หัวข้อข่าวปีที่ 5 ฉบับที่ 39 ประจำวันที่ 2004-09-27

ข่าวการศึกษา

พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ สร้างความภูมิใจในความเป็นไทย
มอบ 100 ทุนนักนิติวิทยาศาสตร์
"สุรพล" นั่งอธิการฯ มธ.
มหิดลเปิดตัวอาจารย์ดีเด่นแห่งปี
ครูทักษิณสอนนิสิต ไม่ให้ยึดติดปริญญา
เด็กไทยสร้างชื่ออีกคว้าเหรียญทอง ศิลปะเด็กนานาชาติที่ฟินแลนด์
นำร่องแอดมิชชั่นงดเงื่อนไขพิเศษ
นักศึกษาบุกสภาค้าน ม.นอกระบบ ชี้กฎหมายเอื้อมาเฟียหาประโยชน์
จับมือคณะแพทย์ยกเครื่องปั๊มหมอ
เว็บไซต์ไทยกู๊ดวิว ขุมทรัพย์ทางวิชาการสำหรับครูและนักเรียนไทย
ก.วิทย์ใช้ค่ายวิทยาศาสตร์ ปั้น นศ.เป็นนักซอฟต์แวร์ป้อนตลาดแรงงาน
แข่งสร้างหอคอยจากไม้ไอศกรีม ม.ศรีปทุมปั้นนักประดิษฐ์รุ่นใหม่

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

ประดิษฐ์อุปกรณ์ประหยัดน้ำมัน แบบไม่ต้องดัดแปลงเครื่องยนต์
เอาใจขาเมาท์ชอบจ้อโทร.มือถือ ปีหน้าได้ใช้แน่บินไปคุยไป
ชิงแชมป์ ร่อนกระดาษปูพื้นฐานเด็กไทยก้าวสู่นักบินจิ๋ว
งัด ก.ม.อาญาคุมจีเอ็มโอสู่สิ่งแวดล้อม ชี้ผู้ก่อมลภาวะต้องจ่ายค่าเสียหาย
องค์การนาซาให้สัญญา อีกสามสิบปีจะไปดาวอังคาร
ไทยเจ๋งคิดค้นมือถือสำหรับรถยนต์โทร แจ้งเจ้าของทันทีถูกโจรกรรม แถมระบุพิกัดแม่นยำ
ตัวขัดขวางการท่องอวกาศอยู่ไม่ไกล "นาฬิกาชีวภาพ" ในตัวคนเป็นตัวถ่วง
โปรแกรมพฤติกรรมนักท่องเที่ยวของสวิส
ไทยเตรียมเข้าสมาชิกองค์การอวกาศแห่งเอเชีย หนุนรับเทคโนโลยีดาวเทียม รองรับแผนแม่บทอวกาศ
ไทยจัดโซนนิ่งปลูกสมุนไพรทดแทนนำเข้าจากจีน

ข่าววิจัย/พัฒนา

สวทช.เปิดตัวหุ่นดำน้ำผู้ช่วย "นักวิทย์ขั้วโลกใต้
ไคโตซาน...อีกทางเลือกของเกษตรกร
แพทย์หนุน 'วิศวกรรมมนุษย์' ยื้อชีวิตคนไข้
เมาส์สั่งงานด้วยจมูก ช่วยคนพิการใช้คอมพ์สะดวก
พัฒนาตัวประสานแคลเซียม ช่วยผู้ป่วยผ่ากระดูกสันหลัง
นักวิจัยค้นพบใช้ยีนหมูรักษาโรคเลือดออกง่าย
นักกีฬาหญิงเสี่ยงสูงเป็นหมัน เหตุซ้อมหนัก ทำร่างกายเครียด
ญี่ปุ่นโชว์วิธีใหม่รักษาตาฟาง
สะกิดผู้ชายคอกาแฟแก่จัดเสี่ยงกับมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
เนคเทคผลิตชุดตรวจคุณภาพน้ำมือถือ ขนาดกระเป๋า พกสะดวก เหมาะตรวจวัดน้ำที่บำบัดแล้ว
ธุรกิจขายตรงผุดสถาบันวิจัยวิจัยโรคอ้วน
ออสซี่สกัดสาหร่ายทะเล พบสารมหัศจรรย์ต้านมะเร็ง
ดอกชบามีฤทธิ์ ขจัดไขมันร้าย ช่วยรักษาหัว
แสดงหุ่นยนต์ไทยใต้น้ำสำรวจโลกถวาย "ในหลวง"
เครื่องบริการไปรษณีย์อัตโนมัติ ฝากส่งพัสดุภัณฑ์ไม่พึ่งเจ้าหน้าที่
สวทช.พัฒนาเทคนิคหล่อแม่พิมพ์อะลูมิเนียม ช่วยเอกชนลดชิ้นงานเสีย ประหยัดต้นทุนร่วมล้านบาท/เดือน
นักวิทย์ไทยสังเคราะห์วัสดุใหม่ ทำกระดูกเทียมช่วยรักษาคนไข้
หุ่นยนต์แปลงร่างอัตโนมัติ สอดคล้องลักษณะภูมิประเทศ
นักวิจัยดึงผักโขมผลิตเซลล์เชื้อเพลิง
ฝรั่งเศสคิดค้นฟิล์มมหัศจรรย์ เร่งผักผลไม้ให้ผลผลิตนอกฤดู
ปตท.ชูนวัตกรรมเพิ่มมูลค่าก๊าซธรรมชาติ เปลี่ยนพลังงานเหลือทิ้งเป็นน้ำเย็นคลายร้อน

ข่าวทั่วไป

หน่วยงานของยูเอ็นเตือนนับวันภัยธรรมชาติยิ่งมากขึ้น
5ศิลปินรับประทานรางวัล
แนะจัดตั้งสมาคมพิพิธภัณฑ์ไทย
เคล็ดลับคว้า “3รางวัลยูเนสโก” อีกความสำเร็จเทศบาลนครยะลา
'กร'ดึง3แบงก์พันธมิตรสร้างนวัตกรรม เล็งปล่อยกู้ 2 พันล้าน หนุนเอสเอ็มอีทำสินค้าแปลกใหม่
กินอยู่อย่างไรให้ห่างไกลจีเอ็มโอ
กรุงเทพฯติดอันดับ 4 เมืองน่าเที่ยว
"ฮู"ชี้ยาเสพติดตัวกระตุ้นเอดส์





ข่าวการศึกษา


พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ สร้างความภูมิใจในความเป็นไทย

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการนโยบาย บริหารพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) การสนับสนุนสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ กับนายกนก อภิรดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บ.การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ประธานอนุกรรมการด้านบริหาร จัดการพิพิธภัณฑ์ฯ โครงการจัดตั้งสถาบันฯมีระยะเวลาดำเนินการรวม 5 ปี ตั้งแต่ปีพ.ศ.2547-2551 ขณะนี้อยู่ในระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ ในการใช้อาคารเก่าบริเวณ เกาะรัตนโกสินทร์เป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ ได้แก่ อาคารกระทรวงกลาโหม, กรมแผนที่ทหาร กรมการรักษาดินแดน, อาคารองค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น โดยหวังให้เป็นพิพิธภัณฑ์ในระดับชั้นนำ ของภูมิภาคเอเชียและของโลก รวมทั้งเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ และศูนย์กลางของอารยธรรมการเรียนรู้อุษาคเนย์ สถาบันฯจะทำหน้าที่ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์อีก 4 แห่งคือ พิพิธภัณฑ์ประวัติธรรมชาติของอุษาคเนย์, พิพิธภัณฑ์ผู้คนและดินแดนในอุษาคเนย์, พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ประเทศไทย และพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับสังคม โดยมีบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ให้การสนับสนุนหลักด้านการเงินปีละ 10 ล้านบาท และสนับสนุนตั๋วเครื่องบิน ในการเดินทางเกี่ยวกับการดำเนินการและจัดตั้งอีกปีละ 10 ล้านบาท รวมระยะเวลา 3 ปี คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 60 ล้านบาท (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 20 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





มอบ 100 ทุนนักนิติวิทยาศาสตร์

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “นายกฯ ทักษิณ คุยกับประชาชน” ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ขอรับการสนับสนุนให้ทุนทางวิทยาศาสตร์ เพราะเนื่องจากต้องการนักนิติวิทยาศาสตร์มาก เพราะนักวิทยาศาสตร์เงินเดือนแพง ถ้าไปอยู่กับภาคเอกชนก็มักจะไม่มีใครอยากเป็นตำรวจ จึงมีการเสนอขอให้มีทุน แยกเป็นสาขาเคมี 10 ทุน ฟิสิกส์ 5 ทุน ชีววิทยา 5 ทุน ทุนเป็นเวลา 5 ปี รวมทั้งสิ้น 100 ทุน ซึ่งรัฐบาลอนุมัติแล้ว เนื่องจากต้องการให้ความเป็นธรรมในสังคม โดยใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์อย่างถูกต้อง ดังนั้น จะต้องมีคนที่รู้ให้เรื่องนี้จริงเข้ามาทำงาน (ผู้จัดการออนไลน์ เสาร์ที่ 18 ก.ย. 47 http://www.manager.co.th)





"สุรพล" นั่งอธิการฯ มธ.

เมื่อวันที่ 20 ก.ย. เวลา 14.00 น. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการประชุมสภามหาวิทยาลัย เพื่อ พิจารณาผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์คนใหม่ โดยใช้เวลาประชุมเพื่อพิจารณา นานกว่า 3 ชั่วโมง ภายหลังการประชุม ศ.ดร.พนัส สิมะเสถียร นายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า สภามหาวิทยาลัยได้ให้ความเห็นชอบให้ ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์คนต่อไป ด้วยคะแนนเสียง 25 คะแนน งดออกเสียง 3 และบัตรเสีย 1 โดยสภามหาวิทยาลัยจะทำเรื่องถึงกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเสนอเรื่องโปรดเกล้าฯแต่งตั้งต่อไป (ไทยรัฐ อังคารที่ 21 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





มหิดลเปิดตัวอาจารย์ดีเด่นแห่งปี

ผศ.ธวัชชัย พีรพัฒน์ดิษฐ์ ประธานสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ที่ประชุมประธานสภาอาจารย์ มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ปอมท.) ในการพิจารณาคัดเลือกอาจารย์ดีเด่นแห่งประชาติ ประจำปี 2546 โดยได้พิจารณายกย่องให้ ศ.ดร.ประพนธ์ วิไลรัตน์ คณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล เป็นอาจารย์ดีเด่นฯ สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และรศ.ณรงค์ชัย ปิฎกรัชต์ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล เป็นอาจารย์ดีเด่นฯ สาขามนุษยศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์ ซึ่งเข้ารับรางวัลจากนายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี ไปเมื่อเร็วๆ นี้ โดย ศ.ดร.ประพนธ์ วิไลรัตน์ อาจารย์ดีเด่นฯ สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำเร็จปริญญาเอก สาขาวิชาชีวเคมี จากม.โอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยทุนมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ ระดับ 10 และหัวหน้าภาควิชาชีวเคมีคณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล มีผลงานวิจัยที่สำคัญคือ งานวิจัยชีวเคมีของเชื้อมาลาเรียชนิด Plasmodium falciparum และพยาธิสรีระของโรคธาลัสซีเมีย โดยได้รับการตีพิมพ์ในวารสารระดับนานาชาติจำนวน 123 เรื่อง เคยได้รับทุนพัฒนานักวิจัย (เมธีวิจัยอาวุโส) จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย และรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นประจำปี พ.ศ.2540 จากมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ ส่วนรศ.ณรงค์ชัย ปิฎกรัชต์ อาจารย์ดีเด่นฯ สาขามนุษยศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ ระดับ 9 และรอง ผอ.วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล เป็นบุคคลสำคัญในการจัดการด้านหลักสูตรสาขาวิชาดนตรี ของม.มหิดล นอกจากนี้มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ทั้งในวารสารวิชาการในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งได้สร้างผลงานเผยแพร่ความรู้ด้านดนตรี เพื่อส่งเสริมอนุรักษ์และพัฒนาดนตรี อาทิงานเขียนในสารานุกรมวัฒนกรรมภาคกลาง ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นองค์ประธานที่ปรึกษา และงานประพันธ์ทำนองเพลงกาญจนภูมินทร์ เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดชมหาราช เนื่องในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เป็นต้น (สยามรัฐ 21 ก.ย. 47 http://www.siamrath.co.th)





ครูทักษิณสอนนิสิต ไม่ให้ยึดติดปริญญา

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้บรรยายพิเศษปัญหาสังคม ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตามคำเชิญของนางงามทิพย์ สัตย์สงวน คณบดีคณะรัฐศาสตร์ เพื่อบรรยายพิเศษ ในวิชาความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับสังคม รหัสวิชา 2400103 ให้นิสิตคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 ซึ่งมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง บุตรสาวคนเล็ก เข้าร่วมรับฟังด้วย บรรยายถึงความสำคัญของวิชาอาชญากรรม วิชารัฐศาสตร์ และกฎหมายว่า ก่อนที่จะมีกฎหมายใช้ในปัจจุบัน แต่เดิมนั้น มนุษย์ได้ให้ความเชื่อถือ ในเรื่องเทพเจ้า และใช้ประโยชน์จากความเชื่อที่เกิดจากเทพเจ้ามาสร้างกฎหมาย และกฎเกณฑ์ต่างๆ ขึ้นในสังคม ส่วนในเรื่องการเรียนนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า นิสิตไม่ควรเรียนโดยเน้นท่องจำ แต่ควรจะจับหลักสาระของแต่ละวิชาให้ได้ เพราะการท่องจำไม่นานก็ลืม โดยครู อาจารย์ และครอบครัว ควรจะช่วยทำให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ ให้เด็กรู้สึกสนุกกับการเรียน ในโลกสมัยใหม่นิสิตต้องใฝ่เรียน ใครเรียนรู้มากก็จะมีโอกาสมาก หรืออย่างการเรียนโดยใช้อินเทอร์เน็ต หากใช้อย่างสร้างสรรค์ก็จะมีข้อมูลมากมายที่เป็นประโยชน์ ซึ่งตรงนี้ก็มีทั้งผลดีและผลเสีย และเด็กมีปัญหาให้ปรึกษาพ่อ-แม่ ปริญญาอย่างเดียวไม่พอ ต้องสติปัญญาดีด้วย (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 21 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





เด็กไทยสร้างชื่ออีกคว้าเหรียญทอง ศิลปะเด็กนานาชาติที่ฟินแลนด์

ตามที่กระทรวงศึกษาธิการฟินแลนด์ร่วมกับสมาคมศิลปินฟินแลนด์ มูลนิธิสถาบันศิลปะแห่งฟินแลนด์ ศูนย์ภาพยนตร์และโทรทัศน์เพื่อการศึกษา สมาคมครูศิลปะสิ่งพิมพ์และมหาวิทยาลัยอุตสาหกรรมศิลป์ จัด "นิทรรศการศิลปะเด็กและเยาวชนนานาชาติ ครั้งที่ 12 ปี 2547 ในหัวข้อ ชีวิตประจำวัน ที่เมืองไฮวิงกา กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์นั้น เด็กหญิงกัญญ์ สมบัติศิริ นักเรียนชั้น ป.4 และเด็กหญิงบุญราศี ธีรเนตร นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนจิตรลดาและสมาชิกชมรมบ้านศิลปะเด็กกรุงเทพฯ ลูกศิษย์อาจารย์สังคม ทองมี สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศด้วยการคว้ารางวัลเกียรตินิยมเหรียญทองมาครอง การแข่งขันศิลปะเด็กนานาชาติที่ฟินแลนด์มีประเทศต่างๆ เข้าแข่งขัน 74ประเทศและมีผลงานศิลปะส่งเข้าร่วมประกวดทั้งสิ้น 12,000 ภาพ โดยเด็กไทยสามรถคว้ารางวัลเหรียญทอง 2 รางวัล และได้รับรางวัลเกียรติยศอีก 10 รางวัล ซึ่งผู้ชนะเลิศเหรียญทองทั้ง 2 คนจะได้รับคัดเลือกให้เป็นเยาวชนดีเด่นผู้มีความสามารถสร้างชื่อเสียงมาสู่ประเทศด้านศิลปะประเภทจิตรกรรม โดยจะเข้ารับโล่เกียรติยศและใบประกาศเกียรติคุณจากนายกรัฐมนตรีในงานวันเด็กแห่งชาติปี 2548 (มติชนรายวัน พุธที่ 22 ก.ย. 47 http://www.matichon.co.th)





