หัวข้อข่าวปีที่ 5 ฉบับที่ 31 ประจำวันที่ 2004-08-03

ข่าวการศึกษา

ชี้ตั้งกองทุน ICL กระตุ้นเงินอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยเร่งคิดรายหัวตามสาขาวิชา
4บัณฑิต"ม.หัวเฉียว"สร้างชื่อ
ครัวอาชีวะไทยจะเป็นครัวของโลกได้หรือยัง
วิทยาลัยการอาชีพแม่สะเรียงฉลุย
เด็กไทยคว้า2เงินเคมีโอลิมปิก
เตรียมตั้งรร.วิทยาศาสตร์เพิ่มอีก5แห่ง
เด็กศิลปาชีพคว้า2เหรียญทองเวทีโลก
สช.คุมเข้มร.ร.กวดวิชาชี้มีผลดีผลเสียคู่กัน
สกอ.เผยยอดที่นั่งเอ็นทรานซ์-รับตรงปี 48 ชี้ ม. รัฐชื่อดังเฟ้นเด็กเองเพิ่มอื้อ

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

มาตรฐานเลขทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
พบแล้วไวรัสพ็อกเกตพีซีตัวแรกของโลก
มือถือญี่ปุ่นติดชิพอัจฉริยะ รูดจ่ายเงินได้เหมือนบัตรเครดิต
ครม.ไฟเขียวตั้งสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ
เว็บศูนย์กลางความรู้เปิดใช้ก.ย.นี้
อาจสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวอื่นได้ภายในระยะเวลา 20 ปีข้างหน้า
แจ๊คเก็ตฟังเพลง-โทรศัพท์ภายในตัว
อังกฤษตั้งธนาคารยีนสัตว์ใกล้สูญพันธุ์
เอฟดีเออนุมัติ ฉีดสารโบท็อกซ์ หยุดเหงื่อรักแร้
ดันไทยศูนย์ไอทีอาเซียน ก.ไอซีทียกทัพไฮเทคโชว์ชาวโลก
คาดอีก 20 ปีสัมผัสต่างดาว พัฒนาคอมพ์ดักคลื่นนอกโลก
สร้างรถยนต์หัวเราะร้องไห้เป็นบอกให้คันอื่นได้รู้หัวอกคนขับ
ตรวจมะเร็งทรวงอกด้วยไฟฟ้าได้ผลกับเต้าเต่งตึงยิ่งกว่ายาน
จีนส่งคนเดินทางในอวกาศเที่ยวใหม่อีก 6 ปี จะตั้งห้องปฏิบัติการนอกโลก

ข่าววิจัย/พัฒนา

เด็กสายตาสั้นมักมีสติปัญญาฉลาดศึกษาพบ ปัญญาเกี่ยวพันกับสายตา
สกว.เฟ้นเอกชน ถ่ายทอดเทคโนฯ ผลิตยางโฉมใหม่
ราชมงคล พัฒนาที่ชาร์จไฟ พลังแสงอาทิตย์
"โดโคโม" พัฒนากำไลรีโมท ใช้วิธีดีดนิ้วสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้า
ควอนตันคอมพิวเตอร์
สหรัฐเห็นคุณของว่านหางจระเข้ช่วยจีไอหลั่งเลือดกลางสนามรบ
หุ่นยนต์พีอาร์ผลงานลาดกระบัง ส่งเสียงแจ้งข้อมูลช่วยงานนิทรรศการ
เสื้อปลอดภัย
นักเคมีค้นพบสารสมุนไพร หยุดไวรัสเอดส์
วัคซีนมะเร็งเต้านม และไตใกล้เป็นจริง
ก้อนบำบัดน้ำเสียฝีมือคนไทยสะดวกใช้ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

ข่าวทั่วไป

เสริมสวยชุบทรวงอกด้วยไวน์แดงอ้างช่วยยกชูทรวดทรงให้เต่งตึง
นักวิทย์เผย"มะตูมตากแห้ง"สารอาหารเพียบ
ออกแบบรองเท้าคนอ้วนใส่แล้วผอมเอาแบบ มาจากชาวมาไซแอฟริกา
โรคมะเร็งชนิดที่เป็นกันมากที่สุดกลับป้องกันรักษากันได้ง่ายที่สุด
เด็กมหัศจรรย์พลังช้างสาร กล้ามเนื้อโตกว่าเด็กทั่วไปถึง 2 เท่า
ลังกาใช้ขี้ช้างเอามาเลี้ยงช้างใช้ทำกระดาษขายหารายได้
ออกกำลังปานกลางต้านเบาหวานจะรับมือกับพิษภัยของโรคไว้ได้
ไทยเป็นเจ้าภาพประกวดศิลปกรรมอาเซียนครั้งที่ 8
ผลักดันรัฐตั้งโรงงานไฟฟ้า กระจายออกไป ยังพื้นที่ภาคต่างๆ
ท้องฟ้าจำลองจัด สัปดาห์วิทยาศาสตร์ สาธิตผลิตภัณฑ์นาโนฯ
หนังสือปกทองคำเทิดพระเกียรติเล่มแรกศิลปะทำทองโบราณ 12 ชั้น





ข่าวการศึกษา


ชี้ตั้งกองทุน ICL กระตุ้นเงินอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยเร่งคิดรายหัวตามสาขาวิชา

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการจัดตั้งกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา ที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคต (ICL) ว่า แท้จริงแล้วการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว เป็นเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ต้องการให้การศึกษาในระดับอุดมศึกษาเกิดการตื่นตัว เป็นเรื่องปฏิรูปการเงินอุดมศึกษา ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนการจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษาโดยตรง และต้องการผลิตบัณฑิตหรือบุคลากร ให้ตรงกับความต้องการของประเทศให้มากขึ้น จากเดิมที่ผลิตตามความสามารถในการผลิตของสถานศึกษา กับความต้องการในการเรียนของเด็กแต่ละคน ซึ่งไม่ตรงกับความต้องการของประเทศ และคิดตามสาขาที่เรียนว่า สาขาไหนจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ โดยขณะนี้ตนได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยไปคำณวนค่าใช้จ่ายรายหัวของบัณฑิตแต่ละสาขาแล้ว ซึ่งจะทำให้เกิดการแข่งขันระหว่างสถาบันการศึกษาเอง โดยรวมภาคเอกชนเข้าด้วย ซึ่งก็หมายความว่านักศึกษาจะเลือกเรียนเอกชนหรือรัฐบาลก็ได้ โดยคาดว่าจะดำเนินการโครงการดังกล่าวให้เสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2549 ทั้งนี้กองทุนดังกล่าว จะทำให้ภาระทางการคลังของรัฐบาลไม่สูงจนเกินไป แต่ก็ไม่ใช่การลดภาระของรัฐบาล เพราะตราบใดที่รัฐบาลยังต้องการสนับสนุนการศึกษามากๆ ก็ทำได้อยู่แล้ว โดยใส่ส่วนของรัฐบาลเข้าไปอีกเชื่อว่าจะทำให้มีผู้เรียนระดับอุดมศึกษามากขึ้น (สยามรัฐ จันทร์ที่ 26 ก.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)





4บัณฑิต"ม.หัวเฉียว"สร้างชื่อ

ในการสอบขึ้นทะเบียนประกอบวิชาชีพโรคศิลปะ สาขากายภาพบำบัดครั้งที่ 1 ประจำปี 2547 เมื่อไม่นานมานี้ มีบัณฑิตจากคณะกายภาพบำบัดของมหาวิทยาลัยต่างๆ เข้าร่วมสอบ ผลปรากฏว่าบัณฑิตคณะกายภาพบำบัดที่สำเร็จการศึกษาในปี 2546 จำนวน 55 คนของมหาวิทยาลัยหัวเฉียวพระเกียรติ สามารถสอบขึ้นทะเบียนประกอบวิชาชีพโรคศิลปะ สาขากายภาพบำบัด ประจำปี 2546-2547 ผ่านหมด อีกทั้งมีบัณฑิตของคณะกายภาพบำบัด 4 คน สอบได้เป็นลำดับที่ 1 ของทุกวิชา ด้วยคะแนนสูงสุดนับตั้งแต่เคยจัดสอบมาเมื่อปี พ.ศ.2540 นางสาวเบญจวรรณ อาภรณ์สุวรรณ ผู้ที่สอบได้ลำดับที่ 1 ของวิชาชีพกายภาพบำบัด ส่วนนายพิชัย ยีมิน ผู้ที่สอบได้ลำดับที่ 1 ของวิชากายภาพบำบัดพื้นฐานวิชา สำหรับนางสาวกิจลัดดา ยิ้มเนียม ผู้ที่สอบได้ลำดับที่ 1 ของวิชากฎหมายและจรรยาบรรณ และนางสาวมณฑิรา จารุขจรรัตน์ ผู้ที่สอบได้ลำดับที่ 1 ของวิชากฎหมายและจรรยาบรรณ (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 26 ก.ค. 47 http://www.matichon.co.th)





ครัวอาชีวะไทยจะเป็นครัวของโลกได้หรือยัง

"ประเทศไทยจะเป็นครัวของโลก" ความคาดหวังอย่างแรงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลังจากที่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการไปแล้วว่าจะนำประเทศไทยไปสู่การเป็นครัวของโลก ด้วยความที่เมืองไทยเป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ประเทศหนึ่งของโลก ในน้ำยังพอมีปลาในนาก็ยังพอมีข้าว พืชพันธุ์ธัญญาหารก็ยังมีพอที่จะเป็นสินค้าส่งออกเลี้ยงชาวโลกได้บ้าง ก็ได้ส่งผลให้หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามเต็มที่และทำทุกวิถีทางตามศักยภาพที่ตนมีเพื่อสนองนโยบาย รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการจัดการด้านการอาชีวศึกษาหรือการอาชีพของประเทศ ก็มีความพยายามที่จะสนองนโยบายเช่นกัน ด้วยโครงการ "ครัวอาชีวศึกษาสู่ครัวโลก" เริ่มต้นด้วยการส่งเสริมให้สถาบันอาชีวศึกษาพัฒนาบุคลากรซึ่งหมายถึงครูอาจารย์ นักศึกษา รวมถึงประชาชนทั่วไปที่สนใจ ขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของสถาบันให้ขึ้นถึงจุดที่เป็นมาตรฐานสากล อย่างน้อยก็ให้ได้มาตรฐาน อย. หรือ GMP จากนั้นก็ให้มีการจัดการแข่งขันประกวดอาหารว่างไทยประจำท้องถิ่นในระดับสถาบัน แล้วให้ผู้ชนะเลิศจากทั้ง 28 สถาบันมาประกวดระดับชาติเพื่อหาสุดยอดอาหารว่างของอาชีวศึกษา มาถึงวันนี้ทราบว่า สอศ. มีผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นด้วยรสชาติอันเป็นที่ยอมรับของนักชิม พอจะเป็นตัวแทนก้าวขึ้นสู่แถวหน้าได้แล้วประมาณ 10 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เห็ดปุยฝ้าย จากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงราย น้ำพริกปลาหยอง จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุโขทัย โจ๊กข้าวหอมมะลิ จากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีร้อยเอ็ด แกงไตปลา จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต โรตีกรอบ จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาปัตตานี น้ำบูดู จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุราษฎร์ธานี ปลากระป๋อง จากวิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ คุกกี้คอนเฟล็ก จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย น้ำพริกเห็ดหอมสด จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาเลย และกอแหละทูน่าจากวิทยาลัยอาชีวศึกษายะลา และการแข่งขันประกวดอาหารว่างไทยระหว่างสถาบันอาชีวศึกษาทั่วประเทศ ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองท่องเที่ยวไข่มุกแห่งอันดามัน จังหวัดภูเก็ต เมื่อกลางเดือนกรกฎาคม "ขนมช่อม่วง" โดยฝีมือของทีมสถาบันอาชีวศึกษาภาคกลาง 3 วิทยาลัยอาชีวศึกษาพระนครศรีอยุธยา สามารถชนะใจกรรมการได้รับรางวัลชนะเลิศไปครอง สำหรับอันดับที่ 2 ได้แก่ ขนมนุ่มนวล โดยสถาบันอาชีวศึกษาภาคตะวันออก 3 วิทยาลัยเทคนิคระยอง และอันดับที่ 3 คือชุดอาหารว่าง หรุ่ม กระทงทอง วุ้นมะพร้าวและน้ำฝรั่ง จากสถาบันอาชีวศึกษาภาคกลาง 6 วิทยาลัยอาชีวศึกษา นครปฐม กรรมการทุกคนเห็นค่อนข้างตรงกันว่าทุกทีมที่เข้าแข่งขันถือว่าทำได้ดีมาก ถ้าจะให้ตอบว่าถึงขั้นจะก้าวขึ้นบันไดไปสู่ครัวโลกได้หรือยังก็ต้องตอบว่าส่วนใหญ่ไปได้แล้วแต่อาจจะต้องปรับปรุงรสชาติให้เป็นสากลอีกเล็กน้อย ( เดลินิวส์ อังคารที่ 27 ก.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





