หัวข้อข่าวปีที่ 7 ฉบับที่ 6 ประจำวันที่ 2006-02-05

ข่าวการศึกษา

ศธ.ระดมสมอง-จัดทำแผนพัฒนาภาษาอังกฤษ เปิดศูนย์เทคโนฯ ฐานการเรียนอีเลิร์นนิ่ง
จัดสรรทุนปริญญาตรีเรียนภาษา 6 ประเทศ
เคาะมอ.ปัตตานีออกนอกระบบ แต่ติดร่างพ.ร.บ.อีก 3 ปีสมบูรณ์
ราชฑัณฑ์จับมือมสธ.ให้คนคุกเรียนปริญญาโท
ว.นอร์ทกรุงเทพรับเอฟทีเอปรับหลักสูตรเสริมด้านเทคโนโลยี
สกอ.หนุนมหา’ลัย ตั้งเครือข่ายรณรงค์ ลดสถิติผู้ติด “เอดส์”

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

พบดาวมิตรของโลกนอกระบบสุริยะ มนุษย์ไม่อาจอยู่อาศัยได้
รัสเซียเตรียมขนเชื้อเพลิงดวงจันทร์กลับเอามาใช้บนโลก
ก.วิทย์เสนอตั้งศูนย์โลกชีวภาพแหล่งความรู้ใหม่
ซิป้าควักกระเป๋า10ล้านบาทผุดศูนย์ทดสอบอาร์เอฟไอดี
ชี้เมฆขยายตัวบังแสงแดด สะท้อนกลับอวกาศ-จีนมลพิษอื้อ
เล็บขุดเชื้อเพลิงดวงจันทร์ รัสเซียหวังขนกลับโลกใช้เป็นแหล่งพลังงาน
อย.มะกันอนุมัติขาย อินซูลินชนิดสูดดม
ไทยตั้ง"กก.วิจัยสเต็มเซลล์" สกัดต่างชาติจดสิทธิบัตรซ้ำรอยข้าว
พบพลังงานใหม่แทนน้ำมัน ใช้มีเทนแห้งใต้มหาสุมทรเป็นเชื้อเพลิงอนาคต
วท.ดันมาตรวิทยาเข้าเมกะโปรเจ็คต์ เน้นเพิ่มห้องปฏิบัติการสาธารณสุข
อันดับสิ่งแวดล้อมโลก
สวีเดนผงาดชาติผู้นำ วิทยาศาสตร์-เทคโนฯ
พบวัตถุปริศนาในระบบสุริยะอาจเบียดดาวพลูโตหลุดตำแหน่ง

ข่าววิจัย/พัฒนา

ไฟเขียวจำหน่ายยาดมอินซูลินเหยื่อเบาหวานไม่ต้องเจ็บตัวอีก
นักวิจัยไทยสร้างวัคซีนต้นแบบ รักษาโรคภูมิแพ้แมลงสาบ
ควันบุหรี่มือสอง-มะเร็งเต้านม
นักวิจัยไทยเจ๋งสกัด"แอนติบอดี้" ปราบโรคฉี่หนู-เตรียมใช้สู้"หวัดนก"
"เตาอบแสนรู้" สั่งทำอาหารจากมือถือ
พบหลักฐานเป็นโรคอ้วนเพราะไวรัส ตรวจเจอพุงโตส่วนใหญ่ล้วนมีเชื้อ
สหรัฐทุ่มเงินเกือบ400ล้านพัฒนาหมูมีรสชาติอร่อยชวนชิม
กระดูกแตก ซ่อมได้! เครื่องผลิต"ผงกระดูกเทียม" นวัตกรรมฝีมือนิสิตวิศวะ จุฬาฯ
ใช้แบคทีเรียในโยเกิร์ตผลิตยาสกัดกั้นโรคเอดส์ก่อการอักเสบ
ลุ้นไทยชาติแรกในโลกได้ใช้วัคซีนเอดส์
โปรแกรมเรียกแท็กซี่อัตโนมัติ
วิศวะ มก.สร้างสถานีตรวจวัดสภาพอากาศเพื่อการเกษตร
สหรัฐใกล้แก้ฤทธิ์สารพิษก่อการร้าย พัฒนาวัคซีนต่อต้านสารไรซิน
ชุดตรวจนับถอยหลังขึ้นคาน
สกัดข่าทำครีมสยบแบคทีเรียผิวหนัง
ฤทธิ์ชะเอมป้องกันฟันเป็นรู แก้อักเสบรักษาแผลเปื่อย
เปิดผลวิจัยพบผลไม้ต้านอัลไซเมอร์
นวัตกรรมเพื่อคนหูตึง โทรศัพท์โชว์ปาก-หน้าคู่สาย
ดื่มน้ำเย็นจัด ... ลดความสามารถสมอง

ข่าวทั่วไป

'น้ำตาล' ทานอย่างพอเหมาะ หวานให้พอดี
อาหารเช้า มีผลต่อสมอง !
วธ.เผย 9 ศิลปินแห่งชาติปี 48เข้าเฝ้าฯ
วธ.สรุปจัดเรตติ้งโทรทัศน์
แจ้งเวบลามกแลกรางวัล ไอซีทีจูงใจประชาชนร่วมเป็นหูเป็นตา
"วัฒนา" ผุดไอเดียขยายลาคลอดเพิ่ม 9 เดือน





ข่าวการศึกษา


ศธ.ระดมสมอง-จัดทำแผนพัฒนาภาษาอังกฤษ เปิดศูนย์เทคโนฯ ฐานการเรียนอีเลิร์นนิ่ง

คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงการสรุปผลการจัดงานมหกรรมวิชาการภาษาอังกฤษ หรือ Expo for Communicative English Language Learning (EXCEL) ที่ศธ.จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-18 ธ.ค.2548 ว่า ได้นำผลสรุปการจัดงานครั้งนี้เสนอต่อนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ พบว่า ในแง่ของการทำให้ตื่นตัวในการสนใจวิชาภาษาอังกฤษดีขึ้น ขณะนี้สำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กำลังจัดทำแผนงานด้านการพัฒนาภาษาอังกฤษร่วมกับทุกหน่วยงาน โดยรวบรวมการจัดกิจกรรมของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เช่น หลายหน่วยจะจัดค่ายฤดูร้อนภาษาอังกฤษ ซึ่งจะมีการเชื่อมเครือข่ายการทำงานร่วมกัน โดยวันที่ 30 ม.ค.นี้ ทุกหน่วยงานที่ร่วมกันจัดมหกรรมภาษาอังกฤษจะร่วมประชุมสัมมนาเกี่ยวกับแผนการส่งเสริมการเรียนและการฝึกทักษะภาษาอังกฤษแก่ผู้เรียนในปี 2549-2550 ทั้งนี้ จะมีการหารือร่วมกันว่าหน่วยงานใดจะเชื่อมโยงสร้างเครือข่ายความร่วมมือและเปิดเวที เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน เช่น สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา (สคบศ.) จะจัดการอบรมภาษาอังกฤษแบบเข้มข้น ซึ่งแทนที่ สคบศ. จะจัดการอบรมโดยลำพังก็สามารถเข้ามาร่วมในเวทีสัมมนาครั้งนี้ อาจมีสถาบันภาษาอย่าง AUA หรือ British Council เข้ามาร่วมจัดด้วย แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาภาษาอังกฤษ ที่ได้รับการปรับปรุงแล้วจะเสนอกลับไปยังคณะกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี ชุดที่ 5 ขอความเห็นชอบอีกครั้ง ทั้งนี้จะทำให้เราเห็นว่าภาพรวมทั้งหมดว่า จะมีการสนับสนุนการพัฒนาภาษาอังกฤษได้อย่างไร" ปลัดศธ. กล่าว และว่า สำหรับสป.ศธ. ได้ส่งเสริมด้านภาษาอังกฤษในส่วนของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สช.) และสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) โดยมีการหารือว่าจะส่งเสริมภาษาอังกฤษในรูปแบบอี-เลิร์นนิ่ง ตามนโยบายของ รมว.ศึกษาธิการ ผ่านศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ เพราะมีระบบอี-เลิร์นนิ่ง ที่ดีแต่ยังมีเนื้อหาสาระยังไม่เข้มข้น อย่างไรก็ตาม จะเน้นในด้านอี-บุ๊ก ภาษาอังกฤษ และโปรแกรมซอฟต์แวร์ให้มากขึ้น (ข่าวสด จันทรที่ 30 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





จัดสรรทุนปริญญาตรีเรียนภาษา 6 ประเทศ

สกศ.จัดสรรทุนธนาคารออมสินส่งเด็กเรียนปริญญาตรีด้านภาษาศาสตร์ 6 ประเทศ ทั้งรัสเซีย โปรตุเกส เขมร เวียดนาม พม่า และมาเลเซีย นายสมเกียรติ ชอบผล รองเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการศึกษาแนวทางการจัดสรรทุนการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาขาดแคลน ที่ธนาคารออมสินสนับสนุนการศึกษา 100 ล้านบาท ว่า สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา จะจัดสรรทุนครั้งแรกในสาขาภาษาศาสตร์ 22 ทุนแบ่งเป็นภาษารัสเซีย และภาษาโปรตุเกส ภาษาละ 5 ทุน และภาษาเขมร ภาษาเวียดนาม ภาษาพม่า และภาษามาเลเซีย ภาษาละ 3 ทุน เนื่องจากขณะนี้ประเทศกำลังต้องการบุคลากรด้านนี้จำนวนมาก อย่างไรก็ตามมีข้อกำหนดให้ผู้สำเร็จการศึกษาต้องกลับมาทำงานในประเทศไทย แต่จะทำงานในภาครัฐหรือเอกชนก็ได้ สำหรับการคัดเลือกผู้รับทุนจะรับเด็กจบ ม.ปลายหรือกำลังเรียนชั้นปีที่ 1-2 ระดับปริญญาตรี มีผลการเรียนดี มีความสนใจ และทัศนคติที่ดีต่อภาษาที่เรียน และมีทักษะด้านภาษาเป็นเลิศ ส่วนการคัดเลือกจะมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนโดยจะมีตัวแทน สกศ. มหาวิทยาลัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดหลักเกณฑ์ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส เมื่อได้ข้อสรุปจะเสนอต่อนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศธ. ธนาคารออมสิน เพื่อพิจารณา ก่อนจะนำเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยการคัดเลือกทั้งหมดจะให้เสร็จก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2549 ทุกฝ่ายจึงเห็นพ้องให้นักเรียนทุนเรียนพื้นฐานภาษาที่ต้องการจะไปเรียนภาษาในสถาบันการศึกษาในประเทศก่อน จนกว่าจะใช้ภาษาได้พอสมควร แต่ระหว่างที่เรียนในประเทศให้ไปศึกษาดูงานในประเทศที่ใช้ภาษาดังกล่าว (คมชัดลึก อังคารที่ 31 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





เคาะมอ.ปัตตานีออกนอกระบบ แต่ติดร่างพ.ร.บ.อีก 3 ปีสมบูรณ์

นายรุ่ง แก้วแดง รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดที่ 5 เมื่อเร็วๆ นี้ว่า คณะกรรมการกลั่นกรองฯ มีมติรับหลักการให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) วิทยาเขตปัตตานี ยกฐานะขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยเอกเทศนอกระบบ โดยใช้ชื่อว่ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ปัตตานี จากเดิมที่ขึ้นอยู่กับ มอ.หาดใหญ่ ซึ่งคณะกรรมการกลั่นกรองฯ จะเสนอเรื่องให้ ครม.เห็นชอบ และส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อดูแลร่างกฎหมายต่อไป ทั้งนี้เมื่อมหาวิทยาลัยยกฐานะเป็นเอกเทศแล้ว จะทำให้สามารถบริหารงานทั้งหมดเองได้ เช่น การกำหนดนโยบาย ของบประมาณ การบริหารงานที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่จะออกนอกระบบกำลังอยู่ระหว่างการนำเสนอสภาผู้แทนราษฎร แต่เนื่องจากรัฐบาลเห็นว่าเพื่อให้มหาวิทยาลัยที่ปัตตานีเกิดความคล่องตัวขึ้น จึงได้เสนอให้แยกวิทยาเขตที่ปัตตานีออกมาเป็นอิสระ ส่วนวิทยาเขตที่เหลือทั้งที่หาดใหญ่ สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และตรัง นั้นยังคงอยู่ตามเดิม ส่วนชื่อที่ยังคงใช้ตามเดิมคือมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ปัตตานี นั้นเนื่องจากเป็นชื่อพระราชทาน อีกทั้งมหาวิทยาลัยแห่งแรกของภาคใต้ก็อยู่ที่ปัตตานี แต่เนื่องจากที่ปัตตานีมีความชื้นสูงทำให้อุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียนการสอนทางด้านวิศวกรรมศาสตร์เสื่อมสภาพเร็ว จึงได้ย้ายมหาวิทยาลัยแม่ไปอยู่ที่หาดใหญ่แทน อย่างไรก็ตามเชื่อว่า กว่ากฎหมายของมหาวิทยาลัยจะมีผลบังคับใช้คงต้องใช้ระยะเวลาอีกประมาณ 3-4 ปี (สยามรัฐรายวัน พุธที่ 1 ก.พ. 49 http://www.siamrath.co.th)





ราชฑัณฑ์จับมือมสธ.ให้คนคุกเรียนปริญญาโท

เมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง นายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากลงนามข้อตกลงความร่วมมือในการจัดการศึกษาผู้ต้องขัง กับ 3 หน่วยงาน โดยมี ศ.ดร.ปรัชญา เวสารัชช์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) นายเฉลียว อยู่เสมารักษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และนายพูนพันธ์ ไกรเสริม ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพฯ ว่าที่ผ่านมาทางกรมราชทัณฑ์ได้ร่วมมือในการจัดการศึกษาให้กับผู้ต้องขังอยู่แล้ว ขณะนี้ทาง มสธ. กำลังต่อยอดการศึกษาในระดับปริญญาตรีไปเป็นปริญญาโท ส่วนทางสำนักคณะกรรมการการอาชีวศึกษาก็เปิดให้ศึกษาต่อในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และสำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพฯ ก็ได้ให้โอกาสในการศึกษาในหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น ทั้งนี้ ผู้ต้องขังมีการยื่นเจตจำนงเพื่อศึกษาต่อระดับปริญญาโททั่วประเทศกว่า 100 คน สาขาที่คาดว่าจะเปิดสอนระดับปริญญาโทคือสาขาการบริหารรัฐกิจ สาขากฎหมาย และสาขานิเทศศาสตร์ (มติชนรายวัน พุธที่ 1 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th)





