หัวข้อข่าวปีที่ 4 ฉบับที่ 43 ประจำวันที่ 2003-11-23

ข่าวการศึกษา

รัฐใช้ ‘ภาษี’ จูงใจเอกชนหนุนโรงเรียนในฝัน
‘อดิศัย’ เล็ง ม.ท้องถิ่นกวาดรับเด็กพื้นที่
หนุน ร.ร.ติวอังกฤษ-เขมร รับเปิดจุดผ่านแดนช่องสะงำ
เปิดตัวครูวิทย์ดีเด่น
ช็อกผลสอบวัดความรู้เอ็นท์ตกเกือบทั้งปท.! น.ร.99% ได้เลขไม่ถึงครึ่ง
ไทยจับมือชาติเอเชีย-แปซิฟิก ตั้งกลุ่มความร่วมมือ ‘อวกาศ’

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

ไฟเขียวตั้งอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ
เบื้องหลังรางวัลเหรียญไอนสไตน์ผลงานที่เอื้อต่อเกษตรกรทั้งโลก
เยอรมนีเริ่มปิดเตานิวเคลียร์เครื่องแรก
ไวรัส ‘ฟี-เอ็กซ์174’ กินแบคทีเรีย14วัน
วิจัยชี้ฮอร์โมนบำบัดสกัดมะเร็งหวนคืน

ข่าววิจัย/พัฒนา

พบโมเลกุลนำชายับยั้งเอดส์
วัคซีนเอดส์ฝันสลายผลทดสอบ ‘เหลว’ หลังใช้อาสาสมัครไทย 2.5พัน สธ.ชี้ยังมีหวังทดลองอีกชุด
พบโมเลกุลนำชายับยั้งเอดส์
เซลล์ไขกระดูกซ่อมหัวใจ
เบีร์ดำบำรุงหัวใจมากกว่าเบียร์ในดื่มมากกลับอ้วนชวนเป็นโรคหัวใจ
วิจัยพบแม่ลิงบาบูนเข้าสังคมเลี้ยงลูกดีกว่าแม่ลิงโดดเดี่ยว

ข่าวทั่วไป

เผยโรงฆ่าสัตว์ทั่ว ปท.ต่ำมาตรฐานเนื้อสัตว์90% ในตลาดเสี่ยงติดเชื้อ
ก.แรงงานฯเตรียมแก้กฎหมายจ่าย ‘เบี้ยเลี้ยง’ นร.-นศ.ฝึกงาน
น้ำแข็งขั้วโลกหาย 20% หวั่นส่งผลน้ำท่วมโลก
อย.ยึด ‘เอกซ์วัน’ แก้มะเขือเผาใช้สาร ‘ซิดีลนาฟีล’ หวั่นถึงตาย





ข่าวการศึกษา


รัฐใช้ ‘ภาษี’ จูงใจเอกชนหนุนโรงเรียนในฝัน

นายชัชวาล ชมพูแดง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ (11 พ.ย.) ว่า ครม.อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการลดหย่อนภาษีให้กับผู้บริจาคแก่สถาบันการศึกษาของรัฐหรือเอกชนโดยสามารถหักค่าใช้จ่ายได้สองเท่าของเงินบริจาค แต่ไม่เกิน 10 % ของรายได้สุทธิหรือกำไรสุทธิ ในกรณีเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลให้ยกเว้นภาษีเงินได้ เป็นจำนวนเงินหรือมูลค่าทรัพย์สินเป็นจำนวน 2 เท่าของรายจ่ายที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษา แต่ต้องไม่เกิน 10% ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ หรือเพื่อการสาธารณประโยชน์และเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายดังกล่าวที่นำมาหักค่าลดหย่อนต้องเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการเห็บชอบ นอกจากนี้ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ให้แก่บุคคลธรรมดา หรือบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน การขายสินค้า และสำหรับการกระทำตราสาร อันเนื่องมาจากดำเนินการสนับสนุนการศึกษา โดยผู้โอนจะต้องไม่นำต้นทุนของสินทรัพย์ สินค้า ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษีมาหักเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อคำนวณภาษี (กรุงเทธุรกิจ พุธที่ 12 พฤศจิกายน 2546 หน้า 10)





