|
หัวข้อข่าวปีที่ 5 ฉบับที่ 34 ประจำวันที่ 2004-08-23
ข่าวการศึกษา
พ.ร.บ.ม.ราชมงคลใกล้ถึงฝั่ง รอลุ้นต่อในสภาวาระ 2-3 เตรียมรับ ม.อัลอัสซาร์ ทางเลือกนักศึกษามุสลิม สกอ.ส่งระเบียบการวัดความรู้ให้ศูนย์สอบ ประกาศกระทรวงใช้จีพีเอ-พีอาร์เดิม มะกันวิกฤติเยาวชนเมิน"วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์" ร.ร.นานาชาติช่วยพัฒนาครู2ภาษา มช.รับตรง4,317คน ชงโควตาพิเศษเพียบ นิติฯมธ.ไม่สนแอดมิชชั่น ปี 49 ขอเปิดรับตรง 100% ประกาศผล ครูวิทย์ดีเด่นประจำปี 2547 อาชีวะเร่งพัฒนาครูนักวิจัย เฟ้นนร.หัวกะทิม.ต้น ร่วมแข่งวิทย์โอลิมปิก กมธ.แนะ 10 ม.รัฐ นำร่องแอดมิชชั่น ใช้เกณฑ์เดียวกัน จุฬาฯ-ทอ.เปิดหลักสูตรพิเศษ เรียน 2 ปีได้รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต มน.ให้โควตา ร.ร.ในฝัน มหาวิทยาลัย ตบเท้าเปิด รับตรง ลองของก่อนใช้แอดมิชชั่น 49 มหิดลจัดโรดโชว์รับตรงนศ. เผยรายชื่อ 16 นักเรียนแข่งขันคณิตฯนานาชาติ มูลนิธิซิเมนต์ไทยจัดประกวดศิลปะ ดึงเยาวชนร่วมเสนอผลงาน 6 สาขา มหิดลเปิดรับแพทย์ผลงานเด่น เข้ารับรางวัล "มหิดล-บี บราวน์"
ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
ใช้คลื่นความถี่วิทยุรักษาตาคนแก่ ไม่ต้องผ่าตัดกลับดีเหมือนหนุ่มสาว รัสเซียอ้างพบซากยานมนุษย์ต่างดาวบนทุ่งกว้าง ในดินแดนไซบีเรีย นักวิทย์โลกร่วมเวทีพรินเซสคองเกรส ไบโอเทคตั้งองค์กรโพรโมตเทคโนโลยีจีเอ็มโอ เน้นเผยแพร่ข้อมูลแก้ภาพลักษณ์พืชดัดแปลงพันธุกรรม ระบบสุริยจักรวาลแบบของเราไม่พบมีที่อื่นใดเหมือนกันอีก 'เอฟดีเอ'อนุมัติอุปกรณ์ลอกลิ่มเลือด ไวแม๊กซ์ (WIMAX) ยานสำรวจพบดวงจันทร์บริวารใหม่ ชี้โลกอีก 100 ปี ถูกคลื่นร้อนเผา ยุโรป-สหรัฐแย่ อินเดียเป็นมหาอำนาจเดินอวกาศส่งยานอวกาศ โคจรพาดข้ามขั้วโลก กรมวิทย์ถ่ายทอดเทคนิคตรวจอาหารจีเอ็ม กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เปิดบริการ นาซ่าพบบริวารใหม่ดาวเสาร์ ช่วยไขปริศนาประวัติดวงจันทร์บริวาร
ข่าววิจัย/พัฒนา
เครื่องฟักไข่พลังงานแสงอาทิตย์ ไบโอดีเซลไขมันปาล์ม แปรรูปวัตถุดิบทำสบู่มาเป็นน้ำมัน เอ็มเทคชูสหวิทยาการสร้างนวัตกรรม เสริมลูกเล่นเครื่องนับเวลาไฟจราจร แสดงตัวเลขไฟเหลืองเตือนผู้ขับขี่แตะเบรก นักวิทย์คิดค้นวิธีรักษาฉี่หนูด้วย'แอนติบอดี้' ปริญญาเอกพัฒนาแบบจำลองทำนายมลพิษเชียงใหม่ล่วงหน้า เนคเทคให้ทุนนักวิจัยไทยกว่า 76ล้านบาท รวมทั้งโครงการมือถือ 3 G ในเมืองไทยของคณะวิจัยจาก 8 สถาบัน โยเกิร์ตมะเกี๋ยง มีคุณต่อร่างกาย พิสูจน์คุณถุงลมนิรภัยด้านข้างรถสามารถป้องกันสมองบาดเจ็บ โคมไฟส่องแผล พยาบาลต้นคิด ประหยัดถึง60เท่า แปรรูป..."สบู่นมแพะ''จากเครื่องดื่มเป็นเครื่องสำอาง เข็มขัดปรับบุคลิกภาพ ไอเดียนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ ทารกขาดธาตุเหล็กแนวโน้มไอคิวต่ำ เปิดตัวแบตเตอรี่พลังพืช เล็งตั้งสถานีชาร์จไฟรถขสมก. สิ่งประดิษฐ์ เอาใจเกษตรกร เครื่องผสม & เครื่องอัดเม็ด ปุ๋ยหมักชีวภาพ
ข่าวทั่วไป
อังกฤษบังคับแจ้งส่วนผสม 12 ชนิด หวั่นสารปนเปื้อนอาหารก่อโรคภูมิแพ้ ห้ามเขย่าเด็กแรกเกิดให้เงียบเสี่ยงบาดเจ็บถึงขั้นเสียชีวิต หวั่นโรคเอ๋อระบาด เหตุไอโอดีนในท้องตลาดไร้คุณภาพ 'เรวัตร'คว้าซีไรต์จากแม่นํ้ารำลึก เผยแพร่ลัทธิหัวร่อเป็นยาวิเศษชำระล้างทั้งจิตใจและร่างกาย เสนอเทคโนอัจฉริยะทำกทม.น่าอยู่ แพทย์ชี้ทารกไม่ต้องมีหัวนมดูดอาจไปก่ออันตรายให้เด็กเสียเอง แพทย์เตือนหญิงไทยใส่ใจดื่มนม มส.ชี้ "พระธาตุศรีสองรัก" เป็นวัด สั่งให้เอกสารสิทธิ ออกกำลังวันละนิดฟิตหัวใจให้แข็งแรง กรดยูริกบอกสัญญาณอันตรายความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ วช.ติงวิจัยไทยล้มเหลว ไม่คุ้มค่าลงทุน
ข่าวการศึกษา
พ.ร.บ.ม.ราชมงคลใกล้ถึงฝั่ง รอลุ้นต่อในสภาวาระ 2-3
ผศ.ดร.นำยุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล เปิดเผยว่า ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ได้ผ่านการพิจารณาของกรรมาธิการวิสามัญสภาผู้แทนราษฎรวาระ 1 เรียบร้อยแล้ว กำลังอยู่ระหว่างการนำเข้าสู่ วาระ 2 และ 3 ต่อไป มหาวิทยา ลัยเทคโนโลยีราชมงคลนั้น จะมีการจัดกลุ่มวิทยาเขตของสถาบันออกเป็น 9 มหาวิทยาลัย คือ 1.ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ประกอบด้วย ศูนย์กลางสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล และวิทยาเขตปทุมธานี 2.ม.เทคโนโลยีราช มงคลกรุงเทพ ประกอบด้วย วิทยาเขตเทคนิคกรุงเทพฯ วิทยาเขต บพิตรพิมุขมหาเมฆ และวิทยาเขตพระนครใต้ 3.ม.เทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก ประกอบด้วย วิทยาเขตบางพระ คณะเกษตรศาสตร์บางพระ วิทยาเขตจันทบุรี วิทยาเขตจักรพงษ์ภูวนารถ และวิทยาเขตอุเทนถวาย 4.ม.เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ประกอบด้วย วิทยาเขตพณิชยการพระนคร วิทยาเขตเทเวศร์ วิทยาเขตโชติเวช วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ และวิทยาเขตพระนครเหนือ 5.ม.เทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ประกอบด้วย วิทยาเขตเพาะช่าง วิทยาเขตบพิตรพิมุข จักรวรรดิ วิทยาเขตศาลายา และวิทยาเขตวังไกลกังวล 6.ม.เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ประกอบด้วย วิทยาเขตภาคพายัพ วิทยาเขตเชียงราย วิทยาเขตน่าน วิทยาเขตลำปาง วิทยาเขตตาก วิทยาเขตพิษณุโลก และสถาบันวิจัยและฝึกอบรมการเกษตรลำปาง 7.ม.เทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ประกอบด้วย วิทยาเขตภาคใต้ วิทยาเขตนครศรีธรรมราช วิทยาเขตศรีวิชัย คณะเกษตรศาสตร์นครศรีธรรมราช และคณะวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีการประมง 8.ม.เทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ประกอบ ด้วย วิทยาเขตนนทบุรี วิทยาเขตพระนครศรีอยุธยาวาสุกรี วิทยาเขตพระนคร ศรีอยุธยาหันตรา และวิทยาเขตสุพรรณบุรี และ 9.ม.เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ประกอบด้วย วิทยาเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วิทยาเขตสุรินทร์ วิทยาเขตกาฬสินธุ์ วิทยาเขตสกลนคร และสถาบันวิจัยและฝึกอบรมการ เกษตรสกลนคร. (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 16 ส.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)
เตรียมรับ ม.อัลอัสซาร์ ทางเลือกนักศึกษามุสลิม
รศ.ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยความคืบหน้าการจัดตั้งมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ว่า ขณะนี้ร่างพ.ร.บ.มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ได้ผ่านสภาผู้แทนราษฎรวาระ 1 แล้ว กำลังเข้าสู่ขั้นการแปรญัตติ ซึ่งเชื่อว่าภายในปีนี้ หรือต้นปี 2548 กฎหมายน่าจะเสร็จสมบูรณ์ แต่ในระหว่างที่รอให้กฎหมายมีผลใช้บังคับ ทางคณะทำงานจัดตั้งมหาวิทยาลัยก็ยังคงเตรียมการ เรื่องต่างๆ ไปเรื่อยๆ สำหรับกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศ ไปรับข้อเสนอจากมหาวิทยาลัยอัลอัสซาร์ ประเทศอียิปต์ ซึ่งจะเข้ามาจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทยเนื่องจากมหาวิทยาลัยดังกล่าว เป็นมหาวิทยาลัยที่คนไทยมุสลิมทางภาคใต้นิยมเดินทางไปเรียนค่อนข้างมากนั้น ถือเป็นเรื่องดีที่จะมีการร่วมมือกัน โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการคิดรูปแบบว่าจะเป็นการร่วมมืออย่างไร ซึ่งในเบื้องต้นคิดว่าอาจจะให้มาเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยนราธวาส ก็ได้ ส่วนโครงการยกฐานะวิทยาเขตปัตตานี ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(มอ.) ขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยเต็มรูปแบบ นั้น ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ ซึ่งจากข้อมูลรอบด้าน เห็นว่า มอ.ปัตตานี มีความพร้อมสูงมาก เพราะสามารถดำเนินการในรูปของวิทยาเขต และมีการขยายตัวจนมีจำนวนนักศึกษานับหมื่นคนมากว่า 20 ปี แล้ว เพราะฉะนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่ มอ.ปัตตานี จะเป็นมหาวิทยาลัยเต็มรูปแบบ (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 16 ส.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)
สกอ.ส่งระเบียบการวัดความรู้ให้ศูนย์สอบ ประกาศกระทรวงใช้จีพีเอ-พีอาร์เดิม
นายภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จัดพิมพ์ระเบียบการสอบวัดความรู้ เพื่อสมัครเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ครั้งที่ 1 ประจำปี 2548 เรียบร้อยแล้ว จำนวน 300,000 ชุด และพร้อมจัดส่งให้ศูนย์รับสมัครฯ คาดว่าจะเพียงพอกับความต้องการของผู้สมัครแน่นอน โดยในส่วนกลางและต่างจังหวัดจะขายใบสมัครในวันที่ 25 ส.ค. ถึงวันที่ 1 ก.ย. รับสมัครวันที่ 28 ส.ค. ถึงวันที่ 1 ก.ย. สอบวิชาหลักและวิชาเฉพาะ วันที่ 9 -24 ต.ค. และแจ้งผลสอบวันที่ 29 พ.ย.นี้ ส่วนกรณีที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ได้สรุปข้อเสนอต่อนายอดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ เกี่ยวกับการใช้ค่าคะแนนเฉลี่ยสะสมระดับมัธยมปลายหรือจีพีเอ และค่าตำแหน่งลำดับที่หรือพีอาร์ ในการสอบคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา ปีการศึกษา 2548 ให้กลับมาใช้สัดส่วนตามเดิมคือจีพีเอ 5% และพีอาร์ 5% ทั้งนี้ นายอดิศัยได้ให้ความเห็นชอบไปแล้วนั้น สำหรับความคืบหน้ากรณีดังกล่าว นายภาวิช กล่าวว่า หลังจากที่ สกอ.ได้เสนอข้อมูลต่างๆ ต่อนายอดิศัยและได้รับความเห็นชอบแล้ว เมื่อเร็วๆนี้ รมว.ศธ.ก็ได้เกษียนหนังสือส่งมาให้ สกอ.เพื่อเตรียมประกาศ ศธ.ใหม่ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว โดยมีใจความสำคัญว่า ในการสอบคัดเลือกปีการศึกษา 2548 จะใช้ค่าจีพีเอ 5% ค่าพีอาร์ 5% เหมือนปีที่ผ่านมา ส่วนในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อสถาบันอุดมศึกษาปีการศึกษา 2549 จะใช้การคัดเลือกบุคคลโดยไม่ใช้ระบบการสอบกลาง ซึ่งจะใช้ระบบแอดมิชชั่นแทน ซึ่งรายละเอียดการรับสมัครนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัยจะเป็นผู้กำหนด และจะมีการนำร่องการใช้ระบบแอดมิชชั่นในปีการศึกษา 2548 และในประกาศฉบับใหม่ก็จะไม่มีข้อความว่าใช้น้ำหนักคะแนนจีพีเอ 100% ด้าน นายวิจิตร ศรีสอ้าน ประธานกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ในวันที่ 19 ส.ค.นี้ กรรมาธิการการศึกษาฯ จะเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลระบบแอดมิชชั่นอีกครั้ง เพื่อจะได้สรุปและเสนอแนะต่อฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยเร็วต่อไป (ไทยรัฐ อังคารที่ 17 ส.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
มะกันวิกฤติเยาวชนเมิน"วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์"
สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ หรือเอ็มไอที เป็นหนึ่งในหลายสถาบันการศึกษาทั่วสหรัฐ ที่มีนักศึกษาสมัครเข้าเรียนวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ลดลง สะท้อนความกังวลที่เพิ่มขึ้น เกี่ยวกับแรงงานเทคโนโลยี และความเป็นผู้นำของประเทศมหาอำนาจทางเทคโนโลยีแห่งนี้ นักศึกษาใหม่ระดับปริญญาตรีของเอ็มไอที เลือกลงเอกวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์น้อยกว่า 200 คน ซึ่งลดลงจาก 240 คนของปีที่แล้ว ภาควิชาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยรัตเจอร์ส ได้ปิดบางหลักสูตร และคาดว่า ยอดการลงทะเบียนเข้าเรียนวิชาเอกทางด้านนี้ทั้งหมดในปีนี้ จะอยู่ที่ระดับหลายพันคน น้อยกว่าเมื่อสองสามปีก่อน ซึ่งมีนักศึกษาลงทะเบียนเรียนทั้งสิ้นกว่า 6,500 คน นายซอล เลวี่ ประธานโครงการวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ระดับปริญญาตรี เปิดเผยว่า การลดลงอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากทัศนคติเกี่ยวกับอาชีพของนักศึกษา ที่มหาวิทยาลัยคาร์เนกี้ เมลลอน นักศึกษา 2,000 คน สมัครเรียนคณะวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ในปีนี้ ลดลงจาก 3,200 คน ในปี 2544 ที่มหาวิทยาแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์กเลย์ ตัวเลขนักศึกษาเอกวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ในฤดูใบไม้ผลิของปีนี้ น้อยกว่าปริญญาตรีทางด้านศิลปะอยู่ 226 คน แม้ว่าจะลดลงจาก 240 คนในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด จำนวนนักศึกษาระดับปริญญาตรีเอกวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ได้ลดลงตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา จาก 171 ช่วงปี 2543-2544 เหลือ 118 คนในปีที่แล้ว ปีเตอร์ ลี คณบดีคณะวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ของคาร์เนกี้ เมลลอน กล่าวถึง ความกังวลในเรื่องที่นักศึกษาระดับปริญญาตรีเอกวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ลดจำนวนลง ว่า อาจจะทำให้ดอกเตอร์ทางด้านนี้ลดลงด้วย "การที่มีผู้ให้ความสนใจเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์น้อยลง ทำให้การพัฒนาทางด้านนี้ช้าลง และอาจทำให้ประเทศสูญเสียความเป็นผู้นำในการวิจัยให้กับอินเดีย หรือจีน ช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา จำนวนดอกเตอร์ในสาขาวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรม ที่ผลิตได้ในสหรัฐ ลดลง และมีแนวโน้มว่า ตัวเลขดังกล่าวอาจจะลดลงต่อไป ขณะที่นักสังเกตการณ์ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า งานวิจัยในสหรัฐไม่โดดเด่นเท่าที่ควร (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 17 ส.ค. 47http://www.bangkokbiznews.com)
ร.ร.นานาชาติช่วยพัฒนาครู2ภาษา
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัด กระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับผู้แทนสมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทย เมื่อ วันที่ 16 ส.ค.ว่า ตามที่ ดร.อดิศัย โพธารามิก รมว. ศึกษาธิการ มีนโยบายให้วิเคราะห์เปรียบเทียบหลัก สูตรการเรียนการสอนของโรงเรียนนานาชาติ เพื่อนำ มาใช"เป็นแนวทางในการพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตรของโรงเรียนสองภาษา ซึ่งจากการหารือทางสมาคมโรงเรียนนานาชาติยินดีให้ความร่วมมือในการจัดอบรม เพื่อพัฒนาเทคนิคในการจัดการเรียนการสอนให้แก"ครูของโรงเรียนสองภาษาทั้งที่เป็นครูต่างชาติและครูคนไทย เนื่องจากในระยะยาวคนไทยเราน่าจะพึ่งตัวเองได้ด้วย ขณะเดียวกันตนได้ขอความอนุเคราะห์จาก ทางสมาคมฯในการจัดทำรายการทีวีจากชั้นเรียนของ โรงเรียนนานาชาติเพื่อนำไปเผยแพร่ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ หรือ ETV ซึ่งทางสมาคมฯก็รับที่จะไปพิจารณาคัดเลือกโรงเรียนต่อไป นอกจากนี้ยังได้มีการหารือถึงการประกันคุณภาพการศึกษา ซึ่งแต่เดิมจะมีการประเมินโดยสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) รวมถึงหน่วยงานภายนอกนั้น ทางสมาคมฯได้แสดงความจำนงที่จะเป็นแกนกลางในการประมวลหลักเกณฑ์และมาตรฐานต่าง ๆ ให้สอดคล้องกัน เพื่อจะได้ไม่เป็นการสร้างภาระให้แก"โรงเรียนนานาชาติที่ต้องถูกประเมินจากหลายหน่วยงาน (เดลินิวส์ อังคารที่ 17 ส.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)
มช.รับตรง4,317คน ชงโควตาพิเศษเพียบ
ผศ.อรรณพ คุณพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักทะเบียนและประมวลผล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เปิดเผยว่า ในปีนี้ มช.จะรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี รวม 6,461 ที่นั่ง โดยแบ่งสัดส่วนดังนี้ ระบบเปิดรับตรงจากโควตาภาคเหนือ 2,104 ที่นั่ง และโครงการพิเศษ 2,213 ที่นั่ง รวม 4,317 ที่นั่ง จากระบบการคัดเลือกของคณะกรรมการการอุดมศึกษา (ระบบเอนทรานซ์) อีก 2,144 ที่นั่ง ผอ.สำนักทะเบียนฯ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการจัดสรรโควตาภาคเหนือ รวม 2,104 ที่นั่งนั้น จัดให้กับนักเรียนจาก 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยจะทำการสอบวันที่ 25-27 ธ.ค.2547 ส่วนโครงการพิเศษ ที่คณะต่างๆ ดำเนินการรับเอง 1,558 ที่นั่ง ดำเนินการรับโดยสำนักทะเบียนและประมวลผล 655 ที่นั่ง จาก 9 โครงการ ดังนี้ โครงการรับนักเรียนที่มีผลการเรียนดีจากทุกโรงเรียนทั่วประเทศ 471 ที่นั่ง โครงการพัฒนาและส่งเสริมเยาวชนดีเด่นทางการกีฬา 79 ที่นั่ง โครงการร่วมผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท 30 ที่นั่ง โครงการวิศวะสู่ชุมชน 10 ที่นั่ง โครงการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ 45 ที่นั่ง โครงการบัณฑิตเพื่อชุมชน 3 ที่นั่ง โครงการสื่อสารมวลชนเพื่อสังคม 2 ที่นั่ง โครงการสื่อสารมวลชนสู่ชนบท 12 ที่นั่ง และโครงการนักคิดเพื่อสังคม3 ที่นั่ง อย่างไรก็ตาม ในส่วนการคัดเลือกจากการสอบเอนทรานซ์ ซึ่งจะรับทั้งสิ้น 2,144ที่นั่ง มช.จะเปิดจำหน่ายใบสมัคร ณ ศูนย์สอบทั่วประเทศ ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 1 ก.ย.2547 และจะเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.-24 ก.ย.2547 (สยามรัฐ อังคารที่ 17 ส.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)
