2548 จะเริ่มทำวิจัยเพื่อพัฒนาหลักสูตรและสื่อการสอนที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของสมอง โดยจะเริ่มนำร่องวิจัยการใช้หลักสูตรการสอนภาษาอังกฤษในวัยรุ่น โดยใช้ไอทีที่นำมาจากต่างประเทศในโรงเรียนรัฐและเอกชนทั่วประเทศในเวลา 3-6 เดือนก่อน ซึ่งการวิจัยจะเริ่มวิชาหลักๆ เช่น ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หลังจากนั้นค่อยขยายผลวิชาเฉพาะทาง (คมชัดลึก 1 ต.ค. 47 http://www.komchadluek.net)





ชี้ปฏิรูปอุดมศึกษาเดินหน้าช้า เหตุบุคลากรเมินพัฒนาตัวเอง

รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวถึงการปฏิรูปอุดมศึกษาช่วง 5 ปีที่ผ่านมาว่า การปฏิรูปอุดมศึกษา ยังไม่ได้เดินไปตามเจตนารมณ์ของพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ 2542 เพราะเน้นปฏิรูปโครงสร้างและระบบบริหารจัดการของกระทรวงศึกษาธิการ ส่งผลให้สถาบันอุดมศึกษามีโครงสร้าง ระบบการเรียนการสอน การจัดสรรทรัพยากรและการกระจายโอกาสทางการศึกษายังเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน สาเหตุที่ล่าช้าเพราะผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษาไม่มีความรู้ความเข้าใจการปฏิรูปการศึกษาอย่างแท้จริง ขาดการผลักดันจากรัฐบาล นโยบายการปฏิรูปการศึกษาขาดความต่อเนื่อง เพราะเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีบ่อย คนในแวดวงอุดมศึกษาขาดความกระตือรือร้นที่จะปฏิรูปตัวเอง ยังยึดมั่นและคุ้นเคยจากระบบเก่า ที่สำคัญที่สุดขาดความเป็นตัวเองในการมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพต่างจากในอดีต รัฐบาลจะต้องกำหนดมาตรการดำเนินการที่ชัดเจนเพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.ปฏิรูปการศึกษา ถ้าพบว่า พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติในข้อใดไม่เหมาะสม ควรแก้ไขโดยเร่งด่วน รวมถึงผลักดันให้อาจารย์ในโรงเรียนและสถาบันอุดมศึกษาพัฒนาวิธีสอนให้สอดคล้องกับการปฏิรูปการเรียนรู้ให้มากที่สุด สิ่งสำคัญผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งระดับรัฐบาลและสถาบันอุดมศึกษาจะต้องมีเป้าหมายเดียวกัน โดยเฉพาะมุ่งพัฒนาคุณภาพการศึกษาเป็นหลัก (คมชัดลึก 1 ต.ค. 47 http://www.komchadluek.net)





มฟล.รับตรง ป.ตรีปี 48 หลักสูตรภาษาจีน 60 คน

รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) เปิดเผยว่า ตามที่มหาวิทยาลัยร่วมกับรัฐบาลจีนจัดตั้งศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีนสิรินธร เพื่อทำหน้าที่พัฒนาการเรียนการสอนภาษาจีนในไทยและประเทศลุ่มแม่น้ำโขง รวมถึงแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างไทยและจีน ปรากฏว่ามีนักเรียน นักศึกษา และประชาชนมาเรียนกว่า 1,000 คน ปัจจุบันมีอาจารย์ชาวจีนจากมหาวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่ง มหาวิทยาลัยยูนนาน และมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ 5 คน และเร็วๆ นี้จะเดินทางมาอีก 6 คน เปิดสอนหลักสูตรภาษาจีนเบื้องต้นระดับต้น กลาง และสูง ภาษาจีนเพื่อเสริมวิชาชีพทางธุรกิจ 1 ปี หลักสูตรเตรียมความพร้อมเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย และครูไปสอนที่สำนักงานหรือโรงเรียนสัปดาห์ละ 6-8 ชั่วโมง เป็นเวลา 1 เทอม ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และ จ.เชียงราย ซึ่งในอนาคตจะขยายไปที่ จ.นครราชสีมา และ จ.ลำปาง ส่วนค่าบริการขึ้นอยู่กับการตกลงกัน นอกจากนี้ยังได้เปิดหลักสูตรปริญญาตรีภาษาจีนธุรกิจ โดยใช้เวลาเรียน 4 ปี อีกทั้งเป็นหลักสูตรภาษาจีน 60% และภาษาอังกฤษ 40% รวมถึงทักษะคอมพิวเตอร์ เปิดรับตรงปีการศึกษา 2547 จำนวน 52 คน ส่วนปีการศึกษา 2548 รับตรงอีก 60 คน ในช่วงเดือน เม.ย. 2548 ทั้งนี้ผู้สมัครต้องมีเกรดเฉลี่ย 2.50 ขึ้นไป (คมชัดลึก 1 ต.ค. 47 http://www.komchadluek.net)





นร.แห่ติวเอนทรานซ์กับ “มาม่า”

นายสุรัตน์ เกตุรัตนกุล ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ 2 บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด(มหาชน) ผู้จัดหน่ายผลิตมาม่า เปิดเผยถึงการจัดโครงการทบทวนความรู้ สู่มหาวิทยาลัยกับมาม่า ซึ่งขึ้นเป็นปีที่ 7 ว่า โครงการนี้จัดขึ้นเป็นประจำปีทุกใน 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อให้เยาวชนได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม และเพื่อทบทวนความรู้ให้นักเรียนก่อนลงสนามสอบเอ็นทรานซ์ ซึ่งจะเน้นการสอนแบบเข้มข้นใน 6 วิชาหลักที่ใช้สอบเอนทรานซ์ได้แก่ เคมี ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และสังคม พร้อมทั้งการวิเคราะห์โครงสร้างข้อสอบในวิชาต่างๆ ด้วย สำหรับในปีนี้มีนักเรียนสมัครเข้าร่วมโครงการฯ กว่า 30,000 หมื่นคน ซึ่งมากที่สุดเท่าที่เคยจัดมา จึงต้องระดมอาจารย์นักติวชื่อดังจากสถาบันที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ มาร่วมแนะนำเทคนิคต่างๆ กว่า 20 ท่าน ซึ่งการจัดให้มีโครงการเช่นนี้จะเป็นโอกาสดีของนักเรียนทั้งในกรุงเทพฯ และนักเรียนต่างจังหวัดที่จะได้รับความรู้จากโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย สำหรับการจัดทบทวนความรู้กับมาม่า จะจัดขึ้นพร้อมกันทั้ง 4 ภาคทั่วประเทศ คือ ภาคกลางจัดที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กรุงเทพฯ ภาคเหนือจัดที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจัดที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น และภาคใต้จัดที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเริ่มตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 5 ตุลาคม 2547 (สยามรัฐ ศุกร์ที่ 1 ต.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)





เจาะใจ 2 หนุ่มนศ.ต่างชาติ ทำไมเลือกเรียนต่อเมืองไทย

มาร์ติน โกเด็ค ชาวเยอรมันซึ่งปัจจุบันเป็นนักศึกษาปริญญาโท ของบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในสาขาวิชาพลังงาน กล่าวว่า ตนเองเคยมาเที่ยวที่เมืองไทยและรู้สึกระทับใจกับคนไทยและสังคมไทยเป็นอย่างมาก เมื่อรวมกับเหตุผลด้านมาตรฐานวิชาการของหลักสูตรของที่นี่ทำให้ตนเองเลือกเรียนต่อประเทศไทย "หลังจากผมเรียนจบปริญญาตรี เมื่อปี 1999 ผมได้ไปทำงานกับศูนย์วิจัยอวกาศแห่งประเทศเยอรมัน (Germany Aerospace Center) ซึ่งก็คล้าย ๆ กับนาซ่าของอเมริกา โดยงานของผมจะเกี่ยวข้องกับการวิจัยพื้นฐานด้านเซลล์เชื้อเพลิง (fuel cell) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีพลังงานที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางในอวกาศเป็นระยะเวลานาน ๆ ได้อ่านผลงานวิจัยเกี่ยวกับเซลล์เชื้อเพลิงจากเมืองไทย และได้คุยกับนักวิจัยหลายคน ก็ทำให้ทราบว่าที่ประเทศไทยมีการวิจัยเทคโนโลยีพลังงานชนิดนี้มาระยะหนึ่งแล้ว บวกกับความประทับใจเมื่อได้มาเที่ยวเมืองไทย ทำให้เลือกที่จะเรียนต่อที่ JGSEE ซึ่งมีการเรียนการสอนในหลักสูตรนานาชาติ บาช นักศึกษาปริญญาโท JGSEE ชาวเวียดนามนั้น กล่าวว่า เหตุผลสำคัญที่ทำให้เลือกศึกษาต่อด้านสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยก็คือ สามารถนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้กับงานที่ทำอยู่ได้ บาช กล่าวว่า ตนเองทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมอยู่ที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเหมืองถ่านหิน (Institute of Coal Mining Science and Technoloby) ซึ่งถ่านหินถือเป็นแหล่งพลังงานสำคัญในการผลิตไฟฟ้าของประเทศเวียดนาม เขาต้องการเรียนต่อในสายสิ่งแวดล้อม ที่เกี่ยวข้องกับมลภาวะจากอนุภาคของแข็งที่เกิดจากการทำเหมือง ซึ่งมีทั้งตะกอนดิน หิน รวมถึงโลหะหนัก ว่าสิ่งเหล่านี้เมื่อไหลลงมาตามแหล่งน้ำ จะมีผลต่อสภาพแวดล้อมมากน้อยเพียงใด จึงเลือกมาเรียนต่อที่เมืองไทย ไม่เพียงเพราะตนเองจะได้ไม่เป็นโรคคิดถึงบ้านเนื่องจากมีวัฒนธรรมใกล้เคียงกันเท่านั้น รศ.ดร.บัณฑิต ฟุ้งธรรมสาร ผอ.บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า การมาเรียนในประเทศไทยของนักศึกษาชาวต่างชาติ โดยเฉพาะจากประเทศในภูมิภาคนี้ จะทำให้เขาได้มีโอกาสพูดพบปะกับเพื่อนๆ และครูอาจารย์คนไทย เมื่อเขากลับไปทำงานในประเทศของเขา ซึ่งมักจะอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ระดับบริหาร และมีประเด็นที่ต้องติดต่อกับภายนอก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางวิชาการ วัฒนธรรม หรือการติดต่อทางธุรกิจการค้า ประเทศไทยก็จะเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะถูกพิจารณา "โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเขากลับไปเป็นอาจารย์ ก็จะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์กันมีความใกล้ชิดยิ่งขึ้น ทั้งในแง่ของวิชาการและการศึกษาต่อของนักศึกษารุ่นต่อๆ ไป อันจะเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เฉกเช่นที่ประเทศไทยเคยส่งคนไปศึกษาต่อที่เมืองนอก แล้วกลับมาเป็นครูอาจารย์มากมาย" อ.บัณฑิต กล่าว (ข่าวสด ศุกร์ที่ 1 ต.ค. 47 http://www.matichon.co.th/khaosod)





แฉอาจารย์อุดมฯเมินพัฒนาตนเองอ้างไม่มีเวลา

จากการประชุมสัมมนาเรื่อง แนวทางการพัฒนาอาจารย์ในระดับอุดมศึกษา ที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) นายสุชาติ เมืองแก้ว รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า การพัฒนาอาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ เพราะในปัจจุบันอาจารย์ที่สอนในระดับอุดมศึกษาทั่วประเทศ ทั้งในมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ประมาณ 40,000 คน แต่มีอาจารย์ที่ระดับปริญญาเอกเพียง 24% เท่านั้น ซึ่งในอีก 5 ปีข้างหน้า ทาง สกอ. มีแนวทางที่จะพัฒนาอาจารย์ให้จบการศึกษาปริญญาเอกเพิ่มเป็น 40% และปริญญาโท 60% และต้องมีหน่วยงานที่รองรับการพัฒนาของอาจารย์อย่างต่อเนื่อง "รัฐบาลต้องให้งบประมาณด้านนี้กับสถาบันอุดมศึกษา ประกอบกับสถาบันอุดมศึกษาแต่ละที่ควรมีแผนพัฒนาอาจารย์ของตัวเอง ผมเป็นห่วงในส่วนของรัฐบาล เพราะในแต่ละปีจะมีข้าราชการเกษียณประมาณ 800 คน ทำให้อาจารย์ระดับศาสตราจารย์ และรองศาสตราจารย์ หายไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงควรมีการสำรวจแผนระยะยาวด้วยเพื่อเตรียมคนรองรับ" นายสุชาติกล่าว ผลวิจัย เรื่อง แนวทางการพัฒนาอาจารย์ในระดับอุดมศึกษา ของ ดร.กมล สุดประเสริฐ จาก ม.สยาม ระบุว่า จากการสอบถามอาจารย์จากสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ และส่งแบบสอบถามกลับมาจำนวน 25 แห่ง โดยเป็นอาจารย์วุฒิปริญญาโท ถึง 96% พบว่า อาจารย์ต้องการพัฒนาทางด้านศาสตร์และศิลปะที่เกี่ยวข้องกับการสอน วิธีการสอน 72% อาจารย์ต้องการให้ใช้วิธีการพัฒนาโดยการประชุมปฏิบัติการถึง 80% ส่วนปัญหาที่พบในการพัฒนาอาจารย์ ที่พบมากที่สุด คือ ความไม่สนใจในการพัฒนาตัวเองของอาจารย์ รองลงมา คือไม่มีเวลา เพราะมีคาบสอนมาก และผู้บริหารไม่จริงจังในการพัฒนา (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 2 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





สกอ.จี้อาจารย์มหา ลัยพัฒนาตน

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา(สกศ.) จัดการประชุมสัมมนาเรื่องแนวทางการพัฒนาอาจารย์ในระดับอุดมศึกษา โดยนายสุชาติ เมืองแก้วรองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ว่า ปัจจุบันอาจารย์ที่สอนในสถาบันอุดมศึกษาทั้งรัฐ และเอกชน มีประมาณ 40,000 คน ในจำนวนนี้จบการศึกษาระดับปริญญาเอก เพียง 24% เท่านั้น และสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือในอนาคตจะมีอาจารย์มหาวิทยาลัยเกษียณปีละ 800 คน หรือราว 48,000 คน โดยเฉพาะในตำแหน่งรองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ตั้งเป้าไว้ว่าอีก 5 ปีข้างหน้าจะพัฒนาอาจารย์ให้มีวุฒิปริญญาโท 40% และปริญญาเอก 60% แต่ในการพัฒนาอาจารย์นั้นก็จะต้องวางยุทธศาสตร์โดยภาพรวมทั้ง ดร.กมล สุดประเสริฐ จากมหาวิทยาลัยสยาม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้วิจัยเรื่องแนวทางการพัฒนาอาจารย์ในระดับอุดมศึกษา กล่าวถึงผลวิจัยพบว่า จากการสอบถามอาจารย์จากสถาบันอุดมศึกษา 25 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จบวุฒิปริญญาโท พบว่า อาจารย์ร้อยละ 72% ต้องการพัฒนาด้านศาสตร์และศิลป์ที่เกี่ยวข้องกับการสอน หลักสูตรวิธีสอนและประเมินผล ส่วนปัญหาการพัฒนาอาจารย์ พบว่าส่วนใหญ่ไม่สนใจพัฒนาตนเอง โดยอ้างว่ามีคาบสอนมาก และต้องทำงานอื่นๆ ด้าน รศ.ดร.ไพฑูรย์ สินลารัตน์ คณบดีคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การเร่งพัฒนาอาจารย์เป็นสิ่งจำเป็น เพราะการหาอาจารย์มาแทนคนที่เกษียณออกไปนั้นต้องใช้เวลาประมาณ 5-6 ปี กว่าจะพัฒนาได้มีคุณภาพใกล้เคียงกับคนที่เกษียณ ซึ่งจะทำให้คุณภาพการสอนลดลง อีกทั้งการพัฒนาอาจารย์ควรแยกการพัฒนาแต่ละระดับ โดยจะต้องทำเป็นระบบทั้งการสอนหลักสูตรวิจัย และการเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา รวมถึงการให้นักศึกษาเรียนหนังสือควบคู่ไปกับทำวิจัย เพื่อฝึกให้รู้จักคิดวิเคราะห์ แสวงหาความรู้ และสร้างองค์ความรู้ด้วยตัวเอง และเชื่อว่าอีก 5 ปีข้างหน้าคุณภาพการศึกษามหาวิทยาลัยของรัฐที่มีชื่อเสียง จะลดลงเพราะผลกระทบจากอาจารย์เกษียณราชการ ( สยามรัฐ เสาร์ที่ 2 ต.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)





