หัวข้อข่าวปีที่ 7 ฉบับที่ 34 ประจำวันที่ 2006-08-21

ข่าวการศึกษา

สกอ.หนุนมหา’ลัยจัดสอนวิชาสิทธิมนุษยชน
สกอ.จัดเว็บไซต์กลางให้โรงเรียนส่งข้อมูลเด็ก ม.6
ชี้พิจารณาตำแหน่ง อจ.เริ่มมึนตั้งแต่หลักเกณฑ์
เตือนมหา’ลัยเดินทางผิดถ้ามุ่งการค้าจมลืมสังคม
อธิการบดีมหาวิทยาลัย ค้านสกอ.ประกาศจัดอันดับ
สสส.ให้งบ 150 ล้านหนุนทีวีเพื่อการศึกษา
เปิดม่านการศึกษา
สมศ.เผยผลประเมินการศึกษาขั้นพื้นฐานโคม่า
สทศ.กลับลำใช้ระบบตรวจโอเน็ตแบบเอนทรานซ์
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วม ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ สอนการบริหารเงิน
สร้าง “ห้องสมุดบ้านพ่อ” เป็นแหล่งเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง
‘กษมา’มั่นใจใช้ฝีมือพัฒนากลุ่มโรงเรียนอาการโคม่า

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

ตุ๊กตาน้องหมีสมองกลดูแลผู้ป่วยใกล้ชิด
ร่ายรำ
'ประวิช' รับรางวัลบุคคลดีเด่นด้านวิทยาศาสตร์
ม,เชียงใหม่ร่วมขับเคลื่อนธุรกิจนาโนเทค
อุทกภัยซ้ำซากหรือต้องย้ายเมืองหนีน้ำ
เนคเทคหนุนติดไมโครชิพไก่ 900 ล้านตัว
ปลั๊กไฟเสริมอุปกรณ์กันดูด-ช็อต
เปิดตัวซอฟต์แวร์คนไทยค้นไฟล์ในพีซี
วิศวกรคิดจอภาพรุ่นอึด ไม่ติดไฟ-ทนแรงอัดอากาศของรถไฟใต้ดิน
‘ดิจิทัล ทีเค ปาร์ค’ แหล่งเรียนรู้มิติใหม่
เครื่องบินจิ๋วสอดแนม
ใช้ถั่วเหลืองทำเชื้อเพลิงทางเลือกข้อเสีย กินอาหารโลกหมดเปลือง
เปิดตัว“โมบายแลป”คันแรกของโลก
2 นักวิทย์ดีเด่นเผย “ขยัน อดทน ทำงานหนัก” เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ
ถกนักวิทย์ไทยขาดมาตรฐานใช้ "หนูลองยา" ตั้ง "พรบ.สัตว์ทดลอง" ถามหาคุณธรรม

ข่าววิจัย/พัฒนา

มจธ.พัฒนาแขนกลคนเหล็กเพื่อคนพิการ
กระทรวงวิทย์เท 350 ล้านตั้งนิคมวิจัยภาคใต้
สังเคราะห์พิษแมงป่องรักษาเนื้องอก
ลดความอ้วนอาจทำให้เซลลูไลท์แย่ลง
ไบโอเทคสกัดโป๊ยกั๊กทำยาต้านหวัดนก
หุ่นยนต์ชิมไวน์พิสูจน์ของแท้-เทียม
กสท-ลาดกระบังพัฒนาระบบมอนิเตอร์ผ่านมือถือซีดีเอ็มเอ
ระดมสมองพัฒนาวีดิโอเกม เล่นรักษาโรคได้หลากหลาย
หมอเมืองเบียร์ลงความเห็น คาเฟอีนช่วยไม่ให้หัวล้าน
นักวิจัย มทส.ศึกษาวัสดุตัวนำยิ่งยวดคว้ารางวัลนักวิทย์รุ่นใหม่
“ธูปฤาษี” วัชพืชที่บำบัดน้ำเสียได้
กรมโรงงานฯ โชว์เตาเผาขยะอุตสาหกรรมไร้มลพิษแห่งแรกในไทย

ข่าวทั่วไป

เผย 5 ความเครียดหญิงทำงานนอกบ้าน
ถวายแต่งตั้ง “องค์ภา” เป็นข้าราชการอัยการ
เอไอเอสประกวดแต่งเพลงรอสายบนมือถือ
มือถือสิบหลักพร้อมแล้ว ทุกค่ายไม่เกี่ยงลูกค้าอัพเดทเลขใหม่ฟรี
สปสช.ทุ่มพันล้านเพิ่มสิทธิข้าราชการ-ผู้ประกันตน





ข่าวการศึกษา


สกอ.หนุนมหา’ลัยจัดสอนวิชาสิทธิมนุษยชน

ศ. (พิเศษ)ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผศ.ดร.สุทิน นพเกตุ ซึ่งเป็นคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้มาหารือกับตนเกี่ยวกับเรื่องที่อยากจะให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ช่วยผลักดันให้มีการจัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับกระบวนการสิทธิมนุษยชนในระดับอุดมศึกษาให้มากขึ้น รวมทั้งการส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องของสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นกระบวนการที่ถูกต้อง มีรูปแบบการเรียนที่เป็นรายวิชาชัดเจน และเน้นให้มีการศึกษาเรื่องสิทธิมนุษยชนในระดับปริญญาโทที่เป็นการศึกษาลงลึกเพื่อความเข้าใจในเรื่องนี้อย่างดีมากขึ้น ซึ่งทาง สกอ. ก็ยินดีที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยที่ผ่านมาก็มีมหาวิทยาลัยหลายแห่งที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการเรียนการสอนเกี่ยวกับเรื่องของสิทธิมนุษยชนอยู่แล้ว รวมทั้งยังมีโครงการพัฒนาบัณฑิตไทยในอุดมคติที่ สกอ. กำลังดำเนินการอยู่ก็มีการเน้นเรื่องของสิทธิมนุษยชนอยู่แล้วด้วย เพราะเห็นว่าเรื่องของสิทธิมนุษยชนเป็นสิ่งที่ทุกคนควรที่จะรู้ และทำความเข้าใจ อย่างน้อยก็เพื่อเป็นการรักษาสิทธิของตนเอง เลขาธิการ กกอ. กล่าวต่อไปว่า ตนได้มอบหมายให้นางวราภรณ์ สีหนาท ปฏิบัติการผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานและคุณภาพอุดมศึกษา ไปช่วยศึกษาว่าการที่จะนำเรื่องเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนเข้าไปบรรจุไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอนที่เป็นรายวิชาชัดเจนนั้นจะทำได้อย่างไร รวมทั้งเนื้อหาสาระของการเรียนการสอนควรจะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง และจะมีวิธีการดำเนินการกันอย่างไร (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 21 ส.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





สกอ.จัดเว็บไซต์กลางให้โรงเรียนส่งข้อมูลเด็ก ม.6

จากการที่ตัวแทนกลุ่มนักเรียน ม.6 เปิดศูนย์ฮอตไลน์ เพื่อรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการศึกษาทุกเรื่อง โดยเฉพาะปัญหาระบบแอดมิชชั่น และการสอบแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต และแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง หรือเอเน็ต โดยเด็กนักเรียนเรียกร้องให้ผู้รับผิดชอบการจัดการสอบ นำบทเรียนการสอบโอเน็ตและเอเน็ตในปีที่ผ่านมา มาปรับปรุงเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในปี 2550 นั้น ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เปิดเผยว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ก็พยายามที่จะวางแนวทาง มาตรการ เพื่อเตรียมรับมือและแก้ไขปัญหาการสอบโอเน็ตและเอเน็ต โดย สกอ.เสนอให้มีการปฏิบัติการเชิงรุก จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมระหว่าง สกอ., ศธ. และ สทศ. ในลักษณะตั้งเว็บไซต์กลางขึ้น เพื่อเป็นศูนย์ข้อมูลนักเรียน โดยจะเน้นที่นักเรียนชั้น ม.6 ก่อน โดยให้โรงเรียนอัพโหลดข้อมูลทะเบียนราษฎร เลขประจำตัวประชาชน 13 หลักของนักเรียน ม.6 ที่ผ่านมาตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อย แล้วอัพโหลดเข้าเว็บไซต์ หากเราเริ่มต้นดำเนินการตั้งแต่วันนี้การตรวจสอบข้อมูลนักเรียน ก็จะไม่เป็นภาระมากนัก เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ตนจะฝาก รศ.ดร.นริศ ชัยสูตร ว่าที่เลขาธิการ กกอ.ไว้ด้วย สำหรับการรับสมัครสอบวิชาเฉพาะผ่านทางเว็บไซต์ของ สกอ. นั้น เลขาธิการ กกอ. กล่าวว่า จากการรับสมัครวิชาเฉพาะ ตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 17 ส.ค.รวม 3 วันแรก มีผู้สมัครแล้วประมาณ 3,000 คน ซึ่งไม่ปรากฏว่าการสมัครมีปัญหาแต่อย่างใด โดยเห็นได้จากไม่มีการร้องเรียนมาเหมือนปีที่ผ่านมา. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 21 ส.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)





ชี้พิจารณาตำแหน่ง อจ.เริ่มมึนตั้งแต่หลักเกณฑ์

จากการสัมมนาเรื่อง “สภาสถาบันอุดมศึกษากับการพัฒนาอุดมศึกษา” เมื่อเร็ว ๆ นี้ ศ.ดร.พจน์ สะเพียรชัย ประธานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า เรื่องที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) ได้ออกประกาศ ก.พ.อ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธี การพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ (ผศ.) รองศาสตราจารย์ (รศ.) และศาสตราจารย์ (ศ.) พ.ศ. 2549 เพื่อให้อำนาจสภาสถาบันอุดมศึกษาทุกแห่งในการออกข้อบังคับของมหาวิทยาลัย แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่ประกาศใช้ประกาศ ก.พ.อ. ดังกล่าวมาได้ระยะหนึ่ง ทางสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้สำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาและข้อเสนอแนะทำให้พบว่าแต่ละมหาวิทยาลัยมีปัญหาจากการปฏิบัติตามประกาศดังกล่าวในหลายประเด็น โดยเฉพาะความไม่เข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้ง จึงทำให้การปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวมีปัญหาพอสมควร ดังนั้นตนเห็นว่า สกอ. จะต้องเร่งชี้แจงประเด็นต่าง ๆ ให้ชัดเจน ในขณะเดียวกันก็ต้องรับฟังข้อเสนอแนะจากสถาบันอุดมศึกษาเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขประกาศดังกล่าวต่อไป (เดลินิวส์ อังคารที่ 22 ส.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





เตือนมหา’ลัยเดินทางผิดถ้ามุ่งการค้าจมลืมสังคม

จากการอภิปรายทางวิชาการ “มหาวิทยาลัยเพื่อการค้า หรือเพื่อสังคม” เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่คณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ผศ.ดร.อรศรี งามวิทยาพงศ์ อาจารย์สำนักบัณฑิตอาสาสมัคร มธ. กล่าวว่า ถ้าจะเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อสังคมจะต้องจัดการศึกษาในหลักสูตรที่รัฐไม่อยากให้ประชาชนได้เรียน เช่น วัฒนธรรมอำนาจนิยม บริโภคนิยม หลักสูตรอารยะขัดขืน หรือเรียนรู้การประท้วงรัฐในรูปแบบที่สุภาพ เป็นต้น ส่วนการที่มหาวิทยาลัยจะออกนอกระบบก็จะต้องไม่มุ่งเพื่อการค้าแต่เพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้รู้อื่น ๆ เช่น ปราชญ์ชาวบ้าน ได้มีส่วนร่วมแสดงบทบาทการให้ความรู้ นายพิภพ ธงไชย กรรมการเลขานุการ มูลนิธิเด็ก กล่าวว่า เมื่อมีการเปิดให้มหาวิทยาลัยต่างประเทศเข้ามาเปิดในไทย มหาวิทยาลัยของไทยก็มุ่งแต่จะแข่งขันปรับการศึกษาเป็นการค้า จึงไม่แปลกที่มหาวิทยาลัยจะมีหน้าที่ขายวิชา เปิดหลักสูตรหลากหลายให้เลือกสรร แต่ไม่ใช่การศึกษาเพื่อความรู้ แต่เป็นการศึกษาเพื่อใช้ในการเลื่อนฐานะทางสังคมเท่านั้น อีกทั้งยังคำนึงถึงความคุ้มทุน ถ้าเทอมไหนมีนักศึกษาน้อยก็ปิดหลักสูตรเพราะไม่คุ้ม แต่ไม่ได้มองการศึกษาเพื่อบริการสังคม และเปลี่ยนบทบาทอาจารย์จากผู้คงแก่เรียนเป็นผู้ประกอบการทางวิชาการ เท่านั้น (เดลินิวส์ อังคารที่ 22 ส.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





