|
หัวข้อข่าวปีที่ 5 ฉบับที่ 38 ประจำวันที่ 2004-09-20
ข่าวการศึกษา
ห้ามเด็กอาชีวะใส่เสื้อช็อปพ้นรั้วสถาบัน สั่งทุกวิทยาลัยทำล็อกเกอร์ให้นักศึกษา ปอมท.เบรกเปิดเสรีการศึกษาก่อนเกิดวิกฤติอุดมฯ รม.เปิดรั้วรับเด็กก่อนเป็นมหาวิทยาลัย ยูเนสโกหนุนไทยเป็น ศก.นำเพื่อนบ้านพัฒนาอาชีวะ ราชมงคลเตรียมรับนศ.ทันยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัย "ศ.ดร.สุรพล" มาแรงชิงชัยอธิการบดี มธ. สกอ.จัดระบบคุ้มกันข้อสอบเอ็นทรานซ์ จ้างสารวัตรทหาร-ตำรวจอารักขาเข้ม ภาวิชยอมรับหลักสูตรปริญญาโท เป็นแหล่งทำเงินให้อาจารย์ สกอ.เผยกำหนดการรับระบบแอดมิชชั่นนำร่อง 'ม.เกษตร' เล็งปั้น นร.อัจฉริยะทางดนตรี ย้ำเกณฑ์วิทยานิพนธ์ต้องชัด-เน้นคุณธรรมนักศึกษา มน.รับสมัคร นร.โครงการพิเศษ! ยูเนสโก ปิ๊งมหกรรมอาชีวะ ดึงไทยเป็นศูนย์อาชีวะเอเชีย นร.ไทยเก่งแข่งขันคอมฯ
ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
มนุษย์ต่างดาวจะชอบส่งเพลงยาวมากกว่าฮัลโหลทางสัญญาณวิทยุ อุตฯยานยนต์ปรับสเปคหนุนไบโอดีเซล ระบุรถยนต์ในไทยร้อย 99 เติมน้ำมันชีวภาพได้ทันที เมาส์ใหม่ไมโครซอฟท์ อ่านลายนิ้วมือในตัว รม.เปิดคลีนิกเทคโนโลยี ยกย่องให้พีซีและอินเตอร์เน็ตเป็นสิ่งประดิษฐ์ยอดเยี่ยม วิศวะขอนแก่นประดิษฐ์บัลลาสต์ประหยัดไฟ แถมยืดอายุใช้งานหลอดนีออน เล็งวางตลาดหลัง มอก.รับรอง เครื่องซักผ้าส่งเสียงพูด ช่วยคนตาบอดกดปุ่มสั่งงานได้ถูกต้อง โครงการอวกาศจีนรออนุมัติจรวดรุ่นใหม่ ไอซีที ดันไทยตั้งมาตรฐานเทคโนฯใหม่ทดแทนบาร์โค้ด "คุณหญิงทิพาวดี" ฝากปลัดใหม่เร่งตั้งกรมกิจการอวกาศ-สนง. สายลับไซเบอร์ สกัดแป้งมันเป็นสารหวาน บริโภคปลอดภัยกว่าน้ำตาล เชียงใหม่เปิดศูนย์ตรวจเตาไมโครเวฟ บริการครัวเรือนวัดปริมาณคลื่นรั่ว เอ็มเทคดัน 'ที-แล็บ' รับมือกฎเหล็กอียู ร่างมาตรฐานทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าส่งออก เตาปฏิกรณ์ปิดผนึก ป้องกันฉกไส้ในทำอาวุธนิวเคลียร์
ข่าววิจัย/พัฒนา
อิจฉาเด็กเอเชียได้กินขมิ้นเป็นยา ไม่ถูกมะเร็งถามหาอย่างเด็กฝรั่ง ม.เกษตรทำจอแอลซีดียักษ์ เอกชนหนุนพัฒนาแข่งของนอก วิเคราะห์รังสี ระบุอายุศพ ช่วยตร.สางคดี ลิง ขาดแคลน ทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ชะงัก สิงคโปร์ไฟเขียวให้เลี้ยงตัวอ่อนมนุษย์จากโคลนนิงได้ไม่เกิน 14 วัน ยุงพิศวาสผู้ชายที่มีเลือดหมู่ "โอ" รังเกียจคนร่างผอมสะโอดสะอง มารู้จัก'เครื่องลงคะแนนไฮเทค'ดีเดย์ใช้'เลือกตั้ง'กลางปีหน้า ม.เกษตรฯเตรียมเผยโฉม ระบบไบโอเมตริกสายพันธุ์ มหิดลพัฒนาชุดตรวจรู้ผลเร็ว วัดสารสมุนไพรแทนตาเปล่า สหรัฐผลิตฉี่เทียมช่วยงานวิจัย กลิ่นไม่ฉุนแถมเก็บได้ยาวนาน ผักตบเป็นถ่าน ที่โรงเรียน "ม่วงลาดวิทยาคาร" เด็กไทยเจ๋งรู้ความลับหญ้าปักกิ่ง มีฤิทธิ์ระงับปวดและต้านการอักเสบ หุ่นยนต์นักสำรวจแหล่งน้ำ เลียนแบบท่าเดินแมลงจิงโจ้น้ำ รพ.พระมงกุฎนำเข้าหนูจีเอ็ม วิจัยกวาวเครือขาวรักษาโรค ออกแบบลำเรือโดยสารใหม่ ลดแรงโต้คลื่นช่วยประหยัดน้ำมัน ทดสอบเจียวกู่หลานรักษาเอดส์ บางมดแปรสภาพน้ำเสียเป็นเชื้อเพลิง ประสานรัฐจูงใจโรงงานลงทุนติดตั้งระบบ มั่นใจ 5 ปีคืนทุน ผลิตยางแผ่นคุณภาพดีประหยัดด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ สหรัฐทุ่มพันล้าน วิจัยนาโนเทครักษามะเร็ง พัฒนาผ้าพันแผลผู้ช่วยหมอ ติดชิพอัจฉริยะดูแลแผลเบาหวานติดเชื้อ พบเทคนิค "สืบจากผมเส้นเดียว" รู้หมดไปหลบซ่อนที่ไหนกินอะไร ผู้ดีเติมพลังหุ่นยนต์ด้วยแมลงวัน
ข่าวทั่วไป
อนามัยโลกวิตกหวัดนกระบาดร้ายแรงกว่าซาร์ส กำหนดเกณฑ์ใหม่นมพาสเจอไรซ์ ไปรษณีย์ไทยเพิ่มค่าบริการ อีเอ็มเอส ไปรษณีย์พิเศษ มองโลกแง่ดีมีส่วนช่วยชะลอความแก่ชราได้ 'มังคลอุบล' ชนะเลิศการประกวดบัวโลกโดยนักวิจัยจากราชมงคล เปิด 10 พืช-สัตว์วิกฤติเวทีไซเตส เตือนคนชอบลงอ่างจากุชชี่ให้ระวังอาจติดโรคลีเจียนแนร์ พบตัวป่วนความสามารถโชเฟอร์ล้วนแต่เป็นของเล่นไฮเทคในรถ ศศินทร์ เผยสำรวจทักษะไอที ขรก.ไทย หวั่นแผนงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์"สะดุด" เกษตรฯโชว์ไหมทองพันธุ์ใหม่ของโลก เพิ่มผลผลิตยกระดับราคาสูง 1 เท่าตัว แฉ "บุหรี่มือสอง" ทำเส้นเลือดสมองแตก เอ็นจีโอหนุนกีฬาปลอดควัน สุดทนเจนโก้ทำงานชุ่ยเมินกฎอีไอเอพบโลหะหนักอื้อ 19 กันยายน วันพิพิธภัณฑ์ไทย บุหรี่ผสม"กานพลู"สุดอันตราย "นิโคติน"สูง-เสี่ยง"25โรคร้าย" อ.จุฬาฯโทษครอบครัว-รัฐบาล กำเนิดเด็กพันธุ์ใหม่10คุณสมบัติ ทำไมเราจึงต้องการ(ธาตุ)สังกะสี นายกฯ ย้ำเด็ดขาดห้ามวัคซีนหวัดนก
ข่าวการศึกษา
ห้ามเด็กอาชีวะใส่เสื้อช็อปพ้นรั้วสถาบัน สั่งทุกวิทยาลัยทำล็อกเกอร์ให้นักศึกษา
นายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) ได้กำหนดนโยบายให้นักเรียน นักศึกษาในสังกัด สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ทุกคนต้องเรียนอย่างมีความสุข โดยสั่งการให้ทุกวิทยาลัยจัดทำล็อกเกอร์เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาได้ใช้เก็บของส่วนตัว ทั้งชุดกีฬา เสื้อช็อป และอื่นๆ ซึ่งการจัดล็อกเกอร์ให้กับนักเรียน นักศึกษาดังกล่าวตนเชื่อว่าจะเป็นจุดพลิกผันของเด็กอาชีวศึกษา จากที่เคยต้องไปเช่าล็อกเกอร์อยู่ภายนอกสถาบัน ต่อไปเด็กก็จะมีที่เก็บของ ส่วนตัวโดยที่ไม่ต้องเสียเงิน ทั้งยังช่วยลดปัญหาการก่อเหตุทะเลาะวิวาทระหว่างนักศึกษาต่างสถาบันได้ด้วย เพราะต่อไปเด็กจะได้ไม่ต้องใส่เครื่องแบบนักศึกษา และเสื้อช็อปมาจากบ้าน แต่สามารถเก็บไว้ในล็อกเกอร์ที่สถาบัน เมื่อจะใช้ค่อยเอาออกมาเปลี่ยน (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 13 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
ปอมท.เบรกเปิดเสรีการศึกษาก่อนเกิดวิกฤติอุดมฯ
จากการประชุมสามัญประจำปี 2547 ของที่ประชุมสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ปอมท.) น.พ.พิศิษฐ์ โจทย์กิ่ง ประธาน ปอมท. เปิดเผยผลการประชุมว่า ที่ประชุมได้หารือถึงเรื่องการเปิดเสรีทางการศึกษา และเห็นว่าประเทศไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะเปิดเสรีการศึกษา เนื่องจากยังไม่มีการเตรียมความพร้อม ทั้งข้อมูลเกี่ยวกับที่สถาบันต่างชาติ รวมไปถึงการควบคุมคุณภาพของสถาบันการศึกษาต่างชาติ ในขณะที่สถาบันการศึกษาของประเทศไทยเองก็เน้นด้านปริมาณมากกว่าคุณภาพ หากจะแข่งขันกับสถาบันการศึกษาต่างประเทศก็คงจะสู้ไม่ได้ การเปิดเสรีการศึกษาจะทำให้ สถาบันอุดมศึกษาแข่งขันกันมากขึ้น ขาดการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มุ่งแต่จะหาผู้เรียนหรือลูกค้าให้ได้จำนวนมากๆ และอาจจะละเลยการพัฒนางานวิชาการ ทำให้นักศึกษาไม่มีวิชาความรู้ ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่า ค่านิยมสังคมไทยนิยมของต่างชาติ เมื่อมีมหาวิทยาลัยต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศ คนไทยก็จะแห่กันส่งลูกหลานเข้าเรียน ทำให้จำนวนผู้เรียนในมหาวิทยาลัยของไทยลดลง หรือมีการดึงตัวอาจารย์ไทยที่มีความรู้ความสามารถไปสอน ดังนั้น ปอมท. จึงมีมติว่า ควรจะยืดระยะเวลาในการเปิดเสรีการศึกษาออกไปก่อน เรื่องนี้นายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ ปอมท.เสนอข้อมูลที่ชัดเจนถึงผลกระทบ ข้อได้เปรียบ เสียเปรียบ และปัญหาของวิกฤติอุดมศึกษาไทย หากมีการเปิดเสรีทางการศึกษา และให้ ปอมท.เสนอข้อมูลต่อรัฐบาลเพื่อจะได้กำหนดบทบาทมหาวิทยาลัยให้ชัดเจน คาดว่าภายใน 1 เดือนหลังจากนี้ ปอมท.จะสรุปปัญหาดังกล่าว ได้ (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 13 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
รม.เปิดรั้วรับเด็กก่อนเป็นมหาวิทยาลัย
นายนำยุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล (รม.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ พ.ร.บ. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลมีความคืบหน้าไปมาก ซึ่งหาก พ.ร.บ.ดังกล่าวผ่านการพิจารณาตามลำดับก็จะทำให้ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัย ดังนั้น รม.จึงได้เปิดรั้วสถาบันฯ และขยายโอกาสทางการศึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเข้าสู่การเป็นมหาวิทยาลัย ด้วยการเปิดรับสมัครบุคคลเข้าสอบคัดเลือกเป็นนักศึกษาในหลักสูตรปริญญาตรี 4 ปี 3 ปี และ 2 ปี ทั้งยังเปิดหลักสูตรเทียบโอน ภาคปกติ และภาคสมทบ รวมทั้งสิ้น 41 สาขาวิชา จาก 8 คณะ นายนำยุทธกล่าวต่อว่า สถาบันฯมีความพร้อมในการผลิตบุคลากรสาขาต่างๆได้ไม่แพ้สถาบัน อุดมศึกษาอื่นๆ อีกทั้งยังมีสาขาวิชาให้นักศึกษาเลือกเรียนตามที่ตนเองสนใจ ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเลือกเรียนได้ที่วิทยาเขตใกล้บ้าน หรือที่ศูนย์กลางสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล คลองหก นอกจากหลักสูตรที่เปิดสอน 41 สาขาวิชาใน 8 คณะแล้ว รม.ยังเปิดสอนหลักสูตรระยะสั้นและการอบรมต่างๆ ผู้สนใจดูรายละเอียดได้ที่ www.rit.ac.th หรือสอบถามได้ที่กองประชาสัมพันธ์ รม.ในวันและเวลาราชการ โทร. 0-2282-9340 (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 13 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
ยูเนสโกหนุนไทยเป็น ศก.นำเพื่อนบ้านพัฒนาอาชีวะ
นายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ จากการที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้จัดประชุมผลงานวิจัยและพัฒนาการอาชีวศึกษานานาชาติ โดยมีนักวิจัยไทยและต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เข้าร่วมเสนอผลงานวิจัย แลกเปลี่ยนความเห็น เพื่อนำไปสู่การเสนอกลยุทธ์พัฒนาการอาชีวศึกษา และสร้างเครือข่ายการวิจัยระดับนานาชาติ โดย ดร.แมคคลีน ผู้อำนวยการยูเนสโก ซึ่งดูแลการอาชีวศึกษาทั่วโลก ได้ชื่นชมการจัดอาชีวศึกษาของ สอศ. และในปี 2548 ยูเนสโกจะสนับสนุนการเงินแก่ ลาว เขมร เวียดนาม และพม่า มาร่วมงานวิจัยกับไทย ทั้งยังสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาอาชีวศึกษาของประเทศเพื่อนบ้าน จะมีการขยายศูนย์การจัดอาชีวศึกษาไปยัง 5 ภาคของไทย จากปัจจุบันที่มีศูนย์อยู่ใน จ.ลำพูน เพื่อให้เป็นศูนย์ข้อมูลแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับนานาชาติ ไทยได้ให้ความร่วมมือในการพัฒนาการอาชีวศึกษาแก่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น โครงการพัฒนาเทคนิคแขวงเวียงจันทน์ ความร่วมมือด้านอาชีวศึกษาเพื่อพัฒนาเยาวชนแขวงสะหวันนะเขต รวมทั้งได้รับความช่วยเหลือจากประเทศอิสราเอลจัดอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีด้านเกษตรกรรม (คมชัดลึก จันทร์ที่ 13 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)
ราชมงคลเตรียมรับนศ.ทันยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัย
ผศ.ดร.นำยุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล (รม.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล มีความคืบหน้าไปมาก และคาดว่าน่าจะเข้าสู่การพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติในเร็วๆ นี้ ซึ่งหาก พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว ผ่านการพิจารณาตามลำดับต่างๆ แล้ว ก็จะทำให้ รม. ยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัย ดังนั้น รม.จึงได้ขยายโอกาสทางการศึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเข้าสู่การเป็นมหาวิทยาลัย ด้วยการเปิดรับสมัครบุคคลเข้าสอบคัดเลือกเป็นนักศึกษา ในหลักสูตรปริญญาตรี 4 ปี 3 ปี และ 2 ปี อีกทั้งยังเปิดหลักสูตรเทียบโอน ภาคปกติ และภาคสมทบรวมทั้งสิ้น 41 สาขาวิชา จาก 8 คณะ ได้แก่ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน คณะวิทยาศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ คณะศิลปศาสตร์ คณะคหกรรมศาสตร์ คณะสถาปัตยกรรม และคณะวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งผู้ที่สนใจสมัครสอบคัดเลือก ต้องสำเร็จการศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.), สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่า โดยสามารถเลือกวิชาเพื่อใช้ในการสอบเอนทรานซ์ ผ่านสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)ได้ อีกทั้งยังมีสาขาวิชาให้ได้เลือกเรียนตามที่ตนเองสนใจ ซึ่งสาขาที่ได้รับความสนใจมาก หลังจากที่เปิดสอนได้ไม่นานก็คือ ด้านการพิมพ์ การบัญชี การจัดการ และภาษาอังกฤษ เป็นต้น ซึ่งนักเรียนที่สนใจสามารถเลือกเรียนได้ที่วิทยาเขตที่อยู่ใกล้บ้าน หรือที่ศูนย์กลางสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล คลองหก นอกจากนี้ รม.ยังเปิดสอนหลักสูตรระยะสั้น และการอบรมต่างๆ เพื่อที่จะนำไปสู่การประกอบอาชีพสร้างรายได้ โดยผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดได้ทางเว็บไซต์ www.rit.ac.th หรือสอบถามข้อมูลได้ที่กองประชาสัมพันธ์ รม.โทร.0-2282-9340 (สยามรัฐ จันทร์ที่ 13 ก.ย. 47 http://www.siamrath.co.th)
"ศ.ดร.สุรพล" มาแรงชิงชัยอธิการบดี มธ.
เมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) มีการแถลงแนวนโยบายการบริหาร มธ. โดยผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็นอธิการบดี มธ. จำนวน 5 คน คือ ศ.ดร.สุรชัย ศิริไกร คณะรัฐศาสตร์ รศ.ดร. วรวุฒิ หิรัญรักษ์ คณะเศรษฐศาสตร์ ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ คณะนิติศาสตร์ ผศ.จารุพร ไวยนันท์ คณะ พาณิชยศาสตร์และการบัญชี ผศ.น.พ.กัมมาล กุมารปาวา คณะแพทยศาสตร์ ภายหลังการแถลงนโยบายและตอบคำถาม คณะกรรมการสรรหาฯ ซึ่งมี ศ.ดร.มารุต บุนนาค เป็นประธานได้ประชุมคณะกรรมการ เพื่อให้คะแนน ปรากฏว่า ศ.ดร.สุรพลมีคะแนนเฉลี่ยโดดเด่นถึง 82% ที่ประชุมจึงมีมติให้เสนอรายชื่อ ศ.ดร.สุรพลต่อที่ประชุมสภามหาวิทยาลัย พิจารณาเพียงคนเดียว ในการประชุมวันที่ 20 ก.ย. นี้. (ไทยรัฐ อังคารที่ 4 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
สกอ.จัดระบบคุ้มกันข้อสอบเอ็นทรานซ์ จ้างสารวัตรทหาร-ตำรวจอารักขาเข้ม
รศ.ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยความคืบหน้าการจัดพิมพ์ข้อสอบวัดความรู้ เดือน ต.ค.นี้ว่า สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ). ได้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งการออกข้อสอบ ระบบรักษาความปลอดภัย โดยเลือกโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งใหม่ และว่าจ้างสารวัตรทหารดูแลตลอด 24 ชั่วโมง แบ่งเป็น 3 ผลัด ผลัดละ 3 ชั่วโมง พร้อมติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดไว้รอบโรงพิมพ์ รวมทั้งภายในโรงพิมพ์ ห้องพิมพ์ข้อสอบ สำหรับการจัดพิมพ์ข้อสอบนั้น จะแจกการ์ดข้อสอบให้เจ้าหน้าที่แต่ละคนคนละ 1 แผ่น จำนวนข้อสอบ 1 ข้อ เมื่อพิมพ์เสร็จแล้วก็ต้องคืนการ์ดข้อสอบ ซึ่งแต่ละคนก็จะเห็นข้อสอบเพียง 1 ข้อเท่านั้น ทั้งนี้จะมีการบันทึกรายละเอียดว่า ใครพิมพ์ข้อใด วิชาอะไร เมื่อถึงขั้นตอนการพิมพ์ข้อสอบจะมีช่างคุมแท่นที่เห็นข้อสอบเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่โรงพิมพ์ทุกคน จะถูกกักตัวอยู่ในโรงพิมพ์ตลอดเวลา เมื่อพิมพ์ข้อสอบเสร็จแล้วในปีนี้จะมีการปิดผนึกข้อสอบแต่ละชุดอย่างดี ซึ่งไม่มีใครเห็นจนกว่าข้อสอบจะถึงมือเด็ก (ไทยรัฐ พุธที่ 15 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
ภาวิชยอมรับหลักสูตรปริญญาโท เป็นแหล่งทำเงินให้อาจารย์
จากการสัมมนาทางวิชาการเรื่อง มาตรฐานการควบ คุมคุณภาพการทำวิทยานิพนธ์ระดับบัณฑิตศึกษา เมื่อวันที่ 14 ก.ย. รศ.ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า ขณะนี้สถาบันอุดมศึกษากำลังประสบปัญหาการจ้างทำวิทยานิพนธ์ ซึ่งการที่คนมาเรียนบัณฑิตศึกษากันมาก เพราะสังคมไทยมีค่านิยมให้ความสำคัญกับปริญญาบัตร ทำให้บัณฑิตศึกษากลายเป็นแหล่งทำเงินทำทองให้กับมหาวิทยาลัย และอาจารย์ จนไม่มีเวลาทบทวนความก้าวหน้าทางวิชาการ และบางแห่งยังมีการขึ้นป้ายโฆษณาหลักสูตรปริญญาโทว่าไม่มีการทำวิทยานิพนธ์ ซึ่งสื่อความซึ่งบางแห่งสามารถแบ่งรายได้ให้อาจารย์ สัปดาห์ละหลายหมื่นบาท ปัญหาการจ้างทำวิทยา นิพนธ์ ถือเป็นการทำลายอุดมศึกษา ถึงเวลาแล้วที่จะต้องดูแลอย่างจริงจังตามเกณฑ์ที่วางไว้ ปัญหาการฉ้อฉลดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ยากมาก แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีหลายลักษณะ เช่น คนใหญ่คนโตมาเรียนและอาจารย์เป็นผู้ดำเนินการให้ หรือร้านรับจ้างพิมพ์วิทยา นิพนธ์ ซึ่งจะมีข้อมูลวิทยานิพนธ์บรรจุในแผ่นดิสเก็ตจำนวนมาก ก็นำมาตัดต่อและทำเป็นวิทยานิพนธ์เรื่องใหม่ ศ.ปรีดา วิบูลย์สวัสดิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยชินวัตร กล่าวว่า การกำหนดให้ต้องตีพิมพ์วิทยานิพนธ์หรือส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ในวารสารวิชาการก็น่าจะป้องกันได้วิธีหนึ่ง รศ.เปรื่อง กิจรัตน์ภร ที่ปรึกษาอธิการบดี ม.ราชภัฏพระนคร กล่าวว่า ที่ผ่านมาจะมีโจรในคราบนักวิชาการ มาเปิดร้านถ่ายเอกสาร และรับปรึกษาทำวิทยานิพนธ์ ส่วนหลังร้านก็รับจ้างทำวิทยานิพนธ์ ทั้งโทและเอก ซึ่งตรวจสอบยากเพราะเป็นของเอกชน ตนจึงอยากเสนอให้มหาวิทยาลัยของรัฐมีคลินิกรับปรึกษาการทำวิทยานิพนธ์เอง นายอัครวัฒน์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผอ.ฝ่ายกฎหมายกระบวนการยุติธรรมทางอาญา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า ตนยกร่างกฎหมายเพื่อลงโทษผู้จ้างทำวิทยานิพนธ์ และผู้รับจ้างทำวิทยานิพนธ์เสนอต่อ ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร แล้ว ซึ่งหากนักศึกษาเป็นผู้ว่าจ้างก็ลงโทษตามระเบียบมหาวิทยาลัย หากได้รับปริญญาบัตรแล้วก็สามารถยึดคืนได้ ส่วนผู้รับจ้างทำวิทยานิพนธ์มีโทษถึงขั้นจำคุก หากอาจารย์เป็นผู้รับจ้างทำเสียเอง มีโทษถึงไล่ออก และไม่ควรเป็นอาจารย์ที่ใดได้อีก. (เดลินิวส์ พุธที่ 15 ก.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)
สกอ.เผยกำหนดการรับระบบแอดมิชชั่นนำร่อง
รศ.ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการ-อุดมศึกษา (กกอ.) เผยภายหลังการประชุมว่า ข้อมูลล่าสุดที่มหาวิทยาลัยที่ตอบรับเข้าร่วมโครงการ ได้แจ้งจำนวนรับมายังสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา มีดังนี้ ม.เอกชน ได้แก่ ม.เทคโนโลยีมหานคร รับ 200 คน ม.คริสเตียน 700 คน ม.เกษมบัณฑิต 60 คน ม.อัสสัมชัญ 1,360 คน ม.ศรีปทุม 490 คน ม.กรุงเทพ 945คน รวม 3,755 คน ม.รัฐได้แก่ ม.สงขลานครินทร์ 855 คน ม.นเรศวร 360 คน ม.ทักษิณ 576 คน ม.แม่โจ้ 166 คน ม.เทคโนโลยีสุรนารี 255 คน ม.อุบลราชธานี 258 คน ม.ศิลปากร 415 คน รวม 3,149 คน รวม 6,904 คน ทั้งนี้ จะมีการประชุมอีกครั้ง วันที่ 22 ก.ย.นี้ โดยตั้งเป้าว่าข้อมูลทุกอย่างจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือน ต.ค. จากนั้นจะเริ่มทำการประชาสัมพันธ์ โดยวันที่ 20 พ.ย. จำหน่ายใบสมัคร วันที่ 22 พ.ย. ประกาศผลสอบวัดความรู้ของเดือน ต.ค. และวันที่ 25 พ.ย. รับสมัคร เลขาธิการ กกอ.กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบหลักเกณฑ์กลาง โดยในปี 2548 ใช้คะแนนจีพีเอไม่เกิน 25% คะแนนรายวิชา ไม่เกิน 25% คะแนนสอบวัดความรู้เดือน ต.ค. ไม่เกิน 3 วิชา รวมไม่เกิน 50% ทั้งนี้ บางมหาวิทยาลัยอาจไม่ใช้คะแนนสอบวัดความรู้ จะเน้นที่คะแนนรายวิชาและคะแนนจีพีเอก็ได้ สำหรับปีการศึกษา 2549 นั้น ศ.น.พ.อดุลย์ วิริยะเวชกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) แจ้งว่า ทปอ.มีมติเห็นด้วยกับการที่จะไม่มีการสอบเพิ่มเติมในปี 2549 โดยจะใช้ข้อมูลที่ติดตัวมากับนักเรียนให้มากที่สุด (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 16 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
'ม.เกษตร' เล็งปั้น นร.อัจฉริยะทางดนตรี
รศ.ดร.วิโรจ อิ่มพิทักษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) กล่าวว่า ได้ออกประกาศมหาวิทยาลัย เปิดรับตรงผู้มีความสามารถพิเศษทางดนตรี เพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชนของชาติที่มีทักษะ ความรู้ความสามารถเฉพาะตนทางด้านดนตรี เข้าศึกษาใน มก. และเป็นแนวทางในการสร้างผู้ที่มีความเป็นเลิศทางดนตรีแก่ประเทศชาติและสังคมต่อไป โดยเปิดรับจำนวนทั้งสิ้น 45 คน แบ่งเป็นสาขาวิชาดนตรีไทย 25 คน (รับสมัครเอกขับร้องและเครื่องดนตรีทุกชนิด ยกเว้น ขิม) สาขาวิชาดนตรีตะวันตก 20 คน (รับสมัครสอบขับร้องและเครื่องดนตรีทุกชนิด ยกเว้น รีคอร์เดอร์ อิเล็กโทน และเครื่องดนตรีไฟฟ้าทุกชนิด) สอบปฏิบัติและข้อเขียนในวันที่ 17-18 ต.ค. จำนวน 4 วิชา ได้แก่ 1.ปฏิบัติเครื่องดนตรีเอก 2.วิชาภาษาอังกฤษ 3.วิชาภาษาไทย และ 4.ความรู้พื้นฐานดุริยางคศิลป์ทั่วไป ทั้งนี้ ผู้สมัครจะต้องสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่า หรือกำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่าในชั้นปีสุดท้าย รับสมัครตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 1 ต.ค. ขอรับใบสมัครโดยตรงที่ภาควิชาศิลปนิเทศ คณะมนุษยศาสตร์ มก.บางเขน โทร.0-2942-8890-2, 0-2579-9529 ต่อ 100, 111 หรือ http://ca.hum.ku.ac.th หรือ www.ku.ac.th (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 16 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)
ย้ำเกณฑ์วิทยานิพนธ์ต้องชัด-เน้นคุณธรรมนักศึกษา
ดร.จิรณี ตันติรัตนวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เผยข้อสรุปและข้อเสนอแนะจากการสัมมนาทางวิชาการเรื่อง มาตรฐานการควบคุมคุณภาพการทำวิทยานิพนธ์ระดับบัณฑิตศึกษาว่า ที่ประชุมซึ่งเป็นตัวแทนจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ให้การสนับสนุนร่างหลักเกณฑ์ควบคุมคุณภาพการทำวิทยานิพนธ์ ระดับบัณฑิตศึกษา โดยย้ำว่าระเบียบข้อบังคับต้องชัดเจน และส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมนิสิต นักศึกษาในการทำวิทยานิพนธ์ อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ ต้องจัดเวลาในการพบนิสิตนักศึกษา ส่วนข้อเสนอเกี่ยวกับบทลงโทษอาจารย์ที่ปรึกษาที่รับจ้างทำวิทยานิพนธ์ ควรมีโทษถึงไล่ออกและไม่สามารถกลับมาเป็นอาจารย์ ต่อไปได้ ซึ่งยกร่างระเบียบโดยคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอต่อกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎรนั้น ที่ประชุมไม่ได้มีความเห็นใดๆ ต่อเรื่องนี้ ซึ่งคงจะไม่มีปัญหาอะไร โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ จะต้องมีความรับผิดชอบสูง ที่ผ่านมามีมหาวิทยาลัยบางแห่งเสนอว่า อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ 1 คน ควรคุมการทำวิทยานิพนธ์ของนิสิตนักศึกษามากกว่า 10 คน หรือประมาณ 20 คน ซึ่งตนคิดว่าไม่สมควร เพราะจะทำให้อาจารย์ไม่มีเวลาหาความรู้ เพื่อให้คำแนะนำแก่นิสิตนักศึกษา รองเลขาธิการ กกอ. กล่าวต่อว่า ข้อสรุปและข้อเสนอแนะจากที่ประชุมสัมมนา ทางสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จะนำเสนอต่อคณะกรรมการกลั่นกรองกฎหมาย ของ สกอ. ซึ่งมี ศ.ดร. เทียนฉาย กีระนันทน์ กรรมการใน กกอ.เป็นประธาน ในวันที่ 20 ก.ย.นี้ (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 17 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
มน.รับสมัคร นร.โครงการพิเศษ!
รองศาสตราจารย์ ดร.มณฑล สงวนเสริมศรี อธิการบดี ม.นเรศวร กล่าวว่า ในโอกาสที่มหา วิทยาลัยนเรศวรจะก้าวสู่ 15 ปี แห่งการสถาปนาและเพื่อให้โอกาสเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยนเรศวรแก่นักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนหรือสถาบันในเขตส่งเสริมการศึกษา 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่างที่มหาวิทยาลัยรับผิดชอบ ได้แก่ กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ พะเยา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ และอุทัย ธานี โดยเปิดรับตรงโครงการพิเศษ ได้แก่ โครงการนักเรียนแผนการเรียนวิทยาศาสตร์ เรียนภาษาฝรั่ง เศส จำนวน 19 คน เลือกศึกษาต่อในคณะวิทยาศาสตร์ คณะวิศวกรรม คณะเกษตรศาสตร์ฯ คณะศึกษาศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ โครงการส่งเสริมเยาวชนดีเด่นด้านกีฬาจำนวน 31 คน เลือกศึกษาต่อในคณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ฯ คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ คณะวิทยาการจัดการฯ คณะศึกษาศาสตร์ โครงการส่งเสริมเยาวชนดีเด่นผู้มีความสามารถพิเศษด้านดนตรีไทย ดนตรีสากล นาฏศิลป์ไทย จำนวน 50 คน เลือกศึกษาต่อในคณะมนุษยศาสตร์ โครงการสมัครสอบคัดเลือกฯ หลักสูตรประกาศนียบัตรผู้ช่วยทันตแพทย์ จำนวน 30 คน เลือกศึกษาต่อในคณะทันตแพทยศาสตร์ โครงการรับนักเรียนจากโรงเรียนตามโครงการหนึ่ง อำเภอหนึ่งโรงเรียนในฝันที่มหาวิทยาลัยรับผิดชอบ โรงเรียนละ 5 คน โดยคัดเลือกนักเรียนที่มีคะแนนเฉลี่ย 5 ภาคเรียนสูงสุด 10 อันดับแรกของ โรงเรียน (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 17 ก.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)
ยูเนสโก ปิ๊งมหกรรมอาชีวะ ดึงไทยเป็นศูนย์อาชีวะเอเชีย
นายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่าตามที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้จัดงานมหกรรมอาชีวศึกษาเทิดไท้ 72 พรรษามหาราชินี ในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อแสดงศักยภาพการสร้างคน สร้างงาน สร้างอาชีพ ตามนโยบายหลักของ สอศ. คือ ผู้เรียนอยากเรียนอะไรต้องได้เรียน นั้น จากการประเมินผลการจัดงาน ซึ่งได้แบ่งจัดกิจกรรมเป็นเมืองต่างๆ 13 เมืองเช่น เมืองเทิดพระเกียรติ เมืองแฟชั่น เมืองมหกรรม 108 อาชีพ เมือง IT เมืองอาชีวศึกษาสู่สากล เมืองทำมาหากิน และเมืองภูมิปัญญาไทย เป็นต้น ปรากฏว่ากิจกรรมในแต่ละเมืองได้รับความสนใจจากนักเรียน นักศึกษา และประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมเมืองแฟชั่น ได้รับการยอมรับจากสถาบันการออกแบบ และสถาบันแฟชั่นต่างๆ มาก ขณะที่นักศึกษาที่เป็นนายแบบ นางแบบหลายคนก็มีโอกาสเข้าสังกัดในบริษัทโมเดลลิ่ง เป็นนายแบบนางแบบอาชีพเต็มตัวเช่นกัน กิจกรรมเมืองมหกรรม 108 อาชีพ ซึ่งเปิดอบรมอาชีพระยะสั้น โดยมีผู้สนใจหมุนเวียนเข้ารับการอบรมตลอดงาน จำนวน 42,777 คน ทั้งนี้ ดร.แมคคลีน (Dr.Macclean) ผู้อำนวยการยูเนสโก ซึ่งดูแลการอาชีวศึกษาทั่วโลก ได้เยี่ยมชมงานและแสดงความชื่นชมผลงานการจัดอาชีวศึกษาของ สอศ.โดยในปี 2548 ยูเนสโก รับที่จะสนับสนุนด้านการเงินแก่ประเทศที่กำลังพัฒนา เช่น ลาว เขมร เวียดนาม และพม่า ที่รับผิดชอบการอาชีวศึกษาเข้ามาร่วมงานวิจัย และจัดกิจกรรมเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ทั้งยังสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาอาชีวศึกษาของประเทศเพื่อนบ้าน และเยี่ยมชมงานในปีต่อไปด้วย (สยามรัฐ ศุกร์ที่ 17 ก.ย. 47http://www.siamrath.co.th)
นร.ไทยเก่งแข่งขันคอมฯ
นายพิศาล สร้อยธุหร่ำ ผู้อำนวยการ สถาบันส่งเสริม การสอนวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (สสวท.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 18 ก.ย.ว่า จากกรณีที่ สสวท.ส่งคณะผู้แทน เยาวชนไทยจำนวน 4 คน เข้าร่วมแข่งขัน คอมพิวเตอร์โอลิมปิกวิชาการ ระหว่างวันที่ 11-18 ก.ย. ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ มีเยาวชนเข้าร่วม แข่งขันจาก 80 ประเทศ ผลการแข่งขันปรากฏว่าเด็กไทย สามารถพิชิตรางวัลได้ 1 เหรียญทอง คือนายวสันต์ เจียรมณีทวีสิน 1 เหรียญเงิน คือนายปรัชญา ไพศาลวิภัชพงศ์ จากโรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก ทั้งคู่ และ 2 เหรียญทองแดงจากนักเรียน โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้แก่ นายชาณิน เลาหพันธุ์ และนายอนรรฆ ยอดภิญญาณี (ไทยรัฐ อาทิตย์ที่ 19ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
มนุษย์ต่างดาวจะชอบส่งเพลงยาวมากกว่าฮัลโหลทางสัญญาณวิทยุ
นักดาราศาสตร์ของมหาวิทยาลัยรัทเจอร์ ศาสตราจารย์คริสโตเฟอร์ โรส ให้เหตุผลว่า เพราะการส่งสารเป็นลายลักษณ์อักษร จะได้ผลดีกว่าการส่งสัญญาณเป็นคลื่นความถี่วิทยุ ซึ่งเมื่อเดินทางไกลออกไป ก็จะยิ่งกระจายแผ่กว้างออกไปมากเท่านั้น ทั้งการส่งสารเป็นลายลักษณ์อักษรยังคงทนกว่าสัญญาณวิทยุด้วย เขาได้บอกไว้ในรายงานเผยแพร่ในวารสารวิทยาศาสตร์ "ธรรมชาติ" อย่างไรก็ดี เขาชี้ว่า แต่การส่งสารเป็นลายลักษณ์อักษรข้ามอวกาศอันไกลโพ้นนั้น จะต้องกินเวลา หากว่าวันหนึ่งเกิดไปเจอเข้าสักรายหนึ่ง ก็แสดงว่ามันต้องถูกส่งมาก่อนหน้า อย่างต่ำก็ตั้งหลายพันปีแล้ว (ไทยรัฐ อังคารที่ 4 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
อุตฯยานยนต์ปรับสเปคหนุนไบโอดีเซล ระบุรถยนต์ในไทยร้อย 99 เติมน้ำมันชีวภาพได้ทันที
