หัวข้อข่าวปีที่ 5 ฉบับที่ 37 ประจำวันที่ 2004-09-13

ข่าวการศึกษา

เกณฑ์แอดมิชชั่นนำร่อง 48 ได้ข้อยุติ
ยกเศรษฐกิจนำความรู้ เด็กต้องรู้ทันโลกคิดทะลุ
ปลื้มไทยสอนเน้นผู้เรียนได้ผล
เสนอนายกฯ แจกทุน ให้บุตรผู้ทำประโยชน์
ย้ำมาตรการที่3โปร่งใส อาจไม่ถึง5%-ไม่มีเลย
เอกชนนำร่อง "แอดมิชชั่น" เน้นใช้จีพีเอเฟ้นเด็ก
ศรีปทุมสร้างสังคมออนไลน์ นักเรียนมัธยม
สกศ.เผยเยอรมันดันวิชาการไทย
มน.รับตรงเด็กวิทย์-กีฬา
ศธ.หนุนก.คมนาคมเปิดหลักสูตรนักบิน ตั้งเป้าผลิตปีละ300คนเสริมตลาด
ชี้ยึดภาระงานขึ้นเงินเดือนพนักงานมหาวิทยาลัย
เอกชนไม่ผ่านประเมิน EP อื้อ

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

ยอดเขาเอเวอเรสต์ทรุดตัวต่ำลงโลกร้อนทำให้ธารน้ำแข็งละลาย
สมอ.ระดมความเห็นผู้ค้าคอมพ์ รับผลบังคับใช้ มอก.2161
ตามล่าหาไบรโอซัวน้ำจืด ดัชนีชี้วัดคุณภาพแม่น้ำไทย
สิ่งมีชีวิตในก้อนดาวตกหัวแข็งจัดส่อมนุษย์มีต้นตอจากดาวอังคาร
พบคลื่นวิทยุประหลาดจากอวกาศ เชื่อเป็นสัญญาณจากมนุษย์ต่างดาว
แฉ "มะกัน" ลักไก่ยื่นอีก 3 สิทธิบัตรมะละกอจีเอ็มโอ
จีนส่ง "เดือนเทียม" แทนดาวเทียมจะมองเห็นได้ทั่วไปด้วยตาเปล่า
นักวิจัยทุบสถิติความเร็วเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 2
เตาปฏิกรณ์ปิดผนึกกันฉกไส้ในทำอาวุธ
เทคโนโลยีอวกาศกับการสำรวจขั้วโลกใต้...
กระทรวงวิทย์ตั้งแผงโซล่าร์เซลล์ป้อนไฟฟ้าเข้างาน
เปิดประกวดออกแบบก่อสร้าง ลิฟต์อวกาศขนของไปนอกโลก
ผู้ดีเรียกร้องเปิดเผยระดับ รังสีในมือถือ
ยานสำรวจสุริยะนาซาโหม่งโลก

ข่าววิจัย/พัฒนา

"ไบโอเทค"ถอดรหัสยีนกลิ่นหอมสำเร็จ เร่งพัฒนาข้าวพันธุ์ใหม่คุณสมบัติทนสารพัด
รถมอเตอร์ไซค์ติดแอร์ปรับอากาศได้นักประดิษฐ์อิสราเอลใช้ทุน 20 ล้าน
ไบโอเทคทุ่ม 40 ล.พัฒนาข้าวพันธุ์อึด
สกว.วิจัยสครับขัดหน้าสูตรใหม่ เปลือกไข่ไก่บดอบแห้งผสมครีม
ฤทธิ์กวาวเครือต้านมะเร็ง
'สเต็มเซลล์ขน'รักษาหัวล้าน-แผลไฟไหม้
ผุดศูนย์เทคโนโลยีโซลาร์ตรอน ใหญ่และทันสมัยที่สุดในอาเซียน
ม.ธนบุรีชี้เตาแก๊สไทยตกมาตรฐาน ให้พลังงานต่ำแถมปล่อยก๊าซพิษเกินกำหนด
พยาธิปราศจากหัวใจช่วยมนุษย์รักษาอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ
กรมวิทย์ฯโชว์'โลชั่นขมิ้นชัน'กันยุง
ประยุกต์เครื่องฆ่าเชื้อสู่พริกแกงสุญญากาศ
น้ำมันมะพร้าวเสริมภูมิต้านทานโรค
ซอฟต์แวร์พูดได้ ช่วยตาบอดท่องโลกดิจิทัล
บอร์ด วว.ดับฝัน "อี-พลัส" สั่งเลิกผลิต
ใช้เยี่ยวล้างมลพิษควันไอเสียรถสำหรับรถบรรทุกเครื่องยนต์ดีเซล
นำเลือดจาก"รกเด็ก"มารักษาโรคร้ายได้แล้ว
วิจัยพัฒนา คุณภาพข้าวนึ่ง สู่ตลาดโลก
นักวิทย์ ม.มหิดล คิดค้นเทคนิคใหม่ สกัดเคมีราคาถูก
เทคนิคสืบสวนใหม่ วิเคราะห์เส้นผมช่วยคลี่คลายคดี
เก๋งฮอนด้ารับคำสั่งเสียง อะคูรา อาร์แอล 2005 รุ่นประเดิม
จีนเร่งพัฒนาพันธุ์ข้าวอนาคต
ชากระวาน สมุนไพรเครื่องเทศจากราชมงคล
เริ่มยุคเอาอวัยวะสัตว์เป็นอะไหล่ใช้ตับเซ่งจี๊หมูเปลี่ยนใส่ให้กับคน
ไมโครซอฟท์ผุดฮาร์ดแวร์อ่านลายนิ้วมือ
ยาฆ่าเชื้อจากเปลือกมังคุด ผลงานวิจัยเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
'แคปซูลกลิ่น'นวัตกรรมหนุนโอท็อปสู่ตลาดโลก ม.เชียงใหม่คิดค้นเพิ่มความหอมอาหารทดแทนสารเคมี
โลชั่นปราบเหา ชโลมทั่วศีรษะ แถมช่วยจัดทรงผม
เกษตรโชว์ธนาคารพันธุกรรมพืช รวบรวมเชื้อพันธุ์หายากกันสูญหาย
เพาะพันธุ์ปลาตัดแต่งพันธุกรรมช่วยคนไข้ที่เลือดไหลไม่หยุด

ข่าวทั่วไป

วิตกคนไทยเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น รณรงค์กินผักสดผลไม้-ลดไขมัน
ฟังเสียงเพลงดังสนั่นถึงกับปอดแหก อากาศไหลซึมเข้าแทรกช่องเยื่อหุ้ม
เตือนคนใช้กล้องดิจิทัลระวังแบตฯปลอม
สาหร่ายสไปรูลินา
ผลศึกษาคณะกรรมการเขื่อนโลก สร้างเขื่อนไม่คุ้ม-ภาระต้นทุนสูง
'ยูเนสโก' ขอร่วม อนุรักษ์วังวรดิศ
แผนแม่บทขยะอิเล็กทรอนิกส์ คพ.ดันเข้าครม.รีบกำจัดของเสีย
เผยใช้วัคซีนกันหวัดนกเสี่ยง อันตรายต่อ"มวลมนุษยชาติ"
กำเนิดกทช.
ไข่มุกเลี้ยงเมืองไทยคุณภาพสุดยอดจากเกาะรังใหญ่
ราชมงคลยกย่อง ผู้มีผลงานดีเด่น วัฒนธรรมปี 2547
"นายกฯ"สั่งยกเลิกหมด ทดลองปลูกพืชจีเอ็มโอ
มอบรางวัล5ศิลปิน"วัยกลาง"ดีเด่น "เฉลิมชัย-ชาติ-ดนู-ประดิษฐ์-เป็นเอก
กรมวิชาการหนุนโครงการหลวงปลูกผักมาตรฐานสากล
ไทยเป็นเจ้าภาพประชุมหวัดนก
เปิดแผน"Bangkok Mass Transit"291ก.ม.เสร็จปี2552
ผู้ผลิตดันไวน์สมุนไพรเทียบชั้นไวน์องุ่น ร้องรัฐหนุนวิจัยหาเทคโนโลยีผลิตต้นทุนต่ำ





ข่าวการศึกษา


เกณฑ์แอดมิชชั่นนำร่อง 48 ได้ข้อยุติ

รศ.ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เผยข้อสรุปการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องการจัดทำหลักเกณฑ์กลางการรับนัก ศึกษา โครงการนำร่องระบบกลางการรับนิสิต นักศึกษาหรือแอดมิชชั่น ว่า ที่ประชุมมีข้อยุติว่า เกณฑ์ที่ใช้ในปี 2548 ก็จะเป็นเกณฑ์หลักที่จะใช้ในปี 2549 ด้วย โดยจะใช้คะแนนที่ติดตัวเด็กมาให้มากที่สุด ได้แก่ คะแนนเฉลี่ยสะสม ม.ปลาย หรือจีพีเอ ไม่ใช้ค่าตำแหน่งลำดับที่หรือพีอาร์ และคะแนนรายวิชาที่ระบุไว้ในใบระเบียนการศึกษา (รบ.) ส่วนจะใช้ในสัดส่วนเท่าใด ให้มหาวิทยาลัยเป็นผู้พิจารณา นอกจากนี้ จะใช้ผลคะแนนสอบวัดความรู้เดือน ต.ค. นี้ อีกไม่เกิน 3 รายวิชา ซึ่งบางคณะก็อาจไม่ใช้ก็ได้ โดยขอให้มหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมนำร่อง ตอบกลับมาที่ สกอ.ภายในวันที่ 10 ก.ย. ว่า จะมีคณะวิชาใด ที่จะใช้แอดมิชชั่น และแต่ละเกณฑ์มีสัดส่วนเท่าใด รวมทั้งจะมีคุณสมบัติเพิ่มเติมอื่นหรือไม่ จากนั้นในวันที่ 15 ก.ย. นี้ สกอ.จะประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยรัฐทุกแห่ง และ ม.เอกชนที่ร่วมนำร่องแอดมิชชั่น เพื่อให้ได้ข้อสรุปทั้งหมดอีกครั้ง (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 6 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





ยกเศรษฐกิจนำความรู้ เด็กต้องรู้ทันโลกคิดทะลุ

นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวในการประชุม “การเปลี่ยนผ่านทางการศึกษาไทย” ที่คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า การพัฒนาการศึกษาต้องให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่มาเร็วและแรง ต้องสอนให้สอดคล้องกับเด็กแต่ละคน อย่างนโยบายโรงเรียนในฝัน ที่ศธ.ทำก็จะทำให้ทันสมัยและก้าวหน้าทันกับโรงเรียนสาธิตดังๆ หรือโรงเรียนสาธิตเพื่อไม่ให้เด็กต่างจังหวัดขาดโอกาส อีกทั้งยังมีการส่งเสริมทักษะทางภาษา คอมพิวเตอร์ และต้องให้เป็นนักล่ารางวัล ผลักดันให้นักเรียนมีโอกาสแข่งขันทางวิชาการและทักษะต่างๆ ดร.ชัยอนันต์ สมุทรวนิช ประธานการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า หากจะยึดระบบเศรษฐกิจเป็นฐานความรู้ ครูต้องสอนให้เด็กรู้จักเลือก และรู้จักคิด โดยเฉพาะการคิดแก้ไขปัญหาในอนาคต และต้องสอนให้รู้จักแบ่งเวลาและใช้เวลาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความรวดเร็วได้ดี ด้านรศ.ดร.ไพฑูรย์ สินลารัตน์ กล่าวว่า ในเศรษฐกิจฐานความรู้โรงเรียนไม่ใช่แหล่งผูกขาดความรู้อีกต่อไป แต่ความรู้จะไปอยู่ตามแหล่งต่างๆ ในสังคม กระบวนการเรียนรู้จึงต้องออกแบบใหม่เพื่อให้เด็ก ครู และผู้ปกครองเรียนรู้ร่วมกันได้ เด็กพันธุ์ใหม่ต้องรู้ทันโลก (Smart Consumer) คิดทะลุ(Breakthough Thinking) และสำนึกร่วมรับผิดชอบสังคม(Social Concern) แหล่งความรู้ในชุมชนทุกส่วน เช่น พิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด วัด สื่อมวลชน ต้องมีบทบาทในการให้การศึกษากับสังคมด้วย และด้วยเหตุนี้ การศึกษาจึงต้องออกแบบใหม่ให้เป็นการศึกษาเชิงสร้างสรรค์ นายอนุช อาภาภิรม กล่าวว่า การศึกษาในเศรษฐกิจฐานความรู้ เป็นการศึกษาที่เน้นหาเงินให้มาก ใช้เงินให้มากซึ่งจะทำให้เด็กแข่งขัน และเครียดกับการเรียน ดังนั้นเราจึงไม่ควรจะก้าวไปสู่สังคมที่เน้นเศรษฐกิจฐานความรู้ ที่เน้นเศรษฐกิจเป็นตัวตั้ง และต้องคำนึงถึงรากเหง้าสังคมไทย อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้ตั้งข้อสังเกตว่าการศึกษาควรมีการคานกันระหว่างเศรษฐกิจกับสังคมต้องแข่งขันและร่วมมือ เพื่อให้เกิดดุลยภาพทางการศึกษา ที่เหมาะสมเป็นรูปแบบไทยโดยเฉพาะ (สยามรัฐ จันทร์ที่ 6 ก.ย. 47 http://www.siamrath.co.th)





ปลื้มไทยสอนเน้นผู้เรียนได้ผล

เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) กล่าวตอนหนึ่งในการประชุมนานาชาติว่าด้วยการปฏิรูปการศึกษาครั้งที่ 4 ว่า ไทยมีความก้าวหน้าในการปฏิรูปการศึกษาหลายด้าน โดยเฉพาะการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ยกย่องครูภูมิปัญญาไทย ครูผู้นำการเปลี่ยนแปลง ครูแห่งชาติ และครูต้นแบบ เพื่อให้สังคมเกิดการปรับเปลี่ยนการเรียนการสอน ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ มีการเทียบโอนความรู้ ประสบการณ์ในทุกระบบการศึกษา เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงและยกระดับความรู้คนไทย เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มจากทักษะและประสบการณ์จากการทำงานสู่การยอมรับระดับสากล นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ผช.รัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ขณะนี้อาจกล่าวได้ว่าไทยมีการเรียนการสอนแบบเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญดีขึ้นมาก แม้ความเข้าใจไม่แพร่หลาย 100 % แต่เห็นผลได้ชัดเจนขึ้น ดูได้จากเด็กตั้งใจเรียนมากขึ้น ผลการเรียนเฉลี่ยดีขึ้น หนีเรียนน้อยลง เป็นต้น (ไทยรัฐ อังคารที่ 7 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





เสนอนายกฯ แจกทุน ให้บุตรผู้ทำประโยชน์

นายสุธรรม แสงประทุม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยผลประชุมคณะกรรมการพัฒนายุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาเด็กยากจนและด้อยโอกาสของกระทรวงศึกษาธิการว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้จัดสรรทุนการศึกษาแก่บุตร-ธิดาผู้ทำคุณประโยชน์แก่สังคม โดยรัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมาสนับสนุน ในส่วนกระทรวงมี 66,560 ทุน ใช้งบประมาณ 525 ล้านบาท สำหรับทุนแบ่งออกเป็นบุตรข้าราชการผู้น้อย 3,687 ทุน เป็นเงิน 31,442,000 บาท บุตรผู้ประสานพลังแผ่นดิน 26,149 ทุน เป็นเงิน 223,572,000 บาท บุตรอาสาสมัครสาธารณสุข 12,300 ทุน เป็นเงิน 141,978,000 บาท บุตรตำรวจ 3,000 ทุน เป็นเงิน 24 ล้านบาท บุตรทหาร 3,000 ทุน เป็นเงิน 25 ล้านบาท บุตรผู้เสียชีวิตจากการปราบปรามยาเสพติด 35 ทุน เป็นเงิน 240,000 บาท ระดับ ปวส.และอุดมศึกษา 3,900 ทุน เป็นเงิน 78 ล้านบาท ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบรายชื่อผู้รับทุน เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกัน จากนั้นจะให้เด็กเข้ารับทุนจากนายกรัฐมนตรีประมาณกลางเดือน ต.ค.นี้ ยังมีโครงการของสถานศึกษาที่มุ่งยกคุณภาพของเด็กยากจนและด้อยโอกาส แบ่งเป็นเด็กพิการเร่ร่อน 20 โครงการ ใช้งบ 12 ล้านบาท เด็กด้อยโอกาสติดเอดส์ 198 โครงการ เป็นเงิน 76 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้ได้อนุมัติไป 6 โครงการ อาทิ โครงการโรงเรียนพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โครงการฝึกอาชีพเด็กด้อยโอกาส นางจรวยพร ธรณินทร์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ยังมีทุนการศึกษาในส่วนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 123,440 ทุน เป็นเงิน 1,063,560,000 บาท ซึ่งทราบว่าตรวจสอบรายชื่อคัดเลือกเด็กเสร็จแล้ว จะนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการชุดใหญ่พร้อมกันภายในเดือน ก.ย.นี้ (คมชัดลึก อังคารที่ 7 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)





ย้ำมาตรการที่3โปร่งใส อาจไม่ถึง5%-ไม่มีเลย

เมื่อวันที่ 6 ก.ย. นายสุธรรม แสงประทุม รมช.กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ครู อาจารย์ ร้องเรียนคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎรขอให้รัฐบาลยกเลิกมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบราชการหรือมาตรการที่ 3 เพราะเกรงว่าจะเกิดความไม่เป็นธรรมจากการประเมินว่า รัฐบาลมีวัตถุประสงค์ที่จะเพิ่มศักยภาพในการทำงานของหน่วยงาน ซึ่งทุกส่วนราชการจะต้องมาสำรวจว่ามีข้าราชการคนใดจะต้องฟื้นฟู หรือปรับปรุงในด้านใดบ้าง เพื่อให้คนเหล่านี้ได้มีส่วนในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เว้นแต่หลังจากที่เข้าสู่มาตรการแล้วบางคนอาจจะไปไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องเปิดช่องให้สมัครใจลาออกแต่ก็จะได้รับสิทธิและผลประโยชน์ทุกอย่าง ซึ่งในส่วนของ ศธ.ตนมองว่าข้าราชการ คงเหนื่อยกับการปฏิรูปการศึกษา จึงทำให้เสียขวัญขวัญกำลังใจกัน อีกนัยหนึ่งอาจเป็นเพราะ ก.พ.ออกกฎมา โดยไม่ได้มีการทำความเข้าใจกับส่วนราชการมากก่อน ในส่วนของอุดมศึกษาที่ตนดูแล ได้แก้ปัญหาด้วยการจัดให้3 ฝ่าย คือ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และมหาวิทยาลัย วางกระบวนการตรวจวัดคุณภาพร่วมกัน ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องมีคนเข้าร่วมมาตรการถึง 5% ก็ได้ ส่วนการที่ครู อาจารย์ไม่อยากมีชื่อเข้าร่วมในมาตรการที่ 3 เพราะเกรงว่าจะเป็นบัญชีดำและทำให้เสียชื่อเสียงนั้น ตนเห็นว่ามาตรการที่ 3 เป็นโอกาสดีที่จะทำให้เกิดการพัฒนาตัวเอง แต่ละหน่วยงานอาจจะไม่มีเลยก็ได้ หากประเมินแล้วพบว่ามีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามที่เกรงว่าจะมีการแกล้งกัน เล่นพรรคเล่นพวกกันนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ เพราะมีกลไกอื่นตรวจสอบการใช้อำนาจเช่นกัน หากใครคิดว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็สามารถฟ้องร้องต่อศาลปกครองได้ (สยามรัฐ อังคารที่ 7 ก.ย. 47 http://www.siamrath.co.th)





เอกชนนำร่อง "แอดมิชชั่น" เน้นใช้จีพีเอเฟ้นเด็ก

ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้ข้อสรุปเบื้องต้นเกี่ยวกับเกณฑ์การคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา ตามโครงการนำร่องระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือแอดมิชชั่น โดยให้มหาวิทยาลัยที่ร่วมโครงการนำร่องนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับเกณฑ์ คณะวิชา เพื่อเสนอต่อ สกอ. ในเร็วๆนี้นั้น ผศ.ดร.จันทร์จิรา วงษ์ขมทอง อธิการบดีมหาวิทยาลัยคริสเตียน ในฐานะนายกสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับ นายพรชัย มงคลวณิช อธิการบดีมหาวิทยาลัยสยาม ซึ่งเป็นประธานคณะทำงานประสานการนำร่องแอดมิชชั่นของมหาวิทยาลัยเอกชน เกี่ยวกับสัดส่วนองค์ประกอบที่จะนำมาใช้ในมหาวิทยาลัยเอกชนที่จะร่วมนำร่องแอดมิชชั่น 9 แห่ง ได้แก่ ม.สยาม ม.ศรีปทุม ม.หอ-การค้าไทย ม.เทคโนโลยีมหานคร ม.เกษมบัณฑิต ม.อัสสัมชัญ ม.กรุงเทพ ม.รังสิต และ ม.คริสเตียน โดยในเบื้องต้น จะใช้ผลการเรียนเฉลี่ยสะสม ม.ปลายหรือ จีพีเอ ประมาณ 50% ผลการสอบวัดความรู้ 25% และที่เหลืออีก 25% อาจจะเป็นการวัดความถนัดของแต่ละสาขา เป็นต้น โดยจะมีการหารือข้อสรุปทั้งหมดในวันที่ 15 ก.ย.นี้ (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 9 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





ศรีปทุมสร้างสังคมออนไลน์ นักเรียนมัธยม

นางรัชนีพร พุคยาภรณ์ พุกกะมาน อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีปทุม กล่าวว่า มหาวิทยาลัยจัดตั้งโครงการ SPU Friends ขึ้น เป็นการสร้างชุมชนออนไลน์ให้นักเรียนทั่วประเทศ และมอบทุนการศึกษาให้นักเรียนที่ชนะประกวดเว็บไซต์ และโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการทุกเดือน เพื่อให้เยาวชนระดับมัธยมศึกษาทั่วประเทศแลกเปลี่ยนกิจกรรมความรู้ และเพิ่มทักษะด้านจัดทำเว็บไซต์ และใช้อินเทอร์เน็ตอย่างสร้างสรรค์ผ่านเว็บไซต์ www.spufriend.com ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยใช้งบประมาณ 10 ล้านบาทดำเนินการ ซึ่งมีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 176 โรงเรียนทั่วประเทศ และจะเพิ่มอีก 130 โรงเรียนในปีหน้า โดยโครงการนี้เป็นการดำเนินการตามนโยบายกระทรวงไอซีทีในโครงการกู๊ดเน็ต ที่ให้ใช้อินเทอร์เน็ตในเชิงเสริมทักษะ ความรู้ให้เยาวชน ซึ่งมหาวิทยาลัยจ้างบริษัท โกลบอล ไวร์เลส จำกัด เป็นผู้จัดทำเว็บไซต์กลางให้โรงเรียนผู้เข้าร่วมโครงการ รวมถึงอบรมให้กับนักเรียนทีมจัดทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ และจะดำเนินการต่อเนื่องในปีถัดๆ ไปด้วย จุดที่ทำให้เวบไซต์ประสบความสำเร็จคือ การจัดทำคอนเทนท์ที่ใกล้ตัวกับกลุ่มที่เป็นเป้าหมาย เช่น นักเรียน สนใจกิจกรรมต่างๆ ในโรงเรียน กีฬาสี ไหว้ครู ลอยกระทง คนเด่นคนดังในโรงเรียน สิ่งเหล่านี้นำมาเป็นหัวข้อให้เด็กสร้างความเคลื่อนไหว ความสนใจในเวบโรงเรียนของตัวเอง ซึ่งมีเยาวชนเข้าอ่านไม่ต่ำกว่า 1 แสนคนแล้ว หลังจากเปิดตัวประมาณ 1 เดือน สำหรับโรงเรียนที่ได้รางวัลที่ 1 เดือน ส.ค.2547 คือ โรงเรียนสุราษฎร์พิทยา รางวัลที่ 2 โรงเรียนราชประชาสมาสัย สมุทรปราการ และชมเชยจากโรงเรียนทั่วประเทศ 10 แห่ง (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 10 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