ม.อ.วิทยานุสรณ์คิดนอกกรอบ ปั้นนักวิทย์เลือดใหม่หัวใจศิลป์

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เตรียมเปิด “ โรงเรียน ม.อ.วิทยานุสรณ์” ต้นปี 2548 เพิ่มทางเลือกนักเรียนชั้น ม.1 และ ม.4 เน้นการสอนด้านวิทยาศาสตร์ แต่ไม่ทิ้งวิชา “ ศิลปะ” และ “ ดนตรี” โดย รศ.น.พ.วรัญ ตันชัยสวัสดิ์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาบุคลากร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(ม.อ.) ในฐานประธานมูลนิธิโรงเรียน ม.อ.วิทยานุสรณ์ และรักษาการผู้อำนวยการโรงเรียน เปิดเผยว่า โรงเรียนมีแนวคิดที่จะสร้างเยาวชนให้มีความคิดแบบเป็นวิทยาศาสตร์ มีเหตุและมีผล ขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งวิชาที่สร้างสุนทรีย์ให้กับชีวิตเช่นดนตรี และศิลปะ โดยโรงเรียน ม.อ.วิทยานุสรณ์ จะมีสถานะเป็นนิติบุคคล ไม่ได้ขึ้นกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ดำเนินงานโดยมูลนิธิโรงเรียน ม.อ.วิทยานุสรณ์ แม้จะไม่ได้มุ่งหวังผลกำไร กำหนดการรับสมัคร จะเริ่มในเดือน ม.ค.ปี 2548 โดยจะใช้สถานที่เรียน ห้องปฏิบัติการ รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะกวดที่ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และคาดว่าอาคารโรงเรียนถาวร ซึ่งอยู่บริเวณถนนปุณณกัณฑ์หลังมหาวิทยาลัย จะสร้างเสร็จและเปิดให้เข้าเรียนได้ในปีการศึกษา 2550 โดยจะเปิดรับนักเรียนชั้น ม.1 และ ม.4 ชั้นละ 140 คน แบ่งเป็นรับจากบุตรบุคลากร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ทุกวิทยาเขต ร้อยละ 50 และบุตรหลานคนทั่วไปและผู้มีอุปการคุณ อีกร้อยละ 50 ด้วยวิธีสอบคัดเลือก การเข้ากลุ่มเพื่อดูพฤติกรรมในกลุ่ม การทดสอบเจตคตินักเรียนและประเมินความพร้อมของผู้ปกครอง ขณะเดียวกันก็จะเปิดรับบุคลากรผู้สอนในเดือน ต.ค.นี้ ในสาขาเคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทยสังคมศึกษา พลศึกษา ศิลปศึกษา คอมพิวเตอร์ และแนะแนว รวมทั้ง 20 อัตรา โดยสามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.pru.ac.th ( สยามรัฐ เสาร์ที่ 2 ต.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


ธารน้ำแข็งขั้วโลกใต้บางลง หวั่นทำให้น้ำทะเลหนุนสูงขึ้น

คณะนักวิจัยนานาชาติรายงานในวารสาร "ไซเอินซ์" ว่า จากการตรวจวัดธารน้ำแข็งที่ไหลลงทะเลอะมันด์เซ่น ฟากมหาสมุทรแปซิฟิก พบว่าธารน้ำแข็งเหล่านี้ละลายเร็วกว่าปีก่อนๆ และอาจแตกเป็นเสี่ยงๆ นอกจากนี้ ยังมีปริมาณน้ำแข็งมากกว่าที่คาดไว้ จะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงกว่าที่คาดการณ์กันไว้ นักวิจัยระบุว่า ธารน้ำแข็งที่ทะเลอะมันด์เซ่นมีน้ำแข็งมากพอจะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 1.3 เมตร จากการตรวจวัดพบว่าปริมาณน้ำแข็งเกินระดับสมดุลอยู่ร้อยละ 60 มากพอจะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นปีละ 0.2 มิลลิเมตร มากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกประมาณ 1.8 มม.ต่อปี ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์คณะนักวิจัยของนาซาและมหาวิทยาลัยโคโลราโดรายงานว่า แผ่นน้ำแข็งลาร์ซัน บี ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของทวีปแอนตาร์กติกาด้านมหาสมุทรแอตแลนติก และแตกออกเมื่อปี 2545 ทำให้ธารน้ำแข็งไหลลงสู่ทะเลเวดเดลล์เร็วขึ้น (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 27 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





ซิป้า-ซอฟต์แวร์ พาร์ค ประสานเสียงสร้างคนป้อนอุตสาหกรรม

หนึ่งในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ชาติ คือ ซอฟต์แวร์ ที่ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งการจะพัฒนาซอฟต์แวร์ได้องค์ประกอบสำคัญยิ่งอย่างหนึ่ง คือ ความพร้อมเรื่องคน แต่จนถึงวันนี้ คนยังเป็นปัญหาหลักอีกแขนงหนึ่ง จากการศึกษาเชิงลึกของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี ที่ทำเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปี 2547 ถึงการมีงานทำของกำลังคนระดับกลางและระดับสูง เพื่อเพิ่มผลผลิตภาพและความสามารถการแข่งขันของประเทศ ปรากฏว่า จากยอดรวมการจ้างงานใน 7 อุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ จำนวน 2.80 ล้านคนนั้น อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ มียอดการจ้างงาน 0.02 ล้านคน โดย 18.7% ทำงานส่วนตัว ทั้งพบว่า ภายใน 5 ปีจะขาดบุคลากร 30,000 คน นายมนู อรดีดลเชษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือซิป้า กล่าวว่า ประเทศไทยมีบุคลากรซอฟต์แวร์กว่า 20,000 คน แต่น้อยกว่า 10% มีทักษะระดับผลิตซอฟต์แวร์สู่สากล สหกิจศึกษาคือทางออก ที่ซิป้าเสนอทางออก คือ การปรับปรุงหลักสูตร ให้นักศึกษาทำงาน และเรียนไปพร้อมกัน เป็นความร่วมมือในลักษณะสหกิจศึกษา โดยให้นักศึกษาปี 4 ไปทำงานในบริษัทที่เลือก ซึ่งจะต้องฝึกเทคโนโลยีใหม่จริงๆ ชวนมหาวิทยาลัยมาร่วมมือ พร้อมติดต่อเอกชน อธิบายถึงเทคโนโลยีที่สำคัญ และเป็นอนาคต เช่น เวบ เซอร์วิส, แอนิเมชั่น เพื่อให้บริษัทที่สนใจใช้เทคโนโลยีดังกล่าว รับนักศึกษาไปฝึกงาน ซึ่งช่วงต้นไม่ต้องจ่ายค่าแรง จนกว่าจะเริ่มพิสูจน์ความเป็นไปได้ โดยกำลังคุยกับมหาวิทยาลัยบางแห่ง เช่น สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยรังสิต เป็นต้น (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 27 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





พบพรายไดโนเสาร์คอยาวกว่าตัวซ่อนตัวใต้น้ำ โผล่หัวขึ้นมากินปลา

สำรวจพบซากโบราณ ของไดโนเสาร์น้ำ รูปร่างประหลาดมีลำคอยาว กว่าลำตัวถึงสองเท่า ล่าเหยื่อโดยการแฝงตัวอยู่ใต้น้ำ หากแต่ยืดคอยาวโผล่พ้นน้ำขึ้นมา ไล่งับกินปลาเป็นอาหาร นิตยสารวิทยาศาสตร์ "นิว ไซเอนติสต์" รายงานว่า นักโบราณคดีจีน สำรวจพบซากโบราณกะโหลกศีรษะ ของไดโนเสาร์รูปร่างประหลาด ซึ่งเคยมีชีวิตอยู่สมัยเมื่อ 230 ล้านปีมาแล้ว ในดินแดนซึ่งเป็นภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีนปัจจุบัน มันมีคอยาวกว่าลำตัวเกือบสองเท่า นักวิทยาศาสตร์ ได้ประมาณขนาดของลำตัวว่ายาว 3 ฟุต แต่มีลำคอยาวถึง 5 ฟุตครึ่ง นักวิทยาศาสตร์จีนตั้งชื่อให้มันว่า "ไดโนเซฟาโลซอรัส" คาดว่ามันคงจะหาจับปลากิน ด้วยการซุ่มตัวอยู่ใต้น้ำขุ่นๆ ในทะเลตื้นๆ ใช้ยื่นคออันยาวของมันไปจับตัวปลากินได้ (ไทยรัฐ อังคารที่ 28 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





เตรียมทัศนาจรอวกาศนอกโลกยกพวกกันไปเป็นหมู่เป็นคณะ

นักวิเคราะห์การท่องเที่ยวในอวกาศในสหรัฐฯ บอกกล่าวคาดหมายว่า จะมีการ ท่องเที่ยวในอวกาศอย่างเป็นหมู่คณะขึ้นได้ นับแต่ปี พ.ศ.2554 เป็นต้นไป โดยจะเสียค่าทัศนาจรนอกโลกในระยะแรกกันคนละระหว่าง 2-4 ล้านบาท ซึ่งหากทำเป็นล่ำเป็นสันต่อไปค่าโดยสารก็คงจะค่อยลดต่ำลงเป็นลำดับ พวกเขาเชื่อว่าจะมีเศรษฐีอเมริกัน ซึ่งอยากจะไปผจญภัยในสภาพไร้น้ำหนัก หรือได้เห็นรูปทรงสัณฐานกลมๆ ของโลกจากอวกาศ มีจำนวนมากพอจะจัดทัศนาจรนอกโลกขึ้นได้ ก่อนหน้านั้นบริษัทสเปซเดฟของอเมริกา สามารถส่งยานอวกาศชื่อ "สเปซชิป วัน" ออกเดินทางนอกโลกในการเดินทางครึ่งวงโคจร เหนือทะเลทรายโมฮาวี่ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่แล้วได้สำเร็จ นับเป็นยานอวกาศเอกชนลำแรก (ไทยรัฐ อังคารที่ 28 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





สภาอุตสาหกรรมดันโครงการเหมืองแร่โปแตช

นายสมชัย กิจมีรัศมีโยธิน ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.ชัยภูมิ กล่าวว่า การให้ชะลอโครงการเหมืองแร่โปแตชอาเซียน ที่ อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ ให้นำไปสู่การยุติโครงการนั้นไม่เห็นด้วย เพราะโครงการนี้ทางรัฐบาลให้การสนับสนุนมาโดยตลอด มีการดำเนินการถึงขั้นขุดเจาะไปพบแร่โปแตชแล้ว ในนามของภาคอุตสาหกรรม จ.ชัยภูมิ เห็นว่ารัฐบาลน่าจะให้การสนับสนุนต่อ โดยเฉพาะเรื่องผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อที่จะให้ภาคอุตสาหกรรมนี้ เกิดความต่อเนื่อง และจะทำให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องขึ้นอีกหลายแห่ง ดังนั้นแนวทางออกตอนนี้รัฐบาลน่าจะลงไปทำการศึกษาวิจัยมากขึ้น ถึงเหตุผลในการที่จะชะลอโครงการต้องชัดเจนกว่านี้ เพราะในช่วงที่จะดำเนินโครงการ ครั้งแรก ก็มีการศึกษาวิจัยจนมีการดำเนินการก่อสร้างหมดเงินไปเป็น 1,000 ล้านบาท แล้วอยู่ๆ จะมาชะลออย่างนี้ ไม่เห็นด้วยแน่นอน นายนิมิตร สัมพันธารักษ์ ประธานหอการค้า จ.ชัยภูมิ กล่าวว่า ยังไม่พร้อมในการดำเนินโครงการ ดังนั้น หากทบทวนโครงการ ชะลอออกไปอีกระยะ สิ่งของหรือแร่เกลือที่อยู่ใต้ดินมาหลายร้อยปีก็คงไม่มีปัญหาอะไร โครงการช้าไปกว่านี้ก็ได้ ให้มีความพร้อมก่อนแล้วค่อยดำเนินการ เพราะในอนาคตเมื่อที่อื่นหมด ก็ต้องมาหาจุดนี้ แต่ความหมายชะลอวันนี้ ต้องการให้มาร่วมกันคิดปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อม แล้วค่อยมาเริ่มก็ยังไม่สาย ซึ่งในพื้นที่ก็ยังไม่เกิดความเสียหายอะไร โดยปัญหาสิ่งแวดล้อมสำคัญกว่า (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 27 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





โลกถูกดาวเคราะห์น้อยเฉียดแต่ไม่ต้องกลัวนอนตาหลับได้

วงการนักดาราศาสตร์ กล่าวบอกเหมือนกับมันเป็นเรื่องธรรมดาว่า การโคจรเฉี่ยวโลกของมันขนาดนี้ ถือว่าลืมเสียได้ และโอกาสเสี่ยงแทบไม่มีเลย และจะคงเป็นอยู่เช่นนั้นอยู่อีกนานหลายศตวรรษข้างหน้า ตามวิถีโคจรรอบดวงอาทิตย์อนาคตของมันที่คำนวณได้ ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ ชื่อ "4179 ทูตาทิส" มีขนาดยาว 4.8 กม. โต 2.4 กม. รูปร่างคล้ายกับดัมเบลล์ โคจรควงหมุนไปรอบๆตัว ห้องปฏิบัติการขับเคลื่อนด้วยไอพ่นขององค์การอวกาศสหรัฐฯกล่าวว่า มันจะโคจรห่างจากโลกในระยะใกล้ที่สุด 1,549,719 กม. ซึ่งตามทางดาราศาสตร์ถือว่าเฉียดๆ เพราะห่างขนาด 4 เท่า ของระยะห่างระหว่างโลกกับดวงจันทร์เท่านั้น ตอนเวลา 19.37 น. ตามเวลากรุงเทพฯของวันพุธที่ 29 นี้ นักดาราศาสตร์ลองคิดคำนวณว่า หากว่ามันเกิดมาชนกับโลกเข้า มันอาจจะทำให้เกิดการระเบิด เทียบเท่ากับระเบิดไฮโดรเจนหลายหมื่นลูกระเบิดพร้อมกัน เป็นผลให้ฝุ่นละอองพวยพุ่งขึ้นไปเป็นเมฆทึบ บดบังแสงแดดโดยสิ้นเชิง ทั้งโลกและพลโลกจะต้องตกอยู่ภายใต้ฤดูหนาวเย็นจัด (ไทยรัฐ พุธที่ 29 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