‘อดิศัย’ เล็ง ม.ท้องถิ่นกวาดรับเด็กพื้นที่

นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวมอบนโยบายแก่ข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ว่าที่ผ่านมางานส่วนใหญ่อยู่ที่มหาวิทยาลัยส่วน สกอ. มีทำหน้าที่เชื่อมโยงงานระหว่างมหาวิทยาลัย กับอีก 4 องค์กรหลักของ ศธ. แต่ที่ผ่านมา สกอ.ยังขาดข้อมูลพื้นฐาน ตนจึงเห็นว่า จะต้องมีการรวบรวมนโยบายและความต้องการของประเทศ เพื่อส่งผ่านไปยังมหาวิทยาลัย ทั้งนี้ ควรจัดให้มีการสัมมนารับฟังความเห็น และความต้องการจากภาครัฐและเอกชน รวมทั้งจะต้องสำรวจตลาดการจ้างงาน เพื่อเป็นข้อมูลให้มหาวิทยาลัยในการกำหนดจำนวนรับนักศึกษาในแต่ละสาขาวิชา และเผยแพร่ข้อมูลให้ผู้ปกครองและนักเรียนได้ทราบเพื่อเป็นแนวทางในการศึกษาต่อ นายอดิศัย กล่าวอีกว่า การที่นักศึกษาเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเปิด ที่ให้โอกาสเรียนได้ถึง 7 ปี ขณะที่สถาบันอุดมศึกษาอื่นให้เวลาเรียนเพียง 4 ปีนั้นถือเป็นการสูญเสียทรัพยากร เวลาและเงินอย่างไร้ประโยชน์ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2546 หน้า





หนุน ร.ร.ติวอังกฤษ-เขมร รับเปิดจุดผ่านแดนช่องสะงำ

นายโกวิท เพลินจิตร์ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาศรีสะเกษ เขต 4 กล่าวว่าจากการที่จังหวัดศรีสะเกษร่วมกับจังหวัดอุดรมีชัย จังหวัดเสียมราฐ จังหวัดพระวิหาร ประเทศกัมพูชา เปิดจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ที่ช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายนเป็นต้นมาเพื่อประโยชน์ทางด้านการค้าและการท่องเที่ยว ผู้อำนวยการ สพท.ศรีสะเกษ เขต 4 กล่าวว่า เพื่อสนับสนุนและเตรียมการให้นักเรียนมีโอกาสติดต่อกับประชาชนชาวกัมพูชา รวมทั้งนักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก จึงแจ้งสถานศึกษาในสังกัดที่มีความพร้อมให้เปิดสอนภาษาอังกฤษและภาษากัมพูชาแก่เด็กนักเรียน (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2546 หน้า 11)





เปิดตัวครูวิทย์ดีเด่น

เมื่อวันที่ 14 พ.ย.ได้มีการมอบรางวัลและเชิดชูเกียรติครูวิทยาศาสตร์ดีเด่น ประจำปี 2546 ซึ่งจัดโดยเครือซิเมนต์ไทย ร่วมกับสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย โดยผู้ที่ได้รับรางวัลได้แก่ น.ส.ประทุม ภักดี จาก ร.ร.บ้านหนองเขิน (ร.ร.ขยายโอกาส) จ.ชลบุรี นางรวิวรรณ แสนเมืองชิน ร.ร.บ้านสี่แยกสมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ นายชัยพร พัฒนาจักร ร.ร.กุดดู่พิทยาคม จ.หนองบัวลำภู นางภาวนา มีรอด ร.ร.อนุบาลท่าปลา (ชุมชนร่วมจิต) จ.อุตรดิตถ์ ผศ.นนทชัย ทองแป้น หัวหน้าภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ ม.รังสิต ผศ.ดร.อุมา ประวัติ ประธานโปรแกรมวิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันราชภัฏภูเก็ตพร้อมกันนี้ครูดีเด่นยังได้ร่วมเสวนาในหัวข้อ “กลเม็ดเคล็ดไม่ลับกับครูวิทยาศาสตร์ดีเด่น” ซึ่ง น.ส.ประทุมกล่าวว่า วิชาวิทยาศาสตร์เด็กมักไม่ค่อยสนใจ จึงต้องสอนง่ายๆ ให้เด็กเกิดการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง เมื่อเด็กสนใจก็จะจำได้ (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2546 หน้า 15)





ช็อกผลสอบวัดความรู้เอ็นท์ตกเกือบทั้งปท.! น.ร.99% ได้เลขไม่ถึงครึ่ง

สกอ.ประกาศผลวัดความรู้ ครั้งที่ 2/2546 ตะลึงเด็ก ม.6 หลายแสนคนสอบตกวิชาหลักกราวรูด ไม่เว้นแม้สังคมศึกษา ภาษาไทย ที่ได้คะแนนไม่ถึงครึ่งจากเต็ม 100 เผยคณิตศาสตร์อ่านสุดได้แค่ 24 คะแนน คุณภาพแย่กว่าผลสอบครั้งที่แล้วเกือบทุกวิชา ประธาน สมศ.ชี้ต้นเหตุจากหลักสูตร-พฤติกรรมครูสอนไม่เปลี่ยน ซึ่งนักเรียน ม.6 สอบรวมหลายแสนคนเฉพาะอย่างยิ่งในวิชาหลักที่ใช้ประกอบการพิจารณารับเข้าเรียนในคณะวิชาหลักๆ ไม่ว่าจะเป็นคณะแพทย์ศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ สถาปัตยกรรม ฯลฯ ปรากฏว่านักเรียนเกือบทั้งหมดได้คะแนนไม่ถึงครึ่งจากคะแนนเต็ม 100 คะแนน ได้แก่ วิชาภาษาไทย วิชาสังคม วิชาภาษาอังกฤษ วิชาคณิต 1 วิชาเคมี วิชาฟิสิกส์ วิชาชีววิทยา วิชาวิทยาศาสตร์กายภาพชีวภาพ วิชาคณิต 2 นายอมเรศ ศิลาอ่อน ประธานกรรมการบริหารสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) กล่าวว่า ตนไม่ประหลาดใจกับผลดังกล่าว เพระวันนี้ตัวครูยังไม่เปลี่ยนพฤติกรรม หลักสูตรก็ยังไม่เปลี่ยน แล้วคุณภาพนักเรียนจะดีขึ้นได้อย่างไร ผลสอบครั้งนี้ฟ้องว่ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ทำผิด การจะทำให้ดีขึ้นก็ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของครู เปลี่ยนวิธีสอน ซึ่ง ศธ.ต้องมีมาตรการให้ครูเปลี่ยนให้ได้ ต้องให้เป็นเสมือนโค้ช มุ่งไปสู่การสร้างเด็กคิดเป็นวิเคราะห์เป็น (มติชน เสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2546 หน้า 1,12)