สกศ.เผยเยอรมันดันวิชาการไทย

ศ.ดร.วรเดช จันทรศร เลขาธิการสภาการศึกษา เปิดเผยภายหลังการเดินทางไปเจรจาธุรกิจ และความร่วมมือด้านการศึกษา กับประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ตนได้เข้าหารือกับนายฮัน วิลเล่ล์ม (Hans Wilhelm Thome) อธิบดีกรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการและวัฒนธรรม แห่งรัฐบาวาเรีย ถึงความร่วมมือพัฒนานโยบายการศึกษา ด้านการวางแผนและพัฒนากำลังคนให้ตอบสนองต่อความต้องการของชุมชน ภาคอุตสาหกรรมและการแข่งขันของประเทศ โดยเฉพาะการพัฒนากำลังคนด้านอาชีวศึกษา และการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร งานวิจัยและบุคลากร ขณะเดียวกันก็เข้าพบกับนายคาร์ล ไฮซ์ อธิบดีด้านกิจการระหว่างประเทศและสหภาพยุโรปกระทรวงวิทยาศาสตร์วิจัย และศิลป แห่งรัฐบาเดน-เวือร์ทเทม แบร์ก โดยได้ลงนามข้อตกลงร่วมกันด้านการส่งเสริมวิชาการ การพัฒนานโยบายการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รวมทั้งนวัตกรรมการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นต้น นับเป็นการสร้างเครือข่ายที่จะส่งเสริมนโยบายด้านการศึกษาไทยเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้ประเทศไทย ก้าวไปสู่การเป็นศูนย์การศึกษาในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน และจะเปิดประเทศเสรีทางการค้าด้านการศึกษา ให้มีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการสนับสนุนด้านสื่อและอุปกรณ์ทางการศึกษา เพราะ เยอรมนีเป็นผู้นำของโลกในด้านต่างๆ ทั้งด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ศิลปและสังคมศาสตร์ (สยามรัฐ ศุกร์ที่ 10 ก.ย. 47 http://www.siamrath.co.th)





มน.รับตรงเด็กวิทย์-กีฬา

รศ.ดร.มณฑล สงวนเสริมศรี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) เปิดเผยว่า มน.จะเปิดรับนักศึกษาประจำปีการศึกษา 2548 โดยวิธีการรับตรง ในเขตส่งเสริมการศึกษา 9 จังหวัดภาคเหนือที่ มน.รับผิดชอบ ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี รวม 178 ที่นั่ง ผ่านโครงการพิเศษต่างๆ ได้แก่ โครงการนักเรียนแผนการเรียนวิทยาศาสตร์ เรียนภาษาฝรั่งเศส รับ 19 คน เลือกศึกษาต่อในคณะวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เกษตรศาสตร์ศึกษาศาสตร์ เภสัชศาสตร์, โครงการส่งเสริมเยาวชนดีเด่นด้านกีฬา รับ 31 คน ศึกษาในคณะวิศวกรรมศาสตร์ เกษตรศาสตร์ วิทยาศาสตร์การแพทย์ วิทยาการจัดการ และศึกษาศาสตร์, โครงการส่งเสริมเยาวชนดีเด่น ผู้มีความสามารถพิเศษด้านดนตรีไทย ดนตรีสากล นาฏศิลป์ไทย รับ 50 คน ศึกษาต่อในคณะมนุษยศาสตร์, โครงการสมัครสอบคัดเลือกฯ หลักสูตรประกาศนียบัตรผู้ช่วยทันตแพทย์ รับ 30 คน ศึกษาในคณะทันตแพทย์, โครงการรับนักเรียนโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งโรงเรียนในฝัน ที่มน.รับผิดชอบ โรงละ 5 คน โดยใช้จีพีเอ 5 ภาคเรียนสูงสุด 10 อันดับแรกของโรงเรียน ทั้งนี้สามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.nu.ac.th (สยามรัฐ เสาร์ที่ 11 ก.ย. 47 http://www.siamrath.co.th)





ศธ.หนุนก.คมนาคมเปิดหลักสูตรนักบิน ตั้งเป้าผลิตปีละ300คนเสริมตลาด

นายสุธรรม แสงประทุม รมช.กระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงผลการหารือร่วมกับ นายพิเชษฐ์ เกษมทองศรี รมช.กระทรวงคมนาคม เมื่อเร็วๆ นี้ว่า กระทรวงคมนาคม ต้องการให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ดำเนินการผลิตบุคลากรระดับสูงด้านการบิน เนื่องจากกระทรวงคมนาคม มีศูนย์ฝึกการบินพลเรือนอยู่แล้ว โดยจะสามารถผลิตบุคลากรทางการบินได้ปีละประมาณ 90 คน แต่เพราะรัฐบาลได้เจรจาเสรีทางการบิน รวมทั้งการจัดตั้งสายการบินเอกชนราคาถูกมาแข่งขันกันส่งผลให้การขยายตัวด้านการบินเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการผลิตบุคลากรเพียงปีละ 90 คน จึงไม่เพียงพอที่จะรองรับความต้องการดังกล่าว กระทรวงคมนาคม จึงได้มาทำความตกลงกับ ศธ.โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ตั้งคณะทำงานขึ้นมาหาทางผลิตบุคลากรด้านการบินร่วมกัน ขณะนี้ประเทศไทยมีนักบินประมาณ 2,500 คน แต่รีไทม์ไปเหลือเพียง 1,000 กว่าคน จึงต้องวางแผนผลิตบุคลากรให้สอดคล้องกับความต้องการเพื่อรองรับในอนาคต โดยให้คณะวิศวกรรมศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยต่างๆ ร่วมมือกันดำเนินการ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่พร้อมจะดำเนินการได้ทันที คือคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพราะที่ผ่านมามีการเชื่อมโยงกันอยู่แล้ว แต่จะร่วมมือกันยกฐานะให้มากขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตามความร่วมมือในการผลิตนักบิน ดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มได้ในปีการศึกษา 2548 เนื่องจากกระทรวงคมนาคม มีเครื่องมือและสนามฝึกพร้อมอยู่แล้ว โดยตั้งเป้าที่จะผลิตนักบินเพิ่มปีละประมาณ 300 คนเป็นอย่างต่ำ (สยามรัฐ เสาร์ที่ 11 ก.ย. 47 http://www.siamrath.co.th)





ชี้ยึดภาระงานขึ้นเงินเดือนพนักงานมหาวิทยาลัย

ตามที่ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศ (ทปอ.) เรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และกระทรวงการคลัง ทำการพิจารณาปรับเงินเดือนให้แก่พนักงานมหาวิทยาลัย เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลได้ปรับขึ้นเงินเดือนให้กับข้าราชการแล้ว ทำให้เงินเดือนข้าราชการกับเงินเดือนพนักงานมหาวิทยาลัยอยู่ในอัตราที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งผิดหลักการการเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐนั้น รศ.ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องนี้ ทปอ.เคยเสนอเรื่องดังกล่าวมาที่ สกอ.แล้ว โดยระบุว่า ข้าราชการได้รับการขึ้นเงินเดือนเรียบร้อยแล้ว จึงอยากให้พนักงานมหาวิทยาลัยได้รับการปรับขึ้นเงินเดือนด้วย แต่เป็นไปในลักษณะพูดคุยกันธรรมดา ยังไม่ได้เสนอมาอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม หากทปอ.มีมติที่จะให้ สกอ.ช่วยพิจารณาอีกครั้ง ตนก็ยินดี แต่อยากให้ ทปอ. เสนอข้อมูลเชิงวิเคราะห์ประกอบด้วย เช่น เปรียบเทียบเงินเดือนข้าราชการกับพนักงานมหาวิทยาลัย แตกต่างกันกี่เปอร์เซ็นต์ ภาระงานของข้าราชการกับพนักงานมหาวิทยาลัยแตกต่างกันอย่างไร รวมทั้งความมั่นคงในสถานภาพของข้าราชการกับพนักงาน มีความแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด อัตราเงินเดือนของ พนักงานมหาวิทยาลัย จะสูงกว่าเงินเดือนข้าราชการ ประมาณ 50% และที่ผ่านมาข้าราชการก็ได้รับการปรับเพิ่มเงินเดือนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งเชื่อว่า ไม่น่าจะเกินกว่าเงินเดือนของพนักงานมหาวิทยาลัย ทั้งนี้การขอเพิ่มเงินเดือนต้องดูภาระงานเป็นหลัก (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 11 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





เอกชนไม่ผ่านประเมิน EP อื้อ

นางส่งศรี วรรณเสน ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประเมินคุณภาพโรงเรียนเอกชน และดูความพร้อมโรงเรียนเอกชนที่เปิดสอนหลักสูตร English Program (EP) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบความพร้อมโรงเรียนในสังกัด สำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ที่ขอเปิดการเรียนการสอน EP จำนวน 21 แห่ง จากที่ขอเปิด ในปีการศึกษา 2547 จำนวน 37 แห่ง โดยเป็นโรงเรียนที่อยู่ในเขต กทม. จำนวน 17 แห่ง พบว่ามีจำนวนมากกว่าครึ่งที่ยังไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน โดยเฉพาะด้านบุคลากรที่ยังขาดแคลน นอกจากนี้สื่อการเรียนการสอนของบางโรงเรียนยังไม่มีความพร้อม เพราะการสอน EP ในระดับมัธยมศึกษามีความสำคัญมาก ถ้ามีโรงเรียนใดที่ยังไม่ผ่านเกณฑ์ ทางคณะกรรมการฯจะให้โอกาสโรงเรียนนั้นปรับปรุง 2 ครั้ง และตนคิดว่าหากโรงเรียนใดที่ยังไม่มีความพร้อมก็ควรจะออกจากโครงการไปก่อน และในตอนนี้มี 3 โรงเรียน ที่ขอออกจากโครงการ เนื่องจากเห็นว่าตัวเองยังไม่มีความพร้อม และในส่วนของโรงเรียนที่ผ่านการตรวจสอบและเปิดการสอนไปแล้วตั้งแต่ปีการศึกษา 2546 ทางคณะกรรมการฯก็มีโครงการที่จะไปตรวจสอบเช่นกัน (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 11 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


ยอดเขาเอเวอเรสต์ทรุดตัวต่ำลงโลกร้อนทำให้ธารน้ำแข็งละลาย

นักสำรวจของจีนได้รายงานต่อที่ประชุมระหว่างประเทศ ที่นครลาสา ของแคว้นการปกครองอิสระทิเบตว่า ยอดเขาเอเวอเรสต์ได้หดตัวต่ำลงมา นับกระทั่งถึงปี พ.ศ.2542 เป็นเวลา 33 ปีแล้ว และได้หดต่ำลงไป 1.3 เมตร จากที่เคยสูง 8,849.75 เมตร ลงมาอยู่แค่ 8,848.45 เมตร อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่มีใครรู้แน่นอนว่าหิมะที่ปกคลุมยอดเขาเอเวอเรสต์ มีความหนาสักเท่าใด นักไต่เขาชาวอิตาลีเคยกล่าวว่า วัดได้หนาไม่ต่ำกว่า 2.5 เมตร และบางทีอาจจะมากกว่านั้นหลายเมตร ผู้อำนวยการของสถานีวิจัยแห่งทิเบต อันเป็นสาขาของสมาคมวิทยาศาสตร์จีน ได้กล่าวว่า อุณหภูมิของโลกที่เพิ่มขึ้นได้ทำให้น้ำแข็งละลาย กลายเป็นหิมะเหลวเร็วขึ้น ความมั่นคงแข็งแรงของธารน้ำแข็ง มีส่วนกับการที่ยอดเขาเอเวอเรสต์ ลดต่ำลงโดยตรง (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 6 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





สมอ.ระดมความเห็นผู้ค้าคอมพ์ รับผลบังคับใช้ มอก.2161

นายสมคิด แสงนิล รองเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวว่า ขณะนี้ สมอ.ได้ประกาศลงโฆษณาเชิญชวนให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตฐานใหม่ที่จะประกาศบังคับใช้ "มาตรฐานผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคลและส่วนประกอบเชิงหน้าที่ : ขีดจำกัดสัญญาณรบกวนคลื่นวิทยุ มอก.2161-2547 " ที่ครอบคลุมเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และโน้ตบุ๊คทั้งหมด โดยจะรับความคิดเห็นถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้ และในกรณีที่มีข้อผู้คัดค้าน สมอ. ก็จะรวบรวมเสนอต่อคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์เพื่อหาข้อสรุป ในกรณีที่ข้อคัดค้านไม่หนักแน่นพอ ก็จะดำเนินการประกาศใช้ต่อไป โดยเสนอไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) สำหรับขั้นตอนหลังผ่านการอนุมัติจาก ครม.ก็จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา แล้วส่งกลับมายัง ครม. เพื่อให้นายกรัฐมนตรีทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อลงพระปรมาภิไธย ออกเป็นพระราชกฤษฎีกา และประกาศราชกิจจานุเบกษา ซึ่งจะมีผลบังคับใช้หลักประกาศอย่างน้อย 6 เดือน สำหรับมาตรฐานดังกล่าว ถือเป็นมาตรฐานแรกด้านคอมพิวเตอร์ที่บังคับใช้ โดยที่ผ่านมา เป็นเพียงมาตรฐานแบบสมัครใจทั้ง มอก.1956 และ 1961 ซึ่งเป็นบริภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ครอบคลุมทั้งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและความปลอดภัย (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 6 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ตามล่าหาไบรโอซัวน้ำจืด ดัชนีชี้วัดคุณภาพแม่น้ำไทย

ได้มีการค้นพบไบรโอซัวชนิดใหม่ขึ้นในประเทศไทย 1 ชนิด เมื่อปี 2546 โดยศาสตราจารย์ ดร.ทิโมธี เอส วูด(Prof. Dr. Timothy S. Wood) บริเวณร้านอาหารริมแม่น้ำแม่กลอง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรีและ ถูกจัดอยู่ใน Phylum Entoprocta หรือ Kamptozoans หนึ่งในวิธีวัดคุณภาพของแหล่งน้ำที่น่าสนใจก็คือ "การใช้ไบรโอซัว" ซึ่งอยู่ภายใต้การค้นคว้าและวิจัยของ "โครงการวิจัยศักยภาพของการพัฒนาลุ่มน้ำที่มีต่อคุณภาพน้ำในลุ่มน้ำแม่กลอง พื้นที่ศึกษาครอบคลุม 3 จังหวัด คือ กาญจนบุรี ราชบุรี และสมุทรสาคร" ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ(วช.) รศ.สิทธิชัย ตันธนะสฤษดิ์ แห่งภาควิชาอนุรักษ์วิทยา คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้ข้อมูลว่า ไบรโอซัวเป็นสัตว์ขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ในน้ำเค็มและน้ำจืด จัดอยู่ในไฟลัม Ectoprocta สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ในหลายๆ ด้าน หนึ่งในนั้นคือ สามารถนำมาใช้เป็นตัวบ่งชี้ทางชีวภาพ (bioindicator) ในการประเมินและติดตามคุณภาพน้ำได้ ซึ่งในประเทศไทยยังไม่มีการศึกษาและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ มีการประยุกต์ใช้ไบรโอซัวน้ำจืดสายพันธุ์ Plumatella bombayensis เพื่อเป็นตัวบ่งชี้ทางชีวภาพในการประเมินคุณภาพน้ำในลุ่มน้ำแม่กลอง ซึ่งพบว่าในเบื้องต้นสามารถใช้ได้เป็นอย่างดี จากการวิจัยพบว่า การใช้ไบรโอซัวเป็นตัวบ่งชี้ทางชีวภาพใหม่ในการประเมินคุณภาพน้ำแบบบูรณาการ ในลุ่มน้ำแม่กลองพบว่า อัตราการเจริญเติบโตของไบรโอซัวน้ำจืดของสายพันธุ์ที่ใช้ในการศึกษา พบว่า Plumatella bombayensis มีความสัมพันธ์กับดัชนีคุณภาพน้ำ และเมื่อเปรียบเทียบกับลักษณะการใช้ประโยชน์พื้นที่แล้วจะสังเกตเห็นได้ว่า Plumatella bombayensis เจริญเติบโตไม่ดีในพื้นที่ต้นน้ำ หรือพื้นที่ป่าไม้ แต่จะเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่เกษตรกรรม ชุมชน และอุตสาหกรรม "อย่างไรก็ตาม การใช้ไบรโอซัวน้ำจืดในเมืองไทยยังประสบกับการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญในการจำแนกสายพันธุ์ไบรโอซัวน้ำจืด และต้องอาศัยทักษะและความชำนาญในการสังเกตการตายของไบรโอซัวบางสายพันธุ์ เช่น Hisopia spp. ทั้งยังต้องมีการศึกษารายละเอียดด้านนิเวศวิทยาของไบรโอซัวน้ำจืดเพิ่มเติม"รศ.สิทธิชัยให้ข้อมูล (ผู้จัดการออนไลน์ 6 ก.ย. 47 http://www.manager.co.th)





สิ่งมีชีวิตในก้อนดาวตกหัวแข็งจัดส่อมนุษย์มีต้นตอจากดาวอังคาร

นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแคนเทอเบรี่ ของอังกฤษ เชื่อว่าต้นกำเนิดของมนุษย์ อาจ จะมาจากดาวอังคาร หลังจากที่ได้พบในการศึกษาทดลองพบว่า แบคทีเรียที่พบติดมากับก้อนอุกกาบาต สามารถรอดพ้นต่อแรงกดดันสูงๆ ขนาดหลายล้านเท่าของความกดดันบรรยากาศได้ เขาถึงกับลงความเห็นว่า ความเชื่อตามทฤษฎีที่ว่า สิ่งที่มีชีวิตจากดาวอังคาร ที่รอดตายมาจากการตกกระแทกพื้นโลก อาจจะเป็นต้นกำเนิดหว่านเชื้อพืชพันธุ์ ให้เกิดขึ้นบนโลกที่อุดมด้วยน้ำแห่งนี้ อาจจะมีความจริง นักวิทยาศาสตร์มาร์ค เบอเชลล์ กับคณะ ได้รายงานในวารสารวิทยาศาสตร์ "ธรรมชาติ" ว่า ได้ทดลองโดยฉีดแบคทีเรียที่มีชื่อว่า "แพนสเปอเมีย" เข้าไปในพื้นกระเบื้องที่มีลักษณะพรุน แล้วยิงใส่เป้าหมาย ปรากฏว่าแบคทีเรียเหล่านั้นสามารถรอดตายมาได้ แม้จะยิงด้วยความ แรง จนเกิดแรงกดดันสูงกว่าความกดดันบรรยากาศ หลายล้านเท่า ความกดดัน 1 บรรยากาศ เทียบเท่ากับแรงกดดัน 6.6 กิโลกรัมต่อตารางนิ้ว (ไทยรัฐ อังคารที่ 7 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





พบคลื่นวิทยุประหลาดจากอวกาศ เชื่อเป็นสัญญาณจากมนุษย์ต่างดาว

เมื่อเดือน ก.พ. ปีที่แล้ว นักดาราศาสตร์ที่เข้าร่วมในโครงการค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่มีภูมิปัญญาหรือ โครงการเซติ ได้ใช้กล้องโทรทรรศน์คลื่นวิทยุที่ตั้งอยู่ที่เมืองอเรซิโบ ประเทศเปอร์โต ริโก ส่องไปตามพื้นที่ ซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 200 ส่วนในท้องฟ้า ก่อนหน้านี้ กล้องตัวเดียวกันนี้เคยตรวจจับสัญญาณแปลกๆ 2 ครั้ง ในบริเวณกลุ่มดาวดังกล่าว และต่อมานักดาราศาสตร์พยายามตรวจหาเพื่อยืนยันตำแหน่งของสัญญาณอีกครั้ง ล่าสุดทีมงานสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเสร็จเรียบร้อย โดยสัญญาณที่เคยจับได้ทั้งหมดหายไป ยกเว้นเพียงสัญญาณเดียวที่มีกำลังแรงมาก รายงานข่าวจากนิตยสารวิทยาศาสตร์นิวไซเอนทิสต์ระบุว่า สัญญาณวิทยุดังกล่าวมีความเป็นไปได้ว่าอาจเกิดจากปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่นักวิทยาศาสตร์ไม่เคยรู้จักมากก่อน หรืออาจเกิดจากตัวกล้องโทรทรรศน์เล่นกลเสียเองก็เป็นได้ สัญญาณที่ว่านี้ ได้รับการตั้งชื่อว่า เอสเอชจีบีโอทู พลัส วันโฟร์เอ (SHGb02+14a) มีคลื่นความถี่ประมาณ 1420 เมกะเฮิรตซ์ สัญญาณดังกล่าวเป็นหนึ่งในคลื่นความถี่หลักที่ก๊าซไฮโดรเจน ซึ่งเป็นธาตุพื้นฐานของจักรวาล สามารถดูดซับและแพร่กระจายคลื่นได้ นักดาราศาสตร์แสดงความเห็นว่า คลื่นความถี่ดังกล่าวเป็นความพยายามของสิ่งมีชีวิตซึ่งมีปัญญานอกโลก ต้องการส่งสัญญาณให้จักรวาลรู้ถึงการดำรงอยู่ของพวกเขา คลื่นความถี่นี้คาดว่ามาจากตำแหน่งที่อยู่ระหว่างกลุ่มดาวราศีมีนและเมษ ซึ่งอยู่ห่างโลกประมาณ 1,000 ปีแสง และเป็นบริเวณที่ไม่ปรากฏชัดเจนว่ามีระบบสุริยจักรวาลอยู่ ทั้งสัญญาณที่ส่งออกมาก็มีกำลังออกมาก กล้องโทรทรรศน์ตัวนี้เพิ่งตรวจจับสัญญาณได้ในระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น ซึ่งยังไม่เพียงพอที่นักดาราศาสตร์จะวิเคราะห์ได้อย่างถี่ถ้วน แต่นักดาราศาสตร์คิดว่า เอสเอชจีบีโอทู พลัส วันโฟร์เอ ไม่น่าจะเป็นผลมาจากคลื่นวิทยุรบกวนหรือเสียงรบกวน และไม่ได้เป็นสัญญาณที่แพร่จากวัตถุในอวกาศที่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ก็ไม่ได้หมายความจะมีแต่มนุษย์ต่างดาวเท่านั้นที่ส่งคลื่นวิทยุนี้ออกมาได้เช่นกัน ที่น่าประหลาดก็คือ คลื่นความถี่ที่ตรวจพบนี้ผันแปรอยู่ระหว่างความถี่ 8-37 เฮิรตซ์ต่อวินาที สัญญาณประหลาดนี้ถูกตรวจจับได้โดยโครงการเอสอีทีไอแอทโฮม (SETI@home) ซึ่งเป็นโครงการที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์พีซีทั่วโลก ที่ยอมให้ใช้หน่วยประมวลผลหรือซีพียูของตัวเองสำหรับประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ได้จากกล้องโทรทรรศน์ (คมชัดลึก อังคารที่ 7 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)