นำร่องแอดมิชชั่นงดเงื่อนไขพิเศษ

เมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ประธานคณะทำงานแอดมิชชั่น ของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือเรื่อง "ระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษาหรือแอดมิชชั่น ปีการศึกษา 2548" ว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปสัดส่วนและองค์ประกอบที่จะนำมาใช้ในมหาวิทยาลัย ที่ร่วมโครงการนำร่องระบบแอดมิชชั่นในปีการศึกษา 2548 ดังนี้ คะแนนเฉลี่ยสะสมม.ปลายหรือจีพีเอ ใช้ในสัดส่วน 25% ผลการเรียนเป็นรายวิชา สัดส่วน 25% และคะแนนสอบวัดความรู้ เดือน ต.ค.ไม่เกิน 3 วิชา สัดส่วน 50% โดยมหาวิทยาลัยที่เข้าโครงการนำร่องฯ ตกลงร่วมกันว่าจะใชั้องค์ประกอบและสัดส่วนดังกล่าวที่เท่ากันทั้งหมด ไม่มีเงื่อนไขใดๆในการคัดเลือกเพิ่มเติม สำหรับนักเรียนจะต้องไม่เป็นนักเรียนจากสายอาชีวศึกษา และสำนักบริหารการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) เนื่องจากนักเรียนกลุ่มดังกล่าวจะต้องมาแปลงค่าจีพีเอ ทั้งนี้สาเหตุที่ให้สัดส่วนคะแนนจากโรงเรียนถึง 50% เพื่อเปรียบเทียบความสัมพันธ์ของคะแนนจากโรงเรียนกับคะแนนสอบวัดความรู้ หากคะแนนสัมพันธ์กันสูง ในปี 2549 อาจจะเพิ่มค่าจีพีเอสูงขึ้นเช่นกัน และจากข้อตกลงดังกล่าว ทำให้มหาวิทยาลัยหลายแห่งขอกลับไปทบทวนอีกครั้งว่า จะเข้าร่วมโครงการนำร่องแอดมิชชั่นในปี 2548 หรือไม่ อาทิ ม.สงขลานครินทร์ ม.บูรพา เนื่องจากมหาวิทยาลัยต้องการกำหนดเงื่อนไขพิเศษเพิ่มเติมในการคัดเลือกเด็ก เช่น การกำหนดคะแนนสอบวัดความรู้ขั้นต่ำของแต่ละวิชา เป็นต้น เพื่อมหาวิทยาลัยจะได้เด็กตรงกับความต้องการมากที่สุด สำหรับยอดการรับนั้น มหาวิทยาลัยรัฐรับ 4,300 คน และมหาวิทยาลัยเอกชนรับ 8,395 คน รวม 12,695 คน ศ.ดร.อุทุมพร กล่าวต่อว่า สำหรับการรับสมัครนั้น ที่ประชุมยึดหลักการว่า จะต้องอำนวยความสะดวกกับผู้สมัครมากที่สุด โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยในการรับ (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 23 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





นักศึกษาบุกสภาค้าน ม.นอกระบบ ชี้กฎหมายเอื้อมาเฟียหาประโยชน์

เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ที่บริเวณหน้าอาคารรัฐสภา ตัวแทนจากสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ประมาณ 100 คน นำโดยนายอนุชา อุ้ยเส้ง เลขาธิการ สนนท. พร้อมตัวแทนนิสิตนักศึกษามาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยมหิดล และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ชุมนุมประท้วงเพื่อคัดค้านการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐทั้ง 8 แห่ง ที่จะมีการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร จากนั้นนายอนุชาได้ยื่นหนังสือต่อนายอุทัย พิมพ์ใจชน ประธานรัฐสภา เพื่อขอให้ยกเลิกร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ซึ่งที่ปรึกษาสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับหนังสือแทน นายอนุชา กล่าวว่า ข้อเรียกร้องที่ยื่นไปครั้งนี้ เพื่อขอให้ยกเลิกร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ และขอคัดค้านการพิจารณาในชั้นสภาผู้แทนราษฎร เพราะที่มาของร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ แต่ละมหาวิทยาลัย ไม่เป็นไปตามหลักการทำประชาพิจารณ์ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และที่ผ่านมา รัฐบาลพยายามยึดมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 27 มกราคม 2541 เพื่อให้มหาวิทยาลัยออกนอกระบบ เพราะรัฐต้องการจะผลักภาระค่าใช้จ่ายให้นักศึกษา ทั้งเป็นการให้อำนาจของมหาวิทยาลัยในการดำเนินการบริหารงานบุคคล การบริหารงบประมาณและการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างภายในมหาวิทยาลัยอย่างมีอิสระ ซึ่งอาจเป็นการเอื้อต่อการแสวงหาผลประโยชน์แบบเครือข่ายผลประโยชน์ภายในมหาวิทยาลัย ดังนั้น ทาง สนนท.จะรวมตัวกับนิสิตนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อเคลื่อนไหวเรียกร้องเรื่องนี้ต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 23 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





จับมือคณะแพทย์ยกเครื่องปั๊มหมอ

รศ.ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยว่า จากการที่เดินทางไปราชการประเทศในแถบตะวันออกกลาง อาทิ ประเทศโอมาน พบว่า ประเทศเหล่านี้ให้ความเชื่อถือในการรักษาของแพทย์ไทยมาก โดยมีคู่สัญญากับโรงพยาบาลไทย ที่จัดส่งตำรวจโอมานมารักษาในประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการแพทย์ของไทย รวมไปถึงประเทศอื่นๆอีกหลายประเทศ ที่ประชาชนนิยมเดินทางมารักษาพยาบาลในประเทศไทย ตนจึงได้หารือกับนายสุธรรม แสงประทุม รมช.ศึกษาธิการ เกี่ยวกับการผลิตแพทย์ของประเทศ ซึ่งกำลังมีการทบทวนการผลิตแพทย์ และปรับหลักสูตรการเรียนการสอนของคณะแพทยศาสตร์ เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลในการที่จะให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของภูมิภาค โดยในหลักการเบื้องต้นจะให้คณะแพทยศาสตร์เดิมที่มีอยู่ พัฒนาวิชาการทางแพทย์ในระดับสูง ที่สอดคล้องกับความ ต้องการของประเทศ และอาจเปิดโอกาสให้คนต่าง ประเทศได้เข้ามาศึกษาด้วย ในส่วนของการผลิตแพทย์เพื่อมวลชนหรือในแพทย์ระดับปฐมภูมิ ซึ่งเป็นความร่วมมือของสกอ. ในการผลิตแพทย์ให้ โรงพยาบาลต่างๆในสังกัดกระทวงสาธารณสุข ซึ่งคณะแพทย์ต่างๆที่มีอยู่ก็ดำเนินการผลิตอยู่ และขณะนี้ก็ได้มีการเตรียมการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์เพิ่มขึ้นใหม่อีก 5 มหาวิทยาลัย ได้แก่ ม.เทคโนโลยีสุรนารี ม.มหาสารคาม ม.บูรพา ม.อุบลราชธานี ม.วลัยลักษณ์ ก็จะสนับสนุนให้มีการจัดตั้งเครือข่ายเพื่อผลิตแพทย์ในระดับปฐมภูมิ สนองความต้องการของประเทศ ซึ่งเรื่องนี้จะหารือกับคณะแพทยศาสตร์ต่างๆต่อไป (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 24 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





เว็บไซต์ไทยกู๊ดวิว ขุมทรัพย์ทางวิชาการสำหรับครูและนักเรียนไทย

เว็บไซต์ไทยกู๊ดวิว มีอาจารย์พูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย วิทยากรแกนนำ สาขาคอมพิวเตอร์ ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ทำหน้าที่เป็นเว็บมาสเตอร์ ซึ่งเกิดจากความต้องการให้ครูคอมพิวเตอร์และนักเรียนระดับมัธยมศึกษา มีพื้นที่แสดงผลงานติดต่อสื่อสาร เพิ่มเติมความรู้ ข่าวสารและสาระต่างๆ ปัจจุบันข้อมูลใน thaigoodview มีประโยชน์ต่อการศึกษาทุกระดับ และที่สำคัญคือเว็บไซต์นี้อัพเดททุกวันเพื่อให้ข้อมูลเนื้อหาทันสมัยน่าติดตามเสนอในเว็บไซต์ประกอบไปด้วย ตัวอย่างสื่อการสอนของครูหลากหลายวิชาจากทั่วประเทศ สาระการเรียนรู้สำหรับนักเรียน คลังข้อมูล คลังข้อสอบต่างๆ พร้อมกับประมวลกิจกรรมที่น่าสนใจ ซึ่งจัดได้ว่าเป็นขุมทรัพย์ทางวิชาการสำหรับครูและนักเรียนก็ว่าได้ สนใจคลิกไปที่ www thaigoodview.com (สยามรัฐ ศุกร์ที่ 24 ก.ย. 47 http://www.siamrath.co.th)





ก.วิทย์ใช้ค่ายวิทยาศาสตร์ ปั้น นศ.เป็นนักซอฟต์แวร์ป้อนตลาดแรงงาน

นายกร ทัพพะรังสี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวตอนหนึ่งในพิธีเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการร่วมกับภาคเอกชน เรื่อง "ความร่วมมือด้านการพัฒนานักซอฟต์แวร์ของไทย : จากแนวคิดสู่ธุรกิจ" ที่ห้องประชุมสถาบันวิชาการ บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ถ.งามวงศ์วาน เมื่อเร็วๆ นี้ว่า นักซอฟต์แวร์มีความจำเป็นมากสำหรับประเทศไทย เพราะจะช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขันให้มากขึ้นได้ ขณะนี้ไทยเก่งด้านฮาร์ดแวร์มาก แต่อ่อนมากในด้านซอฟต์แวร์เช่นกัน ดังนั้น กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะสนับสนุนการนำเทคโนโลยี ไอที รวมถึงวางระบบการผลิต เพื่อลดต้นทุนการผลิต จะได้ยกระดับคนไทยให้สามารถแข่งขันระดับนานาชาติได้ ขณะเดียวกันจะต้องเร่งสร้างบุคลากรด้านซอฟต์แวร์ให้เก่งมากๆ เนื่องจากพบว่าผู้บริหารบริษัทใหญ่ด้านอุตสาหกรรมยานยนต์และไฟฟ้าไม่ค่อยจะใส่ใจกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ และบุคลากรที่เป็นคนไทย จะต้องรอคำสั่งจากบริษัทแม่ก่อน ด้าน ผศ.ดร.นำยุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะทำให้รู้ถึงความต้องการที่แท้จริงของตลาดแรงงานและนำไปสู่ปรับหลักสูตรให้สอดคล้องกับการผลิตบัณฑิต และการสร้างคนเข้าสู่งานตามแนวทางที่ถูกต้อง ขณะนี้นักซอฟต์แวร์เป็นที่ต้องการของทุกสาขาอาชีพ ไม่เฉพาะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ในด้านคหกรรมศาสตร์ ศิลปะ หรือด้านการเกษตรก็ต้องการมากเช่นกัน เพื่อนำไปพัฒนางาน จัดรูปแบบให้เกิดความสะดวกในการปฏิบัติมากขึ้น (คมชัดลึก อาทิตย์ที่ 26 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)





แข่งสร้างหอคอยจากไม้ไอศกรีม ม.ศรีปทุมปั้นนักประดิษฐ์รุ่นใหม่

รศ.ดร.ณรงค์ อยู่ถนอม คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม เปิดเผยว่า คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา มีนโยบายในการส่งเสริมบริหารวิชาการเพื่อถ่ายทอดความรู้เชิงวิศวกรรมสู่สังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่นักเรียนนักศึกษาที่สนใจในวิชาชีพวิศวกรรม จึงได้จัดโครงการแข่งขันสร้าง "หอคอยจากแท่งไม้ไอศกรีม" เพื่อสร้างนักประดิษฐ์ทางวิศวกรรมรุ่นใหม่ขึ้น เพื่อให้นักเรียนนักศึกษาได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์เชิงวิศวกรรม เกิดการเรียนรู้ ฝึกฝนทักษะการนำเสนอผลงานต่อสาธารณชน และเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนนักศึกษาต่างสถาบันที่เข้าร่วมการแข่งขัน ในส่วนของกติกาการแข่งขันนั้น ต้องเป็นนักศึกษาในระดับมัธยมศึกษาและระดับอาชีวศึกษา ทีมละไม่เกิน 3 คน โดยมีการแข่งขัน 2 รอบ คณะกรรมการจะคัดให้เหลือ 20 ทีม จากการส่งภาพสเกตช์ และแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ นักเรียนนักศึกษาผู้ที่สนใจ ติดต่อขอรับใบสมัครพร้อมส่งภาพสเกตช์หอคอยที่วางแผนจะสร้างได้ ภายในวันที่ 15 ต.ค. ที่ อาจารย์คมวุธ วิศวไพศาล ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ศรีปทุม บางเขน หรือสอบถามรายได้ที่ โทร.0-2547-1111 ต่อ 2171, 2153 (คมชัดลึก อาทิตย์ที่ 26 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


ประดิษฐ์อุปกรณ์ประหยัดน้ำมัน แบบไม่ต้องดัดแปลงเครื่องยนต์

นายกนกศักดิ์ สุทธิบุตร วิศวกรชาวไทย เปิดเผยว่า ได้ทำวิจัยร่วมกับวิศวกรเยอรมัน เกี่ยวกับอุปกรณ์ช่วยประหยัดน้ำมัน โดยอุปกรณ์ชิ้นนี้สามารถประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 20 เปอร์เซ็นต์ สำหรับหลักการทำงานของอุปกรณ์ชิ้นนี้ ได้พิจารณาว่าปกติการทำงานของเครื่องยนต์ ขณะรถวิ่ง นอกจากต้องใช้กำลังในการขับเคลื่อนรถยนต์ แล้ว ยังต้องใช้กำลังอีกส่วนหนึ่งในการฉุดหมุนอุปกรณ์ ต่างๆ เช่น เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ปั้มน้ำ คอมเพรสเซอร์แอร์ ปั๊มน้ำมันเพาเวอร์ และระบบส่งถ่ายกำลังเครื่องยนต์ (เกียร์) ในขณะที่อุปกรณ์เหล่านี้ หมุนจะเกิดสนามแม่เหล็กเหนี่ยวนำขึ้นที่บริเวณจุดหมุนของอุปกรณ์ดังกล่าว ทำให้การหมุนเกิดภาระน้ำหนักหน่วง (load) เครื่องยนต์จึงต้องสูญเสียกำลังส่วนหนึ่งในการหมุนภาระน้ำหนักหน่วงส่วนนี้ ซึ่งกำลังดังกล่าวได้จากการจุดระเบิดเผาไหม้น้ำมันเชื้อเพลิงภายในเครื่องยนต์ ทีมวิศวกรจึงได้คิดค้นอุปกรณ์การเกิดสนามแม่เหล็ก ที่ทำให้เกิดภาระน้ำหนักหน่วงที่จุดหมุนของอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ส่วนนี้ส่งผลให้เบาแรงการฉุดหมุนของเครื่องยนต์ลง ทำให้รถมีอัตราเร่งดีขึ้น ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ทั้งดีเซลและเบนซิน (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 20 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





