|
หัวข้อข่าวปีที่ 5 ฉบับที่ 25 ประจำวันที่ 2004-06-21
ข่าวการศึกษา
ทปอ.จี้ศธ.ทบทวน GPA ปี'48 ฝันหวานโรงเรียนเร่งสู่ฝันปั้นวิศวกร 85 โรงนำสอนออกแบบอนุบาล-มัธยม ไทย-อิสราเอลจับมือสอนปวส.พืชศาสตร์ ชาวราชภัฏปลื้มได้เลื่อนชั้นเป็นมหาวิทยาลัยแล้ว ดัน มสธ.สู่สากล ปัตตานี-ยะลา จังหวัดจัดตั้งวิทยาลัยชุมชน มร.เปิดสถาบันกฎหมายไทย อบรมกม.สิ่งแวดล้อมกับปชช. ครม.อนุมัติตั้งกรรมการ3องค์กรหลัก สอนภาษาอังกฤษแบบซีแอลอี เรียนรู้จากสถานการณ์จริง พระพี่นางฯทรงแจ้ง"ม.ณิวัฒนา" ถอนชื่อ-สัญลักษณ์-การอุปถัมภ์ 300นิสิต"ม.ณิวัฒนา"บุก"สกอ." ร้อง"ภาวิช"ขอย้ายที่เรียนด่วน อาชีวะขอมีสถาบันตั้งครบทุกจังหวัด อนุมัติงบให้สมศ. 343 ล. รุกประเมินสถานศึกษา 9,150 แห่ง
ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
ดูปองท์ใจดีให้เกษตรกรใช้ข้อมูลค้นหาพันธุ์ข้าวโพดผลิตเชื้อเพลิง กู่ก้องให้กังวานไปทั่วท้องจักรวาล ตั้งบริษัทส่งกระจายเสียงสู่อวกาศ ปริ๊นเซสคองเกรสชวนนักวิทยาศาสตร์ไทย อวดงานวิจัยพันธุกรรมกับนักวิทย์ทั่วโลก อังกฤษนำระบบสแกนม่านตามาใช้ในสนามบิน มือถือติดดาวเทียม บอกทางแทนไม้เท้า พบไวรัสมือถือครั้งแรกของโลก ส่งปรมาณูตรวจรอยรั่วปิโตรเลียม ภาคอุตสาหกรรมขานรับ ชี้ลดต้นทุนปิดเครื่องซ่อม
ข่าววิจัย/พัฒนา
เส้นไหมรวมใยฝ้าย นวัตกรรมไหมไทยพันธุ์ใหม่ ราชมงคลประดิษฐ์เครื่องกะเทาะเปลือกมะม่วงหิมพานต์ อุตฯเส้นด้าย พัฒนาระบบกรองน้ำสะอาด กรมพลังงาน เลือกเทคโนฯฝีมือไทย ติดตั้งในโรงงานไบโอดีเซลต้นแบบ เครื่องสุคนธบำบัด มหิดลพัฒนาแล็บตรวจ 'ไวรัสหวัดนก' จากน้ำ แบคทีเรียตรวจสารพิษ พบเทคนิคใหม่ตรวจหาวัณโรค รู้ผลเร็วช่วยป้องกันเชื้อลาม อุตฯเส้นด้ายชูวิจัยผลิตสินค้าคุณภาพสูง เน้นความเหนียวทนแรงดึงป้อนโรงงานเสื้อผ้าส่งออก หลอดไฟจิ๋วสว่างแจ๋วแหวว กินกระแสไฟฟ้าน้อยลง แต่สว่างกว่าเก่า ผลไม้ผลส้มกับกล้วยหอมให้คุณช่วยป้องคุ้มครองลูกตาผู้สูงอายุ แขนขาสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับหัวใจมีขาสั้น ทำให้เป็นโรคหัวใจได้ง่าย วิศวกรปตท.คิดค้นอุปกรณ์ช่วยประหยัดดีเซล เล็งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เอาใจผู้ใช้รถเบนซิน สศอ.เตือนอุตฯไทยเข้าสู่ภาวะถดถอย จี้ผู้ประกอบการเร่งพัฒนาอาร์แอนด์ดี-คิดนวัตกรรมใหม่ๆ สวทช.โชว์เสื้อเชิ้ต-เนกไทนาโนเทค กันคราบเปื้อน-ประหยัดผงซักฟอก วาดฝันไทยแกนนำผลิตภัณฑ์ไฮเทค สกว.เสริมทัพ ยุววิจัยยางพารา หนุ่มอินทีเรียบางมด อวดกึ๋น!! งาน เปิดโลกเทคโนโลยีและสวนอุตสาหกรรม
ข่าวทั่วไป
ม.ในกำกับรัฐคืบ เร่งผ่านกฎหมายพร้อมกันปี '48 จี้รัฐเน้นมาตรการระยะยาว ประหยัดพลังงานต่อเนื่อง ไทยดัน "พลังงานทดแทน" วาระแห่งเอเชีย อุกกาบาตเท่าลูกส้มโอร่วงใส่บ้าน สถานการณ์ไวรัส อยากรู้เป็น "คนงามเลิศในปฐพี" วัดความงามได้ด้วยมือของตัวเอง ลิงชิมแปนซีใกล้สูญพันธุ์ใน20ปีทั้งป่าถูกทำลายและจับฆ่ากินเนื้อ อย่าตามใจปากเปิบอาหารเพลินคนไทยเผชิญโรคไร้เชื้อมากขึ้น "เขาใหญ่-ดงพญาเย็น"มีลุ้นเป็นมรดกโลก หลังยูเนสโกรับไปพิจารณาแบบมีเงื่อนไข พลังเสียง'โอม'พนมมือไหว้ เสริมสร้างสุขภาพดี..ใจสงบ ข้อเสนอจากศิลปินแห่งชาติ เลื่อนอันดับคุณภาพสังคมไทย "ไอเอ็มดี" ชี้อานิสงส์เศรษฐกิจ เติบโตต่อเนื่อง ทำคลอดโรงกลั่นแห่งที่ 8 กระทรวงพลังงานสวนทางประหยัดน้ำมัน ผุดโรงงานผลิตเอทานอลที่ขอนแก่นทดแทนเชื้อเพลิงสร้างรายได้ท้องถิ่น
ข่าวการศึกษา
ทปอ.จี้ศธ.ทบทวน GPA ปี'48
รศ.ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ เลขานุการที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ทปอ. กำลังประสานกับทุกมหาวิทยาลัย เพื่อขอทราบจำนวนรับนักศึกษาในปีการศึกษา 2548 ว่าจะรับด้วยวิธีรับตรง หรือรับร่วมในสัดส่วนอย่างไร โดยในปีนี้ ทปอ. จะเข้าไปร่วมดำเนินการกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กอ.) อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนปีที่ผ่านมา ส่วนเรื่องการนำผลคะแนนเฉลี่ยสะสม ม.ปลาย (GPA) มาใช้ประกอบการคัดเลือก ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีนโยบายว่าในปีการศึกษา 2548 ให้ใช้ 25% แต่ขณะนี้มีกระแสต่อต้านจากนักเรียนและผู้ปกครองจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วย ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของ ศธ. ที่จะต้องไปทบทวนและแจ้งผลให้สาธารณชนทราบ ข้อเสนอของคณะทำงานศึกษาเกี่ยวกับระบบกลางการคัดเลือกนิสิตนักศึกษาประจำปี 2549 หรือแอดมิชชั่น ซึ่งมี ศ.ดร.อดุลย์ วิริยะเวชกุล ประธาน ทปอ. เป็นประธานคณะทำงานดังกล่าวได้ประชุมกันแล้วและมีข้อเสนอในเบื้องต้นไว้ว่า การรับนิสิตนักศึกษาจะรับ 2 แนวทางคือรับตรงและหรือรับร่วม โดยการรับตรงนั้นแต่ละ มหาวิทยาลัยจะเป็นผู้กำหนดองค์ประกอบและสัดส่วนการรับทั้งหมดเองว่า จะพิจารณาจากอะไรบ้าง ส่วนการรับร่วมแต่ละมหาวิทยาลัยต้องตกลงว่าจะรับอย่างไร ใช้องค์ประกอบและสัดส่วนอะไรบ้าง เช่น GPA NT หรือ วิชาเฉพาะ เป็นต้น นอกจากนี้จะต้องมีหน่วยประสานงานกลาง ในการรับสมัครนิสิตนักศึกษาฯ ที่จะทำหน้าที่รับสมัครและประกาศ เพื่อที่ว่า มหาวิทยาลัยจะได้ไม่ต้องต่างคนต่างทำ และเป็นการอำนวยความสะดวกให้นักเรียนมากที่สุด (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 14 มิ.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)
ฝันหวานโรงเรียนเร่งสู่ฝันปั้นวิศวกร 85 โรงนำสอนออกแบบอนุบาล-มัธยม
นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการทำโครงการ หนึ่งอำเภอหนึ่งโรงเรียนในฝัน ว่า ตามเจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรี ที่ให้ทำโครงการนี้ เพราะต้องการให้มีโรงเรียนชั้นดีเกิดมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมายังมีโรงเรียนชั้นดี หรือโรงเรียนยอดนิยมไม่มากพอ ในกรุงเทพฯ ก็มีเพียงไม่กี่โรง และต่างจังหวัดก็มีจังหวัดละ 1-2 โรงเท่านั้น จึงทำให้เกิดปัญหาแย่งที่เรียน ปัญหาเด็กฝาก ดังนั้น ศธ.จำเป็นต้องเร่งพัฒนาเพื่อให้เกิดโรงเรียนยอดนิยมเพิ่มมากขึ้น โดยให้ชุมชนคัดเลือกโรงเรียนเข้าโครงการ ซึ่งผู้บริหารสถานศึกษา จะต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ทั้งการเรียนการสอน การพัฒนาครูด้านเทคโนโลยีสารสนทศ และมีการระดมเครือข่ายมาเป็นพี่เลี้ยง รวมถึงมีผู้อุปถัมภ์โรงเรียน ขณะนี้กำลังเร่งให้มีการสำรวจทรัพยากร และบุคลากรของโรงเรียนที่เข้าโครงการทั้ง 921 โรงพบว่าหลายแห่งมีปัญหาสถาบันที่เป็นพี่เลี้ยงเข้าไปไม่ถึง เนื่องจากโรงเรียนตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล และบางแห่งก็ขาดแคลนครู ซึ่งตนจะทำหนังสือถึง นางพรนิภา ลิมปพยอม เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อให้เร่งหาทางช่วยเหลือ ผช.รมต.ประจำ ศธ. กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้มีการคัดเลือกโรงเรียนจำนวน 85 โรงในโครงการเป็นโรงเรียนเร่งสู่ฝัน ซึ่งตนมีแนวคิดที่จะให้นำวิชาออกแบบเทคโนโลยีเข้าไปสอนตั้งแต่ชั้นประถมถึงมัธยมปลาย เพื่อให้เด็กรู้จักวิธคิดและประดิษฐ์สิ่งของและเทคโนโลยี โดยไม่หวังว่าจะต้องเป็นนักวิทยาศาสตร์หรือวิศวกร แต่ให้รู้จักพื้นฐานของการคิดและประดิษฐ์ ซึ่งในประเทศเยอรมันได้ใช้วิชานี้สอนในโรงเรียนมากว่า 40 ปี แล้วจึงทำให้เยอรมัน จึงมีวิศวกรมากที่สุดในโลก (สยามรัฐ จันทร์ที่ 14 มิ.ย. 47 http://www.siamrath.co.th)
ไทย-อิสราเอลจับมือสอนปวส.พืชศาสตร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประสิทธิ์ จันทร์ดา รองเลขาธิการคณะกรรมการอาชีวศึกษา ได้เป็นประธานเปิดโครงการจัดการเรียนการสอนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาพืชศาสตร์ ระบบทวิภาคีไทย-อิสราเอล ปี 2547 วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีศรีสะเกษ มีนักศึกษาที่ได้รับ การคัดเลือกเข้าร่วมโครงการในระดับประกาศนียบัตรชั้นสูง (ปวส.) จำนวน 150 คน โดยนักศึกษาที่ร่วมโครงการเดินทางไปศึกษาภาคทฤษฎีและฝึกประสบการณ์ด้านเกษตรกรรมในเขต ARAVA ประเทศอิสราเอลจำนวน 16 รายวิชา 46 หน่วยกิต เป็นเวลา 11 เดือน ซึ่งการศึกษาที่ประเทศอิสราเอล นักศึกษารับผิดชอบค่าเดินทางไป-กลับ และค่าใช้จ่าย ส่วนตัว โดยได้รับค่าตอบแทนจากการฝึกภาคปฏิบัติประมาณเดือนละ 12,000-15,000 บาท จากเจ้าของ FARMER การจัดการเรียน การสอนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาพืชศาสตร์ ระบบทวิภาคีไทย-อิสราเอล ปี 2547 เพื่อการส่งเสริมให้นักศึกษาไทยได้มีความรู้และเทคโนโลยีการเกษตรที่ทันสมัย มีประสบการณ์ชีวิตเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศไทยกับอิสราเอล (เดลินิวส์ อังคารที่ 15 มิ.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)
ชาวราชภัฏปลื้มได้เลื่อนชั้นเป็นมหาวิทยาลัยแล้ว
ดร.พลสัณฑ์ โพธิ์ศรีทอง รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กอ.) เปิดเผยว่า ร่าง พ.ร.บ. มหาวิทยาลัยราชภัฏได้ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 121 ตอนที่พิเศษ 23 ก เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. และจะมีผลบังคับใช้กับสถาบันราชภัฏทั้ง 41 แห่งทั่วประเทศ ให้เปลี่ยนเป็นสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.นี้ ซึ่งจะทำให้สถาบันราชภัฏมีความเป็นอิสระ เป็นนิติบุคคล และเป็นมหาวิทยาลัยเช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยทุกแห่ง หลัง จากนี้มหาวิทยาลัยราชภัฏทุกแห่งจะต้องออกข้อบังคับ และนำกฎหมายลูกเข้าสู่สภามหาวิทยาลัย พร้อมที่จะดำเนินการตามกฎหมาย รับโอนทรัพย์สินของสถาบันราชภัฏเดิมให้ไปเป็นของมหาวิทยาลัยราชภัฏแต่ละแห่ง ภายใน 180 วัน นักศึกษาทุกชั้นปีรวมทั้งนักศึกษาใหม่ หรือนักศึกษาที่จบการศึกษาในปีการศึกษา 2547 ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. เป็นต้นไป จะถือว่าเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏ และยืนยันว่าจะยังไม่ขึ้นค่าหน่วยกิต รศ.ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กอ.) กล่าวว่า ได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความคำว่า ปฏิบัติหน้าที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ ซึ่งอาจจะไม่สามารถเบิกเงินประจำตำ-แหน่งได้ และจะเร่งสรรหาอธิการบดีใหม่ภายใน 180 วัน (ไทยรัฐ อังคารที่ 15 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
ดัน มสธ.สู่สากล
ศ.ดร.ปรัชญา เวสารัชช์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) เปิดเผยยุทธศาสตร์การบริหารมหาวิทยาลัย ภายหลังเข้ารับตำแหน่งอธิการบดีว่า สภามสธ.มีมติปรับกลยุทธ์การบริหารงานในรูปแบบใหม่ โดยกำหนดวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยอย่างชัดเจนที่จะเป็นสถาบันอุดมศึกษาทางไกลชั้นนำของโลก ที่จัดการศึกษาเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และให้บริการที่มีคุณภาพ ทั้งยังได้กำหนดแนวทางการพัฒนามหาวิทยาลัยดังนี้ ในส่วนการบริหารงานภายในจะมีการกระจายอำนาจให้หน่วยงานเป็นผู้คิดริเริ่ม ตัดสินใจ และรับผิดชอบงานของแต่ละแห่ง เพื่อแก้ปัญหาความล่าช้า จากการรอการอนุมัติจากศูนย์กลาง พร้อมมีการประเมินวัดผลบุคลากรด้วยเกณฑ์และตัวชี้วัดที่กำหนดชัดเจน มหาวิทยาลัยจะแสวงหารายได้จากความรู้ความ ชำนาญของบุคลากร เช่น การให้บริการอบรมความรู้ในรายวิชาต่างๆ ปรับปรุงหลักสูตรให้ทันสมัยสอดรับกับการพัฒนาประเทศ เพิ่มระบบการเก็บคะแนนระหว่างภาคเรียน นำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน ทั้งในรูปวีซีดี ดีวีดี อินเทอร์เน็ต แต่ยังคงเน้นการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับศิษย์ เพื่อเป็นมหาวิทยาลัย "อี-ยูนิเวอร์ซิตี้" เพิ่มบทบาทของศูนย์วิทยพัฒนา เช่น การจัดสอบแบบเดินทางมาสอบที่ศูนย์ได้ตลอดเวลา และทราบผลสอบภายใน 1 ชั่วโมง การพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการกับองค์กรต่างๆ ทั้งภายในและต่างประเทศ (คมชัดลึก อังคารที่ 15 มิ.ย. 47 http://www.komchadluek.com)
ปัตตานี-ยะลา จังหวัดจัดตั้งวิทยาลัยชุมชน
นายสุธรรม แสงประทุม รมช.ศึกษาธิการ กล่าวในการเปิดการสัมมนาคณะกรรมการสภาวิทยาลัยชุมชน (วชช.) เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ในปีงบประมาณ 2547 ได้ ตั้งงบประมาณการจัดตั้ง วชช. จำนวน 218.729 ล้านบาท สำหรับการดำเนินการ 10 จังหวัด เดิมที่ขยายเป้าหมายการรับนักศึกษาและเตรียมการ 5 จังหวัดใหม่ รวมปัตตานีและยะลา ที่จะจัดตั้งเพิ่มเติมตามโครงการตามแผนยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาคนและสังคม การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ยุทธศาสตร์ที่ 4) "วชช.เป็นกระบวนการหนึ่งที่สามารถรองรับประชาชนที่ต้องการเข้าสู่การศึกษาระดับสูงได้ โดยจัดการศึกษาให้ตอบสนองความต้องการของสังคม การปรับกระบวนการ ศักยภาพของชุมชนในการจัดการศึกษาและพัฒนาอาชีพในทุกพื้นที่ ทั้งนี้อยากให้ช่วยกันดูแลทรัพยากรของประเทศให้เป็นกลไกที่ทำประโยชน์ถึงเป้าหมายในการผลิตมากที่สุดไม่ใช่หล่นหายกลางทาง" นายสุธรรม กล่าว (คมชัดลึก อังคารที่ 15 มิ.ย. 47 http://www.komchadluek.com)
มร.เปิดสถาบันกฎหมายไทย อบรมกม.สิ่งแวดล้อมกับปชช.
