|
หัวข้อข่าวปีที่ 5 ฉบับที่ 13 ประจำวันที่ 2004-04-05
ข่าวการศึกษา
แฉภาวะเสียศูนย์อุดมฯขาดคุณภาพ ผลสอบNTปี 46 ตกต่ำทุกชั้นทุกวิชา ยูเนสโกชมปฏิรูปการศึกษาไทย ม.หัวเฉียวเปิดหลักสูตรนานาชาติธุรกิจจีน นักเขียนดังเติมใจให้ห้องสมุด หุ่นยนต์ฝีมือคนไทยไม่แพ้ต่างชาติ อาชีวะเปิดสอนปวส. เทคโนโลยีกล้วยไม้ "รุ่ง"ยังไม่ฟันธงวันการศึกษาชาติ AIS เปิดโอกาสนิสิต/นศ. ลงสนามทำงาน1ปีเต็ม อธิการบดีจุฬาฯรับงานใหม่ เสนอตั้งองค์กรใหม่ดูแลการศึกษาใต้ คลอดมาตรฐานการศึกษาของชาติ มศว.ขยายผลิตพยาบาลรับมือสุขภาพถ้วนหน้า กศน.ยกพระที่นั่งฯ เป็นแหล่งเรียนรู้
สกอ.เปิดคะแนนสูง-ต่ำเอนทรานซ์ อาชีวะผลิตนศ.ป้อนธุรกิจอาหาร กฤษฎีกาไฟเขียวร.ร.เก็บเพิ่มได้
ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
วธ.ทำเว็บการ์ดสกัดเว็บลามก จรวดนาซาทุบสถิติ เร็วกว่าเสียง 7 เท่า ปี 48 ผู้สอบบัญชีเข้าระบบอินเทอร์เน็ต โลกได้ดวงจันทร์ลูกครึ่งเป็นบริวารจะติดตามอยู่ด้วยเพียงชั่วคราว ศธ.ชม อินเทล ดึงไอทีปฏิวัติการสอน เปิดตัวเครื่องบินเร็วกว่าเสียง7เท่า สมาคมผู้ดูแลเว็บหวังยกระดับคนทำเว็บ ปริศนาก๊าซมีเทนบนดาวอังคาร นักวิทยาศาสตร์ยังหาข้อสรุปไม่ลง บริษัทโทรมือถือประกาศฝัน อีกไม่นานคุยฟุ้งกันได้ทั่วโลก คุ้มหรือไม่!กับการมีบัตรสมาร์ทการ์ดขณะนี้ ซิมพิวเตอร์ (Simputer) ดิจิทัลเปเปอร์ สหรัฐทำนาข้าวแปลงพันธุ์แห่งแรก ชาวนาพากันแห่คัดค้านอย่างหนัก ให้มนุษย์อวกาศอยู่บนดวงจันทร์ผลัดหนึ่งนานเป็นเวลาสามเดือน มองโลกอนาคต ไทย-เกาลีร่วมศึกษาประโยชน์นิวเคลียร์ ประชุมสิ่งแวดล้อมโลกแก้ปัญหา น้ำไม่พอ-มลพิษ-พายุทะเลทราย โรงไฟฟ้าหนองงูเห่าหรูหรา ผลิตไฟฟ้า แถมแอร์ให้ใช้ฟรี 5 ดาวเคราะห์อวดโฉมพร้อมหน้า เรียงตัวให้เห็นในซีกโลกเดียวกัน
ข่าววิจัย/พัฒนา
โทรศัพท์มือถือแย่งเวลานอนเด็กยังกดเลขส่งข้อความกันบนที่นอน เรียนฟิสิกส์สนุกจาก ของเล่นพื้นบ้าน กำจัด(ย่อย) ขยะแบบไร้อากาศ มศว .วิจัยน้ำมันมะกรูดไล่แมลง ปวดหลังเรื้อรังสาเหตุจากปวดใจไม่ใช่เป็นเพราะสาเหตุทางกาย เล่นมวยปล้ำปั๊มดันภูมิต้านทานโรคผู้สูงอายุ เตะต่อยชกลมบ่มให้แกร่ง วิตามินอีช่วยลดมะเร็ง ยาฉลาดพิฆาตมะเร็ง กวาดบ้านถูบ้านต้านมะเร็งสตรีได้ ไม่แพ้กับออกกำลังด้วยการเดิน เผยอาหารกินแล้วชวนให้ตาค้างมีกาแฟช็อกโกแลตอาหารรสจัด วิจัยพบน้ำผึ้งบำรุงสุขภาพร่างกายมีสารเป็นตัวล้างพิษป้องกันโรค วิทย์เจ๋งทำสำเร็จ แผนที่พันธุกรรมหนู แมงป่องช้าง สัตว์มีพิษที่มากด้วยคุณประโยชน์ เตือนเสมียนพนักงานนั่งโต๊ะทำงาน เผชิญกับโรคสมัยใหม่โรค"แพ้ภัยโต๊ะ'' เลือกตั้งออนไลน์ ประชาธิปไตยโฉมใหม่จาก มก. 'พ่นยา ' ด้วย 'พลังลม' แพทย์เมืองผู้ดีเจ๋งพัฒนาโปรแกรมคอมฯ หญิงตรวจหามะเร็งเต้านมได้ด้วยตนเอง ออกฟอร์ดชี้ยีนประจำเพศ หญิงเลิกบุหรี่ยากกว่าชาย คิดวิธีเพิ่มศักยภาพจุลินทรีย์บำบัดน้ำเสีย ย่อยสลายเม็ดสี 90 ทางเลือกใหม่โรงงานฟอกย้อม ฟิลิปส์เปิดตัวนวัตกรรม ไอยู 22 อัลตราซาวนด์อัจฉริยะ 4 มิติ สจพ.สร้างเตาเผา ขยะเคมี ไซน์ปาร์ค หุ่นยนต์ซิลิคอนกระตุ้นประสาท สั่งคนไข้หายใจไม่พึ่งเครื่องมือ เปิดแล็บเทสต์วัสดุ ชีวภาพการแพทย์ ส่งนอก จับเปลือกข้าวโพดปั่นเส้นใยทอ จับเปลือกข้าวโพดปั่นเส้นใยทอ ตรวจดีเอ็นเอหาสารก่อมะเร็งแทนหนูทดลอง ทางออกอุตฯยา เครื่องสำอาง รับมืออียูห้ามสินค้าใช้สัตว์ทดลอง
ข่าวทั่วไป
ให้การยกย่องอย่างเป็นทางการผู้หญิงขับรถมือเหนือกว่าผู้ชาย หนุนรัฐรุกตั้งทีมเซ็นเซอร์โฆษณาหลอกเยาวชน พระราชนิพนธ์ทรงคุณค่าในสมเด็จพระนางเจ้าฯ อาชีวะฯออกกฎเหล็กคุมโจ๋ตั้งแก๊งซิ่ง ชมประชุมผ่านเน็ตช่วยประหยัดงบนับล้าน กทม.ย้ำเปลี่ยนเลขที่บ้านไม่วุ่น 3 ปี หมดปัญหา ดีเดย์ใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก คุมเข้มยาปลอมขีดเส้นตายต้องมี "จีเอ็มพี" มิ.ย.นี้ "หอยเป๋าฮื้อ" สัตว์เศรษฐกิจสำหรับผู้มีทุนหนา งัดกฎเหล็กสยบโจ๋เล่นสงกรานต์เว่อเอาผิดไปถึงพ่อแม่ รฟม.ดีเดย์ทดลอง บริการรถไฟใต้ดิน เที่ยวแรก6เม.ย. 70 ปีราชบัณฑิตยสถาน เลื่อนยศยาแอสไพรินเป็นวิตามิน อ้างมีสารบำรุงอย่างเดียวกับผลไม้ อาชีวะตั้งศูนย์ฯรับมือสงกรานต์ 1 พ.ค.ลดค่ารถเมล์ยูโรทูเริ่มที่ 10 บ.เตรียมขายคูปอง 2 ราคา สัญญาณบอกเหตุโรคลมปัจจุบัน ไทยได้รับเลือกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของโลก คนงานผลิตชิปเสี่ยงเป็นมะเร็งสูง โรคท้องร่วงกรุงเทพฯ น่าห่วง 3 เดือนป่วย 219 รายตาย 2 มสช.เสนอตั้งองค์กรกลาง ตรวจสอบคุณภาพยาต่ำชั้น คนไทยติดยอดซื่อสัตย์ในเอเชีย 'กอเอี๊ยะ' ลดปวดหลังผ่าตัด เคลือมอร์ฟีนซึมสู่ผิวแทนฉีด
ข่าวการศึกษา
แฉภาวะเสียศูนย์อุดมฯขาดคุณภาพ
ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ ผอ.ศูนย์วิจัยนโยบายการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยผลการวิจัยความก้าวหน้าการดำเนินงานปฏิรูปการศึกษาในปี 2546 ในส่วนสถาบันอุดมศึกษา ว่า การขยายโอกาสในระดับอุดมศึกษาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายต่างๆได้มาก โดยมียอดรวมนักศึกษา 1.97 ล้านคน ในปี 2545 ที่เพิ่มขึ้นจากปี 2544 ถึง 100,000 คน และต้องยอมรับว่ากลุ่มสถาบันราชภัฏ (รภ.) และมหาวิทยาลัยเอกชนหลายแห่ง เข้ามาช่วยการเรียนต่อระดับปริญญาของคนจำนวนมาก แต่ก็มีคำถามที่ท้าทายประชาคมอุดมศึกษาคือ คุณภาพและดุลยภาพของการดำเนินภารกิจที่มีเครื่องบ่งชี้หลายๆ อย่างว่า ถึงภาวะเสียศูนย์ของอุดมศึกษาไทย ดร.อมรวิชช์กล่าวต่อว่า ภาวะเสียศูนย์นั้นเห็นได้จากการเปิดหลักสูตรภาคพิเศษ และการรับนักศึกษาเพิ่มแทบทุกสถาบัน ในขณะที่มีการสูญเสียกำลังอาจารย์รุ่นเก่าไปเรื่อยๆ โดยไม่มีอัตราทดแทน อาจารย์ต้องสอนมากขึ้น ขณะเดียวกันประชาคมอุดมศึกษาก็เผชิญข้อกล่าวหาว่า มหาวิทยาลัยหลายแห่งมุ่งเน้นการขายความรู้มากกว่าการสร้างความรู้ ที่ดูได้จากการผลิตงานวิจัยที่ตกต่ำลงเหลือ 0.07 ชิ้นต่อคนต่อปี ของคณาจารย์อุดมศึกษาและบัณฑิตตกงานกว่าร้อยละ 30 การเปิดศูนย์บริการอุดมศึกษามากขึ้นนั้น ทำให้มีคำถามว่าโอกาสกับคุณภาพนั้นไม่ได้ไปด้วยกันในอุดมศึกษาไทย ขณะเดียวกันก็ไม่มีกลไกลใดที่จะมาดูว่า การเติบโตนั้นดีขึ้น หรือเลวลง ประชาคมอุดมศึกษาต้องร่วมกันแก้ไข ก่อนที่ จะสูญเสียความเชื่อมั่นจากสังคม (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 29 มีนาคม 2547 หน้า 15)
ผลสอบNTปี 46 ตกต่ำทุกชั้นทุกวิชา
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขา ธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จัดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เพื่อประเมินคุณภาพการศึกษาระดับชาติ (National Test หรือ NT) ประจำปีการศึกษา 2546 ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และมัธยมศึกษาปีที่ 3 ทั่วประเทศ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น ตนได้รับรายงานการ ประเมินคุณภาพการศึกษาระดับชาติในเบื้องต้นจากสำนักงานทดสอบทางการศึกษา สพฐ. ว่า คะแนนที่นักเรียนทำได้ในปีการศึกษา 2546 ทั้ง ชั้น ป.6 และ ม.3 ลดลงจากปีการศึกษา 2545 เกือบทุกวิชา โดยคะแนนที่เด็กทำได้ในปีนี้จะเฉลี่ยที่ประมาณ 40 กว่าเปอร์เซ็นต์ จากปีที่ผ่านมาซึ่งทำได้ประมาณ 48 เปอร์เซ็นต์ สำหรับสาเหตุที่เด็กทำคะแนนได้น้อยลงอาจจะเป็นเพราะในปีนี้มีการคุมการสอบเข้มงวดมากขึ้น และเด็กอาจจะตื่นเต้นเพราะในปีนี้เป็นปีแรกที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้ผู้เรียนนำคะแนนไปสมัครเข้าเรียนต่อได้ (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 29 มีนาคม 2547 หน้า 31)
ยูเนสโกชมปฏิรูปการศึกษาไทย
นายปิยบุตร ชลวิจารณ์ ผช.รัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่าเมื่อเร็วๆ นี้ องค์การยูเนสโก ได้นำรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ จากประเทศในแอฟริกา 5 ประเทศ ได้แก่ ไนจีเรีย เลโซโธ แกมเบีย เคนยา และแซมเบีย พร้อมคณะ เดินทางมาประเทศไทยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อดูงานขององค์กรหลัก 3 องค์กร คือ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) โดยจะเน้นการดูงานด้านการปฏิรูปการศึกษาของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการเรียนรู้ตลอดชีวิต และการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับชุมชน เนื่องจากทางองค์การยูเนสโกได้ยกย่องและชื่นชมว่าประเทศไทยสามารถพัฒนารูปแบบและวิธีการจัดการศึกษาจากที่เคยมีปัญหามากจนสามารถประสบความสำเร็จได้ สิ่งที่คณะผู้แทนจากองค์การยูเนสโกและรัฐมนตรีการศึกษาแอฟริกา ให้ความสนใจเป็นพิเศษและเน้นว่าต้องการมาเรียนรู้คือ โครงการตามพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เรื่องการศึกษากับชนบทที่ทรงเน้นกรณีของชาวเขาและเด็กด้อยโอกาสทางการศึกษา ผช.รมต.ประจำกระทรวงศึกษาธิการ กล่าว (สยามรัฐ จันทร์ที่ 29 มีนาคม 2547 หน้า 7)
ม.หัวเฉียวเปิดหลักสูตรนานาชาติธุรกิจจีน
รศ.มัลลิกา บุนนาค คณบดีคณะบริหารธุรกิจ ม.หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ เปิดเผยว่า ในสภาวะที่ธุรกิจมีการแข่งขันสูง องค์กรธุรกิจต่างตื่นตัวกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จึงพยายามแสวงหาโอกาสในการขยายขอบข่ายในการดำเนินงานไปสู่ระดับนานาชาติ ซึ่งภาษาอังกฤษเข้ามามีบทบาทสำคัญเป็นสื่อกลางในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้สอดรับ ทาง ม.หัวเฉียวฯ จึงเปิดหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ) โดยการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ และสำหรับผู้ที่เลือกเรียนวิชาโททางด้านธุรกิจจีน จะมีบางรายวิชาสอนเป็นภาษาจีนด้วย เพื่อผลิตบุคลากรที่มีความรู้สึกในหลักการบริหารธุรกิจ จุดเด่นของหลักสูตร คือ เปิดโอกาสให้นักศึกษาเลือกศึกษาได้ 2 ทางเลือกคือ ทางเลือกแรก นักศึกษาเรียนรู้เรื่องการบริหารธุรกิจครบวงจร เพื่อสร้างความพร้อมในการเป็นนักบริหารธุรกิจ ที่สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีวิสัยทัศน์และสามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาพธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทางเลือกนี้จะมีการเรียนการสอนทุกรายวิชาเป็นภาษาอังกฤษ อีกทั้งนักศึกษาที่มีพื้นฐานภาษาจีนกลาง (Mandarin) สามารถเลือกเรียนวิชาโท ทางด้านธุรกิจจีน (Chiness Business) ซึ่งนอกจากจะเรียนรู้เรื่องการบริหารธุรกิจแล้ว จะได้เรียนภาษาจีนที่ใช้ในธุรกิจ วัฒนธรรมและธรรมเนียมการค้าของจีนด้วย ซึ่งผู้สำเร็จการศึกษาในหลักสูตรนี้ จะสามารถสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษและภาษาจีนในการบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ รศ.มัลลิกากล่าว (สยามรัฐ จันทร์ที่ 29 มีนาคม 2547 หน้า 7)
นักเขียนดังเติมใจให้ห้องสมุด
นายสวัสดิ์ ตี๋ชื่น รักษาการผอ.สำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน(กศน.) เปิดเผยภายหลังรับมอบหนังสือ "วันแรกของวันที่เหลือ" จำนวน 3,000 เล่มจากนักเขียนรางวัลซีไรท์ วินทร์ เลียววาริณ เพื่อนำไปแจกจ่ายตามห้องสมุดประชาชนทั่วประเทศว่า โครงการ "เติมหัวใจใส่ห้องสมุด" เป็นโครงการส่งเสริมให้คนไทยรักการอ่านและขยายแหล่งเรียนรู้ออกไปให้กว้างขวาง ซึ่งเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ นายวินทร์ เลียววาริณ นักเขียนรางวัลซีไรท์ กล่าวว่า ปัญหาสังคมในปัจจุบันส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่รู้ และผู้อ่านไม่รู้ว่าหนังสือเป็นของดี อีกประการหนึ่งคือไม่มีทุนทรัพย์ซื้อหนังสือ ซึ่งตนมีความเชื่อว่าห้องสมุดสามารถสร้างคนได้ นอกเหนือจากห้องสมุดจะเป็นแหล่งความรู้และความบันเทิง ถ้าในชุมชนมีห้องสมุดดี คนในสังคมยิ่งมีโอกาส การลงทุนเติมหนังสือให้เต็มห้องสมุดจึงเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อสังคมในระยะยาว แต่การเติมหนังสือใส่ห้องสมุดไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อราคาหนังสือสูงขึ้นเรื่อย ๆ และห้องสมุดจำนวนมากไม่มีงบประมาณในการจัดซื้อหนังสือใหม่ ตนจึงมีความคิดรวมกลุ่มกับ บริษัท 113 และบริษัท แอล.ที.เพรส จัดทำโครงการ "เติมหัวใจใส่ห้องสมุด" โดยจัดพิมพ์หนังสือบริจาคเข้าห้องสมุดทั่วประเทศ โดยหนังสือที่เป็นโครงการนำร่องเล่มแรกคือ "วันแรกของวันที่เหลือ" ซึ่งเป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์และการสร้างทัศนคติที่ดีต่อชีวิตเหมาะกับเยาวชน "ทางโครงการฯ คาดหวังให้องค์กรภาคเอกชนอื่น ๆ เห็นความสำคัญของการพัฒนาความรู้ของคนในชาติ โดยการสนับสนุนร่วมกันบริจาคหนังสือเข้าห้องสมุดให้มากยิ่งขึ้น" นายวินทร์ กล่าว (เดลินิวส์ อังคารที่ 30 มีนาคม 2547 หน้า 27)
หุ่นยนต์ฝีมือคนไทยไม่แพ้ต่างชาติ
โครงการ "Popular Mechanics Robot Contest" หรือโครงการการประกวดหุ่นยนต์ฝีมือคนไทย มีนักศึกษาที่มีความรู้ความสามารถด้านวิศวกรรม ศาสตร์ จากสถาบันต่าง ๆ สมัครทั้งหมดกว่า 50 ทีม ซึ่งคณะกรรมการได้คัดเลือกเหลือเพียง 5 ทีม ได้แก่ ทีม Beerbot จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ, ทีม Third Evolution จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ, ทีม Bit_ kcuf จากสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ, ทีมยอดคนกินยอดข้าว จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, ทีม Heineken Robot จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และได้มีการสาธิตการทำงานของหุ่นยนต์ ณ โรงภาพยนตร์ SFX เซ็นทรัล ลาด พร้าว เพื่อเฟ้นหาผู้ชนะ คณะกรรมการใช้เวลากว่า 2 ชม. ปรากฏว่า หาทีมชนะเลิศไม่ได้ แม้แต่ทีมที่เข้าข่ายรองอันดับหนึ่งก็ไม่มี จึงคัดสรรเหลือเพียง 3 ทีมได้แก่ ทีม Beerbot, ทีม Bit_kcuf และทีมยอดคนกินยอดข้าว ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ทั้ง 3 ทีม ได้รับเงินรางวัลจำนวน 50,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ ส่วนสองทีมที่เหลือได้รับรางวัลชมเชย ทีมที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ทั้ง 3 ทีม จะต้องปรับ ปรุงแก้ไขหุ่นยนต์ของตนแล้วนำมาประกวด อีกครั้ง เพื่อคัดเลือกหาผู้ชนะที่จะได้รับรางวัลชนะเลิศ และรองชนะเลิศอันดับ 1 ต่อไป (เดลินิวส์ อังคารที่ 30 มีนาคม 2547 หน้า 16)
อาชีวะเปิดสอนปวส. เทคโนโลยีกล้วยไม้
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ร่วมกับสมาคมกล้วยไม้ สมาคมพฤษชาติ สมาคมผู้ส่งออกกล้วยไม้ สมาคมผู้ปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ และกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกเลี้ยงรายใหญ่ในจังหวัดต่างๆ รวมทั้งบริษัท ออร์คิเม็กซ์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อกล้วยไม้ที่มีชื่อเสียงของประเทศ จัดทำหลักสูตรการเรียนการสอน สาขางานเทคโนโลยีกล้วยไม้ ระดับปวส.เป็นรุ่นแรกในปีการศึกษา 2547 หลักสูตรจะเน้นให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีการเพาะเมล็ด และเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อกล้วยไม้ การพัฒนาสายพันธุ์ การจัดการฟาร์มกล้วยไม้ วิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว การจัดส่วนและตกแต่งธุรกิจการค้ากล้วยไม้ การจัดดอกไม้ ฯลฯ โดยวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีราชบุรี และศูนย์ฝึกอบรมวิศวกรรมเกษตรบางพูน จะเปิดรับนักศึกษาเข้าศึกษาในสาขาดังกล่าว แห่งละ 30 คน ขณะเดียวกันจะคัดเลือกคณาจารย์ จากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเพชรบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี และชลบุรี รวม 5 แห่ง เข้ารับการฝึกอบรมด้านการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อจาก บริษัท ออร์คิเม็กซ์ (ไทยแลนด์) จำกัด ในช่วงปิดภาคเรียน เพื่อเตรียมความพร้อมในการสอน นอกจากนี้ สอศ. จะดำเนินการจัดทำหลักสูตรเทียบโอนประสบการณ์เพื่อพัฒนาคุณภาพเกษตรกร ลูกหลานเกษตรกร และผู้ประกอบการรุ่นเก่าให้ก้าวทันต่อการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดส่งออกกล้วยไม้ไทยในอนาคตอีกด้วย (สยามรัฐ อังคารที่ 30 มีนาคม 2547 หน้า 7)
"รุ่ง"ยังไม่ฟันธงวันการศึกษาชาติ
ดร.รุ่ง แก้วแดง เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวถึงการประกาศวันการศึกษาแห่งชาติว่า ขณะนี้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) กำลังรอข้อมูลจากหลายส่วน ทั้งจากทีมวิจัยที่มี รศ.ดร.ประยูร ศรีประสาธน์ จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เป็นหัวหน้าที่กำลังเก็บรวบรวมข้อมูลและสำรวจความคิดเห็นของฝ่ายต่าง ๆ เพื่อนำมาวิเคราะห์ ขณะเดียวกันทางสวนดุสิตโพลก็ได้มีการทำโพลในเรื่องนี้เช่นกัน นอกจากนี้จะมีการนำข้อคิดเห็นจากเรียงความของนักเรียน นักศึกษา อีก 1,000 กว่าเรื่อง ที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดตั้งวันการศึกษาแห่งชาติมาเป็นข้อมูลประกอบการวิเคราะห์หาวันที่เหมาะสมเพื่อประกาศเป็นวันการศึกษาแห่งชาติด้วย เลขาธิการ สกศ. กล่าวต่อไปว่า จากข้อมูลเบื้องต้นที่ได้รับจาก 3 ส่วนดังกล่าว ทราบว่าความคิดเห็นส่วนใหญ่เห็นตรงกัน 2 วัน ที่น่าจะนำมาพิจารณาว่าควรเลือกวันใด คือ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่ รัชกาลที่ 5 ประกาศพระราชปณิธานด้านการศึกษาให้คนไทยมีการศึกษาเท่าเทียมกัน ตั้งแต่พระราชวงศ์จน ถึงประชาชนทั่วไป ซึ่งถือว่าเป็นการปฏิรูปการศึกษาครั้งแรก และอีกวันหนึ่งคือ วันที่ 20 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่ประเทศไทยประกาศใช้ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับแรก และถือเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปการศึกษาครั้งที่ 2 (เดลินิวส์ พุธที่ 31 มีนาคม 2547 หน้า 27)
