หัวข้อข่าวปีที่ 7 ฉบับที่ 3 ประจำวันที่ 2006-01-15

ข่าวการศึกษา

ก.พ.อ.เห็นชอบให้มหาวิทยาลัยใหม่ อนุมัติตำแหน่งรองศาสตราจารย์เอง
ศธ.เตรียมปรับเงินอุดหนุนรายหัวพื้นที่กันดาร
แนะคุมเข้มต่ออายุราชการ
บุญสม ศิริบำรุงสุข อธิการ มอ.คนใหม่
วิทยาลัยนานาชาติการท่องเที่ยว มรภ.สุราษฎร์ธานี
"เชียงใหม่"เปิด 9 หลักสูตรบริการน.ศ.ใหม่
"มรภ.ลำปาง"ปรับใหญ่เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ติดตั้งระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์-ดันสู่อี-ยูนิเวอร์ซิตี้
อาจารย์ม.มหาสารคามเจ๋งคว้ารางวัลสภากวีโลก เผยได้แรงบันดาลใจจากเหตุธรรมชาติถูกทำลาย
สกอ.เร่งคลอดเกณฑ์มาตรฐานอุดมศึกษาแนะมหา'ลัยเลิกสอนหลักสูตรต่อเนื่องป.ตรี
"เอแบค"ประกาศสอนอีเลิร์นนิ่ง60หลักสูตร ตั้งเป้าแม่บ้าน-กลุ่มเกษียณฯขยายถึงตปท.
ทรูมอบเว็บไซต์ให้โรงเรียนกทม.
"ลอจิสติก" ขึ้นแท่น หลักสูตรยอดฮิต รับตลาดแรงงานขาดแคลน
อุดมศึกษาไทยเร่งพัฒนาสอนภาษาจีน สกอ.เล็งเก็บเกี่ยวศาสตร์จีนรอบด้าน
ลอยตัวรับเด็กอาชีวะปี49เปิดช่องม.4-5 เทียบโอนเรียนปวช.
ดีเดย์โอนย้ายสถานศึกษา 16 ม.ค.นี้
ม.กรุงเทพทุ่ม 25 ล. วางระบบไอที
“ทักษิณ” เปิดตัว ETV โฉมใหม่ บ้านหลังใหญ่เพื่อการเรียนรู้
เทคโนฯ สยามตั้งศูนย์อารีน่ามัลติมีเดียแห่งแรกไทย
จีนช่วยสร้างโรงเรียนในชนบทไทย
เปิดเวที...อธิการบดี ชำแหละอุดมศึกษาไทย

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

เปิดตัวโทรมือถือรุ่นใหม่ดาวน์โหลดมัลติมีเดียเร็วสุด
แนะผู้ปลูกผักแบบไฮโดรโพนิกส์ การพรางแสงที่เหมาะสม ช่วยลดไนเตรท ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น
เปิดตัว"แผนที่ดาวเทียมไทย" แจกฟรีก.พ.นี้-แข่ง"กูเกิ้ลเอิร์ธ"
'ประวิช' ติดไมโครชิพปั้นเด็กอัจฉริยะเป็นนักวิทย์
แตนเบียนไดอะเดกมา ฮีโร่ตัวใหม่ปราบหนอนใยผัก
แนวโน้วเทคโนโลยีแห่งอนาคต
ฝังชิพหลังมือแทนกดรหัสผ่าน อเมริกาฮิตส่งสัญญาณเปิดประตู-คอมพ์ได้
รัศมีโชติ....นามพระราชทาน แก่เฟินพันธุ์ใหม่ของโครงการหลวง
‘ยาสั่งตัด’การรักษาโรคในทศวรรษหน้า
ดาวเทียมแมป ดิจิตอล ไทยแลนด์ ดวงแรกของไทยเปิดใช้ฟรี
"ฮับเบิล"พบวงแหวน ดวงจันทร์ใหม่"ยูเรนัส"
ใช้ไฟฟ้าความถี่สูงลนเผามะเร็ง โดยไม่ต้องผ่าตัด
6ชาติถกพลังงานสะอาด หวังเลี่ยงพิธีสารเกียวโต
โสมขาวสั่งถอดสถานะนักวิทย์ลวงโลก
เด็กจุฬาฯคว้าแชมป์ SIA ครั้งที่ 3
สร้างเซฟเก็บพันธุ์พืชสู้วันสิ้นโลก
โชว์ฟอสซิล"หมาหมี"13ล้านปี ตั้งชื่อ"แม่เมาะซิออนโพธิสัตย์ติ"
เตรียมรับสตาร์ดัสต์ ศึกษาผงฝุ่นดาวหาง
อิตาลีทุ่มงบ6พันล้านบาท ตั้ง"กล้องโทรทรรศน์"ดวงจันทร์
"บลูเรย์" ดีวีดีแห่งอนาคต?
แกะรอยดีเอ็นเอหาต้นตระกูลแมว พบผู้บ่าวเลี้ยงแมวมา 6,000 ปีแล้ว
ก. วิทย์ฯชวนเด็กสมัตรแข่งประกอบคอมพ์ชิงเงินล้าน
คนไทยสุดเจ๋งทำ 'พระไตรปิฎกเสียง'
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ ห่าฝนชีวิตต่างดาวตกในอินเดีย
อุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์
ภูเขาไฟน้ำแข็งในเอนซีลาดัส

ข่าววิจัย/พัฒนา

วว.จดสิทธิบัตรปีไก่24เรื่อง
เส้นใยเซลลูโลสสับปะรด วช.พัฒนาเป็นวัสดุปิดแผล
ชุดตรวจวัด"น้ำยา"ผู้ชายมีลูกยาก-ง่าย
10สุดยอดวัตกรรมฝีมือไทย
ขอนแก่นเปิดตัวนาฬิกาเรือนยักษ์ งานเทคโนฯปี49
ทอ.พัฒนาอัลฟ่าเจ็ทถวายทำฝนหลวง สมรรถนะสูงยิงเมฆอุ่น-เย็น 2 หมื่นฟุต
แม่ขาดสารอาหารพ่นพิษเด็กอ้วน ก่อโรคระบบหัวใจ-หลอดเลือด
หมาตรวจมะเร็งปอดได้แม่นยำ เพียงให้ดมลมหายใจออก
หมอไทยเจ๋ง เส้นเลือดสมองแตก รักษาได้เกือบ100%
ครีมกันยุงสูตรสมุนไพร สกัดยุงลาย-ก้นปล่องนาน2ชม.ไม่ละคายเคือง
เรียนไฟฟ้าผ่านเกมระเบิดนิวเคลียร์
ม.เชียงใหม่จับตาต้นเหตุระบบสื่อสารล่ม
พีรศักดิ์ วรสุนทโรสถ วิศกรนักพัฒนาสู่ยอดนักวิทยาศาสตร์ไทย
โปรตีนถั่วเหลือง ลด"อ้วน"ให้ลูกรัก
วิจัยวิตามินซีสารในองุ่นต้านโรคเหงือก
แสงอัลตราไวโอเลตในหลอดแก้วช่วยกำจัดแบคทีเรีย
ผักผลไม้กดความดันโลหิตให้ลดได้
พบอดนอนดีกว่านอนเต็มอิ่ม
เรือดำน้ำฝีมือไทยลำแรกกลาโหม-สวทช.ลงขันสร้างรออีก3ปียลโฉม
เทคโนเปิดโหลด เสียงเทียมไฮเทค พูดแทนคนใบ้ได้
กาแฟเป็นยาไวอากร้า!
อิฐบล็อกประสานลูกรัง วัสดุก่อสร้าง ปั๊มดินให้เป็นทอง
ฮือฮา"หมูเรืองแสง"นำร่องซ่อมมนุษย์
เปิดตัวสมุนไพรต้านเอดส์ ไทย-จีนร่วมวิจัยนาน 6 ปี หวังช่วยผู้แพ้ยาไวรัสรุนแรง

ข่าวทั่วไป

เตือนใช้อุปกรณ์แม่เหล็กบำบัด เสี่ยงต่อสุขภาพ-กระเป๋าเงิน
ฟันธงตรอ.ต้องติตตั้งเครื่องทดสอบ ชี้ความปลอดภัยไม่ใช้เรื่องล้อเล่น
กษ.เร่งยกระดับไก่ชนไทยเป็นมรดกโลก
"ทักษิณ"ย้ำสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึงต้องดูรอบด้าน
พบอิฐตราประทับ500ปี"วังจันทน์"
"สถาบันเหล็ก"เล่นบทใหม่ เชื่อมโยงอุตฯต้น-ปลายน้ำ
วธ.รุกตั้งกรรมการรวบรวมมรดกชาติ
สมาคมโรคภูมิแพ้ยันไม่เลิกวัคซีน
ผวา!! คนไทยเสี่ยงตายโรคตับแบบไม่รู้ตัว
วิทยุบีบีซีปิดฉากภาษาไทย
ขสมก.จัดโปรแกรมทัวร์วันหยุด14เส้นทาง
ยุ่นยกระดับเครดิตประเทศไทย





ข่าวการศึกษา


ก.พ.อ.เห็นชอบให้มหาวิทยาลัยใหม่ อนุมัติตำแหน่งรองศาสตราจารย์เอง

ศ.(พิเศษ)ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิ การคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) ได้ประชุมและมีมติเห็นชอบแนวทางแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ มหาวิทยาลัยนครพนมและสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เสนอ โดยให้สถาบันอุดมศึกษาสามารถจ้างพนักงานมหาวิทยา ลัยได้ โดยให้เงินเดือนอาจารย์สายผู้สอน 1.7 เท่า และสายสนับสนุน 1.5 เท่าของเงินเดือนข้าราชการ แต่ต้องบรรจุผู้ที่จบวุฒิปริญญาโทตามกฎ ก.พ.อ. ด้วย ซึ่งในเบื้องต้นพบว่ามีสถาบันอุดมศึกษา 52 แห่ง ขาดแคลนบุคลากรรวมทั้งสิ้น 20,235 อัตรา แบ่งเป็นสายผู้สอน 11,670 คน และสายสนับสนุน 8,565 คน ทั้งนี้ สกอ.ได้เสนอตัวเลขพร้อมแนวทางแก้ปัญหาไปยังสภาการศึกษาเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาแล้ว ก.พ.อ. ยังมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดตำแหน่งอาจารย์ 3 ระดับ 6-8 และอาจารย์ 3 ระดับ 9 ให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ (ผศ.) รองศาสตราจารย์ (รศ.) เป็นกรณีพิเศษ สำหรับหน่วยงานที่เข้ามารวมกับสกอ. โดยหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดตำแหน่งคือ 1.สายผู้สอน อาจารย์ 3 ระดับ 6-8 ที่ขอตำแหน่ง ผศ.ให้ใช้ผลงานเดิมและเสนอผลงานเพิ่มใหม่อีก 1 รายการ ส่วนอาจารย์ 3 ระดับ 9 ที่ขอ ผศ.หรือ รศ.ให้ใช้ผลงานเดิมและ เสนอเพิ่มอีก 1 รายการ 2.สายสนับสนุน อาจารย์ 3 ระดับ 6-8 ที่ขอ ผศ. ให้เสนอผลงานทาง วิชาการตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการข้าราชการ พลเรือนในมหาวิทยาลัย (ก.ม.) กำหนด ส่วนอาจารย์ 3 ระดับ 9 ที่ขอ ผศ. หรือ รศ.ให้เสนอผลงานทางวิชาการตามหลักเกณฑ์ ก.ม. กำหนดเช่นกัน โดยให้การพิจารณาทั้งหมดเสร็จสิ้นที่สภาสถาบัน ดังนั้นจะทำให้มรภ. มทร. และสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน สามารถพิจารณากำหนดตำแหน่ง รศ. ได้เองด้วย โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 2548 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีการเสนอร่างหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณากำหนดตำแหน่งทางวิชาการของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ซึ่ง ก.พ.อ.เห็นชอบและมีมติให้ออกเป็นกฎ ก.พ.อ. และให้ใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2549 นี้ (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 9 ม.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)





ศธ.เตรียมปรับเงินอุดหนุนรายหัวพื้นที่กันดาร

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า จากการตรวจเยี่ยมสถานศึกษาและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ทำให้ทราบว่ายังมีปัญหาในเรื่องของความทั่วถึงในการจัดการศึกษาและความขาดแคลนของโรงเรียนอยู่ โดยผู้บริหารสถานศึกษาใน อ.อมก๋อย ระบุว่าการได้รับจัดสรรค่าใช้จ่ายรายหัว 1,100 บาทเท่ากับโรงเรียนที่อยู่ในเมืองนั้นไม่เพียงพอ เนื่องจากโรงเรียนต้องจัดหาเครื่องแบบนักเรียน สื่อการสอน หนังสือ ที่พัก รวมถึงอาหารกลางวันให้เด็กทุกคน และยังมีภาระค่าขนส่งในการเดินทางที่ยากลำบากด้วย ดังนั้น ศธ. จะต้องกลับมาวิเคราะห์เหตุผล และหาวิธีคำนวณค่าใช้จ่ายรายหัวใหม่ ซึ่งจะยึดหลักตามเกณฑ์ปกติที่สำนักงบประมาณกำหนดไม่ได้ เพราะกลับทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำกันมากขึ้น ซึ่งในเบื้องต้นคิดว่าอาจจะให้การอุดหนุน 2 ทาง คือ เพิ่มการอุดหนุนให้กับโรงเรียนในพื้นที่ยากจน และเพิ่มเงินอุดหนุนรายหัวเพิ่มมากขึ้นสำหรับโรงเรียนขนาดเล็ก เป็นต้น ทั้งนี้ตนได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปรวบรวมปัญหาต่าง ๆ เสนอมาภายใน 1 เดือน ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ในแต่ละพื้นที่ของประเทศมีสภาพความขาดแคลนและห่างไกลแตกต่างกัน การจะใช้แผนที่ทางอากาศ หรือ GIS ที่มีมิติเดียวคือระยะทางมาคำนวณเพื่อจัดสรรงบประมาณคงไม่ได้ เพราะไม่ทราบสภาพการเดินทางว่าเป็นอย่างไร ดังนั้นคงต้องทบทวนวิธีการจัดสรรเงินอุดหนุนรายหัวใหม่ เช่น เป็นแบบค่า K หรือค่าคงที่ที่โรงเรียนได้รับยอดหนึ่ง และอีกยอดหนึ่ง คือ การจัดสรรให้เป็นรายหัว ทั้งนี้เพื่อลดช่องว่าง และจัดสรรให้สอดคล้องกับความจำเป็นของแต่ละพื้นที่. (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 9 ม.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)





แนะคุมเข้มต่ออายุราชการ

ผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษารัฐไม่ฟันธงขยายอายุราชการเป็น 70 ปี แก้ปัญหาขาดแคลนอาจารย์ได้ แนะวางเกณฑ์ขยายต่ออายุราชการเป็น 65 ปีให้รอบคอบ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เสนอแนวคิดขยายอายุราชการจาก 65 ปี และ 70 ปี เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนอาจารย์ (อ.) นั้น รศ.ดร.วีระศักดิ์ อุดมกิจเดชา รองอธิการบดีด้านวิชาการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จุฬาฯ ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ว่าจำเป็นแค่ไหน แต่ 1 ปีการขยายอายุราชการจาก 60 ปีเป็น 65 ปี พบว่า มีอาจารย์ขอขยายอายุราชการกว่า 60 คน แสดงว่ายังมีคนที่ต้องการจะเป็นอาจารย์จำนวนมาก การขยายอายุราชการช่วยให้มหาวิทยาลัยรักษาอาจารย์เก่งๆ ไว้ได้โดยเฉพาะสาขาวิชาที่ขาดแคลนจากที่ผ่านมามีสูตรสำเร็จว่า เมื่ออาจารย์อายุครบ 60 ปี เอกชนจะดึงตัวไปทำงานหมด ทั้งๆ ที่ยังทำงานให้ภาครัฐได้อีกมาก ในทางกลับกันการขยายอายุราชการเป็นข้อจำกัดในบางคณะที่ต้องการคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน ศ.ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวว่า ไม่คิดว่าการขยายอายุราชการจาก 60 ปี เป็น 65 ปี หรือจะขยายอายุราชการจนถึง 70 ปี จะแก้ปัญหาขาดแคลนอาจารย์ในบางสาขาที่ขาดแคลนได้ทั้งหมด อยากให้แต่ละมหาวิทยาลัยดำเนินการเรื่องต่ออายุราชการจาก 60 ปีเป็น 65 ปี ให้มีหลักเกณฑ์ที่ได้มาตรฐานและชัดเจนก่อนที่จะไปคิดขยายอายุราชการเป็น 70 ปี เพราะเป็นเรื่องที่มีรายละเอียดมากและละเอียดอ่อน จนเกรงว่าอาจารย์ที่ไม่ผ่านประเมินจะไม่เข้าใจเรียกร้องโวยวายได้ (คมชัดลึก จันทร์ที่ 9 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





บุญสม ศิริบำรุงสุข อธิการ มอ.คนใหม่

รศ.ดร.บุญสม ศิริบำรุงสุข รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) เพิ่งได้รับแต่งตั้งจากสภา มอ.ให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี มอ.คนใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2549 แทน รศ.ดร.ประเสริฐ ชิตพงศ์ ซึ่งครบ 2 วาระ และจะหมดวาระสมัยที่ 2 วันที่ 30 พฤษภาคม ภูมิลำเนาเดิม จ.ฉะเชิงเทรา สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี (วศ.บ.) สาขาวิศวกรรมเหมืองแร่และวิศวกรรมโลหการ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทสาขา Mining Engineering University of Melbourne ประเทศออสเตรเลีย ปริญญาเอกสาขา Mining Techniques Ecole Nationale Superieure des Mines De Paris ประเทศฝรั่งเศส เข้ารับราชการ มอ.ในตำแหน่งอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเหมืองแร่และวัสดุ คณะวิศวกรรมศาสตร์ เมื่อปี 2518 มีผลงานวิจัยและผลงานทางวิชาการมากมายในประเทศและนานาชาติ ตำแหน่งบริหาร เคยเป็นหัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมเหมืองแร่และวัสดุ รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะวิศวกรรมศาสตร์ เป็นรองอธิการบดีฝ่ายกิจการพิเศษ รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ ในปี 2534 และ 2537 ผู้อำนวยการโครงการ IMT-GT Studeis Center ในปี 2545-2546 เป็นรองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา 2 สมัย ตั้งแต่ปี 2543 จนถึงปัจจุบัน รศ.ดร.บุญสมถือเป็นผู้หนึ่งที่มีบทบาทในการพัฒนามหาวิทยาลัยให้พัฒนาไปข้างหน้า (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 9 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





วิทยาลัยนานาชาติการท่องเที่ยว มรภ.สุราษฎร์ธานี

วิทยาลัยนานาชาติการท่องเที่ยวนานาชาติ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ตั้งขึ้นในปี 2547 เพื่อผลิตบัณฑิตที่มีศักยภาพและทักษะวิชาชีพที่สามารถแข่งขันในระดับสากล รวมทั้งพัฒนาองค์ความรู้ด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งในระดับภูมิภาค และระดับสากล เเละบริการทางวิชาการด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและศาสตร์ที่เกี่ยวข้องแก่สังคม ปัจจุบันได้มีการปรับปรุงหลักสูตรอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวตามความต้องการของตลาดแรงงาน และสนองตอบต่อภารกิจหลักของประเทศในการเพิ่มศักยภาพด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยการมุ่งเน้นผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพและสามารถตอบสนองความต้องการของท้องถิ่น วิทยาลัยนานาชาติการท่องเที่ยว มีที่ทำการอยู่ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี เเต่ในอนาคตจะย้ายไปตั้งที่อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เพราะขณะนี้คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณ 90 ล้านบาทในการก่อสร้างการท่องเที่ยวเพื่อให้เป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้ เเละผลิตบุคลากรด้านการท่องเที่ยว นำไปสู่การพัฒนาภาคใต้ตอนบนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับนานาชาติต่อไป ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ วิทยาลัยนานาชาติการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี โทรศัพท์ 0-7735-5466 ต่อ 217, 0-7735-5688 (ข่าวสด อังคารที่ 10 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





"เชียงใหม่"เปิด 9 หลักสูตรบริการน.ศ.ใหม่

ผศ.ดร.เรืองเดช วงศ์หล้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในปีการศึกษาใหม่ 2549 นี้ มหาวิทยาลัยกำหนดเปิดรับนักศึกษาภาคปกติ จำนวน 9 หลักสูตร ประกอบด้วย หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต ( ค.บ. ) จำนวน 1,250 คน ได้แก่ ระดับปริญญาตรี 5 ปี โปรแกรมวิชาการศึกษาปฐมวัย, การประถมศึกษา, คณิตศาสตร์, คอมพิวเตอร์ศึกษา, พลศึกษา, เคมี, ชีววิทยา, ฟิสิกส์, นาฏศิลป์, ภาษาจีน, ภาษาไทย, ภาษาอังกฤษ, สังคมศึกษา, ศิลปศึกษา, การศึกษาพิเศษ, การวัดผลและการวิจัย, การศึกษานอกระบบ ระดับปริญญาปริญญาตรี (ต่อเนื่อง) โปรแกรมวิชาพลศึกษา หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต (วท.บ.) จำนวน 1,400 คน ได้แก่ ระดับปริญญาตรี 4 ปี โปรแกรมวิชาเกษตรศาสตร์, คณิตศาสตร์, คหกรรมศาสตร์, เคมี, ชีววิทยา, ฟิสิกส์, เทคโนโลยีเซรามิกส์, เทคโนโลยีสารสนเทศ, ออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม, พืชศาสตร์, วิทยาการคอมพิวเตอร์, วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร, วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ระดับปริญญาตรี (ต่อเนื่อง) เทคโนโลยีอุตสาหกรรมก่อสร้าง, เทคโนโลยีอุตสาหกรรมสถาปัตยกรรม หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต (ศศ.บ.) จำนวน 1,000 คน ได้แก่ ระดับปริญญาตรี โปรแกรมวิชาการพัฒนาชุมชน, จิตวิทยาองค์การ, สารสนเทศศาสตร์, ภาษาจีน, ภาษาญี่ปุ่น, ภาษาเกาหลี, ภาษาไทย, ภาษาฝรั่งเศสธุรกิจ, ภาษาอังกฤษ, ภาษาอังกฤษธุรกิจ, วัฒนธรรมศึกษา, อุตสาหกรรมท่องเที่ยว, ดุริยางค์ไทย, ดุริยางค์สากล, นาฏศิลป์และการละคร, ศิลปกรรม หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (บธ.บ.) จำนวน 700 คน ได้แก่ ระดับปริญญาตรี 4 ปี โปรแกรมวิชาการจัดการ, การตลาด, คอมพิวเตอร์ธุรกิจ, บริหารทรัพยากรมนุษย์ ระดับปริญญาตรี (ต่อเนื่อง) โปรแกรมวิชาการตลาด, บริหารทรัพยากรมนุษย์, คอมพิวเตอร์ธุรกิจ กำหนดจำหน่ายใบสมัครและคู่มือสอบคัดเลือก ในวันที่ 4ม.ค.-10 เม.ย.นี้ เปิดสมัครนักศึกษาวันที่ 4-10 เม.ย. ไม่เว้นวันหยุด ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักส่งเสริมวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0-5341-2526-45 ต่อ 2101 และ 2102 หรือ www.cmru.ac.th3 (ข่าวสด อังคารที่ 10 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





"มรภ.ลำปาง"ปรับใหญ่เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ติดตั้งระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์-ดันสู่อี-ยูนิเวอร์ซิตี้

ผศ.เล็ก แสงมีอานุภาพ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง เปิดเผยถึงการดำเนินงานเกี่ยวกับระบบ ICT ของมหาวิทยาลัยให้กับคณะศึกษาดูงานจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ว่า ปัจจุบันมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปางเล็งเห็นถึงความสำคัญของระบบ ICT เป็นอย่างมาก และวางโครงการเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็น E-University จำนวนมาก จะมีการปรับปรุงระบบเครือข่ายภายในให้เป็นกิกะบิต การปรับเพิ่มแบนด์วิธออกสู่ภายนอก จาก 2 Mbps เพิ่มเป็น 8 Mbps การพัฒนาระบบสารสนเทศและระบบ E-learning ของมหาวิทยาลัย ขยายการติดตั้ง Wireless Network ทั่วบริเวณมหาวิทยาลัย และปรับปรุงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์สำหรับบริการแก่นักศึกษา เพื่อรองรับการใช้งานของนักศึกษาและคณาจารย์ในการศึกษา ค้นคว้าวิจัย พัฒนาวิชาการและค้นหาข้อมูลสารสนเทศ ด้านอาจารย์นพนันท์ สุขสมบูรณ์ ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง และรองผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยี สารสนเทศ กล่าวว่า ขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยกำลังดำเนินการติดตั้งระบบ Video Conference สำหรับทุกคณะ โดยระบบดังกล่าวสามารถรองรับการประชุม และสัมมนาของคณาจารย์ทั่วโลก และใช้ในการจัดการเรียนการสอนแบบ Virtual Classroom ทำให้ระบบ E-learning ที่ใช้อยู่ดีขึ้น เนื่องจากอาจารย์และนักศึกษาจะเห็นหน้ากันได้ในบรรยากาศของห้องเรียนปกติ และสามารถถาม ตอบกันแบบทันทีทันใด ระบบดังกล่าวดำเนินการใกล้เสร็จ สมบูรณ์และคาดว่าน่าจะใช้ได้ประมาณปลายเดือนม.ค.นี้ การดำเนินการด้าน ICT ของมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปางนั้นเป็นไปตามแผนแม่บท ICT ของมหาวิทยาลัยที่สอดคล้องกับแผนแม่บท ICT ของสกอ.และของชาติ โดยการดำเนินงานทั้งหมดจะสมบูรณ์ตามเป้าหมายเมื่อมหาวิทยาลัยก้าวเข้าสู่การเป็น E-University ในปี 2552 คาดว่าระบบทุกอย่างจะมีความพร้อมและสามารถใช้ได้อย่างสมบูรณ์แบบตามเวลาที่กำหนด (ข่าวสด อังคารที่ 10 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





อาจารย์ม.มหาสารคามเจ๋งคว้ารางวัลสภากวีโลก เผยได้แรงบันดาลใจจากเหตุธรรมชาติถูกทำลาย