ศ.ดร.สุนีย์ มัลลิกะมาลย์ ผอ.สถาบันกฎหมายไทย มหาวิทยาลัยรามคำแหง(มร.) เปิดเผยว่า ทางมหาวิทยาลัยได้จัดตั้งสถาบันกฎหมายไทย ซึ่งเทียบเท่าได้กับคณะวิชา เพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการเสริมสร้างความรู้ วิจัย และพัฒนาองค์ความรู้ทางด้านนิติศาสตร์ และทำหน้าที่ช่วยเหลือเชื่อมโยง แลกเปลี่ยน ถ่ายทอด และส่งผ่านองค์ความรู้ที่ทันสมัยไปสู่ประชาชนและบุคลากร ทางด้านกฎหมายในภาครัฐและภาคเอกชนของประเทศ และศึกษาและวิจัยด้านกฎหมายหรือที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย เพื่อส่งเสริมหรือสนับสนุนการพัฒนากฎหมายของประเทศแก่หน่วยงานของรัฐและองค์กรเอกชนทั้งภายในและภายนอกประเทศ และเป็นศูนย์กลางแห่งความร่วมมือทางวิชาการเชิงสหวิชา เพื่อการวิจัยและพัฒนากฎหมายในระดับท้องถิ่น ภูมิภาค ประเทศ และระหว่างประเทศ สถาบันฯ ยังเป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมและเผยแพร่การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านกฎหมาย หรือที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายระหว่างสถาบันกฎหมายไทยกับหน่วยงานของรัฐและองค์การเอกชนทั้งภายในประเทศ ภายนอกประเทศ และระหว่างประเทศ และยังมีส่วนเผยแพร่ความรู้ทางด้านกฎหมายแก่หน่วยงานของรัฐ องค์กรเอกชน และประชาชนสำหรับเป้าหมาย ด้านการผลิตบุคลากร สถาบันฯ ได้มีเป้าหมายการฝึกอบรมหลักสูตรระยะสั้นให้กับประชาชนโดยไม่จำกัดวุฒิการศึกษา ในลักษณะการบริหารทางวิชาการแก่สังคมด้านกฎหมายต่างๆ ตามสภาวะการณ์ทางสังคมเศรษฐกิจ และการเมืองของประเทศด้วย เป้าหมายแรก คือเปิดหลักสูตรด้านประกาศนียบัตรบัณฑิต ด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อม ให้กับผู้นำท้องถิ่น ซึ่งจะเปิดรับเข้าศึกษาประมาณปีการศึกษา 2548 พร้อมกับเปิดหลักสูตรปริญญาโท ด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน นอกจากนี้ สถาบันฯ ยังมีเป้าหมายให้ความช่วยเหลือและให้บริการกฎหมายแก่ประชาชน รวมทั้งทำหน้าที่เป็นนิติกรณ์ (Notary Public) รับรองเอกสารราชการที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย โดยได้รับการรับรองจากกระทรวงต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว และการจัดกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาคุณภาพทางวิชาการสาขานิติศาสตร์แก่ประชาชนทั่วไป บุคลากรภาครัฐและเอกชน ผอ.สถาบันกฎหมายไทยกล่าว (สยามรัฐ อังคารที่ 15 มิ.ย. 47 http://www.siamrath.co.th)
ครม.อนุมัติตั้งกรรมการ3องค์กรหลัก
นายสุธรรม แสงประทุม รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ที่ประชุมได้เห็นชอบการแต่งตั้งประธานและคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประธานและคณะกรรมการการอุดมศึกษา และประธานและคณะกรรมการการอาชีวศึกษาตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ กรรมการในคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช เป็นประธาน และกรรมการ 16 คน คณะกรรมการการอุดมศึกษา ประกอบด้วย ศ.ดร.พจน์ สะเพียรชัย เป็นประธาน ส่วนกรรมการ 17 คน คณะกรรมการการอาชีวศึกษา ประกอบด้วย ดร.ชนะ กสิภาร์ เป็นประธาน กรรมการ 22 คน (เดลินิวส์ พุธที่ 16 มิ.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)
สอนภาษาอังกฤษแบบซีแอลอี เรียนรู้จากสถานการณ์จริง
อาจารย์ดบัสวี อ่ำจันทร อาจารย์สอนภาษาอังกฤษชั้น ป.5-ป.6 โรงเรียนวัดป้อมวิเชียรโชติการาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ได้นำเทคนิคการสอนแบบใหม่จากประเทศออสเตรเลีย ที่นักการศึกษาของประเทศดังกล่าวใช้สอน ชนเผ่าอะบอริจินส์ ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองที่ไม่รู้จักภาษาอังกฤษให้สามารถพูดภาษาสากลนี้ได้ มาทดลองใช้เป็นเครื่องมือสอนวิชาภาษาอังกฤษให้กับลูกศิษย์ ตั้งแต่ปี 2538 ปรากฏว่า ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ นักเรียนในชั้นสามารถใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่วและแม่นยำ วิธีการสอนดังกล่าวเรียกสั้นๆ ว่า "ซีแอลอี" (Concentrate Language Encounter) หรือ การสอนแบบมุ่งประสบการณ์ทางภาษา อาจารย์ดบัสวี อธิบายว่า วิธีการสอนแบบซีแอลอี ก็คือ การสอนโดยนำเอารูปแบบประสบการณ์ทางภาษาจริงมาสอนเด็กอย่างเป็นระบบมีขั้นตอน เพื่อให้เด็กเรียนรู้ใน 5 ระดับ คือ ระดับที่ 1 รับรู้ ระดับที่ 2 ฝึกความคล่องแคล่วทางภาษา ระดับที่ 3 เกิดความรู้มั่นคงถาวร ระดับที่ 4 สามารถนำความรู้ที่เรียนนำไปประยุกต์ใช้ได้ และระดับที่ 5 นำความความรู้ที่เรียนไปใช้ในชีวิตจริงได้ หลังจากนำการสอนแบบซีแอลอีมาใช้กับนักเรียนชั้น ป.5-ป.6 แล้ว ได้ผลดีกว่าสอนแบบเก่า เพราะเด็กไม่ได้จดจำสิ่งที่เรียนจากการท่องจำ แต่จำได้จากการลงมือปฏิบัติจริงซ้ำๆ หลายขั้นตอนจำขึ้นใจ ทำให้เด็กสามารถสนทนาหรือใช้ภาษาอังกฤษได้จริงและคล่อง แคล่วด้วย เห็นผลสำเร็จชัดเจนอย่างหนึ่ง โดยระยะหลังนักเรียนของโรงเรียนชนะเลิศการแข่งขันแต่งเรียงความภาษาอังกฤษเป็นประจำ เพราะเด็กมีความรู้ที่แตกฉานทางภาษาจนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทุกสถานการณ์ นอกจากนั้นเด็กยังเกิดความคิดสร้างสรรค์และจิตนาการมากกว่าเดิมด้วย หากเพื่อนครูท่านใดสนใจแลกเปลี่ยนความรู้ ติดต่อได้ที่ โรงเรียนวัดป้อมวิเชียรโชติการาม ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โทร.0-3441-1319 หรือ 0-1330-7351 (คมชัดลึก พุธที่ 16 มิ.ย. 47 http://www.komchadluek.com)
พระพี่นางฯทรงแจ้ง"ม.ณิวัฒนา" ถอนชื่อ-สัญลักษณ์-การอุปถัมภ์
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน นายภาวิช ทองโรจน์ รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กอ.) เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ กรมหลวงนราธิวาสราชนคริทร์ ทรงมีพระหัตถเลขาถึงสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ขอให้แจ้งมหาวิทยาลัยณิวัฒนา จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน ให้ถอนชื่อ ถอนสัญลักษณ์ และถอนการอุปถัมภ์ จากที่ทรงพระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้ชื่อ และสัญลักษณ์ของพระองค์ท่านเป็นชื่อ และสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้น ซึ่ง สกอ.ได้แจ้งไปยังนางแสงสี จิยะจันทร์ ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งมหาวิทยาลัยณิวัฒนาแล้ว โดยให้มหาวิทยาลัยเร่งทำเรื่องขอชื่อมหาวิทยาลัยใหม่ ทั้งนี้ พระองค์ท่านทรงเป็นห่วงนักศึกษาที่ยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย ทรงมีรับสั่งให้ สกอ.ดูแลนักศึกษาให้เต็มที่ ซึ่ง สกอ.ได้สนองรับสั่งของพระองค์ท่านเต็มที่ ทั้งนี้ มีนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาแล้ว 3 รุ่น ขอพระราชานุญาตให้พระองค์ท่านเป็นองค์ประธานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรให้ ซึ่งพระองค์ท่านก็เมตตา ทาง สกอ.จะหารือผู้เกี่ยวข้องเพื่อจัดพิธีให้สมพระเกียรติของพระองค์ท่านที่สุด (มติชนรายวัน พุธที่ 16 มิ.ย. 47 http://www.matichon.co.th)
300นิสิต"ม.ณิวัฒนา"บุก"สกอ." ร้อง"ภาวิช"ขอย้ายที่เรียนด่วน
วันที่ 16 มิถุนายน ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) นายกสโมสรนิสิตมหาวิทยาลัยณิวัฒนา จ.สุพรรณบุรี ได้นำนิสิตทุกชั้นปีในคณะนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และบริหารธุรกิจ ประมาณ 300 กว่าคน เข้าพบนายภาวิช ทองโรจน์ รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กอ.) เพื่อขอให้ช่วยเหลือในการโอนย้ายไปยังมหาวิทยาลัยเอกชนอื่นๆ หลังจากสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงมีพระหัตถเลขาถึง สกอ. ขอให้แจ้งมหาวิทยาลัยให้ถอนชื่อ ถอนตราสัญลักษณ์ และถอนการอุปถัมภ์ (มติชน พฤหัสบดีที่ 17 มิ.ย. 47 http://www.matichon.co.th)
อาชีวะขอมีสถาบันตั้งครบทุกจังหวัด
นายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวในการประชุมมอบนโยบายโครงการพัฒนาอาชีพบูรณาการของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ที่ จ.มหาสารคามว่า ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.สถาบันการอาชีวศึกษาได้ผ่านการพิจารณาของสภาในวาระ 1 แล้ว ซึ่ง พ.ร.บ.สถาบันการอาชีวศึกษาจะเป็นจุดขายที่ ทำให้นักเรียนนักศึกษามั่นใจในการเรียนต่อสายอาชีพเพิ่มมากขึ้น ซึ่งโครงสร้างของสถาบันการอาชีวศึกษา จากเดิมที่ได้ทดลองรวมกลุ่ม 28 สถาบันนั้น ขณะนี้ตนกำลังเสนอให้มี 76 สถาบันอยู่ในทุกจังหวัด และให้มีสถาบันเฉพาะทางด้วย เช่น ยานยนต์ อาหาร และการท่องเที่ยว เป็นต้น .(เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 18 มิ.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)
อนุมัติงบให้สมศ. 343 ล. รุกประเมินสถานศึกษา 9,150 แห่ง
ศ.ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบอนุมัติงบประมาณกลางปีงบประมาณ 2547 ให้แก่สมศ.ประมาณ 343 ล้านบาท เพื่อใช้ประเมินคุณภาพภายนอกสถานศึกษาตามแผนที่สมศ.วางไว้ โดยสมศ.จะใช้งบประมาณนี้ประเมินสถานศึกษาเพิ่มเติมจำนวน 9,150 แห่ง แบ่งเป็นสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 9,000 แห่ง สถาบันอาชีวศึกษา 100 แห่ง และสถาบันอุดมศึกษา 50 แห่ง โดยเริ่มประเมินตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ก.ย. 2547 (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 18 มิ.ย. 47 http://www.komchadluek.com)
ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
ดูปองท์ใจดีให้เกษตรกรใช้ข้อมูลค้นหาพันธุ์ข้าวโพดผลิตเชื้อเพลิง
บริษัทไพโอเนียร์จะอนุญาตให้สมาคมเกษตรกรไร่อ้อยในสหรัฐอเมริกาใช้เทคโนโลยี และข้อมูลของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการเพาะปลูกข้าวโพด โดยไม่คิดมูลค่าในการใช้เทคโนโลยี ขณะที่ทางสมาคมจะประสานงานกิจกรรมทุกอย่างเพื่อสร้างมาตรฐานที่ถูกต้องและเป็นธรรมแก่เกษตรกรข้าวโพด และอุตสาหกรรมเอทานอล ซึ่งจะช่วยให้ชาวไร่ข้าวโพดผลิตข้าวโพดที่ได้มาตรฐานเดียวกันสำหรับป้อนโรงงานผลิตเอทานอล อุตสาหกรรมเอทานอลเป็นอุตสาหกรรมที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว และเป็นตลาดสำคัญสำหรับเกษตรกรไร่ข้าวโพด ขณะที่ผลผลิตจากข้าวโพดเริ่มเป็นที่ต้องการของอุตสาหกรรมเพื่อใช้ผลิตเอทานอล สารเติมแต่งเชื้อเพลิงเพื่อช่วยลดการแพร่กระจายของมลพิษ ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาได้รับความนิยมสูงหลังจากสารเติมแต่งราคาถูกอย่าง เอ็มทีบีอี ซึ่งมีราคาถูกกว่าแต่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและแหล่งน้ำเริ่มถูกห้ามใช้เติมในเชื้อเพลิง ไพโอเนียร์ ไฮ-บรีด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของดูปองท์ เปิดให้เกษตรกรที่เป็นลูกค้าในเกือบ 70 ประเทศทั่วโลก สามารถเข้าใช้ข้อมูลพันธุกรรมพืชที่ใช้เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีในการปกป้องข้าวโพด ตลอดจนระบบในการปรับปรุงคุณภาพข้าวโพด (คมชัดลึก จันทร์ที่ 14 มิ.ย. 47 http://www.komchadluek.com)