นายอดิศักดิ์ โรหิตะศุน รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด และนายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์ มีความพร้อมปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ของรถแต่ละรุ่นที่ผลิตขึ้นมาสามารถใช้น้ำมันชีวภาพ ทั้งไบโอดีเซลและแก๊สโซฮอล์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รถยนต์ที่ใช้ภายในประเทศประมาณร้อยละ 99 สามารถใช้น้ำมันชีวภาพได้โดยไม่มีปัญหา สำหรับผู้บริโภคที่ยังไม่มั่นใจในประสิทธิภาพของน้ำมันก็สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สมาคมและกรมธุรกิจพลังงาน ดร.สมัย กล่าวต่อไปว่า สาเหตุที่น้ำมันไบโอดีเซลไม่ถูกใช้อย่างกว้างขวาง เนื่องจากหน่วยงานราชการยังไม่เปิดใจกว้างใช้น้ำมันไบโอดีเซล สำหรับยานพาหนะของทางราชการ ซึ่งเป็นตัวอย่างให้แก่ประชาชน อีกทั้งกลุ่มธุรกิจน้ำมันดิบก็ไม่ยอมรับและผลิตน้ำมันชีวภาพมาใช้ในท้องตลาด เช่น บริษัทนำเข้าน้ำมัน บริษัทผลิตรถยนต์ ผู้ค้าสารเอ็มทีบีอี เป็นต้น นอกจากนี้ปัญหาที่สำคัญคือ ประเทศไทยยังไม่มีประสบการณ์ใช้น้ำมันชีวภาพอย่างจริงจัง (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 14 ส.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
เมาส์ใหม่ไมโครซอฟท์ อ่านลายนิ้วมือในตัว
บริษัท ไมโครซอฟท์ คอร์ป.เปิดตัวสายผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ใหม่ 3 ตัว ที่ติดตั้งเครื่องอ่านลายนิ้วมือไว้ภายใน เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ล็อกออนเข้าสู่ระบบพีซี และเวบไซต์ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น อุปกรณ์ในกลุ่มดังกล่าว ประกอบด้วย แป้นพิมพ์และเมาส์ที่ติดตั้งเครื่องอ่านลายนิ้วมือในตัว และเครื่องอ่านลายนิ้วมือที่แยกต่างหาก ซึ่งจะทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์อีกตัวหนึ่ง เพื่อช่วยให้ผู้ใช้พิมพ์ชื่อและรหัสผ่าน สำหรับการล็อกออนเข้าสู่เวบไซต์แต่ละแห่ง เพียงแค่ครั้งเดียว และระบบจะทำหน้าที่ป้อนข้อมูลดังกล่าวให้เองโดยอัตโนมัติ เมื่อเข้าเยี่ยมชมเวบไซต์ในครั้งต่อไป โดยที่ผู้ใช้เพียงวางนิ้วลงบนเครื่องอ่านลายนิ้วมือ ตัวแทนไมโครซอฟท์ เปิดเผยว่า อุปกรณ์ดังกล่าวยังสามารถใช้งานได้หลายคน เนื่องจากซอฟต์แวร์สามารถจดจำรหัสผ่านได้เป็นจำนวนมากด้วยการบันทึกไว้ในฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ บริษัทยังได้เปิดตัวเมาส์ไร้สายขนาดเล็กรุ่นใหม่ ที่ออกแบบสำหรับใช้กับแล็บท็อป และแป้นพิมพ์ ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถย่อหรือขยายข้อความและภาพดิจิทัลได้ (คมชัดลึก อังคารที่ 14 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)
รม.เปิดคลีนิกเทคโนโลยี
ผศ.นำยุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล เปิดเผยว่า ทางสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล (รม.) ได้ร่วมมือกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดำเนินโครงการคลินิกเทคโนโลยี เพื่อให้ความช่วยเหลือชุมชนด้านการบริการให้คำปรึกษา และบริการข้อมูลต่างๆ ทางเทคโนโลยี รวมถึงการถ่ายทอด การเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยในปีงบประมาณ 2548 รม.ได้เลือกวิทยาภาคเขตพายัพ เป็นสถาบันนำร่องในการดำเนินงาน ซึ่งโครงการจะเน้นกลุ่มเป้าหมายในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง ทั้งกลุ่มเกษตรกร กลุ่มแม่บ้าน ประชาชนทั่วไป วิสาหกิจชุมชน OTOP ผู้ประกอบการ SMEs ตลอดจนสถานประกอบการครัวเรือนต่างๆ ซึ่งเชื่อว่าคลินิกเทคโนโลยี จะส่งผลให้ชุมชนได้รับความรู้ในการแก้ไขปัญหาทางเทคโนโลยีจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้สามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับภูมิปัญญาท้องถิ่นของแต่ละท้องถิ่น ขณะเดียวกันก็สามารถเชื่อมโยงและประสานงานจากเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีไปสู่ผู้ใช้เทคโนโลยีในชุมชน ได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน (สยามรัฐ อังคารที่ 14 ก.ย. 47 http://www.siamrath.co.th)
ยกย่องให้พีซีและอินเตอร์เน็ตเป็นสิ่งประดิษฐ์ยอดเยี่ยม
ผลสำรวจภาคธุรกิจในอเมริกายกย่องให้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต เป็นสิ่งประดิษฐ์ยอดเยี่ยมในรอบ 75 ปี เอาชนะผลงานทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์อย่างดีเอ็นเอ และวัคซีนโปลิโอได้ แหล่งข่าวกล่าวว่า กว่าครึ่งของผู้ใหญ่จำนวน 500 คน ในภาคธุรกิจระบุว่า พีซี (คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล) ควรจะได้เป็นสิ่งประดิษฐ์ยอดเยี่ยม อยู่ที่ร้อยละ 56 และอินเตอร์เน็ตได้รับการโหวตร้อยละ 51 ในขณะที่ดีเอ็นเอเป็นอันดับที่ 3 อยู่ที่ร้อยละ 49 ส่วน โทรทัศน์ ได้รับการโหวต 34 เปอร์เซ็นต์ เอาชนะวัคซีนโปลิโอ ของปี 2493 ไปได้ ผลการสำรวจครั้งนี้เป็นการจัดทำโพลสอบถามความคิดเห็นของคนทำงานในหลายกลุ่ม เพื่อที่จะหานวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ในสายตาของประชาชน (ไทยรัฐ พุธที่ 15 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
วิศวะขอนแก่นประดิษฐ์บัลลาสต์ประหยัดไฟ แถมยืดอายุใช้งานหลอดนีออน เล็งวางตลาดหลัง มอก.รับรอง
ดร.กฤษ เฉยไสย อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยขอนแก่น สนองนโยบายรัฐบาล ใช้เวลากว่า 7 ปีคิดค้นบัลลาสต์อิเล็กทรอนิกส์ประหยัดพลังงาน เผยผลทดสอบช่วยยืดอายุใช้งานหลอดไฟมากกว่าร้อยละ 25 ของบัลลาสต์ปกติ เมื่อเปิดสวิตช์หลอดไฟจะติดทันที แสงสว่างที่ได้ไม่กะพริบให้รำคาญสายตา อยู่ระหว่างยื่นจดสิทธิบัตรเทคโนโลยีควบคู่มาตรฐาน มอก. โดยใช้ชื่อว่าบัลลาสต์ประหยัดพลังงาน KPE มีประสิทธิภาพการให้แสงสว่างสูงกว่าหลอดไส้ โดยการต่อวงจรใช้หลอดฟลูออเรสเซนท์มีอุปกรณ์เสริม 3 อย่างคือ บัลลาสต์ชนิดขดลวด สตาร์ตเตอร์ และตัวเก็บประจุ แต่ปัจจุบันมีการนำบัลลาสต์อิเล็กทรอนิกส (Electronic Ballast ) มาใช้ ซึ่งทำหน้าที่รวมอุปกรณ์เสริมทั้ง 3 อย่างเข้าด้วยกัน โดยบัลลาสต์อิเล็กทรอนิกส์มีลักษณะพิเศษคือ ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้มากถึงร้อยละ 15 - 35 ขึ้นอยู่กับการออกแบบวงจร และยังยืดอายุการใช้งานได้มากกว่าการต่อวงจรปกติประมาณร้อยละ 25 นอกจากนี้ ยังไม่มีการสะสมความร้อนเหมือนบัลลาสต์ชนิดขดลวด และหลอดยังคงติดอยู่ แม้แรงดันไฟฟ้าจะตก โดยก่อนหน้านี้ประมาณ 1 ปีได้ทดลองวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต้นแบบ ปรากฏว่ามีผู้สนใจติดต่อซื้อบัลลาสต์ดังกล่าวไปเป็นจำนวนมาก (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่15 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
เครื่องซักผ้าส่งเสียงพูด ช่วยคนตาบอดกดปุ่มสั่งงานได้ถูกต้อง
นักศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมิชิแกน ภายใต้การดูแลของศาสตราจารย์อีริค กูดแมน พัฒนาเครื่องซักผ้าส่งเสียงพูดเพื่อ ต้องการช่วยผู้ที่มีปัญหาด้านสายตา ที่ไม่สามารถใช้งานเครื่องซักผ้าที่มีวางจำหน่ายอยู่ทั่วไป โดยค่ายเวิร์ลพูลได้มอบเครื่องซักผ้ารุ่นที่ทันสมัยที่สุดให้กับการทดลองชิ้นนี้ ได้สร้างแผงวงจรไฟฟ้าที่ช่วยให้ตัวเครื่องสามารถพูดได้ โดยทุกครั้งที่ผู้ใช้กดปุ่มใช้งาน จะมีเสียงบอกสถานะการทำงานที่ถูกเลือก จากนั้นทีมงานได้นำสิ่งประดิษฐ์ใหม่ชิ้นนี้ ไปให้คนตาบอดทดลองใช้ และเตรียมตั้งทีมนักศึกษาขึ้นมาอีกชุด เพื่อดัดแปลงเครื่องปั่นแห้งให้สามารถใช้งานคู่กันได้ โดยขณะนี้ทีมงานอยู่ระหว่างค้นหาวิธีดัดแปลงสิ่งที่มีอยู่เดิม ให้สามารถนำไปผลิตใหม่เชิงพาณิชย์ได้ (คมชัดลึก พุธที่ 15 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)
โครงการอวกาศจีนรออนุมัติจรวดรุ่นใหม่
สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า นายหลวน เอินเจี้ย ผู้อำนวยการโครงการสำรวจดวงจันทร์จีน กล่าวว่า โครงการอวกาศจีน กำลังรอให้รัฐบาลจีนอนุมัติจรวดรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ยานอวกาศรุ่นใหม่นี้จะใช้สำหรับสำรวจดวงจันทร์ และจะใช้เวลาในการพัฒนา 8 ปี นอกจากจะใช้สำรวจดวงจันทร์แล้ว ยานอวกาศรุ่นใหม่นี้จะใช้เพื่อการขนส่งดาวเทียมเชิงพาณิชย์ด้วย นายหลวน เปิดเผยว่า ยานอวกาศรุ่นใหม่สามารถบรรทุกดาวเทียมได้หนักกว่ายานอวกาศ "ลองมาร์ช" กว่า 2 เท่า และใช้เชื้อเพลิงสะอาดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทางการจีนคาดว่า จะมีสถานีอวกาศภายใน 15 ปี จีนวางแผนโครงการสำรวจอวกาศอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เช่น จ ะปล่อยดาวเทียมดวงจันทร์ภายในปี 2549 นำยานอวกาศลงสู่ดวงจันทร์ในปี 2553 ใช้ยานอวกาศเก็บฝุ่นจากดวงจันทร์เพื่อนำมาศึกษาภายในปี 2563 จีนเป็นประเทศที่ 3 ของโลก รองจากรัสเซียและสหรัฐ ที่สามารถส่งมนุษย์ไปอวกาศสำเร็จ ในปีหน้า จีนจะส่งทีมสำรวจอวกาศ 2 คนออกสู่อวกาศ (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 17 ก.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)
ไอซีที ดันไทยตั้งมาตรฐานเทคโนฯใหม่ทดแทนบาร์โค้ด "คุณหญิงทิพาวดี" ฝากปลัดใหม่เร่งตั้งกรมกิจการอวกาศ-สนง. สายลับไซเบอร์
น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า กระทรวงไอซีที เตรียมเป็นเจ้าภาพในการเจรจากับประเทศต่างๆ ในเอเชีย เพื่อหามาตรฐานกลางของการใช้อาร์เอฟไอดี (RFID: Radio Frequency Identification) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีความถี่วิทยุสำหรับรายงานข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับวัตถุชิ้นนั้นๆ โดยทั่วโลกได้กำหนดใช้อาร์เอฟไอดีแทนระบบบาร์โค้ดในปัจจุบัน ดังนั้น จึงต้องหามาตรฐานร่วมกัน เพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกันได้ คาดว่าภายใน 5 ปี จะมีการใช้ระบบนี้อย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ จะสนับสนุนให้เกิดการเขียนแอพพลิเคชั่นสำหรับอาร์เอฟไอดีในประเทศ ส่วนชิพนั้น ต้องพิจารณาว่าจะผลิตเองคุ้มค่าหรือไม่ เนื่องจากเทคโนโลยีจะมีราคาถูก เมื่อใช้งานอย่างแพร่หลาย และขณะนี้มีหลายประเทศแข่งขันกันผลิตอยู่แล้ว ขณะที่ ภาคเอกชนยังไม่ต้องดำเนินการใดๆ เนื่องจากต้องรอให้กระทรวง ตกลงกับประเทศต่างๆ ก่อนว่าจะใช้มาตรฐานใด ไทยมีช่องว่างสร้างงานที่ใช้งานในประเทศที่มีปริมาณมาก ได้แก่ บัตรประชาชนสมาร์ทการ์ด การใช้ในบัตรเก็บค่าทางด่วน และการใช้ในระบบโลจิสติกส์ของไทย ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงมาก คุณหญิง ทิพาวดี เมฆสวรรค์ ปลัดกระทรวงไอซีที กล่าวว่า ปลัดกระทรวงคนใหม่จะเข้ามาสานต่องานตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้ จะมีภาระหลักในเรื่องการปรับโครงสร้างใหม่ของกระทรวง ซึ่งครอบคลุมทั้งการยกระดับบางหน่วยงานขึ้นมา รวมถึงจัดตั้งหน่วยงานใหม่ โดยปลัดกระทรวงไอซีทีคนใหม่ คงต้องสานต่อแผนงานกระทรวงไอซีที ซึ่งเตรียมปรับโครงสร้างได้แก่ จัดตั้งกรมกิจการอวกาศ โดยยกระดับจากสำนักงานกิจการอวกาศ เนื่องจากรับผิดชอบงานสำคัญระดับประเทศ และมีบทบาทในการไปเจรจากับต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องจัดตั้งหน่วยงานใหม่ ได้แก่ สำนักงานกิจการไปรษณีย์ เพื่อทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการกิจการไปรษณีย์ไทย สำนักงานไซเบอร์อินสเปคเตอร์ ซึ่งตามแผนงานกระทรวงฯ จะต้องเริ่มตั้งแต่ ต.ค. นี้ เป็นต้นไป (กรุงเทพ ธุรกิจ ศุกร์ที่ 17 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
สกัดแป้งมันเป็นสารหวาน บริโภคปลอดภัยกว่าน้ำตาล
นายคุเณศ สัจเทพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเพียว เคม จำกัด (Pure Chem) กล่าวว่า ขณะนี้คนเริ่มหันมาใส่ใจในเรื่องสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะหลายคนเลือกใช้สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลในการปรุงแต่งรสชาติ น้ำตาลโดยธรรมชาติที่สกัดจากอ้อยจะให้แคลอรีระดับสูง "บริษัทผลิตสารสกัดจากแป้งมันสำปะหลัง พยายามค้นคว้าหาสารจากธรรมชาติเพื่อนำมาใช้ทดแทน และได้เลือกแป้งจากมันสำปะหลัง ซึ่งผลิตได้จากในไทย และมีคุณภาพบริสุทธิ์จากธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ และปราศจากเทคโนโลยีดัดแปลงพันธุกรรมหรือจีเอ็มโอ ทีมวิจัยของบริษัทเพียว เคม ซึ่งได้ร่วมทำการวิจัยกับบริษัทต่างประเทศรายหนึ่ง ได้ทดลองนำมันสำปะหลังที่ปลูกในไทยมาสกัดเอนไซม์ และแปลงเป็นสารให้ความหวานประเภท ต่างๆ โดยใช้ชื่อว่า พอลิออร์ (Polyols) โดยได้ตกลงกับบริษัท ลพบุรีสตัสต์ จำกัด ผู้ผลิตมันสำปะหลังเพื่อใช้เป็นแหล่งป้อนวัตถุดิบ เพื่อป้องกันการขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิตในอนาคต โดยสารดังกล่าวสามารถนำมาใช้กับอุตสาหกรรมการผลิตยาชนิดแคปซูล ใช้เป็นสารเก็บความชื้นในยาสีฟัน รวมถึงใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหาร ด้วยคุณสมบัติที่มาจากธรรมชาติจึงปลอดภัย และเป็นมิตรกับสุขภาพ สามารถนำไปใช้เป็นสารประกอบได้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะผลิตไอศกรีมโดยใช้สารทดแทนน้ำตาลที่คิดค้นขึ้นมาเป็นส่วนผสมของไอศกรีม และจะเริ่มจำหน่ายประมาณกลางเดือนตุลาคมนี้ (กรุงเทพ ธุรกิจ ศุกร์ที่ 17 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
เชียงใหม่เปิดศูนย์ตรวจเตาไมโครเวฟ บริการครัวเรือนวัดปริมาณคลื่นรั่ว
นายธรรมรัตน์ บุญสูง นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ศูนย์เตรียมเสนอของบประมาณจำนวน 2 แสนบาท ในการจัดซื้อเครื่องตรวจวัดการรั่วซึมของเตาอบไมโครเวฟ เพื่อให้บริการตรวจวัดปริมาณการรั่วซึมของคลื่นไมโครเวฟ โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในเดือนตุลาคม 2547 โดยถือเป็นศูนย์ตรวจวัดการรั่วของคลื่นไมโครเวฟเป็นแห่งแรกในภูมิภาค สำหรับเกณฑ์การวัดคลื่นไมโครเวฟ ได้กำหนดว่า หากค่าการรั่วที่วัดออกมาได้มีปริมาณการรั่วเกิน 5 มิลลิวัตต์ต่อตารางเซนติเมตร จะจัดอยู่ในเกณฑ์อันตราย ตามมาตรฐานองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา ซึ่งภัยอันตรายที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับที่ได้ทำงานวิจัยในหัวข้อปัจจัยที่มีผลต่อการรั่วของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โดยการออกไปสำรวจเตาอบไมโครเวฟที่ใช้ตามครัวเรือนในเขตตัวเมือง และอำเภอรอบนอกของจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 92 เครื่อง ด้วยเครื่องตรวจวัดคลื่นไมโครเวฟที่เรียกว่า อิเลคโตร แมกเมติก ลิเกจ มอนิเตอร์ (Electro magmatic leakage monitor) พบว่า ทุกเครื่องมีการรั่วของคลื่นไมโครเวฟระหว่างการใช้งานอุ่นและประกอบอาหาร ในปริมาณมากน้อยที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวัสดุที่นำมาใช้สร้างเตาแต่ละเครื่อง, กำลังไฟฟ้าที่เครื่องใช้ และอายุการใช้งานของเครื่อง นอกจากนี้ยังได้คิดค้นพบสูตรสมการ ที่แทนค่าตัวเลขแล้วจะสามารถคำนวณหาปริมาณของการรั่วได้ โดยสมการดังกล่าวคือ log y =0.147(used)+0.0003112 (power in) - 1.670 โดยการแทนค่าสูตรนั้น กำหนดค่า power in ให้เป็นค่ากำลังไฟที่เครื่องไมโครเวฟใช้ โดยในท้องตลาดมีเครื่องไมโครเวฟที่ใช้กำลังไฟตั้งแต่ 800-1,725 วัตต์ ส่วนค่า used นั้นกำหนดตามลักษณะการใช้งาน โดยหากใช้เพื่อการอุ่นอาหารให้แทนค่าเป็น 0 แต่ถ้าใช้มากกว่าการอุ่นอาหาร เช่น การปรุงอาหารหรืออุ่นละลายน้ำแข็งให้แทนค่าเป็น 1 ทั้งนี้ คลื่นไมโครเวฟที่รั่วซึมออกมาจากเตาอบไมโครเวฟเหล่านี้ จะสามารถซึมผ่านออกมาทะลุผนังของวัสดุที่ใช้ทำเครื่องผ่านเข้าสู่ร่างกายของผู้ใช้ได้ โดยผ่านรั่วซึมออกมามากที่สุดบริเวณด้านหน้าของเครื่อง และหากได้รับในปริมาณที่มากและต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน จะส่งผลทำให้เกิดอันตรายคือ ทำให้เกิดโรคต้อ การเป็นหมันชั่วคราวและเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง "หากจะใช้เตาไมโครเวฟให้ปลอดภัย ควรถอยห่างเครื่องในระยะมากกว่า 0.5 เมตร ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะจ้องมองไปที่จานอาหารในเครื่องขณะทำการอุ่น (กรุงเทพ ธุรกิจ ศุกร์ที่ 17 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