ปลาหมึกฉลาดเรืองแสงพรางศัตรู แถมใช้เป็นไฟฉายส่องหาอาหาร

นักวิทยาศาสตร์พบปลาหมึกหางสั้นฮาวาย (Hawaiian bobtail squid) ที่สามารถส่องแสงสว่าง จากช่วงท้อง ส่องเป็นลำแสง ไปยังพื้นทะเล เพื่อใช้เป็นไฟส่องหาอาหาร ขณะเดียวกันยังช่วยอำพรางเงาที่เกิดขึ้นเมื่อถูกแสงจันทร์ส่อง ซึ่งอาจทำให้เป็นเป้าสายตาของศัตรูได้ง่าย จากการศึกษาพบว่าปลาหมึกสายพันธุ์นี้ มีอวัยวะที่สามารถเปล่งแสงสว่างได้โดยอาศัยแบคทีเรียเป็นแหล่งพลังงาน ส่วนลำแสงที่ใช้ส่องหาอาหารนั้นเกิดจากเกล็ดสะท้อนแสงที่เรียงเป็นแถวรอบอวัยวะเปล่งแสงสว่าง นักวิจัยกล่าวว่า เกล็ดสะท้อนแสงสีเงินวาวนี้ทำจากโปรตีนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "รีเฟลกติน" (reflectins) ซึ่งพบในอวัยวะพิเศษภายในท้องของปลาหมึก นอกจากนี้ คณะทำงานยังพบโปรตีนชนิดเดียวกันนี้ในดวงตาปลาหมึกด้วย ซึ่งสันนิษฐานว่าทำหน้าที่ช่วยหาอาหารในยามค่ำคืน นักวิจัยมั่นใจว่า หลังจากได้วิเคราะห์โปรตีนรีเฟลกตินแล้วอาจนำเอาความรู้ที่ได้มาใช้กับอุปกรณ์สังเคราะห์โมเลกุลที่มีขนาดเล็กระดับนาโนเมตร เช่นอุปกรณ์ที่ใช้ส่องดูโมเลกุลขนาดเล็ก และอุปกรณ์การใช้งานที่เกี่ยวข้องกับแสง เป็นต้น (กรุงเทพธุรกิจ 29 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





โรงเรียนชาวเขาสมองใส ผลิตไฟฟ้าจากมูลช้างแห่งแรก

นายบุญห่วง ภัทรเชาว์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านรวมมิตร ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย คิดค้นนำมูลช้างผลิตไฟฟ้าสำเร็จแห่งแรกของประเทศ ด้วยเงินเพียง 3 หมื่นบาท ประยุกต์จากการหมักในบ่อ จนผลิตก๊าซมีเทนไว้ใช้หุงต้มอาหาร ส่วนอีกด้านต่อท่อเสียบกับหลอดไฟจนเกิดแสงสว่าง เตรียมระดมเงินใช้จัดซื้อหลอดไฟรูปแบบตะเกียงเจ้าพายุ นำร่องติดตั้งภายในโรงเรียน โดยร่วมกับชาวบ้านขุดหลุมด้านหลังอาคารเรียนลึกประมาณ 2.10 เมตร กว้าง 4.8 เมตร ความจุ 16 ลูกบาศก์เมตร จากนั้นเทพื้นด้วยคอนกรีต และก่ออิฐด้านข้างเป็นรูปโดม ลักษณะเป็นครึ่งวงกลมขึ้นมา สำหรับหมักมูลช้างจำนวนมากๆ เวลาผ่านไปประมาณ 30 วัน ปรากฏว่าบ่อหมักดังกล่าวให้ก๊าซมีเทนในปริมาณมาก และระบายกากต่างๆ ได้พร้อมมูลช้างด้วย และเมื่อในบ่อหมักผลิตก๊าซอ่อนลง ก็จะเติมมูลช้างได้มีการต่อท่อไว้ด้านบนของบ่อหมักด้วย สำหรับดึงเอาก๊าซมีเทนไปใช้ โดยปัจจุบันแยกท่อออกเป็น 2 ท่อ โดยท่อแรกต่อไปยังโรงครัวเพื่อใช้ปรุงอาหารตามปกติ ส่วนอีกท่อหนึ่งได้ต่อเข้าไปหลอดไฟที่มีรูปแบบเหมือนตะเกียงเจ้าพายุ ปรากฏว่าเมื่อทดลองเปิดไฟสามารถให้แสงสว่างได้เป็นอย่างดีอีกด้วย จึงถือเป็นแห่งแรกของประเทศ ซึ่งต่อไปจะมีโครงการใช้หลอดไฟดังกล่าวภายในโรงเรียนในยามค่ำคืน (กรุงเทพธุรกิจ 29 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





นักวิทย์มองเห็นอะตอม เล็กกว่าเส้นผม 5 แสนเท่า

นักวิทยาศาสตร์จากห้องปฏิบัติการทดลองแห่งชาติโอค ริดจ์ สามารถใช้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน ส่องดูอะตอมที่มีขนาดเล็กกว่าเส้นผมมนุษย์ถึง 500,000 เท่าอย่างชัดเจน เผยเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ เคมี และการพัฒนาวัสดุชนิดใหม่ อังสตรอมเป็นคลื่นความยาวของแสงที่เล็กที่สุด โดย 1 อังสตรอมมีขนาดเล็กกว่าเส้นผมมนุษย์ราว 500,000 เท่า และอะตอมส่วนใหญ่จะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 อังสตรอม สำหรับการทดลองล่าสุด ทีมงานสามารถสร้างภาพอะตอมซิลิคอน ที่มีลักษณะเป็นรูปทรงดัมเบลสีแดง ซึ่งแยกส่วนออกมาจากอะตอมขนาด 0.78 อังสตรอม เพนนีคุก บอกว่า งานวิจัยชิ้นนี้ถือเป็นการพิสูจน์ให้เห็นเป็นครั้งแรกว่า เราสามารถสร้างภาพที่มีขนาดเล็กกว่าอังสตรอมได้ สำหรับกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนที่ใช้ในการทดลอง เป็นขนาด 300 กิโลโวลต์ ใช้เทคโนโลยีการสร้างภาพด้วยคอมพิวเตอร์รูปแบบใหม่ที่เรียกว่า เทคโนโลยีการแก้ไขความเบี่ยงเบน ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทนิออน ในเคิร์กแลนด์ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. หัวหน้านักวิจัย ระบุว่า สิ่งนี้เป็นความสำเร็จในประวัติศาสตร์ เพราะที่ผ่านมาได้มีความพยายามมากว่า 50 ปี และเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ก็สามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ สำหรับการทดลองครั้งต่อไป ทีมงานเชื่อว่าอาจจะช่วยให้มองเห็นอะตอมในรูปแบบ 3 มิติก็เป็นได้ (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 30 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)





ไทย"คว้ารางวัลภาพวาด ขึ้นปกนิตยสาร"ดาราศาสตร์โลก"

น.ท.ฐากูร เกิดแก้ว หัวหน้าโครงการการเรียนรู้เรื่องวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ และผู้อำนวยการหอดูดาวเกิดแก้ว เปิดเผยว่า ภาพเขียนของ ด.ญ.เบญจมาศ จันทร์เปรม นักเรียนโรงเรียนโยธินนุกูล จ.นครราชสีมา ได้รับรางวัลที่หนึ่งในการประกวดภาพวาดระดับประถม และได้รับเลือกให้ลงตีพิมพ์เป็นภาพประกอบบทความเรื่อง "A Most Agreeable Spectacle" ในนิตยสาร Sky & Telescope นิตยสารดาราศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาที่ได้รับความเชื่อถือในหมู่นักดาราศาสตร์มามากกว่า 60 ปีแล้ว ฉบับประจำเดือนพฤศจิกายนนี้ บทความดังกล่าวจะเล่าถึงการสังเกตการณ์ปรากฏการณ์ดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ในแต่ละพื้นที่ทั่วโลกที่สามารถสังเกตเห็นได้ มีการเฝ้าดูปรากฏการณ์นี้กันอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ การประกวดดังกล่าวสืบเนื่องจากโครงการชักชวนเยาวชนร่วมวัดระยะห่างระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ และวาดภาพเหตุการณ์ดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์เมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา น.ท.ฐากูรกล่าวว่า ทางเว็บไซต์หอดูดาวยุโรปซีกฟ้าใต้(www.vt-2004.org) ยังได้นำภาพเขียนของเด็กไทยที่ได้รับรางวัลทุกระดับลงเผยแพร่ในหน้าแสดงภาพร่วมกับผลงานของเยาวชนจากทั่วโลก การที่ผลงานของเด็กไทยได้ลงตีพิมพ์ในนิตยสารฉบับนี้ ถือเป็นการสื่อสารให้ประชาคมดาราศาสตร์โลกได้ทราบถึงกิจกรรมความก้าวหน้าด้านดาราศาสตร์ของประเทศไทยอีกด้วย (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 30 ก.ย. 47 http://www.matichon.co.th)





สร้างบ้านประหยัดพลังงาน

พลเรือตรีฐนิธ กิตติอำพน นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า จากภาวะราคาน้ำมันแพงต่อเนื่องซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตพลังงานเพิ่มสูงนั้น ทางสมาคมฯจึงมีแนวคิดในการจัดทำบ้านประหยัดพลังงาน ซึ่งจะเป็นการสอดคล้องกับนโยบายประหยัดพลังงานของรัฐบาลอีกด้วย ทั้งนี้ บ้านประหยัดพลังงานทำได้หลายวิธี คือ 1. ไม่ควรออกแบบลานพื้นคอนกรีตในทิศทางรับแดด 2. รั้วบ้านต้องโล่ง โปร่ง 3. ปลูกต้นไม้ในบริเวณบ้านเพื่อให้ร่มเงา 4. โครงสร้างพื้นชั้นล่างควรปูแผ่นพลาสติกเพื่อป้องกันความชื้น 5. การออกแบบบ้านควรหันให้ถูกทิศ 6. ครัวต้องไม่เชื่อมติดตัวบ้าน 7. ประตูหน้าต่างต้องมีทางลมเข้าออก 8. ผังเฟอร์นิเจอร์ต้องเตรียมไว้ก่อน 9. อย่ามีบ่อน้ำหรือน้ำพุในห้องปรับอากาศ 10. หลังคาที่ดีต้องป้องกันความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน 11. ต้องใส่ฉนวนที่หลังคาเสมอ 12. ต้องมีกันสาด 13. ห้องไหนที่ติดเครื่องปรับอากาศ ต้องติดฉนวนกันความร้อน 14. บานเกล็ด บานเลื่อน ต้องใช้ให้เหมาะสม 15. ผนังบ้านควรทาด้วยสีอ่อน 16. ห้องติดเครื่องปรับอากาศต้องไม่ไร้บังใบประตูหน้าต่าง 17. ห้องน้ำต้องมีแสงแดด 18. ช่องแสงภายในบ้านควรออกแบบให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามา ภายในห้องและพื้นที่ได้ 19. คอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศต้องวางให้ถูกที่ และ 20. ไม่ใช้หลอดไส้และหลอดร้อนหลากสี เชื่อมั่นว่าหากประชาชนหรือเจ้าของโครงการ อสังหาริมทรัพย์ใดนำแนวคิดดังกล่าวนี้ไปใช้ จะทำให้สามารถประหยัดพลังงานได้ไม่ต่ำกว่า 50-60% แน่นอน (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 1 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





กว่าจะมาเป็นเม้าส์

เม้าส์หรืออุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกับคอมพิวเตอร์ที่เราใช้ชี้แล้วคลิกกันอยู่นั้น ในยุคแรก ๆ เม้าส์มีขนาดใหญ่และหนักมาก แถมยังมีราคาแพง รูปทรงก็ดูธรรมดา ๆ ปัจจุบัน เม้าส์ก้าวเข้าสู่ยุคไร้สาย ไม่ต้องเสียบสายให้เกะกะ ทั้งเม้าส์และคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ ต่างเป็นอุปกรณ์ไร้สาย เพื่อความสะดวกของผู้ใช้และรองรับเทคโนโลยีไร้สายจากอุปกรณ์ไฮเทค ทีมงานวิจัยและออกแบบเม้าส์ของไมโครซอฟท์ พบว่า การทำงานของมือเป็นปัจจัยหลักของการรับรู้ถึงความสบาย โดยเฉพาะบริเวณฝ่ามือ ทีมงานจึงได้ออกแบบเม้าส์ที่ให้สัมผัสกับบริเวณฝ่ามือมากที่สุด จึงทำให้เม้าส์มีรูปทรงแปลกตาและเพรียวกว่าเดิมมาก ตั้งแต่ ค.ศ. 2001 รูปทรงของเม้าส์ได้เปลี่ยน แปลงไป เป็นผลสืบเนื่องมาจากการค้นคว้าดังกล่าว เพื่อให้ฝ่ามือ ร่องริ้ว และหัวแม่มือได้สัมผัสกับเม้าส์แล้วทำงานได้สะดวกสบายไม่รู้จักเมื่อยหรือเกร็งขณะใช้งาน Microsoft Design Studios ในสหรัฐ อเมริกา เป็นสถานที่ทำงานของนักออกแบบเม้าส์ไมโครซอฟท์ และยังเป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการ เกี่ยวกับงานออกแบบเริ่มตั้งแต่ภาพร่าง ทั้งภาพลายเส้นและภาพกราฟิก ขั้นตอนการผลิต เม้าส์ต้นแบบ การขึ้นรูปด้วยโฟม นำมาเกลาด้วยกระดาษทราย ก่อนจะนำไปผลิตจริง เม้าส์รุ่นล่าสุดของไมโครซอฟท์ เรียกว่า เม้าส์ ไวร์เลส เป็นเม้าส์ไร้สาย ใช้พลังงานจากถ่านขนาด 2 เอ ออกแบบโดยฟิลิปเป้ สตาร์ค นักออกแบบชาวฝรั่งเศส ซึ่งมีผลงานระดับโลก เป็นผู้ออกแบบนาฬิกาฟอสซิล ล่าสุดได้มาออกแบบเม้าส์รุ่นนี้ รูปทรงและสีสันสวยเตะตา มีโหมดประหยัดพลังงานหากไม่ได้ใช้งานนาน ๆ (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 1 ต.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





ปล่อยยานนำร่องท่องเที่ยวอวกาศรอบ2

ยานอวกาศสเปซชิปวัน (SpaceShipOne) ซึ่งเป็นยานนำร่องในโครงการเดินทางท่องเที่ยวอวกาศเชิงพาณิชน์ลำแรกของโลก ถูกปล่อยขึ้นสู่วงโคจรนอกโลกอีกครั้งเมื่อวันพุธ หลังจากในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้สร้างประวัติศาสตร์เป็นยานอวกาศที่ไม่ใช่ของทหารลำแรกที่ขึ้นไปโคจรนอกโลกและจะขึ้นบินสู่วงโคจรนอกโลกเป็นครั้งที่ 2 ในทะเลสาบโมจาวีของรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งบรรดาผู้สร้างออกมาชื่นชมว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันทางอวกาศครั้งใหม่ โดยการบินขึ้นสู่วงโคจรนอกโลกครั้งนี้ มีกำหนดขึ้นเพียง 2 วัน หลังจากเบิร์ต รูตัน และริชาร์ด บรันสัน นักธุรกิจชาวอังกฤษ ประกาศร่วมกันเริ่มโครงการท่องเที่ยวในอวกาศ ซึ่งนับเป็นก้าวที่สำคัญในการผลักดันการท่องเที่ยวในอวกาศ รูตัน ผู้บุกเบิกวัย 61 ปี กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ให้คำมั่นว่า สเปซชิปวันจะบินอยู่เหนือพื้นโลกได้ดีกว่าที่ทำได้ที่ระดับ 62 ไมล์ หรือ 328,000 ฟุต ในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เขาบอกว่า เขาไม่ต้องการทำให้ตัวเขาหวาดกลัวอีก พร้อมทั้งบอกว่า ยานอวกาศลำนี้จะขึ้นไปอยู่เหนือระดับ 328,000 ฟุต ได้ในการบินเที่ยวสุดท้าย แต่เขาก็เตือนว่า เขาและคณะผู้เสี่ยงภัยด้านอวกาศโมจาวีกำลังขยับก้าวแรกเข้าสู่ยุคใหม่ที่ยังไม่มีการสำรวจ ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 1 ต.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





