หัวข้อข่าวปีที่ 5 ฉบับที่ 52 ประจำวันที่ 2004-12-30

ข่าวการศึกษา

เปิดป.ตรีแพทย์แผนไทยประยุกต์
ครม.อนุมัติ3หมื่นล. พัฒนา"ม.ราชมงคล"

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

ยาน "แคสซินี่" ปล่อยลูกลงสำเร็จ บนดวงจันทร์ "ไททัน" ของดาวเสาร์
เปลือกโลกใต้"อันดามัน" แตกพันกิโลฯ
"กร" ชี้รัฐทุ่มเต็มที่พัฒนาวิทย์-แต่ไทยอันดับตกฮวบ
แผ่นเปลือกโลกอินโดฯ-ออสเตรเลียนชนยูเรเชียน อันตรายตั้งแต่แม่ฮ่องสอนถึงริมฝั่งอันดามัน
นักวิทย์โนเบลชี้ปัจจัยพัฒนาวิทย์ ทุนเศรษฐีบริจาคควบคู่นโยบายรัฐ
นักวิชาการชี้ 'สึนามิ' ถล่มเป็นเหตุสุดวิสัย ระบุไทยขาดเครื่องมือ แถมไร้ประสิทธิภาพ
รายงาน ตามรอยแผ่นดินไหวช็อกโลก
กูเกิลยกห้องสมุดใส่เวบ ค้นหาข้อมูลไม่จำกัด
ไขคำตอบ ภูมิศาสตร์ชายฝั่งแตกต่าง ผลกระทบไม่เท่ากัน
6 ปี .. เตือนภัยซูนามิ ทางการยี่หระแค่ไหน?
ติงธุรกิจไทยมักง่ายสร้างอาคารชิดทะเล นักธรณีชี้บทเรียนสึนามิ สิ่งก่อสร้างควรห่างฝั่ง 500 เมตร
ผังเมืองค้านอาคารสู้แผ่นดินไหว ลงทุนสูงไม่คุ้ม-สึนามิเกิดไม่บ่อย
แผ่นดินไหวเปลี่ยนแผนที่เอเชียถาวร
จีนวางโครงข่าย อินเทอร์เน็ตเร็วสูง
3 หน่วยงานดันแหลมฉบังนำร่อง โครงการ 'อี-พอร์ท'
นักวิทย์ขอดาวเทียมใหม่ ตรวจวัดโลกร้อน-รับมือภัยแล้ง
ระบบเตือนภัย"สึนามิ" ถึงเวลาเมืองไทยต้องมี

ข่าววิจัย/พัฒนา

"มอ."วิจัยใช้ภูมิปัญญาไทย บำบัดยาเสพติดได้ผลเยี่ยม
บำบัดน้ำเสียเป็นก๊าซ
ฉลามมีเข็มทิศ ช่วยนำทางเหมือนนกพิราบ
สหรัฐทำแผนที่สมองหนู หวังไขปริศนาโรคเนื้องอก
ม.ศิลปากรผลิตรองเท้าปลอดกาว
ก.วิทย์จัดงบ8พันล้าน กระตุ้นงานวิจัย
ราชมงคลน่านทำพุทธรักษาแคระสูงแค่ฟุตกว่า

ข่าวทั่วไป

"ดีดีที"อันตรายเสี่ยงมะเร็งเม็ดเลือดขาว
จัดชั้นไทยส่งออกอันดับ24ของโลก
ไฟเขียวเกษตรกรขอจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่มีพืชขอรับการคุ้มครองแล้ว7ชนิด39พันธุ์
อันตรายยาฆ่าแมลง ทารกเสี่ยงเป็นมะเร็ง
ฟื้นภาษาชอง ฟื้นมรดกอยู่คู่ “ชอง” รุ่นใหม่





ข่าวการศึกษา


เปิดป.ตรีแพทย์แผนไทยประยุกต์

ผศ.ดร.ช่วงโชติ พันธุเวช อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เปิดเผยว่า ในปีการศึกษา 2548 จะเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนวิชา "แพทย์แผนไทยประยุกต์" ขึ้นเป็นปีแรกและเปิดสอนที่เดียวในมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ 41 แห่ง หลักสูตรระดับปริญญาตรี 4 ปี จะรับสมัครคัดเลือกนักศึกษาตรง จำนวน 70 คน ทั้งนี้ ปัจจุบันมีการตื่นตัวทางด้านสมุนไพรกันมาก และมีผู้สนใจศึกษาการแพทย์แผนไทยมากขึ้น เห็นได้ว่าการแพทย์แผนไทยมีบทบาทไม่น้อยไปกว่าการแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทยใช้วิธีการรักษาที่ไม่ซับซ้อนมากมายและใช้ยาสมุนไพรที่มีอยู่แบบธรรมชาติในการรักษา ถ้าเราเอาวิชาการด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์แผนปัจจุบันมาเสริมเข้าไป จะทำให้การเรียนรู้เรื่องแพทย์แผนไทยมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การวินิจฉัยโรคถูกต้อง จ่ายยาสมุนไพรได้ตรงกับโรค มหาวิทยาลัยยังเปิดรับสมัครคัดเลือกนักศึกษาใหม่ในปีการศึกษา 2548 ในสาขาวิชาการศึกษา, วิทยาศาสตร์, วิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์, สาขาบัญชี, สาขาศิลปศาสตร์ และสาขาบริหารธุรกิจ ระหว่างวันที่ 25 ธันวาคม 2547 - 8 กุมภาพันธ์ 2548 (ข่าวสด จันทร์ที่ 27 ธ.ค. 47 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ครม.อนุมัติ3หมื่นล. พัฒนา"ม.ราชมงคล"

เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม.ได้อนุมัติตามที่ ศธ.เสนอแผนยุทธศาสตร์พัฒนาสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล(รม.) ระยะ 5 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2549-2553 โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 31,000 ล้านบาท ซึ่งในปีแรกจะใช้งบประมาณค่อนข้างมากจำนวน 6,000 กว่าล้านบาท และจะมีการเพิ่มงบประมาณขึ้นอีกในปีถัดไป โดยงบฯดังกล่าวจะนำมาใช้พัฒนาส่วนต่างๆ อย่างเร่งด่วน เช่น พัฒนาการเรียนการสอน จัดซื้ออุปกรณ์ที่ทันสมัยในห้องทดลอง และการพัฒนาบุคลากรของสถาบัน เพื่อพัฒนาให้เป็นสถาบันการศึกษาที่มุ่งเน้นการผลิตนักศึกษาด้านเทคโนโลยี โดยกำหนดสัดส่วนไว้ 75% จากที่ตัวเลขในปัจจุบันมุ่งเน้นด้านการจัดการด้านเทคโนโลยีประมาณ 60% ทั้งนี้ ในแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีดังกล่าวจะสอดคล้องกับการพัฒนาสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ที่กำลังจะปรับเปลี่ยนไปเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มติชนรายวัน พุธที่ 29 http://www.matichon.co.th)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


ยาน "แคสซินี่" ปล่อยลูกลงสำเร็จ บนดวงจันทร์ "ไททัน" ของดาวเสาร์

องค์การอวกาศสหรัฐฯ กล่าวแจ้งว่า ได้รับสัญญาณยืนยันว่ายานลูกได้แยกหลุดจากยานแม่ และเดินทางไปลงยังดวงจันทร์ "ไททัน" เมื่อตอนปลายสัปดาห์ที่แล้ว กำหนดจะไปถึงเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของไททัน ในวันที่ 14 เดือนหน้านี้ และมันจะกางร่มชูชีพออก เพื่อค่อยร่อนลงสู่พื้นด้วยความเร็วชั่วโมงละ 24 กม. ซึ่งจะกินเวลา 2 ชม.ครึ่ง โดยที่มันจะคอยรายงานข้อมูลกลับมาให้ หลังจากลงถึงแล้วต่อไปได้อีก 30 นาที กว่าแบตเตอรี่จะหมดไฟ ดวงจันทร์ไททันเป็นดวงจันทร์ดวงเดียวในสุริยะจักรวาล ที่รู้กันว่ามีชั้นบรรยากาศอยู่ หนากว่าชั้นบรรยากาศของโลก 1-121 ประกอบด้วยก๊าซไนโตรเป็นส่วนใหญ่และก๊าซมีเทน 6 เปอร์เซ็นต์ แม้มันจะมีขนาดโตกว่าดาวพุธและพลูโต แต่ก็มีความหนาวเย็นจัด อุณหภูมิที่ผิวพื้นต่ำถึง -143 องศาเซลเซียส ตัวยานอวกาศแคสซินี่ถูกส่งขึ้นไปจากศูนย์อวกาศแหลมคานาเวอรัล รัฐฟลอริดา เมื่อปี พ.ศ.2540 เพื่อไปสำรวจดาวเสาร์และวงแหวนรอบๆ กับดวงจันทร์บริวารอีกเป็นตับอันน่าพิศวงของมัน และไปถึงที่หมายตั้งแต่เมื่อเดือนมิถุนายนที่แล้ว โครงการนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่างสหภาพยุโรปกับอเมริกา (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 27 ธ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





เปลือกโลกใต้"อันดามัน" แตกพันกิโลฯ

เกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์อีกครั้งหนึ่งของโลก ในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อเช้าวันที่ 26 ธันวาคม โดยมีศูนย์กลางที่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย วัดความสั่นสะเทือนได้ถึง 8.9 ริกเตอร์ รู้สึกได้ในหลายจังหวัดของประเทศไทย ต่อมาเกิดคลื่นยักษ์หรือที่เรียกว่า "ซูนามิ" เป็นครั้งแรกในประเทศไทยในหลายจังหวัดในแถบทะเลอันดามัน อาทิ ภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง นับเป็นภัยธรรมชาติที่ร้ายแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของไทย ทั้งนี้ แผ่นดินไหวดังกล่าว ถูกระบุว่ามีความรุนแรงที่สุดในศตวรรษที่ 21 และเป็นแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงเป็นอันดับ 5 ของโลกหลัง ปีค.ศ.1900 ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวเตือนว่าให้ระวังแรงสั่งสะเทือนหลังเกิดแผ่นดินไหวหรืออาฟเตอร์ช็อค ที่อาจเกิดขึ้นตามมาไม่น้อยกว่า 10 ครั้ง โดยระบุว่ามีการพบรอยแตกของเปลือกโลกที่ใต้ทะเลอันดามันเป็นระยะถึง 1,000 กิโลเมตร การเกิดคลื่นใต้น้ำขนาดยักษ์นั้น ถือเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่เกิดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และในรอบ 40 ปีของเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเกาะสุมาตรา ซึ่งหลังจากซูนามิพัดเข้าชายฝั่งแล้วเหตุการณ์จะสงบลง และจะไม่เกิดภาวะดังกล่าวตามมาอีก แต่ที่ต้องระวังซึ่งถือเป็นตัวแปรสำคัญคือ การเกิดแผ่นดินไหวตาม หรือ อาฟเตอร์ช็อค ซึ่งโดยธรรมชาติจะเกิดภายหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวประมาณครึ่งชั่วโมงถึง 2 วัน แต่ความรุนแรงจะไม่เท่ากับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งแรก (มติชนรายวัน 27 ธ.ค. 47 http://www.matichon.co.th)





