หัวข้อข่าวปีที่ 5 ฉบับที่ 44 ประจำวันที่ 2004-11-01

ข่าวการศึกษา

สกอ.เตรียมนำร่อง ม.เอกชนจัดหลักสูตร
สกศ.ยกย่องวัดดีเด่น พัฒนาการศึกษา-ศาสนา
ก.พ.ให้ทุนเฉพาะสาขาขาดแคลน
เด็กโครงการทุนวิทย์ลาออกอื้อ จี้มหาวิทยาลัยเร่งแก้ปัญหา
นายเรืออากาศหนุนไทย ศูนย์ฝึกบินเอเชีย
จัดค่ายเยาวชนพัฒนาไอซีที คัดเด็กอัจฉริยะแข่งเวทีโลก
"สนนท."ยื่นวุฒิฯถอนร่างกม. มหาวิทยาลัยในกำกับรัฐบาล
ลำปางต่ออินเตอร์เน็ตถึงบ้านอจ.ทุกคน

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

จอ OLED ใหญ่ที่สุดในโลก
อีก 3 ปีหุ่นยนต์ครองโลก ปฏิบัติหน้าที่แทนคนทั้งทำงานบ้านและกรรมกร
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบความลับในกาย ยีนตัวเดียวรับภาระหลายอย่าง
ทุ่มงบฯตั้ง "สถาบันสารสนเทศน้ำ" แก้แล้ง-น้ำท่วม
เด็กทุกวันนี้อาจจะมีอายุทะลุเกินร้อยมนุษย์ ได้สร้างโลกที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
ส่งยานอวกาศคามิกาเซ่ดาวหางเฉลิมฉลองวันชาติของอเมริกา
เด็กเบญจมฯทำสถิติ
นายกฯเปิดศูนย์ไอซีทีแห่งชาติ
ชิพหน่วยความจำ 3 มิติ
แคสซินีส่งภาพถ่ายไททันดวงจันทร์บริวารของดาวเสาร์
ยาฮูโชว์อ่านไฟล์.PDF ได้ทุกที่ไม่ต้องโหลด
สหรัฐสร้างแมวจีเอ็มแก้ภูมิแพ้
เปิดแล้วศูนย์ICTแห่งชาติ อาณาจักรมนุษย์ “ดิจิตอล”

ข่าววิจัย/พัฒนา

ผลิตกระดาษจากกัญชง คุณภาพดีแต่ยังติดข้อกฎหมายห้าม
นมแม่แช่นานเกินวิตามินหด วิจัยเตือนดื่มสดจากเต้าดีที่สุด
ปล่อยลูกโตอยู่หน้าทีวี ระวังสมองพัฒนาช้า
อังกฤษเรียกร้องเปิดเผยระดับรังสีในมือถือ
ญี่ปุ่นโชว์นวัตกรรม'เขื่อนใต้ดิน' ป้องกันน้ำระเหย-ซึมลงทะเล
แปรรูปผลิตภัณฑ์หนังปลานิลคุณภาพเยี่ยมเทียมเท่าหนังลูกแกะ
เพิ่มพลังด้วยความเย็น
ยานยนต์ทหารอัจฉริยะไร้คนขับ กลาโหมใช้ลาดตระเวนชายแดน
หัวหอมทำเซลล์มะเร็งต้องร้องไห้ยอมแพ้พอโดนกลิ่นฉุนจนแสบตา
ออกกำลังต้านโรคอัมพาตแบบสั่นอยู่ป้องกันเซลล์ประสาทไว้ ไม่ให้เสื่อม
เลือกหุ่นยนต์ผายลมและเรอดังเป็นแชมเปี้ยนยอดของเล่นแห่งปี
ไทยผลิตเลนส์แว่นตาตกไม่แตกสวมสบาย เล็งพัฒนาต่อยอดให้เปลี่ยนสีทันทีกลางแสงจ้า
ม.เกษตรสำเร็จ ทำจีโนมปลาบึก ข้อมูลส่งยีนแบงก์
ทัพเรือวิจัยแบคทีเรียขจัดคราบน้ำมัน ใช้แทนสารเคมี-เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม
นักวิทย์รุ่นเยาว์สกัดพืชท้องถิ่นผลิตไบโอดีเซล
ไทย-ออสเตรเลียร่วมวิจัย ภาระ 5 โรคเรื้อรังคนไทย
เปลี่ยนฟางข้าวเป็นน้ำมันสุดคุ้มให้ค่าออกเทนสูง
เครื่องเช่าวีซีดีบริการ24ชั่วโมง วิศวกรไทยประยุกต์จากไต้หวัน
เอกชนแห่ร่วมสัปดาห์วิศวกรรม โชว์เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน
จุฬาฯ จับมือ 'นวัตกรรม' ดันงานวิจัยพ้นหิ้ง นำร่อง 4 ผลงานวิทย์เพิ่มขีดแข่งขันในตลาดโลก
ม.ศรีปทุมโชว์ศักยภาพเยาวชนไทย ในงาน SPUfriends.com
ติดป้ายชื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้คนไข้ป้องกันหมอสั่งยาผิด
วิศวกรรมตื่นตัว มุ่งใช้นวัตกรรม ช่วยลดพลังงาน
ดื่มชามีฤทธิ์ช่วยความจำอาจพบทางรักษาสมองฝ่อ

ข่าวทั่วไป

IUCN ถวายเหรียญเชิดชูราชินี
คพ.ออกกฎเหล็กคุมแหล่งกำเนิดมลพิษ
โปรดเกล้าฯตั้งพิพิธภัณฑ์ผ้าแสดงผ้าโบราณของราชวงศ์
อัด คพ.-กทม.ล้มเหลวแผนจัดการขยะอันตราย
ศิริราชตรวจ"เซลล์มะเร็งเต้านม" ไม่ต้องเลาะต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้
ทำไมผู้ชายตายเร็ว-ผู้หญิงตายช้า





ข่าวการศึกษา


สกอ.เตรียมนำร่อง ม.เอกชนจัดหลักสูตร

รศ.ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการจัดตั้งและปรับเปลี่ยนประเภทสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ได้พิจารณากรณีที่วิทยาลัยเทคโนโลยีราชธานี และวิทยาลัยเทคโนโลยีราชธานีอุดร เสนอขอยุบรวมเป็นสถาบันอุดมศึกษาเดียวกัน ซึ่งคณะอนุกรรมการเตรียมศึกษาความเป็นไปได้ นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยรังสิตได้ขออนุมัติจัดหลักสูตรการสอนที่อาคารแห่งหนึ่งภายหลังจากหมดสัญญาเช่าสถานที่อาคารฐานเศรษฐกิจ ซึ่งคณะอนุกรรมการจะศึกษาว่าจะอนุมัติหรือไม่ ที่ประชุมได้ตั้งข้อสังเกตว่าการขอจัดหลักสูตรการเรียนการสอนนอกสถานศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาเอกชนจะต้องเสนอขอคณะอนุกรรมการจัดตั้งก่อน ในขณะที่มหาวิทยาลัยของรัฐกลับไม่ต้องขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) โดยให้เป็นอำนาจของสภามหาวิทยาลัย ฉะนั้น กรณีนี้ควรจะให้เป็นอำนาจของสภามหาวิทยาลัยหรือไม่ ซึ่งจะต้องไปดูหลักการ และหารือกับคณะกรรมการ กกอ.อีกครั้ง ทั้งนี้ การจัดการเรียนการสอนนอกสถานที่ของสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ เป็นยุทธศาสตร์ของสถาบันอุดมศึกษาที่ให้บริการการเรียนการสอนถึงผู้เรียน จะต้องมีการพัฒนาคุณภาพเทียบเท่าต่างประเทศ (คมชัดลึก จันทร์ที่ 25 ต.ค. 47 http://www.komchadluek.net)





สกศ.ยกย่องวัดดีเด่น พัฒนาการศึกษา-ศาสนา

ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เปิดเผยถึงการสรรหาวัดดีเด่นตามโครงการวิจัยและส่งเสริมวัดเพื่อการพัฒนาการศึกษาและเผยแผ่ศาสนธรรม 6 ด้าน ดังนี้ ด้านการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรม-บาลี ได้แก่ วัดจองคำ จ.ลำปาง ด้านการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา ได้แก่ วัดสะเรียง จ.นครศรีธรรมราช ด้านการจัดการศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ได้แก่ วัดอนงคาราม กรุงเทพฯ ด้านการจัดโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา ได้แก่ วัดใหม่กรงทอง จ.ปราจีนบุรี ด้านการเผยแผ่ศาสนธรรม ได้แก่ วัดปัญญานันทาราม จ.ปทุมธานี และด้านการจัดวัดเป็นแหล่งเรียนรู้ ได้แก่ วัดตะโหมด จ.พัทลุง รวมทั้งประกาศเกียรติคุณดีเด่นแก่วัดในโครงการอีกทั้งสิ้น 56 วัด ซึ่งจะมีการขยายผลไปสู่วัดเครือข่ายทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัยที่บูรณาการด้านศาสนามากยิ่งขึ้น โดยได้เตรียมการจัดถวายโล่เกียรติคุณและเกียรติบัตรวัดดีเด่นพร้อมกับการเสวนา ในวันที่ 22 ธ.ค. 2547 นี้ ที่หอประชุมพุทธมณฑล จ.นครปฐม (คมชัดลึก จันทร์ที่ 25 ต.ค. 47 http://www.komchadluek.net)





ก.พ.ให้ทุนเฉพาะสาขาขาดแคลน

นายสีมา สีมานันท์ เลขาธิการ ก.พ. เปิดเผยว่า ขณะนี้ทุนการศึกษาที่ได้จากรัฐบาลและหน่วยงานอื่นๆ มีทั้งหมด 13 แหล่งทุน โดยส่งไปศึกษาต่อในสาขาที่ประเทศไทยยังขาดแคลน หรือยังไม่ก้าวหน้า ได้แก่ สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นสาขาที่นายกรัฐมนตรีให้การสนับสนุนอย่างมาก และสาขาคอมพิวเตอร์ รวมถึงสาขากฎหมายเฉพาะทาง เช่น กฎหมายการค้าระหว่างประเทศ กฎหมายในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา กฎหมายสิ่งแวดล้อม กฎหมายการเดินเรือ ฯลฯ ซึ่งมองว่าการจะก้าวสู่เวทีโลกจำเป็นต้องรู้เรื่องกฎหมายเหล่านี้ สำหรับนโยบายของทุนนี้จะส่งเด็กไปยังประเทศที่ไม่เน้นภาษาอังกฤษ จึงได้กำหนดโซนให้ไปศึกษาต่อในแถบประเทศยุโรป โดยเฉพาะในประเทศฝรั่งเศส มีจำนวนเด็กที่รับทุนถึง 170 คน ประเทศญี่ปุ่น 120 คน ประเทศจีน 90 คน นอกจากนี้ยังมีประเทศเยอรมนี ประเทศเนเธอร์แลนด์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ฯลฯ แต่ยกเว้นประเทศอินเดียที่พูดภาษาอังกฤษ เนื่องจากอินเดียมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์ โดยทุนนี้รัฐได้จัดสรรงบประมาณเป็นจำนวน 3,500 ล้านบาท ปัจจุบัน ก.พ.ดูแลนักเรียนทุนทั้งหมดกว่า 5,000 คน โดยประเทศที่มีเด็กไปเรียนมากที่สุดคือ สหรัฐอเมริกา ประเทศอังกฤษ และประเทศออสเตรเลียตามลำดับ นอกจากนี้ ทางก.พ.ก็มีแผนที่จะไปเปิดศูนย์สำนักงานสาขาเพิ่ม ในประเทศจีน และที่ญี่ปุ่น เพื่อจะดูแลนักเรียนทุนหนึ่งอำเภอหนึ่งทุนอย่างใกล้ชิดอีกด้วย (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 26 ต.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





เด็กโครงการทุนวิทย์ลาออกอื้อ จี้มหาวิทยาลัยเร่งแก้ปัญหา

ดร.สุชาติ เมืองแก้ว รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อกำหนดแนวทางการรายงานผลการดำเนินการโครงการพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ (ทุนเรียนดีวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย) ว่า ตามที่รัฐบาลอนุมัติงบประมาณ เพื่อจัดสรรทุนให้กับนักเรียนเรียนดีด้านวิทยาศาสตร์ศึกษาในระดับปริญญาตรี ปีละ 350 ทุน ต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปี 2545-2548 รวมจำนวน 1,400 ทุน รวมเป็นเงิน 420 ล้านบาทนั้น จากการดำเนินงานมา 3 ปี พบว่า นักเรียนทุนบางคนขอลาออก หรือเรียนแล้วได้เกรดไม่ถึง 3.00 ตามที่กำหนดจำนวนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ มีนักเรียนได้รับทุนเหลือ 900 คน จากที่ตั้งเป้าเด็กรับทุนไว้ 1,050 คน คาดว่าสูญเสียงบประมาณไป 15% แต่ต้องสรุปผลความเสียหายอีกครั้ง จึงเห็นควรให้มีการประเมินการให้ทุน และสรุปผลการประเมินโครงการเสนอต่อรัฐบาล ซึ่งจะดำเนินการให้เสร็จ ภายในเดือน พ.ย.นี้ ในเบื้องต้นมหาวิทยาลัยเห็นตรงกันว่า เป็นโครงการที่ดี ควรจัดทำอย่างต่อเนื่อง เพราะขณะนี้ ประเทศยังขาดแคลนนักวิจัยมาก ดังนั้น จึงมีมติที่จะขออนุมัติหลักการจากคณะรัฐมนตรี 2 เรื่องคือ จะขอรับนักเรียนทุนเรียนดีด้านวิทยาศาสตร์ เพิ่มขึ้นจากปีละ 350 คน เป็นปีละ 400 คน และให้ผู้สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีในโครงการแรก ก็ให้ได้รับทุนศึกษาต่อระดับปริญญาโทและเอกในประเทศต่อ ส่วนเรื่องเม็ดเงินยังไม่ได้กล่าวถึง (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 27 ต.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





นายเรืออากาศหนุนไทย ศูนย์ฝึกบินเอเชีย

ร.อ.ดร.ณัฐพล นิยมไทย อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมอากาศยาน กองวิชาวิศวกรรมศาสตร์ กองการศึกษา โรงเรียนนายเรืออากาศ เปิดเผยว่า โรงเรียนนายเรืออากาศได้สั่งซื้อชุดฝึกบินทางวิศวกรรม (Flight Simulator) รุ่นล่าสุด ที่สามารถจำลองการบินของนักบิน ขณะเดียวกัน สามารถออกแบบเครื่องบินรุ่นต่างๆ ได้ โดยเครื่องมือดังกล่าวจะทดสอบเครื่องบิน ที่นักเรียนนายเรืออากาศได้ออกแบบไว้ ว่า สามารถทำงานและบินขึ้นสู่อากาศได้จริงหรือไม่ โดยไม่ต้องสร้างแบบจำลองเช่นในอดีต อุปกรณ์ชุดนี้มูลค่า 15 ล้านบาท ผลิตโดยบริษัท ST Training & Simulation Pte. Ltd. ในประเทศอังกฤษ และปัจจุบันมีเพียงเครื่องเดียวในทวีปเอเชีย จึงเชื่อว่าการนำอุปกรณ์ดังกล่าวมาติดตั้ง จะทำให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการฝึกบินของทวีปเอเชีย แต่ต้องสร้างอุปกรณ์และอาคารอำนวยความสะดวกอื่นมารองรับ สำหรับการทดลองบิน สำหรับการใช้งาน นักบินสามารถกำหนดรูปแบบแพนอากาศของปีก โดยป้อนเป็นฐานข้อมูลส่งเข้าสู่ชุดฝึกบินได้ ซึ่งจะจัดเก็บฐานข้อมูลในรูปแบบของตาราง และผู้ใช้สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงฐานข้อมูลในตาราง สามารถป้อนผลลัพธ์ของฐานข้อมูลรูปแบบแพนอากาศของปีก ที่ได้จากการทดลองในอุโมงค์ลมใส่ในตารางได้ ในส่วนการประมวลผลของชุดฝึกบิน จะแสดงผลออกมาเป็นรูปแบบสามมิติ สามารถเลือกชนิดของเครื่องยนต์ที่สอดคล้องกับกำลังขับได้ ประกอบด้วย เครื่องยนต์กังหันก๊าซ เครื่องยนต์ใบพัดกังหัน เครื่องยนต์กังหันก๊าซขับใบพัดด้วยเพลากังหัน และเครื่องยนต์ลูกสูบ ชุดฝึกบินจำลอง ประกอบไปด้วย 3 ส่วน ได้แก่ ห้องนักบิน ซึ่งจำลองส่วนหัวของเครื่องบิน ภายในประกอบไปด้วย หน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ 1 จอ และขนาดเล็กอีก 2 จอ เพื่อแสดงภาพจำลองขณะฝึกบิน และภาพปุ่มควบคุมต่างๆ บนเครื่องบิน ซึ่งเป็นระบบสัมผัส ส่วนที่สองเป็นฐานเครื่องบินที่บังคับทิศทางในสภาวะต่างๆ ขณะเครื่องบินกำลังเดินเครื่องสู่อากาศ ขณะอยู่ในอากาศและขณะร่อนลงสู่พื้นดิน ส่วนสุดท้าย เป็นศูนย์คอมพิวเตอร์ควบคุมการบิน ที่คอยตั้งข้อมูลสถานการณ์จำลอง เพื่อทดสอบเครื่องบินนักเรียนได้ออกแบบไว้ นอกจากนี้ อุปกรณ์ดังกล่าวยังเป็นชุดฝึกบินจำลอง สำหรับนักบินได้อีกด้วย ซึ่งสามารถตั้งค่าให้เป็นได้ทั้งเครื่องบินรบเอฟ 16 หรือเครื่องบินโดยสารโบอิง 747 รวมทั้งสามารถจำลองสถานการณ์การบินในสภาพอากาศที่แปรปรวน เพื่อฝึกนักบินให้เรียนรู้การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า สร้างความชำนาญ และเชี่ยวชาญก่อนขับเครื่องบินจริง (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 27 ต.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