อธิการบดีมหาวิทยาลัย ค้านสกอ.ประกาศจัดอันดับ

ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) จะประกาศผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยไทย 50 อันดับ ในวันที่ 31 ส.ค. นั้น ทางศ.ดร.สุชาติ อุปถัมภ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยบูรพา(มบ.) กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่า สกอ.จะประกาศผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัย แต่มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่เห็นว่า ยังไม่ควรที่จะประกาศผลการจัดอันดับตอนนี้ เพราะเกณฑ์การจัดอันดับหลายเกณฑ์ยังไม่ชัดเจน เช่น การประเมินผลงานวิจัย งานวิจัยที่ต้องตีพิมพ์ และเท่าที่ทราบสกอ.ยังไม่มีการบรรจุวารสารทางด้านสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์เข้าไปในฐานข้อมูล มหาวิทยาลัยที่เน้นทางด้านสังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์จะเสียเปรียบตรงนี้ "ยอมรับว่าในอนาคตเราไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการจัดอันดับได้ แต่ตอนนี้ทางสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(สมศ.) เพิ่งเข้ามาประเมินมหาวิทยาลัย โดยเน้นประเมินตามคุณภาพเกณฑ์ขั้นต่ำ ทั้งยังแบ่งกลุ่มการประเมินเป็น 4 กลุ่มคือ มหาวิทยาลัยกลุ่มผลิตบัณฑิตกับการวิจัย กลุ่มผลิตบัณฑิตและบริการวิชาการ กลุ่มผลิตบัณฑิตและศิลปวัฒนธรรม และกลุ่มผลิตบัณฑิต ดังนั้น เราน่าจะไปดูผลการประเมินของสมศ. ก่อนว่ากลุ่มใดอยู่ตรงไหน และเปิดโอกาสให้มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งได้ปรับปรุงและพัฒนาตนเองก่อน ถึงค่อยมาประกาศผลการจัดอันดับ" อธิการบดีมหาวิทยาลัยบูรพา กล่าว (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 22 ส.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





สสส.ให้งบ 150 ล้านหนุนทีวีเพื่อการศึกษา

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) มีโครงการโทรทัศน์เพื่อการศึกษา หรือ ETV ซึ่งเป็นโครงการที่จัดทำขึ้นเพื่อให้โรงเรียน และ ครอบครัว ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารในแวดวงการศึกษา เพราะปัจจุบัน ETV ได้ผลิตรายการที่เป็นประโยชน์ต่อเด็ก เยาวชนและครอบครัวเป็นจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมา ETV ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 50 ล้านบาท จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเตรียมจะสนับสนุนงบประมาณเพิ่มให้อีกจำนวน 30 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการประชาสัมพันธ์ภารกิจและงานด้านการศึกษาด้วย "สสส.ยังจะมอบงบประมาณสนับสนุนให้กับ ETV เพิ่มเติมอีกจำนวน 150 ล้านบาท โดยได้มอบหมายให้ ดร.จรวยพร ธรณินทร์ ว่าที่ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นเจ้าภาพหลักในการร่วมกันประชุมหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้วงการศึกษาได้ใช้ประโยชน์จาก ETV อย่างเต็มที่ โดยได้กำชับให้ไปช่วยกันคิดเรื่องการเพิ่มอุปกรณ์ติดตั้ง เพื่อทำให้โรงเรียนต่างๆ สามารถรับสัญญานของ ETV ได้จนสามารถเปิดดูรายการต่างๆ ของ ETV ได้อย่างทั่วถึง อีกทั้งได้มอบหมายให้ร่วมกันคิดหาแนวทางในการเชิญชวนให้โรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศหันมาใช้ ETV เพราะปัจจุบันพบว่าโรงเรียนมีการใช้น้อยมาก ทั้ง ๆ ที่คุณภาพของรายการใน ETV ได้ทำการพัฒนาดีขึ้นมากแล้ว" (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 22 ส.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





เปิดม่านการศึกษา

การจัดการศึกษาแบบไม่ลืม "รากเหง้า" ของประเทศเวียดนาม ยึด "ลุงโฮว์" เป็นต้นแบบคุณธรรมจริยธรรมเด่น กำลังออกดอกผลงดงามยิ่ง นัยว่าเด็กเวียดนามทุกคนต้องได้เรียนรู้ วิชาประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ของตัวเอง ทุกแง่ ทุกมุม เพื่อไม่ให้อนุชนรุ่นหลังลืมประวัติศาสตร์การต่อสู้อันยาวนาน แถมทุกระดับการศึกษายังเน้นให้สอบวิชาประวัติศาสตร์ด้วย อย่างน้อยเด็กที่จะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยต้องได้ทำข้อสอบวิชาประวัติศาสตร์ชาติเวียดนาม 1 ข้อ รู้มาบอกต่อๆ ที่สำคัญทุกรัฐบาลที่ผ่านมา รวมทั้ง "นายเหงียน ตัน ดุง" นายกรัฐมนตรีหนุ่มใหญ่วัย 56 ปี ของเวียดนามคนปัจจุบัน ล้วนให้ความสำคัญกับการพัฒนางานด้านการศึกษา และการศึกษาเป็นหนึ่งใน 5 นโยบายหลักในการพัฒนาประเทศ ช่างแตกต่างจากประเทศไทย ราวฟ้ากับเหว ไม่รู้คนไทยต้องรอคอยอีกกี่ปี รัฐบาลไทยถึงจะให้ความสำคัญกับการ "พัฒนาการศึกษาของชาติ" อย่างจริงจังและจริงใจ แทน "ลมปาก" เสียที (คมชัดลึก พุธที่ 23 ส.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)





สมศ.เผยผลประเมินการศึกษาขั้นพื้นฐานโคม่า

ศ.ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(สมศ.) เปิดเผยว่า จากการที่สมศ.ได้ทำการประเมินคุณภาพภายนอกสถานศึกษา ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน รอบแรก พ.ศ. 2544-2548 จำนวน 30,010 แห่ง ขณะนี้ได้มีการสรุปผลการสังเคราะห์การประเมินคุณภาพภายนอกสถานศึกษาในระดับดังกล่าวแล้ว ซึ่งผลการประเมินได้ตอกย้ำถึงวิกฤติคุณภาพของการศึกษาไทยมากยิ่งขึ้น เพราะพบว่ามีสถานศึกษาประมาณ 2 ใน 3 ของสถานศึกษาที่ได้รับการประเมินคุณภาพรอบแรก หรือประมาณกว่า 20,000 แห่ง ที่มีแนวโน้มไม่ได้มาตรฐานขั้นต่ำ โดยน่าจะเรียกได้ว่าเข้าขั้นโคม่า หรือเป็นโรงเรียน ICU ถึงกว่า 15,000 แห่ง ซึ่งโรงเรียนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นสถานศึกษาขนาดเล็กของรัฐที่อยู่ในชนบท ที่ขาดความเป็นอิสระและความคล่องตัวในการบริหาร เป็นโรงเรียนที่ถูกทอดทิ้งอย่างเป็นระบบ อีกทั้งมีปัญหาขาดแคลนครูทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ แม้แต่ผู้บริหารถึงแม้จะผ่านมาตรฐานทางด้านภาวะผู้นำและการบริหารทั่วไป แต่ฝีมือในการบริหารวิชาการและการประกันคุณภาพภายในก็ยังไม่ได้มาตรฐาน (เดลินิวส์ พุธที่ 23 ส.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





สทศ.กลับลำใช้ระบบตรวจโอเน็ตแบบเอนทรานซ์

.(พิเศษ)ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.)ว่า ที่ประชุมได้รายงานความคืบหน้าการเตรียมการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐานหรือโอเน็ต ที่ดำเนินการไปในระดับหนึ่งแล้ว ทั้งการตั้งคณะกรรมการชุดต่าง ๆ เพื่อมาดูแลการทำงานอย่างใกล้ชิด เช่น การออกข้อสอบจะมีแนวทางการออกข้อสอบไม่ต่างจากปีที่ผ่านมา และเนื้อหาครบคลุมและอยู่ในหลักสูตรทั้งหมด เป็นต้น รวมทั้งได้ยืนยันปฏิทินสอบโอเน็ตตามกำหนดเดิมคือวันที่ 24-25 ก.พ. และที่ประชุมยังมีมติปรับเปลี่ยนระบบวิธีการตรวจข้อสอบโอเน็ต จาก ระบบOCR ที่สทศ.ใช้มาเป็นระบบ OMR และใช้ดินสอดำ 2 Bในการฝนกระดาษคำตอบเหมือนกับการตรวจข้อสอบเอนทรานซ์ เนื่องจากระบบOMR จะเกิดข้อผิดพลาดน้อยกว่าระบบOCR โดย สกอ.จะให้ สทศ.ยืมเครื่องตรวจระบบ OMR นอกจากนี้ ตนยังได้กำชับให้เร่งจัดสถานที่และที่นั่งสอบโอเน็ตให้เสร็จโดยเร็ว ที่สำคัญเมื่อจัดแล้วไม่ควรเปลี่ยนแปลงอีกเพราะจะทำให้สับสน และต้องส่งข้อมูลดังกล่าวไปให้โรงเรียนเพื่อแจ้งให้เด็กรับทราบอีกทางเพิ่มเติมจากการเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 24 ส.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วม ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ สอนการบริหารเงิน

นายพันธ์ศักดิ์ เวชอนุรักษ์ ประธานระบบการศึกษาตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าในวันนี้ (12 กรกฎาคม 2549) ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการ University Networking กับมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ อันเป็นการขยายความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สถานศึกษาเป็นศูนย์กลางการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจไปยังบุคลากร นักศึกษา รวมถึงประชาชนในชุมชนใกล้เคียง สร้างฐานประชากรที่มีทักษะการบริหารการเงินที่ดีต่อไปในอนาคต “ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์มาตั้งแต่ปี 2548 โดยได้ติดตั้งมุมความรู้ตลาดทุน (SET Corner) ที่ศูนย์สารสนเทศและหอสมุดในเดือนมีนาคม 2548 ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทีมบรรณารักษ์และนักศึกษาระดับปริญญาตรี ได้รับรางวัลชมเชยจากการประกวดแผนงานพัฒนาห้องสมุดให้เป็น “ห้องสมุดในฝัน” สำหรับสถานศึกษาและชุมชน การลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกันครั้งนี้ จะต่อยอดให้เกิดความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เพื่อขยายฐานความรู้ความเข้าใจไปยังประชาชนมากขึ้น ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำที่มุ่งมั่นพัฒนาความเป็นเลิศทางวิชาการ และการพัฒนาสังคม” (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 24 ส.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





สร้าง “ห้องสมุดบ้านพ่อ” เป็นแหล่งเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง

นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน (ศนจ.) จังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ศนจ.ฉะเชิงเทรา ดำเนินงานจัดสร้าง “ห้องสมุดบ้านพ่อ” ซึ่งเป็นโครงการที่สนองแนวทฤษฎีใหม่และแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และความรู้ที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนภาคกลาง เพื่อใช้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับประชาชนทั่วไป นักเรียน นักศึกษา ได้ใช้เป็นที่ศึกษาค้นคว้าหาความรู้เรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งการสร้างนำมาจากต้นแบบหนังสือบ้านพ่อที่จัดพิมพ์ออกเผยแพร่ และสำนักพระราชวังได้จัดทำบ้านพ่อขึ้นเป็นตัวอย่าง แต่ไม่ได้ทำเป็นลักษณะห้องสมุด ศนจ.ฉะเชิงเทรา จึงนำเอาแนวคิดบ้านพ่อที่สวนจิตรลดา มาสร้างเป็นห้องสมุดบ้านพ่อ เป็นแหล่งรวมองค์ความรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง และโครงการต่าง ๆ ในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ โดยจำลองเนื้อหาจากหนังสือบ้านพ่อ เป็นรูปแบบการจัดการเกษตรทฤษฎีใหม่ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 24 ส.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





‘กษมา’มั่นใจใช้ฝีมือพัฒนากลุ่มโรงเรียนอาการโคม่า

ตามที่สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เปิดเผยผลการประเมินคุณภาพสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน รอบแรก (ปี 2544-2548) ซึ่งพบว่ามีโรงเรียนกว่า 20,000 โรงที่ไม่ได้มาตรฐานขั้นต่ำ โดยในจำนวนนี้อยู่ในขั้นโคม่าอาการหนักกว่า 15,000 โรงนั้น นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ตนได้มอบหมายให้คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดศธ.ประสานกับ สมศ.เพื่อขอรายละเอียดผลการประเมินแล้ว เพราะขณะนี้ตัวเลขโรงเรียนที่อยู่ในขั้นโคม่ายังไม่ชัดเจน เนื่องจากก่อนหน้านี้บอกว่ามีประมาณ 500 โรง แต่ครั้งนี้กลับบอกว่ามีถึง 15,000 โรง นายจาตุรนต์ กล่าวต่อไปว่า ข้อเสนอของ สมศ.ที่จะให้ตั้งองค์การมหาชนเพื่อดูแลโรงเรียนโคม่านั้น ตนยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นประโยชน์หรือไม่ เพราะขณะนี้บางองค์การมหาชนยังต้องตามแก้ปัญหาอยู่ และบางองค์การก็ขาดการติดต่อกับ ศธ. แต่สำหรับข้อเสนอเรื่องการจัดตั้งกองทุนพัฒนาคุณภาพการศึกษา และการเพิ่มจำนวนเขตพื้นที่การศึกษาจาก 175 เขต เป็น 295 เขต ซึ่งต้องใช้บุคลากรเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และต้องใช้เงินเพิ่มอีกมหาศาลนั้น ตนเห็นด้วยว่าควรจะดำเนินการ แต่ที่ผ่านมายังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องใช้เงินมาก แต่ขณะนี้ก็ยังไม่มีเงิน ดังนั้นข้อเสนอทั้ง 2 เรื่องน่าจะมีข้อจำกัดทางงบประมาณจนไม่สามารถทำตามได้ถึงแม้จะเป็นข้อเสนอที่ดีก็ตาม (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 24 ส.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


ตุ๊กตาน้องหมีสมองกลดูแลผู้ป่วยใกล้ชิด

นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันชั้นนำในสหรัฐ ปิ๊งไอเดียการใช้สัตว์เลี้ยงมาอยู่เป็นเพื่อนผู้ป่วย พัฒนาหุ่นยนต์ตุ๊กตาหมีแสนรู้มาเป็นเพื่อนคอยดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาล หรือผู้ป่วยที่พักฟื้นอยู่บ้านโดยไม่ต้องกังวลว่าผู้ป่วยจะแพ้ขนสัตว์ โดนกัด และไม่ต้องเสียเวลาดูแล เจ้าหมีน้อยสมองกลนี้มีชื่อว่า "ฮักเกเบิล" ออกแบบโดยนักวิจัยจากเอ็มไอที ดูเผินๆ แล้วไม่ต่างจากตุ๊กตาหมีทั่วไป แต่ความจริงมันซุกเอาอุปกรณ์ไฮเทคไว้ข้างในหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งรอบตัว มอเตอร์ ไมโครโฟน กล้องวิดีโอ ซอฟต์แวร์ และเทคนิคการติดต่อสื่อสารแบบไร้สายสำหรับรับคำสั่งจากมนุษย์ นอกจากนี้ หมีน้อยยังถูกออกแบบมาเพื่อคอยดูแลผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเรียกพยาบาล หรือคนดูแลเมื่อผู้ป่วยต้องการความช่วยเหลือ หรือต้องได้รับการดูแลรักษาในระยะยาวอย่างใกล้ชิด ตลอดจนสามารถเก็บข้อมูลจากผู้ป่วยเพื่อให้เกิดความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ดียิ่งขึ้น ตุ๊กตาหมีต้นแบบตัวแรกที่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 3 เดือนข้างหน้า จะมีเซ็นเซอร์มากกว่า 1,000 ตัวติดตั้งอยู่ภายใต้ขนนุ่มนิ่มและผิวที่ทำจากยาง เซ็นเซอร์เหล่านี้ประกอบด้วย ตัวตรวจจับอุณหภูมิ สนามไฟฟ้า แรงกด โดยทั้งหมดจะทำงานร่วมกันเพื่อตรวจเช็คสภาพร่างกายของผู้ป่วย และสำเหนียกรู้ว่ามันกำลังถูกลูบไล้ขน เกา ตบเบาๆ หรือถูกกอดอยู่ กล้องที่ซ่อนอยู่ภายในตาจะใช้ในการตรวจดูรอบๆ ห้อง และยังมีเทคโนโลยีการจดจำใบหน้าสำหรับตรวจสอบผู้คนที่รู้จักมักคุ้น ไมโครโฟนที่ฝังอยู่ในหูจะช่วยฟังและหาทิศทางของเสียง ถ้ามันเจอใบหน้าที่รู้จัก มันก็จะยักคิ้วพร้อมกับกล่าวคำทักทาย และเมื่อถูกแกว่งไปมา หมีน้อยก็จะแสดงทีท่ามีความสุข หรือเมื่อถูกกอด เจ้าหมีน้อยก็จะกอดตอบ หุ่นยนต์หมีน้อยสมองกลถูกออกแบบให้ทำงานร่วมกับคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ในสถานีพยาบาล ซึ่งภาพจากวิดีโอ เสียง และข้อมูลอื่นๆ ที่เซ็นเซอร์หุ่นยนต์ตุ๊กตาหมีบันทึกไว้ จะคอยแจ้งเจ้าหน้าที่พยาบาลได้ทันเมื่อมีปัญหา (คมชัดลึก จันทร์ที่ 21 ส.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)





ร่ายรำ

หุ่นยนต์เลียนมนุษย์ "วะบอท" (Wabot) มีความสูง 35 เซนติเมตร หนัก 1.3 กิโลกรัม สามารถยกแขน-ขา ร่ายรำในท่าต่าง ๆ ตามประเพณีของคนญี่ปุ่นได้อย่างคล่องแคล่ว เพราะถูกออกแบบให้มีข้อต่อตามส่วนต่าง ๆ เพื่อช่วยในการเคลื่อนไหว และสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการศึกษา พัฒนาโดย บริษัท Japan' iXs Research (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 21 ส.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





'ประวิช' รับรางวัลบุคคลดีเด่นด้านวิทยาศาสตร์

นางลัดดา หงส์ลดารมภ์ โฆษกกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ สมาคมช่างภาพสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย และมูลนิธิช่างภาพสื่อมวลชน ได้จัดให้มีการมอบรางวัลบุคคลดีเด่นในสายตาช่างภาพสื่อมวลชน ประจำปี 2549 ขึ้น โดยพิจารณาจากบุคคลที่ประกอบคุณงามความดีให้แก่ประเทศชาติ มีความเป็นกันเองกับช่างภาพสื่อมวลชน ปรากฏว่า ดร.ประวิช รัตนเพียร รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ได้รับการคัดเลือกให้ได้รับรางวัลดังกล่าว โดยสมาคมให้เหตุผลว่า ดร.ประวิช เป็นผู้จุดประกายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีผ่านสื่อสารมวลชน ทำให้เยาวชนเกิดความสนใจและมีความตื่นตัวด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากขึ้น ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล โฆษก วท.กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น เป็นเรื่องที่น่ายินดีว่า สถาบันนานาชาติเพื่อการจัดการ (International Institute for Management Development) ได้จัดทำและวิเคราะห์ข้อมูลรวมทั้งจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่างๆ ทั่วโลก 61 ประเทศ/กลุ่มเศรษฐกิจ ในปี 2549 พบว่า โครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย อยู่ในลำดับที่ 53 ดีขึ้นกว่าปี 2548 ที่อยู่ในลำดับ 56 ปัจจัยที่ดีขึ้น มาจากความสนใจของเด็กต่อวิทยาศาสตร์ งานวิจัยพื้นฐาน จำนวนสิทธิบัตรที่มีการบังคับใช้ จำนวนบทความวิทยาศาสตร์ที่ตีพิมพ์ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ในโรงเรียน สภาพแวดล้อมทางกฎหมายที่เอื้ออำนวยต่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ จำนวนนักวิจัย แต่อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย ยังอยู่ที่ค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา โดยเฉพาะภาคเอกชน จำนวนนักวิจัย ที่ปัจจุบันมี จำนวน 42,380 คน ขณะที่ค่าเฉลี่ยควรอยู่ที่ 120,350 คน จำนวนสิทธิบัตรที่ให้แก่คนในประเทศ เป็นต้น. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 21 ส.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)





ม,เชียงใหม่ร่วมขับเคลื่อนธุรกิจนาโนเทค

นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้นำเสนอผลงานวิจัยและพัฒนาทางด้านนาโนเทคโนโลยี ที่สามารถนำไปใช้งานเพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ทางด้านการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโมเลกุลขนาดเล็กที่ใช้นำยาเข้าถึงเป้าหมายในร่างกาย ซึ่งเป็นหัวข้อที่นักวิจัยต่างประเทศกำลังให้ความสำคัญอย่างมากในการโจมตีเซลล์มะเร็ง โดยไม่ส่งผลต่อเซลล์ปกติบริเวณใกล้เคียง "เทคโนโลยีนาโนถือเป็นเทคโนโลยีที่น่าที่สนใจเช่นเดียวกับเทคโนโลยีชีวภาพ โดยทั้งสองเทคโนโลยีเป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ในปัจจุบันมีการนำทั้งเทคโนโลยีชีวภาพและเทคโนโลยีนาโนมาใช้เกือบทุกๆ ด้าน รวมทั้งยา เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ" นาโนเทคโนโลยีเป็นเทคโนโลยีแห่งการผลิตในอนาคต เพราะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกอุตสาหกรรม นอกจากนั้นเทคโนโลยีนาโนยังช่วยให้มีการค้นพบวัสดุใหม่ที่มีคุณสมบัติพิเศษซึ่งเป็นรากฐานของอุตสาหกรรมการผลิตที่ไม่เคยมีมาก่อน และยังช่วยยกระดับหรือเพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรมให้ดีขึ้นเทียบเท่าในระดับสากล (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 21 ส.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





