หัวข้อข่าวปีที่ 6 ฉบับที่ 4 ประจำวันที่ 2005-01-31

ข่าวการศึกษา

เผย 16 จ.นำร่องอาชีวะต้นแบบ
ร.ร.จุฬาภรณ์ฯ-เตรียมอุดมฯ-สตรีภูเก็ต สนนำร่องโรงเรียนในกำกับรัฐ เชื่อวิชาการโลด-ระดมเงินได้เพียบ
เฟ้นเด็ก ตจว.เข้าโรงเรียนกรุงรุ่น 2
ค้าน 'นำยุทธ'คุมทั้ง9ม.ราชมงคล
ม.รังสิต-ม.จีน เปิด2+2 เรียนปริญญา2สถาบัน
จุฬาฯผุดศูนย์วิจัย โลกมุสลิมศึกษา
ม.รังสิตฉลอง20ปี"พระองค์โสม"เป็นประธาน เปิดคณะทันตแพทย์สองภาษาแห่งแรกในไทย
ถกแบ่งกลุ่มมหา"ลัยไทย ชี้กรุยทางก่อนจัดอันดับ
แนะไทยทุ่มศึกษาวิทย์พื้นฐาน ฟิสิกส์โนเบลย้ำหนทางสู่เทคโนโลยี
ม.รังสิต-ม.ชั้นนำอินเดีย ร่วมผลิตแพทย์ อินเตอร์
สกศ.เสนอ 4 แนวทาง ปฏิวัติการสอนของครูไทย
สอศ.แจกทุนเรียนอุตสาหกรรมแม่พิมพ์
ตั้งวิทยาลัยการบิน"ม.นครพนม"คืบ ฝรั่งเศสส่งผู้เชี่ยวชาญทำหลักสูตร
หลักสูตรนานาชาติ "เศรษฐศาสตร์แรงงาน"
สสวท.ดึง23มหา"ลัยราชภัฏ เครือข่ายสอนวิทยาศาสตร์
เทคนิคการสอนโดยใช้การเสริมแรง
เตรียมปรับวิทยฐานะครูยกเลิกซี

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

เตือนดินแดนทะเลคาริบเบียน อาจเป็นเหยื่อคลื่นยักษ์สึนามิ
ศูนย์มะเร็งลพบุรี เปิดใช้นิวเคลียร์ ตรวจบำบัดโรค
เอไอทีชูแบบจำลองสถานการณ์ เครื่องมือเตือนภัยก่อนเกิดเหตุร้าย
"ยูเนสโก"เตรียมหาแนวทางกันสัตว์สูญพันธุ์
GITS เปิดโลกออนไลน์สำหรับ ขรก.
เปิดหลักสูตรศึกษาวิชา "จานผี" ในระดับปริญญาเป็นครั้งแรก
เทคโนโลยีรักษาหัวใจ
จัดระเบียบฐานข้อมูลเชื้อพันธุ์ ‘กล้วยไม้สกุลหวาย’
ม.สงขลาระดมเครื่องมือช่วยชีวิตปะการัง เล็งใช้มารีนซีเมนต์ – อีพ็อกซี่สร้างบ้านเทียมให้กัลปังหา
วางระบบใหม่-เตือนภัย"สึนามิ" เชื่อมโครงข่าย"ฮาวาย-ไทย"
ยุ่นผลิตถั่วไฮเทคสื่อแทนจิตใจคน
พัฒนาเครื่องพิมพ์ผิวหนังของมนุษย์ เป็นแผ่นพลาสติกปลูกปะให้คนไข้
ญี่ปุ่นเปิดประสบการณ์ ดึงระบบไอซีทีเตือนภัย
เตือนภัยผ่านมือถือ สวีเดนเปิดบริการใหม่
เทคโนโลยีจิ๋วปีระกามาแรง
ระบบกรองเว็บไซต์สื่ออนาจาร
บีเอ็นเอชโชว์นวัตกรรมผ่าตัดสันหลัง ลดแผลเหลือ 2 ซม. พักฟื้นวันเดียวกลับบ้านได้
ดาวเทียมธีออสส่งสัญญาณปี2550

ข่าววิจัย/พัฒนา

ชี้นักวิจัยไทยค้นพบยารักษาโรคหัวใจใหม่ของโลก
ยุงก็เหม็นกลิ่นมนุษย์เหมือนกัน เป็นวิธีไล่ยุงแบบเกลือจิ้มเกลือ
โทรศัพท์ฟังเสียงรู้อารมณ์แสดงเป็นการ์ตูนบอกเจ้าของ
ทุนวิจัยดีๆ เพื่อสตรีนักวิทยาศาสตร์
เกษตรยุคใหม่: เคลือบเม็ดข้าวด้วยแร่ธาตุ
สารออกฤทธิ์ในพืชไทย จากต้นไม้สู่ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์
เคี้ยวพบถั่วลิสงค่าสูงเท่าสตรอเบอร์รี่ อุดมด้วยสารที่เป็นตัวล้างพิษมาก
นักวิทยาศาสตร์รับรอง ทําสมาธิประจําส่งผลดีต่อสมอง
ซอฟต์แวร์แปลไทยเป็นเบรลล์ ช่วยเพิ่มหนังสืออ่านให้คนพิการ
จุฬาฯ คิดค้นวัคซีนภูมิแพ้ แถมใช้รักษาเอดส์ได้ด้วย
เป็นไขมันกับความดันสูงนำไปสู่โรคสมองเสื่อมตอนเมื่อยามแก่
'อีโค-เซรามิค'จากเถ้าแกลบ วัตถุดิบใหม่ทนร้อน-เคมีกัดกร่อน
กรมวิทย์วิจัยแบคทีเรียกำจัดยุง ชี้ปลอดสารเคมีทำลายสุขภาพ
ธรรมศาสตร์พัฒนาแถบสีบอกผลไม้เน่า-สด จดสิทธิบัตรไทย-สหรัฐ มุ่งสนองนโยบายฟู้ดเซฟตี้
อาชีวะผุดวัดระดับเลเซอร์ ช่วยงานช่างสาระพัด-เพิ่มความแน่นอน
พบยีนหัวโจกก่อเซลล์มะเร็ง หนทางใหม่พัฒนาสูตรยา
เปิดสมองค้นความลับ ชายเก่งเลข-หญิงเก่งภาษา
ภูมิใจไทยทำ ราชมงคลคิด เครื่องกลั่นไวน์จากข้าว ต้นแบบประหยัดพลังงาน
นักเคมีมช.พบสูตร น้ำยาตรวจมะเร็ง ต้นทุนถูกกว่านำเข้า
เกณฑ์หอยสู้กับพวกก่อการร้าย เอาไปแก้พิษของอาวุธเชื้อโรค
เฮลิคอปเตอร์เตือนภัย ญี่ปุ่นวิจัยเน้นแจ้งเหตุเร็วพริบตา
เปลี่ยนต้นไม้ให้เป็นหิน จากล้านปีลดเหลือ2-3วัน
ชุมทางโอทอป พัฒนาสารสกัดจาก “ข่า” แทนยาปฏิชีวนะสมัยใหม่ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง
มหิดลเสริมไฮเทคหุ่นยนต์ขั้วโลก เตรียมสำรวจปะการังทะเลไทย เสริมอุปกรณ์ทั้งเซ็นเซอร์ กล้องและรับส่งข้อมูลทันใจ

ข่าวทั่วไป

สเปรย์กระป๋องปราบยาเสพติด ป้องกันเสพยาตามแหล่งบันเทิง
อากาศพิษเกินมาตรฐาน 1.8 เท่า กทม.เพิ่มมาตรการตรวจรถควันดำ
นพ.ชวลิต สันติกิจรุ่งเรือง เจ้าของรางวัล"แมกโนเลีย"คนแรก
กรมขนส่งฯมึน'หมวดทะเบียน'ใกล้หมด
เตรียมจับสุนัขมีเจ้าของตีทะเบียนเม.ย.นี้ แก้ปัญหาสุนัขจรจัด-ฝ่าฝืนโดนปรับ
อย.ยกเครื่อง "บัญชียาหลักแห่งชาติ"47 บรรจุเพิ่มหลายตำรับครอบคลุม 17 สาขาโรค
สวนสัตว์เชียงใหม่สร้างอควอเลียมใหญ่สุดในเอเชีย
"เกสรบัวหลวง" นวัตกรรมใหม่ในวงการเครื่องสำอาง
ผลงานวิจัยมรภ.อุตรดิตถ์สุดเจ๋ง คว้า 5 ดาวบรรจุภัณฑ์สินค้าโอท็อปด้านอาหาร
อนุมัติแผนสิ่งแวดล้อมชาติ 1 ตำบล 1 พื้นที่สีเขียว
คนไทยอายุยืนแต่โรคมากขึ้น
ยกย่องผู้คิดสเปรย์พ่นแผล
พบมัมมี่หน้ากากสีฟ้าและแดง เก่าแก่กว่าตูตันคาเมนฟาโรห์
รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ยกย่องสองนักวิทย์เยอรมัน-สหรัฐ
รวมงานวิจัยสะท้อนเด็กไทยตกต่ำ