ว.นอร์ทกรุงเทพรับเอฟทีเอปรับหลักสูตรเสริมด้านเทคโนโลยี

ดร.สิทธิพร ประวัติรุ่งเรือง รองอธิการบดีวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ เปิดเผยว่า หลังรัฐบาลทำสัญญาตามข้อตกลงเอฟทีเอในภาคบริการ และเริ่มเปิดไปแล้วบางส่วน ซึ่งเชื่อว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้น คือการแข่งขันที่รุนแรงจากมหาวิทยาลัยต่างประเทศที่จะหลั่งไหลเข้ามาเปิดสถาบันการศึกษาในไทย หรืออาจจะร่วมกับมหาวิทยาลัยในประเทศรวมทั้งเปิดระบบการเรียนการสอนที่เรียกว่าอี-เลิร์นนิ่งที่ผู้เรียนอยู่เมืองไทย แต่สามารถเรียนจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์จากมหาวิทยาลัยในต่างประเทศนั้นๆ ได้มากขึ้น ซึ่งจะได้กลุ่มนักเรียนที่ต้องการได้ดีกรีจากเมืองนอกและเป็นการแย่งนักเรียนจากสถาบันการศึกษาในประเทศ ทั้งนี้ สำหรับการเตรียมความพร้อมของวิทยาลัย จะเพิ่มความแข็งแกร่งในการเรียนการสอนที่เน้นหนักด้านเทคโนโลยีมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันจำนวนนักศึกษาทั้งระบบปริญญาตรีและปริญญาโทกว่า 2,000 คน เลือกเรียนคณะเทคโนโลยีสารสนเทศกว่า 50% และยังได้หาโอกาสให้กับนักศึกษาได้แสดงความสามารถทั้งในระดับในประเทศและต่างประเทศ โดยในปี2548 นักศึกษาจากวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพได้รับรางวัลอันดับ 6 จาก 20 ประเทศจากการแข่งขันไอที แอพพิเคชั่น (IT APPICATION) ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศฟินแลนด์ (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 2 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





สกอ.หนุนมหา’ลัย ตั้งเครือข่ายรณรงค์ ลดสถิติผู้ติด “เอดส์”

ศ.(พิเศษ)ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กล่าวถึงนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ ในระดับอุดมศึกษา ว่า สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้ดำเนินการเกี่ยวกับปัญหาโรคเอดส์มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับนโยบายและงบประมาณ ที่ได้รับการจัดสรรผ่านกระทรวงสาธารณสุข เพื่อใช้ในกิจกรรมการรณรงค์ในสถาบันอุดมศึกษา และการวิจัยโรคเอดส์มาโดยตลอด แต่วันนี้จะต้องมีการรื้อฟื้น ผลักดัน พร้อมทั้งหากระบวนการและกิจกรรมที่มีความชัดเจน โดยมุ่งเน้นการลดความเสี่ยงโรคเอดส์ในกลุ่มนิสิต นักศึกษาให้ได้ อยากให้สถาบันอุดมศึกษาต่างๆ ตระหนักว่ากิจกรรมการป้องกันและแก้ปัญหาโรคเอดส์นั้นเป็นภารกิจหนึ่งที่สำคัญของชาวอุดมศึกษา ซึ่งสถาบันการศึกษาแต่ละแห่งควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยกำหนดประเด็นให้ชัดเจน และสร้างกลุ่มแกนนำของนิสิต นักศึกษา โดยร่วมกับฝ่ายกิจการนิสิตนักศึกษา เปิดให้มีหน่วยงานหรือบุคลากรที่มีความรู้เหมาะสมในการจัดตั้งกระบวนการบริการให้คำปรึกษา และนำความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ และควรจัดตั้งเครือข่ายชมรมรณรงค์ป้องกันโรคเอดส์ของนิสิต นักศึกษา เพื่อจัดกิจกรรมและส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการประสานกันระหว่างหน่วยงานนสาธารณสุขในพื้นที่ร่วมรณรงค์ป้องกันเอดส์ในระดับชุมชนด้วย (สยามรัฐรายวัน ศุกร์ที่ 3 ก.พ. 49 http://www.siamrath.co.th)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


พบดาวมิตรของโลกนอกระบบสุริยะ มนุษย์ไม่อาจอยู่อาศัยได้

นักดาราศาสตร์ 73 คนจากหลายชาติค้นพบดาวเคราะห์คล้ายโลก อยู่นอกระบบสุริยะ แต่ ดาวเคราะห์นี้มีสภาพที่มนุษย์ไม่สามารถไปอยู่ อาศัยได้ แม้จะมีอากาศอยู่ด้วย คณะนักดาราศาสตร์เผยกับนิตยสารวิทยาศาสตร์เนเชอร์ของอังกฤษ ว่า ดาวเคราะห์ดวงนี้อยู่ ห่างจากโลกและดวงอาทิตย์ไปถึง 28,000 ปีแสง อุณหภูมิบริเวณพื้นผิวจึงน่าจะหนาวเย็นติดลบ 220 องศาเซลเซียส พวกเขาตั้งชื่อดาวเคราะห์ดวงนี้ว่า OGLE-2005-BLG-390Lb ตามชื่อดาวฤกษ์ของมัน ซึ่งมี ลักษณะคล้ายดวงอาทิตย์ในระบบสุริยะและอยู่ในทาง ช้างเผือกเช่นกัน ดาวเคราะห์นี้มีมวลมากกว่าโลก 5.5 เท่า อยู่ห่างจากดาวฤกษ์ของมันราว 390 ล้านกิโลเมตร เทียบได้กับระยะทางระหว่างดาวอังคารกับดาวพฤหัสฯ เวลาวันหนึ่งๆ นานเท่ากับ 10 ปีโลก ขณะนี้มีการค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะแล้ว 170 กว่าดวง นับตั้งแต่มีการค้นพบดวงแรก เมื่อ 11 ปีก่อน ส่วนใหญ่มีขนาดใหญ่กว่าโลก โดยมีขนาดราวดาวพฤหัสฯและมักพบโดยบังเอิญ เมื่อโคจรผ่านดาวฤกษ์ของตัวเอง ทำให้วัดขนาดได้ไม่เที่ยงตรง สำหรับดาวเคราะห์ที่พบใหม่นี้พบจากปรากฏการณ์ที่เรียกว่าไมโครเลนซิง เป็นปรากฏการณ์ที่ยอดอัจฉริยะ อัลเบิร์ต ไอสไตน์ เคยทำนายไว้เมื่อปี 2455 ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ ดาวฤกษ์ดวงหนึ่งโคจรตัดแสงดาวฤกษ์อีกดวง แสงที่หักเหเพราะแรงดึงดูดจะทำให้ดาวฤกษ์ที่อยู่ด้านหลังสว่างขึ้นกว่าปกติ โดยอาจสว่างอยู่หลายสัปดาห์ แต่หากดาวฤกษ์ดวงที่โคจรตัดผ่านมีดาวเคราะห์เป็นบริวารด้วย จะยิ่งเพิ่มความสว่างให้แก่ดาวฤกษ์ที่อยู่ ด้านหลัง ความสว่างที่แตกต่างนี้เป็นตัวบ่งบอกให้รู้ ถึงมวลของดาวเคราะห์บริวารนั่นเอง. (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 28 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





รัสเซียเตรียมขนเชื้อเพลิงดวงจันทร์กลับเอามาใช้บนโลก

นายนิโคไล เซวาสเทียนอฟ ผู้อำนวยการบรรษัทพลังงานจากอวกาศ เผยว่า “เรากำลังเตรียมการจะไปสร้างสถานีถาวรบนดวงจันทร์ขึ้นภายในปี พ.ศ. 2558 นี้ และจะจัดตั้งระบบขนส่งหนักระดับอุตสาหกรรมมายังโลก เพื่อขนส่งไอโซโทปของฮีเลียม-3 ซึ่งจะนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงกลับมายังโลกให้ได้ภายในปี พ.ศ. 2563 นี้ ไอโซโทปคือ ธาตุที่มีคุณสมบัติทางเคมีเหมือนกัน แต่ผิดกันที่น้ำหนักของ อะตอมและประจุไฟฟ้า ไอโซโทปฮีเลียม-3 เป็นไอโซโทปที่ไร้กัมมันตภาพรังสีของก๊าซฮีเลียม ใช้ในการผลิตพลังงานนิวเคลียร์ มันหาได้ยากมากบนโลก แต่มีอยู่อย่างอุดมบนดวงจันทร์ ผู้เชี่ยวชาญการพลังงานเห็นกันว่ามันเหมาะที่จะนำมาเป็นเชื้อเพลิง นอกจากจะให้พลังงานที่ทรงพลังแล้วยังไม่ก่อมลภาวะอันใด เพราะแทบไม่มีกากที่มีกัมมันตภาพรังสีเลย สถานีอวกาศสากล (ไอเอสเอส) ในวงโคจรรอบโลกปัจจุบัน จะเป็นหลักของโครงการ และจะใช้ยานอวกาศคลิปเปอร์ และ “ปารอม” ที่จะสร้างขึ้น เพื่อใช้เป็นระบบขนส่งผลัดเปลี่ยนกัน. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 30 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





ก.วิทย์เสนอตั้งศูนย์โลกชีวภาพแหล่งความรู้ใหม่

ดร.ประวิช รัตนเพียร รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้เสนอแนวคิดดังกล่าวในระหว่างงานสัมมนาและนิทรรศการการสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยศูนย์โลกชีวภาพตามแผนนี้จะตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา และพิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ ขององค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ มีเป้าหมายเพื่อเป็นศูนย์รวมความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศ เพื่อให้ผู้สนใจได้เข้าใจถึงการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตในสภาพแวดล้อมต่างๆ ภายในศูนย์แห่งนี้ ประกอบด้วย การจำลองพื้นที่เขตต่างๆ ของโลก ได้แก่ เขตอบอุ่นทางอเมริกาเหนือ หรือยุโรปตอนเหนือ เขตร้อน และเขตขั้วโลกเหนือ ซึ่งจะสาธิตให้เห็นความสำคัญของการอยู่ร่วมกัน ระหว่างพืช สัตว์ และทรัพยากรอื่นๆ รวมถึงสภาวะสิ่งแวดล้อมในสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกัน เพื่อให้ผู้ชมเกิดความเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของการอยู่ร่วมกันและพึ่งพาอาศัยกันของสิ่งมีชีวิต ตลอดจนการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างเหมาะสม อกจากนี้ ยังช่วยให้เข้าใจถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตและทรัพยากรธรรมชาติ จากการกระทำของมนุษย์ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม อาทิ คลื่นยักษ์สึนามิ อุทกภัย ปรากฏการณ์เอลนิโญ่ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ และเกิดแนวคิดในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อการดำรงอยู่ของทรัพยากรและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่อาศัยอยู่บนโลก ที่เป็นสมบัติส่วนรวมของทุกชีวิต (คมชัดลึก จันทร์ที่ 30 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





ซิป้าควักกระเป๋า10ล้านบาทผุดศูนย์ทดสอบอาร์เอฟไอดี

นายมนู อรดีดลเชษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (ซิป้า) กล่าวว่า ซิป้ามีแผนใช้งบประมาณ 10 ล้านบาท จัดตั้ง "ศูนย์ทดสอบอาร์เอฟไอดี" เพื่อให้องค์กรต่างๆ ที่สนใจประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนี้ในธุรกิจ และผู้พัฒนาทั้งฮาร์ดแวร์-ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง เข้ามาทดสอบระบบว่าสินค้าที่พัฒนาขึ้นจะทำงานร่วมกับเจ้าของเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ระดับโลก ทั้งไอบีเอ็มและไมโครซอฟท์ได้หรือไม่ ซิป้าเตรียมนำร่องการใช้อาร์เอฟไอดีในข้าวหอมมะลิ เพื่อดูความเป็นไปได้ในการใช้เทคโนโลยี โดยให้มหาวิทยาลัยขอนแก่นศึกษากระบวนการที่จะนำมาใช้ ตั้งแต่ข้าวในนา โรงสีและโรงรับจำนำข้าว จนถึงการส่งออกต่างประเทศ คาดว่าในเดือนเมษายนจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับรูปแบบที่จะนำมาใช้ จากนั้นจะนำร่องใช้ระบบอาร์เอฟไอดีหรือชิพอัจฉริยะใน 3 จังหวัดคือ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม โดยจะทำให้ติดตามปริมาณข้าวหอมมะลิในตลาด ซึ่งส่งผลให้การบริหารคลังสินค้ามีประสิทธิภาพ รวมถึงการขนส่งข้าวจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งมีต้นทุนต่ำสุดด้วย นอกจากนี้ ซิป้า เตรียมจัดงานไทยแลนด์ อาร์เอฟไอดี ซัมมิท 2006 วันที่ 22-24 กุมภาพันธ์นี้ เป็นครั้งแรกของไทย เพื่อเผยแพร่ประโยชน์อาร์เอฟไอดี และให้องค์กรได้ข้อมูลนำไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ รวมถึงประเมินสถานการณ์ของตลาดโลก ภูมิภาคและไทยเอง (คมชัดลึก จันทร์ที่ 30 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