AIS เปิดโอกาสนิสิต/นศ. ลงสนามทำงาน1ปีเต็ม
นายกฤษณัน งามผาติพงศ์ รองกรรมการผอ.สายงานการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS เปิดเผยถึงการเปิดตัวโครงการใหม่ NWO Project(New World Order) หรือพลังเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ว่า โครงการนี้ถือเป็นทางเลือกใหม่ทางการศึกษา โดยเปิดโอกาสให้นิสิต/นักศึกษาชั้นปีที่3 ได้แสดงศักยภาพ และพลังความคิดอย่างเต็มที่การทำงานจริงกับ AIS เป็นเวลา 1 ปีเต็ม โดยเปิดโอกาสให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และเรียนรู้กับผู้บริหารระดับสูง รวมถึงการเดินทางไปดูงานในต่างประเทศ นอกจากนี้ยังจะได้รับทุนการศึกษาต่อสำหรับชั้นปีที่ 4 และสิทธิเข้าทำงานกับ AIS เมื่อสำเร็จการศึกษา เรามองว่านิสิต/นักศึกษาชั้นปีที่ 3 เป็นกลุ่มเป้าหมายที่น่าจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากโครงการนี้ เพราะสามารถนำประสบการณ์ที่ได้กลับไปต่อยอดความคิดในห้องเรียน และมีโอกาสเพิ่มเติมในส่วนที่ต้องการได้ ซึ่งโครงการนี้จะไม่ใช่ลักษณะการฝึกงาน แต่นิสิต/นักศึกษาที่ผ่านการคัดเลือกจะเข้าสู่การทำงานในสนามจริง มีห้องทำงานของตัวเอง ได้ฝึกฝน ได้คิดและแสดงความคิดเห็น รวมถึงการพัฒนาแนวคิดหรือแคมเปญใหม่ๆ อย่างไม่มีข้อจำกัด โดยจะได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 8,000 บาทตลอด 1 ปีที่ทำงานร่วมกับเราซึ่งเชื่อว่านิสิต/นักศึกษาจะได้ประสบการณ์อย่างคุ้มค่า นายกฤษณัน กล่าว และว่า โครงการ NWO Project จะเปิดรับนักศึกษาทุกสาขาวิชา โดยศึกษาอยู่ชั้นปี 3 จะขึ้นปี 4 ในปีการศึกษา 2547 อายุ 18-22 ปี มีความกระตือรือล้น และมีความคิดสร้างสรรค์ โดยสามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.ais.co.th หรือขอใบสมัครได้ที่ สำนักงาน AIS/ร้านเทเลวิซ/One-2-call shop ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 25 เม.ย.2547 (สยามรัฐ พุธที่ 31 มีนาคม 2547 หน้า 7)
อธิการบดีจุฬาฯรับงานใหม่
ศ.ดร.สุชาดา กีระนันทน์ เป็นอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคนใหม่ แทน รศ.ดร.ธัชชัย สุมิตร ที่ครบวาระในวันที่ 31 มี.ค. 2547 โดย ศ.ดร.สุชาดา กล่าวว่า ตนมีนโยบายในการบริหารมหาวิทยาลัย คือจะยึดมั่นตามวิสัยทัศน์และพันธกิจของมหาวิทยาลัยในการเป็นหลักพึ่งพิงทางวิชาการของแผ่นดิน สร้างบัณฑิตที่ก้าวทันสังคมโลกสมัยใหม่ และจะเร่งสร้างองค์ความรู้ให้เกิดประโยชน์ รวมทั้งการบริหารจัดการจะเน้นให้เกิดมรรคเกิดผลตามพันธกิจมหาวิทยาลัยอย่างเต็มที่ ทั้งการสร้างองค์ความรู้ การถ่ายโอนองค์ความรู้ เนื่องจากที่ผ่านมาจุฬาฯ มีความแข็งแกร่งของศาสตร์แขนงต่าง ๆ ดังนั้นต้องรู้จักบูรณาการองค์ความรู้ เพื่อตอบโจทย์ในสังคม สนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจ และประเทศชาติ อธิการบดีจุฬาฯ คนใหม่ กล่าวต่อไปว่า ส่วนการบูรณาการดังกล่าวคือจะจัดระเบียบการบริหารงานวิจัย รวมงานวิชาการ งานวิจัย และนักศึกษาเข้าเป็น 3 ประสาน โดยให้นิสิตมีส่วนร่วมในการสร้างองค์ความรู้ เพราะเด็กยุคใหม่ต้องแสวงหาความรู้ให้ตัวเองได้ตลอดชีวิต ตนเห็นว่าเราอย่ามองนิสิตเป็นเพียงผู้รับการถ่ายทอดเท่านั้น นอกจากนี้การสร้างนิสิตก็ไม่ใช่แค่มีความรู้ หาความรู้ได้ แต่ต้องมีบุคลิกภาพ โตเป็นคนที่สมบูรณ์ มีกรอบความคิดจรรยาบรรณที่ถูกต้องด้วย และที่สำคัญการบริหารจะต้องมีความคล่องตัวและยึดหลักธรรมาภิบาล โดยให้ทุกคนมีส่วนร่วม ตามหน้าที่พันธกิจของแต่ละบุคคล "งานที่ยากที่สุดคือการปรับวัฒนธรรมองค์กรให้วิ่งทันการเปลี่ยน แปลงของโลก ซึ่งหากบุคลากรเข้าใจถึงปัญหาก็ไม่ใช่เรื่องยาก อธิการบดีจุฬาฯ คนใหม่ กล่าว (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 1 เมษายน 2547 หน้า 27)
เสนอตั้งองค์กรใหม่ดูแลการศึกษาใต้
จากการประชุมสัมมนา เรื่อง "ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการการศึกษาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส)" เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ดร.รุ่ง แก้วแดง เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า จากการที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา(สกศ.) ได้มอบหมายให้นักวิจัยที่มี รศ.ชุมศักดิ์ อินทรรักษ์ จากคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นหัวหน้าทำการวิจัย เรื่องการจัดการศึกษาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งพบว่าการจัดการศึกษาในพื้นที่ดังกล่าวมีปัญหาที่สำคัญ คือ การจัดการศึกษาที่ยังไม่ทั่วถึงและไม่สอดคล้องกับความต้องการและวิถีชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น ขณะเดียวกันคุณภาพการศึกษาก็อยู่ในระดับต่ำ เพราะขาดเอกภาพในการบริหารจัดการ รวมถึงขาดการประสานงานในแนวราบระหว่างหน่วยงานที่รับผิดชอบจัดการศึกษาที่อยู่ในระดับพื้นที่ ขาดแคลนครู ครูขาดขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน รวมทั้งไม่สามารถระดมทรัพยากรมาใช้เพื่อการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น สกศ. จึงได้นำเสนอรูปแบบการบริหารและจัดการศึกษาในลักษณะพิเศษ โดยให้มีสำนักงานการศึกษา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (สศต.) เป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อ รมว.ศึกษาธิการ หรือ รมช.ศึกษาธิการ เพื่อทำหน้าที่เป็นหน่วยนโยบายและประสานงานระหว่างเขตพื้นที่การศึกษา นายนิพนธ์ บุญญภัทโร อดีต ผอ.ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวว่า หากตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่แต่ยังขึ้นตรงต่อรมว.ศึกษาธิการ ก็ถือเป็นการสั่งการจากส่วนกลางซึ่งเป็นการรวบอำนาจอยู่ดีก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่ควรตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นมา แต่ควรมอบอำนาจให้เขตพื้นที่การศึกษา เพื่อให้คนในพื้นที่แก้ไขปัญหากันเองซึ่งจะสามารถทำได้ตรงจุดมากกว่า (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 1 เมษายน 2547 หน้า 27)
คลอดมาตรฐานการศึกษาของชาติ
นายอดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมสภาการศึกษา เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ว่า สภาการศึกษามีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ขององค์กรชุมชนและองค์กรเอกชน รูปแบบศูนย์การเรียน ซึ่งมีสาระสำคัญคือ เป็นการเปิดทางเลือกใหม่ในการจัดการศึกษา โดยอนุญาตให้องค์กรชุมชน และองค์กรเอกชนจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ตามกฎหมาย ซึ่งยืดหยุ่นให้จัดการศึกษาได้ทั้งในระบบ นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย โดยจะได้รับเงินอุดหนุนการจัดการศึกษาจากรัฐ แต่ต้องดำเนินการขออนุญาตจัดตั้งตามขั้นตอน พร้อมทั้งจัดกระบวนการเรียนการสอนและการวัดผลประเมินผลตามระบบ หากจัดการศึกษาไม่ได้คุณภาพก็ให้ยกเลิกศูนย์การเรียนดังกล่าวได้ โดยได้มอบหมายให้เขตพื้นที่การศึกษาเป็นผู้พิจารณา ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการจะกำหนดเงื่อนไขในการให้เงินอุดหนุนรวมทั้งอัตราที่จะอุดหนุน รมว.ศึกษาธิการกล่าวอีกว่า นอกจากนี้สภาการศึกษายังมีมติเห็นชอบร่างมาตรฐานการศึกษาชาติ ที่ครอบคลุมมาตรฐานการศึกษาทุกระดับและทุกประเภทการศึกษา เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพ โดยมาตรฐานการศึกษาชาติประกอบด้วย 3 มาตรฐานหลัก ได้แก่ 1. คุณลักษณะของคนไทยที่พึงประสงค์ คือ เป็นคนเก่ง คนดี และมีความสุข 2. แนวการจัดการศึกษาที่เน้นการเรียนรู้และการบริหารโรงเรียนที่เน้นการพัฒนาผู้เรียน และ 3. แนวการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ทั้งนี้ จะนำร่างกฎกระทรวงและมาตรฐานการศึกษาชาติ เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อเห็นชอบต่อไป (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 1 เมษายน 2547 หน้า 15)
มศว.ขยายผลิตพยาบาลรับมือสุขภาพถ้วนหน้า
รศ.ดร.ทัศนา บุญทอง คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ในฐานะนายกสภาการพยาบาลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากนโยบายปฏิรูปสุขภาพแห่งชาติของรัฐบาลได้ส่งผลให้เกิดการปฏิรูปทั้งระบบ เพื่อให้คนไทยทุกคนเข้าถึงการบริการด้านสุขภาพตามรัฐธรรมนูญที่ระบุว่าประชาชนชาวไทยพึงได้รับบริการทางสาธารณสุขที่รัฐจัดให้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกันทุกคน แต่ปรากฏว่าปัจจุบันยังมีคนไทยอีกกว่า 20 ล้านคน ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางสุขภาพได้ ดังนั้นจึงต้องมีการขยายระบบบริการให้ทั่วถึงประชาชนทุกคน รวมถึงสถาบันการศึกษาที่ทำการผลิตนิสิต นักศึกษาด้านแพทยศาสตร์ และพยาบาลศาสตร์ก็ต้องดำเนินการผลิตผู้ที่จะจบออกไปทำงานด้านสุขภาพและพยาบาลให้มากขึ้น เพื่อสอดรับกับแนวทางตามนโยบายดังกล่าว ดังนั้น ในปีการศึกษา 2547 คณะพยาบาลศาสตร์ มศว มีเป้าหมายจะเปิดรับนิสิตเพิ่มขึ้นจากเดิมรับปีละ 50 คน ก็จะรับเพิ่มอีก 20 คน ตามเกณฑ์มาตฐาน ซึ่งต้องมีอาจารย์พยาบาล 1 คน ดูแลนักเรียนพยาบาล 4 คน ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดโดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ดังนั้นหากรับนิสิตมากกว่านี้ก็เกรงว่าจะทำให้อาจารย์พยาบาลไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง "ขณะนี้ที่ประชุมคณบดีคณะพยาบาลศาสตร์จากทุกสถาบัน ร่วมกับสภาวิชาชีพพยาบาล ได้จัดตั้งคณะกรรมการการศึกษาพยาบาลแห่งชาติขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อทำการศึกษาว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีความต้องการพยาบาลจำนวนเท่าใดเพื่อเข้าสู่การปฏิรูประบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อที่ว่าสถาบันการศึกษาที่จัดการเรียนการสอนในสาขาวิชาพยาบาลจะได้ทำการผลิตบุคลากรให้เหมาะสมและมีคุณภาพต่อไป"รศ.ดร.ทัศนา กล่าว (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 1 เมษายน 2547)
กศน.ยกพระที่นั่งฯ เป็นแหล่งเรียนรู้
นายวัชรกิตติ วัชโรทัย ผช.เลขาธิการพระราชวัง ฝ่ายที่ประทับสำนักพระราชวัง เปิดเผยว่า ทางสำนักพระราชวังได้ร่วมกับ สำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน(กศน.) ทำโครงการนำร่องพัฒนาพระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชวังดุสิต และพระราชวังบางปะอินให้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเยาวชนและประชาชน เนื่องจากได้ตระหนักและสำนึกว่าพระที่นั่งวิมานเมฆ และพระราชวังบางปะอิน เป็นสถานที่อันทรงคุณค่าที่ประชาชนชาวไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและเยาวชนควรจะเข้าไปศึกษาเรียนรู้ ซึ่งนอกจากจะได้รับความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมแล้ว ยังจะเกิดความภาคภูมิใจในความวิจิตรงดงามของสถาปัตยกรรมทั้งสอง และที่สำคัญโครงการนี้จะเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวโรกาสที่ทรงมีพระชนมายุ 48 พรรษา ในปี 2546 นี้ นายประพัฒน์พงศ์ เสนาฤทธิ์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ได้บัญญัตติไว้ในมาตรา 25 ว่า รัฐต้องส่งเสริมการดำเนินงาน การจัดแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตทุกรูปแบบอย่างพอเพียง โดยใช้แนวความคิดเรื่องการศึกษาตลอดชีวิตที่มุ่งให้ประชาชนทุกคนได้เรียนรู้อย่างกว้างขวางทั่วถึง ทุกสภาพ ทุกสถานการณ์ ทุกเวลาและทุกระดับ โดยมีความเชื่อว่ากระบวนการเรียนรู้ของคนเรานั้นเกิดขึ้นและดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่องตลอดเวลาและตลอดชีวิต ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะการเรียนการสอนในโรงเรียนหรือในสถานศึกษาเท่านั้น การจัดกระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการโดยการศึกษาจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ในท้องถิ่น เป็นกระบวนการเรียนรู้ตามแนวทางปฏิรูปการศึกษาที่สอดคล้องกับพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญที่สุด อีกทั้งต้องการให้ผู้เรียนได้ใช้แหล่งเรียนและเรียนอย่างมีความสุขด้วย ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการได้ประมาณเดือนมิ.ย.และ ก.ค.นี้ (สยามรัฐ พฤหัสบดีที่ 1 เมษายน 2547 หน้า 7)
ดร.อดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ กล่าว ปราศรัยกับข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนา ศธ. ครบรอบ 112 ปี ว่า การทำงานของ ศธ. ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาค่อนข้างช้า เพราะเป็นการปฏิรูปโครงสร้างทั้งหมด ขณะเดียวกันกระบวนการออกกฎหมายก็มีปัญหาอีกเพราะกระบวนการเยิ่นเย้อ ซึ่งตนจะใช้เวลาที่เหลืออีกเกือบ 1 ปีขับเคลื่อนให้เร็วขึ้น โดยภายในสิ้นปีนี้กฎหมายหลัก ๆ กฎกระทรวงและระเบียบที่ใช้ในการปฏิบัติจะออกมา สำหรับหัวใจสำคัญการพัฒนาของ ศธ. นั้น จะเน้นที่ครูและผู้บริหารเป็นหลัก โดยขณะนี้ตนกำลัง วางระบบการเลื่อน และประเมินแบบใหม่ ที่เป็นการพิจารณาจากผลงานจริง ๆ ไม่ใช่ผลงานที่เขียน การเลื่อนขั้นไม่ใช่เลื่อนแบบสอบเหมือนที่เคยเป็น แต่ต้องมีความรู้ความสามารถจริง ซึ่งกระบวนการทดสอบความสามารถจะถูกนำมาใช้ในทุกระดับ ดร.อดิศัย ได้อ่านสารเนื่องในโอกาสคล้ายวันสถาปนา ศธ. ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า การวางพื้นฐานด้านทรัพยากรมนุษย์ให้เข้มแข็งเพื่อรองรับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และความต้องการของภาครัฐและเอกชน มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในระยะยาว 3 ด้าน คือ สร้างสังคมคุณภาพ สังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ และสังคมสมานฉันท์ที่ทุกฝ่ายมีความเอื้ออาทร ต่อกัน ซึ่งการจะไปให้ถึงทั้ง 3 ประการ จำเป็นต้องเร่งสร้างคุณภาพด้านการศึกษา รัฐบาลจึงได้เร่งรัดการปฏิรูปการศึษาอย่างจริงจังตามเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรม นูญ และ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ เพื่อพัฒนาและเสริมสร้างระบบการศึกษาของไทยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 2 เมษายน 2547 หน้า 24)
สกอ.เปิดคะแนนสูง-ต่ำเอนทรานซ์
สำนักทดสอบกลาง สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ได้แจ้งสถิติการสอบวัดความรู้เพื่อคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา ครั้งที่ 2/2547 (มีนาคม 2547) ดังนี้ รหัสวิชา 01 มีผู้เข้าสอบ 144,035 คน คะแนนต่ำสุด 4.00 คะแนน สูงสูด 84.00 คะแนน เฉลี่ย 44.67 คะแนน, รหัสวิชา 02 เข้าสอบ 144,619 คน ต่ำสุด 6.25/ สูงสุด 82.50/เฉลี่ย 40.41 คะแนน, รหัสวิชา 03 เข้าสอบ 158,833 คน ต่ำสุด 7.00/สูงสุด 100.00/เฉลี่ย 33.98 คะแนน, รหัสวิชา 04 เข้าสอบ 122,889 คน ต่ำสุด 0.00/สูงสุด 94.00/เฉลี่ย 24.61 คะแนน, รหัสวิชา 05 เข้าสอบ 89,660 คน ต่ำสุด 2.00/สูงสุด 98.00/เฉลี่ย 27.70 คะแนน, รหัสวิชา 06 เข้าสอบ 92,705 คน ต่ำสุด 0.00/สูงสุด 100.00/เฉลี่ย 25.66 คะแนน, รหัสวิชา 07 เข้าสอบ 80,474 คน ต่ำสุด 10.00/สูงสุด 87.00/เฉลี่ย 29.77 คะแนน, รหัสวิชา 08 เข้าสอบ 73,470 คน ต่ำสุด5.00/สูงสุด 88.75/เฉลี่ย 40.01 คะแนน, รหัส 09 เข้าสอบ 79,367 คน ต่ำสุด 0.00/สูงสุด 100.00/เฉลี่ย 25.16 คะแนน, รหัสวิชา 10 เข้าสอบ 10,295 คน ต่ำสุด 8.75/สูงสุด 97.50/เฉลี่ย 35.97 คะแนน รหัสวิชา 11 เข้าสอบ 1,212 คน ต่ำสุด 11.25/สูงสุด 91.25/เฉลี่ย 31.99 คะแนน, รหัสวิชา 12 เข้าสอบ 302 คน ต่ำสุด 13.75/สูงสุด 83.75/เฉลี่ย 28.94 คะแนน, รหัสวิชา 13 เข้าสอบ 1,362 คน ต่ำสุด 10.00/สูงสุด 80.00/เฉลี่ย 30.29คะแนน, รหัสวิชา 14 เข้าสอบ 1,281 คน ต่ำสุด 10.00/สูงสุด 96.25/เฉลี่ย 31.13คะแนน, รหัสวิชา 15 เข้าสอบ 2,516 คน ต่ำสุด 11.25/สูงสุด 96.25/เฉลี่ย 37.65คะแนน, รหัสวิชา 16 เข้าสอบ 28,961 คน ต่ำสุด 4.00/สูงสุด 88.00/เฉลี่ย 32.06คะแนน, รหัสวิชา 18 เข้าสอบ 26,904 คน ต่ำสุด 4.00/สูงสุด 86.00/เฉลี่ย 52.64คะแนน, รหัสวิชา 19 เข้าสอบ 308 คน ต่ำสุด 15.86/สูงสุด 64.41/เฉลี่ย 49.99 คะแนน รหัสวิชา 22 เข้าสอบ 562 คน ต่ำสุด 12.00/สูงสุด 73.00/เฉลี่ย 38.07 คะแนน, รหัสวิชา 23 เข้าสอบ 376 คน ต่ำสุด 31.00/สูงสุด 82.00/เฉลี่ย 51.66 คะแนน, รหัสวิชา 24 เข้าสอบ 409 คน ต่ำสุด 10.00/สูงสุด 85.00/เฉลี่ย 41.66 คะแนน, รหัสวิชา 25 เข้าสอบ 735 คน ต่ำสุด 24.00/สูงสุด 78.00/เฉลี่ย 49.11 คะแนน, รหัสวิชา 26 เข้าสอบ 768 คน ต่ำสุด 0.00/สูงสุด 98.00/เฉลี่ย 34.11 คะแนน, รหัสวิชา 29 เข้าสอบ 904 คน ต่ำสุด 0.00/สูงสุด 95.00/เฉลี่ย 26.44 คะแนน, รหัสวิชา 30 เข้าสอบ 879 คน ต่ำสุด 5.00/สูงสุด 90.00/เฉลี่ย 34.62 คะแนน รหัสวิชา 31 เข้าสอบ 2,180 คน ต่ำสุด 0.00/สูงสุด 90.00/เฉลี่ย 37.39 คะแนน, รหัสวิชา 32 เข้าสอบ 628 คน ต่ำสุด 0.00/สูงสุด 96.00/เฉลี่ย 14.38 คะแนน, รหัสวิชา 33 เข้าสอบ 1,134 คน ต่ำสุด 0.00/สูงสุด 100.00/เฉลี่ย 18.20 คะแนน, รหัสวิชา 34 เข้าสอบ 622 คน ต่ำสุด 0.00/สูงสุด 85.00/เฉลี่ย 30.77 คะแนน, รหัสวิชา 35 เข้าสอบ 361 คน ต่ำสุด 0.00/สูงสุด 100.00/เฉลี่ย 46.43 คะแนน, รหัสวิชา 36 เข้าสอบ 20 คน ต่ำสุด 0.00/สูงสุด 100.00/เฉลี่ย 45.20 คะแนน, รหัสวิชา 37 เข้าสอบ 1,997 คน ต่ำสุด 0.00/สูงสุด 100.00/เฉลี่ย 22.59คะแนน, รหัสวิชา 38 เข้าสอบ 316 คน ต่ำสุด 17.00/สูงสุด 80.00/เฉลี่ย 38.53 คะแนน (สยามรัฐ ศุกร์ที่ 2 เมษายน 2547 หน้า 7)