ข่าวการศึกษา


เผย 16 จ.นำร่องอาชีวะต้นแบบ

นางศรีวิการ์ เมฆธวัชชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ได้ร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในโครงการพัฒนาสถานศึกษาอาชีวศึกษาต้นแบบ เพื่อต้องการจะผลิตบุคลากรด้านอาชีวศึกษา ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานทั้งด้านปริมาณ และคุณภาพ นั้น ขณะนี้คณะอนุกรรมการโครงการสถานศึกษาต้นแบบ ได้คัดเลือกสาขาวิชาและจังหวัดเป้าหมายเพื่อเป็นพื้นที่นำร่องแล้ว ดังนี้ สาขายานยนต์ กรุงเทพมหานคร และพระนครศรีอยุธยา, สาขาแฟชั่น จังหวัดขอนแก่น และชัยภูมิ, สาขาอาหาร จังหวัดภูเก็ต สงขลา และสุราษฎร์ธานี, สาขาการท่องเที่ยว จังหวัดเชียงใหม่ สุโขทัย อุดรธานี นครราชสีมา และลำพูน, สาขาสารสนเทศ จังหวัดสมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา นนทบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ขั้นตอนต่อไป สอศ. จะจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อกำหนดกรอบยุทธศาสตร์ และสร้างความเข้าใจต่อแนวทางการดำเนินงานให้กับสถานศึกษาในพื้นที่เป้าหมาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งทำการวิเคราะห์ข้อมูลความต้องการแรงงาน และความขาดแคลนแรงงานในรายสาขาวิชาชีพ และจัดลำดับขีดความสามารถของสถานศึกษานำร่อง เพื่อจัดทำแผนพัฒนาให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ การดำเนินงานของโครงการต่อไป ทั้งนี้ ในอนาคตเมื่อทดลองนำร่องจนได้โมเดลที่สมบูรณ์แล้ว สอศ.จะขยายผลไปยังวิทยาลัยอาชีวศึกษาทั้งรัฐและเอกชนทั่วประเทศ ให้สามารถผลิตกำลังคนตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรม (สยามรัฐ จันทร์ที่ 24 ม.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





ร.ร.จุฬาภรณ์ฯ-เตรียมอุดมฯ-สตรีภูเก็ต สนนำร่องโรงเรียนในกำกับรัฐ เชื่อวิชาการโลด-ระดมเงินได้เพียบ

นายชินภัทร ภูมิรัตน รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เปิดเผยความคืบหน้าในโครงการนำร่องโรงเรียนในกำกับรัฐ หรือโรงเรียนออกนอกระบบ ว่า ขณะนี้ได้เสนอร่างประกาศกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ว่าด้วยโครงการนำร่องโรงเรียนในกำกับรัฐไปยังนางพรนิภา ลิมปพยอม เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ให้พิจารณาว่าเห็นด้วยหรือไม่ ก่อนนำเสนอรัฐมนตรีว่าการ ศธ.โดยหลักทั่วไปจะเน้นให้โรงเรียนมีความยืดหยุ่นทางด้านวิชาการ การบริหารจัดการ การระดมทรัพยากร การรับนักเรียน และการจัดการเรียนการสอน โดยข้าราชกาครูก็ยังสังกัดอยู่กับ ศธ.ตามเดิม นางพรรณี เพ็งเนตร ผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กล่าวว่า ขณะนี้รอดูความชัดเจนของ ศธ.อยู่ว่าจะดำเนินการโครงการนี้อย่างไร ซึ่งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาได้แจ้งความจำนงไปยัง ศธ.เพื่อขอเข้าโครงการนำร่องนานแล้ว และได้รับคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนนำร่องในโครงการ ตนคิดว่าการเป็นโรงเรียนในกำกับรัฐจะช่วยให้เกิดประโยชน์กับโรงเรียนมากในเรื่องของการระดมทรัพยากร โครงการโรงเรียนในกำกับรัฐเกิดขึ้นเมื่อประมาณปี 2546 สมัยที่นางสิริกร มณีรินทร์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.ในขณะนั้นมีโรงเรียนชื่อดังทั่วประเทศ 42 แห่ง สนใจที่จะเข้าโครงการนี้ หาก ศธ.มีความชัดเจนในเรื่องนี้ โดย สพฐ.จะสอบถามความสมัครใจของโรงเรียนเหล่านี้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งขณะนี้มีหลายโรงเรียนที่ยังสนใจจะเข้าโครงการ เช่น โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โรงเรียนสตรีภูเก็ต โรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย จ.เพชรบุรี เป็นต้น (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 24 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





เฟ้นเด็ก ตจว.เข้าโรงเรียนกรุงรุ่น 2

ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนภายในประเทศ รุ่น 2 ว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มอบหมายให้ ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาคัดเลือกนักเรียนชั้น ม. 1 และ ม. 2 ปีปัจจุบันที่ยากจน ผู้ปกครองมีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาท มีผลการเรียนเฉลี่ย3.00 ขึ้นไป เข้ามาเรียนในโรงเรียนมัธยมที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพฯ รุ่น 2 ประมาณ 1,000 คน โดยให้จัดส่งรายชื่อนักเรียนมาก่อนปิดภาคเรียน เพื่อจะได้เข้าเรียนในภาคเรียนที่ 1/2548 รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าวอีกว่า จากการประเมินผลนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการในปีแรก พบว่าประสบความสำเร็จเกือบทุกมิติ ชีวิตความเป็นอยู่ การปรับตัวเข้ากับเพื่อนใหม่ แต่จะมีปัญหาคือ เด็กที่มาจากต่างจังหวัดเรียนไม่ค่อยทัน ซึ่งทางโรงเรียนได้แก้ปัญหาด้วยการจัดสอนเสริมในช่วงเย็นและวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ ทำให้ปัญหาลดลง นอกจากนี้ สพฐ.ยังเตรียมการทำระบบการเทียบโอน เพื่อให้เด็กสามารถนำผลการเรียนจากในกรุงเทพฯไปเทียบโอนหลักสูตรกับโรงเรียนเดิมได้ นอกจากนี้ยังมีเด็กจำนวนมากที่มาเรียนในกรุงเทพฯ แล้วติดใจอยากจะขอรับทุนต่อ โดยเรียนในกรุงเทพฯ จนจบการศึกษา ซึ่ง สพฐ.จะสรุปข้อมูลเสนอกระทรวงศึกษาธิการเพื่อหาช่องทางช่วยเหลือต่อไป. (ไทยรัฐ อังคารที่ 25 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ค้าน 'นำยุทธ'คุมทั้ง9ม.ราชมงคล

วันที่ 24 ม.ค.ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้มีตัวแทนคณาจารย์และบุคลากร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัยเข้า ยื่นหนังสือต่อ ดร.อดิศัย โพธารามิก รมว.ศธ. และคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดศธ. เพื่อคัดค้านการแต่งตั้ง ผศ.ดร.นำยุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดี ม.เทคโนโลยีราชมงคล ให้รักษาการอธิการบดี ม.เทคโน โลยีราชมงคลศรีวิชัย โดย นายเรวัตร เจยาคม หนึ่งในตัวแทนกล่าวว่า มติของสภามหาวิทยาลัยที่เห็นชอบให้ ผศ. ดร.นำยุทธ รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลทั้ง 9 แห่ง เป็นมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมีมติก่อนที่ พ.ร.บ. จะมีผลบังคับใช้ อีกทั้งการ ได้มาซึ่งอธิการบดีรักษาการก็ควรให้บุคลากรของมหาวิทยาลัยมีส่วนร่วมในการสรรหา โดยให้แต่ละวิทยาเขตเสนอรายชื่อผู้ที่เหมาะสมและคัดเลือกเหลือเพียง 3 คน เพื่อเสนอให้สภามหาวิทยาลัยแต่งตั้ง แต่ถ้ากลัวว่าจะล่าช้าก็ควรให้สภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งรักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยละ 1 คน ไม่ใช่ให้คนเดียวรักษาการทั้ง 9 มหาวิทยาลัย และบ่ายวันเดียวกันได้มีการประชุมสภามหาวิทยาลัยราชมงคลเป็นครั้งแรกหลัง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยราชมงคลมีผลบังคับใช้ โดยมีคุณหญิงกษมา เป็นประธาน ซึ่ง ผศ.ดร.นำยุทธ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้มีมติให้ตนทำหน้าที่รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่ง โดยตั้งผู้บริหารแต่ละแห่งรักษาการรองอธิการบดี จากนั้นจะมีการมอบหมายงานให้รองอธิการบดีดูแลมหาวิทยาลัยอย่างใกล้ชิด รวมทั้งทำการยกร่างข้อบังคับต่าง ๆ ต่อไป (เดลินิวส์ อังคารที่ 25 ม.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ม.รังสิต-ม.จีน เปิด2+2 เรียนปริญญา2สถาบัน

นางกัญจน์นิดา สุเชาว์อินทร์ หัวหน้าภาควิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า ภาควิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ลงนามร่วมกับมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศจีน 3 แห่งคือ ม.ครูกวางสี ม.ภาษาปักกิ่ง และ ม.เซี่ยเหมิน เปิดตัวโครงการ 2+2 เพื่อแลกเปลี่ยนนักศึกษาร่วมกัน โดยให้นักศึกษาภาควิชาภาษาจีน เรียนที่รังสิต 2 ปี และศึกษาต่อที่จีนอีก 2 ปี ขณะเดียวกันนักศึกษาจีน เรียนที่จีน 2 ปี และศึกษาต่อที่ ม.รังสิต อีก 2 ปี โดย ม.รังสิต ได้เซ็นสัญญากับ ม.ครูกวางสี เป็นแห่งแรกเรียบร้อยแล้ว และจะเริ่มรับสมัครนักศึกษาในปี 2548 มุ่งผลิตบัณฑิตเอกภาษาจีน คุณภาพเทียบเจ้าของภาษา ควบปริญญาจาก 2 สถาบัน พร้อมรับสมัครนักศึกษาในปีการศึกษา 2548 นักศึกษาที่สนใจเข้าร่วมโปรแกรม 2+2 ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานภาษาจีนมาก่อน เพราะทางสถาบันจะเป็นผู้ปูพื้นฐานให้ทั้งหมด และจะมีการสอนโดยอาจารย์ไทยในส่วนรายวิชาที่เป็นเนื้อหาสาระ ที่ไม่ใช่ทักษะทางภาษามาก ส่วนวิชาทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน จะมีอาจารย์ชาวจีนเป็นผู้สอนโดยตรง นอกจากนี้ยังมีวิชาคอมพิวเตอร์ภาษาจีนเป็นวิชาบังคับ ซึ่งนักศึกษาจะต้องพิมพ์ดีดภาษาจีนเป็นและสามารถค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตที่เป็นภาษาจีนได้ เพื่อปูพื้นฐานให้นักศึกษาก่อนไปเรียนที่อื่น (คมชัดลึก อังคารที่ 25 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





