หัวข้อข่าวปีที่ 7 ฉบับที่ 44 ประจำวันที่ 2006-10-30

ข่าวการศึกษา

กพอ.เตรียมคลอดจรรยาบรรณคุมรั้วอุดม ตั้ง 'เทียนฉาย' ร่างเกณฑ์
สทศ.เร่งคัดข้อสอบ O-NET พร้อมหนุนเด็กพิการสอบมากขึ้น
มหกรรมการศึกษา
มสด.ผลิตสื่อคนตาบอด
ผุด"ศูนย์การศึกษาหรรษา" เรียนสนุก...ด้วยระบบแสง สี เสียง
“ศ.ดร.วิจิตร” เตรียมโละระบบแป๊ะเจี๊ยะเด็กฝากเข้าเรียน
ม.เชียงใหม่ประกาศตัวเป็นมหาวิทยาลัยวิจัย
คุณหญิงกษมา” ประกาศเดินหน้าแก้เด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้
‘กษมา’ตั้งเป้ายกคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกระดับ
"สพฐ."หาข้อสรุปประเมินผลสัมฤทธิ์
วท.ขอพันล้านตั้งสถาบันนิวเคลียร์ฯ
สกศ.มุ่งมั่นทำวิจัยหาวิธีสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้
เปิดเวที"คอนกรีตพลังช้าง" ปั้น..ว่าที่ช่างก่อสร้างมืออาชีพ!!
เอไอทีเปิดปริญญาเอกบริหารธุรกิจ สร้างองค์ความรู้-พัฒนาทฤษฎีใหม่

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

ซอฟต์แวร์ฝีมือคนไทย ไล่ล่าโฆษณากลางอากาศ
เนคเทคโชว์รถสื่อสารไร้สายร่วมกู้ภัยบริการโทรศัพท์ไร้สาย-เน็ตพื้นที่ประสบภัยพิบัติ
ค่ายไอที สนุกคิด สนุกทำไมโครซอฟท์แคมป์
"นกสองหัว"
กล้องจุลทรรศน์พกพา1.3ล้านพิกเซล
ญี่ปุ่นอวดมือถือไฮเทคจำเจ้าของได้
พลังงาน
ปลาสเตอร์ปิดแผลเดินด้วยแบตเตอรี่ ปราบปราม โรคมะเร็งของผิวหนัง
อวดเทคโนโลยี ‘อาร์ ยู คูล’

ข่าววิจัย/พัฒนา

มช.ไอเดียเจ๋ง ผลิตอักษรล้านนาใช้ในคอมพิวเตอร์
มช.พัฒนาหุ่นยนต์นาโนตรวจร่างกายใช้เซรามิกพิเศษเป็นมอเตอร์ติดกล้องส่องหาโรค
มทร.สุวรรณภูมิคิดไม้เท้าสมองกลลดอุบัติเหตุผู้ป่วยกายภาพบำบัด
หุ่นยนต์นาโนส่งตรวจอวัยวะภายใน
เก็บก้างปลากับผลไม้ที่เหลือทิ้ง ผลิตเป็นพลังงาน อย่างสะอาด
"ขมิ้น" ช่วยคนชราจำดี - ลดอาการข้ออักเสบ
เครื่องอบแห้งผักผลไม้ความดันต่ำประหยัดพลังงาน
"ไบโอเชิร์ต" เสื้อตรวจหัวใจ
ขมิ้นชันป้องกันโรคกระดูกพรุน พบตัวยาต่อต้าน กับการอักเสบ
ทึ่ง!! ช้างจำตัวเองได้ในกระจก ทักษะซับซ้อนเทียบเท่าคน-ลิง
จุฬาตรวจฉี่ดูไตอักเสบแทนเข็มเจาะ

ข่าวทั่วไป

"อินทรีย์ป่า" ซับน้ำได้ 6 เท่า : ความรู้ที่ยังไม่มีใครใช้ต่อยอดกันอุทกภัย
“ดร.สุเมธ” เผยภาคตะวันออกมี “บ่อลูกรังร้าง” รับน้ำได้ล้านๆ ลบ.ม.
ซื้อของขวัญคริสต์มาสทางเน็ตในอังกฤษ ทำให้นายจ้างสูญเงินมหาศาล
"เอลนิโญ่"ทำไฟป่าไทย รุนแรงสุดใน9ปี-สั่งรับมือด่วน
บริการล่ามผ่านเอสเอ็มเอสต่างชาติพูดคุยกับคนไทยราบรื่น





ข่าวการศึกษา


กพอ.เตรียมคลอดจรรยาบรรณคุมรั้วอุดม ตั้ง 'เทียนฉาย' ร่างเกณฑ์

ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (กพอ.) เผยภายหลังการประชุม กพอ. ว่า ที่ประชุมหารือกันเกี่ยวกับการจัดทำจรรยาบรรณข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัยที่ครอบคลุมทั้งกลุ่มวิชาชีพ กลุ่มวิชาการ และกลุ่มอื่นๆทุกประเภทในสถาบันอุดม ศึกษา โดยเห็นว่าเรื่องจรรยาบรรณมีความสำคัญ โดยเฉพาะรัฐบาลนี้เน้นเรื่องคุณธรรมจริยธรรม จึงมีมติตั้งคณะอนุกรรมการ กพอ.เฉพาะกิจร่างเกณฑ์ จรรยาบรรณ มี ศ.ดร.เทียนฉาย กีระนันท์ เป็นประธาน โดยเกณฑ์จรรยาบรรณจะประกอบด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นเกณฑ์จรรยาบรรณร่วมที่ทุกสถาบันอุดมศึกษาจะนำไปใช้ร่วมกัน ส่วนที่สองจะเป็นเกณฑ์จรรยาบรรณที่สถาบันอุดมศึกษาแต่ละแห่งจะพัฒนาขึ้นตามเอกลักษณะของตนเอง “เรื่องจรรยาบรรณของอาจารย์ ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ยังไม่เคยมีปรากฏเป็นเกณฑ์ที่ชัดเจน ข้าราชการอื่นๆก็มีเกณฑ์จรรยาบรรณของตนเอง ดังนั้น จรรยาบรรณของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาจะเป็นเกณฑ์ที่เหมาะสมกับตนเอง เช่น จรรยาบรรณอาจารย์ นักวิชาการ เกี่ยวกับการห้ามการคัดลอกผลงานวิชาการของผู้อื่น การอ้างอิงจะต้องระบุที่มา การคัดลอกถือเป็นอาชญากรรม ซึ่งต้องมีบทลงโทษที่นอกเหนือจากโทษทางวินัย และหากมีการระบุจรรยาบรรณขึ้นแล้ว และมีการฝ่าฝืนหรือผิดจรรยาบรรณ ก็ต้องมีบทลงโทษ” นอกจากนี้ ยังได้พิจารณาเกี่ยวกับ พ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษา ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้มาระยะหนึ่งแล้ว น่าจะถึงเวลาปรับปรุงแก้ไข ซึ่งคิดว่าภายในอายุรัฐบาลนี้ 1 ปี น่าจะออกกฎหมายได้เร็วและรอบคอบ โดยตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจขึ้นพิจารณาว่ามีประเด็นใดที่ควรแก้ไข ก็จะยกร่างกฎหมายขึ้นเพื่อเสนอ กพอ. เพื่อนำเข้าคณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป เช่น กฎหมายรองรับพนักงานมหาวิทยาลัยของรัฐในการขอตำแหน่งทางวิชาการ การต่ออายุราชการข้าราชการที่เกษียณอายุจาก 60 ปี เป็น 65 ปี ต้องเขียนกฎหมายให้ชัดเจน โดยการต่ออายุราชการนั้นต้องเป็นความต้องการของหน่วยงานไม่ใช่บุคคล แม้ว่าบุคคลนั้นจะมีคุณสมบัติครบถ้วน แต่หากภาควิชาหรือบุคลากรในหน่วยงานล้น ก็ไม่ควรจะต่ออายุราชการ. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 30 ต.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)





สทศ.เร่งคัดข้อสอบ O-NET พร้อมหนุนเด็กพิการสอบมากขึ้น

.ดร.อุทุมพร จามรมาน ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เปิดเผยความคืบหน้าการออกข้อสอบแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือ O-NET ประจำปี 2549 ว่า ขณะนี้คณะกรรมการกลั่นกรองข้อสอบกำลังดำเนินการอยู่ โดยจะพยายามคัดเลือกข้อสอบที่สามารถวัดการคิดและวิเคราะห์ของเด็กได้มากที่สุด คาดว่าประมาณกลางเดือนธันวาคมต้นฉบับข้อสอบ O-NET น่าจะเสร็จเรียบร้อยตามที่กำหนด ทั้งนี้ข้อสอบที่ได้มานั้นตนเชื่อว่าจะสามารถวัดการคิดวิเคราะห์และวัดความจำของเด็กได้อย่างดี ส่วนผลคะแนนสอบของเด็กที่ออกมาจะเป็นตัวสะท้อนว่าเด็กแต่ละคนเป็นอย่างไร จุดอ่อนของเด็กอยู่ ตรงไหน และที่สำคัญที่สุดคะแนนที่ได้จะทำให้ เด็กรู้ตัวเองว่าจะต้องปรับปรุงตัวอย่างไรและครูจะ ได้นำไปเป็นข้อมูลปรับปรุงการจัดการเรียนการ สอนด้วย สำหรับเรื่องสนามสอบนั้น ตนได้ประสานให้ศูนย์สอบต่าง ๆ เร่งสำรวจว่าในแต่ละสนามสอบจะมีนักเรียนมาเข้าสอบจำนวนเท่าใด ที่นั่งสอบเพียงพอหรือไม่ และที่สำคัญการเดินทางมาสนามสอบของนักเรียนมีความสะดวกหรือไม่ ซึ่งถ้าที่นั่งสอบไม่เพียงพอหรือไม่สะดวกต่อการเดินทางก็สามารถเพิ่มสนามสอบได้ รวมทั้งยังให้ศูนย์สอบช่วยดูด้วยว่าจำนวนอาจารย์คุมสอบมีเพียงพอที่จะดูแลเด็กหรือไม่ ถ้าไม่พอก็จำเป็นจะต้องเพิ่มจำนวนอาจารย์คุมสอบเช่นกัน เพื่อให้การสอบเป็นไปด้วยความโปร่งใส และยุติธรรม (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 30 ต.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





มหกรรมการศึกษา

นายปรีชา วัชราภัย เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ขอเชิญร่วมงานมหกรรมการศึกษาเพื่ออนาคต ครั้งที่ 3 เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการศึกษาต่อในต่างประเทศ วันที่ 11-12 พ.ย.นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในงานนี้มีแหล่งทุนการศึกษาให้แก่นักเรียน นักศึกษา ผู้สนใจ จากมหาวิทยาลัยกว่า 150 แห่ง 12 ประเทศทั่วโลก ผู้ที่สนใจลงทะเบียนได้ที่ www.ocsc3expo.com และร่วมประมูลทุนการศึกษาต่อต่างประเทศเพื่อสมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์สามจังหวัดภาคใต้ได้ที่ www.sanook.com สอบถามที่โทร.0-2158-1195-9 (คมชัดลึก อังคารที่ 31 ต.ค. 2549 http://www.komchadleuk.net)





มสด.ผลิตสื่อคนตาบอด

ผศ.ดร.แจ่มจันทร์ นิลพันธ์ รองผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (มสด.) กล่าวว่า ได้จัดทำโครงการผลิตสื่อการเรียนรู้สำหรับผู้มีความบกพร่องทางสายตา เพื่อเปิดโอกาสการเรียนรู้ให้แก่ผู้มีความบกพร่องทางสายตา และประการต่อมาเพื่อเผยแพร่ความเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในการจัดการเรียนการสอนสำหรับผู้บกพร่องทางการเห็น ตลอดจนเพื่อสร้างสรรค์และพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ ที่ยังไม่มีหน่วยงานใดจัดทำขึ้น อาทิ คู่มืออักษรเบรลล์ หนังสือเสียง หนังสือกลิ่น บัตรวัดธนบัตรไทยสำหรับผู้มีความบกพร่องทางสายตา เพื่อช่วยในการหยิบใช้ธนบัตรที่มีขนาดต่างกันได้อย่างถูกต้อง สามารถใช้วัดธนบัตรได้ทุกขนาด เช่น ธนบัตรใบละ 20 บาท 50 บาท 500 บาท และ 1,000 บาท ผลิตวีดิทัศน์เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้มีความบกพร่องทางสายตาที่ถูกวิธี เพื่อให้ทุกคนสามารถนำไปฏิบัติหรือให้ความช่วยเหลือเมื่อพบเห็น ผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับสื่อต่างๆ เหล่านี้ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามที่โทร.0-22445305 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป (คมชัดลึก อังคารที่ 31 ต.ค. 2549 http://www.komchadleuk.net)





