หัวข้อข่าวปีที่ 6 ฉบับที่ 26 ประจำวันที่ 2005-07-10

ข่าวการศึกษา

ชง ครม.ไฟเขียวการศึกษาเด็กไร้สัญชาติทุกระดับ
เปิดห้องสมุดค้นข่าวด้านอาชญากรรม
ไอซีทีนำเข้าครูสอนไอทีจากอินเดีย
จี้ปรับระบบประเมินคุณภาพร.ร.นานาชาติ
แนะวิทยาลัยนวัตกรรมกีฬา เฟ้นช้างเผือกนักกีฬารุ่นใหม่
มอ.จับมือม.ไคโรเปิดอาหรับ-อิสลามศึกษาปี"49
จัดค่ายวิทย์ฉลอง30ปีความสัมพันธ์"ไทย-จีน"
ยุทธศาสตร์ e-learning ต้องสอนเด็กคิดนอกกรอบ
เล็งตั้งสถาบันศึกษาชั้นสูงยกระดับแฟชั่นไทย
รมว.กีฬาแถลงเปิดหลักสูตรใหม่จันทรเกษม เปิดสอนปริญญาโทกีฬา-คาดคนเก่งในวงการแห่เรียน
ไฟเขียวมหาวิทยาลัยรับระบบโควตา สกอ.โยงข้อมูลสกัดปัญหาสละสิทธิ
การประกวดหนังสือสำหรับค้นคว้า : จะคงอยู่หรือต้องจากลา
สกอ.เร่งจัดตั้งศูนย์ข้อมูลด้านอุดมศึกษา
อาจารย์ มก.คว้า"พระสิทธิธาดาทองคำ" ชี้งานวิจัยยุคนี้ห่วง"ไฮเทค"มากเกินไป
"สกอ."เร่งแก้ปัญหาบุคลากรมหาวิทยาลัยเกิดใหม่
จากฟิสิกส์โอลิมปิกเอเชีย สู่เวทีการแข่งขันระดับโลก
"สารคาม"จับมือม.ญวน แลกเปลี่ยนอาจารย์-พัฒนาหลักสูตร2ปริญญา
อาชีวะได้หุ้นส่วน ผลิตนศ.พาณิชนาวี ตั้งเป้า 50 คนต่อปี
มศว หนุนเปิด 2 ปีหลัง ป.ตรีเพื่อได้เป็นครู
เชียร์ลีดฯม.กรุงเทพ ครองแชมป์นานาชาติ กุนซือยันลูกทีมเซฟได้
เปิดตัวเกือบครบ ต้นแบบรร.ในฝัน
ส.ส.รัฐบาลไม่เอาร่างกม.ฉบับวุฒิฯ รับไม่ได้แก้ไขหลักการ"ม.ในกำกับ"
"มศว"เตรียมตั้งว.นวัตกรรมการกีฬาฯ
สกอ.วางปฏิทินรับ นศ.ปี 49
ผลสรุปแอดมิชชั่น “นิติ-อักษร” สอบ O-NET แค่ 3 วิชา

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

บิล เกตส์เชื่ออนาคตมือถือแทนที่คอมพิวเตอร์
เพิ่มชื่อสารกำจัดศัตรูพืช3ชนิดเข้าบัญชีเฝ้าระวัง
นาโนเทค"ไทยรุ่ง"ดันขึ้นอันดับแถวหน้าเอเชีย
สุดยอด 10 ผลิตภัณฑ์นาโนเทค
จากสถาบันจุฬาภรณ์... สู่ศูนย์วิจัยศึกษาและบำบัดโรคมะเร็ง พระเมตตาองค์หญิงนักวิจัย
พลังงานทดแทนจากแผ่น Thermocouple
ปฏิบัติการ “ ดีพ อิมแพค” ทะลุเป้า “ นาซา” เร่งไขปริศนาจักรวาล
โทรทัศน์โฮโลกราฟิก
เปรี้ยวดั่งน้ำทะเล !
ระบบติดตามยานพาหนะแบบเรียลไทม์
ไอซีทีจับมือฮิวเลตต์ แพคการ์ พัฒนาโครงการภูมิสารสนเทศ
อาบน้ำทุกวันทำอันตรายต่อสมอง สูดเอาแมงกานีสเข้าไปในหัวด้วย
"เนคเทค"ชี้"สมาร์ทการ์ด"ผิดสเปค ใส่ข้อมูลได้น้อยกว่าข้อตกลงทีโออาร์
บริการแผนที่ 3 มิติจากกูเกิล
ไอบีเอ็มถ่ายทอดเทคโนโลยีให้นักวิจัยไทย
ศูนย์ทดสอบความปลอดภัยผลิตภัณฑ์..ทีโอที
GenoGraphic
แผงโซลาร์เซลล์ หมุนรอบทิศตามเก็บพลังงานตะวัน
ปิคนิคฯผลิตถังแก๊สแบบใหม่ เน้นความสะดวก-ปลอดภัย

ข่าววิจัย/พัฒนา

ชาเขียวไม่อาจป้องกันโรคมะเร็ง ไม่ว่าของต่อมลูกหมากกับเต้านม
พบมันฝรั่งเป็นทั้งอาหารและยา สรรพคุณควบคุมความดันโลหิต
ระบบตรวจใต้ท้องรถ ด้วยกล้องดิจิตอลวงจรปิด
“กระโปรงยางกันฝน” ภูมิปัญญาเกษตรกรหนองคาย
ยูเอ็นฉลอง 60 ปี จัดประกวดแอนิเมชั่น
โยเกิร์ตระงับกลิ่นปาก
แขนกลไฮโดรลิค
หุ่นยนต์สำรวจใต้น้ำ
จักรยานยนต์ 6 จังหวะ
แผงเครื่องมืออัจฉริยะ
มอเตอร์ไซค์พลังงานขยะ
MOUSE คนพิการ
เครื่องแสดงภาพด้วยฟองอากาศ
เครื่องระเหยความชื้นเอนกประสงค์
ตั้งโรงงานผลิตเชื้อเพลิงอะไหล่ ใช้ของเน่าทำพลังงานกล้วยหอม
ระดมนักวิจัยขึ้นเวทีถก งานประมง-เตรียมเสนอ80โครงการ
เครื่องอบลำไยแห้งแบบสายพาน ภูมิปัญญาศิษย์เก่า ม.แม่โจ้
หนุนนักวิจัยสตรีไทยค้นคว้า สารสกัดจากเปลือกมังคุดต้านมะเร็ง
“อียู” รุกคืบตรวจ “พาราเรด” วิชาการเกษตรนกรู้เร่งพัฒนาคุณภาพ
“แมลงแกลบ” กำจัดขยะล้นโลก
หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ ‘ใจดี’ ฝีมือและโอกาสของเด็กไทย
แว่นตาว่ายน้ำวัดความเร็ว
"จากขี้เลื่อยไม้พารา" สู่"หลังคายาง"คลายร้อน
ให้หุ่นยนต์คลำทรวงอกผู้หญิง ตรวจหามะเร็งให้พบได้แต่เนิ่น
ส่งใจเชียร์"ใจดี"ไปญี่ปุ่น หุ่นยนต์ตัวเก่งของเด็กไทย

ข่าวทั่วไป

ชายไทยตายด้วยเอดส์กับอุบัติเหตุ รองลงมาเป็นมะเร็งกับโรคหัวใจ
เตือนภัย “ตะเกียบไม้” สารฟอกขาวอื้อ ชี้เจอความร้อนปล่อยกรดปนเปื้อนอาหาร
ประหยัดพลังงาน
สร้างสะพานข้ามเจ้าพระยาขนานสะพานพระนั่งเกล้าฯ
ก.อุตฯสั่งเดินหน้า กรุงเทพเมืองแฟชั่น ผลิตนักดีไซร์เนอร์
4 ดัชนีสำคัญของเด็กไทย 4 โรคร้ายของสังคมเมือง
แนะวิธีดูดน้ำอัดลมอย่างถูกวิธี ปลอดอันตรายจากฟันผุกร่อน
ปณท ไอเดียเจ๋ง จัดทำแสตมป์3มิติ แห่งแรกของโลก
โรคหลอดเลือดสมองคร่าไทยอันดับ 3 เป็นแล้วตายถึงหายก็เป็นอัมพาต
คู่มือ...แอดมิสชั่นส์ ระบบใหม่…บันไดสู่มหาวิทยาลัย
เคล็ดลับควบคุมความอยากอาหาร อาวุธสำคัญสำหรับคนช่างกิน
แพทย์ชี้ 6 พฤติกรรมที่กระทบต่อสุขภาพคนไทย
ขรก.เฮ! รัฐเร่งขึ้นเงินเดือน ต.ค.48 นี้ จากเดิม เม.ย.49 หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ 'วิกฤตินํ้ามัน'ขยับอีก เว้น ปตท.





ข่าวการศึกษา


ชง ครม.ไฟเขียวการศึกษาเด็กไร้สัญชาติทุกระดับ

ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ในการประชุม ครม. วันที่ 5 ก.ค. กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะเสนอให้ครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยหลักฐาน วัน เดือน ปีเกิด ในการรับนักเรียนนักศึกษาเข้าเรียนในสถานศึกษา พ.ศ. ... และแนวปฏิบัติการจัดการศึกษาแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย โดยขยายโอกาสทางการศึกษาให้แก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย ซึ่งเดิมเคยจำกัดไว้ให้บางกลุ่ม บางระดับการศึกษา เปิดกว้างให้ทุกคนที่อาศัยในประเทศ สามารถเข้าเรียนได้โดยไม่จำกัดระดับ ประเภทหรือพื้นที่การศึกษา ทั้งการรับเข้าเรียน ลงทะเบียน นักศึกษา และการออกหลักฐานการศึกษาเมื่อสำเร็จการศึกษาแต่ละระดับออกไป ทั้งนี้จะเป็นการสอดคล้องกับการที่ไทยได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาสิทธิเด็ก โดยจะจัดสรรงบประมาณอุดหนุนเป็นค่าใช้จ่ายรายหัว ในอัตราเดียวกับค่าใช้จ่ายรายหัวที่จัดสรรแก่เด็กไทย งบประมาณเพิ่มเติมเพื่ออุดหนุนจัดการศึกษาแก่นักเรียนในกลุ่มดังกล่าว ในความดูแลของสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน 1,269 คน เป็นเงิน 6.5 ล้านบาท นอกจากนี้ให้กระทรวงมหาดไทย (มท.) จัดทำฐานข้อมูลเลขประจำตัว 13 หลัก เกี่ยวกับบุคคลที่ไม่มีหลักฐานหรือไม่มีสัญชาติไทย เพื่อประโยชน์ในการจำแนกสถานะ และการอนุญาตและอำนวยความสะดวกให้เด็กและเยาวชนที่มีข้อกำหนด เฉพาะระเบียบปฏิบัติหรือมีกฎหมายควบคุมเฉพาะให้จำกัดพื้นที่อยู่อาศัย สามารถเดินทางไปศึกษาได้โดยไม่ต้องขออนุญาตเป็นครั้งคราว ซึ่ง มท. ได้เร่งสำรวจร่วมกับ ศธ.ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ให้ แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





เปิดห้องสมุดค้นข่าวด้านอาชญากรรม

ที่ชมรมผู้สื่อข่าวช่างภาพอาชญากรรม ชั้นล่างสโมสรตำรวจดับเพลิง ถนนพระราม 6 เขตราชเทวี เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 ก.ค. พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. มอบหมายให้ พ.ต.อ.สกลรัฐ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบก.ทท. พร้อม พ.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบก.น.7 ร่วมกันเป็นประธานเปิดป้ายห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ “ธีระสวัสดิ์” โดย พ.ต.อ.สกลรัฐ กล่าวว่า ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ “ธีระสวัสดิ์” เป็นห้องสมุดที่ดำเนินการในรูปแบบออนไลน์ทางอินเทอร์เน็ต ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นความร่วมมือระหว่างชมรมผู้สื่อข่าวช่างภาพอาชญากรรม กับ บก.ทท. จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นแหล่งค้นคว้าข้อมูลด้านงานข่าวอาชญากรรม ที่สามารถสืบค้นได้ทางระบบอินเทอร์เน็ต และเพื่อรำลึกถึง พล.ต.อ.แสวง ธีระสวัสดิ์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจผู้ล่วงลับด้วย ด้านนายศิโรจน์ มิ่งขวัญ รองประธานฝ่ายวิชาการ ชมรมผู้สื่อข่าวฯ กล่าวว่าทางชมรมฯ พยายามที่จะให้มีบทความเกี่ยวกับข่าวอาชญากรรม และบทความอื่น ๆ ให้มีจำนวนมากพอ เพื่อเป็นแหล่งให้ความรู้สำหรับนักศึกษา และประชาชนทั่วไป ทั้งนี้เพื่อให้บทความมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จึงเชิญชวนให้อาจารย์ ผู้สื่อข่าวได้เขียนบทความที่เกี่ยวกับข่าวอาชญากรรมในแง่มุมต่าง ๆ ร่วมเผยแพร่ทางห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ “ธีระสวัสดิ์” ที่ออนไลน์ผ่านทาง www.crpclub. com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของชมรมฯ โดยส่งบทความเป็นโปรแกรมเวิร์ด มาได้ที่ชมรมผู้สื่อข่าวฯ ชั้นล่าง สโมสรตำรวจดับเพลิง ถนนพระราม 6. (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ไอซีทีนำเข้าครูสอนไอทีจากอินเดีย

นายไกรสร พรสุธี ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงไอซีที กำลังเจรจาความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในประเทศอินเดีย เพื่อมาเปิดสอนด้านไอทีในประเทศไทย โดยคาดว่าจะสามารถผลิตบุคลากรด้านไอทีได้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีนักศึกษาที่จบทางด้านไอทีเพียงปีละ 4,000 คน เป็นปีละ 20,000 คน ได้ในปี 2549 ส่วนความคืบหน้าการจัดงาน “ไอซีที เอกซโป 2005” ระหว่างวันที่ 3-7 ส.ค.นี้ ที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ขณะนี้มีบริษัทไอทีชั้นนำของกลุ่มอาเซียนตอบรับเข้าร่วมงานกว่า 11 ประเทศ ซึ่งจะนำนวัตกรรมเด่นมาร่วมจัดแสดงในงานด้วย พร้อมเชื่อมั่นว่าในการเดินทางไปประชาสัมพันธ์การจัดงาน “ไอซีที เอกซโป 2005” ตามประเทศกลุ่มเป้าหมาย เช่น ออสเตรเลีย สิงคโปร์ มองโกเลีย และจีน คาดว่าปีนี้จะมีผู้เข้าชมงานไม่ต่ำกว่า 300,000 คน. (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





จี้ปรับระบบประเมินคุณภาพร.ร.นานาชาติ

คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ตนได้หารือกับ ศ.ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ ผอ.สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เกี่ยวกับระบบการประกันคุณภาพของโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งเห็นว่าการประเมินโรงเรียนนานาชาติขององค์กรจากต่างประเทศมีความเหมาะสมและทำให้ได้ข้อมูลในการพัฒนาโรงเรียนดีขึ้น ตนจึงเสนอให้สำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ไปศึกษาและนำระบบการประเมินคุณภาพโรงเรียนขององค์กรต่างประเทศมาปรับใช้กับการประเมินระบบประกันคุณภาพภายในของโรงเรียนนานาชาติ และโรงเรียนเอกชนที่เปิดสอนเป็นภาษาอังกฤษ หรือ English Program (EP) ซึ่ง สมศ. ก็เห็นว่าหาก สช.ปรับรูปแบบการประกันคุณภาพโดยได้นำระบบประกันคุณภาพขององค์กรต่างประเทศมาปรับใช้จะช่วยกระตุ้นระบบประกันคุณภาพโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นได้ จากการเปรียบเทียบเบื้องต้นพบว่า องค์กรต่างประเทศสามารถประเมินด้านกระบวนการเรียนการสอนได้ชัดเจนมากกว่าการประเมินของ สช. ในขณะที่สช.สามารถประเมินผู้เรียนได้ชัดเจนกว่า ดังนั้นตนเห็นว่าหากสามารถนำระบบการประเมินทั้ง 2 รูปแบบมาปรับใช้ควบคู่กันจะทำให้การประเมินมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และในอนาคตก็น่าจะนำไปปรับใช้กับโรงเรียนอื่น ๆ ในสังกัด สช.ได้ด้วย (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





แนะวิทยาลัยนวัตกรรมกีฬา เฟ้นช้างเผือกนักกีฬารุ่นใหม่

ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช กรรมการสภามหาวิทยาลัย ผู้ทรงคุณวุฒิ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวถึงแนวคิดการจัดตั้งวิทยาลัยนวัตกรรมการกีฬาและการออกกำลังกาย ของ มศว.ว่า อยากเห็นอาจารย์ นักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ รู้จักใช้เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตให้เกิดประโยชน์ บ่อยครั้งที่จะได้ความคิดใหม่ แนวคิดดีๆ และน่าสนใจ จากคนในโลกอินเตอร์เน็ต ที่เข้าสู่ช่องทางความรู้ด้านกีฬาหรือสุขภาพ ซึ่งมีทั้งผู้ปฏิบัติ เช่นนักกีฬา หรือโค้ชสามารถให้สาระแก่นักวิชาการได้ ซึ่งผู้ขับเคลื่อนในเรื่องวิทยาลัยนวัตกรรมการกีฬาฯ ควรจะสร้างบล๊อคในเว็บไซต์ ที่ให้พูดคุย และต้องรับฟังความคิดเห็นของคนที่เข้าไปแสดงความคิดเห็นด้วย ในส่วนของกีฬาเพื่อการแข่งขันนั้น อาจจะแลกเปลี่ยนความคิดและร่วมเรียนรู้ ระหว่างผู้ชมและนักกีฬา โค้ชมีแนวทางอย่างไร ในการประสานให้ผู้ชมและผู้เล่นกีฬาได้มีส่วนร่วม อาจจะใช้สื่อวีดีโอเป็นตัวช่วย ดูวิธีการเล่น สภาพร่างกาย ความแข็งแรง ความคล่องตัวของนักกีฬา สามารถนำมาสอนและมาร่วมเรียนรู้กับเด็กๆ ได้ ที่สำคัญเยาวชนที่มีพรสวรรค์ด้านกีฬา บางคนไม่ได้เรียนหนังสือเก่ง แต่เล่นกีฬาเก่งมาก ครูต้องส่งเสริมและต้องเข้าใจเด็กกลุ่มนี้ (สยามรัฐรายวัน จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





มอ.จับมือม.ไคโรเปิดอาหรับ-อิสลามศึกษาปี"49

นายประเสริฐ ชิตพงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(มอ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เดินทางไปหารือกับอธิการบดีมหาวิทยาลัยไคโร สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ เกี่ยวกับการจัดทำหลักสูตรภาษาอาหรับ เป็นวิชาเอกที่ มอ.วิทยาเขตปัตตานี และวิชาโทที่ มอ.หาดใหญ่ และหลักสูตรอิสลามศึกษาของวิทยาลัยอิสลามศึกษา มอ.ปัตตานี โดยทั้ง 2 หลักสูตร นักศึกษาจะเรียนใน มอ.เป็นเวลา 3 ปี และไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยไคโรอีก 1 ปี ที่ มอ.มีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยไคโรเพราะเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของอียิปต์ และอียิปต์เป็นอาหรับสายกลาง ที่เน้นความร่วมทางวิชาการ "การเปิดโลกตะวันออกกลางมีประโยชน์ เพราะศูนย์กลางของวัฒนธรรมตะวันออกกลาง ศูนย์กลางวัฒนธรรมอาหรับอยู่ที่อียิปต์ แม้อียิปต์จะอยู่ในทวีปแอฟริกา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในแง่ของความเข้าในความเป็นอาหรับ และการค้าขายกับชาวอาหรับ นอกจากนี้ ม.มีแนวโน้มจะเปิดหลักสูตรธุรกิจอาหรับร่วมกับมหาวิทยาลัยไคโร" นายประเสริฐกล่าว และว่า คาดว่าหลักสูตรภาษาอาหรับ และหลักสูตรอิสลามศึกษา จะรับนักศึกษาในปีการศึกษา 2549 โดยเบื้องต้นจะส่งนักศึกษาไปเรียนทั้ง 2 หลักสูตรนี้ที่มหาวิทยาลัยไคโรในช่วงปิดภาคฤดูร้อน (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





จัดค่ายวิทย์ฉลอง30ปีความสัมพันธ์"ไทย-จีน"

นางจรวยพร ธรณินทร์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) และสถานทูตจีน ในการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน วันที่ 14-21 สิงหาคมนี้ ซึ่งจัดที่กรุงเทพฯ จ.นครนายก และ จ.ชลบุรี โดย ศธ.เป็นเจ้าภาพจัดค่ายเยาวชนไทย-จีน เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนไทย-จีน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาการ วิทยาศาสตร์ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมอันดี ส่วนปี 2549 จีนจะเป็นเจ้าภาพจัดค่ายเยาวชน สำหรับกิจกรรมค่ายวิทยาศาสตร์ไทย-จีนนั้น จีนจะนำเยาวชนร่วมเข้าค่าย 50 คน และครู 15 คน ส่วนไทยจะคัดนักเรียน ม.4 แห่งละ 2 คน และครู 1 คน ที่ใช้ภาษาจีนและภาษาอังกฤษได้ จากโรงเรียนรัฐที่เปิดสอนภาษาจีน 15 แห่ง และสังกัดสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) อีก 15 แห่ง รวมเยาวชนที่จะร่วมเข้าค่ายจาก 2 ประเทศ 100 คน ครูอีก 30 คน การจัดกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐบาลไทยและจีนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดมานาน 30 ปี อีกทั้งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 50 พรรษา ในปี 2548 รัฐบาลไทยและจีนจึงเห็นพ้องกันจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ครั้งนี้ รวมทั้ง ศธ.เห็นว่าจีนมีศักยภาพในการสอนคณิตและวิทย์ จนทำให้เยาวชนจีนมีศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันด้านคณิตและวิทย์อย่างมาก จึงอยากให้เยาวชนไทยได้เรียนรู้ แลกเปลี่ยนแนวคิด วิธีการ และประสบการณ์ (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





ยุทธศาสตร์ e-learning ต้องสอนเด็กคิดนอกกรอบ

รศ.ยืน ภู่วรรณ รองอธิการบดีฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) บรรยายเรื่อง "ICT กับการเรียนการสอนที่เป็น Creative Thinking" ในการสัมมนา "ไอซีที เพื่อการศึกษาไทยครั้งที่ 3" โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ร่วมกับสถาบันส่งเสริมการสอนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) จัดขึ้นที่อาคารสารนิเทศ 50 ปี เมื่อเร็วๆ นี้ รศ.ยืนกล่าวว่า Creative คือความสามารถในการจินตนาการ สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้ ยอมรับในการเปลี่ยนแปลงหรือสิ่งใหม่ได้ง่าย มีความยืดหยุ่นที่จะปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น แต่สิ่งที่ขัดขวาง Creative ในระบบการศึกษาของไทย คือครูชอบยัดเยียด "คำตอบที่ถูกต้อง" ไม่ยอมรับความคิดนอกกรอบ หรือความคิดที่ผิดปกติ ไม่มีเวลาให้สำหรับคำถาม ไม่มีเวลาให้สำหรับการทดลองและการเล่น เรียนรู้ผ่านวิธีการเดิมๆ แบบเดิมๆ รวมไปถึงการสอนแบบส่งต่อๆ กัน โดยไม่ให้เด็กคิด จุดประสงค์ของการเรียนการสอนด้านไอที ก็เพื่อสร้างความคิดริเริ่ม สร้างเหตุผล สร้างความเป็นระบบระเบียบ สร้างจินตนาการ ให้รู้จักกับการแก้ปัญหาอย่างมีขั้นตอน รวมถึงสร้างนวัตกรรม วิธีการที่ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ด้วยไอทีนั้น จะต้องเป็นการเรียนการสอนแบบระดมสมอง การสร้างกลุ่มและการทำงานร่วมกัน ทำงานอย่างอิสระ คิดอย่างอิสระ เรียนรู้และสร้างประสบการณ์จากตัวอย่าง การคิดแก้ปัญหาโดยมีคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ ใช้คำถามให้เกิดความคิดที่หลากหลาย ตั้งโจทย์และให้แก้ปัญหาและวิจารณ์ผลที่ได้ ขณะเดียวกัน การใช้ ICT ในโรงเรียนให้ประสบผลสำเร็จ ต้องขึ้นกับปัจจัยทั้งภายในและภายนอก ได้แก่ การใช้ ICT เพื่อเชื่อมโยงระหว่างกันและเข้าถึงเนื้อหาง่ายและเร็ว ใช้ ICT เป็นเครื่องมือสนับสนุนการเรียนการสอน โดยใช้ซอฟต์แวร์เป็นเครื่องมือและเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็ว เพื่อเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ ไม่จำกัดเวลา สถานที่ และบุคคล ใช้รูปแบบเนื้อหาและความรู้เชื่อมโยงระหว่างโรงเรียน โดยใช้ระบบฐานข้อมูล และความรู้ การสร้างมาตรฐานกลาง เช่น ห้องสมุดดิจิตอล รวมไปถึงการเชื่อมโยงข้อมูลและระบบฐานความรู้ โดยใช้มาตรฐานทั้งในระดับสากลและระดับข้ามระหว่างโรงเรียน กล่าวโดยสรุป การสร้างวิธีการเรียนรู้ จะต้องเน้นการปรับตัวให้ทัน เน้นสร้างคน ตอบสนองต่อความต้องการ เรียนรู้เร็ว สร้างคนได้มาก เน้นการเสริมทักษะและการเรียนรู้ได้ตลอดไป ให้คิดเป็น ทำเป็น" รศ.ยืนกล่าว และย้ำว่าสถานศึกษาจะต้องสร้างนักเรียนรุ่นใหม่ที่กระหายการเรียนรู้ แสวงหาปัญหาสนุกกับเรื่องท้าทาย มองและคิดนอกกรอบได้ มองวิกฤตเป็นโอกาส มองปัญหาเป็นเรื่องน่าสนใจ ไม่ท้อถอย หรือยกเลิก และต้องสนุกกับการใช้จินตนาการ (ข่าวสด จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





