|
หัวข้อข่าวปีที่ 5 ฉบับที่ 51 ประจำวันที่ 2004-12-19
ข่าวการศึกษา
อธิการฯมอ.นั่ง"ปธ."ทปอ.คนใหม่ มีมติหนุนมหา"ลัยออกนอกระบบ มธ.ลำปางเปิดสอนออกแบบเซรามิค แห่งเดียวในไทย รองรับการค้ากับจีน อธิการบดีจุฬาฯไม่ร่วมลงนาม เปิดเสรีทางการศึกษาแน่นอน เด็กไทยฮิตเรียนอังกฤษ-จีน-ญี่ปุ่น แนะรัฐพัฒนาครู เด็กไทยคว้า2ทอง4เงินวิทย์โอลิมปิก อาชีวะร่วมมือพัฒนาอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ จุฬาฯตั้งศูนย์สันติภาพแก้ปัญหาชายแดนใต้ ลุยหลักสูตรเกียรตินิยมรับเด็กเก่งเรียนตรี-เอก ชงตั้ง"ว.การบินนานาชาติ" พาณิชย์นาวี"ม.นครพนม" อนุมัติเอกชนสอนอิงลิชโปรแกรม อี-เลิร์นนิ่งไทยขยายตัวสอนนักบิน-นักศึกษาแพทย์ กกอ.ออกกฎใหม่ เปิดช่อง ม.เอกชน ใช้เน็ตสอนทางไกล จุฬาทุ่ม 265 ล้านดึงสถาบันอินเตอร์ เปิดศูนย์พัฒนามนุษย์แฟชั่น ชี้ตลาดนัดหลักสูตรแจกจนลืมสาระ
ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
อันตรายจากขวดใส่น้ำ เทพสตรีทำโครงการ อุทยานวิทยาศาสตร์ ประดิษฐ์หุ่นยนต์ยามเฝ้าบ้านแจ้งทางโทรศัพท์มือถือเจ้าของ นาฬิกา3ประสาน ตรวจจับรังสีด้วยมือ ไบโอเทคแย้มพบยีนเด่นหนุนผลผลิตข้าว ญี่ปุ่นลั่นถอดรหัสข้อมูลยีนข้าวเสร็จแล้ว 95% สมอ.เร่งผุดมาตรฐานบังคับสินค้า10รายการปีหน้า พบหลักฐานสำคัญบนดาวอังคารมั่นใจได้ว่าต้องมีแหล่งน้ำอยู่ คอมพิวเตอร์ส่งกลิ่นหอม เพิ่มประสาทสัมผัสให้โลกไซเบอร์ นาซ่าจ้องส่งจรวดถล่มดาวหางหวังระเบิดผิวดาวศึกษาไส้ในให้รู้ดำรู้แดง หวั่นนกสูญพันธุ์ สุดท้ายมนุษย์ซวยเอง เฟ้น 15 กุนซือ ทปอ.ช่วยนโยบายจีเอ็มโอรัฐบาล งัดรังสีร้อยปีรบกับผู้ก่อการร้ายตรวจจับได้ทั้งอาวุธและมะเร็ง โลกร้อนแต่ปะการังเติบโตเพิ่ม
ข่าววิจัย/พัฒนา
ยาวัณโรคขนานใหม่ในรอบ 40 ปี ย่นเวลาปราบโรคหายครึ่งเดียว "สกัดขมิ้น" ทำครีมชะลอแก่ ผลิตผลพลอยได้จากงานวิจัยฯ ไทยค้นหายามะเร็งจากทะเล สธ.หนุนวิจัยมนุษย์ วอนนักวิทย์ใส่ใจ ปัจจัยจริยธรรม ยาคุมกำเนิดเสริมพลังไมเกรนทำให้ล่อแหลมกับโรคลมปัจจุบัน รถดับไฟป่าเคลื่อนที่เร็วฝีมือไทย วิจัยพันธุกรรมไก่ สายพันธุ์ใกล้คน ไขข้อมูล 'หวัดนก' ให้ดมสบู่ตรวจรู้โรคสมองเสื่อมยิ่งพบเร็วยิ่งรักษาได้รับผลดี สนช.ชู 'กวาวเครือขาว' สมุนไพรแห่งชาติ จ้างฝรั่งเศสวิจัยรับรองกระชับทรวงอก ก่อนทำผลิตภัณฑ์ใหม่ มช.วิจัยโยเกิร์ตสกัดท้องร่วง หนุนฟาร์มใช้แทนยาปฏิชีวนะ สหรัฐพบยีนต้านไวรัสเอดส์ หนทางพัฒนาวัคซีนสยบโรคร้าย ทดลองยาสมุนไพรรักษาเอดส์ได้รับความสำเร็จอย่างงดงาม พอเหมาะ พอดีกับผงชูรส แนะนักกายวิภาคปรับตัว วิจัยเชิงลึกโมเลกุลโปรตีน สวทช.ระดมเทคโนโลยีปั้น 'ธุรกิจไฟแรง' จัดตั้งหน่วยพี่เลี้ยงดันวิจัยจากแล็บสู่พาณิชย์ ไต้หวันแนะใช้วัคซีนหยุดหวัดนก ตั้งสถาบันวิจัยเฉพาะตรวจเชื้อ สกว.เปิด10งานวิจัยเด่นปี47โชว์อวกาศ-หวัดนก ผักผลไม้มีสารอาหารลดลง แนะผู้บริโภคกินเพิ่มชดเชย
ข่าวทั่วไป
"ทักษิณ"เขย่าราชการอีกรอบ ตั้งกระทรวงน้ำ-ที่ดิน-การผลิต สร้างตึกระฟ้าทำลายสถิติโลกสูงชะลูดเสียดฟ้าเกือบหนึ่งไมล์ สธ.ดีเดย์ใช้บัญชียาหลักแห่งชาติฉบับใหม่27ธ.ค.นี้ สำนักนายกฯให้"มศว"วิจัย วิธีอบรมคุณธรรมทุกศาสนา มจธ.ขนผลิตภัณฑ์งานวิจัย สู่กระเช้าของขวัญปีใหม่ กินยาลดอ้วน เลอะเลือน 3 ปี หัดเขียน ก.ไก่ใหม่ เหยื่อนับพันเสี่ยง "ส้มโอนครชัยศรี"จดแหล่งบ่งชี้ภูมิศาสตร์ "อาเซียน" จับมือแก้ปัญหาสังคม ไทยรั้งท้าย..สิทธิบัตร อันดับ 47 ของโลก กบข.ออกกองทุนเปิดสินวัฒนา
ข่าวการศึกษา
อธิการฯมอ.นั่ง"ปธ."ทปอ.คนใหม่ มีมติหนุนมหา"ลัยออกนอกระบบ
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 47 ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี นายประเสริฐ ชิตพงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(มอ.) เปิดเผยผลประชุมที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(ทปอ.) ว่าที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องมหาวิทยาลัยออกนอกระบบราชการโดยมีมติให้มีการผลักดันเรื่องนี้ต่อไป หากมีข้อขัดแย้งอะไรก็ขอให้ช่วยกันแก้ไข นอกจากนี้ ได้มีการพิจารณาสรรหาประธาน ทปอ.คนใหม่แทน นพ.อดุลย์ วิริยะเวชกุล ประธาน ทปอ.คนปัจจุบันที่จะหมดวาระลงในปลายเดือนธันวาคมนี้ โดยตนได้รับคะแนนเสียงให้เป็นประธาน ทปอ.คนใหม่จะมีผลวันที่ 1 มกราคม 2548 นี้ และมีการประชุมวิสามัญปอมท. โดยเปิดให้ผู้สื่อข่าวเข้าฟังด้วย โดยในที่ประชุมได้มีผู้เสนอให้ทำรายงานสรุปผลการเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่ายินดีจะพิจารณาให้มหาวิทยาลัยไม่ต้องออกนอกระบบ หากล่ารายชื่ออาจารย์ที่ไม่ต้องออกให้มหาวิทยาลัยออกนอกระบบเกินครึ่งหนึ่งของประชาคมในมหาวิทยาลัยนั้นๆ เสนอให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ยืนยันอีกครั้งเพื่อหักล้างผู้ที่ออกมาให้ข่าวที่ว่า ผศ.นพ.พิศิษฐ์ โจทย์กิ่ง ประธาน ปอมท.ให้ข่าวไม่ตรงกับที่นายกฯพูด อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ยืนยันว่า ผศ.นพ.พิศิษฐ์ให้ข่าวตรงกับความจริง แต่การประชุมครั้งนี้ มีประธานสภาคณาจารย์ฯเพียง 6 แห่ง จากทั้งหมด 20 แห่งที่เข้าประชุมนอกนั้นเป็นตัวแทน ผศ.นพ.พิศิษฐ์กล่าวว่า ที่ต้องการทำบันทึกคำพูดให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรียืนยันกลับมา เพื่อหักล้างที่มีผู้ออกมาให้ข่าวว่า ตนให้ข่าวไม่ตรงกับที่นายกฯพูด ซึ่งจะทำให้เรื่องนี้มีความน่าเชื่อถือขึ้น และมาสามารถนำไปดำเนินการล่ารายชื่อผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการออกนอกระบบในมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้ แต่ที่ประชุมส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ทั้งนี้ ขณะนี้แบบสอบถามทำเสร็จแล้ว และคาดว่าจะสำรวจแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ นอกจากนั้น เพื่อล้างภาพความแตกแยกของ ปอมท. จะเสนอให้ประธานสภาคณาจารย์ซึ่งเป็นสมาชิก ปอมท.ทุกแห่ง ร่วมลงชื่อในหนังสือที่มีเนื้อหาแสดงว่า ทุกคนใน ปอมท.ยังสามัคคีกัน และมีความเห็นไปในแนวเดียวกัน โดยเฉพาะเรื่องการให้มหาวิทยาลัยออกนอกระบบ (มติชนรายวัน อาทิพย์ที่ 19 ธ.ค. 47 http://www.matichon.co.th)
มธ.ลำปางเปิดสอนออกแบบเซรามิค แห่งเดียวในไทย รองรับการค้ากับจีน
นายศักดิ์ชัย เลิศพานิชพันธุ์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหารศูนย์ลำปาง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) เปิดเผยว่า ในปีการศึกษา 2548 มธ.ศูนย์ลำปางจะเปิดรับนักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาหัตถอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผาของจังหวัดและรองรับการเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างไทยจีนในอนาคต โดยจะสอนเรื่องการออกแบบการทำเซรามิค เครื่องเคลือบ และเครื่องปั้นดินเผาต่างๆ เพราะลำปางมีชื่อเสียงในเรื่องการทำเซรามิคอยู่แล้ว การเปิดหลักสูตรที่สอดคล้องกับศักยภาพในแต่ละพื้นที่ ถือเป็นมหาวิทยาลัยเดียวในเมืองไทยที่เปิดสอนการออกแบบเซรามิคในระดับปริญญาตรี รับทั้งหมด 40 คน ต้องมาสมัครและสอบที่นี่ รับสมัครนักเรียนในพื้นที่ภาคเหนือทั้งหมด นอกจากนี้อีก 2 ปีข้างหน้าจะเริ่มเปิดนิติศาสตร์ภาคปกตินอกเหนือจากหลักสูตรบัณฑิตศึกษาที่เปิดรับผู้ที่จบปริญญาตรีจากสาขาใดก็ได้มาเรียนต่ออีก 3 ปี อีกทั้งเตรียมการเป็น e-lerning เพื่อรองรับการเป็นวิทยาเขตสารสนเทศอย่างเต็มตัว และจะลงนามความร่วมมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยยูนนาน ประเทศจีน เพื่อแลกเปลี่ยนคณาจารย์ นักวิจัย รวมทั้งความร่วมมือในการสอนภาษาจีน เป็นศูนย์กลางประสานงานในลุ่มน้ำโขง จีน กัมพูชา และเวียดนาม จะมีการเปิดสอนคณะสหวิทยาการสังคมศาสตร์ ประกอบด้วยสาขา อาณาบริเวณศึกษาอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและสาขาการจัดการทรัพยากรสังคมและวัฒนธรรม ซึ่งเมื่อมีการลงนามความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยยูนนานแล้วน่าจะเป็นประโยชน์กับการเรียนการสอนในสองสาขานี้อย่างมาก (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 13 ธ.ค. 47 http://www.matichon.co.th)
อธิการบดีจุฬาฯไม่ร่วมลงนาม เปิดเสรีทางการศึกษาแน่นอน
จากกรณีที่ ศ.น.พ.อดุลย์ วิริยะเวชกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เสนอให้ตั้งสภาอธิการบดีแห่งประเทศไทย และให้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ร่วมลงนามในบันทึกความร่วมมือในการตั้งสภาฯ ดังกล่าว และให้บันทึกดังกล่าวมีสาระเกี่ยวกับการเปิดเสรีทางการศึกษา จนเป็นเหตุทำให้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ไม่ร่วมลงนามความร่วมมือ นั้น ในส่วนของจุฬาฯจะไม่ลงนามความร่วมมือในการจัดตั้งสภาฯ ดังกล่าวแน่นอน เพราะยังไม่มีความชัดเจนว่าหน่วยงานที่จะตั้งขึ้นมานั้นมีหน้าที่อะไร และ ที่ประธาน ทปอ. บอกว่าเรื่องนี้เคยนำเข้า ทปอ. แล้ว และทปอ.มีมติเห็นด้วยนั้น ตนก็ไม่เคยเห็นเรื่องนี้ในการประชุม ทปอ. มาก่อน จะมีก็เพียงหนังสือเวียนเท่านั้น อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าเรื่องนี้ควรต้องนำเข้าหารือในการประชุม ทปอ. ในวันที่ 18 ธ.ค. นี้ ด้วย อธิการบดีจุฬาฯ กล่าวต่อไปว่า เท่าที่ทราบ ประเด็นที่หลายฝ่ายสนใจและไม่ยอมลงนามความร่วมมือน่าจะเป็นเพราะในความร่วมมือนั้นระบุว่าจะให้เปิดเสรีทางการศึกษา ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และละเอียดอ่อนต้องพิจารณาให้รอบคอบ และมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ก็จำเป็นต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการเปิดเสรีทางการศึกษากับภาครัฐ ว่า เมื่อเปิดแล้วจะมีผลกระทบอย่างไร เนื่องจากที่ผ่านมาการไปเจรจาหรือตกลงเรื่องการเปิดเสรีทางการศึกษานั้นจะเป็นกระทรวงอื่นที่ไม่ใช่กระทรวงศึกษาธิการ ดังนั้นอาจจะทำให้มีข้อมูลไม่ถูกต้อง ก็ได้ (เดลินิวส์ อังคารที่ 14 ธ.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)
เด็กไทยฮิตเรียนอังกฤษ-จีน-ญี่ปุ่น แนะรัฐพัฒนาครู
รศ.ดร.ประพิณ มโนมัยวิบูลย์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการวิจัยในภูมิภาคเอเชีย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในการประชุม "การเรียนการสอนภาษาต่างประเทศของไทยในระดับต่าง ๆ" ว่าปัจจุบันมีผู้สนใจเรียนภาษาจีนมากที่สุดรองจากภาษาอังกฤษเพราะเป็นสื่อกลางการค้าระหว่างไทยกับจีน มีสถานศึกษาระดับประถมถึงอุดมศึกษาของรัฐและเอกชนเปิดสอน 240 แห่ง อีกทั้งมีศูนย์สอนภาษาจีนมากกว่า 90 แห่ง แต่การสอนภาษาจีนมีปัญหาขาดแคลนครูอย่างมากเพราะครูไทยสอนภาษาจีนที่มีคุณภาพมีน้อย ผศ.ดร.วรวุฒิ จิราสมบัติ อดีตหัวหน้าภาควิชาภาษาญี่ปุ่น คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ข้อมูลเจแปนฟาวด์เดชั่นพบว่า ปี 2546 คนไทยเรียนภาษาญี่ปุ่น 54,884 คน มีโรงเรียนประถม มัธยม อุดมศึกษาและศูนย์ศึกษานอกโรงเรียนเปิดสอนทั้งสิ้น 274 แห่ง เพราะเด็กรุ่นใหม่โตมากับการ์ตูนญี่ปุ่น ทำให้รู้คำศัพท์และวัฒนธรรมญี่ปุ่น จึงอยากสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ และเด็กบางส่วนนำความรู้ไปสมัครงาน ขณะที่ความนิยมเรียนภาษาเยอรมันเริ่มลดลงเพราะภาษาเยอรมันใช้ประกอบอาชีพได้น้อย โดยปัจจุบันมีโรงเรียนมัธยมสอนภาษาเยอรมัน 38 แห่ง และนักเรียน 2,426 คน ส่วนมหาวิทยาลัยมี 10 แห่ง เช่นเดียวกับภาษาฝรั่งเศส ที่สมัยก่อนคนไทยนิยมภาษาฝรั่งเศสใกล้เคียงกับภาษาอังกฤษ ซึ่งผลสำรวจ ศธ.ปีนี้ พบว่ามีโรงเรียนมัธยมเปิดสอนภาษาฝรั่งเศส 307 แห่ง และมีเด็กเรียน 41,290 คน (คมชัดลึก อังคารที่ 14 ธ.ค. 47 http://www.komchadluek.net)
เด็กไทยคว้า2ทอง4เงินวิทย์โอลิมปิก
จากการที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ร่วมกับมูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนรา ธิวาสราชนครินทร์ (สอวน.) จัดส่งตัวแทนนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น 6 คน เข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขันวิทยาศาสตร์นานาชาติสำหรับเยาวชน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ครั้งที่ 1 หรือ The First International Junior Science Olympiad (IJSO) เมื่อวันที่ 5-14 ธ.ค. ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย โดยมีตัวแทนนักเรียนจาก 35 ประเทศ ๆ ละ 6 คนเข้าร่วมการแข่งขัน ปรากฏว่านักเรียนไทยทั้ง 6 คน สามารถคว้าเหรียญรางวัลประเภทบุคคลกลับมาได้ทุกคน โดยทำได้ 2 เหรียญทอง 4 เหรียญเงิน ซึ่งผู้ได้รับรางวัลเหรียญทอง ได้แก่ ด.ช.ภัทรพล วิทยศักดิ์พันธุ์ จาก ร.ร.เซนต์คาเบรียล และ ด.ญ.จินิส หวังตระกูลดี จาก ร.ร.สตรีวิทยา ส่วนเหรียญเงิน ได้แก่ ด.ช.ภาคภูมิ อังพานิชเจริญ จาก ร.ร. กรุงเทพคริสเตียน ด.ช.นรภัทร โฆษิตศรีปัญญา ร.ร.จิตรลดา ด.ช.สรสิช จิระวิชิตชัย ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย และ ด.ช.เจนวิทย์ วงศ์บุญสิน ร.ร.สารสาสน์เอกตรา (เดลินิวส์ พุธที่ 15 ธ.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)
