หัวข้อข่าวปีที่ 6 ฉบับที่ 28 ประจำวันที่ 2005-07-30

ข่าวการศึกษา

เด็กไทยเก่งอีกแล้วคว้าเหรียญทองเคมีโอลิมปิก
"มช."นำทีม5ม.รับน.ศ.-ร่วมแอดมิสชั่นส์
เกษตรศาสตร์วิจัยสื่อซอฟต์แวร์ชั้นประถม
วัดไอคิวเด็กอาจมีผลเสย
เร่งวางเกณฑ์เรียนปริญญาทางไกล
เผยสถาบันทั้ง"อาชีวะ-ม."ผลิตไม่ตรงตลาด อ่อนไอที-อังกฤษไม่สู้งานชี้ต้องบังคับเรียน

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

อุกกาบาตดาวอังคารฟ้องตัวเองเป็นโลกตายซากหนาวจนสุดขั้ว
ประกวดเว็บวิทยาศาสตร์
ลำปางอัด20ล้านปั้นเมืองเซรามิก จับรง.ขนาดเล็กรวมกลุ่มคลัสเตอร์
เครื่องสแกนลายนิ้วมือ
กรมประมงเพาะพันธุ์ปูม้าสำเร็จ
ประมงสุดเจ๋ง เพาะตะโขงได้
ผู้โดนถูกฉายกัมมันตภาพรังสี อาจก่อความแตกตื่นในสนามบิน
ไมโครเวฟสลายม็อบ
ญี่ปุ่นเสกฝนอิเล็กทรอนิกส์ส่งข้อความโฆษณาสุดไฮเทค
รพ.เปิดรับ "ฉลากอัจฉริยะ" ช่วยจ่ายยา ตัดปัญหาสลับตัวทารก-แก้เผ็ดยาปลอม
ศูนย์ซินโครตรอนจับมือเยอรมนี พัฒนานักวิจัยระดับโมเลกุล-อะตอม
งานนวัตกรรมเอเชียคึกคัก ระดมผลงานไทยเข้าประชัน
ส่งยาจิ๋วไปถล่มเซลล์มะเร็งถึงรัง

ข่าววิจัย/พัฒนา

ข้อดีของ... "ดาร์กช็อกโกแลต" ช่วยลดความดันเลือด-ความเสี่ยงโรคหัวใจ
หุ่นยนต์พันธุ์ไทย 8 ทีมสุดท้ายRoboCup
เครื่องคัดไข่ด้วยภาพ รวดเร็ว แม่นยำ ประสิทธิภาพเยี่ยม
พบวิธีรักษาแล้ว ธาลัสซีเมีย
พบหนทางลดน้ำหนักแบบเรียนลัด ฉีดฮอร์โมนคอยเตือนสมองรู้อิ่ม
สร้างแม่ไก่ออกไข่เป็นยาป้องกัน กินได้ทั้งอิ่มท้องและต่อต้านโรค
ไบโอดีเซลสูตรใหม่ ไร้มลพิษ
เตาเผาขยะไฮเทค ประหยัดเชื้อเพลิงกว่า 50%
.ศ.เพชรบูรณ์สร้างผลงานเลื่องชื่อ "เครื่องเขย่าไข่"-สุดยอดประดิษฐกรรม
ผลิตช็อกโกแลตเป็นยาเบาหวาน
วิจัยพบชายขริบลดเสี่ยงเอดส์
นักวิจัยหญิงคนแรก สุมาลี กำจรวงศ์ไพศาลคว้ารางวัล"Howard Hughes"v
ประหยัดแรงถู ....ด้วย สคูบา หุ่นยนต์รักสะอาด
มอเตอร์ไซค์ใช้เอทานอลช่วยประหยัดแทนเติมเบนซิน
นักประดิษฐ์ม.ปลายโชว์ฝีมือ คิดเครื่องโอโซนล้างสารพิษ
เมาส์เท้าเพื่อคนแขนพิการ ใช้เท้าเหยียบแทนกดคลิก
หุ่นยนต์จิ๋วล่อแมลงสาบออกจากบ้าน
แพทย์รามาทุ่มวิจัยกระดูกพรุน คว้ารางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น
ไขคำตอบพืชทนแล้งพัฒนาพันธุ์พืชกินน้ำน้อย
ม.ราชมงคลล้านนาโชว์ผลงาน พัฒนารถเข็นไฟฟ้าช่วยผู้พิการ
แก้หมันด้วยสเต็มเซลล์ไขกระดูก

ข่าวทั่วไป

พบถอนตัวจากบ่วงของบุหรี่ได้ยากควรป้องกันปอดหัวใจเสียถาวร
"แบคทีเรีย"ต้นตอโรคลึกลับ
เพชรบูรณ์ขุดพบ "เครื่องมือ"ยุคหิน ชี้อายุ1.5หมื่นปี!
โลกจะเต็มด้วยคนแก่คนเป็นเอดส์ จำนวนประชากรเริ่มถดถอยลง
เตือนนานาชาติอีก 50 ปีโลกจะมีปัญหาผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยโรคเอดส์
เสนอทะเลสาบเชียงแสน เป็นมรดกโลก





ข่าวการศึกษา


เด็กไทยเก่งอีกแล้วคว้าเหรียญทองเคมีโอลิมปิก

จากกรณีที่สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ได้คัดเลือกและจัดส่งผู้แทนประเทศไทยไปแข่งขันเคมีโอลิมปิกระหว่างประเทศ ระหว่างวันที่ 16-25 กรกฎาคม 2548 ณ กรุงไทเป ไต้หวัน นั้น ดร.นงนุช ชาญปริยวาทีวงศ์ รักษาการผู้อำนวยการ สสวท. กล่าวว่า ผู้แทนประเทศไทยสามารถทำได้ 1 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน จากฝีมือของเหรียญทอง นายเจษฎา เตมัยสมิธิ โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก เหรียญเงิน นายธวัชชัย ชัยจรัสพงษ์ โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก นายภูมิ ชัยรัตน์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา นายศุภมงคล มัชมี โรงเรียนวัดสุทธิวราราม นอกจากนี้ นายเจษฏา เตมัยสมิธิ เจ้าของเหรียญทอง ยังสามารถทำคะแนนได้สูงถึงอันดับที่ 2 ของโลก จากจำนวนประเทศที่เข้าร่วมแข่งขัน 59 ประเทศ และประเทศสังเกตการณ์ 8 ประเทศ ข้อสอบประกอบด้วยภาคทฤษฎีและปฏิบัติ โดยภาคปฏิบัติแบ่งเป็น 2 ข้อ คือ ด้านเคมีอินทรีย์ เกี่ยวกับการสังเคราะห์ ด้านเคมีวิเคราะห์เกี่ยวกับการวิเคราะห์สารตัวอย่างอนินทรีย์ (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 25 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





"มช."นำทีม5ม.รับน.ศ.-ร่วมแอดมิสชั่นส์

"มช."นำทีม5ม.รับน.ศ.-ร่วมแอดมิสชั่นส์ นายพงษ์อินทร์ รักอริยะธรรม รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่(มช.) เปิดเผยว่า ในปีการศึกษา 2549 มหาวิทยาลัย 5 แห่งในภาคเหนือ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มหาวิทยาลัยพายัพ และมหาวิทยาลัยนอร์ธ-อีสเทิร์น จะรับนักศึกษาในระบบรับตรง โควต้า และโครงการพิเศษต่างๆ เอง โดยใช้ข้อสอบของ มช. ซึ่งเป็นปีการศึกษาสุดท้าย เพราะในปีการศึกษา 2550 จะเข้าร่วมกับระบบแอดมิสชั่นส์รับตรง ทั้งนี้ ในปีการศึกษา 2549 มช.รับนักศึกษาในโครงการต่างๆ รวมทั้งรับผ่านระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือระบบแอดมิสชั่นส์ รวม 6,273 คน แบ่งเป็นรับผ่านโครงการพิเศษต่างๆ รวม 4,339 คน อาทิ โควต้าเขตพัฒนาภาคเหนือ 17 จังหวัด รวม 2,304 คน เช่น คณะแพทยศาสตร์ 95 คน เทคนิคการแพทย์ 150 คน ทันตแพทยศาสตร์ 40 คน เภสัชศาสตร์ 80 คน สัตวแพทยศาสตร์ 25 คน วิศวกรรมศาสตร์ 325 คน และเศรษฐศาสตร์ 60 คน คัดเลือกในโครงการพิเศษรวม 1,040 คน เช่น แพทยศาสตร์ 41 คน เทคนิคการแพทย์ 37 คน ทันตแพทยศาสตร์ 46 คน สัตวแพทยศาสตร์ 13 คน วิศวกรรมศาสตร์ 123 คน สถาปัตยกรรมศาสตร์ 47 คน และวิจิตรศิลป์ 25 คน และคัดเลือกในภาคพิเศษรวม 995 คน เช่น เภสัชศาสตร์ 60 คน วิศวกรรมศาสตร์ 365 คน บริหารธุรกิจ 120 คน และเศรษฐศาสตร์ 140 คน เป็นต้น นายพงษ์อินทร์กล่าวต่อว่า สำหรับการรับผ่านระบบแอดมิสชั่นส์จำนวน 1,934 คน ดังนี้ แพทยศาสตร์ 74 คน เทคนิคการแพทย์ 91 คน ทันตแพทยศาสตร์ 24 คน เภสัชศาสตร์ 87 คน พยาบาลศาสตร์ 45 คน พยาบาลศาสตร์หลักสูตรนานาชาติ 10 คน วิทยาศาสตร์ 340 คน เกษตรศาสตร์ 130 คน อุตสาหกรรมเกษตร 92 คน สัตวแพทยศาสตร์ 22 คน วิศวกรรมศาสตร์ 267 คน สถาปัตยกรรมศาสตร์ 25 คน ศึกษาศาสตร์ 165 คน มนุษยศาสตร์ 206 คน บริหารธุรกิจ 104 คน เศรษฐศาสตร์ 66 คน สังคมศาสตร์ 144 คน และวิจิตรศิลป์ 42 คน (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 25 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





เกษตรศาสตร์วิจัยสื่อซอฟต์แวร์ชั้นประถม

ศาสตราจารย์อานนท์ บุณยะรัตเวช เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ วช.ให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ทำวิจัยโครงการสื่อซอฟต์แวร์การเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งวช.เห็นว่ามีความเหมาะสมที่จะใช้ในการเรียนรู้ของเด็กไทย โดยช่วงแรกจะเป็นการพัฒนาสื่อซอฟต์แวร์สำหรับนักเรียนระดับประถมตั้งแต่ ป.1-ป.6 โดยนักวิชาการของ วช.จะพัฒนาสื่อซอฟต์แวร์ให้มีความเหมาะสมต่อการนำไปใช้ในฮาร์ดแวร์ที่มีอยู่แล้วในโรงเรียน ซึ่งการดำเนินงานช่วงแรกยังต้องแก้ไขปรับปรุง คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ การทำวิจัยดังกล่าวจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี โดยมีเนื้อหา 8 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพและเทคโนโลยี คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ ศิลปะ สังคมการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สุขศึกษา และพลศึกษา รศ.ดร.นาตยา ปิลันธนานนท์ นักวิจัยจากคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า จุดเด่นของซอฟต์แวร์คือเด็กสามารถใช้สื่อดังกล่าวเรียนรู้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องมีครูมาควบคุม และเป็นเนื้อหาสาระที่จบในตัวเอง. (เดลินิวส์ อังคารที่ 26 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





วัดไอคิวเด็กอาจมีผลเสย

ผศ.ดร.อุษณีย์ อนุรุทธ์วงศ์ รองประธานสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้ที่มีความสามารถพิเศษแห่งชาติ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวถึงกรณีที่พ่อแม่จำนวนมากกำลังคิดที่จะพาลูกไปวัดไอคิว (IQ test) ว่า ตนอยากเตือนพ่อแม่เหล่านั้นว่าขอให้คิดให้ดี ซึ่งโดยส่วนตัวไม่สนับสนุนให้พ่อแม่พาลูกไปวัดไอคิว เนื่องจากเครื่องมือที่นำมาใช้วัดไอคิวในปัจจุบันเป็นของต่างประเทศ ซึ่งจะไม่เหมาะกับวัฒนธรรมของไทย นอกจากนี้เด็กไทยด้วยกันเองยังมีความต่าง อาทิ เด็กขาดโอกาสทางการศึกษา ชาวเขา เด็กทางภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เด็กที่อยู่ในชุมชนแออัด หรือเด็กที่อยู่ในภาวะพิการ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความแตกต่างกันแทบทั้งสิ้น โดยเด็กแต่ละกลุ่มมีความแตกต่างกันในระบบการคิด การเลี้ยงดู สิ่งแวดล้อม การศึกษา และวัฒนธรรม ดังนั้นแบบทดสอบ IQ test ต้องทำขึ้นเพื่อเด็กแต่ละกลุ่มโดยเฉพาะ ไม่ควรนำแบบทดสอบ IQ test เพียงชุดเดียวมาวัดกับเด็กทุกกลุ่ม มิฉะนั้นข้อมูลที่ได้จะคลาดเคลื่อน ลำเอียง และเชื่อถือไม่ได้เลย “ไม่มีความจำเป็นที่ต้องพาลูกไปวัดไอคิว นอกจากนักจิตวิทยา หรือจิตแพทย์จะแนะนำให้ไปวัด ทั้งนี้พ่อแม่บางคนพาลูกไปวัดไอคิวแล้วเชื่อตัวเลขที่วัดมากเกินไป เช่น ลูกวัดไอคิวแล้วผลการวัดออกมาสูงมาก ดังนั้นจากเด็กที่เคยปกติจะถูกพ่อแม่ประทับตราว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ และพ่อแม่จะคาดหวังกับลูกจนบางครั้งทำให้เด็กขาดความสุขแห่งวัยไปอย่างน่าเสียดาย ส่วนบางครอบครัวเมื่อพาลูกไปวัดไอคิวแล้วผลออกมาลูกไอคิวต่ำมาก จะถูกตราหน้าว่าเรียนรู้อะไรไม่ได้ เป็นคนโง่ และพ่อแม่จะไม่คาดหวัง สุดท้ายเด็กก็จะเป็นทุกข์และไม่มีความสุข ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากความยึดมั่นถือมั่นของพ่อแม่ไปเอง” ผศ.ดร.อุษณีย์ กล่าว. (เดลินิวส์ อังคารที่ 26 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