ชี้เมฆขยายตัวบังแสงแดด สะท้อนกลับอวกาศ-จีนมลพิษอื้อ

นักวิทยาศาสตร์สถาบันเทคโนโลยีนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐ นำโดย ฟิลิป อาร์. กู๊ด เปิดเผยในวารสาร "อีออส" ของสมาคมธรณีฟิสิกส์แห่งอเมริกัน ว่า ข้อมูลตั้งแต่ปี 2543 จนถึงปัจจุบันชี้ว่าก้อนเมฆในชั้นบรรยากาศเกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้แสงแดดส่องลงสู่พื้นโลกลดลง แม้จะพบว่าอุณหภูมิของโลกยังร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าการเปลี่ยนแปลงและปริมาณของก้อนเมฆที่เพิ่มขึ้นคือสาเหตุ ความผันแปรและความผิดประหลาดของเมฆที่อธิบายไม่ได้ ส่งผลให้อัตราการสะท้อนแสงอาทิตย์กลับสู่อวกาศเพิ่มขึ้นและทำให้นักวิทยาศาสตร์งุนงงต่อการทำความเข้าใจหรือพยากรณ์สภาพอากาศโลก เมฆหมอกดังกล่าวปกคลุมหลายส่วนของจีน โดยเฉพาะตอนกลางและฝั่งตะวันออกซึ่งพบว่าอุณหภูมิประจำวันลดลงเรื่อยๆ แต่นี่ไม่ใช่ข่าวดีอะไร เพราะถึงอุณหภูมิจะลดลงแต่สภาพอากาศส่วนนั้นก็เต็มไปด้วยมลภาวะ และปรากฏการณ์โลกร้อนก็ยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง หยุน เฉียน นักวิจัยจีนประจำห้องทดลองแปซิฟิก นอร์ธเวสต์ แห่งชาติ ของกระทรวงพลังงานสหรัฐ กล่าวว่า จากการเก็บข้อมูลในประเทศจีนตั้งแต่ปี 2497-2544 มลพิษทางอากาศที่ก่อตัวเป็นเมฆหมอกพิษแผ่ขยายทั่วประเทศจีน เนื่องจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงในโรงงานที่ล้าสมัย ประชาชนยังใช้ถ่านหิน ควันพิษจากไอเสียของรถยนต์ที่เพิ่มจำนวนขึ้น ทำให้แสงแดดส่องลงสู่พื้นลดลง 3.7 วัตต์ต่อตารางหลาต่อปี ในช่วง 5 ทศวรรษที่ผ่านมา (ข่าวสด จันทรที่ 30 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





เล็บขุดเชื้อเพลิงดวงจันทร์ รัสเซียหวังขนกลับโลกใช้เป็นแหล่งพลังงาน

นิโคไล เซวาสเทียนอฟ หัวหน้าฝ่ายความร่วมมืออวกาศอีเนอร์เจีย เปิดเผยว่า รัสเซียมีแผนสร้างฐานที่มั่นถาวรบนดวงจันทร์ ในปี 2558 จากนั้นในปี 2563 จะเริ่มการทำอุตสาหกรรมหนักขุดเชื้อเพลิงหายาก หรือไอโซโทปฮีเลียม-3 มาใช้เป็นแหล่งพลังงานให้โลก โดยสถานีอวกาศนานาชาติ หรือไอเอสเอส จะมีบทบาทสำคัญในการดำเนินโครงการดังกล่าว ขณะที่การขนส่งลำเลียงสินค้าจากดวงจันทร์มายังโลก จะอาศัยความช่วยเหลือของยานอวกาศคลิปเปอร์และปารอม ซึ่งเป็นแคปซูลอวกาศที่รัสเซียตั้งใจจะให้เป็นตัวลากตู้บรรทุกสินค้าในอวกาศ ทั้งนี้ ฮีเลียม-3 เป็นไอโซโทปเสถียรอีกตัวหนึ่งของธาตุฮีเลียม และสามารถใช้ทำปฏิกิริยาลูกโซ่เพื่อสร้างพลังงาน ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับการสร้างพลังงานบนดวงอาทิตย์ โดยสามารถให้พลังงานออกมาสูงกว่าการเผาไหม้เชื้อเพลิงไฮโดรคาร์บอนหลายเท่า ฮีเลียม-3 หาได้ยากบนโลกมนุษย์ แต่กลับมีปริมาณมากมายมหาศาลบนดวงจันทร์ จนมีผู้เชี่ยวชาญบางคนเคยเสนอแนวความคิดว่า ดวงจันทร์น่าจะเป็นแหล่งเชื้อเพลิงแห่งอนาคต เพราะมีพลังงานสูง และไอโซโทปที่มีอยู่บนดวงจันทร์ก็เป็นแบบเสถียรคือ ไม่สลายตัวแผ่รังสีออกมาแต่อย่างใด จึงไม่เป็นอันตราย จะเห็นได้ว่า ก่อนหน้านี้สหรัฐก็ประกาศแผนจะตั้งฐานบนดวงจันทร์แล้ว เพราะพบว่า มีฮีเลียม-3 จำนวนมหาศาลบนดวงจันทร์นั่นเอง จอห์น ลองส์ดอน ผู้อำนวยการสถาบันนโยบายด้านอวกาศแห่งมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน ในกรุงวอชิงตัน ระบุว่า องค์การนาซาพร้อมจะฟื้นโครงการส่งนักบินอวกาศไปสำรวจดวงจันทร์อีกครั้งใน ค.ศ.2561 หรือในอีก 12 ปีข้างหน้า หลังจากได้ส่งมนุษย์อวกาศไปเหยียบดวงจันทร์ครั้งสุดท้ายเมื่อเกือบ 50 ปีล่วงมาแล้ว โดยยานสำรวจอวกาศที่มีนักบินอวกาศโดยสารอยู่ด้วยเป็นครั้งแรก จะเริ่มทะยานสู่วงจรโลกในระดับต่ำในราวปี 2012 หลังจากที่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้ประกาศว่า จะระงับใช้ยานขนส่งอวกาศทุกลำในปี 2553 แล้วสร้างยานสำรวจแบบใหม่ขึ้นมา เพื่อนำนักบินอวกาศเดินทางไปยังสถานีอวกาศระหว่างประเทศ ก่อนจะส่งไปยังดวงจันทร์ และดาวอังคาร โดยนายบุชย้ำว่า จะต้องส่งนักบินอวกาศไปย่ำดวงจันทร์ภายในปี 2563 (คมชัดลึก อังคารที่ 31 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





อย.มะกันอนุมัติขาย อินซูลินชนิดสูดดม

สำนักงานอาหารและยา สหรัฐอเมริกา (เอฟดีเอ) อนุญาตให้จำหน่ายยา "อินซูลินชนิดสูดดม" เป็นครั้งแรก ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ ยาดังกล่าวผลิตโดยบริษัทไฟเซอร์ ใช้ชื่อการค้าว่า Exhubera นับเป็นทางเลือกใหม่ในการควบคุมฮอร์โมนอินซูลินนับแต่มีการค้นพบเมื่อทศวรรษหลังปีพ.ศ. 2463 และเป็นผลงานการพัฒนาร่วมกันของทั้งบริษัทไฟเซอร์ บริษัทซาโนฟี-อาเวนทิสของฝรั่งเศส และเนคตาร์ เธอราพิวติกส์ ซึ่งจะมีกำหนดการวางจำหน่ายในสหรัฐในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า คาดว่า ยารักษาเบาหวานขนานนี้จะเพิ่มยอดขายให้แก่บริษัทไฟเซอร์อย่างมหาศาลถึงปีละ 1,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 40,000 ล้านบาท (ข่าวสด อังคารที่ 31 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ไทยตั้ง"กก.วิจัยสเต็มเซลล์" สกัดต่างชาติจดสิทธิบัตรซ้ำรอยข้าว

นายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวขณะเป็นประธานประชุมเรื่องการกำหนดแนวทางการศึกษาวิจัยสเต็มเซลล์เพื่อหากรอบแนวทางการวิจัยและพัฒนาที่ชัดเจน ว่า การใช้ประโยชน์จากสเต็มเซลล์นับเป็นเรื่องใหม่ทางการแพทย์ เป็นความหวังที่จะนำไปรักษาโรคร้ายแรงที่ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้ แต่พบว่ามีการส่งเลือดคนไทยไปแยกหาสเต็มเซลล์ในต่างประเทศเพื่อส่งกลับมารักษาโรค เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โดยไม่มีกฎหมายรองรับ ลักษณะนี้ตนหวั่นถูกจะขโมยข้อมูลสเต็มเซลล์ไปใช้ประโยชน์จดสิทธิบัตรหรือทางการค้าเหมือนกับการวิจัยพันธุ์ข้าวหอมมะลิ ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ในไทยมีหลายหน่วยงานที่ศึกษาวิจัยสเต็มเซลล์ เช่น ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติได้นำสเต็มเซลล์รักษาโรคเลือดกว่า 30 ปี โรงเรียนแพทย์หลายแห่ง เช่น ศิริราช รามาธิบดีและจุฬาฯ กำลังวิจัยการนำสเต็มเซลล์รักษาโรคหัวใจ การสร้างหลอดเลือดใหม่ลดการตัดขา โรคสมอง กรมการแพทย์วิจัยสเต็มเซลล์รักษาตา โรคทรวงอก โรคหลอดเลือดสมอง นายพินิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า ให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อกำหนดแนวทางการนำเข้าสเต็มเซลล์ แพทยสภากำกับดูแลจริยธรรมเมื่อนำสเต็มเซลล์มารักษาโรค การบูรณาการวิจัยและพัฒนา ลดความซ้ำซ้อน เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วย มีการศึกษาอย่างเป็นระบบ เป็นบริการทางการแพทย์ที่ทุกคนเข้ารับบริการได้ ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า ที่สหรัฐยังไม่อนุญาตให้นำสเต็มเซลล์รักษาโรคหลอดเลือดหัวใจ พบว่ามีชาวต่างชาติเข้ามารักษาโรคนี้ในโรงพยาบาลเอกชนด้วยสเต็มเซลล์โดยเจาะเลือดคนไข้ส่งไปแยกสเต็มเซลล์ในต่างประเทศ จากนั้นนำกลับมาฉีดให้คนไข้โดยไม่มีกฎหมายรองรับ ไม่มีข้อมูลความปลอดภัยและมาตรฐานการรักษา เพราะดำเนินการในรูปของการทดลอง หากประเทศไทยจะพัฒนาสเต็มเซลล์ต้องมีเกณฑ์กำกับดูแล เพราะมีบริษัทเอกชนจากต่างประเทศติดต่อเข้ามาจำนวนมาก ต้องการตั้งห้องปฏิบัติการวิจัยและพัฒนาสเต็มเซลล์ในไทย (ข่าวสด อังคารที่ 31 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





พบพลังงานใหม่แทนน้ำมัน ใช้มีเทนแห้งใต้มหาสุมทรเป็นเชื้อเพลิงอนาคต

คณะสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐค้นพบแหล่งผลึกมีเทนแข็งจำนวนมหาศาลมีลักษณะเป็นผลึกคล้ายก้อนน้ำแข็งแห้งจมอยู่ใต้มหาสมุทรอาร์คติก พยายามเร่งหาวิธีขุดมาใช้เป็นแหล่งพลังงานใหม่ของโลก แต่นักอนุรักษ์หวั่นเป็นชนวนหนุนภาวะเรือนกระจก ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานหันมาสนใจมากขึ้นที่จะนำเอาผลึกมีเทนแข็งมาใช้งาน มีเทนแข็ง หรือมีเทนไฮเดรท มีลักษณะเป็นผลึกคล้ายน้ำแข็งพบบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำและมีแรงกดดันสูงใต้ท้องทะเล โดยเฉพาะบริเวณที่เย็นจัดของมหาสมุทรอาร์คติก นักวิทยาศาสตร์เชื่อมั่นว่า มีเทนแข็งจะเป็นแหล่งพลังงานใหม่ที่โลกใช้ไปได้อีกหลายร้อยปี แต่ปัจจุบันยังไม่มีเทคโนโลยีที่สามารถนำเอามีเทนแข็งมาใช้งานได้ มีเทนแข็งส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการเสื่อมสลายของสิ่งมีชีวิตภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีออกซิเจนต่ำ สำหรับแหล่งมีเทนแห่งใหม่ที่ค้นพบนี้เชื่อว่ามีปริมาณมหาศาล โดยบริเวณที่พบอยู่ห่างจากชายฝั่งแคลิฟอร์เนียไปราว 24 กิโลเมตร อยู่ลึกจากผิวน้ำ 2,600 ฟุต ซึ่งเป็นยอดของภูเขาไฟโคลนใต้ทะเลที่ตั้งอยู่บนรอยเลื่อนมีพลังแถบอ่าวซานตาโมนิกา จากการสำรวจพบว่า บริเวณรอบๆ แหล่งมีเทนแข็งมีสภาพไม่เหมือนกับแหล่งมีเทนแข็งที่พบที่อื่นทั่วโลก นักวิทยาศาสตร์ได้พบหอยเชลล์และหอยกาบที่มีลักษณะทางเคมีเฉพาะตัว แสดงให้เห็นว่าพื้นที่แถบนี้เคยมีกระแสก๊าซมีเทนไหลทะลักปนมากับน้ำเป็นจำนวนมหาศาล คาดว่า มีเทนแข็งทั่วโลกมีปริมาณมากกว่าก๊าซธรรมชาติ 2-10 เท่า ถือว่าเป็นแหล่งพลังงานปริมาณมหาศาลสำหรับอนาคต แต่แหล่งที่พบส่วนใหญ่ไม่คุ้มกับการลงทุนแยกก๊าซออกมาใช้ บางแหล่งมีปริมาณน้อยเกินไป และปัญหาสำคัญคือเทคโนโลยีในการแยกก๊าซมีเทนจากน้ำแข็งแห้ง อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นตั้งเป้าแยกก๊าซมีเทนมาใช้ภายในปี 2559 (คมชัดลึก พุธที่ 1 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