เอาใจขาเมาท์ชอบจ้อโทร.มือถือ ปีหน้าได้ใช้แน่บินไปคุยไป

ผู้โดยสารเครื่องบินจะได้มีโอกาสใช้โทรศัพท์มือถือได้อย่าง สะดวก จากการทดลองตรวจสอบมาเป็นเวลา 2 ปี พบว่าการใช้โทรศัพท์มือถือบนเครื่องบินไม่ รบกวนระบบนำร่องของเครื่องบิน ทั้งนี้ ผู้ผลิตเครื่องบิน "แอร์บัส" ซึ่งเป็นผู้ทำวิจัย แจ้งว่า เมื่อผลทดลองเป็นบวกเช่นนี้ ก็จึงเป็นผลเท่ากับปูทางให้มีการใช้โทรศัพท์มือถือบนเครื่องบินได้ กว้างขวางขึ้น ในส่วนของแอร์บัสเองคาดว่าจะให้ บริการเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือบนเครื่องบินได้ ในราวปี 2549 ก่อนหน้านี้ สายการบินหลายแห่งห้ามใช้ โทรศัพท์มือถือระหว่างเครื่องบินขึ้น ระหว่างการบินและตอนเครื่องร่อนลง เพราะเกรงว่าจะไปรบกวนการสื่อสารวิทยุสองทางของนักบิน แต่จากการทดลองบนเครื่องบินแอร์บัส เอ 320 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนับสนุนการวิจัยจากคณะกรรมการยุโรป ผลปรากฏว่าการใช้ โทรศัพท์มือถือบนเครื่องบินก็มีความปลอดภัยดี (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 20 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





ชิงแชมป์ ร่อนกระดาษปูพื้นฐานเด็กไทยก้าวสู่นักบินจิ๋ว

รศ.ดร.ปริทรรศน์ พันธุบรรยงก์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) เชิญชวนเยาวชนและประชาชนชาวไทยเข้าร่วมกิจกรรมแข่งขันเครื่องร่อนกระดาษชิงแชมป์แห่งประเทศไทย ในงานสัปดาห์วิทยาศาสต์และเทคโนโลยีแห่งชาติ 2547 (19-23 ต.ค. ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี) โดยหวังกระตุ้นทั้งเด็กและผู้ใหญ่หันมาสนใจวิทยาศาสตร์มากขึ้น โดยอาศัยหลักการที่ซ่อนอยู่ในวิธีการพับช่วยให้เกิดการเรียนรู้และใฝ่หาคำตอบ "การจัดแข่งเครื่องร่อน นอกจาก ความสนุกสนานเพลิดเพลินแล้ว ยังเป็นกลเม็ดที่เรานำเทคนิคเรียนปนเล่น มาใช้เพื่อจุดประกายความสนใจของเด็ก ให้รู้สึกว่าวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องใกล้ตัวอยู่ในชีวิตประจำวัน และเห็นว่าเป็นเรื่องสนุก รวมทั้งไม่จำเป็นต้องใช้เงินมาก เพียงกระดาษ 1 แผ่นก็ใช้ศึกษาวิทยาศาสตร์ได้ และเป็นการกระตุ้นให้กลับไปคิดหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อหาคำตอบทางวิทยาศาสตร์ในเรื่องอื่นต่อไป ด้านนายทาคุโอะ โทดะ นายกสมาคมพับเครื่องบินกระดาษแห่งประเทศญี่ปุ่น เจ้าของสถิติร่อนเครื่องบินกระดาษให้ลอยตัวบนอากาศนานที่สุดในโลก ซึ่งบันทึกลงในกินเนสส์บุ๊ค จะมาร่วมถ่ายทอดวิธีการพับและสาธิตเทคนิคการร่อนให้ผู้ชมในงาน "การออกแบบเครื่องบินกระดาษจะเหมือนกับเครื่องบินของจริง คือต้องวางตำแหน่งของปีกโดยคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และวิชาอื่นๆ อีกมากมาย ที่สำคัญคือการพับเครื่องบินกระดาษถือเป็นแนวทางการออกแบบสร้างเครื่องบินในอนาคตได้" นายโทดะ กล่าว ส่วนการแข่งขันเครื่องร่อนกระดาษในครั้งนี้ จะใช้กระดาษขนาดเอ 5 (กระดาษขนาดเอ 4 พับครึ่ง) พับเป็นเครื่องบินโดยไม่ใช้กรรไกร กาว หรือเทปใดๆ ทั้งสิ้น ในรอบคัดเลือกเครื่องบินต้องบินอยู่กลางอากาศอย่างน้อย 6 วินาที และในรอบชิงชนะเลิศควรจะบินได้ 12 วินาทีขึ้นไป (คมชัดลึก จันทร์ที่ 20 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)





งัด ก.ม.อาญาคุมจีเอ็มโอสู่สิ่งแวดล้อม ชี้ผู้ก่อมลภาวะต้องจ่ายค่าเสียหาย

ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักวิจัยกฎหมายความปลอดภัยทางชีวภาพ กล่าวว่า จากการวิจัยพบว่าแม้ไทยจะมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางชีวภาพมากกว่า 10 ฉบับ แต่โดยเนื้อหาของกฎหมายกลับไม่ได้ครอบคลุม และกำกับดูแลสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม (จีเอ็มโอ) โดยตรง แม้ว่ากฎหมายบางฉบับจะปรับบทบัญญัติให้ใช้บังคับกับจีเอ็มโอได้ เช่น พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม 2535 พ.ร.บ.กักพืช 2507 เป็นต้น แต่กฎหมายเหล่านี้ก็ไม่ได้มีจุดประสงค์โดยตรงที่จะนำมา กำกับดูแลกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับจีเอ็มโอ ดังนั้น จึงทำให้เกิดช่องโหว่ของการบังคับใช้กฎหมาย โดยคิดว่าจำเป็นต้องมีกฎหมายที่ตราขึ้นเฉพาะเพื่อควบคุม และกำกับดูแลกิจกรรมที่เกี่ยวกับจีเอ็มโอที่ครอบคลุมสิ่งมีชีวิตทุกชนิด นักวิจัยกฎหมายความปลอดภัยทางชีวภาพกล่าวว่า เนื้อหาของกฎหมายความปลอดภัยทางชีวภาพของไทย ต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญ 10 เรื่องใหญ่ ตั้งแต่การให้คำนิยามศัพท์ต่างๆที่มีความสำคัญต่อการใช้กฎหมาย ข้อกำหนดเกี่ยวกับการขออนุญาต หรือการขอความรับรองในทุกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับจีเอ็มโอ นอกจากนี้ พ.ร.บ.ที่จะร่างขึ้นมาต้องครอบคลุมสิ่งมีชีวิต ดัดแปลงพันธุกรรมทุกชนิดทั้งจุลินทรีย์ พืช และสัตว์ รวมถึงผลิตภัณฑ์สืบเนื่อง รวมทั้งต้องมีมาตรการในการหารือกับประชาชนและการมีส่วนร่วมของสาธารณชน เช่น การให้ข้อมูลว่าจะมีการอนุญาตให้ปลดปล่อยจีเอ็มโอออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือการติดประกาศให้รู้ว่ามีการอนุญาตให้วางตลาดสินค้าจีเอ็มโอ เป็นต้น นอกจากนี้ต้องมีการกำหนดข้อบังคับในการประเมินความเสี่ยงในกฎหมาย การวางกรอบของกฎหมายต้องอยู่บนหลักการระมัดระวัง บทบัญญัติเกี่ยวกับการบ่งระบุและการติดฉลาก ที่สำคัญต้องมีข้อกำหนดเกี่ยวกับความรับผิดและการเยียวยา โดยเฉพาะการรับผิดนั้นต้องเด็ดขาดกับความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยอาจใช้หลักผู้ก่อมลภาวะต้องรับผิดชอบ และต้องไม่เพียงแค่บุคคล ทรัพย์สิน แต่ต้องรวมถึงความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัยพืช สัตว์และมนุษย์ด้วย ทั้งนี้ ต้องให้บุคคลทั่วไปสามารถฟ้องร้องเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม และต้องมีมาตรการในการดำเนินคดีทางอาญาเพื่อลงโทษผู้กระทำความผิด และละเว้นต่อการปฏิบัติหน้าที่ได้ ที่ผ่านมามีความพยายามในการร่างกฎหมายความปลอดภัยทางชีวภาพ แต่เนื่องจากความไม่ต่อเนื่องทางการเมืองและนโยบาย ทำให้การยกร่างกฎหมายยังไม่สำเร็จ (ไทยรัฐ อังคารที่ 21 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





องค์การนาซาให้สัญญา อีกสามสิบปีจะไปดาวอังคาร

หัวหน้าผู้รับผิดชอบภารกิจสำรวจผิวดาวอังคารเชื่อว่าการส่งคนไปลงบนดาวอังคาร จะเกิดขึ้นในอีก 20-30 ปีข้างหน้าแน่ ถ้าหากว่านักวิทยาศาสตร์หาน้ำบนดาวอังคารพบ อาร์เธอร์ ธอมพ์สัน ผู้จัดการสำรวจผิวดาวอังคาร กล่าวว่า ตามความคาดเดาของตนเชื่อว่าในอีก 20-30 ปีข้างหน้า จะมีโอกาสส่งคนขึ้นไปดาวอังคารได้ เนื่องจากขณะนี้หุ่นยนต์ สำรวจดาวอังคารทั้งสองตัว คือ สปิริท กับออพพอร์ตูนิตี้ พบหลักฐานเก่าแก่หลายชิ้นที่แสดงว่าครั้งหนึ่งที่นั่นเคยมีน้ำอยู่มากมาย ซึ่งนับเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักวิทยาศาสตร์ที่หวังว่าจะได้ มีโอกาสรู้จักกับสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคารต่อไป (ไทยรัฐ อังคารที่ 21 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





ไทยเจ๋งคิดค้นมือถือสำหรับรถยนต์โทร แจ้งเจ้าของทันทีถูกโจรกรรม แถมระบุพิกัดแม่นยำ

นายณรงค์ พวงสุวรรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอไรออน เทคโนโลยีส์ จำกัด ผู้ออกแบบและพัฒนา "วอยซ์ จีพีเอส" อุปกรณ์สำหรับติดตั้งในรถยนต์ เปิดเผยว่า อุปกรณ์ดังกล่าวมีประโยชน์ด้านการตรวจสอบการใช้งานรถยนต์ในธุรกิจขนส่งสินค้าว่าการเดินทางถึงจุดใด รถจอดอยู่กับที่หรือขับเคลื่อนอยู่ รวมถึงติดตามรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยวอยซ์ จีพีเอส จะรับสัญญาณจีพีเอสจากดาวเทียมในการระบุตำแหน่งที่อยู่ของรถยนต์เป็นพิกัด จากนั้นเจ้าของรถยนต์สามารถโทรศัพท์เข้าไปตรวจสอบพิกัดตำแหน่ง (ละติจูดและลองจิจูด) และตั้งระบบการทำงานได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ ในกรณีฉุกเฉินหรือรถยนต์ถูกโจรกรรม อุปกรณ์วอยซ์ จีพีเอส ซึ่งติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจสอบการเปิดปิดประตูรถยนต์ ถ้าประตูเปิดจะมีกระแสไฟ 12 โวลต์จ่ายมาที่อุปกรณ์ ส่งผลให้อุปกรณ์ทำงานโดยจะทำการโทรออกฉุกเฉินไปยังหมายเลขที่กำหนดไว้ หากหมายเลขแรกไม่มีการรับสาย จะโทรใหม่ไปยังหมายเลขที่สอง สลับไปจนกว่าจะรับสาย เพื่อแจ้งให้เจ้าของรถทราบว่ามีการเปิดประตูเกิดขึ้น พร้อมทั้งแจ้งว่าขณะนี้รถจอดอยู่หรือเคลื่อนที่อยู่ ณ ตำแหน่งพิกัดใด ด้วยความเร็วเท่าไร ขณะเดียวกัน เจ้าของรถสามารถสั่งงานรถจากระยะไกล โดยสามารถสั่งกดแตรได้อัตโนมัติเพื่อเรียกร้องความสนใจจากบุคคลรอบข้าง สำหรับอุปกรณ์วอยซ์ จีพีเอส ประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญคือ เครื่องรับสัญญาณจีพีเอสจากดาวเทียม เครื่องรับสัญญาณจีเอสเอ็ม ซึ่งรับสัญญาณจากโทรศัพท์มือถือ เครื่องบันทึกเสียงดิจิทัลสำหรับบันทึกคำพูด และเครื่องควบคุมหรือไมโครคอนโทรลเลอร์ สำหรับนำคำพูดที่บันทึกไว้มาเรียบเรียงตามคำสั่ง โดยในการทำงานของอุปกรณ์จะรับสัญญาณจีพีเอสจากดาวเทียน แล้วไมโครคอนโทรลเลอร์จะดึงสัญญาณที่รับได้มาตรวจสอบพิกัดตำแหน่ง จากนั้นอุปกรณ์จะดึงคำพูดจากเครื่องอัดเสียง แล้วตรวจสอบว่ามีการโทรศัพท์เข้ามาหรือไม่ ถ้ามีเข้ามาจะรับสายแล้วระบุข้อมูลตำแหน่งด้วยเสียงพูดเป็นพิกัด ซึ่งเจ้าของรถยนต์สามารถตรวจสอบพิกัดได้จากสมุดแผนที่แบบละเอียด หรือจากซอฟต์แวร์แผนที่ประเทศไทย ที่สามารถใส่พิกัดตำแหน่งลงไป หลังจากนั้นแผนที่พร้อมตำแหน่งที่อยู่จะปรากฏขึ้นมา ราคาวอยซ์ จีพีเอส น่าจะไม่เกิน 20,000 บาท ขณะนี้อยู่ระหว่างหาผู้ร่วมทุนหรือแหล่งทุนในการผลิตจำนวนมากเพื่อจำหน่าย (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 21 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ตัวขัดขวางการท่องอวกาศอยู่ไม่ไกล "นาฬิกาชีวภาพ" ในตัวคนเป็นตัวถ่วง

ทีมนักวิจัยของรัสเซล ฟอสเตอร์ แห่งวิทยาลัยอิมพีเรียล ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ กำลังศึกษาว่ามนุษย์อวกาศจะทำอย่างไรจึงจะจัดการกับตัวเองอย่างไร ขณะที่อยู่ห่างไกลจากโลก เพราะว่าจังหวะนาฬิกาชีวภาพในร่างกายมนุษย์นั้นเป็นสิ่งสำคัญ มันยุติทุกอย่างในเวลาหนึ่ง และประสานสิ่งต่างๆให้เกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสม ในขณะที่ร่างกายคนเราใช้วงรอบ 24 ชั่วโมง เป็นหนึ่งวัน แต่ดาวอังคาร 1 วัน มีเวลาที่ยาวกว่าโลกเรา 39 นาที ซึ่งเป็นการยากลำบากสำหรับมนุษย์เราในการปรับตัวให้เข้ากับวงจรนั้น ทีมวิจัยของอิมพีเรียลกำลังทำงานร่วมกับสถาบันวิจัย ชีวการแพทย์ในอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา กำลังพิเคราะห์ถึงผลกระทบของการเดินทาง ในอวกาศต่อพฤติกรรมการนอนของคนเรา ศ.ฟอสเตอร์แสดงความเห็นในที่ประชุมประจำปีด้านวิทยาศาสตร์ในเอ็กซ์เตอร์ ว่า ในขณะที่มีรายงานด้านเทคนิคถึงความยากลำบากของการทำงานในอวกาศ แต่กลับมีงานวิจัยด้านการแพทย์ และผลเกี่ยวข้องด้านสุขภาพต่อมนุษย์อวกาศที่จะประสบต่อไปน้อยมาก "ร่างกายมนุษย์คุ้นเคยกับวงรอบ 24 ชั่วโมง (เป็น 1 วัน) ซึ่งอาจจะเป็นการยากลำบากในการควบคุมสิ่งนี้ในอวกาศ" เพราะระดับแสงที่ต่ำในอวกาศนั้นทำให้ร่างกายไม่สามารถตั้งนาฬิกาในร่างกายได้ถูกต้อง และรบกวนแบบแผนการนอนได้ (ไทยรัฐ พุธที่ 22 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