เล็งตั้งสถาบันศึกษาชั้นสูงยกระดับแฟชั่นไทย

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า โครงการศูนย์พัฒนาบุคลากรด้านแฟชั่น ซึ่งเป็นโครงการแรกใน 11 โครงการย่อยภายใต้โครงการกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่น มีการอบรมผู้สนใจไปแล้วตั้งแต่ช่วงเดือนพ.ค. 2548 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะสนับสนุนให้โครงการเกิดความต่อเนื่องออกไปจากที่กรอบระยะเวลาโครงการกำหนดไว้ 18 เดือนเริ่มตั้งแต่ก.ค. 2547-ม.ค. 2549 อาจไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นการสร้างนักออกแบบแฟชั่นได้อย่างแท้จริง จึงมอบหมายให้ผู้ดำเนินงานโครงการและคณะทำงานของสำนักงานโครงการกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่นไปศึกษาว่าสามารถที่จะพัฒนาศูนย์ให้สร้างบุคลากรแฟชั่นไทยได้ต่อเนื่องในระยะยาว โดยคาดว่าจะผลักดันให้มีการจัดตั้งเป็นสำนักงานการศึกษาด้านแฟชั่นชั้นสูง และได้รับการรับรองวุฒิการศึกษาเทียบเท่ากับสถานศึกษาแห่งอื่น ซึ่งคาดว่าจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกำกับโครงการกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่นได้ในเดือนตุลาคมนี้ (ข่าวสด จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





รมว.กีฬาแถลงเปิดหลักสูตรใหม่จันทรเกษม เปิดสอนปริญญาโทกีฬา-คาดคนเก่งในวงการแห่เรียน

เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม (มจษ.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ดร.สันติภาพ เตชะวณิช ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย รศ.มานพ พราหมณโชติ อธิการบดี มจษ. ร่วมแถลงข่าวการเปิดหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาจัดการการกีฬา (M.B.A.Sport Management) หลังจากนั้นได้ร่วมพิธีเปิดสนามกีฬาฟุตซอลหรือลานกีฬาอเนกประสงค์ หลังจากนั้นเป็นการแข่งขันฟุตบอลเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างทีมผู้สื่อข่าวกีฬา กับทีมศิษย์เก่าจันทรเกษมที่นำทีมโดยนายธัญญา โพธิวิจิตร หรือเป็ด เชิญยิ้ม นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาบุคลากร เพื่อเสริมประสิทธิภาพด้านการจัดการกีฬาของประเทศ และเพื่อเตรียมบุคลากรสำหรับรองรับการจัดกีฬาใหญ่ๆ ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษมเป็นมหาวิทยาลัยแรกที่จัดการศึกษาด้านการจัดการกีฬา หรือ Sport Management ซึ่งเป็นการตอบสนองความต้องการด้านกีฬาของประเทศมาก อีกทั้งมหาวิทยาลัยเป็นสถาบันที่ผลิตนักกีฬาที่มีชื่อเสียงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงพร้อมที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ รศ.มานพ เปิดเผยว่า จันทรเกษมเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงด้านการกีฬามาอย่างยาวนาน สร้างนักกีฬาทีมชาติมากมาย อีกทั้งตัวอาจารย์เองก็เป็นบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ ทั้งในเรื่องของประสบการณ์และคุณวุฒิ ดังนั้นจึงต้องการส่งเสริมให้บุคลากรในวงการกีฬา เข้าสู่การบริหารจัดการการกีฬาที่ถูกต้อง สำหรับหลักสูตรดังกล่าว จะมีการเปิดรับสมัครรุ่นที่ 1 ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน ถึงวันที่ 28 กรกฎาคม 2548 ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม โทร.0-2942-6900-99 ต่อ 1900-1909 หรือใน www.chandra.ac.th (ข่าวสด จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ไฟเขียวมหาวิทยาลัยรับระบบโควตา สกอ.โยงข้อมูลสกัดปัญหาสละสิทธิ

จากการประชุมเรื่อง การรับตรงของมหาวิทยาลัย ศ. (พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมเห็นว่าระบบโควตายังจำเป็นอยู่และควรให้มหาวิทยาลัยดำเนินการต่อไป โดยแยกกลุ่มการรับนิสิต นักศึกษาระบบโควตา ออกเป็น 2 ประเภท คือระบบโควตาที่มีวัตถุประสงค์การรับเพื่อสังคม ได้แก่ 1. โควตาพื้นที่ของมหาวิทยาลัยภูมิภาค 2. โควตาพิเศษเพื่อขยายโอกาสไปสู่กลุ่มผู้ด้อยโอกาส 3. โควตาสำหรับกลุ่มที่มีความสามารถพิเศษด้านกีฬา ดนตรี และ 4. โควตาสำหรับกลุ่มอาชีพ ประเภทที่สอง คือระบบโควตาที่มีวัตถุประสงค์การรับพิเศษที่เปิดโอกาสให้คนทั่วไปสมัครได้ เช่น หลักสูตรภาคพิเศษ หลักสูตรนานาชาติ ที่ประชุมมีมติร่วมกันว่า ในปีการศึกษา 2549 นักเรียนสามารถเลือกสมัครระบบโควตาหรือระบบแอดมิชชั่นได้ ทั้งนี้ในกรณีที่มหาวิทยาลัยรับโควตาที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสังคม สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จะโยงข้อมูลของผู้สมัครโควตากลุ่มวัตถุประสงค์เพื่อสังคมไว้ในส่วนกลาง และจะให้ประกาศผลโควตาก่อน หากเด็กสอบโควตาได้จะตัดสิทธิจากระบบแอดมิชชั่น เพื่อไม่ให้มีปัญหาเรื่องเด็กสละสิทธิ์ สำหรับการจัดสอบนั้นจะสอบปลายเดือน ธ.ค.เป็นต้นไป โดยข้อสอบจะวัดศักยภาพ ไม่เน้นเนื้อหา ส่วนการรับของมหาวิทยาลัยนั้นได้ข้อยุติในเบื้องต้นคือ กลุ่มมหาวิทยาลัยภาคใต้ทั้งหมดจะรับโควตาพร้อมแอดมิชชั่น กลุ่มมหาวิทยาลัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แบ่งออกเป็น ม.อุบลราชธานี รับโควตาพร้อมแอดมิชชั่น ม.มหาสารคาม และ ม. เทคโนโลยีสุรนารี ขอแยกกระบวนการรับต่างหาก โดยไม่สอบ แต่จะใช้คะแนนเฉลี่ยสะสมหรือจีพีเอทั้งหมด ส่วน ม.ขอนแก่นยังไม่ได้รับคำตอบ สำหรับกลุ่มมหาวิทยาลัยภาคเหนือขอจัดสอบเองปลายเดือน ธ.ค.เป็นต้นไป โดยจะเข้าร่วมในปีหน้า. (ไทยรัฐ อังคารที่ 5 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





การประกวดหนังสือสำหรับค้นคว้า : จะคงอยู่หรือต้องจากลา

การจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรฯ ดังกล่าวจะบรรลุจุดมุ่งหมายได้ ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งคือ ทั้งครูผู้สอนและผู้เรียนต้องมีสื่อการเรียนรู้ที่หลากหลายสำหรับศึกษาค้นคว้าอ้างอิง ดังนั้นสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา จึงได้จัดการประกวดหนังสือสำหรับค้นคว้าระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษามาตั้งแต่ปี 2545-2547 โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ ส่งเสริมการผลิตสื่อการเรียนการสอนประเภทสื่อสิ่งพิมพ์สำหรับใช้ในการศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมในสาขาวิชาการต่าง ๆ อย่าง กว้างขวาง อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมสนับสนุนให้ครู อาจารย์ ศึกษานิเทศก์ นักวิชาการ ได้มีโอกาสผลิตสื่อการเรียนการสอน โดยเฉพาะสื่อการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับชุมชนและท้องถิ่น หนังสือสำหรับค้นคว้าที่รับเข้าประกวดได้ระบุไว้ 2 ประเภทคือ หนังสืออ่านเพิ่มเติม และหนังสืออ้างอิง สำหรับหนังสืออ้างอิงนั้นต้องมีการนำเสนอเนื้อหาที่มีลักษณะเป็นเชิงวิชาการและให้รายละเอียดเนื้อหาในเชิงลึกมากกว่าหนังสืออ่านเพิ่มเติม สำนักวิชาการฯ ได้เปิดรับหนังสือเข้าประกวดปีละครั้ง เนื้อหาสาระของต้นฉบับหรือหนังสือที่ส่งเข้าประกวด ประกอบด้วยกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ คือ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สุขศึกษา และพลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพและเทคโนโลยี และภาษาต่างประเทศ (อังกฤษ) โดยแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นคณะกรรมการพิจารณาตัดสินการประกวดโดยพิจารณาจากด้านเนื้อหา การใช้ภาษา และภาพประกอบ/แผนภูมิ/ตาราง ต้นฉบับที่ผ่านการพิจารณา จะได้รับเงินรางวัล พร้อมเกียรติบัตร สำหรับลิขสิทธิ์ของหนังสือเป็นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นเวลา 2 ปี นับแต่วันประกาศผล หลังจากนั้นจะมอบลิขสิทธิ์ให้ผู้เรียบเรียงที่ได้รับรางวัลนำไปจัดพิมพ์เผยแพร่ได้ นับเวลา 3 ปีจากการจัดประกวด มีหนังสือส่งเข้าประกวดรวม 240 เล่ม และคณะกรรมการพิจารณาแล้วที่เห็นสมควรให้ได้รับรางวัล 19 เล่ม ซึ่งขณะนี้บางเล่มได้จัดพิมพ์เผยแพร่ไปแล้ว แต่บางเล่มยังอยู่ระหว่างบรรณาธิการต้นฉบับซึ่งจะทยอยจัดพิมพ์เผยแพร่ต่อไป จากการแถลงข่าวและมอบรางวัลพร้อมเกียรติบัตรให้แก่ผู้ได้รับรางวัลประจำปีล่าสุด เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เข้ารับรางวัลทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า...สพฐ. ควรจะจัดกิจกรรมลักษณะนี้ต่อไป เพราะจะเป็นช่องทางที่ดีให้ผู้เขียนได้แสดงความสามารถ และเด็กจะได้มีสื่อการเรียนรู้ดี ๆ ที่หลากหลายสำหรับศึกษาค้นคว้าต่อไป (เดลินิวส์ พุธที่ 6 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





สกอ.เร่งจัดตั้งศูนย์ข้อมูลด้านอุดมศึกษา

ศ.(พิเศษ)ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยความคืบหน้าในการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเกี่ยวกับอุดมศึกษา หรือ Call Center ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เพื่อคอยให้ข้อมูล คำแนะนำ รวมทั้งตอบปัญหาเกี่ยวกับอุดมศึกษาในทุก ๆ เรื่องว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับภาคเอกชนและหาหมายเลขโทรศัพท์ที่เหมาะสมอยู่ คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์น่าจะได้ข้อยุติ ทั้งนี้ในเบื้องต้นทางเอกชนคงจะจัดเจ้าหน้าที่มืออาชีพมาคอยตอบข้อมูลต่าง ๆ โดยจะมีการให้บริการทั้งการพูดคุยกับพนักงานโดยตรง ระบบโทรศัพท์อัตโนมัติ และตอบทางโทรสาร ต่อข้อถามถึงความคืบหน้าของร่างกฎหมายมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ เลขาธิการ กกอ. กล่าวว่า ในวันที่ 6 ก.ค. ตนจะเชิญรองอธิการบดีและนักกฎหมายของแต่ละมหาวิทยาลัยที่ร่างกฎหมายได้ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาไปแล้วมาร่วมหารือเพื่อช่วยกันกำหนดท่าทีให้ชัดเจนว่าถ้าจะต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมจะทำอย่างไร จากนั้นจะได้มากำหนดวันที่จะเชิญประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ซึ่งขณะนี้มีอยู่ประมาณ 10 ชุด มาพูดคุยถึงร่าง พ.ร.บ. อย่างจริงจังว่ามีปัญหาและจะมีแนวทางแก้ไขอย่างไร โดยอาจจะต้องเชิญคณะกรรมาธิการร่วมสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาที่พิจารณาร่าง .ร.บ.มหาวิทยาลัยบูรพา มาร่วมประชุมด้วย “ถึงแม้จะปิดสมัยประชุมสภาไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำให้การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ต้องหยุดชะงัก เพราะร่างกฎหมายส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการพิจาณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาและคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ซึ่งเมื่อเปิดสภาก็จะสามารถนำเข้าสู่การพิจารณาต่อไปได้ทันที ส่วนร่างกฎหมายที่ยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการนิติบัญญัติในสภา โดย 5 แห่ง อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้แก่ ม.นเรศวร ม.สงขลานครินทร์ ม.แม่โจ้ ม.สุโขทัย ธรรมาธิราช และสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ส่วนร่าง พ.ร.บ. ของ ม.ธรรมศาสตร์ ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาไปแล้วและกำลังจะกลับไปที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกครั้ง” เลขาธิการกกอ. กล่าว. (เดลินิวส์ พุธที่ 6 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





อาจารย์ มก.คว้า"พระสิทธิธาดาทองคำ" ชี้งานวิจัยยุคนี้ห่วง"ไฮเทค"มากเกินไป

ข่าวจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(มก.) แจ้งว่า "อาจารย์อรไท ผลดี" รองผู้อำนวยสำนักพิพิธภัณฑ์และวัฒนธรรมการเกษตร ฝ่ายพิพิธภัณฑ์ และอาจารย์ภาควิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์ ได้รับการคัดเลือกให้ได้รับพระราชทานรางวัล "พระสิทธิธาดาทองคำ" ประจำปี 2548 ในฐานะผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม สาขาที่เกี่ยวกับการศึกษาและศาสนา มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยจะเข้ารับพระราชทานโล่รางวัลจากพระหัตถ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นับเป็นรางวัลล่าสุดภายหลังจากที่ได้รับรางวัลผลงานวิจัย ระดับชมเชย ประจำปี พ.ศ.2547 สาขาปรัชญาเรื่อง "ประวัติพรรณพืชทางศิลปวัฒนธรรมไทย โครงการอนุรักษ์และพัฒนาพืชทางศิลปวัฒนธรรมไทย" จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ(วช.) เมื่อวันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2548 ทั้งนี้ อาจารย์อรไทมีผลงานวิจัยเกี่ยวข้องกับภูมิปัญญาของชนเผ่าไทยยุคก่อนประวัติศาสตร์เรื่องของผ้าโบราณ วัฒนธรรมของชนเผ่าไทย ตลอดจนพรรณไม้ไทยและพรรณพืชทางศิลปวัฒนธรรมไทยโดย ได้รับแรงบันดาลใจจากศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร อาจารย์ผู้สอนเรื่องราวภูมิปัญญาไทยตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ภาษาล้านนา ถิ่นกำเนิดชนชาติ ฯลฯ ในช่วงเรียนปริญญาโท อาจารย์อรไทได้ทำวิทยานิพนธ์ศึกษาลวดลายผ้าทอมือโบราณในพิพิธภัณฑ์ ในปี พ.ศ.2536 ทำงานวิจัยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ(สวช.) ศึกษาลวดลายดั้งเดิมของชนเผ่าไทยนอกประเทศ และงานวิจัยพิพิธภัณฑ์ภูมิปัญญาวัฒนธรรมการเกษตรของชนเผ่าไทย(ก่อนประวัติศาสตร์) และอีกเหตุผลหนึ่งที่อาจารย์อรไทสนใจทำงานด้านภูมิปัญญาไทย ผ้า และต้นไม้ อาจารย์อรไทกล่าวว่า ทุกวันนี้งานวิจัยเกี่ยวกับภูมิปัญญาไทยมีน้อยมาก งานวิจัยยุคสมัยนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องเทคโนโลยีมากเกินไปจนลืมไปว่างานวิจัยที่ดีควรจะรับใช้ภูมิปัญญาไทย เพราะจะได้องค์ความรู้ใหม่เกี่ยวกับภูมิปัญญาไทย ให้รู้ถึงรากเหง้าของตัวเองและควรศึกษาวัฒนธรรมเปรียบเทียบใกล้เคียงด้วย (มติชนรายวัน พุธที่ 6 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





"สกอ."เร่งแก้ปัญหาบุคลากรมหาวิทยาลัยเกิดใหม่

นายภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า จากที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้สำรวจปัญหาภาพรวมของมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยราชภัฏ 40 แห่ง และมหาวิทยาลัยราชมงคลทั้ง 9 แห่ง พบว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับมหาวิทยาลัยที่เกิดใหม่เหล่านี้ส่วนใหญ่ คือ ปัญหาด้านอาจารย์อัตราจ้างกว่า 4,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่จบในระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ดั้งนั้น จึงต้องไปหาแนวทางในการพัฒนาศักยภาพเพื่อจะบรรจุให้เป็นข้าราชการหรือพนักงานมหาวิทยาลัยได้อย่างไร ยังพบว่าในมหาวิทยาลัยราชภัฏ มีอาจารย์ที่จบระดับปริญญาเอกเพียง 5-6% ขณะที่มหาวิทยาลัยราชมงคลมีอาจารย์ที่จบระดับปริญญาเอกเพียง 3% ถือเป็นอัตราส่วนที่น้อยมาก ทั้งนี้จากที่ตนได้เดินทางไปดูงานในต่างประเทศพบว่า มีคนไทยที่ไปศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกที่ต่างประเทศจำนวนมากที่ใช้ทุนส่วนตัว หรือทุนของมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ และส่วนใหญ่ต้องการกลับมาทำงานในประเทศไทย จึงมีแนวคิดที่จะให้ทุนชดเชยบุคคลเหล่านี้เพื่อแลกกับการเป็นข้าราชการหรือพนักงานมหาวิทยาลัย คาดว่าภายในเดือนก.ค.นี้ จะนำเข้าสู่ที่ประชุมครม.เพื่อขอความเห็นชอบต่อไป (ข่าวสด พุธที่ 6 ก.ค. 48http://www.matichon.co.th/khaosod)





จากฟิสิกส์โอลิมปิกเอเชีย สู่เวทีการแข่งขันระดับโลก

ในการแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระหว่างประเทศปีนี้ ที่เมืองซัลลาแมนกา ประเทศสเปน ที่เริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. โดยจะมีการแข่งขันไปถึงวันที่ 12 ก.ค.นี้ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) จัดส่งตัวแทนไปแข่งขัน 5 คน ได้แก่ นายเพชระ ภัทรกิจวานิช โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ นายภัคพงษ์ จิระรัตนานนท์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา นายรณชัย เจริญศรี โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นายวุฒิวัฒน์ งามพฤฒิกร โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และนายอภิวัฒน์ เกรียงวัฒนากุล โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา หลังหมดภารกิจจะเดินทางกลับถึงประเทศไทยในวันพฤหัสบดีที่ 14 ก.ค.นี้ เวลา 12.55 น. ด้วยเที่ยวบิน TG 923 โดย สสวท.จะจัดพิธีรับที่สนามบินดอนเมืองในวันดังกล่าว (ข่าวสด พุธที่ 6 ก.ค. 48http://www.matichon.co.th/khaosod)





"สารคาม"จับมือม.ญวน แลกเปลี่ยนอาจารย์-พัฒนาหลักสูตร2ปริญญา

รศ.ดร.สมเจตน์ ภูศรี อธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยเซ็นสัญญาความร่วมมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยวินห์ประเทศเวียดนามเพื่อสนับสนุนการแลกเปลี่ยนน.ศ.และอาจารย์ ตลอดจนโครงการร่วมมือพัฒนาหลักสูตร ที่ตอบสนองความต้องการของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อตอบสนองความต้องการของรัฐบาลในการส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะส่งผลถึงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม อันจะเป็นการสร้างความเข้าใจอันดีต่อกัน หนึ่งในโครงการที่มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามกำลังร่วมมือกับมหาวิทยาลัยวินห์ คือการพัฒนาหลักสูตร 2 ปริญญา ( double - degree programs) ซึ่งมหาวิทยาลัยส่งโครงการนี้เข้ารับการคัดเลือกรับทุน การสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา โครงการพัฒนาหลักสูตร 2 ปริญญาระหว่างทั้ง 2 มหาวิทยาลัย จึงได้รับการสนับสนุนจากสกอ. โดยเริ่มพัฒนาหลักสูตรนำร่องก่อนคือหลักสูตรปริญญา 4 ปี ภาษาอังกฤษ เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาที่สมัครเข้าศึกษาในโปรแกรม 2 ปริญญาได้ศึกษาวิชาเอกภาษาอังกฤษ ที่มหาวิทยาลัยวินห์ หรือมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม 2 ปี ในประเทศของตน ก่อนจะเรียนอีก 2 ปี ในมหาวิทยาลัย คู่สัญญา หลังจากจบโปรแกรมการศึกษาก็จะได้รับปริญญาจากทั้ง 2 แห่ง หลักสูตรนี้มุ่งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทางด้านภาษา เพื่อรองรับการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยมุ่งหวังว่าบัณฑิตที่จบจากโปรแกรมนี้จะได้อย่างน้อย 3 ภาษา คือ อังกฤษ ไทย และเวียดนาม นองจากนั้นนักศึกษายังจะได้เรียนรู้ถึงขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของทั้ง 2 ประเทศด้วย (ข่าวสด พุธที่ 6 ก.ค. 48http://www.matichon.co.th/khaosod)





อาชีวะได้หุ้นส่วน ผลิตนศ.พาณิชนาวี ตั้งเป้า 50 คนต่อปี

นายเจริญ ภักดีวาณิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการด้านพาณิชยนาวี ประสบปัญหาการขาดแคลนบุคลากรเฉพาะทางจำนวนมาก สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สกศ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการผลิตและพัฒนากำลังคนในสาขาวิชาชีพต่างๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง จึงต้องเร่งผลิตและพัฒนาบุคลากรในสายอาชีพพณิชยนาวี ให้มีปริมาณและคุณภาพเป็นที่ยอมรับ โดยดำเนินการจัดการศึกษาร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ร่วมมือในการพัฒนาหลักสูตรและจัดระบบการเรียนการสอนให้ครอบคลุมสาขางานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสามารถรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจด้านการขนส่งสินค้าทางทะเล และเพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าออกสู่ตลาดต่างประเทศในปริมาณที่มากขึ้น สำหรับวิทยาลัยในสังกัด สอศ.ที่เปิดสอนด้านพาณิชยนาวี มี 3 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการต่อเรือนครศรีธรรมราช วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ และวิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ โดยมีหลักสูตรที่รอบคลุมการผลิตบุคลากรไปถึงระดับผู้ช่วยกัปตัน (ไต๋) และผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิค (รองต้นกลเรือ)ทั้งนี้ ล่าสุด สอศ.ได้ลงนามความร่วมมือกับ บริษัท โทรีเซน ไทยเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการเป็นตัวแทนเรือการขนถ่ายสินค้า การซ่อมบำรุงและดูแลรักษาเรือเดินทะเล การบริหารท่าเรือ การให้บริการธุรกิจนอกชายฝั่งการสื่อสารทางทะเล ฯลฯ ร่วมเป็นหุ้นส่วนทางการศึกษา ในการผลิตนักศึกษาสาขาช่างไฟฟ้า และช่างกลเรือ ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ภายใน 3 ปีจะผลิตนักศึกษา ปีละประมาณ 50 คน โดยบริษัท โทรีเซนไทยเยนต์ซีส์ฯ จะอำนวยความสะดวกจัดหา สถานที่ฝึกปฏิบัติงาน และสร้างโครงข่ายเพื่อการเรียนรู้ที่สมบูรณ์และครบวงจร และจะขยายวงกว้างไปสู่สถานศึกษาในสาขาวิชาชีพอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้ในอนาคต (สยามรัฐรายวัน พฤหัสบดีที่ 7 ก.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