วิทยาลัยการอาชีพแม่สะเรียงฉลุย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วิทยาลัยการอาชีพแม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน จัดงานต้อนรับปฏิรูปการศึกษายุคใหม่ BEYOND EDUCATION REFORM โดยเปิดสถานศึกษาให้ประชาชนทั่วไป เข้าเยี่ยมชมความก้าวหน้า ความโดดเด่น ความเป็นเลิศ กิจกรรมดีเด่นของสถานศึกษา เพื่อเป็นการแสดงผลงาน สร้างความเชื่อถือ ส่งผลให้เกิดความร่วมมือ การสนับสนุนการจัดการอาชีวศึกษาและฝึกอบรมวิชาชีพ ซึ่งภายในกิจกรรม มีการจัดอบรมฝึกทักษะวิชาชีพ 108 อาชีพ อาทิ การทำเทียนเจล การทำของชำร่วย การเพ้นท์ภาพบนผ้า ตลอดจนการแสดงวิชาชีพการเรียนการสอน การจัดนิทรรศการอาชีวศึกษา เทคโนโลยีการประดิษฐ์เครื่องยนต์กลไก หุ่นยนต์ โดยมีนายสมบูรณ์ ไพรวัลย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแม่ฮ่องสอน เขต 2 เป็นประธานในการเปิดงาน นายสุรเกียรติ ยอดวิเศษ ผอ.วิทยาลัยการอาชีพ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ทางสถาบันได้มีการปฏิรูปการศึกษายุคใหม่ ตามนโยบายของรัฐบาลภายหลังให้มีการปฏิรูปการศึกษา และเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้มีส่วนร่วมในการฝึกเรียนรู้งานวิชาชีพต่าง ๆ พบว่าประชาชน นักเรียน นักศึกษาสนใจกันมาก ( เดลินิวส์ อังคารที่ 27 ก.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





เด็กไทยคว้า2เงินเคมีโอลิมปิก

นายพิศาล สร้อยธุหร่ำ ผอ.สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี(สสวท.)เปิดเผยว่า การแข่งขันเคมีโอลิมปิกระหว่างประเทศที่เมืองคีล ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่ 18-27 ก.ค.2547 ผู้แทนประเทศไทยสามารถคว้า 2 เหรียญเงิน โดย น.ส.มัญชุตา แดงกุลวานิช จากรร.มหิดลวิทยานุสรณ์ และนายปัณณทัต สุนทราภา จากรร.เตรียมอุดมศึกษา และอีก 2 เหรียญทองแดงจากนายเจษฎา เตมัยสมิธิ รร.อัสสัมชัญ บางรัก และนายเนติ สันแสนดี รร.วัดสุทธิวราราม (สยามรัฐ พุธที่ 28 ก.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)





เตรียมตั้งรร.วิทยาศาสตร์เพิ่มอีก5แห่ง

ตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการจัดตั้งโรงเรียนวิทยาศาสตร์ ในลักษณะเดียวกับโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ เพิ่มขึ้นใน ภูมิภาคต่างๆ เพื่อส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์นั้น นายกว้าง รอบคอบ ผช.รมต.ประจำกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมร่วมกับผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อธิการบดี และคณบดีคณะวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยต่างๆ เห็นว่า ในระยะแรกควรมีการจัดตั้งโรงเรียนวิทยาศาสตร์ เพิ่มขึ้นจำนวน 5 แห่งใน 5 ภูมิภาค โดยจะเป็นโรงเรียนใหม่มีมหาวิทยาลัยเป็นพี่เลี้ยง ให้การสนับสนุนทางวิชาการและการดำเนินงาน ซึ่งการจัดตั้งโรงเรียนจะอาศัยพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ เป็นกรอบในการจัดตั้งและดำเนินการ และจะดำเนินการให้แต่ละโรงเรียนมีสถานภาพอิสระ ออกจากโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ภายในเวลา 3 ปี หลังจากจัดตั้งโรงเรียนแต่ละแห่ง จังหวัดที่คาดว่าจะมีการจัดตั้งโรงเรียนวิทยาศาสตร์แห่งใหม่ ได้แก่ ภาคเหนือ ที่เชียงใหม่ หรือพิษณุโลก มีม.เชียงใหม่ และม.นเรศวร เป็นพี่เลี้ยง, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ที่ขอนแก่น หรือมหาสารคาม มีม.ขอนแก่น และม.มหาสารคาม เป็นพี่เลี้ยง, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ที่นครราชสีมา หรืออุบลราชธานี มีม.เทคโนโลยีสุรนารี และม.อุบลราชธานี เป็นพี่เลี้ยง, ภาคใต้ ที่สงขลา หรือนครศรีธรรมราช มีม.วลัยลักษณ์ และม.สงขลานครินทร์ เป็นพี่เลี้ยงและภาคกลาง ที่ชลบุรี หรือนครนายก หรือกรุงเทพ มีม.ศรีนครินทรวิโรฒ และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นพี่เลี้ยง ทั้งนี้คณะทำงานยกร่างโครงการโรงเรียนวิทยาศาสตร์ ที่มีรศ.ดร.ประสาท สืบค้าประธานที่ประชุมคณบดีวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย เป็นประธาน จะต้องไปพิจารณาพื้นที่ที่มีความพร้อม และจัดทำรายละเอียดงบประมาณในการจัดตั้งเสนอต่อ ศธ. และขอ ความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ต่อไป (สยามรัฐ 29 ก.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)





เด็กศิลปาชีพคว้า2เหรียญทองเวทีโลก

นักเรียนศิลปาชีพได้สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยกระฉ่อนโลก เมื่อสามารถคว้าแชมป์ 2 เหรียญทองในการประกวดวาดภาพบนกระเบื้องเคลือบนานาชาติ IPAT เวทีการประกวดวาดกระเบื้องระดับโลก ที่จัดขึ้นโดยสมาคมนักศิลปะ และคณาจารย์นานาชาติของศิลปะการวาดภาพกระเบื้องเคลือบ ที่เมืองดัลลัส เท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยรายละเอียดได้รับการเปิดเผยจากศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศว่า ผลงานดังกล่าวเป็นการวาดภาพรูป "พระมหาชนก" ของนายสรพงษ์ เสาร์คำ และผลงานรูปดอกไม้ "ควีนสิริกิติ์ ออฟ ไทยแลนด์" ของนายพัฒนพงษ์ บุญปราบ นักเรียนศิลปาชีพจากแผนกจิตรกรรมประยุกต์ มูลนิธิส่งเสริมศูนย์ศิลปาชีพ เพื่อโครงการศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นอกจากนี้ รางวัลเหรียญเงิน 2 รางวัล เป็นของนายคารม บุญเต็ม นายวันชัย งัดเกาะ (มติชน พฤหัสบดีที่ 29 ก.ค. 47 http://www.matichon.co.th)





สช.คุมเข้มร.ร.กวดวิชาชี้มีผลดีผลเสียคู่กัน

จากกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ดูแลเรื่องการกวดวิชาให้เข้มงวดยิ่งขึ้นนั้น นายสุรเทพ ตั๊นประเสริฐ ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (กช.) กล่าวว่า เท่าที่ฟังเห็นว่านายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงเกี่ยวกับการกวดวิชาของเด็กนักเรียน และเกรงว่าเด็กจะเครียดมากเกินไปจึงต้องการให้มีการดูแลการกวดวิชามากกว่าที่จะให้คุมกำเนิดหรือสั่งปิดโรงเรียนกวดวิชาอย่างที่หลายคนเข้าใจ อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์ผลกระทบของการกวดวิชาพบว่ามีทั้งผลดีและผลเสียมากมาย เช่น ผู้เรียนจะมีความรู้มากขึ้น มีความมั่นใจตัวเองมากขึ้น สามารถเลือกผู้สอนได้ตามความสนใจ หรือคนที่เรียนในโรงเรียนที่มาตรฐานต่ำกว่าก็มีโอกาสเรียนเพิ่มเติมความรู้ได้ และยังเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อีกด้วย แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย เกิดความเข้าใจผิดคิดว่าเรียนกวดวิชาแล้วทำให้รู้แนวข้อสอบจึงสนใจเรียนในห้องเรียนปกติน้อยลง แต่บางคนก็เรียนกวดวิชามากเกินไปจนทำให้ร่างกายและจิตใจเกิดความอ่อนล้า และยังเป็นการสร้างนิสัยแข่งขันทำให้เด็กเห็นแก่ตัวได้ ปัจจุบันมีโรงเรียนกวดวิชาทั้งประเทศ จำนวน 847 โรง โดยตั้งอยู่ใน กท. 271 โรง ซึ่งเขตที่มีโรงเรียนกวด วิชามากที่สุด ได้แก่ เขตปทุมวัน 30 โรง เขตพระนคร 19 โรง เขตจตุจักร, บางกะปิ 14 โรง ส่วนภูมิภาคมี 576 โรง จังหวัดที่มีการจัดตั้งมากที่สุด ได้แก่ ขอนแก่น 56 โรง เชียงใหม่ 50 โรง นครราชสีมา 39 โรง สำหรับการขอจัดตั้งโรงเรียนกวดวิชาแห่งใหม่นั้นทุกวันนี้ก็ยังมีผู้ยื่นขออนุญาตอยู่เป็นระยะ (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 3 ส.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





สกอ.เผยยอดที่นั่งเอ็นทรานซ์-รับตรงปี 48 ชี้ ม. รัฐชื่อดังเฟ้นเด็กเองเพิ่มอื้อ

นายภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เผยถึงแผนการรับนิสิตนักศึกษา ปีการศึกษา 2548 โดยรับผ่านสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) หรือเอ็นทรานซ์ และการรับตรงของมหาวิทยาลัยรัฐ จำนวน 21 แห่ง โดยการรับผ่านระบบเอ็นทรานซ์รวม 41,122 คน คิดเป็น 41.06% ส่วนการรับตรง 59,025 คน คิดเป็น 58.94% รวม 100,147 คน ซึ่งการรับตรงจะเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 7.81% และแยกเป็นรายมหาวิทยาลัยดังนี้ จุฬาฯรับผ่าน สกอ. 3,828 คน รับตรง 2,246 คน รวม 6,074 คน ม.เกษตรศาสตร์ รับผ่าน สกอ. 7,000 คน รับตรง 5,411 คน รวม 12,411 คน ม.ขอน-แก่น รับผ่าน สกอ. 2,500 คน รับตรง 5,550 คน รวม 8,050 คน ม.เชียงใหม่ รับผ่าน สกอ. 1,441 คน รับตรง 3,364 คน รวม 4,805 คน ม.ทักษิณ รับผ่าน สกอ. 465 คน รับตรง 2,135 คน รวม 2,600 คน ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี รับผ่าน สกอ. 890 คน รับตรง 1,083 คนรวม 1,973 คน ม.เทคโนโลยีสุรนารี รับผ่าน สกอ. 402 คน รับตรง 1,608 คนรวม 2,010 คน ม.ธรรมศาสตร์ รับผ่าน สกอ. 3,500 คน รับตรง 3,734 คน รวม 7,234 คน ม.นเรศวร รับผ่าน สกอ. 1,884 คน รับตรง 5,216 คน รวม 7,100 คน ม.บูรพา รับผ่าน สกอ.1,100 คน รับตรง 2,500 คน รวม 3,600 คน ม.มหาสารคาม รับผ่าน สกอ. 1,737 คน รับตรง 5,787 คน ม.มหิดล รับผ่าน สกอ. 1,788 คน รับตรง 2,507 คน รวม 4,295 คน ม.แม่โจ้ รับผ่าน สกอ. 863 คน รับตรง 1,027 คน รวม 1,900 คน ม.แม่ฟ้าหลวง รับผ่าน สกอ. 1,000 คน รับตรง 1,000 คน รวม 2,000 คน ม.วลัยลักษณ์ รับผ่าน สกอ. 1,020 คน รับตรง 1,020 คน รวม 2,040 คน ม.ศรีนครินทรวิโรฒ รับผ่าน สกอ. 1,967 คน รับตรง 1,573 คน รวม 3,540 คน ม.ศิลปากร รับผ่าน สกอ. 1,781 คน รับตรง 2,583 คน รวม 4,364 คน ม.สงขลานครินทร์ รับผ่าน สกอ. 3,764 คน รับตรง 4,619 คน รวม 8,383 คน ม.อุบลราชธานี รับผ่าน สกอ. 730 คน รับตรง 1,950 คน รวม 2,680 คน สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง รับผ่าน สกอ. 2,482 คน รับตรง 1,890 คน สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ รับผ่าน สกอ.980 คน รับตรง 2,222 คน รวม 3,202 คน ทั้งนี้ พบว่ามหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ หลายแห่งรับตรงเพิ่มมากขึ้นจากปี 2547 อาทิ จุฬาฯ ม.เกษตรศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ม.เทคโนโลยีสุรนารี เป็นต้น (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 3 ส.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


มาตรฐานเลขทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เร่งมือแก้ปัญหาเลขทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ปลอม หลังมีประชาชนร้องเรียนซื้อของผ่านเว็บแล้วโดนโกง คาดพร้อมใช้ทั้งระบบภายในเดือนกันยายนนี้ ดังนั้น จึงได้จัดทำโปรแกรมเลขทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้ประกอบการพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ที่มาขึ้นทะเบียน ซึ่งผู้ประกอบการจะมีเลขทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน ผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนจะได้รับแบนเนอร์พร้อมรหัสเฉพาะซึ่งยากต่อการปลอมแปลง เมื่อคลิกที่แบนเนอร์ระบบจะเชื่อมโยงไปยังฐานข้อมูลของกรมฯ หากเป็นเลขทะเบียนปลอมจะเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลไม่ได้ เมื่อเชื่อมต่อได้ระบบจะแสดงฐานข้อมูลของผู้ประกอบการเช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ฯลฯ ช่วยให้ผู้บริโภคตรวจสอบการมีตัวตนของผู้ประกอบการได้ คาดว่าระบบดังกล่าวจะสมบูรณ์และพร้อมให้บริการภายในวันที่ 30 กันยายน 2547 นี้ (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 26 ก.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





พบแล้วไวรัสพ็อกเกตพีซีตัวแรกของโลก

สำนักข่าวบีบีซีนิวส์ รายงานว่า ค้นพบไวรัสพ็อกเกตพีซีตัวแรกของโลกแล้ว ชื่อ "ดัชส์" (Duts) เป็นกลุ่มเดียวกับไวรัส 29 A VX ซึ่งมีความสามารถในการทำลายล้าง โดยมุ่งโจมตีพ็อกเกตพีซีที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการไมโครซอฟท์วินโดว์ รายงานข่าวระบุว่า ผู้เชี่ยวชาญของ Romanian security firm BitDefender เปิดเผยว่า "ดัชส์" ถูกสร้างขึ้นมาจากกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า แรทเทอร์ (Ratter) โดยการทำงานของไวรัสตัวนี้ จะถามเจ้าของพ็อกเกตพีซีทุกครั้งว่ายินยอมให้ติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์หรือไม่ ถ้าเผลอกดยินยอม นั่นแสดงว่าคุณยินยอมให้เจ้าไวรัสดัชส์เข้าไปก่อกวนในเครื่องคอมพิวเตอร์พกพาของคุณโดยเรียบร้อยแล้ว เมื่อเดือนที่แล้วมีการค้นพบไวรัสโทรศัพท์มือถืออัจฉริยะ (สมาร์ทโฟน) ตัวแรกของโลกเช่นกัน ชื่อ คาบีร์ (Cabir) ซึ่งก็ไม่ได้สร้างความเสียหายให้โทรศัพท์มือถือมากนัก เพียงแต่ ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วกว่าปกติ เนื่องจากไวรัสดังกล่าวจะแพร่กระจายผ่านบลูทูธ แม้กระทั่งปิดเครื่องแต่บลูทูธก็ยังเปิดทำงานอยู่ โดยไวรัสตัวนี้มุ่งทำลายโทรศัพท์มือถือที่ใช้ซอฟต์แวร์ ซิมเบี้ยน (Symbian) โดยโทรศัพท์ที่ควรระวัง ส่วนใหญ่จะเป็นโทรศัพท์โนเกียซีรีส์ 6 ได้แก่ โนเกียรุ่น 3650 7650 และ N-Gage (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 26 ก.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





มือถือญี่ปุ่นติดชิพอัจฉริยะ รูดจ่ายเงินได้เหมือนบัตรเครดิต

บริษัทเอ็นทีที โดโคโม อิงค์. ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น เป็นผู้ให้บริการรายแรกที่พร้อมเปิดให้บริการใช้มือถือแทนกระเป๋าเงิน (wallet phone) โดยตัวเครื่องติดตั้ง 'เฟลิกา' ชิพอัจฉริยะของบริษัท โซนี่ คอร์ป. ซึ่งจะถูกอ่านได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่โบกผ่านสแกนเนอร์ หรือเครื่องอ่านข้อมูล ขณะที่บริษัทเคดีดีไอ คอร์ป. ผู้ให้บริการโทรคมนาคมอันดับ 2 ของญี่ปุ่น ก็มีแผนเปิดตัวโทรศัพท์ที่มีคุณสมบัติคล้ายกันในปีหน้า และกำลังเร่งมือทดสอบเทคโนโลยีดังกล่าวอยู่ในขณะนี้ นอกจากญี่ปุ่นแล้ว ผู้บริโภคในฮ่องกงได้มีโอกาสใช้บัตรอัจฉริยะเช่นกัน ภายใต้ชื่อ "ออคโตปัส" บัตรโดยสารรถไฟ รถเมล์ และเรือข้ามฟาก หรือชำระค่าสินค้า หรือบริการจอดรถ เช่นเดียวกับสิงคโปร์ ซึ่งใช้ระบบที่คล้ายคลึงกัน ในขณะเดียวกัน มีการคาดการณ์กันว่า ชิพเฟลิกาจะเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของประชาชน และองค์กรธุรกิจในญี่ปุ่นไปอย่างสิ้นเชิง โดยล่าสุด บริษัท เซก้า คอร์ป. ผู้ผลิตเครื่องเล่นวิดีโอเกม ได้ทดสอบบริการ ซึ่งลูกค้าสามารถใช้โทรศัพท์มือถือที่ติดตั้งชิพเฟลิกาเล่นเกมได้ นอกจากนี้ บริษัท เจซีบี ธุรกิจบัตรเครดิต ได้แจกมือถือให้พนักงานใช้แทนบัตรประจำตัวพนักงาน รวมถึงซื้อของจากเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ และในโรงอาหารของบริษัทแล้ว (คมชัดลึก จันทร์ที่ 26 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





ครม.ไฟเขียวตั้งสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ

ในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2547 ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการโครงการจัดตั้งสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ เพื่อเฉลิมฉลองสมโภช 200 ปี พระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบิดาแห่งวิทยา ศาสตร์ไทย ในปี 2547 และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ. 2550 สถาบันดาราศาสตร์แห่งชาติ จะมีฐานะเป็นหน่วยงานอิสระในกำกับของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ มีคณะกรรมการดาราศาสตร์แห่งชาติ โดยสถาบันดาราศาสตร์แห่งชาติ จะทำหน้าที่ด้านการวิจัย การ จัดการเรียนการสอน และให้บริการวิชาการแก่ชุมชน เป็นเครือข่ายดาราศาสตร์ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ สำหรับสถานที่ตั้งของสถาบันจะอยู่ใน อาคารหอดูดาวแห่งชาติ ดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ มีอัตรากำลัง 41 อัตรา ใช้งบประมาณเพื่อจัดตั้ง ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2547-2550 รวมทั้งสิ้น 312 ล้านบาท. ( เดลินิวส์ อังคารที่ 27 ก.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





เว็บศูนย์กลางความรู้เปิดใช้ก.ย.นี้

น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยถึงความก้าวหน้าในการพัฒนาเว็บท่า (www.tkc.go.th) ศูนย์กลางความรู้ออนไลน์แห่งชาติ (TKC หรือ Thailand Knowledge Center) ว่าจะสามารถเปิดให้บริการสืบค้นข้อมูล และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ได้ในเดือน ก.ย. นี้ โดยเนื้อหาที่กำหนดไว้เบื้องต้น ได้แก่ โครงการตามพระราชดำริ ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น การศึกษา การเมือง เศรษฐศาสตร์ สุขภาพ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการเกษตร ฯลฯ ซึ่งจุดเด่นของเว็บท่าอยู่ที่การรวมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ไว้บนเว็บไซต์ เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตได้ การสร้างเว็บท่าศูนย์กลางความรู้แห่งชาติ เป็นการดำเนินงานภายใต้แผนแม่บทของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พ.ศ. 2545-2549 โดยกำหนดเป้าหมายยุทธศาสตร์และการเชื่อมโยงระหว่างยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศให้เป็นสังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ ปัจจุบันเว็บท่าทีเคซีฯ แสดงผลเฉพาะภาษาไทย ลิงค์เว็บไซต์ไทยกว่า 12,000 เว็บไซต์ โดยอีก 3-4 เดือนข้างหน้าจะลิงค์เข้ากับเว็บไซต์ของต่างประเทศอีก 200,000-300,000 เว็บไซต์ (เดลินิวส์ พุธที่ 28 ก.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





อาจสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวอื่นได้ภายในระยะเวลา 20 ปีข้างหน้า

นักดาราศาสตร์อาวุโสของสถาบัน นายเสท โชสตัค ได้กล่าวแสดงความคาดหมาย โดยถือเอาว่าอารยธรรมของสิ่งที่มีชีวิตบนโลกอื่นนั้นมีตัวตนอยู่จริง มาคิดประมวลรวมกับความก้าวหน้าของความสามารถของคอมพิวเตอร์ที่เป็นอยู่ของเรา เขาได้คำณวนโดยใช้สูตรที่นักดาราศาสตร์ แฟรงค์ เดรค คิดตั้งขึ้นแต่เมื่อ พ.ศ. 2506 คาดประมาณปริมาณของอารยธรรม ในกาแล็กซีของเรา ที่อาจสามารถส่งกระจายเสียง ด้วยวิทยุอยู่ในขณะนี้ว่า อาจจะมีมากระหว่าง 10,000 ถึง 1 ล้าน แต่การตามล่าดวงดาวเหล่นี้ หมายถึงว่าจะต้องตามตรวจสอบหาตามสัญญาณวิทยุ ที่ส่งออกมาจากดาวฤกษ์เกือบทั้งหมดในกาแล็กซีซึ่งมีจำนวนเกือบ 100,000 ล้านดวงด้วยกัน (ไทยรัฐ พุธที่ 28 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





แจ๊คเก็ตฟังเพลง-โทรศัพท์ภายในตัว

บริษัท รอสเนอร์ จีเอ็มบีเอช แอนด์ โค ผู้ผลิตเครื่องแต่งกายในเยอรมนี เผยโฉมเสื้อแจ๊คเก็ตรุ่นใหม่ที่ติดตั้งเครื่องเล่นเพลงเอ็มพี3 ขนาด 128 เมกะไบต์ โดยควบคุมการทำงานผ่านปุ่มที่ติดอยู่บริเวณแขนเสื้อข้างซ้าย ขณะที่หูฟังติดตั้งไว้ที่บริเวณปกเสื้อ พร้อมด้วยแฮนด์ฟรีสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ซุกไว้บริเวณปกเสื้อ โดยจะสื่อสารกับตัวเครื่องผ่านทางเทคโนโลยีไร้สายบลูทูธ ทำให้ผู้สวมใส่สามารถรับความบันเทิงได้ตลอดเวลา สามารถสร้างเสียงเพลงให้กับเจ้าของเสื้อได้นานถึง 8 ชั่วโมง การพัฒนาแจ๊คเก็ตบันเทิงนี้ดำเนินการร่วมกับบริษัท อินฟินีออน เทคโนโลยีส์ เอจี ผู้ผลิตชิพคอมพิวเตอร์สัญชาติเยอรมัน โดยถือเป็นการผสานความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและแฟชั่นนำสมัยเข้าด้วยกัน และเชื่อว่าจะต้องถูกใจลูกค้าชายและหญิงอย่างแน่นอน ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 725 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยได้ราว 29,000 บาท ซึ่งจะจำหน่ายผ่านทางเวบไซต์ของรอสเนอร์ในเดือนสิงหาคม และคาดว่า พร้อมจัดส่งภายในเดือนกุมภาพันธ์ ผู้สนใจแจ๊คเก็ตเอ็มพี3บลู สามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดได้ที่เวบไซต์ www.mp3blue.de ซึ่งของจริงพร้อมนำไปจัดแสดงในงานแฟชั่นครั้งใหญ่ที่เมืองดัสเซลดรอฟ เยอรมนีในสัปดาห์หน้า (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 28 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





