|
หัวข้อข่าวปีที่ 5 ฉบับที่ 26 ประจำวันที่ 2004-06-28
ข่าวการศึกษา
สวช.ภูมิใจหออัครศิลปินแหล่งเรียนรู้ ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ มองกระแส"หลักสูตรพิเศษ" มหาวิทยาลัยมุ่งรายได้มากกว่าคุณภาพ เด็กไทยวิกฤติหนัก ครูสาธิตฯ จี้ ร.ร.สร้างวินัย นร. ตั้งองค์กรเฉพาะกิจพัฒนากึ๋นเด็กไทย อาชีวะจับมืออิสราเอลจัดทวิภาคี ดึงเยาวชนไทยเทียบวุฒิการเกษตร เซเว่นเลื่อนเปิดร.ร.อาชีวะ บิ๊กศธ.มั่นใจองค์กรความรู้ช่วยพัฒนาเด็ก วธ.ผลิตหลักสูตรพิเศษ 7 วัน ปั้นนักวัฒนธรรมพันธุ์ใหม่ รมว.ศธ.สั่งจัดแถวร.ร.อีพี ห้ามสอนไทยปนอังกฤษ ไทยส่งเด็กเก่งชุดแรก แข่งคณิตโอลิมปิกที่กรีซ สมศ.ให้ทุนวิจัยด้านการศึกษา สกอ.เร่งหาข้อยุติปรับปรุงเอนทรานซ์ "อดิศัย" ยอมถอยทบทวนใช้จีพีเอ 25% ปี48 ขอเหตุผล หนุนเอ็นทรานซ์ให้เกียรติม.นอกระบบยกคณะรัฐมนตรีคุม
ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
เอกชนลุยอวกาศครั้งแรก ฮาร์ดิสก์จอมซิ่ง เร็วที่สุดในโลก เต่าทะเลมีระบบดาวเทียมนำทางรอนแรมไปในมหาสมุทรได้ไกลๆ ศูนย์การค้าใช้ 'เอ็นจีวี' ผลิตไฟฟ้า ผลิตความเย็น-แสงสว่างในอาคาร วิทย์หนุนปูนซีเมนต์นำร่องโซล่าร์เซลล์ ยกย่องบิดาแห่งเน็ต ผู้สร้างนวัตกรรมใหม่ ดอกไม้นาโน โตแล้ว...เล็กกว่าเส้นผม 1,000 เท่า ตัดแต่งพันธุกรรมพืชผลิตกรดไขมันเหมือนกับที่ได้จากปลา เตือนใช้ 6-DMAP โคลนนิ่งทำสัตว์กลายพันธุ์ กระจกวิเศษทำความสะอาดตัวเองกลางแสงอาทิตย์ ป้องกันโทรศัพท์มือถือทุจริตสอบใช้อุปกรณ์ทางทหารมาล้อมคอก มจธ.ทุ่ม 300 ล้านตั้งสวนอุตสาหกรรม เอกชนไทยโชว์นวัตกรรม รถยนต์ไฟฟ้า นักวิทย์ล่องหนสำเร็จ ร่ายมนต์ทำอะตอมหายวับไปกับตา
ข่าววิจัย/พัฒนา
พึ่งดูดไขมันเพื่อลดความอ้วน ก็ยังไม่รอดจากเป็นคนขี้โรค ฉีกหน้ากากของสัตว์แบบอย่าง ผึ้งเกียจคร้านเอาแต่นอนทั้งวัน ใช้เทคโนฯราคาถูกฟื้นฟูปะการัง ทัพเรือร่วมคืนชีวิตใต้ทะเลถวายสมเด็จฯ สำนักงานนวัตกรรมเปิดเวทีเสนอ 2 ผลงานวิจัยต่างชาติ วิจัยเปลี่ยน'ผนังยีสต์'เป็นสารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน แพทย์ชี้ผงกระชายดำปลอดภัย เลเซอร์แยกชิ้นส่วนคอมพ์ ขยะปลอดตะกั่วส่งรีไซเคิล100% คนไทยยลโฉมเสื้อนาโน คราบชากาแฟไม่ระคายผิวผ้า จำกัดแคลอรี เคล็ดลับอายุยืน ที-เม็กโชว์เครื่องกลจิ๋ววัดแอลกอฮอล์ เร่งสร้างเครือข่ายงานวิจัยพืชสวนเศรษฐกิจ14 ชนิด จัดงบ4.8ล้านบาท ต่อยอดผลงานวิจัยเดิม "กร" ดันภาคอุตฯนำร่องโซลาเซลล์ แพทย์รามาฯ คว้ารางวัลวิทย์ เทียนหอมบำบัดโรค แถมช่วยฆ่าแบคทีเรีย สถาบันวิจัยเพื่อสันติภาพออกเตือนนักพันธุกรรมศาสตร์ที่กำลังวิจัยยีนกันทั่วโลก ระวังอีกด้านของความก้าวหน้าอาจทำให้ผู้ไม่หวังดีนำไปผลิตอาวุธชีวภาพ ทำลายล้างคนเฉพาะกลุ่มได้ นักวิจัยยุ่นเพาะพันธุ์ ปักเป้า ปลอดพิษ ใช้ยางในประเทศผลิตยางรถถัง เสริมทรงให้เป็น "สาวอกไททาเนียม" ใช้เทคนิคอย่างเดียวผ่าตัดไส้เลื่อน สารยืดอายุผลไม้ ปลอดภัยแถมลดอ้วน นักวิจัยไทยสร้าง 'เตาอบอินฟราเรด' เพิ่มคุณภาพสินค้า ศูนย์แสงซินโครตรอน เปิดบ้านต้อนรับเอกชน อุทยานวิทยาศาสตร์จับมือจีน ร่วมวิจัยและพัฒนาโทรคมฯ ไทย-จีนร่วมคิดค้นสมุนไพรแก้เอดส์ สยบโรคร้ายได้ ตั้งรง.ที่ระยอง ไทยผนึกอเมริกา เล็งผุดไซน์ปาร์ค ตั้งใหม่ที่เชียงใหม่ แพทย์ไทยพบยีนกลายพันธุ์ ตัวการหูหนวก สกว.เสริมทัพ ยุววิจัยยางพารา
ข่าวทั่วไป
เข็นพลังแสงอาทิตย์หนีก๊าซ-น้ำมันแพง "โรคซาร์ส" ระบาดติดต่อทางน้ำตาหมอสิงคโปร์ ตรวจพบไวรัสอยู่ในตา "POSSEC" ศูนย์ส่งออกสินค้าเกษตรลดขั้นตอน-เวลา-ค่าใช้จ่ายในจุดเดียว ลอรีอัลยกย่องมอบทุนวิจัย 4 สตรีนักวิทยาศาสตร์ไทย อนามัยโลกเตรียมรับรองไทย ปลอดโรคโปลิโอ 20 โรงงานนำร่อง พัฒนาคุณภาพชีวิต ยึดคนเป็นศูนย์กลาง ศิริราชพบเชื้อ"วีซ่า" แจ้งรพ.ทั่วโลกจับตา "ควร"- "ไม่ควร" ทำอะไรในเวลาฟ้าแลบฟ้าร้อง เตือนระวังอุบัติเหตุร้ายในรถยนต์กระจกหน้าต่างไฟฟ้าหนีบคอเด็ก มหิดลวิจัยสาวกทม. แชมป์มะเร็งเต้านม
ข่าวการศึกษา
สวช.ภูมิใจหออัครศิลปินแหล่งเรียนรู้
นางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล เลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) เปิดเผยว่า ในวันพุธที่ 4 สิงหาคมนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะผู้อำนวยการกองวิชาประวัติศาสตร์ ส่วนการศึกษา โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จะเสด็จพระราชดำเนินนำคณะอาจารย์และนักเรียนนายร้อยชั้นปีที่ 5 ที่เรียนวิชาประวัติศาสตร์ร่วมสมัย จำนวน 224 นาย ไปทัศนศึกษา ณ หออัครศิลปิน ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และในโอกาสนี้จะเสด็จฯ พาคณะไปทัศนศึกษาหอจดหมายเหตุแห่งชาติฯ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนาภิเษกด้วย หออัครศิลปินถือว่าเป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญทางด้านวัฒนธรรมของชาติ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ได้ก่อสร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครบ 50 ปี เพื่อเป็นสถานที่จัดแสดงผลงานด้านศิลปะและวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของพระองค์ท่านใน 9 ด้าน คือ ด้านหัตถกรรม ด้านวาทศิลป์ ด้านวรรณศิลป์ ด้านจิตรกรรม ด้านภาพถ่าย ด้านภูมิสถาปัตยกรรม ด้านประติมากรรม ด้านดนตรี และด้านพระราชนิพนธ์เพลง นอกจากนี้หออัครศิลปินยังได้จัดแสดงชีวประวัติและผลงานของศิลปินแห่งชาติทุกคนในรูปแบบนิทรรศการถาวรอีกด้วย ผู้สนใจจะเข้าชมหออัครศิลปินเป็นหมู่คณะ สามารถติดต่อได้ที่โทร. 0-2986-5020-4 (เดลินิวส์ จันทร์(เดที่ 21 มิ.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)
ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ มองกระแส"หลักสูตรพิเศษ" มหาวิทยาลัยมุ่งรายได้มากกว่าคุณภาพ
ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เพื่อสำรวจปริมาณการเติบโตของหลักสูตรพิเศษ จากการสำรวจมหาวิทยาลัยรัฐ สถาบันอุดมศึกษาเอกชน สถาบันราชภัฏ สถาบันเทคโนโลยี ทั้งหมดจำนวน 158 แห่ง พบว่า มีสถาบันการศึกษาจำนวน 68 แห่ง ที่เปิดสอนนอกสถานที่ มีการเปิดศูนย์บริการจำนวน 276 แห่ง และหลักสูตรที่เปิดสอนนอกสถานที่นั้นมี 939 หลักสูตร มีผู้เรียนทั้งหมดเกือบ 4 แสนคน แต่ละศูนย์มีผู้เรียนเฉลี่ยแห่งละ1,500 คน ซึ่งบางศูนย์มี 200-300 คน ขณะที่บางแห่งมีสูงถึงประมาณ 3,000 คน ทั้งนี้ พบว่า สถาบันอุดมศึกษาที่เปิดหลักสูตรลักษณะดังกล่าวจำนวนมากเป็นมหาวิทยาลัยรัฐ และที่ส่งแบบสอบถามไป 21 แห่ง พบทั้ง 100% มีการเปิดหลักสูตรนอกสถานที่ โดยมีการเปิดเป็นศูนย์บริการจำนวน 115 แห่ง เปิดสอนทั้งหมด 15 หลักสูตร และสถาบันราชภัฏ ส่งแบบสอบถามไป 41 แห่ง พบ 85.36% ที่เปิดนอกสถานที่ มีทั้งหมด 147 ศูนย์บริการ และเปิดสอน 555 หลักสูตร โดยส่วนใหญ่เปิดสอนหลักสูตรเอ็มบีเอ และบริหารการศึกษา หลักสูตรพิเศษ ที่เปิดสอนในสถาบันการศึกษา สกอ.ยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจน หากใช้ประมาณการขั้นต่ำ ขณะนี้มีไม่น้อยกว่า 700 หลักสูตร โดยคิดจากมหาวิทยาลัยที่มีทั้งหมด 500 หลักสูตร ซึ่งแต่ละคณะวิชาเปิดแห่งละ 1 หลักสูตร ถ้าคิดจากมหาวิทยาลัยรัฐ 20 แห่ง เอกชน 30 แห่ง สถาบันราชภัฏ 40 แห่ง แต่ละแห่งมีคณะวิชาประมาณ 6-7 คณะวิชา "แม้หลักสูตรลักษณะพิเศษต่างๆ จะขยายตัวเร็วมาก แต่ก็ไม่ได้มีเกณฑ์มาตรฐานและคุณภาพในการเปิดหลักสูตรดังกล่าวแต่อย่างใด ที่เป็นอยู่ขณะนี้ คือ เมื่อสภามหาวิทยาลัยของแต่ละสถาบันอนุมัติ ก็สามารถเปิดสอนได้เลย ซึ่งจากการสำรวจพบว่า มาตรฐานคุณภาพมีความหลากหลายสูงมาก แต่บางหลักสูตรก็ยังย่อหย่อนนายอมรวิชช์ อธิบายว่า สำหรับเรื่องมาตรฐานและคุณภาพของหลักสูตรพิเศษ ขณะนี้ทาง สกอ.ยังไม่ได้กำหนดเกณฑ์ขึ้นมาควบคุมแต่อย่างใด ประกอบกับภาวะที่บีบมหาวิทยาลัยต้องหารายได้เพื่อเลี้ยงตัวเอง เมื่อการออกนอกระบบราชการ โดยยังไม่มีความชัดเจนในการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐ การหารายได้จึงต้องทำให้มีรูปธรรมมากขึ้น หลักสูตรพิเศษต่างๆ เริ่มมากขึ้นตามกระแสของการออกนอกระบบราชการ ตั้งแต่ปี 2538 และบูมสุดในปี 2542 และ ยังไม่มีการทำวิจัยว่าผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้ว มีความรู้แค่ไหน (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 21 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
เด็กไทยวิกฤติหนัก ครูสาธิตฯ จี้ ร.ร.สร้างวินัย นร.