จุฬาฯผุดศูนย์วิจัย โลกมุสลิมศึกษา

รศ.ดร.อิสรา ศานติศาสน์ หัวหน้าศูนย์มุสลิมศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาฯ และผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมสุขภาพมุสลิมไทย ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยว่า สถาบันเอเชียศึกษา ได้จัดตั้งศูนย์มุสลิมศึกษา โดยมีพันธกิจในการศึกษาวิจัยและจัดการฝึกอบรมในเรื่องของมุสลิม หรือคนที่นับถือศาสนาอิสลาม ลักษณะของผลงานวิจัยจะเกี่ยวกับชาวมุสลิมในแง่มุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชาติพันธุ์ วัฒนธรรมท้องถิ่น ฯลฯ ซึ่งเป็นการศึกษา ในลักษณะสหสาขาวิชา สำหรับผลงานวิจัยของศูนย์มุสลิมศึกษา จะเริ่มด้วยการสร้างฐานข้อมูลมุสลิมในไทย แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ความสามารถในการสร้างรายได้ ความเป็นผู้ประกอบการการส่งออก รวมถึงปัญหาของภาคใต้เกี่ยวกับมลายูศึกษา รูปแบบของงานวิจัยมีทั้งงานวิจัยในภาคสนามและงานวิจัยเชิงเอกสาร ซึ่งการทำวิจัยในระยะแรกจะเป็นการเติมเต็มความรู้ในเรื่องเหล่านี้ให้มากที่สุด ผลงานวิจัยของศูนย์มุสลิมศึกษา นอกจากจะช่วยส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับโลกมุสลิมทั้งในภาพกว้าง และภาพลึกแล้ว ยังเป็นแหล่งอ้างอิง เผยแพร่และให้คำปรึกษา จะเป็นประโยชน์ในการนำเสนอนโยบายต่อรัฐบาล ตลอดจนพัฒนาให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการในด้านต่างๆ ของโลกมุสลิมในระดับโลกด้วย ผู้สนใจผลงานวิจัย สอบถามได้ที่โทร.0-2218-7464-0 (สยามรัฐ อังคารที่ 25 ม.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





ม.รังสิตฉลอง20ปี"พระองค์โสม"เป็นประธาน เปิดคณะทันตแพทย์สองภาษาแห่งแรกในไทย

ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต แถลงว่า ในวันที่ 25 มกราคม มหาวิทยาลัยรังสิตจะก้าวขึ้นสู่ที่ปี 20 จึงได้จัดงาน Open House 2005 เปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา คณาจารย์ รวมทั้งผู้ประกอบการเข้าเยี่ยมชมกิจกรรมทางวิชาการและผลงานต่างๆ มากมาย โดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาต เสด็จเป็นประธานในพิธีเปิด ภายในงานนอกจากจะมีการแสดงผลงานต่างๆ ทางวิชาการแล้ว ยังมีการแสดงสมุดภาพวาดการ์ตูนที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยเสนอเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์สึนามิ ซึ่งเป็นผลงานของนักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต นอกจากนี้ยังเปิดตัวคณะทันตแพทยศาสตร์ เป็นการเรียนการสอนไบลิงก่วลแห่งแรกในประเทศไทย หลังจากนี้จะเปิดหลักสูตรทัศนแพทยศาสตร์ต่อไป ใช้เวลาเรียน 6 ปี เป็นการเรียนการสอนวิธีการวัดสายตา เพื่อเชื่อมโยงกับจักษุแพทย์ ซึ่งในประเทศไทยยังไม่มีสถาบันใดเปิดสอน ด้าน ผศ.ดร.นเรศ พัธราธร รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ กล่าวว่า ประเทศไทยขาดแคลนทันตแพทย์มาก ทั่วประเทศมีหมอฟัน 3,600 กว่าคน ต่อประชากร 60 กว่าล้านคน คือมีทันตแพทย์ 1 คน ต่อประชากร 16,000 คน ดังนั้น รัฐบาลไม่สามารถผลิตทันตแพทย์ทันต่อความต้องการได้ ซึ่งการเปิดสอนสองภาษาจะเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับนักศึกษาในการสื่อสารกับผู้ป่วยต่างชาติ เนื่องจากปัจจุบันนักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมมาทำฟันในประเทศไทยมากเพราะราคาถูก และการบริการของคนไทยไม่แพ้ใคร (มติชนรายวัน อังคารที่ 25 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





ถกแบ่งกลุ่มมหา"ลัยไทย ชี้กรุยทางก่อนจัดอันดับ

เมื่อวันที่ 24 มกราคม นายภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กกอ.) กล่าวในการเปิดประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง "แนวทางการแบ่งกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ" ว่า สถาบันอุดมศึกษาไทยมีจำนวนมากขึ้น แต่มีความแตกต่าง จึงเกิดปัญหาเกี่ยวกับกติกาที่ใช้ ทำให้สถาบันอุดมศึกษาขนาดเล็ก และสถาบันที่เพิ่งเกิดใหม่เสียเปรียบ เอาตัวรอดได้ยาก ฉะนั้น การแบ่งกลุ่มมหาวิทยาลัยเพื่อร่วมกันทำงานจะช่วยให้เทียบเคียงสมรรถภาพมหาวิทยาลัยในกลุ่มเดียวกัน และเห็นบทบาทตัวเองชัดเจนขึ้น ทั้งยังเป็นผลดีกับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งในปัจจุบันการแบ่งกลุ่มมีบ้างแล้ว เช่น กลุ่มทางภูมิศาสตร์ กลุ่มมหาวิทยาลัยเก่า กลุ่มมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒเดิม กลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏ(มรภ.) และกลุ่มมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มรม.) เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยควรพิจารณาว่าการจัดกลุ่มรูปแบบใดจะเกิดประโยชน์สูงสุด และสร้างบันไดคุณภาพสำหรับสถาบันภายในกลุ่ม เพื่อจัดอันดับในระยะยาว แต่ก่อนจัดอันดับจะจัดระดับก่อนได้ เพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง "การจัดกลุ่มมหาวิทยาลัยจะนำไปสู่การจัดระดับของมหาวิทยาลัยตามศักยภาพของตนเองด้วย จุดนี้จะทำให้มหาวิทยาลัยต่างๆ รู้ถึงระดับของตนเองว่าเป็นมหาวิทยาลัยระดับชาติหรือระดับนานาชาติ เป็นแนวทางให้เกิดการพัฒนาไม่ย่ำอยู่กับที่ และมหาวิทยาลัยจะได้กำหนดเป้าหมายให้เกิดความชัดเจนในการจัดสรรทรัพยากรด้วย" นายภาวิชกล่าว นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานอนุกรรมการด้านมาตรฐาน ในคณะกรรมการ กกอ. กล่าวว่า การจัดกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาต้องมีข้อมูลชัดเจนรองรับ เพราะความแตกต่างของสถาบันอุดมศึกษาในเวลานี้ใช้ความรู้สึกตัดสิน โดยไม่มีการประเมินมาตรฐานตามหลักวิชาการ อย่างไรก็ตาม ต้องคิดด้วยว่าการจัดกลุ่มเป็นทางเลือกหนึ่ง หรือวิธีเดียวในการแก้ปัญหา หรือต้องมีปัจจัยใดเสริมการรวมกลุ่มบ้าง คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า จะแบ่งกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาอย่างไรก็คงไม่ถูกใจทุกคน แต่จะสร้างความยุติธรรมในการประเมิน และพัฒนามหาวิทยาลัย รวมทั้งการขยับคุณภาพให้สูงขึ้นได้โดยไม่มีเพดานกำหนด (มติชนรายวัน อังคารที่ 25 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





แนะไทยทุ่มศึกษาวิทย์พื้นฐาน ฟิสิกส์โนเบลย้ำหนทางสู่เทคโนโลยี

ศาสตราจารย์กราโชว์ นักฟิสิกส์โนเบลชี้แนะไทยควรให้ความสำคัญกับการเรียนด้านวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นคว้าเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศเล็ก เริ่มต้นการพัฒนาล่าช้าหรือเริ่มก้าวแรกเมื่อ 50 ปีก่อน แต่ก็ลงทุนทุ่มเทด้านการศึกษามหาศาล ในปัจจุบันจึงมีนักวิทยาศาสตร์เก่งๆ จำนวนมาก ศ.ดร.ปิยะวัติ บุญ-หลง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ให้ความคิดเห็นจากคำแนะนำนี้ว่า ตามที่ ศาสตราจารย์กราโชว์ แนะให้ลงทุนการศึกษาวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนเป็นอันดับแรกนั้น ทาง สกว.มีการทำอยู่บ้างแล้วในโครงการวิทยาศาสตร์ท้องถิ่น มีนักเรียนเข้าร่วม 2-3 พันคน มีโรงเรียนเข้าร่วม 50 โรงเรียนทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม การเรียนวิทยาศาสตร์ที่ดีควรมีการทดลอง มีของจริง จึงจะเข้าใจแนวความคิด และวิธีใช้เครื่องมือ แต่ไทยเราเร่งรัดในการศึกษามาก นักเรียนมีจำนวนมาก ขณะที่ครูไม่เพียงพอ ขาดแคลนงบประมาณ จึงเป็นการเรียนวิทยาศาสตร์บนกระดาษ ต้องมาตั้งหลักกันใหม่ ให้ครูมีคุณภาพ ห้องปฏิบัติการพร้อม และมีเวลาให้นักเรียน ด้านการลงทุนวิจัยพื้นฐานนั้น ผู้อำนวยการจาก สกว. กล่าว การศึกษาวิทยาศาสตร์พื้นฐานจะเกิดฟลุ้คขึ้นเสมอ คือ ระหว่างทาง เทคโนโลยีจะเกิดขึ้นเอง ซึ่งก็ควรต้องยอมลงทุนตรงนี้ อย่างน้อยๆ ผลงานเบื้องต้นที่ได้คือ ความรู้ใหม่ ทว่ารัฐบาลไทยเองยังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับวิทยาศาสตร์พื้นฐานมาก แต่อาจจะให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป เนื่องจากต้องการมาสนับสนุนการส่งออก คงต้องยอมลงทุนตรงนี้เพื่อประโยชน์ที่จะได้กลับมาในอีก 2-3 ปีต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 26 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ม.รังสิต-ม.ชั้นนำอินเดีย ร่วมผลิตแพทย์ อินเตอร์