อังกฤษตั้งธนาคารยีนสัตว์ใกล้สูญพันธุ์

อังกฤษจัดตั้งธนาคารยีน สำหรับเก็บสารพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอสัตว์ใกล้สูญพันธุ์กว่า 10,000 ชนิด เล็งใช้เป็นแผนรองรับการอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตทั่วโลก ขณะที่บางกลุ่มมองว่าอาจเป็นการสร้างอาณาจักรจูราคสิค ปาร์คแห่งใหม่ ศ.อลัน คูเปอร์ ผู้อำนวยการศูนย์ชีวโมเลกุลโบราณเฮนรี่ เวลคัม แห่งมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด เปิดเผยว่า โครงการโฟรเซน อาร์ค (Fronzen Ark) เป็นความร่วมมือระหว่างพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ สถาบันสัตววิทยาแห่งลอนดอน และสถาบันพันธุกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนอทติงแฮม วัตถุประสงค์เพื่อเก็บรักษาสารพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตหลากสายพันธุ์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ อาทิ ม้าน้ำลายจุด และจิ้งหรีดทุ่งหญ้าในอังกฤษ และนกพิราบโซคอร์โร ศ.ไบรอัน ซี คลาก จากมหาวิทยาลัยนอทติงแฮม บอกว่า โครงการโฟรเซน อาร์ค ถือเป็นแผนสนับสนุนให้กับแนวทางอนุรักษ์อื่นๆ เพราะหากวิธีอื่นล้มเหลว ก็สามารถนำแผนสำรองนี้มาใช้ได้ ทีมงานจะเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ และเนื้อเยื่อไว้ในสถานที่ ที่มีอุณหภูมิติดลบ 80 องศาเซลเซียส ภายในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ กรุงลอนดอน และสถาบันสัตววิทยา รวมทั้งมีแผนทำสำเนาตัวอย่างไปจัดเก็บสำรองไว้ที่ออสเตรเลีย และสหรัฐเพื่อป้องกันการสูญหายของตัวอย่างด้วย (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 28 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





เอฟดีเออนุมัติ ฉีดสารโบท็อกซ์ หยุดเหงื่อรักแร้

คณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (เอฟดีเอ) ประกาศอย่างเป็นทางการให้ "โบท็อกซ์" ตัวยาที่ใช้กำจัดริ้วรอยบนใบหน้าชั่วคราว สามารถนำมาใช้รักษาผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกใต้รักแร้มากผิดปกติ ผู้ชำนาญด้านโรคผิวหนัง ได้เสนอให้ใช้โบท็อกซ์รักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาเหงื่อออกใต้รักแร้มากเกินไปมานานแล้ว และหลังจากรอคอยกันมานาน ในที่สุดเอฟดีเอ อนุมัติให้สามารถใช้โบท็อกซ์รักษาอาการของผู้ป่วย ซึ่งมีปริมาณเหงื่อออกใต้รักแร้มากกว่าคนปกติ 4-5 เท่า เพิ่มเติมจากวิธีรักษาในรูปแบบอื่นในปัจจุบัน เช่น การใช้ยาห้ามการกระตุ้นการทำงานของต่อมเหงื่อ หรือแม้แต่การผ่าตัดแก้ไขต่อมเหงื่อ การฉีดโบท็อกซ์นั้น ตัวยาจะเข้าไปหยุดการทำงานชั่วคราวของประสาทที่กระตุ้นต่อมเหงื่อ และจากการศึกษาพบว่า 91% ของผู้ป่วย ที่ได้รับการฉีดโบท็อกซ์ใต้รักแร้ มีปริมาณเหงื่อลดลงมากกว่าครึ่งภายในหนึ่งเดือน เมื่อเทียบกับผู้ป่วยอีก 36% ที่ได้รับการฉีดน้ำเกลือ แต่ผู้ที่เลือกรักษาด้วยการใช้โบท็อกซ์อาจต้องเข้ารับการฉีดตัวยาซ้ำในทุก 2-3 เดือน ขณะที่เอฟพีเอให้ข้อมูลว่าโดยเฉลี่ยตัวยาที่ฉีดในแต่ละครั้ง จะมีฤทธิ์หยุดการทำงานของระบบประสาทต่อมเหงื่อได้ไม่เกิน 6 เดือน ราคาในการฉีดใต้วงแขนทั้งสองข้างนั้น จะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ คาดว่าโดยเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ 750 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยได้ราว 30,000 บาท (คมชัดลึก พุธที่ 28 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





ดันไทยศูนย์ไอทีอาเซียน ก.ไอซีทียกทัพไฮเทคโชว์ชาวโลก

น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เผยถึงการจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล ไอซีที เอกซ์โป 2004 ที่ศูนย์จัดแสดงสินค้าเมืองทองธานีว่า ได้รับการตอบรับจากบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเทคโนโลยีไอซีทีกว่า 450 รายจาก 18 ประเทศ เข้ามาร่วมแสดงเทคโนโลยีภายในงาน ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 4-8 ส.ค.นี้ ในงานจะมีบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีความก้าวหน้าทางด้านไอทีและเทคโนโลยีสื่อสารเข้าร่วม อาทิ โนเกีย ซัมซุง ซีเมนส์ ไอบีเอ็ม เดลล์ ไมโครซอฟท์ และอินเทล เตรียมขนอุปกรณ์และเทคโนโลยีรูปแบบใหม่มาสาธิตให้ผู้ร่วมงานได้เห็นถึงความก้าวหน้าและรูปแบบการใช้งานในอนาคต ขณะที่ผู้ให้บริการระบบสื่อสารโทรคมนาคมของไทยที่เข้ามาร่วมงาน ได้แก่ เอไอเอส ทรู ดีแทค ทศท คอร์ปอเรชั่น และฮัทช์ เป็นต้น (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 29 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.net)





คาดอีก 20 ปีสัมผัสต่างดาว พัฒนาคอมพ์ดักคลื่นนอกโลก

เซธ โชสแตก นักดาราศาสตร์อาวุโสของสถาบันเซติ ค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก หรือเซติ ทำนายไว้ว่า ภายในสองทศวรรษนี้ มนุษย์จะสามารถตรวจจับสัญญาณที่ส่งมาจากนอกโลกได้ ซึ่งการทำนายดังกล่าวตั้งอยู่บนฐานของสมมติฐานที่ว่ามีสิ่งมีชีวิตนอกโลกจริง และเชื่อว่าด้วยกำลังการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ จะสามารถช่วยให้ทีมงานประสบความสำเร็จ โชสแตก ซึ่งจะตีพิมพ์หลักการคำนวณช่วงเวลาของเขาลงในวารสารด้านดาราศาสตร์ว่า ขณะนี้มีพลเมืองสิ่งมีชีวิตนอกโลกในกาแล็กซีจำนวนมากกำลังส่งสัญญาณคลื่นวิทยุออกมา และสูตรที่เขาใช้ในการคำนวณครั้งนี้ เป็นสูตรเดียวกับของนักดาราศาสตร์ที่ชื่อว่า แฟรงก์ แดร็ก ที่คิดขึ้นมาเมื่อปี 2504 โดยอาศัยปัจจัยต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง อาทิ จำนวนดาวฤกษ์พร้อมดาวเคราะห์ ที่อาจมีสิ่งมีชีวิตขั้นสูงอาศัยอยู่ และปัจจัยด้านอื่นๆ โชสแตก ประมาณการว่า น่าจะมีสิ่งมีชีวิตนอกโลกราว 10,000-1 ล้านตนได้ส่งคลื่นวิทยุออกสู่กาแล็กซี และเพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิตดังกล่าว ทีมงานจะต้องสังเกตและตรวจสอบคลื่นวิทยุที่ส่งมาจากดาวฤกษ์จำนวนมากถึง 100,000 ล้านดวง ในกาแล็กซี ซึ่งต้องใช้เวลามหาศาลที่จะสามารถคัดกรองและสรุปได้ว่า คลื่นวิทยุใดที่มาจากสิ่งมีชีวิตนอกโลกจริง โดยเครื่องมือที่จำเป็นในภารกิจครั้งนี้ ได้แก่ กล้องโทรทรรศน์วิทยุขีดความสามารถสูง และไมโครชิพที่จะช่วยกลั่นกรองคลื่นวิทยุจากอวกาศ (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 29 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.net)





สร้างรถยนต์หัวเราะร้องไห้เป็นบอกให้คันอื่นได้รู้หัวอกคนขับ

ทีมนักออกแบบบริษัทรถยนต์โตโยต้า บริษัทรถยนต์ ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ได้ขอจดสิทธิบัตรในสหรัฐฯ รถยนต์ แบบที่สามารถแสดงอารมณ์ความรู้สึกของคนขับ ให้ผู้ขับขี่รถคันอื่นรู้ได้ เมื่อรู้สึกโกรธไม่พอใจหรือดีใจ แม้แต่แสดงความขอบคุณได้ เขากล่าวอธิบายเหตุผลของการคิดออกแบบว่า เพื่อให้คนขับบอกให้ผู้ขับขี่คนอื่นร่วมทาง ได้รู้ถึงความรู้สึกของตนได้ เมื่อยามรู้สึกโกรธ เมื่อโดนรถคันอื่นขับตัดหน้าหรือหัวเราะชอบใจ แม้กระทั่งทำหน้ายักคิ้วหลิ่วตากับใครให้ได้ มากกว่าที่ได้แต่แสดงความรู้สึกออกมา ด้วยการบีบแตรที่มีแค่เพียงเสียงเดียวอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้นรถที่สามารถแสดงความรู้สึกอออกมาให้รู้กันได้ จะช่วยให้เกิดบรรยากาศน่ารื่นรมย์ยิ่งขึ้น แทนที่จะแล่นสวนกันไปสวนกันมา ราวกับหุ่นยนต์ที่ไม่มีชีวิตจิตใจ (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 30 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ตรวจมะเร็งทรวงอกด้วยไฟฟ้าได้ผลกับเต้าเต่งตึงยิ่งกว่ายาน

สูตินรีเวชแพทย์ทั้งในสหรัฐฯและตามชาติต่างๆในทวีปยุโรป กำลังเริ่มทดลองเทคนิค ตรวจหามะเร็งทรวงอกของสตรีด้วยไฟฟ้า ซึ่งปรากฏว่าสามารถจะตรวจพบมะเร็งร้ายได้ ตั้งแต่ระยะต้นๆ ในการตรวจแพทย์จะปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าไปตามเนื้อเยื่อของทรวงอก โดยอาศัยหลักที่ว่ากระแสไฟฟ้าที่เดินตามเนื้อเยื่อปกติกับเนื้อเยื่อที่เป็นมะเร็ง จะแสดงปฏิกิริยาต่างกัน โดยไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดอันใด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า เทคนิคการตรวจใหม่นี้จะเหมาะกับผู้หญิงสาวๆ มากกว่าผู้หญิงที่มีอายุ ด้วยเหตุว่าเต้านมจะยังคงเต่งตึงอยู่ วิธีตรวจเต้านมด้วยเครื่องเอกซเรย์พิเศษ ที่ทำกันอยู่ในปัจจุบัน มีข้อเสียตรงที่มักจะตรวจไม่พบเนื้อร้ายที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนไม่น้อย (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 30 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