ผุด"ศูนย์การศึกษาหรรษา" เรียนสนุก...ด้วยระบบแสง สี เสียง

เพื่อปรับเปลี่ยนบรรยากาศที่แสนจะน่าเบื่อหน่ายในห้องเรียน ให้กลายเป็นบรรยากาศที่สนุนสนาน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) จึงเกิดไอเดียใหม่ ตั้ง *"ศูนย์การศึกษาเชิงหรรษา"* โดยเน้นให้นิสิตเรียนรู้ด้วยตนเองในบรรยากาศที่สนุนสนานเพลิดเพลิน โดยนำสื่อภาพ แสง สี เสียง ผสมผสานสร้างความคิดความเข้าใจแบบบูรณาการ เพื่อเปิดโลกทรรศน์ของผู้เรียนและผู้สอนให้รู้จักคิดนอกกรอบ ไอเดียดังกล่าวได้รับการบอกเล่าจาก ผศ.พนิต เข็มทอง คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มก. ที่มองว่าในยุคของการแข่งขันทางปัญญาและเทคโนโลยี ทำให้นักวิชาการด้านการศึกษาต้องปรับตัว นอกจากจะเป็นคนดี คนเก่งแล้ว จะต้องถ่ายทอดความรู้ สร้างองค์ความรู้ กระตุ้นและส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ตลอดจนสร้างประสบการณ์ในการเรียนรู้ในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย เพื่อให้เกิดบรรยากาศที่สนุนสนานเพลิดเพลิน และผู้เรียนเข้าถึงองค์ความรู้อย่างแท้จริง โดยนำองค์ความรู้ที่ได้ไปแก้ปัญหาตนเองและส่วนรวม จากแนวคิดนี้ คณะศึกษาศาสตร์จึงศึกษาวิจัยเรื่องการศึกษาเชิงหรรษา เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งทางวิชาการของครูในอุดมคติ จนเกิดเป็นแนวคิดที่จะนำความบันเทิงมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน โดยตั้งเป็นศูนย์การศึกษาเชิงหรรษา หรือ Edutrainment Center โดยรวมคำว่า Education และ Entertrainment เข้าด้วยกัน เป็น Edutrainment หมายถึงการศึกษาเชิงหรรษา โดยนำความบันเทิงเข้ามาจัดการศึกษา อาทิ ภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ พิพิธภัณฑ์ ซอฟต์แวร์ เกม ฯลฯ ซึ่งภาพยนตร์ แสง สี เสียง และซาวด์เอฟเฟ็คต์ สามารถสะกดและสร้างความสนใจในการเรียนได้มากกว่าการเรียนแบบปกติ ศูนย์การศึกษาเชิงหรรษาถือเป็นแหล่งเรียนรู้เชิงหรรษาแบบบูรณาการ เหมือนแหวน 4 วงร้อยเข้าด้วยกัน เพื่อพัฒนาทักษะที่สำคัญสำหรับครูในอุดมคติ โดยแหวงวงที่ 1 P-ring (Personailty) เป็นการสร้างฐานการรู้จักตนเอง พัฒนาความฉลาดทางอารมณ์และบุคลิก แหวนวงที่ 2 I-ring (ICT) เปิดโลกทรรศน์โดยใช้ ICT แหวนวงที่ 3 E-ring (English) พัฒนาสู่สากล และแหวนวงที่ 4 R-ring (Research) เสาะแสวงหาคำตอบที่สงสัยได้อย่างเป็นระบบและเชื่อถือได้ ศูนย์แห่งนี้ยังจะศึกษาวิจัยหาประสิทธิภาพการทำงานโดยสำรวจแนวคิดการจัดการศึกษาเชิงหรรษาโดยการสังเกต การจัดการเรียนรู้ตามสภาพจริง การใช้ ICT เป็นสื่อ และทดลองกิจกรรม เพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้นภายใน 1 เดือน และทดลองใช้จริง 1 ภาคเรียน นิสิตคณะศึกษาศาสตร์ที่สนใจ สมัครเข้าร่วมโครงการได้ โทร.0-2579-2030 (มติชน อังคารที่ 31 ต.ค. 2549 http://www.matichon.co.th)





“ศ.ดร.วิจิตร” เตรียมโละระบบแป๊ะเจี๊ยะเด็กฝากเข้าเรียน

ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า หลังจากพิจารณาเรื่องการรับนักเรียนชั้น ม. 1 แล้วกำลังจะพิจารณาการรับนักเรียนชั้น ม.4 ว่าเหมาะสมแล้วหรือไม่ โดยจะเชื่อมโยงถึงการรับเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งตนจะยกเรื่องนี้ทำเป็นทั้งระบบให้เป็นตามนโยบายของรัฐบาลโดยยึดหลักการรับนักเรียนนิสิตนักศึกษาด้วยการจัดสรรโอกาสมีความโปร่งใสเป็นธรรม อะไรที่ไม่โปร่งใสเป็นธรรมจะปรับแต่งใหม่ให้เข้าหลักดังกล่าวรวมทั้งปัญหาที่จะยกขึ้นมาพิจารณาด้วย เช่น เงินกินเปล่าหรือแป๊ะเจี๊ยะ เด็กฝาก เด็กเส้น ที่มักจะมีข่าวและข้อร้องเรียนมาโดยตลอด จะยกขึ้นมาพิจารณาเพื่อชำระให้หมดทั้งระบบ วาระดังกล่าวนี้จะหารือกันในสัปดาห์หน้าเพื่อดูว่าจะมีประเด็นข้อร้องเรียนใดที่จะต้องทบทวนบ้าง ก่อนจะประกาศเป็นระเบียบให้ทราบโดยทั่วกัน ทั้งนี้ การรับบริจาคเป็นเรื่องดีแต่ไม่ควรเป็นไปเพื่อแลกประโยชน์ “เรื่องแป๊ะเจี๊ยะผมก็ทราบว่ามีมาตลอด บางคนก็พูดเกินจริงหรือปฏิเสธความจริงที่มันเกิดขึ้น ผมว่าเราต้องเอาความจริงมาพูดกันทำเสียให้ถูกต้อง เพราะผมก็ไม่ขัดข้องเรื่องการรณรงค์เพื่อระดมทรัพยากรต่าง ๆ โดยชอบธรรมและต้องบอกให้ชัดเจนว่าเอาเงินไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดการศึกษาให้กับเด็ก ไม่ได้เอาเข้าพกเข้าห่อใครและไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนเขา” รมว.ศธ.กล่าวและว่า เรื่องเหล่านี้ต้องคิดหาทางป้องกันไม่ให้เกิด ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดแล้วไปคิดหาวิธีลงโทษ (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 31 ต.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





ม.เชียงใหม่ประกาศตัวเป็นมหาวิทยาลัยวิจัย

ดร.ดาวรุ่ง กังวานพงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ต้องการจะมุ่งเน้นการทำวิจัย และการมีคุณภาพของผลงานการวิจัย ตลอดจนความเป็นเลิศทางด้านวิชาการ สามารถที่จะพึ่งพาตนเองได้ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมภายในประเทศ โดยได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์ที่สำคัญทางด้านการวิจัย เพื่อพัฒนาให้เป็นมหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นทางการวิจัย พร้อมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนแนวทางการวิจัยของคณาจารย์ และนักวิจัยในระดับต่างๆ ทั้งในด้านพื้นฐาน การประยุกต์ผลงานวิจัย ตลอดจนการพัฒนา และการบูรณาการผลการวิจัย ทั้งนี้ ทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้มีการกำหนดเป้าหมายของบูรณาการ โดยจะมุ่งเน้นในการสร้างการวิจัยที่สอดคล้อง กับแนวทางการวิจัยของชาติ มีการสร้างโครงการที่เชื่อมโยงระหว่างสาขาที่เกี่ยวข้อง และมีการวิจัยที่ต่อเนื่อง โดยได้มีแนวความคิดในการกำหนดทิศทางของกลุ่มวิจัยในมหาวิทยาลัยดังนี้ คือ จะต้องมีการทำการสำรวจความเชี่ยวชาญและทิศทางการวิจัยของนักวิจัยที่เป็นแกนนำ พร้อมทั้งกำหนดแผนที่เชี่ยวชาญด้านงานวิจัย กำหนดแผนกลยุทธ์ และการประเมินผลผลงานวิจัย เพื่อนำไปพัฒนาต่อไป สำหรับยุทธศาสตร์ในรูปแบบบูรณาการที่ทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ตั้งเอาไว้ คือ จะต้องมีการผลักดันให้อาจารย์และบุคลากรภายในมหาวิทยาลัยมีการทำวิจัยให้มากขึ้น พร้อมทั้งพยายามสร้างกลุ่มวิจัยที่ทางมหาวิทยาลัยถนัดโดยการดึงเอานักวิชาการที่มีผลงานเป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับในสายงานที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย และนักวิจัยรุ่นใหม่ๆ ที่มีผลงานให้มารวมกัน เพื่อเสนอแนะผลงานวิจัยในภาพรวม และผลักดันผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยให้มีความเทียบเท่ากับมหาวิทยาลัยชั้นนำในทวีปเอเชีย (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 31 ต.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





คุณหญิงกษมา” ประกาศเดินหน้าแก้เด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้

คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และว่าที่เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีนโยบายที่จะพัฒนามาตรฐานการศึกษาทุกระดับด้วยการเดินหน้ายกระดับผลสัมฤทธิ์การเรียน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเรื่องเด็กอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ซึ่ง สพฐ.มีเป้าหมายว่า ภายในปีการศึกษา 2550 นักเรียนในระดับช่วงชั้นที่ 1 หรือไม่เกินประถมศึกษาปีที่ 3 (ป.3) ต้องอ่านคล่องเขียนคล่องทั้งหมด รวมทั้งจะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมการเรียนรู้กลุ่มสาระวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ ที่นักเรียนยังประสบปัญหาเรียนอ่อนด้วย ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศ ศึกษารวบรวมข้อมูลปัญหาเด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ รวมทั้งให้ สพท. เป็นผู้จัดทดสอบ 4 ช่วงชั้นคือ ป.2 ป.5 มัธยมศึกษาปีที่ 2 (ม.2) และ ม.5 ในช่วงปลายปีการศึกษา 2549 ซึ่งมีจำนวนนักเรียนทั้งสิ้นราว 3.6 ล้านคน เพื่อให้ทราบจุดอ่อนของเด็กเป็นรายบุคคลและสามารถนำข้อมูลไปดูแลเด็กที่มีปัญหาในปีการศึกษา 2550 ต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 31 ต.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





‘กษมา’ตั้งเป้ายกคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกระดับ

คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) กล่าวถึงนโยบายการทำงานภายหลังเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการ กพฐ. ว่า ทิศทางการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีดังนี้ 1.กระจายอำนาจและสร้างความเข้มแข็งให้กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) เพื่อรองรับการกระจายอำนาจ และให้ สพท.เป็นแกนนำในการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งต่อไป สพฐ.จะจัดสรรงบประมาณให้ สพท.เป็นก้อนเพื่อให้นำไปบริหารจัดการได้เอง 2.กระจายอำนาจและสร้างความเข้มแข็งให้สถานศึกษา ซึ่งขณะนี้มีประมาณ 700 โรงเรียนที่มีความพร้อมในการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน หรือ School Based Management (SBM) ส่วนโรงเรียนที่เหลือ สพท.จะต้องหาแนวทางช่วยเหลือเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ได้ 3.กระจายโอกาสทางการศึกษาให้มากขึ้น โดยมุ่งเน้นขยายการศึกษาภาคบังคับและตั้งเป้าหมายว่าในปีการศึกษา 2550 จะต้องมีเด็กเข้าสู่ระบบการศึกษา 100% หรือใกล้เคียงมากที่สุด เนื่องจากปีนี้ยังมีเด็กที่ตกหล่นอยู่มาก นอกจากนี้จะขยายการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปี โดยผลักดันผู้ที่จบการศึกษาภาคบังคับเข้าสู่ ม.ปลายสายอาชีพ หรือเทียบเท่าเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 70 ซึ่งในเร็ว ๆ นี้ สพฐ. จะหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เพื่อวางแนวทางร่วมกันต่อไป ในขณะเดียวกันก็ยังคงให้ความสำคัญกับการศึกษาปฐมวัย 4.พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาในทุกระดับ โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับเรื่องคุณธรรมนำความรู้ นอกจากนี้จะยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา โดยเฉพาะเรื่องการอ่าน เขียนคล่องในช่วงชั้นที่ 1 หรือ ป.1-3 และเรื่องการคิดวิเคราะห์ รวมทั้งให้ สพท. ไปหาแนวทางพัฒนาโรงเรียนที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ตลอดจนโรงเรียนขนาดเล็กว่าจะต้องขยับเข้าสู่มาตรฐานที่พอใช้ได้ภายในภาคเรียนที่ 2/2549 และ 5.เน้นเรื่องการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ชุมชน ตลอดจนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั้งนี้ได้มอบให้ สพท. สำรวจข้อมูลและจัดทำแผนพัฒนาในทุกเรื่องดังกล่าว มาเสนอตนภายใน 1 เดือน และจะมีการประชุมผู้อำนวยการ สพท. ทั่วประเทศ ในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อนำแผนไปสู่การปฏิบัติต่อไป (เดลินิวส์ พุธที่ 1 พ.ย. 2549 http://www.dailynews.co.th)