ไทยจับมือชาติเอเชีย-แปซิฟิก ตั้งกลุ่มความร่วมมือ ‘อวกาศ’

หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี่ รายงานว่า องค์กรความร่วมมือด้านอวกาศเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Space Cooperation Organisation : APSCO) จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในปีหน้า หลังจากผ่านการอนุมัติครั้งสุดท้ายจากตัวแทนรัฐบาลจาก 14 ประเทศและองค์การสหประชาชาติ ได้มาประชุมกันที่กรุงปักกิ่งเพื่อลงนามอย่างเป็นทางการแล้วความคืบหน้าดังกล่าวมีขึ้นหลังการประชุมเบื้องต้นเมื่อปีที่แล้วที่จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ และได้ข้อสรุปว่าจะตั้งสำนักงานใหญ่ ณ เมืองหลวงของจีน สำหรับประเทศที่เข้าร่วมในภารกิจครั้งนี้ประกอบด้วย บังกลาเทศ บราซิล จีน เกาหลีใต้ อิหร่าน มาเลเซีย-มองโกเลีย เปรู ฟิลิปปินส์ รัสเซีย ไทย ปากีสถาน ยูเครน และชิลี ซึ่งบางประเทศเข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์ หลวงเอินเจีย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงบริหารอวกาศแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีนกล่าวว่าวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งองค์กรความร่วมมือในครั้งนี้เพื่อสนับสนุนด้านการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและสร้างโปรแกรมสนับสนุนต่างๆขึ้นมาใช้งาน (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 12 พฤศจิกายน 2546 หน้า 8)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


ไฟเขียวตั้งอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ

ในการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 (ฝ่ายการเกษตร วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม) ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวานนี้ โดยมี นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่ประชุมได้เห็นชอบข้อเสนอโครงการจัดตั้งอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ เพื่อให้ท้องถิ่นสามารถเข้าถึงความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อนำไปใช้ในชุมชนและอุตสาหกรรม โครงการดังกล่าวเป็นข้อเสนอจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) โดยร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรรมสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนธุรกิจ หรือแผนการดำเนินงานที่ในรายละเอียด ซึ่งครอบคลุมถึงการกำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจน และการติดตามประเมินผลความสำเร็จในการดำเนินงานเป็นประจำทุกปี การจัดตั้งโครงการการจัดตั้งอุทยานวิทยาศาสตร์มีเป้าหมายเพื่อสร้างศูนย์กลางสำหรับบ่มเพาะเทคโนโลยีแก่อุตสาหกรรมและชุมชน รวมทั้งพัฒนานวัตกรรม โดยอุทยานวิทยาศาสตร์แห่งแรกตั้งอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี ในบริเวณเดียวกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหรือ สวทช. และในบริเวณใกล้เคียงกันนั้นยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยหลายแห่ง อาทิ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีเอเชีย หรือเอไอทีเป็นต้น (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน 2546 หน้า 10)





เบื้องหลังรางวัลเหรียญไอนสไตน์ผลงานที่เอื้อต่อเกษตรกรทั้งโลก

เผยจุดเด่นเครื่องอบแห้งข้างเปลือกแบบฟลูอิไดซ์-เบด และเตาเผาแกลบแบบไซโคลนผลงานประดิษฐ์ของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ช่วยเพิ่มคุณภาพของข้าวเปลือกแก้ปัญหาข้าวคุณภาพต่ำและเป็นประโยชน์ต่อชาวนาทั่วโลก ทำให้ชนะใจคณะกรรมการพิจารณารางวัล UNESCO Science Prize และเป็นคนไทยรายแรกของโลกที่ได้รับรับรางวัลนี้ ศ.ดร.สมชาติ โสภณรนฤทธิ์ จากคณะพลังงานและวัสดุมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีเจ้าของรางวัลวิทยาศาสตร์ขององค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) กล่าวว่า การที่ผลงานวิจัยทั้ง 2 เรื่องซึ่งได้รับทุนวิจัยจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยมาตั้งแต่ 10 กว่าปีก่อนได้รับการยอมรับในวงวิชาการระดับโลกและได้รับรางวัลในครั้งนี้ปัจจัยที่สำคัญก็คือการที่ผลงานวิจัยได้รับการนำมาใช้ประโยชน์อย่างแท้จริงในวงการเกษตรของไทยและระดับโลกซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีภาคเอกชนเข้ามาร่วมในกระบวนการวิจัยและพัฒนาด้วย (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2546 หน้า 8)