จีนส่งคนเดินทางในอวกาศเที่ยวใหม่อีก 6 ปี จะตั้งห้องปฏิบัติการนอกโลก

สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า นายฮวาง ชุนผิว หัวหน้าโครงการส่งคนเดินทางในอวกาศของจีนได้แถลงว่า ก่อนอื่นจีนจะได้ส่งยานอวกาศพร้อมด้วยมนุษย์อวกาศ 2 นาย ออกเดินทางเป็นเที่ยวที่ 2 ด้วยยานอวกาศ "เสิ่น โจว 6" เป็นเวลานาน 5 วัน ในตอนปลายปีหน้านี้ และเชื่อว่าจะให้มนุษย์อวกาศออกไปย่ำอวกาศนอกยานได้ ในการเดินทางเที่ยวไปกับยานอวกาศ "เสิ่น โจว 7" แต่ไม่ได้บอกคาดกำหนดเวลาไว้ ผู้เชี่ยวชาญการเดินทางในอวกาศวัย 66 ปี ยังได้เปิดเผยกำหนดการข้างหน้า จะส่งห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ขึ้นไปอยู่วงโคจรรอบโลก ในปี พ.ศ. 2533 และสร้างสถานีอวกาศ ขึ้นในปี พ.ศ. 2558 ด้วย จีนได้ส่งมนุษย์เดินทางในอวกาศด้วยยานอวกาศ "เสิ่น โจว 5" เที่ยวแรกสำเร็จเมื่อเดือนตุลาคมปีกลาย มนุษย์อวกาศหยาง หลี่เว่ย จีนคนแรก ได้เดินทางในวงโคจรรอบโลก 14 รอบทำให้จีนเป็นชาติที่ 3 ต่อจากสหรัฐฯและรัสเซีย ที่สามารถส่งมนุษย์เดินทางในอวกาศได้สำเร็จ (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 30 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ข่าววิจัย/พัฒนา


เด็กสายตาสั้นมักมีสติปัญญาฉลาดศึกษาพบ ปัญญาเกี่ยวพันกับสายตา

ดร.เส็ง หมี่ ซอว์ หัวหน้าคณะผู้ศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ กล่าวว่า ได้พบว่าระดับสติปัญญาเกี่ยวกับการที่เด็กเกิดเป็นคนสายตาสั้นโดยตรง ไม่ใช่อย่างที่เคยมีการศึกษาก่อนหน้ากล่าวว่า การมีสายตาสั้นนั้น เป็นเพราะคร่ำเคร่งกับการอ่านหนังสือมากกว่า เขากล่าวว่า การมีสายตาสั้นเกี่ยวพันกับระดับสติปัญญา โดยไม่เกี่ยวกับว่า เพราะการหมกมุ่นกับการอ่านหนังสือมากหรือน้อยเลย ดร.เส็งอ้างว่า "ยิ่งเด็กมีระดับสติปัญญาสูงขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งจะเป็นคนสายตาสั้นได้มากขึ้นเท่านั้น เขาได้เสนอรายงานการศึกษาเรื่องนี้ ในที่ประชุมระหว่างประเทศเรื่องการมีสายตาสั้น ที่เมืองเคมบริดจ์ แจ้งว่า ได้ศึกษาวิจัยระดับสายตาและระดับสติปัญญา เด็กชายหญิง วัยระหว่าง 10-12 ปี จำนวน 1,204 คน พบว่าในกลุ่มเด็กที่มีระดับสติปัญญาสูงสุด 25% ล้วนแต่เป็นคนสายตาสั้น มีจำนวนมากกว่าเพื่อนที่สติปัญญาต่ำกว่าถึงสองเท่า" (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 26 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





สกว.เฟ้นเอกชน ถ่ายทอดเทคโนฯ ผลิตยางโฉมใหม่

ดร.อรสา ภัทรไพบูลย์ชัย คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยถึงงานวิจัย การปรับสภาพยางธรรมชาติ เพื่อลดพลังงาน ที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง โดยศึกษาเทคนิคและวิธีการในการลดน้ำหนักโมเลกุลของยางธรรมชาติ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในขั้นตอนการผลิตยางดิบ และกำหนดชื่อยางใหม่นี้ว่า ยางธรรมชาติน้ำหนักโมเลกุลเหมาะสม (OMNR; Optimized Molecular Weight Natural Rubber) จากผลการวิจัยได้ประเมินว่า ปัจจุบันประเทศไทยใช้ยางธรรมชาติปีละ 2 แสนตัน หากเปลี่ยนแปลงไปใช้ยาง OMNR เพียง 20% หรือประมาณ 4 หมื่นตัน จะสามารถประหยัดพลังงานที่ต้องใช้สำหรับการบดผสมยางกับสารเคมี เพื่อขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ได้ถึง 14,400 เมกะวัตต์ (โดยประมาณระดับ 18 กิโลวัตต์/น้ำหนักยาง 50 กิโลกรัม) หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 936 ล้านบาท ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบยาง OMNR ในด้านของลักษณะกระบวนการผลิต (Processibility) จะเทียบได้กับการใช้ยางสังเคราะห์ เนื่องจากยางสังเคราะห์ ผลิตขึ้นเพื่อให้ได้ยางที่มีน้ำหนักโมเลกุลที่เหมาะสมกับการใช้งาน ฉะนั้น เมื่อกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางนำยางสังเคราะห์มาใช้ เพื่อลดเวลา ในกระบวนการผลิตดังกล่าว จึงควรจะหันมาใช้ยางธรรมชาติชนิด OMNR ที่มีคุณสมบัติเชิงกลส่วนใหญ่ดีกว่ายางสังเคราะห์ ผู้สนใจ ติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : โครงการวิจัยแห่งชาติ: ยางพารา ฝ่ายอุตสาหกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 27 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ราชมงคล พัฒนาที่ชาร์จไฟ พลังแสงอาทิตย์

อาจารย์นพพร พัชรประกิติ คณะวิชาไฟฟ้า สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตเชียงราย เปิดเผยว่า การนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ขับเคลื่อนยานพาหนะ มีปัญหาเรื่องความไม่สะดวก ในการใช้งาน ที่เหมาะสำหรับใช้เฉพาะเวลากลางวันเท่านั้น จึงพิจารณาเห็นว่า ควรใช้ไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ มาเป็นพลังงานเสริม ให้กับรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ไว้กับตัวรถ เพื่อชาร์จไฟให้กับรถที่จอดทิ้งไว้กลางแดด ทำให้สามารถได้ไฟฟ้า จากแสงแดด แต่การจะชาร์จไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าด้วยแผงโซลาร์เซลล์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากไฟฟ้าที่ได้จากเซลล์แสงอาทิตย์นั้นจะมีปริมาณไม่คงที่เหมือนกับไฟฟ้าที่วิ่งมาตามสายไฟ เพราะแสงแดดในแต่ละช่วงเวลาจะมีความเข้มของแสงที่แตกต่างกัน จากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น จึงทำวิจัยเรื่อง การตรวจติดตามกำลังไฟฟ้าสูงสุดของระบบโฟโตโวลตาอิก สำหรับการประจุแบตเตอรี่?(Maximum Power Point Tracking of Photovoltaic System for Battery Cahrging) โดยร่วมกับนักศึกษา ทำพัฒนาแผงวงจรควบคุมกระแสและแรงดันไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ ที่ไม่ต้องใช้เครื่องวัดความเข้มแสงหรือเครื่องวัดอุณหภูมิ จากนั้นนำมาคำนวณหาค่ากำลังไฟฟ้า แล้วนำไปเปรียบเทียบกับค่ากำลังไฟฟ้าที่ได้ก่อนหน้านั้น เพื่อปรับค่าต่างๆ ให้มี กำลังไฟฟ้า สูงสุด "ขณะนี้เตรียมนำวงจรการประจุไฟจากโซลาร์เซลล์ไปติดตั้งกับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และทดสอบว่าไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์นี้จะสามารถทำให้รถไฟฟ้าคันดังกล่าวสามารถวิ่งได้โดยใช้ไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งบนรถได้จริงหรือไม่ ซึ่งคาดว่าต้นปีหน้าผลการศึกษาน่าจะออกมาอย่างเป็นรูปธรรม จากนั้นทีมวิจัยจะนำไปพัฒนาต่อในประเด็นอื่นที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุม ระบบเบรก และวงจรดังกล่าวยังสามารถใช้ได้กับการชาร์จไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์จำเป็น เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ในยามที่อยู่ในท้องถิ่นที่ซึ่งระบบไฟฟ้าเข้าไม่ถึง (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 27 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





"โดโคโม" พัฒนากำไลรีโมท ใช้วิธีดีดนิ้วสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้า

มาซากิ ฟูกูโมโต วิศวกรวิจัยระดับผู้บริหารที่ห้องปฏิบัติการประมวลผลสัญญาณทางชีวภาพของบริษัท เอ็นทีที โดโคโม อธิบายว่าเคล็ดลับของการดีดนิ้วสั่งงานอุปกรณ์อยู่ที่เครื่องสั่งงานระยะไกล ซึ่งใช้ตัวรับสัญญาณแบบสวมบนข้อมือ เพื่อทำหน้าที่ตรวจจับการสั่นสะเทือนที่เดินทางระหว่างกระดูกมือไปยังข้อมือเมื่อผู้ใช้ดีดนิ้ว ทั้งนี้ อุปกรณ์ส่วนที่อยู่บนข้อมือ จะตรวจจับการสั่นด้วยชิพ "ยูบิชิพ" ซึ่งจะสามารถจำแนกความแตกต่างคำสั่งที่ได้จากการดีดนิ้วเป็นจังหวะสั้น-ยาวเหมือนสัญญาณมอร์ส ได้ประมาณ 20-30 คำสั่ง โดยจากการสาธิต พบว่าอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถแปลคำสั่งส่งเป็นจังหวะผ่านรีโมทคอนโทรล เพื่อไปสั่งการต่อให้ระบบไฟฟ้าปิดและเปิดได้ตามต้องการ ฟูกูโมโต บอกด้วยว่า เทคโนโลยีดังกล่าวยังต้องพัฒนาเพิ่มเติมหลายส่วน และอาจจะปรับเป็นอินเตอร์เฟซสำหรับใช้กับเทคโนโลยีและอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ในอนาคต หากสนใจรีโมทคอนโทรลข้อมือคงต้องร้องเพลงรอไปก่อน (คมชัดลึก อังคารที่ 27 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





ควอนตันคอมพิวเตอร์

ควอนตัมคอมพิวเตอร์ต่างจากคอมพิวเตอร์ธรรมดาก็คือข้อมูล 1 บิตของคอมพิวเตอร์แบบ ธรรมดาถูกแทนที่ด้วยสัญญาณทางไฟฟ้าของทรานซิสเตอร์ในวงจรรวม ซึ่งจะมี 2 แบบก็คือปิดหรือเปิด แต่ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งนั้นข้อมูล 8 บิตสามารถใช้แทนข้อมูลหรือตัวอักษรได้ 256 แบบเท่านั้น แต่ควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่อาศัยการหมุนของอิเล็กตรอนเป็นตัวแทนของข้อมูล 1 บิต จากหลักการ Quantum superposition (คำอธิบายและรายละเอียดให้ลองค้นในหน้าภาษาไทยของ google) ทำให้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งข้อมูล 1 บิตของควอนตัมคอมพิวเตอร์ (qubits) สามารถเป็นได้ทั้ง 0 และ 1 ในเวลาเดียวกัน หมายความว่า ณ เวลาหนึ่ง ๆ นั้นอิเล็กตรอน 8 ตัวสามารถเป็นตัวแทนของข้อมูล 256 แบบได้พร้อม ๆ กัน ล่าสุดนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย UCLA ได้เปิดเผยถึงความสำเร็จล่าสุดในการควบคุมการหมุนของอิเล็กตรอน รวมไปถึงการตรวจจับการเปลี่ยน แปลงดังกล่าวด้วยเครื่องมือที่สร้างขึ้น นักวิจัยจาก UCLA ใช้คลื่นไมโครเวฟในการควบคุมทิศ ทางการหมุนของอิเล็ก ตรอนว่าจะให้หมุนจากซ้ายไปขวา หรือขวาไปซ้าย รวมไปถึงการกลับหัวกลับหางของอิเล็กตรอนซึ่งจะทำให้ทิศทางการหมุนเปลี่ยนไปทำให้กระแสไฟฟ้าที่วัดได้มีการเปลี่ยนแปลง ที่น่าตื่นเต้นก็คือว่าอิเล็กตรอนที่นักวิจัยสามารถควบคุมได้นี้ก็คืออิเล็กตรอนในทรานซิสเตอร์ที่อยู่ในชิปคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เราใช้งานในปัจจุบันและมีขายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไป อันนี้เองที่ทำ ให้ความหวังในการใช้งานควอนตัมคอมพิวเตอร์มีความเป็นไปได้มากขึ้นในเร็ววันนี้โดยไม่ต้องอาศัยเทคโนโลยีในฝันที่ยังมาไม่ถึง นักวิจัยได้ลองยกตัวอย่างว่าเพียงแต่นำทรานซิสเตอร์ที่ว่ามาเพียงแค่ 100 ตัว แต่ละตัวมีอิเล็กตรอนที่สามารถบังคับทิศทางการหมุนนี้ได้อย่างละหนึ่งตัว ด้วยเทคโนโลยีดังกล่าวสามารถนำมาประยุกต์เพื่อทำให้ทรานซิสเตอร์ 100 ตัวที่มีอิเล็กตรอนที่ว่า สามารถกลายสภาพเป็นแหล่งเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีความจุเท่ากับความจุของฮาร์ดดิสก์ทั้งหมดในโลกที่ผลิตขึ้นในปีนี้คูณอายุของจักรวาลเป็นปีเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามสภาพแวดล้อมที่นักวิจัยสามารถควบคุมการหมุนของอิเล็กตรอนได้นั้นยังต้องอยู่ในสภาพ อุณหภูมิที่ค่อนข้างต่ำมาก คือประมาณ -240 องศาเซลเซียส ซึ่งคงต้องอาศัยระยะเวลาอีกสักพักหนึ่งเพื่อทำให้สามารถควบคุมการหมุนของอิเล็กตรอนได้ที่อุณหภูมิห้อง ซึ่งก็คงต้องรอกันต่อไป. (เดลินิวส์ พุธที่ 28 ก.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