โปรแกรมพฤติกรรมนักท่องเที่ยวของสวิส

ดร.ไค เนเกล (Dr.Kai Nagel) และทีมงาน ที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งสหพันธรัฐสวิส ที่ซูริก (Swiss Federal Institute oF Technology, Zurich) ได้สร้างแบบจำลองคอมพิวเตอร์ของเทือกเขาแอลป์ และ พยากรณ์นักท่องเที่ยวซึ่งอยู่ตามโรงแรมต่าง ๆ บริเวณรอบเชิงเขา นอกจากนี้ก็ยังได้เขียนโปรแกรมที่มีลักษณะของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวจำนวนมากมาเที่ยวเทือกเขาแอลป์แล้วพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเหล่านี้จะเป็นอย่างไร เส้นทางการเดินทางจากโรงแรมต่าง ๆ ในช่วงเช้า บ่าย เย็นมีนักท่องเที่ยวออกจากโรงแรมแวะจุดใดบ้าง ชมวิวทิวทัศน์กันอย่างไร ตามเส้นทางที่ขึ้นเทือกเขาแอลป์ได้หลายเส้นทาง รวมทั้งรถลอยฟ้า การเดินทางด้วยเท้า และการเดินทางด้วยสกีในฤดูหนาว พฤติกรรมเหล่านี้ก็จะถูกใส่เข้าในโปรแกรม พยากรณ์ดูว่าเส้นทางไหน บริเวณใดบนเทือกเขาที่คนแน่นมาก หรือแน่นจนเกินไปทำให้ไม่สนุกและไม่พอใจได้ โปรแกรมนี้รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ให้ความสนใจมาก โดยให้วิจัยเพื่อเข้าไปปรับปรุงวิวทิวทัศน์จริง ๆ ให้เทือกเขาแอลป์มีความสวยสดงดงาม มากขึ้นเพื่อจะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มา (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 23 ก.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)





ไทยเตรียมเข้าสมาชิกองค์การอวกาศแห่งเอเชีย หนุนรับเทคโนโลยีดาวเทียม รองรับแผนแม่บทอวกาศ

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบตามหลักการแสดงความจำนงเป็นภาคีและลงนามอนุสัญญาว่าด้วยองค์การความร่วมมือด้านอวกาศแห่งเอเชียแปซิฟิก (APSCO) ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอทีซี) เสนอ สำหรับการเข้าเป็นสมาชิกดังกล่าว จะทำให้ไทยได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีอวกาศจากประเทศที่มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาสถาบันวิชาการด้านอวกาศ และทำให้ไทยประหยัดเงินลงทุนพัฒนากิจการอวกาศ รวมทั้งได้รับความสะดวกในการใช้อุปกรณ์และบริการจาก APSCO เช่น ห้องทดลอง พร้อมทั้งเป็นการรองรับการพัฒนากิจการอวกาศตามแผนแม่บทด้านอวกาศของไทยที่อยู่ระหว่างการร่าง ทั้งเป็นโอกาสส่งเสริมการลงทุนและพัฒนาอุตสาหกรรมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร อุปกรณ์รับส่งสัญญาณดาวเทียม ไอซีทีพิจารณาแล้วว่า APSCO เป็นหน่วยงานอิสระที่มีอำนาจตามกฎหมายภายใต้ความร่วมมือพหุภาคีด้านอวกาศ และมีการทำงานคล้ายสำนักงานอวกาศยุโรปที่มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพ ผลตอบแทนที่เกิดกับอุตสาหกรรมอวกาศ พัฒนาการสื่อสาร อุตุนิยมวิทยา การทหาร การเมือง เศรษฐกิจ ขณะที่สิทธิบัตรที่เกิดขึ้นระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศของ APSCO จะเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศที่ต้องคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศที่คิดค้นขึ้น แต่ถ้าเป็นการคิดค้นร่วมกันของสมาชิกสิทธิบัตรจะเป็นของ APSCO ซึ่งไอซีทีในฐานะที่เป็นหน่วยงานรับผิดชอบได้กำหนดแนวทางดำเนินการเรื่องนี้ โดยมีคณะกรรมการพัฒนากิจการอวกาศ เพื่อกำหนดท่าทีเรื่องนี้ของไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 23 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ไทยจัดโซนนิ่งปลูกสมุนไพรทดแทนนำเข้าจากจีน

ภญ.เย็นจิตร เตชะดำรงสิน นักวิชาการประจำสถาบันการแพทย์ไทย-จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก บรรยายเรื่อง การพัฒนาสมุนไพรครบวงจร วันนี้ (22 ก.ย.) ว่า การรู้จักองค์ประกอบทางเคมีในสมุนไพรทำให้พัฒนาสมุนไพรได้อย่างครบวงจร การพัฒนาการแพทย์แผนไทยมีแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร 12 ชนิด ได้แก่ขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร กวาวเครือขาว กระชายดำ หม่อน กระเจี๊ยบแดง ชุมเห็ดเทศ ไพล บัวบก พริกไทย ส้มแขกและลูกประคบ แผนพัฒนาสมุนไพรเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่การปลูก การเก็บเกี่ยวการเก็บรักษาอย่างมีคุณภาพและการนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ต่อผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม การพัฒนาสมุนไพรอย่างครบวงจรต้องรู้จักตลาดว่าเป็นอย่างไรแหล่งผลิตวัตถุดิบ การเก็บรักษาวัตถุดิบ กระบวนการผลิตที่มีมาตรฐาน จีนเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าในการพัฒนาสมุนไพรมากอีกทั้งเป็นประเทศส่งออกสมุนไพรรายใหญ่ประเทศไทยนำเข้าสมุนไพรจากจีนค่อนข้างสูงโดยจีนควบคุมคุณภาพสมุนไพรด้วยการกำหนดพื้นที่ปลูกแต่ละชนิดหรือโซนนิ่ง เราศึกษาเรื่องนี้มาหลายปีกำลังจะลงมือปลูกสมุนไพรทดแทนการนำเข้าจากจีนด้วยระบบโซนนิ่ง คาดว่า ปี 2548 จะเริ่มปลูก ภญ.เย็นจิตร กล่าวด้วยว่า การโซนนิ่งปลูกสมุนไพรในประเทศไทยเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรฯ และสิ่งแวดล้อมและกระทรวงสาธารณสุข โดยกระทรวงเกษตรฯ สนับสนุนการปลูกกระทรวงทรัพยากรมีองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) มีที่ดินทั่วประเทศหรับคัดเลือกปลูกสมุนไพรแต่ละชนิดส่วนกระทรวงสาธารณสุขมีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นผู้วิเคราะห์หาสารสำคัญในสมุนไพรกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ ดูความเป็นไปได้ของสมุนไพรที่จะปลูกทดแทนเบื้องต้นกำหนดไว้ 12 ชนิด (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 23 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ข่าววิจัย/พัฒนา


สวทช.เปิดตัวหุ่นดำน้ำผู้ช่วย "นักวิทย์ขั้วโลกใต้

ดร.อิทธิ ฤทธาภรณ์ ผอ.ศูนย์เทคโนโลยีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า หลังจากที่ ประเทศไทยได้คัดเลือก ดร.วรณพ วิยกาญจน์ อาจารย์ ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าร่วมโครงการส่งนักวิจัยไปขั้วโลกใต้กับ National Institute of Polar Research ของญี่ปุ่น เป็นคนแรกของประเทศไทย และได้เดินทางไปฝึกภาคสนามที่ประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ เดือน มี.ค.ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ ดร.วรณพได้เดินทางกลับมาที่เมืองไทยอีกครั้ง เพื่อเตรียมร่วมทดสอบระบบหุ่นยนต์สำรวจขั้วโลกใต้ฝีมือคนไทยตัวแรกของโลก ในวันที่ 22-23 ก.ย.นี้ ก่อนที่จะถูกส่งไปพร้อมกับ ดร.วรณพ กลับไปญี่ปุ่นอีกครั้งในปลายเดือน ก.ย.นี้ สำหรับหุ่นยนต์ดำน้ำตัวแรกของโลกที่จะไปสำรวจขั้วโลกใต้กับคนไทยครั้งนี้ ถูกผลิตขึ้นเพื่อให้เป็นผู้ช่วยของ ดร.วรณพ ในการสำรวจข้อมูลทางทะเลที่ขั้วโลกใต้ โดยมีคุณสมบัติพิเศษด้านการดำน้ำที่ใต้น้ำแข็งความลึก 30-50 เมตร ทนต่อความเย็นและมีการติดตั้งมิเตอร์วัดระดับความเค็ม ความเร็ว อุณหภูมิของน้ำทะเล รวมทั้งติดกล้องบันทึกสิ่งมีชีวิตจากใต้ทะเลที่ขั้วโลกใต้ โดยใช้รีโมตคอนโทรลในการควบคุม นอกจากนี้ยังใช้แหล่งพลังงานเป็นแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จแบตได้ ด้วยโซลาเซล์ที่ผลิตโดยทีมนักวิจัยไทย หุ่นยนต์ตัวนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากญี่ปุ่น ราคาในการผลิตอยู่ที่ 2 ล้านกว่าบาท และถือเป็นผลงานเชิงเทคโนโลยีของไทยที่จะอวดสายตาชาวโลก (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 20 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





ไคโตซาน...อีกทางเลือกของเกษตรกร

ลาวัลย์ จีระพงษ์ กลุ่มงานชีววิธี ส่วนบริหารศัตรูพืช สำนักพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร บอกไว้ว่า ไคโตซาน เป็นสารธรรมชาติที่มีลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัว คือ ที่เป็นวัสดุชีวภาพ ย่อยสลายตามธรรมชาติ มีความปลอดภัยในการนำมาใช้กับมนุษย์ ไม่เกิดผลเสียและปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม ไม่เกิดการแพ้ ไม่ไวไฟและไม่เป็นพิษต่อพืช นอกจากนี้ยังส่งเสริมการเพิ่มปริมาณของสิ่งมีชีวิตที่มีประโยชน์ ทางด้านการเกษตร ไคโตซานมีประโยชน์ในด้านการควบคุมศัตรูพืช คือสามารถ ยับยั้งและสร้างความต้านทานโรคให้กับพืช โดยการยับยั้งเชื้อสาเหตุของโรคพืช นอกจากนี้ ไคโตซานยัง ช่วยเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดิน ทำให้เกิดการลดปริมาณของจุลินทรีย์ที่เป็นเชื้อโรคพืช นอกจากนี้แล้ว ไคโตซานยังมีประโยชน์อีกมากมายต่อการเกษตร เช่น สารเร่งการเจริญเติบโตในพืชและสัตว์ ดร.ปิยะบุตร วานิชพงษ์พันธุ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ผู้วิจัยเกี่ยวกับสารไคติน-ไคโตซาน จนประสบความสำเร็จ บอกว่าไคติน จัดอยู่ในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตประเภทโครงสร้างที่เป็นเส้นใย คล้ายคลึงกับเซลลูโลสจากพืช ไคตินพบได้ในเปลือกของสัตว์ เช่น กุ้ง ปู แกนหมึก แมลง ตัวไหม หอยมุก และผนังเซลล์ของ พวกรา ยีสต์ และจุลินทรีย์อีกหลายชนิด ส่วนไคโตซาน คือ สารโพลิเมอร์ชีวภาพที่สกัดจากไคติน ดร.ปิยะบุตร ได้นำสารสกัดจากไคติน-ไคโตซาน ไปประยุกต์ใช้อย่างจริงจังด้วยตนเอง เพราะมีฟาร์มเล็ก ๆ มีการเลี้ยงสัตว์ เช่น สุกร เป็ด ไก่ ปลูกไม้ผลต่าง ๆ เช่น มะละกอ มะนาว มะม่วง นอกจากนี้ยังนำไปใช้จริงกับนาข้าว ไม้ดอกไม้ประดับที่ปลูกอยู่บนภูเขาทางภาคเหนือและอื่น ๆ เมื่อนำสารสกัดจากไคติน-ไคโตซานเข้าไปใช้ ปรากฏว่า ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพน่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งการใช้สารไคติน-ไคโตซานจะนำไปสู่การเกษตรแบบอินทรีย์ ที่ไม่ใช้สารเคมีอีกด้วย ไคโตซานน่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของเกษตรกรในยุคปัจจุบัน. (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 20 ก.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)





แพทย์หนุน 'วิศวกรรมมนุษย์' ยื้อชีวิตคนไข้

ทันตแพทย์วิจิตร ธรานนท์ ภาควิชาทันตกรรม คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันสาขาทันตกรรม ถือเป็นสาขาหนึ่งที่นำเข้าเทคโนโลยีชั้นสูงสำหรับบริการผู้ป่วย เพื่อยกระดับการรักษาให้ได้มาตรฐานสากลและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ป่วย เช่น งานทันตกรรมรากเทียม ราคาค่ารักษาที่สูงมาก เนื่องจากต้องนำเข้าเทคโนโลยีนี้ทั้งหมด ขณะนี้เรามีศูนย์หุ่นจำลองทางการแพทย์ตั้งอยู่ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ โดยความร่วมมือของศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ซึ่งร่วมกับนักวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ม.ธรรมศาสตร์ ม.มหิดล และม.เชียงใหม่ โดยภารกิจหนึ่งคือศึกษาพัฒนาทำรากฟันเทียม กะโหลกศีรษะเทียมจากเรซิ่น เพื่อใช้ในการวางแผนการรักษาโรคของคนไข้และใช้ในการเรียนการสอน และพร้อมผลิตเครื่องทำหุ่นจำลองเองในประเทศ รวมถึงการพัฒนาทำวัสดุทางการแพทย์ชนิดอื่นๆ สำหรับการออกแบบและพัฒนาอวัยวะเทียมนั้น อาศัยความรู้ด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ (Biomedical Engineering) และวิศวกรรมมนุษย์นำมาใช้เพื่อช่วยทำการรักษาคนไข้ (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 20 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