เยอรมนีเริ่มปิดเตานิวเคลียร์เครื่องแรก

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน รอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลเยอรมนีได้เริ่มปิดเครื่องเตาปฏิกรณ์พลังงานปรมาณูสำหรับผลิตไฟฟ้าโรงแรกแล้ว ตามแผนการเลิกใช้พลังงานนิวเครียร์ที่มีอยู่ทั้งหมด 19 โรงภายในสิ้นปี 2025 ซึ่งรัฐบาลนายแกร์ฮาร์ด ชโรเดอร์ ผู้นำพรรคสังคมประชาธิปไตย หรือเอสพีดี ได้ตอบตกลงเรื่องนี้ไว้กับพรรคกรีนเมื่อปี 1998 และตกกับกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าด้วย เมื่อปี 2000 โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเครียร์ที่ถูกปิดไปแห่งแรกนี้เป็นโรงผลิตไฟฟ้าขนาด 672 เมกะวัตต์ มีอายุเป็นอันดับสองของประเทศ ตั้งอยู่ในเมืองฮัมบวร์ก ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเครียร์แห่งที่สองที่รอปิดตามได้แก่โรงไฟฟ้าขนาด 234 เมกะวัตต์ ในเมืองโอบริกโฮม์ แคว้นบาเดน-วูดเตมแบร์ก (มติชน เสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2546 หน้า 5)





ไวรัส ‘ฟี-เอ็กซ์174’ กินแบคทีเรีย14วัน

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิากายน เอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน ว่า นักวิทยาศาสตร์สหรัฐ ประจำสถาบันพลังงานชีวภาพทางเลือก หรือไอบีอีเอ ภายใต้การนำของนายเกร๊ก เวนเทอร์ นักนักวิทยาศาสตร์ที่ร่วมงานจัดทำแผนที่พันธุกรรมมนุษย์หรือจีโนมนั้นได้ประสบความสำเร็จในการสร้างไวรัส “ฟีเอ็กซ์174” (Phi-x174) ที่สามารถกินแบคทีเรียได้โดยไม่ทำอันตรายต่อเซลล์มนุษย์ เวลานานเพียง 14 วันเท่านั้น แทนที่จะต้องใช้เวลานานนับปี โดยใช้วิธีการตัดแต่งพันธุกรรม ร่วมกับกระบวนการพัฒนาและสำเนารหัสพันธุกรรมที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในการเก็บประวัติอาชญากร ตลอดจนประโยชน์ทางการแพทย์ (มติชน เสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2546 หน้า 5)





วิจัยชี้ฮอร์โมนบำบัดสกัดมะเร็งหวนคืน

นายปีเตอร์ เยเกอร์ กรรมการผู้อำนวยการแผนกธุรกิจเวชภัณฑ์ บริษัทโนวาร์ติส (ประเทศไทย) จำกัดเปิดเผยว่า โนวาร์ติส เปิดเปิดเผยว่า โนวาร์ติสร่วมกับสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ประเทศแคนาดา ทำโครงการวิจัยเกี่ยวกับการใช้ฮอร์โมนบำบัดเพื่อรักษามะเร็งเต้านมในหญิงวัยหมดประจำเดือนแล้ว หรือเรียกว่าโครงการ เอ็มเอ –17 พบว่าฮอร์โมนบำบัดลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมกลับเป็นซ้ำได้ร้อยละ 43 และป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมในอีกข้างได้ ร้อยละ 46 สำหรับแนวทางการรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมในปัจจุบันมี 3 วิธีคือ การผ่าตัด การฉายแสงหรือเคมีบำบัด และการให้ยาในกลุ่มฮอร์โมนบำบัดซึ่งสำคัญอย่างมากในการสกัดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งโดยฮอร์โมนบำบัดที่ใช้รักษามะเร็งนี้ไม่ใช่ฮอร์โมนเพศหญิงที่ใช้เสริมให้กับหญิงวัยทอง ทั้งนี้ ส่วนผู้ป่วยมะเร็งที่มารักษาที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติในปี 2545 เพศหญิงอันดับ 1 คือมะเร็งปากมดลูกตามด้วยมะเร็งเต้านม มะเร็งตับ ขณะที่ผู้ชายมะเร็งปด ตามด้วยมะเร็งตับและมะเร็งลำไส้ใหญ่สำหรับมะเร็งเต้านมโดยเฉลี่ยมีหญิงไทยป่วยเพิ่มขึ้นในชั่วโมงละ 1.6 คน (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2546 หน้า 8)