สหรัฐเห็นคุณของว่านหางจระเข้ช่วยจีไอหลั่งเลือดกลางสนามรบ

คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์ก ในสหรัฐฯ กล่าวแจ้งว่า ได้พบจากการทดลองกับหนูทดลองว่า ยางของต้นว่านหางจระเข้ มีคุณสมบัติช่วยชีวิตของทหารที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสในสนามรบได้ เพราะมันช่วยให้อวัยวะยังคงทำงานต่อไปได้ หลังจากช็อกเพราะเสียเลือดไปมาก จนกว่าจะได้รับการช่วยชีวิตด้วยการให้เลือดทัน ศาสตราจารย์แผนกพยาบาลฉุกเฉิน ดร.มิตเชลล์ ฟิงค์ หัวหน้าคณะทำการศึกษา กล่าวว่า "เราเชื่อว่ายางของมัน สามารถจะช่วยรักษาชีวิตให้รอดในยามคับขัน ทั้งในและนอกสนามรบได้" นักวิจัยได้เปิดเผยผลการทดลองกับหนูว่า ได้ทดลองกับหนูที่ถูกดูดเลือดทิ้ง ปรากฏว่าหนูที่ได้รับการช่วยเหลือ ด้วยการให้น้ำเกลือ 10 ตัว รอดเพียง 5 ตัว ในขณะที่หนูได้ยางว่านหางจระเข้ 10 ตัว รอดตายถึง 8 ตัว (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 29 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





หุ่นยนต์พีอาร์ผลงานลาดกระบัง ส่งเสียงแจ้งข้อมูลช่วยงานนิทรรศการ

ผศ.ดร.ปิติเขต สู้รักษา อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมสารสนเทศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เปิดเผยว่า สถาบันฯได้ออกแบบและพัฒนาหุ่นยนต์ประชาสัมพันธ์ โดยแนวคิดการพัฒนาเพื่อต้องการให้เกิดการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีได้จริง สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้พบเห็น และน่าจะเป็นสื่อกลางประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารได้อย่างดีเยี่ยม โดยเริ่มพัฒนาหุ่นยนต์ประชาสัมพันธ์เมื่อปี 2546 ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท เทเลคอมเอเซีย (ทีเอ) ราว 1 แสนบาท ซึ่งตั้งโจทย์ว่าต้องการหุ่นยนต์ประชาสัมพันธ์ไปช่วยงานที่บูทแสดงสินค้า จึงให้นักศึกษาปริญญาโท 4 คนช่วยกันทำ ใช้เวลาประมาณ 3 เดือนกระทั่งได้หุ่นยนต์ประชาสัมพันธ์ที่มีชื่อทางการว่า สงกรานต์ความสามารถของเจ้าสงกรานต์มีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การสื่อสารทักทายด้วยเสียงสดๆ โต้ตอบกับผู้คนได้ทันที เนื่องจากใช้ระบบควบคุมระยะไกลผ่านเครือข่ายแลนไร้สาย (ไวร์เลสแลน) แต่หากต้องการให้ทำงานแบบอัตโนมัติก็สามารถทำได้ เพียงปรับเปลี่ยนระบบให้ควบคุมด้วยสัญญาณวิทยุแทน หุ่นตัวนี้สามารถเชิญชวนและพูดคุยโต้ตอบได้ โดยเราติดตั้งกล้องซ่อนอยู่บริเวณตาของตัวหุ่น ซึ่งจะช่วยจับภาพให้รู้ว่ากำลังสนทนากับใคร และสามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางขณะเคลื่อนที่ได้ นอกจากนี้ยังได้ติดจอภาพแบบสัมผัสไว้ที่บริเวณช่วงท้อง เพื่อให้ผู้สนใจสามารถเลือกดูข้อมูลได้ตามต้องการ หรือจะสั่งพิมพ์ข้อมูลก็เพียงเลือกคำสั่งพิมพ์บนหน้าจอ ส่วนตัวเครื่องพิมพ์ติดตั้งอยู่บริเวณเอวของหุ่นยนต์ ความสามารถในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ถือเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติของเจ้าหุ่นสงกรานต์ รวมทั้งยังสามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วสูงสุด 6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยอาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่ในระยะเวลาต่อเนื่องได้นานถึง 2 ชั่วโมง (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 29 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





เสื้อปลอดภัย

บริษัทในญี่ปุ่นแห่งหนึ่งชื่อ มาเดร เบเกน ได้คิดค้นและพัฒนาเสื้อ แจ๊กเกตสำหรับเด็ก และผู้ใหญ่ ตามกระแสเรียกร้องของผู้ปกครองที่ต้องการปกป้องลูกให้พ้นจากอาชญา กรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทแห่งนี้จึงผลิตเสื้อแจ๊กเกตที่ถักทอจากใยผ้าแบบพิเศษ เรียกว่า ไฟเบอร์กลาส และสเปคเตอร์ ซึ่งมีส่วนผสมจากพลาสติกมาถักเป็นใยผ้าก่อนนำไปตัดเย็บ มีคุณสมบัติพิเศษป้องกันกระสุนและของมีคมต่าง ๆ ราคาจำหน่ายนั้น หากเป็นแจ๊กเกตของเด็ก ราคาประมาณ 43,900 เยน หรือ 400 ดอลลาร์สหรัฐ เสื้อรุ่นนี้ใช้สวมใส่เป็นเสื้อกันลมได้อีกด้วย ส่วนอีกรุ่นเป็นเสื้อยืดของเด็ก แต่ใช้เส้นใยถักทอเหมือนกัน ราคา 38,900 เยนหรือ 354 ดอลลาร์ และเสื้อของผู้ใหญ่ราคา 80,000 เยน หรือ 729 ดอลลาร์สหรัฐ อาจจะเป็นครั้งแรกในโลกที่มีผู้คิดค้นเสื้อกันกระสุน กันของมีคมให้บุคคลทั่วไปได้สวมใส่ และมีน้ำหนักไม่มากเพราะผลิตจากเส้นใยไฟเบอร์กลาส แต่ในข่าวที่รายงานเข้ามาไม่แจ้งถึงผลการทดสอบว่า สวมใส่แล้วปกป้องผู้ใส่ได้มากน้อยแค่ไหน จะวางขายทางอินเทอร์เน็ตในเร็ว ๆ นี้ (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 30 ก.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





นักเคมีค้นพบสารสมุนไพร หยุดไวรัสเอดส์

รศ.ดร.งามผ่อง คงคาทิพย์ หัวหน้าโครงการสมุนไพร หน่วยปฏิบัติการผลิตภัณฑ์ธรรมชาติและเคมีอินทรีย์สังเคราะห์ ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่าการวิจัยสมุนไพรของโครงการ ซึ่งใช้ประโยชน์จากระบบประมวลผลคอมพิวเตอร์ ด้วยการทำแบบจำลองเอนไซม์ของเชื้อโรคกับสารทางคอมพิวเตอร์ สามารถค้นพบสารจากสมุนไพร 5 ชนิด ที่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อไข้หวัดนกคือสารจากขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร บอระเพ็ด สันโสก และย่านพาโหม ขณะเดียวกันยังพบสารบริสุทธิ์ที่สามารถยับยั้งเชื้อเอชไอวีเอดส์ 1-5 ชนิด จึงส่งไปทดสอบเพิ่มเติมที่ศูนย์พันธุวิศวรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ด้าน ดร.จักร แสงมา ศูนย์เคมีศาสตร์สนเทศ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งทำวิจัยโครงการพัฒนาโปรแกรมการสร้างฐานข้อมูลโครงสร้างสามมิติและการสืบค้นข้อมูลของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ กล่าวว่า จากการรวบรวมข้อมูลสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพของสมุนไพรไทยจากวารสารต่างประเทศและงานวิจัยต่างๆ จากนั้นนำมาจัดทำเป็นโครงสร้าง 3 มิติ และนำมาคัดสรรด้วยวิธีนิวรอนเน็ตเวิร์ค และโมเลคิวลาร์ ดอกกิง (Molecular Docking) หรือเทคนิคการออกแบบโครงสร้างยาด้วยเคมีคอมพิวเตอร์ ที่ได้รับการยอมรับทั้งด้านความถูกต้องและความรวดเร็วในการศึกษาสารบริสุทธิ์สมุนไพร เพื่อวิเคราะห์ผลและคัดสรรสารที่มีความสำคัญต่อการออกฤทธิ์ในโรคต่างๆ นำไปทดสอบในห้องปฏิบัติการ สำหรับการทำฐานข้อมูลสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพของสมุนไพรนี้ จะช่วยให้นักวิจัยไทยเห็นช่องว่างของตลาดโลก ทราบว่าใครทำวิจัยสารใดไปบ้างและได้ผลอย่างไร อีกทั้งช่วยในการหาสารที่มีสมบัติทำนองเดียวกันมาพัฒนา และก่อนสิ้นปีนี้ คาดว่าจะมีฐานข้อมูลสารประมาณ 50,000 ชนิด การสร้างฐานข้อมูลนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อตั้งรับสถานการณ์โรคร้ายต่างๆ อย่าง ซาร์ส ไข้หวัดนก และช่วยวิจัยค้นคว้ายาสำคัญๆ เช่น ยาเอดส์ มะเร็ง เบาหวาน แต่ทางศูนย์เคมีศาสตร์สนเทศฯ อยู่ระหว่างพิจารณาที่จะตีพิมพ์ข้อมูลในวารสารต่างประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้วงการวิจัยวิทยาศาสตร์ทั่วโลกได้นำข้อมูลไปใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 30 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





วัคซีนมะเร็งเต้านม และไตใกล้เป็นจริง

ดร.เดวิด เอวิแกน จากศูนย์การแพทย์เบธ อิสราเอล ดีคอนเนส ในบอสตัน สหรัฐ เปิดเผยว่าจากการทดลองทางคลินิกขั้นต้น ด้วยการให้วัคซีนมะเร็งกับผู้หญิงที่เป็นโรคมะเร็งเต้านม 2 ราย พบว่าเซลล์เนื้องอกลดขนาดลง ขณะที่อีก 1 ราย และผู้ป่วยมะเร็งไตอีก 5 คน มีอาการคงที่ และเนื้อร้ายไม่คุกคามมากขึ้นหลังจากได้รับวัคซีนแล้ว สำหรับวัคซีนที่นำมาทดลองนั้น ทีมงานใช้วัคซีนที่เรียกว่า "ฟิวชั่น เซลล์ วัคซีน" (fusion cell vaccine) ซึ่งใช้การหลอมรวมของดีซีเซลล์ (dendritic cell -DC) เข้ากับเซลล์เนื้องอกที่ได้จากตัวผู้ป่วย โดยดีซีเซลล์จะรวมตัวกับโปรตีนเฉพาะของเนื้องอก หรือแอนติเจน ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน จากการทดลองเบื้องต้นพบว่าให้ผลเป็นที่น่าพอใจ งานวิจัยชิ้นนี้ยังติดปัญหาตรงที่นักวิจัยยังไม่รู้จักโปรตีนเฉพาะในเนื้องอกได้ทั้งหมด ดังนั้นคณะทำงานจึงต้องศึกษาแอนติเจนหลากชนิดจากเนื้องอก เพราะเชื่อว่าอาจมีบางตัวหรือหลายตัวที่มีผลเฉพาะเจาะจงกับผู้ป่วย และนั่นจะช่วยให้เกิดการตอบสนองที่ดีขึ้นของภูมิคุ้มกัน แม้ผลวิจัยเบื้องต้นจะเป็นที่น่าพอใจ แต่ทีมงานบอกว่าต้องมีการศึกษาเพิ่มในกลุ่มทดลองที่ใหญ่ขึ้น เพื่อจะได้กำหนดได้ว่าใครน่าจะได้รับประโยชน์จากวัคซีนชนิดนี้ที่สุด และวัคซีนรูปแบบไหนน่าจะมีประสิทธิภาพดีที่สุดด้วย (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 30 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ก้อนบำบัดน้ำเสียฝีมือคนไทยสะดวกใช้ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