นิติฯมธ.ไม่สนแอดมิชชั่น ปี 49 ขอเปิดรับตรง 100%
รศ.ดร.กำชัย จงจักรพันธ์ คณบดีคณะนิติ ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า ในปีการศึกษา 2548 คณะนิติศาสตร์ มธ. จะรับนักศึกษาใหม่ด้วยวิธีรับตรงมากขึ้น และลดการรับผ่านสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) หรือเอนทรานซ์ โดยจำนวนรับทั้งหมด 500 คน จะรับตรง 300 คน และรับผ่านเอนทรานซ์ 200 คน หลังจากนั้นในปีการศึกษา 2549 จะใช้วิธีรับตรงทั้งหมด เนื่องจากที่ผ่านมาทางคณะนิติศาสตร์ฯ ได้วิจัยพบว่า เด็กที่ผ่านการรับตรง จะมีผลสัมฤทธิ์ในการเรียนรู้ มีความรักในกฎหมาย จบหลักสูตรตามกำหนดเวลา และได้เกียรตินิยมมากกว่าเด็กที่ผ่านการเอนทรานซ์ ซึ่งสอดคล้องกับสมมุติฐานที่ว่า เด็กที่ผ่านเอนทรานซ์เลือกคณะวิชาได้ไม่ตรงกับความต้องการของตนเอง คณบดีคณะนิติศาสตร์ มธ. กล่าวต่อไปว่า ทางคณะจะปรับปรุงระบบการรับตรงให้มีประสิทธิ ภาพมากขึ้น เนื่องจากพบว่าแม้เด็กจะสมัครตรงเพราะตั้งใจจะเรียนกฎหมาย แต่ก็พบว่า บางครั้งเด็กอยากเรียนกฎหมายเพราะการแนะนำของพ่อแม่หรือได้ยินได้ฟังมาแล้วเกิดความสนใจ แต่เด็กไม่รู้ว่าในการเรียนกฎหมายต้องเรียนอะไรบ้าง หรือต้องมีบุคลิกอย่างไรบ้าง เช่น ต้องเป็นคนที่กล้าแสดงออก มีเหตุผล เป็นต้น ดังนั้นในปีหน้า ทางคณะจะจัดค่ายนักกฎหมาย หรือ Legal Camp เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการเรียนกฎหมายแก่นักเรียนและผู้ปกครอง เช่น จะเข้าเรียนคณะนิติศาสตร์ต้องสอบอะไรบ้าง เตรียมตัวอย่างไร อนาคตในวิชาชีพนี้เป็นอย่างไร นอกจากนี้จะให้รุ่นพี่ซึ่งมีประสบการณ์มาถ่ายทอดให้ฟังว่าการเรียนกฎหมายเป็นอย่างไร ซึ่งจะทำให้เด็กรู้ว่าความฝันกับโลกความเป็นจริงนั้นตรงกันหรือไม่. (เดลินิวส์พุธที่ 18 ส.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)
ประกาศผล ครูวิทย์ดีเด่นประจำปี 2547
สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยฯ ประกาศผลครูวิทย์ ดีเด่นประจำปี ประจำปี 2547 ได้แก่ ระดับประถมศึกษา มีนายพงษ์ศักดิ์ คำแพงอ้วน โรงเรียนวัดแสมดำ กรุงเทพมหานคร นางวารุณี โพธาสินธุ์ โรงเรียนสันป่าตอง (สุวรรณราษฎร์วิทยาคาร) จังหวัดเชียงใหม่ ระดับมัธยมศึกษา มีนายนิพนธ์ ศรีนฤมล โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร นางกานดา ช่วงชัย โรงเรียนแม่จันวิทยาคม จังหวัดเชียงราย นางพวงเพ็ญ พรประเสริฐผล โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย จังหวัดลำปาง และระดับอุดมศึกษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุนทร โสตพันธุ์ สาขาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จังหวัดสงขลา โดยจะมีพิธีมอบรางวัลในวันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เดือนตุลาคม 2547 จากบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (คมชัดลึก พุธที่ 18 ส.ค. 47 http://www.komchadluek.net)
อาชีวะเร่งพัฒนาครูนักวิจัย
นายวีระศักดิ์ วงศ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) ให้สัมภาษณ์เมื่อเร็วๆ นี้ว่า หลักการจัดการเรียนการสอนของสถาบันอาชีวศึกษา คือ ผู้เรียนเมื่อจบแล้วต้องทำงานได้ และในระหว่างเรียนก็ต้องสามารถทำงานได้เช่นกัน ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) กำลังพยายามปรับทัศนคติของผู้บริหารให้มีการบริหารจัดการแนวใหม่ ลดการบริหารงานด้วยเอกสาร และลดขั้นตอนการสั่งงานลงเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเพื่อให้มีเวลาคิดพัฒนาการเรียนการสอนและพัฒนาผู้เรียนให้มากขึ้น สิ่งที่ตนพยายามทำเพื่อให้อาชีวะฯ มีความก้าวหน้ายิ่งขึ้น ก็คือการให้ครูอาจารย์ในสังกัดทุกคนทำวิจัยอย่างง่ายเป็น เพราะเชื่อว่าหากทำวิจัยไม่ได้การคิดพัฒนาการเรียนการสอนก็เป็นเรื่องยาก และสิ่งที่เป็นปัญหาอย่างมากสำหรับครู อาจารย์ของ สอศ.ยังไม่เข้าใจการสอนแบบบูรณาการ การเรียนทางด้านอาชีวศึกษาคือการลงมือปฏิบัติ ไม่ใช่ยึดติดกับตำราหรือหนังสือมากเกินไป เพราะผู้เรียนจะต้องสามารถเอาความรู้ไปใช้ได้ทั้งในชีวิตประจำวัน และการทำมาหากิน หรือแม้แต่ครูอาจารย์ก็ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา อย่างที่นายกรัฐมนตรี และ รมว.ศึกษาธิการ บอกว่าครูต้องไม่รู้สึกเสียหน้า ต้องพร้อมที่จะเรียนรู้ไปพร้อมกับเด็ก โดยเชื่อว่าครูมีประสบการณ์และความรอบรู้จะสามารถเรียนรู้ได้เร็วกว่า ก็จะสามารถแนะนำนักเรียนได้ ซึ่งจะทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ นายวีระศักดิ์ กล่าว (สยามรัฐ พุธที่ 18 ส.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)
เฟ้นนร.หัวกะทิม.ต้น ร่วมแข่งวิทย์โอลิมปิก
เมื่อวันที่ 18 ส.ค. นางพรนิภา ลิมปพยอม เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และมูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (สอวน.) จะทำการคัดเลือกนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เพื่อเป็นตัวแทนนักเรียนไทยเข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขันวิทยาศาสตร์โอลิมปิกนานาชาติ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ครั้งที่ 1(The First International Junior Science Olympiad :IJSO) ระหว่างวันที่ 5-14 ธ.ค.2547 ณ ประเทศอินโดนีเซีย โดยขณะนี้ สพฐ.ได้ประสานให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศ ดำเนินการคัดเลือกนักเรียน ที่มีความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์จากโรงเรียนทุกสังกัด เพื่อเป็นตัวแทนระดับเขตพื้นที่ฯ เขตละ1 คน จากนั้นจะทำการคัดเลือกระดับประเทศในวันที่ 12 ก.ย.2547 สำหรับเนื้อหาวิชาที่ใช้ในการสอบแข่งขันคัดเลือกในครั้งนี้ประกอบด้วย วิชาคณิตศาสตร์ วิชาเคมี วิชาชีววิทยา และวิชาฟิสิกส์ โดยจะประกาศผลการสอบในวันที่ 20 ก.ย.2547 จากนั้นจะนำนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกระดับประเทศจำนวน 40 คน มาเข้าค่ายเพื่อคัดเลือกตัวแทนนักเรียนไทย จำนวน 6 คน และสำรอง จำนวน 4 คน รวม 10 คน ระหว่างวันที่ 30 ก.ย.-30 ต.ค.2547 เพื่อเตรียมความพร้อมตัวแทนนักเรียนไทยก่อนเดินทาง เข้าร่วมแข่งขันวิทยาศาสตร์โอลิมปิกนานาชาติต่อไป โดยรายการแข่งขันครั้งนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้แสดงความสามารถทางวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ อีกทั้งจะได้ประสบการณ์ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเวทีระดับโรงเรียน ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ระดับประเทศ และระดับชาติอีกด้วย (สยามรัฐ พฤหัสบดีที่ 19 ส.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)
กมธ.แนะ 10 ม.รัฐ นำร่องแอดมิชชั่น ใช้เกณฑ์เดียวกัน
ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมได้รับฟังเรื่องการเปลี่ยนแปลงการรับนิสิตนักศึกษาเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย โดยได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อคิดเห็น ซึ่งได้ข้อสรุปว่าในปีการศึกษา 2548 จะมีการเปลี่ยนแปลงโดยให้มีการนำร่องเรื่องการรับนักศึกษาแบบรับตรง ซึ่งมีมหาวิทยาลัยเข้าร่วม จำนวน 10 แห่ง ทั้งนี้ได้ให้มหาวิทยาลัยเป็นผู้กำหนดรายละเอียดในการคัดเลือกนักศึกษา ซึ่งทราบว่าขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดรายละเอียดที่ชัดเจน โดยในวันที่ 23 สิงหาคมนี้ จะมีการประชุมเพื่อหารือถึงรายละเอียดดังกล่าว ดังนั้นคงต้องรอฟังผลการประชุมวันที่ 23 สิงหาคมนี้ก่อน ที่ประชุมได้มีข้อเสนอ โดยหลักการเห็นว่าการรับนักศึกษาน่าจะเป็นหน้าที่ของมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งเป็นผู้กำหนด รวมทั้งมหาวิทยาลัยที่นำร่อง 10 แห่งนั้น หากต่างคนต่างดำเนินการอาจจะส่งผลเดือดร้อนต่อผู้สมัครได้ ดังนั้น ทั้ง 10 แห่งควรหารือและทำร่วมกัน เพื่อให้การดำเนินการครั้งเดียวใช้ได้กับการเข้าศึกษาต่อทุกแห่ง และประเด็นสุดท้าย คือ การพัฒนาระบบควรให้เกิดความยุติธรรมโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ไม่ควรที่จะดำเนินการเอง เพราะอาจเกิดปัญหาขึ้นมา เช่น ข้อสอบรั่ว นายวิจิตร กล่าวถึงความคืบหน้าการร่างกฎหมายกลาง เกี่ยวกับการดำเนินการทุจริตทางวิชาการ ว่า ขณะนี้กำลังให้ทางนักกฎหมายของมหาวิทยาลัย และสภาผู้แทนราษฎรร่วมกันร่างกฎหมายอยู่ ซึ่งจากการประชุมในวันนี้ก็ได้มีข้อเสนอของผู้ปกครองว่า ควรมีกฎหมายขึ้นมารองรับกรณีการทุจริตเกี่ยวกับฝ่ายจัดสอบ เช่น ข้อสอบรั่ว หรือจงใจทุจริตก็ควรมีการกำหนดโทษ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 20 ส.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
จุฬาฯ-ทอ.เปิดหลักสูตรพิเศษ เรียน 2 ปีได้รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต
รายงานข่าวจากภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แจ้งว่า ได้ร่วมมือทางวิชาการกับกองทัพอากาศ เปิดสอนหลักสูตรปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (ภาคนอกเวลาราชการ-ตอนเรียนพิเศษ) โดยมีเนื้อหาตามหลักสูตรของภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ (ภาคนอกเวลาราชการ) ซึ่งเปิดสอนตามปกติอยู่แล้ว ส่วนกองทัพอากาศจะให้การสนับสนุนทางวิชาการด้านอาจารย์พิเศษ วิทยากร รวมถึงการฝึกปฏิบัติงานและการศึกษาดูงานเพื่อเพิ่มประสบการณ์ทางวิชาการ อำนวยความสะดวกในด้านห้องเรียน ห้องสัมมนา ห้องสมุด ตลอดจนโสตทัศนูปกรณ์และการใช้ระบบสารสนเทศทางวิชาการต่างๆ การรับสมัครและสอบคัดเลือกผู้เข้าศึกษาในหลักสูตรนี้ ผู้สมัครสอบจะต้องเข้ารับการสอบโดยใช้ข้อสอบของโครงการหลักสูตรปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (ภาคนอกเวลาราชการ) มีคะแนนสอบ CU-TEP เทียบเท่า TOEFL ไม่ต่ำกว่า 400 คะแนน คุณสมบัติของผู้ที่จะเข้าศึกษา จะต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ในกรณีที่เป็นข้าราชการกองทัพอากาศหรือเหล่าทัพอื่น จะต้องมีชั้นยศตั้งแต่นาวาอากาศตรีหรือเทียบเท่าขึ้นไป ในกรณีที่เป็นพลเรือนทั่วไปจะต้องเป็นข้าราชการตั้งแต่ระดับ 6 หรือเทียบเท่าขึ้นไป หรือมีตำแหน่งบริหารในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจหรือภาคเอกชน และมีประสบการณ์ในการทำงาน หลังจากจบปริญญาตรีไม่น้อยกว่า 5 ปี เปิดรับข้าราชการกองทัพอากาศรุ่นละ 20 คน และผู้สมัครที่เป็นพลเรือนทั่วไป ตลอดจนข้าราชการจากเหล่าทัพอื่นๆ รุ่นละ 30 คน ใช้ระยะเวลาในการเรียน 2 ปี เริ่มเปิดรับสมัครนิสิตเข้าศึกษาตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 31 ส.ค. 2547 ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ โทร.0-2255-2154 หรือ 0-2218-7214 (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 20 ส.ค. 47 http://www.komchadluek.net)
มน.ให้โควตา ร.ร.ในฝัน
นายประจินต์ เมฆสุธีพิทักษ์ ผู้อำนวยการกองบริการการศึกษา มหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) เปิดเผยว่า ในปีการศึกษา 2548 มหาวิทยาลัยได้ให้โควตาพิเศษนักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนในโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งโรงเรียนในฝัน ใน 10 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ และพะเยา แบ่งเป็นจังหวัดละ 1 โรงเรียน โดยให้โรงเรียนคัดเลือกเด็กที่มีผลการเรียนดี 5 อันดับแรกของโรงเรียนทั้งสายวิทย์และสายศิลป์รวมกัน 5 คน เข้ามารับโควตาของมหาวิทยาลัย รวมทั้งสิ้น 50 คน "มหาวิทยาลัยกำหนดให้โรงเรียนส่งรายชื่อเด็กเข้ารับโควตาตั้งแต่เดือน ส.ค.-24 ก.ย.นี้ จากนั้นจะนำเด็กมาสอบวัดความรู้ทั่วไป หากเด็กสอบผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนด จะให้เลือกคณะเข้าเรียนตามที่ต้องการ ด้านมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นางจุไร เกิดควน เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ แจ้งว่า คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะเปิดสอบคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีภาคปกติ ในโครงการเพชรนนทรีจำนวน 300 คน โดยผู้สมัครต้องมีสัญชาติไทยและกำลังเรียนชั้น ม.6 มีเกรดเฉลี่ยรวมไม่ต่ำกว่า 2.50 และเกรดเฉลี่ยในวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา และคณิตศาสตร์ ไม่ต่ำกว่า 2.75 โดยผู้สอบได้ลำดับ 1-20 จะได้รับทุนการศึกษาตลอดหลักสูตรจำนวน 60,000 บาทต่อคนต่อปี รับสมัครตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 31 ส.ค.นี้ สอบถามได้ที่โทร.0-2579-5527 ต่อ 501-3, 0-2942-8637 ต่อ 501-3 (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 20 ส.ค. 47 http://www.komchadluek.net)
มหาวิทยาลัย ตบเท้าเปิด รับตรง ลองของก่อนใช้แอดมิชชั่น 49
ศ.นพ.ดร.พรชัย มาตังคสมบัติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ปีการศึกษานี้ มหิดลจะใช้ระบบรับตรง ในระดับปริญญาตรีและต่ำกว่าปริญญาตรี ทั้งระบบโควตาทั่วไป ระดับปริญญาตรี 1,122 คน อนุปริญญา 155 คน ในหลักสูตรของคณะต่างๆ ของมหิดล และ 4 วิทยาลัย รวมทั้งสถานบันสมทบวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ กรุงเทพฯ และวชิรพยาบาล ระบบโควตาวิทยาเขต/พื้นที่ จะรับสมัครซึ่งให้สิทธิกับนักเรียนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดที่มีวิทยาเขตของมหิดล ระดับปริญญาตรี 554 คน และอนุปริญญา 40 คน และระบบโควตาในโครงการร่วมผลิตแพทย์ชนบท อีก 96 คน นักเรียนที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.mahidol.ac.th.muthai ศ.ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว)เปิดเผยว่าในปีนี้ มศว จะรับนิสิตโดยการสอบตรงถึง 50% และรับจากระบบเอนทรานซ์อีก 50% ซึ่งมากกว่าปีที่แล้ว เข้าศึกษาต่อใน 9 หลักสูตร 35 วิชาเอก จากคณะแพทย์ศาสตร์ เภสัชศาสตร์พยาบาลศาสตร์ สหเวชศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ พลศึกษา มนุษยศาสตร์ ศิลปกรรมศาสตร์ ศึกษาศาสตร์สังคมศาสตร์ และสถาบันพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวม 1,145 คน มศว จะเปิดรับนิสิตด้วยระบบรับตรง ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่30 ก.ย.2547 หรือโทรสอบถามรายละเอียดที่ 0-26641000 ต่อ 5716 ,5717 และ5665 และที่ http:admission.swu.ac.th/ ในส่วนของ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดรับตรงถึง 1,190 คน ใน 8 คณะ ดังนี้ นิติศาสตร์ 300 คน รัฐศาสตร์ 105 คน พาณิชยศาสตร์และการบัญชี 375คน เศรษฐศาสตร์ 120 คน สังคมสงเคราะห์ศาสตร์ 120 คน สังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มธ.ศูนย์ลำปาง 50 คน พยาบาลศาสตร์ 80 คน และสถาปัตยกรรมศาสตร์ 40 คน โดยรับสมัครทางอินเตอร์เน็ต ที่ http://www.regofe.tu.ac.th หรือที่ http://www.tu.ac.th ระหว่างวันที่ 1-15 ก.ย.2547 ด้านจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะรับตรงเป็น คณะแพทยศาสตร์ 100% ส่วนคณะอื่นๆ นั้นรอดูท่าทีอีกสักระยะ ขณะที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่มหาวิทยาลัยจัดสรรที่นั่งไว้กว่า 4,317 คนดังนี้ ระบบโควตาภาคเหนือ 2,104 ที่นั่ง โครงการพิเศษที่คณะ ต่างๆ ดำเนินการรับเอง 1,558 ที่นั่ง และจากโครงการพิเศษของสำนักทะเบียนและประมวลผล 655 ที่นั่ง ได้แก่ โครงการรับนักเรียนที่มีผลการเรียนดี จากทั่วประเทศ 471 ที่นั่ง โครงการพัฒนาและส่งเสริมเยาวชนดีเด่นทางการกีฬา 79 ที่นั่ง โครงการร่วมผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชนบท 30 ที่นั่ง โครงการวิศวะสู่ชมชน 10 ที่นั่ง โครงการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ 45 ที่นั่ง โครงการบัณฑิตเพื่อชุมชน 3 ที่นั่ง โครงการสื่อสารมวลชนเพื่อสังคม 2 ที่นั่ง โครงการสื่อสารมวลชนสู่ชนบท 12 ที่นั่ง และโครงการนักคิดเพื่อสังคม 3 ที่นั่ง โดยรับสมัครตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 24 ก.ย.2547 หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.reg.cmu.ac.th (สยามรัฐ ศุกร์ที่ 20 ส.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)
มหิดลจัดโรดโชว์รับตรงนศ.