จัดค่ายเยาวชนพัฒนาไอซีที คัดเด็กอัจฉริยะแข่งเวทีโลก

นายแอนดรูว์ แม็คบีน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การจัดค่าย ไมโครซอฟท์ ไอที ยูท ชาเลนจ์ 2004 เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพาร์ทเนอร์ อิน เลิร์นนิ่ง ซึ่งเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยทั่วประเทศ ได้แสดงออกถึงทักษะ ความรู้ ความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีอยู่ในตัว โดยดำเนินการคัดเลือกผลงานนักเรียนจากทั่วประเทศตามระดับชั้น ได้แก่ ป.1-3 ป.4-6 ม.1-3 และ ม.4-6 เยาวชนที่ร่วมเข้าค่าย จะได้รับการอบรมจากทีมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญของไมโครซอฟท์ ในการผสานเทคโนโลยีกับการเรียนรู้ รวมทั้งจะได้ฝึกฝนทักษะและสร้างสรรค์ผลงานไปพร้อมๆ กันด้วย ซึ่งจะเป็นอีกเวทีหนึ่งที่จะเฟ้นนักเรียนผู้มีความสามารถยอดเยี่ยม เพื่อรับการสนับสนุนในการพัฒนาตนเองจากไมโครซอฟท์ เพื่อแข่งขันในเวทีโลกต่อไป สำหรับผลงานที่เยาวชนจากทั่วประเทศที่ผ่านการคัดเลือกรอบแรก 59 ทีม จะเข้าชิงชนะเลิศในเดือน พ.ย.นี้ แบ่งตามระดับชั้นคือ ป.1-3 ประกวดวาดรูปโดยใช้โปรแกรมเพ้นท์ ป.4-6 ประกวดอันซีน ไทยแลนด์ในจังหวัดโดยใช้โปรแกรมเพาเวอร์ พอยต์ ม.1-3 ประกวดโอท็อปในจังหวัด หรือ โรงเรียนของฉัน โดยใช้ฟอนต์ เพจ และ ม.4-6 ประกวดการเขียนโปรแกรมการเรียนการศึกษาสำหรับใช้จริงภายในโรงเรียน โดยผู้ชนะเลิศจะได้รับรางวัล 100,000 บาท และรางวัลอื่นๆ เป็นเงินทั้งสิ้นถึง 7 แสนบาท (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 28 ต.ค. 47 http://www.komchadluek.net)





"สนนท."ยื่นวุฒิฯถอนร่างกม. มหาวิทยาลัยในกำกับรัฐบาล

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ที่รัฐสภา น.ส.กชวรรณ ชัยบุตร กรรมการบริหารประสานงานภาคตะวันออก สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย(สนนท.) ได้ยื่นหนังสือต่อนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว.กรุงเทพฯ ในฐานะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยในกำกับรัฐบาล วุฒิสภา เพื่อแสดงความต้องการของ สนนท.ที่ให้นำร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยในกำกับรัฐบาลที่อยู่ในการพิจารณาของวุฒิสภากลับมายกร่างใหม่ เพราะส่งผลกระทบมาก โดยเฉพาะเรื่องค่าเล่าเรียนที่สูงขึ้น เป็นการขัดต่อการปฏิรูปการศึกษา เพราะจะทำให้โอกาสในการศึกษาของประชาชนทั่วไปน้อยลง นอกจากนี้ ในกระบวนการร่างกฎหมายที่ผ่านมาไม่โปร่งใส เฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นใหญ่คือ ไม่ผ่านการประชาพิจารณ์ (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 29 ต.ค. 47 http://www.matichon.co.th)





ลำปางต่ออินเตอร์เน็ตถึงบ้านอจ.ทุกคน

ผศ.เล็ก แสงมีอานุภาพ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง เปิดเผยว่า ขณะนี้ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการปรับเปลี่ยนในความเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการกำหนดทิศทางและกลยุทธในมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะในเรื่องการประกันคุณภาพให้มีความสมบูรณ์และมีระบบที่ชัดเจนเพื่อรองรับการตรวจสอบจากทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอก ซึ่งเป็นการวัดคุณภาพของมหาวิทยาลัยด้วยว่าอยู่ในระดับใด จากนั้นตัวเองจะรายงานให้ประชาชนได้ทราบเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมยอมรับมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการพัฒนาคุณภาพบุคลากรจะดำเนินการไปพร้อมอาจารย์และนักศึกษา ด้วยการเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ให้แก่ทุกฝ่ายเรียนรู้ในเรื่องของอีเลิร์นนิ่ง และระบบสารสนเทศต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วไป นอกจากนี้ยังได้ขยายเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของมหาวิทยาลัยไปสู่บ้านพักของอาจารย์ทุกคน เพื่อให้ได้ใช้สืบค้นด้านการศึกษา วิทยาการความรู้ต่างๆ ซึ่งเท่ากับเป็นการพัฒนาคุณภาพของตัวเองคู่ไปด้วย สำหรับนักศึกษานอกจากจะเสริมความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์แล้ว ยังเปิดศูนย์ให้นักศึกษาได้ใช้ตลอดเวลาและยังมุ่งเน้นความรู้เกี่ยวกับภาษาต่างประเทศในรูปของการฝึกอบรมและการจัดกิจกรรมต่างๆ แม้กระทั่งการให้ความรู้ในเรื่องของภาษาจีน (ข่าวสด ศุกร์ที่ 29 ต.ค. 47 http://www.matichon.co.th/khaosod





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


จอ OLED ใหญ่ที่สุดในโลก

บริษัทแอลจี ฟิลิปส์ ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาจอภาพโอแอลอีดี (OLED:Organic Light-Emitting Diodes) เทคโนโลยีจอภาพแห่งอนาคต ซึ่งระบุว่าเป็นจอแบบโอแอลอีดีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในขณะนี้ เพราะมีขนาดใหญ่ถึง 20.1 นิ้ว จอโอแอลอีดีของแอลจี ฟิลิปส์ ถูกเปิดตัวครั้งแรกในงานเอฟพีดี อินเตอร์เนชั่นแนล เทรดโชว์ ประเทศญี่ปุ่น เรียกว่าต้นแบบจอภาพแอคทีฟ เมติกซ์ โอแอลอีดี มีรายงานว่าจอภาพดังกล่าวมีความละเอียดประมาณ 3 ล้านพิกเซล ความคมชัด 2,028x1,536 พิกเซล สำหรับเทคโนโลยีโอแอลอีดีนี้มีคุณสมบัติพิเศษคือสามารถเรืองแสงได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องใช้แบ็คไลท์ แต่อาศัยอินทรีย์สารแทนทำให้ประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ยังใช้กระบวนการแสดงภาพแบบ อิเล็กทรอลูนิเนสเซนส์ (electroluminescence) ทำให้สามารถมองภาพในมุมไหนก็ได้ มีคุณภาพเหมือนกัน จอภาพแบบโอแอลอีดีนี้ถือเป็นนาโนเทคโนโลยีหรือเทคโนโลยีจิ๋วอย่างหนึ่ง สามารถพัฒนาจอภาพให้มีขนาดบางกว่าเส้นผมมนุษย์ได้ โดยเฉพาะในเวอร์ชั่นที่ยืดหยุ่นสามารถนำไปติดไว้กับเสื้อผ้าหรือหนังสือพิมพ์ได้ แม้จะไฮเทคขนาดไหน แต่เทคโนโลยีนี้ก็ยังมีข้อจำกัดบางอย่างคือสีของภาพบนจอจะเสื่อมคุณภาพอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดปัญหาสีจาง แต่ก็เชื่อว่าปัญหานี้คงไม่เกินความสามารถของนักวิจัยระดับโลก (เดลินิวส์ อังคารที่ 26 ต.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





อีก 3 ปีหุ่นยนต์ครองโลก ปฏิบัติหน้าที่แทนคนทั้งทำงานบ้านและกรรมกร

องค์การสหประชาชาติ รายงานผลสำรวจหุ่นยนต์โลกประจำปีพบว่า จำนวนหุ่นยนต์ทั้งในภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้น 7 เท่าในอีก 3 ปี และรายงาน ซึ่งดำเนินการโดยคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยุโรป และสมาพันธ์หุ่นยนต์นานาชาติ และ ในปีที่ผ่านมามีหุ่นยนต์ในภาคครัวเรือน 6.07 แสนตัว โดยหุ่นยนต์ดูดฝุ่นมีมากสุดที่ 5.70 แสนตัว หุ่นยนต์ตัดหญ้า 37,000 ตัว และในปลายปี 2550 จะมีหุ่นยนต์ประจำบ้าน 4.1 ล้านตัว โดยหุ่นยนต์นักดูดฝุ่นจะยังคงได้รับความนิยมมากสุดตามมาด้วยหุ่นยนต์เช็ดกระจก และหุ่นยนต์ทำความสะอาดสระน้ำ เช่นเดียวกับยอดขายหุ่นยนต์เพื่อความบันเทิงจะสูงถึง 6.92 แสนตัว ซึ่งรวมถึงของเล่นหุ่นยนต์อย่างสุนัขไอโบของโซนี่ด้วย อย่างไรก็ตาม แม้หุ่นยนต์ช่วยงานบ้านจะมีจำนวนมากขึ้น แต่ยังคงน้อยกว่าหุ่นยนต์ในภาคอุตสาหกรรมและบริการ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1 ล้านตัวในปี 2550 สาเหตุที่หุ่นยนต์อุตสาหกรรมได้รับความนิยมสูง เพราะค่าจ้างแรงงานคนสูงขึ้น ขณะที่เทคโนโลยีหุ่นยนต์ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง และต้นทุนการผลิตที่ลดลง จึงกลายเป็นปัจจัยผลักดันให้บริษัทต่างๆ หันมาลงทุนในหุ่นยนต์อุตสาหกรรมอย่างมหาศาล โดยปัจจุบันญี่ปุ่นยังคงครองแชมป์แผ่นดินที่มีประชากรหุ่นยนต์สูงสุดถึง 8 แสนตัว ทั้งหุ่นยนต์บ้านและอุตสาหกรรม ตามมาด้วยสหภาพยุโรปที่จำนวนหุ่นยนต์ในโรงงานมากถึง 2.50 แสนตัว ซึ่งกระจายอยู่ในประเทศเยอรมนี อิตาลี และฝรั่งเศส ขณะที่ทวีปอเมริกาเหนือครองอันดับ 3 ด้วยจำนวนประชากรหุ่นยนต์ 1.12 แสนตัว นอกจากนี้ในประเทศกำลังพัฒนา อย่าง บราซิล จีน และเม็กซิโก ยอดการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในปลายทศวรรษนี้ หุ่นยนต์จะไม่เพียงทำความสะอาดพื้น ตัดหญ้า รีดนมวัว กำจัดของเสีย เป็นยามรักษาการณ์หรือแม้แต่บริการเดินตั๋วในโรงภาพยนตร์ แต่จะกลายเป็นผู้ช่วยคนชราและคนพิการ โดยจะติดตั้งอุปกรณ์ที่สามารถสื่อสารกับเจ้าของได้อย่างชาญฉลาด รวมไปถึงความสามารถในการผ่าตัด เข้าตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงภัยที่อันตรายเกินกว่ามนุษย์เข้าไปปฏิบัติงาน (คมชัดลึก จันทร์ที่ 25 ต.ค. 47 http://www.komchadluek.net)





นักวิทยาศาสตร์ค้นพบความลับในกาย ยีนตัวเดียวรับภาระหลายอย่าง

ฟรานซิส คอลลินส์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยจีโนมมนุษย์แห่งชาติ สหรัฐ กล่าวว่า นักวิทยาศาสตร์ในโครงการถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์ หรือจีโนมมนุษย์ ซึ่งเป็นความร่วมมือของนักวิทยาศาสตร์จาก 20 สถาบันในสหรัฐ ยุโรป และเอเชีย ได้ลดจำนวนยีนเหลือเพียง 20,000-25,000 ยีน โดยเมื่อ 10 ปีก่อนนักวิทยาศาสตร์คิดว่ามนุษย์มียีนมากถึง 100,000 ยีน ฉะนั้น การค้นพบดังกล่าวได้สร้างความประหลาดใจให้ทีมงานอย่างมาก จำนวนยีนที่ลดลงทำให้เข้าใจได้ว่า ยีนแต่ละตัวจะถูกควบคุมให้ทำงานในรูปแบบที่แตกต่างกัน และสามารถทำงานได้ในหลากหลายลักษณะ ไม่จำกัดหน้าที่เพียงอย่างเดียว ทำให้นักวิจัยเริ่มรู้ถึงวิธีที่ยีนถูกควบคุม รวมถึงเวลาและสถานที่ที่ยีนถูกกระตุ้นให้ทำงาน การระบุจำนวนและรู้วิธีการทำงานของยีนในตัวมนุษย์ ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถวินิจฉัย ป้องกัน และหาวิธีรักษาโรคร้ายได้เร็วขึ้น ซึ่งโครงการจีโนมมนุษย์นี้จะเป็นการรวบรวมรายชื่อยีนที่มีอยู่ทั้งหมด รวมถึงโปรตีนที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้เป็นคัมภีร์ชีวิตที่ช่วยในการวิจัยด้านชีวการแพทย์ได้ สำหรับแผนที่พันธุกรรมฉบับแก้ไขล่าสุด ตีพิมพ์ในวารสารเนเจอร์ ซึ่งครอบคลุมชิ้นส่วนของจีโนมมนุษย์ที่มียีน 99% ระบุยีนได้ 99.7% และมีความถูกต้อง 99.9% นั่นหมายความว่านักวิทยาศาสตร์จะสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าว คิดค้นวิธีรักษาและหาทางป้องกันโรคร้าย ที่เป็นผลมาจากพันธุกรรมได้ อาทิ เบาหวาน และมะเร็ง อีกทั้งยังหวังว่าจะสามารถพัฒนาตัวยาที่ทันสมัยและเหมาะกับลักษณะพันธุกรรมของแต่ละคนได้ (คมชัดลึก จันทร์ที่ 25 ต.ค. 47 http://www.komchadluek.net)