ปรเมศวร์ สมานวิจิตร นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และ ปริญญา สมานวิจิตร ได้ทำ "จุลินทรีย์ก้อนบำบัดน้ำเสีย" ได้แนวคิด มาจากเกษตรธรรมชาติคิวเซ หลังทำสำเร็จได้นำไปทดสอบของจริง ปรากฏว่าแค่สัปดาห์เดียวน้ำเสีย มีสภาพดีขึ้น อย่างไม่น่าเชื่อ ปรเมศวร์ อธิบายว่าการใช้ "จุลินทรีย์ชนิดน้ำ" (อีเอ็มน้ำ) การลงสู่ก้นบ่อไม่ค่อยดี สู้อัดก้อนไม่ได้ นอกจากได้ผลดีแล้ว ยังไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะก้อนจะค่อยๆ ละลาย ของเสียก้นบ่อจะเป็นอาหาร ของจุลินทรีย์ จุลินทรีย์จะค่อยๆ ขยายตัวมีแบคทีเรียในน้ำเป็นอาหาร และคายออกซิเจนออกมา การบำบัดอย่างต่อเนื่องจะทำให้ คุณภาพน้ำดีขึ้น ซึ่งสิ่งที่เห็นได้ทันใจที่สุดก็คือเรื่องของ "กลิ่น" ส่วนเศษทรายและรำที่เป็นตัวประกอบ ของจุลินทรีย์ก้อนยังเป็นอาหารที่ดีของสัตว์น้ำอีกด้วย ซึ่งวิธีการทำจุลินทรีย์ก้อน เริ่มจากนำรำละเอียด 100 กก. ทรายละเอียด 20 กก. แป้งมันสำปะหลัง 2 กก. สารสกัดจาก 8 เซียน ประกอบด้วย หัวเชื้อจุลินทรีย์ (EM-D) กากน้ำตาล น้ำหมักซาวข้าว ฮอร์โมนพืช สารสกัดพืชชีวภาพ น้ำหมักปลา สารขับไล่ แมลง และน้ำหมักเศษอาหาร วิธีทำ ให้นำส่วนผสมต่างๆ มาผสมคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน ดูความชื้นพอประมาณ จากนั้นอัดเข้าแบบพิมพ์ ซึ่งใช้ท่อพีวีซีก็ได้ อัดจนเต็มกดพอแน่น แล้วถอดออกจากแบบ นำก้อนจุลินทรีย์ที่ได้ไปผึ่งลมให้แห้ง แล้วห่อด้วยกระดาษ เพื่อป้องกันความชื้น และความเสียหาย ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างขนส่ง ส่วนการนำไปใช้ก็ง่ายมาก ถ้าใช้กับน้ำเสียให้ใช้เป็นประจำ จนกว่าปริมาณจุลินทรีย์ในน้ำ จะมีมากพอกับการบำบัด ถ้าใช้เป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้ก็แค่นำไปวางไว้ที่โคนต้นไม้ 1 ก้อนต่อ 1 ต้น หรือจะฝังกลบก็ได้ ผู้สนใจด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.0-2543-7330, 0-6351-5862-3 (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 31 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ข่าวทั่วไป


เสริมสวยชุบทรวงอกด้วยไวน์แดงอ้างช่วยยกชูทรวดทรงให้เต่งตึง

ร้านเสริมสวยในเมืองหลวงอาร์เจนตินา กำลังตื่นบริการชุบทรวงอกสาวๆ ด้วยเหล้าไวน์แดง อ้างว่าช่วยให้ทรวดทรงเต่งตึง และยังรัดพุงไม่ให้ป่องอีกด้วย ร้านเสริมสวยหลายแห่ง ยังได้ประดิษฐ์ ครีมบำรุงผิวกล่าวอ้างว่า ใช้เหล้าองุ่น หรือไม่ก็ใช้เหล้าไวน์ ราดละเลงบ่มผิวของลูกค้าโดยตรงกันเลย ผู้อ้างว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญในการบำบัดรักษาด้วยเหล้าไวน์ นายไดเอโก้ บาร์เบรัน ได้กล่าวอวดกับนักข่าวว่า "หลังจากที่ขัดล้างผิวจนสะอาดหมดจดแล้ว เราจะใช้เหล้าไวน์ที่อุดมด้วยวิตามินอี นวดประคบอีกทีหนึ่ง มันจะช่วยบำรุงผิวและให้ผิวเนียนขึ้น ทำให้ผิวสมบูรณ์และเต่งตึงดี" บรรดาคลินิกเสริมสวยทั่วเมืองหลวง ต่างกล่าวว่า มีลูกค้าสาวๆ พากันมารับการเสริมสวยด้วยเหล้าไวน์กัน (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 26 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





นักวิทย์เผย"มะตูมตากแห้ง"สารอาหารเพียบ

น.ส.ศิริบุญ พูลสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ ระดับ 7 โครงการวิทยาศาสตร์ชีวภาพ กรมวิทยาศาสตร์บริการ กล่าวถึงมะตูมสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์ว่า ผลมะตูมสดเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารมาก ได้วิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการของผลมะตูมสด เฉพาะในเนื้อของผลส่วนที่กินได้ และมะตูมแห้งที่หั่นเป็นชิ้นทั้งเปลือกแล้วตากแห้ง น้ำหนัก 100 กรัม พบว่า ผลมะตูมสดมีโปรตีนร้อยละ 3.58 มีน้ำตาลร้อยละ 14.3 มีวิตามินบี 1 13.5 ไมโครกรัม วิตามินซี 0.28 ม.ก. วิตามินอี 0.06 หน่วยสากล แคลเซียม 22.6 แมกนีเซียม 16.5 ม.ก. ส่วนมะตูมแห้งมีโปรตีนร้อยละ 7.05 มีน้ำตาลร้อยละ 11.9 ใน 100 กรัม มีวิตามินบี 1 152.3 ไมโครกรัม วิตามินซี 3.15 ม.ก. วิตามินอี 0.79 หน่วยสากล แคลเซียม 167.7 แมกนีเซียม 125.1 ม.ก มะตูมดิบมีสารแทนนิน ที่สามารถแก้ท้องเดิน แก้เจ็บคอ และใช้ล้างแผล เคยมีการวิจัยพบว่าเมื่อนำสารแทนนิน ซึ่งสกัดจากใบมะตูม ไปใช้ทดสอบกับหนูขาว ที่เป็นโรคเบาหวาน ทำให้หนูขาวนั้นมีระดับน้ำตาลในเลือดลดลง เนื่องจากเกิดการหลั่งของอินซูลิน หรือฮอร์โมนควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดมากขึ้น (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 26 ก.ค. 47 http://www.matichon.co.th)





ออกแบบรองเท้าคนอ้วนใส่แล้วผอมเอาแบบ มาจากชาวมาไซแอฟริกา

วิศวกรเมืองชาวสวิสต์ได้ออกแบบผลิตรองเท้า กล่าวว่า เอาแบบอย่างมาจากท่วงท่าการเดินของชาวเผ่ามาไซในกาฬทวีป อวดอ้างว่า ผู้สวมใส่ที่เป็นคนอ้วนใส่แล้วจะทำให้ผอมได้ ผู้ออกแบบกล่าวว่า รองเท้าของเขาจะช่วยให้ผู้ใช้เดินเหิน ด้วยท่าทางที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น ช่วยป้องกันอาการปวดหลัง และที่สำคัญจะบังคับให้ร่างกายต้องใช้พลังงาน หมดเปลืองลงมากกว่าปกติเขาตั้งชื่อแบบของรองเท้าว่า แบบ "เอ็ม-บีที" จะมีส้นเป็นรูปโค้งประกอบซ้อนกันอยู่ถึง 12 ชั้น เป็นตัวทำให้ผู้สวมต้องเคลื่อนไหว ก้าวเดินอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ยังไม่ได้แจ้งว่า จะผลิตออกสู่ตลาดเมื่อใด (ไทยรัฐ อังคารที่ 27 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





โรคมะเร็งชนิดที่เป็นกันมากที่สุดกลับป้องกันรักษากันได้ง่ายที่สุด

สถาบันวิจัยอาหารของอังกฤษกล่าวแจ้งว่า กำลังศึกษาอยู่เวลานี้ ควรจะกินอาหารอะไรถึงจะป้องกันมันได้ แต่อย่างที่ทราบกันก็คือ ควรจะบริโภคผักและผลไม้เป็นดีที่สุด และกล่าวกันว่า การรับปะทานหัวหอม แอปเปิ้ล บร็อกโคลี่ และเซอลารี่ จะให้คุณประโยชน์มากที่สุด นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นคว้าเจาะลึกลงไป ในบรรดาผักหญ้าเหล่านี้ เพื่อให้รู้ว่ามีตัวยาอะไรอยู่ จึงช่วยป้องกันมะเร็งเอาไว้ได้ ตามธรรมชาติผนังของลำไส้ จะมีชั้นของเซลล์เนื้อเยื่อบุผิวหุ้มอยู่ชั้นเนื้อเยื่อเหล่านี้ จะเป็นด่านหน้าที่ต้องปะทะกับอาหาร เชื้อโรค และสิ่งต่างๆที่ถูกย่อยในร่างกาย มันเป็นเหมือนแนวป้องกันแนวหน้า แต่มันก็อาจจะบุบสลายกับสิ่งผิดปกติได้ด้วยเช่นกัน ศาสตราจารย์เอียน จอห์นสัน หัวหน้าสถาบันสุขภาพและการทำหน้าที่ระบบทางเดินอาหาร ผู้ซึ่งได้ศึกษาด้วยการนำเอาผลงานการศึกษาวิจัยที่มีอยู่มาทบทวนดูใหม่ ได้กล่าวแนะว่า "แม้ว่ายังจะต้องศึกษากลไกต่างๆ อีกหลายอย่างด้วยกัน แต่ที่จริงแล้ว คนทั่วไปอาจจะรู้จักป้องกันรักษาตนเอง ได้ ชั่วแต่เพียงระวังรักษาตัวอย่าให้อ้วน กินอาหารที่มีผัก ผลไม้ และแหล่ง ของใยอาหารเป็นหลัก และไม่ควรลืมที่บอกชักชวนไว้ ให้กินผักผลไม้ประจำให้ได้วันละ 5 มื้อ" เขายังชี้ว่า "โรคมะเร็งเป็นโรคที่เกิดขึ้นอย่างเรื้อรัง ยืดเยื้อหลายขั้นหลายตอน กินเวลาเกือบจะส่วนใหญ่ของช่วงชีวิตของคนเรา" (ไทยรัฐ พุธที่ 28 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





เด็กมหัศจรรย์พลังช้างสาร กล้ามเนื้อโตกว่าเด็กทั่วไปถึง 2 เท่า

เด็กมหัศจรรย์รายนี้สามารถยกสิ่งของที่หนักกว่า 70 ปอนด์ได้ ในขณะที่ผู้ใหญ่หลายคนไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้กล้ามเนื้อของเจ้าหนูมีขนาดใหญ่กว่าเด็กในวัยเดียวกันถึง 2 เท่าและมีขนาดร่างกายที่ใหญ่กว่าครึ่งหนึ่ง จากผลการตรวจสอบดีเอ็นเอของเจ้าหนูรายนี้พบว่า ยีนในร่างกายของเด็กคนนี้เกิดกลายพันธุ์ ทำให้กล้ามเนื้อโตเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ในกรุงเบอร์ลินให้ข้อมูลเสริมว่า ดีเอ็นเอที่กลายพันธุ์ของของเจ้าหนูคนนี้ไปขัดขวางกระบวนการผลิตโปรตีนชนิดหนึ่งซึ่งเรียกว่า Myostain ซึ่งเป็นโปรตีนที่ควบคุมการเติบโตของกล้ามเนื้อ อาการผิดปกติของกล้ามเนื้อนับว่าเป็นอาการผิดปกติของยีนที่เกิดขึ้นโดยทั่วไป แต่ยังไม่มีหนทางรักษาได้ และมักจะคร่าชีวิตมนุษย์ในวัยกลางคน ขณะที่การบำบัดส่วนใหญ่ก็เริ่มช้าลงเนื่องจากมีผลข้างเคียง ดร.อีริค ฮอฟแมน ผู้อำนวยการศูนย์กุมารแพทย์แห่งชาติ เชื่อว่าอาการของโรคกล้ามเนื้อผิดปกติอาจมีหนทางรักษาได้ แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะมียามายับยั้ง Myostain ได้หรือไม่ หรือแม้กระทั้งการบำบัด เนื่องจากยีนทั้ง 12 ยีนบางตัวก็มีผลข้างเคียงต่อกล้ามเนื้อ (คมชัดลึก พุธที่ 28 ก.ค. 47 http://www.komchadluek.com)