"กร" ชี้รัฐทุ่มเต็มที่พัฒนาวิทย์-แต่ไทยอันดับตกฮวบ

นายกร ทัพพะรังสี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) กล่าวในการแถลงผลงานของ วท.รอบปี 2547 ว่า ที่ผ่านมาสามารถนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เข้าไปสนับสนุนงานในทุกส่วนของทุกกระทรวงได้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลชุดนี้มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสนใจและให้ความสำคัญที่จะนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมอย่างจริงจัง ดังนั้นถ้ายังมีนายกฯที่มีวิสัยทัศน์เหมือนแบบนี้ เชื่อว่าวิทยาศาสตร์และเศรษฐกิจไทยจะขับเคลื่อนไปได้ดี สำหรับในปี 48 ได้วางแผนการดำเนินงานเอาไว้ 2 เรื่องใหญ่ ได้แก่ การพัฒนาบุคลากรทางด้านวิทยาศาสตร์ โดยการจัดค่ายวิทยาศาสตร์ถาวร และการสร้างความสามารถการแข่งขันในสังคมโลก และจะมีการประชุม เพื่อร่วมกันพัฒนาหลักสูตรทางด้านวิทยาศาสตร์ในทุกระดับชั้น ส่วน นายไพรัช ธัชยพงษ์ ปลัด วท.กล่าวว่า จากผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยปี 2547 โดยไอเอ็มดีในภาพรวมไทยอยู่อันดับที่ 29 จาก 60 ประเทศ แต่ในด้านวิทยาศาสตร์อยู่ในอันดับที่ 55 จาก 60 ประเทศ ทั้งนี้ การที่ดัชนีวิทยาศาสตร์ ไทยตกต่ำ เป็นเพราะขาดการเพิ่มงบและการพัฒนากำลังที่ไม่สอดคล้อง กับระบบเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ แต่ขณะนี้ วท.ได้แก้ปัญหาโดยจัดกลุ่มคลัสเตอร์ต่างๆเพื่อไปพัฒนาเศรษฐกิจ พร้อมกันนี้ยังได้เตรียมกรอบนโยบายยุทธศาสตร์ โดยตั้งเป้าว่าให้อันดับวิทย์ขยับขั้นสูงกว่าจุดกึ่งกลางของไอเอ็มดี ทั้งนี้ ยอมรับว่าคงไม่สามารถทำให้อันดับวิทย์กระเตื้องได้ภายในระยะเวลา 1-2 ปีได้พร้อม. (ไทยรัฐ อังคารที่ 28 ธ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





แผ่นเปลือกโลกอินโดฯ-ออสเตรเลียนชนยูเรเชียน อันตรายตั้งแต่แม่ฮ่องสอนถึงริมฝั่งอันดามัน

ผศ.กวี วรกวิน นายกสมาคมภูมิศาสตร์ แห่งประเทศไทย อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ(มศว) ได้อธิบายเหตุการณ์แผ่นดินไหว-คลื่นยักษ์สึนามิ ในทางธรณีวิทยาและต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เปลือกโลกแยกออกเป็นแผ่นๆ ทวีปของเราอยู่บนแผ่นเปลือกโลกซึ่งมีความหนาอยู่ที่ 10-25 กิโลเมตร เปลือกโลกยังมีชั้นที่รองรับอยู่ด้านล่างอีก เป็นชั้นที่รองรับใต้ท้องมหาสมุทรด้วย เปลือกโลกที่แยกเป็นแผ่นๆ นี้มีแนวแยกของเปลือกโลกที่มีแมกม่าดันขึ้นมาจากมีแนวมุดตัวหรือแนวชนกันของเปลือกโลกอยู่ใต้ท้องมหาสมุทรหรือท้องทะเลอันดามัน ใต้มหาสมุทรอินเดีย ขณะเดียวกันแนวแยกของเปลือกโลกยังอยู่ในมหาสมุทรอินเดียด้วย แนวแยกนี้จะดันให้แผ่นเปลือกโลกอินโดฯ-ออสเตรเลียนชนกับแผ่นเปลือกโลกยูเรเชียน ส่งผลกระทบถึงจังหวัดที่อยู่ทางทิศตะวันตก อย่าง แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง พังงา สตูล ซึ่งจะรุนแรงในแถบจังหวัดที่อยู่ริมฝั่งอันดามัน แนวชนอยู่ที่หมู่เกาะนิโคบา อ้อมไปทางใต้ของเกาะสุมาตรา และยังอ้อมไปในหมู่เกาะประเทศอินโดนีเซีย แล้วอ้อมไปยังหมู่เกาะฟิลิปปินส์จะเห็นว่าแนวดังกล่าวเป็นแนวที่มีภูเขาไฟอยู่ใกล้กับแนวมุดตลอดทั้งแนว ถ้าดูตามแนวบนของแผนที่จะเชื่อมโยงไปถึงประเทศพม่าไปสู่เทือกเขาอาระกันโยมา แนวนี้ต่อไปถึงเทือกเขาหิมาลัยเข้าไปทางอัฟกานิสถาน อิหร่าน จะเห็นว่าแนวมุดตัวเป็นแนวภูเขาไฟของโลก แนวมุดตัวที่ปรากฏบนทวีปจะเห็นเป็นภูเขา แต่ถ้าเป็นพื้นที่ต่ำในมหาสมุทรจะไม่เห็น ส่วนใหญ่ที่เห็นก็จะเกิดภูเขาไฟส่วนคลื่นยักษ์ไม่ค่อยเห็น ทั้งนี้เชื่อว่าในอดีตเคยเกิดคลื่นลักษณะนี้มาบ้าง แต่ไม่มีการจดบันทึก สำหรับผลที่เกิดขึ้นจากการมุดตัวของเปลือกโลก หรือการดันของเปลือกโลก ทำให้เกิดการโก่งโค้งงอของเปลือกโลกซึ่งเป็นแนวขนานใกล้ๆ กับรอยชน เหมือนกับรถชนกัน รอยย่นจะอยู่ถัดมา เมื่อเปลือกโลกชนกันมันจะปริแตก เมื่อแตกก็มีแมกม่าดันขึ้นมาตามรอยแตก จากที่แมกม่าดันขึ้นมาก็ทำให้เกิดแนวภูเขาไฟ ในอดีตเมืองไทยมีภูเขาไฟ มีซากหินที่เป็นหินภูเขาไฟหลงเหลือให้เราเห็นในบริเวณภาคตะวันออก หรือขอบที่ราบสูงโคราช ส่วนใต้ทะเลอันดามันการมุดตัวทำให้เกิดรอยแตก รอยแตกทำให้แมกม่าดันขึ้นมาทำให้เกิดคลื่นใต้สมุทรซึ่งชั้นใต้สมุทรมีความหนาประมาณ 5 กิโลเมตร อีกกรณีเป็นการทรุดก็ทำให้เกิดคลื่น มีผลกระทบทำให้เกิดน้ำในมหาสมุทร ที่เกิดขึ้นครั้งนี้คลื่นจะแผ่ออกโดยรอบ จะมีผลต่อประเทศที่อยู่ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือ คือ อินเดีย ศรีลังกา ทางตะวันตก เกาะมัลดีฟส์ แอฟริกา มาทางตะวันออกคือ ไทย มาเลเซีย ขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือคือพม่า ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ อินโดนีเซียหมู่เกาะสุมาตรา (มติชนรายวัน อังคารที่ 28 ธ.ค. 47 http://www.matichon.co.th)





นักวิทย์โนเบลชี้ปัจจัยพัฒนาวิทย์ ทุนเศรษฐีบริจาคควบคู่นโยบายรัฐ

ศ.เคิร์ท วุทริช ผู้เชี่ยวชาญสาขาชีวฟิสิกส์ สถาบันอีทีเอช ซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล สาขาเคมีปี 2545 ได้มาบรรยายในประเทศไทยหัวข้อ “NMR Study of Structure and function of Biological Macromolecules : application in biotechnology ” ซึ่งเกี่ยวกับเทคนิคการศึกษาโครงสร้างของโมเลกุลขนาดใหญ่อย่างเช่น โปรตีน เพื่อเข้าใจถึงระบบและวิธีการทำงานแล้วนำมาพัฒนาสูตรยาหรือวิธีการรักษาโรคใหม่ๆ จัดโดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศทไทย (วว.) ร่วมกับมูลนิธิสันติภาพระหว่างประเทศ และองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ศ. เคิร์ท ได้เสนอแนะ หนทางพัฒนาวิทยาศาสตร์ไทยว่า รัฐบาลต้องมีความจริงใจ และเศรษฐีไทยต้องใจกว้าง บริจาคทรัพย์สิน เพียงแค่สองปัจจัยนี้ จะใช้เวลาเพียง 2 ปี วิทย์ไทยจะก้าวไกล ศ.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รักษาการ ผู้อำนวยการสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย กล่าวว่า หลังจากรับฟังการบรรยายของ ดร.เคิร์ท ช่วยให้นักวิจัยไทยเข้าใจถึงโครงสร้างโมเลกุลของโปรตีนมากขึ้น โดยใช้เทคนิคเอ็นเอ็มอาร์ที่สามารถจำลองภาพและมองเห็นโมเลกุลขนาดใหญ่ของโปรตีนได้ ซึ่งสามารถนำมาพัฒนาตัวยาและวิธีการรักษาโรคใหม่ๆ สำหรับคนไทยได้ แต่ปัจจุบันประเทศไทยยังขาดผู้เชี่ยวชาญด้านนี้อย่างมาก ซึ่งเป็นเรื่องไม่ยากหากรัฐบาลให้ความสำคัญกับการวิจัยด้านนี้มากขึ้น เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย ดร.กัญญวิมว์ กีรติกร รองผู้อำนวยการหน่วยปฏิบัติการวิจัยกลาง ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวว่า การบรรยายของนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลในครั้งนี้ ช่วยกระตุ้นให้นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่และเยาวชนของไทย มีแรงจูงใจในการศึกษาและค้นคว้าความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มากขึ้น และสิ่งสำคัญที่ช่วยพัฒนานักวิทยาศาสตร์ในประเทศไทยคือ การยกย่องและเชิดชูนักวิทยาศาสตร์ ด้วย (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 29 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





นักวิชาการชี้ 'สึนามิ' ถล่มเป็นเหตุสุดวิสัย ระบุไทยขาดเครื่องมือ แถมไร้ประสิทธิภาพ

ผศ.กวี วรกวิน นายกสมาคมภูมิศาสตร์ แห่งประเทศไทย อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เผยเหตุการณ์คลื่นยักษ์ 'สึนามิ' ถล่มเป็นเหตุสุดวิสัย ยากที่จะรู้ล่วงหน้า แนะประชาชนในพื้นที่ ต้องรู้จักสังเกต ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ชี้ไทยขาดแคลน เครื่องมือวัดความสั่นไหวเปลือกโลก ล้าสมัยไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถวัดความแรง ในระดับสูงกว่า 8-9 ริกเตอร์ได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงยากมากที่จะรู้ล่วงหน้าซึ่งขึ้นอยู่กับก๊าซที่อยู่ใต้เปลือกโลกจะดันตัวขึ้นมา ณ ตอนไหนเวลาใด แม้แต่ประเทศที่มีประสบการณ์สูงอย่างญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ จะระบุว่าเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ในช่วงเวลาไหน ทำได้ลำบาก สำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่ในแถบริมฝั่งทะเลอันดามัน สังเกตถ้าพบว่าน้ำเริ่มเอ่อล้นขึ้นมา ต้องรู้ว่าคลื่นกำลังดันขึ้นมา หากเป็นคนที่ละเอียดก็สามารถจะเตือนให้คนอื่นๆ รู้ล่วงหน้าได้ แต่ต้องเป็นคนที่มีประสบการณ์และมีความชัดเจน ช่างสังเกต นอกจากนี้มองว่าส่วนหนึ่งมาจากการขาดเครื่องมือในการวัดระดับความสั่นไหว และเครื่องมือในการรับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ถือว่าประเทศไทยยังขาดอยู่อีกมาก โดยเฉพาะการสร้างเครือข่ายสถานีเตือนภัยเชื่อมระหว่างประเทศนับว่าประเทศไทยยังมีเครื่องมือที่ล้าสมัยไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะวัดความรุนแรงถึงระดับ 8-9 ริกเตอร์ขึ้นไปได้ (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 29 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