"มกอช."เล็งเพิ่ม14มาตรฐานเกษตร-อาหาร ยกระดับคุณภาพสินค้าไทยแข่งตลาดโลก

นายสมชาย ชาญณรงค์กุล รองผู้อำนวยการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า ในปี 2548 สำนักงาน มกอช.เตรียมจัดทำมาตรฐานสินค้า ใน 14 ชนิด เช่น มะพร้าวอ่อน เงาะ ส้มโอ ข้าวปทุมธานี1 ข้าวโพดฝักอ่อน กาแฟ อ้อย มันสำปะหลัง ชา สารปรับปรุงบำรุงดิน เนื้อแกะและเนื้อแพะ มาตรฐานไข่นกกระทาและระบบการผลิตไข่นกกระทา ปลากะพงและหอยแมลงภู่ นอกจากนี้ ยังเตรียมจัดทำมาตรฐานระบบอีก 12 เรื่อง มาตรฐานจีเอพีทุเรียน จีเอพีมะม่วง จีเอพีมังคุด จีเอพีสับปะรด มาตรฐานหน่อไม้บรรจุภาชนะปิดสนิท และระบบการผลิตเส้นไหมไทย เป็นต้น เขากล่าวว่า ในปี 2546-2547 ได้ออกประกาศมาตรฐานอาหารแห่งชาติบังคับใช้แล้ว 11 เรื่อง ประกอบด้วย มาตรฐานสินค้าลำไย สับปะรด ทุเรียน มะม่วง มังคุด กระเจี๊ยบเขียว หน่อไม้ฝรั่ง พริก ข้าวหอมมะลิไทย ปลานิลและกล้วยไม้ ขณะเดียวกันได้จัดทำมาตรฐานระบบการผลิต 8 เรื่อง เช่น การปฏิบัติการทางการเกษตรที่ดีสำหรับลำไย พืชอาหาร ข้าวหอมมะลิไทย กล้วยไม้ ฟาร์มผึ้ง มาตรฐานฟาร์มเป็ด พันธุ์เป็ดเนื้อ มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ และข้อกำหนดสำหรับวัสดุและบรรจุภัณฑ์ไม้เพื่อการส่งออก สำหรับมาตรฐานที่จัดทำแล้วเสร็จและกำลังรอประกาศใช้ มีทั้งสิ้น 5 เรื่อง ประกอบด้วย เนื้อโค เนื้อกระบือ เนื้อสุกร วิธีการชันสูตรโรคปากเท้าเปื่อย วิธีการชันสูตรโรควัณโรคในโคและกระบือ และขณะนี้อยู่ระหว่างการยกร่างมาตรฐานสินค้าอีก 15 เรื่อง มาตรฐานระบบอีก 15 เรื่อง และมาตรฐานทั่วไปอีก 16 เรื่อง ขณะนี้ไทยกำลังเจรจาเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับคู่ค้า 8 ประเทศ โดยมีบางประเทศที่พร้อมส่งสินค้าเข้ามาไทย เช่น ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ที่จะส่งผลิตภัณฑ์นมเข้ามาในตลาดไทย ดังนั้น ไทยจึงมีความจำเป็นต้องสร้างมาตรฐานสินค้าของตัวเอง โดยจะได้ประโยชน์ทั้ง 2 ทาง ทั้งในด้านการชะลอนำเข้า หรือการนำเข้าสินค้าคุณภาพ และได้ประโยชน์ในการผลิตสินค้าคุณภาพของไทย เพื่อการส่งออกให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 1 ต.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ราชภัฏอุบลฯ เก่ง คิดฟอนท์ธรรม-ไทยน้อย ลงคอมพ์สำเร็จ

ผศ.สานิตย์ โภคาพันธ์ อาจารย์ประจำโปรแกรมวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.ราชภัฏอุบลราชธานี ได้ประดิษฐ์คิดค้นและจัดทำอักษรไทยน้อย และอักษรธรรม ลงในฟอนท์คอมพิวเตอร์ได้สำเร็จ มา เพื่อหวังจะให้บุคคลที่สนใจทั่วไป สามารถเรียนรู้และพิมพ์อักษรไทยน้อยและอักษรธรรมจากคอมพิวเตอร์ได้ โดยไม่ต้องคัดลอกหรือเขียนเป็นลายมือต่อไป ปัจจุบันต้องยอมรับว่าคนทั่วไปรู้อักษรไทยน้อยและอักษรธรรมน้อยมาก ยกเว้นคนที่เคยบวชเรียน และคนในสมัยก่อน ทั้งๆ ที่อักษรเหล่านี้ เมื่อก่อนนับได้ว่าเป็นชีวิตและวิญญาณของชาวอีสานและเป็นวัฒนธรรมที่คนไทยอีสานควรอนุรักษ์ไว้ สำหรับผู้สนใจจะเรียนรู้หรือดาวน์โหลดฟอนท์อักษรธรรมและอักษรไทยน้อย สามารถเข้าไปในเวบไซต์ของ ม.ราชภัฏอุบลราชธานี หรือ www.sci.riubon.ac.th/chem/thainoi โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดาวน์โหลดแต่อย่างใด นอกจากนี้ผู้สนใจภาษาลาว และเขมร ก็สามารถดูในโฮมเพจ เดียวกันนี้ ซึ่งจะสามารถเรียนรู้ภาษาเขมรและลาวเบื้องต้นได้ (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 2 ต.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ข่าววิจัย/พัฒนา


ยืมจมูกหนูมาดมกลิ่นช่วยคน อยู่ในทีมกู้ภัยชี้ตำแหน่งตึกถล่ม

นิตยสารวิทยาศาสตร์ "นิว ไซเอนทิสต์" รายงานข่าวการทดลองของนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฟลอริดา ที่ได้รับการสนับสนุนการวิจัยจากเพนทากอน ซึ่งพบว่าสามารถนำหนูมาช่วยกู้ภัยได้ เนื่องจากจมูกของมันมีความไวต่อกลิ่นอย่างยิ่ง และยังคลานไปที่ไหนก็ได้ ในการทดลองนั้นจะให้หนูแต่ละตัวได้รับการฝังขั้วไฟฟ้าถาวรลงไปบริเวณสมอง 3 แห่ง หนูที่ฝึกมาแล้วจะถูกตั้งโปรแกรมให้ออกเที่ยวหาอาหารตามกลิ่นเป้าหมาย ในขณะที่ขั้วไฟฟ้าจะช่วยให้นักวิจัยกำหนดแบบแผนคลื่นสมองที่เกี่ยวพันกับการพบกลิ่น ในการกู้ภัยช่วยชีวิตจริงๆนั้น สัญญาณจากสมองของหนูจะส่งมายังกล่องส่งวิทยุที่ติดอยู่ข้างหลัง หน่วยกู้ภัยจะสามารถติดตามตำแหน่งของหนูด้วยการตามรอยสัญญาณเหล่านี้ ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์กำลังพัฒนาซอฟต์แวร์ที่จะทำให้รู้ได้ ว่าเมื่อหนูพบตำแหน่งเป้าหมายก็จะทำให้ทีมกู้ภัย เริ่มขุดค้นหาได้ทันที. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 27 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





นักวิทย์มหิดลคว้านักวิจัยดีเด่นปี 47

คณะกรรมการบริหารสภาวิจัยแห่งชาติ ได้มีประกาศรางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ ประจำปี 2547 โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดลสามารถคว้าได้ถึง 5 รางวัลคือ รางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์เคมีและเภสัช ได้แก่ ศ.ดร.สมศักดิ์ รุจิรวัฒน์ ผู้อำนวยการโครงการวิจัยและพัฒนายาสังเคราะห์ สถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหิดล และหัวหน้าห้องปฏิบัติการเภสัชเคมี สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ส่วนรางวัลผลงานวิจัย ประเภทรางวัลชมเชย สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์จำนวน 2 รางวัลคือ รศ.ดร.ศันสนีย์ ไชยโรจน์ รองหัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ และรศ.น.พ.สมนึก ดำรงกิจชัยพร ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี, รางวัลวิทยานิพนธ์ดีเด่น ประเภทรางวัลดีเด่น สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้แก่ ดร.ดวงพร แจ่มใส สถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และดร.พาฤทธิ์ เปลี่ยนขำ ดุษฎีบัณฑิตภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ รับรางวัลวิทยานิพนธ์ดีเด่น ประเภทรางวัลชมเชย สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำหรับ ศ.ดร.สมศักดิ์ มีความสนใจเป็นพิเศษในสารประกอบพวก Nitrogen Heterocycles โดยเฉพาะสารประเภทอัลคาลอยด์ ซึ่งเป็นส่วนผสมในยาและเภสัชเคมี โดยในระยะแรกของงานวิจัยได้ศึกษาปฏิกิริยาและการสังเคราะห์สารอัลคาลอยด์ต่างๆ เพื่อใช้เป็นโมเดลในห้องปฏิบัติการสำหรับอธิบายกลไกในการเกิดสารอัลคาลอยด์บางชนิดในธรรมชาติ รวมถึงงานวิจัยพัฒนาวิธีการใหม่ในการสังเคราะห์สารอัลคาลอยด์ต่างๆ นอกจากนี้ยังได้ทำงานวิจัยในด้านผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ทั้งการสังเคราะห์ หาสูตรโครงสร้างและฤทธิ์ทางยาของสารผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ โดยร่วมกับนักวิจัยในแขนงวิชาอื่นๆ เช่น ศึกษาสารประเภท cyanogenic glycosides จากต้นมันสำปะหลัง ซึ่งนำไปสู่การใช้เป็นยาหมันชาย ศึกษาอนุพันธ์ colchicine จากต้นดองดึงนำไปสู่การรักษามะเร็งท่อน้ำดี เป็นต้น (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 27 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ซีเมนส์ผุดมือถือวัดกลิ่นปาก

บริษัทซีเมนส์ โมบาย เจ้าตลาดโทรคมนาคมของเยอรมนี ประกาศแผนพัฒนาโทรศัพท์มือถือเครื่องแรก ที่สามารถส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าได้หากผู้ใช้มีกลิ่นปาก หรืออาจส่งกลิ่นรบกวนผู้อื่น โดยจะใช้ชิพขนาดเล็กกว่า 1 มิลลิเมตร ในการตรวจวัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ "เครื่องจะตรวจวัดอากาศที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อตรวจหากลิ่นปาก หรือกลิ่นแอลกอฮอล์ ไปจนถึงระดับแก๊สที่ลอยอยู่ในอากาศ ลูกค้าบางคนอาจมีความระมัดระวังต่อกลิ่นลมหายใจเป็นพิเศษ" โฆษกบริษัท กล่าว ขณะเดียวกัน บริษัทเน็ตไลน์ คอมมูนิเคชั่นส์ เทคโนโลยีส์ ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมของอิสราเอล ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยปิดเสียงเรียกเข้าของมือถือได้ โดยที่โบสถ์ในประเทศเม็กซิโกหลายแห่ง ได้นำไปใช้ป้องกันเสียงมือถือในระหว่างทำพิธีต่างๆ แล้ว (คมชัดลึก จันทร์ที่ 27 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)





กล้องจุลทรรศน์ส่องอะตอมจิ๋ว

ผลความสำเร็จดังกล่าวเป็นของนักวิทยาศาสตร์จากห้องปฏิบัติการทดลองแห่งชาติโอ๊ค ริดจ์ (Oak Ridge National Laboratory) ที่สามารถใช้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนส่องดูอะตอมและบันทึกภาพได้อย่างชัดเจน โดยสามารถแยกแยะความแตกต่างของขนาดอิเล็กตรอนแต่ละตัว อย่าง อะตอมของซิลิคอนในคริสตัลที่มีรูปร่างดัมเบล เป็นต้น สตีเฟ่น เพนนีคุก หัวหน้าคณะวิจัย กล่าว และได้นำบทความไปตีพิมพ์ในวารสารไซน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยได้ระบุถึงการค้นพบภาพที่มีความละเอียดระดับ 0.6 อังสตรอม ทำลายสถิติที่ห้องปฏิบัติการแห่งนี้เคยทำไว้เมื่อต้นปีที่ระดับ 0.7 อังสตรอม ทั้งนี้ อังสตรอมเป็นคลื่นความยาวของแสงที่เล็กที่สุด โดย 1 อังสตรอมมีขนาดเล็กกว่าเส้นผมมนุษย์ราว 500,000 เท่า และอะตอมส่วนใหญ่จะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 อังสตรอม ความสามารถในการมองเห็นการเกาะติดของโครงสร้างวัสดุในระดับอะตอม จะนำมาซึ่งประโยชน์มหาศาลให้กับอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ เคมี และการพัฒนาวัสดุชนิดใหม่ สำหรับการทดลองล่าสุด ทีมงานสามารถสร้างภาพอะตอมซิลิคอน ที่มีลักษณะเป็นรูปทรงดัมเบลสีแดง ซึ่งแยกส่วนออกมาจากอะตอมขนาด 0.78 อังสตรอม เพนนีคุกบอกว่า งานวิจัยชิ้นนี้ถือเป็นการพิสูจน์ให้เห็นเป็นครั้งแรกว่า เราสามารถสร้างภาพที่มีขนาดเล็กกว่าอังสตรอมได้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ห้องปฏิบัติการโอ๊ค ริดจ์ ได้บันทึกภาพที่มีความละเอียด 1.3 อังสตรอม โดยไม่ได้ใช้เทคโนโลยีการแก้ไขภาพเบี่ยงเบนเข้าช่วย แต่เมื่อนำมาใช้ก็ทำให้ได้ภาพขนาด 0.7 อังสตรอมในช่วงต้นปีที่ผ่านมา นักวิจัยชุดนี้เชื่อว่า การทดลองครั้งต่อไปอาจช่วยให้ทีมงานมองเห็นอะตอมในรูปแบบ 3 มิติก็เป็นได้ (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 27 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ไอบีเอ็มถ่ายทอด'นาโนเทค'นักวิจัยไทย ผลงาน กร เดินสายดึงเทคโนโลยีชั้นนำเข้าประเทศ

นายกร ทัพพะรังสี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือด้านการวิจัย และพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี ระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์กับ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย วัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือในการวิจัยและการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ ระหว่างงานวิจัยในไทยกับไอบีเอ็ม และการถ่ายทอดเทคโนโลยีในสาขาที่ไอบีเอ็มมีความเชี่ยวชาญแก่นักวิจัย นักพัฒนา นักประดิษฐ์ และแรงงานไทย ในสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ สาขานาโนเทคโนโลยี สาขาอีเมอร์จิง เทคโนโลยี (Emerging Technology) และสาขาด้านความปลอดภัยของอาหาร โดยเฉพาะสาขานี้ในเบื้องต้นจะเร่งงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ในการเพาะเลี้ยงและส่งออกกุ้งไปยังตลาดต่างประเทศ ด้านนางศุภจี สุธรรมพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว ไอบีเอ็มจะสนับสนุนด้านซอฟต์แวร์ สำหรับโครงการพัฒนาศูนย์ความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (เอสทีเคซี ) การให้คำแนะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้านระบบการเข้าถึง (Accessibility) มาพัฒนาบนพอร์ทัลเอสทีเคซี สำหรับการทำเวบพอร์ทัลที่สมบูรณ์แบบ เพื่อให้ข้อมูลแก่ประชาชนทั่วประเทศ รวมทั้งผู้ที่มีสายตาพิการและผู้สูงอายุ นอกจากนี้ ไอบีเอ็มยังให้ความร่วมมือสนับสนุนขีดความสามารถ ในการวิจัยโครงการโครงสร้างพื้นฐานทางโครงข่ายคอมพิวเตอร์ (Grid Computing) ที่สามารถประยุกต์ใช้กับงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพ นาโนเทคโนโลยี โรงงานผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ไอซี ด้านอาหารปลอดภัย และด้านเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดีหรือฉลากอัจฉริยะ (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 27 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