แฉ "มะกัน" ลักไก่ยื่นอีก 3 สิทธิบัตรมะละกอจีเอ็มโอ

นายเจอราด กรีนฟิล ที่ปรึกษากรีนพีซสากลด้านพันธุวิศวกรรม พร้อมด้วยนายจิรากรณ์ คชเสนี ผอ.กรีนพีซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมเปิดข้อมูลบริษัทมูลนิธิวิจัยคอร์แนล ที่ร่วมวิจัยกับกรมวิชาการเกษตรของไทยแอบยื่นจดสิทธิบัตรใหม่มะละกอจีเอ็มโอเพิ่มอีก 3 สิทธิบัตร เพื่อครอบครองพันธุกรรมโปรตีนไวรัสจุดวงแหวนมะละกอไทย กับสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าของสหรัฐอเมริกา โดยนายจิรากรณ์ กล่าวว่า จากเดิมพบมีการจดสิทธิบัตรมะละกอจีเอ็มโอที่สหรัฐฯ 11 สิทธิบัตร โดยเจ้าของสิทธิบัตรคือบริษัทมอนซานโต้ และบริษัทมูลนิธิวิจัยคอร์แนล ของสหรัฐฯ ที่ยื่นจดสิทธิบัตร ในตัวยีน ยีนมาร์คเกอร์ ยีนโปรโมเตอร์ แต่ปรากฏว่า 1 เดือนก่อนที่กรีนพีซจะเข้าไปตรวจสอบการปนเปื้อนของมะละกอจีเอ็มโอดังกล่าว บริษัทมูลนิธิวิจัยคอร์แนล ได้ยื่นจดสิทธิบัตรมะละกอใหม่เพิ่มขึ้นอีก 3 สิทธิบัตร โดยผ่านการอนุมัติไปแล้วเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2547 จำนวน 1 สิทธิบัตร ที่ระบุการคุ้มครองในเรื่องรูปแบบการสร้างดีเอ็นเอ และวิธีการทำให้มะละกอต้านทานโรคไวรัสจุดวงแหวน และมีอีก 2 สิทธิบัตรอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติ แต่ปัญหาคือสิทธิบัตรที่อยู่ระหว่างการอนุมัตินั้นได้อ้างสิทธิเหนือโปรตีน ไวรัสใบด่างวงแหวนในไทย บราซิล จาเมกา เม็กซิโก และเวเนซุเอลา นายจิรากรณ์กล่าวว่า ส่วนอีก 2 สิทธิบัตรที่อยู่ระหว่างการพิจารณาที่มี ดร.เดนนิส กอนซาลเวส เป็นผู้ขอยื่นจดนั้น ได้ระบุว่า ข้อมูลทางพันธุกรรมของโปรตีนไวรัสจุดวงแหวนของไทย เป็นสิ่งที่ค้นพบขึ้นมาใหม่ ตนไม่รู้ว่ากรมวิชาการเกษตรของไทย ทราบข้อมูลการยื่นจดสิทธิบัตรในครั้งนี้หรือไม่ เพราะหากคาดการณ์จากสิทธิบัตรใหม่ที่เพิ่งอนุมัติไปแล้วเมื่อเดือน มิ.ย. ก็คงพอบอกได้ว่าสิทธิบัตรอีก 2 ตัวที่กำลังจะอนุมัติ จะตกเป็นของมูลนิธิวิจัยคอร์แนลแน่นอน ไม่ใช่ของไทย การที่มะละกอจีเอ็มโอมีสิทธิบัตรจำนวนมากกว่า 14 สิทธิบัตรนั้น จะส่งผลต่อเกษตรกรไทย เมื่อนำไปปลูกเป็นการค้าจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสิทธิบัตร (ไทยรัฐ พุธที่ 8 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





จีนส่ง "เดือนเทียม" แทนดาวเทียมจะมองเห็นได้ทั่วไปด้วยตาเปล่า

หนังสือพิมพ์ "เหวิน เหว่ย ป่อ" ของฮ่องกงแจ้งว่า วิศวกรอวกาศจีนกำลังพัฒนาดาวเทียมแบบใหม่ เพื่อการสื่อสาร การทำ แผนที่และสำรวจอวกาศ ที่เรียกว่า "เดือนเล็ก" คล้ายกับดวงจันทร์ขนาดเล็กที่เป็นบริวารของดาวเคราะห์บางดวง ดาวเทียมเหล่านี้เมื่อส่งเข้าวงโคจรรอบโลกแล้ว คนทั่วไปจะสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ข่าวกล่าวว่า การสร้างเดือนเทียมที่ใช้ เวลาวิจัยอันสั้น ต้นทุนต่ำ แต่ปฏิบัติงานได้ อย่างเข้มแข็ง ได้กลายเป็นความนิยมในการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศของนานาชาติ นักวิทยาศาสตร์จีนได้เริ่มลงมือวิจัยและพัฒนามาตั้งแต่ พ.ศ.2542. (ไทยรัฐ พุธที่ 8 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





นักวิจัยทุบสถิติความเร็วเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 2

ทีมนักวิทยาศาสตร์ ประกาศความคืบหน้า โครงการพัฒนาเครือข่าย "อินเทอร์เน็ต 2" เผยเพิ่มความเร็วรับส่งข้อมูลได้สูงสุด 6.63 กิกะบิตต่อวินาที เปิดทางรับส่งไฟล์ดีวีดีขนาดใหญ่ข้ามทวีป ได้ใน 2-3 วินาที พร้อมชี้เริ่มนำมาใช้งานแล้ว ในวงการค้นคว้าวิจัย หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ รายงานว่า สถาบันเทคโนโลยีแห่งมลรัฐแคลิฟอร์เนีย (Caltech) และศูนย์ทดลองฟิสิกส์อนุภาคของยุโรป หรือเซิร์น (CERN) ได้ประกาศความสำเร็จ ในการทดลองส่งข้อมูลขนาด 859 กิกะไบต์ ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่มีระยะทางราว 16,000 กิโลเมตร ได้ภายในเวลาไม่ถึง 17 นาที หรือคิดเป็นความเร็วรับส่งข้อมูลสูงถึง 6.63 กิกะบิตต่อวินาที โดยที่การรับส่งข้อมูลดังกล่าว มีความเร็วเทียบเท่ากับการรับส่งไฟล์ภาพยนตร์ดีวีดีขนาดใหญ่ จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ไปยังแคลิฟอร์เนีย ภายในเวลา 2-3 วินาที นักวิทยาศาสตร์จะการแถลงความสำเร็จ ในการเพิ่มความเร็วรับส่งข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทุกๆ 2-3 เดือน เนื่องจากทีมวิจัยเหล่านี้กำลังเร่งพัฒนาให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์กึ่งสาธารณะ อาทิ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต 2 มีความเร็วสูงขึ้น โดยปัจจุบันเครือข่ายความเร็วสูง "อินเทอร์เน็ต 2" เริ่มมีการนำมาใช้งานแล้ว ในงานด้านการศึกษา และค้นคว้าวิจัย (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 8 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





เตาปฏิกรณ์ปิดผนึกกันฉกไส้ในทำอาวุธ

เครก สมิธ นักวิจัยจากห้องปฏิบัติการแห่งชาติลอว์เรนซ์ ลิเวอร์มอร์ กระทรวงพลังงานสหรัฐ เปิดเผยว่า กระทรวงพัฒนาเตาปฏิกรณ์ปรมาณูขนาดเล็กแบบปิด หรือเอสเอสทีเออาร์ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้นี้และสามารถสร้างพลังงานได้นานถึง 30 ปี โดยไม่ต้องเติมเชื้อเพลิงหรือบำรุงรักษามากเหมือนแบบเดิม วัตถุประสงค์หลักของการผลิตเตาปฏิกรณ์รูปแบบนี้ขึ้นมา เพื่อให้สามารถส่งป้อนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ต่างๆ และนำกลับคืนได้หลังจากพลังงานในตัวหมดลงแล้ว โดยนักพัฒนาอ้างว่าไม่มีใครสามารถกำจัดกากกัมมันตรังสีจากเตาปฏิกรณ์นี้ได้ เพราะแกนในของมันถูกป้องกันไว้อย่างดี ควบคู่กับการติดตั้งระบบเตือนภัยไว้ด้วย ขณะที่เตาปฏิกรณ์ทั่วไปต้องอาศัยการเติมเชื้อเพลิงเมื่อพลังงานหมดลง ทำให้เสี่ยงต่อการแอบผลิตระเบิดปรมาณู เนื่องจากผู้ดูแลอาจลักลอบนำวัสดุกัมมันตรังสีและกากกัมมันตรังสีไปผลิตเป็นอาวุธได้ นอกจากนี้ การพัฒนาเตาปฏิกรณ์ขนาดเล็กยังเหมาะกับโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ขนาด 1 กิกะวัตต์ จึงเหมาะสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งกระแสไฟฟ้าจากสายส่งเหมือนเดิม ทำให้ลดค่าใช้จ่ายไปได้มาก โดยเตาปฏิกรณ์ขนาด 100 เมกะวัตต์ จะสูง 15 เมตร มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 เมตร และหนัก 500 ตัน ส่วนขนาด 10 เมกะวัตต์ มีน้ำหนักไม่ถึง 200 ตัน ทั้งนี้ สหรัฐจะขนส่งเตาปิดผนึกไปยังพื้นที่เป้าหมายทางเรือและทางรถบรรทุก และจะติดตั้งให้พร้อมสรรพ โดยหลังจากที่เชื้อเพลิงหมดแล้วก็จะเก็บเตาปฏิกรณ์เก่านี้ไปรีไซเคิลหรือฝังกลบ คาดว่าต้นแบบของเตาปฏิกรณ์จะออกมาในปี 2558 สำหรับเคล็ดลับที่ทำให้เตาสามารถผลิตพลังงานได้นานถึง 30 ปีนั้น เป็นเพราะใช้นิวตรอนแปลงไอโซโทปที่ไม่แตกตัว อย่าง ยูเรเนียม-238 ไปเป็นพลูโตเนียม - 239 โครงการนี้ได้รับการคัดค้าน โดยไมเคิล เลวี จากสถาบันบรู๊คกิง ในวอชิงตัน เห็นว่าแม้จะมีการออกแบบเตาปฏิกรณ์ให้ปิดผนึกอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันการนำกากกัมมันตรังสีออกมาใช้งาน แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากประเทศนั้นๆ อยากผลิตอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมา พวกเขาคงไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น และแน่นอนว่าการทำลายเตาปฏิกรณ์แบบพกพา ที่เต็มไปด้วยพลูโตเนียมนี้สามารถเป็นไปได้ทุกเมื่อ (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 8 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





เทคโนโลยีอวกาศกับการสำรวจขั้วโลกใต้...

องค์กรอวกาศยุโรป (European Space Agency) หรือ ESA ก็เป็นอีกองค์กรหนึ่งที่ให้ทุนสนับสนุนการสำรวจขั้วโลกใต้ เนื่องจากสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมือนอยู่นอกโลกอย่างนั้น เหมาะที่จะใช้ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตและสภาพแวดล้อมนอกโลกอันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านอวกาศนั่นเอง ล่าสุดทาง ESA ได้เปิดเผยโฉมหน้าของสถานที่ที่นักสำรวจใช้พักอาศัยระหว่างทำการวิจัยสถานีสำรวจ สถานีสำรวจที่ว่านี้จะถูกนำมาใช้แทนของเก่าที่จะถูกแทนที่ภายในปี ค.ศ. 2008 หรืออีก 4 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบของนักวิจัยของ ESA เอง ซึ่งผลงานนี้ก็เป็นหนึ่งในผลงานการออกแบบที่ส่งเข้าประกวดเพื่อให้ได้รับการคัดเลือกที่จะมีขึ้นในราวปีหน้า รูปร่างของสถานีสำรวจดูคล้าย ๆ กับวัตถุรูปร่างเกือบที่จะเป็นทรงกลม ซึ่งดู ๆ ไปแล้วก็เหมือนกับยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว เนื่องมาจากคุณลักษณะอย่างเช่น โครงสร้างที่แข็งแรง ไม่สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถเคลื่อนย้ายออกนอกพื้นที่ได้ทั้งหมดยามเมื่อไม่ต้องการใช้งานอีกต่อไป สถานีสำรวจแบบใหม่นี้ถูกออกแบบให้สามารถติดตั้งอยู่บนพื้นผิวของน้ำแข็งและมีความสูงพอที่จะรับมือกับปริมาณหิมะที่ตกในระดับความหนาไม่เกิน 1 เมตรต่อปี ออก แบบโดยใช้หลักอากาศพลศาสตร์ที่สามารถทนแรงลมได้ถึง 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถทนทานแผ่นดินไหวได้ถึงระดับ 7 ตามมาตราริคเตอร์ อีกทั้งยังสามารถรับมือกับน้ำท่วมในระดับไม่เกิน 3 เมตรได้ ในส่วนของโครงสร้างหลักนั้นทำมาจาก carbon-fibre-reinforced-plastic หรือ CFRP ที่นอกจากจะทำหน้าที่เป็นเสมือนผนังแล้วยังทำหน้าที่คอยรับน้ำหนักโครงสร้างทั้งหมดอีกด้วย และที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือในส่วนของผนังด้านนอกยังทำหน้าที่เป็นเสาอากาศส่งสัญญาณและถูกติดตั้งโซลาร์เซลล์สำหรับเป็นแหล่งพลังงานที่สะอาดและปลอดภัยอีกด้วย นักวิจัยของ ESA ได้ไอเดียที่จะนำเอาเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ในการสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับบางพื้นที่ของยุโรปที่มีภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการอยู่อาศัยหรือต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติอยู่เป็นประจำ ( เดลินิวส์ พุธที่ 8 ก.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)





กระทรวงวิทย์ตั้งแผงโซล่าร์เซลล์ป้อนไฟฟ้าเข้างาน

นายกร ทัพพะรังสี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า กระทรวงเตรียมจัดงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติประจำปี 2547 ในวันที่ 19-23 ต.ค.นี้ ณ อิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งการจัดงานในปีนี้เป็นส่วนหนึ่งของการฉลองสมโภช 200 ปี พระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย พร้อมทั้งเทิดพระเกียรติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งเทคโนโลยีไทย ทั้งนี้ ในงานดังกล่าวมีการเผยแพร่ผลงานวิชาการ งานวิจัย สิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมในหลากหลายสาขาวิชาต่อสาธารณชน และกระตุ้นให้เยาวชนไทยได้ตื่นตัวที่จะเรียนรู้และพัฒนาทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และยังเป็นเวทีส่งเสริมและสนับสนุนให้ภูมิปัญญาของคนไทย ได้รับการพัฒนาต่อยอดไปเป็นเครื่องมือยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางวิทยาการล้ำสมัย เพื่อก้าวเข้าสู่เวทีโลก ดร.ณงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า กระทรวงจะประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ จาก 9 กระทรวงด้วยกัน ให้นำผลงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาจัดแสดงภายในงาน ซึ่งแบ่งเป็น 8 กลุ่มนิทรรศการด้วยกัน โดยนิทรรศการที่เป็นจุดเด่นของงาน ได้แก่ การแสดงอินเทอร์แอคทีฟเทิดพระเกียรติและน้อมสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยแบ่งเป็นพื้นที่จำลองเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ เช่น โครงการแกล้งดิน โครงการแก้มลิง เป็นต้น นิทรรศการสกายโดมและแลนด์มาร์ด โดยนำโดมมาจัดทำเสมือนท้องฟ้าจำลอง นิทรรศการพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งจะติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์ขนาดใหญ่บริเวณที่จอดรถ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์ไปใช้จริงในงานอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการนาโนเทคโนโลยี เทคโนโลยีสมาร์ทการ์ดและอาร์เอฟไอดี (RFID) เทคโนโลยีหุ่นยนต์อัจฉริยะ ซึ่งบริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด นำหุ่นยนต์อาซิโมรุ่นล่าสุด ที่สามารถจดจำเสียงและทิศทาง มาร่วมงานครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้ ทางกระทรวงวิทย์ได้ใช้งบประมาณทั้งหมด 150 ล้านบาท สำหรับการจัดงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ประจำปีนี้ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 9 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





เปิดประกวดออกแบบก่อสร้าง ลิฟต์อวกาศขนของไปนอกโลก

มูลนิธิทะยานอวกาศในสหรัฐฯ เริ่มจัดการเปิดประกวดการออกแบบและสร้างลิฟต์อวกาศ สูงจากพื้นออกไปถึงนอกโลก เป็นระยะความสูงถึง 100,000 กม.แล้ว สถานีวิทยุจีนสากลรายงานว่า มูลนิธิได้จัดประกวดการออกแบบ และสร้างลิฟต์อวกาศตามโครงการที่มีชื่อว่า "ลิฟต์ : 2010" มุ่งให้มีการคิดสร้างนวัตกรรมเพื่อเปิดทางไปสู่หนทางลำเลียงสิ่งของขึ้นไปยังนอกโลก ด้วยลิฟต์อวกาศซึ่งจะใช้พลังงานแสง ลิฟต์จะเคลื่อนขึ้นลงตามแถบริบบิ้นอันเหนียวยิ่งกว่าเหล็ก โยงจากพื้นดินสูงจนออกไปนอกโลก เป็นระยะความสูงถึง 100,000 กม. มูลนิธิได้จัดเปิดประกวดการออกแบบและสร้างออกเป็นสามส่วน ส่วนแรกเป็นตัวพื้น ส่วนที่สองเป็นสายโยง และส่วนที่สามเป็นเครื่องกำเนิดกำลัง โดยส่วนแรกจะเริ่มเปิดการประกวดขึ้นในแถบอ่าวซานฟรานซิสโก ในเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคม ศกหน้านี้ ด้วยเงินรางวัลการออกแบบ รางวัลที่ 1 เป็นเงิน 2,000,000 บาท รางวัลที่สอง 400,000 บาท และรางวัลที่สาม 200,000 บาท หากว่าสามารถสร้างลิฟต์อวกาศขึ้นได้สำเร็จ จะทำให้งบการขนส่งขึ้นไปยังอวกาศนอกโลกลดต่ำลงเป็นอันมากจากน้ำหนัก ปอนด์ละถึง 400,000 บาท มาเหลือเพียง 4,000 บาทเท่านั้น. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 10 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





ผู้ดีเรียกร้องเปิดเผยระดับ รังสีในมือถือ

ผู้เชี่ยวชาญในอังกฤษ เรียกร้องให้ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ เปิดเผยปริมาณรังสีที่ปล่อยออกมาจากเครื่องลูกข่าย ระบุเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ สำนักข่าวบีบีซี นิวส์ รายงานโดยอ้างคำบรรยายของเซอร์ วิลเลียม สจวต หัวหน้าสำนักงานป้องกันสุขภาพ ในงานประชุมโรคลูคีเมีย ซึ่งระบุว่า ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ ควรมีสิทธิที่จะได้รู้ว่าเครื่องที่ตนใช้อยู่มีรังสีเป็นปริมาณเท่าใด แต่ปัจจุบัน ยังไม่สามารถรับรู้ข้อมูลที่จำเป็นเหล่านี้ได้ " แม้จะมีการโต้เถียงเกี่ยวกับความปลอดภัยของโทรศัพท์มือถือติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปี แต่จนถึงทุกวันี้ ก็ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอจะสรุปได้ว่า โทรศัพท์มือถือมีอันตรายต่อสุขภาพจริง ด้านโฆษกสมาคมผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ผลิตเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่มากกว่าผู้ผลิตเครื่องลูกข่ายนั้น บอกว่า ทางบริษัทมีรายละเอียดค่าซาร์ของมือถือแต่ละรุ่น แต่ไม่สามารถเปิดเผยให้กับสาธารณชนได้ "ค่าซาร์ในมือถือแต่ละเครื่องต้องอยู่ในระดับที่ปลอดภัย จึงจะสามารถวางตลาดได้" โฆษกสมาคมผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือกล่าว พร้อมเสริมว่า ค่าซาร์สูงสุด คือ 2 วัตต์ต่อกิโลกรัม แต่ถ้าจะให้ปลอดภัยต่อร่างกายจริงๆ ก็ต้องสูงกว่านี้ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 10 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ยานสำรวจสุริยะนาซาโหม่งโลก

แคปซูลของยานสำรวจระบบสุริยจักรวาลขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ หรือนาซา ที่มีชื่อว่า "เจเนสซิส" ซึ่งเดินทางเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลก ประสบอุบัติเหตุตกกลางทะเลทรายในรัฐยูทาห์ของสหรัฐเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุมาจากร่มเกิดขัดข้องไม่กางออก ยานสำรวจลำนี้ซึ่งโคจรเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกเมื่อเวลาประมาณ 22.55 น. ของคืนวันพุธตามเวลาในไทย ตกกระแทกพื้นด้วยความเร็วประมาณ 161 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ตัวยานได้รับความเสียหายอย่างหนัก ภารกิจของยานสำรวจลำนี้ ที่ใช้เวลาโคจรอยู่ในอวกาศนานกว่า 3 ปี เพื่อนำอนุภาคของลมสุริยะที่มีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากลับมาทดลองวิจัยที่ศูนย์อวกาศจอห์นสัน เมืองฮุสตัน รัฐเทกซัส เพื่อประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์ บรรดานักวิทยาศาสตร์หวังว่าอนุภาคของลมสุริยะที่อยู่ภายในตัวยานที่จะนำมาใช้ในการศึกษานั้น จะยังคงมีอยู่ ยานสำรวจ "เจเนสซิส" เป็นยานสำรวจที่ ไม่มีนักบินอวกาศควบคุม มีน้ำหนัก 494 กิโลกรัม ถูกส่งขึ้นไปในอวกาศเมื่อเดือน ส.ค. 2544 โดยส่งขึ้นไปโคจรระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ เพื่อเก็บ ตัวอย่างอนุภาคของลมสุริยะ ซึ่งอาจจะทำให้พบร่องรอยของการกำเนิดดวงดาวต่าง ๆ การเก็บตัว อย่างดังกล่าวจะต้องใช้ซิลิคอน ทองคำ แซฟไฟร์ และเพชร ประกอบขึ้นมาเป็นเครื่องมือในการเก็บ ตัวอย่างอนุภาคขนาดเล็ก 10-20 ไมโครกรัม (เดลินิวส์ เสาร์ที่ 11 ก.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)