ม.มหิดล จัดกิจกรรม Road Show ประชาสัมพันธ์การรับตรง นักศึกษาทั่วประเทศ โดยเริ่มวันอาทิตย์ที่ 22 ส.ค.นี้ ที่รร.นครสวรรค์ นำกิจกรรมแนะนำ มหาวิทยาลัยมหิดล ทางเลือกแห่งอนาคต และการอภิปราย เรื่อง มหิดลยุคใหม่สู่อนาคตแห่งการพัฒนา โดยจะมีอาจารย์แนะแนว และตัวแทนนักเรียนจาก 172 โรงเรียน ใน 7 จังหวัด ได้แก่นครสวรรค์ พิษณุโลก อุทัยธานี ตาก กำแพงเพชร ชัยนาท และสิงห์บุรี, วันพุธที่ 25 ส.ค. ที่คณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล ถ.พระราม 6 (ติดกับ ร.พ.รามาธิบดี) กรุงเทพฯ, วันเสาร์ที่ 28 ส.ค. ที่ ม.มหิดล กาญจนบุรี, วันพุธที่ 1 ก.ย. ที่ ม.มหิดล ศาลายา จ.นครปฐม, วันศุกร์ที่ 3 ก.ย. ที่รร.สุรนารี จ.นครราชสีมา, วันเสาร์ที่ 4 ก.ย. ที่รร.กัลยาณวัตร จ.ขอนแก่น, วันอาทิตย์ที่ 5 ก.ย. ที่รร.เบญจะมะมหาราช จ.อุบลราชธานี, วันศุกร์ที่ 10 ก.ย. ที่รร.ศรียาภัย จ.ชุมพร, วันเสาร์ที่ 11 ก.ย. ที่ รร.เบญจมราชูทิศ จ.นครศรีธรรมราช, วันอาทิตย์ที่ 12 ก.ย. ที่ รร.หาดใหญ่วิทยาลัย จ.สงขลา, วันอาทิตย์ที่ 12 ก.ย. ที่รร.ยุพราชวิทยาลัยจ.เชียงใหม่ (สยามรัฐ ศุกร์ที่ 20 ส.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)
เผยรายชื่อ 16 นักเรียนแข่งขันคณิตฯนานาชาติ
นางพรนิภา ลิมปพยอม เลขาธิการคณะกรรม การการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้คัดเลือกตัวแทนนักเรียนเข้าร่วมการแข่งขันคณิต ศาสตร์นานาชาติ ระดับประถมศึกษา Elementary Mathematics International Contest ครั้งที่ 2 ซึ่งจะแข่งขันวันที่ 7-12 ก.ย. 47 ณ เมืองลักซ์นาว ประเทศอินเดียนั้น ขณะนี้ได้มีการคัดเลือกเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยใช้หลักเกณฑ์คัดเลือกจากโรงเรียนที่มีนักเรียนประสบความสำเร็จเป็นตัวแทนการแข่งขันคณิต ศาสตร์โลก ระดับประถมศึกษา ครั้งที่ 8 จำนวน 3 ทีม และนักเรียนที่ผ่านการแข่งขันและได้รับรางวัลในเวทีต่าง ๆ อีก 1 ทีม รวม 4 ทีม ๆ ละ 4 คน รวมทั้งหมด 16 คน ซึ่ง สพฐ. จะจัดค่ายการเรียนคณิต ศาสตร์สู่ความเป็นสากลให้แก่นักเรียนที่เข้าร่วมการแข่งขันต่อไป เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า สำหรับรายชื่อนักเรียนที่ได้รับคัดเลือก ได้แก่ ด.ญ.ณัฐนิช มาตระกุล ด.ญ.สิรภัทร สุกใส ด.ช.จักรพงษ์ ตะเคียนงาม โรงเรียน อนุบาลนครราชสีมา จ.นครราชสีมา, ด.ช.ชลธิศ มหากุศลศิริกุล โรงเรียนราชวินิต กรุงเทพฯ, ด.ช.วรณ ปัญโญวัฒนกุล โรงเรียนวัดพลับพลาชัย กรุงเทพฯ, ด.ช.วีรภัทร พัฒนศรี โรงเรียนสุพรรณภูมิ จ.สุพรรณ บุรี, ด.ช.เชต เขมะคงคานนท์ โรงเรียนสฤษดิเดช จ.จันทบุรี, ด.ช.วรนาถ ดวงจำปา โรงเรียนอนุบาลศรีสะเกษ, ด.ช.ณัฐวุฒิ ทารพันธ์, ด.ญ.ณัฐนิชา เทพพรพิทักษ์, ด.ญ.ชยธิญา หลีเจริญ โรงเรียนอนุบาลสุธีธร จ.นครปฐม, ด.ช.รัฐพล ธวัชพงศ์ธร โรงเรียนปราโมชวิทยารามอินทรา กรุงเทพฯ, ด.ช.พศิน มนู รังษี โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย, ด.ช.ธิปก รักอำนวยกิจ โรงเรียนมารีย์อนุสรณ์ จ.บุรีรัมย์, ด.ช.อธิภูริ์ กิตติไกรรัตน์ โรงเรียนอัสสัมชัญสมุทรปราการ และ ด.ช.กวิน วรสง่าศิลป์ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย (ฝ่าย ประถม) กรุงเทพฯ. (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 20 ส.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)
มูลนิธิซิเมนต์ไทยจัดประกวดศิลปะ ดึงเยาวชนร่วมเสนอผลงาน 6 สาขา
รายงานข่าวจากมูลนิธิซิเมนต์ไทย แจ้งว่า เพื่อส่งเสริมเยาวชนที่มีความสามารถด้านศิลปะให้มีโอกาสได้แสดงผลงานต่อสาธารณชน และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง อีกทั้งเป็นการสนับสนุนให้เยาวชนมีความมุ่งมั่น พากเพียร ในการสร้างศิลปกรรมอย่างประณีตและสร้างสรรค์ สามารถก้าวไปสู่ระดับสากลได้อย่างภาคภูมิ มูลนิธิซิเมนต์ไทย จึงจัดประกวด "Young Thai Artist Award 2004" รางวัลศิลปะเพื่อเยาวชน ครั้งแรกในประเทศไทย หวังค้นหาศิลปินรุ่นใหม่ใน 6 สาขา ได้แก่ จิตรกรรม ประติมากรรม ดุริยกวี วรรณกรรม ภาพยนตร์ และภาพถ่าย ชิงรางวัลกว่า 1,800,000 บาท สำหรับรายละเอียดการส่งผลงานเข้าประกวดแตกต่างกันไปตามสาขา กล่าวคือ สาขาจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพถ่าย ผู้ส่งผลงานต้องอายุ 18-25 ปี ส่งผลงานพร้อมกรอกใบกำกับผลงานและสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ได้ตั้งแต่วันที่ 1-6 พ.ย. ส่วนสาขาวรรณกรรม ต้องเป็นเยาวชนอายุ 18-25 ปี ส่งผลงานภายในวันที่ 31 ต.ค. สาขาดุริยกวี ผู้ส่งผลงานต้องมีอายุระหว่าง 20-35 ปี สาขาภาพยนตร์ เยาวชนจะต้องมีอายุไม่เกิน 27 ปี ทั้งสองสาขาส่งผลงานได้จนถึงวันที่ 6 พ.ย. สำหรับคณะกรรมการคัดเลือกผลงาน ประกอบด้วยศิลปินผู้ทรงคุณวุฒิในแขนงนั้นๆ ผู้แทนจากสถาบันอุดมศึกษาและสมาคมที่เกี่ยวข้อง ประกาศผลรางวัลชนะเลิศในเดือน ก.พ. 2548 ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยผู้ชนะเลิศในแต่ละสาขาจะได้รับเงินรางวัลคนละ 300,000 บาท รวมทั้งรับทุนการศึกษาตามระเบียบของมูลนิธิซิเมนต์ไทย จนจบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้วย ผู้สนใจสามารถเข้าชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.siamcementfoundation.org หรือ สอบถามที่โทร.0-2586-5506 (คมชัดลึก อาทิตย์ที่ 23 ส.ค. 47 http://www.komchadluek.net)
มหิดลเปิดรับแพทย์ผลงานเด่น เข้ารับรางวัล "มหิดล-บี บราวน์"
มหาวิทยาลัยมหิดลเปิดรับเสนอชื่อแพทย์ผลงานดีเด่นเข้ารับรางวัล มหาวิทยาลัยมหิดล-บี บราวน์ เพื่อการแพทย์และสาธารณสุขไทย ประจำปี 2548 ตั้งแต่บัดนี้ถึง 30 พ.ย. 2547 เพื่อสนับสนุนและเชิดชูบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ทั้งของภาครัฐและเอกชนในประเทศไทย ศ.ดร.ศรีสิน คูสมิทธิ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า รางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล-บี บราวน์ จัดตั้งขึ้นโดยความร่วมมือของมหาวิทยาลัยมหิดล และบริษัท บี บราวน์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและเชิดชูบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ทั้งของภาครัฐและเอกชนในประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถดีเด่นเป็นที่ยอมรับและได้อุทิศตนบำเพ็ญประโยชน์แก่วงการแพทย์และสาธารณสุขไทยอย่างจริงจังและสม่ำเสมอ เพื่อให้ประชาชนชาวไทยมีสุขภาพดี โดยริเริ่มให้รางวัลตั้งแต่ปี 2536 และปีนี้เป็นปีที่ 13 ซึ่งผู้ที่ได้รับการพิจารณาให้ได้รับรางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล-บี บราวน์ จะได้รับรางวัลเป็นเงินสดจำนวน 700,000 บาท (เจ็ดแสนบาทถ้วน) และจะได้เข้ารับพระราชทานโล่และประกาศนียบัตรประกาศเกียรติคุณในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยมหิดลปีนี้ด้วย รองอธิการบดี ฝ่ายวิจัย ม.มหิดล กล่าวด้วยว่า ผู้ที่จะได้รับการเสนอชื่อ ต้องมีคุณสมบัติดังนี้คือ เป็นแพทย์ชาวไทย หรือชาวไทยผู้ปฏิบัติงานทางการแพทย์ อาจเป็นบุคคลเดียว หรือกลุ่มบุคคลก็ได้ มีถิ่นพำนักอยู่ในประเทศไทย เป็นผู้อยู่ในกรอบแห่งจริยธรรม-จรรยาบรรณของวิชาชีพ และมีผลงานที่ปฏิบัติในประเทศไทย ได้รับการยอมรับในวงการวิชาชีพ มีความดีเด่นด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ หรือวิทยาศาสตร์การแพทย์ ภายใต้ขอบข่ายด้าน Surgical Techniques หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ Medical Treatment, Basic Biomedical Research, Preventive and Rehabilitative Medicine เป็นต้น เสนอชื่อและผลงาน โดยจัดทำเป็นเอกสารลับจำนวน 15 ชุด ส่งไปที่ผู้อำนวยการกองบริหารงานวิจัย สำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ถนนพุทธมณฑล สาย 4 จ.นครปฐม 73170 ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 30 พ.ย. 2547 ผู้สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ กองบริหารงานวิจัย สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โทร.0-2849-6240-6 http://www.mahidol.ac.th (คมชัดลึก อาทิตย์ที่ 23 ส.ค. 47 http://www.komchadluek.net)
ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
ใช้คลื่นความถี่วิทยุรักษาตาคนแก่ ไม่ต้องผ่าตัดกลับดีเหมือนหนุ่มสาว
รายงานข่าวจากสหรัฐฯแจ้งว่า การรักษาสายตาที่เสื่อมลง เนื่องจากความแก่ชราวิธีใหม่ ได้ใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุ ยิงผ่านหัวตรวจเล็กๆที่กดลงบนเปลือกตา นานด้วยเวลาไม่ถึง 7 นาที ทำให้สายตากลับดีขึ้นเหมือนกับตอนยังหนุ่มสาว มันช่วยให้แก้วตากลับมีกำลังรวมแสงดีขึ้น โดยที่ไม่ต้องมีการศัลยกรรมลอกต้อเลย วิธีรักษาวิธีนี้ยังเชื่อว่า เหนือกว่าการทำศัลย-กรรมแบบเลสิก ซึ่งใช้ลำแสงเลเซอร์ปรับปรุงสภาพของลูกตา อาจารย์วิชาจักษุวิทยาของโรงเรียนแพทย์ มหาวิทยาลัยทูเลน หมอมาร์เกอไรท์ แมคโดนัลด์ กล่าวว่า "มันเหมือนกับมีอะไรมาช่วยรัดรอบๆ กระจกตาให้แน่นกระชับขึ้น ตรงกลางของกระจกตาจะนูนขึ้น ดังนั้น จึงทำให้มันรวมแสงได้ดีขึ้น". (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 16 ส.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
รัสเซียอ้างพบซากยานมนุษย์ต่างดาวบนทุ่งกว้าง ในดินแดนไซบีเรีย
คณะนักวิจัยของรัสเซียซึ่งเรียกตนเองว่า เป็นคณะของมูลนิธิปรากฏการณ์ธรรมชาติ "ทุ่งกุสกา" ได้กล่าวอ้างว่า ได้พบสิ่งซึ่งเป็นเครื่องมือของมนุษย์ต่างดาว ซึ่งช่วย บอกให้รู้ถึงเบื้องหลังของปรากฏการณ์ ลึกลับทางวิทยาศาสตร์ครั้งใหญ่ที่สุด แห่งศตวรรษที่ 20 ที่ได้ทลายบริเวณที่เรียกว่าทุ่งกุสกาของป่าไซบีเรีย ราพณาสูร ลงเป็นบริเวณกว้างใหญ่ไพศาลถึง 800 ตารางไมล์ เมื่อ พ.ศ. 2451 ข่าวจาก สำนักข่าวอื่นยังขยายความว่า "เครื่องมือของมนุษย์ต่างดาว" ที่ถูกเก็บพบได้นั้น เป็น "อุปกรณ์ทางเทคนิค" และ "ก้อนของสิ่งที่เป็นโลหะก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง" ซึ่งจะได้นำชิ้นส่วนส่งไปพิสูจน์ที่ห้องปฏิบัติการต่อไป เหตุการณ์นั้น นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ทั่วไปเชื่อกันมานานแล้วว่า เกิดจากก้อนอุกกาบาตขนาดยักษ์ก้อนหนึ่งตกลงมาบนโลก แต่แทนที่จะตกถึงพื้น มันกลับระเบิดขึ้นก่อนตกถึงพื้น ถึงแม้ว่าผู้เชี่ยวชาญเรื่องอุกกาบาต จะไม่อาจหาคำอธิบายในเหตุการณ์นั้นได้ทั้งหมด แต่จากหลักฐานที่พอจะหาได้ รวมทั้งการทำแบบจำลองด้วยคอมพิวเตอร์อันทันสมัย และความรู้ทั่วๆไปในเรื่องหินอวกาศ ก็แทบทำให้ไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนใดสงสัยว่า จะเป็นอย่างอื่นไปได้เลย ทางด้านนักวิทยาศาสตร์ของฝ่ายตะวันตก นายเบนนี ไปเวอร์ นักวิจัยของมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล จอห์น มัวร์ ในอังกฤษ บอกว่า "ผมเกรงว่าจะเป็นการหลอกกันอย่างโง่ๆ เพราะเคยมีทีมของรัสเซียได้อวดอ้างมาก่อนนานแล้วว่า จะไปค้นหาเศษซากของยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวที่ไซบีเรีย และบัดนี้ก็เป็นอย่างที่อ้างไว้" (ไทยรัฐ อังคารที่ 17 ส.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
นักวิทย์โลกร่วมเวทีพรินเซสคองเกรส
เมื่อวันที่16 20 ส.ค. ณ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์จัดการประชุมวิทยาศาสตร์นานาชาติ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ครั้งที่ 5 ภายใต้หัวข้อ วิวัฒนาการของพันธุศาสตร์และผลกระทบต่อโลกโดยมีนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์กว่า 600 คน จาก 20 ประเทศร่วมประชุม ซึ่งแบ่งเป็นผู้บรรยายรับเชิญราว 90 คน รวมถึงศาสตราจารย์ แฮโรลด์ วาร์มัส นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลปี 2532 สาขาสรีรวิทยาและการแพทย์ ได้บรรยายในหัวข้อ พื้นฐานทางพันธุศาสตร์ของโรคมะเร็ง การประชุมดังกล่าวซึ่งโดยทั่วไปเรียกว่า "พรินเซสคองเกรส" นับเป็นเวทีที่นักวิทยาศาสตร์ไทย จะได้แสดงผลงานทางวิชาการและพบปะนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลก เพื่อก้าวทันความก้าวหน้าด้านพันธุกรรม ที่จะนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เทคโนโลยีชีวภาพ สิ่งแวดล้อม ตลอดจนศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งผลกระทบของสารเคมีต่อสารพันธุกรรม ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ นอกจากนี้ การประชุมย่อยหัวข้องานวิจัยด้านพันธุศาสตร์ในทางการแพทย์ ยังครอบคลุมถึงสาเหตุ การเกิดมะเร็งของอวัยวะต่างๆ งานวิจัยทางคลินิก รวมทั้งการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทันสมัยในการตรวจวินิจฉัย ติดตามโรค และการรักษาโรคมะเร็ง ตลอดจนงานวิจัยเกี่ยวกับการค้นพบและการพัฒนายาใหม่ๆ รวมถึงการนำเสนอผลงานวิจัยการค้นพบสารจากจุลชีพ ที่มีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็ง และให้มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น สร้างวิตามินชนิดต่างๆ หรือฮอร์โมนบางชนิดเพิ่มขึ้น และมีความต้านทานโรคเพิ่มขึ้น เป็นต้น ความรู้ล่าสุดจากการพัฒนาการใช้เทคนิคไมโครแอร์เรย์ เพื่อประเมินความปลอดภัยของสารเคมีในอาหารจากข้อมูลทางพิษวิทยา (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 17 ส.ค. 47http://www.bangkokbiznews.com)
ไบโอเทคตั้งองค์กรโพรโมตเทคโนโลยีจีเอ็มโอ เน้นเผยแพร่ข้อมูลแก้ภาพลักษณ์พืชดัดแปลงพันธุกรรม