อาชีวะผลิตนศ.ป้อนธุรกิจอาหาร
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ได้ลงนามความร่วมมือการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี กับบริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัดเพื่อผลิตนักศึกษาอาชีวะฯ เข้าสู่ธุรกิจด้านร้านอาหาร โดยนายพินิจ จันทรกระจ่างที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาเกษตรกรรมและประมง (สอศ.) เปิดเผยว่า ความร่วมมือกับ บริษัทเซ็นทรัล เรสตอรองส์ฯ ครั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมต้น และมัธยมปลาย ได้มีโอกาสศึกษาต่อในระดับ ปวช.และ ปวส. ขณะเดียวกันก็มีโอกาสได้รับการฝึกฝนวิชาชีพภาคปฏิบัติตามสาขาต่างๆ ของบริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ฯ โดยเน้นให้ผู้เรียนมีความรู้ความชำนาญด้านธุรกิจร้านอาหาร ในการปฏิบัติงานและเรียนรู้วัฒนธรรมของการทำงาน พร้อมกับการเรียนการสอนวิชาพื้นฐาน ซึ่งนักศึกษาระบบทวิภาคีนี้ จะได้รับเบี้ยเลี้ยงและสวัสดิการพื้นฐานจากสถานประกอบการด้วย โดยเบื้องต้นจะนำร่องในสถานศึกษา 10 แห่งในสังกัด ได้แก่ วิทยาลัยพณิชยการเชตุพน วิทยาลัยพณิชการบางนา วิทยาลัยพณิชยการธนบุรี วิทยาลัยพณิชยการอินทราชัย วิทยาลัยอาชีวศึกษาเอี่ยมละออ วิทยาลัยอาชีวศึกษาธนบุรี วิทยาลัยบริหารธุรกิจและการท่องเที่ยวกรุงเทพ วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ วิทยาลัยอาชีวศึกษานครปฐม และวิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี นักเรียน นักศึกษาที่สนใจโครงการศึกษาต่อระบบทวิภาคี สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ งานแนะแนวการศึกษา สอศ.โทร.0-2281-5555 ต่อ 1593 หรือวิทยาลัยที่เข้าร่วมโครงการทุกแห่ง (สยามรัฐ เสาร์ที่ 3 มีนาคม 2547 หน้า 7)
กฤษฎีกาไฟเขียวร.ร.เก็บเพิ่มได้
นางพรนิภา ลิมปพยอม ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยหลังประชุมสรุปเรื่องเงินอุดหนุนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2547 ว่า จากที่คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) คณะที่ 4 เสนอให้ ศธ.ปรับเพิ่มวงเงินอุดหนุนรายหัวระดับอนุบาล จาก 215 บาทต่อคนต่อปี เป็น 600 บาท ศธ.ต้องของบประมาณเพิ่มเติมประมาณ 295 ล้านบาท โดยงบฯอุดหนุนการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งหมดจะอยู่ที่ 27,000 ล้านบาท ซึ่งจะเสนอนายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการ ศธ. เพื่อนำเข้า ครม.ต่อไป นอกจากนี้ ยังได้พิจารณาการเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมของสถานศึกษา ซึ่งในการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีการอบใหม่ไม่ขัดข้อง โดยเห็นว่าเป็นเรื่องที่ ศธ.ต้องเข้ามาดูแลเอง ซึ่งจะเป็นค่าใช้จ่ายที่อยู่นอกเหนือจากหลักสูตรการเรียนการสอน โดย ศธ.จะทำเป็นประกาศออกมาอีกครั้ง ทั้งนี้ สำหรับโรงเรียนสาธิตสังกัดมหาวิทยาลัยรัฐ ที่จะไม่ขอรับเงินอุดหนุน คงไม่ได้ เพราะเป็นสถานศึกษารัฐ แต่สามารถเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมดังกล่าวได้ แต่อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาทางโรงเรียนสาธิตส่วนใหญ่ยังต้องการเก็บเพิ่มในหลักสูตรด้วย เพื่อใช้พัฒนาคุณภาพ จึงอาจจะต้องเสนอของบฯอุดหนุนเพิ่มเติมเองจากรัฐบาล หรือมหาวิทยาลัยต้นสังกัด (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม 2547 หน้า22)
ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
วธ.ทำเว็บการ์ดสกัดเว็บลามก
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า วธ. มีแนวคิดที่จะจัดทำเว็บการ์ดขึ้นเพื่อใช้ในการติดตั้งสำหรับสกัดเว็บไซต์ลามก ทราบว่าขณะนี้มีผู้ประกอบการรายหนึ่งมีแนวคิดที่จะจัดทำเว็บการ์ด เช่นกัน ตนจึงได้เชิญผู้ประกอบการดังกล่าวมาหารือถึงการดำเนินการร่วมกัน โดยผู้ประกอบการรายนี้ให้ความเห็นว่าเว็บการ์ดที่จะทำขึ้นจะต้องมีความสามารถในการกำจัดเว็บไซต์ลามกได้ถึง 1 ล้านเว็บไซต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งตัวเว็บการ์ดจะมีลักษณะเป็นแผ่นการ์ดขนาดเล็กสามารถใช้ได้กับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องทุกระบบเมื่อติดตั้งแผ่นซิมเข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยจะมีรหัสส่วน ตัวที่ผู้อื่นไม่สามารถเข้าไปใช้หรือแก้ไขอะไรได้ การติดตั้งเว็บการ์ดนั้นเจ้าของเว็บไซต์ลามกอาจทำการเปลี่ยนแปลง โดยใส่ชื่อไว้ท้ายเว็บแต่ทางเราก็มีวิธีแก้ไขคือผู้ประกอบการกับกระทรวงวัฒนธรรม จะช่วยกันค้นหาข้อมูลเว็บลามกไปเรื่อย ๆ แบบอัตโนมัติทางสายโทรศัพท์เพื่อให้เกิดการอัพเดทอยู่ตลอดเวลาและทำให้พวกเว็บลามกไม่สามารถจูนเข้ามาในเครื่องได้อีก นายวีระศักดิ์ กล่าวและว่านอกจากจะป้องกันเว็บไซต์ลามกแล้วยังสามารถป้องกันเว็บไซต์เกมส์ที่ก่อให้เกิดความรุนแรงได้อีกด้วย ค่าใช้จ่าย ในการติดตั้งเว็บการ์ดจะเฉลี่ยประมาณ 900 บาทต่อปี แต่ตนจะเจรจากับทางผู้ ประกอบการให้ลดราคาลงเหลือ 365 บาทต่อปี และจะขอให้ใช้ฟรีในสถานศึกษาและสถานที่ต่าง ๆ ของข้าราชการเป็นเวลา 1 ปี (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 29 มีนาคม 2547 หน้า 31)
จรวดนาซาทุบสถิติ เร็วกว่าเสียง 7 เท่า
นายโจเอล ซิทส์ ผู้อำนวยการโครงการศูนย์วิจัยดรายเดนไฟลท์ขององค์การการบินและอวกาศของสหรัฐหรือนาซา เปิดเผยว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นาซาประสบความสำเร็จในการทดลองเครื่องบิน เอ็กซ์-43 เอ ซึ่งเป็นเครื่องบินแบบไร้คนขับ และมีความเร็วเหนือเสียง หลังจากที่ดำเนินการค้นคว้า ทดลองมานานถึง 3 ปี ทางด้านนายลอว์เรนซ์ ฮิวบ์เนอร์ วิศวกรการบินของนาซา กล่าวว่า เครื่องบิน เอ็กซ์-43 เอ ลำนี้ มีสมรรถนะการบิน สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 8,000 กม.ต่อชม. ซึ่งเร็วกว่าเสียงถึง 7 เท่า สำหรับงบประมาณในการจัดสร้าง ทางองค์การนาซาเปิดเผยว่า ใช้งบประมาณต่ำกว่า 250 ล้านดอลลาร์ ในการพัฒนาและทดลองเครื่องบินลำดังกล่าว ซึ่งมีความยาว 3.6 ม. น้ำหนักสุทธิ 1,260 กก. และมีระดับการบินสูงไม่ต่ำกว่า 30,000 ม. โดยมีเครื่องบินแบบทิ้งระเบิดแบบ บี 52 เป็นต้นแบบ พร้อมกันนี้ ทางนาซายังมีโครงการที่จะพัฒนาเครื่องบินให้มีสมรรถนะดีกว่า เอ็กซ์-43 เอ ให้ยิ่งขึ้นไปอีก (สยามรัฐ จันทร์ที่ 29 มีนาคม 2547 หน้า 4)
ปี 48 ผู้สอบบัญชีเข้าระบบอินเทอร์เน็ต
น.ส.อรจิต สิงคาลวณิช อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ นำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้กับงานของกรมหลายด้าน โดยเฉพาะเว็บไซต์ www.dbd.go.th ซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลภารกิจของกรมแล้ว ยังเป็นช่องทางให้ประชาชนและผู้ประกอบการติดต่อประสานงานกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าตามนโยบายรัฐบาลอิเล็ก ทรอนิกส์ สำหรับผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี ทั้งผู้ทำบัญชีและผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ขณะนี้มีบริการติดต่อผ่านทางเว็บไซต์ดังกล่าว หากต้องการแจ้งเพิ่มหรือยกเลิกธุรกิจรับทำบัญชี รวมทั้งรับสอบบัญชี นอกจากติดต่อด้วยตนเองแล้ว ยังสามารถติดต่อทางระบบอินเทอร์เน็ต ผ่านเว็บไซต์ www.dbd.go.th ทั้งนี้ ผู้ทำบัญชีต้องแจ้งความประสงค์ขอรับหมายเลขประจำตัวสำหรับติดต่อผ่านทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะได้รับยูสเซอร์ไอดีและรหัสผ่าน ซึ่งสามารถติดต่อขอรับรหัสผ่านดังกล่าวได้ทั้งทางไปรษณีย์ มารับด้วยตนเองหรือให้ผู้อื่นมารับแทนที่สำนักกำกับดูแลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2547 เป็นต้นไป และเมื่อได้รับรหัสผ่านแล้วสามารถเปลี่ยนภายหลังได้ แต่ไม่ควรเปิดเผยต่อบุคคลอื่น (เดลินิวส์ อังคารที่ 30 มีนาคม 2547 หน้า 16)
โลกได้ดวงจันทร์ลูกครึ่งเป็นบริวารจะติดตามอยู่ด้วยเพียงชั่วคราว
วารสารวิทยาศาสตร์ "นิว ไซแอนติสต์" รายสัปดาห์ของอังกฤษ รายงานว่า ดวงจันทร์ลูกครึ่ง เป็นดาวเคราะห์น้อย ที่มีชื่อรหัสว่า "2003 วายเอ็น 17" อาจจะเป็นเศษชิ้นที่แตกกระเด็นมา จากเมื่อตอนมีอุกกาบาตก้อนใหญ่ตกลงบนดวงจันทร์ แม้มันอยู่ในวงโคจรเกือบจะอยู่ในระนาบเดียวกับโลก หากแต่การโคจรของมันผกโผนมากกว่า จึงเป็นเหตุให้บางทีก็มาอยู่ข้างหน้าโลก แต่แล้วก็กลับไปไล่ตามโลก มันเข้ามาอยู่ในวงอยู่ รอบโลก จนมีฐานะเหมือนกับเป็นบริวารของโลกดวงใหม่เมื่อไม่นานมานี้ แต่มันจะอยู่แค่ปี พ.ศ.2549 เท่านั้น ทีมนักดาราศาสตร์นำโดยนายปอล โชดาส ผู้เชี่ยวชาญดาวเคราะห์น้อยขององค์การอวกาศ สหรัฐฯ เป็นผู้ค้นพบดวงจันทร์ประหลาดดวงนี้ ก่อนหน้านี้ก็เคยมีการค้นพบดวงจันทร์ลูกหลง แบบนี้ ในช่วงเวลาเมื่อไม่นานมาสองหนแล้ว ทั้งคู่ถูกตั้งชื่อให้ว่า "ครูธน์" กับ "ดาวเคราะห์น้อย 2002" (ไทยรัฐ อังคารที่ 30 มีนาคม 2547 หน้า 7)
ศธ.ชม อินเทล ดึงไอทีปฏิวัติการสอน
มิสเวนดี้ ฮอว์คินส์ ประธานมูลนิธิอินเทล และผอ.ด้านการศึกษาของอินเทล คอร์ปอเรชั่น ให้สัมภาษณ์ว่า ตนรู้สึกชื่นชมความพยายามของรัฐบาลไทยในการผลักดันให้เกิดการนำเทคโนโลยี เข้ามาเป็นส่วนประกอบของเรียนรู้ทั้งที่เป็นการศึกษาในโรงเรียน และนอกโรงเรียนผ่านโครงการริเริ่มต่างๆ ซึ่งทางอินเทลได้เข้ามามีส่วนร่วมด้วย อาทิ โครงการ SchoolNet, โครงการ GoodNet, โครงการ Intel@ Teachto the Future และล่าสุดการเปิดตัวศูนย์กลางความรู้แห่งชาติ (Thailand Knowledge Center-TKC) สำหรับโครงการ Intel@ Teach to theFuture ที่อินเทลได้ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ นำร่องในประเทศเมื่อต้นปี 2546 รวมเวลากว่า 1 ปีที่ผ่าน อินเทล ได้ทำการฝึกอบรมครูแกนนำในระดับประถมและมัธยมศึกษา รวมทั้งนักศึกษาสายวิชาชีพครูในมหาวิทยาลัย และวิทยาลัยต่างๆ เพื่อให้เข้าใจถึงการนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาผสมผสานในการสอนเพื่อกระตุ้นให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ รวมทั้งสิ้น 92 คนจาก 47 โรงเรียนในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งครูแกนนำเหล่านั้นสามารถขยายผลสู่เพื่อนครูในโรงเรียนอื่นอีกจำนวนกว่า 1,700 คน และในปีการศึกษา 2547 นี้ อินเทลมีแผนที่จะขยายผลอบรมครูให้ครบ 100 โรงเรียนใน 4 ภูมิภาคของไทย โดยแต่ละโรงเรียนจะสามารถส่งครูเข้ารับการฝึกอบรมเป็นครูแกนนำได้ 2 คน โดยจะเริ่มในเดือนเม.ย.นี้เป็นต้นไป (สยามรัฐ อังคารที่ 30 มีนาคม 2547 หน้า 7)
เปิดตัวเครื่องบินเร็วกว่าเสียง7เท่า
เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นดอทคอม รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ องค์การด้านการบินและอวกาศสหรัฐอเมริกา หรือนาซา ได้ทดสอบประสิทธิภาพเครื่องบินความเร็วสูง X-43A หรือ ไฮเปอร์-เอ็กซ์ ซึ่งบินด้วยความเร็ว 5,000 ไมล์/ชั่วโมง หรือเร็วกว่าความเร็วเสียง 7 เท่า ที่มหาสมุทรแปซิฟิก ผล ออกมาเป็นที่น่าพอใจเครื่องบินสามารถบินและลงจอดได้อย่างปลอดภัย รายงานข่าวระบุว่า การสร้างและทดสอบ เครื่องบินดังกล่าว นาซาตัดงบประมาณสำหรับวิจัยและพัฒนาด้านอื่น ๆ ออกไป โดยใช้งบประมาณทั้งหมด 250 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 10,000 ล้านบาท (เดลินิวส์ พุธที่ 31 มีนาคม 2547 หน้า 16)
สมาคมผู้ดูแลเว็บหวังยกระดับคนทำเว็บ
สมาคมผู้ดูแลเว็บไทยหวังยกระดับมาตร ฐานคนทำเว็บ ด้วยโครงการอบรมสร้างเว็บไซต์ สำเร็จรูปจากระบบจัดการเว็บไซต์แมมโบ้ พร้อมชี้ช่องทางธุรกิจใหม่ให้คนไอที สำนักประชาสัมพันธ์สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย แจ้งว่า ขณะนี้ทางสมาคมได้เริ่มดำเนินงานตามแผนการดำเนินงานประจำปี ซึ่งจะดำเนินโครงการอบรม สัมมนา และนัดพบปะแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็นของผู้ดูแลเว็บไทย นายภาวุธ พงษ์วิทยาภานุ เลขาธิการสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย และประธานกรรมการบริษัทตลาดดอทคอม เปิดเผยว่า ทางสมาคมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าอาชีพผู้ดูแลเว็บไซต์เป็นวิชาชีพใหม่ ที่กำลังมีผู้ที่สนใจทำเป็นจำนวนมาก หลังจากมีการผลักดันสังคมไทยเข้าสู่สังคมสารสนเทศ แต่สิ่งที่เป็นปัญหาในสังคมไทยก็คือ ปัญหาการเข้าถึงเทคโนโลยีของประชาชน ทั้งนี้ ได้มีโครงการอบรมการสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปด้วยตัวเอง ผ่านโปรแกรมแมมโบ้ (Mambo Web CMS) เพื่อเป็นการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการทำเว็บไซต์ ซึ่งได้นำองค์ความรู้ใหม่ ๆ มาเสริมให้สมาชิก รวมทั้งชี้ช่องทางในการทำธุรกิจในช่องทางใหม่ให้เว็บมาสเตอร์ เพื่อพัฒนาเว็บมาสเตอร์ หรือคนทำเว็บของไทยให้มีการให้บริการในโทรศัพท์มือถือมากขึ้น (เดลินิวส์ พุธที่ 31 มีนาคม 2547 หน้า 16)
ปริศนาก๊าซมีเทนบนดาวอังคาร นักวิทยาศาสตร์ยังหาข้อสรุปไม่ลง
นักดาราศาสตร์ได้รายงานว่า พบเห็นคลื่นสีอันเป็นสัญญาณของก๊าซมีเทนในบรรยากาศ ของดาวอังคาร โดยภาพนั้นจับพบได้ด้วยกล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่หลายแห่งจากบนโลก เช่น กล้องโทรทรรศน์อินฟราเรดบนเกาะฮาวาย และหอสังเกตการณ์เจมินิ เซาธ์ที่ชิลี ก็ตรวจพบสัญญาณของก๊าซมีเทนเมื่อปีกลาย และเมื่อเร็ว ๆ นี้ เครื่องมือบนยานมาร์ส เอ็กซเพรสส์ของยุโรป ได้ส่งสัญญาณย้ำอีกครั้งว่าพบก๊าซมีเทนเช่นกัน นักวิทยาศาสตร์ต่างพากันสงสัยถึงที่มาของก๊าซนี้ และเห็นว่ามี2 ทางที่พอจะเป็นไปได้คือ อาจจะยังมีภูเขาไฟที่ยังไม่ดับอยู่ แต่ก็ยังไม่เคยพบสักที หรือไม่ก็อาจจะมีเชื้อโรคอยู่บนนั้นก็ได้ ประเด็นเหล่านี้นักดาราศาสตร์จะได้มีการประชุมกันต่อไปในเดือนหน้า การพบก๊าซมีเทนอาจเชื่อมโยงกับเรื่องสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคารได้ โดยที่เชื้อโรคบนโลกเรานั้น จะปล่อยก๊าซมีเทนโดยไม่ต้องอาศัยออกซิเจน จึงเป็นเหตุให้คิดไปได้ว่า น่าจะเป็นเชื้อโรค ชนิดเดียวกับที่น่าจะมีอยู่บนดาวอังคาร (ไทยรัฐ พุธที่ 31 มีนาคม 2547 หน้า 7)
บริษัทโทรมือถือประกาศฝัน อีกไม่นานคุยฟุ้งกันได้ทั่วโลก
บริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก "โมโตโรลา" ประกาศแผน ทางการตลาดในอเมริกาเหนือช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ว่า ผู้บริโภคจะสามารถใช้โทรศัพท์ มือถือของบริษัทติดต่อระหว่างเครือข่ายที่แม้จะม ีมาตรฐานไม่เข้ากันก็ตาม โดยโทรศัพท์ ดังกล่าวจะทำงานบนเครือข่ายสื่อสาร "จีเอสเอ็ม" ซึ่งเป็นมาตรฐานการสื่อสารไร้สาย ที่มีคนใช้งานมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยเฉพาะทั่วยุโรป ส่วนพวกที่ใช้เครือข่าย ซีดีเอ็มเอนั้นเป็นเทคโนโลยีที่มักจะใช้ในสหรัฐอเมริกาและในเอเชีย (ไทยรัฐ พุธที่ 31 มีนาคม 2547 หน้า 7)
คุ้มหรือไม่!กับการมีบัตรสมาร์ทการ์ดขณะนี้
ชมรมนักข่าวสายเทคโน โลยีสารสนเทศ สมาคมนักข่าวนักหนังสือ พิมพ์แห่งประเทศไทย จัดเสวนาหัวข้อ "Smart ID Card : เหตุละเมิดข้อมูลอย่างถูกกฎหมาย ?" ผู้เข้าร่วมเสวนาจากหน่วยงานต่าง ๆ ยกเว้นตัวแทนภาครัฐที่มิได้มาตามคำเชิญ ต่างเห็นว่าว่าโครงการบัตรประชาชนอเนกประสงค์ หรือ Smart ID Card ที่รัฐบาลโดยกรมการปกครองจะนำร่องใช้ในวันที่ 1 เมษายนนี้ 10,000 ใบแรกควรชะลอไปก่อนจนกว่าจะมีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลรองรับ สำหรับนายคมสัน โพธิ์คง คณะทำงานเพื่อศึกษาประเด็นปัญหากฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล เนคเทค ให้ความเห็นที่แตกต่างออกไปว่าปัจจุบันข้อมูลส่วนบุคคลที่มีอยู่ในมือรัฐก็มีการละเมิดอยู่แล้วแต่ไม่มีใครรู้การใช้บัตรสมาร์ทการ์ดอาจจะทำให้ดีขึ้นเพราะรู้ว่าละเมิดจากที่ใด รัฐจะต้องรับผิดชอบ ขณะเดียวกันยืนยันว่ามีกฎหมายรองรับแล้วคือ พ.ร.บ. ข่าวสารข้อมูลฯ (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 1 เมษายน 2547 หน้า 16)
ซิมพิวเตอร์ (Simputer)
ที่ประเทศอินเดียได้มีโครงการผลิตคอม พิวเตอร์แบบง่าย ๆ สำหรับคนจนโดยทั่วไปที่พอจะซื้อหาได้ และเขาเรียกว่า ซิมพิวเตอร์ หรือ ภาษาฝรั่งเขียน Simputer เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดมือหิ้วถือได้สะดวกอย่างเช่นยี่ห้อที่เขาทำคือ อะมิดา (Amida) ก็เป็นคอมพิวเตอร์มีหน้าจอแบบขาว-ดำ หรือสีเดียว ใช้โปรเซสเซอร์ขนาดความเร็ว 206 เมกะ เฮิรตซ์ และ ขนาดหน่วยความจำ 64 เมกะไบค์ มีไมโครโฟนขนาดเล็กสำหรับพูดเข้าไปได้ และขนาดแบตเตอรี่อยู่ได้นาน 6 ชั่วโมง ผู้ใช้ซิมพิวเตอร์นั้นสามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้สบาย ส่งอีเมล และสามารถคำนวณด้านการเงิน และบัญชี ได้อีกต่างหากและมีซอฟต์แวร์ เป็นภาษาท้องถิ่นให้ผู้ใช้ได้สองภาษา คือ ฮินดี และ กันนาดา เพื่อให้ราคาถูกลง ซิมพิวเตอร์นี้จะเป็นระบบปฏิบัติการของลีนุกซ์ (Linux) ราคา 240 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9,600 บาท โครงการซิมพิวเตอร์นี้ ได้รับการออกแบบจากนักวิทยาศาสตร์อินเดียโดยสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งอินเดีย ที่เมืองแบงกะลอร์ ซึ่งมีโครงการที่จะปฏิวัติใหญ่ระบบอินเทอร์เน็ต ให้มวลชนชาวอินเดียได้ใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 1 เมษายน 2547 หน้า 16)