ข่าววิจัย/พัฒนา


"ไบโอเทค"ถอดรหัสยีนกลิ่นหอมสำเร็จ เร่งพัฒนาข้าวพันธุ์ใหม่คุณสมบัติทนสารพัด

ดร.ธีรยุทธ ตู้จินดา จากหน่วยปฏิบัติการค้น หาและใช้ประโยชน์จากยีนข้าว ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) กล่าวถึง ทิศทางการวิจัยและพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ข้าว ว่า เนื่อง จากขณะนี้นักวิทยาศาสตร์สามารถค้นหายีนข้าวได้ สำเร็จแล้ว ทำให้การปรับปรุงพันธุ์ข้าวสามารถทำได้ ง่ายขึ้น โดยตั้งเป้าจะใช้เทคโนโลยีดีเอ็นเอ มาร์กเกอร์ และการสร้างข้าว พันธุ์ไฮบริดให้ได้ภายในระยะเวลา 5 ปี โดยอาจต้องใช้งบประมาณ 20-30 ล้านบาท โดยมุ่งหวังที่จะได้สายพันธุ์ข้าวหอมมะลิและข้าวเหนียว ที่มีคุณสมบัติต่างๆครบถ้วนภายในต้นเดียวกัน นอกจากนี้ในช่วง 2-3 ปี ก็จะพัฒนาพันธุ์ข้าวไตรลักษณ์ ที่มีคุณสมบัติ 3 ประเภทคือ สามารถทนน้ำท่วม ทนต่อโรคกาบใบแห้ง และทนต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลอีกด้วย นักวิจัยไทยในโครงการคือ ดร.อภิชาติ วรรณวิจิตร ได้ทำการทดลองและประสบความสำเร็จในการถอดรหัสยีนความหอม ได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมขอจดสิทธิบัตร เนื่อง จากยังไม่เคยมีใคร สามารถทำได้สำเร็จ ทั้งนี้ การถอดรหัสยีนความหอมที่ไทยทำได้นี้ ในอนาคตจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถผลิตข้าวหอมที่มีคุณภาพดีขึ้น ส่วนการปรับปรุงพันธุ์ข้าวโดยใช้การตัดแต่งพันธุกรรม หรือที่เรียกกันว่าจีเอ็มโอ นั้น ตนคิดว่ายังไม่มีความจำเป็น เนื่องจากปัจจุบันสามารถใช้เทคนิคการค้นหายีน และใช้การทำไฮบริดได้แล้ว อีกทั้งหากมีการพัฒนาข้าวจีเอ็มโอขึ้นจริง ตนเชื่อว่าจะส่งผลกระทบกับการส่งออกข้าวไทยอย่างแน่นอน ทั้งนี้ เพราะเรื่องนี้มีความละเอียดอ่อนเกินไป (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 6 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





รถมอเตอร์ไซค์ติดแอร์ปรับอากาศได้นักประดิษฐ์อิสราเอลใช้ทุน 20 ล้าน

นักฟิสิกส์ของบริษัทเอนโตรซิสผู้ประดิษฐ์เครื่องปรับอากาศสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ได้ โดยใช้ไฟจากแบตเตอรี่ของรถ มีลักษณะเป็นกล่องเล็กๆ น้ำหนักเบา สามารถติดไว้ในช่องเก็บของของรถได้ มีท่อยางซึ่งจะปล่อยไอเย็น โยงติดกับเสื้อกั๊กที่ผู้ขับขี่สวมอยู่ "เรามุ่งให้ความเย็นกับลำตัว เพราะคำนึงถึงหลักทางด้านสรีรวิทยา นายเกลน กุตต์แมน ผู้สร้าง ได้เปิดเผยกับสถานีวิทยุทหารของอิสราเอลว่า ได้ใช้งบในการประดิษฐ์หมดไปประมาณ 20 ล้านบาท โดยมีนายทุนสนับสนุน และจะเริ่มผลิตออกจำหน่ายตามชาติยุโรปและสหรัฐฯก่อน ในราวกลางปีหน้านี้ (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 6 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





ไบโอเทคทุ่ม 40 ล.พัฒนาข้าวพันธุ์อึด

ดร.ธีรยุทธ ตู้จินดา นักวิทยาศาสตร์อาวุโส ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) กล่าวถึงทิศทางการวิจัยและพัฒนา พันธุ์ข้าวไทย ในงานประชุมวิชาการนานาชาติ ว่าด้วยเรื่องข้าวเพื่ออนาคตว่า ปัจจุบันไบโอเทคสามารถทราบตำแหน่งของพันธุกรรมข้าวที่สามารถทนโรคได้แล้ว ทั้งหมด 6 ยีน คือ ยีนทนแล้ว ยีนทนน้ำท่วม ยีนความหอม ยีนป้องกันโรคขอบใบแห้ง ยีนป้องกันโรคเพลี้ยกระโดด ยีนทนเค็ม นอกจากนี้ ยังสามารถนำข้อมูลตำแหน่งของยีน มาพัฒนาข้าวหอมมะลิที่มียีนเด่นทั้ง 6 ชนิดได้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน โดยเทคโนโลยีที่ใช้ในการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวเน้นวิธีการที่เรียกว่า โมเลกุลเครื่องหมาย หรือการคัดเลือกพันธุกรรม (Marker Assisted Selection) ซึ่งไม่ใช่จีเอ็มโอ ประเทศไทยแม้ว่าจะสามารถทราบตำแหน่งขอยีนข้าวจำนวนมาก แต่การค้นหาหน้าที่ของยีนยังทำได้เพียง ยีนป้องกันน้ำท่วมกับ ยีนกลิ่นหอมของข้าวเท่านั้น โดยลำดับยีนของข้าวมีทั้งหมด 45,000 ยีน ไทยสามารถหาตำแหน่งขอยีนได้ 6 ตำแหน่ง และสามารถหาหน้าที่ของยีนซึ่งนำไปโคลนนิงเพื่อนำมาตัดต่อได้เพียง 2 ยีนเท่านั้นที่ยื่นจดสิทธิบัตรเป็นของคนไทย คือ ยีนข้าวความหอม และยีนป้องกันน้ำท่วม ไบโอเทควางเป้าหมายการพัฒนาข้าวหอมมะลิ และข้าวเหนียว กข.6 ในระยะเวลา 5 ปี จะรวมเอายีนป้องกันโรคเอาไว้ทั้งหมด 6 เอาไว้ในพันธุ์ข้าวพันธุ์เดียว เพราะปัญหาของโรคเหล่านี้สร้างความเสียหายให้กับข้าวหอมมะลิ ทำให้การผลิตที่เดิมควรจะได้ 500-600 กก.ต่อไร่ ลดลงเหลือเพียง 200-300 ไร่เท่านั้น ซึ่งทั้งหมดจะใช้เทคโนโลยีโมเลกุลเครื่องหมาย นอกจากนี้ ได้วางแผนพัฒนาวิจัยข้าวเพิ่มธาตุเหล็ก เพื่อเป็นวิตามินเสริมสำหรับประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือภาคอีสาน (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 6 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





สกว.วิจัยสครับขัดหน้าสูตรใหม่ เปลือกไข่ไก่บดอบแห้งผสมครีม

รศ.วิชัย หฤทัยธนาสันติ์ หัวหน้าโครงการทุนอุตสาหกรรมสำหรับนักศึกษาปริญญาตรี สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) โดยคณะวิจัยภาควิชาพัฒนาผลิตภัณฑ์ คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า การนำเปลือกไข่ไก่มาใช้ประโยชน์ในเครื่องสำอางยังไม่เคยมีผู้ศึกษามาก่อน จึงมองไปที่การนำเปลือกไข่ไก่มาเป็นส่วนประกอบทดแทนการนำเข้าสารขัดผิวราคาแพงจากต่างประเทศ มีกรรมวิธีผลิตครีมขัดผิวจากเปลือกไข่ไก่คร่าวๆ คือ นำเปลือกไข่ไก่มาทำความสะอาดด้วยการล้างและลอกเยื่อ จากนั้นต้มน้ำให้เดือด อบแห้ง บด และนำไปกำจัดสารอินทรีย์โดยแช่ในสารละลาย HCI 2% และ NaOH 3% ในอัตราส่วนเปลือกไข่ไก่ต่อสารละลาย 1:5 ที่ 40 องศาเซลเซียส 15 นาที อบให้แห้งต่อแล้วแยกขนาด จากนั้นผสมเปลือกไข่ไก่ผงที่ได้ในอัตราส่วน 3:1 ปริมาณ 2% ลงในครีมบำรุงผิวที่ได้ผ่านการปรับปรุงสูตรและกรรมวิธีการผลิต พร้อมเติมกลิ่นน้ำหอมในปริมาณ 0.15% จึงจะได้ครีมขัดผิวสูตรใหม่ อายุการเก็บยังพบว่าตลอดระยะเวลาการเก็บ 4 สัปดาห์ คุณภาพด้านสี ความหนืด กลิ่น ความเป็นกรดด่าง และคุณภาพทางจุลินทรีย์อยู่ในเกณฑ์ที่สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรมกำหนด ด้านการทดสอบกับผู้บริโภค 100 คน โดยมอบผลิตภัณฑ์ไปทดลองใช้เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ แล้วตอบแบบสอบถามพบว่าเมื่อทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวผู้บริโภคยังให้คะแนนของกลิ่นครีมในระดับความชอบมาก ด้านสีคุณสมบัติการขัดผิวและความชุ่มชื่นผิวอยู่ในระดับปานกลาง การต่อยอดงานวิจัยนี้เพื่อการทดสอบตลาดนั้นยังต้องใช้เวลาศึกษาเพิ่มเติม (มติชน จันทร์ที่ 6 ก.ย. 47 http://www.matichon.co.th)





ฤทธิ์กวาวเครือต้านมะเร็ง

ในวารสารวิจัย Journal of Ethnophamacology ของสำนักพิมพ์ Elsevier ฉบับล่าสุดได้ตีพิมพ์ผลงานของนักวิจัยไทยประกอบด้วย รศ.ดร.วิชัย เชิดชีวศาสตร์ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย น.ส.วรากรณ์ ชีวโศภิษฐ นิสิตบัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ดร.พรทิพา พิชา สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้ทำการทดสอบฤทธิ์ของสารสกัดกวาวเครือขาว กวาวเครือแดง และกวาวเครือดำในเซลล์มะเร็งเต้านมมนุษย์ เพาะเลี้ยงชนิดที่มีตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจน ผลการทดลองพบว่าเฉพาะกวาวเครือขาวในปริมาณต่ำเท่านั้นที่สามารถออกฤทธิ์กระตุ้นการเจริญของเซลล์ได้ ในระดับเดียวกับการกระตุ้นด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนในปริมาณต่ำ ผลการทดลองนี้เป็นการยืนยันว่าสารเคมีในสารสกัดกวาวเครือขาวสามารถจับกับตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถใช้สารสกัดกวาวเครือขาวในผลิตภัณฑ์ที่ต้องการให้เกิดการออกฤทธิ์แบบเอสโตรเจน ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อสตรีวัยทอง ทั้งกวาวเครือแดงและกวาวเครือดำไม่มีผลยับยั้งการกระตุ้นของฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีต่อเซลล์มะเร็งเต้านมมนุษย์ แต่สารสกัดกวาวเครือขาวในปริมาณสูง สามารถยับยั้งการกระตุ้นของฮอร์โมนเอสโตรเจนอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นการค้นพบครั้งแรกในโลกว่าสารไฟโตเอสโตรเจนจากพืชสามารถแย่งจับกับฮอร์โมนเอสโตรเจนต่อตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแสดงผลยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งเต้านมมนุษย์ได้ถึง 73% ผลการทดลองดังกล่าวแสดงว่าในสภาวะที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนอยู่ด้วย สารไฟโตเอสโตรเจนจากกวาวเครือขาวจะแสดงบทบาทป้องกันการเจริญของเซลล์มะเร็งเต้านมมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (มติชน จันทร์ที่ 6 ก.ย. 47 http://www.matichon.co.th)





'สเต็มเซลล์ขน'รักษาหัวล้าน-แผลไฟไหม้

มหาวิทยาลัยร็อกกี้เฟลเลอร์ เผยผลวิจัยล่าสุด ระบุเซลล์ต้นตอหรือสเต็มเซลล์ที่พบในรูขุมขน สามารถสร้างขนและผิวหนังขึ้นใหม่แทนที่ส่วนที่ขาดหายไป นำไปสู่หนทางรักษาอาการหัวล้านและเหยื่อที่ถูกไฟไหม้ แต่อาจต้องใช้เวลาอีกสักระยะ เนื่องจากสเต็มเซลล์ความหวังนี้ได้ค้นพบเฉพาะในหนูทดลองเท่านั้น และอยู่ระหว่างความพยายามค้นหาในมนุษย์ คณะทำงานจากสถาบันการแพทย์โฮวาร์ด ฮิวส์ เมดิคอล และมหาวิทยาลัยร็อกกี้เฟลเลอร์ ในนิวยอร์ก รายงานในวารสารเซลล์ว่า เซลล์ต้นตอหรือสเต็มเซลล์ที่พบในรูขุมขนช่วยรักษาคนหัวล้าน และเหยื่อที่ถูกไฟไหม้ โดยสเต็มเซลล์ดังกล่าว ไม่เพียงแต่สร้างขนขึ้นมาได้เท่านั้น ยังสามารถสร้างผิวหนังและต่อมไขมันขึ้นมาแทนที่ส่วนที่ขาดหายไปได้ นับเป็นกุญแจสำคัญในการเสริมสร้างผิวหนังและขนให้แข็งแรง สเต็มเซลล์ที่ได้จากรูขุมขนของหนูทดลองนี้ เป็นสเต็มเซลล์ตัวเต็มวัย แม้จะเปลี่ยนรูปไปเป็นอวัยวะหรือเนื้อเยื่อชนิดอื่นได้น้อยกว่าสเต็มเซลล์ที่ได้จากตัวอ่อน แต่ก็ไม่มีปัญหาขัดแย้งเชิงศีลธรรมใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง อีเลน ฟูคส์ นักชีววิทยาเซลล์ หัวหน้านักวิจัยจากร็อกกี้เฟลเลอร์ กล่าวว่า สเต็มเซลล์ผิวหนังที่ระบุได้นี้ มีความสามารถในการฟื้นฟูตัวเอง และมีศักยภาพที่หลากหลาย ซึ่งจำเป็นต่อการแตกสายไปเป็นหนังกำพร้าและเส้นขน "นับเป็นงานวิจัยชิ้นแรกที่ระบุให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สเต็มเซลล์ผิวหนังเพียงตัวเดียวสามารถสร้างได้ทั้งหนังกำพร้าและเส้นขน แม้จะพิสูจน์ได้แค่ในห้องปฏิบัติการก็ตาม" ฟูคส์ กล่าวและว่า ทีมงานกำลังเดินหน้าค้นหาสเต็มเซลล์ขนที่เหมือนกันนี้ในตัวมนุษย์อยู่ (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 7 ก.ย. http://www.bangkokbiznews.com)





ผุดศูนย์เทคโนโลยีโซลาร์ตรอน ใหญ่และทันสมัยที่สุดในอาเซียน

นางสาววันดี กุญชรยาคง กรรมการผู้จัดการบริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด ผู้ผลิตเซลล์แสงอาทิตย์รายใหญ่ในไทย เปิดเผยว่า บริษัทได้จัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีโซลาร์ตรอน จ.นครราชสีมา เพื่อเป็นฐานการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในอาเซียน รวมทั้งจะเป็นศูนย์ฝึกอบรมและสาธิตระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับหน่วยงานหรือสถาบันการศึกษาที่สนใจ นับเป็นการขยายฐานความรู้เรื่องโซล่าเซลล์ให้กว้างขึ้น นอกจากนี้ ภายในศูนย์เทคโนโลยีฯ ยังได้สร้างสวนโซลาร์ตรอน เพื่อสาธิตระบบการติดตั้งรวมถึงการนำพลังงานแสงอาทิตย์ไปใช้ประโยชน์ อาทิ ระบบโทรศัพท์ทางไกลชนบท ระบบสูบน้ำเพื่อการเกษตร ระบบไฟฟ้าสาธารณะ และระบบไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัย พร้อมการใช้งานจริงที่ผู้เข้าชมสามารถสัมผัสได้ นายสมศักดิ์ กุญชรยาคง รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า บริษัทโซลาร์ตรอนได้ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานแสงอาทิตย์มานานร่วม 20 ปี ในปัจจุบันมีศักยภาพการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ปีละ 40 เมกะวัตต์ และมีแนวโน้มที่จะขยายฐานการผลิตครบวงจรในประเทศภายใน 5 ปี โดยบริษัทวางแผนที่จะลงทุนเครื่องจักรผลิตเซลล์แสงอาทิตย์โดยใช้แผ่นซิลิกอนเป็นวัตถุดิบ พร้อมทั้งเครื่องจักรสายการผลิตแผ่นเซลล์แสงอาทิตย์ ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการผลิตสูงขึ้น อีกทั้งกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเท่าตัว ทั้งยังช่วยลดต้นทุนการผลิตได้อีกด้วย นอกเหนือจากจากผลิตแผงโซล่าเซลล์แล้ว บริษัทยังมองถึงการนำแผ่นซิลิกอนมาประยุกต์เป็นอุปกรณ์ให้ความรู้ด้านพลังงานแสงอาทิตย์ให้เยาวชน โดยออกแบบในรูปของเล่นหลากหลายแบบ อาทิ รถของเล่น และกังหันจำลองที่อาศัยพลังงานจากแสงของหลอดไฟเป็นตัวขับเคลื่อน (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 7 ก.ย. http://www.bangkokbiznews.com)





ม.ธนบุรีชี้เตาแก๊สไทยตกมาตรฐาน ให้พลังงานต่ำแถมปล่อยก๊าซพิษเกินกำหนด

รศ.ดร.สำเริง จักรใจ ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ผู้อำนวยการโครงการทดสอบสมรรถนะเตาหุงต้มแอลพีจี เปิดเผยถึงผลการทดสอบเตาแก๊สหุงต้มในไทย 399 หัวเตา จากผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่าย 13 บริษัทว่า เตาแก๊สไทยยังอยู่ต่ำกว่ามาตรฐานเบอร์ 5 คือ ค่าเฉลี่ยของประสิทธิภาพเชิงความร้อนของเตาอยู่ที่ร้อยละ 49 และค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์อยู่ระหว่าง 55-4926 พีพีเอ็ม ในการทดสอบดังกล่าวได้ใช้มาตรฐานยุโรป ที่กำหนดประสิทธิภาพเชิงความร้อนของเตาให้อยู่ที่ร้อยละ 50 และกำหนดให้ปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ต่ำกว่า 1,000 พีพีเอ็ม นอกจากนี้ ยังมีข้อกำหนดอื่นอีก แต่การทดสอบทำเพียง 2 ประเด็นเท่านั้น ไม่ได้ทดสอบครบตามที่มาตรฐานกำหนด จากผลการทดสอบนี้เองที่ระบุว่า เตาหุงต้มของบางบริษัทมีการออกแบบที่ไม่เหมาะสม โดยในรายที่ประสิทธิภาพต่ำสุด มีค่าประสิทธิภาพเชิงความร้อนของเตาอยู่ที่ร้อยละ 30 เท่านั้น คือพลังงานจากแก๊สหุงต้ม หรือแอลพีจี 100 ส่วน สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้เพียง 30 ส่วน สูญเปล่า 70 ส่วน และในบางบริษัทปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซพิษออกมาถึง 4926 พีพีเอ็ม สูงกว่าที่มาตรฐานกำหนดหลายเท่า เตาบางรุ่นให้ประสิทธิภาพสูงกว่าที่มาตรฐานยุโรปกำหนดคือ มีค่าประสิทธิภาพเชิงความร้อนร้อยละ 60 เตาหุงต้มของแต่ละบริษัทมีจุดอ่อนที่ไม่เหมือนกัน จึงแนะให้ผู้ผลิตแต่ละรายปรับปรุงในส่วนที่เป็นจุดอ่อนของตน เช่น ลดน้ำหนักเตา หัวเตา ขาตั้งภาชนะให้เบาลง ปรับระยะห่างระหว่างหัวเตากับก้นภาชนะให้เหมาะสม และเปลี่ยนรูปแบบของหัวเตาใหม่เป็นแบบหมุนวน จากเดิมที่ให้ไฟไหลตามแนวรัศมีก้นภาชนะ เป็นให้ไฟไหลหมุนจากจุดศูนย์กลางภาชนะวนออกมาด้านนอก เนื่องจากเตาหุงต้มที่จำหน่ายในไทยยังไม่มีมาตรฐานกำหนด รศ.ดร.สำเริง จึงแนะวิธีเลือกซื้อแก่ผู้บริโภคว่า ภายนอกควรมีการผลิตที่ดูประณีต เรียบร้อย มีป้ายที่ข้างเตาระบุรายละเอียดด้านการใช้งานว่า ใช้กับแก๊สอะไร ความดันเท่าไร และให้พลังงานความร้อนกี่กิโลแคลอรีต่อชั่วโมง ส่วนในเชิงปริมาณของพลังงานนั้นดูยาก เนื่องจากเวลาเลือกซื้อผู้บริโภคไม่สามารถลองจุดไฟเพื่อดูลักษณะเปลวไฟได้ อย่างไรก็ดี เปลวไฟจากเตาแก๊สที่ดีนั้นต้องมีสีน้ำเงินเป็นส่วนมาก และมีเปลวไฟสีเหลืองน้อยที่สุด (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 7 ก.ย. http://www.bangkokbiznews.com)





พยาธิปราศจากหัวใจช่วยมนุษย์รักษาอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ

นักวิจัยของศูนย์แพทย์มหาวิทยาลัยแวนเดอบิลท์ของสหรัฐฯ ค้นพบว่า พยาธิซี.เอเลนเจนส์ ซึ่งเป็นสัตว์ที่ตัวเล็กจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า และไม่มีหัวใจ สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือตรวจคัดโรค ของผู้ป่วยที่เป็นอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ และหัวใจวายกะทันหันได้ โดยนักวิจัยจะได้ใช้มันตรวจหาโปรตีนซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวควบคุม ที่มีส่วนไปปิดกั้น ช่องทางของโปรแตสเซียมอันสำคัญ ยาบางชนิด เช่น ยาแก้ซึมเศร้าและยาต้านฮิสทามีน ก็อาจออกฤทธิ์ไปสกัดโปรแตสเซียมได้ ทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ อันเป็นอันตรายกับคนไข้ได้เช่นกัน ในการศึกษาค้นคว้าเพื่อหาสาเหตุที่ช่องทางของโปรแตสเซียมถูกปิดกั้นนี้ นักวิจัยพบว่าคอหอยของพยาธิชนิดนี้ ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อใช้เป็นท่อดูดอาหารเข้าสู่ลำตัว มีลักษณะคล้ายกับหัวใจคนเราหลายอย่าง และก็มีความพิการทำให้เกิดการอุดตันแบบเดียวกัน อันทำให้เกิดอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ. (ไทยรัฐ พุธที่ 8 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





