หัวข้อข่าวปีที่ 5 ฉบับที่ 11 ประจำวันที่ 2004-03-20

ข่าวการศึกษา

‘กายภาพบำบัด’ม.หัวเฉียวฯ ปรับหลักสูตรรับกระแสสปา
สำรวจคุณภาพนักเรียนชั้นม.3ทั่วประเทศ เด็กจังหวัดไหน"เก่ง-อ่อน"ภาษาอังกฤษ
แห่สมัคร"รอง-ผอ."สพท.วันแรก กว่าร้อยคน-ครูจ้องย้ายร.ร.อื้อ
ศธ.ลงโทษปล่อย"เอ็นที"ผิดปกติ สพฐ.สอบเงื่อนงำ"100ร.ร."ทั่วปท.
ฟุ้งส่งเสริมการอ่านฉลุย นร.อ่านหนังสือเพิ่มขึ้น
ไอซีทีเอื้อฯผุดโน๊ตบุ๊กนักศึกษา
มสธ.ยุคใหม่อยากเป็นม.อิเล็กทรอนิกส์
รถโมบายอาชีวะเริ่มทำงาน
กษมา" สั่งรื้อคะแนน NT เกือบ 200 โรง
ศรีปทุมรับนศ.ใหม่หนุนทุนเล่าเรียนฟรี
ทึ่ง!กับหลักสูตรวิทยาศาสตร์รากฐาน การเรียนรู้ง่ายๆ จากธรรมชาติ
"อดิศัย"เพิ่งเชื่อว่า ศธ.เป็นที่พึ่งของประเทศได้
"อดิศัย" ยันไม่เลิกใช้เอ็นที-เน้นตรวจสอบรัดกุม

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

เปิดตัว ‘อิเล็กโทรโฟล’ ลดค่าไฟ ยืดอายุใช้งานอุปกรณ์สำนักงาน
CeBit
นวัตกรรมใหม่โลกความงามสวยเต่งตึงดูอ่อนวัยโดยไม่เจ็บตัว!
ดับเพลิงแบบประหยัดน้ำ
รัสเซียยึดอาชีพโฆษณาบนอวกาศ ประชาชนมองเห็นกันได้ทั่วทั้งโลกๆ
อุกกาบาตเยือน โลกครั้งใกล้สุด

ข่าววิจัย/พัฒนา

ชุดตรวจอาหารปลอมปนรุ่นใหม่ ดีเอ็นเอชิพตรวจได้ทั้งเนื้อหมู-วัว
มจธ.คิดเครื่องปรับอากาศประหยัดไฟตัวจริง
ไอทีเอพีติวเข้มวิสาหกิจชุมชน ‘สวทช.’ หนุนโรงงานทำวิจัย
คปก.เข้มผลิตหัวกะทิด้าน ‘เทคโนโลยีชีวภาพ’
เซ็นเซอร์จิ๋ว วัดความดันเลือดหัวใจ
วิจัยชี้ไวน์ผลไม้ไทยต้านโรคสูง
มศว.เดินหน้าตั้ง ‘สถาบันวิจัย-พัฒนาเด็กพิเศษ’
วิจัยค้นหายีนก่อมะเร็งท่อน้ำดี
ยาในฝันช่วยเลิกบุหรี่-ลดน้ำหนัก ปรับสมดุลระบบอยากอาหาร-เสพยา
สมุนไพรอมฤต เพื่อชีวิตอมตะ
ไบโอเทคเปิดเวทีระดมนักวิทย์วางกรอบวิจัยพันธุกรรมมนุษย์
เลนส์จิ๋วปรับโฟกัส ชัดเสมือนดวงตา
แพทย์ชี้จิบเอสเปรสโซวันละถ้วยดีต่อสุขภาพ
พบกลุ่มเซลล์สมอง บ่งชี้ว่าแกะเป็นเกย์
ไวอะกร้าปลอดภัยต่อผู้ป่วยโรคหัวใจ
หวั่นโรคอ้วนล้มแชมป์"บุหรี่"ร้ายที่หนึ่งดับอเมริกันชน
นักวิทย์มะกันพบวิธีช่วยสตรีเป็นหมัน
ดื่มกาแฟลดเบาหวาน
พบสลัด"แมคโดนัลด์" ไขมันสูงกว่าชีสเบอร์เกอร์
นวัตกรรมใหม่ผลิตเส้นก๋วยเตี๋ยวย่นเวลา...เพิ่มผลผลิตเท่าตัว
โต๊ะทำงานมีเชื้อโรคชุมยิ่งกว่าส้วม เปื้อนแป้นพิมพ์เมาส์คอมพิวเตอร์
น้ำอัดลมกัดกินฟันเด็กวัยรุ่นกร่อน เพราะสารออกฤทธิ์เป็นกรดปนอยู่
คนโกรธง่ายเสียชีวิตได้เร็วโดนถูกโรคหลายอย่างรุมกิน
เป็นโรคลำไส้อักเสบอาจทำให้เกิดลิ่มเลือดหลุดเลื่อนอุดหลอดเลือด
อินเดียพบต้นยูคาลิปตัสมีเชื้อราเป็นอันตรายต่อระบบประสาทคน
โตโยต้าสร้างหุ่นยนต์เป่าทรัมเป็ต
กินเนื้อสัตว์เป็นต้นเหตุโรคเกาต์ อยากหายต้องกินนมไร้ไขมันมากๆ
เตือนภัยไมโครเวฟอบป๊อปคอร์น
การเพาะถั่วงอกอนามัยอัตโนมัติขนาดครอบครัว
เหตุบังเอิญลองเปลี่ยนอาหารวัวกลับได้นมที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
โรคอ้วนซ้ำเติมผู้ป่วยเบาหวานทอนอายุขัยให้สั้นลงได้ถึง 8 ปี
เตือน “หลับใน”

ข่าวทั่วไป

นักบินหญิงทําสถิติใหม่บินรอบโลก แวะไทยก่อนกลับสู่จุดหมายที่อังกฤษ
ป้อนช็อกโกแลตให้วัวควายกินมีน้ำนมรสชาติแบบเชลล์ชวนชิม
นมแพะพาสเจอไรส์เครื่องดื่มสะอาดที่อุดมคุณค่าอาหาร
"เรือกึ่งดำน้ำ" ลำใหญ่"ที่สุดในโลก สัมผัสความงามใต้ทะเลไทย
น้ำผักหวานป่าพร้อมดื่มคุณค่าอาหารสูงผลิตง่าย..กำไรดี
พบอีก6ขวบอัจฉริยะ พูด-เขียนได้5ภาษา
ทาสีบ้านใหม่ให้ระวังสุขภาพ
โมเดล รีไซเคิล จากเศษเหล็กสู่หุ่นยนต์
ปลุกกระแสใช้สินค้าไทย จัดแสดงโอทอป-เอสเอ็มอี-บีโอไอ
ขสมก.ขายคูปองแทนตั๋วล่วงหน้า
จับมือต่างชาติดูแลทรัพย์สินทางปัญญา
อุตฯปรับสเปคน้ำมันเบนซินดันโครงการเอทานอล
ปลุกกระแสใช้สินค้าไทย จัดแสดงโอทอป-เอสเอ็มอี-บีโอไอ





ข่าวการศึกษา


‘กายภาพบำบัด’ม.หัวเฉียวฯ ปรับหลักสูตรรับกระแสสปา

อาจารย์กิติมา ฉันทพาณิชย์ คณบดีคณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยหัวเฉียวฯ เปิดเผยว่าปัจจุบันบริการด้านสาธารณสุขของไทยได้ขยายการให้บริการจากโรงพยาบาลและสถานพยาบาลต่างๆไปสู่การบริการดูรักษาในท้องถิ่น ทางคณะจึงได้พัฒนาและปรับปรุงหลักสูตร โดยจัดให้มีรายวิชาทางเลือกสำหรับนักศึกษา ประกอบด้วยการรักษาผู้ป่วยทางกายภาพบำบัด การดูแลด้านสุขภาพและความวามและสุดท้ายคือการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผู้ป่วยด้านกายภาพหรือผู้พิการทั่วไป นอกจากนี้ทางคณะยังได้จัดทำหลักสูตรมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม (สปา) เพื่ออบรมแก่ผู้ประกอบการและผู้ที่ทำงานในสปาซึ่งต่อไปผู้ให้บริการด้านนี้ จะต้องสอบขึ้นทะเบียนทุกคนด้วย (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 10 มีนาคม 2547 หน้า 10)





สำรวจคุณภาพนักเรียนชั้นม.3ทั่วประเทศ เด็กจังหวัดไหน"เก่ง-อ่อน"ภาษาอังกฤษ

สำนักงานทดสอบทางการศึกษา กรมวิชาการ(เดิม) กระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดทำรายงานผลการประเมินคุณภาพการศึกษาของผู้เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2544 โดยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในวิชาภาษาอังกฤษ พบว่าผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ทั้งประเทศมีค่าคะแนนเฉลี่ยต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของคะแนนรวม 40 คะแนน โดยมีค่าคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 15.58 ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 6.18 โดยนักเรียนมีค่าเฉลี่ยด้านภาษาอังกฤษ คิดเป็นร้อยละ 38.95 ซึ่งมีค่าค่อนข้างต่ำ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษในระดับเขตการศึกษา พบว่ามีจำนวน 5 เขตการศึกษา ที่มีค่าคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าระดับประเทศ โดยกรุงเทพมหานครมีค่าคะแนนเฉลี่ยสูงที่สุดเท่ากับ 18.79 คิดเป็นร้อยละ 46.97 ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 7.79 โดยที่เขตการศึกษา 3 มีค่าคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำที่สุดเท่ากับ 14.60 คิดเป็นร้อยละ 36.49 ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 5.60 ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบการประเมินในปีการศึกษา 2540, 2543 และ 2544 พบว่าในปีการศึกษา 2544 ในวิชาภาษาอังกฤษมีแนวโน้มค่าคะแนนเฉลี่ยลดลง (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 8 มีนาคม 2547 หน้า 22)





แห่สมัคร"รอง-ผอ."สพท.วันแรก กว่าร้อยคน-ครูจ้องย้ายร.ร.อื้อ

นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครู(ก.ค.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการรับสมัครเพื่อแต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(ผอ.สพท.) และรอง ผอ.สพท. ทั้ง 175 เขตทั่วประเทศว่า ภายหลังจากที่เปิดให้ข้าราชการที่มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์การแต่งตั้ง ผอ.สพท. และรอง ผอ.สพท.ยื่นใบสมัครได้เป็นวันแรกในวันเดียวกันนี้ ปรากฏว่ามีข้าราชการส่งใบสมัครผ่านทางโทรสารเป็นจำนวนกว่า 100 คนแล้ว คาดว่าจะมีข้าราชการที่มีคุณสมบัติสมัครทั้งสองตำแหน่งรวมประมาณ 3,000 คน ซึ่งจะใกล้เคียงกับจำนวนผู้มีสิทธิสมัครที่มีอยู่ประมาณ 3,000 คนเช่นกัน โดยผู้มีคุณสมบัติสมัครเป็น ผอ.สพท. มีประมาณ 600 คน และรอง ผอ.สพท.จำนวนกว่า 2,000 คน ส่วนกรณีของตำแหน่งผู้ช่วย ผอ.สพท. นายเฉลียวยังกล่าวถึงความคืบหน้าการเปิดโอกาสให้ครูแจ้งความจำนงขอย้ายโรงเรียนตามสะดวก เพื่อขจัดปัญหาการวิ่งเต้นเสียเงินโยกย้ายว่า มีครูติดต่อสอบถามเรื่องนี้เข้ามายังสำนักงาน ก.ค.จำนวนมาก แต่ยังต้องรอให้จัดทำรายละเอียดให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จากนั้นถึงจะเปิดให้ครูแจ้งความจำนงเข้ามายังสำนักงาน ก.ค.ได้ ซึ่งจะเร่งจัดทำรายละเอียดให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ ทั้งตำแหน่ง ผอ.สพท. และรอง ผอ.สพท.เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 8-10 มีนาคม ให้ผู้มีคุณสมบัติแจ้งเรื่องต่อหน่วยงานต้นสังกัด ส่วนวันที่ 11-15 มีนาคม จะเปิดรับสมัครทางโทรสารหมายเลข 0-2280-1180, 0-2280-2845, 0-2280-1093, 0-2280-2836, 0-2280-1020 และ 0-2280-2820 หรือส่งใบสมัครและเอกสารทางไปรษณีย์ถึงสำนักงาน ก.ค. โดยดาวน์โหลดใบสมัครจากเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ค.ได้ที่ www.moe.go.th/webtcs (มติชนรายวัน พุธที่10 มีนาคม 2547 หน้า 22)





ศธ.ลงโทษปล่อย"เอ็นที"ผิดปกติ สพฐ.สอบเงื่อนงำ"100ร.ร."ทั่วปท.

นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ไม่ประกาศผลคะแนนทดสอบการประเมินคุณภาพการศึกษาระดับชาติ (National Test) หรือ NT ของนักเรียนในโรงเรียนกว่า 100 โรง ซึ่งจะใช้เป็นคะแนนยื่นเข้ารับการคัดเลือกเข้าเรียนในชั้น ม.1 ของโรงเรียนมัธยมศึกษา ปีการศึกษา 2547 ว่า ทราบว่ามีโรงเรียนประมาณ 100 แห่ง ที่จะไม่ประกาศผลสอบ เพราะมีความผิดปกติ เช่น นักเรียนได้คะแนนดีทั้งหมด ซึ่งตนสั่งการให้เอาผิดกับผู้เกี่ยวข้อง หากสอบพบว่าโรงเรียนใดทุจริต และให้โรงเรียนเหล่านี้จัดสอบใหม่ จะทันกับการสมัครเข้าเรียนในเดือนเมษายน ทั้งนี้ ข้อสอบไม่ได้รั่วที่ สพฐ. แต่ผิดพลาดในขั้นตอนของโรงเรียน ต้องยอมรับว่ากระบวนการยังมีช่องโหว่ จึงต้องทบทวน อย่างไรก็ตาม คิดว่าในอนาคตการนำผลคะแนนตรงนี้ไปสมัครเข้าเรียนไม่ควรจะมี เพราะการเข้าเรียนไม่ควรต้องมีการสอบแข่งขันแล้ว ด้านนายชอบ ลีซอ ผู้อำนวยการสำนักทดสอบทางการศึกษา สพฐ. กล่าวว่า จะตรวจสอบโรงเรียนที่นักเรียนมีผลสอบเอ็นทีผิดปกติ ซึ่งมีเกือบ 200 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนในต่างจังหวัดในถิ่นทุรกันดารเกือบทุกเขตพื้นที่การศึกษา และเป็นโรงเรียนไม่มีชื่อเสียง มีนักเรียนน้อย 10-30 คน จึงน่าแปลกที่คะแนนเฉลี่ยจะสูงกว่าโรงเรียนติดอันดับท็อปเท็นของประเทศ โดยนักเรียนประมาณ 1,000 คน มีคะแนนสูงผิดปกติถึง 75-80 คะแนน ขณะที่คะแนนเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 40 คะแนน ส่วนใน กทม.ก็มีผิดปกติ 7-8 แห่ง ดังนั้น สพฐ.จึงตัดสินใจงดประกาศผลสอบในโรงเรียนเหล่านี้ คาดว่าจะตรวจสอบแล้วเสร็จภายในวันที่ 15 มีนาคมนี้ (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2547 หน้า 10)