เอ็มเทคดัน 'ที-แล็บ' รับมือกฎเหล็กอียู ร่างมาตรฐานทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าส่งออก
รศ.ดร.ปริทรรศน์ พันธุบรรยงก์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) กล่าวในงานสัมมนาเทคโนโลยีวัสดุเพื่อสิ่งแวดล้อมครั้งที่ 4 เรื่อง "การรับรองสินค้าปลอดสารพิษตามระเบียบ RoHS ของสหภาพยุโรป และโครงสร้างที่ต้องเร่งพัฒนาเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืน" ว่าขณะนี้คณะทำงานกำลังพิจารณาหาข้อสรุป ในการจัดตั้งสำนักงานรับรองทดสอบผลิตภัณฑ์ปลอดสารพิษตามระเบียบ ว่าด้วยการห้ามใช้สารอันตรายบางชนิดในผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (RoHS) ของสหภาพยุโรปหรืออียู ที่กำหนดเส้นตายให้ผู้ผลิตเลิกใช้สารอันตราย 6 ชนิด ได้แก่ ปรอท ตะกั่ว แคดเมียม โครเมียม-6 (Cr VI) โพลิโบรมิเนต-ไบฟีนิล (PBB) และ โพลิโบรมิเนต-ไดฟีนิล-อีเทอร์ (PBDE) ในผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ไทยเหลือเวลาแค่ 10 เดือนเท่านั้น ที่จะหาข้อสรุปให้กับสถาบันรับรองผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานตามกฎหมาย โดยขณะนี้มี 2 แนวทาง ได้แก่ ออกใบรับรองเองในฐานะศูนย์วิจัยและพัฒนาแห่งชาติภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงวิทยาศาสตร์ และออกใบรับรองภายใต้ความร่วมมือของเอ็มเทค สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ อุตสาหรรมการไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ทำรายได้เข้าประเทศได้ปีละราว 2.5 แสนล้านบาท โดยมีผู้ประกอบการประมาณ 3,000 ราย และมีแรงงานประมาณ 300,000 ราย ซึ่งหากไม่มีการออกมาตรการรองรับกฎระเบียบดังกล่าว อุตสาหกรรมนี้ต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน หลังจากได้ข้อสรุปแล้ว จะต้องสร้างเครือข่ายรองรับการให้บริการทดสอบชิ้นส่วนทั่วประเทศ โดยเอ็มเทคจะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานร่วมกับสถาบันการศึกษาที่มีเครื่องมือพร้อมในการตรวจวัดและวิเคราะห์วัสดุสารต้องห้าม ภายใต้วิธีทดสอบที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ขณะนี้กำลังเสนอของบประมาณจัดซื้ออุปกรณ์ทดสอบ และเครื่องมือตรวจวัดชั้นสูงมูลค่าราว 140 ล้านบาท เพื่อให้สามารถรองรับการการทดสอบได้ครบวงจร ภายใต้การดำเนินงานของห้องปฏิบัติการที-แล็บ (Trace Element Analysis :TEA-Lab) สำหรับที-แล็บจะเน้นตรวจวิเคราะห์วัสดุหรือชิ้นส่วน และรับรองการปลอดสารต้องห้ามตามมาตรฐานสากล รวมทั้งให้คำปรึกษาแก่ภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ที่ต้องการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังได้หารือร่วมกับสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (สฟอ.) เพื่อร่างข้อบังคับการออกกฎ RoHS ของประเทศไทย สำหรับป้องกันการนำเข้าวัตถุดิบและชิ้นส่วนที่เป็นพิษ นอกเหนือจากการนำเข้าผลิตภัณฑ์ปลอดสารพิษที่ สมอ.ดูแลอยู่แล้ว (กรุงเทพ ธุรกิจ ศุกร์ที่ 17 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
เตาปฏิกรณ์ปิดผนึก ป้องกันฉกไส้ในทำอาวุธนิวเคลียร์
เครก สมิธ นักวิจัยจากห้องปฏิบัติการแห่งชาติลอว์เรนซ์ ลิเวอร์มอร์ กระทรวงพลังงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ทางกระทรวงพัฒนาเตาปฏิกรณ์ปรมาณูขนาดเล็กแบบปิด หรือเอสเอสทีเออาร์ ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้นี้และสามารถสร้างพลังงานได้นานถึง 30 ปี โดยไม่ต้องเติมเชื้อเพลิงหรือบำรุงรักษามากเหมือนแบบเดิม เหมาะใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ขนาด 1 กิกะวัตต์ ซึ่งเป็นขนาดที่สร้างมากในประเทศกำลังพัฒนา เพื่อให้สามารถส่งป้อนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ต่างๆ และนำกลับคืนได้ หลังจากพลังงานในตัวหมดลงแล้ว โดยนักพัฒนาอ้างว่าไม่มีใครสามารถกำจัดกากกัมมันตรังสีจากเตาปฏิกรณ์นี้ได้ เพราะแกนในของมันถูกป้องกันไว้อย่างดี ควบคู่กับการติดตั้งระบบเตือนภัยไว้ด้วย ทั้งนี้สหรัฐจะขนส่งเตาปิดผนึกไปยังพื้นที่เป้าหมายทางเรือและทางรถบรรทุก และจะติดตั้งให้พร้อมสรรพ โดยหลังจากที่เชื้อเพลิงหมดแล้วก็จะเก็บเตาปฏิกรณ์เก่านี้ไปรีไซเคิลหรือฝังกลบ คาดว่าต้นแบบของเตาปฏิกรณ์จะออกมาในปี 2558 สำหรับเคล็ดลับที่ทำให้เตาสามารถผลิตพลังงานได้นานถึง 30 ปีนั้น เป็นเพราะใช้นิวตรอนแปลงไอโซโทปที่ไม่แตกตัว อย่าง ยูเรเนียม-238 ไปเป็นพลูโตเนียม - 239 โครงการนี้ได้รับการคัดค้านทางการเมืองอย่างรุนแรง โดย ไมเคิล เลวี จากสถาบันบรู๊คกิง ในวอชิงตัน เห็นว่าแม้จะมีการออกแบบเตาปฏิกรณ์ให้ปิดผนึกอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันการนำกากกัมมันตรังสีออกมาใช้งาน หากประเทศนั้นๆ อยากผลิตอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมา พวกเขาคงไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น และแน่นอนว่าการทำลายเตาปฏิกรณ์แบบพกพา ที่เต็มไปด้วยพลูโตเนียมนี้สามารถเป็นไปได้ทุกเมื่อ (คมชัดลึด ศุกร์ที่ 17 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)
ข่าววิจัย/พัฒนา
อิจฉาเด็กเอเชียได้กินขมิ้นเป็นยา ไม่ถูกมะเร็งถามหาอย่างเด็กฝรั่ง
คณะนักวิจัยของศูนย์แพทย์มหาวิทยาลัยลาโยลา เป็นผู้จับสังเกตได้เด็กชาวเอเชียได้กินขมิ้น จึงไม่ค่อยเป็นโรคมะเร็งเม็ดโลหิต เหมือนกับเด็กฝรั่ง จากการศึกษาวิจัย แต่ได้ยอมรับว่าอาจจะมีปัจจัยอย่างอื่นแฝงอยู่ด้วย เช่น ในด้านพันธุกรรม ศาสตราจารย์มูลกี้ นาคภูสถาน หัวหน้าคณะ กล่าวว่า จากการทดลองในห้องปฏิบัติการเคยพบว่า ขมิ้นมีสรรพคุณช่วยป้องกันพิษของควันบุหรี่ที่อาจมีกับตามเนื้อตัว และสารในขมิ้นซึ่งเป็นตัวทำให้ขมิ้นมีสีเหลือง ยังมีสรรพคุณป้องกันไม่ให้เซลล์มะเร็งเม็ดโลหิตขาว เพิ่มทวีจำนวนขึ้นในเซลล์ มนุษย์ที่เพาะเลี้ยงขึ้น ในการศึกษาอีกเรื่องหนึ่ง ของ ดร.มารีลิน กวั่น มุ่งศึกษาหาดูว่า อาหารของทารกในช่วงต้นๆ ของชีวิต มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดเป็นโรคมะเร็งเม็ดโลหิตหรือไม่ โดยรวบรวมข้อมูลจากเด็กที่ป่วยกับเด็กปกติธรรมดาเปรียบเทียบกัน ได้พบว่า "การป้อนกล้วยหอมและส้มให้ทารกแรกเกิดช่วง 2 ขวบแรกกินประจำ มีส่วนช่วยลดอันตรายของโรคมะเร็งเม็ดโลหิตในเด็กได้ เนื่องจากผลไม้ ทั้งคู่อุดมด้วยวิตามินและเกลือแร่ ผลการค้นพบนี้ยังสอดคล้องกับคำแนะนำ ให้ผู้ใหญ่กินผักและผลไม้ เพื่อป้องกันมะเร็งอีกด้วย (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 13 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
ม.เกษตรทำจอแอลซีดียักษ์ เอกชนหนุนพัฒนาแข่งของนอก
บัณฑิตเกษตรศาสตร์ 6 คน ประกอบด้วย นายกิตติพงษ์ จาตุรนต์ นายนิพนธ์ ชินะมาตรมงคล นายเฉลิมลาภ ศักดาปรีชา นายชัชวาล ธยามานนท์ นายพีรพัฒน์ จันทร์จารุภรณ์ และนางสาวเรณุกา สุวรรณคำ ประสบผลสำเร็จในการพัฒนาจอแอลอีดีขนาดใหญ่ สำหรับใช้เป็นจอแสดงผลกลางแจ้งที่สามารถให้ภาพเหมือนทีวี มีเสียงและรับส่งสัญญาณภาพได้ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ต้นทุนต่ำกว่าจอแอลซีดีนำเข้าหลายเท่าตัว นายพรอนันต์ อุดมถาวรสุข ผู้จัดการโครงการพัฒนาจอแอลอีดี บริษัท Extreme Plus จำกัด เปิดเผยว่า โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงงานวิศวกรรมซีเนียร์โพรเจกต์ โดยมี อ.ปัญญา เหล่าอนันต์ธนา เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ทีมงานได้พัฒนาต่อเรื่อยมาในลักษณะการทำวิจัยร่วมกับบริษัท Extreme Plus และเพิ่มขนาดจอขึ้นเป็น 1.20x1.80 เมตร ใช้หลอด LED ที่ให้ความสว่างพิเศษเป็นแม่สี 3 สี นำมาผสมสีโดยการเร่งความเข้มของแต่ละสี โดยใช้โปรแกรม C Builder ที่เขียนขึ้นเอง และใช้ไมโครคอนโทรเลอร์ เป็นตัวรับสัญญาณจากคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่ควบคุมความสว่างของแต่ละหลอดสี สามารถผสมสีได้กว่า 4 ล้านสี "จุดนี้เองนับเป็นจุดเด่นของการพัฒนาจอแอลอีดีของทางทีมซึ่งแตกต่างจากที่อื่น นายพรอนันต์ อธิบายเพิ่มเติมว่า ความยากลำบากในการพัฒนาจอแอลอีดีอยู่ที่ขนาดของจอ ยิ่งจอขนาดใหญ่มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องใช้จำนวนหลอดภาพเพิ่มมากขึ้นทำให้จำนวนสัญญาณภาพมากขึ้นด้วย และส่งผลให้ภาพปรากฏบนจอขึ้นช้าลง ทีมวิจัยต้องทำวิจัยพัฒนาในส่วนของการรับ-ส่งข้อมูลให้มีความเร็วขึ้น รวมถึงการออกแบบในส่วนของแผงวงจรและในส่วนต่าง ๆ ที่พัฒนาเองทั้งหมด มีแผนที่จะวางตลาดออกจำหน่ายในเร็ว ๆ นี้ (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 13 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
วิเคราะห์รังสี ระบุอายุศพ ช่วยตร.สางคดี
สจ๊วต แบล็ก อาจารย์สอนวิชากัมมันตรังสีสิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัยรีดิง ประเทศอังกฤษ กล่าวในการประชุมประจำปีของสมาคมวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าถึงเทคนิคการตรวจอายุศพด้วยกัมมันตรังสีที่อังกฤษเป็นผู้บุกเบิกว่า เป็นวิธีคำนวณเวลาเสียชีวิตของศพที่ใช้ได้ผลดี นอกจากจะรู้วันเสียชีวิตแล้วยังใช้ได้กับศพที่ถูกแยกชิ้น เทคนิคดังกล่าวเป็นการทดสอบที่ก้าวหน้าที่สุดในโลก แม้แต่สำนักงานสืบสวนกลางหรือเอฟบีไอของสหรัฐ ก็เริ่มให้ความสนใจและพัฒนาเทคนิคของตัวเองขึ้นมาใช้ โดยใช้ไอโซโทปของกัมมันตรังสีบางชนิดที่พบอยู่ในสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ นักวิจัยได้พบธาตุพื้นฐานที่ใช้หาไอโซโทปตะกั่ว 210 ที่มีอยู่ในห่วงโซ่อาหารมนุษย์ ซึ่งในร่างกายของคนจะมีปริมาณตะกั่วดังกล่าวอยู่ในร่างกายไม่มากก็น้อย เมื่อมนุษย์หยุดรับประทาน ปริมาณไอโซโทปจะเริ่มลดลงไปเรื่อยๆ ทั้งนี้ ครึ่งอายุของกัมมันตภาพรังสีไอโซโทปตะกั่วมีระยะเวลา 22 ปี โดยกัมมันตภาพรังสีของไอโซโทปจะลดลงไปครึ่งหนึ่ง การพิจารณาระดับของการเสื่อมลงของไอโซโทป ช่วยให้นักนิติวิทยาศาสตร์สามารถวัดปีที่เสียชีวิตของศพได้ (คมชัดลึก จันทร์ที่ 13 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)
ลิง ขาดแคลน ทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ชะงัก
นักวิจัยชาวสวีเดน มหาวิทยาลัยอัพพซาลา (Uppsala University) ได้ค้นคว้างานวิจัยกว่า 3,000 ชิ้นเพื่อประเมินจำนวนของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ใช้ในการทดลองในปี 2001 การสำรวจพบว่ามีการใช้สัตว์ทดลองถึง 41,000 สายพันธุ์ไปกับการค้นคว้าวิจัย 4,411 รายการ โดยคาดว่ามีการใช้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตระกูลไพรเมทซึ่งเป็นสัตว์ที่มีวิวัฒนาการกลุ่มเดียวกับมนุษย์ถึง 200,000 ตัว สำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในแต่ละปีมี ความต้องการสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพื่อการทดลองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากความจำเป็นต้องใช้สัตว์สายพันธุ์ใกล้เคียงกับมนุษย์เพื่อการค้นคว้าเกี่ยวกับเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์ ขณะที่นักวิจัยบางท่านกล่าวว่าการขาดแคลนนี้จะส่งผลให้งานวิจัยที่มีอยู่เกิดความล่าช้าและชะลอการพัฒนางานวิจัยใหม่ๆ การขาดแคลนสัตว์ทดลองยังหมายถึงงานวิจัยอีกหลายๆ งานที่ยื่นเสนอจะต้องมีอันล้มเลิกไป เพราะมีสัตว์ไม่เพียงพอสำรับการทดลอง ซึ่งศาสตราจารย์ คอลิน เบลกมอร์ (Professor Colin Blakemore) แห่งสถาบันค้นคว้าตัวยาแห่งอังกฤษ (UKs Medical Research Council-MRC) กล่าวว่า เป็นความจริงที่มีการให้สัตว์ซึ่งกำลังขาดแคลนแก่นักวิจัยไปทดลอง โดยเบลอกมอร์ได้กล่าวย้ำว่าการทดลองกับลิงเป็นทางเลือกเดียวในการค้นคว้าวิจัยแม้ว่าจะมีความกดดันอย่างมากให้หยุดทำการทดลองในสัตว์ (ผู้จัดการออนไลน์ จันทร์ที่ 13 ก.ย. 47 http://www.manager.co.th)
สิงคโปร์ไฟเขียวให้เลี้ยงตัวอ่อนมนุษย์จากโคลนนิงได้ไม่เกิน 14 วัน
รัฐสภาสิงคโปร์มีมติเป็นเอกฉันท์ผ่านร่างกฎหมายห้ามโคลนนิงตัวอ่อนในร่างกายมนุษย์ แต่ให้พัฒนาตัวอ่อนภายนอกร่างกายไม่เกิน 14 วัน สำหรับผู้ฝ่าฝืนเตรียมโทษจำคุก 10 ปีหรือปรับ 1 แสนเหรียญ หรือทั้งจำทั้งปรับ โดย กม.ฉบับนี้ได้แยกออกเป็น 2 ส่วน คือ กม.การพัฒนาสเต็มเซลล์จากตัวอ่อนมนุษย์เพื่อการวิจัย และ กม.การวิจัยเนื้อเยื่อของมนุษย์ หลังจากร่างรัฐบัญญัติชิ้นนี้ผ่านสภา เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีบางคนของสิงคโปร์ก็เริ่มเป็นกังวลเกี่ยวกับขอบข่ายของการจัดระเบียบการวิจัยและข้อโต้แย้งทางศีลธรรมในการโคลนนิงเพื่อรักษาโรค ซึ่ง ดร.บาลาจี ซาดัซสิวาน (Balaji Sadasivan) รัฐมนตรีอาวุโสกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในตอนนี้ไม่มีกลุ่มใด ๆ ในสิงคโปร์ที่เกี่ยวข้องกับการโคลนนิงเพื่อรักษาโรค มีเพียงบริษัทเดียวเท่านั้นที่ดำเนินการวิจัยเรื่องสเต็มเซลล์บนตัวอ่อน ซึ่งเป็นเซลล์ที่ไม่มีหน้าที่หรือคุณสมบัติเฉพาะเจาะจง แต่สามารถแบ่งตัวกลายเป็นเซลล์ของอวัยวะต่าง ๆ ได้ตามต้องการ นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่รู้สึกว่างานวิจัยเรื่องสเต็มเซลล์ทุกชนิดเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าความเป็นไปได้ที่จะนำสเต็มเซลล์ตัวอ่อนมาใช้เพื่อการรักษา ดร.บาลาจี กล่าวพร้อมทั้งระบุว่าการที่ห้ามพัฒนาตัวอ่อนเพื่อการทดลองมากกว่า 14 วันนั้น อาศัยฐานทางวิทยาศาสตร์มากำหนด งานวิจัยส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นบนตัวอ่อนจะกินเวลาไม่เกิน 5 วัน เพราะไม่มีใครทำให้ตัวอ่อนเจริญเติบโตได้เกินกว่า 1 อาทิตย์โดยไม่นำไปฝังไว้ภายในมดลูก ดังนั้นมีระยะปลอดภัย 7 วัน ระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในห้องทดลอง และต่อจากนั้นก็จะกลายเป็นสิ่งที่อาจผิด กม สิงคโปร์ก็เป็นอีก 1 ใน 30 ชาติที่ห้ามการสืบพันธุ์ด้วยการโคลนนิง แต่ในกลุ่มประเทศนี้ราวครึ่งหนึ่งก็อนุญาตให้โคลนนิงเพื่อรักษาโรค ซึ่งความพยายามโคลนมนุษย์ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น สหรัฐฯ และบางส่วนของยุโรปยังคงไม่ได้รับการยอมรับ ต่างจากในสิงคโปร์ที่มีความเข้มงวดน้อยกว่า นักวิทยาศาสตร์สามารถโคลนตัวอ่อนมนุษย์และสามารถเก็บไว้จนมีอายุถึง 14 วัน แต่หลังจากนั้นต้องทำลายตัวอ่อนทิ้ง นอกจากนี้จะต้องมีระบบตรวจสอบและเพิ่มความปลอดภัยทางชีวภาพในห้องปฏิบัติการ เนื่องจากงานวิจัยอาจจะนำมาใช้เพื่อสร้างเป็นอาวุธทางชีวภาพ (ผู้จัดการออนไลน์ จันทร์ที่ 13 ก.ย. 47 http://www.manager.co.th)
ยุงพิศวาสผู้ชายที่มีเลือดหมู่ "โอ" รังเกียจคนร่างผอมสะโอดสะอง
นักวิทยาศาสตร์เมืองบูชิโด ดร.โยชิคา ไชราอิ ได้ศึกษาทดลองหลังสุด ใช้คน 64 คน ผลัดกันสอดแขนเข้าไปในหีบเลี้ยงยุงที่รักษาให้มีความชื้นอยู่นานพักละ 10 นาที ในหีบมียุงที่เลี้ยงเอาไว้ 105 ตัว เขาสั่งให้อาสาสมัครใจสู้เหล่านั้นแต่ละคน สอดแขนเพื่ออุทิศเลือดไปเลี้ยงยุงวันละ 2 มื้อ ดร.ไชราอิ ผู้เป็นนักกีฏวิทยา ศึกษาพบว่า ยุงจะโปรดปรานผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเล็กน้อย แต่จะชอบหมู่เลือดและความร้อนของร่างกายเฉพาะมากกว่า โดยเฉพาะผู้ที่มีหมู่เลือด "โอ" แต่ยุงออกจะรังเกียจคนผอมๆ ยิ่งกว่านั้นยุงแต่ละตัวยังมีรสนิยมต่างกันอีกด้วย มันจะเลิกกินเลือดหากว่ามันได้กินน้ำใส่น้ำตาลจนอิ่มเสีย (ไทยรัฐ อังคารที่ 4 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
มารู้จัก'เครื่องลงคะแนนไฮเทค'ดีเดย์ใช้'เลือกตั้ง'กลางปีหน้า
