หัวข้อข่าวปีที่ 6 ฉบับที่ 3 ประจำวันที่ 2005-01-23

ข่าวการศึกษา

ชี้ "รับตรง" ส่งผลยอดเอ็นทรานซ์ลด
Thailand Cyber University ... ปฏิวัติการเรียนรู้บัณฑิตไทย
เกษตรศาสตร์ดึงซีเกทเทคโนฯเปิดค่าย “เยาวชนสมองแก้ว”
นายกฯเร่งเครื่องพัฒนาการศึกษาไทย
เด็กม.6 อยากเรียนมหาวิทยาลัยดัง จบแล้วได้งานดี ชี้จุดอ่อนม.ราชภัฏตลาดไม่ยอมรับ
พระราชทานปริญญา 3 พระจอมฯ
นักวิชาการ มอ.สร้างชื่อคว้ารางวัลในต่างแดน
สวนสุนันทาโกอินเตอร์ ตั้งสถาบันสร้างหนัง
ฝึกเรียนรู้ผ่านกล่องสมองกล
มข.ติวเข้ม ออกแบบผลิตภัณฑ์
นำร่อง"แอดมิสชั่นส์"-เลือก"มอ."สูงสุด
เกณฑ์แอดมิชชั่นได้ข้อยุติปี 49 เริ่มใช้แน่ ปิ๊งดึงครู-นร.ร่วมออกข้อสอบ
ห้าม ร.ร.กวดวิชารับเด็กเกินเกณฑ์
กม."ม.ราชมงคล"บังคับใช้แล้ว
การพัฒนาบัณฑิตอุดมคติไทย
นิสิต-นักศึกษาคึกคักในงาน มหกรรมอุดมศึกษา ครั้งที่ 1

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

ยานอวกาศฮุยเกนส์ส่งภาพไตตันสู่โลก
พบซากไดโนเสาร์ที่ขอนแก่น ชนิดกินเนื้อเหมือนในอียิปต์
จุฬาฯพบ"สึนามิ"ทำ"ภูเก็ต"เคลื่อนที่11ซ.ม.
เปิดโผ มหานครสุดเสี่ยง และพื้นที่เป้าหมายมหันตภัยธรรมชาติ
แสงสุริยาส่องโลกอ่อนแสงน้อยลง เพราะโดนฝุ่นละอองบดบังเอาไว้
นักวิจัยภัยทะเลสหรัฐแนะไทย เร่งทำระบบ ลิงค์ศูนย์เตือนภัยนานาชาติ
เปิดศักราชติดเรดาร์ให้รถยนต์ ป้องกันแล่นชนกันประสานงาได้
ไปรษณีย์ไทยเพิ่มทางเลือกใหม่ แจ้งเรื่องได้ผ่านทางอินเตอร์เน็ต
ตรวจรอยแยกใต้ทะเลพบก๊าซ"บั้งไฟพญานาค"

ข่าววิจัย/พัฒนา

กินลูกเชอร์รี่ต้านโรคเบาหวาน ช่วยผลิตอินซูลินขึ้นอีกครึ่งเท่า
พบช่องทางสำคัญสกัดโรคเอดส์ ไม่ให้ลุกลามออกไปทั่วร่างกาย
กังขาภาชนะเทฟลอนก่อมะเร็ง
กินเนื้อมากเสี่ยงมะเร็งลำไส้
ข่ายับยั้งเชื้อแบคทีเรีย
"ม.รังสิต"โชว์หุ่นยนต์กู้ภัย ฉลอง 20 ปีมหาวิทยาลัย
มหิดลทำวัสดุเรืองแสงแทนที่หลอดไฟ หนุนเอสเอ็มอีไทยผลิตป้อนอุตฯอิเล็กทรอนิกส์
ราชมงคลพัฒนาไอซีทีส่งเสริมเกษตรไทย
อย.ร่วมมหิดลตรวจอาหาร หาข้อมูลออกกม.ปลอดภัย
เครื่อง ดัก-ดูดซับไขมัน ประสิทธิภาพเยี่ยม ไม่ใช้พลังงาน
ชูแผนแม่บท "ฉลากเขียว" รับมือเอฟทีเอ
กล่องจับโจรปล้นรถฝีมือโจ๋สิงห์บุรี
สุดยอดนักผลิต “มะเขือผง” ผลงานการสร้างสรรค์ของนิสิตจุฬาฯ
คอมพิวเตอร์ออกแบบชิ้นส่วนชีวิตสะดวกแพทย์สุขใจคนไข้
ม.เกษตรพัฒนาไบโอเมทริกโฉมใหม่ กำหนดจุดอ้างอิงใหม่ แทนจุดก้นหอยบนปลายนิ้ว
เสื้ออนาคตติดเซลล์ตะวัน เติมพลังมือถือทุกที่ทุกเวลา
เบิกทางคิดค้นสูตรยาสกัดเนื้อร้ายลาม
นักวิชาการห่วงรัฐเมินงานวิจัยพื้นฐาน
นักวิจัยปลื้มชุดตรวจหวัดนกไทยฉลุย แล็บขานรับใช้เฝ้าระวังฟาร์มจากไวรัส flu-a

ข่าวทั่วไป

โรคความดันโลหิตสูงคุกคามหนัก ชาวโลกถึงหนึ่งพันล้านความดันขึ้น
ปักเป้าหรือฟุกุญี่ปุ่นชำนาญปรุงไทยต้องห้าม
เตาไมโครเวฟเพื่อสุขภาพ รีดแคลอรี – ถนอมวิตามินซี
อุตฯเร่งตั้งทีมเฉพาะกิจแก้ฝุ่นละอองโรงงาน
“สมิทธ"เสนอติดตั้งไซเรนเตือนภัยนักท่องเที่ยว
กทช.วาง 6 ยุทธศาสตร์
สธ.ปลื้มไทยชาติแรกในเอเชียคุม "โรคเรื้อน" สำเร็จ
ให้ลูบหลังลูบไหล่แสดงความรัก สร้างคุณค่าชีวิตคู่ให้สุขสมบูรณ์
ใช้ยาคุมกำหนัดนักโทษข่มขืน ป้องกันไม่ให้กระทำผิดซ้ำซาก
เขตบางแคแชมป์อาคารอันตรายตรวจ88ตึก-พบอันตรายทั้งหมด
สหรัฐปรับคู่มือโภชนาการ เน้นกินผัก-ออกกำลังกาย
ไมโครเวฟเพื่อสุขภาพ อบรีดไขมันอาหารก่อนสุก
มหาวิทยาลัยบูรพาจัดเวิร์กชอป แลกประสบการณ์ผลงานศิลปะ
เพศอ่อนแอแต่กลับมีหัวใจแกร่ง ผู้ชายอาชาไนยยังต้องตายก่อน
ปฏิวัติปฏิทินปรับเดือนเปลี่ยนวัน ให้วันกับวันที่อยู่ตรงกันทุกเดือน
สวทช.หนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ รง.แป้งมัน ส่งเสริมระบบบำบัดน้ำเสียไร้อากาศ-ได้ก๊าซใช้ฟรี
รถนักเรียนกทม.โฉมใหม่ เอกชนวิ่งกทม.จัดระเบียบ-พร้อมหาแบงก์ให้เอกชนกู้
23 องค์กรจัดเวทีสู้ ประชุมถ่านหินโลก ค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน
นักวิชาการลุ้นตั้งสถาบันภูมิศาสตร์แห่งชาติ





ข่าวการศึกษา


ชี้ "รับตรง" ส่งผลยอดเอ็นทรานซ์ลด

ศ. (พิเศษ) ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เผยจำนวนผู้สมัครสอบวัดความรู้ ครั้งที่ 1/2548 เดือนมีนาคมว่า ในปีนี้มีผู้สมัครทั้งสิ้น 171,635 คน ลดลงจากปี 2547 ที่มีผู้สมัคร 176,417 คน คิดเป็นจำนวนลดลง 4,782 คน แบ่งเป็นผู้สมัครจากศูนย์สอบ ม.เกษตรศาสตร์ 17,010 คน ลดลง 951 คน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 19,071 คน ลดลง 189 คน สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง 6,675 คน ลดลง 77 คน ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 7,181 คน ลดลง 117 คน ศูนย์สอบ ม.ขอนแก่น มีผู้สมัครจำนวน 14,402 คน ลดลง 302 คน ม.เทคโนโลยีสุรนารี 10,833 คน ลดลง 748 คน ม.นเรศวร 9,777 คน ลดลง 707 คน ม.บูรพา 10,213 คน ลดลง 156 คน ม.มหาสารคาม 8,486 คน ลดลง 402 คน ม.วลัยลักษณ์ 7,353 คน ลดลง 65 คน ม.อุบลราชธานี 7,395 คน ลดลง 918 คน ม.เชียงใหม่ 15,375 คน เพิ่มขึ้น 352 คน ม.ธรรมศาสตร์ (รังสิต) 11,244 คน เพิ่มขึ้น 883 คน ม.ศิลปากร (สนามจันทร์) 11,455 คน เพิ่มขึ้น 526 คน ม.สงขลานครินทร์ 17,872 คน เพิ่มขึ้น 796 คน เหตุที่มีผู้สมัครลดลงมากกว่า 4,000 คน อาจจะเป็นเพราะในปีนี้มหาวิทยาลัยต่างๆ เปิดรับนักศึกษาด้วยระบบรับตรงมากขึ้น และยังมีระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา (แอดมิชชั่น) เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง จึงทำให้เด็กที่มีที่เรียนแล้ว ไม่มาสมัครเอ็นทรานซ์อีก แต่อย่างไรก็ตามในที่สุดเด็กทุกคนก็จะมีที่เรียน เพราะจำนวนรับแต่ละมหาวิทยาลัยก็ยังคงเท่าเดิม เพียงปรับเปลี่ยนสัดส่วนการรับตรง กับผ่าน สกอ.มากน้อยต่างไปจากเดิมเท่านั้น. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 17 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





Thailand Cyber University ... ปฏิวัติการเรียนรู้บัณฑิตไทย

สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ซึ่งมีหน้าที่ดูแลสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ มีนโยบายจะส่งเสริมการอุดมศึกษาผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต โดยตั้งโครงการ “Thailand Cyber University” (TCU) หรือ มหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย ขึ้น เพื่อให้บริการการเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Learning) โดยอาศัยเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา (Inter-University Network : UniNet) เพื่อขยายโอกาสให้แก่ประชาชนเข้าถึงการศึกษา ระดับอุดมศึกษามากขึ้น รวมทั้งยังจะเป็นการช่วยให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการช่วยพัฒนาประเทศชาติต่อไป “มหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย” มีองค์ประกอบหลักๆ ที่สนับสนุนการเรียนการสอน เริ่มที่ห้องเรียนออนไลน์ (e-Classroom) ซึ่งเป็นศูนย์กลางกิจกรรมของการเรียนการสอน หากใครจะลงทะเบียนรายวิชา หรือจะเข้าเรียนในวิชาต่างๆ ส่งการบ้านก็สามารถแวะมาที่ห้องนี้ได้ อีกทั้งยังสามารถพูดคุย หรือที่วัยรุ่นรู้จักกันดีว่า “chatroom” กับผู้สอน เพื่อขอคำปรึกษาได้ด้วย ขณะที่ผู้สอนก็สามารถเข้ามาดูประวัติการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของผู้เรียน เพื่อนำมาประเมินผลได้เช่นกัน สำหรับชุดวิชาและบทเรียนออนไลน์ ที่ สกอ. เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2540 นั้น ขณะนี้ก็เสร็จเรียบร้อย พร้อมให้ผู้เรียนเข้ามาศึกษาหาความรู้กัน ซึ่งเบื้องต้นมีประมาณ128 รายวิชา และคาดว่าในปี 2548 นี้จะแล้วเสร็จอีก 331 รายวิชา ห้องสมุดออนไลน์ (e-Library) เป็นศูนย์กลางทรัพยากรการศึกษา ห้องนี้นิสิต นักศึกษา อาจารย์ หรือประชาชนที่สนใจ สามารถเข้ามาค้นคว้าเพื่อการเรียนการสอน การวิจัยได้อย่างเต็มที่ โดยจะมีฐานข้อมูลต่างๆ เช่น บริการฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการสืบค้น โครงการสหบรรณานุกรม หนังสือออนไลน์ในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ในส่วนของชุมชนอาจารย์ ก็มีเหมือนกัน เพื่อเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนสื่อการเรียนการสอน (Learning Resources Sharing Center) ให้อาจารย์ผู้สอนสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น ระหว่างกันในกลุ่มอาจารย์ เพื่อสร้างบทเรียนออนไลน์ เพียงลงทะเบียนเป็นสมาชิก TCU ผ่านทางเว็บไซต์ http://www.uni.net.th/tcu เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้ทรัพยากรการศึกษาใน TCU ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น (สยามรัฐ จันทร์ที่ 17 ม.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





เกษตรศาสตร์ดึงซีเกทเทคโนฯเปิดค่าย “เยาวชนสมองแก้ว”

ม.เกษตรศาสตร์ ร่วมกับบริษัท ซีเกท เทคโนโลยี จัดค่ายเยาวชนสมองแก้ว ครั้งที่ 18 เน้นฝึกทักษะพัฒนาซอฟต์แวร์ควบคุมกลไก และการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนแบบออนไลน์ โดยรศ.ยืน ภู่วรวรรณ รองอธิการบดี ม.เกษตรศาสตร์ เปิดเผยถึงโครงการค่ายเยาวชนสมองแก้ว เป็นโครงการตัวอย่างของ ม.เกษตรศาสตร์ ในการให้ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนทางด้านการส่งเสริมการศึกษาและบริการสังคม สร้างสรรค์ให้เกิดการเรียนรู้วิชาการรูปแบบใหม่ โดยมีการจัดติดต่อกันมา เป็นระยะเวลา 18 รุ่นแล้ว ซึ่งในปีนี้จะรับนักเรียนจากทั่วประเทศกว่า 200 คน ร่วมเข้าค่ายระหว่างวันที่25 เม.ย.-1 พ.ค.2548 ณ ศูนย์ส่งเสริมและฝึกอบรมการเกษตรแห่งชาติ ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม ทั้งนี้ กิจกรรมในค่ายเยาวชนสมองแก้วฯ จะประกอบด้วยกิจกรรม 5 กลุ่มกิจกรรมเพื่อพัฒนาเยาวชนทั้งทางด้านสติปัญญาและอารมณ์ ซึ่งจะเน้นกิจกรรมกล่องสมองกลสร้างสรรค์อิเล็กทรอนิกส์ สอนให้พัฒนาซอฟท์แวร์ควบคุมกลไกต่างๆ อย่างง่าย อาทิ การเขียนโปรแกรมควบคุมสัญญาณไฟจราจร การเปิดปิดไฟในบ้าน หรือการตั้งการปิดเปิดระบบเสียงเพลง เป็นต้น กิจกรรมการทำรายการเพื่อนำเสนอผ่านสื่อออนไลน์ที่เรียกว่า ETV(Electronic TV) โดยเยาวชนจะเริ่มตั้งแต่การคิดพล็อตเรื่อง การหาข้อมูล การเขียนบท การถ่ายทำ และการนำเสนอทางอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้เยาวชนจะได้เรียนรู้รูปแบบของคลื่นทะเลต่างๆ ในกิจกรรมช่างคิดวิศวกร ตอน วิศวกรสู้สึนามิ สำหรับเยาวชนที่สนใจ สามารถยื่นใบสมัครได้ที่ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน โทร.0-2942-8555 ต่อ 1403 หรือที่ศูนย์ส่งเสริมและฝึกอบรมการเกษตรแห่งชาติ ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม โทร.0-3428-1650-1 ภายในวันที่ 19 ม.ค.นี้ (สยามรัฐ จันทร์ที่ 17 ม.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





นายกฯเร่งเครื่องพัฒนาการศึกษาไทย

ที่หอประชุมคุรุสภา กรุงเทพฯ วันที่ 16 ม.ค.48 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมาร่วมงาน “วันครู” ประจำปี 48 พร้อมกันนี้ได้กล่าวปราศรัยเนื่องในวันครูว่า ถึงเวลาที่ต้องร่วมกันคิดอย่างลึกซึ้งถึงระบบการศึกษาไทย ที่มีองค์ประกอบสำคัญคือครูและนักเรียน เป็นสิ่งที่ต้องรับฟังมากที่สุดคือนักเรียนอยากเห็นครูเป็นอย่างไร ครูอยากเห็นระบบการบริหารการศึกษาอย่างไร พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้ยกตัวอย่างครูชั้นประถม ศึกษาในอินเดียที่ใช้ความมานะพยายามเรียกร้องให้เปลี่ยนหลักสูตรการสอนแบบท่องจำเป็นการเรียนแบบให้นักเรียนเป็นศูนย์กลาง การเรียนแบบมีส่วนร่วม ความมุ่งมั่นของครูเล็กๆ คนหนึ่งสามารถเปลี่ยนระบบการศึกษาของอินเดียได้ นอกจากนี้ได้กล่าวถึงหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งระบุว่าการจะเปลี่ยนแปลงอะไรสามารถเรียนรู้ได้จากคนปฏิบัติโดยตรง สิ่งเล็กๆ นั้นนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวด้วยว่า รัฐบาลกำลังจัดตั้งองค์การมหาชนเพื่อพัฒนาและบริหารความรู้ หนึ่งในงานที่จะทำคือการศึกษาพัฒนาการสมองเด็ก เพื่อจัดการสอน หลักสูตร ให้สอดคล้องกับพัฒนาการสมอง สอดคล้องกับการปรับกระบวนการศึกษาทั้งหมด เกิดความสุขของการอยู่ร่วมกันระหว่างครูกับนักเรียน คนที่ใกล้ชิดกับเยาวชนรองจากพ่อแม่คือ ครูเด็ก ใช้เวลาที่โรงเรียนมากพอๆ กับเวลาอยู่ที่บ้านและต้องการให้ครูสนับสนุนเด็กให้สอดคล้องกับคำขวัญวันเด็กแห่งชาติ “คำขวัญวันเด็กสอดคล้องกับครู คำขวัญที่ผมให้คือ เด็กรุ่นใหม่ ต้องขยันอ่าน ขยันเรียน กล้าคิดกล้าพูด ครูต้องรับคำขวัญตรงนี้เพราะว่าการที่เด็กจะเก่ง ถ้าเด็กไม่รักการอ่าน ไม่รักการเรียน จะไม่เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะนี่คือการปฏิรูปการศึกษา ดังนั้น ครูต้องกระตุ้นให้คำขวัญนี้เป็นจริงทางปฏิบัติ เด็กรุ่นใหม่ต้องกล้าคิด กล้าพูด ถ้าเด็กไม่กล้าคิดการบูรณาการสิ่งที่เรียนมาจะไม่เกิด คิดเสร็จแล้ว ถ้าเขาไม่กล้าพูด เด็กจะเป็นศูนย์กลางเรียนไม่ได้ กระบวนการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างนักเรียน นักเรียนกับครูจะเกิดขึ้น นี่คือแนวทางการปฏิรูปการศึกษาแผนใหม่ (สยามรัฐ จันทร์ที่ 17 ม.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





เด็กม.6 อยากเรียนมหาวิทยาลัยดัง จบแล้วได้งานดี ชี้จุดอ่อนม.ราชภัฏตลาดไม่ยอมรับ

สวนดุสิตโพล โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ทั่วประเทศ เกี่ยวกับการเลือกเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาจำนวน 3,143 คน ระหว่างวันที่ 3-10 มกราคม 2548 พบว่า “ปัจจัย” ที่มีผลต่อการเลือกสถานศึกษาของนักเรียน ม.6 ส่วนใหญ่ร้อยละ 86.77 เลือกสถาบันเป็นที่ยอมรับของตลาดแรงงาน ร้อยละ 86 มีหลากหลายสาขาให้เลือกเรียน ร้อยละ 84.85 มีชื่อเสียง และร้อยละ 82.38 สถานที่น่าเรียน “ความแตกต่าง” ระหว่างการเลือกเรียนต่อในอดีตกับปัจจุบันในทัศนะของนักเรียน ม.6 พบว่า มีความแตกต่างกันร้อยละ 77.76 คือ ปัจจุบันมีสาขาต่างๆ มากกว่า ทำให้มีโอกาสเลือกได้มากขึ้น สมัยนี้เลือกเรียนตามความถนัด มีสื่ออุปกรณ์ต่างๆ มากกว่าในปัจจุบัน ฯลฯ ขณะที่ ร้อยละ 20.24 เห็นว่าไม่แตกต่าง เพราะต้องเลือกสถานศึกษาที่มีชื่อเสียงและสามารถหางานได้ง่าย เลือกในสิ่งที่ชอบและสนใจ ใช้ความรู้เหมือนกัน “สาขาวิชา” ที่นักเรียนจะเลือกเรียนต่อ นักเรียนชายส่วนใหญ่ เลือกเรียนด้านนิติศาสตร์ ร้อยละ 13.75 วิศวกรรม ร้อยละ 12.08 และรัฐศาสตร์ ร้อยละ 8.75 ส่วนนักเรียนหญิง เลือกเรียนบริหารธุรกิจ ร้อยละ 11.44 นิเทศศาสตร์ ร้อยละ 8.46 และบัญชี ร้อยละ 5.97 ส่วนสาขาวิชาที่นักเรียนคิดว่าเลือกเรียนต่อแล้วจะสามารถ “หางานทำได้ง่าย” ในปัจจุบัน นักเรียนชายเลือกแพทยศาสตร์ ร้อยละ 18.53 บัญชี ร้อยละ 11.64 บริหารธุรกิจ ร้อยละ 8.19 ส่วนนักเรียนหญิง อันดับหนึ่งเลือกแพทยศาสตร์ ร้อยละ 15.12 รองมาสาขาบัญชี ร้อยละ 15.61 และบริหารธุรกิจ ร้อยละ15.12 ตามลำดับ สำหรับความเห็นต่อมหาวิทยาลัยราชภัฏ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 48.40 ชี้จุดเด่น คือสามารถเข้าเรียนได้ง่าย เปิดโอกาสให้ผู้สนใจจริง ร้อยละ 8.45 เห็นว่าเปิดรับนักศึกษาจำนวนมาก ส่วนจุดอ่อน กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 53.51 ยังเห็นเรียนจบแล้วตลาดงานไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับ/จบแล้วหางานทำยาก ขณะที่ร้อยละ 13.71 เห็นว่าคุณภาพนักศึกษายังไม่เป็นที่ยอมรับ (สยามรัฐ จันทร์ที่ 17 ม.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