กรมวิทย์ฯโชว์'โลชั่นขมิ้นชัน'กันยุง

ดร.อุษาวดี ถาวระ หัวหน้าทีมวิจัยการผลิตโลชั่นกันยุงจากน้ำมันหอมระเหยขมิ้นชัน กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ผลงานวิจัยได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดพืชยาไทยอุตสาหกรรม เพื่อผลิตเชิงพาณิชย์ ในน้ำมันหอมระเหยจากขมิ้นชันมีสาระสำคัญคือ สารเทอร์เมอโรนและซิงจีเบอรีน สารกลุ่มเซสควิเทอร์ปีน สารโมโนเทอร์ปีน ส่วนที่นำมาใช้เป็นองค์ประกอบหลักในการผลิตสารป้องกันยุงคือ สารเทอร์เมอโรน ซึ่งนำไปรวมกับส่วนประกอบอื่น สามารถผลิตในรูปแบบโลชั่นหรือสเปรย์ ผลจากการทดสอบพบว่า น้ำมันหอมระเหยมีฤทธิ์ป้องกันยุงได้นาน 5-8 ชั่วโมง "ถ้าเอาขมิ้นมาทุบหรือหั่นทาผิว จะป้องกันยุงไม่ได้มากนัก เพราะไม่ใช่น้ำมันหอมระเหย โดยกลิ่นของน้ำมันหอมระเหยทำให้ยุงไม่มาใกล้ และทำให้ยุงหาผิวหนังของคนไม่พบ เราก็ไม่ถูกกัดจึงเหมาะสำหรับป้องกันโรคระบาดจากยุง ทั้งไข้เลือดออกและมาลาเลีย สำหรับเหง้าขมิ้นชันหนัก 1 กิโลกรัมจะสกัดน้ำมันหอมระเหยได้ร้อยละ 6 ของน้ำหนัก" ดร.อุษาวดี กล่าว จากการทดสอบประสิทธิภาพการป้องกันยุงและทากพบว่า มีประสิทธิภาพดีจึงยื่นจดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)เพื่อเป็นสารป้องกันแมลง ขณะเดียวกันได้ส่งเสริมเกษตรกร 4 จังหวัดคือ ฉะเชิงเทรา สระแก้ว นครราชสีมา และสุราษฎร์ธานี ร่วมโครงการปลูกขมิ้นชันป้อนเป็นวัตถุดิบ ขณะนี้กำลังวิจัยว่า ขมิ้นชันในแหล่งใด มีน้ำมันหอมระเหยมากที่สุด เพื่อนำมาส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 8 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ประยุกต์เครื่องฆ่าเชื้อสู่พริกแกงสุญญากาศ

นายสุชาติ ศาสตร์เวช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชียงใหม่เมดเทคซิสเต็มส์ จำกัด เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้บริษัทเป็นผู้ผลิตเครื่องฆ่าเชื้อจุลินทรีย์สำหรับเครื่องมือทางการแพทย์ให้โรงพยาบาลทั่วประเทศมานานกว่า 20 ปี จนกระทั่งเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ได้พัฒนาเครื่องฆ่าเชื้อจุลินทรีย์สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จ โดยใช้หลักการทำงานเดียวกับเครื่องฆ่าเชื้อจุลินทรีย์สำหรับอุปกรณ์การแพทย์ ซึ่งจะฆ่าเชื้อแบคทีเรียทุกชนิด แต่เครื่องฆ่าเชื้อจุลินทรีย์สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารจะกำจัดเฉพาะเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรคและแบคทีเรียที่ทำให้อาหารบูด ซึ่งตัวถังเครื่องประกอบขึ้นจากสแตนเลสและอุปกรณ์ควบคุมระบบไฟฟ้า อุปกรณ์ควบคุมระบบไอน้ำและระบบน้ำ เพื่อทำการจ่ายน้ำเข้าสู่เครื่อง ก่อนผ่านเครื่องควบคุมระบบไอน้ำให้น้ำกลายเป็นไอและกระจายอยู่ในถังอบ เพื่อทำการฆ่าเชื้อตามระยะเวลาที่กำหนด แล้วแต่ประเภทของอาหารที่ต้องการจะนำมาฆ่าเชื้อ โดยเริ่มตั้งแต่ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ บริษัทเพิ่งเปิดตัวเครื่องฆ่าเชื้อจุลินทรีย์สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปอย่างเป็นทางการเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา พร้อมทั้งจัดตั้งโรงงานต้นแบบ เพื่ออบรมกระบวนการผลิตภัณฑ์อาหารที่ถูกต้องตามมาตรฐานของโรงงานอุตสาหกรรมให้ผู้ประกอบการ เนื่องจากปัจจุบันการผลิตอาหารมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายด้าน เช่น มาตรฐาน HACCP หรือ มาตรฐานควบคุมจุดวิกฤติในกระบวนการผลิตอาหาร สำหรับเครื่องฆ่าเชื้อดังกล่าวสามารถผลิตได้ตามขนาดที่ต้องการ ตั้งแต่ต่ำสุด 250 ถึง 2,000 ลิตร มีกำลังการผลิตและอบฆ่าเชื้ออาหารได้เฉลี่ยภายใน 8 ชั่วโมงถึง 500 กก. ราคาเครื่องละประมาณ 500,000 - 700,000 บาท เป็นระบบสเปรย์ ตัวเครื่องทำจากสแตนเลส มีฝาปิด และมีฮีตเตอร์ ซึ่งสามารถควบคุมอุณหภูมิในตู้อบฆ่าเชื้อได้อย่างทั่วถึง ป้องกันการเปลี่ยนแปลงของรสชาติอาหาร นอกจากนี้ ยังมีระบบชดเชยแรงดันขณะลดอุณหภูมิช่วยลดปัญหาการแตก -บวมของบรรจุภัณฑ์ จึงสามารถฆ่าเชื้ออาหารที่บรรจุภายในภาชนะปิดสนิท เช่น กระป๋อง ขวดแก้ว ซองพลาสติกทนความร้อน ถ้วยพลาสติกทนความร้อน โดยมีระบบคุมอัตโนมัติ เมื่อการอบฆ่าเชื้อเสร็จสิ้นภายในเวลา 45 นาที จะมีสัญญาณเตือนดังขึ้นให้นำผลิตภัณฑ์ออกจากตู้อบได้ (กรุงเทพธุกิจ พุธที่ 8 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





น้ำมันมะพร้าวเสริมภูมิต้านทานโรค

ดร.ประคองศิริ บุญคง นักวิชาการจากองค์การเภสัชกรรม ได้นำเสนอผลงานวิจัย "ผลิตภัณฑ์จากน้ำมันมะพร้าว" โดยสรุปว่า จากการศึกษาข้อแตกต่างของน้ำมันปรุงอาหารระหว่างน้ำมันปรุงอาหารธรรมดา กับน้ำมันปรุงอาหารผ่านกรรมวิธี พบว่าน้ำมันปรุงอาหารธรรมดา ซึ่งได้จากการบีบ อัด กรองนั้น มีกลิ่นตามชนิดของน้ำมัน ลักษณะไม่ใส สีเข้ม มีสารปนเปื้อนมาก ค่าของกรดไขมันสูง น้ำมันชนิดนี้เสี่ยงต่อการมีสารพิษหรือสารปนเปื้อนค่อนข้างสูง ขณะที่น้ำมันปรุงอาหารผ่านกรรมวิธี ซึ่งได้จากการบีบ หรือการสกัดโดยใช้สารละลายนั้น จะไม่มีกลิ่น ลักษณะใสสีอ่อน มีสารปนเปื้อนน้อย ค่าของกรดไขมันต่ำ มีขบวนการจัดการสารพิษหรือสารปนเปื้อนสามารถนำมาใช้รับประทานได้ แต่เมื่อศึกษาเฉพาะน้ำมันมะพร้าวพบว่า น้ำมันมะพร้าวสามารถเพิ่มกรดไขมันเอชดีแอลในเลือด ซึ่งลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ยังมีความเป็นธรรมชาติ ไม่รบกวนการทำงานของเอนไซม์ และยังมีกรดไขมันช่วยต้านเชื้อจุลินทรีย์และเสริมภูมิคุ้มกันได้ดีอีกด้วย "จากการวิจัยพบว่า หากเป็นมะพร้าวสดที่ไม่ผ่านกระบวนการทางเคมีเพื่อป้องกันกลิ่นหืน จะเป็นน้ำมะพร้าวที่มีสรรพคุณช่วยในหลายๆ เรื่อง ทั้งเป็นเครื่องสำอางบำรุงผิวหน้า ผิวกาย เรือนผม และอีกมากมาย ในขณะที่ครีมบำรุงผิวอื่นมีสารอุ้มน้ำที่คงตัวแค่ชั่วครู่ และจะเหี่ยวลงในเวลาต่อมา (คมชัดลึก 8 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)





ซอฟต์แวร์พูดได้ ช่วยตาบอดท่องโลกดิจิทัล

ดร.ชิเอโกะ อาซากาวา หัวหน้ากลุ่มวิจัยเทคโนโลยีสำหรับผู้พิการ ศูนย์วิจัยทดลองไอบีเอ็ม กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า ไอบีเอ็มพัฒนาซอฟต์แวร์เอดีไซเนอร์ (aDesigner) เพื่อช่วยคนตาบอดสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ปรากฏในเวบไซต์ต่างๆ โดยโปรแกรมดังกล่าวจะแปลงข้อความให้เป็นเสียงพูดของชายและหญิง หากเป็นข้อความทั่วไปจะเป็นเสียงผู้หญิง แต่ถ้าเป็นลิงค์เชื่อมต่อไปยังหน้าอื่นๆ จะเป็นเสียงผู้ชาย ทำให้ผู้ใช้สามารถคลิกเข้าไปค้นหาข้อมูลได้ถูกต้อง ทั้งนี้ ดร.อาซากาวา เคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรงทำให้ตาพิการมองไม่เห็นตั้งแต่อายุ 14 ปี ได้ร่วมงานกับไอบีเอ็มในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2539 และเป็นบุคคลสำคัญยิ่งในการพัฒนาอุปกรณ์สื่อสารสำหรับคนพิการ อาทิ ปี 2540 ได้พัฒนาโปรแกรมอ่านโฮมเพจที่ช่วยให้คนตาบอดสามารถฟังเสียง ซึ่งแปลมาจากข้อความที่ปรากฏบนหน้าโฮมเพจ ซึ่งนำไปสู่การท่องอินเทอร์เน็ตได้ สำหรับโปรแกรมเอดีไซเนอร์จะมีเครื่องมืออ่านข้อความ พร้อมกับเปล่งเสียงออกมาเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับรู้ถึงข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอ อีกทั้งยังประเมินผลให้อีกด้วยว่าเว็บไซต์ที่กำลังเล่นอยู่นั้น ได้ออกแบบให้เหมาะสมกับผู้พิการทางสายตาหรือไม่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับนักพัฒนาเว็บไซต์ ในการออกแบบหน้าตาเว็บให้เหมาะสมกับผู้พิการทางสายตา ปัจจุบันโปรแกรมนี้ใช้เป็นการภายในบริษัท และเปิดให้ดาวน์โหลดใช้งานฟรีเป็นเวลา 3 เดือน ผ่าน www.alphaworks.ibm.com/tech/adesigner (คมชัดลึก 8 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)





บอร์ด วว.ดับฝัน "อี-พลัส" สั่งเลิกผลิต

วันที่ 8 ก.ย. นายภิมุข สิมะโรจน์ เลขานุการ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี อี-พลัส อุปกรณ์ช่วยประหยัดน้ำมันในรถยนต์ ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ว่า นายเฉลิมชัย ห่อนาค ประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ได้ทำหนังสือถึงนายกร ทัพพะรังสี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) ว่าคณะกรรมการฯ มีมติให้ วว.เลิกผลิต อี-พลัส อย่างถาวรแล้ว เนื่องจากผลการทดสอบโดยการจำลองกำลังของเครื่องในห้องปฏิบัติการของ ปตท. พบว่าการติดตั้งอุปกรณ์อี-พลัส ไม่มีผลแตกต่างกับรถที่ไม่ได้ติดตั้งอี-พลัส ส่วนประชาชนที่ติดตั้งอี-พลัสไปแล้ว หากพบว่ามีปัญหาเกิดขึ้นทาง วว.จะรับผิดชอบ พร้อมทั้งเตรียมพัฒนาอุปกรณ์ช่วยประหยัดพลังงานอื่นๆขึ้นมาแทน ส่วนอุปกรณ์ อี-พลัส ซึ่งนายพีรศักดิ์ วรสุนทโรสถ อดีตผู้ว่าฯวว.เป็นผู้วิจัยและพัฒนาร่วมกับนายสมโรจน์ พานิชย์อำนวย และได้จดสิทธิบัตรไว้แล้ว เท่าที่ทราบเห็นว่ามีการผลิตวางตลาดในนามของเอกชนแล้ว ดังนั้นประชาชนที่เคยลงทะเบียนสั่งจองไว้ และยังเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของอุปกรณ์ดังกล่าว ก็ต้องติดตามหาซื้อกับเอกชนเอง (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 9 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





ใช้เยี่ยวล้างมลพิษควันไอเสียรถสำหรับรถบรรทุกเครื่องยนต์ดีเซล

นักวิจัยของสถาบันปอล เชอร์เรอร์ ที่สวิตเซอร์แลนด์ ได้แจ้งว่า ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์กำจัดก๊าซพิษในไอเสียสำหรับ เครื่องยนต์ดีเซล โดยใช้สารยูเรีย อันเป็นสารประกอบอินทรีย์ อย่างหนึ่ง เป็นผลึกสีขาว มีในปัสสาวะได้สำเร็จ เครื่องยนต์ดีเซลจะปล่อยควันไอเสียซึ่งเป็นก๊าซไนโตรเจน ออกไซด์ออกมา และมีพิษไปขับดันชั้นของก๊าซโอโซนในบรรยากาศให้ร่นสูงขึ้นไปอีก โดยที่จนป่านนี้ ยังไม่มีอุปกรณ์กำจัดมันลงได้ นายโอลิเวอร์ โครเชอร์ หัวหน้าของคณะนักวิจัยใช้วิธีพ่นน้ำยายูเรีย ซึ่งเป็นสารที่ไม่มีอันตรายและใช้ในการทำปุ๋ย เข้าไปสลายออกไซด์เหล่านั้นลง เราจะพ่นน้ำยาเป็นฟองฝอยเข้าไปในท่อไอเสีย มันจะเข้าไปแยกสลายให้เป็นแอมโมเนีย และเมื่อมันผสมกับออกไซด์ ก็จะกลายเป็นก๊าซไนโตรเจนกับน้ำเขายังกล่าวว่า เขาเชื่อว่าจะสามารถนำเทคโนโลยีนี้ออกสู่ตลาดได้ในอีกไม่ช้านี้ ภายในเวลาไม่เกินปีครึ่ง เพราะบริษัทผู้สร้างรถบรรทุกกำลังอยากได้อยู่" (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 9 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





นำเลือดจาก"รกเด็ก"มารักษาโรคร้ายได้แล้ว

รศ.น.พ.ธีระ วัชรปรีชานนท์ อาจารย์ภาควิชาสูติศาสตร์นรีเวชวิทยา จุฬาฯ เปิดเผย เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ว่า การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดจากรก เป็นวิทยาการทางการแพทย์ที่สถาบันการแพทย์นิยม เพราะเลือดจากรกมีเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดเหมือนกับไขกระดูก คือ เป็นต้นแบบการสร้างเม็ดเลือดทั้งเม็ดเลือดขาว และเม็ดเลือดแดง รวมทั้งเกล็ดเลือด ในตอนแรกเริ่มจากการใช้เลือดจากรกที่เป็นน้องของผู้ป่วยเอง เพราะมีชนิดของหมู่เนื้อเยื่อพิเศษ (HLA) ที่เข้ากันได้โดยข้อดีของเลือดจากรก คือร่างกายจะยอมรับความแตกต่างมากกว่าเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดที่มาจากไขกระดูก เนื่องจากหากเป็นเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดจากไขกระดูกร่างกายจะต้องการ ชนิดของหมู่เนื้อเยื่อพิเศษของผู้บริจาคและผู้รับตรงกัน 100% ข้อจำกัดของเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดจากรก คือเก็บได้ครั้งเดียว มีปริมาณที่จำกัด จึงจำกัดอยู่ที่ผู้ป่วยที่ยังเด็กและในผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักน้อย เพราะหากมีน้ำหนักตัวเยอะ จำนวนเซลล์เม็ดเลือดในตัวจะเยอะมากขึ้นตามน้ำหนัก ทำให้เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดจากรกไม่เพียงพอในการจะไปทดแทน หากผู้ป่วยมีอายุมากก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ ประกอบกับการดูแลรักษาร่างกายของผู้ป่วยเอง ว่าสามารถปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดจากรกได้หรือไม่ ด้าน ผศ.น.พ.ปรีดา วาณิชยเศรษฐกุล อาจารย์ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า เลือดที่เก็บได้จากรกเด็ก จะมีเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดในปริมาณที่มากพอต่อการนำมาปลูกถ่ายรักษา โดยโรคที่สามารถใช้เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดจากรกปลูกถ่ายรักษาได้ เป็นโรคที่มีความร้ายแรงต่อชีวิต เช่น โรคมะเร็งเม็ดโลหิต โรคโลหิตจางทาลัสซีเมีย โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด รวมทั้งโรคพันธุกรรมที่เกี่ยวกับการทำงานของไขกระดูกบกพร่อง "จากการทดลองกับผู้ป่วย 2 ราย ที่มารักษาที่รพ.จุฬาฯ รายแรก เมื่อปี 2545 เป็นเด็กชายอายุ 15 เดือนเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด ซึ่งผลการปลูกถ่ายพบว่า สามารถปลูกถ่ายเซลล์เม็ดเลือดต้นแบบติด ทำให้ผู้ป่วยรายนี้มีอาการดีขึ้น ปัจจุบันผู้ป่วยมีอายุ 3 ปี และมีสุขภาพที่แข็งแรงดี อีกรายเป็นเด็กชายอายุ 7 ปี ป่วยด้วยโรคเลือดจางเบต้าทาลัสซีเมีย ต้องได้รับเลือดทดแทนทุกเดือน ผลจากการปลูกถ่าย ทำให้ผู้ป่วยหายขาดจากโรคเลือดจาง ไม่ต้องได้รับเลือดทดแทนอีก ผู้ป่วยทั้ง 2 คน ได้รับการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดจากผู้บริจาคที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องกัน ถือเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะหาหมู่เนื้อเยื่อพิเศษที่เข้ากันได้ ซึ่งไทยถือเป็นรายแรกของอาเซียนที่ทำได้" ผศ.น.พ.ปรีดากล่าว (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 9 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





วิจัยพัฒนา คุณภาพข้าวนึ่ง สู่ตลาดโลก

ข้าวนึ่งที่กล่าวถึงอยู่นี้คือข้าวเปลือกที่ผ่านกระบวนการที่ทำให้คุณสมบัติของโครงสร้างปรับปรุงเปลี่ยนแปลงคุณภาพของข้าวใหม่เป็นข้าวเก่าโดยการเกิดเจลลาติไนส์ของเม็ดแป้ง โดยผ่านกระบวนการหลัก 4 ประการคือ 1. การเอาข้าวเปลือกไปแช่ 2. การอัดด้วยความร้อนสูง 3. การลดความชื้น และ 4. การนำข้าวเปลือกที่ผ่านกระบวนการทั้ง 3 มาสี เพื่อเป็นข้าวสารต่อไป ที่ผ่านมานั้นกระบวนการในการผลิตข้าวนึ่งของไทยยังไม่ดี ทำให้เกิดการศึกษาวิจัยขึ้นมาโดยนางสาวสุนัน ปานสาคร และนายจตุรงค์ ลังกาพินธุ์ นักวิจัยของภาควิชาวิศวกรรมอาหาร คณะวิศวกรรมและเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย การศึกษาครั้งนี้พบว่า ข้าวนึ่งที่เกิดจากการนำข้าวเปลือกมาผ่านกระบวนการทั้ง 4 ที่กล่าวมาข้างต้น เม็ดสีของเมล็ดข้าวเปลือกจะซึมเข้า ไปในเมล็ดทำให้สีค่อนข้างเหลือง ไม่น่ารับประทาน และส่งผล ต่อกลิ่นและรสชาติ พวกตนจึงหันมาศึกษาทดลองด้วยการใช้ข้าวกล้องมาเป็นวัตถุดิบแทนข้าวเปลือก โดยผ่านกระบวนการแล้วนำข้าวกล้องที่ผ่านกระบวนการมาขัดขาวและตรวจสอบคุณสมบัติทางกายภาพ พบว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ คือเมื่อเทียบกับข้าวนึ่งที่ผลิตจาก ข้าวเปลือกที่มีจำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไป คือเมล็ดข้าวที่ได้จะไม่มีปัญหาเมล็ดสีเหลืองอีกแล้วเพราะสีของเมล็ดข้าวที่ได้เป็นสีขาวใส สภาพของเมล็ดข้าวสมบูรณ์รวมทั้งไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นและรสชาติ และเป็นการลดระยะเวลาของแต่ละกระบวนการผลิตซึ่งส่งผลต่อการลดการใช้พลังงานและเป็นการลดต้นทุนการผลิต ขณะเดียวกันยังสามารถเก็บไว้ได้นานกว่าข้าวกล้องที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการดังที่กล่าวมานี้ พร้อมทั้งไม่มีปัญหาเรื่องของแมลงมอดและเชื้อราอีกด้วย ติดต่อสอบถามได้ที่กองประชาสัมพันธ์ราชมงคล สำนักอธิการบดี โทร. 0-2282-9340-41 ต่อ 141,142 ในวันและเวลาราชการ. (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 9 ก.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)