ฟุ้งส่งเสริมการอ่านฉลุย นร.อ่านหนังสือเพิ่มขึ้น

นายกมล รอดคล้าย ผู้อำนวยการสำนักตรวจราชการและติดตามประเมินผล สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศให้ปี 2546 เป็นปีแห่งการส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ จากการเก็บข้อมูลการอ่านหนังสือ ของนักเรียนในโรงเรียนจำนวน 1,640 โรง ใน 175 เขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศในรอบปีที่ผ่านมา พบว่า นักเรียนในระดับประถมศึกษาอ่านหนังสือเฉลี่ย 7.87 เล่มต่อเดือน คิดเป็นวันละ 5.25 หน้า หรือ 110.40 บรรทัดต่อวัน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นอ่านหนังสือเฉลี่ย 10.73 เล่มต่อเดือน คิดเป็นวันละ 9.57 หน้า หรือ 191.28 บรรทัดต่อวัน และระดับมัธยม-ศึกษาตอนปลายอ่านหนังสือเฉลี่ย 14.24 เล่มต่อเดือน คิดเป็นวันละ 16.84 หน้า หรือ 336.33 บรรทัดต่อวัน ผู้อำนวยการสำนักตรวจราชการและติดตามประเมินผล กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามข้อมูลดังกล่าวคงไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูล ของสำนักงานสถิติแห่งชาติที่ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมการอ่านหนังสือของคนไทย ซึ่งพบว่าคนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยวันละ 8 บรรทัด รวมเวลาไม่เกิน 14 นาทีได้ เพราะข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลในภาพรวมของคนทุกวัยทั่วประเทศ ดร.สิริกร มณีรินทร์ รมช.สาธารณสุข ในสมัยที่ยังเป็น รมช.ศึกษาธิการ ได้มีนโยบายให้สำนักบริหารการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) รณรงค์ให้มีการอ่านในกลุ่มนักศึกษานอกโรงเรียน และห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารี พร้อมทั้งให้ทำคู่มือส่งเสริมการอ่านหนังสือสำหรับผู้ปกครอง ในขณะเดียวกันก็ให้โรงเรียนขยายผลเรื่องการรักการอ่านสู่ชุมชนด้วย ซึ่งในปี 2547 นี้ก็จะมีการทำวิจัยเก็บข้อมูลอีกเพื่อเปรียบเทียบว่าคนไทยอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นจริงหรือไม่ (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 15 มีนาคม 2547 หน้า 15)





ไอซีทีเอื้อฯผุดโน๊ตบุ๊กนักศึกษา

น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า ในเดือน ต.ค.นี้จะเริ่มนำร่องวางฮอทสปอต หรือจุดให้บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สายในมหาวิทยาลัยของรัฐประมาณ 10 แห่ง เพื่อรองรับการใช้งานของนักเรียนนักศึกษา และเปลี่ยนพฤติกรรมของนักเรียนจากการออกไปเที่ยวในวันหยุดเป็นนั่งทำรายงาน หรือหาความรู้อยู่หน้าโน้ตบุ๊ก คาดว่าจะใช้ งบประมาณในการติดตั้งฮอทสปอตมหาวิทยาลัยละ 6 ล้านบาท และใช้เวลาในการติดตั้งประมาณ 2 เดือน ส่วนมหาวิทยาลัยเอกชนที่สนใจจะติดตั้งออทสปอตต้อง รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 15 มีนาคม 2547 หน้า 27)





มสธ.ยุคใหม่อยากเป็นม.อิเล็กทรอนิกส์

ศ.ดร.ปรัชญา ว่าที่อธิการบดี มสธ. คนใหม่ กล่าวว่า ตนได้ตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนามสธ. ให้เป็นมหาวิทยาลัยอิเล็กทรอนิกส์ เช่น จัดทำระบบการเลือกชมรายการสื่อการสอนผ่านสายโทรศัพท์ ที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรือโทรทัศน์ ทำระบบการเรียนการสอนทางไกลที่จะมีการสื่อสารตัวต่อตัวระหว่างอาจารย์กับนักศึกษา มีห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ ที่ให้นักศึกษาค้นหาหนังสือและหาข้อมูลในหนังสือผ่านเครือข่ายได้ นอกจากนี้ได้วางระบบประเมินผลจากเดิมที่ต้องสอบพร้อมกัน เป็นใครพร้อมเมื่อไหร่ก็มาสอบได้ และจะสอบกี่ครั้งก็ได้ รวมทั้งจะให้บริการทางวิชาการแก่ประชาชนทุกระดับทั่วประเทศ ตลอดจนจะมุ่งสร้างคนไทยให้มีสมรรถนะไปทำงานในต่างประเทศ โดย มสธ. จะจัดทำหลักสูตรฝึกอบรมภาษาให้กับบุคคลที่ต้องการไปทำงานในต่างประเทศ และจะมีวุฒิบัตรมอบให้เมื่อสำเร็จการศึกษา ต่อข้อถามถึงความหนักใจในการทำงาน ศ.ดร.ปรัชญา กล่าวว่า ตนทราบปัญหาที่เกิด ขึ้น ซึ่งบางเรื่องเกิดจากบุคลากรยังติดยึดรูปแบบ วิธีการทำงานเดิม มีความคิดขัดแย้งกัน ก็จะ สร้างความสามัคคี แต่ก็เบาใจไปมากเมื่อทราบว่าประชาคมส่วนใหญ่พร้อมจะเดินไปกับตน แม้ จะมีคนส่วนน้อยที่ไม่เห็นด้วยก็ตาม ทั้งนี้การพัฒนามหาวิทยาลัยไม่ใช่เรื่องที่คน ๆ เดียวจะทำสำเร็จ และไม่ใช่สมบัติของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นสมบัติของชาติ สมบัติของสังคมไทย (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 15 มีนาคม 2547 หน้า 7)





รถโมบายอาชีวะเริ่มทำงาน

นายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้จัดหน่วยอาชีวะบริการซ่อมบำรุงเคลื่อนที่ด้วยรถโมบายหรือรถช่างเคลื่อนที่ โดยนำรถตู้มาดัดแปลงปรับเป็นรถช่างที่มีอุปกรณ์เครื่องมือซ่อมบำรุงครบถ้วน และมีครู อาจารย์ พร้อมนักศึกษา ประจำรถคันละ 5-6 คน เพื่อออกให้บริการประชาชนที่อยู่ในชุมชนทั่วไป โดยเริ่มให้บริการที่หมู่บ้านปัฐวิกรณ์ ถนนสุขาภิบาล 1 กรุงเทพฯ ซึ่งการบริการจะประกอบไปด้วย การซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องใช้ประเภทอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องสุขภัณฑ์ เครื่องยนต์ รวมไปถึงการรับออกแบบ จัดตกแต่งสวนและสนามหญ้า หลังจากนั้นจะพัฒนาและขยายการให้บริการไปทุกจังหวัดที่มีสถานศึกษาของ สอศ. ตั้งอยู่ นายวีระศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า หากนักศึกษาต้องการเป็นเจ้าของกิจการรถบริการดังกล่าว ทางสอศ.ก็ยังได้ประสานงานกับธนาคารกรุงไทยที่จะร่วมมือกันให้การสนับสนุนสร้างผู้ประกอบการใหม่ 2 แนวทาง คือ ให้สินเชื่อแก่สหกรณ์ของวิทยาลัยในการจัดสร้างรถช่างเพื่อให้วิทยาลัยสามารถนำไปใช้ฝึกเด็ก และแนวทางที่สองคือ การสนับสนุนนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ หรือเรียนจบแล้วโดยให้รวมเป็นกลุ่มประมาณ 5-6 คน จดทะเบียนในรูปบริษัทขนาดเล็ก (Mini Company) ซึ่งธนาคารกรุงไทยพร้อมจะให้การสนับสนุนสินเชื่อในวงเงิน 2-3 แสนบาท และสถานศึกษาจะจัดอบรมเพิ่มเติมความรู้ให้ในเรื่องการทำธุรกิจ การวางแผนธุรกิจ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ รวมถึงการหาตลาดด้วย . (เดลินิวส์ อังคารที่ 16 มีนาคม 2547 หน้า 27)





กษมา" สั่งรื้อคะแนน NT เกือบ 200 โรง

คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ทำการวิเคราะห์คะแนนการประเมินคุณภาพการศึกษาระดับชาติ หลังจากที่มีข่าวข้อสอบรั่ว โดยได้วิเคราะห์คะแนนใน 2 ลักษณะ คือคะแนนรวมที่มีค่าเฉลี่ยสูงเกินกว่าร้อยละ 75 พบว่ามีอยู่ประมาณ 70 กว่าโรง และจากการตรวจสอบคะแนนที่สูงในแต่ละวิชา ว่าโรงเรียนใดเด็กมีคะแนนวิชาใดวิชาหนึ่งสูงกว่า 90% เกิน 40% ของจำนวนนักเรียน พบว่ามีอยู่ประมาณ 100 กว่าโรง ได้ข้อสรุปแล้วว่าจะให้เด็กในโรงเรียนที่มีปัญหาทั้ง 2 ประเภท รวมแล้วเกือบ 200 โรงสอบใหม่ โดยจะสอบในวันที่ 18 มี.ค. ซึ่งจะมีเด็กต้องสอบใหม่จำนวน 4,000-5,000 คน กระจายอยู่ทั่วประเทศเขตพื้นที่ละประมาณ 1-2 โรง เขตพื้นที่ที่มากที่สุดมีไม่เกิน 4 โรง ส่วน กทม.ก็มีปัญหาบ้างแต่ไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลการควบคุมอาจหละหลวม สำหรับข้อสอบที่จะใช้สอบใหม่นั้นกำลังดำเนินการอยู่ และเชื่อว่าจะสามารถประกาศผลได้ทันให้เด็กนำไปสมัครเข้าเรียนต่อ ม.1 เนื่องจากเด็กที่จะนำผลสอบไปสมัครมีจำนวนไม่มาก ทั้งนี้ หลังการสอบเสร็จสิ้น สพฐ.จะนำผลมาตรวจสอบอีกครั้ง (ไทยรัฐ อังคารที่ 16 มีนาคม 2547 หน้า 15)





ศรีปทุมรับนศ.ใหม่หนุนทุนเล่าเรียนฟรี

.รัชนีพร พุคยาภรณ์ พุกกะมาน อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีปทุม เปิดเผยว่า ขณะนี้วิทยาลัยกำลังเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ ในระดับปริญญาตรี ประจำปีการศึกษา 2547 หลักสูตร 4 ปี และต่อเนื่อง 2 ปี ทั้งภาคปกติ ภาคค่ำ และภาคพิเศษ ใน 9 คณะ และ 1 หลักสูตร รัชนีพร กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ทางมหาวิทยาลัยยังจัดสรรทุนการศึกษาเพื่อสนับสนุนให้นักศึกษาได้เล่าเรียนจนสำเร็จ ซึ่งในปี 2547 มีทุนการศึกษา ดังนี้ ทุนการศึกษามหาวิทยาลัยศรีปทุม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสพระราชพิธีมงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542, ทุนพระราชทานสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี, ทุนพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตรราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, ทุนการศึกษานักศึกษาเรียนดียอดเยี่ยม ทุนการศึกษานักศึกษาที่เรียนดีแต่ขาดแคลน, ทุนนักกีฬาทุนมูลนิธิมหาวิทยาลัยศรีปทุม (ดร.สุข พุคยาภรณ์) และทุนการศึกษามหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตชลบุรี อย่างไรก็ตาม ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดต่างๆ ของการสมัครและการขอรับทุนได้ที่โทร 0-2579-1111 ต่อ 2121-4 หรือที่เว็บไซต์ www.spu.ac.th (สยามรัฐ ศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2547 หน้า 7)





ทึ่ง!กับหลักสูตรวิทยาศาสตร์รากฐาน การเรียนรู้ง่ายๆ จากธรรมชาติ

ดร.วิโรจน์ตันตราภรณ์ ที่ปรึกษาของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) และคณะ จึงได้ร่วมกันสร้างหลักสูตรการเรียนแบบใหม่ เรียกว่า “หลักสูตรวิทยาศาสตร์รากฐาน” เพื่อใช้นำร่องกับนักเรียนรุ่นใหม่ตามหลักสูตรใหม่ในทุกชั้นเรียน ภายใน 12-16 ปี รวมทั้งการสร้างครูวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ในระดับอุดมศึกษาให้มีความสอดคล้องกัน “หลักสูตรวิทยาศาสตร์รากฐาน” เป็นการเปลี่ยนวิถีการเรียนการสอนตั้งแต่ประถมจนจบมัธยมศึกษา โดยนำร่องไปทีละชั้นปี โดยเริ่มนำร่องในปี 2544 เป็นต้นมา มีการจัดทำหลักสูตร เอกสาร คู่มือครู และสื่อการเรียน การสอนบนรากฐานใหม่ที่เน้นการปลูกฝังความเป็นธรรมชาติของการพัฒนาเด็ก ในเชิงวิทยาศาสตร์ระดับเดียวกับการพัฒนาเชิงภาษาที่เด็กพัฒนาได้ตามธรรมชาติ ปัจจุบันสามารถนำหน่วยการเรียนบางหน่วยไปดำเนินการสอนในโรงเรียนได้แล้ว คือหน่วยการเรียนเรื่องมิติสัมพันธ์ ในระดับชั้น ป.1 โดยปีการศึกษา 2545 นำร่องใน 5 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนสาธิต มศว.ประสานมิตรกรุงเทพฯ โรงเรียนตันตรารักษ์ จ.ชลบุรี โรงเรียนบ้านปางแก จ.น่าน โรงเรียนบ้านหนองเขียว จ.เชียงใหม่ และโรงเรียนนิคมพัฒนา 10 จ.นราธิวาส ซึ่งขณะนี้โรงเรียนทั้ง 5 แห่ง ได้นำหน่วยการเรียนเรื่องสภาวะควอนตัม ไปทดลองในระดับชั้น ป.2 ต่อไป ล่าสุดปีการศึกษา 2546 ได้ขยายโรงเรียนนำร่องการสอนในหน่วยการเรียนเรื่องมิติสัมพันธ์ เพิ่มอีก 5 โรงเรียน คือ โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ โรงเรียนสายน้ำทิพย์ โรงเรียนสาธิตบางนา โรงเรียนแย้มสอาดรังสิต และโรงเรียนผะดุงศิษย์พิทยา กรุงเทพฯ ซึ่งได้จัดให้มีการติดตามผลการสอนตามโรงเรียนดังกล่าว เมื่อช่วงเดือนมกราคม2547 ที่ผ่านมา ดร.วิโรจน์ กล่าวถึงหลักสูตรนี้ว่า ต้องการให้นักเรียนระดับชั้นอนุบาล หรือชั้นประถมศึกษาปีหนึ่ง เริ่มตระหนักในสุนทรียภาพของธรรมชาติ และทึ่งในความหลากหลายที่เกิดจากหลักง่ายๆ สองสามหลัก ซึ่งเด็กระดับอายุ 5-6 ขวบ สามารถเข้าใจได้ไม่ต้องเรียนมากมาย เช่น หน่วยการเรียนเรื่องมิติสัมพันธ์ เด็กๆ จะได้ฝึกให้รู้จักการนับ และเกิดจินตนาการสามารถรู้สึกเชื่อมโยงกับขนาดและมิติต่างๆ เช่น ทดลองวัดความยาวด้วยฝ่ามือ ฝ่าเท้า เรียนรู้และจินตนาการสัดส่วนสัมพันธ์ ทั้งเชิงย่อและขยาย รู้ถึงน้ำหนักหรือมวลของวัตถุนั้นโดยการคาดคะเนและชั่งน้ำหนัก ทดลองจับเวลาด้วยชีพจร เป็นต้น สำหรับโรงเรียนที่สนใจอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม ลองคลิกดูรายละเอียดได้ที่ www.ipst.ac.th/psd หรือสอบถามได้ที่โครงการวิทยาศาสตร์รากฐาน สสวท. โทร 0-2392-4021 ต่อ 1227 (สยามรัฐ ศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2547 หน้า 7)