เครื่องลงคะแนนอัตโนมัติ หรือ Thai Voting Machine เป็นผลงานความร่วมมือในการวิจัยพัฒนาของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย โดยขณะนี้ได้ดำเนินการผลิตเครื่องต้นแบบเสร็จเรียบร้อยแล้วเป็นจำนวนทั้งสิ้น 100 ชุด และกำลังอยู่ในระหว่างการนำไปทดลองใช้กับประชาชนตามจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ สำหรับคุณลักษณะของเครื่องลงคะแนนเลือกตั้ง ประกอบด้วย เครื่องรวมคะแนน (Counting Unit-CU) และ เครื่องลงคะแนน (Ballot Unit-BU) ซึ่งจะเป็นระบบปิด ป้องกันการลักลอบเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขข้อมูล มีระบบป้องกันการเพิ่มเติมคะแนนหลังปิดคูหา มีเครื่องพิมพ์อยู่ภายในตัวเครื่องรวมคะแนน เพื่อบันทึกผลการลงคะแนน ตลอดจนมีคูหาในตัวติดกับกล่องบรรจุเครื่องลงคะแนน สามารถเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบาย การวิจัยพัฒนาเครื่องลงคะแนนเลือกตั้งขึ้นมาใช้แทนบัตรเลือกตั้ง นอกจากจะ ช่วยให้กระบวนการเลือกตั้งมีความโปร่งใส รู้ผลการนับคะแนนอย่างฉับไว และไม่มีบัตรเสีย แล้วการนำเครื่องลงคะแนนเลือกตั้งมาใช้งานในระยะยาว ยังก่อให้เกิดความประหยัดและความคุ้มค่าอีกด้วย ทั้งนี้เนื่องจากเครื่องลงคะแนนเลือกตั้งสามารถนำมาใช้ได้หลายครั้ง ขณะเดียวกันยังสามารถ รองรับการเลือกตั้งในประเทศไทยได้ทุกประเภท สำหรับในเรื่องของจำนวนการผลิต และความพร้อมในการนำไปใช้จริง ยุทธนา ทาตายุ ผู้จัดการงานวิศวกรรม กองการผลิต บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย หัวหน้าคณะทำงานโครงการเครื่องลงคะแนนเลือกตั้ง ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันทั่วประเทศมีหน่วยเลือกตั้งทั้งสิ้น 85,000 หน่วยเลือกตั้ง และ 1 หน่วยเลือกตั้งต้องใช้เครื่องลงคะแนนอย่างน้อย 2 ชุด เพราะฉะนั้นจำนวนการผลิตทั้งหมดจะอยู่ที่ 170,000 ชุด และต้องทำการผลิตสำรองไว้อีกประมาณ 10% รวมทั้งหมดก็จะเป็น 187,000 ชุด ส่วนทางด้านความพร้อมในการนำไปใช้งานจริง ขณะนี้ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งได้เสนอแก้กฎหมายที่เรียกว่า ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ให้การเลือกตั้งสามารถใช้การเลือกตั้งแบบเดิม หรือใช้เครื่องลงคะแนนเลือกตั้งได้ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการแล้ว และกำลังอยู่ในระหว่างการนำเสนอผ่านสภาผู้แทนและวุฒิสภา ซึ่งหากเป็นไปตามที่วางไว้คาดว่า เครื่องลงคะแนนเลือกตั้งนี้จะสามารถนำมาใช้งานได้จริงประมาณกลางปี 2548 ในการเลือกตั้งท้องถิ่น โดยจะดำเนินการผลิตประมาณ 60% หรือ 120,000 เครื่อง เพื่อใช้ในพื้นที่ 65% ทั่วประเทศ ควบคู่กับการเลือกตั้งแบบเดิมคือ การกากบาท (เดลินิวส์ อังคารที่ 14 ก.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)
ม.เกษตรฯเตรียมเผยโฉม ระบบไบโอเมตริกสายพันธุ์
ดร.วุฒิพงศ์ อารีกุล ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า แนวคิดของการพัฒนาอุปกรณ์ไบโอเมตริกตรวจสอบลายนิ้วมือเริ่มขึ้นเมื่อ 5-6 ปีที่ และต่อยอดงานวิจัยมาเรื่อยๆ โดยได้รับทุนสนับสนุนโครงการระยะแรกจากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) เป็นจำนวน 1.5 ล้านบาท "ในเฟสแรกสามารถใส่อัลกอรึธึมลงไปรันบนฮาร์ดแวร์ (development board) และบนพีซีได้แล้ว แต่ฮาร์ดแวร์ดังกล่าวยังเป็นต้นแบบที่ใหญ่เทอะทะอยู่ เพราะซื้อตัวบอร์ดประมวลผลสัญญาณดิจิทัล (DSP starter kit) มาทดสอบ และทำตัวเซ็นเซอร์เพื่อเรียกข้อมูลเข้าไปในกระบวนการ แต่ในเฟสสองและสามต้องพัฒนาเองทั้งหมด มีบอร์ดของตัวเองแต่ยังไม่ได้นำมาทดสอบการใช้งานร่วมกัน สำหรับเป้าหมายหลักของโครงการระบบไบโอเมตริกและฮาร์ดแวร์ประมวลผลภาพดิจิทัล ระยะที่สอง (ปีที่ 2 และ 3) ภายใต้งบประมาณราว 3.7 ล้านบาท จะพัฒนาชุดฮาร์ดแวร์ประมวลสัญญาณดิจิทัลขึ้นเองทั้งหมด เพื่อให้ได้อุปกรณ์ไบโอเมตริกตรวจสอบลายนิ้วมือที่ทำงานเป็นอิสระ สามารถติดต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลกลาง ผ่านทางช่องสัญญาณสื่อสารแบบใช้สายได้ ซึ่งจะรองรับสำหรับหน่วยงานที่มีพนักงานประมาณ 1,000 คน "สิ่งที่ทีมงานกำลังพัฒนาอยู่ในขณะนี้ ได้แก่ อัลกอรึธึ่มและฮาร์ดแวร์ที่มีตัวประมวลผลอยู่ในตัวเอง เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่สามารถติดอยู่บนประตู และสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ส่วนกลางหนึ่งตัว ที่ใช้สำหรับจัดเก็บฐานข้อมูลผ่านทางระบบแลน ซึ่งจะทำงานในลักษณะกระจาย นั่นคือแต่ละห้องที่ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจสอบลายนิ้วมือนี้ จะเชื่อมเข้าหาคอมพิวเตอร์ส่วนกลาง เพื่อควบคุมการเข้าออกของคน ขณะเดียวกันอุปกรณ์ดังกล่าวยังสามารถทำงานได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบ หรือลงทะเบียนการเข้าออกของคน หลังจากทดสอบจนมั่นใจแล้ว ทีมงานจะย่อส่วนแผงวงจรให้มีขนาดเล็กลง และคาดว่าภายในสองปีนี้ จะได้ต้นแบบที่พร้อมต่อยอดออกเป็นอุตสาหกรรมได้ สิ่งที่ผศ.ดร.วุฒิพงศ์ คาดหวังจากงานวิจัยชิ้นนี้ คือระบบประมวลภาพดิจิทัลพื้นฐานที่ใช้งานได้ทั่วไป โดยเฉพาะในส่วนของฮาร์ดแวร์ที่สามารถทำงานได้เอง ซึ่งสามารถนำไปพัฒนาประยุกต์ใช้งานการในการอ่านป้ายทะเบียนรถยนต์เพื่อช่วยตรวจจับผู้กระทำผิดได้ "เราจะต่อฮาร์ดแวร์เข้ากับกล้อง และระบบจีพีอาร์เอส เมื่อนำไปติดตั้งในสถานที่ต่างๆ ก็จะสามารถส่งข้อมูลมาบอกได้ป้ายทะเบียนของรถคันนี้เป็นเลขอะไร และคนขับหน้าตาอย่างไร หรืออาจนำไปประยุกต์กับงานได้หลากหลาย อาทิ โรงงานอุตสาหกรรมเพื่อตรวจสอบอุปกรณ์ที่บกพร่องในสายการผลิต หรือด้านการเกษตรในอุตสาหกรรมการเลี้ยงหนอนไหมเพื่อให้ได้ไหมคุณภาพดี (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 14 ส.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
มหิดลพัฒนาชุดตรวจรู้ผลเร็ว วัดสารสมุนไพรแทนตาเปล่า
ดร.นพมาศ สุนทรเจริญนนท์ นักวิจัยคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งพัฒนาชุดตรวจหาสารสมุนไพรแบบกระเป๋าหิ้ว เปิดเผยว่า การนำสมุนไพรขมิ้นชันมาใช้นั้น ผู้ผลิตจะใช้วิธีการคัดเลือกส่วนประกอบจากขมิ้นมาใช้ด้วยวิธีการสังเกตด้วยสายตา ยิ่งขมิ้นมีสีเข้มเท่าไรแสดงว่ามีส่วนประกอบของสมุนไพรมาก จนผู้ค้าบางรายใช้กลโกงโดยการเติมปูนผสมเข้าไปในเนื้อขมิ้น ทำให้ผลิตภัณฑ์ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร จึงได้ศึกษาวิธีการตรวจหาสารในสมุนไพร โดยเริ่มต้นจากการตรวจหาสารเคอร์คิวมินอยด์ในขมิ้นชัน เพื่อบ่งบอกคุณภาพของขมิ้นชันที่ได้ ก่อนนำไปทำเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ผลจากการศึกษาได้สำเร็จออกมาเป็นชุดตรวจแบบกระเป๋าหิ้ว ซึ่งมีวิธีการตรวจหาที่ค่อนข้างง่าย เพียงหยดสารเคมีเพื่อทำการทดสอบ และสังเกตสีของขมิ้นที่เปลี่ยนแปลง หลังจากการหยดสารดังกล่าว ก็จะทราบผลทันทีว่าขมิ้นที่ทำการทดสอบนั้น มีปริมาณสมุนไพรเคอร์คิวมินอยด์ และสารหอมระเหยในปริมาณเท่าใด ชุดตรวจสอบดังกล่าวสามารถบอกระดับคุณภาพของขมิ้นแต่ละชนิด ซึ่งจะช่วยเพิ่มคุณค่าด้านราคาขายของขมิ้นชันที่มีคุณภาพดีให้มีราคาสูงขึ้นอีกด้วย ขณะนี้ ชุดตรวจดังกล่าวได้ผลิตออกมาทดสอบใช้จริงแล้ว โดยกำหนดราคาไว้ชุดละประมาณ 30 บาท ซึ่งมีโรงพยาบาลและผู้ประกอบการด้านสมุนไพรให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก จึงต้องพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 14 ส.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
สหรัฐผลิตฉี่เทียมช่วยงานวิจัย กลิ่นไม่ฉุนแถมเก็บได้ยาวนาน
เควิน และแซนดรา ไดเชส สองสามีภรรยาเจ้าของบริษัท ไดนา-เทค อินดัสทรีส์ ผู้พัฒนาปัสสาวะเทียมภายใต้ชื่อ "ซูรีน" (Surine) เมื่อห้าปีที่แล้ว เปิดเผยว่าปัสสาวะเทียมจำเป็นต่ออุตสาหกรรมการวิจัยและทดลองอย่างมาก โดยเฉพาะในห้องปฏิบัติการทดสอบตัวอย่างยา และภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ใช้สำหรับวัดค่าเครื่องมือที่ใช้ทดสอบตัวอย่างปัสสาวะทั่วไป หรือสารเคมีตัวอื่นๆ และเพื่อตรวจสอบความเที่ยงตรงของเครื่องมือดังกล่าว จึงต้องหมั่นทดสอบกับปัสสาวะในห้องทดลอง ปัสสาวะของมนุษย์มีข้อจำกัดอยู่มาก อาทิ นักวิจัยไม่สามารถเก็บไว้ได้นานหากไม่แช่แข็งไว้ อีกทั้งยังมีลักษณะเป็นฟองและมีกลิ่นฉุนฟุ้งกระจายไปทั่วห้องทดลอง นอกจากนี้กว่าจะได้ตัวอย่างปัสสาวะมาใช้งานจะต้องผ่านการคัดกรองเป็นอย่างดี โดยต้องระมัดระวังในการปนเปื้อนยาที่ผู้บริจาคปัสสาวะอาจกินเข้าไป รวมถึงโรคติดต่อด้วย ดังนั้น ปัสสาวะเทียมจึงเป็นทางออกที่น่าสนใจ (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 14 ส.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
ผักตบเป็นถ่าน ที่โรงเรียน "ม่วงลาดวิทยาคาร"
นักเรียนโรงเรียนม่วงลาดวิทยาคาร อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด ต้องการกำจัดผักตบที่มีอยู่เต็ม ทั้งในสระน้ำโรงเรียนและแม่น้ำชี โดยมีแนวคิดหลักว่า วิธีที่จะนำมาใช้ต้องสามารถกำจัดผักตบชวา และนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ด้วยก็จะเป็นเรื่องดี นักเรียนในระดับชั้น ม.ปลาย จึงเสนอโครงงานวิทย์ทำถ่านจากผักตบชวาขึ้น โดยมี นางประภัสสร รภา อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน เล่าว่า เริ่มแรกการกำเนิดถ่านผักตบชวา ด้วยการที่นักเรียนซึ่งเป็นกลุ่มที่เรียนเรื่องมวลชีวะ ช่วยกันเก็บผักตบชวา นำไปตากจนแห้งแล้วเก็บมาเผาให้เป็นขี้เถ้า จากนั้นนำไปอัดเป็นแท่งเพื่อความสะดวกในการใช้สอย โดยผลการทดลองใช้ถ่านผักตบในการหุงต้มอาหาร เบื้องต้นปรากฏว่า ให้ความร้อนใกล้เคียงกับถ่านไม้ทั่วไป ผลการทดลองเบื้องต้นเป็นที่น่าพอใจ โรงเรียนจึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาโครงงานวิทยาศาสตร์ดังกล่าวให้กลายเป็นโครงงานปฏิบัติงานอาชีพ ซึ่งจะมีการเปิดอบรมให้กับนักเรียนที่สนใจ อีกทั้งขยายความรู้สู่ชุมชนใกล้เคียง ให้ชาวบ้านหันมาใช้ถ่านจากผักตบชวาทดแทนถ่านไม้ เพื่อไม่เป็นการทำลายต้นไม้ แต่ตรงข้ามกลับช่วยกันกำจัดวัชพืชอันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำลายสิ่งแวดล้อมทางน้ำได้ สนใจเยี่ยมชมโรงเรียนหรือขอข้อมูลเพิ่มเติม สอบถามรายละเอียดได้ที่โทร.0-9620-8211 (คมชัดลึก อังคารที่ 14 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)
เด็กไทยเจ๋งรู้ความลับหญ้าปักกิ่ง มีฤิทธิ์ระงับปวดและต้านการอักเสบ
นายสมสกุล วงศ์ปาลีย์ นักเรียนโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ นักเรียนทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยา ศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เจ้าของโครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง "การศึกษาฤทธิ์ต้านการอักเสบและฤทธิ์ระงับปวดของสารสกัดจากหญ้าปักกิ่ง" เปิดเผยผลการทดลองว่า ..หญ้าปักกิ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและฤทธิ์ระงับปวดได้ค่อนข้างดี เมื่อเปรียบเทียบกับยามาตรฐานที่ใช้ สำหรับการทดลอง ได้ทำการทดลองโดยใช้สารสกัดเอทานอลของหญ้าปักกิ่งมาทำการทดสอบ ซึ่งขั้นตอนแรกเป็นการทดสอบฤทธิ์กระตุ้นให้เกิดอาการบวมที่หูหนู เพื่อให้เกิดการต้านทานการอักเสบโดยใช้ Ethylphenyl propiorate (EPP) -induced ear edema in rat ซึ่งทาสารทดสอบลงบนใบหูหนูทั้งด้านในและด้านนอก ตามด้วย EPP ทันที ผลปรากฏว่า สารสกัดของหญ้าปักกิ่งสามารถยับยั้งการบวมของหูหนูตามเวลาที่กำหนด ส่วนขั้นตอนการศึกษาฤทธิ์ระงับปวดและความสัมพันธ์ของปริมาณของสารสกัดพบว่า สารสกัดของหญ้าปักกิ่งมีฤทธิ์ระงับปวดโดยผ่านทางระบบประสาทส่วนกลาง และระบบประสาทส่วนปลาย จากการทดสอบจับเวลาการเลียหลังเท้าของหนูทันทีหลังฉีดฟอร์มาลินเป็นเวลา 5 นาที และจับเวลาการเลียหลังเท้าของหนูหลังฉีดฟอร์มาลินไปแล้ว 20 นาที จากนั้นนำผลการทดลองที่ได้ไปคำนวณหาเปอร์เซ็นต์ยับยั้งการเลียเท้า โครงงานวิจัยชิ้นเล็ก ๆ ของเด็กไทยที่สามารถใช้เป็นข้อมูลด้านเภสัชวิทยาของหญ้าปักกิ่งได้ (เดลินิวส์ พุธที่ 15 ก.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)
หุ่นยนต์นักสำรวจแหล่งน้ำ เลียนแบบท่าเดินแมลงจิงโจ้น้ำ
รศ.เมติน ซิตติ ผู้ก่อตั้งห้องปฏิบัติการหุ่นยนต์นาโน มหาวิทยาลัย คาร์เนกี้ เมลลอน กล่าวว่า แม้หุ่นยนต์จิงโจ้น้ำตัวนี้จะเป็นเพียงต้นแบบ แต่ในอนาคตอันใกล้จะเป็นผู้ช่วยสำคัญในการตรวจสอบแหล่งน้ำเน่าเสีย หรือตรวจหาสารพิษด้วยการติดตั้งเซ็นเซอร์ทางเคมี รวมทั้งกล้องสอดแนมในฐานะนักสำรวจบนผิวน้ำ หุ่นยนต์จิงโจ้น้ำมีขนาดโดยเฉลี่ยครึ่งนิ้ว ผลิตจากไฟเบอร์คาร์บอน ประกอบด้วย ขาที่ทำจากลวดยาว 2 นิ้ว เคลือบด้วยพลาสติกกันน้ำ จำนวน 8 ขา ไม่มีสมอง เซ็นเซอร์ หรือแบตเตอรี่ มีเพียงแผ่นตรวจจับแรงดันเพียโซอิเล็กทริกชนิดแบน 3 แผ่น ซึ่งเป็นโลหะพิเศษที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้เมื่อกระแสไฟวิ่งผ่าน ทำหน้าที่เป็นกล้ามเนื้อที่ใช้ในการเคลื่อนไหว ควบคุมด้วยแผงวงจรไฟฟ้า 3 ชุด ที่เชื่อมต่อกับตัวจ่ายไฟ ต้นแบบตัวนี้สร้างความประทับใจให้กับชุมชนนักวิจัยจำนวนมาก เพราะเป็นแมลงที่มีน้ำหนักเบาระดับที่ไม่สามารถทะลุแรงตึงผิวของน้ำลงไปได้ โดยสามารถยืนบนผิวน้ำ และเคลื่อนที่ไปข้างหน้าและข้างหลังได้ด้วยสองขาที่ทำหน้าที่เป็นเสมือนพาย ทั้งนี้ เมื่อปีที่แล้ว จอห์น เอ็ม ดับบลิว บุช นักคณิตศาสตร์จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ และนักศึกษาปริญญาโทสองคน ได้ตีโจทย์การเคลื่อนที่ของแมลงจิงโจ้น้ำ ด้วยการใช้สีย้อมผ้าใส่ลงไปในอนุภาคของน้ำ และใช้กล้องวิดีโอความเร็วสูงตรวจจับรายละเอียดการเคลื่อนที่ สิ่งที่พบก็คือจิงโจ้น้ำเคลื่อนที่ด้วยการถีบตัวเองบนผิวน้ำให้เด้งไปข้างหน้าด้วยการใช้แรงผลักของน้ำเป็นตัวช่วย เหมือนการกระโดดบนแผ่นแทรมโบลีนของนักกายกรรม นอกจากลักษณะทางกายภาพและกลไกที่ช่วยให้หุ่นยนต์จิงโจ้น้ำเดินบนผิวน้ำได้แล้ว ซิตติ กล่าวว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นได้เป็นเพราะวัสดุสมัยใหม่ที่มีความแข็งแรงและน้ำหนักเบาอย่างที่สุด โดยหุ่นยนต์หนักราว 1 กรัม มีราคาถูกอย่างมาก คาดว่าต้นแบบตัวนี้ใช้วัสดุในราคารวมราว 10 ดอลลาร์เท่านั้น สนใจข้อมูลหุ่นยนต์ตัวนี้ และงานวิจัยของห้องปฏิบัติการหุ่นยนต์นาโน มหาวิทยาลัยคาร์เนกี้ เมลลอน แนะนำให้ไปที่เว็บไซต์ http://www.me.cmu.edu/faculty1/sitti/nano/index.html (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่15 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
รพ.พระมงกุฎนำเข้าหนูจีเอ็ม วิจัยกวาวเครือขาวรักษาโรค
พ.อ.นพ.สายัณห์ สวัสดิ์ศรี ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า ได้เปิดเผยผลการทดลอง กวาวเครือขาวช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ภายในงานสัมมนาผลงานวิจัยการพัฒนาสมุนไพร ว่า จากการทดลองสารสกัดกวาวเครือขาวมานานกว่า 3 ปี ขณะนี้ผลการทดลองสารสกัด PM (Pueraria mirifica ) จากกวาวเครือขาวในระดับหลอดทดลอง พบว่า ได้ผลเป็นที่น่าพอใจมาก เนื่องจากสารดังกล่าวแสดงฤทธิ์เอสโตรเจน ได้คล้ายกับ 17 beta-estradio ซึ่งเป็นเอสโตรเจนมาตรฐานมีผลในการป้องกันการตายของเซลล์สมอง ทำให้สามารถป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้ กวาวเครือขาวเป็นพืชสมุนไพรของไทยที่ใช้กันมานาน และมีความปลอดภัยสูงและเมื่อมีการทดสอบแล้วพบว่า สารกวาวเครือแสดงฤทธิ์เอสโตรเจน จึงได้เริ่มทดลองโดยการนำเซลล์สมองมาเลี้ยงในอาหารเลี้ยงเซลล์ และเติมสารพิษ 3 ชนิดคือ Beta-amyloid, glutamate และอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสารพิษที่ก่อให้เกิดโรคสมองเสื่อม พร้อมทั้งเติมสารกวาวเครือลงไปเพื่อทดสอบผลการยับยั้ง และผลการทดลองพบว่า เซลล์สมองดังกล่าวสามารถอยู่รอด จึงถือว่า เป็นสมุนไพรที่มีศักยภาพสูงในการทดลองทางคลินิกเพื่อป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ผลการทดสอบโดยการใช้สารกวาวเครือพบว่า เซลล์สมองในระดับหลอดทดลองมีความสดใส แข็งแรงมาก และมีอัตราการตายน้อยลง ยิ่งเพิ่มปริมาณสารกวาวเครือลงไป ปริมาณการตายของเซลล์สมองก็ยิ่งลดน้อยลง แต่อย่างไรก็ตามไม่แนะนำให้ประชาชนนำกวาวเครือขาวมาทดลองใช้เอง เนื่องจากจะต้องมีการทดลองอีกหลายขั้นตอน สำหรับแผนงานต่อไปที่จะต้องดำเนินการคือ การทดลองในสัตว์ โดยได้สั่งซื้อหนูทดลอง ที่ดัดแปลงพันธุกรรมให้เป็นโรคสมองเสื่อมตัวละ 250 เหรียญมาเพื่อทดสอบ หลังจากนั้นจะทดสอบในลิงก่อนที่จะมีการทดสอบในคน ซึ่งหากมีงบประมาณในการวิจัยอย่างต่อเนื่อง คาดว่า 2 ปีน่าจะมียารักษาโรคอัลไซเมอร์จากสมุนไพรของไทยได้ ทั้งนี้ ประชากรไทยอายุเกินกว่า 60 ปีมีความเสี่ยงต่ออาการสมองเสื่อมเนื่องจากอัลไซเมอร์ถึง 6 ล้านคนในปัจจุบัน ขณะที่โรคดังกล่าวเป็นปัญหาอย่างมากในสหรัฐและกลุ่มประเทศตะวันตก ที่ประชากรมีอายุยืนยาว (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่15 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