รายงาน ตามรอยแผ่นดินไหวช็อกโลก

เดวิด บูธ ผู้ศึกษาแผ่นดินไหวแห่งสถาบันธรณีวิทยาอังกฤษ กล่าวว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เหมือนการเอาใบ พายใบขนาดมหึมาไปกวนใต้ทะเล ก่อให้เกิดการเคลื่อนตัวของน้ำเป็นพันล้านตัน ขณะที่คลื่นที่ถาโถมเข้าใส่ศรีลังกานั้น เคลื่อนที่ด้วยความเร็วถึง 800 กม.ต่อชั่วโมง และอาจใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าจะไปถึงศรีลังกา เอนโซ บอชชิ หัวหน้าสถาบันธรณีฟิสิกส์อิตาลี กล่าวว่า โลกทั้งใบกำลังสั่น พร้อมเปรียบเทียบพลังการสั่นไหวครั้งนี้ว่า อานุภาพพอๆ กับระเบิดปรมาณู 1 ล้านตัน หรือขนาดเท่ากับระเบิดปรมาณูที่ทิ้งใส่ญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และว่าการสั่นสะเทือนครั้งนี้แรงมากจนกระทบต่อการหมุนรอบตัวเองของโลก อเลซซานโดร อมาโต ผู้อำนวยการศูนย์แผ่นดินไหวของอิตาลี กล่าวว่า เป็นไปได้ที่แผ่นดินไหวจะมีปฏิกิริยาที่มีต่อการหมุนรอบตัวเองของโลก แต่เขาไม่ทราบว่าเครื่องมือที่ละเอียดอ่อนสูงจะสามารถจับปฏิกิริยานี้ได้หรือไม่ บูธอธิบายว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นในจุดที่เปลือกโลกขนาดมหึมา 2 แผ่น บดกันด้วยแรงมหาศาล โดยเปลือกโลกบริเวณมหาสมุทรอินเดีย ถูกเบียดจนค่อยๆ ขยับลงไปอยู่ใต้เปลือกโลกบริเวณสุมาตรา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเปลือกโลกยูเรเซียน สภาพการณ์ดังกล่าวดำเนินไป "ชั่วเวลาที่เล็บของคนยาวขึ้นมา" "การเคลื่อนไหวของเปลือกโลกไม่ได้เกิดขึ้นอย่างนุ่มนวล ก้อนหินที่อยู่บริเวณรอบๆ เปลือกโลกเสียดสีกันไปมา และสะสมพลังงานหรือแรงดันไว้เป็นเวลาหลายร้อยปี" บูธพยายามเปรียบเทียบให้เห็นภาพว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกับการยืดหนังสติก ซึ่งเมื่อก้อนหินไม่สามารถทนทานต่อแรงกดดันได้ ก็จะเคลื่อนตัว แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นครั้งนี้น่าจะอยู่ลึกลงไปใต้ทะเล 10 กม. ทำให้พื้นผิวใต้ทะเลค่อยๆ ปูดโปนขึ้นมา ส่งผลให้เกิดซึนามิหรือคลื่นยักษ์ในที่สุด ในช่วงที่คลื่นม้วนตัวกันอยู่ใต้ทะเลลึกนั้น อาจแทบตรวจจับไม่ได้บนพื้นผิว แต่เมื่อคลื่นเข้าใกล้แผ่นดิน และทะเลตื้นขึ้น มวลน้ำขนาดมหาศาลจะถูกบีบให้ขึ้นสู่ผิวน้ำ ขณะที่คลื่นจะม้วนตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันว่ามักเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในอินโดนีเซีย เพราะประเทศนี้ตั้งอยู่บนแนวแผ่นดินไหว หรือที่เรียกว่า "ริง ออฟ ไฟร์" แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำว่าจะเกิดแผ่นดินไหวเมื่อไร และที่ใด อังกฤษสามารถวัดความแรงของแผ่นดินไหวที่สุมาตราได้ 8.6 ริกเตอร์ ขณะที่สหรัฐวัดได้ 8.9 ริกเตอร์ อานุภาพของธรณีพิโรธครั้งนี้ส่งผลไปไกลอย่างไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ตึกรามที่อยู่ห่างไปหลายร้อยกิโลเมตร สั่นไหว ตั้งแต่สิงคโปร์ เชียงใหม่ ยันบังกลาเทศ (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 29 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





กูเกิลยกห้องสมุดใส่เวบ ค้นหาข้อมูลไม่จำกัด

บริษัท กูเกิล อิงค์. ประกาศความร่วมมือกับห้องสมุดสาธารณะนิวยอร์ก และห้องสมุดมหาวิทยาลัย 4 แห่ง ได้แก่ ฮาร์วาร์ด สแตนฟอร์ด มิชิแกน และออกซ์ฟอร์ด ในอังกฤษ จัดทำดัชนีหนังสือและสื่อมัลติมีเดียต่างๆ ของห้องสมุด ให้อยู่ในรูปของเอกสารดิจิทัล และใช้เครื่องมือค้นหาของกูเกิลเป็นตัวกลางในการสืบค้นข้อมูลดังกล่าวได้ ข้อตกลงดังกล่าวได้รับการกล่าวขานไปทั่วในแวดวงบรรณารักษ์ ทั้งเห็นด้วยและขัดแย้ง เนื่องจากก่อนหน้านี้กูเกิลถูกมองว่าเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้จำนวนผู้ใช้ห้องสมุดลดน้อยลง แต่บางคนก็เชื่อว่าการนำเทคโนโลยีของกูเกิลมาใช้ จะทำให้การใช้ข้อมูลของห้องสมุดเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วมากขึ้น ตามข้อตกลงมีเพียงห้องสมุดมิชิแกนและสแตนฟอร์ดเท่านั้น ที่จะยอมให้กูเกิลสแกนหนังสือในรูปกระดาษให้เป็นเอกสารดิจิทัลทั้งหมด โดยห้องสมุดนิวยอร์ก อนุญาตเฉพาะหนังสือที่ไม่มีลิขสิทธิ์ควบคุม ขณะที่ฮาร์วาร์ดจำกัดจำนวนที่ 40,000 ชิ้น และออกซ์ฟอร์ด ต้องการให้กูเกิลสแกนหนังสือทั้งหมดที่ตีพิมพ์ตั้งแต่ก่อนปี 2444 ในรูปของฉบับเต็ม แต่หนังสือใหม่จะนำเสนอเพียงบรรณานุกรม และบทนำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น คาดว่าต้องใช้เวลามากถึง 6 ปี ถึงจะแล้วเสร็จ (คมชัดลึก 29 ธ.ค. 47 http://www.komchadluek.net)





ไขคำตอบ ภูมิศาสตร์ชายฝั่งแตกต่าง ผลกระทบไม่เท่ากัน

แนวฝั่งทะเลไทยมีอยู่ 3 แนว คือ 1.ชายฝั่งทะเลอันดามันซึ่งเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ 2. ชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันตกตั้งแต่เพชรบุรีเรื่อยไปถึงนราธิวาส 3.ชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออกตั้งแต่จังหวัดชลบุรีถึงตราดและยังมีก้นอ่าวไทยคือดินแดน 3 สมุทร คือสมุทรสาคร สมุทรสงคราม และสมุทรปราการ ชายฝั่งแต่ละแห่งจะมีลักษณะที่ไม่เหมือนกัน ส่วนใหญ่เราจะรู้จักชายฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งเป็นชายฝั่งทะเลตะวันตกมีลักษณะของชายฝั่งยุบตัว ส่วนชายฝั่งทะเลตะวันออกเป็นชายฝั่งยกตัว แต่ในความเป็นจริง รายละเอียดของชายฝั่งตลอดแนวมีทั้งยุบตัวและยกตัว จากความแตกต่างชองชายฝั่งที่ต่างกัน เมื่อคิดจะฟื้นฟู ต้องคำนึงถึงความแตกต่างของชายฝั่งด้วย เพราะลักษณะพื้นที่แต่ละอ่าวแต่ละแหลมที่ยื่นออกไปมีความแตกต่างกัน องค์ประกอบที่เป็นธรณี องค์ประกอบทางปฐพี โครงสร้างของหิน มวลของดินที่ทับถมอยู่บนหิน พืชพรรณธรรมชาติที่ขึ้นอยู่บริเวณนั้น แต่ละอ่าวแต่ละหาดแตกต่างกัน การที่แต่ละพื้นที่เสียหายไม่เท่ากัน และโดนคลื่นแตกต่างกันนั้นอธิบายได้ด้วยภูมิศาสตร์ คลื่นที่เข้ามาน่าจะมากระทบฝั่งอย่างเท่าเทียมกันตลอดทั้งแนว แต่ในความเป็นจริงคลื่นที่เคลื่อนตัวมาในมหาสมุทรระดับลึก ผ่านท้องทะเล ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าท้องทะเลอันดามันไม่ได้เป็นท้องทะเลที่ราบเรียบอย่างที่เราคิดและเห็น มันจะเป็นภูเขา ยอดเขาที่โผล่เป็นหมู่เกาะสิมิลัน ก็คือยอดเขา ที่โผล่เป็นเกาะสุรินทร์ก็คือยอดเขาระหว่างหมู่เกาะสุรินทร์และหมู่เขาสิมิลัน ยังมีเกาะตาชัยอยู่ซึ่งก็คือยอดเขา เป็นแนวเดียวกันและมันก็คือทิวเขา ที่มียอดสูงยอดต่ำ เว้าแหว่ง เมื่อคลื่นที่ผ่านมาและมาเจอเกาะหลายๆ เกาะ จะถูกเบรกด้วยเกาะเหล่านั้น ความเร็วคลื่นก็จะเบาลง ระหว่างเกาะสิมิลันและเกาะสุรินทร์ เป็นหุบเขา คลื่นเข้ามาเต็มที่ จึงเข้ามาปะทะเขาหลัก แถว อ.ตะกั่วป่า ซึ่งได้รับความเสียหายมาก ลักษณะคลื่นเข้ามาอาจแตกต่างกัน แต่ไม่มาก เพราะขณะที่เคลื่อนมาจากทะเลถูกเบรกโดยสันเขาในทะเล ชายหาดไหนที่ไม่โดนสันเขาบังก็จะโดนแรงปะทะหนัก ซึ่งก็คือจังหวัดพังงา ภูเขาซึ่งเป็นเกาะและเป็นภูเขาที่รับโดยตรง นอกจากคลื่นที่เข้ามาไม่เท่ากันและไม่ถูกสกัดกั้นแล้ว ตัวฉากที่ตั้งรับก็สำคัญเช่นกัน ซึ่งถ้าตัวฉากเป็นหน้าผาชัน ถ้าเป็นเขาสูงและคลื่นมาปะทะหน้าผาก็จะโดนแรง จังหวัดภูเก็ตก็คือแนวภูเขาลูกหนึ่ง พูดง่ายๆ ก็คือคลื่นสึนามิเข้าปะทะภูเขา เมื่อมาดูอ่าวที่สวยงามอย่างอ่าวป่าตอง อ่าวกะตะ อ่าวกะรน มีอ่าวที่มีหัวเขายื่นออกไปเป็นก้นอ่าว ดังนั้น เมื่อคลื่นปะทะตรงนั้น ซึ่งเข้ามุมพอดีจึงรับแรงคลื่นเต็มๆ จะเห็นว่าลักษณะทางภูมิศาสตร์ของชายฝั่งทะเลอันดามัน ที่มีความแตกต่างกัน ย่อมส่งผลต่อความเสียหายที่ไม่เท่ากัน (มติชนรายวัน พุธที่ 29 http://www.matichon.co.th)





6 ปี .. เตือนภัยซูนามิ ทางการยี่หระแค่ไหน?