กู่ก้องให้กังวานไปทั่วท้องจักรวาล ตั้งบริษัทส่งกระจายเสียงสู่อวกาศ
บริษัทบริการโทรคมนาคมครอบจักรวาลที่เพนซิลวาเนียของสหรัฐฯ ชื่อว่าบริษัท "เอนด์เลสส์ เอกโค" ได้ประกาศเปิดบริการส่งสารหรือข้อความส่งกระจายเสียงทางวิทยุ ให้กระจายออกไปในอวกาศนอกโลก ไม่ว่าจะส่งให้ถึงคู่รักคู่ใคร่ที่ล่วงลับไปแล้ว อวยพรวันเกิดให้สมาชิกในครอบครัว และแม้แต่ปลุกปลอบสัตว์เลี้ยงแสนรัก ที่ต้องมีอันพลัดพรากมาสูญหายไปก็ได้ทั้งสิ้น เริ่มเปิดบริการอย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือนนี้ ผู้ต้องการใช้บริการเพียงแค่ติดต่อทางโทรศัพท์ และพูดอัดเสียงข้อความที่กินเวลานานไม่เกิน 1 นาทีไว้ให้ พร้อมกับเสียค่าบริการครั้งละไม่เกิน 10,000 บาท ก็จะได้รับบริการสมปรารถนา (ไทยรัฐ พุธที่ 16 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
ปริ๊นเซสคองเกรสชวนนักวิทยาศาสตร์ไทย อวดงานวิจัยพันธุกรรมกับนักวิทย์ทั่วโลก
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี องค์ประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ จะทรงจัดการประชุมวิทยาศาสตร์นานาชาติ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ครั้งที่ 5 (The Fifth Princess Chulabhorn International Science Congress) ภายใต้หัวข้อเรื่อง "The Evolving Genetics and Its Global Impact" (วิวัฒนาการของพันธุศาสตร์ และผลกระทบต่อโลก) ระหว่างวันที่ 16-20 ส.ค.นี้ ที่ รร.แชงกรี-ลา เพื่อถวายเป็นราชสักการะแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในมหามงคลสมัยที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 72 พรรษา โอกาสนี้ทรงเชิญชวนนักวิทยาศาสตร์ไทยเข้าร่วมการประชุม และส่งผลงานวิจัยด้านพันธุกรรม ซึ่งเป็นวิทยาการใหม่ที่น่าสนใจ เข้าร่วมแสดงกับผลงานของนักวิทยาศาสตร์ นานาชาติด้วย สำหรับการประชุมในครั้งนี้องค์ประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ทรงมีพระประสงค์ให้การประชุมครั้งนี้เป็นเวทีที่นักวิทยาศาสตร์ไทย ได้มีโอกาสแสดงผลงานด้านชีววิทยาเชิงโมเลกุล ชีวเคมี ชีวการแพทย์ เทคโนโลยีชีวภาค และสาขาอื่นๆ ที่ศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับเรื่องของยีน ผลกระทบที่เกิดจากสิ่งแวดล้อม การเกิดโรค การตรวจวินิจฉัย และการรักษาในระดับยีน การตัดต่อยีนทางพันธุวิศวกรรมศาสตร์ เพื่อสร้างและพัฒนาพืชหรือสัตว์ที่มีประโยชน์ต่อมนุษย์ยิ่งขึ้น โดยได้รับเกียรติจากนักวิทยาศาสตร์ระดับรางวัลโนเบล และนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงชั้นนำของโลกกว่า 80 ท่าน เข้าร่วมบรรยายและเสนอผลงาน จึงขอเชิญชวนนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย อาจารย์ นักศึกษาและผู้สนใจเข้าร่วมประชุม และเสนอผลงาน โดยส่งบทคัดย่อมาที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ภายในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ หรือติดต่อขอรับเอกสาร แบบฟอร์ม และรายละเอียดได้ที่ www.cri.or.th/~pc5 หรือที่ 0-2574-0622 ต่อ 1610, 3900. (ไทยรัฐ พุธที่ 16 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
อังกฤษนำระบบสแกนม่านตามาใช้ในสนามบิน
รัฐบาลอังกฤษเปิดเผยว่า อังกฤษจะนำระบบการสแกนม่านตามาทดลองใช้กับสนามบิน 5 แห่ง ในปีหน้า เพื่อจะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยและควบคุมการอพยพเข้าเมืองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ แหล่งข่าวกล่าวว่าการนำระบบดังกล่าวมาทดลองใช้นั้น จะเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ นักเรียนต่างชาติ และคนทำงานที่ได้รับใบอนุญาตเข้ามาทดลองใช้ระบบก่อน โดยจะเลือกใช้กับสนามบินที่มีผู้โดยสารใช้บริการจำนวนมาก 5 แห่ง ในเบื้องต้น คือ สนามบินฮีทโธรว์ แกตวิค สแตนส์ แมนเชสเตอร์ และเบอร์มิงแฮม ในปี 2005 และคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 1 ล้านคน ในเวลา 5 ปี (กรุงเทพธุรกิจ 16 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
มือถือติดดาวเทียม บอกทางแทนไม้เท้า
ศูนย์วิจัยด้านเทคนิคฟินแลนด์ อาศัยเทคโนโลยีระบุพิกัดผ่านดาวเทียม หรือจีพีเอส มาผนวกเข้ากับโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงฐานข้อมูลออนไลน์ ทั้งแผนที่เส้นทางเดินทางและตารางเวลาของเที่ยวเดินรถโดยสารสาธารณะได้ ด้วยระบบนำทางชุดนี้ คนตาบอดสามารถวางแผนการเดินทางด้วยรถโดยสารได้ โดยรับฟังข้อมูลผ่านมือถือ ซึ่งจะบอกเส้นทางในเมืองและบอกจุดขึ้น-ลงรถบนถนนสายที่ใกล้สถานที่ปลายทางได้อย่างถูกต้อง ความแม่นยำดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะเทคโนโลยีจีพีเอส ซึ่งสามารถระบุตำแหน่งคลาดเคลื่อนไม่กี่เมตร นอกจากนี้ อินเทอร์เน็ตยังช่วยให้คนตาบอดสามารถรับฟังข้อมูลข่าวสาร และพยากรณ์อากาศผ่านมือถือได้ตลอดเวลา แม้ระบบนี้จะไม่สามารถแทนที่สุนัขนำทางและไม้เท้าได้โดยอย่างเด็ดขาด แต่ข้อมูลมากมายที่เปิดให้บริการกับผู้ใช้ น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตไม่น้อย อย่างไรก็ตาม บริการนำทางไฮเทคผ่านมือถือกำลังดำเนินการทดสอบอยู่ คาดว่าจะเปิดให้จำหน่ายในเร็วๆ นี้ แต่ทางผู้ผลิตบอกว่าคงให้บริการได้เฉพาะในประเทศฟินแลนด์เท่านั้น (คมชัดลึก พุธที่ 16 มิ.ย. 47 http://www.komchadluek.com)
พบไวรัสมือถือครั้งแรกของโลก
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอ้างคำเปิดเผยของบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ต่อต้านไวรัสสัญชาติรัสเซียชื่อ คาสเปอร์สกี้ แล็บส์ เมื่อวันอังคาร (15 มิ.ย.) ว่า มีการพบไวรัสคอมพิวเตอร์ที่สามารถลุกลามไปติดโทรศัพท์มือถือได้เป็นครั้งแรกของโลก แต่โชคดีที่ยังไม่สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อโทรศัพท์มือถือแต่อย่างใด หน่วยงานในฝรั่งเศสของบริษัทคาสเปอร์สกี้ แล็บส์ กล่าวว่า ดูเหมือนว่าเจ้าไวรัสตัวนี้ที่มีชื่อว่า "คาบีร์" จะได้รับการพัฒนาจากผู้เชี่ยวชาญคอมพิวเตอร์ระหว่างประเทศกลุ่มหนึ่งที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษในการสร้างไวรัสเพื่ออวดศักดาว่าไม่มีเทคโนโลยีใดเชื่อถือได้ และปลอดภัยจากการถูกโจมตีจากพวกตน ทั้งนี้ ไวรัสคาบีร์จะติดระบบปฏิบัติการซิมเบียนที่ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือหลายรายนิยมใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยี่ห้อโนเกีย และจะแพร่กระจายผ่านเทคโนโลยีบลูทูธที่ตอนนี้มีใช้ในโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ หลายรุ่น โดยหลังจากที่ไวรัสเจาะเข้าโทรศัพท์ได้สำเร็จแล้วก็จะเขียนข้อความว่า "คาร์บี้" บนหน้าจอ ซึ่งจะปรากฏขึ้นทุกครั้งที่โทรศัพท์ถูกเปิดขึ้น นอกจากนี้ไวรัสคาบีร์ยังมีความสามารถในการสแกนหาโทรศัพท์ที่ใช้เทคโนโลยีบลูทูธเหมือนกันแล้วถ่ายสำเนาตัวเองไปยังโทรศัพท์เครื่องแรกที่พบ (คมชัดลึก 17 มิ.ย. 47 http://www.komchadluek.com)
ส่งปรมาณูตรวจรอยรั่วปิโตรเลียม ภาคอุตสาหกรรมขานรับ ชี้ลดต้นทุนปิดเครื่องซ่อม
นายสิริพล เชื้ออินต๊ะ วิศวกรนิวเคลียร์ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) เปิดเผยว่า ในปัจจุบันมีการนำพลังงานนิวเคลียร์ไปใช้ในงานอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ในการตรวจสอบเพื่อวิเคราะห์หาความผิดปกติของหอกลั่น โดยใช้รังสีแกมมาซึ่งเป็นรังสีที่สามารถทะลุทะลวงสูง ช่วยหารอยร้าว รอยการกัดกร่อนและสิ่งผิดปกติอื่นๆในหอกลั่น สำหรับดำเนินการซ่อมแซมได้ทันท่วงที ส่งผลเสริมให้การผลิตเป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ วิธีทั่วไปในการตรวจสอบกรณีที่หอกลั่นมีความผิดปกติ และไม่สามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติ จะต้องปิดการทำงานของหอกลั่นเพื่อค้นหาปัญหา ทำให้ต้องมีการสูญเสียนับล้านบาท หากใช้รังสีแกมมาในการตรวจสอบ กระบวนการกลั่นสามารถทำไปด้วยอย่างต่อเนื่องได้ ทั้งยังสามารถทราบปัญหาได้ในเวลาอันรวดเร็ว ในการวิเคราะห์หอกลั่นซึ่งกลั่นปิโตรเลียมแยกสารโดยใช้ความแตกต่างของจุดเดือด และภายในหอจะมีถาดอยู่ตามจุดความสูงต่างๆ เพื่อใช้ในการแยกสาร สามารถใช้รังสีแกมมาตรวจสอบได้โดย ทำการติดตั้งแหล่งกำเนิดรังสีไว้กับเครื่องวัด และนำไปวัดหอ ณ ความสูงต่างๆ โดยใช้เวลาจุดละ 6 วินาทีจากนั้นขยับแหล่งกำเนิดขึ้นไปตามหอครั้งละ 5 ซม. รังสีแกมมาจะทะลุทะลวงเข้าไปจนถึงตัวรับรังสี (เซ็นเซอร์) หากพบถาดและสารปิโตรเลียมซึ่งควบแน่นเป็นของเหลวออกมาและมีความหนาแน่นสูงจะระบุค่าไปที่คอมพิวเตอร์ แต่ถ้ารังสีทะลุผ่านไอระเหยหรืออากาศที่มีความหนาแน่นต่ำ ค่าที่ได้จะระบุต่างไป เมื่อนำค่าที่ได้มาเขียนเป็นกราฟและเทียบกับแผนผังของหอกลั่น จะทำให้ทราบว่าหอกลั่นนั้นมีความผิดปกติหรือไม่ เช่น หากถาดที่ใช้ในการแยกสารเกิดหลุดและหล่นลงมา จะทำให้การกลั่นมีความผิดปกติ เมื่อใช้รังสีแกมมาตรวจสอบจะทราบว่าโครงสร้างภายในของหอกลั่นมีการเปลี่ยนแปลงไป ในการตรวจจะใช้ระยะเวลาหอละ 1 วัน ยงมีการนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ในการฆ่าเชื้อเครื่องมือแพทย์ในขั้นตอนการผลิตจากโรงงาน การฆ่าเชื้อในอุตสาหกรรมอาหาร และควบคุมการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ควบคุมความหนาบางของกระดาษ เหล็กเส้น การใช้รังสีในอุตสาหกรรมไม่มีผลกระทบ ผลตกค้างใดๆ เนื่องจากมีการควบคุมระดับสารที่ใช้ เช่น ปริมาณสารโคบอลต์ 60 อีกทั้งรังสีเหล่านี้ไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเนื้อสารในอาหาร จึงไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ส่วนการนำพลังงานนิวเคลียร์ไปใช้เป็นพลังงานทดแทนเพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งนั้นต้องแล้วแต่นโยบายของรัฐบาลและความยอมรับของประชาชน (กรุงเทพธุรกิจ 18 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
ข่าววิจัย/พัฒนา
เส้นไหมรวมใยฝ้าย นวัตกรรมไหมไทยพันธุ์ใหม่
บริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด (มหาชน) ในเครือสหพัฒน์นำผ้าไหมไทยสายพันธุ์ ใหม่เปิดตัวสู่สาธารณชนอย่างเป็นทาง โดยพัฒนานวัตกรรมนำใยไหมไทยมาผสมผสานกับใยฝ้ายประสบความสำเร็จเป็นผืนผ้าเดียวกันใช้ชื่อว่า "คอตต้า ซิลด์" รศ.เผ่าทอง ทองเจือ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ตนตอบได้ว่าอนาคตผ้าไทยก้าวหน้าแน่นอน จากความสำเร็จข้อแรกที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงส่งเสริมเรื่องผ้าไหมไทย ผ้าฝ้ายตลอดเวลาโดยเฉพาะฉลองพระองค์ ทรงมีความชัดเจนในการใช้ผ้าไทยตลอดเวลา คนไทยเจริญตามรอยพระยุคลบาทตั้งแต่ข้าราชบริพาร ผู้บริหารระดับสูงของประเทศ คนไทยทั่วไป เมื่อชาวต่างประเทศเห็น เกิดความชื่นชมเห็นในความงามของผ้าไทย ขณะนี้ทราบมาว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญาจะจดสิทธิบัตรทำเครื่องหมายรับรองความเป็นผ้าไหมไทยทูลเกล้าฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในโอกาสนี้พระราชทานนกยูงทองให้ใช้เป็นเครื่องหมายรับรองความเป็นผ้าไทย โปรดให้มีการรวบรวมลายผ้าไทยซึ่งรวบรวมได้ 7,200 ลายเพื่อจดลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาในวันที่ 2 ก.ค. นี้ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 14 มิ.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)
ราชมงคลประดิษฐ์เครื่องกะเทาะเปลือกมะม่วงหิมพานต์
ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องจักรกลการเกษตร ได้ มอบหมายให้นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มีนายคฑาวุธ ศรีวัชรกุล, นายคณิต ขาวเหลือง, นายพิรุฬห์ เพียรประสิทธิ์ และ นายเอกพันธุ์ ปานะวุธิ์ ผลิต โครงงานการออกแบบและพัฒนาเครื่องกะเทาะเปลือกเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ กึ่งอัตโนมัติแบบจานแนวดิ่งขึ้นเป็นผลสำเร็จ เครื่องดังกล่าวนี้ ประกอบด้วยแท่นวางเครื่องแบบล้อเลื่อนเป็นฐานสามารถเคลื่อนย้ายได้ มีแท่นเหล็กเป็นตัวรับมอเตอร์สำหรับปั่นเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ พร้อมกับติดตั้งจานหมุนปั่นเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ในแนวดิ่ง เมื่อนำเมล็ดมะม่วง หิมพานต์ใส่เข้าไปและปั่นออกมาทางช่องรับจะสามารถนำบรรจุใส่ถุงได้ทันที เครื่องกะเทาะเปลือกฯ สร้างขึ้นมาจากเศษเหล็กและวัสดุที่มีอยู่ในท้องถิ่น ใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ราคาต้นทุนอยู่ที่ 4,000-5,000 บาท ผลการทดสอบ เครื่องกะเทาะเปลือกฯ จะทำงานได้ดีในอัตราเมล็ดสู่เครื่องที่ 3 กิโลกรัมต่อชั่วโมง โดยรอบความเร็ว ของจานแนวดิ่งที่เหมาะสมคือ 1.44 รอบต่อนาที สามารถให้ค่าเปอร์เซ็นต์ ของเมล็ดเนื้อในเต็มประกบซีก ที่หลุดออกจากเปลือก ทั้งสองด้านเท่ากับร้อยละ 68 และเปอร์เซ็นต์เมล็ดเนื้อในเต็มประกบซีก ที่ติดเปลือกด้านใดด้านหนึ่ง เท่ากับร้อยละ 37.2 คิดเป็นค่าประสิทธิภาพ การทำงานเท่ากับร้อยละ 85.2" ได้ผลดีกว่าเครื่องที่สั่งซื้อจากต่างประเทศ ทางสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล พร้อมที่จะพัฒนาถ่ายทอดความรู้ด้านเทคโนโลยีและปรับปรุงสิ่งประดิษฐ์ เพื่อสร้างบัณฑิตนักปฏิบัติสู่ชุมชนเข้มแข็ง (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 14 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
อุตฯเส้นด้าย พัฒนาระบบกรองน้ำสะอาด
นายวิชัย วิทยฐานกรณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ฟีลา พลัส จำกัด ผู้ผลิตด้ายเย็บในอุตสาหกรรมเครื่องแต่งกาย เปิดเผยว่า บริษัทได้ศึกษาและประยุกต์เทคโนโลยีกรองน้ำจากรัสเซีย สำหรับนำมากรองน้ำใช้ในกระบวนการผลิตเส้นด้ายของโรงงาน เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบน้ำ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลออกกฎหมายห้ามเจาะบ่อน้ำบาดาลเพิ่ม รวมทั้งให้ลดและเลิกใช้น้ำบาดาล หัวใจสำคัญของระบบนี้อยู่ที่ตัวเมมเบรน ซึ่งเป็นสารพลาสติกที่รัสเซียพัฒนาขึ้นมาจนเป็นเส้นเมนเบรนที่มีความละเอียดถึง 0.02 ไมครอน เชื้อโรคไม่สามารถผ่านไปได้ และวัตถุดิบนี้เองที่เรานำเข้ามาและมาแปรรูปให้เป็นตัวกรองในรูปแบบต่างๆ เช่น กรองน้ำประปา น้ำคลอง ซึ่งเมื่อผ่านระบบนี้แล้วสามารถดื่มได้ทันที สำหรับจุดเด่นของระบบกรองน้ำสำหรับครัวเรือนอยู่ที่ขนาดเล็ก และประสิทธิภาพของไส้กรอง รวมน้ำหนักแล้วราว 1 กิโลกรัม หากใช้กรองน้ำในเขตเมืองอายุใช้งานของตัวกรองจะใช้ได้นานหลายปี แต่ถ้านำไปใช้กับน้ำที่มีสิ่งปนเปื้อน เช่น น้ำคลองจะต้องปรับเปลี่ยนระบบกรองให้เหมาะสม ทั้งนี้ บริษัทเตรียมนำโมเดลระบบกรองน้ำไปอวดโฉมในงานจีเอฟที 2004 งานแสดงเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มนานาชาติ ครั้งที่ 13 ระหว่างวันที่ 24-27 มิถุนายน 2547 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 14 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
กรมพลังงาน เลือกเทคโนฯฝีมือไทย ติดตั้งในโรงงานไบโอดีเซลต้นแบบ
รศ.กำพล ประทีบชัยกูร จากบัณฑิตวิทยาร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) และอาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผู้พัฒนา "เครื่องผลิตไบโอดีเซลแบบต่อเนื่อง" ที่กำลังจะเป็นต้นแบบของเครื่องผลิตไบโอดีเซลแบบต่อเนื่องระดับอุตสาหกรรมของประเทศ โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) จะติดตั้งใช้งานจริงที่เชียงใหม่ในโรงงานขนาด 2 ตันต่อวัน "เครื่องผลิตไบโอดีเซลที่มีอยู่เดิมไม่สามารถทำงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้เสียทั้งเวลาและพลังงานโดยไม่จำเป็น อีกทั้งการหยุดเครื่องบ่อยๆ ทำให้คุณภาพของไบโอดีเซลไม่คงที่ จึงได้พัฒนา "เครื่องผลิตไบโอดีเซลแบบต่อเนื่อง" ซึ่งจะทำงานจ่ายสารละลายเมทิลแอลกอฮอล์ ด่างและน้ำมันพืช เข้าไปในถังปฏิกรณ์ได้ โดยไม่ต้องมีการหยุดเครื่อง อีกทั้งยังได้เมทิลเอสเตอร์หรือไบโอดีเซลที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ สามารถนำไปใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลได้ โดยไม่มีผลกระทบกับเครื่องยนต์" ในกระบวนการผลิตไบโอดีเซล จะมีผลพลอยได้อย่างหนึ่ งคือ กลีเซอรอล ที่เป็นส่วนผสมสำคัญในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ มีราคาถึงกิโลกรัมละ 80 บาท ซึ่งโรงงานต้นแบบที่เชียงใหม่ จะมีระบบผลิตกลีเซอร์รีนบริสุทธิ์จากกลีเซอรอลด้วย ขณะที่ต้นทุนการผลิตไบโอดีเซลประมาณลิตรละ 4 บาท กับต้นทุนค่าน้ำมันพืชใช้แล้วที่ซื้อมาจากโรงงานต่างๆ ในราคาปัจจุบันลิตรละ 7-8 บาทเท่านั้น (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 14 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
เครื่องสุคนธบำบัด
ฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ประสบความสำเร็จในการนำพันธุ์ไม้หอมและสมุนไพรไทยสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยที่มีสรรพคุณในการบำบัดได้เทียบเท่ากับน้ำมันหอมระเหยจากต่างประเทศ โดยสกัดน้ำมันหอมระเหยจากพืชสมุนไพรไทยโดยวิธีกลั่นด้วยไอน้ำ ขณะเดียวกันฝ่ายเทคโนโลยีวัสดุร่วมกับฝ่ายวิศวกรรมก็ประสบความสำเร็จในการพัฒนา "เครื่องสุคนธบำบัดอัลตราโซนิกส์" ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่คิดค้นด้วยเทคโนโลยีวิศวกรรมอัลตราโซนิกส์ ทำให้เกิดไอระเหยของน้ำมันหอมระเหย สำหรับสูดดมเพื่อบรรเทาอาการต่าง ๆ ดังนั้น วว.จึงนำศาสตร์ทั้งสองมาผสมผสานกัน โดยเพียงหยดน้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากสมุนไพรลงในเครื่องสุคนธบำบัดอัลตราโซนิกส์ จากนั้นเครื่องจะช่วยกระจายกลิ่นของน้ำมันหอมระเหยไปในอากาศสามารถสร้างบรรยากาศผ่อนคลายหรือกระตุ้นร่างกายให้สดชื่นได้ ผู้สนใจเครื่องสุคนธบำบัดอัลตราโซนิกส์ ติดต่อได้ที่ โทร.0-2579-5515 ต่อ 2015 เวลาราชการ (เดลินิวส์ อังคารที่ 15 มิ.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)
มหิดลพัฒนาแล็บตรวจ 'ไวรัสหวัดนก' จากน้ำ
รัฐบาลเยอรมนีสนับสนุนทุน 1.6 ล้านบาท ให้ม.มหิดล พัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติเตรียมรับมือเชื้อไข้หวัดนกที่อาจเกิดอีกในอนาคต ด้านนักวิจัยคณะสาธารณสุขศาสตร์สร้างเครื่องมือตรวจตัวอย่างน้ำหาการปนเปื้อนเชื้อไวรัสก่อโรค อาทิ โปลิโอ ตับอักเสบเอ รวมถึงเอช5เอ็น1 ที่ปะปนมากับอุจจาระผู้ป่วยและมูลสัตว์ ระบุไวรัสสามารถอยู่รอดในน้ำได้ระยะเวลาหนึ่ง แนะหน่วยงานดูแลน้ำดื่มไม่ควรมองข้าม ดร.ลีรา กิตติกูล ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ภาควิชาได้พัฒนาเพิ่มขีดความสามารถของห้องปฏิบัติการ ในการตรวจหาเชื้อไวรัสในแหล่งน้ำโดยเฉพาะไวรัสไข้หวัดนก (H5N1) ที่มาจากการลักลอบทิ้งมูลสัตว์หรือซากสัตว์ปีกลงในลำน้ำสาธารณะ เพื่อรับรองความปลอดภัยของน้ำก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิตน้ำประปา จากที่ผ่านมาการตรวจคุณภาพน้ำจะดูเฉพาะการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น ทั้งนี้ การตรวจหาไวรัสในแหล่งน้ำทำได้ยาก ดังนั้น ภาควิชาจุลชีววิทยาจึงวิจัยและพัฒนาเทคนิคการตรวจหาไวรัสในแหล่งน้ำ พร้อมทั้งได้ให้บริการตรวจหาไวรัสในแหล่งน้ำดิบที่จะนำมาผลิตเป็นน้ำดื่ม ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งให้บริการตรวจตัวอย่างน้ำจากพื้นที่เสี่ยง ที่ส่งมาจากกรมควบคุมมลพิษ เพื่อหาการปนเปื้อนไวรัสไข้หวัดนกในช่วงที่มีการระบาดขณะนั้น นอกจากนั้นเยอรมนียังให้ความช่วยเหลือในการเพิ่มความพร้อมด้านการจัดการและป้องกันโรคที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 15 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
แบคทีเรียตรวจสารพิษ
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Tennessee ประเทศสหรัฐอเมริการ่วมกับนักวิจัยจากองค์การ NASA ได้ร่วมกันคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีในการตรวจจับสารพิษขึ้นมา แต่เครื่องมือที่นักวิจัยประดิษฐ์ขึ้นมานี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต สิ่งประดิษฐ์ดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า BBICs ซึ่งเป็นชื่อที่ย่อมาจาก Bioluminescent Bioreporter Integrated Circuits ซึ่งเป็นวงจรรวมที่มีแบคทีเรียเป็นส่วนประกอบ
แบคทีเรียดังกล่าวจะต้องเป็นแบคทีเรียที่ผ่านกระบวนการดัดแปลงพันธุกรรมมาแล้วเพื่อที่จะได้มีคุณลักษณะตามที่นักวิจัยต้องการ ซึ่งคุณ ลักษณะดังกล่าวก็คือการที่มันสามารถเรืองแสงสีน้ำเงิน-เขียวได้ยามที่มันสัมผัสกับสารปนเปื้อนหรือสารพิษ โดยที่แบคทีเรียดังกล่าวนั้นเจริญเติบโตอยู่ในวงจรไฟฟ้าที่เชื่อมต่อกับมาตรวัดที่สามารถวัดค่าความสว่างของแสงและแปรสัญญาณออกมาเป็นข้อมูลให้มนุษย์เรารับรู้ได้ ค่าความสว่างที่ต่างกันย่อมแสดงถึงการปนเปื้อนสารพิษในระดับที่ต่างกัน และที่องค์การ NASA เข้ามาเกี่ยวข้องกับงานวิจัยชิ้นนี้ก็คือทาง NASA ต้องการนำเอาสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ขึ้นไปใช้ในยานอวกาศสาเหตุก็เพราะว่าสภาพแวดล้อมในยานอวกาศนั้นเป็นระบบปิดและในแต่ละเที่ยวบินก็เต็มไปด้วยการทดลองทางวิทยาศาสตร์มากมายซึ่งบางการทดลองก็ต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตรายหรืออาจเกิดสารพิษบางชนิดได้ในระหว่างการทดลอง ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องควบคุมระดับการปนเปื้อนของสารพิษให้อยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายของนักบินอวกาศซึ่งก็ต้องอาศัยสิ่งประดิษฐ์ที่มีคุณสมบัติอย่างที่กล่าวมาข้างต้น และสาเหตุที่เลือกใช้แบคทีเรียก็เพราะว่ามีราคาถูกและใช้พลังงานน้อยนั่นเอง ไม่จำกัดเฉพาะการใช้งานบนอวกาศเท่านั้น แต่สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการตรวจจับหาสารพิษ สารปนเปื้อน หรือมลภาวะประเภทต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือแม้แต่อาวุธเคมีหรืออาวุธเชื้อโรคที่ใช้ในการก่อ การร้าย เพียงแค่เลือกใช้แบคทีเรียที่ผ่านกระบวน การตัดต่อทางพันธุกรรมให้ตอบสนองต่อสารปนเปื้อนชนิดต่าง ๆ ตามที่เราต้องการ (เดลินิวส์ พุธที่ 16 มิ.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)