พระราชทานปริญญา 3 พระจอมฯ

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กำหนดจัดงานพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ประจำปีการศึกษา 2546 ระหว่างวันที่ 17-18 ก.พ.2548 ณอาคาร ใหม่สวนอัมพร โดยทั้ง 3 สถาบัน ได้ขอพระราชทานพระราชานุญาต ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ดังนี้ สภาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาจุลชีววิทยาอุตสาหกรรม แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ, สภาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาศิลปดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการออกแบบภายในและเซรามิกส์ แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิศวกรรมเครื่องกล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ และทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจัดการทรัพยากรชีวภาพ แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สำหรับบัณฑิตที่จะรับพระราชทานปริญญาบัตร ในปีนี้มีดังนี้ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จำนวน 3,889 คน สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จำนวน 3,852 คน และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จำนวน 2,863 คน (สยามรัฐ จันทร์ที่ 17 ม.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





นักวิชาการ มอ.สร้างชื่อคว้ารางวัลในต่างแดน

ข่าวมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. แจ้งว่า ผศ.สุชาดา จันทร์ดรหมมา อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ มอ. คว้ารางวัลสุดยอดวิทยานิพนธ์ Gold Prize Award จากการคัดเลือก Best Graduate Research Award 2004 ของมหาวิทยาลัยซายน์ ประเทศมาเลเซีย จากผลงานวิทยานิพนธ์ทั้งหมด 86 เรื่องที่เข้ารับการคัดเลือก จาก การศึกษาพันธะไฮโดรเจนในสภาวะของแข็งของสารประกอบอนุพันธ์เอมีน ซึ่งได้พบปรากฏการณ์ที่สำคัญทางวิทยาศาสตร์ คือการเปลี่ยนสภาวะแบบผันกลับได้ อันเนื่องมาจากพันธะไฮโดรเจนของสารกลุ่มนี้และเป็นการพบครั้งแรก พร้อมสามารถใช้ทฤษฎีในการอธิบายปรากฏการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นได้ด้วย นับเป็นพื้นฐานสำคัญในการที่จะอธิบายการเปลี่ยนแปลงของระบบต่างๆ ที่มีสาเหตุจากพันธะไฮโดรเจน ปรากฏการณ์ดังกล่าวผู้วิจัยเรียกชื่อว่า FAST(Fun-Anwar-Suchada Transition) อันเป็นชื่อของผู้วิจัยสามคน ประกอบด้วย ผศ.สุชาดา นักศึกษาปริญญาเอก Dr.Anwar Usman นักวิจัยระดับหลังปริญญาเอก ชาวอินโดนีเซีย และ Professor Fun Hoong-Kun อาจารย์ที่ปรึกษาชาวมาเลเซีย ซึ่งได้รับทุน SAGA(Scientific Advancement Grant Allocation) จากรัฐบาลมาเลเซีย โครงการวิจัย 2 ปี และในโครงการวิจัยนี้ Professor Attar-ur-Rahman รัฐมนตรีว่ากระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ Director of HEJ Research Institute of Chemistry,International Center for Chemical Sciences ประเทศปากีสถาน และนักวิทยาศาสตร์อีกหลายชาติร่วมวิจัยด้วย ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 17 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





สวนสุนันทาโกอินเตอร์ ตั้งสถาบันสร้างหนัง

ผศ.ดร.ช่วงโชติ พันธุเวช อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ร่วมมือกับ University of California at Los angles (UCLA) และบริษัท Kantana จัดตั้งสถาบันวิชาการภาพยนตร์และโทรทัศน์ แห่งแรกแห่งเดียวในมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ เพื่อผลิตบัณฑิตสาขาเทคโนโลยีความบันเทิง และให้เป็นศูนย์กลางศึกษา วิจัยและพัฒนาทางด้านการศึกษาเทคโนโลยีการบันเทิงของภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ โดยมหาวิทยาลัยจะดำเนินการพัฒนาศูนย์การศึกษาด้าน อุตสาหกรรมการบันเทิง เทคโนโลยีด้านการบันเทิง การปฏิบัติการด้านบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นด้านภาพยนตร์ โทรทัศน์ วิทยุ Animation Technique ,ศิลปกรรมและออกแบบ การแสดงและกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับการบันเทิงโดยเฉพาะ ในส่วนของ UCLA และ Kantana นั้นจะส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการบันเทิงทุกแขนงเข้ามาร่วมเป็นวิทยากร และเป็นอาจารย์สอนพิเศษ โดยเฉพาะบริษัท Kantana ซึ งเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่เกี่ยวกับธุรกิจบันเทิง และมีอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ทันสมัยเป็นอันดับ 5 ของโลกจะเป็นแหล่งฝึกงานของนักศึกษาและบุคลากรแบบครบวงจรทุกๆ ด้าน (ข่าวสด จันทร์ที่ 17 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod





ฝึกเรียนรู้ผ่านกล่องสมองกล

ซีเกทจับมือ ม.เกษตรฯ จัดค่ายเยาวชนสมองแก้ว รุ่นที่ 18 เน้นการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมกล่องสมองกลและอีทีวี (ETV) สื่อ ออนไลน์ เพื่อพัฒนาเยาวชนและจุดประกายความคิดริเริ่มด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นางสุภา โภคาชัยพัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โครงการนี้เป็นแบบอย่างของการเรียนรู้นอกห้องเรียน ผ่านกิจกรรมเพื่อพัฒนาเยาวชนทั้งทางด้านสติปัญญาและอารมณ์ โดยเน้นกิจกรรมกล่องสมองกลสร้างสรรค์อิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก เพื่อฝึกทักษะให้เยาวชนพัฒนาซอฟต์แวร์ในการควบคุมต่าง ๆ อาทิ การปิด-เปิดไฟในบ้าน หรือการติดตั้งระบบเสียงเพลง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการทำรายการผ่านสื่อออนไลน์อีทีวี โดยเยาวชนจะเริ่มตั้งแต่การคิดพล็อตเรื่อง การหาข้อมูล การเขียนบท การถ่ายทำ และการนำเสนอผ่านอินเทอร์เน็ต อีกทั้งส่งเสริมให้เยาวชนได้เรียนรู้รูปแบบของคลื่นทะเลในกิจกรรมช่างคิดวิศวกรตอน วิศวกรสู้สึนามิ ทั้งนี้ค่ายเยาวชนสมองแก้วเกษตร ศาสตร์-ซีเกท รุ่นที่ 18 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 เมษายน ถึง 1 พฤษภาคม 2548 โดย เยาวชนหรือผู้ปกครองที่สนใจสามารถดูรายละเอียดและกติกาการสมัครได้ที่ www.ku.ac.th (เดลินิวส์ อังคารที่ 18 ม.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





มข.ติวเข้ม ออกแบบผลิตภัณฑ์

รศ.ธาดา สุทธิธรรม คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ กำหนดจัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง การออกแบบผลิตภัณฑ์ของที่ระลึก รุ่นที่ 3 ระหว่างวันที่ 5 มีนาคม - 2 เมษายน 2548 ทั้งนี้เพื่อสร้างแนวทางการผลิตและพัฒนาของที่ระลึก ซึ่งสามารถประกอบเป็นธุรกิจ และสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นได้อย่างสำคัญ โดยเฉพาะตลาดของที่ระลึก เพื่อการท่องเที่ยว และผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ๆ ที่แสดงเอกลักษณ์ท้องถิ่นอีสาน โดนเน้นการออกแบบผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องปั้นดินเผา ผ้าทอ บรรจุภัณฑ์ งานไม้และเครื่องจักสาน สำหรับผู้เข้าร่วมอบรม จะเป็นกลุ่มประชากรเป้าหมายจากชุมชน บ้านวังถั่ว อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น,ชุมชนบ้านหัวหนอง อ.หนองสองห้อง, ชุมชนบ้านศุภชัย อ.หนองสองห้อง,ชุมชนบ้านวังตอ อ.เมือง และประชาชนที่สนใจรวม 75 คน โดยฝึกอบรมทั้งภาคทษฎีและปฏิบัติ ณ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เป็นเวลา 3 วัน และฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ ที่หมู่บ้านเป้าหมายทั้ง 4 หมู่บ้าน โดยแยกเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผา กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องทอ กลุ่มบรรจุภัณฑ์ กลุ่มผลิตภัณฑ์งานไม้และเครื่องจักสาน กลุ่มละ 5 วัน ซึ่งผู้เข้ารับอบรมจะได้สร้างงานจริง คนละ 2 ชิ้น ผู้สนใจเข้ารับการอบรม สามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ นายสำรวย ภูเงิน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โทร.0-4336-2046 ในวันเวลาราชการ (สยามรัฐ อังคารที่ 18 ม.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





นำร่อง"แอดมิสชั่นส์"-เลือก"มอ."สูงสุด

เมื่อวันที่ 17 มกราคม นายภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กกอ.) เปิดเผยว่า ในการประกาศรายชื่อผู้สมัครที่ผ่านการคัดเลือกโครงการนำร่องระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษาใหม่ หรือ Central University Admissions System ประจำปีการศึกษา 2548 ในมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชน 24 แห่ง รวมจำนวน 6,860 คน จากจำนวนรับ 16,836 คน โดยมีผู้สมัครนำร่องครั้งนี้รวม 20,058 คน สำหรับมหาวิทยาลัยที่มีผู้สมัครเลือกมากที่สุด ได้แก่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(มอ.) จำนวนรับ 877 คน แต่มีผู้สมัครถึง 14,003 คน ผ่านการคัดเลือก 858 คน มหาวิทยาลัยบูรพา รับ 658 คน สมัคร 10,801 คน ผ่านการคัดเลือก 498 คน และมหาวิทยาลัยมหาสารคาม รับ 730 คน สมัคร 8,055 คน ผ่านการคัดเลือก 704 คน (มติชนรายวัน อังคารที่ 18 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





เกณฑ์แอดมิชชั่นได้ข้อยุติปี 49 เริ่มใช้แน่ ปิ๊งดึงครู-นร.ร่วมออกข้อสอบ

ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยทุกแห่งเห็นตรงกันว่า การสอบคัดเลือกในระบบแอดมิชชั่นจะดำเนินการเพียงครั้งเดียว ในเดือน ก.พ. 2549 เพื่อจะได้มีเวลาในการตรวจข้อสอบซึ่งมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 6 ล้านชุด ซึ่งกระบวนการจัดสอบนั้น หากมีการจัดตั้งสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) แล้ว จะเป็นหน้าที่ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประสานกับโรงเรียนในการจัดสอบ แต่หาก สทศ. จัดตั้งไม่ทัน จะให้มหาวิทยาลัยต่างๆ เป็นผู้ประสานกับโรงเรียนในลักษณะเดียวกับการสอบเอ็นทรานซ์ สำหรับองค์ประกอบที่ใช้ในการสอบแอดมิชชั่นนั้น ที่ประชุมได้นำข้อเสนอของอนุกรรมการจัดระบบแอดมิชชั่น ซึ่งมี ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน เป็นประธาน มาพิจารณาและปรับปรุง ได้ข้อสรุปคือ 1. ค่าคะแนนเฉลี่ยสะสมระดับ ม.ปลาย หรือ จีพีเอเอ็กซ์ 10% ไม่ใช้ค่าคะแนนตำแหน่งลำดับที่หรือค่าพีอาร์ 2. คะแนนแบบทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ หรือ National Educational Test (NET) 5 กลุ่มสาระ น้ำหนักไม่น้อยกว่า 40%3. คะแนนแบบทดสอบทางการศึกษาระดับชาติแบบก้าวหน้า หรือ NET Advance 5 กลุ่มสาระ แต่ให้คณะวิชาเลือกใช้ไม่เกิน 3 กลุ่มสาระ น้ำหนักรวมกันไม่เกิน 50% 4. การสอบความถนัดเฉพาะทาง โดยยอมให้สอบเฉพาะในสาขาที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น ได้แก่ สาขาด้านศิลปกรรม ภาษาซึ่งยกเว้นภาษาอังกฤษ เพราะสอบNET แล้ว "เนื่องจากปี 2549 เป็นปีแรกที่ใช้ระบบแอดมิชชั่น นักเรียนจะรู้สึกไม่เคยชินกับการสอบ ผมจึงเสนอให้มีข้อสอบตัวอย่างให้นักเรียนได้ฝึกทำในเว็บไซต์ ซึ่งจะเปิดใช้ประมาณภาคเรียนที่ 2/2548 เป็นอย่างช้า และเปิดโอกาสให้ทุกคนที่มีความรู้ ไม่ว่าครู นักเรียน มีส่วนร่วมออกข้อสอบและส่งเข้าทางเว็บไซต์ ซึ่ง สกอ.และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะมีคณะกรรมการคัดเลือกข้อสอบและออกข้อสอบเพิ่มเติม ทั้งนี้ เกณฑ์ดังกล่าวจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะประธาน ทปอ.ได้ยืนยันตามนี้แล้ว" เลขาธิการ กกอ.กล่าวและว่า ส่วนการสมัครผ่านระบบอินเตอร์เน็ตนั้น การนำร่องปีนี้ได้ผลดี ในปี 2549 จะขยายความร่วมมือกับธนาคารหลายแห่ง เพื่อครอบคลุมและเกิดความสะดวกมากขึ้น และปรับปรุงระบบการจัดการเพื่อให้การสอบคัดเลือกในระบบโควตากับแอดมิดชั่น ดำเนินการได้พร้อมกัน โดยจะเปิดโอกาสให้เด็กเลือกได้ทั้ง 2 ส่วน (ไทยรัฐ พุธที่ 19 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ห้าม ร.ร.กวดวิชารับเด็กเกินเกณฑ์

นายอนุสรณ์ ไทยเดชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) กล่าวถึงกรณีที่ทางกรุงเทพมหานคร ได้ลงไปตรวจสถาบันกวดวิชาในย่านสยามสแควร์ และพบว่าอาคารสถานที่ของโรงเรียนกวดวิชาหลายแห่ง ยังไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดเอาไว้ เบื้องต้นพบว่ามีอาคารเรียนที่ไม่ปฏิบัติถูกต้องตามระเบียบที่ สช.กำหนดไว้ประมาณ 20 แห่ง โดยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของบันไดหนีไฟที่ยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งก็ได้ขอให้ดำเนินการให้ถูกต้องเพื่อความสะดวกและปลอดภัยในกรณีที่เกิดเรื่องฉุกเฉิน ปัญหาสำคัญที่ สช.ตรวจพบในขณะนี้ คือเรื่องจำนวนนักเรียน เนื่องจากมีโรงเรียนกวดวิชาเป็นจำนวนมากรับเด็กเข้าเรียน เกินกว่าจำนวนที่ได้รับอนุญาตต่อห้อง ซึ่ง สช.จะสั่งให้ลดจำนวนนักเรียนลงมา ให้เป็นไปตามใบอนุญาตที่ยื่นขอไว้ เพราะตามระเบียบการจัดตั้งโรงเรียนกวดวิชาของ สช.นั้น ได้มีการกำหนดให้รับนักเรียนเรียนต่อห้องตามขนาดของห้อง เพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนกับผู้เรียน ทั้งนี้ สช.จะขอให้ลดจำนวนนักเรียนทันที ส่วนการปรับปรุงเรื่องบันไดหนีไฟนั้นคงต้องให้เวลา แต่เชื่อว่าทาง กทม. คงจะดูแลอยู่แล้วตาม พ.ร.บ.อาคาร อย่างไรก็ตาม หาก สช.มีหนังสือสั่งการให้โรงเรียนกวดวิชาทำการแก้ไข ปรับปรุงทั้งในเรื่องบันไดหนีไฟ และการลดจำนวนนักเรียน แต่ถ้าโรงเรียนกวดวิชาไม่ปฏิบัติตามจะต้องได้รับโทษตามมาตรการที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.การศึกษาเอกชน (ไทยรัฐ พุธที่ 19 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





กม."ม.ราชมงคล"บังคับใช้แล้ว

นพ.ทศพร เสรีรักษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า ร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(รม.) ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 19 มกราคม มีผลให้เกิดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล 9 แห่ง ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน โดยยุบรวมสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล 35 วิทยาเขตเข้าด้วยกัน มีจุดเน้นทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดสอนตั้งแต่ระดับปริญญาตรีถึงเอก จากเดิมเปิดสอนแค่ปริญญาตรีเท่านั้น นายสุชาติ เมืองแก้ว รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กอ.) กล่าวว่า ภายใน 180 วัน หลัง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลประกาศใช้ ทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่งจะต้องสรรหาอธิการบดี คณบดี และสภามหาวิทยาลัย จากนั้นจะต้องเร่งทำแผนขอตั้งงบประมาณปี 2549 (มติชนรายวัน พุธที่ 19 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





การพัฒนาบัณฑิตอุดมคติไทย

จากมติคณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2540 ที่ได้มีนโยบายให้ทบวงมหาวิทยาลัยดำเนินโครงการพัฒนาบัณฑิตอุดมคติไทยขึ้น ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นการพัฒนาบัณฑิตให้มีความรู้ในสาขาวิชาการ วิชาชีพ ควบคู่กับการมีคุณธรรม จริยธรรม โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้ เร่งรัดและพัฒนาศักยภาพของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ให้มีความรู้อย่างแท้จริงในสาขาวิชาการ วิชาชีพ ควบคู่กับการมีคุณธรรม เป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพและเป็นที่พึงประสงค์ตามความต้องการของตลาดแรงงาน สังคมและประเทศชาติ ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 หมวด 1 มาตรา 6 และหมวด 4 มาตรา 24(4) ทบวงมหาวิทยาลัยได้พิจารณารูปแบบการพัฒนานิสิตนักศึกษาสู่การมีคุณลักษณะบัณฑิตอุดมคติไทยควรจะมีรูปแบบในการดำเนินงานอย่างไร ซึ่งจากกิจกรรมโครงการนำร่องทดลอง ทบวงมหาวิทยาลัยได้ให้งบประมาณสนับสนุนแก่สถาบันอุดมศึกษา ทั้งหมด 7 แห่งทั้งเขตกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ในระหว่าง ปีงบประมาณ 2544 และปีงบประมาณ 2545 นั้น จะสามารถสังเคราะห์รูปแบบการดำเนินงานดังกล่าว เพื่อนำมาเป็นโครงการต้นแบบเพื่อการพัฒนานิสิตนักศึกษา สู่คุณลักษณะบัณฑิตอุดมคติไทยสำหรับสถานบันอุดมศึกษาอื่นๆ ได้อย่างไร ดังนั้นทบวงมหาวิทยาลัย จึงได้จัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการวิจัยในโครงการศึกษาวิเคราะห์รูปแบบที่เหมาะสมในการพัฒนาบัณฑิตอุดมคติไทย แนวทางการดำเนินงานโครงการพัฒนาบัณฑิตอุดมคติไทยในช่วง พ.ศ. 2545ถึง 2549 ได้มีการดำเนินโครงการโดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ปี 2542 และนโยบายของรัฐบาล (ข่าวสด ศุกร์ที่ 21 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