นายชูศักดิ์ ศุกรนันทน์ อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาไทยและภาษาตะวันออก คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสารคาม ให้สัมภาษณ์ สารมหาวิทยาลัยมหาสารคาม หลังเข้าร่วมประชุมสภากวีโลกครั้งที่ 19 "2005 Taishan Congaess of International Cultures. 19 th World Congress of Poets" ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อไม่นานมานี้ ว่าเป็นการประชุมที่ยิ่งใหญ่ และประสบผลสำเร็จสูงสุดเกินกว่าที่คาดคิดไว้ ซึ่งตนเองได้รับรางวัลเหรียญทอง "World Poet Award" พร้อมทั้งเกียรติบัตร นายชูศักดิ์กล่าวว่า บทกวีที่ได้นำเสนอครั้งนี้มีด้วยกันหลายบทแต่บทกวีที่ภาคภูมิใจคือ บทกวี "เหลือไว้เพียงแต่...ในวรรณคดี" เป็นบทกวีที่กล่าวถึงสิ่งแวดล้อมที่มีคุณค่า เรื่องราวของธรรมชาติที่ถูกทำลาย สิ่งเหล่านี้จะไม่มีอีกแล้วมีก็แต่วรรณคดีที่เขียนถึงการชมนก ชมไม้ ความสวยงาม ความอุดมสมบรูณ์ด้วยพรรณไม้ เรื่องราวของธรรมชาติ ดังบทที่ว่า "เหลือไว้เพียงแต่ในวรรณคดี มาชวนชี้ชมไม้ในหนังสือ" ซึ่งต้องไปชมสิ่งที่เป็นธรรมชาติเฉพาะในหนังสือ รุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป ไม่มีอีกแล้ว เพราะความเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัวของคนที่ไม่ช่วยกัน นั่นคือผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ของประชาคมโลก เมื่อแปลบทกวีเป็นภาษาอังกฤษ ให้ชื่อว่า "Environmental Conceerne and Poetry on Nature" บทกวีนี้ได้รับคำชมมาก ตนทำปกเป็นรู้ต้นไผ่สัญลักษณ์ของจีนและใช้ชื่อว่า "นานาชาติเป็นพี่น้องกัน" (มติชนรายวัน อังคารที่ 10 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





สกอ.เร่งคลอดเกณฑ์มาตรฐานอุดมศึกษาแนะมหา'ลัยเลิกสอนหลักสูตรต่อเนื่องป.ตรี

ศ.ดร.เทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานคณะอนุกรรมการด้านมาตรฐานอุดมศึกษา เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้มอบหมายให้ศาสตราจารย์กิตติคุณนงลักษณ์ วิรัชชัย ทำวิจัยร่างกรอบมาตรฐานการอุดมศึกษา เพื่อเป็นหลักส่งเสริมและกำกับดูแล การตรวจสอบ การประเมินผล และการประเมินคุณภาพการศึกษา ตามที่ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติกำหนดนั้น ขณะนี้คณะทำงานวิจัยได้ยกร่างดังกล่าวเสร็จแล้ว และจะนำเสนอต่อที่ประชุมเรื่องการพัฒนามาตรฐานการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ในวันที่ 24 ม.ค.นี้ เพื่อให้ผู้ทรงคุณวุฒิทางการอุดมศึกษาได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นและนำมาปรับปรุง จากนั้นจะให้สถาบันอุดมศึกษาและผู้เกี่ยวข้องได้ดูและแสดงความคิดเห็นอีกครั้ง ก่อนจะประกาศเป็นหลักเกณฑ์มาตรฐานการอุดมศึกษา ทั้งนี้คาดว่าหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะประกาศใช้ได้ในปลายปี 2549 นี้ ศ.ดร.เทียนฉาย กล่าวต่อไปว่า กรอบมาตรฐานการอุดมศึกษา จะกำกับสถาบันอุดมศึกษาใน 2 เรื่อง ใหญ่ ๆ คือ มาตรฐานของสถาบันอุดมศึกษา และมาตรฐานหลักสูตร ซึ่งขณะนี้มีหลายหลักสูตรไม่ได้มาตรฐาน เช่น อาจารย์ผู้สอน คุณวุฒิ ประสบการณ์ การมีจำนวนนักศึกษามากเกินไป เป็นต้น โดยต่อไปสถาบันอุดมศึกษาจะต้องมีการปรับมาตรฐานให้สอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด ตั้งแต่การหาอาจารย์ผู้สอน จัดวิชาที่สอน จัดผู้เรียน ให้คำแนะนำการเรียน ตลอดจนการวัดและประเมินหลักสูตร เป็นต้น ซึ่งเกณฑ์มาตรฐานนี้ก็จะทำให้อาจารย์แต่ละคนรู้ว่าแต่ละหลักสูตรผู้รับผิดชอบจะต้องทำหน้าที่อะไร โดยอาจารย์แต่ละคนต้องไม่รับผิดชอบมากกว่า 1 หลักสูตร และถ้าสถาบันจะมีหลายหลักสูตรก็ต้องมีอาจารย์หลายชุด ดังนั้นต่อไปถ้าจะเปิดหลักสูตรใหม่ก็ต้องพิจารณาเหตุผลและความจำเป็นมากขึ้น อย่างไรก็ตามขณะนี้สถาบันอุดมศึกษาทั้งของรัฐและเอกชนก็ตื่นตัวในการปรับปรุงการเรียนการสอนมากขึ้น โดยเฉพาะการปรับหลักสูตรให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง ซึ่งเชื่อว่าภายในระยะเวลา 5 ปีจะเห็นผลแน่นอน. (เดลินิวส์ พุธที่ 11 ม.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





"เอแบค"ประกาศสอนอีเลิร์นนิ่ง60หลักสูตร ตั้งเป้าแม่บ้าน-กลุ่มเกษียณฯขยายถึงตปท.

นายศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการและผู้บริหารวิทยาลัยทางไกลอินเตอร์เน็ต มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ(เอแบค) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าโครงการ "เอยูพลัส" เปิดสอนหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิตการจัดการในแบบอีเลิร์นนิ่งสมบูรณ์แบบแห่งแรกของประเทศไทยว่า มีนักศึกษาสนใจสมัครเรียนในหลักสูตรเกินเป้าหมาย วิทยาลัยสามารถรับนักศึกษารอบแรกได้ 35 คน และจะเริ่มเปิดเรียนวันที่ 7 มกราคม จากเดิมที่ตั้งไว้ว่าจะเปิดสอนครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม โดยนักศึกษาที่มาสมัครเรียนทั้งหมดเป็นผู้ที่ทำงาน และอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ผู้ที่พลาดจากการเรียนรอบแรก สามารถเข้าเรียนได้ในรุ่นที่สอง จะเปิดเดือนพฤษภาคม น่าจะมีนักศึกษาสนใจมาเรียนอย่างน้อย 100 คน ซึ่งมากกว่าเดือนมกราคม เพราะมีเวลาให้นักศึกษาได้เตรียมตัวมากขึ้น และเดือนพฤษภาคมจะเปิดปริญญาโทสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพิ่มอีกหนึ่งสาขา และรอบที่สามจะเปิดสอนช่วงเดือนกันยายน โดยจะเปิดหลักสูตรปริญญาโทสาขาอีเลิร์นนิ่ง เมทโทโดโลจี(E-Learning Methodology) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของโลกที่เปิดสอน นอกจากนั้น จะเปิดหลักสูตรคอมพิวเตอร์และบริหารเพิ่มอีกด้วย คาดว่าเดือนกันยายนจะเปิดสอนทั้งหมด 5 หลักสูตร คือ หลักสูตรปริญญาโทการจัดการ, คอมพิวเตอร์, อีเลิร์นนิ่ง เมทโทโดโลจี และปริญญาเอกคอมพิวเตอร์และการจัดการ และจะทยอยเปิดหลัดสูตรต่างๆ ให้ได้ 1 หลักสูตรต่อ 4 เดือน หรือมากกว่านั้นขึ้นกับความพร้อม กระทั่งครบ 60 หลักสูตรที่มหาวิทยาลัยมีอยู่ (มติชนรายวัน พุธที่ 11 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





ทรูมอบเว็บไซต์ให้โรงเรียนกทม.

นายวิเชาวน์ รักพงษ์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) แถลงเมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ว่า บริษัทได้ทำ เว็บไซต์ "bmasmartschool.com" เพื่อสร้างมิติการเรียนรู้ให้เยาวชนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ก้าวสู่ความเป็น SMART school เว็บไซต์นี้จะเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูล ความรู้ ศูนย์กลางการเรียนรู้ นำเทคโนโลยีการสื่อสารระหว่างโรงเรียน ทั้ง 435 แห่ง โดยแบ่งเป็นสองส่วนคือ ด้านการศึกษา ประกอบด้วย E-Directory ใช้ค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาวิชาการเรียนการสอนตามกลุ่มวิชาสาระวิชาทั้ง 8 กลุ่ม ส่วน E-Classroom เป็นห้องเรียนออนไลน์เพื่อสนับสนุนครูและนักเรียนมีโอกาสการเรียนรู้ร่วมกัน E-Learning เป็นแหล่งเรียนรู้เสริมเพื่อให้ครูและนักเรียนสามารถทบทวนบทเรียน การประชุม การบรรยาย สัมมนา อภิปรายเกี่ยวกับการเรียนการสอนและเสริมทักษะด้วยเทคโนโลยี VDOStreaming และ E-Profile ใช้ในการบริหารโรงเรียน โดยจะเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูล ผู้บริหาร ครูนักเรียน และผลงานด้านต่างๆ สำหรับด้านข้อมูล ประกอบด้วยปฏิทินกิจกรรมเพื่อการประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียนในสังกัด นอกจากนี้ ยังรวบรวมข่าวสารที่ทรูจัดทำกิจกรรมเพื่อสังคม รวมทั้งยังจัดทำเว็บบอร์ด ซึ่งเป็นช่องทางในการแสดงความคิดเห็นหรือให้คำแนะนำ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม.กล่าวว่า เว็บไซต์นี้นอกจากจะเชื่อมโยงความรู้เกี่ยวกับการศึกษาภายในโรงเรียนสังกัด กทม.แล้ว ยังให้บริการประชาชน และมีการประชาสัมพันธ์ นโยบายของกรุงเทพมหานครอีกด้วย ทั้งนี้ ในวันเด็กจะมีการออนไลน์โดยใช้เว็บไซต์และพูดคุยกันระหว่างโรงเรียนในสังกัด กทม.ทั้ง 435 แห่ง (มติชนรายวัน พุธที่ 11 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





"ลอจิสติก" ขึ้นแท่น หลักสูตรยอดฮิต รับตลาดแรงงานขาดแคลน

นายไพบูลย์ พลสุวรรณา เลขาธิการ สภาผู้ขนส่งสินค้าทางเรือ (สรท.) กล่าวว่า ปัจจุบันไทยขาดแคลนบุคลากรด้านลอจิสติกมาก นายเตชะ บุญชัย รองประธานสมาพันธ์โลจิสติกส์ไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการสร้างศักยภาพกำลังคนด้านลอจิสติก กล่าวว่า เฉพาะบุคลากรที่ต้องสร้างใหม่ ประเทศมีความต้องการแรงงานด้านลอจิสติกเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 28,000 คน แต่ปัจจุบันสถาบันการศึกษาที่สามารถผลิตคนเข้าสู่ตลาดมีเพียง 600 คนต่อปี ขณะเดียวกันต้องเร่งยกระดับคนในอุตสาหกรรมอีกราว 300,000 คน มหาวิทยาลัยศรีปทุมร่วมกับสมาพันธ์ฯในการทำโครงร่างหลักสูตร ปริญญาตรี สาขาลอจิสติก ในคณะบริหารธุรกิจ (Bachelor of Arts) แบ่งเป็นวิชาหลักด้านบริหารและวิชาเฉพาะด้านลอจิสติก จำนวน 129 หน่วยกิต สำหรับ 4 ปี รวมไปถึงการพัฒนาหลักสูตรด้านปริญญาโท จะไม่ทำเพียงหลักสูตร MBA ซึ่งมี 42 หน่วยกิต และมีวิชาเอกด้านลอจิสติกเพียง 9 หน่วยกิต แต่จะทำเป็นหลักสูตร MSC ซึ่งจะเรียนลอจิสติกในปริมาณที่มากเท่าๆ กับที่เรียนบริหารธุรกิจ ซึ่งคาดว่าหลักสูตรที่ร่างร่วมกันจะแล้วเสร็จและสามารถเปิดรับนักศึกษาได้ภายในปลายปีนี้ ไม่เพียงการร่างหลักสูตรที่จะใช้ในมหาวิทยาลัยศรีปทุมเท่านั้น สิ่งที่จะทำควบคู่กันไปคือการสร้างหลักสูตรมาตรฐานซึ่งทุกมหาวิทยาลัยจะสามารถนำไปใช้ได้ ซึ่งหลักสูตรจะมีจุดเด่นในเรื่องของทฤษฎีควบคู่ไปกับสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการในการสามารถนำไปปฏิบัติจริง สำหรับหลักสูตรลอจิสติกในปัจจุบันยังคงจำกัดอยู่ในการศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโท มีเปิดไม่มากนัก อาทิ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ฯลฯ โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ หลักสูตรลอจิสติกที่เน้นด้านวิศวะ กับหลักสูตรลอจิสติกที่เน้นการบริหารธุรกิจ และอาจเป็นเพราะเป็นบุคลากรที่ตลาดต้องการมาก ไม่เพียงสถาบันการศึกษาจะพยายามเร่งเปิดหลักสูตร ในด้านผู้เรียนก็มีความต้องการเรียนในระดับที่ไม่ธรรมดา แม้จะเป็นหลักสูตรยอดนิยมแต่ในหลายสถาบันที่ไม่สามารถเปิดหลักสูตรนี้ได้ เนื่องจากธุรกิจการศึกษาเป็นธุรกิจที่มีมาตรฐานและมีคนกำกับดูแล ดังนั้นการเปิดหลักสูตรจึงต้องคำนึงถึงความพร้อมของบุคลากรและความเชี่ยวชาญของสถาบัน ในส่วนของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่เปิดหลักสูตรบริหารธุรกิจลอจิสติกได้ เพราะมีองค์ความรู้และความร่วมมือจากหอการค้าไทยซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัย (ประชาชาติธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 12 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th/prachachart)





อุดมศึกษาไทยเร่งพัฒนาสอนภาษาจีน สกอ.เล็งเก็บเกี่ยวศาสตร์จีนรอบด้าน

ศ.(พิเศษ)ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยว่า หลังจากการเจรจาความร่วมมือระดับทวิภาคีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของไทยกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการของสาธารณรัฐประชาชนจีน เกี่ยวกับความร่วมมือด้านการเรียนการสอนภาษาจีนไปแล้ว หลังจากนี้ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จะต้องเร่งพัฒนาอาจารย์สอนภาษาจีนทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ โดยการยกระดับมาตรฐานหลักสูตรการเรียนการสอนภาษาจีนในมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชนให้เท่าเทียมกัน และเปิดหลักสูตรภาษาจีนให้เพียงพอกับความต้องการของผู้เรียนและตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานให้มากขึ้น สำหรับสาขาวิชาอื่น ๆ ที่ตนเห็นว่าประเทศไทยควรจะแสวงหาความร่วมมือจากจีน ได้แก่ ภาษาและวัฒนธรรม จีนศึกษา อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การแพทย์แผนจีน การเกษตร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พยาบาลศาสตร์ เภสัชศาสตร์ บัญชี เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยีอวกาศ หรือ วิจิตรศิลป์ เป็นต้น เนื่องจากเป็นสาขาวิชาที่จีนมีความเชี่ยวชาญและชำนาญมาก สถาบันอุดมศึกษาไทยได้เคยจัดทำข้อตกลงและบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับความร่วมมือทางวิชาการกับสถาบันอุดมศึกษาของจีนไว้แล้วรวมทั้งสิ้น 127 ฉบับ แสดงให้เห็นว่าอุดมศึกษาไทยมีความร่วมมือกับอุดมศึกษาของจีนมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง และในระหว่างวันที่ 5-9 เมษายน 2549 นี้ สกอ.ก็มีกำหนดจะไปจัดสัมมนาทางวิชาการและนิทรรศการการศึกษาไทย ณ นครเฉิงตู พร้อมทั้งศึกษาดูงานสถาบันอุดมศึกษาจีน โดยจะมีการประชุมหารือร่วมกันระหว่างผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษาของทั้ง 2 ประเทศด้วย. (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 13 ม.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ลอยตัวรับเด็กอาชีวะปี49เปิดช่องม.4-5 เทียบโอนเรียนปวช.

นายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) บรรยายพิเศษเรื่อง "แนวทางในการจัดทำแผนกลยุทธ์ เพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้ผู้มาเรียนอาชีวศึกษาเพิ่มขึ้น" ในการประชุมสัมมนาผู้บริหารสถาบันอาชีวศึกษาทั่วประเทศ ประมาณ 400 คน ที่วิทยาลัยพณิชยการเชตุพน กทม.ว่า การรับนักศึกษาเข้าศึกษาในสถาบันอาชีวศึกษา ประจำภาคการศึกษาที่ 1 ปีการศึกษา 2549 จะรับนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เข้าศึกษาต่อในระดับ ปวช. และนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 เข้าศึกษาต่อในระดับ ปวส.จำนวนไม่จำกัด ภายใต้นโยบาย "อยากเรียนอะไร ต้องได้เรียน" โดยจะเริ่มเปิดรับสมัครในงานพลังอาชีวะสร้างชาติ ครั้งที่ 2 ประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ และระหว่างวันที่ 25-31 มีนาคม 2549 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) มีนโยบายพิเศษในการรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อในสถาบันอาชีวศึกษา ด้วยการเปิดโอกาสให้นักเรียนที่เรียนอยู่ในระดับ ม.4-ม.5 ที่ต้องการหันเหมาเรียนสายอาชีพในระดับ ปวช. ด้วยการเทียบโอนหน่วยกิต และสอนสายอาชีพเพิ่มเติมในลักษณะการเรียนเป็นชิ้นงานเป็นโครงการ นอกจากนี้ ในปี 2549 สอศ.มีแผนพัฒนาการศึกษาสายอาชีพในพื้นที่ห่างไกล โดยจะเปิดการเรียนการสอนระดับ ปวช. ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในพื้นที่ที่ไม่มีสถาบันอาชีวศึกษา โดยไม่จำกัดจำนวนและสาขาวิชา จะเน้นอาชีพตามความต้องการของท้องถิ่น (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 13 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





ดีเดย์โอนย้ายสถานศึกษา 16 ม.ค.นี้

ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ยังคงเดินหน้าถ่ายโอนสถานศึกษาให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยยึดหลักความสมัครใจ ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 13 ม.ค. นายบุญรัตน์ วงษ์ใหญ่ รองปลัดศธ. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะทำงานยกร่างประกาศศธ.ว่าด้วยการประเมินความสมัครใจของผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา และคณะกรรมการสถานศึกษาว่า ขณะนี้การยกร่างประกาศกระทรวงดังกล่าวในประเด็นส่วนใหญ่ได้ข้อยุติแล้ว และจะนำเสนอคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัด ศธ. เพื่อกลั่นกรองอีกครั้งก่อนเสนอนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ ลงนามเชื่อ ว่าอย่างช้าน่าจะประกาศใช้ได้ในวันที่ 16 ม.ค.นี้ นายบุญรัตน์ กล่าวว่า ประเด็นที่ได้หารือมี 4 ประเด็นหลักคือ 1.ความหมายของคำว่าผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา 2.คณะกรรมการที่จะดำเนินการถามความสมัครใจ 3.คือการตัดสินความสมัครใจ ที่ยังไม่ได้ข้อยุติเนื่องจากมีความเห็นเป็น 2 ส่วนและจะนำเสนอ รมว.ศึกษาธิการเป็นผู้วินิจฉัยตัดสิน 4.เรื่องของบัตรลงคะแนน ทั้งนี้การถามความสมัครใจจะเป็นการลงคะแนนลับ ผลที่จะสรุปว่าสมัครใจก็จะต้องเป็นการสมัครใจของทั้ง 2 ฝ่าย หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่สมัครใจก็ถือว่าไม่สมัครใจ. (เดลินวส์ เสาร์ที่ 14 ม.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)





ม.กรุงเทพทุ่ม 25 ล. วางระบบไอที

นายธนู กุลชล อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยกรุงเทพเล็งเห็นถึงความสำคัญของการนำไอทีเข้ามาช่วยพัฒนาการเรียนการสอนของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ล่าสุดได้ทุ่มงบประมาณกว่า 25 ล้านบาท เพื่อวางระบบเครือข่ายภายในมหาวิทยาลัยกรุงเทพใหม่ทั้ง 2 วิทยาเขต คือ กล้วยน้ำไท และรังสิต โดยร่วมมือกับบริษัท ซิสโก้ ซีสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ดาต้าคร้าฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ในการติดตั้งระบบเครือข่าย ซึ่งการติดตั้งระบบเครือข่ายในครั้งนี้จะช่วยพัฒนาด้านไอทีของมหาวิทยาลัยกรุงเทพด้วยกัน 4 เรื่องคือ โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) จะได้ระบบเครือข่ายที่มีเสถียรภาพ ให้บริการได้ตลอดเวลา สามารถรองรับปริมาณผู้ใช้ และข้อมูลที่เพิ่มขึ้นในอนาคตได้เป็นอย่างดี การให้บริการ (Services) พัฒนาให้ระบบงานต่างๆ ทั้งด้านการปฏิบัติงานประจำวัน และการบริหารจัดการทั้งของบุคลากรในมหาวิทยาลัย และนักศึกษา เปลี่ยนมาอยู่ในรูปแบบของบริการออนไลน์ครบวงจร การจัดการเนื้อหา (Content Management) สามารถจัดสรร และควบคุมการใช้งานของเนื้อหาต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัยได้ และรองรับ e-Learning หรือระบบวิดีโอ ออน ดีมานด์ ได้เป็นอย่างดี และระบบรักษาความปลอดภัย สามารถกำกับดูแลการใช้งานของผู้ใช้ตามจุดต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัยได้ดียิ่งขึ้น และสามารถตรวจสอบหาความผิดปกติที่เกิดขึ้นบนระบบเครือข่ายได้ง่ายกว่าเดิม และในอนาคตมหาวิทยาลัยยังมีแผนที่จะพัฒนาระบบ BI (Business Intelligent ) เพื่อช่วยในด้านการบริหารจัดการสำหรับผู้บริหารระดับต่างๆ อีกด้วย





“ทักษิณ” เปิดตัว ETV โฉมใหม่ บ้านหลังใหญ่เพื่อการเรียนรู้

นายสุนทร พรหมรัตนพงษ์ ผอ.ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา สำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน เปิดเผยว่า จากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 พ.ย.46 เรื่องการส่งเสริมให้สื่อเพื่อพัฒนาการศึกษาและการเรียนการสอนของเด็ก เยาวชน และครอบครัว ขณะเดียวกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้มีนโยบายให้มีการนำสื่อวิทยุโทรทัศน์ มาใช้เพื่อส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชน รวมทั้งประชาชนให้ได้รับการศึกษาตลอดชีวิต จึงได้พัฒนาสถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) ให้เป็นสถานีโทรทัศน์เพื่อการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชนและครอบครัว โดยกำหนดเปิดตัวผังรายการใหม่ของ ETV โฉมใหม่ในวันเด็กแห่งชาติ วันที่ 14 ม.ค.นี้ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธาน มอบสถานีโทรทัศน์เพื่อการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชน และครอบครัว ETV โฉมใหม่ “บ้านหลังใหญ่แห่งการเรียนรู้” เพื่อเป็นของขวัญแก่เด็กและเยาวชน เวลา 10.00 น. ณ ตึกสันติไมตรีหลังนอก ทำเนียบรัฐบาล ผอ.ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา กล่าวต่อว่า สำหรับผังรายการใหม่ของ ETV จะออกอากาศทุกวัน เวลา 06.00-22.00 น. ดังนี้ ช่วงเช้า รายการสำหรับเด็กเล็กและครอบครัว เช่น ร่าเริงเรียนรู้ภาษาอังกฤษกับLet’ s sing let’ s say, Disney’ sWorld วาไรตี้แสนสนุก และโลกใบจิ๋ว, ช่วงกลางวัน รายการเสริมการศึกษาทั้งในระบบและนอกระบบโรงเรียน และรายการสร้างสรรค์ของเด็กวัยเรียนและวัยรุ่น พร้อมสารคดีต่างประเทศที่น่าสนใจ, ช่วงเย็นและกลางคืน รายการสร้างสรรค์เหมาะกับครอบครัวไทย อาทิ นั่งดูหนังดี บ้านล้อมรัก รักใสๆ เข้าใจลูก โดยสามารถรับชมรายการได้ทางจานรับสัญญาณดาวเทียมระบบ Dstv ช่อง 96, ทางอินเตอร์เน็ต www.etvthai.tv, UBC ช่อง96 และเคเบิ้ลทีวีท้องถิ่น หรือติดต่อสอบถามได้ที่โทร. 0-2354-5730-40 ต่อ 414, 415 (สยามรัฐรายวัน เสาร์ที่ 14 ม.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





เทคโนฯ สยามตั้งศูนย์อารีน่ามัลติมีเดียแห่งแรกไทย

ดร.พรพิสุทธิ์ มงคลวนิช อธิการบดีวิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือด้านการสอนมัลติมีเดีย ในระดับอาชีวศึกษา ระหว่างโรงเรียนเทคโนโลยีสยามและวิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม กับ APTECH-ARENA Thailand ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ว่า โรงเรียนและวิทยาลัยเทคโนโลยีสยามจะเป็นศูนย์อารีน่า มัลติมีเดียแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งจะเปิดสอนและอบรมหลักสูตรมัลติมีเดีย ทั้งด้านกราฟฟิกดีไซน์ การออกแบบ แอนิเมชั่น และการผลิตภาพยนตร์ โดยเปิดสอน 2 รูปแบบ ได้แก่ 1.หลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับกราฟฟิกดีไซน์และการออกแบบ ที่โรงเรียนเทคโนโลยีสยาม 2.หลักสูตรด้านแอนิเมชั่นและการผลิตภาพยนตร์ ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม เปิดสอนตั้งแต่ระดับ ปวช. ปวส. ถึงระดับปริญญาตรี ทั้งนี้ภาคการศึกษาที่ 1 ปีการศึกษา 2549 รับ 100 คน และเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปที่สนใจ เลือกเรียนเป็นรายโครงการ ได้เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์-กลางเดือนพฤษภาคมนี้ สอบถามได้ที่โทร.0-2864-2420, 0-2864-1707 และ 0-2864-0356-67 (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 14 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





จีนช่วยสร้างโรงเรียนในชนบทไทย

นายจาง ซิน เซิ่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สาธารณรัฐประชาชนจีน เปิดเผยหลังร่วมพิธีลงนามความร่วมมือระหว่างสถาบันแห่งชาติเพื่อการสอนภาษาจีน หรือ Hanban กับคณะผู้บริหาร 5 องค์กรบริหารหลักของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ไทย เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ประเทศจีนจะให้การสนับสนุนการสอนภาษาจีนในสถานศึกษาของไทยเป็นพิเศษ โดยได้หารือกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการ ศธ. และได้ข้อสรุปว่ารัฐบาลไทยและจีนจะลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับการสอนภาษาจีน รวมถึงการโอนหน่วยกิต และเทียบวุฒิการศึกษาซึ่งกันและกัน โดยในปีนี้จีนจะส่งอาสาสมัครมาสอนภาษาจีนในไทย 500 คน ให้ครูไทยไปอบรมภาษาจีน และให้ทุนเรียนระดับปริญญาตรีในจีน 100 ทุน เพื่อกลับมาเป็นครูสอนภาษาจีน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีของจีนยังมีนโยบายสนับสนุนการตั้งโรงเรียนในชนบทในประเทศที่กำลังพัฒนา ฉะนั้น จะหารือกับนายจาตุรนต์ในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งจะได้ตั้งคณะทำงานระหว่างไทยกับจีนเพื่อประสานความร่วมมือต่อไป ด้านนายจาตุรนต์กล่าวว่า ความร่วมมือด้านการสอนภาษาจีนมี 4 ด้าน คือ ด้านหลักสูตร การสร้างสื่อการเรียนการสอน การอบรมครู และการสอบวัดความรู้ความสามารถให้กับครูไทยที่สอนภาษาจีน โดยทางจีนให้ความสำคัญกับประเทศไทยเป็นอันดับที่ 2 รองจากสหรัฐอเมริกา (มติชนรายวัน เสาร์ที่ 14 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