ดิจิทัลเปเปอร์
อี-อิงค์ หรือดิจิทัลเปเปอร์ เป็นนวัตกรรมใหม่บนโลกดิจิทัล ซึ่งมีผู้ผลิตหลายค่ายในญี่ปุ่น ปีนี้โซนี่ ฟิลิปส์ และไพโอเนียร์ ออกมาประกาศชัดเจนแล้วว่า จะวางจำหน่ายหนังสือดิจิทัลอย่างช้าภายในเดือนเมษายน 2547 ราคาประมาณ 375 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ 15,000 บาท โซนี่ ตั้งชื่อหนังสือดิจิทัลว่า Librie มีขนาดเท่ากับกระดาษสมุด บรรจุตัวอักษรได้มากถึง 500 ตัว ทำงานเชื่อมต่อพีซี สามารถดาวน์โหลดข้อความที่เป็นตัวหนังสือ เป็นแฟลช หรือการ์ตูนมาอ่านได้สบาย ๆ สำหรับความละเอียดของจอแสดงภาพดิจิทัลเปเปอร์นี้ แอลซีดีมีความละเอียดที่ 170 พิกเซลต่อนิ้ว และยังสามารถสั่งพิมพ์ได้ทั้งหน้าเหมือนอ่านหนังสือพิมพ์ทั้งฉบับ ปรับแสงสว่างและความคม ชัดได้ Librie เป็นความร่วมมือพัฒนาของ 4 บริษัทยักษ์ใหญ่มาตั้งแต่ ปี 2001 เรียกว่าเป็นการพลิกโฉมหน้าวงการกระดาษและหมึกพิมพ์ เข้าสู่ยุคกระดาษอิเล็กทรอนิกส์ จากข้อมูลเท่าที่มีอยู่ฟิลิปส์จะทำหน้าที่พัฒนาจอภาพ โซนี่ รับผิดชอบรูปโฉมภายนอกเจ้าเครื่องอ่านดิจิทัลเปเปอร์นี้ มีน้ำหนักเบามากเพียง 300 กรัม พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 3 เอ หน่วยความจำใช้เมมโมรี่สติ๊กของโซนี่ จุได้มากถึง 10,000 หน้า (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 2 เมษายน 2547 หน้า 16)
สหรัฐทำนาข้าวแปลงพันธุ์แห่งแรก ชาวนาพากันแห่คัดค้านอย่างหนัก
บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพในสหรัฐฯ ได้รับการอนุมัติให้ปลูกข้าวที่ถูกแปลงพันธุกรรม ในนาขนาดใหญ่ เป็นครั้งแรก อ้างว่าเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการทำยา บริษัทเซนเทรีย ไบโอไซน์ ที่เมืองแซกคราเมนโตแจ้งว่า บริษัทจะได้ทำนาข้าว ที่ผ่านการแปลงพันธุกรรม โดยผสมด้วยโปรตีนของมนุษย์ ในผืนนาใหญ่ 300 ไร่ ทางภาคใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย อันเป็นแหล่งปลูกข้าวแห่งใหญ่ของสหรัฐฯ เพื่อจะสกัดเอาโปรตีนที่ได้จากข้าว ไปเป็นวัตถุดิบทำยาผง แก้โรคท้องร่วงอย่างแรง คณะอนุกรรมการของสภาการข้าวของรัฐ ได้อนุมัติคำร้องของบริษัท ด้วยคะแนนเสียง 6-5 เสียง เมื่อก่อนหน้าเพียงไม่กี่วัน แม้ว่าจะโดนชาวนาในรัฐพากันคัดค้านอย่างอึงมี่ ด้วยเกรงว่า มันจะเข้าไปผสมพันธุ์กับข้าวในนาธรรมชาติ อันเป็นข้าวที่พวกเขาปลูกส่งออกไปจำหน่าย ยังต่างประเทศ เป็นมูลค่ามากถึง 20,000 ล้านบาท บรรดาชาวนาพากันวิตกว่า ข้าวที่แปลงพันธุ์อาจจะเล็ดลอด ไปผสมปนเปกับข้าวธรรมชาติขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมส่งข้าวออกต้องล่มเสียหาย แต่ทางบริษัทก็ได้รับรองว่า จะควบคุมในการทำนาข้าวแปลงพันธุ์ การเก็บเกี่ยว และเก็บรักษาในยุ้งฉางไว้อย่างเข้มงวด (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 2 เมษายน 2547 หน้า 7)
ให้มนุษย์อวกาศอยู่บนดวงจันทร์ผลัดหนึ่งนานเป็นเวลาสามเดือน
ทีมผู้เชี่ยวชาญในด้านเวชศาสตร์อวกาศขององค์การอวกาศสหรัฐฯ ได้เปิดเผยรายงาน ระบุปัญหาด้านสุขภาพที่มนุษย์อวกาศจะต้องประสบ ในการเดินทางขึ้นไปตั้ง สถานีบนดวงจันทร์ว่า อาจจะต้องประสบภัยจากการถูกรังสีในอวกาศ ความเป็นพิษต่างๆ และการถูกก้อนอุกกาบาตชน แต่ทางองค์การก็ได้ร่างแผนการ เพื่อแก้ปัญหาที่อาจจะต้อง เผชิญไว้เกือบจะครบถ้วนหมดแล้ว รายงานกล่าวต่อไปว่า "ในด้านการแพทย์ ถึงแม้จะยังมีเรื่องต้องค้นคว้ากันต่อไปอีก แต่เราก็ไม่เห็นว่าจะมีอุปสรรคอันใหญ่หลวงอันใด" พร้อมกับเผยว่า ตามแผนการที่เตรียมไว้ "จะส่งมนุษย์อวกาศขึ้นไปอยู่เวรบนสถานีที่บนดวงจันทร์ ให้หมุนเวียนกันอยู่ประจำเป็นผลัดๆ โดยรอบหนึ่งนาน 90 วัน" (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 3 เมษายน 2547 หน้า 7)
มองโลกอนาคต
ข้อเขียนของ ศาสตราจารย์ ดร.อมร รักษาสัตย์ ราชบัณฑิต ที่เขียนไว้ในวารสาร ราชบัณฑิตยสถาน ฉบับเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสที่ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 75 พรรษา อาจารย์อมรบอกว่า บทความนี้จะแสดงให้เห็นว่า โลกอนาคตจะมีลักษณะ อย่างไร จากแนวโน้มการประดิษฐ์คิดค้นทางวิทยาศาสตร์ และวิทยาการ และจะ ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และพฤติกรรมของมนุษย์ ได้อย่างไร โดยเฉพาะโลกจะเกิดทฤษฎีใหม่ทางการเมือง คือ ทฤษฎีประชาธิปไตยเพื่อ ประชาชนและเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ขอคัดเอาเฉพาะสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์และ นักประดิษฐ์ได้ลงมือคิดค้น และจะบังเกิดผลในต้นสหัสวรรษที่ 21 นี้ เริ่มตั้งแค่ ค.ศ. 2003 ปีที่แล้วดังนี้ : 2003 โทรศัพท์เคลื่อนที่ พร้อมทั้งกล้องวีดิทัศน์และจอ จะใช้ดูภาพยนตร์และเล่นเกม คอมพิวเตอร์ได้ : 2005 เลนส์สัมผัส จะเชื่อมกับระบบอินเตอร์เน็ตให้ผู้ใช้อ่านข้อความสื่อสาร และหาข้อมูล จากเครือข่ายโลกได้โดยไม่ต้องลืมตา : 2006 วัสดุก่อสร้างฉลาด จะมีอิเล็กทรอนิกส์เซ็นเซอร์ เพื่อวัดความตึงเค้น และป้องกันการ พังทลาย เสื้อผ้าที่ผลิตจากเยื่อใยฉลาด จะทำให้ผู้สวมร้อนหรือเย็นได้โดยอัตโนมัติตามต้องการ : 2007 รถยนต์รุ่นใหม่ จะประหยัดนํ้ามันและลดมลพิษได้เกือบหมดสิ้น จะมีเรดาร์ป้องกัน การชน จะมีคอมพิวเตอร์แสดงข้อขัดข้องต่างๆ จะบอกได้ว่ากำลังอยู่ที่ใด และจะมีแผนที่และ คำแนะนำเส้นทางที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางได้ดีที่สุด : 2010 ยุคหุ่นยนต์ทำงานแทนคน จะก้าวหน้าและแพร่หลายมาก จะมีหุ่นยนต์สัตว์เลี้ยง ที่นำมาเลี้ยงในบ้าน ซึ่งจำเสียงและปฏิบัติตามคำสั่งจากเจ้าของได้ : 2015 ค้นพบรากฐานของพันธุกรรมของเชื้อโรคทุกชนิด : 2016 มนุษย์จะเดินทางไปถึงดาวอังคาร จะไปตั้งอาณานิคมถาวรราว ค.ศ. 2044 และจะไปเกิดทารกมนุษย์ครั้งแรก ก่อน ค.ศ. 2057 เพื่อฉลองครบรอบ 100 ปี แห่งการส่งยานอวกาศสปุตริคของรัสเซีย : 2022 การนำไข่และเชื้อไปเลี้ยงในหลอดแก้ว จนทารกเติบโตเต็มที่ได้ โดยไม่ต้องผ่าน เข้าครรภ์มารดาเลย ระบบผลิตสำเนาสิ่งมีชีวิต (โคลนนิ่ง) ซึ่งเริ่มเมื่อ ค.ศ. 1997 จะก้าวหน้า ไปมาก ผู้หญิงคงไม่ต้องตั้งครรภ์อีกต่อไป : 2025 คอมพิวเตอร์จะเชื่อมต่อกับสมองมนุษย์ได้ อ่านความคิดและคำสั่งของมนุษย์ได้ ไม่ต้องใช้มือกดสั่งการ : 2030 วิทยาศาสตร์การแพทย์ คิดค้นเนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อของปอด ไต และตับได้ จะสร้างแขน ขา และตาเทียมได้, มนุษย์จะใช้วิธีจำศีล สำหรับการเดินทางยาวนานในอวกาศ, นิวเคลียร์ฟิวชั่นจะเป็นตัวกำเนิดไฟฟ้าแทนการผลิตไฟฟ้าจากวิธีปัจจุบัน : 2044 หุ่นยนต์ ขนาดใช้กล้องจุลทรรศน์ส่อง จะผลิตลูกหลานได้เอง โดยใช้นาโนเทคโนโลยี เมื่อวิทยาการของโลกก้าว ย่อมเป็นพลังผลักดันอันมหาศาล ที่จะผลักดันสังคม พฤติกรรมมนุษย์ และระบอบประชาธิปไตย ให้เปลี่ยนแปลง ไปด้วย (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 3 เมษายน 2547 หน้า 5)
ไทย-เกาลีร่วมศึกษาประโยชน์นิวเคลียร์
นายกร ทัพพะรังสี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานลงนามบันทึกความเข้าใจ ความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ(ปส.) และศูนย์วิจัยบูโร ประเทศเกาหลี โดยความร่วมมือครั้งนี้เป็นความร่วมมือในเชิงวิชาการเท่านั้น เพื่อปูพื้นฐานในการทำงานด้านวิชาการและบริหารงานในศูนย์วิจัยนิวเคลียร์องครักษ์ ในอนาคตนั้นเชื่อว่าจะสามารถขยายแนวทางการใช้ประโยชน์จากนิวเคลียร์มากกว่าในแง่การเกษตรและการสาธารณสุขอย่างแน่นอน ด้านนายชอง วาน ชู ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยนิเคลียร์บูโร กล่าวว่า ช่วง 2-3 ปี แรกที่มีศูนย์วิจัยเรื่องที่ที่ประเทศเกาหลีก็มีปัญหามากเช่นเดียวกัน เพราะประชาชนไม่ค่อยวางใจเรื่องความปลอดภัย แต่ในที่สุดก็สามารถพิสูจน์ให้ประชาชนที่นั่นเข้าใจ และยอมรับได้ ปัญหาหานี้คงจะเกิดขึ้นที่ประเทศไทยเช่นเดียวกัน การร่วมมือกันทางด้านวิชาการครั้งนี้จึงถือเป็นเรื่องที่ดีมาก ที่จะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ วิธีการแก้ปัญหาร่วมกัน เชื่อว่าประเทศไทยคงผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยดี (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม 2547 หน้า 10)
ประชุมสิ่งแวดล้อมโลกแก้ปัญหา น้ำไม่พอ-มลพิษ-พายุทะเลทราย
การประชุมโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ(ยูเน็ป) ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียที่เมืองเจจู ทางตอนใต้ของเกาหลีใต้ โดยประเด็นสำคัญในการหารือได้แก่ ปรากฏการณ์พายุทะเลทรายในจีน โซนมรณะในมหาสมุทร มลพิษจากเมฆสีคล้ำ และภาวะขาดแคลนน้ำบริสุทธิ์ โดยมีเจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลจาก 100 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมประชุม ในส่วนของปัญหาขาดแคลนน้ำบริสุทธิ์ นายเคลาส์ ท็อพเฟอร์ หัวหน้าคณะทำงานจัดการประชุมครั้งนี้ของยูเอ็น กล่าวว่า ปัจจุบันมีประชากรโลกถึง 1 ใน 6 ที่ไม่มีน้ำบริสุทธิ์ใช้อุปโภคบริโภค ซึ่งหากยังไม่มีการดำเนินมาตรการในการแก้ปัญหาแล้ว จะมีประชากร 1 ใน 3 ของประชากรโลกที่จะประสบกับภาวะขาดแคลนน้ำในอีก 2-3 ทศวรรษข้างหน้า ปริมาณและคุณภาพของน้ำสะอาดจึงยังเป็นปัญหาวิกฤตสำคัญของศตวรรษที่ 21 อีกประเด็นที่จะมีการหารือในที่ประชุมครั้งนี้ คือ ปัญหาโซนมรณะในมหาสมุทรที่ออกซิเจนหมดไป ทำให้สิ่งมีชีวิตในทะเลไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ซึ่งจะกระทบต่อการประมง การอนุรักษ์สัตว์น้ำ และมนุษย์เราด้วย นักพิทักษ์สิ่งแวดล้อมยังระบุเตือนภัยคุกคามจากพายุทะเลทรายที่พัดมาจากทะเลทรายในจีนมายังคาบสมุทรเกาหลีและญี่ปุ่น ส่งผลกระทบไปถึงชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ซึ่งปัญหาดังกล่าวถือเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม สุขอนามัยและเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้และภูมิภาคอื่นๆ (มติชนรายวัน เสาร์ที่ 27 มีนาคม 2547 หน้า12)
โรงไฟฟ้าหนองงูเห่าหรูหรา ผลิตไฟฟ้า แถมแอร์ให้ใช้ฟรี
นายจิตรพงษ์ สุขกว้างสถิตย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัทปตท. จำกัด เผยว่าโรงไฟฟ้าแบบนี้เรียกว่า Co-Generation Plant หรือโรงไฟฟ้าระบบผลิตร่วมเป็นโครงการผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น หรือ District Cooling System and Power Plant (DCS PP) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างปตท. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตและการไฟฟ้านครหลวง ร่วมกันจัดขึ้น โรงไฟฟ้าแบบผลิตร่วมนี้สามารถให้ผลผลิตเป็นทั้งไฟฟ้าอย่างที่ต้องการ และสามารถผันเอาไอเสียที่เกิดขึ้นแต่ยังคงหลงเหลือความร้อนอยู่โดยเอากลับมาเข้าสู่ระบบมาผลิตไอน้ำส่งไปใช้ในกระบวนการผลิตน้ำเย็นสำหรับระบบปรับอากาศให้สนามบินสุวรรณภูมิ และสามารถนำไปใช้ในระบบการต้มน้ำร้อนต่างๆได้ด้วย ระบบดังกล่าวนอกจากจะเป็นการสร้างความมั่นคงในการจัดหาพลังงานได้ป็นอย่างดีแล้ว ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานหรือก๊าซธรรมชาติได้สูงถึงร้อยละ 60 เนื่องจากมีการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและยังช่วยลดมลภาวะทางอากาศอีกด้วย เพราะสามารถทดแทนระบบทำน้ำเย็น แบบใช้สารเคมี CFC โดยหลักการทำงานของระบบผลิตไฟฟ้าและนำเย็นแบบ District Cooling มี 2 ระบบด้วยกันคือ ระบบผลิตกระแสไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้ากังหันก๊าซ โดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง และจะนำความร้อนที่เหลือไปผลิตไอน้ำเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการผลิตกระแสไฟฟ้าเพิ่มเติมในเครื่องจักรหันไอน้ำต่อไปอีกครั้ง สำหรับระบบทำน้ำเย็น น้ำในส่วนที่เป็นที่ทำหน้าที่เป็นสารทำความเย็นหรือเรียกว่า refrigerant จะถูกฉีดเข้าไปในหน่วย Evaporator หรือส่วนที่ทำให้ระเหยเป็นไอส่วนนี้เองน้ำจะกลายเป็นไอที่อุณหภูมิประมาณ 4 องศา เพื่อนำไปใช้ในระบบทำความเย็นในอาคาร ความร้อนที่ถูกนำออกจากระบบน้ำเย็น จะถูกระบายสู่บรรยากาศส่วนไอน้ำซึ่งเป็นสารทำงานที่ผ่านการแลกเปลี่ยนความร้อนแล้วจะถูกดุดซับด้วยสารลิเธียมโบรไมด์ เพื่อให้เปลี่ยนสถานะเป็นของเหลวแล้วนำสารละลายดังกล่าวไปเข้าขบวนการแยกไอน้ำออกจากลิเธียมโบรไมด์ด้วยความร้อนจากไอน้ำที่เหลือใช้จากกระบวนการผลิตไฟฟ้านั้นเอง ดังนั้นจึงสามารถนำลิเธียมโบรไมด์หมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ในระบบโดยไม่ก่อให้เกิดมลพิษ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2547 หน้า 2)
5 ดาวเคราะห์อวดโฉมพร้อมหน้า เรียงตัวให้เห็นในซีกโลกเดียวกัน
นายกระจ่าง ธรรมวีระพงษ์ หัวหน้าฝ่ายท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ เปิดเผยว่า การมองเห็นดาวเคราะห์ 5 ดวงได้พร้อมกันบนท้องฟ้า ถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นหากจังหวะของวงโคจรของดาวแต่ละดวงมาบรรจบกัน สำหรับระยะเวลา 1 รอบวงโคจรของดวงอาทิตย์จะเท่ากับ 1 ปี โดยมีดาวพุธ และศุกร์ อยู่ในตำแหน่งไม่ไกลจากดวงอาทิตย์มากนัก ส่วนดวงจันทร์ใช้โคจร 1 เดือน ดาวอังคาร 1.5 ปี ดาวพฤหัส 12 ปี และดาวอังคาร 30 ปี ดังนั่นการจะมองเห็นดาวเคราะห์พร้อมกัน 5 ดวงจึงขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่ตรงกัน ในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ นักดูดาวจะได้มีโอกาสเห็นดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ 5 ดวง พร้อมดวงจันทร์มาปรากฏอยู่บนท้องฟ้าหลังจากดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วโดยเมื่อหันหน้าไปทางทิศใต้และมองไปที่เส้นขอบฟ้าตะวันตกจะเห็นดาวพุธ ศุกร์ อังคาร และเสาร์เรียงตัวบนท้องฟ้าพร้อมดาวพฤหัสที่อยู่ใกล้เส้นขอบฟ้าตะวันออก ซึ่งจะทอดตัวทำมุมราว 135 องศา และดาวเสาร์จะอยู่ในตำแหน่งตรงกับศีรษะผู้ดู (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 26 มีนาคม 2547 หน้า7)
ข่าววิจัย/พัฒนา
โทรศัพท์มือถือแย่งเวลานอนเด็กยังกดเลขส่งข้อความกันบนที่นอน
นักวิจัยของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดของอังกฤษ ได้พบจากการสำรวจพ่อแม่ของเด็กที่อยู่ ในวัยระหว่าง 4-10 ขวบ เรือน 1,000 ราย ยังได้พบว่า เด็กเป็นจำนวนถึง 1 ใน 5 ได้หลับนอนในคืนหนึ่งๆ น้อยลงระหว่าง 2-5 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับสมัยพ่อแม่ของเขา คณะนักวิจัย แม้ว่าจะได้แสดงความวิตก แต่ก็ไม่อาจบอกได้ว่า ปรากฏการณ์อันนี้ จะเป็นผลร้ายกับเด็ก ในวันข้างหน้าอย่างไรบ้าง ดร.ลูซิ วิกส์ แห่งหน่วยวิทยาโรคจิตเด็กและวัยรุ่น ที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด กล่าวว่า "เด็กสมัยนี้นับเป็นเด็กรุ่นแรกที่มีเครื่องเล่นอยู่เหลือเฟือ จนไม่อยากหลับอยากนอน แต่ก็พอจะ คาดถึงผลเสียหายที่เกิดกับร่างกายและจิตใจทั้งของลูกและพ่อแม่ได้ เพราะเรารู้ว่า การอดนอน ย่อมเป็นโทษทั้งสุขภาพจิตใจร่างกาย ตลอดจนการเล่าเรียนของเด็กเอง" พร้อมกันนั้น ศาสตราจารย์จิม ฮอร์น หัวหน้าศูนย์วิจัยเกี่ยวกับการนอน ของมหาวิทยาลัยลูโบโร ยังได้แสดงความเห็นเสริมว่า โทรศัพท์มือถือก็เป็นตัวการเหมือนกัน เพราะเคยมีการวิจัยแสดง ว่า ยังมีเด็กแม้จะเข้านอนแล้ว ก็ยังนอนกดโทรศัพท์ถึงกัน (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 29 มีนาคม 2547 หน้า 7)
เรียนฟิสิกส์สนุกจาก ของเล่นพื้นบ้าน
อาจารย์ไพรรุ่ง งามสมพรพงศ์ นักวิจัยโครงการวิทยาศาสตร์ท้องถิ่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ผู้ทดลองใช้ทฤษฎีเรียนจากการเล่น เปิดเผยว่า การเรียนการสอนในระบบท่องจำ ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายและไม่ท้าทายสติ ปัญญาของผู้เรียน จึงได้ทำวิจัยเรื่อง สมบัติและปรากฏการณ์ของคลื่นเสียงจากของเล่น พื้นบ้าน ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของภูมิปัญญาล้านนาและประโยชน์ จากของเล่นพื้นบ้านล้านนา ทั้งยังมองเห็นว่าเป็นการพัฒนาศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของครู นักเรียน และชุมชน ผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เรียนจะได้มีส่วนร่วมในการเรียนมากที่สุด สามารถที่จะศึกษากฎหรือทฤษฎีต่างๆ ในวิชาฟิสิกส์และสรุปองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง ผลจากการวิจัย ได้แยกหมวดหมู่ของเล่นพื้นบ้านล้านนา ที่สามารถใช้ฟิสิกส์เรื่องเสียงอธิบาย เช่น นกหวีด นกหวีดชัก ข่างโว้ ป๋องแป๋ง ถึ่มถึม กบไม้ จักจั่น นกหวีดดิน อีหวือ ป๊อกแป๊ก โหวด เป็นต้น การอธิบายเนื้อหาฟิสิกส์ เวลาที่สอนนักเรียน ในการอธิบายตามหลักเกณฑ์ ตามหลักการ บางทีก่อเกิดความเบื่อหน่ายแก่ผู้เรียน แต่ถ้าได้เล่นและได้เรียน จะทำให้เข้าใจได้ตลอด ซึ่งก็คือ เรียนจากการเล่น ในชั่วโมงเรียนวิชาฟิสิกส์ อาจารย์ไพรรุ่ง ได้นำเอาของเล่นพื้นบ้านล้านนาเหล่านี้ มาให้นักเรียนลองเล่นดูก่อนและให้โจทย์แก่นักเรียนในการใช้ความคิด เพื่อเชื่อมโยงความสัมพันธ์กับทฤษฎีฟิสิกส์ นักเรียนต่างก็เกิดความสนุกสนานและได้รับความรู้ควบคู่กันไปด้วย ผลของงานวิจัยชิ้นนี้จะสามารถทำให้นักเรียน มีความสุขสนุกกับการเรียน