ดร.สุทัศน์ ศรีวัฒนพงศ์ นักวิทยาศาสตร์อาวุโส ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ในปัจจุบันเทคโนโลยีชีวภาพมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะพืชดัดแปลงพันธุกรรม หรือจีเอ็มโอ แต่ยังมีข้อถกเถียงถึงความปลอดภัยจากการใช้เทคโนโลยีดังกล่าว ประกอบกับการที่ประชาชนขาดความเข้าใจ รวมถึงการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่คลาดเคลื่อน ทำให้ภาพลักษณ์ของพืชดัดแปลงพันธุกรรมกลายเป็นสิ่งที่ทำอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตและระบบนิเวศ จนส่งผลให้นโยบายการวิจัยและใช้ประโยชน์ในเรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจน จากสภาพปัญหาดังกล่าว ศูนย์พันธุวิศวกรรมร่วมกับองค์กรเอกชนไอซ่า (ประเทศไทย) รวมถึงองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้อง จัดตั้งสมาคมเทคโนโลยีชีวภาพสัมพันธ์ (Biotechnology Alliance Association :BBA, สทส.) โดย ดร.สุทัศน์ ศรีวัฒนพงศ์ เป็นนายกสมาคมเทคโนโลยีชีวภาพสัมพันธ์ วัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีชีวภาพในการพัฒนาประเทศ ตลอดจนสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยทางชีวภาพโดยอยู่บนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ และให้ความรู้แก่สาธารณชนทุกกลุ่มในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประโยชน์จากเทคโนโลยีชีวภาพ พร้อมทั้งการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารในการวิจัยและพัฒนาทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ จะติดตามการประเมินและการจัดการความเสี่ยงในประเด็นความปลอดภัยทางชีวภาพด้วย ทั้งนี้ คาดว่า ภายในเดือนกันยายนนี้จะจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยกิจกรรมในระยะเริ่มต้นจะจัดการสัมมนา พร้อมเปิดรับสมาชิกเพื่อสนับสนุนด้านเงินทุน รวมถึงจัดทำเอกสาร สื่อ แนะนำสมาคม พร้อมเผยแพร่ความรู้ไปยังประชาชนให้มีความเข้าใจร่วมกันในทุกภาคทุกระดับ ด้าน น.ส.ปณัฏฐา จันทร์ฉาย ผู้อำนวยการองค์การไอซ่า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ไอซ่าเป็นองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาข้อมูลของเทคโนโลยีชีวภาพอยู่แล้ว จึงได้เข้ามาร่วมกับศูนย์พันธุกรรมในการให้ความช่วยเหลือทางด้านเงินทุน รวมถึงสนับสนุนกิจกรรมด้านการประชาสัมพันธ์ พร้อมจัดทำข้อมูลข่าวสารจากในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงเจ้าหน้าที่จากองค์กรที่คอยให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ภาคประชาชน (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 17 ส.ค. 47http://www.bangkokbiznews.com)
ระบบสุริยจักรวาลแบบของเราไม่พบมีที่อื่นใดเหมือนกันอีก
นักดาราศาสตร์เปิดเผยว่า ระบบสุริยจักรวาลแบบของเรา อาจจะมีเพียงแห่งเดียวทั่วทั้งจักรวาล เพราะแม้แต่ค้นพบสุริยจักรวาลอื่นๆ ไม่น้อยกว่า 120 แห่ง แต่ก็ไม่มีใครซ้ำแบบกับของเราเลย สุริยจักรวาลอื่นที่ค้นพบล้วนแต่มีขนาดใหญ่โต ประกอบด้วยดาวเคราะห์บริวารที่เป็นก๊าซ และโคจรอยู่แวดล้อมใกล้ชิดกับดาวฤกษ์ ไม่เหมือนกับที่โลกของเรากับดาวเคราะห์บริวารเลย นักวิจัยทั้งของอังกฤษและสหรัฐฯต่างลงความเห็นว่า ดูท่าแล้วสุริยจักรวาลแบบของเรา คงจะมีเพียงแห่งเดียวเท่านั้น นักวิจัยกล่าวบอกต่อไปว่า "ในระบบสุริยจักรวาลของเรา ดาวเคราะห์ต่างๆ ต่างมีวงโคจรที่มีลักษณะเป็นวงกลม แต่ดาว เคราะห์ดวงโตใหญ่ในสุริยจักรวาลอื่น มีวงโคจรเป็นรูปวงรีจัด" พวกเขาแสดงความเห็นว่า หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็หมายความว่าพวกนักดาราศาสตร์ต้องเข้าใจผิดมานานว่า ดาวเคราะห์ทั้งหลายแหล่ต่างกำเนิดขึ้นแบบเดียวกัน พวกผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าดาวเคราะห์เกิดขึ้นจากกลุ่มฝุ่นละออง จากนั้นรวมตัวกันเป็นหิน เป็นก้อนหิน รวมกันเป็นกลุ่มก้อนขนาดเล็ก แล้วจึงค่อยรวมกันเป็นสิ่งซึ่งที่เป็นโลกของเรา (ไทยรัฐ พุธที่ 18 ส.ค. 47 http://www.thairath.co.th/thairath)
'เอฟดีเอ'อนุมัติอุปกรณ์ลอกลิ่มเลือด
บริษัทผลิตเครื่องมือแพทย์ในสหรัฐ ได้พัฒนาเครื่องมือขนาดจิ๋ว ที่มีลักษณะคล้ายกับที่เปิดขวดไวน์ ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญใช้สำหรับสอดเข้าไปตามเส้นเลือดสมองเพื่อดึงเอาลิ่มเลือดที่อุดตัน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะโรคเส้นเลือดสมอง และทำให้คนจำนวนมากต้องทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต อุปกรณ์ดังกล่าวได้ถูกนำไปใช้ทดสอบในโรงพยาบาล 25 แห่งทั่วสหรัฐ โดยมีคนไข้ 141 รายเข้ารับการรักษาด้วยวิธีการใหม่นี้ ดร.เกรย์ ดักไวเลอร์ แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย-ลอสแองเจลิส ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพของอุปกรณ์ในการใช้งานทดสอบกับผู้ป่วยกล่าวว่า ผู้ป่วยร้อยละ 40 ที่ได้รับการรักษาด้วยเทคนิคใหม่นี้ หลังนำลิ่มเลือดออกจากสมองได้เป็นผลสำเร็จแล้ว ช่วยให้พวกเขามีสภาพร่างกายดีขึ้น นอกจากนี้ผู้ป่วยยังฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว สามารถเคลื่อนไหว และพูดคุยได้ตามปกติขณะที่อยู่ห้องฉุกเฉิน ดร.ลอรี่ โกลด์สไตน์ ผู้อำนวยการศูนย์โรคโลหิตในสมอง แห่งมหาวิทยาลัยดุค ให้ความเห็นว่า แม้อย.สหรัฐ จะให้การรับรองก็ตาม แต่ยังไม่แน่ชัดว่าการบำบัดแนวใหม่นี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ป่วยสักกี่ราย เพราะไม่ใช่เทคนิคที่โรงพยาบาลทุกแห่งสามารถทำได้ อีกทั้งผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วยเทคนิคนี้ต้องเป็นผู้ป่วยที่มีลิ่มเลือดที่สามารถมองเห็น และใช้อุปกรณ์แยงเข้าไปถึง ซึ่งนับว่าเป็นข้อจำกัดสำคัญ ทั้งนี้ในการรักษา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้ท่อสวนเข้าไปทางขาหนีบ และชอนไชไปจนถึงเส้นเลือดแดง เพื่อย้อมสีสำหรับแสดงเส้นทางที่ชี้จุดที่มีการอุดตันของลิ่มเลือดอยู่ ซึ่งการทำงานดังกล่าวจำเป็นต้องใช้เจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญสูง (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 18 ส.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
ไวแม๊กซ์ (WIMAX)
WIMAX นั้นเป็นระบบไร้สายโดยใช้คลื่นความถี่ระดับไมโครเวฟ ประมาณ 10 ถึง 66 GHz และออกแบบมาใช้ในเมืองที่มีผู้คนอยู่หนาแน่น นักเทคโนโลยีจึงเรียก เทคโนโลยีนี้แต่แรกว่า Worldwide Interoperability or Microwave Access หรือเรียกสั้นๆว่า Wimax หรือไวแม๊กซ์ ซึ่งต่อไปถึง การใช้เป็นระบบบรอดแบนด์ (broadband) ไวแม๊กซ์สามารถมีรัศมีทำการได้ถึง 31 ไมล์ หรือประมาณ 50 กิโลเมตร ซึ่งแก้ปัญหาจุดอับของสัญญาณได้ดีกว่า โดยที่เมื่อเปรียบเทียบกับไวไฟ มีรัศมีทำการ 100 เมตรเท่านั้น ส่วนบลูทูธ Bluetooth ที่เราใช้กับโทรศัพท์มือถือนั้นมีรัศมีแค่ 10 เมตร หรือ 30 ฟุตเท่านั้นเอง (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 19 ส.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)
ยานสำรวจพบดวงจันทร์บริวารใหม่
องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งสหรัฐ (นาซา) แถลงถึงการค้นพบดวงจันทร์ใหม่ 2 ดวงบริวารของดาวเสาร์ ผลงานจากการปฏิบัติภารกิจของยานสำรวจอวกาศ โดยดวงจันทร์ใหม่นี้ อาจมีขนาดเล็กที่สุด เท่าที่เคยเห็นโคจรรอบวงแหวนของดาวเคราะห์ดวงนี้ เผยการค้นพบนี้ อาจช่วยบ่งบอก ถึงประวัติความเป็นมา ของเหล่าบริวารของดาวเสาร์ รวมถึงบอกจำนวนของดาวหาง ที่อยู่นอกระบบสุริยจักรวาล ดวงจันทร์ดังกล่าวมีขนาด 3 กิโลเมตรและ 4 กิโลเมตร ตามลำดับ และมีตำแหน่งอยู่ห่างจากศูนย์กลางของดาวเสาร์ประมาณ 194,000 กิโลเมตร และ 211,000 กิโลเมตร ดวงจันทร์ใหม่นี้ปรากฏตัวอยู่ระหว่างวงโคจรของดวงจันทร์สองดวงที่ได้แก่ ไมมาส และเอนคาลาดัส ซึ่งตั้งตามชื่อเทพเจ้ากรีกโบราณ ก่อนหน้านี้ นักดาราศาสตร์ได้สำรวจพบว่า ในวงแหวนของดาวเสาร์มีดวงจันทร์โคจรอยู่ถึง 31 ดวง เมื่อรวมกับที่พบใหม่อีกสองดวงทำให้ดาวเสาร์มีบริวารมากขึ้น 33 ดวง สำหรับดวงจันทร์ล่าสุดที่พบนี้ ได้รับการตั้งชื่อตามรหัสการค้นพบว่า S/2004 S1 และ S/2004 S2 โดยนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า S/2004 S1 เคยถูกถ่ายภาพโดยยานอวกาศวอยยาจเจอร์เมื่อ 23 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในเวลานั้นเรียกว่า S/1981 S14 ดวงจันทร์ทั้งสองนี้ถูกพบครั้งแรกโดย ดร.เซบัสเตียน ชานนอซ ร่วมกับ ดร.แอนเดร บราฮิค สมาชิกทีมถ่ายภาพจากมหาวิทยาลัยปารีส (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 19 ส.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
ชี้โลกอีก 100 ปี ถูกคลื่นร้อนเผา ยุโรป-สหรัฐแย่
นักวิทยาศาสตร์ศูนย์วิจัยชั้นบรรยากาศแห่งชาติ สหรัฐ ใช้โมเดลคอมพิวเตอร์ที่ชื่อว่า "พาแรลเลล ไคลเมท โมเดล" ช่วยทำนายรูปแบบของสภาพภูมิศาสตร์ที่จะได้รับผลกระทบจากคลื่นความร้อนในอนาคต พบว่าพื้นที่ได้รับผลกระทบสูงสุด ได้แก่ ยุโรปบางส่วนและอเมริกาเหนือ ซึ่งจะเผชิญสภาวะวิกฤติอย่างรุนแรงในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 21 โดยตัวการที่เร่งให้เกิดวิกฤติการณ์ดังกล่าวคือ ก๊าซเรือนกระจก ที่มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้คลื่นความร้อนแพร่กระจายในชั้นบรรยากาศหนาแน่นขึ้น ส่งผลโดยตรงต่อแถบเมดิเตอร์เรเนียนและสหรัฐทางตอนใต้และตะวันตก ขณะที่ฝรั่งเศส เยอรมนี และคาบสมุทรบอลข่าน คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากคลื่นความร้อนสูงเช่นกัน สาเหตุที่นักวิจัยเลือกทำโมเดลยุโรปและอเมริกาเหนือ เนื่องจากเกิดคลื่นความร้อนรุนแรงในชิคาโกเมื่อเดือน ก.ค. 2538 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตราว 739 ราย และในกรุงปารีสเมื่อเดือน ส.ค. 2546 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตประมาณ 15,000 ราย ดังนั้น ทีมงานจึงเลือกจุดพยากรณ์ที่อยู่ใกล้กับสองเมืองดังกล่าว และพบว่าในศตวรรษที่กำลังจะมาถึง ปริมาณคลื่นความร้อนในปารีสจะเพิ่มราว 31% และในชิคาโกราว 25% นอกจากนี้ จากการวิเคราะห์พฤติกรรมคลื่นความร้อนในช่วงปี 2623-2642 พบว่าคลื่นความร้อนที่รุนแรงจนทำให้เกิดสภาพอากาศร้อนในชั่วขณะหนึ่งจะกินเวลายาวนานกว่าเดิม โดยชาวปารีสจะเผชิญหน้ากับคลื่นความร้อนที่คาดว่าจะขยายตัวยาวนาน 8.33-12.69 วัน ไปจนถึง 11.39-17.04 วัน ส่วนชิคาโกจะขยายจาก 5.39-8.85 วัน ไปเป็น 8.5-9.24 วัน (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 19 ส.ค. 47 http://www.komchadluek.net)
อินเดียเป็นมหาอำนาจเดินอวกาศส่งยานอวกาศ โคจรพาดข้ามขั้วโลก
สำนักข่าวอินโด-เอเชียนของอินเดียกล่าวว่า องค์การวิจัยอวกาศอินเดีย ได้เสร็จสิ้นการเตรียมการจะส่งยานอวกาศในปีหน้านี้ ยานอวกาศสร้างขึ้นเพื่อใช้ทดลองทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ ในสภาพไร้น้ำหนัก ซึ่งจะทำให้อินเดียมีฐานะเท่าเทียมกับชาติต่างๆ 6 ชาติ ในฐานะชาติมหาอำนาจ การเดินทางอวกาศ อันมี สหรัฐฯ ฝรั่งเศส รัสเซีย ญี่ปุ่น จีน และสหภาพยุโรป โฆษกขององค์การอวกาศอินเดียกล่าวว่า จะส่งยานอวกาศหนัก 500 กก. ซึ่งจะเก็บกลับคืนได้ เข้าสู่วงโคจรข้ามขั้วโลก ในระยะสูงจากโลก 650 กม. เพื่อทำการทดลองการหลอมโลหะวัตถุผสมขึ้นและจุลชีพ ในสภาพไร้น้ำหนัก เป็นเวลานานหนึ่งเดือนเศษ "แล้วจะได้บังคับให้ยานกลับลงผ่านชั้นบรรยากาศ และลงบนพื้นอย่างปลอดภัย เพื่อจะได้เก็บข้อมูลจากแคปซูล และนำแคปซูลกลับไปใช้ใหม่อีก".(ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 20 ส.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
กรมวิทย์ถ่ายทอดเทคนิคตรวจอาหารจีเอ็ม กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เปิดบริการ
นายแพทย์สมทรง รักษ์เผ่า อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีชีวภาพในการดัดแปรพันธุกรรมหรือจีเอ็มโอ (Genetically Modified Organisms, GMOs) เป็นการตัดต่อเอายีนของสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่งที่ไม่เคยผสมพันธุ์กันได้ในธรรมชาติมาใส่ เพื่อให้เกิดคุณสมบัติตามต้องการ เทคโนโลยีดังกล่าวมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และนำมาใช้ผลิตอาหารดัดแปรพันธุกรรม (Genetically Modified Food : GMF) จำนวนมาก แต่ยังไม่มีการวิจัยชี้ชัดเจนว่า การบริโภคอาหารจีเอ็มเป็นเวลานานจะมีอันตรายต่อร่างกายหรือไม่ บางประเทศจึงออกระเบียบเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค เช่นเดียวกับประเทศไทยที่มีประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 251(2545) เรื่องการแสดงฉลากอาหารที่ได้จากเทคนิคการดัดแปรพันธุกรรม หรือพันธุวิศวกรรม (จีเอ็มโอ) ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จัดตั้งห้องปฏิบัติการกลาง ทำหน้าที่ตรวจวิเคราะห์อาหารที่ผ่านการตัดแต่งทางพันธุกรรม เพื่อให้บริการตรวจวิเคราะห์อาหารที่ผ่านการดัดแปรพันธุกรรมในผลิตภัณฑ์ข้าวโพดและถั่วเหลือง ทั้งที่จำหน่ายในประเทศและส่งออกรวม 22 รายการ พร้อมทั้งบริการถ่ายทอดเทคโนโลยีในการตรวจวิเคราะห์อาหารจีเอ็มให้กับเจ้าหน้าที่ในห้องปฏิบัติการทั้งรัฐและเอกชน เพื่อเพิ่มศักยภาพของห้องปฏิบัติการภาคเอกชน ให้ตรวจวิเคราะห์องค์ประกอบอาหารเหล่านี้ได้เป็นมาตรฐานเดียวกัน สำหรับนำเสนอเป็นข้อมูลให้ผู้บริโภค ถือเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคด้วย (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 20 ส.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
นาซ่าพบบริวารใหม่ดาวเสาร์ ช่วยไขปริศนาประวัติดวงจันทร์บริวาร
องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งสหรัฐ (นาซ่า) เผยยานสำรวจอวกาศส่องพบดวงจันทร์ดวงใหม่ 2 ดวง ซึ่งเป็นบริวารของดาวเสาร์ และอาจเป็นดวงจันทร์ที่มีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่เคยเห็นโคจรรอบวงแหวนของดาวเคราะห์ดวงนี้ โดยการค้นพบนี้อาจช่วยบอกจำนวนของดาวหางที่อยู่นอกระบบสุริยจักรวาลได้ ดวงจันทร์ดังกล่าวมีขนาด 3 กิโลเมตร และ 4 กิโลเมตร ตามลำดับ และมีตำแหน่งอยู่ห่างจากศูนย์กลางของดาวเสาร์ประมาณ 194,000 กิโลเมตร และ 211,000 กิโลเมตร ดวงจันทร์ใหม่นี้ปรากฏตัวอยู่ระหว่างวงโคจรของดวงจันทร์สองดวง ได้แก่ ไมมาส และเอนคาลาดัส ซึ่งตั้งตามชื่อเทพเจ้ากรีกโบราณ ก่อนหน้านี้ นักดาราศาสตร์ได้สำรวจพบว่า ในวงแหวนของดาวเสาร์มีดวงจันทร์โคจรอยู่ถึง 31 ดวง เมื่อรวมกับที่พบใหม่อีกสองดวง ทำให้ดาวเสาร์มีบริวารมากขึ้น 33 ดวง สำหรับดวงจันทร์ล่าสุดที่พบนี้ ได้รับการตั้งชื่อตามรหัสการค้นพบว่า S/2004 S1 และ S/2004 S2 โดยเชื่อว่า S/2004 S1 เคยถูกถ่ายภาพโดยยานอวกาศวอยยาจเจอร์เมื่อ 23 ปีก่อน ซึ่งในเวลานั้นเรียกว่า S/1981 S14 ดวงจันทร์ทั้งสองนี้พบครั้งแรกโดย ดร.เซบัสเตียน ชานนอซ ร่วมกับ ดร.แอนเดร บราฮิค สมาชิกทีมถ่ายภาพจากมหาวิทยาลัยปารีส ซึ่งระบุว่า การค้นพบครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นมาก โดยเฉพาะความรู้สึกเมื่อครั้งที่เขาเป็นคนแรกที่เห็นดวงจันทร์ดวงใหม่ในระบบสุริยจักรวาล ด้าน ดร.คาโรลิน ปอร์โก หัวหน้าทีมงานฝ่ายภาพ สถาบันวิทยาศาสตร์อวกาศ กล่าวว่า เป้าหมายหนึ่งของการส่งยานอวกาศไปศึกษาดาวเสาร์คือ การสำรวจหาบริวารใหม่ๆ ที่อยู่ในระบบของดาวเสาร์ การค้นพบครั้งนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งเรื่องหนึ่งในบรรดาสิ่งที่เราจะได้ค้นพบต่อไปในอีก 4 ปีข้างหน้าของการสำรวจดาวเสาร์ จากการค้นพบดวงจันทร์เหล่านี้ ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถรู้จำนวนที่แน่ชัดของดาวหางขนาดเล็กที่อยู่นอกระบบสุริยะได้ การรู้จำนวนของดาวหางนั้นถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจบรรดาดาวหาง ที่อยู่ในวงแหวนคอยเปอร์ที่อยู่ห่างออกไปจากดาวเนปจูน และยังช่วยให้เข้าใจประวัติศาสตร์ของดวงจันทร์บริวารของดาวเสาร์ด้วย ซึ่งพุ่งชนดวงจันทร์เหล่านี้จนกลายเป็นดวงจันทร์จิ๋วไปในที่สุด และดวงจันทร์ที่ถูกพุ่งชนจนแตกยับนี่เองที่กลายมาเป็นวงแหวนของดาวเสาร์ พอถึงระยะหนึ่ง วัตถุต่างๆ จึงกลับมารวมตัวเป็นดวงจันทร์อีก แต่ถ้าการพุ่งชนของดาวหางขนาดเล็กเป็นเรื่องที่เกิดไม่บ่อยนัก เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับดาวพฤหัส ดวงจันทร์ใหม่ที่พบนี้ก็น่าจะแคล้วคลาดมาตั้งแต่วันแรกของระบบสุริยะเช่นกัน (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 20 ส.ค. 47 http://www.komchadluek.net)