เมื่อ 6 ปีที่แล้ว นายสมิทธ ธรรมสโรช อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา พร้อมเหล่านักวิชาการ ได้ร่วมกันประกาศเตือน ให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องและคนไทยได้ตระหนักถึงมหาภัยของซูนามิมาแล้ว แต่ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจ เมื่อดึกดื่นค่อนคืนวันศุกร์ที่ 17 ก.ค. 2541 ศูนย์ธรณีวิทยาบนเกาะฮาวาย สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ได้ตรวจพบการเกิดแผ่นดินไหว ขนาด 7 ริกเตอร์ ในทะเลบิสมาร์ก นอกชายฝั่งปาปัวนิวกินี ไปทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นบริเวณที่นักธรณีวิทยาเรียกว่า “วงแหวนแห่งไฟ” ที่มีแนวเชื่อมต่อมาถึงรอยแตกของเปลือกโลก ที่อยู่ในทะเลอันดามัน...ซึ่งก็เป็นเปลือกโลกอันเดียวกันที่มันเลื่อนเคลื่อนสั่นไหว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 ธ.ค. 47 แผ่นดินไหวในคืนนั้น ส่งผลให้เกิดคลื่นยักษ์ซูนามิขึ้นมา 3 ลูกซ้อน ลูกที่สูงที่สุดวัดได้ประมาณ 10 เมตร พุ่งเข้าหาชายฝั่งปาปัวนิวกินี ลึกเข้ามาในแผ่นดินเป็นระยะทางยาวร่วม 2 กม. กวาดเอาบ้านเรือน และชาวประชาปาปัวนิวกินีเสียชีวิตไปร่วม 4,000 คน เหตุการณ์นี้ทำให้ นายสมิทธ และกลุ่มนักวิชาการได้ออกป่าวประกาศเตือนภัยให้สังคมไทย ทั้งหลายได้พึงระวังภัยซูนามิ พร้อมร่างข้อบัญญัติ มาตรการบรรเทาภัย 10 ข้อ ให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย ได้เตรียมการรับมือ...1. สังเกตปรากฏการณ์ของชายฝั่ง หากน้ำทะเลลดระดับลงมามากหลังเกิดแผ่นดินไหว ให้สันนิษฐานว่า อาจเกิดคลื่นซูนามิตามมาได้ ให้รีบอพยพคนในครอบครัว สัตว์เลี้ยง ให้อยู่ห่างจากชายฝั่งมากๆ และอยู่ในที่ดอนหรือที่สูงน้ำท่วมไม่ถึง 2. ถ้าอยู่ในเรือซึ่งจอดอยู่ที่ท่าเรือหรืออ่าว ให้รีบนำเรือออกไปกลางทะเล เมื่อทราบว่าจะเกิดคลื่นซูนามิพัดเข้าหา เพราะคลื่นซูนามิที่อยู่ไกลชายฝั่งมากๆ จะมีขนาดเล็ก 3. คลื่นซูนามิอาจเกิดขึ้นได้หลายระลอก จากการเกิดแผ่นดินไหวครั้งเดียว เนื่องจากการแกว่งไปแกว่งมาของน้ำทะเล ดังนั้นควรรอสักระยะหนึ่งจึงจะสามารถลงไปชายหาดได้ 4. ติดตามการเสนอข่าวอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง 5. ในบริเวณย่านที่มีความเสี่ยงภัยที่จะเจอคลื่นซูนามิ หากที่พักอาศัยอยู่ใกล้ชายหาด ควรจัดทำเขื่อน กำแพง ปลูกต้นไม้ วางวัสดุเพื่อลดแรงปะทะของน้ำทะเล และก่อสร้างที่พักอาศัยให้มั่นคงแข็งแรง 6. วางแผนในการฝึกซ้อมรับภัยจากคลื่นซูนามิ เช่น กำหนดสถานที่ในการอพยพ แหล่งสะสมน้ำสะอาด เป็นต้น 7. ในย่านที่มีความเสี่ยงภัยที่จะเจอคลื่นซูนามิ ให้หลีกเลี่ยงการก่อสร้างใกล้ชายฝั่ง 8. จัดวางผังเมืองให้เหมาะสม บริเวณแหล่งที่อาศัย ควรมีระยะห่างจากฝั่ง 9. ประชาสัมพันธ์และให้ความรู้ประชาชนในเรื่องการป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นซูนามิ และแผ่นดินไหว 10. วางแผนล่วงหน้า หากเกิดสถานการณ์ขึ้นจริง ในเรื่องการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดขั้นตอนในด้านการช่วยเหลือบรรเทาภัย ด้านสาธารณสุข การรื้อถอนและฟื้นฟูสิ่งก่อสร้าง เป็นต้น นายสมิทธและกลุ่มนักวิชาการเชื่อว่า เหตุร้ายแบบเดียวกับปาปัว-นิวกินี มีสิทธิเกิดขึ้นกับประเทศไทยได้เช่นกัน แต่สิ่งที่ทำให้นักวิชาการกังวลว่า มหาภัยซูนามิมีโอกาสเกิดขึ้นกับประเทศไทย เหมือนปาปัวนิวกินี ก็คือ...วัฏจักรของการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ๆนั้น มักจะเกิดขึ้นทุกๆ 80-90 ปี โอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวในทะเลอันดามันถึงขั้นเกิดซูนามิขึ้นมาได้ จะเกิดอยู่ช่วงปี 2537-2547 ก็อยู่ช่วงเวลาครบรอบวัฏจักรพอดิบพอดี เหมือนที่คุยไว้เมื่อ 6 ปีก่อน (ไทยรัฐ พุธที่ 29 ธ.ค. 47 http://www.thairath.co.th)





ติงธุรกิจไทยมักง่ายสร้างอาคารชิดทะเล นักธรณีชี้บทเรียนสึนามิ สิ่งก่อสร้างควรห่างฝั่ง 500 เมตร

นายนิรันดร์ ชัยมณี นักธรณีวิทยา 8 กองธรณีวิทยาและสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรธรณี เปิดเผยว่า ความรุนแรงของคลื่นยักษ์ที่ซัดถล่มบริเวณเขาหลัก จ.พังงา เนื่องจากลักษณะทางภูมิศาสตร์ของพื้นที่ที่มีความกว้างของชายหาดที่แคบมาก จึงทำให้คลื่นที่พัดมาจากทะเลกระทบเข้าหาฝั่งอย่างแรง จนทำให้คนและสิ่งก่อสร้างที่อยู่ในบริเวณนั้นถูกซัดเข้าไปกระทบกับภูเขาหินแกรหิตที่อยู่ทางด้านหลังและเกิดความเสียหายตามมา ในขณะที่บริเวณชายหาดในภูเก็ตกลับได้รับความรุนแรงน้อยกว่า เนื่องจากมีพื้นที่ชายหาดค่อนข้างกว้าง อีกทั้งมีแนวปะการังเป็นปราการตามธรรมชาติที่ช่วยดูดซับความรุนแรงของคลื่นทะเลไว้ ทำให้คลื่นที่ซัดเข้าหาชายฝั่งในบริเวณหาดต่างๆ ของภูเก็ตไม่รุนแรงนัก ในขณะที่ความลาดชันของชายฝั่งทะเลอันดามันโดยทั่วไปประมาณ 20 เมตร ห่างออกไปในทะเลเพียง 1 กิโลเมตร และลึกลงไปจากแนวมุดตัวของแผ่นดินซึ่งลึกลงไป 4 กิโลเมตรและระยะห่างไม่ไกลมาก อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งของความเสียหายที่เกิดขึ้น มาจากการก่อสร้างโรงแรมและรีสอร์ทในแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 2 แห่งอยู่ใกล้ชายฝั่งเพียง 20 เมตร ซึ่งถือว่าใกล้ชายฝั่งทะเลมากเกินไป และอาจเกิดอันตรายได้ ดังนั้น เมื่อคลื่นในระดับความสูง 10 เมตรพัดเข้ามาหาฝั่งด้วยความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงพัดพาทุกสิ่งทุกอย่างไปด้วย จนเกิดความเสียหายตามมา นักธรณีวิทยา กล่าวอีกว่า กฎหมายต่างประเทศที่พัฒนาแล้วนั้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศชายฝั่งทะเลจะอนุญาตให้มีสิ่งก่อสร้างทั้งที่เป็นอาคารสูง บ้านพักอาศัย รีสอร์ทห่างจากชายฝั่งทะเลถึง 200 เมตร จึงจะปลอดภัยจากพายุและคลื่นทะเล ฉะนั้น สำหรับพื้นที่เขาหลัก จ.พังงา ควรจะตั้งถิ่นฐานที่อยู่อาศัย หรือก่อสร้างกิจการโรงแรมและรีสอร์ท ห่างจากชายทะเลลึกเข้าไปในแผ่นดิน 500 เมตรจากชายฝั่งทะเล และในระดับความสูง 5 เมตรจากระดับน้ำทะเลจึงจะปลอดภัย หากเกิดเหตุการณ์พิบัติภัยในครั้งต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 30 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ผังเมืองค้านอาคารสู้แผ่นดินไหว ลงทุนสูงไม่คุ้ม-สึนามิเกิดไม่บ่อย