เปิดเวที...อธิการบดี ชำแหละอุดมศึกษาไทย

เมื่อวันที่ 13 มกราคม ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) จัดประชุมเครือข่ายอธิการบดีครั้งที่ 1 ในหัวข้อเรื่อง "อุดมศึกษากับปัญหาที่ท้าทาย และการสร้างความร่วมมือกลุ่มเครือข่ายมหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาอุดมศึกษาไทยและประเทศ" โดยมีอธิบดีมหาวิทยาลัยรัฐ เอกชน มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) เข้าร่วม โดยมีการอภิปรายอย่างน่าสนใจ มี ศ.ดร.ปรัชญา เวสารัชช์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และประธานทปอ. กล่าวถึง ปัญหาท้าทายที่เกิดขึ้นในสถาบันอุดมศึกษาไทยขณะนี้ มีประเด็นเรื่องของมาตรฐานคุณภาพของบัณฑิต ซึ่งส่งผลให้อันดับของมหาวิทยาลัยไทยเทียบชั้นไม่ได้กับสถาบันอุดมศึกษาของโลก อีกทั้งการเปิดเสรีทางการศึกษายังสร้างปัญหาและข้อจำกัดให้แก่สถาบันอุดมศึกษาของไทย ทำให้เกิดการแข่งขันมากกว่าความร่วมมือกันเพื่อพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาในด้านสื่อ เทคโนโลยี การเรียนการสอน ฯลฯ นอกจากนี้ ในส่วนของนโยบายภาครัฐ เช่น ระบบกองทุนเงินกู้ยืมที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคต หรือกองทุน กรอ. ระบบการคัดเลือกนิสิตนักศึกษารูปแบบระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือระบบแอดมิสชั่นส์ ปัญหาเรื่องมาตรฐานหลักสูตรและมาตรฐานวิชาการ ล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อมหาวิทยาลัยต่างๆ ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำในขณะนี้คือ การแลกเปลี่ยนความช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ ของแต่ละสถาบัน " ภารดา ดร.บัญชา แสงหิรัญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และนายกสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย กล่าวถึง การพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาไทยในขณะนี้ มีตัวถ่วงในด้านนโยบายภาครัฐ มีระบบการเมืองที่เปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างและการบริหารบ่อยครั้ง ส่งผลต่อการพัฒนาทั้งสถาบันอุดมศึกษาไทย และบัณฑิตที่จบออกมาแล้วขาดคุณภาพ อีกทั้งยังขาดการวางแผนทางการศึกษาของชาติ นอกจากนี้ ยังมีปัญหาในเรื่องการขาดทรัพยากร ทั้งกำลังคนและเงินทุนที่ไม่เอื้อต่อการพัฒนา ตลอดจนมีความอ่อนแอในฐานล่างในส่วนของตัวเร่งที่จะช่วยส่งเสริมให้อุดมศึกษาไทยมีการพัฒนา ซึ่งขึ้นอยู่กับองค์ความรู้ของแต่ละสถาบันอุดมศึกษา โดยเฉพาะบุคลากรในแต่ละสถาบันควรจะมีความคิดริเริ่มในการทำวิจัย เพื่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ๆ รศ.ดร.สุพล วุฒิเสน อธิการบดี มรภ.บ้านสมเด็จเจ้าพระยา และประธานกลุ่มอธิการบดีมรภ. กล่าวถึงผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ ต้องมีความใจกว้าง ยอมรับในการแข่งขันกับมหาวิทยาลัยในระดับนานาชาติ อย่ากลัว แต่ต้องพร้อมที่จะสร้างจุดเด่นของแต่ละสถาบันให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และจะต้องเชื่อมโยงระดับการศึกษาในรูปแบบอาชีวศึกษากับมหาวิทยาลัยให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยไม่ลืมที่จะส่งเสริมการศึกษาสำหรับคนพิการด้วย"ผศ.ดร.นำยุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดี มทร.ธัญบุรี และประธานกลุ่มอธิการบดีมทร. กล่าวถึง ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลมักถูกวิพากษ์วิจารณ์บ่อยครั้งว่า มีส่วนทำให้บัณฑิตที่จบระดับปริญญาเอกมีจำนวนลดลง แต่อย่างไรก็ตาม มทร.คำนึงถึงในเรื่องของคุณภาพ และการพัฒนาสถาบันให้มีศัพยภาพเพียงพอที่จะแข่งขันในระดับนานาชาติได้ ซึ่งขณะนี้ได้ร่วมมือกับนานาชาติเพื่อพัฒนาในด้านเทคโนโลยีต่างๆ ศ.พิเศษ ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กล่าวถึง มหาวิทยาลัยต่างๆ สร้างความวิตกให้กับสังคม โดยเฉพาะในเรื่องของเสรีภาพของมหาวิทยาลัย ซึ่งโดยหลักมหาวิทยาลัยต้องเป็นสมองของชาติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และการศึกษา เพราะมหาวิทยาลัยต้องเป็นที่พึ่งของสังคม จึงต้องมีความเป็นเลิศทางวิชาการ มหาวิทยาลัยต่างๆ จึงจำเป็นจะต้องทบทวนตัวเอง ทั้งด้านระบบบริหารจัดการคุณภาพ การผลิตบัณฑิต การปรับปรุงหลักสูตรให้ทันสมัย รวมทั้งการทำงานวิจัยที่ปัจจุบันมีน้อยมาก ซึ่งถ้าไม่คิดเรื่องเหล่านี้ก็ไม่ใช่มหาวิทยาลัย และจะส่งผลให้ระบบอื่นๆ ของประเทศ (มติชนรายวัน เสาร์ที่ 14 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


เปิดตัวโทรมือถือรุ่นใหม่ดาวน์โหลดมัลติมีเดียเร็วสุด

บริษัทซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ของเกาหลีใต้ อ้างว่าพัฒนาชุดโทรศัพท์มือถือที่ สามารถดาวน์โหลดข้อมูลมัลติมีเดียได้เร็วที่สุดในโลก โทรศัพท์รุ่นนี้ติดตั้งด้วยไมโครชิพ รุ่นเอ็มเอสเอ็ม 6280 จากบริษัทควอคอม สหรัฐอเมริกา ซึ่งผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดเพลง หรือข้อมูลมัลติมีเดีย ด้วยความเร็ว 3.6 เมกะบิตต่อวินาที หรือเทียบเท่ากับไฟล์เพลงเอ็มพี 3 จำนวน 10 ไฟล์ ภายใน 1 นาที ซัมซุงอ้างว่า ใช้เทคโนโลยีดาวน์ลิงค์ความ เร็วสูง (เอชเอสดีพีเอ) ซึ่งเพิ่งเปิดตัวที่งานแสดงเครื่องใช้ไฟฟ้าผู้บริโภคที่นครลาสเวกัส ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะเป็นเทคโนโลยีในอนาคตของโทรศัพท์ มือถือบรอดแบนด์. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 9 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





แนะผู้ปลูกผักแบบไฮโดรโพนิกส์ การพรางแสงที่เหมาะสม ช่วยลดไนเตรท ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น

การปลูกพืชแบบไฮโดรโพนิกส์ หรือ การปลูกพืชแบบไม่ใช้ดิน (Soilless Culture) เป็นการปลูกพืชรูปแบบใหม่ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมกันอย่างมากในหมู่เกษตรกร เนื่องจากคุณสมบัติหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การลดค่าใช้จ่ายในส่วนของการเตรียมดิน การกำจัดวัชพืช หรือด้านผลผลิตที่สามารถทำการเพาะปลูกได้ต่อเนื่องตลอดปี และผลผลิตที่สม่ำเสมอ ทั้งปริมาณและคุณภาพ วิธีที่เรียกว่าไฮโดรโพนิกส์ นั้น อยู่ที่การเตรียมสภาวะของธาตุอาหารให้อยู่ในรูปที่พืชนำไปใช้ได้ โดยใช้วัสดุอื่นทดแทนดิน ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ เช่น ปลูกในสารละลาย ปลูกแบบเติมอากาศ ปลูกแบบน้ำลึกหมุนเวียน ปลูกแบบให้สารอาหารไหลเป็นแผ่นฟิล์ม หรือ ปลูกในวัสดุปลูกต่าง ๆ อาทิ ทราย, กรวด, ฟองน้ำ, ขุยมะพร้าว แล้วให้สารละลายธาตุอาหารแก่พืช การปลูกพืชแบบไฮโดรโพนิกส์ ให้ได้ผลดีนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่เกษตรกรต้องมีความชำนาญในการดูแลและจัดการระบบ เพราะนอกจากปัญหาภายนอกอย่างวัสดุปลูกบางชนิดไม่ย่อยสลาย ซึ่งส่งผลต่อระบบโดยรวมแล้ว ปัญหาเฉพาะที่เกิดขึ้นกับผักที่ปลูกในระบบไฮโดรโพนิกส์ คือ ปริมาณไนเตรทที่สะสมอยู่ในใบผัก ซึ่งมีปริมาณสูง เนื่องจากผักที่ปลูกในที่ร่มครึ้มนั้น จะมีอัตราการสังเคราะห์แสงน้อย ทำให้ไนเตรทไม่ได้ถูกนำไปใช้ จึงมาสะสมอยู่ที่ใบผัก ซึ่งไนเตรทนี้ถ้าไปสะสมอยู่ในร่างกายคนมาก ๆ ก็จะไปจับตัวกับออกซิเจนในเม็ดเลือด (เฮโมโกลบิน) ทำให้ตัวผู้บริโภคเป็นสีฟ้าและซีด และส่วนหนึ่งยังเปลี่ยนรูปเป็นสารที่ชื่อว่า ไนโทรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งรูปแบบหนึ่งด้วย เกษตรกรผู้ใดสนใจ อยากทราบเทคนิคการพรางแสง รวมทั้งเทคนิคในการปลูกพืชในระบบไฮโดรโพนิกส์ เพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้โดยตรงที่ ศูนย์คลินิกเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ 60 หมู่ 3 ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา หมายเลขโทรศัพท์ 0-3532-3620 ในวันและเวลาราชการ. (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 9 ม.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)





เปิดตัว"แผนที่ดาวเทียมไทย" แจกฟรีก.พ.นี้-แข่ง"กูเกิ้ลเอิร์ธ"

นายจอร์จ พาตาคี ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก พร้อมกับคณะผู้บริหารคนอื่นๆ วางแผนสร้าง "ฟาร์มกังหันลมผลิตไฟฟ้า" ขึ้นมาในพื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐนิวยอร์ก (อัพสเตทนิวยอร์ก) พื้นที่ดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นทะเลสาบ ฟาร์มปศุสัตว์ ฟาร์มเกษตรกรรม โดยจะเปิดให้บริษัทเอกชน 2 แห่งเข้าไปรับผิดชอบสร้างฟาร์มกังหันลมกระจายออกไปในพื้นที่หลายจุด แต่ละจุดจะมีกังหันลมประมาณ 40 ตัว ตั้งตระหง่านอยู่ เพื่อปั่นกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยงรัฐนิวยอร์กบางส่วน ข้อดีของไฟฟ้าพลังลม คือ เป็นพลังงานหมุนเวียนจากธรรมชาติที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน บรรดาเศรษฐีที่ดินในพื้นที่ก็ปลุกระดมชาวบ้านขึ้นมาต่อต้าน โดยโต้แย้งว่ากังหันลมยักษ์เหล่านี้จะทำลายทัศนียภาพอันสวยงามตามธรรมชาติ (ข่าวสด จันทร์ที่ 9 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





'ประวิช' ติดไมโครชิพปั้นเด็กอัจฉริยะเป็นนักวิทย์

ดร.ประวิช รัตนเพียร รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยว่า วท.จะมอบหนังสือเดินทางสู่เส้นทางนักวิทยาศาสตร์ (Young Scientist Passport) แก่ผู้ได้รับรางวัลโอลิมปิกวิชาการ ในวันที่ 14 ม.ค.นี้ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยผู้ถือบัตรจะได้รับสิทธิพิเศษเข้าฝึกงาน และใช้ศูนย์ ปฏิบัติการวิจัยทุกแห่งของ วท. พร้อมมีนักวิทยาศาสตร์ ชั้นนำของประเทศเป็นพี่เลี้ยงให้คำแนะนำด้านวิชาการ และทำวิจัยร่วมกันอย่างใกล้ชิด ตลอดทั้งสามารถใช้อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ของ วท.ในการฝึกปฏิบัติ และดำเนินงานวิจัยตามความถนัด และศักยภาพที่มีอยู่ นอกจากนั้น ยังได้รับการดูแลเสมือนเป็นนักเรียนวิทยาศาสตร์ในสังกัด วท. ที่จะได้รับการส่งเข้าอบรม ดูงานประชุมสัมมนา ตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลก เพื่อให้เด็กที่ได้รับรางวัลโอลิมปิกพัฒนาไปสู่นักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าในอนาคต หนังสือเดินทางสู่เส้นทางนักวิทยาศาสตร์ดังกล่าวทำเป็นสมุดขนาดเท่าพาสปอร์ต และติดไมโครชิพ เพื่อติดตามเก็บข้อมูลความก้าวหน้า โครงการนี้จะถือเป็นประตูบานแรกของกระบวนการสร้างคน และเป็นเสมือนการบ่มเพาะเยาวชนของประเทศชาติที่มีอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์ ให้พร้อมที่จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของประเทศและของโลกต่อไปในอนาคต และยังเป็นการเตรียมคน เพื่อรองรับศักยภาพการแข่งขันที่ต้องใช้ฐานความรู้ ทางวิทยาศาสตร์ในระบบเศรษฐกิจใหม่ด้วย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่จะส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนไทย ที่มีความสามารถพิเศษและอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างชัดเจน ดร.ประวิชกล่าวอีกว่า ตนยังได้มอบให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นให้เยาวชนและสังคมไทยได้รับรู้และชื่นชมผู้แทนเยาวชน ที่เป็นแบบอย่างของเยาวชนที่มีความรู้ความสามารถทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีผ่านกิจกรรมนิทรรศการต่างๆของ วท.ด้วย. (ไทยรัฐ อังคารที่ 10 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





แตนเบียนไดอะเดกมา ฮีโร่ตัวใหม่ปราบหนอนใยผัก

ดร.เฉลิม สินธุเศก ผู้จัดการโครงการ IPM DANIDA ประเทศไทย ด้วยมีเจตนาเพื่อติดตามไปดูโครงการลด-ละ-เลิกการใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลงในการกำจัดศัตรูพืชบนพื้น ที่สูงด้วยระบบชีววิธี คือนำเข้าแตนเบียนมาเป็นตัวควบคุมฯ ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง มูลนิธิโครงการหลวง นำแตนเบียนมาจากที่สูง แคมเมอรอน ประเทศมาเลเซีย จำนวน 1,500 ดักแด้ เมื่อเดือนสิงหาคม 2548 มาสู่ขบวนการโดยการสนับสนุนงบประมาณจาก โครงการ IPM ผักของ FAO แตนเบียนสายพันธุ์ไดอะเดกมา ที่นำมาใช้ประโยชน์นี้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Diadegma semiclausum เป็นแตนเบียนที่มีขนาดค่อน ข้างใหญ่ มีสีดำ มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในแถบทวีปยุโรป นักวิจัยได้ทดลองนำแตนเบียนสายพันธุ์ ไดอะเดกมาเพื่อเข้ามาควบคุม “หนอนใยผัก” ในเขตพื้นที่ราบสูงและมีอากาศค่อนข้างหนาวเย็น ในหลายประเทศ เช่น นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย ศรีลังกา และเวียดนาม ในประเทศไทยโครงการ IPM DANIDA เข้าไปรณรงค์ที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และที่ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เกิดผลสำเร็จในการนำมาฆ่าหนอนใยผักได้เป็นอย่างดี วิธีการเมื่อแตนเบียนตัวเมียผสมพันธุ์แล้วจะ วางไข่ โดยการต่อยเข้าไปในกล้ามเนื้อของหนอนใยผัก จากนั้นก็วางไข่เข้าไปในตัวหนอน และตัวหนอนใยผักจะเคลื่อนไหวช้าลง กินอาหารได้น้อยลง และเมื่อไข่ของแตนเบียนฟักตัวออกมาก็จะดูดกินของเหลวในตัวหนอนใยผัก พร้อมกับถักใยหุ้มลำตัวและเข้าดักแด้ ทำให้หนอนตายลงไปในที่สุด โดยแตนเบียนไดอะเดกมาจะใช้ระยะเวลาเจาะออกจากดักแด้ประมาณ 20-24 วัน ซึ่งสามารถมีชีวิตอยู่ได้นาน 25-45 วัน ถ้าเลี้ยงมันด้วยน้ำผึ้ง คาดว่าแตนเบียนไดอะเดกมาจะเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่เกษตรกรสามารถนำมาใช้ ควบคุมหนอนใยผักและช่วยลดการใช้สารเคมี ในการปลูกพืชบนที่ราบสูงได้ไม่มากก็น้อย (ไทยรัฐ อังคารที่ 10 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





แนวโน้วเทคโนโลยีแห่งอนาคต

คุณณัฐศักดิ์ โรจนพิเชฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัทออราเคิล คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด มีความเห็นว่า แนวโน้มเทคโนโลยีแห่ง อนาคต คือ การทำให้เทคโนโลยีเป็นเรื่องง่ายต่อการนำไปใช้ ผู้บริหารออราเคิล เมืองไทย มีความเห็นชัดเจนว่า ในมุมมองของผู้ใช้งานทั่วไป การใช้อุปกรณ์ไฮเทคต่าง ๆ ต้องง่าย สนุกและทันสมัย สามารถเลือกใช้ได้ตามต้องการ หัวใจสำคัญของเทรนด์เทคโนโลยีไอทีคือ การรวมระบบเป็นหนึ่งเดียว (Consolidation) ปี 2548 ที่ผ่านมาจึงเป็นปีแห่งการรวมและเชื่อมโยงระบบ ลูกค้าจะเลือกใช้ซอฟต์แวร์ที่ไม่มีความยุ่งยากซับซ้อน เพื่อลดต้นทุน ส่วนปี 2549 จะเป็นปีทองสำหรับการสร้างสถาปัตยกรรมแบบใช้งานได้ทันที (Hot-pluggable) ซึ่งจะทำให้องค์กรสามารถมิกซ์และแมตช์ ซอฟต์แวร์เดิมและซอฟต์แวร์ใหม่ให้สามารถทำงานร่วมกันได้ กริดคอมพิวติ้ง (Grid Computing) เทคโนโลยีรับส่งสัญญาณรหัสคลื่นความถี่วิทยุ RFID จะเติบโตและพัฒนามากขึ้น เพื่อนำไปใช้งานด้านพาณิชย์ สาธารณสุข และด้านอื่น ๆ มีรายงานว่า ต้นไม้ริมถนนสายต่าง ๆ ใน กรุงปารีสกว่า 95,000 ต้น ติดชิพ RFID เพื่อให้เจ้าหน้าที่ด้านสิ่งแวดล้อมสามารถรู้ตำแหน่งและดูแลรักษาต้นไม้ตามข้อ มูลวงจรชีวิตผ่านโทรศัพท์มือถือ นโลยีการกำหนดความหมาย (Semantics Technology) จะเป็นจริงในอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลของระบบ ดังนั้นปี 2549 ทิศทางใหม่ของเทคโนโลยีไอที คือ การพัฒนาระบบไอทีองค์กรให้ใช้งานง่ายและคุ้มต่อการลงทุน ทั้งหมดนี้คือความเห็นของผู้มือโปรในวงการเทคโนโลยีอีกท่านหนึ่ง (เดลินิวส์ อังคารที่ 10 ม.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ฝังชิพหลังมือแทนกดรหัสผ่าน อเมริกาฮิตส่งสัญญาณเปิดประตู-คอมพ์ได้

อเมริกัน นิยมฝังชิพที่ฝ่ามือสำหรับโบกส่งสัญญาณเปิดปิดประตูห้อง เครื่องคอมพิวเตอร์ แทนการกดรหัสผ่านเพื่อใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ต้องเสียเวลามานั่งจำ ชิพตัวเดียวอยู่ได้นานเป็นร้อยปี ชิพดังกล่าวเรียกว่า อาร์เอฟไอดี เป็นชิพขนาดเล็กเท่ากับเม็ดข้าวสารสำหรับเก็บข้อมูลส่วนตัว ซึ่งปัจจุบันถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายตามสถานที่ต่างๆ โดยซ่อนอยู่ในรูปแบบของบัตร เช่น บัตรรถไฟฟ้าใต้ดิน บัตรพนักงาน บัตรจอดรถตามอาคารห้างสรรพสินค้า ป้ายสินค้า เป็นต้น ในอนาคตชิพดังกล่าวจะถูกนำมาใช้แทนรหัสบาร์โค้ดที่ติดอยู่ข้างสินค้า โดยชิพอาร์เอฟไอดีสามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่าบาร์โค้ด และสามารถอ่านข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องหยิบสินค้ามาทีละชิ้นเพื่อยิงบาร์โค้ดเหมือนปัจจุบัน แต่ชิพจะส่งสัญญาณวิทยุไปยังเครื่องอ่านทำให้พนักงานสามารถคิดราคาสินค้านับร้อยรายกายในรถเข็นในเวลาเพียงอึดใจ ปัจจุบันชิพดังกล่าวมีราคาประมาณ 80 บาท สื่อสารไร้สายกับเครื่องอ่านซึ่งมีราคาต่ำสุด 2,000 กว่าบาท ในการอ่านรหัสนั้น ต้องนำชิพไปอยู่ห่างจากเครื่องอ่านราว 3 นิ้ว โดยไม่จำเป็นต้องไปแตะกับตัวเครื่องอ่าน ในการฝังชิพลงในตัว นอกจากศัลยแพทย์แล้ว ช่างสัก หรือสัตวแพทย์ ก็สามารถฝังชิพให้ได้ เนื่องจากสัตวแพทย์ใช้วิธีฝังชิพกับสัตว์เลี้ยงมาหลายปีแล้ว เพื่อเวลาสัตว์เลี้ยงหลงทางจะได้ส่งกลับมายังเจ้าของได้ถูกต้อง เทคโนโลยีอาร์เอฟไอดีจะถูกนำมาใช้งานอย่างกว้างขวางมากขึ้น ชิพดังกล่าวสามารถเก็บข้อมูลส่วนตัวที่เข้ารหัสป้องกันการลักลอบใช้งาน และสามารถใช้แทนบัตรประชาชน ใบขับขี่ บัตรเครดิต บัตรสมาชิกห้องสมุด ฯลฯ โดยเก็บข้อมูลไว้ในชิพขนาดจิ๋วนี้ สำหรับประเทศไทยเริ่มนำร่องใช้บัตรประชาชนอิเล็กทรอนิกส์แล้วบางจังหวัด โดยในระยะแรกบัตรดังกล่าวจะเก็บข้อมูลวันเดือนปีเกิด กรุ๊ปเลือด หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี หมายเลขบัตรประกันสังคม เป็นต้น (คมชัดลึก อังคารที่ 10 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





รัศมีโชติ....นามพระราชทาน แก่เฟินพันธุ์ใหม่ของโครงการหลวง

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงพระกรุณาพระราชทาน พระราชานุญาตเรียกชื่อ เฟินลูกผสมพันธุ์ใหม่ ว่า “เฟินรัศมีโชติ” “Blechnum : rassamichotii” เฟินรัศมีโชติ (Blechnum Rassamichotii) เป็นลูกผสมของ กูดดอยนิวคาลิโดเนีย (New Caledonia Dwarf tree fern: Blenchnum giibbm) กับ กูดดอยบราซิล (Brazilian tree fern : Blechnum braziliense) เป็นเฟินสกุล (Blechnum) อยู่ในวงศ์ Blenchnaceae ในโลกนี้มีกว่า 200 ชนิด ลักษณะลำต้นตั้งตรงค่อนข้างอ้วนล่ำ ไม่สูงนัก โดยเฉพาะในสกุล Brainea พบมากในซีกโลกใต้ เช่น นิวซีแลนด์ ชาวสุมาตราพื้นเมืองเรียกชื่อว่า เฟินตะขาบ หรือ ปากูลิพัน (Pakulipan) หม่อมหลวงจารุพันธ์ ทองแถม หัวหน้าโครงการพัฒนา และส่งเสริมการปลูกเฟินตัดใบและเฟินกระถาง มูลนิธิโครงการหลวง เปิดเผยเกี่ยวกับที่มาของชื่อเฟินลูกผสมพันธุ์ใหม่ของโครงการหลวงนี้ว่า รัศมีโชติ เฟินต้นนี้มีลักษณะโดดเด่น น่าจะเป็นที่นิยมของโลก และหายากมากเพราะเป็นการผสมข้ามชนิด (Interspecific cross) โดยการนำสปอร์จากต้นพ่อแม่พันธุ์ มาคลุกเข้าด้วยกัน กับเพาะในวัสดุเพาะที่เรียกว่า peat moss ผนึกกล่องไม่ให้อากาศเข้า จนเกิดการแบ่งเซลล์ออกเป็นใบเทียมสร้างอวัยวะต่างๆ ขึ้น มีการปล่อยสเปิร์ม ข้ามไปมาจนกระทั่งเกิดใบจริง เฟินรัศมีโชติใช้ประโยชน์ได้ 3 ประการคือ ปักแจกันสดและแห้ง เป็นไม้กระถาง และเหมาะเป็นไม้จัดสวน ถือว่า เป็นความภูมิใจของนักวิทยาศาสตร์ ไทยที่ประสบความสำเร็จในทางพฤกษศาสตร์ โครงการหลวงจึงได้นำต้นพันธุ์น้อมเกล้าฯ ถวายแด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร แหล่งผลิตเฟินรัศมีโชติที่สำคัญของโครงการหลวง คือ สถานีวิจัยดอยปุย และ สถานีวิจัยโครงการหลวงอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ ขณะนี้โครงการหลวงได้เร่งผลิตเพื่อจำหน่ายให้เพียงพอแก่ความต้องการ และคาดว่าในอนาคตจะเป็นพันธุ์ไม้ สำคัญที่สามารถส่งออกต่างประเทศ สนใจขอทราบข้อมูลเพิ่มเติม และ สั่งซื้อต้นเฟินรัศมีโชติได้ที่โครงการพัฒนาเฟิน สถานีวิจัยดอยปุย จ.เชียงใหม่ โทร. 0-6185-6452 ในเวลาราชการ. (ไทยรัฐ พุธที่ 11 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