นิสิต-นักศึกษาคึกคักในงาน มหกรรมอุดมศึกษา ครั้งที่ 1

"งานมหกรรมอุดมศึกษา ครั้งที่ 1" หรือ "ยูนิเวอร์ซิตี้แฟร์ 2005" ระหว่างวันที่ 12-15 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ที่ผ่านมาจะได้รับความสนใจจากนิสิต นักศึกษา พ่อแม่ผู้ปกครองอย่างคึกคัก โดยมีนายอดิศัย โพธารามิก รม.ศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงาน พร้อมนายภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) และผู้บริหารระดับสูงของสกอ. อธิการบดีมหาวิทยาลัยจำนวนมาก ในงานมีกิจกรรมหลายอย่าง ส่วนที่ 1. การจัดแสดงกิจกรรมของสถาบันอุดมศึกษาทั้งหมด 138 แห่งมานำเสนอผลงานให้สังคมทราบถึงขีดความสามารถของมหาวิทยาลัยต่างๆ นับเป็นการรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่และครบถ้วนที่สุด ส่วนที่ 2. การจัดตลาดนวัตกรรม เพื่อนำเสนอผลงานนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเฉพาะสิ่งประดิษฐ์ที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง กระตุ้นให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ นวัตกรรมกลุ่มเทคโนโลยีเกี่ยวกับหุ่นยนต์ ซอฟต์แวร์ กลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร เทคโนโลยีเกี่ยวกับวิสาหกิจชุมชน และเทคโนโลยีกลุ่มรางวัลนวัตกรรมแห่งประเทศไทย เป็นต้น อีกทั้ง สกอ.กำลังดำเนินโครงการใหม่ 2 โครงการ ได้แก่ การสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยต่างๆ จัดตั้งหน่วยบ่มเพาะธุรกิจในมหาวิทยาลัย และการจัดตั้งโครงการสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาด้านเทคโนโลยีในมหาวิทยาลัย เพื่อให้มหาวิทยาลัยมีบทบาทเชิงรุกในด้านการสร้างวิสาหกิจและหน่วยการผลิตใหม่ๆ ส่วนที่ 3 แสดงระบบอินเตอร์เน็ต หรือระบบอี-เลิร์นนิ่ง (E-Learning) ผ่านยูนิเน็ตซึ่งเป็นทางด่วนเชื่อมโยงข้อมูลของมหาวิทยาลัยทุกแห่ง ส่วนที่ 4 เป็นการสัมมนาทางวิชาการ โดยจัดเสวนาในหัวข้อต่างๆ เช่น "การจัดการความรู้ : บทบาทที่ท้าทายอุดมศึกษาไทย", "E-Learning : ทิศทางใหม่ของอุดมศึกษาไทย", "มหาวิทยาลัย และอุตสาหกรรม : Synergy เพื่อพัฒนาประเทศไทย" และ "เศรษฐกิจนวัตกรรม : การส่งเสริมของสถาบันอุดมศึกษา" นายภาวิช กล่าวว่า งานมหกรรมอุดมศึกษาจัดขึ้นเป็นครั้งแรกโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงศักยภาพของอุดมศึกษาในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการผลิตบัณฑิต การวิจัย การให้บริการวิชาการ และการทะนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม มหกรรมอุดมศึกษาในครั้งนี้ น่าจะเป็นแรงผลักดันให้นักเรียนนักศึกษามีแนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงานในสาขาที่ตัวเองศึกษาเล่าเรียน เพื่อมาร่วมมือกันพัฒนาประเทศชาติทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจต่อไป (ข่าวาสด ศุกร์ที่ 21 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


ยานอวกาศฮุยเกนส์ส่งภาพไตตันสู่โลก

เจ้าหน้าที่สำนักงานอวกาศแห่งยุโรปเผยว่า ยานอวกาศฮุยเกนส์ได้ส่งภาพไตตันดวงจันทร์บริวารของดาวเสาร์กลับมายังสถานีควบคุมบนภาคพื้นโลกเป็นครั้งแรก โดยภาพดังกล่าวเป็นรูปขาวดำของเส้นทึบที่อาจบ่งบอกถึงการมีของเหลวบนผิวของไตตัน และภาพเหล่านี้ถูกบันทึกในระดับที่เหนือจากพื้นผิวไตตันประมาณ 16 กม. ขณะที่ยานสำรวจอวกาศฮุยเกนส์ใช้ร่มชูชีพร่อนลงจอดอย่างปลอดภัย และส่งข้อมูลสู่โลกเป็นเวลากว่า 10 นาทีจากพื้นผิว ด้าน นายอัลฟอนโซ ดิแอซ ผู้บริหารทางวิทยาศาสตร์ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ (นาซา) กล่าวระหว่างมีการแพร่ภาพที่ยานอวกาศฮุยเกนส์ส่งจากไตตันสู่จอของหอควบคุมในเมืองดาร์มสตั๊ด ประเทศเยอรมนีว่า เป็นเรื่องน่าพิศวงอย่างยิ่ง และเรากำลัง เฝ้าจับตาดูการตีแผ่ระบบสุริยะจักรวาลของเรา สำหรับยานอวกาศฮุยเกนส์ถีบตัวออกจากยานแม่แคสซินีเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ก่อนเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นผิวของดวงจันทร์ไตตันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ภารกิจสำรวจอวกาศของแคสซินี-ฮุยเกนส์ เริ่มขึ้นเมื่อปี 2540 เป็นความพยายามร่วมมือกันระหว่างนาซา, สำนักงานอวกาศแห่งยุโรป และสำนักงานอวกาศอิตาลี (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 17 ม.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





พบซากไดโนเสาร์ที่ขอนแก่น ชนิดกินเนื้อเหมือนในอียิปต์

ดร.วราวุธ สุธีธร ผู้เชี่ยวชาญด้านไดโนเสาร์เมืองไทย ผู้อำนวยการสำนักธรณีวิทยา กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เปิดเผยว่า ในการประชุมวิชาการครบรอบ 113 ปี แห่งการสถาปนากรมทรัพยากรธรณี เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เสนอเรื่องการศึกษาวิจัยฟอสซิลไดโนเสาร์ในเมืองไทย ล่าสุดเพิ่งวิจัยชิ้นส่วนกระดูกไดโนเสาร์ที่ขุดค้นจากแหล่งศึกษาวิจัยใน จ.ขอนแก่น จำนวน 10 กว่าชิ้น ประกอบด้วยกระดูกสันหลัง กระดูกคอที่ค่อนข้างสมบูรณ์มาก และนับเป็นข่าวดีว่าชิ้นส่วนดังกล่าวเป็นไดโนเสาร์พันธุ์สยามโมซอรัส ซึ่งเป็นไดโนเสาร์กินเนื้อสกุลใหม่ของไทยที่เคยเจอชิ้นส่วนฟันเมื่อหลายปีก่อนที่ภูเวียง จ.ขอนแก่น โดยการค้นพบกระดูกส่วนสันหลังครั้งนี้มีความสำคัญและน่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากเป็นกระดูกที่มีความยาว 60-80 เซนติเมตร ลักษณะเดียวกับที่เคยมีรายงานการค้นพบในอียิปต์และอเมริกา ทำให้ยืนยันว่าเป็นไดโนเสาร์พันธุ์สยามโมซอรัสอย่างแน่นอน เมื่อปีที่ผ่านมาทีมนักวิจัยนำโดย ดร.เยาวลักษณ์ ชัยมณี ได้สำรวจแหล่งเหมืองลิกไนต์แม่เมาะ จ.ลำปาง และได้เจอฟอสซิลงาช้างโบราณ อายุ 13 ล้านปี พันธุ์กอมโฟเทอเรียม (Gomphotherium) หรือช้าง 4 งา โดยประกอบด้วย งาบน 2 ชิ้น ยาว 70 เซนติเมตร และงาล่าง 1 ชิ้น ซึ่งฟอสซิลอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ และที่ผ่านมาเคยมีการขุดพบฟอสซิลช้างในเมืองไทยในพื้นที่ภาคเหนือกระจัดกระจายตั้งแต่ลำพูน ลำปาง พะเยา เชียงใหม่ มีหลายพันธุ์ไม่ว่าจะเป็นช้างงาจอบ ช้างในกลุ่มสโตดอน ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 12-17 ล้านปี ทั้งยังพบในเขตพื้นที่ จ.นครราชสีมา อีกหลายชนิด แต่มีอายุราว 7-9 ล้านปี ซึ่งส่วนใหญ่ฟอสซิลช้างที่พบน่าจะเป็นชนิดใหม่ๆ แต่เนื่องจากการวิจัยยังมีข้อมูลกระจัดกระจาย และข้อมูลฟอสซิลช้างชนิดใหม่ในโลกก็มีมาก ดังนั้น จึงต้องมีการเปรียบเทียบความแตกต่างให้ชัดเจนก่อน (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 17 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





จุฬาฯพบ"สึนามิ"ทำ"ภูเก็ต"เคลื่อนที่11ซ.ม.

ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ ศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัย และฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้น พบว่าคลื่นยักษ์สึนามิทำให้เกาะภูเก็ตในพิกัดแผนที่ภูมิศาสตร์เคลื่อนที่ในแนวราบจากเดิมถึง 11 เซนติเมตร ซึ่งจะกระทบทำให้พิกัดร่องน้ำสำหรับการเดินเรือเปลี่ยนแปลงไปด้วย ซึ่งภายในสัปดาห์หน้าจะจัดส่งคณะวิจัยไปสำรวจผลกระทบในแนวดิ่งของเกาะภูเก็ตว่าเปลี่ยนแปลงไปด้วยหรือไม่ ขณะนี้จุฬาฯได้จดทะเบียนบริษัทนิติบุคคลชื่อว่า บริษัท พรีซิชั่น ฟอร์คาสเตอร์ จำกัด เพื่อให้บริการสร้างระบบเตือนภัยทางทะเลให้กับผู้ที่สนใจ ทำให้เตือนภัยสึนามิได้ล่วงหน้า 2-3 ชั่วโมง ซึ่งขณะนี้มีเอกชน 2 รายคือ บริษัทยูโนแคล และบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) สนใจให้บริษัทแห่งนี้เข้ามาช่วยดูแลวางระบบเตือนภัย โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 2-3 ล้านบาท/แห่ง และมีค่าบริการรายเดือนเพียงหลักหมื่นบาท/เดือนเท่านั้น ด้านตัวแทนจากกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำในเกาะสิมิลัน เกาะสุรินทร์ เกาะอาดังราวี เกาะราชาน้อยเพื่อทำหน้าที่เฝ้าสังเกตการเปลี่ยนแปลงทางทะเล หากพบว่าคลื่นลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าจะเกิดปัญหาคลื่นยักษ์สึนามิ ทางกองทัพเรือก็จะแจ้งให้มีการประกาศเตือนภัยให้แก่พื้นที่ชายฝั่งได้ทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 30 นาที (ประชาชาติธุรกิจ จันทร์ที่ 17 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th/prachachat)





เปิดโผ มหานครสุดเสี่ยง และพื้นที่เป้าหมายมหันตภัยธรรมชาติ

ระหว่างการประชุมใหญ่ของสหประชาชาติ ว่าด้วยเรื่องของการลดภัยพิบัติที่เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น 18-22 มกราคมนี้จะมีเอกสารที่น่าสนใจฉบับหนึ่งเผยแพร่ในการประชุมครั้งนี้ด้วย โดยใช้ชื่อว่า Megacities-Megarisks ซึ่งจัดทำโดยกลุ่มบริษัทมิวนิก รี บริษัทรับช่วงประกันต่อแถวหน้าของโลก ในรายงานฉบับนี้ได้เปิดโผมหานครที่มีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะเผชิญกับหายนะจากภัยพิบัติ อันดับหนึ่งของรายชื่อ คือ กรุงโตเกียว โดยมีคะแนนในดัชนีความเสี่ยงสูงที่สุด 710 คะแนน เนื่องจากโตเกียว-โยโกฮามา เมืองใหญ่ในประเทศเดียวกันมีพื้นที่ชายฝั่งที่มีสิทธิ์เผชิญกับภัยธรรมชาติ ทั้งจากการปะทุของภูเขาไฟ แผ่นดินไหว พายุไต้ฝุ่น น้ำท่วม รวมถึงคลื่นยักษ์สึนามิ ในลักษณะกับที่ได้พัดถล่ม 11 ประเทศริมมหาสมุทรอินเดียเมื่อวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา รองลงมาคือ นครซานฟรานซิสโก ซึ่งมีคะแนนความเสี่ยงสูงเป็นอันดับ 2 รวม 167 คะแนน ตามด้วยลอสแองเจลิส (100) โอซากา (92) ไมอามี (45) และนิวยอร์ก (42) ตามลำดับ เช่นเดียวกับมะนิลา ฮ่องกง ลอนดอน และปารีส ที่ติด 10 อันดับแรก แม้แต่กรุงเทพมหานคร และกรุงโซล ก็รวมอยู่ในมหานครสุดเสี่ยงเช่นกัน คะแนนความเสี่ยงเหล่านี้ประเมินจากอันตรายจากภัยธรรมชาติ และมูลค่าความสูญเสียหากเกิดภัยพิบัติขึ้นมา ยกตัวอย่าง โตเกียว และซานฟรานซิสโก หากเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมาเมื่อใด นั่นหมายความว่า มิวนิก รีจะเผชิญกับการเรียกค่าชดเชยจากการประกันเป็นมูลค่าสูงถึง 3.3-4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งในอดีตซานฟรานซิสโกเคยเกิดแผ่นดินไหวมาแล้วเมื่อปี 2449 โดยต้องสังเวยชีวิตมนุษย์ไปกว่า 3,000 คน (ประชาชาติธุรกิจ จันทร์ที่ 17 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th/prachachat)





แสงสุริยาส่องโลกอ่อนแสงน้อยลง เพราะโดนฝุ่นละอองบดบังเอาไว้

นักวิทยาศาสตร์อังกฤษ ดร.เกอร์รี่ สแตนฮิลล์ ผู้ซึ่งได้ตรวจวัดปริมาณแสงแดด ที่ส่องมายังโลกมาเป็นเวลาแรมปีอยู่ได้เปิดเผยว่า ปริมาณแสงแดดได้ลดน้อยลง เมื่อเทียบกับสมัยเมื่อหลายสิบปีก่อน คือบางแห่งมันลดต่ำลงไปถึง 22%และเมื่อเขารวบรวมสถิติปริมาณแสงแดดตามที่ต่างๆทั่วโลก ก็ปรากฏว่าปริมาณแสงแดดได้ลดลงด้วยเช่นกัน เขาคำนวณได้ว่าแสงแดดที่อเมริกาลดน้อยลงไป 10% ในดินแดนรัสเซียหลายแห่งลดลงไปเกือบ 30% และตามหลายส่วนของเกาะอังกฤษลดน้อยลง 16% ตัวเลขแตกต่างกันแล้วแต่พื้นที่ และพอสรุปว่าปริมาณแดดที่ส่องมายังโลก ระหว่างช่วงทศวรรษปี พ.ศ.2493 ถึงช่วงปี พ.ศ.2533 ได้ลดลงระหว่าง 1-2% นักวิทยาศาสตร์อีกผู้หนึ่ง ดร.รามานาธานได้กล่าวให้ความเห็นว่า ปรากฏการณ์ที่เรียกกันว่า "โลกมืดมัว" นี้ มีสาเหตุมาจากมลภาวะอย่างเช่น จากการเผาผลาญถ่านหิน น้ำมัน และไม้ ของรถยนต์ โรงไฟฟ้า รวมทั้งการหุงหาอาหาร มันไม่แต่เพียง ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มองไม่เห็นเท่านั้น หากยังก่อให้เกิดผงฝุ่นละอองของเขม่า เถ้าถ่าน สารประกอบกำมะถัน และมลพิษอื่นๆด้วย สิ่งเหล่านี้ เป็นตัวการสะท้อนแสงแดดให้กลับออกไปนอกโลก ไม่ให้ส่องตกลงถึงพื้นดิน นักวิทยาศาสตร์อีกหลายคนยังห่วงว่า เพราะเหตุที่มหาสมุทรได้รับแสงแดดน้อยลง อาจจะเกิดผลกระทบกับการเกิดฝนฟ้าขึ้น เพราะเคยเกิดความแห้งแล้งในดินแดน แถบอนุสฮาราของทวีปแอฟริกามาแล้ว ที่น่าเป็นห่วงก็คือจะมาเกิดที่ทวีปเอเชีย ที่มีพลโลกมากถึงครึ่งโลก. (ไทยรัฐ อังคารที่ 18 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





นักวิจัยภัยทะเลสหรัฐแนะไทย เร่งทำระบบ ลิงค์ศูนย์เตือนภัยนานาชาติ

วันที่ 18 ม.ค. สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ จัดประชุมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ "ระบบเตือนภัยและการฟื้นฟูชายฝั่งทะเล" โดย ดร.ธวัช วิรัติพงศ์ หัวหน้าโครงการวิจัยและพัฒนาทางด้านภัยพิบัติทางทะเล และผู้จัดการโครงการประจำ Jet Propulsion Laboratory , California Institute of Technology ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ และเสนอแนะการจัดทำระบบเตือนภัยในประเทศไทย โดยสรุปดังนี้ สิ่งสำคัญสำหรับการจัดตั้งระบบเตือนภัยในขณะนี้ คือ การปรับปรุงเครือข่ายการสื่อสารประสานงานภายในประเทศ ให้สามารถส่งสัญญาณเตือนภัยไปยังผู้อยู่ในเขตเสี่ยงภัยได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งการเชื่อมโยงข้อมูลกับศูนย์กลางเตือนภัยนานาชาติ และที่สำคัญ ควรสร้างกฎเกณฑ์เพื่อช่วยการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่กองพยากรณ์ นอกจากนี้ ยังต้องร่วมกับนานาชาติ ในการจัดทำระบบเตือนภัยสึนามิในภูมิภาค และควรขอความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคจากต่างประเทศ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบเตือนภัยสึนามิ ซึ่งให้ความเห็นว่า สิ่งที่จำเป็นสำหรับประเทศไทยในขณะนี้คือ การเชื่อมโยงข้อมูลกับนานาชาติและเร่งปรับปรุงเครือข่ายการสื่อสารภายในประเทศ ที่จะส่งสัญญาณเตือนภัยไปยังผู้อยู่ในเขตเสี่ยงภัย เวทีประชุมไม่เห็นด้วยหากรัฐบาลจะทุ่มงบประมาณมหาศาล สำหรับการติดตั้งทุ่นและทำระบบการเตือนภัยสึนามิในทะเลเอง แต่ควรเป็นการดำเนินการในรูปแบบการร่วมทุนนานาชาติ หรือชักชวนอเมริกาและญี่ปุ่นร่วมลงทุนด้วย เพราะทั้งสองประเทศมีแผนการที่จะช่วยวางระบบทุ่นให้อยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ไม่ควรขยายงานทางด้านแผ่นดินไหวที่ใหญ่โตมากเกินไป เพราะปัจจุบันมีข้อมูล real time ของแผ่นดินไหวอยู่แล้ว ทั้งนี้ ข้อสรุปที่ได้ภายหลังการประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ ทาง ดร.สันทัด โรจนสุนทร ประธานกรรมการบริหารสภาวิจัยแห่งชาติ จะนำเสนอไปยังปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อนำไปปรับใช้ในการสร้างระบบเตือนภัยต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 19 ม.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





เปิดศักราชติดเรดาร์ให้รถยนต์ ป้องกันแล่นชนกันประสานงาได้

สหภาพยุโรปได้อนุมัติให้ติดตั้งเทคโนโลยี ซึ่งจะป้องกันรถยนต์ชนประสานงากัน หรือไปเฉี่ยวชนกับคันอื่นตามลานจอดรถได้ คณะบริหารของสหภาพยุโรปได้อนุมัติคลื่นความถี่เพื่อสำหรับอุปกรณ์เรดาร์ระยะใกล้ ซึ่งสามารถจับพบสิ่งกีดขวางทางด้านหน้ารถ พร้อมกับสั่งให้ระบบเบรก ของรถทำงานโดยอัตโนมัติ เป็นที่คาดว่าเทคโนโลยีจะเสร็จได้ ทันใช้ในราวกลางปีนี้ และได้แนะนำให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์นำไปประกอบติดรถรุ่นใหม่ ได้ทันที ผู้บริหารของสหภาพผู้หนึ่งกล่าวบอกว่าอุปกรณ์เรดาร์ระยะใกล้นี้ จะสามารถช่วยสงวนชีวิตคนในปีหนึ่งๆได้เป็นจำนวนมาก อันที่จริงเทคโนโลยีดังกล่าวถูกคิดประดิษฐ์ ขึ้นมาก่อนแล้ว แต่เหตุที่ยังไม่มีการนำมาใช้ ก็ด้วยเหตุที่ทางการยังไม่มีอนุมัติคลื่นความถี่เฉพาะให้ เพราะจะต้องมีการจัดสรรคลื่นความ ถี่ให้ เพื่อจะได้ไม่ไปรบกวนอุปกรณ์อย่างอื่น อย่างเช่นโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์เรดาร์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ. (ไทยรัฐ ศุกร์ 21 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ไปรษณีย์ไทยเพิ่มทางเลือกใหม่ แจ้งเรื่องได้ผ่านทางอินเตอร์เน็ต

