หัวข้อข่าวปีที่ 5 ฉบับที่ 30 ประจำวันที่ 2004-07-26

ข่าวการศึกษา

สกอ.ยอมรับเอนทรานซ์ทำลายระบบการศึกษาไทย
ดันตั้งมหาวิทยาลัยเพื่อ"คนพิการ" ทุกประเภทเรียนรวมที่เดียวในโลก
108 อาชีพอาชีวะฯแก้จนคนไทย
ศธ.รับลูก "ทักษิณ" เตรียมพร้อมวิธีลดเรียนกวดวิชา
จีนขยายฐานผู้เรียนให้งบเปิดศูนย์สอนภาษาในไทย
จี้ ศธ.เปิดทางสะดวกเด็กไร้สัญชาติเรียน
“สุธรรม” ชมเด็กโอลิมปิก
เด็กไทยชื่อกระฉ่อนคว้าทองวิชาฟิสิกส์โอลิมปิก
มจธ.เร่งแก้ปัญหาไม่ต่อสัญญาจ้างครู
สสวท.รับนร.ทุน คณิต-วิทยาศาสตร์ เรียนฟรีถึงป.เอก
ไบโอเทคนำร่องหลักสูตรแปลงสินทรัพย์เป็นทุน
"วิจิตร" ชี้แจง ตั้ง ม.อิสลาม ยังไม่ลงตัว
ม.มหิดลจับมือธนาคารโลก ถกแผนสอนทางไกลชนบท

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

ตำรวจอนาคตปราบนักซิ่งสิ้นฤทธิ์ ด้วยการยิงลำคลื่นวิทยุให้รถหยุด
ดาวเทียมสื่อสารดวงใหญ่ที่สุดขึ้นสู่วงโคจรให้บริการบรอดแบนด์
ไทย-ฝรั่งเศสลงนามสร้างดาวเทียมทีออส
จอภาพม้วนได้
ฝังแบตฯกระตุ้นสมอง รักษาพาร์กินสัน แพทย์เล็งช่วยเจ้าชายนิทรา-อัมพาต
ไอซีทีจี้เปิดเว็บ TKC เติมความรู้คนไทย อัดแน่นข้อมูลคลิกเดียวรู้ได้ทุกเรื่อง
เรียนนอกห้อง / ดูงานถ่ายทอดเทคโนโลยี ที่คลินิกเทคโนโลยี
แบตเตอรี่-เลือกใช้ให้ถูกต้อง กำจัดถูกวิธี

ข่าววิจัย/พัฒนา

เร่งวิจัยศึกษาการสกัดสีจากพืช ต่อยอดภูมิปัญญาชาวบ้าน
นักวิจัยรัสเซียปฏิวัติการผลิตอาหารนำเลือดสัตว์ มาทำเป็นนมและกาแฟ
ไบโอเทคฯหนุนไทยศูนย์เมล็ดพันธุ์โลก
ม.เกษตรถอดรหัสสมุนไพรยับยั้งหวัดนก ศึกษาร่วม 3,000 สารชีวภาพพร้อมจัดทำเป็นฐานข้อมูล
เปิดตัวทิชชูฆ่าเชื้อหวัด
แปรรูป'มะนาว'ให้ครบวงจรแก้ปัญหามะนาวล้นตลาด
กังหันใบพัดคอปเตอร์นวัตกรรมผลิตไฟฟ้า
เจาะลึกพันธุกรรมสุนัข ใช้งบ 1200 ล้าน ศึกษาบ็อกเซอร์ตัวเดียว
“ยืดอายุเค้กโดยใช้สมุนไพรไทย”
หุ่นอิเล็กทรอนิกส์เสมือนผู้ป่วย นศ.แพทย์ซ้อมมือก่อนรักษาจริง
นักวิทย์โลกร่วมค้นหายีนออทิสติก
เอกชนไทยเน้นวิจัยยกระดับลูกถ้วยไฟฟ้า
จุฬาฯ คิดค้นถังบำบัดน้ำเสียแบบประหยัด
กินผักช่วยต้านมะเร็งต่อมลูกหมาก
ชาเขียวป้องกันมะเร็งจริงหรือ
กระดานโต้คลื่นอิเล็กทรอนิกส์ ปล่อยกระแสไฟขับไล่ฉลาม
นักวิจัยเตือนไบโอดีเซล ทำลายชั้นบรรยากาศ
แปลงดอกไม้เป็นลำโพงขยายเสียงแถมยักย้าย ส่ายกิ่งก้านตามจังหวะ
อุปกรณ์พิเศษ ช่วยประหยัดไฟ ผลงานขอนแก่น
สหรัฐพัฒนาลูกแก้วจิ๋วบรรจุเซลล์พลังงาน
เอ็มเทค วิจัยเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดใหม่ ต้นทุนต่ำ
2 อุดมศึกษาไทย-ม.เกียวโต สร้างองค์ความรู้ด้านพลังงาน
แผงวงจรประจุไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ วงจรประจุไฟ ฝีมืออาจารย์ราชมงคล
พัฒนาอาหารแห้งเพื่อกองทัพ เติมน้ำสกปรกกินได้ปลอดภัย
มหิดลเสนอพันธุวิศวกรรมสยบไวรัสอยู่หมัด

ข่าวทั่วไป

แนะวิธีป้องกันนิ่วในท่อไตให้ดื่มน้ำสะอาดวันละ 8 แก้ว
กินมะเขือเทศกับบร็อคโคลีขจัดมะเร็งพลังผักสองประสาน ให้ผลเกินคาด
คนไทยเจอปัญหาใหญ่จอประสาทตาเสื่อมไม่รู้ตัว
เร่งสร้างกระเช้าภูกระดึงก่อนสภาหมดวาระ อ้างผลสำรวจมีคนเห็นด้วย 87%
"เค้กมะกอกน้ำ" ราชมงคล ดึงผลไม้พื้นบ้านแทนลูกเกด
ให้ป้องกันรักษาคอมพิวเตอร์พีซีจากฟ้าผ่าเมื่อตอนมีพายุฝน
ออกกำลังป้องกันอ้วนกินผักผลไม้เป็นเกราะป้องกันหัวใจและสมอง
รังสีโทรศัพท์มือถือบ่อนทำลายโรงงานสร้างเชื้อตัวอสุจิผู้ชาย
มอบรางวัลหนุ่มสาวคุณภาพ
กินปลาห่างไกลโรคหัวใจ จะนึ่งหรือย่างก็ดีแต่ห้ามทอด
พบโทษลึกลับการดื่มกาแฟยามเช้านึกไม่ออก "เหมือนติดอยู่ที่ปลายลิ้น"
ผู้หญิงชอบกินถั่วเล่นกลายเป็นเรื่องดีป้องกัน ไม่ให้เกิดนิ่วอุดตันในถุงน้ำดี
น้ำส้มควันไม้จากเผาถ่านใช้ผลิตปุ๋ย-สารไล่แมลงในไร่สวน
พบปริศนาทำทารก "ไหลตาย" เจอต้นตอยีนพัฒนาไม่สมบูรณ์
ยิ่งสูงวัยยิ่งต้องให้สมองออกกำลัง
พบขุมยา
สุคนธบําบัดศิลปะการใช้ชีวิตอิงธรรมชาติ
อยากผอมต้องโด๊ปอาหารเช้า
จุฬาฯเจาะเลือดคนไทย6พันคน หลังเจอไวรัสในชะนีหวั่นแพร่สู่คน
วันภาษาไทยแห่งชาติ





ข่าวการศึกษา


สกอ.ยอมรับเอนทรานซ์ทำลายระบบการศึกษาไทย

รศ.ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กอ.) กล่าวว่า ในปีการศึกษา 2549 จะไม่มีการเอนทรานซ์แต่จะใช้ระบบแอดมิชชั่นแทน ซึ่งขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) กำลังศึกษาและประมวลความต้องการของมหาวิทยาลัย เนื่องจากในปีการศึกษา 2548 จะมีการนำร่องการใช้ระบบแอดมิชชั่น โดยตนได้ประสานขอความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เพื่อทดลองระบบ ซึ่งมีมหาวิทยาลัยเข้าร่วมประมาณ 10 แห่ง เช่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นต้น นอกจากนี้บางสาขาก็สามารถใช้ระบบแอดมิชชั่นได้เลย เช่น สถาปัตย กรรมศาสตร์ ศิลปกรรมศาสตร์ เพราะเป็นการอาศัยความสามารถหรือความชำนาญเฉพาะตัวของนักศึกษามากกว่าความรู้ในวิชาหลัก อย่างไรก็ตามในปีการศึกษา 2548 แม้มหาวิทยาลัยจะยังใช้ระบบเอนทรานซ์อยู่ แต่ก็จะมีการรับตรงมากขึ้น ซึ่งจากข้อมูลที่มหาวิทยาลัยรวบรวมส่งมาพบว่ารวมแล้วจะมีการรับตรงประมาณ 50% สำหรับหลักการรับนักศึกษาตามระบบแอดมิชชั่นจะไม่มีการสอบวัดความรู้เหมือนในปัจจุบัน แต่จะมีการทดสอบศักยภาพเบื้องต้นในการเรียนต่อ หรือ Aptitude Test ซึ่งไม่ใช่เนื้อหาวิชาแต่เป็นการทดสอบความสามารถในด้านหลัก ๆ เช่น ความสามารถในการคิด ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และความสามารถเชิงคณิตศาสตร์ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบเมื่อไหร่ก็ได้เหมือนการสอบโทเฟล โดยจะมีสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติที่กำลังจัดตั้งขึ้นเป็นผู้รับผิดชอบ แต่สำหรับในช่วงของการทดลองการรับด้วยระบบแอดมิชชั่นในปี 2548 นั้น หากสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติยังเกิดไม่ทันก็จะให้สำนักทดสอบกลางของ สกอ. เป็นผู้ดูแลไปก่อน ส่วนการสมัครเพื่อไม่ให้เด็กต้องวิ่งรอกไปสมัครตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก ทาง สกอ. จะจัดให้มีหน่วยงานกลางทำหน้าที่เหมือนตู้ไปรษณีย์ขนาดใหญ่ รับและส่งต่อข้อมูลไปยังมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง ส่วนการพิจารณาคัดเลือกเด็กนั้นเป็นสิทธิของแต่ละมหาวิทยาลัย ซึ่งจะมีการกำหนดหลักเกณฑ์ของตนเอง โดยอาจจะพิจารณาจากผลการเรียน แฟ้มข้อมูลสะสมของเด็ก และผลการทดสอบศักยภาพเบื้องต้น รวมถึงอาจจะมีการวัดแววความสำเร็จในวิชาชีพนั้น ๆ ประกอบด้วย (เดลินิวส์ 19 ก.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





ดันตั้งมหาวิทยาลัยเพื่อ"คนพิการ" ทุกประเภทเรียนรวมที่เดียวในโลก

นายชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานมูลนิธิอาร์ท ฟอร์ ออล(Art for All) เปิดเผยว่า ตนมีแนวคิดที่จะจัดตั้งมหาวิทยาลัย อาร์ท ฟอร์ ออล โดยเน้นสนองกลุ่มคนพิการ ด้อยโอกาส แต่ไม่ปิดกั้นคนปกติ นายชาญณรงค์กล่าวต่อว่า ที่ต้องการให้เกิดการ "ร่วมเรียน" ในมหาวิทยาลัยดังกล่าว เนื่องจากที่ผ่านมาการนำคนพิการเรียนร่วมกับคนปกติทำให้คนพิการเกิดปมด้อย รู้สึกเป็นตัวประหลาดของสังคมนั้นๆ จึงต้องปรับแนวคิดเป็นร่วมเรียนแทน เช่น เอาคนตาบอดเป็นปาก เอาคนหูหนวกเป็นตา เอาคนพิการแขนขาเป็นปัญญา เอาคนไม่พิการเป็นคนประสาน เรียกว่า "5 ประสานเป็น 1 อัจฉริยะ" โดยได้ทดลองทำมา 5 ปีแล้วในฐานะประธานมูลนิธิอาร์ท ฟอร์ ออล โดยช่วงแรกก็มีคำถามว่าจะเป็นได้หรือไม่ แต่ขณะนี้คำถามดังกล่าวค่อยๆ หายไป โดยปรัชญาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้คือ "ก้าวข้ามขีดจำกัด สู่สหัสวรรษแห่งความคิดสร้างสรรค์" นายชาญณรงค์กล่าวต่อว่า มหาวิทยาลัยดังกล่าวจะดำเนินการในลักษณะเครือข่ายทั้งภายในและต่างประเทศ เพื่อให้เด็กได้เรียนตามที่ต่างๆ ได้ เช่น อยากเรียนการเขียนสีน้ำกับอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยศิลปากรก็ทำได้ และเทียบโอนหน่วยกิต โดยจะสร้างเครือข่ายร่วมกับสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ เอกชน มหาวิทยาลัยราชภัฏ และสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ทั้งยังนำการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัยมาเชื่อมโยงกัน ซึ่งขณะนี้มีประเทศต่างๆ กว่า 40 ประเทศทั่วโลกสนใจกิจกรรมของมูลนิธิ อาร์ท ฟอร์ ออล และนำไปเป็นแบบอย่าง เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น สเปน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ฉะนั้น หากจัดตั้งมหาวิทยาลัยดังกล่าว เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในการแลกเปลี่ยนนักศึกษากับต่างประเทศ นายชาญณรงค์กล่าวว่า เบื้องต้นได้เสนอแนวคิดนี้กับผู้บริหารจุฬาฯ และนายภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการการอุดมศึกษา(กกอ.) ซึ่งก็เห็นว่าน่าสนใจ และให้ทำโครงการเสนอ คาดว่าจะเสนอโครงการจัดตั้งมหาวิทยาลัยอาร์ท ฟอร์ ออล ให้นายสุธรรม แสงประทุม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ซึ่งดูแลงานด้านอุดมศึกษาในเร็วๆ นี้ หากมีการเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณา และได้รับความเห็นชอบก็จะกลายเป็นมหาวิทยาลัยหนึ่งเดียวในโลก เพราะยังไม่มีประเทศใดเคยดำเนินการมาก่อน ทั้งยังเป็นการช่วยรัฐประหยัดงบประมาณ ในการช่วยเหลือผู้พิการและด้อยโอกาสด้วย (มติชน จันทร์ที่ 19 ก.ค. 47 http://www.matichon.co.th)





108 อาชีพอาชีวะฯแก้จนคนไทย

สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) กระทรวงศึกษาธิการเป็นอีกหน่วยงานหนึ่งมีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาความยากจน โดยมุ่งพัฒนาบุคลากรของประเทศให้มีความเข้มแข็งทางด้านอาชีพ และสร้างสังคมแห่งภูมิปัญญาการเรียนรู้ ภายใต้โครงการ “พัฒนาอาชีพแบบบูรณาการเพื่อแก้ปัญหาความยากจน” ซึ่งมีการจัดฝึกอาชีพต่างๆ ให้กับประชาชนและผู้สนใจโดยจัดนำร่องไปแล้วใน 25 จังหวัดทั่วประเทศ กิจกรรมภายใต้โครงการ “พัฒนาอาชีพแบบบูรณาการเพื่อแก้ปัญหาความยากจน” นั้น สอศ.ได้พยายามเร่งทำให้เห็นผลเป็นรูปธรรม อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ ได้จัด “มหกรรม 108 อาชีพ” รณรงค์แก้ปัญหาความยากจน ที่วิทยาลัยสารพัดช่างจังหวัดมหาสารคาม และวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีจังหวัดร้อยเอ็ด มีการจัดบูธสอนอาชีพด้านต่างๆ ให้กับประชาชนที่สนใจ ซึ่งปรากฏว่าได้รับความสนใจมีผู้เข้ารับการฝึกอาชีพเป็นจำนวนมาก นายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวถึงโครงการนี้ว่า เป็นการประสานความร่วมมือระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาจังหวัด CEO และจังหวัด CEO โดยบูรณาการวิชาชีพทุกสาขาวิชา เพื่อพัฒนาอาชีพ พัฒนาคุณภาพคน สร้างงาน สร้างอาชีพ โดยการปรับทิศทางและแนวทางการจัดการอาชีวศึกษาแนวใหม่ เพื่อปฏิรูปการเรียนรู้สู่การใช้ความรู้เป็นฐานในการดำรงชีวิต ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้ประชาชน ด้วยการจัดหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบอาชีพ อัตรากำลังคน และพัฒนาทรัพยากรของประเทศที่มีพื้นฐานที่แตกต่างกัน นอกจากนี้เรื่องการฝึกอาชีพระยะสั้นแก่ประชาชนแล้ว สอศ.ยังมุ่งผลิตนักศึกษานักออกแบบ เพื่อสนองนโยบายผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางแฟชั่นแห่งใหม่ของโลก โดยจัดให้มีการจัดศูนย์แฟชั่น ทั้ง 4 ภาค เป็นศูนย์อบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรผู้สอนด้านแฟชั่น เพื่อให้สร้างออกแบบจัดแฟชั่นครบวงจรตั้งแต่การออกแบบทรงผม เสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องหนัง ด้วยการร่วมมือกับภาคเอกชน เช่น ร่วมมือกับสมาคมร้านเสริมสวยแห่งประเทศไทย สมาคมนักแต่งผม สมาคมนักแต่งหน้า สมาคมโรงเรียนสอนออกแบบเสื้อผ้า สมาคมเครื่องประดับ อัญมณีไทย สมาคมเครื่องหนังและสมาคมรองเท่าไทย เพื่อสร้างนักออกแบบรุ่นใหม่สู่วงการแฟชั่นของประเทศและของโลก (สยามรัฐ จันทร์ที่ 19 ก.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)





ศธ.รับลูก "ทักษิณ" เตรียมพร้อมวิธีลดเรียนกวดวิชา

ตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องการให้ยกเลิกการสอบเอ็นทรานซ์ เพื่อลดการกวดวิชาลงนั้น คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า เด็กที่กวดวิชามีอยู่ประมาณ 2 ลักษณะ ตามรายงานการวิจัยของ นายไพฑูรย์ สินลารัตน์ คณบดีคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คือ เด็กเก่ง หรือเด็กที่มีผลคะแนนเฉลี่ยสะสม 3.00 ขึ้นไป และอยู่ในแผนกวิทย์ฯ-คณิตฯ การที่นายกฯ ให้ยกเลิกการสอบเข้ามหาวิทยาลัย และที่นายอดิศัย โพธารามิก รมว. ศธ.ให้เอาข้อสอบเอ็นทรานซ์ไปเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ต รวมทั้งให้มหาวิทยาลัยราชภัฏเปิดติวให้กับเด็ก โดยให้เห็นมิติของข้อสอบและการเตรียมตัวสอบ ทำให้เด็กรู้สึกไม่เสียเปรียบหากไม่ได้กวดวิชา และทางสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ก็น่าจะใช้บริการของสถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) เพื่อบริการลักษณะดังกล่าว จะช่วยลดแรงกดดันที่เด็กจะต้องเรียนกวดวิชาลดลง สำหรับเด็กกลุ่มที่ 2 ที่เรียนกวดวิชา คือเด็กที่เรียนอ่อน เพราะมีเด็กจำนวนหนึ่งที่เรียนไม่ทันเพื่อน ยิ่งโรงเรียนใหญ่เท่าไหร่เด็กที่เรียนไม่ทันเพื่อนน่าจะมีมาก ซึ่งผู้ปกครองจำนวนหนึ่งคิดว่าครูกั๊กวิชา แต่ความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้น นายอดิศัยเองก็ให้นโยบายว่า ให้ทางโรงเรียนสอนเสริมให้กับเด็ก สิ่งนี้จะทำให้ความจำเป็นในการกวดวิชาน้อยลง ส่วนที่โรงเรียนกวดวิชาบางแห่งเก็บค่าเรียนแพงเกินไปและไม่ดูแลเด็กนั้น คงต้องให้สำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ไปดูแล โดยอาจจะเชิญโรงเรียนกวดวิชาเหล่านั้นมาประชุม ส่วนการคุมกำเนิดโรงเรียนกวดวิชานั้น คงต้องหารือกันก่อน โดยจะนำเข้าที่ประชุม สช.ปลายเดือนนี้ (ไทยรัฐ อังคารที่ 20 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