"สพฐ."หาข้อสรุปประเมินผลสัมฤทธิ์

คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ว่าที่เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้มอบนโยบายให้ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศ จัดทำแผนที่จะยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการจัดการศึกษา โดยให้ไปสำรวจนักเรียนที่ยังตกหล่นในระดับการศึกษาภาคบังคับ ซึ่ง ศธ.ควรนำเด็กเข้าสู่ระบบการศึกษาให้ได้เต็ม 100% จากนั้นจะให้เขตพื้นที่การศึกษาจัดทำแผนเพื่อผลักดันให้เด็กเข้าสู่ระบบการศึกษาภาคบังคับให้มากที่สุด โดยจะให้เขตพื้นที่ เป็นผู้กำหนดสัดส่วน เป้าหมายเอง อย่างไรก็ตามปัญหาขณะนี้คือเด็กมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน แต่ตัวอยู่นอกพื้นที่ ซึ่งแนวทางการดำเนินงานถ้าเด็กอยู่ในพื้นที่ก็เป็นหน้าที่ของเขตพื้นที่ แต่หากเด็กไม่อยู่ในพื้นที่ อาจต้องประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้ช่วยสำรวจว่าเด็กตกหล่นอยู่ที่ไหน จากนั้นหาแนวทางนำเด็กเข้าสู่ระบบการศึกษาต่อไป นอกจากนี้ได้มอบหมายให้เขตพื้นที่ประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาในระดับ ป.2 ป.5 ม.2 และ ม.5 เพื่อเป็นข้อมูลก่อนจะนำมาจัดทำเป็นแผนยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาต่อไป และในส่วนของ สพฐ.จะเข้าไปประเมินแบบสุ่มในระดับ ป.3 ป.6 ม.3 และ ม.6 เพื่อดูว่าหลังจากที่เขตพื้นที่ฯ พัฒนาการเรียนการสอนแล้ว ผลสัมฤทธิ์ดีขึ้นหรือไม่ โดยจะมีแรงจูงใจในเรื่องวิทยฐานะสำหรับ ผอ.สพท.และ ผอ.สถานศึกษา (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 2 พ.ย. 2549 http://www.matichon.co.th/khaosod)





วท.ขอพันล้านตั้งสถาบันนิวเคลียร์ฯ

.ดร. ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) โดยใช้ชื่อย่อว่า “สทน.” เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นหน่วยงานในสังกัด วท. โดยแยกงานในส่วนวิจัยทางด้านนิวเคลียร์ ออกจากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) อย่างชัดเจน ซึ่งขณะนี้ได้มีการประชุมหารือเพื่อหาตัวผู้มาดำรง ตำแหน่งผู้อำนวยการและกำหนดพันธกิจของสถาบันดังกล่าว รวมทั้งได้ทำเรื่องของบประมาณ ให้แก่ สทน.ประมาณ 1,000 ล้านบาท หากได้รับการอนุมัติงบประมาณเต็มจำนวนที่ขอไปก็เชื่อว่าจะดำเนินการได้ทันที เพราะมีบุคลากรพร้อม สำหรับผู้ที่มีแนวโน้มเข้ามาดำรงตำแหน่ง ผอ.สถาบันฯนั้น พอจะทราบแล้วว่าเป็นผู้ใด แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ ส่วนสาเหตุที่ต้องมีการแยกส่วนสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์ออกจาก ปส. ก็เนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องของประโยชน์ที่ขัดแย้งกัน หาก ปส.จะทำหน้าที่ทั้งเป็นผู้ควบคุมกำกับและดูแลงานด้านรังสี และเป็นผู้วิจัยพัฒนา และใช้ประโยชน์จากรังสีไปพร้อมๆกันจะเป็นการไม่เหมาะสม เปรียบได้กับการเป็นทั้งกรรมการผู้ตัดสินและผู้เล่นไปด้วยในเวลาเดียวกัน จึงควรที่จะมีการแยกส่วน ออกจากกันชัดเจน โดยให้ ปส.เป็นผู้ควบคุมการใช้รังสี เพียงอย่างเดียว และให้บทบาทแก่ สทน.ทำงานวิจัยพัฒนาและการใช้ประโยชน์จากรังสีไปเป็นการเฉพาะ สำหรับในส่วนข้อพิพาทกรณีการก่อตั้งเครื่องปฏิกรณ์ นิวเคลียร์วิจัยที่ อ.องครักษ์ จ.นครนายก นั้น คงจะต้องสะสางให้ได้ ก่อนที่จะมีการติดตั้งเตาปฏิกรณ์ นิวเคลียร์ในระยะต่อไป แต่เชื่อว่าหลังจากสะสางกรณีพิพาทเสร็จสิ้นแล้ว ก็อาจจะไม่ได้ใช้เทคโนโลยีเตาปฏิกรณ์แบบเก่าอีก เพราะเทคโนโลยีด้านนี้ก้าวหน้าไปรวดเร็วมาก. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 3 พ.ย. 2549 http://www.thairath.co.th)





สกศ.มุ่งมั่นทำวิจัยหาวิธีสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้

ดร.อำรุง จันทวานิช เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) กล่าวว่า เนื่องจากโลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและซับซ้อนมากขึ้น ทำให้การศึกษาที่บุคคลได้เรียนรู้มาในช่วงวัยเรียนไม่เพียงพอ ซึ่งหลายประเทศได้เริ่มตระหนักถึงความจำเป็นที่บุคคลต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อให้ทันต่อวิทยาการ เทคโน โลยีข้อมูลข่าวสารในยุคปัจจุบัน ดังนั้นรูปแบบการศึกษาสำหรับผู้ที่พ้นวัยเรียนจึงควรเป็นรูปแบบการศึกษาที่ผสมผสานกลมกลืน และควบคู่กับวิถีชีวิต รวมถึงการทำงานที่ไม่ใช่การเข้าชั้นเรียน ซึ่งกลยุทธ์หนึ่งที่จะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้ก็คือการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ อย่างไรก็ตามตนยอมรับว่าการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้คงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะทำให้ประสบความสำเร็จโดยเร็ว ดังนั้น สกศ.จึงได้ร่วมกับ ศ.ดร.สุมาลี สังข์ศรี อาจารย์ประจำคณะศึกษาศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) ทำวิจัยการสังเคราะห์กระบวนการพัฒนาสังคมแห่งการเรียนรู้ เพื่อจัดทำคู่มือแนวทางการคัดเลือก/ยกย่อง บุคคล ชุมชน และสังคมแห่งการเรียนรู้ เลขาธิการ สกศ. กล่าวต่อไปว่า การวิจัยดังกล่าวได้เลือกพื้นที่ที่เป็นตัวแทนทุกภาคของประเทศไทย ภาคละ 2 จังหวัด จังหวัดละ 1 ชุมชน โดยแต่ละภาคจะคัดเลือกชุมชนที่อยู่ในโครงการนำร่องการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ของสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) 1 ชุมชน และชุมชนที่ไม่ได้อยู่ในโครงการ 1 ชุมชน ส่วนกลุ่มตัวอย่างผู้ให้ข้อมูลก็คัดเลือกมาชุมชนละ 16 คน ประกอบด้วยบุคลากรของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้นำชุมชน กรรมการชุมชน และตัวแทนของประชาชนในพื้นที่ เพื่อทำการศึกษาใน 5 ประเด็น คือ 1.หลักการพัฒนาสังคมแห่งการเรียนรู้ 2.แนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาสังคมแห่งการเรียนรู้ 3.มาตรการในการดำเนินงานส่งเสริมและพัฒนาสังคมแห่งการเรียนรู้ 4.เกณฑ์การประเมินความเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ และ 5.เกณฑ์การยกย่อง บุคคล ชุมชน และสังคมแห่งการเรียนรู้ (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 3 พ.ย. 2549 http://www.dailynews.co.th)





เปิดเวที"คอนกรีตพลังช้าง" ปั้น..ว่าที่ช่างก่อสร้างมืออาชีพ!!

นิสิตภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) ก้าวสู่ความเป็นมืออาชีพ โดยคว้ารางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 จากการแข่งขัน "คอนกรีตพลังช้าง ครั้งที่ 7" ซึ่งจัดโดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ร่วมกับบริษัท ปูนซิเมนต์ไทยอุตสาหกรรม จำกัด เมื่อเร็วๆ นี้ การแข่งขันครั้งนี้ มีทีมนิสิตในระดับอุดมศึกษาเข้าร่วมแข่งขัน 29 สถาบัน โดยผลงานที่ได้รับรางวัลนี้ เกิดขึ้นจากความพยายามทุ่มเทเวลาในการฝึกฝนทดลองหล่อคอนกรีตตัวอย่างจนเกิดความชำนิชำนาญ และการใช้ความคิดสร้างสรรค์ผลงานให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ผศ.สุระพล ภานุไพศาล รองอธิการบดีฝ่ายส่งเสริมกิจการ มน. กล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า การจัดแข่งขันคอนกรีตพลังช้าง เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และพัฒนาทักษะเกี่ยวกับเทคโนโลยีในการทำคอนกรีตพลังสูง ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุผสมคอนกรีตชนิดต่างๆ อาทิ การประยุกต์ใช้ปูนซีเมนต์ และการเลือกใช้สารผสมเพิ่มในคอนกรีตชนิดต่างๆ การออกแบบส่วนผสมคอนกรีต การเตรียมวัสดุผสม การหล่อตัวอย่างคอนกรีต การบ่ม ตลอดจนการทดสอบกำลังอัดของตัวอย่างคอนก (มติชน ศุกร์ที่ 3 พ.ย. 2549 http://www.matichon.co.th)





เอไอทีเปิดปริญญาเอกบริหารธุรกิจ สร้างองค์ความรู้-พัฒนาทฤษฎีใหม่

ศ.ดร.อินดรา โมฮัน ปันเดย์ คณบดีสำนักวิชาวิทยาการการจัดการ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย หรือเอไอที เปิดเผยว่า คณะได้เปิดหลักสูตรบริหารธุรกิจ ระดับปริญญาเอก หรือ DBA สำหรับผู้บริหาร และผู้เชี่ยวชาญอาวุโส ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการเรียนการสอนในห้องเรียน และการทำวิจัย เพื่อสร้างองค์ความรู้จากภาคปฏิบัติ โดยหลักสูตรดังกล่าวเป็นหลักสูตรที่สร้างความแตกต่างให้กับสำนักวิชาการการจัดการ สถาบันเอไอที จากคณะบริหารธุรกิจอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย เพราะเป็นหลักสูตรสหวิทยาการ ซึ่งบูรณาการ และประยุกต์วิธีการวิจัยแบบผสมผสานมาใช้ โดยเปิดให้ผู้เรียนซึ่งเป็นผู้บริหารของบริษัท หรือองค์กรต่างๆ ได้ศึกษาแนวทางปฏิบัติของบริษัทในภูมิภาคเอเชีย และพัฒนาทฤษฎีใหม่ๆ เพิ่มเติมจากวิธีปฏิบัติของบริษัทต่างๆ ในโลกตะวันตก ทั้งนี้ วัตถุประสงค์สูงสุดของหลักสูตรนี้เพื่อพัฒนาองค์ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับแนวทางประกอบธุรกิจในเอเชีย รวมทั้ง การวิเคราะห์กรณีศึกษา และอุตสาหกรรม ศ.ดร.ซาอิด อิรานตุส อธิการบดีสถาบันเอไอที กล่าวว่า ถือเป็นก้าวสำคัญของสถาบันเอไอทีในการสนับสนุนการศึกษาระดับปริญญาเอกสำหรับนักวิชาชีพ โดยหลักสูตร DBA เป็นนวัตกรรมทางการศึกษาในทุกสาขาวิชา โดยสถาบันจะเดินหน้าต่อไปเพื่อสร้างมหาวิทยาลัยสำหรับนักวิชาชีพ (มติชน ศุกร์ที่ 3 พ.ย. 2549 http://www.matichon.co.th)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