ครูสาธิต ม.เกษตรฯ ชี้เด็กไทยเข้าขั้นวิกฤติ ขาดวินัย เห็นแก่ตัว เหตุพ่อแม่เลี้ยงลูกไม่เป็น ส่งเสริมให้เด็กใช้มือถือ ส่งผลวัยจ๊าบขาดความอดทน ไม่รู้จักวางแผนชีวิต หน้าที่โรงเรียนแก้ปัญหาสร้างวินัยให้นักเรียน ด้านนักวิชาการระบุสติปัญญาและพัฒนาการเด็กไทยช้า แนะต้องแก้ที่ครอบครัว นางดารณี อุทัยรัตนกิจ รองอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิชาการ โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวตอนหนึ่งในการอภิปรายเรื่อง "วิกฤติในเด็กไทย : ทางออกอยู่ที่ไหน" ในการประชุมเรื่องการพัฒนาสติปัญญาในเด็กไทย ที่โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค เมื่อเร็วๆ นี้ว่า วิกฤติในเด็กไทยตั้งแต่ระดับประถมศึกษาที่พบมากคือ การขาดระเบียบวินัย ขาดความอดทน และขาดการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม เช่น เมื่อเด็กเจอปัญหาจะขาดความอดทนในการแก้ปัญหา หรืออาจแก้ปัญหาไปโดยไม่นึกถึงผลกระทบที่ผู้อื่นจะได้รับ เหมือนการเก็บขยะในพื้นที่ตนเอง แล้วนำไปโยนในที่ของคนอื่น ซึ่งการที่เด็กเป็นแบบนี้ เพราะครอบครัวยุคใหม่ไม่สอนทักษะชีวิตให้ลูก ไม่สอนให้ลูกมีวินัยและความอดทน แต่ทำทุกอย่างให้ง่ายไปหมด และมีความคาดหวังสูง เพราะอยากให้ลูกเก่งด้านวิชาการอย่างเดียว ด้าน พ.ญ.นพวรรณ ศรีวงศ์พานิช สถาบันราชานุกูล กล่าวว่า วิกฤติเด็กไทยที่พบอยู่ในขณะนี้คือ ระดับสติปัญญาและระดับพัฒนาการของเด็กอยู่ในเกณฑ์ที่ช้า และมีจำนวนมากกว่าที่ควรจะเป็น หากไม่ยอมรับความจริงและขาดการแก้ไข จะไม่สามารถเทียบกับประเทศอื่นๆ ได้ สำหรับปัจจัยที่ทำให้เด็กไทยมีพัฒนาการช้ามีหลายส่วน นับตั้งแต่ตัวเด็กเอง ผลกระทบระหว่างการตั้งครรภ์ รวมถึงการเลี้ยงดูของผู้ปกครอง พ.ญ.นพวรรณ กล่าวต่อไปว่า ส่วนสำคัญที่สุดซึ่งจะสามารถเข้ามามีบทบาทสำคัญในการแก้ไขวิกฤติครั้งนี้ ได้แก่ ครอบครัว แต่ต้องยอมรับว่าครอบครัวเองก็ต้องเผชิญปัญหาหลายด้าน เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ กระทั่งทำให้ละเลยการเลี้ยงดูลูก เน้นวัตถุนิยม ละเลยสติปัญญาและคุณธรรม ดังนั้น ทุกฝ่ายต้องเข้ามามีส่วนผลักดันให้ครอบครัวมีความเข้มแข็งมากขึ้น (คมชัดลึก จันทร์ที่ 21 มิ.ย. 47 http://www.komchadluek.com)
ตั้งองค์กรเฉพาะกิจพัฒนากึ๋นเด็กไทย
ตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "นายกฯทักษิณ คุยกับประชาชน" ว่าต้องการให้มีการระดมความคิดเห็นหลายฝ่ายเพื่อยกเครื่องการศึกษาทั้งระบบ นายอดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ ให้ สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ได้มีการดำเนินการจัดตั้งองค์กรมหาชน ซึ่งเป็นการรวมกันระหว่างราชการและรัฐวิสาหกิจ ประกอบด้วย 6 หน่วยงาน คือสำนักงาน ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย ศูนย์ส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษแห่งชาติ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ และศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม โดยองค์กรดังกล่าวเป็นหน่วยงานเฉพาะด้านในการพัฒนาศักยภาพเด็กไทยและการศึกษาไทย มีระยะเวลาการทำงาน 5 ปี หลังจากนั้นจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามารับช่วงต่อ โดยทั้ง 6 แห่งจะมีหน้าที่ในการช่วยพัฒนาสมองของเด็กไทย เพราะที่ผ่านมาพบว่าเด็กมีพัฒนาทางสมองในด้านวิชาการที่ต่ำลง ซึ่งจะเน้นพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และสมอง เป็นหลัก (ไทยรัฐ 22 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
อาชีวะจับมืออิสราเอลจัดทวิภาคี ดึงเยาวชนไทยเทียบวุฒิการเกษตร
นายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการ การอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่า ทาง สอศ.และ RAMAT NEGEV DESERT AGRO - ESERCH CENTER ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยด้านการเกษตรของอิสราเอล ได้ร่วมมือกันจัดอาชีวศึกษาทวิภาคีด้านเกษตรกรรม โดยรับเยาวชนลูกหลานเกษตรกรเข้าร่วมโครงการอาชีวศึกษาเพื่อการพัฒนาชนบท (อศ.กช.) ซึ่งจัดส่งไปเข้ารับการอบรมในศูนย์วิจัยการเกษตร และร่วมปฏิบัติงานในฟาร์มของเกษตรกรในประเทศอิสราเอล เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีชั้นสูงด้านการเกษตรจากประเทศที่ได้ชื่อว่าเอาชนะธรรมชาติจนสามารถสร้างผลผลิตด้านการเกษตรส่งออกขายยังต่างประเทศ ซึ่งล่าสุดหลังไปส่งนักศึกษาของโครงการ จำนวน 93 คน เดินทางไปประเทศอิสราเอลแล้ว โดย สอศ.ได้จัดอาจารย์ของวิทยาลัยร่วมเดินทางไปเป็นที่ปรึกษาของนักศึกษาและประสานงานโครงการ จำนวน 1 คน เมื่อสิ้นสุดโครงการและเดินทางกลับประเทศไทย แล้ววิทยาลัยจะจัดให้มีการทดสอบเทียบโอนประสบการณ์ และจัดการเรียนการสอนด้านวิชาการเพิ่มเติมให้ครบตามหลักสูตรเพื่อรับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) สาขาเกษตรศาสตร์ สาขางานพืชศาสตร์ต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ 22 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
เซเว่นเลื่อนเปิดร.ร.อาชีวะ
ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น เลื่อนแผนเปิดโรงเรียนอาชีวะ ปี 48 เหตุติดขัดเรื่องเอกสาร-บุคลากร โดยแหล่งข่าวระดับสูง ของ บริษัท ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง ความคืบหน้าเกี่ยวกับการจัดตั้งโรงเรียนอาชีวะ เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า สำหรับโครงการดังกล่าวคงต้องเลื่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 48 หลังจากแผนเดิมตั้งเป้าเปิดโรงเรียนในปีนี้ เนื่องมาจากความไม่พร้อมในหลายๆ เรื่อง บริษัทได้แต่งตั้งให้บริษัทลูกคือ บริษัท ศึกษาภิวัฒน์ จำกัด เพื่อมาดำเนินธุรกิจโรงเรียนระดับอาชีวศึกษาเอกชนซึ่งโรงเรียนดังกล่าวจะทำการเปิดสอนในระดับ ปวช. และปวส. 2 สาขา คือ สาขาธุรกิจ เฉพาะด้านค้าปลีกและสาขาช่างที่เกี่ยวข้องกับร้านเซเว่นอีเลฟเว่น รุ่นแรกเปิดรับนักเรียน ที่จบระดับมัธยมศึกษา ปีที่ 3 ประมาณ 200 คน ซึ่งขณะนี้ได้เทคโอเวอร์โรงเรียน 2 แห่ง เพราะต้องการเปิดโดยเร็วที่สุด หากสร้างเองต้องก่อสร้างอย่างน้อย 1 ปี เบื้องต้นจะเปิด 1 แห่งก่อนใช้พื้นที่ 4-5 ไร่ ส่วน ชื่อโรงเรียนอยู่ระหว่างพิจารณาระยะยาวอาจขยายไปถึงระดับมหาวิทยาลัยต่อไป ซึ่งผู้ที่จบการศึกษาและมีผลการศึกษาดีจะรับเข้าทำงานทันที (สยามรัฐ อังคารที่ 22 มิ.ย. 47 http://www.siamrath.co.th)
บิ๊กศธ.มั่นใจองค์กรความรู้ช่วยพัฒนาเด็ก
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. นายอดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องการให้มีการระดมความคิดเห็นเพื่อยกเครื่องการศึกษาทั้งระบบ ว่า ขณะนี้ได้มีพระราชกฤษฏีกาจัดตั้งองค์กรมหาชนขึ้นมาทำหน้าที่ตามแนวคิดของนายกรัฐมนตรี เรียบร้อยแล้ว โดยองค์กรมหาชนดังกล่าวจะมี 6 หน่วยงาน จะหลักทำหน้าที่ดูแลส่วนต่างๆ ได้แก่ สำนักงานศูนย์สร้างสรรงานออกแบบ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย ศูนย์ส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษแห่งชาติ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ และศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณภาพ โดยมีระยะเวลาทำงาน 5 ปี งานหลักจะมีหน้าที่ความรับผิดชอบที่มุ่งไปสู่งการพัฒนาคุณภาพของคนไทย โดยเฉพาะเด็กไทยที่จะต้องมีความพร้อมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และต้องมีความฉลาด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เนื่องจากเด็กใน ปัจจุบันจะเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นกำลังหลักของชาติในอนาคต (สยามรัฐ อังคารที่ 22 มิ.ย. 47 http://www.siamrath.co.th)
วธ.ผลิตหลักสูตรพิเศษ 7 วัน ปั้นนักวัฒนธรรมพันธุ์ใหม่
ดร.กล้า สมตระกูล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้ร่วมมือกับ ม.มหิดล เร่งจัดทำหลักสูตรพิเศษผลิตนักวิชาการวัฒนธรรมขึ้น ได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัด อาทิ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กรมศิลปากร กรมการศาสนา สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย เป็นผู้ร่างหลักสูตรให้มีเนื้อหาบูรณาการงานศาสนา ศิลปวัฒนธรรมระดับท้องถิ่น เพื่อใช้อบรมข้าราชการสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด จำนวน 150 คน ให้มีความรู้ความเข้าใจพื้นฐานและทำงานเบื้องต้นได้อย่างถูกต้องภายใน 7 วัน เฉลี่ยจังหวัดละ 2 คน แบ่งเป็น 3-4 รุ่น ให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายในปีงบประมาณ 2547 "หลักสูตรพิเศษดังกล่าวเป็นการเสริมความรู้งานวัฒนธรรมระดับท้องถิ่น ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีคุณหญิงแม้นมาศ ชวลิต นายกสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย และนายสมประสงค์ วิทยาเกียรติ อดีตอาจารย์ม.สุโขทัยธรรมาธิราช เป็นที่ปรึกษา และในระยะยาวจะพัฒนาหลักสูตรพิเศษดังกล่าว เปิดเป็นหลักสูตรปริญญาตรี, โท, เอก และเปิดเป็นสาขาหนึ่งของสถาบันบัณฑิตย์พัฒนศิลป์ ของกรมศิลปากรตามแนวความคิดของนายอนุรักษ์ จุรีมาศ รมว.วัฒนธรรมภายในปี 2547 ด้วย (คมชัดลึก พุธที่ 23 มิ.ย. 47 http://www.komchadluek.com)
รมว.ศธ.สั่งจัดแถวร.ร.อีพี ห้ามสอนไทยปนอังกฤษ
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับนายอดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ เกี่ยวกับการจัดการศึกษาโรงเรียนนานาชาติและโรงเรียนเอกชนจัดการเรียนการสอนหลักสูตรภาษาอังกฤษ หรืออีพีว่า รมว.ศึกษาธิการมอบนโยบายว่า การจัดสอนหลักสูตรภาษาอังกฤษต้องจัดให้สมบูรณ์ ไม่ใช่สอนคาบเกี่ยวเป็นภาษาอังกฤษบ้างภาษาไทยบ้าง และควรต้องแยกระบบการรับนักเรียน การจัดการเรียนการสอนออกจากโรงเรียนปกติ แต่สามารถใช้ทรัพยากรร่วมกันได้ นายสุรเทพ ตั๊นประเสริฐ ผอ.สำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) กล่าวว่า รมว.ศึกษาธิการ มอบให้ สช.ไปดูภาพรวมของการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรอีพี และตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาวิเคราะห์หลักสูตรของต่างประเทศที่นำมาใช้ในโรงเรียนนานาชาติ เพื่อดูว่าผลดีผลเสียเป็นอย่างไร แนววิธีการเป็นอย่างไร เพื่อนำมาปรับให้เข้ากับการเรียนของไทย และให้เป็นไปตามแนวทางของ ศธ.หรือประยุกต์รวมกัน" นายสุรเทพกล่าว (คมชัดลึก พุธที่ 23 มิ.ย. 47 http://www.komchadluek.com)
ไทยส่งเด็กเก่งชุดแรก แข่งคณิตโอลิมปิกที่กรีซ
นายพิศาล สร้อยธุหร่ำ ผอ.สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เปิดเผยว่า สสวท. จะจัดงานเลี้ยงส่งคณะผู้แทนประเทศไทยไปแข่งขันคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ประจำปี พ.ศ.2547 จำนวน 23 คน ใน 5 สาขาวิชา ได้แก่ วิชาคณิตศาสตร์ เคมี ชีววิทยา ฟิสิกส์ และคอมพิวเตอร์ ในวันพฤหัสบดีที่ 24 มิ.ย.นี้ เวลา 17.00 น. ณ โรงแรมอโนมา กรุงเทพฯ โดยนายสุธรรม แสงประทุม รมช.ศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธี และให้โอวาทกับคณะผู้แทนประเทศไทย สำหรับคณะผู้แทนประเทศไทยที่จะไปแข่งขันคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์โอลิมปิกฯเป็นชุดแรก คือ สาขาคณิตศาสตร์ รวม 6 คน ทำการแข่งขัน ณ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ระหว่างวันที่ 6-18 ก.ค.2547 ได้แก่ นายณภัทร รุจีรไพบูลย์ นายณัฐ เพชระบูรณิน ร.ร.มหิดลวิทยานุสรณ์ นครปฐม นายนิธิ รุ่งธนาภิรมย์ ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา กทม. นายภวัต เตชะพงศ์ธาดา ร.ร.กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย กทม. นายวุฒิศักดิ์ ตรงศิริวัฒน์ ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย กทม. และนายศรัณย์ อาฮูยา ร.ร.มงฟอร์ตวิทยาลัยเชียงใหม่ (สยามรัฐ พุธที่ 23 มิ.ย. 47 http://www.siamrath.co.th)
สมศ.ให้ทุนวิจัยด้านการศึกษา
ศ.ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เปิดเผยว่า สมศ.จัดโครงการให้ทุนอุดหนุนการวิจัยด้านการประกันคุณภาพการศึกษา โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างนักวิจัยทางด้านการประกันคุณภาพการศึกษา ซึ่งโครงการได้ให้มีการวิจัยเกี่ยวกับการบริหารจัดการงานด้านการประกันและประเมินคุณภาพการศึกษา "โดยแบ่งออกเป็น 5 ประเภท คือ การศึกษาขั้นพื้นฐาน อุดมศึกษา อาชีวศึกษา การศึกษาเฉพาะทาง และการจัดการศึกษาทั่วไป ซึ่งทุนอุดหนุนการวิจัยมี 2 ประเภท คือ นักวิชาการ นักวิจัยสนับสนุนไม่เกิน 300,000 บาทต่อโครงการและนิสิต นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาสนับสนุนไม่เกิน 100,000 บาทต่อโครงการ และเริ่มเปิดรับสมัครผู้สนใจขอรับทุนอุดหนุนตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2547 ซึ่งผู้สนใจสอบถามได้ที่โทร.0-2273-0755 หรือดูข้อมูลได้ที่ www.onesqa.or.th" ผอ.สมศ. กล่าว "สำหรับผลงานวิจัยที่ได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยประเภทนักวิชาการ นักวิจัยให้ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ สมศ.เพียงผู้เดียวเท่านั้น ส่วนผลงานวิจัยที่ได้รับทุนอุดหนุนประเภทนิสิต นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาให้ถือเป็นลิขสิทธิ์ร่วมระหว่างผู้ทำวิจัยมหาวิทยาลัย" ผอ.สมศ. กล่าว (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 24 มิ.ย. 47 http://www.komchadluek.com)
สกอ.เร่งหาข้อยุติปรับปรุงเอนทรานซ์
รศ.ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กอ.) เปิดเผยความคืบหน้าการปรับปรุงกระบวนการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาหรือเอนทรานซ์ประจำปี 2548 ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ตนได้เชิญประธานและคณะกรรมการกลั่นกรองข้อสอบชุดวิชาหลัก 9 วิชา มาประชุมเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการในการดำเนินงานใหม่ เนื่องจากเกิดกรณีปัญหาข้อสอบรั่ว แต่ในการประชุมดังกล่าวได้มีคณะกรรมการกลั่นกรองข้อสอบฯ 7 วิชาหลัก ไม่สมัครใจที่จะทำงานต่อไป เพราะไม่พร้อมที่จะปรับตัวเองให้ เข้ากับการทำงานระบบใหม่ ซึ่งตนก็ไม่ได้ยับยั้ง แต่เวลานี้ก็ได้ตัวคณะกรรมการฯ ชุดใหม่ทั้ง 7 วิชาหลักเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแต่ละคนที่เข้ามาใหม่ก็เป็นที่ยอมรับของสังคมไม่น้อยไปกว่าคณะกรรมการฯ ชุดเดิม และมี 2 คน ที่เป็นนายกสมาคมสาขาวิชาชีพด้วย เลขาธิการ กอ. กล่าวต่อไปว่า ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ จะมีการเก็บตัวประธานและคณะกรรมการกลั่นกรองข้อสอบฯ ประมาณ 3 วัน เพื่อสร้างข้อสอบสอบวัดความรู้ฯครั้งที่ 1 ประจำปี 2548 เพราะใกล้จะสอบในเดือนตุลาคมนี้แล้ว ขณะเดียวกันจะพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการเก็บข้อมูลไม่ให้รั่วไหลด้วย ส่วนเรื่องการทำเฉลยข้อสอบนั้นเท่าที่คุยกันในเบื้องต้นจะไม่ทำก่อนที่เด็กสอบ แต่จะทำเฉลยข้อสอบไปพร้อม ๆ กับที่เด็กสอบ โดยจะหาที่ลับในการทำเฉลยข้อสอบ . (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 25 มิ.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)