บริษัทไปรษณีย์ไทยจำกัด เพิ่มทางเลือกใหม่ ผู้ใช้บริการที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับสิ่งของ ฝากส่งระหว่างประเทศไทย สามารถทำเรื่องขอสอบสวนได้ทางอินเตอร์เน็ตนางสาวอานุสรา จิตต์มิตรภาพ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัทไปรษณีย์ไทย เปิดเผยถึงบริการดังกล่าวว่า ผู้ใช้บริการสามารถทำเรื่องขอสอบสวนได้ทางอินเตอร์เน็ต โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ www.thailandpost.co.th กดผังเว็บไซต์ แล้วเลือกหัวข้อ post investigation ในหัวข้อ เว็บไซต์หน่วยงานไปรษณีย์ จะพบแบบฟอร์มให้กรอกรายละเอียดของสิ่งของฝากส่งที่ต้องการสอบสวน ทั้งนี้ เมื่อกรอกรายละเอียดที่ครบถ้วนถูกต้องแล้ว ระบบจะแจ้งถึงการได้รับเรื่องสอบสวนไว้แล้ว และจะแจ้งผลการสอบสวนให้ทราบโดยเร็ว ซึ่งตามขั้นตอนทางบริษัทจะส่งเรื่องสอบสวน ไปยังการไปรษณีย์ต่างประเทศที่เกี่ยวข้องโดยทางอีเมล์ ในกรณีที่ปลายทางไม่มีอีเมล์ก็จะจัดส่งไปทางไปรษณีย์ หรือโทรสาร หลังจากได้รับแจ้งผลจากต่างประเทศ ทางไปรษณีย์ไทยก็จะรีบแจ้งให้ผู้ใช้ได้ทราบทางอีเมล์ อนึ่ง การตรวจสอบข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตนั้น ปัจจุบัน บริษัท ไปรษณีย์ไทย ยังมี ระบบติดตามและตรวจสอบสถานะสิ่งของฝากส่งทางไปรษณีย์ หรือที่เรียกว่า Track & Trace สำหรับบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ EMSและไปรษณีย์ลงทะเบียน R ในประเทศ รวมทั้งระบบติดตามและตรวจสอบ EMS ระหว่างประเทศอีกระบบหนึ่งแยกต่างหาก ซึ่งทั้งหมดนี้จะพบได้บนเว็บไซต์ของบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด www.thailandpost.co.th (ไทยรัฐ อาทิตย์ที่ 23 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ตรวจรอยแยกใต้ทะเลพบก๊าซ"บั้งไฟพญานาค"

วันที่ 21 ม.ค. นายวรรณเกียรติ ทับทิมแสง ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จ.ภูเก็ต กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ภายหลังร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกรมทรัพยากรธรณี และนักดำน้ำของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ลงไปตรวจสอบในจุดที่ชาวบ้าน ต.ราชกรูด จ.ระนอง ได้แจ้งว่าพบฟองน้ำผุดขึ้นมาจำนวนมาก และยังตรวจเจอรอยแยกใต้ทะเลบริเวณอ่าวแหลมสน ห่างจากชายฝั่งประมาณ 500 เมตร และพบรอยแยกกว้างประมาณ 3-4 นิ้วยาวเป็นระยะทางกว่า 1 กม.ว่า ผลการตรวจสอบโดยการดำน้ำลงไปสำรวจค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า ไม่มีรอยแยกใต้ทะเลแต่อย่างใด แต่ตรวจพบร่องรอยการกัดเซาะเกิดขึ้น คาดว่าอาจจะเกิดจากคลื่นพัดเอาทรายออกไป ทำให้บริเวณนั้นซึ่งเคยเป็นป่าชายเลนเก่า มีการทับถมของซากพืชซากสัตว์ การทับถมก่อให้เกิดก๊าซมีเทน และทรายที่มีอยู่เดิมจะเป็นตัวปิดทับไม่ให้ก๊าซผุดขึ้นมา แต่เมื่อทรายถูกกัดเซาะออกไป หลังจากถูกคลื่นยักษ์สึนามิ ก๊าซจึงผุดขึ้นมา ทั้งนี้ สันนิษฐานว่าก๊าซมีเทนที่พบน่าจะเป็นชนิดเดียวกับก๊าซที่ทำให้เกิดบั้งไฟพญานาค ในแม่น้ำโขง ที่ จ.หนองคาย โดยขณะนี้ ได้เก็บตัวอย่างดินและน้ำไปตรวจสอบเพิ่มเติมแล้ว แต่เท่าที่สัมผัสไม่พบว่าน้ำทะเลในบริเวณดังกล่าว มีอุณหภูมิสูงขึ้นแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม นายรังสิโรจน์ วงศ์พรหมเมฆ นักวิชาการ 8 ทรัพยากรแร่ส่วน 5 สำนักทรัพยากรแร่ กรมทรัพยากรธรณี พร้อมทีมดำน้ำจากกรมสรรพาวุธทหารเรือ เก็บตัวอย่างของดินโคลน น้ำ เพื่อนำไปวิเคราะห์ยืนยันอีกครั้ง (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 23 ม.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ข่าววิจัย/พัฒนา


กินลูกเชอร์รี่ต้านโรคเบาหวาน ช่วยผลิตอินซูลินขึ้นอีกครึ่งเท่า

คณะนักวิจัยได้รายงานอยู่ในวารสาร "เคมีด้านเกษตรกรรมและโภชนาการ" ของสมาคมเคมีแห่งอเมริกันว่า สารเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในลูกเชอร์รี่ มีสรรพคุณช่วยลดน้ำตาลในเลือด ในผู้ป่วยโรคเบาหวานลงได้ โดยได้ พบจากการทดลองในห้องปฏิบัติการกับเซลล์ตับอ่อนของสัตว์ สารเคมีที่มีชื่อว่า "แอนโทรไซยานิน" อันเป็นรงควัตถุ สีม่วงแดงมีอยู่ในถุงของเหลวของพืช ทำให้ดอกไม้และส่วนอื่นๆของพืช เช่น เปลือก ผลมีสีม่วง และแดงตามไปด้วยนั้น ได้ช่วยให้มันสามารถผลิตอินซูลินได้เพิ่มสูงขึ้นได้อีกถึง 50%ยังจะช่วยควบคุมระดับกลูโคสในเลือดของผู้ป่วยได้อีกด้วย สารแอนโทรไซยานิน ยังมีสรรพคุณเป็นตัวล้างพิษที่มีอำนาจ จึงมีประโยชน์ในการบำรุงสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง ช่วยป้องกันโรคหัวใจและมะเร็งได้ด้วย. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 17 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





พบช่องทางสำคัญสกัดโรคเอดส์ ไม่ให้ลุกลามออกไปทั่วร่างกาย

นักวิทยาศาสตร์พบเข้ากับร่องรอยอันสำคัญที่สุด ที่จะสกัดกั้นโรคเอดส์ ไม่ให้ลุกลามออกไปอีกได้ ซึ่งจะเปิดหนทางไปสู่การรักษาแบบใหม่ขึ้น พวกเขาได้พบว่าลิงวอกที่ถูกใช้ในการทดลอง ซึ่งมีภูมิต่อต้านโรคเอดส์ในตัว เป็นเพราะมียีนพิเศษอย่างหนึ่ง การค้นพบทำให้ได้รู้ หนทางว่า หากสามารถปรับเปลี่ยนยีนในคนได้ ก็อาจทำให้เกิดมีภูมิต่อต้านโรคร้ายขึ้น จะได้ ป้องกันไม่ให้โรคเอดส์ลุกลามไปมากขึ้นได้ ดร.โจนาธาน สโตย แห่งสภาวิจัยทางการแพทย์ของอังกฤษ กล่าวแสดงความเห็นในวารสารการแพทย์ "ชีววิทยาสมัยใหม่" ว่า "การค้นพบครั้งนี้ นับว่ามีส่วนสำคัญในการคิดค้นหนทางต่อสู้กับโรคเอดส์ ด้วยเทคนิคแห่งการบำบัดด้วยยีน" เขาบอกยืนยันด้วยว่า "ตามทฤษฎีแล้ว การสกัดเอาเซลล์จากผู้ป่วยโรคเอดส์ ออกมาปรับแต่งให้มันต่อต้านโรคที่เข้าไปเบียดเบียน แล้วนำกลับเข้าไปไว้ในตัวคนไข้ใหม่เป็นเรื่องเป็นไปได้ เซลล์เหล่านั้นจะไปขัดขวางโรคไม่ให้มันลุกลามต่อไปได้ (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 17 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





กังขาภาชนะเทฟลอนก่อมะเร็ง

สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐ (อีพีเอ) เปิดเผยว่า คณะนักวิทยาศาสตร์ของอีพีเอ จะช่วยตรวจสอบความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้บริโภค ที่เกิดจากสารเคมีที่ใช้ในการผลิตสารเคลือบภาชนะและอุปกรณ์ต่างๆ อาทิ เทฟลอน เคยมีรายงานระบุว่า สารพีเอฟโอเอ ซึ่งใช้ผลิตเทฟลอน เป็นสารที่เป็นอันตรายต่อหนู ทั้งยังอาจเพิ่มระดับคอเลสเตอรอล และไทรกลีเซอไรด์ในมนุษย์ได้ ซึ่งดูปองท์ ผู้ผลิตสารเคมีชั้นนำของสหรัฐ ชี้แจงว่า จากผลการทดลองของบริษัทไม่พบว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์แต่อย่างใด บอร์ดที่ปรึกษาของคณะนักวิทยาศาสตร์ จะทำการเปิดเผยเรื่องนี้ต่อสาธารณชนในวันที่ 22-23 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้ และจะทบทวนรายงานขั้นต้นของอีพีเอ ตามที่ได้ตกลงที่จะจัดทำรายงานดังกล่าวเมื่อเดือนเมษายน 2546 ทั้งนี้ อีพีเอ เป็นผู้จัดทำการศึกษาขั้นต้น โดยได้รับข้อมูลมาจากบริษัทดูปองท์ ซึ่งใช้พีเอฟโอเอ และบริษัท 3 เอ็ม โค. ซึ่งเคยใช้พีเอฟโอเอเช่นกัน นอกจากนี้ บรรดานักวิชาการตลอดจนรัฐบาลต่างๆ ก็มีส่วนร่วมในการศึกษานี้ด้วย เทฟลอน เป็นชื่อทางการค้าของวัสดุพลาสติกชนิดหนึ่ง ที่คิดค้นโดยบริษัทดูปองท์ เป็นสารที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์ เป็นสารเคลือบผิวภาชนะปรุงอาหารสมัยใหม่ ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ด้วยสมบัติที่โดดเด่นของมัน คือ ความทนทานต่อกรด ด่าง และความร้อนได้ดี และยังมีสมบัติในการต้านทานการยึดเกาะอีกด้วย เทฟลอนมีลักษณะคล้ายขี้ผึ้ง สีค่อนข้างขาว ทึบแสง น้ำหนักเบา จัดเป็นวัสดุประเภทพลาสติก ที่มีเสถียรภาพสูง ลักษณะของโมเลกุลเรียงต่อกัน เป็นโซ่ยาวของคาร์บอน และฟลูออรีน หรือที่เรียกกันว่า เตตระฟลูออโรเอทธีลีน (Tetrafluoroethylene) เทฟลอนมีความเฉื่อยต่อสารเคมีและตัวทำละลายทุกประเภท ยกเว้น โลหะอัลคาไลน์หลอมเหลว และแก๊สฟลูออรีนร้อนเท่านั้น และสามารถทนต่อความร้อนได้ตั้งแต่ 0 องศาเซลเซียส ถึง 600 องศา (คมชัลึก จันทร์ที่ 17 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





กินเนื้อมากเสี่ยงมะเร็งลำไส้

วารสารสมาคมแพทย์อเมริกัน เปิดเผยงานศึกษาล่าสุดยืนยันความเกี่ยวข้องกันระหว่างโรคมะเร็งลำไส้กับการรับประทานเนื้อ โดยทีมงานได้ติดตามข้อมูลสุขภาพของอาสาสมัคร จำนวน 148,610 คน อายุระหว่าง 50-74 ปี เป็นเวลานาน 10 ปี ซึ่งนิยมกินเนื้อเป็นชีวิตจิตใจ ผลสำรวจพบว่า คนที่ชอบกินเนื้อแดงมากเกินระดับที่กำหนดปริมาณบริโภคต่อวันมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้เล็กมากกว่าผู้ที่ไม่ค่อยรับประทานเนื้อ เนื้อที่ปรุงสุกแล้วอาจทำให้เกิดสารฮีเทอโรไซคลิกเอมิน สารที่เป็นตัวก่อมะเร็ง นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า ธาตุเหล็กในเนื้ออาจมีปฏิกิริยากับลำไส้และก่อให้เกิดมะเร็ง นอกจากนี้ สารประกอบไนเตรทในเนื้อที่ผ่านกระบวนการอาจเกี่ยวโยงกับโรคมะเร็งด้วย อย่างไรก็ดี นักวิจัยจากสมาคมมะเร็งอเมริกัน ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการวิจัย กล่าวว่า เขาไม่ได้ต้องการให้คนเลิกรับประทานเนื้อ แต่เพื่อเป็นการกันไว้ก่อน ควรลดการบริโภคเนื้อให้น้อยลง โดยเฉพาะเนื้อติดมัน และให้รับประทานพวกถั่ว ปลา และไก่แทน งานวิจัยอีกชิ้นได้ดำเนินการศึกษากับสตรี จำนวน 285,526 คน อายุระหว่าง 20-70 ปี จาก 8 ประเทศ โดยติดตามผลการศึกษาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี นักวิจัยพบว่า การรับประทานผักและผลไม้เป็นจำนวนมากๆ ไม่สามารถป้องกันทรวงอกของสตรีให้รอดพ้นจากภัยมะเร็งได้ แม้ผักและผลไม้เหล่านี้มีสารพิเศษบางชนิดที่ป้องกันมะเร็งได้ก็ตาม (คมชัลึก จันทร์ที่ 17 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ข่ายับยั้งเชื้อแบคทีเรีย

ดร.เกรียงศักดิ์ เอื้อมเก็บ สาขาชีววิทยา สำนักวิชาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ได้นำเสนอผลงานวิจัยพืชตระกูลข่าว่าพบสารกลุ่ม เฟลโวนอยด์(Flavonoid) ที่สามารถเสริมฤทธิ์ยาปฏิชีวนะ ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนองได้ แก้ปัญหาการดื้อยาในโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาและโรงพยาบาลเกือบทุกแห่งในประเทศไทย ที่พบเชื้อที่ทำให้เกิดการติดเชื้อเป็นหนองที่ดื้อต่อยากลุ่ม beta-lactam antibiotics เช่น กลุ่มยาเพนนิซิลิน เชื้อเหล่านี้ยังก่อให้เกิดการติดเชื้อกับผู้ป่วยที่นอนในโรงพยาบาลในอัตราที่สูงผ่านเลือดและสิ่งคัดหลั่งจากผู้ป่วย เช่น เสมหะ น้ำมูก น้ำลาย ฯลฯ ส่งผลให้ต้องเสียเงินในการรักษาจำนวนมาก แต่ใช้ไม่ได้ผล และมีโอกาสเป็นอันตรายถึงชีวิต การวิจัยพบว่า เชื้อกลุ่มที่ทำให้เกิดฝีหนอง ที่เคยดื้อต่อยาปฏิชีวนะดังกล่าว จะถูกยับยั้งได้เมื่อนำสารกลุ่มเฟลโวนอยด์ จากพืชตระกูลข่า มาผสมกับยาปฏิชีวนะบางตัว สามารถฆ่าเชื้อได้ดี อย่างไรก็ตาม ยังอยู่ในช่วงการศึกษาเบื้องต้น ต้องผ่านการทดสอบความเป็นพิษและผลข้างเคียงโดยใช้เวลา 1-2 ปี ซึ่งความเป็นไปได้อยู่ในอัตราที่สูง ซึ่งขณะนี้กำลังขอทุนวิจัยเพิ่มจากทาง สกว. หากตรวจสอบว่าไม่มีพิษ ก็จะสามารถนำเข้าสู่อุตสาหกรรมยา นอกจากทำใช้ในประเทศได้แล้วยังสามารถส่งออกต่างประเทศได้อีกด้วย (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 17 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





"ม.รังสิต"โชว์หุ่นยนต์กู้ภัย ฉลอง 20 ปีมหาวิทยาลัย

นายกิตติศักดิ์ กุลศัตยาภิรมย์ นักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า ปีนี้ทางมหาวิทยาลัยส่งหุ่นยนต์กู้ภัยเข้าชิงแชมป์ประกวดหุ่นยนต์กู้ภัย ของสมาคมวิชาการหุ่นยนต์ไทย เพื่อแข่งขันเป็นตัวแทนประเทศไปประกวดในเวทีโลก ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนพ.ย.ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยประดิษฐ์หุ่นยนต์ร่วมประกวด ใช้งบประมาณ 20,000 บาท สำหรับการผลิต สำหรับหุ่นนยนต์ดังกล่าว มีสมรรถภาพในการค้นหาผู้บาดเจ็บจากซากปรักหักพัง ด้วยการใช้คลื่นวิทยุในการควบคุมผ่านทางคอมพิวเตอร์และใช้ล้อในการเคลื่อนไหว โดยโดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ จะนำหุ่นยนต์ที่ส่งเข้าประกวด ออกแสดงในงาน "โอเพ่น เฮาส์ ม.รังสิต ประตูสู่อนาคต" ซึ่งจัดขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปีมหาวิทยาลัยรังสิต ในวันอังคารที่ 25 ม.ค.นี้ ทั้งนี้ ภายในงาน ยังมีการแสดงผลงานจากคณะการแพทย์แผนตะวันออก โดยจะมีการสาธิตการนวดแบบกดจุด งานวิจัยตัวอย่างสมุนไพรกวาวเครือขาวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และเทคโนโลยีการพัฒนาสมุนไพรชั้นสูง โดยเปิดให้มีการทดลองฝึกเตรียมเครื่องสำอางด้วยตัวเอง (ข่าวสด จันทร์ที่ 17 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





มหิดลทำวัสดุเรืองแสงแทนที่หลอดไฟ หนุนเอสเอ็มอีไทยผลิตป้อนอุตฯอิเล็กทรอนิกส์

ผศ.ดร.ธีรเกียรติ์ เกิดเจริญ ภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยมหิดล หนึ่งในทีมวิจัยโครงการอินทรีย์อิเล็กทรอนิกส์ เปิดเผยว่า ทีมงานสามารถสังเคราะห์สารโพลีเมอร์นำไฟฟ้า ซึ่งจะเรืองแสงเมื่อได้รับกระแสไฟฟ้า โดยสารดังกล่าวนำมาประยุกต์ใช้เป็นอุปกรณ์เรืองแสง เช่น ป้ายโฆษณาหรือผนังเรืองแสงภายในตัวแทนแสงสว่างจากหลอดไฟ อีกทั้งสามารถใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต เช่น หน้าจอโทรศัพท์มือถือ หน้าจอโทรทัศน์ "แสงจากโพลีเมอร์เรืองแสงจะประหยัดพลังงานกว่าการส่องสว่างของหลอดไฟแบบเดิม โดยหลอดไฟให้ทั้งคลื่นความร้อนและคลื่นความสว่าง ขณะที่เราต้องการใช้งานหลอดไฟเฉพาะความสว่างเท่านั้น ส่วนที่เป็นคลื่นความร้อนจึงเป็นการสูญเปล่าทางพลังงาน แต่เมื่อเทียบกับแสงที่ได้จากโพลีเมอร์เรืองแสง จะให้เฉพาะคลื่นความสว่างโดยกักเก็บคลื่นความร้อนไว้ในตัว จึงช่วยประหยัดพลังงานได้มาก นอกจากนี้ ส่วนประกอบหลักของโพลีเมอร์นำไฟฟ้าคือสารอินทรีย์ (สารที่มีพื้นฐานเป็นเช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิต โดยมีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ) จึงย่อยสลายง่ายและไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ฉะนั้น โพลีเมอร์เรืองแสงจึงเป็นทางเลือกหนึ่ง สำหรับการแก้ไขปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่กำจัดยาก และยังก่อมลภาวะให้สิ่งแวดล้อมด้วย เมื่อวัสดุเหล่านี้ได้รับกระแสไฟฟ้า จะเกิดการเรืองแสงเกิดขึ้น สำหรับงานขั้นต่อไปที่กลุ่มโครงการวิจัยอินทรีย์อิเล็กทรอนิกส์ จะสร้างขึ้นตามพื้นฐานความรู้โพลีเมอร์นำไฟฟ้าคือ เซนเซอร์โมเลกุล (O-Sense) ซึ่งเป็นงานวิจัยที่นำไปประยุกต์ใช้เป็นจมูกเทียม เพื่อดมกลิ่นแทนจมูกคนในบางอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมน้ำหอม และงานวิจัยเซลล์สุริยะแบบอินทรีย์ (O-Cell) ที่จะพัฒนาไปสู่เซลล์สุริยะที่มีความยืดหยุ่นสูง น้ำหนักเบา พกพาไปใช้งานได้ง่าย สำหรับหลักการเรืองแสงของโพลีเมอร์นั้น ทำได้โดยนำโพลีเมอร์ที่นำไฟฟ้ามาทำเป็นแผ่นบาง แล้วมาประกบกับขั้วไฟฟ้า ที่ด้านหนึ่งเป็นกระจกนำไฟฟ้าและอีกด้านหนึ่งเป็นขั้วโลหะ เมื่อผ่านกระแสไฟฟ้าเข้าไป แสงจะออกมาจากด้านที่เป็นโลหะและแสดงให้เห็นในด้านที่เป็นกระจก ซึ่งข้อดีของโพลีเมอร์นำไฟฟ้านี้ สามารถจะเล่นกับสีสันที่แสดงออกมาได้ จะให้เปล่งแสงเป็นสีแดง สีฟ้า สีเขียว สีเหลือง หรืออื่นๆ โดยเข้าไปปรับโครงสร้างของโพลีเมอร์ในระดับโมเลกุล (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 18 ม.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ราชมงคลพัฒนาไอซีทีส่งเสริมเกษตรไทย