อุทกภัยซ้ำซากหรือต้องย้ายเมืองหนีน้ำ

ศูนย์วิจัยภัยธรรมชาติ วิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย รังสิต ได้พัฒนาและมี Software ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จึงได้ศึกษาพฤติกรรมน้ำท่วมครั้งใหญ่ในประเทศหลายเหตุการณ์ ตัวอย่างของแบบจำลองน้ำท่วมหาดใหญ่ปี พ.ศ. 2543 เราสามารถที่จะหาแนวทางป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยใช้มาตรการสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ด้วยพระปรีชาสามารถจึงมีพระราชดำริให้ขุดคลอง ร.1 ซึ่งนับเป็นหัวใจของการแก้ปัญหาในครั้งนั้น ซึ่งผู้เขียนได้ประเมินประสิทธิผลของคลองพบว่าสามารถเร่งการระบายน้ำออกจากเมืองได้อย่างน้อย 100 ล้านลูกบาศก์เมตร ภายในเวลา 3 วัน ของเหตุการณ์น้ำท่วม ในขณะที่พื้นที่สภาพคลองเดิมไม่สามารถระบายน้ำได้ แต่กลับถูกดันกลับในช่วงระดับทะเลสูง รวมปริมาณน้ำในพื้นที่กว่า 600 ล้านลูกบาศก์เมตร ในขณะเดียวกันการใช้สิ่งก่อสร้างประเภทคันกั้นน้ำ แม้ว่าจะช่วยปกป้องพื้นที่ขึ้นในเขตเทศบาลเมืองหาดใหญ่ แต่กลับส่งผลกระทบต่อพื้นที่นอกคันกั้นน้ำและบริเวณท้ายน้ำรอบคันดิน จึงเกิดปัญหาของสังคมตามมาระหว่างคนในเมืองและคนนอกเมือง นอกจากนี้ประเด็นสำคัญ การสร้างคันกั้นน้ำด้านเหนือน้ำจะส่งผลให้พื้นที่ท้ายน้ำเผชิญกับความเสี่ยงมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น กรณีพื้นที่กรุงเทพมหานครและสมุทรปราการ ซึ่งหากชุมชนเหนือน้ำตั้งแต่จังหวัดชัยนาทลงมาถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีการสร้างคันกั้นน้ำจะส่งผลกระทบที่รุนแรงและถึงขั้นวิกฤติกับพื้นที่กรุงเทพฯและสมุทรปราการ กล่าวคือ ระบบป้องกันที่เคยออกแบบไว้ที่คาบย้อนกลับ 100 ปี จะกลายเป็น 10 ปี นั่นหมายถึงว่ากรุงเทพฯ และสมุทร ปราการอาจต้องเผชิญกับเหตุการณ์คล้าย ๆ กับน้ำท่วมปี พ.ศ. 2538 ใน ทุก ๆ 10 ปี ก็เป็นไปได้ ดังนั้นทุกฝ่ายจึงต้องหันหน้าเข้าหากันแก้ปัญหาร่วมกันอย่างจริงจังและเร่งด่วน ก่อนที่เราจะต้องย้ายเมืองหลวงหนีน้ำในอนาคต. (เดลินิวส์ อังคารที่ 22 ส.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





เนคเทคหนุนติดไมโครชิพไก่ 900 ล้านตัว

ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวในการสัมมนาเรื่อง ระบบระบุรหัสประจำตัวสัตว์ และการลงทะเบียนสัตว์ด้วยไมโครชิพอาร์เอฟไอดี ว่า เนคเทคร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้พัฒนารหัสมาตรฐานประจำตัวของสัตว์ทั่วประเทศเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นเลขรหัส 9 หลักตามมาตรฐานสากล จากนั้นจะดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการนำรหัสดังกล่าวมาใช้งานในลักษณะโครงการนำร่อง ทั้งการวางระบบ การตรวจสอบ ความคุ้มค่าต่อการลงทุน และระบบความปลอดภัย คาดว่าการศึกษาจะแล้วเสร็จใน 3 เดือน เพื่อส่งต่อให้กรมปศุสัตว์ดำเนินการส่งเสริมให้มีการใช้งานจริงต่อไป "การใช้งานระบบนี้อาจจะต้องลงทุนติดตั้งอุปกรณ์ปลายทาง อาทิ ชิพอาร์เอฟไอดี เครื่องอ่าน รวมถึงซอฟต์แวร์จัดเก็บข้อมูล แต่ถือเป็นวิธีที่สะดวก และคุ้มค่าต่อการลงทุน สำหรับผู้ส่งออกรายใหญ่ที่ต้องการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าต่างประเทศ โดยมีความพร้อมที่จะให้บริการตรวจสอบย้อนกลับถึงที่มาของสินค้าได้ทันที (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 22 ส.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





ปลั๊กไฟเสริมอุปกรณ์กันดูด-ช็อต

เยาวชนนักประดิษฐ์ไทย ส่งผลงานสิ่งประดิษฐ์คว้าเหรียญเงิน จากเวทีนานาชาติ ที่ประเทศเกาหลี โดยคิดค้นปลั๊กไฟกันไฟฟ้าดูด ช็อต เนื่องจากกระแสไฟฟ้ารั่วและลัดวงจรเหตุจากน้ำเข้าปลั๊ก ทั้งยังป้องกันเด็กนำลวด เข็ม คลิป แหย่เต้ารับโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ นายธวัชชัย ไร่ดี นักศึกษาจากสถาบันชัยภูมิบริหารธุรกิจ จ.ชัยภูมิ เจ้าของสิ่งประดิษฐ์เต้ารับกันไฟฟ้ารั่วและเต้าเสียบกันน้ำ กล่าวว่า เต้ารับที่พัฒนาขึ้นสามารถป้องกันการเกิดกระแสไฟฟ้าช็อต ไฟฟ้ารั่ว ได้ทุกกรณี เช่น อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าชำรุดทำให้เกิดกระแสไฟฟ้ารั่ว เด็กนำสื่อไฟฟ้าไปแหย่ปลั๊กไฟโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทั้งยังปรับปรุงเพิ่มเป็นเต้าเสียบกันน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรด้วย (คมชัดลึก พุธที่ 23 ส.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)





เปิดตัวซอฟต์แวร์คนไทยค้นไฟล์ในพีซี

นายสรณะ ทัศนสันติ์ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไทยเควสท์ จำกัด กล่าวว่า โปรแกรมไทยเควสท์เดสก์ท็อป (ThaiQuest Desktop) ช่วยให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถสืบค้นข้อมูลไฟล์ภายในฮาร์ดดิสก์ของเครื่องได้ดียิ่งขึ้น สามารถสืบหาชื่อไฟล์ และข้อมูลทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษลึกถึงภายในเนื้อไฟล์ของเอกสารต่างๆ ทั้งไฟล์เอกสารชนิดต่างๆ รวมถึงไฟล์เพลง วิดีโอ ภาพ และอีเมลจากโปรแกรมเอาท์ลุค ที่ค้นได้ถึงเอกสารแนบในจดหมารยอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีเมล จุดเด่นของโปรแกรมตัวนี้อยู่ที่ความสามารถในการสืบหาไฟล์ภาษาไทย โดยโปรแกรมมีความสามารถในการตัดคำได้ดีกว่า ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้จากการค้นหาแม่นยำมากขึ้น โปรแกรมดังกล่าวได้เปิดให้ดาวน์โหลดใช้งานได้ฟรีที่ http://desktop.thaiquest.com/ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้ได้รู้จักและสร้างความคุ้นเคยการใช้โปรแกรม ก่อนขยายผลต่อยอดสู่การใช้งานระดับองค์กร (คมชัดลึก พุธที่ 23 ส.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)





วิศวกรคิดจอภาพรุ่นอึด ไม่ติดไฟ-ทนแรงอัดอากาศของรถไฟใต้ดิน

นายพรอนันต์ อุดมถาวรสุข ผู้จัดการโครงการพัฒนาจอแอลอีดี บริษัทเอ็กซ์ทรีม พลัส จำกัด (Extreme Plus) กล่าวว่า บริษัทได้ออกแบบและพัฒนาสื่อโฆษณารูปแบบใหม่ สำหรับติดตั้งและใช้งานสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งมีลักษณะคล้ายอุโมงค์ลม จะเกิดแรงอัดอากาศและการสั่นสะเทือนรุนแรงขณะที่รถไฟฟ้าวิ่งผ่านด้วยความเร็วสูง ดังนั้น สื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่ออกแบบต้องไม่ลุกไหม้จากการสะสมความร้อน และทนต่อแรงสั่นสะเทือน สื่อโฆษณารูปแบบใหม่ดังกล่าวมีส่วนประกอบหลักคือ จอฟิล์มรับภาพ ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษในการจับแสงให้ปรากฏบนพื้นผิว จะติดกับกระจกประตูสถานีทั้ง 18 สถานี จำนวน 108 จอ เครื่องโปรเจคเตอร์หรือเครื่องฉายภาพ เครื่องเล่นและระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับตำแหน่งรถไฟฟ้า ติดตั้งลึกเข้าไปในอุโมงค์ 60 เมตร จากประตูสถานี เซ็นเซอร์จะส่งข้อมูลไปยังเครื่องเล่น ซึ่งจะสั่งให้โปรเจคเตอร์แสดงภาพเมื่อรถไฟวิ่งเข้าสถานี พร้อมกับข้อความ "The Train is Approching" ขึ้นบนจอภาพ และเมื่อรถไฟออกจากสถานี จอภาพก็จะกลับมาแสดงภาพโฆษณาตามปกติ สำหรับข้อมูลที่นำมาฉายจะถูกจัดเก็บไว้ที่เครื่องเล่น จากนั้นจะส่งข้อมูลทั้งภาพและเสียงไปยังโปรเจคเตอร์เพื่อฉาย นอกจากนี้ทีมงานยังได้พัฒนาระบบเชื่อมต่อเครือข่ายและซอฟต์แวร์บริหารข้อมูล ซึ่งเป็นรายการของสถานีโทรทัศน์ อาศัยอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงส่งผ่านข้อมูลจากอาคารชินวัตร 3 มายังห้องควบคุมในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินพร้อมๆ กันทุกสถานี (คมชัดลึก พุธที่ 23 ส.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)





‘ดิจิทัล ทีเค ปาร์ค’ แหล่งเรียนรู้มิติใหม่

ดร.สิริกร มณีรินทร์ ประธานกรรมการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ กล่าวว่า เพื่อให้เยาวชนที่อยู่ห่างไกลมีโอกาสสัมผัสกับอุทยาน การเรียนรู้ หรือ ทีเค ปาร์ค จึงได้จัดทำโครงการ “ดิจิทัล ทีเค ปาร์ค” โดยรวบรวมเนื้อหา สื่อ การเรียนการสอน ไว้ในเว็บไซต์ www.tkpark. or.th เสมือนเป็นทีเค ปาร์ค บนโลกไซเบอร์ ซึ่งประกอบด้วย 4 เนื้อหาใหม่ ได้แก่ อุทยาน การเรียนรู้เสมือน ซึ่งจำลองการดำเนินงานของอุทยานการเรียนรู้, ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ ให้บริการหนังสือออนไลน์, เรียนรู้ดูวีดิทัศน์ นำเสนอเนื้อหาในรูปแบบสื่อมัลติมีเดีย และชุมชน ออนไลน์ เป็นช่องทางในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น สำหรับช่วงแรกห้องสมุดอิเล็กทรอ นิกส์ มีหนังสือให้ยืมและอ่านกว่า 6,000 เล่ม ทั้งหนังสือวิชาการ การ์ตูน นวนิยาย ภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ จาก 3 แหล่งที่มา ได้แก่ สำนักพิมพ์ออนไลน์ Netlibrary หนังสืออิเล็ก ทรอนิกส์ภาษาอังกฤษกว่า 5,000 เล่ม, สำนักพิมพ์ออนไลน์ Tumblebooks หนังสืออิเล็ก ทรอนิกส์ออนไลน์ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน และรัสเซีย รวมทั้งหนังสือที่ทีเค ปาร์คดำเนิน การซื้อและจัดทำเอง (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 24 ส.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





เครื่องบินจิ๋วสอดแนม

เครื่องบินจิ๋วสอดแนม “แอร์โรบอท” AirRobot เครื่องบินสอดแนมซึ่งติดตั้งกล้องถ่ายรูปและวิดีโอเพื่อเก็บภาพ มีจีพีเอสอุปกรณ์ นำทางโดยสามารถบอกระยะทางของวัตถุที่พบได้ มีน้ำหนัก 1 กิโลกรัม ออกแบบโดยเยอรมนี ซึ่งการทดสอบครั้งนี้จะช่วยในการค้นหาและช่วยเหลือองค์กรทั้งในส่วนของภาครัฐและหน่วยงานภายนอก (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 24 ส.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