จีนขยายฐานผู้เรียนให้งบเปิดศูนย์สอนภาษาในไทย

คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เผยผลหารือการส่งเสริมการสอนภาษาจีนในไทย สรุปทางการจีนจะให้ความร่วมมือส่งครูสอนภาษาจีนมาสอนในไทยปีละไม่น้อยกว่า 50 คน ขณะเดียวกันให้ทุนครูสอนภาษาจีนในไทย ไปเรียนเทคนิคการสอนที่จีน รวมถึงเล็งให้ลิขสิทธิ์ไทยผลิตตำราสอนภาษาจีน พร้อมผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์การสอนภาษาจีน โดยทางการจีนออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด แต่มีเงื่อนไขต้องได้รับการสนับสนุนด้านสถานที่และบุคลากร ทั้งนี้ มีการหารือถึงการอบรมครู โดยทางการจีนให้ครูไทยไปอบรมยังสาธารณรัฐประชาชนจีนปีละ 100 คน ทั้งโรงเรียนของรัฐและเอกชน จนถึงขณะนี้มีครูที่ผ่านการอบรมและสอนภาษาจีนในโรงเรียนเอกชนประมาณ 115 โรง และยังส่งครูจีนมาช่วยสอนอีกประมาณ 130 คน ซึ่งตลอด 2-3 ปีมานี้ การสอนภาษาจีนได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างกว้างขวาง มีโรงเรียนของรัฐสนใจเปิดสอนภาษาจีนอีกมาก แต่มีปัญหาขาดครูผู้สอน ดังนั้น เราจึงขอสนับสนุนจากรัฐบาลจีนว่าอยากให้ครูที่มาช่วยสอนดำเนินการสอนต่อไป ซึ่งสำนักงานแห่งชาติเพื่อการสอนภาษาจีนฯ ยินดีจัดส่งครูสอนภาษาจีนตามความต้องการของฝ่ายไทย หรือไม่น้อยกว่า 50 คนต่อปี ช่วยสอนในโรงเรียนเอกชนในไทย ซึ่งทำสัญญาจ้างโดยตรงกับโรงเรียน โดยโรงเรียนเอกชนจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเป็นเงินเดือนๆ ละประมาณ 8,000-12,000 บาท ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า ทางการจีน ยังต้องการให้มีการตั้งศูนย์การสอนภาษาจีนในประเทศไทย โดยขอรับการสนับสนุนเป็นนโยบายของ ศธ.ช่วยหาสถานที่และบุคลากรที่มีอำนาจและประสิทธิภาพเท่านั้น ซึ่งทางเราก็สนใจ และต้องประมวลผลสรุปการหารือเสนอต่อนายอดิศัย โพธารามิก รมว.ศธ.ทราบ และจะจัดให้มีคณะกรรมการในระดับกระทรวง 1 ชุด เพื่อประสานกับสำนักงานแห่งชาติเพื่อการสอนภาษาจีนฯ โดยตรง จะได้ผลักดันเรื่องนี้ให้สมบูรณ์ ด้าน นางหยาน กล่าวว่า สาธารณรัฐประชาชนจีนยินดีให้ความร่วมมือกับทุกประเทศที่ส่งเสริมการสอนภาษาจีนให้เป็นศูนย์กลางการสอนภาษาจีน (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 20 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





จี้ ศธ.เปิดทางสะดวกเด็กไร้สัญชาติเรียน

คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะทำงานจัดการศึกษาสำหรับบุคคลไร้สัญชาติ หรือไม่มีสัญชาติ และบุคคลที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร ว่า เชิญผู้แทนจากกระทรวงมหาดไทย (มท.) สภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุม โดยที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่า ศธ. ควรเปิดโอกาสให้เด็กทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย มีโอกาสเรียนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ประถมจนถึงมหาวิทยาลัย ทั้งมหาวิทยาลัยเปิดและปิด แต่ มท.จะขอดูแลเด็กบางกลุ่มเป็นพิเศษ คือ เด็กที่หนีภัยสงครามที่อยู่ในค่ายกักกัน ซึ่งจะมี NGO และ มท.ดูแลอยู่ หากเด็กกลุ่มนี้จะขอเรียนหนังสือก็ต้องขออนุญาตจาก มท.เป็นกรณีไป ส่วนเด็กไร้สัญชาติบางกลุ่มที่แต่เดิมเวลาจะออกนอกพื้นที่ ต้องขออนุญาตผู้ว่าราชการจังหวัดนั้น มีการเสนอว่าน่าจะเปิดโอกาสให้ออกจากพื้นที่ได้โดยอัตโนมัติ หากเด็กจะเข้ามาเพื่อศึกษาหาความรู้ แต่อาจจะยกเว้นการเข้ามาเรียนหลักสูตรระยะสั้นว่ามีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน โดยให้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้ว่าราชการจังหวัด สำหรับค่าใช้จ่ายในการเรียนของเด็กไร้สัญชาตินั้น เสนอว่าน่าจะให้เงินอุดหนุนแก่เด็กที่เรียนภาคบังคับ หากสูงกว่านี้ให้ผู้เรียนเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง แต่อาจมีการจัดทุนสงเคราะห์ในแก่เด็กบางรายในกรณีที่มีความจำเป็น ส่วนการจัดการศึกษาในโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ หรือโรงเรียนเอกชนการกุศล ซึ่งได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาล 100% นั้น ที่ประชุมเห็นว่าควรจะให้การสงเคราะห์ แก่เด็กกลุ่มที่รัฐบาลมีนโยบายว่าจะให้อยู่ในประเทศ ไทยอย่างถาวร และเด็กที่มีสัญชาติไทยแล้วเท่านั้น จะเสนอความเห็นดังกล่าวให้ รมว. ศึกษาธิการ และ ครม.พิจารณาต่อไป. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 22 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





“สุธรรม” ชมเด็กโอลิมปิก

เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ผู้แทนเยาวชนไทยทั้ง 6 คน ที่เดินทางไปแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ประจำปี พ.ศ.2547 ได้เข้าพบ นายสุธรรม แสงประทุม รมช.ศึกษาธิการ ซึ่งนายสุธรรม ได้ให้กำลังใจที่ได้ทำหน้าที่ดีแล้ว โดยสามารถทำได้ 4 เหรียญทองแดง และ 2 เกียรติคุณประกาศ จัดอยู่ในลำดับที่ 35 จากทั้งหมด 85 ประเทศที่ร่วมแข่งขัน และอยากให้ผู้แทนเยาวชนไทยทำหน้าที่เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนให้ประชาชนสนใจเรียนวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ที่เป็นพื้นฐานในการพัฒนาประเทศให้มากขึ้น และที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อยากขยายโครงการเด็กพิเศษให้ทั่วถึงทุกภูมิภาค โดยขยายโรงเรียนต้นแบบในลักษณะเดียวกับโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ไปตามต่างจังหวัด เพื่อสนับสนุนให้คนเก่งได้ใช้ความเก่งอย่างเต็มที่และเอาความเก่งมาช่วยบ้านเมือง ซึ่งนอกจากจะเก่งแล้วก็ต้องมีคุณธรรมกำกับด้วย (สยามรัฐ พฤหัสบดีที่ 22 ก.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)





เด็กไทยชื่อกระฉ่อนคว้าทองวิชาฟิสิกส์โอลิมปิก

จากการที่ประเทศไทยได้ส่งเด็กไทยเข้า ร่วมการแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ณ เมืองโปฮาง ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 15-23 กรกฎาคม 2547 นั้น นายพิศาล สร้อยธุหร่ำ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (สสวท.) แจ้งว่า ผู้แทนประเทศไทยที่เดินทางเข้าร่วมการแข่งขั้นมีทั้งหมด 5 คน ซึ่งจากผลการแข่งขันที่เสร็จสิ้นไปแล้วปรากฏว่าเด็กไทยทั้ง 5 คน สามารถคว้าเหรียญรางวัลได้ทุกคน ได้แก่ 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน และ 3 เหรียญทองแดง จากจำนวนผู้ร่วมแข่งขัน 337 คน จาก 73 ประเทศ โดยผู้แทนประเทศไทยได้รับ เหรียญรางวัลดังนี้ นายธนสิน นำไพศาล โรงเรียน สวนกุหลาบวิทยาลัย ได้รางวัลเหรียญทอง นายภูมิยศ วิมลกิตติวัฒน์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้เหรียญเงิน และเหรียญทองแดง 3 คน คือ นายชรัต ทองประยูร นายวุฒิวัฒน์ งามพฤฒิกร และ นายวาทิต อัศวสุนทรเนตร ซึ่งทั้ง 3 คนเป็นนัก เรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 23 ก.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





มจธ.เร่งแก้ปัญหาไม่ต่อสัญญาจ้างครู

จากกรณีที่นักศึกษาปริญญาโทและเอก คณะพลังงานและวัสดุ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ร้องขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมาธิการการศึกษา ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา กรณีที่มหาวิทยาลัยไม่ต่อ สัญญาจ้างอาจารย์ชาวต่างชาติซึ่งเป็นที่ปรึกษาวิทยา นิพนธ์ ทำให้นักศึกษาได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากอาจต้องเริ่มทำวิทยานิพนธ์ใหม่ทั้งหมด จะส่งผลกระทบต่อการจบการศึกษาและเงื่อนไขในการรับทุนนั้น รศ.ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาภายในที่สถาบันจะต้องหาวิธีแก้ไข แต่ที่ผ่านมา ศ.ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร อธิการบดี มจธ. ได้รายงานให้ตนทราบถึงเหตุผลที่ต้องเลิกจ้างอาจารย์ ดังกล่าว เพราะมีการตรวจสอบพบข้อบกพร่องในเรื่องคุณภาพการสอน และทางสถาบันก็ได้แก้ปัญหาโดยการหาอาจารย์ที่ปรึกษาคนใหม่มาแทนให้แล้ว และยืนยันด้วยว่าการเปลี่ยนอาจารย์ที่ปรึกษานี้ไม่มีผลกระทบใด ๆ ทั้งสิ้น แม้แต่ระยะเวลาในการจบและนักศึกษาทุกคนก็ยังสามารถทำวิทยานิพนธ์ได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องเริ่มใหม่ “ปัญหาการเลิกจ้างอาจารย์ที่ปรึกษา เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับมหาวิทยาลัยทั้งในและต่างประเทศ ส่วนสาเหตุของการเลิกจ้างก็มีหลายสาเหตุ เช่น บกพร่องในหน้าที่ ย้ายที่อยู่ หรือ ตาย เป็นต้น แต่เมื่อมีปัญหามหาวิทยาลัยต้องแก้ไขและดูแลไม่ให้นักศึกษาได้รับความเดือดร้อน ส่วนการทำวิทยานิพนธ์ก็เป็นเรื่องของเด็กโดยตรงถึงแม้จะมีการเปลี่ยนอาจารย์ที่ปรึกษากลางคันก็ไม่มีปัญหา เพียงแค่นักศึกษาปรับงานให้ได้ตามเงื่อนไขก็ได้แล้ว” เลขาธิการ กกอ. กล่าวและว่า ส่วนที่นักศึกษาเกรงว่าการเปลี่ยนอาจารย์ที่ปรึกษาจะมีผลต่อเรื่องผลงานทางวิชาการที่เผยแพร่ไปในเอกสารนานาชาติ โดยมีอาจารย์คนเดิมเป็นที่ปรึกษานั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกัน (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 23 ก.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





สสวท.รับนร.ทุน คณิต-วิทยาศาสตร์ เรียนฟรีถึงป.เอก

นายพรชัย อินทร์ฉาย นักวิชาการ สถาบันส่งเสริมการเรียนการสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กล่าวในการแถลงข่าว รับสมัครนักเรียนรับทุน โครงการพัฒนาส่งเสริม ผู้มีความสามารถพิเศษ ทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี(พสวท.)ว่า สสวท.เปิดรับสมัครนักเรียน ที่กำลังเรียนชั้นม.3 ปีการศึกษา 2547 ทั่วประเทศ เข้ารับทุนพสวท. เพื่อศึกษาต่อม.ปลาย ในปีการศึกษา 2548 ต่อเนื่องไปจนถึงปริญญาเอก ทั้งในและต่างประเทศ 60 ทุน โดยเปิดรับสมัครวันที่ 4-31 ส.ค.2547 จัดสอบข้อเขียนวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ในวันที่ 20 พ.ย.2547 ประกาศผลผู้สอบผ่านข้อเขียนวันที่ 27 ธ.ค.2547 สอบภาคปฏิบัติและสอบสัมภาษณ์วันที่ 29 ม.ค.2548 และประกาศผลผู้ผ่านการคัดเลือกในวันที่ 18 ก.พ.2548 นอกจากนี้ ยังมีทุนรับเด็กจบปริญญาตรีเข้าโครงการ พสวท.เพื่อเรียนต่อระดับปริญญาโทและเอกปีละ 60 ทุน สำหรับคุณสมบัติผู้สมัครจะต้องได้คะแนนสะสมชั้น ม.1และ ม.2 ในวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ไม่ต่ำกว่า 3.00 และมีคะแนนสมโดยรวมต้องไม่ต่ำกว่า 3.00 หากขาดคุณสมบัติข้างต้น จะต้องได้รับรางวัลจากการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ระดับประเทศ หรือ ระดับภาค หรือ ได้รับรางวัลการสอบแข่งขันทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ระดับประเทศ หรือ ระดับเขต หรือ สอบแข่งขันคณิตศาสตร์ระดับม.ต้นของสมาคมคณิตศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และเมื่อสมัครสอบรับทุนโครงการ พสวท. แล้ว จะไม่มีสิทธิสมัครเรียน ร.ร.มหิดลวิทยานุสรณ์ ซึ่งผู้สนใจขอใบสมัครได้ที่โรงเรียนหรือติดต่อโทร.0-2392-40219 ต่อ 2309-2318 ดูข้อมูล www.ipst.ac.th/dpst (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 23 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ไบโอเทคนำร่องหลักสูตรแปลงสินทรัพย์เป็นทุน

ดร.ธนิต ชังถาวร นักวิชาการด้านทรัพย์สินทางปัญญา ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีแห่งชาติ (ไบโอเทค) เปิดเผยว่า ไบโอเทคนำร่องเปิดหลักสูตรสหวิทยาการด้านการจัดการทรัพย์สินทางปัญญา สำหรับนักวิทยาศาสตร์และผู้ประกอบการเทคโนโลยีชีวภาพ ให้สามารถเขียนแผนธุรกิจรวมถึงการแปลงสินทรัพย์หรืองานวิจัยให้เป็นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับหลักสูตรจัดแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ นาโนเอ็มบีเอ ไมโครเอ็มบีเอและคราวน์เอ็มบีเอ โดยนาโนเอ็มบีเอใช้ระยะเวลา 2 วัน สำหรับผู้ประกอบการและนักวิทยาศาสตร์ มุ่งสอนวิธีการจัดการธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งจะครอบคลุมทั้งเรื่องกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา หนังสือสัญญาและการเงินการจัดการ ขณะนี้ได้เปิดสอนไปแล้ว 1 รุ่น และเตรียมจะขยายสู่ภูมิภาคซึ่งจะเริ่มต้นที่ จ.เชียงใหม่ ส่วนหลักสูตรไมโครเอ็มบีเอใช้เวลา 70-90 ชั่วโมง พร้อมรับใบประกาศนียบัตร และหลักสูตรคราวน์เอ็มบีเอระยะเวลา 2 ปี ได้ปริญญาบัตรระดับปริญญาโท ซึ่งทั้ง 2 หลักสูตรเตรียมการเสร็จแล้วราว 70-80% และจะเชิญผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศมาช่วยสอน โดยจะเน้นในเรื่องการจัดการทรัพย์สินทางปัญญาและธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพ คาดว่าระดับไมโครเอ็มบีเอน่าจะเริ่มได้ภายในปีนี้ ส่วนคราวน์เอ็มบีเอจะเป็นกลางปี 2548 หลักสูตรที่เกิดขึ้นแม้จะเน้นไปที่เทคโนโลยีชีวภาพ แต่สามารถปรับใช้กับเทคโนโลยีสาขาอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็น เอ็มเทคหรือวัสดุศาสตร์ เนคเทคหรือชิพคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ นาโนเทค ตลอดจนเทคโนโลยีด้านอื่น ส่วนการดำเนินโครงการหลักสูตรการจัดการทรัพย์สินทางปัญญาดังกล่าว ที่มุ่งด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ต้องการให้เห็นว่าการจัดการทรัพย์สินทางปัญญาด้านวิทยาศาสตร์สามารถทำได้จริง (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 23 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





"วิจิตร" ชี้แจง ตั้ง ม.อิสลาม ยังไม่ลงตัว

ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร เผยผลการประชุมว่า ที่ประชุมรับฟังความคิดเห็นจากคณะกรรมการจัดตั้งมหาวิทยาลัยอิสลามศึกษา ที่มีนายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยความเห็นของคณะกรรมการเบื้องต้นต้องการให้มหาวิทยาลัยอิสลามจัดตั้งขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ โดยมีอิสระในการบริหารงานพอสมควร แต่ในส่วนรายละเอียดยังไม่มีการหารือ เป็นเพียงการเจรจานอกกรอบของคณะกรรมการ "กมธ.ได้ไปเจรจากับอธิการบดีมหาวิทยาลัยอาราซาส์ท ประเทศอียิปต์ ถึงการเข้าจัดตั้งมหาวิทยาลัยอิสลามศึกษาในไทย อธิการบดีไม่ยินยอมจะเข้ามาดำเนินงานในสังกัดของมหาวิทยาลัยอื่น แต่จะขอในรูปแบบของวิทยาเขต มหาวิทยาลัยอาราซาส์ท และยังขอให้รัฐบาลไทยอำนวยความสะดวกในการจัดตั้งด้วย เมื่อความคิดเห็นของมหาวิทยาลัยอาราซาส์ท ยังไม่ตรงกันกับประเทศไทย กมธ.การศึกษาฯ จะเสนอให้ทำความเข้าใจและหาข้อสรุปในส่วนของประเทศไทยให้เป็นที่เรียบร้อยก่อน จากนั้นจึงนำไปเสนอให้กับมหาวิทยาลัยอาราซาส์ทอีกครั้ง เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เพียงความต้องการของไทย แต่ต้องขึ้นกับทางต่างชาติด้วย (คมชัดลึก เสาร์ที่ 24 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





ม.มหิดลจับมือธนาคารโลก ถกแผนสอนทางไกลชนบท

ผศ.ดร.ธนากร อ้วนอ่อน คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ปัจจุบันโรงเรียนในชนบทที่ห่างไกล มีปัญหาขาดแคลนครูรุนแรงอย่างยิ่ง บางพื้นที่มีนักเรียน 1,000 คนต่อครู 20 คน ทำให้เกิดปัญหาครูไม่เพียงพอในการให้วิชาความรู้แก่นักเรียน ทางมหาวิทยาลัยได้มีแนวคิดในใช้การศึกษาทางไกลมาช่วยให้ความรู้แก่เด็กในโรงเรียนเหล่านี้ โดยได้ร่วมกับธนาคารโลกจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง "การวางแผนพัฒนาการเรียนการสอนทางไกลสำหรับพื้นที่ชนบทแบบประหยัด" ในวันที่ 27-30 ก.ค.นี้ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จ.นครปฐม โดยได้รับเกียรติจากนายขวัญแก้ว วัชโรทัย ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม วังไกลกังวล และรองเลขาธิการพระราชวังฝ่ายกิจกรรมพิเศษ เป็นประธานพิธีเปิด "เป้าหมายการประชุม เพื่อให้เข้าใจถึงประโยชน์การสอนทางไกลสำหรับพื้นที่ชนบทแบบประหยัด โดยใช้ Rural Distance Learning Toolkit (RDL Toolkit) ซึ่งแนะแนวทางการเลือกวิธีและเทคโนโลยีการสอนที่เหมาะสมและประหยัด การฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากร การวางแผนจัดการศึกษาทางไกลสำหรับพื้นที่ชนบท ซึ่งโครงการนี้ครอบคลุมพื้นที่ชนบทในไทยและประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" ผศ.ดร.ธนากร กล่าว (คมชัดลึก เสาร์ที่ 25 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