อาชีวะร่วมมือพัฒนาอุตสาหกรรมแม่พิมพ์
นายวีระศักดิ์ วงศ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้บุคลากรสายการผลิตแม่พิมพ์โลหะและแม่พิมพ์พลาสติกซึ่งมีความขาดแคลนอย่างหนัก และหากจะมองเรื่องคุณภาพและมาตรฐานก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จึงได้ร่วมมือกับสถาบันไทย-เยอรมัน วางแผนการผลิตบุคลากรกลุ่มวิชาชีพอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ทั้งระดับ ปวช. และ ปวส. ให้มากขึ้น เพื่อป้อนให้แก่สถานประกอบการอย่างเร่งด่วน โดยจัดให้มีการทำแผนความร่วมมือในการพัฒนาบุคลากรร่วมกันในระยะเวลา 5 ปี โดยขั้นต้นกำหนดเป้าหมายว่าจะผลิตช่างแม่พิมพ์ในระดับขั้นพื้นฐาน จำนวนไม่น้อยกว่า 3,000 คน โดยจะคัดเลือกวิทยาลัยเทคนิคที่มีศักยภาพมาเข้าร่วมโครงการจำนวน 20 วิทยาลัย เพื่อเป็นสถานศึกษาเครือข่ายในการจัดการเรียนการสอนและการฝึกอบรม ส่วนสถาบันไทย-เยอรมันจะส่งผู้เชี่ยวชาญจากภาคเอกชนเข้ามาช่วยถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวิชาการและเทคโนโลยีสาขางานแม่พิมพ์เพื่อ อาจารย์จะได้มีความรู้ครอบคลุมหลักสูตรที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก่อนที่จะขยายผลไปสู่นักศึกษาต่อไป นอกจากนี้ทางสถาบันฯ ยังจะช่วยเหลือในการพัฒนาสื่อ อุปกรณ์ และเครื่องมือเครื่องจักรอีกด้วย (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 16 ธ.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)
จุฬาฯตั้งศูนย์สันติภาพแก้ปัญหาชายแดนใต้ ลุยหลักสูตรเกียรตินิยมรับเด็กเก่งเรียนตรี-เอก
ศ.ดร.คุณหญิงสุชาดา กีระนันทน์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวตอนหนึ่ง ในรายการอธิการบดีออนไลน์ เมื่อเร็วๆ นี้ทาง www.chula.ac.th ว่า เป็นห่วงปัญหาความขัดแย้งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จุฬาฯในฐานะที่เป็นมหาวิทยาลัยของประเทศจำเป็นต้องเป็นผู้นำทางด้านความคิดในการหาวิธีการส่งเสริมและสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าว จึงมีแนวความคิดที่จะจัดตั้งศูนย์สันติภาพและการจัดการความขัดแย้ง หน้าที่หลักของศูนย์กลางประสานงานร่วมกัน โดยมีการจัดกิจกรรมอันหลากหลายที่เกี่ยวข้องกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และร่วมหารือกันเพื่อหาข้อเสนอแนะที่เหมาะสมให้กับผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย ลักษณะการทำงานของศูนย์นี้จะเป็นศูนย์ของมหาวิทยาลัยที่มีการทำงานในลักษณะของสหสาขาวิชา มีหลายคณะที่เข้ามามีส่วนร่วมและมีลักษณะเป็นศูนย์เฉพาะกิจ คือจัดตั้งขึ้นมาในระยะที่มีความจำเป็น และเมื่อเหตุการณ์กลับสู่ปกติศูนย์นี้จะถูกลดบทบาทลง ในด้านวิชาการได้พัฒนาหลักสูตรรูปแบบใหม่ เช่น หลักสูตรที่เป็น Double Major โครงการหลักสูตรเกียรตินิยม (Honors Program) ซึ่งเป็นการรับนิสิตที่มีผลการเรียนดีเข้าเรียนที่จุฬาฯ อย่างต่อเนื่องทั้งระดับปริญญาตรีโท เอก โครงการรับนักเรียนล่วงหน้า(Advance Program) คือการรับนักเรียนที่เรียนดีในระดับ ม.ปลายเข้าเรียนในรายวิชาของมหาวิทยาลัย เป็นต้น (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 16 ธ.ค. 47 http://www.matichon.co.th)
ชงตั้ง"ว.การบินนานาชาติ" พาณิชย์นาวี"ม.นครพนม"
นายภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กกอ.) เปิดเผยว่า วันที่ 16 ธันวาคมนี้ ตนจะเข้าพบ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยนครพนม ที่สะดุดในการพิจารณาวาระ 2-3 ของวุฒิสภาที่ผ่านมา และขณะนี้ค้างอยู่ในขั้นตอนการตั้งคณะกรรมาธิการร่วม 2 สภา ฉะนั้นจะหารือกับ พล.อ.ชวลิตว่าจะตั้งหลักและเตรียมตัวเรื่องนี้อย่างไร นอกจากนี้จะเสนอเรื่องการจัดตั้งวิทยาลัยการบินนานาชาติในมหาวิทยาลัยนครพนม เพราะหลังจากสนามบินสุวรรณภูมิเปิดใช้แล้ว ทางกระทรวงคมนาคมประมาณการณ์ว่าจะขาดแคลนนักบินไม่ต่ำกว่าปีละ 200 คน เพราะประเทศไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางการบินของอาเซียนและภูมิภาคตะวันออก ซึ่งผลดังกล่าวจะกระทบถึงประเทศเพื่อนบ้านที่ขาดแคลนนักบินด้วย ในขณะที่การผลิตนักบินในสถาบันอุดมศึกษาของไทยยังไม่มี มีเฉพาะในกองทัพและกรมการบินพลเรือน ส่วนมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ก็ผลิตเพียงวิศวกรการบิน ซึ่งเน้นซ่อมเครื่องยนต์เป็นหลัก นอกจากนี้ที่ จ.นครพนม ยังมีสนามบินซึ่งสามารถปรับปรุงเป็นวิทยาลัยการบินนานาชาติที่จะผลิตนักบินให้กับประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการศึกษาด้านการบินด้วย ซึ่งที่ผ่านมาทางสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ก็ได้ทำหนังสือถึงเอกอัครราชทูตประเทศฝรั่งเศสเพื่อขอความร่วมมือทางวิชาการ และได้รับการตอบรับมาแล้ว ซึ่งฝรั่งเศสเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของสายการบินแอร์บัสของยุโรป ที่ผ่านมา พล.อ.ชวลิตยังได้เห็นช่องว่าน่าจะทำพาณิชย์นาวีในส่วนของลุ่มแม่น้ำโขง เพราะขณะนี้มีเรือท่องเที่ยว เรือโดยสาร และเรืออื่นๆ ใช้เส้นทางการเดินเรือในลุ่มแม่น้ำโขงกว่า 100 ลำ ฉะนั้นประเทศไทยน่าจะมีศักยภาพที่จะทำเรื่องนี้สูง (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 16 ธ.ค. 47 http://www.matichon.co.th)
อนุมัติเอกชนสอนอิงลิชโปรแกรม
นายอนุสรณ์ ไทยเดชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เปิดเผยว่า ตามที่สถานศึกษาเอกชนได้เสนอขออนุมัติเปิดสอนตามโครงการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตร กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เป็นภาษาอังกฤษ(English Program: EP) แต่นายอดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ เป็นห่วงในเรื่องของคุณภาพการเรียนการสอน โดยได้ให้ สช.ทำการประเมินความพร้อมของสถานศึกษาที่ขอเปิดหลักสูตรดังกล่าว และเสนอให้พิจารณาใหม่นั้น เมื่อเร็วๆ รมว.ศึกษาธิการ ได้พิจารณาและอนุมัติให้สถานศึกษาเอกชน จำนวน 19 โรงเรียน ที่ผ่านการประเมินแล้วเปิดสอนตามโครงการดังกล่าวได้ ดังนี้ โรงเรียนสองภาษาลาดพร้าว กรุงเทพฯ, โรงเรียนปาณยาพัฒนาการ กรุงเทพฯ, โรงเรียนเทพนารี จ.แพร่, โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรังสิต จ.ปทุมธานี, โรงเรียนเซนต์โยเซฟบางนา จ.สมุทรปราการ, โรงเรียนดรุณทัศน์ กรุงเทพฯ, โรงเรียนวารี จ.เชียงใหม่, โรงเรียนอนุบาลปาริชาต จ.ปทุมธานี,โรงเรียนสารสาสน์วิเทศร่มเกล้ากรุงเทพ, โรงเรียนผ่องสุวรรณวิทยา จ.ปทุมธานี, โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา จ.ชลบุรี, โรงเรียนกว่างเจ้า กรุงเทพฯ, โรงเรียนพระแม่มารีสาทร กรุงเทพฯ, โรงเรียนบำรุงวิทยา จ.นครปฐม, โรงเรียนนฤมลธินธนบุรี กรุงเทพฯ, โรงเรียนวิชัยวิทยา จ.เชียงใหม่, โรงเรียนอนุบาลเปล่งประสิทธิ์ กรุงเทพฯ, โรงเรียนกรพิทักษ์ศึกษา กรุงเทพฯ และโรงเรียนพระแม่มารีอุปถัมภ์ จ.ปทุมธานี ส่วนโรงเรียนที่เหลือ สช.กำลังดำเนินการประเมินอยู่ (สยามรัฐ ศึกร์ที่ 17 ธ.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)
อี-เลิร์นนิ่งไทยขยายตัวสอนนักบิน-นักศึกษาแพทย์
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง เทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารหรือ ไอซีที เปิดเผยว่า กระทรวงไอซีที จะร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัยนเรศวร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โรงพยาบาลประจำจังหวัดพิษณุโลก โรงพยาบาลประจำจังหวัดแพร่ โรงพยาบาลประจำจังหวัดน่านและ โรงพยาบาลประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ เปิดโครงการสอน นักศึกษาแพทย์ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) หรือ อี-เลิร์นนิ่ง ( e-Learning) ส่วนสาเหตุที่เริ่มนำการเรียนการสอนแบบอี-เลิร์นนิ่ง มาใช้กับคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวรก่อนเพราะ อาจารย์แพทย์ส่วนใหญ่ ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ และโรงพยาบาลประจำจังหวัดดังกล่าว และมหา วิทยาลัยนเรศวรเองก็มีความพร้อมด้านนี้อยู่แล้ว โดยจะเริ่มในปีการศึกษา 2548 คาดว่าจะสามารถเพิ่มการผลิตแพทย์ได้อีก 80 คนต่อปี จากปัจจุบันที่ผลิตได้ 160 คนต่อปี มหาวิทยาลัยนเรศวรจะเป็นผู้รับผิดชอบด้านหลักสูตรและ การรับนักศึกษาทั้งหมด ในอนาคตยังเตรียมเปิดการเชื่อมโยงเครือข่าย ผ่านบรอดแบนด์ระหว่างมหาวิทยาลัยที่ผลิตแพทย์ โรงพยาบาลประจำจังหวัด โรงพยาบาลประจำอำเภอและสถานีอนามัยต่างๆ ที่มีความพร้อม ด้านเรืออากาศเอก พิศาล ฉายากุล ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายพัฒนาบุคลากรการบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการระบบ Pilot e-Learning เป็นความร่วมมือระหว่างการบินไทย และบริษัท ไอบีเอ็ม (ประเทศไทย) จำกัด โดยระบบดังกล่าวได้พัฒนาขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการเรียน การสอนให้แก่นักบิน ที่ส่วนใหญ่มีภารกิจต้องปฏิบัติหน้าที่บนเครื่องบินอยู่ตลอดเวลา ให้สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง และเลือกเรียนได้ตามเวลาที่สะดวก ด้วยการเรียนผ่านระบบคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่าย โดยการพัฒนาระบบ Online Training และ Knowledge Management ขึ้น ระบบดังกล่าวได้ออกแบบโดยคำนึงถึงปัญหา ด้านข้อจำกัดและรูปแบบในการฝึกอบรมสำหรับนักบิน โดยจะช่วยให้นักบินสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง (Self-study) ตามเวลาที่สะดวกอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัย Courseware ผ่านระบบคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ จากการร่วมมือระหว่างการบินไทยและไอบีเอ็ม ทำให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการฝึกอบรมนักบินให้สูงขึ้น และก็สามารถลดค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมค่าใช้จ่ายให้กับบริษัทฯ ได้กว่า 35 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 5 ปี (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 18 ธ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
กกอ.ออกกฎใหม่ เปิดช่อง ม.เอกชน ใช้เน็ตสอนทางไกล
ศ.(พิเศษ) ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวภายหลังการบรรยายพิเศษเรื่อง "จัดการศึกษานอกที่ตั้งอย่างไรจึงจะมีประสิทธิภาพ" ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ซึ่งมีศูนย์การศึกษานอกมหาวิทยาลัยจำนวน 22 ศูนย์ ว่า เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ที่ประชุม กกอ.ได้ให้ความเห็นชอบหลักเกณฑ์การเปิดการศึกษานอกสถานที่สำหรับมหาวิทยาลัยเอกชน โดยกำหนดให้จัดการศึกษานอกที่ตั้งได้ในรูปการสอนในชั้นเรียน และการสอนทางไกลผ่านอินเทอร์เน็ต แต่จะต้องรอให้กฎหมายการจัดการเรียนการสอนทางไกลมีผลบังคับใช้ก่อน ทั้งนี้การจัดการสอนต้องมีคุณภาพ (คมชัดลึก เสาร์ที่ 18 ธ.ค. 47 http://www.komchadluek.net)
จุฬาทุ่ม 265 ล้านดึงสถาบันอินเตอร์ เปิดศูนย์พัฒนามนุษย์แฟชั่น
กระทรวงอุตสาหกรรม ในนามโครงการกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่น จึงได้มอบหมายให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เนรมิตศูนย์พัฒนาบุคลากรด้านแฟชั่น หรือ "บีฟ่า" (BIFA : Bangkok International Fashion Academy) ขึ้น เพื่อเป็น 1 ใน 11 โครงการย่อย โดยได้ทำพิธีเปิดศูนย์อย่างเป็นทางการเมื่อๆ เร็วนี้ ที่สยามดิสคัฟเวอรี่ ภายในงานได้นำคณะอาจารย์จากสถาบันแฟชั่นชื่อดังนานาชาติ ได้แก่ "แฟชั่น อินสติติวท์ ออฟ เทคโนโลยี (Fashion Institute of Technology หรือ FIT)" แห่งนิวยอร์ก และ "อินสติติวท์ ฟรองเซ เดอ ลา โมด (Institute Francais de la Mode หรือ IFM)" แห่งปารีส มาช่วยอำนวยการสอน และร่วมออกแบบหลักสูตร "บีฟ่า" จะทำหน้าที่พัฒนาวิชาการและวิชาชีพให้แก่บัณฑิตปริญญาตรีไม่จำกัดสาขา รวมทั้งนักออกแบบอาชีพ ช่างฝีมือผู้มีประสบการณ์ ผู้บริหารและผู้ประกอบการ ในด้านเสื้อผ้า อัญมณี และเครื่องหนัง โดยมีหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตสาขาแฟชั่นธุรกิจ 3 แขนง คือ 1.การจัดการสินค้าแฟชั่น 2.การออกแบบแฟชั่น 3.การจัดการเทคโนโลยีแฟชั่น รับแขนงละ 30 คน มีหลักสูตรระยะยาว 5 หลักสูตร (12 วิชา วิชาละ 30 ชม.) และหลักสูตรระยะสั้นอีก 30 หลักสูตร ด้าน ศ.ดร.สุรพล วิรุฬห์รักษ์ ผอ.ศูนย์พัฒนาบุคลากรด้านแฟชั่น เผยถึงความเป็นมาของศูนย์ ว่าเกิดขึ้นจากงบประมาณสนับสนุนของรัฐบาล 265 ล้านบาท ในการจัดหาสำนักงาน คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ อุปกรณ์การเรียนการสอน และทุนการศึกษา ฯลฯ ทั้งนี้ระยะแรกจำเป็นต้องอาศัยการต่อยอดด้วยการถ่ายทอดองค์ความรู้จากองค์กรผู้นำแฟชั่นระดับโลกก่อน เพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ในอนาคตอันใกล้ทางศูนย์จะออกแบบหลักสูตรระยะสั้นให้เหมาะกับความต้องการผู้เรียนและตลาดต่อๆ ไป เช่น การออกแบบตัดเย็บชุดชั้นในชาย เป็นต้น คมชัดลึก เสาร์ที่ 18 ธ.ค. 47 http://www.komchadluek.net)