เร่งวางเกณฑ์เรียนปริญญาทางไกล

เร่งวางเกณฑ์เรียนปริญญาทางไกล ดร.จิรณี ตันติรัตนวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยผลการประชุมหลักเกณฑ์การขอเปิดและดำเนินการหลักสูตรระดับปริญญาในระบบการศึกษาทางไกล ว่า ที่ประชุมได้ร่างประกาศกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และจะเสนอร่างประกาศนี้ให้คณะกรรมการอุดมศึกษาพิจารณาเห็นชอบในวันที่ 11 ส.ค. นี้ จากนั้นเสนอให้ รมว.ศึกษาธิการลงนาม พร้อมกันนี้ยังได้จัดทำคู่มือแนวทางปฏิบัติที่ครอบคลุมถึงเทคโนโลยีใหม่ในอนาคต และจะจัดส่งให้กับทุกมหาวิทยาลัยด้วย ทั้งนี้หลักการของร่างดังกล่าวกำหนดให้มหา วิทยาลัยของรัฐและเอกชนปฏิบัติตามมาตรฐานเดียวกัน โดยสถาบันอุดมศึกษาที่จะเปิดหลักสูตรระดับปริญญาระบบทางไกลจะต้องจัดตั้งและอยู่ในการกำกับของ ศธ. รวมทั้งต้องมีอาคาร บุคลากร ทรัพยากรที่เหมาะสมเพียงพอ และจัดการศึกษาและระบบวัดผลที่มีประสิทธิภาพและมาตรฐานเทียบเคียงกับระบบการศึกษาในชั้นเรียน ขณะเดียวกันต้องสอดคล้องเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรอนุปริญญา ระดับปริญญา และระดับบัณฑิตศึกษาที่ ศธ. กำหนดด้วย นอกจากนี้มหาวิทยาลัยต้องวางระบบการตรวจสอบและควบคุมผู้เรียนให้เรียน สอบ ทำผลงานวิชาการด้วยตนเอง มีแผนดำเนินการสอบประจำภาค สอบย่อย ตลอดจนจัดสถานที่สอบ โดยมีผู้คุมสอบที่สามารถตรวจสอบการเข้าสอบด้วยตนเองของนักศึกษาได้ ทั้งนี้หลักเกณฑ์ของ สกอ. จะเป็นหลักเกณฑ์กลาง ซึ่งมหาวิทยาลัยจะต้องไปกำหนดระเบียบการจัดการเรียนการสอน เพื่อเสนอต่อสภามหาวิทยาลัยต่อไป. (เดลินิวส์ อังคารที่ 26 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





เผยสถาบันทั้ง"อาชีวะ-ม."ผลิตไม่ตรงตลาด อ่อนไอที-อังกฤษไม่สู้งานชี้ต้องบังคับเรียน

นายอมเรศ ศิลาอ่อน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภาการศึกษา กล่าวตอนหนึ่งในการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง การศึกษาความต้องการกำลังคนของกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน ที่โรงแรมปริ้นซ์พาเลช เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ได้ดำเนินการประชุมกลุ่มย่อยไปแล้ว 10 ครั้ง โดยเชิญองค์กรต่างๆ มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ปัญหาใหญ่ของการพัฒนากำลังคนที่ผ่านมาคือมีสถานศึกษาอยู่ในระบบราชการมากเกินไป ดังจะเห็นจากโรงเรียนและมหาวิทยาลัยขณะนี้อยู่ในมือราชการ 90 เปอร์เซ็นต์ และเป็นของภาคเอกชนแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ แสดงให้เห็นว่าขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ยังหวงและอยากบริหารจัดการสถานศึกษาเอง ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วเปลี่ยนแปลงไม่ทัน แต่ก็ไม่ยอมรับ อย่างการที่จะสอนให้คนรู้ภาษาอังกฤษ 15 ล้านคน ศธ.ก็ไม่สามารถทำได้ จึงต้องให้เอกชนเป็นตัวนำ เพราะอะไรก็ตามที่ต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วต้องให้เอกชนเป็นแกนนำ หากไม่ให้เอกชนเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินการแล้ว การเปลี่ยนแปลงจะเกิดช้ามาก (มติชนรายวัน อังคารที่ 26 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


อุกกาบาตดาวอังคารฟ้องตัวเองเป็นโลกตายซากหนาวจนสุดขั้ว

ความฝันของมนุษย์ที่จะไปตั้งรกรากบนดาวอังคารในวันหนึ่งข้างหน้า อาจจะดับลงเสียแล้ว เมื่อได้พบความรู้ใหม่จากการศึกษาองค์ประกอบ ทางเคมีของก้อนอุกกาบาตจากดาวเพื่อนบ้านของโลก ส่อว่ามันเป็นโลกที่หนาวเย็นจัด ไม่เคยมีอุณหภูมิสูงถึงขีดน้ำแข็งละลายเลย นักวิจัยแห่งสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย กล่าวเปิดเผยในวารสาร วิทยาศาสตร์ ว่า ปัจจุบันอุณหภูมิที่แถบเส้นศูนย์สูตรดาวสีแดงเฉลี่ยจะอยู่ในราวใต้ขีดน้ำแข็ง 55 องศาเซลเซียส แต่จากการศึกษาก้อนอุกกาบาต ซึ่งตกมาจากดาวอังคารเมื่อระหว่าง 11-15 ล้านปีก่อน ส่อว่าดาวอังคารไม่เคยหลุดพ้นจากความหนาวเย็น ที่ต่ำกว่าขีดน้ำแข็งมานมนานไม่ต่ำกว่า 1 ล้านปีแล้ว ความรู้ใหม่ที่พบใหม่นับว่าค่อนข้างจะขัดกับความเชื่อที่ว่า ดาวอังคารเคยมีน้ำไหลอยู่ตามพื้นอยู่มากทีเดียว (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 25 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ประกวดเว็บวิทยาศาสตร์

คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ประจำปี 2548 นี้ ด้วยการจัดประกวดเว็บไซต์วิทยาศาสตร์(CS Web Design Contest) ครั้งที่ 1 โดยเนื้อหาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ สำหรับแข่งขันในวันที่ 19 สิงหาคม ที่อาคาร SC.06 ชั้น 2 ห้องปฏิบัติการ Lab A ภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ผู้ร่วมแข่งขันต้องเป็นนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ได้รับการเสนอชื่อโดยโรงเรียนที่นักเรียนกำลังศึกษาอยู่ ไม่เกินโรงเรียนละ 1 ทีม(ทีมละไม่เกิน 2 คน) รับสมัครถึงวันที่ 10 สิงหาคมนี้ แนบไฟล์ใบสมัคร พร้อมกรอกข้อมูลให้ครบ แล้วส่งมาได้ที่ film2u@hotmail.com กำหนด Subject เป็น "การแข่งขันออกแบบเว็บไซต์ CS Web Design Contest #1" หรือส่งโทรสารที่ 0-4334-2910 สอบถามรายละเอียด โทร.0-4029-5582 ดูข้อมูลได้ที่ http://202.28.94.51/club/inweb (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 25 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





ลำปางอัด20ล้านปั้นเมืองเซรามิก จับรง.ขนาดเล็กรวมกลุ่มคลัสเตอร์

นายอมรทัต นิรัติศยกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า ตามที่จังหวัดได้กำหนดยุทธศาสตร์ "ลำปางเมืองเซรามิก" เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดนั้น องค์กรภาครัฐและเอกชนได้ร่วมกันผลักดันร่วมกันอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้มีโครงการใหญ่หลายโครงการเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเซรามิก ทั้งนี้ได้รับ งบประมาณจากรัฐบาลจำนวน 21 ล้านบาท ดังนั้นงานในปีนี้จึงมีความยิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยจะมีการจัดแสดงนิทรรศการ การแสดงสินค้าเซรามิก รวมถึงการเจรจาทางธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการ กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเซรามิกไทยกับกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการ ขณะเดียวกันยังมีงบประมาณอีก 15 ล้านบาทเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวลำปางเมืองเซรามิก ซึ่งทางจังหวัดได้ประชุมหารือคณะกรรม การระดับจังหวัดที่เกี่ยวข้องแล้วมีมติว่าจะใช้งบประมาณจำนวน 13 ล้านบาท เพื่อตกแต่ง ภูมิทัศน์บริเวณถนนดวงรัตน์ อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งเป็นหนึ่งในถนนสายหลักเข้าเมืองลำปางให้เป็นถนนเซรามิก ต่อเนื่องจากโครงการสร้างประติมากรรมเซรามิกบนถนนสายดังกล่าว ส่วนงบประมาณที่เหลืออีก 2 ล้านบาทจะใช้สำหรับปรับแต่งภูมิทัศน์ ศูนย์ราชการ (ศาลากลาง) ลำปางให้มีเอกลักษณ์เมืองเซรามิก ซึ่งอยู่ในระหว่างเตรียมแผนและออกแบบ โดยโครงการดังกล่าวจะสร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือนเมืองลำปาง และส่งเสริมการท่องเที่ยวลำปางให้มีความโดดเด่น โดยเฉพาะการพัฒนาอุตสาหกรรมเซรามิกแบบคลัสเตอร์ แต่ที่ผ่านมาการรวมกลุ่มคลัสเตอร์เซรามิกลำปางยังถือได้ว่าเป็นคลัสเตอร์ที่ไม่ สมบูรณ์นัก เนื่องจากเป็นเพียงการรวมตัวกันเฉพาะกลุ่มโรงงานด้วยกันเอง แต่ยังไม่มีการเชื่อมโยงกลุ่มผู้ผลิต วัตถุดิบ ผู้ค้าส่ง ผู้ส่งออก หรือนักการตลาด รวมถึงกลุ่มธุรกิจขนส่งเข้าเชื่อมโยงกัน แต่นับจากปี 2548 นี้เป็นต้นไป (ประชาชาติธุรกิจ จันทร์ที่ 25 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th/prachachart)





เครื่องสแกนลายนิ้วมือ

เครื่องสแกนลายนิ้วมือ การสแกนลายนิ้วมือ เป็นการใช้ข้อมูลทางชีวภาพหรือข้อมูลส่วนบุคคลบนร่างกายมนุษย์มาใช้ยืนยันตัวตนที่แท้จริง ไม่สามารถปลอมแปลงหรือทดแทนกันได้ ในเมืองไทย เราเห็นเครื่องสแกนลายนิ้วมือตามบริษัทขนาดใหญ่ ๆ ซึ่งนำมาใช้แทนเครื่องรูดบัตรหรือเครื่องตอกบัตรของพนักงาน จะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ภายในจะบุด้วยพลาสติกยางนุ่ม ๆ เวลาใช้ก็แค่กดนิ้วมือลงไป เครื่องก็จะค้นหาเจ้าของลายนิ้วมือนั้นทันที หลักการทำงานของเครื่องสแกนลายนิ้วมือ ผู้ใช้ต้องลงทะเบียนลายนิ้วมือต้นแบบไว้เป็นฐานข้อมูล เวลาใช้งานก็แค่วางนิ้วมือลงบนเลนส์ เครื่องสแกนก็จะตรวจกับฐานข้อมูลทันที หากผ่านก็จะแสดงผลเป็นไฟสีเขียว หากไม่ผ่านก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่ก็มีเหมือนกันที่เครื่องจะแสดงผลเป็นสีแดง แม้ผู้สแกนจะมีฐานข้อมูลลายนิ้วมือต้นแบบเก็บเอาไว้ เนื่องมาจากมือเย็นหรือมือเปียก เครื่องอ่านไม่ได้ก็จะถือว่า เป็นลายนิ้วมือปลอม กรณีที่มือแห้งวิธีแก้ไขต้องถูมือไปมาให้รู้สึกว่าร้อน แล้วค่อยสแกนใหม่ ถ้ามือเปียก หากสแกนทันทีจะทำ ให้เกิดการหักเหของแสง ทำให้ลายนิ้วมือแตกต่างกัน ต้องเช็ดมือให้แห้งแล้วสแกนใหม่ มีรายงานด้วยว่า สำนักงานเลขาธิการ รัฐสภาก็ติดตั้งเครื่องสแกนลายนิ้วมือแล้ว โดยมีบริษัทแบงคอค ซิสเต็ม แอนด์ ซอฟต์แวร์ จำกัด เป็นผู้ติดตั้ง (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 25 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





กรมประมงเพาะพันธุ์ปูม้าสำเร็จ

กรมประมงสามารถเพาะพันธุ์ปูม้าได้แล้ว โดยนักวิชาการของกรมประมง ดร.วารินทร์ ธนาสมหวัง ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งสมุทรสาคร ดร.สิทธิ บุณยรัตผลิน อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ดร.วารินทร์ เริ่มศึกษาการเพาะพันธุ์ปูม้าจากความคิดริเริ่มที่ต้องการนำไข่นอกกระดองของปูม้าที่โรงงานแปรรูปเบื้องต้นเคยทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์กลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อใช้ทรัพยากรสัตว์น้ำอย่างคุ้มค่า ดร.วารินทร์ได้เริ่มปฏิบัติงานโดยได้รับความร่วมมือจากโรงงานต้มและแกะเนื้อปูให้ทำการคัดเลือกและแยกปูไข่นอกกระดองเพื่อหักตับปิ้งไว้ก่อนนำแม่ปูเหล่านั้นไปแปรรูป ดร.วารินทร์ได้นำตับปิ้งไข่ปูเหล่านั้นกลับมาทดลองใช้เป็นแหล่งพันธุ์ในการเพาะพันธุ์ปูม้าตั้งแต่ปี 2543 และประสบความสำเร็จในเวลาต่อมา งานวิจัยดังกล่าวได้รับคัดเลือกให้เป็นผลงานวิชาการดีเด่นประจำปี 2545 สาขาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง จากการสัมมนาวิชาการประจำปี 2544 ของกรมประมงปีนี้กรมประมงได้จัดทำชุดโครงการ “การเพาะเลี้ยงปูเศรษฐกิจเชิงพาณิชย์” ซึ่งรวมปูม้าด้วยเพื่อขยายผลให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งในจังหวัดอื่น ๆ ร่วมโครงการวิจัยต่อยอดงานวิจัยให้สามารถส่งเสริมการเลี้ยงปูม้าแก่เกษตรกร โครงการดังกล่าวมีกำหนด 3 ปี ตั้งแต่ ปี 2550-2552 โดยมี ดร.วารินทร์ ธนาสมหวัง เป็นหัวหน้าชุดโครงการ ขณะนี้ประโยชน์เบื้องต้นจากการวิจัยเพาะพันธุ์และอนุบาลปูม้า ได้แก่ กรมประมงเพาะลูกปูม้าปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ 3 แสนตัว ในปี (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 25 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th) ผู้โดนถูกฉายกัมมันตภาพรังสี อาจก่อความแตกตื่นในสนามบิน นิตยสารการแพทย์ “แลนเซต” อันมีชื่อเสียงของอังกฤษเปิดเผยว่า คณะแพทย์ของโรงพยาบาลบรอมป์ตัน ที่กรุงลอนดอน ได้บอกเตือนว่า ผู้ที่เคยโดนถูกฉายกัมมันตภาพรังสี ในขบวนการตรวจทาง การแพทย์บางอย่าง เช่น ในการตรวจกระดูก และตรวจสอบการเดินของโลหิตในกล้ามเนื้อหัวใจ อาจจะกลายเป็น “มนุษย์อันตราย” ไปได้เพราะกัมมันตภาพรังสีที่ยังหลงค้างอยู่ในตัวนานถึง 1 เดือน ทำให้ เครื่องตรวจตัวผู้โดยสารเพื่อความปลอดภัย ตามท่าอากาศยานต่างๆร้องดังขึ้นได้ ทางคณะได้แนะนำว่าเจ้าหน้าที่การแพทย์ ควรจะออกบัตรรับรองให้กับบุคคลที่เคยผ่านขบวนการตรวจด้วยกัมมันตภาพรังสีติดตัวไว้ เพื่อป้องกันการก่อความแตกตื่นตามท่าอากาศยานขึ้นได้ (ไทยรัฐ อังคารที่ 26 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th) สร้างแม่ไก่ออกไข่เป็นยาป้องกัน กินได้ทั้งอิ่มท้องและต่อต้านโรค นักวิทยาศาสตร์ไต้หวันได้ทำให้ แม่ไก่ออกไข่มามีสารก่อภูมิต้านทานอยู่ ในตัว เพื่อจะให้กินเป็นทั้งอาหารและยาป้องกันโรคต่างๆ ได้อีกด้วย นักวิจัยของห้องปฏิบัติการทดลองที่เมืองไท้หนานของฮ่องกง ได้ คิดพัฒนาให้ไก่ออกไข่เป็น “ไข่ยา” ขึ้นจนสำเร็จหลังจากค้นคว้าอยู่นาน 2 ปี ซึ่งได้นำออกแสดงเปิดเผยในงานนิทรรศการ “ไบโอไต้หวัน 2005” ที่มีขึ้นไปที่ศูนย์การค้าโลกไทเป ไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว นักวิจัยหลิว จุ้ย เช็ง ของห้องปฏิบัติการได้เปิดเผยเทคนิคว่า ใช้ฉีดเชื้อโรคต่างๆ เข้าไปในตัวแม่ไก่พันธุ์เลกฮอร์น เพื่อให้ร่างกายของมันผลิตสารก่อภูมิต้านทาน อันเป็นสารที่กินหรือฉีดเข้าไปแล้วปลุกให้ร่างกายสร้างความต้านทานโรค เป็นเหตุให้มีสารนั้นเข้าไปอยู่ในไข่แดงของไข่ เป็นปริมาณมากระหว่าง 2-10 % เมื่อเราหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆบริโภคไข่นี้เข้าไป ก็จะมีสารก่อภูมิต้านทานโรคอยู่ในตัว ช่วยระบบภูมิต้านทานโรคในการต่อสู้กับโรคต่างๆ ที่เข้ามาเบียดเบียน แต่การบริโภคจะต้องกินไข่ดิบๆ เพราะการหุงต้มจะไปทำลายสารก่อภูมิต้านทานลงเสีย (ไทยรัฐ อังคารที่ 26 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ประมงสุดเจ๋ง เพาะตะโขงได้