พบเทคนิคใหม่ตรวจหาวัณโรค รู้ผลเร็วช่วยป้องกันเชื้อลาม
ดร.พงศ์ราม รามสูต ภาควิชาเวชศาสตร์สังคมและสิ่งแวดล้อม คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยผลงานวิจัย เรื่องการวินิจฉัยอย่างรวดเร็ว เพื่อแยกเชื้อวัณโรคและโรคเรื้อนที่ดื้อยาไรแฟมพิชินจากผู้ป่วยในประเทศไทย ว่า งานวิจัยได้รับทุนอุดหนุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) โดยนำเทคนิคพีซีอาร์ (polymerase chain reaction) ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณตัวอย่างดีเอ็นเอลงในหลอดทดลองให้เพียงพอ สำหรับใช้ตรวจวิเคราะห์หาลักษณะทางพันธุกรรมของเชื้อโรคจากเสมหะของผู้ป่วยวัณโรค จากการวิจัยพบว่า เชื้อวัณโรคที่ดื้อยาไรแฟมพิชิน จะเกิดการผ่าเหล่าบนดีเอ็นเอของยีน poB ซึ่งเมื่อทำพีซีอาร์เพื่อเพิ่มปริมาณเสร็จแล้ว จะนำดีเอ็นเอไปเรียงลำดับเบสว่ามีการผ่าเหล่าหรือไม่ ซึ่งพบว่ามีการผ่าเหล่าทำให้ทราบว่าเชื้อดังกล่าวมีการดื้อยา ในทางกลับกันหากไม่ผ่าเหล่าถือว่าเป็นเชื้อวัณโรคธรรมดาๆ เท่านั้น ซึ่งวิธีนี้จะทราบผลภายใน 1-2 วันเท่านั้น และเสียค่าใช้จ่ายเพียง 300-400 บาทต่อครั้ง จากวิธีเดิมที่ต้องใช้เวลาเป็นเดือน ในการนำเชื้อวัณโรคจากเสมหะผู้ป่วยไปเพาะเชื้อในห้องปฏิบัติการ สำหรับวิธีใหม่นี้จะทำให้แพทย์ทราบได้ทันทีว่า ผู้ป่วยติดเชื้อวัณโรคสายพันธุ์ไหน และสามารถเปลี่ยนยารักษาให้คนไข้ได้ทันท่วงที และช่วยป้องกันผู้ป่วยแพร่เชื้อไปสู่ชุมชน สำหรับการรักษาวัณโรค แพทย์จะใช้ยาหลักคือ ไรแฟมพิชิน อย่างไรก็ตาม วัณโรคที่ดื้อยาจะต้องใช้ระยะเวลารักษาค่อนข้างนาน และต้องกินยาหลายขนาน นับว่าเป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญของประเทศไทย (กรุงเทพธุรกิจ 16 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
อุตฯเส้นด้ายชูวิจัยผลิตสินค้าคุณภาพสูง เน้นความเหนียวทนแรงดึงป้อนโรงงานเสื้อผ้าส่งออก
นายวิชัย วิทยฐานกรณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ฟีลา พลัส จำกัด ผู้ผลิตด้ายเย็บในอุตสาหกรรมเครื่องแต่งกายมากว่า 60 ปี เปิดเผยว่า บริษัทได้วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเส้นด้าย เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ความเหนียว ทนต่อแรงดึงได้ดี มีความลื่นและเรียบเนียน ซึ่งคุณภาพเส้นด้ายเหมาะสำหรับเทคโนโลยีการตัดเย็บในปัจจุบัน ที่ความเร็วรอบของจักรเย็บผ้าจะอยู่ที่ 3,000 - 7,000 รอบต่อนาที จากเดิมเมื่อ 10 ปีที่แล้วเครื่องจักรเย็บผ้าทำงานได้เร็ว 200-300 รอบต่อนาทีเท่านั้น บริษัทมีห้องปฏิบัติการเป็นของตัวเอง มีห้องวิจัยเพื่อผลิตและทดสอบสีเอง สำหรับขั้นตอนการผลิตเส้นด้ายเนื้อโพลีเอสเตอร์ นายวิชัย อธิบายว่า ใช้วัตถุดิบมาจากปิโตเลียม และนำมาแปรรูปจนถึงขั้นตอนฉีดออกมาเป็นฝอยเหมือนปุยฝ้าย จากนั้นก็ใช้เทคนิคทำให้ปุยเกาะเป็นเส้นและนำมาพันกันให้เกิดความแข็งแรง รวมทั้งเกิดความเรียบที่สม่ำเสมอกัน ซึ่งบริษัทจะทำหน้าที่นำเส้นด้ายเย็บมาผ่านกระบวนการย้อมและเคลือบเงา เพื่อให้เกิดความลื่นและเนียน ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด และด้วยคุณภาพที่มีส่งผลให้บริษัทผ่านการรับรองมาตรฐานสิ่งทอจากสถาบันโอโกเท็กซ์ ในระดับเกรดดีเยี่ยม เมื่อปี 2544 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่มีความปลอดภัยสูง และต่อมาในปี 2546 ได้รับรางวัลระดับนานาชาติในฐานะองค์กรที่มีสินค้าคุณภาพและไฮเทคจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (กรุงเทพธุรกิจ 16 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
หลอดไฟจิ๋วสว่างแจ๋วแหวว กินกระแสไฟฟ้าน้อยลง แต่สว่างกว่าเก่า
ปัจจุบันไฟจราจรที่เห็นตามถนนหนทาง ได้เปลี่ยนจากการใช้หลอดกลมแบบเก่ามาเป็นหลอดไดโอดเปล่งแสงหรือที่เรียกว่า แอลอีดี กันมากขึ้น แต่หลอดแอลอีดียังมีข้อบกพร่องตรงที่มักจะเปล่งแสงออกมาเป็นแสงสีฟ้าก่อน ซึ่งต้องนำมาแปลงเป็นสีขาวอีกที กระบวนการดังกล่าวทำให้เปลืองกระแสไฟฟ้า ดังนั้น นักวิจัยจึงคิดหาวิธีทำให้หลอดแอลอีดีมีประสิทธิภาพมากขึ้น หลอดแอลอีดีทำจากวัสดุที่เป็นสารกึ่งตัวนำ หรือเซมิคอนดักเตอร์ และเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น นักวิจัยจึงพัฒนาให้ผลึกคริสตัลของเซมิคอนดักเตอร์ให้เป็นหลอดไฟเล็กจิ๋วจนตาเปล่ามองไม่เห็น ผลึกคริสตัลเปล่งแสงนี้มีขนาดอยู่ในระดับ "นาโนเมตร" ด้วยขนาดที่เล็กมากนี้ทำให้มันสามารถเปล่งแสงออกมาเป็นสีอะไรก็ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของมัน อย่างไรก็ดี นาโนคริสตัลนี้จำเป็นต้องเคลือบผิวด้วยโมเลกุลชีวภาพ เพื่อให้ไปขวางการวิ่งของอิเล็กตรอน และกระตุ้นให้หลอดไฟจิ๋วเปล่งแสงออกมา ทีมวิจัยจากสำนักงานวิจัยแห่งชาติของสหรัฐ จึงได้คิดเทคนิคทางอ้อมในการทำให้หลอดไฟจิ๋วเปล่งแสง โดยวางแคดเมียมเซรีไนด์ลงบนส่วนที่เรียกว่า "บ่อควันตอม" ซึ่งมีลักษณะเป็นแผ่นเซมิคอนดักเตอร์ขนาดเล็ก ที่ถูกประกบด้วยแผ่นกั้น 2 แผ่น เมื่อแสงเลเซอร์ส่องวาบมาอย่างรวดเร็วที่บ่อควันตอมจะส่งผลให้เกิดอิเล็กตรอน 1 คู่ และทำให้ "อิเล็กตรอนที่ว่างเปล่า" ที่อยู่ตรงกลางมีอนุภาคเป็นประจุบวก ขั้นตอนที่นักวิจัยต้องพัฒนาต่อไป คือ การกระตุ้นบ่อควันตอมที่มีอิเล็กตรอนอยู่ด้วยแสงที่ไม่ใช่แสงเลเซอร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องคิดต่อไปในเชิงวิศวกรรม โดยนักวิทยาศาสตร์เชื่อมั่นว่ามีโอกาสผลิตเป็นอุปกรณ์ใช้งานจริงได้ในอนาคต (คมชัดลึก พุธที่ 16 มิ.ย. 47 http://www.komchadluek.com)
ผลไม้ผลส้มกับกล้วยหอมให้คุณช่วยป้องคุ้มครองลูกตาผู้สูงอายุ
นักวิทยาศาสตร์ของโรงพยาบาลหญิงบริกแฮม ที่นครบอสตัน ได้ล่วงรู้ข้อมูลมาจากการศึกษาวิจัยกับบุคคลต่างๆ ไม่น้อยกว่า 118,000 คน นานเป็นเวลาระหว่าง 12-18 ปีว่า ผู้ที่ขยันรับประทานผลไม้วันละ 3 หนขึ้นไป จะห่างพ้นจากการเป็นโรคตา อันเนื่องจากความแก่ชราเมื่อล่วงเข้าวัยสูงอายุได้มากถึง 36 % เมื่อเทียบกับผู้ที่กินเพียงวันละไม่ถึง 1.5 หนเท่านั้น โรคตาอันเนื่องมาจากความแก่ชรา นับเป็นสาเหตุใหญ่ของผู้สูงอายุวัยเกิน 65 ปีขึ้นไป ต้องตามืดมัวลง เนื่องด้วยบริเวณที่เป็นจุดภาพชัดบนจอตาเกิดเสื่อมสภาพลง ทั้งด้วยการแตกสลายของเซลล์หรือเนื้อเยื่อเสียหาย ด้วยการแตกตัวของเส้นเลือดฝอยแถบใต้จอตา การศึกษาวิจัยพบว่า ผลไม้ที่ให้คุณประโยชน์กับดวงตามากที่สุด ได้แก่ผลส้มกับกล้วยหอม (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 17 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
แขนขาสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับหัวใจมีขาสั้น ทำให้เป็นโรคหัวใจได้ง่าย
หมอเดบบี ลอเลอร์ นักวิจัยของมหาวิทยาลัยบริสตัลแห่งอังกฤษ กล่าวอ้างถึงสาเหตุในรายงานผลการศึกษาว่า สตรีที่มีท่อนขาสั้นกว่าปกติ ส่อถึงว่าได้อาหารการกินไม่เพียงพอ และต้องผ่านชีวิตลำบากยากแค้นมาสมัยเมื่อตอนเด็ก รายงานอ้างว่าหญิงคนใดที่มีท่อนขายาวกว่าธรรมดาทุกๆ 4.3 ซม. จะหนีห่างไกลโรคหัวใจได้มากขึ้นอีก 16% ทีมนักวิจัยได้ศึกษาจากหญิงสูงอายุ วัยระหว่าง 60-79 ปีทั่วอังกฤษ เป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 4,000 คน โดยการวัดความสูง ท่อนขา ลำตัว น้ำหนักตัว พร้อมกับตรวจวัดสภาพของปอด ตลอดจนฐานะความเป็นอยู่ด้วย ตรวจพบว่าเป็นผู้ป่วยด้วยโรคหัวใจอยู่เกือบ 700 คน และผู้ป่วยเหล่านี้ ล้วนแต่มีขนาดท่อนขายาวอยู่ระหว่าง 746.2 ซม.-752.6 ซม. เทียบกับเพื่อนสตรีที่มีสุขภาพสมบูรณ์ทั่วไป ซึ่งจะมีท่อนขายาวอยู่ระหว่าง 757.5-760.3 ซม. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 17 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
วิศวกรปตท.คิดค้นอุปกรณ์ช่วยประหยัดดีเซล เล็งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เอาใจผู้ใช้รถเบนซิน
วิศวกร ปตท.คิดค้นอุปกรณ์ประหยัดน้ำมันดีเซล ประสานหน่วยงานวิจัยและสถาบันการศึกษาทำวิจัยต่อเนื่องถึงผลิตเชิงพาณิชย์ ระบุเป็นผลงานชิ้นแรกและชิ้นเดียวของไทยที่ได้รับมาตรฐานไอเอสโอ 9000 ขณะที่บริษัทแม่ขานรับสั่งติดตั้งในรถ ปตท.ทั่วประเทศ เผยเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์สำหรับเครื่องยนต์เบนซินประมาณต้นปี '48 ผศ.พนมกร ขวาของ ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยได้ร่วมวิจัยเพื่อพัฒนาอุปกรณ์ช่วยประหยัดน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ของภาคธุรกิจเอกชนในท้องถิ่น ที่ต้องการเปลี่ยนวัสดุการผลิตจากเหล็กเป็นวัสดุอื่น พร้อมทั้งทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางในการออกแบบ และทำการทดสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์ในด้านต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคถึงความปลอดภัยของอุปกรณ์ ทางภาควิชาจึงค้นหาวัสดุที่เหมาะสมสำหรับใช้แทนเหล็ก โดยทดสอบวัสดุหลายประเภท อาทิ ทองเหลือง ทองแดง จนกระทั่งได้ผลลัพธ์เป็นเหล็กกล้าไร้สนิม ซึ่งมีคุณสมบัติทนต่อการกัดกร่อนได้ดี ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งาน รวมทั้งมีความสามารถในการถ่ายเทความร้อน และควบคุมอุณหภูมิอยู่ในระดับที่เหมาะสม
นอกจากนี้ ในการทดสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ซึ่งได้วางแผนร่วมกับภาคเอกชนว่า จะทดสอบด้านใดบ้างและอย่างไร พบว่า อุปกรณ์นี้เหมาะสำหรับใช้งานกับเครื่องยนต์ดีเซลเท่านั้น โดยรถยนต์เก่าจะช่วยประหยัดน้ำมัน 15% และรถยนต์ใหม่ 10% สำหรับการคิดค้นอุปกรณ์ประหยัดน้ำมันดีเซลนี้ เริ่มต้นทำวิจัยเมื่อ 7 ปีก่อน จากความต้องการของ ปตท.ที่มีแผนจะลดต้นทุนด้านการใช้น้ำมันเชื้อ เพลิงในยานพาหนะ และเปิดโอกาสให้พนักงานเสนอแนวคิด พร้อมทั้งสนับสนุนการสร้างอุปกรณ์ต้นแบบ ต่อจากนั้นได้รับทุนสนับสนุนจากกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ในการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งได้เป็นผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ตาม ประมาณต้นปี 2548 จะเปิดตัวอุปกรณ์ประหยัดน้ำมันเบนซิน ในฐานะผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 17 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