"อดิศัย"เพิ่งเชื่อว่า ศธ.เป็นที่พึ่งของประเทศได้

จากการประชุมสัมมนา "ยุทธศาสตร์สู่ การปฏิบัติของกระทรวงศึกษาธิการ" ที่ศูนย์ไบเทค บางนา เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ดร.อดิศัย โพธารามิก รมว. ศึกษาธิการ กล่าวว่า ก่อนที่จะเข้ามากระทรวงศึกษาธิการตนมีความคิดติดลบอยู่ แต่วันนี้ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่ากระทรวงศึกษาธิการสามารถเป็นความหวังของประเทศได้ เพราะช่วงเวลา 4 เดือน ที่ตนได้พูดคุยกับผู้ใหญ่และสถานศึกษาพอจะเห็นว่ากระทรวงศึกษา ธิการไม่ได้เลวร้าย เพียงแต่อุ้ยอ้ายและขาดทิศทางที่ชัดเจน ซึ่งเรื่องทิศทางนี้ตนไม่โทษข้าราชการแต่เป็นเพราะการเมืองที่มีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีบ่อยมาก ดังนั้นการประกาศยุทธศาสตร์สู่การปฏิบัติของกระทรวงศึกษาธิการในครั้งนี้ก็เพื่อผลักดันการปฏิรูปการศึกษา ให้เป็นระบบ โดยสร้างความเชื่อมโยงและนำไปสู่ การปฏิบัติจริงให้ได้ผลเพื่อให้องค์กรหลักทั้ง 5 ของ กระทรวงศึกษาธิการเกิดความเข้าใจที่ชัดเจนในทิศทางการทำงานมีเอกภาพทางความคิด และมีความพร้อมในการทำงานเพื่อพัฒนาคนไทยให้มีความรู้ ความสามารถ และแข่งขันกับต่างประเทศได้ ดร.อดิศัย กล่าวต่อไปว่า สำหรับแผนยุทธ ศาสตร์สู่การปฏิบัติของกระทรวงศึกษาธิการจะประกอบด้วยยุทธศาสตร์หลัก 3 ด้าน คือ 1.ยุทธศาสตร์การสร้างโอกาสทางการศึกษาอย่างทั่วถึง การส่งเสริมการศึกษาขั้นอุดมศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน 2.ยุทธศาสตร์การพัฒนาการจัดการและพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ โดยเน้นเนื้อหาวิชาการควบคู่กับกิจกรรมกีฬาและดนตรี เพื่อให้เยาวชนเกิดการเรียนรู้อย่างรอบด้าน มีคุณธรรม จริยธรรม 3.ยุทธศาสตร์การเพิ่มมาตรฐานการศึกษาและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยเน้นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษากับองค์กรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เกิดการวิจัยพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อปรับมาตรฐานการศึกษาให้ทัดเทียมกับอารยประเทศ (เดลินิวส์ เสาร์ที่ 20 มีนาคม 2547 หน้า 27)





"อดิศัย" ยันไม่เลิกใช้เอ็นที-เน้นตรวจสอบรัดกุม

นายอดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ กล่าวกรณีที่คณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร เสนอให้เลิกนำผลการประเมินคุณภาพการศึกษาระดับชาติ (National Test) หรือ NT มาใช้ในการคัดเลือกเด็กเพื่อเข้าเรียนต่อ ม.1 ว่า ข้อสอบ NT ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นการสอบเพื่อวัดประสิทธิภาพของโรงเรียน ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นำมาใช้ในการคัดเด็กเข้า ม. 1 แต่ในอนาคตจะมีสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ ที่จัดการสอบ ดังนั้น National Test หรือ NT ของใหม่จะไม่เหมือนกัน ซึ่งยังคงต้องใช้ผล NT อยู่ แต่การสอบ NT ในปีหน้าต้องมาคิดวิธีใหม่โดยกระบวนการต้องชัดเจน มีการตรวจสอบดูแลที่รัดกุมขึ้น เพื่อไม่ให้โรงเรียนช่วยเด็ก ส่วนที่เสนอให้เขตพื้นที่การศึกษาหรือโรงเรียนเป็นผู้คัดเด็กเองนั้น ในอนาคตก็มีความเป็นไปได้ แต่ทั้งนี้ต้องเป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดความโปร่งใส ถ้าให้โรงเรียนคัดเองทั้งหมด สุดท้ายอาจมีความไม่โปร่งใสเกิดขึ้น และอาจไม่ได้เน้นที่ความสามารถของเด็กเป็นตัวตั้ง (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 20 มีนาคม 2547 หน้า 15)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


เปิดตัว ‘อิเล็กโทรโฟล’ ลดค่าไฟ ยืดอายุใช้งานอุปกรณ์สำนักงาน

นายกิตติสุข สายอุทยาน วิศวกรเครื่องกลอาวุโส บริษัท บีทีจี-โกลเดอร์ จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทได้นำเข้าเทคโนโลยีปรับปรุงคุณภาพไฟฟ้าจากสหรัฐเรียกว่า ‘อิเล็กโทรโฟล’ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ปรับสภาพไฟฟ้าในสถานประกอบการ ลดการสูญเสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์และยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้าตลอดจนเครื่องจักรโดยอุปกรณ์จะทำหน้าที่ตรวจสอบตัวแปรต่างๆคือแรงดันไฟฟ้า คลื่นรบกวนและกำลังไฟฟ้า พร้อมทั้งปรับค่าให้คงที่แล้วส่งกระแสไฟคืนระบบ สำหรับอิเล็กโทรโฟลแบ่งออกเป็น 2 รูปแบคือมาตรฐานและแบบทางเลือกสำหรับสถานประกอบการแต่ละแห่ง โดยขีดความสามารถของแบบมาตรฐานจะครอบคลุม 5 เรื่อง ได้แก่ ปรับสมดุลแรงดันไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าที่ไม่คงที่เป็นช่วงคลื่นรบกวนและกำลังไฟฟ้า ส่วนแบบที่สองนั้นจะติดตั้งตามแบบของระบบไฟฟ้าและระบบการจ่ายไฟฟ้าขอแต่ละสถานประกอบการซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละแห่ง เช่น โรงงานอุตสาหกรรม อาคารพาณิชย์ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม 2547 หน้า 8)





CeBit

เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับงานซีบิต 2004 จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่เมืองฮันโนเวอร์ ประเทศเยอรมนี สำหรับปีนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-24 มีนาคม 2547 ซีบิต ถือเป็นงานแสดงสินค้าเทคโนโลยี ระดับโลก เป็นเวทีของผู้ผลิตและนักพัฒนา จะนำผลงานใหม่ล่าสุดออกมาเปิดตัวเป็น ครั้งแรก เป็นเวทีซึ่งจะแสดงให้เห็นแนวโน้มของเทคโนโลยีที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีผู้เข้าชมงาน จากทั่วโลกจะหลั่งไหลมาที่เมืองฮันโนเวอร์ ทางเหนือของเยอรมนี สำหรับปีนี้ ไฮไลต์ของงานจะอยู่ที่บริการบนโทรศัพท์มือถือ ระบบ UMTS ซึ่งเป็นโทรศัพท์ในยุค 3 G เต็มรูปแบบ โทรศัพท์มือถือและโทรศัพท์บ้านจะ เข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะมือถือจะต้องพรั่งพร้อมด้วยกล้องดิจิทัล ระบบถ่ายโอนข้อมูลแบบไร้สายไม่ว่าจะเป็นแลนหรือไว-ไฟ หรือบลูทูธ ดิจิทัลโฮม จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตมนุษย์มากขึ้น (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2547 หน้า 16)





นวัตกรรมใหม่โลกความงามสวยเต่งตึงดูอ่อนวัยโดยไม่เจ็บตัว!

เทคโนโลยี อาร์เอฟบวกเลเซอร์ ซึ่งเป็น นวัตกรรมใหม่ล่าสุด ที่กำลังฮือฮาในหมู่ วงการแพทย์ทั่วโลกพ.ญ.ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางโรคผิวหนัง เปิดเผยว่า แพทย์ผิวหนังจากทั่วโลกสนใจเรื่องเทคโนโลยีใหม่ ที่ใช้รักษาริ้วรอยเหี่ยวย่น ซึ่งเกิดจากการนำพลังงาน 2 ชนิด มาทำงานร่วมกันคือ "RADIOFREQUENCY" หรือ RF กับ Diode laser เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการรักษายิ่งขึ้น โดยผลการศึกษา หลายอย่างแสดงให้เห็นว่า เนื้อเยื่อของผิวหนังแน่นตึงกระชับขึ้นได้จากการใช้พลังงานทั้ง 2 ชนิดนี้ และเป็นเทคโนโลยี ที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการอาหารและยาของอเมริกาแล้ว เมื่อเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา คุณหมอ อธิบายเพิ่ม เติมว่า เทคโนโลยีใหม่ นี้มีความแตกต่างจากเทคโนโลยีอื่นๆ ตรงที่มีอัตรา ความเสี่ยงน้อย ไม่ทำให้เกิดแผล โดยจะยกกระชับผิวลดริ้วรอยบนใบหน้า ด้วยการผนวก พลังงาน RF กับเลเซอร์ ส่งผ่านเข้าไปในชั้นหนังแท้ เพื่อลดริ้วรอยลึก ทำให้เซลล์ผิวหนังถูก กระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นใหม่ ผิวจึง แข็งแรง และกระชับขึ้น (ไทยรัฐ อังคารที่ 16 มีนาคม 2547 หน้า 24)





ดับเพลิงแบบประหยัดน้ำ

บริษัท Pursuit Dynamics แห่งประเทศอังกฤษวิศวกรของบริษัทค้นพบว่านอกจากที่เครื่องยนต์ของเรือเร็วจะสามารถทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว มันยังมีศักยภาพที่จะใช้เป็นอุปกรณ์ดับไฟที่มีประสิทธิภาพสูงทีเดียว เป็นเครื่องมือดับเพลิงที่พัฒนามาจากเครื่องยนต์ของเรือเร็วนั้นทำให้เราใช้น้ำในการดับเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นที่สำคัญก็คือประสิทธิ ภาพในการดับเพลิงไม่ได้น้อยไปกว่าวิธีการและเครื่องมือแบบเดิม ๆ หัวฉีดดับเพลิงที่ดัดแปลงมาจากเครื่องยนต์ของเรือเร็วจะใช้ดูดน้ำเข้ามาในหัวฉีดซึ่งต่ออยู่กับท่อไอน้ำความดันสูงและมีส่วนหนึ่งเปิดออกสู่อากาศภายนอก (ดูตามภาพประกอบ) ด้วยองค์ประกอบของน้ำที่เข้ามา อากาศจากภายนอก และไอน้ำความดันสูง ทำให้เกิดคลื่น Shock Wave หรือคลื่นเสียงซ้อนที่เกิดจากอนุภาคหรือวัตถุเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าหรือสูงกว่าเสียง ส่งผลให้น้ำที่เข้ามากลายเป็นหยดน้ำขนาดเล็กประมาณ 14-30 ไมครอน ซึ่งมากกว่าหยดน้ำที่เกิดขึ้นในก้อนเมฆประมาณ 10 เท่า ด้วยขนาดของหยดน้ำขนาดนี้ จึงเพียงพอที่จะใช้ในการดับเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับละอองของหยดน้ำถูกพ่นออกมาด้วยความเร็วที่สูงมาก จากการทดลองที่ผ่านมา วิศวกรพบว่าหัวฉีดดับเพลิงดังกล่าวสามารถพ่นละอองน้ำออกไปได้ไกลถึง 40 เมตรเลย ด้วยอัตราการสิ้นเปลืองของน้ำขาเข้าเพียง 13 ลิตรต่อนาที ข้อดีของการใช้หัวฉีดแบบใหม่นี้ก็คือนักดับเพลิงสามารถใช้น้ำในการดับเพลิงได้อย่างมีประสิทธิ ภาพ ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะมีน้ำไม่เพียงพอและไม่ต้องเสียเวลาในการนำรถดับเพลิงกลับไปเอาน้ำ ซึ่งอาจจะทำให้ขาดความต่อเนื่องในการดับเพลิง ประเทศอังกฤษคงจะมีหัวฉีดดับเพลิงนี้ใช้ในอีกไม่นาน (เดลินิวส์ พุธที่ 17 มีนาคม 2547 หน้า 16)





รัสเซียยึดอาชีพโฆษณาบนอวกาศ ประชาชนมองเห็นกันได้ทั่วทั้งโลกๆ

นายอเล็กซานเดอ ลาฟรีนอฟ นักออกแบบยานอวกาศผู้มีชื่อเสียงของรัสเซีย แจ้งว่า ได้ขอจดสิทธิบัตรอุปกรณ์เพื่อทำการโฆษณาในอวกาศ ซึ่งจะสามารถมองเห็นกันได้ อย่างชัดเจนจากโลกไว้แล้ว "การโฆษณาบนอวกาศ จะครอบคลุมอาณาบริเวณได้ กว้างใหญ่ไพศาล เห็นกันได้ทั่วทั้งโลก เรียกได้ว่าครอบคลุมได้ขนาดระหว่างทวีปกันทีเดียว" เขาเปิดเผยว่า "ดาวเทียมโฆษณา จะมองเห็นได้อย่างชัดเจนยามค่ำคืน เพราะมันจะใช้บาน รับแสงอาทิตย์ หากโยงดาวเทียมหลายๆ ดวงกันเข้า จะสร้างข้อความที่มีตัวใหญ่ขนาดยักษ์ มองเห็นได้กันทั่วหมด" คนบนโลกจะได้เห็นตัวอักษรบนอวกาศ เหมือนกับที่เราได้เห็น ดาวอยู่บนท้องฟ้า พร้อมทั้งเปิดเผยเป็นนัยๆว่า ลูกค้าของการโฆษณาบนอวกาศรายต้นๆ คงจะเป็นพวกน้ำอัดลมและบุหรี่ (ไทยรัฐ พุธที่ 17 มีนาคม 2547 หน้า 7)





อุกกาบาตเยือน โลกครั้งใกล้สุด

นาซาเปิดเผยอุกกาบาตกำลังผ่านโลกใกล้ที่สุดครั้งประวัติการณ์ หลังพบโดยบังเอิญอย่าง และเอเชียโชคดีมีโอกาสร่วมสัมผัสปรากฏการณ์นี้ด้วย โดยอุกกาบาต 2004 เอฟเอช มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 100 ฟุต จะเคลื่อนผ่านโลกในระยะห่างเพียง 26,500 ไมล์ในวันพฤหัสบดี เวลา 17.08 น.เวลาท้องถิ่นสหรัฐเข้าสู่วงโคจรของดวงจันทร์ แต่นักวิทยาศาสตร์องค์การนาซายืนยันว่า มันจะไม่ชนโลกแต่อย่างใด โดยอุกกาบาตลูกนี้จะปรากฏเป็นทางเหนือทะเลแอตแลนติก และสามารถมองเห็นได้สำหรับพื้นที่ตอนใต้ของอเมริกา รวมทั้งทั่วยุโรปและภูมิภาคเอเชีย อุกกาบาต 2004 เอฟเอช ถูกค้นพบเมื่อวันจันทร์ระหว่างการสำรวจดวงดาวตามปกติของนักดาราศาสตร์ในนิวเม็กซิโก และมีการติดตามสำรวจต่อไปจนพบวงโคจรของมัน อย่างไรก็ตาม และแม้ว่าทุกๆ 2 ปี จะมีอุกกาบาตขนาดเดียวกันนี้เข้าใกล้โลกแต่นักวิทยาศาสตร์มักไม่ค่อยเห็น ซึ่งผิดกับครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม สำหรับอุกกาบาตดวงนี้ยังไม่รู้ว่าจะเคลื่อนผ่านโลกได้อีกหรือไม่ แต่หากมันมีกำหนดพุ่งชนโลกนักดาราศาสตร์ก็เชื่อว่าโลกจะไม่เป็นอันตรายเพราะอุกกาบาตนี้จะถูกทำลายก่อนเมื่อต้องผ่านชั้นบรรยากาศ (สยามรัฐ ศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2547 หน้า 4)