ข่าววิจัย/พัฒนา
เครื่องฟักไข่พลังงานแสงอาทิตย์
เครื่องฟักไข่พลังงานแสงอาทิตย์ผลงานของ นายชาญวิทย์ อุดมศักดิกุล นักศึกษาปริญญาโทสายวิชาเทคโนโลยีพลังงาน คณะพลังงานและวัสดุ ที่ได้ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมานี้ ได้นำเอาพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดมาใช้แทนพลังงานไฟฟ้าในการฟักไข่ เครื่องฟักไข่พลังงานแสงอาทิตย์ประกอบด้วยแผงโซลาเซลล์ หรือที่เรียกกันว่าแผงเซลล์แสงอาทิตย์ จำนวน 6 แผง ทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้าโดยเก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ในแบตเตอรี่ ในกรณีที่ไม่มีแสงแดด หรือฝนตก แบตเตอรี่สามารถสำรองพลังงานได้ถึง 3 วัน อุปกรณ์อีกตัวคือ เครื่องทำน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ จะทำหน้าที่ผลิตน้ำร้อนและน้ำร้อนที่ได้จะถูกนำไปเก็บไว้ในถังเก็บน้ำร้อน อุปกรณ์ที่สำคัญอีกตัวคือ เครื่องฟักไข่ ซึ่งสามารถฟักไข่ได้มากถึง 720 ฟอง สำหรับหลักการทำงานนั้น เริ่มจากเครื่องทำน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ทำหน้าที่ผลิตน้ำร้อนอุณหภูมิอยู่ในช่วง 50-70 องศาเซลเซียส เพื่อนำไปเป็นแหล่งความร้อนในการฟักไข่ จากนั้นแผงโซลาเซลล์จะทำหน้าที่เป็นแหล่งจ่ายกระจายไฟฟ้าให้กับปั๊ม น้ำซึ่งทำหน้าที่ดึงน้ำจากถังเก็บน้ำร้อน พัดลมที่ติดตั้งไว้ใต้ชั้นวางไข่จะกระจายลมร้อนเข้าสู่เครื่องฟักเพื่อใช้ฟักไข่ ในการฟักไข่จะควบคุมอุณหภูมิให้ อยู่ในช่วง 37.7-38.0 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการฟักไข่ ถ้าอุณหภูมิสูงหรือต่ำกว่าช่วงอุณหภูมิที่ควบคุมไว้ เครื่องควบคุมอุณหภูมิจะทำหน้าที่ตัด/ต่อกระแสไฟฟ้าให้พัดลมและปั๊มน้ำหยุด หรือทำงาน เพื่อให้อุณหภูมิภายในเครื่องคงที่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังได้สร้างเครื่องกลับไข่อัตโนมัติโดยตั้งเวลาให้เครื่องกลับไข่ทุก 1 ชั่วโมง โดยการฟัก 1-18 วันแรกจะฟักไข่ในถาดฟัก จากนั้นย้ายไข่ฟักลงสู่ถาดเกิดใช้เวลาอีกประมาณ 3 วันลูกไก่ก็จะเริ่มเจาะเปลือกไข่ออกมา ซึ่งใช้เวลารวมทั้งสิ้น 21 วัน ผู้สนใจสามารถสอบถามได้ที่ กลุ่มวิจัยระบบพลังงานสะอาด คณะพลังงานและวัสดุ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โทร. 0-2470-8626. (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 16 ส.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)
ไบโอดีเซลไขมันปาล์ม แปรรูปวัตถุดิบทำสบู่มาเป็นน้ำมัน
นางมณีรัตน์ ปัญญพงษ์ เจ้าหน้าที่กองประชาสัมพันธ์ ได้นำผลงานเกี่ยวกับการวิจัยไบโอดีเซลจากไขน้ำมันปาล์ม ของ อาจารย์กุณฑล ทองศรี แห่งภาควิชาวิศวกรรมเครื่องจักรกล คณะวิศวกรรมและเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลมาเผยแพร่ ในแนวความคิดของ อาจารย์กุณฑล ที่นำไขน้ำมันปาล์มมาวิจัย เนื่องจากว่า บ้านเรามีการปลูกปาล์มมากพอสมควร หากว่าความต้องการ ที่จะใช้น้ำมันปาล์มมาเป็นเชื้อเพลิง ก็จะไม่มีปัญหาในเรื่องวัตถุดิบ งานวิจัยชิ้นนี้จะผิดกับผลงานอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่ที่เห็น มักจะเอาน้ำมันปาล์ม มาผสมกับน้ำมันดีเซล แต่ ทฤษฎีของอาจารย์กุณฑลนั้น จะเอาไขน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ มาใช้เป็นเชื้อเพลิง ไขน้ำมันปาล์มนี้ส่วนใหญ่ จะใช้กับอุตสาหกรรมสบู่ เนื่องจากจะแข็งตัวในอุณหภูมิปกติ แต่มาใช้ใน กระบวนการไบโอดีเซล จะต้องนำมาผ่านกระบวนการละลาย ด้วยความร้อน จึงค่อยนำไปผสมกับน้ำมันดีเซล ในอัตราส่วนที่เหมาะสม จึงสามารถลดปริมาณน้ำมันดีเซลได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่มีข้อกังขาว่า ไบโอดีเซลจากไขน้ำมันปาล์มว่าน้ำมันจะมีการแข็งตัว ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการผ่านเข้ากับท่อไอเสีย ก็จะลดการแข็งตัวได้ น้ำมันไบโอดีเซลสูตรนี้เหมาะสำหรับใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลรอบต่ำ อย่างเช่นพวกเครื่องกลการเกษตร เครื่องยนต์เรือ เป็นต้น ผลงานวิจัยนี้นับว่าเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า แทนที่จะใช้ไขน้ำมันปาล์มเพียงแค่สบู่ธรรมดา ยังมาใช้เป็นพลังงานที่มีคุณค่าทางการเกษตรได้ ผู้สนใจอยากได้ข้อมูล ติดต่ออาจารย์กุณฑล ทองศรี ได้ที่ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลเกษตร โทร. 0-6753-4235 หรือ 0-2549-3300-10 ในเวลาราชการ (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 16 ส.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
เอ็มเทคชูสหวิทยาการสร้างนวัตกรรม
รศ.ดร.ปริทรรศน์ พันธุ์บรรยงค์ ผู้อำนวยการ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ กล่าวในงานประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีวัสดุแห่งประเทศไทยครั้งที่ 3 (MSAT) ซึ่งจัดเป็นประจำทุก 2 ปีว่า การประชุมดังกล่าวเป็นเวทีสำหรับสนับสนุน และเปิดโอกาสให้นักวิจัยได้เผยแพร่ผลงาน ด้านเทคโนโลยีโลหะวัสดุ พร้อมทั้งนักวิจัยได้แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์เพื่อพัฒนาศักยภาพการแข่งขันให้ก้าวสู่เวทีในระดับโลกได้ในอนาคต นอกจากนี้ภายในงานเอ็มเทคยังจัดให้มีการประกวดผลงานบทความดีเด่นทางการวิจัยทั้งในระดับนักศึกษา และนักวิชาการ รวมถึง รางวัลการประกวดโปสเตอร์วิชาการ ทางด้าน โลหะ เซรามิค และโพลิเมอร์ อีกด้วย บทความงานวิจัยที่นักวิชาการและนักศึกษานำมาเผยแพร่ภายในงานรวมทั้งสิ้น 62 ผลงาน โดยแบ่งเป็นงานวิจัยด้านโลหะวัสดุ 21 ผลงาน ด้านเซรามิค 21 ผลงาน และงานวิจัยด้านโพลิเมอร์ 20 ผลงาน สำหรับผู้ที่คว้ารางวัลชนะเลิศการประกวดบทความ ในสาขาโลหะ ได้แก่ผลงาน Finite Element Modeling of P/M Die Compaction process และสาขาเซรามิค ได้แก่ผลงาน Aqueous-based Substrates Using Tape Casting Technique และสาขาโพลิเมอร์ ได้แก่ ผลงานบรรจุภัณฑ์รักษาความสดของผัก จากนักวิจัยจากเอ็มเทค ทั้งสิ้น รศ.ดร.ปริทรรศน์ มองว่า ในการพัฒนานวัตกรรมของประเทศจำเป็นต้องอาศัยความรู้และความเชี่ยวชาญจากสาขาต่างๆ โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี(สวทช.) มีหน่วยงานสำคัญอยู่ภายใต้สังกัด ได้แก่ ศูนย์ไบโอเทค เนคเทค นาโนเทค และเอ็มเทค ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความเกี่ยวข้องกันอย่างยิ่งในการพัฒนา นวัตกรรมต่างๆ อาทิ ทางผลิตวัสดุทางการแพทย์ ที่ต้องอาศัยงานวิจัยในแต่ละด้านมาประกอบเข้าด้วยกัน เพื่อเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการผลิตในด้านต่างๆ ของประเทศต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 16 ส.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
เสริมลูกเล่นเครื่องนับเวลาไฟจราจร แสดงตัวเลขไฟเหลืองเตือนผู้ขับขี่แตะเบรก
ผศ.มงคล ลี้ประกอบบุญ ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พัฒนาเครื่องแสดงผลเวลานับถอยหลังไฟจราจร สำหรับติดตั้งบริเวณสี่แยก เพื่อแสดงผลเวลาไฟจราจรว่ามีระยะเวลาเป็นเท่าใด โดยผลงานสามารถแสดงผลค่าตัวเลขของไฟจราจรได้ครบทั้ง 3 สี คือไฟแดง ไฟเหลือง ไฟเขียว นอกจากนี้ ยังแสดงผลของไฟเขียวสำหรับเลี้ยวขวาอีกด้วย ต่างจากเครื่องแสดงไฟจราจรที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ที่ไม่มีแสดงผลตัวเลขของไฟเหลือง "เครื่องแสดงผลเวลาเครื่องนี้สามารถแสดงผลได้เป็นเวลาสูงสุด 4 นาที 16 วินาที ทั้งยังสามารถเปลี่ยนแปลงค่าเวลาตามสัญญาณไฟจราจรได้โดยอัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องตั้งใหม่ หมายความว่า หากระบบควบคุมไฟจราจรหลักเปลี่ยนเวลาของการให้สัญญาณไฟ เครื่องจะเปลี่ยนการแสดงผลตามไปโดยอัตโนมัติ โดยที่ระบบไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับระบบควบคุมไฟจราจรหลักแต่อย่างใดวิชาวิศวกรรมไฟฟ้าสำหรับประโยชน์ของเครื่องนี้จะช่วยผู้ขับขี่ รู้ระยะเวลาของการให้สัญญาณไฟจราจรเป็นนาทีและวินาที ซึ่งต่างจากแบบที่ใช้อยู่ทั่วไปที่แสดงผลเฉพาะค่าเวลาเป็นวินาทีเท่านั้น ทั้งนี้ หลักการทำงานของเครื่องจะควบคุมด้วยไมโครคอนโทรลเลอร์ เก็บข้อมูลระยะเวลาของสัญญาณไฟโดยใช้เซนเซอร์ตรวจจับสัญญาณการติดของไฟ วัดระยะเวลาของสัญญาณไฟจราจรทุกสัญญาณ (ครบ 3 สี) นำมาเก็บไว้ในหน่วยความจำ จากนั้นจึงนำข้อมูลที่เก็บมานั้นมาแสดงผลในสัญญาณไฟจราจรรอบถัดไป ผศ.มงคล ยังเผยแนวคิดงานวิจัยชิ้นถัดไป จะพัฒนาการสั่งงานชุดควบคุมไฟจราจร โดยใช้เทคโนโลยีรีโมท เซ็นซิง (remote sensing) สามารถสั่งงานผ่านสายโทรศัพท์ และพัฒนาชุดควบคุมให้มีความฉลาดขึ้น สามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้ เก็บบันทึกข้อมูลการจราจรของแต่ละช่วงเวลาของแต่ละวัน แต่ละเดือนได้ เพื่อมาใช้คำนวณในการให้สัญญาณไฟจราจรที่เหมาะสม (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 17 ส.ค. 47http://www.bangkokbiznews.com)
นักวิทย์คิดค้นวิธีรักษาฉี่หนูด้วย'แอนติบอดี้'
ศ.ดร.วันเพ็ญ ชัยคำภา เมธีวิจัยอาวุโส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และทีมวิจัยจากคณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) ได้พัฒนาชุดตรวจวินิจฉัยโรคฉี่หนู (เลปโตสไปโรซีส) ซึ่งสามารถวินิจฉัยโรคฉี่หนูที่เกิดจากเชื้อได้ทุกสายพันธุ์ มีความไว ความจำเพาะและทราบผลได้ใน 2 ชั่วโมง โดยใช้หลักการตรวจหาส่วนประกอบเฉพาะของเชื้อฉี่หนูในตัวอย่างปัสสาวะหรือเลือดของผู้ป่วยขณะมีอาการ ซึ่งจุดเด่นของชุดตรวจสอบนี้คือ สามารถตรวจได้แม้จะเป็นระยะเริ่มป่วย ทำให้สามารถรับการรักษาได้รวดเร็ว โดยปัจจุบันโรงพยาบาลหลายแห่งที่มีอัตราผู้ป่วยสูงได้นำไปใช้แล้ว เช่น โรงพยาบาลขอนแก่น และจากความสำเร็จดังกล่าว คณะวิจัยกำลังเริ่มทำการวิจัยในระยะที่สอง ซึ่งประกอบด้วยการพัฒนาวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และการพัฒนาวัคซีนสำหรับป้องกันโรคฉี่หนูสำหรับสัตว์ ภายใต้การนับสนุนของ สกว. สำหรับการรักษาผู้ป่วยได้ใช้ยาปฏิชีวนะเป็นหลัก ซึ่งยังมีปัญหา เพราะขณะที่ผู้ป่วยกำลังมีอาการรุนแรง จะมีเชื้อแบคทีเรียอยู่ในกระแสเลือดและอวัยวะต่างๆ เป็นจำนวนมาก ยาปฏิชีวนะจะทำให้เชื้อแบคทีเรียแตกพร้อมๆ กัน ทำให้สารพิษในตัวเชื้อออกสู่ร่างกายผู้ป่วยเป็นปริมาณมากในเวลาเดียวกัน ส่งผลให้ผู้ป่วยที่ร่างกายอ่อนแออาจเสียชีวิตได้ ทีมวิจัยจึงได้พัฒนาเทคนิคใหม่ในการรักษาที่เรียกว่า การรักษาทางวิทยาภูมิคุ้มกัน (Immunotherapy คือการใช้สารที่เรียกว่า แอนติบอดี้ เข้าไปในร่างกายผู้ป่วยเพื่อให้เข้าไปจับกับเชื้อโรคฉี่หนู ส่งผลให้เชื้อดังกล่าวหยุดกิจกรรมต่างๆ แต่ไม่ทำให้เชื้อแตกจึงไม่มีการปลดปล่อยสารพิษเข้าสู่กระแสเลือด จึงเป็นวิธีที่จะช่วยชีวิตของผู้ป่วยได้เป็นจำนวนมาก โดยเชื้อที่ถูกหยุดกิจกรรมเหล่านี้จะถูกกำจัดโดยเม็ดเลือดขาวในร่ายกายในที่สุด ทั้งนี้ การพัฒนาเทคนิคใหม่นี้จะนำไปสู่การรักษาผู้ป่วยโรคฉี่หนูได้ในอีก 3 ปี (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 18 ส.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
ปริญญาเอกพัฒนาแบบจำลองทำนายมลพิษเชียงใหม่ล่วงหน้า
นายสุรชัย สถิตคุณารัตน์ นักศึกษาปริญญาเอก ปีที่ 3 สาขาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) ได้วิจัยเรื่อง "การศึกษา การปล่อย และการกระจายตัวของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ในเมืองเชียงใหม่" เมื่อพบว่าปัญหาจราจรติดขัดในเมือง เริ่มส่งผลต่อมลพิษในอากาศมากขึ้น ทีมวิจัยได้ทำการรวบรวมข้อมูลแหล่งปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ตามพื้นที่ต่างๆ อาทิ ข้อมูลสถิติจากเทศบาลนครเชียงใหม่ และกรมควบคุมมลพิษ และข้อมูลจากการจราจรบนถนน ซึ่งถือเป็นแหล่งกำเนิดหลักของมลพิษ ถึงร้อยละ 67 การเก็บข้อมูลนี้จำเป็นต้องใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์มาช่วยในการจัดเก็บ เนื่องจากไม่สามารถเก็บข้อมูลจริงได้ โดยใช้แบบจำลองทางด้านการทำนายการปล่อยมลพิษของกรมควบคุมมลพิษที่เรียกว่า Mobile Thai เพื่อใช้ทำนายมลพิษที่ปล่อยออกจากรถเทียบกับระดับของความเร็วรถ และแบบจำลองทางด้านวิศวกรรมจราจรและขนส่ง หรือ TRANPLAN ที่พัฒนาขึ้นสำหรับใช้ทำนายปริมาณการจราจรบนถนน จากนั้นทีมวิจัยได้พัฒนาแบบจำลองทางด้านอุตุนิยมวิทยาโดยประยุกต์จากแบบจำลอง RAMS ซึ่งยังไม่เคยมีผู้ใดทำมาก่อนในไทย เพื่อทำนายค่าความเร็วลมและทิศทางลม และยังได้พัฒนาแบบจำลองที่ใช้หาการแพร่กระจาย หรือทำนายความเข้มข้นของมลพิษที่ตำแหน่งต่างๆ แบบจำลองนี้จะเป็นแบบจำลองที่ใช้ข้อมูลการปล่อยมลพิษจากแหล่งต่างๆ และข้อมูลความเร็ว และทิศทางลมที่ได้จากแบบจำลอง RAMS มาใส่ในแบบจำลองนี้ เพื่อศึกษาการแพร่กระจายก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และเพื่อคำนวณความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ในที่ต่างๆ ขณะนี้ได้ทำการวิจัยไปแล้วประมาณ 65% และอยู่ระหว่างการทดลองเพื่อรอผลสุดท้าย ซึ่งคาดว่าจะสามารถทราบผลได้ในเร็วๆ นี้ (คมชัดลึก พุธที่ 18 ส.ค. 47 http://www.komchadluek.net)