"อดิศัย" ยอมถอยทบทวนใช้จีพีเอ 25% ปี48 ขอเหตุผล หนุนเอ็นทรานซ์ให้เกียรติม.นอกระบบยกคณะรัฐมนตรีคุม
รศ.ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กอ.) เปิดเผยว่า การสอบเอ็นทรานซ์ปี 2548 ซึ่ง ศธ.ประกาศนโยบายให้ใช้คะแนนเฉลี่ยสะสมระดับ ม.ปลาย 25% นั้น ศ.ดร.ธีรวุฒิ บุญยโสภณ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ ในฐานะประธานคณะทำงานของ ทปอ. ได้เสนอต่อนายอดิศัยว่า ทปอ.เห็นด้วยในหลักการใช้ค่าจีพีเอ แต่ ทปอ.เป็นห่วงผลกระทบทางสังคม จึงขอให้นายอดิศัยทบทวนได้หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้นายอดิศัยชี้แจงต่อ ทปอ. ว่า การกำหนดค่าจีพีเอกี่เปอร์เซ็นต์นั้นไม่ใช่สาระสำคัญ แต่สาระสำคัญคือ การมุ่งให้เด็กสนใจการเรียนมากขึ้น ไม่กวดวิชา และเป็นการเปิดโอกาสให้กับเด็ก ซึ่งข้อถกเถียงกันระหว่างเด็กต่างจังหวัดกับเด็ก กทม.ก็มีอยู่ แต่ไม่ว่าจะใช้กี่เปอร์เซ็นต์ อัตราส่วนของผู้ที่ เข้ามหาวิทยาลัยได้ระหว่างเด็กต่างจังหวัดกับเด็ก กทม.ก็ไม่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้นายอดิศัยก็รับฟังเหตุผล และให้ ศ.ดร.ธีรวุฒิ ทำการวิเคราะห์เชิงวิชาการอีกครั้ง และพร้อมจะปรับปรุงแก้ไข และคิดว่าจะได้ข้อสรุปโดยเร็ว เพราะ สกอ.ต้องพิมพ์คู่มือสอบวัดความรู้ครั้งที่ 1 ในเดือน ก.ค.นี้แล้ว ซึ่งขณะนี้ก็ได้หัวหน้าชุดวิชาครบทั้ง 9 ชุดวิชาแล้ว และกำลังจัดประชุมเชิงปฏิบัติการอาจารย์ผู้ออกข้อสอบ. (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 26 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
เอกชนลุยอวกาศครั้งแรก
นายไมค์ เมลวิลล์ สัญชาติแอฟริกาใต้วัย 62 ปีเตรียมสร้างประวัติศาสตร์เดินทางสู่อวกาศด้วยการเป็นมนุษย์คนแรกที่บินไปกับยานอวกาศของภาคเอกชนเหนือบรรยากาศโลกเมื่อวันจันทร์ โดย นายเมลวิลล์ จะเป็นผู้บังคับยานสเปซชิปวัน ที่ถูกปล่อยออกจากฐานในทะเลทรายโมจาวีของแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐ ในเวลาประมาณ 06.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นด้วยจรวดที่ทะยานสู่ระดับความสูงเหนือพื้นผิวโลกกว่า 100 กม.ด้วยความเร็วเหนือเสียงกว่า 3 เท่า หลังจากนั้นจะปลดตัวออกจากยานขนส่งเข้าสู่อวกาศ นายเมลวิลล์กล่าวว่า เขารู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้รับโอกาสเช่นนี้ เพราะถือเป็นยานอวกาศลำแรกที่สร้างโดยเอกชนที่เป็นการร่วมมือกันระหว่างนายเบิร์ท รูตัน เจ้าของบริษัทสเกล คอมโพสิต กับนายพอล อัลเลน มหาเศรษฐีที่ร่วมก่อตั้งบริษัทคอมพิวเตอร์ไมโครซอฟท์ชื่อดังของอเมริกา ที่ทุ่มเงินให้โครงการอวกาศดังกล่าวมากกว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เดลินิวส์ อังคารที่ 22 มิ.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)
ฮาร์ดิสก์จอมซิ่ง เร็วที่สุดในโลก
เทคนิคการเพิ่มความเร็วให้กับคอมพิวเตอร์ ส่วนใหญ่จะนึกถึงการเพิ่มความเร็วซีพียู เพิ่มหน่วยความจำหรือแรม เพิ่มหน่วยความจำสำหรับการ์ดแสดงผล 3 มิติ แต่น้อยคนจะนึกถึงการเพิ่มความเร็วฮาร์ดดิสก์ ทั้งที่ฮาร์ดดิสก์นับว่ามีความสำคัญอันดับต้นๆ ฮาร์ดดิสก์ที่รู้จักกันทั่วไปมีอยู่ไม่กี่ราย อาทิ แม็กซ์เตอร์ ซีเกต ควอนตัม ไอบีเอ็ม แต่ในวงการผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์แล้ว ยังมีผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์รายใหญ่อีกรายหนึ่ง ชื่อเสียงอาจไม่ฟู่ฟ่านัก แต่ในแง่ของเทคโนโลยีแล้วไม่เป็นรอง เวสเทิร์น ดิจิทัล จะเป็นชื่อที่รู้จักกันในฐานะผู้ผลิตและส่งมอบฮาร์ดดิสก์ให้กับลูกค้ารายใหญ่อย่าง เดลล์และ เฮชพี และขึ้นแท่นเป็นผู้ออกแบบฮาร์ดดิสก์ที่เร็วที่สุดในโลกแบบซีเรียล เอทีเอ โดยตั้งสมญาฮาร์ดดิสก์ว่า "แรพเตอร์" เหมือนกับชื่อไดโนเสาร์ดุร้ายที่รู้จักกันในภาพยนตร์เรื่องจูราสสิก ปาร์ค ไดโนเสาร์ตัวนี้มาพร้อมกับความจุ 74 กิกะไบต์ กับบัพเฟอร์ที่สูงถึง 8 เมกะไบต์ โอนถ่ายข้อมูลได้เร็ว 150 เมกะบิตต่อวินาที ตามรอบการหมุนจานแม่เหล็กที่มากถึง 10,000 รอบต่อนาที และสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ 4.5 มิลลิวินาที ซึ่งจัดว่าแรพเตอร์เป็นฮาร์ดดิสก์ที่เร็วที่สุดในตลาดฮาร์ดดิสก์ตระกูล SATA ที่รองรับการใช้งานในระบบเน็ตเวิร์ค เกม วิดีโอ และกราฟฟิก นายถวัลย์ ศุภพันธ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทเวสเทิร์น ดิจิตอล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แรพเตอร์ถูกออกแบบให้สามารถตรวจสอบข้อผิดพลาดของฮาร์ดดิสก์ ด้วยระบบซอฟต์แวร์ Data Lifeguard ลิขสิทธิ์เฉพาะของเวสเทิร์นดิจิตอล ซึ่งจะช่วยตรวจสอบในขณะที่เครื่องคอมพิวเตอร์หยุดทำงาน การแก้ไขจุดเสียของฮาร์ดดิสก์ รวมถึงซ่อมแซมไปพร้อมๆ กัน ในเวลาที่ไฟตก ระบบจะทำการเซฟหัวอ่านให้กลับมาอยู่ในจุดพักหัวอ่านแบบอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของฮาร์ดดิสก์ให้นานขึ้น เชื่อว่าในเร็ววัน ผู้ใช้คอมพิวเตอร์และนักประกอบคอมพิวเตอร์ชาวไทยอาจจะได้ยินชื่อของเจ้าไดโนเสาร์พันธุ์ดุตัวนี้มากขึ้น (คมชัดลึก อังคารที่ 22 มิ.ย. 47 http://www.komchadluek.com)
เต่าทะเลมีระบบดาวเทียมนำทางรอนแรมไปในมหาสมุทรได้ไกลๆ
นักวิทยาศาสตร์เปิดเผยว่า เต่าทะเลมีเครื่องมือวิเศษเหมือนกับระบบดาวเทียมหาตำแหน่งของมนุษย์ของมัน สามารถตระเวนไปในมหาสมุ.ทรได้ทั่วโลก โดยไม่ เคยหลงทาง นักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ ซึ่งพิศวงกับความสามารถของการเดินทางรอนแรม ในมหาสมุทรของเต่าทะเลเป็นระยะทางไกลๆ เป็นพันๆกิโลเมตร แล้วสามารถวกกลับไปหาแหล่งอาหารเดิม ได้อย่างแม่นยำมานานแล้ว โดยได้ลงมือศึกษามันอีกครั้งหนึ่ง และได้รายงานผลอยู่ในวารสารวิทยาศาสตร์ "ธรรมชาติ" ว่า เต่าทะเลดูเหมือนจะรู้ตำแหน่งของตนเองได้ ด้วยการวัดความอ่อนแก่ในความเข้มของสนามแม่เหล็กโลก (ไทยรัฐ พุธที่ 23 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
ศูนย์การค้าใช้ 'เอ็นจีวี' ผลิตไฟฟ้า ผลิตความเย็น-แสงสว่างในอาคาร
นางสาวพิมพ์ผกา หวั่งหลี ผู้บริหารศูนย์การค้าฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต เผยว่า ทางห้างได้หาวิธีในการลดค่าใช้จ่ายต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ต้องเสียให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเดือนละ 20 ล้านบาท โดยมองหาพลังงานทดแทนจากธรรมชาติอื่นที่มีต้นทุนต่ำกว่า และผลิตได้จากในประเทศมาใช้แทน หลังจากได้ศึกษาความเป็นไปได้แล้ว ทางห้างพบว่าสามารถประหยัดพลังงานได้โดยใช้ก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวีผลิตกระแสไฟฟ้า และสามารถทำความเย็นให้กับอาคารโดยอาศัยพลังงานเหลือทิ้งด้วย "ก๊าซเอ็นจีวีที่นำมาใช้นั้นเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมนุษย์ ต่างจากก๊าซหุงต้มที่ใช้กันอยู่ตามบ้านเรือน เพราะเมื่อก๊าซเอ็นจีวีรั่วก็จะระเหยสู่ชั้นบรรยากาศ ห้างฟิวเจอร์ พาร์ค จึงทำการติดตั้งระบบดังกล่าวขึ้นที่อาคารงานระบบ ซึ่งดูแลการผลิตกระแสไฟฟ้าและระบบปรับอากาศป้อนให้กับตัวห้างสรรพสินค้า โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้างและวางระบบประมาณ 180 ล้านบาท โดยนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาจากต่างประเทศ ซึ่งใช้ก๊าซธรรมชาติผลิตไฟฟ้ากันอย่างแพร่หลาย "ระบบดังกล่าวสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 4.5 เมกะวัตต์ต่อวัน จากก๊าซธรรมชาติ 6 แสนลูกบาศก์ฟุต โดยคาดว่าจะช่วยประหยัดพลังงานได้ร้อยละ 15 เปอร์เซ็นต์ และลดการซื้อไฟฟ้าลงร้อยละ 4 ทั้งยังสามารถมีไฟฟ้าสำรองในกรณีที่การจ่ายไฟฟ้าจากภาครัฐเกิดการขัดข้อง" นางสาวพิมพ์ผกา อธิบายและชี้ว่า ระบบนี้จึงเหมาะกับอาคารที่เปิดใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง อาทิ โรงแรม และโรงพยาบาล ทางห้างยังคงต้องซื้อไฟฟ้าจากภาครัฐเป็นหลัก โดยกระแสไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวีจะเป็นตัวเสริมเท่านั้น จุดคุ้มทุนจากการลงทุนระบบนี้อยู่ที่ระยะเวลา 7 ปี (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 23 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
วิทย์หนุนปูนซีเมนต์นำร่องโซล่าร์เซลล์
ดร.พอพนธ์ ลิชณนุกฤษฏ์ รองผู้อำนวยการโครงการศูนย์เทคโนโลยีพลังงาน สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า สวทช.ได้เตรียมเสนอแผนวิจัยและพัฒนาระบบเซลล์แสงอาทิตย์ต้นทุนต่ำ มีระยะเวลาวิจัยตั้งแต่ 2548-2555 ด้วยงบประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อคณะรัฐมนตรี โดยมีเป้าหมายที่จะวิจัยเพื่อให้ได้วัสดุในการผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์มีราคาต่ำ ต่ำ เน้นตั้งแต่กระบวนการผลิตต้นน้ำ เชื่ออีก 8 ปี ต้นทุนพลังงานแสงอาทิตย์เท่ากับใช้น้ำมันในการผลิตไฟฟ้า พร้อมผลักดันอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และกลุ่มแสงโสมนำร่องใช้ประโยชน์ก่อนขยายสู่อุตสาหกรรมอื่น ด้านนายกร ทัพพะรังสี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กล่าวแถลงถึงความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชนในการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีเทคโนโลยีผลิตพลังงานแสงอาทิตย์พร้อมอยู่แล้ว แต่ในทางปฏิบัติยังมีการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ยังไม่มาก นายนิพนธ์ เจ็ดศิริ รองประธานบริหาร บริษัท บางกอกโซลาร์ จำกัด ผู้ผลิตแผงโซล่าร์เซลล์เพื่อขายในประเทศและส่งออกไปสหรัฐอเมริกาและเยอรมนี กล่าวว่า ในการผลิตในประเทศต้องยอมรับว่ารัฐบาลเองยังไม่ชัดเจน ในเรื่องการสนับสนุนอุตสาหกรรมด้านนี้ เพราะยังมีการเก็บภาษีวัตถุดิบในการนำเข้ามาเพื่อผลิตแผงโซล่าร์อยู่มาก ทั้งนี้ หากเป็นไปได้ควรจะลดหรือยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบ เพื่อให้ราคาแผงโซล่าร์ลดลงและประชาชนสามารถมีกำลังซื้อได้ (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 23 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
ยกย่องบิดาแห่งเน็ต ผู้สร้างนวัตกรรมใหม่
นายเบอร์เนอร์ส-ลี ถือได้ว่าเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดโลก "เวิลด์ ไวด์ เวบ" ก่อนหน้าที่เขาจะคิดค้นเทคโนโลยีตัวนี้ขึ้นมา โลกนี้ยังไม่มีโปรแกรมท่องอินเทอร์เน็ต หรือเบราเซอร์เลย ไม่มีตัวอักษร "www" ที่อยู่หน้าเวบไซต์ ไม่มียูอาร์แอล และไม่เคยมีการกำหนดพื้นที่แสดงข้อมูล ที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน นายเบอร์เนอร์ส-ลี เป็นผู้คิดค้นโปรโตคอลการสื่อสารหลัก "เอชทีทีพี" (HTTP-hypertext transfer protocol) ตัวแรก ที่ใช้ในการรับส่งหน้าเวบ รวมทั้งภาษาเอชทีเอ็มแอล ที่ใช้สร้างโปรโตคอลตัวนี้ขึ้นมาด้วย และก่อนวันคริสต์มาส เมื่อปี 2533 เขาสามารถสร้าง "เบราเซอร์" หรือโปรแกรมท่องอินเทอร์เน็ตตัวแรกได้สำเร็จ พร้อมตั้งชื่อให้อย่างง่ายๆ ว่า "เวิลด์ ไวด์ เวบ" แม้ว่านักคิดค้นจำนวนมาก ที่นำแนวคิดของตนไปจดสิทธิบัตร ล้วนแต่กลายเป็นเศรษฐีกันแล้วถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็น เจฟฟ์ เบโซส์ (อะเมซอน ดอท คอม), เจอร์รี่ หยาง (ยาฮู), ปิแอร์ โอมิดยาร์ (อีเบย์) หรือมาร์ค แอนดรีเอสเซ่น (เนทสเคป) แต่ด้วยเหตุที่เบอร์เนอร์ส-ลี และโรเบิร์ต ไคลิโอ เพื่อนร่วมงานชาวเบลเยียมอีกรายหนึ่ง ยืนยันที่จะให้เทคโนโลยีตัวนี้เป็นของฟรี จึงทำให้คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในปัจจุบัน สามารถมองเห็นหน้าเวบเดียวกันได้ ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงเป็นผู้แรกที่คว้ารางวัลเทคโนโลยี ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก "เดอะ มิลเลนเนียม เทคโนโลยี ไพรซ์" ของสถาบันเทคโนโลยีฟินแลนด์ ที่มีการจัดตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้ ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าผู้ที่จะได้รับรางวัลจะต้องเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จด้านการคิดค้น "นวัตกรรมที่โดดเด่น ด้านการยกระดับคุณภาพชีวิตมนุษย์ โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเล็งเห็นคุณค่าของมนุษย์ และการกระตุ้นให้เกิดพัฒนาการทางเศรษฐกิจแบบยั่งยืน" (คมชัดลึก พุธที่ 23 มิ.ย. 47 http://www.komchadluek.com)
ดอกไม้นาโน โตแล้ว...เล็กกว่าเส้นผม 1,000 เท่า
ดอกไม้และต้นไม้ขนาดจิ๋วที่มีขนาดเล็กกว่าเส้นผมมนุษย์ถึง 1,000 เท่ากำลังเติบโตขึ้นในห้องทดลองของนักวิทยาศาสตร์นาโนฯ ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ในประเทศอังกฤษ ต้นไม้จิ๋วขนาดนาโนเทคโนโลยีนี้เติบโตขึ้นจากการหยดของเหลวที่ได้จากธาตุแกลเลียมลงไปบนพื้นผิวของสารซิลิคอน จากนั้นนักวิทยาศาสตร์ก็นำหยดสารอันนี้ไปใส่ในก๊าซมีเธน และเกิดปฏิกิริยา จนทำให้ก๊าซควบแน่น จับตัวกลายเป็นเส้นบางๆ อยู่ในสารประกอบซิลิคอนคาร์ไบด์ (silicon carbide (SIC) : สารประกอบซิลิคอนกับคาร์บอน) การปลูกดอกไม้นาโนชิ้นนี้ต้องใช้อุณหภูมิที่หลากหลายทั้งต่ำและสูงสลับกันไป พร้อมทั้งปรับระดับแรงดันให้มีความแตกต่าง จึงจะทำให้เส้นสายเหล่านี้ได้ต่อเชื่อมโยงกันในรูปแบบที่หลากหลายและมีรูปร่างที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยเส้นสายเหล่านี้เชื่อมต่อกันด้วยความยาว 1-5 ไมครอน อย่างไรก็ดี ศ.มาร์ก เวลแลนด์ อาจารย์จากศูนย์นาโนเทคโนโลยี ม.เคมบริดจ์ เปิดเผยว่า ดอกไม้นาโนชิ้นนี้จะขยายเส้นสายไปอีกเป็นจำนวนมากขึ้นกว่าเดิม มีอีก 2 เส้นที่เพิ่งขยายมาในวันนี้ แล้วเรายังค้นพบว่ามันปฏิเสธน้ำที่นำมาฉาบไว้ ซึ่งเจ้าสิ่งนี้จะเป็นพื้นฐานในการพัฒนาเซลล์สุริยะ (โซลาร์เซลล์) ชนิดใหม่ขึ้นมา ก่อนหน้านี้พวกเราได้พยายามพรมน้ำใส่ลงไป เมื่อมันเชื่อมต่อจนได้มุมที่กักน้ำไว้ได้ แต่เจ้าดอกไม้นาโนชิ้นนี้ก็สะบัดน้ำออกมา ถือว่าเป็นคุณสมบัติพิเศษของโครงสร้างพื้นผิวที่ทำจากนาโน (ผู้จัดการ พุธที่ 23 มิ.ย. 47 http://www.manager.co.th)
ตัดแต่งพันธุกรรมพืชผลิตกรดไขมันเหมือนกับที่ได้จากปลา