นักผังเมืองระบุ ความเป็นไปได้ การออกแบบอาคารบริเวณชายทะเล ให้มีคุณสมบัติพิเศษ สามารถต้านทานอุบัติภัยธรรมชาติ ไทยสามารถทำได้ แต่ไม่คุ้มค่า เหตุคลื่นยักษ์ไม่เกิดขึ้นบ่อย เชื่อทางออกที่ดีสุดคือ ย้ายทำเลที่ตั้ง ออกให้พ้นแนวชายฝั่ง ย้ำชัดระบบเฝ้าระวังภัยสำคัญสุด โดยยกตัวอย่างญี่ปุ่น เน้นลงทุนด้านระบบเฝ้าระวัง และเตือนภัย สูงกว่าการลงทุนสร้างอาคารพิเศษ ผศ.ดร.นพนันท์ ตาปนานนท์ อาจารย์ประจำภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทาลัย เปิดเผยว่า การออกแบบอาคารเพื่อรับมือกับอุบัติภัยธรรมชาติต่างๆ นั้นสามารถเป็นไปได้ แต่ไม่คุ้มกับการลงทุน เนื่องจากต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายอย่าง ทั้งโอกาสที่จะเกิดซ้ำ และงบประมาณการบำรุงรักษาในภายหลัง "บ้านเรามีกฎหมายควบคุมการก่อสร้างอาคาร ให้สามารถรับแรงแผ่นดินไหวเหมือนกัน แต่ถามว่าหากเราจะสร้างให้สูงกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้นั้น ทำได้ไหม ทำได้แต่ไม่คุ้ม เพราะเรื่องการป้องกันอุบัติภัยเป็นการลงทุนทั้งนั้น ยิ่งภัยพิบัติมีความรุนแรงสูง ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างก็จะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น เราต้องคำนึงถึงโอกาสที่จะเกิดของภัยพิบัตินั้นๆ ด้วย อย่างถ้าเป็นน้ำท่วมหาดใหญ่ ซึ่งเกิดบ่อยมาก อันนี้สิถึงน่าจะลงทุน แต่สำหรับสึนามิ มันคุ้มหรือเปล่า เพราะเราก็ไม่รู้ว่าอีกกี่พันปีจะเกิดอีก" อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ กล่าว สำหรับทางออกที่ดีที่สุดในการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายรุนแรง ผศ.ดร.นพนันท์ แนะนำว่า ต้องไม่มีการตั้งถิ่นฐานในบริเวณแนวชายฝั่ง โดยสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ต้องหนีออกจากแนวที่จะเกิดอุบัติภัยทั้งหมด นอกจากนี้ เขายังเห็นด้วยกับแนวทางพัฒนาระบบเฝ้าระวังภัยสำหรับเมืองริมชายทะเล พร้อมทั้งการฝึกอบรมให้ประชาชนในพื้นที่รู้วิธีการหนีรอดจากอุบัติภัยที่คาดไม่ถึง (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 30 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





แผ่นดินไหวเปลี่ยนแผนที่เอเชียถาวร

นายเคน ฮัดนัต ผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยา กล่าวว่าแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นอาจทำให้เกาะเล็กเกาะน้อยเคลื่อนที่ไปมากถึง 20 เมตร โดยจากแบบจำลองแผ่นดินไหว พบว่าเกาะเล็กเกาะน้อยบางเกาะ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะสุมาตรา อาจเคลื่อนที่ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 20 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นการเคลื่อนที่ที่มาก นอกจากนั้น ปลายแหลมตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะสุมาตรา ยังอาจเคลื่อนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 36 เมตร ขณะที่ สจวต ซิปกิน แห่งศูนย์ข้อมูลแผ่นดินไหวแห่งชาติของสหรัฐ กล่าวว่ามีแนวโน้มที่เกาะต่างๆ ใกล้สุมาตราจะมีความสูงจากทะเลมากขึ้น แทนที่จะเคลื่อนที่ไป เพราะแผ่นดินไหวครั้งนี้ เปลือกโลกอินเดียได้ไถลลงไปอยู่ใต้เปลือกโลกพม่า ทำให้เกิดการยกตัว ดังนั้นการเคลื่อนไหวที่มีต่อเกาะต่างๆ น่าจะเป็นในรูปของแนวดิ่ง มากกว่าแนวนอน นอกจากนี้ จูลี มาร์ติเนซ นักธรณีฟิสิกส์จากโครงการสำรวจทางธรณีวิทยาเกี่ยวกับอันตรายของแผ่นดินไหว ในรัฐโคโลราโด สหรัฐ เปิดเผยว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นช่วงเช้าวันนี้ ของวันที่ 26 ธ.ค.นั้น มีระดับความรุนแรง 8.9 ริกเตอร์ จัดว่ามีความรุนแรงเป็นอันดับ 5 เมื่อเทียบกับที่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1900 และเป็นเหตุแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในโลก นับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวในอ่าวอลาสกา เมื่อปี 1964 จนทำให้เกิดคลื่นยักษ์ในประเทศศรีลังกา ไทย อินโดนีเซีย และอินเดีย (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 30 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





จีนวางโครงข่าย อินเทอร์เน็ตเร็วสูง

เวบไซต์ แอ็กเซส นิวส์ รายงานว่า จีนได้พัฒนาโครงสร้างการสื่อสารของประเทศครั้งใหญ่ ด้วยการเปิดตัว "เซอร์เน็ต 2" (Cernet2) หรือโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ที่เชื่อมโยงมหาวิทยาลัย 25 แห่ง ใน 20 เมืองใหญ่เข้าด้วยกัน ทั้งนี้ เครือข่ายเซอร์เน็ต หรือเครือข่ายวิจัยเพื่อการศึกษาของจีน (China Education and Research Network) สามารถส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 40 กิกะบิต ต่อวินาที ในช่วงการทดสอบระบบ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของแอพพลิเคชั่นที่มีการนำมาใช้จริง ซึ่งเครือข่ายในมหาวิทยาลัยทั่วไป จะมีความเร็วเฉลี่ยราว 2-10 กิกะบิตต่อวินาที ทางรัฐบาลยังตั้งเป้าว่า จะขยายเครือข่าย เซอร์เน็ต 2 ให้ครอบคลุมมหาวิทยาลัยในประเทศถึง 100 แห่ง เครือข่ายการศึกษาออนไลน์ของจีน ทำให้ประเทศสามารถแข่งขันในเทคโนโลยีดิจิทัล ระดับโลกได้ และยังอาจส่งผลต่ออุตสาหกรรมของประเทศ หรือแม้แต่ผู้บริโภคทั่วไปด้วย นอกจากนี้ "เซอร์เน็ต 2" ยังเป็นเครือข่ายแรก ที่ใช้เทคโนโลยีโปรโตคอลอินเทอร์เน็ต เวอร์ชั่น 6 (IPv6) ทั้งหมดส่งผลให้จีนมีความล้ำหน้าด้าน ไอพี แอดเดรส (IP Address) และสามารถเพิ่มจำนวนที่อยู่เวบไซต์ได้มาก ขณะที่ในสหรัฐ มีจำนวน ไอพี แอดเดรส ราว 4,000 ล้านชื่อ ทั้งนี้ เครือข่ายเซอร์เน็ต 2 ได้รับการสนับสนุนจาก กองทุน ไชน่า เน็กซ์-เจนเนอเรชั่น อินเทอร์เน็ต ฟันด์ (CNGI) ซึ่งเป็นกองทุนที่คณะกรรมาธิการพัฒนาแห่งชาติจัดตั้งขึ้น เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเครือข่ายอินเทอร์เน็ตยุคหน้า ตัวที่ 6 โดยขณะที่เริ่มเปิดใช้เครือข่ายดังกล่าว เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทางซีเอ็นจีไอ ได้สนับสนุนเงินไปทั้งหมดราว 169 ล้านดอลลาร์ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 30 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





3 หน่วยงานดันแหลมฉบังนำร่อง โครงการ 'อี-พอร์ท'

นายทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) กล่าวว่า เนคเทคได้เป็นเจ้าภาพประสานงานกรมศุลกากร และการท่าเรือแห่งประเทศไทย รวมถึงบริษัทเอกชนด้านเทคโนโลยี และขนส่ง เพื่อดำเนินโครงการยกระดับท่าเรือแหลมฉบัง ให้เป็นท่าขนส่งอิเล็กทรอนิกส์ (อี-พอร์ท) โดยกำหนดระยะเวลาสำหรับโครงการนำร่องนี้ไว้ 1 ปี สำหรับภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการนำร่อง ได้แก่ บริษัท ทีไอพีเอส ผู้ประกอบท่าเทียบเรือบี 4 ท่าเรือแหลมฉบัง, บริษัท เคอร์รี่ สยาม ซีพอร์ท ผู้ประกอบการโลจิสติกส์, บริษัท ไอเดนทิไฟ จำกัด และบริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด ซึ่งผู้เข้าร่วมทุกฝ่ายต้องลงทุนติดตั้งระบบแห่งละหลายล้านบาท คาดว่า หากนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ ประเทศไทยจะลดต้นทุนค่าใช้จ่ายจากการขนส่ง หรือโลจิสติกส์ จาก 19% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี ให้เหลือ 10% ของจีดีพีได้' เนื่องจากสามารถลดเวลาในขนส่ง และมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ตลอดการบริหารรถบรรทุกที่ขนส่งตู้สินค้า และเส้นทาง จะช่วยให้ลดการสูญเปล่าต่อการขนส่งในแต่ละเที่ยว ทางด้านกระบวนการขนส่งตามโครงการนำร่องนี้ เริ่มจากบริษัท เคอรี่ สยาม ซีพอร์ท จะบรรจุสินค้าที่ขนส่งลงในตู้คอนเทนเนอร์ที่ปิดผนึกด้วยระบบตัวล็อกอิเล็กทรอนิกส์ (อี-ซีล) ซึ่งบันทึกข้อมูลสินค้า เลขใบขนสินค้า และเลขตู้คอนเทนเนอร์ โดย อี-ซีล จะส่งข้อมูลไปที่เครื่องอ่านด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (อาร์เอฟไอดี) ด้าน นายกร ทัพพะรังสี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กล่าวว่า โครงการนี้จะประกาศความพร้อมของประเทศไทย ในด้านการขนส่งของประเทศ โดยเฉพาะกับประเทศคู่ค้าอย่างสหรัฐ ที่มีโครงการ 'container security initiative' ซึ่งประเทศที่จะขายสินค้าเข้าไปยังประเทศอเมริกาได้ จะต้องใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งแจ้งการขนส่งล่วงหน้า และใช้ระบบตัวล็อกอิเล็กทรอนิกส์ในตู้คอนเทนเนอร์ด้วย (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 30 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





นักวิทย์ขอดาวเทียมใหม่ ตรวจวัดโลกร้อน-รับมือภัยแล้ง

กลุ่มนักวิทยาศาสตร์จากประเทศแถบยุโรป เตือนหายนะจากภาวะโลกร้อน พร้อมกับเผยผลงานวิจัยจากสถาบันศึกษาการเปลี่ยนแปลง ผลกระทบจากสภาพอากาศ และระบบสังคม โดยนักสิ่งแวดล้อมและเจ้าหน้าที่รัฐบาล ต่างออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลของตนออกมาตรการควบคุมการแพร่กระจายก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน จะส่งผลให้น้ำทะเลสูงขึ้นหลายเมตร กลุ่มองค์กรเอกชนและภาครัฐ กำลังผลักดันให้พัฒนาดาวเทียมรุ่นใหม่ สำหรับตรวจจับการแพร่กระจายของก๊าซเรือนกระจก และติดตามระดับน้ำทะเล น้ำแข็งขั้วโลก และอุณหภูมิโลก โดยต้องการศึกษาผลกระทบจากภาวะเรือนกระจกให้ลึกซึ้งขึ้น ตัวแทนจากเกือบ 200 ประเทศ กำลังเร่งจัดทำรายละเอียดให้กับปฏิญญาเกียวโต ซึ่งเป็นสนธิสัญญาระดับโลกที่สำคัญ และมีกำหนดนำมาใช้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ตามข้อตกลงดังกล่าวประเทศอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ต้องควบคุมการปล่อยก๊าซจากโรงงาน รถยนต์ และโรงงานไฟฟ้าพลังงานถ่านหินให้ได้ภายในปี 2555 ภายใต้สินธิสัญญานี้ ประเทศร่ำรวย 30 ชาติ ถูกจำกัดปริมาณแพร่กระจายก๊าซจากอุตสาหกรรมสู่บรรยากาศ แต่ยังผ่อนปรนไม่บังคับใช้กับประเทศจีน อินเดีย และประเทศยากจนอื่นๆ อย่างไรก็ดี สหรัฐปฏิเสธที่จะให้สัตยาบันปฏิญญาดังกล่าว โดยอ้างว่าข้อตกลงนี้ส่งผลต่อเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศ นักวิทยาศาสตร์ได้คำนวณว่า ถ้าอุณหภูมิโลกเฉลี่ยสูงขึ้นจากศตวรรษที่แล้ว 4 องศาฟาเรนไฮต์ อาจส่งผลกระทบให้ระบบนิเวศของป่าชื้นเขตร้อนในลุ่มน้ำอเมซอนพังทะลาย และอาจส่งผลให้ระดับน้ำทะเลแถบกรีนแลนด์ มีระดับเพิ่มขึ้น ส่วนในเปรู ซึ่งร้อยละ 70 พึ่งพาไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ และหากอุณหภูมิยังสูงเรื่อยไป อาจทำให้เมืองหลวงของเปรูวิกฤติไม่มีน้ำใช้ (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 30 ธ.ค. 47 http://www.komchadluek.net)