วงการประมงไทยร่วมมือกับภาคเอกชน เพาะเลี้ยง ตะโขง หรือจระเข้ปากกระทุงเหว ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภท 1 ตามอนุสัญญาไซเตส ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก โดยเมื่อบ่ายวันที่ 26 ก.ค. ที่ห้องประชุมชั้น 2 กรมประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขนนายจรัญธาดา กรรณสูต รองอธิบดีกรมประมง แถลงข่าวว่า กรมประมงร่วมกับภาคเอกชนได้เพาะเลี้ยง ตะโขงให้ เติบโต สามารถผสมพันธุ์จนกระทั่ง ออกไข่และฟักออกมาเป็นตัว ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ของโลก ซึ่งไม่เคยมีประเทศใดสามารถเพาะเลี้ยงตะโขงได้ รองอธิบดีกรมประมงได้นำไข่ตะโขงมาโชว์ พร้อมกับให้ผู้สื่อข่าวบันทึกภาพการออกมาจากเปลือกไข่ของตะโขง และกล่าวว่า การออกมาจากเปลือกไข่ของตะโขงถือเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์ เนื่องจากยังไม่เคยมีใครบันทึกภาพไว้ได้ แม้กระทั่งกลุ่มจีโอกราฟฟิก ที่โชกโชนต่อการถ่ายภาพการเกิดของสัตว์ หลายชนิด ยังไม่เคยบันทึกการเกิดของตะโขงไว้ได้ ในประเทศสหรัฐอเมริกามีตะโขงอยู่เพียงแค่ 32 ตัว ส่วนในประเทศแถบเอเชีย เช่น มาเลเซีย มีตะโขงอยู่เพียงแค่ 50 ตัวเท่านั้น แต่ขณะนี้ประเทศไทยมีการเพาะเลี้ยงไว้ได้ ประมาณ 600 ตัว และอยู่ในวัยเจริญพันธุ์กว่า 100 ตัว สำหรับตะโขงหรือจระเข้ปากกระทุงเหวนี้ เป็นสัตว์จัดอยู่ในวงศ์ CROCODYLIDAE Tomistoma schlegelii (S.Muller, 1838) มีถิ่นกำเนิดทางใต้ของไทยจนถึงประเทศมาเ ชอบกินปลาเป็นอาหาร อาศัยอยู่ในน้ำจืด บางครั้งพบในน้ำกร่อยของประเทศออสเตรเลีย อินเดีย นิวกินีและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะโขงเป็นสัตว์ได้รับการคุ้มครอง เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 ตามอนุสัญญาไซเตส จัดไว้ใน Appendix1 ซึ่งหายากและใกล้สูญพันธุ์ไปจากโลกนี้แล้ว (ไทยรัฐ พุธที่ 27 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ผู้โดนถูกฉายกัมมันตภาพรังสี อาจก่อความแตกตื่นในสนามบิน

นิตยสารการแพทย์ “แลนเซต” อันมีชื่อเสียงของอังกฤษเปิดเผยว่า คณะแพทย์ของโรงพยาบาลบรอมป์ตัน ที่กรุงลอนดอน ได้บอกเตือนว่า ผู้ที่เคยโดนถูกฉายกัมมันตภาพรังสี ในขบวนการตรวจทาง การแพทย์บางอย่าง เช่น ในการตรวจกระดูก และตรวจสอบการเดินของโลหิตในกล้ามเนื้อหัวใจ อาจจะกลายเป็น “มนุษย์อันตราย” ไปได้เพราะกัมมันตภาพรังสีที่ยังหลงค้างอยู่ในตัวนานถึง 1 เดือน ทำให้ เครื่องตรวจตัวผู้โดยสารเพื่อความปลอดภัย ตามท่าอากาศยานต่างๆร้องดังขึ้นได้ ทางคณะได้แนะนำว่าเจ้าหน้าที่การแพทย์ ควรจะออกบัตรรับรองให้กับบุคคลที่เคยผ่านขบวนการตรวจด้วยกัมมันตภาพรังสีติดตัวไว้ เพื่อป้องกันการก่อความแตกตื่นตามท่าอากาศยานขึ้นได้ (ไทยรัฐ อังคารที่ 26 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ไมโครเวฟสลายม็อบ

ล่าสุดเพิ่งมีเปิดเผยถึงข้อมูลผลการทดสอบที่มีขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2546 ถึง พ.ศ.2547 ซึ่งทางกองทัพสหรัฐเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะเปิดเผยเท่าใดนัก แต่ด้วยสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารภายใต้กฎหมาย Freedom of Information Act จึงทำให้มีการเปิดเผยเรื่องนี้ออกมาในที่สุด การทดลองมีขึ้นในมลรัฐนิวเม็กซิโก โดยเป็นการทดสอบปืนไมโครเวฟกับอาสาสมัครที่อาสามาก่อม็อบหลอก ๆ เพื่อการทดสอบปืนไมโครเวฟ ปืนไมโครเวฟที่จะส่งคลื่นไมโครเวฟที่มีความถี่ราว 95 กิ๊กกะเฮิรตซ์พุ่งไปยังเป้าหมาย ซึ่งก็คืออาสาสมัคร ซึ่งในแต่ละครั้งนั้นก็ถูกจำกัดระยะเวลาไว้ไม่ให้เกินครั้งละ 5 วินาที คลื่นไมโครเวฟจะทำให้ร่างกายของอาสาสมัคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนผิวหนังมีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้เนื่องจากร่างกายของเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่เป็นจำนวนมากถึงกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ความร้อนที่พุ่งสูงขึ้นจะทำให้คนที่โดนนั้นลืมสนใจกับเหตุการณ์รอบข้างไปชั่วขณะ แต่จะกระเสือกกระสนหนีไปจากบริเวณที่รู้สึกว่าร้อนมากขนาดนั้น ซึ่งก็น่าจะตรงกับจุดประสงค์ของการนำอาวุธดังกล่าวมาใช้ จากข้อมูลดังกล่าว สาธารณ ชนจึงเกิดความแคลงใจในการนำอาวุธในกลุ่ม ADS มาใช้งานจริงในภาคสนาม เพราะว่าเราคงไปคาดหวังอะไรกับกลุ่มคนที่อยู่ในการชุมนุมได้ไม่มากนัก นั่นคือเราไม่สามารถคุมทุกคนได้เหมือนกับอาสาสมัครในการทดลอง ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงยิ่งที่จะเกิดอุบัติเหตุที่อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงหรือถึงแก่ชีวิตได้ (เดลินิวส์ พุธที่ 27 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ญี่ปุ่นเสกฝนอิเล็กทรอนิกส์ส่งข้อความโฆษณาสุดไฮเทค

ฝนอิเล็กทรอนิกส์ที่ตกในญี่ปุ่นนอกจากไม่ทำให้ผู้คนที่เดินตากฝนไม่เปียกปอนและเป็นหวัดแล้ว ยังช่วยให้ร้านค้าสามารถดึงดูดลูกค้าที่เดินผ่านม่านฝนจำลองที่มาพร้อมกับข้อความโฆษณา เพียงเดินผ่านข้อความอิเล็กทรอนิกส์ที่มาในรูปของน้ำฝนจะปรากฏเป็นข้อความโฆษณาเรียกร้องความสนใจของขาช็อป โยโกะ ไอชิอิ หัวหน้านักวิจัยห้องปฏิบัติการเอ็นทีที ไซเบอร์ โซลูชั่น ภายใต้การดำเนินงานของบิรษัท นิปปอน เทเลกราฟ แอนด์ เทเลโฟน (เอ็นทีที) เชื่อว่า ฝนอิเล็กทรอนิกส์จะดึงดูดลูกค้าได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเธอและทีมงานกำลังช่วยกันพัฒนา "อินฟอร์เมชั่น เรน" หรือ "สายฝนข้อมูล" สำหรับงานโฆษณาโดยเฉพาะ อุปกรณ์หลักสำหรับการสร้างฝนเทียมในครั้งนี้ คือเครื่องฉายภาพที่ติดตั้งจากที่สูง ทำหน้าที่แสดงภาพหยดน้ำฝนให้ตกลงมาบนพื้นดิน นอกจากนี้ยังมีกล้องติดตามการเคลื่อนไหวของผู้บริโภคที่กำลังเดินผ่านเข้ามาในเขตฝนตก โดยจะส่งข้อมูลที่ได้กลับไปยังคอมพิวเตอร์ เพื่อให้โปรเจ็คเตอร์ยิงโฆษณาออกมา เมื่อผู้บริโภคแบมือรับน้ำฝนอิเล็กทรอนิกส์ ก็จะเห็นคำว่า "SALE" อยู่บนฝ่ามืออย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากนี้ ระบบดังกล่าวยังสามารถแสดงเป็นภาพเคลื่อนไหวได้ด้วย ทำให้มองเห็นการนำไปประยุกต์ใช้งานในอนาคตได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการทำให้คนที่อยู่ในคิวยาวเหยียดของสวนสนุกรู้สึกเพลิดเพลินไปกับภาพแอนิเมชั่นหรือภาพยนตร์บนฝ่ามือ แต่คงใช้เวลาอีกหลายปีกว่าระบบนี้จะใช้งานได้จริง เพราะพวกเขายังต้องการทำให้ข้อความปรากฏขึ้นเป็นเวลานานกว่าฝนของจริง รวมทั้งหาวิธีทำให้ผู้บริโภคสามารถนำข้อความบนฝ่ามือไปเก็บไว้ในที่ที่พวกเขาต้องการได้ (คมชัดลึก พุธที่ 27 ก.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





รพ.เปิดรับ "ฉลากอัจฉริยะ" ช่วยจ่ายยา ตัดปัญหาสลับตัวทารก-แก้เผ็ดยาปลอม

จากรายงานการสืบสวนเชิงลึกขององค์การและยาสหรัฐ (เอฟดีเอ) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2547 พบว่าปัญหาการปลอมแปลงยาในบัญชียาหลักกำลังเพิ่มจำนวนสูงขึ้น ทางแก้ที่เอฟดีเอมีแผนบังคับใช้ในเร็ววันนี้ คือ การติดฉลากอัจฉริยะ ที่ฝังชิพอาร์เอฟไอดีไว้ภายใน เพื่อว่าจะได้บอกแหล่งที่มา และตามรอยผู้ผลิตจากขวดยาที่ผู้ป่วยรับประทานอยู่ได้ คาดว่าการติดฉลากอัจฉริยะนี้ จะเริ่มเป็นที่แพร่หลายในปี 2550 โทมัส เยลล์ ที่ปรึกษาอาวุโส บริษัทซีเมนส์ บิซิเนส เซอร์วิส (เอสบีเอส) ได้ยกกรณีศึกษาของสถานพยาบาล 2 แห่งที่ได้นำโซลูชั่นอาร์เอฟไอดีของบริษัทเข้าไปให้บริการผู้ป่วยในลักษณะโครงการนำร่อง มานำเสนอในงานสัมมนาสื่อมวลชนนานาชาติเรื่องอาร์เอฟไอดี ที่จัดขึ้น ณ เมืองมิวนิก เยอรมนี เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา "ซาร์บรูคเคนเป็นสถานพยาบาลแห่งแรกในเยอรมนี ที่ได้นำโซลูชั่นอาร์เอฟไอดีของเรามาใช้งาน ภายใต้ความร่วมมือของเอสบีเอส อินเทล และฟูจิตสึ ซีเมนส์ คอมพิวเตอร์ส โดยมีวัตถุประสงค์ช่วยให้แพทย์และผู้ป่วยสามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพ และการรักษาได้ง่ายขึ้น รวมทั้งสนับสนุนให้เกิดความปลอดภัยในการจ่ายยา และบริหารจัดการภายในโรงพยาบาลด้วย" ผู้ป่วยทุกคนจะต้องสวมสายรัดข้อมือที่มีชิพอาร์เอฟไอดี ซึ่งบรรจุข้อมูลหลักๆ อาทิ หมายเลขประจำตัว อายุ ส่วนสูง และน้ำหนัก สายรัดข้อมือดังกล่าวจะสื่อสารกับตัวอ่านที่ติดอยู่บนแทบเล็ตพีซี หรือพีดีเอ ซึ่งแพทย์หรือพยาบาลนำติดตัวมาด้วยทุกครั้งที่เข้ามาตรวจเยี่ยม โดยตัวอ่านจะดึงหมายเลขประจำตัวคนไข้จากฐานข้อมูลในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ชิพอาร์เอฟไอดีที่ติดอยู่ที่แขนของผู้ป่วยนั้น ครอบคลุมระยะทำการ 3 เมตร ใช้คลื่นความถี่ 13.56 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อตัวผู้ป่วยและอุปกรณ์ทางการแพทย์ จึงมั่นใจได้ว่าคลื่นวิทยุในระบบอาร์เอฟไอดีนี้ไม่เป็นอันตราย "ระบบนี้ช่วยให้เราระบุตัวผู้ป่วยได้ถูกต้อง 100% ประหยัดเวลาในการให้บริการด้านการแแพทย์ เพราะแพทย์หรือพยาบาลสามารถดึงข้อมูลออกมาขณะยืนตรวจอยู่ข้างเตียงได้ทันที ทำให้การดูแลผู้ป่วยของเราเป็นไปอย่างรวดเร็ว และปลอดภัย รวมทั้งลดขั้นตอนที่วุ่นวายต่างๆ ลงได้มาก" เดเนียล มอร์เรียล หัวหน้าฝ่ายสารสนเทศของจาโคบี กล่าว (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 25 ก.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ศูนย์ซินโครตรอนจับมือเยอรมนี พัฒนานักวิจัยระดับโมเลกุล-อะตอม