ทุ่มงบฯตั้ง "สถาบันสารสนเทศน้ำ" แก้แล้ง-น้ำท่วม

นายกร ทัพพะรังสี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กำลังดำเนินการจัด "สถาบันสารสนเทศน้ำ" ขึ้น ซึ่งดูแลเรื่องน้ำของประเทศแบบครบวงจร โดยใช้ระบบออนไลน์เข้าสถานีแม่ทันทีที่ฝนตก ซึ่งเพิ่งใช้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย และถือเป็นหนึ่งในโครงการพระราชดำริ โดยนายกรัฐมนตรีสนับสนุนและอนุมัติงบฯ ปี 2548 เพื่อเริ่มต้นโครงการ 19 ล้านบาท โดยอยู่ในความรับผิดชอบของสถาบันพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และขึ้นตรงกับ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ และมีสถานภาพเป็นองค์กรพิเศษ ซึ่งมีนายสุเมธ ตันติเวชกุลเป็นประธานสถาบันฯ และนายรอยล จิตรดอน เป็น ผอ.สถาบันฯ จะมีการจัดตั้งสถานีตรวจเช็กการตกลงของฝน 400 แห่งทั่วประเทศ ออนไลน์ข้อมูลมายังสถานีแม่ที่กรุงเทพฯทั้งหมด ซึ่งตรวจสอบทางจอคอมพิวเตอร์ได้ทันที และประสานกับหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบ และมีข้อมูลเรื่องน้ำทั้งหมดได้แก่ กรมชลประทานเกี่ยวกับระดับน้ำในแต่ละเขื่อน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตเกี่ยวกับการรักษาระดับน้ำเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้า กรมอุตุนิยมวิทยาในส่วนการพยากรณ์อากาศ และกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ เกี่ยวกับช่วงเวลาที่น้ำทะเลหนุน ซึ่งเมื่อเชื่อมต่อระบบทั้งหมดแล้ว จะประมาณการเรื่องน้ำหลังฝนตกได้ทันทีว่า ฝนกำลังตกที่ไหน มีปริมาณเท่าไหร่และ ณ วันนั้นเขื่อนที่ตั้งในจุดซึ่งเป็นทางผ่านของน้ำเต็มหรือไม่ มีความสามารถรองรับน้ำได้เท่าใด หรือยัง ต้องปล่อยน้ำออกก่อนเท่าไหร่ และน้ำฝนที่ไหลลงมา ยังภาคกลาง โดยเฉพาะกรุงเทพฯจะมีปริมาณมากน้อยเพียงใด และจะมาถึงกรุงเทพฯเมื่อใด เพื่อตัดสินใจว่า ควรปล่อยน้ำลงมากรุงเทพฯหรือเก็บกักไว้ก่อน และต้องแน่ใจว่าไม่ปะทะกับช่วงน้ำทะเลหนุนหรือไม่ ทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วม ซึ่งทุกขั้นตอนจะคำนวณจากคอมพิวเตอร์ (ไทยรัฐ อังคารที่ 26 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





เด็กทุกวันนี้อาจจะมีอายุทะลุเกินร้อยมนุษย์ ได้สร้างโลกที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

นักวิทยาศาสตร์ผู้มีชื่อเสียง อาจารย์สตีเวน ออสตัด แห่งศูนย์สาธารณสุขศาสตร์มหาวิทยาลัยเท็กซัสแห่งสหรัฐฯได้กล่าวให้ความเห็นว่า ความจริงแล้วอายุขัยของมนุษย์อาจจะยืนยาวยิ่งกว่าที่คนส่วนใหญ่เชื่อถือกัน อย่างเช่น เด็กที่เกิดขึ้นมาในทุกวันนี้ บางคนอาจจะอายุยืนยาวถึงปี พ.ศ.2693 ได้ เขาอธิบายว่า ภาพของวิวัฒนาการของมนุษย์นับว่าน่าสนใจยิ่ง เพราะมนุษย์เราได้พยายามสร้างสิ่งแวดล้อมของตัวเราเอง ที่มีความปลอดภัยมากขึ้นยิ่งกว่าที่เราเคยอยู่อาศัยกันมาแต่ก่อนๆ ดังนั้น หากทิศทางของการวิวัฒนาการแปรเปลี่ยนไปตามแนวนั้น ถึงหากจะขาดความก้าวหน้าทางแพทย์ไป เราก็ยังเชื่อได้ว่าในอนาคตอันใกล้นี้มนุษย์ ความแก่ชราของมนุษย์จะถูกชะลอเอาไว้ให้ช้าลง ช้าลงและช้าลงไปตามลำดับ อาจารย์สตีเวนกล่าวต่อไปว่า ทุกวันนี้ตามชาติที่มีความเจริญก้าวหน้า ทางอุตสาหกรรมก็มีประชาชนที่มีอายุยืนถึง 90 ถึง 100 ปี มากขึ้น (ไทยรัฐ พุธที่ 27 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ส่งยานอวกาศคามิกาเซ่ดาวหางเฉลิมฉลองวันชาติของอเมริกา

นักดาราศาสตร์เตรียมจะส่งยานอวกาศขนาดโตพุ่งเข้าถล่มดาวหางดวงที่มีชื่อว่า "เทมเปิล 1" เพื่อต้องการดูว่ามันมีไส้เป็นอะไร และเพื่อจะช่วยนักวิทยาศาสตร์ในวันหน้า เพื่อเป็นการศึกษาหาทางป้องกันวัตถุนอกโลกพุ่งเข้ามาชนโลกของเรา ตามแผนการนั้น องค์การอวกาศสหรัฐฯจะได้ส่งยานอวกาศ "ดีพ อิมแพ็ค" หนัก 1,800 กก. เดินทางขึ้นนอกโลก ไปพุ่งเข้าชนดาวหางดวงนั้น ขณะทะยานไปด้วยความเร็วสูงถึง 38,080 กม. ต่อชั่วโมง ในเวลาตรงกับวันชาติสหรัฐฯ วันที่ 4 กรกฎาคมปีหน้านี้. (ไทยรัฐ พุธที่ 27 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





เด็กเบญจมฯทำสถิติ

นายกร ทัพพะรังสี รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานการแข่งขันจรวดขวดน้ำระดับประเทศ ครั้งที่ 3 และมอบรางวัลแก่ทีมที่ชนะเลิศ ณ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ โดยในปีนี้มีทีมที่ผ่านเข้ารอบทั้งสิ้น 31 ทีม จากประเภทโรงเรียนและบุคคลทั่วไป ซึ่งต้องทำการแข่งขันยิงจรวดน้ำ ทั้งในสนามความไกล และแม่นยำ และการนำเสนอผลงานสิ่งประดิษฐ์จรวดขวดน้ำในประเภทโรงเรียน ซึ่งผลการแข่งขัน มีดังนี้ ทีม “คู่บุญ” แชมป์เก่า ประเภทบุคคลทั่วไป สามารถสร้างสถิติยิงไกลได้ดีที่สุด ถึง 322.45 เมตร และสถิติแม่นยำ 0.56 เมตร ถือเป็นสถิติใหม่ของการแข่งขัน ส่วนประเภทโรงเรียน ทีม “กฤษณ์กังวาน 1” จาก รร.เบญจมราชรังสฤษฎิ์ จ.ฉะเชิงเทรา คว้าแชมป์ยิงไกล 298.56 เมตร ส่วนประเภทแม่นยำ เป็นของทีม “กฤษณ์กังวาน 2” จากโรงเรียนเดียวกัน ด้วยสถิติ 0.24 เมตร ส่วนรางวัลสิ่งประดิษฐ์จรวดขวดน้ำ มีทีมที่ทำคะแนนเป็นที่หนึ่งเท่ากัน 2 ทีมได้แก่ ทีม “กฤษณ์กังวาน 1” และทีท “ลูกพระรถ” จาก รร.อนุบาลพนัสศึกษาลัย จ.ชลบุรี (สยามรัฐ พุธที่ 27 ต.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)





นายกฯเปิดศูนย์ไอซีทีแห่งชาติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ต.ค. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยี่ยมชมศูนย์กลางการเรียนรู้ไอซีทีแห่งชาติ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ พลาซา ก่อนที่จะมีการเปิดให้บริการประชาชนในวันที่ 30 ต.ค. เป็นต้นไป โดยศูนย์ฯไอซีทีประกอบด้วยห้องสมุดที่มีหนังสือเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ ห้องสัมมนา บริการอินเตอร์เน็ต เกม สถาบันสอนภาษา ห้องอบรมหลักสูตรคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เด็กๆ จนถึงผู้สูงอายุ การแสดงเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของบริษัทต่างๆ และมีโรงภาพยนตร์ 4 มิติ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ศูนย์ฯไอซีทีดังกล่าวเป็นโครงการนำร่องในการดำเนินการของ รัฐบาลที่ต้องการให้ ประชาชนได้เรียนรู้เทคโนโลยีสารสนเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และรวดเร็ว และเป็นการส่งเสริมให้เด็กจนถึงผู้ใหญ่ได้มีความรู้ด้านเทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ปกครองควรจะเข้ามาเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยี อินเตอร์เน็ต เพื่อจะได้รับรู้ว่าอินเตอร์เน็ตที่ลูกหลานใช้หรือเล่นมีรูปแบบเป็นอย่างไร และจะทำให้เกิดความเข้าใจระหว่างกันมากขึ้นด้วย น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า อัตราค่าบริการสำหรับศูนย์ฯไอซีทีเป็นอัตราค่าบริการที่ถูก เพราะไม่ได้หวังผลกำไร เพียงแต่ต้องการให้องค์กรอยู่ได้ด้วยตัวเอง โดยศูนย์ฯนี้ใช้เงินลงทุนไป 90 ล้านบาท สำหรับอัตราค่าบริการเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี ใช้บริการฟรีทุกรายการ กลุ่มอายุ 18-22 ปี จัดเก็บค่าบริการ ชม.ละ 5-20 บาท กลุ่มอายุตั้งแต่ 22 ปีขึ้นไปจัดเก็บในอัตรา ชม.ละ 10-30 บาท ต่างชาติจัดเก็บในอัตรา ชม.ละ 30-50 บาท โดยผู้ที่ใช้บริการจะต้องมาลงทะเบียนและ รับบัตรสมาร์ตการ์ดก่อนจึงจะสามารถใช้บริการได้ (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 28 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ชิพหน่วยความจำ 3 มิติ

เทคโนโลยีที่ทันสมัยล่าสุดของการสร้างชิพคอมพิวเตอร์ปัจจุบันก็คือ การวางชั้นทราน ซิสเตอร์บนแผ่นซิลิกอนได้หลายชั้น เหมือนกับการสร้างตึกให้สูงขึ้นเพราะจะได้ใช้เนื้อที่แผ่น ซิลิกอนได้น้อยลงและมีความสามารถจุจำนวนทรานซิสเตอร์ได้มากขึ้นอีกหลายเท่า จึงเรียกว่ากระบวนการประดิษฐ์สร้างชิพแบบใหม่ว่าเป็นแบบสามมิติ (3-D) โดยบริษัท เมตริกส์ เซไมคอนดัคเตอร์ ที่ซานตา คลาร่า รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา พยายามวิจัยและสร้างได้เป็นเชิงพาณิชย์ นับเป็นเจ้าแรก โดยที่บริษัทนี้จะสร้างชิพหน่วยความจำขนาด 64 เมกะไบต์ โดยที่สามารถบรรจุเพลงได้นานถึง 2 ชั่วโมง และมีราคาน้อยกว่า 10 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 400 บาท ถ้าเทียบราคากับการ์ดหน่วยความจำแบบแฟลช ก็ถือว่าถูกกว่า โดยมีราคาเพียงแค่ 1 ใน 3 เท่านั้นเอง แม้จะมีข้อได้เปรียบด้านราคาแต่ก็มีข้อเสียตรงที่ชิพนี้สามารถบันทึกข้อมูลได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น มี ปัญหาเรื่องการเชื่อมต่อสายไปยังทรานซิสเตอร์ที่อยู่ตามชั้นต่าง ๆ บนแผ่นซิลิกอน ซึ่งทำเหมือนกับการต่อสายไฟฟ้าบนตึกหลาย ๆ ชั้น ยิ่งชั้นวางทรานซิสเตอร์ยิ่งมากความซับซ้อนในการเชื่อมต่อสายกับชั้นก็จะมากเป็นเงาตามตัว โดยปกติการทำแผงวงจรรวมหรือที่เรียกว่าไอซี หรือ IC หรือ Integrated Circuit นั้น ก็เพียงวางบนแผ่นผลึกซิลิกอนเพียงชั้นเดียว และมีราคาแพง ตัวอย่างเช่น การทำสกรีนคอมพิวเตอร์ โดยใช้เทคโนโลยีดังกล่าวนับว่าแพงมาก ทางบริษัทเมตริกส์ จึงใช้แผ่นซิลิกอนแบบโพลีคริสตอลลีน (Polycrytsalline) ซึ่งทำให้ราคานั้นถูกลงมากและสามารถที่จะสร้างกระบวนการผลิตเป็นแบบการวางทรานซิสเตอร์ได้หลาย ๆ ชั้น เช่นเดียวกันและยังสามารถที่จะเชื่อมต่อสายไฟฟ้าชั้นต่าง ๆ ได้ด้วย และทำให้ราคาถูกลงมาก ๆ ต้นแบบความคิดนี้คือ คุณทอม ลี ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเมตริกส์ สำหรับลูกค้ารายแรก ที่กล้าใช้เทคโนโลยีหน่วยความจำแบบสามมิติดังกล่าวข้างต้นนี้ คือ บริษัท แมทเทล ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเกม และของเล่นคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่มากของสหรัฐอเมริกา การใช้ชิพ 3 มิติ หรือ 3-D นี้จะสามารถทำให้บรรจุเพลงหรือภาพยนตร์ที่จะสามารถให้เด็กเล่นเกมได้ดี โดยเฉพาะเหมาะ สำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 8 ขวบ จนถึง 12 ขวบ และบริษัทนี้ก็กำลังที่จะเริ่มขายผลิตภัณฑ์นี้ด้วย เทคโนโลยีชิพ 3-D ในช่วงคริสต์มาสที่จะถึงนี้ (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 28 ต.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





แคสซินีส่งภาพถ่ายไททันดวงจันทร์บริวารของดาวเสาร์

ยานแคสซินีส่งสัญญาณมาที่เสารับสัญ-ญาณของนาซาในกรุงมาดริด ประเทศสเปน เมื่อเวลา 08.25 น. วันที่ 27 ตุลาคมตามเวลาประเทศ ไทย เป็นภาพของดวงจันทร์ไททัน ถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอก ขณะนี้ยานแคสซินีอยู่ห่างจาก ดวงจันทร์ไททัน 1,199 กิโลเมตร ซึ่งใกล้กว่าเมื่อเดือนกรกฎาคม 300 เท่า สำหรับภาพถ่ายภาพแรกของดวงจันทร์ดวงนี้มีความคมชัดต่ำ แต่ก็คาดว่าจะมีภาพถ่ายที่คมชัดขึ้นในเวลาต่อมา ดวงจันทร์ไททันมีขนาดใหญ่กว่าดาวพลูโตและดาวพุธ โดยเชื่อว่าดาวดวงนี้มีมหาสมุทรของก๊าซมีเทนและอีเทนเหลวบนพื้นผิวที่เย็นจัด ส่วนชั้นบรรยากาศเต็มไปด้วยก๊าซไนโตรเจน ยานแคสซินีบรรทุกยานอวกาศฮุยเกนส์ของสำนักงานอวกาศแห่งยุโรป ซึ่งจะถูกปล่อยลงสู่พื้นผิวดวงจันทร์ไททันด้วยร่มหน่วงความเร็วในปลายปีนี้ เพื่อเก็บข้อมูลจากดวงดาวที่ลึกลับดวงนี้ (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 29 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ยาฮูโชว์อ่านไฟล์.PDF ได้ทุกที่ไม่ต้องโหลด