เมาส์สั่งงานด้วยจมูก ช่วยคนพิการใช้คอมพ์สะดวก

ดิมิทรี โกรอดนิชี่ นักวิจัยสถาบันเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสาร เมืองออตตาวา แคนาดา ได้พัฒนาคอมพิวเตอร์รุ่นแรกของโลก ที่ผู้ใช้สามารถควบคุมด้วยจมูก และการกะพริบตาได้ โดยคาดว่าอุปกรณ์ดังกล่าว จะมีประโยชน์ต่อกลุ่มผู้พิการ ที่ไม่สามารถใช้เมาส์ได้ตามปกติ หรือสำหรับนักเล่นวิดีโอเกม ที่ต้องการฆ่าศัตรูด้วยการขยับศีรษะ หรือกะพริบตาเพียงครั้งเดียว คอมพิวเตอร์ดังกล่าว ประกอบด้วย "เนาส์" (nouse) หรือเมาส์ที่สั่งงานได้ด้วยจมูก โดยอุปกรณ์ตัวนี้ จะติดตั้งซอฟต์แวร์จับความเคลื่อนไหวเอาไว้ภายใน ซึ่งจะทำงานร่วมกับเวบแคม ที่เชื่อมต่อกับพอร์ทยูเอสบีของคอมพิวเตอร์อีกทีหนึ่ง และตัวกล้องจะทำหน้าที่จับภาพใบหน้าของผู้ใช้ โดยโฟกัสไปที่ส่วนปลายจมูก ส่วนอุปกรณ์เนาส์ จะสั่งให้เคอร์เซอร์เคลื่อนไหวด้วยการสังเกตรูปแบบการเคลื่อนไหวของปลายจมูก เมื่อผู้ใช้ส่ายหัวไปมา ขณะเดียวกันซอฟต์แวร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว จะทำหน้าที่สังเกตการกะพริบตา โดยหากผู้ใช้กะพริบตาซ้าย หรือขวา ครบ 2 ครั้ง ซอฟต์แวร์จะช่วยส่งสัญญาณการคลิกเมาส์ด้านซ้าย หรือขวา ตามลำดับ นักประดิษฐ์เจ้าของระบบคอมพิวเตอร์ดังกล่าว บอกว่าสาเหตุที่เลือกใช้จมูกเป็นตัวส่งสัญญาณการเลื่อนเมาส์ เนื่องจากกล้องสามารถจับภาพได้ง่ายกว่าส่วนอื่นๆ บนใบหน้า โดยที่ผ่านมา ทีมวิจัยได้พยายามทดลองเชื่อมโยงสัญญาณเคอร์เซอร์ กับใบหน้าของผู้ใช้ ผ่านทางคิ้ว และปาก มาแล้ว ทีมวิจัยเผยว่า ปัญหาของการใช้อวัยวะบนใบหน้า ในการสื่อสารก็คือ ภาพอวัยวะเหล่านี้ อาจดูแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง เมื่อกล้องจับภาพจากมุมใดมุมหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้ซอฟต์แวร์สับสนได้ (คมชัดลึก จันทร์ที่ 20 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)





พัฒนาตัวประสานแคลเซียม ช่วยผู้ป่วยผ่ากระดูกสันหลัง

นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม ประสบความสำเร็จในการคิดค้นตัวประสานแคลเซียม ฟอสเฟตมาตรฐาน ที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าของเดิมที่ใช้อยู่ถึง 3 เท่า ด้วยการเติมสารโซเดียม ซิเตรทเพิ่มเข้าไป ซึ่งความสำเร็จนี้สามารถนำไปใช้ในการผ่าตัดซ่อมแซมกระดูก ส่วนที่ต้องรับแรงกดทับสูง เช่นกระดูกส่วนขา และกราม สำหรับการใช้งาน ตัวประสานแคลเซียม ฟอสเฟตนี้จะถูกฉีดผ่านเข็มขนาดเล็ก เข้าสู่ร่างกาย ซึ่งทำให้หมดปัญหาในการใช้สารตัวนี้ในส่วนของร่างกายที่เข้าถึงยาก ตัวประสานแคลเซียม ฟอสเฟต มีใช้มาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 แล้ว เนื่องจากเป็นสารที่แข็งตัวเร็วและมีค่าความเป็นกรด-ด่างที่เป็นกลางกับอุณหภูมิของร่างกาย ที่ผ่านมา แคลเซียมประเภทนี้จะถูกดูดซึมด้วยยาและโปรตีน เมื่อนำไปใช้ในกระบวนการรักษา แต่มีข้อเสียตรงที่ยังมีความเปราะ และมีความแข็งแกร่งน้อยกว่ากระดูกมนุษย์ส่วนใหญ่ถึงกึ่งหนึ่ง เนื่องจากเกิดฟองอากาศระหว่างกระบวนการทำงาน แต่เมื่อทำการทดลองด้วยการเติมโซเดียม ซิเตรทเพิ่มเข้าไปในการทดลองครั้งนี้ ปรากฏว่า สามารถลดฟองอากาศ และยังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กระดูกถึงขนาดสามารถนำไปเจาะทะลวงวัตถุต่าง ๆ รวมทั้งเจาะไขควง ที่เป็นโลหะได้ นักวิจัยคาดหวังว่า การค้นพบครั้งนี้จะมีประโยชน์ต่อวงการแพทย์ ในการผ่าตัดเสริมความแข็งแกร่งให้กับกระดูกสันหลัง ในผู้ป่วยโรคกระดูก รวมทั้งมะเร็ง (ผู้จัดการรายวัน 19 ก.ย. 47 http://www.manager.co.th)





นักวิจัยค้นพบใช้ยีนหมูรักษาโรคเลือดออกง่าย

น.พ.สมทรง รักษ์เผ่า อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมด้วย ศ.เกียรติคุณ พ.ญ.ภัทราพร อิศรางกูร ณ อยุธยา ประธานมูลนิธิฮีโมฟีเลียแห่งประเทศไทย แถลงข่าวการจัดประชุมวิชาการนานาชาติฮีโมฟีเลียโลก ครั้งที่ 26 ระหว่างวันที่ 17-21 ต.ค. ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น ณ ศูนย์ประชุมไบเทค กรุงเทพฯ ศ.พ.ญ.ภัทราพร กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมวิชาการระดับโลก เกี่ยวกับโรคฮีโมฟีเลียและภาวะเลือดออกง่าย มีผู้ร่วมประชุม 4,000 คน จาก 102 ประเทศ น.พ.ไตรโรจน์ ครุธเวโช เลขาธิการการจัดการประชุมฮีโมฟีเลียโลก กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้จะมีการนำเสนอผลงานวิชาการระดับโลกหลายเรื่องที่น่าสนใจ โดยเฉพาะผลงานศึกษาวิจัยเปลี่ยนยีนจากหมูมาใส่ในคนเพื่อผลิตน้ำนม หลังจากมีการทดลองในต่างประเทศ พบว่าน้ำนมหมูมีปริมาณแฟกเตอร์ 8 สูงกว่าคนถึง 100 เท่า และในแต่ละวันหมูสามารถให้นมได้เป็นถัง ซึ่งขณะนี้การทดลองอยู่ในขั้นของสัตว์ทดลอง ถ้าสำเร็จจะเป็นอีกความหวังหนึ่งที่ช่วยรักษาผู้ป่วยฮีโมฟีเลียให้หายขาดได้ อย่างไรก็ตาม หากงานวิจัยนี้เป็นผล อาจจะมีฟาร์มเลี้ยงหมูเพื่อการผลิตแฟกเตอร์ 8 โดยเฉพาะ (ไทยรัฐ อังคารที่ 21 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





นักกีฬาหญิงเสี่ยงสูงเป็นหมัน เหตุซ้อมหนัก ทำร่างกายเครียด

ดร.คริสตอส แมนโซรอส คณะทำงานจากศูนย์การแพทย์เบธ อิสราเอล ดีโคเนส เปิดเผยว่า การฉีดฮอร์โมนที่ผลิตจากเซลล์ไขมัน (เลพติน) วันละสองครั้ง สามารถช่วยให้การมีประจำเดือนของนักกีฬาหญิงเป็นปกติได้ หลังจากขาดหายไปนานร่วม 5 ปี ซึ่งเป็นผลมาจากการฝึกซ้อมกีฬาอย่างหนัก อีกทั้งยังพบว่า เลพตินสามารถช่วยป้องกันการเกิดภาวะกระดูกพรุน และความรู้สึกไม่อยากอาหารได้ด้วย ทั้งนี้ เลพตินทำหน้าที่ควบคุมน้ำหนัก และความอยากอาหาร โดยจะเป็นตัวคอยบอกสมองให้รู้ว่าร่างกายมีปริมาณพลังงานมากน้อยเท่าใด สำหรับเลพตินผลิตจากเซลล์ไขมันของร่างกาย ดังนั้นผู้หญิงที่มีรูปร่างผอม นักกีฬาหญิงที่มีโปรแกรมการฝึกซ้อมอย่างเข้มงวด หรือผู้ที่ลดอาหารอย่างหนัก จะผลิตเลพตินได้น้อย ส่งผลให้ระบบความสมดุลพลังงานของร่างกายจะเป็น "ลบ" ทำให้ระบบสืบพันธุ์หยุดทำงานไม่ให้เกิดการตั้งครรภ์ เพื่อกักเก็บพลังงานไว้นั่นเอง อาการดังกล่าวเรียกว่า ร่างกายมีภาวะเครียด (hypothalamic amenorrhea) ส่งผลให้ประจำเดือนขาดหาย และมีผลต่อระบบฮอร์โมนเพศปกติด้วย ทำให้เสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุน จากการทดลองทีมงานพบว่า ผู้หญิงที่มีปัญหาและเข้ารับเลพตินวันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกัน สามารถฟื้นฟูความสมดุลของพลังงานให้เป็นเชิงบวกได้ โดย 5 ใน 8 ของนักกีฬาหญิง ซึ่งมีประจำเดือนขาดหายไป 5 ปี หรือกว่านั้น จากการออกกำลังกายอย่างหนัก เริ่มมีประจำเดือนกลับมาอีกครั้ง ขณะที่ 3 ใน 8 ราย มีอาการตกไข่ด้วย ที่สำคัญกระดูกยังแข็งแรงมากกว่าผู้ที่ไม่ได้รับเลพตินด้วย ทีมงานมีแผนศึกษาในกลุ่มทดลองที่ใหญ่และนานขึ้น เพื่อระบุปริมาณที่ปลอดภัยของเลพตินที่มีต่อผู้หญิงในแต่ละบุคคล (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 21 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ญี่ปุ่นโชว์วิธีใหม่รักษาตาฟาง

จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์นิว อิงแลนด์ ของดร.โคจิ นิชิดะ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโอซากา และคณะ ประสบผลสำเร็จในการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อบางจากกระพุ้งแก้มลงบนตาของผู้ป่วย 4 คน ที่มีอาการเจ็บตาที่ไม่พบได้บ่อยนัก โดยอาการที่ว่านี้มีผลให้เกิดฝ้าบังแก้วตา หลังจากปลูกถ่ายเสร็จเรียบร้อย ผู้ป่วยสามารถมองเห็นอย่างชัดเจน ทีมของนิชิดะได้ทำวิจัยในผู้ป่วย 4 คนที่มีอาการสตีเวนส์-จอห์นสัน ซินโดรม ซึ่งเป็นอาการภูมิแพ้อย่างรุนแรงชนิดหนึ่ง โดยแก้วตามีฝ้ามัวบังทำให้มองไม่เห็น ทีมวิจัยจึงทดลองนำเซลล์จากกระพุ้งแก้มขนาด 3 มิลลิเมตร มาเพาะในจานเพาะในห้องวิจัย จากนั้นใช้เทคนิคอุณหภูมิต่ำพิเศษเพื่อแยกแผ่นบางๆ ออกจากแผ่นเนื้อเยื่อ และวางลงบนตาผู้ป่วย ชั้นของเซลล์ติดเข้ากับตาผู้ป่วยได้โดยไม่ต้องเย็บ และพัฒนาเป็นเนื้อเยื่อที่รูปร่างและทำหน้าที่เหมือนแก้วตาสมบูรณ์ "แก้วตากลับมาใสและการมองเห็นภายหลังการผ่าตัดดีขึ้นในตาผู้ป่วยทั้งหมด 4 คู่ โดยที่ในการวิจัยติดตามเป็นระยะเวลา 14 เดือนนี้ พื้นผิวแก้วตาทั้งหมดยังคงใสและไม่มีโรคแทรกซ้อน" นักวิจัยกล่าว (คมชัดลึก อังคารที่ 21 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)





สะกิดผู้ชายคอกาแฟแก่จัดเสี่ยงกับมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

รายงานผลการศึกษาวิจัยเรื่องใหม่ในแคนาดาระบุว่า การดื่มกาแฟอาจทำให้ผู้ชายเสี่ยงกับการเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะมากขึ้น และยิ่งดื่มมากเท่าใด โอกาสเสี่ยงก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น การศึกษาทำโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของแคนาดา รายงานว่า คอกาแฟชายที่ดื่มจัดถึงวันละ 4 ถ้วย จะล่อแหลมกับการเป็นมะเร็งชนิดนี้ มากกว่าเพื่อนที่ไม่ได้ดื่มกาแฟถึง 2 เท่า รายงานการศึกษาซึ่งเสนออยู่ในวารสารการแพทย์ "โรคเรื้อรัง" ของแคนาดา เปิดเผยว่า โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะเป็นโรคมะเร็งที่ผู้ชายแคนาดาเป็นกันมากโรคหนึ่ง อย่างเช่นเป็นที่คาดว่าจะมีผู้ป่วยในปีนี้ ประมาณ 3,700 ราย แอนน์ แมรี่ อักนาต นักวิจัยคนหนึ่ง กล่าวว่า "การศึกษาส่อว่าโรคมะเร็งชนิดนี้อาจมีความเกี่ยวเนื่องกับกาแฟ แต่ก็ยังไม่แน่นอนนัก" (ไทยรัฐ พุธที่ 22 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





เนคเทคผลิตชุดตรวจคุณภาพน้ำมือถือ ขนาดกระเป๋า พกสะดวก เหมาะตรวจวัดน้ำที่บำบัดแล้ว

นายบุญชัย กิ่งรุ้งเพชร นักวิจัยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) เปิดเผยว่า หลังจากที่เนคเทคประสบความสำเร็จในการทดลองติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพน้ำอัตโนมัติ 2 แห่ง คือที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต และนิคมอุตสาหกรรมสหพัฒน์ จังหวัดชลบุรี จึงได้พัฒนาเครื่องมือตรวจวัดคุณภาพน้ำอเนกประสงค์ ที่สามารถพกพาสำหรับใช้ตรวจวัดคุณภาพน้ำได้สะดวกในรูปแบบกระเป๋าเจมส์บอนด์ สามารถเลือกเปลี่ยนหัวสำหรับจุ่มทดสอบหาค่าความเป็นกรด-ด่างในน้ำ และออกซิเจน ได้โดยให้ผลแม่นยำ เหมาะใช้งานวัดคุณภาพน้ำหลังบำบัดน้ำเสีย ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ระบบภายในตู้ประกอบด้วยระบบสูบน้ำ ระบบตรวจวัด ระบบล้างหัววัด ระบบเก็บข้อมูล และระบบส่งข้อมูลผ่านทางเครือข่าย เพื่อรายงานผลและดูแลระบบกลไกควบคุมการทำงานจะอาศัยแขนกล โดยการทำงานของไมโครคอนโทรลเลอร์ เคลื่อนหัววัดไปยังตำแหน่งต่างๆ อาทิ ตำแหน่งวัด ตำแหน่งล้าง และตำแหน่งจัดเก็บ พร้อมสามารถตั้งเวลาการทำงานได้ จึงไม่จำเป็นต้องใช้เจ้าหน้าที่ในการดูแลตลอดเวลา จะต้องการเจ้าหน้าที่ในการเติมสารเคมี หรือตรวจสอบการชำรุดของเครื่องมือเท่านั้น และ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการตรวจสอบคุณภาพน้ำ นักวิจัยได้พัฒนาเครื่องมือตรวจวัดคุณภาพน้ำแบบมิเตอร์อเนกประสงค์ จากเดิมที่ต้องนำเข้าเครื่องตรวจวัดซึ่งมีราคาแพงจากต่างประเทศ ทั้งนี้ นักวิจัยเนคเทคได้พัฒนาเครื่องมือตรวจวัดคุณภาพน้ำขึ้นเอง โดยใช้หลักการเดียวกับสถานีตรวจวัดคุณภาพน้ำอัตโนมัติ เพียงแต่ลดขนาดให้พกพาสะดวกและปรับการใช้งานให้ง่ายยิ่งขึ้น อุปกรณ์ทั้งหมดบรรจุในกระเป๋าหิ้วพร้อมด้วยสารเคมีสำหรับสอบเทียบ คู่มือการใช้งาน สามารถนำไปใช้ในสถานที่ต่างๆ ชุดวัดประกอบด้วย อุปกรณ์อ่านค่าที่ใช้จอแสดงผลชนิดแอลซีดี และมีหน่วยเก็บความจำถาวร หัวสำหรับจุ่มทดสอบคุณภาพน้ำเพื่อตรวจสอบค่าความเป็นกรด-ด่าง ปริมาณออกซิเจน ค่านำไฟฟ้า และอุณหภูมิ พร้อมด้วยอุปกรณ์สื่อสารเพื่อเก็บข้อมูล ซึ่งสามารถนำข้อมูลมาถ่ายเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 22 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ธุรกิจขายตรงผุดสถาบันวิจัยวิจัยโรคอ้วน