นักวิทย์ ม.มหิดล คิดค้นเทคนิคใหม่ สกัดเคมีราคาถูก

ดร.เทียนทอง ทองพันชั่ง อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึง โครงการการศึกษาและพัฒนาปฏิกิริยาทางเคมีอินทรีย์สังเคราะห์ ว่า เป็นการศึกษาความสัมพันธ์ของพันธะเคมีต่อโครงสร้างโมเลกุล ซึ่งมีผลต่อคุณสมบัติทางกายภาพและเคมีของสสาร โดยมีเป้าหมายเพื่อสกัดสารเคมีให้ได้ในปริมาณมากและราคาถูก สำหรับการศึกษาเคมีอินทรีย์สังเคราะห์ดังกล่าว เป็นการค้นหาวิธีที่ดีที่สุดในการสังเคราะห์สารที่ต้องการให้ได้ในปริมาณมาก โดยการหาปฏิกิริยาเคมีที่นำอะตอมมาต่อกันในตำแหน่งที่ต้องการ เป็นการออกแบบในส่วนของโมเลกุล ขณะที่อะตอมมีขนาดเล็กมากจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น จึงต้องหาเครื่องมือมาช่วยศึกษาการวางอะตอมให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการโดยไม่ผิดพลาด ซึ่งถ้าโมเลกุลผิดจากโครงสร้างอาจจะส่งผลเสียต่อการนำไปใช้ประโยชน์ งานศึกษาเพิ่มเติมในขั้นต่อไปคือ ศึกษาการสังเคราะห์สารจากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ซึ่งสารที่ได้จากงานวิจัยสามารถนำไปพัฒนาเป็นวัสดุทางเคมีชนิดใหม่ๆ รวมไปถึงพัฒนาปฏิกิริยาเพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับงานวัสดุด้านนาโนเทคโนโลยี อาทิ วัสดุที่ใช้เป็นส่วนประกอบของชิพทรานซิสเตอร์ ซึ่งกำลังรอส่งต่อให้นักวัสดุศาสตร์นำไปประยุกต์ใช้งานด้านต่างๆ การสังเคราะห์สารดังกล่าวอยู่ในระดับตั้งต้นของงานวิจัย ซึ่งสามารถนำไปพัฒนาใช้ในกระบวนการเตรียมวัสดุ และเครื่องมือที่ใช้กับงานด้านอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นงานด้านการผลิตเลเซอร์ หรือการผลิตหน่วยความจำประเภทชิพอิเล็กทรอนิกส์ ดร. เทียนทอง ได้รับการคัดเลือกจากมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ และเครือซิเมนต์ไทยให้เป็นนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ประจำปี 2547 จากผลงานการวิจัยข้างต้น ซึ่งช่วยสนับสนุนแนวคิดด้วยว่า การศึกษาเคมีอินทรีย์สังเคราะห์ ถือเป็นพื้นฐานพัฒนาปฏิกิริยาใช้กับงานนาโนเทคโนโลยี (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 9 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





เทคนิคสืบสวนใหม่ วิเคราะห์เส้นผมช่วยคลี่คลายคดี

สจ๊วต แบล็ค นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรีดดิ้งและคณะทำงาน ทดสอบวิธีการใหม่เพื่อใช้ระบุถิ่นที่อยู่อาศัยของคน โดยอาศัยการวัดค่าไอโซโทปออกซิเจนและไฮโดรเจนในเนื้อเยื่อและของเหลวในร่างกาย ผู้วิจัยได้นำเสนอผลงานดังกล่าวในการประชุมประจำปีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ซึ่งจัดขึ้นในอังกฤษ การหาไอโซโทป ซึ่งเป็นการดูดซับธาตุต่างๆ เข้าไปในร่างกาย สามารถใช้หาค่าแตกต่างของแต่ละสถานที่ และยังมีร่องรอยอื่นๆ ปรากฏอยู่ในเนื้อเยื่อด้วย โดยเฉพาะในเส้นผมซึ่งจะยาวขึ้นราว 1 ซม.ทุกเดือน การหาไอโซโทปจากเส้นผมนี้ นอกจากช่วยให้รู้ว่าผู้ถูกตรวจสอบไปไหนมาไหนบ้างแล้ว ยังรู้ถึงชนิดอาหารและเครื่องดื่มที่คนๆ นั้นรับประทาน วิธีการดังกล่าว ผู้เชี่ยวชาญจะใช้ไอโซโทปที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ได้แก่ ออกซิเจน-16 ออกซิเจน-18 ไฮโดรเจนและดิวเทอเรียม ทั้งนี้ต้นไม้และสัตว์มีรูปแบบการดูดซับไอโซโทปจากน้ำและอาหารที่บริโภคในแต่ละท้องถิ่นแตกต่างกัน เนื่องจากไอโซโทปแต่ละประเภทมีน้ำหนักอะตอมแตกต่างกัน ดังนั้นจึงสามารถวัดไอโซโทปของแต่ละคู่ได้ง่ายๆ โดยใช้กล้องขยายกำลังสูงส่องดูมวลและเอามาเปรียบเทียบค่าเฉพาะของแต่ละพื้นที่ เทคนิคดังกล่าวอาจใช้ไม่ได้ผลหากผู้ทดสอบดื่มน้ำเป็นจำนวนมาก ดังนั้นค่าไอโซโทปที่ได้จึงคล้ายกับแหล่งน้ำต่างถิ่นมากกว่าจากที่อยู่อาศัยปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ที่เดินทางบ่อยๆ ก็อาจใช้เทคนิคนี้ไม่ได้ แต่เทคโนโลยีนี้สามารถช่วยตำรวจสืบสวนคดีต่างๆ ได้ดี โดยเฉพาะสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองระบุได้ว่า คนที่หลบหนีเข้าเมืองมาจากประเทศไหน รวมถึงประโยชน์ต่อหน่วยงานสืบสวน เพราะเป็นเทคนิคที่ราคาถูกและรวดเร็ว (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 9 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





เก๋งฮอนด้ารับคำสั่งเสียง อะคูรา อาร์แอล 2005 รุ่นประเดิม

ฮอนด้าเตรียมเปิดตัวระบบสั่งงานด้วยเสียง ที่จะช่วยผู้ขับขี่สื่อสารกับยานยนต์ของตนเองโดยใช้คำสั่งเสียง เพิ่มความสะดวกและปลอดภัยกว่าการควานหาปุ่มกด หรือมองจอคอมพิวเตอร์ขณะขับขี่ ระบบใหม่ ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากไอบีเอ็ม คอร์ป ค่ายคอมพิวเตอร์ชั้นนำของสหรัฐ จะถูกนำไปติดตั้งในรถเก๋งรุ่นอะคูรา อาร์แอล 2005 ในฐานะอุปกรณ์มาตรฐานในเดือน ก.ย.นี้ และเป็นอุปกรณ์ที่ลูกค้าสามารถเลือกติดตั้งในรถอเนกประสงค์ รุ่นอะคูรา เอ็มดีเอ็กซ์ 2005 และรถมินิแวน ฮอนด้า โอดิสซีย์ 2005 โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมราว 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 80,000 บาท ทอม เอลเลียตต์ รองประธานกรรมการบริหารบริษัท อเมริกัน ฮอนด้า มอเตอร์ เปิดเผยว่า ระบบสั่งงานด้วยเสียง ประกอบด้วยซอฟต์แวร์ไอบีเอ็ม ที่ช่วยให้คำแนะนำในรูปเสียงเกี่ยวกับถนนและเมืองต่างๆ รวม 1.7 ล้านชื่อทั่วสหรัฐ อีกทั้งสามารถระบุทิศทาง และคำแนะนำเกี่ยวกับร้านอาหารในบริเวณใกล้เคียง โดยผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงข้อมูลในระบบหรือระบุทิศทางโดยใช้คำสั่งเสียงเท่านั้น ฮอนด้าเริ่มใช้เทคโนโลยีคำสั่งเสียงของไอบีเอ็มในปี 2546 แต่ระบบใหม่จะช่วยให้เข้าถึงเสียงมนุษย์ และให้เสียงที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น รวมถึงช่วยให้รับคำสั่งเสียงได้มากกว่าระบบเดิมถึงกว่าร้อยคำสั่ง โดยเทคโนโลยีเสียงของไอบีเอ็มยังใช้ระบบรักษาความปลอดภัย "ออนสตาร์" ที่ใช้ในรถของค่ายเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ส่วนเทคโนโลยีคำสั่งเสียงแบบอื่นมีใช้ในรถบางรุ่นของค่ายบีเอ็มดับเบิลยู, เมอร์เซเดส-เบนซ์ และจากัวร์ นายฟิล แมกนีย์ นักวิเคราะห์แห่งเทเลเมติกส์ รีเสิร์ช กรุ๊ป กล่าวว่า ระบบคำสั่งเสียงกำลังเข้ามามีบทบาทอย่างรวดเร็ว ในการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่กับรถยนต์ โดยปัจจุบันระบบดังกล่าวมีใช้กับรถระดับบนเท่านั้น แต่ฮอนด้ากำลังนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้กับตลาดล่าง ผ่านการเสนอเทคโนโลยีในรถมินิแวน ตระกูลโอดิสซีย์ (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 9 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)





จีนเร่งพัฒนาพันธุ์ข้าวอนาคต

ศ.หยวน หลงผิง นักพันธุศาสตร์ผู้บุกเบิกผสมพันธุ์ข้าวต่างสายพันธุ์ ศูนย์พัฒนาและวิจัยปรับปรุงพันธุ์ข้าวแห่งชาติ ประเทศจีน เปิดเผยถึงความสำเร็จในการพัฒนาข้าวพันธุ์ใหม่ของจีนที่เรียกว่า "สุดยอดข้าวลูกผสม" โดยใช้เทคนิคปรับปรุงโครงสร้างของต้นข้าวผสมกับเทคนิคการผสมข้ามพันธุ์ และเชื่อว่าจะเป็นพันธุ์ข้าวแห่งอนาคต เพราะสามารถให้ผลผลิตถึง 2,000 กก.ต่อไร่จากแปลงทดลองขนาด 700-800 ตารางเมตรเมื่อปี 2546 ทีมงานของศูนย์ยังร่วมกับมหาวิทยาลัยจีนฮ่องกง เตรียมวางแผนการทดลองโคลนนิ่งยีนข้าวโพดจากนั้นนำไปใส่ในยีนต้นข้าว เป้าหมายเพื่อสร้างพันธุ์ข้าวแห่งอนาคตที่ให้ผลผลิตสูงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เทคนิคที่นิยมใช้พัฒนาพันธุ์ข้าวในปัจจุบันคือ การพัฒนาข้าวลูกผสมโดยข้าวที่ใช้ผสมสลับกันไปมาระหว่างพันธุ์อินดิกา เจปอนิกาและจาวานิกา โดยข้าวลูกผสมเหล่านี้จะให้ผลผลิตสูงกว่าการปรับปรุงพันธุ์จากข้าวสายพันธุ์เดียวกันถึงร้อยละ 30 ทำให้ข้าวลูกผสมดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างสูงเพื่อใช้สร้างพันธุ์ข้าวแห่งอนาคต (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 9 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)





ชากระวาน สมุนไพรเครื่องเทศจากราชมงคล

ผศ.อร่าม อรรถเจดีย์ แผนกพืชเครื่องเทศ-สมุนไพร สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตจันทบุรี ได้ศึกษาคิดค้นนำกระวาน มาปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็น "ชาชงสมุนไพร" ผศ.อร่าม บอกว่า "กระวานไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องเทศ แต่ยังมีประโยชน์ทางยาทุกส่วน โดยรากใช้ ผสมในยาฟอกเลือด แก้ลม รักษาโรครำมะนาด รากและหน่อใช้ขับพยาธิในเนื้อให้ออกทางผิวหนัง เปลือกใช้แก้ไข้ และโรคผิวหนังต่างๆ ใบแก้คลื่นเหียนวิงเวียน ดอกใช้รักษาอาการเจ็บฝ่าเท้า และผลใช้ผสมในยาธาตุ ยาขับลม ยาหอมแก้ลม ยาขับเสมหะ และช่วยเจริญอาหาร" ด้วยคุณสมบัตินี้จึงได้นำ ใบ ไปอบแห้งที่อุณหภูมิ 50 Cํ โดยใช้เวลา 24 ชม. ส่วน เหง้า จะใช้เวลาอบแห้งที่ 48 ชม. เสร็จแล้วนำมาตวงโดยใช้สูตรใบ 4 ส่วน : เหง้า 4 ส่วน นำมาบดหยาบๆใส่ ชะเอมเทศ ซึ่งมีคุณสมบัติทำให้รสหวาน ชุ่มคอ ขับเสมหะ แก้ไอ จากนั้นคลุกเคล้า ทุกอย่างให้เข้ากัน นำมาบรรจุในซองกระดาษกรอง ขนาด 3 กรัม เพื่อสะดวกในการชงดื่ม สอบถามรายละเอียด ได้ที่ แผนกวิชาพืชเครื่องเทศ-สมุนไพร สถาบัน เทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตจันทบุรี โทร. 0-3930-7001-4, 0-9934-9334. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 10 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





เริ่มยุคเอาอวัยวะสัตว์เป็นอะไหล่ใช้ตับเซ่งจี๊หมูเปลี่ยนใส่ให้กับคน

ศาสตราจารย์เอียน เอฟซี แมคเคนซี่ ประธานสมาคมการปลูกถ่ายอวัยวะจากสัตว์ระหว่างชาติ ได้เปิดเผยในที่ประชุมว่า บัดนี้นักวิทยาศาสตร์สามารถพบกับความก้าวหน้า จนเกือบจะเอาชนะอุปสรรคต่างๆของการนำเอาอวัยวะของสัตว์มาเปลี่ยนถ่ายให้กับมนุษย์ได้แล้ว "เรากำลังเข้าสู่รุ่งอรุณของยุคใหม่"สัตว์ที่ถูกเล็งเห็นว่า อาจนำเอาอวัยวะมาใช้ได้ก่อนอื่น ได้แก่หมู ซึ่งอวัยวะต่างๆของมันมีขนาดไล่เลี่ยกับของคนเรา และที่ยิ่งเหมาะสมมากขึ้นก็คือ มันผสมพันธุ์กันเร็วและมีลูกดกอีกด้วย ศาสตราจารย์เอียนเปิดเผยว่า "หมูที่อาจจะเอาอวัยวะมาใช้ได้ จะต้องเป็นหมูที่ถูกตัดแต่งหน่วยพันธุกรรมไม่ต่ำกว่า 6 ชนิด และตอนนี้มีแม่หมูที่โดนตัดแต่งหน่วยพันธุกรรมไปไม่ต่ำกว่า 5 ชนิด ใกล้จะตกลูกอยู่แล้ว" (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 10 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





ไมโครซอฟท์ผุดฮาร์ดแวร์อ่านลายนิ้วมือ

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า บริษัทไมโครซอฟท์ คอร์ป. ได้เปิดตัวสายผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ใหม่ 3 ตัว ที่ติดตั้งเครื่องอ่านลายนิ้วมือไว้ภายใน เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ล็อกออนเข้าสู่ระบบพีซี และเวบไซต์ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น อุปกรณ์ในกลุ่มดังกล่าว ประกอบด้วยแป้นพิมพ์ เมาส์ และเครื่องอ่านลายนิ้วมือ ที่ทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์อีกตัวหนึ่ง เพื่อช่วยให้ผู้ใช้พิมพ์ชื่อและรหัสผ่าน สำหรับการล็อกออนเข้าสู่เวบไซต์แต่ละแห่งเพียงแค่ครั้งเดียว และระบบจะทำหน้าที่ป้อนข้อมูลดังกล่าวให้เองโดยอัตโนมัติ เมื่อเข้าเยี่ยมชมเวบไซต์ในครั้งต่อไป โดยที่ผู้ใช้เพียงวางนิ้วลงบนเครื่องอ่านลายนิ้วมือ ตัวแทนไมโครซอฟท์ เปิดเผยว่า อุปกรณ์ดังกล่าวยังสามารถใช้งานได้หลายคน เนื่องจากซอฟต์แวร์สามารถจดจำรหัสผ่านได้เป็นจำนวนมาก โดยการบันทึกเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ ทางบริษัทยังได้เปิดตัวเมาส์ไร้สายขนาดเล็กรุ่นใหม่ ที่ออกแบบสำหรับใช้กับแล็บทอปและแป้นพิมพ์ ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถย่อหรือขยายข้อความและภาพดิจิทัลได้ นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า ที่ผ่านมา บริษัทโซนี่, ทาร์กัส และผู้ผลิตรายอื่นๆ ได้วางตลาดเครื่องอ่านลายนิ้วมือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบรักษาความปลอดภัยกันแล้ว แม้ทางไมโครซอฟท์จะยืนยันว่า ผลิตภัณฑ์ของทางบริษัทใช้งานได้ง่ายกว่า (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 10 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ยาฆ่าเชื้อจากเปลือกมังคุด ผลงานวิจัยเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

เภสัชกรหญิงสุภาภรณ์ ปิติพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี เจ้าของผลงานยาฆ่าเชื้อจากสารสกัดในเปลือกมังคุด เปิดเผยว่า เปลือกมังคุดมีสารแมงโกสติน ทั้งแกมมา-แมงโกสติน และเบต้า-แมงโกสติน ที่มีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบ สามารถใช้รักษาได้ทั้งแผลสดธรรมดาและแผลเรื้อรัง จึงวิจัยสกัดสารความเข้มข้นร้อยละ 10 และร้อยละ 20 ด้วยแอลกอฮอล์ จากนั้นพัฒนาเป็นตำรับยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียทั้งหมด 8 ตำรับ ในการทดสอบการออกฤทธิ์เปรียบเทียบกับโพวิโดน-ไอโอดีน ซึ่งเป็นยาฆ่าเชื้อที่ใช้อยู่ทั่วไป พบว่าสารสกัดความเข้มข้นร้อยละ 20 มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อได้ดีที่สุด ทั้งยังมีประสิทธิภาพดีกว่าโพวิโดน-ไอโอดีน คือ สามารถฆ่าเชื้อได้กว้าง 19.3 ตารางมิลลิเมตร ในขณะที่โพวิโดน-ไอโอดีนฆ่าเชื้อได้ 16.5 ตารางมิลลิเมตร หลังจากได้ตำรับยาที่เหมาะสมจะนำมาทดสอบการระคายเคือง โดยการทายาจากสารสกัดเปลือกมังคุดในตำรับที่ 8 ที่ท้องแขนของอาสาสมัครจำนวน 20 ราย ซึ่งผลการวิจัยออกมาว่า ไม่พบการระคายเคืองเกิดขึ้นภายใน 72 ชั่วโมงเลย ในการวิจัยครั้งนี้เป็นการสกัดสารอย่างหยาบ ยังไม่ได้แยกออกมาเป็นสารบริสุทธิ์ เนื่องจากต้องใช้เครื่องมือที่มีราคาสูง แต่จากการพัฒนาตำรับยาที่ได้ พบว่าสามารถใช้ฆ่าเชื้อแบคทีเรียในแผลเปื่อยได้ดี ทั้งยังมีราคาถูกกว่าโพวิโดน-ไอโอดีนถึง 3 เท่า ในด้านอายุการใช้งานของยา เท่าที่ทำการวิจัยมา เก็บตำรับยามา 1 ปี 6 เดือน ยายังใช้ได้ดี แต่ต้องมีการเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่องเพื่อระบุอายุของยา ตำรับยาที่ได้นี้ ภ.ญ.สุภาภรณ์ ระบุว่า ปัจจัยสำคัญอยู่ที่สารละลายที่ใช้ ที่ช่วยให้สารในเปลือกมังคุดสามารถมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อได้ดี แต่สำหรับผู้ที่จะทำยาฆ่าเชื้อจากเปลือกมังคุดเองที่บ้าน ก็สามารถทำเองได้โดยใช้เปลือกมังคุด 1 ส่วน ผสมกับแอลกอฮอล์ 10 ส่วน ก็จะได้ทิงเจอร์เปลือกมังคุดอย่างง่ายที่ใช้ประโยชน์ได้เช่นกัน (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 10 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





'แคปซูลกลิ่น'นวัตกรรมหนุนโอท็อปสู่ตลาดโลก ม.เชียงใหม่คิดค้นเพิ่มความหอมอาหารทดแทนสารเคมี

รศ.ดร.ไพโรจน์ วิริยจารี คณบดีคณะอุตสาหกรรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ประยุกต์ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีกักเก็บกลิ่นในห้องปฏิบัติการวิจัย สร้างแคปซูลเก็บกลิ่นที่สามารถใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน เล็งใช้เพิ่มความหอมให้ข้าวหอมมะลิ อาหารพื้นเมืองและขนมไทยแทนเคมีแต่งกลิ่น รวมถึงยกระดับผลิตภัณฑ์โอท็อปให้มีเอกลักษณ์ของตนเอง อาทิ ขนมเค้กกลิ่นลูกตาล ผลไม้อัดแท่งกลิ่นอบเทียน มุ่งเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันในประเทศและตลาดส่งออก "แคปซูลเก็บกลิ่น" เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการวิจัยเกี่ยวกับ "กลิ่น" โดยได้ศึกษาจนสามารถทราบถึงขบวนการและวิธีการเก็บกลิ่นอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถพัฒนาให้เป็นนวัตกรรมที่นำมาใช้ประโยชน์ได้จริงในชีวิตประจำวันให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐ เช่น โครงการหลวงและภาคเอกชน แคปซูลเก็บกลิ่น ที่ใช้กระบวนการเอ็นแคปซูเลชัน (Encapsulation) หรือเทคโนโลยีกักเก็บกลิ่น ซึ่งเป็นกระบวนการทำงานตามหลักการทางวิทยาศาตร์ที่ทำในห้องปฏิบัติการวิจัย มาใช้ประโยชน์เพิ่มความหลากหลายการใช้งาน สำหรับการประยุกต์ใช้ประโยชน์จากกลิ่น ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นกลิ่นเฉพาะ ที่ต้องใช้ลักษณะประเภทใดประเภทหนึ่งเท่านั้น แต่จะต้องมีรูปแบบการนำมาใช้อย่างหลาก หากชิ้นงานแล้วเสร็จเป็นรูปธรรมจะยื่นขอจดลิขสิทธิ์ทันที เพื่อป้องกันการลอกเลียนแบบ ขณะเดียวกันจะมอบผลงานชิ้นนี้ให้เป็นของสถาบันการศึกษา เพื่อพิจารณาว่าจะมีการผลิตออกมาจำหน่ายหรือไม่ในลักษณะใด ทั้งนี้ ผลงานดังกล่าวถือเป็นนวัตกรรมที่ควรจะนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ และส่งสริมให้ผู้ผลิตในท้องถิ่นได้มีโอกาสพัฒนาสินค้า (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 10 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





โลชั่นปราบเหา ชโลมทั่วศีรษะ แถมช่วยจัดทรงผม

เดล เพิร์ลแมน ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนังในเมนโล พาร์ค แคลิฟอร์เนีย กล่าวถึงวิธีกำจัดไข่เหาแบบใหม่ ว่าไม่จำเป็นต้องหวีออกมาจากผมก่อนแล้ว และเรื่องเหาดื้อยาก็ไม่ใช่ประเด็นอีกต่อไป เพียงแค่ชโลมโลชั่นลงบนหนังศีรษะ จากนั้นเป่าให้แห้งด้วยเครื่องเป่าผม โดยได้ทดสอบในเด็ก 133 คน พบว่า กำจัดเหาได้ถึงร้อยละ 95-97 ซึ่งวิธีนี้สามารถกำจัดเหาได้โดยไม่เป็นพิษกับประสาท โลชั่นที่ใช้กำจัดเหานี้เป็นสูตรสำเร็จรูปที่พัฒนาขึ้น สำหรับผู้ป่วยของเขาเท่านั้น ขณะเดียวกันก็มองหาผู้สนับสนุนในอุตสาหกรรมยาและการรับรองจากผู้ควบคุมกฎระเบียบด้วย โดยเพิร์ลแมน เผยส่วนประกอบว่า ประกอบด้วยสเตียริล แอลกอฮอล์, โพรพิลีน ไกลคอล, โซเดียม ลอริล ซัลเฟต, ซิทิล แอลกอฮอล์, น้ำ และส่วนผสมอื่นๆ โดยสารทั้งหมดนี้ได้รับการรับรองแล้วว่าปลอดภัยโดยองค์การอาหารและยา (เอฟดีเอ) สหรัฐ (คมชัลึก ศุกร์ที่ 10 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)