กำจัด(ย่อย) ขยะแบบไร้อากาศ
น.ส.ชีวานุช ทับทอง นักศึกษาปริญญาเอก โครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.) จากบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) ได้ทำวิทยานิพนธ์เรื่อง ระบบกำจัดขยะแบบไร้ออกซิเจน สำหรับขยะอินทรีย์จากตลาด เพื่อศึกษาคุณสมบัติการย่อยสลายของขยะอินทรีย์จากตลาดสดในประเทศไทย เพื่อที่จะนำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีการกำจัดขยะชนิดนี้ที่เหมาะสม รวมถึงสามารถนำก๊าซมีเธนที่เกิดขึ้นในกองขยะมาใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี รศ.ดร.สิรินทรเทพ เต้าประยูร เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา งานวิจัยนี้ ได้ตัวอย่างขยะมาจากตลาดสี่มุมเมือง มาสร้างสภาพการย่อยสลายแบบไม่ใช้ออกซิเจนให้เกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการเพื่อที่จะทำความเข้าใจถึงขั้นตอนของการย่อยสลายโดยละเอียด ว่ามีรูปแบบการย่อยและการเปลี่ยนแปลงสภาพของขยะประเภทนี้ทางชีวเคมีอย่างไร จากการทดลองเราพบว่าภายในเวลาเพียง 7 วัน ปริมาตรของขยะจะสามารถลดลงไปได้กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ แต่พบว่าแทนที่การเปลี่ยนอย่างรวดเร็วจะทำให้เกิดก๊าซมีเธนในปริมาณมาก กลับกลายเป็นว่าของเหลวที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันในปริมาณมาก จะเป็นตัวยับยั้งมิให้จุลินทรีย์สำคัญสร้างก๊าซมีเธนได้ เพราะความเป็นกรดที่สูงมาก ของเหลวจะเป็นตัวไปยับยั้งการทำงานของจุลินทรีย์สำคัญที่จะสร้างก๊าซมีเธน น.ส.ชีวานุชสรุปว่า ความรู้จากงานวิจัยชิ้นนี้ จะทำให้เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในกองขยะประเภทนี้ อันจะนำไปสู่เทคนิคในการควบคุมกลไกหรือปฏิกิริยาในกองขยะเหล่านี้ให้มีสภาพที่เหมาะสมกับการย่อยสลายและทำให้เกิดก๊าซมีเธนในปริมาณที่มากขึ้น ซึ่งขณะนี้ได้ศึกษาถึงเทคนิคการปรับสภาพของเหลวเหล่านั้นให้เหมาะสมต่อการทำงานของจุลินทรีย์ด้วยตั้งแต่การหาสารที่จะมาลดค่าความเป็นกรดของของเหลว หรือการมีระบบที่จะนำของเหลวบริเวณอยู่ด้านล่างของกองขยะขึ้นมาฉีดพ่นสร้างความชื้นที่กองขยะด้านบน เพื่อเป็นการลดความเข้มข้นของสารที่ก้นกองขยะ และเพิ่มปริมาณการย่อยสลายให้มากขึ้น เพื่อนำไปสู่การพัฒนาระบบการกำจัดขยะอินทรีย์แบบไร้อากาศ ด้วยวิธีต่อเนื่อง (Continuous) ที่เป็นเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความสนใจยิ่งจากนักวิจัยสาขานี้ทั่วโลก (สยามรัฐ จันทร์ที่ 29 มีนาคม 2547 หน้า 10)
มศว .วิจัยน้ำมันมะกรูดไล่แมลง
ภญ.ดร.ฐาปนีย์ หงศ์รัตนาวรกิจ รักษาการรองคณบดีฝ่ายพัฒนาระบบการศึกษา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) เปิดเผยว่า จากการศึกษาน้ำมันในผิวและใบของมะกรูด พบว่ามีฤทธิ์ในการไล่แมลงและหนอนได้ จึงได้ให้นิสิตทำโครงการสกัดน้ำมันมะกรูดจากผิวและใบของมะกรูดออกมาแล้วทำเป็นไมโครเอ็นแคป มีลักษณะคล้ายกับเมล็ดบีช แต่จะใช้สาหร่ายผิวทรายเคลือบไว้บริเวณผิวจะเป็นการหุ้มน้ำมันที่ได้จากผิวและใบมะกรูดอีกชั้นหนึ่ง โดยน้ำมันมะกรูดจากใบนั้นจะสกัดยากว่าน้ำมันจากเปลือกผล แต่จุดเด่นตรงที่มีกลิ่นมากกว่า ดังนั้นจึงต้องใช้น้ำมันมะกรูดทั้งจากเปลือกผลและใบร่วมกันเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด โครงการวิจัยนี้สามารถช่วยเกษตรกร ที่ต้องฉีดสารเคมีเพื่อไล่แมลงและหนอนได้ปกติแล้วเกษตรกรจะฉีดพ้นสารเคมีบ่อยเพื่อป้องกันผลผลิตของตัวเองจากพวกแมลง ซึ่งเป็นการเสี่ยงต่อชีวิตเพราะการฉีดสารเคมีแต่ละครั้ง ต้องสูดดมสารเคมีเป็นจำนวนไม่น้อยแม้ว่าบางคนจะมีชุดเพื่อสวมใส่ขณะฉีดสารเคมีแล้วก็ตาม โดยน้ำมันมะกรูดที่ผลิตภัณฑ์ขึ้นนี้ทำเป็นแคปซูลเล็กๆ ภายในมีน้ำมันที่ช่วยไล่แมลงและหนอน เมื่อเกษตรกรนำแคปซูลน้ำมันมะกรูดไปโปรยไว้ใต้ต้นไม้ที่ต้องการไล่แมลง แคปซูลน้ำมันมะกรูดจะค่อยๆ ปล่อยน้ำมันออกมา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทดลองว่า แคปซูลน้ำมันมะกรูดจะมีฤทธิ์ใช้ไล่แมลงและหนอนได้ยาวนานแค่ไหน โดยประสานไปทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งมีความชำนาญด้านโรคพืชให้ช่วยทดสอบอีกทาง ภญ.ดร.ฐาปนีย์ กล่าว (สยามรัฐ จันทร์ที่ 29 มีนาคม 2547 หน้า 7 )
ปวดหลังเรื้อรังสาเหตุจากปวดใจไม่ใช่เป็นเพราะสาเหตุทางกาย
นักจิตวิทยาศึกษาพบว่า ผู้ที่บ่นว่าปวดหลังกันอยู่มากมายนั้น มีอยู่มากมายส่วนใหญ่เกือบ 90% เป็นโรคอุปาทานมากกว่า เพราะความจริงไม่ได้ป่วยเจ็บอันใดเลย หากแต่เป็นเพราะเกิด ความเครียดหรือมีอาการซึมเศร้าขึ้นเองมากกว่า ผลการศึกษาของนักจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยเกนต์แห่งเบลเยียมครั้งนี้ ยังสอดคล้องกับที่ นักวิจัยของมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ เมโทรโปลิแทน ของอังกฤษ เคยทำมาก่อน เขาได้พบว่า ในจำนวนชาวเบลเยียมที่บ่นว่าปวดหลัง ในช่วงระยะเวลา 6 เดือนมานี้ มีเพียงไม่ถึง 10% ที่มีสาเหตุมาจากทางร่างกาย ส่วนนักวิจัยมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ได้ทำการศึกษากับคนไข้ตามโรงพยาบาล ได้พบว่า สาเหตุของการปวดหลังเรื้อรัง มาจากเจ้าตัวมีภาวะซึมเศร้า เกิดความวิตกกังวลและรู้สึก หมดกำลังใจ เป็นสาเหตุใหญ่มากกว่าสาเหตุทางร่างกาย (ไทยรัฐ อังคารที่ 30 มีนาคม 2547 หน้า 7)
เล่นมวยปล้ำปั๊มดันภูมิต้านทานโรคผู้สูงอายุ เตะต่อยชกลมบ่มให้แกร่ง
การศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียแห่งสหรัฐฯ พบว่า การฝึกมวยปล้ำอยู่เสมอ สามารถช่วยยกระบบภูมิคุ้มโรคของร่างกายให้เข้มแข็งขึ้นได้ นักวิจัยได้ตรวจพบว่า การออกกำลัง ได้ทำให้เมล็ดโลหิตขาวซึ่งมีหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อไวรัสและ แบคทีเรีย เพิ่มมากขึ้นอย่างสังเกตเห็นได้ จากการตรวจเลือดอาสาสมัครที่เป็นเด็กชาย ที่มีร่างกายแข็งแรง อยู่ในวัยระหว่าง 14-18 ปี ซึ่งได้ให้ฝึกเล่นมวยปล้ำนานละ 1.5 ชั่วโมง ตอนก่อนและหลังการฝึก ผลการตรวจแสดงว่าปริมาณเมล็ดโลหิตขาวได้เพิ่มขึ้นทุกหมู่ โดยเฉพาะเซลล์ที่มีหน้าที่ต่อสู้เชื้อโรค ได้เพิ่มสูงมากขึ้นอย่างผิดสังเกต พร้อมกันนั้นได้มีการรายงานผลการศึกษาอีกเรื่องหนึ่ง อยู่ในวารสารการแพทย์เล่มเดียวกันว่า พบว่า การให้ผู้สูงอายุ ที่อยู่ในวัยระหว่าง 40-60 ปี ฝึกศิลปะการป้องกันตัว อย่างเช่น คาราเต้ ช่วยให้มีสุขภาพดีขึ้น ผลการศึกษาพบว่า พวกเขาพากันมีปริมาณไขมันในปริมาณเหมาะสม กล้ามเนื้อมีความแข็งแรงขึ้น ช่วยให้ทรงตัวได้ดีขึ้น และมีความทรหดอดทนกันมากขึ้น (ไทยรัฐ อังคารที่ 30 มีนาคม 2547 หน้า 7)
วิตามินอีช่วยลดมะเร็ง
สมาคมวิจัยโรคมะเร็งของสหรัฐ เปิดเผยผลการประชุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเท็กซัส พบว่า การรับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินอี อาทิ เมล็ดอัลมอนด์ น้ำมันรำข้าว สามารถลดอัตราความเสี่ยงจากการป่วยด้วยโรคมะเร็งกระเพราะปัสสาวะ ได้ถึง 50 เปอร์เซนต์ จากการศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง 1,000 คน ขณะที่คณะนักวิจัยจากสถาบันโรคมะเร็งแห่งชาติสหรัฐ พบว่า หากให้รับประทานยาวิตามินอีสกัด วันละ 400 มก. ควบคู่สารเซเลเนียมสกัด วันละ 200 มก. ก็จะช่วยลดอัตราความเสี่ยงจากการป่วยด้วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ทั้งนี้ จากการศึกษากลุ่มตัวอย่างเพศชายจำนวน 32,000 ราย ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา (สยามรัฐ อังคารที่ 30 มีนาคม 2547 หน้า 4)
ยาฉลาดพิฆาตมะเร็ง
ทีมนักวิจัยจาก University of Michigan ในหน่วยงานที่มีชื่อว่า Center of Biologic Nanotechnology ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ประดิษฐ์โมเลกุลขนาดเล็กอันแสนฉลาดที่มีชื่อเรียกว่า "Dendrimer" โมเลกุลที่มีรูปร่างกลม ๆ ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าความหนาของเส้นผมคนเรามากกว่าหมื่นเท่านี้เป็นตัวกลางในการขนส่งยาเข้าไปจัดการกับเซลล์มะเร็ง และที่ว่ามันฉลาดก็เพราะว่า Dendrimer จะเข้าไปจัดการกับเซลล์มะเร็งแบบประชิดตัวและจัดการปล่อยยาเข้าไปรักษาโดยตรงภายในเซลล์ Dendirmer เป็นโมเลกุลขนาดเล็กที่เราสามารถผูกติดกับ agent ที่สามารถจดจำเซลล์มะเร็งและยาที่สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้ โดยที่เจ้า agent ที่สามารถจดจำเซลล์มะเร็งจะเดินทางเข้าสู่ร่างกาย ของเราเพื่อค้นหาเซลล์มะเร็ง เมื่อพบก็จะทำการ ผูกติดตัวเองเข้ากับเซลล์มะเร็ง หลังจากนั้นก็จะปล่อยยาที่นำเข้าไปด้วยเข้าไปฆ่าเซลล์มะเร็ง ด้วยวิธีนี้ทำให้ประสิทธิภาพในการรักษามะเร็งเพิ่มขึ้นกว่าวิธีการรักษาแบบเดิม อย่างเช่นการฉายรังสีหรือคีโมอย่างมาก ซึ่งการรักษาทั้งสองวิธีที่กล่าวไปนั้นก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการดำเนินชีวิตของผู้ป่วยทั้งยังสร้างความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานใจอย่างมากเกินบรรยาย ใช่แต่โรคมะเร็งเท่านั้น หากว่านักวิจัยสามารถหาตัว agent ที่สามารถจดจำเชื้อโรคร้ายไม่ว่าจะเป็นไวรัสหรือแบคทีเรียทีนี้เราก็สามารถส่งยาเข้าไปจัดการกับเชื้อโรคร้ายหล่านี้ได้โดยตรง โดยที่ไม่ส่งผลข้างเคียงต่อระบบอื่น ๆ ในร่างกาย นี้ก็คือประโยชน์ที่ได้จากนาโนเทคโนโลยีนั่นเอง (เดลินิวส์ พุธที่ 31 มีนาคม 2547 หน้า 16)
กวาดบ้านถูบ้านต้านมะเร็งสตรีได้ ไม่แพ้กับออกกำลังด้วยการเดิน
ผู้หญิงที่ขยันทำงานบ้าน แม้แต่กวาดบ้านถูบ้านจะสามารถป้องกันโรคมะเร็ง มดลูก ได้เกือบถึง 30% มากเท่าๆ กับการออกกำลังด้วยการ เดิน ทั้งนี้ เป็นรายงานผลการศึกษาซึ่งเสนอต่อที่ประชุมสมาคมวิจัยโรคมะเร็งอเมริกัน รายงาน ได้แสดงให้เห็นว่า ยิ่งแม่บ้านที่ทำงานบ้านวันละนานๆ ก็ยิ่งจะห่างไกลโรคร้ายได้มากขึ้น เช่น ผู้ที่ทำงานบ้านวันละเกินกว่า 4 ชม. ก็จะหนีโรคได้มากกว่าเพื่อนที่ทำไม่ถึงวันละ 2 ชม. เยี่ยงเดียวกับผู้ที่ออกกำลังด้วยการเดิน ผู้ที่เดินได้นานวันละ 1 ชม. ก็ย่อมปลอดจากโรคได้ มากกว่าผู้ที่เดินเพียงแค่วันละไม่ถึง 30 นาที ดร.ชาร์ลส์ แมทธิวส์ ในคณะวิจัยของมหาวิทยาลัยแวนเดอบิลต์ ของสหรัฐฯ กล่าวว่า ผลการ ศึกษาได้ยืนยันความเชื่อที่ว่า ถ้าคนเราทำตัวให้เป็นคนขยันเอาไว้ ก็สามารถจะหลบเลี่ยงโรค มะเร็งได้ การทำกิจกรรมที่ง่ายๆ ไม่หนักหนาอะไรมาก อย่างเช่น ด้วยการเดินและทำงานบ้าน (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 1 เมษายน 2547 หน้า 7)
เผยอาหารกินแล้วชวนให้ตาค้างมีกาแฟช็อกโกแลตอาหารรสจัด
สมาคมกสิกรกับสมาคมแพทย์โรคนอนไม่หลับของอิตาลี ได้ร่วมกันศึกษาและแยกแยะอาหาร ทั้งพวกที่กินแล้วไปมีผลทำให้ นอนไม่หลับ กับที่ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น ในบัญชีรายชื่ออาหาร ซึ่งทำให้ผู้ บริโภคนอนหลับยาก ได้แก่ ช็อกโกแลต กาแฟ ของกรอบมัน อาหารเค็มหรือรสจัด รวมทั้งอาหารกระป๋องและผลไม้กวน ส่วนอาหารที่ช่วยให้นอนหลับง่าย ได้แก่ ข้าว ขนมปัง ไข่ต้ม เนื้อสัตว์ ปลา เนยสด ผักกาดหอม หอม กระเทียม ฟักทอง กะหล่ำปลี และไม้จำพวกมีฝัก เช่น กระถิน ทองหลางและถั่วต่างๆ เป็นด้วยเหตุว่า อาหารเหล่านี้มีกรดอมิโน ซึ่งจะส่งเสริมให้สมองหลั่งฮอร์โมนเซโรโทนิน อันเป็นสารสื่อประสาทมีส่วนเกี่ยวข้องกับการนอนหลับและความจำ การดื่มนมร้อนตอนก่อนนอน จะช่วยดับอาการประสาทอ่อนไหวและอาการนอนไม่หลับ ตลอดจนลดก๊าซในกระเพาะได้ด้วย (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 2 เมษายน 2547 หน้า 7)
วิจัยพบน้ำผึ้งบำรุงสุขภาพร่างกายมีสารเป็นตัวล้างพิษป้องกันโรค
น้ำผึ้งอันเป็นอาหารที่มนุษย์นิยมกินมานมนานแล้ว ถูกพบในการศึกษาวิจัยคุณประโยชน์เป็นครั้งแรกว่า เป็นอาหารบำรุงสุขภาพ ช่วยส่งเสริมให้ปริมาณของตัวล้างพิษในร่างกายมีมากขึ้น มนุษย์มีความศรัทธาในน้ำผึ้งกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่นักวิจัยของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย-เดวิส เพิ่งนำขึ้นมาศึกษาวิจัยเป็นครึ่งแรก โดยศึกษาทดลองกับอาสาสมัคร 25 คน เปรียบเทียบผลด้วยการเจาะเลือดตรวจดู ระหว่างกลุ่มที่ให้กินน้ำผึ้งผสมอาหาร ในปริมาณวันละ 4 ช้อนโต๊ะ เป็นเวลา 29 วัน กับกลุ่มที่ไม่ได้กินน้ำผึ้ง ผลการศึกษาพบว่า ในหมู่ผู้ที่ได้กินน้ำผึ้ง ต่างพากันมีปริมาณของสารโพลีฟีนอล ละลายปนอยู่ในส่วนที่เป็นน้ำของโลหิตมากขึ้น โพลีฟีนอลเป็นสารประกอบที่มีอยู่ใน ผักผลไม้และเมล็ดพืช มีสรรพคุณช่วยลดโอกาสเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจและมะเร็งให้ต่ำลง ผลของการค้นพบช่วยยืนยันหลักฐานที่เคยมีมาก่อนว่า น้ำผึ้งมีสรรพคุณในการบำรุงสารที่เป็นตัวล้างพิษ ซึ่งช่วยป้องกันโรคภัยต่างๆได้ (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 2 เมษายน 2547 หน้า 7)
วิทย์เจ๋งทำสำเร็จ แผนที่พันธุกรรมหนู
นักวิทยาศาสตร์ประสบความสำเร็จจัดทำแผนที่พันธุกรรมหนูเกือบ 100 เปอร์เซนต์ คาดว่าจะช่วยเปรียบเทียบกับแผนที่พันธุกรรมมนุษย์ เพราะบรรจุพันธุกรรมเหมือนกับคนจำนวนกว่า 3 หมื่นยีน โดยกลุ่มโครงการจัดทำแผนที่พันธุกรรมหนู ซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนจากสถาบันวิจัยจัดทำพันธุกรรมมนุษย์แห่งชาติสหรัฐ ประสบผลสำเร็จในการทำแผนที่พันธุกรรมหนูถึง 90 เปอร์เซนต์ ซึ่งประกอบด้วยยีนส์เหมือนระหว่างหนูและมนุษย์เป็นจำนวน 25,000-30,000 ตัว โดยหนูที่นำมาทดลองเป็นหนูพันธุ์นอร์เวย์สีน้ำตาล ซึ่งมียีนส์หลากหลายผสมผสานระหวางหนูบ้านและหนูนา ขณะที่นายแกรี่ เชอร์ชิลล์ นักวิทยาศาสตร์แห่งห้องทดลองแข๊คสัน รัฐเมน เปิดเผยว่า การจัดเรียงพันธุกรรมสัตว์เลี้ยงลูกซึ่งมีลักษณะทั้งสองประเภทคือทั้งหนูนาและหนูบ้านครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องดี เพราะจะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์มีข้อมูลด้านพันธุกรรมมากขึ้นกว่าหนูประเภทเดียว ปัจจุบัน หนูเป็นสัตว์นิยมที่ถูกใช้ทดลองจากนักวิทยาศาสตร์ต่อการพัฒนายาต่างๆ ก่อนจะนำมาทดลองกับมนุษย์ อาทิโครงการต่างๆ เช่น มะเร็ง เบาหวาน และโรคหัวใจ อย่างไรก็ตาม การทำพันธุกรรมนี้ยังค้นพบด้วยวา ยีนส์หนูปัจจุบันมีพัฒนาการขับเคลื่อน และความสามารถในการปรับตัวได้มากกว่ายีนส์หนูยุคดึกดำบรรพ์ด้วย (สยามรัฐ ศุกร์ที่ 2 เมษายน 2547 หน้า 4)
แมงป่องช้าง สัตว์มีพิษที่มากด้วยคุณประโยชน์
ผศ.ดร.ศักดา ดาดวง ภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ศึกษาวิจัยเพื่อค้นหาสมุนไพรที่มีคุณสมบัติในการรักษาพิษจากสัตว์ชนิดต่าง ๆ ที่รวมถึงแมงป่องช้างด้วย จากการเลี้ยงฝูงแมงป่องช้างในห้องเลี้ยงสัตว์ทดลองที่เปิดเครื่องปรับอากาศไว้ตลอด 24 ชั่วโมง ให้น้ำและอาหารตามเวลา หน้าที่ของแมงป่องช้าง มีเพียงปล่อยน้ำพิษบนแผ่นพาราฟิล์ม ที่มีลักษณะยืดหยุ่นได้คล้ายผิวหนัง แมงป่องช้างแต่ละตัวจะให้หยดน้ำพิษขนาดปลายดินสอหรือวัดเป็นปริมาตรได้ 10-20 ไมโครลิตรต่อการรีดหนึ่งครั้ง พิษของแมงป่องช้างจะถูกปล่อยออกมาจากเหล็กใน โดยการควบคุมของกล้ามเนื้อ ที่อยู่บริเวณต่อมพิษ ซึ่งมีลักษณะเป็นของ เหลวข้นขุ่นคล้ายน้ำนมซึ่งมีองค์ประกอบด้วยโปรตีนหลายชนิด โปรตีนที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เหยื่อตายหรือเป็นอัมพาตนั้นคือ ท็อกซิน (toxin) สำหรับคนหรือสัตว์ที่ถูกแมงป่องช้างต่อยจะมีอาการตอบสนองต่อพิษแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสภาพของร่างกาย คนที่ได้รับพิษจะมีอาการปวด, บวม, แดงและอักเสบในบริเวณที่ได้รับพิษ จากงานวิจัยของอาจารย์ศักดา เบื้องต้นพบ ว่ามีสมุนไพรอย่างน้อย 5 ชนิด ที่แก้พิษและลดอาการต่าง ๆ ลงได้และอยู่ในระหว่างการพัฒนา เพื่อใช้ประโยชน์ทางด้านเวชภัณฑ์ต่อไป แมงป่องช้างจะมีคุณสมบัติอีกหลายอย่างที่น่าจะศึกษาและนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น ไขมันและสารเรืองแสง เป็นต้น มีคนอีสานนำเอาแมงป่องช้างไปทอดในน้ำมันเดือด เพื่อบริโภคหรือนำไปดองเหล้านานนับปีความเข้มของการเรืองแสงไม่ลดลง ถ้ามีการศึกษาอย่างละเอียดน่าจะนำเอาสารเรืองแสงมาใช้ประโยชน์ ได้ และยังมีอีกหลายอย่างที่แอบแฝงอยู่ในความน่าสะพรึงกลัว (เดลินิวส์ เสาร์ที่ 3 เมษายน 2547 หน้า 12)
เตือนเสมียนพนักงานนั่งโต๊ะทำงาน เผชิญกับโรคสมัยใหม่โรค"แพ้ภัยโต๊ะ''
นักวิจัยของบริษัทผลิตจอคอมพิวเตอร์เอ็นอีซี-มิตซุยบิชิ ของญี่ปุ่น ได้เปิดเผยว่า พนักงานตาม สำนักงานแห่งต่างๆ กำลังป่วยเป็นโรค "แพ้โต๊ะทำงาน" ด้วยสาเหตุมาจากการต้องนั่ง อยู่กับโต๊ะจนหลังขดหลังแข็ง โต๊ะทำงานก็รกรุกรัง และยังนั่งผิดท่าด้วย ในจำนวนพนักงานที่ตอบแบบสอบถาม 2,000 คน มีมากถึง 67% พากันปรับทุกข์ว่า พวกเขาต้องจมอยู่กับโต๊ะทำงานวันหนึ่งๆเป็นเวลานานยิ่งกว่าเมื่อสมัยสองปีก่อน นอกจากนั้น เกือบ 40% ก็ยังบ่นอย่างหงุด-หงิดว่า รู้สึกรำคาญใจกับโต๊ะที่รุงรังไปด้วยข้าวของและเอกสารต่างๆ แต่ไม่อาจจะเก็บกวาดอะไรได้ อีก 35% บอกว่า พวกเขาจำต้องทน กับอาการปวดหลังและต้นคอ ที่ต้องนั่งโต๊ะอย่างฝืนๆ ตัวอยู่เสมอ ทางฝ่ายบริหารของบริษัท ได้เสนอความเห็นว่าใช้วิธีบรรเทาความเดือดร้อนของ พนักงานโดยให้มีการหยุดพักให้บ่อยขึ้น ให้แต่ละคนจัดระเบียบโต๊ะตามแต่รสนิยมของตัวเอง และได้ร่วมหารือกับบริษัทอื่น เพื่อศึกษาค้นคว้าหา "วิทยาการของโต๊ะเก้าอี้" เพื่อแนะนำพนักงานในการปรับปรุงสถานที่ทำงานให้ดีและเหมาะสมขึ้น (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 3 เมษายน 2547 หน้า 7)
เลือกตั้งออนไลน์ ประชาธิปไตยโฉมใหม่จาก มก.