ตำรวจอนาคตปราบนักซิ่งสิ้นฤทธิ์ ด้วยการยิงลำคลื่นวิทยุให้รถหยุด

เจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายและความปลอดภัยในอังกฤษกำลังเชื่อมั่นว่า มันจะเป็นหนทางบังคับให้รถที่ขับหนีด้วยความเร็วสูง ต้องหยุดลงได้อย่างไม่มีการเสียชีวิต เพราะว่าการบังคับรถที่ขับหนีด้วยความเร็วสูงในปัจจุบัน มักจะลงเอยด้วยการเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตและเลือดเนื้ออยู่เสมอ ผู้ประดิษฐ์อุปกรณ์วิทยุ ดร.เดวิด กีรี ชาวอังกฤษ กล่าวว่า อุปกรณ์จะยิงเล็งลำคลื่นวิทยุที่มีความแรงใส่รถเป้าหมาย จะทำให้รถของผู้ต้องสงสัยอ่อนกำลังลง จนถึงกระทั่งต้องจอดสนิทลงในที่สุด ด้วยเหตุที่รถยนต์สมัยใหม่ล้วนแต่ใช้หน่วยวงจรรวมทุกคัน ลำคลื่นวิทยุจะเข้าควบคุมหน่วยวงจรรวมนั้น นักวิทยาศาสตร์ของกระทรวงมหาดไทยอังกฤษ ซึ่งกำลังทดลองอุปกรณ์บังคับด้วยวิทยุนั้นอยู่ กล่าวแจ้งว่า ทางการตำรวจมีความสนใจในอุปกรณ์นี้มาก และแน่นอน อุปกรณ์นี้จะไม่อาจใช้ได้กับรถรุ่นเก่าแบบที่ไม่มีหน่วยวงจรรวม (ไทยรัฐ อาทิตย์ที่ 18 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ดาวเทียมสื่อสารดวงใหญ่ที่สุดขึ้นสู่วงโคจรให้บริการบรอดแบนด์

จรวดอารีอาน 5 ขององค์การอวกาศยุโรป (ESA) ทะยานออกจากฐานปล่อยจรวดในเฟรนเกียอานา นำดาวเทียมสื่อสารดวงใหญ่ที่สุดในโลก เข้าสู่วงโคจรแล้วเมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สำนักงานใหญ่ของอารีอานสเปซใกล้กรุงปารีสในฝรั่งเศสแจ้งว่า จรวดอารีอาน 5 ทะยานขึ้นจากฐานปล่อยจรวดเมื่อเวลา 21.44 น. วันเสาร์ตามเวลาฝรั่งเศส ซึ่งตรงกับเวลา 07.44 น. วันนี้ตามเวลาในไทย จากนั้นได้นำดาวเทียมอานิค 2 เอฟ เข้าสู่วงโคจรในอีก 28 นาที ถัดไป ดาวเทียมดังกล่าวเป็นของบริษัทเทเลแซท ของแคนาดา ซึ่งจะให้บริการด้านการสื่อสารอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ทั่วภูมิภาคอเมริกาเหนือเป็นเวลา 15 ปี เป็นดาวเทียมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีน้ำหนักรวมเกือบ 6 ตัน เมื่อเข้าสู่วงโคจรแล้วแผงรับแสงอาทิตย์จะกางออกได้กว้าง 48 เมตรผลิตโดยบริษัทโบอิ้งสเปซ ซิสเต็มส์ เดิมมีกำหนดจะถูกปล่อยในวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่ต้องเลื่อนไปถึง 3 ครั้ง เนื่องจากมีปัญหาด้านเทคนิคและสภาพอากาศ (ไทยรัฐ อังคารที่ 20 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ไทย-ฝรั่งเศสลงนามสร้างดาวเทียมทีออส

สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์กรมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับบริษัท EDAS ASTRIUM S.A.S. ประเทศฝรั่งเศส ลงนามภายใต้ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีอวกาศระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลฝรั่งเศส ในการพัฒนาดาวเทียมสำรวจทรัพยากร THEOS (Thailand Earth Observation Satellite) มูลค่า 6,000 ล้านบาท หรือประมาณ 120 ล้านยูโร และมีกำหนดการจะปล่อยดาวเทียมดังกล่าวขึ้นสู่วงโคจรประมาณกลางปี 2550 สำหรับดาวเทียม THEOS จะช่วยในด้านการพัฒนาเกษตรกรรม ทรัพยากรป่าไม้ ระบบชลประทาน ทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งการเขียนแผนที่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การสำรวจชายฝั่งทะเล การจัดการภัยทางธรรมชาติในประเทศไทย (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 20 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





จอภาพม้วนได้

เทคโนโลยีจอภาพม้วนนั้นน่าจะเอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้ดังนี้ สามารถดาวน์โหลด หนังสือพิมพ์ทั้งฉบับมาอ่านได้และเมื่อไม่ใช้ก็ม้วนเก็บเข้ากระเป๋าได้ สามารถแขวนไว้ตามหน้าชั้นเก็บสินค้าแล้วโชว์ราคาสินค้าล่าสุด พร้อมทั้งอธิบายคุณสมบัติลักษณะวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ สามารถเอามาคล้องรอบแขนเหมือนเป็นแถบ เป็นสายนาฬิกาขนาดใหญ่หน่อยเพื่อส่ง ข่าวคราวหรือสื่อสารติดต่อกัน บางบริษัทคิดที่จะนำเอาจอภาพม้วนได้มาตัดเป็นเสื้อผ้า โดยเฉพาะทางทหารต้องการเทคโนโลยีเหล่านี้ เวลาติดตามการเคลื่อนไหวของศัตรู ก็สามารถดูผ่านเสื้อตนเองโดยไม่ต้องแบกวิทยุ คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์สื่อสาร บริษัทฟิลิปส์มาแสดงภาพให้เห็นว่าเขาทำได้แล้ว แต่ยังไม่ออกจำหน่ายในท้องตลาด แต่จะเริ่มกันจริง ๆ ก็อย่างน้อยอีกหนึ่งปีข้างหน้าหรือสองปี ถ้าหากเทคโนโลยีนี้มีให้ซื้อกันแล้วคงจะเห็นความสะดวกไม่น้อย เวลานั่งรถไปทำงานก็ชักหน้าจอภาพแบบม้วนได้ออกมาดาวน์โหลดหนังสือพิมพ์ฉบับต่าง ๆ ออกมาอ่านด้วยการสื่อสารแบบไร้สาย อาจจะเป็นไวไฟไวแม็กซ์ ทำให้ประชาชนพลเมืองอ่านข้อมูลข่าวสารที่ทันสมัยได้ช่วยขึ้นอีกมากทุกเวลาทุก สถานที่สามารถจุหนังสือได้เป็นร้อยเป็นพันเล่ม (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 22 ก.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





ฝังแบตฯกระตุ้นสมอง รักษาพาร์กินสัน แพทย์เล็งช่วยเจ้าชายนิทรา-อัมพาต

น.พ.ดิตถพงษ์ บุญอำพล ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมสมองและไขสันหลังของโรงพยาบาลเอกชนไทย เปิดเผยว่า เทคโนโลยีการแพทย์ของประเทศไทย ประสบความสำเร็จ ในการรักษาผู้ป่วย โรคพาร์กินสัน หรืออาการสั่นเกร็งจนไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ 3 ราย โดยการผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง จากปกติจะใช้วิธีรักษาด้วยยาและการผ่าตัด เมื่อคนไข้รับประทานยาต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้ร่างกายตอบสนองต่อยาลดลง และอาจเกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย สำหรับการรักษาผู้ป่วยโรคพาร์กินสันด้วยวิธีการผ่าตัดใส่เครื่องกระตุ้นสมองนั้น จะต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงเทคโนโลยีในการผ่าตัดที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็น เครื่องผ่าตัดสมองระบบนำวิถี เครื่องสร้างภาพสมองด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า เครื่องวัดสัญญาณ และเครื่องกระตุ้นสมองด้วยแบตเตอรี่ที่อายุใช้งาน 5 ปี จากนั้นต้องผ่าตัดเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ สำหรับเครื่องกระตุ้นสมองนี้ ยังสามารถนำไปใช้เพื่อรักษาโรคทางสมองโรคอื่นๆ เช่น โรคลมชัก อาการปวดเรื้อรัง อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคกล้ามเนื้อเกร็งผิดปกติ และในอนาคตแพทย์จะศึกษาเพิ่มในส่วนของการใช้เครื่องกระตุ้นสมอง เพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายเจ้าชายนิทรา (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 22 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ไอซีทีจี้เปิดเว็บ TKC เติมความรู้คนไทย อัดแน่นข้อมูลคลิกเดียวรู้ได้ทุกเรื่อง

น.พ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวเปิดการประชุมการจัดการความรู้ครั้งที่ 1 : แบ่งปันความรู้สู่สังคมแห่งปัญญา พร้อมทั้งปาฐกถาพิเศษเรื่อง "นโยบายของรัฐที่ส่งเสริมการสร้างสังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้" ว่า ปัจจุบันระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีความสำคัญในชีวิตประจำวันมาก การพัฒนากระบวนการส่งผ่านความรู้ โดยอาศัยเทคโนโลยีเป็นช่องทางในการจำหน่ายความรู้ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ไปสู่ประชาชนในทุกหมู่บ้าน จึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องทำ โดยกระทรวงไอซีทีจัดทำเว็บไซต์ศูนย์กลางความรู้แห่งชาติ (TKC) ขึ้น มีสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.) เป็นผู้จัดหาความรู้และภูมิปัญญาชาวบ้าน สาระความรู้ต่างๆไว้ในเว็บ TKC ทั้งนี้ จะเปิดให้บริการได้ในปลายเดือน ก.ย.นี้ ทาง www.tkc.go.th และ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามาแสวงหาความรู้ผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น กระทรวงไอซีทีมีเป้าหมายที่จะขยายโครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง รองรับประชาชน 1,000,000 คน ในทุกๆ จังหวัดภายในปี 2547 ด้าน ดร.นิรชราภา ทองธรรมชาติ รอง ผอ. สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ กล่าวว่า ผู้ที่จะเข้าไปใช้เว็บ TKC ต้องสมัครเป็นสมาชิกโดยไม่เสียค่าบริการ ภายในเว็บไซต์จะมีสาระความรู้ทุกๆเรื่อง ทั้งวิชาการ และความบันเทิง เปิดเว็บเดียวรู้ได้ทุกเรื่อง ที่สำคัญจะเป็นเว็บที่มีชีวิตชีวา เพราะจะมีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาคอยให้ความรู้และคำแนะนำ ผู้เข้าไปใช้แสดงความคิดเห็นได้ ทั้งยังมีเกมส์ยอดฮิตที่สร้างสรรค์ไม่มีความรุนแรง การวิเคราะห์เพลง ภาพยนตร์ และกีฬาดัง รวมถึงการเปิดเวทีชาวบ้านเพื่อส่งความรู้ให้กับประชาชนในแต่ละท้องถิ่นด้วย. (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 24 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





เรียนนอกห้อง / ดูงานถ่ายทอดเทคโนโลยี ที่คลินิกเทคโนโลยี

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้จัดตั้งโครงการศูนย์คลินิกเทคโนโลยี ถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมแก่ภาคเกษตรและอุตสาหกรรมของประเทศ ให้คำปรึกษา แก้ไขปัญหาและถ่ายทอดเทคโนโลยีใน 3 ด้าน ประกอบด้วย ด้านระบบสุญญากาศ (Vacuum System) ระบบควบคุม (Control System) และเทคโนโลยีแสงซินโครตรอน (Synchrotron Technology) ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ได้ในผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม การถ่ายทอดเทคโนโลยีจะเริ่มจากการทบทวนภาคทฤษฎีเบื้องต้น การเข้าแลกเปลี่ยนปฏิบัติการทดลองระหว่างห้องปฏิบัติการแสงสยามกับสถานประกอบการ เพื่อประมวลความต้องการและปัญหาที่ประสบ ผู้สนใจเข้าเยี่ยมชม สอบถามได้ที่คลินิกเทคโนโลยี ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนแห่งชาติ ตู้ ปณ. 93 ปณจ. นครราชสีมา 30000 โทร. 0-4421-7040 ต่อ 505, 512 ในวันและเวลาทำการ หรือศึกษารายละเอียดที่ http://www.nsrc.or.th (คมชัดลึก เสาร์ที่ 24 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





แบตเตอรี่-เลือกใช้ให้ถูกต้อง กำจัดถูกวิธี

วารสาร "ฉลาดซื้อ" ได้เผยแพร่ผลการทดสอบของสหพันธ์ผู้บริโภคแห่งสหรัฐ อเมริกา ถึงประสิทธิภาพการใช้งานของแบตเตอรี่ชนิดต่าง ๆ พบว่า ถ้าเป็นแบบอัลคาไลน์จะเหมาะกับ การใช้งานทุกประเภท เพราะสามารถเก็บไว้ได้นาน แต่ถ้าเป็นแบบ heavy duty เหมาะกับนาฬิกาติดผนัง วิทยุ และรีโมตคอนโทรล อย่างไรก็ตามแบตเตอรี่ประเภทนี้ มีอายุการใช้งานเพียง 1 ใน 4 หรือ 1 ใน 3 ของถ่านอัลคาไลน์เท่านั้นเอง และเมื่อกระแสไฟฟ้าลดต่ำลงกว่า 1 โวลต์ ก็จะเกิดปัญหากับเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เทปจะมีเสียงยืด เป็นต้น แบตเตอรี่แบบนิเกิ้ล แคดเมียมที่สามารถชาร์จหรือประจุไฟเข้าไปใหม่ได้ ก็เหมาะสำหรับคนที่ต้องใช้งานแบตเตอรี่มาก ๆ เพราะการประจุไฟใหม่ได้จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ถ้าคิดในระยะยาวจะถือ ว่าถูกที่สุด ผลการทดสอบที่น่าสนใจก็คือ เวลาพิจารณาเลือกซื้อแบตเตอรี่ในแต่ละแบบ ควรจะเลือกซื้อยี่ห้อที่ถูกที่สุด เนื่องจากประสิทธิภาพและอายุการใช้งาน แต่ละยี่ ห้อจะไม่แตกต่างกันนัก แต่สิ่ง สำคัญที่สุด ก็คือ เมื่อใช้แบตเตอรี่ก็ควรจะใช้ให้หมดทุกครั้งก่อนเปลี่ยนใหม่ เพื่อช่วยลดจำนวนขยะพิษที่จะเกิดขึ้น เวลาทิ้งก็ควรแยกประเภทไม่ทิ้งรวมกับขยะอื่น ๆ เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้นำไปกำจัดอย่างถูกวิธี (เดลินิวส์ อาทิตย์ที่ 25 ก.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





ข่าววิจัย/พัฒนา


เร่งวิจัยศึกษาการสกัดสีจากพืช ต่อยอดภูมิปัญญาชาวบ้าน

ณ หมู่บ้านคีรีวง อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรม ราช มีการรวมกลุ่ม "กลุ่มผ้ามัดย้อมบ้านคีรีวง" โดยใช้สีจากธรรมชาติ ไม่เป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม ใช้สีจากพืช เช่นเช่น เงาะ ทุเรียน มังคุด สะตอ โดยมีวิธีการทำผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ ดังต่อไปนี้ 1. นำเปลือกไม้ ใบ ผล มาสกัดน้ำสีโดยการบด สับ ให้ละเอียดแล้วนำไปต้มจนเดือดใช้ระยะเวลาประมาณ 1 วัน 2. นำผ้าฝ้ายซักด้วยน้ำสะอาดและขจัดไขมันให้หมด โดยการต้มกับผงซักฟอกหรือแช่น้ำไว้ประมาณ 1 คืน 3. นำผ้าที่ซักจนสะอาดแล้ว มามัดลายตามความต้องการโดยจะต้องมัดให้แน่น 4. นำผ้าที่มัดลายเรียบร้อยแล้ว ไปต้มในน้ำสีโดยต้มทิ้งไว้ประมาณ 30-60 นาที แล้วนำไปซัก 5. นำผ้าไปล้างในน้ำสะอาดอีกครั้ง ถ้าสีพึงพอใจแล้วไปแกะลาย แต่ถ้ายังได้สีที่ยังไม่ตรงกับความต้องการ ก็นำไปต้มในน้ำสีใหม่อีกครั้ง 6. นำผ้าที่แกะลายเรียบร้อยแล้วตากไว้ในที่ร่ม กรมวิชาการเกษตร ก็ได้สนับสนุน โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) สำหรับความคืบหน้าของโครงการ นายฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร บอกว่า ล่าสุดได้ทดลองสกัดสีจากพืช 22 ชนิด โดยใช้ขบวนการย้อมเส้นไหมที่ 90ํ c นาน 30 นาที หลังย้อมได้มีการตรวจคัดคุณภาพเส้นไหมและทดสอบความคงทนของสีต่อแสงและการซักแล้ว ปรากฏว่าพืชที่ให้สีธรรมชาติหรือย้อมเส้นไหมได้ดี ให้สีเส้นไหมเงางาม คงทน ได้แก่ เปลือกกระถินบ้านให้สีน้ำตาล ขี้เหล็กบ้านให้สีเขียวอมเหลือง ใบย่านางให้สีเทาและสีเขียว กลีบดอกดาวเรืองให้สีเหลืองน้ำตาลและเหลืองทองและเปลือกเงาะให้สีดำ ในอนาคตกรมวิชาการเกษตรจะเร่งวิจัยศึกษาการสกัดสีจากพืชหรือส่วนของพืชเพิ่มขึ้น พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีการย้อมสีธรรมชาติให้กับชาวบ้านและกลุ่มเกษตรกรนำไปใช้แทนการใช้สีเคมี (เดลินิวส์ 19 ก.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





นักวิจัยรัสเซียปฏิวัติการผลิตอาหารนำเลือดสัตว์ มาทำเป็นนมและกาแฟ

นักวิทยาศาสตร์จากวิทยาลัยด้านเทคโนโลยีในเมืองโวโรเนซ ได้พัฒนาปฏิวัติเทคนิคการผลิตอาหารทั้งกระบวนการ ด้วยการนำเลือดสัตว์ที่เหลือจากโรงงานบรรจุหีบห่อเนื้อสัตว์ ในเมืองนั้นที่ต้องสูญเสียไปเปล่าๆ วันละ 7 ตัน นำมาผ่านการใช้เทคโนโลยีใหม่ ทำให้ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆได้อีก เช่น นม โยเกิร์ต ช็อกโกแลต และกาแฟ เป็นต้น รายงานจากสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ แจ้งด้วยว่า ผลิตภัณฑ์อาหารดังกล่าวมีรสชาติเหมือนของจริง จัดว่าเป็นสารอาหารโปรตีนที่ไม่มีใครเหมือน ทั้งยังย่อยง่ายกว่าโปรตีนไข่สองเท่า อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์อาหารที่ผ่านกระบวนการผลิตเช่นนี้จะถูกส่งไปตรวจที่กรุงมอสโก เมืองหลวงของรัสเซียต่อไป (ไทยรัฐ อาทิตย์ที่ 18 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ไบโอเทคฯหนุนไทยศูนย์เมล็ดพันธุ์โลก