นายเจโรน เซดเลอร์ ผู้อำนวยการสำนักงานวิเทศสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผย ว่าเบื้องหลังความร่วมมือผลิตแพทย์ระดับนานาชาติร่วมกับมหาวิทยาลัยวินายากา มิสชั่นส์ รีเสิร์ช ฟันเดชั่น-ดีมด์ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศอินเดีย มีเครือข่าย 21 สถาบันการศึกษาทั่วประเทศนั้น เนื่องจากประเทศอินเดียต้องการเพิ่มศักยภาพในการผลิตแพทย์ให้มากขึ้น เพื่อรับใช้ประชาชน จึงติดต่อผ่านทางทบวงมหาวิทยาลัย และทราบว่า ม.รังสิตเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งเดียวที่มีคณะแพทย์ จึงเดินทางมาพบอธิการบดีเพื่อศึกษาเกี่ยวกับระบบหลักการเรียนการสอนและขอเข้าชมห้องปฏิบัติการ และได้เล็งเห็นถึงความพร้อมของมหาวิทยาลัยรังสิต จึงได้ตัดสินใจเลือกมหาวิทยาลัยรังสิตเป็นผู้ร่วมผลิตแพทย์ "นักศึกษาจากอินเดีย 23 คน มาถึงไทยแล้ว และจะเริ่มเรียนวิชาพื้นฐานของคณะแพทย์ ม.รังสิต เป็นวิชา Preclinic 2 ปี จากนั้นกลับไปเรียนวิชา Clinic ที่อินเดียใน 3 ปีครึ่งสุดท้าย และรับปริญญาของมหาวิทยาลัยวินายากา มิสชั่นส์ รีเสิร์ช ฟันเดชั่น-ดีมด์ คาดว่าในอนาคตทั้งสองมหาวิทยาลัยจะขยายความร่วมมือทางการศึกษาด้วยการพัฒนาหลักสูตรร่วมกัน รวมถึงอาจจะมีการขยายการรับนักศึกษาอินเดียเข้ามาเรียนในคณะต่างๆ ของ ม.รังสิต อีกด้วย (คมชัดลึก พุธที่ 26 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





สกศ.เสนอ 4 แนวทาง ปฏิวัติการสอนของครูไทย

ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สกศ.อยู่ระหว่างการรวบรวมแนวทางการสอนของครูที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญที่ผู้เรียนมีความสุข เพื่อนำไปเผยแพร่ให้กับครูทั่วประเทศ 6 แสนคนนำไปใช้ในการสอน โดยปรับจากรูปแบบการสอนของครูต้นแบบ ครูแห่งชาติ ให้สอดคล้องกับบริบทและสังคมไทย ที่สำคัญต้องทำให้ผู้เรียนมีความสุขในการเรียน ทั้งนี้โครงการวิจัยและพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ มีรูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้อยู่ 4 กลุ่ม 15 รูปแบบ คือ กลุ่มที่ 1 รูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบพัฒนากระบวนการคิดและการจัดการ ซึ่งแบ่งเป็นการพัฒนาด้วยการใช้คำถาม, แบบโฟร์แมสซิสเต็ม, แบบวิทยาศาสตร์, แบบส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์, แบบโครงงาน และแบบพีดีซีเอ กลุ่มที่ 2 รูปแบบการจัดการกระบวนการเรียนรู้แบบใช้ประสบการณ์จริง แบ่งเป็นแบบประสบการณ์, แบบโครงงาน, แบบเน้นการปฏิบัติ, แบบร่วมมือ และแบบสื่อการเรียนรู้ กลุ่มที่ 3 รูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ แบ่งเป็นแบบบูรณาการสู่สาระการเรียนรู้, แบบบูรณาการสู่พหุปัญญา และกลุ่มที่ 4 รูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้จากแหล่งวิทยาการ แบ่งเป็นรูปแบบจากแหล่งการเรียนรู้, แบบระบบนิเวศในนาข้าวและแปลงผัก สกศ.จะกำหนดวันดีเดย์ให้ครูเปลี่ยนพฤติกรรมการสอน โดยจะมีนายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานกดปุ่มและทำการสอนพร้อมกันทั่วประเทศ หลังจากเผยแพร่รูปแบบการสอนครูต้องเลือกเอารูปแบบใดรูปแบบหนึ่งในการสอนนักเรียน จากนั้นให้นักเรียนและเพื่อนครูประเมินการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการสอนในครั้งนั้นว่าเป็นอย่างไร และส่งผลประเมินนั้นกลับมาที่ สกศ.เพื่อคัดเลือกรับรางวัล คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเร็วๆ นี้ (คมชัดลึก พุธที่ 26 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





สอศ.แจกทุนเรียนอุตสาหกรรมแม่พิมพ์

วันที่ 26 ม.ค. 48 สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) กระทรวงแรงงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ไทย และสถาบันไทย-เยอรมัน ได้ลงนามความร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ โดยนายณรงค์ วงศ์เกรียงไกร ผอ.สถาบันไทย-เยอรมัน กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังขาดบุคลากรเพื่อทำงานด้านแบบ พิมพ์และแม่พิมพ์อยู่กว่า 10,000 คน จึงมีแผนพัฒนาอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ปี 2547-2552 เพื่อสร้างบุคลากรแม่พิมพ์ให้ได้ 7,700 คน ภายในเวลา 5 ปี ยกระดับสถานศึกษาที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ จำนวน 20 แห่ง ซึ่งหากสามารถพัฒนาได้ตามเป้าจะช่วยประหยัดเงินตรา ที่ต้องสั่งนำเข้าแม่พิมพ์จากต่างประเทศได้ถึงปีละเกือบ 20,000 ล้านบาท ศ.(พิเศษ)ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กล่าวว่า ขณะนี้มีสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่ง เปิดสอนหลักสูตรอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ ซึ่งขณะนี้ภาคอุตสาหกรรมดังกล่าวมีความต้องการบุคลากรในสายงานดังกล่าวมาก ดังนั้นหลายสถาบันอาจจะดูความเหมาะสมในการปรับเพิ่มจำนวนการรับในสาขาวิชาดังกล่าวได้ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมเพราะต้องคำนึงในเรื่องคุณภาพเป็นสำคัญ ด้านนายเจริญ ภักดีวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า สอศ.ว่างเป้าหมายว่าในปี 2548 จะทำการผลิตนักศึกษาสาขาอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ ผ่าน ทางวิทยาลัยเทคนิค จำนวน 20 แห่ง หรืออาจจะมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับความพร้อม โดยจะรับนักศึกษาระดับ ปวช.จำนวน 300 คน และระดับ ปวส.จำนวน 150 คน ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่ว่าจะให้ทุนนักศึกษาที่สมัครเข้าเรียน โดยในระดับ ปวช.จะได้รับทุนปีละ 16,000 บาท ระดับ ปวส.ได้รับทุนปีละ 24,000 บาท อย่างไรก็ตาม สอศ.ได้มีการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ไว้พอสมควร ทั้งเรื่องบุคลากรได้มีการจัดส่งไปดูงานและฝึกอบรมที่ประเทศญี่ปุ่น (สยามรัฐ พฤหัสบดีที่ 27 ม.ค 48 http://www.siamrath.co.th)





ตั้งวิทยาลัยการบิน"ม.นครพนม"คืบ ฝรั่งเศสส่งผู้เชี่ยวชาญทำหลักสูตร

เมื่อวันที่ 25 มกราคม นายภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กกอ.) เปิดเผยภายหลังประชุมเรื่องการพัฒนาหลักสูตรการบินของมหาวิทยาลัยนครพนมว่า ที่ประชุมประกอบด้วยผู้แทนสถานทูตฝรั่งเศส รัฐบาลฝรั่งเศส และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ บริษัทอุตสาหกรรมการบินไทย สถาบันการบินพลเรือน และนายไพฑูรย์ บุณยวัฒน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ได้หารือเรื่องการจัดตั้งวิทยาลัยการบิน มหาวิทยาลัยนครพนม ซึ่งทางฝรั่งเศสยินดีสนับสนุนทั้งการจัดตั้งวิทยาลัยการบิน และการจัดตั้งมหาวิทยาลัยนครพนม โดยในส่วนวิทยาลัยการบินนั้นทางฝรั่งเศสซึ่งเชี่ยวชาญการผลิตแอร์บัสที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีโรงเรียนการบินในหลายมหาวิทยาลัย ได้เสนอว่าการจัดตั้งวิทยาลัยการบินควรแบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่ 1.ฝึกนักบิน เป็นหลักสูตรประกาศนียบัตรระยะสั้น ต่อยอดจากหลักสูตรปริญญาตรีสาขาใดก็ได้ 2.เทคโนโลยีการบิน เรื่องการนำร่อง วิทยุการบิน และการจัดระบบที่เกี่ยวกับเครื่องบินขึ้นลง ฯลฯ 3.วิศวกรรมการบิน คือสร้างและซ่อมเครื่องบิน และ 4.ธุรกิจการบิน เกี่ยวกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ลูกเรือ การจัดการเกี่ยวกับการบิน และท่าอากาศยาน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดที่วางไว้ (มติชนรายวัน พุธที่ 26 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