เกษตรโชว์ธนาคารพันธุกรรมพืช รวบรวมเชื้อพันธุ์หายากกันสูญหาย

นายณัฐวุฒิ ภาษยะวรรณ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารเชื้อพันธุ์พืชได้ดำเนินการจัดเก็บและรวบรวมทรัพยากรพันธุกรรมพืช และเมล็ดพันธุ์พืช เพื่ออนุรักษ์ไว้ในอาคารทรัพยากรพันธุกรรมพืชสิรินธร อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ได้แล้วทั้งสิ้น 22 ชนิด จำนวนกว่า 27,988 ตัวอย่าง ซึ่งในจำนวนนี้มีเชื้อพันธุ์ข้าวมากที่สุด ถึง 24,391 ตัวอย่าง รองลงมาได้แก่ ข้าวโพด 1,410 ตัวอย่าง ถั่วเหลือง 1,004 ตัวอย่าง และถั่วเขียวผิวดำ 446 ตัวอย่าง นอกจากนั้นยังมีข้าวสาลี 4 ตัวอย่าง ข้าวบาร์เลย์ 74 ตัวอย่าง ถั่วพุ่ม 86 ตัวอย่าง ถั่วลิสง 113 ตัวอย่าง งา 184 ตัวอย่าง ฝ้าย 117 ตัวอย่าง ดอกคำฝอย 67 ตัวอย่าง ปอแก้ว 16 ตัวอย่าง ปอกระเจา 28 ตัวอย่าง ถั่วมะแฮะ 40 ตัวอย่าง และยังมีเชื้อพันธุ์ผักบุ้งจีน ถั่วฝักยาว พริกชี้ฟ้า พริกขี้หนู กระเจี๊ยบเขียว มะเขือเทศ มะเขือเปราะ และมะเขือยาว ชนิดละ 1 ตัวอย่าง ทั้งนี้ เพื่อเป็นศูนย์รวบรวมเมล็ดพันธุ์และเชื้อพันธุ์พืช รวมทั้งข้อมูลสำหรับนักวิชาการ และนักปรับปรุงพันธุ์พืชได้นำไปใช้ศึกษาวิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชใหม่ในอนาคต และเพื่อศึกษาข้อมูลภูมิศาสตร์ถิ่นกำเนิด ถิ่นอาศัย ประเมินลักษณะประจำพันธุ์และลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ประเมินคุณค่าและวิธีการยืดอายุของเชื้อพันธุ์ที่เก็บรวบรวมได้ให้มีชีวิตอยู่ได้ยาวนาน ตลอดจนเป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุกรรมพืชไม่ให้สูญหายด้วย ธนาคารเชื้อพันธุ์พืชจะมีวิธีการจัดเก็บและอนุรักษ์เมล็ดเชื้อพันธุ์พืช 2 ระดับ คือ ระยะปานกลางจะเก็บเชื้อพันธุ์พืชในห้องที่มีอุณหภูมิ 5 องศาเซลเซียส ส่วนระยะยาวจะเก็บรักษาเชื้อพันธุ์พืชในห้องที่มีอุณหภูมิ -10 องศาเซลเซียส ซึ่งในอนาคตสำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ จะยังดำเนินการเก็บรวบรวมและอนุรักษ์พันธุกรรมพืช รวมทั้งจุลินทรีย์ไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อคงพันธุกรรมพืชของไทยเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ไม่ให้พันธุ์พืชเก่าสูญหายโดยเฉพาะพันธุ์พืชพื้นเมือง และพันธุ์พืชป่าจะหายากขึ้นทุกขณะ และอยู่ในภาวะอันตรายและเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 11 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





เพาะพันธุ์ปลาตัดแต่งพันธุกรรมช่วยคนไข้ที่เลือดไหลไม่หยุด

นิตยสารรายสัปดาห์ นิว ไซแอนทิสต์ ของอังกฤษ รายงานผลการทดลองเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดที่มีสารห้ามเลือดในมนุษย์ ของบริษัทอะควายีน ในรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ว่า นายนอร์แมน แมคลีน นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเซาแธมป์ตัน และคณะ ได้วิจัยใส่ยีนชนิดหนึ่งเข้าไปในปลาน้ำจืด เพื่อกระตุ้นให้ตับของปลาผลิตเลือดที่มีสารห้ามเลือดในมนุษย์ ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์กำลังรอตรวจผลเลือดของปลา และทดลองกับเลือดของผู้ป่วยที่เป็นโรคเลือดไหลไม่หยุด หากการทดลองนี้สำเร็จตามที่มุ่งหวัง เลือดของปลาจะเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพอีกทางหนึ่ง ในการรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคเลือดไหลไม่หยุด หรือผู้ที่เลือดไหลมากเนื่องจากบาดแผลฉกรรจ์ ก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์เคยทดลองสกัดสารห้ามเลือดจากพืชและสัตว์ที่ได้รับการแต่งเติมยีน (หน่วยถ่ายพันธุกรรม) แต่ขยายการทดลองมาที่ปลา เนื่องจากเป็นสัตว์ที่ไม่ถ่ายทอดเชื้อโรคสู่มนุษย์ ต้นทุนการทดลองต่ำ และสามารถกักบริเวณให้อยู่ในที่จำกัดได้ง่าย ในปัจจุบันการรักษาโรคเลือดไหลไม่หยุดมี 2 วิธี คือ ใช้สารสกัดห้ามเลือดที่ได้มาจากเลือดมนุษย์ แต่วิธีการนี้เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค ส่วนอีกวิธีคือ การฉีดสาร โนโวเซเว่นที่ได้มาจากเซลล์ของหนูที่ได้รับการตัดแต่งพันธุ์ ข้อเสียของวิธีการหลังคือ ผู้ป่วยต้องแบกรับค่าใช้จ่ายมาก ค่ารักษาต่อการฉีดสารโนโวเซเว่นอยู่ที่เข็มละ 400,000 บาท. (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 11 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





ข่าวทั่วไป


วิตกคนไทยเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น รณรงค์กินผักสดผลไม้-ลดไขมัน

โรคมะเร็ง กลายเป็นมฤตยูร้าย ที่คร่าชีวิตคนไทย มาเป็นอันดับหนึ่ง จึงเป็นเหตุให้ นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.สาธารณสุข จัดทีมคุณหมอริเริ่มโครงการ "กินผักผลไม้สด ลดอาหารไขมัน ป้องกันมะเร็ง" ขึ้น พร้อมแถลงรายละเอียด ของโครงการฯ ร่วมกับ น.พ.เสรี ตู้จินดา อธิบดีกรมการแพทย์ น.พ.สมยศ ดีรัศมี รองอธิบดีกรมการแพทย์ และนายชาลี อมาตยกุล ผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาหารไทย โครงการ "กินผักผลไม้สด ลดอาหารไขมัน ป้องกันมะเร็ง" เกิดขึ้นเพราะสถานการณ์โรคมะเร็งในเมืองไทยคร่าชีวิตคนไทยมากถึงปีละกว่า 4 หมื่นคน และยังมีแนวโน้มผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 1 แสนคนต่อปี และมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคนี้มากเป็นอันดับแรกของประเทศ สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งนั้นมาจาก 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยภายใน ซึ่งก็คือภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย และผู้ป่วยรับสารก่อมะเร็งเข้าสู่ร่างกาย อาทิ การสูบบุหรี่ การติดเชื้อ และอาหารที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งได้ถึง 30% ดังนั้น ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงมีนโยบายป้องกัน ด้วยการรณรงค์ให้ประชาชนออกกำลังกาย โครงการความปลอดภัยด้านอาหาร เพื่อให้ความรู้กับประชาชนในการเลือกซื้อ เลือกบริโภคอาหารที่ได้มาตรฐาน และล่าสุด กรมการแพทย์ได้ดำเนินยุทธศาสตร์ป้องกันโรคมะเร็งด้วยการ ให้ความรู้ในเรื่อง คุณประโยชน์ของอาหารประเภทผักและผลไม้สด อันเป็นที่มาของโครงการฯ ในการปรับพฤติกรรมการบริโภค เพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง การวิจัย ขององค์การอนามัยโลกพบว่า หากรับประทานผักผลไม้สด อย่างน้อยวันละครึ่งกิโลกรัม หรือครึ่งหนึ่งของอาหารในแต่ละมื้อ รวมทั้งลดอาหารประเภทไขมัน โดยเฉพาะไขมันจากสัตว์ ก็จะสามารถลดความเสี่ยง ต่อการเกิดโรคมะเร็งได้ เพื่อแร่ธาตุและวิตามินจากผักและผลไม้ สามารถยับยั้งกระบวนการ การเกิดโรคมะเร็งได้ และการรับประทานผักและผลไม้สด ยังสามารถป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อีกด้วย (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 6 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





ฟังเสียงเพลงดังสนั่นถึงกับปอดแหก อากาศไหลซึมเข้าแทรกช่องเยื่อหุ้ม

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคทรวงอกของอังกฤษรายงานในวารสารการแพทย์ "โรคทรวงอก" ว่า ได้พบวัยรุ่นซึ่งคลั่งไคล้ในเสียงเพลงอย่างหนัก ชอบเปิดเพลงเสียงดังๆฟัง ป่วยด้วยอาการช่องเยื่อหุ้มปอดมีอากาศหรือก๊าซอยู่ 4 ราย พวกเหล่านี้บางคนติดลำโพงเสียงเบสขนาด 1,000 วัตต์ ในรถ เพื่อจะเร่งเสียงสเตอริโอให้กระหึ่มยิ่งขึ้น แต่บางรายก็เกิดเป็นชั่วแต่เพียงเข้าไปเที่ยวในสถานดิสโก้เธค และเผอิญไปยืนอยู่หน้าแผงลำโพงใหญ่เข้า แพทย์ลงความเห็นว่า คลื่นกระแทกกระทั้นของพลังคลื่นเสียงความถี่ต่ำอันรุนแรง อาจไปทำให้ผนังปอดแยกปริ เลยทำให้อากาศรั่วเข้าไปในช่องเยื่อหุ้มปอดได้ และอธิบายว่าปกติแล้วสิ่งที่จะทำให้เกิดอาการปอดยุบแบบนี้ มักจะเกิดจากการสูบบุหรี่ ผู้ป่วยที่มีร่างกายอ่อนแอ หรือเนื่องมาจากฤทธิ์ยาพวกยากล่อมประสาท ยาระงับประสาท หรือการกินเหล้าเมายา ผู้ป่วยจะมีอาการหอบและเจ็บหน้าอก ในการรักษาแพทย์จะสอดท่อยาง เพื่อระบายอากาศในทรวงอกออกมา (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 6 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





เตือนคนใช้กล้องดิจิทัลระวังแบตฯปลอม

บริษัท ติลลิกีแอนด์กิบบินส์ ที่ปรึกษาของแคนนอนร่วมกับทีมตำรวจบก.สศก. ได้บุกเข้าตรวจค้นร้านค้าในห้างสรรพสินค้าและร้านค้ากล้องถ่ายรูปจำนวนมากในกรุงเทพฯ เพื่อทำการจับกุมและดำเนินคดีผู้ค้าปลีกที่วางขายแบตเตอรี่ปลอมยี่ห้อ CANON และยึดสินค้าปลอมดังกล่าวเพื่อมิให้จำหน่ายปะปนกันในตลาดอีกต่อไป ผลจากการกวาดล้างดังกล่าวมีผู้ค้าปลีกจำนวน 7 รายถูกจับกุมและต้องระวางโทษปรับรายละไม่เกิน 400,000 บาทและจำคุกไม่เกิน 4 ปี ซึ่งเป็นความผิดอาญาฐานละเมิดเครื่องหมายการค้า ที่ปรึกษาของแคนนอน ระบุว่า สินค้าแบตเตอรี่ปลอมทำ ให้เกิดความเสี่ยงต่อการทำลายระบบอิเล็ก ทรอนิกส์ที่ละเอียดอ่อนของกล้องถ่ายรูป รวมถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยต่อลูกค้าที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยมีรายงานจากสื่อต่าง ๆ หลายครั้งเกี่ยวกับแบตเตอรี่ปลอมรั่วหรือบางครั้งแบตเตอรี่ระเบิดและผู้ใช้ได้รับบาดเจ็บ (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 6 ก.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)





สาหร่ายสไปรูลินา

สไปรูลินา เป็นสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน สามารถพบเห็นทั่วไปในน้ำจืด น้ำเค็ม และน้ำกร่อย โดยเฉพาะในน้ำที่มีค่าความเป็นด่างสูงและมีค่าความเค็มสูง จากการวิจัยของบริษัทไดนิป ปอน อิงค์ แอนด์เคมิคอล ซึ่งเป็นบริษัท ผลิตสาหร่ายสไปรูลินาที่ใหญ่ที่สุดในโลก พบว่า ประเทศไทยมีสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดในการเพาะเลี้ยงสาหร่ายชนิดนี้ เนื่องจากมีภูมิอากาศที่อบอุ่น อากาศบริสุทธิ์ ปริมาณน้ำมาก มีแสงแดดจ้า นอกจากนี้ฤดูฝนของไทยยังสั้น น้ำที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงควรเป็นน้ำบาดาลซึ่งหลายภูมิภาคในประเทศไทยมีความเหมาะสม ปัจจุบันมีการตื่นตัวเป็นอย่างมากต่อประโยชน์ของสาหร่ายสไปรูลินาไม่ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายและประโยชน์ทางการแพทย์ (ข้อมูลจากวารสารแม่โจ้ปริทัศน์ เรื่ององค์ประกอบทางเคมีจากน้ำมันหอมระเหยของสาหร่ายสไปรูลินา) (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 6 ก.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)





ผลศึกษาคณะกรรมการเขื่อนโลก สร้างเขื่อนไม่คุ้ม-ภาระต้นทุนสูง

จากการคัดค้านการสร้างเขื่อน คณะกรรมการเขื่อนโลก ได้รายงานศึกษาทบทวน การสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า "เขื่อนกับการพัฒนา" ในทุกแง่มุมสร้างขึ้นใน 5 ทวีป จำนวน 8 เขื่อน และมีการประเมินข้อมูลโดยรวม ของการสร้างเขื่อน 3 ประเทศ ได้แก่ จีน อินเดีย และรัสเซีย จากผลการศึกษาพบว่า ต้นทุนทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมของเขื่อนขนาดใหญ่มีมากกว่าผลประโยชน์ที่จะได้รับ ความสูญเสียเชิงสังคมที่เกิดขึ้นอย่างใหญ่หลวง ผลประโยชน์จากการสร้างเขื่อนส่วนใหญ่กลับตกไปอยู่กับคนรวย ขณะที่คนยากจนต้องรับภาระต้นทุน ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรงที่ไม่สามารถจะฟื้นคืน เขื่อนปล่อยก๊าซเรือนกระจก พบว่า 1-28% ของก๊าซเรือนกระจกในโลกมาจากอ่างเก็บน้ำของเขื่อน ในบางกรณีก๊าซที่ปล่อยออกมาจากเขื่อนมีปริมาณเท่ากับหรือมากกว่าก๊าซที่ปล่อยออกมาจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน หรือโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซ ก๊าซที่ปล่อยออกมาจะมีสูงสุดจากอ่างเก็บน้ำที่มีระดับน้ำตื้นในภูมิภาคเขตร้อน คณะกรรมการเขื่อนโลกได้วางยุทธศาสตร์ ตัดสินใจนโยบายสาธารณะที่จะเกิดจากการสร้างเขื่อน โดยมีแนวทางในการวางแผน และการดำเนินโครงการพัฒนาไว้ 7 ยุทธศาสตร์หลัก ยุทธศาสตร์ 1 การได้รับการยอมรับจากสาธารณะ ยุทธศาสตร์ 2 การประเมินทางเลือกอย่าง รอบด้าน ยุทธศาสตร์ 3 ข้อพิจารณาสำหรับเขื่อนที่มีอยู่แล้ว เขื่อนที่มีอยู่แล้ว ต้องมีช่องทางให้เกิดประโยชน์สูงสุด ยุทธศาสตร์ 4 สร้างความยั่งยืนให้แก่แม่น้ำและวิถีชีวิต ยุทธศาสตร์ 5 การรับรองระบบกรรมสิทธิ์ และแบ่งปันผลประโยชน์ ยุทธศาสตร์ 6 มาตรการที่ทำให้เกิดการปฏิบัติ ตามข้อกำหนด ยุทธศาสตร์ 7 แม่น้ำเพื่อสันติภาพ การพัฒนาและความมั่นคง (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 6 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





'ยูเนสโก' ขอร่วม อนุรักษ์วังวรดิศ

ม.ล.ปนัดดา ในฐานะทายาทชั้นเหลน ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ กล่าวว่าสืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือน ก.ค.2547 ผู้เชี่ยวชาญขององค์การยูเนสโกได้มาเยี่ยมชมวังวรดิศ พร้อมกับชื่นชมว่า เป็นอาคารประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ เพราะอยู่มานานถึงกว่า 90 ปี หรือราว 5 แผ่นดิน เพราะสร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อปีพุทธศักราช 2454 อีกทั้งในปัจจุบันยังเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์และหอสมุด สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ให้ประชาชนและผู้สนใจทั่วไปได้เข้ามาศึกษาค้นคว้าประวัติศาสตร์ และเรียนรู้ถึงความเป็น "แบบอย่างของคนดี" แก่สังคมของคนในชาติในเรื่องต่างๆ สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้รับการประกาศถวายสดุดีให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก และทรงเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับการประกาศสดุดีนี้ด้วย "ทางยูเนสโกได้มาเยี่ยมชมวัง และแสดงความชื่นชมต่อการที่ทายาทถึง 4 ชั่วอายุคนสามารถดำรงรักษาวังวรดิศเอาไว้ได้ยาวนาน สำหรับ "วังวรดิศ" ตั้งอยู่บนถนนหลานหลวง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์และหอสมุดสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ให้ประชาชนและผู้สนใจทั่วไปเข้าชมได้ ทุกวันในเวลาราชการ เว้นวันหยุดราชการ (ไทยรัฐ อังคารที่ 7 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





แผนแม่บทขยะอิเล็กทรอนิกส์ คพ.ดันเข้าครม.รีบกำจัดของเสีย

นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกข์ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ(คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) กล่าวว่า สถานการณ์ขยะอันตรายจากชุมชน ในปี 2545 ประเทศไทยมีประมาณ 396,000 ตัน ต่อปี เพิ่มจากปี 2544 วันละ 50 ตัน โดยเกิดขึ้นในเขตกรุงเทพมหานคร(กทม.)ประมาณ 32% ภาคกลาง 15% ภาคอีสาน 21% ภาคเหนือ 13% ส่วนสถานการณ์ขยะอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2546 มีทั้งหมดประมาณ 650 ล้านชิ้น แบ่งออกเป็น ถ่านไฟฉาย 500 ล้านชิ้น หลอดไฟ 90 ล้านชิ้น ซากโทรศัพท์ 6 ล้านชิ้น โทรทัศน์ 10 ล้านชิ้น ปัญหาขยะอันตรายและขยะอิเล็กทรอนิกส์ คือ ไม่มีระบบการจัดการที่ชัดเจน และขยะเหล่านี้กระจัดกระจายอยู่ในที่ต่างๆ ดังนั้น ต้องมีระบบในการจัดการ ที่ชัดเจนสำหรับความคืบหน้าในการร่างยุทธศาสตร์การจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ ขณะนี้ ได้สรุปแนวทางเบื้องต้นควรจะต้องเสนอให้ การจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ เข้าไปรวมกับแผนแม่บทการจัดการขยะแห่งชาติ เพื่อให้จัดการขยะไปในแนวทางเดียวกันทั้งประเทศ โดยแผนการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องดำเนินการไปพร้อมๆ กับขยะประเภทอื่นๆ ของประเทศคาดว่าจะสรุปเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบได้เร็วๆ นี้ สำหรับแนวทางการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ มีเป้าหมายในการรีไซเคิล 100% โดยมีโรงงานรีไซเคิลซึ่งให้เอกชนเข้ามาลงทุน 100% โครงการนำร่องในปี 2548 เริ่มในพื้นที่ กทม. และชลบุรี (มติชนรายวัน อังคารที่ 7 ก.ย. 47 http://www.matichon.co.th)





เผยใช้วัคซีนกันหวัดนกเสี่ยง อันตรายต่อ"มวลมนุษยชาติ"

เมื่อวันที่ 6 กันยายน ในการประชุมคณะกรรมการพิจารณาแก้ไขสถานการณ์โรคไข้หวัดนก ที่มีนายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีการพิจารณาร่างแนวทางการควบคุมโรคและการใช้วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดนกในประเทศไทย ของคณะอนุกรรมการด้านวิชาการเพื่อกำหนดแนวทางการศึกษาวิจัยโรคไข้หวัดนก ที่มีนายสัตวแพทย์ สงคราม เหลืองทองคำ นายกสมาคมสัตวแพทย์สภา เป็นประธาน คณะอนุกรรมการ ระบุอย่างชัดเจนว่า ผลกระทบจากการลักลอบใช้วัคซีนนั้น ไม่สามารถติดตามผลที่เกิดขึ้นจากการใช้วัคซีนได้ ทั้งในด้านคุณภาพวัคซีนที่ใช้ ประสิทธิภาพของการใช้ และวิธีการใช้ รวมถึงเชื้อไวรัสที่อาจหลงเหลืออยู่ในฝูงสัตว์ปีกที่ใช้วัคซีน ทำให้ไม่สามารถติดตามสถานภาพของการคงอยู่และการเปลี่ยนแปลงของเชื้อ ซึ่งอาจมีผลทำให้เกิดการระบาดครั้งใหม่ขึ้น และอาจนำสู่การระบาดอย่างรุนแรง ทั้งในสัตว์และในคน "เพราะการใช้วัคซีนทั้งในคนและในสัตว์ จะไม่สามารถทำนายชนิดของไวรัส ที่จะนำมาใช้เป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการควบคุม ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตต่อมวลมนุษยชาติในอนาคต ดังนั้น จึงควรมีการตรวจสอบการลักลอบใช้วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดนกในสัตว์ และลงโทษผู้กระทำผิดอย่างจริงจังและเข้มงวด นายจาตุรนต์ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไปศึกษารายละเอียดของแนวทางการใช้วัคซีนเป็นครั้งสุดท้าย และให้เสนอกลับมาพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 13 กันยายน พร้อมกับร่างยุทธศาสตร์การเลี้ยงไก่และสัตว์ปีก และจะเปิดเวทีเสวนาในวันที่ 15 กันยายนนี้ เพื่อหาข้อสรุปเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป (มติชนรายวัน อังคารที่ 7 ก.ย. 47 http://www.matichon.co.th)





กำเนิดกทช.