สงสัยเปิดไฟนอนอาจยั่วมะเร็งแสงไฟไปกดการผลิตฮอร์โมน

นักวิจัยคณะหนึ่งจะได้เปิดประชุมกันที่กรุงลอนดอนขึ้นในสัปดาห์นี้ เพื่อตรวจพิจารณาหลักฐาน ความเกี่ยวเนื่องของแสงไฟส่องสว่างตอนกลางคืน กับการที่เกิดมีสถิติเด็กป่วยด้วยโรคมะเร็งเมล็ดโลหิตเพิ่มสูงขึ้น ศาสตราจารย์วิชาโครงสร้างชีววิทยาของเซลล์ ดร.รัสเซลล์ ไรเตอร์ ของมหาวิทยาลัยเท็กซัสแห่งสหรัฐฯ ได้ให้ความเห็นถึงความเกี่ยวพันของแสงไฟสว่างกับโรคมะเร็งว่า อาจจะเป็นเพราะฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งมีหน้าที่ป้องกันสารพันธุกรรมไว้ไม่ให้กลายพันธุ์ไป แสงสว่างของไฟเมื่อยามนอน อาจจะไปกดการสร้างฮอร์โมนเมลาโทนินของร่างกาย ล่อแหลมกับการเกิดการกลายพันธุ์ที่เกี่ยวเนื่องกับการเป็นมะเร็ง นักวิจัยกล่าวยอมรับว่า ก็ยังตรองไม่ตกเหมือนกัน หากพิสูจน์ได้ว่าแสงไฟสว่างยามค่ำคืนมีส่วนเกี่ยวข้องกับมะเร็งจริง จะป้องกันหรือแก้ไขกันอย่างใด (ไทยรัฐ พุธที่ 29 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





วช.ทุ่ม 20 ล้าน วิจัยหนุนอุตฯ กุ้งส่งออก ศึกษา 7 เรื่องมุ่งผลิตกุ้งปลอดสารปฏิชีวนะรับฟู้ด เซฟตี้

สำนักงานวิจัยแห่งชาติใช้งบ 20 ล้าน หนุนงานวิจัย 7 โครงการแก้ปัญหาอุตสาหกรรมเลี้ยงกุ้ง เน้นสร้างความรู้การทำนากุ้งถูกหลักวิชาการและความปลอดภัยในอาหาร ด้านนักวิชาการเผยงานวิจัยที่เกี่ยวข้องร่วม 1,000 ฉบับล้มเหลว เกษตรกรไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงระดับฟาร์ม พร้อมเสนอของบอุดหนุนเพิ่มอีก 5 เท่าเพื่อวิจัยต่อยอดมุ่งจัดการปัญหาการเลี้ยงกุ้งได้ดีขึ้นกว่าเดิม โดย รศ.ประจวบ หลำอุบล หัวหน้าโครงการวิจัย เปิดเผยว่า โครงการวิจัยต้องการให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง และผู้ประกอบการค้าเคมีภัณฑ์ อุปกรณ์และอาหารกุ้งรวมทั้งแปรรูปกุ้งเพื่อการส่งออก นำงานวิจัยไปประยุกต์ใช้กับกิจการของตน สำหรับโครงการวิจัยประกอบด้วย 7 ชุดโครงการ ได้แก่ โครงการรวบรวมวิเคราะห์และสังเคราะห์งานวิจัยกุ้งทะเลของประเทศไทย ชุดโครงการวิจัยอาหารกุ้งกุลาดำเพื่อนำไปสู่การผลิตกุ้งปลอดภัย ปลอดสารพิษ และเอื้อต่อสิ่งแวดล้อม ชุดโครงการวิจัยแผนงานวิจัยเพื่อแก้ปัญหาการผลิตและการส่งออกกุ้งกุลาดำ โครงการวิจัยเพื่อการพัฒนาการเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไมอย่างยั่งยืน และโครงการจัดทำหนังสืออุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงกุ้งในประเทศไทย (กรุงเทพธุรกิจ 29 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ยกคุณประโยชน์โทรศัพท์มือถือกระตุ้นเซลล์สมองเด็กให้ตื่นตัว

นายกสมาคมครูของอังกฤษ ออกโรงโต้อย่างอาจหาญว่า ผู้ที่เชื่อว่าโทรศัพท์มือถือเป็นอันตราย ควรจะเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ ตรงกันข้ามเขาเห็นว่า รังสีจากคลื่นวิทยุจากเครื่อง กลับทำให้เซลล์สมองของเด็กตื่นตัวขึ้นเสียด้วยซ้ำ นายเดวิด บัตเล่อร์ นายกสมาคมครูแห่งอังกฤษ อ้างว่าเขาได้ทราบจากผลการศึกษาว่าโทรศัพท์มือถือ ช่วยให้เด็กสามารถคิดอ่านอย่างแจ่มชัดได้ยิ่งขึ้น มันไม่มีอันตรายต่อสุขภาพของเด็กเล็กอันใดเลย "ความร้อนจากเครื่องกลับจะช่วยให้สมองแล่นดีขึ้นเสียด้วยซ้ำไป" (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 30 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





แปลงทานตะวันเป็นแหล่งพลังงาน ผลิตไฮโดรเจนป้อนรถยนต์ยุคใหม่

นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษคิดค้นระบบผลิตไฮโดรเจนแบบใหม่จากน้ำมันดอกทานตะวัน เพื่อป้อนให้กับเซลล์พลังงานผลิตกระแสไฟฟ้า เป็นทางเลือกใหม่ในการผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน โรงงานอุตสาหกรรมและสำนักงาน ดร.วาเลรี ดูปองต์ หัวหน้าทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยลีดส์ กล่าวว่า "การผลิตไฮโดรเจนจากน้ำมันดอกทานตะวัน อาจเป็นพลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าเดิม นอกจากช่วยลดมลพิษแล้ว ยังเป็นแหล่งพลังงานยั่งยืนและต้นทุนต่ำ สามารถผลิตได้เป็นจำนวนมาก และลดการซื้อน้ำมันจากต่างประเทศด้วย" ในการวิจัย นักวิจัยจากลีดส์ได้พัฒนาเครื่องผลิตไฮโดรเจนต้นแบบขึ้นมา โดยใช้วัตถุดิบจากดอกทานตะวัน อากาศ และไอน้ำ มาผสมกับตัวเร่งปฏิกิริยาทางเคมีสองตัว น้ำมันดอกทานตะวันที่ใช้นี้เป็นแบบเดียวกับน้ำมันที่ใช้กันทั่วไปในครัว เครื่องผลิตไฮโดรเจนต้นแบบนี้มีขนาดเล็กพอที่จะวางได้พอดีบนโต๊ะปฏิบัติการ โดยน้ำและน้ำมันดอกทานตะวันจะถูกสูบเข้าไปในเครื่องผ่านเครื่องทำความร้อนเพื่อทำให้ระเหยเป็นไอ หลังจากผ่านขั้นตอนเปลี่ยนรูปเป็นไอแล้ว ความร้อนจะทำให้ส่วนผสมแตกตัวเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ ไฮโดรเจน มีเทน และคาร์บอนมอนอกไซด์ ต่อมาจะทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีเพื่อเพิ่มจำนวนไฮโดรเจน และเปลี่ยนคาร์บอนมอนอกไซด์ที่เป็นพิษไปเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ ท้ายที่สุดจะได้ไฮโดรเจนบริสุทธิ์ร้อยละ 90 เท่ากับว่าเครื่องผลิตไฮโดรเจนต้นแบบนี้ สามารถผลิตไฮโดรเจนได้มากกว่าเครื่องผลิตไฮโดรเจนในปัจจุบัน ที่ได้เพียงร้อยละ 70 และเครื่องผลิตแบบใหม่นี้จะให้คาร์บอนไดออกไซด์และมีเทน เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการในปริมาณที่เกือบเท่ากัน ปัจจุบัน เครื่องมือนี้ต้องใช้กระแสไฟฟ้าสำหรับทำความร้อน แต่ในอนาคตคาดว่าเครื่องรุ่นที่จะพัฒนาต่อไปจะผลิตพลังงานสำหรับทำความร้อนได้ด้วยตัวเอง อุปกรณ์นี้สามารถนำไปใช้ในอู่รถยนต์ที่ต้องการไฮโดรเจนจำนวนมากๆ สำหรับเติมให้กับผู้ใช้รถที่ใช้เซลล์พลังงานผลิตไฟฟ้า กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 30 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ธุรกิจเภสัชภัณฑ์กระตุ้นนักวิทย์สร้างผลงาน มอบทุนวิจัยกว่า 1.4 ล้านบาท/ปี เงื่อนไขมีชื่อร่วมสิทธิบัตร

นายพรวิทย์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์ (PReMA) ลงนามสัญญามอบทุนเพื่อการวิจัยพรีมา (PReMA Research Awards) แก่นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ (สวท.) วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาการวิจัยด้านการแพทย์และสาธารณสุขของไทย ทั้งยังสร้างแรงจูงใจการทำงานวิจัย ที่นำไปสู่การค้นคว้าและพัฒนาตัวยาใหม่ โดยจะเน้นวิจัยเพื่อแก้ปัญหาในประเทศเป็นหลัก สำหรับทุนสนับสนุนการวิจัยของสมาคมจัดแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกมอบหมาย สกว.ทำหน้าที่ผู้จัดการทุนวิจัยวงเงินปีละ 1,440,000 บาทต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 4 ปี โดยแบ่งเป็นปีละ 6 ทุนๆ ละ 240,000 บาท ส่วนต่อมาเป็นรางวัลทุนวิจัยสำหรับนักวิทยาศาสตร์ ผู้ที่อยู่ในวิชาชีพแพทย์พยาบาลและเภสัชกรรมรุ่นใหม่ ที่มีผลงานวิจัยดีเด่นตามการคัดเลือกของ สวท. ปีละ 400,000 บาท "สิทธิบัตรจากผลงานวิจัยจะมีเจ้าของ 3 ส่วน คือ สมาคม สกว.และนักวิจัย โดยมีข้อตกลงกันว่าหากนำไปใช้ประโยชน์เชิงสาธารณะ ไม่ว่าใครก็สามารถนำไปใช้ได้หมด แต่หากใช้ในเชิงพาณิชย์ จะต้องผ่านความเห็นชอบร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย นายพรวิทย์ กล่าวว่า หากผลงานวิจัยสามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ จะดำเนินการเจรจากับ สกว.และนักวิจัย ในเรื่องสิทธิบัตร เพื่อนำมาใช้พัฒนาต่อยอดให้เกิดการใช้งานจริงแน่นอน ทั้งนี้ สมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์ เดิมใช้ชื่อว่า สมาคมผู้ผลิตเภสัชภัณฑ์ (พีพีเอ) ขณะนี้มีสมาชิกอยู่ทั้งหมด 43 บริษัท (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 30 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





มก.พัฒนาเครื่องให้อาหารต้นข้าว เพิ่มผลผลิตจาก60เป็น100/ไร่

รศ.ดร.ปองวิทย์ ศิริโพธิ์ หัวหน้าหน่วยวิจัยการประยุกต์ใช้ยานที่เบากว่าอากาศ ภาควิชาวิศวกรรมการบินและอวกาศยาน คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่าจากความสำเร็จของการวิจัยการนำอุปกรณ์กระจายของเหลวฝอยทางใบข้าว ที่หน่วยวิจัยฯ ได้นำไปใช้ในแปลงนาข้าวพื้นที่ 55 ไร่ ณ อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้จำนวนผลผลิตในนาข้าวจากเดิมที่เคยผลิตได้สูงสุด 60 - 70 ถังต่อไร่ เพิ่มขั้นเฉลี่ยสูงถึง 110 ถึงต่อไร่ ในขณะที่ต้นทุนการผลิตลดลง อีกทั้งเมื่อไม่มีสารเคมีตกค้าง ระบบนิเวศน์ก็กลับคืนมา เกษตรกรมีสุขภาพดีขั้น .ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เล็งเห็นความสำคัญของโครงการนี้ จึงได้มอบเงินสนับสนุนการวิจัยผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และองค์การบริหารส่วนจังหวัด จำนวนกว่า 1.2 ล้านบาทให้คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ดำเนินการวิจัยการให้อาหารต้นข้าวทางอากาศต่อเนื่องร่วมกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งประกอบด้วย หน่วยงานองค์การบริหารส่วนจังหวัด สำนักงานเกษตรจังหวัดและเกษตรกรในพื้นที่วิจัย คณะผู้วิจัยกำลังพัฒนาเครื่องให้อาหารต้นข้าวทางอากาศขนาดเล็กอีก 1 เครื่อง มีชื่อว่า “แขนสิงหนาท” ซึ่งเป็นเคื่องที่ใช้สะพายหลัง ทำจากวัสดุทีเบาที่สุด มีแขนยื่นออกไปข้างละประมาณ 6 เมตร ให้แบตเตอรี่ในการกระจายฝอย ใช้สะดวก เหมาะสำหรับพื้นที่นาข้าวขนาดเล็ก ราคาประหยัดไม่เกิน 1 หมื่นบาท ซึ่งเกษตรกรสามารถเลือกนำไปใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ของตนเองได้ เกษตรกรที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ รศ.ดร.ปองวิทย์ ศิริโพธิ์ หัวหน้าหน่วยวิจัยการประยุกต์ใช้ยานที่เบากว่าอากาศ ภาควิชาวิศวกรรมการบินและอวกาศยาน คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โทร.02-3428555 ต่อ 1733 (สยามรัฐ พฤหัสบดีที่ 30 ก.ย. 47 http://www.siamrath.co.th)





รม.หันตราใช้ขิงแทนสารเคมี “เร่งราก-แตกใบ” ทำใช้เอง

อาจารย์กนก อุไรสกุล สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล(รม.) วิทยาเขตพระนครศรีอยุธยา หันตรา ได้ค้นพบประโยชน์ของขิงได้เพิ่มมาอีกคือ ขิงสามารถนำไปช่วยกระตุ้นให้พืชสร้างรากใหม่ได้เป็นอย่างดี เกษตรกระที่มักจะอาศัยสารเคมีเป็นหลัก นับจากปุ๋ยสารเร่งราก เร่งใบ ซึ่งแน่นนอนว่า นอกจากเงินที่ต้องจ่ายในจำนวนที่มากแล้ว เกษตรกรอาจจะได้รับผลกระทบทางร่างกายจากสารเคมีนั้นๆ ไม่มากก็น้อย ตอนนี้มีแนวทางที่สามารถทำให้เกษตรกร ได้ใช้พัฒนาด้านการเกษตร ในขณะเดียวกันก็ประหยัดและปลอดภัยด้วยนั้น สารนั้นๆ ต้องมาจากพืชธรรมชาติด้วยกันนั้นเอง อย่างสารที่ใช้ในการเร่งราก การแตกใบอ่อนของพืชนั้นตนได้ทดลองจนเป็นเห็นผลมาแล้วว่า น้ำสกัดจากขิงสามารถกระตุ้นในการสร้างรากใหม่ของพืชได้เป็นอย่างดี และยังสามารถกระตุ้นในการแตกใบอ่อนของพืชได้ด้วย เพียงแค่สกัดเอาส่วนที่เป็นน้ำใสๆ จากขิงสด ผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1-5 ซีซี ต่อน้ำ 1 ลิตร นำกิ่งไม้มาจุ่มก่อนที่จะนำไปปักชำ หรือใช้วิธีฉีดพ่นก็ได้โดยผสมอัตราส่วนเดียวกันกับวิธีการจุ่ม อัตราการงอกของรากและการแตกใบอ่อนของพืชก็รวดเร็วไม่แพ้สารเคมีราคาแพงเลย ที่สำคัญขิงก็เป็นพืชที่เรารู้จักกันดี หาได้ง่าย และปลูกง่าย การที่จะนำเอาขิงมาสกัดทำเป็นสารช่วยเร่งราก เร่งการแตกใบจึงนับว่าสะดวกสบาย เกษตรกรสามรถทำไว้ใช้ในไร่ สวนของตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี เกษตรกรท่านใดสนใจ ติดต่อสอบถามรายละเอียดไปได้ที่ อ.กนก อุไรสกุล สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพระนครศรีอยุธยา หันตรา โทรศัพท์ 01-586-1573 (สยามรัฐ พฤหัสบดีที่ 30 ก.ย. 47 http://www.siamrath.co.th)





