ป้ายจราจรและการมองเห็นของผู้ขับขี่
ดร.สกล ธีระวรัญญู
สายวิชา การออกแบบโดยเน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

รูปที่ 1 ป้ายโฆษณาที่เลียนแบบป้ายจราจร
ถ้าสังเกตง่ายๆตามท้องถนน เราจะพบว่าตัวอักษรบนป้ายจราจรยิ่งใหญ่ก็จะยิ่งดี เพราะผู้ขับขี่สามารถที่จะเห็นได้จากที่ไกลและสามารถตัดสินว่าเขาควรจะอยู่ในช่องจราจรใดซึ่งจะลดปัญหาของการเกิดอุบัติเหตุอันเนื่องมาจากเวลาในการตัดสินใจ บางบริษัทโฆษณาใช้กลยุทธ์นี้ในการดึงดูดสายตาของผู้ขับขี่ดังรูปที่ 1 บังเอิญผมขับรถผ่านไปยังทางด่วนสายบางนาและสังเกตตัวอักษรที่เลียนแบบป้ายจราจร ซึ่งมีข้อความชี้ไปยังถนนยมโลก แจ้งมรณะ และเมาคะนอง ก็เริ่มรู้สึกขำในความคิดสร้างสรรค์ของนักโฆษณา ตัวอักษรโฆษณาที่เราเห็นแต่ไกลนั้นมีขนาดไม่ต่ำกว่า 1 เมตรก็คงเห็นจะได้

รูปที่ 2 การจำลองป้ายจราจรด้วยตัวอักษรของกรุงเทพมหานครฯ กรมทางหลวง และราชบัณฑิตฯ
เมื่อช่วงสามปีที่ผ่านมาผมได้รับโจทย์วิจัยจากศูนย์วิจัยจราจรและขนส่งของมจธ.[1] ตัวโจทย์นี้มาจากที่ประชุมสภาผู้แทนฯสมัยท่านนายกบรรหาร มีนัยความว่าป้ายตัวอักษรของกรมทางหลวงในปัจจุบันไม่มีรูที่หัวทำให้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีในการเขียนอักษรไทยให้กับเด็ก ทางสภาก็อยากจะใช้ตัวอักษรของราชบัณฑิตยสถานซึ่งมีความหนาเท่ากันทั่วตัวอักษร ในขณะที่กรมทางหลวงก็พยายามชี้แจงว่าป้ายของเขานั้นสามารถมองเห็นได้ในระยะไกล ทางฝ่ายป้ายจราจรของกรุงเทพมหานครฯก็อยากให้ป้ายของตนเป็นมาตรฐานซึ่งได้มีการออกแบบป้ายที่มีรูที่หัวซึ่งมีลักษณะความหนาของตัวอักษรทั้งตัวไม่เท่ากัน มีส่วนที่บางคือ กิ่งที่ต่อกับหัวตัวอักษร ในอดีตมีผู้วิจัยตัวอักษรไทยในด้านการอ่านจากสถาบัน AIT [2] และไม่มีผู้วิจัยที่ทำการวิจัยเกี่ยวข้องกับรูที่หัวตัวอักษร ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นที่มาของโจทย์ที่จะต้องตัดสินด้วยการใช้ปัจจัยของมนุษย์ด้วยการนำป้ายจราจรของกรุงเทพมหานครฯ กรมทางหลวง และราชบัณฑิตมาเปรียบเทียบดังรูปที่ 2 ไล่จากด้านบนลงล่าง

รูปที่ 3 ภาพจำลองสามมิติของป้ายจราจรที่มีการเคลื่อนที่จากที่ไกลมาใกล้
ก็เป็นอันว่าการวิจัยอันนี้ต้องเริ่มจากการจำลองสถานการณ์ขับขี่มาซึ่งในขณะนั้นทางศูนย์วิจัยมีงบประมาณจำกัด ดังนั้นการจำลองจึงเกิดขึ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์แทนที่จะลองขับบนรถจริงๆ โดยการทำภาพสามมิติที่เคลื่อนไหว ผู้ถูกทดสอบจะเริ่มเห็นป้ายจากที่ไกลแล้วให้ผู้ถูกทดสอบกดปุ่มเมื่อเริ่มอ่านตัวอักษรได้ ดังรูปที่ 3 ตัวอักษรที่เราเลือกมาก็พยายามเลี่ยงชื่อถนนเพราะจะได้ไม่เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบในความคุ้นเคย เราใช้ชื่อตำบลแทนชื่อถนน เช่น นาจะหลวย และทำการทดสอบป้ายจำนวน 9 ป้ายดังรูปที่ 2 หลังจากนั้นทางฝ่ายวิจัยได้หาผู้ร่วมทดสอบด้วยประมาณ 99 คน ทั้งหมดเป็นคนที่มีประสบการณ์ในการขับรถและมีความหลากหลายของอายุ ก่อนจะทดสอบผู้วิจัยขอยืมป้ายตัวอักษรที่วัดสายตาจากจักษุแพทย์มาตรวจสอบดูว่าสายตาคนถูกทดสอบผิดปกติหรือไม่
ผลทดสอบออกมาก็ได้ความว่าตัวอักษรของกรมทางหลวงก็ยังสามารถมองเห็นได้ในระยะไกลที่สุด เนื่องจากตัวอักษรมีความหนาที่มากกว่ากรุงเทพมหานครฯ แต่ว่าตัวอักษรของกรมทางหลวงมีข้อผิดพลาดในการอ่านพอสมควรเพราะผู้อ่านไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างตัวอักษรที่มีลักษณะคล้ายกัน เช่น ด กับ ค เนื่องจากความหนาที่มีมากไป เช่น คำว่า คอนสวรรค์ อ่านเป็น ดอนสวรรค์ ตัวอักษรของกรุงเทพมหานครฯ จะได้เปรียบตรงที่สามารถแยกแยะความแตกต่างของตัวอักษรที่มีลักษณะคล้ายกันเพราะเส้นกิ่งบางๆที่ต่อกับหัวตัวอักษร โดยสรุปแล้วตัวอักษรของกรุงเทพมหานครฯ และกรมทางหลวงก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน เป็นอันว่าทางผู้วิจัยก็ได้พยายามเสนอผู้สนับสนุนการวิจัยให้ออกแบบตัวอักษรใหม่ที่สามารถอ่านได้ในที่ไกลผนวกกับการอ่านและการเขียนที่ถูกต้องเพื่อเด็กไทยจะได้เห็นตัวอักษรที่มีรูที่หัวบนป้ายจราจรด้วย
เอกสารอ้างอิง
1. Teeravarunyou, S., Laosirihongthong, T., Dynamic Legibility of Standard Thai Fonts on Traffic Highway Sign, 6th Asian Design Conference (2002).
2. Vongvichien, S, Legibility of Thai-character Highway Signs Under a Simulated Driving Condition, Thesis No.103, SEATO Graduate School of Engineering, Bangkok (1965).
|