ข่าววิจัย/พัฒนา


ชุดตรวจอาหารปลอมปนรุ่นใหม่ ดีเอ็นเอชิพตรวจได้ทั้งเนื้อหมู-วัว

เอฟ เอส เอ หรือสำนักงานมาตรฐานอาหารแห่งชาติอังกฤษ กำลังประเมินผลทดสอบการใช้งาน “ฟู้ด เอ็กซ์เพิร์ท – ไอดี” ชุดตรวจคุณภาพอาหารแบบใหม่ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทแอฟฟีเมทริกซ์ สหรัฐอเมริกา และอีกหนึ่งชุดเป็นของบริษัทไบโอเมอดีเร็กซ์ จากฝรั่งเศส ซึ่งชุดตรวจอาหารนี้มีลักษณะเป็นแผ่นกระจกขนาดเล็กบรรจุเอาชิ้นส่วนดีเอ็นเอไว้ภายใน ชิ้นส่วนดังกล่าวจะทำหน้าที่ตรวจจับดีเอ็นเอของเนื้อสัตว์แม้จะปนมาเพียงเศษหนึ่งส่วนพันก็ตามซึ่งนับว่าป็นดีเอ็นเอชิพรุ่นแรกที่ได้รับการพัฒนาและประยุกต์มาให้ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน โดยออกแบบให้สามารถตรวจสอบได้ว่าอาหารหรือผลิตภัณฑ์ ทางอาหารดังกล่าวมีเนื้อสัตว์ประเภทอื่นปนมาด้วยหรือไม่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคว่าอาหารนั้นไม่ถูกปลอมปนโดยเนื้อสัตว์อื่น นอกจากนี้ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมเลี้ยงวัว เพื่อตรวจสอบว่าเป็นเนื้อวัวถูกกฎหมายหรือไม่ เพื่อป้องกันโรควัวบ้า (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 8 มีนาคม 2547 หน้า 9)





มจธ.คิดเครื่องปรับอากาศประหยัดไฟตัวจริง

ดร.วีระพล โมนยะกุล จากสำนักวิจัยและบริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี หัวหน้าโครงการวิจัยและพัฒนาเครื่องปรับอากาศที่ควบคุมด้วยอินเวอร์เตอร์ กล่าวว่าเครื่องปรับอากาศใหม่นี้สามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้มากกว่าแบบเบอร์ 5 ถึงร้อยละ 30 ซึ่งได้จากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของคอมเพรสเซอร์หรืออุปกรณ์อัดสารทำความเย็นในเครื่องปรับอากาศและควบคุมการไหลของน้ำยา โดยหลักการทำงานของอินเวอร์เตอร์นั่นจะมีอินเวอร์เตอร์อยู่ 2 ส่วน คือ ส่วนที่อยู่เครื่องปรับอากาศตัวภายในอาคารและตัวที่อยู่กับคอมเพรสเซอร์ที่ติดตั้งภายนอกอาคาร ตัวที่อยู่ภายในอาคารจะมีอุปกรณ์รับสัญญาณจากรีโมทคอนโทรลสำหรับตั้งอุณหภูมิและมีเซ็นเซอร์รับอุณหภูมิซึ่งอินเวอร์เตอร์ตัวนี้จะทำการตรวจสอบอุณหภูมิภายในห้องเปรียบเทียบกับอุณหภูมิที่ตั้งไว้ว่าสัมพันธ์กันหรือไม่ จากนั้นจะส่งสัญญาณไปที่อินเวอร์เตอร์ตัวนอกอาคารซึ่งจะแปลงสัญญาณที่ได้รับออกมาเพื่อสั่งปรับความเร็วรอบของคอมเพรสเซอร์โดยเปลี่ยนความถี่และแรงดันของไฟฟ้าที่เข้าไปที่คอมเพรสเซอร์เพื่อให้คอมเพรสเซอร์ทำงานตามรอบที่ต้องการ ซึ่งการลดความเร็วรอบนี้เองทำให้ผู้ใช้เครื่องปรับอากาศสามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้เพิ่มมากขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 8 มีนาคม 2547 หน้า 9)





ไอทีเอพีติวเข้มวิสาหกิจชุมชน ‘สวทช.’ หนุนโรงงานทำวิจัย

รศ.ดร.สมชาย ฉัตรรัตนา ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เผยว่าโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (Industrail Technology Assistance Programe: ITAP) ได้สนับสนุนทุนแก่ผู้ประกอบการสกัดน้ำมันหอมจากพืชซึ่งใช้แต่งกลิ่นในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางอาหารและเครื่องดื่ม เช่น กลิ่นคาร์โมมายล์ในครีมอาบ กลิ่นชาเขียวในเครื่องดื่ม โดยพัฒนาเทคนิคการสกัดในอุณหภูมิต่ำซึ่งเทคนิคใหม่นี้จะช่วยคงกลิ่นหอมไว้ได้นานขึ้นและสารสกัดคุณภาพดีขึ้นซึ่งน่าจะประยุกต์ใช้กับโรงงานของคนไทย โดยประสานความร่วมมือกับศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติและผู้เชี่ยวชาญด้านเคมีระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยมหิดล นอกจากนี้ยังมุ่งส่งเสริมให้ผู้ผลิตประเภทเดียวกันรวมกลุ่มกันเพื่อรับการอบรมและถ่าสยทอดเทคโนโลยีด้วยกันพร้อมทั้งส่งผู้ผลิตไปดูงานต่างประเทศเพื่อหาเทคโนโลยีใหม่ๆเป็นแนวทางในการพัฒนาและสร้างโอกาสในการจับคู่ธุรกิจกับต่างประเทศด้วย ในส่วนของการสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนจะเน้น 3 กลุ่มได้แก่ กลุ่มขนมพื้นบ้าน ผ้าพื้นเมืองและกลุ่มไวน์ไทย โดยจะอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่และถูกสุขอนามัย การจัดการน้ำทิ้ง การเก็บรักษาเชื้อยีสต์ เป็นต้น ( กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 8 มีนาคม 2547 หน้า 9)





คปก.เข้มผลิตหัวกะทิด้าน ‘เทคโนโลยีชีวภาพ’

ศ.ดร. นักสิทธ์ คูวัฒนาชัย ผู้อำนวยการโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีแผนร่วมมือกับศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพ หน่วยงานในสังกัดสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ในการผลิตและพัฒนากำลังคนเพื่อรองรับเพื่อรองรับการจัดตั้งบริษัทใหม่ด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ตามแผนการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพของประเทศ ซึ่งครอบคลุมอุตสาหกรรมอาหาร สัตว์น้ำ บริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข นอกจากนี้ คปก.จะริ่มกำหนดหัวข้อวิจัยเพื่อทำวิทยานิพนธ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศซึ่งเน้นศักยภาพในการแข่งขันและที่สำคัญต้องสอดคล้องกับแผนการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐจากเดิมที่มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้ระบบวิจัย โดยผลิตนักวิจัยระดับปริญญาเอกให้กับประเทศได้ 5,000 คน ภายใน 15 ปี(2540-2554) ซึ่งขณะนี้ได้ให้ทุนการศึกษาไปแล้วกว่า 7 รุ่นกว่า 1,400 คนและมีผู้สำเร็จการศึกษาแล้ว 183 คน แต่ขณะนี้คปก.กำลังประสบปัญหาด้านงบประมาณที่จะรับนักศึกษาเข้าสู่โครงการให้เป็นปาตามแผนที่กำหนดไว้คือปีละ 400 คน โดยในปี 2547 มีงบประมาณรองรับบัณฑิตได้เพียง 200 คนเท่านั้นดังนั้นจึงกำลังดำเนินการของบประมาณเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถรองรับนักศึกษาได้ตามแผนการที่กำหนด (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 9 มีนาคม 2547 หน้า 8)





เซ็นเซอร์จิ๋ว วัดความดันเลือดหัวใจ

เนเดอร์ นาจาฟี หัวหน้าทีมระบบเซ็นเซอร์ บริษัทอิปชิแลนติ สหรัฐอเมริกาเผยว่าเซ็นเซอร์จิ๋วที่พัฒนาขึ้นถือเป็นอุปกรณ์การแพทย์สายพันธุ์ใหม่ที่อาศัยตัวรับและส่งสัญญาณวิทยุที่วางไว้ใกล้ตัวผู้ป่วยเป็นตัวป้อนพลังงานและสื่อสารกับเซ็นเซอร์ที่ที่ถูกฝังในตัวผู้ป่วยอัตโนมัติ อุปกรณ์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจล้มเหลวที่ไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายอย่างเพียงพอ การฝังเซ็นเซอร์นี้ผู้ป่วยจะเข้ารับการผ่าตัดเพียงครั้งเดียวโดยแพทย์จะฝังเซ็นเซอร์ใส่ไว้ในหัวใจห้องบนซ้ายซึ่งให้ผลที่แม่นยำ รวดเร็วที่สุด แต่ปัญหาของอุปกรณ์นี้คืออาจเสี่ยงต่อการอุดตันจากเซลล์หรือโปรตีนในร่างกายได้ นอกจากนี้การไม่ใช้แบตเตอรี่อาจทำให้เซ็นเซอร์ไม่สามารถตรวจวัดแรงดันได้อย่างต่อเนื่องและปัญหาสุดท้ายคืออาจวิ่งขึ้นสู่สมองและเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดสมองได้ (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 9 มีนาคม 2547 หน้า8) นักฟิสิกส์สร้างต้นแบบชุบเคลือบ พัฒนาเทคโนฯรองรับวิจัย “นาโน”ในอนาคต ผศ.นิรันดร์ วิทิตอนันต์ ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เปิดเผยว่าขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างวิจัยและพัฒนาต้นแบบเครื่องเคลือบในสูญญากาศด้วยวิธีระเหยสารซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยปรับปรุงผิววัสดุให้มีความคงทนถาวรและสวยงาม เครื่องนี้ประกอบด้วย 4 ส่วนหลักคือ ภาชนะสูญญากาศทำจากสแตนเลสทรงกระบอก มีหน้าแปลนสำหรับติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆที่จำเป็น ส่วนต่อมาคือเป็นระบบเครื่องสูบสูญญากาศประกอบด้วยเครื่องสูบ 2 ชนิด ได้แก่เครื่องสูบกลโรตารีและเครื่องสูบแบบแพร่ไอ ส่วนที่สามคือส่วนการเคลือบ ทำหน้าที่ให้ความร้อนสำหรับระเหยสารเคลือบมีลักษณะเป็นลวดต้านทาน ประกอบด้วยลวดต้านทาน ขั้วไฟฟ้า แหล่งจ่ายไฟฟ้าและที่วางชิ้นงานและส่วนประกอบสุดท้ายเป็นชุดควบคุมการทำงานของเครื่องเคลือบทำหน้าที่ควบคุมการทำงานทั้งหมดของระบบ ซึ่งผลงานวิจัยนี้นอกจากจะช่วยลดการนำเข้าอุปกรณ์และเครื่องมือที่มีราคาสูงแล้วยังเป็นจุดเริ่มต้นของการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีแบบพึ่งพาตนเองเพื่อสร้างเทคโนโลยีพื้นฐานเกี่ยวกับอุปกรณ์หรือเครื่องที่จำเป็นสำหรับการทำวิจัยด้านนาโนเทคโนโลยีของประเทศไทยในอนาคต (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 10 มีนาคม 2547 หน้า7)





วิจัยชี้ไวน์ผลไม้ไทยต้านโรคสูง

ดร.เบญจวรรณ สุนทรนิยมกิจ อดีตนักวิจัยคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีเปิดเผยถึงการวิจัยค้นหาชนิดของไวน์ไทยที่มีศักยภาพต้านอนุมูลอิสระเทียบกับไวน์ฝรั่งเศสโดยได้ตรวจวัดคุณสมบัติการต้านอนุมูลอิสระประเภทกรดฟีนอลิกและฟลาโวนอยด์ในไวน์หม่อน ไวน์เม่า ไวน์กระเจี๊ยบ ไวน์มะขาม ไวน์หวด ไวน์มะนาวไม่รู้โห่ เทียบกับไวน์องุ่นแดงของผรั่งเศส โดยได้ตั้งสมมติฐานว่าหากพบสารฟีนอลิกมาก ความสามารถในการต้านทานอนุมูลอิสระจะมากตามไปด้วยและเมื่อทดสอบเปรียบเทียบกับไวน์องุ่นแดงคิดเป็นร้อยละ 100 พบว่าไวน์ผลไม้ไทยมีสารฟีนอลิกจากมากไปน้อย คือ ไวน์หวดร้อยละ 127 ไวน์กระเจี๊ยบร้อยละ 99 ไวน์หม่อนร้อยละ 58 ไวน์เม่าร้อยละ 56 และไวน์มะนาวไม่รู้โห่ร้อยละ 34 และไวน์มะขามมีร้อยละ 3 จากนั้นทำการทดสอบความสามารถในการให้อิเล็กตรอนแก่สารที่เป็นตัวออกซิไดซ์ได้แก่สารอนุมูลอิสระ พบว่าไวน์กระเจี๊ยบสามารถให้อิเล็กตรอนอิสระถึงร้อยละ 104 และเมื่อทดสอบความสามารถในการทำลายอนุมูลอิสระปรากฏว่าไวน์หวดมีความสามารถร้อยละ 91 ขณะที่ไวน์มะขามพบเพียงร้อยละ 1.4 จากผลการวิจัยสรุปได้ว่าไวน์ผลไม้ของไทยชนิดที่มีสีแดงจะมีคุณสมบัติในการต้านทานอนุมูลอิสระในระดับใกล้เคียงหรือมากกว่าไวน์ฝรั่งเศส ขณะที่ไวน์ผลไม้สีอ่อนกลับมีความสามารถในการต้านทานอนุมูลอิสระน้อย อย่างไรก็ตามงานวิจัยชิ้นนี้ต้องมีงานวิจัยต่อยอด โดยจะทดสอบคุณสมบัติด้านอื่นๆ เช่นการต้านเชื้อมะเร็ง ระบุชนิดและปริมาณของสารฟีนอลิก เป็นต้น (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 10 มีนาคม 2547 หน้า 7)





มศว.เดินหน้าตั้ง ‘สถาบันวิจัย-พัฒนาเด็กพิเศษ’

ผศ.ดร.อุษณีย์ อนุรุทธ์วงศ์ ประธานศูนย์อัจฉริยะภาพเด็ก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลให้ความสำคัญกับเด็กที่มีความสามารถพิเศษในสาขาต่างๆเป็นอันมาก โดยจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กที่มีความสามารถพิเศษแห่งชาติขึ้นและด้านมศว. กำลังเสนอจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้มีความสามารถพิเศษแห่งชาติขึ้น เนื่องจากมีองค์ความรู้ งานวิจัยที่เกี่ยวกับเด็กกลุ่มนี้และมีบุคคลากรที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มายาวนานเป็นการสอดรับกับองค์กรต่างๆที่ทำงานด้านนี้อยู่ ซึ่งสถาบันนี้จะเป็นสถาบันที่สร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับเด็ก Highly gifted และอีกประมาณ 3 เดือน จะมีคู่มือเกี่ยวกับเด็กและการพัฒนาเด็กที่มีความสามารถพิเศษใช้เป้นของตนเองขึ้นเป็นครั้งแรกอีกด้วย (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 10 มีนาคม 2547 หน้า 10)