ใช้ถั่วเหลืองทำเชื้อเพลิงทางเลือกข้อเสีย กินอาหารโลกหมดเปลือง

นักวิทยาศาสตร์ชักชวนให้พยายามค้นคว้าหาพลังงานทางเลือกทางอื่นอีกต่อไป เพราะแม้จะพบแล้วว่า พลังงานทางเลือกที่ผลิตจากพืช เช่น ข้าวโพด และถั่วเหลืองจะใช้ได้ แต่ก็เสียตรงที่ทำให้อาหารของชาวโลกต้องหมดเปลืองลงไป คณะนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยมินเนโซตา และเซนต์ โอลาฟ คอลเลจ ของสหรัฐฯ รายงานผลการศึกษาเรื่องนี้ ในวารสารทางวิชาการ ของสมาคมวิทยาศาสตร์อเมริกันว่า พลังงานที่ได้จากที่ใช้ถั่วเหลืองเป็นเชื้อเพลิง มีประสิทธิภาพเหนือกว่าที่ได้จากการใช้ข้าวโพด “ในบรรดาเชื้อเพลิงชีวภาพด้วยกัน น้ำมันดีเซลชีวภาพที่ทำจากถั่วเหลือง เหนือกว่าเชื้อเพลิงเอทานอลที่ทำจากข้าวโพด น้ำมัน ดีเซลชีวภาพให้พลังงานได้มากถึง 93 เปอร์เซ็นต์ เหนือกว่าเอทานอลซึ่งให้พลังงาน 25% หลายเท่า” หากแต่รายงานกล่าวต่อไปว่า แต่การเพาะปลูกถั่วเหลืองและข้าวโพด อาจสร้างปัญหาให้กับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากต้องใช้ยาฆ่าแมลงและปุ๋ยไนโตรเจน นอกจากนั้นการใช้พืชอาหารทั้งคู่ มาใช้ผลิตพลังงานยังจะเท่ากับไปเบียดเบียนปริมาณอาหารของโลกให้หมดเปลืองลงไปด้วย. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 24 ส.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)





เปิดตัว“โมบายแลป”คันแรกของโลก

วันที่ 23 ส.ค. นายพินิจ จารุสมบัติ รมว.สาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมวิชาการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ครั้งที่ 14 ในหัวข้อ “วิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อการพึ่งตนเอง” พร้อมเปิดห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ระดับพันธุกรรมของโรคติดเชื้อเคลื่อนที่ หรือ “โมบายแลป” ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้พัฒนาจนสำเร็จ ซึ่งถือว่ามีความทันสมัยและความปลอดภัยสูงเป็นคันแรกของโลก พร้อมปฏิบัติการจำนวน 2 คัน โดยจะส่งรถคันแรกไปประจำที่ รพ.พิจิตร เนื่องจากเป็นพื้นที่เฝ้าระวังโรคไข้หวัดนก ส่วนโมบายแลปอีกคัน จะเตรียมพร้อมอยู่ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นพ.ไพจิตร์ วราชิต อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า การจัดประชุมวิชาการครั้งนี้ ยังมีพิธีมอบรางวัล DMSc Awards ครั้งที่ 1 ให้แก่นักวิจัย โดยผลงานวิจัยที่คว้ารางวัลชนะเลิศ คือ งานวิจัยเรื่อง “การพัฒนาชุดทดสอบการตรวจวินิจฉัยโรคสครับไทฟัสระยะแรก โดยเทคนิค Nested PCR” ของนางสลักจิต ชุติพงษ์วิเวท และคณะศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เชียงใหม่ ด้าน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า เตรียมเสนอของบประมาณ 400 ล้านกว่าบาท เข้าที่ประชุม ครม.ในวันที่ 5 ก.ย.ที่จะถึงนี้ เพื่อนำร่องโครงการเลี้ยงสัตว์ปีกปลอดภัย ด้วยการทำโรงเลี้ยงไก่ขนาด 4x5 เมตร ต่อไก่ประมาณ 10-15 ตัว ในระดับหมู่บ้าน รวมทั้งสิ้น 22 จังหวัดเสี่ยงโรคไข้หวัดนก ซึ่งมีพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ รวมอยู่ด้วย (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 25 ส.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





2 นักวิทย์ดีเด่นเผย “ขยัน อดทน ทำงานหนัก” เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ

ในการจัดงานแสดงความยินดีให้แก่นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นและนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ประจำปี พ.ศ. 2549 ของมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่18 ส.ค.2549 ณ โรงแรมสยามซิตี้ กรุงเทพฯ ได้มีการปาฐกถาพิเศษโดยนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นทั้ง 2 ท่าน ได้แก่ ศ.ดร.ปิยะสาร ประเสริฐธรรม เมธีวิจัยอาวุโสสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ทำวิจัยเกี่ยวกับตัวเร่งปฏิกิริยาในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และศ.ดร.สมชาย วงศ์วิเศษ เมธีวิจัยอาวุโส สกว. ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ผู้ทำงานวิจัยสาขาการไหลสองสถานะ การถ่ายเทความร้อนและมวล ศ.ดร.ปิยะสาร ให้คำแนะนำแก่นักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์รุ่นหลังว่า ในการทำงานวิจัยจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีความขยันและอดทนต่อการทำงาน ที่สำคัญคือต้องมีปณิธานและปรัชญาในการทำงานที่ดี มุ่งมั่นที่จะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติมากกว่าเพื่อตัวเอง รวมทั้งควรทำงานวิจัยที่สามารถต่อยอดทางอุตสาหกรรมได้ แต่ก็ไม่ทำให้ตัวเองต้องลำบากจนเกินไป โดยการอ้างเรื่องความไม่พร้อมของเครื่องไม้เครื่องมือแล้วไม่ยอมทำงานเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าเครื่องไม้เครื่องมือคือ สมองและความขยันอดทน ส่วน ศ.ดร.สมชาย วงศ์วิเศษ นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นอีกท่านก็กล่าวในทำนองเดียวกันว่า การเป็นนักวิจัยที่ดีจะต้องมีความมุ่งมั่น เชื่อมั่นในวิชาชีพของตัวเอง มีกำลังใจทำงาน และที่สำคัญต้องมีความหวังเห็นปลายทางของการทำงานและเชื่อว่ามันจะต้องได้ผลที่ดี เรามาถูกทางแล้ว และต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน แต่ก็ต้องขยันและมีวินัยการทำงานด้วย (ผู้จัดการ ศุกร์ที่ 25 ส.ค. 2549 http://www.manager.co.th)





ถกนักวิทย์ไทยขาดมาตรฐานใช้ "หนูลองยา" ตั้ง "พรบ.สัตว์ทดลอง" ถามหาคุณธรรม

จากการสัมมนา “การเลี้ยงและการใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์-การกำกับดูแลตามมาตรฐานสากล” ที่จัดขึ้นโดยสภาวิจัยแห่งชาติ(วช.) ณ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และเพิ่งผ่านไปเมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้ทราบว่าสถานการณ์การใช้สัตว์ในงานวิทยาศาสตร์ของไทยนั้นยังห่างไกลมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลอยู่มาก ทั้งนี้เป็นการเปิดเผยของ ดร.ประดน จาติกวนิช ประธานคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อพัฒนางานเลี้ยงและใช้สัตว์เพื่องานวิจัย งานทดสอบ งานผลิตชีววัตถุและงานสอนการผลักดันให้นักวิจัยคำนึงถึงจรรยาบรรณการใช้สัตว์เริ่มตั้งแต่ปี 2542 โดยแต่เดิมนั้นเริ่มจากการกำหนดจรรยาบรรณของนักวิจัยแต่พบว่าลุล่วงได้ยากหากไม่กำหนดมาตรฐานการใช้สัตว์ทดลอง เพราะงานวิจัยหลายชิ้นต้องเกี่ยวข้องกับสัตว์ แต่พบว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา มีผู้ใช้สัตว์จำนวนไม่น้อยละเลยคุณธรรมที่พึงมีต่อสัตว์ ขาดการคำนึงถึงชีวิตสัตว์ที่จะต้องสูญเสียไปในการทดลองแต่ละครั้ง ขาดการคำนึงว่าวิธีการที่จะนำมาใช้นั้นทำให้เกิดความทรมานและเจ็บปวด รวมถึงความกดดันที่สัตว์จะได้รับ สำหรับแผนกลยุทธ์แห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสัตว์ทดลอง พ.ศ.2549-2552 ซึ่งอยู่ระหว่างรอเข้าสู่การพิจารณาของรัฐมนตรีนั้นมีหลักสำคัญๆ 6 ข้อ 1.ปรับปรุงและพัฒนาการเลี้ยงสัตว์ในหน่วยงานที่ใช้สัตว์ให้ได้ 2.สนับสนุนให้มีการผลิตและบริการสัตว์ทดลองที่มีคุณภาพหลากหลายชนิดและสายพันธุ์ เพียงพอกับความต้องการของผู้ใช้ทุกรูปแบบ 3.พัฒนาบุคลากรและหลักสูตรที่จะทำให้การใช้สัตว์เป็นไปอย่างมาตรฐาน 4.สนับสนุนให้มีการวิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์ วิธีเลี้ยง รวมถึงการวิจัยเพื่อหาวิธีทดแทนการใช้สัตว์ 5.ส่งเสริมให้ธุรกิจเอกชนสนใจผลิตหรือนำเข้าสินค้าที่ได้มาตรฐาน 6.กำกับดูแลการใช้สัตว์ให้มีการพัฒนาตามแผนกลยุทธ์และกรอบจรรยาบรรณการใช้สัตว์อย่างต่อเนื่อง (ผู้จัดการ ศุกร์ที่ 25 ส.ค. 2549 http://www.manager.co.th)





ข่าววิจัย/พัฒนา


มจธ.พัฒนาแขนกลคนเหล็กเพื่อคนพิการ

นายรุจิศักดิ์ เมืองสง จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เล่าถึงที่มาของการพัฒนาต้นแบบมือกลสำหรับคนพิการระยะที่ 2 (มือกล 2) นี้ ว่า แขนและมือเทียมที่ผู้พิการใช้อยู่ทั่วไปมักเป็นเพียงแขนและมือหลอกที่ให้ดูเหมือนคนปกติเท่านั้น แต่ยังไม่สามารถใช้งานได้ หยิบจับสิ่งของได้ดังใจ และไม่เพียงพอกับความต้องการ "แขนกลอิเล็กทรอนิกส์ต้นแบบนี้เป็นงานที่พัฒนาต่อมาจากแขนกลที่รุ่นพี่ทำไว้แต่ยังไม่สมบูรณ์นัก ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เกิดแรงผลักดันอยากที่จะทำการพัฒนาต้นแบบมือกลสำหรับคนพิการระยะที่ 2 ขึ้น เคยเห็นแขนกลในหนังเรื่องคนเหล็ก ภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ จึงคิดว่าเราน่าจะทำให้สิ่งที่เรียกว่าจินตนาการไม่เป็นจินตนาการอีกต่อไป"พวกเราต้องการพัฒนามือกล 2 ให้มีความสามารถเหมือนมือของมนุษย์จริงๆ อย่างเช่น ความสามารถแสดงสัญลักษณ์ทางมือเหมือนที่มนุษย์ทำ โดยมีการตั้งรูปแบบโปรแกรมไว้ล่วงหน้า เช่น ฟังก์ชันสู้ตาย (การชูนิ้วชี้และนิ้วกลาง) I Love You (การชูนิ้วชี้และนิ้วก้อย) นับเลข 1, 2, 3, 4, 5 (ขึ้นลงทีละนิ้ว)" นายนภดล ตันติราพันธ์ สมาชิกของทีมวิจัยบอกถึงการพัฒนาในระยะที่ 2 พูดถึงความแตกต่างจากมือกลรุ่นแรก นอกจากนี้ มือกล 2 ยังสามารถหยิบจับวัตถุที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 40-70 มม. ได้ดี เพราะทีมประดิษฐ์ได้ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับไว้ที่นิ้วมือ เช่น การหยิบจับขวดน้ำ ขวดชาเขียว ไข่ไก่ ลูกปิงปอง ฯลฯ โดยไม่มีแม้แต่รอยบีบ การแตก เพื่อต้องการให้เหมือนมือจริงๆ ความพิเศษอีกอย่าง คือ ไม่ใช้มอเตอร์ในการควบคุมการเคลื่อนที่ของนิ้วมือ แต่ใช้โลหะจำรูป มาควบคุมการเคลื่อนที่ของนิ้วมือแทน "มือกล 2" นี้เป็นมือข้างขวาที่มีขนาดใกล้เคียงกับมือมนุษย์ มีขนาดความยาวของมือ 20 ซม. ความยาวของแขน 30 ซม. ความกว้างของแขน 10 ซม. น้ำหนักประมาณ 1.5 กก. วัสดุโครงสร้างทำจากอะลูมิเนียมเพื่อให้มีความทนทานแข็งแรง โลหะจำรูป เป็นวัสดุที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่าง ขนาด แล้วสามารถกลับไปยังรูปร่างและขนาดเดิมได้เมื่ออุณหภูมิโลหะนั้นเปลี่ยนไป ตัวอย่างของโลหะจำรูปที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น ขาแว่นตาไทเทเนียม เสาโทรศัพท์ ฯลฯ (คมชัดลึก จันทร์ที่ 21 ส.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)