มศว หนุนเปิด 2 ปีหลัง ป.ตรีเพื่อได้เป็นครู

รศ.ดร.นภาภรณ์ หะวานนท์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวถึงแนวคิดที่จะให้มีการผลิตครูแนวใหม่คือวิธี 4+2 ที่จะรับผู้จบวุฒิปริญญาตรีจากสาขาอื่น ๆ เข้ามาฝึกอบรมอีก 2 ปีว่า ส่วนตัวเห็นด้วยว่าเป็นแนวคิดที่ดี และโรงเรียนส่วนใหญ่ต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถที่แข็งแกร่งทางวิชาการ ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทยหรือวิชาเฉพาะอื่น ๆ เพื่อมาเป็นครูในระดับ ม.ต้นและ ม.ปลายมากขึ้น ทั้งนี้แต่เดิมเด็กที่จบจากหลักสูตรดังกล่าวในช่วงแรกอาจจะไม่ต้องการมาเป็นครู แต่เมื่อเรียนไปได้ระยะหนึ่งแล้วก็อาจจะอยากเป็นครู ดังนั้นถ้าเราเปิดช่องให้เด็กกลุ่มนี้มาฝึกอบรมอีก 2 ปีเพื่อเป็นครู ก็จะทำให้เด็กมีทางเลือกมากขึ้น และตนอยากเสนอว่าน่าจะทำเป็นหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครู ซึ่งเป็นหลักสูตรหลังปริญญาตรี ถือเป็นส่วนสำคัญในการทำให้เกิดวิชาชีพครูขึ้นในตัวบุคคล และถ้าทำหลักสูตรให้ดี จะทำให้คน ๆ นั้นเข้าสู่วิชาชีพครูได้ หลักสูตรประกาศนียบัตรดังกล่าวอาจจะเทียบเท่าปริญญาโท แต่ไม่เหมือนปริญญาโททั้งหมด เพราะจะส่งผลไปถึงเงินเดือน และก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่จบตรงนี้จะไปเรียนต่อระดับปริญญาเอกในสาขาวิชาที่เขาสนใจได้ทันที เพียงแต่ประกาศนียบัตรวิชาชีพครูที่เสนอนี้จะเป็นการสร้างคนเพื่อเป็นครูที่มีความรู้เฉพาะทาง โดยไม่ต้องมาลงทุนผลิตครูโดยตรง และที่สำคัญการเปิดช่องให้ต่อยอดนี้ไม่ใช่จะเป็นการให้คน ๆ นั้นไต่เต้าเรียนต่อในระดับปริญญาเอกในทางลัดได้แต่อย่างใด ดังนั้นหากจะทำให้เรื่องของครูเป็นวาระแห่งชาติ เราต้องเริ่มต้นด้วยแนวคิดที่กว้างและต้องระดมคนจากหลายส่วนมาร่วมกันคิดด้วย มิฉะนั้นเราจะไม่ได้รับความร่วมมือจากคณะอื่น ๆ และจะไม่รู้เลยว่าคนอื่นเขาคิดอย่างไร” รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มศว กล่าว. (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 8 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





เชียร์ลีดฯม.กรุงเทพ ครองแชมป์นานาชาติ กุนซือยันลูกทีมเซฟได้

จากการที่ทีมเชียร์ลีดเดอร์ ม.กรุงเทพ ได้รับเชิญจากสมาคมเชียร์ลีดเดอร์ไทย ให้เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขัน “2005 Down Under Sirit Chamionshi: Australia s remiere International Cheer & Dance Cometition” ณ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.-6 ก.ค.ที่ผ่านมา นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแข่งขันดังกล่าวมีทีมเชียร์ลีดเดอร์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วโลกกว่า 70 ทีมเข้าร่วมการแข่งขัน โดยมีการแบ่งประเภทของการแข่งขันออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ om/Cheer/Oen Dance และ Exhibition ซึ่งทีมเชียร์ลีดเดอร์ของม.กรุงเทพ ได้เข้าร่วมการแข่งขัน 3 ประเภท และสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศได้ทั้ง 3 ประเภท คือ Cheer/Oen Dance และ Exhibition (สยามรัฐรายวัน ศุกร์ที่ 8 ก.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





เปิดตัวเกือบครบ ต้นแบบรร.ในฝัน

นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้พัฒนาโรงเรียนในฝันที่ตั้งอยู่ทุกอำเภอ และทุกกิ่งอำเภอทั่วประเทศ จำนวน 921 แห่ง โดยการต่อยอดโรงเรียนที่มีความพร้อมระดับสูง และการใช้ยุทธศาสตร์ที่จะส่งผลให้โรงเรียนมีประสิทธิภาพด้วยความรวดเร็ว เพื่อให้เป็นต้นแบบโรงเรียนในฝัน แก่โรงเรียนในฝันแห่งอื่น โดยได้มีการทยอยเปิดตัวเป็นต้นแบบโรงเรียนในฝัน ที่มีศักยภาพพร้อมแล้วหลายแห่ง จนเกือบจะครบ 31 แห่งตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ จากการตรวจเยี่ยมโรงเรียนในฝันพบว่าผู้บริหารและครูในพื้นที่ยังขาดการประสานงาน และยังมีปัญหาเรื่องศักยภาพของการปฏิบัติงานของแต่ละโรงเรียนไม่เท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นด้านบุคลากรอุปกรณ์การเรียนการสอน สภาพแวดล้อม อาคาร สถานที่ ฯลฯ ซึ่งได้แนะนำให้ผู้บริหารโรงเรียนในฝัน หมันการประชุมปรึกษาหารือกัน เพื่อการแลกเปลี่ยนและร่วมกันจัดการปัญหาในทุกๆ ด้านไปพร้อมๆ กัน ทั้งนี้ได้กำชับให้ผู้บริหารโรงเรียน พิจารณาเรื่องการใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อนักเรียน เนื่องจากคุณภาพของนักเรียนนั้นถือได้ว่าเป็นบริบทสำคัญของโรงเรียนในฝัน (สยามรัฐรายวัน ศุกร์ที่ 8 ก.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





ส.ส.รัฐบาลไม่เอาร่างกม.ฉบับวุฒิฯ รับไม่ได้แก้ไขหลักการ"ม.ในกำกับ"

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม นายภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กกอ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมร่วมระหว่าง ส.ส.ที่เป็นผู้แทนกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยในกำกับรัฐบาล 9 แห่ง ผู้แทนมหาวิทยาลัย ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) เพื่อหารือเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยในกำกับรัฐบาล 5 แห่งที่ผ่านวุฒิสภาแล้ว ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยขอนแก่น(มข.) มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และร่าง พ.ร.บ.อีก 4 แห่งที่อยู่ในขั้นตอนของวุฒิสภา ปรากฏว่า ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลในคณะกรรมาธิการร่วมสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา และคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับต่างๆ รับไม่ได้กับการที่วุฒิสภาแก้ไขหลักการอย่างมาก เพราะแม้แต่ร่าง พ.ร.บ.มข.ซึ่งอธิการบดีบอกว่ารับได้ แต่ ส.ส.กลับบอกว่ารับไม่ได้ ฉะนั้น เป็นไปได้ว่าร่าง พ.ร.บ.อีก 4 ฉบับที่ผ่านวุฒิสภาแล้ว จะต้องตั้งคณะกรรมาธิการร่วมสองสภา "กรรมาธิการฝ่ายรัฐบาลทั้ง 9 ชุด บอกว่าจะทำร่างกฎหมายทั้ง 9 ฉบับให้สมบูรณ์ เพื่อว่าเมื่อเกิดกรณีที่คณะกรรมาธิการร่วมสองสภาตกลงกันไม่ได้ สภาผู้แทนฯจะโหวตไม่รับร่างกฎหมายเหล่านี้ และจะเสนอร่างกฎหมายที่ทำไว้สมบูรณ์ที่สุดทั้ง 9 ฉบับ ให้สภารับร่างกฎหมายแทน" นายภาวิชกล่าว และว่า ร่าง พ.ร.บ.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะนี้ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนฯในวาระ 1 แล้ว และอยู่ในขั้นของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯพิจารณา เมื่อเปิดประชุมสภาสมัยหน้าจะเข้าสู่การพิจารณาในวาระ 2-3 ทั้งนี้ ยังมีร่าง พ.ร.บ.อีก 6 ฉบับที่ยังไม่เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนฯ ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 8 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





"มศว"เตรียมตั้งว.นวัตกรรมการกีฬาฯ

รองศาสตราจารย์(รศ.)ดร.สุปราณี ขวัญบุญจันทร์ หัวหน้าภาควิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา คณะพลศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ(มศว) เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังเตรียมการจัดตั้งวิทยาลัยนวัตกรรมการกีฬาและออกกำลังกาย(College of Sport and Exercise Innovation) ขึ้นที่องครักษ์ ซึ่งจะเป็นรูปแบบวิทยาลัยนวัตกรรมการกีฬาและออกกำลังกายที่ครบวงจรในด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเป็นที่เดียวในเมืองไทยอีกด้วย และทุกวันนี้ความต้องการชมการแข่งขันกีฬาจึงกลายมาเป็นธุรกิจ และกีฬาอาชีพค่อยๆ เข้ามาแทนที่กีฬาสมัครเล่น เกิดธุรกิจอุปกรณ์กีฬา ธุรกิจเครื่องแต่งกายและรองเท้ากีฬา ธุรกิจสนามกีฬา ธุรกิจโทรทัศน์ ธุรกิจการตลาดกีฬา การกีฬาแปรสภาพจากเกมการแข่งขันกลายเป็นตลาดธุรกิจขนาดใหญ่ ด้วยเหตุนี้ ทาง มศว เห็นว่าการศึกษาวิจัยสรรค์สร้างสิ่งใหม่ เพื่อนำมาใช้พัฒนาความสามารถในเชิงกีฬานับวันจะมีความสำคัญมากขึ้น ด้วยเหตุที่ร่างกายมนุษย์นั้นมีความซับซ้อน คาบเกี่ยวกับเรื่องของพันธุกรรม ชีวเคมี ชีวิทยา สรีรวิทยา และกายวิภาคศาสตร์ ซึ่งถือเป็นพื้นฐานของการพัฒนาร่างกายให้มีความสามารถสูงในเชิงกีฬา ทุกวันนี้เราจะใช้เพียงแค่การฝึกซ้อมด้านร่างกายเพียงอย่างเดียว โดยปราศจากการนำความรู้ด้านอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องคงไม่ได้ ความรู้ทางด้านกีฬา การแพทย์ การพยาบาล กายภาพบำบัด เภสัชกรรม โภชนาการ จิตวิทยา วิศวกรรม สังคมศาสตร์ ตลอดจนการบริหารจัดการ จะต้องถูกบูรณาการเข้าด้วยกัน เพื่อค้นหาสิ่งใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับนำไปใช้ในการฝึกซ้อมและการแข่งขันต่อไป (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 8 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





สกอ.วางปฏิทินรับ นศ.ปี 49

ศ.(พิเศษ)ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยขั้นตอนการคัดเลือกนิสิตนักศึกษาด้วยระบบรับตรงผ่านสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือ แอดมิสชัน ปี 2549 ว่า สกอ. จะรับข้อมูลคะแนนแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) และแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง (A-NET) จากสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) และผลการเรียนเฉลี่ยตลอดหลักสูตร (GPAX) และผลการเรียนเฉลี่ยรายวิชา (GPA) จากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพื้นฐาน ในปลายเดือนมีนาคม 2549 จากนั้นสกอ.จะเริ่มเปิดทดลองรับสมัครทั้งวิธีรับตรงและแอดมิสชันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในวันที่ 20 มี.ค. เพื่อให้เด็กทำความคุ้นเคยกับใบสมัคร และวิธีการสมัครแบบใหม่ และจะเปิดรับสมัครจริงในวันที่ 1-10 เม.ย. ผ่านทางอินเทอร์เน็ตและจ่ายเงินที่ทางธนาคาร โดยใบสมัครจะแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1.ใบสมัครสำหรับกรอกข้อมูลส่วนตัว 2.ใบสมัครแอดมิสชัน และ 3.ใบสมัครรับตรง ในวันที่ 13-15 เม.ย. สกอ.จะประมวลผล และในวันที่ 15 เม.ย.จะประกาศผลผู้ที่มีสิทธิเข้าสอบสัมภาษณ์ในระบบรับตรง หลังจากนั้นระหว่างวันที่ 16-25 เม.ย. แต่ละมหาวิทยาลัยจะดำเนินการสอบสัมภาษณ์ และประกาศผลเพื่อให้ผู้ผ่านการคัดเลือกยืนยันสิทธิเข้าศึกษาด้วยระบบรับตรง และในวันที่ 26-29 เม.ย. แต่ละมหาวิทยาลัยจะแจ้งผลสรุปมาที่ สกอ. เพื่อจะได้รู้ว่าเด็กคนใดยืนยันเข้าเรียนด้วยรับตรงไปแล้วบ้างจะได้ไม่ต้องนำรายชื่อมาเข้าในระบบแอดมิสชันอีก ซึ่งเมื่อข้อมูลสมบูรณ์หมดแล้ว สกอ.ก็จะเริ่มประมวลผลตามระบบแอดมิสชันทันที และในวันที่ 30 เม.ย. ก็จะประกาศผลผู้มีสิทธิเข้ารับการตรวจร่างกายและสอบสัมภาษณ์ในระบบแอดมิสชัน จากนั้นในวันที่ 4-15 พ.ค. แต่ละมหาวิทยาลัยจะจัดสอบสัมภาษณ์ และแจ้งผลกลับมาที่สกอ. ซึ่งสกอ.จะประกาศผลผู้มีสิทธิเข้าศึกษาด้วยระบบแอดมิสชันในวันที่ 20 พ.ค.ต่อไป โดยจะมีการประกาศผลผ่านทางเว็บไซต์ และส่งจดหมายถึงตัวเด็กเช่นเดียวกับระบบเอนทรานซ์ ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร อธิการบดีม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ. ) กล่าวว่า มจธ.ยินดีที่จะรับตรงโดยใช้คะแนนสอบของสทศ. ซึ่งที่ผ่านมาตนได้มอบนโยบายไปยังคณะต่าง ๆ ให้เลี่ยงการจัดสอบรับตรงเอง ซึ่งคณะและภาควิชาจะมีการหารือในการประชุมสภาวิชาการในเร็ว ๆ นี้ เพื่อสรุปว่าคณะ และสาขาใดจะรับสมัครในรูปแบบใดบ้าง. (เดลินิวส์ เสาร์ที่ 9 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ผลสรุปแอดมิชชั่น “นิติ-อักษร” สอบ O-NET แค่ 3 วิชา

ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยว่า ในการคัดเลือกระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือระบบแอดมิชชั่น ได้ข้อสรุปว่า กลุ่มสาขานิติศาสตร์ และกลุ่มสาขาอักษรศาสตร์ ขอใช้ผลการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือ Ordinary National Educational Test (O-NET) 3 กลุ่ม สาระการเรียนรู้ ซึ่งที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) มีมติให้ใช้ O-NET รวม 5 กลุ่มสาระฯ และผลการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง หรือ Advanced National Educational Test (A-NET) ซึ่งตนเห็นด้วย เพราะเป็นการกลั่นกรองเด็กตั้งแต่ต้น แต่เนื่องจากฝ่ายคอมพิวเตอร์ของ สกอ. ได้จัดระบบสำหรับคิดคะแนน O-NET รวม 5 กลุ่มสาระฯ ดังนั้น หากมีสาขาใดกำหนด O-NET เพียง 3 กลุ่มสาระฯ คงต้องแก้ระบบคอมพิวเตอร์ใหม่มารองรับ ส่วนกลุ่มสาขาวิชาอื่นที่ได้ข้อยุติแล้วว่าจะใช้ O-NET รวมทั้ง 5 กลุ่มสาระฯ เมื่อกลุ่มสาขาได้ข้อตกลงแล้ว เชื่อว่า ทปอ.คงไม่ขัดข้อง ด้าน น.ส.จิรณี ตันติรัตนวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยปฏิทินการสอบวิชาเฉพาะเดือน ต.ค. 2548 ว่า สกอ.จะเปิดรับสมัครผ่านทางอินเตอร์เน็ต และชำระค่าสมัครผ่านธนาคาร วันที่ 15 ส.ค.-5 ก.ย. ให้ผู้สมัครยื่นคำร้องขอแก้ไขข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตภายในวันที่ 15 ก.ย. ประกาศแผนผังที่นั่งสอบและอุปกรณ์เฉพาะวิชาสอบทางอินเตอร์เน็ต ภายในวันที่ 1 ต.ค. จากนั้นจะเริ่มสอบ ข้อเขียนและภาคปฏิบัติวันที่ 15-21 ต.ค. แจ้งผลสอบทางอินเตอร์เน็ตวันที่ 29 พ.ย. กำหนดการสอบวิชาเฉพาะมีดังนี้ วันที่ 15 ต.ค. เวลา 08.30-10.30 น. วิชาความถนัดทางวิชาชีพครู เวลา 12.00-14.00 น. วิชาความถนัดทางวิศวกรรม จัดสอบที่สนามสอบ ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน และสนามสอบของศูนย์สอบภูมิภาค 11 ศูนย์ วันที่ 17 ต.ค. เวลา 08.30-11.30 น. วิชาความถนัดทางสถาปัตยกรรม วันที่ 18 ต.ค. 08.30-10.30 น. วิชาทฤษฎีทัศนศิลป์ เวลา 12.00-15.00 น. วิชาปฏิบัติทัศนศิลป์ วันที่ 19 ต.ค. เวลา 08.30-10.30 น. วิชาทฤษฎีนฤมิตศิลป์ เวลา 12.00-15.00 น. วิชาปฏิบัตินฤมิตศิลป์ วันที่ 20 ต.ค. เวลา 08.30-11.30 น. วิชาความรู้ความถนัดทางศิลป์ เวลา 13.00-16.00 น. วิชาความถนัดทางนิเทศศิลป์ วันที่ 21 ต.ค. เวลา 08.30-11.30 น. วิชาองค์ประกอบศิลป์ เวลา 13.00-16.00 น. วิชาวาดเส้น ที่สนามสอบ ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน สนามสอบ ม.ขอนแก่น ม.เชียงใหม่ ม.เทคโนโลยีสุรนารี ม.บูรพา และ ม.สงขลานครินทร์. (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 9 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


บิล เกตส์เชื่ออนาคตมือถือแทนที่คอมพิวเตอร์

นายบิล เกตส์ ประธานบริษัทและประธานฝ่ายสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ บริษัท ไมโครซอฟท์ กล่าวในงาน “Thailand Digital Inspiration”ว่า แม้วันนี้คอมพิวเตอร์จะเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกบ้านต้องมี แต่สิ่งที่จะเข้ามาแทนที่และสามารถทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ตลอดเวลาและทุกที่ทุกเวลา คือ โทรศัพท์มือถือ ซึ่งไมโครซอฟท์ก็จะพัฒนาซอฟต์แวร์ขึ้นมาเพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมในการใช้งานโทรศัพท์มือถือสำหรับเข้าถึงข้อมูลด้วย นายบิล เกตส์ กล่าวต่อว่า การมาเยือนไทยครั้งนี้ ไมโครซอฟท์ได้ร่วมมือกับรัฐบาลไทย โดยให้เงินสนับสนุน 140 ล้านบาท เพื่อพัฒนาบุคลากรและทรัพยากร ภายใต้การดำเนินงาน 3 โครงการ คือ การจัดหาซอฟต์แวร์คุณภาพราคาถูกให้โรงเรียน การให้การสนับสนุนและพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-government) และการพัฒนาทักษะ อุตสาหกรรม และเศรษฐกิจของการทำเว็บเซอร์วิส โดยมั่นใจประเทศไทยจะสามารถเป็นศูนย์กลางในการจัดทำฐานข้อมูลเว็บเซอร์วิสให้กับทั่วโลกได้ เนื่องจากการที่ไมโครซอฟท์จัดประกวดผลงานด้านเว็บเซอร์วิส ได้รับความสนใจจากนักเรียนนักศึกษาเป็นจำนวนมาก และแต่ละผลงานก็มีคุณภาพที่ดี นายบิล เกตส์ กล่าวว่า ตลาดซอฟต์แวร์ไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ซึ่งยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก แม้ประเทศไทยจะประสบปัญหาการมีซอฟต์แวร์เถื่อน แต่จากการดำเนินงานกวาดล้างสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของรัฐบาลไทย ก็มีความพอใจเป็นอย่างมาก. (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





เพิ่มชื่อสารกำจัดศัตรูพืช3ชนิดเข้าบัญชีเฝ้าระวัง

นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมวิชาการเกษตรได้เพิ่มการเฝ้าระวังสารกำจัดศัตรูพืชเข้าในบัญชีอีก 3 ชนิด ได้แก่ 2,3-dibromo-1-propanol, N-methylformathide และ propylene oxide ตามข้อเสนอของคณะกรรมการวัตถุอันตราย กระทรวงอุตสาหกรรมที่ได้เสนอให้มีการเฝ้าระวัง แม้ว่าปัจจุบันเกษตรกรผู้ปลูกพืชจะไม่นิยมใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิดดังกล่าว แต่เนื่องจากเป็นวัตถุอันตรายที่จัดอยู่ในกลุ่มสารก่อมะเร็งซึ่งอาจ จะมีผลทำให้เกิดการกลายพันธุ์ และเป็นอันตรายต่อระบบสืบพันธุ์ของมนุษย์และสัตว์ ตามประกาศ EU Directive 2003/36/EC เดิมกรมวิชาการเกษตรได้ติดตามเฝ้าระวังการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช จำนวน 11 ชนิด ได้แก่ Aldicarb, Blasticidin-S, Carbofuran, Dicrotophos, Endosulfan (สูตร CS), EPN, Ethroprophos, Formetanate, Methidathion, Methomyl และOxamyl เพราะเป็นวัตถุอันตรายที่มีพิษต่อสุขภาพ อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และอาจเกิดปัญหาสารพิษตกค้างปนเปื้อนในสินค้าเกษตรไปสู่ผู้บริโภค ปัจจุบันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศห้ามใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตรแล้ว 98 ชนิด ถ้าเปรียบเทียบกับต่างประเทศจะเห็นว่า ไทยมีการห้ามใช้วัตถุอันตรายมากที่สุดในโลก ซึ่งมากกว่าญี่ปุ่นที่ห้ามใช้ 96 ชนิด สหรัฐอเมริกา 59 ชนิด ออสเตรเลีย 45 ชนิด สหราชอาณาจักร 44 ชนิด จีน 38 ชนิด สหภาพยุโรป 36 ชนิด และฟิลิปปินส์ 21 ชนิด สามารถบ่งชี้ได้ว่า ไทยเข้มงวดและเอาจริงเอาจังกับการควบคุมการใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตรมากกว่าหลายประเทศ (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





นาโนเทค"ไทยรุ่ง"ดันขึ้นอันดับแถวหน้าเอเชีย

ดร.ธีระชัย พรสินศิริรัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลไทยพยายามกระตุ้นการเรียนรู้และพัฒนาเทคโนโลยีขนาดเล็กจิ๋ว หรือนาโนเทคอย่างมาก ทำให้ศาสตร์ด้านนี้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อบ้านโดยเฉพาะแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ยังเป็นรองแค่ประเทศสิงคโปร์เท่านั้น ทั้งนี้ ประเทศดังกล่าวเริ่มพัฒนาเทคโนโลยีด้านนี้ราว 3 ปี ขณะนี้มีนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์แขนงอื่นๆ ให้ความสนใจ หันมาศึกษาเรื่องนาโนเทคเพิ่มมากขึ้นกว่า 100 คนแล้ว เชื่อว่าภายใน 2-3 ปีนับจากนี้ ประเทศไทยจะพัฒนาเทคโนโลยีด้านนี้ให้ก้าวไปอยู่ระดับแนวหน้าของเอเชียได้ ก่อนหน้านี้ศูนย์นาโนเทคได้ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือกับบริษัทเอกชนในการผลิตสเปรย์นาโนเทค ซึ่งเป็นสเปรย์สำหรับฉีดลงบนเสื้อผ้าบริเวณที่สกปรกง่าย ซึ่งน้ำยาจะไปเคลือบเส้นใยป้องกันสิ่งสกปรกและกลิ่นไม่พึงประสงค์ เหมาะสำหรับเสื้อผ้าทั่วไป รวมทั้งผ้าที่สกปรกง่าย เช่น ผ้าปูโต๊ะ ผ้าม่าน ซึ่งขณะนี้เริ่มเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปแล้ว ดร.ศิริศักดิ์ เทพาคำ ผู้อำนวยการส่วนงานวิจัย ศูนย์นาโนเทคโนโลยี กล่าวว่า ขณะนี้นักวิจัยของศูนย์นาโนเทคอยู่ระหว่างทำงานวิจัยผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีนาโนเทคสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันหลายอย่าง เช่น กระจกทำความสะอาดตัวเอง เมื่อเจอกับฝุ่นละอองและแสงแดด เส้นวัสดุเคลือบใย ป้องกันเชื้อโรคและเพื่อให้เสื้อผ้าที่ทำจากเส้นใยเหล่านี้กันน้ำ กันไฟ รังสียูวี ซึ่งผลิตภัณฑ์นาโนเทคที่ออกวางตลาดขณะนี้ โดยเฉพาะเสื้อผ้านั้น อาจจะแข็งกระด้างสีไม่สวย แต่ที่ศูนย์นาโนเทคกำลังดำเนินการอยู่นั้น จะเป็นการต่อยอดเทคโนโลยีที่มีอยู่ให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพดีขึ้น ไม่แข็งกระด้าง และมีสีสันสวยงามทนทานยิ่งขึ้น คาดว่าอีกประมาณ 1-2 ปี จะแล้วเสร็จ (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