เนคเทคให้ทุนนักวิจัยไทยกว่า 76ล้านบาท รวมทั้งโครงการมือถือ 3 G ในเมืองไทยของคณะวิจัยจาก 8 สถาบัน
ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ(เนคเทค)สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยว่า เนคเทคได้มอบทุนสนับสนุนโครงการวิจัย พัฒนาและวิศวกรรม ที่ผ่านการพิจารณาจาก คณะผู้เชี่ยวชาญและผ่านการพิจารณาคณะกรรมการบริหารศูนย์ฯ จำนวน 8 โครงการ รวมวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 76,839,089 บาท ซึ่งทุกโครงการที่ได้รับทุนสนับสนุนในครั้งนี้ เนคเทคได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเหมาะสมเพราะจะเกิดประโยชน์ สอดคล้องตามแนวทางการสนับสนุนการวิจัย และสามารถเชื่อมโยงงานวิจัยไปสู่เชิงพาณิชย์ในอนาคต สำหรับโครงการที่ได้รับการสนับสนุน เช่น โครงการพัฒนาระบบกลั่นกรองเว็บไซต์อนาจารอัตโนมัติของนางรพีพร ช่ำชอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม โครงการระบบไบโอเมตริก และฮาร์ดแวร์ประมวลผลของ ผศ.ดร.วุฒิพงศ์ อารีกุล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โครงการการพัฒนาระบบทำนายน้ำท่วมสำหรับการปฏิบัติการ-พื้นที่ศึกษา: ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ของ ผศ.ดร.สุทัศน์ วีสกุล สำนักวิชาวิศวกรรมโยธา สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย โครงการการพัฒนาระบบวิเคราะห์ทางไกลทางการแพทย์โดยอาศัยการสัมผัสของอุปกรณ์สร้างและตรวจวัดรวมแรงระยะทางสำหรับการวิเคราะห์โรคเกี่ยวกับก้อนผิดปกติในบริเวณช่องท้อง ปีที่ 2 ของ รศ.ดร.มนูกิจ พานิชกุล สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย และ โครงการชุดโครงการวิจัยและพัฒนาระบบโทรคมนาคมสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นที่ 3 หรือ ระบบโทรศัพท์ 3G :ระยะที่ 2 ศ.ดร.สวัสดิ์ ตันตระรัตน์ สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิริธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เป็นหัวหน้าชุดโครงการ และมีทีมนักวิจัยจากสถาบันต่างๆ เข้าร่วม 8 สถาบัน เป็นต้น (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 19 ส.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)
โยเกิร์ตมะเกี๋ยง มีคุณต่อร่างกาย
สถาบันวิจัยและฝึกอบรมการเกษตรลำปาง สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลได้ทำการศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารจากมะเกี๋ยงได้หลากหลายชนิด จากการศึกษาพบว่ามะเกี๋ยงอุดมไปด้วยวิตามินต่าง ๆ มากมาย คือ วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินอี ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย ที่สำคัญวิตามินเอในมะเกี๋ยงยังมีสูงกว่า กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม ทุเรียน มะปราง และมะละกอสุกเสียอีก และยังมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายถึง 11 ชนิด นอกจากน้ำมะเกี๋ยงพร้อมดื่มและไวน์มะเกี๋ยงแล้วสถาบันฯ ได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่และกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในขณะนี้ คือโยเกิร์ต มะเกี๋ยง ซึ่งเป็นการนำผลมะเกี๋ยงมา ใช้ในรูปของน้ำมะเกี๋ยงผสมในโยเกิร์ตพร้อมดื่มและเนื้อมะเกี๋ยงกวน ในการทำมะเกี๋ยงกวนนั้นใช้อัตราส่วนของเนื้อมะเกี๋ยงต่อน้ำตาลทรายต่อน้ำเท่ากับ 1:2:2 กวนที่อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส นาน 20 นาที แล้วนำมะเกี๋ยงกวนที่ได้มาผสมในโยเกิร์ตที่ปริมาณร้อยละ 20 ของเนื้อโยเกิร์ต ส่วนกรรมวิธีของการทำโยเกิร์ตเริ่มที่นำนมสดที่ผ่านการโฮโมจิไนซ์ น้ำตาล แป้ง ข้าวโพดมาละลายรวมกันใส่หม้อตุ๋นสองชั้น ตั้งไฟแรงพร้อมคนให้ส่วนผสมเข้ากันจนถึงอุณหภูมิ 60 องศาใส่หางนมแล้วคนอย่างเร็วจนอุณหภูมิ 85 องศา จากนั้นลดอุณหภูมิลงจนต่ำสุด เปิดฝาหม้อจับเวลาประมาณ 15 นาที ก่อนครบ 15 นาทีเติมวานิลลา พร้อมคนให้เข้าด้วยกันอีกครั้งหนี่ง ยกลงพร้อมทำให้เย็นโดยแช่หม้อน้ำในน้ำเย็นให้อุณหภูมิลดเหลือ 40-45 องศา เติมหัวเชื้อโยเกิร์ต ตักมะเกี๋ยงกวนที่เตรียม ไว้ใส่ถ้วยพลาสติกปริมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักบรรจุ จากนั้นนำไปบ่มที่อุณหภูมิ 42 องศา ประมาณ 4-5 ชั่วโมง แล้วนำไปแช่เย็นที่อุณหภูมิ 5 องศา 1 วัน โยเกิร์ตจะมีอายุประมาณ 7-10 วันหลังจากวันทำการผลิต ผู้สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ สถาบันวิจัยและพัฒนาการเกษตรลำปางสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ต.พิชัย อ.เมือง จ.ลำปาง โทร. 0-5432-2553 ในวันและเวลาราชการ (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 19 ส.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)
พิสูจน์คุณถุงลมนิรภัยด้านข้างรถสามารถป้องกันสมองบาดเจ็บ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการปฐมพยาบาลของสหรัฐฯ กล่าวเรียกร้องให้รถยนต์ติดถุงลมนิรภัยไว้ทางด้านข้างรถทุกคัน คิดคำนวณทางสถิติออกมาได้ว่าจะสามารถช่วยชีวิตหรือการบาดเจ็บสาหัส ปีหนึ่งๆได้ ไม่ต่ำกว่า 2,000 ราย นักวิจัยการแพทย์ของโรงเรียนแพทย์มหาวิทยาลัยโรเชสเตอร์ ได้พบในการศึกษาว่า ทั้งคนขับและคนอยู่ในรถยนต์ที่โดนชนด้านข้างมักจะได้รับบาดเจ็บที่สมองรุนแรง มากกว่าถูกชนแบบประสานงา หรือชนท้าย กว่ากันถึงสองเท่า และได้คำนวณพบว่า รถที่ได้ปรับปรุงการป้องกันศีรษะของผู้โดยสารดีขึ้น เช่น การติดถุงลมนิรภัยพิเศษ จะสามารถลดความรุนแรงของการบาดเจ็บที่สมอง ลงได้ถึง 61%. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 19 ส.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
โคมไฟส่องแผล พยาบาลต้นคิด ประหยัดถึง60เท่า
นางสาวอรพิน บุญพยัคฆ์ พยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ เจ้าของผลงานประดิษฐ์โคมไฟมหัศจรรย์ Safety Frog Light เปิดเผยว่า โรงพยาบาลประจำอำเภอจะได้รับการจัดสรรงบประมาณซื้อโคมไฟส่องเย็บแผลฉีกขาดภายหลังคลอดบุตรในห้องคลอดเพียง 1 อัน เมื่อมีหญิงตั้งครรภ์มาคลอดพร้อมกันหลายคนและจำเป็นต้องเย็บแผล จึงเป็นอุปสรรคต่อการทำงานเพราะขาดแคลนอุปกรณ์ บางครั้งไฟฟ้าดับก็ไม่สามารถใช้โคมไฟได้ พยาบาลที่ทำงานในห้องคลอด จึงหารือกันเพื่อหาวัตถุส่องสว่างในการเย็บแผลจากการคลอด โดยใช้โคมไฟเหมือนไฟฉาย แต่ชาร์จแบตเตอรี่ได้ไปส่องจับกบ มีจุดรวมแสงส่องสว่างดี จึงนำมาประยุกต์ใช้เวลาเย็บแผลหลังคลอดบุตร เรียกว่าโคมไฟมหัศจรรย์ Safety Frog Light เริ่มจากใช้โคมไฟคาดศีรษะเหมือนชาวบ้านใช้ส่องจับกบ แต่ส่องเย็บแผลไม่สะดวก จึงพัฒนาให้เป็นรูปแบบคล้ายพัดลมตั้งพื้น ปรับระดับความสูง ต่ำ หมุนซ้าย ขวา ได้ อำนวยความสะดวกในการเย็บแผลผ่าตัดในห้องคลอด ช่วยรัฐประหยัดงบประมาณ เนื่องจากราคาเพียง 400-500 บาท ซึ่งหากสั่งซื้อโคมไฟส่องเย็บแผลในห้องคลอด ราคาประมาณ 30,000 บาท ถูกกว่าถึง 60 เท่า และหากไฟฟ้าดับก็สามารถใช้งานได้ เพราะมีระบบชาร์จแบตเตอรี่สำรอง โดยผลงานนี้ ทางโรงพยาบาลราษีไศล จะนำเสนอในการประชุมวิชาการประจำปีกระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ 12 เมืองไทยสุขภาพดี วิถีพัฒนามั่นยืนระหว่างวันที่ 24 - 27 สิงหาคมนี้ ที่จังหวัดภูเก็ต (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 19 ส.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
แปรรูป..."สบู่นมแพะ''จากเครื่องดื่มเป็นเครื่องสำอาง
นายมนูญ แว่นแก้ว พนักงานพัฒนาธุรกิจ 7 ศูนย์ส่งเสริม การเรียนรู้ สนง.ปัตตานี บอกว่า "สบู่นมแพะเป็นผลิตภัณฑ์ จากกลุ่มแม่บ้านปูยุด อ.เมือง จ.ปัตตานี นำโดย นายอิสรามาน ดอเลาะ ที่เคยเดินทางไปประเทศออสเตรเลีย มาเลเซีย ซึ่งเห็นว่าประเทศดังกล่าว มีสบู่นมแพะขาย แต่การผลิตจะเป็นไป ในรูปแบบอุตสาหกรรม" ...และ ใช้เวลาลองผิดถูกอยู่นานกว่าจะออกมาเป็นก้อนสบู่ ในช่วง 3- 4 เดือนแรกจะให้สมาชิกในบ้านทดลองใช้ ผลที่ได้เห็นว่าทำให้ผิวหน้านวลเนียนใส สิว ฝ้าลดน้อยลง จึงเริ่มผลิตมากขึ้นและแจกจ่ายให้เพื่อนบ้านลองใช้บ้าง ปรากฏว่าได้รับผลตอบรับค่อนข้างดี จึงรวบรวมสมาชิกจัดตั้งกลุ่มขึ้น ปัจจุบันกลุ่มผลิตสบู่นมแพะ 3 แบบ คือสบู่ธรรมดา โยเกิร์ตนมแพะ และนมแพะผสมสมุนไพร โดยทีมงานขอนำ นมแพะผสมสมุนไพร มาเผยสูตร ซึ่งขั้นตอนการผลิต ใช้เวลาค่อนข้างมาก เพราะต้องการให้เป็นธรรมชาติที่สุด ทั้งนี้ ส่วนผสมจะมี นมแพะสด รีดมาใหม่ๆ 1 กก. นำไปนึ่งฆ่าเชื้อเป็นเวลา 4 ชม. ปล่อยทิ้งไว้ให้อุ่น ใส่ เห็ดหลินจือสกัด ได้น้ำเข้มข้น 1 ขีดน้ำผึ้งป่าซึ่งจะรับซื้อ จากสมาชิกในกลุ่มและชาวบ้าน 1/2 ขวดกลม ผสม น้ำมันทานตะวัน ดอกคำฝอย นิดหน่อย จากนั้น นำไปเคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ กระทั่งเริ่มเหนียวจับตัว เทใส่บล็อกไม้ทิ้งให้เย็น ตัดเป็นก้อนน้ำหนัก 75 กรัม ซึ่งอัตราส่วนดังกล่าวจะได้สบู่จำนวน 15-20 ก้อน ส่วนตลาดจะส่งขายในจังหวัดปัตตานี สงขลาและภูเก็ต โดยวันหนึ่งสามารถผลิตได้ 100-150 ก้อน ซึ่งสมาชิกในกลุ่มจะมีรายได้เฉลี่ย 3,500-5,000 บาท/เดือน (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 20 ส.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
เข็มขัดปรับบุคลิกภาพ ไอเดียนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์
นักประดิษฐ์รุ่นเยาว์ คิดค้นเข็มขัดปรับบุคลิกภาพ ส่งสัญญาณเตือนคนหลังค่อมให้นั่งตัวตรง เผยนำความรู้ด้านวงจรไฟฟ้า จากชั่วโมงวิทยาศาสตร์ มาประยุกต์ใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ผลงานคว้ารางวัลชนะเลิศ ประกวดสิ่งประดิษฐ์นักวิทยาศาสตร์น้อย จากงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2547 ด.ญ.ญาณิศา จรูญอุดมสมบัติ ร่วมกับด.ช.อาสา สุนทรการวิโรน์ และด.ช.ธนาธิป ธำรงลักษณ์รัตน์ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนวัดสีสุก สร้างเข็มขัดปรับบุคลิกภาพ ช่วยกระตุ้นความรู้สึกผู้สวมใส่ขณะนั่งหลังงอให้เปลี่ยนอริยาบทกลับมานั่งหลังตรงอีกครั้ง ด้วยการส่งสัญญาณเตือนผ่านเสียงกริ่ง และได้รับรางวัลชนะเลิศจากการประกวดสิ่งประดิษฐ์นักวิทยาศาสตร์น้อย ระดับประถมศึกษา ในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ประจำปี 2547 "สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ได้แรงบัลดาลใจมาจากการเห็นเพื่อนในห้องเรียนหลายคนนั่งหลังงอในขณะนั่งเรียนหนังสือ พอคุณครูเตือนให้นั่งหลังตรง เพื่อนก็จะค่อยยืดตัวขึ้นมาแต่จากนั้นอีกไม่เกิน 5 นาที ก็กลับนั่งหลังงอเหมือนเดิม พวกเราจึงได้รวมกลุ่มกันคิดวิธีแก้ปัญหาหลังงอ โดยมีคุณครูเป็นที่ปรึกษา จนได้ประดิษฐ์เข็มขัดปรับบุคลิกภาพจากอุปกรณ์ใกล้ตัว เพื่อปรับพฤติกรรมของเพื่อนในห้องให้นั่งหลังตรงอยู่ตลอดเวลา สิ่งประดิษฐ์รางวัลชนะเลิศนี้ใช้งบประมาณไม่เกิน 100 บาท เพราะพวกเขาหยิบฉวยสิ่งของเครื่องใช้ ที่อยู่รอบตัวมาประดิษฐ์ผลงานดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น เข็มขัดที่ใช้แล้ว ไม้บรรทัด กริ่งนาฬิกา นำมาต่อเข้ากับวงจรไฟฟ้าที่คุณครูสอนในชั่วโมงวิทยาศาสตร์ ถือเป็นการประยุกต์ใช้ความรู้จากห้องเรียนให้เป็นประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง นักประดิษฐ์รุ่นเยาว์ประสงค์ที่จะปรับปรุงเข็มขัดดังกล่าวให้แข็งแรงขึ้น โดยเปลี่ยนอุปกรณ์บางชิ้น เช่น ไม้บรรทัดที่ใช้ดามหลังให้เป็นแผ่นพลาสติกที่แข็งแรงกว่า และในส่วนของเสียงกริ่งสัญญาณเตือน ซึ่งบางครั้งอาจรบกวนสมาธิเพื่อนนักเรียน จึงจะตัดให้เหลือเพียงมอเตอร์สั่นเตือนเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ เข็มขัดปรับบุคลิกภาพจะจัดแสดงร่วมกับผลงานประดิษฐ์อื่นๆที่น่าสนใจ อาทิ ยุงลายหลงกล และเครื่องควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านทางโทรศัพท์ ภายในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ 47 ท้องฟ้าจำลอง กรุงเทพฯ ซึ่งในวันเสาร์ที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 20 ส.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
ทารกขาดธาตุเหล็กแนวโน้มไอคิวต่ำ
ผลการวิจัยในสหรัฐอเมริกา ระบุว่า การขาดธาตุเหล็กตั้งแต่วัยเด็กจะมีผลให้พัฒนาการการเรียนรู้ต่ำ ระบุธาตุเหล็กทำหน้าที่สร้างเยื่อหุ้มไมอีลินสำหรับหุ้มเส้นประสาท แถมยังช่วยสร้างสารโดปามีน สารสำคัญทำหน้าที่เป็นตัวส่งสัญญาณกระแสประสาทในสมอง ทำให้การทำงานของเซลล์สมองมีประสิทธิภาพ ศูนย์วิจัยเนสท์เล่ รายงานผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนของ ศ.เบ็ทซี โลซอฟ ผู้อำนวยการศูนย์การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ ที่ได้ติดตามการศึกษาในเด็กชาวคอสตาริกัน 191 คน ที่จัดอยู่ในครอบครัวชนชั้นกรรมกรถึงชนชั้นกลาง ช่วงอายุ 5 ปี, 11-14 ปี และ 15-17 ปี พบว่าเด็กเหล่านี้ซึ่งในช่วงเด็กเล็กขาดธาตุเหล็ก จะมีผลคะแนนทดสอบด้านการเรียนรู้ต่ำกว่าเพื่อนในรุ่นเดียวกัน ขณะที่เด็กที่มีปริมาณธาตุเหล็กปกติในช่วงของเด็กจะมีทักษะดีกว่า ผลทดสอบด้านการเรียนรู้ยังแสดงแนวโน้มที่แย่ลง เนื่องจากเด็กที่เคยขาดธาตุเหล็กมาก่อนไม่เพียงแต่จะได้คะแนนทดสอบน้อยกว่าเพื่อนๆ แต่ความห่างของคะแนนที่แตกต่างกันนั้นยังเพิ่มขึ้นตลอดเวลา โดยผลคะแนนปรากฏดังนี้ เด็กที่เคยขาดธาตุเหล็กอายุ 1-2 ปี จะได้คะแนนน้อยกว่าเด็กปกติ 6 คะแนน เมื่ออายุเพิ่มขึ้นเป็น 15-18 ปี ได้คะแนนทดสอบน้อยกว่าเด็กปกติ 11 คะแนน "ในการทดสอบ เราแบ่งคะแนนเป็น 3 กลุ่มคือ คะแนนสูง คะแนนปานกลางและคะแนนต่ำ โดยคะแนนของเด็กกลุ่มเป้าหมายหรือขาดธาตุเหล็กมีแนวโน้มลดลงเมื่อเวลาผ่านไปในทุกระดับ และไม่ว่าเด็กจะได้คะแนนทดสอบเริ่มต้นเท่าใดก็ตาม แนวโน้มของคะแนนที่ได้รับจะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น จึงบ่งชี้ว่าอาการที่เกิดจากภาวะขาดธาตุเหล็กนี้ได้แสดงให้เห็นต่อเนื่องไปจนถึงเมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้น การขาดธาตุเหล็กจึงควรป้องกันตั้งแต่วัยทารก" ศ.โลซอฟ กล่าว และเตือนว่า นมวัวและผลไม้ไม่ใช่แหล่งที่พบธาตุเหล็กสูง (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 20 ส.ค. 47
เปิดตัวแบตเตอรี่พลังพืช เล็งตั้งสถานีชาร์จไฟรถขสมก.