กระทรวงวิทย์เท 350 ล้านตั้งนิคมวิจัยภาคใต้

นายประวิช รัตนเพียร รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า กระทรวง มีโครงการตั้งนิคมวิจัย หรืออุทยานวิทยาศาสตร์ (Science Park) เพื่อใช้งานวิจัยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละภูมิภาค และล่าสุดได้จัดเตรียมงบประมาณ 350 ล้านบาทสำหรับจัดตั้งอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคใต้ โดยความร่วมมือของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ในฐานะแกนกลาง และในอนาคตจะดึงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งกำลังจะเปิดวิทยาเขตแห่งใหม่ในจังหวัดกระบี่เข้าร่วมด้วย หลักการจัดตั้งโครงการผ่านการพิจารณากลั่นกรองจากคณะกรรมการแล้ว และกำลังเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ส่วนงบประมาณสำหรับอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคใต้ อาจจะพิจารณาปรับเพิ่มหรือปรับปรุงให้เหมาะสม หลังจากรับทราบปัญหาและความต้องการที่แท้จริงจากในพื้นที่ “อุทยานวิทยาศาสตร์ในภูมิภาค ไม่ได้เน้นที่การสร้างอาคารสถาน แต่มุ่งการประสานงานระหว่างนักวิจัยของกระทรวงกับองค์ความรู้ที่มีในมหาวิทยาลัย เพื่อใช้แก้ปัญหาของชุมชน โดยอาศัยห้องปฏิบัติการที่มีอยู่เดิมในมหาวิทยาลัยทั้ง 2 แห่ง” ภายหลังจากการดูพื้นที่ในจังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตปาล์มน้ำมันที่มากสุดของประเทศ พบว่าผู้ประกอบการผลิตน้ำมันปาล์มต้องการองค์ความรู้และเทคโนโลยี ทั้งเรื่องการค้นหาและเพาะพันธุ์ปาล์มเกรดเอ การแปรรูปผลิตภัณฑ์โดยใช้ปาล์มเป็นวัตถุดิบ ตลอดจนการทดสอบมาตรฐานไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์ม เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ โดยส่วนนี้กระทรวงสามารถใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือได้ (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 21 ส.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





สังเคราะห์พิษแมงป่องรักษาเนื้องอก

นักวิจัยสังเคราะห์พิษแมงป่องใช้รักษาเนื้องอกในสมอง เผยพิษเป็นตัวนำส่งกัมมันตรังสีไอโอดีนเข้าลึกถึงเซลล์เนื้องอก และคงสภาพรังสีไว้แม้เนื้อร้ายจะถูกผ่าออกไปแล้ว ส่งผลสกัดการลุกลามของเซลล์ร้ายได้ชะงัด เนื้องอกในสมองเป็นเนื้องอกที่อันตรายเป็นพิเศษ 8%ของผู้ป่วยสามารถมีชีวิตอยู่ได้เพียง 2 ปี และ 3% อยู่ได้ 5 ปีหลังตรวจพบ แม้ว่าเทคนิคในการรักษามะเร็งสมองจะก้าวหน้าไปมากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด การฉายกัมมันตรังสี และวิธีการทางเคมี แต่ก็สามารถยื้อชีวิตผู้ป่วยได้ระยะสั้นเท่านั้น นักวิจัยจากสถาบันการแพทย์เซดาร์-ซินาอิ ในแคลิฟอร์เนีย ได้ศึกษาโดยใช้ "ทีเอ็ม-601" ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ชนิดเดียวกับพิษของแมงป่องยักษ์อิสราเอล สารสังเคราะห์ดังกล่าวมีคุณสมบัติพิเศษ ที่สามารถผ่านกระแสเลือดขึ้นสู่สมอง และสามารถเข้าไปจับกับเซลล์เนื้องอก (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 21 ส.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





ลดความอ้วนอาจทำให้เซลลูไลท์แย่ลง

ผลการศึกษาในสหรัฐพบว่า การลดน้ำหนักอาจทำให้เซลลูไลท์หรือก้อนไขมันใต้ผิวหนังที่ทำให้ผิวดูตะปุ่มตะป่ำเหมือนผิวส้มแย่ลงกว่าเดิมสำหรับคนที่ผอมอยู่แล้วและผิวหนังยืดหยุ่นน้อยลง เซลลูไลท์พบได้ในสตรีร้อยละ 85 มักสะสมอยู่ตามหน้าท้อง ต้นขา และก้น นอกจากนี้อายุที่มากขึ้นจะทำให้ผิวหนังบางลงและเห็นเซลลูไลท์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมพลาสติกในอังกฤษระบุว่า เซลลูไลท์เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตและไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ มีคำแนะนำว่าการออกกำลังกายและดื่มน้ำมาก ๆ อาจลดความตะปุ่มตะป่ำลงได้ แต่ก็มีสตรีจำนวนมากเสียเงินมากมายไปกับครีมและผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่าสามารถกำจัดเซลลูไลท์ได้ (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 21 ส.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





ไบโอเทคสกัดโป๊ยกั๊กทำยาต้านหวัดนก

นายประวิช รัตนเพียร รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข รศ.ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และคณะนักวิจัย ร่วมกันแถลงความสำเร็จในระดับห้องปฏิบัติการ ที่สามารถสังเคราะห์สารโอเซลทามิเวียร์ฟอสเฟต ซึ่งใช้ผลิตยาต้านไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดนก ดร.ชะวะนี ทองพันชั่ง นักวิจัยจากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ไบโอเทคให้การสนับสนุน รศ.ดร.ธีรยุทธ วิไลวัลย์ จากภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำวิจัยสกัดสารโอเซลทามิเวียร์ ฟอสเฟต ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ใช้ผลิตยาต้านไวรัสไข้หวัดนก (ทามิฟลู) และสารดังกล่าวสามารถนำไปแปรรูปใช้เป็นยารักษาโรคไข้หวัดนกได้ หลังจากพบความต้องการยาชนิดดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ขณะนี้การวิจัยดังกล่าวได้ประสบความสำเร็จในระดับห้องปฏิบัติการ โดยใช้สารตั้งต้น "ซิคิมิก" ซึ่งสกัดได้จากโป๊ยกั๊ก หรือดอกยี่หร่าแห้ง มาสังเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ ผ่านกระบวนการต่างๆ ถึง 12 ขั้นตอน กระทั่งได้สารสำคัญที่ผ่านการพิสูจน์ และรับรองแล้วว่า มีความบริสุทธิ์สูง และใกล้เคียงกับสารสำคัญในยาทามิฟลู ซึ่งใช้รักษาโรคไข้หวัดนกในปัจจุบัน (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 21 ส.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





หุ่นยนต์ชิมไวน์พิสูจน์ของแท้-เทียม

นักวิทยาศาสตร์ประจำห้องปฏิบัติการระบบเทคโนโลยีของเอ็นอีซีและมหาวิทยาลัยมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกันพัฒนาหุ่นยนต์ชิมไวน์ที่มีขนาดใหญ่กว่ากล่องไวน์ขนาด 3 ลิตรราวสองเท่า ภายในบรรจุด้วยไมโครคอมพิวเตอร์และเซ็นเซอร์ตรวจจับแสง ในการตรวจสอบโดยเทไวน์เพียง 5 มิลลิลิตร ลงในถาดรองเบื้องหน้าหุ่นยนต์ และเปิดสวิตช์ฉายแสงอินฟราเรดไปที่ไวน์ตัวอย่างในถาด ตัวเซ็นเซอร์จะทำหน้าที่ตรวจจับความยาวคลื่นแสงอินฟราเรดที่สะท้อนกลับมา หุ่นยนต์ชิมไวน์สามารถระบุองค์ประกอบอินทรีย์ของไวน์ยอดนิยม 30 ยี่ห้อดังได้อย่างแม่นยำภายใน 30 วินาที ไวน์จากแห่งผลิตแต่ละแห่งจะมีองค์ประกอบเฉพาะของตัวเอง เจ้าหุ่นยนต์ชิมไวน์นี้สามารถบอกได้ว่าไวน์แต่ละขวดผลิตจากแหล่งไหน แต่ผู้พัฒนายังตั้งใจว่าจะเพิ่มฐานข้อมูลในการตรวจสอบไวน์ให้มากขึ้นก่อนผลิตหุ่นยนต์เพื่อจำหน่ายให้ร้านค้า (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 21 ส.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





กสท-ลาดกระบังพัฒนาระบบมอนิเตอร์ผ่านมือถือซีดีเอ็มเอ

กสท จับมือลาดกระบัง ทำระบบความปลอดภัยบนแท็กซี่ มอนิเตอร์ผ่านมือถือซีดีเอ็มเอ พร้อมต่อยอดเชิงพาณิชย์ภายใน 8 เดือน ทั้งบริการเรียกรถพยาบาลฉุกเฉิน เรียกตำรวจกรณีเกิดเหตุร้าย หาตำแหน่งรถเมล์ หรือธุรกิจเดลิเวอรี่ นายพิศาล จอโภชาอุดม รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กล่าวภายหลังการลงนามสนับสนุนการวิจัยด้านเทคโนโลยีสื่อสารและโทรคมนาคมวงเงิน 10 ล้านบาท แก่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังว่า กสท สนใจที่จะนำโครงการวิจัยและพัฒนาระบบจัดส่งรถให้บริการขนส่งและบริหารการขนส่งอย่างชาญฉลาด ผ่านเครือข่ายการสื่อสารซีดีเอ็มเอมาให้บริการเชิงพาณิชย์ ขณะที่นายวิศิษฎ์ หิรัญกิตติ หัวหน้าโครงการดังกล่าว ระบุว่า จะสามารถนำงานวิจัยดังกล่าวมาเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ภายใน 8 เดือน และยังสามารถใช้กับบริการอื่น ๆ ได้ อาทิ บริการเรียกรถพยาบาลฉุกเฉิน เรียกตำรวจกรณีเกิดเหตุร้าย หาตำแหน่งรถเมล์ หรือธุรกิจเดลิเวอรี่ เนื่องจากระบบนี้สามารถระบุตำแหน่งบุคคลที่ถือเครื่องได้อย่างแม่นยำ ขณะนี้อยู่ระหว่างติดต่อขอใช้แผนที่ของกรมการผังเมือง ซึ่งมีความละเอียด 1 : 4000 มั่นใจจะเป็นบริการที่ถูกใจกลุ่มเป้าหมายคือผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่อย่างแน่นอน เบื้องต้นแท็กซี่จะมีต้นทุนติดตั้งระบบ 30,000 บาท และจะถูกลงอีกเมื่อมีการใช้งานมากขึ้น (คมชัดลึก พุธที่ 23 ส.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)