‘ยาสั่งตัด’การรักษาโรคในทศวรรษหน้า

จุดเปลี่ยนวงการวิทยาศาสตร์การแพทย์ของโลก เริ่มขึ้นเมื่อโครงการความร่วมมือระหว่างนักวิทยาศาสตร์ 18 ประเทศ ได้ประกาศความสำเร็จในการจัดทำ “แผนที่รหัสพันธุกรรมมนุษย์” เมื่อปี 1990 การค้นพบครั้งสำคัญนี้ ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถทราบถึงการทำงานของดีเอ็นเอแต่ละหน่วยในร่างกายมนุษย์ และสามารถไขความลับกลไกการทำงานของร่างกายคนเราได้ เมื่อเราสามารถถอดรหัส พันธุกรรมได้ เข้าใจลำดับอนุกรม ทางเคมีของดีเอ็นเอ อันจะนำไปสู่การพัฒนายาเพื่อรักษาโรคเฉพาะจุด เฉพาะคนได้ ข้อมูลจากการถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์ครั้งนั้น ยังถือเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนายา การวินิจฉัยทางการแพทย์ โดยเฉพาะโรคที่ยังไม่มีทางรักษาให้หายขาด เช่น เอดส์ สมองเสื่อม อัลไซเมอร์ วิธีการรักษาแบบใหม่ นี้เรียกว่า “Tailor’s Made Medicine” โดยการนำยีนของแต่ละคนมาวิเคราะห์ ทำให้รู้ ถึงความเสี่ยงในการเกิดโรคของแต่ละคน ตลอดจนสามารถหา ตัวยาที่สามารถรักษาโรคเฉพาะบุคคลได้ “ในอนาคตถ้าเราสามารถรู้ได้ว่าคนแต่ละคนมียีนมีดีเอ็นเอหน่วยไหนที่เป็นความเสี่ยงต่อโรคอะไรบ้าง ความรู้เหล่า นี้จะช่วยให้เราป้องกันการเกิดโรคได้ เป็นการป้องกันในระดับยีน ไม่ต้องรอให้ป่วยแล้วมารักษา” น.พ.ธงชัย ทวิชาชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ ของประเทศไทย หรือ TCELS กล่าว บทบาทของ TCELS คือ สนับสนุนให้เกิดความร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ ล่าสุดได้น.พ.ธงชัย กล่าวอีกว่า ขณะนี้ในต่างประเทศกำลังมีการวิจัยเรื่องนี้กันมาก ประเทศไทยจึงต้องเร่งให้มีการสนับสนุนการศึกษาร่วมมือกับ รพ.รามาธิบดี ในการวิจัยถึงยีนที่ก่อให้เกิดโรคธาลัสซีเมีย และกำลังจะขยายผลไปยังโรคอื่น ๆ ที่เป็นปัญหา โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าประเทศไทยต้องเป็นหนึ่งในผู้นำและเป็นศูนย์กลางการวิจัย และลงทุนด้านชีววิทยาศาสตร์ระดับโลกในอนาคต และเพื่อให้เข้าใจในเรื่องเหล่านี้ให้มากขึ้น TCELS จึงได้นำเจ้าหน้าที่พร้อมสื่อมวลชนมุ่งหน้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อศึกษาดูงานด้านชีววิทยาศาสตร์ในบริษัทยายักษ์ใหญ่ของโลก อย่างไฟเซอร์ อิงค์ แกล็กโซสมิทไคล์น (GSK) เมอร์ค และสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงอย่าง ฮาวาร์ด ก่อนจะกลับมาตั้งรับและรุกสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการวิจัย ด้าน ศ.เกียรติคุณ ดร. พรชัย มาตังคสมบัติ ประธานกรรมการ TCELS และอธิการ บดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ไทยควรใช้โอกาสนี้เข้าไปมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมยา แต่ไม่ใช่ในฐานะผู้ผลิตเพราะกระบวนการผลิตยามีหลายขั้นตอนและใช้งบประมาณมหาศาล ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย หรือ TCELS เป็นองค์กรมหาชนที่ก่อตั้งโดยรัฐบาลเมื่อปี 2547 โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้ไทยเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาด้านชีววิทยาศาสตร์ ซึ่งกำลังเป็นที่ตื่นตัวและมีการวิจัยเรื่องนี้ในต่างประเทศกันมาก TCELS ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาล โดยในปี 47 ได้รับงบ 100 กว่าล้านบาท ปี 48 ได้รับงบ 200 กว่าล้านบาท และปี 49 ได้ของบสนับสนุนเพิ่มอีก 1,000 ล้านบาท โดยมีหน้าที่ประสานงานองค์การทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการร่วมกันพัฒนาด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย โดยได้กำหนดแนวทางการส่งเสริมการพัฒนาไว้ 4 ด้าน ประกอบด้วย 1.การแพทย์เฉพาะบุคคลและชีวสาร สนเทศ 2.การแพทย์เชิงเสริมสร้าง 3.โครงสร้างพื้นฐานด้านชีววิทยาศาสตร์ 4.ผลิตภัณฑ์ชีวภาพ และการให้บริการเชิง สุขภาพ (เดลินิวส์ พุธที่ 11 ม.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ดาวเทียมแมป ดิจิตอล ไทยแลนด์ ดวงแรกของไทยเปิดใช้ฟรี

ดร.ไพศาล สันติธรรมนนท์ นักวิชาการจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะทำงาน ซึ่งพัฒนาระบบบริการแผนที่ดาวเทียมที่ประเทศไทยพัฒนาขึ้นเองชื่อ "ดิจิตอล ไทยแลนด์" 2 เวอร์ชั่น ลักษณะการใช้งานคล้ายกับบริการกูเกิ้ล เอิร์ธ มีแผนเปิดตัวแผนที่ดาวเทียมของไทย เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนใช้ฟรีในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ทั้งแบบบันทึกลงแผ่นซีดีและแบบดูผ่านระบบเว็บเซอร์วิสสำหรับองค์กร โดยความคืบหน้า ระบบบริการแผนที่ดาวเทียมดิจิตอล ไทยแลนด์มาพร้อมกับระบบออนไลน์ ซึ่งเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลผ่านระบบเว็บเซอร์วิส โดยโครงการดิจิตอลไทยแลนด์ เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ และภูมิสารสนเทศ องค์การมหาชน สนับสนุนฐานข้อมูลแผนที่จากภาพถ่ายดาวเทียม และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นผู้พัฒนาระบบและเทคโนโลยี โดยใช้ซอฟต์แวร์นาซา เวิร์สวินด์เป็นเครื่องมือพัฒนา สำหรับแผนที่ดาวเทียมดิจิตอล ไทยแลนด์ ใช้งานคล้ายกับกูเกิ้ล เอิร์ธ แต่จะเหมาะกับความต้องการของคนไทย และเปิดให้บริการฟรี 2 เวอร์ชั่น คือ แบบบันทึกลงบนแผ่นซีดีรอม สำหรับแจกจ่ายให้ประชาชนทั่วไป และสำหรับกระจายไปยังสถานศึกษา เพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านภูมิสารสนเทศ มี การบันทึกลงบนแผ่นซีดีรอมเพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านภูมิสารสนเทศในวงกว้างให้ถึงประชาชนทุกระดับ ซึ่งการเรียกดูแผนที่จากแผ่นซีดีรอมไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต จึงทำให้ประชาชนที่มีข้อจำกัดในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตใช้ประโยชน์จากแผนที่ดาวเทียมได้ ซึ่งแบบที่บันทึกลงแผ่นซีดีรอมจะมีความละเอียดของภาพ 15 เมตร หมายถึงสามารถมองเห็นวัตถุที่มีขนาดใหญ่กว่า 15 เมตร ได้ในภาพ ส่วนเวอร์ชั่นที่เป็นระบบเว็บเซอร์วิสนั้นเหมาะสำหรับองค์กรและการใช้งานจะต้องเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต และภาพที่เห็นจะมีความละเอียด 1 เมตร ซึ่งหมายถึงสามารถมองเห็นวัตถุที่มีขนาดใหญ่กว่า 1 เมตรได้ เช่น หลังคาบ้าน หลังคารถยนต์ เป็นต้น ทั้งนี้ ภาพที่เผยแพร่ในดิจิตอล ไทยแลนด์ จะปิดบังบางพื้นที่เพื่อความปลอดภัยของประเทศด้วย เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องของความมั่นคง ขณะนี้ได้เปิดทดลองใช้แล้ว แต่เพื่อความสมบูรณ์จึงจะเผยแพร่ให้กับประชาชนทั่วไปในเดือนกุมภาพันธ์ (มติชนรายวัน พุธที่ 11 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





"ฮับเบิล"พบวงแหวน ดวงจันทร์ใหม่"ยูเรนัส"

สมาคมดาราศาสตร์ไทยรายงานว่า "ระบบสุริยะ" ของเรามีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ภายหลังจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลขององค์การอวกาศสหรัฐ หรือ "นาซ่า" ค้นพบ "วงแหวนใหม่" ของดาวยูเรนัส วงแหวนใหม่นี้อยู่ห่างจากวงแหวนวงเดิมที่รู้จักมากถึงสองเท่า จนถือได้ว่าเป็นระบบวงแหวนระบบที่สอง และยังพบดวงจันทร์ใหม่อีกสองดวงที่โคจรอยู่ในวงแหวนวงใหม่นี้ด้วย นอกจากนั้น จากการวิเคราะห์ข้อมูลการเคลื่อนที่ของวัตถุในระบบยูเรนัสมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเด่นชัดในทศวรรษที่ผ่านมา แสดงถึงความไร้เสถียรภาพอย่างมากของระบบนี้ แม้แต่วงแหวนใหม่สองวงที่อยู่ห่างจากดาวยูเรนัสมาก ก็เป็นระบบที่ไม่สถิต ฝุ่นที่ประกอบขึ้นเป็นวงแหวนนี้จะค่อยๆ กระจายออกไปจนกระทั่งจางหายไปในอวกาศ แต่ก็มีกลไกบางอย่างที่เติมฝุ่นให้วงแหวนนี้อย่างต่อเนื่อง นักดาราศาสตร์คาดว่าสิ่งที่เติมฝุ่นให้วงแหวนวงนอกสุดอาจเป็นดวงจันทร์ "แมบ" ซึ่งเป็นดวงจันทร์ขนาดเล็กมีความกว้างเพียง 19 กิโลเมตร ค้นพบในปี 2546 โดยกล้องฮับเบิล ฮับเบิลค้นพบวงแหวนใหม่ของดาวยูเรนัสจากการถ่ายภาพนาน 4 นาที เป็นจำนวน 80 ครั้งในเดือนสิงหาคมปี 2547 ต่อมานักดาราศาสตร์ได้ลองไปตรวจสอบในภาพถ่ายเก่าของฮับเบิลที่ถ่ายก่อนหน้านั้นหนึ่งปีก็พบแหวนจางๆ นี้เหมือนกัน แต่ภาพที่ชัดที่สุดเป็นภาพที่ถ่ายเมื่อเดือนกันยายน 2548 ยานวอยเอเจอร์ที่สำรวจดาวยูเรนัสในปี 2529 ก็พบหลักฐานของวงแหวนใหม่นี้เหมือนกัน แต่เดิมนักดาราศาสตร์รู้จักวงแหวนของดาวยูเรนัสเพียง 9 วง ซึ่งค้นพบในปี 2520 จากการสังเกตการบังดาวฤกษ์ของดาวยูเรนัส ต่อมาเมื่อยานวอยเอเจอร์เดินทางไปสำรวจดาวยูเรนัสจึงได้พบวงแหวนเพิ่มขึ้นอีกสองวงและดวงจันทร์เพิ่มขึ้นอีก 10 ดวง (ข่าวสด พุธที่ 11 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ใช้ไฟฟ้าความถี่สูงลนเผามะเร็ง โดยไม่ต้องผ่าตัด

หมอของโรงพยาบาลปรินซ์ ออฟ เวลส์ โรงพยาบาลในฮ่องกง ได้ทดลองรักษาคนไข้มะเร็งของต่อมหมวกไตด้วยวิธีรักษาเนื้อร้ายของต่อมหมวกไต โดยใช้กระแสไฟฟ้าความถี่สูงลน โดยใช้ขั้วไฟฟ้าปล่อยกระแสไฟความถี่สูงลนเผาเนื้อร้ายจนสุก แม้ว่ามันจะถูกปล่อยให้อยู่ในร่างกาย แต่มันไม่ขับฮอร์โมน ซึ่งก่อให้เกิดอาการความดันโลหิตสูงออกมาอีก ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิลเฟรด มุ่ย แจ้งว่า มันช่วยให้ลดความจำเป็นการรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อกำจัดเนื้อร้าย ซึ่งต้อง เสียเงินเสียทองจำนวนมาก และทำให้หายเร็วขึ้นด้วย ในจำนวนคนไข้ที่ได้รับการรักษาไป 18 ราย ล้วนแต่มีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้จนสองในสามพากันเลิกยาได้ อาการเนื้อร้ายของต่อมหมวกไต เป็นโรค ที่ค่อนข้างจะมีน้อย แต่มันอาจเป็นสาเหตุของอาการความดันโลหิตสูงในคนไข้จำนวนสัก 1-2 เปอร์เซ็นต์ขึ้นได้ (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 12 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





6ชาติถกพลังงานสะอาด หวังเลี่ยงพิธีสารเกียวโต

รัฐมนตรีและผู้บริหารบริษัทพลังงานจากประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน อินเดีย ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ ได้เปิดประชุมนัดแรกของกลุ่มประเทศความร่วมมือเพื่อพลังงานสะอาดและสภาพอากาศที่บริสุทธิ์ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จัดขึ้นที่นครซิดนีย์ ออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 11 มกราคม โดยกำหนดประชุมเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งทั้ง 6 ประเทศอ้างว่าการร่วมมือครั้งนี้จะทำให้พิธีสารเกียวโตมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่กลุ่มอนุรักษนิยมที่เดินทางไปชุมนุมประท้วงในที่ประชุม กล่าวว่า การจัดประชุมของ 6 ประเทศครั้งนี้เป็นการหลีกเลี่ยงพิธีสารเกียวโตที่ให้ประเทศพัฒนาแล้วลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศเพื่อลดภาวะเรือนกระจก แต่ออสเตรเลียและสหรัฐไม่ยอมลงนามในพิธีสารเกียวโต โดยอ้างว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ ในที่ประชุมได้มีการพูดคุยถึงการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้ถ่านหินบริสุทธิ์และช่วยให้พลังงานสามารถนำกลับใช้ใหม่ได้ ทั้งยังมีการพูดถึงการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้พลังงานสะอาด โดยออสเตรเลียจะสมทบเงินจำนวน 100 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (3,000 ล้านบาท) ในกองทุนดังกล่าว ขณะเดียวกัน สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศระบุว่า หากรัฐบาลในแต่ละประเทศไม่ปรับปรุงนโยบายควบคุมสิ่งแวดล้อมและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศแล้ว ภาวะเรือนกระจกจะสูงขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์ในอีก 25 ปีข้างหน้า ( พฤหัสบดีที่ 12 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





โสมขาวสั่งถอดสถานะนักวิทย์ลวงโลก

เมื่อวันที่ 11 มกราคม รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ประกาศถอดสถานะ "นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่" ที่เคยมอบให้นายฮวาง วู ซุก นักวิจัยด้านพันธุวิศวกรรมชื่อดังของเกาหลีใต้ที่อ้างว่าสามารถสกัดสเต็มเซลล์ หรือ เซลล์ต้นกำเนิดจากตัวอ่อนที่ได้จากการโคลนนิ่งสำเร็จเป็นรายแรกของโลก ซึ่งการถอดสถานะดังกล่าวทำให้นายฮวาง วู ซุก หมดสิทธิที่จะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลที่เคยประกาศให้เป็นจำนวน 3,000 ล้านวอน (120 ล้านบาท) ต่อปีในกำหนดระยะเวลา 5 ปี และการมีตำรวจคอยติดตามอารักขาความปลอดภัย โดยการประกาศถอดสถานะดังกล่าวมีขึ้น หลังจากผลการสอบสวนของมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล ต้นสังกัดของนายฮวาง ชี้ว่า ผลงานวิจัยของนายฮวางนั้นเป็นการปั้นแต่งเรื่องขึ้นมาทั้งหมด นอกจากนี้ นายฮวางและทีมงานวิจัยยังเผชิญกับการถูกสอบสวนทางคดีอาญาและการถูกตรวจสอบโดยผู้ตรวจสอบบัญชีของรัฐบาล นอกเหนือไปจากที่รัฐบาลจะเริ่มดำเนินการสอบสวนทางด้านจริยธรรมในงานวิจัยของนายฮวาง รวมถึงข้อกล่าวหาที่ว่านายฮวางได้ขู่บังคับให้ผู้หญิงบริจาคไข่เพื่อใช้ในงานวิจัยของตนเองด้วย วันเดียวกันนี้ นายชุง อัน ชาง อธิบการบดีมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล ได้ออกกล่าวขอโทษต่อชาวเกาหลีใต้ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ โดยกล่าวว่าการกระทำของนายฮวางทำให้ประเทศชาติและวงการวิทยาศาสตร์ต้องเสื่อมเสีย ซึ่งตนต้องการให้นายฮวางและทีมงานวิจัยได้รับบทลงโทษ ด้าน "ไซเอ็นซ์" จุลสารวิชาการชั้นนำ ได้ประกาศถอดบทความงานวิจัยที่อื้อฉาว 2 ชิ้นของนายฮวางที่เคยตีพิมพ์ลงในจุลสารวิชาการฉบับนี้เมื่อปี 2547 และ 2548 พร้อมให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงนโยบายตลอดจนกระบวนการในการประเมินผลงานวิจัยที่จะนำมาตีพิมพ์เผยแพร่ เพื่อป้องกันเหตุการณ์อื้อฉาวที่สั่นคลอนวงการวิชาการเช่นนี้ขึ้นอีก ( พฤหัสบดีที่ 12 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





เด็กจุฬาฯคว้าแชมป์ SIA ครั้งที่ 3

นายเจริญรัฐ วิไลลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. สามารถคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย จัดการประกาศผลรางวัลการประกวดนวัตกรรม “รางวัลเพื่อความสามารถของคนไทย” หรือ Samart Innovation Awards (SIA) ครั้งที่ 3 ประจำปี 2548 ปรากฏว่ามีผู้ได้รับรางวัล 17 ผลงาน โดยผลงานที่ได้รับรางวัลประกอบด้วย รางวัล Gold Awards 1 รางวัล ได้แก่ผลงานของนักศึกษาจาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คว้าเงินรางวัล 400,000 บาท, รางวัล Silver Awards จำนวน 5 รางวัล รางวัลละ 200,000 และ รางวัล Bronze Awards จำนวน 11 รางวัล รางวัลละ 120,000 บาท ส่วนปีนี้บริษัทได้เปิดโอกาสให้เยาวชนมีสิทธิแสดงความสามารถอย่างเต็มที่ จึงมีการขยายระยะเวลาในการสร้างสรรค์ผลงานเพิ่มขึ้น ผู้ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมประชันความคิดได้ตั้งแต่วันนี้-พ.ย.2549 โดยรวมทีมกันไม่เกิน 3 คน ซึ่งโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้นักศึกษาเกิดความสนใจในเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมากขึ้น (สยามรัฐ ศุกร์ที่ 13 ม.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)





สร้างเซฟเก็บพันธุ์พืชสู้วันสิ้นโลก

“นิว ไซท์ติส” ระบุว่า นอร์เวย์มีแผนจะสร้างห้องเซฟลับ หรือ “เซฟวันสิ้นโลก” เพื่อใช้เก็บเมล็ดพันธุ์พืชบนโลกกว่า 2 ล้านชนิด เพื่อป้องกันภาวะอดตายหากเกิดวิกฤตวันสิ้นโลกไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมโลก,โลกร้อน และสงครามนิวเคลียร์ ในสภาพอุณหภูมิภายในต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส โดยห้องเซฟลับนี้จะถูกในพื้นที่ลึกของภูเขาหินทรายแห่งหนึ่งบนเกาะสปิรตเบอร์เก้นตั้งห่างจากขั้วโลกเหนือ1,000 กิโลเมตร ใช้งบประมาณสร้าง 3 ล้านดอลลาร์ สามารถทนต่อสภาวะอากาศทุกรูปแบบเนื่องจากห้องเซฟนี้จะมีกำแพงคอนกรีตหนา 1 เมตร ระบบล๊อคอากาศ 2 ตัว และประตูป้องกันระเบิดระดับสูง ช่วยให้สามารถคุ้มครองห้องเซฟนี้ได้แม้กระทั่งภาวะโลกร้อนอย่างสุดขั้ว โดยอายุใช้งานของมันคือตลอดกาล ทั้งนี้เพื่อรับมือกับวิกฤตวันหายนะโลก อย่างไรก็ตามสำหรับห้องเซฟนี้จะมีการเปิดประตูให้อากาศระบายออกเพียงปีละครั้ง ในช่วงหน้าหนาว และด้วยระบบความแข็งแกร่งของเซฟที่ถือว่าเหนือธรรมชาติ ทำให้ไม่จำเป็นที่จะต้องมีเจ้าหน้าที่ใดๆ ทำหน้าที่ดูแลสถานที่แห่งนี้ ห้องเซฟเก็บพันธุ์พืชทั่วโลกนี้จะถูกสร้างในปีหน้า โดยแผนสร้างถือเป็นโครงการที่ถูกร่างมาตั้งแต่ปี 1980 มาแล้ว ด้านนายแครี่ ฟาวเล่อร์ ผู้อำนวยการหน่วยงานความหลากหลายด้านชีวภาพเผยว่าห้องเซฟพันธุ์พืชนี้ถือว่าเป็นธนาคารพันธุ์ที่แข็งแรงที่สุดของโลก เพราะถูกรองรับด้วยระบบความปลอดภัยในหลายระดับ (สยามรัฐ ศุกร์ที่ 13 ม.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)





โชว์ฟอสซิล"หมาหมี"13ล้านปี ตั้งชื่อ"แม่เมาะซิออนโพธิสัตย์ติ"

วันที่ 12 มกราคม กรมทรัพยากรธรณี ได้จัดงานครบรอบ 114 ปีวันสถาปนากรมทรัพยากรธรณี โดย ดร.เยาวลักษณ์ ชัยมณี นักธรณีวิทยา 8 สำนักธรณีวิทยา กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ได้ค้นพบ "แม่เมาะซิออน โพธิสัตย์ติ" (Maemohcyon potisati Pigne et al.,2006) ซึ่งเป็นฟอสซิลสัตว์กินเนื้อลักษณะผสมผสานระหว่างสุนัขและหมี ซึ่งเป็นชนิดและสกุลใหม่ของโลก ในตระกูลแอมฟิซิโอนิเด ขนาดใหญ่ อายุ 13 ล้านปี ที่เหมืองถ่านหินลิกไนต์แม่เมาะ จ.ลำปาง ดร.เยาวลักษณ์กล่าวว่า หลังจากกรมทรัพยากรธรณี ได้ร่วมศึกษาวิจัยในโครงการสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกับฝรั่งเศส มาร่วม 20 ปี ทำให้เกิดการค้นพบฟอสซิลชนิดใหม่ๆ ทั้งในระดับชาติและระดับโลกจำนวนมาก โดยล่าสุด เมื่อปี 2543 ทีมวิจัยได้ขุดเจอฟันกรามล่าง จำนวน 4 ซี่ พร้อมเขี้ยวที่สมบูรณ์มากจากชั้นถ่านหินในบ่อเหมืองเก่าแม่เมาะ จากนั้นได้ศึกษาและตรวจสอบร่วมกับ ดร.สเตฟาน พิกเน ศ.จอง จาริก เอเกอร์ มหาวิทยาลัยมองเปลีเอร์ที่สอง ประเทศฝรั่งเศส เป็นเวลากว่า 5 ปี จนได้ข้อสรุปว่าเป็นฟอสซิลสัตว์กินเนื้อในตระกูลแอมฟิซิโอนิเด ขนาดใหญ่ ได้ตั้งชื่อให้เป็นเกียรติแก่ นายสมศักดิ์ โพธิสัตย์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี คนปัจจุบัน เนื่องจากเป็นผู้สนับสนุนงานด้านธรณีวิทยามาอย่างต่อเนื่อง (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 13 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





เตรียมรับสตาร์ดัสต์ ศึกษาผงฝุ่นดาวหาง

ยานสำรวจอวกาศ "สตาร์ดัสต์" ของสหรัฐอเมริกา เตรียมเดินทางกลับสู่พื้นโลกในวันที่ 15 มกราคมนี้ พร้อมกับตัวอย่างผงฝุ่นจำนวน 1 ช้อนชาที่เก็บได้จากดวงดาวและดาวหางบนอวกาศ ที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าจะสามารถนำมาตรวจสอบหาต้นตอของระบบสุริยะจักรวาล เมื่อราว 4,500 ล้านปีก่อนได้ โดยยานสตาร์ดัสต์มีน้ำหนัก 385 กิโลกรัม เดินทางออกไปสู่ห้วงอวกาศเป็นระยะทางไกลถึง 4,630 ล้านกิโลเมตร หรือคิดเป็น 10,000 เท่าของระยะทางจากโลกไปถึงดวงจันทร์ ถูกปล่อยขึ้นสู่ห้วงอวกาศเมื่อปี 2542 โคจรรอบดวงอาทิตย์สองรอบ ก่อนจะโคจรตามดาวหางวายด์ 2 เมื่อเดือนมกราคม 2545 ซึ่งในขณะนั้นอยู่ในวงโคจรถัดจากดาวพฤหัสบดี ก่อนที่จะบินเข้าไปใกล้ดาวหางวายด์ 2 ในระยะ 240 กิโลเมตร เพื่อเก็บตัวอย่างบนดาวหางบางส่วนขึ้นมาและถ่ายภาพรายละเอียดพื้นผิวของดาวหางเอาไว้ ข่าวระบุว่า หลังจากยานสตาร์ดัสต์ลงจอดที่ฐานทัพสหรัฐในรัฐยูทาห์แล้ว ตัวอย่างของผงฝุ่นบนยานจะถูกนำไปส่งที่ห้องปฏิบัติการที่ศูนย์อวกาศจอห์นสัน ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ที่เมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส เพื่อนำไปศึกษาต่อไป (เอเอฟพี) (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 13 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





อิตาลีทุ่มงบ6พันล้านบาท ตั้ง"กล้องโทรทรรศน์"ดวงจันทร์

เซอร์จิโอ เวเทรลลา หัวหน้าสำนักงานอวกาศประเทศอิตาลี (เอเอสไอ) แถลงว่า เอเอสไอวางแผนส่งหุ่นยนต์ไปสร้าง "กล้องโทรทรรศน์" ขนาดใหญ่บนดวงจันทร์ เพื่อใช้สำรวจขยายองค์ความรู้ด้านอวกาศ โลก และจักรวาล โครงการกล้องโทรทรรศน์ดังกล่าวตั้งวงเงินงบประมาณไว้ 6,750 ล้านบาท และต้องขอความร่วมมือในการพัฒนากล้องโทรทรรศน์จากสำนักงานอวกาศของยุโรป (อีเอสเอ) และสหรัฐอเมริกา (นาซ่า) เบื้องต้นเอเอสไอวางแผนไว้ว่า กล้องโทรทรรศน์จะตั้งอยู่บนหลุมบนพื้นผิวดวงจันทร์ เวเทรลลา กล่าวว่า หุ่นยนต์ชุดแรกๆ สำหรับการก่อสร้างกล้องโทรทรรศน์ หรือที่เรียกว่า "โมดูลาร์ โรบ็อต" จะถูกส่งออกนอกโลกไปยังดวงจันทร์ระหว่างปี พ.ศ.2553-2555 ส่วนชิ้นส่วนของกล้องโทรทรรศน์จะทยอยส่งออกไปเรื่อยๆ คาดว่าโครงการนี้จะเสร็จสมบูรณ์ภายในระยะเวลา 15 ปี วัตถุประสงค์ของโครงการนี้ คือ การเปิดมุมมองใหม่ของจักรวาลที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากกล้องโทรทรรศน์ที่ตั้งอยู่บนพื้นโลกของเรา และช่วยให้เรามีเครื่องมือในการมองดูโลกอย่างละเอียดและถูกต้องแม่นยำมากขึ้น (ขาวสด ศุกร์ที่ 13 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





"บลูเรย์" ดีวีดีแห่งอนาคต?