ชี้ตลาดนัดหลักสูตรแจกจนลืมสาระ
วันที่ 17 ธ.ค.47มีงานตลาดนัดหลักสูตรอุดมศึกษาประจำปี 2547 ที่จัดขึ้น ณ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ระหว่างวันที่ 16-19 ธ.ค.นี้ เพื่อให้ข้อมูลการเลือกเรียนต่อกับนักเรียนในแถบจังหวัดภาคเหนือตอนบนทั้ง 9 จังหวัด ได้แก่เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ ลำปาง ลำพูน น่าน แม่ฮ่องสอน และอุตรดิตถ์ ซึ่งมีนักเรียนให้ความสนใจร่วมงานเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ งานดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของงาน แม่ฟ้าหลวงนิทรรศ 47 โดย รศ.ดร.นภาภรณ์ หะวานนท์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า มีหลายคนที่กล่าวว่าการจัดตลาดนัดหลักสูตรของสถาบันอุดมศึกษา เหมือนการมองการศึกษาในเชิงธุรกิจ ซึ่งเป็นการมองการศึกษาเป็นตัวสินค้า อีกทั้งยังใช้คำว่าตลาดนัด ซึ่งน่าจะใช้คำว่าแนะแนวการศึกษาแทน แต่ตัวเองกลับมองว่าการใช้คำว่าตลาดนัด น่าจะเหมาะว่า เพราะพื้นที่และกิจกรรมเป็นการแลกเปลี่ยนมากกว่าการแนะแนว ซึ่งรูปแบบสอดคล้องกับตลาดสมัยโบราณ ซึ่งเป็นที่แลกเปลี่ยนสิ่งต่างๆ โดยไม่ได้หวังกำไร รศ.ดร.นภาภรณ์ กล่าว และว่า สาระสำคัญของการจัดงานตลาดนัดหลักสูตร อยู่ที่เนื้อหาสาระ การบอกกล่าวข้อมูล ตอบข้อซักถามของนักเรียน มากกว่าที่แต่ละสถาบันจะนำของมาแจก ซึ่งควรจะเป็นสาระรองจากเนื้อหาสาระที่เราจะบอกกับเด็กๆ แต่เท่าที่สังเกตพบว่าหลายสถาบันกำลังให้ความสำคัญกับของแจกมากเกินไป เหมือนแข่งกันทำของแจกจนลืมสาระสำคัญของงาน (สยามรัฐ เสาร์ที่ 18 ธ.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)
ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
อันตรายจากขวดใส่น้ำ
อันตรายจากสารพิษที่มีสาเหตุมาจากการนำขวดพลาสติกกลับมาใช้ซ้ำ โดยการเก็บขวดน้ำเหล่านั้นไว้ในรถ หรือที่ทำงาน ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นในดูไบ เมื่อเด็กหญิงอายุ 12 ปี เสียชีวิตหลังจากการใช้ขวดน้ำแร่ใส่น้ำไปโรงเรียนนานถึง 16 เดือน ซึ่งพลาสติกที่เรียกว่า Polyethylene terephthalate หรือ PET บรรจุสสารที่เป็นตัวการสำคัญที่เรียกว่า diethyl hydroxylamine or DEHA ขวดเหล่านี้ จะมีความปลอดภัยในการใช้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากต้องการเก็บไว้ให้นานขึ้น ก็ต้องไม่นานกว่า 2-3 วัน หรือ 1 สัปดาห์ ถือว่านานที่สุด และต้องเก็บไว้ให้ห่างจากความร้อนด้วยเช่นกัน การล้างขวดน้ำซ้ำๆ และล้างโดยการเขย่าขวดนั้น เป็นสาเหตุของการเสื่อมตัวของพลาสติกและเกิดสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ที่จะเข้าไปรวมตัวกับน้ำที่คุณใส่ไว้ในขวดสำหรับดื่ม ทางที่ดีควรจัดหาขวดสำหรับใส่น้ำที่สามารถใช้บรรจุน้ำได้หลายๆ ครั้ง (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 13 ธ.ค. 47 http://www.matichon.co.th)
เทพสตรีทำโครงการ อุทยานวิทยาศาสตร์
ผศ.นิคม สยังกูล รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี เข้าร่วมประชุมร่วมกับคณะทำงานโครงการอุทยาน วิทยาศาสตร์แห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จ.ลพบุรี เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งอุทยานวิทยาศาสตร์แห่งชาติฯ ซึ่งจ.ลพบุรีได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรีเป็นเจ้าของเรื่องดำเนินงานโครงการ การจัดตั้งอุทยานวิทยาศาสตร์ดังกล่าวจะจัดสร้างที่บริเวณค่ายลูกเสือพระนารายณ์ สถานีพัฒนาที่ดินลพบุรี นิคมสร้างตนเองลพบุรีและเอกชน ซึ่งมีการวางแผนในการจัดสร้างหอดูดาว และการวางผังจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ รวมทั้งมีการจัดฐานการเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ฯ เช่น กิจกรรมค่ายวิทยาศาสตร์ ค่ายสิ่งแวดล้อม ค่ายลูกเสือ-เนตรนารี ค่ายดาราศาสตร์ อีกทั้งยังมีการประกวดและการแข่งขันเพื่อพัฒนาบุคลากรทางด้านการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์อีกด้วย (ข่าวสด จันทร์ที่ 13 http://www.matichon.co.th/khaosod)
ประดิษฐ์หุ่นยนต์ยามเฝ้าบ้านแจ้งทางโทรศัพท์มือถือเจ้าของ
นายยาสุฮิโระ ซูซีกิ ตัวแทนจากบริษัททึมสุ ซันโย 1 ในเครือบริษัทซันโย ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า หุ่นยนต์ผู้ช่วยภายในบ้านตัวใหม่นี้ จะติดตั้งกล้องดิจิตอล ไมโครโฟน และตัวเซ็นเซอร์ ซึ่งสามารถส่งผ่านข้อมูลเสียง และสัญญาณเตือนไปยังเจ้าของบ้านผ่านทางโทรศัพท์มือถือ หากเกิดเหตุด่วนเหตุร้าย หรือมีหัวขโมยบุกรุกเข้ามาภายในบ้าน ทั้งนี้ หุ่นยนต์ดังกล่าวถูกออกแบบมาเป็นเสมือนเพื่อนตัวน้อยในห้องนั่งเล่น มีน้ำหนักประมาณ 3.25 กิโลกรัม สูง 27 เซนติเมตร และเคลื่อนที่ได้มากกว่า 19 เซนติเมตรต่อวินาที โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 300,000 เยน หรือ 29,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างช้าภายในปี 2005. (ไทยรัฐ 14 ธ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
นาฬิกา3ประสาน
จีนกำลังพัฒนาด้านเทคโนโลยีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กขึ้นมาอย่างรวดเร็ว บริษัท "Eittek Technology" ผลิตนาฬิกาข้อมือ 3 ประสาน เป็นทั้งนาฬิกา พีดีเอ และกล้องดิจิตอลในเครื่องเดียวกัน หน่วยความจำ 4 M-bit จอแอลซีดีแสดงภาพละเอียด 160x100 พิกเซล (eittek.com) (ข่าวสด อังคารที่ 14 ธ.ค. 47 http://www.matichon.co.th/khaosod)
ตรวจจับรังสีด้วยมือ
Dirty Bomb หรือระเบิดที่ ทำมาจากวัตถุดิบที่สามารถแผ่กัมมันตรังสีที่ถึงแม้ว่าจะไม่มีความรุนแรงเท่ากับกัมมันตภาพรังสีจากระเบิดนิวเคลียร์แต่ก็มากเพียงพอที่จะทำให้เกิดผลกระทบต่อร่างกาย รวมทั้งยังทำให้เกิดการปนเปื้อนที่ยากต่อการกำจัดด้วย เป็นความคิดของ
นักวิจัยจากห้องปฏิบัติการแห่งชาติ Lawrence Livermore ได้รับทุนสนับสนุนจากกระทรวงความมั่นคงของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยการดัดแปลงโทรศัพท์มือถือให้เป็นอุปกรณ์ตรวจจับกัม มันตภาพรังสีที่แผ่ออกมาจากวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ระเบิดปนเปื้อนเหล่านั้น ด้วยการทำงานของระบบ GPS (Global Positioning System) ที่ถูกติดตั้งเพิ่มเข้าไปทำให้มันสามารถส่งข้อมูลเวลาและสถานที่ของตำแหน่งที่พบการแผ่ของกัมมันตรังสีเข้าไปยังเครือข่ายที่ใช้ในการตรวจจับกัมมันตรังสีที่เรียกว่า RadNet ได้ตลอดเวลาอีกด้วย เครือข่าย RadNet ที่ว่าจะรับข้อมูลผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เดี๋ยวนี้มือถือแทบทุกเครื่องก็สามารถเข้าถึงได้อยู่แล้ว จากนั้นข้อมูลที่ได้จะถูกจัดทำเป็นแผนที่การแผ่กัมมันตรังสี จากข้อมูลที่ได้จากโทรศัพท์แต่ละเครื่อง ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถเฝ้าระวังเหตุร้ายได้ตลอด 24 ชั่วโมงซึ่งจะทำให้ผู้ก่อการร้ายลงมือได้ลำบากขึ้นนั่นเอง หลักการของการตรวจจับการแผ่ของกัมมันตภาพรังสีก็คือเมื่อโฟตอนของรังสีแกมมาชนเข้ากับอะตอมของ CZT อิเล็กตรอนบางตัวของ CZT จะหลุดกระเด็นออกจากตำแหน่งที่มันควรจะอยู่ อิเล็กตรอนเหล่านี้เองที่จะเคลื่อนที่และทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าขึ้น ซึ่งปริมาณของกระแสไฟฟ้านี้จะมากน้อยต่างกันไปตามชนิดของโฟตอนที่มาชน ทำให้เราสามารถแยกความแตกต่างได้ว่ากัมมันตภาพรังสีที่ตรวจจับได้นั้นมาจากธาตุชนิดใด ยกตัวอย่างเช่น caesium-137 หรือ cobolt-60 เป็นต้น (เดลินิวส์ พุธที่ 15 ธ.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)
ไบโอเทคแย้มพบยีนเด่นหนุนผลผลิตข้าว ญี่ปุ่นลั่นถอดรหัสข้อมูลยีนข้าวเสร็จแล้ว 95%
ทากูจิ ซาซากิ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยจีโนม National Institute of Agrobiological Science เปิดเผยว่า คณะทำงานในโครงการจีโนมข้าวนานาชาติ ได้จัดทำแผนที่จีโนมจำนวน 370 ล้านคู่เบส หรือราว 95% จากจำนวนทั้งสิ้น 390 ล้านคู่เบสเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยมีความถูกต้อง 99.99% โครงการจีโนมข้าวนานาชาติ เป็นความร่วมมือของนักวิทยาศาสตร์ 10 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐ ไต้หวัน ไทย จีน เกาหลีใต้ อินเดีย ฝรั่งเศส อังกฤษ บราซิล และญี่ปุ่น ซึ่งได้ร่วมกันดำเนินโครงการตั้งแต่ปี 2541 หลังจากที่ญี่ปุ่นเป็นผู้นำในการถอดรหัสพันธุกรรมข้าวตั้งแต่ปี 2534 ทั้งนี้ โครงการจีโนมข้าวนานาชาติ เป็นการถอดรหัสพันธุกรรมข้าวสายพันธุ์นิพพอน บาร์เร่ จำนวน 12 โครโมโซม ซึ่งมียีนทั้งสิ้น 40,000 ยีน โดยญี่ปุ่นรับผิดชอบ 6 โครโมโซม หรือคิดเป็นสัดส่วน 55% คู่เบสของจีโนมข้าวทั้งหมด ขณะที่สหรัฐถูกมอบหมายเป็นอันดับสองที่ร้อยละ 19 ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) รับผิดชอบในการถอดรหัสพันธุกรรมโครโมโซมที่ 9 ที่มีประมาณ 2 ล้านเบส ซึ่งได้จัดส่งข้อมูลที่ไปยังฐานข้อมูลธนาคารยีน ที่ประเทศญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว สำหรับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการนี้ ได้แก่ สามารถนำมาใช้ปรับปรุงพันธุ์ข้าวให้ทนโรค ทนอากาศ และมีรสชาติที่ดีขึ้น อีกทั้งยังสามารถนำข้อมูลจีโนมข้าวที่ได้ไปสกัดหายีนที่สำคัญในธัญพืชอื่นๆ อาทิ ข้าวโพด ข้าวสาสี และพืชตระกูลข้าวอื่นๆ ได้ ศ.ดร.มรกต ตันติเจริญ ผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) เปิดเผยว่า นักวิจัยไทยได้นำข้อมูลจีโนมข้าวนิพพอน บาร์เร่ มาใช้ในการศึกษาหาเครื่องหมายพันธุกรรมข้าวพันธุ์ท้องถิ่นเฉพาะส่วน โดยเลือกศึกษาหาเฉพาะยีนที่เหมาะสมกับประเทศไทย "ปัจจุบันไบโอเทคสามารถพัฒนาสายพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 ซึ่งรวมเอาคุณสมบัติทนน้ำท่วม และต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลได้แล้ว ขณะนี้กำลังให้กรมวิชาการเกษตรนำไปลงแปลงทดสอบ และขั้นตอนต่อไปคือการนำเอาอีกคุณสมบัติ ได้แก่ การทนโรคขอบใบแห้งมาใส่ไว้ในสายพันธุ์เดียวกันนี้ด้วย คาดว่าภายใน 1-2 ปีจะสามารถพัฒนาสายพันธุ์ที่รวมเอาทั้งสามคุณสมบัติมาไว้ในหนึ่งเดียวได้สำเร็จ" ผอ.ไบโอเทคยังเปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้ทางศูนย์ได้ค้นพบยีนในข้าวที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจอย่างมาก แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากกำลังอยู่ในขั้นตอนของการยื่นจดสิทธิบัตร (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 15 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
สมอ.เร่งผุดมาตรฐานบังคับสินค้า10รายการปีหน้า