วิจัยค้นหายีนก่อมะเร็งท่อน้ำดี

น.ส.อุปมา เลี้ยงสว่างวงศ์ นักวิจัยสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยถึงผลงานวิจัยว่าเป็นการศึกษาหาตัวบ่งชี้ที่สามารถระบุถึงความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งท่อน้ำดีสำหรับใช้ประโยชน์ด้านการตรวจคัดกรองผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง เพื่อดำเนินการป้องกันและรักษาได้ทันท่วงที ซึ่งโรคนี้มีความเกี่ยวข้องกับพยาธิใบไม้ตับและดินประสิวเนื่องจากตรวจพบไข่พยาธิใบไม้ตับในผู้ป่วยเป็นมะเร็งท่อน้ำดีเกือบทุกราย หรือกินอาหารที่มีดินประสิว เช่น ของหมักดอง หรือปลาร้าเสมอ เนื่องจากมะเร็งท่อน้ำดียังไม่มียารักษาและยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคที่แน่ชัด การวิจัยเพื่อค้นหาตัวบ่งชี้นี้จึงเป็นการป้องกันการเพิ่มของผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม 2547 หน้า 8)





ยาในฝันช่วยเลิกบุหรี่-ลดน้ำหนัก ปรับสมดุลระบบอยากอาหาร-เสพยา

ในการประชุม American College of Cardiology ได้มีการนำเสนอรายงานสองชิ้นเกี่ยวกับยาที่มีชื่อสามัญว่า ‘ริมอนนาแบนท์’ โดยหน่วยงานหนึ่งระบุว่ายาดังกล่าวช่วยให้ลดน้ำหนักลงเก้ากิโลกรัมในหนึ่งปี ขณะที่งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งระบุว่ายานี้ช่วยให้คนเลิกสูบบุหรี่ได้อย่างน้อยในระยะสั้น ความสำคัญของยาตัวนี้คือขัดขวางการทำงานของรีเซพเตอร์ CB1 ซึ่งเป็นรีเซพเตอร์ตัวหนึ่งของระบบ ‘Endo Cannabinoid’ซึ่งพบในสมองและส่วนต่างๆของร่างกายและทำงานร่วมกับระบบต่างๆของร่างกายในการควบคุมความต้องการอาหารและการเสพยา ในการทดลองกับผู้ที่ติดบุหรี่ 787 รายพบว่าอาสาสมัคร 28 รายสามารถเลิกบุหรี่ได้ภายในหนึ่งเดือนและน้ำหนักยังเพิ่มขึ้น 4.5 กิโลกรัม นอกจากนี้อาสาสมัครที่รับประทานยานี้ยังมีระดับของเอชดีแอลหรือไขมันชนิดดีช่วยป้องกันคอเลสเตอรอล เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 ขณะที่สามารถลดไขมันประเภทไตรกลีเซอไรด์ลงได้ร้อยละ 15 (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม 2547 หน้า 8)





สมุนไพรอมฤต เพื่อชีวิตอมตะ

รศ.ดร.สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ คณบดีคณะการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตเผยว่าปัจจุบันได้มีการวิจัยพบว่าส่วนประกอบในสมุนไพรหลายชนิดมีฤทธิ์คล้ายกับกลุ่มวิตามินเอ ซีและอี ที่มีสรรพคุณช่วยปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ แต่สารจากสมุนไพรมีจุดเด่นตรงที่การดูดซึมเข้าสู่เซลล์ได้ทั้งช่องทางละลายน้ำและละลายไขมัน นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังพบว่า เคอร์ซิทิน (Quercetin) เป็นกลุ่มสารชนิดหนึ่งในสารฟลาโวนอยด์ มีโครงสร้างโมเลกุลเหมือนกับสารแคทซิตินในชาเขียว จึงมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระเหมือนกัน ที่ผ่านมานักวิจัยจากมหาวิทยาลัยรังสิตได้ทำการวิจัยโดยสกัดหาสารสกัดในสมุนไพรไทย พบว่า 43 ชนิดมีสารสกัดที่ต้านอนุมูลอิสระอย่างเด่นชัด เช่น ขิง ข่า โดยเฉพาะใบหม่อนส่วนยอดพบสารเคอร์ซิทินสูงสุด และมีความหอม รสชาติกลมกล่อมและไม่พบส่วนประกอบของแทนนินที่ทำให้มีรสฝาดและทำให้ท้องผูก ดังนั้นชาหม่อนของไทยจึงจัดอยู่ในสเปคในฝันของชาโลกเพียงแต่ต้องมีการพัฒนารูปแบบให้ทันสมัย บรรจุลงในถุงอลูมิเนียมฟอยล์และต้องระบุสรรพคุณที่มีหลักฐานอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้ มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตและการขึ้นทะเบียนรับประกันด้านความปลอดภัย นอกจากนี้มหาวิทยาลัยรังสิตได้ดำเนินโครงการวิจัยพัฒนาโรงงานต้นแบบสำหรับเอสเอ็มอี เพื่อพัฒนาการส่งออกสมุนไพรซึ่งปัจจุบันสามารถสกัดได้สารสกัดเข้มข้นคุณภาพสูงจากสมุนไพร 50 ชนิด และพัฒนาการตรวจสอบคุณภาพภายใต้หลักการขององค์การอนามัยโลกและวิเคราะห์ทิศทางการพัฒนากฎหมายสมุนไพรของแต่ละประเทศ การศึกษาเทคโนโลยีการผลิตวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ตามหลักองค์การอนามัยโลกจนถึงการทดสอบความปลอดภัย (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบบดีที่ 11 มีนาคม 2547 หน้า2)





ไบโอเทคเปิดเวทีระดมนักวิทย์วางกรอบวิจัยพันธุกรรมมนุษย์

น.พ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ เลขาธิการมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ เผยว่าเนื่องจากทั่วโลกมีความห่วงใยในเรื่องจริยธรรมของกระบวนการสร้างความรู้ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยเฉพาะการวิจัยในมนุษย์ที่จะต้องระมัดระวังไม่ให้ความต้องการในการพัฒนาองค์ความรู้ ก่อให้เกิดความไม่เหมาะสมทางด้านจริยธรรม ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีแห่งชาติ (ไบโอเทค) ร่วมกับมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ จัดทำโครงการเวทีสาธารณะเรื่อง “จริยธรรมกับการวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ : แนวปฏิบัติที่พึงประสงค์” โดยเชิญชวนนักวิจัยวิชาการสาขาต่างๆร่วมจัดทำแนวปฏิบัติและประเด็นพิจารณาทางชีวจริยธรรม ด้านการทำวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ โดยแบ่งออกเป็น 3 ด้าน คือการวิจัยพันธุกรรม การจัดทำข้อตกลงการใช้ตัวอย่างชีวภาพเพื่อการวิจัยระหว่างสถาบันและการวิจัยสเต็มเซลล์ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2547 หน้า 8)





เลนส์จิ๋วปรับโฟกัส ชัดเสมือนดวงตา

บริษัทฟิลลิปส์ สร้างเลนส์จิ๋ว ‘ฟลูอิดโฟกัส’ มีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอก ที่บรรจุของเหลว 2 ชนิดได้แก่ ของเหลวนำไฟฟ้า(น้ำ) และของเหลวที่เป็นฉนวน(น้ำมัน) นอกจากนี้ผนังของตัวเลนส์ทรงกระบอกยังเคลือบด้วยวัสดุกันน้ำ บังคับให้ของเหลวที่เป็นน้ำไหลไปยังด้านที่ไม่มีวัสดุเคลือบผิวแต่เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน บริเวณเคลือบผิวจะมีแรงต้านน้ำลดน้อยลง ส่งผลให้ของเหลวต่างชนิดกันเกิดการเปลี่ยนรูปทรงจากนูนกลายเป็นเว้าซึ่งกระบวนการนี้เรียกว่าอิเล็กโตรเวตติ้ง (electrowetting) แต่เทคนิคซึ่งอาศัยแรงตึงผิวของของเหลวภายในเลนส์ ทำให้ไม่สามารถสร้างเลนส์ที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเกิน 1 เซนติเมตรได้ซึ่งถือเป็นข้อจำกัดในการสร้างความละเอียดของภาพแต่นักวิจัยเชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับอุปกรณ์ดีวีดีแบบลูเรย์ซึ่งต้องใช้ระบบนำแสงที่สามารถปรับโฟกัสซ้ำขณะอ่านและเขียนได้เป็นหลัก (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2547 หน้า 8)





แพทย์ชี้จิบเอสเปรสโซวันละถ้วยดีต่อสุขภาพ

สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษรายงานเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ว่าหลังจากมีรายงานว่าแพทย์เตือนให้นายโทนี แบลร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ลดดื่มกาแฟลง หลังถูกหามส่งโรงพยาบาลเนื่องจากมีอาการใจสั่นทำให้ชาวอิตาลีเริ่มไม่มั่นใจในการดื่มกาแฟ แต่แพทย์หญิงเชียรา ทรอมเบตตี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจากสถาบันฮิวแมนิทัส คาวาสเซนี ประเทศอิตาลี บอกว่าการดื่มกาแฟเอสเปรสโซ "ในปริมาณที่พอเหมาะ" มีประโยชน์ต่อสุขภาพเนื่องจากกาแฟมีส่วนผสมแทนนินและสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งมีประโยชน์ต่อหัวใจและเส้นโลหิตแดง ช่วยบรรเทาการปวดหัว ดีต่อตับ ป้องกันโรคตับแข็งและป้องกันเป็นนิ่ว กาเฟอีนในกาแฟยังช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคหืด ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดในหัวใจดีขึ้น แต่หากดื่มมากเกินพอเหมาะ จะทำให้หัวใจเต้นเร็ว มือไม้สั่น ซึ่งหญิงตั้งครรภ์ คนเป็นโรคหัวใจ เป็นมะเร็งในช่องท้อง ไม่ควรดื่มเลย (มติชนรายวัน อังคารที่ 9 มีนาคม 2547 หน้า 12)





พบกลุ่มเซลล์สมอง บ่งชี้ว่าแกะเป็นเกย์

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยการแพทย์ด้านสาธารณสุขและวิทยาศาสตร์ รัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา เผยถึงผล การวิจัยในวารสารต่อมไร้ท่อว่าจากการศึกษาแกะในวัยเจริญพันธุ์ 27 ตัว อายุ 4 ปี สายพันธุ์ตะวันตกผสมกัน โดยเป็นแกะตัวผู้ที่ชอบตัวเมีย 8 ตัว แกะตัวผู้ที่ชอบตัวผู้ 9 ตัว และแกะตัวเมียอีก 10 ตัว นักวิจัยพบความแตกต่างของความหนาแน่นในสมองส่วนไฮโปธาลามัสของแกะที่เรียกว่า "โอเอสดีเอ็น" ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมพฤติกรรมเรื่องเพศ พบว่าในแกะตัวผู้ที่ชอบตัวเมียจะมีโอเอสดีเอ็นที่ใหญ่กว่าและมีเส้นประสาทมากกว่าในตัวผู้ที่ชอบตัวผู้ด้วยกัน รวมไปถึงในตัวเมีย นายชาร์ลส์ โรเซลลี ผู้เชี่ยวชาญสรีรศาสตร์และเภสัชศาสตร์ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมวิจัยเรื่องนี้ เปิดเผยว่า ความสำคัญของการวิจัยครั้งนี้ สนับสนุนว่าการโอนเอียงทางเพศในสัตว์เป็นผลมาจากชีวภาพ ซึ่งอาจรวมไปถึงในมนุษย์ด้วย และหวังว่าการวิจัยครั้งนี้จะช่วยนำไปพบกับกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาของพฤติกรรมรักเพศตรงข้ามและการรักร่วมเพศต่อไป (มติชนรายวัน อังคารที่ 9 มีนาคม 2547 หน้า12)





ไวอะกร้าปลอดภัยต่อผู้ป่วยโรคหัวใจ

นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยอัลเบอร์ตา เมืองเอ็ดมอนตัน แคนาดา เผยผลการวิจัยถึงการใช้ยาไวอะกร้าในกลุ่มผู้ป่วยโรคหัวใจที่มีการแนะนำว่าห้ามใช้กับผู้ป่วยโรคหัวใจ เนื่องจากเกรงกันว่าอาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดหัวใจวายขึ้นมาได้ โดยผลการศึกษาในผู้ป่วยที่เสียชีวิตเนื่องจากการใช้ไวอะกร้าบางรายพบว่ายาไวอะกร้าไปทำให้ความดันโลหิตลดลงในผู้ป่วยที่ใช้ยารักษาโรคหัวใจที่มีส่วนผสมของไนโตรเจนอยู่ รวมทั้งยาบางตัวที่ใช้สำหรับลดอาการเจ็บหน้าอก นักวิจัยจึงเริ่มศึกษาว่าหากผู้ป่วยโรคหัวใจไม่กินไนเตรตเข้าไปจะมีอาการอย่างไรเมื่อกินยาไวอะกร้า โดยทำการศึกษาชาย 35 คน ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และให้กินยาไวอะกร้าทุกวันเป็นเวลา 6 สัปดาห์ ปรากฏว่าไวอะกร้าช่วยลดปัญหาเรื่องความเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ ที่สำคัญคือพบว่ายาไวอะกร้าปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจที่ไม่รุนแรงมากและช่วยลดปัญหาเรื่องการไร้สมรรถภาพทางเพศลงได้ (มติชนรายวัน พุธที่ 10 มีนาคม 2547 หน้า 12)





หวั่นโรคอ้วนล้มแชมป์"บุหรี่"ร้ายที่หนึ่งดับอเมริกันชน

รายงานการศึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งสหรัฐอเมริกา(ซีดีซี) ระบุเตือนว่าในปี 2548 โรคอ้วนอาจล้มแชมป์โรคที่มีปัจจัยสืบเนื่องมาจากการสูบบุหรี่ซึ่งเป็นสาเหตุคร่าชีวิตชาวอเมริกันมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง เนื่องจากโรคอ้วนและการขาดการออกกำลังกายได้แพร่หลายในหมู่ชาวอเมริกันมากขึ้น ทั้งนี้ อัตราการเสียชีวิตของชาวอเมริกันด้วยโรคอ้วนระหว่างปี 2533-2543 เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 33 ขณะที่อัตราการตายด้วยโรคที่เกี่ยวเนื่องกับการสูบบุหรี่กลับเพิ่มขึ้นไม่ถึงร้อยละ 10 ฉะนั้น หากแนวโน้มยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป อัตราการตายของชาวอเมริกันเนื่องจากการกินอาหารฟาสต์ฟู้ด ขาดโภชการที่ดี และไม่ออกกำลังกาย จะพุ่งสูงเกิน 500,000 คน ในปีหน้าได้ ซึ่งจะแซงหน้าอัตราการตายด้วยโรคเกี่ยวเนื่องจากการสูบบุหรี่ที่คร่าชีวิตชาวอเมริกันมากที่สุดเป็นครั้งแรกในรอบกว่า40ปี (เดลินิวส์ อาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2547 หน้า 26)