จับนักนอนกรนให้ดูดนมยางเด็กดับเสียงกรนนอนหลับสนิททันที

นักวิทยาศาสตร์เจ้าตำรับเครื่องป้องกันการนอนกรนแบบใหม่ เป็นนักวิจัยของมหาวิทยาลัยโกติงเกน กล่าวเปิดเผยผลของการทดลองว่า ได้รักษาคนกรนให้หายกรนได้ถึง 7 ใน 10 คน เป็นประโยชน์ทั้งเจ้าตัวคน นอนกรนเอง ทำให้หยุดกรนได้ เครื่องมือของเขามีรูปร่างคล้ายกับนมยางของเด็ก ที่แม่ให้เด็กอมดูดไว้จะได้ไม่กวน และด้วยหลักการแบบเดียวกัน เมื่อคนนอนกรนนอนคาบอมมันไว้คาปาก ลิ้นในปากก็จะอยู่นิ่ง ก็จะพลอยทำให้เนื้อเยื่อของเพดานไม่กระเทือนสั่นไหวขึ้น จึงไม่ก่อให้เกิดเสียงกรนดังขึ้น ยิ่ง กว่านั้นเมื่อปากต้องอมของอยู่ ก็จะทำให้ผู้นั้นไม่นอนอ้าปากเหมือนก่อนหน้านั้นด้วย. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 1 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





อินเดียทำยาเม็ดคุมกำเนิดสมุนไพรตามตำรับโบราณอายุ 2,500 ปี

นักวิทยาศาสตร์ของสถานวิจัยกลางด้านอายุรเวท และสิทธากล่าวว่าเป็นยาคุมกำเนิดสมุนไพรขนานแรกของโลก ที่ทำขึ้นตามตำรับอายุรเวทอันเก่าแก่โบราณถึง 2,500 ปีมาแล้ว ยาได้รับการทดสอบขั้นที่ 1 มาแล้วกับผู้หญิงประมาณ 1,400 คน ต่างล้วนเป็นผู้อาสาสมัครเข้ารับการทดลองยา อายุในวัยระหว่าง 20-34 ปี ขณะนี้กำลังอยู่ใน ระหว่างการทดลองขั้นที่ 2 ตามศูนย์อนามัยต่างๆทั่วประเทศอยู่ ดร.เค ดี ชาร์มา ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถานวิจัยกล่าวรับรองว่า จากการทดลองใช้ยาในช่วงระยะเวลานานๆ ไม่ปรากฏว่ามีพิษภัยให้เห็นแต่อย่างใด ยาคุมกำเนิดสมุนไพรจะจำหน่ายราคาถูกมาก และจะผลิตออกสู่ตลาดภายในเวลา 2 ปีนี้. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 1 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





สหรัฐทำแผนที่ดีเอ็นเอช้างแกะรอยการค้างา

ซามูเอล วาสเซอร์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน และหัวหน้าชุดวิจัยร่วมกับประเทศแทนซาเนีย เปิดเผยว่า ทีมงานซึ่งได้สร้างแผนที่พันธุกรรมช้างจากมูลและผิวหนังช้าง กำลังใช้วิธีการนี้ติดตามแหล่งที่มาของงาช้างที่ถูกยึดได้ในสิงคโปร์เมื่อปี 2545 ขณะนี้ สามารถตรวจสอบที่มาของงาช้างดังกล่าวได้แล้ว และกำลังตรวจสอบร่วมกับเส้นทางค้างาช้างในตลาดมืดประกอบ ซึ่งนั่นจะบอกได้ว่าขบวนการดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ที่ใด และต้องมีการออกกฎหมายมาบังคับใช้อย่างเร่งด่วน สิ่งสำคัญในการสร้างแผนที่ดีเอ็นเอจากมูลและเนื้อเยื่อที่ได้จากช้าง อยู่ที่การได้มาซึ่งตัวอย่างของมูลช้างจากหลายประเทศในเวลาอันรวดเร็ว เช่น งาช้างที่ยึดได้ในสิงคโปร์สามารถตามรอยไปถึงประเทศแซมเบีย และทีมงานหวังว่าวิธีเดียวกันนี้จะช่วยระบุสถานที่ที่ช้างในแซมเบียถูกล่าตัดงาได้อย่างแม่นยำ "รัฐบาลแซมเบียให้ความร่วมมืออย่างดี สามารถรวบรวมตัวอย่างมูลช้างจากทั่วประเทศได้ภายในสามสัปดาห์" วาสเซอร์ ชื่นชมและว่า ปัจจุบันประชากรช้างแอฟริกันกว่าครึ่งถูกลักลอบตัดงาไปขายตั้งแต่ปี 2522 และ 2530 ทำให้ลดจำนวนลงจาก 1.3 ล้านตัว เหลือเพียง 6 แสนตัว ส่งผลให้เกิดอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) ว่าด้วยการห้ามค้างาช้างในปี 2532 วาสเซอร์ยืนยันว่ายังมีขบวนการลักลอบค้างาช้างเป็นจำนวนมาก อาทิ งาช้างขนาด 50 ตันที่กำลังถูกส่งออกไปจีน ถูกยึดได้ระหว่างปี 2541-2545 ขณะที่ในปี 2545 รัฐบาลสิงคโปร์สามารถยึดงาช้างได้ 6.5 ตัน ซึ่งมีหลายชิ้นที่มีความยาวถึง 6 ฟุต รวมมูลค่าราว 6 ล้านดอลลาร์ หรือ 240 ล้านบาท ทั้งนี้ ข้อมูลของกรมป่าไม้ไทยเมื่อปี 2545 ระบุว่า ประเทศไทยมีการค้างาช้างทั้งสิ้น 28,000 ชิ้น น้ำหนักรวมประมาณ 1,500 กิโลกรัม ผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลี จีน โดยไทยเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ทางไซเตสได้ทำหนังสือเตือนในเรื่องการซื้อขายงาช้าง (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 1 ต.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





วช.วิจัย'เทสต์คิต' ตรวจกุ้งรู้ผลเร็ว

ดร.จิราพร เกษรจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสุขภาพสัตว์น้ำชายฝั่ง กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหัวหน้าชุดโครงการวิจัยพัฒนาวิธีตรวจวัดสารตกค้างในกุ้งและปัจจัยการผลิต ได้รับทุนอุดหนุนการงิจัยของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จำนวน 4 ล้านบาท เพื่อศึกษาและทดลองใช้ชุดตรวจสอบที่ผลิตขึ้นมาใช้เอง โดยแบ่งงานวิจัยออกเป็น 4 ชุดโครงการ ได้แก่ การพัฒนาเทคนิคการเตรียมตัวอย่างสำหรับการตรวจวัดยาสัตว์ต้องห้ามและสารตกค้างจากยาสัตว์ โครงการวิจัยและพัฒนาชุดตรวจสอบสารกลุ่มไนโตรฟูแรนส์ ในกุ้งด้วยวิธีทางเคมี การพัฒนาชุดตรวจสอบคลอแรมเฟนิคอลด้วยวิธี Enzyme linked Immunosorbeat Assay (Elisa) และโครงการพัฒนาชุดตรวจสอบการวัดสารตกค้างในกุ้งและปัจจัยการผลิตโดยวิธีตรวจสอบเบื้องต้นทางจุลชีวภาพ ในส่วนการวิจัยและพัฒนาชุดตรวจสอบสารกลุ่มไนโตรฟูแรนส์ในกุ้งด้วยวิธีทางเคมีพบว่า สามารถใช้เทคนิคการเกิดสีจากปฏิกิริยาในโมเลกุลกับรีเอเจนท์ที่เฉพาะเจาะจงและสามารถหาปริมาณไนโตรฟูแรนส์ได้ โดยการเปรียบเทียบความเข้มข้นของสีที่มองเห็นกับแถบสีมาตรฐาน สำหรับเทคนิคที่พัฒนาขึ้นมาสามารถใช้ตรวจวิเคราะห์สารไนโตรฟูแรนส์ได้ในระดับต่ำสุดถึง 500 ppb ซึ่งชุดตรวจสอบจากงานวิจัยนี้เป็นชุดตรวจสอบอย่างง่าย สามารถรู้ผลได้อย่างรวดเร็วมีค่าใช้จ่ายต่ำ ราคาถูกและไม่จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบ เมื่อเทียบกับวิธีตรวจสอบที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ ชุดตรวจสอบยังสามารถเฝ้าระวังการปนเปื้อนของยากลุ่มไนโตรฟูแรนส์ในอาหารสัตว์และยาสัตว์ อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาของการตกค้างของยากลุ่มนี้ในสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ขณะที่โครงการพัฒนาชุดตรวจสอบคลอแรมเฟนิคอลด้วยวิธี ELISA สามารถสร้างสารโมโนโคลนอลแอนติบอดี้ที่จำเพาะต่อสารคลอแรมเฟนิคอล จากนั้นฉีดกระตุ้นหนูทดลองเพื่อให้ผลิตเซรุ่มที่มีแอนติบอดี้ต่อคลอแรมเฟนิคอล ผลที่ได้ปรากฏว่า มีโคลน 8 โคลนที่สามารถผลิตโมโนโคลนอลแอนติบอดี้ ที่จำเพาะต่อคลอแรมเฟนิคอลและไม่จับกับโปรตีนแครี่เออร์ bovine serum albumin ซึ่งเป็นเซลล์ที่ผลิตและหลั่งโมโนโคลนอลแอนติบอดี้ ทั้งนี้เป็นประโยชน์ในการประยุกต์ทำชุดตรวจสอบคลอแรมเฟนิคอลต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 1 ต.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





แพทย์รามา คิดค้นสูตรอาหารเหลวรักษา

ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยว่า โรงพยาบาลได้คิดค้นสูตรอาหารทางสายชนิดปั่นผสมสำหรับผู้ป่วยที่มีสุขภาพอ่อนแอ และไม่สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ โดยได้รับการสนับสนุนจากสถาบันอาหารแห่งชาติเข้ามาดูแลกระบวนการผลิต สูตรอาหารทางสายชนิดปั่นผสมของโรงพยาบาลรามาธิบดีนั้น เริ่มใช้กับคนไข้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2517 และได้พัฒนาสูตรอย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้รับใบรับรองมาตรฐานอาหารระดับสากล HACCP จากประเทศอังกฤษ ซึ่งนับได้ว่าเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกของประเทศ ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานดังกล่าว นอกจากนี้ โรงพยาบาลยังได้ดัดแปลงสูตรอาหารดังกล่าว ให้เป็นไอศกรีมเพื่อสุขภาพสำหรับคนไข้รับประทานเป็นอาหารเสริมจากอาหารปกติ โดยเฉพาะคนไข้ที่เข้ารับการผ่าตัดบริเวณหลอดอาหาร จะต้องการรับประทานอาหารที่เย็นเป็นพิเศษ เพื่อช่วยให้เลือดแข็งตัวได้เร็วขึ้น ในส่วนของอาหารเหลวนั้นยังต้องทำการพัฒนาต่อในเรื่องของอายุการเก็บรักษาให้สามารถเก็บได้นานขึ้น โดยทางโรงพยาบาลจะทำการศึกษาต่อไป สูตรอาหารเหลวชนิดปั่นผสมที่คิดค้นขึ้นนี้ จะไม่เติมส่วนผสมที่เป็นวิตามินและเกลือแร่ มุ่งใช้วัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่นและมีทุกฤดูกาล สามารถให้คุณค่าทางโภชนาการเทียบเท่าอาหารสำเร็จรูปนำเข้า และผลงานได้รับรางวัลประดิษฐ์คิดค้นปี 2545 จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่ง ขณะนี้ โรงพยาบาลกำลังถ่ายทอดสูตรดังกล่าว ให้โรงพยาบาลและผู้ที่สนใจจากทั่วประเทศ รวมถึงผู้ที่ต้องการนำสูตรอาหารไปผสมเองที่บ้าน โดยสูตรอาหารเหลวนี้สามารถเก็บรักษาได้มาน 2-3 วัน แต่หากเก็บไว้ในช่องแช่แข็งจะเก็บได้นาน 1 สัปดาห์ และราคาถูกกว่าอาหารสำเร็จรูปจากต่างประเทศ โดยค่าใช้จ่ายเหลือเพียง 20 บาทต่อ 250 ซีซี (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 1 ต.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ภัยไมโครเวฟ-มือถือ : ผลวิจัยคลื่นแม่เหล็ก ระบุเป็นภัยต่อสมอง

ศ.นพ.ณรงค์ นิ่มสกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมความงาม และเปิดเผยว่า จากผลการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญในต่างประเทศ พบว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ถูกปล่อยออกมาจากเครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นไมโครเวฟ ทีวี โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และอื่นๆ จะค่อยๆ สะสมในร่างกาย และนำไปสู่การเกิดโรคต่างๆ เช่น ความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน สมรรถภาพทางเพศเสื่อม อ่อนเพลียง่าย ปวดศีรษะ และยังทำให้เครียดได้ง่าย "เมื่อคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าสู่ร่างกาย จะไม่เกิดผลทันทีทันใดกับผู้ที่ได้รับ ผลที่จะเกิดตามมานั้นขึ้นอยู่กับความต้านทานของร่างกายแต่ละคน และระยะห่างระหว่างผู้ใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นๆ งานวิจัยยังได้ระบุด้วยว่า กลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ร่างกายอ่อนแอ อาจได้รับอันตรายจากการแพร่กระจายของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามากกว่าคนที่แข็งแรงกว่า เช่น หนุ่มสาวทั่วไป แต่ผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงก็สามารถได้รับอันตรายเช่นกัน โดยจะค่อยๆ สะสมในร่างกาย และเมื่อถึงจุดที่ร่างกายรับไม่ได้ อาการจึงแสดงอาการออกมา บรรดาอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย โทรศัพท์มือถือจะทำให้ผู้ใช้ได้รับอันตรายมากที่สุด เนื่องจากเวลาใช้ใกล้ชิดกับหูมากกว่าอุปกรณ์อื่นๆ เราควรใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ตามความจำเป็นและระมัดระวัง ทั้งดูสภาพร่างกายของตัวเอง รวมทั้งคู่มือการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้านั้นๆ ให้ถูกต้อง ด้านนายแพทย์ดนัยพันธ์ หัวหน้างานศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลราชวิถี กล่าวเสริมว่า มีข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก ว่า หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งในมนุษย์นั้น คือคลื่นความร้อนและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 1 ต.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ร.พ.กรุงเทพโชว์"ดา วินชี่"หุ่นยนต์ไฮเทคผ่าตัดหัวใจ