ระบบเตือนภัย"สึนามิ" ถึงเวลาเมืองไทยต้องมี

ดร.ธวัช วิรัตติพงศ์ หัวหน้าโครงการวิจัยและพัฒนาทางด้านภัยพิบัติทางทะเล สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) เสนอบทรายงาน "ระบบเตือนภัย สึนามิ" สำหรับประเทศไทย เพื่อป้องกันโศกนาฏกรรมอันเกิดจากคลื่นยักษ์กระหน่ำพื้นที่ชายฝั่งทะเลไทยเป็นซ้ำสอง การเตรียมพร้อมที่ดีที่สุดก็คือการสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้ โดยอาศัยความชำนาญและประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาวิชา ได้แก่ นักแผ่นดินไหว นักธรณีวิทยา วิศวกร สถาปนิก และผู้บริหารประเทศ เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาใช้สำหรับการวางนโยบายและการวางผังเมือง การบริหารจัดการมาตรการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สกว.ได้สนับสนุนโครงการลดพิบัติภัยจากแผ่นดินไหวระยะที่ 1 ประกอบด้วยโครงการย่อยที่มีนักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย(เอไอที) ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย เป็นหัวหน้าโครงการ ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ทั้งกรมอุตุนิยมวิทยา กรมทรัพยากรธรณี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น และสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร เพื่อให้ได้ฐานข้อมูลแหล่งกำเนิดแผ่นดินไหว พื้นที่เสี่ยงภายในประเทศระดับการสั่นสะเทือนของพื้นดินในบริเวณกรุงเทพฯ การประเมินระดับความต้านทานแผ่นดินไหวของอาคาร และศึกษาหาวิธีปรับปรุงอาคารที่อ่อนแอให้มีความต้านทานแผ่นดินไหวในระดับที่เหมาะสม สำหรับระบบการเตือนภัย สึนามิ ผู้รับผิดชอบจะต้องสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ในทันทีและต้องตัดสินใจได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมงว่าจะส่งสัญญาณเตือนภัยไปให้ประชาชนที่อยู่ในเขตเสี่ยงภัยหรือไม่ โดยระบบเตือนภัยที่เหมาะกับประเทศไทยควรมี 1.มีระบบตรวจสอบตามเวลาที่เป็นจริง(real time monitor) ข้อมูลแผ่นดินไหวที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย เราสามารถหาข้อมูลนี้ได้จากแหล่งต่างๆ เช่น หน่วยงานสำรวจทางภูมิศาสตร์ สหรัฐอเมริกา 2.เนื่องจากเจ้าหน้าที่พยากรณ์ที่เข้าเวรในขณะนั้นเป็นผู้วิเคราะห์ข้อมูลและเสนอข้อมูลความเห็นในการตัดสินใจในการเตือนภัย ดังนั้น จำเป็นต้องมีฐานข้อมูลสึนามิ ที่บอกถึงขนาดความสูงของคลื่นสึนามิ และเวลาที่จะถึงสถานที่ต่างๆ แถบชายฝั่งเสี่ยงภัย ที่เจ้าหน้าที่สามารถนำมาใช้งานได้ภายในเวลาที่รวดเร็ว โดยข้อมูลเหล่านี้ได้มาจากการคำนวณเพื่อจำลองสถานการณ์ของคลื่นยักษ์ไว้ล่วงหน้า 3.จัดทำระบบเครือข่ายสื่อสารเพื่อส่งข้อมูลเตือนภัยไปตามจุดต่างๆ แถบชายฝั่งที่อาจเกิดภัยพิบัติจากสึนามิหรือภัยพิบัติอย่างอื่นด้วย สำหรับในระบบเครือข่ายสื่อสารนี้ควรจะมีการเชื่อมโยงกับเครือข่ายนานาชาติด้วย (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 30 ธ.ค. 47 http://www.matichon.co.th)





ข่าววิจัย/พัฒนา


"มอ."วิจัยใช้ภูมิปัญญาไทย บำบัดยาเสพติดได้ผลเยี่ยม

ข่าวจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์หรือ มอ. แจ้งว่า ผศ.อุไร ศรีแก้ว และ ผศ.ถนอมศรี อินทนนท์ อาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ ได้วิจัยเชิงคุณภาพ เรื่องการบำบัดรักษาผู้เสพยาบ้าโดยใช้ภูมิปัญญาไทย วัดแห่งหนึ่งของภาคใต้ เพื่อศึกษารูปแบบการบำบัดรักษาผู้เสพยาบ้าและประสิทธิผลของการบำบัดรักษา โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้รับบริการ 62 ราย ที่พักบำบัดรักษาในวัด พบว่ารูปแบบการรักษาผู้เสพยาบ้า โดยใช้ภูมิปัญญาไทยมี 3 ลักษณะ คือ 1.การควบคุมความประพฤติด้วยกฎระเบียบวินัยข้อบังคับ ได้แก่ การตรงต่อเวลา ความรับผิดชอบ การปกครองกันเอง การเคร่งครัดต่อการรักษา การทำโทษเมื่อทำผิดกฎระเบียบการตรวจสอบยาเสพติด 2.การฟื้นฟูสุขภาพร่างกายด้วยสมุนไพรมี 3 ชนิด คือยาลูกกลอน ยาต้มสมุนไพรรับประทานและยาสมุนไพรอบตัว ยาสมุนไพรมีฤทธิ์ระบาย ช่วยเจริญอาหารและช่วยให้นอนหลับ บำรุงโลหิตและขับพิษ 3.การฟื้นฟูจิตสังคมและจิตวิญญาณ ด้วยกิจกรรมทางศาสนา ได้แก่ การสวดมนต์ อบรม ฟังธรรม ท่องบทกลอนสอนใจ การสอนเน้นระลึกถึงพระคุณพ่อแม่ การปฏิบัติตัวในสังคม การดำรงชีวิต ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ผลการวิจัย ทั้ง 3 กลุ่ม มีการเปลี่ยนแปลงไปในลักษณะเดียวกัน คือจิตใจสงบขึ้น รู้สึกผิด และสำนึกผิด ส่วนผลการบำบัดรักษาโดยรวม ผู้รับการบำบัดรักษาประเมินว่าร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงขึ้น น้ำหนักเพิ่มขึ้น มีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น การรักษาจะมีผลดีต่อการเปลี่ยนแปลงเกิดความรับผิดชอบ ความหวัง และกำลังใจมากขึ้น (มติชนรายวัน 27 ธ.ค. 47 http://www.matichon.co.th)





บำบัดน้ำเสียเป็นก๊าซ

ดร.มรกต ตันติเจริญ ผอ.ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ(ไบโอเทค) เปิดเผยว่า จากการที่ไบโอเทคสนับสนุนงานวิจัยเรื่องการบำบัดและใช้ประโยชน์น้ำทิ้งจากโรงงานแป้งมันสำปะหลังตั้งแต่ปี 2527 ในที่สุดสามารถพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสียแบบตรึงฟิล์มจุลินทรีย์ชนิดไม่ใช้อากาศที่มีประสิทธิภาพสูงได้สำเร็จ ทำให้เกิดฟิล์มจุลินทรีย์บนวัสดุรองรับได้รวดเร็ว ทำให้ระบบมีเสถียรภาพที่ดีเมื่อมีการรับภาระสารอินทรีย์ในปริมาณที่สูงในระยะยาว ทั้งยังสามารถนำไปผลิตก๊าซชีวภาพเป็นพลังงานทดแทนได้ด้วย จากการทดลองบำบัดน้ำเสียจากโรงงานผลิตแป้งข้าวในนครปฐม มีการสร้างระบบบำบัดน้ำเสียขนาด 5,200 ลูกบาศก์เมตร พบว่ามีประสิทธิภาพในการกำจัดสารอินทรีย์ได้ร้อยละ 80-90 อีกทั้งยังลดพื้นที่ในการก่อสร้างระบบได้ประมาณ 1 ใน 3 ลดปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็นและการร้องเรียนจากชุมชนข้างเคียง และสามารถลดปริมาณการใช้สารเคมีในการบำบัดน้ำเสียได้มากกว่าร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับระบบบ่อเปิดแบบเดิม ทั้งยังสามารถผลิตก๊าซชีวภาพได้ประมาณ 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน สามารถนำไปใช้เป็นพลังงานทดแทนน้ำมันเตาที่ใช้ในการอบแห้งแป้งได้ประมาณ 1,250 ลิตรต่อวัน (ข่าวสด จันทร์ที่ 27 ธ.ค. 47 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ฉลามมีเข็มทิศ ช่วยนำทางเหมือนนกพิราบ

ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาวาย ได้ทำการฝึกปลาฉลามเทา 6 ตัว และฉลามหัวค้อน 1 ตัว ให้ตามหาอาหาร โดยล่อด้วยสนามแม่เหล็กที่ทำเทียมขึ้นมา โดยสนามแม่เหล็กดังว่านี้ มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 23 ฟุต ซึ่งปล่อยให้ฉลามว่ายอยู่ข้างใน วิธีการก็คือ นักวิจัยจะวางอาหารไว้ในถังแล้วให้ปลาฉลามว่ายไปหา และทุกครั้งที่นำอาหารไปวางบนพื้น พวกเขาจะเปิดสวิตช์ให้สนามแม่เหล็กเทียมทำงาน ในช่วงตลอด 6 สัปดาห์ต่อมา นักวิจัยได้ดำเนินการทดลอง 11 ครั้ง โดยจับปลาฉลามไปยังตำแหน่งต่างๆ โดยเปิดสวิตช์สนามแม่เหล็กเป็นบางครั้ง แต่ไม่ได้วางอาหารไว้เหมือนเดิม เจ้าปลาฉลามก็ยังสามารถว่ายไปหาจุดที่เคยมีอาหารวางอยู่ได้เสมอ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกมันสามารถติดตามสนามแม่เหล็กได้ ที่ผ่านมา ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนที่ยืนยันว่าปลาฉลามมีเข็มทิศในตัว จะมีก็แต่การเฝ้าสังเกตปลาฉลามเสือ และฉลามสีน้ำเงิน ที่ว่ายเป็นเส้นตรงข้ามมหาสมุทรเป็นระยะทางไกล ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ดูแล้วไม่เหมือนกับเป็นการว่ายโดยใช้จมูกดมหาทิศทาง สำหรับการศึกษาขั้นต่อไป ทีมวิจัยวางแผนที่จะศึกษาว่าปลาฉลามสามารถตรวจจับสนามแม่เหล็กโลกได้อย่างไร ทั้งนี้ เมื่อประมาณปีที่แล้ว นักวิจัยมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา ได้เปิดเผยการทดลองที่แสดงให้เห็นว่า อนุภาคสนามแม่เหล็กขนาดเล็กในจงอยปากบนของนกพิราบ ช่วยให้นกสามารถเดินทางเป็นระยะทางไกล โดยไม่หลงทางกลับบ้านได้ (คมชัดลึก อังคารที่ 28 ธ.ค. 47 http://www.komchadluek.net)