เทคโนโลยีที่เรียกว่า "บลูเรย์" (Blu Ray) ซึ่งมีคุณสมบัติในการบีบอัดข้อมูลสูงกว่าแผ่นดีวีดีปัจจุบัน 5-6 เท่า "สมาคมบลูเรย์ดิสก์" ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ใหญ่ๆ ได้ข้อสรุปตกลงกันแล้วว่า ในขั้นแรกมาตรฐานความจุของแผ่นบลูเรย์จะมี 2 รูปแบบ ได้แก่ แผ่นบลูเรย์แบบซิงเกิล-เลเยอร์ (บันทึกด้านเดียว) ความจุ 25 กิกะไบต์ กับ แผ่นบลูเรย์แบบดูอัล-เลเยอร์ (บันทึกสองด้าน) ความจุ 50 กิกะไบต์ บริษัทใหญ่ๆ ที่เป็นผู้นำตลาดเทคโนโลยีบลูเรย์ คือ ค่ายโซนี่ ซัมซุง พานาโซนิก และฟิลิปส์ สำหรับเป้าหมายในการพัฒนาบลูเรย์ขึ้นมาก็เพื่อแข่งขันกับมาตรฐานดีวีดีชั้นสูงอีกประเภท "เอชดี ดีวีดี" ที่มีค่ายเอ็นอีซี ซันโย โตชิบา อินเทล และไมโครซอฟต์หนุนหลัง ดีวีดียุคปัจจุบันนั้นใช้แสง "เลเซอร์สีแดง" ในการเขียนและอ่านข้อมูล มีความจุ 4.7 กิกะไบต์ ถ้าเทียบกับการบันทึกข้อมูลภาพยนตร์ก็อัดได้นาน 2-3 ชั่วโมงเศษๆ แต่แผ่นบลูเรย์ต่างออกไป เพราะใช้ "เลเซอร์สีน้ำเงิน" ทำให้มันสามารถมีความจุมากกว่า 25 กิกะไบต์ขึ้นไป จัดว่ามากพอต่อการใช้บันทึกข้อมูลภาพและเสียงในรูปแบบภาพยนตร์นาน 13 ชั่วโมงเต็ม เดือนหน้า โซนี่จะเปิดโรงงานผลิตทั้งเครื่องเล่นและแผ่นบลูเรย์ 25 กิกะไบต์ออกมาทดสอบตลาดก่อน (ขาวสด ศุกร์ที่ 13 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





แกะรอยดีเอ็นเอหาต้นตระกูลแมว พบผู้บ่าวเลี้ยงแมวมา 6,000 ปีแล้ว

นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันมะเร็งแห่งสหรัฐ ได้นำตัวอย่างเลือดของสัตว์ในตระกูลแมว 37 ตัว จากแต่ละสายพันธุ์มาวิเคราะห์ จนสามารถสร้างติดตามเส้นทางการย้ายถิ่นฐานข้ามทวีปสำคัญ 10 ครั้งของบรรพบุรุษแมว ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีวิวัฒนาการมานานถึง 11 ล้านปี สัตว์ต้นตระกูลที่คล้ายแมวรุ่นแรกถือกำเนิดบนโลกเมื่อ 35 ล้านปีก่อน แต่ช่วง 11 ล้านปีหลัง ลูกหลานสายพันธุ์ต่างๆ รวมทั้งสายพันธุ์แมวเขี้ยวดาบอีกมากมายสูญพันธุ์ไปเป็นจำนวนมาก เหลือแต่บรรพบุรุษร่วมกันของแมวยุคปัจจุบันเท่านั้น ดูเหมือนว่าถิ่นที่อยู่อาศัยของบรรพบุรุษแมวยุคแรกจะไม่กว้างใหญ่นัก บางทีอาหารอาจไม่เพียงพอ หรืออาจเกิดโรคระบาด พอระดับน้ำทะเลลดลง ทำให้เกิดเส้นทางอพยพไปสู่พื้นที่ใหม่ที่สมบูรณ์กว่า เมื่อแมวพบกับพรมแดนที่กว้างใหญ่ขึ้น หรือมีหนูมากขึ้น แมวบางกลุ่มจึงเดินทางข้ามช่องแคบแบริ่งเข้าไปยังทวีปอเมริกาเหนือ บางกลุ่มเดินทางข้ามช่องแคบปานามาไปยังทวีปอเมริกาใต้ ปัจจุบัน เป็นที่ยอมรับกันว่าแมวเป็นสัตว์กินเนื้อที่ประสบความสำเร็จที่สุด ในการตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก และการศึกษาเส้นทางอพยพของแมวครั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้วิเคราะห์เห็นการกลายพันธุ์ที่สะสมตัวตลอดเวลาอยู่ในดีเอ็นเอ แมวที่แยกสายพันธุ์ไปทางหนึ่งจะมีชุดดีเอ็นเอกลายพันธุ์ที่ต่างไปจากสายพันธุ์ที่แยกวิวัฒนาการไปอีกสายพันธุ์หนึ่ง และเมื่อนักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์ยีนกลายพันธุ์เหล่านี้เสร็จ พวกเขาสามารถสร้าง "สาแหรก" ครอบครัวแมว ที่วิวัฒนาการแยกกันออกไปได้ 8 สาย และเมื่อประเมินอัตราการกลายพันธุ์แล้ว ก็สามารถคำนวณเวลาที่ห่างกันของแต่ละสายวิวัฒนาการได้ นอกจากนี้ นักวิจัยยังได้เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมกับการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาด้วย และพบว่าสอดคล้องกัน แมวสายพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นมาดูมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาที่เกิดขึ้นเฉพาะ เช่น ระดับน้ำทะเลขึ้นลง บางสายพันธุ์อพยพจากเอเชียไปอเมริกา เช่น เสือจากัวร์ ส่วนสายพันธุอื่นอย่างสิงโต หรือเสือดาว อพยพไปแอฟริกา ส่วนบรรพบุรุษของเจ้าแมวเหมียวนั้น จากการศึกษาให้เหตุผลไว้ว่า ประมาณ 6 ล้านปีก่อน สายพันธุ์แมวบ้านที่เลี้ยงกันอยู่ในปัจจุบันได้แยกวิวัฒนาการมาจาก แมวยูเรเซีย ส่วนสายพันธุ์ที่ใกล้ชิดแมวบ้านที่สุดคือ แมวป่า ที่อาศัยอยู่ในแอฟริกาและยุโรป จริงๆ แล้ว แมวสองสายพันธุ์นี้ยังผสมพันธุ์ข้ามสายกันอยู่ แมวป่าเริ่มถูกนำมาเลี้ยงเป็นแมวบ้านครั้งแรกในอียิปต์เมื่อ 6,000 ปีก่อน ด้วยเหตุนี้ แมวจึงระแวงคนมากกว่าสุนัข ซึ่งมนุษย์เลี้ยงมา 9,000 กว่าปีแล้ว โดยนักวิจัยตั้งสมมติฐานว่า ในช่วงแรกแมวอาจจะไล่ตามหนูเข้ามาในบ้านคน (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 13 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





ก. วิทย์ฯชวนเด็กสมัตรแข่งประกอบคอมพ์ชิงเงินล้าน

นายประวิช รัตนเพียร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ร่วมกับองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ และผู้ประกอบการคอมพิวเตอร์ 5 แห่ง ได้แก่ อินเทล ซีเกท ไมโครซอฟต์ คิงส์ตัน เทคโนโลยีและซินเนค จัดแข่งขันทักษะความรู้และประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย อาชีวศึกษาและอุดมศึกษา โครงการเปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 25 มกราคมนี้ สำหรับการสมัครสอบทางไปรษณีย์ และปิดรับสมัครในวันที่ 27 มกราคม สำหรับการสมัครทางออนไลน์ สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ www.pcgthailand.com โดยเยาวชนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจะได้รับทุนการศึกษารวมมูลค่ากว่าล้านบาท ส่วนสถาบันการศึกษาของผู้ผ่านการคัดเลือกในรอบชิงชนะเลิศจำนวน 20 คน จะได้รับรางวัลเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์สถาบันละ 1 ชุด (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 13 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





คนไทยสุดเจ๋งทำ 'พระไตรปิฎกเสียง'

เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่โรงแรมปาร์คนายเลิศ แรฟเฟิลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล กทม. มีการประชุมสภาพระไตรปิฎกสากล จัดโดยสภาพระไตรปิฎกสากล ร่วมกับหอพระไตรปิฎกนานาชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและกองทุนสนทนาธรรมนำสุข ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ในการประชุมดังกล่าว กองทุนสนทนาธรรมนำสุขฯ ได้นำเสนอการพัฒนาฐานข้อมูลพระไตรปิฎก เป็นระบบเสียงดิจิตอล โดยนายพงศ์เอก ติรศิริชัย อาสาสมัครกองทุนสนทนาธรรมนำสุขฯ ผู้พัฒนาหลักคำสอนในพระไตรปิฎก เป็นระบบเสียงดิจิตอล กล่าวว่า การพัฒนาหลักคำสอนในพระไตรปิฎก เป็นระบบเสียงครั้งนี้ เรียกว่า “พระไตรปิฎกเสียงบาลีสังวัธยาย” หรือ “พระไตรปิฎกเสียง” โดยใช้ฐานข้อมูลของพระไตรปิฎก ฉบับสังคายนาสากล ฉบับ พ.ศ. 2500 อักษรโรมัน ซึ่งสาเหตุที่มีการพัฒนาหลักคำสอนในพระไตรปิฎกครั้งนี้ เพราะเห็นว่าเป็นอีกช่องทางที่จะสามารถเผยแผ่หลักคำสอนของพระพุทธศาสนาไปสู่สากลได้ เนื่องจากข้อมูลเสียงจะสามารถเข้าสู่คนหมู่มากได้ง่ายกว่าการอ่าน รวมทั้งจะทำให้ชาวต่างชาติเปล่งเสียงตามภาษาบาลีในพระไตรปิฎกได้อย่างถูกต้อง สำหรับขั้นตอนในการดำเนินการคือ จะมีผู้อ่านคำสอนในพระไตรปิฎก ฉบับสังคายนาสากลฯ ที่มีอยู่ประมาณ 40 เล่ม ซึ่งจะแบ่งอ่านเป็นบท บทละประมาณ 3 นาที และนำมาบันทึกเสียงลงในคอมพิวเตอร์ เพื่อตรวจสอบว่ามีการอ่านที่ถูกต้องตามหลักภาษาบาลีหรือไม่ ก่อนที่จะนำเสียงคำอ่านนั้นมาใส่ลงในเว็บไซต์ http://tipitaka.lib.nu.ac.th เพื่อให้คนที่สนใจเข้ามาโหลดได้ ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ซึ่งขณะนี้กองทุนสนทนาธรรมนำสุขฯ ได้ทำการพัฒนาหลักคำสอนในพระไตรปิฎกเป็นข้อมูลเสียงแล้ว 1 บท จากพระไตรปิฎกเล่มที่ 1 คือ บทมงคลสูตร โดยได้รับเกียรติจากนายสิริ เพ็ชรไชย ประธานกองทุนสนทนาธรรมนำสุขฯ ซึ่งถือเป็นผู้ที่สอบผ่านเปรียญธรรม 9 ประโยค ได้เป็นคนแรกในสมัยของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นผู้อ่านให้ ขณะเดียวกันหอพระไตรปิฎกนานาชาติ จุฬาฯ กำลังดำเนินการคัดเลือกผู้ที่มีความเหมาะสมมาอ่านภาษาบาลีในพระไตรปิฎก ฉบับสังคายนาสากลฯ ในเล่มอื่นๆด้วย (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 14 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ ห่าฝนชีวิตต่างดาวตกในอินเดีย

หนังสือพิมพ์รายวันของอังกฤษรายงานว่า ครั้งนั้นได้เกิดฝนซึ่งมีสีแดงสด ตกลงตามที่ต่างๆ ในอินเดียหลายแห่ง ในขณะที่มีดาวหางพุ่งเฉียดเข้ามาใกล้โลก จนปะทะเข้ากับชั้นบรรยากาศของโลก เกิดระเบิดกัมปนาทขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว นักวิทยาศาสตร์ของอินเดียได้พากันใช้เวลาเก็บตัวอย่างฝนแดงเหล่านั้น และหลังจากได้พยายามวิเคราะห์อยู่หลายปีได้ลงความเห็นว่า ในน้ำฝนนั้น มีฝุ่นผงสีแดงของเซลล์ที่มีชีวิตตามธรรมชาติปนอยู่ “มันไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่บนโลกแน่นอน และอาจจะเป็นชีวิตจากโลกอื่นในอวกาศชนิดใดชนิดหนึ่งก็ได้ ประมาณว่าฝุ่นผงเหล่านี้คงมีปริมาณมากไม่ต่ำกว่า 5 ตัน” ทั้งนักวิจัย ดร.กอดเฟรย์ หลุยส์ และ ดร. สันทัด กุมารรัตน์ แห่งมหาวิทยาลัยมหาตมะ คานธี ที่เมืองคอตตายาม ยืนยันว่าฝุ่นละอองเหล่านี้ ไม่ใช่มาจากทะเลทรายแห่งหนึ่งแห่งใด พวกเขาเชื่อว่าปรากฏการณ์นี้คล้ายกับในภาพยนตร์ เรื่อง “ซี 4” ซึ่งตามเรื่องกล่าวว่า มีมนุษย์ต่างดาว บุกแทรกซึมเข้าสู่ดินแดนรัฐฟลอริดา ยามที่ดินฟ้าอากาศเกิดแปรปรวน การค้นพบฝุ่นผงสิ่งที่มีชีวิตจากโลกอื่นครั้งนี้ นับว่าช่วยสนับสนุนทฤษฎีของนักวิทยาศาสตร์บางคน ที่เชื่อว่าดาวหางเป็นตัวการนำชีวิต มาก่อกำเนิดขึ้นบนโลก ถึงแม้ว่าไม่ได้พบดีเอ็นเอในฝนแดงนี้ด้วย แต่ศาสตราจารย์จันทร์ วิกรมสิงห์ แห่งศูนย์ ค้นหาสิ่งมีชีวิตในจักรวาลแห่งมหาวิทยาลัยคาร์ดิฟฟ์ ได้กล่าวว่า “ชั่วแต่มองทีแรกก็เห็นเค้าได้ชัดเจนว่าต้องมีความเกี่ยวพันกับชีวิตจากโลกอื่นแน่”. (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 14 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





อุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธัญบุรี เป็นอีกหน่วย งานหนึ่งที่เล็งเห็นการหาพลังงานทดแทน แทนน้ำมัน ดังนั้นเครื่องมือเครื่องใช้สาธารณประโยชน์ หลาย ๆ อย่าง จึงเป็นอุปกรณ์ที่ใช้โซลาร์เซลล์ หรือแผงพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่ง ดร.สมชัย หิรัญวโรดม คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ ผู้ดูแลโครงการนี้เล่าว่า มทร.ธัญบุรีมีอุปกรณ์ที่ใช้โซลาร์เซลล์อยู่หลายชนิด เช่น ระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ตู้เย็นพลังงานแสงอาทิตย์ บอร์ดแสดงตำแหน่งของคณะพลังงานแสงอาทิตย์ บ้านพลังงานแสงอาทิตย์ ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดจะใช้หลักการที่นำเอาพลังงานแสงอาทิตย์เข้ามาใช้ทดแทนพลังงานไฟฟ้า โดยผลงานล่าสุด เราได้พัฒนาโคมไฟ ส่องถนนพลังงานแสงอาทิตย์ขึ้นมา ซึ่งตอนนี้ได้ทดลองติดตั้งบริเวณคณะวิศว กรรมศาสตร์ก่อน สำหรับไฟส่องถนน ถ้าอยู่อย่างพวกเราจะเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องใช้โซลาร์เซลล์เลยในเมื่อไฟฟ้าก็มีใช้สะดวกสบาย แต่อย่าลืมว่าในประเทศของเรายังมีอีกหลาย ๆ พื้นที่ที่ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง แต่ที่ไหน ๆ ก็ต้องมีแสงแดด ดังนั้นพลังงานแสงอาทิตย์นี่แหละน่าจะเหมาะสมกับ พวกเขา โดยไฟต้นแบบที่ทำขึ้นจะมีแผง โซลาร์เซลล์รับแสงอาทิตย์ในช่วงกลางวันเพื่อเปลี่ยนเป็นกระแสไฟฟ้าแล้วผ่าน ตัวปรับแรงดันเข้าไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่ แล้วจึงนำมาเปิดใช้ในตอนกลางคืน โดยสามารถตั้งเวลาเปิด-ปิดอัตโนมัติ ได้ด้วย แบตเตอรี่สามารถเก็บพลัง งานสำรองสำหรับวันที่ไม่มีแดดได้ถึง 5 วัน เมื่อวันไหนแดดออกแบตเตอรี่ก็จะเริ่มสะสมพลังงานเพิ่มใหม่ขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตามแม้ว่าปัจจุบันแผงโซลาร์เซลล์ก็ยังมีราคาแพงอยู่ แต่จากอายุการใช้งานประมาณ 25 ปีก็ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุนอยู่ดี (เดลินวส์ เสาร์ที่ 14 ม.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)





ภูเขาไฟน้ำแข็งในเอนซีลาดัส

เมื่อเดือนกรกฎาคม ยานแคสซีนีของนาซาได้สำรวจดวงจันทร์เอนเซลาดัสของดาวเสาร์ และพบรอยริ้วประหลาดหลายริ้วบริเวณซีกใต้ของดวงจันทร์ดวงนี้ ริ้วเหล่านี้ซึ่งนักดาราศาสตร์เรียกว่า "ลายพาดกลอน" คาดว่าเป็นรอยแตกที่เป็นปากทางที่พ่นสิ่งต่าง ๆ จากภายในดวงจันทร์ออกมา เหมือนเป็นภูเขาไฟ แต่สิ่งที่พ่นออกมาเป็นละอองน้ำแข็ง มีหลักฐานประกอบอื่นได้แก่อุณหภูมิที่อุ่นกว่าและสภาพทางธรณีวิทยาที่อายุน้อยกว่าของซีกใต้ และยังพบบรรยากาศบางๆ เหนือพื้นผิวซีกใต้อีกด้วย เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ยานแคสซีนีได้หันกลับไปมองดวงจันทร์ดวงนี้อีกครั้งในมุมมองที่ต่างไปจากเดิม เพราะเป็นการมองย้อนแสงอาทิตย์ จึงเป็นการมองดวงจันทร์แบบภาพเงา ภาพชุดนี้ได้แสดงพวยหลายพวยพุ่งสูงขึ้นมาจากพื้นผิว พ่นละอองน้ำแข็งออกมาสู่บรรยากาศ ในที่สุดนักดาราศาสตร์ก็ยืนยันได้ว่า ภูเขาไฟน้ำแข็งบนดวงจันทร์เอนซีลาดัสเป็นเรื่องจริง ละอองน้ำแข็งจากพวยนี้เป็นแหล่งกำเนิดของวัตถุในวงแหวนอีของดาวเสาร์ และเป็นแหล่งกำเนิดของละอองน้ำแข็งที่ปกคลุมพื้นผิวดวงจันทร์ดวงอื่นของดาวเสาร์อีกหลายดวง (มติชนรายวัน เสาร์ที่ 14 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





ข่าววิจัย/พัฒนา


วว.จดสิทธิบัตรปีไก่24เรื่อง

ดร.นงลักษณ์ ปานเกิดดี ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) แถลงข่าว "ผลงานเด่น วว. ประจำปี 2548" ว่า ผลงานเด่นในปีนี้มีทั้งหมด 10 เรื่อง อาทิ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากเพคติน สารสกัดจากเปลือกมะนาว มีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอล ช่วยเพิ่มน้ำหนักกากอาหารในลำไส้ใหญ่ ทำให้ระบบขับถ่ายดี ลดอุบัติการณ์การเกิดมะเร็งในลำไส้ใหญ่ได้ เทคโนโลยีการจัดการขยะอินทรีย์แบบครบวงจร เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดพื้นที่ในการฝังกลบขยะและเพิ่มมูลค่าของขยะ โดยนำกลับมาใช้ประโยชน์ในรูปของการผลิตเป็นอาหารสัตว์และการผลิตปุ๋ยหมักก๊าซชีวภาพ เครื่องต้นแบบผลิตไบโอดีเซลแบบต่อเนื่อง สามารถผลิตไบโอดีเซลจากวัตถุดิบที่เป็นน้ำมันพืชได้ทุกชนิด ซึ่งมีปริมาณกรดไขมันอิสระต่ำกว่าร้อยละ 5 ทั้งนี้ ปัจจุบันผลิตได้ 1,000 ลิตรต่อวัน และจะขยายต่อไปในอนาคต ผลิตภัณฑ์สำหรับโรคผิวหนังอักเสบในสุนัข โดยฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ทำการสกัดสารจากขมิ้นชันและน้ำมันขมิ้นชัน ซึ่งมีฤทธิ์ต้านและฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคผิวหนังอักเสบเป็นหนองในสุนัข อีกทั้ง ยังมีเครื่องผนึกสุญญากาศสำหรับบรรจุหลอดแก้วแบบอุโมงค์ เครื่องทำแห้งเยือกแข็งสุญญากาศ เครื่องผนึกและเชื่อมอัลทราโซนิกส์ เครื่องขึ้นรูปขนมกวน เครื่องหั่นผักและผลไม้ และผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืชจากสารสกัดเมล็ดมันแกว เป็นต้น ทั้งนี้ ปัจจุบัน วว.ได้ยื่นจดสิทธิบัตรผลงานวิจัยและพัฒนาต่างๆ จำนวนทั้งสิ้น 24 เรื่อง และคาดว่าในปี 2549 จะสามารถจดสิทธิบัตรได้ถึง 26 เรื่อง นอกจากนี้ วว.ยังได้รับการรับรองมาตรฐานระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001 : 2000 ทั่วทั้งองค์กร จากการตรวจประเมินของ BVQI ประเทศสหรัฐอเมริกา (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 9 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





เส้นใยเซลลูโลสสับปะรด วช.พัฒนาเป็นวัสดุปิดแผล

ศ.ดร.อานนท์ บุณยะรัตเวช เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กล่าวถึงรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น ประจำปี 2549 ซึ่งจะมีพิธีมอบรางวัลภายในงาน "วันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2549" ระหว่างวันที่ 2-4 กุมภาพันธ์ 2549 ที่อิมแพค เมืองทองธานีว่า ปีนี้ผลงานที่ได้รับรางวัลมีจำนวนทั้งหมด 33 ผลงาน แบ่งเป็น 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ไม่มีผลงานใดได้รับรางวัลดีเยี่ยม ผลงานที่ได้รับรางวัลชมเชยมีจำนวน 6 ผลงาน อาทิ แผ่นดูดซับและให้ความชื้นทางการแพทย์ เป็นผลงานประดิษฐ์คิดค้นของนายสมบัติ รุ่งศิลป์ เภสัชกรไทยที่ผลิตวัสดุจากธรรมชาติที่มีคุณภาพ โดยนำเส้นใยเซลลูโลสของสับปะรดมาผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นแผ่นเซลลูโลสบริสุทธิ์ สีขาวและเหนียว มีคุณสมบัติแข็งแรง ชุ่มชื้น ดูดซับน้ำได้ดี ทนสภาพกรด ด่าง สารละลายอินทรีย์ ทนความร้อนและรังสี เป็นวัสดุปิดบาดแผลเพื่อความชุ่มชื้นและเย็น ผลงานดังกล่าวมีประโยชน์ต่อวงการแพทย์และเศรษฐกิจของประเทศ สามารถลดการนำเข้าและสามารถพัฒนาเป็นสินค้าส่งออกไปยังต่างประเทศได้ นอกจากนี้ผลงานอื่นๆ ได้แก่ วัสดุปิดรักษาแผลจากคาร์บอกซีเมธิลไคโตซาน และเครื่องวัดระดับบิลิรูบินในพลาสมาด้วยตาสำหรับทารกแรกเกิด นอกจากนี้ ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและอุตสาหกรรม ผลงานที่ได้รับรางวัลชมเชยมีจำนวน 12 ผลงาน อาทิ "กระบวนการฆ่าเชื้อและถนอมอาหารด้วยความร้อนในระบบเลื่อนชักและสั่นไหว" สามารถฆ่าเชื้อได้มากกว่าปกติถึง 50% หรือบางสภาพสภาพฆ่าเชื้อได้สูงถึง 90% โดยไม่ทำให้ผลิตภัณฑ์เสียรูปทรงและคุณภาพอาหารลดลง สำหรับด้านเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร อาทิ ผลงานเรื่อง "มันสำปะหลังพันธุ์ใหม่ ห้วยบง 60" ผลงานเรื่อง "ระบบการทำฟาร์มเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อเขตร้อนบนบกในระบบน้ำหมุนเวียนแบบกึ่งปิด" และด้านพัฒนาสังคมและวัฒนธรรม อาทิ ผลงานเรื่อง "นวรงค์ เบญจรงค์ร่วมสมัย" "เครื่องทดสอบคุณสมบัติของแสงและทัศนอุปกรณ์อเนกประสงค์" โดยพิธีมอบรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น ประจำปี 2549 จะมีขึ้นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ นอกจากนี้ ยังมีพิธีมอบรางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ รางวัลผลงานวิจัย และรางวัลวิทยานิพนธ์ ประจำปี 2548 อีกทั้งยังมีงานสัมมนาทางวิชาการเรื่อง "แนวทางสิ่งประดิษฐ์สู่เชิงพาณิชย์" และนิทรรศการต่างๆ อีกมากมาย (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 9 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





ชุดตรวจวัด"น้ำยา"ผู้ชายมีลูกยาก-ง่าย

นักวิจัยมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ พัฒนาชุดตรวจภาวะเจริญพันธุ์ของผู้ชายด้วยตัวเอง สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปเป็นครั้งแรกของโลก ชุดตรวจดังกล่าวมีชื่อว่า "เฟอร์เทลล์" ทราบผลได้ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ช่วยให้คู่สมรสทราบได้แต่เนิ่นๆ ว่าฝ่ายชายมีปัญหาเรื่องภาวะเจริญพันธุ์หรือไม่ คณะวิจัยอ้างว่าผลการทดสอบกับผู้ชาย 150 คน ได้ผลแม่นยำถึงร้อยละ 95 และช่วยลดระยะเวลารอการรักษาปัญหาภาวะเจริญพันธุ์ลงได้มากที่สุดถึง 1 ปี เพราะแพทย์มักแนะนำให้คู่สมรสรอประมาณ 1 ปี ก่อนจะเข้ารับการรักษาปัญหาภาวะเจริญพันธุ์ เฟอร์เทลล์จะบอกได้ว่าผู้ชายมีจำนวนเชื้ออสุจิ (สเปิร์ม) มากพอจะทำให้ไข่ปฏิสนธิได้หรือไม่ ด้วยการบังคับให้สเปิร์มว่ายผ่านตัวกั้นที่ทำเลียนแบบปากมดลูกของผู้หญิง หากจำนวนสเปิร์มที่ว่ายผ่านด่านไปได้มีมากพอ จะปรากฏเส้นสีแดงแสดงผลว่าภาวะเจริญพันธุ์ผ่านเกณฑ์ ทั้งนี้ นักวิจัยระบุว่าผู้ชายอังกฤษอาจมีปัญหาภาวะเจริญพันธุ์ไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน (ข่าวสด จันทร์ที่ 9 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