สำนัก ข่าว รอย เตอร์ ราย งาน ว่า อะ โด บี้ ซิ สต็มส์ อิงค์ และ ยา ฮู อิงค์ จับ มือ กัน สร้าง แถบ เครื่อง มือ (Toolbar) สำหรับ อ่าน เอกสาร ไฟล์ .PDF หรือ Adobe Portable Document Format เพื่อ ประโยชน์ ใน การ แชร์ ข้อมูล และ อ่าน เอกสาร ที่ มี สกุล .PDF จาก เอกสาร ข้อมูล ของ บริษัท ไฟล์ ที่ แนบ มา กับ อี เม ล และ การ ค้น หา ข้อ มูล ผ่าน เว็บ ไซ ต์ โดย ไม่ ต้อง ดาวน์ โหลด โปรแกรม อะ โค รแบ ทที่ รอง รับ .PDF มา ติด ตั้ง ไว้ ใน เครื่อง เพื่อ อ่าน เอกสาร ไฟล์ .PDF โดย เฉพาะ อีก ต่อ ไป ช่วย ให้ การ ค้น หา ข้อมูล และ เอกสาร ต่าง ๆ สะดวก รวด เร็ว ขึ้น (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 29 ต.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





สหรัฐสร้างแมวจีเอ็มแก้ภูมิแพ้

ปัจจุบันเทคโนโลยีชีวภาพกำลังก้าวเข้ามามีบทบาทในโลกสัตว์เลี้ยงมากขึ้น เริ่มตั้งแต่การโคลนนิงแมวเพื่อเจ้าของที่ไม่ต้องการสูญเสียแมวน้อยอันเป็นที่รัก ตามมาด้วยปลาเรืองแสงจากวิธีพันธุวิศวกรรม หรือจีเอ็ม และในที่สุดบริษัท อัลเลอร์กา อิงค์. ในลอสแองเจลิสได้ประกาศว่า จะใช้เทคโนโลยีชีวภาพนี้สร้างแมวจีเอ็ม ที่ปราศจากโปรตีนซึ่งก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ในมนุษย์ ที่กำลังประสบอยู่นับล้านคนในขณะนี้ ไซมอน โบรดี ประธานบริษัท เปิดเผยว่าในปี 2550 บริษัทจะใช้วิธีการแทรกแซงอาร์เอ็นเอ (RNA interference) เพื่อปิดการทำงานของยีนในตัวแมว ที่ทำหน้าที่ผลิตโปรตีนหรือสารที่ก่อให้เกิดอาการคัน ซึ่งถูกขับออกมาทางน้ำลายและผิวหนัง ต่อไปนี้คนรักแมวจะไม่ต้องเผชิญหน้ากับโรคภูมิแพ้อีกต่อไป โบรดี คาดว่า บริษัทจะสามารถจำหน่ายแมวจีเอ็มไร้ภูมิแพ้ได้ประมาณ 200,000 ตัวต่อปี โดยแมวแต่ละตัวจะถูกผ่ารังไข่ออกเพื่อป้องกันการลักลอบนำไปขยายพันธุ์โดยธรรมชาติ และบริษัทเชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะไม่มีผลต่อข้อกฎหมายใดๆ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 29 ต.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





เปิดแล้วศูนย์ICTแห่งชาติ อาณาจักรมนุษย์ “ดิจิตอล”

นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) เปิดเผยถึงการเปิดศูนย์กลางเรียนรู้ ICT แห่งชาติ อย่างเป็นทางการว่า ฯพณฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชันวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในพิธีเปิด เวลา11.00 น. ณ เซ็นทรัลเวิลด์ พลาซ่า ซึ่งจะเปิดให้บริการในวันนี้(30 ต.ค.) เป็นวันแรกโดยศูนย์ฯ ดังกล่าว ถือเป็นการเปิดช่องทางการเรียนรู้รูปแบบใหม่ ที่ประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะเยาวชนสามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวก และสนุกสนาน เพื่อพัฒนาต่อยอดความสามารถทางเทคโนโลยีต่างๆ ไปสู่ระดับมืออาชีพได้ สำหรับการจัดตั้งศูนย์ ICT ต้นแบบแห่งแรกที่เซ็นทรัลเวิลด์ พลาซ่า นี้ คลอบคลุมพื้นที่รวม 3,000 ตารางเมตร และจัดสรรให้มีกิจกรรมหลากหลาย เช่น อินเตอร์เน็ตคาเฟ่ความเร็วสูงจำนวน 150 เครื่อง เปิดให้บริการในราคาถูกส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี สามารถใช้บริการได้ฟรี และมีห้องสมุดด้านไอที ห้องฝึกอบรมโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทุกระดับ การแสดงนวัตกรรมด้านไอทีใหม่ๆ ที่สำคัญ คือโรงภาพยนตร์ 4 มิติ ที่ผู้ชมสามารถรับบรรยากาศเสมือนจริง ทั้งนี้หากการดำเนินงานมีความลงตัว ก็จะขยายการให้บริการครอบคลุมประชาชนทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่สนใจสามารถเข้าร่วมงาน และชมภาพยนตร์ 4 มิติได้ฟรี ตลอดทั้งวัน (สยามรัฐ เสาร์ที่ 30 ต.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)





ข่าววิจัย/พัฒนา


ผลิตกระดาษจากกัญชง คุณภาพดีแต่ยังติดข้อกฎหมายห้าม

อาจารย์ประทุมทอง ไตรรัตน์ แห่งภาควิชาการพิมพ์ คณะเทคโนโลยีสื่อสาร มวลชน สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล กับคณะ ได้ทำการ วิจัยเอาไม้กัญชงมาผลิตเยื่อ และ กระดาษเนื้อกัญชง อาจารย์ประทุมทอง บอกว่างานวิจัยชิ้นนี้ เป็นการศึกษาการผลิตเยื่อกระดาษ จากเนื้อไม้กัญชง ก็ได้ ทำการทดสอบ คุณสมบัติทางกายภาพ ของเยื่อตามมาตรฐาน TAPPI (T236-cm-85) โดยการนำเยื่อที่เหมาะสม มากระจายเยื่อและทำ แผ่นเยื่อทดสอบ หาค่าน้ำหนักมาตรฐาน ความเรียบ ความสว่าง ความต้านทานแรงทะลุ ความต้านทานแรงดึง ความต้านทานแรงฉีกขาด แล้วพบว่ากระดาษ ที่ได้จากเนื้อเยื่อกัญชงมีคุณสมบัติที่ดี เหมาะสำหรับใช้กับงานพิมพ์ ได้ดี ทั้งระบบสกรีนและระบบออพเซตอย่างไม่มีปัญหา ต้นกัญชงสามารถนำมาผลิตเป็นกระดาษได้ทั้งส่วนของเส้นใย และ ส่วนของแกน แต่ลักษณะของกระดาษจะแตกต่างกัน ดูได้ที่กระดาษ ได้จากแกนไม้กัญชงเนื้อกระดาษจะละเอียดเหมาะสมสำหรับงานพิมพ์ทั่วไป ส่วนกระดาษที่ได้จากเส้นใย ไม่ค่อยจะละเอียดนัก ลักษณะที่เหมาะสม กับการใช้งานเทียบกับกระดาษสา แต่จะเหนียวและดีกว่ากระดาษสา จากงานวิจัยนี้ อาจารย์ผู้ทำการวิจัย บอกว่า กัญชงมีประโยชน์ ในทางอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก หากมีการส่งเสริมจะดี เนื่องจากเป็นพืช โตเร็ว และใช้ประโยชน์ได้หมดทั้งต้น รอว่าเมื่อใดจะมีการแก้กฎหมาย ให้เกษตรกรสามารถปลูกโดยอิสระ ก็จะมีวัตถุดิบป้อนโรงงานทำกระดาษ ผู้ใดสนใจ ติดต่ออาจารย์ประทุมทองได้ที่ โทร. 0-2549-4521 ทุกวันในเวลาราชการ. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 25 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





นมแม่แช่นานเกินวิตามินหด วิจัยเตือนดื่มสดจากเต้าดีที่สุด

ศ.โทมัส เฮกกี จากโรงเรียนการแพทย์โรเบิร์ต วูด จอห์นสัน รัฐนิวเจอร์ซีย์ รายงานผลการศึกษาชิ้นล่าสุดระบุว่าน้ำนมแม่ที่ถูกนำไปแช่ไว้ในตู้เย็นและทิ้งช่วงในระยะหนึ่ง จะส่งผลให้สารแอนติออกซิแดนท์ หรือสารต้านอนุมูลอิสระลดจำนวนลง เมื่อเทียบกับการดื่มนมที่เพิ่งคั้นออกมาจากเต้า หรือนมผงสูตรทารกทั่วไป "จากการศึกษาพบว่านมมารดาที่คั้นมาสดๆ จะมีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่สูงมาก แต่ละลดจำนวนเหลือน้อยลงเมื่อปล่อยทิ้งไว้เวลานาน" เฮกกี กล่าว และอธิบายว่าสารต้านอนุมูลอิสระเป็นโมเลกุลที่จะช่วยป้องกันไม่ให้อนุมูลอิสระ หรืออนุภาคที่มีประจุ ซึ่งพบได้ในสภาพแวดล้อมและจากปฏิกิริยาเคมีในร่างกาย ทำลายเซลล์และดีเอ็นเอ โดยวิตามินเอ อี ซี และเบต้าแคโรทีน จะมีสารต้านอนุมูลอิสระเป็นส่วนประกอบอยู่มาก คณะทำงานได้ทำการทดสอบวัดระดับสารต้านอนุมูลอิสระในนมผงสูตรทารก 5 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกับนมมารดาคั้นสดๆ จากเต้า นมมารดาแช่เย็นนาน 48 ชั่วโมง และนาน 7 วัน พบว่าในน้ำนมแม่ที่คั้นออกมาสดๆ มีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระสูงสุด ขณะที่ในนมผงสูตรทารกแม้จะนำแช่เย็นหรือแช่แข็งก็ไม่มีระดับของสารที่ลดน้อยลง แต่หากนำนมแม่ไปแช่เย็นในอุณหภูมิที่ต่ำ จะพบว่าระดับของสารต้านอนุมูลอิสระก็จะลดลงเรื่อยๆ "การรักษาระดับสารต้านอนุมูลอิสระในนมแม่ให้ได้นั้น จะต้องพิจารณาระยะเวลาการจัดเก็บด้วยว่าไม่ควรจะเกิน 48 ชั่วโมง ส่วนการแช่เย็นน่าจะดีกว่าการแช่แข็งแล้วค่อยมาละลายในภายหลัง แต่อย่างไรก็ตาม น่าจะให้ลูกดูดนมจากอกแม่สดๆ เลยจะดีกว่า" เฮกกี กล่าวทิ้งท้าย (คมชัดลึก อังคารที่ 26 ต.ค. 47 http://www.komchadluek.net)





ปล่อยลูกโตอยู่หน้าทีวี ระวังสมองพัฒนาช้า

ดร.นัยพินิจ คชภักดี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยชีววิทยาระบบประสาทและพฤติกรรม สถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยผลการศึกษาในประเทศไทยพบว่าปัจจุบันเด็กไทยมีพัฒนาการด้านภาษาที่ค่อนข้างล่าช้าผิดไปกว่าปกติ เมื่อเทียบกับเด็กในประเทศอื่น ขณะที่ด้านสติปัญญาและการรับรู้ความเข้าใจเรื่องภาษา ก็พบว่าเด็กไทยมีความล่าช้ามากเช่นกัน สาเหตุก็เพราะการเลี้ยงดูเด็กปัจจุบัน พ่อแม่มีเวลาอยู่กับลูกหรือพูดจากับลูกน้อย ปล่อยลูกไว้กับเครื่องโทรทัศน์ หรือวิทยุที่ใช้เสียงเป็นหลัก เมื่อเด็กดูโทรทัศน์จะได้รับเสียง แต่จะไม่เข้าใจความหมายและไม่เข้าใจว่าภาษาเหล่านั้นถูกนำมาใช้ในความหมาย ในโครงสร้างภาษาอย่างไร ดร.นัยพินิจ จึงทำการศึกษาเปรียบเทียบเกี่ยวกับการรับรู้ด้านภาษาของผู้ที่ฟังภาษาแม่ เช่น ไทย จีน อังกฤษ โดยจะดูด้วยว่าสมองของเด็กสามารถวิเคราะห์เสียงที่ได้ยินมาตั้งแต่เด็กโดยอัตโนมัติ จนสามารถพูดได้จนเป็นภาษาแม่ของตัวเองต่างจากการรับฟังภาษาอื่นแต่เด็กหรือไม่อย่างไร "การวิจัยนี้มีผลกระทบในอนาคต เพราะเมื่อเราศึกษาเข้าใจแล้ว จะสามารถใช้เป็นวิธีการในการตรวจทั้งความปกติ และความบกพร่องของการรับรู้เรื่องภาษาที่ทำให้สติปัญญาของเด็กล่าช้าไปด้วย" ดร.นัยพินิจ กล่าว (คมชัดลึก อังคารที่ 26 ต.ค. 47 http://www.komchadluek.net)





อังกฤษเรียกร้องเปิดเผยระดับรังสีในมือถือ

สำนักข่าวบีบีซี นิวส์ รายงานโดยอ้างคำบรรยายของเซอร์ วิลเลียม สจ๊วต หัวหน้าสำนักงานป้องกันสุขภาพ ในงานประชุมโรคลูคีเมียหรือมะเร็งเม็ดเลือดขาว ซึ่งระบุว่าผู้ใช้โทรศัพท์มือถือควรมีสิทธิที่จะได้รู้ว่าเครื่องที่ตนใช้อยู่มีรังสีเป็นปริมาณเท่าใด แต่ปัจจุบันยังไม่สามารถรับรู้ข้อมูลที่จำเป็นเหล่านี้ได้ เซอร์ วิลเลียม กล่าวพร้อมเสริมว่า ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ ควรจะแสดงค่าเปรียบเทียบการดูดซับพิเศษ หรือระดับรังสีจากมือถือแต่ละรุ่นที่ร่างกายของมนุษย์จะดูดซับเอาไว้ อย่างไรก็ตาม ประเด็นความปลอดภัยของโทรศัพท์มือถือมีการโต้เถียงติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปี แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอจะสรุปได้ว่า โทรศัพท์มือถือมีอันตรายต่อสุขภาพจริง ด้านโฆษกสมาคมผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ผลิตเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่มากกว่าผู้ผลิตเครื่องลูกข่ายนั้น บอกว่า ทางบริษัทมีรายละเอียดค่าการดูดซับพิเศษของมือถือแต่ละรุ่น แต่ไม่สามารถเปิดเผยให้สาธารณชนได้ "ค่าการดูดซับพิเศษในมือถือแต่ละเครื่องต้องอยู่ในระดับที่ปลอดภัย จึงจะสามารถวางตลาดได้" โฆษกสมาคมผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือกล่าว พร้อมเสริมว่า ค่าการดูดซับพิเศษสูงสุด คือ 2 วัตต์ต่อกิโลเมตร แต่ร่างกายของมนุษย์สามารถรับได้สูงกว่านี้ ก่อนหน้านี้ มีรายงานวิจัยของสถาบันคาโรลินสกาในประเทศสวีเดน ระบุว่า การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นเวลานานราว 10 ปีขึ้นไป เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเนื้องอกในเส้นประสาทส่วนที่เกี่ยวข้องกับการได้ยิน โดยที่เนื้องอกดังกล่าวมักพบในศีรษะด้านที่มักใช้คุยโทรศัพท์ อย่างไรก็ตาม ในช่วงวิจัยมีเพียงมือถือระบบอะนาล็อกเท่านั้น ที่มีการใช้งานมาเกินกว่า 10 ปีแล้ว ดังนั้น ผลการวิจัยจึงไม่อาจรวมถึงการใช้มือถือระบบดิจิทัลหรือจีเอสเอ็มที่ใช้กันเป็นส่วนใหญ่อยู่ในปัจจุบัน (คมชัดลึก จันทร์ที่ 25 ต.ค. 47 http://www.komchadluek.net)