ศ.ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานลงนามบันทึกความร่วมมือทางวิชาการระหว่าง ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนแห่งชาติ (ศซ.) กับสถาบัน Deutches Elektronen ynchrotron (DESY) เพื่อสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอน การใช้ประโยชน์แสงซินโครตรอน การถ่ายทอดวิทยาการเทคโนโลยีเครื่องเร่งอนุภาค ระบบลำเลียงแสงซินโครตรอน รวมทั้งการแลกเปลี่ยนนักวิจัยระหว่างสองประเทศ " การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้เพื่อให้นักวิจัยไทยได้มีโอกาสไปทำงานที่ DESY อีกทั้งเป็นการแลกเปลี่ยนนักวิจัยระหว่างทั้งสองประเทศ รวมทั้งขยายความรู้ทางด้านงานวิจัยของประเทศไทยในเรื่องลำแสงซินโครตรอน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์ แต่ยังรวมไปถึงภาคอุตสาหกรรมอีกด้วย " ปลัดกระทรวงวิทย์ กล่าว ความร่วมมือที่ผ่านมาทางสถาบันเดซี ได้มอบทุนการศึกษาให้แก่นักศึกษาระดับปริญญาโทเพื่อศึกษาดูงานในภาคฤดูร้อนปีละ 1 ทุนซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 โดยนักศึกษาที่ผ่านการคัดเลือกจะเข้ารับข้อมูลและฝึกปฏิบัติงานทางวิชาการด้านแสงซินโครตรอนเบื้องต้น ณ ห้องปฏิบัติการแสงสยาม ก่อนการเดินทางเข้าร่วมกิจกรรมในห้องปฏิบัติการสถาบันเดซี เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ ซึ่งมีนักศึกษาเข้าร่วมโครงการแล้ว 3 รุ่นจำนวน 5 คน และในปีนี้ทางสถาบัน ได้ขยายการให้ทุนแก่นักวิจัยไทยเพิ่มเติมอีกสำหรับปฏิบัติการทดลองที่สถาบันเดซี ลำแสงซินโครตรอนเป็นเครื่องมือสำหรับตรวจสอบวัสดุที่มีขนาดเล็กมาก ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบด้วยเครื่องมืออย่างอื่น เช่น โครงสร้างของโมเลกุลเชื้อไวรัส อะตอมของโลหะ หรือวัสดุที่มีโครงสร้างซับซ้อน ซึ่งจะให้ค่าที่มีความแม่นยำสูงมาก ศ.ดร.ไพรัช บอกว่า ขณะนี้มีบริษัทเอกชนได้นำเอาวัสดุมาให้ทางศูนย์ได้ตรวจสอบไปบ้างแล้ว และคาดว่าจะขยายให้ภาคเอกชนมาใช้บริการให้มากขึ้น สถาบันเดซีเป็นหนึ่งในบรรดาห้องปฏิบัติการชั้นนำของโลกด้านฟิสิกส์ของอนุภาคมูลฐาน และงานวิจัยที่ใช้แสงซินโครตรอน ในแต่ละปีจะมีนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกจำนวนกว่า 3,400 คน เข้ามาปฏิบัติการทดลอง ณ สถาบันเดซี โดยมีการทำวิจัย ทางด้านอนุภาค มูลฐาน ที่เน้นการใช้เครื่องเร่งอนุภาค เพื่อที่จะค้นหาอนุภาคมูลฐานที่เกิดจากการ ชนกัน ของอนุภาคอิเล็กตรอนและอนุภาคโปรตรอน และงานวิจัยทางด้านแสงซินโครตรอน ซึ่งเป็นการนำเอาแสงซินโครตรอน ที่ผลิตจากวงแหวนกักเก็บอนุภาค พลังงานสูงไปใช้ประโยชน์ ในงานวิจัยพื้นฐาน (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 27 ก.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





งานนวัตกรรมเอเชียคึกคัก ระดมผลงานไทยเข้าประชัน

ดร.นิลวรรณ เพชระบูรณิณ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานสถาบันเทคโนโลยีชีวภาพ กล่าวว่า ในงานนวัตกรรมแห่งเอเชีย หรือ อินโนเวชียที่จะมีขึ้นในเดือนหน้า ทางสภาอุตสาหกรรมฯ ได้นำนวัตกรรมที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพมาร่วมจัดแสดงหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนานวัตกรรมทางด้านอาหาร การแพทย์ และพลังงาน รวมทั้งสิ้น 10 โครงการ จาก 100 โครงการของภาคเอกชนที่สภาอุตสาหกรรมฯให้การสนับสนุน ในส่วนของเทคโนโลยีชีวภาพด้านอาหาร เราได้นำเอาเทคโนโลยีชีวภาพเข้ามาช่วยในการเพิ่มคุณภาพให้กับเมล็ดข้าวให้มีความสามารถต้านทานโรคบางชนิด เช่น ข้าวกล้องชนิดพิเศษที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก รวมถึงข้าวที่สามารถช่วยยับยั้งการเกิดโรคบางชนิด เช่นโรคอัลไซเมอร์ นายศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กล่าวว่า ทางสำนักงานมีความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนการต่อยอดนวัตกรรมใหม่ภายในงานอย่างเต็มที่ โดยผลักดันให้เข้าสู่โครงการนวัตกรรมดีไม่มีดอกเบี้ย ซึ่งทางสำนักงานกำลังดำเนินงานอยู่ทั้งยังได้รับการสนับสนุนด้านการตลาดจากบริษัท ไอบีเอ็ม ด้วย ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานราว 800 - 1,000 คน จากประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 - 23 กันยายน นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 29 ก.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ส่งยาจิ๋วไปถล่มเซลล์มะเร็งถึงรัง

นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันเอ็มไอทีของสหรัฐ ประดิษฐ์ระเบิดจิ๋วขนาดเล็กเท่ากับโมเลกุลแต่มีความสามารถเกินตัวสามารถแทรกตัวเข้าไปใต้หนังลงระเบิดเซลล์เนื้องอกโดยไม่ทำอันตรายใดๆ กับเซลล์ปกติ สิ่งประดิษฐ์ที่อาศัยความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพอีกแล้วตัวนี้ เป็นความสามารถของนักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ โดยทดสอบนำระเบิดจิ๋วไปทดสอบกับหนูที่เป็นมะเร็งผิวหนังและมะเร็งปอด ผลออกมาพบว่า เจ้าหนูที่ได้ยาจิ๋วนี้ไปสามารถมีอายุอยู่ได้นานกว่าสามเท่าเมื่อเทียบกับหนูที่ไม่ได้รับการรักษาด้วยวิธีใดเลย ระเบิดจิ๋วอาศัยเทคโนโลยีย่อวัสดุให้มีขนาดเล็กจิ๋วระดับโมเลกุล หรืออะตอม โดยตัวมันจะนำเอายาที่ใช้ในการรักษาด้วยเคมีบำบัดไปทำลายเนื้องอก และสารที่ต่อต้านการเติบโตของเส้นเลือด ซึ่งจะไปสกัดกั้นการจ่ายโลหิตให้กับเนื้องอก หลังจากระเบิดซึ่งมีลักษณะเหมือนกับลูกโป่งสองชั้นถูกฉีดเข้าไปในกระแสเลือดแล้วมันจะเดินทางไปยังบริเวณเนื้องอก และมุดเข้าไปข้างใน ต่อมาลูกโป่งชั้นจะเปื่อยยุ่ย และปล่อยยาต้านการการเติบโตของเส้นเลือดเพื่อให้เส้นเลือดที่จ่ายให้กับเนื้องอกแฟบลง ทั้งนี้นักวิจัยเชื่อว่าจะสามารถนำมาประยุกต์ใช้รักษามะเร็งชนิดอื่น และอาการป่วยแบบอื่นได้ รวมทั้งทดสอบหาสูตรผสมของยาด้วย (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 29 ก.ค. 2548 http://www.bangkokbiznews.com)





ข่าววิจัย/พัฒนา


ข้อดีของ... "ดาร์กช็อกโกแลต" ช่วยลดความดันเลือด-ความเสี่ยงโรคหัวใจ

ที่ผ่านมา "ช็อกโกแลต" ตกเป็นจำเลยในแวดวงโภชนาการ เพราะอุดมไปด้วย ไขมัน น้ำตาล และให้แคลอรี่สูง ช็อกโกแลตจึงเป็นสาเหตุของความอ้วน และก่อให้เกิดปัญหาฟันผุ และกลายเป็นขนมแสนอร่อยที่ต้องรับประทานอย่างระมัดระวัง แต่วันนี้ภาพของช็อกโกแลตจะเปลี่ยนไป จากผู้ร้ายก็กลายมาเป็นพระเอกขวัญใจ เพราะจากผลวิจัยล่าสุด พบว่า "ดาร์ก ช็อกโกแลต" ที่คุณแม่บ้านนิยมนำไปทำขนมประเภทต่างๆ นั้น มีสารประกอบบางอย่างที่ช่วยให้เส้นเลือดทำงานได้ดี และอาจจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจด้วย ผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ของสมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกา ระบุว่า สารประกอบในช็อกโกแลตที่เรียกว่า "ฟลาโวนอยด์" สามารถช่วยการทำงานของเส้นเลือดให้เป็นไปอย่างปกติมากขึ้น และอาจจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจได้ ดร.เจฟฟรีย์ บลัมเบิร์ก จากมหาวิทยาลัยทัฟท์ส ในบอสตัน ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะผู้วิจัย กล่าวว่า ผลวิจัยก่อนหน้านี้ทำให้ทราบว่าอาหารที่อุดมด้วยสาร "ฟลาโวนอยด์" ที่พบได้ในผลไม้ ผัก ชา ไวน์แดง และช็อกโกแลต อาจจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของเส้นเลือดหัวใจ แต่การศึกษาถึงผลของดาร์กช็อกโกแลต ที่ช่วยให้ความดันโลหิตของผู้ป่วยโรคความดันสูงลดต่ำลงนั้น นับเป็นบทพิสูจน์ทางการแพทย์ครั้งแรกที่ทำให้มองเห็นข้อดีที่ซ่อนอยู่ในดาร์กช็อกโกแลต นักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ ยังไม่สามารถให้คำแนะนำผู้ป่วยโดยใช้ผลวิจัยเกี่ยวกับช็อกโกแลตที่ออกมาล่าสุด นอกจากนี้ นักโภชนาการก็ได้เตือนประชาชนให้ระมัดระวังในการบริโภคช็อกโกแลต เพราะช็อกโกแลตนั้นอุดมไปด้วยไขมัน น้ำตาล และให้พลังงานสูง (ประชาชาติธุรกิจ จันทร์ที่ 25 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th/prachachart)





หุ่นยนต์พันธุ์ไทย 8 ทีมสุดท้ายRoboCup

“ใจดี” หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ฝีมือเด็กไทยจากฟีโบ้ สามารถผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ในการประกวดโรโบคัพ 2005 การแข่งขันหุ่นยนต์ระดับโลกที่ญี่ปุ่น รายงานจากการประกวดแข่งขัน RoboCup 2005 ณ เมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีทีมกว่า 400 ทีมจาก 35 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมแข่งขันในประเภทต่าง ๆ ซึ่งรายการที่มีผู้สนใจมากที่สุดคือการแข่งขันประเภท RoboCup Soccer Humanoid League โชว์หุ่นยนต์เหมือนมนุษย์ที่สามารถเตะฟุตบอลได้ ปรากฏว่าทีม KMUTT จากสถาบันวิจัยหุ่นยนต์ภาคสนาม หรือฟีโบ้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ซึ่งเอไอเอส ได้สนับสนุนการเดินทางไปร่วมแข่งขัน สามารถฝ่าด่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ท่ามกลางคู่แข่งที่น่ากลัวจากเยอรมนี ญี่ปุ่น อิหร่าน สิงคโปร์ ออสเตรเลีย แคนาดา และอิตาลี ทั้งนี้ทีม KMUTT ได้ส่งหุ่นยนต์ชื่อไทย ๆ ว่า “ใจดี” เข้าประกวด โดยเป็นหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ไซซ์ กะทัดรัดกับความสูง 38 เซนติเมตร น้ำหนัก 3.3 กิโลกรัม ใช้ข้อต่อ 23 ข้อ ทำจากอะลูมิเนียมที่มีความสามารถในการเดิน และเตะลูกบอลได้คล้ายคลึงกับมนุษย์ แบบพลศาสตร์ หรือการเดินแบบรักษาจุดศูนย์ถ่วงไว้ที่ใต้ฝ่าเท้า. (เดลินิวส์ อังคารที่ 26 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





เครื่องคัดไข่ด้วยภาพ รวดเร็ว แม่นยำ ประสิทธิภาพเยี่ยม

อาจารย์ภาณุ ประทุมนพรัตน์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี คิดค้นเครื่องคัดไข่ด้วยภาพ โดยประยุกต์เทคโนโลยีประมวลผลภาพด้วยกล้องซีซีดี (CCD camera) เป็นตัวตรวจรู้ (sensor) ด้วยสัญญาณดิจิทัลมาใช้ในการคัดไข่ด้วยวิธีถ่ายภาพ เพื่อช่วยลดปัญหา ของเครื่องคัดไข่ระบบกลไกที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน และช่วยลดการนำเข้าเครื่องราคาแพงจากต่างประเทศด้วย หลักการทำงานของเครื่องคัดไข่ด้วยภาพว่า แบ่งออกเป็นส่วนของสายพานลำเลียงไข่ที่มีหน้าที่ลำเลียงไข่มายังส่วนที่เรียกว่าสถานีคัดไข่ ซึ่งมีกล้อง ซีซีดีติดอยู่ กล้องก็จะทำการถ่ายภาพ และจะส่งข้อมูลภาพนั้นมายังชุดประมวลผลด้วยภาพ หรือส่วนของ controller เพื่อประมวลผลข้อมูลภาพนั้นว่ามีขนาดจำนวน pixels เท่าไหร่ แล้วจึงคำนวณว่าเป็นไข่ขนาดไหน ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกป้อนไว้ในชุดประมวลผล จากนั้นจึงส่งคำสั่งมายัง พีแอลซี เพื่อคัดแยกขนาดไข่ลงในถาดด้านล่างตามเบอร์ที่กำหนดต่อไป จากการทดสอบเครื่องคัดไข่ด้วยภาพนี้ ปรากฏว่าสามารถคัดไข่ได้ด้วยความเร็ว 3 ฟองต่อ 1 วินาที หรือ 800 ฟองต่อ 1 ชั่วโมง และมีความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพียง 3% เท่านั้น ซึ่งมักจะมีสาเหตุมาจากไข่แต่ละฟองไม่มีรูปทรงทางเรขาคณิตที่แน่นอน ทำให้ไข่ที่เข้าสู่สถานีคัดไข่หันหน้าเข้าหากล้องซีซีดี เกิดเงาขึ้นบนแผ่นวางไข่ไม่เท่ากัน ส่งผลให้กล้องวัดผิดพลาดได้ ผู้ใดสนใจเครื่องคัดไข่ด้วยภาพ นวัตกรรมฝีมือคนไทย อาจารย์ภาณุยินดีให้คำแนะนำ ติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่ อาจารย์ภาณุ ประทุมนพรัตน์ ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี หมายเลขโทรศัพท์ 0-2549-3433-35 ในวันและเวลาราชการ. (เดลินิวส์ อังคารที่ 26 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