นักวิทยาศาสตร์อังกฤษตัดแต่งพันธุกรรมของพืช ให้สามารถผลิตสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ซึ่งมักพบได้ในปลา โดยหวังว่า จะนำไปสู่อาหารยุคใหม่ ที่ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและโรคภัยไข้เจ็บอื่น ๆ ความคิดที่จะผลิตสารอาหารจากต้นไม้ให้มีคุณสมบัติเหมือนได้จากเนื้อปลา เกิดขึ้นเพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า ปริมาณปลาทั่วโลกกำลังลดลง ดังนั้นการนำพืชมาตัดแต่งทางพันธุกรรมก็จะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้มนุษย์ได้กรดโอเมกา ทรี จากพืชแทนการได้จากตัวปลา ซึ่งช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกทางหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบริสตอล และ ออกซ์ฟอร์ด จึงนำยีนที่ผลิตกรดไขมัน 3 ชนิด ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายใส่เข้าไปในพืชชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายหัวกะหล่ำ ผลที่ได้คือ พืชบางชนิดที่มีเนื้อเยื่อสีเขียว มีความสามารถที่จะผลิตกรดไขมันแบบห่วงโซ่ยาว ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายได้ นับเป็นครั้งแรกที่นำยีนใส่เข้าไปในพืช เพื่อให้มันผลิตกรดไขมันในปริมาณที่มากขึ้น ซึ่งกรดไขมันที่ว่านี้ เป็นประเภทที่สามารถลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และช่วยบรรเทาอาการโรคภัยไข้เจ็บบางประเภท เช่น ข้อต่ออักเสบ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ บ่งชี้ว่า กรดไขมันดังกล่าวสามารถป้องกันโรคเบาหวานได้ด้วย (ผู้จัดการ พุธที่ 23 มิ.ย. 47 http://www.manager.co.th)
เตือนใช้ 6-DMAP โคลนนิ่งทำสัตว์กลายพันธุ์
นักวิจัย ม.ชิลีออกเตือนสมาคมวิทยาศาสตร์ทังหลายว่า การใช้ส่วนผสมสารเคมีในการโคลนนิ่งสัตว์และมนุษย์อาจทำให้เกิดการกลายพันธุ์ในสิ่งมีชีวิตนั้นๆ ได้ รูบี วาลดิเวีย นักวิทยาศาสตร์ชาวชิลี และโมโตเอะ คาโต นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น จากมหาวิทยาลัยชิลีได้ออกมาประกาศเตือนหลังจากทดลองในห้องปฏิบัติการแล้วพบว่า หากดำเนินการโคลนนิ่งโดยใช้สารประกอบ 6-DMAP (6-dimethylaminopurine) จะทำให้สิ่งมีชีวิตนั้นเกิดการกลายพันธุ์ได้ ทั้งนี้นักวิจัยชิลีได้เปิดเผยว่า สาร 6-DMAP ซึ่งนำมาใช้เพื่อกระตุ้นดีเอ็นเอในการโคลนนิ่งเซลล์ จะต้องไม่นำไปใช้ในการทดลองสร้างตัวอ่อนของมนุษย์ ซึ่งจากผลการทดลองของนักวิจัยทั้งสอง สามารถสรุปได้ว่าสิ่งมีชีวิตที่กำลังทดลองมีโอกาสสูงที่จะกลายพันธุ์ได้หากใช้สารประกอบชนิดนี้ จากวารสาร ไซน์ (Science) เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ได้เปิดเผยว่า ดร.วู ซุก หวาง กำลังใช้สาร 6-DMAP นี้ในห้องทดลองของเขาในเกาหลีใต้ โดย ดร.หวางกำลังวิจัยเรื่องการโคลนนิ่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหมู แมว แกะ และวัว ซึ่ง สาร 6-DMAP นี้ใช้กันทั่วไปตามห้องทดลองในเกาหลีใต้ เพื่อโคลนตัวอ่อนของมนุษย์ นักวิทยาศาสตร์ชาวชิลีก็ได้ส่งสิ่งที่ค้นพบให้กับศูนย์วิเคราะห์ชีวภาพในโตเกียวเพื่อยืนยันในสิ่งที่ออกมาประกาศเตือนเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก (ผู้จัดการ พุธที่ 23 มิ.ย. 47 http://www.manager.co.th)
กระจกวิเศษทำความสะอาดตัวเองกลางแสงอาทิตย์
กระจกพิลคิงตัน แอคทีฟ (The Plikington Activ glass) นวตกรรมใหม่ที่นักวิจัยสร้างสรรค์ขึ้นมาช่วยลดภาระในการทำความสะอาด เพราะว่าผู้พัฒนาได้ฉาบสารไมโครคริสตาลีน ไททาเนียม ไดออกไซด์ (microcrystalline titanium dioxide) บนผิวกระจกซึ่งสารดังกล่าวนี้มีปฏิกิรยาต่อแสงอาทิตย์ โดยจะทำลายความสกปรกที่ติดมาบนกระจกทันทีเมื่อมีน้ำฝนตกลงมา นวตกรรมชิ้นนี้เป็น 1 ใน 4 ผลงานที่โดดเด่นจนได้รับรางวัลวิศวกรรมแม็คโรเบิร์ต ซึ่งจัดโดยสถาบันวิศวกรรมสำหรับนวตกรรมด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมแห่งอังกฤษ (the Royal Academy of Engineering for technological and engineering innovation) กระจกพิลคิงตันเอคทีฟนั้นฉาบด้วยไมโครคริสตัลลีน ไททาเนียม ออกไซด์อย่างเฉียบบางในระดับนานโนเมตร ซึ่งสารชนิดนี้จะมีปฏิกิริยาต่อแสงอาทิตย์ ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจะไปทำลายความสกปรกที่ติดอยู่บนตัวกระจก โดยไม่จำเป็นต้องใช้ผงซักฟอง เมื่อกระจกโดนน้ำก็จะเกิดปฏิกิริยาไฮโดรฟิลิก (hydrophilic) จึงทำให้ความสกปรกที่ติดอยู่บนกระจกร่วงติดมากับหยดน้ำ ราคา
ของกระจกวิเศษชิ้นนี้แพงกว่ากระจกธรรมดาสามัญที่ติดกันอยู่ตามหน้าต่างทั่วไป แถมค่าติดตั้งก็สูงกว่ากระจกธรรมดาอีกประมาณ 15-20% (ตอนนี้ยังมีบริการติดตั้งเฉพาะในอังกฤษ) (ผู้จัดการ พุธที่ 23 มิ.ย. 47 http://www.manager.co.th)
ป้องกันโทรศัพท์มือถือทุจริตสอบใช้อุปกรณ์ทางทหารมาล้อมคอก
แหล่งข่าวเปิดเผยรายละเอียดว่า ทางสถาบันเทคโนโลยี เอนริโก โทซี ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของอิตาลี ได้ค้นพบวิธีป้องกันการทุจริตในการสอบของเด็กๆยุคใหม่ โดยทางสถาบันได้นำอุปกรณ์ที่ใช้ทางทหารมาประยุกต์ใช้ ผู้บริหารของทางโรงเรียน นายบัสโต อาร์ซิซีโอ กล่าวว่า โรงเรียนส่วนใหญ่จะใช้วิธีริบโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ก่อนที่จะปล่อยให้นักเรียนเข้าไปในห้องสอบ แต่วิธีการดังกล่าวนี้ อาจจะแก้ปัญหาได้ไม่หมด และมีนักเรียนแอบลักลอบนำอุปกรณ์ดังกล่าวเข้าไปในห้องจนได้ ทางสถาบันจึงได้นำอุปกรณ์คล้ายกล่อง ที่เรียกว่า ซี-การ์ด (C-Guard) มาใช้ ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวนี้พัฒนาขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญในกองทัพ โดยเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการรบกวนสัญญาณ ซึ่งผู้บริหารสถาบันเทคโนโลยีรายนี้บอกว่า อุปกรณ์ ซี-การ์ด สามารถนำมาใช้ติดตั้งในมหาวิทยาลัยทั่วอิตาลี เพื่อป้องกันการทุจริตในการสอบได้ด้วย (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 24 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
มจธ.ทุ่ม 300 ล้านตั้งสวนอุตสาหกรรม
ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เปิดเผยว่า มจธ.ได้รับงบสนับสนุนกว่า 300 ล้านบาท ในการขยายพื้นที่และขีดความสามารถของสวนอุตสาหกรรมที่มหาวิทยาลัยดูแลอยู่ ให้สามารถรองรับธุรกิจเอสเอ็มอีเฉพาะด้านได้มากขึ้น โดยดำเนินการร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ด้านดร.โสฬส สุวรรณยืน ผู้อำนวยการสวนอุตสาหกรรม มจธ. กล่าวว่า มหาวิทยาลัยจะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเทคโนโลยีให้เข้าสู่ธุรกิจเอสเอ็มอีมากขึ้น ด้วยการถ่ายทอดผลงานวิจัย จัดฝึกอบรม รวมถึงสาธิตการใช้เทคโนโลยี พร้อมการสัมมนาที่มีความสอดคล้องกับการดำเนินงานของโครงการนั้นๆ ซึ่งจะสามารถเพิ่มศักยภาพของธุรกิจเอสเอ็มอีของไทยในอนาคตได้ โดยสวนอุตสาหกรรมจะเน้นถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่กลุ่มอุตสาหกรรมเฉพาะด้าน ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีอาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม รวมถึงเทคโนโลยีอุตสาหกรรมโลหะและโพลิเมอร์ ที่จะเผยแพร่ให้อุตสาหกรรมในกลุ่มดังกล่าวได้ทราบถึงบทบาทหน้าที่ในด้านบริการอุตสาหกรรม สำหรับเป้าหมายของสวนอุตสาหกรรม มุ่งการบ่มเพาะเทคโนโลยีที่ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรม พร้อมทั้งถ่ายทอดให้เอกชนสามารถนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปต่อยอดและใช้ให้เกิดประโยชน์ในการผลิตจริง รวมทั้งเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาทดลองผลิตและทดลองตลาด เพื่อสร้างความมั่นใจในความเป็นไปได้ของการลงทุนในเชิงพาณิชย์ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 24 มิ.ย. http://www.bangkokbiznews.com)
เอกชนไทยโชว์นวัตกรรม รถยนต์ไฟฟ้า
พล.อ.ท.มรกต ชาญสำรวจ ประธานบริษัท คลีนฟูเอล เอ็นเนอร์ยี เอ็นเตอร์ไพร้ส์ จำกัด เจ้าของผลงานรถไฟฟ้าขนาดเล็ก 2 ที่นั่ง 6 ที่นั่ง 8 ที่นั่ง อย่างเช่น รถไฟฟ้าที่ใช้ในสนามกอล์ฟ โรงแรมหรือรีสอร์ท พัฒนา "ซี-ฟี มินิ คาร์" รถยนต์ขนาดเล็กขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า พร้อมติดตั้งเครื่องอำนวยความสะดวก อย่าง เครื่องปรับอากาศ เครื่องเสียงในรถยนต์ เหมือนกับรถยนต์ปกติทั่วไป ช่วยให้ผู้อาศัยอยู่ในเมืองซื้อรถได้ในราคาประหยัด รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ พล.อ.ท.มรกต กล่าว เป็นรถแบบใช้ขับขี่ในเมือง (ซิตี คาร์) ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่แบบดีพ ไซเคิล ซึ่งต่างจากแบตเตอรี่ปกติทั่วไปตรงที่สามารถส่งกระแสไฟฟ้าไปให้เครื่องยนต์ได้มากกว่าเดิม โดยกระแสไฟนี้จะถูกจ่ายไปที่คอมพิวเตอร์ ซึ่งควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อนของรถยนต์ให้เดินหน้า หรือถอยหลัง และจ่ายไฟไปยังส่วนอื่นๆ ที่ใช้อีกเช่น เครื่องปรับอากาศ วิทยุติดรถยนต์ "รถคันนี้เป็นรถประหยัดพลังงาน ใช้พลังงานน้อยกว่าเดิมร้อยละ 50 โดยมีคอมพิวเตอร์เป็นตัวช่วยแบ่งกระแสไฟฟ้า ทั้งยังเป็นรับคำสั่งจากการเหยียบคันเร่งที่เท้าว่า ให้รถวิ่งเร็วหรือช้าด้วย โดยคันเร่งที่เหยียบจะเป็นแบบใช้ไฟฟ้า สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เนื่องจากเป็นรถที่วิ่งในเมือง ซึ่งปกติแล้วการจราจรค่อนข้างแออัดทำให้ไม่สามารถทำความเร็วได้มากนัก และยังมีแยกไฟแดงระหว่างทางตัดถนนด้วย รถที่พัฒนารุ่นแรกนี้เป็นรถยนต์ 2 ที่นั่ง ด้านหลังรถไม่มีเบาะนั่งเหมือนรถทั่วไป แต่จะเป็นที่สำหรับใช้วางของได้ ส่วนเครื่องปรับอากาศและวิทยุติดรถยนต์สามารถใช้ได้เหมือนตามท้องตลาดทั่วไป แต่ต้องมีการปรับการจ่ายไฟฟ้าที่รถไปยังส่วนเหล่านี้ให้เหมาะกับอุปกรณ์ที่นำมาติดตั้งเท่านั้นเอง ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 4 แสนบาท ซึ่งนับว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้านำเข้าราคาจะอยู่ที่ล้านกว่าบาท หากเป็นเครื่องยนต์แบบลูกผสมหรือไฮบริด (เครื่องยนต์ที่ใช้แหล่งพลังงานจากน้ำมันผสานกับการใช้มอเตอร์ไฟฟ้า) ราคาประมาณ 2 ล้านกว่า ส่วนรถยนต์ที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิง (fuel cell) นั้นราคาตกอยู่ที่ 10 ล้านกว่า ซึ่งหลังจากเปิดตัวรถคันนี้คาดว่าอีกไม่เกิน 6 เดือนจะได้ยลโฉมซี-ฟี มินิ คาร์ตามท้องถนน เนื่องจากขณะนี้มีบริษัทรถยนต์รายใหญ่ของไทยให้ความสนใจร่วมผลิต (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 24 มิ.ย. http://www.bangkokbiznews.com)
นักวิทย์ล่องหนสำเร็จ ร่ายมนต์ทำอะตอมหายวับไปกับตา
นักฟิสิกส์จากสหรัฐและออสเตรีย ประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกในการเคลื่อนย้าย "ภาวะควอนตัม" ระหว่างอะตอมสองตัว ซึ่งภาวะดังกล่าวมีคุณสมบัติทางฟิสิกส์ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นพลังงาน การเคลื่อนที่ และสนามแม่เหล็ก เรนเนอร์ บลาต จากมหาวิทยาลัยอินสบรูคในออสเตรีย และทีมนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติ (เอ็มไอเอสที) ของสหรัฐ ได้ประกาศความสำเร็จของพวกเขาเป็นครั้งแรกในนิตยสารเนเจอร์ ฉบับอาทิตย์ก่อน โดยความสำเร็จดังกล่าวนับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในวงการควอนตัมคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีประสิทธิภาพประมวลผลสูงกว่าคอมพิวเตอร์ธรรมดา และสามารถส่งข้อมูลด้วยความเร็วแสง ในการทดลอง ทีมงานได้ประดิษฐ์เครื่องที่อาศัยคุณสมบัติพิเศษของควอนตัม ในการอยู่ได้พร้อมกัน 2 สภาวะ และเมื่อนำอะตอมหลายๆ ตัวรวมสภาวะควอนตัมเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดการคำนวณหรือประมวลผลได้รวดเร็ว ซึ่งธรรมดาแล้วคอมพิวเตอร์ทั่วไปต้องใช้เวลาหลายปีในการคำนวณ ทั้งนี้ ทฤษฎีพื้นฐานว่าด้วยการเคลื่อนย้ายอะตอมได้รับการเสนอเค้าโครงขึ้นเป็นครั้งแรกโดยนักฟิสิกส์ชื่อ ชาร์ลส์ เบนเน็ต และทีมงานเมื่อปี 2536 ส่วนการประมวลผลด้วยควอนตัมนั้น จำเป็นต้องมีการเคลื่อนย้ายข้อมูลที่มีภาวะควอนตัมของอะตอมอยู่ (คมชักลึก ศุกร์ที่ 25 มิ.ย. 47 http://www.komchadluek.com)
วิจัยเทคนิคใหม่ ใช้โครโมโซมเทียม รักษาโรคกรรมพันธุ์
บริษัท โครมอส โมเลคิวลาร์ ซิสเต็ม ได้พัฒนารูปแบบใหม่ในการรักษาด้วยยีนบำบัด โดยสร้างชุดโครโมโซมเทียมขึ้นมาจากโครโมโซมหนูปกติ โดยโครโมโซมเทียมนี้มีพฤติกรรมเหมือนกับโครโมโซมปกติทุกประการ อาทิ ความสามารถในการแบ่งเซลล์ และความสามารถในการถ่ายทอดพันธุกรรมจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง ทีมวิจัยได้เริ่มต้นการทดลองโดยเตรียมเซลล์ไลน์ 2 ชุดที่มีโครโมโซมเทียมบรรจุอยู่ จากนั้นได้ใส่ยีนสำหรับช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงเข้าไป ต่อมาจึงคัดเซลล์ที่มีโครโมโซมเทียมสำหรับนำพายีนออกมาแล้วนำไปฉีดใส่หนู ผลที่ได้เป็นไปตามคาด กล่าวคือ หนูที่ได้รับโครโมโซมเทียมมีเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับหนูตัวอื่นที่ฉีดเซลล์ที่มีโครโมโซมเทียมแต่ไม่มียีนเสริมสำหรับสร้างเม็ดเลือดแดง นักวิจัย กล่าวว่า วิธีบำบัดยีนแบบใหม่นี้สามารถใช้เพื่อรักษาโรคพันธุกรรมต่างๆ อย่างเช่น โรคฮีโมฟีเลีย โดยการใช้โครโมโซมเทียมที่มีชุดยีนที่ถูกต้องเข้าไปในเซลล์ที่นำมาจากผู้ป่วยเอง จากนั้นแก้ไขข้อมูลในเซลล์และฉีดกลับเข้าสู่ผู้ป่วย โดยแนวคิดในการรักษาแบบผสมผสานระหว่างยีนบำบัดกับการใช้เซลล์เป็นตัวจัดส่งยีน กำลังได้รับความสนใจและทดลองมาใช้รักษาผู้ป่วยโรคพันธุกรรม นักวิจัยเสนอเทคนิคยีนบำบัดแบบใหม่ ใส่โครโมโซมใหม่ทั้งชุดเข้าไปในเซลล์มนุษย์ สั่งร่างกายให้ปฏิบัติตามยีนปกติที่บรรจุในโครโมโซมเทียม ความหวังใหม่ในการรักษาโรคทางพันธุกรรม (คมชักลึก ศุกร์ที่ 25 มิ.ย. 47 http://www.komchadluek.com)
ข่าววิจัย/พัฒนา
พึ่งดูดไขมันเพื่อลดความอ้วน ก็ยังไม่รอดจากเป็นคนขี้โรค
นักวิจัยของโรงเรียนแพทย์ มหาวิทยาลัยวอชิงตันแห่งสหรัฐฯ ได้พบในการศึกษาวิจัยกับอาสาสมัคร ที่ใช้วิธีการดูดไขมันลดความอวบอ้วนของตน แม้จะสามารถดูดไขมันออกมาได้มากตั้ง 12% ของน้ำหนักตัว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ระดับความดันโลหิต อินซูลิน คอเลสเทอรอลและปัจจัยเสี่ยงกับการเป็นโรคหัวใจ และโรคเนื่องมาจากระดับน้ำตาลในเลือด ถอยถดลดลงไปเลย ผู้อำนวยการศูนย์โภชนาการของมนุษย์แห่งมหาวิทยาลัย นายซามวล ไคลน์ กล่าวว่า พวกเขาก็คงอ้วนอยู่ อย่างเดิม ถ้าหากพวกเขาขยันเสียหน่อย พยายามควบคุมอาหารการกิน จนน้ำหนักลดลงได้ถึงขนาดนี้ ก็คงทำให้ความเสี่ยงของการเป็นโรคภัย ลดน้อยลงได้โขทีเดียว ผลของการศึกษาได้แสดงให้เห็นว่า การดูดไขมันไม่อาจใช้ทำแทนกับการออกกำลัง และการควบคุมอาหารได้ ผู้เชี่ยวชาญของศูนย์แพทย์ มหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์ก อธิบายด้วยว่า ถึงการดูดไขมันจะช่วยลดปริมาณเซลล์ไขมันในร่างกายลงไปได้ แต่มันก็ไม่ทำให้เซลล์ที่ยังเหลืออยู่ยุบเล็กลงได้ "มันรู้สึกว่าขนาดของเซลล์ไขมัน จะเป็นตัวการสำคัญยิ่งกว่าที่รู้กัน คงจะต้องหาหนทางทำให้ เซลล์เหล่านี้ยุบเล็กลง และตัดทอนปริมาณไขมันในเนื้อเยื่ออื่นลงด้วย". (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 21 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