สุดยอด 10 ผลิตภัณฑ์นาโนเทค

นิตยสารธุรกิจชั้นนำของโลกฉบับหนึ่ง ได้จัดลำดับ 10 ลำดับสุดยอดผลิตภัณฑ์นาโนเทคปีล่าสุด ดังนี้ 1.น้ำยาเช็ดกระจกรถยนต์ ที่สามารถป้องกันการเกาะตัวของฝน หิมะ หมอก และไอน้ำ รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นของผู้ขับขี่ยามค่ำคืน และระหว่างฝนตกได้ถึง 34% 2.กาวติดฟัน 3M ทันตแพทย์ทั่วไปสามารถใช้กาวชนิดนี้ทาเพื่ออุดฟันคนไข้ หรือทำให้ที่ครอบฟันยึดติดแน่นขึ้น 3.แผ่นรองเท้าลดแรงกระแทกและให้ความอบอุ่น วัสดุดังกล่าวนี้มีรูพรุนอยู่ในอากาศมากถึง 95% ของน้ำหนัก ทำให้มีสามารถเป็นฉนวนกันความร้อน และเป็นแผ่นรองกันกระแทกอย่างดี ในขณะที่มีความบางเพียง 2.5 มิลลิเมตรเท่านั้น 4.หัวไม้กอล์ฟ และลูกกอล์ฟนาโน หัวไม้ทนต่อแรงบิดกว่าเดิม 12% และแข็งกว่าเดิม 3.6% แต่มีความยืดหยุ่นกว่าเดิม 20% คุณสมบัตินี้ทำให้นักกอล์ฟสามารถตีไกลขึ้นกว่าเดิมราว 15 หลา ส่วนลูกกอล์ฟ จะได้รับการถ่ายเทพลังงานจากหัวไม้ที่มากระทบลูกได้ดีขึ้น ลดการหมุนของลูก และทำให้เกิดการเลี้ยวเบนได้มากขึ้นด้วย 5.น้ำยาฆ่าเชื้อนาโน ช่วยให้การฆ่าเชื้อโรคมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ผ่านการขึ้นทะเบียนและตรวจสอบจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาแล้ว 6.ครีมบรรเทาอาการอักเสบกล้ามเนื้อนาโน พัฒนาจากครีมบรรเทาปวดกล้ามเนื้อ แต่ผสมตัวนำพาสารเคมีที่มีขนาด 90 นาโนเมตรที่บรรจุยาบรรเทาอาการอักเสบของกล้ามเนื้อลงไปด้วย ทำให้ตัวยาออกฤทธิ์เร็วขึ้น 7.ครีมบำรุงผิวนาโนเฉพาะบุคคล ทั้งนี้ ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวต้องผ่านการตรวจสภาพผิวก่อน 8.พลาสเตอร์ปิดแผล ผสมอนุภาคนาโนของเงิน ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียหลายชนิดในเวลาสัมผัสเพียง 30 นาทีเท่านั้น อนุภาคนาโนของเงินที่เคลือบพลาสเตอร์ จะคงประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อได้หลายวัน 9.สารเคลือบกันน้ำ ช่วยให้วัสดุก่อสร้างมีคุณสมบัติกันน้ำ ฝุ่น และคราบสกปรก และสามารถทำความสะอาดตัวเองได้เมื่อฝนตก และ 10.ฟูกรองเตียงที่ซักได้ มีหลายชั้น ชั้นบน สร้างด้วยเส้นใยสังเคราะห์ที่ระบายความชื้นอย่างรวดเร็ว ชั้นต่อมา ทำด้วยเส้นใยนาโน ป้องกันการเปียกน้ำได้ ชั้นที่สามทำด้วยเส้นใยเทฟลอน ทำให้ทนทานกันน้ำได้ดี (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





จากสถาบันจุฬาภรณ์... สู่ศูนย์วิจัยศึกษาและบำบัดโรคมะเร็ง พระเมตตาองค์หญิงนักวิจัย

ในวโรกาสพิเศษ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี ทรงเจริญพระชันษาครบ 4 รอบ ศ.ดร.วิจิตร ศรีสะอ้าน รองประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ฝ่ายบริหาร ในฐานะผู้ถวายงานตั้งแต่ครั้งก่อตั้งสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ พ.ศ.2530 เล่าย้อนถึงความประทับใจในความห่วงใยของเจ้าฟ้านักวิทยาศาสตร์ว่า ทรงชื่นชอบวิชาวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่ทรงศึกษาในระดับมัธยมปลาย และก็ทรงศึกษาด้านวิทยาศาสตร์มาตลอด เนื่องด้วยพระองค์ทรงเล็งเห็นว่า วิทยาศาสตร์จะสามารถช่วยให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งนี่คือปณิธานอันแน่วแน่ของพระองค์ "ตลอดระยะเวลา ทรงมีพระเมตตาต่อพสกนิกรเพราะด้วยปณิธานของพระองค์ ทำให้พระองค์ทรงก่อตั้งสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ขึ้น เพื่อศึกษาวิจัยหาสาเหตุของโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็งที่ขณะนี้เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทยเป็นอันดับ 2 ต่อมาทรงเห็นถึงข้อจำกัดของการเป็นนักวิจัยว่ารู้แค่เพียงสาเหตุ และการป้องกันเท่านั้นแต่ไม่ได้ครอบคลุมถึงการรักษา ดังนั้น พระองค์จึงมีพระดำริว่า ต้องมีโรงพยาบาลที่รองรับนำผลวิจัยไปใช้ให้เกิดประโยชน์ นั่นจึงเกิดศูนย์วิจัยและบำบัดโรคมะเร็งขึ้นมา เพื่อให้ครบวงจร" ผู้ถวายงานอย่างใกล้ชิดเป็นระยะเวลากว่า 18 ปี เล่าต่อด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความปลาบปลื้มว่า ตลอดระยะเวลาของการถวายงาน เห็นได้ชัดเจนว่า พระองค์ทรงเป็นเจ้าฟ้าที่ทรงห่วงใยประชาชนอย่างมาก ทรงทุ่มเทและมุ่งมั่นต่องานวิจัยอย่างหนักเพื่อให้ได้ข้อค้นพบใหม่ๆ อย่างไม่เกรงกลัวความเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย จากพระวิริยอุตสาหะของเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ นับเป็นความโชคดีของพสกนิกรที่ยังทรงมีเจ้าฟ้าแห่งนักวิทยาศาสตร์ที่มุ่งมั่นเพื่อความกินดีอยู่ดีของประชาชน... ขอจงทรงพระเจริญ (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





พลังงานทดแทนจากแผ่น Thermocouple

นายนิวาต อยู่วงศ์ หรือน้องปุน นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนศรีบุญยานนท์ จ.นนทบุรี นักเรียนทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) สนใจศึกษาหาพลังงานทดแทน โดยทำเป็นโครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง “การศึกษาการใช้พลังงานจากแผ่น Thermocouple” เพื่อศึกษากระบวนการ Thermocouple ศึกษาหาตัวแปรที่มีผลต่อการให้กำเนิดความต่างศักย์ของThermocouple และศึกษาความเป็นไปได้ในการนำหลักการของ Thermocouple มาใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า โดยใช้หลักการให้แรงเคลื่อนไฟฟ้าของ Thermocouple คือการที่โลหะสองชนิดนำมาเชื่อมติดกันจากนั้นให้อุณหภูมิแก่เซลล์ Thermocouple เซลล์ Thermocouple จะให้แรงเคลื่อนไฟฟ้า ออกมาซึ่งแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่ออกมาจะขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่นำมาใช้รวมทั้งสมบัติทางกายภาพของวัตถุดิบนั้น ๆ วัตถุดิบที่เลือกใช้ก็คือ สังกะสีทองแดง เนื่องจากให้ค่าความต่างศักย์ดีที่สุดเมื่อเทียบกับอะลูมิเนียมสังกะสี และทองแดงอะลูมิเนียม ทั้งโลหะที่นำมา ทดสอบ ทั้งสามชนิดเป็นโลหะที่หาได้ง่ายและมีราคาถูก นำสังกะสีทองแดงไปศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างขนาดและความต่างศักย์ และศึกษาหาความสัมพันธ์ของการเปลี่ยนไปของความต่างศักย์ต่ออุณหภูมิที่เปลี่ยนไป 1 องศา จากการทดลองในหลักการ Thermocouple ทำให้ทราบว่าการเกิดความต่างศักย์ของ Thermo couple นั้นขึ้นอยู่กับการเพิ่มลดของอุณหภูมิ และ โลหะที่เหมาะสมที่จะนำมาทำเป็นเซลล์ และเมื่อมีการทดลองนำมาเป็นเซลล์ผลิตพลังงานโดยการนำมาต่อ กันแบบอนุกรมในถาดทดลอง ทำให้พบว่าสามารถใช้เป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าได้จริง แต่ให้ค่าความต่างศักย์ที่น้อยมาก จึงต้องมีการต่อแผงเพื่อที่จะให้เพียงพอต่อการใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โครงการนี้แม้ผลของการทดลองจะสามารถนำไปผลิตไฟฟ้าได้จริงแต่มูลค่าของอุปกรณ์ที่ใช้เป็นแหล่งผลิตพลังงานนั้นไม่ต่างกับมูลค่าของแผงโซลาเซลล์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งถือว่ายังสูงอยู่ ผลการทดลองนี้สามารถนำไปศึกษาต่อเพื่อสร้างแหล่งพลังงานใหม่ในอนาคต ก่อนที่น้ำมันเชื้อเพลิงจะหมดไป (เดลินิวส์ อังคารที่ 5 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ปฏิบัติการ “ ดีพ อิมแพค” ทะลุเป้า “ นาซา” เร่งไขปริศนาจักรวาล

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานเมื่อวันจันทร์ที่ 4 ก.ค.48 ที่ผ่านมา ว่า จากกรณีการปฏิบัติภารกิจดีพอิมแพค ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือนาซา ด้วยการใช้ยานดีพอิมแพค ยิงกระสุนอวกาศอิมแพคเตอร์ไปพุ่งชนดาวหางเทมเพล 1 ซึ่งเป็นดาวหางที่มีขนาดเท่ากับครึ่งหนึ่งของเกาะแมนฮัตตัน เพื่อศึกษาถึงร่องรอยของระบบสุริยจักรวาล ที่บรรดานักดาราศาสตร์ต่างเชื่อว่าใน “ ดาวหาง” มีกุญแจที่สามารถไขปริศนาการกำเนิดแห่งระบบสุริยจักรวาล และวิวัฒนาการของระบบดังกล่าว เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. ของคืนวันอาทิตย์ที่ 3 ก.ค.ผ่านมา ตามเวลาในสหรัฐฯ หรือตรงกับเวลาประมาณ 12.57 น. ของวันจันทร์ที่ 4 ก.ค. ตามเวลาในประเทศไทย ปรากฏว่าปฏิบัติการดีพอิมแพคประสบความสำเร็จ ภายหลังจากกระสุนอิมแพคเตอร์ที่ยิงออกไป ได้พุ่งชนดาวหางเทมเพล 1 ตรงจุดบริเวณที่ส่วนหัวของดาวหาง ตามที่ทางนาซาต้องการ ท่ามกลางการแสดงความดีใจของคณะเจ้าหน้าที่ควบคุมปฏิบัติการดังกล่าวขององค์การนาซา ที่ศูนย์ทดลองอวกาศในพาซาเดนา รัฐแคลิฟอร์เนีย และประชาชนชาวสหรัฐฯ จำนวน 10,000 คน ที่พากันเดินทางมารอเฝ้าชมปฏิบัติการข้างต้น ผ่านทางจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ ที่ทางองค์การนาซาจัดไว้ให้ ที่บริเวณชายหาดไวกิกิ รัฐฮาวาย โดยคณะนักวิทยาศาสตร์จากองค์การนาซา เปิดเผยว่า กระสุนอิมแพคเตอร์ ซึ่งเป็นกระสุนที่ทำจากทองแดง มีขนาดเท่ากับรถยนต์ได้พุ่งชนดาวหางเทมเพล 1 ด้วยความเร็ว 23,000 ไมล์ต่อชั่วโมง เพื่อสร้างหลุมบริเวณส่วนหัวของดาวหาง ซึ่งเป็นจุดพุ่งชนให้มีขนาดความกว้างเท่ากับบ้านหลังใหญ่เป็นอย่างน้อย หรือเท่ากับขนาดสนามฟุตบอล และมีความลึกขนาดตึก 14 ชั้น หรือประมาณ 50 เมตร เพื่อทำการตรวจสอบองค์ประกอบภายในดาวหาง โดยใช้กล้องโทรทัศน์สำรวจอวกาศหลายตัวด้วยกันในการตรวจสอบ ประกอบด้วย กล้องฮับเบิล กล้องสพิตเซอร์ รวมทั้งการใช้เครื่องเอ็กซ์เรย์ชั้นดรามา ร่วมตรวจสอบองค์ประกอบของดาวหางต่อไปด้วย อย่างไรก็ตาม จะต้องรอจนกว่าฝุ่นบนดาวหางเทมเพล 1 เบาบางลงเสียก่อน จึงจะทำการสำรวจได้ ทั้งนี้ บรรดานักดาราศาสตร์ต่างเชื่อกันว่าใน “ ดาวหาง” มีกุญแจไขปริศนากำเนิดแห่งระบบสุริยจักรวาลและวิวัฒนาการของระบบดังกล่าว ซึ่งมีโลกของเรารวมอยู่ในนั้นด้วย เพราะดาวหางประกอบด้วยน้ำแข็ง หิน แก๊ส และฝุ่น ซึ่งสสารเหล่านี้คงที่อยู่ ไม่สลายตั้งแต่ระบบสุริยะกำเนิดขึ้น และเชื่อว่าดาวหางอาจนำพาน้ำและสารก่อกำเนิดชีวิตมายังโลกอีกด้วย สำหรับ ดาวหางเทมเพล 1 เป็นดาวหางที่โคจรอยู่ระหว่างดางอังคารกับดาวพฤหัส และมีช่วงระยะเวลาในการโคจรเพียงรอบละ 5.5 ปี จึงทำให้ดาวหางที่ค้นพบโดยนักดาราศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส เมื่อปี พ.ศ.2410 ดวงนี้ เป็นที่จับตาของนาซาในการเจาะลึกดูส่วนผสมต่างๆ ของดาวหาง เพราะอาจจะนับได้ว่าเป็นดาวหางที่โคจรใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดในบรรดาดาวหางที่รู้จักกันในเวลานี้ (สยามรัฐรายวัน อังคารที่ 5 ก.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





โทรทัศน์โฮโลกราฟิก

เทคโนโลยีใหม่ แบรนด์ แคลโร นำเสนอนวัตกรรมโทรทัศน์ สู่ยุค Claro Holographic TV ซึ่งผสมผสานความงามของรูปทรงการออกแบบ ระบบทีวีในอนาคต ด้วยระบบกระจกโปร่งแสงในแบบ holographic technology สามารถดูทีวีได้อย่างชัดเจน ด้วยชิ้นส่วนโปร่งใสของโปรเจ็คเตอร์ และความสามารถในการตัดแสงรบกวนจากภายนอกของขนาดจอ 1.5x1.0 เมตร กำลังจะมาแรงหรืออาจแทนที่จอทีวี แบบโฮมเธียเตอร์ที่นิยมกันในขณะนี้ แต่ราคาก็หนักข้อพอๆ กับการพัฒนาเทคโนโลยี สนนราคาที่ขายในอังกฤษ 25,000 ปอนด์ ซึ่งบริษัท แคลโร กำลังเปิดตลาดทดลองเมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง (มติชนรายวัน อังคารที 5 ก.ค. 2547 http://www.matichon.co.th)





เปรี้ยวดั่งน้ำทะเล !

ตั้งแต่มีการปฏิวัติอุตสาหกรรมเมื่อสองสาม ร้อยปีที่ผ่านมา มนุษย์เราผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศประมาณกันว่าเกือบ 450 พันล้านตันเลยโชคยังดีที่ต้นไม้และพืชพันธ์ทั้งหมดที่อยู่บนโลกช่วยดูดซับเอาคาร์บอนไดออกไซด์ไปได้บ้าง คาร์บอนไดออกไซด์อีกกว่าครึ่งกลับมีจุดจบอยู่ที่มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล ที่เป็นเสมือนทั้ง “ถังขยะ” และ “แหล่งอาหาร” ที่สำคัญของมนุษยชาติเสมอมา ที่น่าวิตกก็คือข้อมูลในรายงานของนักวิจัยจาก University of Dundee ที่นำเสนอต่อสมาคมราชบัณฑิตยสถาน (Royal Society) แห่งประเทศอังกฤษ ที่บอกว่าน้ำทะเลในมหาสมุทรกำลังเผชิญกับสภาวะความเป็นกรดมากขึ้น และหากว่าคำนวณโดยการคำนึงถึงการเจริญเติบโตของสองประเทศกำลังพัฒนาที่สำคัญทั้งจีนและอินเดียแล้ว ภายในสิ้นศตวรรษนี้ปริมาณคาร์บอนไดออก ไซด์สะสมที่ถูกปล่อยออกสู่บรรยากาศจะมากถึง 900 ตันเลยทีเดียว และการรับเอาคาร์บอนไดออกไซด์นี้เองที่ทำให้น้ำทะเลมีความเป็นกรดมากขึ้น ประมาณว่าค่า pH (ซึ่งเป็นค่าที่ใช้แสดงความเป็นกรด-ด่าง โดยมีค่าตั้งแต่ 1-14 และ 7 คือค่าที่แสดงความเป็นกลาง ตัวเลขน้อยแสดงความเป็นกรด ตัวเลขมากแสดงความเป็นด่าง) ของน้ำทะเลอาจลดลงเหลือ 7.7 ภายในศตวรรษนี้ หากว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ยังถูกปล่อยออกมาโดยปราศ จากการควบคุมเช่นทุกวันนี้ ภาวะความเป็นกรดส่งผลกระทบที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ pteropods ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกหอยและปลาหมึกที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในระบบห่วงโซ่อาหาร ที่อาจจะต้องลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นแล้ว coccolithophores ซึ่งเป็นแพลงก์ตอนพืชชนิดหนึ่งและมีความสำคัญในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ทำหน้าที่ดูดซับเอาคาร์บอนไดออกไซด์มาใช้เป็นโครงสร้างของตัวมันเอง อีกทั้งยังเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของปลาขนาดเล็กและแพลงก์ตอนสัตว์อื่น ๆ ก็อาจลดจำนวนลงจากสภาวะความเป็นกรดนี้ด้วย รวมไปถึงภาวะ “ฟอกขาว” ปะการังที่มีให้เห็นบ่อย ๆ ขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน ซึ่งวิธีการเดียวที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือต้องลด ละ เลิก การใช้พลังงานจากการเผาไหม้ของฟอสซิลเท่านั้น จึงจะเป็นการแก้ปัญหาหรือช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้ ปล่อยให้โลกได้รักษาเยียวยาตนเองเพื่อฟื้นตัวอีกครั้งก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป. (เดลินิวส์ พุธที่ 6 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ระบบติดตามยานพาหนะแบบเรียลไทม์

วิสโม คลิก ระบบตรวจสอบการใช้ยานพาหนะแบบเรียลไทม์ ส่งข้อมูลและการแจ้งเตือนผ่านจีพีอาร์เอส ระหว่างรถและสำนักงานได้ตลอดเวลา หากขับรถเร็วเกินกำหนด ระบบจะแจ้งให้สำนักงานรู้ทันที นายสิทธิชีพ สมเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอ็มวี คอม มิวนิเคชั่น จำกัด ในฐานะผู้จัดจำหน่ายโซลูชั่นการสื่อสารไร้สายวิสโม คลิก ของเวฟคอม กล่าวว่า วิสโม คลิก เป็นโมดูลที่ได้รับความนิยมจากผู้ผลิตอุปกรณ์ไร้สายทั่วโลก เพราะมีฟังก์ชั่นที่สามารถตรวจมาบั๊กและอัพเกรดซอฟต์แวร์ได้จากระยะไกล สำหรับโซลูชั่นของเวฟคอมจะช่วยให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนส่งสามารถตรวจสอบการใช้ยานพาหนะและเพิ่มความปลอดภัยในการขนส่ง แจ้งข้อมูลพฤติกรรมการขับรถให้หัวหน้างานได้ทราบทันที หาตำแหน่งของรถ และเวลาที่คาดว่าจะไปถึงปลายทาง เหมือนกับหัวหน้างานได้นั่งคู่ไปกับคนขับ และยังแจ้งเตือนสำนักงานได้แบบเรียลไทม์หากขับรถเร็วเกินกำหนด หรือออกนอกเส้นทาง โดยการทำงานผ่านจีพีอาร์เอส. (เดลินิวส์ พุธที่ 6 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ไอซีทีจับมือฮิวเลตต์ แพคการ์ พัฒนาโครงการภูมิสารสนเทศ

นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) เปิดเผยว่า หลังรับมอบระบบไอทีฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพื่อโครงการภูมิสารสนเทศสำหรับศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงไอซีที ตามนโยบาย National GIS Portal จากบริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด ประเทศไทย จำกัด และบริษัท อีเอสอาร์ไอ ประเทศไทย จำกัด ความร่วมมือและสนับสนุนของภาคเอกชนด้านไอที จะช่วยให้รัฐบาลมีระบบฐานข้อมูลด้านภูมิศาสตร์ของประเทศที่ครบถ้วนทันสมัย ทันต่อเหตุการณ์ สามารถนำวางแผนวิเคราะห์หรือการให้ความช่วยเหลือในแต่ละพื้นที่ได้อย่างแม่นยำ โดยศูนย์กลางของ GIS ติดตั้งอยู่ที่กระทรวงไอซีที ใช้เชื่อมต่อกับหน่วยงานภาครัฐ โดยมีการปรับข้อมูลให้เกิดความรวดเร็ว และทันสมัยตลอดเวลา ซึ่งสำนักงานสถิติแห่งชาติ จะเป็นผู้กำหนดและจัดทำคู่มือการบริหารจัดการข้อมูลของ GIS พร้อมกับจะจัดทำคู่มือ เพื่อแจกจ่ายให้กับหน่วยงานต่างๆ เพื่อลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลที่จะบันทึกและนำไปใช้ รวมถึงจะเปิดให้ประชาชนและภาคเอกชนเข้ามาใช้ประโยชน์จากศูนย์ดังกล่าวด้วย (มติชนรายวัน พุธที่ 6 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





อาบน้ำทุกวันทำอันตรายต่อสมอง สูดเอาแมงกานีสเข้าไปในหัวด้วย

นักวิทยาศาสตร์บอกเตือนให้ระวังว่าการอาบน้ำทุกวัน อาจทำให้ระบบประสาทเสียหายได้ เพราะต้องหายใจเอาแมงกานีสที่ละลายปะปนอยู่ในน้ำเข้าไป เป็นการส่งยาพิษเข้าสมองทีละน้อย ดร.จอห์น สแปงเลอร์ ของโรงเรียนแพทย์มหาวิทยาลัยเวค ฟอเรสต์ ที่รัฐนอร์ทแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกาได้แถลงผลการศึกษาว่า “หากผลการศึกษาของเราเป็นที่ยืนยัน มันอาจจะส่งผลต่อประเทศชาติและต่อโลกอย่างลึกซึ้ง เพราะการสูดเอาแมงกานีส เป็นการป้อนแมงกานีสเข้าสู่สมอง ยิ่งกว่าการกินหรือดื่มเข้าไปเสียอีก” เขาระบุว่า “เนื่องด้วยเซลล์ประสาท ที่เกี่ยวข้องกับการได้กลิ่น เป็นช่องทางเข้าสู่สมองโดยตรง เมื่อมันเข้าถึงประสาทเหล่านี้ ก็จะไปได้ ทั่วทั้งสมองหมด” เขากับคณะนักวิจัยได้คิดคำนวณจากการศึกษากับสัตว์ หาปริมาณของแมงกานีสที่คนเราได้สูดดมเข้าไปชั่ววันละ 10 นาที กล่าวว่า “ถ้าหากเด็กอาบน้ำที่ปนเปื้อนแมงกานีสจากฝักบัวนาน 10 ปี จะมีโลหะสะสมอยู่ที่สมอง มากกว่าที่สะสมอยู่ในมันสมองของหนูถึง 3 เท่า และหากว่าเป็นผู้ใหญ่ที่มีประวัติการอาบน้ำกินเวลานานกว่านั้น อาจจะมีสะสมสูงมากกว่ากันถึง 50%” เขาบอกสรุปว่า การสูดเอาแมงกานีสปริมาณนิดหน่อยตอนอาบน้ำฝักบัว อาจทำให้ระบบประสาทเสียหาย และเกิดอาการแบบเดียวกับโรคสมองเสื่อมขึ้นได้. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 7 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