ลังกาใช้ขี้ช้างเอามาเลี้ยงช้างใช้ทำกระดาษขายหารายได้

โฆษกของบริษัทแมกซิมัส เจ้าของโรงงานกระดาษขี้ช้างแจ้งว่า กระดาษที่ผลิตทำด้วยขี้ช้าง 75% มีลักษณะหลายอย่างหลายชนิด ขึ้นอยู่กับอาหารที่ช้างกินเข้าไป รวมทั้งอายุและสุขภาพของฟันของมันด้วย ในมูลของช้างจะมีวัตถุดิบที่นำมาใช้ทำเยื่อกระดาษได้ เยื่อที่โดนถูกย่อยสมบูรณ์แล้ว ก็จะทำให้ได้กระดาษเรียบดี แต่ถ้าหากถูกย่อยออกมาครึ่งๆกลางๆ ก็จะได้ กระดาษที่ค่อนข้างหยาบ เขาเผยว่า ขี้ช้างที่เอามาใช้ ได้จากศูนย์ช้างใหญ่แห่งหนึ่ง ที่เลี้ยงช้างเอาไว้ถึง 62 เชือก ขี้ออกมาวันหนึ่งๆมากถึง 6 คันรถ จึงมีมากพอที่จะทำกระดาษ (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 29 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ออกกำลังปานกลางต้านเบาหวานจะรับมือกับพิษภัยของโรคไว้ได้

ศาสตราจารย์จากโก ทูโอมิเลห์โต ของสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติ ฟินแลนด์ กล่าวบอกว่า ผู้เป็นโรคเบาหวาน ควรจะคิดหาวิธีได้ออกกำลัง ในการทำงานทำการ หรือในการเดินทางไปทำงานและในเวลาสบายๆไว้ การออกกำลังระหว่างการเดินทางไปทำงาน นับเป็นการทะนุบำรุงสุขภาพที่ง่ายสะดวกและเสียเวลาน้อยที่สุด เขากับคณะได้ช่วยกันศึกษา เพื่อหาแบบการออกกำลังที่เหมาะสมและสดวก ให้กับผู้เป็นโรคเบาหวาน เพื่อจะได้ช่วยต้านพิษภัยของโรค (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 29 ก.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ไทยเป็นเจ้าภาพประกวดศิลปกรรมอาเซียนครั้งที่ 8

ในปีนี้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงาน "ประกวดศิลปกรรมยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน" ระหว่างวันที่ 2-4 ส.ค. นี้ ที่กรุงเทพฯ และพระราชวังโบราณ อุทยานประวัติศาสตร์ จ.พระนคร ศรีอยุธยา โดยผู้ชนะเลิศการประกวดผลงานศิลปกรรมใน 7 ประเทศสมาชิกอาเซียน บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม จำนวน 35 คน และ 9 ศิลปินรับเชิญจากประเทศกัมพูชา ลาว และพม่า นำผลงานที่ชนะเข้าร่วมแสดง พร้อมร่วมชิงรางวัลผลงานศิลปกรรมยอดเยี่ยมแห่งอาเซียนประจำปี 2547 ชิงเงินรางวัล 6 แสนบาท ในครั้งนี้นิทรรศ การผลงาน จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ "An cient roots : Modern bridge" มุ่งสื่อความหมายถึงวัฒนธรรมโบราณของแต่ละชาติ ในภูมิภาค เพื่อเป็นการประสานความเข้าใจอันดีต่อกันผ่านผลงานศิลปกรรมร่วมสมัยที่ศิลปินแต่ละชาติสร้างสรรค์ขึ้น ศิลปินผู้เข้าร่วมงานได้รับคัดเลือกมาจากผู้สมัครกว่า 3,000 คน จากระดับประเทศ โดยแต่ละประเทศส่งผู้ชนะเลิศประเทศละ 5 คน เข้าร่วมประกวดในระดับภูมิภาค คัดผู้ชนะเลิศและรองชนะเลิศ เพียง 5 รางวัล เท่านั้น โดยก่อนประกาศผลศิลปินจาก แต่ละประเทศจะมีโอกาสพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับผลงานศิลปะร่วมกัน ณ พระราชวังโบราณ อุทยานประวัติ ศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา และ จะร่วมกันรังสรรค์ผลงานลงบนกระเบื้องดินเผา แล้วนำมาต่อเป็นชิ้นเดียวกัน มอบให้กับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ส่วนพิธีประกาศรางวัลจัดขึ้นในวันที่ 4 ส.ค. ที่โรงแรมแชงกรี-ลา ซึ่งผลงานทั้งหมดจะนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ตลอดเดือน ส.ค. นี้ (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 30 ก.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





ผลักดันรัฐตั้งโรงงานไฟฟ้า กระจายออกไป ยังพื้นที่ภาคต่างๆ

น.ส.สายจิตร จะวะนะ นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพลังงาน บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม หรือ JGSEE ในเรื่อง" ศักยภาพและราคาที่เหมาะสมของแกลบเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) และภาคอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ของไทย " กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมจึงมีเศษวัตถุเหลือใช้จากพืชหลายชนิด ที่สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น แกลบ ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา แกลบถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าในโรงสีข้าว เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตอิฐมอญ เป็นเชื้อเพลิงในภาคครัวเรือน แต่ในปัจจุบันแกลบกลายเป็นเชื้อเพลิงที่สามารถใช้ผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก และในภาคอุตสาหกรรมอย่างโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ โดยการนำแกลบมาผสมกับลิกไนต์เพื่อใช้ในกระบวนการผลิตได้ ทำให้แกลบมีราคาเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า ราคาต่ำสุดในปัจจุบันตันละประมาณ 550 บาท ณ ราคาหน้าโรงสี น.ส.สายจิตร กล่าวว่าการผลักดันให้เกิดการใช้แกลบเพื่อผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ภาคเหนือและภาคใต้เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งทำให้มีการใช้แกลบในทุกพื้นที่ของประเทศ ถือเป็นความสำเร็จของนโยบายส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานทดแทนของภาครัฐ ผลงานวิจัยยังเสนอว่า รัฐบาลควรจะสนับสนุนและผลักดันให้มีการจัดตั้งโรงไฟฟ้าขนาดเล็กกระจายออกไปยังพื้นที่ภาคเหนือ และ ภาคใต้ และที่สำคัญยังเป็นการช่วยให้ประชาชนในบางพื้นที่ที่ใช้ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง ได้มีไฟฟ้าใช้ โดยผลจากการวิจัยการใช้แกลบเป็นพลังงานทดแทนและผลประโยชน์จากการใช้แกลบ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก ในปี พ.ศ. 2548 อยู่ที่ 218.90 MW และเพิ่มขึ้นเป็น 298.90 MW ในปี พ.ศ. 2573 ใช้ทดแทนลิกไนต์ในการผลิตปูนซีเมนต์ได้มากถึงประมาณ 21 ล้านตัน ภายในปี พ.ศ. 2548 ช่วยลดการใช้น้ำมันเตาได้ถึงประมาณ 24,000 ล้านลิตร และสามารถประหยัดเงินตราของประเทศที่เกิดจากการนำเข้าน้ำมันเตาได้ประมาณ 5,000 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 7,000 ล้านบาทในปี พ.ศ. 2573 (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 30 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ท้องฟ้าจำลองจัด สัปดาห์วิทยาศาสตร์ สาธิตผลิตภัณฑ์นาโนฯ

รศ.ดร.คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ นายกสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า งานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ประจำปี 2547 จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ "เศรษฐกิจของชาติมีปัญหา วิทยาศาสตร์มีคำตอบ" โดยกิจกรรมภายในงานจะแบ่งเป็น 5 กิจกรรมใหญ่ อาทิ กิจกรรมการประกวดโครงงาน และแข่งขันการพูดเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ นิทรรศการให้ความรู้ด้านนาโนเทคโนโลยีพร้อมด้วยผลิตภัณฑ์ การประกวดความสามารถด้านนวัตกรรม รวมถึงค่ายวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจ สำหรับงบประมาณการจัดงานครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานหลักๆ อาทิ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สวทช.) พร้อมทั้งโรงเรียน เขตพื้นที่การศึกษาและหน่วยงานเอกชน อาทิ บริษัทปูนซิเมนต์ไทยจำกัด (มหาชน) บริษัทเอสโซ่จำกัด เป็นต้น โดยงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ ประจำปี 47 ครั้งนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-21 สิงหาคม โดยในส่วนกลางกิจกรรมหลักจะจัดขึ้นบริเวณศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา(ท้องฟ้าจำลอง) ร.ร.ปทุมคงคา และร.ร.ดาราคม และพร้อมกันในระดับภูมิภาคทั่วประเทศ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 30 ก.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





หนังสือปกทองคำเทิดพระเกียรติเล่มแรกศิลปะทำทองโบราณ 12 ชั้น

เนื่องในวโรกาสสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงเจริญพระชนมพรรษา 72 พรรษา บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จัด "โครงการ 72 พรรษาบรมราชินีนาถ...72 ปีทองแห่งสตรีไทย" จัดทำหนังสือปกทองคำแท้เทิดพระเกียรติ 72 พรรษาเพื่อนำทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ หนังสือปกทองคำแท้เทิดพระเกียรติ 72 พรรษามีขนาด 12 คูณ 12 นิ้ว จัดพิมพ์ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ มีความโดดเด่นที่ปกหนังสือทำด้วยทองคำแท้ร้อยละ 96.5 น้ำหนัก 120 บาท ประดับด้วยเพชรตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ 7.2 กะรัต ใช้ศิลปะการทำทองแบบโบราณ ขั้นสูง 12 วิธีประกอบด้วยการสลักตามลาย, การดุนลาย, การตัดลายและการแกะลาย, การทำพื้นผิวลักษณะต่าง ๆ การเดินเส้นลวดทอง, การหยดทองคำเป็นเม็ดกลม, การสลักเพลาลาย, การฉลุ, การลงยาสี, การทำเครื่องถม, การประดับอัญมณีแบบโบราณ, การประดับอัญมณีแบบสมัยใหม่ ออกแบบโดย น.ส.จิติมา เฮงวินิจ บัณฑิตคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ออกแบบเพิ่มเติมปกโดย อ.นิพนธ์ ยอดคำปัน อาจารย์วิทยาลัยช่างทองหลวง กาญจนาภิเษก เนื้อหาหนังสือรวบรวมพระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แยกเป็นหมวดหมู่พร้อมพระ บรมฉายาลักษณ์ที่หาชมได้ยาก ไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนมาก่อน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้ที่มีโอกาสถวายงานอย่างใกล้ชิดมอบให้ และมีพระ บรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรทั่วประเทศครั้งแรกหลังจากสองพระองค์เข้าพิธีพระบรมราชาภิเษก หนังสือปกทองคำแท้เทิดพระเกียรติ 72 พรรษา จัดทำขึ้นเพียงเล่มเดียวเพื่อทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ส่วนหนังสือปกทองเทิดพระเกียรติ 72 พรรษา ที่จัดทำขึ้นเพื่อให้ประชาชนทั่วไปเก็บไว้เป็นที่ระลึกมีสองรูปแบบ แบบแรกหนังสือปกทองรูปแบบหน้าปกทำจากผ้าสีทอง จากโครงการพระราชดำริ ราคาเล่มละ 7,200 บาท แบบที่ 2 ปกทองรูปแบบกระดาษสีทอง ราคาเล่มละ 1,720 บาท รายได้จากการจำหน่าย จำนวน 7.2 ล้านบาท จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ. (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 3 ส.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215