วท.ดันมาตรวิทยาเข้าเมกะโปรเจ็คต์ เน้นเพิ่มห้องปฏิบัติการสาธารณสุข

พล.อ.ต.ดร.เพียร โตท่าโรง ผู้อำนวยการสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยในงานเสวนาเรื่อง "มาตรวิทยา ยกระดับคุณภาพชีวิต เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม" ว่า ปัจจุบันประเทศไทยยังขาดห้องปฏิบัติการมาตรฐานที่ใช้สำหรับตรวจสอบ วิเคราะห์ ด้านอาหาร สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ จึงเสนอรัฐบาลในการผลักดันโครงการเมกะโปรเจ็คต์ โดยสร้างศูนย์ตรวจวัดให้เพิ่มขึ้น 3 ด้าน คือ 1.สร้างเครือข่ายห้องปฏิบัติการมาตรวิทยาเคมีทางด้านที่สำคัญ และจำเป็นเร่งด่วนต่อการพัฒนาประเทศสอดรับกับนโยบายรัฐ 2.พัฒนามาตรวิทยาเคมีของหน่วยงานที่มีศักยภาพ ให้เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ และ 3.พัฒนาวัสดุที่ใช้อ้างอิงค่าความถูกต้อง ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล นายศิริ ศรีมโนรถ นักวิชาการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ระบบมาตรวิทยาที่เชื่อมโยงในด้านสุขภาพ เช่น การตรวจวัดระดับเลือด เพื่อหาความผิดปกติของร่างกาย ซึ่งค่าการตรวจวัดมีประโยชน์ในการวินิจฉัยและการรักษา เนื่องจากแพทย์ไม่สามารถวินิจฉัยด้วยสายตาได้ จึงต้องนำระบบมาตรวิทยามาใช้ โดยเครื่องมือทางการแพทย์ต้องอยู่ในการรับรองของสถาบันมาตรวิทยา อย่างไรก็ดี ห้องปฏิบัติการในโรงพยาบาลต่างๆ ยังมีมาตรฐานการวัดค่าแตกต่างกัน ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการรักษาและความเชื่อมโยงข้อมูลผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาล (มติชนรายวัน พุธที่ 1 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th)





อันดับสิ่งแวดล้อมโลก

ในที่ประชุมเวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรั่ม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเสนอรายงานเรื่องผลสำรวจสภาพแวดล้อมให้ที่ประชุมร่วมกันพิจารณา ดังเช่นที่ทำมาเป็นประจำทุกปี ดัชนีในการคำนวณคุณภาพสิ่งแวดล้อมครั้งนี้ มีทั้งสิ้น 16 หัวข้อ ตั้งแต่น้ำสะอาดเพื่อการดื่มกิน ไปจนถึงการทำประมงอย่างยั่งยืน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในจำนวน 133 ชาติที่มีการสำรวจนี้ สหรัฐอเมริกา มหาอำนาจหมายเลขหนึ่งของโลก และเป็นตัวการทำให้เกิดภาวะเรือนกระจกมากที่สุดอยู่อันดับที่ 28 ประเทศที่มีคุณภาพสิ่งแวดล้อมดีที่สุดในปี 2005 คือนิวซีแลนด์ ตามมาด้วย 5 ประเทศในยุโรปเหนือ ที่ทำคะแนนเกิน 85 จาก 100 จากนั้นจึงเป็นยุโรปตะวันตกอื่นๆ แม้กระทั่งญี่ปุ่น ไต้หวัน มาเลเซีย คอสตาริกา หรือชิลี อันดับก็ดีกว่าสหรัฐทั้งนั้น โดยประเทศที่อยู่ครึ่งล่างของตารางส่วนใหญ่คือประเทศในแอฟริกา และเอเชียกลาง-เอเชียใต้ และที่แย่ที่สุดก็คือชาดกับไนเจอร์ ที่ได้คะแนน 0 กับ 1 จากคะแนนเต็มร้อย ในทวีปอเมริกาด้วยกัน สหรัฐได้คะแนนต่ำสุดในเรื่องการจัดการป่าไม้ ประมง และเกษตร ประเทศที่ประสิทธิภาพการผลิตดีที่สุด คือปล่อยก๊าซเสียน้อยที่สุดคือฝรั่งเศส 56 ตัน ญี่ปุ่น(57) เยอรมนี(80) อังกฤษ(118) กลุ่มแย่ที่สุดคือมองโกเลีย(1,992) ไปจนถึง เกาหลีเหนือ(4,859) ส่วนสองดาวรุ่งใหม่อย่างจีน(731) และอินเดีย(621) นั้นอยู่ใกล้เคียงกัน ที่น่าสังเกตก็คือประเทศที่ไม่ยอมลงนามในพิธีสารเกียวโต ก็เกาะกลุ่มกันอยู่ ทั้งแคนาดา(168) สหรัฐ(171) และออสเตรเลีย(209) ก๊าซที่ปลอยดีกว่าค่าเฉลี่ยก็จริงอยู่ แต่ปริมาณที่ปล่อยนั้น สามประเทศรวมกันเกือบครึ่งโลก (ข่าวสด พุธที่ 1 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





สวีเดนผงาดชาติผู้นำ วิทยาศาสตร์-เทคโนฯ

องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมของสหประชาชาติ (ยูเนสโก) เปิดเผยผลสำรวจระดับนานาชาติใหม่ล่าสุด พบว่า ประเทศสวีเดนเป็นผู้นำหมายเลข 1 ของโลกด้านพัฒนาการทางวิทยาศาสตร์และการคิดค้นนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ รายงานสถานการณ์วิทยาศาสตร์โลก 2548 ของยูเนสโก ระบุว่า สวีเดนใช้เงิน 4 เปอร์เซ็นต์จากรายได้ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (จีดีพี) เพื่อการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเงินจำนวนนี้ 3 ใน 4 มาจากภาคเอกชน ส่วนประเทศในกลุ่มยุโรปที่เคยครองความเป็นผู้นำด้านวิทยาศาสตร์/เทคโนโลยีแต่ต้องมาเสียแชมป์ให้สวีเดน เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ สำหรับประเทศอันดับ 2-7 ที่มีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์/เทคโนโลยีตามหลังสวีเดน ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ฟินแลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ และเดนมาร์ก ในฝั่งของประเทศแถบเอเชียพบว่าจีนมีความก้าวหน้ามากที่สุด และกำลังเข้าไปแย่งชิงความเป็นผู้นำทางวิทยาศาสตร์จากประเทศในแถบอเมริกาเหนือ ยุโรป และญี่ปุ่น (ข่าวสด พุธที่ 1 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





พบวัตถุปริศนาในระบบสุริยะอาจเบียดดาวพลูโตหลุดตำแหน่ง

นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่ามีดาวอีกดวงหนึ่งที่มีขนาดใหญ่กว่าดาวพลูโต โคจรอยู่ในระบบสุริยะเดียวกัน ซึ่งนั่นอาจทำให้พลูโตถูกเบียดตกออกไปจากการอยู่ในระบบดาว เคราะห์ที่ห่างไกลโลกที่สุดออกไปได้ รายงานดังกล่าวตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ “เนเจอร์” กล่าวว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์เยอรมันได้ใช้กล้องดูดาวของสเปน ในการตรวจวัดขนาดของดาวดวงใหม่ในระบบสุริยะ ซึ่งขณะนี้ตั้งชื่อเรียกว่า 2003 ยูบี 313 พบว่ามันมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 3,000 เมตร หรือใหญ่กว่าดาวพลูโตประมาณ 700 กม. ทั้งวัตถุปริศนาดวงนี้และดาวพลูโตต่างก็อยู่ในแนวเข็มขัดคุยเปอร์เช่นเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าอาจจะมีชิ้นส่วนของเทหวัตถุจำนวนประมาณ 100,000 ชิ้น ล่องลอยอยู่ในแนวเข็มขัดคุยเปอร์และโคจรช้าๆ รอบดวง อาทิตย์ที่บริเวณขอบนอกของระบบสุริยะ ไกลออกไปจากดาวเนปจูน สำหรับวัตถุปริศนาอย่าง ยูบี 313 นี้มีตำแหน่งอยู่ห่างจากโลกประมาณ 14.5 พันล้านกิโลเมตร อุณหภูมิพื้นผิวเย็นที่สุดอยู่ที่ลบ 250 องศาเซลเซียส เริ่มมีผู้พบเห็นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2003 อย่างไรก็ตาม สถานะทางดาราศาสตร์ของมันจะเป็นเช่นไร ยังขึ้นอยู่ กับการประชุมสมัชชาทั่วไปสหภาพดาราศาสตร์ สากล (IAU) ที่จะมีขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้ด้วย. (ไทยรัฐ อาทิตย์ที่ 5 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





ข่าววิจัย/พัฒนา


ไฟเขียวจำหน่ายยาดมอินซูลินเหยื่อเบาหวานไม่ต้องเจ็บตัวอีก

สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา หรือเอฟดีเอ แถลงว่า ได้อนุญาตให้จำหน่าย อินซูลินชนิดสูดดมเป็นครั้งแรก ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่ต้องฉีดอินซูลิน เป็นประจำ ยาดังกล่าวผลิตโดยบริษัทไฟเซอร์ ใช้ชื่อการค้าว่า Exhubera นับเป็นทางเลือกใหม่ ในการควบคุมฮอร์โมนอินซูลินนับแต่มีการค้นพบเมื่อทศวรรษหลังปี 2463 และเป็นผลงานการพัฒนาร่วมกันของทั้งบริษัทไฟเซอร์ บริษัทซาโนฟี-อาเวนทิสของฝรั่งเศส และเนคตาร์ เธอราพิวติกส์ คาดว่าจะมีวางจำหน่ายในสหรัฐฯในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และคาดว่ายาขนานนี้จะเพิ่มยอดขายให้แก่บริษัทไฟเซอร์อย่างมหาศาลถึงปีละ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 30 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





นักวิจัยไทยสร้างวัคซีนต้นแบบ รักษาโรคภูมิแพ้แมลงสาบ

นายนิทัศน์ สุขรุ่ง นักศึกษาในโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.) ทำการศึกษาเพื่อหาสารก่อภูมิแพ้จากแมลงสาบสายพันธุ์ที่พบมากในประเทศไทย ซึ่งเป็นแมลงสาบ ตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มสายพันธุ์อเมริกันหรือ Periplaneta americana โดยการนำโปรตีนที่แยกได้จากแมลงสาบทั้งตัวมาศึกษาอย่างละเอียด และค้นพบโปรตีน 11 ชนิด ซึ่งทั้งหมดเป็นสารก่อภูมิแพ้ชนิดใหม่ที่ไม่เคยมีใครพบมาก่อน ซึ่งมีทั้งโปรตีนที่คล้ายโปรตีนของมนุษย์ และบางชนิดพบได้ทั่วไปในแมลงต่าง ๆ เช่น ผึ้ง แมลงหวี่ แมลงวัน ผลงานวิจัยนี้นำไปสู่การพัฒนาชุดตรวจสอบและวัดปริมาณสารก่อภูมิแพ้แมลงสาบชนิดที่พบในประเทศไทยในฝุ่นที่ได้จากบ้านเรือนของผู้ป่วยซึ่งเป็นต้นเหตุของอาการภูมิแพ้ ชุดตรวจสอบนี้ศิริราชพยาบาล ได้นำไปใช้แล้ว และจากการตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ในฝุ่นที่ได้จากบ้านเรือนของผู้ป่วยพบว่า มีสารก่อภูมิแพ้มากมายทุกห้อง โดยเฉพาะตาม อพาร์ตเมนต์ ที่มีส่วนของครัว พื้นที่รับประทานอาหารและเตียงนอนอยู่ในห้องเดียวกัน จะมีสารก่อภูมิแพ้มากที่สุด นอกจากนี้ผลการวิจัยยังนำไปสู่การสังเคราะห์สารก่อภูมิแพ้มาตรฐานโดยวิธีทางพันธุวิศวกรรม สำหรับนำไปใช้ประเมินสภาวะภูมิแพ้ในผู้ป่วย เมื่อรู้ว่าโปรตีนจากแมลงสาบตัวใดที่เป็นสารก่อภูมิแพ้ และเป็นโปรตีนที่ไม่พบในคน ก็สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปออกแบบสร้างวัคซีนรักษาโรคภูมิแพ้ได้ โดยใช้หลักการเบี่ยงเบนระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยที่เคยตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ แบบการสร้างแอนติบอดี (ไอจีอี) ที่ทำให้เกิดอาการแพ้ มาเป็นการสร้างภูมิต้านทานของร่างกายชนิดใช้เซลล์ขึ้นแทน เป็นการหลอกระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้อีกทางหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่การสร้างไอจีอี ซึ่งผลที่ได้คือ ร่างกายก็จะไม่มีอาการแพ้เกิดขึ้นอีก เป็นก้าวใหม่ในการรักษาโรคภูมิแพ้โดยใช้วัค ซีนรักษาแทนยา การสร้างวัคซีนรักษาโรคภูมิแพ้แมลงสาบ ใช้วิธีสร้าง ดีเอ็นเอวัคซีน โดยการนำชิ้นของดีเอ็นเอที่สร้างโปรตีนแมลงสาบมาเชื่อมต่อกับดีเอ็นเอของสารช่วยกระตุ้นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันมนุษย์ หรือ ซัยโตคายน์ ยีน (Cytokine Gene) ที่เหมาะสม ผลที่ได้คือ ดีเอ็นเอวัคซีนจะทำให้ผู้ป่วยตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้แมลงสาบด้วยวิธีการสร้างเม็ดเลือดขาว (แทนการสร้างไอจีอี) (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 30 ม.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)





ควันบุหรี่มือสอง-มะเร็งเต้านม

ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดข้อมูลจากรายงานวิจัยของสำนักงานอาชีวเวชศาสตร์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ที่พบว่าการได้รับควันบุหรี่มือสองเพิ่มโอกาสเกิดมะเร็งเต้านมในเพศหญิงร้อยละ 68 ถึง 120 รายงานวิจัยนี้ทำให้แคลิฟอร์เนียเป็นรัฐแรกของอเมริกาที่กำหนดให้ควันบุหรี่นอกอาคารเป็นควันพิษร้ายแรงประเภทเดียวกับควันจากการเผาไหม้ดีเซลและอาเซนิก โดยสำนักงานอาชีวเวชศาสตร์กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณามาตรการทางกฎหมายในการคุ้มครองผู้ไม่สูบบุหรี่จากการได้รับควันบุหรี่มือสองนอกอาคาร เนื่องจากปัจจุบันนี้มีหญิงอเมริกันเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมปีละ 40,000 คน และคงมีจำนวนไม่น้อยที่เกิดจากการได้รับควันบุหรี่มือสอง ในควันบุหรี่มีสารก่อมะเร็งถึง 60 ชนิด มากกว่าจำนวนสารก่อมะเร็งในควันพิษชนิดใดๆ ที่มนุษย์ได้รับ ใครที่ได้รับควันบุหรี่เข้าสู่ร่างกายก็เพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งในอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย สำหรับประเทศไทยมะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบบ่อยอันดับที่สองของหญิงไทยรองจากมะเร็งปากมดลูก และจากงานวิจัยพบว่าคุณพ่อไทยที่สูบบุหรี่ครึ่งหนึ่งสูบในบ้าน และหนึ่งในสามสูบในรถ จึงเป็นไปได้ว่าการที่ได้รับควันบุหรี่มือสองเป็นสาเหตุสำคัญหนึ่งของการเกิดมะเร็งเต้านมในผู้หญิงไทย มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ขอเชิญชวนคุณพ่อไทยที่ยังเลิกบุหรี่ไม่ได้ กรุณาไม่สูบบุหรี่ในบ้าน เพื่อลดโอกาสการเกิดโรคต่างๆ ของคนในครอบครัว ที่สำคัญเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีของลูกและลดโอกาสการติดบุหรี่ของลูก (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 30 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