สศอ.เตือนอุตฯไทยเข้าสู่ภาวะถดถอย จี้ผู้ประกอบการเร่งพัฒนาอาร์แอนด์ดี-คิดนวัตกรรมใหม่ๆ
นางชุตาภรณ์ ลัมพสาระ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า สศอ.มีความเป็นห่วงอุตสาหกรรมไทยจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หากผู้ประกอบการยังไม่เร่งปรับตัวเพิ่มขีดแข่งขัน โดยปรับแนวทางดำเนินธุรกิจสร้างแบรนด์สินค้าของตัวเอง และคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ สร้างศักยภาพการผลิต โดย สศอ.ได้ศึกษาและกำหนดแนวทางเพิ่มขีดแข่งขันผู้ประกอบการ ซึ่งเบื้องต้นต้องเร่งส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา (อาร์แอนด์ดี) ด้านเทคโนโลยีการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของลูกค้า และผลักดันให้เกิดหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้นและระยะยาวเพิ่มทักษะความชำนาญเฉพาะด้านแก่ผู้ประกอบการ จากการจัดทำข้อมูลอุตสาหกรรมเชิงเปรียบเทียบ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันในอุตสาหกรรมไทย 14 สาขาเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่ง พบว่า อุตสาหกรรมไทยยังมีความได้เปรียบหลายๆประเทศในด้านค่าจ้างแรงงาน และต้นทุนการผลิต นอกจากนี้อุตสาหกรรมที่โดดเด่นได้แก่ อาหาร ประเภทแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว ซึ่งไทยส่งออกเป็นอันดับหนึ่งของโลก มีส่วนแบ่งตลาด 54% เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตต่ำ เพราะไทยเป็นแหล่งวัตถุดิบข้าวและปลายข้าว และมีการทำอาร์แอนด์ดีสม่ำเสมอ ทำให้ผลิตสินค้าที่หลากหลายตรงความต้องการของลูกค้า ซึ่งเมื่อเทียบกับบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ พบว่า มีประสิทธิภาพการผลิตต่ำกว่าไทย นอกจากนี้อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เมื่อเทียบกับ จีน และเกาหลีใต้ พบว่า ไทยด้อยกว่าเล็กน้อย เพราะไทยต้องพึ่งพาเทคโนโลยีต้นแบบจากต่างประเทศเป็นหลัก ขาดการคิดค้นนวัตกรรมการผลิตใหม่ๆ ปัญหาสำคัญขณะนี้โรงงานขาดความรู้พื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่จะนำมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิต ซึ่งหากเทียบกับผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น สหรัฐ อังกฤษ และเยอรมนี ไทยยังไม่สามารถแข่งขันได้ ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องให้ความสนใจกับการศึกษาประสิทธิภาพการผลิต มาตรฐานบรรจุภัณฑ์ และการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาพัฒนาการผลิต (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 17 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
สวทช.โชว์เสื้อเชิ้ต-เนกไทนาโนเทค กันคราบเปื้อน-ประหยัดผงซักฟอก วาดฝันไทยแกนนำผลิตภัณฑ์ไฮเทค
ศ.ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ผอ.สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ขณะนี้ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ ได้จัดทำแผนแม่บทนาโนเทคโนโลยีแล้วเสร็จ โดยมุ่งพัฒนา 3 สาขาหลักๆ ได้แก่ นาโนวัสดุ เทคโนโลยีชีวภาพนาโน และนาโนอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมของไทย ทั้งนี้ ตั้งเป้าที่จะผลิตผลิตภัณฑ์ด้านเซ็นเซอร์ กลุ่มอุปกรณ์ นาโนอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ในระบบนำส่งยาและสารสกัดสมุนไพร กลุ่มวัสดุเคลือบนาโน กลุ่มวัสดุดูดซับกรองและตัวเร่งปฏิกิริยา กลุ่มวัสดุสารประกอบ โดยคาดว่าอีก 10 ปี ไทยจะมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้นาโนเทคโนโลยีคิดเป็นร้อยละ 1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ รวมทั้งยกระดับสุขภาพและคุณภาพชีวิตของคนไทย ที่ได้จากการพัฒนาวัสดุอุปกรณ์และระบบที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์และสุขภาพจากนาโนฯ โดยไทยต้องอยู่เป็นแกนนำการศึกษาและวิจัยด้านนาโนฯในภูมิภาคอาเซียน ขณะนี้ศูนย์นาโนฯได้ร่วมกับบริษัทเอ็มดีพี ประเทศไทย วิจัยและพัฒนาเสื้อและเนกไทกันน้ำ รวมทั้งยังสามารถกันคราบหมึก คราบกาแฟและคราบอาหาร โดยเสื้อดังกล่าวใช้เทคโนโลยีจากไต้หวัน ซึ่งใช้อนุภาคนาโนเทคโนโลยีและสารเคมีที่คิดค้นมาเคลือบบนผ้า ทำให้ผ้ามีคุณสมบัติที่ดี สามารถกันน้ำและกันเปื้อนจากคราบต่างๆที่หกรดเสื้อผ้าได้ เช่น ถ้าคราบกาแฟหกใส่ ก็ใช้แค่กระดาษทิชชูซับออกได้โดยไม่มีร่องรอย นอกจากนี้ ยังทำให้ เสื้อซักง่ายขึ้น รวมทั้งช่วยประหยัดผงซักฟอก คาดว่าภายในปลายปีนี้น่าจะผลิตสินค้าดังกล่าวออกมา ส่วนในแง่ของราคาก็อาจจะสูงกว่าปกติเฉลี่ย 30-40% แต่ถ้าผลิตในระดับมากขึ้นก็จะทำให้ราคาลดลงมาได้ นอกจากนี้ ยังมีร่มกันน้ำ และครีมนาโนจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งครีมดังกล่าวใช้นาโนเข้าไปช่วยให้เนื้อครีมมีคุณสมบัติในการแทรกเข้าสู่เซลล์ได้ง่ายขึ้น ทำให้ช่วยลบรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าด้วย ทั้งนี้ จะมีการนำผลงานดังกล่าว โชว์ในงานครบรอบ 12 ปี และงานประชุมประจำปี 2547 นาโนเทคโนโลยี ความท้าทายของประเทศไทย ระหว่างวันที่ 25-30 มิ.ย. ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ ประเทศไทย ปทุมธานี. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 18 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
พบเทคโนโลยีทำเสื้อผ้าไม่ต้องซักรีดโดนแดด ทำความสะอาดตัวเองได้เพราะมันจะทำความสะอาดตัวเองให้กลับสะอาดเอี่ยมได้เอง
นักวิจัยได้พบวิธีที่จะฉาบผ้าฝ้ายด้วยอนุภาคไททาเนียม ไดออกไซด์ อนุภาคขนาดเล็กจิ๋วนี้มีคุณสมบัติ ก่อให้เกิดปฏิกิริยาเคมีย่อยสลายอณูของสารเกิดจากคาร์บอนได้ ชั่วเพียงแต่กระทบกับแดดเข้าเท่านั้น วารสารวิทยาศาสตร์"ธรรมชาติ" รายงานเรื่องนี้ว่า นักวิจัยเชื่อว่า ผ้าอาบอนุภาคไททาเนียม จะใช้ตัดเสื้อผ้าซึ่งจะปลอดจากฝุ่นละออง รอยเปื้อนต่างๆ แม้กระทั่งจุลชีพที่เป็นอันตรายได้ ไม่ว่าจะสวมใส่นานเท่าไรก็ไม่มีวันสกปรก โดยไม่ต้องซักเพราะมันจะทำความสะอาดตัวเอง ตราบเท่าที่โดนถูกแดดบ้าง อนุภาคไททาเนียมที่ฉาบติดเนื้อผ้านั้น แต่ละชิ้นมีขนาดเล็กกว่าความกว้างของเส้นผมคนเราถึง 2,500 เท่า นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยโปลีเทคนิคฮ่องกง ที่เกาลูน เป็นผู้ค้นพบเทคโนโลยีฉาบผ้าฝ้ายด้วยอนุภาคไททาเนียม ไดออกไซด์นี้ โดยเอาผ้าไปชุบกับอนุภาค แล้วนำไปอบในเตาอบ ด้วยอุณหภูมิ 97 องศาเซลเซียส นาน 15 นาที จากนั้นนำไปต้มเป็นเวลานาน 3 ชม.อีกทีหนึ่ง (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 18 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
สกว.เสริมทัพ ยุววิจัยยางพารา
นางวราภรณ์ ขจรไชยกูล ผู้อำนวยการโครงการวิจัยแห่งชาติ:ยางพารา สกว. เปิดเผยว่า เนื่องจากประเทศไทยมีพัฒนาการด้านยางพาราช้า มูลค่าเพิ่มต่ำ อีกทั้งนักวิจัยด้านยางพารามีน้อย ดังนั้นประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางรายใหญ่ที่สุดของโลก ต้องสร้างนักวิจัยด้านนี้เพิ่มขึ้น โดย สกว.ได้ให้ทุนสนับสนุนการวิจัยกับอาจารย์ในสถาบันการศึกษาด้านยางพาราโดยเฉพาะ และโครงการวิจัยย่อยระดับปริญญาตรี ซึ่งนักศึกษาต้องผ่านการทำโปรเจ็ค ก็สามารถเสนอขอทุนเพื่อทำโครงการด้านยางพาราได้ และยังขยายการสร้างนักวิจัยยางลงไปในระดับมัธยมปลายเป็น โครงการยุววิจัยยางพารา เพื่อบูรณาการวิชายางพารา จนเกิดเป็นผลงานฝีมือนักเรียนมัธยมปลายถึง 12 โครงการ ที่แสดงถึงศักยภาพของเด็กไทย ดร.อรสา ภัทรไพบูลย์ชัย ผู้ประสานงานโครงการวิจัยแห่งชาติ:ยางพารา สกว. ชี้ว่า ประเทศไทยยังมีเด็กที่มีความสามารถในการเป็นนักวิจัยจำนวนมาก แต่ยังขาดโอกาสและเวทีแสดงความสามารถ โครงการยุววิจัยยางพารา จึงเป็นช่องทางหนึ่งที่จะให้เด็กได้แสดงศักยภาพของตน ซึ่งความสำเร็จของโครงการในช่วงปีแรกที่เห็นชัดคือ การสามารถสร้างนักวิจัยรุ่นเยาว์ได้ถึง 44 คนแล้ว ยังช่วยกระตุ้นให้ครูที่ที่ปรึกษาได้พัฒนาการเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันด้วย ดังนั้น สกว.จึงประกาศให้ทุนสนับสนุนต่อเนื่อง โครงการยุววิจัยยางพารา เป็นปีที่ 2 จำนวน 40 ทุน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หรือติดต่อขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานประสานงานชุดโครงการวิจัย การพัฒนาอุตสาหกรรมยางพารา (สปว.ยางพารา) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โทร 0-7444-6523, 0-7428-7207 (สยามรัฐ เสาร์ที่ 19 มิ.ย. 47 http://www.siamrath.co.th)
หนุ่มอินทีเรียบางมด อวดกึ๋น!! งาน เปิดโลกเทคโนโลยีและสวนอุตสาหกรรม
เปิดโลกเทคโนโลยีและสวนอุตสาหกรรม งานที่รวบรวมผลงานวิจัยและพัฒนาจนใช้งานได้จริง โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) งานนี้นอกจากจะได้พบกับนวัตกรรมทันสมัยแล้ว ยังจะได้ชื่นชมกับบรรยากาศในงานที่ถูกเนรมิตขึ้นเป็นสวนอันร่มรื่น ซึ่งจะทำให้ผู้ชม ต่างแปลกตาและแปลกใจว่าเดินอยู่อาคารหรือสวนกันแน่ไม่เฉพาะในตัวอาคารเท่านั้น อย่างทางเดิน เพื่อเข้าชมการพัฒนาปรับปรุงกล้วยไม้เพื่อการส่งออก ก็จะประดับด้วยต้นและดอกกล้วยไม้ไปตลอดทาง สวนอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ ถูกเนรมิตขึ้นโดยนักศึกษาฝีมือดี สาขาอินทีเรียดีไซน์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ ชโลทร เตชะสถาพร นักศึกษาปีสุดท้ายของคณะอินเตอร์ อย่างสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ ใครอยากสัมผัสบรรยากาศสวนอุตสาหกรรมของจริง ต้องไม่พลาดงานเปิดโลกเทคโนโลยีและสวนอุตสาหกรรม ที่จะจัดให้มีขึ้นในวันที่ 21-25 มิถุนายน 2547 ณ สวนอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี บางขุนเทียน สอบถามเพิ่มเติมโทร. 0-2470-9740, 02-452-3456 ต่อ 4015,4121 (สยามรัฐ เสาร์ที่ 19 มิ.ย. 47 http://www.siamrath.co.th)
ข่าวทั่วไป
ม.ในกำกับรัฐคืบ เร่งผ่านกฎหมายพร้อมกันปี '48