ออกแบบลำเรือโดยสารใหม่ ลดแรงโต้คลื่นช่วยประหยัดน้ำมัน
เฉิง ฮุง ฮวง และทีมงานจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ทางเรือ มหาวิทยาลัยแห่งชาติเฉิงคุง ในไต้หวัน เปิดเผยว่า หลังจากใช้คอมพิวเตอร์จำลองหลักพลศาสตร์ของไหลเพื่อออกแบบลำเรือที่เหมาะสมแล้ว พบว่าเรือโดยสารที่มีลำตัวเป็นลอนสามารถลดแรงซัดของคลื่น ขณะที่เรือกำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงได้ ทีมสถาปนิกให้ความสำคัญกับการศึกษาพลศาสตร์ของไหล ด้วยการจำลองสถานการณ์จริงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพื่อทำนายการกัดเซาะ และศึกษาปัจจัยต่างๆ ที่มีผลกระทบ เช่น รูปร่าง ความเร็วสูงสุด และปริมาณน้ำที่เข้าแทนที่ ซึ่งส่งผลให้เกิดแรงซัดของคลื่น โดยทีมงานตั้งเป้าหมายจะลดแรงซัดที่เกิดจากเรือโดยสารความยาว 80 เมตร ให้ได้ราว 25% ในที่สุดนักวิจัยก็สามารถออกแบบลำเรือที่เหมาะสมสำหรับแล่นในน้ำลึกและน้ำตื้น เปลี่ยนโฉมจากลำเรือที่เพรียวลมและราบเรียบ กลายเป็นลำเรือที่มีลักษณะเป็นลอน มีระดับโค้งสูงสุด 2 จุด และเว้าลึกสุด 1 จุด (จากกราฟฟิก) โดยส่วนโค้งสูงสุดกำหนดที่ระดับ 24 และ 68 เมตร ไล่ลงมาจากหัวเรือ และส่วนเว้าที่ต่ำสุดจะอยู่ที่ระดับ 44 เมตร สำหรับผลลัพธ์ที่ได้สามารถนำไปประยุกต์ปรับตำแหน่งของส่วนโค้งและเว้าของลำเรือ ให้มีระดับสูงสุดหรือต่ำสุดได้ตามสัดส่วนความยาวเรือแต่ละลำ ส่วนสาเหตุที่การออกแบบลำเรือลักษณะนี้ใช้การได้ดี เพราะคลื่นจะถูกสร้างจากส่วนต่างๆ ของลำเรือที่มีระดับโค้งเว้าต่างกัน ทำให้เกิดแรงซัดรุนแรงลดลง และจากการทดสอบพบว่า การคำนวณและออกแบบลำเรือใหม่นี้ช่วยลดแรงซัดได้ 15% ในน้ำลึก และ 28% ในน้ำตื้น สามารถลดแรงต้านของการปะทะกับคลื่นได้ดีกว่าลำเรือแบบเดิม ส่งผลให้ประหยัดเชื้อเพลิงในการเดินทางมากขึ้น ต้องมีการทดสอบจริงก่อนถึงจะยืนยันว่าได้ผลแน่นอน(กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 16 ก.ย 47 http://www.bangkokbiznews.com)
ทดสอบเจียวกู่หลานรักษาเอดส์
ดร.ปราณี ชวลิตธำรง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า สมุนไพรที่สถาบันจัดลำดับความสำคัญอยู่ในกระบวนการศึกษามีหลายชนิด เช่น กลุ่มกระตุ้นภูมิต้านทานโรค กำลังวิจัยสมุนไพรเบญจขันต์ หรือเจียวกู่หลาน ซึ่งปลูกด้วยระบบพืชไร้ดินที่อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ผลการตรวจวิเคราะห์มีสารสำคัญมากกว่าต้นเจียวกู่หลานที่นำเข้าจากจีน ภายหลังทดสอบในหนูไม่พบความเป็นพิษ สถาบันจึงเตรียมทดสอบประสิทธิภาพในคน โดยศึกษาสรรพคุณกระตุ้นภูมิต้านทานโรคในผู้ป่วยโรคเอดส์ เพื่อให้ได้ความเข้มข้นในระดับที่ต้องการ จึงสกัดเป็นผงหยาบบรรจุในแคปซูลให้ผู้ติดเชื้อรับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 มื้อ เพื่อดูว่าหลังรับประทานเจียวกู่หลาน ระดับภูมิต้านทานในร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างไร ส่วนประชาชนทั่วไปรับประทานชาชงเจียวกู่หลานเพื่อบำรุงร่างกาย กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ลดน้ำตาล และไขมันในเลือดได้ ทีมงานจะทดสอบประสิทธิภาพของเจียวกู่หลาน ในการกระตุ้นภูมิต้านโรคในผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่จังหวัดเชียงราย โดยนำผู้ติดเชื้อเอชไอวี 30 คนรับประทานเจียวกู่หลานสกัดหยาบบรรจุในแคปซูลขนาด 200 มิลลิกรัม เป็นเวลา 6 เดือน จากนั้นจะเจาะเลือดวัดปริมาณไวรัสโหลด หรือปริมาณไวรัสเอชไอวีในเลือด ดูปริมาณเซลล์เม็ดเลือดขาวหรือซีดี-4 ทุก 2 สัปดาห์ ตลอด 6 เดือน ดูว่ากินแล้วเป็นอย่างไร การทำงานของเซลล์ต่อต้านไวรัสเอชไอวีเพิ่มขึ้นอย่างไร โครงการทดสอบประสิทธิภาพเจียวกู่หลานจะเริ่มเร็วๆ นี้ โดยกระบวนการทุกอย่างมีความพร้อมแล้ว รอเพียงการอนุมัติทุนวิจัย ซึ่งใช้ประมาณ 3.5-4 ล้านบาท เหตุที่ใช้ทุนวิจัยสูงเพราะต้องเจาะเลือดวัดไวรัสโหลดทุก 2 สัปดาห์ แต่ละคนตรวจ 8-9 ครั้ง ค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งเกือบ 10,000 บาท/คน แต่หากได้ผลตามที่คาดหวังไว้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง สำหรับผู้ติดเชื้อและประชาชนทั่วไป ทั้งนี้ นอกจากสมุนไพรเจียวกู่หลานแล้ว สถาบันวิจัยสมุนไพรยังร่วมกับสภาวิจัยแห่งชาติ ศึกษาเถาวัลย์เปรียงเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน โดยทำรูปแบบชาชงให้รับประทานได้ ซึ่งทั้งชาเจียวกู่หลานและเถาวัลย์เปรียงทดสอบกับหนูแล้วไม่พบความเป็นพิษ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 16 ก.ย 47 http://www.bangkokbiznews.com)
บางมดแปรสภาพน้ำเสียเป็นเชื้อเพลิง ประสานรัฐจูงใจโรงงานลงทุนติดตั้งระบบ มั่นใจ 5 ปีคืนทุน
ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยร่วมกับศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ได้วิจัยและพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสียสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมการเกษตร อย่างต่อเนื่องมากว่า 20 ปี จนกระทั่งค้นพบระบบบำบัดแบบตรึงฟิล์มจุลินทรีย์ชนิดไม่ใช้อากาศ ที่สามารถผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทนได้ จึงทำการนำร่องติดตั้งระบบดังกล่าวให้กับ โรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังที่เข้าร่วมโครงการนำร่อง ได้แก่ บริษัท ชลเจริญ จำกัด บริษัท ชัยภูมิพืชผล จำกัดและบริษัท แป้งตะวันออกเฉียงเหนือ จำกัด นอกจากนี้ยังสามารถใชได้กับโรงงานแปรรูปผักและผลไม้บรรจุกระป๋อง อุตสาหกรรมการผลิตน้ำมันปาล์ม โรงงานผลิตเครื่องดื่มและแอลกอฮอล์ อุตสาหกรรมผลิตปลากระป๋อง รวมไปถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่มีของเสียจากวัตถุดิบน้ำตาล ดร.อรรณพ นพรัตน์ นักวิจัยสถาบันพัฒนาและฝึกอบรมโรงงานต้นแบบ มจธ. กล่าวว่า ระบบที่คิดค้นขึ้นนั้นใช้วิธีการแปลงจุลินทรีย์ที่ไม่ใช้อากาศ มาอยู่ในรูปของสารอนินทรีย์และก๊าซมีเทน ที่สามารถนำไปใช้เป็นพลังงานทดแทนน้ำมันเตา ซึ่งในระบบบำบัดเดิมจะต้องใช้โซดาไฟเป็นสารเคมีในการควบคุมเสถียรภาพ 3 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตรน้ำเสีย สำหรับระบบที่คิดค้นจะช่วยลดการใช้สารเคมีเหลือเพียง 0.5 กิโลกรัมเท่านั้น โรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังดังกล่าวจะได้รับเงินสนับสนุนจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน รวม 45.8 ล้านบาท หรือ 20% ของงบลงทุนทั้งหมด 50 ล้านบาท อีกทั้งสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สวทช.) ร่วมให้การสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี นายชวลิต พิชาลัย ผู้อำนวยการ สนพ. กล่าวว่า การก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพดังกล่าว จะสามารถผลิตพลังงานทดแทนน้ำมันเตาได้ถึง 5.4 ล้านลิตรต่อปี เทียบกับอายุการใช้งานของระบบที่ 15 ปี และหากนำไปผลิตไฟฟ้าจะได้พลังงานตลอดอายุโครงการทั้งหมดถึง 220 ล้านกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง อีกทั้งสามารถคืนทุนในระยะเวลาเพียง 5 ปี (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 16 ก.ย 47 http://www.bangkokbiznews.com)
ผลิตยางแผ่นคุณภาพดีประหยัดด้วยพลังงานแสงอาทิตย์
ที่ ศูนย์บริการวิชาการด้านพืช และปัจจัยการผลิตภูเก็ต มี"การสาธิตการทำยางแผ่นชั้นดี" ซึ่งไม่ใช้ระบบการรมควัน แต่จะใช้วิธีการอบยางด้วย "พลังงานแสงอาทิตย์" ซึ่งเป็นโรงงานต้นแบบที่คิดค้นโดยนายชิต ทัศนกุล ข้าราชการเกษียณ ของสถาบันวิจัยยาง สำหรับโรงงานต้นแบบอเนกประสงค์ บริเวณชั้นล่าง จะใช้พื้นสำหรับทำยางแผ่น ชั้นบนใต้หลังคาสังกะสีซึ่งเป็นห้อง สำหรับอบยางให้สุก ซึ่งมีทั้งหมด 6 ห้อง อบยางได้ห้องละ 218 แผ่น โดยหลังคาด้านนอกทาสีดำ เพื่อดูดความร้อนจากแสงอาทิตย์ บริเวณชายคามีหลังคา 2 ชั้น เพื่อเป็นช่องระบายไอน้ำออก ในส่วนขั้นตอนการผลิต นายปิเชน บุญสอน พนักงานเกษตรของศูนย์ฯ อธิบายว่า เริ่มแรกกรองเศษขยะออก จากนั้นจะผสมน้ำยางเพื่อทำยางแผ่น อัตราส่วน น้ำยาง 3/น้ำ 2 ส่วน ใส่น้ำกรดฟลอมิค อัตราส่วน 300 ซีซี/น้ำยาง 5 ลิตร กวนให้เข้ากัน ตักฟองออก ทิ้งไว้ 15-20 นาที ยางจะเริ่มจับตัวเป็นวุ้น เทลงบนพื้น นวดด้วยเหล็กให้สม่ำเสมอ โดยสัดส่วนดังกล่าวจะได้ยาง 1 แผ่น นำเข้าเครื่องรีดเรียบ 2 ครั้ง และเข้ารีดดอก 1 ครั้ง เพื่อให้น้ำระเหยออกให้มากที่สุด และความหนาของแผ่นยาง จะต้องอยู่ที่ขนาด 2.5-3 มิล ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐาน น้ำหนัก 1-1.2 กก./แผ่น จากนั้นนำไปแขวนไม้ ผึ่งลมทิ้งไว้ 1 วัน จึงลำเลียงขึ้นแขวนราว และดึงขึ้นอบในห้องชั้นบนใต้หลังคา หากแดดดีจะปล่อยทิ้งไว้ 3-4 วัน การอบยางดังกล่าวจะได้ยางแผ่นชั้นดี ซึ่งราคารับซื้อจะสูงกว่ายางรมควันธรรมดา ไม่ ต้องนั่งเฝ้าและเสี่ยงต่อไฟไหม้ ประหยัดต้นทุน และขายให้ได้ราคาดี ชาวสวนยางมือใหม่ที่สนใจ สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.0-7631-1997, 0-7631-1049 (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 17 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
สหรัฐทุ่มพันล้าน วิจัยนาโนเทครักษามะเร็ง
สถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐรับทุนสนับสนุนจากรัฐบาล 144.3 ล้านดอลลาร์ หรือราว 5,800 ล้านบาท ใช้นาโนเทคโนโลยีรับมือกับโรคมะเร็ง เชื่อสามารถพัฒนาแนวทางป้องกัน วินิจฉัย และรักษาโรคได้ แอนดริว วอน เอสเช็นแบช ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สหรัฐ เปิดเผยว่านาโนเทคโนโลยีมีศักยภาพสูงในการสร้างทางเลือกมากมายให้กับวงการแพทย์ โดยเฉพาะการพัฒนาวิธีป้องกัน วินิจฉัย และรักษาโรคมะเร็ง เนื่องจากนาโนเทคโนโลยีสามารถพัฒนาอุปกรณ์ที่มีขนาดจิ๋วอย่างมากออกมาใช้ช่วยในการตรวจวัดระดับโมเลกุลได้ ทั้งนี้ 1 นาโนเมตร เท่ากับ 1 ในล้านส่วนของเมตร หรือเล็กกว่าเส้นผมมนุษย์ราว 80,000 เท่า อนุภาคขนาดเล็กดังกล่าวจะถูกส่งเข้าสู่เลือดและตรงไปทำลายเซลล์มะเร็งเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ ก่อนหน้านี้ นักวิจัยในสหรัฐ ได้ทำการวิจัยโดยใช้อนุภาคของทองคำระดับนาโนส่งเข้าไปในร่างกาย เพื่อให้วิ่งไปจับส่วนที่เป็นเนื้อร้าย หรือที่เรียกว่า "กระสุนนาโน" จากนั้นได้ทดลองฉายรังสีเข้าไป เมื่ออนุภาคทองคำได้รับความร้อนจะเข้าไปทำลายเซลล์เนื้องอกเพื่อหยุดยั้งการเติบโต ทั้งยังไม่ส่งผลกระทบต่อเซลล์ที่เป็นปกติด้วย สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ภายใต้สังกัดของสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติ ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มพันธมิตรด้านนาโนเทคโนโลยีที่พยายามรวมเอาสหวิทยาการทั้งจากภาครัฐและเอกชน มาช่วยพัฒนาวิธีรับมือกับโรคมะเร็งผ่านเทคโนโลยีระดับนาโน จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมานาโนเทคโนโลยีได้แสดงศักยภาพในการต่อสู้กับโรคมะเร็งมาแล้ว อาทิ อนุภาคจิ๋วซึ่งผลิตจากผงแม่เหล็ก สามารถช่วยให้สแกนเอ็มอาร์ไอฉายภาพอัณฑะที่เป็นมะเร็งได้ชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ สถาบันยังยืนยันว่าอนุภาคนาโน ที่ทำลายเซลล์มะเร็งด้วยระดับอุณหภูมิสูง จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับเนื้อเยื่อปกติที่อยู่ข้างเคียง ต่างจากการรักษามะเร็งด้วยวิธีในปัจจุบัน (กรุงเทพ ธุรกิจ ศุกร์ที่ 17 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
พัฒนาผ้าพันแผลผู้ช่วยหมอ ติดชิพอัจฉริยะดูแลแผลเบาหวานติดเชื้อ
แพทย์เดนมาร์กพัฒนาผ้าพันแผลอัจฉริยะ ติดเซ็นเซอร์วัดระดับความรุนแรงของแผลติดเชื้อที่เท้าผู้ป่วยเบาหวาน ส่งข้อมูลพร้อมภาพจากกล้องดิจิทัลตรงถึงมือหมอผ่านเทคโนโลยีไร้สาย โดยผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางมาโรงพยาบาลบ่อยครั้ง เชื่อว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยรักษาเท้าของผู้ป่วยให้อยู่กับตัวไปตลอดชีวิต แพทย์จึงแนะนำให้ผู้ป่วยหมั่นตรวจเท้าของตัวเองเป็นประจำ และหากพบอาการบ่งชี้ที่เป็นอันตรายก็ให้รีบมาพบแพทย์โดยด่วน และในกรณีที่ผู้ป่วยเกิดมีบาดแผลขึ้นแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมาพบแพทย์เป็นประจำ เพื่อดูระดับความรุนแรงของแผลดังกล่าว แต่ด้วยผ้าพันแผลอัจฉริยะที่ทีมวิจัยชุดนี้กำลังพัฒนาขึ้น สามารถแก้ปัญหาให้กับผู้ป่วยและแพทย์ได้ เพราะต่อไปนี้ผู้ป่วยไม่ต้องมาโรงพยาบาลบ่อยครั้งเหมือนเคยอีกแล้ว "เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ตรวจคนไข้ได้ในระยะไกล โดยหมอจะรู้ระดับความรุนแรงของแผลที่เกิดขึ้น ผ่านทางเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งไว้ในผ้าพันแผล ซึ่งสามารถวัดระดับอุณหภูมิ ความชื้น และแม้แต่ชนิดของแบคทีเรียที่กำลังติดเชื้ออยู่ได้" หนึ่งในทีมวิจัยให้สัมภาษณ์ พร้อมทั้งเชื่อว่านวัตกรรมนี้จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ป่วยอย่างมาก เพราะไม่จำเป็นต้องมาพบแพทย์ ขณะที่เจ้าหน้าที่พยาบาลใกล้บ้านจะเป็นผู้มาเยี่ยนและเปลี่ยนผ้าพันแผลให้หากมีปัญหาเกิดขึ้น สำหรับการส่งผ่านข้อมูลจากผ้าพันแผลนั้น จะใช้เทคโนโลยีไร้สายของโทรศัพท์มือถือที่เชื่อมต่อผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต นั่นหมายความว่าแพทย์สามารถตรวจสภาพของบาดแผลได้จากทุกที่ทั่วโลก ดังนั้น ผู้ป่วยจึงสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวในอีกทวีปได้โดยที่แพทย์ยังคงดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด แนวคิดดังกล่าวยังอยู่ในขั้นของการพัฒนา ซึ่งขณะนี้ทีมวิจัยได้ทดลองเชื่อมต่อเซ็นเซอร์วัดความชื้นและอุณหภูมิเข้ากับชิพคอมพิวเตอร์แล้ว แต่ยังมีขนาดใหญ่เทอะทะเกินกว่าจะนำไปใช้งานได้จริง (คมชัดลึด ศุกร์ที่ 17 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)
พบเทคนิค "สืบจากผมเส้นเดียว" รู้หมดไปหลบซ่อนที่ไหนกินอะไร
นักวิจัยของมหาวิทยาลัยรีดดิ้งของอังกฤษ ได้เสนอรายงานการค้นพบเทคนิค ซึ่งจะช่วยให้ตำรวจสืบหาที่หลบซ่อนของคนร้ายได้ ชั่วแต่เพียงด้วยเส้นผมคนร้ายเพียงเส้นเดียวเท่านั้น โดยการตรวจวัดหาอัตราส่วนระหว่างไอโซโทปของก๊าซออกซิเจนกับไฮโดรเจน ที่พบอยู่ในเนื้อเยื่อหรือของเหลวในเส้นผมนั้น นายสจ๊วร์ต แบล็ค หัวหน้านักวิจัย กล่าวชี้แจงว่า "เส้นผมเป็นตัวบันทึกสถิติที่ดี เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน มันก็คงงอกขึ้นในอัตราเดือนละ 1 ซม.ทุกเดือน ด้วยเหตุนั้นมันไม่แต่เพียงบันทึกบอกให้รู้ว่าคนร้ายไปหลบซ่อนอยู่ที่ไหนมาเท่านั้น หากยังบอกให้รู้ถึงอาหารและน้ำดื่มที่กินมาด้วย" เทคนิคอันนี้จะช่วยให้ตำรวจสืบหาที่ซ่อนของคนร้าย และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสืบรู้ว่า ผู้ขอลี้ภัยการเมืองมาจากชาติที่สมควรจะอนุญาตให้ลี้ภัยจริงหรือไม่ ในปัจจุบันเทคนิคการตรวจไอโซโทปนี้ ยังคงใช้เฉพาะแต่การสืบหาแหล่งของมลพิษในอากาศ หรือฝูงผีเสื้ออพยพ เพิ่งจะนำมาใช้กับมนุษย์เป็นครั้งแรก แต่ในการนำมาใช้ มันก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ อย่างเช่น ถ้าหากบุคคลที่สืบหา กินน้ำขวดมามากๆ ไอโซโทปตัวอย่างอาจเป็นของแหล่งน้ำดื่มต้นตอมากกว่าแหล่งน้ำดื่ม ที่บุคคลนั้นดื่มมาในปัจจุบันได้ และอีกประการหนึ่ง ตำรวจก็ยอมรับว่า การติดตามผู้ที่เดินทางบ่อยๆ เป็นเรื่องยากลำบาก แต่ข้อดีก็คือ "มันอาจจะเป็นเทคนิค ที่ช่วยให้ตำรวจสืบสวนได้ผลเร็วและด้วยค่าใช้จ่ายที่ถูกด้วย" (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 18 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
ผู้ดีเติมพลังหุ่นยนต์ด้วยแมลงวัน