"เนคเทค"ชี้"สมาร์ทการ์ด"ผิดสเปค ใส่ข้อมูลได้น้อยกว่าข้อตกลงทีโออาร์

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ(กมธ.) การสื่อสารและโทรคมนาคม มีการพิจารณาติดตามความคืบหน้าการใช้บัตรสมาร์ทการ์ด โดยเชิญตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐ รวมถึงกลุ่มกิจการร่วมค้า ซีเอสที ผู้ชนะประมูลจัดทำบัตรสมาร์ทการ์ด จำนวน 12 ล้านใบ วงเงิน 888 ล้านบาท มาชี้แจง รายงานข่าวแจ้งว่า ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือเนคเทค ชี้แจงว่า บัตรสมาร์ทการ์ดจำนวน 12 ล้านใบ ที่ซีเอสทีจัดทำมาเรียบร้อยแล้วนั้นไม่ตรงกับทีโออาร์ในแง่คุณสมบัติที่กำหนดไว้ว่าต้องมีหน่วยความจำ 32 กิโลไบต์ แต่บัตรที่ซีเอสทีผลิตแม้จะมีหน่วยความจำ 32 กิโลไบต์ แต่ใช้งานได้เพียง 28 กิโลไบต์ ซึ่ง กมธ.เห็นว่าในอนาคตจะต้องมีข้อมูลเพิ่มขึ้นมากกว่าข้อมูลส่วนบุคคล หน่วยความจำ 28 กิโลไบต์ จะไม่เพียงพอ และอีกปัญหาคือ หากลบความจำออกไปเท่าใดก็ต้องใส่คืนเท่านั้น ขณะที่กระทรวงมหาดไทยได้แสดงความไม่มั่นใจต่อระบบความปลอดภัย เกรงว่าข้อมูลจะรั่วไหลได้ (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 7 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





บริการแผนที่ 3 มิติจากกูเกิล

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เว็บไซต์กูเกิล www.google.com ในสหรัฐอเมริกา เปิดตัวบริการใหม่ล่าสุดสร้างความฮือฮาไปทั่วโลก นั่นคือ บริการส่งภาพถ่ายผ่านดาวเทียม หรือ google earth เป็นบริการรูปภาพจากดาวเทียมในมุมสูงแบบเรียลไทม์ โดยใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายผ่านดาวเทียม เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้เห็นภาพภูมิประเทศของจริงในแบบ 3 มิติ สำหรับเทคโนโลยีภาพถ่ายผ่านดาวเทียมหรือ Keyhole จะทำให้ผู้ใช้บริการ google earth เข้าไปดูภาพถ่ายสถานที่ที่ต้องการ จะใช้วิธีซูม เข้า-ออก หรือหมุนภาพเพื่อดูในมุมต่าง ๆ ได้ทันที คราวนี้ก็จะเห็นพื้นที่ต่าง ๆ บนพื้นโลกในมุมมองใหม่ ๆ เพียงแค่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่ต้องมีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง หรือบรอดแบนด์ เพราะภาพถ่ายดาวเทียมที่ดาวน์โหลดมานั้นค่อนข้างละเอียดมาก หากต้องการเก็บเอาไว้ บริการ google earth จะให้บริการเฉพาะผู้ใช้งานในประเทศสหรัฐอเมริกาก่อน โดยจะมีให้เลือกหลากหลายตามความต้องการของลูกค้า หากต้องการข้อมูลภาพถ่ายแบบจำเพาะเจาะจง ก็ต้องเลือกแพ็กเกจพลัส หรือโปร ซึ่งจะต้องเสียค่าบริการตั้งแต่ 20–400 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี วิธีการใช้งานก็คลิกเลือกเมนู google earth แล้วเลือกรายชื่อเมืองที่ต้องการดูภาพถ่ายอาจจะดูภูมิประเทศ ภูมิอากาศ หรือนำมาใช้ประโยชน์ด้านการศึกษา การวางผังเมืองหรือการก่อสร้าง อยากศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คลิกไปที่ http://www.google.com. (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 7 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ไอบีเอ็มถ่ายทอดเทคโนโลยีให้นักวิจัยไทย

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ตลอดเวลากว่า 50 ปีที่ไอบีเอ็มเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ไอบีเอ็มได้ทำกิจกรรมโครงการเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นโครงการด้านการศึกษาและการพัฒนาสังคม เพื่อผลิตบุคลากรและลดช่องว่างการเข้าถึงเทคโนโลยีในสังคม จากผลการสำรวจพบว่า ไอบีเอ็มประเทศไทยมีการจ้างงานทั้งทางตรงและทางอ้อมมากกว่า 1,800 คน ส่วนโครงการด้านการศึกษาได้เข้าร่วมโครงการไอบีเอ็มเสริมความรู้เพื่อหนูน้อย โดยมอบชุดคอมพิวเตอร์ ไอบีเอ็มนักสำรวจจิ๋วซึ่งออกแบบโดยบริษัทชั้นนำในต่างประเทศ ให้โรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งมอบทุนการศึกษาและคอมพิวเตอร์พีซีให้นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ทุพพลภาพ ซึ่งในปีการศึกษา 2548 ได้มอบทุนการศึกษาให้นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ อีก 2 ราย ซึ่งมีปัญหาทางการเคลื่อนไหวและการได้ยิน และพร้อมจะรับเข้าทำงานกับไอบีเอ็มหลังจบการศึกษา นอกจากนี้ ไอบีเอ็มได้ถ่ายทอดเทคโน โลยีให้นักวิจัยของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อสนับสนุนโครงการไทยกริดพอร์ทัลเพื่อคิดค้นสูตรยา ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการการศึกษาสมุนไพรไทยเพื่อหายารักษาโรคเอดส์และไข้หวัดนก เป็นต้น. (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 8 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ศูนย์ทดสอบความปลอดภัยผลิตภัณฑ์..ทีโอที

วันที่ 7 ก.ค.ทีโอที เปิด “ศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย” อย่างเป็นทางการ โดยใช้งบประมาณถึง 30 ล้านบาทในการฝึกอบรมพนักงาน 4 คน ซื้ออุปกรณ์และเตรียมห้องทดสอบนาน 1 ปี ตั้งอยู่บนพื้นที่ของสำนักงาน ทีโอที จ.ปทุมธานี นายฤทัย นิ่มเวไนย์ ผู้จัดการส่วนทดสอบและบริการ ทีโอที บอกว่า ศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย ตั้งขึ้นเพื่อขยายศูนย์ทดสอบให้ครอบคลุมกับผลิตภัณฑ์ที่วางขายอยู่ในท้องตลาด เนื่องจากก่อนหน้านี้ทีโอทีมีศูนย์ทดสอบด้านอุปกรณ์โทรคมนาคมอย่างเดียวอยู่ก่อนแล้ว 4 ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์ทดสอบอุปกรณ์โทรคมนาคม ศูนย์ทดสอบอุปกรณ์ปลายทาง ศูนย์ทดสอบเคเบิลและอุปกรณ์ตอนนอก และศูนย์ทดสอบทางไฟฟ้าและอุปกรณ์ ส่วนศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย ตั้งขึ้นเพื่อทดสอบเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์เกี่ยวข้องที่ใช้กับแหล่งจ่ายไฟฟ้าประธาน สำหรับใช้ในที่อยู่อาศัย และงานทั่วไปที่มีลักษณะคล้ายกันเฉพาะด้านความปลอดภัย เช่น การทดสอบปริมาณการแผ่รังสีที่เป็นอันตราย การทดสอบการเกิดความร้อนในภาวะการใช้งานปกติ และภาวะบกพร่อง การทดสอบอุณหภูมิอ่อนตัวของวัสดุ การทดสอบความปลอดภัยทางไฟฟ้า การทดสอบ การตกกระแทก การทดสอบการสั่นสะเทือน และการทดสอบความทนต่อการติดไฟด้วยเปลวไฟ เป็นต้น สำหรับการทดสอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย มีสถาบันไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ทำการทดสอบเพียงแห่งเดียว ซึ่งทำการทดสอบให้กับ สมอ. หรือ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม แต่จะเน้นการทดสอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ฯลฯ ในช่วงแรกที่เปิดให้บริการศูนย์ดังกล่าวจะมีพนักงานประจำ 4 คน ที่ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดีจากหน่วยงานทดสอบด้านความปลอดภัย INTER TEK SEMKO ประเทศสวีเดน และศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (PTEC) ประเทศไทย โดยอนาคตจะฝึกอบรมพนักงานเพิ่มเพื่อรองรับการทำงาน แม้ศูนย์แห่งนี้ยังไม่ได้รับใบรับรอง ISO 17025 เพราะเพิ่งเปิดตัว แต่ก็เตรียมพร้อมที่จะยื่นขอ สมอ.ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อสร้างการยอมรับและความน่าเชื่อถือให้เพิ่มมากขึ้น โดย นายรณยุทธ ประศาสน์ประเสริฐ ผู้จัดการศูนย์ทดสอบฯ บอกว่า บุคลากรและเครื่องไม้เครื่องมือที่มีสามารถทดสอบผลิตภัณฑ์ได้ครอบคลุม 90% แล้ว (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 8 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





GenoGraphic

เป็นชื่อโครงการใหม่ล่าสุดของเนชั่นแนล จีโอกราฟิก ซึ่งเป็นโครงการที่ร่วมมือกับบริษัทไอบีเอ็ม เพื่อศึกษาเส้นทางการอพยพและตั้งรกรากของชาติพันธุ์มนุษย์ทั่วโลก ศึกษาปัจจัยที่ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างมนุษย์ต่างชาติพันธุ์ ระยะเวลาที่ใช้ศึกษาโครงการนี้นานประมาณ 5 ปี มีปริมาณข้อมูลจำนวนมหาศาล เทคโนโลยีขั้นพื้นฐานและขั้นสูงจึงเข้ามามีส่วนร่วมในงานนี้ โดยเฉพาะศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ชีวภาพของไอบีเอ็มในสหรัฐอเมริกา โครงการ GenoGraphic มีทั้งหมด 3 ส่วนคือ Field Research เป็นการเก็บตัวอย่างเลือดจากชนเผ่าท้องถิ่นทั่วโลก แน่นอนว่าในเลือดย่อมมีดีเอ็นเอซึ่งจะทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถสืบค้นหาบรรพบุรุษของมนุษย์ เส้นทางการอพยพย้ายถิ่น ฯลฯ ขั้นตอนนี้จะอยู่ภายใต้การดูแลของคณะกรรมการปรึกษานานาชาติ Pubilc Participation and Awareness Campaign เป็นขั้นตอนที่ให้บุคคลทั่วไป สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ โดยต้องสั่งซื้อชุดตรวจ GenoGraphic Participation Kit ผ่านเว็บไซต์ ในราคา 99.95 เหรียญสหรัฐ รวมค่าส่งและค่าธรรมเนียมอื่น โดยผู้ที่สั่งซื้อชุดตรวจสอบนี้จะต้องขูดเก็บเนื้อเยื่อที่กระพุ้งแก้มจากอุปกรณ์ที่มีให้ในชุดทดสอบแล้วส่งกลับมาให้ศูนย์ทดลอง ผลการตรวจจะทำให้ผู้เข้าร่วมโครงการรู้ถึงประวัติการอพยพตั้งถิ่นฐานของบรรพบุรุษ และข้อมูลจะนำไปเก็บไว้ในเว็บไซต์ซึ่งมีเพียงผู้เข้าร่วมโครงการเท่านั้นจะเปิดดูได้ หากต้องการปกปิดก็มีสิทธิลบได้เช่นกัน ในเมืองไทยก็มี 2 ท่านเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครโครงการนี้ (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 8 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





แผงโซลาร์เซลล์ หมุนรอบทิศตามเก็บพลังงานตะวัน

โดยปกติแล้วการติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ทั่วๆ ไป เมื่อตั้งแผงไว้ทิศทางไหนแล้วก็จะอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา ซึ่งในกรณีนี้แผ่นเซลล์จะสามารถรับเอาพลังงานแสงอาทิตย์ได้เฉพาะเวลาที่ดวงอาทิตย์หมุนมาทางที่แผงวางอยู่เท่านั้น เมื่อดวงอาทิตย์เคลื่อนที่ผ่านไปแผงก็ไม่สามารถรับเอาแสงอาทิตย์ได้อย่างเต็มที่ ทำให้การใช้ประโยชน์จากแผงโซลาร์เซลล์ที่เราลงทุนติดตั้งไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.)สุวรรณภูมิ วิทยาเขตสุวรรณภูมิ เขาสามารถพัฒนาให้แผงรับโซลาร์เซลล์หมุนตามการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ ได้เป็นผลสำเร็จ เรียกได้ว่าเก็บเอาพลังงานทุกเม็ดเลยทีเดียว ยกเว้นช่วงกลางคืนเท่านั้น เจ้าของความคิด นี้ ประกอบด้วย นายจิระ ศิลประเสริฐ, เมธี เพ็งนุ่ม และ ศรายุทธ วงศ์เครือศร นักศึกษาจากสาขาเทคโนโลยีไฟฟ้า โดยมี อาจารย์อานนท์ พ่วงชิงงาม เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของสามนักศึกษาตลอดโครงการ อ.อานนท์ อาจารย์ที่ปรึกษา อธิบายว่า โครงการนี้นักศึกษาได้ศึกษาและทดลองคุณสมบัติของแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ที่มีชุดควบคุมให้เป็นระบบเคลื่อนที่ ให้ไปเปลี่ยนตำแหน่งตามดวงอาทิตย์ โดยใช้แผงเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดอะมอฟัส ซิลิกอนเซลล์ขนาด 50วัตต์ 22 โวลต์ จำนวน 1 แผง ส่วนการเคลื่อนที่ตามดวงอาทิตย์นั้น จะมีอุปกรณ์ตรวจจับตำแหน่ง และทิศทางของดวงอาทิตย์ ซึ่งเราได้ใช้ตัวต้านทานเปลี่ยนค่าตามแสงและใช้หลักการบังเงาในการตรวจจับตำแหน่งของดวงอาทิตย์ แผงเซลล์แสงอาทิตย์จะสามารถเคลื่อนที่ได้แกนเดียวโดยใช้ดีซีมอเตอร์เป็นอุปกรณ์ต้นกำลัง ระบบจะถูกควบคุมการทำงานโดยใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์ตระกูล IC เบอร์ 16F628 ทั้งนี้ จากการเปรียบเทียบประสิทธิภาพปรากฏว่าแผงเซลล์แสงอาทิตย์เคลื่อนที่ตามตำแหน่งดวงอาทิตย์นั้นมีค่าในการรับพลังงานแสงอาทิตย์มากกว่า แบบที่แผงตั้งอยู่เพียงด้านเดียวมาก หากท่านใดที่กำลังคิดจะติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ แล้วสนใจแนวทางการรับพลังงานแสงอาทิตย์อย่างเต็มที่อย่างโครงงานนี้ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ แผนกไฟฟ้ามรท.สุวรรณภูมิ วิทยาเขตสุพรรณบุรี โทร.0-3554-4301-3 (สยามรัฐรายวัน ศุกร์ที่ 8 ก.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





ปิคนิคฯผลิตถังแก๊สแบบใหม่ เน้นความสะดวก-ปลอดภัย

นายสุพจน์ พัฒนะศรี กรรมการผู้จัดการบริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า บริษัทได้แนะนำผลิตภัณฑ์ด้าน Accessoriesสำหรับถังแก๊สขึ้นมาใหม่ คือ เตาแก๊สรุ่นใหม่ที่ใช้ถังแก๊สขนาด1-4กิโลกรัมของปิคนิคและขาด4กิโลกรัมรุ่นแฮดดี้(ถังสีฟ้า)ของเวิลด์แก๊สมีชื่อว่า “ปิคนิคมินิเพาเวอร์เซฟ ที่มีคุณสมบัติในเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากไม่ได้จากตัวถังแก๊สโดยตรงแต่จะต่อผ่านตัวปรับความดันแก๊สอีกขั้นหนึ่งมีโครงสร้างที่แข็งแรงกว่าหัวแก๊สแบบโครงเหล็ก มีน้ำหนักเบาพร้อมทั้งมีระบบตัวล๊อคที่แน่นหนาเพื่อป้องกันแก๊สรั่วจากหัวแก๊ส มีความสะดวกในการเคลื่อนย้าน ใช้งานง่าย มีรูปแบบ และความสวยงาม ช่วยประหยัดแก๊ส ที่สำคัญราคาไม่แพงเพียงราคา 750 บาท และมีรับประกัน 1 ปี ทำให้ผู้ใช้สามารถมั่นใจว่าเตาแก๊สปิคนิค มินิ เพาเวอร์ เซฟ สะดวก และปลอดภัย (สยามรัฐรายวัน เสาร์ที่ 9 ก.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





ข่าววิจัย/พัฒนา


ชาเขียวไม่อาจป้องกันโรคมะเร็ง ไม่ว่าของต่อมลูกหมากกับเต้านม

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ หรือเอฟดีเอ ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า การดื่มชาเขียวอาจไม่สามารถป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก หรือมะเร็งชนิดอื่นๆ แถลงการณ์ของ อย.สหรัฐฯระบุว่า ผลงานวิจัย 2 ชิ้น พบว่า การดื่มชาเขียวไม่สามารถลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมในหญิง ในขณะที่งานวิจัยอีกชิ้นที่ศึกษาในวงจำกัด กลับชี้ว่าการดื่มชาเขียวอาจป้องกันมะเร็งได้ อย.สหรัฐฯสรุปว่า จากผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ทำให้เห็นได้ว่า มีความเป็นไปได้สูงอย่างยิ่งที่ชาเขียวไม่ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งเต้านม ขณะเดียวกัน มีผลการทดลองอีกชิ้นที่ไม่ได้ศึกษาในรายละเอียดระบุว่า การดื่มชาเขียวสามารถลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ด้วยเหตุนี้สำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯจึงสรุปว่า หลักฐานที่มีอยู่ขณะนี้ไม่อาจสนับสนุนคำกล่าวอ้างที่ว่า การดื่มชาเขียวลดความเสี่ยงในมะเร็งชนิดต่างๆ ลงได้. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





พบมันฝรั่งเป็นทั้งอาหารและยา สรรพคุณควบคุมความดันโลหิต

มันฝรั่งเป็นพืชที่เป็นอาหารที่มีคุณประโยชน์กับมนุษย์อีกอย่างหนึ่ง หลังจากที่นักวิทยาศาสตร์พบว่า มันมีสารเคมีที่ช่วยลดความดันโลหิตให้ลดต่ำลงได้ สถาบันวิจัยอาหารอิสระในอังกฤษ กล่าวว่า ได้พบว่า มันฝรั่งสามัญหลายชนิด มีสารเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่มีชื่อว่า “คูคัวไมน์ส” พวกเขาได้รู้มาก่อนแล้วว่า สารนั้นมีอยู่ตามสมุนไพรจีนบางอย่างมาก่อน แต่ไม่คิดว่าจะมาพบในมันฝรั่ง และขณะนี้กำลังศึกษาเปรียบเทียบระหว่างมันฝรั่งธรรมชาติกับมันฝรั่งที่ถูกตัดแต่งพันธุกรรม นอกจากเป็นที่ทราบกันว่ามันมีสรรพคุณในการควบคุมความดันโลหิตให้ลดต่ำลงแล้ว มันยังใช้รักษาโรคลึกลับที่เรียกว่า “โรคนอนหลับ” ซึ่งมีผู้ป่วยกันอย่างแพร่หลายอยู่ในกาฬทวีปได้อีกด้วย. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ระบบตรวจใต้ท้องรถ ด้วยกล้องดิจิตอลวงจรปิด

ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้คิดค้นวิธีการตรวจใต้ท้องรถอย่างเป็นระบบเพื่อใช้ในบริเวณทางเข้าอาคารที่จอดรถ โดยยึดหลักการที่ว่า ระบบตรวจสอบที่ได้จะต้องมีประสิทธิภาพ ราคาไม่แพง และสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานตามสถานที่ต่าง ๆ ได้ทันที โดยมีจุดประสงค์ที่จะตรวจสอบค้นหาสิ่งแปลกปลอมใด ๆ ที่อาจถูกแอบติดตั้งมากับตัวรถโดยที่เจ้าของรถไม่รู้มาก่อน รถทุกคันที่วิ่งเข้าอาคารที่จอดรถจะถูกบังคับด้วยกรวยยางให้วิ่งผ่านจุดตรวจ ที่ 1 ซึ่งมีกล้องวิดีโอวงจรปิดติดตั้งไว้ที่พื้น ขณะที่รถยนต์วิ่งผ่าน สัญญาณภาพภายใต้ท้องรถ ณ เวลานั้นจะถูกส่งมาแสดงที่หน้าจอโทรทัศน์ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอยู่ เนินลูกระนาดมีไว้เพื่อบังคับให้รถทุกคนต้องชะลอความเร็ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับตอนที่รถกำลังวิ่งผ่านกล้อง เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจพบสิ่งผิดปกติที่ติดอยู่ใต้ท้องรถ ก็จะส่งสัญญาณเตือนมายังจุดตรวจที่ 2 รถคันดังกล่าวที่เพิ่งวิ่งผ่านจุดตรวจที่ 1 มาก็จะถูกกั้นไว้ไม่ให้ผ่าน หลังจากนั้นก็จะเป็นการตรวจสอบใต้ท้องรถอย่างละเอียดในขณะที่รถหยุดนิ่ง ในขั้นตอนนี้อาจจะใช้กล้องตัวที่ 2 ซึ่งมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าตรวจ หรือจะใช้วิธี การตรวจแบบดั้งเดิมด้วยอุปกรณ์สะท้อนภาพก็ได้ ในกรณีที่ตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ รถคันดังกล่าวก็จะรับบัตรจอดรถ แล้ววิ่งผ่านที่กั้นไปตามปกติ จากการทำงานของระบบข้างต้น ถ้ารถทุกคันไม่มีสิ่งแปลกปลอมใด ๆ ติดอยู่ใต้ท้องรถ ความเร็วในการเคลื่อนตัวของรถขณะเข้าที่จอดรถจะเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับระบบที่ใช้อุปกรณ์สะท้อนภาพในการตรวจสอบเพียงอย่างเดียว เพื่อพิสูจน์ว่าระบบที่คิดค้นขึ้นนี้สามารถใช้งานได้จริง ทางภาควิชาฯ จึงได้สร้างเครื่องต้นแบบขึ้นอย่างง่าย ๆ โดยอุปกรณ์หลักที่ใช้ก็คือ กล้องรับภาพขนาดเล็กแบบ CMOS ซึ่งมีขายตามท้องตลาดเพียง 600 บาทเท่านั้น ในการทดสอบโดยการตั้งกล้องให้เป็นมุม 45 องศากับพื้น ผู้สนใจสามารถนำระบบดังกล่าวไปประยุกต์ใช้กับหน่วยงานของตนเองได้ตามต้องการ และหากมีปัญหาข้อขัดข้องใด ๆ ในการติดตั้งระบบ ทางภาควิชาฯ ยินดีให้คำแนะนำปรึกษาโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น. (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