นักวิทย์มะกันพบวิธีช่วยสตรีเป็นหมัน

คณะนักวิทยาศาสตร์อเมริกันนำโดยนายเดวิด ลี จากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และสุขภาพแห่งโอเรกอน ในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา นำเสนอผลสำเร็จในการค้นคว้าวิจัยของทีมในการนำเอาเนื้อเยื่อจากรังไข่ของลิง เรห์ซัส มาปลูกถ่ายลงบนอวัยวะส่วนอื่นๆ ของแม่ลิง จากนั้นก็ให้ฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นให้เนื้อเยื่อที่ปลูกถ่ายดังกล่าวผลิตไข่ออกมา หลังจากนั้นก็นำไข่ที่ได้ไปผสมเทียมในหลอดแก้ว และนำตัวอ่อนที่ได้รับการผสมแล้วกลับไปฝังไว้ในมดลูกของแม่เทียม และประสบผลสำเร็จแม่ลิงเทียมตั้งท้องและคลอดเป็นลูกลิงตัวเมียที่สมบูรณ์ดี ทีมนักวิจัยเชื่อว่า กระบวนการดังกล่าวสามารถนำมาใช้กับสตรีที่เป็นหมัน หรือสตรีที่ไม่สามารถมีลูกได้ เนื่องจากเนื้อเยื่อของรังไข่ถูกทำลายจากการฉายรังสีฆ่าเซลล์มะเร็ง โดยอาจนำเอาเนื้อเยื่อรังไข่ไปปลูกถ่ายไว้บนแขน หน้าท้อง หรือในไตของผู้เป็นมารดา เพื่อให้ผลิตไข่ออกมาก่อนนำไปผสมเทียมในหลอดแก้วดังกล่าวแล้ว (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม 2547 หน้า 12)





ดื่มกาแฟลดเบาหวาน

จากผลการศึกษาว่าปริมาณการดื่มกาแฟมีผลต่อการลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ก็แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงที่ดื่มกาแฟวันละ 3-4 แก้ว จะมีความเสี่ยงในการเป็นเบาหวานลดลง 29% ส่วนผู้ชายจะมีความเสี่ยงลดลง 27% จากการศึกษากับอาสาสมัครกว่า 14,600 คน พบว่าผู้หญิงที่ดื่มกาแฟมากกว่า 10 ถ้วยขึ้นไปอัตราเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานลดลงถึง 80% ในขณะที่ผู้ชายที่ดื่มในปริมาณเท่ากันกลับมีความเสี่ยงกับลดลงเพียง 50% ซึ่งนักวิจัยกล่าวว่า แม้ว่าจะยังไม่ทราบชัดเจนว่าสาเหตุที่การดื่มกาแฟเกี่ยวข้องกับโรคเบาหวาน แต่ก็เชื่อกันว่าน่าจะเกิดจากคลอโรจีนิก แอซิด(chlorogenic acid) ซึ่งเป็นกรดที่มีอยู่ในกาแฟ น่าจะเป็นตัวช่วยปรับระดับกลูโคสในเลือด และกาเฟอีนในกาแฟจะกระตุ้นการแยกอินซูลินโดยตับอ่อนได้มากกว่าผู้ไม่ดื่มกาแฟ โดยโรคเบาหวานถือว่าเป็นสาเหตุการตายอันดับ 6 ของประชากรสหรัฐ แต่อย่างไรก็ตาม การดื่มกาแฟมากๆ ก็มีผลต่อการเป็นโรคหัวใจได้เช่นกัน (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2547 หน้า 10)





พบสลัด"แมคโดนัลด์" ไขมันสูงกว่าชีสเบอร์เกอร์

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าจากการวิเคราะห์สารอาหารในสลัดผัก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่จาก "แมคโดนัลด์" พบว่ามีไขมันมากกว่าชีสเบอร์เกอร์มีไขมันถึง 18.4 กรัม ในขณะที่ชีสเบอร์เกอร์มีไขมันเพียง 11.5 กรัม ด้านมูลนิธิวิเคราะห์สารอาหารของอังกฤษ(BNF) กล่าวว่า สลัดเป็นอาหารที่ไม่ได้มีไขมันมาก แต่น้ำสลัดที่ซื้อหามาจากร้านฟ้าสฟูดส์ และห้างสรรพสินค้านั้นอุดมไปด้วยไขมัน และแคลอรี่ ตัวการสำคัญของไขมันสะสมในร่างกาย ที่พึงระวังในการซื้อหามารับประทานอย่างมาก อย่างไรก็ตามปริมาณไขมันที่ร่างกายควรจะได้รับในแต่ละวันนั้นหากเป็นผู้ชายควรจะได้ประมาณ 95 กรัมต่อวัน และ 70 กรัมต่อวัน ในผู้หญิง (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 13 มีนาคม 2547 หน้า 5)





นวัตกรรมใหม่ผลิตเส้นก๋วยเตี๋ยวย่นเวลา...เพิ่มผลผลิตเท่าตัว

น.ส.จารุณี อินทรสุข และ น.ส.สุพัตรา ตั้งวัฒนากูร นิสิตภาควิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีอาหาร คณะอุตสาหกรรม เกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พวกเธอก็ พบ "นวัตกรรมใหม่ในการผลิตเส้นก๋วยเตี๋ยวจันทน์" ในการขจัดกระบวนการการผลิต เส้นก๋วยเตี๋ยวจันทน์ที่มีความยุ่งยากได้สำเร็จ ซึ่งพบว่านอกจากลดระยะเวลาในการบ่มแผ่น ก๋วยเตี๋ยวได้ 5-11 ชม.แล้ว ยังทำให้โรงงานสามารถเพิ่มอัตราการผลิตได้มากกว่าเดิม ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก สามารถทำได้ง่าย ทำให้มีรายได้เพิ่มเกือบเท่าตัว คุณภาพเส้นที่บ่มในสภาวะที่ต่างกัน พบว่าอุณภูมิตู้เย็นเป็นเวลา 7 ชม. จะให้เส้นที่มีลักษณะ ดีกว่าสภาวะอื่นๆ คือมีสีขาวนวลสม่ำเสมอ มีกลิ่นรสดีตามธรรมชาติ เนื้อนิ่มเหนียว เกาะติดกัน เล็กน้อย ซึ่งถือได้ว่าตรงตามเกณฑ์มาตรฐาน นอกจากนี้ยังง่ายต่อการลอกเส้นออกจากแผ่น พลาสติกและตัดเป็นเส้นได้ง่ายอีกด้วย สนใจกรรมวิธีการ ผลิต สามารถติดต่อขอรายละเอียดได้ที่ e-mail: tagisscr@ku.ac.th หรือ jar204j@hotmail.com (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 15 มีนาคม 2547 หน้า 7)





โต๊ะทำงานมีเชื้อโรคชุมยิ่งกว่าส้วม เปื้อนแป้นพิมพ์เมาส์คอมพิวเตอร์

นักวิจัยของมหาวิทยาลัยอริโซนาแห่งสหรัฐฯ ได้ค้นพบเมื่อสำรวจค้นหาเชื้อโรคตามอุปกรณ์ เหล่านั้น ในสำนักงานต่างๆ พบว่า มีเชื้อโรคบนเครื่องโทรศัพท์ ในเนื้อที่ 1 ตารางนิ้วมากถึง 25,127 ตัว บนแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ 3,295 ตัว ที่เมาส์ 1,676 ตัว และแม้แต่ภายใน สำนักงานเอง ก็ยังมีเชื้อโรคเฉลี่ยแล้วมากถึง 20,961 ตัว ยิ่งตามโต๊ะทำงานด้วยแล้ว ก็มีสภาพ เหมือนกับเป็นโรงอาหารของพวกเชื้อโรคอย่างดี นักชีววิทยา นายชาร์ส์ เกอบา หัวหน้านักวิจัย กล่าวสรุปว่า ตามข้าวของเหล่านั้น พูดกันโดยถัวเฉลี่ยแล้ว จะมีเชื้อโรคมากกว่าที่มีอยู่ตามที่นั่ง บนส้วมกว่ากันถึง 400 เท่า (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 15 มีนาคม 2547 หน้า 7)





น้ำอัดลมกัดกินฟันเด็กวัยรุ่นกร่อน เพราะสารออกฤทธิ์เป็นกรดปนอยู่

นักวิจัยของมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮมในอังกฤษ ได้กล่าวแจ้งในการศึกษาวิจัยสุขภาพฟันว่า เคลือบฟันของเด็กวัยรุ่น ที่มีอายุ 14 ปีถึง 92% ของอังกฤษเกิดการสึกกร่อน และเป็นเหตุให้ ฟันไม่แข็งแรง อาจทำให้ฟันผอมบางลงหรือขอบฟันแตกกะเทาะไปได้ สาเหตุใหญ่เนื่องจาก การดื่มน้ำอัดลมที่มีฟองต่างๆ ทำให้ฟันของเด็กวัยรุ่นสึกกร่อนไปตามๆกัน นักวิจัยกล่าวว่า เพียงแค่การดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้วันละหน ก็อาจทำให้เด็กอายุ 12 ปี มีโอกาสจะ ฟันสึกกร่อนได้ถึง 59% ยิ่งหากเป็นเด็กวัยรุ่น อายุ 14 ปี โอกาสเสี่ยงจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเป็น 220% และหากเด็กอายุ 12 ปี ดื่มมากวันละ 4 แก้ว จะเสี่ยงสูงมากเป็น 252% ส่วนเด็กอายุ 14 ปี ก็จะยิ่งเสี่ยงสูงขึ้นเป็นถึง 513% (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 15 มีนาคม 2547 หน้า 7)





คนโกรธง่ายเสียชีวิตได้เร็วโดนถูกโรคหลายอย่างรุมกิน

วารสาร โรคเกี่ยวกับการไหลเวียนของโลหิต ได้เสนอรายงานการศึกษาวิจัย เตือนให้ทราบว่า คนเจ้าอารมณ์ เสี่ยงกับการเจ็บป่วยด้วยอาการของโรคหัวใจที่เป็นอันตราย เช่น หัวใจเต้นแผ่ว ระรัว มากยิ่งกว่าเพื่อนที่มีอารมณ์เย็นถึง 1 ใน 3 รายงานผลการศึกษากล่าวว่า เป็นเรื่องลำบาก ที่จะมองข้ามการเจ็บไข้ได้ป่วย อันเนื่องจากการเกิดอารมณ์ความโกรธไปแล้ว วารสารโรคหัวใจ ฉบับใหญ่ฉบับหนึ่ง เคยบอกไว้แต่เมื่อ 4 ปี ก่อน การมีโมหะโทสะอาจทำให้เราเจ็บป่วยด้วย โรคหัวใจ ง่ายมากขึ้นกว่าปกติเกือบ 3 เท่าได้ นอกจากนั้นเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง ก็ได้มีการศึกษา โดยการตรวจสแกนคลื่นสมอง ยังทำให้รู้ว่า ผู้ที่โมโหง่าย อาจตกเป็นทาสของนิโคติน ได้ง่ายกว่าคนอื่น และ ที่ประชุมของแพทยสมาคมโรคหัวใจอเมริกัน เพิ่งได้ยินว่าทำให้รู้ว่า เด็กคนที่ไม่อาจจะควบคุมอารมณ์ของตนได้ จะอ้วนได้ง่ายกว่าเพื่อน คนอื่น และยังได้ให้คำแนะนำในการฝึกสงบสติอารมณ์ตนเองเอาไว้. (ไทยรัฐ อังคารที่ 16 มีนาคม 2547 หน้า 7)





เป็นโรคลำไส้อักเสบอาจทำให้เกิดลิ่มเลือดหลุดเลื่อนอุดหลอดเลือด

แพทย์ของออสเตรีย ได้ศึกษากับคนไข้จำนวนเกือบ 1,500 คน ได้พบว่า ผู้ที่ป่วยเป็นลำไส ้อักเสบ ล่อแหลมกับการเกิดอาการลิ่มเลือดหลุดอุดหลอดเลือด ยิ่งกว่าคนอื่น รายงานการศึกษาซึ่ง รายงานในวารสารการแพทย์โรคของลำไส้ ได้กล่าวออกตัวว่า ยังควรที่จะมีการวิจัยเพิ่มเติม มากขึ้นอีก เพื่อให้รู้สาเหตุของความเกี่ยวพัน และยังมีการศึกษาเรื่องอื่นส่อว่า ถึงแม้จะมีความ เกี่ยวพันกัน แต่ก็ยังไม่แน่นอนเสมอไป คณะนักวิจัย อันมีศาสตราจารย์กอตต์เรด โนวาเซกแห่ง มหาวิทยาลัยเวียนนา เป็นหัวหน้า กล่าวว่า ผู้ที่ป่วยเป็นโรคลำไส้อักเสบ เสี่ยงกับการมีอาการลิ่ม เลือดหลุดอุดหลอดเลือดมากขึ้น มันดูเหมือนจะเป็นอาการข้างเคียงของโรคลำไส้อักเสบ โดยเฉพาะ ผลการศึกษาส่อว่า แม้ว่าจะยังไม่พบหลักฐานที่พิสูจน์ว่า โรคลำไส้อักเสบเป็นสาเหตุ ทำให้เกิดลิ่มเลือด แต่ไม่ควรจะมองข้ามไปเสีย เพราะมักจะมีคนไข้ป่วยเกิดลิ่มเลือดจับตัว เมื่ออาการของโรคลำไส้อักเสบกำเริบขึ้น โรคลำไส้อักเสบมีสองแบบใหญ่ อาการจะมีตั้งแต่ ปวดท้องไปจนถึงตกเลือดและน้ำหนักลด ส่วนอันตรายของการเกิดลิ่มเลือด ก็คือมันอาจเคลื่อนไป ถึงปอดหรือสมอง ไปปิดกั้นโลหิตได้ . (ไทยรัฐ อังคารที่ 16 มีนาคม 2547 หน้า 7)





อินเดียพบต้นยูคาลิปตัสมีเชื้อราเป็นอันตรายต่อระบบประสาทคน

นักวิทยาศาสตร์ด้านเชื้อรา ดร.อรุณโลก จักราบาตร์ แห่งห้องปฏิบัติวิทยาการเชื้อรา พีจีไอทางตอนเหนือของอินเดีย กล่าวว่า ได้พบว่าต้นยูคาลิปตัสบางต้น มีเชื้อรา คริปโตค็อกโคซิส ซึ่งเป็นอันตรายกับระบบประสาทของมนุษย์อยู่ หากผู้ป่วยไม่ได้ รับการรักษาอย่างถูกต้อง ก็อาจทำให้เสียชีวิตได้ เชื้อรานั้นสามารถเข้าสู่ร่างกาย ได้ทางการหายใจ ดร.อรุณโลก กล่าวว่าเท่าที่เป็นอยู่ พบว่ามีที่ต้นยูคาลิปตัสของ บางสายพันธุ์เท่านั้นที่มีเชื้อรานั้นอาศัยอยู่ และไม่ได้แพร่ลุกลามขยายวงกว้างออกไป ทางห้องปฏิบัติการ เคยพบในอาณาบริเวณแถบนั้นเพียง 18 ครั้ง นับจากปี พ.ศ. 2536 เป็นต้นมาเท่านั้น ทั้งการศึกษาวิจัยก็ยังอยู่เพียงแค่ในขั้นต้นๆ โดยที่ยังไม่อาจเกิดความเข้าใจ แจ่มแจ้งหมดได้ (ไทยรัฐ พุธที่ 17 มีนาคม 2547 หน้า 7)





โตโยต้าสร้างหุ่นยนต์เป่าทรัมเป็ต

บริษัทผู้ผลิตรถยนต์โตโยต้า ประเทศญี่ปุ่น เปิดตัวหุ่นยนต์ตัวล่าสุด ด้วยความสามารถในการเล่นทรัมเป็ต หุ่นยนต์ตัวนี้จะเป็นตัวแทนแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการประยุกต์ใช้ฐานความรู้ในเชิงวิทยาการคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมศาสตร์ ร่วมกับศักยภาพของทีมวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีของโตโยต้า หุ่นยนต์ดังกล่าวสูงประมาณ 120 เซนติ เมตร หรือ 48 นิ้ว และยังไม่มีการตั้งชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ ยังไม่มีขายหรือให้เช่า ต้องรอออกโชว์ครั้งใหญ่ปี 2005 ก่อนหน้านี้บริษัทฮอนด้าเปิดตัวหุ่นยนต์เดินได้ "อาซิโม"ส่วนโซนี่ได้เปิดตัวหุ่นยนต์ที่มีความสามารถในการร้องเพลง เต้นระบำ และเดินได้ด้วยความเร็ว 14 เมตรต่อนาที ในชื่อ"คิวริโอ" ซึ่งได้แสดงร่วมกับวงออเครสตร้าชื่อดังในโตเกียวมาแล้ว (เดลินิวส์ พุธที่ 17 มีนาคม 2547 หน้า 16)