ในงาน "มหกรรมสุขภาพเทิดไท้ 72 พรรษา พระบรมมหาราชินีนาถ" ซึ่งจัดขึ้นที่อิมแพค อารีนา เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 1-8 ตุลาคมนี้ ที่บูธโรงพยาบาล (รพ.) กรุงเทพ ได้มีการแสดงหุ่นยนต์ผ่าตัดหัวใจ "ดา วินซี่" ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของอุปกรณ์ที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจ มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท และหลังจากการจัดแสดงครั้งนี้ ร.พ.กรุงเทพ จะนำหุ่นยนต์ดังกล่าวไปให้บริการที่ศูนย์หัวใจของโรงพยาบาล พ.ต.ท.น.พ.สุจิตร์ บัญญัติปิยพจน์ ศัลยแพทย์โรคหัวใจและทรวงอก กล่าวว่า ระบบการผ่าตัดด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า "ดา วินชี่" (Da Vinci Surgical System) จะทำให้การผ่าตัดหัวใจเป็นไปด้วยความแม่นยำ และให้ผลลัพธ์ที่ดี และปลอดภัยยิ่งขึ้น เพราะทำให้เกิดการบาดเจ็บน้อยที่สุด ศัลยแพทย์สามารถผ่าตัดได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยในการผ่าตัดจะนำหุ่นยนต์ ดา วินชี่ ใส่เข้าไปในตัวผู้ป่วย เทคโนโลยีจะแปลการเคลื่อนไหวของมือศัลยแพทย์ให้เป็นการเคลื่อนไหวในระดับจุลภาคของอุปกรณ์หุ่นยนต์ ช่วยให้การผ่าตัดเป็นไปได้อย่างสะดวก และปลอดภัยมากขึ้น ผู้ป่วยพักฟื้นได้เร็วขึ้น และแผลผ่าตัดก็สวยงามกว่าวิธีเก่า ความเจ็บปวดหลังการผ่าตัดลดลง ลดการเสียเลือด และลดโอกาสติดเชื้อให้กับคนไข้แล้ว สำหรับแพทย์ที่ทำการผ่าตัดจะทำให้สามารถผ่าตัดได้คล่องตัวขึ้น มองเห็นภาพ 3 มิติชัดเจน เคลื่อนไหวในระหว่างผ่าตัดได้กว้างขึ้น สามารถเข้าถึงพื้นที่ภายในได้สะดวกกว่าเดิมโดยไม่ต้องผ่าตัดเปิดทรวงอก และทำให้ผ่าตัดผู้ป่วยได้จำนวนมากขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีนี้ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหาร และยา ของประเทศสหรัฐ (FDA) แล้ว (มติชนรายวัน เสาร์ที่ 2 ต.ค. 47 http://www.matichon.co.th)





ซุปเปอร์แอร์ประหยัดไฟ

คนไทยได้คิดค้นประดิษฐ์แอร์ตัวใหม่ Bestler Double Saving Air Conditionประหยัด ได้ถึง 50% ปกติแอร์ทั่วไป แอร์ เบอร์ 5 ขนาด 14,000 บีทียู จะกินไฟ ประมาณ 1,364 วัตต์...ขนาด 18,000 บีทียู กินไฟ 1,958 วัตต์...ขนาด 24,000 บีทียู กินไฟ 2,860 วัตต์ แต่ถ้าเป็นแอร์ Bestler ขนาด 14,000 บีทียู จะกินไฟ 682 วัตต์... ขนาด 18,000 บีทียู กินไฟ 1,012 วัตต์...ขนาด 24,000 บีทียู กินไฟ 1,364 วัตต์ กินไฟน้อยกว่า แอร์ทั่วไปครึ่งหนึ่ง โดย 1 ปรับปรุง คอนเดนซิ่ง (แอร์ตัวนอกบ้าน) แอร์ตัวนี้จะกินไฟมากกินไฟน้อย ขึ้นอยู่กับว่ามันจะระบายความร้อนได้ดีแค่ไหน จะให้มันระบายความร้อนได้ดี ก็เพิ่มพื้นที่แผงระบายความร้อนให้มากขึ้นเพิ่มไป 20% 2 ปรับปรุง คอมเพรสเซอร์ ใช้เทคนิคลดอุณหภูมิน้ำยาแอร์ให้ได้มากกว่าแอร์ทั่วไป 2 เท่า สร้างอุปกรณ์ลดอุณหภูมิน้ำยา ให้มีขนาดใหญ่มากขึ้น เรียกว่า Expansion Box เพื่อลดอุณหภูมิน้ำยาได้มากขึ้นเท่าตัวเลยทำให้แอร์ ระบบนี้มี Expansion Box ติดตั้งแยกออก มาต่างหาก ไม่เหมือนแอร์ทั่วไป และเมื่อทำให้น้ำยาเย็นได้มากขึ้น 3 ปรับปรุงแฟนคอยล์ ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นอีก 20% เพื่อเพิ่มพื้นที่ผิว ให้น้ำยาเย็นสัมผัสอากาศในห้องได้มากขึ้น เมื่อแฟนคอยล์มีพื้นที่ทำให้อากาศเย็นได้ มากขึ้น แฟนคอยล์ที่เคยใช้พัดลมมอเตอร์ตัวกินไฟ ก็เปลี่ยนมาใช้พัดลมกินไฟน้อยลงได้ จึงทำให้แอร์ตัวนี้ถึงกินไฟแค่ ครึ่งเดียว และทางผู้ผลิตได้จดสิทธิบัตรแอร์ตัวนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้งในประเทศและต่าง สนใจจะใช้แอร์ประหยัดไฟตัวนี้ โทรศัพท์ สอบถามได้ที่บริษัทเบสท์เลอร์ (ประเทศไทย) จำกัด 0-2631-2101-4 (ไทยรัฐ อาทิตย์ที่ 3 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





เครื่องใช้ไฟฟ้าพลังอาทิตย์

ทิเบต โดยสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในทิเบต เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคทางวิทยาศาสตร์ด้วยเทคโนโลยีที่ราบสูง ได้ประดิษฐเตาหุงต้มพลังงานแสงอาทิตย์ที่ถูกออกแบบให้เป็นสินค้าสำเร็จรูป มีเครื่องทำน้ำอุ่นพลังงานแสงอาทิตย์ และแปลงร่างเป็นเครื่องทำความร้อนภายในบ้านได้ด้วย ราคาก็จะขึ้นอยู่กับขนาดความจุของพลังงานที่สามารถเก็บได้ เมืองลาซาได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งแสงอาทิตย์ การจะเก็บกักพลังงานแสงอาทิตย์เฉลี่ยวันละ 8 ชั่วโมง เพื่อใช้ในยามค่ำคืนจึงไม่ใช่เรื่องยาก และปัจจุบันก็มีสถานีพลังงานแสงอาทิตย์ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ทุรกันดารของทิเบตถึง 8 สถานี เพื่อให้การสนับสนุนและบริการด้านพลังงานแก่ประชาชน (เดลินิวส์ อาทิตย์ที่ 3 ต.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





ข่าวทั่วไป


สศอ.ผนึกเอกชนตั้งบริษัทกำจัดของเสียบรรจุภัณฑ์ หวั่นกระทบส่งออกหลังผู้นำเข้าเข้มสวล.

นางสาวสุชาดา วราภรณ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สศอ. ได้ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) เตรียมตั้งบริษัท ไทยรีแพค เพื่อทำหน้าที่จัดการของเสียบรรจุภัณฑ์ และวัสดุเหลือใช้ในภาคอุตสาหกรรมไทย เนื่องจากประเทศผู้นำเข้าเริ่มให้ความสำคัญกับมาตรการรักษาสิ่งแวดล้อมสำหรับบรรจุภัณฑ์สินค้า ที่มีการส่งออกมากขึ้น การบริหาร จะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐ มีขั้นตอนดำเนินการ คือ 1.การระดมทุนจากค่าธรรมเนียมรายปีของสมาชิก 2. จะมีการจัดจ้างบริษัทเอกชนประมาณ 4 แห่ง เข้าดำเนินการ จัดเก็บของเสียบรรจุภัณฑ์ 5 ประเภท ได้แก่ บรรจุภัณฑ์แก้ว กระดาษ พลาสติก โลหะและอะลูมิเนียม เพื่อส่งให้บริษัทไทยรีแพค ซึ่งจะทำหน้าที่ตั้งแต่การรณรงค์แยกขยะ การจัดเก็บ คัดแยก รวบรวมและขนส่งไปยังโรงงานแปรรูป โดยจะมีการรายงานผลดำเนินการต่อหน่วยงานของรัฐเป็นประจำทุกปี (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 27 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ศิลปินแห่งชาติเสนอ 7 แนวคิดสร้างวัฒนธรรมของชาติ

เมื่อเร็วๆ นี้ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย มีการประชุมสัมมนาเพื่อระดมความคิดสนับสนุนงานวัฒนธรรม พร้อมเสนอปัญหา อุปสรรค แนวทางในการถ่ายทอดภูมิปัญญาของศิลปินแห่งชาติ โดยมีศิลปินแห่งชาติทุกสาขาเข้าร่วมถึง 45 ท่าน ได้ให้ข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นเพื่อเป็นแนวทางในการส่งเสริมงานด้านวัฒนธรรมและงานของศิลปินแห่งชาติ พอสรุปได้ดังนี้ 1. การคัดเลือกผู้มีผลงานด้านศิลปะ ควรจะคัดเลือกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มศิลปินรุ่นหนุ่มหรือรุ่นใหม่ และกลุ่มศิลปินแห่งชาติ 2. รัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณและอำนวยความสะดวกแก่ศิลปินแห่งชาติที่ประสงค์จะเดินทางไปจัดแสดงผลงานในต่างประเทศ 3. รัฐต้องสนับสนุนบุคคลหรือองค์กรเอกชนที่มีความพร้อมในการจัดพิพิธภัณฑ์ รวมถึงการให้ความสนับสนุนด้านสวัสดิการแก่ศิลปินแห่งชาติ รวมไปถึงศิลปินอิสระ 4. หากรัฐประสงค์สนับสนุนงานด้านศิลปวัฒนธรรมอย่างจริงจัง ควรออกกฎหมายเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารสำนักงานทั้งของรัฐและเอกชน กำหนดให้จัดพื้นที่ 5% ของอาคารทั้งหมด เพื่อติดตั้งงานประติมากรรมหรืองานจิตรกรรมของศิลปิน 5. เมื่อกระทรวงวัฒนธรรมมอบหมายหรือสั่งการให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดดำเนินการในเรื่องใดควรจะแจ้งให้ศิลปินแห่งชาติได้ทราบด้วย 6. ขอให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการประสานลดหรือยกเว้นค่าบัตรโดยสารเครื่องบินในประเทศให้แก่ศิลปินแห่งชาติด้วย 7. ขอให้รัฐจัดสรรคลื่นสถานีวิทยุท้องถิ่น เป็นคลื่นศิลปวัฒนธรรม นายอนุรักษ์ จุรีมาศ รัฐมนตรีวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า จากข้อเสนอและข้อคิดเห็นของศิลปินแห่งชาติที่กล่าวข้างต้น ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.) นำไปพิจารณา สำหรับการเพิ่มค่าตอบแทนศิลปินแห่งชาติจากเดิมเดือนละ 8,000 บาท เปลี่ยนเป็นเดือนละ 12,000 บาทนั้น จะพยายามให้เริ่มได้ภายในปีงบประมาณ 2548 นั้ (สยามรัฐ จันทร์ที่ 27 ก.ย. 47 http://www.siamrath.co.th)





ยูซีแอลเอบริจาคเครื่องมือ 40 ล้าน เพื่องานวิจัยไทย

น.พ.แซม วงสวัสดิ์ มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐแคลิฟอร์เนีย (ยูซีแอลเอ) ได้มอบเครื่องมือแพทย์อิเล็กตรอน ไมโครสโคป ให้กับมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีนายกร ทัพพะรังสี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานในพิธี น.พ.แซม กล่าวว่า เครื่องดังกล่าวใช้งบประมาณทั้งหมด 40 ล้านบาท โดยขอบริจาคจากมหาวิทยาลัยยูซีแอลเอ 1 เครื่อง และส่วนตัวอีก 4 เครื่อง เพื่อใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ในไทย เนื่องจากไทยยังขาดแคลนเครื่องมือวิทยาศาสตร์ เพื่อมาช่วยพัฒนาและสนับสนุนงานวิจัยด้านการแพทย์ โดยเฉพาะเครื่องมืออิเล็กตรอนไมโครสโคป ซึ่งสามารถส่องดูวัตถุต่างๆ ในขนาดละเอียดมาก ถึงระดับโมเลกุลและสามารถขยายภาพได้ถึง 400,000 เท่า เหมาะสำหรับใช้ในงานด้านการตรวจไวรัสซาร์ส โรคไข้หวัดนก และยังสามารถตรวจมลพิษในอากาศและน้ำได้ด้วย นอกจากนี้ สามารถตรวจหาดีเอ็นเอหลายล้านตัวในงานด้านนิติเวชได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ สามารถใช้ในงานวิจัยเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์อาหาร ด้านเคมีชีวภูมิคุ้มกัน ด้านเภสัชภูมิคุ้มกัน ดังนั้น เครื่องดังกล่าวจึงมีประโยชน์มากในการวินิจฉัยเกี่ยวกับทางการแพทย์ และวิทยาศาสตร์ต่างๆ ได้อย่างมากมาย ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีของไทยให้ทัดเทียมกับประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ในอนาคตมีโครงการนำเครื่องมือดังกล่าวอีกจำนวนหนึ่ง มาช่วยโรงพยาบาลตำรวจเพื่อใช้ตรวจดีเอ็นเอในวิชานิติเวช และสาขาอื่นๆ รวมทั้งโรงพยาบาลทหารเรือ โรงเรียนแพทย์นอกกรุงเทพฯ (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 27 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ชานเมืองเฮ! ครม.แจ้งเกิดรถไฟฟ้า

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติโครงการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ ระยะทาง 23 กม. วงเงินก่อสร้างรวมทั้งโครงการ 46,704 ล้านบาท ซึ่งตามแผนจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จในเดือน ก.ย. 2551 แนวเส้นทางก่อสร้างโครงการจะเป็นลักษณะทางวิ่งยกระดับ ไปตามแนวกลางถนนเป็นส่วนใหญ่ผ่านบริเวณสำคัญคือ บางใหญ่ ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ ผ่านถนนรัตนาธิเบศร์ สะพานพระนั่งเกล้า ถนนติวานนท์ สี่แยกนนทบุรี สี่แยกวงศ์สว่าง เตาปูน และเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคลโดยมีโครงการสร้างเป็น สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสะพานพระนั่งเกล้าอีก 1 แห่ง รวมทั้งเส้นทางจะมีสถานีทั้งสิ้น 30 สถานี รองรับประชาชนกว่า 100 หมู่บ้าน หรือ 60,000 หลังคาเรือน และประมาณการว่าจะรองรับประชาชนได้กว่า 200,000 คนโครงการนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในโครงการพัฒนาการขนส่งระบบราง ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลระยะเร่งด่วนจำนวน 7 โครงการ ระยะทาง 291 กม. ที่ ครม.ได้มีมติเห็นชอบไปแล้วเมื่อวันที่ 7 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปร่วมกันศึกษาหาแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ (ไทยรัฐ พุธที่ 29 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





สคบ.สั่งห้ามใช้แอลกอฮอล์เหลวแล้ว

. วันที่ 28 ก.ย. นายอนุวัฒน์ ธรมธัช เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้เตรียมส่งหนังสือไปยังร้านอาหารประเภทเดียวกับร้านโออิชิ และร้านปิ้งย่าง ต่าง ๆ เช่นร้านหมูกระทะ เพื่อให้ร้านเหล่านี้ระมัดระวังเกี่ยวกับความปลอดภัยให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการให้มากขึ้น โดยกำหนดให้ร้านเหล่านี้ต้องติดตั้งเครื่องดับเพลิงขนาดเล็กภายในร้านทุกแห่ง และให้เปลี่ยนการใช้แอลกอฮอล์เหลวมาเป็นแอลกอฮอล์แข็งแทน เพื่อความปลอดภัย เพราะแอลกอฮอล์เหลวถือว่าผิดมาตรฐานของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ที่ระบุให้ใช้แอลกอฮอล์ชนิดแข็งหรือที่เป็นเจล ใช้ปรุงอาหารเท่านั้น รวมทั้งร้านค้าต้องมีภาชนะสำหรับใส่แอลกอฮอล์ที่ปิดสนิท และกำชับไม่ให้ผู้ประกอบการให้ลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการเติมหรือเปลี่ยนแอลกอฮอล์เองโดยเด็ดขาด) (เดลินิวส์ พุธที่ 29 ก.ย. 47 http://www.dailynews.co.th