ซอฟต์แวร์ฝีมือคนไทย ไล่ล่าโฆษณากลางอากาศ

เครื่องมือที่จะตรวจวิเคราะห์สื่อเสียงประเภทเพลงและโฆษณาก็เพิ่งจะมีคนไทยคิดผลิตซอฟต์ แวร์เสร็จ ตั้งบริษัท “ดิจิตอล แอสโซซิเอทส์” ซอฟต์แวร์และระบบที่ว่ามีชื่อทางการค้า ยี่ห้อ Intensive Watch ผลงานชิ้นนี้ ได้รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ รองชนะเลิศ อันดับสอง จดลิขสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว โดยได้รับการอุดหนุนทุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ มีบริษัทไอบีเอ็ม ประเทศไทย สนับสนุนระบบคอมพิวเตอร์ วิธีการตรวจสอบเพลงกับสื่อเสียงโฆษณาทางวิทยุของเขานั้น ขั้นแรกก็เอาตัวอย่างของเสียงมาให้ซอฟต์แวร์ทำความรู้จัก ทีนี้ส่งไปออกอากาศสถานีไหนบ้าง ทางบริษัทก็จะตั้งโปรแกรมให้ระบบเฝ้าตรวจวิเคราะห์ โดยซอฟต์แวร์จะคอยติดตามว่าเป็นเสียงที่ตรงกับตัวอย่างที่ให้ไว้หรือไม่ และจะออกรายงาน (Report) อย่างละเอียด ว่าออกอากาศเวลาไหน มากน้อยตามที่กำหนดไว้หรือไม่ ซึ่งถ้าออกมาแล้วฟ้องว่า สื่อออกอากาศให้ไม่ครบก็คงเถียงลำบาก เพราะหากแย้งยันว่าไม่จริง ระบบก็บันทึกเสียงการออกอากาศทั้งหมด ให้เอามาเปิดฟังทานได้ (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 30 ต.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





เนคเทคโชว์รถสื่อสารไร้สายร่วมกู้ภัยบริการโทรศัพท์ไร้สาย-เน็ตพื้นที่ประสบภัยพิบัติ

นายสุทัศน์ ปฐมนุพงศ์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีโทรคมนาคม ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นหลังเกิดภัยธรรมชาติ คือการสื่อสารถูกตัดขาด ส่งผลให้การขอความช่วยเหลือและการประสานงานเพื่อกู้ภัยไม่สะดวก คณะนักวิจัยของเนคเทค จึงดำเนินการศึกษาวิจัยและพัฒนาระบบสื่อสารสำหรับยามฉุกเฉินเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่หน่วยงานบรรเทาภัยและผู้ประสบภัยพิบัติ ทีมงานเนคเทคได้พัฒนารถสื่อสารฉุกเฉินฯ ต้นแบบสำเร็จแล้ว และอยู่ระหว่างนำรถสื่อสารฉุกเฉินฯ ต้นแบบทดสอบความพร้อมการใช้งานในกรณีฉุกเฉินต่างๆ ร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เหล่ากาชาดจังหวัด ตำรวจ ทหารและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ (คมชัดลึก อังคารที่ 31 ต.ค. 2549 http://www.komchadleuk.net)





ค่ายไอที สนุกคิด สนุกทำไมโครซอฟท์แคมป์

โครงการ Microsoft IT Youth Challenge 2006 เป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมการเรียนรู้อย่างไม่สิ้นสุดของไมโครซอฟท์ภายใต้ชื่อ Partners in Learning ซึ่งมีเป้าหมาย ในการลดช่องว่างด้านเทคโนโลยีเพื่อ มุ่งไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ โดยมีเยาวชนให้ความสนใจส่งผลงานเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 1,520 คนจากทั่วประเทศตั้งแต่ระดับประถมศึกษาปีที่ 1-มัธยมศึกษาปีที่ 6 และใน ปีนี้เปิดโอกาสให้เข้าร่วมกิจกรรม ในแคมป์ย่อยในแต่ละภาค ได้แก่ กลุ่มภาคกลางและ ภาคใต้ กลุ่มภาคเหนือ และกลุ่มภาคตะวันออก เฉียงเหนือ จากนั้นคัดเลือกเยาวชนเพื่อเป็นตัวแทนระดับภูมิภาคมาเข้าค่ายฝึกอบรมไอที รวมทั้งร่วมประกวดผลงานด้านไอทีระดับประเทศในเเคมป์ใหญ่ โดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นคณะที่ปรึกษาของโครงการ Partners in Learning ได้ทำ การคัดเลือกจน เหลือ 48 ผลงาน เข้าร่วมโครงการ เยาวชนทั้ง 250 คนที่ผ่าน การคัดเลือก จะได้เข้าร่วม แคมป์ไอทีพร้อมอาจารย์ที่ปรึกษา โครงการเป็นเวลา 3 วัน ณ ศูนย์วิชาการและนันทนาการ เซนต์คาเบรียล 2000 จังหวัดนนทบุรี เพื่ออบรมฝึกฝนทักษะด้านไอที และสร้างสรรค์ผลงานไป พร้อม ๆ กัน ภายใต้คำ แนะนำของทีมวิทยากร ผู้เชี่ยวชาญของไมโคร ซอฟท์ เนื้อหาการ อบรมจะเน้นความรู้ พื้นฐานด้านการประ ยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ใน การเรียนการสอน เพื่อ แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี จะผสานเข้ากับการเรียนรู้ได้ อย่างไร ภายใต้หัวข้อที่น่า สนใจ อาทิ Microsoft Paint “ศิลปะสร้างสรรค์ ...กันอย่างไร”, Micro soft Movie Maker “เทคนิค...เทคโนโลยี...การสร้างงานจาก Movie Maker”, Microsoft Excel “เด็กรุ่นใหม่ ใส่ใจ...คณิตศาสตร์”, Microsoft FrontPage “วิทยาศาสตร์...หรรษา” การทำการ์ตูนแอนิเมชั่น “ก้านกล้วย” พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาบุคลิกภาพ และการสร้างมนุษยสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ ในค่ายอย่างสนุกสนาน แคมป์ดังกล่าวจะเป็นอีกเวทีหนึ่งในการเฟ้น หา “นักเรียนผู้มีความสามารถยอดเยี่ยม” ซึ่งไมโคร ซอฟท์จะให้การสนับสนุนต่อไปอีกด้วยโดยทีมชนะเลิศและรองในแต่ละระดับนั้นจะได้รับรางวัลทุนการศึกษารวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 100,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี (เดลินิวส์ พุธที่ 1 พ.ย. 2549 http://www.dailynews.co.th)





"นกสองหัว"

โครงงานที่ได้รับรางวัลที่ 3 ในหัวข้อ “นวัตกรรมอุปกรณ์เพื่อสุขภาพ” กับผลงานที่ชื่อว่า “นกสอง หัว” เป็นโครงงานของ ด.ช.วีรพัศ ภคกษมา นักเรียนชั้น ม.2 จากโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) สำหรับผลงานที่ชื่อว่า “นกสองหัว” ที่ได้รางวัลที่ 3 ในหัวข้อ “นวัตกรรมอุปกรณ์เพื่อสุขภาพ” นั้น น้องวีรพัศ บอกถึงแรงบันดาลใจและที่มาของโครงงานชิ้นนี้ว่า เวลาที่เราต้องเดินทางไกล ๆ และต้องเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว เรามักจะชอบลืมของชิ้นเล็กชิ้นน้อย โดยเฉพาะอุปกรณ์ทำความสะอาดฟันที่หลาย ๆ คนชอบลืมติดไป เพราะอุปกรณ์ทำความสะอาดช่องปากส่วนใหญ่จะเป็นชิ้นเล็กหลาย ๆ ชิ้น ไม่ว่าจะเป็นแปรงสีฟัน ไหมขัดฟัน ที่ขูดทำความสะอาดลิ้น เป็นต้น จากนั้นจึงเกิดความคิดที่ว่า หากเราสามารถเอาของชิ้นเล็ก ๆ ที่จำเป็นเพื่อใช้ทำความสะอาดช่องปากมารวมเข้าด้วยกันได้ ก็จะทำให้เราพกของได้น้อยชิ้นลง และโอกาสที่จะลืมของสำคัญเวลาที่ต้องเดินทางก็น้อยลงด้วยเพราะหยิบเพียงไม่กี่ชิ้น ก็สามารถทำให้เรามีสุขภาพปากและฟันที่ดีเหมือนอยู่ที่บ้านได้ ทั้งนี้การทำชิ้นงานนั้นหากใช้วิธีแบบที่ง่ายที่สุด ก็คือตัดปลายด้ามแปรงสีฟันออกครึ่งหนึ่งแล้วใช้ไฟลนจนนิ่มจากนั้นจึงนำไปเชื่อมต่อกับแปรงขูดลิ้น หรือด้ามไหมขัดฟันชนิดด้ามที่ตัดปลายออกครึ่งหนึ่งเช่นกัน แล้วรอจนพลาสติกเย็น เนื้อพลาสติกก็จะแข็งตัวเป็นเนื้อเดียวกัน อย่างไรก็ตามสำหรับการต่อยอดชิ้นงานนี้ หากทำในระบบการผลิตที่ทันสมัย สามารถผลิตให้เป็นแท่งเดียวกันแต่มีสองหัวให้ใช้ คือ ด้านหนึ่งเป็นแปรงสีฟันอีกด้านหนึ่งเป็นด้านไหมขัดฟัน หรืออีกด้านหนึ่งเป็นที่ขูดลิ้น นอกจากนี้อาจจะผลิตออกมาเป็นแบบ 3 หัวในอันเดียว เมื่อจะใช้ ก็ดึงแยกหัวออกมาคล้ายกับอุปกรณ์เสริมในตัวที่ตัดเล็บ หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการเดินป่า (เดลินิวส์ พุธที่ 1 พ.ย. 2549 http://www.dailynews.co.th)





กล้องจุลทรรศน์พกพา1.3ล้านพิกเซล

บริษัท Scalar Cor poration ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ออกแบบกล้องจุลทรรศน์ USB แบบพกพาตัวแรกของโลก ร่วมมือกับ Bodelin Technologies ในพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายในสหรัฐของ Scalar ผลิตกล้องจุลทรรศน์ Scalar Scope เวอร์ชั่นใหม่ที่มีความละเอียดสูง ภายใต้แบรนด์ร่วมใหม่ชื่อว่า ProScope HR ซึ่งอิงกับแบรนด์ดั้งเดิมของ Bodelin ที่รู้จักกันในชื่อ ProScope Pro Scope HR โดยมีดีไซน์แบบ Scalar ซึ่งประกอบด้วยเครื่องฉายภาพความละเอียด 1.3 ล้านเมกะพิกเซล และซอฟต์แวร์สำหรับวิน โดวส์และแมคที่จับภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และภาพที่ฉายติดต่อกันอย่างรวดเร็วเพียงคลิกเดียว รูปแบบใหม่นี้ใช้เลนส์แบบเดิมของ Scalar ที่ใช้ผลิต Pro Scope รุ่นเก่า เพื่อที่ลูกค้าจะ สามารถอัพเกรดเป็นรุ่นใหม่ได้ ง่าย ๆ โดยจะมีการเปิดตัวเลนส์ Scalar 400X พร้อมกับกล้องจุลทรรศน์ตัวใหม่นี้ และจะมีการวางจำหน่ายเลนส์ Scalar รุ่นใหม่ ๆ ในอนาคต ทั้งนี้ มีการใช้เลนส์ ProScope และ Scalar รุ่นเก่าในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยหลายพันแห่งทั่วโลกเพื่อการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์หลายสาขา และปัจจุบันฐานการผลิต ProScope HR ดำเนินการโดย Bodelin Technologies ในสหรัฐอเมริกา และการผลิตเลนส์ดำเนินการโดยScalar Corporation ในญี่ปุ่น (เดลินิวส์ พุธที่ 1 พ.ย. 2549 http://www.dailynews.co.th)