หลักสูตรนานาชาติ "เศรษฐศาสตร์แรงงาน"

จากที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยกำลังเปลี่ยนแปลง ตลาดเปิดกว้างขึ้นสำหรับชาวต่างชาติ เกิดการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้น และทำให้ปัญหาการจ้างงานเกิดขึ้นเป็นเงาตามตัว ซึ่งจำเป็นที่จะต้องพัฒนาบุคลากรให้ถึงพร้อมด้วยความรู้และความเข้าใจด้านเศรษฐศาสตร์แรงงาน ตลอดจนแรงงานสัมพันธ์ และการจัดการทรัพยากรมนุษย์ เพื่อให้สามารถวางแผนพัฒนาและบริหารทรัพยากรมนุษย์ในภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะในองค์กรนานาชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้ริเริ่มเปิดสอนหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์แรงงานและการจัดการทรัพยากรมนุษย์(หลักสูตรนานาชาติ) มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 และปีนี้กำลังเปิดรับสมัครนิสิตรุ่นปีการศึกษา 2548 โดยผู้เรียนหลักสูตรนี้สามารถเลือกแผนการเรียนเป็นแผน ก.(ทำวิทยานิพนธ์) หรือเลือกแผน ข.(สอบประมวลความรู้) มีระยะเวลาการศึกษาตลอดหลักสูตรกำหนดไว้ 1 ปี(3 ภาคการศึกษา) โดยเรียนวันอังคารและวันพฤหัสบดี เวลา 18.00-21.00 น. และวันเสาร์ เวลา 9.00-16.00 น. ประมาณการค่าใช้จ่ายซึ่งรวมค่าศึกษาดูงานและสัมมนาเชิงปฏิบัติการ 230,300 บาท ผู้สนใจสมัครต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี(ไม่จำกัดสาขาวิชา) มีคะแนน TOEFL (Paper-based) หรือ CU-TEP ไม่ต่ำกว่า 500 หรือ IELTS ไม่ต่ำกว่า 5.5 สอบถามรายละเอียดโทร.0-2218-6227, 0-2652-5388 (มติชนรายวัน พุธที่ 26 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





สสวท.ดึง23มหา"ลัยราชภัฏ เครือข่ายสอนวิทยาศาสตร์

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือ สสวท. ร่วมกับคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของมหาวิทยาลัยราชภัฏจำนวน 23 แห่งทั่วประเทศ โดยเชิญเข้ามาประชุมเพื่อเริ่มต้นโครงการสร้างเครือข่ายทางวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ โดยมุ่งเน้นในการพัฒนาการเรียนการสอนและการจัดการศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ระดับโรงเรียน โดยการประชุมเชิงปฏิบัติการดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่โรงแรมรอยัลเบญจา กรุงเทพฯ นายพงษ์ชัย ศรีพันธ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สสวท.กล่าวว่า สำหรับโครงการสร้างความร่วมมือเป็นเครือข่ายทางวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ ที่ สสวท.จัดขึ้นนี้ จัดขึ้นสืบเนื่องมาจากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ที่มีเจตนารมณ์ในการปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบ คือ ปฏิรูปหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ การวัดผลและประเมินผล ตลอดจนการบริหารจัดการ โดยกระจายอำนาจการบริหารจัดการไปที่สถานศึกษา โดยเฉพาะกำหนดให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีหน้าที่จัดทำสาระของหลักสูตรในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพปัญหาชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่น และคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชนและประเทศชาติ (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 27 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





เทคนิคการสอนโดยใช้การเสริมแรง

มีทฤษฎีหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับกระบวนการเรียนการสอนที่จะส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้นั่นคือ ทฤษฎีการเรียนรู้การวางเงื่อนไขแบบการกระทำ(Operant Conditioning Theory) ของ บี เอฟ สกินเนอร์(B.F. Skinner) โดยมีแนวคิดพื้นฐานว่า พฤติกรรมการเรียนรู้ของมนุษย์อยู่ภายใต้อิทธิพลของเงื่อนไขการเสริมแรงและการลงโทษ การให้การเสริมแรง(Reinforcement) เป็นสิ่งสำคัญในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และถือได้ว่าเป็นการให้กำลังใจแก่ผู้เรียนแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ การเสริมแรงทางบวก(Positive Reinforcement) และการเสริมแรงทางลบ(Negative Reinforcement) การเสริมแรงทางบวก เป็นการทำให้เกิดความพึงพอใจ ก่อให้เกิดการแสดงพฤติกรรมคงที่ หรือเพิ่มมากขึ้น อาจกล่าวได้ว่า เป็นการให้สิ่งที่ดีหลังจากได้ทำพฤติกรรมที่ดี ส่วนการเสริมแรงทางลบ เป็นการทำให้ความถี่ของพฤติกรรมคงที่ หรือเพิ่มขึ้น โดยการกำจัดสิ่งเร้าที่ไม่พึงพอใจออกไป ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้เรียนเข้าห้องเรียนสายกว่าเวลาเรียน ครูผู้สอนอาจจะตำหนิ เพื่อไม่ให้เกิดพฤติกรรมเช่นนี้อีก ซึ่งการเสริมแรงในทางลบนี้ครูผู้สอนควรจะระมัดระวังในการใช้ถ้อยคำ หรือการกระทำมิให้รุนแรง ส่งผลกระทบทำให้เกิดความเสียหายได้ เทคนิคการสอนโดยใช้วิธีการเสริมแรงมาประยุกต์นั้น ถือได้ว่ามีผลต่อประสิทธิการเรียน ด้วยเหตุนี้ครูควรจะรู้ถึงหลักในการเสริมแรง คือ ประการแรก ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรม ไม่ลำเอียง ประการที่สอง มีความจริงใจในการกระทำ ประการที่สาม ควรเสริมแรงทันทีที่มีพฤติกรรมทั้งดีและไม่ดีเกิดขึ้น ประการสุดท้าย มีเหตุผลไม่ใช้อารมณ์ อารมณ์เป็นสิ่งสำคัญต่ออาชีพครูมาก จะเห็นได้ว่าการเสริมแรงมีทั้งทางบวกและทางลบ ซึ่งมีผลกระทบต่อการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนได้ โดยการเสริมแรงทางบวกจะช่วยเสริมให้ผู้เรียนเกิดความพึงพอใจ ในทางตรงกันข้ามการเสริมแรงทางลบนั้นจะทำให้ผู้เรียนเกิดการท้อแท้และหมดกำลังใจในการเรียนได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่ครูแล้วว่าควรจะใช้วิจารณญาณการเสริมแรงอย่างไรที่จะทำให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 27 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





เตรียมปรับวิทยฐานะครูยกเลิกซี

นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า กทม. มีนโยบายเปลี่ยนวิทยฐานะครูในสังกัด กทม. ใหม่ โดยยกเลิกการใช้ระบบชั้นแบบซีเปลี่ยนเป็นแบบให้เหมือนอาจารย์มหาวิทยาลัย 4 แบบ ได้แก่ ครูธรรมดา ครูชำนาญการ ครูเชี่ยวชาญ และครูเชี่ยวชาญพิเศษ เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 ที่ได้ประกาศใช้ครบทั้ง 3 ฉบับแล้ว กทม. ในฐานะหน่วยงานท้องถิ่นจึงปรับเปลี่ยนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน นายรัฐพล มีธนาถาวร ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา (สนศ.) กล่าวว่า ขณะนี้ กทม. ร่างพระราชกฤษฎีกา แก้ไขวิทยฐานะครู กทม. ใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ในขั้นตอนเสนอผู้ว่าฯ กทม. เห็นชอบในที่ประชุม ก.ก. ก่อนเสนอขอความเห็นชอบจากกระทรวงมหาดไทย เพื่อเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกาบังคับใช้ต่อไป ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถประกาศใช้ได้ภายในปีนี้ อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนวิทยฐานะครูใหม่จะทำให้ครูได้ประโยชน์มากขึ้น โดยจะได้ค่าวุฒิเพิ่มจากเงินเดือนที่ได้ในปัจจุบัน เนื่องจากต่อไปนี้อาชีพครูเป็นวิชาชีพที่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเหมือนแพทย์ ซึ่งในขณะนี้ได้กำหนดให้ครูไปจดทะเบียนแล้ว โดยจะหมดเขตในเดือน เม.ย.นี้ นอกจากนี้เมื่อครูมีวิทยฐานะใหม่เงินเดือนจะไม่ตันเหมือนในปัจจุบันที่จะต้องมีการสอบขึ้นซี เงินเดือนจึงจะเพิ่ม. (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที 27 ม.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