นักวิจัยไทยเจ๋งสกัด"แอนติบอดี้" ปราบโรคฉี่หนู-เตรียมใช้สู้"หวัดนก"

ศ.ดร.วันเพ็ญ ชัยคำภา เมธีวิจัยอาวุโส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) อาจารย์คณะเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ได้ร่วมกับนักศึกษาโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.) พัฒนาชุดตรวจโรคเลปโตสไปโรซิส หรือ "ฉี่หนู"ซึ่งแต่ละปีมีคนไทยป่วยนับพันคน และช่วง 3-4 ปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิตปีละหลายร้อยคน โดยใช้เทคโนโลยีภูมิคุ้มกันวิทยา สกัดเอาโปรตีน หรือเรียกว่า "แอนติบอดี้" ส่วนที่ออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงกับเชื้อฉี่หนู จนสามารถพัฒนาเป็นชุดตรวจโรคฉี่หนูได้ทุกสายพันธุ์ รู้ผลใน 2 ชั่วโมง จากเดิมต้องส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แห่งเดียว เพาะเชื้อตั้งแต่ 1-4 เดือน จึงจะรู้สายพันธุ์ สำหรับเชื้อฉี่หนูในประเทศไทยมีมากกว่า 200 สายพันธุ์ พบในปัสสาวะของหนู วัว ควาย สุกร สุนัข แต่ละสายพันธุ์มีความร้ายแรงแตกต่างกัน ส่วนใหญ่มีไข้สูง ทำให้เลือดออกในอวัยวะ ได้แก่ ปอด ตับ ไต บางคนตาแดงก่ำ ผู้ป่วยที่เสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากภาวะไตและตับวาย พบว่าเชื้อโรคฉี่หนูในปัสสาวะของสุนัขมีความรุนแรง เตือนอันตราย หากมือ เท้า มีบาดแผล เป็นช่องทางให้เชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ อีกทั้งสุนัขเป็นสัตว์ที่คลุกคลีกับคนอย่างใกล้ชิด นักวิจัยได้ออกแบบสร้างวัคซีนในการป้องกันโรคฉี่หนูได้ทุกสายพันธุ์ และมีแนวคิดที่จะนำวัคซีนมารักษาผู้ป่วยแทนยาในโรคติดเชื้อหลายชนิด เช่น โรคหวัด โรคไข้หวัดนก ซึ่งเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1 มีโปรตีนประมาณ 10 ชนิด ขณะนี้กำลังมีโครงการวิจัยนำแอนติบอดี้ของโปรตีนดังกล่าวมาใช้ยับยั้งการก่อโรคของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก (ข่าวสด จันทรที่ 30 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





"เตาอบแสนรู้" สั่งทำอาหารจากมือถือ

"สินค้าแสนรู้" รุ่นใหม่ถูกส่งออกมาให้ลองใช้กันแล้ว นั่นคือ "เตาประกอบอาหารแสนรู้" มีชื่อผลิตภัณฑ์ทางการค้า "Connect Io Intelligent Oven" บริษัท "TMIO" ของคุณเดวิด แมนส์บิวรี่ ชาวอเมริกัน ใช้เวลาคิดค้นเตาแสนรู้นี่มานาน 12 ปี หมดเงินวิจัยไป 400 ล้านบาท แต่คุณเดวิดเชื่อว่าผลลัพธ์ที่ได้คุ้มค่าเกินคำบรรยาย เพราะเตาแสนรู้ไม่ใช่สินค้าบ้านๆ ทั่วไป เนื่องจากมันช่วยให้เราสามารถตระเตรียม-อุ่น-อบอาหารได้ทุกที่ผ่านเครือข่าย "อินเตอร์เน็ต" ดังนั้นถึงจะอยู่ในที่ทำงาน อยู่บนยานพาหนะ หรือกำลังเดินกลับบ้านก็ใช้คอมพิวเตอร์ หรือ โทรศัพท์มือถือเชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ตสั่งงานให้เตาแสนรู้เริ่มการอุ่น/อบ/ทำอาหารที่อยู่ภายในโดยอัตโนมัติ พอกลับมาถึงบ้านก็เปิดฝาเตาแสนรู้หยิบเอาข้าวปลาอาหารออกมารับประทานได้เลย เตาแสนรู้ได้รับการติดตั้งโปรแกรม "เอ็มเบด เว็บ เทคโนโลยี" ซึ่งเปิดทางให้เราใช้คอมพิวเตอร์ พีดีเอ หรือมือถือต่อเข้ากับเว็บไซต์อินเตอร์เน็ตเพื่อควบคุมการทำงานของเตา โดยการจะสั่งงานได้นั้นต้องใส่รหัสผ่านเสียก่อน ก่อนออกจากบ้าน เพียงแค่ใส่อาหารเอาไว้ด้านใน เตาแสนรู้จะทำหน้าที่เป็น "ตู้เย็น" คอยรักษาความสดใหม่ จนเมื่อได้รับคำสั่งให้ทำอาหาร มันจึงจะเริ่มปล่อยความร้อนเพื่อประกอบอาหาร "TMIO" ผลิตและจำหน่ายเตาแสนรู้เฉพาะในทวีปอเมริกาเหนือไปแล้ว 200 เครื่อง ราคาตกครื่องละ 4 แสนบาท (ข่าวสด จันทรที่ 30 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





พบหลักฐานเป็นโรคอ้วนเพราะไวรัส ตรวจเจอพุงโตส่วนใหญ่ล้วนมีเชื้อ

โครงการวิจัยของรัฐบาลอเมริกัน สงสัยว่าชาวอังกฤษที่ถูกพบว่าอ้วนเกินปกติอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน เป็นเพราะเชื้อไวรัส ไม่ใช่เพราะการกินมากเกินไป งานวิจัยด้วยงบของสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติ ระบุว่าได้พบหลักฐานอย่างมากว่าเชื้อไวรัสกลุ่มไอดีโนไวรัส มีส่วนเกี่ยวพันกับการที่คนเรามีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเกินปกติ นักวิจัยลีห์ วิคแฮมแห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน ผู้เป็นหัวหน้าคณะกล่าวว่า หลักฐานส่อว่าไวรัสบางชนิดเป็นเหตุให้น้ำหนักตัวคนเราเพิ่มขึ้น และก่อให้เกิดการติดต่อของโรคอ้วน แต่ยังคงย้ำว่า การกินมากเกินไป ก็ยังคงเป็นตัวเหตุสำคัญอย่างหนึ่ง หากแต่ผู้ที่ต้องการจะรักษารูปทรงให้ผอมบาง ไม่ควรกินแต่พอควรกับออกกำลังเท่านั้น หากควรจะล้างมือให้บ่อยๆ อีกด้วย นักวิจัยได้พินิจพิจารณาเชื้อไวรัสกลุ่มไอดีโนไวรัส ซึ่งมีอยู่ 50 ชนิด เป็นตัวก่อโรคของระบบทางเดินหายใจและโรคที่เป็นชั่วครั้งชั่วคราวอื่นๆมากเป็นพิเศษ และได้เห็นหลักฐานว่า การอักเสบเพราะเชื้อไวรัสเหล่านี้ได้ทำให้ทั้งคนและสัตว์เสี่ยงกับความอ้วนในระยะยาวสูงขึ้น ดังจากที่พบว่าผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินในการศึกษา 500 คน ล้วนแต่มีเชื้อไวรัสในตัวอยู่เป็นจำนวนถึงระหว่าง 20-30% ในขณะที่คนที่มีรูปร่างผอมที่พบว่ามีเชื้อเดียวกันมีอยู่เพียง 5% เท่านั้น. (ไทยรัฐ อังคารที่ 31 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





สหรัฐทุ่มเงินเกือบ400ล้านพัฒนาหมูมีรสชาติอร่อยชวนชิม

รัฐบาลสหรัฐฯให้งบวิจัยเป็นมูลค่าถึง 389 ล้านบาท เพื่อให้เกษตรกรพบวิธี เลี้ยงหมู ที่จะทำให้ได้หมูที่เนื้อมีรสชาติดี และมีคุณประโยชน์แก่ร่างกาย หัวหน้าคณะนักวิจัยแจ้งว่า งานขั้นแรกจะได้แก่การศึกษาวิจัยชุดของยีนซึ่งควบคุมลักษณะพันธุกรรมต่างๆ อันเท่ากับเป็นแผนผังพันธุกรรมของหมูก่อน เพื่อจะทำให้รู้ข้อมูลอันจะนำไปสู่หนทางที่จะช่วยให้เกษตรกรได้รู้ วิธีปรับปรุงพันธุ์ให้ดีขึ้น เพื่อให้ได้หมูที่ให้เนื้อที่มีรสชาติและมีคุณประโยชน์กับร่างกายมนุษย์ด้วย ศาสตราจารย์ลอเรนซ์ สชู้ค และจอห์น บีเวอร์ แห่งมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ซึ่งเคยร่วมกันทำแผนผังของโครงสร้างพันธุกรรมหมูกับคนเปรียบเทียบกันสำเร็จมาแล้ว เมื่อปีก่อน จะเป็นหัวหน้าโครงการ โดยจะร่วมงานกับมหาวิทยาลัยอื่นๆในสหรัฐฯ ตลอดจนรัฐบาลและห้องปฏิบัติการที่ฝรั่งเศส และอังกฤษด้วย. (ไทยรัฐ อังคารที่ 31 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





กระดูกแตก ซ่อมได้! เครื่องผลิต"ผงกระดูกเทียม" นวัตกรรมฝีมือนิสิตวิศวะ จุฬาฯ

"ผงกระดูกเทียม" นับว่ามีความสำคัญต่อวงการแพทย์เป็นอย่างมาก เพราะสามารถใช้ทำเป็นกระดูกทดแทนส่วนที่แตกหักไป ในต่างประเทศจึงมีการผลิตคิดค้นกันมาก ในเมืองไทยเองมีการนำเข้าผงกระดูกเทียมเข้ามาใช้ในวงการแพทย์ ปีๆ ต้องสิ้นเปลืองเงินเป็นจำนวนมาก วันนี้คนไทยสามารถผลิตผลกระดูกเทียมได้แล้ว สุจิต์ วุฒิชัยวัฒน์ นักศึกษาปริญญาเอก ตัวแทนกลุ่มนักวิจัย "โครงงานการสังเคราะห์ผงกระดูกเทียมด้วยระบบอัตโนมัติ" ซึ่งประกอบด้วย รศ.ดร.วันชัย ริจิรวนิข, ผศ.ดร.สมชาย พัวจินดาเนตร, สุรปรีช์ เมาลีกุล และสุจิต์ วุฒิชัยวัฒน์ จากภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล่าว่า "โครงงานการสังเคราะห์ผงกระดูกเทียมด้วยระบบอัตโนมัติ" เป็นการต่อยอดมาจากโครงงานระดับวิทยานิพนธ์ตั้งแต่เมื่อปี 2542 ศึกษาเกี่ยวกับการผลิตผงกระดูกเทียม โดยมี สุรปรีช์ เมาลีกุล ได้เข้ามาช่วยดูแลในเรื่องระบบวงจรและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทำให้เราผสมผสานออกมาเป็นคอมพิวเตอร์ที่สามารถควบคุมการทำงานอัตโนมัติได้ จุดนี้เองที่ทำให้คิดจะสร้างมันขึ้นมาเพื่อลดการนำเข้าจากต่างประเทศ ไม่ให้เปลืองเงินและสร้างผลิตภัณท์ส่งออกไปขายยังต่างประเทศ ทั้งนี้ การสังเคราะห์ผงกระดูกเทียมสามารถทำได้ 2 วิธี วิธีแรกคือ ใช้กระดูกวัวหรือปะการังมาทำ กระดูกสัตว์ชนิดอื่นไม่สามารถนำมาใช้ได้ เนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องของสารประกอบ และวิธีที่สองคือ ผลิตโดยกระบวนการทางเคมีล้วนๆ สามารถสร้างความบริสุทธิ์มากกว่าแบบแรก เพราะไม่มีอะไรมาเจือปนอยู่เลย อีกทั้งโครงสร้างทางเคมียังเป็นคุณสมบัติเดียวกับกระดูกมนุษย์ ข้อดีของการใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการผลิต สุจิต์ว่า นอกจากจะได้ผลงานที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับมาตรฐานแล้ว ยังได้ประโยชน์ในเรื่องของความปลอดภัย เนื่องจากในกระบวนการผลิตผงกระดูกเทียมที่ผ่านมายังคงใช้ระบบ Mannual นั่นหมายความว่าจะต้องมีคนคอยดูแลจัดการในทุกขั้นตอน ซึ่งระหว่างการผลิตจะก่อให้เกิดก๊าซแอมโมเนีย เป็นอันตรายให้แก่สุขภาพคนทำงาน การได้ระบบอัตโนมัติที่ใช้คอมพิวเตอร์ควบคุม จะสามารถลบปัญหาตรงนี้ได้ ตอนนี้ผงกระดูกเทียมสามารถพัฒนาไปใช้เป็นลูกตาปลอมได้ อีกทั้งยังมีคุณภาพดีกว่าอย่างมาก แม้ในขณะนี้วงการแพทย์ไทยจะก้าวไกลไปมาก แต่เงินทุนและโอกาสเป็นสิ่งสำคัญ ในตอนนี้ก็ยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้าผงกระดูกเทียมจากต่างชาติ แต่อีกไม่นาน ด้วยฝีมือของคนไทย จะสามารถพัฒนาให้ทัดเทียมและเทียบเท่าชิ้นงานต่างชาติ สานฝันผงสังเคราะห์ขาวๆ ให้กลายเป็นผลึกทางความคิดอันสำคัญแก่มนุษยชาติ (ข่าวสด อังคารที่ 31 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ใช้แบคทีเรียในโยเกิร์ตผลิตยาสกัดกั้นโรคเอดส์ก่อการอักเสบ

นักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยบราวน์ของสหรัฐฯแจ้งว่า กำลังปรับแต่งพันธุกรรมแบคทีเรียที่เป็นคุณแก่ร่างกายที่พบในโยเกิร์ต เพื่อให้มันผลิตยาที่มีฤทธิ์สกัดกั้นการอักเสบของเชื้อโรคที่เป็นตัวการทำให้เป็นโรคเอดส์ขึ้น แม้ว่าจะพบความสำเร็จเพียงแค่ในการทดลองในห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ก็เชื่อว่าจะใช้เทคนิคนี้เพื่อไปผลิตยา ที่มีสรรพคุณในการยับยั้งการลุกลามของโรคอย่างได้ผลและมีราคาต่ำได้ คณะนักวิจัยอันมีนายพาหะรัตน์ รามรัตนัมผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัย ได้ปรับแก้องค์ประกอบทางกรรมพันธุ์ของแบคทีเรียแอล.แลคติส เพื่อให้มันผลิตไซยาโนวิริน อันมีสรรพคุณป้องกันการอักเสบของโรคเอดส์ขึ้นในเซลล์ของคน และลิงได้ ยาดังกล่าวนี้กำหนดจะนำไปทดลองใช้กับคนในปีหน้านี้. (ไทยรัฐ พุธที่ 1 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





ลุ้นไทยชาติแรกในโลกได้ใช้วัคซีนเอดส์

นายพินิจ จารุสมบัติ รมว.สาธารณสุข แถลงถึงความก้าวหน้าโครงการศึกษาวัคซีนเอดส์ทดลอง ระยะที่ 3 ของประเทศไทยว่า ในปี 2549 รัฐบาลได้จัดงบประมาณเพื่อการป้องกันเอดส์ ซึ่งรวมถึงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนจำนวน 573 ล้านบาท โดยการใช้วัคซีนเอดส์เป็นมาตรการสำคัญ ในการป้องกันและรักษาพยาบาลผู้ที่ติดเชื้อเอดส์ แต่เนื่องจากสายพันธุ์เชื้อเอชไอวีที่พบในประเทศไทยนั้น กว่า 90% เป็นสายพันธุ์อี ซึ่งพบน้อยมากเพียง 3% ของสายพันธุ์ที่ระบาดทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยจำเป็นต้องดำเนินการวิจัยและพัฒนา วัคซีนเอดส์ที่เหมาะสมสำหรับใช้กับสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดในไทยเอง โครงการศึกษาวัคซีนเอดส์ทดลองของไทย นับว่ามีความก้าวหน้ามากที่สุดในโลก เพราะขณะนี้ยังไม่มีประเทศใดในโลกประสบความสำเร็จในการวิจัยวัคซีนป้องกันโรคเอดส์ สำหรับโครงการในประเทศไทยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการวิจัยในคน ระยะที่ 3 เพื่อศึกษาประสิทธิผลของวัคซีนเอดส์ทดลองในภาคสนาม ว่าสามารถป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ชะลออาการ หรือลดความรุนแรงของโรคเอดส์ได้เพียงใด ซึ่งเป็นคำตอบก้าวสุดท้ายของการวิจัย ที่ใช้อาสาสมัครถึง 16,400 คน ติดตามผลเป็นระยะๆไปจนครบ 3 ปี ซึ่งหากการวิจัยประสบความสำเร็จ คาดว่าในปี พ.ศ. 2552 ไทยจะมีวัคซีนเอดส์ใช้ โดยเฉพาะสำหรับสายพันธุ์อี ที่ขณะนี้ยังไม่มีรายงานการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส (ไทยรัฐ พุธที่ 1 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





โปรแกรมเรียกแท็กซี่อัตโนมัติ

การผลิตโปรแกรมที่เกี่ยวกับการเรียกใช้บริการรถแท็กซี่อัตโนมัติ ฝีมือเด็กไทย ที่เรียกว่า “เว็บเซอร์วิส เพื่อการเรียกแท็กซี่โดยอัตโนมัติแบบล่วงรู้บริบท” นายปกานต์ อัศวพงษ์อนันต์ หรือ แป๊บ นิสิตชั้นปีที่ 4 จากภาควิชาคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เจ้าของผลงาน กล่าวถึงเว็บเซอร์วิสชิ้นนี้ว่า ใช้ระยะเวลาทำประมาณ 4 เดือน โดยใช้สัญญาณจีพีเอส ซึ่งปกติรถแท็กซี่สีฟ้าจะมีระบบจีพีเอสอยู่แล้ว และเมื่อมีระบบนี้เข้าไปจะสามารถเชื่อมโยงกับระบบจีพีเอสที่มีอยู่เดิมได้ทันที ระบบดังกล่าวสามารถต่อเข้าโดยตรงกับอุปกรณ์โมบายทุกชนิดที่มีจีพีเอส และไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นโทรศัพท์มือถือ อาจจะเป็นพ็อกเกตพีซี หรือปาล์มก็ได้ เรียกว่าเป็นการเรียกใช้งานอัตโนมัติโดยตรงจากผู้โดยสารกับแท็กซี่ แป๊บ บอกว่า ก่อนมาเป็นโปรแกรมดังกล่าว ได้ทำการสำรวจข้อมูล โดยนั่งรถแท็กซี่สีฟ้า มีการสอบถามระบบว่าเป็นอย่างไร ลำบาก สะดวกหรือไม่ ซึ่งได้รับคำตอบว่าจีพีเอสทำให้สะดวกขึ้น เวลาผู้โดยสารเรียกใช้บริการก็สามารถดูตำแหน่งได้ว่าอยู่บริเวณถนนหรือเส้นทางใด ไม่กำกวมเหมือนโทรฯเรียกแบบก่อน แถมสามารถบันทึกข้อมูลระหว่างการใช้บริการโดยบันทึกหมายเลขทะเบียนเจ้าของรถ กท. ต่าง ๆ ชื่อ-นามสกุล เวลาที่ใช้บริการ จุดหรือบริเวณที่ขึ้นหรือลงได้ ซึ่งการใช้บริการรถแท็กซี่ระบบเก่ายังไม่สามารถทำได้ ในด้านการพัฒนาระบบ ต้องทำเพิ่มส่วนของคอนโซลในห้องรับผู้โดยสาร ซึ่งยังไม่สมบูรณ์ครบ 100% ส่วนด้านข้อมูล สถานที่ที่ได้มาเป็นละติจูด ลองจิจูด ยังไม่เป็นชื่อสถานที่จริง ๆ อย่างเช่น ถนนพระราม 9 แต่ในปัจจุบันโปรแกรมที่มีเกี่ยวกับแผนที่ละติจูด-ลองจิจูด มีอยู่แล้วแต่คงไม่ได้ลงไปสำรวจเพราะมีขายตามท้องตลาดทั่วไป สำหรับปัญหาของการพัฒนาโปรแกรมตอนนี้ก็คือการไม่มีแท็กซี่จริง ๆ ในการทดสอบ หากจะใช้งานต้องจำลองรถแท็กซี่ขึ้นมาในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทดสอบมาแล้ว 10 ครั้ง สำเร็จทั้ง 10 ครั้ง นั่นคือส่วนที่สนับสนุนว่าเว็บเซอร์วิสนี้สามารถนำไปใช้จริงได้ และนี่ก็คือหนึ่งในตัวอย่างผลงาน ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าประกวดภายในงาน “มหกรรมประกวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 5” ที่จัดโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือเนคเทค จัดขึ้นในวันที่ 10-12 กุมภาพันธ์ 2549 บริเวณเอ็มซีซี ฮอลล์ ชั้น 4 เดอะมอลล์ บางกะปิ (เดลินิวส์ พุธที่ 1 ก.พ. 49 http://www.dailynews.co.th)





วิศวะ มก.สร้างสถานีตรวจวัดสภาพอากาศเพื่อการเกษตร

รองศาสตราจารย์ ดร. ตฤณ แสงสุวรรณ จากภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ร่วมกับคณะทำการพัฒนาสถานีตรวจวัดสภาพอากาศเพื่อการเกษตร โดยเริ่มจากงานวิจัยชั้นสูงของคณะเกษตร โดยทางคณะทีมงาน สามารถเก็บบันทึกข้อมูลจากตัวตรวจวัดได้ทุกชนิดและสามารถปรับเปลี่ยนโปรแกรมได้เนื่อง จากพัฒนาขึ้นเอง ทำให้มีความคล่องตัวสูงและยังมีราคาถูกกว่าสถานีนำเข้าจากต่างประเทศประมาณ ร้อยละ 30 ซึ่งไม่รวม ตัวจับวัด ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับการใช้งาน นอกจากนี้ยังสามารถเรียกดูข้อมูลผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ตได้ด้วย ทำให้มีความสะดวกสามารถใช้งานได้ทุกที่ โดยไม่จำเป็นต้องไปโหลดข้อมูลที่แปลงทดลองการเกษตร ปัจจุบันสถานีตรวจวัดสภาพอากาศทางการเกษตรนี้ติดตั้งใช้งานอยู่ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาอ้อยและน้ำตาล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม สถานีตรวจวัดสภาพอากาศชุดนี้เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจวัดและบันทึกสภาพอากาศต่าง ๆ ได้ โดยขึ้นอยู่กับตัววัดต่อเข้ากับระบบ เช่น ตัววัดอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ ตัววัดความเร็วลมและทิศทางลม ตัววัดความเข้มแสง ตัววัดปริมาณน้ำฝน เป็นต้น ซึ่งตัววัดเหล่านี้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามลักษณะงานหรือความต้องการของผู้ใช้ และสามารถรายงานผลและเรียกเก็บผลข้อมูลผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ตได้เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบสภาพและการเก็บข้อมูลต่าง ๆ โครงสร้างของสถานีวัดนี้ ประกอบไป ด้วยตู้ควบคุมซึ่งภายในตู้ควบคุมนั้นจะมี Data Logger ที่เชื่อมต่ออยู่กับตัววัดต่าง ๆ ซึ่งมีหน้าที่ในการเก็บผลข้อมูลโดยจะทำงานอยู่ตลอดเวลาแม้ไม่ได้ต่ออยู่กับระบบเครือข่าย และมีอุปกรณ์สำรองไฟติดตั้งไว้ในกรณีที่เกิดไฟดับเพื่อป้องกันการเสียหายของข้อมูล เมื่อมีไฟฟ้ากลับมาสถานีวัดชุดนี้ก็จะสามารถทำการเริ่มต้นด้วยตัวเองได้พร้อมทำงานทันทีอย่าง อัตโนมัติ ลักษณะการทำงานของสถานีวัดชุดนี้เมื่อตัววัดทำการส่งค่ามายัง Data Logger แล้วโปรแกรมภายในก็จะทำการคำนวณเป็นค่าที่ต้องการเพื่อนำไปแสดงผลผ่านทางระบบเครือข่ายและบันทึกค่าต่าง ๆ ในแต่ละช่วงเวลานั้นไว้ เมื่อต้องการจะทราบสภาพอากาศ ณ เวลานั้นหรือต้องการเรียกเก็บบันทึกผลข้อมูลก็สามารถทำได้โดยเรียกไปที่ IP Address ที่ได้ติดตั้งไว้ การเรียกข้อมูลผ่านระบบเครือข่ายชุด Data-Logger นี้ได้ถูกตั้ง IP-Address ไว้ที่ 158.108.45.77 การเรียกข้อมูลผ่านระบบเครือข่ายให้เรียกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่อเข้ากับระบบ โดยเรียกผ่าน Web-Browser โดยใช้คำสั่ง http://158.108.45.77/Climate_iv5_5_1.htm ก็นับเป็นงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่มีเป้าหมายเพื่อการใช้งานในวงการเกษตรของประเทศ และนับเป็นการนำระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในวงการผลิตของไทย (เดลินิวส์ พุธที่ 1 ก.พ. 49 http://www.dailynews.co.th)





สหรัฐใกล้แก้ฤทธิ์สารพิษก่อการร้าย พัฒนาวัคซีนต่อต้านสารไรซิน

นักวิจัยสหรัฐฯของศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยเซาท์ เวสเทิร์น เท็กซัส ใกล้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนต่อต้านสารพิษไรซิน ที่ผู้ก่อการร้ายอาจนำมาทำเป็นอาวุธเชื้อโรค คดีดังที่มีการใช้สารพิษไรซินฆ่าคู่อริทางการเมือง ได้แก่ การใช้มีดติดปลายร่มอาบสารพิษไรซิน แทงนายจอร์จี มาร์คอฟ ฝ่ายค้านบัลแกเรีย จนถึงแก่ชีวิตเมื่อปี 2521 นักวิจัยสหรัฐฯ กล่าวว่า ผู้ก่อการร้ายนิยมใช้สารชนิดนี้มากขึ้นหลังการโจมตีสหรัฐฯเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 ดังนั้น จึงทำให้เกิดความพยายามพัฒนาวัคซีนต่อต้านสารไรซินเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ รายงานของนักวิจัยระบุว่าสารไรซินมีศักยภาพที่อาจนำมาทำเป็นอาวุธเชื้อโรคได้ นอกจากนี้ ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐฯ ยังกำหนดให้สารไรซินอยู่ในกลุ่มภัยคุกคามทางชีวภาพระดับบี ทั้งนี้ สารไรซินเป็นสารสกัดทางชีวภาพที่ได้มาจากเม็ดละหุ่งชนิดหนึ่ง ส่วนวัคซีนที่กำลังอยู่ระหว่างการวิจัยได้มาจากการผสมผสาน ระหว่างสารไรซินอีกชนิดผสมกับเชื้อแบคทีเรียอีโคไล. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 2 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