ฉีกหน้ากากของสัตว์แบบอย่าง ผึ้งเกียจคร้านเอาแต่นอนทั้งวัน
ศาสตราจารย์แรนดอลฟ์ แมนเซล นักชีววิทยาระบบประสาทและสัตววิทยา ของมหาวิทยาลัยฟรี ยูนิเวอร์ซิตี ในกรุงเบอร์ลิน ซึ่งเพียรศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ของผึ้งมานานถึง 40 ปี กล่าวเปิดเผยว่า "ผึ้งไม่ได้เป็นสัตว์ยอดขยันแต่อย่างใด ตรงกันข้าม มันนอนเสียส่วนมากและออกจะเกียจคร้านด้วย มันนอนนานเกือบ 80% ของเวลาทั้งคืนทั้งวัน ทั้งยังมักจะบินกลับรังเพื่อไปพักปีกบ่อยๆ เขาแจ้งต่อไปว่า ดีแต่มันเป็นสัตว์ที่ฉลาดเท่านั้น มันเรียนรู้ได้เร็ว จดจำกลิ่นต่างๆได้แม่น และมีขั้นตอนในการจำถึง 5 ขั้น "มันจะเรียนรู้ได้ เร็ว ถ้ามันทำอะไรแล้วได้ผลตอบสนองดี มันจะจำได้นานถึงอาทิตย์ มันสามารถจำกลิ่นต่างๆ ได้ไม่น้อยกว่า 50 กลิ่น และจะเสาะแสวงหากลิ่นที่มันต้องการจนพบ และเปิดเผยด้วยว่า กลิ่นที่คนเราว่าหอม ก็เป็นกลิ่นหอมของผึ้งด้วยเหมือนกัน". (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 21 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
ใช้เทคโนฯราคาถูกฟื้นฟูปะการัง ทัพเรือร่วมคืนชีวิตใต้ทะเลถวายสมเด็จฯ
ทหารเรือ โดย หน่วยสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ ซึ่งมีภารกิจหลักในการป้องกันประเทศและปกป้องผลประโยชน์ชาติทางทะเลแล้ว ภารกิจรองคือการปกป้องอนุรักษ์ทรัพยากรทั้งในทะเลและชายฝั่ง พลเรือตรีรพล คำคล้าย เจ้ากรมสรรพาวุธทหารเรือ และประธานกรรมการบริหารชมรมดำน้ำเพื่อการอนุรักษ์ กรมสรรพาวุธทหารเรือ กล่าวว่าถึงบทบาทของ ทร.ในงานอนุรักษ์ ได้เริ่มเข้มข้นตั้งแต่ ปี 2534 ได้จัดทำ โครงการอนุรักษ์ และพัฒนาสภาพแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง ขึ้น เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2536 ได้ทดลองปลูกย้ายแนวปะการังที่ได้รับผลกระทบ จากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติจากบริเวณเกาะขาม ด้วยการนำไปปลูกติดกับฐานซิเมนต์บล็อก (ใช้ซิเมนต์แห้งเร็วเป็นตัวยึดติด) ไปไว้ยังเกาะปลาหมึก นอกจากนี้ ยังได้จัดทำการขยายพันธุ์ ปะการังที่อ่าวหาดสอ "โครงการสร้างแหล่งอนุบาลและฟื้นฟูปะการังเฉลิมพระเกียรติฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ" เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ขึ้น โดยมีเป้าหมายปลูกให้ครบ 973 กิ่ง ในวันที่ 9 สิงหาคมศกนี้ การขยายพันธุ์ปะการังหาดสอนี้ ได้ให้ กรมสรรพาวุธทหารเรือและหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ ร่วมกันทำ ใช้วิธีตัดกิ่งวางลงบนแท่นพีวีซีและขันด้วยนอต เป็นวิธีของ อาจารย์ ประสาน แสงไพบูลย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี จ.จันทบุรี ซึ่งได้ทำแปลงทดลองวิจัยอยู่ที่ตำบลแสมสาร (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 21 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
สำนักงานนวัตกรรมเปิดเวทีเสนอ 2 ผลงานวิจัยต่างชาติ
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยนิวเม็กซิโก มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งฮ่องกง บริษัท ฮ่องกง อะกรีเทค จำกัด สถาบันอาหาร และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดสัมมนากลยุทธ์ใหม่ในการตรวจสอบและป้องกันไวรัสและแบคทีเรียในอุตสาหกรรมอาหาร นำเสนอวิธีตรวจสอบไวรัสและแบคทีเรียอย่างรวดเร็วโดยใช้เครื่อง "อิมมิวโนเซนเซอร์" ซึ่งรู้ผลภายใน 30 นาที สามารถนำมาใช้ตรวจหาไวรัสและแบคทีเรียในสัตว์เศรษฐกิจ นอกจากนี้ ศ.ดร.เจฟฟรีย์ หว่อง ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการจีโนมประยุกต์จากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งฮ่องกง กล่าวเสนอ "สารซีโครปิน" สำหรับทำลายเชื้อไวรัสและแบคทีเรียโดยไม่ก่อให้เกิดการแพ้ยา โดยสารนี้เป็นโปรตีนที่สกัดจากตัวไหมในต้นโอ๊ค รวมทั้งยังพบในแมลงหวี่ ตัวไหมของไทย แต่พบมากสุดในตัวไหมที่กินใบโอ๊ค ดร.ศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้มีภาคเอกชนไทยให้ความสนใจในนวัตกรรมทั้ง 2 เรื่องข้างต้น อาจจะมีการซื้อลิขสิทธิ์มาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ในไทย เช่น เครื่องอิมมิวโนเซนเซอร์สามารถนำมาใช้ในภาคสนามได้ หรือระดับโรงงานอุตสาหกรรมเล็กๆ เนื่องจากวัดได้ในสัตว์ทุกชนิดรวมถึงมนุษย์ ขณะที่สารซีโครปินหากนำมาประยุกต์ใช้เป็นอาหารเสริมในอาหารสัตว์ จะช่วยแก้ปัญหาไวรัสในกุ้งได้โดยไม่ต้องพึ่งยาปฏิชีวนะ แต่หากซื้อลิขสิทธิ์เข้ามาแล้วเอกชนไทยควรทำวิศวกรรมย้อนรอย เพื่อพัฒนาให้ผลิตภัณฑ์ดีขึ้นและผลิตเป็นสินค้าใหม่ ที่เป็นผลงานของคนไทย (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 21 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
วิจัยเปลี่ยน'ผนังยีสต์'เป็นสารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
รศ.ดร.มานพ สุพรรณธริกา หัวหน้าภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ภาควิชาอยู่ระหว่างวิจัยเพื่อเพิ่มมูลค่า "เบต้ากลูแคน" (Betaglucan) ซึ่งเป็นสารที่สกัดได้จากผนังเซลล์ของยีสต์ โดยศึกษาถึงคุณสมบัติการกระตุ้นภูมิคุ้มกันจากการใช้เป็นสารประกอบในอาหารสัตว์ทดแทนสารปฏิชีวนะ รวมทั้งศึกษานำมาใช้เป็นสารทดแทนไขมันในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อให้ได้อาหารที่มีไขมันต่ำ เบต้ากลูแคนจัดเป็นสารมหัศจรรย์ที่ได้จากยีสต์ ซึ่งมีงานวิจัยจำนวนมากรองรับถึงคุณสมบัติด้านกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ขณะเดียวกันยังจัดอยู่ในคุณสมบัติด้านการเพิ่มความหนืดให้อาหาร และสามารถใช้เป็นสารทดแทนไขมันในอาหารที่ไม่ต้องการแคลอรี จึงได้รับความสนใจอย่างมากจากอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง อาหารและเวชภัณฑ์ โดยงานวิจัยของภาควิชาได้ทดสอบกับอาหารกุ้ง พบว่าสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคได้ตามวัตถุประสงค์ และขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาความพร้อมของภาคเอกชนที่จะรับถ่ายทอดเทคโนโลยี (กรุงเทพธุรกิจ 22 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
แพทย์ชี้ผงกระชายดำปลอดภัย
น.พ.วิชัย โชควิวัฒน อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก เปิดเผยว่า จากการสนับสนุนงบประมาณแก่สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดำเนินการทดสอบความปลอดภัยของสมุนไพร "กระชายดำ" โดยศึกษาพิษเฉียบพลันและพิษเรื้อรังในสัตว์ทดลองพบว่า ไม่เกิดความเป็นพิษต่อสัตว์ทดลอง โดยหนูขาวที่ได้รับกระชายดำทุกกลุ่มมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น อาการและสุขภาพไม่แตกต่างจากหนูกลุ่มควบคุม ที่ได้รับน้ำเป็นสารเปรียบเทียบและกระชายดำไม่ทำให้เกิดอาการพิษ ขณะเดียวกันผลการตรวจอวัยวะภายในทางจุลพยาธิวิทยาของหนูที่ได้รับกระชายดำ แสดงให้เห็นว่าสมุนไพรกระชายดำไม่ก่อให้เกิดพยาธิสภาพหรือความผิดปกติของอวัยวะต่างๆ ที่บ่งชี้ถึงความเป็นพิษ กระชายดำเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่อยู่ในแผนแม่บทโครงการวิจัยบูรณาการสมุนไพร ซึ่งที่ผ่านมามีผู้นิยมทำเป็นผลิตภัณฑ์จำหน่ายอย่างกว้างขวาง แต่ยังไม่เคยมีการศึกษาในทางวิทยาศาสตร์ว่า กระชายดำมีความปลอดภัยหรือไม่ เพราะกระชายดำไม่เหมือนกระชายขาวที่ใช้ปรุงอาหาร เป็นกระชายที่นำมาใช้ปรุงเป็นยา แต่ขณะนี้มีการนำมาใช้ปรุงในลักษณะเข้าข่ายเป็นอาหารจำนวนมาก จึงต้องมีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์โดยใช้สัตว์ทดลองเพื่อเปรียบเทียบกับคน ใช้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กคือหนู แต่ยังไม่สามารถตอบได้ว่าคนทั่วไปถ้ารับประทานเข้าไปมากๆ ระยะยาวจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะการศึกษาทางพิษวิทยาจริงๆ ต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมในสัตว์สายพันธุ์อื่นด้วย (กรุงเทพธุรกิจ 22 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
เลเซอร์แยกชิ้นส่วนคอมพ์ ขยะปลอดตะกั่วส่งรีไซเคิล100%
มาร์กคิว ฮักคาไรเนน ผู้อำนวยการบริษัท โพรเวนเทีย ออโตเมชั่น จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศฟินแลนด์ ใช้ใช้เทคนิคเลเซอร์แยกชิ้นส่วน ขยะอิเล็กทรอนิกส์ เน้นส่วนหลอดภาพซีอาร์ที ในเครื่องรับโทรทัศน์ และจอคอมพิวเตอร์ เผยชิ้นส่วนที่ได้มีสภาพสมบูรณ์ ไม่ปนเปื้อนตะกั่ว สามารถนำกลับมารีไซเคิล ได้อย่างสมบูรณ์ ระบุโทรทัศน์ 40 กก.สามารถแยกชิ้นส่วนภายในกลับมาใช้ซ้ำได้ถึง 38 กก. บริษัทจึงพัฒนา "ระบบเลเซอร์" ขึ้นมาเพื่อให้สามารถรีไซเคิลอุปกรณ์ดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถสกัดวัสดุจากจอภาพซีอาร์ที (Cathode Ray tubes) และนำกลับมาใช้ซ้ำได้อีกในเวลาที่เร็วกว่าวิธีการทั่วไป 5-10 เท่า และที่สำคัญกระบวนการรีไซเคิลดังกล่าวไม่ก่อสารพิษหรือเกิดมลพิษตกค้างในสภาพแวดล้อม บริษัทได้พัฒนาระบบแยกชิ้นส่วนที่เป็นโลหะ ไม้ และพลาสติกจากจอคอมพิวเตอร์ด้วย สำหรับเทคนิคการแยกชิ้นส่วนแก้วจากหลอดภาพซีอาร์ทีด้วยเลเซอร์ได้รับการจดสิทธิบัตรในญี่ปุ่น สหรัฐ และยุโรปแล้ว โดยแอพพลิเคชั่นที่เกิดขึ้นนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมส่งเสริมนวัตกรรมในประเทศสังกัดสำนักงานเทคโนโลยีแห่งชาติฟินแลนด์ (กรุงเทพธุรกิจ 22 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
คนไทยยลโฉมเสื้อนาโน คราบชากาแฟไม่ระคายผิวผ้า
ดร.ธีระชัย พรสินศิริรักษ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้ศูนย์นาโนได้ร่วมกับบริษัท เอ็มดีพี (ประเทศไทย) จำกัด ได้วิจัยและพัฒนาหาวิธีผลิตเสื้อและเนกไทด้วยเทคโนโลยีนาโน โดยศึกษาผลิตภัณฑ์ต้นแบบและเทคโนโลยีของไต้หวัน ซึ่งใช้อนุภาคนาโนเทคโนโลยีและสารเคมีที่คิดค้นมาเคลือบบนผ้า โดยอนุภาค 1 นาโนเมตรเทียบเท่ากับหนึ่งในพันล้านเมตร หรือเส้นผม 1 เส้นจะเท่ากับท่อนาโน 100,000 ท่อมัดรวมกัน "อนุภาคนาโนที่เคลือบบนผิวผ้าทำให้ผ้ามีคุณสมบัติพิเศษคือกันน้ำและกันเปื้อน ถ้าคุณทำกาแฟ น้ำอัดลม หรือน้ำแกงหกรดตัวผ้านาโน ในการขจัดสิ่งสกปรกเหล่านี้ คุณสามารถใช้เพียงกระดาษทิชชูซับออกได้โดยไม่มีร่องรอย แถมเสื้อผ้าพวกนี้ยังซักล้างง่ายขึ้น โดยใช้น้ำและผงซักฟอกเพียงจำนวนน้อยเท่านั้น จึงช่วยในเรื่องสิ่งแวดล้อมได้ด้วย" ดร.ธีระชัย กล่าว คาดว่าภายในปลายปีนี้น่าจะผลิตสินค้าดังกล่าวออกมา ส่วนในแง่ของราคาอาจจะสูงกว่าปกติเฉลี่ย 30-40% สำหรับอายุการใช้งานของผ้านาโนนี้คงทนได้นานเท่าๆ กับเสื้อทั่วไป แต่คุณสมบัติอาจลดลงบ้างตามจำนวนครั้งของการซัก เช่น การใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มซึ่งมีคุณสมบัติชอบน้ำมาดูแลรักษาผ้าจำนวนมากๆ อาจลดคุณสมบัติของเสื้อนาโน ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 25-30 มิ.ย.นี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกำหนดจัดงานครบรอบ 12 ปีสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สวทช.) ได้นำเข้าตัวอย่างผลิตภัณฑ์นาโนเทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น อาทิ ร่ม ผ้าไหม ครีมบำรุงผิว รวมทั้งตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องดูดฝุ่น มาจัดแสดงภายในงาน ณ บริเวณอุทยานวิทยาศาสตร์ จ.ปทุมธานี (คมชัดลึก อังคารที่ 22 มิ.ย. 47 http://www.komchadluek.com)
จำกัดแคลอรี เคล็ดลับอายุยืน
การวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นว่า ยีนที่มีชื่อว่า เอสไออาร์ที วัน (SIRT1) อาจช่วยชะลอความแก่ได้ โดยควบคุมปฏิกิริยาตอบสนองของเซลล์ที่มีต่อความเครียด ซึ่งจะไปจำกัดสภาวะเสื่อมตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ นักวิจัยจากฮาร์วาร์ด เมดิคัล สคูล ซึ่งตั้งอยู่ที่มลรัฐแมสซาชูเซตส์ ในสหรัฐได้ให้อาหารที่มีแคลอรีต่ำกับหนูทดลอง หนูพวกนี้จึงมีโปรตีนเอสไออาร์ที วัน มากกว่าปกติในเนื้อเยื่อบางชนิด เช่น ในสมอง ตับ และไต ทำให้มีแคลอรีน้อยกว่าหนูทั่วไป จากการทดลองกับเซลล์ในมนุษย์แสดงให้เห็นว่ายีน เอสไออาร์ที วัน มีผลหยุดยั้งโปรตีนสำคัญตัวหนึ่งที่ชื่อว่า แบ็กซ์ (Bax) ที่ทำให้เกิดรูโหว่ในไมโตคอนเดรีย (แหล่งอาหารของเซลล์) และชักนำให้เซลล์เสื่อมตามอายุขัย ดังนั้น การจำกัดปริมาณแคลอรีจากการรับประทานอาหาร สามารถยืดอายุของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ได้ด้วยการกระตุ้นการผลิตโปรตีนของเอสไออาร์ที วัน ให้มีมากขึ้น ยังมีงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่พบว่า เมื่อรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ และมีผลให้ร่างกายมีปริมาณโปรตีนจากยีนดังกล่าวจำนวนมาก จะทำให้สเต็มเซลล์หยุดการก่อตัวเป็นไขมัน งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่ายีนที่ควบคุมพัฒนาการของเซลล์ไขมัน และการเคลื่อนไหวของร่างกายล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของยีนเอสไออาร์ที วัน นักวิจัยหวังว่าจะสามารถใช้ยีนนี้มาพัฒนาเทคนิคในการรักษาโรคอ้วน และยืดชีวิตมนุษย์ (คมชัดลึก อังคารที่ 22 มิ.ย. 47 http://www.komchadluek.com)
ที-เม็กโชว์เครื่องกลจิ๋ววัดแอลกอฮอล์
นายอดิศร เตือนตรานนท์ นักวิจัยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ(เนคเทค) กล่าวว่า ในงานประชุมประจำปีของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) ระหว่างวันที่ 25-30 มิถุนายนนี้ ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ปีนี้จะเน้นเรื่องนาโนเทคโนโลยี โดยศูนย์เทคโนโลยีไมโครอิเล็กทรอนิกส์(ที-เม็ก) จะนำเสนอความก้าวหน้าของงานวิจัยหลายชิ้น โดยเฉพาะเรื่องเครื่องกลจิ๋ววัดปริมาณแอลกอฮอล์ในลมหายใจ โดยใช้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ขนาดจิ๋ว เครื่องมือดังกล่าวสามารถวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในลมหายใจได้เทียบเท่ากับเครื่องมือชนิดเดียวกันที่นำเข้าจากต่างประเทศ ผลิตได้โดยเทคโนโลยีของเราเอง ขนาดเล็กกว่า การขนย้ายสะดวก และราคาถูกกว่าเท่าตัว เครื่องที่จะนำมาแสดงในงานนั้นเป็นเครื่องต้นแบบที่ผลิตเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในอนาคตหากได้เข้าสู่ระบบการผลิตในเชิงพาณิชย์ อาจจะได้ราคาต่ำกว่าเดิมมาก งานประชุมประจำปีของ สวทช.นั้น นอกจากจะมีผลงานทางวิชาการและนำเครื่องมือเทคโนโลยีความก้าวหน้าของหน่วยงานต่างๆ ยังมีการบรรยายทางวิชาการของนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิทั้งในและต่างประเทศมากมาย เช่น นาโนเทคกับโอกาสทางธุรกิจ วัสดุรักษ์สิ่งแวดล้อม และแนวทางการใช้วัสดุทดแทนและการวิเคราะห์สารต้องห้ามในชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์ตามข้อบังคับของสหภาพยุโรป ฯลฯ (มติชนรายวัน อังคารที่ 22 มิ.ย. 47 http://www.matichon.co.th)