รศ.ภาวิช ทองโรจน์ รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กอ.) เผยผลคืบหน้า การผลักดันร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยในกำกับรัฐ ขณะนี้เข้าสู่ขั้นตอน สภาผู้แทนฯแล้ว คาดออกนอกระบบ ได้ทั้งหมด ภายในปี 2548 พร้อมดันร่างกฎหมายบริหารบุคคล ในมหาวิทยาลัยฉบับใหม่ ส่งผลให้ศาสตราจารย์ และรองศาสตราจารย์ สามารถต่ออายุราชการได้ถึง 65 ปี ทั้งเพิ่มบทบาท สภามหาวิทยาลัย ในการบริหารงานบุคคล ขณะนี้พ.ร.บ.ของมหาวิทยาลัยบูรพา และมหาวิทยาลัยทักษิณ ได้ผ่านวาระที่ 1 แล้ว คาดว่าจะผ่านวาระที่ 2 และ 3 ในเดือนสิงหาคมนี้ ส่วนสถาบันอุดมศึกษาอื่นนั้น ได้พยายามขับเคลื่อนให้ปรับเปลี่ยนสถานะไปเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐครบทั้งหมด 24 แห่ง ภายในสิ้นปี 2548 "เหตุที่มีความล่าช้าส่วนใหญ่เป็นปัญหาการบริหารการจัดการบุคลากรภายในมหาวิทยาลัย แต่ขณะนี้รัฐบาลยอมรับเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงสถานภาพข้าราชการไปเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย โดยไม่มีกำหนดระยะเวลา ซึ่งรายละเอียดดังกล่าวของแต่ละสถาบัน สกอ. และที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ต้องรวบรวมและแจ้งให้รัฐบาลทราบอีกครั้ง และได้มีการเร่งผลักดันกฎหมายฉบับใหม่สำหรับข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย/สถาบันอุดมศึกษาทั้งของรัฐและในกำกับของรัฐ คือ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ...ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ เพื่อใช้แทน พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย พ.ศ.2507 (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 14 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
จี้รัฐเน้นมาตรการระยะยาว ประหยัดพลังงานต่อเนื่อง
นายจำนง สรพิพัฒน์ ประธานสายวิชาพลังงาน บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม หรือ JGSEE กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดวิกฤตด้านพลังงาน ว่า รัฐบาลควรทำอย่างต่อเนื่องและจริงจัง โดยเฉพาะมาตรการระยะกลางและระยะยาว ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ค่อยให้ความสำคัญ ส่วนใหญ่จะเน้นมาตรการระยะสั้นมากกว่า นอกจากนี้ ควรใช้นโยบายสนับสนุนให้คนหันมาสนใจใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น เช่น การเปลี่ยนชนิดของพลังงาน เช่น เมื่อน้ำมันแพงก็เปลี่ยนไปใช้ก๊าซธรรมชาติแทน หรือการประหยัดพลังงาน ซึ่งถือเป็นมาตรการระยะกลางและยาวที่ถือว่าสำคัญที่สุด ฉะนั้น การแก้ปัญหาด้านพลังงานที่ได้ผลที่สุดอย่างหนึ่ง คือ การใช้น้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ และการใช้มาตรการระยะยาว เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม เมื่อวิกฤตพลังงานหมดไปมาตรการที่ใช้อยู่จะต้องไม่เงียบหายไปด้วย เพื่อให้ไทยสามารถป้องกันและพึ่งพาตัวเองได้เช่นเดียวกับประเทศที่พัฒนาแล้ว (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 14 มิ.ย. 47 http://www.matichon.co.th)
ไทยดัน "พลังงานทดแทน" วาระแห่งเอเชีย
นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการเดินทางกลับจากการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน+3 และเอเปก ที่ประเทศฟิลิปปินส์ว่า ไทยเสนอให้การส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ได้แก่ แก๊สโซฮอล์ ไบโอดีเซล เป็นวาระแห่งเอเชีย ซึ่งประเทศสมาชิก เช่น จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เห็นด้วย หลังจากนี้กระทรวงพลังงานจะเร่งผลักดันนโยบายนี้ และจะจัดประชุมระดมความคิดเห็นเชิงปฏิบัติการระหว่างประเทศ เชิญผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ รวมทั้งผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศต่างๆ ในเอเชีย ร่วมกันศึกษาและหาแนวทางผลักดันให้การใช้พลังงานทดแทนเป็นยุทธศาสตร์หลักของภูมิภาคเอเชีย เพื่อลดผลกระทบจากภาวะราคาน้ำมันของโลก
ทั้งนี้ การนำเอทานอลหรือแอลกอฮอล์ที่สกัดจากพืชบริสุทธิ์ 99.5% มาใช้ทดแทนสารเพิ่มค่าออกเทนหรือเอ็มทีบีอีในน้ำมันเบนซินนั้น กระทรวงพลังงานขอยืนยันความพร้อม ซึ่งขณะนี้มีสถานีบริการน้ำมันจำนวนมากกว่า 100 แห่ง ทั้งของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และมีแผนการเพิ่มกำลังการผลิตเอทานอล 1 ล้านลิตรต่อวัน ในช่วงปี 2547-2549 และจะเพิ่มเป็น 3 ล้านลิตรต่อวัน ในช่วงปี 2550-2551 (ประชาชาติธุรกิจ จันทร์ที่ 14 มิ.ย. 47 http://www.matichon.co.th/prachachat)
อุกกาบาตเท่าลูกส้มโอร่วงใส่บ้าน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากกรุงเวลลิงตันประเทศนิวซีแลนด์เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ว่า หนังสือพิมพ์ซันเดย์ สตาร์-ไทมส์ฉบับวันอาทิตย์รายงานว่า นางเบรนดา อาร์เชอร์ เจ้าของบ้านหลังหนึ่งในเมืองโอ๊คแลนด์เปิดเผยว่า เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา มีเสียงระเบิดดังในบ้าน ได้พบว่าเป็นก้อนอุกกาบาตขนาดเท่าลูกส้มโอ หนักประมาณ 1.3 กก. ตกลงมาทะลุหลังคาบ้าน หล่นลงบนโซฟาห้องรับแขก แล้วกระดอนขึ้นไปกระแทกเพดานห้อง ก่อนที่จะไปสงบนิ่งอยู่ใต้โต๊ะที่ตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ เธอจึงทำตามคำแนะนำที่เคยได้รับจากผู้เชี่ยวชาญว่า ควรทำให้ก้อนอุกกาบาตคลายความร้อนด้วยการนำไปไว้ในเตาอบในห้องครัว หลังจากนั้นก็วางแผนที่จะทำอะไรกับมันต่อไป ซึ่งอาจจะเป็นการขาย หรือไม่ก็มอบให้กับพิพิธภัณฑ์ โดยผู้เชี่ยวชาญได้ตีราคาว่าอาจขายได้มากกว่า 10,000 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ หรือประมาณ 2.5 แสนบาท
เจ้าหน้าที่ของนิวซีแลนด์ระบุว่า การพบลูกอุกกาบาตตกในประเทศนิวซีแลนด์นั้น เกิดขึ้นมาแล้ว 9 ครั้งด้วยกัน และ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มันตกใส่บ้าน (เดลินิวส์ อังคารที่ 15 มิ.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)
สถานการณ์ไวรัส
ข้อมูลจากเทรนด์ ไมโคร แจ้งว่าในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัทได้ประกาศแจ้งเตือนไวรัสถึง 248 ครั้ง ประมาณ 48% เป็นหนอนอินเทอร์เน็ต รองลงมาคือไวรัสประเภทโทรจันและโปรแกรม Back Door และเทรนด์ ไมโครยังพบว่าหนอนไวรัสนี้ไม่เพียงแต่แพร่กระจายตัวเองผ่านทางอีเมลเท่านั้นแต่ยังสามารถรวมเข้ากับโปรแกรม Back Door โทรจัน และเครื่องมือสำหรับแฮกเกอร์อื่น ๆ ที่สามารถขโมยข้อมูลออกไปได้ นอกจากนี้อัตราการแพร่ระบาดของไวรัสยังเพิ่มความถี่ขึ้นเรื่อย ๆ จากเดือนละครั้งเป็นอาทิตย์ละครั้งในปีนี้ เทรนด์ แล็ป บอกว่า หนอนไวรัสที่เกิดขึ้นในเดือนที่ผ่านมา มีการใช้เทคนิคใหม่ ๆ ที่ก้าวล้ำหน้ามากขึ้น และที่อันตรายก็คือหากใครคนใดคนหนึ่งในองค์กรไม่มีการป้องกันแล้วคอมพิวเตอร์อื่น ๆ ในเครือข่ายเดียวกันก็อาจจะกลายเป็นเป้าหมายของหนอนไวรัสได้ตลอดเวลา เพราะไวรัสบนระบบเครือข่ายไม่มีวันหมดอายุ หากเผลอมีไวรัสใหม่ที่มักอาศัยเส้นทางเดียวกับไวรัสเดิมเข้ามา การติดเชื้อแบบข้ามสายพันธุ์อาจจะเกิดขึ้น
ไวรัสร้ายในอดีตก็พร้อมที่จะคืนชีพ แผลงฤทธิ์ได้ทุกเมื่อ (เดลินิวส์ อังคารที่ 15 มิ.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)
อยากรู้เป็น "คนงามเลิศในปฐพี" วัดความงามได้ด้วยมือของตัวเอง
หนังสือพิมพ์ "เดอะ ซิดนีย์ มอร์นิง เฮรัลด์" ของออสเตรเลีย แจ้งว่า ทันตแพทย์สหรัฐฯชื่อ ดร.ยอช เจฟเฟอร์สัน ผู้ซึ่งได้ทุ่มเทศึกษาค้นคว้า ถึงลักษณะของใบหน้าที่งดงาม ไม่ว่าของหญิงหรือชาย เป็นเวลาแรมปี ได้พบในที่สุดแล้วว่า ขนาดของใบหน้าที่งดงามนั้น ควรจะมีอัตราส่วน 1 ต่อ 1.618 เขาอธิบายว่า อัตราส่วนนั้นเป็นอัตราส่วนของระยะ ของแก้มข้างหนึ่งถึงอีกข้างหนึ่ง กับความยาวของใบหน้า โดยวัดจากบนหัวลงมาจดใต้คาง ตัวอย่างเช่น ถ้าหากวัดระยะจากแก้มถึงแก้มเป็น 10 นิ้ว (25 ซม.) ระยะจากบนหัวมาถึงใต้คาง ก็ควรจะวัดได้เป็น 16.18 นิ้ว ดร.ยอชยืนยันว่า "อัตราส่วนนี้อันเดียวเท่านั้น ที่มีความต้องกันและใช้ได้กับความสวยงาม ของทุกสิ่งทุกอย่างได้ ไม่ว่าจะในทางสถาปัตยกรรม หรือในธรรมชาติ แต่ที่สำคัญก็คือดวงหน้าที่สวยงาม" และบอกเสริมว่า "ลักษณะของใบหน้าอันงามนี้ ใช้ได้เป็นสากลเหมือนกันหมด ไม่ว่ากับคนเชื้อชาติไหน เพศหญิงหรือชายและอายุอานามสักเท่าใด" (ไทยรัฐ อังคารที่ 15 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
ลิงชิมแปนซีใกล้สูญพันธุ์ใน20ปีทั้งป่าถูกทำลายและจับฆ่ากินเนื้อ
สมาคมแพน แอฟริกัน แซงจัวอารีย์ อัลไลแอนส์ ในนครโยฮันเนสเบิร์ก สหภาพแอฟริกาใต้ แจ้งว่า ลิงชิมแปนซีที่จะสูญพันธุ์ลงก่อนที่อื่น จะเป็นลิงชิมแปนซีกลุ่มที่ถือเป็นลำดับย่อยของสปีชีส์พวกหนึ่ง พบส่วนใหญ่ อยู่ในประเทศไนจีเรีย ซึ่งปัจจุบันเหลืออยู่สัก 8,000 ตัว กำลังจะต้องสูญพันธุ์ลงภายในเวลา 20 ปีนี้ สมาคมแห่งนี้ได้ดำเนินการ ช่วยเหลือลิงหางสั้นขนาดใหญ่ต่าง ๆ ที่กำพร้าหรือได้รับบาดเจ็บอยู่ในปัจจุบัน สมาคมแจ้งต่อไปว่า ส่วนลิงชิมแปนซีตามส่วนอื่นของโลก ก็จะมีเหลืออยู่บนโลกอีกได้ไม่เกิน 50 ปีข้างหน้านี้ เพราะโดนถูกจับฆ่าเพื่อเอาเนื้อหนัง ซ้ำพื้นที่ป่าซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย โดนบุกรุกทำลายจนลดน้อยถอยลงไปทุกที ทั้งพวกมันก็ยังโดนถูกโรคภัยต่าง ๆ คุกคามอยู่ตามธรรมชาติอีกด้วย (ไทยรัฐ อังคารที่ 15 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
อย่าตามใจปากเปิบอาหารเพลินคนไทยเผชิญโรคไร้เชื้อมากขึ้น
นางนิตยา จันทร์เรืองมหาผล โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตือนชาวไทยอย่าทานอาหารจำพวกที่มีไขมันเพลินจนเกิดไขมันคอเลสเทอรอลสูงไปพอกที่หลอดเลือดแดง ขัดขวางเส้นทางไหลเวียนเลือด เสี่ยงช็อก เตือนกินอาหารมันจัดทำให้เซ็กซ์เสื่อมตายเพราะสมองหัวใจขาดเลือด รวมทั้งทำให้ผู้ชายเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ชี้ขณะนี้คนผอมก็มีสิทธิ์มีไขมันคอเลสเทอรอลในเลือดสูงไม่ต่างจากคนอ้วน ปัจจุบันปัญหาสุขภาพของคนไทยและทั่วโลก กำลังเผชิญกับโรคไร้เชื้อมากขึ้น ที่สำคัญคือโรคอ้วน โรคหัวใจ โรคเบาหวาน สาเหตุสำคัญมาจากการรับประทานอาหารที่มีแป้ง น้ำตาล และไขมันสูง การขาดการออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญอาหาร จึงทำให้อาหารเหล่านี้สะสมในร่างกาย เป็นไขมันทำให้ อ้วนขึ้น ขณะเดียวกัน ในช่วง 10 ปีมานี้ พบว่าคนผอมก็มีปัญหาไขมันคอเลสเทอรอลสูงได้เช่นกัน โดยจากการตรวจสุขภาพประจำปีของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเมื่อเร็วๆนี้ พบว่า คนผอมมีระดับไขมันคอเลสเทอรอลสูงเกินค่าปกติหลายคน ซึ่งโดยทั่วไป ประชาชนมักจะเข้าใจว่าเป็นคนผอมดีกว่า ปลอดภัยกว่าคนอ้วน กินอะไรได้มากกว่าคนอ้วน ซึ่งขณะนี้ไม่ใช่แล้ว คนผอมเสี่ยงไขมันคอเลสเทอรอลสูงได้เช่นกัน (ไทยรัฐ อังคารที่ 15 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
"เขาใหญ่-ดงพญาเย็น"มีลุ้นเป็นมรดกโลก หลังยูเนสโกรับไปพิจารณาแบบมีเงื่อนไข