ระดมสมองพัฒนาวีดิโอเกม เล่นรักษาโรคได้หลากหลาย

นักพัฒนาวีดิโอเกม แพทย์ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐบาลในสหรัฐฯหลายร้อยคน จะประชุมระดมสมองหาทางพัฒนาวีดิโอเกมให้เป็นวิธีการรักษาโรคหลากหลายอย่าง ตั้งแต่โรคอ้วน มะเร็ง ไปจนถึงจิตเสื่อม บริษัท โฮปแลป ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ผู้สร้างเกม “รีมิชชั่น” สำหรับเด็กที่รับการรักษาโรคมะเร็งระบุว่า เกมมีศักยภาพมหาศาลที่จะนำไปใช้ในทางที่ดี ขึ้นอยู่กับการออกแบบอย่างสร้างสรรค์ และกำหนดเป้าหมาย เกมรีมิชชั่นผสมผสานความถูกต้องทางชีวภาพเข้ากับตัวการ์ตูนฮีโร่หญิงชื่อ ร็อกซี เป็นหุ่นยนต์ขนาดนาโนที่เฉลียวฉลาด มีอาวุธครบมือ ออกตระเวน ตามหาและกำจัดเซลล์ มะเร็งทั่วร่างกาย ผู้ป่วยที่เล่นเกมนี้ยอมทานยาและเข้ารับการรักษาที่จำเป็นอย่างว่าง่ายมากขึ้น และเชื่อมั่นว่าจะสามารถเอาชนะมะเร็งได้ โฮปแลปได้รับคำสั่งซื้อเกมไม่ต่ำกว่า 30,000 ชุด จาก 55 ประเทศ หลังจากเปิดตัวเกมเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ขณะนี้บริษัทกำลังออกแบบเกมสำหรับผู้ป่วยออทิสติก ซึมเศร้า โรคโลหิตจาง และโรคอ้วนในวัยเด็ก โฮปแลปจะนำประสบการณ์ การพัฒนาเกมรักษาโรคไปแบ่งปันในที่ประชุมโครงการเกมเพื่อสุขภาพที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ เมืองบัลติมอร์ เดือนกันยายนนี้ เป็นการประชุมประจำปีครั้งที่ 3 และมีชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่าเอ็กเซอร์เกม หมายถึงการออกกำลังกายควบคู่ไปกับการเล่นเกม (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 24 ส.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)





หมอเมืองเบียร์ลงความเห็น คาเฟอีนช่วยไม่ให้หัวล้าน

หมอเมืองเยอรมนีลงความเห็นว่า การกินคาเฟอีนมากๆ อาจจะช่วยป้องกันผู้ชายไม่ให้ศีรษะล้านได้ หัวหน้าคณะวิจัย ศาสตราจารย์ปีเตอร์ เอลสเนอร์ บอกอธิบายว่า ฮอร์โมนเพศชายเทสโตสเตโรนเป็นเหตุของศีรษะล้านของผู้ชาย ผู้ชายคนที่มีฮอร์โมนนี้อยู่มาก ศีรษะมักจะล้านง่ายๆ ดังนั้น อาจใช้วิธีการแบบหนามยอกเอาหนามบ่ง ใช้คาเฟอีนเข้ามาช่วยป้องกันศีรษะล้านเสีย โดยการศึกษาวิจัยอย่างกว้างขวางของ นักวิทยาศาสตร์เมืองเบียร์อวดว่าจะสามารถป้องกันศีรษะล้านเสียตั้งแต่ยังหนุ่มได้ ด้วยการใช้คาเฟอีนช่วยรักษาอาจจะใช้น้ำยาพิเศษรักษาหนังศีรษะ อย่างไรก็ตาม ทีมที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ได้ห้ามไว้ก่อนว่า ไม่ใช่ ให้กินกาแฟเข้าไปมากๆ เพื่อป้องกัน เพราะการกินเพื่อให้ได้คาเฟอีนไปหล่อเลี้ยงถุงรากผมพอ จะต้องกินกาแฟมากถึงวันละระหว่าง 60-80 ถ้วย (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 25 ส.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)





นักวิจัย มทส.ศึกษาวัสดุตัวนำยิ่งยวดคว้ารางวัลนักวิทย์รุ่นใหม่

ผศ.ดร.พวงรัตน์ ไพเราะ อาจารย์สาขาฟิสิกส์ สำนักวิชาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เจ้าของผลงานวิจัยด้าน “ฟิสิกส์ของรอยต่อที่มีตัวนำยิ่งยวดเป็นส่วนประกอบ” โดยได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 5 ของนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ประจำปีนี้ ตามเกณฑ์การตัดสินรางวัลของมูลนิธิส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ อดีตนักเรียนทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) ได้ศึกษาทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างค่าความต่างศักย์และค่าการนำไฟฟ้าของวัสดุชนิดต่างๆ ในรอยต่อที่มีตัวนำยิ่งยวดเป็นส่วนประกอบ ผ่านเครื่องมือคือ กราฟสเปกโตรสโคปีความนำไฟฟ้า การวิจัยนี้จึงอาจทำให้เราได้ค้นพบตัวนำยิ่งยวดที่มีคุณสมบัติดีกว่าในปัจจุบัน ซึ่งมีโลหะเซรามิกเป็นตัวนำยิ่งยวดที่ดีที่สุด แต่ในการใช้โลหะเซรามิกก็เป็นสภาวะไร้ความต้านทานที่ต้องอยู่ในอุณหภูมิติดลบกว่าร้อยองศาเซลเซียสเท่านั้น ซึ่งในระหว่างการศึกษานี้ เราก็ยังอาจได้แนวคิดการสร้างอุปกรณ์อื่นๆ ออกมาใช้ประโยชน์ได้ก่อน ยกตัวอย่างเช่นเครื่องสแกนสมอง (MRI) หรือแม้แต่เครื่องตรวจจับสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าในอวัยวะสำคัญอย่างหัวใจ ที่ปัจจุบันทางประเทศเยอรมนีได้พัฒนาขึ้นแล้ว (ผู้จัดการ ศุกร์ที่ 25 ส.ค. 2549 http://www.manager.co.th)





“ธูปฤาษี” วัชพืชที่บำบัดน้ำเสียได้

โครงการวิจัย “การบำบัดน้ำเสียจากโรงงานฟอกย้อมด้วยต้นธูปฤาษี” โดย น.ส.สุมล นิลรัตน์นิศากร มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี นักศึกษาปริญญาเอกจากบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE)และโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.) เป็นการวิจัยเพื่อคัดเลือกหาพืชที่มีศักยภาพและประสิทธิภาพใช้ในการบำบัดน้ำเสียด้วยวิธีทางชีวภาพ และจากการสังเกตแหล่งน้ำธรรมชาติหลายแห่ง ทำให้พบว่า ต้นธูปฤาษีเป็นพืชที่สามารถเจริญเติบโตได้ดี แม้อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำเสียตามชุมชน หรือตามบริเวณแหล่งน้ำหน้าโรงงาน เช่น โรงงานฟอกย้อม จึงได้ทดลองคัดเลือกนำต้นธูปฤาษีมาทดสอบบำบัดน้ำเสียจากโรงงานฟอกย้อม ที่มีปัญหาเรื่องค่าความเป็นด่างสูง และมีลักษณะสีที่ไม่พึงประสงค์ของน้ำเสีย จากการศึกษาโครงสร้างภายในของต้นธูปฤาษี ซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดน้ำและธาตุอาหารดีเปรียบดังเซลล์ฟองน้ำ (Spongy Cell) เมื่อทำการวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือ SEM-EDX และXRD พบว่าภายในมีองค์ประกอบของหมู่ซิลิกอน และหมู่แคลเซียมปะปนอยู่ ซึ่งอาจเป็นองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องในกลไกการดูดซับสี และจากการวิเคราะห์องค์ประกอบของสีจากน้ำที่ผ่านการบำบัด สามารถอธิบายได้ว่า ต้นธูปฤาษีจะเปลี่ยนโครงสร้างโมเลกุลของสีที่มีขนาดใหญ่ให้เล็กลง และคาดว่าจุลินทรีย์ตามธรรมชาติ ภายในดินจะสามารถย่อยสลายโมเลกุลของสีให้หมดได้ต่อไป (ผู้จัดการ ศุกร์ที่ 25 ส.ค. 2549 http://www.manager.co.th)





กรมโรงงานฯ โชว์เตาเผาขยะอุตสาหกรรมไร้มลพิษแห่งแรกในไทย

วันที่ 24 ส.ค.2549 กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้นำคณะสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมเตาเผาขยะอันตรายจากภาคอุตสาหกรรม ณ ศูนย์บริหารจัดการวัสดุเหลือใช้อุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ ซึ่งถือเป็นต้นแบบเตาเผาขยะอันตรายจากภาคอุตสาหกรรมครบวงจรและปลอดมลพิษแห่งแรกของประเทศไทย โดยจะเผาขยะอุตสาหกรรมได้ 48 ตันต่อวัน หรือราว 15,000 ตันต่อปี และมีแผนจะขยายโรงงานไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ ต่อไป สำหรับโรงงานเตาเผาขยะอันตรายดังกล่าว ก่อตั้งขึ้นจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในปี 2541ในลักษณะโครงการร่วมทุนรัฐบาลและเอกชนคือ กิจการร่วมค้าอินเตอร์โปร-เอ็มอีดับเบิ้ลยู ชนะการประมูลโครงการการก่อสร้างและดำเนินการด้วยงบประมาณ 1,486 ล้านบาท พร้อมนำเข้าเครื่องเผาขยะอันตรายจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเดินเครื่องในระบบปิด เผาขยะด้วยอุณหภูมิสูงสุด 1,100 องศาเซลเซียส และมีระบบฟอกอากาศสมรรถนะสูง จึงทำลายก๊าซพิษจากขยะอุตสาหกรรมซึ่งส่วนใหญ่เป็นสารเคมีจำพวกตัวทำละลาย ยาฆ่าแมลง หรือยาหมดอายุได้ทั้งหมด จึงแทบไม่มีมลพิษออกสู่บรรยากาศเลย และถือว่าดีกว่ามาตรฐานที่ใช้กันในต่างประเทศนับสิบเท่า (ผู้จัดการ ศุกร์ที่ 25 ส.ค. 2549 http://www.manager.co.th)