พบวิธีรักษาแล้ว ธาลัสซีเมีย

ที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ดร.อิลแฮม อับดุลจาดาเยล นักชีววิทยาด้านเซลล์ของสิ่งมีชีวิต ชาวปากีสถาน เผยถึงความสำเร็จของการบำบัดโรคด้วยสเต็มเซลล์จากเลือดของผู้ป่วยเอง เป็นครั้งแรกของโลกว่า การค้นพบการบำบัดรักษาด้วยสเต็มเซลล์มีมาตั้งแต่ปี 1990 ล่าสุดนี้ ได้ค้นพบทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงแบบย้อนกลับ ด้วยสเต็มเซลล์ ที่เรียกว่า Retrodifferentiated โดยการเจาะเลือดและสกัดเอาเม็ดเลือดขาวออกมา เพื่อค้นหาสเต็มเซลล์ ก่อนจะถ่ายเลือดกลับเข้าไปในตัวคนไข้อีกครั้ง วิธีนี้นอกจากจะช่วยลดการติดเชื้อแทรกซ้อนจากการรับเลือดแล้ว ยังช่วยให้ผู้ป่วยด้วยโรคทางพันธุกรรมและโรคที่เกี่ยวกับเลือดหลายโรค เช่น โรคธาลัสซีเมีย ลูคีเมีย โรคซิกเคิล โรคเบาหวาน รวมไปถึงโรคที่เกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บของกระดูกสันหลัง จนสูญเสียความรู้สึกของแขน ขา ก็สามารถที่จะใช้ทฤษฎีนี้ในการรักษาได้ การบำบัดรักษาโรคด้วยสเต็มเซลล์ของผู้ป่วยเองที่เป็นโรคธาลัสซีเมีย ประเภทที่มีอาการปรากฏชัดเจนและจำเป็นต้องให้เลือดนั้น ทำให้ผู้ป่วยประสบปัญหามีความทุกข์ทรมาน โดยเฉพาะการที่ต้องให้เลือดทุกอาทิตย์ แต่ถ้าใช้ทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงแบบย้อนกลับด้วยสเต็มเซลล์ อาจทำให้ระยะเวลาของการให้เลือดลดน้อยลง เช่น อาจจะเป็นเดือนละครั้งก็ได้ ทั้งนี้ ทฤษฎีนี้ได้ผ่านการทดลองรักษาผู้ป่วยชาวปากีสถานไปแล้ว 28 ราย ที่สถาบันการแพทย์และศัลยกรรมเกี่ยวกับกระดูกและข้อ (โอเอ็มไอ) นอกจากนี้ ยังรักษาผู้ป่วยสภาวะเลือดจางชาวอินเดีย ซึ่งไม่สามารถสร้างใหม่ ได้เองจำนวน 4 ราย ประสบความสำเร็จ โดยเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบย้อนกลับของสเต็มเซลล์ ของเลือดผู้ป่วยเองในระยะเวลาอันสั้น (ไทยรัฐ พุธที่ 27 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





พบหนทางลดน้ำหนักแบบเรียนลัด ฉีดฮอร์โมนคอยเตือนสมองรู้อิ่ม

สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ทีมผู้เชี่ยวชาญของวิทยาลัยแพทย์อิมพีเรียลอังกฤษ พบหนทางลดน้ำหนักทางลัดกับผู้ที่มีน้ำหนักเกิน สามารถลดนํ้าหนัก ชั่วเดือนเดียวได้ถึง 2.3 กก. ได้พบในการทดลองฉีดฮอร์โมนออกซินโทโมดูลิน ซึ่งพบมีอยู่ในลำไส้คนเราตามธรรมชาติ ว่าอาสาสมัครผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วนเกินปกติ 26 คน ลดน้ำหนักโดยเฉลี่ยกันได้ถึงคนละ 2.3 กก. ชั่วเวลาเดือนเดียว ในขณะที่ผู้ทดลองอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้ยาหลอก น้ำหนักลดลงแค่ครึ่ง กก.เท่านั้น แต่พวกเขากล่าวว่า จำเป็นจะต้องศึกษาทดลองต่อไปอีก เพื่อจะได้ยืนยันผลดีของมันให้แน่นอนได้ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ลำไส้จะขับฮอร์โมนดังกล่าวออกมาขณะที่เรารับประทานอาหาร เพื่อแจ้งให้สมองได้รู้ว่าเราอิ่มเมื่อสิ้นสุดการกินลง ศาสตราจารย์สตีฟ บลูม หัวหน้าทีมชี้ว่าฮอร์โมนนั้นเป็นของมีอยู่ตามธรรมชาติอยู่แล้ว นับว่าเป็นวิธีการลดความอ้วนที่เหนือกว่าอย่างอื่น “ยามใดที่เรากินข้าว เราต้องมีฮอร์โมนนี้ในตัวอยู่แล้ว ดังนั้น มันจึงไม่ใช่เป็นยาซึ่งอาจจะเกิดโทษได้”. (ไทยรัฐ พุธที่ 27 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





สร้างแม่ไก่ออกไข่เป็นยาป้องกัน กินได้ทั้งอิ่มท้องและต่อต้านโรค

นักวิทยาศาสตร์ไต้หวันได้ทำให้ แม่ไก่ออกไข่มามีสารก่อภูมิต้านทานอยู่ ในตัว เพื่อจะให้กินเป็นทั้งอาหารและยาป้องกันโรคต่างๆ ได้อีกด้วย นักวิจัยของห้องปฏิบัติการทดลองที่เมืองไท้หนานของฮ่องกง ได้ คิดพัฒนาให้ไก่ออกไข่เป็น “ไข่ยา” ขึ้นจนสำเร็จหลังจากค้นคว้าอยู่นาน 2 ปี ซึ่งได้นำออกแสดงเปิดเผยในงานนิทรรศการ “ไบโอไต้หวัน 2005” ที่มีขึ้นไปที่ศูนย์การค้าโลกไทเป ไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว นักวิจัยหลิว จุ้ย เช็ง ของห้องปฏิบัติการได้เปิดเผยเทคนิคว่า ใช้ฉีดเชื้อโรคต่างๆ เข้าไปในตัวแม่ไก่พันธุ์เลกฮอร์น เพื่อให้ร่างกายของมันผลิตสารก่อภูมิต้านทาน อันเป็นสารที่กินหรือฉีดเข้าไปแล้วปลุกให้ร่างกายสร้างความต้านทานโรค เป็นเหตุให้มีสารนั้นเข้าไปอยู่ในไข่แดงของไข่ เป็นปริมาณมากระหว่าง 2-10 % เมื่อเราหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆบริโภคไข่นี้เข้าไป ก็จะมีสารก่อภูมิต้านทานโรคอยู่ในตัว ช่วยระบบภูมิต้านทานโรคในการต่อสู้กับโรคต่างๆ ที่เข้ามาเบียดเบียน แต่การบริโภคจะต้องกินไข่ดิบๆ เพราะการหุงต้มจะไปทำลายสารก่อภูมิต้านทานลงเสีย (ไทยรัฐ อังคารที่ 26 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ไบโอดีเซลสูตรใหม่ ไร้มลพิษ

ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Wisconsin ได้ประกาศถึงการค้น พบกรรมวิธีแบบใหม่ในการผลิตน้ำมัน “ไบโอดีเซล” ที่สามารถลดต้นทุนการผลิตลงไปได้มากพอที่จะแข่งขันได้กับน้ำมันดีเซลปกติ นอกจากนั้นแล้วยังไม่สร้างมลพิษให้กับสภาพแวดล้อมอีกด้วย การไบโอดีเซลของนักวิจัยข้างต้นนั้น ต่างออกไปตรงที่ผลิตขึ้นมาด้วยกระบวนการที่คิดค้นขึ้นมาใหม่โดยที่วัตถุดิบที่สามารถนำมาใช้ผลิตได้นั้นก็คือส่วนต่าง ๆ ของพืชทุก ๆ ส่วน ขอเน้นคำว่าทุก ๆ ส่วน เนื่องจากไม่ว่าจะเป็น ดอก ใบ ราก กิ่ง ก้าน ฯลฯ ก็สามารถนำมาใช้ผลิตไบโอดีเซลได้ทั้งหมด กระบวนการจะเริ่มขึ้นจากการนำส่วนประกอบต่าง ๆ ของพืชมาผ่านกระบวนการที่ทำให้กลายเป็นของเหลวที่ประกอบด้วยน้ำและน้ำตาลเสียก่อน หลังจากนั้นจึงนำไปผ่านตัวเร่งปฏิกิริยาซึ่งเป็นสารประกอบของดีบุกและตะกั่วซึ่งจะทำหน้าที่แยกเอาอะตอมของไฮโดรเจนออกมา เมื่อนำไปผ่านตัวเร่งปฏิกิริยาอีกชนิดหนึ่ง (ไม่ระบุ–สงสัยเป็นความลับ) ก็จะได้ “แอลเคน” ซึ่งเป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนประเภทอิ่มตัว สุดท้ายท้ายสุดเมื่อนำทั้งหมดมาผ่านตัวเร่งปฏิกิริยาซึ่งเป็นสารประกอบ แพลทินัม ซิลิกา และออกไซด์ของอะลูมิเนียม ในเตาปฏิกรณ์แล้ว ก็จะได้ไบโอดีเซลชนิดใหม่ที่มีคุณสมบัติในการเผาไหม้ไม่ต่างอะไรจากไบโอดีเซลที่ผลิตกันได้ในปัจจุบัน ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ผลิตผลของการเผาไหม้ไบโอดีเซลดังกล่าวในเครื่องยนต์นั้นเป็นเพียงแค่น้ำบริสุทธิ์และความร้อนเท่านั้น ซึ่งนักวิจัยคาดว่านี่เป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญของไบโอดีเซลชนิดนี้ นอกจากนั้นแล้วของเหลือจากผลิตผลทางการเกษตรทั้งหมดยังสามารถนำมาใช้เพื่อการผลิตไบโอดีเซลได้ทั้งหมดอีกด้วย นับว่าเป็นการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด (เดลินิวส์ พุธที่ 27 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





เตาเผาขยะไฮเทค ประหยัดเชื้อเพลิงกว่า 50%

นายพิทักษ์ สุวรรณกูฎ นักศึกษาปริญญาเอก บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จึงทำการศึกษาวิจัยเรื่อง “เตาเผาขยะชุมชนแบบประหยัดพลังงานด้วยเทคโนโลยีการเผาไหม้อากาศอุณหภูมิสูง” โดยมี รศ.ดร. สมรัฐ เกิดสุวรรณ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา งานวิจัยชิ้นนี้อาจถือว่าเป็นงานวิจัยชิ้นแรกในโลก ที่นำเทคนิค “การเผาไหม้ด้วยอากาศอุณหภูมิสูง” หรือ High Temperature Air Combustion Technique (HITAC) ซึ่งจะเผาไหม้ภายใต้ความเข้มข้นของออกซิเจนที่ต่ำกว่าในบรรยากาศ มาประยุกต์ใช้กับการเผาขยะ ซึ่งนอกจากเพื่อช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงแล้ว เทคนิคนี้ยังสามารถลดการเกิดไนโตรเจนออกไซด์ (NOX) ที่เป็นสารมลพิษได้อีกทางหนึ่ง ในการวิจัยนี้จึงทำการจำลองสภาวะการเผาไหม้ภายใต้ความเข้มข้นที่ต่ำกว่าในบรรยากาศและศึกษาพฤติกรรมการเผาไหม้ภายใต้อากาศอุณหภูมิสูง อัตราการประหยัดพลังงานและอัตราการปลดปล่อยมลพิษ ภายใต้งานวิจัยนี้ ขี้เลื่อยที่ถูกใช้เป็นตัวแทนของขยะ จะถูกส่งเข้าเตาเผาไหม้ด้วยอากาศอุณหภูมิสูงตัวแรกของประเทศที่ได้รับการพัฒนาขึ้น โดยเตาเผาตัวนี้จะมีลักษณะพิเศษคือ มีห้องเผาไหม้อยู่ 2 ห้อง และมีเทคนิคการนำก๊าซร้อนที่เกิดจากการเผาไหม้ในห้องเผาไหม้ไปผสมกับอากาศจากภายนอกในปริมาณที่เหมาะสม ก่อนปล่อยเข้าสู่ห้องเผาไหม้ที่ 2 อีกครั้งหนึ่ง “เรากำหนดอุณหภูมิของห้องเผาไหม้ที่ 1 ค่อนข้างต่ำ เพื่อให้ขี้เลื่อยถูกเผาไหม้แบบไม่สมบูรณ์ และก๊าซที่เกิดขึ้นไปเผาไหม้ต่อในห้องเผาไหม้ที่ 2 โดยการควบคุมอุณหภูมิและส่วนผสมของก๊าซร้อนกับอากาศร้อน ที่จะเข้าห้องเผาไหม้ รวมถึงปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ ให้เกิดการเผาไหม้ในห้องเผาไหม้ที่สมบูรณ์ และไม่เกิด NOX เกินมาตรฐาน และที่สำคัญลดต้นทุนของเชื้อเพลิงที่ใช้” ผลจากการทดลองปรากฏว่า ขี้เลื่อยจะสามารถถูกเผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์ ขณะเดียวกันปริมาณ NOX ที่เกิดขึ้นก็น้อยลงกว่าวิธีการเผาแบบเก่า ที่สำคัญลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงลงไปได้มากกว่า 50% สำหรับต้นทุนในการเผาสำหรับเตาเผาขยะโดยทั่วไป จะอยู่ที่ประมาณ 8-10 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับน้ำมัน แต่วิธีการแบบนี้คาดว่าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายในการเผาเหลือประมาณ 4-5 บาทต่อกิโล กรัมเป็นอย่างน้อย (เดลินิวส์ พุธที่ 27 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