นายภูมินทร์ ตระกูลทิวากร ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยี บริษัท มอนซานโต้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในการสัมมนาเรื่อง "การวิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ" ว่า การนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาพันธุ์พืชจะเป็นทางเลือกใหม่ให้เกษตรกรได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ และความต้านทานต้านโรค สามารถสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตเมล็ดพันธุ์ป้อนสู่ตลาดโลกได้ในอนาคต โดยการทำงานของนักวิจัยปรับปรุงพันธุ์พืช จะต้องใช้เวลา 7-8 ปีในการวิจัย ค้นคว้าหาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่ดีออกจำหน่ายสู่ตลาด หากใช้ไบโอเทคโนโลยี โดยอาศัยรหัสทางพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) ที่สามารถบ่งบอกยีนคุณภาพของพืชต้นนั้นๆ จะสามารถย่นระยะเวลาในการศึกษาและคัดเลือกพันธุ์ให้รวดเร็วขึ้น โดยจะลดเวลาเหลือเพียง 2-3 ปีเท่านั้น นายวิชา ธิติประเสริฐ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร กล่าวถึงสถานภาพการควบคุมและทดสอบพืชดัดแปลงพันธุกรรมว่า การยอมรับพืชตัดแต่งพันธุกรรมหรือพืชจีเอ็มในไทยมีอยู่ในระดับหนึ่งเท่านั้น เห็นได้ว่ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญและตั้งหน่วยงานขึ้นมาตรวจสอบความปลอดภัยพืชดัดแปลงพันธุกรรมในทุกขั้นตอนการศึกษา ทดลอง ทั้งนี้ หน่วยงานดังกล่าวได้ให้การยอมรับพืชดัดแปลงสำหรับใช้เพื่อการแปรรูปอาหาร ในโรงงานอุตสาหกรรม และวางขอบเขตสำหรับพืชดัดแปลงที่ถูกนำมาใช้ในกรณีของการศึกษาวิจัย เพื่อควบคุมด้านความปลอดภัยอย่างแท้จริง (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 19 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ม.เกษตรถอดรหัสสมุนไพรยับยั้งหวัดนก ศึกษาร่วม 3,000 สารชีวภาพพร้อมจัดทำเป็นฐานข้อมูล

ดร.จักร แสงมา ศูนย์เคมีศาสตร์สนเทศ ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประยุกต์ใช้เทคนิคทางเคมีคอมพิวเตอร์ ถอดโครงสร้างเคมีสารและสารบริสุทธิ์ของสมุนไพรไทยพร้อมวิเคราะห์การออกฤทธิ์ทางชีวภาพ จัดทำเป็นฐานข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เผยมีความคืบหน้าแล้วกว่า 3,000 สารจากสมุนไพร 30 ชนิด ระบุผลงานถูกนำไปใช้ประโยชน์ค้นหาสารออกฤทธิ์ยับยั้งโรคไข้หวัดนกและโรคเอดส์ เตือนนักวิจัยไทยต้องทำเป็นวิทยาศาสตร์อย่างจริงจัง ก่อนที่ต่างชาติจะนำไปจดลิขสิทธิ์ โดยพัฒนาโปรแกรมการสร้างฐานข้อมูลโครงสร้างสามมิติและการสืบค้นข้อมูลของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ เปิดเผยถึงผลงานวิจัยว่า ได้เลือกใช้วิธีโมเลคิวลาร์ ดอกกิง (Molecular Docking) ซึ่งเป็นเทคนิคการออกแบบโครงสร้างยาด้วยเคมีคอมพิวเตอร์ ซึ่งได้รับการยอมรับทั้งด้านความถูกต้องและความรวดเร็ว ในการศึกษาสารบริสุทธิ์สมุนไพร เริ่มจากการศึกษาและรวบรวมโครงสร้างสารบริสุทธิ์ในสมุนไพรจากงานวิจัยที่มีอยู่ จากนั้นนำมาจำลองแบบสามมิติและทดสอบการออกฤทธิ์ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทำให้ทราบถึงความน่าจะเป็นของสารว่า สารนั้นสามารถจับกับเชื้อโรคได้ดีระดับใด และนำสารดังกล่าวนี้ไปพิสูจน์การออกฤทธิ์ที่แท้จริงในห้องปฏิบัติการต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 19 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





เปิดตัวทิชชูฆ่าเชื้อหวัด

นายสตีฟ เอิร์บ ผู้จัดการฝ่ายตราผลิตภัณฑ์บริษัท คิมเบอร์ลีย์-คลาร์ก จำกัด ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยว่า บริษัทใช้เวลาหลายปีในการวิจัยและพัฒนากระดาษทิชชูยี่ห้อคลีเน็กซ์ รุ่นใหม่ ที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคไข้หวัด ถือเป็นการเพิ่มประโยชน์ใช้สอยให้กับกระดาษทิชชูคลีเน็กซ์ เพื่อช่วยผู้บริโภคกำจัดเชื้อโรคที่เกิดจากการจามหรือการไอ กระดาษทิชชูฆ่าเชื้อหวัด มีลักษณะแตกต่างจากทิชชูทั่วไปคือ จะมี 3 ชั้น โดยชั้นกลางจะเป็นตัวทำปฏิกิริยากับความชื้นภายใน 15 นาที ซึ่งตัวทำปฏิกิริยาได้แก่ กรดมะนาวและสารโซเดียมลอรีลซัลเฟต ซึ่งเป็นสารที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสของไข้หวัดได้มากถึง 99.9% บริษัทได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เลือก 2 ขนาด คือแบบ 60 และ 120 แผ่น ส่วนราคาขายปลีกคาดว่าจะอยู่ที่ 1.39 และ 1.99 ดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ (ประมาณ 55 และ 80 บาท)โดยจะวางขายในสหรัฐเป็นประเทศแรก ตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค.นี้ (คมชัดลึก จันทร์ที่ 19 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





แปรรูป'มะนาว'ให้ครบวงจรแก้ปัญหามะนาวล้นตลาด

ผศ.สุชาดา ไชยสวัสดิ์ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี หัวหน้าโครงการวิจัยแปรรูปมะนาว บอกว่า กระบวนการผลิตมะนาวครบวงจรเกิดขึ้นเริ่มแรกโดยการผลิตมะนาวผง ที่มีการใช้เทคโน โลยีสะอาดเข้ามาประยุกต์ใช้ในการออกแบบกระบวนการโดยคำนึงถึงการใช้ประโยชน์จากของเสียหรือของเหลือใช้ในกระบวนการผลิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยไม่ก่อให้เกิดของเสียที่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมหรือก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นหรือทำให้เกิดของเสียน้อยที่สุด โดยในกระบวนการผลิตมะนาวผงต้นแบบที่ทีมงานของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ออกแบบขึ้นนี้ ได้คำนึงถึงของเสีย ของเหลือใช้ที่เกิดขึ้นในกระบวนการคือเปลือกมะนาวที่คั้นน้ำออกแล้วและเมล็ดมะนาวที่ถูกกรองออก โดยการใช้ประโยชน์จากของเสียในกระบวนการนี้ได้ดำเนินการต่อเป็น 2 กระบวนการย่อย ซึ่งกระบวนการย่อยที่ 1 คือ การสกัดน้ำมันหอมระเหยด้วยการบีบน้ำมันจากเปลือกออกและบดเมล็ดมะนาวเพื่อเอาน้ำมันออกแล้วนำมาสกัดน้ำมันหอมระเหยได้โดยใช้ไอน้ำและกระบวนการย่อยที่ 2 คือ การนำเปลือกมะนาวที่ได้จากกระบวนย่อยที่ 1 มาแปรรูปเป็นมะนาวดองหรือมะนาวสามรส ส่วนเศษของเมล็ดมะนาวที่บดและของเหลือจากส่วนอื่นในกระบวนการผลิตมะนาวผงแบบครบวงจรนี้สามารถใช้ประโยชน์จากมะนาวได้ทั้งหมดโดยไม่มีของเหลือใช้หรือของเสียที่ไม่เกิดประโยชน์ในกระบวนการเลย ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการผลิตมะนาวแบบครบวงจร ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มะนาวผง ผลิตภัณฑ์น้ำมะนาวเข้มข้น ผลิตภัณฑ์เปลือกมะนาว แปรรูป ผลิตภัณฑ์ชุดสุคนธบำบัด ผลิตภัณฑ์ชุดเครื่องดื่มผสมมะนาว ผลิตภัณฑ์ชุดชามะนาว และผลิตภัณฑ์สารชีวภาพฆ่าแมลงจากเมล็ดมะนาว ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นการใช้ประโยชน์และการพัฒนาการใช้ประโยชน์จากผลมะนาวได้ทุกส่วนอันเป็นการเพิ่มมูลค่าของมะนาว ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่งของประเทศ คณะทำงานจาก มจธ. ได้พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตมะนาวผงที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับมะนาว สดโดยใช้วิธีอบแห้งแบบแช่แข็งซึ่งทำการดึงน้ำออกจากน้ำมะนาวที่อุณหภูมิเยือกแข็ง ซึ่งจะรักษาคุณภาพของมะนาวผงอันเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพสูงในเชิงพาณิชย์ ผู้สนใจ สอบถามได้ที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โทร. 0-2470-8058-60 (เดลินิวส์ อังคารที่ 20 ก.ค.47 http://www.dailynews.co.th)





กังหันใบพัดคอปเตอร์นวัตกรรมผลิตไฟฟ้า

ดร.วิรชัย โรยนรินท์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล เปิดเผยว่า ขณะนี้ กำลังจะร่วมกับนักศึกษาปริญญาตรีของราชมงคลในการออกแบบ และสร้างกังหันลมแนวระนาบตั้งตัวแรก ซึ่งมีลักษณะคล้ายใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ แตกต่างจากกังหันลมทั่วไปที่เห็นในต่างประเทศ เนื่องจากมีความเหมาะสมกับประเทศไทย ทั้งในเรื่องของกระแสลม ต้นทุนและเทคโนโลยีการก่อสร้าง โดยกังหันที่จะสร้างนั้นจะออกแบบให้มีกำลังการผลิตกระแสไฟ 1-5 กิโลวัตต์ และงบประมาณ 5 ล้านบาท โดยศึกษาวิจัยกังหันลมแบบใบพัดเฮลิคอปเตอร์ จากการศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ เมื่อปี 2542 พร้อมกับคำถามว่า จะสามารถพัฒนากังหันลมสำหรับลมขนาดต่ำๆ อย่างประเทศไทยได้หรือไม่ "ในการทดสอบที่อังกฤษ แม้ประสิทธิภาพในการเปลี่ยนพลังงานลมเป็นพลังงานไฟฟ้าของกังหันลมตัวนี้ จะอยู่ที่ 25% ซึ่งน้อยกว่าค่าสูงสุดของกังหันลมทั่วไป แต่จุดเด่นที่เหนือกว่าของกังหันลมตัวนี้ คือ สามารถทำงานได้แม้ที่ความเร็วลมต่ำๆ ประมาณ 3-5 เมตรต่อวินาที อีกทั้งใบพัดที่ออกแบบนั้น โรงงานขนาดกลางหรือขนาดเล็กในประเทศก็สามารถนำไปสร้างได้เอง โดยไม่ต้องใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีขั้นสูงจากต่างประเทศ" ดร.วิรชัยกล่าวและว่า "เราพบว่าที่ยอดตึกสูงหลายแห่งมีกระแสลมค่อนข้างแรง ในช่วงระยะเวลาติดต่อกันค่อนข้างนาน ซึ่งจุดเด่นของกังหันลมแนวระดับตั้ง ก็คือ มีน้ำหนักไม่มากนักและสามารถรับลมได้ทุกทิศทาง ที่สำคัญ คือเสียงที่เกิดจากการหมุนของใบพัด จะมีน้อยกว่ากังหันลมทั่วไปกว่า 50% ฉะนั้น ด้วยเทคโนโลยีที่ไม่ซับซ้อนและสามารถสร้างขึ้นได้ในประเทศนี้ หากสามารถทำการวิจัยไปถึงขั้นพัฒนาเป็นกังหันสำหรับติดตั้งบริเวณยอดตึก เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าได้จริง พลังงานลมก็จะกลายเป็นพลังงานทางเลือก ที่น่าสนใจตัวหนึ่ง (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 20 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





เจาะลึกพันธุกรรมสุนัข ใช้งบ 1200 ล้าน ศึกษาบ็อกเซอร์ตัวเดียว

สถาบันวิจัยจีโนมมนุษย์แห่งชาติสหรัฐ นำเสนอร่างจีโนมหรือภาพการถอดรหัสพันธุกรรมสุนัขครั้งแรกของโลก เปิดกว้างให้สาธารณชนเข้าถึงผ่านทางอินเทอร์เน็ต คาดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์ชีวภาพและสัตวแพทย์ โดยคัดเลือกสายพันธุ์บ็อกเซอร์เพียงตัวเดียวจาก 60 สายพันธุ์ ระบุมีพันธุกรรมใกล้เคียงสุนัขบ้านถึง 99% "จีโนมสุนัขมีขนาดเท่ากับจีโนมมนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ โดยมีดีเอ็นเอประมาณ 2,500 ล้านคู่เบส" สถาบันวิจัยจีโนมมนุษย์แห่งชาติ สหรัฐ ออกแถลงการณ์ และว่างานวิจัยชิ้นนี้ นำโดยเคอร์สติน ลินด์แบลด-โทห์ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตต์ หรือเอ็มไอที ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และบริษัท เอเจนคอร์ท ไบโอไซน์ คอร์ป. คณะทำงานเชื่อว่า จีโนมสุนัขจะช่วยให้การวิจัยโรคร้ายในสุนัขและมนุษย์ทันสมัยมากขึ้น จะเห็นได้ว่าสุนัขมีประวัติศาสตร์ในการคัดเลือกพันธุ์โดยธรรมชาติมาเป็นเวลายาวนาน ส่งผลให้สุนัขหลายสายพันธุ์มีโรคทางพันธุกรรม หรือสิ่งผิดปกติติดตัวมาด้วย และยากที่จะใช้ข้อมูลที่ศึกษาได้จากมนุษย์ อาทิ โรคมะเร็ง โรคหัวใจ หูหนวก ตาบอด และภาวะแอนตี้บอดี้ต้านเนื้อเยื่อตัวเอง สำหรับข้อมูลพันธุกรรมสุนัขที่เผยแพร่ผ่านทางเวบไซต์ http://www.ncbi.nih.gov/Genbank จะเป็นประโยชน์ต่อการวิจัยด้านเภสัชกรรมอย่างมาก โดยเฉพาะนักวิจัยด้านการแพทย์ชีวภาพ และสัตวแพทย์ทั่วโลก ในการคิดค้นยารักษาโรคที่สำคัญต่อคน สุนัขและสัตว์เลี้ยงลูกอื่นๆ ตลอดจนเป็นประโยชน์ต่องานวิจัยด้านเวชภัณฑ์และอุตสาหรรมอาหาร นอกจากนี้ ทีมงานกำลังเร่งมือเปรียบเทียบจีโนมมนุษย์กับสุนัข และมีแผนจะนำเสนอผลที่ได้ของการวิเคราะห์ในอีกหลายเดือนข้างหน้านี้ (คมชัดลึก อังคารที่ 20 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





“ยืดอายุเค้กโดยใช้สมุนไพรไทย”

นพัต จันทรวิสูตร โรงเรียนบดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี) นักเรียนทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ผู้แทนนักเรียน พสวท. เข้าร่วม The 32th Professor Messel International Science School 2003” ที่ประเทศออสเตรเลียได้ทำโครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง “การศึกษาประสิทธิภาพของผงข่า ปริมาณต่างๆ ในการยืดอายุการเก็บรักษาเค้กโดยออกฤกษ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา” ซึ่งเป็นการนำสมุนไพรมาใช้แทนการใส่สารกัน นพัต เปิดเผยว่า เก็บเค้กเพื่อสังเกตจนถึงประมาณ 7 เดือนราก็ไม่ขึ้นเค้กชุดนี้เลย แต่ชุดอื่นๆ ที่ใส่ข่าน้อยกว่าพบว่ามีเชื้อราขึ้นมากน้อยตามปริมาณข่าที่ใส่ และจากการชิมรสชาติก็พบว่าเค้กที่ใส่ผงข่าน้อยคือชุดเอ (ข่า : เค้ก = 1 กรัม : 45 กรัม) ยืดอายุได้นาน 1-2 วัน และชุดบี (เค้ก : ข่า = 2 กรัม : 46 กรัม) ซึ่งมีรสชาตและกลิ่นหอมของสมุนไพรเล็กน้อย และยืดอายุได้ 3-4 วัน ส่วนชุดซีและดี แม้จะยืดอายุเค้กได้มากกว่าหลายเท่า แต่ไม่เหมาะกับการรับประทาน สรุปได้ว่าเค้กชุดบีเป็นชุดที่เหมาะสมที่สุดในการบริโภคและมีอายุเก็บได้นานกว่าปกติ 3-4 วัน การทำโครงงานครั้งนี้สามารถนำไปใช้ได้จริง โดยนอกจากจะสามารถรับประทานได้แล้วยังยืดอายุเค้กได้มากขึ้น แถมยังมีกลิ่นของสมุนไพรให้น่ารับประทานด้วย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งยังช่วยให้ไม่ต้องใช้สารกับบูดที่เป็นสารเคมีซึ่งจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และสามารถพัฒนาไปลองใส่ในอาการหรือขนมชนิดอื่นที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้เช่นเดียวกัน (ผู้จัดการรายสัปดาห์ อังคารที่ 20 ก.ค. 47)





หุ่นอิเล็กทรอนิกส์เสมือนผู้ป่วย นศ.แพทย์ซ้อมมือก่อนรักษาจริง

วิทยาการแพทย์สมัยใหม่ทำให้การเยียวยารักษาโรคมีความแม่นยำมากเพิ่มขึ้น จากเดิมที่ต้องรอผู้บริจาคร่างกายให้แก่โรงเรียนแพทย์เพื่อให้นักเรียนแพทย์ศึกษา ถึงโครงสร้างและส่วนประกอบต่างๆ ของร่างกาย ต่อไปนี้ อาจไม่จำเป็นต้องใช้ร่างกายมนุษย์สำหรับการเรียนรู้ของนักศึกษาแพทย์อีกต่อไป เนื่องจากพวกเขาสามารถใช้ "หุ่นผู้ป่วยเสมือน" ทำการวิเคราะห์สาเหตุ หรือแม้แต่ทำข้อผิดพลาดบนหุ่นจำลองตัวนี้ สถาบันการแพทย์ในสหรัฐ วิจัยและพัฒนา หุ่นผู้ป่วยเสมือนจริง สำหรับการเรียนรู้ของนักเรียนแพทย์ เผยคุณสมบัติของหุ่น มีโครงสร้างและส่วนประกอบ ใกล้เคียงร่างกายมนุษย์ ทั้งชีพจร ผิวหนัง เส้นเลือด ดวงตาที่กลอกไปมา ที่สำคัญ สื่อการสอนชิ้นนี้ สามารถตอบสนอง ต่อการรักษา ได้เหมือนผู้ป่วยจริง หุ่นผู้ป่วยประกอบด้วย พลาสติกและระบบคอมพิวเตอร์ไร้สายต่างๆ มีโครงสร้างและส่วนต่างๆ ของร่างกายราวกับมนุษย์ เช่น ใบหู เส้นผม เส้นเลือด ดวงตาที่สามารถเคลื่อนไหวไปมาได้ มีชีพจรจังหวะการเต้นของหัวใจ รวมทั้งสามารถหายใจได้ตามปกติ แต่แตกต่างจากร่างกายมนุษย์ก็เพียงแต่ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดใดๆ ระหว่างที่นักเรียนแพทย์บรรจงใช้เครื่องมือชอนไชไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ที่สำคัญ เจ้าหุ่นนี้สามารถตอบสนองได้เหมือนกับผู้ป่วยจริง หากเกิดเหตุวิกฤติทางการแพทย์ระหว่างการรักษา ดร.อดัม ไอ ลีเวน ผู้อำนวยการศูนย์วิสัญญีวิทยาแห่งโรงเรียนแพทย์เมาท์ ไซไน นครนิวยอร์ก กล่าวว่า สิ่งนี้คือความก้าวหน้าอย่างมากในวงการแพทย์ เพราะหากต้องการคิดแก้ปัญหาและต้องการคำตอบ เราสามารถเรียนรู้ได้จากผู้ป่วยเสมือนนี้ได้ทันที อีกทั้งช่วยนักศึกษาแพทย์ของเขามีความมั่นใจมากขึ้น ก่อนที่จะลงมือจริงกับคนไข้ ราคาเจ้าหุ่นผู้ป่วยเสมือนจริงตัวนี้ ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพและการใช้งาน เพราะหุ่นจำลองแต่ละตัวจะมีปฏิกิริยาตอบสนองและทักษะการเรียนรู้แตกต่างกันไปด้วย บางตัวราคาพุ่งสูงถึง 600,000-2,500,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่จุดประสงค์สำหรับหุ่นผู้ป่วยเสมือนนี้ ก็เพื่อให้นักศึกษาแพทย์ได้ทำงานร่วมกันเป็นทีม ภายใต้ภาวะกดดันและพัฒนาการรักษาผู้ป่วย (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 21 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