“กระโปรงยางกันฝน” ภูมิปัญญาเกษตรกรหนองคาย

สำหรับปัญหาและอุปสรรคของเกษตรกรสวนยางก็คือ ในช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือนมิถุนายน-กันยายนนั้น เป็นช่วงที่ฝนตกชุกทำให้การกรีดยางเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากเมื่อกรีดยางแล้วฝนตกลงมา จะทำให้น้ำฝนละลายน้ำยางในถ้วยจนหมด ทำให้เกิดการสูญเสียอย่างมาก ดังนั้นนายสันห์ เกษตรกรปลูกยางจ.หนองคาย จึงได้ใช้ภูมิปัญญาผสมผสานกับการไปดูแบบอย่างการทำกระโปรงคลุมต้นยางของจ.กาญจนบุรี มาดัดแปลงโดยการใส่โครงเหล็กเข้าไปคล้ายกับกระโปรงสุ่มของผู้หญิงสมัยก่อน ซึ่งต้นทุนการผลิตประมาณ 3 บาทต่อ 1 อัน แต่บางคนแนะนำว่าการใช้วิธีนี้จะทำให้น้ำยางชื้น และเป็นเชื้อรา ก็ยอมรับว่ามีส่วนบ้าง แต่ถ้าไม่แก้ปัญหาโดยการลดความเสี่ยงด้วยวิธีนี้ก็จะทำให้ขาดรายได้ การใส่กระโปรงยางควรใส่ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน เวลาติดกระโปรงต้องเอาน้ำยางมาทาปลายพลาสติกที่เหลือจากการห่อให้ติดกัน เพื่อที่น้ำฝนจะได้ไม่สามารถซึมเข้าไปในถ้วยน้ำยางได้ เนื่องจากเปลือกยางไม่สม่ำเสมอกัน หลังจากหมดหน้าฝนก็ถอดกระโปรงออก ด้านแนวโน้มของตลาดยางในอนาคต คาดว่าการใช้ยางจะมากขึ้น เพราะบริษัทที่ทำอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการใช้ยางยังคงต้องการยางในปริมาณมาก คาดว่าอีก 5- 10 ปีนี้จะยังไม่มีปัญหาอะไร แต่หลังจากนี้คิดว่ารัฐบาลน่าจะมีการส่งเสริมให้มีการใช้ยางแผ่นดิบยางดิบ และวัสดุน้ำยางให้มากขึ้นด้วย เกษตรกรที่ปลูกยาง ถ้าต้องการลดความเสี่ยงในช่วงฤดูฝน ขอแนะนำให้ใส่กระโปรงคลุมต้นยาง เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียผลผลิตน้ำยางได้ถึง 80% (สยามรัฐรายวัน จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





ยูเอ็นฉลอง 60 ปี จัดประกวดแอนิเมชั่น

ซิป้าจับมือยูเอ็นจัดประกวดภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องสั้นระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ฉลองวาระครบรอบ 60 ปีองค์การสหประชาชาติ พร้อมหนุนคนหัวครีเอตทุกวัยส่งผลงานสร้าง สรรค์ 6 ธีมเด่น พันธกิจสำคัญของยูเอ็น ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 6 แสนบาท การประกวดครั้งนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ กลุ่มเยาวชน อายุ 25 ปี และต่ำกว่า และกลุ่มประชาชนทั่วไป โดยผู้สนใจสามารถส่งผลงานเข้าประกวดตามหัวข้อ 6 ประการ เกี่ยวกับการสร้างสันติภาพและโครงการพัฒนาต่างๆ ของสห ประชาชาติ ได้แก่ การร่วมมือกันเพื่อขจัดความ ยากจนและหิวโหย การร่วมมือกันเพื่อให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษา การร่วมมือกันเพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมกันระหว่างบุรุษและสตรี การร่วมมือกันเพื่อพัฒนาสุขภาพแก่ทุกคน การร่วมมือกันเพื่อการพัฒนาและรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และการร่วมมือกันเพื่อส่งเสริมสันติภาพ ของโลก นอกจากการประกวดปีนี้แล้ว ซิป้ามีแผนที่จะจัดโครงการรูปแบบนี้ต่อเนื่องทุกปี โดยปรับเปลี่ยนหัวข้อไปตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ยูเอ็นจัดการประกวดครั้งนี้ขึ้นสำหรับคน ในเอเชียและแปซิฟิก เพราะมีชื่อเสียงและกำลังพัฒนาด้านอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และไอที ดังนั้น การประกวดแอนิเมชั่นจึงเป็นกิจกรรมที่เหมาะสมกับภูมิภาคนี้ นอกจากกิจกรรมนี้แล้ว ยูเอ็นได้ดำเนินกิจกรรมสร้างสรรค์อื่นๆ อีก อาทิ ประกวดออกแบบโปสเตอร์ การเขียนเรียงความ ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก www.un-shortanime.com (ประชาชาตธุรกิจ จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th/prachachart)





โยเกิร์ตระงับกลิ่นปาก

คุณ เคนอิชิ โฮโจ และทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยสึรูมิ ในเมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น ได้ทำการวิจัยและพบว่า แบคทีเรียที่อยู่ในโยเกิร์ต โดยเฉพาะแบคทีเรียชนิด Streptococcus thermophilus และ Lactobacillus bulgaricus อาจมีผลต่อแบคทีเรียที่ เป็นเหตุให้เกิดกลิ่นเหม็นในปาก ของคนเราได้ โดยจากการทดลองพบว่า การกินโยเกิร์ตเป็นประจำทุกวัน วันละ 6 ออนซ์ (ประมาณ 1 ถ้วย) จะช่วยลดปริมาณสารที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นในปาก อย่างเช่น ไฮโดรเจนซัลไฟด์ นอกจากนี้ ในบรรดาผู้ที่ชอบกินโยเกิร์ตนั้น มักจะมีปริมาณคราบแบคทีเรียบนผิวฟัน (plaque) และอาการของโรคเหงืออักเสบน้อยกว่าคนทั่วไป แม้ว่าจำเป็นที่จะต้องมีการวิจัยมากกว่านี้เพื่อยืนยันผลที่ได้ แต่นักวิจัยก็อ้างว่า การกินโยเกิร์ตน่าจะเป็นวิธีที่ดีและปลอดภัยในการป้องกันปากเหม็น (เดลินิวส์ อังคารที่ 5 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





แขนกลไฮโดรลิค

หนึ่งในผลงานสองชิ้นที่โดดเด่นของนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พัฒนามาให้มีความแตกต่างจากแขนกล มอเตอร์ทั่วไปที่มีน้ำหนักมาก อย่างต่ำประมาณ 100 กิโลกรัม และต้นทุนการผลิตสูง ขณะที่แขนกลระบบไฮโดรลิคนี้สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระและสามารถทำท่าต่างๆ ได้ประมาณหนึ่งแสนรูปแบบ มีข้อดีคือน้ำหนักเบา อย่างต้นแบบเครื่องนี้มีน้ำหนักเพียง 37 กิโลกรัม แต่สามารถยกของที่น้ำหนัก 7 กิโลกรัมได้ ขณะที่แขนกลมอเตอร์ไม่สามารถยกน้ำหนักได้มีประสิทธิภาพเท่านี้เมื่อเทียบสัดส่วนกัน (ข่าวสด อังคารที่ 5 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





หุ่นยนต์สำรวจใต้น้ำ

ผลงานชิ้นที่ 2 ของวิศวะมหิดล คือ หุ่นยนต์สำรวจใต้น้ำ ไทยเอ็กซ์โพส ซึ่งเคยสร้างชื่อเสียงมาแล้วจากการไปช่วยงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับระบบชีวทางทะเลใต้น้ำ ที่บริเวณชายฝั่งทวีปแอนตาร์กติค ในช่วงธ.ค. 2547-ก.พ.2548 ประโยชน์ของมันคือ ช่วยลดความเสี่ยงอันตรายแก่นักวิทยาศาสตร์และเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บข้อมูลเช่น การวางแผนเส้นทางการสำรวจใต้น้ำ ก่อนการสำรวจจริง หรือสำรวจในบริเวณที่มีอันตรายต่อมนุษย์ หุ่นยนต์ใต้น้ำ ไทยเอ็กซ์โพส ควบคุมระยะไกลผ่านสายสัญญาณ โครงสร้างทำมาจากอะลูมินัมอัลลิอยด์ชนิด6061 ซึ่งมีน้ำหนักเบา ทนต่อความกร่อนเป็นสนิมในสภาพความเค็มสูงในรูปแบบโครงสร้างแบบท่อโปร่งเพื่อลดการรบกวนจากคลื่นและกระแสน้ำ ตอนนี้พัฒนามาถึงเวอร์ชั่นที่สอง ซึ่งมีการเคลื่อนที่อิสระมากขึ้น กล่าวคือ สามารถเคลื่อนที่ชิดไปด้านข้างหรือที่เรียกว่า OMNI (ออมนิ) ได้โดยไม่ต้องตั้งตัวเครื่องให้หันไปทางนั้นก่อนจึงจะเริ่มเคลื่อนแบบรุ่นแรก สามารถลงไปใต้น้ำที่ความลึก 50 เมตร ใช้พลังงานแบตเตอรี่ สามารถติดตั้งตัวเซนเซอร์สำหรับถ่ายภาพเคลื่อนไหว ตัววัดความดันและอุณหภูมิของน้ำ (ข่าวสด อังคารที่ 5 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





จักรยานยนต์ 6 จังหวะ

จักรยานยนต์ 6 จังหวะ เครื่องแรกของเมืองไทยผลงานของนักศึกษาช่างยนต์ปี 3 วิชาโครงงานวิจัยและพัฒนา ซึ่งใช้เวลาการพัฒนา 2 ปี มีความพิเศษตรงที่รอบการจุดระเบิดลดลง โดยการปรับปรุงขนาดหัวลูกสูบ ให้มีรอบการจุดระเบิดจังหวะที่ 4 เป็นการฟรีครั้งแรกเพื่อดูดไอเสีย และเปิดค้างไปจนถึงจังหวะที่ 6 ฟรีครั้งที่ 2 ปล่อยไอเสีย ซึ่งการเปิดวาวล์ไอเสียนี้คือการช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างข้อเหวี่ยงทำให้ประหยัดพลังงานมากขึ้นและไอเสียน้อยกว่าจักรยานยนต์แบบ 4 จังหวะที่มีใช้ทั่วไป (ข่าวสด อังคารที่ 5 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





แผงเครื่องมืออัจฉริยะ

แผงเครื่องมืออัจฉริยะ ที่สามารถป้องกันของหายได้โดยใชระบบเสียบการ์ดเพื่อเปิดแผงที่เก็บเครื่องมือ และเมื่อเครื่องมือชิ้นใดถูกหยิบไปใช้ ไฟที่ตำแหน่งนั้นจะสว่างค้างจนกว่าจะนำของมาเก็บที่เดิม ถ้ามีการงัดแงะเสียงไซเรนเตือนภัยจะดังขึ้น เป็นแนวคิดที่สามารถนำไปประยุกต์ต่อยอดได้ ผลงานของวิทยาลัยเทคนิคอุตสาหกรรมยานยนต์ (ข่าวสด อังคารที่ 5 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





มอเตอร์ไซค์พลังงานขยะ

มอเตอร์ไซค์พลังงานขยะ ผลงานของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีแพร่ ที่นำขยะภายในครัวเรือนมาเปลี่ยนเป็นพลังงานเพื่อขับเคลื่อนรถจักรยานยนต์สำหรับขับขี่ระยะใกล้ โดยมีขั้นตอนคือนำขยะอินทรีย์ภายในบ้านอาทิเศษอาหาร เปลือกผลไม้มาหมักด้วยจุลินทรีย์จนได้ก๊าซชีวภาพ จากนั้นแยกคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปให้เหลือแต่ก๊าซมีเทนบริสุทธ์ อัดบรรจุใส่ถังก๊าซขนาด 15 ลิตร ติดตั้งในรถมอเตอร์ไซค์ที่ระดับแรงดัน 200PSI สามารถวิ่งได้ระยะทางเฉลี่ย 43 กิโลเมตรที่ความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อช่วโมง สำหรับก๊าซมีเทนมีคุณสมบัติที่ไม่เป็นอันตรายเพราะมีความหนาแน่นต่ำ เมื่อรั่วจะกระจายไปในอากาศ อีกทั้งค่าออกเทนต่ำ จุดระเบิดยากต่างจากก๊าซแอลพีจีที่ใช้ในรถแท็กซี่ปัจจุบันซึ่งมีออกเทนสูง เมื่อรั่วจะรวมกลุ่มและตกอยู่กับพื้น สูดเข้าไปเป็นพิษและสามารถติดไฟระเบิดง่าย สำหรับผลงานชิ้นนี้ต้นทุนไม่เกินหนึ่งพันห้าร้อยบาท ชาวบ้านสามารถนำไปใช้ได้จริง สำหรับการติดตั้งกับมอเตอร์ไซค์จะต้องดัดแปลงให้คาบูเรเตอร์ให้รูแคบลงได้สัดส่วนก๊าซกับอากาศ 1/17 การันตีมาแล้วด้วยรางวัลชนะเลิศประเภทสิ่งประดิษฐ์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต การประกวดสิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่ระดับภาค ภาคเหนือ ปี 2547 (ข่าวสด อังคารที่ 5 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





MOUSE คนพิการ

MOUSE คนพิการ เมาส์พิเศษที่สามารถช่วยเหลือคนพิการแขนขาดทั้ง 2 ข้าง ที่ไม่สามารถใช้เมาส์ด้วยมือให้เปลี่ยนมาใช้การบังคับเมาส์ด้วยเท้าแทนได้ มาในรูปของรองเท้าคู่โตที่มีน้ำหนักพอสมควรเพื่อความละเอียดในการเคลื่อนที่ของเมาส์ที่เป็นระบบออพติคอล โดยคนพิการจะใช้หัวนิ้วโป้งเท้าขวาคลิกเมาส์หลัก ซึ่งปกติคือตำแหน่งนิ้วชี้ของมือขวา และบังคับทิศทางการเคลื่อนที่ของเคอร์เซอร์ในจอ ส่วนเท้าซ้ายซึ่งคนส่วนใหญ่ถนัดน้อยกว่าเท้าขวาใช้หัวนิ้วโป้งคลิกเมาส์ซึ่งปกติคือตำแหน่งนิ้วกลางบนเมาส์ปกติ คุณสมบัติอื่นๆ ไม่ต่างจากเมาส์ทั่วไปสามารถใช้ได้กับทุกระบบปฏิบัติการณ์ มีต้นทุนการวิจัยและพัฒนาทั้งหมด หมื่นห้าพันบาท และถ้าผลิตในจำนวนมาก อนาคตคาดว่าราคาขายจะอยู่ที่ 1,000-1,500 บาท ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากโรงเรียนคนพิการ สำหรับผลงานชิ้นโบว์แดงที่กำลังดำเนินการขอจดสิทธิบัตรของนักศึกษาปวช.ปี2 และ 3 แผนกวิชาอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยสารพัดช่างเชียงใหม่ ดูแลโดยอาจารย์กรุงศรี สุพรศิลป์ 01-2872532 (ข่าวสด อังคารที่ 5 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





เครื่องแสดงภาพด้วยฟองอากาศ

เครื่องแสดงภาพด้วยฟองอากาศ ป้ายโฆษณาแห่งอนาคต ผลงานการพัฒนาซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ของอาจารย์สยาม เจริญเสียง สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ FIBO ร่วมกับการพัฒนาฮาร์ดแวร์ ในโปรเจคจบของนักศึกษาปี 4 ภาควิชาวิศวเครื่องกล สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี ด้วยหลักการใช้ฟองอากาศเรียงกันเป็นตัวอักษร ทำงานด้วยซอฟต์แวร์ควบคุมจังหวะการปิดและปล่อยฟองอากาศ ขณะนี้มีเครื่องเดียวในประเทศไทย ต้นทุนการผลิตราว ห้าหมื่นบาท กำลังดำเนินการจดสิทธิบัตร (ข่าวสด อังคารที่ 5 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





เครื่องระเหยความชื้นเอนกประสงค์

เครื่องระเหยความชื้นเอนกประสงค์โดยใช้คลื่นไมโครเวฟร่วมกับระบบสะเป๊าเต็ดเบด ผลงานของนักศึกษาวิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต อาศัยหลักการผสมผสานของการให้ความร้อนอย่างรวดเร็วจากภายในวัสดุเนื่องจากไมโครเวฟและการปั่นป่วนของลมร้อนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายเทความร้อนที่ผิววัสดุในสะเป๊าเต็ดเบด ช่วยทำให้ลดเวลาในการอบให้สั้นลงกว่าระบบดั้งเดิม ประมาณ 20 เท่า รวมทั้งประหยัดพลังงานได้ประมาณ 3 เท่า โดยที่ยังสามารถรักษาคุณภาพเดิมของผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ ระบบนี้เหมาะสมที่จะนำไประยุกต์ใช้เกี่ยวกับกระบวนการอบแห้งผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรในเมืองไทยในฐานะเป็นแหล่งที่มีผลผลิตด้านเกษตรรายใหญ่ของโลก (ข่าวสด อังคารที่ 5 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ตั้งโรงงานผลิตเชื้อเพลิงอะไหล่ ใช้ของเน่าทำพลังงานกล้วยหอม

บรรษัทวิทยุกระจายเสียงออสเตรเลียแจ้งว่า โฆษกของสภาเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมของประเทศ นายโทนี ไฮดริช แถลงว่า ได้พบวิธีใช้กล้วยหอมที่เน่าเสียทิ้งแล้ว เอาไปหมักทำเชื้อเพลิงได้เป็นก๊าซออกมา ปกติต้องทิ้งกล้วยหอมเสียเปล่ามากถึง 1 ใน 3 เนื่องจากขนาดไม่ได้มาตรฐานของตลาด กล้วยหอมที่ถูกทิ้งไปเหล่านี้ จะได้เอาไปใช้กับโรงงานต้นแบบ ที่รัฐควีนส์แลนด์ทางเหนือ อันเป็นรัฐปลูกกล้วยหอมมากที่สุด เท่าที่ได้ทดลองมา กล้วยหอมเน่าเสียที่ถูกทิ้งปีหนึ่งๆ มากประมาณ 6,000 ตัน สามารถจะผลิตพลังงานให้ได้มากเท่ากับน้ำมันดีเซลจำนวน 222,000 ลิตร “ก่อนอื่นเราอยากจะรู้ก่อนว่า มันจะคุ้มค่าหรือไม่ อาจจะยังสู้กับการผลิตไฟฟ้าด้วยถ่าน หินที่ทำกันอยู่ในปัจจุบันไม่ได้” นายโทนีกล่าว. (ไทยรัฐ พุธที่ 6 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ระดมนักวิจัยขึ้นเวทีถก งานประมง-เตรียมเสนอ80โครงการ

นายสิทธิ บุณยรัตผลิน อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า กรมประมงได้กำหนดจัดการประชุมวิชาการประมงจำปี 2548 ขึ้น ในระหว่างวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2548 ณ โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ท จ.ปทุมธานี ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพของงานวิจัยในสาขาประมงด้านต่างๆ รวมทั้งเผยแพร่ผลงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ในการเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำ และเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารของประเทศ ตลอดจนเป็นการแลกเปลี่ยนและระดมความคิดเห็นระหว่างนักวิชาการและภาคเอกชนอันจะนำไปสู่แนวทางวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนาการประมงในอนาคต ภายในงานดังกล่าวจะมีการจัดนิทรรศการแสดงผลงานวิจัยของนักวิชาการประมงในสังกัดกรมประมงสาขาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสาขาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง สาขาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด สาขาพัฒนาอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ สาขาโรคสัตว์น้ำ สาขาพันธุกรรมสัตว์น้ำ สาขาบริหารจัดการทรัพยากรประมง สาขาอาหารสัตว์น้ำ และสาขาบริหารจัดการทรัพยากรประมงทะเล รวมทั้งสิ้น 85 เรื่อง ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2548 เวลา 09.00-12.00 น. ยังได้จัดให้มีการอภิปรายในหัวข้อเรื่อง “วิจัยประมงก้าวหน้าพาเศรษฐกิจก้าวไกล” โดยมีนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย นายไพบูลย์ พลสุวรรณา เลขาธิการสภาผู้ส่งสินทางเรือแห่งประเทศไทย ศ.ดร.ทิม ฟีเกล อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และที่ปรึกษากรมประมง ดร.พูลทรัพย์ วิรุฬหกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการทรัพยากรประมง ในฐานะประธานจัดการประชุม กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานภาพโครงการวิจัยของกรมประมงตั้งแต่ปี 2543-2547 มีโครงการวิจัยที่ดำเนินการทั้งหมด 1,789 โครงการ โดยมีการตีพิมพ์เผยแพร่แล้ว 448 เรื่อง และอยู่ระหว่างการดำเนินงาน 1,161 เรื่อง ซึ่งสาเหตุที่ยังมีการตีพิมพ์และเผยแพร่น้อยนั้น เนื่องมาจากหลายโครงการเป็นโครงการต่อเนื่อง 3-5 ปี และอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูล (สยามรัฐ พุธที่ 6 ก.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





เครื่องอบลำไยแห้งแบบสายพาน ภูมิปัญญาศิษย์เก่า ม.แม่โจ้

นายธนดล แจ่มใส ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยแม่โจ้ รุ่น " 47 เป็นบุคคลหนึ่งที่ใช้ชีวิตคลุกคลีกับผลผลิตเกษตร เคยไปดูงานต่างประเทศหลายแห่ง ให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับเตาอบลำไยแห้งว่า เตาอบลำไยที่เกษตรกรชาวสวนใช้มีอยู่หลายรูปแบบ รุ่นแรกๆ จะเป็นทรงสี่เหลี่ยมด้านบนเปิด ต้องใช้กระสอบคลุม ใช้พลังงานจากก๊าซเป่าลมร้อนเข้าไป จะต้องกลับเมล็ดลำไยบ่อยครั้ง ใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน ต่อมาได้พัฒนาเป็นเตาอบแบบทรงสี่เหลี่ยมแนวตั้ง มีประตูเปิดปิดมิดชิด ใช้พลังงานจากไฟฟ้า รูปทรงสวยงาม แต่ก็มีข้อจำกัดคือ อบลำไยได้ครั้งละไม่มาก ล่าสุดเกษตรกรชาวสวนคิดค้นเตาอบขนาดใหญ่ อบได้ครั้งละ 1 ตัน ใช้พลังงานจากก๊าซ จากประสบการณ์ด้านการเกษตรและเครื่องจักรกลเกษตรของคุณธนดล จึงเกิดแนวคิดว่า น่าจะผลิตเครื่องอบไอน้ำที่อบได้ครั้งละมากๆ ประหยัดเวลาและพลังงาน ใช้แรงงานน้อย นอกจากอบลำไยแล้ว ต้องใช้อบพืชผลเกษตรอื่นๆ ได้ด้วย จึงเริ่มคิดค้นและดัดแปลงเครื่องอบลำไย โดยใช้น้ำมันเตาเป็นพลังงาน เพราะน้ำมันเตามีราคาถูกกว่าน้ำมันทั่วไปครึ่งหนึ่ง หาซื้อได้ง่าย ใช้ระบบสายพานลำเลียงผลผลิตขณะเข้าตู้อบและออกจากตู้อบจนถึงบรรจุภาชนะ ทำให้แห้งได้เร็วและสม่ำเสมอ ระดับความร้อนสามารถควบคุมได้ ใช้ระบบตั้งอุณหภูมิได้ตามเวลาที่ต้องการ เตาอบแบบสายพานนี้ เมื่อคำนวณต้นทุนการอบใน 1 ครั้ง ใช้เวลา 18-20 ชั่วโมง หรือ 1 วัน อบลำไยได้ครั้งละ 6 ตัน ใช้น้ำมันเตาเพียง 60 ลิตร ใช้ไฟฟ้าในระบบสายพาน 500 บาท ใช้แรงงาน 2 คน ประมาณ 500 บาท โดยเฉลี่ยจะใช้ต้นทุนการอบกิโลกรัมละ 1 บาท เมื่อรวมต้นทุนหักลบจากการจำหน่ายผลผลิตลำไยอบแห้งแล้ว จะเหลือกำไรประมาณ 26,400 บาท จากการทดสอบอบลำไยแล้วพบว่า ลำไยที่อบแห้งจะแห้งสนิทอย่างสม่ำเสมอทั่วถึง เมื่อแกะเปลือกออก เนื้อภายในจะเป็นสีทองคล้ายกับลำไยอบแห้งเนื้อสีทองที่แกะอบแต่เนื้อลำไย นอกจากนี้ ยังทดลองใช้อบพืชผลเกษตรอื่นได้อีก เช่น ข้าวโพด ขิง ใบชา พริกแห้ง หน่อไม้ ดีปลี พริกไทย และพืชผลอื่น ทั้งนี้จะต้องปรับเวลาและอุณหภูมิให้เหมาะสมกับพืชนั้นๆ นอกจากนั้น ยังเป็นผู้แทนจำหน่ายเครื่องจักรกลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรอีกหลายประเภท เช่น เครื่องอัดกระป๋องผลไม้ เครื่องบรรจุผลิตภัณฑ์ เครื่องทำไม้ไผ่ ฯลฯ ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 162/3 ถนนเชียงใหม่-ลำปาง ตำบลป่าตัน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50300 โทรศัพท์ (053) 215-721, (09) 814-9175, (05) 813-0659 (เทคโนโลยีชาวบ้าน 1 ก.ค. 2548 http://www.matichon.co.th/techno)