ข่าววิจัย/พัฒนา


พบโมเลกุลนำชายับยั้งเอดส์

เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นักวิจัยชาวญี่ปุ่นค้นพบโมเลกุลในน้ำชาที่สามารถระงับการแพร่กระจายของไวรัสเอดส์ได้ ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโตเกียวของญี่ปุ่นนำโดยนายกุซุชิเกะ กาวาอิ ซึ่งทำการศึกษาชาในห้องแล็บของมหาวิทยาลัย พบส่วนผสมที่เรียกว่า “อีจีซีจี” ในชาเขียว ซึ่งเป็นธาตุชนิดหนึ่งที่เชื่อว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายโดยทันทีที่ดื่มชาธาตุอีจีซีจีจะไปติดกับอวัยวะสำคัญที่เป็นต้นตอของการขยายเชื้อไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายโดย 5 นาทีหลังดื่มชาธาตุอีจีซีจีไปติดกับอวัยวะสำคัญดังกล่าว 80 เปอร์เซ็นต์และติด 100 เปอร์เซ็นต์หลังครึ่งชั่วโมง ซึ่งทางทีมนักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาอย่างละเอียดถึงวิธีการที่ธาตุอีจีซีจีไปติดกับอวัยวะสำคัญอย่างรวดเร็ว ข่าวระบุว่าการศึกษาก่อนหน้านั้นพบว่าคนที่ดิ่มชามากมีโอกาสเป็นมะเร็งโรคหัวใจ และโรคข้ออักเสบลดลง และในเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้เองกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกาพบว่า คนที่ดื่มชาดำมีระดับคอเลสตอรอลลดลงระหว่าง 7-11 เปอร์เซ็นต์ทำให้ความนิยมดื่มน้ำชาสูงขึ้นในทศวรรษที่ผ่านมา และทางสมาคมในสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่าเมื่อปีที่ผ่านมาธุรกิจชามีมูลค่าถึง 5.03 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากเดิม 1.84 พันล้านดอลลาร์เมื่อปี 2533 (มติชน พุธที่ 12 พฤศจิกายน 2546 หน้า 10)





วัคซีนเอดส์ฝันสลายผลทดสอบ ‘เหลว’ หลังใช้อาสาสมัครไทย 2.5พัน สธ.ชี้ยังมีหวังทดลองอีกชุด

‘แวกซ์เจน’ ยอมรับ ผลทดลองวัคซีนเอดส์ ‘เอดส์แวกซ์’ ในไทยล้มเหลว สธ.อ้างรู้อยู่แล้ว ยันไม่กระทบการทดลองวัคซีนเอดส์ที่ชลบุรีและระยอง ที่ใช้วัคซีนต่างกัน กทม.เฝ้าระวังปัญหาภัยเอดส์ ปี 2546 พบเขตบางเขนมีผู้ป่วยสูงสุด 109 ราย เป็นชายมากว่าหญิง เพศสัมพันธ์ยังครองอันดับสาเหตุติดเชื้อ เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน นายโดนัลด์ ฟรานซิน ประธานบริษัท แวกซ์เจน (VaxGen) สหรัฐอเมริกา ผู้ผลิตวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโรคไวรัสเอชไอวี แถลงผลการทดลองวัคซีนเอดส์ที่สหรัฐ โดยยอมรับว่า ผลการทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนเอดส์แวกซ์ (AIDSVAX) ครั้งใหญ่ในไทยประสบความล้มเหลวเพราะเบื้องต้นปรากฎว่า เอดส์แวกซ์ทำงานไม่ได้ผลอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนไม่ได้มีอัตราการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีน้อยลง และเอดส์แวกซ์ไม่ได้ออกฤทธิ์ชะลออาการของโรคเอดส์ แต่อย่างไรก็ตาม การทดลองนี้ก็ไม่มีผลข้างเคียงร้ายแรงเกิดขึ้นกับอาสาสมัครแล้วทั้ง 2,546 คน นักวิจัยของแวกซ์เจนระบุว่า กลุ่มคนอาสาสมัครที่เข้ารับการทดลองครั้งนี้ เป็นกลุ่มที่มีอัตราเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ เพราะมักใช้เข็มฉีดยาร่วมกันกับผู้อื่น ซึ่งหลังจากความล้มเหลวครั้งนี้ ทีมนักวิจัยคงต้องหันไปหาโครงการพัฒนาวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีในทวีปแอฟริกาและอื่นๆ ซึ่งใช้อาสาสมัครเข้าร่วมการทดลอง 12,000 คน แต่ยังไม่คืบหน้าเท่ากับการทดลองของแวกซ์เจน และคาดว่ากว่าจะค้นพบวัคซีนที่มีประสิทธิภาพคงจะต้องอีกนานหลายปี (มติชน ศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2546 หน้า 12)