สถาบันวิจัยและฝึกอบรมการเกษตรลำปาง สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ซึ่งนำโดย ดร.สนั่น การค้า และคณะได้คิดทำโครงการในลักษณะวิจัยนำร่องการใช้ไอ ซี ที เพื่อพัฒนาเกษตรกรหรือ อี-ฟาร์มเมอร์ขึ้น เป็นโครงการนำร่องการศึกษาวิจัย เพื่อจะศึกษาถึงการยอมรับของเกษตรกรในการใช้ ไอ ซี ที ในการส่งเสริมการเกษตร และ พัฒนารูปแบบที่เหมาะสมในการใช้ ไอ ซี ที ในการพัฒนากลุ่มเกษตรกร เราได้นำร่องกับกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกผักปลอดสารพิษ บ้านต้นยาง หมู่ 8 ตำบลทุ่งฝาย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง จำนวน 30 หลังคาเรือน ในการดำเนินการเราได้เริ่มจากการคัดเลือกกลุ่มเกษตรกร และได้จัดตั้งอินเตอร์เน็ตประจำกลุ่ม ส่วนการอบรมการใช้อินเตอร์เน็ตนั้น เราจะอบรมให้กับคณะกรรมการและอาสาสมัครประจำกลุ่ม เพื่ออาสาสมัครเหล่านี้จะได้สอนการใช้ให้กับสมาชิกในกลุ่มต่อไป โดยเราจะเน้นหลักการเรียนรู้และเข้าใจด้วยตนเอง คณะผู้วิจัยจะคอยเป็นที่ปรึกษาอยู่รอบนอกเท่านั้น โดยกระทรวงศึกษาธิการได้มอบงบประมาณสนับสนุนทั้งสิ้น 300,000 บาท เพื่อนำไปซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนการถ่ายทอดความรู้สู่สมาชิกในกลุ่มจะเป็นไปโดยสมาชิกในกลุ่มเอง ศูนย์อินเตอร์เน็ตแห่งนี้จะเปรียบเสมือนห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ของกลุ่ม ซึ่งในเบื้องต้นพบว่า เกษตรกรสามารถที่จะสืบค้นข้อมูลข่าวสารแล้วเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ และเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยจำหน่ายสินค้า ผลผลิตของเกษตรกรสู่โลกภายนอกผ่านอินเตอร์เน็ต ที่น่าสนใจคือ กลุ่มเกษตรกรส่วนใหญ่ เชื่อว่าข้อมูลข่าวสารด้านวิชาการที่ได้เรียนรู้จากอินเตอร์เน็ต เป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือและเป็นประโยชน์ในการประกอบอาชีพ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันวิจัยและฝึกอบรมการเกษตรลำปาง ตู้ปณ. 89 อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง 52000 โทร.0-5434-2553,0-6195-0248 (สยามรัฐ อังคารที่ 18 ม.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





อย.ร่วมมหิดลตรวจอาหาร หาข้อมูลออกกม.ปลอดภัย

เมื่อวันที่ 17 มกราคม นายภักดี โพธิศิริ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา พร้อมด้วย รศ.ดร.เอมอร วสันตวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกันแถลงข่าว การลงนามร่วมมือกันระหว่างสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กับสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อหาแนวทางพัฒนาคุณภาพการผลิตอาหารให้ปลอดภัย และประการบังคับใช้เป็นกฎหมาย อย.พบว่ามีสถานที่ผลิตอาหารขนาดกลางและขนาดเล็กจำนวนมากที่ผลิตภัณฑ์อาหารไม่ได้คุณภาพมาตรฐานออกมาจำหน่าย ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้บริโภคอย่างมาก ทาง อย.จึงร่วมมือกับสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อให้ผู้บริโภคได้บริโภคอาหารที่มีความปลอดภัย โดยทางสถาบันวิจัยโภชนาการมีบทบาทหน้าที่ในการศึกษาวิจัยเป็นแหล่งวิชาการ ส่วนทาง อย.มีบทบาทในการเผยแพร่ นำผลการวิจัยไปประยุกต์ใช้และขยายผล อย.และสถาบันวิจัยโภชนาการ ช่วยกันดำเนินการศึกษาวิจัย งานด้านวิชาการ จัดทำคู่มือ รูปแบบ และหลักเกณฑ์ต่างๆ เกี่ยวกับการผลิตอาหารที่พบว่ามีปัญหาและมีความเสี่ยงต่อผู้บริโภค และหากได้รับผลการวิจัยและข้อมูลทางวิชาการได้ผลถูกต้องและเป็นที่ยอมรับ อย.จะนำรายงานดังกล่าวมาจัดเป็นระเบียบปฏิบัติและประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมาย (มติชนรายวัน อังคารที่ 18 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





เครื่อง ดัก-ดูดซับไขมัน ประสิทธิภาพเยี่ยม ไม่ใช้พลังงาน

นายปรัชญา อินทรีย์ และ นายเสกสันต์ อินทพันธุ์ นักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมและเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล โดยมี อาจารย์สมพร เจนคุณาวัฒน์ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา เจ้าของความคิดเครื่องดักไขมัน เล่าว่า ถังดักไขมันนี้ออกแบบให้มีขนาดตัวถัง 60x40x55 เซนติเมตร ประกอบด้วยส่วนประกอบสี่ส่วนคือ ส่วนดักไขมัน ส่วนพักน้ำ ส่วนกรองดูดซับไขมันและส่วนกักเก็บไขมัน การทำงานอาศัยความหน่วงจำเพาะของสารแยกส่วนของน้ำ น้ำมัน และของแข็งออกจากกันในขั้นแรก และขั้นที่สองจะกำจัด โดยอาศัยการยึดเกาะด้วยชั้นดูดซับเพื่อกำจัดน้ำมันที่เล็ดลอดมาจากขั้นแรก ประสิทธิภาพจากการทดลอง สามารถกักเก็บน้ำได้ 75.80 ลิตร ในระยะเวลากักเก็บ 47.11 นาที ประสิทธิภาพในการแยกน้ำมันกับน้ำ เท่ากับ 100 เปอร์เซ็นต์ เมื่อมีไขมันปนเปื้อนในน้ำเสีย 1.50 เปอร์เซ็นต์ และมีอัตราการไหล เท่ากับ 2.4 ลูกบาศก์เมตร ต่อวัน แต่ถ้ามีน้ำยาล้างภาชนะปนเปื้อนมาด้วยในปริมาณ 0.15 เปอร์เซ็นต์ ประสิทธิภาพในการแยกน้ำมันออกจากน้ำจะลดลงเหลือ 99.37 เปอร์เซ็นต์ และประสิทธิภาพในการแยกน้ำมันของเครื่องเท่ากับ 90.24 เปอร์เซ็นต์ ในการทำงานของเครื่องให้ได้รับประสิทธิภาพนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับอัตราการไหลของน้ำ คือประสิทธิภาพของถังดัก และดูดไขมันจะลดลงเมื่ออัตราการไหลเพิ่มขึ้นคือ อัตราการไหล 20, 30 และ 40 ลิตร ต่อ 10 นาที ประสิทธิภาพในการแยกน้ำมันออกจากน้ำ เท่ากับ 99.34, 99.01 และ 98.86 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ ส่วนประสิทธิภาพในการแยกน้ำมันของเครื่อง เท่ากับ 89.28, 89.12 และ 88.40 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ อีกอย่างคือ อุณหภูมิของน้ำที่สูงขึ้น 50 องศาเซลเซียส ก็สามารถทำให้ประสิทธิภาพในการแยกน้ำออกจากไขมันลดลงเป็น 99.33 เปอร์เซ็นต์ และประสิทธิภาพในการแยกน้ำมันออกจากน้ำของเครื่องดังกล่าว เท่ากับ 90.08 เปอร์เซ็นต์ ข้อดีของเครื่องดัก และดูดไขมันนี้คือ ในการทำงานของเครื่องไม่ได้ใช้พลังงานใดเลย และเครื่องนี้ถูกออกแบบให้สามารถนำไปติดกับท่อน้ำจากอ่างล้างจานชามในครัว ประยุกต์ใช้ในร้านอาหาร ภัตตาคาร และโรงอาหาร สามารถนำไปเป็นเครื่องเสริมที่ติดตั้งร่วมกับระบบบำบัดน้ำเสียแบบชีวภาพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำเสียให้ได้ดียิ่งขึ้น ผู้ที่สนใจเครื่องดักไขมันด้วยระบบที่ไม่ต้องสิ้นเปลืองพลังงานนี้ ติดต่อขอรายละเอียดได้ที่ ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมและเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล หมายเลขโทรศัพท์ (02) 549-3377 หรือ (06) 565-2904 (เทคโนโลยีชาวบ้าน 15 ม.ค. 48 ปีที่ 17 ฉ 3511http://www.matichon.co.th/techno)





ชูแผนแม่บท "ฉลากเขียว" รับมือเอฟทีเอ

ผศ.ดร.ปมทอง มาลากุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสะอาด (ซีแทป) ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) เปิดเผยว่า ร่างแผนแม่บทด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นโครงการร่วมระหว่างเอ็มเทคและภาควิชาเคมีเทคนิค คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ฉบับสมบูรณ์จะแล้วเสร็จและเสนอรายงานภายในสิ้นเดือนนี้ สำหรับร่างแผนแม่บทดังกล่าวแบ่งยุทธศาสตร์ออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่ การสร้างระบบและความเชื่อมโยงของข้อมูลด้านการผลิตที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิต การเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการ การผลักดันนโยบายและกฎระเบียบภาครัฐเพื่อสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและรองรับการเปิดการค้าเสรี (เอฟทีเอ) และการพัฒนาการรับรู้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคและสังคม สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้เริ่มดำเนินการพัฒนาฉลากสิ่งแวดล้อมประเภทที่ 3 แล้ว ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการขอใบรับรองมาตรฐานไอเอสโอ 14000 ซีรีส์ 20 และ 40 ได้ผนวกเรื่อง 'อีโค-ลาเบล' หรือเครื่องหมายผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม และ 'แอลซีเอ' เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาด้วย ปัจจุบันประเทศไทยมีฉลากเพื่อสิ่งแวดล้อมเพียง 2 ประเภท ประกอบด้วย ฉลากเขียวที่มีหน่วยงานกลาง ได้แก่ สมอ.และสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยเป็นผู้พิจารณา ซึ่งมีทั้งสิ้น 35 ประเภท รวมกว่า 130 ผลิตภัณฑ์ และประเภทที่ 2 คือฉลากเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่แต่ละบริษัทออกเอง แผนแม่บทดังกล่าว เป็นความพยายามในการพัฒนากรอบการดำเนินการเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัจจุบันประเด็นสิ่งแวดล้อมกำลังเป็นที่สนใจจากนานาประเทศ จะเห็นได้ว่าหลายประเทศได้ออกมาตรการมาบังคับให้ประเทศผู้ผลิตสินค้าที่จะส่งออกไปยังประเทศหรือกลุ่มประเทศของตนปฏิบัติตาม อาทิ สหภาพยุโรป (อียู) ได้ออกมาตรการบังคับใช้ระเบียบว่าด้วยการจัดการเศษเหลือทิ้งจากผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (WEEE) ซึ่งจะบังคับใช้ในเดือนสิงหาคม 2548 และระเบียบว่าด้วยการห้ามใช้สารอันตรายบางชนิดในผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (RoHS) ซึ่งบังคับใช้ในปี 2549 เป็นต้น (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 19 ม.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





กล่องจับโจรปล้นรถฝีมือโจ๋สิงห์บุรี

นักศึกษาวิทยาลัยการอาชีพอินทร์บุรีประกอบด้วย นายชนะสุธารา เรียมปิติ นายพรเทพ อินทร์ชู นักศึกษาวิชาช่างยนต์และนายสุรชัย ยูลึ นักศึกษาแผนกช่างอิเล็กทรอนิกส์ คิดค้นอุปกรณ์ป้องกันการโจรกรรมรถยนต์ ที่เสริมการทำงานระบบเซ็นทรัลล็อก ซึ่งมีจุดบกพร่องที่ไม่สามารถส่งสัญญาณเตือนในระยะไกล โดยผลงานได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดสิ่งประดิษฐ์ โครงการเยาวชนยอดนักประดิษฐ์ฟิลิปส์ ครั้งที่ 4 จากผู้ส่งผลงานเข้าประกวดกว่า 200 โครงการทั่วประเทศ ประกอบด้วย นายชนะสุธารา เรียมปิติ นายพรเทพ อินทร์ชู นักศึกษาวิชาช่างยนต์และนายสุรชัย ยูลึ นักศึกษาแผนกช่างอิเล็กทรอนิกส์ โดยได้รับรางวัลเป็นทุนการศึกษา 40,000 บาท นายชนะสุธารา เรียมปิติ นักศึกษาแผนกช่างอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยการอาชีพอินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี กล่าวว่า อุปกรณ์จับโจรปล้นรถนี้มีลักษณะคล้ายกล่องวงจรไฟฟ้า อาศัยวงจรการทำงานไอซีแบบอะนาล็อกเป็นตัวควบคุม โดยไม่ต้องเขียนโปรแกรมที่ซับซ้อนขึ้นมารองรับ และเมื่อมีผู้ประสงค์ร้ายงัดเงะเข้าสู่ภายในรถ อุปกรณ์จะสั่งการให้ระบบล็อกทำงาน ทั้งยังตัดวงจรไฟฟ้าของเครื่องยนต์ สำหรับขังโจรไม่ให้ออกจากตัวรถ รวมถึงไม่สามารถติดเครื่องยนต์เพื่อขับรถหลบหนี พร้อมกันนี้ชุดไซเรนที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์พ่วงจะทำงาน โดยส่งสัญญาณให้บุคคลภายนอกทราบ อีกทั้งอุปกรณ์ยังส่งสัญญาณถึงเครื่องโทรศัพท์ไร้สายที่ติดตั้งไว้ภายในรถ ให้โทรอัตโนมัติแจ้งเข้ามือถือเจ้าของรถ รวมถึงช่วยค้นหาพิกัดหรือตำแหน่งที่ตั้งผ่านระบบจีพีอาร์เอส ทั้งนี้ ทีมงานมั่นใจว่าผลงานที่คิดค้นสามารถนำไปติดตั้งใช้กับรถยนต์ทุกยี่ห้อ ทุกประเภท โดยราคาติดตั้งประมาณ 7,000 บาท ทีมงานจะพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถของกล่องไฮเทค ให้สามารถจดจำหน้าตาคนร้ายกรณีที่หลบหนี ด้วยการติดตั้งกล้องบันทึกภาพ แต่จะต้องศึกษาในรายละเอียด รวมถึงการเลือกกล้องที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการใช้งาน และทนความร้อนสูงด้วย (คมชัดลึก พุธที่ 19 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





สุดยอดนักผลิต “มะเขือผง” ผลงานการสร้างสรรค์ของนิสิตจุฬาฯ

นายเปาว์ คงสุนทรกิจกุล นิสิตคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ภาควิชาเทคโนโลยีทางอาหาร เปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์มะเขือเทศผงนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการปริญญานิพนธ์ของนิสิตชั้นปีสุดท้ายที่คณะวิทยาศาสตร์ ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศในการประชุมวิชาการประจำปีที่คณะ และได้รับคำแนะนำจาก รศ.ดร.สายวรุฬ ชัยวานิชศิริ อาจารย์ที่ปรึกษาในการส่งผลงานเข้าร่วมประกวดในโครงการนวัตกรรมแห่งประเทศไทยจนสามารถพิชิตรางวัลชมเชยในสาขาวิทยาศาสตร์กายภาพและชีวภาพในที่สุด เปาว์ กล่าวว่า มะเขือเทศในบ้านเราแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือมะเขือเทศตามท้องตลาดที่ใช้บริโภค และมะเขือเทศอุตสาหกรรมที่นำมาใช้ทำน้ำมะเขือเทศและซอสมะเขือเทศซึ่งมีราคาถูกกว่า อุตสาหกรรมการแปรรูปมะเขือเทศในบ้านเราเป็นการนำมะเขือเทศเข้มข้นมาใช้ในการทำซอสมะเขือเทศในปลากระป๋องหรือซอสมะเขือเทศบรรจุขวด แต่ปัญหาที่พบคือผลิตภัณฑ์มะเขือเทศเข้มข้นมีลักษณะไม่คงตัว คือมีการเปลี่ยนสีของผลิตภัณฑ์ภายหลังการเก็บรักษา และปัญหาด้านการขนส่งจากแหล่งผลิตไปสู่โรงงานอุตสาหกรรม ข้อดีของผลิตภัณฑ์มะเขือเทศผงจะมีความคงตัวสูงกว่ามะเขือเทศเข้มข้นรวมไปถึงน้ำหนักของผลิตภัณฑ์ที่ลดลงถึง 1 ใน 3 สามารถลดระยะเวลาการขนส่งด้วยรถบรรทุกจาก 3 เที่ยว เหลือเพียงเที่ยวเดียวเท่านั้น ซึ่งในบ้านเรายังไม่มีการทำผลิตภัณฑ์มะเขือเทศผงมาก่อนและต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เปาว์เผยถึงกรรมวิธีการผลิตมะเขือเทศผงว่าเริ่มจากการเลือกใช้มะเขือเทศอุตสาหกรรมมาทำน้ำมะเขือเทศ จากนั้นจึงนำมาแปรรูปโดยใช้แป้งดัดแปลง และใช้เครื่องทำแห้งแบบพ่นกระจาย สำหรับคุณค่าทางโภชนาการนั้น พบว่าผลิตภัณฑ์มะเขือเทศผงมีภาวะทางโภชนาการใกล้เคียงกับมะเขือเทศเข้มข้น ส่วนปัญหาการทำมะเขือเทศผง พบว่าผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติในการดูดความชื้นเมื่ออยู่ในสภาวะปกติ ทำให้จับตัวเป็นก้อนแข็ง จากงานวิจัยที่ผ่านมามีความพยายามที่จะแก้ไขในเรื่องนี้แต่ไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากเมื่อผ่านกรรมวิธีสุดท้าย ผลิตภัณฑ์ในรูปที่เป็นผงจะดูดความชื้นเข้าไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นตนและทีมงานซึ่งประกอบด้วย นางสาวฉัตรดาว จางวางกร และนางสาวปริญ โชคสวัสดิ์ไพศาล จึงได้นำแป้งดัดแปลงเข้ามาเป็นตัวป้องกันในการดูดความชื้น ข้อดีของผลิตภัณฑ์ดูดความชื้น คือ มีคุณสมบัติในการเก็บรักษายาวนานกว่ามะเขือเทศเข้มข้นถึง 1 เท่า เมื่อบรรจุในลักษณะสุญญากาศจะเก็บได้ยาวนานกว่า 10 ปี อีกทั้งราคาของมะเขือเทศผงและมะเขือเทศเข้มข้นเมื่อเปรียบเทียบราคาต่อหน่วยแล้วไม่แตกต่างกัน (สยามรัฐ พุธที่ 19 ม.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





คอมพิวเตอร์ออกแบบชิ้นส่วนชีวิตสะดวกแพทย์สุขใจคนไข้

ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) ได้คิดค้นงานเทคโนโลยีการสร้างต้นแบบรวดเร็ว Rapid Prototyping มาใช้สร้างความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพงานด้านเสริมเติมแต่งให้มีความประณีต และรวดเร็วขึ้น ดร.กฤษณ์ไกรพ์ สิทธิเสรีประทีป นักวิจัยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ อธิบายรายละเอียดของเทคโนโลยีนี้ให้ฟังว่า ในการผ่าตัดเพื่อแก้ไขความบกพร่องของกะโหลกศีรษะ ใบหน้า และขากรรไตร และงานทันตกรรม ในปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยี Rapid Prototyping มาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างหุ่นจำลองทางการแพทย์ 3 มิติ (Medical Model) สามารถใช้ในการวินิจฉัยและวางแผนการผ่าตัดล่วงหน้า ตลอดจนการออกแบบและสร้างวัสดุฝังใน ซึ่งแตกต่างจากวิธีเดิม ๆ จากการผ่าตัดเพื่อการรักษาโรคของผู้ป่วยไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดบริเวณกะโหลกศีรษะใบหน้าและขากรรไตร ศัลยกรรมออร์โธปิดิกส์ กระดูก หรืองานทันตกรรม แพทย์จะใช้ข้อมูลจากภาพถ่ายทางการแพทย์ไม่ว่าจะเป็นเอกซเรย์ หรือภาพถ่ายทางการแพทย์ที่เรียกว่า “CT” ในการศึกษาเพื่อวางแผนการรักษา แต่หลาย ๆ กรณีพบว่าภาพทางการแพทย์ดังกล่าวไม่ชัดเจนเพียงพอ โดยเฉพาะการผ่าตัดที่ซับซ้อน ทำให้การผ่าตัดรักษาผู้ป่วยต้องใช้เวลาในการรักษาหรือทำการผ่าตัดมากขึ้น นอกจากนี้ในบางกรณีที่เป็นการผ่าตัดซับซ้อน แพทย์อาจไม่สามารถทำการรักษาได้เลย ปัญหาของการแพทย์จุดนี้มีเทคโนโลยี ที่เรียกว่า Rapid Prototy-ping เข้ามาช่วย ซึ่งแท้จริงแล้วเทคนิคใช้ในการออกแบบอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการออกแบบชิ้นส่วนรถยนต์ แต่นำมาประยุกต์ใช้ในทางการแพทย์ หรือที่รู้จักกันในนามโปรแกรมแคดคอมพ์ ดร.กฤษณ์ไกรพ์ กล่าวว่าข้อดี ของการรักษาคนไข้วิธีนี้ หมอจะได้ชิ้นงานรวดเร็ว เมื่อเปิดศีรษะคนไข้แล้วนำ ชิ้นส่วนไปใส่ได้ทันที ช่วยลดเวลาการผ่าตัด ซึ่งการผ่าตัดมีลิมิตของการดมยาสลบอยู่แค่ 8 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็น เคสใหญ่อาจต้องใช้เวลามากกว่านั้น แต่การได้ชิ้นส่วนกระดูกหรือกะโหลกมาเรียบร้อยแล้วลดเวลาการผ่าตัดได้เหลือ 2 ชั่วโมง Rapid Prototyping ยังนำมาประยุกต์ใช้ในการฝังรากฟันเทียม Rapid Prototyping เป็นผลงานนักวิจัยไทยอีกตัวที่จะทำให้งาน ด้านการแพทย์โดยหมอไทยก้าวหน้า และในอนาคตจะเป็นเทคโนโลยีส่งออกอันน่าทึ่ง(เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 20 ม.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ม.เกษตรพัฒนาไบโอเมทริกโฉมใหม่ กำหนดจุดอ้างอิงใหม่ แทนจุดก้นหอยบนปลายนิ้ว