นักวิทย์โลกร่วมค้นหายีนออทิสติก

โครงการพันธมิตรวิจัยออสทิสซึมแห่งชาติ สหรัฐ เป็นความร่วมมือระหว่างผู้เชี่ยวชาญ 170 คน จากสหรัฐ แคนาดา อังกฤษ และประเทศในแถบยุโรป โดยใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า ดีเอ็นเอไมโครอาเรย์ (DNA microarray) มาช่วยสแกนรหัสพันธุกรรมของมนุษย์เพื่อระบุยีนสำคัญที่เกี่ยวข้อง คณะทำงานเปิดเผยว่างานวิจัยชิ้นนี้ ถือเป็นความหวังครั้งใหญ่ แต่ก็ไม่ลืมที่จะศึกษาปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมควบคู่ไปด้วย โดยในอีกหกเดือนข้างหน้า นักวิจัยจะวิเคราะห์ตัวอย่างดีเอ็นเอ 6,000 ชิ้น ที่ได้มาจากครอบครัวที่มีลูกผิดปกติด้วยออทิสซึมสองคน ซึ่งดีเอ็นเอของพ่อแม่จะถูกนำมาศึกษาด้วย สำหรับเทคโนโลยี "ยีนชิพ" ซึ่งใช้ทดสอบดีเอ็นเอไมโครอาเรย์ จะมีสายดีเอ็นเอสังเคราะห์ที่ช่วยสร้างรูปแบบทางพันธุกรรมของครอบครัวขึ้นมา คาดว่าการศึกษาครั้งนี้จะแล้วเสร็จในต้นปี 2548 (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 21 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





เอกชนไทยเน้นวิจัยยกระดับลูกถ้วยไฟฟ้า

เอกชนผู้ผลิตลูกถ้วยไฟฟ้าของไทย ใช้เวลาร่วม 25 ปีวิจัยและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ สามารถผลิตสินค้าใหม่ คุณสมบัติดีกว่าต้นแบบนำเข้า เผยพัฒนาน้ำยาเคลือบลูกถ้วย ยืดอายุใช้งานถึง 10 ปีจากเดิม 2 ปี พร้อมทั้งคิดค้นสูตรวัตถุดิบที่ทำให้สินค้าแข็งแรง ทนต่อสภาพอากาศเมืองไทย ย้ำจุดเด่นงานวิจัย ช่วยลดความสูญเสีย จากการผลิต เหลือต่ำกว่า 1% นายธนิตย์ ธารีรัตนาวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอเชียน อินซูเลเตอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตลูกถ้วยไฟฟ้ารายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า หน่วยวิจัยและพัฒนาของบริษัทเอเชียน อินซูเลเตอร์ฯ (เอไอ) ได้พัฒนาลูกถ้วยไฟฟ้าแบบแยกสาย (Cable Spacer) นวัตกรรมที่มีต้นแบบจากสหรัฐอเมริกา แต่นำมาวิจัยพัฒนาให้เหมาะกับสภาพอากาศของเมืองไทย และเพิ่มปริมาณการส่งกระแสไฟฟ้าให้กับพื้นที่ได้ทันที โดยไม่ต้องปักเสาไฟฟ้าใหม่ รองรับความต้องการใช้ไฟที่เพิ่มขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 21 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





จุฬาฯ คิดค้นถังบำบัดน้ำเสียแบบประหยัด

รศ.ดร. ประเสริฐ ภวสันต์ สังกัดภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พัฒนาระบบบำบัดน้ำเสียจากอุตสาหกรรมสัตว์น้ำรูปแบบใหม่ จากเดิมมีบ่อบำบัดแยกกัน 2 บ่อ โดยบ่อสองจะรับช่วงน้ำเสียที่ผ่านบำบัดจากบ่อแรก มาพักระยะหนึ่งจากนั้นจึงจะสามารถนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ จะเห็นว่าวิธีการบำบัดแบบนี้ยังมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก สิ้นเปลืองพลังงานและเสียเวลา เปลื่อนเป็นแบบรวบรัดกระบวนการบำบัดจาก 2 ขั้นตอนมาอยู่ภายในถังใบเดียว ช่วยฟาร์มกุ้งลดต้นทุนระบบบำบัด ประหยัดพื้นที่ ดูแลรักษาง่าย ไม่สิ้นเปลืองพลังงาน อีกทั้งสามารถประยุกต์ใช้ในการเพาะเลี้ยงสาหร่ายเซลล์เดียว จึงวิจัยพัฒนา "ถังสัมผัสแบบอากาศยก" เพื่อบำบัดน้ำเสียจากอุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำรูปแบบใหม่ ที่ได้รวมกระบวนการบำบัดของ 2 บ่อไว้ด้วยกัน โดยอาศัยหลักการของระบบอากาศยกที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงสาหร่ายเซลล์เดียว ซึ่งมีลักษณะเป็นท่อให้อากาศเป่าอากาศอยู่ด้านล่าง มาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาให้น้ำในถังบำบัดมีการยกตัวและหมุนวนได้ดียิ่งขึ้น ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) ขณะนี้ผลงานวิจัยกำลังอยู่ในขั้นเตรียมการเพื่อนำไปทดลองใช้ในฟาร์มเพาะเลี้ยงจริง เพื่อทดสอบปรับปรุงขนาดถังให้มีความเหมาะสมกับการใช้งานในภาคอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 21 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





กินผักช่วยต้านมะเร็งต่อมลูกหมาก

ศ.จอห์น เอิร์ดมัน หัวหน้าทีมวิจัย จากคณะวิทยาศาสตร์การอาหารและโภชนาการ มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ทดสอบความสามารถในการต้านมะเร็งของบรอกโคลีกับมะเขือเทศในหนู ผลระบุว่า สารอาหารที่พบในพืชทั้งสองชนิดสามารถทำงานร่วมกันเป็นอย่างดีในการรักษาสุขภาพ เมื่อเปรียบเทียบกับการรับประทานอย่างใดอย่างหนึ่ง ทีมนักวิจัยได้แบ่งหนูที่นำมาทดสอบออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มแรกเลี้ยงด้วยผงมะเขือเทศอบแห้ง กลุ่มที่สองเลี้ยงด้วยบรอกโคลีอบแห้ง กลุ่มที่สามเลี้ยงด้วยอาหารทั้งสองอย่างรวมกัน หนูกลุ่มที่ 4 ถูกเลี้ยงด้วยฟิเนสเตอไรด์ คือยาที่ลดการเจริญเติบโตของต่อมลูกหมาก จากนั้นนำมาทดสอบความสามารถในการป้องกันมะเร็ง โดยหนูทั้งหมดถูกฉีดด้วยเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากของมนุษย์ จำลองเหมือนว่าเป็นมะเร็งในมนุษย์แม้ว่าจะไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม ผลการวิจัยพบว่า หนูทุกตัวเป็นมะเร็ง แต่หนูในกลุ่มสามที่เลี้ยงด้วยอาหารทั้งสองอย่างมีก้อนมะเร็งที่เล็กสุด ถัดมาเป็นกลุ่มหนึ่งและสองที่ขนาดมะเร็งต่างกันไม่มาก ส่วนหนูกลุ่มสี่ที่ให้สารฟิเนสเตอไรด์ มีก้อนมะเร็งโตสุด งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า แม้จะแยกกันรับประทานอาหาร ทั้งบรอกโคลีและมะเขือเทศต่างมีผลต้านมะเร็ง แต่ถ้ารับประทานร่วมกันจะให้ผลต้านมะเร็งที่ดีที่สุด (คมชัดลึก พุธที่ 21 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





ชาเขียวป้องกันมะเร็งจริงหรือ

ดร.พรทิภา พิชา จากสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ เป็นผู้อธิบายถึงเรื่องงานวิจัยของชาเขียวกับการป้องกันมะเร็งว่า ความอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งหลายชนิด เราจึงจำเป็นต้องขจัดความอ้วน ส่วนอาหารก็เป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็ง ในขณะเดียวกันก็เป็นตัวป้องกันมะเร็งด้วย จากงานวิจัยพบว่า สมุนไพรหลายชนิด ผัก ตลอดจนเครื่องดื่มอย่างชาเขียว ก็มีส่วนในการลดมะเร็งด้วย ดร.พรทิภากล่าวด้วยว่า ไม่ว่าจะเป็นถั่วเหลือง ขมิ้น กระเทียม ฯลฯ ล้วนมีสรรพคุณ มีสารป้องกันมะเร็งทั้งสิ้น นอกจากนั้น ในงานวิจัยเกี่ยวกับ ชาเขียวก็พบว่า มีสารป้องกันมะเร็งเช่นกัน เพราะในเอเชีย มีการบริโภคชากันมานานกว่า 2,000 ปีแล้ว ทั้งในญี่ปุ่น จีน เกาหลี ไต้หวัน ซึ่งเครื่องดื่มชานั้น ถือเป็นเครื่องดื่ม ที่เพิ่มความอบอุ่น ในประเทศหนาว ส่วนรสชาติและสารต่างๆ ก็พบว่า เมื่อดื่มแล้วผู้ดื่มก็มีความสุข และยังช่วยให้มีสุขภาพดีด้วย โดยเฉพาะในญี่ปุ่นได้ทำงานวิจัยเกี่ยวกับสรรพคุณของชาเขียว และชาเขียวกับการลดมะเร็งด้วย นักวิจัยของญี่ปุ่นได้ทำงานวิจัยกว่า 10 ปีแล้ว และพบว่าสารโพลีฟีนอลในชาเขียว โดยเฉพาะคาเทชิน หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า อิพิกาโลคาเทชิน กาแลต หรือ EGCG มีคุณสมบัติป้องกันมะเร็งได้ เพราะ EGCG ตัวนี้ มีฤทธิ์ยับยั้งเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงเซลล์มะเร็ง ส่วนการดื่มชาเขียวให้เหมาะสมนั้น ง่ายที่สุดก็คือ ดื่มเหมือนดื่มน้ำเปล่า 6-8 แก้ว และดื่มอย่างเข้มข้นโดยไม่ต้องใส่น้ำตาล ซึ่งถือเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด และอยากจะฝากไว้ด้วยว่า สมุนไพร พืช ผัก หรือส่วนผสมที่มีสรรพคุณต่างๆนั้นควรใช้ให้ถูก กินให้ถูก จึงจะให้ประโยชน์กับตัวเรา อย่างไรก็ตาม หากสนใจเรื่องราวเกี่ยวกับชาเขียวเพื่อสุขภาพยังมีให้ได้ฟังกันอีกในงาน HEALTH BEAUTY&DIET FESTIVAL 2004 ระหว่าง 29 ก.ค. -1 ส.ค. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 22 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





กระดานโต้คลื่นอิเล็กทรอนิกส์ ปล่อยกระแสไฟขับไล่ฉลาม

ร็อด ฮาร์ทเลย์ ประธานบริษัท ซีเชนจ์ เทคโนโลยี ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้พัฒนากระดานโต้คลื่น ติดตั้งระบบอิเล็กทรอนิกส์ขับไล่ฉลาม เผยอุปกรณ์จะปล่อยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ สร้างความรำคาญให้ฉลามที่เข้าใกล้ คาดวางจำหน่ายปลายปีนี้ หากผลการทดสอบเป็นที่น่าพอใจ ขณะนี้กำลังทดสอบระบบขับไล่ปลาฉลามอิเล็กทรอนิกส์ ราคาราว 2,000 บาท (500 ดอลลาร์) อุปกรณ์ขับไล่ฉลามของบริษัทแห่งนี้มีชื่อว่า "ชาร์ค ชิลด์" ประกอบด้วยสายอากาศสั้น ติดตั้งอยู่ด้านหลังแผ่นกระดานโต้คลื่นและขั้วไฟฟ้า ซึ่งจะติดตั้งอยู่ข้างใต้ของแผ่นกระดาน โดยอุปกรณ์จะปล่อยสนามไฟฟ้าไปรอบๆ กระดานโต้คลื่น และจะมีผลโดยตรงต่อประสาทสัมผัสรับสัญญาณที่อยู่ตรงปลายจมูกของฉลาม ซึ่งเชื่อมต่อกับระบบประสาทส่วนกลาง เมื่อสัมผัสในครั้งแรกจะรู้สึกไม่สบาย และหากยังว่ายฝ่าสนามไฟฟ้าเข้าไป กระแสไฟฟ้าจะทำให้กล้ามเนื้อของฉลามเกิดอาการกระตุก สำหรับเทคโนโลยีขับไล่ฉลามของซีเชนจ์ ได้รับสิทธิการผลิตเพื่อจำหน่ายจากนักประดิษฐ์ในแอฟริกาใต้ ชาร์ค ชิลด์นี้ช่วยให้พวกเขารู้สึกปลอดภัย และสนุกกับการเล่นโต้คลื่นมากขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 22 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





นักวิจัยเตือนไบโอดีเซล ทำลายชั้นบรรยากาศ

ดร.สาวิตรี การีเวทย์ บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เปิดเผยถึงผลงานวิจัยที่ระบุถึงไบโอดีเซลและแก๊สโซฮอล์ส่งผลให้เกิดปัญหาก๊าซโอโซนที่ทำลายพืชทางด้านเกษตรและสุขภาพของคนในเมืองใหญ่ ระหว่างการสัมมนาพิเศษเรื่องมลพิษทางอากาศกับเมืองที่ยั่งยืน จัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ว่าปัจจุบันเมืองอุตสาหกรรมหลายแห่ง เช่น ระยอง ปทุมธานี สมุทรปราการ ได้เกิดปัญหาก๊าซโอโซนขึ้นโดยบางแห่งสามารถตรวจวัดค่าสูงสุดได้มากถึง 130 พีพีบี (ส่วนในพันล้านส่วน) จากค่ามาตรฐานที่ 100 พีพีบี แต่อย่างไรก็ตาม ค่าเฉลี่ยของชั้นบรรยากาศทั่วไปยังไม่เกินมาตรฐาน มีรายงานการศึกษาจากสหรัฐอเมริกาพบว่า การใช้พลังงานทั้งสองประเภทส่งผลให้เกิดก๊าซโอโซนเพิ่มมากขึ้น โดยรัฐแคลิฟอร์เนียและลอสแองเจลิส ได้สั่งห้ามการใช้พลังงานทั้งสองชนิดแล้ว ดังนั้นประเทศไทยจึงจำเป็นจะต้องศึกษาให้ชัดเจนเช่นกันว่า การนำเอาพลังงานทั้งสองชนิดมาใช้นั้นจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่ แม้ว่าความจริงแล้ว พลังงานชีวมวลเป็นทางเลือกที่ดี ในเรื่องการทดแทน แต่ควรจะต้องศึกษาสัดส่วนการใช้ที่เหมาะสมไม่ก่อให้เกิดปัญหาก๊าซโอโซนขึ้น "ขณะนี้ได้เสนอของบประมาณในการศึกษาวิจัยกับสภาวิจัยแห่งชาติ ในเรื่องการสร้างเมืองให้น่าอยู่ซึ่งเรื่องผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของพลังงานชีวมวลและการเกิดโอโซนจะเป็นประเด็นหลักของการศึกษาวิจัย โดยโครงการวิจัยจะเสร็จสิ้นในเดือน ก.พ.2548" ดร.สาวิตรี กล่าว สำหรับการศึกษาผลกระทบของก๊าซโอโซนต่อพืชในประเทศไทย ดร.วาทิตา อริยพันธ์พิทักษ์ คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมศาสตร์และสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า ได้ศึกษาวิจัยก๊าซโอโซนที่ส่งผลกระทบต่อพืช คือข้าวหอมมะลิและข้าวทั่วไปจำนวน 8 สายพันธุ์ และถั่วเหลืองอีก 2 สายพันธุ์ในระดับห้องทดลอง โดยฉีดก๊าซโอโซนอย่างต่อเนื่องทุกวันวันละ 7 ชั่วโมงเป็นระยะเวลา 4 เดือนพบว่า ส่งผลกระทบต่อผลผลิตของข้าวและถั่วเหลืองอย่างชัดเจน (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 22 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





แปลงดอกไม้เป็นลำโพงขยายเสียงแถมยักย้าย ส่ายกิ่งก้านตามจังหวะ

บริษัทโทรคมนาคม "เล็ตส์ คอร์ป" ของญี่ปุ่นโดยผู้จัดการของบริษัทนายฮิโรฮิโกะ โอกุกาวา เปิดเผยว่า ได้พัฒนาเทคโนโลยี แปลงให้ต้นไม้ดอกธรรมชาติ สั่นไหวให้เป็นเพลงได้ "ต้นไม้ดอกดนตรี" ถูกปลูกไว้ในกระถางดินเผา ประกอบด้วยลูกสูบ ทำด้วยเรซินอะครีลิก และเครื่องขยายเสียง ใช้ส่งคลื่นความถี่ของเสียงเพลงขึ้นไปตามลำต้น ให้ไปกระตุ้นกิ่งก้านต่างๆ เกิดการสั่นไหว โดยที่สัญญาณจะถูกแปลงให้เป็นสัญญาณ ที่สามารถได้ยินเป็นเพลงออกมาทางกลีบดอกและใบ แบบเดียวกับลำโพงทำด้วยกระดาษของเครื่องเล่นสเตอริโอ นอกจากนั้น ยังใช้ต่อเล่นกับเครื่องเล่นซีดีและเครื่องรับวิทยุก็ได้ วิศวกรผู้คิดค้นเทคโนโลยี นายเคนจิ โคกา กล่าวว่า ดนตรียังเป็นปุ๋ยอย่างดีให้กับต้นไม้ด้วย เพราะการถูกสั่นไหวไปตามดนตรี จะทำ ให้ต้นไม้ได้ออกกำลังทำให้ชุ่มชื่นแข็งแรง จะผลิตออกจำหน่ายในกลางเดือนหน้านี้ มีราคาระหว่าง 1,840-18,400 บาท (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 23 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





อุปกรณ์พิเศษ ช่วยประหยัดไฟ ผลงานขอนแก่น

นายสมใจ อารยวัฒน์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์อิเล็กทรอนิกส์-โทรคมนาคม สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตขอนแก่น ได้พัฒนาเครื่องประหยัดพลังงานไฟฟ้าระบบแสงสว่าง หรือ RIN NICE SAVER (อาร์ ไอ เอ็น ไนซ์ เซฟเวอร์) กล่าวว่า หลังจากใช้เวลาวิจัยและพัฒนาอยู่ 2 ปี สามารถพัฒนาอุปกรณ์ประหยัดไฟได้เป็นผลสำเร็จ และขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงรูปแบบ ก่อนเตรียมนำออกใช้งานจริงได้ภายในเดือนหน้า อุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้าดังกล่าว มีลักษณะคล้ายคัตเอาต์หนึ่งตัว จะควบคุมการใช้พลังงานของหลอดฟลูออเรสเซนท์ ไม่ให้ใช้กำลังไฟเกินความต้องการ ทำให้ช่วยประหยัดพลังงานได้ร้อยละ 20- 35 นอกจากนี้ยังช่วยลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศได้ด้วย จากปกติเวลาเปิดหลอดไฟ กระแสไฟที่ไหลเข้าไปภายในหลอดจะมีจำนวนมากเกินความต้องการ ซึ่งปริมาณดังกล่าวทำให้ผู้ใช้เสียค่าไฟฟ้ามากเกินความเป็นจริง แถมยังทำให้หลอดไฟเสื่อมคุณภาพเร็วขึ้น เครื่องประหยัดพลังงานไฟฟ้าระบบแสงสว่าง ควบคุมการทำงานด้วยไมโครคอนโทรลเลอร์ มีความเร็วในการคำนวณค่าความประหยัดที่เหมาะสมได้อย่างแม่นยำ สามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าได้สูงสุด 16 KVA สามารถใช้กับหลอดไฟฟลูออเรสเซนท์ได้ถึง 320 หลอดพร้อมกัน จากเครื่องประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่นำเข้ามีราคาสูงตั้งแต่ 80,000 - 240,000 บาท สำหรับเครื่องที่ทางสถาบันเทคโนโลยีคิดค้นนั้น มีต้นทุนการผลิตเพียง 9,000 บาทเท่านั้น และระยะเวลาใช้งานนานถึง 5 ปี อนาคตเตรียมศึกษาและพัฒนาให้สามารถนำไปใช้ร่วมกับอุปกรณ์ไฟฟ้าได้ทุกชนิด โดยเป้าหมายหลักต้องการช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าให้กับโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการใช้แสงสว่างจากหลอดไฟมากกว่า 15 หลอดขึ้นไป และเตรียมประสานทดลองติดตั้งให้ฟรีในโรงงาน (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 23 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