นายไพโรจน์ สัญญะเดชากุล เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า สมอ.มีนโยบายจะเร่งออกมาตรฐานบังคับให้มากขึ้น เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและปกป้องการดั๊มพ์ตลาดจากสินค้าด้อยคุณภาพของต่างประเทศ รวมทั้งยกระดับมาตรฐานสินค้าไทยให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้น โดยปี 2548 สมอ.จะประกาศมาตรฐานบังคับ เน้นไปที่อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน ซึ่งต้นปีคาดว่าจะประกาศมาตรฐานบังคับได้ 10 มาตรฐานผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ ในเดือน ม.ค.2548 จะประกาศมาตรฐานบังคับ 5 รายการ ได้แก่ 1. มาตรฐานบังคับเหล็กกล้ารีดเย็นแผ่นม้วนแผ่นแถบ และแผ่นตัดสำหรับงานรถยนต์ มอก.2140-2546 2. มาตรฐานคาร์บอนไดออกไซด์การแพทย์ มอก.539-2546 3.มาตรฐานรถยนต์ขนาดเล็ก ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลระดับ 6 มอก.2155-2546 4.มาตรฐานรถยนต์ขนาดเล็ก ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินระดับ 7 มอก.2160-2546 และ 5.ภาชนะพลาสติกสำหรับบรรจุผลิตภัณฑ์ปราศจากเชื้อ มอก.531-2546 ที่เหลืออีก 5 รายการ จะประกาศเดือนมี.ค. ได้แก่ 1. เครื่องปรับอากาศเฉพาะประสิทธิภาพพลังงาน มอก.2134-2545 2.เตารีดไฟฟ้า มอก.366-2547 3.คอมพิวเตอร์ ส่วนบุคคลและขีดจำกัดสัญญาณรบกวนวิทยุมอก.2161-2547 4.ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์มอก.15-2532 และ 5.หม้อหุงข้าวไฟฟ้าเฉพาะด้านความปลอดภัยมอก.1039-2534 สำหรับการออกมาตรฐานของสมอ.จะเน้นให้สอดคล้องและอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่มีอัตราเติบโตและส่งออกสูง โดยเฉพาะยานยนต์จะออกมาตรฐานบังคับมากขึ้นกว่าเดิม โดย 3 กลุ่มสำคัญ คือ มาตรฐานชิ้นส่วน มาตรฐานไอเสีย และมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อผลักดันให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนไทย ปรับตัวผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับของตลาด (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 15 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
พบหลักฐานสำคัญบนดาวอังคารมั่นใจได้ว่าต้องมีแหล่งน้ำอยู่
นักวิทยาศาสตร์องค์การอวกาศสหรัฐฯ บอกว่า ยานสปิริตพบแร่ "โกไทท์" ในบริเวณที่เรียกว่าโคลัมเบีย ฮิลล์ บนดาวอังคาร แร่ชนิดนี้คล้ายกับแร่จาโรไซท์ ซึ่งยานสำรวจ "ออพพอร์จูนิตี" พบในอีกด้านหนึ่งของดาวอังคาร นับเป็นหลักฐานที่หนักแน่นของการมีแหล่งน้ำ เนื่องจากแร่ดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ ในสถานที่ที่มีน้ำเท่านั้น แต่อาจจะอยู่ในสถานะของของเหลว น้ำแข็ง หรือก๊าซก็ได้ ก่อนหน้านี้ ยานสำรวจได้ค้นพบแร่ "เฮมาไทท์" ในบริเวณโคลัมเบีย ฮิลล์ เช่นกัน แต่แร่ดังกล่าวไม่จำเป็นต้องกำเนิดมาจากสถานที่มีน้ำเสมอไป (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 16 ธ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
คอมพิวเตอร์ส่งกลิ่นหอม เพิ่มประสาทสัมผัสให้โลกไซเบอร์
อีวอง เรอเกอาด์ วิศวกร เจ้าของสิ่งประดิษฐ์สร้างกลิ่นหอม เปิดเผยว่า นวัตกรรมชิ้นนี้จะช่วยเติมเต็มประสาทสัมผัสทั้งห้าให้โลกอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะสัมผัสด้านอารมณ์และความรู้สึกจากกลิ่นหอมที่กระจายออกจากสิ่งประดิษฐ์ โดยชาวฝรั่งเศสจะเป็นกลุ่มแรกของโลก ที่ได้สัมผัสกลิ่นหอมดังกล่าว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความทรงจำและสร้างอารมณ์ร่วมให้ผู้ใช้เครื่องคอมพ์ เรอเกอาด์ บอกว่า เพียงแค่คลิกเมาส์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ส่งกลิ่นหอม 2 ชุดที่จัดวางเหมือนเป็นลำโพงคู่ของคอมพิวเตอร์ กลิ่นหอมจะตลบอบอวลไปทั่วห้อง ไม่ว่าจะเป็น กลิ่นวานิลา หรือกลิ่นผลไม้ป่าที่หายาก เขาพร้อมจะลงเงินมูลค่า 530,000 ดอลลาร์ หรือราว 22 ล้านบาท เพื่อต่อยอดแนวคิดนี้ให้เห็นผลเชิงธุรกิจ เขาจะลงนามข้อตกลงร่วมกับโรงเรียนสอนทำอาหารที่ญี่ปุน ซึ่งต้องการนำเทคโนโลยีนี้ไปสร้างความแปลกใหม่ในเวบไซต์ของตน สำหรับเคล็บลับความหอมของเรอเกอาด์ อยู่ที่ชั้นบรรจุเจลน้ำหอมที่เชื่อมตรงกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งปัจจุบันสามารถสร้างกลิ่นได้ 12 กลิ่น ควบคุมการทำงานโดยซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งภายในคอมพิวเตอร์ สามารถเลือกกลิ่น ระยะเวลา และความแรงของกลิ่นได้ตามต้องการ และในอนาคตเรอเกอาด์มีแผนสร้างแอพพลิเคชั่น สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์เสมือนจริงด้านกลิ่นต่างสถานที่อีกด้วย (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 17 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
นาซ่าจ้องส่งจรวดถล่มดาวหางหวังระเบิดผิวดาวศึกษาไส้ในให้รู้ดำรู้แดง
องค์การนาซ่าวางแผนที่จะส่งยานดีพอิมแพ็คในวันที่ 12 มกราคม ปีหน้า โดยยานดังกล่าวได้บรรทุกจรวดขนาด 360 กิโลกรัม สำหรับยิงใส่ดาวหางเทมเพิลวัน ตามกำหนดการจรวดจะพุ่งชนดาวหางในวันที่ 4 กรกฎาคม หรือราว 6 เดือน และอีก 24 ชั่วโมงต่อมาจรวดที่ถูกยิงออกจากยานสำรวจจะพุ่งเข้าใส่ผิวหน้าดาวหาง นักวิทยาศาสตร์ประจำโครงการดีพอิมแพ็คของนาซ่า กล่าวว่า โครงการนี้นับเป็นครั้งแรกของปฏิบัติการที่ใช้จรวดเข้าไปเปิดผิวหน้าของดาวหางให้แตกออกเพื่อให้นักวิจัยได้มองเห็นใจกลางของดาวหาง โดยหวังว่าเมื่อจรวดพุ่งเข้าใส่หลุมบนดาวหางแล้วจะช่วยให้พวกเขาสามารถวิเคราะห์องค์ประกอบภายในของมันได้ แต่ก็อาจไม่เป็นไปตามนั้น เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์บางคนคิดว่าจรวดอาจยุบอัดเข้าไปในผิวข้างนอกมากกว่าเมื่อมันพุ่งชน ยานหลักที่ชื่อดีพอิมแพ็คจะลอยตัวเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างออกไปราว 500 กิโลเมตรเพื่อคอยวิเคราะห์สารเคมี และโครงสร้างจากภาพถ่ายตลอดจนทำการอ่านค่าขณะที่สะเก็ดผิวหน้าของดาวหางกระเด็นออกมา นอกจากนี้ ในส่วนของจรวดเองยังได้ติดตั้งกล้องสำหรับถ่ายภาพดาวหางเทมเพิลวันในระหว่างที่จรวดวิ่งเข้าหาดาวหาง ภาพที่ได้จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์มองเห็นภาพผิวดาวหางอย่างใกล้ชิดที่สุด และอาจจะได้ภาพในนาทีสุดท้ายก่อนที่กล้องจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ เมื่อจรวดพุ่งชนด้วย (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 17 ธ.ค. 47 http://www.komchadluek.net)
หวั่นนกสูญพันธุ์ สุดท้ายมนุษย์ซวยเอง
นักวิจัยสหรัฐศึกษาพบว่า อุณหภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลให้นกกว่าร้อยละ 10 สูญพันธุ์ได้ภายในปลายศตวรรษนี้ ขณะที่อีกร้อยละ 15 อยู่ในภาวะเสี่ยงสูญพันธุ์ และเชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เกษตรกรรม และสังคมของมนุษย์ นักวิจัยจากศูนย์อนุรักษ์ด้านชีววิทยาแห่งมหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ด สหรัฐอเมริกา กล่าวถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการสูญพันธุ์ของนกว่า จะมีผลต่อกระบวนการของระบบนิเวศที่สำคัญ โดยเฉพาะกระบวนการกำจัดซากศพเน่าเปื่อย การผสมเกสรดอกไม้และการกระจายเมล็ดพันธุ์ ซึ่งล้วนต้องพึ่งพาการใช้ชีวิตของนก เพื่อให้กระบวนการต่างๆ เป็นไปตามธรรมชาติ การคาดการณ์ดังกล่าว มีขึ้นหลังการประชุมสิ่งแวดล้อมโลกที่ประเทศไทย เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยระบุว่า นกร้อยละ 12 เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ไปจากโลก หลังจากทีมวิจัยได้ใช้เวลาศึกษาและเก็บข้อมูลแรมปี และใช้คอมพิวเตอร์คำนวณสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ 3 สถานการณ์ จนได้ผลลัพธ์ออกมาว่า นกชนิดต่างๆ ประมาณร้อยละ 6-14 จะสูญพันธุ์ภายในปี 2643 และอีกประมาณ 700-2,500 ชนิด อยู่ในภาวะอันตรายและเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ เมื่อพิจารณาดูผลกระทบจากภาวะการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลก การที่นกสูญเสียที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น การสูญพันธุ์ดังกล่าวนี้ นักวิจัยระบุว่า อาจมีผลกระทบสำคัญต่อระบบนิเวศและสังคมของมนุษย์ในโลก เนื่องจากนกเป็นตัวแพร่กระจายเมล็ดพันธุ์ไปยังท้องถิ่นต่างๆ แถมยังช่วยให้พืชเจริญเติบโตขึ้นมาอย่างหลากหลาย นักวิจัยสรุปและว่า กระบวนการดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่งในประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ รวมทั้งบริเวณมหาสมุทร ที่อาศัยนกสำหรับการแพร่ขยายพันธุ์และละอองเกสรเป็นหลัก (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 17 ธ.ค. 47 http://www.komchadluek.net)
เฟ้น 15 กุนซือ ทปอ.ช่วยนโยบายจีเอ็มโอรัฐบาล
นายศักดิ์รินทร์ ภูมิรัตน ผอ.สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า จากปัญหาความไม่ชัดเจนของนโยบายด้านเทคโนโลยีชีวภาพ โดยเฉพาะเรื่องสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม (จีเอ็มโอ) ทำให้เกิดการชะลอการวิจัยและพัฒนา และล่าสุดทางองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน ยังได้ออกมาวิพากษ์ว่านโยบายจีเอ็มโอเป็นนโยบายยอดแย่ของรัฐบาลชุดนี้นั้น คิดว่าในเรื่องนี้รัฐไม่เคยปิดกั้นที่จะให้ประชาชน ภาคสังคม โดยเฉพาะเอ็นจีโอเข้ามามีส่วนร่วม อย่างไร ก็ตาม ในอนาคตก็คงต้องมีการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ วิธีการเพื่อจะบริหารงานทางด้านนี้ เพื่อให้ สามารถนำเทคโนโลยีจีเอ็มโอมาใช้ได้ และคนส่วนใหญ่ยอมรับได้ อีกทั้งในที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) วันที่ 18 ธ.ค.นี้ จะมีการแต่งตั้งคณะทำงานทั้งหมด 15 คนจากที่ประชุม ทปอ. เพื่อมาวางกรอบและชี้แนะนโยบาย และแนวทางการพัฒนาจีเอ็มโอสำหรับประเทศไทยซึ่งกรรมการ ชุดนี้จะไปร่วมกับคณะทำงานอีก 15 คนที่มาจากกลุ่มนักวิทยาศาสตร์และผู้เกี่ยวข้อง จากนั้นจะนำข้อสรุปเสนอให้กับคณะกรรมการพัฒนานโยบายเทคโนโลยี ชีวภาพแห่งชาติ ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ต่อไป นายศักดิ์รินทร์กล่าวอีกว่า ที่ประชุมคณบดีคณะวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ก็มีข้อสรุปในเรื่องจีเอ็มโอว่า ผลิตภัณฑ์จีเอ็มโอไม่มีปัญหาหากได้รับการประเมิน ความปลอดภัยแล้ว แต่ทั้งนี้ก็ต้องคำนึงถึงผลกระทบด้านราคา สิทธิบัตร การตลาด เป็นต้น ซึ่งแต่ละเรื่องและในแต่ละผลิตภัณฑ์ที่จะวิจัยและพัฒนา ก็ต้องหยิบมาพิจารณาเป็นเรื่องๆไปจะไม่นำมารวมกัน อีกทั้งต้องให้สังคมเป็นผู้เลือกตัดสินใจ ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 18 ธ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
งัดรังสีร้อยปีรบกับผู้ก่อการร้ายตรวจจับได้ทั้งอาวุธและมะเร็ง
นักวิทยาศาสตร์ของออสเตรีย สหรัฐฯ ยุโรปและเอเชีย เกิดความหวังอย่างสูง ในการคิดจะนำรังสีที่มีชื่อว่า "ที-เรย์" เป็นรังสีที่มีคลื่นความถี่อยู่ ระหว่างรังสีอินฟราเรดกับไมโครเวฟ มาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์และเป็นอาวุธใหม่ ในการต่อสู้กับการก่อการร้ายและอาชญากรรมอีกด้วย เพราะมันมีอานุภาพมองเห็นทะลุอากาศ ฝุ่นละออง หมอกควันได้ดีกว่ารังสีอินฟราเรด และระบบการมองเห็นอย่างอื่น มองผ่านห่อของ เสื้อผ้า พลาสติก และกระดาษแข็ง ดังนั้น จึงสามารถใช้ตรวจหาอาวุธที่เป็นโลหะหรือพลาสติก ยาเสพติด อาวุธชีวภาพอย่างเชื้อโรคแอนแทร็กซ์ หรือที่ชาวบ้าน เรียก โรคกาลีในสัตว์ ยิ่งกว่านั้นยังตรวจจับพบโรคอย่างมะเร็งได้ด้วย และด้วยเหตุที่มันมีพลังงานต่ำ จึงเป็นการปลอดภัยที่จะใช้อยู่ในระยะใกล้ๆ กับตัวคนเรา ไม่เหมือนอย่างรังสีเอกซเรย์ นักวิทยาศาสตร์ของชาติต่างๆได้เตรียมจะหารือกันถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีล่าสุด เพราะแม้ว่ามันจะถูกค้นพบมาตั้งหนึ่งร้อยปีแล้ว แต่เพิ่งจะคิดพัฒนาเทคโนโลยีที่จะนำมันมาใช้ขึ้นได้ ภายในระยะสองสามปีมานี้เอง คุณสมบัติที่นักวิทยาศาสตร์ออสเตรเลียสนใจมากกว่าเพื่อน ได้แก่ที่มันสามารถใช้ตรวจหามะเร็งของคนเรา พวกเขายังสนใจกับเหตุที่รังสี ที. แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายได้ไม่ลึกนัก มันจึงอาจใช้ฉายตรวจผิวหนังชั้นนอก หรือเมื่อใช้ร่วมกับกล้องส่องตรวจ ก็อาจจะใช้ตรวจดูในช่องท้องและอวัยวะอื่นๆ เพื่อดูร่องรอยของมะเร็งด้วย (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 18 ธ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
โลกร้อนแต่ปะการังเติบโตเพิ่ม
นักสมุทรศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยนิว เซาธ์เวลส์ ในนครซิดนีย์ ของออสเตรเลีย ระบุว่า ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า น้ำทะเลที่มีอุณหภูมิสูงขึ้น จะกระตุ้นให้อัตราการเติบโตของปะการังเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อัตราดังกล่าวจะสูงเลยระดับยุคก่อนอุตสาหกรรมถึง 35 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2100 อุณหภูมิบริเวณพื้นผิวน้ำทะเล และปริมาณสารคาร์บอเนตในน้ำ คือตัวชี้วัดการเติบโตของแนวปะการัง ซึ่งพวกมันจะก่อตัวจากแคลเซียม คาร์บอเนต โดยมีสาหร่ายทะเลสีแดงเป็นตัวเชื่อมประสานตะกอนและโครงร่างของปะการังเข้าด้วยกัน นักวิทยาศาสตร์ได้ออกสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิกับการสะสมตัวของหินปูน ตามแนวก่อตัวของปะการังสำคัญ ๆ ทั่วโลก ทั้งในแถบอินโด-แปซิฟิก และในออสเตรเลีย ฮาวาย อ่าวเปอร์เซีย เกาะแปซิฟิกใต้แห่งนิวไอร์แลนด์ รวมถึงประเทศไทย พร้อมกับคาดว่า การเพิ่มขึ้นของแนวปะการังส่วนใหญ่ น่าจะเกิดจากการสันดาปที่ดีขึ้นของปะการัง ตลอดจนการสังเคราะห์แสงได้เพิ่มขึ้นของสาหร่ายทะเลสีแดง อย่างไรก็ตาม รายงานผลการวิจัยนี้ขัดแย้งกับผลการวิจัยก่อนหน้านี้ที่ทำนายว่า ภายในปี 2100 แนวปะการังทั่วโลกจะมีขนาดลดลงร้อยละ 20-60 จากระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม ทั้งนี้ เนื่องจากปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น อันเป็นผลกระทบจากสภาวะเรือนกระจกในมหาสมุทร (เดลินิวส์ อาทิตย์ที่ 19 ธ.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)