การสื่อสารโทรคมนาคมไทยหลังจากที่ตั้งมาแล้วกว่า 3 ปี ในก็มีกทช.หรือคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ 7 ท่านตามที่ได้รับเลือกจากวุฒิสภา คือ นายเหรียญชัย เรียววิไลสุข นายประสิทธิ์ ประพิณมงคลการ นายสุชาติ สุชาติเวชภูมิ นายเศรษฐพร คูศรีพิทักษ์ นายสุธรรม อยู่ในธรรม นายอาทร จันทวิมล และพล.อ.ชูชาติ พรหมพระสิทธิ์ ซึ่งรายหลังนี้ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธาน กทช. ที่เอ่ยนามกันอีกครั้งเพราะท่านเหล่านี้ จะกลายเป็นผู้มีบทบาทสำคัญต่อวงการสื่อสารโทรคมนาคมไทย บทบาทหน้าที่ของกทช.ที่จะต้องสร้างกฎ กติกา เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค โดยงานอันดับต้น ๆ ที่รออยู่ก็คือการแปรสัญญาณโทรคมนาคม รวมถึงสร้างความชัดเจนเรื่องการเก็บค่าเชื่อมโยงเครือข่าย (เดลินิวส์ อังคารที่ 7 ก.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)





ไข่มุกเลี้ยงเมืองไทยคุณภาพสุดยอดจากเกาะรังใหญ่

ที่เกาะรังใหญ่ จ.ภูเก็ต หรือ "เกาะมัลดีฟเมืองไทย" มีการเลี้ยงหอยมุก นายวุฒิพงศ์ รังสินธุรัตน์ บอกว่า "มุกแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ มุกน้ำจืดและมุกน้ำเค็ม ซึ่งทั้ง 2 ประเภท มีทั้งมุกธรรมชาติและมุกเลี้ยง อย่างที่เกาะจะเลี้ยงมุกน้ำเค็ม ซึ่งจะใช้พันธุ์หอยจาน หอยแกลบ และหอยปีกนก โดยจะรับซื้อจากชาวทะเล 'มอแกน' ที่ดำน้ำลงไปงม จากใต้ทะเลลึกมาขาย ระหว่างเดือน พ.ย.-เม.ย. ในช่วงหลังประชากร ของหอยเหล่านี้มีเหลือค่อนข้างน้อย ทางฟาร์มจึงร่วมกับ ศูนย์วิจัยประมงคลองวาฬ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพาะขยายพันธุ์และนำไปปล่อยตามเกาะต่างๆ เพื่อทดแทนและอนุรักษ์แหล่งธรรมชาติ" สำหรับ หอยจาน จะใช้อายุ 4-5 ปี โดยวัด ขนาดของฝาที่จุดข้อต่อที่ขนาด 12-15 ซม. ซึ่งหอยชนิดนี้อยู่ได้ถึง 15 ปี ดังนั้น ราคารับซื้อจึงสูงกว่าชนิดอื่น เพราะสามารถผลิต "มุก เซ้าซีหรือมุกกลม" (ขนาดของมุก 11-20 มิลฯ) ได้ 3 ครั้ง ซึ่งมุกเม็ดแรกจะออกมาไม่สวย จึงนำไปทำจี้ ต่างหู ส่วน การผลิตมุกครั้งที่ 2 และ 3 ราคาจะสูงขึ้น ซึ่งการผลิตแต่ละครั้งใช้เวลา 3-4 ปี เมื่อนำมุกออก จะนำพันธุ์หอยไปพักฟื้นในทะเลที่น้ำนิ่ง 8-12 เดือน เพื่อรอให้แผลหาย หรือแม่พันธุ์สุขภาพดี จึงนำมาฝังนิวเคลียสใหม่ หอยแกลบ จะใช้อายุ 18 เดือน ซึ่งวัดขนาดได้ 4-5 ซม. หอยชนิดนี้จะใช้ผลิต "มุกอโกย่าหรือมุกกลม" โดยเม็ดมุกจะมีขนาด 2-7 มิลฯ และใช้เวลา 2 ปี ซึ่งมุกชนิดนี้ส่วนมากจะนำไปทำต่างหู หอยปีกนก จะใช้อายุ 18-24 เดือน เพื่อนำมาผลิต "มุกมาเบ้หรือมุกซีก" โดยใช้เวลาเลี้ยงเพียง 1 ปี เมื่อได้รูปทรงขนาดพอดี ตามที่ต้องการ จะตัดเจียให้มุกติดกับเปลือก ในลักษณะซีก เพื่อนำไปทำต่างหู จี้ หรือหัวแหวน ส่วนที่เหลือและฝาอีกด้าน จะขายให้กับโรงงานเฟอร์นิเจอร์ เพื่อทำโต๊ะเก้าอี้ ในราคา กก.ละ 20 บาท ส่วนอุปสรรคและปัญหา ได้แก่ การฝังนิวเคลียสกับสัตว์ทะเล อาทิ ปลาดาวหนาม หอยสังข์หนาม ปู ปลาปักเป้า ดังนั้น หลังจากนำหอยมาอนุบาลในพื้นที่ที่เตรียมไว้ 3 เดือน การฝังนิวเคลียสจะต้องใช้เครื่องมือที่คมและต้องเสร็จภายใน 8 ชม. จากนั้นจะใช้ตาข่ายไนลอนหุ้ม เพื่อป้องกันการรบกวนของสัตว์ทะเล นำลงบ่ออนุบาลเป็นเวลา 45-60 วัน ตรวจเช็กหากพบว่ามีหอยตัวใดคายนิวเคลียสออกมา จะต้องนำไปอนุบาลให้แผลหายเพื่อนำกลับมาฝังนิวเคลียสใหม่ (ไทยรัฐ พุธที่ 8 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





ราชมงคลยกย่อง ผู้มีผลงานดีเด่น วัฒนธรรมปี 2547

ผศ.ดร.นำยุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล (รม.) เปิดเผยว่า เนื่องจาก รม.เห็นสมควรยกย่องผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม เพื่อเป็นเกียรติและขวัญกำลังใจ สำหรับผู้ประกอบคุณงามความดีส่งเสริมการอนุรักษ์ พัฒนาและเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม จึงได้จัดประกวดผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม ประจำปี 2547 ขึ้น ดังนี้ สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ได้แก่ นายบุญมี พิบูลย์สมบัติ ผู้แต่งหนังสือสารานุกรมวัฒนธรรมไทยภาคกลาง จ.เพชรบุรี สาขาศิลปะ (ประติมากรรม) ได้แก่ นายริหาร โอภาส ศิลปินอิสระ สาขาศิลปะ(จิตรกรรม) ได้แก่ นางบุญยิ่ง เอมเจริญ ศิลปินอิสระ สาขาศิลปะ (สถาปัตยกรรม) ได้แก่ นายน้อม เสมสมาน ช่างสร้างโบสถ์วัดป่าหวาย ป่าตาล จ.ลพบุรี และพระณรงค์ ชยมงคโล เจ้าอาวาสวัดเทพนิมิตร จ.กาญจนบุรี สาขาศิลปะ ได้แก่ นายชำเลือง มณีวงษ์ ร.ร.บรรหารแจ่มใสวิทยา 1 จ.สุพรรณบุรี ผู้ฝึกหัดและเผยแพร่เพลงพื้นบ้านอีแซว, นายถาวร พึ่งสุข ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน จ.ราชบุรี ผู้ประดิษฐ์ท่ารำชุดพม่าเริงกะลา และ น.ส.นฎกร ปิ่นสกุล ร.ร.เทศบาลบ้านปากทาง จ.พิจิตร ผู้ประพันธ์เพลงพระแม่มิ่งแม่แผ่นดิน, สาขาคหกรรมศาสตร์ ได้แก่ น.ส.ธนพรรณ บุณยรัตกลิน วิทยาเขตโชติเวช ได้รับรางวัลการออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยมจากสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติจากภาพยนตร์เรื่อง ซีอุย และนางเจริญรัตน์ วัฒนาลีหธรรม เจ้าของร้านขนมทองนิมิตร จ.อ่างทอง, สาขากีฬาและนันทนาการ ได้แก่ นายดาวเรือง สิงหราช กรรมการผู้ตัดสินกีฬามวยไทย, สาขาการศึกษาและพัฒนาคุณภาพชีวิต ได้แก่ พระครูสิริคณาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอเมืองราชบุรี กรรมการสอบนักธรรมบาลีสนามหลวง และนางเบญจวรรณ ไชยพิเดช ครูสอนอาชีพการศึกษานอกโรงเรียน สาขาส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ได้แก่ พระสถาปนา พุทธิวังโส วัดสุวรรณารามราชวรวิหาร กรุงเทพฯ พระนักพัฒนาสิ่งแวดล้อมโดยใช้วัสดุรีไซเคิล, นายนันท์ นันท์ชัยศักดิ์ วิทยากรบรรยายภาษาและวัฒนธรรมล้านนา และนางถนอม ตงยิ้มละมัย ร.ร.เขาย้อยวิทยา ทั้งนี้ ผู้ที่มีผลงานดีเด่นดังกล่าวจะเข้ารับโล่ประกาศเกียรติคุณจากอธิการบดี รม.ในวันที่ 15 ก.ย. นี้ ที่ศูนย์กลางสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล คลองหก (คมชัดลึก 8 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)





"นายกฯ"สั่งยกเลิกหมด ทดลองปลูกพืชจีเอ็มโอ

นายจักรภพ เพ็ญแข โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงผลการประชุม ครม.ว่า ครม.ยังไม่ได้อนุญาตให้ทดลองปลูกพืชจีเอ็มโอในไร่นาแต่อย่างใด ในขั้นนี้ถือเป็นการทดสอบและทดลองจากผลของการศึกษาของคนอื่น ดังนั้น เรื่องนี้รัฐบาลประกาศชัดเจนและขอให้คนที่วิพากษ์วิจารณ์อยู่ขณะนี้ให้เข้าใจอย่างชัดเจนว่า คณะรัฐมนตรียังไม่หยิบเรื่องจีเอ็มโอขึ้นมาพิจารณาขอให้สบายใจได้ ในส่วนของการทดลองปลูกพืชจีเอ็มโอของสถานศึกษาทั้งสามแห่ง คือ1.กรมวิชาการเกษตร 2.มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม 3.มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา จ.นครปฐม ต้องยกเลิกทั้งหมด และให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการทดลองมะละกอจีเอ็มโอในไร่นา มีเพียงการวิจัยในห้องปฏิบัติการการทดลองมีผลดี เนื่องจากทำให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นจากเดิม 6 ตันเป็น 21 ตันต่อไร่และขอยืนยันยังไม่มีการขายเมล็ดพันธุ์ หากประชาชนสงสัยว่าเป็นพืชจีเอ็มโอหรือไม่ สามารถส่งให้กรมวิชาการเกษตรตรวจสอบ โดยใช้เวลา 1 วัน และคนที่กระทำผิดจะมีโทษจำคุก 2 ปีและปรับ 4,000 บาท ขณะนี้กรมวิชาการเกษตรได้ร่วมกับกรีนพีซในการตรวจสอบพืชจีเอ็มโอภายในประเทศ ขอยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่มีผลกระทบต่อการนำเข้าของต่างประเทศและการส่งออกสินค้าของไทย (มติชนรายวัน พุธที่ 8 ก.ย. 47 http://www.matichon.co.th)





มอบรางวัล5ศิลปิน"วัยกลาง"ดีเด่น "เฉลิมชัย-ชาติ-ดนู-ประดิษฐ์-เป็นเอก

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ได้แถลงถึงผลการคัดเลือกศิลปินดีเด่น รางวัลศิลปาธร ครั้งที่ 1 ที่กระทรวงวัฒนธรรมจัดขึ้นเพื่อมอบให้ศิลปินร่วมสมัยที่มีผลงานดีเด่นและทำงานต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 10 ปี เพื่อสืบสานและพัฒนาศิลปะไว้เป็นทุนของชาติ แบ่งรางวัลเป็น 5 ประเภท คือ สาขาทัศนศิลป์ ได้แก่ นายเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ผู้สร้างสรรค์และผลงานสะท้อนภาพความเชื่อและความงดงามของประเพณีไทย สาขาวรรณศิลป์ ได้แก่ นายชาติ กอบจิตติ นักเขียนผู้คว้า 2 รางวัลซีไรต์และนำเสนอผลงานผ่านปรัชญาความคิดอันเป็นสากล สาขาคีตศิลป์ ได้แก่ นายดนู ฮันตระกูล นักดนตรีผู้บุกเบิกดนตรีไทยร่วมสมัยมากว่า 30 ปี สาขาศิลปการแสดง ได้แก่ นายประดิษฐ์ ประสาททอง ซึ่งรู้จักในนามกลุ่มละครมะขามป้อม กลุ่มละครอนุรักษ์วัฒนธรรมร่วมสมัยที่ทำงานสร้างสรรค์เพื่อชุมชน และสาขาภาพยนตร์ ได้แก่ นายเป็นเอก รัตนเรือง ที่สร้างภาพยนตร์สะท้อนตัวตนของตัวเองอย่างชัดเจน ขณะเดียวกันก็ยังนำเสนอแง่มุมอันเป็นสากล ทั้งนี้ ผู้ได้รับรางวัลทุกคนจะได้รับรางวัลเข็มกลัดศิลปาธรทำด้วยทองคำ,ทองคำขาวฝังเพชรและมรกต เพื่อเชิดชูเกียติกับเงินสดอีก 1 แสนบาท โดยจะเข้ารับประทานรางวัลจากพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ในวันที่ 22 กันยายน ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย (มติชนรายวัน พุธที่ 8 ก.ย. 47 http://www.matichon.co.th)





กรมวิชาการหนุนโครงการหลวงปลูกผักมาตรฐานสากล

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีมอบใบรับรองระบบการผลิตพืชผักและตราสัญลักษณ์อาหารปลอดภัย (Food Safety) แก่โครงการหลวงสถานีเกษตรหลวงอ่างขางว่า ปัจจุบันสถานการณ์การค้าของตลาดโลกมีการแข่งขันด้านคุณภาพเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้การส่งเสริมสินค้าออกไปจำหน่ายต่างประเทศต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่กำหนดในระดับมาตรฐานสากล คำนึงถึงความปลอดภัยในระบบห่วงโซ่อาหาร เริ่มตั้งแต่กระบวนการผลิตในไร่นาตามระบบการจัดการคุณภาพ เกษตรดีที่เหมาะสม (Good Agricultural Practice : GAP) ซึ่งเป็นการผลิตเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีและปลอดภัยมาจากในแปลง การบังคับใช้หลักเกณฑ์กรรมวิธีการผลิตที่ดีตามมาตรฐานระบบการจัดการสุขลักษณะโรงงานอุตสาหกรรมอาหาร (Good Manufacturing Practices : GMP) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เล็งเห็นความสำคัญดังกล่าว จึงได้วางเป้าหมายที่จะยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการผลิตพืชผัก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก รวมทั้งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศให้เป็นที่ยอมรับของตลาดให้มากที่สุด โดยได้ผลักดันโครงการปรับปรุงคุณภาพผลผลิตและสินค้าเกษตรในพื้นที่โครงการหลวงขึ้น โดยเน้นการปรับปรุงคุณภาพผลผลิตและลดความสูญเสียหลังการเก็บเกี่ยวภายใต้ระบบห่วงโซ่ความเย็นตั้งแต่ไร่นาจน ถึงผู้บริโภค นอกจากนี้ยังได้ก่อสร้างศูนย์ผลิตผลโครงการหลวงเพื่อเป็นศูนย์รวมในการคัด บรรจุผลผลิตชนิดต่าง ๆ รวมทั้งโรงงานแปรรูปและพัฒนาผลิตภัณฑ์และห้องปฏิบัติการตรวจสอบคุณภาพภายใต้ความร่วมมือระหว่าง มูลนิธิโครงการหลวง สำนักพัฒนาเกษตรที่สูงและสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขต ที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่ (สวพ.1) กรมวิชาการเกษตร (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 9 ก.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)





ไทยเป็นเจ้าภาพประชุมหวัดนก

นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.สาธารณสุข แจ้งว่า“ ในวันที่ 25-26 พฤศจิกายน 2547 ซึ่งประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมระดับรัฐมนตรีสาธารณสุขและระดับผู้ปฏิบัติงาน ด้านมาตรการควบคุมโรคไข้หวัดนกในแทบภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะประกอบไปด้วยกลุ่มจากประเทศอาเซียน บวกสามคือรวมประเทศจีนประเทศญี่ปุ่น และประเทศเกาหลีใต้ โดยเนื้อหาในการประชุมคือหาข้อยุติเรื่องวัคซีนว่าจะให้ใช้หรือไม่ใช้อย่างไร ซึ่งขณะนี้มีการถกเถียงกันมาก ไม่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้นในภูมิภาคอาเซียนทั้งหมดก็ยังไม่มีข้อสรุป “ นางสุดารัตน์ กล่าวและว่า นอกจากนี้ยังได้เชิญองค์กรสุขภาพสัตว์ หรือ โอ ไอ อี มาร่วมประชุมด้วย (สยามรัฐ พฤหัสบดีที่ 9 ก.ย. 47 http://www.siamrath.co.th)





เปิดแผน"Bangkok Mass Transit"291ก.ม.เสร็จปี2552

นายคำรบลักขิ์ สุรัสวดี ผู้อำนวยการสำนัก งานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการอนุมัติในหลักการแผนการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนระบบรางในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล จำนวน 291 กิโลเมตร วงเงิน 446,677 ล้านบาท ในระยะเวลา 6 ปี (2547-2552) โดยให้ไปจัดทำรายละเอียดศึกษารูปแบบและดำเนินการออกแบบได้เลย เพื่อจะได้เชื่อมโยงเป็นโครงข่ายต่อเนื่องกันและสะดวกในการเดินทาง สำหรับสายทาง 7 เส้นทาง ประกอบด้วย สายสีเขียวอ่อน ต่อขยายรถไฟฟ้าบีทีเอส แนวตะวันตก-ตะวันออก จากพรานนก-สมุทรปราการ ระยะทาง 24 กิโลเมตร วงเงิน 54,090 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 ช่วง คือ อ่อนนุช-สำโรง ระยะทาง 8-9 กิโลเมตร กทม.ได้ประกวดราคาแล้ว สามารถเริ่มก่อสร้างได้เลย ช่วงสำโรง-สมุทรปราการ ระยะทาง 7.9 กิโลเมตร และช่วงพระรามที่ 1-ปิ่นเกล้า-จรัญฯ ระยะทาง 6.8 กิโลเมตร สายสีเขียวเข้ม แนวเหนือ-ใต้ บางหว้า-สะพานใหม่ ระยะทาง 19 กิโลเมตร วงเงิน 32,882 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ ระยะทาง 12 กิโลเมตร ช่วงสะพานตากสิน-ถนนตากสิน ระยะทาง 2.2 กิโลเมตร กทม.ประกวดราคาแล้ว ช่วงตากสิน-เพชรเกษม ระยะทาง 4.5 กิโลเมตร สายสีน้ำเงิน จากวงแหวนรัชดาฯ-จรัญสนิทวงศ์ และส่วนแยกท่าพระ-บางแค ระยะทาง 27 กิโลเมตร วงเงิน 65,895 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 ช่วง ช่วงหัวลำโพง-ท่าพระ ระยะทาง 6.5 กิโลเมตร ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ระยะทาง 13.1 กิโลเมตร และช่วงท่าพระ-บางแค ระยะทาง 7.6 กิโลเมตร สายสีม่วง บางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 40 กิโลเมตร วงเงิน 94,585 ล้านบาท มีช่วงบางซื่อ-พระนั่งเกล้า ระยะทาง 11.6 กิโลเมตร ช่วงพระนั่งเกล้า-บางใหญ่ ระยะทาง 8.1 กิโลเมตร ช่วงบางซื่อ-สามเสน ระยะทาง 5 กิโลเมตร และช่วงสามเสน-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 14.8 กิโลเมตร สายสีส้ม บางกะปิ-บางบำหรุ ระยะทาง 24 กิโลเมตร วงเงิน 73,268 ล้านบาท มีช่วงบางกะปิ-สามเสน ระยะทาง 19.8 กิโลเมตร และช่วงสามเสน-บางบำหรุ ระยะทาง 4 กิโลเมตร สายสีแดง แนวเหนือ-ใต้ รังสิต-มหาชัย ระยะทาง 65 กิโลเมตร วงเงิน 71,847 ล้านบาท มีช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 22.7 กิโลเมตร ช่วงหัวลำโพง-บางซื่อ ระยะทาง 7.5 กิโลเมตร ช่วงหัวลำโพง-ศูนย์ตากสิน ระยะทาง 6.5 กิโลเมตร และช่วงศูนย์ตากสิน-มหาชัย ระยะทาง 28.3 กิโลเมตร สายสีแดง แนวตะวันออก-ตะวันตก-สุวรรณ ภูมิ ระยะทาง 50 กิโลเมตร มีช่วงพญาไท-สุวรรณภูมิ ระยะทาง 28.7 กิโลเมตร ช่วงบางซื่อ-พญาไท ระยะทาง 6.1 กิโลเมตร และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ระยะทาง 14.9 กิโลเมตร (ประชาชาติธุรกิจ ศุกร์ที่ 10 ก.ย. 47 http://www.matichon.co.th/prachachat)





ผู้ผลิตดันไวน์สมุนไพรเทียบชั้นไวน์องุ่น ร้องรัฐหนุนวิจัยหาเทคโนโลยีผลิตต้นทุนต่ำ

รศ.ดร.วัฒนา ณ สงขลา ผู้อำนวยการอุทยานการศึกษาวัฒนาการ์เด้น จ.เพชรบุรี ผู้ผลิตไวน์สมุนไพร ไวน์ดอกไม้ และไวน์ผลไม้กว่า 40 ชนิด ใช้เวลากว่า 30 ปีค้นคว้าวัตถุดิบผลิตไวน์ ยืนยันผลไม้ ดอกไม้ สมุนไพร มีศักยภาพใช้เป็นวัตถุดิบทั้งกุหลาบ ขิง ตะไคร้ และพืชชนิดอื่นร่วม 40 ชนิด เผยผลสำเร็จสามารถผลิตไวน์สมุนไพรปลอดสารเคมี คุณภาพดี ต้นทุนต่ำ เรียกร้องรัฐทำวิจัยสนับสนุนเทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสมกับไทย ด้าน ม.เกษตรศาสตร์ เสนอจัดระดับชั้นไวน์ ยึดเกณฑ์ปริมาณแอลกอฮอล์ ระดับความหวาน ระยะเวลาหมัก เพื่อสร้างมาตรฐานด้านคุณภาพและราคา (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 11 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215