สหรัฐพัฒนาลูกแก้วจิ๋วบรรจุเซลล์พลังงาน

จิม เชลบี้ หัวหน้าโครงการและศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมเซรามิค มหาวิทยาลัยอัลเฟรด ในนิวยอร์ก เปิดเผยว่า โครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากกระทรวงพลังงานสหรัฐ เพื่อพัฒนารถยนต์เซลล์พลังงานที่ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงแทนน้ำมัน สำหรับวัสดุที่ทีมงานพัฒนาขึ้นมาบรรจุไฮโดรเจนนั้น เรียกว่าไมโครสเปียร์ เป็นแก้วทรงกลมขนาดจิ๋ว ซึ่งแต่ละเม็ดจะบรรจุไฮโดรเจนแยกส่วนกัน ดังนั้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุ โอกาสที่ไฮโดรเจนปริมาณมากจะรั่วไหลออกมาจึงเป็นไปได้น้อย ทำให้การขนส่งไฮโดรเจนด้วยวิธีนี้มีความปลอดภัยสูงมาก นอกจากนี้ ไมโครสเปียร์แต่ละเม็ดยังมีขนาดเล็กกว่าเม็ดเกลือ ทำให้มีความแข็งแรงอย่างมาก จะเห็นได้ว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้แก้วแตก เป็นเพราะพื้นผิวของแก้วมีช่องโหว่ขนาด 1 ไมโครเมตรเกิดขึ้น แต่ในกรณีของแก้วกลมเม็ดจิ๋วนี้ ไม่มีโอกาสที่จะเกิดช่องโหว่ดังกล่าวได้ เนื่องจากผนังของตัวแก้วมีความหนาน้อยกว่านั่นเอง "เม็ดแก้วจิ๋วมีความแข็งแรงกว่าแก้วปกติราว 100 เท่า และยังแข็งแรงกว่าใยแก้วนำแสงที่ใช้ในระบบโทรคมนาคมด้วย" เชลบี้กล่าวและว่า ด้วยขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 50 ไมโครเมตร และพื้นผิวที่หนาไม่ถึง 1 ไมโครเมตร ทำให้ไมโครสเปียร์แต่ละเม็ดสามารถบรรจุไฮโดรเจนได้เพียงเล็กน้อย แต่หากนำเอามารวมกันนับล้านล้านเม็ด ก็จะสามารถผลิตระบบจัดเก็บไฮโดรเจนที่ใหญ่ขึ้นได้ ที่สำคัญมีน้ำหนักเบากว่าถังโลหะที่ใช้ในปัจจุบันอีกด้วย กระบวนการเติมเชื้อเพลิงให้กับไมโครสเปียร์มี 2 ขั้นตอน โดยขั้นแรกต้องดูดอากาศออกจากเม็ดแก้วที่ใช้แล้วออกมาให้หมดก่อนจะส่งไปยังถังเติมเชื้อเพลิง เมื่อเติมเต็มแล้ว ก็จะนำเม็ดแก้วไปจัดเก็บไว้ในถังเชื้อเพลิงอีกถังที่พร้อมใช้งาน และด้วยคุณสมบัติที่ผลิตมาจากทราย ทำให้ไมโครสเปียร์มีน้ำหนักเบา ไม่แพง และนำกลับมารีไซเคิลได้ง่ายโดยที่คุณภาพของวัสดุไม่ลดลง "สำหรับปัญหาทางเทคนิคที่สำคัญ ได้แก่ การหาวิธีปล่อยไฮโดรเจนให้ได้ปริมาณตามต้องการ ซึ่งต้องใช้แสงเป็นตัวช่วยควบคุมอัตราการไหลของเซลล์เชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี และทันทีที่คุณสตาร์ตรถ ระบบไฟจะทำงานโดยไฮโดรเจนจะไหลเข้าสู่การผลิตไฟฟ้าผ่านเซลล์พลังงาน หากต้องการเร่งปฏิกิริยาให้เร็วขึ้นก็เพียงแค่ปรับความเข้มของแสงเท่านั้น" เชลบี้ให้ข้อมูล และเชื่อว่าภายใน 4 ปี จะสามารถพัฒนาอุปกรณ์ต้นแบบสำเร็จ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 23 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





เอ็มเทค วิจัยเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดใหม่ ต้นทุนต่ำ

นักวิจัยศูนย์เทคโนโลยีโลหะ และวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) เร่งวิจัยแผงโซลาร์เซลล์รูปแบบใหม่ ที่ใช้สารย้อมไวแสงชีวภาพ เป็นตัวกระตุ้น ให้เกิดกระแสไฟฟ้า ให้ประสิทธิภาพ ได้ดีกว่าเซลล์แสงอาทิตย์แบบเดิม ทั้งยังมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คาดอีกไม่เกินสองปี สามารถประกอบ เป็นแผงโซลาร์เซลล์ได้ ในขณะที่ภาครัฐกำลังผลักดันให้มีการนำพลังงานหมุนเวียนอย่างเซลล์แสงอาทิตย์มาใช้มากขึ้น แต่เทคโนโลยีการผลิตโซลาร์เซลล์แบบปัจจุบันที่ใช้สารกึ่งตัวนำอย่าง อะมอร์ฟัส ซิลิคอน เป็นตัวนำพลังงานความร้อนมาแปลงเป็นกระแสไฟฟ้านั้น เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการคิดค้นมานานกว่า 30 ปีแล้ว ซึ่งยังมีปัญหาในด้านของต้นทุนการผลิต และประสิทธิภาพในการผลิตกระแสไฟฟ้าอยู่มาก นักวิทยาศาสตร์จึงได้ศึกษาเทคนิคใหม่ในการแปลงพลังงานแสงมาเป็นกระแสไฟฟ้า ด้วยเทคนิคการย้อมสีไวแสงซึ่งเป็นสารชีวภาพ เป็นตัวดูดซับพลังงานความร้อนจากแสงแดดเพื่อสะท้อนไปยังชั้นของไททาเนีย (TiO2) สารกึ่งตัวนำที่จะนำเอาอิเล็กตรอนให้ไหลออกมาผ่านวงจรเป็นกระแสไฟฟ้าสำหรับต่อขั้วไปใช้งาน "การทำงานของเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดสีย้อมไวแสง (Dye Sensitized Solar Cell หรือ DSSC) เป็นการเลียนแบบเทคนิคการสังเคราะห์แสงของต้นไม้ ดร.รุ้งนภา กล่าวว่า หัวหน้าทีมวิจัยของเอ็มเทคเริ่มทำการวิจัยเกี่ยวกับเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดสีย้อมไวแสงเมื่อ 8-9 เดือนที่แล้ว โดยในครั้งแรกที่พัฒนาเซลล์ไวแสงขึ้นมา สามารถวัดประสิทธิภาพในการผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพียง 0.04% เท่านั้น แต่ล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว ทีมวิจัยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตกระแสไฟฟ้าได้เป็น 4% หรือเท่ากับ 100% นับตั้งแต่เริ่มวิจัย นักวิจัยของเอ็มเทคได้เปรียบเทียบให้เห็นว่า เซลล์ชนิดสีย้อมไวแสงนี้มีต้นทุนในการผลิตถูกกว่า และยังให้ประสิทธิภาพของกระแสไฟฟ้าได้คงที่กว่า โดยไม่แปรเปลี่ยนไปตามความเข้มข้นของแสงอาทิตย์ในแต่ละวัน ขณะที่เซลล์แสงอาทิตย์ที่ใช้ซิลิคอนเป็นสารกึ่งตัวนำมีต้นทุนการประกอบที่สูง วัสดุมีราคาแพง ต้องใช้ก๊าซพิษที่เป็นมลภาวะ และค่ากระแสไฟฟ้าไม่คงที่ เทคนิคแบบใหม่นี้ถูกค้นพบโดย ไมเคิล เกรตเซล นักวิจัยประจำห้องปฏิบัติการอีพีเอฟแอลในสวิตเซอร์แลนด์ เขาได้เปลี่ยนจากการใช้สารกึ่งตัวนำไททาเนียขนาดใหญ่มาเป็นอนุภาคไททาเนียขนาดเล็กที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางราว 20 นาโนเมตร เคลือบด้วยชั้นสีย้อมบางๆ เทคนิคดังกล่าวช่วยเพิ่มพื้นที่ในการดูดซับแสงได้มากขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 23 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





2 อุดมศึกษาไทย-ม.เกียวโต สร้างองค์ความรู้ด้านพลังงาน

ศ.ดร.นักสิทธ์ คูวัฒนาชัย ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาทางวิชาการ บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม กล่าวในการนำเสนอผลงานวิจัยของนักศึกษาปริญญาเอก ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ที่จัดร่วมกันระหว่างบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล และมหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ว่า ขณะนี้ประเทศไทยใช้แก๊สผลิตเป็นไฟฟ้าถึงกว่า 70% ขณะที่มีแก๊สธรรมชาติให้ขุดใช้ได้อีกประมาณ 20 ปี ส่วนถ่านหินใช้ไปได้อีกกว่า 150 ปี และมีการนำเข้าพลังงานไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้นกว่าอดีต จึงจำเป็นต้องสร้างบุคลากรด้านพลังงาน ที่มีความรู้ความสามารถทัดเทียมต่างประเทศ เพื่อศึกษาวิจัยและหาคำตอบที่เหมาะสมและรูปแบบการจัดการพลังงานที่มั่นคง ผลของความร่วมมือทั้ง 3 สถาบัน จะทำให้เกิดการก่อตั้งศูนย์ซีโออี ประจำภูมิภาคเอเชียขึ้นในประเทศไทย โดยศูนย์นี้จะทำหน้าที่ประสานงานระหว่างสถาบันวิจัย รวมถึงตัวนักวิจัยด้านพลังงานทั้งหมดในภูมิภาคเอเชีย และจัดการประชุมวิชาการและพัฒนางานวิจัย สร้างเสริมศักยภาพของผู้เรียนและบุคลากรในสาขาพลังงานและสิ่งแวดล้อมของไทย ให้มีความสามารถและได้รับการยอมรับในระดับสากลมากยิ่งขึ้น (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 23 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





แผงวงจรประจุไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ วงจรประจุไฟ ฝีมืออาจารย์ราชมงคล

อาจารย์ นพพร พัชรประกิติ อาจารย์จากคณะวิชาไฟฟ้า สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตเชียงราย ที่คิดค้น ทำแผงวงจรควบคุมกระแสและแรงดันจากไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ โดยใช้หลักคิดมาจากการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ส่วนใหญ่จะเป็นการชาร์จไฟที่บ้าน และใช้รถในช่วงทำงาน มาปรับเป็นนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้กับรถยนต์พลังไฟฟ้า โดยชาร์จไฟฟ้าได้ขณะจอดอยู่ที่บ้านในเวลากลางคืน และขณะจอดทิ้งไว้ตอนกลางวันก็สามารถได้ไฟฟ้าฟรีๆ จากแสงแดด ด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ไว้กับตัวรถ แต่ต้องมีการวัดค่าแรงดัน กระแส ให้เหมาะกับค่าความเข้มของแสง แต่เครื่องวัดความเข้มของแสงจากต่างประเทศมีราคาแพงนับแสนบาท ด้วยการทำวิจัยเรื่อง "การตรวจติดตามกำลังไฟฟ้าสูงสุดของระบบโฟโตโวลตาอิก สำหรับการประจุแบตเตอรี่" ทำแผงวงจรควบคุมกระแส และแรงดันจากไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ที่ไม่ต้องใช้เครื่องวัดความเข้มของแสงหรือเครื่องวัดอุณหภูมิ แต่ใช้การตรวจจับกระแสแรงดันแทน ซึ่งมีประสิทธิภาพในการชาร์จไฟได้ โดยต้นทุนไม่เกิน 5,000 บาท แถมวงจรนี้ยังใช้ชาร์จแบตเตอรี่ขนาดต่างกันได้พร้อมๆ กัน รวมทั้งยังสามารถชาร์จกับโทรศัพท์มือถือ หรือโน้ตบุ๊คแทนไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี (คมชัดลึก ศุกรที่ 23 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





พัฒนาอาหารแห้งเพื่อกองทัพ เติมน้ำสกปรกกินได้ปลอดภัย

ทีมนักประดิษฐ์จากหน่วยงานย่อยของศูนย์พัฒนาระบบทหารแห่งกองทัพสหรัฐ ซึ่งตั้งอยู่ในมลรัฐแมสซาชูเซตส์ ได้พัฒนาอาหารแห้งสำหรับทหาร ซึ่งห่อด้วยแผ่นกรองพลาสติกที่ทำจากใยที่มีความละเอียดระดับนาโนเมตร (1 ในพันล้านส่วนเมตร) สามารถกรองเชื้อโรค และสารประกอบที่เป็นพิษร้ายแรงที่สุดได้ถึง 99.9% ดังนั้น ยามขัดสนไม่รู้จะหาน้ำสะอาดจากไหนมาชงก็สามารถเอาน้ำสกปรก หรือแม้แต่น้ำปัสสาวะของทหารเองมาเทใส่ก็จะได้อาหารพร้อมรับประทานทันที เพราะตัวกรองดังกล่าวจะยอมให้เฉพาะน้ำที่สะอาดเท่านั้นซึมเข้าไปยังอาหารกึ่งสำเร็จรูป ปัจจุบัน มีเพียงอาหารต้นแบบที่ทำจากไก่ และข้าวเท่านั้นที่ได้ทดสอบไปแล้ว แต่ยังจะมีอาหารรสชาติคุ้นลิ้นเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต หากแนวคิดในการทำอาหารแห้งได้รับความนิยม งานวิจัยดังกล่าวไม่ได้เป็นครั้งแรก เมื่อราวสองปีที่แล้วมีนักวิทยาศาสตร์คิดค้นเทคนิคทำให้แซนด์วิชมีสภาพสดสามารถเก็บไว้รับประทานได้นานถึงสามปี (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 24 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





มหิดลเสนอพันธุวิศวกรรมสยบไวรัสอยู่หมัด

นักวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยมหิดล เสนอแนวทางใหม่ ในการจัดการกับไวรัส โดยมุ่งสยบไวรัส ก่อนปล่อยให้แบ่งตัว แพร่กระจายเชื้อ เป็นแนวทาง ที่นักวิจัยด้านอณูชีววิทยาทั่วโลก กำลังให้ความสนใจ เนื่องจากเข้าจัดการกับไวรัส ได้ผลดีกว่าการใช้วัคซีนแบบปัจจุบัน ซึ่งมักมีปัญหา ไวรัสกลายพันธุ์ตามมา เล็งนำมาใช้แก้ปัญหา การก่อกวนของไวรัสในสัตว์เศรษฐกิจ รวมทั้งไข้หวัดนก และไวรัสในกุ้งกุลาดำ ศ.ดร.สกล พันธุ์ยิ้ม ผู้อำนวยการสถาบันอณูชีววิทยาและพันธุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำทั่วโลก กำลังให้ความสำคัญอย่างมาก กับเทคนิคซึ่งเป็น "ทางเลือกใหม่" ในการจัดการกับไวรัส หรือแม้กระทั่งใช้รักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติในการแสดงออกของยีน อย่างเช่น มะเร็ง "เทคนิคที่ว่านี้เป็นการแทรกแซงกระบวนการทำงานของตัวนำส่งข้อมูลของสารพันธุกรรมที่เรียกว่า เอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) ซึ่งจะส่งข้อมูลดังกล่าวไปถอดรหัสเพื่อสังเคราะห์เป็นโปรตีน หากเราสามารถขัดขวางตัวส่งข้อมูลของไวรัสได้แล้ว ไวรัสก็จะไม่สามารถแบ่งตัวได้ เมื่อแบ่งตัวไม่ได้ ถึงแม้เข้าไปในเซลล์ได้ ก็ไม่สามารถแพร่กระจาย หรือออกฤทธิ์ได้" ศ.ดร.สกล กล่าว ในการสังเคราะห์โปรตีนเพื่อใช้ในร่างกายนั้น ดีเอ็นเอ ซึ่งเป็นคลังเก็บสูตรการผลิตโปรตีนและอยู่ในนิวเคลียสของเซลล์จะไม่ผลิตโปรตีนด้วยตัวเอง แต่จะคัดลอกข้อมูลออกมาให้อาร์เอ็นเอ ซึ่งเปรียบเสมือนร่างทรงของดีเอ็นเอเป็นตัวสังเคราะห์โปรตีนแทน ในกระบวนการที่ซับซ้อนดังกล่าว mRNA จะทำหน้าที่ในการนำข้อมูลที่เข้ารหัสเหล่านั้นออกมาจากนิวเคลียสเพื่อถอดความออกมาเป็นโปรตีน ในการขัดขวางการทำงานของ mRNA ซึ่งเป็นกระบวนการที่เพิ่งถูกค้นพบเมื่อ 6 ปีที่แล้วนี่เอง นักวิทยาศาสตร์จะทำการออกแบบอาร์เอ็นเอขนาดเล็กที่มีเพียง 20 คู่เบส หรือที่เรียกว่าเอสไออาร์เอ็นเอ (siRNA) เพื่อไปขัดขวางกระบวนการถอดรหัสโปรตีนที่ใช้ในการแบ่งตัวของไวรัส "ไวรัสสามารถเปลี่ยนจีโนมหรือข้อมูลพันธุกรรมของตัวเองได้รวดเร็วมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เช่น ไวรัส Avian Influenza ทุกครั้งที่แบ่งตัว ไวรัสพวกนี้สามารถเปลี่ยนจีโนมได้เพื่อความอยู่รอด" ศ.ดร.สกล กล่าวและว่า เทคนิค siRNA เป็นก้าวสำคัญในการปฏิวัติการค้นคว้าวิจัยด้านพันธุวิศวกรรม ซึ่งจำเป็นและต้องการการวิจัยเพื่อแข่งขันกับต่างประเทศที่รุดหน้าไปไกลแล้ว (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 24 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ข่าวทั่วไป


แนะวิธีป้องกันนิ่วในท่อไตให้ดื่มน้ำสะอาดวันละ 8 แก้ว

รศ.น.พ.อภิชาติ กงกะนันท์ แพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า โรคนิ่วในท่อไตหรือนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นได้ทุกวัย แต่พบมากในวัยกลางคน โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคอีสาน พบผู้ป่วยเป็นก้อนนิ่วขนาดใหญ่คล้ายเขากวาง ขณะที่ภาคใต้ส่วนใหญ่พบนิ่วก้อนเล็กๆ ส่วนสาเหตุการเกิดโรคนิ่วในท่อไต แพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจนว่าเกิดจากอะไร แต่มีก้อนนิ่วตกตะกอนจากไตอุดตันท่อไต สร้างความเจ็บปวดมาก เพราะท่อไตมีขนาดเล็ก ส่วนพวกที่มีก้อนนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ถึงจะพบก้อนขนาดใหญ่มักไม่ค่อยปวด แต่จะปัสสาวะเป็นเลือด หรือมีเลือดออกขณะปัสสาวะ ก้อนนิ่วหินปูนที่ตกตะกอนน่าจะเกิดจากสิ่งแวดล้อม อาหาร น้ำ คำแนะนำทางการแพทย์ คือ การดื่มน้ำสะอาดมากๆ ช่วยไม่ให้ก้อนนิ่วตกตะกอนในท่อไต จะลดความเสี่ยงของโรคนิ่ว ในประเทศที่พัฒนาแล้วพบผู้ป่วยเป็นนิ่วในท่อไตสูงขึ้น ขณะเดียวกันคนไทยในเขตเมืองส่วนใหญ่มีวิถีการใช้ชีวิตคล้ายคลึงกับชาวตะวันตกมาก ขึ้น พบแนวโน้มเป็นโรคนิ่วในท่อไตเพิ่มขึ้นด้วย แนวทางรักษา แพทย์จะใช้เครื่องสลายนิ่วบดก้อนนิ่วให้เป็นผง โดยไม่ต้องผ่าตัด ผงนิ่วจะไหลออกมากับน้ำ และถึงแม้ว่าจะยังไม่ทราบสาเหตุชัดเจนของการเกิดโรคนิ่วในท่อไต แต่การดื่มน้ำสะอาดมากๆ วันละ 8-10 แก้ว จะลดการตกตะกอนเป็นก้อนนิ่ว อีกทั้งการดื่มน้ำมากๆช่วยให้เครื่องสลายนิ่วทำงานดี (ไทยรัฐ อังคารที่ 20 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