ญี่ปุ่นอวดมือถือไฮเทคจำเจ้าของได้

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า เอ็นทีที โดโคโมะ บริษัทผลิตโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของญี่ปุ่นเผยโฉมสุดยอดโทรศัพท์มือถือที่รวบรวมเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยไว้อย่างครบครัน รุ่น P903i ซึ่งใช้การ์ดที่บรรจุระบบรักษาความปลอดภัยและข้อมูลเจ้าของเครื่องไว้ภายใน โดยเชื่อมต่อการทำงานกับโทรศัพท์มือถือด้วยสัญญาณไร้สาย เพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของ ถ้าตรงกันจึงจะสั่งให้เครื่องปลดล็อกการทำงานอัตโนมัติและอนุญาตให้เข้าใช้งานได้ หากการ์ดที่แสดงความเป็นเจ้าของไม่ตรงกับข้อมูลที่มีอยู่ในโทรศัพท์ โทรศัพท์จะล็อกตัวเองโดยอัตโนมัติ โดยเจ้าของเครื่องสามารถเลือกระยะห่างการทำงานของการ์ดและโทรศัพท์มือถือได้ตามสะดวกตั้งแต่ 26 ฟุต, 66 ฟุต และ 130 ฟุต แต่หากการ์ดสูญหาย เจ้าของเครื่องสามารถใช้รหัสผ่านส่วนตัวปลดล็อกโทรศัพท์ได้หนึ่งครั้ง เพื่อตั้งรหัสผ่านและเชื่อมต่อข้อมูลกับการ์ดใบใหม่ นอกจากการใช้การ์ดข้อมูลเชื่อมต่อการปลดล็อกเครื่องแล้ว ยังมีระบบการจดจำใบหน้าเจ้าของเครื่องเพื่อใช้ปลดล็อกด้วย โดยเจ้าของเครื่องต้องถ่ายรูปตนเอง 3-10 รูปในหลากหลายบุคลิก ทั้งแต่งหน้าและไม่ แต่งหน้า ใส่และถอดแว่น เพื่อให้เครื่องประมวลผลได้ว่าเป็นเจ้าของเครื่องตัวจริง พร้อมทั้งใช้ระบบตรวจหาพิกัดดาวเทียม หรือ จีพีเอส (GPS) เพื่อค้นหาตำแหน่งของโทรศัพท์เมื่อหายทางเว็บไซต์ แต่โทรศัพท์มือถือที่หายต้องอยู่ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร เบื้องต้นเอ็นทีที โดโคโมะ ยังไม่กำหนดวันวางจำหน่าย และราคาขายอย่างแน่ชัด. (เดลินิวส์ พุธที่ 1 พ.ย. 2549 http://www.dailynews.co.th)





พลังงาน

ดร.ธรรมนูญ ระบุว่า ประเทศไทยมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จากเดิมระบบเศรษฐกิจต้องพึ่งผลผลิตภาคการเกษตรเป็นหลัก แต่ทุกวันนี้ผลผลิตส่วนใหญ่มาจากภาคอุตสาหกรรม ส่งผลให้ประเทศต้องพึ่งพาน้ำมันปิโตรเลียมมากขึ้นเพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงานซึ่งนับวันราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนั้น ความต้องการด้านพลังงานในภาคเศรษฐกิจ สังคมรวมถึงการใช้งานในชีวิตประจำวันก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ไทยจึงมีความจำเป็นต้องหาแหล่งพลังงานในประเทศให้มากขึ้น รวมทั้งเร่งรัดนโยบายการประหยัดพลังงานควบคู่กันไปด้วย พลังงานไฮโดรเจน ถือได้ว่าเป็นพลังงานเชื้อเพลิงสำหรับการเผาไหม้ที่มีประสิทธิภาพสูง สะอาด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ได้รับการคาดหมายและยอมรับว่าจะเป็นแหล่งของพลังงานเชื้อเพลิงที่สำคัญอย่างมากในอนาคต ปัจจุบัน "กระบวนการเปลี่ยนรูปสารไฮโครคาร์บอนด้วยไอน้ำ" เป็นกระบวนการที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการผลิตพลังงานไฮโดรเจน (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 2 พ.ย. 2549 http://www.matichon.co.th/khaosod/)





ปลาสเตอร์ปิดแผลเดินด้วยแบตเตอรี่ ปราบปราม โรคมะเร็งของผิวหนัง

นักวิทยาศาสตร์ได้ประดิษฐ์ปลาสเตอร์ปิดแผลเดินด้วยแบตเตอรี่ ใช้รักษามะเร็งผิวหนังได้ หนังสือพิมพ์รายวัน “เดอะ มิเร่อ” อันมีชื่อเสียงของอังกฤษ รายงานข่าวว่า ขั้นแรก คนไข้จะต้องเอาครีมที่มีปฏิกิริยาต่อแสงทาที่ผิวหนังก่อน จากนั้นจะปิดทับด้วยปลาสเตอร์ที่ต่อกับแบตเตอรี่ให้ทำงาน ปลาสเตอร์นี้เหมาะกับคนไข้ที่เป็นเนื้อร้ายที่ไม่ใช่แบบชนิดร้ายแรงมาก ผู้ป่วยจะสามารถใช้รักษาตัวเองที่บ้านได้ ศาสตราจารย์เจมส์ เฟอกูสัน ที่โรงพยาบาลไนน์เลลส์ ผู้ประดิษฐ์ร่วมกับมหาวิทยาลัยเวนต์ แอนดรูวส์ ยังแจ้งว่า คนไข้ยังอาจจะสวมรัดไว้กับตัว โดยมีแบตเตอรี่ในตัวเหมือนกับเครื่องเล่นเพลงไอพอดได้ด้วย (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 3 พ.ย. 2549 http://www.thairath.co.th)





อวดเทคโนโลยี ‘อาร์ ยู คูล’

ระหว่างวันที่ 2-5 พ.ย. นี้ โดยค่ายผู้ผลิตสินค้าไอทียังจับมือเหนียวแน่นประกาศนำสินค้ามาสร้างปรากฏการณ์โปรโมชั่นในงานเพียบ! ทั้งโน้ตบุ๊ก, เอ็มพี 3, คอมพิวเตอร์พีซี, จอแอลซีดี และอุปกรณ์ต่อพ่วง ซึ่งปีที่ผ่านมาครองยอดขายอันดับ 1 ถึง 5 ตามลำดับ ส่วนคอไอทีขนานแท้คิดเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ของผู้ชมงาน ที่หวังได้พบความตื่นตาตื่นใจของเทคโน โลยีไฮเทคใหม่ ๆ งานนี้เอ.อาร์.อินฟอร์เมชั่น แอนด์ พับลิเคชั่น จำกัด ผู้จัดงานคอมมาร์ตฯ ขนขบวนความไฮเทคมาให้ชมเต็มอิ่ม เริ่มจาก หุ่นยนต์ศูนย์รวมความบันเทิง (Media Center in Robot) หรือ RS Media ซึ่งรวบรวมอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงได้อย่างครบครัน สามารถเล่นเกม เล่นเอ็มพี 3 เชื่อมต่อการทำงานเข้ากับโน้ตบุ๊ก พร้อมทั้งสามารถเขียนโปรแกรมและดาวน์โหลดหน่วยความจำเพื่อสั่งงานได้ตามต้องการ แจ๊คพีซี (JackPC) หรือ Invisible PC คอมพิวเตอร์แห่งอนาคตอันใกล้ ซึ่งถูกย่อส่วนให้มีขนาดเท่าปลั๊กไฟและฝังไว้ในผนัง แม้จะมีขนาดเล็กแต่ยังเต็มเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ เหมาะกับผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม เพราะไม่เปลืองพื้นที่ Skype Wi-Fi Phone โทรศัพท์มือถือรองรับการใช้งานไว-ไฟ ระบบเครือข่ายมาตรฐาน 802.11b/g มีซอฟต์แวร์ Skype สามารถส่งวอยซ์เมล์ได้ ออกแบบให้ประหยัดพลังงานจึงใช้งานได้นาน มีฟังก์ชันรองรับการใช้งานโทรศัพท์ทางไกลผ่านอินเทอร์เน็ต และไม่จำเป็นต้องใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์พีซี นอกจากนี้ยังนำ ต้นแบบยานยนต์พลังไฮโดรเจน H-racer มาร่วมจัดแสดงพร้อมฉายวิดีโอสาธิตการทำงานของรถไฮโดรเจน ซึ่งให้พลังงานที่สะอาดไม่เป็นพิษกับสิ่งแวดล้อม และในอนาคตพลังงานไฮโดร เจนอาจถูกนำมาใช้กับโน้ตบุ๊กก็เป็นได้ ส่วนเทคโนโลยี อาร์เอฟไอดี (RFID) ที่จะได้เห็นกันจนชินตาในอนาคตอันใกล้ ภายในงานนี้ก็ได้จำลองให้สัมผัสกันก่อนภายในร้านขายหนังสือ ที่นำระบบอาร์เอฟไอดีมาติดไว้ที่หนังสือ โดยผู้ซื้อสินค้าไม่ต้องรอสแกนสินค้า เพียงหยิบมาจ่ายเงินแล้วเดินตัวปลิวออกจากร้านได้เลย (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 3 พ.ย. 2549 http://www.dailynews.co.th)





ข่าววิจัย/พัฒนา


มช.ไอเดียเจ๋ง ผลิตอักษรล้านนาใช้ในคอมพิวเตอร์

นักวิชาการ มช.อนุรักษ์อักษรธรรมล้านนาไว้ในคอมพิวเตอร์ได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 27 ต.ค. นายเกริก อัครชิโนเรศ นักวิชาการในโครงการสารานุกรมไทย-ภาคเหนือ เปิดเผยความสำเร็จในครั้งนี้ว่า สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ร่วมกับ ศ.ดร.อุดม รุ่งเรืองศรี ได้จัดสร้างชุดอักษรธรรมล้านนา (font lanna-LN) สำหรับคอมพิวเตอร์ ซึ่งใช้ในระบบปฏิบัติการไมโคร ซอฟท์ วินโดวส์ (Microsoft Windows) และได้เปิดบริการดาวน์โหลด (Download) ให้ผู้สนใจทั่วไปนำไปใช้ โดยไม่คิดมูลค่าใด ๆ ทั้งสิ้น เพื่อหวังที่จะพัฒนาอักษรธรรมล้านนาให้คงอยู่ในโลกของคอมพิวเตอร์ยุคใหม่ ไม่ให้เสื่อมหายไป หรือคงเหลือแต่ตัวอักษรที่อยู่บนใบลาน บนสมุด หรือตามหนังสือล้านนาเก่า ๆ เท่านั้น จึงพัฒนาระบบการพิมพ์ด้วยแป้นพิมพ์ของคอมพิวเตอร์ให้สามารถพิมพ์อักษรธรรมล้านนาได้ โดยตั้งแต่เปิดพัฒนาโปรแกรม รวมถึงให้ผู้สนใจเข้าไปดาวน์โหลดโปรแกรมมาใช้ฟรี พบว่ามีกลุ่มผู้สนใจเข้าไปนำมาใช้เป็นจำนวนมาก ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก มั่นใจว่าอักษรธรรมล้านนาจะคงอยู่ตลอดไปแน่นอน นายเกริก กล่าวต่อไปว่า ครั้งแรกที่คิดค้นและพัฒนา ได้ประสบปัญหา คือ ฟอนต์ล้านนามีระบบการพิมพ์ที่ยุ่งยาก เนื่องจากจำนวนอักษรล้านนามีมากกว่าอักษรภาษาไทย โดยเฉพาะมีตัวสะกดที่อยู่ด้านล่างบรรทัด สระ และอักษรพิเศษบางตัว ทำให้ต้องนำตัวอักษรเหล่านั้นไปแทนที่อักษรในแป้นพิมพ์ภาษาอังกฤษ (English Mode) ดังนั้นการพิมพ์อักษรล้านนาลักษณะนี้ จึงต้องสลับโหมดระหว่างภาษาไทยกับภาษาอังกฤษบ่อยครั้ง การพิมพ์จึงล่าช้า ไม่สะดวก ต่อมาจึงได้จัดทำโครงการ “พัฒนาระบบการพิมพ์อักษรธรรมล้านนา” และโครงการ “พัฒนาแม่แบบชุดอักษร Lanna OTF Template” ขึ้น โดยพัฒนาฟอนต์และระบบการพิมพ์ให้มีผลกระทบกับความเคยชิน ในระบบพิมพ์สัมผัสของผู้ใช้น้อยที่สุด ทั้งนี้ ได้ศึกษาค้นคว้าหาวิธีที่จะทำให้การพิมพ์อักษรล้านนาอยู่ภายในแป้นพิมพ์เดียว ผู้พัฒนาได้ นำฟอนต์ติโลก (Tilok.ttf) ของสำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มช. ซึ่งได้พัฒนามาจากฟอนต์ Lannaworld.ttf ของคุณประเสริฐ เกิดไชยวงค์ อีกทีหนึ่ง มาพัฒนาเป็นฟอนต์รูปแบบโอเพน ไทป์ (Open type Font หรือ OTF) โดยได้ตั้งชื่อเป็น LN-TILOK เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติแด่พระเจ้าติโลกราช ปฐมกษัตริย์ของล้านนาในอดีต (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 30 ต.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