10สุดยอดวัตกรรมฝีมือไทย

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ สนช. ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดงานประกาศผลการคัดเลือก 10 สุดยอดนวัตกรรมไทย จาก 500 โครงการ ภายใต้โครงการของ สนช. “รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ” เพื่อเผยแพร่ให้สิ่งประดิษฐ์ที่เกิดขึ้นโดยคนไทยแพร่หลายยิ่งขึ้น หลังจากได้แนวคิดจากการจัดอันดับสิ่งประดิษฐ์ของต่างประเทศ ที่เน้นการออกแบบมากกว่าประโยชน์จากชิ้นงาน ซึ่งมีความจำเป็นมากกว่าความสวยงาม 10 อันดับที่ผ่านการคัดเลือก เน้นที่ 1. ต้องมีความใหม่ 2. มีความสามารถในการสร้างผลงาน และ 3. สิ่งประดิษฐ์ต้องมีศักยภาพ ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจตลอดจนต้องมีความน่าสนใจ และที่สำคัญต้องมาจากมันสมอง ฝีมือ ที่เกิดขึ้นโดยคนไทยไม่ใช่นำมาต่อยอดโดยมีเทคโนโลยีจากต่างประเทศเป็นพื้นฐานเหมือนเช่นที่ผ่านมา สิ่งประดิษฐ์ ทั้ง 10 ชิ้นงาน ประจำปี 2548 นวัตกรรมอันดับที่ 1 ได้แก่ “เสื้อกีฬานาโน” ด้วยคุณสมบัติที่ขจัดปัญหาการเหม็นอับในชุดกีฬา ไม่ซับเหงื่อ ด้วยซิลเวอร์ไฟเบอร์ขนาดจิ๋วระดับนาโนเมตรที่อยู่ในเนื้อผ้า ผลงานจากบริษัท ยูไนเต็ดเท็กซ์ไทล์มิลล์ จำกัด ร่วมวิจัยกับสถาบันวิจัยจุฬาฯ นวัตกรรมอันดับที่ 2 คือผลงานที่เคยได้รับรางวัลชนะเลิศนวัตกรรมแห่งชาติปีที่ผ่านมา “แป้งข้าวเจ้าเพื่อเพิ่มปริมาณในเม็ดยา” ที่สร้างมูลค่าให้แก่ข้าวไทย ผลงานจากบริษัท เอราวัณ ฟามาซูติ คอล ริ เซิช แอนด์ แลบอราตอรี่ จำกัดและ รศ.ดร.ไสยวิชญ์ วรวินิต ภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ส่วนอันดับ 3 “เครื่องสำอางเกสรบัวหลวง-โลตัสเซีย” จากภูมิปัญญาพื้นบ้านสู่เครื่องสำอางระดับโลก ช่วยชะลอริ้วรอย ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวขาวขึ้น ซึมซาบสู่ผิวได้ทันที ผลิตโดยบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล แลบบอราทอรีส์ จำกัด อันดับ 4 มาด้วย “เทคโนโลยี RFID ในระบบตรวจสอบย้อนกลับในอุตสาหกรรมกุ้ง” เทคโนโลยีที่ช่วยบันทึกข้อมูลที่แม่นยำ ช่วยในด้านการส่งออกกุ้งเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในระดับโลก จากบริษัท ไอ. อี. เทคโนโลยี จำกัด อันดับที่ 5 “สมุน ไพรแห่งชาติ-ไพรทานอยด์ ซุปเปอร์ สมุนไพรไทย”... จากบริษัท โควิก เคทท์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ เอสซีติก คลินิก จำกัด บริษัท ดอกบัวคู่ จำกัด บริษัท อดินพ จำกัด บริษัท เอส.ซี. อาร์ท ทิสทรี จำกัด และบริษัท โอเรียลทอล สปิริต จำกัด อันดับที่ 6 “ระบบการเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อ” แหล่งโปรตีนใหม่จากท้องทะเลแบบครบวงจร เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้ระบบหมุนเวียนน้ำเสียแบบปลอดเชื้อ โดยบริษัท ภูเก็ต เป๋าฮื้อ ฟาร์ม จำกัด อันดับที่ 7 “เครื่องรูดบัตรเครดิตไร้สาย” เชื่อมต่อด้วยระบบจีพีอาร์เอส เร็วกว่าระบบเดิม 3 เท่า สะดวกต่อการเคลื่อนที่ ครอบคลุมการใช้ทั่วประเทศแล้วในขณะนี้ ผลิตโดยบริษัท เอ็มเบส เทคโนโลยี (ประ เทศไทย) จำกัด อันดับ 8 “หลอดเก็บตัวอย่างเลือดสุญญากาศ” อุปกรณ์การแพทย์ฝีมือคนไทย คุณภาพระดับโลก ที่ใช้เวลาคิดค้นกว่า 2 ปี ช่วยลดการนำเข้าได้กว่า 400 ล้านหลอดต่อปี ใช้วัตถุดิบภายในประเทศ เจ้าของความคิด คือ บริษัท เซนนิเมด (ประเทศไทย) จำกัด อันดับที่ 9 “เครื่องแกะสลักผักและผลไม้” ร่วมทุนระหว่างไทย-ฝรั่งเศส เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรให้สูงขึ้น เจ้าของความคิดเก๋ ๆ คือบริษัท วายาโม จำกัด สุดท้ายกับอันดับที่ 10 “Y-ZA น้ำผลไม้ที่มีแลคโตบาซิลลัส” สำหรับผู้ที่แพ้นมหรือทานนมไม่ได้ ยังมีวิตามินซี อี และแคลเซียมประกอบอยู่ด้วย ผลิตโดยบริษัท ซี แอนด์ เอ โปรดัก จำกัด (เดลินิวส์ อังคารที่ 10 ม.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ขอนแก่นเปิดตัวนาฬิกาเรือนยักษ์ งานเทคโนฯปี49

อาจารย์นิยม พินิจกาญจน์ ภาควิชาไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า ผลงานจอแสดงผลขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่ในรูปแบบนาฬิกายักษ์ เป็นโครงงานการออกแบบและสร้าง "บอร์ดแสดงผล" ขนาดใหญ่ โดยใช้หลอดฟลูออเรสเซนส์ทำให้ต้นทุนถูกกว่าบอร์ดแสดงผลที่ใช้หลอดแอลอีเอส ซึ่งให้แสงสว่างจ้า และสามารถแสดงตัวเลขเวลาเป็นชั่วโมง นาที สลับกับอุณหภูมิ ในเบื้องต้นของการประดิษฐ์ได้เลือกใช้หลอดฟลูออเรสเซนส์เป็นตัวแสดงเวลาในช่วงนาที แต่เมื่อทดสอบอายุการใช้งานของฟลูออเรสเซนส์แล้ว การแสดงเวลาเป็นนาทีไม่สามารถใช้ได้นาน จึงนำหลอดแอลอีเอสใช้แทน โดยออกแบบให้มีความสว่างใกล้เคียงกัน ส่วนการแสดงเวลาเป็นนาทียังใช้ฟลูออเรสเซนส์เช่นเดิม ซึ่งในอนาคตอาจนำไปใช้งานแสดงผลในทางอื่นๆ ได้ โดยเฉพาะการแสดงผลในรูปแบบตัวเลขให้คนหมู่มากได้มองเห็นในระยะไกลอย่างชัดเจน เช่น คะแนนการแข่งขัน สำหรับผลงานนาฬิกาดิจิทัลยักษ์นี้ จะจัดแสดงภายในงานเทคโนโลยีและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจำปี 2549 ร่วมกับผลงานวิจัยอื่นๆ อาทิ รถจักรยานสองล้อรุ่นประหยัดเชื้อเพลิง เครื่องตรวจจับคลื่นวิทยุเอฟเอ็มพร้อมติดตามตำแหน่ง ซอฟต์แวร์ควบคุมหุ่นยนต์อย่างง่าย และเครื่องเกมระเบิดนิวเคลียร์ช่วยฝึกทักษะทฤษฎีไฟฟ้า และเสริมความรู้ในการสร้างอุปกรณ์ต่างๆ ด้านเครื่องมือเครื่องจักร โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-27 มกราคมนี้ ณ ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น (คมชัดลึก อังคารที่ 10 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





ทอ.พัฒนาอัลฟ่าเจ็ทถวายทำฝนหลวง สมรรถนะสูงยิงเมฆอุ่น-เย็น 2 หมื่นฟุต

พล.อ.ต.ชูศักดิ์ วิบูลย์ชัย เลขานุการกองทัพอากาศ แถลงว่า กองทัพอากาศได้พัฒนาอุปกรณ์แผงเครื่องยิงกระสุนสารเคมีซิลเวอร์ไอโอไดด์ เพื่อติดตั้งกับเครื่องบินแบบโจมตีแบบที่ 7 (อัลฟ่าเจ็ท) เพื่อน้อมเกล้าฯถวายเป็นเครื่องบินปฏิบัติการฝนหลวง เนื่องจากปัจจุบันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีเครื่องบินปฏิบัติการเมฆเย็นเพียงแบบเดียว 2 เครื่อง ทำให้การใช้กระสุนสารเคมีซิลเวอร์ไอโอไดด์ และการปฏิบัติเทคนิคแบบซุปเปอร์แซนด์วิชทำได้จำกัด ไม่สามารถครอบคลุมพื้นที่ทำการฝนหลวงต่างๆ ทั่วประเทศได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการทดลองนำเครื่องบินอัลฟ่าเจ็ทมาติดอุปกรณ์ยิงกระสุนสารเคมีเพื่อทำฝนหลวง ทั้งนี้ สนับสนุนการปฏิบัติการทำฝนหลวง ถือเป็นอีกโครงการที่กองทัพอากาศมาช่วยสนับสนุน แต่เครื่องบินอัลฟ่าเจ็ทก็ยังคงปฏิบัติภารกิจตามเดิม เพราะเครื่องบินที่ใช้ทำฝนหลวงอยู่ปฏิบัติภารกิจได้จำกัด อนึ่ง โครงการฝนหลวง เป็นโครงการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะมีการทำฝนหลวงจากเมฆใน 2 ลักษณะ คือ การทำฝนหลวงจากเมฆอุ่น และ เมฆเย็น ทั้งนี้ การทำฝนจากเมฆเย็นนั้นใช้การโจมตีเมฆโดยยิงกระสุนสารเคมีซิลเวอร์ไอโอไดด์ที่บริเวณยอดเมฆ ซึ่งมีความสูงชั้นเมฆ จึงไม่สามารถที่จะใช้เครื่องบินกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มีอยู่ได้ จึงจำเป็นต้องใช้เครื่องบินอัลฟ่าเจ็ทที่ติดเครื่องยิงกระสุนยิงเข้าไปด้วยความสูง ประกอบด้วยการทำฝนหลวงด้วยเทคนิคพระราชทาน "ซุปเปอร์แซนด์วิช" ซึ่งเป็นการโจมตีเมฆอุ่น และเมฆเย็นในเวลาเดียวกัน การใช้กระสุนสารเคมีซิลเวอร์ไอโอไดด์ต้องยิงลงสู่ยอดเมฆ ที่ระดับความสูงประมาณ 21,000 ฟุต จึงต้องใช้เครื่องบินที่มีสมรรถนะสูงที่มีการปรับความดัน เพื่อให้ปฏิบัติการฝนหลวงได้ทุกขั้นตอน กองทัพอากาศจึงจะพัฒนาอุปกรณ์แผงเครื่องยิงกระสุนสารเคมีซิลเวอร์ไอโดไดด์ติดตั้งกับเครื่องบินอัลฟ่าเจ็ทที่สามารถยิงได้สูงกว่า 20,000 ฟุต ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินอัลฟ่าเจ็ทได้มีการซื้อ 25 ลำ จากบริษัท DORNIER ของเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้รับเหมาปรับสภาพเครื่อง ตามมติคณะรัฐมนตรีอนุมัติ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2543 สมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม งบประมาณกว่า 1,200 ล้านบาท ปัจจุบันเครื่องบินอัลฟ่าเจ็ท ประจำการอยู่ที่กองบิน 23 จ.อุดรธานี จำนวน 24 ลำ หลังจากที่ประสบอุบัติเหตุตก 1 ลำเนื่องจากสภาพอากาศไม่อำนวยเมื่อหลายปีก่อน (มติชนรายวัน อังคารที่ 10 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





แม่ขาดสารอาหารพ่นพิษเด็กอ้วน ก่อโรคระบบหัวใจ-หลอดเลือด

รศ.พญ.ลัดดา เหมาะสุวรรณ ผู้จัดการชุดโครงการวิจัยโรคอ้วนในเด็ก เครือข่ายวิจัยสุขภาพ มสช. และอาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวภายในงานเสวนา "ลดห่อ เพิ่มคุณภาพ มาตรการขนมเพื่อสุขภาพเด็กไทย" ว่าองค์การอนามัยโลก(WHO) ประมาณการว่า ประชากรอย่างน้อย 300 ล้านคนทั่วโลกกำลังเผชิญปัญหาโรคอ้วน และมากกว่า 1 พันล้านคน มีภาวะน้ำหนักเกิน โดยในจำนวนนี้เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ถึง 17.6 ล้านคน ทั้งนี้ ในเด็กไทยพบว่า อ้วนขึ้นประมาณ 16-36% ในรอบ 5 ปี ตั้งแต่ปี 2539-2544 โดยปัจจัยสำคัญคือ พันธุกรรม และสิ่งแวดล้อม อาหาร การเลี้ยงดู และจากการศึกษายังพบว่า การขาดสารอาหารของทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ทำให้เด็กเป็นโรคอ้วน ความดันโลหิตสูงและเบาหวานประเภท 2 (ภาวะดื้อต่ออินซูลิน) เนื่องจากการขาดสารอาหารจะส่งผลต่อการพัฒนาอวัยวะต่างๆ ของเด็ก โดยเด็กแรกเกิดจะมีน้ำหนักตัวน้อย ส่งผลให้ระบบในร่างกายทำการปรับตัวให้เข้ากับภาวะขาดสารอาหารดังกล่าว โดยใช้สารอาหารที่มีอยู่ไปพัฒนาอวัยวะส่วนที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตก่อน จากนั้นจะเพิ่มความสามารถในการเก็บพลังงานในรูปของไขมันเพื่อใช้ในยามขาดแคลน ทำให้รับประทานอาหารมากขึ้น เด็กจึงมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเร็วกว่าปกติและอ้วนในที่สุด ปัญหาสุขภาพของเด็กอ้วน คือปัญหาระบบหัวใจและหลอดเลือด พบว่า ในเด็กอ้วนพบไขมันเกาะผนังหลอดเลือดหัวใจได้ตั้งแต่อายุเพียง 2 ขวบ ซึ่งจะทำให้หลอดเลือดแข็งและความดันโลหิต ทำให้เสี่ยงต่อปัญหาระบบหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ การศึกษายังพบว่าเด็กอ้วน มีความผิดปกติของการหายใจขณะนอนหลับ อีกทั้งยังมีความผิดปกติของกระดูกและข้อ ทำให้ขาโก่งหรือกางผิดปกติ ปัญหานิ่วในถุงน้ำดี อีกทั้ง สถิติชี้ว่าเด็กไทยเป็นเบาหวานเพิ่มขึ้น สถาบันวิจัยโภชนาการ โดยการสนับสนุนจาก มสช. ได้ขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการขนมทุกแห่ง ให้ผลิตขนมที่มีคุณภาพมากขึ้นโดยจะมีการติดฉลากโภชนาการให้บนซองขนม อาทิ ดาว ไฟจราจร เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ได้หารือกับทางองค์การอาหารและยา(อย.) ซึ่งเห็นด้วยและคาดว่ามีความเป็นไปได้ในการบังคับใช้เป็นกฎหมาย (มติชนรายวัน อังคารที่ 10 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





หมาตรวจมะเร็งปอดได้แม่นยำ เพียงให้ดมลมหายใจออก

นักวิจัยไมเคิล แมคคูลลอก แห่งมูลนิธิ ไพน์สตรีท แห่งแคลิฟอร์เนีย และทาดุสซ์ เจเซียสกี ผู้เป็นสมาชิกสมาคมวิทยาศาสตร์ โปแลนด์ ที่กรุงวอร์ซอ ได้ศึกษาวิจัยโดยใช้สุนัขที่ผ่านการฝึก 5 ตัว ให้ตรวจหาผู้ป่วยมะเร็งปอดและทรวงอก โดยให้มันดมลมหายใจของคนไข้มะเร็งปอด 55 ราย และมะเร็งทรวงอก 31 ราย กับคนปกติอีก 83 ราย เจ้าสุนัขเหล่านั้นถูกฝึกให้แจ้งผลการตรวจ ด้วยการนั่งหรือลงนอนต่อหน้ารายที่มันคิดว่าเป็นมะเร็ง รายงานระบุว่า เจ้าตูบสามารถตรวจหามะเร็งทรวงอกและมะเร็งปอด สรุปโดยรวมแล้วมีความแม่นยำอย่างยิ่ง แยกออกได้ว่า มีความไวสูงถึง 88% และเป็นความจำเพาะสูงถึง 97% ยิ่งกว่านั้น รายงานยังยืนยันด้วยว่า มันสามารถตรวจมะเร็งทั้งสองชนิดพบได้ ตั้งแต่ระยะแรก นักวิจัยทั้งสองได้ลงความเห็นไว้ว่าวิธีนี้อาจจะช่วยลดความไม่แน่นอน ของการตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันลงได้อย่างแท้จริง. (ไทยรัฐ พุธที่ 11 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





หมอไทยเจ๋ง เส้นเลือดสมองแตก รักษาได้เกือบ100%

น.พ.มัยธัช สามเสน ผอ.สถาบันประสาทวิทยา เปิดเผยเมื่อวันที่ 10 ม.ค. ว่า ปัจจุบันโรคเส้นเลือดสมองตีบ และโรคเส้นเลือดสมองแตก กำลังเป็นปัญหาด้านสุขภาพของคนไทยเพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงมาจากโรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง และผลพวงจากการเกิดเส้นเลือดสมองตีบและแตก คือ ผู้ป่วยจะมีอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต ตามมา ผู้ที่มีอาการนี้ กว่า 10% จะเสียชีวิตในเวลาไม่นานหรือทันที กว่า 50% มีความพิการ และกว่า 30% หายเกือบปกติหรือปกติ ในจำนวน 3 กลุ่มนี้ ทางการแพทย์ ให้ความสำคัญกับกลุ่มที่ 1 และ 2 คือ ทำอย่างไรจะลดอัตราความพิการจากอัมพฤกษ์ อัมพาต และเพิ่มอัตราการหายเป็นปกติให้มากขึ้น มีการวิจัยมานานกว่า 4-5 ปีแล้วว่า หากผู้ป่วยเส้นเลือดสมองตีบหรือแตก โดยเฉพาะเส้นเลือดสมองแตก ได้รับการวินิจฉัยโรคเร็ว และได้รับการรักษาภายใน 3 ชั่วโมง อัตราการหายเป็นปกติจะมีถึงเกือบ 100% วิธีการก็คือ ให้ยาละลายลิ่มเลือดทันทีภายใน 3 ชม.หลังมีอาการ เพื่อให้ยาเข้าไปอุดเส้นเลือด ไม่ให้มีเลือดออกมากขึ้น ที่ผ่านมามีการทดลองรักษาด้วยวิธีนี้ พบว่า ในกลุ่มที่ 3 ซึ่งมีประมาณกว่า 30% สามารถหายเป็นปกติได้ และในกลุ่มที่ 2 มีอัตราการฟื้นตัวเร็ว ใช้เวลาอยู่ใน รพ.น้อยลง ในประเทศ ไทย มีโรงพยาบาลรัฐที่มีความพร้อมในการรักษาด้วยวิธีนี้เพียง 4 แห่ง คือ สถาบันประสาทวิทยา รพ.ศิริราช รพ.รามาธิบดี และ รพ.จุฬาฯ เหตุผลที่ รพ.ไม่สามารถทำได้ทุกแห่ง เนื่องจากการรักษาด้วยวิธีทางด่วนหรือ Stroke Fastrack นี้ ต้องมีความพร้อมใน 3 ด้านหลักๆคือ เครื่องมือพร้อม เจ้าหน้าที่พร้อม และรังสีแพทย์มีความพร้อมที่จะสามารถเรียกตัวได้ตลอดเพื่อทำการรักษา ในส่วนของสถาบันประสาทวิทยาและอีก 3 รพ.ที่เป็นโรงเรียนแพทย์มีความพร้อมใน 2 ส่วนนี้อย่างเต็มที่อยู่แล้ว ด้านที่ 3 คือการนำส่งผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว ที่จะทำการรักษาอย่างรวดเร็วได้ภายใน 3 ชม. (ไทยรัฐ พุธที่ 11 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ครีมกันยุงสูตรสมุนไพร สกัดยุงลาย-ก้นปล่องนาน2ชม.ไม่ละคายเคือง

นางแก้วมาลา ปาละกูล นักวิจัยประจำภาควิชากีฏวิทยา คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งประสบความสำเร็จในการคิดค้นครีมสมุนไพรกันยุง เปิดเผยว่า ครีมกันยุงดังกล่าวประกอบด้วยส่วนผสมของสมุนไพร 3 ชนิด คือ ตะไคร้ ชิงเฮาและมะกรูด ซึ่งล้วนส่งกลิ่นที่ยุงไม่ชอบ ขณะเดียวกัน ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ระคายเคืองบนผิวหนัง จึงไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ ในการทดสอบประสิทธิภาพของครีมสมุนไพรกับการป้องกันยุงในห้องปฏิบัติการกับอาสาสมัคร 4 คน พร้อมทั้งยุงหลากชนิดกว่า 1,000 ตัว ที่เป็นเป้าหมายหลักของการวิจัย ไม่ว่าจะเป็น ยุงลาย ยุงเสือ ยุงก้นปล่อง ยุงน้ำเค็ม และยุงรำคาญ ซึ่งอายุประมาณ 3-5 วัน โดยให้อาสาสมัครทาครีม 0.1 กรัม บริเวณท้องแขน ส่วนบริเวณอื่นใช้ผ้าปิดทึบ จากนั้นยื่นแขนเข้าในกรงเลี้ยงยุงขนาด 1 ตารางฟุต ซึ่งภายในบรรจุยุง 250 ตัวต่ออาสาสมัคร 1 คน พบว่ายุงแต่ละชนิดตอบสนองต่อครีมสมุนไพรในระยะเวลาต่างกัน โดยครีมจะป้องกันผู้ใช้จากยุงเสือได้ 130 นาที ยุงลาย 220 นาที และยุงรำคาญ 180 นาที ดังนั้นเฉลี่ยแล้วครีมสมุนไพรที่คิดค้นขึ้นสามารถป้องกันยุงได้นานต่อเนื่อง 2 ชั่วโมง ซึ่งตรงตามมาตรฐานกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ทั้งนี้ ครีมดังกล่าวได้ผ่านการจดสิทธิบัตรแล้ว อย่างไรก็ตาม นักวิจัยกำลังพัฒนาสูตรใหม่ให้สามารถป้องกันยุงได้นานขึ้น รวมถึงค้นหาสารช่วยในการเกาะติดที่ราคาถูกมาใช้งาน โดยคาดหวังว่าจะช่วยลดต้นทุนการผลิตลงกว่าเดิมอีก พร้อมกันนี้ยังแสวงหาเอกชนที่สนใจต่อยอดผลงานวิจัยออกจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ เพราะในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ดังกล่าวผลิตและวางจำหน่ายภายในมหาวิทยาลัยเท่านั้น ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ซื้อ ซึ่งเป็นกลุ่มนักศึกษาและเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัย (คมชัดลึก พุธที่ 11 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





เรียนไฟฟ้าผ่านเกมระเบิดนิวเคลียร์

รศ.มงคล ลี้ประกอบบุญ จากภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พัฒนาเกมระเบิดนิวเคลียร์เพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนเกี่ยวกับทฤษฎีไฟฟ้า เช่น แรงต้านทานไฟฟ้าและสนามไฟฟ้า ซึ่งเป็นหลักสูตรหนึ่งของภาควิชาคณะวิศวกรรมศาสตร์ การเรียนรู้ผ่านเกมจะช่วยให้นักศึกษา หรือแม้แต่เด็กและผู้ใหญ่ทั่วไปสามารถจดจำและเข้าใจทฤษฎีไฟฟ้าได้ง่ายและจำไปได้ตลอด เกมระเบิดนิวเคลียร์เป็นเกมที่นำตัวต้านทาน (รีซิสเตอร์) มาต่อกันเป็นรูปห้าเหลี่ยมและหกเหลี่ยมให้มีโครงกสร้างเหมือนลูกบอล โดยเชื่อมมุมห้าเหลี่ยมและหกเหลี่ยมด้วยหลอดแอลอีดีสีต่างๆ จากนั้นก็เขียนโปรแกรมให้กับไมโครคอนโทรลเลอร์ หรือแผงควบคุมวงจรเพื่อใช้กำหนดเงื่อนไขของเกม ตัวไมโครคอนโทรลเลอร์ถูกต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อแสดงผลการเล่นเกม ความรู้ทางด้านการเขียนโปรแกรมและการใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์ที่ได้จากเกมดังกล่าวสามารถไปประยุกต์สร้างอุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมเครื่องจักรในระบบต่างๆ ภายในโรงงาน หรือนำไปพัฒนาให้มีกราฟฟิกสวยงามขึ้น แล้วจัดจำหน่ายเป็นเกมพัฒนาสมองของเด็กเพื่อเป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่ง เกมระเบิดนิวเคลียร์ เป็นส่วนหนึ่งของนวัตกรรมที่นำมาแสดงในงาน "Innovation Show 2006" ซึ่งผู้สนใจสามารถทดลองเล่นได้ระหว่างวันที่ 25-27 มกราคมนี้ ที่ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น (คมชัดลึก พุธที่ 11 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ม.เชียงใหม่จับตาต้นเหตุระบบสื่อสารล่ม