กินมะเขือเทศกับบร็อคโคลีขจัดมะเร็งพลังผักสองประสาน ให้ผลเกินคาด

ด็อกเตอร์จอห์น เออร์ดแมน ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์อาหาร และโภชนาการมนุษย์แห่งมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เสนอผลการศึกษาของตนในที่ประชุมว่าด้วยอาหารกับมะเร็ง ที่สหรัฐอเมริกา พบว่าจากการเลี้ยงหนูทดลองด้วยผักทั้งสองชนิดดังกล่าวให้กินผสมกัน ปรากฏว่ามะเร็งในต่อมลูกหมากของหนูโตช้ากว่าตัวที่กิน แต่มะเขือเทศหรือบร็อคโคลีอย่างเดียว (ไทยรัฐ อังคารที่ 20 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





คนไทยเจอปัญหาใหญ่จอประสาทตาเสื่อมไม่รู้ตัว

ผศ.น.พ.สรรพัฒน์ รัตนิน ผอ.รพ. จักษุรัตนิน จักษุแพทย์มือหนึ่งได้บอกถึงปัญหา ที่ขณะนี้จะกลายเป็นปัญหา ของคนส่วนใหญ่ แบบไม่รู้ตัวจนทำให้ ไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยเฉพาะอาการจุดศูนย์กลาง จอประสาทตาเสื่อม ที่แม้จะไม่มีสถิติไว้ แต่ในสหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยกว่า 2 ล้านคน ผศ.น.พ.สรรพัฒน์ได้เน้นว่า โรคนี้มีปัจจัยหลายอย่าง คือ อายุที่เพิ่มมากขึ้น ความดันสูง สูบบุหรี่ สายตาสั้นมาก และฮอร์โมนของเพศหญิง ซึ่งจะพบว่าผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไปจะมีอัตราการเป็นมากขึ้นอีก 3 เท่า แต่คนส่วนใหญ่มักพบเมื่อสายเกินไป และสำหรับโรคนี้ หากเป็นอยู่ในขั้นท้ายสุดแล้ว ไม่สามารถแก้ไขให้ตากลับมาเป็นปกติ หรือเปลี่ยนใหม่ก็ไม่ได้ ผู้ที่เป็นแม้จะมีตาที่ไม่บอดสนิท แต่ไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ โดยอาการจะเริ่มด้วยสายตาที่มัวลง ส่วนใหญ่เป็นทั้งสองตาและมัวไม่เท่ากัน บางคนเห็นภาพโย้เย้ หรือจุดกลางมัว จนไม่สามารถอ่านหนังสือหรือทำกิจกรรมได้ บางคนเพียงเดือนเดียวอาการก็รุนแรงจนไม่สามารถแก้ไขได้ทัน โดยไม่มีอาการเจ็บปวด สำหรับโรคนี้มี 2 แบบ คือชนิดแห้ง และเปียก สำหรับชนิดแรกสายตาจะค่อยๆมัวลงช้าๆ แล้วในที่สุดก็ไม่สามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติ ส่วนอีกแบบจะมีหลอดเลือดงอกผิดปกติ มีเลือดและหนองออกมาทำลายจอประสาทตา สำหรับผู้ที่มีอาการดังกล่าวมาแล้วนั้น ควรปรึกษาจักษุแพทย์ (ไทยรัฐ อังคารที่ 20 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





เร่งสร้างกระเช้าภูกระดึงก่อนสภาหมดวาระ อ้างผลสำรวจมีคนเห็นด้วย 87%

ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดเลย นายทศพล สังขทรัพย์ รองประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการเพื่อศึกษาการสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในการประชุมเพื่อพิจารณาศึกษาเรื่องการสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึงและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากโครงการ โดยนายสำเริง เชื้อชวลิต ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย และคณะอนุกรรมาธิการเพื่อพิจารณาโครงการกระเช้า ไฟฟ้า คณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวสภาผู้แทนราษฎร ร่วมในการประชุมครั้งนี้ด้วย อนุกรรมาธิการเพื่อศึกษาการสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึงสรุปเห็นชอบเร่งก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง ระยะทาง 3.6 กม.มูลค่า 250 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 14 เดือน คาดรับนักท่องเที่ยวได้กว่าปีละ 2 ล้านคน ชี้ภายใน ส.ค.2547 ที่ประชุมได้นำข้อมูลจากการศึกษาโครงการกระเช้าไฟฟ้าขั้นภูกระดึงจากบริษัทเอกชนที่จัดไว้เมื่อปี 2542 และจากการทำประชาพิจารณ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย และจากองค์กร หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องมาศึกษา ซึ่งเรื่องนี้นายกองค์การบริหารส่วนตำบลศรีฐาน อ.ภูกระดึงและนายกเทศมนตรีภูกระดึง ระบุว่าจากการที่ได้ทำการสำรวจสอบถาม ประชาชนที่เกี่ยวข้องกับอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ทั้งประชาชนและลูกหาบปรากฏว่า 87% เห็นด้วยกับการสร้างกระเช้า "ผลกระทบต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยอมรับว่าอาจมีบ้างแต่ประโยชน์ที่จะได้รับกลับมานั้นมากกว่า และต้องการให้เร่งก่อสร้างเพราะเกรงจะเสียโอกาสเหมือนโครงการอื่นๆ" คณะอนุกรรมาธิการจะได้นำข้อมูลทั้งหมดให้คณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและเสนอสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาลเพื่อพิจารณาตัดสินใจต่อไป ส่วนการประชุมครั้งต่อไปจัดที่สภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 5 ส.ค.2547 กระบวนการต่างๆจะแล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค.2547 นี้ เนื่องจาก เหลือเวลา 6 เดือนที่สภาผู้แทนฯจะครบวาระลง (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 20 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





"เค้กมะกอกน้ำ" ราชมงคล ดึงผลไม้พื้นบ้านแทนลูกเกด

ผศ.สุรางค์ ลาเกลี้ยง อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีอาหาร สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพระนครศรีอยุธยา หันตรา ที่เล็งเห็นประโยชน์ของผลไม้ไทย จึงเกิดแนวคิดในการแปรรูปมะกอกน้ำเพื่อเพิ่มมูลค่าและต้องการทดแทนผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศที่มีราคาแพงอย่างลูกเกด กระทั่งได้ผลิตภัณฑ์ "เค้กมะกอกน้ำ" ผศ.สุรางค์ ต้องการที่จะใช้มะกอกน้ำมาแทนลูกเกดสำหรับใส่ในขนมเค้ก โดยนำเอามะกอกน้ำมาแช่อิ่มแล้วเอาเมล็ดออก จากนั้นหั่นเป็นชิ้นๆ ใช้แทนลูกเกด ซึ่งรสชาติอร่อยไม่แพ้ลูกเกด เคล็ดลับของเค้กมะกอกน้ำอยู่ที่ขั้นตอนการแช่อิ่มมะกอกน้ำให้ได้รสชาติ "เปรี้ยวอมหวาน" ส่วนวิธีทำเค้ก ก็เหมือนกับการทำเค้กผลไม้ทั่วไป เพียงแต่เราเปลี่ยนเนื้อมะกอกน้ำแช่อิ่ม แทนลูกเกดหรือผลไม้อื่นๆ ลงไปในแป้งขนมเค้ก และคลุกเคล้าจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วตัดใส่พิมพ์ก่อนนำไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซสเซียส นาน 15 นาที สนใจสูตร "เค้กมะกอกน้ำ" อย่างละเอียด ติดต่อไปได้ที่ภาควิชาเทคโนโลยีการอาหาร สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพระนครศรีอยุธยา หันตรา โทร.0-3524-2554 ต่อ 129 (คมชัดลึก อังคารที่ 20 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





ให้ป้องกันรักษาคอมพิวเตอร์พีซีจากฟ้าผ่าเมื่อตอนมีพายุฝน

จิม เนนเนิร์ท ผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์และบริการกู้ข้อมูล สถาบันป้องกันภัยจากฟ้าผ่าของสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า โดยปกติแล้วเครื่องคอมพิวเตอร์ จะเสียหายจากสภาพอากาศหลายๆสภาพ และปัญหาดังกล่าว มักจะไม่ได้ถูกนึกถึง แต่จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไปที่สามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งเมื่อไรก็ตามที่เกิดขัดข้องเกี่ยวกับกระแสไฟฟ้า นั่นก็สามารถก่อให้เกิดความเสียหายอย่างถาวรให้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และข้อมูลได้แล้ว หนทางที่ดีที่สุดที่จะจัดการกับปัญหาดังกล่าว ก็คือหาวิธีการป้องกัน สำหรับเทคนิคในการป้องกันนั้น บริษัทออนแทรค ผู้ให้บริการด้านการ กู้ข้อมูลให้คำแนะนำว่า ควรมีการติดตั้งอุปกรณ์สำรองไฟ ตรวจเช็กฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆของเครื่องอยู่เสมอ สำหรับในการใช้ปลั๊กไฟก็ไม่ควรจะให้ เครื่องคอมพิวเตอร์ต้องใช้ปลั๊ก ร่วมกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทอื่นๆ เมื่อเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ควรปิดเครื่องก่อน และควรจะดึงสายโทรศัพท์ที่อาจจะเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ออกด้วย เพราะหากเกิดฟ้าผ่า กระแสไฟฟ้ารุนแรงอาจจะไหลเข้ามาในเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ และพยายามเก็บเครื่องคอมพิวเตอร์ไว้ในที่ที่มีอากาศเย็นและแห้ง เพราะอากาศร้อนอาจจะส่งผลเสียต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 22 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ออกกำลังป้องกันอ้วนกินผักผลไม้เป็นเกราะป้องกันหัวใจและสมอง

ประธานของแพทยสภาและวิทยาศาสตร์โรคสมองเสื่อม ดร.มารลีน อัลเบิร์ต กล่าวแจ้งว่า การปล่อยตัวให้อ้วน หรือระดับไขมันในเลือดสูงเมื่อช่วงวัยกลางคน ไม่ได้กระทบกระเทือนกับหัวใจเท่านั้น หากยังรวมถึงสมองอีกด้วย พยาธิสภาพของโรคสมองเสื่อมมักจะเกิดเป็นมาก่อนนานไม่ต่ำกว่า 10 ปีแล้ว อาจจะนานกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ ดังนั้น จึงควรจะเริ่มป้องกันไว้เสียแต่เนิ่นๆ รายงานการศึกษาซึ่งจะเสนอต่อที่ประชุมของสมาคม พบในการศึกษากับผู้สูงอายุในฟินแลนด์ จำนวน 1,500 คน พบว่าผู้ที่เคยอ้วนเมื่อตอนเข้าวัยกลางคน พอแก่ตัวเข้ามักจะเป็นโรคสมองพิการ ปัญญาเสื่อม มากกว่าเพื่อนคนที่ยังคงรักษารูปร่างอยู่เป็นปกติถึงสองเท่า และยิ่งคนที่มีไขมันในเลือดและ ความดันโลหิตสูงเมื่อเข้าวัยกลางคน จะยิ่งเป็นมากกว่าเพื่อนคนที่มีความดัน และระดับไขมันปกติ มากกว่ากันถึง 6 เท่า. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 22 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





รังสีโทรศัพท์มือถือบ่อนทำลายโรงงานสร้างเชื้อตัวอสุจิผู้ชาย

คณะนักวิจัยได้ศึกษาเปรียบเทียบปริมาณและคุณภาพของตัวอสุจิของผู้ชายจำนวน 221 คนระหว่างผู้ใช้โทรศัพท์มือถือมากกับคนที่ไม่ได้ใช้ เป็นเวลานาน 13 เดือน และได้พบว่าผู้ที่ใช้โทรศัพท์ มากและพกติดตัวตลอดเวลา จะมีปริมาณตัวอสุจิลดต่ำลงเกือบ 30% และตัวอสุจิที่เหลือเหล่านี้ ยังเคลื่อนไหวผิดปกติ ไม่สู้คล่องแคล่วปราดเปรียวเท่าใดนักด้วย ดร.อิมเร เฟเจส แห่งคณะสูติแพทย์และสูตินรีแพทย์ มหาวิทยาลัยสเซกด ของฮังการีหัวหน้านักวิจัย ได้กล่าวในรายงานว่า การใช้โทรศัพท์มือถือมากๆ อาจเป็นภัยกับการผลิตตัวอสุจิและความสมบูรณ์ของผู้ชายได้ แนะนำให้เก็บเอาไว้ในถุง หรือกระเป๋าถือต่อไป เพื่อให้ห่างจากอันตรายดังกล่าว (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 22 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





มอบรางวัลหนุ่มสาวคุณภาพ

นิตยสารสตรี เปรียวและผู้หญิง มอบรางวัลแก่บุคคลคุณภาพในสังคม ที่เป็นผู้มีบุคลิกดี และมีความสามารถ สมควรได้รับยกย่องเพื่อเป็นแบบอย่างของสังคมต่อไป สำหรับ 10 หนุ่มสาวที่ได้รับรางวัล เปรียวอวอร์ด 2004 จากนิตยสารเปรียว ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้คือ บุคลิกดี จิตใจดี ภาพพจน์ในสังคมดี มนุษยสัมพันธ์ดี มีส่วนช่วยเหลือสังคม และประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในแต่ละสาขาวิชาชีพ ฝ่ายชายประกอบด้วย น.พ.ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ดร.นรินทร์ กรินชัย เลขาธิการและนักจิตวิทยาอาวุโส มูลนิธิศูนย์ฮอตไลน์ อนุทิน ชาญวีรกูล รมช.สาธารณสุข ดนัย จันทร์เจ้าฉาย นักบริหารและนักเขียนฝีมือเฉียบแห่งเอ็มดีเค (บริษัทพีอาร์เอเยนซี่) และ สรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรข่าวฝีปากกล้าส่วนฝ่ายหญิง ได้แก่ ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์ และอุตสาหกรรมวุฒิสภา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) น้องสาวคนสุดท้อง ของท่านนายกฯทักษิณ ชินวัตร สุกัญญา วนิชจักร์วงศ์ กรรมการผู้จัด การบริษัทคอลวัน ในเครือสามารถ กรุ๊ป ค่ายสื่อสารยักษ์ใหญ่อีกหนึ่งค่าย ศันสนีย์ นาคพงศ์ อดีตผู้ประกาศข่าวผู้ผันตัวเองเข้าสู่ สนามการเมือง จนได้เป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ อิสสริยา วิรัชศิลป์ ดีไซเนอร์ รุ่นใหม่ไฟแรง เจ้าของแบรนด์ Inspired by Inner Complexity โดยทั้งหมดจะเข้ารับรางวัลจาก ฯพณฯ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี ในงาน "Priew Awards 2004...The Charity Night" คํ่าวันที่ 26 ก.ค.นี้ ที่ รร.โอเรียนเต็ล ส่วนผู้หญิงทำงานจากหลากหลายอาชีพ ที่ได้รับคัดเลือกเข้ารับรางวัล Working Women of the Year ประจำปี 2547 จากนิตยสารผู้หญิง ได้แก่ จริญญา ยังประภากร ทายาทฟาร์มจระเข้, ดร.ประถมาภรณ์ ฟักฤกษ์ ครูใหญ่โรงเรียนศรีสุวิช, ปริยากร รัตนสุบรรณ หญิงแกร่งที่หันมาเป็นโปรโมเตอร์จัดการแข่งขันมวยสากล, พัชรินทร์ อ้วนเฝือ วิศวกรอากาศยานระดับ 2 แห่งการบินไทย, แพรว ศุภจริยาวัตร นักนิติวิทยาศาสตร์ 3 สังกัดกระทรวงยุติธรรม, ภัทริน ซอโสตถิกุล กรรมการผู้จัดการบริษัทรีโนวา จำกัด, มยุรี เฟื่องทอง นักวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์, สุชา ลัทธิวงศกร ผู้ช่วยผู้พิพากษา ศาลอาญา และ ม.ล.อรดิศ ดิศกุล ที่ปรึกษากฎหมายบริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด โดยจะเข้ารับรางวัลในวันที่ 27 ส.ค. ที่ รร. พลาซ่า แอทธินี. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 22 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





กินปลาห่างไกลโรคหัวใจ จะนึ่งหรือย่างก็ดีแต่ห้ามทอด

ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลหญิงและโรงเรียนแพทย์แห่งฮาร์วาร์ด ค้นพบว่า การกินปลาในปริมาณที่พอเหมาะสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้ ไม่ว่าจะเป็นการนำปลาไปอบหรือย่างก็ตาม ยกเว้นการทอด ผลจากการวิจัยพบว่า การรับประทานปลาทูน่าตามปกติ ไม่ว่าจะย่างหรือนำไปอบอาจช่วยยับยั้งอาการใจสั่นหรือหัวใจเต้นผิดปกติได้ในผู้สูงอายุ นิตยสารทางการแพทย์ฉบับหนึ่งระบุถึงผลการศึกษาประชากรจำนวน 4,815 คน ที่อายุมากกว่า 65 ปี งานศึกษานี้ได้สอบถามกลุ่มตัวอย่างให้บรรยายถึงอาหารการกินของตัวเอง โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2532 และเริ่มสังเกตกลุ่มตัวอย่างนี้เป็นเวลา 12 ปี พบว่า 980 กรณีเป็นโรคหัวใจ ขณะที่กลุ่มตัวอย่างซึ่งถูกรายงานว่า กินปลาอบหรือปลาเผากลับพบอาการของโรคหัวใจน้อยกว่า ในส่วนกลุ่มตัวอย่างที่ตอบว่าพวกเขากินปลา 1-4 ครั้งต่อสัปดาห์ กลับมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจเพียงร้อยละ 28 เทียบกับคนที่รับประทานปลาเพียงครั้งเดียวต่อเดือน กระนั้นก็ดี นักวิจัยได้ให้น้ำหนักต่อกรดน้ำมันโอเมก้า 3 ซึ่งเชื่อว่าช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ อีกทั้งยังมีความสำคัญต่อการทำงานและพัฒนาการทางสมอง ซึ่งพบในปลาหลายชนิด ลูกวอลนัท เมล็ดต้นปอ และผักใบเขียวชนิดต่างๆ (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 22 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





พบโทษลึกลับการดื่มกาแฟยามเช้านึกไม่ออก "เหมือนติดอยู่ที่ปลายลิ้น"

นักวิจัยวาเลอรี่ เลสก์ แห่งสถาบันศึกษาระดับสูงสากลของอิตาลี ผู้ศึกษาพบกล่าวว่าบางทีเหตุเพราะกรดคาเฟอีนออกฤทธิ์กระตุ้นสมอง ช่วยให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น โดยไปปิดกั้นช่องทางสู่สมองทางอื่นจนหมด จึงหมดหนทางที่จะนึกอะไรออกได้ เขากับคณะได้ศึกษาทดลองกับกลุ่มนักศึกษา 32 คน แบ่งออกเป็น 2 พวก พวกหนึ่งให้ดื่มคาเฟอีนปริมาณ 200 มิลลิกรัม อีกพวกกินของหลอก หลังจากนั้นให้ทำการทดสอบ ด้วยการตอบคำถามเรื่องทั่วๆไป โดยใช้คำตอบที่เป็นคำคำเดียว 100 ข้อ หากว่าข้อไหนตอบไม่ได้ก็จะใบ้คำตอบพยางค์แรกให้ หากว่าช่วยให้ผู้ตอบนึกได้ ก็ถือว่าเป็นการลืมชั่วเพียง "ติดอยู่ที่ปลายลิ้น" (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 23 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ผู้หญิงชอบกินถั่วเล่นกลายเป็นเรื่องดีป้องกัน ไม่ให้เกิดนิ่วอุดตันในถุงน้ำดี