กินเนื้อสัตว์เป็นต้นเหตุโรคเกาต์ อยากหายต้องกินนมไร้ไขมันมากๆ

ผลจากการศึกษาวิจัยครั้งใหม่ ที่รายงานอยู่ในวารสาร "การแพทย์นิว อิงแลนด์" ของสหรัฐฯ นับเป็นหลักฐานให้รู้เป็นครั้งแรกว่า อาหารพวกนมเนย มีคุณประโยชน์ ช่วยป้องกันโรคเกาต์ได้อย่างเข้มแข็ง กับได้เปิดเผยให้รู้ว่า ผักบางชนิดเช่น ถั่ว เห็ด ผักโขมและกะหล่ำปลี ซึ่งเคยห้ามผู้เป็นโรคเกาต์กินกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แท้จริงแล้ว กลับไม่ได้ให้โทษอะไรเลย การศึกษาได้พบว่า ผู้ที่กินอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว หมู และแกะ กันทุกวัน จะทำให้เป็นโรคเกาต์ง่ายขึ้นถึง 21% ถ้ายิ่งโปรดอาหารทะเลและกินอยู่เป็นประจำ อยู่ทุกอาทิตย์ ยิ่งทำให้เสี่ยงสูงขึ้นอีก 7% แต่ถ้าหากดื่มนมพร่องไขมันให้ได้มาก ระหว่างวันละ1-5 แก้ว จะช่วยให้ห่างโรคได้เกือบครึ่ง สิ่งที่สำคัญก็คือการกินผักผลไม้มากๆ ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ รักษาตัวไม่ให้อ้วน จะเป็นเกราะป้องกันโรคได้อย่างดีโรคเกาต์มักจะเป็นกับผู้ชายที่กินดีอยู่ดี ส่วนผู้หญิงถ้า จะเป็นกับเขาบ้าง ก็มักจะเป็นตอนหลังเข้าวัยหมดประจำเดือนแล้ว (ไทยรัฐ พุธที่ 17 มีนาคม 2547 หน้า 7)





เตือนภัยไมโครเวฟอบป๊อปคอร์น

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า องค์การเกี่ยวกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ได้ทำการศึกษาวิจัย ควันจากการอบป๊อปคอร์นรสเนยในไมโครเวฟ โดยระบุว่า ควันจากการอบป๊อปคอร์นรสเนยในไมโครเวฟอาจเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ซึ่งอาจทำให้ปอดติดเชื้อได้ จากการสูดดมควันที่ลอยฟุ้ง โดยเบื้องต้นสถาบันเกี่ยวกับสุขภาพแห่งชาติ สงสัยว่า ควันจากการอบป๊อปคอร์นจะมีสารเคมี ไดอะซีทิล ซึ่งคาดว่าเกิดจากความร้อนและการอบป๊อปคอร์นในไมโครเวฟซ้ำ ๆ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนงานอบป๊อปคอร์นในรัฐมิสซูรี อิลลินอยส์ ไอโอวา และเนบราสก้า ประเทศสหรัฐอเมริกา มีอาการป่วย จากผลการศึกษาวิจัยดังกล่าว ทำให้องค์การอาหารและยา หันมาให้ความสนใจพิจารณาอาหารที่มีรสเนย เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ทั้งนี้ ในปี ค.ศ. 2000 ตลาดรวมของผู้ซื้อไมโครเวฟสำหรับอบป๊อปคอร์นมีมูลค่าสูงถึง 1.33 พันล้านเหรียญสหรัฐ (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม 2547 หน้า 16)





การเพาะถั่วงอกอนามัยอัตโนมัติขนาดครอบครัว

รศ.มนตรี ค้ำชู จากภาควิชาวิศวกรรมชลประทาน คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้พัฒนาเครื่องเพาะ ถั่วงอกอนามัยอัตโนมัติขนาดครอบครัวขึ้นมา อาจารย์มนตรีได้อธิบายถึงหลักการเพาะถั่วงอกง่าย ๆ ว่า คือ การเพิ่มความชื้นให้เมล็ดถั่วสูงขึ้นซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการย่อยสลายสารอาหารต่าง ๆ ที่เก็บสะสมอยู่ภายในเมล็ดและเคลื่อนย้ายสารอาหารที่ย่อยแล้วไปยังส่วนต่าง ๆที่กำลังเจริญเติบโตเป็นต้นอ่อน น้ำช่วยให้อาหารที่ เก็บสะสมไว้ในเมล็ดในรูปโมเลกุลใหญ่ ๆ แตกย่อยออกเป็นโมเลกุลเล็ก ๆ ส่งไป ยังส่วนคัพภะ (embryo) ซึ่งต้องการออกซิเจนเพื่อใช้ในการช่วยหายใจย่อยสลายอาหารให้ได้พลังงานที่จำเป็น ในการเพาะถั่วงอกนั้นอุณหภูมิที่เหมาะสมในการงอกของเมล็ดอยู่ระหว่าง 25-35 องศาเซลเซียสและไม่ต้องการแสงในการงอก เอกสาร “เครื่องเพาะถั่วงอกอนามัยแบบอัตโนมัติขนาดครอบครัว” มีแจกฟรี เกษตรกรและผู้สนใจเขียนจดหมายสอดแสตมป์ 9 บาท ส่งมาขอได้ที่ ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตรเลขที่ 2/200 ถนนศรีมาลา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิจิตร 66000 โทร.(056) 613-021, 650-145 และ 0-1886-7398 (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2547 หน้า 12)





เหตุบังเอิญลองเปลี่ยนอาหารวัวกลับได้นมที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ

ดร.แอนน์ เฟียรอน หัวหน้าทีมวิจัยจากภาควิชาเกษตรกรรมและการพัฒนาชนบทในไอร์แลนด์ เหนือ พบว่าการเปลี่ยนอาหารให้แก่วัวจะทำให้ได้น้ำนมวัวที่มีคุณภาพต่างไปจากเดิม นั่นคือเมื่อ เลี้ยงวัวด้วยเมล็ดน้ำมันเรปสีดจะทำให้ได้น้ำนมวัวที่มีระดับคอเลสเทอรอลในไขมันอิ่มตัว ปริมาณต่ำลง และยังมีปริมาณของกรดไขมันไม่อิ่มตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งไขมันที่มีคอเลสเทอรอลต่ำ มักพบในน้ำมันพืช จากการทดลองพบว่าวัวที่ได้กินน้ำมันเรปสีดวันละ 600 กรัม จะให้นมที่มี กรดโอเลอิกเพิ่มขึ้น 35 เปอร์เซ็นต์ ความลับของการผลิตนมเพื่อสุขภาพนั้นถูกค้นพบโดยบังเอิญ เมื่อนักวิทยาศาสตร์จากไอร์แลนด์ เหนือค้นหาวิธีที่จะให้เนยแตกตัวง่ายขึ้น จนแม้กระทั่งรายงานในวารสารวิทยาศาสตร์ อาหารและเกษตรกรรม ก็ยังถือเป็นความลับทางการค้าอยู่ (ไทยรัฐ ศุกร์ 19 มีนาคม 2547 หน้า 7)





โรคอ้วนซ้ำเติมผู้ป่วยเบาหวานทอนอายุขัยให้สั้นลงได้ถึง 8 ปี

ศาสตราจารย์รอสส์ ลอเรนสัน ของมหาวิทยาลัยเซอเรย์ ทางภาคใต้ของอังกฤษ กล่าวเปิดเผยผล ของการศึกษาวิจัยว่า ความอ้วนนับเป็นปัจจัยเสี่ยงตัวสำคัญอย่างยิ่งของผู้เป็นเบาหวาน ผู้ที่ ปล่อยตัวจนอ้วน จะมีอายุขัยสั้นลง และเสี่ยงกับการเสียชีวิตสูงขึ้น ความจริงเคยมีการศึกษา รู้กันมาก่อนแล้วว่า มันทำให้เสี่ยงกับการเสียชีวิตได้มากขึ้น แต่การศึกษาหนนี้ ทำให้ได้รู้ว่า มันอาจทำให้อายุขัยสั้นลงได้มากถึง 8 ปี และเสี่ยงกับการเสียชีวิตลงถึงสองเท่า วงการแพทย์ตามชาติตะวันตก ได้ใช้สูตรคำนวณวัดความอ้วน หาตัวที่เรียกว่า ดัชนีมวลรวม ร่างกาย วัดความอ้วน โดยใช้น้ำหนักตัว ที่ชั่งเป็นกิโลกรัม หารด้วยส่วนสูงเป็นเมตร ยกกำลังสอง หากได้ผลลัพธ์เกินกว่า 30 ถือว่าอ้วน ยิ่งสูงถึง 35 ก็ยิ่งถือว่าอ้วนจัด ถ้าน้อยกว่านั้น ถือว่าปกติ เขากับคณะได้ศึกษาวิจัยจากข้อมูลของผู้ที่เป็นเบาหวานแบบที่ 2 หรือเบาหวานของผู้ใหญ่ จำนวน 44,188 ราย ได้พบว่า ผู้ป่วยที่มีร่างกายอ้วน ที่มีดัชนีมวลรวมร่างกายสูงกว่า 35 จะมีอายุเฉลี่ยแค่ 70 ปี แต่ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ ได้แนะนำว่า หากคนเหล่านี้สามารถ ลดน้ำหนักลงได้สัก 5-10% ก็จะลดความเสี่ยงให้น้อยลงได้ (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 20 มีนาคม 2547 หน้า 7)





เตือน “หลับใน”

พลชัย พันธุ์อำไพ ที่ปรึกษาวิศวกรอิเล็กทรอนิกส์ของบริษัทแห่งหนึ่ง ได้ประดิษฐ “อุปกรณ์เตือนหลับใน” หลักการทำงานของเครื่องก็คือทุกครั้งที่เหยียบคันเร่งและหมุนพวงมาลัย เครื่องจะเก็บสถิติความจำไว้ ถ้ามีการนิ่งหรือเงียบเกินสถิติที่เก็บไว้ เครื่องจะส่งเสียงร้องขี้นมา เพื่อปลุกคนขับให้ตื่น ทำให้ป้องกันอุบัติเหตุได้ระดับหนึ่ง และเขาได้จดลิขสิทธิ์แล้ว (เดลินิวส์ อาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2547 หน้า 26)





ข่าวทั่วไป


นักบินหญิงทําสถิติใหม่บินรอบโลก แวะไทยก่อนกลับสู่จุดหมายที่อังกฤษ

นักบินหญิงชาว อังกฤษ พอลลี่ วาเชอร์ กลับมาเปิด บันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ของ การบินโลกอีกครั้ง โดยสร้างสถิติ บินรอบโลกครั้ง ที่สองด้วย เครื่องบินชนิดเครื่องยนต์เดียว จากขั้วโลกเหนือถึงขั้วโลกใต้ เพื่อหาทุนสนับสนุนกองทุนการฝึก อบรมการบินแก่ผู้พิการ นักบินหญิง ผู้ได้รับการโหวตจากผู้อ่านนิตยสารฟลายเออร์ให้เป็น "นักบินยอดเยี่ยมแห่งปี 2002" เปิดฉากขึ้นเมื่อวันที่ 6 พ.ค.ปีที่แล้ว โดยเส้นทางของการบิน เริ่มสตาร์ตจากเมืองเบอร์-มิงแฮม ประเทศอังกฤษ มุ่งหน้าสู่ทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ ผ่านทวีปออสเตรเลียและเอเชีย ก่อนที่จะเดิน ทางกลับประเทศอังกฤษ ซึ่งตามกำหนดจะบิน มาถึงเมืองไทย วันที่ 18 มี.ค.นี้ การสร้างสถิติใหม่ครั้งนี้ ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ทั่วโลก โดยเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษ เสด็จมาเป็นองค์ประธานในพิธีส่ง นักบิน ขณะที่พระราชินีนูร์ แห่งจอร์แดน ลงพระนามบนปีกเครื่องบินเป็นที่ระลึก ก่อนที่นักบิน หญิงคนเก่ง จะนำเครื่องบินคู่ใจทะยานขึ้นเหนือน่านฟ้า ไทยยังได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับการมาเยือนของ"พอลลี่" ที่ ร.ร.บันยันทรี ในวันที่ 18 มี.ค.นี้ ด้วย (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 15 มีนาคม 2547 หน้า





ป้อนช็อกโกแลตให้วัวควายกินมีน้ำนมรสชาติแบบเชลล์ชวนชิม

เกษตรกรรัสเซีย พบวิธีใหม่ในการเลี้ยงวัว ให้ขนมหวานและช็อกโกแลตปรนเปรอวัวของตน อ้างว่าช่วยให้วัวอ้วนพีแข็งแรง และให้น้ำนมที่มีรสชาติดีขึ้น เกษตรกรที่ฟาร์ม มลนิก ในแถบคาลินินกราด เป็นคนริเริ่มใช้ขนมหวานและช็อกโกแลตผสมกับอาหารสัตว์ เลี้ยงวัวในฟาร์มก่อน พวกเขากล่าวว่า มันช่วยให้แม่วัวให้น้ำนมที่มีรสชาติดีเป็นพิเศษ ทำให้ พวกเขามีรายได้ดีขึ้น เมื่อตอนที่ให้มันกินทีแรก ปรากฏว่าต้องฝึกแม่วัวทีละน้อยไปก่อน ผิดกับ ลูกวัว พอกินเข้าก็ติดใจทันที ส่วนคนผสมพันธุ์ กล่าวว่า อาหารวัวพิเศษนี้ ทำให้ได้ลูกวัว ที่แข็งแรงสมบูรณ์ดี ทางฟาร์มได้ทำความตกลงกับโรงงานทำขนมในท้องถิ่นแห่งหนึ่งไว้ เหมาซื้อขนมพวกคาราเมลและช็อกโกแลตที่หมดอายุแล้วทั้งหมด ในราคาพิเศษ . (ไทยรัฐ อังคารที่ 16 มีนาคม 2547 หน้า 7)





นมแพะพาสเจอไรส์เครื่องดื่มสะอาดที่อุดมคุณค่าอาหาร

นมแพะ.....เป็นเครื่องดื่มที่ถือว่ามี คุณภาพเสมอน้ำนมของมนุษย์ที่อุดมไปด้วย สารอาหารที่มี คุณค่าต่อร่างกายย่อยง่ายมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง ทำให้ กระดูกและฟันแข็งแรง วิตามินเอ และบี2สูงช่วยบำรุงสายตาเส้นผม และ ผิวพรรณ.......อีกทั้งยังเป็น ทางเลือกสำหรับ ผู้ดื่มที่ แพ้นมวัว นอกจากนั้น ยังมีสรรพคุณในการเภสัช ที่แก้โรคภูมิแพ้ ลดความเป็นกรดในกระเพาะ และมีกรดไขมันชนิดพิเศษคาโพรอิก(Caproic) คาพิลิก (Caprylic) และ คาพริก (Capric) ซึ่งวงการแพทย์กำลังให้ความสนใจว่ามีส่วนช่วยยับยั้งการสะสมของ คอเลสเทอรอลในเส้นเลือด โรงงานพาสเจอไรส์นมแพะขึ้นเป็นแห่งแรกของ ประเทศไทยที่ได้คุณภาพมาตรฐานGMP (Good Manufac-turing Pratice) จากกระทรวงสาธารณสุข โดยมีนายสุมิทธิ์ เกศวพิทักษ์ เป็นผู้จัดการโรงงาน และ นายมานิตย์ วาสุเทพรังสรรค์ เป็นที่ปรึกษา (ไทยรัฐ พุธที่ 17 มีนาคม 2547 หน้า 7)