เร่งสร้างเครือข่ายงานวิจัยพืชสวนเศรษฐกิจ14 ชนิด จัดงบ4.8ล้านบาท ต่อยอดผลงานวิจัยเดิม
นายสุขวัฒน์ จันทรปรรณิก ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยถึงยุทธศาสตร์การวิจัยพืชสวนของกรมฯว่า เนื่องจากผลผลิตผลไม้ของเกษตรกรส่วนใหญ่มักจะออกสู่ตลาดพร้อมกันในช่วงเวลา 2-3 สัปดาห์ของช่วงกลางฤดูเก็บเกี่ยว ส่งผลให้ราคาตกต่ำลง เป็นเพราะมีปริมาณมากเกินกว่าความสามารถของตลาดจะรองรับได้ ในปี 2547 นี้ กรมวิชาการเกษตรจึงจัดสรรงบประมาณจำนวน 4.8 ล้านบาท ให้สถาบันวิจัยพืชสวนเร่งดำเนินการต่อยอดผลงานวิจัยเดิม โดยมุ่งพัฒนาศักยภาพพืชสวนเศรษฐกิจ 14 ชนิด ที่สามารถส่งออกนำรายได้เข้าประเทศ ได้แก่ ทุเรียน ลำไย มังคุด ส้มโอ มะม่วง เงาะ ลองกอง มะขาม กระเจี๊ยบเขียว หน่อไม้ฝรั่ง ขิง กล้วยไม้ กาแฟ และปาล์มน้ำมัน ทั้งนี้ กรมฯได้กำหนดแนวทางการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีในการจัดการกระจายผลผลิต โดยเน้นปรับปริมาณการผลิตให้สมดุลกับความต้องการของผู้บริโภค ทั้งในประเทศและการส่งออก ด้วยการแนะนำให้เกษตรกรหันมาใช้พันธุ์ที่แตกต่างกัน ควบคู่กับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการผลิตเพื่อผลิตผลไม้นอกฤดู ซึ่งจะช่วยยืดระยะเวลาการกระจายผลผลิตให้ยาวนานขึ้น ขณะเดียวกันยังมุ่งยกระดับการผลิตให้มีคุณภาพ ปลอดภัยจากสารพิษตกค้าง และยังตั้งเป้าวิเคราะห์สถานการณ์การผลิตพืชสวนเศรษฐกิจ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการพัฒนาการส่งออก (เดลินิวส์ พุธที่ 23 มิ.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)
"กร" ดันภาคอุตฯนำร่องโซลาเซลล์
นายกร ทัพพะรังสี รมว.วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี กล่าวว่า ปัจจุบันไทยมีเทคโนโลยีในการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์พร้อมใน 3 ด้านคือ การใช้เซลล์แสงอาทิตย์ผลิตกระแสไฟฟ้าโดยตรง ใช้เซลล์แสงอาทิตย์ผลิตกระแสไฟฟ้าและความร้อน ใช้ความร้อนจากแสงอาทิตย์ผลิตไอน้ำอุตสาหกรรม แต่ในทางปฏิบัตินั้นยังไม่ได้นำไปใช้มากนัก โดยเฉพาะการติดตั้ง แผงโซลาเซลล์บนหลังคาบ้านของประชาชน ยังมีปัญหา ไม่ลงตัวในเรื่องวิธีซื้อไฟฟ้า แต่แนวทางที่มีความเป็นไปได้คือ ผลักดันให้อุตสาหกรรมนำเอาพลังงาน แสงอาทิตย์ไปใช้ประโยชน์ โดยเสนอให้กลุ่มอุตสาหกรรม ปูนซีเมนต์ และอุตสาหกรรมแสงโสม นำร่องก่อน ดร.พอพนธ์ ลิชณนุกฤษฏ์ รอง ผอ.โครงการศูนย์เทคโนโลยีพลังงาน สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า หากจะให้การใช้โซลาเซลล์ของไทยเกิดขึ้นจริงเหมือนในญี่ปุ่น รัฐบาลต้องลงทุนในการวิจัยและพัฒนาระบบเซลล์แสงอาทิตย์ต้นทุนต่ำ โดย สวทช.เตรียมเสนอแผนงานวิจัยพัฒนาระบบเซลล์แสงอาทิตย์ต้นทุนต่ำมีระยะเวลาวิจัยตั้งแต่ 2548-2555 ด้วยงบประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อ ครม. โดยแผนวิจัยจะชัดเจนว่าต้องวิจัยเพื่อลดต้นทุน ตั้งแต่กระบวนการผลิตเซลล์ แสงอาทิตย์ตั้งแต่ต้นน้ำ ทั้งการผลิตแผง อุปกรณ์ ประกอบระบบ วัสดุในการผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ให้มีราคาที่ต่ำ เพื่อจูงใจให้ประชาชนใช้ หากรัฐกล้าลงทุนภายใน 8 ปี จะลดต้นทุนการผลิตโซลาเซลล์จากเดิมที่ 15 บาทต่อกิโลวัตต์ เหลือเพียง 6 บาทต่อกิโลวัตต์ ซึ่งเป็นราคาเดียวกับการผลิตพลังงานด้วยเชื้อเพลิงชนิดอื่นๆ(ไทยรัฐ พุธที่ 23 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
แพทย์รามาฯ คว้ารางวัลวิทย์
ศ.พญ.ภัทรพร อิศรางกูร ณ อยุธยา ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ศึกษาพบว่า การขาดวิตามินเคเป็นปัจจัยหลักของโรคเลือดออกง่าย และมีอาการเลือดออกในสมอง ซึ่งทารกแรกเกิดส่วนใหญ่ที่เป็นโรคนี้หากไม่เสียชีวิต ก็เสี่ยงต่อการพิการทางสมอง และนับเป็นปัญหาสำคัญด้านสาธารณสุข งานวิจัยดังกล่าวได้นำไปสู่การป้องกันด้วยการให้วิตามินเคแก่ทารกแรกเกิดทุกราย จนสามารถลดอุบัติการณ์ของโรคลงอย่างมาก ต่อมากระทรวงสาธารณสุข ได้นำไปประยุกต์ใช้ทั่วประเทศ นอกจากนี้ ศ.พญ.ภัทรพร ยังมีผลงานการศึกษาและวิจัยทางการแพทย์สำคัญหลายด้าน อาทิ การรักษาโรคไข้เลือดออก การพัฒนางานในส่วนประกอบของโลหิต และผลิตภัณฑ์โลหิตในการรักษาโรค การป้องกันการแพร่เชื้อเอดส์จากการรับโลหิต การถ่ายทอดเทคโนโลยี การเตรียมกาวไฟบรินใช้เองในประเทศไทย และประยุกต์ใช้ทางคลินิก คณะกรรมการพิจารณารางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล-บีบราวน์ มีมติมอบรางวัลการแพทย์และสาธารณสุขประจำปีนี้ให้แก่ ศ.พญ.ภัทรพร สำหรับผลงานที่เป็นประโยชน์แก่วงการวิชาการและสาธารณสุขของประเทศ การจัดมอบรางวัลในปีนี้นับเป็นปีที่ 12 (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 23 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
เทียนหอมบำบัดโรค แถมช่วยฆ่าแบคทีเรีย
ดร.ลินซี เกาท์ และซาบรินา ฮิกกินส์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเซาแธมป์ตัน พบว่า การหยดหัวน้ำมันหอม อย่าง ยูคาลิปตัส ส้ม ต้นทาย์ม ลงในเทียนไขสามารถทำลายเชื้อแบคทีเรียที่แอบแฝงอยู่ภายในบ้านเรือนได้ รวมถึงการใช้น้ำมันหอมร่วมกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็ให้ผลที่ใกล้เคียงกัน ในลักษณะเดียวกับยาฆ่าเชื้อโรค จากการทดสอบแสดงให้เห็นว่า น้ำมันหอมบางตัวสามารถทำลายแบคทีเรียที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหารปรุงไม่สุก เนื้อดิบ และน้ำที่มีเชื้อโรคปนเปื้อน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการอาหารเป็นพิษ อาการติดเชื้อบนบนผิวหนัง เช่น ฝี หนอง สิว และปอดอักเสบ ขณะที่บางคนร้ายแรงถึงขั้นไตล้มเหลว และที่ร้ายกว่านั้นถึงขั้นเสียชีวิต ทีมงานเชื่อว่าการที่น้ำมันหอมทำปฏิกิริยากับละอองของไส้ตะเกียงและออกซิเจน ทำให้เกิดคุณสมบัติที่สามารถทำลายแบคทีเรียได้ ดังนั้นการจุดเทียนหอมภายในบ้าน นอกจากจะบำบัดร่างกายให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาแล้ว ยังทำลายแบคทีเรียเป็นพิษที่แอบแฝงภายในบ้านได้ด้วย ที่สำคัญไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้เหมือนกับสารเคมีแต่อย่างใด (คมชัดลึก พุธที่ 23 มิ.ย. 47 http://www.komchadluek.com)
สถาบันวิจัยเพื่อสันติภาพออกเตือนนักพันธุกรรมศาสตร์ที่กำลังวิจัยยีนกันทั่วโลก ระวังอีกด้านของความก้าวหน้าอาจทำให้ผู้ไม่หวังดีนำไปผลิตอาวุธชีวภาพ ทำลายล้างคนเฉพาะกลุ่มได้
สถาบันวิจัยเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศของสวีเดนตีพิมพ์รายงานประจำปีศึกษาความก้าวหน้าของแขนงวิชาพันธุศาสตร์ ว่าเป็นดาบสองคม ทางหนึ่ง ความก้าวหน้าของวิชาพันธุศาสตร์ เช่น ความสำเร็จในการถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์ และเข้าใจการทำงานของแต่ละหน่วยพันธุกรรม จะทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถพัฒนายารักษาโรคระบบประสาทและหัวใจได้ดีขึ้น แต่ในอีกด้านหนึ่ง ความก้าวหน้าของความรู้ด้านนี้เปิดโอกาสให้ผู้ไม่หวังดี เช่น ผู้ก่อการร้าย นำความรู้ดังกล่าวไปพัฒนาอาวุธประสิทธิภาพสูงที่สามารถทำลายล้างมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นางบาร์บารา โรเซนเบิร์ก ประธานสมาคมนักวิทยาศาสตร์ด้านอาวุธชีวภาพและเคมี ของศูนย์ควบคุมและป้องกันการแพร่กระจายอาวุธ กล่าวว่า การศึกษาพันธุกรรมมนุษย์อาจทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถผลิตอาวุธชีวภาพที่มีความสามารถทำลายล้างคนบางเผ่าพันธุ์ได้ เช่น ผู้ก่อการร้ายที่ไม่พอใจคนกลุ่มหนึ่ง สามารถประยุกต์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์พันธุศาสตร์มาพัฒนาเทคโนโลยีอาวุธชีวพันธุกรรมที่มีความสามารถทำลายล้างคนเฉพาะกลุ่มได้ เรื่องนี้เป็นไปได้สูงยิ่ง ผู้จัดการ พุธที่ 23 มิ.ย. 47 http://www.manager.co.th)
นักวิจัยยุ่นเพาะพันธุ์ ปักเป้า ปลอดพิษ
นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นอ้างความสำเร็จ ในการเพาะพันธุ์ปลาปักเป้าปลอดพิษ ขณะที่เจ้าของร้านอาหารไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้สักเท่าไร เพราะเชื่อว่าความอันตรายของปักเป้าเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คนนิยมลิ้มรสมันนัก ศาสตราจารย์ทามาโอะ โนกุชิ ทำการศึกษาจนเพาะพันธุ์ปลาปักเป้าปลอดสารพิษได้ 4,800 ตัว โดยให้มันกินแต่ปลาแมเคอเรล โดยไม่ให้กินปู กุ้ง หอย หรือปลาดาว ที่ประเทศญี่ปุ่น พ่อครัวที่มีสิทธิเตรียมปลาปักเป้าให้ลูกค้ากินได้ ต้องเป็นผู้ที่มีใบอนุญาตเท่านั้น เนื่องจากปักเป้าเป็นปลาที่มีพิษร้ายทำลายเส้นประสาท และทำให้ปอดไม่ทำงาน นอกจากนี้ยังไม่มีใครคิดค้นวิธีแก้พิษปักเป้าได้ด้วย (ผู้จัดการ พุธที่ 23 มิ.ย. 47 http://www.manager.co.th)
ใช้ยางในประเทศผลิตยางรถถัง
นายประสาท เกศวพิทักษ์ ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า เพื่อเป็นการสนับสนุนและเร่งรัดการใช้ยางในประเทศ ตลอดจนสนับสนุนการใช้แบรนด์เนมไทยของรัฐบาล กรมวิชาการเกษตรเตรียมจับมือกับกระทรวงกลาโหม เตรียมต่อ ยอดผลงานวิจัยของกรมวิชาการเกษตรในการคิดค้นสูตรการผลิตยางรถถังจากยางพารามาผลิตเพื่อใช้งานจริง ด้วยเห็นว่าที่ผ่านมากระทรวงกลาโหมต้องเสียงบประมาณจำนวนมากในการนำเข้ายางเพื่อใช้สำหรับรถถังจากต่างประเทศ ซึ่งมีมูลค่าสูงถึงเส้นละ 300,000 บาท แต่หากนำน้ำยางมาผลิตเองจะมีต้นทุนในการผลิตเพียงเส้นละ 50,000 บาทเท่านั้นซึ่งถูกกว่าการนำเข้าถึง 6 เท่า โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณในการดำเนินการครั้งนี้ ประมาณ 90 ล้านบาท ทั้งนี้ก่อนหน้านี้กรมวิชาการเกษตรประสบความสำเร็จในการวิจัยกระสุนปืนจากยางพารามาแล้วครั้งหนึ่งโดยกระทรวงกลาโหมได้นำผลงานวิจัยชิ้นดังกล่าวไปต่อยอดผลิตใช้งานจริงอยู่ในปัจจุบัน และในเร็ว ๆ นี้ กรมวิชาการ เกษตรได้เตรียมหารือกับสภาพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ถึงแนว ทางในการเสนอคณะมนตรีเพื่อการขอความร่วมมือหน่วยงานราชการสนับสนุน บริษัทผลิตยางรถยนต์ใน ประเทศซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 12 บริษัท เป็นของคนไทยจำนวน 8 บริษัท ซึ่งมีศักยภาพเพียงพอในการผลิต (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 24 มิ.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)
เสริมทรงให้เป็น "สาวอกไททาเนียม" ใช้เทคนิคอย่างเดียวผ่าตัดไส้เลื่อน
ศัลยแพทย์ที่นครดัสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนีหมอไซยา เซย์ลัน กล่าวว่าได้ประดิษฐ์ สิ่งปลูกฝังผ่าตัดหนุนทรวงอกสตรีของเขาทำด้วยเส้นใยไททาเนียมละเอียด เทคนิคการศัลยกรรมนั้นก็เป็นแบบเดียวกับที่ใช้ในการผ่าตัดไส้เลื่อนของบุรุษเพศ การผ่าตัดจะไม่เจ็บปวดอะไรเลย แค่เพียงนอนโรงพยาบาลเพียงแค่ 2-3 วันเท่านั้นก็หายเรียบร้อย "วัตถุปลูกฝังที่ใช้ ไม่ได้มีขนาดหนาใหญ่โตมากไปกว่า เนื้อเยื่อธรรมชาติ ค่าใช้จ่ายในการทำจะมีราคาสูงถึงเกือบสองแสนบาท หมอเซย์ลันอ้างว่าไม่ได้สูงเกินปกติไปนัก ด้วยเหตุว่า เฉพาะวัสดุไททาเนียมที่มาทำเป็นสิ่งปลูกฝัง ก็มีราคาถึง 32,000 บาทเข้าไปแล้ว (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 24 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
สารยืดอายุผลไม้ ปลอดภัยแถมลดอ้วน
ดร.โศรดา กนกพานนท์ ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า โครงการพัฒนาสารเคลือบเนื้อผลไม้แบบบริโภคได้ สำหรับยืดอายุการเก็บรักษาเนื้อทุเรียนสด ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และปัจจุบันมีความคืบหน้า 50% คาดว่าจะพร้อมผลิตเป็นเชิงพาณิชย์ได้ในอีก 2 ปี เป้าหมายของโครงการคือยืดอายุการเก็บรักษาเนื้อทุเรียนสด โดยใช้ไคโตซานที่สกัดได้จากเปลือกกุ้งและเจลาติน หรือโปรตีนที่อยู่ใต้ผิวหนังสัตว์ อาทิ หมู วัว ควายที่ได้จากโรงฆ่าสัตว์และอุตสาหกรรมหนัง มาเป็นสูตรผสมในการสร้างสารเคลือบในลักษณะของไบโอโพลิเมอร์ที่สามารถผลิตได้เองในประเทศ โดยสารทั้งสองตัวถือเป็นผลิตผลพลอยได้ที่คณะวิจัย สามารถนำมาเพิ่มมูลค่าได้ โดยคุณสมบัติเด่นที่เห็นได้ชัดคือ การฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดความอ้วน สำหรับชั้นเคลือบผิวผลไม้ที่เกิดจากส่วนผสมของสารทั้งสองตัวมีขนาดราว 70 ไมครอน สามารถยืดอายุทุเรียนไม่ให้สุกเร็วเท่ากับขณะที่อยู่ในผล เมื่อนำไปทดสอบวางที่ชั้นวางในซูเปอร์มาร์เก็ต ที่อุณหภูมิ 17-20 องศาเซลเซียส เนื้อทุเรียนสดสามารถอยู่ได้นานประมาณ 2 สัปดาห์ แต่หากปรับอุณหภูมิที่เหมาะสมให้อยู่ที่ประมาณ 5 องศาเซลเซียส สามารถอยู่ได้เป็นเดือน นอกจากนี้ ยังพบว่าเมื่อเคลือบสารตัวนี้ลงบนผิวเนื้อทุเรียน ไม่ปรากฏเชื้อราและแบคทีเรีย ขณะที่ความสดยังคงมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ความแน่นเนื้อ และน้ำหนักหรืออัตราการสูญเสียน้ำไม่ลดลง ส่วนเรื่องรสชาติยังอยู่ระหว่างการพิสูจน์ แต่ไม่น่าจะมีผลต่อรสของทุเรียน เนื่องจากเจลาตินไม่มีรส ส่วนไคโตซานอาจมีรสของสารละลาย ซึ่งเป็นกรดอ่อนๆ ติดอยู่ แต่ด้วยฟิล์มเคลือบที่บางมาก จึงไม่น่าจะมีปัญหาในเรื่องรสชาติ หลังจากวิจัยเสร็จแล้ว จะจดสิทธิบัตรเป็นของจุฬาฯ และม.เกษตรศาสตร์บางส่วน ข้อดีที่เห็นได้ชัดของสารเคลือบ นอกจากจะช่วยยืดอายุผลไม้ให้นานขึ้นแล้ว ยังช่วยลดขยะให้กับผู้บริโภคได้ เพราะไม่จำเป็นต้องซื้อทุเรียนทั้งผลไปปอกเองที่บ้าน อีกทั้งผู้ค้ายังสามารถรวบรวมขยะเปลือกทุเรียนได้จากแหล่งเดียว และส่งต่อไปผลิตเป็นฟิวเจอร์บอร์ดได้อีก นอกจากนี้ ดร.โศรดากำลังพัฒนาสารเคลือบผลไม้ ทั้งเปลือกที่ใช้วัตถุดิบหลักจากครั่ง ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) คาดว่าอีก 2 ปี น่าจะแล้วเสร็จ โดยสารดังกล่าวมีราคาแพงมากหากนำเข้าจากต่างประเทศ และในโลกมีอินเดียและไทยเท่านั้นที่ผลิตครั่งส่งออก (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 24 มิ.ย. http://www.bangkokbiznews.com)
นักวิจัยไทยสร้าง 'เตาอบอินฟราเรด' เพิ่มคุณภาพสินค้า