สหรัฐทำแผนที่สมองหนู หวังไขปริศนาโรคเนื้องอก

ดร.คิวฟู มา นักวิจัยแผนกชีววิทยา สถาบันมะเร็งดานา-ฟาร์เบอร์ เปิดเผยว่า นับเป็นครั้งแรกที่มีการจัดทำแผนที่เครือข่ายของยีนสำคัญในสมองหนู อย่างเป็นระบบ และจะนำมาใช้เป็นคู่มือสำหรับไขปริศนาโรคร้ายที่เกี่ยวพันกับสมองได้ เป็นการระบุยีนในสมองหนู ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมส่วนต่างๆ ของสมองให้พัฒนาไปอย่างเหมาะสม โดยแผนที่ดังกล่าวสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับสมองมนุษย์ เนื่องจากสมองหนู และคนมียีนที่เหมือนกันเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้นักวิจัยจึงเชื่อว่าแผนที่ชุดนี้ จะช่วยสร้างความเข้าใจในโรคร้ายที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ได้ โดยเฉพาะเนื้องอกสมอง และโรคที่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของยีนดังกล่าว ทั้งนี้ สาเหตุของการเกิดเนื้องอก และโรคทางระบบประสาทอื่นๆ เป็นผลมาจากการกลายหรือเปลี่ยนแปลงของยีนหลัก ที่เรียกว่า "ทีเอฟ" หรือ ยีนควบคุมกระบวนการลอกรหัส (transcription factors : TF) ซึ่งจะส่งผลกระทบเป็นทอดๆ ไปยังยีนตัวอื่นในร่างกายด้วย และปัจจัยหลักที่ทำให้การทำงานของประสาท และโครงสร้างที่เกี่ยวข้องผิดปกติจากที่ควรจะเป็น ยีนทีเอฟจะควบคุมการเติบโตของประสาท และเซลล์ค้ำจุนที่เรียกว่า เกลีย (glia) หรือเซลล์ที่แทรกอยู่ระหว่างเซลล์ประสาทให้มีพัฒนาการอย่างสมดุล และเพื่อจะสร้างความเข้าใจในยีนทีเอฟให้มากขึ้น นักวิทยาศาสตร์ จึงต้องศึกษาผ่านแผนที่พันธุกรรมของหนู คณะทำงานได้แยกประเภทยีนทีเอฟกว่า 1,000 ยีน แต่เมื่อแยกส่วนมาพิจารณาในพื้นที่สำคัญของสมองพบว่ามียีนทีเอฟเพียง 349 ยีน จึงได้จัดทำแผนที่ยีนดังกล่าวขึ้นมา ข้อมูลดังกล่าวจะช่วยให้นักวิจัยรู้ถึงสาเหุตของการเกิดเนื้องอกหรือโรคร้ายอื่นๆ และส่วนที่เกี่ยวพันกับความรู้สึกเจ็บปวด รวมถึงเนื้องอกสมองด้วย และปัญหาด้านการพูดที่มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของประสาทส่วนกล้ามเนื้อลิ้นผิดปกติ (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 29 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ม.ศิลปากรผลิตรองเท้าปลอดกาว

นายสราวุฒิ ช่วงโชติ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ภาควิชาวิทยาการและวิศวกรรมวัสดุ คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร เจ้าของผลงานการทำให้โฟมและยางรองเท้ายึดติดกันโดยไม่ต้องอาศัยกาว ใช้เทคนิคการจับโครงสร้างทางเคมี ช่วยยึดชิ้นส่วนเข้าหากัน ระบุลดขั้นตอนการผลิตรองเท้า แถมยังลดกลิ่นเหม็นในโรงงาน ป้องกันสุขภาพของพนักงาน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาถึงการทำให้พื้นรองเท้าส่วนที่เป็นโฟมยึดติดกับยาง โดยไม่อาศัยกาวและลดขั้นตอนการยึดติดของพื้นรองเท้า ที่ใช้ในอุตสาหกรรมปัจจุบัน ทั้งนี้แนวทางการยึดติดกันอาศัยหลักการทำให้เกิดสายโซ่เชื่อมโยงด้วยรังสีอัลตราไวโอเลต โดยใช้สารยึดประเภท Curing agent เป็นส่วนผสมในชิ้นส่วนของรองเท้า หรือส่วนประกอบที่ต้องการนำมาประกบกัน โดยสารยึดนี้จะละลายและเชื่อมโยงเข้าหากันโดยอาศัยโครงสร้างทางเคมี ก็ต่อเมื่อผ่านกระบวนการให้ความร้อนและแสงอัลตราไวโอเลต และจากการทดลองพบว่า ระบบ UV Cure สามารถทำให้โฟมและยางยึดติดกัน โดยไม่อาศัยกาวและช่วยลดขั้นตอนการผลิตพื้นรองเท้า วิธีการนี้จะช่วยลดขั้นตอนในอุตสาหกรรมรองเท้าได้อย่างมาก เพียงแต่ผู้ประกอบการจะต้องลงทุนในส่วนของระบบ UV Cure อย่างไรก็ตาม ผลงานชิ้นนี้ยังมีจุดอ่อนที่ต้องพัฒนาต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 29 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ก.วิทย์จัดงบ8พันล้าน กระตุ้นงานวิจัย

วันที่ 27ธ.ค. 47 นายกร ทัพพะรังสี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แถลงถึงแผนยุทธศาสตร์ของกระทรวงในปี 2548 โดยใช้งบ 8 พันล้าน มุ่งผลักดันเอกชน สร้างผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ยกระดับขีดการแข่งขัน ในระดับนานาชาติ เทียบเท่าประเทศโออีซีดี พร้อมทั้งเพิ่มจำนวนชิ้นงานจดสิทธิบัตร และผลงานวิจัย ตีพิมพ์ในวารสารต่างชาติชั้นนำ เผยผลงานรอบปีผลักดัน 50 บริษัทลงทุนทำวิจัย มูลค่าร่วมพันล้านบาท จะมุ่งเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสร้างศักยภาพองค์ความรู้และพัฒนากำลังคน ซึ่งกำหนดไว้ 2 ด้าน ได้แก่ การเพิ่มศักยภาพภาคการผลิตที่มีความต้องการเร่งด่วน โดยนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปสู่ภาคการผลิตผู้ประกอบการธุรกิจขนาดย่อมและเล็ก โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์และกลุ่มจังหวัดซีอีโอ รวมทั้งสร้างเครือข่ายการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี และเร่งสร้างนักวิจัยในสาขาที่มีความต้องการเร่งด่วนทั้งในระดับกลางและระดับสูง ด้าน ศ.ดร.ไพรัช ธัชยพงศ์ ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า สำหรับแผนงานที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ได้แก่ การขยายอุทยานวิทยาศาสตร์ไปยังภูมิภาคโดยเริ่มในจังหวัดเชียงใหม่ และโครงการโรงเรียนวิทยาศาสตร์ 12 โรงเรียนในกรุงเทพฯ โดยใช้หลักสูตรจากโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์เป็นต้นแบบ รวมทั้งเร่งหาเทคโนโลยีเพื่อนำมากำจัดมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี เช่น อาหารปลอดภัย การสืบย้อนรอยอาหาร นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อการพัฒนาประเทศ เช่น การวิจัยเกี่ยวกับพันธุกรรมของโรคอุบัติใหม่ พลังงานชีวมวล พลาสติกชีวภาพ ระบบการขนส่งยา สมุนไพร และการจดสิทธิบัตร จากการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันโดยสถาบันไอเอ็มดี ประเทศไทยอยู่ในลำดับ 29 จาก 60 ประเทศ แต่ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเราอยู่ที่อันดับ 55 ถือว่ามีการลงทุนทางด้านนี้ต่ำมากประมาณร้อยละ 0.258 ของจีดีพี หรือด้านวิจัยและพัฒนากำลังคนประมาณร้อยละ 0.509 ต่อประชากร 1,000 คน (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 29 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ราชมงคลน่านทำพุทธรักษาแคระสูงแค่ฟุตกว่า

ผศ.มงคล พุทธวงศ์ คณะวิชาพืชศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตน่าน ผู้ที่เป็นคนคิดค้นพันธุ์ต้นพุทธ รักษาแคระสำเร็จ เปิดเผยว่า ต้นพุทธรักษาแคระที่เราทำได้จะให้ความสูงเพียงแค่ 40-50 ซม. เท่านั้น จากต้นพุทธรักษาปกติที่จะมีความสูงถึง 1-2 เมตร ขนาดดอกที่ได้ก็ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม คือขนาดดอกกว้าง 3.2 นิ้ว จำนวน 4-5 ดอกต่อช่อ ในแต่ละต้นมีช่อดอก 2-3 ช่อ สามารถบานทนติดต่อกันนาน 10-12 วัน ต้นสมบูรณ์จะมีใบ 7-9 ใบ ขนาดใบกว้าง 7.5-8.0 นิ้ว และยาว 17-18 นิ้ว ใบเขียวค่อนข้างเข้ม ทำมุมประมาณ 55 องศากับลำต้น อายุการออกดอกตั้งแต่เพาะจากเมล็ด ประมาณ 65 วัน ส่วนอายุออกดอกตั้งแต่แยกเหง้าประมาณ 45 วัน แต่ละต้นสามารถแตกกอได้ 4-5 ต้น เมื่อก่อนสถาบันเคยคิดค้นพันธุ์พุทธ รักษาแคระสีชมพูสำเร็จมาแล้ว ล่าสุดคือ พุทธรักษาแคระสีแดงสดนั้นมีลักษณะที่เราต้องการอย่างครบถ้วนทั้งสีสันที่แดงสดอย่างงดงาม ความสูงที่พอเหมาะและบานทนทานกว่าพุทธรักษาทั่วไปอีกด้วย พูดได้ว่า สามารถนำลงปลูกในกระถางเป็นไม้ประดับได้ ทางสถาบันยังไม่หยุดที่จะพัฒนาสายพันธุ์พุทธรักษาแคระ ให้ได้หลายสีสัน นั้นคือภารกิจต่อไปของสถาบัน และสำหรับผู้ที่สนใจทางสถาบันจะได้ประชาสัมพันธ์ให้ทราบต่อไป (เดลินิวส์ พุธที่ 29 ธ.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