"เรือกึ่งดำน้ำ" ลำใหญ่"ที่สุดในโลก สัมผัสความงามใต้ทะเลไทย

เรือกึ่งดำน้ำที่ว่านี้ มีชื่อว่า "เรือพัทยาปะการัง 2" ซึ่งเป็นเรือกึ่งดำน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีน้ำหนักกว่า 10 ตันกรอส เป็นเรือโครงเหล็กแบบญี่ปุ่น ผลิตในประเทศไทย มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท มีเครื่องยนต์ 2 เครื่อง เครื่องแอร์ 2 เครื่อง และแอร์สำรองอีก 2 เครื่อง มีมาตรฐานความเร็วสูงสุด 8 นอต เป็นเรือกึ่งดำน้ำที่วิ่งบนผิวน้ำ มี 2 ชั้น โดยที่ชั้นล่างของเรือจะลงไปในน้ำและชั้นบนจะอยู่บนน้ำ ชั้นล่างมีไว้สำหรับชมปะการังมีความลึก 3 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีลักษณะเป็นเรือท้องกระจกที่ทำจากอะคริลิก โดยขอบด้านล่างของกระจกจะทำมุม 45 องศา ทำให้มองเห็นได้อีกประมาณ 7 เมตร รวมเป็นความลึกที่สามารถมองเห็นได้ประมาณ 10 เมตร อีกทั้งยังสามารถเปิดไฟส่องลงไปได้ประมาณ 7-8 เมตร เพื่อให้มองเห็นใต้ท้องทะเลได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ภายในเรือจัดเป็นที่นั่งชมปะการังและหมู่ปลาต่าง ๆ สามารถเข้าชมได้ครั้งละประมาณ 120-130 คน คน พร้อมทั้งปรับความดันภายในเรือให้เหมาะสมกับการนั่งชมปะการัง ส่วนชั้นบนของเรือจะจัดเป็นที่นั่งชมวิว ได้ประมาณ 80 คน รวมแล้วเรือกึ่งดำน้ำลำนี้สามารถบรรทุกคนได้โดยประมาณ 210 คน เปิดให้บริการเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2545 ที่ผ่านมา บนเรือจะมีลูกเรืออยู่ทั้งหมด 8 คน โดยมีกัปตันเรือ 1 คน ผู้ช่วยกัปตันอีก 2 คน ช่างเครื่อง 3 คน พนักงานต้อนรับ 2 คน และกะลาสีเรือ 2 คน นักท่องเที่ยวสามารถสอบถาม ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ชมปะ การัง การทำงานของเรือได้จากลูกเรือทุกคน (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม 2547 หน้า 6)





น้ำผักหวานป่าพร้อมดื่มคุณค่าอาหารสูงผลิตง่าย..กำไรดี

กลุ่มเกษตรกร ต.หนองบัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ภายใต้การนำของ กำนันจรัญ พูลสวัสดิ ได้ผลิต "น้ำผักหวานป่า" ออกมาจำหน่ายไม่สงวนลิขสิทธิ์ แต่อย่างใด เปิดเผยสูตรว่ามีส่วนผสมคือ ชาผักหวาน 200 กรัม น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม และ น้ำสะอาด 2 ลิตร....3 อย่างเพียงเท่านั้น เมื่อได้ส่วนผสมพร้อมแล้ว ก็ทำการแปรรูป โดยต้มชาผักหวานจนให้เดือดจนสีชาออก (คล้ายกับสีน้ำเก๊กฮวย) แล้วเติม น้ำตาลลง จนละลายทิ้งให้น้ำ เดือดต่อสักพักแล้ว หรี่ไฟอ่อนประมาณ 20 นาที...ทิ้งไว้ ให้เย็น จากนั้นใช้ผ้าขาวกรอง เมื่อได้ส่วนผสมพร้อมแล้ว ก็ทำการแปรรูป โดยต้มชาผักหวานจนให้เดือดจนสีชาออก (คล้ายกับสีน้ำเก๊กฮวย) แล้วเติม น้ำตาลลง จนละลายทิ้งให้น้ำ เดือดต่อสักพักแล้ว หรี่ไฟอ่อนประมาณ 20 นาที...ทิ้งไว้ ให้เย็น แล้วกรอง น้ำผักหวานป่ามีสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย หลายชนิด เช่น โปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ซึ่งช่วยในการต้านมะเร็ง ต้านโรคและบำรุงร่างกาย ทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย (ไทยรัฐ ศุกร์ 19 มีนาคม 2547 หน้า 7)





พบอีก6ขวบอัจฉริยะ พูด-เขียนได้5ภาษา

ล่าสุดพบ ด.ช.พฤกษ์ จารุพงศ์โสภณ อายุ 6 ขวบ 8 เดือน หนูน้อยชาวภูเก็ต มีความสามารถบวก ลบ คูณ หารอ่าน เขียน และพูดได้ถึง 5 ภาษาอย่างถูกต้องตามสำเนียงและ อักขระของภาษานั้นๆได้เป็นอย่างดี ผู้สื่อข่าวจึงไปพิสูจน์ ความจริงที่ห้อง 377 ชั้น 3 โรงแรมเอส ซี ปาร์ค ถนนประเสริฐมนูกิจ โดยพบนายวิรัช และ นางพรพรรณ จารุพงศ์โสภณ อาชีพขายประกันและประกอบธุรกิจส่วนตัว พ่อแม่ของเด็ก อัจฉริยะ ซึ่งพาน้องพฤกษ์มาพักรอการตรวจสอบไอคิว จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ทดสอบความเป็นอัจฉริยะของน้องพฤกษ์ พบว่า ด.ช. พฤกษ์ สามารถผ่านการทดสอบตามที่ผู้สื่อข่าวถาม (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 20 มีนาคม 2547 หน้า 1, 9)





ทาสีบ้านใหม่ให้ระวังสุขภาพ

ข้อควรระวังในการทาสีบ้าน โดยคำนึงถึงสุขภาพนั้น หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของแมรีแลนด์ ได้ให้ข้อปฏิบัติไว้ 3-4 ข้อ ดังนี้ พยายามกำหนดเวลาในการทาสีให้อยู่ในช่วงฤดูแล้ง ฤดูร้อน ที่มีอากาศแห้งสักหน่อย และเปิดหน้าต่างไว้ระหว่างทำงาน หลังจากทาสีแล้ว ควรเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ประมาณ 3 วัน ควรใช้พัดลมดูดอากาศตรงหน้าต่างเพื่อดูดเอาไอระเหยจากบริเวณที่ทาสีออกไป ระหว่างกำลังทาสี ควรพักออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์เป็นช่วงๆ และไม่ควรเข้าอยู่อาศัยในบ้าน หรือห้องที่เพิ่งทาสีเสร็จใหม่ๆสัก 3 วัน เพื่อให้ไอระเหยจากสีจางไปเสียก่อน (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 20 มีนาคม 2547 หน้า 7)





โมเดล รีไซเคิล จากเศษเหล็กสู่หุ่นยนต์

นายสุดใจ นิศวอนุตรพันธ์ ผู้สร้างผลงานบอกว่า เริ่มสนใจงานประเภทนี้ เนื่องจากเห็นต้นแบบจากนักประดิษฐ์หุ่นอะไหล่เหล็กท่านหนึ่ง จึงเกิดแรงบันดาลใจอยากจะผลิตงานเช่นนี้ขึ้นมาบ้าง หลังจากนั้น รวมตัวกับเพื่อน 3 คน ซึ่งล้วนมีพื้นฐานด้านงานประติมากรรมมาก่อน ใช้ชื่อกลุ่ม “DEGREE ART” ช่วยกันประดิษฐ์ผลงาน โดยสร้างให้รูปแบบแตกต่างจากที่เคยเห็นออกไป เรียกชื่อผลงานของตัวเองว่า “โมเดล รีไซเคิล” “งานของผมมีจุดเด่นอยู่ที่โมเดลของหุ่นสัดส่วนจะสมจริง และเพราะพวกเราชอบดูหนัง แบบโดยมากจะเป็นตัวละครในหนังแอ๊คชั่นของฮอลลีวู้ด เช่น คนเหล็ก สตาร์วอลส์ สไปร์เดอร์แมน” วัสดุอะไหล่เหล็กที่จะนำมาสร้างหุ่นนั้น จะซื้อจากร้านขายเศษเหล็ก ซึ่งต้องไปคัดเลือกด้วยตัวเองเพื่อพิจารณาว่าชิ้นใดใช้สร้างงานได้บ้าง ตัวแรกเริ่มออกวางเมื่อประมาณ4 ปีที่แล้ว เป็นหุ่นขนาดเล็ก ซึ่งได้รับความสนใจ และมียอดสั่งเข้ามาต่อเนื่อง ทั้งจากในประเทศ และตลาดต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นยุโรป และเอเชีย ขั้นตอนการประดิษฐ์ เริ่มจากวางโครงสร้างหุ่น และหาวัสดุเศษเหล็กที่เหมาะสม หลังจากนั้น จึงถึงขั้นตอนเชื่อมประกอบ ซึ่งใช้เวลานานที่สุด และสุดท้ายคือ พ่นเลกเกอร์ ระยะเวลา ทำหากเป็นตัวต้นแบบ ขนาดใหญ่ อาจใช้เวลาถึง 2-3 เดือนต่อชิ้น ราคาขายมีตั้งแต่ 80 บาท จนไปถึงตัวละมากกว่าแสนบาทขึ้นไป ปัจจุบัน ทีมงาน “DEGREE ART” เพิ่มจำนวนร่วม 20 คน มีร้านจำหน่ายอยู่ที่ตลาดนัดสวนจตุจักร โครงการ 8 ซอย 16 ผลงานมีการประยุกต์ให้เกิดความหลากหลายยิ่งขึ้น ทั้งด้านดีไซน์ และขนาดซึ่งมีตั้งแต่เล็กจิ๋ว ถึงขนาดใหญ่กว่าตัวคนสองเท่า นอกจากนั้น มีการทำเฟอร์นิเจอร์จากเศษเหล็ก ซึ่งได้ผลตอบรับดีเช่นกัน (สยามรัฐ เสาร์ที่ 20 มีนาคม 2547 หน้า 8)





ปลุกกระแสใช้สินค้าไทย จัดแสดงโอทอป-เอสเอ็มอี-บีโอไอ

ภายหลังประสบความสำเร็จจากการจัดงานกรุงเทพฯเมืองแฟชั่นซึ่งปรากฏว่ามีทั้งชาวไทยและต่างประเทศให้ความสนใจอย่างล้นหลาม นายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรม กำหนดจัดงาน “OTOP-SME-BOI : Made In Thailand” ขึ้นระหว่างวันที่ 11-20 มิ.ย.2547 ณ อาคาร 9-10 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี เพื่อปลุกค่านิยมคนไทยใช้สินค้าไทยแทนการนำเข้าพร้อมดึงนางแบบอินเตอร์แสดงโชว์ต่อยอดกรุงเทพฯเมืองแฟชั่น (สยามรัฐ เสาร์ที่ 20 มีนาคม 2547 หน้า)





ขสมก.ขายคูปองแทนตั๋วล่วงหน้า

นายนิกร จำนง รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ในวันที่ 31 มี.ค.นี้ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)จะยกเลิกระบบตั๋วล่วงหน้าสัปดาห์และตั๋วล่วงหน้ารายเดือน โดยจะมีการเปลี่ยนเป็นการใช้คูปองแทนซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่1 พ.ค.เป็นต้นไปทั้งนี้คูปองที่ใช้จะระบุอัตราค่าโดยสารเป็นระยะทางในคูปองประเภทรถโดยสารปรับอากาศและสำหรับรถเมล์ร้อนจะจำหน่ายขายคูปองเป็นรูปเล่ม โดยจะมีการลดราคาประมาณ 10% ของราคาตั๋วรวม ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารสามารถซื้อตั๋วโดยสารได้ในราคาที่ถูกกว่าการจ่ายเงินเป็นค่าโดยสาร (สยามรัฐ เสาร์ที่ 20 มีนาคม 2547 )





จับมือต่างชาติดูแลทรัพย์สินทางปัญญา

นายคณิสสร นาวานุเคราะห์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่ากระทรวงพาณิชย์จะประสานความร่วมมือด้านการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา กับประเทศอื่นๆ เช่นสหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่น เพื่อให้ระบบการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทยมีความทันสมัยและเป็นสากลมากขึ้น ขณะเดียวกันจะเร่งรณรงค์ให้คนไทยให้ความสำคัญในเรื่องการจดทะเบียนคุ้มครองสิทธิบัตร เนื่องจากปัจจุบันสัดส่วนคนไทยที่ไปจดทะเบียนคุ้มครองสิทธิบัตรในต่างประเทศมีน้อยมาก ขณะที่ต่างชาติที่มาจดทะเบียนคุ้มครองสิทธิบัตรในประเทศไทยมีเพิ่ม 50% ของจำนวนผู้ที่ขอยื่นจดทะเบียนทั้งหมด (เดลินิวส์ อาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2547 หน้า 7)





อุตฯปรับสเปคน้ำมันเบนซินดันโครงการเอทานอล

กระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผยว่าคณะกรรมการเอทานอลแห่งชาติ เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาอนุมัติปรับมาตรฐานส่วนผสมของน้ำมันเบนซินใหม่ เพื่อให้โรงกลั่นน้ำมันสามารถกลั่นน้ำมันเบนซินที่สามารถผสมกับเอทานอลเป็นแก๊ซโซฮอล์ ซึ่งจะเพิ่มปริมาณสารอะโรเมติกส์ เป็นส่วนผสมในเนื้อน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นเป็น 42 % โดยกำหนดระยะเวลาให้โรงกลั่นน้ำมันสามารถดำเนินการได้ในระยะเวลา3 ปี เมื่อน้ำมันออกจากโรงกลั่นแล้วให้ส่งมอบแก่โรงงานผลิตเอทานอลเพื่อนำไปผสมกับเอทานอลผลิตเป็นแก๊ซโซฮอล์ที่มีคุณภาพเท่ากับน้ำมันเบนซินที่มีค่าออกเทน 95 ซึ่ในปัจจุบันโครงการนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรเนื่องจากไม่คุ้มกับการลงทุน และยังไม่เป็นที่นิยมของตลาด ดังนั้นส่วนที่เกี่ยวข้องจึงพยายามหาแนวทางที่จจะขยายตลาดเอทานอลให้มากขึ้น อย่างไรก็ตามกรมควบคุมมลพิษได้ออกมาคัดค้านเนื่องจากเกรงว่าการเพิ่มปริมาณสารอะโรเมติกส์อาจเสี่ยงต่อการเกิดมลภาวะทางอากาศ แต่ทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้ออกมายืนยันว่าเอทานอลนั้นผลิตจากพืช เช่น มันสำปะหลัง ชานอ้อยเป็นต้น จึงเชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 16 มีนาคม 2547 หน้า 11 )





ปลุกกระแสใช้สินค้าไทย จัดแสดงโอทอป-เอสเอ็มอี-บีโอไอ

ภายหลังประสบความสำเร็จจากการจัดงานกรุงเทพฯเมืองแฟชั่นซึ่งปรากฏว่ามีทั้งชาวไทยและต่างประเทศให้ความสนใจอย่างล้นหลาม นายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรม กำหนดจัดงาน “OTOP-SME-BOI : Made In Thailand” ขึ้นระหว่างวันที่ 11-20 มิ.ย.2547 ณ อาคาร 9-10 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี เพื่อปลุกค่านิยมคนไทยใช้สินค้าไทยแทนการนำเข้าพร้อมดึงนางแบบอินเตอร์แสดงโชว์ต่อยอดกรุงเทพฯเมืองแฟชั่น (สยามรัฐ เสาร์ที่ 20 มีนาคม 2547 หน้า 8)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215