ข่าวทั่วไป


เผย 5 ความเครียดหญิงทำงานนอกบ้าน

นิตยสาร Real Parenting "นิตยสารสำหรับครอบครัวในเครือบริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด(มหาชน) ได้สำรวจบทบาทและปัญหาความสัมพันธ์ของแม่ยุคใหม่ที่ต้องเผชิญเมื่อมีบุตร โดยเก็บข้อมูลจากคุณแม่ วัย 20-45 ปี และมีบุตรอายุไม่เกิน 4 ปี จำนวน 370 คน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ช่วงเดือนกรกฎาคม 2549 ผลการสำรวจพบว่า 66.5% ผู้เป็นภรรยาต้องออกไปทำงานนอกบ้านเลี้ยงครอบครัว หลังเลิกงานยังต้องรับผิดชอบเลี้ยงลูก สอนการบ้านลูก และทำงานบ้าน ส่งผลให้คุณแม่ 96% ยอมรับว่าประสบกับภาวะเครียดระดับปานกลางคะแนนเฉลี่ย 6.7 เต็ม 10 คะแนน โดย 5 ปัญหาที่รุมเร้ามากที่สุดคือ ปัญหากระทบกระทั่งกับสามี 83.8% แต่เมื่อวิเคราะห์ลึกลงไปพบว่าการทะเลาะกันมีด้านดีปนอยู่ โดยผู้หญิง 57.9% ยอมรับว่าแม้จะกระทบกระทั่งกับสามีบ่อยแต่รักไม่เคยน้อยลง เพราะเมื่อต่างฝ่ายต่างได้พูดระบายความคับข้องใจออกมา ปรับตัวเข้าหากัน จะเกิดความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น สุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจดีขึ้น ไม่เครียด วิตกกังวล ย้ำคิด คาใจอีกต่อไป ปัญหาต่อมาคือปัญหากับแม่สามี ซึ่งมีระดับการเกิดปัญหาและความเครียดไม่ต่างจากการกระทบกระทั่งกับสามีไม่มากนัก อย่างไรก็ดี เมื่อฝ่ายสะใภ้อายุมากขึ้น มีวุฒิภาวะเพิ่มขึ้นและพยายามปรับตัวเข้าหาแม่สามี ปัญหากินแหนงแคลงใจ ไม่ลงรอยกันจะมีแนวโน้มลดลง แม้จะทำงานนอกบ้านแต่ยังต้องรับภาระเลี้ยงลูกอยู่คนเดียว โดยสามีไม่ยอมแบ่งเบาภาระ ปัจจุบันจึงมีผู้ชายเพียง 16% เท่านั้นที่ช่วยเลี้ยงลูกแบ่งเบาภาระภรรยา ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้เป็นแม่ต้องเหนื่อยล้า และเวลาส่วนตัวที่น้อยลง จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้หญิง 75.6% ยืนยันไม่พร้อมจะมีลูกเพิ่มอีกคน (คมชัดลึก จันทร์ที่ 21 ส.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)





ถวายแต่งตั้ง “องค์ภา” เป็นข้าราชการอัยการ

วันที่ 20 ส.ค.49 นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อธิบดีอัยการฝ่ายคณะกรรมการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ออกแถลงการณ์สำนักงานอัยการสูงสุดว่า ด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงสมัครเข้ารับราชการเป็นข้าราชการ อัยการ โดยใช้คุณวุฒิสำเร็จการศึกษานิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต (ปริญญาเอกทางกฎหมาย) จากมหาวิทยาลัยคอร์แนล ประเทศสหรัฐฯ และทรงเป็นสามัญสมาชิกแห่งเนติบัณฑิตยสภา รวมทั้งประกอบวิชาชีพด้านกฎหมาย ในตำแหน่งนายทหารพระธรรมนูญ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ สำนักผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งเป็นไปตามข้อพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ.2521 มาตรา 25 และทรงผ่านการทดสอบความรู้วิชากฎหมายเฉพาะการสอบปากเปล่า ตามข้อกำหนดคณะกรรมการอัยการ(ก.อ.)ที่ออกตามความใน พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ.2521 และคณะกรรมการอัยการ(ก.อ.) ได้อนุมัติให้ถวายการแต่งตั้งเพื่อบรรจุแต่งตั้ง พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เข้าเป็นข้าราชการอัยการ โดยการรับโอนมาจากกระทรวงการต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.49 และสำนักงานอัยการสูงสุดจะถวายการฝึกอบรมหลักสูตรอัยการผู้ช่วยภาควิชาการ รุ่นที่ 39 พ.ศ.2549 ระหว่างวันที่ 2 ต.ค.49-2 ก.พ.50 ซึ่งในรุ่นที่ 39 สำนักงานอัยการสูงสุดได้บรรจุนักเรียนทุนตามความต้องการของสำนักงานอัยการสูงสุด 2 คน ด้วย รวมทั้งผู้ที่ผ่านการสอบคัดเลือกเป็นข้าราชการอัยการที่รอเรียกบรรจุจำนวน 57 คน (สยามรัฐ อังคารที่ 22 ส.ค. 2549http://www.siamrath.co.th)





เอไอเอสประกวดแต่งเพลงรอสายบนมือถือ

นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานธุรกิจสื่อสารไร้สาย เอไอเอส กล่าวว่าความนิยมของบริการคอลลิ่ง เมโลดี้ หรือบริการเสียงรอสายบนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้สูงถึง 5.2 ล้านราย มีปริมาณการดาวน์โหลดเพลงสูงถึง 1.7 ล้านโหลดต่อเดือน หรือทุก 3 นาที จะมีลูกค้าโหลดคอลลิ่ง เมโลดี้ถึง 2 เพลง เอไอเอส จึงเปิดเวทีความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่แสดงความสามารถทางด้านดนตรี โดยร่วมมือกับคลื่นวิทยุ 104.5 แฟต เรดิโอ และศิลปินอินดี้ทั่วประเทศ จัดประกวด “คอลลิ่ง เมโลดี้ *789 คอนเทสต์” ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 1 แสนบาท อีกทั้งเจ้าของผลงานที่ผ่านการเข้ารอบแรกจำนวนกว่า 60 เพลง ยังจะมีโอกาสร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ได้รับส่วนแบ่งได้รายได้จากการดาวน์โหลดครั้งละ 5 บาท ภายในระยะเวลา 20 ก.ย. - 24 ต.ค. 2549 นี้ การประกวดแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ เพลงรอรัก (HEART CALLING MELODY), เพลงรอช้ำ (HURT CALLING MELODY) และเพลงรอขำ (HUMOR CALLING MELODY) โดยมีกติกาคือ แต่งเพลงรอสาย ความยาว 1 นาที ใน 3 หัวข้อที่กำหนด จะส่งกี่หัวข้อก็ได้ ไม่จำกัดจำนวน แต่ต้องแต่งใหม่ทั้งคำร้อง ทำนอง และเสียงร้อง จากนั้นก็บันทึกเพลงที่เสร็จสมบูรณ์แล้วลงใน CD แล้วส่งมาที่ 104.5 แฟต เรดิโอ (บริษัท คลิค เรดิโอ จำกัด) RCA โซน C หรือส่งทางไปรษณีย์มาที่ บริษัทคลิค เรดิโอ จำกัด 21/54-55 ซอยศูนย์วิจัย ถนนพระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310 ภายในวันที่ 15 กันยายน 2549 โดยเพลงที่ผ่านเข้ารอบทุกสาขาจะถูกส่งเข้าอยู่ในบริการ Calling Melody และเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ดาวน์โหลดจริง ๆ ผ่านทาง *789 กด 1 เลือก เมนูคอลลิ่ง เมโลดี้ คอนเทสต์ หรือ www.mobilelife. co.th คิดค่าดาวน์โหลดเพลงละ 15 บาท การประกวดจะนับคะแนนจากการดาวน์โหลด คือ โหลด 1 ครั้ง เท่ากับ 1 คะแนนโหวต เพลงใดมีคะแนนโหวตมากที่สุดในแต่ละสาขา ก็จะได้รางวัลชนะเลิศไปครอง และได้รับเงินรางวัลประเภทละ 30,000 บาท พร้อมของรางวัลอื่น ๆ อีก (เดลินิวส์ อังคารที่ 22 ส.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





มือถือสิบหลักพร้อมแล้ว ทุกค่ายไม่เกี่ยงลูกค้าอัพเดทเลขใหม่ฟรี

คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) มีมติให้วันที่ 1 กันยายนนี้ เลขหมายโทรศัพท์มือถือทุกเครื่องจะต้องกดหมายเลขเพิ่มเป็น 10 หลัก จากปัจจุบัน 9 หลัก ด้วยการเพิ่มหมายเลข 8 แทรกระหว่างเลขหมายนำหน้า เช่น หมายเลขเดิม 0-1123-4567 ก็เปลี่ยนเป็น 081-1234567 หรือ 0-9123-4567 ก็เปลี่ยนเป็น 089-1234567 เป็นต้น กทช.ให้เหตุผลถึงการเพิ่มเลขหมายโทรศัพท์เป็น 10 หลักว่า เพื่อรับการเติบโตของธุรกิจโทรคมนาคมในอนาคตอีก 30 ปีข้างหน้า ที่เลขหมายจะเพิ่มเป็น 100 ล้านเลขหมาย จากปัจจุบันมีเลขหมายใช้งานจริง 33-35 ล้านเลขหมาย จากที่มีทั้งหมดในตลาดกว่า 55 ล้านเลขหมาย แม้ว่า ดีเดย์ได้กำหนดให้เป็นวันที่ 1 กันยายน 2549 แต่ กทช.อนุโลมให้ผู้ใช้มือถือสามารถกดเลขหมายเก่า หรือเลขหมายใหม่ก็ได้ต่อเนื่องไปอีก 3 เดือน และในระหว่างนั้นจะมีเสียงเตือนให้กด 08 นำหน้าเมื่อผู้ใช้บริการกดเฉพาะเลขหมายเดิม เมื่อครบกำหนด 3 เดือนแล้ว ซึ่งเชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้นการปรับเปลี่ยนเบอร์มือถือ จะเป็นที่รับรู้โดยทั่วกัน ผู้ใช้บริการคนใดไม่กดเลข 08 นำหน้า ก็จะไม่สามารถใช้บริการโทรออก สำหรับผู้ใช้บริการที่ต้องการปรับเปลี่ยนเบอร์มือถือที่บันทึกไว้ในเครื่องให้เป็นเบอร์ใหม่ 10 หลัก ไม่ต้องเสียเวลานั่งป้อนข้อมูลใหม่ เพราะผู้ให้บริการมือถือทุกค่ายมีบริการอัพเดทข้อมูลฟรี เพียงนำเครื่องไปแจ้งขอใช้บริการที่ศูนย์บริการโทรศัพท์ทุกแห่ง โดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นลูกค้าของผู้ให้บริการรายนั้นหรือไม่ (คมชัดลึก พุธที่ 23 ส.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)





สปสช.ทุ่มพันล้านเพิ่มสิทธิข้าราชการ-ผู้ประกันตน

วันที่ 23 ส.ค. น.พ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นายจาดุร อภิชาตบุตร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายไพโรจน์ สุขสัมฤทธิ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ร่วมลงนามข้อตกลงการดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคสำหรับผู้มีสิทธิสวัสดิการข้าราชการและผู้มีสิทธิประกันสังคม เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้เข้าถึงบริการด้านการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคมากขึ้น โดยคำนึงถึงคุณภาพ ประสิทธิภาพและความเป็นธรรม จากนั้น น.พ.สงวนกล่าวว่า นโยบายร่างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า “30 บาท ช่วยคนไทยห่างไกลโรค” มี เป้าหมายที่จะให้ประชาชนคนไทยทุกคนมีสุขภาพที่ดี โดยใช้กระบวนการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคมากกว่าที่จะเน้นให้ไปรักษาโรค เป้าหมายของการป้องกันโรคไม่ได้มุ่งให้สิทธิเฉพาะกลุ่มผู้ถือบัตรทองเท่านั้น หากรวมถึงกลุ่มผู้มีสิทธิประกันสังคมและผู้มีสวัสดิการข้าราชการด้วย ทั้งนี้การส่งเสริมป้องกันโรคในกลุ่มผู้มีสิทธิสวัสดิการข้าราชการและสิทธิประกันสังคมนั้น สปสช.ได้จัดงบเกือบ 1,000 ล้านบาท ให้กับสมาคมข้าราชการพลเรือนฯและสำนักงานประกันสังคม ซึ่งได้กำหนดกรอบในการจัดบริการที่จะไม่ซ้ำซ้อนกับสิทธิประโยชน์เดิมของผู้มีสิทธิ แต่จะเป็นการเพิ่มบริการในส่วนที่ชุดสิทธิประโยชน์เดิมของผู้มีสิทธิยังไม่ครอบคลุม เลขาธิการ สปสช.กล่าวต่อว่า การทำข้อตกลงกับ 2 กองทุนนั้น ได้เน้นบริการเชิงรุกเรื่องการบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ขณะที่ผู้ประกันตนได้สิทธิเพิ่มในเรื่องการฝากครรภ์และการดูแลหลังคลอด โดยเฉพาะกรณีผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบไม่ครบ 7 เดือน และยังไม่ได้รับความคุ้มครองจากกองทุนประกันสังคมรวมทั้งการวางแผนครอบครัวด้วย. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 24 ส.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215