ผศ.ดร.มงคล รักษาพัชรวงศ์ อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า และคณะฯ ได้คิดค้น เทคโนโลยีการเลือกตั้งออนไลน์ โดยทีมงานวิจัย SCORPion Group หรือกลุ่มวิจัยสื่อสารเพื่อการพัฒนาต้นแบบเชิงพาณิชย์ (Superior COmmunication Research and Prototyping for commercialization: SCORPion Group) จะถูกนำมาใช้ทดแทนการเลือกตั้งแบบเดิม เพื่อลดปัญหากลโกงคะแนนในรูปแบบต่าง โดยจะใช้ควบคู่กับบัตรสมาร์ทการ์ด บัตรประชาชนแบบใหม่นั้นเอง ผศ.ดร.มงคล เปิดเผยถึงแนวคิดการสร้างระบบเลือกตั้งออนไลน์ ว่า การลงคะแนนเลือกตั้งแบบเดิมมักมีปัญหาเรื่องจำนวนบัตรเสียเป็นจำนวนมาก และต้องมีการส่งหีบบัตรและนับคะแนนด้วยมือ ซึ่งทำให้เกิดความล่าช้า และบ่อยครั้งเกิดการทุจริตในการนับคะแนน ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ บางครั้งเกิดการเลือกตั้งซ่อมเกิดขึ้น นอกจากนี้บัตรที่เหลือจากการลงคะแนนก็ยังต้องถูกทำลายทิ้งทั้งหมด ซึ่งโดยทำงานของระบบเลือกตั้งออนไลน์ ที่คิดขึ้นนี้ จะช่วยลดต่างๆ ได้ โดยระบบนี้จะประกอบด้วยหน่วยลงคะแนน (client) และหน่วยนับคะแนน (server) ซึ่งสื่อสารกันด้วยมาตรฐานไร้สาย Bluetooth ภายในรัศมีประมาณ 10 เมตร โดยผู้ลงคะแนนจะสแกนนิ้วมือกับเครื่องอ่านแถบรหัส หรือบาร์โคต เพื่อตรวจสอบลายนิ้วมือว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับเจ้าของบัตร และข้อมูลจะส่งไปยังหน่วยนับคะแนน เพื่อตรวจสอบว่าบุคคลนั้นมีสิทธิลงคะแนน และได้ลงคะแนนไปแล้วหรือไม่ ซึ่งหากเป็นไปตามข้อกำหนดหน่วยลงคะแนนจะแสดงจอภาพเพื่อให้ลงคะแนนได้ และเมื่อเลือกช่องหรือหมายเลขที่ต้องการ ก็จะกดเพื่อลงคะแนนโดยข้อมูลการเลือกจะถูกส่งไปนับรวมกันที่หน่วยนับคะแนน เมื่อหมดเวลาการเลือกตั้ง หน่วยนับคะแนนจะแสดงผลการเลือกทันที เป็นอันสิ้นสุดกระบวนการเลือกตั้งออนไลน์แบบไร้สาย ทั้งนี้ ทางมหาวิทยาลัยได้ทดลองนำร่องการเลือกตั้งออนไลน์ ในการเลือกตั้งนายกสโมสรนิสิตคณะวิศวกรรรม เมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ปรากฏว่าใช้ได้ผลดี งานวิจัยนี้เพื่ออาจเป็นแนวทางหนึ่งในการพัฒนาระบบเลือกตั้งแบบออนไลน์ของประเทศต่อไป(สยามรัฐ เสาร์ที่ 3 มีนาคม 2547 หน้า
'พ่นยา ' ด้วย 'พลังลม'
เลิศศักดิ์ ปิติวิทยากุล เกษตรกรเจ้าของสวนส้มแห่งหนึ่ง ใน จ.กำแพงเพชร เจ้าของผลงานการประดิษฐ์ "เครื่องพ่นของเหลวด้วยพลังลม" กล่าวว่า การพ่นยาฆ่าแมลง การพ่นสารเคมีชีวภาพ หรือการพ่นปุ๋ยทางใบนั้น ต้องอาศัยแรงจากคนเป็นหลักในการลากสายพ่นยาไปในสวน ซึ่งใช้เวลานานกว่าจะเสร็จ ด้วยความรักที่มีในงานเกษตรอย่างลึกซึ้ง เมื่อปี 2530 จึงได้พยายามหาทางแก้ไขด้วยตนเอง ด้วยสารพัดหนทางที่จะทำได้ โดยมีตัวตั้งคือการใช้แรงพ่นยาจากพลังลม เลิศศักดิ์ กล่าวถึงวิธีเดิมว่า การพ่นยาต่าง ๆ นั้น จะใช้แรงดันจากน้ำ แล้วกระจายยาออกไป ในขณะที่วิธีใหม่จะใช้แรงลมกระจายน้ำออกไป โดยใช้เครื่องยนต์เพื่อสร้างแรงลมออกมา ซึ่งกว่าจะพัฒนาและสำเร็จมาจนถึงรุ่นปัจจุบันใช้เวลา 7 ปี ในที่สุด ได้ไปจดสิทธิบัตรเอาไว้...."เพราะความคิดเราไม่เหมือนใคร และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้ด้วย" (เดลินิวส์ อาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2547 หน้า
แพทย์เมืองผู้ดีเจ๋งพัฒนาโปรแกรมคอมฯ หญิงตรวจหามะเร็งเต้านมได้ด้วยตนเอง
ศาสตราจารย์แจ๊ก คูซิก หัวหน้าทีมวิจัยของมูลนิธิต่อต้านมะเร็งของอังกฤษเปิดเผยว่า ทางมูลนิธิได้พัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตัวใหม่ ที่ช่วยให้ผู้หญิงสามารถตรวจสอบตนเองว่ามีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมหรือไม่ โดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตัวนี้ จะทำหน้าที่ประเมินจากข้อมูลประวัติสมาชิกในครอบครัว อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง ประวัติการใช้หรือรับการบำบัดด้านฮอร์โมน ประวัติการมีบุตร มาเป็นส่วนสำคัญในการที่จะระบุความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมของเจ้าของประวัติรายนั้นๆ และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตัวนี้ ก็ได้มีการนำไปใช้ตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งในอังกฤษ สหรัฐและออสเตรเลียแล้ว และในอนาคตจะมีการเผยแพร่ให้ผู้สนใจทั่วไปนำไปใช้ตรวจสอบตนเอง รวมทั้งการนำไปประกอบการตัดสินใจว่าจำเป็นที่จะต้องใช้ยาอนาสโตรโซล สำหรับการบำบัดโรคมะเร็งในผู้หญิงที่สูงวัยหรือไม่ด้วย (มติชนรายวัน พุธที่ 24 มีนาคม 2547 หน้า 12)
ออกฟอร์ดชี้ยีนประจำเพศ หญิงเลิกบุหรี่ยากกว่าชาย
วารสารแพทย์อังกฤษ(บีเอ็มเจ) ฉบับประจำเดือนมีนาคม เผยผลการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยออกฟอร์ด เกี่ยวกับปัญหาในการเลิกสูบบุหรี่ ด้วยการติดตามตรวจสอบภาวะร่างกายอาสาสมัครทดลองทั้งชายและหญิง ที่สูบบุหรี่มากถึงวันละ 15 มวนขึ้นไปจำนวน 1,625 คน ตั้งแต่ปี 2534-2535 และมีระยะเวลาติดตามผลในสัปดาห์แรก สามเดือนแรก ครึ่งปีแรก หนึ่งปีแรก และ 8 ปี ภายหลังที่กลุ่มผู้ติดบุหรี่ดังกล่าว กลุ่มแรกได้รับติดแผ่นนิโคตินช่วยลดอาการต้องการบุหรี่นาน 12 สัปดาห์ ส่วนกลุ่มที่สองได้รับการติดแผ่นเปล่าที่เสมือนว่าเป็นแผ่นนิโคติน พร้อมกับตรวจสภาพยีนดีอาร์ดี 32806 ว่ามีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบในยีนตัวนี้ด้วยหรือไม่ จากรายงานผลการติดตามพบว่า ร้อยละ 41 ของกลุ่มอาสาสมัครทั้งชายและหญิง นั้นมียีนดีอาร์ดี 32806 ที่มีองค์ประกอบเป็นซีที และทีที ส่วนที่เหลือนั้นมีองค์ประกอบในยีนตัวนี้เป็นซีซี ซึ่งผู้หญิงในกลุ่มหลังนี้มีความสำเร็จในการเลิกสูบบุหรี่ได้เกือบครึ่งของผู้หญิงในกลุ่มซีทีและทีที ขณะที่ผู้ชายในกลุ่มซีซีมีความสำเร็จในการเลิกสูบบุหรี่มากเท่าๆ กับผู้ชายในกลุ่มซีทีและทีที ทำให้คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยออกฟอร์ดระบุได้ว่า นอกเหนือจากพลังใจที่เข้มแข็งแล้ว ยีนประจำเพศมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากว่าแผ่นนิโคตินจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลิกบุหรี่ได้มากหรือน้อย (มติชนรายวัน เสาร์ที่ 27 มีนาคม 2547 หน้า 5)
คิดวิธีเพิ่มศักยภาพจุลินทรีย์บำบัดน้ำเสีย ย่อยสลายเม็ดสี 90 ทางเลือกใหม่โรงงานฟอกย้อม
ผศ.ดร.ชวลิต รัตนธรรมกุล ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ในปัจจุบันการบำบัดน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมฟอกย้อม อยุ่ในรูปแบบใช้จุลินทรีย์แบบเติมอากาศ ซึ่งประสิทธิภาพค่อนข้างต่ำ มีความสามารถย่อยสลายโมเลกุลของสีเพียงอย่างเดียวจึงเหลือสิ่งตกค้างที่เป็นเคมีปนเปื้อนและขยะอื่นๆ ดังนั้นจึงวิจัยพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสียรูปแบบใหม่โดยใช้ฟิล์มชีวภาพของจุลินทรีย์ในการย่อยสลาย (เอสบีบีอาร์) โดยหลักการทำงานของนั้นจะอาศัยจุลินทรีย์ที่เกาะติดอยู่บนตัวกลางประเภทพลาสติกย่อยสลายโมเลกุลของสีโดยให้น้ำจากโรงงานอุตสาหกรรมฟอกย้อมที่ต้องบำบัดผ่านส่วนของจุลินทรีย์ที่ไม่ใช้ออกซิเจนในการย่อยสลายก่อน เพื่อทำให้โมเลกุลของสีมีขนาดเล็กลงจากนั้นส่งน้ำต่อไปยังส่วนของจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนย่อยสลาย ซึ่งการบำบัดในส่วนที่สองนี้ต้องเติมสารโคสับสเตรทหรือสารปฐมภูมิที่ย่อยสลายง่ายเพื่อเพิ่มความสามารถของจุลินทรีย์ในการสร้างเอนไซม์ย่อยสลายสีย้อม ทำให้การย่อยสลายโมเลกุลของม็ดสีทำได้ง่ายขึ้นและประสิทธิภาพดีขึ้นและในการบำบัดต้องปล่อยให้น้ำเสียอยู่ในส่วนของจุลินทรีย์ที่ไม่ใช้อากาศ 8 ชั่วโมง และไหลขึ้นมาส่วนที่ใช้อากาศ 8 ชั่วโมง รวมเป็น 16 ชั่วโมง ส่วนรูปแบบของระบบบำบัดน้ำเสียจะแบ่งการทำปฏิกิริยาเป็น 2 โซน โดยน้ำเสียจากถังพักจะถูกสูบเข้ามาจากด้านล่างของถัง ผ่านท่อกระจายน้ำ ให้น้ำได้สัมผัสกับฟิล์มชีวภาพแบบไม่ใช้อากาศที่เกาะตัวอยู่บนตัวกลางพลาสติก จากนั้นอาศัยแรงดันของน้ำดันขึ้นมายังส่วนบน มาสัมผัสกับฟิล์มชีวภาพแบบใช้อากาศ จากนั้นนำน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดไปยังถังพักน้ำทิ้งก่อนปล่อยสู่สภาพแวดล้อมต่อไป พบว่าสามารถบำบัดน้ำให้สะอาดได้ถึงร้อยละ 90 (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 22 มีนาคม 2547 หน้า 8)
ฟิลิปส์เปิดตัวนวัตกรรม ไอยู 22 อัลตราซาวนด์อัจฉริยะ 4 มิติ
นายวิกเตอร์ เรดดิก รองประธานอาวุโส กลุ่มระบบงานอัลตร้าซาวนด์ทั่วโลกและกลุ่มระบบงานด้านการแพทย์ บริษัทฟิลิปส์ กล่าวว่า บริษัทได้เปิดตัวนวัตกรรมล่าสุดของระบบงานอัลตราซาวนด์ ไอยู 22 (IU22) หรือระบบอัลตราซาวนด์อัจฉริยะ ที่ได้รับการพัฒนาเทคโนโลยีแสดงผลแบบ 4 มิติ แบบเรียลไทม์ นอกเหนือจากแบบสองมิติและสามมิติ ทำให้แพทย์สามารถตรวจสอบภาพได้ครบทุกด้านและประมวลผลเพื่อให้คำวินิจฉัยที่แม่นยำและรวดเร็วมากขึ้น และมีจุดเด่นของประสิทธิภาพการถ่ายทอดสัญญาณด้วยคลื่นความถี่สูงสุด 17 เมกะเฮิรตซ์ ทำให้สามารถสแกนและเห็นรายละเอียดของอวัยวะขนาดเล็กได้ชัดเจนมากขึ้น เช่นบริเวณหัวใจ ทรวงอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจหามะเร็งทรวงอกซึ่งทำได้ง่ายขึ้นและจะเพิ่มโอกาสช่วยชีวิตคนไข้ด้วย ขณะเดียวกันบริษัทยังพัฒนาฟังก์ชันการทำงานที่เรียกว่า ไอ คอมมานด์ หรือระบบรับคำสั่งผ่านทางเสียงซึ่งพัฒนามาจากเครื่องรับคำสั่งที่ใช้เทคโนโลยี ฟิลิปส์ สปีช เมจิก ซึ่งสามารถจดจำคำสั่งได้มากกว่า 2,200 คำสั่งมาสนับสนุนการทำงานของระบบอัลตราซาวนด์ด้วยเพื่ออำนวยความสะดวกให้คนไข้ พร้อมกับใช้เทคโนโลยีไร้สายบลูทูธ ทำให้สามารถสั่งสแกนภาพหรือพิมพ์ผลที่ได้ด้วยปากเปล่าและทำงานอื่นไปพร้อมกันโดยไม่รบกวนกันซึ่งปัจจุบันรองรับการทำงาน 5 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ สเปน ฝรั่งเศส เยอรมันนี อิตาลี (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 22 มีนาคม 2547 หน้า 8)
สจพ.สร้างเตาเผา ขยะเคมี ไซน์ปาร์ค
รศ.ดร.สมรัฐ เกิดสุวรรณ นักวิจัยบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (สจพ.) เปิดเผยว่าคณะวิจัยของบัณฑิตวิทยาลัยฯได้ออกแบบและสร้างเตาเผาขยะประสิทธิภาพสูง เพื่อรองรับของเสียอันตรายจากห้องปฏิบัติการต่างๆที่จัดตั้งอยู่ในอุทยานวิทยาศาสตร์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งมีมีทั้งขยะติดเชื้อรวมถึงกากสารเคมีและเคมีวัตถุมีตั้งแต่สารไวไฟ กัดกร่อน ไอพิษและสารที่ระเบิดได้ รวมแล้วมากกว่า 5 ตันต่อปี ซึ่งเตาเผาของเสียอันตรายที่โครงการออกแบบให้มีกำลังการเผา 100 กก.ต่อชั่วโมง โดยขบวนการกำจัดขยะจะเริ่มจากการแยกประเภทขยะแล้วนำมาจัดลำดับการเผาเพื่อป้องกันการเกิดปฏิกิริยารุนแรงจากการผสมกันของสารบางชนิดในเตาเผาจากนั้นขยะจะถุกลำเลียงเข้าสู่เตาเผาซึ่งประกอบด้วยห้องเผา 2ห้อง ที่อุณหภูมิ 700 และ1,00 องศาเซลซียสตามลำดับ ขยะจะถูกเผากลายเป็นไอร้อนและผ่านเข้าสุ่ห้องลดอุณหภูมิก่อนที่จะผ่านเข้าสู่ขบวนการแยกอนุภาคที่เป็นกรดรวมถึงอนุภาคขนาดเล็กออกไปแล้วจึงระบายอากาศที่ผ่านกระบวนการกำจัดมลพิษออกสู่ภายนอกต่อไป สำหรับโครงสร้างรวมประกอบด้วย ระบบเตาเผา ระบบป้อนขยะ ระบบควบคุมมลพิษอากาศ ระบบบำบัดน้ำเสียและระบบควบคุม ปัจจุบันสวทช.ได้ใช้เตานี้กำจัดของเสียอันตรายที่เกิดจากห้องปฏิบัติการทั้งหมดรวมถึงให้บริการกำจัดขยะพิษและขยะติดเชื้ออีกด้วย (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 23 มีนาคม 2547 หน้า 9)
หุ่นยนต์ซิลิคอนกระตุ้นประสาท สั่งคนไข้หายใจไม่พึ่งเครื่องมือ
นายคาร์ลอส มอนต์แมกโน และคณะทำงานจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตลอสแองเจอลิส (ยูซีแอลเอ) เปิดเผยว่าหุ่นยนต์ซิลิคอนขนาดจิ๋วนั้นมีขนาดครึ่งหนึ่งของเส้นผมและใช้พลังงานจากการเต้นของกล้ามเนื้อหัวใจ ถือเป็นเครื่องกลจิ๋วตัวแรกของโลกที่อาศัยเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อในการขับเคลื่อน ซึ่งสิ่งประดิษฐ์นี้สามารถพัฒนาต่อยอดเป็นตัวกระตุ้นประสาทที่ช่วยให้ผู้ป่วยอัมพาตสามารถหายใจได้เองโดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งจุดสำคัญของสิ่งประดิษฐ์นี้คือตัวซิลิคอนที่ออกแบบมาให้มีลักษณะโค้งงอ กว้าง 50 ไมโครเมตร ส่วนฐานของซิลิคอนยึดติดกับกล้ามเนื้อเซลล์กล้ามเนื้อของหัวใจ เมื่อเนื้อเยื่อหัวใจบีบและคลายตัวซิลิคอนชิ้นนี้จะงอและเหยียดตัวในลักษณะคลืบคลานไปข้างหน้าโดยไม่ต้องใช้กระแสไฟฟ้าเข้าช่วย มีเพียงน้ำตาลกลูโคสเท่านั้นที่ใช้เลี้ยงกล้ามเนื้อการใช้กล้ามเนื้อช่วยจ่ายพลังงานให้กับระบบเครื่องกลไฟฟ้าจุลภาคหรือเมมส์_(microelectromechanical systems:MEMS) ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการสร้างมอเตอร์จิ๋ว คณะทำงานเริ่มด้วยการแกะแผ่นเวเฟอร์ซิลคอนให้มีลักษณะโค้งงอและเคลือบด้ววยโพลิเมอร์ จากนั้นนำแผ่นฟิล์มทองคำมายึดติดกับเวเฟอร์ด้านล่างและเพาะเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจของหนูทดลองในจานเพาะเชื้อ ที่ใส่กลูโคสให้เป็นอาหารผ่านไปสามวันเซลล์กล้ามเนื้อจะเติบโตเป็นเส้นใยกล้ามเนื้อที่ยึดติดกับส่วนฐานของทองคำกลายเป็นเนื้อเดียวเมื่อกล้ามเนื้อหัวใจบีบและคลายตัว หุ่นยนต์จิ๋วจะคืบคลานในทันทีด้วยความเร็ว 40 ไมโครเมตรต่อวินาที (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 23 มีนาคม 2547 หน้า9)
เปิดแล็บเทสต์วัสดุ ชีวภาพการแพทย์ ส่งนอก
รศ.ดร.ปริทรรศน์ พันธุบรรยงก์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค-สวทช.) เปิดเผยว่า หน่งวยปฏิบัติการทดสอบทางชีวภาพสำหรับวัสดุทางการแพทย์ (MTEC Cell Culture Unit) ของเอ็มเทค ได้ผ่านการตรวจประเมินและรับรองความสามารถห้องปฏิบัติการตามมาตรฐาน ISO-IEC 17025 และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นห้องปฏิบัติการทดสอบด้านสาธารณสุขจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงนับเป็นแห่งแรกของไทยที่ได้รับการรับรองในขอบข่ายการบริการทดสอบวัสดุผลิตภัณฑ์ในสาขาการแพทย์ ความสามารถของห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองนี้เป็นขอบข่ายด้านการทดสอบทางชีวภาพและความเป็นพิษ ซึ่งผลการทดสอบได้รับความเชื่อถือในระดับสากล ซึ่งจะช่วยให้ผู้ผลิตวัสดุผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์เพื่อการส่งออก ไม่จำเป็นต้องส่งผลิตภัณฑ์ไปทดสอบซ้ำในประเทศคู่ค้า ด้านดร.กมลรัตน์ ธนัพประภัศร์ หัวหน้างานห้องปฏิบัติการเครื่องมือทดสอบทั่วไป เอ็มเทค กล่าวว่าบริการที่ผ่านการรับรองความสามารถได้แก่ การทดสอบทางชีวภาพโดยวิธีคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ด้วยเซลล์ของมนุษย์หรือหนูทดลองโดยตรง (Direct contact method with human cells และ Direct contact method with rat cells) เป็นการนำเซลล์ที่เพาะเลี้ยงมาปลูกบนพื้นผิววัสดุเพื่อตรวจสอบว่าเซลล์สามารถเติบโตและแผ่ขยายบนพื้นผิวของวัสดุได้ดีหรือไม่ ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการทดสอบผลิตภัณฑ์ประเภทวัสดุฝังใน เช่น รากฟันเทียม เป็นต้น ส่วนอีกความสามารถหนึ่งคือการทดสอบความเป็นพิษของวัสดุโดยใช้วิธี Test on Extracts ซึ่งทดสอบโดยนำผลิตภัณฑ์มาสกัดสารแล้วนำมาทดสอบกับเซลล์มนุษย์ จากนั้นวิเคราะห์จำนวนของเซลล์ที่ตายและรูปร่างของเซลล์ที่ผิดปกติเพื่อดูความเป็นพิษของสารนั้นหรือว่ามีสารเคมีตกค้างหรือไม่ (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 24 มีนาคม 2547 หน้า 8)
คิดคันเร่งระบบสั่นเตือนโชเฟอร์ เหยียบเบรกช่วยประหยัดน้ำมัน
บริษัทเดมเลอร์ ไครสเลอร์ ได้พัฒนาระบบสั่นเตือนที่ติดตั้งไว้ใต้คันเร่งซึ่งจะทำงานรวมอยู่กับข้อมูลหลายรายการ อาทิ การจราจร ความเร็วที่จำกัดในแต่ละเส้นทางและระยะทางก่อนถึงทางแยก เมื่อระบบประมวลผลเรียบร้อยแล้วจะแจ้งบอกคนขับให้ลดความเร็วลง จากการทดสอบระบบต้นแบบพบว่าสามารถลดปริมาณเชื้อเพลิงได้โดยเฉลี่ย 11 % อุปกรณ์ดังกล่าวเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่รวมเอาอุปกรณ์ตรวจวัดจากหลายแหล่งมาไว้ด้วยกัน เช่นระบบระบุพิกัดดาวเทียม หรือจีพีเอสซึ่งถูกนำมาใช้ค้นหาตำแหน่งของรถที่กำลังวิ่งอยู่บนโครงข่ายถนนปัจจุบัน โดยอาศัยข้อมูลหลายลักษณะ อาทิ ระยะทางที่จะไปถึงทางลาด หรือทางโค้งบนเส้นทางที่ขับขี่ รวมถึงเขตจำกัดความเร็วในแต่ละช่วงถนนด้วย (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 24 มีนาคม 2547 หน้า 8)
จับเปลือกข้าวโพดปั่นเส้นใยทอ