ข่าววิจัย/พัฒนา
ยาวัณโรคขนานใหม่ในรอบ 40 ปี ย่นเวลาปราบโรคหายครึ่งเดียว
ผู้ผลิตยารายใหญ่ในสหรัฐฯ บริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันประกาศว่า คณะนักวิทยาศาสตร์ของบริษัทได้พัฒนายาปฏิชีวนะขนานใหม่ ที่อาจให้ผลในการรักษาวัณโรคที่ดีและรวดเร็วยิ่งกว่ายาขนานปัจจุบัน งานวิจัยดังกล่าวเผยแพร่ในเว็บไซต์ไซเอินซ์ เอ๊กซเพรสส์ของนิตยสารไซเอินซ์ อ้างผลการทดลองกับหนูว่า ยาขนานใหม่นี้ได้จากการพัฒนาร่วมกับสถาบันสวีเดนเพื่อการควบคุมโรคติดเชื้อ และวิทยาลัยแพทย์ ปิตีซาลเปตริแยร์ ในปารีส ของฝรั่งเศส ตั้งชื่อยาว่า R207910 สามารถขจัดการติดเชื้อวัณโรคในปอดของหนูทดลองได้ผลดีกว่ายาสูตรผสม 3 ขนานที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ นับเป็นความหวังในการพัฒนายารักษาวัณโรคขนานใหม่สำหรับคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัณโรคสายพันธุ์ดื้อยา คาดว่าหากใช้ยาขนานนี้ร่วมกับยาขนานอื่น อาจลดระยะเวลาการรักษาวัณโรคลงได้ถึงครึ่งหนึ่ง จอห์นสันแอนด์จอห์นสันระบุด้วยว่า ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ไม่มีการพัฒนายารักษาวัณโรคขนานใหม่ ขณะที่มีผู้เป็นพาหะนำโรคนี้ถึง 1 ใน 3 อยู่ทั่วโลก และวัณโรคเป็นโรคติดเชื้อที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกมากเป็นอันดับ 2 รองจากเอดส์ สถานการณ์ผู้ป่วยวัณโรคอันตรายยิ่งกว่าเอดส์เสียอีก เนื่องจากมันเป็นโรคติดเชื้อซ้ำเติมผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 13 ธ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
"สกัดขมิ้น" ทำครีมชะลอแก่ ผลิตผลพลอยได้จากงานวิจัยฯ
รศ.ดร.วันดี กฤษณพันธ์ ภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ปัจจุบันขมิ้นชันได้ถูกนำกลับมาใช้ใหม่ อาศัยเทคโนโลยีช่วยในการสกัดเอาสารสำคัญ ที่วิจัยพบในขมิ้นชัน ออกมาใช้ประโยชน์กันหลากหลายมากขึ้น โดยนอกจากน้ำมันหอมระเหยที่มีสรรพคุณแก้ท้องอืดท้องเฟ้อและขับลมที่สกัดได้แล้ว ปัจจุบันเราได้พบว่าในเหง้าขมิ้นชันนั้นมี "เคอคิวมินอยด์" (Curcuminoids) ซึ่งเป็นสารสีเหลืองที่ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (Antioxi-dant) ได้ดีมากๆ ต้านการเกิดของริ้วรอยหรือที่เรียกกันติดปากว่า"หน้าเด้ง" นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยพบว่าดีกว่าวิตามินอีถึง 50 เท่า จากการที่คนโบราณเอาผงขมิ้น มาขัดผิวร่วมกับมะขามเปียกช่วยผลัดเซลล์ ผิวที่ตายแล้วให้ หลุดออก เผยผิวใหม่ที่สดใสกว่า ซึ่งในขมิ้นก็มีสารสีเหลืองนี่เองที่ช่วยต้านไม่ให้ผิวหมองคล้ำ นอกจากนี้ ยังมีน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโต ของเชื้อราอันเป็นสาเหตุของกลากและเกลื้อนได้เป็นอย่างดี"ท่านที่สนใจผลิตผลจากงานวิจัยเหล่านี้ติดต่อได้ที่ โทร.0-2865-3586, 0-1584-5938 และ 0-1642-5768 หรือไปสัมผัสกันได้ที่บูธ G47 ในงาน "มหกรรมสินค้าคุณภาพและของขวัญ" ระหว่างวันที่ 22-28 ธ.ค.47 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 13 ธ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
ไทยค้นหายามะเร็งจากทะเล
ดร.คณิต สุวรรณบริรักษ์ อาจารย์ภาควิชาเภสัชเวท คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ทีมวิจัยได้ศึกษาสกัดสารสำคัญเพรียงหัวหอม พบว่าเป็นสารเคมีในกลุ่มเตตราไฮโดรไอโซควิโนลีน อัลคาลอยด์ (ทีเอชไอ) ที่มีฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็ง จึงนับเป็นความหวังใหม่ในการพัฒนาเป็นยารักษามะเร็งในอนาคต ที่ใช้วัตถุดิบจากผลิตภัณฑ์ทางทะเลของไทย สารในกลุ่มทีเอชไอที่พบในเพรียงหัวหอมมีชื่อเรียกว่าแอคตานิสิดิน หรืออีที ที่พบในท้องทะเลไทยนี้มีปริมาณสูง ทางคณะวิจัยจึงทำการวิจัยกระบวนการสกัดแยกให้ได้ในปริมาณมาก ซึ่งสารนี้เคยมีการค้นพบก่อนหน้านี้และมีการพยายามนำมาใช้แล้วในต่างประเทศ สำหรับเพรียงหัวหอมของไทยนี้ จัดเป็นสกุลเดียวกับของต่างประเทศแต่ต่างสปีชีส์กัน โดยในประเทศไทยพบมากที่เกาะภูเก็ต ส่วนฟองน้ำทะเลพบสารในกลุ่มทีเอชไอที่เรียกว่า เรนิเอรามัยซิน มีฤทธิ์ในการฆ่าเซลล์มะเร็งเช่นเดียวกัน แต่ศักยภาพน้อยกว่าเพรียงหัวหอม อย่างไรก็ตาม ในขั้นแรกที่พบนี้ถึงสารจากเพรียงหัวหอมมีศักยภาพมากกว่า ขณะนี้ได้ทดสอบฤทธิ์สารจากผลิตภัณฑ์ทางทะเลทั้งสองแล้ว หากพบว่าได้ผลดีจะทำการทดสอบในสัตว์ทดลอง ทดสอบพิษวิทยา ศึกษาการกระจายตัวของยา และศึกษากลไกในระดับโมเลกุลต่อเซลล์มะเร็งเป็นลำดับต่อไป โดยขณะนี้กลุ่มวิจัยกำลังศึกษาวิธีการเพาะเลี้ยงเพรียงหัวหอมและฟองน้ำทะเลให้ได้ในปริมาณมาก เพื่อเตรียมเป็นแหล่งผลิตยาในอนาคต และนอกจากวิจัยยารักษามะเร็งแล้ว ทางกลุ่มวิจัยยังพบสารเคมีในฟองน้ำทะเลชนิดหนึ่ง ที่มีความคล้ายกับสารที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท อาจจะนำมาประยุกต์เป็นยารักษาโรคทางระบบประสาท เช่น โรคอัลไซเมอร์ (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 14 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
สธ.หนุนวิจัยมนุษย์ วอนนักวิทย์ใส่ใจ ปัจจัยจริยธรรม
วันที่13 ธ.ค. 47 ศ.นพ.สุชัย เจริญรัตนกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมนานาชาติเพื่อส่งเสริมการวิจัยในคนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยมีตัวแทนจาก 21 ประเทศเข้าร่วมประชุมกว่า 100 คน ที่โรงแรมอิมพีเรียลแม่ปิง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ การประชุมครั้งนี้จึงถือโอกาสแลกเปลี่ยนทัศนะความรู้ต่างๆ เพื่อร่วมกันจัดระบบการพัฒนาการวิจัยให้มีประสิทธิภาพและได้รับมาตรฐาน และอนาคตอันใกล้นี้เชื่อว่าจะต้องมีการวิจัยยาสำคัญๆหลายชนิด เช่น ยาต้านโรคซาร์ส เอดส์และไข้หวัดนก ทั้งนี้ จะต้องเลือกวิจัยในประเทศที่มีความพร้อมทางด้านเครื่องมือ บุคลากรและอาสาสมัครที่มีความรู้เป็นอย่างดี เพื่อเป็นการป้องกันไว้ด้วยในตัว สิ่งที่ต้องยึดถือปฏิบัติการวิจัยอย่างเคร่งครัด คือ การคำนึงถึงเรื่องจริยธรรม ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมาการวิจัยในคนไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรเพราะขาดเรื่องจริยธรรม ซึ่งเบื้องต้นจะได้เสนอให้มีการนำเรื่องนี้เข้าไปเป็นประเด็นหลักในการประชุม ขณะเดียวกันผลงานวิจัยที่เกิดขึ้นจะต้องสร้างประโยชน์ให้กับสังคมในภาพรวม โดยเฉพาะประเทศไทยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 14 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
ยาคุมกำเนิดเสริมพลังไมเกรนทำให้ล่อแหลมกับโรคลมปัจจุบัน
สตรีที่เป็นโรคปวดศีรษะไมเกรน หากใช้ยาคุมกำเนิดเม็ดด้วย จะเสี่ยงกับเป็นโรคลมปัจจุบัน ยิ่งกว่าเพื่อนที่ไม่ได้กินยากว่ากันถึง 8 เท่า คณะนักวิจัยทั้งจากแคนาดา สหรัฐฯ และสเปน ซึ่งได้ผลจากการร่วมกันศึกษาทบทวนรายงานการศึกษา 14 เรื่อง กล่าวแจ้งว่า ตามปกติผู้ที่เป็นอาการไมเกรนก็เสี่ยงกับการเป็นโรคลมปัจจุบันมากกว่าผู้ที่ไม่เป็นกว่ากัน 2 เท่าอยู่แล้ว ยิ่งหากไปกินยาคุมกำเนิดเม็ดเข้าด้วย ยิ่งทำให้ล่อแหลมกับโรคเพิ่มขึ้นเป็น 8 เท่า เหล่านักวิจัยกล่าวว่า "เราได้รู้ข้อมูลเรื่อง หากผู้หญิงผู้ที่เป็นโรคปวดหัวข้างเดียว ใช้ยาคุมกำเนิดเม็ดด้วย จะเสี่ยงกับการเป็นโรคลมปัจจุบันสูงขึ้นมาก จากการทบทวนรายงานผลการศึกษา 3 เรื่องด้วยกัน" พร้อมกับแสดงความเห็นว่า "สาเหตุอาจจะเนื่องจาก เมื่อเวลาเกิดอาการไมเกรนขึ้น จะมีเลือดไหลไปเลี้ยงสมองน้อยลง คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน โรงพยาบาลรอแยล วิคเตอเรีย ที่นครมอนทรีล และมหาวิทยาลัยซานเตียโก เดอ คอมโปสเตลาในสเปน ได้เห็นว่าอัตราเสี่ยงของการเป็นโรคลมปัจจุบัน ยังมากน้อยต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของโรคไมเกรนด้วย และเห็นควรว่า ควรจะมีการศึกษาวิจัยในประเด็นเรื่องผู้หญิงที่เป็นไมเกรน จะเสี่ยงกับการเป็นโรคสูงขึ้น หากใช้ยาคุมกำเนิดเม็ดด้วยให้มากขึ้นกว่านี้อีก ด้านแพทย์สมาคมโรคลมปัจจุบันของอังกฤษ ก็ให้ความเห็นว่า กรณีเรื่องนี้โรคความดันโลหิตสูงและการสูบบุหรี่ จะต้องมีส่วนร่วมอยู่ด้วย. (ไทยรัฐ พุธที่ 15 ธ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
รถดับไฟป่าเคลื่อนที่เร็วฝีมือไทย
นายวัชรินทร์ รัตนวงศา ผู้อำนวยการบริษัท ซูเปอร์-วี เอทีวี จำกัด ผู้ผลิตยานยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็ก เอทีวี (All Terrain Vehicle : ATV) ที่สามารถขับเคลื่อนได้ทุกสภาพพื้นที่ เปิดเผยว่า รถดับเพลิงทุกภูมิประเทศ (Fire Fighter) แบ่งออกเป็น 2 คัน ได้แก่ รถดับเพลิงติดตั้งปั๊มดับเพลิงชนิดแรงดันสูงพิเศษ (ultra high pressure system) พร้อมอุปกรณ์ดับเพลิงที่บรรทุกน้ำได้ 100 ลิตร และรถสนับสนุนปฏิบัติการ ทำหน้าที่ส่งน้ำและอุปกรณ์ดับเพลิงให้กับรถดับเพลิง โดยบรรทุกน้ำได้สูงสุดถึง 200 ลิตรต่อเที่ยว รถดับเพลิงเชื้อสายเอทีวีจะร่นระยะเวลาในการเดินทางจาก 3 วัน เหลือเพียง 1 วัน หรือจาก 1 วันเหลือเพียง 3 ชั่วโมง ทีมพัฒนาได้ติดตั้งปั๊มดับเพลิงแรงดันสูงพิเศษที่ระดับ 100-200 บาร์ สูงกว่ารถดับเพลิงทั่วไป 10 เท่า เพราะต้องการให้เกิดแรงปะทะระหว่างเม็ดน้ำเล็กกับเปลวไฟ สำหรับรถดับเพลิงขับเคลื่อน 4 ล้อ คันนี้มีขนาด 118x220x190 ซม.ฐานล้อ 155 ซม. เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 2 สูบ ความจุ 614 ซีซี แรงบิด 44.1 นิวตันเมตร หรือ 4.5 กิโลกรัมเมตร ที่ 2500 รอบต่อนาที จุน้ำมันได้ 30 ลิตร วิ่งได้ประมาณ 300 กิโลเมตร แต่หากวิ่งทางเรียบจะได้ไกลกว่านั้น สำหรับต้นทุนการวิจัยและพัฒนารถดับเพลิงทุกภูมิประเทศใช้ไปราว 10 ล้านบาท คาดว่าจะพร้อมเปิดตัวได้ในต้นปีหน้า ด้วยราคาต่อคัน 5-6 แสนบาท โดยขณะนี้กำลังยื่นขออนุมัติเงินกู้จากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและย่อมแห่งประเทศไทย ซึ่งหากได้รับการอนุมัติก็มีแผนต่อยอดพัฒนาเป็นรถขับเคลื่อน 6 ล้อ ที่จะใช้งานหนักได้มากขึ้น และมีพื้นที่บรรทุกมากขึ้นด้วย (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 15 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
วิจัยพันธุกรรมไก่ สายพันธุ์ใกล้คน ไขข้อมูล 'หวัดนก'
ริชาร์ด เค วิลสัน โรงเรียนการแพทย์มหาวิทยาลัยวอชิงตัน หนึ่งในคณะวิจัยนานาชาติ เปิดเผยว่า หลังจากอ่านดูข้อมูลพันธุกรรมที่อยู่ในยีนเสร็จสรรพแล้ว พบว่าสัตว์ปีกสายพันธุ์นี้ มียีนเหมือนกับมนุษย์ถึง 60% นับว่าเป็นประโยชน์ต่อการนำมาศึกษา เปรียบเทียบกับข้อมูลพันธุกรรมมนุษย์ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สามารถระบุรหัสดีเอ็นเอได้มากถึง 1 พันล้านตัว สำหรับวัตถุประสงค์โครงการ เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลสัตว์ที่ได้กับข้อมูลพันธุกรรมมนุษย์ โดยจากการวิเคราะห์พบว่าไก่และมนุษย์มีวิวัฒนาการร่วมกัน แต่มาแยกออกจากกันเมื่อราว 310 ล้านปีที่แล้ว และทีมงานยังสามารถระบุสารเคมี ที่ทำหน้าที่เปิดและปิดการทำงานของยีนต่างๆ ได้ด้วย พบว่าคนและไก่มียีน หรือชุดคำสั่งในการผลิตโปรตีนที่เหมือนกันหลายตัว อาทิ ยีนของไก่ที่ทำหน้าที่ผลิตโปรตีนสร้างเปลือกไข่ ซึ่งเหมือนกับการเกิดกระดูกในตัวมนุษย์ และ จีโนมไก่อาจช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เรียนรู้เกี่ยวกับไข้หวัดนกได้มากขึ้น และยังจะช่วยพัฒนาด้านการเกษตรให้เพิ่มผลผลิตไก่ให้ดีขึ้นได้ นอกจากนี้ ทีมงานยังพบสิ่งที่น่าประหลาดใจอีกอย่าง นั่นคือ ไก่มียีนรับกลิ่นได้ดีกว่าที่คาดไว้ ขณะที่ยีนที่รับรู้รสชาตินั้นมีน้อยกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยเฉพาะรสขมนั้นแทบจะไม่มีเลย และที่ไม่น่าประหลาดใจ ก็คือไก่ไม่มียีนผลิตน้ำลาย นม และสารเคลือบฟันเหมือนที่พบในมนุษย์ (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 15 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
ให้ดมสบู่ตรวจรู้โรคสมองเสื่อมยิ่งพบเร็วยิ่งรักษาได้รับผลดี