หนุนนักวิจัยสตรีไทยค้นคว้า สารสกัดจากเปลือกมังคุดต้านมะเร็ง

โครงการทุนวิจัย ลอรีอัล ประเทศไทย เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์ โดยปีนี้เป็นปีที่ 3 ของการให้ทุนวิจัย “เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์” ซึ่งมีนักวิจัยสตรีได้รับทุนทั้งหมด 4 คน ได้แก่ นางวรรณสิกา เกียรติปฐมชัย จากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ, รศ.ดร. พรทิพย์ เพ็ชรมิตร จากภาควิชาพยาธิโปรโตซัว คณะเวชศาสตร์เขตร้อน ม.มหิดล, รศ.ดร.รมิดา วัฒนโภคาสิน จากภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ มศว ประสานมิตร และ ผศ.ดร.วิภา สุจินต์ จากสาขาชีวเคมี สำนักวิทยาศาสตร์ ม.สุรนารี รศ.ดร.รมิดา วัฒนโภคาสิน ซึ่งทำการวิจัยเรื่อง “การเหนี่ยวนำให้เซลล์มะเร็งถูกทำลาย และฤทธิ์ต้านมะเร็ง ของสารสกัด จากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ และการประยุกต์ใช้ในการรักษาด้วยยีน” เผยถึงงานวิจัย ที่ทำว่าปัจจุบัน คนเป็นมะเร็งกันเยอะ โดยไม่ทราบสาเหตุ ตนจึงได้หันมาศึกษา เรื่องสารสกัดจากเปลือกมังคุด ซึ่งมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง รศ.ดร.พรทิพย์ เพ็ชรมิตร เจ้าของผลงานวิจัยเรื่อง “การศึกษาเอนไซม์ที่สำคัญ ในขบวนการลอกแบบดีเอ็นเอ และการซ่อมแซมดีเอ็นเอของเชื้อมาลาเรีย ชนิดฟัลซิปารั่ม เพื่อเป็นเป้าหมาย ของยารักษาโรคมาลาเรีย” สำหรับ นางวรรณสิกา เกียรติปฐมชัย ทำโครงการวิจัยเรื่อง “การศึกษาหาพาหะของเชื้อไวรัส Taura syndrome (TSV) ด้วยเทคนิค RT-PCR และการพัฒนา วิธีการเก็บเลือดกุ้งบนกระดาษกรอง เพื่อการตรวจหาเชื้อไวรัส TSV สาเหตุของโรคในกุ้งขาว” (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 7 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





“อียู” รุกคืบตรวจ “พาราเรด” วิชาการเกษตรนกรู้เร่งพัฒนาคุณภาพ

นายวิชา ธิติประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักวิจัย และพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว และแปรรูปผลิตผลเกษตร กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายเกษตรประจำสถานทูตไทย ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม รายงานว่า กลุ่มสหภาพยุโรป หรืออียู ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบความปลอดภัยของสินค้าเกษตร ที่นำเข้ามากขึ้น โดยขณะนี้มีการเฝ้าระวังสารพาราเรด (para red) หรือสารสีแดงเทียม ตกค้างปนเปื้อนในสินค้าเกษตรรวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆ โดยเฉพาะเครื่องเทศและสินค้าที่มีส่วนประกอบของพริก ทั้งนี้ เนื่องจากสารดังกล่าวอยู่ในกลุ่มเดียวกับสารย้อมสีซูดาน (Sudan) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค กลุ่มอียูจึงเร่งประเมินสถานการณ์และศึกษาเทคนิคกรรม วิธีการตรวจวิเคราะห์หาสารพาราเรดตกค้าง ในสินค้าเกษตรและอาหาร อนาคตคาดว่าอียูจะมีการออกกฎระเบียบเพื่อกำหนดเป็นเงื่อนไขการนำเข้าสินค้า ปัจจุบันห้องปฏิบัติการของกรมวิชาการเกษตรสามารถพัฒนาเทคนิคการตรวจวิเคราะห์ หาสารสีซูดานตกค้างในน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ได้แล้ว ถือเป็นห้องปฏิบัติการเดียวในประเทศ ไทยที่ตรวจสารสีซูดานได้ ซึ่งอนาคตต้องมีการพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพให้สูงขึ้นอีก จะไม่หยุดเพียงแค่นี้ (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 7 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





“แมลงแกลบ” กำจัดขยะล้นโลก

นักวิจัยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ค้นพบ “แมลงแกลบ” สามารถกำจัดและใช้ประโยชน์ของขยะอินทรีย์ระดับโลก ซึ่งเป็นวิธีการใหม่ในการกำจัดขยะที่ได้ผลรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด รองศาสตราจารย์ ดร.สมชัย จันทร์สว่าง รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(มก.) วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จ.สกลนคร และอาจารย์ประจำภาควิชาสัตววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ “ผู้ค้นพบ” วิธีการใหม่ระดับโลกในการกำจัดและใช้ประโยชน์ของขยะอินทรีย์ หลังจากที่ได้ศึกษา และวิจัยวิธีการกำจัดและใช้ประโยชน์ของอินทรีย์มานานกว่า 20 ปี โดยวิธีการต่างๆ เช่นการใช้จุลินทรีย์ต้องการอากาศ (การทำปุ๋ยหมัก) การใช้จุลินทรีย์ไม่ต้องการอากาศ (ระบบไบโอแก๊ส) จุลินทรีย์ อีเอ็ม จุลินทรีย์น้ำสกัดชีวภาพ รวมถึงการใช้ไส้เดือน (vermicuture) โดยได้นำแมลงแกลบ มาทดลองศึกษาพบว่า แมลงแกลบสามารถกำจัดขยะอินทรีย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด การค้นพบนี้นับว่าเป็นครั้งแรกในโลกและสามารถทำงานได้เร็วที่สุดในบรรดาวิธีการอื่นที่เคยมีการค้นพบกันมา โดยได้ทำการศึกษาทดลองเลี้ยงแมลงแกลบมาเป็นเวลา 1 ปี และประสบความสำเร็จในการเลี้ยงแมลงแกลบ ทั้งในตู้พลาสติก และในกระบะปูนซีเมนต์ โดยใช้เศษอาหารและเศษผักเป็นอาหารเลี้ยง แมลงแกลบ มีขยาดตัวยาวประมาณ 3/4 นิ้ว มีสีน้ำตาลจนถึงสีดำ ปีกคู่แรกมีสีอ่อนกว่าสีลำตัว แมลงแกลบกินอาหารทุกชนิด เช่น เศษพืช เศษผัก เศษอาหาร มูลสัตว์ต่างๆ ซึ่งรวมถึงมูลสัตว์เลี้ยงเช่น สุนัข หรือแมวด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.สมชัย กล่าวด้วยว่า ได้ทำการเปรียบเทียบกับการกำจัดขยะอินทรีย์วิธีการอื่นๆ ที่เคยมีประสบการณ์ในการวิจัยเรื่องอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลี้ยงไส้เดือน ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจและเป็นที่ยอมรับกันว่าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว แต่แมลงแกลบสามารถกินขยะอินทรีย์สดได้ โดยไม่ต้องรอให้จุลทรีย์ทำงานก่อน และสามารถกินขยะอินทรีย์ที่ไส้เดือนไม่สามารทำได้ เช่น เศษอาหารจำกัดไขมัน และเศษเนื้อ “แมลงแกลบสามารถทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้เพื่อช่วยกำจัดขยะ” สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่โทร.0-2942-8995-6 (สยามรัฐรายวัน พฤหัสบดีที่ 7 ก.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ ‘ใจดี’ ฝีมือและโอกาสของเด็กไทย

วันที่ 13-19 กรกฎาคมนี้ !! เยาวชนไทยจะได้อวดโฉม “ใจดี” หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ตัวแรกของไทยที่มีโอกาสเข้าแข่งขันหุ่นยนต์ระดับโลกในรายการ RobocupSoccer Humanoid league ในการแข่งขัน Robocup 2005 ที่เมือง โอซากา ประเทศญี่ปุ่น สำหรับรายการ RobocupSoccer Human oid league จัดว่าเป็นการแข่งขันรายการที่ผู้ชมทั่วโลกให้ความสนใจมากที่สุด หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่ได้รับเลือกให้ร่วมแข่งขันได้ต้องผ่านกระบวนการสรรหาคัดเลือกมาก่อน โดยผู้สมัครจะต้องจัดส่งข้อมูลของตัวหุ่นยนต์รวมถึงระบบควบคุมต่าง ๆ ให้กรรมการจากหลายสถาบันทั่วโลกพิจารณาก่อน ซึ่งในปีนี้มีผู้เข้าแข่งขันทั้งสิ้น 22 ทีม และหุ่นยนต์ “ใจดี” จากทีมของสถาบันหุ่นยนต์ภาคสนามหรือ “ฟีโบ้ (FIBO)” มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ก็เป็น 1 ใน 22 ทีมที่ผ่านการพิจารณา และถือเป็นทีมแรกของประเทศไทยที่มีโอกาสเข้าร่วมแข่งขันในรายการดังกล่าว ดร.ถวิดา มณีวรรณ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม บอกว่า ฟีโบ้เริ่มพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์มาตั้งแต่ปี 2542 โดยเริ่มศึกษาตั้งแต่การเดินของมนุษย์เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการออกแบบโครงสร้างและอุปกรณ์ต้นกำลังให้มีขนาดใกล้เคียงมนุษย์ จนกระทั่งสามารถสร้างหุ่นยนต์สองขาต้นแบบตัวแรก มีความสูง 1.2 เมตร หนัก 50 กิโลกรัม สามารถเดินได้แบบรักษาจุดศูนย์ถ่วงไว้ที่ใต้ฝ่าเท้า หรือที่เรียกว่าการเดินแบบสถิตศาสตร์ “ใจดี” ถือเป็นหุ่นยนต์ฮิว แมนนอยด์ที่ฟีโบ้พัฒนาขึ้นเป็นรุ่นที่ 4 โดยมีนายปาษาณ กุลวาณิช นักศึกษาปริญญาเอก วิศวกรรมเครื่องกล เป็นหัวหน้าทีม และรับผิดชอบการออกแบบทางกล น้องอภิญญา บุญประกอบ ผู้หญิงหนึ่งเดียวของทีมที่จบปริญญาตรีด้านวิศวะ เคมี แต่มีใจรักด้านหุ่นยนต์มากกว่า ปัจจุบันเป็นนักศึกษาปริญญาโทสาขาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เป็นผู้รับผิดชอบท่าทางการเดินและโปรแกรม นายบัณฑูร ศรีสุวรรณ นักศึกษาปริญญาโท วิศวกรรมเครื่องกล รับผิดชอบระบบการมองเห็น นายวีระยุทธ สวัสดี นักศึกษาปริญญาโทสาขาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ รับผิดชอบระบบควบคุมและโปรแกรม และนายคุณอิษฎ์ สะริมี นักศึกษาปริญญาโท สาขาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ รับผิดชอบระบบไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโปรแกรม (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 7 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





แว่นตาว่ายน้ำวัดความเร็ว

สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า เคธี่ วิลเลี่ยม นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยบรูเนล ของประเทศอังกฤษ ได้ออกแบบแว่นตาอัจฉริยะ ในโครงการของนิสิตปี3 ในภาควิชาอุตสาหกรรมการออกแบบ โดยแว่นตาดังกล่าว สามารถบอกความเร็วผ่านจอแว่นตาขณะว่ายน้ำได้ ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์ไว้ที่ต้นขา ช่วยให้นักว่ายน้ำรู้ความเร็วในการว่ายขณะนั้นได้ทันที อย่างไรก็ตาม ต้นแบบของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ติดไว้ที่ต้นขา ยังมีจุดด้อยตรงที่มีลักษณะคล้ายหินก้อนเล็กๆ ซึ่งอาจสร้างความรำคาญให้กับนักว่ายน้ำได้ (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 7 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





"จากขี้เลื่อยไม้พารา" สู่"หลังคายาง"คลายร้อน

"หลังคายางพารา" คืออีกหนทางลดความร้อน แม้จะไม่ใช่สิ่งใหม่แต่นักวิจัยก็ไม่เคยหยุดค้นคว้า เพราะยางธรรมชาติซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตนั้นมีราคาที่สูง ทาง บริษัท สยามยูไนเต็ด รับเบอร์ จำกัด จึงได้ติดต่อให้ รศ.ดร.ณรงค์ฤทธิ์ สมบัติสมภพ นักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ซึ่งมีผลงานในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากขี้เลื้อยไม้ยางพาราที่หลากหลาย ช่วยลดปัญหาดังกล่าว อาจารย์ณรงค์ฤทธิ์อธิบายถึงที่มาที่ไปของหลังคาคลายร้อนดังกล่าวว่า เดิม บ.สยามยูไนเต็ด รับเบอร์นั้นได้ทำหลังคายางอยู่ก่อนแล้ว แต่ประสบปัญหากับราคาต้นทุนของยางพาราที่สูงขึ้น จึงได้ติดต่อให้ผลิตหลังคายางที่มีส่วนผสมของขี้เลื่อยให้มากขึ้นเพื่อลดต้นทุนการผลิต กอปรกับมีอุตสาหกรรมไม้ยางพาราที่เหลือขี้เลื่อยทิ้งเป็นจำนวนมาก และมีราคาถูกเพียงกิโลกรัมละ 50 สตางค์ 1 บาทเท่านั้น จากข้อได้เปรียบทางด้านวัตถุดิบนี้ จึงอยากสร้างมูลค่าเพิ่มให้ของเหลือทิ้ง หลังคายางพารานี้เป็นผลิตภัณฑ์ในรูปของยางแข็ง (Ebonite Rubber) ซึ่งการใส่ขี้เลื่อยยางพารานอกจากจะช่วยลดต้นทุนแล้ว ยังเพิ่มความแข็งแกร่งและความแข็งของผิวให้กับหลังคายางได้ สามารถทนต่อการเหยียบ การตอกตะปู รอยขีดข่วนหรือแรงกระแทกต่างๆ และแน่นอนมีน้ำหนักเบาและไม่แตกเหมือนกระเบื้อง ซึ่งจะมีความคงทนยาวนาน 10 ปี และเป็นฉนวนกันความร้อนได้ดีกว่ากระเบื้องทั่วไป 2-3 เท่า นอกจากการพัฒนาที่ต้องผสมขี้เลื่อยซึ่งเป็นสารที่มีขั้ว (Polar) กับเนื้อยางพาราที่เป็นสารไม่มีขั้ว (Nonpolar) แล้วยังต้องพัฒนาผิวของหลังคาด้วย โดยส่วนผิวของหลังคาจะเคลือบผ้าใบเพื่อให้ทนแดดและกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา จากนั้นต่อไปในอนาคตจะพัฒนาให้หลังคามีน้ำหนักเบามากขึ้น หากสำเร็จแล้วจะได้หลังคาที่ทำให้บ้านเย็นขึ้นและพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ได้ สำหรับงานวิจัยดังกล่าวได้รับเกียรติบัตรโครงการวิจัยดีเด่น จากโครงการวิจัยแห่งชาติ : ยางพารา ฝ่ายอุตสาหกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ที่จัดให้มีการแสดงผลงานวิจัยยางพาราขึ้นภายใต้ชื่อ "ฟื้นยางไทยให้ยั่งยืน" เมื่อเร็วๆ นี้ (ข่าวสด ศุกร์ที่ 8 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ให้หุ่นยนต์คลำทรวงอกผู้หญิง ตรวจหามะเร็งให้พบได้แต่เนิ่น

อีกไม่นานจะมีการใช้หุ่นยนต์เข้าตรวจคลำทรวงอกสตรี เพื่อตรวจหามะเร็งเต้านมให้พบเสียตั้งแต่ระยะต้นๆ เพื่อจะช่วยป้องกันรักษาชีวิตผู้ป่วยเอาไว้โดยง่าย นิตยสารวิทยาศาสตร์ “นิว ไซเอนติสต์” กล่าวเปิดเผยว่า หุ่นยนต์ตรวจเต้านมจะใช้ทั้งคลื่นอัลตราซาวด์และความรู้สึก ในการสัมผัสจับต้องประกอบกันในการตรวจ แต่ที่สำคัญมันจะช่วยให้แพทย์ผู้ชำนาญโรคสามารถตรวจคนไข้ได้ แม้จะอยู่ห่างไกลกันคนละที่ขนาดอยู่ห่างตั้งครึ่งโลกได้ เครื่องอุปกรณ์ “มือกล” เป็นผลงานการค้นคว้าของคณะนักวิจัย มหาวิทยาลัยรัฐมิชิแกนแห่งสหรัฐฯ นายรันชัน มุคเฮอยี นักวิจัยคนหนึ่งเปิดเผยว่า เครื่องกำลังอยู่ในขั้นทดลองใช้ในสถานพยาบาลอยู่ แต่คาดว่ากว่าจะผลิตขึ้นสำเร็จจนนำออกจำหน่ายได้คงอยู่ในอีกราว 5 ปี. (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 9 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ส่งใจเชียร์"ใจดี"ไปญี่ปุ่น หุ่นยนต์ตัวเก่งของเด็กไทย

สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม(Institute of Field roBOtics) หรือที่รู้จักทั่วไปในชื่อของ ฟีโบ้(FIBO) หน่วยงานในสังกัดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เรื่องราวของการพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ของฟีโบ้ ที่ได้เริ่มมีการวิจัยพัฒนาเรื่องของหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์เป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.2542 หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ เป็นหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้มีลักษณะคล้ายกับมนุษย์ โดยมีการพัฒนาขึ้นตั้งแต่ปี 2513 ซึ่งการพัฒนาเจ้าหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์นี้ จะเป็นการพัฒนาเพื่อให้มันมีความสามารถในการเดินสองขาได้อย่างเสถียรภาพ รู้จักหลบหลีกสิ่งกีดขวาง การก้าวขึ้นลงบันได รวมไปถึงการมองเห็นและการประมวลผลโต้ตอบกับมนุษย์ได้ เป้าหมายสำคัญในการพัฒนาหุ่นยนต์เหมือนมนุษย์ขึ้นมา ก็เพื่อให้เจ้าหุ่นยนต์พวกนี้สามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์และสามารถช่วยเหลือมนุษย์ได้ในอนาคต จากการเล็งเห็นถึงความสำคัญของหุ่นยนต์นี่เอง จึงทำให้มีการจัดการประกวดและแข่งขันหุ่นยนต์ขึ้นกันอย่างกว้างขวาง เพื่อจะได้เห็นการพัฒนาการอย่างไม่หยุดยั้งของหุ่นยนต์ และการแข่งขันที่เป็นการแข่งระดับโลกซึ่งเป็นที่รู้จักกันก็คือ การแข่งขัน โรโบคัพ (Robocup) ซึ่งเป็นการจัดการแข่งขันระดับโลกที่มีขึ้นเป็นประจำทุกปี และปีนี้ก็เป็นอีกปีหนึ่ง ที่ไทยเราจะได้ภาคภูมิใจ กับการส่งหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ 2 ขา ไปร่วมแข่งขันกับเขาด้วยเป็นครั้งแรกของประเทศไทย และหุ่นยนต์ 2 ขาตัวที่จะส่งไปเข้าแข่งขันครั้งนี้ มีชื่อว่า "ใจดี" เป็นฝีมือการพัฒนาของทีมนักศึกษาจากสถาบันฟีโบ้ 5 คน ที่ร่วมกันพัฒนาคุณใจดีขึ้น และงานนี้ ก็ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) หรือเอไอเอส ที่มอบเงินให้ทีมของคุณใจดี ได้ไปแข่งขันถึงเมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น คุณ "ใจดี" สูง 38 เซนติเมตร น้ำหนักรวม 3.3 กิโลกรัม มี 2 แขน และ 2 ขา พร้อมข้อต่อทั้งหมด 23 ข้อต่อ ใช้หน่วยประมวลผลกลาง 16 บิต DSP chip Motorola 58F807 DSP chip สามารถเดินได้ด้วยความเร็ว 2 เมตรต่อนาที สามารถวางแผนการวางเท้าในการหลบสิ่งกีดขวาง และเข้าหาลูกบอลเพื่อเตะเข้าเป้าหมายได้ ที่ดูจะน่าตื่นเต้นที่สุด สำหรับความสามารถของคุณใจดี ก็คือ เมื่อมันหงายหลัง มันสามารถสะพานโค้งขึ้นมายืนได้ด้วย (มติชนรายวัน เสาร์ที่ 9 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





ข่าวทั่วไป


ชายไทยตายด้วยเอดส์กับอุบัติเหตุ รองลงมาเป็นมะเร็งกับโรคหัวใจ

จากการวิเคราะห์สุขภาพชายไทยพบว่า ผู้ชายเสียชีวิตต่อปีประมาณ 200,000 คน สาเหตุการตายอันดับ 1 เกิดจากโรคติดเชื้อมากที่สุดคือโรคเอดส์ รองลงมาคืออุบัติเหตุจราจร โรคมะเร็ง และโรคหัวใจ ทางด้านกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า การดูแลสุขภาพของเพศชายมีความสำคัญเช่นเดียวกับเพศหญิง เพราะเพศชายมีโอกาสเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ และการเจ็บป่วยของเพศชายยังส่งผลกระทบต่อความสุขของครอบครัวด้วย ซึ่งหลายประเทศตื่นตัวเรื่องนี้มากขึ้นและพัฒนารวบรวมองค์ความรู้ด้านต่างๆ ที่เกี่ยวกับผู้ชายไว้ด้วยกัน เรียกว่าบุรุษเวชศาสตร์ เพื่อให้การดูแลสุขภาพของผู้ชายตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงสูงอายุ กระทรวงได้วางแผนรับมือให้การดูแลสุขภาพและเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุ โดยจัดตั้งคลินิกวัยทองทั้งเพศหญิงและเพศชาย ในส่วนของคลินิกวัยทองชายจัดตั้งแล้ว 280 แห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็นศูนย์อนามัยเขต 10 แห่ง โรงพยาบาลศูนย์ 14 แห่ง โรงพยาบาลทั่วไป 25 แห่ง โรงพยาบาลชุมชน 43 แห่ง และสถานีอนามัย 188 แห่ง ให้บริการทดสอบภาวะขาดฮอร์โมนเพศชาย ประเมินหาความผิดปกติของต่อมลูกหมาก ประเมินสมรรถภาพทางเพศ ความเครียด ความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง รู้ผลได้ทันที ซึ่งแนวทางในการดูแลสุขภาพนั้น กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายส่งเสริมทั้งด้านการแพทย์แผนปัจจุบัน และการใช้ภูมิปัญญาดั้งเดิมทั้งของไทยและจีน. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





เตือนภัย “ตะเกียบไม้” สารฟอกขาวอื้อ ชี้เจอความร้อนปล่อยกรดปนเปื้อนอาหาร

ผอ.กองอาหาร สำนักคุณภาพเพื่อความปลอดภัยอาหาร เก็บตัวอย่างตะเกียบในท้องตลาดมาพิสูจน์ พบว่ามีการใช้สารฟอกขาวในตะเกียบไม้จริง โดยพบในตะเกียบชนิดที่ต้องหักออกจากกันก่อนใช้ ซึ่งเป็นที่นิยมของร้านอาหารทั่วไปในปัจจุบัน อันตรายจากสารฟอกขาวที่อยู่ในตะเกียบ เป็นชนิดเดียวกับสารฟอกขาวที่ใช้แช่ถั่วงอก โดยสารฟอกขาวจะมีสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์เป็นส่วนประกอบ เมื่อโดนน้ำร้อนหรือของที่มีอุณหภูมิสูง สารซัลเฟอร์ไดออกไซด์จะเปลี่ยนเป็นกรดซัลฟูริก ซึ่งเป็นกรดชนิดเดียวกับที่อยู่ในแบตเตอรี่รถยนต์ เมื่อกรดดังกล่าวละลายออกมาจากตะเกียบ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กล่าวว่า การใช้ ตะเกียบกับอาหารร้อนสารจะปนเปื้อนในอาหาร อาจเป็นอันตรายสำหรับผู้ที่เป็นโรคหอบหืด หรือในคนที่มีภูมิต้านทานต่ำ แพ้ง่าย อาจจะเกิดอาการหอบ เหนื่อย อาเจียนได้ทันที ส่วนคนที่ร่างกายแข็งแรง สารเหล่านี้แม้จะไม่ทำอันตรายทันทีแต่จะสะสมในร่างกายได้ การปนเปื้อนของสารจะละลายออกมาเมื่อตะเกียบถูกน้ำร้อน หรือความร้อน เช่น การทานสุกี้ อาหารหม้อไฟต่างๆ รวมทั้งบะหมี่สำเร็จรูปที่ชงกับน้ำร้อนด้วย แต่ถ้าใช้ รับประทานอาหารที่ไม่มีน้ำร้อนๆ หรืออาหารแห้งๆ โอกาสที่สารฟอกขาวซึ่งอยู่ในตะเกียบจะเจือปนออกมา ก็มีโอกาสน้อยกว่าอันตรายของสารฟอกขาวที่เข้าไปสะสมในร่างกาย จะทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายค่อยๆลดต่ำลง ทำให้ร่างกายจะเกิดโรคต่างๆได้ง่ายกว่าปกติ เพราะเมื่อร่างกายไม่มีภูมิต้านทาน เมื่อได้รับเชื้อต่างๆก็จะไม่มีระบบการทำลาย และสิ่งต่างๆที่เข้าสู่ร่างกายได้ง่ายจะไปสะสมทำให้เกิดโรคอื่นๆ ที่กระตุ้นให้เกิดโรคมะเร็ง ทั้งนี้ หากต้องใช้ตะเกียบชนิดดังกล่าวรับประทานอาหารร้อนๆ สามารถป้องกันการปนเปื้อนของสารฟอกขาวได้ ด้วยการนำตะเกียบไปแช่ในน้ำร้อนประมาณ 3-4 นาที แล้วเทน้ำทิ้งเพื่อให้สารฟอกขาว ที่อยู่ในเนื้อไม้ของตะเกียบถูกทิ้งไปก่อน จึงค่อยนำมาใช้ ส่วนตะเกียบไม้ไผ่แม้ไม่มีสารฟอกขาว แต่ก็ต้องทำความสะอาดให้ดีเพื่อไม่ให้เกิดเชื้อรา (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ประหยัดพลังงาน