ชุดตรวจนับถอยหลังขึ้นคาน

ศ.บิล เลดเกอร์ ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ บอกว่า ใช้เวลาพัฒนาชุดตรวจนี้มากว่า 5 ปี และมั่นใจว่าเจ้าสิ่งนี้จะช่วยทำนายภาวะการเจริญพันธุ์ของผู้หญิงได้อย่างแม่นยำ ทำให้ผู้หญิงสามารถวางแผนครอบครัวในอนาคตได้อย่างสะดวก โดยปกติแล้วผู้หญิงควรมีบุตรในช่วงอายุที่ขึ้นต้นด้วยเลขสอง แต่หากอายุเกินกว่านี้ โอกาสที่จะมีบุตรก็จะยากขึ้นตามลำดับ แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันผู้หญิงสมัยใหม่มักแต่งงานเมื่ออายุขึ้นต้นด้วยเลขสาม ชุดตรวจภาวะเจริญพันธุ์ ซึ่งสามารถใช้ทำนายได้ไกลถึงสองปี จึงน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้หญิงที่ยังไม่พร้อมจะมีครอบครัว โดยชุดตรวจจะวัดปริมาณไข่ในรังไข่ของผู้หญิงผ่านฮอร์โมนในกระแสเลือด จากนั้นก็จะแสดงผลให้เห็นเป็นกราฟอย่างชัดเจนว่า โอกาสที่จะมีบุตรได้ในอีกสองปีข้างหน้าเหลือน้อยเพียงใด เมื่อรู้ผลแล้วก็จะช่วยให้ผู้หญิงสามารถตัดสินใจได้ว่า พวกเธอจะสามารถชะลอการมีบุตรได้นานแค่ไหน สำหรับฮอร์โมนในกระแสเลือดที่จะถูกนำมาตรวจวัดมีด้วยกัน 3 ตัว ได้แก่ ฮอร์โมนอินฮิบิน บี และ เอเอ็มเอช ซึ่งจะมีระดับลดลงเมื่ออายุใกล้ถึงวัยหมดประจำเดือน หรือวัยทอง ส่วนฮอร์โมนตัวที่สามเป็นฮอร์โมนต่อมใต้สมอง ได้แก่ เอฟเอสเอช จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อใกล้วัยทอง การตรวจวัดฮอร์โมนทั้งสามตัว จะแสดงภาวะเจริญพันธุ์ที่คงเหลืออยู่ของผู้หญิงได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ทำนายได้ไกลถึงสองปีถัดไป โดยทั่วไปแล้วภาวะเจริญพันธุ์ในผู้หญิงจะลดลงอย่างรวดเร็วตั้งแต่อายุ 35 ปีโดยเฉลี่ย แต่มีบางคนสามารถมีบุตรได้แม้จะมีอายุมากแล้วก็ตาม ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 2 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





สกัดข่าทำครีมสยบแบคทีเรียผิวหนัง

ผศ.การันต์ ชีพนุรัตน์ คณะวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพสัตว์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี วิทยาเขตปทุมธานี กล่าวว่า คณะวิจัยได้ศึกษาถึงประสิทธิภาพ "เหง้าข่า" รักษาโรคผิวหนังจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา พบว่าสารสกัดที่ได้จากเหง้าข่ามีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย และอาจนำมาผลิตเป็นยารักษาโรคผิวหนังของสัตว์ในราคาถูก ทดแทนยาปฏิชีวนะโดยเฉพาะกลุ่มยาเพนนิซิลิน หากใช้ในเวลานานอาจทำให้เชื้อโรคดื้อยา สำหรับขั้นตอนในการวิจัยได้ใช้สารสกัดด้วยสารละลายชนิดต่างๆ เพื่อศึกษาว่าการสกัดด้วยตัวทำละลายชนิดใดจะมีประสิทธิภาพในการต้านเชื้อแบคทีเรียสูงสุด โดยใช้สารละลาย 4 ชนิด ได้แก่ เฮกเซน โคลโรฟอร์ม เอทิลอะซิเตทและเมทานอล ที่ระดับความเข้ม 160 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร พบว่าสารสกัดข่าที่สกัดด้วยตัวทำละลายโคลโรฟอร์ม และเอทิลอะซิเตท มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรียได้ดีกว่าสารสกัดข่าชนิดอื่น นายไฉน น้อยแสง คณะวิชาวิทยาศาสตร์การแพทย์แผนไทยประยุกต์ กล่าวว่า หลังจากทราบถึงประสิทธิภาพของสารสกัดจากข่า ในการต้านเชื้อแบคทีเรียในผิวหนังสัตว์แล้ว จะศึกษาเพิ่มเติมเพื่อหาสารสกัดในข่า สำหรับนำไปต่อยอดเป็น "ครีม" ทาผิวหนังสัตว์ โดยมุ่งใช้กับสุนัขและแมว (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 2 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





ฤทธิ์ชะเอมป้องกันฟันเป็นรู แก้อักเสบรักษาแผลเปื่อย

นักวิจัยของมหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ แจ้งว่า ได้พบสารประกอบ 2 ชนิด ในสารสกัดจากรากชะเอมเทศ มีสรรพคุณป้องกันแบคทีเรีย สเตรพโตคอกคัส มิวแทนส์ ได้ แบคทีเรียนี้เป็นตัวการทำให้ฟันเป็นรู โดยมันจะแปลงน้ำตาลที่จับอยู่ตามผิวนอกของฟันให้เป็นกรดน้ำนม ที่มีฤทธิ์ละลาย กำจัดแร่ธาตุในเคลือบฟันออกไปเสีย และยังต้องศึกษาเพิ่มเติมอีก กว่าจะนำมาใช้ในการป้องกันฟันผุเป็นรู แต่ก็รู้สึกอุ่นใจมาก และหากว่าในการศึกษาต่อไปพบว่าสารประกอบชะเอมมีอิทธิฤทธิ์จริง ก็อาจจะ นำมาใช้ปรุงในน้ำยาบ้วนปาก หรือยาสีฟันในวันหน้าได้ นักวิจัยยังได้ตั้งข้อสังเกตว่าชาวจีนและตามชาติอื่นบางชาติ ก็ได้ใช้ชะเอมทำยาพื้นบ้านอยู่แล้ว และ เคยมีการศึกษาของคณะวิจัยหลายคณะ ในระยะสิบกว่าปีมานี้ พบสรรพคุณทั้งทางเคมีและชีววิทยาของชะเอม อย่างเช่นในการแก้อักเสบ ต่อต้านไวรัส รักษาแผลเปื่อย และแม้กระทั่งต้านมะเร็ง โดยมันช่วยสกัดกั้นการเติบโตของแบคทีเรีย. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 3 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





เปิดผลวิจัยพบผลไม้ต้านอัลไซเมอร์

เมื่อเร็วๆ นี้มีรายงานทางวิทยาศาสตร์ว่า แบล็กเคอร์แรนต์มีสรรพคุณต้านโรคความจำเสื่อมหรือที่รู้จักกันดีว่า อัลไซเมอร์ ดิลิป โกช และคณะจากสถาบันวิจัยอาหารและพืชสวน ในนิวซีแลนด์ ค้นพบว่า สารประกอบในแบล็กเคอร์แรนต์ มีประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิด โดปามีนและอะมีลอยด์-บี สารประกอบร่วมของโรคอัลไซเมอร์ งานวิจัยดังกล่าวตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์อาหารและเกษตรกรรม ขณะที่เจนนิเฟอร์ รอห์น เสนอบทความสนับสนุนในนิตยสารเคมีและอุตสาหกรรมชี้ว่าลักษณะพิเศษของผลไม้สกุลเบอร์รี่ของอังกฤษมีประสิทธิภาพ แบล็กเคอร์แรนต์และบอยเซ็นเบอรี่ เป็นผลไม้พื้นบ้านในอังกฤษ ทั้งสองชนิดมีแอนโธไซยานินและโพลีเฟโนลิก แต่แบล็กเคอร์แรนต์มีสีเข้มกว่าแปลว่ามีสารแอนโธไซยานินมากกว่าจึงมีสรรพคุณที่ดีกว่า สารประกอบจากผลไม้สกุลเบอร์รี่เหล่านี้ขึ้นชื่อว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ แต่บทบาทการปกป้องสมองอย่างนี้ยังไม่เคยมีใครพบมาก่อน อย่างไรก็ตาม นักวิจัยยังไม่รู้กระบวนการทางเคมีที่ชัดเจนนัก เจมส์กล่าวว่า "เรามีหลักฐานว่าสารประกอบช่วยต่อต้านอัลไซเมอร์ด้วยการไปมีอิทธิพลต่อยีนในส่วนเรียนรู้และความจำในระยะเริ่มต้น ซึ่งเซลล์ที่ได้รับอิทธิพลจะส่งเส้นทางสัญญาณที่ช่วยเซลล์ประสาทอื่นๆ ในการสื่อสารระหว่างกัน" (ข่าวสด ศุกร์ที่ 3 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





นวัตกรรมเพื่อคนหูตึง โทรศัพท์โชว์ปาก-หน้าคู่สาย

สถาบันคนหูหนวกประเทศอังกฤษ (อาร์นิด) เป็นหัวหน้าทีมร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษา รวมถึงสถาบันวิจัยหลายแห่งทั้งในอังกฤษ สวีเดน เนเธอร์แลนด์ เพื่อพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นสื่อกลางในการช่วยให้คนหูตึงสามารถอ่าน "ริมฝีปาก" ของคู่สายสนทนาโทรศัพท์ได้ด้วย "ริมฝีปาก" ที่ว่านี้ไม่ใช่ปากคนจริงๆ แต่เป็น "ริมฝีปากเสมือน" ที่สร้างขึ้นมาด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์เหมือนกับที่เห็นในภาพ อาร์นิด ระบุว่า คนหูตึงที่จะใช้งานระบบอ่านริมฝีปากจำลองได้ต้องมีคอมพิวเตอร์ หรือ พีดีเอ ซึ่งลงโปรแกรมวิเคราะห์เสียงที่เรียกว่า "ซินธ์เฟซ" เอาไว้ และต่อสายเชื่อมเข้ากับตัวโทรศัพท์บ้าน-โทรศัพท์สำนักงาน-โทรศัพท์สาธารณะทั่วไป เมื่อรับสายโทร.เข้า คอมพิวเตอร์จะสร้างภาพจำลอง 3 มิติของใบหน้าคนขึ้นมา ต่อมาปากของหน้าคน (ปลอมๆ) บนจอคอมพิวเตอร์จะขยับตามลักษณะการขยับตัวของปากเวลาที่มนุษย์พูดคำๆ นั้น หรือ ประโยคนั้นๆ จริงๆ ข้อดีของโปรแกรม "ซินธ์เฟซ" ก็คือช่วยให้คนหูตึงมีความมั่นใจมากขึ้นเวลาติดต่อสื่อสารผ่านโทรศัพท์ เนื่องจากการอ่านปากประกอบการฟังจะทำให้คนหูตึงรับรู้เรื่องราวที่กำลังสนทนากันอยู่อย่างถูกต้อง "ซินธ์เฟซ" อยู่ระหว่างการทดลองในยุโรป เบื้องต้นกลุ่มอาสาสมัครที่ร่วมวิจัย 80 กว่าเปอร์เซ็นต์ตอบว่าพอใจกับนวัตกรรมล่าสุดเพื่อผู้พิการชิ้นนี้ (ข่าวสด ศุกร์ที่ 3 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ดื่มน้ำเย็นจัด ... ลดความสามารถสมอง

ดร.ปิเตอร์ โรเจอร์ นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยบริสตอลและทีมงาน ได้ทดสอบผลกระทบของน้ำต่อกลุ่มอาสาสมัครจำนวน 60 คน ซึ่งก่อนการทดสอบนั้น กลุ่มอาสาสมัครส่วนหนึ่งไม่ดื่มน้ำอะไรเลย และอีกส่วนหนึ่งดื่มน้ำก๊อก แช่เย็นจัดที่อุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียส ในปริมาณ 1 แก้ว หรือ 300 มิลิลิตร ปรากฏว่าคนที่หิวกระหายน้ำก่อนการทดสอบ และดื่มน้ำเข้าไปทำการแบบทดสอบได้ดีกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มอะไรประมาณ 10% ส่วนกลุ่มที่ไม่รู้สึกกระหายน้ำ แต่ดื่มน้ำเย็นจัดปรากฏว่าขีดความสามารถในการทำแบบทดลองลดลงไปถึง 15% พี่ๆ นักวิจัยยังสรุปว่า การดื่มน้ำเย็นจัดมากเกินไปจะมีผลกระทบต่อขีดความสามารถในการขับรถงานที่ต้องใช้สมอง รวมทั้งการใช้ความคิดมากๆ ทั้งนี้อุณหภูมิของน้ำดื่ม นับเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อสมอง นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยบางชิ้นที่ระบุอีกว่า อุณหภูมิของน้ำดื่มอาจไปทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงสมองได้ด้วย ทางที่ดีควรดื่มน้ำในอุณหภูมิห้องปกติ (สยามรัฐรายวัน ศุกร์ที่ 3 ก.พ. 49 http://www.siamrath.co.th)