การให้ลองดมเลมอน กานพลู เมนทอล สับปะรด หนังสัตว์ ผลสตรอเบอร์รี่ และแม้กระทั่งสบู่ อาจช่วยให้ตรวจรู้ว่าผู้นั้นเริ่มป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมระยะต้นขึ้นแล้วหรือไม่ หากว่าดมแล้วไม่รู้กลิ่นเลย ก็อาจส่อว่าเป็นโรคสมองเสื่อม ดร.ดาเวนเกียร์ เทวานันท์ ศาสตราจารย์วิชาจิตวิทยา และประสาทวิทยาของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย แห่งนิวยอร์ก หัวหน้าคณะวิจัยกล่าวให้ความเห็นว่า การตรวจพบอาการป่วยของโรคสมองเสื่อมแต่เนิ่นๆ มีความสำคัญกับคนไข้ เพื่อให้คนไข้ได้รับการรักษาและยาที่ได้ผลมากที่สุด โรคนี้ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษา อาการของโรคจะเริ่มด้วยอาการความจำเสื่อมขนาดปานกลาง แล้วสมองจะค่อยโดนทำลายให้เสียหายลงอย่างรุนแรงเป็นลำดับ จนคนไข้เกิดอาการสับสน และจะไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ในที่สุด การวิเคราะห์รู้โรคและการรักษาแต่เนิ่นๆจะช่วยให้คนไข้และครอบครัว ได้เตรียมแผนการสำหรับตัวเองและครอบครัวให้พร้อมไว้ ขณะนี้มีแต่เพียงยาบางขนานที่อาจช่วยให้อาการไม่ทรุดหนักลงเร็วขึ้นเท่านั้น และมีนักวิจัยยังกำลังค้นคว้าหาวัคซีนและยารักษาขนานใหม่ๆอยู่ คณะของเขาได้ศึกษาด้วยการทดสอบกับคนไข้ ที่มีอาการสติปัญญาเสื่อมตั้งแต่น้อยไปจนถึงปานกลาง จำนวน 150 คน มาปีละ 1 ครั้ง เป็นเวลาติดต่อกันมานาน 5 ปี. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 16 ธ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
สนช.ชู 'กวาวเครือขาว' สมุนไพรแห่งชาติ จ้างฝรั่งเศสวิจัยรับรองกระชับทรวงอก ก่อนทำผลิตภัณฑ์ใหม่
นายศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า สำนักงานนวัตกรรมได้ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย รศ.ดร.วิชัย เชิดชีวศาสตร์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นผู้วิจัยและค้นพบสารสำคัญในสมุนไพรกวาวเครือขาว (พิวราเร็กซ์) ที่สามารถใช้เป็นส่วนผสมผลิตภัณฑ์เสริมความงาม อาทิ ครีมและโลชั่นบำรุงผิวโลชั่น โดยงานวิจัยกวาวเครือขาวนี้ได้ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพ ควบคุมมาตรฐาน และความปลอดภัย ทำให้ได้รับสิทธิบัตรจากสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย สนช.ให้การสนับสนุนงานวิจัยเกี่ยวกับสารพิวราเร็กซ์ ในเรื่องของสิทธิบัตรและทรัพย์สินทางปัญญา โดยการประสานงานร่วมกับมหาวิทยาลัยในเรื่องของวิชาการ เทคโนโลยี รวมถึงสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน ในการรับงานวิจัยไปต่อยอดในภาคอุตสาหกรรม โดยสำนักงานจะนำส่วนหนึ่งของรายได้ หรือกว่า 1 ล้านบาท สนับสนุนนักวิจัยจุฬาฯ ให้สร้างงานวิจัยในเชิงลึกต่อไป และ สนช.จะร่วมกับบริษัท สปิน คอนโทรล จำกัด จากประเทศฝรั่งเศส ในการทำวิจัยเพิ่มเติมในส่วนของคุณสมบัติเชิงลึก เกี่ยวกับการกระชับสัดส่วนทำให้ทรวงอกเต่งตึง รวมถึงออกใบรับรองคุณภาพ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่ยอมรับในระดับสากลมากขึ้น ทั้งนี้ สำนักงานนวัตกรรมได้สนับสนุนการยกระดับสมุนไพรสู่ภาคอุตสาหกรรม ด้วยการสร้างงานวิจัยรองรับสิทธิภาพและความปลอดภัย โดยเน้นความสำคัญสมุนไพร 4 ชนิดคือ ไพร กวาวเครือขาว ขมิ้นชันและกระชายดำ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 16 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
มช.วิจัยโยเกิร์ตสกัดท้องร่วง หนุนฟาร์มใช้แทนยาปฏิชีวนะ
รศ.ทัศนีย์ อภิชาติสรางกูร คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยถึง โครงการวิจัยความเป็นไปได้ในการใช้โยเกิร์ต เพื่อป้องกันและรักษาโรคท้องร่วง ที่เกิดจากแบคทีเรียอีโคไลน์ในลูกสุกรดูดนม ซึ่งได้รับงบวิจัยจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ว่า โครงการวิจัยนี้ต้องการหาวิธีแก้ปัญหาโรคท้องร่วงในลูกสุกร ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมากต่อเกษตรกรทั่วโลก ด้วยเหตุดังกล่าวจึงมีแนวคิดที่จะนำโยเกิร์ต ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์โปรไบโอติก มาใช้รักษาโรคท้องร่วงในลูกหมูที่เกิดจากแบคทีเรียอีโคไลน์ โดยอาศัยหลักการที่ว่าแลกโตบาซิลัสในโยเกิร์ตสามารถควบคุมจำนวนอีโคไลน์ในระบบทางเดินอาหาร และผลการศึกษาก็พบว่าโยเกิร์ตสามารถรักษาโรคท้องร่วงได้ดีเหมือนกับยาปฏิชีวนะ ซึ่งทีมงานจะนำงานวิจัยไปเผยแพร่ให้เกษตรกรใช้จริงในฟาร์มต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 16 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
สหรัฐพบยีนต้านไวรัสเอดส์ หนทางพัฒนาวัคซีนสยบโรคร้าย
ดร.ฟิลิป กูลเดอร์ ศูนย์วิจัยเอดส์ โรงพยาบาลแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ กล่าวว่า หากสามารถพัฒนาวัคซีนขึ้นมาได้ ก็จะช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ได้อย่างเห็นผล รวมทั้งจะควบคุมการกลายพันธุ์อย่างไม่น่าเชื่อของเชื้อเอชไอวีได้ด้วย ทีมวิจัยได้เน้นศึกษายีน "เอชแอลเอ-เอ" "เอชแอลเอ-บี" และ "เอชแอลเอ-ซี" ซึ่งทำหน้าที่สร้างโมเลกุลบนผิวเซลล์ โดยยีนดังกล่าวจะเป็นตัวบอกให้ "ที-เซลล์" หรือเซลล์เพชฌฆาตในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายรับรู้ เมื่อมีไวรัสใหม่เกิดขึ้นภายในเซลล์ที่ติดเชื้อและจะเดินหน้ารุกทำลายไวรัสร้ายดังกล่าวในทันที จากการศึกษาพบว่ายีนเอชแอลเอ-บี มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการต่อต้านการติดเชื้อในร่างกาย ซึ่งหมายรวมถึงเชื้อเอชไอวีด้วย จะเห็นได้ว่าวัคซีนส่วนใหญ่ที่ใช้กำลังวิจัยอยู่นั้น ไม่ได้พิจารณาความแตกต่างด้านชีววิทยาพื้นฐานระหว่างยีนเอชแอลเอ-เอ และบี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อความสำเร็จและล้มเหลวของวัคซีนที่จะเกิดขึ้น ทีมงานชุดนี้ได้ศึกษาตัวอย่างเลือดของผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวีในแอฟริกาใต้จำนวน 375 คน และพบว่าการที่ผู้ป่วยสามารถตอบสนองต่อเชื้อได้ดีนั้น เป็นผลมาจากยีนเอชเอลเอ-บี และยีนอื่นๆ อีกเล็กน้อย ดังนั้นนักวิจัยจึงเดินหน้าระบุยีนเอชแอลเอ-บี จำนวน 560 ชนิดออกมา รายงานของยูเอ็นเอดส์ระบุว่า ปัจจุบันมีประชากรทั่วโลกที่ติดเชื้อเอชไอวี และเป็นโรคเอดส์กว่า 38 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้อาศัยอยู่แอฟริกาใต้ 25 ล้านคน และนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า วัคซีนที่มีประสิทธิภาพจะช่วยลดการแพร่บาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 16 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
ทดลองยาสมุนไพรรักษาเอดส์ได้รับความสำเร็จอย่างงดงาม
สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า ยาสมุนไพรรักษาโรคเอดส์ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ไทยจีน ร่วมกันผลิตขึ้น ได้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม สูงถึง 89% ในการทดลองกันในสถานพยาบาล นายกัน ฟันหยวน นักวิทยาศาสตร์จีน ของสถาบันพฤกษศาสตร์ที่มณฑลยูนนานของจีนกล่าวแจ้งว่า ได้มีการทดลองใช้ยาในการรักษาคนไข้ชาวไทยที่ติดเชื้อโรคเอดส์จำนวน 120 ราย ปรากฏว่าได้ผลดีถึง 89% ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจีน จึงได้อนุมัตินำเข้ายาดังกล่าว ที่มีชื่อรหัสว่า "เอสเอช" นี้แล้ว ผู้แทนของสองชาติได้หารือกัน ตกลงให้จีนส่งวัตถุดิบไปให้ เพื่อการผลิตยาขนานใหญ่ขึ้นในไทย การผลิตยาขนานนี้ นับเป็น "ความก้าวหน้าครั้งใหญ่" ในความตกลงระหว่างกันในเรื่องยาแผนโบราณของจีน นอกจากนั้นจีนยังได้ตกลงกับอเมริกาและไนจีเรีย ที่จะส่งยานี้ไปให้ด้วย ยาขนานนี้จะต่อสู้กับโรคเอดส์ของโลก ทั้งยังจะเป็นการช่วยเผยแพร่ยาสมุนไพรของจีนออกไปทั่วโลกด้วย (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 17 ธ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
พอเหมาะ พอดีกับผงชูรส
ดร.จอห์น ลูแปง อดีตผู้อำนวยการกองอาหารและ โภชนาการ องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติหรือที่เรารู้จักกันว่า FAO เกี่ยวกับเรื่องของ ผงชูรส หรือ โมโนโซเดียมกลูตาเมต หรือเอ็มเอสจี ผงชูรสจัดเป็นส่วนประกอบหรือวัตถุปรุงแต่งรส ที่ทุกประเทศทั่วโลก อนุญาตให้ใช้สำหรับการปรุงอาหารได้ ในช่วงที่ผ่านมา มีองค์กรทางด้านวิทยาศาสตร์ รวมไปถึงนักวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติ ได้ค้นคว้า ทดลองและวิจัยถึงผลพวงของการบริโภคสารเพิ่มรสชาติดังกล่าวปรากฏว่า ผงชูรสได้จัดอยู่ในบัญชี Generally Recognized As Safe (GRAS) อย่างเป็นทางการเช่นเดียวกับเกลือ พริกไทย น้ำส้มสายชูและผงฟู ซึ่งเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปว่า สารใดๆที่อยู่ในบัญชีนี้มีความปลอดภัย ในยุโรป คณะกรรมการวิชาการอาหารแห่งประชาคมยุโรป จัดผงชูรสอยู่ในประเภท ADI not specified หรือไม่จำกัดปริมาณการบริโภคต่อวัน ซึ่งถือว่าเป็นประเภทที่ดีที่สุดในระดับนานาชาติ JECFA ยืนยันว่า ผงชูรสมีความปลอดภัย และอนุญาตให้ใช้ใน อาหารได้ตามหลักเกณฑ์จีเอ็มพี สำหรับของไทยเอง ผงชูรสจัดเป็นวัตถุปรุงแต่งรสอาหาร ที่อนุญาตให้เติมลงในอาหารได้ (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 17 ธ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
แนะนักกายวิภาคปรับตัว วิจัยเชิงลึกโมเลกุลโปรตีน
ศ.ดร.ประเสริฐ โศภน อดีตคณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวปาฐกถาเรื่อง "อนาคตและผลกระทบของการวิจัยทางกายวิภาคศาสตร์" ว่าจากประสบการณ์ทำงานด้านกายวิภาคศาสตร์มากว่า 30 ปี เชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงในการนำเทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่ เช่น เซลล์ต้นกำเนิด หรือสเต็มเซลล์ พันธุวิศวกรรมยีนและเทคโนโลยีเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ มาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์เพื่อการรักษาผู้ป่วยมากขึ้น อีกทั้งเทคโนโลยีในห้องปฏิบัติการที่ทันสมัย จะช่วยการทำงานของนักกายวิภาคศาสตร์ง่ายขึ้น เขาแนะว่าหากต้องการไขความลับของการรักษาทางการแพทย์ จะต้องศึกษาเบื้องต้นในระดับโมเลกุล ระดับของโปรตีนรวมถึงยีน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแสดงออก ซึ่งการศึกษาเหล่านี้ล้วนเป็นหน้าที่ของนักกายวิภาคศาสตร์ ที่จะต้องเขียนแผนที่การทำงานของเรื่องดังกล่าว เพื่อส่งต่อให้นักวิทยาศาสตร์สาขาอื่นทำงานวิจัยต่อไป สำหรับ ศ.ดร.ประเสริฐ นักกายวิภาคศาสตร์ที่มีผลงานวิจัยเป็นที่ยอมรับ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์หาแอนติเจนและยีนตรวจสอบการติดเชื้อ รวมถึงการพัฒนาวัคซีนพยาธิใบไม้เลือด และพยาธิใบไม้ตับในคนและสัตว์ รวมถึงผลงานที่เป็นประโยชน์อื่นๆ ทำให้ได้รับคัดเลือกเป็นผู้ได้รับรางวัลปาฐกถาสุด แสงวิเชียร ประจำปี 2547 จากคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 17 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
สวทช.ระดมเทคโนโลยีปั้น 'ธุรกิจไฟแรง' จัดตั้งหน่วยพี่เลี้ยงดันวิจัยจากแล็บสู่พาณิชย์
นายชัยวัฒน์ ยุวบูรณ์ ผู้จัดการหน่วยบ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี โครงการอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยว่า อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ได้จัดตั้ง "หน่วยบ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี" ทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือและส่งเสริมเอกชนรายใหม่ ที่มีขนาดเล็กและต้องการลงทุนด้านงานวิจัย และพัฒนาเพื่อสร้างเป็นธุรกิจใหม่ ภายใต้เทคโนโลยี สำหรับภารกิจหลักของหน่วยบ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี จะส่งเสริมผู้ประกอบการตั้งแต่ต้น หรือเริ่มจากศูนย์ โดยเปรียบเสมือนเป็นพี่เลี้ยงให้เอกชน ที่มีแนวคิดที่จะจัดตั้งธุรกิจขึ้นมา โดยจะเชื่อมโยงบริการทั้งหมดของ สวทช. และหน่วยงานอื่นๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมวางแผนปรึกษา แนะนำ จัดหาสิ่งที่เหมาะสมที่สุดแก่เอกชนรายใหม่ ตั้งแต่เริ่มต้นจนประสบความสำเร็จ มีผลกำไร สามารถออกไปดำเนินงานได้ด้วยตนเอง สำหรับหน่วยบ่มเพาะได้เปิดบริการอย่างไม่เป็นทางการแล้ว นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาแห่งชาติ มีนโยบายสนับสนุนโดยให้เงินอุดหนุนแก่สถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ ให้จัดตั้งหน่วยบ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยขึ้น โดยกำหนดให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2548 ทั้งนี้ รศ.ดร.นพดล เจียมสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเทคโนโลยีเอสเอ็มอี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) กล่าวถึง ศูนย์บ่มเพาะเทคโนโลยี มจธ.ว่า จะเป็นแหล่งสำหรับผู้ที่มีเทคโนโลยีอยู่แล้ว แต่ไม่มีเครื่องมือก็มาใช้ประโยชน์ เพื่อสร้างสินค้าต้นแบบได้จาก มจธ. หรือผู้ที่มีแนวความคิดอยู่แล้ว แต่ยังไม่รู้ด้านเทคโนโลยี ก็สามารถรับการถ่ายทอดได้เช่นกัน (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 17 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