เริ่มตั้งแต่ วันที่ 1 มิ.ย. 2548 รัฐบาลได้เสนอมาตรการออกมา 3 มาตรการ เพื่อรณรงค์ให้ประชาชน ประหยัดพลังงาน มาตรการแรกคือ ปิดแอร์ช่วงเวลา 12.00-13.00 น. มาตรการที่สองคือ ขับรถไม่เกิน 90 กม./ชม. และมาตรการที่สามคือ ปิดไฟอย่างน้อยหนึ่งดวงทุกบ้านพร้อมกันเวลา 20.45 น. มาตรการแรก ถ้าทำอย่างต่อเนื่อง จะประหยัดเงินได้ 578 ล้านบาทต่อปี มาตรการที่สาม ถ้าทำอย่างต่อเนื่อง จะประหยัดเงินได้ 516 ล้านบาทต่อปี ในการประกาศมาตรการข้างต้นนี้ บอกไว้ว่าจะขอความร่วมมือจากประชาชนทั้งประเทศ เป็นเวลา 3 เดือน นั่นคือ พอถึง ปลายเดือน ส.ค. 2548 จะมีการประเมินว่าได้ผลมากน้อยขนาดไหน ถ้าไม่ได้ผล จะออกมาตรการเพิ่มต่อไป ขณะเดียวกันก็สั่งให้คณะทำงานติดตามเศรษฐกิจ และสำนักงานเศรษฐกิจการคลังหารือกับฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อค้นหาแนวทางประหยัดพลังงานใหม่ และนำให้ ครม. พิจารณาโดยเร็ว แว่วมาว่า ในขั้นแรกจะมีการเสนอมาตรการต่อไปนี้ มาตรการแรก ให้สถานีบริการขายน้ำมันหรือ ปั๊มน้ำมัน ทั่วประเทศ ปิดบริการให้เร็วขึ้น จากเดิมปิดเวลา 24.00 น. และเปิดขายในเวลา 06.00 น. มาตรการที่สอง ให้ สถานีโทรทัศน์ หยุดออกอากาศเวลา 24.00 น. แต่ไม่ใช้กับรายการโทรทัศน์ของยูบีซี เนื่องจากเป็นบริการที่ผู้บริโภคต้องเสียเงินค่าใช้บริการ มาตรการที่สาม ปิดไฟขนาดใหญ่ที่ใช้กับป้ายโฆษณาหลังเวลา 21.00 น. นอกจากนี้ยังมีการหารือที่จะให้ ห้างซูเปอร์สโตร์ เช่น บิ๊กซี โลตัส คาร์ฟูร์ ปิดให้บริการเร็วขึ้นกว่าในปัจจุบัน แต่คาดว่าข้อเสนอนี้จะตกไป เพราะเกรงว่าจะมีการร้องเรียนอย่างหนักจากผู้ประกอบการ (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





สร้างสะพานข้ามเจ้าพระยาขนานสะพานพระนั่งเกล้าฯ

นายจิตพันธ์ ประกอบพร ผู้อำนวยการสำนักก่อสร้างสะพาน กรมทางหลวง เปิดเผยว่า กรมทางหลวงมีโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบางใหญ่-แคราย บนถนนรัตนาธิเบศร์คู่ขนานกับสะพานพระนั่งเกล้าฯ งบประมาณ 1,400 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างออก แบบโดยแบบจะเสร็จในเดือน ส.ค.นี้ และจะสามารถประกาศประกวดราคาหาเอกชนมาก่อสร้างโครงการได้ประมาณเดือน ก.ย.นี้ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในเดือน ธ.ค. 2548 โดยจะใช้เวลาในการก่อสร้างอย่างน้อย 2 ปี สะพานดังกล่าวจะช่วยแบ่งเบาปริมาณรถจากสะพานพระนั่งเกล้าฯ ช่วยลดคอขวดขณะรถข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วยให้การจราจรติดขัดน้อยลง โดยจะก่อสร้างคู่กับสะพานพระนั่งเกล้าฯ นอกจากนี้ในบริเวณดังกล่าวจะมีการก่อสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีม่วงบางซื่อ-บางใหญ่ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งจะต้องก่อสร้างข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณ ดังกล่าวเช่นกัน โดยจะก่อสร้างคู่ขนานกันไปเหมือนส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าบีทีเอสที่สะพานตากสิน สำหรับโครงการก่อสร้างทางยกระดับบนถนนรัตนาธิเบศร์นั้นยกเลิก เนื่องจากมีโครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีม่วงบางซื่อ-บางใหญ่แล้ว ซึ่งมีกำหนดเซ็นสัญญาจ้างเอกชนก่อสร้างโครงการต้นปี 2549 นี้. (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ก.อุตฯสั่งเดินหน้า กรุงเทพเมืองแฟชั่น ผลิตนักดีไซร์เนอร์

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึง ความคืบหน้าโครงการศูนย์พัฒนาบุคลากรด้านแฟชั่น (BIFA) ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะสนับสนุนให้โครงการเกิดความต่อเนื่อง เนื่องจากเห็นว่า กรอบระยะเวลาโครงการเพียง 18 เดือน อาจไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นการสร้างนักออกแบบแฟชั่นได้อย่างแท้จริง จึงได้มอบหมายให้ผู้ดำเนินงานโครงการและคณะทำงานของสำนักงานโครงการกรุงเทพฯเมืองแฟชั่นไปศึกษาว่าจะดำเนินการอย่างไรที่จะสามารถพัฒนาศูนย์แห่งนี้ให้สร้างบุคลากรแฟชั่นไทย หรือนักดีไซร์เนอร์ได้ต่อเนื่องในระยะยาว โดยคาดว่าจะผลักดันให้มีการจัดตั้งเป็นสำนักงานการศึกษาด้านแฟชั่นชั้นสูง และได้รับการรับรองวุฒิการศึกษาเทียบเท่ากับสถานศึกษาแห่งอื่น ซึ่งคาดว่าผู้ดำเนินโครงการจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการกำกับโครงการกรุงเทพฯเมืองแฟชั่นได้ในเดือนต.ค.นี้ (สยามรัฐรายวัน จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





4 ดัชนีสำคัญของเด็กไทย 4 โรคร้ายของสังคมเมือง

ข้อมูลจากสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล : สุขภาพคนไทย 2548 ชี้ให้เห็นว่าปัญหาเด็กและเยาวชนไทยกำลังอยู่ในภาวะวิกฤต ซึ่งปัญหาสำคัญ 1. โรคอ้วน เด็กเล็กเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ชื่นชอบขนมขบเคี้ยวที่มีแป้งและน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลัก ส่งผลให้เด็กวัยเรียนมีแนวโน้มเป็นโรคอ้วนมากขึ้น พบว่าเกือบ 1 ใน 5 ของเด็กชั้นประถมศึกษาเป็นโรคอ้วนและส่วนใหญ่มีความดันโลหิตผิดปกติ 2. เมาแล้วขับไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่สวมหมวกกันน็อก เป็นปัญหาสำคัญของอุบัติเหตุจราจร จากการสำรวจพบว่ากลุ่มวัยรุ่นเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่สุดต่อการเกิดอุบัติเหตุจราจร จากสถิติมีมากถึง 43.5% 3. การมีเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่น ต้องยอมรับกันว่าวัยรุ่นมองเรื่องการมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องปกติ วัยรุ่นชายเพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่ซื้อบริการทางเพศ แต่เพศสัมพันธ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายอย่างตรงไปตรงมากลับกลายเป็นเรื่องท้าทายของวัยรุ่นในปัจจุบัน โดยวัยรุ่นชายเกือบครึ่งมีความเห็นว่ายอมรับให้ผู้หญิงโสดมีเพศสัมพันธ์ได้และมากกว่า 1 ใน 4 ยังยอมรับเรื่องการอยู่ด้วยกันก่อนแต่งงานมากขึ้น เรื่องที่น่าห่วงใยคือ ประมาณ 1 ใน 5 ของวัยรุ่นชายและหญิงอายุ 15-19 ปี มีอัตราการใช้ถุงยางอนามัยอยู่ในระดับต่ำมาก 4. อบายมุขที่ถูกกฎหมาย เที่ยวกลางคืน สูบบุหรี่และดื่มเหล้า ผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในปี 2547 พบว่าเยาวชนอายุ 15-24 ปี ดื่มแอลกอฮอล์มี 3.78 ล้านคน มีผู้สูบบุหรี่เป็นประจำประมาณ 9.6 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นเยาวชนอายุ 15-24 ปี 1.26 ล้านคน เดือนกุมภาพันธ์ 2548 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชรายงานถึงผลการสำรวจพฤติกรรมการดื่มสุราของเยาวชนไทยอายุ 15-19 ปี พบว่า 45% ดื่มเหล้าเป็นประจำ ส่วนใหญ่ดื่มครั้งแรกเมื่ออายุ 15 ปี (ข่าวสด จันทร์ที่ 4 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





แนะวิธีดูดน้ำอัดลมอย่างถูกวิธี ปลอดอันตรายจากฟันผุกร่อน

เครื่องดื่มพวกน้ำอัดลมค่อนข้างออกฤทธิ์เป็นกรดกัดกร่อนเคลือบฟัน ทำให้ฟันผุได้ ควรจะใช้หลอดดูดเมื่อเวลาดื่มกิน จะช่วยป้องกันเอาไว้ได้มาก ทันตแพทย์ของมหาวิทยาลัยเทมเปิล ของสหรัฐฯ ได้แนะว่า เมื่อคาบหลอดดูด ควรจะคาบให้อยู่ลึกเข้าไปในปาก หลังจากที่ได้พบเห็นตัวอย่างจากวัยรุ่นผู้ติดเครื่องดื่มรสหวานที่ใส่น้ำโซดารสต่างๆ บางทีใส่ไอศกรีมด้วยอย่างหนัก กินถึงวันละ 1-3 ลิตรทุกวันจนฟันผุเกือบทั้งปากด้วยกัน 2 ราย ทั้งคู่ต่างกินคนละวิธีกัน รายหนึ่งเป็นเด็กหนุ่มอายุ 18 ปี ชอบกินจากกระป๋องและถ้วย และชอบอมไว้ในปากก่อนกลืน จะมีฟันทางด้านหลังจะผุเป็นอันมาก ในขณะที่อีกคนหนึ่งเป็นเด็กผู้หญิงอายุ 16 ปี จะใช้หลอดดูดดูดขึ้นช้าๆ ฟันที่ผุส่วนใหญ่จะเป็นฟันหน้า เพราะชอบคาบหลอดดูดเอาไว้หมิ่นๆ ดร.โมฮำเหม็ด เอ. บาซสูหนี่ กับคณะ รายงานไว้ในวารสารวิชาการชื่อ “ทันตกรรม” ว่า จากตัวอย่างที่เห็น แสดงว่าหากอมหลอดดูดไว้ลึกๆ เมื่อเวลาดื่ม อาจจะช่วยลดฟันผุให้น้อยลงได้ เพราะน้ำโซดาจะได้โดนฟันให้ น้อยที่สุด (ไทยรัฐ อังคารที่ 5 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ปณท ไอเดียเจ๋ง จัดทำแสตมป์3มิติ แห่งแรกของโลก

นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการ จัดงานแสดงตราไปรษณียากรแห่งชาติครั้งที่ 15 หรือไทยเปก'05 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 3-7 ส.ค.นี้ ที่บริเวณฮอลล์ 5 อิมแพค เมืองทองธานี กล่าวในการแถลงข่าวว่า ในงานจะมีการนำแสตมป์ 3 มิติ ที่บริษัทไปรษณีย์ไทยจัดทำขึ้น เป็นแสตมป์ไฮเทคที่เป็นลูกเล่นใหม่เพื่อให้บริการแก่นักสะสมแสตมป์ เก็บไว้เป็นแสตมป์ที่ระลึกส่วนตัว หรือจะใช้ส่งจดหมายจริงก็ได้ ให้ประชาชนสามารถถ่ายรูปตัวเองลงในแสตมป์ ลักษณะเหมือนถ่ายรูปสติกเกอร์ และสามารถถ่ายรูปได้ 2 แอ็กชั่นต่อแสตมป์ 1 ดวง และสามารถเลือกถ่ายกับแสตมป์แบบใดก็ได้ ในจำนวนแสตมป์ 4 แบบที่จัดทำขึ้น มีแสตมป์ดอกราชพฤกษ์ แสตมป์ธงชาติไทย แสตมป์หัวใจ และแสตมป์หมีแพนด้า ในอัตราค่าบริการ 200 บาทต่อแสตมป์ 12 ดวง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ด้านการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวด้วยว่า นอกจากแสตมป์ส่วนตัว 3 มิติ ที่จะมาบริการในงานแล้ว ปณท ยังได้เปิดบริการจัดทำแสตมป์ส่วนตัวแบบธรรมดา ที่สามารถใช้งานได้จริงจาก 5 การไปรษณีย์ ได้แก่ ไปรษณีย์ไทย นิวซีแลนด์ อังกฤษ ฮ่องกง และออสเตรเลีย โดยไม่ต้องบินไปสั่งซื้อจากต่างประเทศ ผู้สะสมสามารถเลือกแบบตามใจชอบ แสตมป์ส่วนตัว ที่ ปณท เปิด ให้บริการนี้ จะเปิดให้บริการเฉพาะในงานแสดงตราไปรษณียากรแห่งชาติ ครั้งที่ 15 เท่านั้น ปณทยังได้จัดทำแสตมป์ที่ระลึกชุดพิเศษ มีแสตมป์ที่ระลึก 50 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แสตมป์ที่ระลึกงานแสดงตราไปรษณียากรแห่งชาติ ครั้งที่ 15 ซึ่งเป็นภาพตัวละครสำคัญ จากเรื่องรามเกียรติ์ ชุดแสตมป์หน้าบัน แสตมป์สามเหลี่ยมดวงแรกของไทย และแสตมป์ที่ระลึกวันสื่อสารแห่งชาติ มาจำหน่ายในงานนี้ด้วย (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 7 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





โรคหลอดเลือดสมองคร่าไทยอันดับ 3 เป็นแล้วตายถึงหายก็เป็นอัมพาต

น.ส.ธัญลักษณ์ โอบอ้อม วิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทย เปิดเผยผลการวิจัยตามโครงการ “ประสบการณ์ของครอบครัวผู้รอดชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองในจังหวัดเชียงใหม่” พบว่า ปัจจุบันคนไทยป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มมากขึ้น โดยมีอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดสมองในประชากรไทยเท่ากับ 77.4 รายต่อประชากร 100,000 คน ซึ่งถูกจัดเป็นโรคที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในประชากรไทยเป็นอันดับที่ 3 และเป็นโรคที่พบบ่อยรองจากโรคหัวใจและมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมองเป็นความผิดปกติของหลอดเลือดสมองที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และไม่สามารถคาดเดาก่อนได้ ทำให้สมองขาดเลือดไปเลี้ยง ซึ่งอาจเกิดจากเส้นเลือดสมองตีบอุดตันหรือแตก ผลของโรคที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิต แต่เนื่องจากความก้าวหน้าทางการแพทย์ และการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในปัจจุบัน ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากรอดชีวิต แต่ต้องตกอยู่ในภาวะทุพพลภาพ หรืออัมพาตระยะยาว ดังนั้น ผู้รอดชีวิตและครอบครัวจึงต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของชีวิตในทุกด้าน โรคหลอดเลือดสมองมักเกิดในผู้ที่มีภาวะโรคความดันโลหิตสูงมาเป็นเวลานาน ความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการควบคุมอย่างสม่ำเสมอ หรือความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ ผู้ที่มีภาวะโรคเบาหวาน โรคหัวใจที่มีลิ้นหัวใจผิดปกติ โรคหัวใจที่มีการเต้นของหัวใจผิดจังหวะ และภาวะไขมันในเส้นเลือดสูง ดังนั้น การดูแลสุขภาพอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ โดยการปรับเปลี่ยนปัจจัยด้านพฤติกรรม โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการบริโภคอาหารเลียนแบบตะวันตก การปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิต แบบปัจจุบันต้องแข่งขันและเร่งรีบทำให้เกิดความเครียด ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมสม่ำเสมอ และหยุดพฤติกรรมเสี่ยงอื่นๆที่สำคัญ เช่น การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 8 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





คู่มือ...แอดมิสชั่นส์ ระบบใหม่…บันไดสู่มหาวิทยาลัย

หนังสือ "คู่มือแอดมิสชั่นส์(Central University Admissions System) ระบบใหม่…บันไดสู่มหาวิทยาลัย" เล่มนี้ จะช่วยไขคำตอบและข้อข้องใจทุกเรื่องราวที่อยากรู้ เริ่มตั้งแต่ความเป็นมาของระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา, 4 องค์ประกอบหลักในระบบแอดมิสชั่นส์, เกณฑ์คัดเลือกทั้ง 9 กลุ่มคณะ/สาขาวิชา, ขั้นตอนการสมัครและกระบวนการคัดเลือก เพิ่มเติมด้วย เนื้อหาคำแนะนำเพื่อพิชิตแอดมิสชั่นส์, เรียนอย่างไรจึงได้ GPA / GPAX สูงๆ, รู้เทคนิคเข้าคณะดังต่างๆ, แนะแนวทางเลือกแผนการเรียนในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย และข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรการเรียนการสอนสาขาวิชาต่างๆ ในสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศไทย รวมทั้งพิเศษด้วย ตัวอย่างลักษณะข้อสอบ O-NET / A-NET และสถิติคะแนนสอบเอ็นทรานซ์ปีการศึกษา 2548 ในทุกสาขาวิชา/สถาบัน (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 8 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





เคล็ดลับควบคุมความอยากอาหาร อาวุธสำคัญสำหรับคนช่างกิน

ข้อมูลจากฮาร์วาร์ด เมดิคอล อินเตอร์ เนชั่นแนล แจ้งว่า คนที่รู้ตัวว่าเป็นคนเจริญ อาหาร ต้องรู้จักควบคุม ความอยาก อาหารของ ตนเองให้อยู่ในระดับพอดี โดยลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ • ช่วงที่กำลังกินอาหารต้องรู้จักชะลอความเร็ว ค่อยๆ กิน ค่อยๆ เคี้ยว เวลาสำหรับกินอาหาร มื้อหนึ่งควรใช้เวลาอย่างน้อย 20 นาที การที่เราค่อยๆ กิน ค่อยๆ เคี้ยวช้าๆ จะทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าได้กินอาหารไปมากแล้ว • จะกินอาหารได้ต่อเมื่อนั่งลงนิ่งๆเท่านั้น เพราะมันจะช่วยให้เรารู้ว่ากินไปมากน้อยแค่ไหนแล้ว • ควรแบ่งอาหารใส่ ลงในจานใบเล็ก และก่อนกินอาหารควรดื่มน้ำสักหนึ่งแก้วเล็ก • ระหว่างมื้ออาหาร ถ้าอยากกินของ ขบเคี้ยว ควรอดใจรอไว้ก่อนสัก 10 นาที เพราะระหว่าง ที่รอนั้นจะช่วยให้เรารู้สึกได้ ว่าที่จริงก็ยังไม่ได้หิวเท่าไรหรอก • อาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ผักและผลไม้ ควรนำมาจัดไว้ด้านหน้าตู้เย็น ในที่ที่หยิบสะดวก (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 9 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





แพทย์ชี้ 6 พฤติกรรมที่กระทบต่อสุขภาพคนไทย

นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการศึกษาพฤติกรรมของคนไทย พบว่ามี 6 พฤติกรรมใหญ่ ๆ ที่ส่งผลถึงสุขภาพร่างกายของคนไทย ได้แก่ 1.พฤติกรรมการบริโภค พบว่ามีการบริโภคอาหารที่ไม่ถูกต้อง หรือการสูบบุหรี่ การดื่มสุรา ส่งผลกระทบต่อร่างกาย เป็นปัญหาต่อประเทศชาติ ต่อความมั่นคงของชาติ พฤติกรรมการบริโภคเหล่านี้ เป็นพฤติกรรมเสี่ยง แต่สามารถแก้ไขและหลีกเลี่ยงได้ 2.พฤติกรรมทางเพศ ที่เป็นพฤติกรรมเชิงลบ แต่ก็สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ เช่นกัน 3.พฤติกรรมการออกกำลังกาย เป็นพฤติกรรมในทางบวก ที่ต้องการเห็นคนไทยใช้ให้มาก จะเป็นตัวอย่างที่ดีต่อสังคม 4.พฤติกรรมในทางเสี่ยง เป็นพฤติกรรมในทางลบ เช่น เรื่องอุบัติเหตุต่าง ๆ คนไทยชอบเลี่ยงที่จะถูกบังคับใช้กฎหมาย เช่น ไม่สวมหมวกกันน็อค หรือคาดเข็มขัดนิรภัย 5.พฤติกรรมทางด้านสุขภาพจิต มีการแสดงออกในทางก้าวร้าว 6.พฤติกรรมสิ่งแวดล้อม เช่น ชอบทิ้งขยะลงในที่สาธารณะที่เป็นเขตห้าม โดยพฤติกรรมทั้ง 6 มีการวิจัยออกมาแล้วว่า คนไทยชอบประพฤติมากที่สุด ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชน ต้องร่วมกันสร้างพฤติกรรมที่ถูกต้อง และปลูกฝังให้แก่เด็กและเยาวชน ที่ถือเป็นกลุ่มเสี่ยง และมีจำนวนถึง 20 ล้านคนของจำนวนประชากรทั้งประเทศ (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 9 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ขรก.เฮ! รัฐเร่งขึ้นเงินเดือน ต.ค.48 นี้ จากเดิม เม.ย.49 หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ 'วิกฤตินํ้ามัน'ขยับอีก เว้น ปตท.

ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 11.30 น. วันที่ 8 ก.ค. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ที่เสนอให้รัฐบาลลดวงเงินการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่หรือเมกะโปรเจคท์ ลง 50% ว่า รัฐบาลได้ติดตามและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไปทบทวนมาตรการและตัวเลขใหม่ เพื่อนำมาหารือร่วมกันในวันที่ 11 ก.ค.นี้ เพื่อหามาตรการระยะสั้นมาเสริมเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังเผชิญกับปัญหาหลายด้าน โดยเฉพาะราคาน้ำมันแพง ภัยแล้งที่ทำให้ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะประกาศมาตรการที่ชัดเจนในวันที่ 12 ก.ค.นี้ รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มาตรการระยะสั้นที่รัฐบาลจะนำมากระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีนั้น จะเป็นกระบวนการที่นำเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากที่สุดเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ ซึ่งนอกจากการเร่งใช้จ่ายเงินงบประมาณที่ค้างอยู่ทั้งของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจประมาณ 500,000 ล้านบาท แล้วจะเพิ่มเงินเดือนให้กับข้าราชการตามนโยบายของนายกฯ ให้เร็วขึ้นจากเดิมที่จะปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการในช่วงเดือน เม.ย. 49 ซึ่งเป็นช่วงกลางปี งบประมาณ 49 เป็นช่วงเดือน ต.ค. 48 ซึ่งเป็นช่วงต้นงบประมาณแทน ส่วนแนวทางการปรับขึ้นเงินเดือนอย่างไรต้องให้นายกฯ เป็นผู้ประกาศ โดยการปรับเงินเดือนครั้งนี้จะเป็นการปรับโครงสร้างเงินเดือนใหม่ที่อิงกับภาคเอกชนเป็นหลักตามแต่ละวิชาชีพ ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ปรับขึ้นเงินเดือน ให้กับข้าราชการ 3% เมื่อเดือน เม.ย. 48 ที่ผ่านมา และให้อีก 2 ขั้นสำหรับข้าราชการระดับ 1-7 ส่วนระดับ 8-10 นั้นเป็นการเพิ่มเงินประจำตำแหน่ง (เดลินิวส์ เสาร์ที่ 9 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215