มช.พัฒนาหุ่นยนต์นาโนตรวจร่างกายใช้เซรามิกพิเศษเป็นมอเตอร์ติดกล้องส่องหาโรค

นักวิจัยจากภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งได้แก่ รศ.ดร.สุพล อนันตาสุพล และ ผศ.ดร.รัตติกร ยิ้มนิรัญ ร่วมกันศึกษาคุณสมบัติพิเศษของเซรามิกขนาดเล็กระดับนาโนเมตร (1/1,000 ล้านเมตร) จากสารเพียร์โซเซรามิก ซึ่งอยู่ในกลุ่มเซรามิกชั้นสูง พบว่าเมื่อวัสดุกดังกล่าวถูกกระตุ้นจะเกิดการตอบสนอง โดยเซรามิกมีการยืดหดตัวได้ หรือเมื่อถูกกระตุ้นด้วยแรงกล เซรามิกจะจดจำแรงกระตุ้นและส่งแรงตอบสนองออกมาให้เห็น นักวิจัยเรียวัสดุดังกล่าวว่าเป็นเซรามิกฉลาด ภายหลังจากค้นพบเซรามิกชนิดพิเศษดังกล่าวแล้ว ทีมวิจัยซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) มั่นใจว่าจะสามารถพัฒนาหุ่นยนต์จิ๋วจากวัสดุดังกล่าวได้ โดยประดิษฐ์เป็นมอเตอร์ควบคุมการขับเคลื่อนของหุ่นยนต์ในระดับนาโน ซึ่งช่วยให้หุ่นยนต์สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวเอง และส่งข้อมูลผ่านสายเคเบิลหรือคลื่นความถี่สูงเพื่อแสดงผลภาพและการรักษามายังจอมอนิเตอร์ภายนอก ในส่วนของการควบคุมหรือบังคับหุ่นยนต์ให้เคลื่อนที่ไปยังทิศทางที่ต้องการนั้น สามารถทำได้โดยอาศัยกระแสไฟฟ้ากระตุ้น หรือสัญญาณไมโครเวฟจากภายนอก ซึ่งนอกจากหุ่นยนต์จะเคลื่อนที่ไปยังบริเวณตรวจวินิจฉัยอวัยวะที่ผิดปกติภายในร่างกายแล้ว ยังสามารถบอกตำแหน่งเนื้อร้ายที่เกิดขึ้นได้ด้วย (คมชัดลึก อังคารที่ 31 ต.ค. 2549 http://www.komchadleuk.net)





มทร.สุวรรณภูมิคิดไม้เท้าสมองกลลดอุบัติเหตุผู้ป่วยกายภาพบำบัด

นายจักรี แพทย์นุเคราะห์ นักศึกษาปี 4 สาขาวิชาเทคโนโลยีไฟฟ้า คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ วิทยาเขตนนทบุรี และทีมงานได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับผู้ทำกายภาพบำบัดที่ใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน หรือที่เรียกว่า วอล์คเกอร์ พบว่าส่วนใหญ่ผู้ที่ทำกายภาพบำบัดมีปัญหาเรื่องการทรงตัว เนื่องจากผู้ป่วยต้องทิ้งน้ำหนักลงขาที่บาดเจ็บเพื่อยกไม้เท้าเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ทีมงานจึงพัฒนาอุปกรณ์ช่วยเดินสำหรับกายภาพบำบัดรูปแบบใหม่ โดยดัดแปลงเครื่องช่วยเดินที่มีอยู่เดิมในท้องตลาดมาติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และควบคุมการทำงานด้วยสมองกลเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเคลื่อนที่ได้สะดวกขึ้น และไม่เป็นอันตราย ระบบดังกล่าวประกอบด้วยเซอร์โวมอเตอร์ที่ให้แรงบิดสูง และเมื่อถูกกดที่มีน้ำหนักแรงก็ยังสามารถเคลื่อนที่ได้ ในส่วนของโปรแกรมทีมงานใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์เป็นตัวควบคุมผ่านจอแอลซีดี ซึ่งการทำงานสามารถแบ่งได้เป็น 2 ระบบ คือ ระบบอัตโนมัติ และระบบปรับตั้งเอง โหมดด้วยตัวปรับเอง อุปกรณ์ตัวนี้สามารถรองรับแรงกดจากผู้ป่วยได้ถึง 80 กิโลกรัม สามารถใช้งานต่อเนื่อง 30 ชั่วโมงหลังชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มโดยใช้เวลา 12 ชั่วโมง โดยใช้แบตเตอรี่ขนาด 12 โวลต์ 2 ลูกเป็นส่วนประกอบในเครื่อง ทีมงานกล่าวว่า พวกเขาใช้เวลาพัฒนาเครื่องอุปกรณ์ช่วยเดินสำหรับกายภาพบำบัดกว่า 6 เดือน และต้นทุนในการทำประมาณ 1.8 หมื่นบาท เมื่อเทียบกับราคานำเข้าจากต่างประเทศแล้วนับว่าถูกกว่าถึง 20 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากใช้วัสดุที่อยู่ในประเทศไทย แรงงานคนไทย คาดว่าในอนาคตจะสามารถครองตลาดไทยได้ไม่ยาก (คมชัดลึก อังคารที่ 31 ต.ค. 2549 http://www.komchadleuk.net)





หุ่นยนต์นาโนส่งตรวจอวัยวะภายใน

ทีมวิจัย ซึ่งประกอบด้วย รศ.ดร.สุพล อนันตา สุพล และ ผศ.ดร.รัตติกร ยิ้มนิรัญ นักวิจัยจากภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นหนึ่งในทีมงานที่สนใจพัฒนาหุ่นยนต์จิ๋วเช่นเดียวกัน โดยศึกษาพบเซรามิคชนิดพิเศษจากสารพิโซเซรามิค ซึ่งอยู่ในกลุ่มเซรามิคชั้นสูง และมีคุณสมบัติตามที่ต้องการ “เมื่อเซรามิคชนิดนี้ได้รับการกระตุ้นด้วยสนามไฟฟ้าพบการตอบสนอง โดยเซรามิคมีการยืดหดตัวในระดับนาโนเมตร หรือเมื่อถูกกระตุ้นด้วยแรงกล เซรามิคจะจดจำแรงกระตุ้นและส่งแรงตอบสนองออกมาให้เห็น ซึ่งลักษณะดังกล่าวเรียกได้ว่าเป็น เซรามิคฉลาด” นักวิจัยกล่าว ภายหลังจากค้นพบเซรามิคชนิดพิเศษดังกล่าวแล้วทำให้ทีมวิจัย ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) มั่นใจว่าจะสามารถพัฒนาหุ่นยนต์จิ๋วจากวัสดุดังกล่าวได้ โดยประดิษฐ์เป็นมอเตอร์ควบคุมการขับเคลื่อนของหุ่นยนต์ในระดับนาโน ซึ่งช่วยให้หุ่นยนต์สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวเอง และส่งข้อมูลผ่านสายเคเบิลหรือคลื่นความถี่สูงเพื่อแสดงผลภาพและการรักษามายังจอมอนิเตอร์ภายนอก ในส่วนของการควบคุมหรือบังคับหุ่นยนต์ให้เคลื่อนที่ไปยังทิศทางที่ต้องการนั้น สามารถทำได้โดยอาศัยกระแสไฟฟ้ากระตุ้น หรือสัญญาณไมโครเวฟจากภายนอก ซึ่งนอกจากหุ่นยนต์จะเคลื่อนที่ไปยังบริเวณตรวจวินิจฉัยอวัยวะที่ผิดปกติภายในร่างกายแล้ว ยังสามารถบอกตำแหน่งเนื้อร้ายที่เกิดขึ้นได้ด้วย อย่างไรก็ตามทีมวิจัยยังคงต้องศึกษาหาปริมาณสารตั้งต้นที่ต้องการใช้งาน พร้อมทั้งพัฒนาคุณสมบัติเชิงกลให้วัสดุมีความแข็งแรง และมีน้ำหนักเบามากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนของการผลิตผงเซรามิคในปริมาณมาก เพื่อสนับสนุนการวิจัยวัสดุฉลาดในรูปแบบต่างๆ ให้มากขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 31 ต.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





เก็บก้างปลากับผลไม้ที่เหลือทิ้ง ผลิตเป็นพลังงาน อย่างสะอาด

ศูนย์สาธิตของสถานวิจัยและเทคโนโลยียูซี เดวิส ในอเมริกา จะเริ่มเก็บรวบรวมเศษอาหารจากภัตตาคารที่มีชื่อเสียง ในแถบใกล้เคียง มาผลิตเป็นพลังงานสะอาดที่สามารถนำไปใช้อีกได้ ทางศูนย์จะผลิตก๊าซชีวภาพ จากเศษอาหารที่รวบรวมได้วันละ 8 ตัน ได้มากถึงอาทิตย์ละ 8 ตัน และหากว่าเป็นไปตามการคาดหมาย เศษอาหารอย่างผลแคนตาลูป บร็อคโคลี่ที่เหลือๆ และก้างปลา แต่ละตันจะสามารถผลิตพลังงาน เพื่อทำกระแสไฟฟ้าใช้ตามบ้านแบบที่ปลูกสร้างอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย จำนวน 10 หลัง พอใช้ได้ 1 วัน ทางเจ้าหน้าที่อธิบายว่า จุดมุ่งหมายของโครงการนี้ ก็เพื่อจะเลิกการเก็บขยะที่เป็นพวกอินทรีย์จากพืชและสัตว์ รวมทั้งเศษอาหาร ไปเที่ยวทิ้งตามหลุมฝัง กลับเอามาแปลงให้เป็นพลังงานไปเสีย นอกจากจะช่วยลดปริมาณก๊าซที่ทำให้เกิดปฏิกิริยากรีนเฮาส์ ที่เกิดเมื่อขุดหลุมเผาแล้ว ยังจะได้แปลงให้มันเป็นแหล่งพลังงานสะอาดไปเสีย (ไทยรัฐ พุธที่ 1 พ.ย. 2549 http://www.thairath.co.th)





"ขมิ้น" ช่วยคนชราจำดี - ลดอาการข้ออักเสบ

วารสารระบาดวิทยาอเมริกัน (American Journal of Epidemiology) ฉบับวันที่ 1 พ.ย.ลงพิมพ์ผลการศึกษาของคณะนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (University of Singapore) เปรียบเทียบคะแนนแบบทดสอบภาวะจิตใจคนชราเอเชียที่ไม่มีปัญหาจิตเสื่อม 1,010 คน อายุ 60-93 ปี การสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่รับประทานแกงกะหรี่เป็นบางครั้ง (ทุก 6 เดือน) ร้อยละ 43 รับประทานบ่อยถึงบ่อยมาก (ทุกเดือนถึงทุกวัน) และร้อยละ 16 ไม่เคยหรือแทบไม่รับประทานแกงกะหรี่เลย ปรากฏว่า 2 กลุ่มแรกทำคะแนนได้ดีกว่ากลุ่มสุดท้าย ในแกงกะหรี่ประกอบด้วยขมิ้นที่มีสารเคอร์คูมิน (Curcumin) สารตัวนี้มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ วงการแพทย์ทราบกันดีว่า การรับประทานยาต้านการอักเสบเป็นเวลานานช่วยลดความเสี่ยงเป็นอัลไซเมอร์ได้ แต่ยาประเภทนี้มีผลข้างเคียงต่อกระเพาะอาหาร ตับและไต จึงไม่แนะนำให้คนชรารับประทานมากเกินไป ขณะที่สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินอี แม้ช่วยปกป้องเซลล์ประสาทในห้องทดลองแต่ให้ผลจำกัดในการชะลอการจำเสื่อม ดังนั้น สารเคอร์คูมินในแกงกะหรี่จึงน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี นอกจากนี้ ยังพบว่าชาวอินเดียซึ่งนิยมทานแกงกะหรี่ คนชรามีอัตราเป็นอัลไซเมอร์น้อยกว่าคนชราในสหรัฐถึง 4 เท่า งานวิจัยอีกชิ้นโดยทีมจากมหาวิทยาลัยแอริโซนา (University of Arizona) ที่ศึกษาเรื่องข้ออักเสบก็ได้ค้นหาคุณประโยชน์ของขมิ้นในแกงกระหรี่ โดยพบว่าสารเคอร์คูมินนั้นสามารถเป็นยาบำบัดโรคได้เป็นอย่างดี (ผู้จัดการ พุธที่ 1 พ.ย. 2549 http://www.manager.co.th)