นายกฤษฎา กัมปนาถแสนยากร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เซลเลเนียม (ประเทศไทย) ได้กล่าวเปิดตัว แบตเตอรี่ชนิดใหม่ ที่ใช้กระบวนการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในการสร้างกระแสไฟฟ้าจากพืชที่ให้คาร์โบไฮเดรต แป้งและน้ำตาล โดยผลงานดังกล่าวบริษัทได้ร่วมคิดค้นกับ ดร.สปาซิเอียนเต้ นักวิทยาศาสตร์ผู้ทำการศึกษาคุณสมบัติของแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง "ความพิเศษของแบตเตอรี่ไฟฟ้าชีวภาพอยู่ที่ความสามารถในการกักเก็บไฟฟ้าจากน้ำยาเคมีหมุนเวียน รวมถึงการแปลงพลังงานไฟฟ้าโดยอาศัยสารชีวภาพจากพืชที่ให้คาร์โบไฮเดรต แป้งและน้ำตาล อาทิ อ้อย มันสำปะหลัง เป็นไฟฟ้าโดยตรง" ประธานกรรมการบริหารบริษัทเซลเลเนียมกล่าว นายกฤษฎากล่าวว่า แบตเตอรี่ของบริษัทมีอายุการใช้งาน 20 ปี โดยสามารถกักเก็บไฟฟ้าได้ถึง 85 เปอร์เซ็นต์ ต่างจากแบตเตอรี่ทั่วไปที่เก็บไฟฟ้าได้เพียง 60 เปอร์เซ็นต์ และยังสามารถส่งไฟฟ้ากระแสสลับไปยังครัวเรือนได้ทันที ขณะที่แบตเตอรี่ทั่วไปมักเป็นไฟฟ้ากระแสตรงเท่านั้น และผู้ใช้จำเป็นต้องหาซื้ออินเวอร์เตอร์มาแปลงไฟอีกทีหนึ่ง แบตเตอรี่นี้จะทำหน้าที่เป็นเสมือนสถานีจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับรถยนต์และเรือที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ามากกว่าเป็นเพียงแบตเตอรี่ที่ใช้เป็นแหล่งสำรองไฟฟ้าในรถยนต์อย่างที่ใช้งานกันอยู่ทั่วไป ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างทดลองทำเครื่องต้นแบบสำหรับนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์เพื่อพัฒนาใช้งานจริงกับรถและเรือโดยสารไฟฟ้า ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม "บริษัทได้นำร่องออกแบบและสาธิตการนำแบตเตอรี่ขนาด 30 กิโลวัตต์ ซึ่งเป็นตัวกลางในการกักเก็บไฟฟ้า ชนิดอัดและประจุไฟใหม่ได้ มาทดลองใช้กับรถโดยสารไฟฟ้ารุ่นใหม่ของบริษัทขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ(ขสมก.) ในอนาคต และคาดว่าจะสามารถเปิดตัวออกสู่ตลาดในรูปแบบเชิงพาณิชย์ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า โดยปัจจุบันได้รับความสนใจจากรัฐบาลเดนมาร์ก ญี่ปุ่นในการทาบทามซื้อเทคโนโลยีดังกล่าว" นายกฤษฎา กล่าว (กรุงเทพธุรกิจ อาทิตย์ที่ 22 ส.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
สิ่งประดิษฐ์ เอาใจเกษตรกร เครื่องผสม & เครื่องอัดเม็ด ปุ๋ยหมักชีวภาพ
เครื่องผสมปุ๋ยหมักชีวภาพและเครื่องอัดเม็ดปุ๋ยหมักชีวภาพ จึงถูกคิดค้นขึ้นเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดยเครื่องผสมปุ๋ยหมักชีวภาพ เกิดขึ้นจากภูมิปัญญาของนักศึกษา สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพระนครศรีอยุธยา หันตรา คือ นายสามารถ จิตธราปฐมาพงศ์ นายนิพนธ์ อินทร์แดน นายนิพนธ์ ชูยิ้ม ซึ่งมี อาจารย์อำนวย ทองคำ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา โดยรูปแบบตัวเครื่องนั้นจะเป็นแบบแนวนอน ข้างในตัวเครื่องจะมีมอเตอร์ และชุดเกียร์ทดทำงานควบคู่กันไป โดยมีส่วนที่ทำหน้าที่ผสมคล้ายตัวหนอน ดึงไปด้านซ้ายและขวาสลับกันเพื่อทำให้เนื้อปุ๋ยหมักที่ประกอบด้วย ปุ๋ยคอก รำอ่อน ขี้เถ้าแกลบ แกลบดิบ และใบไม้นั้นคลุกเคล้ากันได้ทั่ว แล้วจึงใส่น้ำหมักชีวภาพเข้าไป รอไว้สักพักจนน้ำหมักและส่วนผสมนั้นเลิกทำปฏิกิริยากันแล้วเปิดฝาด้านล่าง เอากระสอบมารองแล้วเตรียมนำเอาไปอัดเม็ดได้เลย เครื่องผสมนี้เน้นให้เกษตรกรสามารถใช้วัสดุที่มีอยู่มาใช้ได้ คือ เกษตรกรสามารถนำเครื่องรถจักรไถนามาใส่สายพานตรงชุดเกียร์ทดเพื่อใช้แทนมอเตอร์ได้อีกด้วย ส่วนอีกสิ่งประดิษฐ์หนึ่งที่ออกมาเพื่ออำนวยความสะดวกแก่เกษตรกรก็คือ เครื่องอัดเม็ดปุ๋ยหมักชีวภาพ จากการสร้างสรรค์ของนักศึกษาจากราชมงคลเช่นกัน คือ นายกิติศักดิ์ เพชรเกลอ นายจรัล ชูตระกูล และ นายวิทวัส คำสวัสดิ์ ซึ่งมี อาจารย์อำนวย ทองคำ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา โดยนำปุ๋ยหมักที่ผ่านการผสมแล้วนำมาใส่ด้านบนเครื่อง แล้วมอเตอร์ในเครื่องจะทำการอัดออกมาเป็นเม็ด โดยสามารถกำหนดขนาดของเม็ดที่ต้องการได้ แบ่งเป็น เบอร์ 6, 8, 10 และ 12 ซึ่งจากการทดสอบเครื่องนี้สามารถอัดเม็ดปุ๋ยหมักชีวภาพออกมาได้ถึง 650 กิโลกรัม ต่อชั่วโมง และต้นทุนการผลิตเครื่องก็มีราคาอยู่ที่เพียง 8,000 บาท เท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นเครื่องต้นแบบที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมจะมีราคาสูงถึง 1 แสนบาท เกษตรกรผู้ใดสนใจ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ อาจารย์อำนวย ทองคำ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพระนครศรีอยุธยา หันตรา ตำบลหันตรา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หมายเลขโทรศัพท์ (035) 242-554 ต่อ 138, (01) 447-8817 (เทคโนโลยีชาวบ้าน 15 ส.ค. 47 http://www.matichon.co.th/techno)
ข่าวทั่วไป
อังกฤษบังคับแจ้งส่วนผสม 12 ชนิด หวั่นสารปนเปื้อนอาหารก่อโรคภูมิแพ้
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า กระทรวงพาณิชย์ได้รับรายงาน จากสำนักงานส่งเสริมการค้าต่างประเทศ ณ กรุงลอนดอน ว่า ขณะนี้หน่วยงานมาตรฐานอาหาร (Food Standard Agency) ของอังกฤษได้ดำเนินการปรับปรุงกฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับฉลากสินค้าอาหาร (Food Labelling) โดยจะออกข้อบังคับให้ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอาหารทุกชนิด (Pre-packed food) รวมทั้งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เกินกว่า 1.2% ต้องระบุรายชื่อของส่วนผสมอาหาร ที่อาจเป็นสารก่อโรคภูมิแพ้แก่ผู้บริโภคได้ จากเดิมที่กฎระเบียบในปัจจุบัน ไม่ได้บังคับให้ต้อง ระบุรายละเอียดของส่วนผสมอาหารเหล่านั้น แต่เป็นการระบุส่วนประกอบตาม ความสมัครใจของผู้ผลิตเอง ทั้งนี้ กฎระเบียบใหม่ดังกล่าว ได้กำหนดให้ส่วนผสมอาหาร 12 ชนิด (Allergenic Ingredients) จะต้องระบุไว้อย่างชัดเจนบนฉลากสินค้า ได้แก่ อาหารธัญพืชพร้อมรับประธาน สัตว์ทะเลประเภทกุ้ง ปู ไข่ ปลา ถั่วลิสง ลูกนัท ถั่วเหลือง นม ผักชี ผักขึ้นฉ่าย มัสตาร์ด งา และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ในระดับที่เกินกว่า 10 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมหรือต่อลิตร นอกจากนี้ กฎระเบียบดังกล่าว ยังได้ยกเลิกกฎ 25% rule ซึ่งจะทำให้ส่วนผสมอาหารเกือบทั้งหมด ต้องถูกระบุไว้ในฉลากสินค้า และกฎระเบียบใหม่นี้จะช่วยให้ผู้บริโภค มีทางเลือกในการเลือกซื้อสินค้า ได้อย่างปลอดภัยและง่ายขึ้น กฎระเบียบใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในอังกฤษ ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.นี้เป็นต้นไป โดยจะให้ช่วงระยะผ่อนผันเป็นเวลา 1 ปี แก่ผู้ผลิตสินค้าในการปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์และฉลากสินค้าให้ถูกต้อง ตามกฎระเบียบที่จะออกใช้บังคับใหม่ดังกล่าว ซึ่งผู้ผลิต-ผู้ส่งออกของไทย ที่ผลิตสินค้าที่ใช้ส่วนผสมดังกล่าว ไปยังอังกฤษ จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าอาหารไทยไปยังอังกฤษได้ (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 16 ส.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
ห้ามเขย่าเด็กแรกเกิดให้เงียบเสี่ยงบาดเจ็บถึงขั้นเสียชีวิต
ผศ.น.พ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ หัวหน้าศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัย และป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า เด็กแรกเกิดจนถึง 6 เดือน มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บจนถึงขั้นพิการและเสียชีวิต ซึ่งการกระทำบางอย่าง ผู้ปกครองหรือพี่เลี้ยงกระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่น การเขย่าตัวเด็กเพื่อให้เด็กเงียบหยุดร้องไห้ การเขย่าทำให้เลือดออกในสมอง ประสาทตา ทำให้เด็กพิการทางสมอง ตาบอดหรือเสียชีวิต นอกจากนั้น เด็กในวัยนี้มีโอกาสพลัดตกหกล้มสูง เด็กแรกเกิดสามารถถีบขาดันกับสิ่งกีดขวาง ทำให้เคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกันข้าม เด็กอายุ 4 เดือนเริ่มคว่ำได้ และ 6 เดือนสามารถหงายได้ ทำให้เด็กกลิ้งได้ พัฒนาการเหล่านี้หากผู้ดูแลเด็กคาดไม่ถึงและไม่ได้เตรียมการป้องกัน อาจเป็นต้นเหตุทำให้เด็กตกเตียง ตกเก้าอี้หรือโซฟาได้ ข้อควรระวังคือ อย่าทิ้งเด็กไว้โดยลำพังบนเตียง เก้าอี้หรือโซฟา หากไม่สามารถอุ้มเด็กไว้ได้ ให้วางเด็กบนที่นอนที่วางบนพื้นราบหรือในเปลที่มีขอบกั้น ผศ.น.พ.อดิศักดิ์กล่าวว่า เด็กอายุ 3-5 เดือนขึ้นไป จะเรียนรู้สิ่งแวดล้อมด้วยการ นำสิ่งที่ตนสนใจเข้าปาก ซึ่งอาจทำให้สำลัก อุดตันทางเดินหายใจ ทำให้สมองตายหรือเสียชีวิตภายในเวลา 4 นาที อย่าให้เด็กอยู่กับสิ่งของชิ้นเล็ก ๆ เช่น ของเล่น ของใช้โดยลำพัง อย่าให้อาหารแข็งกับเด็ก เช่น เมล็ดถั่ว ข้าวโพด ควรเลือกของเล่นฝึกการขบเคี้ยวที่มีมาตรฐานรับรองเท่านั้น ไม่ควรแช่ที่ขบเคี้ยวในช่องแข็งของตู้เย็น เมื่อเด็กใช้แล้วต้องล้างทำความสะอาดทุกครั้ง. (ไทยรัฐ อังคารที่ 17 ส.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
หวั่นโรคเอ๋อระบาด เหตุไอโอดีนในท้องตลาดไร้คุณภาพ
นพ.วิชัย เทียนถาวร อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ประเทศไทยนับเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมโรคขาดสารไอโอดีนได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ปี 2534 เป็นต้นมา จนสามารถลดอุบัติการณ์ของอัตราคอพอกในเด็กนักเรียนประถมศึกษาอายุ 6 - 14 ปี จากร้อยละ 19.30 เมื่อปี 2532 เหลือเพียงร้อยละ 1.74 ในปี 2545 โดยเน้นยุทธศาสตร์หลักในการส่งเสริมให้ประชาชนบริโภคเกลือเสริมไอโอดีนเป็นประจำ โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ชนบทห่างไกลทะเล หรือแถบพื้นที่สูงทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
กรมอนามัยได้จัดทำโครงการรณรงค์ตรวจคุณภาพเกลือเสริมไอโอดีนทั่วไทย เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักและสามารถเลือกซื้อเกลือเสริมไอโอดีนที่มีคุณภาพได้อย่างถูกต้อง โดยแจกจ่ายชุดทดสอบคุณภาพเกลือ (I-KIT) ให้กับทุกโรงเรียนในโครงการเด็กไทยทำได้ อย.น้อย และโรงเรียนส่งเสริมคุณภาพ พร้อมทั้งให้สถานีอนามัยและผู้นำอาสาสมัครสาธารณสุขทั่วประเทศ นำชุดทดสอบฯ ไปตรวจสอบคุณภาพเกลือบริโภคในครัวเรือนให้ครอบคลุมมากที่สุด อย่างน้อย 30 ครัวเรือนต่อ 1 หมู่บ้าน ทั้งนี้ เกลือที่จำหน่ายตามท้องตลาดในปัจจุบันแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ เกลือสินเธาว์และเกลือทะเล ซึ่งถือเป็นเกลือธรรมดา เนื่องจากเกลือสินเธาว์ไม่มีไอโอดีนผสมอยู่ ส่วนเกลือทะเลมีส่วนผสมของเกลือไอโอดีนอยู่น้อยมากจนไม่สามารถป้องกันและรักษาโรคขาดสารไอโอดีนได้ กระทรวงสาธารณสุขจึงออกกฎหมายให้ผู้ผลิตเกลือบริโภคทุกชนิดต้องเติมสารไอโอดีนได้ อย่างน้อย 30 ส่วนต่อเกลือ 1 ล้านส่วน โดยเรียกว่า เกลือเสริมไอโอดีน ซึ่งไม่ทำให้สี รูป รส และกลิ่นของเกลือเปลี่ยนไป แต่จะมีสารไอโอดีนเพิ่มขึ้นเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งการขาดสารไอโอดีนไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดโรคคอพอกเท่านั้น แต่ปัญหาสำคัญที่สุดคือ ส่งผลให้เกิดความพิการทางสติปัญญาและพัฒนาการ อันมีความผิดปกติในระดับที่แตกต่างกันไปในทุกเพศทุกวัย ขึ้นอยู่กับปริมาณการขาดสารไอโอดีนที่แตกต่างกัน ตั้งแต่เป็นปัญญาอ่อนแต่กำเนิด หูหนวก เป็นใบ้ กล้ามเนื้อใช้การไม่ได้ สติปัญญาเสื่อม สมองทึบ ไม่กระปรี้กระเปร่า เหนื่อยง่าย และระบบการสืบพันธุ์ผิดปกติ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด (ผู้จัดการออนไลน์ อังคารที่ 17 ส.ค. 47 http://www.manager.co.th)
'เรวัตร'คว้าซีไรต์จากแม่นํ้ารำลึก
ที่โรงแรมโอเรียนเต็ล เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 ส.ค. คณะกรรมการตัดสินรางวัล วรรณ กรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน หรือ "ซีไรต์" ได้ประกาศผลผู้ได้รับรางวัล "ซีไรต์" ของประเทศไทย ประเภทกวีนิพนธ์ ประจำปี 2547 โดยปีนี้มีผลงานผ่านเข้ารอบสุดท้ายมีทั้งหมด 7 เรื่อง ได้แก่ "ครอบครัวดวงตะวัน" ของ "ศิวกานท์ ปทุมสูติ" เรื่องที่ 2 "ความสุขของแผ่นดิน" ของ "พิชชา ถาวรรัตน์" เรื่องที่ 3 "ที่ซึ่งขุนเขาทะลุเมฆ" ของ "กานติ ณ ศรัทธา" เรื่องที่ 4 "ประเทศที่สาบสูญ" ของ "ศิริวร แก้วกาญจน์" เรื่องที่ 5 "แม่น้ำรำลึก" ของ "เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์" เรื่องที่ 6 "หมอกฝัน ม่านฟ้า ห่าฝน" ของ "วรภ วรภา" ส่วนเรื่องที่ 7 "WAR เรามีพระเจ้าคนละองค์" ของ "พิเชษฐ์ศักดิ์ โพธิ์พยัคฆ์" สำหรับผู้ได้รับรางวัล คือ "เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์" จากผลงานรวมกวีนิพนธ์เรื่อง "แม่น้ำรำลึก" ซึ่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ในฐานะประธานคณะกรรมการดำเนินงานรางวัล "ซีไรต์" และประธานการแถลงข่าวประกาศผลรางวัล กล่าวว่า "แม่น้ำรำลึก" เป็นผลงานนำเสนอภาพชีวิตในวัยเยาว์ ซึ่งเป็นวัยพิสุทธิ์ อันกระจ่างในความทรงจำ โดยรำลึกย้อนผ่านสถานที่ เหตุการณ์ ผู้คน และสรรพสิ่งรอบตัว ภาพแต่ละภาพมีเรื่องเล่าที่เรียงร้อยเป็นภาพชีวิตหลากหลายมิติ ซึ่งสื่อให้เห็นว่า มนุษย์ล้วนมีความฝันที่ต้องไขว่คว้า แต่ความหมายที่แท้จริงของชีวิตกลับอยู่ที่ประสบการณ์ในวัยเยาว์อันเป็นพลังหล่อเลี้ยงชีวิตในปัจจุบัน (เดลินิวส์พุธที่ 18 ส.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)
เผยแพร่ลัทธิหัวร่อเป็นยาวิเศษชำระล้างทั้งจิตใจและร่างกาย
นายสุชิล ภาเตียได้ไปตั้งตัวเป็นประธานของสโมสรการหัวร่อแห่งอเมริกา เขากล่าวว่าหัวร่อเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมันช่วยระบายความเครียดออกมาได้ มันมีสรรพคุณเหมือนกับเป็นยาวิเศษ เป็นหนทางของการมีสุขภาพจิตดีและความคิดสร้างสรรค์ การหัวร่อเป็นการชำระล้างจิตใจ เขาส่งเสริมให้คนหัวร่อขึ้นเอง โดยไม่ต้องมีใครมายั่ว หรือมีเรื่องตลกอันใด เขาอ้างว่าการมีเรื่องตลกก็ชั่วพักเดียวก็หายตลกแล้วความคิดเรื่องการหัวเราะเป็นโอสถวิเศษ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเกิดเชื่อถือในอินเดียมานานแล้ว จนมีการตั้งสโมสรของคนหัวร่อขึ้นหลายแห่ง จนค่อยแพร่หลายออกไปทั่วโลก สาวกของนายภาเตียคนหนึ่ง นายเทด เวลต์ ประธานหอการค้าเมโทรเวสต์ เล่าว่าเขาเคยอ้วนและมีสุขภาพไม่ดี แต่เมื่อเขาได้เข้าร่วมการชุมนุมกับเพื่อนคนอื่น เพื่อรับการบำบัดด้วยการหัวร่อเมื่อหลายปีมาแล้ว ทำให้สุขภาพดีขึ้น การหัวเราะช่วยทำให้จิตใจสบายและรู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงกระชุ่มกระชวย พลอยทำให้เขามีกำลังใจออกกำลัง จนลดน้ำหนักได้ตั้ง 40 กว่ากิโลกรัม (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 19 ส.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