พบโมเลกุลนำชายับยั้งเอดส์

เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นักวิจัยชาวญี่ปุ่นค้นพบโมเลกุลในน้ำชาที่สามารถระงับการแพร่กระจายของไวรัสเอดส์ได้ ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโตเกียวของญี่ปุ่นนำโดยนายกุซุชิเกะ กาวาอิ ซึ่งทำการศึกษาชาในห้องแล็บของมหาวิทยาลัย พบส่วนผสมที่เรียกว่า “อีจีซีจี” ในชาเขียว ซึ่งเป็นธาตุชนิดหนึ่งที่เชื่อว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายโดยทันทีที่ดื่มชาธาตุอีจีซีจีจะไปติดกับอวัยวะสำคัญที่เป็นต้นตอของการขยายเชื้อไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายโดย 5 นาทีหลังดื่มชาธาตุอีจีซีจีไปติดกับอวัยวะสำคัญดังกล่าว 80 เปอร์เซ็นต์และติด 100 เปอร์เซ็นต์หลังครึ่งชั่วโมง ซึ่งทางทีมนักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาอย่างละเอียดถึงวิธีการที่ธาตุอีจีซีจีไปติดกับอวัยวะสำคัญอย่างรวดเร็ว ข่าวระบุว่าการศึกษาก่อนหน้านั้นพบว่าคนที่ดิ่มชามากมีโอกาสเป็นมะเร็งโรคหัวใจ และโรคข้ออักเสบลดลง และในเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้เองกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกาพบว่า คนที่ดื่มชาดำมีระดับคอเลสตอรอลลดลงระหว่าง 7-11 เปอร์เซ็นต์ทำให้ความนิยมดื่มน้ำชาสูงขึ้นในทศวรรษที่ผ่านมา และทางสมาคมในสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่าเมื่อปีที่ผ่านมาธุรกิจชามีมูลค่าถึง 5.03 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากเดิม 1.84 พันล้านดอลลาร์เมื่อปี 2533 (มติชน พุธที่ 12 พฤศจิกายน 2546 หน้า 10)





เซลล์ไขกระดูกซ่อมหัวใจ

นักวิจัยเยอรมันพบวิธีช่วยผู้ป่วยโรคหัวใจฟื้นตัวเร็วขึ้นกว่าเดิม ด้วยการใช้เซลล์ไขกระดูกเข้าไปช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อหัวใจที่เสียหายลดภาวะเสี่ยงเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจล้มเหลวได้ งานวิจัยชิ้นนี้ ซึ่งนำโดย ดร.เฮลมุท เดร็กซ์เลอร์ ได้รับการเสนอในที่ประชุมสมาคมโรคหัวใจสหรัฐโดยเปิดเผยให้เห็นแนวทางที่เป็นไปได้ในการดึงเอาเซลล์ต้นแบบ หรือสเต็มเซลล์ที่อยู่ในตัวของผู้ป่วยเองออกมาใช้ เพื่อช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อหัวใจที่เสียหายได้รวมทั้งช่วยป้องกันไม่ให้เกิดภาวะรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต แม้คณะทำงานจากโรงเรียนการแพทย์แฮนโนเวอร์จะยังไม่รู้กระบวนการทำงานของเซลล์ใหม่ดังกล่าว แต่ก็เชื่อว่าน่าจะมีส่วนช่วยให้หัวใจสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะเนื้อเยื่อตาย (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2546 หน้า 8)





เบีร์ดำบำรุงหัวใจมากกว่าเบียร์ในดื่มมากกลับอ้วนชวนเป็นโรคหัวใจ

ผลการศึกษาเปรีบเทียบสรรพคุณระหว่างเบียร์ดำกินเนสส์ สเตาต์ กับเบีรย์ใน รายงานในที่ประชุมของแพทย์สมาคมโรคหัวใจอเมริกันประจำปีแจ้งว่า เบียร์ดำมีสารป้องกันเลือดจับตัวเป็นลิ่ม เป็นชิ้นเป็นอันมากกว่า อย่างเช่นได้พบว่าเบียร์ดำกินเนสส์ สเตาต์ มีสารป้องกันเกล็ดเลือดจับตัวกันเป็นลิ่มเลือด ที่อาจไปอุดกั้นหลอดเลือดทำให้หัวใจวายได้ มากกว่าถึงสองเท่า ศาสตราจารย์จอห์น โฟล์ก อาจารย์วิชาอายุรกรรม และหัวหน้าห้องปฏิบัติการวิจัยหลอดเลือดอุดตัน มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-เมดิสัน หัวหน้าคณะวิจัย กล่าวว่า คุณประโยชน์ของเบียร์ดำ เกิดจากสารฟลาโวนอยส์ เป็นตัวที่ทำให้ผักและผลไม้เกิดสีคล้ำเป็นสารประกอบที่มีสรรพคุณเป็นตัวล้างพิษ ทั้งมันยังช่วยป้องกันคอเลสเทอรอลทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ซึ่งเป็นสาเหตุให้เส้นเลือดแดงแข็ง กับมีส่วนให้หลอดเลือดขยาย ช่วยให้เลือดลมเดินดีอีกด้วย อย่างไรก็ตาม วงการแพทย์ ได้บอกทักว่า แม้ว่าเบียร์ดำอาจจะมีคุณบำรุงหัวใจได้ก็จริง แต่มันก็มีข้อเสีย นั้นคือทำให้อ้วนทั้งช็อกโกแลตดำและเหล้าไวน์แดง ต่างก็มีประโยชน์แบบนี้เช่นกัน ก็ล้วนแต่ทำให้อ้วนด้วยกัน อันเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ด้วยเหตุนั้นอาจารย์โฟล์กได้ยืนยันว่า เขาจะพยายามสกัดสารประกอบพวกนั้นออกมา แล้วทำให้เป็นเม็ดขึ้นให้จงได้ (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2546 หน้า 7)