สำนักไอซีทีของญี่ปุ่นตั้ง "หอสังเกตการณ์" บรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ในภูมิภาคอาเซียนรวม 4 จุด ตั้งในไทย 2 จุด ส่วนที่เหลืออยู่อินโดนีเซียและเวียดนาม จับตาปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดา ด้าน ม.เชียงใหม่ชี้ความแปรปรวนของชั้นบรรยากาศ ส่งผลกระทบการทำงานของดาวเทียมสื่อสาร รวมถึงคลื่นโทรศัพท์มือถือ ดร.ธราดล โกมลมิศร์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยได้จัดตั้งสถานีสังเกตการณ์บรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ ด้วยงบประมาณ 2 ล้านบาท เพื่อศึกษาวิจัยบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบการสื่อสารโดยใช้คลื่นวิทยุ การสื่อสารผ่านดาวเทียม และระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลก ที่ต้องการความแม่นยำสูง สู่การประยุกต์ใช้ประโยชน์ในระดับนานาชาติ สถานีสังเกตการณ์ ตั้งอยู่ภายในสถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมการเกษตรแม่เหียะ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการสังเกตการณ์บรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Ionospheric Observations in South-East Asia) ภายใต้โครงการความร่วมมือทางวิชาการ SEALION (South-East Asia Low-latitude Ionospheric Network) ระหว่างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กับ สำนักเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งประเทศญี่ปุ่น และสถาบันเครือข่าย ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สถาบันการบินและอวกาศแห่งอินโดนีเซีย สถาบันธรณีฟิสิกส์แห่งฮานอย ประเทศเวียดนาม และมหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ดร.ธราดล กล่าวอีกว่า สถานีสังเกตการณ์ ในโครงการ SEALION มีจำนวน 4 แห่ง ตั้งอยู่ในประเทศไทย 2 แห่งคือ สถานีสังเกตการณ์ จังหวัดชุมพร และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ส่วนอีก 2 แห่งอยู่ที่เมือง Bac Lieu ประเทศเวียดนาม และเมือง Koto Tabang ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งถือเป็นบริเวณที่เหมาะสมสุด สำหรับการติดตั้งสถานีสังเกตการณ์ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยทุกสถานีมีความสำคัญต่อการศึกษาบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ สำหรับวางแผนแก้ไขระบบสื่อสาร รวมถึงติดตามความเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดาได้ สำหรับสถานีสังเกตการณ์ ของมหาวิทยาลัยได้ดำเนินการมาได้ประมาณ 1 ปี ซึ่งแต่ละวันจะต้องส่งภาพและข้อมูลที่เรียกว่า "ไอโอโนแกรม" แสดงความเปลี่ยนแปลงของชั้นบรรยากาศ จากการวัดค่าความหนาแน่นผ่านเรดาร์ พร้อมตรวจสอบคลื่นความถี่ไปยังประเทศญี่ปุ่น เพื่อจัดทำฐานข้อมูลสังเกตการเปลี่ยนแปลงย้อนหลัง (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 11 ม.ค. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





พีรศักดิ์ วรสุนทโรสถ วิศกรนักพัฒนาสู่ยอดนักวิทยาศาสตร์ไทย

ดร.พีรศักดิ์ วรสุนทโรสถ นับเป็นวิศวกรไทยที่มีประวัติน่าศึกษาอย่างยิ่ง เพราะเป็นผู้มีความรู้ในแนวกว้างและลึก มีประสบการณ์ทำงานหลายด้านทั้งงานวิจัย พัฒนา และงานถ่ายทอดเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพทั้งในภาคราชการ เอกชน และรัฐวิสาหกิจ ในฐานะที่ ดร.พีรศักดิ์ ผู้นิยมชื่นชอบการเป็นนักประดิษฐ์เครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม ทดแทนการนำเข้าเครื่องจักร และส่งอุปกรณ์ที่ประดิษฐ์ออกสู่ท้องตลาดทั้งในและต่างประเทศ นำเงิน สร้างดุลการค้าให้ชาติ จนได้รับการยอมรับจากองค์กรต่างๆ มากมาย และรับรางวัลจำนวนมากจากนานาชาติ ดร.พีรศักดิ์ลุกขึ้นมาเขียนเรื่องราว แรงบันดาลใจ และประวัติชีวิต ความคิดของท่าน มาเป็นหนังสือ "สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ไทย" เพื่อเผยแพร่แนวคิด พัฒนาการและประสบการณ์ของคนไทยคนหนึ่งตั้งแต่เยาว์วัย ให้เป็นแบบอย่างแก่เยาวชนไทย โดยเฉพาะได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อของผู้นำโลก 500 คน ในศตวรรษหน้า ถือเป็นการตีตราการันตีว่าเป็นบุคคลหนึ่งที่มีศักยภาพสูงของประเทศ ในช่วงที่เข้ารับตำแหน่งเป็นผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย(วว.) รัฐวิสาหกิจ หนึ่งในสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้รับรางวัลการวิจัยสิ่งประดิษฐ์ของกระทรวงวิทยาศาสตร์ คว้ามาได้ถึง 3 รางวัล คือ รางวัลชนะเลิศที่หนึ่ง รางวัลที่ 3 และรางวัลชมเชย ส่วนระดับนานาชาติก็ได้รางวัลองค์กรดีเด่นทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี Arch of Europe ได้รางวัลสูงสุด Dramond Award เป็นประเทศแรกที่ขึ้นไปรับรางวัลดังกล่าว และท่าน ได้เร่งจดสิทธิบัตรให้นักวิจัยของไทยที่มีความคิดทำนวัตกรรมใหม่ๆ 3 ปี วว.จดไปทั้งหมดประมาณ 60 ชิ้น ตรงนี้คือหัวใจในการสร้างความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของชาติ (มติชนรายวัน พุธที่ 11 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





โปรตีนถั่วเหลือง ลด"อ้วน"ให้ลูกรัก

ผศ.น.พ.สมเกียรติ โสภณธรรมรักษ์ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เผยว่า มีการศึกษาติดตามเด็กช่วงวัยก่อนเรียนไปเป็นเวลา 20 ปี พบว่าร้อยละ 25 ของเด็กวัยก่อนเรียนที่อ้วนจะเป็นผู้ใหญ่อ้วน และร้อยละ 75 ของเด็กที่อ้วนมาตั้งแต่เล็ก และยังคงอ้วนอยู่ในช่วงวัยรุ่นก็จะเป็นผู้ใหญ่อ้วนได้ โรคอ้วนนอกจากจะเป็นผลเสียต่อรูปร่างและความมั่นใจในตนเองแล้ว ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ เช่น เกิดภาวะความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูงผิดปกติ โรคเบาหวานแบบไม่พึ่งพาอินซูลิน และโรคหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจตีบตัน ผู้ปกครองที่มีลูกหลานที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน ควรจะหันมาเอาใจใส่บุตรหลานของตนเองกันได้แล้ว ว่าในแต่ละวันนั้น ให้เด็กรับประทานอาหารถูกหลักโภชนาการดีเพียงพอแล้วหรือไม่ สาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กสมัยนี้เป็นโรคอ้วนกันมากก็คือวิถีชีวิตที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย สมัยนี้เด็กๆ มักจะกินอาหารขยะหรืออาหารจานด่วน ซึ่งมักมีไขมันในสัดส่วนที่สูง รวมทั้งกินขนมนมเนยที่มีน้ำตาลและไขมันสูงๆ อยู่ตลอดเวลา แต่แทบไม่ได้ใช้พลังงาน เพราะแต่ละวันมักใช้เวลาอยู่กับการดูโทรทัศน์หรือเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ผลก็คือเด็กเหล่านั้นมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน หลักสำคัญคือ ไม่ควรลดน้ำหนักโดยการอดอาหาร แต่ควรให้เด็กรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม และลดแคลอรีของอาหารในแต่ละมื้อแทน คุณพ่อคุณแม่ต้องใจแข็งดูแลไม่ให้ลูกกินแต่พวกอาหารจานด่วนที่มีไขมันและแคลอรีสูงๆ และหลีกเลี่ยงการรับประทานจุกจิกระหว่างมื้อ คอยจำกัดของหวาน ถ้าหากเด็กรู้สึกหิวก็ให้รับประทานอาหารพวกผัก ผลไม้ และโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ หรือโปรตีนจากพืชที่มีคุณภาพสูง เช่น ถั่วเหลืองแทน ดร.อาณดี นิติธรรมยง สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล แนะนำว่า โปรตีนถั่วเหลืองเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพสูงและมีความสมบูรณ์เทียบเท่าคุณภาพของโปรตีนในน้ำนม ไข่ และเนื้อสัตว์ แต่มีไขมันชนิดอิ่มตัวต่ำ และไม่มีคอเลสเตอรอลเป็นองค์ประกอบเหมือนกับโปรตีนชนิดอื่น จึงเป็นอาหารที่ไม่เพียงแต่มากด้วยคุณค่า แต่ยังมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้อีกด้วย จากงานวิจัยพบว่า การบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนถั่วเหลืองอาจจะมีบทบาทช่วยควบคุมน้ำหนัก โดยโปรตีนถั่วเหลืองสามารถช่วยลดน้ำหนักในผู้บริโภคบางรายที่เลือกรับประทานอาหารที่ให้พลังงานต่ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL Cholesterol) ในเลือดอีกด้วย (ข่าวสด พุธที่ 11 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





วิจัยวิตามินซีสารในองุ่นต้านโรคเหงือก

สถาบัน Friedrich Schiller University ประเทศเยอรมนี ได้ทำการศึกษาวิจัยการบริโภคเกรพฟรุ้ต หรือสารในองุ่น สามารถต้านทานโรคเหงือกได้ เนื่องจากผลไม้ดังกล่าวมีสารอาหารประเภทวิตามินซีไปเสริมแรงต้านทานโรคในกระแสเลือด ซึ่งวิตามินซีสามารถช่วยรักษาแผล สมานแผล และลดความเสียหายจากโมเลกุลอนุมูลอิสระได้อย่างดี โดยนักวิจัยศึกษาว่า คนที่เป็นโรคเหงือก หากกินผลไม้ประเภทเกรพฟรุ้ต 2 ผลต่อวัน แต่ละผลมีวิตามินซีราว 92.5 มิลลิกรัม เป็นเวลา 15 วัน จะช่วยให้เลือดที่ไหลออกจากเหงือกลดน้อยลง ซึ่งผลวิจัยทำการทดสอบในผู้ป่วยเป็นโรคเหงือกเรื้อรัง ทั้งในผู้สูบและไม่สูบบุหรี่ ที่มีความเสี่ยงการเป็นโรคเหงือก จนได้ผลจึงมีการตีพิมพ์ลงวารสาร British Dental Journal ทั้งนี้ คนที่มีระดับวิตามินซีในเลือดต่ำ เมื่อบริโภคเกรพฟรุ้ต 2 ผลต่อวัน จะเพิ่มระดับวิตามินซีในเลือด โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่ เพิ่มระดับขึ้นเป็นสองเท่า แต่ก็ยังต่ำกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ ส่งผลให้ทราบคร่าวๆ ว่ามีความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลงระบบเมตาบอลิซึ่มของวิตามินในร่างกาย โดยผู้สูบบุหรี่มีแนวโน้มสุขภาพการกินที่ไม่ดี ดร.กอร์ดอน วัตกินส์ ที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ ระบุว่า โรคเหงือกเป็นปัญหาหลัก แม้คนส่วนมากมีปัญหาโรคเหงือกเพียงเล็กน้อย แต่กลับมีคนจำนวนมากเป็นโรคนี้ จนปล่อยวางนำไปสู่การรักษาโรคเหงือกที่รักษายาก และเป็นสาเหตุใหญ่ให้ผู้ใหญ่สูญเสียฟัน ทั้งนี้ การบริโภควิตามินซีก็ต้องอยู่ในปริมาณที่เพียงพอ แต่ต่อเนื่อง เพราะร่างกายมนุษย์ไม่สามารถเก็บวิตามินซีเกินไว้ได้ (ข่าวสด พุธที่ 11 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





แสงอัลตราไวโอเลตในหลอดแก้วช่วยกำจัดแบคทีเรีย

หลอดแก้วที่อาบด้วยแสงอัลตราไวโอเลต พิสูจน์แล้วว่าช่วยให้อากาศในโรงพยาบาลปราศจากอันตรายจากแบคทีเรีย ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ วาเลอกรี แคลเลอร์ นักวัสดุวิทยาศาสตร์ จาก European Laboratory for Catalysis and Surface Sciences ใน Strasbourg ประทศฝรั่งเศส ได้พัฒนาเครื่องมือง่ายๆ อาศัยไททาเนียม ไดออกไซด์(Titanium dioxide) สารประกอบที่เป็นเม็ดสีขาว ส่วนมากพบในผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ภายในบ้าน เช่น ยาสีฟัน ที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ที่สามารถฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ในเครื่องปรับอากาศได้มากกว่า 99% เมื่อเปิดแสงอัลตราไวโอเลต แบคทีเรียจะไปเกาะที่ผิวของ Titanium dioxide แล้วเปลี่ยนเป็นไอของคาร์บอนไดออกไซด์ และน้ำ พร้อมด้วยสารอินทรีย์ที่ไม่เป็นอันตราย โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ใช้ประโยชน์จากสารนี้ โดยใส่ผง Titanium dioxide ในระบบน้ำและส่องด้วยแสงอัลตราไวโอเลต แต่ในอากาศเป็นการยากที่แบคทีเรียจะไปสัมผัสกับผง Titanium dioxide โดยตรง ระบบใหม่ที่นำอากาศผ่านเข้าไปในหลอดแก้วที่ด้านในเป็นแท่งแก้วหลายอัน ซึ่งเป็นการเพิ่มพื้นที่ผิวของหลอดแก้ว และทดสอบอุปกรณ์โดยใช้เชื้ออีโคไล(Escherichia coli) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคอาหารเป็นพิษ ทุกๆ ลูกบาศก์เมตรของอากาศที่ปนเปื้อนไปด้วยเชื้อจำนวนมากที่สารมารถสร้างเป็นโคโลนีได้ ถูกทำให้เข้าไปในเครื่อง อากาศที่ผ่านออกมาจากเครื่องไม่มีเชื้อและไม่มีโคโลนีอยู่เลย Keller กล่าวว่า ระบบควรสามารถกำจัดเชื้อ Legionella pneumophila ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรค Legionnaires(โรคปอดอักเสบติดเชื้อ, นิวมอเนีย) เชื้อนี้เติบโตได้ดีในแอ่งน้ำที่เกิดขึ้นในช่อง หรือท่อของเครื่องปรับอากาศ ระบบมีข้อดีหลายข้อที่เหนือกว่าระบบทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศทั่วไป ตัวกรองที่ใช้กำจัดแบคทีเรียมีราคาแพงมากและต้องมีการเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ อุปกรณ์ชนิดอื่นเป็นแบบที่ใช้แสงอัลตราไวโอเลตโดยตรงเพื่อที่จะฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ต้องใช้พลังงานสูง และแสงก็สามารถเป็นอันตรายกับมนุษย์ได้พอๆ กัน ดังนั้น หลอดไฟควรอยู่ในที่มิดชิด โดยไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ และในอนาคตก็หวังว่าจะสามารถสร้างระบบที่ใช้แสงอาทิตย์ได้ (ข่าวสด พุธที่ 11 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ผักผลไม้กดความดันโลหิตให้ลดได้

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอนพบว่าการรับประทานไขมันพืช สามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ ผลการศึกษาครั้งนี้บ่งชี้ว่า การรับประทาน ผัก ธัญพืช และผลไม้เป็นผลดีต่อระบบไหลเวียนโลหิตและหัวใจมากกว่าการรับประทานเนื้อสัตว์ การศึกษาครั้งนี้ใช้ตัวอย่างการวิจัย 4,700 ตัวอย่าง อายุระหว่าง 40 ถึง 59 ปี จาก 4 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ อังกฤษ จีน และญี่ปุ่น โดยใช้การสอบถามการรับประทานอาหาร จากกลุ่มตัวอย่างเป็นเวลา 6 สัปดาห์ อย่างไรก็ดี นักวิจัยยังไม่สามารถระบุเหตุผล ที่การรับประทานไขมันพืชช่วยลดความดันโลหิตได้ แต่ตั้งสมมติฐานว่า พืชมีกากและแมกนีเซียมมาก น่าจะมีส่วนสัมพันธ์กับการรักษาระดับความดันให้อยู่ในระดับปกติ. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 12 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





พบอดนอนดีกว่านอนเต็มอิ่ม

ผลการศึกษาในสหรัฐพบว่าความคิดอ่านหลังจากที่ได้นอนหลับเต็มอิ่ม 8 ชั่วโมง มักไม่ค่อยแจ่มใส เมื่อเทียบกับการอดนอนมาตลอดทั้งคืน มหาวิทยาลัยโคโลราโดศึกษาพบว่า คนที่เพิ่งตื่นนอนหลังจากนอนหลับสนิทมา 8 ชั่วโมง มีปัญหาในการใช้ความคิดมากกว่าคนที่อดนอนมาไม่ต่ำกว่า 24 ชั่วโมง โดยพบว่าในช่วงที่ยังงัวเงียหลังจากตื่นนอนใหม่ๆ คนหลับเต็มอิ่มมีความจำระยะสั้น ตลอดจนทักษะในการคิดคำนวณและความสามารถในการเข้าใจลดลง นักวิจัยระบุว่าผลที่เกิดขึ้นในช่วงงัวเงียอาจแย่พอๆ กับหรือมากกว่าช่วงเมาสุราเสียอีก ผลการศึกษาที่ลงพิมพ์ในวารสารสมาคมการแพทย์อเมริกันฉบับวันที่ 11 มกราคมนี้ มีความหมายต่ออาชีพที่ต้องตื่นนอนกะทันหันไปทำงานอย่างเร่งด่วน เช่น แพทย์ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง เพราะไม่เพียงทำให้ตนเองเป็นอันตรายแล้ว ยังเสี่ยงทำให้คนอื่นเป็นอันตรายด้วย ช่วงเวลาที่ความคิดความอ่านแย่ที่สุดคือ ช่วง 3 นาทีแรกหลังตื่นนอน ส่วนใหญ่จะทยอยหายไปภายใน 10 ปี แต่ยังสามารถตรวจพบผลจากความงัวเงียว่าอยู่ได้นานสูงสุดถึง 2 ชั่วโมง (สยามรัฐรายวัน พฤหัสบดีที่ 12 ม.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)





เรือดำน้ำฝีมือไทยลำแรกกลาโหม-สวทช.ลงขันสร้างรออีก3ปียลโฉม

รศ.ดร.สาโรช ตั้งจิตธรรม นักวิชาการภาควิชากลศาสตร์ประยุกต์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันโพลีเทคโนโลยีมลรัฐเวอร์จิเนีย และที่ปรึกษาโครงการสมองไหลกลับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยว่า สวทช.ร่วมกับกระทรวงกลาโหมและบริษัท ยูนิไท ชิพยาร์ด จัดทำโครงการวิจัยสร้าง "ยานใต้น้ำ" เพื่อสำรวจใต้น้ำในทะเลไทย และกิจกรรมท่องเที่ยวใต้น้ำ โครงการนี้ใช้งบประมาณ 30 ล้านบาท มาจากกระทรวงกลาโหม 25 ล้านบาท ส่วนที่เหลือได้จาก สวทช. ส่วนภาคเอกชนจะเป็นผู้ลงมือสร้าง โดยเริ่มตั้งแต่การออกแบบโครงสร้าง จนถึงการสร้างเรือดำน้ำเต็มรูปแบบ ซึ่งนอกจากจะได้เรือดำน้ำแล้ว สิ่งสำคัญคือองค์ความรู้ในการสร้างเรือดำน้ำ ซึ่งสามารถต่อยอดสู่อุตสาหกรรม และการซ่อมบำรุงเรือดำน้ำในอนาคต เพื่อรองรับอุตสาหกรรมต่อเรือดำน้ำ ทั้งนี้ โครงการจะใช้เวลาดำเนินการ 3 ปี โดย รศ.ดร.สาโรช เป็นที่ปรึกษาด้านการออกแบบ เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญด้านกลศาสตร์ และทำงานคลุกคลีกับผู้ชำนาญการสร้างเรือดำน้ำ ซึ่งต้องอาศัยซอฟต์แวร์ในการสร้างแบบจำลองโดยเฉพาะ โดยเบื้องต้นบริษัท ยูนิไท สามารถสร้างต้นแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนทดสอบระบบขับเคลื่อนก่อนการสร้างเรือดำน้ำขนาดจริง สำหรับเรือดำน้ำดังกล่าวมีขนาดความยาว 8.05 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.80 เมตร บรรทุกผู้โดยสาร 2-5 คน ความเร็วใต้น้ำประมาณ 5 นอต ดำน้ำลึกไม่เกิน 50 เมตร อยู่ใต้น้ำได้นาน 3-5 ชั่วโมง ประกอบไปด้วยระบบการทำงานหลักที่สมบูรณ์และระบบปฏิบัติการอิสระ อาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่ (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 12 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





เทคโนเปิดโหลด เสียงเทียมไฮเทค พูดแทนคนใบ้ได้

ดร.ทวีศักดิ์ ก่ออนันตกูล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) เปิดเผยว่า หลังจากศูนย์เนคเทคได้พัฒนาอุปกรณ์ช่วยสื่อสารแบบพกพา สำหรับผู้ที่บกพร่องทางการพูด หรือเรียกว่า "โอภา" ล่าสุดได้พัฒนาโปรแกรมสื่อสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโอภา อาทิ สามารถประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์แบบพกพา (พีดีเอ) และรองรับชุดคำสั่งที่หลากหลายมากขึ้น จากเดิมสามารถบันทึกข้อมูลได้เพียง 60 ข้อความ โดยโปรแกรมดังกล่าวสามารถดาวน์โหลดผ่านเวบไซต์ของเนคเทค "โอภา" เป็นอุปกรณ์ช่วยสื่อสารทำหน้าที่ทดแทนเสียงพูด สำหรับเด็กที่สมองพิการที่ไม่สามารถเปล่งเสียงได้ตามปกติ ผู้ที่ประสบปัญหาเส้นเสียงเสีย หรือผ่าตัดเอากล่องเสียงออก โดยโอภาทำหน้าที่เสมือน "คลังข้อความเสียง" ที่ผู้ใช้สามารถเลือกถ้อยคำได้เอง เพื่อโต้ตอบกับบุคคลรอบข้างในสังคม ช่วยให้ผู้พิการมีความสุขและสะดวกในการติดต่อสื่อสาร สามารถอยู่ร่วมในสังคมโดยไม่รู้สึกแปลกแยก ซึ่งใช้ได้ทั้งในชีวิตประจำวันและการเรียนการสอนได้ นอกจากนี้ เนคเทคยังจะพัฒนาอุปกรณ์สื่อสาร สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการบาดเจ็บบริเวณหน้าหรือขากรรไกร ให้พูดคุยกับแพทย์พยาบาลหรือบุคคลรอบข้าง โดยเฉพาะกรณีที่ผู้ป่วยต้องนอนผ่าตัดในห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับชุดคำสั่งที่จำเป็นจากแพทย์และพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตั ดและดูแลผู้ป่วย โดยคาดว่าจะสามารถพัฒนาเป็นผลสำเร็จในเร็วๆ นี้ (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 12 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





กาแฟเป็นยาไวอากร้า!

นักวิจัยมหาวิทยาลัยสหรัฐฯศึกษาพบว่า คาเฟอีนมีอิทธิพลกับการผสมพันธุ์ของพวกหนูตัวเมีย แต่ยังน่าสงสัยอยู่ว่า จะเป็นกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างอื่น รวมทั้งมนุษย์ ด้วยแบบเดียวกันหรือไม่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิชาจิตวิทยาเฟย์ กัวราซี่ และนักศึกษาปริญญาโท สเตซี่ เบนสัน แห่งมหาวิทยาลัยเซาธ์เวสเทิร์น ของสหรัฐฯ ได้ทดลองจับหนู ตัวเมีย 108 ตัว ฉีดด้วยคาเฟอีนในปริมาณปานกลาง เป็นการทดสอบดูการผสมพันธุ์ว่า คาเฟอีนจะมีฤทธิ์กับหนูตัวเมียหรือไม่ ทั้งคู่ได้พบว่าคาเฟอีนได้ออกฤทธิ์ ทำให้ พวกมันกระตือรือร้นกับการสมสู่กับตัวผู้มากขึ้น แสดงให้เห็นว่าพวกมันโดนถูกปลุกให้เข้าผสมพันธุ์กันยิ่งขึ้น นักวิจัยสเตซี่กล่าวเตือนว่า อย่าเพิ่งไปนึกว่า คาเฟอีนจะมีฤทธิ์เช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างอื่นไปทั้งหมด โดย เฉพาะอย่างยิ่งกับมนุษย์ “เพราะเราเกือบทุกคนต่างก็กินกาแฟกันเกือบทุกวันอยู่แล้ว ต่างกับสัตว์พวกหนูซึ่งไม่เคยเจอกับคาเฟอีนมาก่อนเลย สำหรับคนเราอาจจะ มีบางคนที่ไม่เคยแตะ ต้องกาแฟเลย อาจจะเป็นได้ที่มีส่วนไปกระตุ้นความรู้สึกขึ้นบ้าง (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 13 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





อิฐบล็อกประสานลูกรัง วัสดุก่อสร้าง ปั๊มดินให้เป็นทอง

นายจารุวัฒน์ ก้วยไข่มุก ประชากรหมู่บ้านกระตีบ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้นำเอาดินมาแปรรูปเป็นวัสดุก่อสร้าง เขาเห็นดินลูกรังมีกในท้องถิ่นและใช้ประโยชน์ เพียงแค่ทำเป็นถนนให้รถสัญจรไปมาเท่านั้น จึงคิดว่าหากนำมาแปรรูปมาใช้ ประโยชน์ที่เพิ่มมูลค่ามากกว่านี้ ก็จะแปลงทรัพยากรดิน ให้เป็นสินทรัพย์ที่มากมายได้ จึงได้นำมาปั๊มอัดให้เป็นก้อน แล้วนำไปเป็นวัสดุก่อสร้าง วิธีการทำเริ่มจากการนำดินลูกรัง ใส่ตะแกรงร่อนให้ เหลือเฉพาะดินเท่านั้น. แยกส่วนของเม็ดก้อนหินให้เก็บออกไป แล้วจึงนำดินมาผสมกับปูนซีเมนต์ ในอัตราดินลูกรัง 7 กิโลกรัมต่อปูนซีเมนต์ 1 กิโลกรัมก่อนจะคลุกเคล้าให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำดินผสม เสร็จนั้น มาใส่ในบล็อกอัดเพื่อขึ้นเป็นรูปที่มีร่องเดือย (ตามแบบในภาพที่ 1) ซึ่งจะเป็นบล็อกแบบทรงเหลี่ยม ทรงกลม วงโค้งหรือแบน แล้วแต่ ผู้ที่จะต้องการใช้ในงานในรูปแบบใด ซึ่งเมื่ออัดจนแน่นเป็นก้อนแล้วก็ให้นำมาออกผึ่งแดดไว้เป็น เวลา 1 วัน ในต่อมาให้นำอิฐบล็อกมาวางบนแผ่นรอง แล้วบ่มด้วยน้ำหรือการรดน้ำให้พรมลงบนก้อนดินอัดวันละ 1 ครั้งเวลาเช้าหรือเวลาเย็นก็ได้ไม่จำเป็น โดยใช้การบ่มนี้ประมาณ 14 วันหรือ 2 สัปดาห์ จะได้ผลผลิตออกมา เรียกว่า อิฐบล็อกประสาน สามารถนำมาใช้เป็นวัสดุทดแทนไม้ได้ ทั้งนำมาก่อสร้างเป็นกำแพง รั้ว ฝาบ้านหรือ จะนำไปวางพื้นเป็นทางเดิน ในการผลิตอิฐบล็อกประสาน ไม่ก่อให้เกิดการทำลายสภาวะแวดล้อม อีกทั้งยังใช้วัตถุดิบภายในท้องถิ่น แล้วยังจ้างแรงงานในท้องถิ่น ให้มีรายได้เพิ่มขึ้นแล้ว กลายเป็นกลุ่มโอทอป OTOP ประจำตำบลกระตีบ ราคาชิ้นละ 12 บาท ผู้สนใจติดต่อ คุณจารุวัฒน์ 0-3424-8115, 0-1428-9382 ทุกวัน (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 13 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