เสนอเทคโนอัจฉริยะทำกทม.น่าอยู่
ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ประธานคณะอนุกรรมการสาขาวิศวกรรมจราจรและขนส่ง กล่าวในงานเสวนาวิชาการหัวข้อ พลังงานและสิ่งแวดล้อมเพื่อมหานครที่ยั่งยืน ว่า การแก้ไขปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ ควรใช้ระบบขนส่งมวลชนอัจฉริยะ ประกอบด้วย ป้ายจราจรอัจฉริยะที่ให้ข้อมูลแก่ผู้ใช้รถยนต์ ว่า เส้นทางใดบ้างที่มีการจราจรติดขัดและสามารถหลีกเลี่ยงไปเส้นทางใดได้บ้าง หรือแม้กระทั่งบอกได้ว่าที่จอดรถตรงไหนมีที่ว่างในเส้นทางของผู้ขับขี่ นอกจากนี้ ยังมีที่จอดรถยนต์อัจฉริยะ เมื่อนำรถยนต์ไปจอดในอาคารที่จอดรถยนต์แล้ว จะมีลิฟต์ยกรถยนต์ขึ้นไปในอาคารและจัดหาที่จอดรถยนต์ให้อัตโนมัติ โดยไม่ต้องเสียเวลาวนหาที่จอดรถยนต์ และเวลามารับรถยนต์ก็ใช้สมาร์ทการ์ดสอดเข้าไปในเครื่องอ่าน ระบบจะนำรถยนต์มาให้โดยอัตโนมัติเช่นกัน ซึ่งระบบนี้เหมาะสำหรับสร้างในบริเวณใกล้เคียงกับสถานีรถไฟฟ้าทั้งบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น ด้าน รศ.ดร. สิรินทรเทพ เต้าประยูร ประธานสายวิชาสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า ปัจจุบันกรุงเทพฯ ประสบกับปัญหาขยะอย่างมากซึ่งจำเป็นต้องนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วย โดยเฉพาะเทคโนโลยีการนำขยะกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุดแทนการทำลาย เช่น การคัดแยกขยะอินทรีย์ออกจากขยะทั่วไป เพื่อนำไปทำปุ๋ยชีวภาพและก๊าซธรรมชาติ โดยใช้วิธีการอนาบอลิก ไดเจสชั่น (Anabolic Digestion) คือวิธีการหมักในอากาศเพื่อนำไปทำก๊าซชีวภาพ และวิธีการไฮเรตคอมโพส (Hight rate compost) ซึ่งวิธีนี้ใช้ทำปุ๋ยชีวภาพ สำหรับวิธีการเผา รศ.ดร.สิรินทรเทพ เห็นว่า เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการกำจัดขยะ แต่ต้องศึกษาให้ดีว่าคุ้มค่าต่อการลงทุนหรือไม่ เพราะหากการคัดแยกขยะเปียกออกจากขยะที่จะนำมาเผาไม่ดีแล้ว การเผาไหม้ก็จะไม่สมบูรณ์และไม่คุ้มทุนในระยะยาว ส่วนความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม ขณะนี้ เตาเผาขยะมีเทคโนโลยีที่พัฒนาไปมากเพื่อควบคุมมิให้ก่อมลภาวะในอากาศ ในส่วนการแก้ไขปัญหามลพิษในอากาศ ดร.สุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ภายในปี 2553 รถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลทุกคันต้องติดอุปกรณ์ดักจับฝุ่นที่ท่อไอเสีย (Diesel Oxidation Catalyt) เพื่อป้องกันการก่อมลพิษจากควันรถยนต์ในอวกาศ แม้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลมีปริมาณก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ในปริมาณที่ต่ำก็ตาม แต่ก็ยังมีก๊าซพิษอื่นๆ ออกมาด้วย โดยเฉพาะกำมะถัน ทางกรมควบคุมมลพิษจะร่วมกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร (ขสมก.) นำอุปกรณ์ชนิดนี้ติดตั้งในรถเมล์ที่ใช้ในปัจจุบัน เพื่อทดสอบประสิทธิภาพหากได้ผลดีก็จะนำมาใช้กับรถยนต์ทั่วไป (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 19 ส.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
แพทย์ชี้ทารกไม่ต้องมีหัวนมดูดอาจไปก่ออันตรายให้เด็กเสียเอง
ผศ.น.พ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ หัวหน้าศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า "เด็กทารกไม่มีความจำเป็นต้องใช้หัวนมดูดเล่น หากต้องใช้ให้เลือกแบบที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน อย่าใช้หัวนมดูดเล่นที่มี รอยขาดระหว่างหัวนมกับฐาน ฐานหัวนมดูดเล่นต้องใหญ่พอที่เด็กไม่สามารถอมได้ทั้งอัน อย่าใช้สายต่อจากหัวนมเพื่อคล้องคอเด็ก เพราะอาจทำให้เกิดการรัดคอและขาดอากาศหายใจเสียชีวิต" ผศ.น.พ.อดิศักดิ์กล่าวและเตือนให้พ่อแม่ระวังการใช้เตียงเด็กหรือเปล ควรเลือกเปลที่ช่องซี่ราวห่างกันไม่เกิน 6 เซนติเมตร ป้องกันการลอดตกของลำตัวและศีรษะ มุมเสาทั้ง 4 ด้านไม่มีส่วนยื่นเกินกว่า 1.5 เซนติเมตร ป้องกันการแขวนรัดคอจากเสื้อผ้าเกี่ยวติดกับส่วนยื่นมุมเสา เบาะที่นอนพอดีกับเตียง ป้องกันการติดค้างของศีรษะกับช่องว่าง หากพบเห็นการบาดเจ็บรุนแรง ในเด็กที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือสิ่งแวดล้อมที่เป็นอันตราย โปรดแจ้งที่ศูนย์วิจัยเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยฯโทร. 0-2201-2382 และแจ้ง โทร.1669 เพื่อขอความช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 20 ส.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
แพทย์เตือนหญิงไทยใส่ใจดื่มนม
ดร.วลัยทิพย์ สาชลวิจารย์ นักโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล และกรรมการมูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า นมมีคาร์บอนอะตอมสั้นจึงดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ในทันที โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อย ไม่ว่าจะเป็นนมพาสเจอไรซ์ สเตอริไรซ์ นมไขมันต่ำ หรือนมปราศจากไขมัน ก็สามารถรับประทานได้ทั้งสิ้น เพราะธาตุอาหารประเภทแคลเซียม ฟอสฟอรัสที่ร่างกายต้องการยังอยู่ครบถ้วน เพียงแต่ไขมันเท่านั้นที่มีความเปลี่ยนแปลงไป ให้เหมาะกับความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการลดความอ้วน "สารเคซีนที่อยู่ในแคลเซียมนั้น มีคุณสมบัติที่ย่อยง่าย ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้หมด ในส่วนของผู้ที่เข้าใจว่าดื่มนมแล้วย่อยยาก เกิดอาการแพ้ จนท้องเสียนั้น เป็นเพราะการดื่มนมที่ไม่ต่อเนื่อง ทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน วิธีการแก้ เพียงดื่มในปริมาณน้อย จนร่ายกายปรับตัวได้ และไม่แสดงอาการแพ้ให้เห็น" ดร.วลัยทิพย์ กล่าว ทั้งนี้เด็กอายุ 1-3 ขวบ ต้องการแคลเซียมวันละ 500 มิลลิกรัม หรือดื่มนม 2 กล่องต่อวัน และเด็กอายุ 4-8 ขวบ ต้องการแคลเซียมวันละ 800 มิลลิกรัม หรือดื่มนม 3 กล่องต่อวัน ส่วนในวัยรุ่นอายุระหว่าง 9-18 ปีนั้น ต้องการแคลเซียมถึงวันละ 1,000 มิลลิกรัม หรือดื่มนม 4 กล่องต่อวัน และยิ่งในหญิงตั้งครรภ์ ยิ่งต้องการแคลเซียมมากเป็น 2 เท่าจากปกติ (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 20 ส.ค. 47 http://www.komchadluek.net)
มส.ชี้ "พระธาตุศรีสองรัก" เป็นวัด สั่งให้เอกสารสิทธิ
จากการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) เมื่อวันที่ 20 ส.ค. สมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธาน มีวาระสำคัญคือการพิจารณาปัญหาเกี่ยวกับความโปร่งใสของพระธาตุศรีสองรัก อ.ด่านซ้าย จ.เลย หลังการประชุม นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.กองพุทธศาสนสถาน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า ตนรายงานสภาพปัญหาพระธาตุศรีสองรักต่อที่ประชุมว่า มีกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งส่วนใหญ่เป็นเครือญาติกัน เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ ที่พระธาตุศรีสองรัก ซึ่งไม่มีพระจำพรรษามานาน 15 ปี พร้อม กับกำหนดกฎเกณฑ์ระเบียบต่างๆ ทั้งด้านการเงิน ตัวบุคคล การประกอบพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ตามความพอใจ เช่น มีการฆ่าสัตว์บูชาในบริเวณวัด เป็นต้น พร้อมกับอ้างว่าพระธาตุศรีสองรักไม่มีสถานภาพเป็นวัด ซึ่งขัดแย้งกับข้อเท็จจริงเนื่องจากพระธาตุศรีสองรักมีสถานะเป็นวัด ที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา มีหลักฐานชัดเจน ทั้งยังเป็นโบราณสถานด้วย โดยตนประสานกับนายอารักษ์ สังหิตกุล อธิบดีกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งยินดีจะเป็นพยานในกรณีหากมีการต่อสู้เรื่องการพิสูจน์สถานะของพระธาตุศรีสองรัก ผอ.กองพุทธศาสนสถาน กล่าวต่อว่า ดังนั้น มส.จึงให้ พศ.ประสานกับรัฐบาล และแจ้งผู้ว่าราชการจังเลยเพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง หรือ นสร.ที่ออกทับที่ดินวัดพระธาตุศรีสองรัก ประมาณ 100 ไร่ และเร่งรัดออกเอกสารสิทธิที่ดินให้แก่วัดพระธาตุศรีสองรัก และให้จัดประชุมผู้เกี่ยวข้องเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจสถานะของวัดพระธาตุศรีสองรัก รวมทั้งติดตามทรัพย์สินของวัดประมาณ 4 ล้านบาทเศษคืน เพื่อมอบแก่รักษาการเจ้าอาวาส ที่สำคัญให้จัดกำลังดูแลและคุ้มครองพระสงฆ์ที่จะส่งไปจำพรรษา และบุคลากรของวัดด้วย (ไทยรัฐ อาทิตย์ที่ 22 ส.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
ออกกำลังวันละนิดฟิตหัวใจให้แข็งแรง
สมาคมโรคหัวใจอเมริกันบอกว่า การออกแรงทำอะไรง่ายๆ สักเล็กน้อยก็ช่วยทำให้หัวใจแข็งแรงได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น ลงมือทำงานบ้านด้วยตัวเอง แทนที่จะไปจ้างคนอื่นมาทำแทน การทำสวน ถอนหญ้าก็ช่วยให้ได้ ออกแรง ก่อนรับประทานอาหารเช้า หรือหลังอาหารเย็น ควรออกไปเดินระยะสั้น หรือจะเดินทั้งสองเวลาก็ได้ ควรเริ่มจากเดินแค่ 10 นาทีก่อน และค่อยๆ เพิ่มเป็น 30 นาทีในที่สุด เมื่อจะออกไปซื้อของตามร้านใกล้ บ้าน ให้ใช้วิธีเดินหรือขี่จักรยานไป ระหว่างดูโทรทัศน์น่าจะลองออก กำลังด้วยการขี่จักรยานอยู่กับที่ เวลาไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า ควรจอดรถให้ไกลตัวตึกสักหน่อย เพื่อจะได้มีระยะทางเดินเข้าห้าง เป็นการออกกำลังที่ไม่ยาก (ไทยรัฐ อาทิตย์ที่ 22 ส.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
กรดยูริกบอกสัญญาณอันตรายความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ
นักวิจัยทางการแพทย์ศึกษาวิจัยพบว่า การมีระดับของกรดยูริกในเลือดสูง ของผู้ที่อยู่ในวัยกลางคน เป็นสัญญาณอันตราย ของโอกาสเสี่ยงที่จะเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจ รวมทั้งสาเหตุอื่นใดทั้งหมดด้วยอย่างยิ่ง กรดยูริกเป็นสารที่สลายตัวจากสารประกอบของไนโตรเจน และ ปกติถูกขับถ่ายปนอยู่ในปัสสาวะ เป็นที่ทราบกันมาหลายสิบปีแล้วว่ามัน มักจะไปเกาะอยู่ตามข้อต่อของผู้ที่เป็นโรคเกาต์ และเพิ่งจะมีการค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ ส่อว่ามันอาจจะเป็นสัญญาณอันตรายของเซลล์ที่ได้รับความเสียหาย ที่ก่อให้เกิดการอักเสบและการต่อต้านจากภูมิคุ้มโรคขึ้นอย่างรุนแรงด้วยดร.เลียว เค. นิสกาเนน กับคณะจากมหาวิทยาลัยคูโอเปียว ของฟินแลนด์ กล่าวในรายงานผลการศึกษาไว้ในวารสารการแพทย์ว่า "ถึงจะมีหลักฐานทางด้านสาธารณสุขศาสตร์อยู่อย่างมากมาย แต่บทบาทของกรดยูริกที่มีระดับสูง ในฐานะปัจจัยเสี่ยงกับโรคหลอดเลือดหัวใจ ก็ยังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่" คณะของเขาได้ติดตามศึกษากับผู้ชายฟินแลนด์วัยกลางคน ซึ่งยังไม่เป็นโรคหัวใจ เบาหวาน หรือมะเร็งเลย จำนวน 1,423 คน มาเป็นเวลา 12 ปี ปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิตลงในช่วงเวลานี้ 157 คน ในจำนวนนี้เป็นเพราะโรคหลอดเลือดหัวใจเสีย 55 คน เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลละเอียดขึ้นได้พบว่า ผู้ที่มีระดับกรดยูริกสูงอยู่ถึงช่วงบน ของระดับสามมีโอกาสเสี่ยงกับการเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจ มากกว่าผู้ที่มีระดับของกรดยูริกอยู่เพียงช่วงล่างของระดับสาม 2.5 เท่า รายงานสรุปว่า ระดับกรดยูริกในเลือดเท่ากับเป็นสัญญาณบอกความเสี่ยง ที่หาดูได้ง่ายๆ และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงด้วย (ไทยรัฐ อาทิตย์ที่ 22 ส.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
วช.ติงวิจัยไทยล้มเหลว ไม่คุ้มค่าลงทุน
ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ประธานกรรมการกำกับดูแลโครงการวิจัยบูรณาการนำร่อง สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวบรรยายในงานสัมมนาทางวิชาการ เพื่อนำเสนอผลการดำเนินการของโครงการวิจัยบูรณาการนำร่อง เรื่อง "จากหิ้งสู่ห้าง" ว่า งานวิจัยที่ผ่านมาขาดการเชื่อมโยงและสอดคล้องกับความต้องการของภาคเอกชน ทำให้ไม่สามารถนำงานวิจัยในแต่ละเรื่องมาปรับใช้เข้ากับธุรกิจของตัวเอง เช่น เรื่องข้าวจะต้องวิจัยว่าทำอย่างไรถึงจะทำให้ข้าวมีคุณภาพและขายได้ราคาดี ไม่ใช่ปลูกในปริมาณมากและราคาตก สำหรับการทำวิจัยของ วช. จะปรับเปลี่ยนให้เป็นงานวิจัยเชิงบูรณาการมากขึ้น โดยต้องใช้ความรู้จากสาขาต่างๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัย รวมทั้งมีบุคลากรมาจากหน่วยงานที่หลากหลายอาชีพ เพื่อให้งานวิจัยตอบสนองต่อความต้องการของผู้ประกอบการและประชาชนได้มากขึ้น และที่สำคัญงานวิจัยต้องนำไปสู่การผลิตผลิตภัณฑ์ที่สามารถลดการนำเข้าและเพิ่มมูลค่าให้การส่งออกได้มากกว่าเดิม ซึ่งขณะนี้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณ 500 ล้านบาท ให้แก่นักวิจัยและผู้ประกอบการที่สนใจร่วมทำงานวิจัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเอง ขณะที่ ดร.ธวัช วิรัตติพงศ์ หัวหน้าโครงการวิจัยแผนงานทางด้านยา เคมีภัณฑ์ และวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมานักวิจัยมุ่งการตีพิมพ์งานวิจัย และการเขียนรายงานเสนอในที่ประชุมเพื่อขอเลื่อนตำแหน่งทางวิชาการ โดยไม่เห็นความสำคัญของการวิจัยเพื่อนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้ประเทศสูญเสียงบประมาณกว่าแสนล้านสำหรับสร้างนักวิจัย แต่ไม่ได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่ลงทุนไปกับงานวิจัยเลย จึงเป็นการสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล ทั้งนี้ยังไม่รวมกับที่ต้องส่งคนไปเมืองนอก สร้างตึกอาคาร ซื้อเครื่องมือ ซึ่งล้วนเป็นการลงทุนของประเทศ (กรุงเทพธุรกิจ อาทิตย์ที่ 22 ส.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
KMUTT
Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215
|
|
|