ข่าวทั่วไป


'น้ำตาล' ทานอย่างพอเหมาะ หวานให้พอดี

นักโภชนาการ ถือว่า น้ำตาล เป็นสารที่ให้พลังงานชนิดหนึ่ง เรียกว่า พลังงานว่างเปล่า (Emply carlories) หมายถึงให้เฉพาะพลังงานเพียงอย่างเดียว โดยไม่ให้คุณค่าทางโภชนาการอย่างอื่น เป็นอาหารที่ปราศจากกากใย ไม่มีวิตามิน แร่ธาตุ โปรตีน หรือสารอาหารอื่น ๆ ต่างจากการกินข้าวที่จะได้ทั้งพลังงาน วิตามิน แร่ธาตุ และโปรตีน จึงทำให้ร่างกายของเราไม่จำเป็นต้องกินน้ำตาลก็สามารถดำรงอยู่ได้ เพราะร่างกายสามารถรับน้ำตาลได้จากอาหารอื่นทั่วไป อาทิ ข้าว แป้ง ผักและผลไม้ ที่กินกันอยู่ทุกวันซึ่งมีสารประเภทน้ำตาลรวมอยู่ในอาหารนั้น ๆ อยู่แล้ว โดยปกติร่างกายต้องการพลังงานโดยเฉลี่ยวันละประมาณ 2,000 กิโลแคลอรี แต่ถ้า เมื่อใดที่กินน้ำตาลมากเกินความ ต้องการของร่างกายประ กอบกับไม่มีการออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญพลังงานส่วนที่เกินจะทำให้เกิดการสะสมของพลังงานที่ใช้ไม่หมดในแต่ละวันที่เรียกว่า พลังงานส่วนเกิน ร่างกายจะส่งไปเก็บไว้ที่ตับในรูปของไกลโคเจน (Glycogen) ซึ่งสามารถเก็บได้ประมาณ 50 กรัม หากมากกว่านี้ตับจะส่งกลับไปที่กระแสเลือดในรูปของไขมันที่สะสมอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของ ร่างกายในส่วนที่ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว เช่น ตะโพก หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา ในกรณีที่ยังกินน้ำตาลไปอย่างต่อเนื่อง ไขมันจะสะสมเพิ่มพูนในเส้นเลือดตามอวัยวะภายใน เช่น หัวใจ ตับ ไต การที่ไขมันสะสมในเส้นเลือดนั้น จะเกิดการอุดตันและมีผลให้เกิดอาการในส่วนของอวัยวะนั้น ๆ กลายเป็นสาเหตุของโรคอ้วน โรคเบาหวาน ถ้าเส้นเลือดอุดตันไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงหัวใจได้อาจเกิดภาวะหัวใจวายหรือหัวใจล้มเหลว หากไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ อาจเกิดอาการอัมพาตได้ องค์การอนามัยโลกและกระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ว่า ควรบริโภคน้ำตาลไม่เกินวันละประมาณ 8-10 ช้อนชา สำหรับผู้ใหญ่ และ 6-8 ช้อนชาในเด็ก แต่คนไทย ในปัจจุบันบริโภคน้ำตาลโดยเฉลี่ยแล้ววันละประมาณ 20 ช้อนชา จึงทำให้คนไทยเป็นโรค อ้วนกันมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กไทยจากการบริโภคนมผงและขนมหวาน เครื่องดื่มหรือจากน้ำตาลโดยตรง ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดฟันผุและถ้าหากบริโภคน้ำตาลปริมาณสูงเป็นประจำ จะส่งผลให้เกิดภาวะอ้วนตามมา (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 30 ม.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)





อาหารเช้า มีผลต่อสมอง !

ทองปลิว ปลื้มปัญญา อาจารย์ประจำสาขาอาหารและโภชนาการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ เปิดเผยว่า "การไม่รับประทานอาหารเช้าก็เปรียบเสมือนกับรถที่ไม่ได้เติมน้ำมัน แล้วมันจะทำงานได้อย่างไร" ก็เช่นเดียวกับร่างกายของเราที่ทำงานอยู่ตลอดเวลาแม้กระทั่งเวลานอน แต่เราไม่สามารถเติมสารอาหารให้ร่างกายได้ตลอดเวลา และเมื่อตื่นขึ้นมาเรายังไม่รับประทานอาหารเช้าอีก ร่างกายจะเอาพลังงานจากที่ไหนมาใช้ในการทำกิจกรรมวันนั้นๆ เมื่อร่างกายไม่ได้รับสารอาหาร ร่างกายก็จะดึงสารอาหารที่ใช้ในการทำงานของสมองมาใช้ในการทำงานของร่างกายแทน ทำให้สมองขาดสารอาหารที่จะนำไปใช้ในการทำงาน เมื่ออายุมากขึ้นจึงได้รับผลกระทบกับสมอง กลายเป็นคนสมองเลอะเลือน สำคัญไม่ควรกินอาหารซ้ำกันบ่อยๆ อย่างเช่น อาหารจานเดียว เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน ต้องรับระทานอาหารครบ 5 หมู่ที่ดีที่สุด เว็บไซต์โวโน www.vonothai.com มีโปรแกรม My Calorie mate ซึ่งเป็นโปรแกรมคำนวณพลังงานอาหารอย่างง่ายดายให้ลอง ซึ่งนอกจากจะรู้ความต้องการพลังงานแล้ว โปรแกรมนี้ยังจะช่วยทำให้คุณเห็นความสำคัญของอาหารเช้า มื้อที่ทรงพลังต่อสมองด้วย (ประชาชาติธุรกิจ จันทร์ที่ 30 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/prachachart)





วธ.เผย 9 ศิลปินแห่งชาติปี 48เข้าเฝ้าฯ

เมื่อวันที่ 30 มกราคม ที่ผ่านมา นางอุไรวรรณ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) แถลงข่าวประกาศผลการคัดเลือกศิลปินที่ได้รับการคัดเลือกเป็นศิลปินแห่งชาติ ปี 2548 ที่หอประชุมเล็ก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยในปีนี้มีศิลปินที่ได้รับการคัดเลือกทั้งหมด 9 ท่าน จาก 3 สาขา คือ สาขาทัศนศิลป์ 2 ท่าน ได้แก่ นายประเทือง เอมเจริญ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ประเภทจิตรกรรม และนายทวี รัชนีกร ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ประเภทจิตรกรรม สาขาวรรณศิลป์ 2 ท่าน ได้แก่ นายประยอม ซองทอง และนายสถาพร ศรีสัจจัง และสาขาศิลปะการแสดง 5 ท่าน ได้แก่ นายฉลาด ส่งเสริม ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ประเภทหมอลำ นายวิเชียร คำเจริญ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ประเภทนักแต่งเพลงลูกทุ่ง นายศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ประเภทนาฏศิลป์ นายมานพ ยาระณะ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ประเภทการแสดงพื้นบ้าน ช่างฟ้อน และนายสำราญ เกิดผล ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ประเภทดนตรีไทย ทั้งนี้สำหรับศิลปินแห่งชาติทั้ง 9 ท่าน จาก 3 สาขา ที่ได้รับการคัดเลือกประจำปี 2548 นั้น จะเข้ารับพระราชทานโล่และเข็มเชิดชูเกียรติจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันศิลปินแห่งชาติ วันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งในวันดังกล่าวจะมีการจัดแสดงผลงานเชิดชูเกียรติและงานเลี้ยงเพื่อแสดงความยินดีแก่ศิลปินแห่งชาติด้วย (คมชัดลึก พุธที่ 1 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





วธ.สรุปจัดเรตติ้งโทรทัศน์

น.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดระดับความเหมาะสมของสื่อ (เรตติ้ง) ด้านโทรทัศน์ว่า คณะอนุกรรมการการจัดระดับความเหมาะสมของสื่อ (เรตติ้ง) ด้านโทรทัศน์ ได้จัดทำยุทธศาสตร์การทำงานและการประเมินผลการจัดเรตติ้งแล้ว โดยได้จัดทำเครื่องมือต้นแบบที่จะใช้วัดในห้องปฏิบัติการทางสังคมในการกำหนดระดับความเหมาะสมของสื่อที่คำนึงถึงเนื้อหาเชิงคุณภาพ 6 มิติ ได้แก่ ส่งเสริมระดมความคิด, พัฒนาศาสตร์การเรียนรู้สำหรับเด็ก, ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม, ทักษะชีวิตและทัศนคติในการดำเนินชีวิต ความหลากหลายในการดำเนินชีวิตที่ดีในสังคมบนพื้นฐานของวัฒนธรรม และสัมพันธภาพในครอบครัว นอกจากนั้น จะบวกกับอีก 1 มิติตัวชี้วัด คือ ตัวชี้วัดด้านความเบี่ยงเบนที่ส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรม อาทิ การแสดงความสัมพันธ์ทางเพศ การแสดงความรุนแรงต่างๆ ซึ่งจะเรียกโดยรวมว่า ตัวชี้วัด 6 บวก 1 ส่วนยุทธศาสตร์การทำงานแบ่งเป็น 3 ด้าน คือ เดือนที่หนึ่ง การจัดความรู้ โดยกำหนดกิจกรรมเวทีต้นแบบ ทั้งสื่อโทรทัศน์และสื่ออินเทอร์เน็ต เช่น เปิดเวทีให้เยาวชนตามมหาวิทยาลัยแสดงความเห็นต้องการให้เรตติ้งสื่อโทรทัศน์เป็นแบบใด และเก็บตัวอย่างรายการโทรทัศน์ ส่วนเดือนที่สอง สร้างเครือข่ายลงพื้นที่จัดทำเวทีทดลองปฏิบัติการ 5 ภูมิภาค เช่น เชียงใหม่ กาญจนบุรี พังงา ขอนแก่น และกรุงเทพฯ จัดกิจกรรมเยี่ยมและอบรมเครือข่ายเพื่อพัฒนาคู่มือการทำงานด้านเรตติ้งให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เดือนสุดท้ายจะขอความร่วมมือโทรทัศน์ทุกช่องส่งตัวอย่างรายการที่จะใช้เป็นชุดตัวอย่าง 20 รายการ เพื่อให้เครือข่ายได้ตรวจสอบรายการตามตัวชี้วัด 6 บวก 1 โดยผลลัพธ์จากขั้นตอนนี้ทำให้ทราบผลสำรวจเรตติ้งของรายการต่างๆ เพื่อใช้กำหนดระดับความเหมาะของเรตติ้งและเสนอต่อ รมว.วธ (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 2 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





แจ้งเวบลามกแลกรางวัล ไอซีทีจูงใจประชาชนร่วมเป็นหูเป็นตา

นายสรอรรถ กลิ่นประทุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า กระทรวงไอซีทีได้นำมาตรการทางกฎหมาย อาญา มาบังคับใช้เพื่อดำเนินคดีกับเวบไซต์ลามกอนาจาร ซึ่งได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป โดยได้หารือกับบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ไอเอสพี) และเจ้าของเครื่องแม่ข่ายให้ตรวจสอบเวบไซต์ในความดูแล หากพบเวบที่เข้าข่ายลามกอนาจารต้องแจ้งปิดภายใน 3 วัน รวมทั้งต้องตรวจสอบและจดทะเบียนผู้ที่ขอเปิดเวบไซต์ด้วยว่ามีตัวตนจริง เพื่อนำตัวมารับผิดทางกฎหมาย นอกจากนี้ ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ กระทรวงไอซีทีจะแจกซอฟต์แวร์สำหรับติดตั้งในคอมพิวเตอร์ให้ผู้ปกครอง เพื่อควบคุมพฤติกรรมการเล่นเกมออนไลน์ของเยาวชน โดยขณะนี้ซอฟต์แวร์ดังกล่าวอยู่ระหว่างพัฒนาซึ่งคืบหน้าไปแล้วกว่า 80% สำหรับประชาชนที่พบเห็นเวบไซต์ที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่เวบไซต์ www.thaicybercop.com ซึ่งที่ผ่านมาได้รับแจ้งกว่า 8.7 หมื่นเวบไซต์ แยกเป็นเวบไทยกว่า 4 หมื่นเวบ และในเร็วๆ นี้ สำนักนายกรัฐมนตรีจะเปิดจุดรับแจ้งเบาะแสเพิ่มอีก 2 ช่องทางคือ ฮอตไลน์ จีซีซี 1111 ซึ่งรองรับปริมาณการโทรกว่า 5 หมื่นครั้งต่อวัน และรับแจ้งสดผ่านทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 105 เมกะเฮิรตซ์ ระหว่างเวลา 15.00-17.00 น. ทุกวัน ประชาชนที่แจ้งเบาะแสจะต้องลงทะเบียนผ่านทั้ง 3 ช่องทาง เพื่อรับคะแนนสะสมแลกของรางวัล เช่น เครื่องเล่นเอ็มพี 3 คอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊ค เป็นต้น เพื่อเป็นการจูงใจ เบื้องต้นจะใช้งบจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลประมาณ 2 ล้านบาท (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 2 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





"วัฒนา" ผุดไอเดียขยายลาคลอดเพิ่ม 9 เดือน

นายวัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยหลังเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอยุทธศาสตร์การพัฒนาเด็กปฐมวัย ตั้งแต่ 0 - 6 ปี วานนี้ (1 ก.พ.) ว่า กระทรวงได้เสนอแผนการขยายระยะเวลาการลาคลอดบุตรของมารดา จาก 3 เดือนออกไปอีก 9 เดือน รวมเป็น 1 ปี โดยหวังให้เกิดความใกล้ชิดระหว่างแม่กับลูก ทั้งนี้ระยะเวลาการลาคลอด 9 เดือนหลัง ทางหน่วยงานต้นสังกัดจะไม่จ่ายเงินเดือนให้ แต่ได้รับสิทธิในการกลับเข้าทำงานได้ตามเดิม ซึ่งจะเริ่มไปศึกษาว่า ควรจะใช้ในหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจก่อน ส่วนภาคเอกชนนั้นคงจะไม่บังคับเพราะอาจจะไปกระทบต่อการกิจการและการลงทุน นอกจากนี้ ยังได้เสนอยุทธศาสตร์ 3 ระดับคือ 1.ระดับของการพัฒนาสังคมและการมีส่วนรวม คือการให้ความรู้กับพ่อแม่ 2.การพัฒนาสถานเลี้ยงเด็กให้มีคุณภาพ 3.เสริมสร้างพัฒนาการด้วยการจัดสร้างห้องสมุดของเล่น โดยที่นายกฯ ได้สั่งการให้ตั้ง 1 อำเภอ 1 ห้องสมุดของเล่น ซึ่งจะใช้สถานที่ในชุมชนเป็นที่ก่อตั้ง คาดว่าจะมีประมาณ 900 กว่าแห่ง ซึ่งนายกฯ ได้มอบหมายให้ไปทำแผนการใช้เงินในงวดแรกจากงบประมาณของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล อย่างไรก็ตาม แต่ละปีที่รัฐบาลจัดสรรงบให้ปีละ 4 แสนทุนหรือ 4,000 ล้านบาท ทว่าในปี 2549 นายกฯได้อนุมัติงบประมาณเพิ่มให้อีก 4 แสนทุน เพิ่มเป็น 8 แสนทุน รวมเป็น 8,000 ล้านบาท ซึ่งในแต่ละปีจะมีงบประมาณเหลืออยู่ประมาณ 10% หากจะนำงบส่วนนี้มาใช้ในการพัฒนาเด็กไทย ก็จะไม่กระทบต่องบประมาณและสามารถทำได้ทันที โดยนายกฯได้ให้เวลา 1 เดือนในการจัดทำแผนงานแล้วนำมาเสนออีกครั้ง (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 2 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215