ไต้หวันแนะใช้วัคซีนหยุดหวัดนก ตั้งสถาบันวิจัยเฉพาะตรวจเชื้อ
ดร.แฮปปี้ เค เซ ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตวแพทย์และการควบคุมโรคไข้หวัดนก แห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติชูซิง ไต้หวัน กล่าวบรรยายในหัวข้อ การควบคุมโรคไข้หวัดในประเทศไต้หวัน ณ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แห่งประเทศไทย เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน ว่าประเทศไต้หวันสามารถกำจัดไข้หวัดนกระบาดอย่างรวดเร็ว เนื่องจากรัฐบาลไต้หวันทุ่มงบประมาณสำหรับตั้งศูนย์ควบคุมและเฝ้าระวังโรคระบาดทุกชนิดมาตั้งแต่ปี 2528 โดยส่งเจ้าหน้าที่สุ่มตรวจหาการแพร่กระจายของเชื้อลงไปในทุกพื้นที่ และส่งตัวอย่างกลับมายังที่ห้องทดลอง โดยสามารถทราบผลได้ในช่วงบ่าย โดยไม่หวนกลับมาอีก ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตวแพทย์ชาวไต้หวันยังให้คำแนะนำแก่รัฐบาลไทยว่า ควรเร่งจัดตั้งสถาบันวิจัยที่มีประสิทธิภาพและเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอต่อการตรวจหาและวิเคราะห์เชื้อไวรัสไข้หวัดนก พร้อมทั้งหามาตรการที่รวดเร็วและเข้มงวดในการควบคุมและทำลายไก่ที่ติดเชื้อ ศ.แฮปปี้ยังได้เสนอว่า รัฐบาลไทยควรพิจารณาการใช้วัคซีนในสร้างภูมิคุ้มกันในไก่ เนื่องจากสถานการณ์ค่อนข้างจะควบคุมยากและแพร่กระจายไปมาก ด้าน ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ เมธีวิจัยอาวุโส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักวิจัยไทยคนแรกที่สามารถถอดรหัสพันธุกรรมของเชื้อไวรัสเอช 5เอ็น1 (H5N1) สายพันธุ์ที่พบในไทยได้สำเร็จ เปิดเผยว่า จากการตรวจเชื้อไวรัสร่วมกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ในสัตว์ปีกกว่า 30 ตัวอย่างจากทั่วประเทศ ยังไม่พบการกลายพันธุ์ของเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ไทย และทีมงานกำลังเดินหน้าหาข้อมูลพื้นฐานทางพันธุกรรมทั้งหมดของไข้หวัดนกเอช 5เอ็น1 ที่ระบาดในประเทศ ซึ่งจะเป็นข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นและสำคัญต่อการพัฒนาวิธีการตรวจวินิจฉัยทั้งในสัตว์และคน ส่วนเรื่องการป้องกันด้วยการใช้วัคซีนนั้น ศ.นพ.ยง กล่าวว่านโยบายขณะนี้ยังไม่มีความต้องการที่จะใช้วัคซีน แต่หากจะมีการใช้จริง จะต้องมีการปรึกษาหารือระหว่างภาครัฐและนักวิชาการเพื่อหาทางใช้ให้เกิดผลประโยชน์สูงสุด (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 18 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
สกว.เปิด10งานวิจัยเด่นปี47โชว์อวกาศ-หวัดนก
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) ได้แนะนำ 10 งานวิจัยเด่น สกว.ปี 2547 ประกอบไปด้วย โครงการการศึกษาสารที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพจากสมุนไพรไทย ,โครงการอณูชีววิทยาไข้หวัดนกและการพัฒนาตรวจวินิจฉัย ,โครงการผลิตและประยุกต์ใช้ถ่านกัมมันต์จากยางล้อใช้แล้ว ,โครงการการพัฒนากฎหมายป้องกันและปราบปรามองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, โครงการการพัฒนามาตรฐานการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ดีในการผลิต (GMP)ของศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบ, โครงการการเรียนรู้เรื่องวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ,โครงการวิทยาศาสตร์ท้องถิ่น ,โครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อปฏิรูปการเรียนรู้ทั้งโรงเรียน ,โครงการการพัฒนาระบบการสื่อสารเรื่องสีเพื่อประเมินคุณภาพของอัญมณี และโครงการวิจัยเทคโนโลยีเคลือบฟิล์มบาง สำหรับงานวิจัยที่ได้รับความสนใจ คือ โครงการการเรียนรู้เรื่องวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ โดยน.อ.ฐากูร เกิดแก้ว หัวหน้าโครงการ กล่าวว่า วิทยาวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศเป็นวิชาที่ใหม่มากสำหรับไทย ดังนั้นคณะวิจัยจึงร่วมกับโรงเรียนเครือข่าย LESO Project ที่ขณะนี้มีเกือบ 200 โรงเรียนทั่วประเทศ สร้างสื่อการเรียนรู้ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต www.lesaproject.com โดยเน้นเนื้อหาที่สอดแทรกด้วยกิจกรรม และการทดลองที่เด็กสามารถจับต้องและเรียนรู้ด้วยตนเองได้ ทั้งนี้ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA) ได้ติดต่อให้เครือข่ายร่วมโครงการ NASA CloudSat Mission เพื่อศึกษาวิจัยเกี่ยวกับชั้นบรรยากาศและเมฆ ผ่านการสังเกตจากภาคพื้นดิน และเปรียบเทียบกับข้อมูลจากดาวเทียมสังเกตการณ์ โดยจะเป็นการแลกเปลี่ยนนักเรียนที่ร่วมอบรมระหว่างไทยและนิวซีแลนด์ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยเกี่ยวกับไข้หวัดนก โดย ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าโครงการอณูชีววิทยาไข้หวัดนกและการพัฒนาตรวจวินิจฉัย กล่าวถึงผลงานวิจัย ว่า ในการระบาดของเชื้อ H5N1 เมื่อต้นปี 2547 คณะวิจัยสามารถถอดรหัสพันธุกรรมและพบว่าเชื้อดังกล่าวมีสายพันธุกรรมทั้งหมด 8 เส้น คิดเป็นลำดับเบสประมาณ 13,600 เบส (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 18 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
ผักผลไม้มีสารอาหารลดลง แนะผู้บริโภคกินเพิ่มชดเชย
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเท็กซัส ในสหรัฐ อธิบายว่า ต้นไม้มีพลังงานจำกัดที่สามารถนำออกมาใช้งานได้ แต่ทำให้พืชที่สามารถให้ผลผลิตสูงมีพลังงานน้อยลงสำหรับดูดซึมแร่ธาตุจากดินและจ่ายไปตามส่วนต่างๆ ของต้นไม้ หรือใช้สังเคราะห์วิตามินและกรดอะมิโน เพื่อเปลี่ยนรูปมาเป็นโปรตีน นักวิจัยชี้ว่า การปรับปรุงพันธุ์พืชให้สามารถออกดอกออกผลได้จำนวนมากนั้น ไม่ได้แปลว่าผลไม้และผักจะมีคุณค่าทางอาหารเหมือนเดิม เพราะฉะนั้น มนุษย์เราจึงสมควรกินผักและผลไม้มากขึ้นกว่าเดิม ก่อนหน้านี้ มีงานวิจัยออกมาจากทั้งในสหรัฐและอังกฤษ โดยระบุว่า สารอาหารในผลไม้และผักมีปริมาณน้อยลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จุดนี้เองทำให้ทีมวิจัยชุดข้างต้นสนใจทำการเปรียบเทียบสารอาหารหลัก 13 ชนิด ในผัก 39 ประเภท ส่วนผลไม้ที่ใช้วิเคราะห์ ได้แก่ แตงโม และสตรอว์เบอร์รี ที่ปลูกในปี 2493 เปรียบเทียบกับที่ปลูกในปี 2542 ทีมวิจัยพบว่า ผักและผลไม้โดยรวมในปัจจุบันมีโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก ไรโบฟลาวิน และวิตามินซี น้อยกว่าเมื่อ 50 ปีก่อน ขณะที่สารอาหารอีก 7 ชนิดที่เหลือไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนอัตราของสารอาหารที่ลดลงนั้นมีระดับแตกต่างกันไป เช่น โปรตีนลดลง 6% ไรโบฟลาวินลดลง ราว 38% อย่างไรก็ดี พบว่า ผักขึ้นฉ่าย พริกไทยเขียว และมะเขือเทศ ดูเหมือนจะมีปริมาณโปรตีนหายไปมากที่สุด ส่วนแคนตาลูปมีธาตุฟอสฟอรัสลดลงมากกว่าผักกาดหอมและมะเขือเทศ ขณะที่มะเขือม่วงวิตามินซีหายไปมากที่สุด (กรุงเทพธุรกิจ อาทิตย์ที่ 19 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
ข่าวทั่วไป
"ทักษิณ"เขย่าราชการอีกรอบ ตั้งกระทรวงน้ำ-ที่ดิน-การผลิต
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผย ว่า หากพรรคไทยรักไทยได้เป็นรัฐบาล และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย หลังจากการเลือกตั้งต้นปี 2548 เสร็จแล้ว ในระหว่างรอผลการจัดตั้งรัฐบาล ก่อนที่จะมีการประกาศชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ จะมีการปรับโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรม ใหม่อีกครั้ง ถือเป็นการปฏิรูประบบราชการในรอบสอง โดยจะมีการทบ ทวนภารกิจของกระทรวงเศรษฐกิจเป็นหลัก จะเปลี่ยนชื่อกระทรวงเกษตรฯ เป็น "กระทรวงการผลิต" แยก ส.ป.ก.เป็นกระทรวงที่ดิน กรมชลประทานเป็นกระทรวงน้ำ ควบรวมกระทรวงวัฒน ธรรมกับกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ส่วนกระทรวงวิทย์อาจได้รวมกับกระทรวงไอซีที ชี้แผนรัฐบาลหน้าเน้นเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่รับผิดชอบเรื่องบุคลากรและโครงสร้างการบริหารงานภาครัฐ และการปฏิรูประบบราชการ ไปจัดเตรียมแนวทางในระหว่างที่เป็นรัฐบาลรักษาการ หรือช่วงที่เลือกตั้งเสร็จ เป็นช่วงการจัดตั้งรัฐบาล จะมีการประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ในช่วงที่จะมีการทูลเกล้าฯ เสนอชื่อรัฐมนตรีชุดใหม่ได้ ทั้งนี้ กรอบความคิดในการจัดตั้งกระทรวงการผลิตมาจากความต้องการของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้สินค้าเกษตรทั้ง 13 ตัวของประเทศ มีเจ้าภาพในการดำเนินการตั้งแต่การวางแผนไปจนถึงระบบการผลิตทั้งวงจร และต้องการพัฒนาระบบการเกษตรไทยให้เป็นฐานการผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพได้มาตรฐานระดับโลก การปรับโครงสร้างระบบการผลิตของประเทศ ครั้งใหม่นี้จะสนองยุทธศาสตร์หลักของพรรคไทยรักไทย ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จะร่วมกำหนดแผนและแนวทางร่วมกับ 7 กระทรวงหลัก อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวง วิทยาศาสตร์ฯ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงแรงงาน ซึ่งปลัดกระทรวงทั้งหมดจะประชุมร่วมกันในวันที่ 15 ธันวาคม 2547 จากนั้นจะเสนอแผนแม่บทต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 17 ธันวาคม 2547 และนำเข้าคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบต่อไป (ประชาชาติธุรกิจ จันทร์ที่ 13 ธ.ค. 47 http://www.matichon.co.th/prachachat)
สร้างตึกระฟ้าทำลายสถิติโลกสูงชะลูดเสียดฟ้าเกือบหนึ่งไมล์
รัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กำหนดจะสร้างตึกระฟ้าทำลายสถิติโลกขึ้นที่กรุงดูไบ เมืองหลวง มีชื่อว่า "หอคอยบุร์จ ดูไบ" สูงเสียดฟ้าถึง 800 เมตร ขาดอีกแค่ 5 เมตร ก็จะถึง 1 ไมล์ มีชั้นทั้งหมด 160 ชั้น เมื่อสร้างแล้วเสร็จใน พ.ศ. 2561 จะสูงยิ่งกว่าตึกระฟ้าแฝดเปโตรนาส ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ของมาเลเซีย อันเป็นตึกระฟ้าสูงที่สุดในโลกปัจจุบัน ถึง 350 เมตร ตึกระฟ้าหลังใหม่ออกแบบให้มีรูปทรงเป็นรูปสามเหลี่ยม ลักษณะเหมือนกับตึกหลายหลังซ้อนต่อกัน แต่ค่อยเรียวเล็กขึ้นไปถึงยอด การออกแบบดังกล่าวเพื่อไม่ให้ตึกต้องต้านลมพายุมากเกินไป จะได้ไม่จำเป็นต้องใช้เสากลางใหญ่โตมากนัก ช่วยให้ชั้นสูงๆมีพื้นที่กว้างขวางมากขึ้น นอกจากจะทำลายสถิติตึกระฟ้าสูงที่สุดในโลก ของตึกเปโตรนาส ทาวเวอร์ ของมาเลเซีย ซึ่งสูง 452 เมตรแล้ว มันยังสูงกว่าหอซีเอ็นของแคนาดา ที่นครโตรอนโต ซึ่งสูง 553 เมตร และถือกันว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกอีกด้วย (ไทยรัฐ 14 ธ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
สธ.ดีเดย์ใช้บัญชียาหลักแห่งชาติฉบับใหม่27ธ.ค.นี้
วันที่14ธ.ค.47 ศ.ดร.ภักดี โพธิศิริ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา พร้อมด้วย ศ.นพ.จรัส สุวรรณเวลา ประธานคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ ร่วมแถลงข่าวการจัดทำบัญชียาหลักแห่งชาติฉบับใหม่ เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว หลังจากใช้เวลาดำเนินการร่วม 5 ปี ทั้งนี้ นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.สาธารณสุข ได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการแห่งชาติด้านยา โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.2547 เป็นต้นไป สำหรับบัญชียาหลักแห่งชาติฉบับใหม่นี้ได้มีการดำเนินการปรับปรุงอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดปัญหาการใช้ยา 2 มาตรฐาน ก่อให้เกิดความเท่าเทียม ทั้งยังไม่จำกัดว่าเป็นยาเก่าหรือยาใหม่ ทั้งนี้บัญชียาหลักแห่งชาติ จะประกอบด้วยบัญชียาสำหรับโรงพยาบาลและสถานบริการสาธารณสุข ซึ่งได้มีการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด มีรายการเมื่อนับตามตัวยารวม 629 รายการ หรือนับแยกตามรูปแบบยา 882 รายการ บัญชียาหลักแห่งชาติใหม่นี้ มุ่งเน้นยาที่ต้องใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพของคนไทยให้ครอบคลุมโรคต่างๆ มากขึ้น อาทิ โรคหอบหืด โรคเบาหวานโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคระบบทางเดินอาหาร โรคข้อ โรคไต โรคผิวหนัง โรงติดเชื้อโรคมะเร็ง และโรคเอดส์ โดยมีตัวยาที่มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล ยารักษาโรคเอดส์ ได้มีการเพิ่มเติมจากบัญชียาหลักแห่งชาติ 2542 ที่กำหนดสูตรยาเพียง 3 รายการ โดยได้เพิ่มเป็น 13 รายการ แต่หากนับเป็นรูปแบบตัวยาจะเพิ่มถึง 26 รายการ (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 15 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)