ญี่ปุ่นโชว์นวัตกรรม'เขื่อนใต้ดิน' ป้องกันน้ำระเหย-ซึมลงทะเล

ดร.ซาโตชิ อิชิดา นักวิจัยอาวุโสจากสถาบันวิศวกรรมเมืองแห่งชาติ ประเทศญี่ปุ่น กล่าวถึงการสร้างเขื่อนใต้ดินในงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ณ อิมแพค อารีนา เมืองทองธานี ในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การสร้างเขื่อนใต้ดินเป็นโครงสร้างลักษณะกั้นกำแพงระหว่างช่องว่างใต้พื้นดินที่เป็นหินทรายเพื่อกักเก็บน้ำเอาไว้และนำมาใช้เพื่อการเกษตร โดยเน้นการสร้างเขื่อนใต้ดินในบริเวณเกาะเนื่องจากขาดน้ำจืดและน้ำใต้ดินไว้อุปโภคและบริโภค ทั้งนี้ระหว่างที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทอดพระเนตรนิทรรศการในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทรงสนพระราชหฤทัยแบบจำลอง “เขื่อนใต้ดิน” ดังกล่าวโดยทรงมีพระราชดำรัสกับนายกรัฐมนตรีถึงความเป็นไปได้ในการนำแนวคิดดังกล่าวนี้มาใช้ ประเทศญี่ปุ่นมีเขื่อนใต้ดินทั้งหมด 4 แห่ง อยู่ในระหว่างการสร้างอีก 3 แห่ง และกำลังวางแผนสร้างอีก 1 แห่ง ทั้งนี้คาดว่าเขื่อนใต้ดินทั้งหมดสามารถกักน้ำได้ประมาณ 30 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเขื่อนใต้ดินส่วนใหญ่สร้างในหมู่เกาะทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ได้แก่หมู่เกาะชินเซย์ ใน จังหวัดโอกินาวาและหมู่เกาะคาโกชิมาซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดปะการังและเป็นเกาะที่มีชั้นหินทรายทำให้ฝนตกลงมาซึมผ่านลงไปโดยไม่เกิดเป็นแม่น้ำหรือน้ำใต้ดินเองก็ไหลซึมทะเลอย่างรวดเร็วทำให้ไม่มีน้ำเพื่อการเกษตร สำหรับโครงสร้างของเขื่อนใต้ดินประกอบด้วย 1. กำแพงคอนกรีตกั้นน้ำโดยตอกเสาเข็มลงไปใต้ดินเป็นแนวกำแพงยาวเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใต้ดินไม่ให้ไหลซึมผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ความลึกของเสาเข็มที่ตอกลงไปขึ้นอยู่กับความหนาและประเภทของชั้นหินโดยเฉลี่ย 60 เมตร 2. ปั้นน้ำเพื่อสูบน้ำขึ้นมาใช้บนดิน 3. บ่อเก็บน้ำ และ 4. ท่อส่งน้ำไปยังพื้นที่เกษตรกร ทั้งนี้เขื่อนใต้ดินมีข้อได้เปรียบกว่าเขื่อนบนดินตรงที่น้ำจะไม่ไหลซึมผ่านพื้นดิน รวมทั้งไม่ระเหยทิ้งไป และเนื่องจากกักเก็บน้ำเอาไว้ใต้ดินจึงทำให้น้ำที่กักเก็บไว้นั้นสะอาดอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังไม่ก่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการโยกย้ายถิ่นฐานของประชากร อีกทั้งยังลงทุนในระดับต่ำสำหรับการก่อสร้างเขื่อนใต้ดิน (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 26 ต.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





แปรรูปผลิตภัณฑ์หนังปลานิลคุณภาพเยี่ยมเทียมเท่าหนังลูกแกะ

คุณจักรกริช พิมลชีวิน กรรมการผู้จัดการ บริษัทเซียนหนิง ซีฟู๊ด จำกัด เคยเห็นผลิตภัณฑ์ ที่ทำจากหนังปลาแซลมอน จึงมาคิดว่าเมื่อปลาแซลมอนทำได้ ปลานิลก็น่าจะทำได้เช่นกัน จึงเริ่มทดลองนำหนังปลานิล ที่เป็นผลิตผลพลอย ได้จากโรงงานอุตสาหกรรม ส่งไปทดลองฟอกทำเครื่องหนัง ที่ประเทศไต้หวันเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ปรากฏว่าสามารถทำได้ แถมมีจุดเด่นดีกว่าหนังสัตว์ชนิดอื่น เช่น มีความบางเทียบเท่าหนังลูกแกะ (0.5 มม.) อีกทั้งมีความเหนียวแข็งแรงกว่า และการยืดหยุ่น ถ้าเป็นหนังวัวจะยืดออกได้ทุกด้าน แต่สำหรับหนังปลานิลตามแนวกว้างจะตรึงตัวได้มากกว่า และยืดหยุ่นได้ดีตามแนวยาว หนังปลานิลยังมีเกล็ดนูน หากนำไปทำถุงมือกอล์ฟจะช่วยรั้ง และกระชับไม้กอล์ฟ ได้ดีกว่าหนังชนิดอื่น และเนื่องจากปลาเป็นสัตว์น้ำ ที่มีการสะสมไขมันไว้ที่หนัง ไม่เหมือนสัตว์บกที่สะสมไว้ที่เนื้อ ทำให้เวลา ฟอกออกมาแล้วลักษณะหนัง จะเหมือนกับผ้ากอซพันแผล ที่พันกันหลายๆ ชั้น แต่ยังระบายอากาศได้ดี ขณะเดียวกันก็สามารถเก็บอุณหภูมิได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับหนังชนิดอื่น และเป็นไปได้ที่จะมีการนำหนังปลา ซึ่งมีคุณสมบัติเบาและบาง แต่เก็บความอบอุ่นได้ดีมาผลิตเป็นเสื้อกันหนาว จากเศษหนังปลาไม่ค่อยมีราคา เมื่อนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ จะมีมูลค้าเพิ่ม ขึ้นมากโดยขณะนี้มีผลิตภัณฑ์หลากหลายไม่ต่ำกว่า 200 รูปแบบ ส่งขายทั้งในและต่างประเทศ ราคาก็มีตั้งแต่ต่ำสุด 100 กว่าบาท ไปจนถึงหลักหมื่น หากท่านผู้อ่านสนใจอยากจะไปสัมผัสกับผลิตภัณฑ์หนังปลานิล ถึงที่ก็ติดต่อได้โทร.0-2570-7901 และ 0-2570-6052 ในเวลาราชการ. (ไทยรัฐ พุธที่ 27 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





เพิ่มพลังด้วยความเย็น

นักชีววิทยาและนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา ประดิษฐอุปกรณ์เครื่องมือทำความเย็นหรือหล่อเย็น สิ่งประดิษฐ์ดังกล่าวสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการออกกำลังกายรวมไปถึงในการแข่งขันกีฬาชนิดต่าง ๆ และใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ ที่ช่วยระบายความร้อนที่เกิดขึ้นในร่างกายของคนเราออกไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เนื่องจากเวลาเราออกกำลังกายจะมีความร้อนเกิดขึ้นภายในร่างกายของเรา และหากว่าความร้อนนั้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงจุดหนึ่งซึ่งเกินกว่าที่ร่างกายจะระบายออกได้ทัน เราก็จะรู้สึกเมื่อยล้าและประสิทธิภาพในการออกกำลังกายก็จะตกลงอย่างรวดเร็ว อุปกรณ์ที่ว่ามีรูปร่างลักษณะเป็นรูปทรงกระบอกแต่ถ้านึกไม่ออกก็ลองนึกถึงกระบอกข้าว หลามที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ ภายในประกอบด้วยเครื่องไม้เครื่องมือที่ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนถ่ายเทความร้อนด้วยน้ำเย็น โดยที่ด้านหนึ่งถูกออกแบบมาให้สามารถผนึกแน่นกับข้อมือโดยที่อากาศไม่สามารถผ่านเข้าออกได้ หลักการก็คือเมื่อเราสวมอุปกรณ์ดังกล่าวเข้ากับฝ่ามือเรียบร้อยแล้ว อากาศที่อยู่ในอุปกรณ์ทรงกระบอกดังกล่าวก็จะถูกสูบออกมาจำนวนหนึ่งทำให้ความดันในนั้นต่ำกว่าความดันข้างนอกเล็กน้อย เลือดจึงไหลมาที่ฝ่ามือเรามากขึ้น จากนั้นก็จะปล่อยน้ำเย็นไหลผ่านผิวหนังบริเวณฝ่ามือ ดังนั้นความร้อนที่มาพร้อมกับเส้นเลือดแดงใหญ่ที่หัวใจก็จะถูกนำมาถ่ายเทที่เครื่องมือนี้ จากนั้นจึงไหลไปตามเส้นเลือดดำกลับเข้าสู่หัวใจต่อไป จากการทดลองของนักวิจัยพบว่าการใช้อุปกรณ์ดังกล่าวกับนักกีฬาอย่างเช่นนักวิ่งหรือนักยกน้ำหนัก ผลที่ได้ทำให้ประสิทธิภาพของนักกีฬาเพิ่มขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญเสียด้วย ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากหลักการสำคัญก็คือการจำกัดไม่ให้เกิดความร้อนสะสมในร่างกายของเรามากเกินไป ในระหว่างออกกำลังกายหรือการแข่งขัน กีฬานั่นเอง อุปกรณ์ดังกล่าวถูกนำมาทดลองใช้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงเอเธนส์ด้วย (เดลินิวส์ พุธที่ 27 ต.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





ยานยนต์ทหารอัจฉริยะไร้คนขับ กลาโหมใช้ลาดตระเวนชายแดน

บริษัท ไอโรบอต คอร์ป ซึ่งทำธุรกิจด้านหุ่นยนต์จับมือกับจอห์น เดียร์ ผู้ผลิตรถตีนตะขาบ สร้างยานรบกึ่งอัตโนมัติความยาว 9 ฟุต โดยไอโรบอตเตรียมประยุกต์เอาเทคโนโลยีสมองกลอัจฉริยะที่เคยใช้กับเครื่องดูดฝุ่นยี่ห้อรูมบ้ามาผสมกับหุ่นยนต์ทหารที่ชื่อ แพคบอต มาพัฒนาเป็นยานพาหนะอเนกประสงค์อัจฉริยะจอห์น เดียร์ ต่อยอดให้ฉลาดขึ้นกว่ายานพาหนะสองที่นั่งที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐใช้อยู่ในปัจจุบัน รถหุ่นยนต์กึ่งอัตโนมัตินี้มีชื่อว่า โรบอตติก เกเตอร์ หรือ อาร์-เกเตอร์ (R-Gator) จะเป็นตัวแรกที่ใช้เทคโนโลยีที่หาได้ในตลาดมาใช้งาน ทำให้ต้นทุนการสร้างรถยนต์ตามแบบที่ลูกค้าต้องการสามารถทำได้ในราคาที่ถูกลง และง่ายขึ้น ขณะที่แพนตากอนก็ถูกหมายตาว่าจะเป็นลูกค้ารายแรก แต่บริษัททั้งสองแห่งก็หวังว่าจะมีลูกค้ากลุ่มอื่นให้ความสนใจเพื่อนำไปใช้งานอย่างเช่น กรณีเกิดสารเคมีรั่วไหล หรือใช้ลาดตระเวนตามชายแดน บริษัทอิลลินอยส์-เบส เดียร์ แอนด์ โค และบริษัทไอโรบอต กำหนดแผนเริ่มต้นสร้างผลิตภัณฑ์นำร่องรถอัจฉริยะ อาร์-เกเตอร์ ซึ่งจะเริ่มผลิตรถรุ่น 6 ล้อก่อนภายในกลางปีหน้า โดยราคาประมาณ 250,000 เหรียญสหรัฐ เกรเนอร์บอกว่า ชิ้นส่วนทั้งหมดจะเริ่มสร้างภายในปี 2549 ปัจจุบัน กองทัพของสหรัฐ ได้ใช้ยานพาหนะของบริษัทรุ่นเอ็มเกเตอร์ของบริษัทจอห์น เดียร์ สำหรับปฏิบัติการทางทหารในประเทศอัฟกานิสถานและอิรัก ส่วนหุ่นยนต์แพคบอตของไอโรบอตถูกใช้งานนับพันครั้งสำหรับปฏิบัติการในสองประเทศ เพื่อปลดทุ่นระเบิดตามท้องถนน ค้นหาภายในอุโมงค์และอาคาร (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 27 ต.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





หัวหอมทำเซลล์มะเร็งต้องร้องไห้ยอมแพ้พอโดนกลิ่นฉุนจนแสบตา

นักวิจัยของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์แห่งสหรัฐฯ ได้รายงานในวารสาร "เคมีเกษตรกรรมและอาหาร" ว่า พืชจำพวกหัวหอมที่มีรสและกลิ่นอันฉุน และมีสรรพคุณเป็นตัวล้างพิษอย่างสูง ยับยั้งเซลล์มะเร็งของตัวและลำไส้ไม่ให้เจริญเติบโตได้อย่างดี แต่ยังไม่มีใครรู้ว่า วันหนึ่งควรจะต้องกินหัวหอมให้มากสักเท่าใดถึงจะช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ แต่จากการศึกษาพบว่า ผู้ที่ห่วงใยในสุขภาพ ควรจะเลือกบริโภคแต่พืชพวกหัวหอมที่มีกลิ่นแรง ดีกว่าพวกที่มีกลิ่นและรสอ่อนกว่า หัวหอมมีสรรพคุณต่อต้านโรคมะเร็ง แต่การศึกษาหนนี้ นับเป็นการศึกษาเพื่อวัดเปรียบเทียบสรรพคุณ ของการต่อต้านโรคมะเร็งของหัวหอมพันธุ์ต่างๆ กันขึ้นครั้งแรก (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 28 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ออกกำลังต้านโรคอัมพาตแบบสั่นอยู่ป้องกันเซลล์ประสาทไว้ ไม่ให้เสื่อม

นักวิจัยของมหาวิทยาลัยพิตส์เบิร์กของสหรัฐฯ รายงานผลการศึกษาในการประชุม ของสมาคมแพทย์ประสาทวิทยาว่า ผลของการออกกำลัง จะช่วยสร้างโปรตีนสำคัญอันจำเป็นกับการอยู่รอดของเซลล์ประสาท ซึ่งผู้ป่วยด้วยโรคนี้ก็เนื่องจากเซลล์ในสมอง ที่มีสารตัวสื่อสัญญาณที่เรียกว่าโดปามีนนั้นได้แห้งงวดไป จึงทำให้สารไม่อาจสื่อสารถึงกันได้ตามปกติ จึงมีอาการติดๆขาดๆ อย่างเช่น เกิดอาการสั่น เคลื่อนไหวลำบากและแขนขาแข็ง ที่ไม่อาจควบคุมได้ นักวิจัยได้ทดลองกับหนูทดลองซึ่งจับให้ออกกำลังมาก่อนหน้า 7 วันติดกัน แล้วฉีดพิษซึ่งจะทำให้มันเกิดเป็นโรคคล้ายกับโรคอัมพาตแบบสั่น เทียบกับฝูงหนูที่ไม่โดนให้ออกกำลังมาก่อน ได้พบว่าหนูที่ถูกจับให้ออกกำลัง จะมีเซลล์ประสาทในสมองจะตายน้อยกว่าพวกหนูที่ไม่ได้ออกกำลัง นักวิจัยเชื่อว่าการออกกำลังคงไปส่งเสริมการผลิตโปรตีน ซึ่งจำเป็นกับการอยู่รอดของเซลล์ประสาทยิ่งขึ้น (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 28 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