น.ส.ศุภวรรณ ติยะวงศ์สุวรรณ ที่ปรึกษาเทคโนโลยีโครงการสนับสนุนพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (ITAP) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยว่า ITAP ได้ให้ความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมผลิตและส่งออกอาหารทะเลแห้ง ในการจัดสร้างต้นแบบเตาอบแสงอินฟราเรด สำหรับการผลิตปลาอบแห้งแทนรูปแบบเดิมที่ใช้วิธีการตากแดดและอบด้วยตู้อบแก๊ส ซึ่งไม่สามารถผลิตสินค้าได้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดต่างประเทศและคุณภาพสินค้าไม่สม่ำเสมอ "ITAP จัดหาผู้เชี่ยวชาญเข้าไปช่วยในการจัดสร้างเตาอบต้นแบบ ด้วยแสงอินฟราเรดแบบสายการผลิตต่อเนื่อง และหาพารามิเตอร์ที่เหมาะสมกับการอบปลาข้างเหลืองให้ได้คุณภาพตามที่ลูกค้าต้องการมากที่สุด เพื่อนำผลที่ได้จากการศึกษามาขยายผลในเชิงพาณิชย์ ด้านนายวรรณภพ กล่อมเกลี้ยง หน่วยวิจัยทดสอบวัสดุและผลิตภัณฑ์ ศูนย์เทคโนโลยีซ่อมบำรุงรักษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า เตาอบเครื่องต้นแบบนี้เป็นการนำความร้อนจากอินฟราเรดมาใช้งาน มีขนาด 1 x 2 เมตร กำลังผลิตครั้งละ 5 - 10 ตัว ใช้ต้นทุนการพัฒนาประมาณ 300,000 บาท ซึ่งถือว่ามีราคาถูกมากเมื่อเทียบกับการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศที่มีราคาแพงกว่าประมาณ 2-3 เท่า หลักการในการสร้างเตาอบอินฟราเรด ปัจจัยสำคัญคือ อุณหภูมิ ความเร็วลมและเวลา จึงได้พัฒนาเตาอบที่ให้ความร้อนโดยการเลียนแบบธรรมชาติ สามารถปรับระดับอุณหภูมิที่เหมาะสมกับการอบปลาในตู้อบแบบปิดในแต่ละช่วงได้ และจากการทดสอบใช้งานพบว่า สามารถทำให้เนื้อของปลาสุกและแห้งสนิทได้ผลดีแล้ว (คล้ายคลื่นไมโครเวฟ) ยังทำให้ผิวของปลามีสีสวยจากเดิมที่ใช้วิธีการอบด้วยแก๊ส ทำให้ผิวปลาคล้ำไม่น่ารับประทาน ทั้งนี้ หลังจากได้เตาอบต้นแบบแล้วจะนำไปสู่การพัฒนาเป็นเตาอบขนาดใหญ่เชิงอุตสาหกรรม ที่สามารถผลิตปลาอบแห้งได้ถึง 1,000 กก.ต่อวัน ส่วนเตาอบปลาเครื่องต้นแบบนี้จะนำออกแสดงภายในงานประจำปี สวทช. ระหว่างวันที่ 25 - 30 มิ.ย.นี้ ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ. ปทุมธานี (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 24 มิ.ย. http://www.bangkokbiznews.com)
ศูนย์แสงซินโครตรอน เปิดบ้านต้อนรับเอกชน
ดร.รัฐการ อภิวัฒน์วาจา รักษาการหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีเครื่องเร่งอนุภาค ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนแห่งชาติ (ศซ.) เปิดเผยว่า ศูนย์ฯได้ดำเนินโครงการคลินิกเทคโนโลยีตามนโยบายกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยนำประสบการณ์ความเชี่ยวชาญของคณะนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านต่างๆ ที่ใช้ปฏิบัติง่ายภายในห้องปฏิบัติการแสงสยามในการให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาเพื่อช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมในโครงการฯ เทคโนโลยีภายในห้องปฏิบัติการแสงสยาม ประกอบด้วยเรื่องของระบบสุญญากาศ ระบบควบคุมและเทคโนโลยีแสงซินโครตรอน ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ประโยชน์กับภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเทคโนโลยีสุญญากาศซึ่งใช้ในการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ปัจจุบัน บริษัทที่ร่วมในโครงการคลินิกเทคโนโลยี ศซ. ได้แก่ บริษัท ซีเกทเทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ และบริษัท แอดวานส์ เมคเนติก แมททีเรียลส์ จำกัด ผู้ผลิตผงแม่เหล็ก โดยทั้งสองแห่งได้ส่งวิศวกรเข้ารับการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านสุญญากาศสำหรับดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขในกรณีห้องสุญญากาศมีปัญหา แสงซินโครตรอนสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในงานสามกลุ่มใหญ่ๆ คือ งานวิจัยด้านฟิสิกส์ เคมี และวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม โดยที่แสงซินโครตรอน สามารถใช้ในงานวิจัยพื้นฐานในการหาคุณสมบัติ ของอะตอม โมเลกุล และความยาวพันธะระหว่างอะตอมภายในโมเลกุลของสสาร การศึกษาการจัดเรียงตัวของอะตอม บริเวณพื้นผิวและรอยต่อระหว่างพื้นผิว เป็นต้น ผลจากงานวิจัยพื้นฐานเหล่านี้จะนำไปสู่ การคิดค้นและพัฒนาวัสดุชนิดใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับการใช้งาน และลำแสงซินโครตรอนพร้อมเปิดบริการเต็มรูปแบบเดือน ก.ย.นี้ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 25 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
อุทยานวิทยาศาสตร์จับมือจีน ร่วมวิจัยและพัฒนาโทรคมฯ
นายกร ทัพพะรังสี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยในงานการประชุมสมาคมนานาชาติทางด้านอุทยานวิทยาศาสตร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 2004 (IASP Asia-Pacific Conference on Science and Technology Park, 2004) ว่า ขณะนี้คณะเจ้าหน้าที่จากเมืองเสิ่นเจิ้น และตัวแทนภาคเอกชนของจีน 4 แห่ง ได้หารือในข้อตกลงที่จะร่วมมือกับอุทยานวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในการวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีร่วมกัน ตัวแทนจากภาคเอกชนเสิ่นเจิ้นแสดงความสนใจอยากขอเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในด้านเทคโนโลยีกับอุทยานวิทยาศาสตร์ของเรา ทั้งด้านการค้นคว้าและวิจัยเทคโนโลยีโดยเฉพาะทางด้านโทรคมนาคม และอิเล็กทรอนิกส์ โดยในจำนวนนี้มีบริษัทด้านโทรคมนาคมขนาดใหญ่ของจีนรวมอยู่ด้วย สำหรับบริษัทเอกชนจีนที่แสดงความสนใจ และกำลังดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศไทย ได้แก่ บริษัท เสิ่นเจิ้น กวนลี เทเลคอม เทค บริษัท เสิ่นเจิ้น โคชิฟอิเล็กทรอนิกส์ จำกัด บริษัท ซีทีอี คอร์ป.และบริษัท หัวเหว่ย เทคโนโลยีส์ คอร์ป. ซึ่งขณะนี้ทางภาครัฐไทยรับในหลักการแล้ว ส่วนการลงนามข้อตกลงนั้นจะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม ณ ประเทศจีน ศ.ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวว่า ความสนใจของบริษัทโทรคมนาคมจีนจะเน้นไปที่ไมโครชิพ ซึ่งศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งแห่งชาติ (เนคเทค) ดูแลอยู่เป็นหลัก การจัดงานการประชุมนานาชาติของอุทยานวิทยาศาสตร์เอเชียแปซิฟิกในครั้งนี้ ได้รวมเอาตัวแทนอุทยานวิทยาศาสตร์จาก 19 ประเทศมาให้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้ในด้านการบริหารจัดการอุทยานโดยตรง ไทยจะได้รับประโยชน์จากงานนี้มาก (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 25 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
ไทย-จีนร่วมคิดค้นสมุนไพรแก้เอดส์ สยบโรคร้ายได้ ตั้งรง.ที่ระยอง
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงความสำเร็จในการศึกษาวิจัยร่วมกัน ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กระทรวงสาธารณสุข กับสถาบันพฤกษศาสตร์คุณหมิง ประเทศจีน ที่สามารถ คิดค้นยารักษาผู้ป่วยด้วยสมุนไพร ต้านไวรัสโรคเอดส์ โดยใช้ชื่อว่า SH ที่ใช้เวลาร่วม 3 ปีในการศึกษาในคลินิกผู้ป่วยเอสไอวี.ในประเทศไทย แล้วพบว่าทำให้เชื้อ HIV ในผู้ป่วยลดลง และช่วยเพิ่มปริมาณเม็ดเลือดขาวมากขึ้น ทำให้ผู้ป่วยไม่มีอาการข้างเคียงจนเป็นผลทำให้ร่างกายอ่อนแอ หรือมีโรคแทรกซ้อนตาม จึงถือว่าเป็นความสำเร็จในการศึกษาด้วยสมุนไพรครั้งนี้ ทั้งนี้ มูลนิธิกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาแผนโบราณกับคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) แล้วตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา นพ.สุพรรณ กล่าวว่า สมุนไพรต้านไวรัสเอดส์ SH นี้จะมีการนำรายงาน การวิจัยและตัวอย่างสมุนไพรต่อที่ประชุมเอดส์โลก ที่จะถึงในเดือนกรกฏาคมนี้ เพื่อให้ประเทศ อื่นๆ ทั่วโลกได้รับรู้ถึงตัวยาต้านไวรัสชนิดใหม่นี้ รวมถึงจะเป็นประโยชน์ในการวิจัยรวมกันของประเทศอื่นๆ ด้วยเพราะถือว่าเป็นความร่วมมือของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งมีส่วนผสมของสมุนไพรที่ใช้สกัดเป็นยาสมุนไพรจากประเทศจีน 3 ตัว และสมุนไพรจากประเทศไทย 2 ตัว รวมถึงยาแผนปัจจุบันอีก 2 ตัว คือ ZIDOVUDINE และ ZALCICADINE ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาตกลงกันว่าประเทศไทยจะสามารถนำออกมาให้ผู้ป่วยใช้รักษาได้หรือไม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางเจรจากับประเทศจีน เพื่อตกลงกันในด้านสิทธิประโยชน์ร่วมกัน และเตรียมลงทุนตั้งโรงงานผลิตสมุนไพรแล้วสุด ( เดลินิวส์ เสาร์ที่ 26 มิ.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)
ไทยผนึกอเมริกา เล็งผุดไซน์ปาร์ค ตั้งใหม่ที่เชียงใหม่
ดร.พีรศักดิ์ วรสุนทโรสถ ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ชี้แจงว่า ที่ผ่านมา ประเทศไทยจำเป็นต้องอาศัย องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ และนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกา ขณะที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อการสร้างความเข้มแข็งทางวิทยาศาสตร์ให้กับประเทศ โดยหนึ่งในแนวทางที่จะเป็นทางลัดสู่ความสำเร็จคือ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือและการแสวงหาพันธมิตรกับองค์กรวิจัยชั้นนำของประเทศที่พัฒนาแล้ว วว.จึงได้ร่วมลงนามความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับ สถาบันวิจัยและพัฒนาความก้าวหน้าของสหรัฐอเมริกาหรือ RAND ซึ่งเป็นการลงนามร่วมกันระหว่างผู้ว่าการ วว.และ Mr.Joanne B.Shelby ผู้อำนวยการสถาบันฯ โดยกำหนดความร่วมมือระหว่างองค์กรไว้ในเบื้องต้น 4 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาอุทยานวิทยาศาสตร์ การประเมินเปรียบเทียบการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทย การวิเคราะห์การพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทยในอนาคต และการพัฒนากำลังคน โดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ฯ จะได้รับความช่วยเหลือจากแรนด์ ทั้งในด้านผู้เชี่ยวชาญ เครือข่ายและข้อมูลเอกสาร ส่วนโครงการแรกที่จะดำเนินการคือ การสร้างอุทยานวิทยาศาสตร์แห่งที่สอง ณ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นแหล่งความรู้ ศูนย์ข้อมูลอำนวยความสะดวกให้กับหน่วยงานต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจ ทั้งนี้ สถาบันวิจัยและพัฒนาความก้าวหน้าของสหรัฐอเมริกา (Research and Development Corporation) หรือ RAND เป็นหน่วยงานวิจัยที่มีชื่อเสียงระดับแนวหน้าของสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ.2527 ซึ่งตลอดระยะเวลาการดำเนินการกว่า 50 ปีได้ผลิตผลงานวิจัยและพัฒนาที่สำคัญหลายเรื่อง โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง การทหาร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การเมืองระหว่างประเทศ การศึกษาและการพลังงาน (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 26 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
แพทย์ไทยพบยีนกลายพันธุ์ ตัวการหูหนวก
รศ.พญ.ดวงฤดี วัฒนศิริชัยกุล คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำการศึกษาพบว่า มูลเหตุสำคัญของโรคหูหนวกเป็นผลมาจากพันธุกรรม ซึ่งเกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของยีนตัวหนึ่งที่ชื่อว่า คอนเนกซิน ซึ่งหากตรวจพบแต่เนิ่นๆ อาจสามารถรักษาให้หายได้ตั้งแต่เด็ก ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่เป็นโรคหูหนวกจากพันธุกรรมนี้คิดเป็นร้อยละ 45% งานวิจัยดังกล่าวเป็นหนึ่งในแปดผลงานวิจัยของนักศึกษาระดับปริญญาเอกเพื่อการเป็นนักวิจัยอาชีพ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) โดยการคิดค้นวิจัยหากรรมพันธุ์กับภาวะหูหนวกในคนไทย เป็นผลงานวิจัยที่โดดเด่นทางด้านการแพทย์ "สาเหตุที่ส่งผลให้เกิดภาวะหูหนวก เกิดจากสาเหตุหลายประการ เช่น ภาวะตัวเหลืองรุนแรง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ สมองขาดออกซิเจน แต่ทั้งหมดเป็นเพียงสาเหตุ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยเท่านั้น ขณะที่ 2 ใน 3 ของผู้ป่วยหูหนวก มีสาเหตุมาจากพันธุกรรม และในจำนวน 33-45% เกิดจากการถ่ายทอดโรคในลักษณะด้อยของยีน รศ.พญ.ดวงฤดี กล่าวต่อว่า การค้นพบยีนในครั้งนี้ จะส่งผลให้แพทย์สามารถตรวจสอบความผิดปกติของเด็กได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การป้องกันการเกิดภาวะหูหนวก และประกอบการวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่นๆ ในเด็กไทย (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 26 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
สกว.เสริมทัพ ยุววิจัยยางพารา
นางวราภรณ์ ขจรไชยกูล ผู้อำนวยการโครงการวิจัยแห่งชาติ:ยางพารา สกว. เปิดเผยว่า เนื่องจากประเทศไทยมีพัฒนาการด้านยางพาราช้า มูลค่าเพิ่มต่ำ อีกทั้งนักวิจัยด้านยางพารามีน้อย ดังนั้นประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางรายใหญ่ที่สุดของโลก ต้องสร้างนักวิจัยด้านนี้เพิ่มขึ้น โดย สกว.ได้ให้ทุนสนับสนุนการวิจัยกับอาจารย์ในสถาบันการศึกษาด้านยางพาราโดยเฉพาะ และโครงการวิจัยย่อยระดับปริญญาตรี ซึ่งนักศึกษาต้องผ่านการทำโปรเจ็ค ก็สามารถเสนอขอทุนเพื่อทำโครงการด้านยางพาราได้ และยังขยายการสร้างนักวิจัยยางลงไปในระดับมัธยมปลายเป็น โครงการยุววิจัยยางพารา ทั่วประเทศอีก 40 ทุน เพื่อบูรณาการวิชายางพารา จนเกิดเป็นผลงานฝีมือนักเรียนมัธยมปลายถึง 12 โครงการ ที่แสดงถึงศักยภาพของเด็กไทย (สยามรัฐ ศุกร์ที่ 26 มิ.ย. 47 http://www.siamrath.co.th)
ข่าวทั่วไป
เข็นพลังแสงอาทิตย์หนีก๊าซ-น้ำมันแพง
ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รองนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการประหยัดพลังงาน เปิดเผยว่า เร็ว ๆ นี้คณะกรรมการฯจะหารือเกี่ยวกับการใช้พลังงานแสงอาทิตย์มาใช้กับครัวเรือน เช่น การทำน้ำร้อนและทำอาหาร เป็นต้น เพื่อลดภาระความเดือดร้อนของประชาชน เนื่องจากราคาแก๊ส และน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงมาก ทั้งนี้หากที่ประชุมให้ความเห็นชอบก็จะตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษางานระบบการทำงาน และซื้ออุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์จากประเทศจีน ร.อ.สุชาติ กล่าวว่า หลังจากที่ได้ปฏิบัติภารกิจในประเทศจีนในช่วงวันที่ 14-18 มิ.ย. นี้ ก็ได้หารือกับผู้บริหารระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนจำนวนมาก โดยมีประเด็นที่สำคัญคือ ประเทศจีนสนใจที่จะร่วมลงทุนโครงการเส้นทางท่อขนส่งน้ำมันในภาคใต้ (แลนด์บริดจ์) เนื่องจากประเทศจีนจะร่วมใช้บริการการขนส่งน้ำมันในโครงการนี้ด้วย โดยให้เหตุผลว่าเส้นทางการขนส่งน้ำมันผ่านช่องแคบมะละกาไม่มีเสถียรภาพ นอกจากนี้นักธุรกิจจากประเทศจีนก็สนใจระบบการเก็บภาษีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร ของประเทศไทยที่ไปโชว์ในงานของ เอเปค อี-คอมเมิร์ซ แฟร์ ด้วย ที่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีได้เร็ว (เดลินิวส์ อังคารที่ 22 มิ.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)
"โรคซาร์ส" ระบาดติดต่อทางน้ำตาหมอสิงคโปร์ ตรวจพบไวรัสอยู่ในตา