ผศ.ดร.วุฒิพงศ์ อารีกุล ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า ในทางปฏิบัติการตรวจสอบตัวตน ด้วยการเปรียบเทียบอัตลักษณ์ผ่านลายนิ้วมือ (ไบโอเมทริก) จะพบความผิดพลาดในระดับ 1 ใน 1,000 ถึง 1 ใน 10,000 ขณะที่ทางทฤษฎีระบุความผิดพลาด จากการตรวจสอบด้วยวิธีนี้อยู่ที่ 61 ในพันล้านครั้ง เนื่องจากปัญหาการตรวจลายนิ้วมือเลือนราง เพราะการเสียดสีบนลายนิ้วมือจากการทำงาน หรือลายนิ้วมือแตกขาดตอนจากอุบัติเหตุ จากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น จึงสนใจทำวิจัยพัฒนาขั้นตอนการตรวจสอบใหม่ เพื่อแก้ไขความผิดพลาดดังกล่าว ด้วยการหาจุดอ้างอิงบนรอยนิ้วมือใหม่แทนเส้นลายก้นหอย ซึ่งเป็นจุดอ้างอิงเดิม ผศ.ดร.วุฒิพงศ์กล่าว ในการตรวจสอบลายนิ้วมือที่ผ่านมา จะใช้จุดก้นหอยหรือจุดที่เส้นลายนิ้วมือวนเป็นขด และจุดเดลตาหรือจุดที่เส้นลายนิ้วมือสร้างรูปสามเหลี่ยมเป็นจุดอ้างอิง นักวิจัยจาก ม.เกษตรฯ ชี้ให้เห็นถึงปัญหาของการใช้จุดอ้างอิงแบบเก่า ว่า ลายนิ้วมือของคนยังมีแบบอื่นๆ อีก เช่น มัดหวายบิดซ้าย/บิดขวา ลายนิ้วมือเอียงไปทางซ้ายบ้าง ขวาบ้าง และในมือบางแบบก็ไม่มีจุดก้นหอยให้อ้างอิง ดังนั้น การหาค่าเฉลี่ยความโค้งจึงเสถียรกว่า และสามารถตรวจสอบได้ง่ายในลายนิ้วมือคุณภาพต่ำ (เลือนราง) อีกทั้งสามารถใช้งานได้จริงในฮาร์ดแวร์ แถมยังคำนวณผลเร็วกว่าเดิม 2.8-2.9 เท่า โดยที่ใช้หน่วยความจำน้อยกว่า ทั้งนี้ จุดโฟคัล (Focal point) ที่ใช้เป็นจุดอ้างอิงใหม่นี้ สามารถทนต่อการหมุนของนิ้วมือ การวางนิ้วมือบิดเบี้ยว ความบิดเบือน หรือแรงกดมากกดน้อยที่ไม่เท่ากันในแต่ละคนด้วย ซึ่งถ้าเป็นเครื่องในแบบเดิมปัจจัยดังกล่าวนี้ มีผลต่อการอ่านค่าผิดพลาดด้วย ทีมวิจัยกำลังเขียนซอฟต์แวร์คำนวณจุดโฟคัล ซอฟต์แวร์ปรับปรุงคุณภาพของภาพลายนิ้วมือที่สแกน และกำลังพัฒนาเครื่องต้นแบบรุ่น ที่สองให้ขนาดเล็กกะทัดรัดลง ซึ่งโครงงานวิจัยนี้คาดว่าจะสิ้นสุดในเดือนพฤษภาคม 2549 เครื่องตรวจลายนิ้วมือใหม่นี้ เหมาะกับฐานข้อมูลขนาดกลางและเล็ก หรือไม่เกิน 10,000 คน อาทิ การตอกบัตรของบริษัท ส่วนการนำมาใช้ตรวจสอบเพื่อค้นหาตัวบุคคลในระบบใหญ่ๆ นั้น ขีดความสามารถยังไม่ถึง ยกเว้นกรณีที่มีฮาร์ดแวร์แพลทฟอร์มเร็วรองรับ จึงจะสามารถใช้งานกับฐานข้อมูลจำนวนมากได้ เช่น ตรวจสอบตัวบุคคลในหนังสือเดินทาง ทั้งนี้ โครงการวิจัยพัฒนาเครื่องตรวจลายนิ้วมือนี้ ได้รับทุนวิจัยจากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) โดยต้นทุนค่าวัสดุอุปกรณ์ประมาณ 5,000 บาท เมื่อเทียบกับเครื่องนำเข้าจะอยู่ที่ราคา 20,000-30,000 บาท (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 20 ม.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





เสื้ออนาคตติดเซลล์ตะวัน เติมพลังมือถือทุกที่ทุกเวลา

เทด ซาร์เก้น ศาสตราจารย์ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยโตรอนโต ประเทศแคนาดา ประสบผลสำเร็จในการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ด้วยพลาสติกอ่อน แถมสามารถแปลงพลังงานแสงแดดเป็นกระแสไฟฟ้าได้มากกว่าโซลาร์เซลล์แบบปัจจุบันถึง 5 เท่า เผยใช้ประโยชน์โดยเย็บติดบนเครื่องแต่งกาย ช่วยผู้สวมใส่ชาร์จแบตเตอรี่มือถือได้ทุกเวลาที่ต้องการ เผยว่า เซลล์แสงอาทิตย์ที่พัฒนาขึ้นมานี้ สามารถนำแสงอินฟราเรดจากดวงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์ด้วย และยังสามารถทำเป็นแผ่นฟิล์มที่บิดงอได้ จึงนำไปทอประกอบบนเนื้อผ้า กระดาษ หรือวัสดุอื่นๆ ได้ด้วย แผ่นฟิล์มที่ทำหน้าที่เป็นแผงโซลาร์เซลล์ สามารถแปลงพลังงานความร้อนจากแสงแดดไปเป็นกระแสไฟฟ้าได้ถึงร้อยละ 30 ทิ้งห่างความสามารถของแผงโซลาร์เซลล์พลาสติกที่มีใช้อยู่ในปัจจุบัน ในอนาคตเราสามารถใช้โทรศัพท์มือถือ หรือส่งอีเมลได้ทุกที่โดยไม่ต้องห่วงว่าแบตเตอรี่จะหมด แต่ก็ไม่ได้คาดหวังเลยเถิดไปว่ามันจะสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยเราก็มีแบตเตอรี่สำรองติดตัวได้ยามที่มือถือแบตหมด จุดเด่นของแผงโซลาร์เซลล์พลาสติกนี้คือ มันยังสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้แม้อยู่ในที่อับแสง แต่รังสีอินฟราเรดเป็นพลังงานที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยความร้อนเหมือนกับดวงอาทิตย์ อะไรก็ตามที่ให้ความอบอุ่นได้มันจะให้ความร้อนออกมาได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ก็สามารถถ่ายเทความร้อนจากร่างกายออกมาได้ ดังนั้น แม้ว่าข้างนอกจะมืดแล้วแต่พลังงานของอินฟราเรดยังไม่หมดไป นักวิจัยระบุว่า เทคโนโลยีดังกล่าวอาจมีวางตลาดภายใน 5-10 ปี เขาประเมินว่าเงินทุนสำหรับโครงการนี้ต้องใช้อย่างน้อย 40-80 ล้านบาท สำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีจิ๋ว หรือนาโนเทคโนโลยีขั้นต้น (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 20 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





เบิกทางคิดค้นสูตรยาสกัดเนื้อร้ายลาม

ดร.ปิแอร์ เปาโล แพนโดลฟี จากศูนย์โรคมะเร็งสโลน-เค็ตเตอริ่ง ในนิวยอร์ก และเป็นหัวหน้าทีมที่ระบุยีนตัวใหม่ ที่เป็นตัวการสำคัญ ที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง เบาะแสสำคัญที่นำไปสู่การพัฒนายา เพื่อสะกัดการทำงานของยีน ไม่ให้กระตุ้นให้พัฒนาเป็นเซลล์มะเร็ง ยีนดังกล่าวมีชื่อว่า "ยีนโปเกมอน" เป็นหนึ่งในบรรดายีนที่ก่อมะเร็ง และทำให้เซลล์ปกติกลายเป็นเซลล์มะเร็ง แต่ที่น่าสนใจคือยีนที่พบล่าสุดนี้อาจเป็นตัวการที่สำคัญที่สุด ยีนโปเกมอนเป็นสวิตช์เปิดปิดสำคัญที่อยู่ในเครือข่ายที่นำไปสู่โรค แม้ว่าชื่อของยีนมะเร็งดังกล่าวจะไปพ้องกับตัวการ์ตูนเรื่องโปเกมอน แต่ ดร.แพนโดลฟี บอกว่า มันเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า โดยยีนโปเกมอนย่อมาจากคำว่า POK Erythroid Myeloid Ontogenic ทั้งนี้ เซลล์มะเร็งก่อตัวขึ้นมาจากการผ่าเหล่าของเซลล์ปกติ และมีการแบ่งตัวขึ้นมาเป็นรูปร่างของเนื้องอกในลักษณะที่ไม่สามารถควบคุมได้ เมื่อยีนก่อมะเร็งทำงานผิดปกติ จะส่งผลให้เซลล์ที่ดีกลายเป็นเซลล์เนื้อร้ายได้ "ความพิเศษของยีนโปเกมอนคือ มันเป็นกลไกที่มีความสำคัญอย่างมากต่อยีนก่อมะเร็งตัวอื่น จัดได้ว่าเป็นสวิตช์หลักของเครือข่ายยีนก่อมะเร็งที่คอยควบคุมการเปลี่ยนรูปแบบของเซลล์ ที่ผ่านมายังไม่มียีนก่อมะเร็งตัวไหนที่พบว่ามีบทบาทสำคัญขนาดนี้" นักวิจัยกล่าวให้สัมภาษณ์ ทีมวิจัยเชื่อว่า โปรตีนที่ยีนตัวนี้สร้างขึ้นมาอาจเป็นเป้าหมายใหม่สำหรับการรักษามะเร็งด้วยยา จากการทดลองกับสัตว์ นักวิทยาศาสตร์พบว่า โปรตีนโปเกมอนไปรบกวนการทำงานของโปรตีนอื่นๆ รวมทั้งโปรตีนที่เรียกว่า เออาร์เอฟ ซึ่งทำหน้าที่สกัดการก่อตัวของเนื้อร้าย ในการทดลองได้ทำการนำยีนโปเกมอนใส่เข้าไปในหนู และพบว่า ในตัวหนูมีการเติบโตของเนื้อเยื่อน้ำเหลืองผิดปกติ (lymphomas) นักวิจัยยังพบระดับของโปรตีนโปเกมอนในระบบน้ำเหลืองของมนุษย์เช่นกัน (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 21 ม.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





นักวิชาการห่วงรัฐเมินงานวิจัยพื้นฐาน

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) แจ้งว่า ผลการประชุมวิชาการเรื่อง "นักวิจัยรุ่นใหม่พบเมธีวิจัยอาวุโส สกว." เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งมีนักวิจัยทั่วประเทศกว่า 500 คน มาร่วมรับฟังและนำเสนอผลงานวิจัยในสาขาต่างๆ ที่ได้รับทุนจากสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา(สกอ.) และ สกว. นักวิจัยหลายคนแสดงความเป็นห่วงถึงแนวทางการสนับสนุนงานวิจัยของภาครัฐที่มุ่งเน้นการสนับสนุนงานวิจัยที่เน้นการนำไปใช้ อันได้แก่งานวิจัยเชิงพื้นที่(Area-Base) และงานวิจัยระหว่างชาติ(Agenda) จนอาจมองข้ามความสำคัญของงานวิจัยพื้นฐาน(Basic-Research) ไป ศาสตร์ตราจารย์(ศ.) ยงยุทธ์ ยุทธวงศ์ นักวิจัยอาวุโสของศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพ(สวทช. BIOTEC) กล่าวว่า จริงๆ แล้วงานวิจัยพื้นฐานและการวิจัยที่มุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จะต้องเดินไปคู่กัน เพราะการหวังผลจากการวิจัย โดยเฉพาะการวิจัยพื้นฐานเป็นเรื่องต้องใช้เวลา ซึ่งจะต้องกำหนดให้ได้ว่าอีก 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า ประเทศจะมุ่งไปทางไหน พร้อมทั้งจะต้องสร้างองค์ความรู้พื้นฐานและนักวิจัยไว้รองรับอย่างไร ด้าน ศ.ปิยะวัติ บุญ-หลง ผู้อำนวยการ สกว. กล่าวว่า ขณะนี้แม้จะดูเหมือนว่า ภาครัฐบาลให้ความสำคัญกับงานวิจัย และต้องการใช้ข้อสรุปจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องไปประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบายมากยิ่งขึ้น หากแต่ในทางปฏิบัติแล้วกลับเป็นไปได้ยาก ในปีหน้าจะมีคนเรียกหางานวิจัยมากขึ้นคือสถานการณ์หลายๆ เรื่อง กำลังดำเนินไปถึงจุดที่มองไม่เห็นทางออก แล้วต้องการความรู้เข้าไปช่วยเสริม เพื่อสร้างทางเลือกว่าเราควรจะเดินไปทางไหน หลายเรื่องทำบนความรู้สึก ความเห็นซึ่งมันวนไปมา จนคนเริ่มเห็นว่ามันเป็นไปไม่ได้ ต้องมีทางเลือกใหม่ ที่น่าจะเป็นหนทางในการหาคำตอบเหล่านี้ได้ (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 21 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





นักวิจัยปลื้มชุดตรวจหวัดนกไทยฉลุย แล็บขานรับใช้เฝ้าระวังฟาร์มจากไวรัส flu-a

น.พ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ภาควิชาวิทยาภูมิคุ้มกัน คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะนักวิจัยร่วมวิจัยพัฒนาชุดตรวจเชื้อไวรัสไข้หวัดนกในสัตว์ เปิดเผยว่า ทีมวิจัยมอบสิทธิให้บริษัทอินโนวา ไบโอเทคโนโลยี จำกัด เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดตรวจหวัดนกในสัตว์ โดยได้วางขายมาแล้ว 3-4 เดือน ซึ่งผลิตภัณฑ์ได้รับการตอบรับอย่างดีจากห้องปฏิบัติการตรวจสุขภาพสัตว์ สำหรับชุดตรวจหวัดนกของอินโนวาฯ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา เป็นผลงานจากการวิจัยพัฒนา ภายใต้การสนับสนุนสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับบริษัทอินโนวา ไบโอเทคโนโลยี จำกัด โดยได้พัฒนาเพื่อใช้กับห้องปฏิบัติการที่มีวิธีการตรวจสอบแบบมาตรฐานคือ การเพาะเชื้อในไข่ สามารถทราบผลภายใน 10 นาที ให้ความแม่นยำสูง ทำได้ง่าย ไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษและสามารถตรวจสอบได้จำนวนมาก ชุดตรวจสอบนี้พัฒนาตามหลักการ อินมูโนโครมาโตกราฟฟี ซึ่งใช้โมโนโคลนัลแอนติบอดีจำเพาะต่อส่วนนิวคลิโอโปรตีนของอินฟลูเอนซาเอ ที่ไม่ทำปฏิกิริยากับเชื้ออื่นๆ โดยใช้ตรวจสอบในเบื้องต้นว่าเป็นเชื้อหวัด ฟลู-เอ หรือไม่ จากนั้นจะต้องตรวจสอบซ้ำ หาว่าเป็นสายพันธุ์เอช 5 เอ็น 1 อีกครั้งจากห้องปฏิบัติการ แต่ผลการตรวจสอบทราบในเบื้องต้นจะทราบได้ว่าสัตว์ปีกมีเชื้อหวัดนกหรือไม่ บริษัทอินโนวาฯ วางขายชุดตรวจนี้ในราคาประมาณ 200 บาท รองรับใช้งาน 1 ครั้ง น.พ.สิริฤกษ์ กล่าวอีกว่า ทีมวิจัยได้ติดตามข้อมูลไวรัสหวัดอย่างเป็นระบบตลอดเวลา สำหรับนำมาปรับปรุงชุดตรวจให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเชื้อ พบว่าไวรัสหวัดนกยังเป็นตัวเดิมที่ไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ อย่างไรก็ตาม ในอนาคต ชุดตรวจจะได้รับการปรับปรุงให้ใช้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจตรวจหาเชื้อโรคได้ก่อนที่สัตว์จะแสดงอาการ อีกทั้งมีความไวต่อไวรัส ฟลู-เอ มากขึ้น และแสดงผลเร็วขึ้นเป็น 1-5 นาทีจาก 10 นาทีในปัจจุบัน (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 23 ม.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ข่าวทั่วไป


โรคความดันโลหิตสูงคุกคามหนัก ชาวโลกถึงหนึ่งพันล้านความดันขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญ ดร.เจียง ฮี ของโรงเรียนสาธารณสุขศาสตร์และโรคของเขตเมืองร้อน มหาวิทยาลัยทูเลนแห่งสหรัฐฯ ได้กล่าวว่า อีก 20 ปีข้างหน้า จำนวนชาวโลกที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่เต็มตัว ซึ่งป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง อาจจะเพิ่มขึ้นสูงถึง 60% โดยที่ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ถึง 3 ใน 4 จะอยู่ในชาติที่กำลังพัฒนา คาดว่า ในปี พ.ศ. 2568 จำนวนผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง จะมีถึง 1,560,000,000 คน ทุกวันนี้โรคหลอดเลือดหัวใจ กำลังเป็นโรคที่คร่าชีวิตผู้คนในชาติ เกือบทุกชาติลงมากที่สุดโรคหนึ่ง และสูงถึง 30% ของอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคทั้งหมดทั่วโลก เขากับคณะนักวิจัยได้ศึกษาวิจัย โดยการรวบรวมสถิติตัวเลขทั้งของชาติต่างๆ และของภูมิภาค เพื่อจะดูสถิติทั้งในปัจจุบันและในอนาคต เขาเปิดเผยว่า ในระยะช่วงสิบยี่สิบปีที่แล้วมานี้ ยอดผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงตามชาติที่พัฒนาแล้วกลับคงที่หรือลดลง แต่ในชาติที่กำลังพัฒนากลับเพิ่มสูงขึ้น อาจจะเป็นเพราะว่าชาติเหล่านี้ไม่สู้สนใจกับโรคเรื้อรัง หากสนใจอยู่กับพวกโรคติดต่อเท่านั้น รายงานการศึกษาวิจัยเรื่องโรคความดันโลหิตสูงหลายเรื่อง ปรากฏผลว่า ให้พยายามรักษาน้ำหนักตัว ระมัดระวังในการกินอยู่โดยเฉพาะเหล้าเบียร์ และเกลือ หันไปกินผักผลไม้และหมั่นออกกำลัง จะช่วยให้อาการโรคทุเลาลงได้. (ไทยรัฐ อังคารที่ 18 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ปักเป้าหรือฟุกุญี่ปุ่นชำนาญปรุงไทยต้องห้าม