.ศ.เพชรบูรณ์สร้างผลงานเลื่องชื่อ "เครื่องเขย่าไข่"-สุดยอดประดิษฐกรรม

นายจรัส บุญแท้ นายนิรุตย์ บุญทวี นายสุริยา เลื่อนลอย นายอนุสรณ์ สิงห์เวิน นักศึกษาคณะเทคโนโลยีการเกษตร ภาควิชาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม สาขาเทคโนโลยีไฟฟ้าอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ ช่วยทำการค้นคว้าและผลิตเครื่องเขย่าไข่เพื่อช่วยผู้ประกอบการขายไข่เขย่า โดยมีอาจารย์สุเมธ สงวนใจ อาจารย์ปัญญา เทียนนาวา อาจารย์กิติธัช แก้วไขแสงเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา นายจรัส เล่าถึงแนวคิดการผลิตเครื่องเขย่าไข่นี้ว่า เคยเห็นพ่อค้าขายไข่เขย่าอยู่ตามท้องตลาด จึงสอบถามการทำไข่เขย่า ทราบว่าได้จากไข่ไก่ที่นำไปฟัก แล้วแต่ไม่เป็นตัว หลังจากนั้นนำมาเจาะรูเล็กๆ โดยไม่ให้แตก เพื่อนำเอาไข่ขาวและไข่แดงซึ่งอยู่ภายในมาตีให้เข้ากัน พร้อมกับใส่เครื่องปรุง จากนั้นใช้เข็มฉีดไข่ขาวและไข่แดงที่ตีกันให้เข้าดีแล้ว กลับเข้าไปในไข่นั้นอีก แล้วนำไปปิ้งหรือนึ่งขาย ประกอบของเครื่องชนิดนี้ว่า ส่วนประกอบแบ่งออกเป็น 2 ชุดคือ ชุดที่ 1 ชุดกำลัง ประกอบไปด้วยมอเตอร์กระแสไฟฟ้าสลับ ลูกเบี้ยว ล้อสายพาน สายตัวนำกระแสไฟฟ้า ชุดที่ 2 คือ ชุดควบคุม ประกอบด้วย หลอดไฟแสดงสถานะ ตัวสัมผัสแบบแม่เหล็ก รีเลย์หน่วงเวลา สวิตช์ปุ่มกด สำหรับขั้นตอนการทำงานของเครื่องนั้น สามารถควบคุมได้จากสวิตช์ปุ่มกดหน้าตู้ควบคุม ซึ่งมีขั้นตอนการทำงานดังนี้ ใช้เข็มฉีดยาฉีดเครื่องปรุงใส่เข้าไปในไข่ที่เตรียมไว้ในปริมาณที่ต้องการ แล้วนำไข่บรรจุลงในแผงซึ่งสามารถบรรจุได้สูงสุดครั้งละ 90 ฟอง จากนั้นนำมาบรรจุลงในส่วนบรรจุและล็อกให้เรียบร้อย ตั้งเวลาการทำงานของเครื่องตามความเหมาะสม (ข่าวสด พุธที่ 27 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ผลิตช็อกโกแลตเป็นยาเบาหวาน

ผู้ผลิตช็อกโกแลตรายใหญ่ในสหรัฐมาแปลก ประกาศผลิตยารักษาโรคเบาหวาน และหลอดเลือดสมอง หลังจากทุ่มเงินหลายสิบล้านวิจัยจนแน่ใจว่าสารสำคัญในโกโก้ว่ามีฤทธิ์ทางยา คาดว่าหลังจากได้หุ้นส่วนแล้วจะพร้อมผลิตยาช็อกโกแลตออกจำหน่ายได้ในอีก 5-7 ปี บริษัท มาร์ส ผู้ผลิตช็อกโกแลตภายใต้แบรนด์มาร์ส และเอ็มแอนด์เอ็ม ยืนยันว่าสารฟลาวานอลส์ (flavanols) ที่มีอยู่ในโกโก้ ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตช็อกโกแลตนั้น ส่งผลดีต่อสุขภาพเช่นเดียวกับสารที่พบในไวน์แดง และชาเขียว โดยขณะนี้บริษัทกำลังเจรจากับผู้ผลิตยาหลายแห่ง เพื่อให้สิทธิหรือทำวิจัยร่วมในการผลิตตัวยาออกมาจำหน่าย ก่อนหน้านี้ มาร์สทุ่มงบประมาณไปกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 400 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา เพื่อวิจัยและพัฒนาหาสารที่มีฤทธิ์ทางยาเหมือนกับฟลาวานอลส์ ที่มีอยู่ในโกโก้ จนได้สารสังเคราะห์มานับร้อยสาร และมีคุณสมบัติไม่ผิดเพี้ยนจากฟลาวานอลส์ ดร.ฮาโรลด์ ชมิตซ์ หัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสาตร์ของมาร์ส บอกว่า สิ่งที่ทีมงานค้นพบมีสรรพคุณช่วยทางด้านสุขภาพได้ และคาดว่าหากบรรลุข้อตกลงกับหุ้นส่วนได้แล้ว คงใช้เวลาอีกประมาณ 5-7 ปี ถึงจะผลิตยาออกมาจำหน่ายได้ โดยจากการทดลองทางคลินิก พบว่าสารฟลาวานอลส์ มีส่วนช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตไปเลี้ยงสมอง สรรพคุณดังกล่าวสามารถนำมาใช้ช่วยรักษาโรคหลอดเลือดสมองได้ นอกจากนี้ ฟลาวานอลส์ ยังมีฤทธิ์ช่วยปรับปรุงระบบการสังเคราะห์ไนตริกออกไซด์ในกระแสเลือดให้ดีขึ้น ซึ่งสัมพันธ์กับโรคเบาหวานโดยตรง (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 28 ก.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





วิจัยพบชายขริบลดเสี่ยงเอดส์

ทีมวิจัยจากสถาบันอินเซิร์ม ประเทศฝรั่งเศส แจ้งว่าชายที่ทำการขริบอวัยวะเพศมีโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อเอดส์น้อยลงร้อยละ 65 โดยได้ศึกษากับผู้ชายที่ขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศกว่า 3,000 คน ที่มีอายุ 18-24 ปี ในจังหวัดกัวเต็ง ประเทศแอฟริกา หลังผ่านไป 21 เดือน พบว่ามีผู้ติดเชื้อเอดส์ในกลุ่มศึกษา 69 ราย โดยในจำนวนนี้มีผู้ชาย 18 รายที่ขริบอวัยวะเพศตั้งแต่เริ่มทดลอง เท่ากับว่า การขริบจะช่วยป้องกันได้ถึง 6-7 ใน 10 รายที่เสี่ยงติดเชื้อ อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่จากยูเอ็นเอดส์ย้ำว่า เทคนิคป้องกันเอดส์ดังกล่าวจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม และเสริมว่าการขริบเป็นเพียงส่วนหนึ่งของมาตรการป้องกันเอดส์ ซึ่งรวมถึงวิธีอื่น เช่น การใช้ถุงยางอนามัย และการเลิกพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอน หนุ่มนาเกลือเสี่ยงความดันเลือดสูง งานวิจัยจากภารตะชิ้นล่าสุด ชี้ชัดว่าคนงานในโรงผลิตเกลือที่ไม่มีการใส่อุปกรณ์ป้องกันขณะทำงาน มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูง พร้อมแนะวิธีป้องกันง่ายๆ ให้หาหน้ากาก และแว่นตามาสวมใส่ สาเหตุที่ทำให้ระดับความดันเลือดเพิ่มขึ้น เพราะอนุภาคของเกลือที่ปะปนอยู่ในอากาศ จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายโดยคนงานไม่รู้ตัว โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องสัมผัสกับเกลือโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นงานบด โม่ หรือบรรจุเกลือในถุง นักวิจัยจากศูนย์วิจัยเดเสิร์ท เมดิซิน ในอินเดีย อธิบายว่า อนุภาคเกลือที่ถูกดูดซึมเข้าร่างกายไปแล้วนั้น จะวิ่งไปยังปอด และระบบย่อยอาหาร จากนั้นก็จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดในที่สุด (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 28 ก.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





นักวิจัยหญิงคนแรก สุมาลี กำจรวงศ์ไพศาลคว้ารางวัล"Howard Hughes"v

สุมาลี กำจรวงศ์ไพศาล นักวิจัยจากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ คว้ารางวัลทุนวิจัย Howard Hughes ของ Howard Hughes Medical Institute (HHMI) รางวัลของสถาบันการแพทย์ของสหรัฐ ที่มอบให้กับนักวิจัยที่มีผลงานวิจัยดีเด่น คัดเลือกจากนักวิจัยทั่วโลก 500 คนจาก 52 ประเทศ เธอได้รับรางวัลผลงานวิจัยดีเยี่ยมเมื่อปี 2546 เรื่องการพัฒนายาต้านมาลาเรียชนิดแอนติโฟเลต และการศึกษาโครงสร้างของเอ็นไซม์ไดไฮโดรโพเลตรีดั๊กเทส เพื่อการออกแบบยา เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านชีวเคมี, โลหิตวิทยา, ชีววิทยาโมเลกุล ปัจจุบันเป็นนักวิจัยที่ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ทุ่มเทช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมาในการค้นคว้าวิจัยยาต่อต้านโรคมาลาเรีย มุ่งความสนใจไปที่ยากลุ่มอาร์ติมิซินิน เพราะเป็นกลุ่มตัวยาต้านมาลาเรียที่สำคัญที่สุดในขณะนี้ (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 28 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ประหยัดแรงถู ....ด้วย สคูบา หุ่นยนต์รักสะอาด

Robotic Floor Washer หรือ "หุ่นยนต์ทำความสะอาดพื้น iRobot Scooba" ตัวแรกของโลก ที่จะมาช่วยผ่อนแรงคุณแม่บ้าน ประหยัดเวลาในการวุ่นวายทำความสะอาดพื้นบ้าน ทั้งถูก ทั้งดูดฝุ่น ขัดเงา และทำพื้นให้แห้ง ซึ่งมันได้โชว์ความสามารถให้เห็นแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จนบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างตื่นตาตื่นใจ และขอซื้อเทคโนโลยีนี้จากบริษัท iRobot Roomba Robotic Floorvac. เพื่อผลิตออกมาจำหน่าย แทนเครื่องดูดฝุ่นแบบที่ใช้อยู่ ส่วนบริษัทที่จะได้สิทธิจำหน่ายชื่อ Clorox ในฐานะพันธมิตรที่ร่วมกันสร้างสรรค์สคูบารุ่นแรกนี้ขึ้นมา หลังจากใช้เวลากว่าปีในการออกแบบ ประดิษฐ์และทดสอบจนสำเร็จ มันสามารถเข้าไปจัดการความสกปรกทุกซอกมุมที่ลอดเข้าไปได้ (มติชนรายววัน พฤหัสบดีที่ 28 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





มอเตอร์ไซค์ใช้เอทานอลช่วยประหยัดแทนเติมเบนซิน

นายบุณย์ฤทธิ์ ประสาทแก้ว อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้สามารถดัดแปลงเครื่องยนต์เบนซินของรถจักรยานยนต์ให้ใช้เชื้อเพลิงเอทานอลแทนเบนซินได้แล้ว สาเหตุที่ต้องปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ในบางส่วน เนื่องจากเครื่องยนต์ที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่สามารถใช้ร่วมกับเชื้อเพลิงลูกผสมอย่างเอทานอลได้ จึงต้องหาวิธีปรับแต่งเครื่องยนต์ใหม่ ด้วยการเริ่มศึกษาคุณสมบัติของเอทานอลในส่วนของการใช้พลังงานเชื้อเพลิง ปริมาณความร้อน จุดวาบไฟ ก่อนทำการปรับแต่งเครื่องยนต์ "เอทานอลมีค่าความร้อนต่ำ และจุดไฟติดได้ยากกว่าน้ำมันเบนซิน การเผาไหม้กับอากาศจึงต้องใช้เอทานอลในปริมาณมากกว่าน้ำมันเบนซิน แต่เนื่องจากเอทานอลมีข้อดีที่ติดไฟยาก หากนำมาเพิ่มแรงอัดให้ได้ปริมาณสูงขึ้นจะทำให้เครื่องยนต์ประสิทธิภาพเผาไหม้มากขึ้นตามไปด้วย" นายบุณย์ฤทธิ์ กล่าว นายบุณย์ฤทธิ์ยังได้นำเครื่องยนต์เบนซินมาปรับแต่งเพิ่มแรงอัดและปริมาตรห้องเผาไหม้ โดยลดอัตราส่วนในการอัดให้เหลือน้อยลง รวมทั้งได้คิดค้นอุปกรณ์ตัวใหม่ที่เรียกว่า วาล์วเติมอากาศ เพื่อทำหน้าที่ปรับเปลี่ยนปริมาณอากาศในห้องเผาไหม้ให้มีความเหมาะสม และได้ความเร็วรอบที่มากขึ้น ทำให้ได้การเผาไหม้ที่สะอาด เนื่องจากอากาศสามารถเข้าไปข้างในได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ได้ปรับแต่งคาร์บูเรเตอร์ หรือตัวผสมระหว่างอากาศกับน้ำมัน ให้สามารถจ่ายเอทานอลได้มากกว่าเดิม และยังปรับอัตราส่วนการอัดให้สูงขึ้น จากเดิม 12 ต่อ 1 เป็น 14 ต่อ 1 เพื่อลดปฏิกิริยาฟิสชั่นของเครื่องยนต์ "หลังจากทดลองใช้เครื่องยนต์ที่ปรับแต่งนี้กับเครื่องยนต์เบนซินสูบเดียว โดยเติมเอทานอล 1 ลิตร สามารถวิ่งได้ 75 กิโลเมตร ด้วยอัตราความเร็วที่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งงบประมาณในการติดตั้งไม่เกิน 2,500 บาท (คมชัดลึก พุธที่ 27 ก.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