เลือกหุ่นยนต์ผายลมและเรอดังเป็นแชมเปี้ยนยอดของเล่นแห่งปี

หุ่นยนต์ซึ่งสามารถผายลมและเรอออกมาดังๆได้ ได้รับเลือกให้เป็นของเล่นแห่งปีของศกนี้ เหนือกว่าของเล่นต่างๆอีก 130 ชนิด หุ่นยนต์นั้นถูกตั้งชื่อให้ว่า "โรโบซาเปียน" เป็นผลงานของนายมาร์ค ทิลเดน อดีตนักวิทยาศาสตร์ขององค์การอวกาศสหรัฐฯ เขาใช้ความชำนาญ ในฐานะนักฟิสิกส์หุ่นยนต์ประดิษฐ์มันขึ้น หุ่นยนต์ของเขานอกจากจะผายลม และเรอออกมาได้ดังๆแล้ว ยังสามารถเป่านกหวีดและร้องคำรามอย่างพวกมนุษย์ถ้ำอีกด้วย คณะกรรมการตัดสินได้คัดเลือกด้วยการส่งหุ่นยนต์ และของเล่นอย่างอื่น อย่างเช่น เกมต่างๆ ทายปริศนาอักษรไขว้ ตลอดจนของเล่นอิเล็กทรอนิกส์ ไปให้ครอบครัวต่างๆ ทดลองเล่นเป็นเวลา 3 เดือน แล้วให้ออกความเห็นมาให้กรรมการตัดสินอีกทีหนึ่ง ซึ่งในที่สุดตกลงเลือกหุ่นยนต์โรโบซา-เปียน เป็นแชมเปี้ยนของเล่นแห่งปีของอังกฤษ (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 28 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ไทยผลิตเลนส์แว่นตาตกไม่แตกสวมสบาย เล็งพัฒนาต่อยอดให้เปลี่ยนสีทันทีกลางแสงจ้า

นายธรณ์ ประจักษ์ธรรม ผู้จัดการฝ่ายโรงาน บริษัทไทยออฟติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้วิจัยและพัฒนากระบวนการผลิตเลนส์สายตา จนสามารถผลิตเลนส์สายตาที่ทนทานต่อแรงขูดขีดและค่าดัชนีหักเหของแสงสูง ช่วยให้มองเห็นวัตถุสิ่งของต่างๆ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น อีกทั้งยังทนทานต่อแรงกระแทกไม่แตกหักง่ายดังเช่นเลนส์พลาสติกสำเร็จรูปทั่วไป เลนส์ชนิดนี้ผลิตจาก Travex วัสดุนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นวัสดุที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ภายใต้ลิขสิทธิ์ของบริษัทพีพีจี อิงค์ โดยสามารถผสมผสานคุณสมบัติ 3 ประการได้แก่ ค่าถ่วงจำเพาะของวัสดุต่ำทำให้มีน้ำหนักเบา สวมใส่สบาย และไม่เกิดปฏิกิริยาต่อสายตา ทำให้มองเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งมีคุณสมบัติทนแรงกระแทกได้สูงที่สุดในประเภทวัสดุที่ใช้ในการผลิตเป็นเลนส์สายตา โดยเลนส์ไม่แตกหักและยังทนทานต่อสารเคมีได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นคุณสมบัติโดดเด่นที่สามารถสร้างความปลอดภัย สะดวกสบายและให้คุณสมบัติเชิงแสงที่ชัดเจนต่อผู้สวมใส่ ปัจจุบันบริษัทไทยออฟติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทผลิตเลนส์สายตา 1 ใน 3 บริษัทแรกของโลก ที่เข้าร่วมกระบวนการผลิตเลนส์สายตาพลาสติก โดยผลิตภัณฑ์กว่าร้อยละ 85 ถูกส่งออกไปยังตลาดในกลุ่มยุโรป ทวีปอเมริกาและประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยผู้บริโภคในประเทศเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของดวงตาของตัวเอง อีกทั้งมีกำลังซื้อสูง ทำให้บริษัทสามารถเจาะตลาดในต่างประเทศได้ ทั้งนี้คณะวิจัยได้พัฒนาเทคนิคการเติมของไหลเข้าแบบ โดยสามารถรักษาสภาวะสมดุลระหว่างการไหลโดยใช้โมโนเมอร์ของวัสดุTravex ซึ่งเป็นของไหลที่สามารถเกิดปฏิกิริยาเคมีตลอดช่วงการไหล และพัฒนาเทคนิคการล้างและทำความสะอาดแม่แบบแก้ว ที่สามารถรักษาคุณภาพในการผลิตเป็นเลนส์สายตา เพราะการผลิตเลนส์สายตาต้องระวังการปนเปื้อนสิ่งเจือปนในโครงสร้างโพลิเมอร์ บริษัทไทยออฟติคอล เป็นบริษัทของคนไทยเพียงบริษัทเดียวเท่านั้นที่สามารถผลิตเลนส์ชนิดได้ โดยความร่วมมือกับบริษัทพีพีซี อิงค์ จากสหรัฐอเมริกาในการนำวัสดุประเภท Travex มาผลิตเลนส์แบบใหม่ในเชิงอุตสาหกรรมได้สำเร็จ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 28 ต.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ม.เกษตรสำเร็จ ทำจีโนมปลาบึก ข้อมูลส่งยีนแบงก์

รศ.ดร.อำนวย จรด้วง และนายประดิษฐ์ แสงทอง ภาควิชาพันธุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งกำลังศึกษาวิจัยเรื่องการจำแนกทางพันธุกรรมประชากรปลาบึก โดยได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้ดำเนินการถอดรหัสพันธุกรรม จาก "ไมโตคอนเดรีย ดีเอ็นเอ" ของปลาบึก ตลอดทั้งจีโนมสำเร็จอย่างสมบูรณ์แล้ว และพบว่าไมโตคอนเดรีย ดีเอ็นเอของปลาบึกขนาด 16,333 นิวคลิโอไทด์ ประกอบด้วย ยีนควบคุมการสร้างโปรตีน 13 ชนิด ชนิดทีอาร์เอ็นเอ 22 ชนิด โรโบโซมอลอาร์เอ็นเอ 2 ชนิด และบริเวณควบคุม สำหรับข้อมูลพันธุกรรมดังกล่าวนี้ จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการศึกษาชีวประวัติ ครอบครัว และชีวประวัติของปลาบึก รวมทั้งการศึกษาความสัมพันธ์เชิงวิวัฒนาการ ลำดับนิวคลิโอไทด์ทั้งหมดของปลาบึก นำไปฝากไว้ที่ธนาคารยีน (GenBank) สหรัฐอเมริกา เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก นำไปใช้ประโยชน์ได้ต่อไป โดยสามารถเข้าดูข้อมูลได้ที่ www.ncbi.nom.nih.gov ภายใต้ accession number AY 762971 ทั้งนี้ ปลาบึกเป็นปลาน้ำจืดไม่มีเกล็ดที่ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีถิ่นกำเนิดในแม่น้ำโขงเพียงแห่งเดียว ปัจจุบันนี้อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ซึ่งภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชใกล้สูญพันธุ์ (CITES) จัดให้อยู่ในเรด ลิสต์ (Red List) อย่างไรก็ตาม นักวิจัยไทยก็ประสบความสำเร็จในการผสมเทียมปลาบึก เมื่อปี 2526 และขณะนี้ มีกระจายอยู่ตามแหล่งน้ำจืดต่างๆ ในประเทศ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 28 ต.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ทัพเรือวิจัยแบคทีเรียขจัดคราบน้ำมัน ใช้แทนสารเคมี-เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม

ร.อ.หญิง สุกัญญา ป๋องทอง นักวิจัยกรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ มีภารกิจที่จะต้องกำจัดคราบน้ำมันในท้องทะเล ซึ่งอาจเกิดจากการปนเปื้อนของเรือประมง ที่ทิ้งคราบน้ำมันในขณะที่ประสบอุบัติเหตุทางทะเล โดยใช้สารเคมีพ่น มักก่อให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก และค่าใช้จ่ายสูง เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการกำจัดคราบน้ำมันทางทะเล กรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ จึงได้เริ่มทำงานวิจัยเพื่อดึงเอาวัสดุจากธรรมชาติมาใช้แทนสารเคมี โดยใช้เวลาทำการวิจัยกว่า 3 ปี เพื่อการคัดเลือกวัตถุดิบที่เหมาะสมเข้ามาช่วยในการย่อยสลายคราบน้ำมันที่ปนเปื้อนในท้องทะเล ทดแทนการใช้สารเคมี เริ่มต้นจากการเก็บตัวอย่างจุลินทรีย์ ที่มีความสามารถลดแรงตึงผิวชีวภาพ (Bisosurfactant) มาทำการทดสอบคุณสมบัติ และสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มกำลังให้จุลินทรีย์สามารถผลิตสารดังกล่าวได้ในปริมาณมากในการย่อยสลายคราบน้ำมัน ในที่สุด ทีมศึกษาก็ได้พบแบคทีเรียจากจุลินทรีย์ชนิด Pheudomnas aerugnha ซึ่งมีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับสารเคมีในการบำบัดน้ำมัน แต่แบคทีเรียทะเลมีคุณสมบัติดีกว่าตรงที่ไม่ทำลายสภาพแวดล้อม ต่างจากการใช้สารเคมี ทีมวิจัยได้นำแบคทีเรียทะเลมาหมัก พร้อมทั้งเพาะเลี้ยงด้วยอาหารเลี้ยงเชื้อ แล้วปล่อยทิ้งไว้ เพื่อปรับให้แบคทีเรียอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม ก่อนนำมาฉีดพ่นลงบนคราบน้ำมัน "ในการทดลองประสิทธิภาพในการขจัดคราบน้ำมันของแบคทีเรียทะเล เมื่อฉีดพ่นไปบนคราบน้ำมันที่ปะปนกับน้ำพบว่า คราบน้ำมันสามารถสลายตัวได้ดีกว่าการใช้สารเคมีในแบบเดิมถึง 10 เท่า อีกทั้งต้นทุนการผลิตแบคทีเรียทะเลอยู่ที่ลิตรละ 8 บาทเท่านั้น" ปัจจุบันคณะวิจัยกำลังศึกษาในรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงทำการทดลองนำไปใช้งานจริง ซึ่งหากเข้าสู่กระบวนการผลิตจะทำให้ราคาต้นทุนของแบคทีเรียดังกล่าวลดลง (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 28 ต.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





นักวิทย์รุ่นเยาว์สกัดพืชท้องถิ่นผลิตไบโอดีเซล

โครงการวิจัย "ไบโอดีเซลจากเมล็ดต้นขัน" ได้รับการเสนอในงานประชุมวิชาการสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยเป็นผลงานจากนักเรียนโรงเรียนพัทลุง จ.พัทลุง ที่ได้ทดลองนำน้ำมันจากเมล็ดต้นขัน ซึ่งเป็นพืชเมืองของจังหวัด ลักษณะของผลคล้ายลูกเกาลัด ภายในเมล็ดมีน้ำมันสามารถบีบคั้นได้ มาผสมกับน้ำมันดีเซลสัดส่วน 30 : 70 แล้วใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถไถคูโบต้า ผลการทดสอบพบว่า รถไถคันดังกล่าวสามารถใช้งานได้ปกติ เขม่าควันดำลดลง เครื่องยนต์เดินเรียบไม่กระตุกเหมือนน้ำมันดีเซล 100% สำหรับน้ำมันจากเมล็ดต้นขันที่จะใช้ผลิตไบโอดีเซล ต้องอายุไม่เกิน 1 ปี ทำปฏิกิริยากับเอทานอล โดยมีโซเดียมไฮดรอกไซด์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา โดยไบโอดีเซลที่ได้ มีลักษณะเป็นของเหลวสีเหลืองอมน้ำตาล และมีกลิ่นเล็กน้อย ในเรื่องความหนืด การจุดติดไฟและเขม่าควัน พบว่า เมื่อนำไบโอดีเซลมาผสมน้ำมันดีเซลด้วยสัดส่วนต่างๆ ทำให้ความหนืดของน้ำมันผสมยิ่งลดลงมากขึ้น การจุดติดไฟดีขึ้นตามสัดส่วนของน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้น และไบโอดีเซลที่ผลิตช่วยลดเขม่าควันดำของน้ำมันผสมตามสัดส่วนไบโอดีเซลที่เพิ่มขึ้น คณะผู้ทำโครงการซึ่งมีนางภาณี หนูทอง เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ได้เสนอแนะสำหรับการนำไปใช้ประโยชน์คือ การนำไบโอดีเซลจากน้ำมันเมล็ดต้นขันไปใช้ ควรนำไปผ่านกระบวนการกำจัดความเป็นด่างและแอลกอฮอล์ที่ตกค้างจากการทำปฏิกิริยาก่อน นอกจากนี้ควรส่งเสริมการขยายพันธุ์ต้นขัน เพื่อเพิ่มความหลากหลายของพืชน้ำมัน และลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำลง ส่วนข้อเสนอแนะด้านการศึกษาค้นคว้านั้น ควรวิเคราะห์หาองค์ประกอบของน้ำมันขัน ศึกษาวิธีการสกัดเพื่อให้ได้ปริมาณน้ำมันจากเมล็ดสูงสุด (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 28 ต.ค. 47 http://www.komchadluek.net)





ไทย-ออสเตรเลียร่วมวิจัย ภาระ 5 โรคเรื้อรังคนไทย

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) น.พ.สุชัย เจริญรัตนกุล รัฐมนตรีช่วย สธ. และคณะ แถลงข่าวความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กับมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย และสภาการวิจัยสุขภาพและการแพทย์แห่งออสเตรเลีย จัดทำโครงการศึกษาภาระจากโรคเพื่อเป็นทางเลือกเชิงนโยบายในด้านสุขภาพ ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกของการพัฒนาระบบการสาธารณสุขของประเทศไทย ใช้ระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่สิงหาคม 2547-กรกฎาคม 2552 ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนเวลคัม(Wellcome Trust) ประเทศอังกฤษ ได้คัดเลือกศึกษากลุ่มโรคที่เป็นปัญหาสุขภาพของคนไทยในลำดับต้นๆ 5 กลุ่ม คือ โรคเอดส์ โรคหัวใจและหลอดเลือด อุบัติเหตุจราจร สุขภาพจิต และการติดสารเสพติด โดยจะทำการวิเคราะห์ต้นทุน ประสิทธิภาพของกิจกรรมเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรค รวมทั้งขีดความสามารถด้านงบประมาณ และระบบบริการสุขภาพที่มีอยู่ โดยจะนำเสนอกิจกรรมที่คุ้มทุน เป็นทางเลือกในนโยบายอย่างน้อย 55 กิจกรรม ซึ่งจะทำให้ฝ่ายรัฐบาลซึ่งกำหนดนโยบายประเทศและจัดสรรงบประมาณอย่างเหมาะสม โครงการนี้นอกจากจะได้ประโยชน์โดยตรงในเรื่องการรักษาโรคของคนไทยแล้ว นักวิจัยไทยยังจะได้รับการฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างศักยภาพทั้งในด้านการฝึกอบรมระยะสั้น ตลอดระยะเวลา 5 ปี และโครงการนี้ยังสนับสนุนการสร้างนักวิจัยไทยในระดับปริญญาเอก โดยศึกษาผ่านงานโครงการและเรียนทางไกล ทำวิทยานิพนธ์ (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 28 ต.ค. 47 http://www.matichon.co.th)