เตือนดินแดนทะเลคาริบเบียน อาจเป็นเหยื่อคลื่นยักษ์สึนามิ

นักธรณีวิทยาสหรัฐฯกล่าวพยากรณ์ว่า ดินแดนตามฝั่งทะเลคาริบเบียน อาจจะตกเป็นเหยื่อของคลื่นยักษ์สึนามิในอนาคตได้ โดยที่ยังขาดระบบเตือนภัยอย่างเพียงพอด้วย ทะเลคาริบเบียน เคยถูกคลื่นยักษ์สึนามิถล่มมาก่อนแล้ว เมื่อปี พ.ศ. 2489 หากแต่สมัยนั้น ตามเกาะยังไม่มีคนอยู่อย่างแน่นหนา ตึกรามบ้านช่องยังไม่เรียงรายดารดาษตามริมฝั่ง และโดยเฉพาะกลายเป็นจุดท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่ง ต้อนรับนักท่องเที่ยวมากถึงปีละ 17 ล้านคน นายยูริ เทน เบริงค์ นักธรณีวิทยาของสำนักสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ ได้บอกทำนายไว้ในบทความในวารสารวิทยาศาสตร์ "วารสารการวิจัยทางภูมิฟิสิกส์" ชั่วเพียงก่อนหน้าที่คลื่นยักษ์สึนามิ จะถล่มริมฝั่งอันดามันเพียง 2 วัน โดยได้อ้างเหตุผลว่า เพราะบริเวณดินแดนแถบนั้นมีรอยแยกของแผ่นดินใต้น้ำ เป็นร่องลึกที่สุดในโลก มีความลึกถึง 8,027 เมตร และยาว 900 กม. ดินแดนแถบคาริบเบียนแวดล้อมไปด้วยร่องรอยแยกปอโต ริโก ฮิสปานิโอลา และเคย์แมน พลังของแรงเค้นจะไปผลักให้แผ่นเปลือกโลกเกิดแรงเค้นมากๆเข้า ก็จะทำให้แผ่นเปลือกโลกแผ่นหนึ่ง ไปงัดอีกแผ่นหนึ่งให้เผยอขึ้น กลายเป็นแผ่นดินไหว ผืนดินถล่มใต้น้ำ หรือไม่ก็เกิดคลื่นยักษ์สึนามิขึ้น ยิ่งบังเกิดขึ้นลึกลงไปใต้น้ำมากเท่าใดก็จะยิ่งทำให้เกิดคลื่นก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วแค่นั้น เหมือนอย่างที่สาเหตุของคลื่นยักษ์สึนามิถล่มริมฝั่งของชาติอาเซียนหลายชาติหนที่แล้วนี้ ก็เป็นเพราะแผ่นเปลือกโลกขนาดใหญ่ 1,200 กม. โดนพลังที่สะสมมานานยกหนุนขึ้น (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 24 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ศูนย์มะเร็งลพบุรี เปิดใช้นิวเคลียร์ ตรวจบำบัดโรค

นายแพทย์ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ศูนย์มะเร็งลพบุรี ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดได้จัดตั้งหน่วยงานเวชศาสตร์นิวเคลียร์ พร้อมด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย เพื่อให้บริการตรวจวินิจฉัย ค้นหา คัดกรอง และบำบัดรักษาโรคมะเร็ง โดยถือเป็นหน่วยงานแรกของภูมิภาค ที่มีเครื่องเวชศาสตร์นิวเคลียร์ สำหรับบริการผู้ป่วย ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรักษาที่กรุงเทพฯ สำหรับเครื่องเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ใช้ประโยชน์ในการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคโดยเทคโนโลยีชั้นสูง ด้วยการฉีดสารเภสัชรังสีเข้าไปในร่างกายผู้ป่วยแล้วทำการถ่ายภาพรังสี ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวใช้ในการตรวจอวัยวะสำคัญๆ ได้แก่ การตรวจกระดูกเป็นการตรวจหาตำแหน่งและขอบเขตของกระดูกที่มีความผิดปกติ เนื่องจากสามารถเห็นบริเวณที่ผิดปกติได้ง่าย นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจกระดูกได้ทั้งตัวในการตรวจเพียงครั้งเดียว ขณะที่ผู้ป่วยได้รับรังสีน้อย และใช้ตรวจดูการแพร่กระจายของมะเร็งมาที่กระดูกในผู้ป่วยมะเร็งได้ถูกต้อง แม่นยำและรวดเร็ว ยังใช้ในการตรวจหัวใจในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจวาย ผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจพิการรวมทั้งผู้ป่วยที่ได้รับสารเคมีบำบัดที่มีผลข้างเคียงหรือเป็นพิษต่อหัวใจ อาจทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจพิการอย่างถาวร ทั้งนี้ การใช้เครื่องมือดังกล่าวจะช่วยในการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาได้ หรือในการตรวจวินิจฉัยโรคต่อมธัยรอยด์ด้วยเครื่องเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ทำให้ทราบว่าผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมธัยรอยด์หรือเพียงแค่ต่อมธัยรอยด์ทำงานผิดปกติ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจการทำงานของอวัยวะอื่นๆ ได้อีก เช่น ปอด ไต ตับ ม้าม สมอง เป็นต้น (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 24 ม.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





เอไอทีชูแบบจำลองสถานการณ์ เครื่องมือเตือนภัยก่อนเกิดเหตุร้าย

รศ.ดร.วรทัศน์ ขจิตวิชยานุกูล ภาควิชาวิศวกรรมระบบอุตสาหกรรม คณะเทคโนโลยีชั้นสูง สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) เปิดเผยถึงการจัดการประชุมวิชาการระดับนานาชาติ ด้านการออกแบบสร้างแบบจำลองและการจำลองสถานการณ์ว่า การสร้างแบบจำลองโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์จัดเก็บข้อมูล สามารถนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ประโยชน์ประเมินผลกระทบ และเป็นข้อมูลพื้นฐานในการตัดสินใจ อาทิ นำมาใช้งานทางด้านวิศวกรรมที่เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ เช่น การก่อสร้างสนามบิน ด้านการบริหารจัดการ ด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ รวมถึงการประยุกต์ใช้ในระบบฐานข้อมูล เพื่อช่วยตัดสินใจวางแผนและใช้ประโยชน์จากธรรมชาติวิทยา ป่าไม้ เกษตรกรรม เป็นต้น "กรณีตัวอย่างคลื่นสึนามิที่ถล่ม 6 จังหวัดภาคใต้ เมื่อปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา หากว่าเราสามารถสร้างแบบจำลอง และจำลองสถานการณ์รูปแบบคลื่นยักษ์ ความสูงของคลื่นก่อน จะช่วยให้สามารถวางแผนอพยพผู้คนออกจากพื้นที่ไปไว้ ณ จุดใดจุดหนึ่ง ที่จะไม่ให้เกิดความเสียหายด้วย แต่ในการปฏิบัติตามแผนจะต้องขึ้นอยู่กับหน่วยงานของรัฐ ในการเตือนภัยหรือรับมือกับสถานการณ์นั้นๆ ด้วย โดยอาศัยการสร้างแบบจำลองและการจำลองสถานการณ์ก็จะลดผลกระทบลงไปได้ค่อนข้างมาก สำหรับข้อมูลที่ได้จะทำเป็นระบบคอมพิวเตอร์ โดยความแม่นยำจะมีมากน้อยเพียงใด ต้องขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ป้อนให้ระบบว่า รายละเอียดครบถ้วนสมบูรณ์เพียงใด ด้วยความจำเป็นดังกล่าว มูลนิธิโครงการหลวงร่วมกับเอไอทีได้ประชุมวิชาการนานาชาติ ด้านการออกแบบสร้างแบบจำลองและการจำลองสถานการณ์ ด้านอุตสาหกรรม ด้านบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และด้านเศรษฐกิจการเงิน สำหรับพยากรณ์การเติบโต รูปแบบปัญหา ความต้องการใช้ประโยชน์ โดยคำนึงถึงปัจจัยด้านการเมือง การเพิ่มขึ้นของประชากร ภาวะเศรษฐกิจโลก เป็นต้น (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 24 ม.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





"ยูเนสโก"เตรียมหาแนวทางกันสัตว์สูญพันธุ์

คาดว่าในการประชุมว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒธรรมแห่งสหประชาชาติ(ยูเนสโก) ที่จะเปิดฉากขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในวันที่ 24 มกราคม จะมีการเสนอแนวทางการป้องกันสัตว์ป่านานาชนิดที่อาจสูญพันธุ์ภายในสิ้นศตวรรษนี้ ข่าวระบุว่า ในที่ประชุมแห่งนี้จะมีบรรดานักวิจัย นักพิทักษ์สิ่งแวดล้อมและผู้มีอำนาจในการกำหนดนโยบายของประเทศต่างๆ ราว 1,200 คน จาก 30 ประเทศเข้าร่วม ทั้งนี้ จากการประเมินของนักวิทยาศาสตร์ระบุว่า โลกมีสัตว์นานาชนิดอยู่ประมาณ 10 ล้านชนิด แต่ที่มีการจำแนกและระบุสายพันธุ์ชัดเจนมีเพียง 1.7 ล้านชนิดเท่านั้น ขณะที่ในแต่ละปีมีสัตว์ที่ล้มตายไปหมดมากถึง 25,000-50,000 ชนิด นักวิทยาศาสตร์ระบุอีกว่า ความหลากหลายทางชีวภาพถูกคุกคามจากมนุษย์ที่รุกล้ำธรรมชาติของสัตว์และต้นไม้นานาพันธุ์ ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา อาทิ ปัญหาภาวะโลกร้อนและการสูญพันธุ์ของสัตว์และป่าไม้ (เอเอฟพี) (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 24 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





GITS เปิดโลกออนไลน์สำหรับ ขรก.

สำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐ (Government Information Technology Services (GITS) ได้จัดโครงการ "เปิดโลกออนไลน์ไปกับ GITS" เพื่อนำเสนอชุดบริการ เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตราคาพิเศษสำหรับข้าราชการ ประกอบด้วย 1. ชุด Unlimited Internet Package เป็นชุดอินเทอร์เน็ตที่ให้บริการโดยไม่จำกัดชั่วโมงการใช้งาน โดยจะมีช่วงเวลาที่สามารถเชื่อมต่อได้ คือ ช่วงเวลา 18.00 - 06.00 น. ของวันจันทร์ - ศุกร์ และตลอด 24 ชั่วโมง ในวันเสาร์ - อาทิตย์ และ 2. ชุด Unlimited Internet Package นี้ มีให้บริการด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ ระยะเวลา 30 วัน ราคา 199 บาท และระยะเวลา 90 วัน ราคา 555 บาท นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นสำหรับหน่วยงานที่มีความประสงค์ต้องการชุดอินเทอร์เน็ต ราคาพิเศษตั้งแต่ 30 ชุด ขึ้นไปนั้น สามารถแจ้งความประสงค์เพื่อให้ สำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐ จัดบรรยายเรื่อง "การใช้งานอินเทอร์เน็ตเบื้องต้น" ฟรี จำนวน 30 ท่าน (เฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล) ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนออนไลน์ได้ที่ http://www.gits.net.th/packages หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนงานลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 0-2612-6000 ต่อ 3401 และ 3402 (ไทยรัฐ อังคารที่ 25 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





เปิดหลักสูตรศึกษาวิชา "จานผี" ในระดับปริญญาเป็นครั้งแรก

มหาวิทยาลัยของชิลี กำหนดจะเปิดสอนวิชาการศึกษาเรื่องจานผี ในระดับปริญญาขึ้นเป็นแห่งแรกของโลก ผู้อำนวยการแผนกวิชาอิสระ ของมหาวิทยาลัยซานติอาโก นายริคาร์โด เบอมิวเดซ กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ "ลาส อุลติมาส โนติเซียส" ถึงเหตุผลของการเปิดสอนวิชานี้ว่า "เพราะว่ามันมีสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ข้างบนนั้น และเราก็ยังไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร" บัณฑิตวิชานี้จะมีความรู้ว่า จะใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ศึกษาปรากฏการณ์นี้อย่างไหน และใช้ระบบวิธีใดในการศึกษาสืบสวน วิชานี้ ซึ่งจะเรียกว่า"วิชาปรากฏการณ์ในอากาศที่ไม่อาจอธิบายได้" สำหรับประชาชนชาวชิลีโดยทั่วไป จะเปิดสอนในเร็ววันนี้. (ไทยรัฐ อังคารที่ 25 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





เทคโนโลยีรักษาหัวใจ

โรคหัวใจซึ่งเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของคนไทย จากสถิติพบว่าในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยใหม่โรคหัวใจเพิ่มขึ้นทุกปี ประมาณปีละ 15 เปอร์เซ็นต์ และมีผู้ป่วยทั่วประเทศที่รอรับการผ่าตัดเพิ่มขึ้นปีละกว่า 7,000 ราย ดร.น.พ.กิติพันธ์ วิสุทธารมณ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพหัวใจ และนายกสมาคมศัลยแพทย์ทรวงอกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โรคหัวใจเป็นโรคที่ร้ายแรง ทางโรงพยาบาลจึงให้ความสำคัญในการป้องกันรักษา และฟื้นฟูผู้ป่วย ด้วยระยะเวลาการดำเนินงานที่ผ่านมา จนกระทั่งเกิดความชำนาญ และเชี่ยวชาญในการรักษาโรคหัวใจ รวมถึงมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีศักยภาพสูงสุดที่จะเป็นศูนย์โรคหัวใจครบวงจร โรงพยาบาลกรุงเทพเป็นโรงพยาบาลหัวใจของเอกชนที่ครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทย ให้บริการครอบคลุมทั้งการตรวจวินิจฉัย รักษาผ่าตัด รวมทั้งป้องกันและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วย และด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์ครบทุกสาขาทั้งอายุรแพทย์หัวใจ ศัลยแพทย์ วิสัญญีแพทย์ กุมารแพทย์หัวใจ รังสีแพทย์ด้านหัวใจ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูหัวใจและการออกกำลังกาย ร่วมกันทำงานอย่างเป็นระบบ ผู้ป่วยจะผ่านการตรวจรักษาในห้องตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยโรคหัวใจด้วยเครื่องมือ Non-invasive หรือตรวจสัมผัสภายนอก ห้องตรวจสมรรถภาพหัวใจด้วยการออกกำลังกายบนสายสะพานเลื่อน ตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง เครื่องบันทึกการทำงานของหัวใจ 24 ชั่วโมง และตรวจสภาวะการแข็งตัวของหลอดแดง สำหรับห้องผ่าตัดหัวใจ และหออภิบาลผู้ป่วยหัวใจหลังผ่าตัด (CCU ศัลยกรรม หรือ CCU 1) ประกอบด้วย ห้องผ่าตัดหัวใจ 2 ห้อง ผนังของแต่ละห้องถูกสร้างขึ้นมาพิเศษ สามารถป้องกันการเกาะจับของฝุ่นละอองและลดโอกาสการติดเชื้อพร้อมด้วยอุปกรณ์ผ่าตัดที่ทันสมัย รวมทั้งเครื่องผ่าตัดคล้ายหุ่นยนต์ “Da Vinci Robotic Cardiac Surgery” ซึ่งสามารถช่วยให้แผลเล็กลง และในขณะเดียวกันผู้ป่วยจะเจ็บแผลน้อยลงด้วย เมื่อผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดเสร็จก็จะเข้าสู่ห้อง CCU ศัลยกรรม ประกอบด้วยอุปกรณ์ที่ติดตามอาการผู้ป่วยซึ่งจะจัดวางบน Ceiling Pendant อย่างเป็นระเบียบ รวมทั้งอุปกรณ์ช่วยชีวิตครบครัน (เดลินิวส์ อังคารที่ 25 ม.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





จัดระเบียบฐานข้อมูลเชื้อพันธุ์ ‘กล้วยไม้สกุลหวาย’

นางจงวัฒนา พุ่มหิรัญ นักวิชาการเกษตร 6ว. สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร หัวหน้าโครงการวิจัยการจัดทำฐานข้อมูลเชื้อพันธุ์กล้วยไม้สกุลหวายที่มีการค้าในประเทศไทย กล่าวว่า การศึกษาลักษณะประจำพันธุ์และการบันทึกลักษณะประจำพันธุ์กล้วยไม้สกุลหวายลูกผสม ที่มีการค้าในประเทศไทยเป็นเรื่องจำเป็นและต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพราะฐานข้อมูลจะเป็นหลักฐานอ้างอิงสำคัญในการจดทะเบียนคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ในกล้วยไม้สกุลหวาย เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 ซึ่งจะช่วยปกป้องและคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของนักปรับปรุงพันธุ์พืชไทยในอนาคต อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นฐานข้อมูลในการปรับปรุงพันธุ์กล้วยไม้ จะทำให้การพัฒนาสายพันธุ์กล้วยไม้สกุลหวายง่ายขึ้น จากการสำรวจชนิดและศึกษาลักษณะประจำพันธุ์กล้วยไม้สกุลหวายลูกผสมพันธุ์การค้าในประเทศไทย จำนวน 130 พันธุ์ พบว่า ลักษณะทางสัณฐานวิทยาโดยจำแนกจากลักษณะภายนอกในเชิงรูปร่าง ขนาด สีสัน สภาพพื้นผิว รวมถึงลักษณะที่สามารถบันทึกได้มีถึง 117 ลักษณะ โดยผู้บันทึกข้อมูลและเครื่องมือที่ใช้วัดจะต้องเป็นมาตรฐานเดียวกัน นอกจากการศึกษาวิธีจำแนกพันธุ์โดยพิจารณาจากรูปพรรณสัณฐานภายนอกแล้ว โครงการวิจัยดังกล่าวยังมีการศึกษาลักษณะทางพันธุกรรมของกล้วยไม้สกุลหวายในระดับดีเอ็นเอ (DNA) โดยใช้ใบสดตำแหน่งที่ 3-4 จากใบยอดมาสกัด เพื่อวิเคราะห์ลายพิมพ์ DNA ซึ่งจากการวิเคราะห์ กล้วยไม้สกุลหวาย 70 พันธุ์ ซึ่งเป็นที่นิยมในตลาดกล้วยไม้ พบว่า สามารถตรวจสอบแถบ DNA ได้ทั้งหมด 286 ตำแหน่ง โดยมีตำแหน่งที่แสดงความแตกต่าง 269 ตำแหน่ง และตำแหน่งที่เหมือนกัน 17 ตำแหน่ง อีกทั้งยังพบว่า กลุ่มพันธุ์ที่ทำการศึกษามีความใกล้ชิดทางพันธุกรรมในระดับตั้งแต่ 97-60% สามารถแบ่งได้เป็น 6 กลุ่ม ทั้งนี้ ในแต่ละกลุ่มยังสามารถจัดแบ่งเป็นกลุ่มย่อยอีก ขณะนี้กรมวิชาการเกษตรได้รวบรวมฐานข้อมูลเชื้อพันธุ์กล้วยไม้สกุลหวายที่มีการค้าในประเทศไทย มาจัดทำคู่มือการบันทึกลักษณะประจำพันธุ์กล้วยไม้สกุลหวายกว่า 1,000 เล่ม เพื่อแจกให้กับนักปรับปรุงพันธุ์ พร้อมกันนี้ยังจัดทำระบบสารสนเทศเพื่อนำเทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์มาช่วยในการสืบค้นข้อมูลให้รวดเร็วและสะดวกต่อผู้ใช้ ซึ่งจะนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาพันธุ์กล้วยไม้ต่อไป หากสนใจและต้องการทราบระบบฐานข้อมูลเชื้อพันธุ์กล้วยไม้สกุลหวาย สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร โทรศัพท์ 0-2579-0583 หรือ 0-2940-5327. (เดลินิวส์ อังคารที่ 25 ม.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ม.สงขลาระดมเครื่องมือช่วยชีวิตปะการัง เล็งใช้มารีนซีเมนต์ – อีพ็อกซี่สร้างบ้านเทียมให้กัลปังหา