รพ.รามาธิบดี พบโรคเบาหวาน ในเด็ก 72% บริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ด

ดร. สุนาฏ เตชางาม ประธานชมรมนักกำหนดอาหารแห่งประเทศไทย โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า จากสถิติตัวเลขมีการคาดการณ์ ประเทศในแถบเอเชีย ซึ่งไทยก็รวมอยู่ด้วย จะมีจำนวนผู้ที่เป็นเบาหวานประเภทที่ 2 คือเบาหวานที่เกิดอย่างช้า ไม่จำเป็นต้องใช้อินซูลิน มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นถึง 72% ต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก และเบาหวานประเภทนี้น่าจะเกิดกับผู้ใหญ่มากกว่า โดยจำนวนเด็กและวัยรุ่นที่เป็นเบาหวานเพิ่มมากขึ้น มีผลมาจากวิถีการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะพฤติกรรมการรับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ดจากตะวันตก ซึ่งมีระดับของแคลอรีที่สูงมาก ไม่เหมาะกับคนเอเชีย อีกทั้งยังขาดการออกกำลังกายที่เพียงพอ จนทำให้เกิดโรคอ้วน ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดโรคเบาหวานในที่สุด "อาหารประเภทฟาสต์ฟู้ดจากตะวันตก ก็มีส่วนทำให้เกิดความอ้วนได้ง่าย และจะนำมาซึ่งสาเหตุการเพิ่มจำนวนของเบาหวานที่เกิดขึ้นกับเด็ก เมื่อเร็วๆ นี้ ทางคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รายงานว่า จากจำนวนเด็ก 200 คน ส่วนใหญ่อายุต่ำกว่า 15 ปี ตรวจพบว่าเพิ่มทุกปี จากการสำรวจยังพบว่า เด็กอายุระหว่าง 8-12 ปี จำนวนมาก เป็นเบาหวานประเภทที่ 2 ซึ่งเบาหวานประเภทนี้น่าจะเกิดกับผู้ใหญ่มากกว่า และที่น่าวิตกมากคือ อายุเฉลี่ยของผู้เริ่มต้นเป็นโรคเบาหวานน้อยลงเรื่อยๆ จากข้อมูลที่พบล่าสุดมีผู้ป่วยอายุไม่ถึง 30 ปี ดังนั้น โรคเบาหวานจึงไม่ใช่เฉพาะโรคของคนสูงวัยอีกต่อไป" ดร.สุนาฏ กล่าว (กรุงเทพธุรกิจ 29 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





แพทย์เผยน้ำเชื้อชายไทยคุณภาพต่ำ

น.พ.วิบูลย์ กมลพรวิจิตร สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลราชวิถี เปิดเผยว่า จากการสำรวจคุณภาพน้ำเชื้อในผู้ชายไทยในปัจจุบันพบว่า น้ำเชื้อมีคุณภาพต่ำจากในอดีตมากผิดปกติ และอาจส่งผลให้เกิดภาวะมีบุตรยาก ซึ่งคาดว่าเกิดจากสภาพแวดล้อม ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว กลุ่มสูตินรีแพทย์จึงได้ร่วมกับโรงพยาบาลราชวิถี ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ และ Asia College จัดการประชุมทางวิชาการ Andrology 2004 ขึ้น เพื่อร่วมปฏิบัติการระดมสมองเกี่ยวกับการเตรียมพัฒนาศักยภาพผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับน้ำเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ นักวิชาการ รวมถึงนักวิทยาศาสตร์เฉพาะทางเป็นหลัก การประชุมครั้งนี้ได้รับเกียรติ จาก ดร.กอร์ดอน เบเกอร์ แพทย์จากมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ที่ใช้เวลากว่า 10 ปีในการศึกษาน้ำเชื้อ รวมถึงลักษณะของโครโมโซมที่มีความผิดปกติ และดร.ดี ยี ลุย (De Yi Liu) นักวิชาการจากประเทศจีน ประจำมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลียเช่นเดียวกัน ที่ทำงานวิจัยเกี่ยวกับน้ำเชื้อหลายชิ้น อาทิ การศึกษาความผิดปกติของน้ำเชื้อ รวมถึงวิธีการเตรียมน้ำเชื้อในเพศชาย สำหรับงานประชุมทางวิชาการ Andrology 2004 จัดขึ้นในวันที่ 19 ต.ค.นี้ บริเวณชั้น 11 โรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพฯ ติดตามรายละเอียดได้ที่ www.thaiendoscopy.org (กรุงเทพธุรกิจ 29 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





นำตู้รถไฟทิ้งทะเลสร้างปะการังเทียม เนรมิตโลกใบน้อยให้สัตว์ใต้ท้อง

ดร.สิทธิ บุณยรัตผลิน อธิบดีกรมประมง บอกว่า จากโครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลอันเนื่องมาจากพระราชดำริดังกล่าว กรมประมง ได้ดำเนินการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเลด้วยตู้รถไฟจำนวน 300 ตู้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 6 รอบพระชนมพรรษา ทั้งนี้การจัดสร้างปะการังเทียมตามโครงการดังกล่าวเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2545 โดยกรมฯ ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย กรมทางหลวง กองทัพเรือ สำนักงาน กปร. เป็นต้น โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยได้มอบตู้รถไฟเก่าจำนวน 208 ตู้ โดยทำการจัดวางตู้รถไฟทั้งหมดที่จังหวัดปัตตานี รวม 5 จุด และกรมทางหลวงได้มอบท่อระบายน้ำเก่า จำนวน 707 ท่อ ซึ่งได้ดำเนินการจัดวางที่จังหวัดนราธิวาสเสร็จเรียบร้อยในช่วงเดือนเมษายน 2545 ส่วนในปี 2546 ทางการรถไฟแห่งประเทศไทยได้มอบตู้รถไฟเพิ่มอีก 100 ตู้ โดยจัดวางที่จังหวัดปัตตานี 3 จุด รวม 25 ตู้ และที่จังหวัดนราธิวาส 4 จุด รวม 75 ตู้ ในปี 2547 เนื่องในวโรกาสที่สมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระ ชนมพรรษา 72 พรรษา ทางโครงการฟื้นฟูชายฝั่งทะเลอันเนื่องมาจากพระราชดำริกำหนดให้มีการจัดวางตู้รถไฟเพิ่มเติมอีกจำนวน 300 ตู้ ซึ่งมีการดำเนินการจัดวางตู้รถไฟตามพิกัดที่กำหนดทั้งในเขตจังหวัดนราธิวาสและปัตตานีเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยหลังจากที่กรมประมงได้ดำเนินการโครงการฟื้นฟูชายฝั่งทะเลอันเนื่องมาจากพระราชดำริแล้ว ในปีที่ 1 และ 2 ในช่วงฤดูมรสุมชาวประมงมีรายได้โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 12,272 และ 15,440 บาท/เดือนตามลำดับ เนื่องจากสามารถจับสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งทะเลได้มากขึ้น การจัดสร้างปะการังเทียมดังกล่าว นอกจากจะเป็นส่วนที่ช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำแล้ว ยังสามารถจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลได้อีกด้วย ซึ่งถือเป็นการเพิ่มอาชีพให้กับชาวประมงที่จะหันไปประกอบอาชีพด้านการท่องเที่ยว เช่น การจัดทัวร์นำนักท่องเที่ยวไปตกปลาหรือดำน้ำ เป็นการสร้างอาชีพใหม่ให้แก่ ชาวประมงเพื่อขจัดปัญหาการแย่งชิงทรัพยากร และที่ทำกิน อีกทั้งยังเป็นการทำให้ชาวประมงมีส่วนร่วมในการดูแลทรัพยากรใต้ทะเลให้ยั่งยืนต่อไปได้อีกด้วย (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 30 ก.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)





สธ.ขึ้นทะเบียนสมุนไพรต้านเอดส์ใหม่

นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมา รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า มูลนิธิกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ขึ้นทะเบียนสมุนไพรต้านเอดส์ตัวใหม่ เป็นยาแผนโบราณกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้ว โดยสูตรสมุนไพรต้านเอดส์ตัวใหม่นี้ มีสารประกอบของสมุนไพรสกัด 5 ตัว ประกอบด้วย สมุนไพรจีน 3 ตัว และสมุนไพรไทยอีก 2 ตัว โดยการใช้งานจะต้องใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน 2 ตัวคือ เอแซดทีและดีดีซี จากการศึกษาทดลองในผู้ป่วยโรคเอดส์ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่และลำพูน โดยศึกษาเปรียบเทียบกันระหว่างผู้ติดเชื้อกลุ่มแรกที่ใช้สมุนไพรตัวนี้ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน 2 ตัว เทียบกับผู้ติดเชื้ออีกกลุ่มหนึ่งที่ใช้เพียงยาแผนปัจจุบัน ปรากฏว่า กลุ่มแรกได้ผลการรักษาที่ดีกว่า สามารถลดจำนวนเชื้อไวรัส เพิ่มซีดีโฟร์หรือเซลล์เม็ดเลือดขาว ผลข้างเคียงที่น้อยกว่า และราคาถูกกว่ายาแผนปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังใช้ได้ดีกับผู้ที่ดื้อยาแผนปัจจุบัน หากเป็นไปได้ในอนาคตจะมีการทำตลาดออกขายในต่างประเทศ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 30 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ประกาศเป็นศูนย์กลางธุรกิจสุขภาพ

รัฐบาลประกาศนโยบายชัดเจนที่จะทำให้เมืองไทย ก้าวสู่การเป็น World Health Service Centre โดยเริ่มจากการเป็นศูนย์กลางสุขภาพของเอเชีย ขณะนี้ได้จัดสรรงบฯกว่า 2,600 ล้านบาทไปแล้ว คาดว่า หากมีการพัฒนาหรือยกระดับบริการสุขภาพให้ได้ มาตรฐานในระดับสากล จะดึงเงินตราเข้าประเทศได้กว่า 2 แสนล้านบาท รมว.สาธารณสุขกล่าวอีกว่า แผนยุทธศาสตร์ สร้างไทยให้เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของเอเชีย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้รับผิดชอบแผนนั้นมีระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี (พ.ศ. 2547-2551) กำหนดการพัฒนาจุดขายของบริการทางการแพทย์ และสาธารณสุขหลักๆไว้ด้วยกัน 3 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก ธุรกิจบริการรักษาพยาบาล โดยตั้งเป้าหมายความเป็นเลิศในบริการทางการแพทย์ที่ดีที่สุดในเอเชีย มีการประเมินตัวเลขรายได้ไว้ที่ประมาณ 142,899 ล้านบาท กลุ่มที่ 2 ธุรกิจบริการส่งเสริมสุขภาพ เน้นให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการดูแลสุขภาพของเอเชีย เจาะกลุ่มไปที่ธุรกิจประเภท สปา บริการนวดแผนไทย และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นต้นรัฐบาลประเมินตัวเลขสำหรับธุรกิจกลุ่มนี้ไว้ที่ประมาณ 50,419 ล้านบาท ส่วนกลุ่มที่ 3 คือธุรกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพและสมุนไพร ตั้งเป้าหมายของรายได้ในกลุ่มนี้ไว้ที่ประมาณ 17,500 ล้านบาท ซึ่งหากรัฐบาลสามารถดำเนินการได้บรรลุเป้าหมาย ก็จะทำให้ประเทศไทยมีรายได้ จากธุรกิจด้านนี้เกือบสองแสนล้านบาท อย่างไร ก็ตาม รูปแบบการจัดการธุรกิจทั้งหมด จะนำเสนอและให้บริการประชาชนในงานมหกรรมสุขภาพถวายไท้ 72 พรรษาฯ ที่เมืองทองธานี ในวันที่ 1-8 ต.ค.นี้ (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 1 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





วธ.เร่งทำคู่มือสอนต่างชาติรู้วิถีไทย

ดร.กล้า สมตระกูล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า จากการประชุมกับหน่วยต่าง ๆ เกี่ยวกับปัญหาของชาวต่างชาติที่ไม่เข้าใจวัฒนธรรมไทย และปฏิบัติตนไม่เหมาะสม ซึ่งส่งผลกระทบกับความรู้สึกของคนไทยอย่างรุนแรง เช่น การผลิตรองเท้าที่มีตราพระพุทธรูป หรือการขึ้นไปนั่งบนเศียรพระพุทธรูป ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้นพบว่า การกระทำของชาวต่างชาติเกิดจากความไม่รู้ ไม่เข้าใจในวัฒนธรรม และเมื่อเกิดการท้วงติงก็มักจะยอมเลิกปฏิบัติโดยทันที แต่อย่างไรก็ตามการกระทำเหล่านี้ควรหาทางป้องกัน ไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำ ๆ ขึ้นอีก ทางวธ.จึงเห็นว่าจำเป็นต้องมีการให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ชาวต่างชาติ โดยใช้สื่อประชาสัมพันธ์ที่หลากหลาย ซึ่งคาดว่าน่าจะช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ กระทรวงวัฒนธรรมจะรวบรวมปัญหาต่าง ๆ แล้วแยกเป็นหมวดหมู่ ซึ่งในเบื้องต้นจะแยกประเภทของปัญหาตามสถาบันหลัก คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยเนื้อหาจะกล่าวถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติและไม่ควรปฏิบัติ จากนั้นจะรวบรวมและเรียบเรียงเนื้อหาเพื่อจัดพิมพ์เป็นหนังสือคู่มือ "ข้อควรปฏิบัติและไม่ควรปฏิบัติในสังคมไทย คู่มือดังกล่าวจะมีความหนา 40 หน้า และจะจัดพิมพ์จำนวน 1 หมื่นเล่ม เป็นภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และสเปน โดยจะเผยแพร่ได้ประมาณเดือนธันวาคมนี้ ส่วนสื่อประเภทอื่น ๆ จะทยอยผลิตและจะเริ่มเผยแพร่ออกได้ประมาณเดือนมกราคม (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 1 ต.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





ไทยจับมืออิตาลีพัฒนาSMEs

นายพินิจ จารุสมบัติ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยภายว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้บันทึกความเข้าใจเรื่องความร่วมมือด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ระหว่างรัฐบาลอิตาลีและรัฐบาลไทย เพราะรัฐบาลทั้งสองประเทศตระหนักถึงบทบาทสำคัญที่วิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อมที่มีต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับกิจกรรมเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยไทยจะนำแบบอย่างการจัดระบบซึ่งสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจเอสเอ็มอีของ อิตาลีมาเป็นต้นแบบ เนื่องจากประเทศอิตาลี มีการวางระบบการผลิตสินค้า โอท็อป และเอสเอ็มอีที่เป็นฐานเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ ซึ่งการผลิตสินค้าดังกล่าวมีรากฐานมาจากชุมชน บริษัท ขนาดกลางและขนาดเล็ก ผลิตสินค้าเฉพาะด้านที่ต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายชั่วอายุคน เป็นการทำงานที่ใช้ระบบแรงงานในครอบครัว จำนวนคนไม่มาก แต่มีความมั่นคงและประสิทธิภาพในการทำงานสูงทำให้สินค้าส่งออก “Made In Italy” จำนวน 1 ใน 3 มาจากการผลิตในลักษณะโอท็อปและเอสเอ็มอี ทั้งนี้ในช่วงประมาณเดือนพ.ย. 2547 รัฐบาลไทยโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทยได้เชิญชวนกลุ่มนักธุรกิจ นักลงทุน สภาอุตสาหกรรม และหอการค้าของอิตาลีร่วมจัด Work Shop ที่ประเทศไทย ณ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อศึกษาแนวทางกระตุ้นให้การเกิดการค้าการลงทุนระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น (มติชน ศุกร์ที่ 1 ต.ค. 47 http://www.matichon.co.th)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215