ปลาปักเป้า หรือ Puffer fish แบ่งเป็น 2 วงศ์ คือ Diodontidae และ Tetraodontidae ที่พบในโลกมีอยู่ประมาณ 150 ชนิด เป็นปลาปักเป้าน้ำจืด 9 ชนิด ในประเทศไทยพบประมาณ 33 ชนิด ใน 11 สกุล มีลำตัวป้อมค่อนข้างกลม มากน้อยแล้วแต่ชนิดของมัน มีความยาวตั้งแต่ 6-60 เซนติเมตร แต่บางสกุลมีลักษณะแบนข้าง ซึ่งปลาปักเป้าทุกชนิด สามารถพองตัวได้ ผิวหนังมีหนามแหลมคม ฟันเป็นกระดูกแข็ง ไม่มีครีบท้อง ส่วนใหญ่ปลาปักเป้าทั้งน้ำจืดและน้ำเค็มจะมีพิษ Tetrodotoxin คือ พิษของปลาปักเป้า ซึ่งจะกระจายอยู่ในผิวหนัง ลำไส้ กระเพาะ ตับและไข่ ส่วนในเนื้อของปลาปักเป้า อาจจะไม่มีพิษหรืออาจจะมีอยู่น้อย ช่วงที่มีพิษมากที่สุดจะอยู่ในฤดูปลาวางไข่ สาร Tetrodotoxin ไม่สลายตัวเมื่อถูกความร้อน...ฉะนั้น การต้ม, ทอดและย่างจึงไม่ ทำลายสารนี้ลงไปได้ หากรับประทานสารนี้เข้าไปจะแสดงอาการภายใน 3 นาทีถึง 3 ชั่วโมง อาการระยะแรก คือ ปวดแสบปวดร้อนที่ริมฝีปาก, ลิ้น, ใบหน้า, แขนและขา ระยะต่อมาจะเกิดอาการชา, คลื่นไส้, อาเจียน และกระสับกระส่าย ระยะที่สามอาเจียนมากขึ้น ยืนหรือเดินไม่ได้และอ่อนเพลียมากขึ้นขยับแขนขาไม่ได้ ระยะที่สี่จะกลายเป็นอัมพาต, หายใจติดขัด, ผิวหนังเขียวคล้ำ, ม่านตาไม่มีปฏิกิริยาต่อแสงและหมดสติ ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง หลังจากที่ผ่านระยะที่สี่แล้วผู้ป่วยจะเสียชีวิต ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 264 ประกาศเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2545 เรื่องกำหนดห้ามผลิตนำเข้าหรือจำหน่าย โดยมีใจความอย่างย่อว่า "ให้ปลาปักเป้าทุกชนิดและอาหาร ที่มีเนื้อปลาปักเป้าเป็นส่วนผสมเป็นอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้าหรือจำหน่าย" มีอัตราโทษระบุด้วยว่า หากผู้ใดฝ่าฝืนและมีการตรวจพบ จะถูกดำเนินคดีอย่างเข้มงวด มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 2 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ไทยรัฐ อังคารที่ 18 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





เตาไมโครเวฟเพื่อสุขภาพ รีดแคลอรี – ถนอมวิตามินซี

ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ในญี่ปุ่น เปิดเตาไมโครเวฟเพื่อสุขภาพ เน้นเอาใจแม่บ้านที่ต้องการหลีกเลี่ยงอาหารไขมัน เผยจุดเด่นช่วยลดปริมาณไขมันและเกลือในอาหารได้อัตโนมัติ แถมช่วยรักษาวิตามินซีไม่ให้สูญสลายไปกับความร้อน "ฮีลสิโอ" (Healsio) เตาอบไอน้ำ ที่มาพร้อมกับตัวกำเนิดไอน้ำความร้อนสูง ทำให้อาหารที่เข้าอบในเตามีแคลอรีต่ำลงได้ โดยความลับอยู่ที่ระดับอุณหภูมิ 300 องศาเซลเซียสของไอน้ำที่ใช้นั่นเอง เช่น สเต๊กที่อบด้วยฮีลสิโอ จะกำจัดปริมาณไขมันได้มากกว่าวิธีการย่างปกติจากเตาถึง 8 เท่า ปัจจุบันลูกค้าแดนอาทิตย์อุทัยมีเตาอบสุขภาพของชาร์ปใช้งานกันแล้ว ซึ่งราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,230 ดอลลาร์สหรัฐหรือคิดเป็นไทยราวๆ 50,000 บาท โดยบริษัทคาดว่าจะทำให้เตาอบรุ่นนี้ขายได้ต่อปี 500,000 เครื่อง อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นถือได้ว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ประชาชนมีสุขภาพดีที่สุด สาเหตุก็เพราะวิถีการบริโภคของคนชาตินี้นิยมรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จะเห็นได้ว่าญี่ปุ่นมีพลเมืองอายุ 100 ปี หรือกว่านั้น มีจำนวนกว่า 23,000 คน นอกจากจะใช้เป็นเตาอบไมโครเวฟปกติแล้ว ยังสามารถใช้ละลายอาหารแช่แข็ง ย่าง และอบไอน้ำอาหารต่างๆ ได้ โดยตลาดที่มีกำลังซื้อสูง ได้แก่ อเมริกาเหนือและยุโรป ขณะที่เอเชียอาจทำตลาดได้ยากกว่า เพราะผู้ซื้อส่วนใหญ่จะคำนึงถึงราคาของผลิตภัณฑ์เป็นปัจจัยสำคัญ (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 18 ม.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





อุตฯเร่งตั้งทีมเฉพาะกิจแก้ฝุ่นละอองโรงงาน

นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.)ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อศึกษาปัญหาและวิธีการกำจัดฝุ่นละอองจากโรงงานอุตสาหกรรม และโรงโม่หิน ต่างๆ รวมทั้ง ศึกษาเทคโนโลยีและเครื่องจักร ที่ปัจจุบันมีการนำเข้าจากต่างประเทศ คิดเป็นมูลค่าถึง 12 ล้านบาทต่อเครื่อง เพื่อนำมาคิดค้นและทำการผลิตขึ้นเอง ซึ่งหากประสบผลสำเร็จ จะสามารถลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้าเครื่องจักรได้ประมาณ 7-8 ล้านบาทต่อเครื่อง โครงการดังกล่าว จะนำร่องศึกษาในโรงงานอุตสาหกรรมและโรงโม่หิน ของ จ.สระบุรี หากได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ก็จะนำมาตรการนี้เป็นแผนหลักเพื่อเป็นโครงการนำร่อง หรือแผนแม่บท สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมโรงโม่หินในจังหวัดอื่นๆ ต่อไป โดยที่ผ่านมาพบว่า โรงงานอุตสาหกรรม และโรงโม่หินส่วนใหญ่ ยังมีขั้นตอนการกำจัดและลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นละอองที่ต่ำกว่ามาตรฐาน จนส่งผลกระทบให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อนจากสภาพสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ นอกจากนี้ยังเสนอให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไปดำเนินการหาแนวทางเพื่อคิดค้นน้ำยาชนิดใหม่ที่มีคุณสมบัติในการมาฉีดพ่นให้ฝุ่นละออง มีการจับตัวเป็นก้อน เพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นละออง โดยเฉพาะจากการระเบิดเหมือง แทนการฉีดน้ำตามปกติ ซึ่งจะทำให้สามารถเก็บกวาดและทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 18 ม.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





“สมิทธ"เสนอติดตั้งไซเรนเตือนภัยนักท่องเที่ยว

อังคารที่ 18ม.ค. 48 สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ร่วมกับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดเสวนาเรื่อง ”สื่อมวลชนกับการเตือนภัย และเตรียมรับมือสถานการณ์ในภาวะวิกฤติ” นายสมิทธ ธรรมสโรช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้ดำเนินการเกี่ยวกับการเขียนแผนป้องกันภัยพิบัติทุกประเภท คณะกรรมการจะทำการศึกษาบัญญัติภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยว่ามีอยู่กี่ชนิด นอกจากวาตภัย อุทกภัย แผ่นดินถล่มแล้วยังมีภัยพิบัติที่เรายังไม่เคยคิดมีภัยอะไรบ้างที่กระทบต่อเศรษฐกิจ เกษตรกรรม ความมั่นคง การท่องเที่ยวของชาติ และเมื่อเราทราบภัยที่มีอยู่ทั้งหมดแล้ว ก็ต้องหาหน่วยงานที่รับผิดชอบว่า กรม กระทรวงใดเป็นผู้รับผิดชอบต่อภัยพิบัติชนิดใด โดยที่คณะกรรมการชุดนี้มีกรรมการที่รับผิดชอบอยู่ด้วยกันถึง 6 กระทรวง คณะกรรมการจะทำแผนเกี่ยวกับการเตือนภัยพิบัติจากธรรมชาติ พร้อมกับให้ความรู้นักท่องเที่ยวประชาชนให้เป็นรูปธรรมภายใน 6 เดือนหรือ 1 ปี จากนี้ไปจะมีการดำเนินการจัดระบบเตือนภัยที่มีลักษณะคล้ายเสียงของไซเรนที่มีรัศมีระยะเตือนภัย 1 กิโลเมตร และในขั้นแรกระยะ 3 - 6 เดือนเราจะมีการตั้งสัญญาณในลักษณะหอกระจายข่าว โดยใช้ระบบดาวเทียมควบคุมสอดส่อง ขณะนี้ศักยภาพของเราสามารถที่จะทำได้ สำหรับแผนเตือนภัยดังกล่าว จะเป็นการเตือนเกี่ยวกับภัยพิบัติทุกอย่างที่มีโอกาสเกิดขึ้นในประเทศไทย ส่วนพื้นที่ที่จะติดตั้งอุปกรณ์เตือนภัยนั้น จะมีการติดตั้งในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันตกก่อนเป็นแห่งแรก เพราะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ต่อมาก็จะทำการเตือนในภาคใต้ฝั่งตะวันออกและพัทยาเป็นที่ต่อไป ส่วนมาตรการแก้ไขปัญหาระยะยาว ให้มีการทำแผนที่เสี่ยงภัยสึนามิ โดยให้มีการวิจัย และระบบเตือนภัยล่วงหน้า รวมถึงสร้างจิตสำนึกให้การศึกษาความรู้พื้นฐานด้านภัยธรรมชาติ โดยการทำเป็นหลักสูตรเกี่ยวกับภัยพิบัติบรรจุลงในหลักสูตรตั้งแต่ประถมถึงมหาวิทยาลัย (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 19 ม.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





กทช.วาง 6 ยุทธศาสตร์

พล.อ.ชิตศักดิ์ ประเสริฐ ประธานกรรมการคณะทำงานแผนแม่บทกิจการโทรคมนาคมสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.) เปิดเผยว่า การยกร่างแผนแม่บทกิจการโทรคมนาคมนั้น คณะทำงานจะดำเนินการรวบรวมข้อมูลจากทุกฝ่าย ทั้งจากประชาชน ผู้ดำเนินธุรกิจโทรคมนาคม ได้แก่ โทรศัพท์พื้นฐาน โทรศัพท์เคลื่อนที่ วิทยุติดตามตัว อินเตอร์เน็ต ให้เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อนำเสนอต่อ กทช. โดยข้อมูลดังกล่าว ทางคณะกรรมการจะเร่งรวบรวมให้เป็นข้อมูลอย่างเป็นกลุ่มประเภทตามลักษณะบริการ หรือหัวข้อกลุ่ม จะทำเป็น 4 หมวด คือ 1.หมวดวิเคราะห์ และแบ่งออกเป็นอีก 4 ด้าน คือ 1.1.ด้านสังคม 1.2.ด้านเศรษฐกิจ 1.3.ด้านธุรกิจ และ1.4.เทคโนโลยี 2. หมวดโยบาย 3. หมวดยุทธศาสตร์ โดยแบ่งออกเป็นอีก 6 แนวทาง ดังนี้ 1.การออกใบอนุญาตให้บริการ 2.ประเภทการแข่งขัน 3.การเชื่อมต่อ และค่าธรรมเนียม 4.การโทรทั่วถึง 5.การบริหารทรัพยากร และ6.การพัฒนาอุตสาหกรรม และ 4. หมวดการติดตามผล ทั้งนี้ ใน 6 แนวทางที่นำมารวบรวมนั้น จะเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นต่อในการนำไปใช้ ของ กทช. ที่เข้ามาบริหาร การจัดสรรออกใบอนุญาต ให้บริการ ให้กับผู้ประกอบการโทรคมนาคม โดยคณะกรรมการจะต้องเร่งดำเนินการยกร่างและรวบรวมข้อมูลจากทุกฝ่ายและต้องคัดแยกความเห็นปัญหาต่างๆ ให้มีความชัดเจน เพื่อให้สามารถอยู่ในกลุ่มของยุทธศาสตร์ ที่ กทช. จะต้องไปดำเนินการในอนาคต โดยคณะยกร่างฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมกับนำเสนอต่อ ที่ประชุมคณะ กทช. ในวันที่ 4 ก.พ.48 นี้ (สยามรัฐ พุธที่ 19 ม.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





สธ.ปลื้มไทยชาติแรกในเอเชียคุม "โรคเรื้อน" สำเร็จ

น.พ.สุชัย เจริญรัตนกุล รมช.สาธารณสุข (สธ.) บรรยายพิเศษเรื่องนโยบายการกำจัดโรคเรื้อนอย่างยั่งยืนว่า ประเทศไทยเป็นประเทศแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ประสบผลสำเร็จในการกำจัดโรคเรื้อนในระดับประเทศ ตามหลักเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก โดยสามารถลดอัตราความชุกของโรคเรื้อนได้ต่ำกว่า 1 ต่อ 10,000 ประชากร ตั้งแต่ปี 2537-2547 มีผู้ป่วยทั่วประเทศ เพียง 1,464 ราย แต่เมื่อดูในระดับจังหวัดและอำเภอ พบว่ายังคงมีปัญหาอัตราความชุกของโรคเรื้อน สูงกว่าค่าเฉลี่ย ในพื้นที่ 73 อำเภอ ของ 27 จังหวัด ซึ่งจะต้องเร่งรัดดำเนินการให้บรรลุตามเป้าหมายขององค์การอนามัยโลกต่อไป โดยจะดำเนินโครงการรณรงค์ประชาร่วมใจกำจัดโรคเรื้อนฯ เป็นเวลา 2 ปี ตั้งแต่ 16 ม.ค. 2548 ถึงวันที่ 9 มิ.ย. 2550 ด้าน น.พ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า แต่ละปีจะพบผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ ปีละ 800 คน ในจำนวนนี้ร้อยละ 20-30 ไม่มารับการรักษา เพราะไม่รู้ว่าตนเองเป็นโรคเรื้อน หรือไม่รู้ ว่าจะไปรักษาที่ไหน บางส่วนไม่มีค่าเดินทาง จึงแพร่เชื้อในชุมชน และเกิดความพิการเมื่อโรคกำเริบรุนแรง ซึ่งหากผู้ที่ไม่มีค่าใช้จ่ายการเดินทาง ให้แจ้งที่กรมควบคุมโรคหรือสถาบันราชประชาสมาสัย หากเป็นโรคผิวหนัง รักษา 3 เดือนแล้วไม่หาย ให้รีบพบแพทย์เพื่อตรวจยืนยันว่าเป็นโรคเรื้อนหรือไม่ สำหรับอาการของโรคเรื้อนจะเป็นรอยด่าง ผิวหนังสีจาง เหงื่อไม่ออกในจุดดังกล่าว ผิวหนังจะมีอาการชา หยิกไม่เจ็บ หากเป็นมากจะมีผื่นนูนหนา มีตุ่มขึ้นทั้งตัว ขนคิ้วร่วง อาการของโรคเรื้อนจะค่อยเป็นค่อยไป ผู้ป่วยจึงชะล่าใจไม่รีบรักษา ทำให้เชื้อทำลายเส้นประสาท จนพิการนิ้วมือกุด หรือจมูกโหว่ และพิการในที่สุด (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 20 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ให้ลูบหลังลูบไหล่แสดงความรัก สร้างคุณค่าชีวิตคู่ให้สุขสมบูรณ์

คณะนักวิจัยเชื่อว่า การแสดงความรักด้วยการลูบหลังลูบไหล่ จะต้องได้รับการยอมรับว่าเป็นส่วนสำคัญ ของการสร้างชีวิตให้มีความผาสุกอย่างหนึ่งในเวลาอีกไม่ช้า และยิ่งคู่ผัวตัวเมียคู่ใดครองรักกันอย่างเป็นสุขและหมั่นลูบหลังลูบไหล่กันอยู่เสมอ ก็จะยิ่งสร้างคุณค่าแก่ชีวิตเพิ่มขึ้นเท่านั้น ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา หมอชอบแนะนำให้ใครต่อใครเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเอาไว้ ผู้ที่รักสัตว์จะมีชีวิตสุขสมบูรณ์มากกว่าผู้ที่ไม่เคยเลี้ยง เพราะการได้จับต้องลูบไล้สัตว์อย่างหมาหรือแมว มีผลช่วยให้ทั้งระบายความเครียด และผ่อนคลายความดันโลหิตให้ต่ำลง เป็นคุณกับผู้ปฏิบัติ แต่ในการศึกษาครั้งนี้มันกลับส่อให้เห็นว่าฝ่าย ผู้ที่ได้รับการแสดงความทะนุถนอมกลับจะได้ผลดีมากกว่า นักวิจัยได้เปิดเผยว่า เหตุที่ความดันโลหิตลดต่ำลง เนื่องจากว่าการลูบไล้จะไปกระตุ้นให้สมองขับสารเคมีที่ชื่อว่าออกซี่โทซิน ซึ่งมีสรรพคุณทำให้หัวใจเต้นอ่อนลง สมองของผู้หญิงในการทดลองโดยเฉลี่ยได้ขับสารนั้นออกมามากกว่าปกติถึง 20 เท่า อย่างไรก็ดี ความจริงอันนี้เหมาะแต่กับผู้หญิงเท่านั้น เพราะในส่วนของผู้ชายนั้น ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า มักชอบจำศีลอยู่บนเก้าอี้โซฟายิ่งกว่าการลูบไล้ที่พบ ในการศึกษาไม่มีผลไปทำให้ความดันโลหิตลดต่ำลงแต่อย่างใด พวกผู้เชี่ยวชาญยังย้ำว่า การลูบไล้ที่จะให้คุณนั้น จะต้องไม่ใช่เป็นการโอ้โลมปฏิโลม เพราะหากทำเช่นนั้น กลับจะทำให้ความดันโลหิตถีบตัวสูงขึ้น (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 20 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ใช้ยาคุมกำหนัดนักโทษข่มขืน ป้องกันไม่ให้กระทำผิดซ้ำซาก

คณะแพทย์ฝรั่งเศสใช้ยา เพื่อดับกำหนัดของนักโทษคดีข่มขืนผู้หญิงเป็นนิสัย จำนวน 48 คน ป้องกันไม่ให้ออกไปกระทำผิดอีก โดยที่พวกเขาแต่ละคนล้วนเป็นอดีตนักโทษ และเต็มใจเข้ารับการบำบัดด้วยตนเอง รัฐบาลฝรั่งเศสได้ตกลงดำเนินการ เพื่อจะ สกัดกั้นสถิติอาชญากรรมทางเพศไม่ให้เพิ่มสูงขึ้น ด้วยวิธีการที่ใช้กันอยู่ในสวีเดน เยอรมนี เดนมาร์ก และสหรัฐฯ หลังจากที่ปรากฏว่าจำนวนสถิติผู้กระทำความผิดทางเพศ ได้เพิ่มทวีขึ้นถึง 7 เท่า ชั่วในระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมานี้ ทุกวันนี้ ในจำนวนนักโทษในเรือนจำแห่งต่างๆ ของฝรั่งเศส ล้วนแต่เป็นนักโทษในคดีทางเพศเสียเกือบ 1 ใน 4 หรือจำนวน 8,200 คน และในจำนวนนี้เป็นนักโทษคดีข่มขืนเด็กเสียเกือบ 3 ใน 4 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเมืองน้ำหอม เปิดเผยว่า แพทย์จะใช้ยา ที่ใช้ในการรักษามะเร็งต่อมลูกหมากกับยารักษามะเร็งเต้านม ในการบำบัดเพื่อดับ กำหนัด โดยฤทธิ์ยาจะค่อยทอนความกำหนัด ลงทีละน้อย ดังนั้นจึงไม่ใช่เป็นยาทำให้เป็นหมัน หากแต่เท่ากับเป็นการ "คุมกำหนัด" เอาไว้ เท่านั้น (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 20 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





เขตบางแคแชมป์อาคารอันตรายตรวจ88ตึก-พบอันตรายทั้งหมด

นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองผู้ว่าฯกทม. เปิดเผยว่า ตามที่ กทม. ได้ออกตรวจอาคารพาณิชย์ อาคารพักอาศัยซึ่งมีลักษณะเป็นห้องแถวที่เสี่ยงอันตราย เพื่อเป็นการป้องกันเหตุอัคคีภัยและสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ผลการตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 11-17 ม.ค. เจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธา สำนักงานเขต 50 แห่ง ได้ออกตรวจแล้วจำนวน 2,179 คูหา แยกเป็นตึกที่ไม่ต้องแก้ไข 1,019 คูหา คิดเป็นร้อยละ 47 ที่เหลืออีก 1,160 คูหา หรือร้อยละ 53 จะต้องแก้ไขข้อบกพร่องทั้งเรื่องเพิ่มอุปกรณ์ดับเพลิง ให้ติดตั้งตัวจับควันไฟ ขนย้ายของที่กักตุนไว้จำนวนมากออก ให้วางถังแก๊สห่างจากผนังอย่างน้อยครึ่งเมตร ให้ทำประตูทางเข้าออกบริเวณเหล็กดัดที่ถูกปิดตาย โดยได้แจ้งพร้อมให้คำแนะนำกับเจ้าของอาคารและผู้อยู่อาศัยในอาคาร ควรจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว นอกจากนี้ผลการตรวจสอบยังพบว่า 5 เขตที่มีอาคารเสี่ยงภัยมากที่สุด ได้แก่ 1. เขตบางแค พบอาคารต้องแก้ไข 88 แห่ง จากที่ตรวจ 88แห่ง 2. เขตภาษีเจริญ ต้องแก้ไข 61 แห่ง จากที่ตรวจ 88 แห่ง 3. เขตยานนาวา ต้องแก้ไข 53 แห่ง จากที่ตรวจ 53 แห่ง 4. เขตสัมพันธวงศ์ ต้องแก้ไข 50 แห่ง จากที่ตรวจ 109 แห่ง 5. เขตดินแดง ต้องแก้ไข 49 แห่ง จากที่ตรวจทั้งหมด 100 แห่ง ส่วนอาคารพาณิชย์และตึกแถวที่เสี่ยงภัยและยังไม่ได้ตรวจที่เหลือนั้น กทม.จะระดมเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ โดยจะเร่งให้เสร็จภายในเดือนก.พ.นี้. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 20 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