สำนักนายกฯให้"มศว"วิจัย วิธีอบรมคุณธรรมทุกศาสนา
ผศ.ดร.อ้อมเดือน สดมณี อาจารย์ประจำสถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ(มศว) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์และสภาพสังคมในขณะนี้ส่งผลให้คุณธรรมจริยธรรมของคนเข้าสู่วิกฤต แม้แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงมีความห่วงใยปัญหาของเยาวชน ทั้งนี้ ศูนย์ส่งเสริมพลังแผ่นดินด้านคุณธรรม สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ให้สถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ มศว ศึกษาวิจัยเก็บข้อมูลด้านสภาพการฝึกอบรมคุณธรรมจริยธรรม ของทุกศาสนา เพื่อดูรูปแบบการฝึกอบรม เทคนิควิธีการ วัตถุประสงค์ในการจัดอบรมของแต่ละศาสนาและแต่ละองค์กร เพื่อจะดูว่ารูปแบบไหนจัดอบรมแล้วประสบความสำเร็จ สิ่งสำคัญต้องให้คนๆ นั้นได้ผ่านกระบวนการฝึกอบรม เพื่อเปลี่ยนเจตคติ และคิดถึงการเปลี่ยนแปลงตัวเองไปสู่สิ่งที่ถูกที่ควรต่อไป มีเยาวชนจำนวนไม่น้อยที่ผ่านกระบวนการฝึกอบรมคุณธรรมจริยธรรมแล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดี มีน้ำใจ รู้จักช่วยเหลือคนอื่น เข้าอกเข้าใจคนอื่นมากขึ้น ไม่คิดแต่เรื่องของตัวเอง หากการศึกษาวิจัยในครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์เชื่อว่าประเทศไทยจะมีฐานข้อมูล ด้านการฝึกอบรมคุณธรรมจริยธรรมที่สมบูรณ์และเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติในการจะนำไปใช้ (มติชนรายวัน พุธที่ 15 ธ.ค. 47 http://www.matichon.co.th)
มจธ.ขนผลิตภัณฑ์งานวิจัย สู่กระเช้าของขวัญปีใหม่
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี(มจธ.) แจ้งว่า ได้จัดเทศกาลของขวัญที่ มจธ.ตั้งแต่วันนี้ถึง 17 ธันวาคม เนื่องจาก มจธ.ได้วิจัยพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ต่างๆ เป็นจำนวนมากและเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถเผยแพร่และถ่ายทอดองค์ความรู้สู่สาธารณชนได้ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ด้านอุปโภคและบริโภค อาทิ ผลิตภัณฑ์มะนาวครบวงจร เช่น Aromathrapy lotion, Body Cream, Foot Cream แยมมะนาว มะนาวสามรส เยลลี่มะนาว ฯลฯ ผลิตภัณฑ์จากกล้วย เช่น ไซรับกล้วยน้ำส้มสายชูจากกล้วย ฯลฯ ผลิตภัณฑ์จากปลาหมอเทศ เช่น ปลาหมอแดดเดียว ปลาหมอไร้ร่าง น้ำพริกปลาหมอ ข้าวเกรียบปลาหมอ เป็นต้น ทั้งนี้ มจธ.ได้ร่วมมือกับชุมชนต่างๆ ในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นเดิมให้ดีขึ้น เช่น สบู่สมุนไพร น้ำผลไม้ต่างๆ และอื่นๆ อีกมากมายนอกจากนั้นยังมีสินค้าจากโครงการหลวงดอยคำภูฟ้า และสินค้าขึ้นชื่อมากมายจากชุมชน และสำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 16 ธ.ค. 47 http://www.matichon.co.th)
กินยาลดอ้วน เลอะเลือน 3 ปี หัดเขียน ก.ไก่ใหม่ เหยื่อนับพันเสี่ยง
กรณี น.ส.รุจิรัตน์ กำมะหยี่ อายุ 26 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะบัญชี มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ที่ต้องสูญเสียความทรงจำนานถึง 3 ปี แลกกับน้ำหนักที่ลดลง 25 เป็นเวลานานกว่า 2 ปี เต็มที่ความทรงจำของ น.ส.รุจิรัตน์ หายไป ต้นปี 2544 อาการเริ่มดีขึ้น แต่ยังไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันด้วยตัวเองได้ แต่สิ่งที่เสียใจมากที่สุดคืออยากกลับมาเรียนอีกครั้ง แต่ทำไม่ได้เพราะแค่หยิบดินสอมาเขียนชื่อตัวเองก็ทำไม่ได้ ไม่รู้จะเขียนยังไงให้เป็นตัวหนังสือ จนน้องต้องซื้อหนังสือหัดเขียน ก.ไก่ มาฝึกเขียนและต้องใช้เวลาอีกครึ่งปีฝึกทำกิจวัตรส่วนตัว ได้เข้ารักษากับ ศ.น.พ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม อาการจึงดีขึ้นเรื่อยๆ และกลับมาศึกษาต่อสามารถได้ ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะบัญชี มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ได้รับเกียรตินิยมอันดับ 2 กำลังเตรียมเรียนต่อปริญญาโทด้านจิต ศ.น.พ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม จิตแพทย์ รพ.เทพธารินทร์ เปิดเผยว่า น.ส.รุจิรัตน์ เป็นเพียงหนึ่งในคนไข้ที่เข้ามารับการรักษาด้านจิตด้วยสาเหตุจากการกินยาลดความอ้วน ซึ่งปัจจุบันมีผู้ป่วยมาเข้ารับการรักษาด้วยสาเหตุเดียวกันมากกว่า 1,000 คน ปัจจัยหลักที่ทำให้ผู้ที่กินยาลดความอ้วนเป็นโรคทางประสาท เนื่องมาจากยาลดความอ้วนมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการทางจิตได้ ศ.น.พ.อุดมศิลป์ กล่าวต่อว่า ยาลดความอ้วนที่ใช้ในปัจจุบันมีอยู่ 3 ตัว คือ ยาไทรอยด์ฮอร์โมน เป็นยาที่ทำให้น้ำหนักลดลง ผู้ที่ได้รับยาเป็นเวลานานจะมีอาการหงุดหงิด ขี้โมโห ใจสั่น ร้อยละ 80 ของผู้ที่ได้รับยาตัวนี้จะวิกลจริต ยากลุ่มแอมเฟตามีน มีฤทธิ์เหมือนยาบ้าส่งผลทำให้เบื่ออาหาร ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา หงุดหงิด เมื่อได้รับยาไปนานๆ สุดท้ายจะเป็นโรคจิต และยาระบายเป็นตัวช่วยเร่งการขับถ่ายทำให้ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ ดังนั้นการลดความอ้วนด้วยการกินยาจึงทำให้ร่างกายทรุดโทรมมาก (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 17 ธ.ค. 47 http://www.komchadluek.net)
"ส้มโอนครชัยศรี"จดแหล่งบ่งชี้ภูมิศาสตร์
นางปัจฉิมา ธนสันติ ผู้อำนวยการสำนักเครื่องหมายการค้า กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมเตรียมลงประกาศโฆษณาคำขอขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์เพื่อคุ้มครองการอ้างชื่อหรือเครื่องหมายแสดงแหล่งผลิตสินค้าของ "ส้มโอนครชัยศรี" ที่ยื่นโดยหอการค้าจังหวัดนครปฐม กลุ่มเกษตรผู้ผลิต และผู้ส่งออกในจังหวัดนครปฐม ในกลางเดือนธันวาคมนี้ และหากไม่มีการคัดค้านภายใน 90 วันหลังจากประกาศก็จะมีการขึ้นทะเบียนภายใน 15 วัน และจะเป็นรายการแรกที่จะขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของไทย ทั้งนี้ กรมได้แบ่งประเภทของการขึ้นทะเบียนฯเป็น 3 กลุ่ม คือ เกษตร แปรรูป และหัตถกรรม โดยมีการรณรงค์และประชุมร่วมกับจังหวัดต่างๆ เพื่อกำหนดรายการนำร่องในการขึ้นทะเบียนฯ ซึ่งแต่ละจังหวัดแสดงความสนใจและเสนอรายการสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ค่อนข้างมากจังหวัดละ 5-10 รายการ รวมถึงประเทศคู่ค้าในการจัดทำเขตการค้าเสรีกับไทยแสดงความสนใจและเข้ามาศึกษาเพื่อขอยื่นขึ้นทะเบียนอีกจำนวนหนึ่ง ในปีหน้าตั้งเป้ารายการสินค้าฯที่จะยื่นคำขอประมาณ 10 รายการ เช่น ข้าวหอมมะลิ ไข่เค็มไชยา ผ้าไหมชนิดต่างๆ ของไทย ลองกองตันหยง เป็นต้น (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 17 ธ.ค. 47 http://www.matichon.co.th)
"อาเซียน" จับมือแก้ปัญหาสังคม
จากการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา ครั้งที่ 5 และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน+3 (จีน ญี่ปุ่นและเกาหลี) ครั้งที่ 1 ภายใต้ หัวข้อ "ส่งเสริมชุมชนสังคมเอื้ออาทร" ในระหว่างวันที่ 14-17 ธ.ค.ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพนั้น นายสรอรรถ กลิ่นประทุม รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่น คงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยถึงผลการประชุมว่า ได้มีการยกประเด็นในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ ในการแก้ไขปัญหาสังคมในอาเซียน มาเสนอในที่ประชุมมีทั้งการแลกเปลี่ยนบุคลากร ข้อมูล รวมถึงผลวิจัยในปัญหาต่างๆ ทั้งนี้เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาสังคมในอาเซียน ทั้งนี้ปัญหาในอาเซียนมีความคล้ายคลึงกัน แนวทางการแก้ไขน่าจะนำมาใช้ร่วมกันได้ โดยเอารูปแบบการแก้ไขปัญหาสังคมของหลายประเทศมาเป็นแนวทาง แล้วปรับให้สอดคล้องกับปัญหาในแต่ละประเทศ จะเป็นการประหยัดเวลา เพราะนำเอาประสบการณ์ของแต่ละประเทศมาต่อยอด ทำให้มีการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วขึ้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ประเทศฟิลิปปินส์ได้เสนอให้มีศูนย์ติดต่อข้อมูล เพื่อให้ความร่วมมือเร็วขึ้น โดยสร้างเป็นเครือข่ายในอาเซียน และมีการประชุมในรูปแบบประชุมทางไกล ผ่านดาวเทียมมากขึ้น โดยภาพรวมปัญหาสังคมในภูมิภาคอาเซียน ที่หลายประเทศให้ความสำคัญคือ ปัญหาผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในประเทศจีนมีจำนวนผู้สูงอายุถึง 130 ล้านคน รวมถึงอัตราการเพิ่มของประชากรจีนก็สูงถึง 2.3 ขณะที่สิงคโปร์ต้องการเพิ่มประชากร นอกจากนี้ยังมีปัญหาคนเร่ร่อน การกระทำรุนแรงในครอบครัวเด็กและสตรี ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นกับทุกประเทศ โดยเฉพาะประเทศฟิลิปปินส์ ได้ออกกฎหมายแก้ไขปัญหานี้ ขณะที่ประเทศไทยก็กำลังร่างกฎหมายนี้เช่นกัน ที่ประชุมยังนำประเด็นพัฒนาบุคคลระดับล่างให้ไม่เป็นภาระของรัฐ (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 18 ธ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
ไทยรั้งท้าย..สิทธิบัตร อันดับ 47 ของโลก
สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ ความลับทางการค้า และสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ฯลฯ เคยมีผู้สำรวจไว้ เทียบกันในแง่จำนวนสิทธิบัตร ต่อประชากรในแต่ละประเทศ ชาติที่ติดอันดับท็อปเทน หรือ 10 อันดับแรก ได้รับการจัดอันดับให้มีศักยภาพ สามารถครอบครองสิทธิบัตรได้มากที่สุดอันดับ 1 ของโลก คือ สหรัฐอเมริกา รองลงมา คือ ฟินแลนด์ อังกฤษ ญี่ปุ่น เยอรมนี สิงคโปร์ สวีเดน เดนมาร์ก สวิตเซอร์แลนด์ และ ฝรั่งเศส ส่วน ไทยแลนด์ ดินแดนที่ขยันปล่อยให้ต่างชาติเข้ามาปล้นชิง ภูมิปัญญาไปจดสิทธิบัตร ครั้งแล้วครั้งเล่า ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 47 ตามหลังทั้ง มาเลเซีย อันดับที่ 35...จีน อันดับที่ 40...อินเดีย อันดับที่ 44 (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 18 ธ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)
กบข.ออกกองทุนเปิดสินวัฒนา
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.)เปิดเผยว่า ขณะนี้กบข.มีทางเลือกในการออมและการลงทุนระยะยาวสำหรับสมาชิก กบข. ภายใต้ชื่อ กองทุนเปิดสินวัฒนา โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนรวมผสมแบบยืดหยุ่น ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุน เน้นการลงทุนที่มีความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ เนื่องจากกองทุนดังกล่าวจะเน้นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ และเงินฝากธนาคารเป็นหลักและลงทุนในตราสารทุนหรือกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บ้างเล็กน้อยซึ่งการลงทุนลักษณะดังกล่าวเหมาะสำหรับผู้เกษียณและกำลังจะเกษียณอายุราชการเป็นหลัก นอกจากนี้ เพื่อตอบสนองผู้ลงทุนที่เป็นข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และข้าราชการ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่เกษียณอายุแล้ว หรือบุคคลที่เคยเป็นข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจที่ต้องการออมเพิ่มและออมต่อเนื่อง ขณะที่ พ.ร.บ. กบข. อยู่ระหว่างการแก้ไข ซึ่งขณะนี้วุฒิสภาได้มีมติรับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวแล้ว และได้แต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาก่อนที่จะเสนอวุฒิสภาในวาระที่ 2 และ 3 ต่อไป ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2548 หากสนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดและรับหนังสือชี้ชวนโดยตรงได้ที่ บลจ. กสิกรไทย และธนาคารกสิกรไทยทุกสาขาโทร 0-2276-2233 หรือ www.k-asset.co.th (สยามรัฐ เสาร์ที่ 18 ธ.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)
KMUTT
Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215
|
|
|