นายแพทย์เส็ง เชียะ ลุ้น ของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งชาติในสิงคโปร์กับคณะ ได้แจ้งว่า ได้ตรวจพบเชื้อไวรัสโรคซาร์สอยู่ในท่อน้ำตา ของผู้ป่วยเมื่อปีกลาย ซึ่งในการระบาดขึ้นหนหลังสุดนั้น มีผู้ป่วยในชาติต่างๆ เกือบ 30 ชาติ เป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 8,000 คน และเสียชีวิตไปเกือบ 800 คน โรคซาร์สเริ่มระบาดขึ้นครั้งแรกทางภาคใต้ของจีน เมื่อปี พ.ศ. 2545 ถึงแม้ ปัจจุบันจะควบคุมไว้ได้ แต่ก็ยังเกรงกันว่ามันอาจะกลับมาแพร่เชื้ออีก คณะแพทย์สิงคโปร์กล่าวว่า ได้ตรวจพบเชื้อไวรัสในท่อน้ำตาคนไข้อยู่ 3 ราย ทั้งหมดล้วนแต่เป็นคนไข้รายใหม่ด้วยกัน ส่อให้รู้ว่าอาจจะตรวจพบเชื้อในท่อน้ำตา ในช่วงการป่วยระยะต้นๆ ซึ่งอาจจะเป็นหนทางตรวจสำคัญทางหนึ่ง เนื่องจากการตรวจวิเคราะห์น้ำตา นับว่าสะดวกและง่ายกว่ากันมาก นายแพทย์เส็ง รายงานผลการตรวจพบในวารสารการแพทย์อังกฤษ "จักษุวิทยา" ไว้ด้วยว่า การค้นพบยังแสดงให้รู้ว่า โรคซาร์สสามารถติดต่อกันทางน้ำตาได้ นอกจากละอองฟุ้งกระจายของการไอหรือจามอย่างหนึ่งด้วย และเชื้อไวรัสโรคซาร์สก็เช่นเดียวกับเชื้อไวรัสอย่างอื่น ที่ติดต่อลุกลามไปถึงตาได้ ไม่ต่างจากไวรัสเชื้อเริม โรคตับอักเสบชนิดบี และซี โรคหัด และโรคอีกสุกอีใส ซึ่งตรวจพบในน้ำตาเช่นกัน. (ไทยรัฐ พุธที่ 23 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
"POSSEC" ศูนย์ส่งออกสินค้าเกษตรลดขั้นตอน-เวลา-ค่าใช้จ่ายในจุดเดียว
ปัญหาสำคัญประการหนึ่ง ที่ทำให้การส่งออกสินค้าเกษตร ของไทยยังสู้คู่แข่งไม่ได้ก็คือ เรื่องของระบบ Logistic (กระบวนการขนส่ง ที่เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยง กันทั้งระบบ) ที่ยังไม่พัฒนา ทำให้เกิดปัญหา โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ซึ่งรัฐบาลเอง ก็พยายามหาทางแก้ปัญหาอยู่ และได้บรรจุเข้าไว้ เป็นนโยบายระดับชาติ เพื่อพัฒนาให้ทันกับการแข่งขัน ในตลาดโลกที่กำลังรุนแรงขึ้น POSSEC (Punisable One Stop Service Export Center) หรือ "ศูนย์รวบรวมผักและผลไม้ เพื่อการส่งออก" แห่งแรกของไทย ตั้งอยู่ภายในตลาดไท จ.ปทุมธานี เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการพัฒนารูปแบบวิธีการให้บริการ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมช.กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เนื่องจากปัจจุบันผลผลิตทางการเกษตรทะลักออกสู่ตลาดปริมาณมาก กระทรวงพาณิชย์จึงมอบหมายให้กรมการค้าภายในและกรมส่งเสริมการส่งออก เร่งระบายผลไม้ออกจากแหล่งผลิตและกระจายไปยังตลาดต่างประเทศ เพื่อยกระดับราคาให้สูงขึ้น นี่เองจึงเป็นที่มาของการจัดตั้งศูนย์ฯ POSSEC ขึ้น ถือเป็นศูนย์กลางส่งออก ผลิตผลพืชสด มีลักษณะเป็น One Stop Service (บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว) ที่รัฐและเอกชนร่วมมือกัน ให้บริการแก่ผู้ส่งออก เพื่อช่วยลดปัญหาด้านขั้นตอน เวลา และค่าใช้จ่ายตามวิธีการส่งออก โดยเพียบพร้อมในการให้บริการ และใช้เทคโนโลยีมาช่วยบริหาร จัดการตามหลักมาตรฐานสากล อาทิ อาคารตรวจปล่อยสินค้า ระบบปรับลดอุณหภูมิ เพื่อรักษาคุณภาพระหว่างรอตรวจปล่อย ระบบลำเลียงสินค้าตามมาตรฐานความปลอดภัย ในการขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศ รวมทั้งระบบปฏิบัติการ Office Automation ที่เชื่อมโยงข้อมูลการส่งออก Electronic Data Interchange : EDI ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ สำหรับศูนย์ฯแห่งนี้ เปิดทดลองให้บริการแล้ว และมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 24 มิ.ย.47 ผู้ส่งออก สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-2832-6933-41, 0-2832-6943, 0-2832-6947, 0-2832-6948 แฟกซ์ 0-2908-4856, 0-2832-6939. (ไทยรัฐ พุธที่ 23 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
ลอรีอัลยกย่องมอบทุนวิจัย 4 สตรีนักวิทยาศาสตร์ไทย
รางวัลทุนวิจัยลอรีอัล ประเทศไทย เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์ ที่มอบให้แก่นักวิทยาศาสตร์ ไทยติดต่อกันปีนี้เป็นปีที่ 2 เป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่พิสูจน์ ให้เห็นถึงความตระหนักในคุณค่า ของงานวิจัยไทย ในปีนี้ นักวิทยาศาสตร์ไทย ที่มีผลงานโดดเด่นเข้าตากรรมการ จนได้รับทุนวิจัยฯ จากลอรีอัล มีอยู่ด้วยกัน 4 คนคือ ผศ.ดร.พรรณิกา เนียมทรัพย์ วัย 31 ปี จากภาควิชาจุลชีววิทยา และปรสิตวิทยา คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เจ้าของโครงการ "กลไกการดื้อยาของเชื้อก่อโรคเมลิออยโตสิส" ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรีย ที่พบมากในน้ำและดิน แถบภาคอีสาน, รศ.รศนา วงศ์รัตนชีวิน วัย 41 ปี จากภาควิชาเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ศึกษาวิจัยเรื่องแบคทีเรีย "Burkholderia pseudomallei" ซึ่งพบมากในดินแถบอีสาน สาเหตุของโรคเมลิออยโตสิส, ผศ.ดร.มัลลิกา เจริญสุธาสินี วัย 33 ปี จากสำนักวิชาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ นำเสนอโครงการ "ปลากัดป่าของไทย กับพฤติกรรมสุภาพบุรุษลูกผู้ชาย" เพื่อศึกษาพฤติกรรมของปลากัดไทย และเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันระดับโลก สำหรับเจ้าของทุนวิจัยคนสุดท้าย ประจำปีนี้คือ รศ.ดร.อัญชลี ทัศนาขจร จากหน่วยวิจัยอณูชีววิทยาและจีโนมกุ้ง ภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชนะใจกรรมการจากโครงการวิจัย "กุ้งกุลาดำ" เพื่อศึกษาสมบัติของโปรตีนจากเลือดกุ้ง ที่มีผลต่อการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลชีพ และศึกษาการตอบสนองในระดับยีนของสารกลุ่มนี้ต่อการติดเชื้อ นอกจากรางวัลทุนวิจัยแล้ว ทาง "ลอรีอัล" ยังได้มอบรางวัลพิเศษ ความงดงามแห่งงานวิทยาศาสตร์ ให้แก่ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ เป็นคนแรกของเมืองไทย โดย "มร.รอล์ฟ ซิคมันด์" กรรมการผู้จัดการบริษัทลอรีอัล ประเทศไทย เปิดเผยว่า ทางลอรีอัลตัดสินใจมอบรางวัลนี้แก่ "แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์" เพราะเล็งเห็นถึงความโดดเด่นในผลงานด้านนิติเวช สำหรับพิธีมอบรางวัลอย่างเป็นทางการ มีขึ้นในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ ที่ห้องบอลรูม ร.ร.โฟร์ ซีซันส์ เวลา 18.00 น. โดยทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ เสด็จประทานรางวัล (ไทยรัฐ พุธที่ 23 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
อนามัยโลกเตรียมรับรองไทย ปลอดโรคโปลิโอ
จากการติดตามสถานการณ์โรคโปลิโอทั่วโลก พบว่าขณะนี้โรคโปลิโอลดลงจากเดิม 99% จากที่เคยพบปีละ 350,000 รายในปี 2531 ลดเหลือ 784 ราย ในปี 2546 โดยพบผู้ป่วยกระจายใน 6 ประเทศ ได้แก่ ไนจีเรีย ไนเจอร์ ปากีสถาน อินเดีย อัฟกานิสถาน และอียิปต์ โดยภูมิภาคที่ได้รับการรับรองว่าปลอดโรคโปลิโอแล้วมี 3 ภูมิภาคจากทั้งหมด 6 ภูมิภาค ได้แก่ ภูมิภาคอเมริกา ภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก และยุโรป ในปีนี้ ตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงเดือนมิถุนายน 2547 ทั่วโลกพบผู้ป่วยทั้งหมด 268 ราย ใน 6 ประเทศเดิม มากที่สุดที่ไนจีเรีย 197 ราย ส่วนอินเดียซึ่งอยู่ในภูมิภาคเดียวกับประเทศไทยคือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พบผู้ป่วย 12 ราย รายสุดท้ายพบเมื่อเดือนมีนาคม 2547 ซึ่งคาดหมายว่าอินเดียจะปลอดโรคนี้ในปี 2547 นี้ "องค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้มีหนังสือแจ้งประเทศไทยว่า จะเริ่มดำเนินการตรวจสอบประเทศที่ปลอดโรคโปลิโอมากกว่า 3 ปี เพื่อให้การรับรองปลอดโปลิโอ โดยประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะได้รับการตรวจสอบ คาดว่าจะดำเนินการในช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2547 ได้สั่งการให้ทุกจังหวัดเตรียมความพร้อมในการประเมินครั้งนี้ โดยจัดเตรียมข้อมูลตั้งแต่เริ่มรณรงค์กวาดล้างในปี 2535 เป็นต้นมา เพื่อความน่าเชื่อถือของข้อมูล หากผลการประเมินเป็นไปตามมาตรฐาน ประเทศไทยก็จะเป็นประเทศแรกในภูมิภาคที่ปลอดโรคโปลิโอนี้" (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 23 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
20 โรงงานนำร่อง พัฒนาคุณภาพชีวิต ยึดคนเป็นศูนย์กลาง
นายนิพนธ์ สุรพงษ์รักเจริญ รองประธาน ส.อ.ท. ในฐานะผู้อำนวยการโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตการทำงานในสถานประกอบการ กล่าวว่า ส.อ.ท. ได้จัดทำร่างระบบการบริหารจัดการคุณภาพชีวิตการทำงาน เพื่อนำไปใช้กับสถานประกอบการนำร่องทั้ง 20 แห่ง และจะได้มีการพัฒนาร่างเป็นมาตรฐานที่สมบูรณ์ เพื่อนำไปใช้ในระดับประเทศ และระดับสากลต่อไป โดยเมื่อบุคลากรมีการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข สามารถปรับชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวให้ผสมกลมกลืนกันได้อย่างสมดุล จะก่อให้เกิดศักยภาพในการทำงาน และประสิทธิผลของงาน ทั้งในด้านการผลิตและการให้บริการของสถานประกอบการให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า และสังคมต่อไป โดยโรงงาน 20 แห่งนำร่อง อาทิเช่น เค อาร์ ที การเกษตร , คอล , จิตรเพชรรุ่งเรือง การเกษตร , เจียเม้ง , เจ.เอช อุตสาหกรรม , ไทยทาเคดะเลซ , ไทยตาบูชิ อิเลคทริค , บุลสิริพลาสแพค , น.ว.อรัญญิก จำกัด เป็นต้น (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 23 มิ.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
ศิริราชพบเชื้อ"วีซ่า" แจ้งรพ.ทั่วโลกจับตา
ศิริราช" เผยพบเชื้อดื้อยาตัวใหม่ชื่อ "วีซ่า" แจ้งเตือน รพ.ต่างๆ เฝ้าระวัง ขณะที่ผู้ป่วย 9 ราย ยังไม่แสดงอาการ พร้อมประสานข้อมูล กับแพทย์ทั่วโลก เพื่อหามาตรการป้องกัน เนื่องจากเชื้อดื้อยามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ยอมรับมีเชื้อดื้อยาในรพ.มาก เฉลี่ยปีละ 100 ราย เพราะ "ศิริราช" รับคนไข้อาการหนักรักษาเยอะ ผู้ป่วยติดเชื้อ รพ.รามาฯ ยันไม่ฟ้องเรียกค่าเสียหายเพราะไม่รู้ระบบการรักษาสู้ไปก็แพ้ การติดเชื้อดื้อยายังคงพบอย่างต่อเนื่อง หลังจากก่อนหน้านี้ได้พบผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 2 คน ในโรงพยาบาลวชิรพยาบาล นอกจากนี้ยังมีคนไข้ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลรามาธิบดี ที่ผ่าตัดขาและติดเชื้อดังกล่าว จนต้องเข้ารับการผ่าตัดซ้ำถึง 5 ครั้ง ล่าสุดแพทย์ได้ออกมาระบุพบผู้ติดเชื้อดังกล่าวแต่ยังไม่แสดงอาการในโรงพยาบาลศิริราช ถึง 9 ราย โดยโรงพยาบาลศิริราช ได้ออกมาแถลงข่าวถึงเรื่องดังกล่าว (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 24 มิ.ย. 47 http://www.komchadluek.com)
"ควร"- "ไม่ควร" ทำอะไรในเวลาฟ้าแลบฟ้าร้อง
ข้อมูลทางด้านป้องกันสาธารณภัยบอกว่า เมื่อเวลามีพายุใกล้เข้ามา ต้อง หาที่หลบเสียก่อนจะในอาคาร หรือในรถก็ได้ อย่าลืมปิดหน้าต่างดึงม่านลงด้วย ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ก็ถอดปลั๊กออกมาเสียก่อน และในระหว่างนั้นก็หยุดเม้าท์โทรศัพท์ชั่วครู่ น้ำท่าก็อย่าเพิ่งเปิดถ้าเป็นไปได้จะปิดเครื่องปรับอากาศเสียด้วยก็จะดียิ่งขึ้น เพราะระหว่างที่ฟ้าแลบนั้นพลังไฟฟ้ากำลังหาที่ลง อาจทำให้คอมเพรสเซอร์หรือระบบต่างๆเสียหายได้ สำหรับคนที่โชคไม่ดี หาที่หลบไม่ได้ มีข้อแนะนำว่า หากอยู่ในป่า ควรหาที่กำบังอยู่ใต้ไม้ต้นเตี้ย ถ้ากำลังล่องเรือหรือว่ายน้ำ ก็รีบขึ้นฝั่งหาที่หลบภัยทันที นอนหมอบต่ำๆ เมื่ออยู่ในที่เปิดโล่ง อยู่ให้ห่างจากหมู่ไม้ หลุมหรือวัตถุที่เป็นโลหะ สถานที่เลือกสำหรับหลบภัยก็ต้องเลือกที่ซึ่งคาดว่าจะไม่เจอน้ำท่วมด้วย. (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 26 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
เตือนระวังอุบัติเหตุร้ายในรถยนต์กระจกหน้าต่างไฟฟ้าหนีบคอเด็ก
กลุ่มอาสาสมัครเพื่อสังคมในสหรัฐฯ ที่เรียกตนเองว่ากลุ่มศึกษา "เด็กเล็กกับรถยนต์" ได้ติดตามศึกษาปัญหาความปลอดภัยของรถยนต์กับเด็ก ได้กล่าวเปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 มา ได้เกิดมีอุบัติเหตุกระจกรถยนต์หนีบคอและศีรษะเด็กเล็กตาย มาไม่ต่ำกว่า 36 รายแล้ว ทางกลุ่มยังได้อ้างรายงานการศึกษาของศูนย์สถิติและวิเคราะห์แห่งชาติของรัฐบาล เมื่อ พ.ศ. 2540 ได้เคยประมาณไว้ว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จากอุบัติเหตุกระจกรถยนต์ที่เปิดขึ้นลงด้วยไฟฟ้า เข้ารักษาตัวตามแผนกคนไข้ฉุกเฉินของโรงพยาบาลต่างๆ ในปีเดียว เป็นจำนวนเกือบ 500 ราย และครึ่งหนึ่งล้วนแต่เป็นเด็กเล็กๆทั้งสิ้น รถยนต์ที่จำหน่ายกันอยู่ทุกวันนี้ ล้วนใช้กระจกที่เปิดขึ้นลงด้วยไฟฟ้ามากถึง 80% แต่มีบางแบบทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยอดรู้สึกวิตกอยู่ไม่ได้ว่า อาจจะเป็นอันตรายกับชีวิตของเด็กได้ ฝ่ายบริษัทผู้สร้างรถยนต์เอง ก็เคยกล่าวเตือนบอกพ่อแม่ผู้ปกครองว่า ไม่ควรจะปล่อยเด็กเล็กอยู่ในรถตามลำพัง โดยเฉพาะหากทิ้งกุญแจรถคาสวิตช์สตาร์ตรถไว้ด้วย (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 26 มิ.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
มหิดลวิจัยสาวกทม. แชมป์มะเร็งเต้านม
นักศึกษาปริญญาโท มหิดล วิจัยพบสตรีในกรุงเทพฯ เสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมสูง ชี้เหตุนอกเหนือจากพันธุกรรม ยังมีผลจากการรัประทานอาหารแบบเร่งด่วนและโรคอ้วน โดยรศ.ดร.พิมพิชฌา ปัทมสิริวัฒน์ ภาควิชาจุลทรรศนศาสตร์คลินิก คณะเทคนิคการแพทย์ ม.มหิดล เปิดเผยว่า ผลงานวิจัยดังกล่าว เป็นของนายกมล พจชนะ นักศึกษาปริญญาโท คณะเทคนิคการแพทย์ โดยพบว่า จากการสำรวจย้อนหลังภายใน 5 ปี พบว่าอุบัติการณ์ของมะเร็งเต้านมในสตรีไทยเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า เป็นอันดับสองรองจากมะเร็งปากมดลูก โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ มีสตรีเป็นมะเร็งเต้านมเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงต่อการก่อโรคนอกเหนือไปจากพันธุกรรมทางครอบครัว เช่น นิสัยชอบดื่มสุรา การได้รับฮอร์โมนเพศหญิงทดแทน การรับประทานอาหารที่มีไขมันสัตว์มาก การขาดการออกกำลังกาย หรือการได้สารรังสีเกินระดับที่ปลอดภัย ความอ้วน หรือแม้แต่การเริ่มมีรอบเดือนเมื่ออายุยังน้อย หรือช่วงอายุที่มีรอบเดือนยาวนานเกินไป ทำให้มีช่วงระยะเวลาของการกระตุ้นฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนยาวนาน นายกมล ยังย้ำว่า ข้อมูลเหล่านี้ น่าจะทำให้สตรีไทยตื่นตัวต่อการในการปฏิบัติตนดูแลสุขภาพ หมั่นตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอ และปรับวิถีการดำเนินชีวิต เช่นอาหาร และสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม ซึ่งจะสามารถป้องกัน และลดอัตราการเกิดมะเร็งเต้านมและการถ่ายทอดมะเร็งเต้านมในครอบครัวไทยได้ (สยามรัฐ ศุกร์ที่ 26 มิ.ย. 47 http://www.siamrath.co.th)
KMUTT
Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215
|
|
|