นายทรงธรรม สุขสว่าง ผอ.ส่วนศึกษาและวิจัยอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าววานนี้ (14 มิ.ย.) ถึงความคืบหน้าการเสนอผืนป่าเขาใหญ่-ดงพญาเย็นจำนวน 4 ล้านไร่เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งที่ 2 ของไทยว่า ล่าสุดทางคณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโกได้ตอบรับการพิจารณาผืนป่าดังกล่าวเข้าเป็นมรดกโลกแล้วพร้อมทั้งมีเงื่อนไขให้ทำเส้นทางเชื่อมป่า เพื่อให้สัตว์ป่าใช้เดินผ่าน ในเดือนต.ค.นี้ ดร.เดวิด เชฟเพริส ผู้แทนจากสมัชชาการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลก (IUCN) จะเป็นหัวหน้าคณะมาทำการประเมินอีกครั้ง เพื่อให้ได้ข้อสรุปเพื่อบรรจุหัวข้อนี้เข้าสู่ที่ประชุม IUCN ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมในเดือนพ.ย.นี้ นอกจากนี้ยังได้เตรียมเสนออุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์-สิมิลัน-ตะรุเตา เพื่อขึ้นบัญชีเป็นมรดกโลกทางทะเลแห่งแรกของไทยด้วย เนื่องจากเป็นแหล่งที่มีทรัพยากรทางธรรมชาติและปะการังก็ติด 1 ใน 10 แห่งของโลก เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ และทัศนียภาพก็สวยงามมาก (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 15 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
พลังเสียง'โอม'พนมมือไหว้ เสริมสร้างสุขภาพดี..ใจสงบ
ศาสตร์ที่ว่าด้วยเรื่องของเสียงนั่นคือ การสวดมนต์ ซึ่งมีความหมายทางภาษา มีคุณค่าทางใจ อีกทั้งมีพลังช่วยให้เกิดความสุข สงบได้
การสวดมนต์ ท่องคาถาของมนุษย์นับแต่อดีตมีมาช้านาน เมื่อช่วงต้นปี ซึ่งครั้งนั้นเพลงสวดมนต์ ผลงานพระทิเบต ได้รับรางวัลแกรมมี่ อวอร์ด ไปครอง การค้นคว้าครั้งนี้ได้ศึกษาเพิ่มเติมจากเอกสารหนังสือและงานวิจัยต่าง ๆ ที่กล่าวถึงการสวดมนต์ โดยพบว่าการเปล่งเสียงที่มีพยัญชนะครบสามารถกระตุ้นให้เกิดพลังได้ แม้ผู้สวดมนต์จะไม่รู้ความหมายของคำที่เปล่งออกมาก็ตาม การสวดมนต์ในพระพุทธศาสนาด้วยภาษาบาลีซึ่งมีความเก่าแก่หลายพันปี เริ่มจากภาษามคธ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 16 แคว้นใหญ่ของประเทศอินเดีย สมัยพุทธกาล พลังเสียงสวดมนต์ที่เกิดขึ้นในที่นี้คือพลังสั่นสะเทือนซึ่งพระอาจารย์สิงห์ทน นราสโภ อดีตอาจารย์ภาควิชาปรัชญา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวไว้ว่าเสียงโอที่เปล่งออกมาจะช่วยกระตุ้นหัวใจ เสียงอือกระตุ้นปอด เสียงอูกระตุ้นตับ เสียงออ เสียงวอ ฯลฯ กระตุ้นไต เสียงอี กระตุ้นระบบขับถ่าย สังเกตได้จากการบอกให้เด็กปัสสาวะ เป็นต้น งานวิจัยของแพทย์ชาวสหรัฐอเมริกาซึ่งได้มีการค้นคว้าพลังสั่นสะเทือนที่มนุษย์ได้จากการสวดมนต์มีผลต่อร่างกายเช่นกัน นอกจากนี้การเปล่งเสียงโอม คำศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินเดีย หากกล่าวด้วยเสียงสูงต่ำจะรู้สึกได้ถึงพลังสั่นสะเทือนของเสียงนี้ไปตามจุดสำคัญของร่างกายจากก้นกบถึงลำคอ ขณะที่พลังเสียงสวดมนต์ส่งผลต่อร่างกาย ในด้านความหมายของบทสวดแต่ละบทต่างก็มีคุณค่า มีความสำคัญควรแก่การน้อมนำไปปฏิบัติ บทสวดที่นิยมส่วนใหญ่จะมีเนื้อหากล่าวถึงการบูชา สรรเสริญพระคุณยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้า พระบารมีตลอดจนพระเมตตาต่อมวลมนุษย์ อาทิ ชัยมงคลคาถา หรือบทพาหุง บทสรรเสริญพระอรหันต์สาวกทั้งหลาย (เดลินิวส์ พุธที่ 16 มิ.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)
ข้อเสนอจากศิลปินแห่งชาติ
กระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดการประชุมสัมมนาเพื่อ ระดมความคิดสนับสนุนงาน วัฒนธรรม พร้อมเสนอปัญหาอุปสรรค แนวทางในการถ่ายทอดภูมิปัญญา ของศิลปินแห่งชาติ ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่ง ประเทศไทย เมื่อไม่นานมานี้ นายสมชาย เสียงหลาย รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ สรุปรายละเอียดมาให้ทราบว่า การประชุมดังกล่าวมีศิลปินแห่งชาติทุกสาขามาร่วมประชุมจำนวน 45 คน นับได้ว่าเป็นการชุมนุมศิลปินแห่งชาติครั้งสำคัญ ศิลปินแห่งชาติ ที่มาประชุมได้เสนอความคิดเห็นเพื่อเป็นแนวทาง ในการส่งเสริมงานด้านวัฒนธรรมและงานของศิลปินแห่งชาติ พอสรุปได้ดังนี้ 1. การคัดเลือกผู้มีผลงานด้านศิลปะควรจะคัดเลือกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มศิลปินรุ่นหนุ่ม หรือรุ่นใหญ่ และกลุ่มศิลปินแห่งชาติ โดยกลุ่มหลังจะต้องคัดเลือกจากผู้มีผลงานเยี่ยมจริงๆ 2. รัฐบาลควรจะจัดสรรงบประมาณและอำนวยความสะดวกแก่ศิลปินแห่งชาติ ที่ประสงค์จะเดินทางไปจัดแสดงผลงานในต่างประเทศ 3. รัฐจะต้องสนับสนุนบุคคลหรือองค์การเอกชนที่มีความพร้อมในการจัดพิพิธภัณฑ์ รวมถึงการให้ความสนับสนุนด้านสวัสดิการแก่ทั้งศิลปินแห่งชาติและศิลปินอิสระ 4. หากรัฐประสงค์จะสนับสนุนงานด้านศิลปวัฒนธรรมอย่างจริงจัง ควรออกกฎหมายเกี่ยวกับ การก่อสร้างอาคาร สำนักงานทั้งของรัฐและเอกชน กำหนดให้จัดพื้นที่ 5% ของอาคารทั้งหมด เพื่อติดตั้งงานประติมากรรม หรืองานจิตรกรรมของศิลปิน 5. เมื่อกระทรวงวัฒนธรรมมอบหมายหรือสั่งการให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด หรือสภาวัฒนธรรมจังหวัดดำเนินการในเรื่องใด ควรแจ้งให้ศิลปินแห่งชาติ ได้ทราบด้วยเพื่อจะได้ช่วยเผยแพร่อีกทาง 6. ขอให้กระทรวงวัฒนธรรมประสานกับกระทรวงต่างประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวก ในการเดินทางไปแสดงงานศิลปวัฒนธรรมในต่างประเทศ และควรมีการลดหรือยกเว้น ค่าบัตรโดยสารเครื่องบินในประเทศให้แก่ศิลปินแห่งชาติด้วย 7. ขอให้รัฐจัดคลื่นสถานีวิทยุท้องถิ่น เป็นคลื่นศิลปวัฒนธรรมโดยเฉพาะ เพื่อให้ศิลปินแห่งชาติได้นำเสนอผลงานด้านศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน (ไทยรัฐ พุธที่ 16 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
เลื่อนอันดับคุณภาพสังคมไทย "ไอเอ็มดี" ชี้อานิสงส์เศรษฐกิจ เติบโตต่อเนื่อง
นายบุญยงค์ เวชมณีศรี รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้แถลงรายงานสถานการณ์ความเคลื่อนไหวทางสังคมในช่วงไตรมาสแรกของปี 2547 ว่า สถาบัน IMD หรือ International Institute for Management Development ได้จัดอันดับภาวะสังคมไทยเปรียบเทียบกับต่างประเทศ บนเวทีโลก 60 ประเทศ โดยในปี 2547 ให้ไทยอยู่ในอันดับที่ 29 ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ที่ไทยอยู่อันดับที่ 30 โดยชี้ว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง แต่ยังมีปัญหาด้านคุณภาพคน ทั้งนี้ กลุ่มตัวชี้วัดสนับสนุนที่ได้รับการจัดอันดับสูงขึ้น คือ ประสิทธิภาพทางธุรกิจ จากอันดับที่ 28 ในปี 2546 มาเป็นอันดับ 23 ในปี 2547 สมรรถนะทางเศรษฐกิจ จากอันดับที่ 14 ในปี 2546 มาเป็นอันดับ 9 ในปี 2547 แต่ปัจจัยที่ต่ำลง คือประสิทธิภาพภาครัฐ จากอันดับที่ 18 ในปี 2546 มาเป็นอันดับที่ 20 ในปี 2547 ลำดับที่ลดลงดังกล่าวไม่ได้หมายความว่า ประสิทธิภาพภาครัฐบาลไทยต่ำลง แต่เนื่องจากเป็นช่วงเดียวกันที่รัฐบาลของประเทศอื่น มีการพัฒนารวดเร็วและมากขึ้นกว่าของไทย และเมื่อเปรียบเทียบความสามารถในการแข่งขันของไทย กับประเทศในเอเชียแปซิฟิก 15 ประเทศ ไทยอยู่อันดับที่ 10 ขณะที่สิงคโปร์อยู่อันดับ 1 มาเลเซีย 5 ญี่ปุ่น 8 และจีนอันดับ 9 (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 17 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
ทำคลอดโรงกลั่นแห่งที่ 8 กระทรวงพลังงานสวนทางประหยัดน้ำมัน
นายพรชัย รุจิประภา รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในเร็วๆนี้กระทรวงพลังงาน จะยื่นขออนุมัติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ พิจารณาเกี่ยวกับการจัดตั้งโรงกลั่นน้ำมัน เพิ่มขึ้นอีก 1 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตประมาณ300,000 บาร์เรลต่อวัน ถือเป็นโรงกลั่นแห่งที่ 8 ของประเทศไทย เพื่อรองรับความต้องการบริโภคน้ำมันภายในประเทศ ที่ขณะนี้โรงกลั่นที่มีอยู่ทั้ง 7 แห่งได้ใช้กำลังการผลิตเต็มประสิทธิภาพ โดยคาดว่าจะสมดุลกับความต้องการในปี 2548 และจะต่ำกว่าความต้องการหลังจากนั้น แต่ก็ยังจำเป็นต้องเตรียมแผนรองรับอนาคตไว้ คาดว่าจะมีมูลค่าลงทุน 2,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ ปัจจุบันโรงกลั่นในไทยมี 7 แห่ง กำลังการกลั่นรวมกัน ประมาณ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน คือไทยออยล์ 220,000 บาร์เรลต่อวัน (เตรียมขยายกำลังผลิตอีก 50,000 บาร์เรลต่อวัน) บางจาก 120,000 บาร์เรลต่อวัน ระยองรีไฟน์เนอร์รี่และสตาร์ปิโตรเลียมรีไฟน์นิ่ง รายละ 145,000 บาร์เรลต่อวัน เอสโซ่ 130,000 บาร์เรลต่อวัน ทีพีไอ 180,000 บาร์เรลต่อวัน (เตรียมขยายกำลังการผลิตอีก 20,000 บาร์เรลต่อวัน) ระยองเพียวรีไฟน์เนอร์รี่ 35,000 บาร์เรลต่อวัน (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 17 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
ผุดโรงงานผลิตเอทานอลที่ขอนแก่นทดแทนเชื้อเพลิงสร้างรายได้ท้องถิ่น
นายรังสรรค์ บุญสะอาด วิศวกร 8 หัวหน้าฝ่ายโรงงานอุตสาหกรรม จังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้มาขออนุญาตจัดตั้งโรงงานผลิตเอทานอล ในจังหวัดขอนแก่น 2 แห่ง คือ บริษัท โรงงานน้ำตาลขอนแก่น ตั้งอยู่ที่ อ.น้ำ พอง มีกำลังการผลิต 1 แสนลิตร/วัน หรือ 30 ล้านลิตร/ปี โดยใช้กากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบในการผลิตเอทานอล ซึ่งอยู่ในระหว่างการลงมือก่อสร้าง คาดจะใช้งบประมาณจำนวน 500 ล้านบาท โดยเป็นตัวโรงงาน และสร้างโรงงานทำปุ๋ยอินทรีย์ ส่วนอีกแห่งหนึ่งก็คือ โรงงานไทยง้วน เอทานอล ตั้งอยู่ที่บ้านโนนศิลา อ.เมืองขอนแก่น ได้ขนเครื่องจักรมาลงและสร้างสำนักงานเสร็จแล้ว ซึ่งมีกำลังการผลิต 25-42 ล้านลิตร/ปี ใช้งบประมาณลงทุน 660 ล้านบาท โดยใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบในการผลิต คาดว่าถ้าโรงงานแห่งนี้เดินเครื่องผลิตเอทานอลขึ้นมาแล้ว มันสำปะหลังทั่วทั้งภาคอีสานก็ยังผลิตไม่พอป้อนโรงงานซึ่งเป็นที่น่ายินดีของชาวอีสานที่โรงงานผลิตเอทานอลเข้ามาตั้งในพื้นที่ของเรา เพราะเชื่อแน่ว่าในอนาคตราคาพืชผลการเกษตรจะมีราคาเพิ่มสูงขึ้นและจะมีอุตสาหกรรมต่อเนื่องตามมาอีกมากมาย ที่เห็นได้ชัดก็คือ กากของมันสำปะหลังจำนวนมหาศาลจะมีการแปรรูปทำเป็นอาหารสัตว์ซึ่งจะเกิดอุตสาหกรรมเลี้ยงสัตว์ใหญ่โตขึ้น การสร้างโรงงานเอทานอลอย่างจริงจัง จะทำให้มีประโยชน์ต่อเกษตรกรทั้งราคาอ้อยและราคามันสำปะหลังที่จะมีราคาเพิ่มสูงขึ้น สำหรับส่วนเศษวัสดุที่เหลือผลิตเอทานอลนั้น ไม่ว่า จะเป็นชานอ้อยหรือแป้งมัน ก็สามารถนำ ไปใช้ทำปุ๋ยหรืออาหารสัตว์ได้ รวมถึงนำไปผลิตกระแสไฟฟ้าได้ นอกจากนี้แรงงานในท้องถิ่นยังมีงานทำเพิ่มขึ้น และที่สำคัญ เอทานอลยังสามารถทดแทนการนำเข้าน้ำมันได้ส่วนหนึ่งถือเป็นการประหยัดเงินตราต่างประเทศรวมทั้ง ลดการขาดดุลการค้าให้กับประเทศได้เป็น อย่างดี.(เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 18 มิ.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)
KMUTT
Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215
|
|
|