ยิคิ หยาง นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเนบราสกา ได้ทดลองทำเสื้อหนาวจากเปลือกข้าวโพด โดยใช้ความรู้เคมีพื้นฐานในการแยกเส้นใยบริสุทธิ์ แต่เนื่องจากเทคนิคดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา ดังนั้นต้นทุนในการเปลี่ยนสภาพยังสูงมาก โดยในตอนนแรกนักวิจัยแยกเส้นใยได้เพียงเส้นสั้นๆซึ่งไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ หลังจากสามารถหาวิธีนำเอาเส้นใยมารวมกันเพื่อให้ได้ขนาดตามที่ต้องการ จากนั้นนำเส้นใยไปปั่นเป็นด้าย เซลลูโลส ซึ่งเป็นสารประกอบหลักของเนื้อเยื่อและเส้นใยพืช จัดเป็นสารโพลิเมอร์ที่มีอยุ่ในต้นข้าวโพด ผ้าลินินและไหมเทียมแต่เนื่องจากใยผ้าที่ได้จากข้าวโพดเป็นเส้นใยธรรมชาติ เมื่อนำมาทำเป็นเป็นเลื้อผ้าแล้วจะให้ความรู้สึกสบายเมื่อสวมใส่มากกว่าผ้าที่ทำจากใยสังเคราะห์ นอกจากนี้ใยผ้าข้าวโพดยังเป็นการนำวัสดุเหลือทิ้งกลับมาใช้ใหม่และมีสีขาวแบบธรรมชาติทำให้ย้อมสีได้ง่ายกว่า (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม 2547 หน้า8)
จับเปลือกข้าวโพดปั่นเส้นใยทอ
ยิคิ หยาง นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเนบราสกา ได้ทดลองทำเสื้อหนาวจากเปลือกข้าวโพด โดยใช้ความรู้เคมีพื้นฐานในการแยกเส้นใยบริสุทธิ์ แต่เนื่องจากเทคนิคดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา ดังนั้นต้นทุนในการเปลี่ยนสภาพยังสูงมาก โดยในตอนนแรกนักวิจัยแยกเส้นใยได้เพียงเส้นสั้นๆซึ่งไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ หลังจากสามารถหาวิธีนำเอาเส้นใยมารวมกันเพื่อให้ได้ขนาดตามที่ต้องการ จากนั้นนำเส้นใยไปปั่นเป็นด้าย เซลลูโลส ซึ่งเป็นสารประกอบหลักของเนื้อเยื่อและเส้นใยพืช จัดเป็นสารโพลิเมอร์ที่มีอยุ่ในต้นข้าวโพด ผ้าลินินและไหมเทียมแต่เนื่องจากใยผ้าที่ได้จากข้าวโพดเป็นเส้นใยธรรมชาติ เมื่อนำมาทำเป็นเป็นเลื้อผ้าแล้วจะให้ความรู้สึกสบายเมื่อสวมใส่มากกว่าผ้าที่ทำจากใยสังเคราะห์ นอกจากนี้ใยผ้าข้าวโพดยังเป็นการนำวัสดุเหลือทิ้งกลับมาใช้ใหม่และมีสีขาวแบบธรรมชาติทำให้ย้อมสีได้ง่ายกว่า (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม 2547 หน้า8)
ตรวจดีเอ็นเอหาสารก่อมะเร็งแทนหนูทดลอง ทางออกอุตฯยา เครื่องสำอาง รับมืออียูห้ามสินค้าใช้สัตว์ทดลอง
ดร.พีรศักดิ์ วรสุนทโรสถ ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เปิดเผยว่าวว.ได้ได้นำวิธีการทดลองแบบ Comet assay ซึ่งนำดีเอ็นเอมาทดสอบการก่อมะเร็งแทนการใช้สัตว์ทดลองมาใช้ เพื่อเป็นการหาทางออกในกรณีที่สหภาพยุโรปจะบังคับใช้มาตรการห้ามนำเข้าสินค้า ที่ทดสอบโดยใช้สัตว์ทดลอง ด้านดร.ประไพภัทร คลังทรัพย์ นักวิชาการฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ กล่าวว่า วว.ได้นำเทคโนโลยี Comet assay มาประยุกต์โดยเทคนิคนี้มีหลักการในการทดสอบสารก่อมะเร็งด้วยการตรวจสอบความผิดปกติระดับสารพันธุกรรม วิธีการทดสอบคือ เพาะเลี้ยงดีเอ็นเอต้นแบบในหลอดทดลอง ซึ่งนิยมใช้ดีเอ็นเอของเซลล์เม็ดเลือดขาวมาเลี้ยงกับอาหารเลี้ยงจำเพาะ แล้วนำสารที่ต้องการทดสอบหรือคาดว่ามีฤทธิ์ก่อมะเร็งใส่ลงในหลอดทดลองดังกล่าว จากนั้นปล่อยให้เซลล์สัมผัสกับสารทดสอบที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นประมาณ 1 วัน สามารถใช้เครื่องอ่านค่าตรวจสอบความผิดปกติของดีเอ็นเอ หากพบว่าดีเอ็นเอผิดปกติแสดงว่ามีสารก่อมะเร็งซึ่งกระบวนการทดสอบจะใช้เวลาประมาณ 3 วันเพื่อยืนยันการทดสอบให้ถูกต้อง นอกจากนี้ยังพัฒนาให้สามารถตรวจหาสารต้านมะเร็งได้โดยนำสารเคมีอีกชนิดหนึ่งมากระตุ้นดีเอ็นเอให้สร้างอนุมูลอิสระที่ก่อให้เกิดมะเร็งแล้วนำสารสกัดที่คาดว่าต้านมะเร็งจากพืชสมุนไพร 5 ชนิด ได้แก่ สารจากขมิ้นชัน สารจากพริกไทย สารจากต้นแป๊ะก๊วย สารrutin และสารoctocopherol ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของวิตามินอีมาทดสอบและพบว่ามีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 26 มีนาคม 2547 หน้า7)
ข่าวทั่วไป
ให้การยกย่องอย่างเป็นทางการผู้หญิงขับรถมือเหนือกว่าผู้ชาย
ผู้หญิงได้รับการรับรองจากองค์การความปลอดภัยบนท้องถนน ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ที่ กรุงเวียนนา เมืองหลวงของออสเตรีย หลังจากที่ได้ศึกษาสถิติอุบัติเหตุบนท้องถนน ตามชาติ ต่างๆทั่วทั้งทวีปยุโรป ลงความเห็นในที่สุดว่า"ผู้หญิงขับรถดีกว่าผู้ชาย" และสิ่งที่เป็นเครื่อง ช่วยยืนยันก็คือ ในบรรดาจำนวนอุบัติเหตุทั้งหมดนั้น เกิดจากคนขับรถสตรี ไม่ถึง 35% ยิ่งกว่านั้นยังได้พบว่า ยิ่งเป็นในหมู่กลุ่มผู้ขับที่อายุน้อยลง ยิ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนมากขึ้น เพราะผู้ขับหนุ่มๆ มักขับด้วยความคึกคะนอง ในขณะที่สาวๆ มักจะมีความระมัดระวังมากกว่า รายงานการศึกษายังได้พบด้วยว่า นอกจากผู้หญิงจะก่ออุบัติเหตุรถยนต์น้อยกว่าผู้ชายแล้ว อุบัติเหตุของผู้หญิงที่เกิดขึ้น ยังมักจะรุนแรงและบาดเจ็บน้อยกว่ากันด้วย อาจจะเป็นผู้ขับ ยวดยานที่เป็นเพศที่อ่อนแอ มักจะขับรถช้ากว่า และคาดเข็มขัดนิรภัยบ่อยกว่ากันด้วย (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 29 มีนาคม 2547 หน้า 7)
หนุนรัฐรุกตั้งทีมเซ็นเซอร์โฆษณาหลอกเยาวชน
จากการเสวนาเรื่องเด็ก เยาวชน และครอบครัวรวมพลังหยุด! โฆษณาหลอกเด็ก จัดโดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คุณหญิงจันทนี สันตะบุตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า เป็นที่ยอมรับว่าสื่อมีความหมายต่อเด็กและเยาวชน นายอานนท์ อันติมานนท์ ม.3 ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย เปิดเผยโพลล์สวนกุหลาบ เกี่ยวกับผลกระทบของสื่อโฆษณาโทรทัศน์ ที่มีผลกระทบทางลบต่อเด็กและเยาวชน ว่า ได้ทำการสำรวจนักเรียน ร.ร.สวนกุหลาบฯ ชั้น ม.1-5 จำนวน 375 คน พบว่าโฆษณาด้านบริการส่งผลกระทบด้านลบต่อเด็กเยาวชนสูงสุด รองลงมาคือ โฆษณาสินค้า รายการโทรทัศน์ พฤติกรรมในโฆษณาที่กระทบมากที่สุดคือ พฤติกรรมการแต่งกายวาบหวิว รองลงมาคือ การแสดงออกทางเพศที่ไม่เหมาะสม การแสดงความก้าวร้าวรุนแรง การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือย สำหรับข้อเสนอแนะคือ ควรมีกระบวนการป้องกันตั้งแต่การผลิตสื่อโฆษณาสำหรับเด็ก เพื่อให้ได้โฆษณาที่เหมาะสม และควรจำกัดเวลาการเผยแพร่ด้วย (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 29 มีนาคม 2547 หน้า 15)
พระราชนิพนธ์ทรงคุณค่าในสมเด็จพระนางเจ้าฯ
เนื่องในวโรกาสสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 72 พรรษา พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี รับเป็นประธานที่ปรึกษาคณะดำเนินงาน โครงการจัดพิมพ์พระราชนิพนธ์เทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เรื่อง ความทรงจำในการตามเสด็จต่างประเทศทางราชการ โดยกล่าว ว่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดให้พิมพ์เพิ่มจากการจัดพิมพ์ครั้งแรก เมื่อพระองค์ท่านเจริญพระชนมพรรษาครบ 3 รอบ ในปี 2511 ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อปี 2503 จากความทรงจำคราวตามเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสหลายประเทศในทวีปยุโรป สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย 15 ประเทศ พล.อ.พิจิตร กล่าวว่าพระราชนิพนธ์จัดพิมพ์สองภาษาคือไทยและอังกฤษในเล่มเดียวกัน ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ หนึ่งในคณะกรรมการอำนวยการจัดพิมพ์ แปลจากภาษาไทยมาเป็นภาษาอังกฤษ วางจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้เยาวชนไทย ในต่างประเทศหัดอ่านภาษาไทย และเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของชาติไทย เยาวชนในประเทศหัดอ่านภาษาอังกฤษ สนใจสอบถามที่โทรฯ. 0-2276-0180 รายได้หลังหักค่าพิมพ์และค่าใช้จ่ายทั้งหมด นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 29 มีนาคม 2547 หน้า 30)
อาชีวะฯออกกฎเหล็กคุมโจ๋ตั้งแก๊งซิ่ง ชมประชุมผ่านเน็ตช่วยประหยัดงบนับล้าน
เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา นายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.)ได้มอบนโยบายผู้บริหาร ครู อาจารย์ และบุคลากรในสังกัด ทั่วประเทศเกือบ 20,000 คน ผ่านระบบโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม DLTV ของมูลนิธิการศึกษาทางไกลไทยคม ทางทีวีอินเตอร์เน็ตที่ www.vec.go.th โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ตนรู้สึกเป็นห่วงปัญหานักเรียน นักศึกษาที่จับกลุ่มตั้งแก๊งรถซิ่งบนท้องถนน สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับผู้สัญจรไปมา และประชาชนทั่วไป ซึ่งหลายคนต้องประสบอุบัติเหตุจนได้รับบาดเจ็บพิการ บางรายโชคร้ายถึงขั้นเสียชีวิตนั้น โดยต้องยอมรับว่าอาจมีนักศึกษาอาชีวศึกษาร่วมด้วย ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน สอศ.จึงได้กำหนดมาตรการเพื่อให้สถานศึกษาต่างๆ ได้นำไปปฏิบัติ ดังนี้ ขอให้สถานศึกษาประชุมนักเรียนทั้งหน้าเสาธง ในห้องเรียน ในโฮมรูมเพื่อสอดแทรกการสอนให้เด็กเห็นถึงภัยอันตรายที่เกิดจากการแข่งรถ, เชิญเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับการจราจรมาทำความเข้าใจและให้ความรู้ในการขับขี่ที่ถูกต้อง, เชิญผู้ปกครองมาร่วมรับรู้รับฟังปัญหาที่เกิดกับนักเรียน พร้อมทั้งให้ติดตามสอดส่องเด็กในความดูแลอย่างใกล้ชิด ให้แต่ละสถานศึกษาจัดโครงการเพื่อนช่วยเพื่อน จัดครูที่เข้าใจจิตวิทยาวัยรุ่นคอยให้คำปรึกษาปัญหาต่างๆ และจัดระบบสารวัตรนักเรียน เพื่อแก้ไขปัญหาให้เหมาะสม (สยามรัฐ จันทร์ที่ 29 มีนาคม 2547 หน้า 7)
กทม.ย้ำเปลี่ยนเลขที่บ้านไม่วุ่น 3 ปี หมดปัญหา
กทม. เตรียมยกเลิกหมู่บ้าน และปรับปรุงเลขที่บ้านใหม่ใน 27 เขตรอบนอก บ้านเรือนประมาณ 1.2 ล้านหลัง เพื่อให้สอด คล้องกับการยุบเลิกกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ภายในวันที่ 30 ก.ย. นี้ โดยใช้เวลาปรับปรุงภายใน 3 ปี เพื่อให้การจัดทำทะเบียนเลขที่บ้านให้เป็นระบบสอดคล้องกับการทำแผนที่บ้านตามโครงการเฮ้าส์ไอดี เพื่อทำให้เกิดความสะดวกมากขึ้น โดยคาดว่าจะเริ่มแจกเลขที่บ้านใหม่ได้ประมาณต้นปี 2548 และใช้เวลาปรับปรุงเลขบ้านใหม่ให้เสร็จตามแผนภายใน 3 ปี หรือในปี 2550 นี้ ประชาชนสามารถนำเอกสารรับรองการเปลี่ยนเลขที่บ้านที่ราชการออกให้ ไปแสดงประกอบเอกสารเดิม เพื่อทำธุรกรรมได้ตามปกติ ไม่ต้องเปลี่ยนสมุดทะเบียนบ้านใหม่เพียงแค่ขีดออกแล้วเติมของใหม่แทน รวมทั้งบัตรประจำตัวประชาชนก็ใช้ของเดิมไปจน กว่าจะหมดอายุจึงค่อยเปลี่ยนใหม่ แนะประชาชนติดป้ายเลขที่บ้านของเดิมคู่ของเก่าไปก่อน กันสับสน ภายใน 3 ปีทุกอย่างหมดปัญหา (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 29 มีนาคม 2547 หน้า 1, 10)
ดีเดย์ใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก
นายสรอรรถ กลิ่นประทุม รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า จากที่ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มีผลบังคับใช้วันที่ 30 มี.ค. 2547 ที่มุ่งหวังที่จะรักษาผลประโยชน์ปกป้องคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็ก มีมาตรการห้ามมิให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ซื้อหรือเสพสุราหรือบุหรี่ หรือเข้าไปในสถานที่เฉพาะเพื่อการจำหน่ายหรือเสพสุรา และให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสอบถามข้อมูลจากเด็ก และมีหนังสือเรียกผู้ปกครองมาประชุมเพื่อว่ากล่าวตักเตือน ทำทัณฑ์บนหรือให้เด็กทำงานบริการสังคม ส่วนพ่อค้าแม่ขายก็จะมีโทษปรับ ในกรณีที่เด็กกระทำความผิดจำเป็นต้องเชิญผู้ปกครองมาพูดคุย เมื่อก่อนมีการผลักภาระให้เป็นหน้าที่ครู แต่วันนี้ต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน เพราะปัญหาสังคมก็มาจากสถาบันครอบครัว (ไทยรัฐ อังคารที่ 30 มีนาคม 2547 หน้า 15)
คุมเข้มยาปลอมขีดเส้นตายต้องมี "จีเอ็มพี" มิ.ย.นี้
น.พ.ศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ปัจจุบัน อย.ได้บังคับใช้มาตรฐานหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิต หรือจีเอ็มพี โดยกำหนดให้โรงงานผลิตยาแผนปัจจุบันทุกแห่ง ต้องได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อย.ภายใน มิ.ย.นี้ ปัจจุบันมีโรงงานผ่านมาตรฐาน 131 แห่ง จาก 176 แห่ง ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการเร่งรัดปรับปรุงให้เข้ามาตรฐานสากล หากโรงงานใดที่ไม่สามารถพัฒนาให้เข้ามาตรฐานได้ จะไม่สามารถผลิตยาจำหน่ายอีกต่อไปได้ และยาที่ผลิตในไทย จะต้องมีผลการศึกษาการออกฤทธิ์ของยา ที่ได้ผลเท่ากับยาที่นำเข้าจากต่างประเทศ จึงจะได้รับการอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนจำหน่ายได้ นอกจากนี้ อย.ยังมีระบบการตรวจติดตามยาที่จำหน่ายในท้องตลาด ทั้งร้านขายยา โรงพยาบาล สถานีอนามัย และด่านนำเข้ายาต่างๆ โดยร่วมมือกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เก็บตัวอย่างยาส่งตรวจหาคุณภาพเป็นประจำ จากผลการวิเคราะห์พบว่ายาที่ถูกต้อง 95% จะได้คุณภาพเข้ามาตรฐานสากล มีเพียงยา 2-3 ตำรับ ที่กระบวนการผลิตยังไม่ดีนัก ทำให้คุณภาพไม่สม่ำเสมอ ได้แก่ ยาโคชิซิน ซึ่งเป็นยารักษาโรคเกาต์ ยาอินโดเมทาซิน ซึ่งเป็นยาแก้อักเสบ และยาแก้โรคกระเพาะโอมีพราโซล ซึ่งลอตที่มีปัญหาก็ได้สั่งให้เรียกเก็บคืนจากท้องตลาด และให้โรงงานปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ได้มาตรฐานต่อไป ดังนั้น ให้ผู้บริโภคก่อนซื้อยาควรสังเกตฉลากยาที่จะต้องมีเลขทะเบียนตำรับยา โดยมีคำว่าทะเบียนเลขที่ หรือเลขทะเบียนที่ หรือ Reg.No. และตามด้วยรหัสเลขที่ทับปี พ.ศ.ด้วย รวมทั้งสังเกตวันผลิตและวันหมดอายุที่ผลิตภัณฑ์ เป็นต้น โดย อย.จะติดตามเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดและลงโทษสถานหนักแก่ผู้ประกอบการที่ทำผิด (ไทยรัฐ อังคารที่ 30 มีนาคม 2547 หน้า 15)
"หอยเป๋าฮื้อ" สัตว์เศรษฐกิจสำหรับผู้มีทุนหนา
"หอยเป๋าฮื้อ" หรือ "หอยโข่งทะเล" เรียกอีกชื่อ หนึ่งว่า "หอยร้อยรู" เป็นหอยประเภทหอย ฝาเดียวที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ เนื่องจาก มีรสชาติดีแถมมีราคาแพง เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,500-2,000 บาท เป็นที่นิยมบริโภคทั้งใน อเมริกา ญี่ปุ่น จีน และกลุ่มประเทศยุโรป เนื่องจากชาวจีนเชื่อว่าเนื้อ มีสรรพคุณในการ บำรุงสุขภาพโดยเฉพาะต้าน การก่อเกิดโรค มะเร็งได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้เปลือกยัง สามารถนำมาทำเครื่อง ประดับและยังใช้เป็น ส่วนผสมของยา แผนโบราณได้อีกด้วย ศูนย์วิจัยและพัฒนา ประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ เห็นความเป็นไปได้ในการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์ จึงได้ทดลอง เพาะขยายพันธุ์จนประสบผลสำเร็จในปี 2531 โดยรายละเอียดเรื่องนี้ ธเนศ พุ่มทอง นักวิชาการประมงประจำศูนย์ฯ เปิดเผยว่า ปัจจุบันได้มี การขยายผลสู่เอกชนบ้างแล้ว แต่จำนวนยังไม่มาก เพราะการเพาะเลี้ยง หอยชนิดนี้ใช้เงินลงทุน ค่อนข้างสูง ลักษณะการเลี้ยงมีทั้งเลี้ยงในทะเล เป็นรูปแบบของการใส่ตะกร้าแขวนกับทุ่น ในทะเลหรือแขวนกับแพ และการเลี้ยง ในถังบนฝั่ง ใช้ระยะเวลาเลี้ยงประมาณ 1 ปีครึ่ง ถึง 2 ปี ก็สามารถจำหน่ายได้ โดยหอยเป๋าฮื้อที่ตลาดต้องการมีขนาด ประมาณ 7-12 ซม. น้ำหนักราว 200-230 กรัม (ไทยรัฐ อังคารที่ 30 มีนาคม 2547 หน้า 14)
งัดกฎเหล็กสยบโจ๋เล่นสงกรานต์เว่อเอาผิดไปถึงพ่อแม่
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า เพื่อให้ เกิดความเรียบร้อย ปลอดภัย และเป็นไปตามวัฒนธรรมอันดีงามของการเล่นสงกรานต์ที่สืบทอดมาเป็นเวลนาน ในปีนี้ ทางตำรวจจะนำ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 มี.ค. นี้ มาใช้ในการพิจารณาเอาผิดกับพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือผู้อื่นใดที่ชักจูง ยุยง ส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด หรือกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจารด้วย โดยตำรวจและทุกหน่วยงานจะขอความร่วมมือจากพ่อแม่ ผู้ปกครองและใครก็ตามที่ดูแลเด็ก ช่วยกันแนะนำและห้ามปราม เพื่อไม่ให้เด็กออกไปเล่นสงกรานต์กันอย่างเมามันเกินขอบเขต โดยไม่คำนึงถึงวัฒนธรรมอันดีงาม เช่น เล่นสาดน้ำ หรือใช้อุปกรณ์ฉีดน้ำที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่คนเดินถนนหรือผู้ขับขี่รถ จยย.ผ่านไป-มา การนำน้ำสกปรกหรือก้อนน้ำแข็งใส่ถุงพลาสติกขว้างปาใส่กัน การประแป้งที่มักส่อไปในทางอนาจารหรือการลวนลามทางเพศ การดื่มเหล้าหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์จนเมามาย และการนำรถ จยย.ออกมารวมกลุ่มแข่งขันกันในทางผิดกฎหมาย พฤติกรรมดังกล่าวนี้ นอกจากผู้กระทำผิดจะต้องถูกจับกุมดำเนินคดีแล้ว ทางตำรวจจะพิจารณาเอาผิดกับพ่อแม่ ผู้ปกครอง และผู้อื่นใดที่ชักจูง ยุยง ส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กกระทำการดังกล่าว รวมทั้งผู้ที่จำหน่าย หรือให้เหล้าหรือบุหรี่ด้วย โดยเป็นไปตามมาตรา 26 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ซึ่งมีโทษจำคุกสูงถึง 3 เดือน ปรับ 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ไทยรัฐ อังคารที่ 30 มีนาคม 2547 หน้า 1, 19)
รฟม.ดีเดย์ทดลอง บริการรถไฟใต้ดิน เที่ยวแรก6เม.ย.
นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)เปิดเผยถึงการทดลองให้ประชาชนใช้บริการรถไฟฟ้ามหานครว่า จากการที่รฟม.ได้ดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคลซึ่งเป็นรถไฟฟ้าใต้ดินสายแรกของประเทศไทยแล้วเสร็จและได้ส่งมอบรถไฟฟ้าขบวนแรกเมื่อวันที่ 15 ต.ค.2546 และคาดว่าจะสามารถส่งมอบได้ครบจำนวนภายในเดือนเม.ย.47 ทาง รฟม.และบริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัดมีแผนที่จะเปิดสถานีให้ประชาชนเข้าชมและให้ผู้สนใจมาทดลองใช้บริการดังนี้ คือ วันที่ 6-9 เม.ย. 2547 ระหว่างเวลา 09.00-18.00 น.เป็นเวลา 4 วันจะเปิดให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชมสถานีรถไฟฟ้าทั้ง 18 สถานีแต่จะยังไม่มีการให้ทดลองนั่งและในวัน 1-9 พ.ค. 2547 เป็นเวลา 9 วันจะเปิดโอกาสให้หน่วยราชการ องค์กรเอกชนที่แสดงความจำนงเป็นคณะเข้าเยี่ยมโครงการ สำหรับการเปิดให้ประชาชนทดลองนั่ง จะเปิดให้ทดลองในวันที่ 13-18 เม.ย.47ระหว่างเวลา10.00-14.00 น. เป็นเวลา 6 วันในเทศกาลมหาสงกรานต์และวันครอบครัว และในวันที่ 15,29 และ 30 พ.ค.2547 ระหว่างเวลา10.00-14.00 น.เป็นเวลา 3 วัน บริษัทจะเปิด นอกจากนี้ในวันที่ 10,14,17,19,21,24,25,27,28และ31 พ.ค. 2547 เป็นเวลา 10 วันจะเปิดให้ประชาชนทดลองโดยสารรถฟฟ้าใต้ดินเดินทางมาทำงานและกลับในในช่วงเวลาเร่งด่วน อาทิ 06.0-8.30 น. ,11.30-13.30น.-16.30-19.00 น.โดยจะแจกบัตรให้กับประชาชนที่มีที่อยู่อาศัยและสถานที่ทำงานตามเส้นทางที่รถไฟฟ้าใต้ดินผ่าน (สยามรัฐ อังคารที่ 30 มีนาคม 2547 หน้า 8)
70 ปีราชบัณฑิตยสถาน
ราชบัณฑิตยสถาน จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติว่าด้วยราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2476 แทนราชบัณฑิตยสภา ที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งขึ้นเมื่อพุทธศักราช 2469 สภาผู้แทนราษฎรได้มีมติให้ผ่านร่างพระราชบัญญัติ ราชบัณฑิตยสถานฉบับแรก คือ ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2476 เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พุทธศักราช 2476 จึงถือเอาวันที่ 31 มีนาคม พุทธศักราช 2476 เป็นวันสถาปนาราชบัณฑิตยสถานแต่นั้นมา ในปัจจุบัน พระราชบัญญัติราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2544 กำหนดให้ราชบัณฑิตยสถานมี สถานภาพเป็นส่วนราชการที่ไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง มีฐานะเป็นกรม อยู่ในบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี (ไทยรัฐ พุธที่ 31 มีนาคม 2547 หน้า 15)
เลื่อนยศยาแอสไพรินเป็นวิตามิน อ้างมีสารบำรุงอย่างเดียวกับผลไม้
วารสารวิทยาศาสตร์ "นิว ไซแอนติสต์" อันมีชื่อเสียงของอังกฤษ แจ้งว่า ดร.กาเรท มอร์แกน ได้กล่าวว่า หมอควรจะสั่งให้กินยาแอสไพรินกันไว้ทุกวัน เยี่ยงเดียวกับวิตามินเสริมเป็นที่ทราบ กันดีว่า มันมีสรรพคุณรักษาโรคตั้งแต่ปวดศีรษะไปจนถึงโรคของหลอดเลือดหัวใจ ดร.กาเรท เชื่อว่ามันก็มีกรดเอซีไทล์ซาลิไซลิก ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับกรดซาลิไซลิก ในผักและผลไม้ อยู่ด้วยสูง ดังนั้น ควรจะถือให้มันเป็นวิตามินเสริมอย่างหนึ่งด้วย เขาบอกว่า การให้กินยาแอสไพรินเหมือนกับกินวิตามินเสริม จะเหมาะกับผู้ที่ไม่ได้รับกรด ซาลิไซลิกจากผักและผลไม้ตามปกติ โดยเฉพาะกับคนที่ไม่ค่อยชอบบริโภคผักและผลไม้ (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 1 เมษายน 2547 หน้า 7)
อาชีวะตั้งศูนย์ฯรับมือสงกรานต์
นายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สกอ.) จะดำเนินโครงการอาชีวศึกษาร่วมด้วยช่วยประชาชนเทศกาลสงกรานต์ภายใต้ชื่อ "ประชาชนอุ่นใจ อาชีวศึกษาไทยร่วมใจบริการ" เนื่องจากในช่วงเทศกาลที่มีการหยุดทำงานหลายวันติดต่อกัน ประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางกลับภูมิลำเนา และแต่ละครั้งก็มักมีอุบัติเหตุจากการขับขี่รถยนต์ เพราะสภาพรถยนต์ไม่พร้อมในการเดินทาง ผู้ขับขี่ไม่เข้าใจในกฎจราจร รวมถึงความประมาท ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บ ล้มตายและสูญเสียทั้งทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว สกอ. จึงจัดโครงการดังกล่าวขึ้น โดยนักศึกษาอาชีวศึกษาจากสถาบันต่าง ๆ จำนวน 12,000 คน จะเปิดให้บริการตรวจเช็กสภาพ และซ่อมแซมรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ให้กับประชาชน ตั้งแต่วันที่ 5-16 เม.ย. นี้ จำนวน 350 จุด ที่เป็นถนนสายหลักทั่วประเทศ ทั้งนี้จะมีพิธีปล่อยคาราวานหน่วยอาชีวศึกษาร่วมด้วยช่วยประชาชน และตรวจเช็กสภาพรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ให้กับประชาชนก่อนการเดินทางทั้งระบบเบรก คลัตช์ ไฟ ยาง ระบบแอร์ และเครื่องยนต์ ในวันที่ 5 เม.ย. นี้ ที่สนามกีฬากองทัพบก โดยไม่มูลค่าแล้ว ในบางจุดบริการจะมีการบริการนวดฝ่าเท้าให้ด้วย ซึ่งผู้ที่สัญจรบนเส้นทางหากสนใจจะเข้ารับการบริการสามารถสังเกตป้ายจุดที่ตั้งศูนย์บริการ ซึ่งจะตั้งอยู่บริเวณริมถนนได้ตลอดเส้นทางการเดินทาง หรือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากยานพาหนะเสียระหว่างการเดินทางและอยู่ห่างไกลศูนย์บริการฯก็สามารถติดต่อเพื่อขอรับความช่วยเหลือจากศูนย์อาชีวศึกษาร่วมด้วยช่วยประชาชนได้ที่โทร. 0-2281-5555 ต่อ 1092 โดยแจ้งจุดที่รถเสียแก่เจ้าหน้าที่ศูนย์รับเรื่อง เพื่อประสานงานผ่านทางวิทยุเครือข่ายของ สอศ.ให้ศูนย์บริการจุดที่ใกล้ที่สุดได้เข้าไปช่วยเหลือ (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 2 เมษายน 2547 หน้า
1 พ.ค.ลดค่ารถเมล์ยูโรทูเริ่มที่ 10 บ.เตรียมขายคูปอง 2 ราคา
นายปกศักดิ์ เศรษฐบุตร ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) (บอร์ด) ได้ข้อสรุปการเปลี่ยนรูปแบบการใช้ตั๋วล่วงหน้า ที่จะยกเลิกตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. นี้เป็นต้นไป โดยเปลี่ยนรูปแบบเป็นการขายคูปองแทน โดยมีจำหน่าย 2 ราคาคือ คูปองราคา 4 บาท และราคา 6 บาท โดยคูปอง 1 เล่ม มีตั๋ว 25 ใบ ให้ส่วนลดเล่มละ 10 เปอร์เซ็นต์ โดยวิธีใช้สามารถใช้ได้ทั้งกับรถธรรมดาและรถปรับอากาศ โดยใช้คูปองร่วมกับเงินสดในกรณีที่ขึ้นรถธรรมดาที่ใช้ทางด่วน ตามปกติต้องจ่าย 5.50 บาท ก็สามารถใช้คูปองราคา 4 บาท 1 ใบและจ่ายเงินในส่วนของค่าธรรมเนียมพิเศษอีก 1.50 บาท และรถธรรมดาที่วิ่งกะสว่าง ตามปกติราคา 6 บาท ให้ใช้คูปอง 1 ใบกับเงินสดอีก 2 บาท สำหรับผู้ที่ใช้บริการรถปรับอากาศ ขสมก.ได้ข้อสรุปการปรับเปลี่ยนค่าโดยสารรถปรับอากาศยูโรทู ที่ปัจจุบันเริ่มต้นที่ 12 บาท ในช่วง 1-8 กม.แรกนั้น ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ที่นั่งระยะทางใกล้เห็นว่าเป็นการเก็บค่าโดยสารที่สูงเกินไปส่งผลให้ผู้ใช้บริการรถปรับอากาศน้อยลง จึงได้เปลี่ยนการเก็บค่าโดยสารโดยแบ่งเป็นช่วง 1-4 กม.แรก เก็บ 10 บาท และกม.ที่ 5-8 เก็บ 12 บาท เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ค่าโดยสารสำหรับรถปรับอากาศยูโรทูเป็น 10, 12, 14, 16, 18 และ 20 บาท วิธีการใช้คูปองในการใช้บริการรถปรับอากาศให้ใช้ตั๋วทั้ง 2 ราคารวมกันให้ได้ตามค่าโดยสารที่จ่ายตามปกติ เช่นนั่งรถในอัตราค่าโดยสาร 14 บาท ให้ใช้คูปองราคา 4 บาท 2 ใบและราคา 6 บาท 1 ใบ เป็นต้น ทั้งนี้ ขสมก.เตรียมสั่งพิมพ์คูปองแล้ว โดยจะหารายได้เพิ่มในส่วนของการพิมพ์โฆษณาหลังคูปองด้วย โดยจะเริ่มจำหน่ายคูปองได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. นี้ (เดลินิวส์ เสาร์ที่ 3 เมษายน 2547 หน้า 32)
สัญญาณบอกเหตุโรคลมปัจจุบัน
ศูนย์การแพทย์เท็กซัส ได้ให้คำแนะนำสัญญาณเตือนของโรคลมปัจจุบัน (stroke) ซึ่งได้แก่ มีอาการชา อ่อนแรงของแขน ใบหน้า หรือขาข้างใดข้างหนึ่งของร่างกาย มีอาการตาพร่ามัวมองไม่เห็น โดยเฉพาะข้างเดียว เรื่องการพูดจาก็จะตะกุกตะกัก ฟังไม่เข้าใจ ปวดหัวอย่างรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ วิงเวียนศีรษะอย่างไม่สามารถจะอธิบายได้ ทรงตัวไม่อยู่ หรือล้มลงถ้าหากว่ามีกลุ่มอาการ แบบนี้เกิดขึ้น โปรดไปพบแพทย์โดยด่วน (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 3 เมษายน 2547 หน้า 7)
ไทยได้รับเลือกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของโลก
ประเทศไทยได้รับการคัดเลือกจากวารสาร Lonely Planet ซึ่งเป็นวารสารท่องเที่ยวชั้นนำของโลกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมมากที่สุดในโลก อีกทั้งได้รับรางวัลประเทศที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับนักท่องเที่ยวชาวนอร์เวย์ (Best Tourist Country) คัดเลือกโดยนิตยสารด้านการท่องเที่ยวของนอร์เวย์ชื่อ Travel News ในเวลาไล่เลี่ยกัน สัปดาห์นี้ขอกล่าวถึงการสำรวจทางอินเทอร์เน็ตในโอกาสครบรอบ 30 ปีของวารสาร Lonely Planet ที่ได้ออกแบบสอบถามเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมไปยังคนชาติต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งปรากฏว่า ผู้สนใจตอบแบบสอบถามจำนวน 7,500 คน จาก 134 ประเทศ ได้ลงคะแนนให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับ 1 ของโลก ชนะอิตาลีแชมป์เก่าหลายสมัยไปได้อย่างเฉียดฉิวเพียง 4 คะแนน แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่นิยมการท่องเที่ยวแบบอิสระได้เปลี่ยนจากกลุ่มฮิปปี้ และ backpacker เป็นกลุ่มที่มีอาชีพ มีความรู้ระดับปริญญาตรีขึ้นไป อายุระหว่าง 25-34 ปี เดินทางท่องเที่ยวโดยใช้จ่ายเงินในระดับปานกลาง ใช้เวลาท่องเที่ยวประมาณ 1-3 เดือน นิยมการท่องเที่ยวแบบผจญภัย ควบคู่กับการพักผ่อนและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม (เดลินิวส์ อาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2547)
คนงานผลิตชิปเสี่ยงเป็นมะเร็งสูง
สมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ สหรัฐอเมริกา(เอสไอเอ) เตรียมทำการศึกษาความเสี่ยงของคนงานในโรงงานผลิตชิปว่ามีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคมะเร็งมากกว่าคนงานอื่นๆ หรือไม่ นายจอร์จ สเคไลส์ ประธานเอสไอเอ เปิดเผยว่า การศึกษาความเสี่ยงของคนงานในโรงงานผลิตชิปว่ามีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคมะเร็งมากกว่าคนงานอื่นๆหรือไม่ โดยนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ จะเป็นผู้ทำการศึกษาเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญของกลุ่มอุตสาหกรรมสหรัฐ เปิดเผยว่า เมื่อปี 2542 ยังไม่มีการพบหลักฐานว่าคนงานในโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐจะมีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งมากกว่าคนงานอื่นๆ แต่จากรายงานที่ได้จากสมาชิกของเอสไอเอที่ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ก็พบว่ามีข้อมูลที่เพียงพอและเชื่อถือได้ที่พอจะชี้ให้เห็นว่าคนงานในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งมากขึ้น จึงเห็นควรที่จะให้มีการศึกษาเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มรูปแบบ (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 22 มีนาคม 2547 หน้า 10)
โรคท้องร่วงกรุงเทพฯ น่าห่วง 3 เดือนป่วย 219 รายตาย 2
น.พ.ประพันธ์ กิติสิน รองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคอุจจาระร่วงในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-17 มีนาคม 2547 มีผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงแล้วทั้งสิ้น 5,649 ราย โดยเป็นท้องร่วงชนิดรุนแรง 219 ราย เสียชีวิตแล้ว 2 ราย ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงเมื่อเทียบกับปี 2546 ซึ่งมีผู้ป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วงทั้งสิ้น 32,891ราย เป็นท้องร่วงชนิดรุนแรงเพียง 62 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิต จึงถือได้ว่ายอดผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นสัญญาณเตือนให้ กทม. ออกมาตรการควบคุมเฝ้าระวังโรคอย่างเร่งด่วนโดยใช้มาตรการเชิงรุก โดยเน้นประชาสัมพันธ์ให้ความรู้กับประชาชนในการป้องกัน และการรักษาอาการโรค นอกจากนี้สำนักงานตลาด กทม.กำหนดให้ตลาดทั้ง 155 แห่ง ล้างตลาดทุกวันรวมทั้งตลาดเอกชนอื่นๆ ด้วย และดูแลห้องส้วม และสถานที่ทิ้งขยะให้ถูกสุขลักษณะ และมิดชิด รวมทั้งผู้ค้าที่ขายอาหารปรุงสำเร็จควรรักษาความสะอาดในการประกอบการอาหาร รวมถึงภาชนะที่ใช้ใส่อาหารให้ดี และเวลาตั้งวางขายควรมีฝาปิดให้มิดชิด เพื่อป้องกันไม่ให้มีแมลงวันตอม อย่างไรก็ตามสาเหตุของโรคอุจจาระร่วงเกิดจากการกินอาหารที่ไม่สะอาด และอาหารสุกๆ ดิบๆ จึงอยากให้ประชาชนหลีกเลี่ยง สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคอุจจาระร่วง แนวทางแก้ไขเบื้องต้นให้กินเกลือแร่ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์ (มติชนรายวัน อังคารที่ 23 มีนาคม 2547 หน้า 10)
มสช.เสนอตั้งองค์กรกลาง ตรวจสอบคุณภาพยาต่ำชั้น
มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ(มสช.) ได้มีการจัดประชุมโต๊ะกลมเรื่อง "ข้อเสนอเพื่อพัฒนาระบบคุณภาพยาของประเทศไทย" โดยเน้นประเด็นการตรวจสอบคุณภาพยาในปัจจุบัน เนื่องจากมียาที่เสื่อมและด้อยคุณภาพอยู่ในท้องตลาดประมาณ 10% ของยาทั้งหมด จึงอาจจะเกิดอันตรายกับผู้บริโภค พร้อมกันนี้ได้เสนอให้มีหน่วยงานกลางที่เป็นหน่วยงานกึ่งรัฐกึ่งเอกชน เพื่อตรวจสอบคุณภาพยา โดยมีผู้เข้าร่วมการประชุมคือ น.พ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ เลขาธิการมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ นายวงศ์วิวัฒน์ ทัศนียกุล อาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และนายคฑา บัณฑิตานุกูล ประธานกลุ่มเภสัชกรชุมชน นายวงวิวัฒน์กล่าวว่า ยาที่ด้อยคุณภาพและยาปลอมส่วนใหญ่จะเป็นยาปฏิชีวนะ หรือยาแก้อักเสบ ยาแก้หวัด ยาที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนและสมรรถภาพทางเพศ แต่ที่ผ่านมาไม่มีการนำเสนอข้อมูลการตรวจสอบยาออกสู่สาธารณะ เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดปัญหาการฟ้องร้องจากบริษัทยา และที่ผ่านมามีการขึ้นบัญชีดำโรงงานที่ผลิตยาไม่ได้คุณภาพ แต่ก็ไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะเช่นกัน ดังนั้น ประเทศไทยควรจะมีระบบการตรวจสอบคุณภาพยาที่มีประสิทธิผล โดยมีการประกาศรายชื่อยาและผู้ผลิตยาที่ได้หรือไม่ได้คุณภาพ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการซื้อยา นอกจากนี้ หน่วยงานตรวจสอบคุณภาพยาจะต้องเป็นกึ่งราชการกึ่งเอกชน และให้ทางสภาวิชาชีพคือสภาวิชาชีพเภสัชกรรมเป็นผู้ตรวจสอบ ซึ่งจะทำให้ได้รับความเชื่อถือ และในการจัดการระบบตรวจสอบนี้เบื้องต้นได้เสนอให้เป็นระบบของการร่วมจ่ายหรือ (Co-payment) ที่รัฐบาลจะต้องสนับสนุนในระยะแรก ในอัตราส่วนรัฐบาลต่อเอกชนแบบ 80:20 แต่ในระยะยาวจะให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น แต่คงไม่ทั้งหมด เพราะอาจจะทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน สำหรับหน่วยงานภาครัฐที่ต้องเข้ามาสนับสนุน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) (มติชนรายวัน พุธที่ 24 มีนาคม 2547 หน้า 10)
คนไทยติดยอดซื่อสัตย์ในเอเชีย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รีดเดอร์ส ไดเจสท์ได้สำรวจความคิดเห็นของชาวเอเชียจำนวน1,600 คน ใน 16 เมือง 9 ประเทศ ได้แก่ ไทย จีน อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ฮ่องกง สิงคโปร์ และเกาหลี พบว่าคนไทยยังติดกลุ่มซื่อสัตย์สูงในเอเชีย แต่กลับนิยมใช้สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ และไม่กล้าบอกเพื่อนหากเห็นคนรักของเพื่อนไปจู๋จี๋กับคนอื่น ทั้งนี้ ผลสำรวจจาก 3 คำถามในจำนวนทั้งหมด 10 ข้อ ยืนยันชัดเจนว่าคนไทยส่วนใหญ่ยังมีเจตนาอันซื่อสัตย์ใน 3 เรื่องคือ การรับเงินทอนเกินจากแคชเชียร์ตามห้างสรรพสินค้า 92% ตอบว่านำเงินเกินกลับไปคืน กับถ้าเก็บกระเป๋าสตางค์มีเงินสด 2,000 บาทพร้อมที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ของเจ้าของได้ 96% ตอบว่าจะคืนเจ้าของ และคนไทย 73% หากเห็นคนขโมยของในห้างสรรพสินค้า ก็จะแจ้งให้ รปภ.ทราบ แม้ต้องเสี่ยงกับการถูกทำร้ายก็ตาม ขณะที่ผลสำรวจเรื่องความซื่อสัตย์กับคนรัก คนไทยไม่ถึงครึ่ง 41% กล้าเล่าให้เพื่อนรักทราบว่าเห็นคนรักหรือคู่ชีวิตของเพื่อนแอบไปจู๋จี๋กับคนอื่น รวมถึงคนไทยอาจขึ้นชื่อเรื่องการนิยมใช้ของเลียนแบบ ละเมิดลิขสิทธิ์ต่างๆ (มติชนรายวัน อาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2547 หน้า 16)
'กอเอี๊ยะ' ลดปวดหลังผ่าตัด เคลือมอร์ฟีนซึมสู่ผิวแทนฉีด
บริษัทอัลซา คอร์ป ผู้ผลิตกำลังรอการอนุมัติจากหน่วยงานภาครัฐ เพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นแปะผิวหนังขนาดเท่าบัตรเครดิต ซึ่งสามารถแปะไว้บริเวณหน้าอกหรือแขนได้ตามสะดวก เมื่อผู้ป่วยรู้สึกเจ็บปวดสามารถกดปุ่มจ่ายยาบนแผ่นแปะ จากนั้นตัวยาจะถุกปล่อยออกมาบรรเทาอาการเจ็บปวด จากผลการศึกษาผู้ป่วยจำนวน 636 คน ที่พักฟื้นภายในโรงพยาบาลหลังการผ่าตัดครั้งใหญ่ พบว่าผู้ป่วยที่ได้รับแผ่นแปะที่บรรจุ fentanyl hydrochloride และผู้ป่วยกลุ่มได้รับมอร์ฟีนผ่านทางเส้นเลือด สามารถคลายความเจ็บปวดได้เมื่อมีอาการ หลังจากการรักษาผ่านไป 24 ชั่วโมงพบว่าผู้ป่วยที่ใช้แผ่นแปะราว 74 % และผู้ป่วยที่ฉีดยาเข้าเส้น 77 %คลายเจ็บปวดได้ในระดับดีถึงดีมากโดยในแต่ละกลุ่มมีผู้ป่วย 19 คนเท่านั้น ที่เกิดอาการข้างเคียง ได้แก่ปวดหัว คลื่นไส้ ขณะที่ผู้ป่วยแผ่นแปะ 6% บ่นว่าเกิดอาการคันบริเวณผิวหนังที่แปะตัวยา ส่วนผู้ป่วยแบบฉีดไม่มีผลใดๆเกิดขึ้นบริเวณที่เจาะ นอกจากนี้ 15 %ของผู้ป่วยที่ใช้แผ่นแปะ ถอนตัวออกจากการศึกษาครั้งนี้โดยให้เหตุผลว่าแผ่นแปะไม่สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้ ขณะที่ผู้ป่วยแบบฉีดมีเพียง 10% (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2547 หน้า8)
KMUTT
Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215
|
|
|