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะไรท์ พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งดำเนินภารกิจด้านขายตรง เปิดเผยว่า บริษัทได้สนับสนุนให้มีการจัดตั้งสถาบันบาเรียทริค โดยตั้งใจให้เป็นสถาบันการแพทย์และแหล่งวิชาการ ที่มีการทำวิจัยและพัฒนาการรักษาโรคอ้วนและการลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีกับคนไทย รวมทั้งมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ทันสมัยและมีความปลอดภัยสูงให้บุคลากรทางการแพทย์ สถาบันบาเรียทริคจะเป็นศูนย์กลางการพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยี ในการรักษาโรคอ้วนสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคอ้วนจริงๆ โดยเฉพาะความรู้ทางด้านแพทย์ทางเลือก การล้างพิษ และการปรับสมดุลให้การร่างกาย แทนที่การใช้ยาชุดลดน้ำหนักที่ก่ออันตรายต่อสุขภาพ นอกจากนี้ สถาบันยังมีโครงการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างสถาบันวิจัยโรคอ้วนทั้งในอังกฤษ เยอรมนี ออสเตรเลีย จีน รวมถึงสถาบันวิจัยกอร์ดอนจากสหรัฐ ซึ่งก่อตั้งโดย ดร.แกรี่ กอร์ดอน ผู้มีชื่อเสียงด้านการบำบัดโรคอ้วนด้วยการแพทย์ทางเลือก (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 22 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ออสซี่สกัดสาหร่ายทะเล พบสารมหัศจรรย์ต้านมะเร็ง

ลินดอน เลลเวลลิน เภสัชกรของสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลออสเตรเลีย หรือเอมส์ พบสารเคมีบางอย่างในฟองน้ำและสาหร่ายบางชนิด ที่มีคุณสมบัติพิเศษในการรักษาเซลล์มะเร็งได้มากถึงสองรูปแบบ โดยไม่สร้างความเสียหายให้กับเซลล์ข้างเคียง "เราพบสิ่งมีชีวิตบางชนิดที่เชื่อว่ามีศักยภาพมากพอในการทำลายเซลล์มะเร็งเต้านม และมะเร็งเม็ดเลือดขาว (ลูคิเมีย) ซึ่งขณะนี้ กำลังอยู่ในขั้นการทดลองในห้องปฏิบัติการก่อนจะขยายต่อไปทำการทดลองทางคลินิก" เลลเวลลิน กล่าวและว่า ทีมงานได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกับบริษัท ฟอสทัส ในออสเตรีย ซึ่งจะทำหน้าที่นำงานวิจัยที่แล้วเสร็จไปพัฒนาเป็นตัวยารักษาโรคร้ายในลำดับต่อไป ทั้งนี้ สถาบันเอมส์ เริ่มดำเนินการศึกษาค้นหาสิ่งมีชีวิตทางทะเล ที่สามารถนำมาสกัดเป็นยารักษามะเร็งได้ตั้งแต่กลางทศวรรษ 1980 และพบว่าสารสกัดจากสิ่งมีชีวิตทางทะเลของออสเตรเลีย มีศักยภาพในการนำไปใช้รักษาโรคร้ายมากกว่า 20,000 ชนิด โดยเฉพาะในฟองน้ำและสาหร่ายใต้ท้องทะเล สารเคมีที่ได้จากสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลนั้น เราได้คัดกรองแล้วว่าออกฤทธิ์ต่อเซลล์ไลน์ของมะเร็งแน่นอน ในเบื้องต้นอาจพบว่ามีผลต่อเซลล์มะเร็งเต้านมมากหน่อย และยังมีผลต่อมะเร็งเม็ดเลือดขาวด้วย (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 22 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ดอกชบามีฤทธิ์ ขจัดไขมันร้าย ช่วยรักษาหัว

ดร.ฉัว-จง หวาง หัวหน้าทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยชุงซาน ในไต้หวัน เปิดเผยว่า ดอกชบามีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยควบคุมระดับไขมันคอเรสเตอรอลในหลอดเลือดได้ โดยสรรพคุณของสารสกัดจากดอกชบาที่ได้ สามารถลดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการก่อตัวของไขมันภายในหลอดเลือด ซึ่งจากการศึกษากับหนูทดลอง ทีมงานยืนยันว่าระดับไขมันในหนูทดลองลดลงอย่างมาก คอเรสเตอรอลในเลือด ประกอบด้วยไขมันที่เป็นโทษต่อร่างกายคือ แอลดีแอลที่ทำให้เกิดการสะสมของไขมันในผนังของหลอดเลือดแดงทั้งร่างกาย เช่น สมอง (เกิดอัมพาต) หัวใจ (เกิดโรคหัวใจขาดเลือด) ไต (เกิดไตวาย) อวัยวะเพศ (หย่อนสมรรถภาพทางเพศ) ส่วนไขมันอีกชนิด หรือที่เรียกว่า เอชดีแอล เป็นไขมันที่เป็นประโยชน์ เพราะจะช่วยนำเอาไขมันที่สะสมอยู่ตามผนังหลอดเลือดออกมา แต่ทำงานช้ากว่าแอลดีแอล ข้อสรุปงานวิจัยดอกชบายังต้องศึกษาระยะยาวในมนุษย์ก่อน จึงจะยืนยันได้ว่าให้ผลที่เป็นคุณต่อหัวใจและหลอดเลือด (คมชัดลึก พุธที่ 22 ก.ย. 47 http://www.komchadluek.net)





แสดงหุ่นยนต์ไทยใต้น้ำสำรวจโลกถวาย "ในหลวง"

วันที่ 22 ก.ย. ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา ม.มหิดล ศาลายา นายกร ทัพพะรังสี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) ร่วมชมการทำงานของหุ่นยนต์ใต้น้ำสำรวจขั้วโลกใต้ ซึ่งพัฒนาโดยทีมนักวิจัยจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.มหิดล เพื่อเป็นผู้ช่วยของดร.วรณพ วิยกาญจน์ อาจารย์ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักวิจัยคนแรกของไทยที่ได้รับเลือกไปสำรวจขั้วโลกใต้กับ National Institute of Polar Research ของประเทศญี่ปุ่น โดยนายกรกล่าวว่า ภูมิใจมากที่คนไทยสามารถผลิตหุ่นยนต์ตัวนี้ได้ โดย วท. จะถวายรายงานและนำไปแสดงในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ แห่งชาติ วันที่ 19 ต.ค.นี้ เพื่อให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรด้วย นอกจากนี้ หวังว่าหลังจากหุ่นยนต์กลับจากขั้วโลกใต้แล้ว ก็ควรจะพัฒนาและนำไปสำรวจในทะเลไทยต่อไป ดร.อิทธิโชติ จักรไพวงศ์ ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล ม.มหิดล กล่าวว่า หุ่นยนต์ตัวนี้มีชื่อว่า "ThaiXPole" มีขนาดกว้าง 90 ซม. ยาว 120 ซม. และสูง 45 ซม.ดำน้ำลึกได้ 50 เมตร และทนต่อความเย็นที่อุณหภูมิ-40 องศาเซลเซียส โครงสร้างทำจากอลูมินัมอัลลอย ใช้การควบคุมระยะไกลจากฐานควบคุมผ่านระบบ สัญญาณ ทำให้หุ่นเคลื่อนที่ไปมาในแนวระดับและขึ้นลงในแนวดิ่งที่ระดับความลึกต่างๆได้ นอกจากนี้ จะมีการติดตั้งกล้องถ่ายภาพเคลื่อนไหวชนิดใช้ถ่ายภาพ ใต้น้ำ และจะส่งสัญญาณกลับมาที่ฐานควบคุม อีกทั้งหุ่นยนต์จะติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดเซนเซอร์ที่สามารถบอกค่าอุณหภูมิ ค่าความดันอากาศ ค่าความลึก ค่าความเค็ม และปริมาณอากาศในน้ำได้ อย่างไรก็ตาม ค่อนข้างเป็นห่วงการนำไปใช้งานจริงที่ ขั้วโลกใต้ เนื่องจากสภาพจะแตกต่างกับสภาพการทดสอบในสระน้ำอย่างมาก และนัก วิจัยต้องควบคุมและแก้ปัญหาเพียงคนเดียว ยังได้ผลิตแผงโซล่าเซลล์ให้เป็นแหล่งพลังงานของหุ่นยนต์ และได้ออกแบบบอร์ดระบบควบคุมเซ็นเซอร์และตรวจข้อมูลโดยใช้ไมโครชิป 8051 ที่ออกแบบเองและสร้างบน FPGA ขณะนี้ถือว่าหุ่นยนต์มีความสมบูรณ์เกือบ 100% โครงการที่จะไปศึกษาวิจัยคือโครงการสำรวจสัตว์หน้าดินที่ขั้วโลกใต้ โดยการหาความชื้นสัมพัทธ์ของแสงและอุณหภูมิ ที่มีผลต่อการมีชีวิตของสัตว์และพืชหน้าดินแถบขั้วโลก โดยผลวิจัยจะนำมาเป็นข้อมูลพื้นฐานในการศึกษาวิจัยด้านอื่นๆ เช่นการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลกได้ (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 23 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





เครื่องบริการไปรษณีย์อัตโนมัติ ฝากส่งพัสดุภัณฑ์ไม่พึ่งเจ้าหน้าที่

นายสุชาติ สมนิรมล หัวหน้าแผนกไปรษณีย์อนุญาต ส่วนระบบบริการไปรษณีย์ บริษัท ไปรษณีย์ไทย ในฐานะหัวหน้าโครงการประดิษฐ์เครื่องให้บริการไปรษณีย์อัตโนมัติ เปิดเผยว่า ทีมงานได้พัฒนาเครื่องให้บริการไปรษณีย์อัตโนมัติเป็นเวลา 1 ปี และกำลังจะนำไปใช้งานได้จริงในเดือน ธ.ค.นี้ โดยจะนำร่องใช้กับที่ทำการไปรษณีย์ สาขาราชดำเนิน เป็นแห่งแรก และจะผลิตเครื่องเพิ่มอีก 10 เครื่อง เพื่อให้บริการตามจุดต่างๆ ทั้งนี้สภาพปัจจุบันการให้บริการลูกค้า ณ ที่ทำการไปรษณีย์หลายๆ แห่งมีความล่าช้า เนื่องจากมีผู้มาใช้บริการจำนวนมาก ขณะที่เจ้าหน้าที่และเคาน์เตอร์สำหรับให้บริการมีไม่เพียงพอ ทำให้ลูกค้าไม่ได้รับความพึงพอใจเท่าที่ควร ประกอบกับในต่างประเทศ อาทิ เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเยอรมนี ได้ใช้งานเครื่องบริการไปรษณีย์อัตโนมัติกันจำนวนมาก ทีมงานได้พิจารณาเห็นว่าเครื่องดังกล่าวน่าจะเป็นประโยชน์แก่คนไทยเช่นกัน โดยลูกค้าสามารถใช้บริการทำรายการต่างๆ ได้ด้วยตนเอง ทั้งฝากส่งพัสดุไปรษณีย์ ซื้อซอง แสตมป์ โดยไม่ต้องเสียเวลารอคอยเพื่อขอรับบริการ แต่เนื่องจากระบบงานไปรษณีย์ของแต่ละประเทศแตกต่างกัน ทำให้ไม่สามารถนำเข้าเครื่องสำเร็จรูปจากต่างประเทศมาใช้ได้ทันที จึงนำมาสู่การพัฒนาเครื่องขึ้นเองโดยทีมงานคนไทย สำหรับเครื่องอัตโนมัติที่พัฒนาขึ้นมานี้ใช้งบประมาณไปทั้งสิ้น 556,500 บาท แบ่งเป็นค่าฮาร์ดแวร์ 360,000 บาท อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์แสตมป์ เครื่องอ่านรหัสแท่ง และเครื่องสำรองไฟฟ้า ที่เหลือเป็นค่าซอฟต์แวร์ซึ่งพัฒนาขึ้นเอง และค่าใช้จ่ายในการทำรายงานวิจัย โดยในส่วนของซอฟต์แวร์แบ่งเป็น 2 ส่วนหลักคือ โปรแกรมให้บริการไปรษณีย์อัตโนมัติ ที่ทำงานเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ สำหรับติดตั้ง ณ จุดบริการอัตโนมัติ และโปรแกรมจัดการฐานข้อมูลบัญชีบัตร สำหรับติดตั้ง ณ เครื่องแม่ข่ายระบบให้บริการ หรือที่ทำการไปรษณีย์ส่วนกลาง นอกจากนี้ ทีมงานได้ออกแบบให้ผู้ใช้มีความสะดวกในการใช้งาน ด้วยการนำเทคโนโลยีระบบหน้าจอสัมผัสมาใช้ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 23 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





สวทช.พัฒนาเทคนิคหล่อแม่พิมพ์อะลูมิเนียม ช่วยเอกชนลดชิ้นงานเสีย ประหยัดต้นทุนร่วมล้านบาท/เดือน

นายวีรวุฒิ ไวเมลืองอรเอก ผู้จัดการทั่วไปบริษัท ซี เอส พี คาสติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตชิ้นส่วนอะลูมิเนียมรถยนต์ เปิดเผยว่า ในกระบวนการผลิตของบริษัทประสบปัญหาการเกิดฟองอากาศในน้ำอะลูมิเนียมขณะฉีดหล่อ ทำให้ชิ้นงานกลายเป็นของเสียในสัดส่วนมากถึง 30% จึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (ITAP) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ทางโครงการได้จัดส่งนายมาซาโต ฟูจิตะ ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นมาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเสนอแนวทางการออกแบบแม่พิมพ์ที่สอดรับกับการฉีดหล่ออะลูมิเนียมและซิงค์อัลลอย ทั้งในระบบ High Pressure Casting (ระบบแรงดันสูง) และการพัฒนากระบวนการฉีดหล่อ อะลูมิเนียม-อัลลอย โดยวิธีการ Gravity Casting (ระบบแรงโน้มถ่วง) ที่เน้นถึงคุณภาพภายในตัวแม่พิมพ์ไม่ให้เกิดฟองอากาศ พร้อมทั้งแนะนำให้นำเครื่องแยกสิ่งสกปรกเข้ามาใช้คัดแยกสิ่งสกปรกออกจากวัตถุดิบ เพื่อให้คงเหลือเฉพาะวัตถุดิบที่ดีกลับเข้ามาใช้ใหม่ หลังเข้าโครงการ 4 เดือนแรก สามารถลดของเสียที่เกิดจากการหล่ออะลูมิเนียมได้ถึง 30% และประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้น 20% ส่งผลให้บริษัทสามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้ถึงเดือนละเกือบ 1 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังได้การรับรองคุณภาพ ISO/TS 16949 และ ISO 9001 : 2000 ทำให้ชิ้นงานของบริษัทผลิตออกมาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพตามมาตรฐานของลูกค้า จนได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจจากลูกค้า ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทสามารถลดของเสียจากกระบวนการผลิตอะลูมิเนียมลงถึง 63% และลดค่าสูญเสียต่อเดือนได้ 546,659 บาท คิดเป็น 6,559,908 บาทต่อปี นอกจากนี้ ยังสามารถนำวัสดุเหลือใช้กลับมาใช้ใหม่ ซึ่งช่วยลดต้นทุนได้อย่างน้อย 60,480 บาทต่อเดือน คิดเป็น 725,760 บาทต่อปี และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตขึ้นได้ 26% รวมถึงคุณภาพบุคลากรมีประสิทธิภาพดีขึ้น คาดว่ายอดขายในปีนี้จะเพิ่มขึ้นประมาณ 30% จากปีที่ผ่านมาที่มียอดขายกว่า 200 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นอีก 30% ในปี 2548 (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 23 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