นักวิจัยอังกฤษพัฒนาหุ่นยนต์ ที่สามารถผลิตพลังงานป้อนตัวเอง โดยไม่ต้องเติมน้ำมัน หรือชาร์จแบตเตอรี่ โดยปล่อยให้หากินแมลงวันเป็นอาหาร เพื่อใช้ผลิต กระแสไฟฟ้า ให้ตัวเอง เผยเทคนิค วางกับดักล่อแมลงวันมาตอม จากนั้นย่อยเอาน้ำตาล ในโครงกระดูกของแมลง มาผลิตเป็นกระแสไฟฟ้า ใช้ในการขับเคลื่อน ระบุคุณสมบัติ สามารถทำงาน ในพื้นที่อันตราย คริส เมลฮุช และทีมงานจากมหาวิทาลัยเวสต์ออฟอิงแลนด์ ในบริสตอล พัฒนา "อีโคบอท ทู" (EcoBot II) ขึ้นมา แม้ว่าขณะนี้มันยังไม่สามารถล่าเหยื่อได้เอง แต่อีกไม่นานเกินรอ เจ้าหุ่นตัวนี้จะกลายเป็นนักล่าอย่างสมบูรณ์แบบ โดยทีมวิจัยได้ออกแบบเป็นหุ่นยนต์ที่สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้เอง จากการกินแมลงเป็นอาหาร ในตัวหุ่นยนต์นั้นจะมีชุดผลิตกระแสไฟฟ้าในรูปแบบของเซลล์พลังงาน ซึ่งจะใส่ของเสียที่มนุษย์ขับถ่ายออกมาเพื่อล่อแมลงวันมาตอม จากนั้นแบคทีเรียในของเสียจะชอนเข้าไปในเนื้อเยื่ออ่อนของแมลงวัน แล้วปล่อยสารเอนไซม์ไปทำลายเปลือกหุ้มตัวแมลงวันที่ทำจากสารประกอบน้ำตาลที่เรียกว่า ไคติน ซึ่งรวมตัวกันเป็นเสมือนกับกระดูกหุ้มตัวแมลงวันอยู่ เมื่อไคตินเสื่อมสภาพลงจะได้โมเลกุลน้ำตาล ซึ่งแบคทีเรียจะดูดซึมและนำมาใช้เป็นพลังงาน และกระบวนการดังกล่าวจะได้อิเล็กตรอนที่นำไปใช้ผลิตกระแสไฟให้กับหุ่นยนต์ สำหรับเป้าหมายหลักของงานวิจัยชิ้นนี้ ก็เพื่อพัฒนาหุ่นยนต์ที่สามารถเคลื่อนที่และทำงานได้ด้วยตัวเองอย่างสมบูรณ์ โดยคาดว่าจะถูกนำไปใช้ในพื้นที่เสี่ยงภัยที่มีอันตราย ภารกิจทางการทหาร รักษาความปลอดภัย และใช้งานในภาคอุตสาหกรรม แต่อาจต้องใช้เวลาอีกยาวไกลกว่าจะทำให้เจ้าอีโคบอท ทู บรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ เพราะหุ่นยนต์กินแมลงตัวนี้ ใช้เวลานานถึง 12 นาที ในการรวบรวมพลังงานให้ได้มากพอกับการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเพียงเล็กน้อย รวมทั้งส่งสัญญาณวิทยุบอกตำแหน่งของตนกลับมายังสถานีฐาน ด้วยความเร็วสูงสุดเพียง 10 เซนติเมตรต่อชั่วโมง (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 18 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
ข่าวทั่วไป
อนามัยโลกวิตกหวัดนกระบาดร้ายแรงกว่าซาร์ส
นายชิเกรุ โอมิ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ประจำภาคพื้นแปซิฟิกตะวันตก กล่าวระหว่างเดินทางมาเซี่ยงไฮ้ว่า WHO มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการระบาดของ ไข้หวัดนกมากกว่าซาร์ส และเตือนการระบาดมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นหากไม่มี การดำเนินมาตรการป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ นายโอมิกล่าวว่า ไข้หวัดนกระบาดเป็นวงกว้างกว่าที่คาดไว้ การแสดงความวิตกกังวลของผู้อำนวยการ WHO มีขึ้นหลังไวรัส H5N1 หวนกลับมาระบาดอีกใน 5 ประเทศเอเชีย ได้แก่ จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย หลังจากที่ซาไปนานหลายเดือน ส่งผลให้ปีนี้มีผู้เสียชีวิตเพราะไข้หวัดนกแล้ว 28 ราย ยังโชคดีที่ไม่พบว่าไวรัส H5N1 แพร่จากคนสู่คน แต่ถ้าสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกหลายปี ไวรัสอาจกลายพันธุ์แพร่จากคนสู่คนได้ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกจากสัตว์สู่คน WHO จึงผลักดันให้ประเทศต่างๆ ปรับปรุงระบบการรายงานกรณีการเกิดเหตุติดเชื้อขึ้น ส่วนที่เวียดนาม หนังสือพิมพ์ "คนงาน" ในโฮจิมินห์รายงานผลการตรวจสอบเป็ดกว่า 200 ตัว ที่ถูกฆ่าทิ้งในกรุงฮานอยเมื่อปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา พบว่าสัตว์ปีกเหล่านี้ติดเชื้อ H5N1 รายงานระบุ ปีนี้เวียดนามมีผู้เสียชีวิตเพราะไข้หวัดนก 19 ศพ ส่วนอีก 9 ราย เป็นผู้เคราะห์ร้ายในไทย (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 13 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
กำหนดเกณฑ์ใหม่นมพาสเจอไรซ์
นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เปิดเผยว่า สธ.ได้ปรับปรุงการติดฉลากนมที่เป็นผลผลิตมาจากนมโคตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข(ฉบับที่ 265) พ.ศ.2545 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2545 ตามข้อเสนอของคณะกรรมการอาหาร โดยมีการแก้ไข 2 ส่วนคือ ปรับเปลี่ยนคำว่า "น้ำนมดิบ" เป็น "น้ำนมโค" เพื่อมิให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดว่าเป็นนมดิบซึ่งไม่ปลอดภัยต่อการบริโภค และส่วนที่ 2 คือ มาตรฐานการฆ่าเชื้อของนมชนิดพาสเจอไรซ์ ทั้งนี้ การกำหนดให้กรรมวิธีพาสเจอไรซ์ใช้ความร้อนที่ไม่เกิน 100 องศาเซลเซียส ซึ่งผู้ผลิตส่วนใหญ่ในประเทศถือปฏิบัติอยู่นั้น แม้เป็นอุณหภูมิที่นานาชาติยอมรับ แต่มาตรฐานสากลสนับสนุนให้ใช้อุณหภูมิที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ยังคงมีคุณลักษณะใกล้เคียงกับน้ำนมโคตามธรรมชาติมากที่สุด สธ.จึงได้ปรับประกาศเพื่อสนับสนุนให้มีการฆ่าเชื้อในลักษณะดังกล่าว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคโดยกำหนดให้นมชนิดเต็มมันเนยที่ผ่านกรรมวิธีพาสเจอไรซ์ที่อุณหภูมิไม่เกิน 80 องศาเซลเซียส จัดว่าเป็นน้ำนมโคที่มีคุณลักษณะใกล้เคียงนมตามธรรมชาติมากที่สุด เพราะไม่ผ่านกรรมวิธีใดๆ นอกจากการฆ่าเชื้อและฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิไม่สูงมาก ทำให้กลิ่นรสใกล้เคียงกับธรรมชาติ ให้แสดงชื่ออาหารว่า "นมสดพาสเจอไรซ์" โดยลงนามในประกาศ สธ.(ฉบับที่ 282) พ.ศ.2547 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2547 มีผลบังคับใช้ภายในเดือนตุลาคมนี้ (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 13 ก.ย. 47 http://www.matichon.co.th)
ไปรษณีย์ไทยเพิ่มค่าบริการ อีเอ็มเอส ไปรษณีย์พิเศษ
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า ปณท เตรียมปรับค่าบริการอีเอ็มเอส และไปรษณีย์พิเศษในประเทศ ใหม่ 20 ก.ย.นี้ ให้สอดคล้องกับต้นทุนใหม่ที่เพิ่มขึ้น หลังจากไม่ได้ปรับอัตราใหม่นานแล้ว และการลงทุนระบบตรวจสอบ (Track&Trace) ติดบาร์โค้ดไว้ที่สินค้าและตรวจสอบด้วยระบบออนไลน์ โดยปรับค่าบริการไปรษณีย์ในประเทศเพิ่ม เช่น อีเอ็มเอสเพิ่ม 7 บาทต่อชิ้นทุกพิกัดน้ำหนัก อัตราค่าชดใช้จาก 800 บาท เป็น 1,000 บาทต่อชิ้น ไปรษณีย์ลงทะเบียนจากเดิม 8 บาท เป็น 13 บาท ค่าชดใช้จาก 200 บาทเป็น 300 บาทต่อชิ้น ส่วนบริการทางเลือกพิเศษของไปรษณีย์ในประเทศ ซึ่งหากเลือกใช้บริการระบบตรวจสอบ จะคิดค่าบริการพิเศษ 27 บาท ชดใช้ค่าเสียหายสูงสุด 1,000 บาท โดยการนำระบบตรวจสอบมาใช้ จะสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า โดยเฉพาะองค์กร และเพื่อเป็นมาตรฐานบริการระดับสากล และเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมให้องค์กรมีบริการที่แข่งขันกับผู้ให้บริการรายอื่นจากต่างประเทศเมื่อเปิดเสรีไปรษณีย์ได้ในอนาคต โดยเป้าหมายคือมุ่งสู่เป็นองค์กรระดับเวิลด์คลาส จะเริ่มใช้ราคาใหม่ ตั้งแต่ 20 ก.ย. นี้ (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 14 ส.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
มองโลกแง่ดีมีส่วนช่วยชะลอความแก่ชราได้
วารสาร "ไซโคโลจี แอนด์ เอจจิ้ง" ในสหรัฐฯ รายงานผลการวิจัยของทีมจากมหาวิทยาลัยเท็กซัส ที่พบว่าคนที่มีความกระตือ รือร้นในชีวิต มีทัศนคติที่ดี จะค่อนข้างแก่ช้ากว่าคนที่มองโลกในแง่ร้าย และแสดงสัญญาณความอ่อนแอออกมา นักวิจัยบอกว่า ข้อค้นพบของเขาชี้ว่าปัจจัยด้านจิตวิทยาสังคมมีบทบาทสำคัญพอๆ กับเรื่องพันธุกรรมและสุขภาพกาย ที่จะทำให้คนเราแก่เร็วอย่างไร การศึกษาครั้งนี้ได้ทดสอบกับกลุ่มผู้สูง อายุ 1,558 ราย ในชุมชนเม็กซิกันอเมริกัน เพื่อดูว่ามีความเชื่อมโยงระหว่างอารมณ์กับความแก่ โดยในตอนแรกของการศึกษาที่กินเวลา 7 ปีนี้ อาสาสมัครค่อนข้างมีสุขภาพแข็งแรงดี ต่อมาจึงได้มีการประเมินพัฒนาการเรื่องความอ่อนแอระหว่างศึกษา โดยดูจากน้ำหนักลดลงหรือไม่ ความเร็วของการเดินเป็นอย่างไร และแรงจับยึดสิ่งของ (ไทยรัฐ พุธที่ 15 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
'มังคลอุบล' ชนะเลิศการประกวดบัวโลกโดยนักวิจัยจากราชมงคล
"มังคลอุบล" " อ่านว่า มัง-คละ- อุ-บน ได้รับรางวัล Best New Hardy Waterlily 2004 ในการประกวดบัวโลกครั้งที่ 19 ณ สหรัฐอเมริกา โดยผู้ส่งเข้าประกวดคือ ผู้ผศ.ดร.ณ นพชัย ชาญศิลป์ อาจารย์ประจำภาควิชาพืชศาสตร์ สถาบันเทคโนโยโลยีราชมงคลวิทยาเขตบางพระ จ.ชลบุรี อาจารย์กล่าวว่ามันก็คือ"บัวฝรั่ง" ซึ่งก็คือ อุบลชาติประเภทยืนต้นนั่นเอง ที่นิยมเรียกกันว่าบัวฝรั่งเพราะมีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตอบอุ่นหรือเขตหนาว เมื่อถึงฤดูหนาวจะมีการพักตัวทิ้งใบที่ลอยอยู่ผิวน้ำทั้งหมดและสร้างใบเล็ก ๆแข็ง ๆ อยู่ใต้น้ำชะลอกระบวนการทางสรีระทั้งหมดไว้ เมื่อหิมะละลายหรืออากาศอุ่นขึ้นก็จะสร้างใบชนิดลอยน้ำขึ้นมาใหม่และเริ่มต้นออกดอกขยายพันธุ์ต่อไป บัวฝรั่งมีลำต้นใต้ดินเรียกว่าเหง้า เจริญเติบโตไปกับผิวดิน ใบค่อนข้างเล็ก กลม ขอบใบเรียบ ดอกค่อนข้างป้อม รูปถ้วย ลอยผิวน้ำมี 5 สีคือ ขาว ชมพู แดง เหลือง และส้ม ซึ่งสีส้มเป็นสีที่ได้จากการปรับปรุงพันธุ์ภายหลัง ซึ่งทางวิทยาเขตบางพระพยายามศึกษาเทคนิคการผสมพันธุ์บัวฝรั่งจนสำเร็จและสามารถผลิตเมล็ดบัวได้แล้ว สำหรับมังคลอุบล เป็นบัวฝรั่งที่แข็งแรงมาก เลี้ยงง่าย ค่อนข้างทนต่อโรคและแมลง ขยายพันธุ์ง่ายออกดอกดก ถ้าเป็นฤดูร้อนจะออกดอกดกมาก ถ้าหนาวก็ยังสามารถให้ดอกได้แต่ดอกจะน้อยกว่า มังคลอุบลสามารถปลูกได้ดีในภาชนะที่จำกัด เช่น กะละมังพลาสติก ไปจนถึงสระน้ำขนาดใหญ่ ผู้สนใจสอบถามได้โดยโทรฯไปที่ คณะเกษตรศาสตร์บางพระ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โทร.0-3835-8137 (เดลินิวส์ พุธที่ 15 ก.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)
เปิด 10 พืช-สัตว์วิกฤติเวทีไซเตส
นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) แถลงข่าวการเตรียมความพร้อมที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมสมัยสามัญ ประเทศภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้ สูญพันธุ์ ครั้งที่ 13 (CITES COP 13) ระหว่างวันที่ 2-14 ต.ค.ว่า การประชุมครั้งนี้จะมีคณะผู้แทนกว่า 2,000 คนจากทั่วโลก ของภาคีสมาชิกทั้ง 166 ชาติ เข้าร่วมประชุม ซึ่งไทยได้เตรียมข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงฟ้ามุ่ย ออกจากบัญชีหมายเลข 1 เป็นบัญชีหมาย เลข 2 เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้า ส่วนโป๊ยเซียน หยก และกล้วยไม้ลูกผสมทุกสกุล เสนอให้ออกจากบัญชีไซเตสโดยมีเงื่อนไข เพราะมีข้อมูลวิชาการสนับสนุนว่าการค้าพืชดังกล่าว จะไม่กระทบกับสายพันธุ์ในธรรมชาตินอกจากนี้ยังเสนอให้โลมาอิรวดี จากบัญชีหมายเลข 2 เป็นบัญชีหมายเลข 1 ที่ห้ามการค้าเชิงพาณิชย์ เพราะขณะนี้มีจำนวนลดลงอย่างมาก ในการประชุมระดับรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนของ 10 ชาติได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม พม่า มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน ลาว กัมพูชา และพม่า ก็จะทำข้อตกลงร่วมกันที่จะควบคุมดูแลตรวจตราการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าระหว่างประเทศ.ยังได้ร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชน 10 แห่ง ตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการลักลอบค้าสัตว์ป่าและพืชป่าอีก ด้านนายโรเบิร์ต มาเธอร์ ผอ.องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล ประเทศไทย กล่าวว่า จากการรวบรวมชื่อสัตว์และพืช 10 ชนิดที่อยู่ในภาวะวิกฤติได้แก่ ปลานกขุนทองหัวโหนก ต้นตันหยงพรุ เสือโคร่ง ฉลามขาว โลมาหัวบาตร หรือโลมาอิรวดี ช้างเอเชีย เต่าแม่น้ำฟลาย นกกระตั้วหงอนเหลือง ตุ๊กแกหางแบน ต้นยีวเอเชีย โดยเฉพาะปลานกขุนทองหัวโหนก ซึ่งมีในแถบสิมิลัน หมู่เกาะสุรินทร์ เกาะราชา ของไทย และเป็นเมนูยอดนิยมของร้านอาหารทั่วโลก ส่วนข้อเสนอที่อยากให้รัฐบาลไทยดำเนินการคือการแก้กฎหมายที่ยังมีช่องโหว่ โดยเฉพาะในด้านของการปฏิบัติงาน (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 16 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
เตือนคนชอบลงอ่างจากุชชี่ให้ระวังอาจติดโรคลีเจียนแนร์
โรคลีเจียนแนร์เป็นโรคปอดอักเสบชนิดหนึ่ง ติดต่อได้จากการสูดไอน้ำจากอ่างน้ำร้อน น้ำจากฝักบัว และระบบน้ำหล่อเย็นที่มีการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย ผลการสำรวจอ่างน้ำร้อนและน้ำวน 88 แห่ง พบว่า มี 23 แห่ง ที่มีการปนเปื้อน เชื้อแบคทีเรียต้นเหตุของโรคลีเจียนแนร์ ดร.ซูซาน เซอร์แมน-ลี กล่าวในการประชุมสำนักงานพิทักษ์สุขภาพของอังกฤษว่า จากการระบาดที่พบปรากฏว่า อ่างหรือสระน้ำไม่ได้มีการออกแบบ หรือจัดการตามข้อแนะนำ หรือได้รับการจัดการจากเจ้าหน้าที่ที่ไม่ชำนาญเพียงพอ และว่าในปัจจุบัน ธุรกิจสปากำลังเป็นที่นิยม ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจและรับรู้ถึงความเสี่ยงจากการใช้และการใช้อย่างผิดวิธี อาการของโรคลีเจียนแนร์ คือ มีไข้ ไอ และหนาวสั่น แต่ไม่ติดต่อระหว่างคน รักษาได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ ในช่วงปี 2546 ที่อังกฤษ มีรายงานพบผู้ป่วยด้วยโรคลีเจียนแนร์ 27 ราย ซึ่งมีการระบุว่าสระน้ำในสปาเป็นแหล่งในการติดเชื้อ ในจำนวนนั้นมีผู้เสียชีวิต 3 ราย (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 16 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
พบตัวป่วนความสามารถโชเฟอร์ล้วนแต่เป็นของเล่นไฮเทคในรถ
ปีเตอร์ คิสซิงเกอร์ ประธานของเอเอเอ ฟาวน์เดชั่น ซึ่งเป็นองค์กรเกี่ยวกับความปลอดภัยบนท้องถนน กล่าวว่า ความนิยมในไฮเทคทำให้มีการออกแบบอุปกรณ์ ที่ระบุว่าจะทำให้การขับขี่สะดวก และรวดเร็วขึ้น แต่อาจจะไปเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุได้ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ทำให้ชีวิตมีความซับซ้อนมากขึ้น เมื่อรถได้เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต ผู้ขับขี่ก็จะถูกแวดล้อมไปด้วยข้อมูล ทั้งเรื่องของทิศทาง จอภาพที่จะรายงานหุ้น หรือสภาพอากาศ ตลอดจนความบันเทิงต่างๆ จากดีวีดี หรือแม้กระทั่งคาราโอเกะ คิสซิงเกอร์กล่าวต่อไปอีกว่า แม้ว่าความบันเทิงต่างๆในรถจะมีเป้าหมายอยู่ที่ผู้โดยสาร แต่ก็ส่งผลกระทบถึงผู้ขับขี่ด้วย แต่กรณีนี้ ไม่ได้หมายความว่า ควรจะยกเลิกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ในรถเสียทั้งหมด เพียงแต่ต้องการให้ผู้ผลิตและผู้ขับขี่ ให้ความสำคัญกับเรื่องของความเสี่ยงให้มากกว่านี้ (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 16 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
ศศินทร์ เผยสำรวจทักษะไอที ขรก.ไทย หวั่นแผนงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์"สะดุด"
คณะนักวิจัยจากสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เผยแพร่ผลการศึกษาแนวทางพัฒนาความรู้ และทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของข้าราชการไทย พบว่า ทักษะการใช้ไอซีทีของข้าราชการไทยยังต่ำกว่าระดับที่ส่วนราชการต้องการ โดยเฉพาะทักษะทางด้านการใช้โปรแกรมฐานข้อมูล (ดาต้าเบส) โปรแกรมการนำเสนองาน (พรีเซนเตชั่น) ทักษะไอซีทีด้านข้อมูลข่าวสาร และทักษะการใช้คอมพิวเตอร์พื้นฐาน เช่น การแก้ปัญหา การดูแลรักษาคอมพิวเตอร์ และการรักษาความปลอดภัย ทั้งนี้ ผลสำรวจดังกล่าว พบว่า มีเพียงทักษะด้านการใช้ไมโครซอฟท์เวิร์ดเท่านั้น ที่มีระดับสูงน่าพอใจ จึงจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากการปฏิรูประบบทำงานใหม่ของราชการให้ต้องมีการใช้คอมพิวเตอร์ ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่จะสนองนโยบายรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (อี-กัฟเวอร์เมนท์) สำหรับการสำรวจครั้งนี้ คณะวิจัยได้รวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถามข้าราชการไทย ในระดับผู้ใช้คอมพิวเตอร์จำนวน 1,900 ชุด จากนั้นใช้ข้อมูลจากประเทศอังกฤษ สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา เป็นส่วนอ้างอิง เมื่อประมวลผล ซึ่งยังทำให้พบว่าข้าราชการไทยส่วนใหญ่ ยังขาดแม้แต่ทักษะการใช้อีเมล และพบว่า 80% ของบุคลากรด้านนี้ ต้องทำงานสนับสนุนผู้ใช้คอมพิวเตอร์ในองค์กร ส่วนการพัฒนาไอซีทีเองนั้น ทำเพียงแค่การปรับปรุงงานที่ได้จากการว่างจ้าง (เอาท์ซอร์ส) ให้น่าสนใจขึ้นเท่านั้น และพบว่า บุคลากรไอซีที 1 คน ต้องทำงานหลากหลายชนิดในแต่ละวัน อีกทั้ง ยังพบว่าบุคลากรที่มีความสามารถด้านไอซีทีบางส่วน ไม่ได้มีตำแหน่งหน้าที่โดยตรง ดังนั้น จึงไม่ได้ปรับการประเมินผลงานตามจริง ซึ่งคณะวิจัยได้เสนอแนะว่าหน่วยงานต่างๆ ควรโพรโมตบุคลากรด้านไอซีทีให้ถูกต้องกับตำแหน่ง และเมื่อมีระดับการทำงานที่สูงขึ้น ควรเปิดโอกาสให้ย้ายหน่วยงานไปสู่ระดับบริหารได้ ทั้งนี้ การวิจัยดังกล่าวอยู่ภายใต้การว่าจ้าง โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 16 ก.ย 47 http://www.bangkokbiznews.com)
เกษตรฯโชว์ไหมทองพันธุ์ใหม่ของโลก เพิ่มผลผลิตยกระดับราคาสูง 1 เท่าตัว
นายบรรพต หงษ์ทอง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการเกษตร ได้วิจัยและพัฒนาไหมทอง ร่วมกับเอกชนใช้เวลานานกว่า 2 ปี ซึ่งไหมชนิดนี้มีคุณสมบัติพิเศษและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ ให้สีเหลืองทองตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่านขบวนการฟอกย้อมสี และเส้นไหมมีความมันวาวในตัว อีกทั้งเส้นไหมมีความเหนียวใช้เป็นเส้นยืนและเส้นพุ่ง เนื่องจากมีความยาวถึง 1,200-1,300 เมตรต่อรัง ทั้งนี้ เชื่อว่า ไหมทองที่พัฒนาได้นั้นจะเป็นพื้นฐานเพื่อให้ไทยก้าวไปสู่ศูนย์กลางของพันธุ์ไหมในเขตร้อนในอนาคต แต่เมื่อมีการวิจัยและพัฒนาไหมทองนี้ขึ้นมา จะลดการนำเข้า และจะช่วยผลักดันโครงการกรุงเทพฯเมืองแฟชั่น ให้เป็นรูปธรรมได้เร็วขึ้นด้วย เกษตรกรไม่ต้องกลัวว่าขายไม่ได้ เพราะขณะนี้ตลาดมีความต้องการสูงมาก ที่สำคัญต้องรักษาคุณภาพการผลิตให้อยู่ในระดับได้มาตรฐาน นายชีระโชติ สุนทรารักษ์ เจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด เพ็ญศิริไหมไทย จ.ลำพูน กล่าวว่า ไหมทองมีคุณสมบัติโดดเด่นในตัว เชื่อว่า จะเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งไหมชนิดนี้เป็นไหมไทยแท้ 100% และเชื่อว่า ไทยสามารถผลิตได้แห่งเดียวในโลก ขณะนี้ราคาสูงกว่าไหมทั่วไปถึง 1 เท่า เพราะไหมทั่วไปราคาเฉลี่ยเมตรละ 200 บาท แต่ไหมทองมีราคาสูงถึงเมตรละ 400 บาท นอกจากนี้ กำลังสำรวจตลาดในอังกฤษและญี่ปุ่นอยู่ด้วย ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นที่ต้องการของตลาดจนผลิตไม่ทัน (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 16 ก.ย 47 http://www.bangkokbiznews.com)
แฉ "บุหรี่มือสอง" ทำเส้นเลือดสมองแตก เอ็นจีโอหนุนกีฬาปลอดควัน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากเมืองเกียงจู ประเทศเกาหลีใต้ ว่า นายเอ เจ ฮาร์ดลี่ย์ และคณะวิจัยได้นำเสนอผลการวิจัยถึงความเกี่ยวพัน ของโรคเส้นเลือดสมองตีบและแตกกับการได้รับควันบุหรี่ ระหว่างการประชุมสมาคมยาสูบภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 7 ว่า ผู้ที่ได้รับควันบุหรี่มือสองมีอัตราเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมองเฉลี่ย 1.5 เท่า เมื่อเปรียบเทียบผู้ที่ไม่ได้รับควันบุหรี่มือสอง ในกรณีที่ คนในครอบครัวมีผู้สูบบุหรี่ 1 คน จะมีอัตราเสี่ยง 1.34 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับครอบครัวที่มีผู้สูบบุหรี่ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป อัตราเสี่ยงจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 2.08 เท่า โดยการวิจัย ได้ศึกษาย้อนหลัง ด้วยการเก็บข้อมูลทะเบียนผู้เสียชีวิตทั้งหมด 4,838 คน จากกลุ่มผู้ที่ไม่เคยสูบบุหรี่เลย ผลพบว่าในกลุ่มผู้เสียชีวิตทั้งหมด มีผู้ที่เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดในสมอง 597 คน ซึ่งคณะนักวิจัยได้ศึกษาต่อพบว่า ควันบุหรี่มือสองเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรค หลอดเลือดในสมอง ผนังหลอดเลือด และการทำงานของเกล็ดเลือด อีกทั้งยังลดความสามารถ ในการนำออกซิเจนของเม็ดเลือดแดง ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของควันบุหรี่มือสอง ที่ทำให้เกิดโรคด้วย นอกจากนี้ผลการศึกษายังพบว่า ประชากรจีนยังมีอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดในสมองสูง กว่ากลุ่มคนผิวขาว แม้การศึกษายังไม่สามารถยืนยันได้ ชัดเจน แต่ก็เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่จะนำไปสู่การวิจัยที่สมบูรณ์ต่อไป น.ส.บังอร ฤทธิภักดี ผู้แทนมูลนิธิรณรงค์การไม่สูบบุหรี่ของไทย ในฐานะประธานร่วมสมาพันธ์ต่อต้านบุหรี่แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEATCA) แถลงว่า สมาพันธ์ฯและสมาคมยาสูบภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ได้ทำข้อตกลงสนับสนุนรัฐบาลฟิลิปปินส์ ในการแสดงจุดยืนไม่รับการสนับสนุนจากบริษัทบุหรี่นานาชาติ ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่จะถึงนี้ และการแข่งขันกีฬาพาราเกมส์ครั้งที่ 3 ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ โดยเรียกร้องให้การแข่งขันกีฬาทั้ง 2 ครั้งดังกล่าว เป็นกีฬาปลอดบุหรี่ (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 17 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
สุดทนเจนโก้ทำงานชุ่ยเมินกฎอีไอเอพบโลหะหนักอื้อ
นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่บริษัทบริหารและพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จำกัด (มหาชน) หรือเจนโก้ นำกากของเสียและถังบรรจุสารเคมีกว่า 4,000 ถัง ไปทิ้งที่ ต. กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ว่า ได้รับรายงานว่าเจนโก้ยังไม่ได้เร่งรีบ ที่จะขนย้ายถังบรรจุสารเคมีออกจากพื้นที่ ทั้งที่ได้สั่งการให้เร่งขนย้ายให้เสร็จภายใน 2-3 วัน ดังนั้น จึงกำชับให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมเร่งรัดเจนโก้อีกครั้ง เนื่องจากเป็นฤดูฝนจะทำให้สารเคมีปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมไกลมากขึ้น ส่วนผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำใต้ดิน ดิน และสิ่งแวดล้อมยังไม่ออกมา แต่จากการคาดการณ์ก็ตอบได้ว่ามีการปนเปื้อนของสารเคมีสูงมากอย่างแน่นอน จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังไปก็ยิ่งพบว่า เจนโก้ไม่เคยปฏิบัติตามเงื่อนไขการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) แม้ว่าทางสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมจะแจ้งให้ดำเนินการไปแล้วหลายครั้งก็ตาม โดย สผ. ได้ส่งข้อมูลการทำงานของเจนโก้ ที่บริเวณโครงการศูนย์กำจัดกากของเสียอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ที่ได้ไปตรวจสอบคุณภาพน้ำใต้ดิน คุณภาพน้ำที่จุดทิ้งน้ำเสีย พบว่ามีปริมาณโลหะหนักตะกั่ว อาร์เซนิกสูง แคดเมียม สังกะสี ตะกั่ว สูงเกินมาตรฐาน ขณะที่ผลการตรวจสอบในส่วนขยายของโรงงานที่ตั้งในนิคมอุตสาหกรรมตะวันออก ก็พบปริมาณโลหะหนักปนเปื้อนน้ำใต้ดินเกินค่ามาตรฐานสูงมากเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้คงจะต้องถามกรมโรงงานอุตสาหกรรมว่าจะดำเนินการอย่างไรกับบริษัทเจนโก้ (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 17 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
19 กันยายน วันพิพิธภัณฑ์ไทย
ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งมิวเซียมหลวงขึ้นที่หอคองคอเดีย หรือศาลาสหทัยสมาคม ภายในพระบรมมหาราชวังชั้นนอกเพื่อจัดแสดงสิ่งของต่างๆ และเปิดให้ประชาชนเข้าชมเป็นครั้งแรก เนื่องในการเฉลิมพระชนมายุครบ 21 พรรษา โดยมีพิธีเปิด เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2417 ดังนั้น จึงถือว่า วันนี้เป็นวันกำเนิดกิจการพิพิธภัณฑ์สถานสำหรับประชาชนในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งต่อมาในปีพ.ศ. 2538 คณะรัฐมนตรีก็ได้ประกาศให้วันนี้เป็น วันพิพิธภัณฑ์ไทย ซึ่งมิวเซียมหลวงแห่งนี้ถือเป็นจุดกำเนิดพิพิธภัณฑสถานแห่งแรกของไทย ซึ่งต่อมาก็คือพิพิธภัณฑสถานแห่งแรกของไทย ซึ่งต่อมาก็คือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปัจจุบันพิพิธภัณฑสถานที่มีอยู่หรือนิยมจัดตั้งทั่วไปจะมีหลายชนิด เช่น 1. พิพิธภัณฑสถานประเภททั่วไป 2. พิพิธภัณฑสถานศิลป 3. พิพิธภัณฑสถานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4. พิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยา 5. พิพิธภัณฑสถานประวัติศาสตร์ 6. พิพิธภัณฑสถานชาติพันธุ์วิทยาและประเพณีพื้นเมือง สำหรับในบ้านเรา นอกเหนือไปจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่มีอยู่ทั่วประเทศ สังกัดกรมศิลปากรที่มีหน้าที่โดยตรงในเรื่องนี้แล้ว ยังหน่วยงานอื่นๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนต่างก็ได้จัดทำพิพิธภัณฑ์ทั้งในแบบทั่วไป และเฉพาะอย่างทั้งในระบบและนอกระบบกระจายอยู่ทุกภูมิภาค โดยอาจจะเรียกชื่อต่างๆ กันไป เช่น ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ มี หออัครศิลปิน ซึ่งเป็นที่รวบรวมพระราชประวัติและผลงานด้านศิลปะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และศิลปินแห่งชาติทุกสาขา มีหอไทยนิทัศน์ จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับชนชาติไทยในแบบมัลติมีเดีย มีหอวัฒนธรรมวิวัฒน์ จัดแสดงความเป็นมาของกระทรวงวัฒนธรรมตั้งแต่สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม หรือในส่วนภูมิภาคก็มีหอวัฒนธรรมนิทัศน์ ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัด ที่เป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ส่วนพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย พิพิธภัณฑ์ชาวนาไทย และพิพิธภัณฑ์ตามวัดต่างๆ ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ในบ้านเราที่จัดทำโดยเอกชนและชุมชนในท้องถิ่นที่มีลักษณะเฉพาะของตน (สยามรัฐ ศุกร์ที่ 17 ก.ย. 47http://www.siamrath.co.th)
บุหรี่ผสม"กานพลู"สุดอันตราย "นิโคติน"สูง-เสี่ยง"25โรคร้าย"
ประธานสถาบันสุขภาพไทย เตือนอันตรายวัยรุ่นไทยหันมานิยมสูบ"บุหรี่ผสมกานพลู"หลังพบเป็นที่นิยม เนื่องจากไม่มีกลิ่นเหม็นติดตัวพ่อแม่จับไม่ได้ วางขายเกลื่อนย่านชุมนุมวัยรุ่น-ริมทางเท้าเมืองกรุง ระบุมีสารนิโคตินและทาร์มากกว่ายาสูบทั่วไป 2-3 เท่า มีโอกาสเป็นมะเร็ง และโรคอื่นๆ 25 โรค มากกว่าบุหรี่ธรรมดา เผยลักลอบนำเข้ามานานแล้ว แต่กรมสรรพสามิตและกรมควบคุมโรค ไม่จัดการ หลังจากที่ "มติชน" ได้นำเสนอข่าวบุหรี่กลิ่นผลไม้ สมุนไพร ระบาดในกลุ่มวัยรุ่น อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ซึ่งมีการลักลอบนำเข้ามาในประเทศไทย และซื้อขายกันอย่างแพร่หลายโดยใช้วิธีบอกต่อกันในหมู่นักเรียนนั้น ล่าสุดพบว่าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร(กทม.) ก็มีบุหรี่ชนิดดังกล่าวแพร่ระบาด โดยเฉพาะในย่านที่มีกลุ่มวัยรุ่นรวมตัวกันอยู่มากๆ ช่วงตอนเย็นถึงกลางดึก เช่น สยามสแควร์ เยาวราช ใต้สะพานพุทธ ถนนข้าวสาร ฯลฯ มีการตั้งโต๊ะ ใช้กระบะคล้องคอ หรือสะพายเป้ เพื่อให้ง่ายต่อการซื้อขายบริเวณริมทางเท้า โดยใช้วิธีการลักลอบขายบุหรี่ปะปนกับสินค้าชนิดอื่นๆ อาทิ ลูกอม ยาดม ไฟแช็ก
บุหรี่ดังกล่าวมีหลายยี่ห้อ แต่ที่นิยมกันมากคือ ยี่ห้อกูดัง กาลาม (GUDANG GARAM) เป็นบุหรี่ที่ผสมกานพลู (Kretek) นำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย รสชาติหอม หวาน แตกต่างจากบุหรี่ทั่วไป เมื่อสูบแล้วจะไม่มีกลิ่นเหม็นติดตัว ทำให้ผู้ปกครองไม่สามารถจับผิดได้ กลุ่มนักเรียนมัธยม นักเรียนเทคนิค นักศึกษามหาวิทยาลัย และคนทำงานชอบมากเพราะราคาแพงและแปลกใหม่ สำหรับราคาซื้อขายซองละ 50- 60 บาท มี 12 มวน ถ้าขายปลีกมวนละ 5-10 บาท (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 17 ก.ย. 47 http://www.matichon.co.th)
อ.จุฬาฯโทษครอบครัว-รัฐบาล กำเนิดเด็กพันธุ์ใหม่10คุณสมบัติ
เมื่อวันที่ 16 กันยายน นายอมรวิชช์ นาครทรรพ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวบรรยายพิเศษเรื่อง "พระพุทธศาสนากับการแก้ปัญหาเยาวชน" เนื่องในงานคล้ายวันสถาปนามหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย(มมร.) ที่ห้องประชุมใหญ่ อาคาร มมร. วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯว่า ปัจจุบันเด็กไทยมีคุณสมบัติ 10 ข้อ คือ 1.วัตถุนิยมมากขึ้น 2.ขี้เหงาขึ้น 3.กินไม่เป็น บริโภคแต่อาหารขยะ 4.หมกมุ่นเซ็กซ์ 5.แพ้ไม่เป็น 6.รักไม่เป็น แยกไม่ออกระหว่างความรักกับความใคร่ 7. ก้าวร้าว รุนแรง พูดจาแข็งกระด้าง 8.ติดพนัน ชอบวัดดวง 9.ขี้เมามากขึ้น จากข้อมูล สธ.พบว่าวัยรุ่นหญิงอายุ 15-19 ปี กินเหล้าเพิ่มขึ้น 6 เท่า มากเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย และเป็นอันดับ 5 ของโลก และ 10.มีพฤติกรรมเสี่ยงตาย เช่น แข่งรถ มั่วเซ็กซ์คิดว่าตายไม่เป็น นายอมรวิชช์เคยออกพูดเรื่องในลักษณะนี้หลายครั้ง บอกด้วยว่า สาเหตุที่เด็กไทยมีคุณสมบัติเช่นนี้ เป็นเพราะครอบครัวมีปัญหาล่มสลาย พ่อแม่เลี้ยงลูกไม่เป็น วัยรุ่น 60-70% ไม่เคยเข้าวัดทำบุญ ฟังธรรมะ ขณะที่โรงเรียนก็สอนธรรมะแบบน่าเบื่อหน่าย สื่อก็ทำให้เด็กบริโภคนิยมและขี้เหงา และสังคม รัฐบาลไม่มีนโยบายสังคมและปล่อยให้สื่อลามกเกลื่อนเมือง (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 17 ก.ย. 47 http://www.matichon.co.th)
ทำไมเราจึงต้องการ(ธาตุ)สังกะสี
ข้อมูลทางด้านสุขภาพ จากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ ในสหรัฐอเมริกาบอกว่า สังกะสีช่วยกระตุ้นการทำงาน ของเอนไซม์ได้ประมาณ 100 ชนิด ซึ่งเอนไซม์ เหล่านั้นจะช่วยส่ง เสริมการทำงานของปฏิกิริยา สังกะสีพบได้ในอาหารจำนวนมาก อย่างเช่น หอยนางรม จะมีปริมาณของสังกะสี มากกว่าอาหารอื่นใด ในปริมาณที่เท่ากัน อาหารที่อุดมธาตุสังกะสี ยังมีอยู่ในเนื้อแดง และเป็ดไก่สัตว์ปีก ส่วนแหล่งอาหารชั้นดีอื่นๆ อีก ก็ยังมีถั่ว อาหารทะเล ธัญพืช ซีริลอาหารเช้า และผลิตภัณฑ์นม จะเห็นว่ามีทั้งในสัตว์และในพืช แต่ว่า การดูดซึมสังกะสีในโปรตีนจากสัตว์นั้น มีคุณค่าสูงกว่าจากพืช ยังไงก็ลองเลือกรับประทานตามความเหมาะสม (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 18 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
นายกฯ ย้ำเด็ดขาดห้ามวัคซีนหวัดนก
สถานการณ์การเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดนกรอบสองในไทย ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 18 ก.ย. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการ "นายกฯทักษิณคุยกับประชาชน" ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยและเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ ถึงสถานการณ์การแก้ไขปัญหาไข้หวัดนก ว่า ได้มอบหมายให้นายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี เชิญทุกฝ่ายมาพูดกันถึงว่าควรจะใช้วัคซีนในไก่หรือไม่ จากการหารือเห็นว่ายังไม่อนุญาตให้ใช้วัคซีนในสัตว์ปีกทุกชนิดในประเทศไทย แต่จะสนับสนุนการศึกษาทดลองการผลิตวัคซีนไข้หวัดนกในห้องปฏิบัติการ ภายใต้มาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพ อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีฝนตก ผู้ที่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงต่อโรคก็ควรระมัดระวัง หากเป็นไข้ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรีบรักษาต่อไป (ไทยรัฐ อาทิตย์ที่ 19ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)
KMUTT
Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215
|
|
|