ข่าวทั่วไป


"ดีดีที"อันตรายเสี่ยงมะเร็งเม็ดเลือดขาว

นางนิตยา จันทร์เรือง มหาผล โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเป็นโรคที่พบได้บ่อยประมาณ 1 ใน 3 ของมะเร็งในเด็กทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชนิดที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน พบประมาณ 60-70% อาการที่พบได้บ่อยประมาณ 50% ได้แก่ ซีด ตับม้ามโต เป็นไข้ เลือดออกง่าย ต่อมน้ำเหลืองโต จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 882 ราย ในปี 2540 เพิ่มเป็น 1,532 ราย ในปี 2543 สาเหตุที่แท้จริงของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มีปัจจัยเสริมบางอย่าง เช่น โรคทางพันธุกรรม เช่น ดาวน์ซินโดรม ผลจากรังสี สารเคมีในสิ่งแวดล้อมและจากไวรัส โดยพิษจากสารเคมีนั้น ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ มีการศึกษาวิจัยพบว่า สารเคมีโดยเฉพาะกลุ่มดีดีที มีส่วนทำให้เกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หากผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์สูดเข้าไป พบว่าลูกจะมีสิทธิ์เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวมากขึ้น เนื่องจากสารเคมีเหล่านี้สามารถซึมผ่านทางรกไปสู่เด็กได้ตั้งแต่เด็กอยู่ในครรภ์ได้ (มติชนรายวัน 27 ธ.ค. 47 http://www.matichon.co.th)





จัดชั้นไทยส่งออกอันดับ24ของโลก

นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยในงานสัมมนา “การจัดลำดับสินค้าไทยในตลาดโลก ปี 2547” ว่า จากรายงานการจัดอันดับประเทศผู้ส่งออกสินค้าของโลกในปี 2547 ไทยส่งออกเป็นอันดับที่ 24 ของโลก จาก 96 ประเทศ ซึ่งเป็นข้อมูลขององค์การการค้าโลก(ดับบลิวทีโอ) ร่วมกับองค์การสหประชาชาติ ว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) โดยมีมูลค่าการส่งออก 3.5 ล้านล้านบาท และมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยปีละ 6% ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา สินค้าที่ไทยส่งออกเป็นอันดับ 1 ของโลกคือ ยางธรรมชาติ ข้าว ปลาเพื่อการบริโภค และแป้งมัน อันดับ 2 ในโลก ได้แก่ ผลไม้แห้ง กุ้ง หอย ปู ปลาหมึก เนื้อแห้ง เนื้อผ่านการถนอมอาหาร อันดับ 3 ของโลก ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ น้ำตาลทราย ปูนซีเมนต์ เสื้อผ้าเด็ก สารเหนียวจากแป้งพวกเด็กซ์ตริน หินมีค่าและกึ่งมีค่า ชิ้นส่วนนาฬิกา เสื้อผ้าถักเย็บ ผลไม้แห้งไทยติดอันดับ 2 ของโลก โดยอันดับ 1 คือ จีน ส่วนลำดับที่ 3 คือเครื่องปรับอากาศ น้ำตาลทราย ปูนซีเมนต์ เสื้อผ้าเด็ก ลำดับที่ 4 เซรามิค เสื้อสูท และเสื้อแจ๊กเก็ต ลำดับที่ 5 เนื้อสัตว์เป็นอาหาร ลวดไฟเบอร์สังเคราะห์ เสื้อผ้าถัก ลำดับที่ 6 เสื้อผ้าสำหรับเด็กอ่อน ลำดับที่ 7 ชิ้นส่วนวิดีโอและหัวอ่าน แผงวงจรสวิตช์ ลำดับที่ 8 เครื่องประดับอัญมณี อาหารสัตว์ เครื่องซักผ้า ลำดับที่ 9 อุปกรณ์มอเตอร์ไฟฟ้า เนื้อปลาเป็นชิ้นพร้อมปรุง ลำดับที่ 10 แผงวงจรไฟฟ้า ทรานซิสเตอร์ไดโอด เป็นต้น (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 29 ธ.ค. 47 http://www.bangkokbiznews.com)





ไฟเขียวเกษตรกรขอจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่มีพืชขอรับการคุ้มครองแล้ว7ชนิด39พันธุ์

นายวิชาธิติประเสริฐผู้อำนวยการกองคุ้มครองพันธุ์พืชกรมวิชาการเกษตรเปิดเผยว่าหลังจากที่กรมวิชาการเกษตรได้ประกาศให้เกษตรกรและนักปรับปรุงพันธุ์พืชมายื่นขอจดทะเบียนเพื่อคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืชพ.ศ.2542ล่าสุดมีนักปรับปรุงพันธุ์พืชทั้งนิติบุคคลห้างร้านและบริษัทมายื่นขอจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่เพิ่มเติมอีก8รายการได้แก่กล้วยไม้สกุลหวายพันธุ์แอนนาควีนกล้วยไม้สกุลหวายพันธุ์โซชากล้วยไม้สกุลหวายพันธุ์นาดีนมะละกอพันธุ์หางดงอ้อยพันธุ์มุกดาหารข้าวโพดพันธุ์เจ๊หลีห้าสี่ข้าวโพดพันธุ์ทรอปปิคอลแปดแถวข้าวโพดพันธุ์สวีทไวท์ยี่สิบห้ารวมแล้วขณะนี้กรมวิชาการเกษตรจดทะเบียนคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ไปทั้งสิ้น39พันธุ์แบ่งเป็นมะม่วง2พันธุ์ข้าวโพด6พันธุ์กล้วยไม้สกุลหวาย26พันธุ์อ้อย1พันธุ์ข้าว1พันธุ์มะละกอ1พันธุ์และแตงโม2พันธุ์ ทั้งนี้เจ้าของพันธุ์พืชใหม่ที่ได้รับการจดทะเบียนพันธุ์แล้วจะมีสิทธิประโยชน์แต่เพียงผู้เดียวในการจำหน่ายส่วนขยายพันธุ์ทั้งเมล็ดพันธุ์กิ่งพันธุ์รวมทั้งเนื้อเยื่อนับเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นและสร้างกำลังใจให้เกิดการพัฒนาพันธุ์พืชใหม่ให้มีความหลากหลายมากขึ้นและยังเป็นทางเลือกของเกษตรกรในการเลือกใช้พันธุ์พืช (เดลินิวส์ พุธที่ 29 ธ.ค. 47 http://www.dailynews.co.th)





อันตรายยาฆ่าแมลง ทารกเสี่ยงเป็นมะเร็ง

นางนิตยา จันทร์เรือง มหาผล โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่าโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเป็นโรคที่พบได้บ่อยประมาณ 1 ใน 3 ของมะเร็งในเด็กทั่วโลกเกิดขึ้นเนื่องจากเม็ดเลือดขาวตัวอ่อนมีการแบ่งตัวอย่างไม่หยุดยั้ง ส่วนใหญ่จะเป็นชนิดที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน พบประมาณร้อยละ 60-70 อาการที่พบได้บ่อยประมาณร้อยละ 50 ได้แก่ ซีด ตับม้ามโต เป็นไข้ เลือดออกง่าย ต่อมน้ำเหลืองโต ที่โรงพยาบาลศิริราชพบผู้ป่วยใหม่ได้ปีละประมาณ 200 ราย จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 882 ราย ในปี 2540 เพิ่มเป็น 1,532 ราย ในปี 2543 ส่วนสาเหตุที่แท้จริงของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มีปัจจัยเสริมบางอย่างเช่นโรคทางพันธุกรรมบางโรค เช่น ดาวน์ซินโดรม จะมีความเสี่ยงโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวสูงกว่าคนปกติประมาณ 20 เท่าตัว รวมทั้งผลจากรังสี สารเคมีในสิ่งแวดล้อม และจากไวรัส เป็นต้น โดยเฉพาะพิษภัยจากสารเคมี ขณะนี้กำลังได้รับความสนในจากนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก เมื่อเร็วๆ นี้มีการศึกษาวิจัยพบว่าสารเคมีมีส่วนทำให้เกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โดยเฉพาะกลุ่มดีดีที ยาฆ่าแมลง หากผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์สูดเข้าไป พบว่าลูกจะมีสิทธิเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว เนื่องจากสารเคมีเหล่านี้สามารถซึมผ่านทางรกไปสู่เด็กได้ตั้งแต่เด็กอยู่ในครรภ์ได้ จากผลการวิจัยครั้งนี้ มีความน่าเป็นห่วง กรณีของหญิงตั้งครรภ์ในประเทศไทย ซึ่งมีปีละประมาณ 8 แสนคน หากมีการสูดดีดีที ยาฆ่าแมลง อาจมีความเสี่ยง เนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตดีดีที หรือยาพ่นฆ่าแมลงที่ใช้ในบ้านเรือน ขณะนี้มักมีการปรับกลิ่นให้หอมขึ้น แต่อันตรายยังมีคงเดิม" นางนิตยา กล่าว (ข่าวสด พุธที่ 29 ธ.ค. 47 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ฟื้นภาษาชอง ฟื้นมรดกอยู่คู่ “ชอง” รุ่นใหม่

“เฉิน ผันผาย” ผู้ริเริ่มปลุกจิตสำนึกของผู้คนที่มีเชื้อสาย “ชอง” ในต.ตะเคียนทอง ต.คลองพลูกิ่งอำเภอเขาคิชกูฎ จ.จันทบุรี ให้หันมาตระหนักและร่วมกันรื้อฟื้นภาษาอันทรงคุณค่า ให้ฟื้นกลับคืนมาอีกครั้ง โดยสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบทมหาวิทยาลัยมหิดล ภาษาชองที่พวกเขาใช้สื่อสารกันในสังคมเล็กๆ นั้นเป็นภาษาพื้นเมืองที่กำลังจะสูญหายไปจากเมืองจันทน์ และแม้ว่าจะมีชาวบ้านเชื้อชาติชองจะใช้ภาษาดั้งเดิมกันเป็นการภายในแต่ก็ตาม แต่เขาเชื่อว่า ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง “มรดกทางภาษา” ที่บรรพบุรุษถ่ายทอดมาให้อาจสูญหายไปในที่สุด กำนันเฉิน ผันผาย รวบรวมผู้คน เข้ามาร่วมกันทำวิจัยโครงการ “การอนุรักษ์และฟื้นฟูภาษาชอง ตำบลตะเคียนทอง ตำบลคลองพลู กิ่งอำเภอเขาคิชกูฎ จังหวัดจันทบุรี” โดยการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สำนักงานภาค เพื่อให้คนในชุมชนกลับมาพูดคุยด้วยภาษาชอง อีกครั้ง ก่อนที่จะเลือนหายไปตามกาลเวลา ภาษาชอง มีฐานร่วมกันระหว่างภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยภาษาไทยนั้นจะยึดจากบางส่วน เช่น ก.ไก่ ก็เอามาครึ่งตัว และถ้าลบบาง ส่วนออกก็จะเป็น ก.ไก่อย่างตัว ระ... ในภาษาชอง ถ้าลบบางส่วนทิ้งไปก็จะเป็นตัว ร.เรือของภาษาไทย ตัวหนังสือใช้พื้นฐานจากภาษาไทย และการสะกดคำ จะใช้หลักในภาษาอังกฤษมาใช้ ซึ่งจะไม่มีวรรณยุกต์ข้างล่าง และข้างบน (สยามรัฐ พฤหัสบดีที่ 30 ธ.ค. 47 http://www.siamrath.co.th)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215