สหรัฐปรับคู่มือโภชนาการ เน้นกินผัก-ออกกำลังกาย

รัฐบาลสหรัฐ ยกเครื่องคู่มือโภชนาการแห่งชาติครั้งใหญ่ หวังช่วยให้คนอเมริกันมีสุขภาพดีขึ้น เน้นให้รับประทานผัก ผลไม้ และธัญพืช พร้อมออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที คู่มือดังกล่าว ใช้ชื่อว่าคู่มือโภชนาการเพื่อประชากรอเมริกันประจำปี 2548 (Dietary Guidelines for Americans 2005) เป็นผลงานที่เกิดจากความร่วมมือของกระทรวงเกษตร และสำนักงานเลขาธิการฝ่ายบริการมนุษย์และสุขภาพ สหรัฐ โดยเชื่อว่าหากชาวอเมริกันปฏิบัติตามคู่มือนี้อย่างเคร่งครัด จะช่วยให้สุขภาพดีขึ้นได้อย่างชัดเจน ได้กำหนดแนวปฏิบัติ สำหรับการจัดอาหารกลางวันในโรงเรียน โปรแกรมอาหารเสริมของภาครัฐ และการให้ความรู้ด้านโภชนาการแก่ประชาชน เนื้อหาในคู่มือยังเอื้อต่อการทำวิจัยทางการแพทย์อีกด้วย (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 20 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ไมโครเวฟเพื่อสุขภาพ อบรีดไขมันอาหารก่อนสุก

ชาร์ป ผู้ผลิตอุปกรณ์ไฮเทครายใหญ่ในญี่ปุ่น ร่วมเกาะติดกระแสรักษ์สุขภาพ โดยเปิดตัวฮีลสิโอ (Healsio) เตาไมโครเวฟรุ่นใหม่สำหรับไว้ใช้ในครัวเรือน ซึ่งมีจุดเด่นตรงที่ลดปริมาณไขมันและเกลือในอาหารได้อย่างยอดเยี่ยม แถมยังสามารถรักษาวิตามินซีเอาไว้ได้อีกต่างหาก ความลับของเตาไมโครเวฟเพื่อสุขภาพนี้ อยู่ที่ระดับอุณหภูมิ 300 องศาเซลเซียสของไอน้ำที่ใช้อบอาหารให้สุกนั่นเอง โดยไอความร้อนสูงจะช่วยกำจัดปริมาณไขมันได้มากกว่าวิธีการย่างปกติจากเตาถึง 8 เท่า นอกจากจะใช้อบอาหารแล้ว ยังสามารถใช้ละลายอาหารแช่แข็ง ย่าง และอบไอน้ำอาหารต่างๆ ได้ด้วย ทั้งนี้ บริษัทมีแผนเปิดตัวฮีลสิโอในอินโดนีเซีย ฮ่องกง และมาเลเซียในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม และจะเริ่มทยอยเปิดตัวในตลาดสหรัฐและยุโรปก่อนสิ้นปีนี้ ปัจจุบันลูกค้าชาวญี่ปุ่นมีเตาอบสุขภาพของชาร์ปใช้งานกันแล้ว ซึ่งราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,230 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 5 หมื่นบาท โดยคาดว่ายอดขายจะสูงถึง 5 แสนเครื่องต่อปี (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 20 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





มหาวิทยาลัยบูรพาจัดเวิร์กชอป แลกประสบการณ์ผลงานศิลปะ

เนื่องด้วยกลุ่ม Lantern of the East of Los Angeles (LELA) ร่วมกับมหาวิทยาลัยบูรพา มีโครงการ 14th Lantern of the East International Art Festival 2005 ตั้งแต่วันที่ 23-29 มกราคม 2548 ณ หอศิลปะและวัฒนธรรมภาคตะวันออก มหาวิทยาลัยบูรพา ได้จัดให้มีการประชุมปฏิบัติการทางศิลปะ (Workshop) หัวข้อ “ดวงประทีปแห่งตะวันออก” ซึ่งมีทั้งศิลปินที่มีชื่อเสียงจากประเทศไทยและศิลปินต่างชาติ จำนวน 40 คน ซึ่งจะก่อให้เกิดความร่วมมือ แลกเปลี่ยนประสบการณ์การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะระหว่างศิลปินไทยและศิลปินนานาชาติในระดับมาตรฐานสากล อีกทั้งยังจะเป็นการเผยแพร่ชื่อเสียงของศิลปินไทยในเวทีระดับโลก เป็นการสร้างกระแสความตื่นตัวในวงการศิลปะในประเทศไทย เป็นแบบอย่างที่ดีแก่นิสิตนักศึกษา และผู้ที่สนใจทั่วไป และเมื่อเสร็จสิ้นการประชุมการปฏิบัติการทางศิลปะ (Workshop) แล้วจะจัดแสดงนิทรรศการในวันที่ 3 กุมภาพันธ์-15 มีนาคม 2548 ณ หอศิลปะและวัฒนธรรมภาคตะวันออก มหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดชลบุรี (สยามรัฐ พฤหัสบดีที่ 20 ม.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





เพศอ่อนแอแต่กลับมีหัวใจแกร่ง ผู้ชายอาชาไนยยังต้องตายก่อน

ศาสตราจารย์เดวิด โกลด์สปิงค์ แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น มัวร์ส ที่เมืองลิเวอร์พูลกล่าวแจ้งว่า จากการศึกษาครั้งใหญ่ที่สุด ถึงอิทธิพลของความแก่ชราที่มีกับระบบหลอดเลือดหัวใจ ทำให้ได้รู้ว่า หัวใจของผู้หญิงไม่ได้แก่ตามตัวไปด้วย หัวใจของสตรีวัย 60-70 ปี ยังคงสูบฉีดโลหิตได้อย่างแข็งขันเหมือนเมื่อครั้งยังสาว ผิดกับหัวใจของผู้ชาย ในช่วงระหว่างอายุ 18 ถึง 70 ปี กลับอ่อนกำลังลงไปมากถึงระหว่าง 20-25% ศาสตราจารย์หัวหน้าคณะนักวิจัยกล่าวต่อไปว่า "ภายในหัวใจมีเซลล์ จำนวนเป็นล้าน ที่เป็นตัวการทำให้หัวใจเต้น แต่เซลล์เหล่านี้ของหัวใจผู้ชายจะพากันตายระหว่างในช่วงอายุ 20 ถึง 70 ปี โดยที่ไม่มีการเกิดใหม่ทดแทนลงถึง 1 ใน 3 มันเป็นส่วนของขบวนการแก่ชรา การที่ต้องสูญเสียเซลล์สำคัญ ที่ทำให้หัวใจได้พักสลับกับการสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงทั่วร่างกาย นับว่าเป็นการสูญเสียอันมหาศาล แต่ที่เราประหลาดใจมาก ก็คือหัวใจของผู้หญิงกลับสูญหายเซลล์เหล่านี้ลงเพียงเล็กน้อย ดังนั้น ในช่วงเวลาอายุขนาดเดียวกัน กำลังหัวใจของผู้หญิงจึงไม่มีตกลงไปเพราะความแก่ชราเลย หัวใจของสตรีอาวุโสวัย 70 ปี ยังคงแข็งแรงทำงานได้ปกติเหมือนกับเมื่อตอนยังเป็นสาวรุ่นวัย 20 ความแตกต่างของระหว่างเพศ อันน่าทึ่งนี้ อาจจะเป็นสาเหตุที่ผู้หญิงพากันมีอายุยืนยาวกว่าผู้ชาย หมอโกลด์สปิงค์บอกว่า ผู้ชายก็สามารถบำรุงรักษาสุขภาพให้คงดีได้ ด้วยการออกกำลังอยู่เป็นประจำ และก็เตือนผู้หญิงด้วยว่าจำเป็นต้องออกกำลังไว้เช่นกัน เพื่อป้องกันกล้ามเนื้อขาไม่ให้ลีบเล็กและอ่อนปวกเปียกลงไป (ไทยรัฐ ศุกร์ 21 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ปฏิวัติปฏิทินปรับเดือนเปลี่ยนวัน ให้วันกับวันที่อยู่ตรงกันทุกเดือน

นักฟิสิกส์สหรัฐฯคิดปฏิวัติปฏิทินเสียใหม่ เพื่อให้วันที่กับวันในสัปดาห์ อยู่ตรงกันเป็นประจำหมดทุกเดือน อย่างเช่นวันคริสต์มาสของทุกปีจะตรงกับวันอาทิตย์ทุกปี ไม่มีวันหลงว่า วันที่นั้นจะเป็นวันอาทิตย์ วันจันทร์หรือวันอื่นเป็นอันขาด ปฏิทินที่นายดิค เฮนรี่ นักฟิสิกส์ที่เมืองบัลติมอร์ รัฐแมรีแลนด์ของสหรัฐฯคิดออกแบบขึ้นใหม่ จะมีจำนวนวันในปีหนึ่งเพียง 364 วันเท่านั้น ซึ่งเป็นจำนวนที่เอาจำนวน 52 สัปดาห์หารลงตัวพอดี ปฏิทินใหม่ที่เขาเรียกว่า "แผนปฏิทินและเวลา" ยังปรับให้เดือน มีนาคม มิถุนายน กันยายน และธันวาคม ต่างมีจำนวนวัน 31 วันเท่ากันหมด ส่วนเดือนนอกนั้นก็ให้มีเดือนละ 30 วันเหมือนกันหมดเพียงแต่มันจะมีข้อเสียว่า ผู้ที่เกิดตรงกับวันที่อย่างวันที่ 31 มกราคม จะไม่มีโอกาสได้ฉลองวันครบรอบวันเกิดอีกเลย อย่างไรก็ดี ปฏิทินของเขายังมีข้อบกพร่องใหญ่อีกอันหนึ่ง เมื่อใช้นานไปหลายปี มันจะยิ่งคลาดเคลื่อนห่างกับฤดูกาลออกไปทุกที เพื่อแก้ไขข้อนี้ เขาได้กำหนดให้ทุกๆ 5-6 ปี ให้เพิ่มสัปดาห์ พิเศษขึ้นอีก 1 สัปดาห์ ซึ่งเขาตั้งชื่อให้มันว่า "สัปดาห์นิวตัน" ตามชื่อของไอแซค นิวตัน นักฟิสิกส์ ผู้มีชื่อเสียงในอดีต ทางด้านความเห็นของนักวิทยาศาสตร์คนอื่น ปรากฏว่าได้มีนักประวัติศาสตร์และนักดาราศาสตร์ นายโอเวน กิงเกอริช แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ชูมือยกย่อง ว่าปฏิทินนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง แต่เขาบอกอย่างปลงว่า โลกคงจะเปลี่ยนมาใช้ตามยาก (ไทยรัฐ ศุกร์ 21 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





สวทช.หนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ รง.แป้งมัน ส่งเสริมระบบบำบัดน้ำเสียไร้อากาศ-ได้ก๊าซใช้ฟรี

นายประสิทธิ์ สุขสมิทธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อุตสาหกรรมแป้งมันบ้านโป่ง จำกัด เปิดเผยว่า โรงงานได้ยกเลิกการใช้น้ำมันเตาแล้วตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากที่เปลี่ยนมาใช้ก๊าซชีวภาพที่ผลิตจากน้ำเสียในกระบวนการผลิต ทดแทนการใช้พลังงานจากน้ำมันเตา ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลงอย่างมาก จากเดิมต้องซื้อน้ำมันเตาวันละ 7 - 8 หมื่นบาท และยังต้องประสบปัญหากลิ่นที่เกิดจากน้ำเสีย ซึ่งเป็นปัญหาหลักที่เกิดกับโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังทั่วไป บริษัทได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ โดยโครงการสนับสนุนการวิจัย พัฒนาและวิศวกรรมภาคเอกชน (CD) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือรูปแบบเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่ภาคเอกชน ที่ต้องการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ จากการแนะนำของบริษัท ไบโอฟูเอ็ล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการติดตั้งระบบ UASB ภายใต้ชื่อโครงการ ผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำเสียโดยระบบ UASBและการนำก๊าซชีวภาพไปใช้ในเครื่องพ่นไฟ นายประสิทธิ์ กล่าวว่า โรงงานได้จัดทำระบบบำบัดน้ำเสียแบบไร้อากาศแล้วเสร็จเมื่อกลางปี 2547 และสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องกลิ่นจากน้ำเสียลงได้เกือบหมด โดยกลิ่นและก๊าซที่ได้ทั้งหมดจะถูกรวบรวมไว้ภายในถังเก็บ ทำให้กลิ่นที่กระจายออกสู่ภายนอกลดลง อีกทั้งน้ำเสียที่ผ่านระบบ UASB จะเหลือน้ำเสียน้อยมากเพียง 2% เท่านั้น เมื่อเทียบกับน้ำเสียเดิมที่ถูกทิ้งโดยไม่ผ่านระบบ UASB จะมีค่าความสกปรกเข้มข้น(COD) สูงมาก นอกจากนี้ ยังได้ก๊าซชีวภาพที่เกิดจากการหมักของสารจุลินทรีย์แบบไร้อากาศภายในถังเป็นผลพลอยได้ ส่งผลให้โรงงานสามารถนำก๊าซชีวภาพมาใช้เป็นพลังงานทดแทนน้ำมันเตาได้ถึง 100% โดยระยะเวลาคืนทุน 2 ปีเท่านั้น ล่าสุด บริษัทเตรียมขยายโรงงานเพิ่ม พร้อมตั้งเป้าหมายจะนำก๊าซชีวภาพมาปั่นไฟฟ้าใช้เอง ภายในเครือทั้งหมดแบบครบวงจรในอนาคต (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 21 ม.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





รถนักเรียนกทม.โฉมใหม่ เอกชนวิ่งกทม.จัดระเบียบ-พร้อมหาแบงก์ให้เอกชนกู้

เมื่อที่ 20 ม.ค. ที่สวนลุมพินี นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. เป็นประธานแถลงเปิดตัวโครงการเดินรถรับส่งนักเรียนในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล โดยมีตัวแทนจากโรงเรียน และผู้ประกอบการกว่า 1,000 ราย เข้าร่วม นายอภิรักษ์กล่าวว่า เพื่อเป็นแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณหน้าโรงเรียน กทม. จึงริเริ่มโครงการรถ รับส่งนักเรียนขึ้นมา ทั้งนี้ที่ผ่านมารถรับส่งนักเรียนมีข้อจำกัดในหลายด้าน เช่น บางโรงเรียนให้บริการที่ไม่มีมาตรฐาน ผู้ประกอบการมีข้อจำกัดเรื่องเงินทุน ทำให้ผู้ปกครองไม่มีความมั่นใจบริการรถโรงเรียน แต่โครงการรถโรงเรียนของ กทม.จะสร้างความอุ่นใจให้แก่ผู้ปกครอง เนื่องจากเน้นการรับส่งแบบประตูบ้าน ประตูรถสู่ ประตูโรงเรียน และขอเชิญชวนโรงเรียนทั้งในส่วนของรัฐและเอกชนที่อยู่ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลกว่า 1,000 แห่ง มาเข้าร่วมโครงการ (ไทยรัฐ อาทิตย์ที่ 23 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





23 องค์กรจัดเวทีสู้ ประชุมถ่านหินโลก ค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน

นางมะลิวัลย์ นาควิโรจน์ เลขานุการเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง เปิดเผยว่า ในวันนี้ จนถึง 24 มกราคม 2548 กลุ่มพันธมิตรเครือข่ายคนไม่เอาถ่านหิน 23 องค์กร เช่น กลุ่มชาวบ้านเวียงแหง จ.เชียงใหม่, กลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอก, กลุ่มชาวบ้านมาบตาพุด จ.ระยอง,กรีนพีช ร่วมกันจัดเวทีสาธารณะขึ้นที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน และโรงแรมลำปางเวียงทอง จ.ลำปาง ในหัวข้อ "รวมพลคนไม่เอาถ่านหิน ครั้งที่ 1 พร้อมกันนี้ จะมีตัวแทนของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข, มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์,มหาวิทยาลัยเชียงใหม่,จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กลุ่มพลังไท,กลุ่มเกษตรจากอำเภอสีคิ้ว จ.นครราชสีมา,กรีนพีชสากล รวมทั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จะมาพูดเรื่องเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนและประเด็นเรื่องหยุดถ่านหินสนับสนุนพลังงานสะอาด แต่หัวข้อที่สำคัญ คือ ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ จะมาปาฐกถาพิเศษเรื่อง "ทำไมไม่เอาถ่าน" และในวันที่ 24 มกราคม 2548 กลุ่มพันธมิตรเครือข่ายคนไม่เอาถ่านหินทั้งหมด รวมทั้งชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จะรวมตัวกันยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งมาเป็นประธานการประชุมถ่านหินโลก ซึ่งทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)เป็นเจ้าภาพจัดที่โรงแรมเวียงทอง จ.ลำปาง ระหว่างวันที่ 24-25 มกราคม 2548 เพื่อให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทราบว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินนั้นมีอันตราย และส่งผลกระทบต่อชาวบ้านมากขนาดไหน และต้องการยืนยันว่าประชาชนไม่ต้องการถ่านหิน ตลอดจนเรียกร้องให้รัฐบาลหันมาส่งเสริมและสนับสนุนใช้พลังงานสะอาด (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 23 ม.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





นักวิชาการลุ้นตั้งสถาบันภูมิศาสตร์แห่งชาติ

นายกวี วรกวิน อาจารย์ประจำสาขาภูมิศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) นายกสมาคมภูมิศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมป์ กล่าวว่า เหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิที่เกิดขึ้นอยากให้รัฐบาลเข้ามาทบทวนการตั้งสถาบันภูมิศาสตร์แห่งชาติขึ้น เพราะภัยธรรมชาติไม่ได้มีแค่วาตภัย อุทกภัย อัคคีภัย อย่างที่คนไทยส่วนใหญ่คุ้นเคยเท่านั้น ยังมีภัยที่เกิดจากธรรมชาติอย่าง ปฐพีภัย สมุทรภัย และในอนาคตอาจจะเกิดภัยธรรมชาติในรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งเราอาจจะไม่รู้จัก ในระดับชาติควรจะมีข้อมูลที่ชัดเจนที่เกี่ยวกับเรื่องราวทางภูมิศาสตร์ จึงอยากเสนอให้รัฐบาลตั้งสถาบันภูมิศาสตร์แห่งชาติขึ้นมา และควรจะเกิดขึ้นมานานแล้ว ในอดีตสภาวิจัยแห่งชาติ (วช.) พยายามเสนอตั้งสถาบันภูมิศาสตร์แห่งชาติขึ้น แต่ไม่สำเร็จ เพราะหลายฝ่ายยังมองไม่เห็นความสำคัญ เรื่องของภูมิศาสตร์เป็นการบูรณาการ ไม่ใช่ศึกษาเพียงแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง หากแต่มันครอบคลุมเชื่อมโยงในหลาย ๆ เรื่อง สถาบันภูมิศาสตร์แห่งชาติเกิดขึ้นเพื่อเก็บข้อมูล วิเคราะห์ สังเคราะห์องค์ความรู้ตามหลักความเป็นจริง เรื่องราวของภูมิศาสตร์ถือเป็นหัวใจในการพัฒนาประเทศ เชื่อมโยงการพัฒนาในทุก ๆ เรื่อง อาทิ ข้อมูลจีไอเอส หรือข้อมูลทางกายภาพของประเทศเป็นข้อมูลทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นข้อมูลเกี่ยวกับเงื่อนไขของแผ่นดินบริเวณใดควรจะจัดสร้างหมู่บ้าน ไม่ใช่นึกจะรุกล้ำที่ดินตรงไหนก็ได้ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบ ความรู้ด้านภูมิศาสตร์จึงเชื่อมโยงกับระบบดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งก็คือธรรมชาติ ภูมิศาสตร์ยังต้องเชื่อมโยงกับมนุษย์กับวัฒนธรรม ความเชื่อ แหล่งที่อยู่ ผลกระทบต่าง ๆ จะเกิดขึ้นมากมาย หากไม่เข้าใจเรื่องราวทางภูมิศาสตร์ หากมีหน่วยงานกลางอย่างสถาบันภูมิศาสตร์แห่งชาติเกิดขึ้นจะมีข้อมูลทางภูมิศาสตร์ที่ถูกจัดทำอย่างเป็นระบบ นำมาวิเคราะห์ สังเคราะห์ร่วมกัน กลายเป็นความรู้ระดับชาติที่น่าเชื่อถือและนำไปสู่การแก้ไข ป้องกันปัญหาต่าง ๆ ได้ (ไทยรัฐ อาทิตย์ที่ 23 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215