วิจัยพบแม่ลิงบาบูนเข้าสังคมเลี้ยงลูกดีกว่าแม่ลิงโดดเดี่ยว

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน สำนักข่าวเอพีรายงานว่า นักวิทยาศาสตร์ศึกษาพฤติกรรมของลิงบาบูนที่เป็นแม่ลิงแล้ว พบว่าการที่แม่ลิงบาบูนมีการพบปะสังสรรค์กันเป็นสังคม จะช่วยทำให้การเลี้ยงลูกประสบความสำเร็จได้ดีกว่าพวกแม่ลิงที่แยกตัวอยู่อย่างโดดเดี่ยว ทั้งนี้ ผลการศึกษาดังกล่าวถูกตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ ซายเอนซ์ซึ่งทำการศึกษาพฤติกรรมของแม่ลิงบาบูนจำนวน 108 ตัว ในกลุ่มลิงบาบูนในประเทศเคนยา พบว่าแม่ลิงบาบูนที่อยู่ด้วยกันในกลุ่มจะช่วยแต่งขนให้กันและรวมตัวกันอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันการรุกรานจากภายนอกเป็นการช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างกันให้มากขึ้นในหมู่ลิงตัวเมียด้วยกันส่งผลดีไปถึงการทำให้ลิงตัวเมียกลุ่มนี้ประสบความสำเร็จในการเลี้ยงดูลูกๆ อีกด้วย ซึ่งเป็นการสนับสนุนความคิดที่ว่า การมีสังคมเป็นส่วนสำคัญสำหรับการมีชีวิตอยู่รอดสำหรับลิงบาบูน หรือมนุษย์ ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเหมือนกัน (มติชน เสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2546 หน้า 5)





ข่าวทั่วไป


เผยโรงฆ่าสัตว์ทั่ว ปท.ต่ำมาตรฐานเนื้อสัตว์90% ในตลาดเสี่ยงติดเชื้อ

นายสารกิจ ถวิลประวัติ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า จากรายงานสำรวจและประเมินโรงฆ่าสัตว์ที่ไม่มีใบอนุญาติ 645 โรง และโรงฆ่าสัตว์ที่ไม่มีใบอนุญาต 4,236 โรงในจำนวนนี้มีเพียง 19 โรงที่ผ่านการประเมินเกณฑ์มาตรฐานแล้ว จึงทำให้เนื้อสัตว์ตามท้องตลาดร้อยละ 90 เป็นเนื้อสัตว์จากโรงฆ่าสัตว์ที่ไม่ถูกสุขลักษณะ กรมปศุสัตว์มีแนวทางจะปรับปรุงโรงฆ่าสัตว์ให้ได้มาตรฐานภายในปี 2548 โดยจะพัฒนาระบบการผลิตเนื้อสัตว์อย่างครบวงจรให้ถูกสุขอนามัยและปลอดภัยต่อการบริโภคตั้งแต่ระดับฟาร์มโรงงานฆ่าสัตว์โรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ การขนส่ง ตลอดจนสถานที่จำหน่ายรวมทั้งปรับปรุงกฎหมายระเบียบต่างๆ ให้ทันสมัย ซึ่งได้มาตรฐานโรงฆ่าสัตว์แล้วเพื่อเป็นระเบียบปฏิบัติและกำลังร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องการผลิตสุกรระดับฟาร์ม เพื่อให้เกษตรกรปรับปรุงฟาร์มให้ได้มาตรฐาน (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 12 พฤศจิกายน 2546 หน้า 19)





ก.แรงงานฯเตรียมแก้กฎหมายจ่าย ‘เบี้ยเลี้ยง’ นร.-นศ.ฝึกงาน

รายงานข่าวจากกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม แจ้งว่า ตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีนโยบายสนับสนุนนักเรียน นิสิต และนักศึกษาให้ทำงานหารายได้พิเศษในช่วงเวลาว่างหรือปิดภาคเรียนนั้นล่าสุดทางกระทรวงฯ ได้เตรียมเสนอรายงานความคืบหน้าการเตียมความพร้อมในการดำเนินงานดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีในวันที่ 18 พ.ย. นี้ ข่าวแจ้งอีกว่าหนังสือดังกล่าวยังได้กำหนดอัตราค่าตอบแทนหรือเบี้ยเลี้ยงให้แก่เด็กเป็นรายชั่วโมง ไม่น้อยกว่าชั่วโมงละ 23 บาทซึ่งในระยะสั้นกระทรวงแรงงานกำลังแก้ไข พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน 2545 ที่กำหนดให้สถานประกอบการจ่ายเบี้ยเลี้ยงแก่เด็กไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 พร้อมอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสูงสุด (169 บาท)