เปลี่ยนฟางข้าวเป็นน้ำมันสุดคุ้มให้ค่าออกเทนสูง

ดร.เย็นใจ เลาหวณิช นายกสมาคมการประดิษฐ์ไทย กล่าวถึงผลงานของนักประดิษฐ์ไทย ที่นำฟางข้าวมาใช้ประโยชน์ได้อีกว่า อ.ทรงศักดิ์ เกียรติสุข สังเกตเห็นว่าชาวนาไทยชอบเผาฟางข้าว ทิ้งในท้องนาเพราะสะดวกกว่า การกำจัดทิ้งด้วยวิธีอื่น จึงรู้สึกเสียดายและเกิดความคิด ที่จะแปรรูปวัสดุทางการเกษตรไปเป็นน้ำมัน หลังจากดำเนินการค้นคว้าประมาณ 2 ปี ก็ประสบความสำเร็จในการใช้กระบวนการ ทางเคมีเปลี่ยนวัสดุจากภาคเกษตรกรรมมาเป็นน้ำมัน สามารถผลิตได้ตั้งแต่น้ำมันหล่อลื่นจนถึงน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ใช้กับเครื่องบินซึ่งปกติมีระดับออกเทนสูง 140 แต่นักประดิษฐ์ผู้นี้ทำได้ถึง 176 จากการวิเคราะห์และรับรองโดยกรมธุรกิจพลังงาน คุณสมบัติสำคัญที่ได้คือเมื่อเผาไหม้แล้วจะไม่เกิดมลพิษเหมือนน้ำมันทั่วไป เพราะไม่มีทั้งกำมะถันและตะกั่ว การคิดค้นนี้เป็นความสำเร็จครั้งแรก ที่สามารถเปลี่ยนพืชเป็นน้ำมันสำเร็จรูปได้ในเวลาอันสั้น ในขณะที่ธรรมชาติใช้เวลาเป็นหมื่นปีและเปลี่ยนได้เพียงน้ำมันดิบ ขณะนี้ได้มีการสร้างโรงงานต้นแบบแล้ว มีกำลังผลิต 5,000-10,000 ลิตร ต่อปี สามารถเปลี่ยนวัตถุดิบไปเป็นน้ำมันได้ ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ เช่น ขี้เลื่อย 1 กิโลกรัม เปลี่ยนวัตถุดิบเป็นน้ำมันได้ประมาณ 700 กรัม นอกจากนั้นยังสามารถนำขยะประเภท ชีวมวลและพลาสติกมาเปลี่ยนให้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงได้อีกด้วย (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 29 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





เครื่องเช่าวีซีดีบริการ24ชั่วโมง วิศวกรไทยประยุกต์จากไต้หวัน

นายพิเชษฐ กันทะวัง อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล เจ้าของโครงการออกแบบสร้างเครื่องเช่าวีซีดีแบบอัตโนมัติ เปิดเผยว่า ได้แนวคิดมาจากเครื่องเช่าวิดีโอเทปอัตโนมัติในไต้หวัน ซึ่งเปิดให้บริการลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานมาเฝ้าหน้าร้านเหมือนรูปแบบปกติ ระบบของไต้หวันจะเป็นการหักเงินผ่านบัตรเติมเงิน ซึ่งสามารถให้บริการทั้งในรูปแบบของการเช่าและการขาย จึงคิดว่าน่าจะนำมาใช้ในเมืองไทย โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะสร้างตัวเครื่องอัตโนมัติให้บรรจุแผ่นซีดีได้ 100-200 แผ่น และคาดว่าจะนำสมาร์ทการ์ดมาใช้ในระบบชำระเงินเพราะเชื่อว่าน่าจะป้องกันการโกงของลูกค้าที่มาในหลายรูปแบบได้ แต่ก็อาจติดปัญหาในเรื่องของต้นทุนที่ค่อนข้างสูง ต้นแบบที่ได้มาจากไต้หวันเป็นเพียงตู้เปล่าที่มีแต่กลไกที่ใช้ในการดึงเทปออกมาเท่านั้น จะออกแบบให้มีลักษณะคล้ายหน้าจอเอทีเอ็ม โดยจะนำระบบจอสัมผัสมาเป็นตัวป้อนข้อมูลเข้าระบบ และรายละเอียดการนำเสนอก็ต้องมีน้อยที่สุดด้วย ปัจจุบันคณะทำงานเริ่มต้นออกแบบโครงร่างทั้งหมดของตัวเครื่อง และกลไกการทำงานของระบบภายในแล้ว ไม่ว่าจะเป็น มอเตอร์ หรือการติดตั้งเครนเพื่อช่วยในการดึงแผ่นซีดีออกมา ซึ่งจุดยากที่สุดของการทำงานชิ้นนี้อยู่ที่การพัฒนาหน้าจอใช้งาน (graphic user interface : GUI) ที่ง่ายต่อผู้ใช้งานมากที่สุด หากพัฒนาสำเร็จ ก็จะนำไปทดลองกับร้านขายวีซีดีของเพื่อน ซึ่งจุดเด่นของสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้อยู่ตรงที่ไม่ต้องใช้คนเฝ้า และสามารถเปิดให้บริการได้ตลอดทั้งคืน งานวิจัยชิ้นนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จำนวน 100,000 บาท โดยจะแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2548 (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 29 ต.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





เอกชนแห่ร่วมสัปดาห์วิศวกรรม โชว์เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน

รศ.ต่อตระกูล ยมนาค นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) กล่าวถึงงานสัปดาห์วิศวกรรมแห่งชาติ 2547 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-31 ต.ค. ณ ไบเทค บางนา ว่า เป็นการรวมนวัตกรรมของบริษัทเอกชน และผลงานนักศึกษาจากสถาบันการศึกษา เพื่อกระตุ้นนักศึกษา ผู้ที่อยู่ในวิชาชีพวิศวกรรม บุคคลทั่วไปให้ความสนใจ ทั้งจัดการประชุมสัมมนาระดับชาติ เพื่อพัฒนาศักยภาพวิศวกรไทยสู่เวทีโลก อาทิ บริษัท จาร์ดีน แมธทีสัน (ประเทศไทย) จำกัด นำเสนอระบบเก็บข้อมูล ประวัติการซ่อมบำรุง (ไอ-เซิร์ฟ) จากเดิมที่การซ่อมบำรุงเครื่องจักรจะกระทำก็ต่อเมื่อเครื่องชำรุดโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่หากใช้ระบบข้อมูลเข้ามาช่วยทำงาน ผู้ดูแลเครื่องจะป้อนข้อมูลประวัติการซ่อมบำรุงที่ผ่านมาเข้าไปในระบบ จัดทำเป็นฐานข้อมูลบนเวบเบส จากนั้นส่วนกลางจะสามารถตรวจสอบประวัติการซ่อม ส่งข้อมูลไปยังวิศวกรได้แบบออนไลน์ เพื่อค้นหาสาเหตุการชำรุดได้โดยง่ายและแก้ไขได้ตรงจุด หลักการว่าเมื่อเครื่องจักรเสียหายผู้ดูแลสามารถแจ้งแบบออนไลน์ผ่านเวบไซต์มาที่ส่วนกลาง หรือจะโทรศัพท์แจ้งแบบเดิมก็ได้ จากนั้นทางส่วนกลางจะสั่งงานซ่อมและเลือกวิศวกรผ่านทางคอมพิวเตอร์ โดยจะรวบรวมข้อมูลประวัติและส่งให้วิศวกร เพื่อช่วยในการซ่อมบำรุงผ่านทางอีเมล เอสเอ็มเอสในมือถือ หรือผ่านทางพีดีเอก็ได้ ทั้งยังสามารถตรวจสอบสต็อกของอุปกรณ์อะไหล่ได้อีกด้วย โดยที่ต่อไปในอนาคต จะมีการเชื่อมต่อระบบนี้เข้ากับระบบอาคารอัจฉริยะ คือเมื่ออุปกรณ์ชำรุดหรือเกิดความเสียหายขึ้น จะสามารถทราบได้ทันทีด้วยเซนเซอร์ จากนั้นจะสามารถส่งข้อมูลไปยังระบบไอ-เซิร์ฟ โดยอัตโนมัติไม่ต้องผ่านมนุษย์อีกต่อไป และในขั้นตอนต่อไปเมื่อระบบไอ-เซิร์ฟ มีข้อมูลประวัติมากพอ จะสามารถดูข้อมูลทั้งหมดและนำเสนอโซลูชั่นของอุปกรณ์ หรือเครื่องจักรนั้นๆ ได้โดยอัตโนมัติ ส่วนบริษัท ฟิลิปส์ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด โชว์ผลงานชุดประหยัดไฟคลิก-2-เซฟ ช่วยผู้ใช้ประหยัดไฟร้อยละ 12.37 ต่อปี จุดเด่นอยู่ที่สามารถใช้ทดแทนหลอดไฟ 36 วัตต์ ขนาดยาว 1.20 เมตรได้ โดยระบบนี้จะมีหลอดไฟยาว 1.15 เมตรต่อด้วยตัวขั้วต่อคลิก-2-เซฟ ซึ่งจะจำกัดกระแสไฟให้เข้าหลอดเพียง 30 วัตต์ แต่จะให้ความสว่างของแสงเท่าเดิม และมีคุณภาพของแสงดีขึ้น การมองเห็นสีผิดเพี้ยนน้อยลง โดยจุดที่สามารถทำให้หลอดไฟสว่างเท่าเดิมโดยที่ใช้ไฟน้อยลง และคุณภาพแสงดีขึ้นได้นั้นอยู่ที่ ผงฟลูออเรสเซนท์ที่มีคุณภาพที่ดีกว่าเดิม ในอนาคตทางฟิลิปส์คาดว่าอาจจะมีชุดประหยัดไฟแบบนี้ในหลอดขนาดอื่นๆ เพิ่มเติม (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 29 ต.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





จุฬาฯ จับมือ 'นวัตกรรม' ดันงานวิจัยพ้นหิ้ง นำร่อง 4 ผลงานวิทย์เพิ่มขีดแข่งขันในตลาดโลก

สำนักงานนวัตกรรม หนุนผลงานวิจัยวิทยาศาสตร์ของจุฬาฯ สู่การผลิตเชิงพาณิชย์ ตั้งเป้า 10 โครงการ ในระยะ 2 ปี จากที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จ 28 โครงการ สร้างมูลค่างานได้พันล้านบาท ด้านคณบดีวิทย์ส่ง 4 งานวิจัยนำร่อง ได้แก่ การผลิตพ่อแม่พันธุ์กุ้ง กวาวเครือขาว น้ำผึ้ง และการผลิตเชื้อเพลิงเหลว จากวัตถุดิบภายในประเทศ มุ่งเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ นายศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยว่า สนช.ร่วมกับคณะวิทยาศาสตร์ จุฬ่าลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงนามโครงการความร่วมมือในการส่งเสริม และพัฒนานวัตกรรมจากผลงานวิจัยและสิทธิบัตร วัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยนำผลงานวิจัยและสิทธิบัตรไปพัฒนาต่อยอด ให้เกิดธุรกิจบนฐานความรู้ทางเทคโนโลยี โดยที่ผ่านมา ได้ให้การสนับสนุนถึง 28 โครงการ เป็นเงินทุนทั้งหมด 58 ล้านบาท สามารถต่อยอดทางธุรกิจได้ถึง 938 ล้านบาท และในส่วนของความร่วมมือครั้งนี้ ตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาให้ได้เพิ่ม 10 โครงการ ในระยะเวลา 2 ปี โดยเฉพาะการพัฒนาโครงการนวัตกรรมเชิงยุทธศาสตร์ 5 สาขา ได้แก่ อาหารและสมุนไพร ยาง ผลิตภัณฑ์ยาง และไม้ยางพารา ซอฟต์แวร์และแมคาทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน เป็นต้น รวมทั้งโครงการนวัตกรรมจากผลงานวิจัยและสิทธิบัตรที่มาจากการบริหารจัดการความรู้ ที่เกิดจากการบริหารความรู้ที่เกิดขึ้นทั้งในภาครัฐและเอกชน ด้าน ศ.ดร.เปี่ยมศักดิ์ เมนะเศวต คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ในเบื้องต้นของความร่วมมือ จะดำเนินการใน 4 โครงการ ได้แก่ นวัตกรรมการผลิตพ่อแม่พันธุ์กุ้ง โดยธรรมชาติ โครงการนวัตกรรมสมุนไพรแห่งชาติ-กวาวเครือขาว โครงการนวัตกรรมน้ำผึ้ง และผลิตภัณฑ์ และโครงการนวัตกรรมการผลิตเชื้อเพลิงเหลวจากวัตถุดิบภายในประเทศ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 29 ต.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ม.ศรีปทุมโชว์ศักยภาพเยาวชนไทย ในงาน SPUfriends.com

วันที่ 14-19 ต.ค.ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยศรีปทุมได้จัดกิจกรรมแสดงผลงานทางวิชาการของนักศึกษา พร้อมทั้งกิจกรรมการประกวดแข่งขันต่างๆ มากมาย ในงาน SPUfriends.com ณ บริเวณชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว สำหรับผลงานนักศึกษาที่ทางมหาวิทยาลัยศรีปทุม ได้นำไปจัดแสดงนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานที่น่าสนใจทั้งสิ้น อันสร้างความประทับใจให้แก่ผู้เข้าชมงานได้ไม่น้อย ได้แก่ หุ่นยนต์ตรวจจับทุ่นระเบิด ผลงานของนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ หุ่นยนต์จำลองหุ่นยนต์สำรวจดาวอังคาร Mars Rover Spirit ผลงานการประดิษฐ์ของนักศึกษาคณะสารสนเทศศาสตร์ โมเดลจำลองสิ่งก่อสร้าง ผลงานนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผลงานภาพถ่ายของนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ เป็นต้น ภายในงาน SPUfriends.com นี้ ยังเปิดโอกาสให้เยาวชนและผู้สนใจได้แสดงความสามารถในการประกวดแข่งขันต่างๆ มากมาย ได้แก่ การประกวดภาพถ่าย The Smiles Photo Contest การประกวดระบายสีลงบนภาพถ่ายขาวดำ ด้วยกระบวนการ Color Hand และการประกวดร้องเพลง SPUfriends.com Singing Contest ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นไฮไลต์ของงานนี้ ซึ่งมีผู้ชมให้ความสนใจเข้าชมการแข่งขันและเป็นกำลังใจให้ผู้เข้าประกวดเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการแนะนำเว็บไซต์ www.spufriends.com เว็บไซต์ที่ให้สาระความรู้และเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนข่าวสารของเยาวชนจากโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งเกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยศรีปทุม และโครงการ Goodnet โดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ICT อีกด้วย ได้รับความสนใจจากนักเรียนและผู้เข้าชมงานเป็นอย่างดี (ข่าวสด ศุกร์ที่ 29 ต.ค. 47 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ติดป้ายชื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้คนไข้ป้องกันหมอสั่งยาผิด

คนไข้ในโรงพยาบาลเบอร์มิงแฮมในอังกฤษกำลังจะได้รับการบริการอย่างใหม่ด้วยการติด ป้ายชื่ออิเล็กทรอนิกส์ เมื่อเข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อป้องกันการสั่งยาผิด เชื่อว่าเป็นแห่งแรกในโลกที่มีบริการนี้ โรงพยาบาลฮาร์ทแลนส์กำลังจะนำระบบติดป้ายชื่ออิเล็กทรอนิกส์มาใช้เป็นโครงการนำร่อง ช่วยในการติดตามความเคลื่อนไหวของคนที่กำลัง จะเข้ารับการผ่าตัดผ่านระบบเครือข่ายไร้สาย โดยข้อมูลที่ บันทึกไว้นั้นจะปรากฏผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ตามจุดสำคัญ นักพัฒนาเชื่อว่าระบบนี้จะช่วยลดความเสี่ยงความผิดพลาดที่เกิดจากคน และปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานด้านการแพทย์ได้ เดวิด มอร์แกน ที่ปรึกษาที่ช่วยติดตั้งการทำงานของอุปกรณ์อธิบายว่า ระบบนี้จะช่วยระบุตำแหน่งของผู้ป่วยได้ในระยะหลายหลา และรายละเอียดต่างๆ จะปรากฏเป็นภาพภายในห้องฉายภาพยนตร์ ห้องดมยาสลบ และบริเวณที่นั่งรอ พร้อมกันนั้นยังช่วยให้มีการจดรายการผ่าตัดด้วยดิจิตอลโดยใช้คอมพิวเตอร์ฉบับกระเป๋า แทนการทำงานด้วยแผ่นกระดาษพิมพ์แบบเดิม (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 30 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