ผู้หญิงที่ชอบกินของขบเคี้ยวไม่ขาดปาก อาจจะกลายเป็นเรื่องเป็นประโยชน์กับตัวเอง หากว่าชอบกินเป็นพวกถั่วชนิดต่างๆ ด้วยเหตุว่านักวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด อันมีชื่อเสียงของสหรัฐฯ ได้พบว่าผู้หญิงที่กินถั่วมากๆ อาจจะเป็นนิ่วในถุงน้ำดียาก นักวิจัยพบในการศึกษาว่า ผู้หญิงที่ชอบกินถั่วมากถึงอาทิตย์ละเป็นน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 142 กรัม จะป้องกันไม่ให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้มากถึง 25% ร่างกายคนเราใช้น้ำดีในการย่อยไขมันชนิดต่างๆ และนิ่วในถุงน้ำดีนับเป็นโรคของท่อน้ำดีที่เป็นเจ้าประจำมากที่สุด. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 23 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





น้ำส้มควันไม้จากเผาถ่านใช้ผลิตปุ๋ย-สารไล่แมลงในไร่สวน

นายสมหมาย สาตทรัพย์ สถาบันเพื่อพัฒนาการเกษตรและชนบท จำเนียร สาระนาค ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เขาได้กิ่งไม้จากการตัดแต่งกิ่งไม้ปลายไม้ในแปลงสวนไม้ผล ไม้ ควรจะมีขนาด 2-3 นิ้ว ต้องเป็นไม้หมาดๆ ที่ตัดทิ้งไว้ประมาณ 21-30 วัน เพื่อให้แสงแดดไล่น้ำส่วนหนึ่ง อีกทั้งจะได้น้ำส้มควันไม้ ที่เข้มข้นกว่าไม้สด ส่วนวิธีการเผา จะใส่ไม้ลงถัง 200 ลิตร ประมาณ 80 กก. โดยเริ่มเก็บน้ำส้มฯ ที่อุณหภูมิปากปล่องที่ 80 องศาและหยุดเก็บที่ 150 องศา โดยอุณหภูมิดังกล่าวจะไม่มีสารก่อมะเร็ง ใช้เวลาเผา 10 ชม. จะได้ถ่าน 15 กก. น้ำส้มควันไม้ 2 ลิตร สำหรับประโยชน์ ใช้ ผลิตสารระงับกลิ่นตัว ใช้ ผลิตสารปรับผิวนุ่ม ใช้ ผลิตสารป้องกันเนื้อไม้จากเชื้อราและแมลง ใช้ เป็นสารไล่แมลงแทนสารเคมี แต่ต้องผสมให้เจือจาง ซึ่งพืชแต่ละชนิดจะใช้ความเข้มข้นต่างกัน อาทิ มะเขือเทศจะใช้อัตรา 1 : 200 ถั่วฝักยาวอัตรา 1 : 300 ซึ่งสัดส่วนที่ใช้แล้วแต่ชนิดของพืช ใช้ ทำปุ๋ยบำรุงดิน ซึ่งวิธีการจะผสมกับน้ำอัตรา 1 : 500 หากใช้กำจัดไส้เดือนฝอยจะใช้อัตรา 1 : 30 ราดลงดิน 6 ตารางเมตร หากนำไปใส่น้ำหมักจะช่วยทำให้น้ำหมักเกิดการหมักได้เร็ว ซึ่งเวลาราดลงดินจะทำให้จุลินทรีย์ เจริญเติบโต แต่! น้ำส้มควันไม้ที่สกัดได้มาใหม่ จะมีสารแขวนลอย ซึ่งก่อให้เกิดมะเร็ง หากนำไปใช้ทันที จะทำให้สารดังกล่าว ไปจับที่ปากใบพืช ดังนั้น จึงต้องทำให้เกิดการตกตะกอน โดยนำเศษถ่านล้างน้ำให้สะอาด ตากให้แห้งบดให้เป็นผง จากนั้นใส่น้ำส้มควันไม้ 100 ลิตร โรยผงถ่านบด 5 กก. ห้ามกวนน้ำ ทิ้งไว้ 45 วัน จะเกิดการตกตะกอน โดยสารก่อมะเร็งจะอยู่ชั้นล่าง ทำการตักน้ำส่วนกลางใส่ภาชนะ ที่ปกปิดเรียบร้อยไม่สั่นสะเทือน ทิ้งอีก 45 วัน น้ำที่ได้จะสามารถนำไปฉีดพืชสวนได้ หรือถ้าต้องการทำปุ๋ยให้นำเศษไม้ ผงถ่านเศษถ่านที่เหลือไปแช่น้ำส้มควันไม้ นำไปโรยในสวนจะเป็นที่อยู่ ของจุลินทรีย์ได้อีกด้วย ส่วนล่างที่เป็นตะกอนนำไปเทหลุมเสา เพื่อใช้ไล่และป้องกันปลวก ผู้สนใจ ติดต่อสอบถามไปได้ที่ โทร.0-2280-0180 ต่อ 2981-2. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 23 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





พบปริศนาทำทารก "ไหลตาย" เจอต้นตอยีนพัฒนาไม่สมบูรณ์

นักวิจัยสหรัฐได้ทำการศึกษากับครอบครัวชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในชุมชนหนึ่ง พบว่า มีสำเนาของยีนที่ผิดปกติสองตัว ซึ่งติดมาตั้งแต่กำเนิด เป็นผลให้เด็กไหลตายและอาจทำให้อวัยวะมีการพัฒนาการผิดปกติ จากการศึกษาพบว่า เด็กผู้ชายที่มีความผิดปกติของยีนที่อาจทำให้เป็นโรคไหลตายได้นั้น มีขนาดของลูกอัณฑะเล็กกว่าปกติ ส่วนเด็กผู้หญิงดูเหมือนว่าจะปกติและมีฮอร์โมนเพศหญิงในระดับปกติเช่นกัน แต่ทั้งคู่เสียชีวิตอย่างปัจจุบันทันด่วนในอายุใกล้เคียงกัน คนหนึ่งเสียชีวิตที่โรงพยาบาลทั้งที่ยังตื่นและมีเครื่องตรวจจับการหายใจและหัวใจต่ออยู่ด้วย เมื่อตรวจดูข้อมูลจากเครื่องตรวจแล้วพบว่า ระบบการเต้นของหัวใจและการหายใจของเด็กหยุดทำงานอย่างกะทันหัน ส่วนเด็กอีกรายเสียชีวิตกะทันหันที่บ้าน โดยไม่มีสัญญาณบอกอาการล่วงหน้า เมื่อตรวจสอบทางประสาทของเด็กทั้งสองรายพบว่า ทั้งสมองและประสาทมีสภาพปกติ การวิจัยดังกล่าว อาจช่วยคลายปริศนาและช่วยรักษาชีวิตเด็กไว้ได้จำนวนมาก โดยในแต่ละปี เด็กทารกในสหรัฐราว 3,000 ราย และอีกจำนวนมากทั่วโลกต้องเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ (คมชัดลึก ศุกรที่ 23 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





ยิ่งสูงวัยยิ่งต้องให้สมองออกกำลัง

สมองก็เหมือนร่างกายที่ต้องการ การออกกำลังให้แข็งแรง คล่องแคล่วฉับไว โดยเฉพาะเมื่อยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เทคนิคที่จะช่วยให้สมองของเรา เฉียบแหลมว่องไว ก็ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า"นิว-โรบิคส์" (neurobics) ซึ่งจะให้ผู้ออกกำลังสมองได้ใช้ประสาทสัมผัสต่างๆ ที่จะช่วยสร้างสรรค์ให้เกิด การเชื่อมโยงใหม่ๆ เกิดขึ้นใน บริเวณสมองที่มีการส่งข้อมูลเข้าไป ประมวลผล เมื่อทำบ่อยครั้งเข้าก็ จะช่วยให้สมองเฉียบแหลมมากขึ้นและพร้อมที่จะต่อสู้กับ ปัญหาและความท้าทายใหม่ๆ ที่จะมีเข้ามา อันนี้เป็นบทความวิชาการจากมหาวิทยาลัยดุ๊ค วิธีง่ายๆ ก็คือการใช้ประสาทสัมผัสของตัวเองในวิธีการใหม่ๆ ให้ความสนใจหรือลองเพิ่มองค์ประกอบที่ไม่คาดคิดขึ้นมาในกิจกรรมประจำวัน ตัวอย่างเช่น ลองหัดใช้มือข้างที่ไม่ค่อยถนัดในการทำกิจวัตรประจำวันตอนเช้า เช่น หวีผม หรือจัดแต่งทรงผมด้วยมือซ้าย ในกรณีที่ถนัดขวา หรืออาจจะลองแปรงฟัน กินอาหารเช้าด้วยมือข้างที่ไม่ค่อยใช้งานนั้น เวลาอาบน้ำ ลองหลับตาแล้วใช้มือคลำหาสบู่มาถูตัว ลองพลิกรูปที่อยู่บนโต๊ะ บนชั้นให้มันอยู่ในลักษณะกลับหัวกลับหาง หัดเข้าไปในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เช่น เข้าไปในตลาดนัดของชนกลุ่มน้อย หรือตลาดนัดเกษตรกรที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะเจอกับสรรพสำเนียงอะไรบ้าง เมื่อมีโอกาสไปต่างประเทศให้ลองฝังตัวเองลงไปกับสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยอย่างเต็มที่ อาจจะไปในเมืองเล็กๆ ที่ไม่มีใครพูดภาษาเดียวกับเราเลย ลองชิมอาหารหรือเข้าพักในที่พักแบบ โฮมสเตย์ก็จะช่วยให้ได้รับประสบการณ์ใหม่ เพื่อที่สมองจะได้ตื่นตัวอย่างยิ่ง. (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 24 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





พบขุมยา

นักศึกษาปริญญาเอกของมหาวิทยาลัยเจมส์ คุ้ก นางลิสา แอนน์ เกอชวิน เปิดเผยว่า พิษจากหนวดของแมงกะพรุนที่มีชื่อว่า อิรูกันจิ ซึ่งหากใครไปโดนเข้าจะปวดแสบปวดร้อนอย่างแสนสาหัส มีอาการกระสับกระส่าย ตกเลือดในสมอง เป็นอัมพาตและความดันโลหิตขึ้นสูงถึงขั้นเสียชีวิตได้นั้น กลับมีสรรพคุณรักษาผู้ชายที่อาการของโรคนกเขาไม่ขัน หายจากโรคได้ "นับว่ามันยังทำให้เกิดอาการแปลก นอกจากอาการร้ายแรงที่อาจเป็นอันตรายต่อ ชีวิตอย่างอื่นของมัน" เคยมีรายงานว่า มีผู้เล่นน้ำเคราะห์ร้ายถูกมันเข้า ถึงแก่ชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 2 รายแล้ว และยังมีที่ได้รับบาดเจ็บจนต้องเข้าโรงพยาบาล อีกเรือนเป็นร้อยมาแล้ว นักวิจัยหญิงกล่าวต่อไปว่า เคยสามารถสกัดตัวยาออกจากพิษของมัน เพื่อใช้ทำยาได้บ้างแล้ว หากแต่การรวบรวมพิษนั้นทำได้ยาก เนื่องด้วยเพราะหาแมงกะพรุนพิษร้ายนี้หาได้ยาก มีแต่ข่าวว่ามักพบอยู่แถบนอกฝั่งเกาะวิตซันเดย์ นอกฝั่งรัฐควีนส์แลนด์ ของออสเตรเลียแห่ง เดียวเท่านั้น. (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 24 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





สุคนธบําบัดศิลปะการใช้ชีวิตอิงธรรมชาติ

อาโรมาเธราปี หรือ สุคนธบำบัด ถือเป็นศาสตร์และศิลปะ ในการใช้น้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติ เพื่อบำบัดรักษา และบรรเทาอาการของโรค ทำให้สุขภาพดีขึ้นทั้งทางร่ายกาย และจิตใจ นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมความงาม โดยอาศัยคุณสมบัติที่มีกลิ่นหอม และระเหยได้ของน้ำมันหอมระเหย ซึ่งพืชผลิตขึ้นตามธรรมชาติ และกักเก็บไว้ตามส่วนต่างๆ เพื่อดึงดูดแมลงให้มาผสมเกสรดอกไม้ ปกป้องการรุกรานจากศัตรู และรักษาความชุ่มชื้น แต่สำหรับมนุษย์เรา ใช้ประโยชน์จากน้ำมันหอมระเหยได้หลายอย่าง ตั้งแต่การฆ่าเชื้อโรค, บรรเทาอาการอักเสบ, คลายเครียด, ช่วยให้หลับสบาย, กระตุ้นให้สดชื่น ไปจนถึงเสริมความงาม ทำให้ผิวชุ่มชื้นเต่งตึง ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำหอมและกลิ่นบำบัดจากฝรั่งเศส มิสซิสมาร์โกซ์ ฮอฟสเตดต์ บอกว่า การใช้น้ำมันหอมระเหยกับร่างกายจะไม่ใช้โดยตรง แต่จะทำให้เจือจางก่อน ด้วยวิธีการหลักๆ 2 วิธี ได้แก่ การสูดดมเข้าทางช่องจมูก และการแทรกซึมผ่านผิวหนังไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย โดยใช้การนวดช่วย สำหรับผู้ที่ยังไม่คุ้นเคย อาจเริ่มใช้น้ำมันหอมระเหยง่ายๆ ด้วยการผสมน้ำอาบ หรือสูดดม โดยผสมให้เจือจางก่อน เช่นหยดบนผ้าเช็ดหน้า แต่ไม่ควรสูดดมขณะมีอาการหอบหืด หากต้องการบรรเทาอาการอักเสบ แนะนำให้ใช้วิธีประคบเย็นหรือประคบร้อน โดยผสมน้ำมันหอมระเหยลงในตัวนำพา ซึ่งอาจเป็นน้ำสะอาด จากนั้น จึงใช้ผ้าจุ่มลงไปบิดหมาดๆ และนำมาประคบตรงจุดที่ต้องการ สำหรับวิธีที่นิยมที่สุดเห็นจะเป็นการจุดตะเกียงเผา และการนวดตัวด้วยน้ำมันหอมระเหยที่ผสมกับน้ำมันตัวนำพา น้ำมันหอมระเหยแต่ละชนิดจะออกฤทธิ์กับร่างกายไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบทางเคมี (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 24 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





อยากผอมต้องโด๊ปอาหารเช้า

การรับประทานอาหารเช้า ไม่เพียงแต่จะมีประโยชน์แก่ร่างกาย และยังช่วยลดความอ้วนอย่างได้ผลอีกด้วย เพราะการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยอาหาร ที่ให้พลังงานสูง จะทำให้ร่างกายมีความต้องการพลังงานจากอาหาร ในช่วงต่อมาของวันนั้นน้อยลงกว่าปกติ ผลการวิจัยของ "ดร.จอห์น เอ็ม ดี คาสโตร" แห่งมหาวิทยาลัยเท็กซัส ระบุว่า กลไกการทำงานของร่างกายเรา สามารถช่วยควบคุมปริมาณแคลอรีได้ จากการศึกษาการรับประทานอาหารเช้าตลอดช่วง 7 วัน ของชายและหญิง 900 คน พบว่า คนที่ทานอาหารที่มีแคลอรีระดับหนึ่งในช่วงเช้าของวัน จะรู้สึกอิ่มมากกว่า ผู้ที่ได้รับปริมาณแคลอรีระดับเดียวกัน ในช่วงสายของวัน และผลจากความอิ่มในช่วงเช้านี่เอง จะส่งผลให้ความต้องการพลังงานในช่วงถัดมาของวันลดลง ทำให้ผู้ที่ได้รับแคลอรีในช่วงเช้า มีความต้องการพลังงานต่อวันน้อยกว่า ผู้ที่ได้รับพลังงานในช่วงสายของวัน ซึ่งจะไม่รู้สึกอิ่มเต็มที่ ทำให้ร่างกายต้องการอาหารมื้อเย็นในปริมาณมาก อาหารเช้าที่ให้พลังงานมากและเป็นประโยชน์ ควรจะเป็นอาหารที่มีแคลเซียม ซึ่งพบในนม โยเกิร์ต และเนยแข็ง รวมถึงผลไม้ และเมล็ดธัญพืช. (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 24 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





จุฬาฯเจาะเลือดคนไทย6พันคน หลังเจอไวรัสในชะนีหวั่นแพร่สู่คน

ศ.นพ.ยง ภู่วรรณ เมธีวิจัยอาวุโส คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงปัญหาโรคไวรัสตับอักเสบในประเทศไทย ว่า ปัญหาไวรัสตับอักเสบยังคงเป็นปัญหาทางด้านสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย โดยมีไวรัสตับทั้ง เอ บี ซี ดี อี จี ทีที ซึ่งเชื้อที่เป็นปัญหามากที่สุดคือ ไวรัสตับอักเสบบี เนื่องจากสามารถทำให้เกิดโรคตับเฉียบพลันและมะเร็งตับได้ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีการใช้วัคซีนในการป้องกันโรคจนถึงปัจจุบันมีระยะเวลากว่า 15 ปี ยังไม่มีการประเมินอย่างเป็นระบบทั้งประเทศ ดังนั้นจึงได้ร่วมกับ กรมควบคุมโรคติดต่อ ได้ทำการศึกษาวิจัยผลกระทบจากการฉีดวัคซีนกับประชาชนจำนวน 6,000 คนทั่วประเทศ ด้วยงบประมาณ 3.8 ล้านบาท แบ่งเป็นพื้นที่จังหวัดชลบุรี เชียงราย อุดรธานี และนครศรีธรรมราช โดยจะทำการศึกษาไวรัส เอ บี ซี เพื่อประเมินผลการป้องกันโรค นอกจากนี้ ได้มีการศึกษาเชื้อไวรัส ซี ใน ชะนี โดยการเก็บตัวอย่างเลือดของชะนีทั้งหมด 101 ตัวพบว่ามีอัตราการติดเชื้อ 18% และมีสายพันธ์ที่คล้ายคลึงกับของคน แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีการศึกษาสามารถแพร่สู่คนได้หรือไม่ ซึ่งถ้าสามารถแพร่เชื้อได้จะน่าเป็นห่วงมาก หาก ชะนีกัดคนเพราะมีเชื้อไวรัสในน้ำลายค่อนข้างมาก ซึ่งคงจะต้องมีการติดตามศึกษาต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 24 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





วันภาษาไทยแห่งชาติ

สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ จัดงาน “วันภาษาไทยแห่งชาติ” 29 กรกฎาคม 2547 ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ถนนรัชดาภิเษก ระดมศิลปินแห่งชาติ ศิลปินนักร้อง ครูเพลง และนักพูดชื่อดัง ร่วมกิจกรรมอนุรักษ์ภาษาไทยกันอย่างคับคั่ง เริ่มด้วยรายการทอล์คโชว์ชุดพิเศษ ประชันคารมกันในช่วงเช้าด้วยเรื่อง “ภาษาไทย สื่อแห่งความงามทางวัฒนธรรม” โดย ดร.สุขุม นวลสกุล, อ.พะเยาว์ พัฒนพงศ์ และ อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ ติดตามด้วยการ “เสวนาภาษาไทยในบทเพลง” ตอนบ่าย นำขบวนโดย ครูนคร ถนอมทรัพย์, ชินกร ไกรลาศ, อ.สมบัติ กิ่งกาญจนวงศ์, ปิยนุช นาคคง วงดนตรีกาญจนะผลิน ร่วมบรรเลงเพลงไทยสากล ขับร้องเพลงโดยนักร้องชื่อดัง ดาวใจ ไพจิตร และสุวัจชัย สุทธิมา นอกจากนี้ ในวันดังกล่าวจะมีพิธีมอบรางวัล “บุษบกทอง” เชิดชูเกียรติผู้มีผลงานดีเด่นด้านการใช้ภาษาไทย รางวัลผู้ชนะการประกวดคำขวัญวัฒนธรรมไทย รางวัลผู้ชนะการประกวดนิทานส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมอีกด้วย ผู้สนใจเชิญร่วมชมงานได้ (สยามรัฐ อาทิตย์ที่ 25 ก.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215