เครื่องอบแห้งผักผลไม้ความดันต่ำประหยัดพลังงาน

นักวิชาการ วว. พัฒนาเครื่องอบแห้งผักผลไม้ชนิดใช้ไอน้ำภายใต้ความดันต่ำ เผยติดเครื่องดูดอากาศสร้างภาวะสุญญากาศ ลดจุดเดือดของน้ำที่ไปถ่ายเทความร้อนให้ห้องอบแห้ง ระบุช่วยประหยัดพลังงานได้มาก แถมไม่ต้องใช้ไฟฟ้า แต่ใช้ได้ทั้งถ่านและแก๊ส ชี้คุณภาพทัดเทียมที่วางขายในท้องตลาด ในงานตลาดนัดทรัพย์สินทางปัญญา 2549 เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา จัดโดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ได้มีการแสดงผลงานประดิษฐ์คิดค้นฝีมือคนไทยมากมาย หนึ่งในนวัตกรรมที่นำมาจัดแสดงยังรวมถึง “เครื่องอบแห้งไอน้ำความดันต่ำ” เพื่อใช้อบแห้งพืชผลทางการเกษตรของนายบุญชู ลีลาขจรจิต นักวิชาการฝ่ายบริการอุตสาหกรรมและที่ปรึกษา สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย สำหรับเครื่องต้นแบบที่นำมาจัดแสดงในงาน นายบุญชู กล่าวว่า เป็นเครื่องที่ผลิตขึ้นจากวัสดุใกล้ตัว หาได้ไม่ยาก ประกอบด้วยถังใบนอกที่ทำมาจากถังเหล็กทั่วไป ส่วนถังภายในที่เป็นห้องอบจะทำจากแสตนเลส ซึ่งจะมีตะแกรงวางอาหารที่ต้องการจะอบแห้งจำนวน 5 ชั้นๆ ละ 1 ก.ก. หรือรวมทั้งหมด 5 ก.ก. อย่างไรก็ตาม ก็สามารถปรับเปลี่ยนวัสดุให้เหมาะสมมากขึ้นได้ เช่นใช้เหล็กกล้ามาผลิตตัวถัง โดยสามารถใช้เชื้อเพลิงได้ทั้งที่เป็นถ่านและแก๊สหุงต้ม ขณะที่ต้นทุนการผลิตต่อเครื่องจะอยู่ที่ 5,000 บาท หากมีผู้สนใจก็สามารถติดต่อไปยัง วว. ได้ ส่วนเครื่องต้นแบบภาคอุตสาหกรรมจะมีรูปทรงเป็นกล่องสี่เหลี่ยม สามารถอบแห้งอาหารได้คราวละ 30 ก.ก. และน่าจะมีราคาต่ำกว่าเครื่องอบแห้งไอน้ำความดันสูงที่มีใช้กันทั่วไปเล็กน้อย เครื่องอบแห้งไอน้ำความดันต่ำจึงช่วยประหยัดพลังงานได้มาก และเปลี่ยนจากพลังงานไฟฟ้ามาเป็นพลังงานจากถ่านและแก๊ส ผลิตได้ในต้นทุนที่ต่ำกว่าท้องตลาด พร้อมทั้งได้จดสิทธิบัตรไว้แล้ว ผู้สนใจสามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายบริการอุตสาหกรรมและที่ปรึกษา สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) 196 ถ.พหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์ 0-2579-1121-30 ต่อ 1249, 5209, 5211 หรือโทรสาร 0-2561-4771 (ผู้จัดการ พุธที่ 1 พ.ย. 2549 http://www.manager.co.th)





"ไบโอเชิร์ต" เสื้อตรวจหัวใจ

เป้าหมายการพัฒนา "ไบโอเชิร์ต" เพื่อให้ "นักวิ่ง" มือสมัครเล่น รวมถึง "นักวิ่งมาราธอน" มีอุปกรณ์เอาไว้คอยตรวจเช็กร่างกายของตนเอง จะได้ไม่ฝืนวิ่งจนเกินอันตรายแก่ตนเองกล่องอิเล็กทรอนิกส์ไบโอเชิร์ตนั้นทำงานด้วยแบตเตอรี่ขนาดเล็ก ซึ่งประจุไฟฟ้าครั้งหนึ่ง ทำงานได้นานประมาณ 5 ชั่วโมง ในกรณีที่ระบบไบโอเชิร์ตตรวจจับได้ว่า ถ้าฝืนวิ่งต่อไปอาจต้องเป็นลม หรือ ไม่ปลอดภัยอย่างแน่นอน ระบบก็จะแจ้งเตือนให้หยุดวิ่ง นั่งพักชั่วคราวแล้วค่อยวิ่งต่อ คุณคิม บอกว่า เสื้อไบโอเชิร์ตจะวางตลาดเป็นทางการปีหน้า โดยจะมีระบบการทำงานใหม่เพิ่มเติมขึ้นมา ได้แก่ "นาฬิกาข้อมือ" ซึ่งรับข้อมูลต่างๆ จากกล่องอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบสื่อสารไร้สาย "บลูทูธ" มาแสดงบนหน้าปัทม์นาฬิกา กระแสเสื้อผ้าผสมผสานกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วนั้นเริ่มก่อตัวมา 1-2 ปีแล้ว แต่ยังเข็นไม่ขึ้น คงต้องรอดูว่าเกาหลีใต้จะทลายกำแพงสำเร็จหรือไม่ (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 2 พ.ย. 2549 http://www.matichon.co.th/khaosod/)





ขมิ้นชันป้องกันโรคกระดูกพรุน พบตัวยาต่อต้าน กับการอักเสบ

นักวิจัยพบช่องทางนำเอาสารสกัดจากขมิ้นชันที่ใช้ปรุงแกงกะหรี่ ช่วยป้องกันโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์และโรคกระดูกพรุนได้ ตำรับยาของชาวเอเชีย ได้ใช้ขมิ้นชันเป็นเครื่องสมุนไพรรักษาโรคต่างๆ อันเนื่องมาจากการอักเสบกันมานานหลายศตวรรษแล้ว นักวิจัยได้พบผลการทดลองในห้องปฏิบัติการทดลองวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอริโซนา ทำให้รู้ว่าสารสกัดของขมิ้นชันเป็นยาได้ ซึ่งอาจจะทำเป็นยาขึ้น แต่การจะกินสารนี้มากๆโดยตรง อาจไม่ได้ผล ก่อนหน้านี้นักวิจัยก็เคยพบว่า ขมิ้นชัน มีสรรพคุณป้องกันข้อต่ออักเสบในหนู แต่ในการศึกษาหลังสุดนี้จึงได้พบแน่นอนว่า สาร ประกอบในขมิ้นชันตัวใด ที่มีสรรพคุณแก้การอักเสบ. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 3 พ.ย. 2549 http://www.thairath.co.th)





ทึ่ง!! ช้างจำตัวเองได้ในกระจก ทักษะซับซ้อนเทียบเท่าคน-ลิง

ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในโปรซีดดิงส์ ออฟ เดอะ เนชันแนล อะคาเดมี ออฟ ไซนส์ (Proceedings of the National Academy of Sciences) ทีได้ศึกษาพฤติกรรมหน้ากระจกของช้างเอเชีย 3 เชือกพบว่า ช้างเชือกหนึ่งใช้งวงแตะเครื่องหมายกากบาทสีขาวบนหัวตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งถือเป็นบททดสอบสุดคลาสิกเพื่อประเมินทักษะการจดจำตัวเองของเด็กและลิงไม่มีหาง "เราเห็นพฤติกรรมที่ซับซ้อนมาก เช่น การจดจำตัวเอง และการแยกแยะระหว่างตัวเองกับสัตว์ตัวอื่นในสัตว์ที่เฉลียวฉลาดและมีระบบทางสังคมแน่นหนา ความซับซ้อนทางสังคมของช้าง พฤติกรรมความเสียสละซึ่งเป็นที่รู้กันดี และสมองขนาดใหญ่ ทำให้ช้างเป็นสายพันธ์ที่มีเหตุผลสมควรที่จะรับการทดสอบหน้ากระจก" โจชัว พลอตนิก (Joshua Plotnik) จากศูนย์วิจัยสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเยอร์เคส มหาวิทยาลัยเอมอรี (Yerkes National Primate Research Center at Emory University in Atlanta) รัฐจอร์เจีย สหรัฐฯ สำหรับช้างสามเชือกในการทดลองนี้มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกับสุนัขเมื่อยืนหน้ากระจกขนาด 2.5 x 2.5 เมตร กล่าวคือเดินสำรวจด้านหลังกระจก เอาอาหารมากินหน้ากระจก ช้างทั้งสามเชือกยังแหย่งวงเข้าไปสำรวจภายในปากของตัวเอง และเคลื่อนไหวเป็นจังหวะซ้ำๆ เพื่อทดสอบภาพสะท้อนในกระจก แต่หนึ่งในสามเชือกที่ชื่อเจ้าแฮปปี้ (Happy) ซึ่งเป็นช้างพังอายุ 34 ปี มีพฤติกรรมซับซ้อนกว่านั้นคือ ใช้งวงแตะเครื่องหมายกากบาทสีขาวบนหัว ซึ่งมองเห็นได้ในกระจกเท่านั้น ซ้ำแล้วซ้ำอีก ทว่า เจ้าแฮปปี้กลับไม่มีปฏิกิริยากับเครื่องหมายกากบาทอีกอันที่ไม่มีสี แสดงให้เห็นว่าปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากการดมกลิ่นหรือความรู้สึก ผลการทดลองนี้สะท้อนว่า ช้างมีทักษะในการจดจำตัวเองในระดับเดียวกับสัตว์ที่มีชีวิตทางสังคมซับซ้อนและมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดอย่างคน ลิงไม่มีหาง และโลมาปากขวด (Bottlenose dolphin) การทดลองนี้เป็นความร่วมมือระหว่างทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเอมอรีกับไวด์ไลฟ์ คอนเซอร์เวชัน โซไซตี้ (Wildlife Conservation Society) โดยใช้ช้างจากสวนสัตว์บรองซ์ (Bronx Zoo) ในนิวยอร์ก (ผู้จัดการ ศุกร์ที่ 3 พ.ย. 2549 http://www.manager.co.th)





จุฬาตรวจฉี่ดูไตอักเสบแทนเข็มเจาะ

น.พ.ยิ่งยศ อวิหิงสานนท์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ทีมวิจัยได้ค้นคว้าวิธีใหม่ในการตรวจภาวะไตอักเสบ ในผู้ป่วยภูมิแพ้ตัวเองหรือโรคพุ่มพวง แทนวิธีตรวจวินิจฉัยเดิมคือ การเจาะไตเพื่อนำเนื้อไตมาตรวจพยาธิสภาพ ซึ่งเป็นวิธีที่ผู้ป่วยต้องเจ็บตัวและอาจได้รับอันตรายได้ วิธีใหม่ที่ศึกษานี้ เป็นการเก็บตัวอย่างปัสสาวะมาทำการปั่น แยกเอาเฉพาะเซลล์ที่ตกตะกอน เพื่อนำไปตรวจดูปริมาณของยีนชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงภาวะไตผิดปกติ จากการติดตามผู้ป่วยที่ภาวะไตอักเสบรุนแรง ติดต่อเป็นระยะเวลา 6 เดือน พบว่า ความรุนแรงของโรคแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มแรกมีปริมาณยีนลดลงและอาการดีขึ้นตามลำดับ กลุ่มที่สองมีปริมาณยีนเพิ่มขึ้นและอาการทรุดลง จากนั้นนำผลที่ได้มาเปรียบเทียบกับผู้ป่วยปกติ พบว่าผลการตรวจมีความแม่นยำสูงถึง 80% ขณะนี้ได้ทดลองในผู้ป่วยโรคพุ่มพวง 40 คน และยังต้องพัฒนาวิธีตรวจต่อไป วิธีนี้นอกจากจะช่วยให้ผู้ป่วยเจ็บตัวน้อยที่สุดแล้ว ยังช่วยให้แพทย์ทำงานสะดวกขึ้น เพราะทราบระดับความรุนแรงของโรค และบ่งบอกถึงผลการตอบสนองต่อการรักษาได้เป็นอย่างดี ทำให้สามารถปรับวิธีการรักษาและการให้ยาในผู้ป่วยแต่ละรายได้อย่างเหมาะสม (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 3 พ.ย. 2549 http://www.komchadleuk.net)