น้ำแข็งขั้วโลกหาย 20% หวั่นส่งผลน้ำท่วมโลก

เอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้ ระบุว่า ทีมนักวิจัยออสเตรเลียรายงานผลาการใช้กรรมวิธีใหม่ในการตรวจสอบสภาวะน้ำแข็งขั่วโลกของทวีปแอนตาร์กติกในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา พบว่าปริมาณน้ำแข็งขั้วโลกลดลงมากกว่าที่คาดคิดไว้โดยหายไปถึง 20 เปอร์เซ็นต์ สวนทางกับการตรวจสอบโดยใช้ดาวเทียมที่บ่งชี้ว่า น้ำแข็งขั้วโลกเพิ่มปริมาณขึ้นเล็กน้อยในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ทีมนักวิจัยออสเตรเลียซึ่งนำโดยนายมาร์กเคอร์แรน แห่งแผนกสำรวจศึกษาแอนตาร์กติกของรัฐบาลออสเตรเลีย ใช้วิธีการขุดเจาะแกนกลางน้ำแข็งในจุดที่เรียกว่า “ลอร์ โดม” ลึกลงไปราว 150 เมตร เพื่อตรวจสอบชั้นน้ำแข็งต่างๆ นายเคอร์แรนพบว่าขนาดของน้ำแข็งขั้วโลกดังกล่าวผันแปรไปในแต่ละทศวรรษ แต่ในช่วง 50 ปีหลังลดน้อยลงเรื่อยๆ ทำให้จนถึงขณะนี้ปริมาณน้ำแข็งหายไปแล้วราว 20 เปอร์เซ็นต์อย่างไรก็ตาม ในแต่ละปีมีการก่อตัวและการละลายของน้ำแข็งสลับกันไป ทำให้เมื่อตรวจสอบในช่วงเวลาสั้นๆ ด้วยดาวเทียมจึงเข้าใจผิดว่ามีปริมาณน้ำแข็งเพิ่มมากขึ้น ข่าวระบุว่า ผลการศึกษาของนายเคอร์แรนและทีมเพิ่มความวิตกที่ว่าสภาวะเรือนกระจกที่เกิดขึ้นในบรรยากาศของโลกจะทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายเร็วขึ้นและก่อให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ติดตามมา อย่างไรก็ตาม นายเคอร์แรนยอมรับการศึกษาของตนยังไม่สามารถบอกได้ว่าการลดลงของน้ำแข็งขั้วโลกที่พบนี้เกิดเพราะสภาพอากาศหรือเป็นวัฏจักรธรรมชาติกันแน่ (มติชน เสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2546 หน้า 5)





อย.ยึด ‘เอกซ์วัน’ แก้มะเขือเผาใช้สาร ‘ซิดีลนาฟีล’ หวั่นถึงตาย

ภ.ญ.ระวิวรรณกล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจพบว่ายาน้ำเอกซ์-วัน มีสารเคมีสกัดประเภทซิดีลนาฟิล ที่เป็นตัวกระตุ้นและเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศ ที่เป็นสารประกอบในยาแผนปัจจุบันผสมอยู่ จำนวน 84 มิลลิกรัม ในขวดบรรจุ 30 มิลิลิตร ถือเป็นการใช้สารประกอบผิดประเภทเพราะยาดังกล่าวเป็นการขออนุญาตผลิตยาประเภทแผนโบราณบำรุงร่างกาย ที่ต้องใช้สมุนไพรเป็นส่วนประกอบ สำหรับสารซิดีลนาฟิลเป็นสารสกัดของยาแผนปัจจุบันที่ใช้เสริมสมรรถภาพทางเพศ อย่างไวอะกร้า ที่ต้องควบคุมการผลิตและไม่แจ้งในฉลากระบุ แต่ส่วนผสมสมุนไพร เห็ดหลินจือ น้ำผึ่ง โย่วฉงหยง โต่วตง กระชายดำ ชะเอมเทศ โด่ไม่รู้ล้ม ถั่วเช่า และปาจินเทียน และสรรพคุณที่แจ้งก็เพื่อบำรุงร่างกายให้แข็งแรง ไม่ได้เป็นการเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศ “สารซิดีลนาฟิล ผู้ที่เป็นโรคหัวใจรับประทานเข้าไปอาจทำให้เกิดอาการช็อกหมดสติ เป็นอัมพาตและอาจอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้” รองเลขาธิการ อย.กล่าว และว่า บริษัทนี้เข้าข่ายความผิด 3 ข้อ คือ 1.เป็นการผลิตยาแผนปัจจุบันไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บ. 2.เป็นยาไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ จำคุก 3 ปี ปรับ 5,000 บาท และ 3.เป็นการผลิตยาปลอม จำคุก 3 ปี ถึงตลอดชีวิต ปรับ 10,000 ถึง 50,000 บาท พร้อมสั่งเก็บยาน้ำแผนโบราณเอกซ์วางจำหน่ายโดยเด็ดขาด (มติชน เสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2546 หน้า 16)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215