วิศวกรรมตื่นตัว มุ่งใช้นวัตกรรม ช่วยลดพลังงาน

นายเกชา ธีระโกเมน อนุกรรมการประชาสัมพันธ์ สภาวิศวกร เปิดเผยว่า ในปัจจุบันวงการวิศวกรรมเริ่มนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ประโยชน์มากขึ้น โดยเฉพาะอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ อาคารห้างสรรพสินค้าที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าปริมาณมาก เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น สนามบินสุวรรณภูมิซึ่งใช้ระบบเดียวกันนี้ และจากการศึกษาพบว่าจะช่วยประหยัดการใช้พลังงานได้หลายหมื่นล้านบาท ตลอดอายุการใช้งาน โดยเทรนด์ของเทคโนโลยีในอนาคต จะเป็นแบบประหยัดพลังงาน เน้นในด้านความปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สำหรับระบบควบคุมอาคารอัตโนมัตินั้น ในปัจจุบันกลายเป็นระบบพื้นฐานไปแล้ว โดยทุกอาคารที่ออกแบบและก่อสร้างใหม่ จะมีระบบควบคุมอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นระบบเปิดปิดไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ ปั๊มน้ำ ลิฟต์ ระบบความปลอดภัย แต่การติดตั้งระบบเหล่านี้จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้อาคาร เนื่องจากขณะนี้ ระบบมีราคาถูกและใช้งานได้ง่ายมากขึ้น เพียงสั่งงานได้จากจอคอมพิวเตอร์เท่านั้น ทั้งนี้ ในเรื่องความปลอดภัยตั้งอยู่บนเทคโนโลยีที่ไม่ซับซ้อน แต่จุดที่สำคัญกว่านั้น คือเรื่องมาตรฐาน เนื่องจากไทยยังไม่มีมาตรฐานที่ยอมรับ และใช้ได้ 100% เช่น โรงพยาบาลของไทยส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้มาตรฐานสากล ทั้งในด้านความสะอาด การควบคุมการติดเชื้อในอากาศ เป็นต้น จึงเป็นสาเหตุของปัญหาการติดเชื้อในโรงพยาบาลที่อยู่ในอัตราสูง (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 30 ต.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ดื่มชามีฤทธิ์ช่วยความจำอาจพบทางรักษาสมองฝ่อ

คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยนิวแคสเซิล ของอังกฤษร ายงานผลในวารสารการแพทย์ "การวิจัยการบำบัดด้วยพืช" เปิดเผยว่า ชา มีสรรพคุณยาที่ใช้รักษาโรคสมองฝ่อ แม้ว่าจนขณะนี้จะยังไม่มียารักษาโดยตรง แต่ก็อาจมีหนทางต้านทานไม่ให้เกิดโรคขึ้นได้ ทั้งในการศึกษาครั้งนี้ ยังทำให้พบว่า การดื่มชาเป็นประจำ ช่วยให้คนเรามีความจำดีขึ้นได้ โรคสมองเสื่อมเกิดจากปริมาณของสารเคมีที่เรียกว่า "อะซีทิลคลอไรน์สเตอเรส" ในสมองได้งวดลง พอดีกับนักวิจัยได้ศึกษาพบว่า ทั้งชาเขียวและชาดำต่างมีสรรพคุณหยุดยั้งไม่ให้ เอนไซม์อะซีทิลคลอไรน์เนสเตรสออกฤทธิ์ ไปสลายสารเคมีสำคัญนั้น และยังได้พบว่า ชาเขียวยังสามารถขัดขวางสารเบตา-ซีเครเทส ไม่ให้ผลิตตะกอนโปรตีนในสมอง ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคสมองฝ่ออีกด้วย ขณะนี้นักวิจัยของมหาวิทยาลัยนิวแคสเซิลกำลังพยายามหาทุน เพื่อจะทำการศึกษาทดลองกับชาเขียวต่อไป จนไปถึงการทดลองในสถานพยาบาล โดยหวังว่าจะสามารถผลิตเป็นชายาขึ้น เพื่อใช้รักษาผู้สูงอายุที่เป็นโรคสมองฝ่อโดยเฉพาะ (ไทยรัฐ อาทิตย์ที่ 31 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ข่าวทั่วไป


IUCN ถวายเหรียญเชิดชูราชินี

เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมใหญ่สมัชชาการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลก ครั้งที่ 3 ของ International Union for Conservation of Nature and Natural Resources (IUCN) ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 17-25 พ.ย.นี้ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีตัวแทนด้านสิ่งแวดล้อมจาก 150 ประเทศ ประมาณ 3 พันคนมาร่วมงาน รวมทั้งนางวังการี มาไต อดีตรมช.สิ่งแวดล้อมของเคนยา เจ้าของรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพปี "47 ด้วย โดยการประชุมครั้งนี้ IUCN เล็งเห็นถึงพระปรีชาสามารถของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงห่วงใยธรรมชาติ จึงได้ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญเชิดชูเกียรติด้านการอนุรักษ์แด่พระองค์ด้วย สำหรับพระราชกรณียกิจด้านการอนุรักษ์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ IUCN ให้การยกย่องคือ โครงการป่ารักน้ำ โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีโครงการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว บริเวณรอยต่ออ.หนองบัวแดง อ.คอนสาร อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ โครงการเกี่ยวกับการพัฒนาหมู่บ้านโดยรอบภูเขียวให้มีความอยู่ดีกินดี โครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อเป็นแหล่งผลิตอาหารโดยทหารกองหนุน เป็นโครงการพระราชดำริเพื่อปรับปรุงพัฒนาพื้นที่บ้านซึ่งมีพื้นที่ตั้งโครงการอยู่ติดแนวชายแดนบริเวณลำน้ำเหือง บ้านบ่อเหมือง





คพ.ออกกฎเหล็กคุมแหล่งกำเนิดมลพิษ

นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า องค์กรความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างสหรัฐอเมริกากับเอเชีย (US-AEP) ได้สำรวจประเมินระบบกฎหมายสิ่งแวดล้อมในประเทศเอเชียคือ อินเดีย ฟิลิปปินส์ และไทย พบว่าการนำกฎหมายสิ่งแวดล้อมไปใช้ยังขาดความเสมอภาค และการบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมยังคงเป็นปัญหาที่ไม่สามารถบังคับใช้ได้จริง โดยของไทยขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอออกกฎกระทรวง เพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษ ทุกประเภท ซึ่งจะออกกฎกระทรวงภายใต้มาตรา 80, 81 ของ พ.ร.บ. ส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535 โดยกฎกระทรวงจะควบคุมแหล่งกำเนิด มลพิษตั้งโรงงานอุตสาหกรรม และแหล่งกำเนิดมลพิษที่ไม่ใช่โรงงานเช่น ฟาร์มสุกร โรงแรม หมู่บ้านจัดสรร โรงโม่หิน ซึ่งแหล่งกำเนิดมลพิษดังกล่าวจะต้องจัดทำรายงานสิ่งแวดล้อม ส่งให้เจ้าหน้าที่ควบคุมมลพิษประจำจังหวัดทุกเดือน และเจ้าหน้าที่จะสุ่มตรวจสอบตามการรายงานของแหล่งกำเนิดดังกล่าว เพื่อติดตามว่ามีการปฏิบัติตามรายงานที่ส่งมาให้เจ้าหน้าที่หรือไม่ กฎกระทรวงนี้จะต่างจาก ก.ม.โรงงานอุตสาหกรรม ที่ควบคุมให้โรงงาน จัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม เพราะจะมีความเข้มงวดมากกว่า เนื่องจากให้รายงานทุก 1 เดือน ขณะที่ ก.ม.ของกรมโรงงานอุตสาหกรรมจะต้องรายงานทุก 3 เดือน ทั้งได้ประกาศแหล่งกำเนิดมลพิษที่ไม่ใช่โรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มเติมด้วย และหากกฎกระทรวงที่ออกตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมสิ่งแวดล้อมออกบังคับใช้ โรงงานอุตสาหกรรม ที่เดิมจะต้องขออนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อประกอบกิจการนั้น จะต้องมีใบขออนุญาตการปล่อยมลพิษต่อกรมควบคุมมลพิษด้วย เช่น จะสามารถปล่อยมลพิษออกมาได้จำนวนเท่าไหร่ ซึ่งมาตรการทั้งหมดจะเพิ่มบทลงโทษด้วยคือ ผู้ฝ่าฝืนไม่ดำเนินการตามจะต้องถูกจำคุก 1 ปี ปรับ 100,000 บาท และหากแหล่งกำเนิดมลพิษ ปฏิบัติตามบ้างไม่ปฏิบัติตามบ้างนั้น จะต้องถูกจำคุก 1 เดือนหรือปรับ 10,000 บาท ทั้งนี้กฎกระทรวงดังกล่าวได้ส่งไปให้กฤษฎีกาพิจารณาปรับปรุงแก้ไข เพื่อเสนอ ครม.พิจารณาประกาศใช้ต่อไป. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 28 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





โปรดเกล้าฯตั้งพิพิธภัณฑ์ผ้าแสดงผ้าโบราณของราชวงศ์

"ร้อยรสบุปผาพัสตราภรณ์" หนังสือรวบรวมรูปแบบ การแต่งกายของคนไทย ตั้งแต่ยุคโบราณ สมัยทวาราวดี ศรีวิชัย ลพบุรี สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี มาจนถึงยุครัตนโกสินทร์ ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลปัจจุบัน ตลอดจนประวัติผ้าทอไทย และบทบาทของผ้าทอไทยในวิถีชีวิต และเพื่อให้เห็นภาพ วิวัฒนาการการแต่งกายชุดไทย ในยุคสมัยต่างๆ จึงมีแฟชั่นชุดไทยในแต่ละยุคมาแสดงให้ชม ระหว่างการแนะนำหนังสือด้วย ท่าน ผู้หญิงภรณีได้บรรยายพิเศษถึงพระราชกรณียกิจของสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในการฟื้นฟูวัฒนธรรมการแต่งกายเอกลักษณ์ไทย โดยเล่าว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงมีความภาคภูมิใจในเครื่องแต่งกายไทยมาก และโปรดให้แขกต่างประเทศได้ร่วมชื่นชมในความงดงามของเครื่องแต่งกายไทย ดังจะเห็นได้จากการที่โปรดให้มีการแสดงแฟชั่นเครื่องแต่งกายไทย เวลาที่ทรงเลี้ยงรับรองพระราชอาคันตุกะ และอาคันตุกะจากประเทศต่างๆ ที่มาเยือนประเทศไทย ให้ชาวต่างประเทศได้ชมอยู่เสมอ เพื่อให้เขาเหล่านั้นได้เห็นถึงศิลปะการแต่งกายของไทยที่มีมาช้านานแล้ว พระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ เกี่ยวกับเครื่องแต่งกายไทยด้วยว่า พระองค์ทรงให้ความสนพระทัย ในสิ่งนี้เป็นอย่างมาก โดยมีพระราชดำริให้จัดทำพิพิธภัณฑ์ผ้า ภายใต้มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ณ หอรัษฎากรณ์พิพัฒน์ ภายในพระบรมมหาราชวัง มาตั้งแต่เมื่อครั้ง เจริญพระชนมพรรษาครบ60 พรรษา ซึ่งคาดว่าพิพิธภัณฑ์ดังกล่าว จะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ ทั้งนี้ทรงค้นพบผ้าโบราณ ที่ราชวงศ์เก็บไว้หลายยุคสมัย และตกทอดมาถึงปัจจุบัน โดยทรงเก็บรักษาผ้าเหล่านั้นไว้เป็นอย่างดี ไม่ให้สูญหาย และจะทรงนำผ้าโบราณเหล่านั้นมาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ผ้าต่อไป (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 28 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





อัด คพ.-กทม.ล้มเหลวแผนจัดการขยะอันตราย

นายโสภณ ตะติโชติพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยและนิติธรรม สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบการทำงานในเรื่องการจัดการขยะมูลฝอยและขยะอันตรายของภาครัฐ ทั้งของกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) และหน่วยงานต่างๆ เช่น กทม. โดยเฉพาะในเรื่องแผนการจัดการขยะแห่งชาติพบว่า ส่วนใหญ่ยังมีช่องโหว่ในการปฏิบัติ เพราะเจ้าหน้าที่ไม่เข้าใจปัญหาการจัดการที่แท้จริง เนื่องจากส่วนใหญ่ การจัดทำแผนจะจ้างบริษัทที่ปรึกษาเข้ามาทำงานมากกว่า ทำให้แผนปฏิบัติแล้วไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงของประชาชน จึงส่งผลให้ปฏิบัติไม่ได้จริง ทั้งนี้ ควรจะต้องหันมาพิจารณากันใหม่ในเรื่องของการบริหารจัดการขยะ สำหรับความล้มเหลวที่ถือว่าชัดเจนที่สุด คือผลการศึกษาการแยกขยะอันตรายจากขยะมูลฝอยชุมชนในเขต กทม. โดยพบว่าจากการดำเนินงานที่ผ่านมา 5 ปี แม้ว่า กทม.จะมีความพยายามอย่างต่อเนื่อง เพราะ กทม.สามารถเก็บขยะอันตรายได้เพียง 84 ตันต่อวันเท่านั้น หรือคิดเป็นร้อยละ 0.314 ของปริมาณขยะอันตรายทั้งหมด ที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะสามารถเก็บได้ประมาณ 20% ขณะนี้ กทม.ได้จัดทำแผนการจัดการขยะอันตรายต่อเนื่องในแผนพัฒนา กทม. ฉบับที่ 6 (2545-49) โดยตั้งเป้าหมายแยกขยะอันตรายออกจากขยะชุมชนให้ได้ 20% ของปริมาณขยะอันตรายทั้งหมด แต่ก็ยังติดปัญหาอุปสรรคในการจัดการ เพราะประชาชนขาดความรู้ ขาดการประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานยังไม่เห็นความสำคัญ พร้อมทั้งระบบการแยกทิ้งและเก็บขนยังขาดประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ถึงเวลาที่กรมควบคุมมลพิษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการขยะ จะต้องหันมาทบทวนการบริหารจัดการ เพราะขณะนี้ยังพบว่ามีขยะอันตรายปะปนในขยะมูลฝอยบ้านเรือนมากถึง 80% (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 29 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ศิริราชตรวจ"เซลล์มะเร็งเต้านม" ไม่ต้องเลาะต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้

รศ.น.พ.ศุภกร โรจนนินทร์ รองคณบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และกิจการพิเศษ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยว่า วันอังคารที่ 2 พฤศจิกายนนี้ เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ตึกอำนวยการ ชั้น 2 ศ. คลินิก น.พ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร คณบดี เป็นประธาน รศ.น.พ.กริช โพธิสุวรรณ หัวหน้าภาควิชาศัลยศาสตร์ รศ.น.พ.อดุลย์ รัตนวิจิตราศิลป์ ศัลยแพทย์สาขาวิชาศัลยศาสตร์ศีรษะ คอ และเต้านม ร่วมในการแถลงข่าวเรื่อง "ศิริราชล้ำหน้าเป็นแห่งแรกของไทย : พิสูจน์หาการกระจายของเซลล์มะเร็งเต้านมโดยไม่ต้องเลาะต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้" (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 29 ต.ค. 47 http://www.matichon.co.th)





ทำไมผู้ชายตายเร็ว-ผู้หญิงตายช้า

ไม่มีใครตอบคำถามข้างต้น ในแบบที่หาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ มาประกอบได้ แต่ ศูนย์ข้อมูลสุขภาพ ของผู้หญิงแห่งชาติ ในสหรัฐอเมริกา ได้ลองเสนอปัจจัย เกี่ยวข้องที่ทำให้ผู้หญิง "หนังเหนียว" กว่าผู้ชาย ดังต่อไปนี้ ข้อแรกผู้ชายมีแนวโน้มจะสูบบุหรี่ ดื่มเหล้ามากกว่าผู้หญิงและมีรูปแบบการ ใช้ชีวิตที่ไม่ค่อยคำนึงถึงสุขภาพมากนัก ข้อสองผู้ชายมักจะไม่ค่อยไปพบแพทย์ หรือขอคำแนะนำทางการแพทย์บ่อยเท่าผู้หญิง ข้อถัดมาผู้ชายมีแนวโน้มที่จะไม่ กลัวในการเข้าร่วมกิจกรรม หรือมีพฤติกรรมที่ค่อนข้างเสี่ยง และเป็นอันตรายมากกว่า อันดับสุดท้าย ส่วนใหญ่แล้วผู้ชายจะนิยามตัวเองจากงาน สนใจการทำงานมาก จนทำให้เพิ่ม ความเครียดและเก็บอารมณ์ (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 30 ต.ค. 47 http://www.thairath.co.th)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215