นักวิทย์ไทยสังเคราะห์วัสดุใหม่ ทำกระดูกเทียมช่วยรักษาคนไข้

ดร.จินตมัย สุวรรณประทีป นักวิจัยศูนย์เทคโนโลยีและวัสดุแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันการผ่าตัดเพื่อเสริมกระดูกส่วนที่หายไป หรือการซ่อมแซมกระดูกส่วนที่มีปัญหา มีการใช้วัสดุทั้งจากธรรมชาติและวัสดุสังเคราะห์ วัสดุทางธรรมชาติ ได้แก่ การใช้กระดูกของมนุษย์จากคลังกระดูก และการผ่าตัดเพื่อการเคลื่อนย้ายกระดูกจากส่วนอื่นของร่างกายของคนไข้เอง เพื่อนำมาใช้ในบริเวณที่ต้องการซ่อมแซม โดยการผ่าตัดเคลื่อนย้ายกระดูกมีข้อจำกัด ในเรื่องของปริมาณที่จะนำมาใช้ ซึ่งในทางการแพทย์เริ่มมีความสงสัยว่า อาจจะเกิดผลดีหรืออันตรายจากการผ่าตัดในอีกตำแหน่ง และจะคุ้มกันหรือไม่กับประโยชน์ที่ได้รับ ซึ่งการผ่าตัดน้อยบริเวณย่อมดีกว่าการผ่าตัดในหลายๆ บริเวณ ส่วนในการใช้กระดูกจากคลังกระดูกนั้น ปัญหาที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ได้แก่ ความเป็นไปได้ในการปนเปื้อนของกระดูกจากผู้บริจาคที่ป่วยด้วยโรคติดเชื้อต่างๆ เช่น ไวรัสเอดส์ ดร.จินตมัย ได้ศึกษาวัสดุเชิงประกอบประเภทพาร์ที เด ของพอลีเอทีลิน ซึ่งวัสดุประเภทนี้เป็นวัสดุที่เกิดจากการผสมพอลีเอทีลีนเข้ากับวัสดุประเภทชนิดต่างๆ เพื่อให้ได้วัสดุประเภทใหม่ที่มีคุณสมบัติเหนียว ง่ายต่อการขึ้นรูปและแข็งแกร่งมากขึ้น ที่สำคัญ สามารถเข้ากับร่างกายได้มากขึ้น สำหรับการพัฒนาวัสดุเพื่อประโยชน์ด้านการแพทย์ โดยเฉพาะวัสดุทดแทนกระดูก ด้วยการใช้กระบวนการผลิตคือ การขึ้นรูปด้วยความร้อน และแบบทันสมัย เช่น การสร้างต้นแบบรวดเร็ว เป็นต้น นอกจากนี้องค์ความรู้ที่ได้ยังนำไปสู่การพัฒนาเทคนิคการทดลองทางกล ที่จะช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการวิเคราะห์คุณสมบัติของวัสดุ และสามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์ทดสอบในบริเวณต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ซึ่งมีขนาดเล็ก หรือมีรูปร่างที่ซับซ้อนได้ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 24 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





หุ่นยนต์แปลงร่างอัตโนมัติ สอดคล้องลักษณะภูมิประเทศ

ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยดาร์ทเมาท์ ในรัฐนิวแฮมเชีย สหรัฐ ได้พัฒนาหุ่นยนต์ที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนอิสระที่สามารถเคลื่อนที่ได้เอง และยังสามารถเข้ามาประกอบร่างเป็นหุ่นยนต์ใหม่ได้ โดยทีมงานได้พัฒนาสูตรคำนวณทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนที่เรียกว่า "อัลกอริทึ่ม" ขึ้นมาเฉพาะเพื่อให้หุ่นยนต์ประกอบและแยกร่าง หุ่นยนต์ลักษณะนี้จำเป็นต้องใช้ฮาร์ดแวร์พิเศษที่หาไม่ได้ในปัจจุบัน ทีมงานจึงทดลองสร้างชุดประกอบแยกส่วนเสมือนจริงขึ้นมาบนคอมพิวเตอร์ แล้วใช้โปรแกรมจำลองการทำงานมาทดสอบหลักการ จากโปรแกรมจำลองการทำงานพบว่า เมื่อชิ้นส่วนของหุ่นยนต์ประมาณ 100 ชิ้นมาประกอบร่างเข้าด้วยกันสามารถเคลื่อนที่ได้เสมือนเป็นหุ่นยนต์หนึ่งตัว และเมื่อเคลื่อนที่ไปเจอกับสภาพที่เป็นอุปสรรคในการเคลื่อนไหว ชุดประกอบบางตัวจะแยกตัวออกเป็นหุ่นยนต์ขนาดเล็ก และเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวเอง พอผ่านพ้นอุปสรรคได้แล้ว ชุดหุ่นยนต์ที่แยกตัวออกไปจะกลับเข้ามารวมเป็นหุ่นตัวใหญ่อีกครั้งเพื่อท่องพเนจรไปยังสภาพภูมิประเทศที่ ปกติแล้ว หุ่นยนต์จะมีอุปกรณ์ในการควบคุมการทำงานที่ส่วนกลางเพียงตัวเดียว แต่เป้าหมายของทีมวิจัยนี้คือ การพัฒนาซอฟต์แวร์เฉพาะให้กับแต่ละชิ้นส่วนประกอบเพื่อให้หุ่นยนต์แยกร่างและปฏิบัติภารกิจเองได้โดยอิสระ ทีมวิจัย กล่าวว่า หุ่นยนต์ลักษณะนี้สามารถใช้สำรวจพื้นที่อย่างเช่น พื้นผิวดาวเคราะห์ดวงอื่นที่ไม่ใช่โลกได้ แต่ก็ยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะการสร้างชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์สำหรับแต่ละส่วนของหุ่นยนต์เป็นเรื่องที่ยากมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งไปทำงานในสภาพแวดล้อมทุรกันดาร อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานได้ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 24 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





นักวิจัยดึงผักโขมผลิตเซลล์เชื้อเพลิง

นิตยสารฟอร์บส์ รายงานว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์ของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตต์ หรือเอ็มไอที ในสหรัฐ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาอุปกรณ์ที่สามารถใช้ผักโขม ในการเปลี่ยนแสงอาทิตย์ ให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้า สำหรับใช้กับคอมพิวเตอร์แล็บทอป โทรศัพท์มือถือในอนาคต นายชูกวง จาง ผู้คิดค้นเทคโนโลยีดังกล่าว เปิดเผยว่า เขากำลังทดลองนำคลอโรพลาสท์ในผักโขม มาผลิตเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ โดยคลอโรพลาสท์ เป็นสารที่อยู่ในคลอโรฟิลล์ ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ใบไม้เป็นสีเขียว และสามารถสังเคราะห์แสงได้ สำหรับเซลล์พลังงานที่ผลิตไฟฟ้าจากผักโขม จะมีขนาดเล็ก และเบากว่าแผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใช้งานกันอยู่ในปัจจุบันมาก รวมทั้งสามารถนำมาใช้ผลิตแผงที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นได้มาก เซลล์ผักโขมรุ่นใหม่ สามารถเปลี่ยนแสงอาทิตย์ ให้เป็นพลังงานไฟฟ้าได้ราว 12% แต่นายจาง กล่าวว่า เขาสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการสังเคราะห์พลังงานได้อย่างรวดเร็ว โดยการวางเซลล์ทับกันเป็นชั้นๆ พร้อมเสริมว่า ที่จริงแล้ว เซลล์เชื้อเพลิงชนิดนี้ สามารถใช้พืชชนิดใดในการผลิตก็ได้ แต่สาเหตุที่ทีมวิจัยเลือกใช้ผักโขม ก็เนื่องมาจากมีราคาถูก และสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายของชำทั่วไป หลังจากนั้น จะมีการนำผักโขมเหล่านี้มาบด และสกัดจนเหลือสารบริสุทธิ์ เพื่อแยกโปรตีนที่อยู่ในเซลล์ผักโขมออกมา อย่างไรก็ดี นายจาง ยอมรับว่า การนำทฤษฎีดังกล่าวมาใช้งานจริง ยังคงต้องใช้เวลาอีกราวทศวรรษ แต่เซลล์ชนิด จะมีข้อได้เปรียบด้านน้ำหนัก การพกพาสะดวก และเป็นมิตรต่อสภาพแวดล้อม (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 25 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ฝรั่งเศสคิดค้นฟิล์มมหัศจรรย์ เร่งผักผลไม้ให้ผลผลิตนอกฤดู

ศูนย์เทคโนโลยีผักและผลไม้แห่งประเทศฝรั่งเศส ได้พัฒนาฟิล์มพลาสติกเพื่อการเกษตร ทั้งรูปแบบที่ทอและไม่ทอ แบบบางและแบบหนาเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานรูปแบบต่างๆ โดยฟิล์มส่วนใหญ่ทำมาจากโพลีเอทธิลีน อาจจะมีความหนาตั้งแต่ 10-12 ไมครอน สำหรับการปลูกข้าวโพดถึง 80 ไมครอนสำหรับการปลูกผัก รวมทั้งให้ความสำคัญด้านสีของฟิล์มด้วย โดยฟิล์มสีดำสามารถดูดกลืนแสงได้อย่างสมบูรณ์ ป้องกันการเติบโตของวัชพืชได้ดี แต่ก็มีข้อจำกัดด้านความร้อน ในขณะที่ฟิล์มที่ยอมให้แสงผ่านได้หรือไม่มีสี ทำให้พื้นดินร้อนแต่ก็ทำให้วัชพืชเจริญเติบโตได้ดี ส่วนฟิล์มโพลีเอทธิลีนสีขาวชนิดที่ไม่ทอสามารถใช้ป้องกันอากาศหนาวได้ ฟิล์มดังกล่าวมีลักษณะคล้ายแผ่นใยซึ่งยอมให้น้ำและอากาศผ่านได้ ทั้งยังช่วยป้องกันลมและอากาศหนาว โดยการสร้างภูมิอากาศที่เหมาะสมเหนือพื้นดิน ป้องกันผักสลัดกลายเป็นน้ำแข็ง ขณะที่ผู้ผลิตผักชีวภาพสนใจการใช้ฟิล์มตาข่ายอย่างมาก เนื่องจากกฎหมายไม่อนุญาตให้เกษตรกรใช้สารปราบศัตรูพืช และยังเป็นที่สนใจของเกษตรกรที่ไม่ได้ผลิตผักชีวภาพ เพราะไม่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพขณะเก็บเกี่ยว นอกจากนี้ ฟิล์มเพื่อการเกษตรยังได้พัฒนาเป็นถุงบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ อาทิ กระสอบสำหรับเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์และปุ๋ย ทั้งนี้ การใช้งานฟิล์มสิ่งทอเพื่อการเกษตร สามารถใช้ได้ครั้งเดียวหรือมากกว่าหนึ่งครั้ง ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน จากนั้นจะถูกนำไปผ่านกระบวนการรีไซเคิล ยกเว้นฟิล์มที่บางมากๆ ที่ใช้คลุมพื้นดินจะสกปรกมาก ไม่เหมาะที่จะทำการรีไซเคิล ด้วยเหตุนี้ ทางศูนย์จึงพัฒนาฟิล์มพลาสติกที่ย่อยสลายได้ด้วยแสง และย่อยสลายเองตามธรรมชาติ ด้วยการผสมกับสารเติมแต่งที่ไวต่อแสงยูวี ซึ่งสามารถกำหนดหรือชะลอการทำปฏิกิริยากับแสงยูวี ทำให้ฟิล์มมีอายุการใช้งานตามความต้องการของการเพาะปลูก และย่อยสลายเมื่อหมดอายุการใช้งาน (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 25 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ปตท.ชูนวัตกรรมเพิ่มมูลค่าก๊าซธรรมชาติ เปลี่ยนพลังงานเหลือทิ้งเป็นน้ำเย็นคลายร้อน

นายวิษณุ วงศ์สมบูรณ์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจกลุ่มก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท.ได้ศึกษาความเป็นไปได้ของระบบ Gas District Cooling and Cogeneration ซึ่งเป็นแนวทางการใช้ก๊าซธรรมชาติให้คุ้มค่ายิ่งขึ้น นอกจากใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าแล้ว ยังนำก๊าซส่วนที่เหลือทิ้งมาผลิตน้ำเย็นสำหรับระบบปรับอากาศภายในอาคาร แทนสารเคมีที่ทำลายชั้นบรรยากาศ และช่วยลดต้นทุนค่าไฟสำหรับระบบปรับอากาศในระยะยาว สำหรับระบบ GDC & Cogen ได้ศึกษาและใช้งานกันมานานแล้วในต่างประเทศ โดยเฉพาะท่าอากาศยานสากลแห่งใหม่ทั้งของมาเลเซีย ญี่ปุ่น อังกฤษ ซาอุดีอาระเบีย ตลอดจนท่าอากาศยานสากลเดนเวอร์ ท่าอากาศยานสากลเจเอฟเค สหรัฐอเมริกา รวมทั้งยังใช้ในพื้นที่ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ อาทิ อาคารแฝดเปโตรนาสแห่งมาเลเซีย สำนักงานในพื้นที่เขตชินจูกุใหม่ เขตมากุฮาริ และเขตชิบาอุระ กรุงโตเกียว เป็นต้น ขณะที่ประเทศไทยกำลังจะวางระบบใช้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และศูนย์การค้าฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ทั้งนี้ ปตท.เตรียมจัดแสดงโมเดลระบบ GDC & Cogen เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีความรู้และเข้าใจในระบบนี้ในงานสัปดาห์วิศวกรรมแห่งชาติ 2004 ครั้งที่ 2 งานแสดงเทคโนโลยีด้านวิศวกรรมโยธา ไฟฟ้า เครื่องกล ฯลฯ ระหว่างวันที่ 28-31 ต.ค.นี้ ณ ไบเทค บางนา (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 25 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ข่าวทั่วไป


หน่วยงานของยูเอ็นเตือนนับวันภัยธรรมชาติยิ่งมากขึ้น

หน่วยงานยุทธศาสตร์นานาชาติเพื่อลดหายนภัย (ไอเอสดีอาร์) เตือนว่า จำนวนผู้ประสบภัยจากธรรมชาตินับวันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น อันมีสาเหตุมาจากปรากฏการณ์โลกร้อนขึ้น หน่วยงานของสหประชาชาติองค์กรนี้แจ้งว่า เมื่อปีที่ผ่านมามีผู้ประสบภัยจากธรรมชาติ 254 ล้านคน หรือเกือบ 3 เท่าของจำนวนที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2533 เหตุการณ์ที่นับเป็นหายนภัยนั้น ประกอบด้วย แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด น้ำท่วมและภัยแล้ง พายุ ไฟไหม้ ดินถล่ม เหล่านี้คร่าชีวิตคนไปประมาณ 83,000 ราย เมื่อปีที่ผ่านมา จากที่ก่อนหน้านั้น 13 ปี ตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ 53,000 ราย ตัวเลขสถิติที่กล่าวมาได้จากความร่วมมือของศูนย์วิจัยว่าด้วยระบาดวิทยาของหายนภัย (Cred) ที่มหาวิทยาลัยลูเวน ในเบลเยียม ที่แจ้งว่าจำนวนผู้ได้รับผลกระทบจากหายนภัย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา (ไทยรัฐ พุธที่ 22 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