ข่าวทั่วไป


"อินทรีย์ป่า" ซับน้ำได้ 6 เท่า : ความรู้ที่ยังไม่มีใครใช้ต่อยอดกันอุทกภัย

ศ.ดร.เกษม จันทร์แก้ว คณบดีวิทยาลัยสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างอุทกวิทยาป่าไม้กับการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนว่า พื้นที่เขตร้อนนั้นจะเก็บน้ำฝนไว้ในดิน โดยเศษซากอินทรีย์ที่เกิดจากการทับถมของใบไม้ ต้นไม้ที่ตายลง จะทำหน้าที่ซับน้ำฝนที่ตกลงมา ซึ่งอินทรียวัตถุ 1 กรัมเก็บน้ำไว้ได้ 6 กรัม เมื่อไม่มีป่าก็ไม่มีอินทรียวัตถุไว้ซับน้ำและรูพรุนในดินที่จะเก็บน้ำไว้ก็เล็กลงทำให้เก็บน้ำได้น้อยลงด้วย ขณะที่เขตหนาวจะเก็บน้ำไว้บนผิวดินในรูปของหิมะ ศ.ดร.เกษมเพิ่มเติมอีกว่า ป่าไม้น้อยลงทำให้ดินที่ค่อยๆ เก็บน้ำถูกความแรงของกระแสน้ำเซาะออกไป ความอุดมสมบูรณ์ของดินก็ไปพร้อมกระแสน้ำ เดิมน้ำค่อยๆ ไหลลงสู่ที่ต่ำพร้อมความอุดมสมบูรณ์ แต่ปัจจุบันกระแสน้ำไหลเร็วขึ้นก็พัดพาเอากรวด หิน ทรายไปด้วย ทำให้หลังน้ำลดทั้งพื้นที่ซึ่งถูกน้ำชะล้างและพื้นที่ซึ่งถูกน้ำท่วมไม่สามารถเพาะปลูกได้ อีกปัญหาคือ การกระจายตัวของฝนทั้งโดยพื้นที่และเวลาเปลี่ยนไป ปริมาณฝนยังเท่าเดิม แต่วันที่ฝนตกเปลี่ยนแปลง โดยเฉลี่ยฝนตก 160 วัน แต่วันที่ตกๆ หนักมีเพียงไม่กี่วัน และตกหนักจนดินไม่สามารถอุ้มน้ำไว้ได้ เพราะปกติดินจะค่อยซับน้ำที่ไหลผ่านยอดใบ กิ่ง ก้านและลำต้นของต้นไม้ ขณะเดียวกันช่วงเวลาที่ฝนตกก็ไม่แน่นอน ในการแก้ปัญหาระยะสั้นควรหาแหล่งเก็บน้ำ แต่ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ว่าที่ไหนต้องการเก็บน้ำ (ผู้จัดการ จันทร์ที่ 30 ต.ค. 2549 http://www.manager.co.th)





“ดร.สุเมธ” เผยภาคตะวันออกมี “บ่อลูกรังร้าง” รับน้ำได้ล้านๆ ลบ.ม.

"ดร.สุเมธ" เผยในหวงทรงห่วงใยเรื่องน้ำและพระราชทานคำแนะนำมาตลอด พร้อมทั้วระบุภาคตะวันออกหลายจังหวัดมี "บ่อลูกรัง" กักน้ำได้นับล้านๆ ลูกบาศก์เมตร ใช้เป็นพื้นที่บรรเทาน้ำท่วม-ป้องกันภัยแล้งได้ แนะในฤดูน้ำหลากจัดระบบเช่าพื้นที่ “น้ำท่วม” ทำเป็นกิจลักษณะ จ่ายค่าเสียหายชัดเจน คาดอีก 4 สัปดาห์เกิดภัยแล้ง ควรหาวิธีเก็บน้ำไปไว้ใช้ พร้อมเตือนภาครัฐ-เอกชนจะก่อสร้างต้องศึกษาทางน้ำไหล ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เปิดเผยว่าได้เดินทางไปสำรวจพื้นที่ในภาคตะวันออกแล้วพบว่าหลายจังหวัดมี “บ่อลูกรัง” ขนาดใหญ่ รวมทั้งจากการประมาณการด้วยภาพถ่ายดาวเทียมโดยสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร พบว่าบ่อลูกรังดังกล่าวสามารถรองรับน้ำได้จำนวนมาก น่าจะเป็นการบรรเทาปัญหาน้ำท่วมที่กำลังประสบกันอยู่ และเตรียมรับมือกับภัยแล้งที่คาดว่าจะมาอีก 4 สัปดาห์หลังน้ำลด นอกจากนี้ ดร.สุเมธยังเผยแนวคิดถึงการจัดน้ำการในฤดูน้ำหลากซึ่งกลายเป็นอุทกภัยที่หลายจังหวัดกำลังประสบอยู่นี้และมีการผันน้ำเข้าพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกรนั้น ควรมีจัดทำระบบเช่าพื้นที่รับน้ำท่วมให้เป็นระบบ มีการเช่าเป็นรายปี และกำหนดค่าเสียหายที่ชัดเจนในยามที่ต้องใช้พื้นที่เพื่อการผันน้ำบรรเทาปัญหาน้ำท่วม (ผู้จัดการ จันทร์ที่ 30 ต.ค. 2549 http://www.manager.co.th)





ซื้อของขวัญคริสต์มาสทางเน็ตในอังกฤษ ทำให้นายจ้างสูญเงินมหาศาล

บริษัทที่ปรึกษาด้านกฎหมายการจ้างงาน หรือ อีลาส กล่าวว่า ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา มีผู้เข้าไปท่องอินเทอร์เน็ตเพื่อจับจ่ายซื้อของเพิ่มขึ้นกว่า 2 ล้านคน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากที่บรรดาเว็บไซต์ต่าง ๆ ออกแบบหน้าเว็บของตนให้น่าสนใจมากขึ้น เพื่อให้บรรดาลูกค้าใช้เวลาอยู่ที่หน้าเว็บไซต์ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อีลาส คำนวณค่าใช้จ่ายในการเผาผลาญเวลาทำงานโดยประมาณการว่า ในแต่ละวันลูกจ้างใช้เวลาโดยเฉลี่ยราวครึ่งชั่วโมงในการจับจ่ายซื้อของทางอินเทอร์เน็ต โดยคิดจากค่าแรงเฉลี่ยชั่วโมงละ 12.50 ปอนด์ หรือประมาณ 875 บาท ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า สำหรับนายจ้างหลายคนนั้น ทุก ๆ ชั่วโมง ที่ลูกจ้างใช้เวลาไปกับการช็อปปิ้งหาของขวัญคริสต์มาสทางอินเทอร์เน็ต เป็นช่วงเวลาที่ลูกจ้างต้องทำงานตามเงินค่าจ้างที่ได้ อีลาส ประเมินว่า ในปีนี้ จะมีการช็อปปิ้งของขวัญทางอินเทอร์เน็ตคิดเป็นเงินราว 9,000 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 630,000 ล้านบาท ซึ่งตรงกับที่มีการคาดหมายไว้ก่อนหน้านี้ว่า การช็อปปิ้งออนไลน์จะได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม (คมชัดลึก อังคารที่ 31 ต.ค. 2549 http://www.komchadleuk.net)





"เอลนิโญ่"ทำไฟป่าไทย รุนแรงสุดใน9ปี-สั่งรับมือด่วน

นายสมชัย เพียรสถาพร รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า จากการสังเคราะห์สถานการณ์ไฟป่า พบว่า ขณะนี้ฤดูไฟป่าปี 2550 ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยถือว่าเริ่มต้นเร็วกว่าปกติ และจะมีความรุนแรงมากที่สุดในรอบ 9 ปี นับตั้งแต่ปี 2541 เพราะมีการสะสมของปริมาณเชื้อเพลิงที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับอิทธิพลจากปรากฏการณ์เอลนิโญ่ หรือ ปรากฏการณ์โลกร้อน ส่งผลทำให้ฤดูไฟป่ายาวนานกว่าทุกปี โดยอาจจะขยายออกไปถึงเดือนมิ.ย. 2550 หากอิทธิพลของเอลนิโญ่ไม่อ่อนกำลังลง "ไทยได้รับอิทธิพลจากปรากฎการณ์ "ลา นินญ่า" อย่างอ่อนๆ ตั้งแต่ปลายปี 2548 ทำให้เกิดภาวะมีฝนมากกว่าปกติในปี 2549 แต่อิทธิพลจากลา นินญ่า สิ้นสุดลงในเดือนส.ค. และตามมาด้วยการพัฒนาตัวของเอล นิโญ่ อย่างทันทีทันใด" นายสมชัย ระบุ นอกจากนั้น ศูนย์พยากรณ์อากาศสหรัฐ แจ้งด้วยว่า ผลกระทบจากเอลนิโญ่ เริ่มปรากฎให้เห็นเป็นรูปธรรมบ้างแล้ว โดยในเวลาช่วง 30 วันที่ผ่านมาสังเกตพบว่าอินโดนีเซีย มาเลเซีย และพื้นที่ส่วนใหญ่ของฟิลิปปินส์ ซึ่งปกติแล้วเป็นพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบจากเอลนิโญ่ก่อนพื้นที่อื่นๆ เริ่มประสบภาวะแห้งแห้งกว่าปกติ (มติชน พฤหัสบดีที่ 2 พ.ย. 2549 http://www.matichon.co.th)





บริการล่ามผ่านเอสเอ็มเอสต่างชาติพูดคุยกับคนไทยราบรื่น

นายพอล เมียร์วิล ผู้อำนวยการบริษัท พอคโมบายล์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวบริการ “พอคแทรนซเลท” บริการแปลภาษาผ่านเอสเอ็มเอสหรือข้อความสั้นผ่านมือถือ โดยใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ “ภาษิต” ที่พัฒนาขึ้นโดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ในช่วงแรกระบบรองรับการแปลอังกฤษเป็นไทย “ไทยเป็นประเทศแรกในเอเชีย ที่เราเปิดให้บริการแปลภาษาผ่านเอสเอ็มเอส มุ่งรองรับชาวต่างชาติในไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน อังกฤษ ออสเตรเลีย ฝรั่งเศสและสวีเดน ที่ต้องการความช่วยเหลือในด้านการสื่อสาร" นายพอล กล่าว ผู้ที่ต้องการใช้บริการแปลภาษาดังกล่าว จะต้องมีโทรศัพท์มือถือที่ใช้ซิมการ์ดของไทยหรืออีก 12 ประเทศ ในเครือข่ายของบริษัท ได้แก่ ออสเตรเลีย เบลเยียม เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี ไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน สวิ9เซอร์แลนด์ และอังกฤษ จากนั้นเปิดระบบส่งเอสเอ็มเอส พิมพ์ Eng tha เว้นวรรคแล้วพิมพ์ประโยคภาษาอังกฤษหรือคำที่ต้องการแปล ส่งไปยังหมายเลขของแต่ละประเทศตามซิมการ์ดที่ใช้ โดยของไทยเป็นหมายเลข 4520000 ก็จะได้รับคำแปลกลับมาภายใน 20 วินาที กรณีที่เป็นซิมการ์ดต่างประเทศ คำแปลที่ได้รับจะเป็นภาษาอังกฤษในลักษณะของคำคาราโอเกะ เพื่อให้ชาวต่างชาติสามารถสะกดและพูดเป็นภาษาไทยใช้สื่อสารได้ แต่หากเป็นซิมการ์ดประเทศไทย คำแปลจะออกมาเป็นภาษาไทย อย่างไรก็ตาม ระบบมีทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการสื่อสารแต่ไม่แน่ใจ สามารถพิมพ์เครื่องหมาย + ตามด้วยรหัสประเทศไทย และหมายเลขโทรศัพท์ตามซิมการ์ดของไทย ระบบจะส่งข้อความเข้าเครื่องของไทยโดยตรง (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 3 พ.ย. 2549 http://www.komchadleuk.net)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215