ฮือฮา"หมูเรืองแสง"นำร่องซ่อมมนุษย์

ศาสตราจารย์ อู๋ สิ่นจื้อ ประจำสถาบันมหาวิทยาลัยไต้หวัน และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสัตว์ กล่าวว่า ทีมงานสร้างหมูเรืองแสงนี้เป็นทีมเดียวกับที่เคยสร้างปลาเรืองแสงด้วยวิธีพันธุวิศวกรรมในปี 2546 โดยนำโปรตีนจากแมงกะพรุนฉีดลงไปในนิวเคลียสของเซลล์ตัวอ่อนหมูเพื่อผสมพันธุ์เป็นหมูตัวผู้สามตัว ขณะนี้นักวิจัยหวังว่าจะศึกษาการพัฒนาเนื้อเยื่อในสเต็มเซลล์เพื่อนำไปใช้ซ่อมแซมอวัยวะต่างๆ ของมนุษย์ที่เสียหายได้ต่อ นักข่าวถามว่า เทคโนโลยีนี้จะเป็นอันตรายต่อระบบนิเวศวิทยาหรือไม่ หลังจากกรณีปลาเคยถูกทักท้วงมาแล้ว ศ.อู๋กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องตกใจ เพราะหมูไม่เหมือนปลา หมูไม่มีทางไปผสมพันธุ์กับสัตว์ป่าอื่นใดได้ จนกลายเป็น"แฟรงเกนพิก" (ข่าวสด ศุกร์ที่ 13 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





เปิดตัวสมุนไพรต้านเอดส์ ไทย-จีนร่วมวิจัยนาน 6 ปี หวังช่วยผู้แพ้ยาไวรัสรุนแรง

น.พ.สมชาย แสงกิจพร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทางคลินิก กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัย เปิดเผยว่า หลังจากที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ลงนามร่วมมือกับสถาบันพฤกษศาสตร์แห่งเมืองคุนหมิง ประเทศจีน ดำเนินการวิจัยตัวยาสมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกันมาเป็นเวลา 6 ปี พบว่างานวิจัยสามารถควบคุมระดับเชื้อเอชไอวี และช่วยให้ผู้ติดเชื้อเอดส์ดำรงชีวิตได้ดีขึ้น ตัวยาดังกล่าวประกอบด้วยพืชสมุนไพรจากประเทศจีน 3 ชนิด ประกอบด้วย "อิงเฉิน" มีสรรพคุณฆ่าไวรัส "หวงฉี" มีสรรพคุณเพิ่มภูมิต้านทาน และ "กันเฉ่า" (ชะเอมเทศ) มีสรรพคุณฆ่าเชื้อไวรัส นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรจากไทยอีก 2 ชนิด ได้แก่ เปลือกรากหม่อนมีสรรพคุณฆ่าไวรัสเช่นเดียวกัน และดอกคำฝอย มีสรรพคุณทำให้โลหิตหมุนเวียนดี ผลการทดลองในระยะ 1 และ 2 กับผู้ติดเชื้อ 28 คน พบว่าสมุนไพรดังกล่าวไม่มีพิษในคน และสามารถลดปริมาณไวรัสเอชไอวี จากการตรวจสอบทุก 2 สัปดาห์ พบอาสาสมัคร 12 คนปริมาณไวรัสลดลง อีก 16 คนปริมาณไวรัสเท่าเดิม ส่วนการทดลองในคนระยะ 3 มีผู้ติดเชื้อเข้าร่วม 120 คน ไม่พบอาการแพ้ยาสมุนไพร และส่วนใหญ่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายดีขึ้น ด้าน น.พ.พงศ์พันธ์ วงศ์มณี รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากความร่วมมือดังกล่าว ประเทศไทยจะได้ประโยชน์ในส่วนการถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตยาสมุนไพรต้านไวรัสเอชไอวี จากสถาบันพฤกษศาสตร์แห่งเมืองคุนหมิง รวมทั้งผลประโยชน์ที่เกิดจากการใช้สิทธิบัตรยาร่วมกัน แต่ในส่วนการผลิตนั้นยังอยู่ในประเทศจีนซึ่งจะจัดส่งมาให้ประเทศไทย ปัจจุบันตัวยาดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข เป็นยาแผนโบราณเรียบร้อยแล้ว และมูลนิธิกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะเป็นผู้จัดจำหน่าย คาดว่าสามารถวางตลาดได้ภายใน 2-3 เดือนนี้ (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 13 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





ข่าวทั่วไป


เตือนใช้อุปกรณ์แม่เหล็กบำบัด เสี่ยงต่อสุขภาพ-กระเป๋าเงิน

วารสารการแพทย์ “บริทิช เมดิคัล เจอร์นัล” ในอังกฤษ รายงานการศึกษาที่พบว่า อุปกรณ์บำบัดด้วยแม่เหล็ก ที่อ้างว่าช่วยรักษาอาการเจ็บปวดไปจนถึงมะเร็งนั้น ที่จริงแล้วไม่ได้ผลจริงดังที่อ้างเลย นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน 2 ราย ได้แก่ ศาสตราจารย์เลียวนาร์ด ไฟน์โกลด์ แห่งมหาวิทยาลัยเดร็กเซล ในฟิลาเดลเฟีย และศาสตราจารย์ บรูซ แฟลมม์ ได้ทบทวนผลการศึกษาเกือบ 10 ชิ้น ก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับใช้พลังแม่เหล็กในการบำบัด พบว่าไม่มีหลักฐานที่จะชี้ชัดว่าการใช้แม่เหล็กนั้นจะช่วยรักษาอาการป่วยได้ โดยที่ผ่านมามีการ ทำตลาดเกี่ยวกับสร้อยคอแม่เหล็ก แผ่นรองเข่า หรือสร้อยข้อมือแม่เหล็ก มีมูลค่าการตลาดทั่วโลก 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯต่อปี แต่จากการศึกษาทางวิชาการที่ผ่านมาไม่พบว่า การรักษาดังกล่าวจะมีประโยชน์ใด การรักษาตัวเองโดยใช้พลังแม่เหล็กนั้นจะยิ่งทำ ให้เกิดความเสี่ยงมากขึ้น ต่อการที่ผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาทางการแพทย์อย่างถูกวิธี (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 9 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





ฟันธงตรอ.ต้องติตตั้งเครื่องทดสอบ ชี้ความปลอดภัยไม่ใช้เรื่องล้อเล่น

นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลต้องการที่จะสร้างมาตรฐาน ในความปลอดภัยแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนนั้น กรมขนส่งฯยังคงยืนยันให้สถานตรวจสภาพรถเอกชน(ตรอ.) ต้องติดตั้งเครื่อง ทดสอบห้ามล้อและเครื่องทดสอบศูนย์ล้อรถให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 19 ก.พ.49 เป็นต้นไป โดยจะไม่มีการผ่อนผันระยะเวลา กรมขนส่งฯได้รับนโยบายจาก พลเอกชัยนันท์ เจริญศิริ รมช.คมนาคม ให้ดำเนินการเร่งรัดเพื่อให้มีการใช้เครื่องตรวจ สภาพรถด้านความปลอดภัยในการป้องกันและลดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นจากสภาพรถ ซึ่งขณะนี้มีตรอ.ทั้งประเทศ1,000 แห่งได้ให้ ความร่วมมือในการติดตั้งครื่องทดสอบห้ามล้อและเครื่องทดสอบศูนย์ล้อรถแล้วทั้งสิ้น 700 แห่ง ส่วนการที่มีตรอ.บางกลุ่มออกมาร้องเรียนว่ากรมขนส่งฯล็อคสเปคให้กับบริษัทที่ขายเครื่องมือบางรายนั้น นายปิยะพันธ์ กล่าวว่า ขอยื่นยันว่าไม่มีการล็อคสเปคให้กับบริษัทที่ขายเครื่องมือรายใดรายหนึ่ง ซึ่งบริษัทที่จำหนายเครื่องดังกล่าวมีทั้งสิ้น 14 บริษัท 9 ประเทศ 24 รุ่นโดยบริษัทรายใดที่มีเครื่องมือตามมาตรฐานที่กรมขนส่งฯกำหนดก็จะให้ใบอนุญาตทั้งสิ้น ไม่มีการล็อคสเปคให้กับบริษัทรายใดราย หนึ่ง และขณะนี้ก็ได้มีบริษัทในประเทศ 2 แห่งที่ยื่นความจำนงมายังกรมขนส่งฯและอยู่ในระหว่างตรวจสอบคุณสมบัติของเครื่องมือดังกล่าว (สยามรัฐรายวัน จันทร์ที่ 9 ม.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)





กษ.เร่งยกระดับไก่ชนไทยเป็นมรดกโลก

นายยุคล ลิ้มแหลมทอง อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า กำลังมีการศึกษาด้านสายพันธุ์ไก่ชนไทย 4 สายพันธุ์ เพื่อยกระดับไก่ชนไทยให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยได้รับทุนการวิจัยจากสภาการวิจัยแห่งชาติ และมีคณะกรรมการจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมปศุสัตว์ สมาคมสมาพันธ์ไก่ชนไทย ร่วมศึกษาด้วย หากผลการศึกษาทางสายพันธุ์เสร็จเรียบร้อยจนขึ้นทะเบียนไก่ชนเป็นมรดกโลกได้แล้ว คาดว่าไทยจะสามารถส่งออกไก่ชนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นประเทศที่นิยมกีฬาไก่ชนด้วย (สยามรัฐรายวัน จันทร์ที่ 9 ม.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)





"ทักษิณ"ย้ำสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึงต้องดูรอบด้าน

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยืนยันการสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง ต้องถามความคิดเห็นของประชาชน และดูผลกระทบเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ สิ่งแวดล้อม และประโยชน์ที่จะได้ เป็นเรื่องที่ต้องชั่งใจในหลาย ๆ ด้าน ไม่ใช่คิดจะทำก็ทำ ต้องมีหลักวิชาการ ส่วนที่ผลสำรวจความเห็นก่อนหน้านี้ออกมาไม่ตรงกัน เป็นเพราะเป็นผลการสำรวจที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ เราจะต้องแสวงหาคำตอบที่เป็นวิทยาศาสตร์ และดูภาพรวม คงไม่ต้องถึงกับทำประชามติ แค่ทำการสำรวจก็พอ ดังนั้น ต้องไปดูว่า ประโยชน์จริง ๆ คืออะไร (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 9 ม.ค. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





พบอิฐตราประทับ500ปี"วังจันทน์"

สำนักงานศิลปากรที่ 6 สุโขทัย กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) พบโบราณวัตถุหลายชิ้นในเขตโบราณสถานพระราชวังจันทน์ พิษณุโลก อาทิ แผ่นอิฐตราประทับและลวดลาย "พวยกา" หรือกุณฑี ภาชนะคล้ายกาน้ำ ถ้วยชามลายจีน เกือกม้าอายุกว่า 500 ปี ตรงแนวกำแพงด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม(เดิม) กรมศิลป์เตรียมเวนคืนที่ดินชาวบ้านรอบเขตโบราณสถาน จัดสร้างพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อวันที่ 8 มกราคม น.ส.นาถยา ภูศรี นักโบราณคดี 5 สำนักงานศิลปากรที่ 6 สุโขทัย เปิดเผยการขุดแต่งบริเวณพื้นที่พระราชวังจันทน์ในปี 2548 ว่าได้พบหลักฐานใหม่ๆ ทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีหลายข้อด้วยกัน ซึ่งหลักฐานสำคัญที่เป็นรูปเป็นร่างที่สุดคือส่วนของกำแพงพระราชวัง มีลักษณะพิเศษหลายๆ ประการนั่นคือ ขนาดของกำแพงที่มีขนาดใหญ่ และพบการก่อซ้อนทับหลายสมัย ซึ่งกำแพงในสมัยแรกน่าจะมีอายุเก่าไปจนถึงสมัยอยุธยาตอนต้น และจากการขุดแต่งพื้นที่ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม ที่ระดับความลึกจากชั้นผิวดินประมาณ 3 เมตรเศษ ได้พบแนวกำแพงพระราชวังชั้นนอก และอิฐที่ใช้ก่อแนวกำแพงเป็นอิฐที่มีขนาดเดียวกันตลอดทั้งแนว คือมีขนาดความกว้าง 16 เซนติเมตร ยาว 32-35 เซนติเมตร และหนา 4 เซนติเมตร พบอิฐบางก้อนมีตราประทับเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าและเขียนลวดลายที่บริเวณหน้าอิฐอีกด้วย (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 9 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





"สถาบันเหล็ก"เล่นบทใหม่ เชื่อมโยงอุตฯต้น-ปลายน้ำ

นายดำริ สุโขธนัง รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในฐานะกรรมการในคณะกรรมการสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทยว่า จากการประชุมคณะกรรมการล่าสุด ที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับการปรับบทบาทหน้าที่ของสถาบันเหล็กฯ ด้วยการให้สถาบันเป็นหน่วยงานกลางประสานเชื่อมโยงภาคการผลิตของอุตสาหกรรมเหล็กตั้งแต่ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ และผู้ใช้เหล็กต่อเนื่องให้มากขึ้น จากบทบาทหน้าที่เดิมที่จะเน้นในเรื่องของการสนับสนุนอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำเป็นหลัก ยกตัวอย่างรูปแบบของการประสานเชื่อมโยงอุตสาหกรรมต้นน้ำ-ปลายน้ำ และการสร้างตลาดใหม่ เช่น โครงการก่อสร้างต่างๆ ปกติการก่อสร้างตัวอาคารจะใช้คอนกรีต ซึ่งในส่วนนี้สมาชิกสถาบันเหล็กฯมีข้อมูลการผลิตเหล็กทั้งประเทศ สามารถประสานไปยังกลุ่มผู้ประกอบการก่อสร้าง โปรโมตให้มีการใช้เหล็กในการก่อสร้างมากขึ้น ไม่ว่าเรื่องของการก่อสร้างที่รวดเร็ว สะดวกสบายกว่า สำหรับประโยชน์ที่จะได้รับจากการปรับบทบาทของสถาบันเหล็กฯก็คือ การเชื่อมโยงอุตฯเหล็กให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทาง การจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ผลิตเหล็ก โดยเหล็กต้นน้ำที่สนับสนุนให้เกิดขึ้นก็จะมีตลาดรองรับ ทำให้อุตสาหกรรมต่อเนื่องต่างๆ หันมาใช้เหล็กภายในประเทศเพิ่มขึ้น ลดการขาดดุลการค้า จากปัจจุบันที่มีการนำเข้าเหล็กขั้นกลางและปลายน้ำเข้ามามาก (ประชาชาติธุรกิจ จันทร์ที่ 9 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/prachachart)





วธ.รุกตั้งกรรมการรวบรวมมรดกชาติ

นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการฝ่ายวัฒนธรรมด้านการต่างประเทศ ภายใต้คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมของสหประชาชาติว่า ที่ประชุมมีมติตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาอนุสัญญาวัฒนธรรมระหว่างชาติเป็นเรื่องๆ ได้แก่ อนุสัญญายูเนสโกว่าด้วยการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ และอนุสัญญายูเนสโกว่าด้วยการปกป้องและส่งเสริมความหลากหลายของการแสดงออกทางวัฒนธรรม ทั้งนี้เนื่องจากทั้งสองเรื่องมีความสำคัญกับประเทศไทย เพราะปัจจุบันไทยต้องให้การรับรองปฏิบัติตามอนุสัญญาเหล่านี้ ที่จะส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ เช่น กรณีมรดกทางลิขสิทธิ์เพลง ดนตรี และภาพยนตร์ในการนำไปเผยแพร่ในต่างประเทศ หากต่างชาติไม่ยอมให้ไทยนำมรดกเหล่านี้ไปเผยแพร่จะกระทบต่อรายได้ (คมชัดลึก อังคารที่ 10 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





สมาคมโรคภูมิแพ้ยันไม่เลิกวัคซีน

ผศ.นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ(มศว) และกรรมการบริหารสมาคมโรคภูมิแพ้และอิมมูโนวิทยาแห่งประเทศไทย กล่าวถึงข่าวองค์การอนามัยโลกประกาศให้ยกเลิกการฉีดวัคซีนโรคภูมิแพ้ เพราะทำให้ผู้ป่วยเจ็บตัวโดยใช่เหตุ ทั้งนี้การรักษาที่ดีที่สุดให้ซื้อยาแก้แพ้รับประทาน ทางสมาคมโรคภูมิแพ้และอิมมูโนวิทยาฯจึงอยากชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรักษาโรคภูมิแพ้ว่า วัคซีนโรคภูมิแพ้นั้นทางองค์การอนามัยโรคให้การรับรองว่าวิธีการฉีดวัคซีนโรคภูมิแพ้เป็นวิธีที่ได้มาตรฐาน เป็นสากล และยังไม่มีการประกาศยกเลิกการใช้แต่อย่างใด ในปัจจุบันการรักษาโรคภูมิแพ้ที่เป็นมาตรฐานสากลและได้รับการยอมรับจากทั่วโลกเริ่มจากการทดสอบภูมิแพ้และหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ตามผลการทดสอบ ในกรณีที่หลีกเลี่ยงได้ไม่สมบูรณ์สามารถใช้ยารักษาภูมิแพ้เฉพาะอวัยวะได้ เช่น ยาพ่นจมูกสเตียรอยด์ หรือยาสูดดมแก้หอบหืด ส่วนการใช้ยารับประทานแก้แพ้ให้ใช้เป็นครั้งคราวตามอาการผู้ป่วย นอกจากนี้ในบางรายที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ได้ ก็ควรฉีดวัคซีนภูมิแพ้ซึ่งจะได้ผล (มติชนรายวัน อังคารที่ 10 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





ผวา!! คนไทยเสี่ยงตายโรคตับแบบไม่รู้ตัว

"ตับ" เป็นอวัยวะใหญ่ที่มีหน้าที่สร้างสารที่มีความสำคัญต่อร่างกาย เช่น สารห้ามเลือด สารควบคุมน้ำตาลในเลือด (อินซูลิน) โปรตีน ภูมิคุ้มกันบางชนิด อีกทั้งกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย โดยทั่วไปโรคตับแบ่งเป็น 2 ชนิด คือฉับพลัน กับเรื้อรัง รายที่แสดงอาการแล้วก็จะเป็นหนัก เพราะส่วนใหญ่โรคเกี่ยวกับตับจะไม่แสดงอาการเลย และจะตรวจพบได้ก็ต่อเมื่อเจาะเลือดเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันพบว่าคนไทยมีผู้ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับตับจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น "โรคตับอักเสบบี" ที่สามารถติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์ "ตับอักเสบซี" ที่ติดต่อได้ทางเลือด "ภาวะตับอักเสบ" จากไขมันสะสมในตับที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มสุรา รวมถึง "มะเร็งตับ" มะเร็งที่พบมากที่สุดในประเทศไทย ศ.เกียรติคุณ น.พ.เติมชัย ไชยนุวัติ ประธานมูลนิธิโรคตับ เผยถึงสถานการณ์อันตรายของโรคตับว่า อยู่ในภาวะน่าเป็นห่วง เนื่องจากคนไทยเป็นโรคตับกันมาก เพราะเป็นโรคที่ถูกละเลย โดยเฉพาะผู้ที่เป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบบี (กรณีเป็นพาหะเกิดจากติดเชื้อไวรัสตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา) มีถึง 8-10% หรือ 4 ล้านคน ด้วยสาเหตุนี้มูลนิธิโรคตับ จึงพยายามเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโรคตับ ทั้งการป้องกันและรักษาให้แก่ประชาชนได้ทราบมาตลอด ผ่านทางเวบไซต์ www.thailiverclub.org เพื่อตอบปัญหาให้แก่ผู้ที่สนใจ และสมัครสมาชิกออนไลน์ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ควบคู่ไปพร้อมกับการบรรยายให้ความรู้ตามภาคต่างๆ หมุนเวียนกันไป รวมถึงแนวทางให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยโรคตับ แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม ผู้ที่เป็นตับแข็งแล้วจะเสียชีวิตด้วยเหตุใหญ่ 3 ประการคือ 1. ตับวาย 2. มะเร็งตับ และ 3.เส้นเลือดขอดที่หลอดอาหารแตก วิธีดูแลรักษาตับ - ไม่ควรดื่มสุรามากเกินไป เลี่ยงการรับเลือด ไม่ควรสักคิ้วและสักตามร่างกาย ไม่ควรใช้ยาเสพติดฉีดเข้าเส้น หรือสูดดม ไม่ควรกินยาที่ไม่แน่ใจหรือสมุนไพร (ขี้เหล็ก บอระเพ็ด) ไม่ควรกินของดิบๆ อย่าใช้แปรงสีฟัน หรือมีดโกนร่วมกัน พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรอดนอน ออกกำลังแต่พอควรและสม่ำเสมอ (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 13 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





วิทยุบีบีซีปิดฉากภาษาไทย

สำนัก ข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ว่า โฆษกสถานีวิทยุบีบีซีแถลงว่า หลังจากที่ให้บริการวิทยุภาคภาษาไทยมานานถึง 60 ปี ในที่สุด สถานีวิทยุบีบีซีภาคภาษาไทยก็ได้ปิดให้บริการแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยรายการที่ออกอากาศครั้งสุดท้ายนั้น เป็นรายการ 30 นาที เมื่อเวลา 12.30 น. ตามเวลาในอังกฤษ ซึ่งตรงกับ 19.30 น. วันเดียวกันตามเวลาในประเทศไทย ทางบีบีซียืนยันว่าได้ดำเนินรายการให้บริการผู้ฟังมาด้วยดีตลอดเวลาที่ออกอากาศ นอกจากนั้น ยังมีคลื่นภาษาต่างประเทศอีก 9 ภาษา เช่น บัลแกเรีย, โครเอเชีย, เช็ก, กรีก, ฮังการี, คาซัคสถาน, โปแลนด์, สโลวาเกีย และ สโลวีเนีย ที่ถูกสั่งให้ยุติการออกอากาศในช่วงเดือน ธ.ค. ต่อเนื่องมาจนถึงเดือนม.ค.นี้ อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้างสถานี. (เดลินวส์ เสาร์ที่ 14 ม.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)





ขสมก.จัดโปรแกรมทัวร์วันหยุด14เส้นทาง

นายโอภาส เพชรมุณี รักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า จากที่ได้เปิดโครงการ “ครอบครัวสุขสันต์กับบริการ ขสมก.” สนับสนุนการท่องเที่ยวแบบประหยัดในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับความสนใจจำนวนมาก โดยมีการโทรศัพท์เข้ามาสอบถามรายละเอียด และขอจองที่นั่งทาง 184 วันละไม่ต่ำกว่า 30 สาย ขสมก. จึงได้จัดโปรแกรมให้ประชาชนเลือก 14 เส้นทาง ได้แก่ 1.ไหว้พระ 9 วัด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ราคา 199 บาท 2.พระพุทธบาทสระบุรี จังหวัดลพบุรี ราคา 299 บาท 3.วัดโสธรวราราม ตลาดหนองมน จังหวัดชลบุรี ราคา 99 บาท 4.สวนสัตว์เปิดเขาเขียว จังหวัดชลบุรี ราคาผู้ใหญ่ 350 บาท เด็ก 250 บาท (รวมอาหารกลางวันและ ค่าเข้าชม) 5.ไหว้พระนครปฐม ตลาดดอนหวาย ราคา 199 บาท 6.ไนท์ ซาฟารี สวนสัตว์เปิดเขาเขียว จังหวัดชลบุรี ราคา 400 บาท (รวมค่าเข้าชม อาหารว่างและอาหารเย็น) 7.พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทางทะเล จังหวัดชลบุรี ราคา 200 บาท 8.สะพานข้ามแม่น้ำแคว จังหวัดกาญจนบุรี 9.พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ราคา 200 บาท 10.หลวงพ่อบ้านแหลมอุทยาน ร.2 จังหวัดสมุทรสงคราม ราคา 199 บาท (รวมค่าเข้าชมและอาหารกลางวัน) 11.ตลาดน้ำอัมพวา ลงเรือชมหิ่งห้อยยามค่ำคืน ราคา 199 บาท 12.ไหว้ พระชมประวัติศาสตร์เมืองเก่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ราคา 200 บาท 13.บึงฉวาก จังหวัดสุพรรณบุรี ราคา 300 บาท (รวมค่าเข้าชมและอาหาร กลางวัน) และ 14.หมู่บ้านควาย จังหวัดสุพรรณบุรี ราคา 350 บาท (รวมค่าเข้าชมและอาหารกลางวัน) คาดว่าภายในเดือนนี้ ขสมก. จะมีรายได้ไม่ต่ำ 100,000 บาท ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.184. (เดลินวส์ เสาร์ที่ 14 ม.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)





ยุ่นยกระดับเครดิตประเทศไทย

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 12 ม.ค.49 ที่ผ่านมา บริษัทตัวแทนจัดอันดับความน่าเชื่อแห่งประเทศญี่ปุ่น ( Japan Credit Rating Agency,-Ltd.)หรือ (JCR) ได้ประกาศผลการวิเคราะห์เครดิตของประเทศไทย โดย JCR ได้ยืนยันระดับเครดิตตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (Foreign Currency Long Term Senior Debts) ที่ A- และยืนยันระดับเครดิตตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินบาท (Domestic Currency Long Term Senior Debts) ที่ A+ พร้อมทั้งยืนยันระดับเครดิตพันธบัตรสกุลเงินต่างประเทศ (Foreign Currency Bonds) สำหรับพันธบัตรสกุลเงินเยนของรัฐบาลไทย จำนวน 3 รุ่น (Yen Bond Series 17, 19 และ 20) ที่ A- นอกจากนี้ JRC ยังมองแนวโน้มของเครดิตประเทศไทยในระดับที่มีเสถียรภาพ (Stable Outlook) โดยเหตุผลที่ JCR ได้ยืนยันระดับเครดิตดังกล่าวข้างต้น เป็นผลมาจากความมีเสถียรภาพในสถานะด้านต่างประเทศของไทย ภาคธนาคารพาณิชย์ของไทยที่ปรับตัวดีขึ้นฐานะทางการคลังของรัฐบาลที่มีเสถียรภาพและหนี้ของรัฐบาลที่ลดลงอย่างต่อเนื่องอย่างไรก็ตามการยืนยันระดับเครดิตดังกล่าวขึ้นอยู่กับความสามารถของรัฐบาลที่จะบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่จะเกิดเป็นภาระของรัฐบาลในการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่หรือเมกะโปรเจ็กต์ได้มากน้อยประการใดและธนาคารพาณิชย์จะสามารถลดหนี้เสียในระบบได้อย่างต่อเนื่อง (สยามรัฐรายวัน เสาร์ที่ 14 ม.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215