นักประดิษฐ์ม.ปลายโชว์ฝีมือ คิดเครื่องโอโซนล้างสารพิษ

นางสาวจุฑามาศ อรุณธรรมนาค นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนศึกษานารี นักเรียนในโครงการ 2B-KMUTT รุ่นที่ 2 ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ประดิษฐ์เครื่องผลิตโอโซนโดยใช้ไฟฟ้าทำให้โมเลกุลก๊าซออกซิเจนแตกตัวมารวมกับน้ำใช้สำหรับล้างสารพิษ ฟอร์มาลิน ในผักผลไม้และอาหารทะเล เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค ตัวเครื่องจะต่อเข้ากับถังออกซิเจนพิเศษ โดยไม่สามารถนำอากาศธรรมชาติมาใช้ได้ เนื่องจากมีส่วนประกอบของไนโตรเจนอยู่ด้วย อาจทำให้เกิดกรดไนตริกที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ เมื่อผ่านออกซิเจนเข้าสู่ท่อพีวีซีที่หุ้มหลอดแก้วอยู่ กระแสไฟฟ้าจะแตกออกซิเจนเป็นโอโซนแล้วเข้าไปสู่หลอดที่เตรียมไว้ ซึ่งต่อกับหัวฉีดน้ำ เมื่อผสมก๊าซโอโซนเข้ากับน้ำ ก็จะเป็นน้ำโอโซน ส่วนประกอบของเครื่อง ประกอบด้วย วงจรขยายแรงดันไฟฟ้าและหลอดแก้วที่สำหรับแตกโมเลกุลของออกซิเจนเพื่อให้ออกซิเจนเข้ามาในหลอดแก้ว โดยทำการต่อไฟลบจากวงจรขยายแรงดันไฟฟ้าเข้ามาที่หลอดแก้ว โดยต่อเข้ากับแกนเหล็กที่อยู่ตรงกลาง ส่วนไฟขั้วบวกจะต่อเข้ากับตะแกรงที่อยู่ด้านนอก ไฟบวกจะวิ่งเข้าหาไฟลบ หลังจากได้เครื่องผลิตโอโซนแล้ว นางสาวจุฑามาศ ได้ทำการทดสอบความสามารถในการดับกลิ่นของโอโซน โดยใช้สำลีชุบแอมโมเนียมไฮดรอกไซด์ แล้วนำเอาหัวจ่ายก๊าซโอโซนมารมสำลีชุบแอมโมเนียมไฮดรอกไซด์ พบว่า กลิ่นของแอมโมเนียมไฮดรอกไซด์จะหมดไปภายใน 1-2 นาที ขณะนี้เครื่องผลิตโอโซนกำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนการศึกษาเชิงปริมาณของปริมาณโอโซนที่ผลิตได้ และการปรับรูปแบบของเครื่องผลิตโอโซนให้ใช้เพียงหลอดแก้ว โดยไม่ต้องใช้ท่อพีวีซี เพื่อความสะดวก (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 27 ก.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





เมาส์เท้าเพื่อคนแขนพิการ ใช้เท้าเหยียบแทนกดคลิก

นายสมชาย เอกโอฬารสกุล นักศึกษาปวช.ปี 2 จากแผนกอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยสารพัดช่างเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เขาได้ร่วมกับนายปิยะ ลูนเจริญ นักศึกษาปวช.ปี 3 ประดิษฐ์เมาส์สำหรับคนพิการแขนขาดทั้งสองข้าง เพื่อให้คนพิการเหล่านั้นได้มีโอกาสใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างเช่นคนปกติ โดยนำเอาการทำงานของเมาส์มือที่ใช้กันอยู่ทั่วไป มาดัดแปลงสร้างขึ้นใหม่โดยทำเป็นรูปรองเท้าแตะ เพื่อให้ใช้เท้าบังคับแทนมือ สำหรับคนที่ไม่สามารถใช้งานเมาส์ปกติได้ โดยหลังการทำงานของเมาส์เท้าที่ประดิษฐ์ขึ้นนี้ คล้ายคลึงกับการทำงานของเมาส์ทั่วไป "เมาส์รองเท้าคู่นี้ออกแบบมาเพื่อสวมใส่กับเท้าทั้ง 2 ข้าง โดยมีลักษณะเป็นรองเท้าแตะขนาดฟรีไซส์เชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ผ่านพอร์ตยูเอสบี ข้างซ้ายใช้คลิกเมาส์ซ้าย ข้างขวาใช้คลิกเมาส์ขวา คล้ายเมาส์มือปกติ" นอกจากนี้ เมาส์รองเท้าแตะยังให้ความบันเทิงได้ โดยสามารถฟังเพลงเอ็มพี 3 ได้ในตัว รวมถึงทำให้เมาส์เท้านี้สามารถควบคุมได้โดยไม่ต้องใช้สายเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 26 ก.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





หุ่นยนต์จิ๋วล่อแมลงสาบออกจากบ้าน

กิลส์ แคปรารี นักวิทยาศาสตร์ชาวสวิตเซอร์แลนด์ บอกว่าหุ่นยนต์อินส์บอท (InsBot) เป็นผลงานพัฒนาในโครงการร่วมยุโรปที่ชื่อว่า "Leurre" ที่เน้นศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับหุ่นยนต์ โดยหุ่นจิ๋วตัวนี้ สามารถเข้าไปแฝงตัวและกลายเป็นสมาชิกในอาณาจักรแมลงสาบได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากสามารถเคลื่อนไหว และส่งกลิ่นได้เหมือนกับตัวจริงไม่ผิดเพี้ยน จึงไม่แปลกที่เหล่าแมลงสาบจะยอมรับหุ่นยนต์ตัวนี้ให้เป็นมิตรสหาย นับเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสังคมที่ซับซ้อนของสัตว์ อย่างแมลงสาบ ที่ไม่ได้มีผู้นำกลุ่มอย่างเป็นทางการเมื่ออาศัยอยู่ร่วมกัน และจากการทดลองครั้งล่าสุด พบว่าเจ้าอินส์บอทสามารถชักจูงให้เหล่าแมลงสาบตามออกมาอยู่ในที่สว่างได้อย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากนี้ ยังอาจประยุกต์ใช้ควบคุมพฤติกรรมของสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการหยุดพฤติกรรมกระโดดลงหน้าผาของฝูงแกะ หรือการย้ายฝูงแมลงสาบออกจากบ้าน หุ่นยนต์จิ๋วสีเขียวตัวนี้ มีขนาดเท่ากับกล่องไม้ขีด ติดตั้งกล้อง 2 มิติ จำนวน 6 ตัว พร้อมมีสายอากาศ 2 เส้น เซ็นเซอร์ตรวจจับการสั่นไหว และเซ็นเซอร์แสงเพื่อตรวจจับหาตัวแมลงสาบ และเมื่อพบแล้ว การจะเข้ากลุ่มได้ ต้องอาศัยกลิ่นสังเคราะห์ หรือฟีโรโมนของแมลงสาบที่ติดอยู่บนกระดาษหุ้มรอบตัวหุ่นยนต์นั่นเอง (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 27 ก.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





แพทย์รามาทุ่มวิจัยกระดูกพรุน คว้ารางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น

ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นคณบดีคณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับโรคขาดสารไอโอดีน และโรคกระดูกพรุน จนถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สุดท่านหนึ่ง โดยมุ่งวิจัยใน 2 เรื่องเป็นหลัก คือเรื่องโรคขาดสารไอโอดีน และโรคกระดูกพรุนและโรคทางกระดูกอื่นๆ ซึ่งในโรคขาดสารไอโอดีนนั้นทำวิจัยด้านดัชนีชี้วัดสถานภาพโภชนาการไอโอดีนและคุณภาพเกลือไอโอดีน ส่วนงานวิจัยด้านโรคกระดูกพรุนนั้น เป็นโรคที่คนเพิ่งเริ่มตื่นตัวให้ความสนใจมากขึ้นในระยะหลังๆ เนื่องจากพบอุบัติการณ์มากขึ้น อาจเกิดจากอายุขัยที่เพิ่มขึ้นของคนไทย สิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป จึงสนใจศึกษาถึงสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ และปริมาณแคลเซียมที่คนไทยควรได้รับ เพราะไม่สามารถนำข้อแนะนำจากต่างประเทศมาใช้ได้โดยตรง จากการที่อาหารการกินและวิถีชีวิตที่ต่างกัน "วิตามินดีเป็นตัวสำคัญที่ทำให้ร่างกายขาดแคลเซียม พบว่า ในประชากรสูงวัยที่บ้านพักคนชราขาดวิตามินดี และผมกำลังจะศึกษาในประชากรกลุ่มอื่นๆ และที่ผ่านมายังได้ศึกษาด้านระบาดวิทยา ปริมาณแคลเซียมที่ได้รับการดูดซึมแคลเซียมในอาหารบางชนิด และยังได้มีโอกาสศึกษาโรคทางกระดูกถึงกลไกการเกิด เช่น ธาลัสซีเมีย ภาวะการเกิดกรดเกินจากท่อไตทำงานผิดปกติ ซึ่งเหล่านี้อาจทำให้พบกลไกบางอย่างที่สามารถนำมาใช้ในโรคกระดูกพรุนได้ในอนาคต ผลจากการทำงานดังกล่าว มูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ประกาศมอบรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น ประจำปี 2548 ให้แก่ ศ.นพ.รัชตะ และ ศ.นพ.บุญส่ง องค์พิพฒนกุล จากภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ทำวิจัยต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 10 ปีเช่นกัน ศ.นพ.บุญส่ง ได้วิจัยร่วมกับ ศ.นพ.รัชตะ มาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งศึกษาโรคกระดูกพรุนในส่วนของพันธุกรรม โรคนี้จะมีผู้ป่วยเป็นผู้หญิงมากกว่าชาย เนื่องจากการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน ฮอร์โมนที่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การสลายกระดูกเกิดน้อย เมื่อประจำเดือนหมดทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุน แต่ในหญิงวัยหมดประจำเดือนหลายรายกลับไม่ประสบภาวะนี้ ปัจจัยทางพันธุกรรมจึงมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่มาก "ยีนที่เกี่ยวข้องกับโรคนี้มีอยู่หลายตัว ที่สำคัญคือชุดของยีนที่ทำให้เกิดโรคหลายๆ ชาติไม่เหมือนกัน ในส่วนงานวิจัยของเราจะพยายามหายีนที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรค หากทราบจะได้ตรวจตั้งแต่อายุยังน้อยและมีเวลาหลายปีในการป้องกันโรค" ศ.นพ.บุญส่ง กล่าว และจากการศึกษาเขาพบว่ายีนตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจน และยีนตัวรับวิตามินดีมีความสัมพันธ์กับภาวะกระดุกพรุน นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาถึงความเกี่ยวข้องของพันธุกรรมต่อการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่สองด้วย (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 29 ก.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ไขคำตอบพืชทนแล้งพัฒนาพันธุ์พืชกินน้ำน้อย

ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย จับพืชทนแล้งมาวิเคราะห์ พบยีนอีเร็คต้า ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าเป็นยีนตัวหนึ่งจากทั้งหมดสามตัว ที่ทำหน้าที่ควบคุมการสังเคราะห์แสงและการคายน้ำของพืช ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญต่อการดำรงอยู่ของพืช ต้นพืชที่พวกเขานำมาศึกษาคือต้น "อะราบิดอพซิส" เป็นพืชตระกูลคาโนลา และเป็นพืชตระกูลหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์ได้ดำเนินการจัดเรียงข้อมูลดีเอ็นเอเสร็จสมบูรณ์แล้วนอกจากข้าว พืชหลายชนิดในออสเตรเลียมี "ยีนอีเร็คต้า" ชนิดเดียวกับที่พบในต้นอะราบิดอพซิส โดยพืชพวกนี้ล้วนเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของออสเตรเลีย และในหลายพื้นที่ของโลก เช่น ข้าวสาลี บาร์เลย์ ข้าว คาโนลา มะเขือเทศ จึงนับว่าเป็นยีนที่พบได้ทั่วไป ดังนั้น การค้นพบครั้งนี้จึงเปิดทางสำหรับนำยีนไปใช้ปรับปรุงกระบวนการคายน้ำของพืชเหล่านี้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การค้นพบดังกล่าวจะช่วยให้นักเพาะพันธุ์พืชมีเครื่องมือสำหรับพัฒนาพืชที่ต้องการน้ำน้อย ที่สำคัญยังช่วยเกษตรกรใช้น้ำน้อยลงในการทำการเกษตร ซึ่งแต่ละปี เกษตรกรออสเตรเลียต้องเสียค่านำเพื่อการเพาะปลูกถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย และถ้าสามารถพัฒนาพืชที่ช่วยประหยัดน้ำได้เพียงร้อยละหนึ่ง จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึงปีละ 100 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (คมชัดลึก จันทร์ที่ 25 ก.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ม.ราชมงคลล้านนาโชว์ผลงาน พัฒนารถเข็นไฟฟ้าช่วยผู้พิการ

นายปรัชญา หล้าสมบูรณ์ และนายคุณากร ธิประเสริฐ์ นักศึกษาคณะวิชาวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาไฟฟ้ากำลัง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตเชียงราย ได้คิดค้นและประดิษฐ์รถเข็นคนพิการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า (Electrical Wheel Chair รุ่น2) ขึ้น โดยมีอาจารย์นพพร พัชรประกิติ และอาจารย์เกษม ตรีภาค เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา โครงการดังกล่าวเป็นผลงานที่นำมาพัฒนาต่อจากผลงานของนักศึกษารุ่นก่อนที่จบการศึกษาไปแล้ว โดยเริ่มศึกษาระบบโครงสร้างของรถเข็นคนพิการถึงรูปแบบการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ถอยหลัง เลี้ยวซ้าย และเลี้ยวขวา และทำการออกแบบโครงสร้างพร้อมกับวางอุปกรณ์ว่าจะต้องวางในลักษณะไหน "ตัวโครงสร้างเราได้ดัดแปลงจากเดิมเพื่อให้แข็งแรงขึ้น โดยการนำเหล็กทำเป็นกากบาทเชื่อมให้แข็งแรง คือเพิ่มเหล็กให้หนาขึ้นเพื่อรับน้ำหนักของตัวบุคคลที่จะนั่งลงไป" นักประดิษฐ์กล่าว รถเข็นผู้พิการ/คนชราระบบไฟฟ้าต้นแบบนี้ ได้ออกแบบระบบสายพานขับเคลื่อน และการสั่งงานควบคุมทิศทางการขับเคลื่อนโดยประยุกต์คันบังคับที่ใช้ในเครื่องเล่นเกมหรือ จอยสติก ซึ่งผู้ใช้งานสามารถบังคับได้เอง รถเข็นมีน้ำหนักประมาณ 50 - 60 กิโลกรัม ผู้ป่วยสามารถควบคุมได้เองโดยหลักการง่ายๆ รถเข็นตัวนี้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้โดยการนำปลั๊กเสียบเต้ารับขนาด 220/250 โวลต์ สำหรับมอเตอร์ที่ใช้ในการขับเคลื่อนนั้นเป็นมอเตอร์กระแสตรงขนาด 500 วัตต์ ขับเคลื่อนโดยอาศัยสายพาน ด้วยความเร็วไม่เกิด 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถปรับความเร็วได้ 2 ระดับ และขึ้นทางลาดชันได้ 10 - 15 องศา ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงค้นคว้าทดลอง (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 30 ก.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