5ศิลปินรับประทานรางวัล

. วันที่ 21 กันยายน ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จประทานรางวัลศิลปาธรแก่ศิลปินที่ได้รับรางวัลทั้ง 5 สาขาได้แก่ สาขาทัศน์ศิลป นายเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์, สาขาวรรณศิลป์ นายชาติ กอบจิตติ, สาขาคีตศิลป์ นายดนู ฮันตระกูล, สาขาศิลปการแสดงนายประดิษฐ์ ประสาททอง และสาขาภาพยนตร์ นายเป็นเอก รัตนเรือง (มติชนรายวัน พุธที่ 22 ก.ย. 47 http://www.matichon.co.th)





แนะจัดตั้งสมาคมพิพิธภัณฑ์ไทย

นางสมลักษณ์ เจริญพจน์ ผู้อำนวยการสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีพิพิธภัณฑ์อยู่จำนวนมากในประเทศไทยแต่ไม่ค่อยได้รับการดูแลเท่าที่ควร ทำให้พิพิธภัณฑ์แต่ละแห่งต้องบริหารจัดการเองตามความสามารถที่มีอยู่ ดังนั้นในโอกาสวันพิพิธภัณฑ์ สากลวันที่ 19 ก.ย. ของทุกปี ทางสำนักพิพิธภัณฑ สถานแห่งชาติจึงมีความคิดที่จะทำให้เกิดการรวมตัวกันของเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ ในประเทศไทย ทางสำนักพิพิธภัณฑ์ฯ จึงได้ประสานงานกับพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย พิพิธภัณฑ์ไทยพาณิชย์ และองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ฯ เพื่อร่วมกันหารือในเรื่องดังกล่าว ซึ่งจากการหารือทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าก่อนที่จะดำเนินการสิ่งใด น่าจะจัดให้มีองค์กรกลางที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมของพิพิธภัณฑ์ทั่วประเทศไทย จึงเห็นควรให้มีการจัดตั้งสมาคมพิพิธภัณฑ์ไทยขึ้นเพื่อทำหน้าที่ดังกล่าว สมาคมพิพิธภัณฑ์ไทยที่จัดตั้งขึ้นจะมีวัตถุประสงค์ของการดำเนินการเพื่อทำให้เกิดศูนย์รวมและเชื่อมความสัมพันธ์ของพิพิธภัณฑ์ไทยทั่วประเทศ โดยสมาคมฯจะจัดให้มีการระดมความคิดเกี่ยวกับการพัฒนาพิพิธภัณฑ์ไทย เพื่อเป็นการดึงดูดประชาชนให้หันมาให้ความสนใจพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทยมากขึ้น ตลอดจนทำหน้าที่ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรของพิพิธภัณฑ์ทุกด้าน โดยเฉพาะในด้านการให้บริการ นอกจากนี้ทางสมาคมฯยังจะมีการทำแผนประชาสัมพันธ์ โดยการสร้างเครือข่ายประชาสัมพันธ์ของพิพิธภัณฑ์เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ไทยอย่างต่อเนื่องด้วย ทั้งนี้ตนคาดหวังว่าการจัดตั้งสมาคมพิพิธภัณฑ์ไทยจะช่วยทำให้งานพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทยมีการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น (เดลินิวส์ พุธที่ 22 ก.ย. 47 http://www.dailynews.co.th)





เคล็ดลับคว้า “3รางวัลยูเนสโก” อีกความสำเร็จเทศบาลนครยะลา

เทศบาลนครยะลาได้รับรางวัลเกียรติยศเมืองสันติภาพ UNESCO Cities for Prize ซึ่งเป็น 1 ใน 10 เมืองทั่วโลกที่คณะกรรมการตัดสินรางวัล “เมืองเพื่อสันติภาพ ประจำปี 2002 – 2003” ได้ประกาศผลการตัดสิน โดยกำหนดรับรางวัลในวันที่ 6 กันยายน 2547 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์แสดงวัฒนธรรมสากล เมืองบาเซโลนา ประเทศสเปน สำหรับในส่วนของประเทศไทยนั้นสำนักเลขาธิการคณะกรรมการปกครองท้องถิ่นคัดเลือกเมืองเพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทย ซึ่งมีการพิจารณาจากเทศบาลจำนวน 4 เทศบาลด้วยกันคือ เทศบาลนครเชียงใหม่ เทศบาลศรีอยุธยา เทศบาลนครยะลา และเทศบาลเมืองสุโขทัย นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลาเปิดเผยว่านับเป็นปีทองของเทศบาลนครยะลาที่ได้รับรางวัลถึง 3 รางวัล ในต้นเดือนกันยายน 2547 รางวัลแรกเป็นรางวัลเกียรติยศจากองค์การยูเนสโกแห่งสหประชาชาติ คือ รางวัลเมืองเพื่อสันติภาพ รางวัลต่อมาคือรางวัลพระปกเกล้าสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความเป็นเลิศด้านความโปร่งใสและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน และอีกรางวัลหนึ่งคือรางวัลชมเชยจากการประกวดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดี ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ซึ่งทุกรางวัลล้วนมาจากความร่วมมือของประชาชนชาวยะลา ที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาบ้านเมืองให้มีความเจริญและร่วมเสริมสร้างความสันติสุขท่ามกลางความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยที่ทางเทศบาลนครยะลา ได้นำเสนอผลงานเด่นๆ เข้าประกวดในครั้งนี้ ซึ่งประกอบด้วย โครงการเสริมสร้างความสันติสุขท่ามกลางความหลากหลายทางวัฒนธรรม โครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาเมือง โครงการจัดการและส่งเสริมสิ่งแวดล้อมเพื่อชีวิตเป็นสุขและโครงการติดอาวุธทางปัญญาสร้าง สังคมนครยะลาสู่อาณาจักรแห่งการเรียนรู้ ส่วนรางวัลพระปกเกล้าสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความเป็นเลิศด้านความโปร่งใส และส่งเ ริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งจัดโดยสถาบันพระปกเกล้า ปรากฏว่าเทศบาลนครยะลาได้รับรางวัลความเป็นเลิศฯ กำหนดรับรางวัลจาก ฯพณฯ อุทัย พิมพ์ใจชน ประธานรัฐสภาและประธานสภาสถาบัน ในวันที่ 5 กันยายน 2547 ณ โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ กรุงเทพฯ (สยามรัฐ พฤหัสบดีที่ 23 ก.ย. 47 http://www.siamrath.co.th)





'กร'ดึง3แบงก์พันธมิตรสร้างนวัตกรรม เล็งปล่อยกู้ 2 พันล้าน หนุนเอสเอ็มอีทำสินค้าแปลกใหม่

นายกร ทัพพะรังสี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือ "นวัตกรรมดี...ไม่มีดอกเบี้ย ระยะที่ 2 ระหว่างสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กับธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาและธนาคารนครหลวงไทย ได้เปิดเผยว่า สนช.จะเป็นผู้ให้การสนับสนุนดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อปี ภายในระยะเวลา 3 ปีแรกของการดำเนินโครงการนวัตกรรม โดยสถาบันการเงินจะเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ ที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการนวัตกรรมแห่งชาติ ว่าเป็นโครงการนวัตกรรมที่ดีและมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง วัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เอสเอ็มอีมีความตื่นตัวในการดำเนินธุรกิจนวัตกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงมาก และสามารถแข่งขันตลาดโลกได้ และเป็นกลไกสำคัญในการนำผลงานวิจัยและพัฒนาของประเทศ จากที่ผ่านมาเอสเอ็มอีจำนวนมากมีความสามารถสร้างนวัตกรรมในองค์กร แต่ขาดแหล่งเงินทุนสนับสนุน ทั้งนี้ โครงการระยะแรกเปิดตัวเมื่อกลางเดือน พ.ค. ได้รับความร่วมมือจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) โดยหน่วยงานภาครัฐได้เข้าร่วมความเสี่ยง ผลักดัน สนับสนุน และเป็นกลไกสำคัญ ที่ทำให้ภาคเอกชนเกิดโอกาสของการลงทุนในธุรกิจนวัตกรรม โดยจะสนับสนุนเงินกู้ให้แก่ อุตสาหกรรมด้านอาหารและสมุนไพร ด้านยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง ด้านซอร์แฟร์และเมคาทรอนิกส์ ด้านยานยนต์และชิ้นส่วน ด้านการออกแบบเชิงวิศวกรรมและเชิงอุตสาหกรรม โดยธนาคารเข้าร่วมโครงการจะสามารถปล่อยสินเชื่อในโครงการนี้ได้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท และสนช.ได้จัดสรรงบประมาณ 200 ล้านบาท สำหรับการรับภาระจ่ายในส่วนดอกเบี้ยแทนผู้กู้ทุกสตางค์ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการต้องรับภาระด้านเงินต้นด้วยตนเอง (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 24 ก.ย. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





กินอยู่อย่างไรให้ห่างไกลจีเอ็มโอ

"จีเอ็มโอ" เป็นตัวย่อจากภาษาอังกฤษว่า genetically modified organisms พูดเป็นภาษาไทยแบบเข้าใจง่ายๆ คือ สิ่งมีชีวิตที่มีการดัดแปลงพันธุกรรม (ดัดแปรพันธุกรรม, ตัดแต่งพันธุ-กรรม) นั่นหมายถึงว่าพืชชนิดนั้น เกิดขึ้นโดยใช้เทคนิคในห้องทดลอง มีการนำวัสดุพันธุกรรมจากเซลล์ สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งไปใส่ในสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง เพื่อสร้างสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ที่ไม่มีทางเกิดขึ้นเองจากการผสมพันธุ์ตามธรรมชาติ การทำเช่นนี้ก็เพื่อประโยชน์บางอย่างแก่ผู้ปลูก หรือบางกรณีอ้างถึงประโยชน์ของผู้บริโภค ปัจจุบันมีอาหารหลายชนิดที่มีส่วนประกอบของจีเอ็มโอโดยที่เรากินเข้าไปอย่างไม่รู้ตัว ถ้าหากเราไม่ต้องการกินอาหารที่มีส่วนผสมของ จีเอ็มโอควรจะมีหลักในการเลือกซื้ออย่างไรบ้าง ลองเข้าไปดูที่เว็บไซต์ www.nogmo.org ขั้นแรกคือให้ยึดหลักป้องกันไว้ก่อน โดยหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหาร ที่ตรวจพบว่ามีจีเอ็มโอ จนกว่าบริษัทนั้นจะมีนโยบายที่ชัดเจน และมีมาตรการปลอดจีเอ็มโอ ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่าอาหารสำเร็จรูปที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา อาร์เจนตินา หรือแคนาดา ซึ่งเป็นประเทศที่เพาะปลูกพืชจีเอ็มโอมากที่สุดในโลก ถ้าไม่พบชื่อผลิตภัณฑ์หรือบริษัทในคู่มือจ่ายตลาดในเว็บไซต์นี้ อาจดูที่ฉลากว่ามีส่วนผสมของถั่วเหลือง และข้าวโพดหรือไม่ หากไม่ ปรากฏก็พอจะเชื่อได้ว่าอาหารสำเร็จรูปนั้นปลอดจีเอ็มโอ ซื้อผักผลไม้สดและอาหารที่ใช้วัตถุดิบที่ปลูกในประเทศไทย เนื่อง จากเมืองไทยยังห้ามปลูกพืชจีเอ็มโอเพื่อการค้า บริโภคอาหารธรรมชาติที่เพาะปลูกโดยเกษตรกรรายย่อย และอาหารจากเกษตรอินทรีย์ ที่มีตรารับรองจากสำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ (มกท.) (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 25 ก.ย. 47 http://www.thairath.co.th)





กรุงเทพฯติดอันดับ 4 เมืองน่าเที่ยว

วันที่ 24 กันยายน ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร(กทม.) นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. ได้รับมอบรางวัลการจัดอันดับ World"s Best Awards 2004 จากนิตยสาร Travel Leisure ซึ่ง กทม.ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับ 1 ของเอเชีย และอันดับ 4 ของโลก ประจำปี 2547 เนื่องจาก กทม.มีคุณลักษณะตามที่นักท่องเที่ยวพึงประสงค์ คือ ความงดงามของทัศนียภาพ ศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์น่าศึกษา ภัตตาคารร้านอาหารที่มีมาตรฐาน มิตรไมตรีของผู้คน ค่านิยมในสังคม ความคุ้มค่าของเงิน และแหล่งช้อปปิ้งที่เป็นที่ยอมรับของนักท่องเที่ยว โดยสำรวจจากผู้อ่านมากกว่า 2 แสนรายที่เดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก รางวัลที่ได้รับจากนิตยสารดังกล่าวได้รับการโหวตจากผู้อ่านของนิตยสารที่มีความเป็นชั้นนำด้านการท่องเที่ยวของสหรัฐอเเมริกา ซึ่งนับเป็นปีที่ 2 ที่ กทม.ได้รับการโหวตให้เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับ 1 ของเอเชีย และอันดับ 4 ของโลก ทั้งนี้ เป็นเพราะกรุงเทพฯมีศิลปวัฒนธรรม คน กทม.มีอัธยาศัยที่ดี ตลอดจนความประทับใจของนักท่องเที่ยว ปีหน้าจะผลักดันเรื่องการท่องเที่ยวร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ภาคเอกชน และสถานประกอบการต่างๆ ในการให้มีการบริการนักท่องเที่ยวแบบรักษาความประทับใจ (มติชน เสาร์ที่ 25 ก.ย. 47 http://www.matichon.co.th)





"ฮู"ชี้ยาเสพติดตัวกระตุ้นเอดส์

เมื่อวันที่ 24 กันยายน สำนักข่าวเอเอฟพีเปิดเผยรายงานขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า การระบาดของสารเสพติดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการระบาดของไวรัสเอดส์ โดยเฉพาะยาบ้าที่กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ในประเทศไทย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ โดยข้อมูลของสหประชาชาติพบว่าในเอเชียมีผู้ติดยาเสพติดราว 3.3 ล้านคน และในหลายประเทศผู้ติดยาเสพติดทำให้มีผู้ติดเชื้อเอดส์มากขึ้นตามไปด้วย น.พ.สำลี เปลี่ยนบางช้าง ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังประสบปัญหาผู้ติดสารเสพติดและฉีดยาเสพติดจำนวนมาก รวมทั้งมีผู้ดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มสูงขึ้น และเริ่มหันมาเสพสารเสพติดประเภทอื่นๆ เช่น กาว น้ำมัน และสารระเหยอื่นๆ ที่กำลังแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น รายงานของสหประชาชาติประมาณว่า มีประชากรโลกราว 200 ล้านคนที่ใช้สารเสพติดประเภทเดียวหรือมากกว่า โดยกัญชาเป็นที่นิยมมากที่สุด ตามด้วยยาบ้า โคเคน และฝิ่น โดยกลุ่มผู้ใช้สารเสพติดเป็นชายมากกว่าหญิง (มติชน เสาร์ที่ 25 ก.ย. 47 http://www.matichon.co.th)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215