แก้หมันด้วยสเต็มเซลล์ไขกระดูก

โจนาธาน ทิลลี ผู้อำนวยการศูนย์ชีววิทยาด้านการเจริญพันธุ์วินเซนต์ ในโรงพยาบาลแมสซาชูเซตส์ และวิทยาลัยการแพทย์ฮาร์วาร์ด หัวหน้าทีมวิจัย บอกว่าการค้นพบวิธีแก้ภาวะหมันในหนูตัวเมียได้เป็นผลสำเร็จ หลังพบสเต็มเซลล์ไขกระดูกสามารถผลิตเซลล์ไข่ได้ ปูทางสู่การรักษาหญิงไร้รังไข่ และหญิงวัยทองให้สามารถกลับมามีบุตรได้อีกครั้ง นำไปสู่การรักษารูปแบบใหม่โดยไม่ต้องใช้ตัวยา แต่ใช้สเต็มเซลล์ตัวเต็มวัยแทน จากการศึกษาก่อนหน้านี้ ทีมงานรู้สึกงงกับผลวิจัยที่ได้รับ ซึ่งระบุว่าหนูตัวเมียที่เป็นหมันจากการทำเคมีบำบัด สามารถสร้างเซลล์ไข่ขึ้นมาได้อีกครั้ง เมื่อตรวจสอบไปที่รังไข่ กลับไม่พบสเต็มเซลล์ไข่ที่จะทำให้เกิดการเพิ่มจำนวนของเนื้อเยื่อรังไข่และไข่ขึ้นได้ แต่เมื่อดูไปที่ไขกระดูก กลับพบเครื่องหมาย หรือโปรตีนของเซลล์สืบพันธุ์ ซึ่งเป็นสเต็มเซลล์ชนิดหนึ่งที่สามารถเพิ่มจำนวนไข่และสเปิร์มได้ จากนั้นได้นำไขกระดูกไปปลูกถ่ายในหนูที่เป็นหมันบางตัว ในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง หนูก็สามารถสร้างเซลล์ไข่ขึ้นมาใหม่ รวมทั้งถุงขนาดเล็กสำหรับบรรจุไข่ไว้ภายในด้วย ที่สำคัญหนูตัวนั้นสามารถมีลูกจากเซลล์ไข่ใหม่ได้ และเมื่อทีมงานตรวจสอบไขกระดูกของมนุษย์ ก็พบว่ามีเครื่องหมายของเซลล์สืบพันธุ์เหมือนกัน ทำให้เชื่อได้ว่าในอนาคตพวกเขาอาจช่วยหญิงวัยทองที่ร่างกายหยุดการผลิตไข่ รวมทั้งผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งต้องตัดรังไข่ทิ้ง นอกจากนี้ สเต็มเซลล์ตัวเต็มวัยที่พบในไขกระดูก อาจใช้เป็นแหล่งผลิตไข่สำหรับการโคลนนิงเพื่อการบำบัด ด้วยการใช้สร้างตัวอ่อนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากของนักวิจัยในขณะนี้ นอกจากนี้ ยังพบด้วยว่าเมื่อนำเอาสเต็มเซลล์ที่สกัดออกมาไปใส่ในไขสันหลังของหนู เซลล์เกิดการแบ่งตัวและสร้างเซลล์ประสาทใหม่ขึ้นมา ทำให้เชื่อได้ว่าเทคนิคนี้สามารถใช้ช่วยซ่อมแซมระบบประสาทในตัวมนุษย์ได้ในอนาคตอันใกล้นี้ (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 30 ก.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ข่าวทั่วไป


พบถอนตัวจากบ่วงของบุหรี่ได้ยากควรป้องกันปอดหัวใจเสียถาวร

เรืออากาศโท น.พ.สมิต วัฒนธัญกรรม รองผู้อำนวยการสถาบันธัญญารักษ์ กล่าวว่า นิโคตินในบุหรี่มีฤทธิ์ทำให้เสพติดสูงมาก ผู้สูบบุหรี่จึงเป็นทาสของนิโคติน การลด ละ เลิกบุหรี่จึงทำได้ยาก พบว่าร้อยละ 80 ของผู้สูบบุหรี่เลิกได้ด้วยตนเอง อีกร้อยละ 20 จำเป็นต้องได้รับยาช่วย เช่น น้ำยาอดบุหรี่ สารทดแทนนิโคติน รวมทั้งการรับคำแนะนำจากแพทย์เพื่อช่วยเหลือในการบำบัดเลิกบุหรี่ ทั้งนี้ มีผลการวิจัยของต่างประเทศ คือ น.พ.โรเบิร์ต ไวส์ มหาวิทยาลัยแพทย์จอห์น ฮอปกินส์ สหรัฐอเมริกา และคณะ ศึกษาคนที่สูบบุหรี่ในวัยกลางคนที่ปอดถูกทำลายบางส่วน 6,000 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มแรกได้รับคำแนะนำว่า บุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แนะนำวิธีเลิกสูบบุหรี่อย่างคร่าวๆ และอีกกลุ่มให้เข้าโครงการเลิกสูบบุหรี่จริงจังและติดตามอย่างใกล้ชิด ติดตามเป็นเวลา 14 ปี พบว่ากลุ่มตัวอย่าง 1 ใน 5 เลิกสูบบุหรี่ได้อย่างถาวร ยังพบว่าการเลิกสูบบุหรี่สามารถช่วยลดอัตราการตายของคนที่เป็นโรคจากการสูบบุหรี่ได้ปีละ 2 คนต่อประชากรพันคนที่เข้าร่วมโครงการ จึงพิสูจน์ได้ว่าการเลิกบุหรี่สามารถลดอัตราการตายได้ ทางที่ดีผู้สูบบุหรี่ควรจะเลิกก่อนที่ปอดหรือหัวใจจะได้รับความเสียหายอย่างถาวร เพราะเมื่อหยุดสูบร่างกายจะซ่อมแซมส่วนที่ทรุดโทรมสึกหรอให้กลับคืนสู่สภาพใกล้เคียงปกติ ผู้สนใจเลิกบุหรี่ติดต่อที่สถาบันธัญญารักษ์โทร.0-2531-0080-8 หรือมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ โทร.1600. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 25 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





"แบคทีเรีย"ต้นตอโรคลึกลับ

24 ก.ค. สถานีโทรทัศน์ของฮ่องกงรายงานความคืบหน้ากรณีชาวจีนในมณฑลเสฉวนเสียชีวิตด้วยโรคลึกลับหลังจากมีการสัมผัสกับหมูและแกะ และคาดว่าชาวนาซึ่งเสียชีวิตเพิ่มจาก 9 ราย เป็น 11 ราย อาจติดเชื้อแบคทีเรีย แหล่งข่าวจากโรงพยาบาลจื้อหยาง ในมณฑลเสฉวน เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตในวันอาทิตยืเพิ่มขึ้นอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเป็น 11 ราย และมีผู้ป่วย 6 รายมีอาการหนัก นายบ็อบ ไดเอตซ์ เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกกล่าวว่า ผู้ป่วยไม่น่าจะติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก และรัฐบาลจีนส่งผู้เชี่ยวชาญไปตรวจสอบแล้ว สำหรับผู้ป่วยของโรคลึกลับจะเป็นไข้ อาเจียน เส้นเลือดใต้ผิวหนังแตก ช็อก และติดเชื้ออย่างรุนแรง แต่ยังไม่มีหลักฐานว่า มีการติดเชื้อจากคนสู่คน เพราะไม่มีบุคคลในครอบครัวหรือผู้ใกล้ชิดคนใดล้มป่วยด้วยอาการเช่นเดียวกัน (ข่าวสด จันทร์ที่ 25 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





เพชรบูรณ์ขุดพบ "เครื่องมือ"ยุคหิน ชี้อายุ1.5หมื่นปี!

พบแหล่งผลิตเครื่องมือหินยุคก่อนประวัติศาสตร์อายุ 15,000 ปีที่เพชรบูรณ์ เผยมีทั้งขวานหิน ใบหอก ซึ่งหาพบไม่ได้ง่ายนักในเมืองไทย ระบุมีคุณค่าเชิงวิชาการมาก เตรียมขุดสำรวจรายละเอียดอีกครั้ง ผอ.ศิลปากรวอนเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ช่วยดูแลอย่าปล่อยให้มีการนำไปซื้อขาย เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม นายอนันต์ ชูโชติ ผู้อำนวยการศิลปากรที่ 4 จ.ลพบุรี ซึ่งดูแลโบราณสถานใน 5 จังหวัดได้แก่ ลพบุรี อุทัยธานี ชัยนาท นครสวรรค์ และเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า ได้ค้นพบแหล่งโบราณคดีที่สำคัญตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่บริเวณสวนป่าเขาคณา หมู่ที่ 10 ต.ชนแดน อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเครื่องมือเครื่องใช้หินโบราณ อาทิ ขวานหิน ใบหอก โดยเฉพาะปริมาณเศษหินที่เกิดจากกะเทาะมีจำนวนมาก ซึ่งไม่ได้พบมากนักในแหล่งโบราณคดีของประเทศไทย จนทำให้บ่งชี้ได้ว่าไม่ได้เป็นการผลิตเพื่อใช้ในชุมชนเท่านั้น แต่ยังมีการกระจายไปให้ที่อื่นใช้ด้วยโดยเฉพาะในชุมชนใกล้เคียง นอกจากนี้ยังพบเศษเครื่องปั้นดินเผาปะปนอยู่ด้วย ต้องศึกษาและขุดค้นสำรวจในรายละเอียดอีกครั้งก่อน จึงจะได้ข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้นกว่านี้ (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 25 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





โลกจะเต็มด้วยคนแก่คนเป็นเอดส์ จำนวนประชากรเริ่มถดถอยลง

ข้อสรุปที่สำคัญที่สุดของผู้เชี่ยวชาญที่เข้าร่วมการประชุมนานาชาติ ว่าด้วยคุณภาพชีวิตของประชากรโลกในอนาคตที่กรุงปารีส เตือนว่านานาชาติจะประสบปัญหาผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเอดส์ มีจำนวนมากขึ้นในอีก 50 ปีข้างหน้า ในปัจจุบันโลกมีประชากรรวม 6,500 ล้านคน อัตราการเพิ่มของประชากรลดลงร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 1.2 ต่อปี เมื่อเทียบกับอัตราการเพิ่มประชากรในทศวรรษที่ 60 ประมาณการว่าในปี 2593 โลกจะมีประชากรมากถึง 9,000 ล้านคน จากตัวเลขของสหประชาชาติระบุว่า สัดส่วนร้อยละ 20 ของประชากรปัจจุบันจะเป็นผู้สูงอายุวัยเกิน 60 ปี ในปี 2593 และอาจจะมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 32 หากไม่มีการจัดการที่ดีตั้งแต่ปัจจุบัน จะเกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงานส่งผลให้เกิดผลกระทบรุนแรง ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจไปทั่วโลก ในขณะที่ปัญหาการติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ก็เป็นปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะจีนและอินเดีย 2 ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกต่างประสบปัญหาผู้ติดเชื้อเพิ่มจำนวนขึ้นโดยตลอด แม้ว่าทุกฝ่ายจะพยายามรณรงค์ป้องกันอย่างเต็มที่ ปัจจุบันอินเดียมีผู้ติดเชื้อ 5.1 ล้านคน เป็นอันดับ 2 รองจากแอฟริกาใต้ ส่วนจีนรัฐบาลระบุว่ามีผู้ติดเชื้อ 840,000 คน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า ตัวเลขจริงน่าจะมากกว่าที่รัฐบาลจีนยืนยัน. (ไทยรัฐ พุธที่ 27 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





เตือนนานาชาติอีก 50 ปีโลกจะมีปัญหาผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยโรคเอดส์

การประชุมนานาชาติว่าด้วยคุณภาพชีวิตของประชากรโลกในอนาคตที่กรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศสสิ้นสุดลงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้อสรุปที่สำคัญที่สุดของผู้เชี่ยวชาญที่เข้าร่วมการประชุมเตือนว่านานาชาติจะประสบปัญหาผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเอดส์ มีจำนวนมากขึ้นในอีก 50 ปีข้างหน้า ในปัจจุบันโลกมีประชากรรวม 6,500 ล้านคน อัตราการเพิ่มของประชากรลดลง 2% เหลือ 1.2 %ต่อปี เมื่อเทียบกับอัตราการเพิ่มประชากรในทศวรรษที่ 60 ประมาณการว่าในปี 2593 โลกจะมีประชากรมากถึง 9,000 ล้านคน จากตัวเลขของสหประชาชาติระบุว่าสัดส่วน 20% ของประชากรปัจจุบันจะเป็นผู้สูงอายุวัยเกิน 60 ปี ในปี 2593 และอาจจะมีสัดส่วนสูงถึง 32% หากไม่มีการจัดการที่ดีตั้งแต่ปัจจุบัน จะเกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงานส่งผลให้เกิดผลกระทบรุนแรงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจไปทั่วโลก ในขณะที่ปัญหาการติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ก็เป็นปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะจีนและอินเดีย สองประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกต่างประสบปัญหาผู้ติดเชื้อเพิ่มจำนวนขึ้นโดยตลอด แม้ว่าจะทุกฝ่ายจะพยายามรณรงค์ป้องกันอย่างเต็มที่ ปัจจุบันอินเดียมีผู้ติดเชื้อ 5.1 ล้านคน เป็นอันดับ 2 รองจากแอฟริกาใต้ ส่วนจีนรัฐบาลระบุว่ามีผู้ติดเชื้อ 840,000 คน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าตัวเลขจริงน่าจะมากกว่าที่รัฐบาลจีนยืนยัน (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 28 ก.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com





เสนอทะเลสาบเชียงแสน เป็นมรดกโลก

นายยงยุทธ ติยะไพรัช รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ผลักดันให้ ทะเลสาบเชียงแสน ต.โยนก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ซึ่งถือเป็นแหล่งวัฒนธรรมเชียงแสน เป็นมรดกสำคัญของโลก เพื่อให้ได้รับการดูแลและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน ทั้งการรักษาคุณภาพน้ำ ป่าไม้ และสัตว์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้ โดยจะรณรงค์ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรักษาธรรมชาติให้เกิดความสมดุลมากที่สุด มีเนื้อที่ราว 62,700 ไร่เศษ ดร.ทรงธรรม สุขสว่าง ผู้อำนวยการส่วนศึกษาและวิจัยอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวถึง แนวทางดำเนินการหลังผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้านธรรมชาติแห่งที่ 2 ของไทย เมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า คณะกรรมการมรดกโลกเสนอให้ประเทศไทยดำเนินการ 7 เรื่องคือ จัดทำรายงานศึกษาความเป็นไปได้เรื่องการ เชื่อมอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กับอุทยานแห่งชาติทับลาน ซึ่งมีถนนสาย 304 ตัดผ่าน โดยจะทำทางยกระดับให้รถวิ่งผ่านป่า ส่วนด้านล่างซึ่งเป็นถนนเดิมจะปรับให้เป็นป่าเชื่อม 2 อุทยานเข้าด้วยกัน ส่วนข้อเสนอที่ 2 ให้รวมการบริหารจัดการผืนป่าทั้ง 5 แห่ง คืออุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตาพระยา ทับลาน ปางสีดา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ รวมเนื้อที่ 3.8 ล้านไร่ ให้อยู่ภายใต้ผู้จัดการหรือหัวหน้าคนเดียว เพื่อจะได้บริหารจัดการผืนป่า ให้มีการสำรวจชนิดและจำนวนของสัตว์ป่า อย่างละเอียดและต่อเนื่อง และให้ปี 2549 เป็นปีแห่งการอนุรักษ์มรดกโลก ซึ่งในปี 2549 จะเสนอเพิ่มเติมอีก 3 พื้นที่ ได้แก่ ผืนป่าแก่งกระจาน ผืนป่าแถบเทือกเขาเพชรบูรณ์ และกลุ่มหมู่เกาะทะเล อันดามัน (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 27 ก.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215