นายศักดิ์อนันต์ ปลาทอง อาจารย์และนักวิจัยหน่วยวิจัยปะการังและสัตว์พื้นทะเล ศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งคาบสมุทรไทย คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) เปิดเผยว่า จากการสำรวจและประเมินผลกระทบจากคลื่นสึนามิต่อแนวปะการังในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันรวมทั้งสิ้น 38 จุด ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2547 - 15 มกราคม 2548 ภายใต้ความร่วมมือของ ม.สงขลานครินทร์ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมทั้งกลุ่มดำน้ำอาสาสมัคร พบว่าในหมู่เกาะสิมิลันมีเพียง 7 จุดที่ได้รับผลกระทบมากกว่า 50% ขณะที่ระดับปานกลางมีจำนวน 13 จุด และได้รับผลกระทบน้อย หรือไม่ได้รับผลกระทบเลย 18 จุด ซึ่งถือว่าจุดที่ไม่ได้รับผลกระทบมีจำนวนเยอะมาก ดังนั้น ภารกิจเร่งด่วนคือ การช่วยชีวิตปะการังให้เร็วที่สุด เพราะการที่ปะการังแตกหักหรือล้มคว่ำ จะทำให้การสืบพันธุ์ลดลง แต่หากสามารถจับให้ปะการังขึ้นตั้งได้ ไข่ที่เก็บสะสมพลังงานไว้ของตัวปะการังที่สมบูรณ์อยู่ ก็จะสามารถพัฒนาต่อไปเป็นตัวอ่อนได้ สำหรับเทคนิคการยึดติดกัลปังหาบนโขดหินนั้น กำลังพิจารณาหลายทางเลือก อาทิ การใช้มารีนซีเมนต์ ซึ่งเป็นซีเมนต์ที่มีคุณสมบัติแข็งตัวเร็วใต้น้ำ และการใช้อีพ็อกซี่ หรือกาวมาขยำและจับแปะกัลปังหาบนฐานที่ตั้ง รวมทั้งอาจต้องใช้ฐานคอนกรีตลงไปช่วยยึดก็เป็นได้ ขณะที่มาตรการฟื้นฟูปะการังในระยะยาวนั้น จะเน้นไปที่การไม่เพิ่มความเครียดใดๆ ให้กับปะการัง โดยเฉพาะปัญหาคุณภาพน้ำทิ้ง ด้านนายวิทเยนทร์ มุตตามระ หนึ่งในหัวหน้าทีมอาสาสมัครนักดำน้ำ กล่าวว่า ภารกิจครั้งนี้ ถือเป็นการรวมตัวนักดำน้ำที่มากที่สุดในประเทศไทย และหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจพลิกฟื้นปะการังแล้ว เพื่อให้การทำงานต่อเนื่อง คณะทำงานจึงมีแผนจัดตั้ง มูลนิธิเพื่อทะเล (For Sea Foundation) เพื่อให้การดำเนินงานฟื้นฟูปะการังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และจะจัดทำแผนระยะยาวเพื่อฟื้นฟูและรักษาทะเลไทยให้คงอยู่สืบไป (คมชัดลึก อังคารที่ 25 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





วางระบบใหม่-เตือนภัย"สึนามิ" เชื่อมโครงข่าย"ฮาวาย-ไทย"

นายชาร์ล แมคครีลี่ ผู้อำนวยการเตือนภัยศูนย์สึนามิแปซิฟิก ประจำฮาวาย สหรัฐอเริกา ซึ่งเป็นศูนย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมคณะ ได้มาเยี่ยมประเทศไทย โดยได้หารือกัน ว่าภายหลังประเทศไทยประสบเหตุการณ์คลื่นสึนามิ ทางศูนย์ยินดีจะให้ความช่วยเหลือประเทศไทยในระบบการเตือนภัย โดยจะใช้การเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างศูนย์ของฮาวายกับประเทศไทย และให้แจ้งข่าวโดยตรงผ่านโทรศัพท์สายตรงฮ็อตไลน์ และแฟกซ์พิเศษที่จะใช้ในการอื่นไม่ได้ นอกจากการเตือนภัยโดยเฉพาะ โดยจะตั้งที่กรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งจะเริ่มดำเนินการใน 1-2 สัปดาห์นี้ เพื่อจะทำให้ระบบการเตือนภัยมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ ไทยและศูนย์ดังกล่าวยังไม่เคยติดต่อและมีโครงข่ายเชื่อมโยงกันเลย เมื่อเกิดแผ่นดินไหวก็ไม่สามารถหาจุดศูนย์กลางหรือคาดการณ์การหากเกิดคลื่นสึนามิได้ นอกจากนี้ จะมีการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับแผ่นดินไหวระหว่างกัน และทางศูนย์ฮาวายพร้อมจะให้ทุนการศึกษาสำหรับไทยในการส่งบุคลากรไปศึกษาที่ฮาวาย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากเพราะไทยเป็นภูมิภาคแรกที่ได้รับความช่วยเหลือจากศูนย์นี้ ในเดือนมีนาคมจะจัดทำระบบเตือนภัยใหม่ โดยตั้งศูนย์ประสานงานเตือนภัยแห่งชาติขึ้นที่กรมไปรษณีย์โทรเลขเดิม ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อรับข้อมูลจากทุกศูนย์เตือนภัย แล้วส่งไปยังสื่อต่างๆ ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ วิทยุชุมชน หอกระจายข่าว รวมทั้งการส่งเอสเอ็มเอสผ่านโทรศัพท์มือถือกว่า 20 ล้านเครื่อง ซึ่งจะประสานงานกับผู้ประกอบการต่อไป นอกจากนั้น จะตั้งหอกระจายข่าวในพื้นที่เสี่ยงภัย สำหรับประชาชนที่ไม่ได้ฟังวิทยุโทรทัศน์ โดยจะเริ่มจากภาคใต้ฝั่งตะวันตกก่อน หอกระจายข่าวจะเป็นหอสูง 20-30 เมตร ทนคลื่นลม ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่หรือโซลาร์เซลล์ โดยไม่ใช้มนุษย์ดูแล เตือนภัยโดยใช้การกระจายเสียงและไซเรน ซึ่งมีการวางแผนจะติดตั้งที่ฝั่งอ่าวไทย และพื้นที่เคยเกิดอุทกภัยเฉียบพลันด้วย ถ้ารัฐบาลอนุมัติก็สามารถดำเนินการได้ใน 6 เดือนถึง 1 ปี (มติชนรายวัน อังคารที่ 25 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





ยุ่นผลิตถั่วไฮเทคสื่อแทนจิตใจคน

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อ 26 ม.ค. ว่าคนญี่ปุ่นที่อายที่จะบอกความรู้สึกหรือทำเซอร์ไพรส์ ให้ผู้อื่นจะมีทางเลือก โดยบริษัททาการะซึ่งเป็นบริษัทผลิตของเล่นใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของญี่ปุ่นได้ผลิตต้นถั่วบอกความรู้สึกในรูปกระป๋องมีชื่อว่า "มาเมล" มาจากคำว่าถั่วในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งข้างในบรรจุดินและถั่วต้นเล็กๆ หลังจากซื้อไป 5 วัน มันจะเติบโตจนเห็นข้อความที่เขียนด้วยแสงเลเซอร์ที่ใบเลี้ยง ซึ่งมีให้เลือกถึง 6 ข้อความ เช่น "I love you" หรือ "Good luck" ส่วนอีกด้านหนึ่งจะมีรูปใบหน้ายิ้ม จะออกจำหน่าย 10 ก.พ. ในราคา 714 เยน (ราว 270 บาท) ขณะที่บริษัทโทมี่ก็ผลิตต้นถั่วบอกความรู้สึกในรูป ไข่สีขาวทำจากแคลเซียม หลังจากรดน้ำแล้วต้นถั่วดันไข่แตกและมีข้อความปรากฏ ที่ใบเลี้ยงเป็นภาษาฝรั่งเศส เช่น "Avec toi" and "C'est la vie" ส่วนอีกข้างเป็นคำแปลภาษาญี่ปุ่น หลังจากนั้น 1 เดือนใบเลี้ยงจะกลายเป็นใบไม้ตามปกติ จะออกจำหน่าย 24 ก.พ. ในราคา 798 เยน (ราว 300 บาท) ทั้งนี้ บริษัทเซนชูไคของเกาหลีใต้ได้จำหน่ายต้นถั่วบอกความรู้สึกไปแล้วตั้งแต่ 7 ม.ค. ในราคา 630 เยน (ราว 240 บาท) ซึ่งขายไป 1 แสนกระป๋องแล้ว (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 27 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





พัฒนาเครื่องพิมพ์ผิวหนังของมนุษย์ เป็นแผ่นพลาสติกปลูกปะให้คนไข้

นักวิทยาศาสตร์อังกฤษได้สร้างเครื่องซึ่งใช้พิมพ์ผิวหนังคน เพื่อใช้ปลูกปะให้กับคนไข้ ที่ถูกไฟลวกหรือของร้อนตามตัวให้ใหม่ได้ หนังสือพิมพ์ "เดอะ ซัน" หนังสือพิมพ์รายวันฉบับยักษ์ของอังกฤษ รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ เผยว่า เครื่องมือนั้นสามารถจะเพาะเซลล์ผิวหนังของคนไข้ขึ้นแล้ว เอาไปพิมพ์ลงบนแผ่นพลาสติกอีกต่อหนึ่ง หมอจะได้นำพลาสติกเหล่านั้นไปเย็บปะแทนให้กับคนไข้ที่ถูกไฟลวกจนผิวหนังถูกทำลาย โดยพลาสติกจะหลุดลอกออกได้เอง เมื่อบาดแผลหายดีแล้ว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการปลูกปะผิวหนังที่เสียหายด้วยวิธีนี้ จะเป็นผลดีกว่านำผิวหนังแห่งอื่นตามตัวของคนไข้มาปลูกปะให้แทน เพราะไม่ก่อให้เกิดแผลเป็นขึ้น (ไทยรัฐ พุธที่ 26 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ญี่ปุ่นเปิดประสบการณ์ ดึงระบบไอซีทีเตือนภัย

ในงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ "Workshop on AsianPacific Networking Technology and Next Generation Mobile Communication" ที่จัดขึ้นวันที่ 25 ม.ค. 48 นักวิจัยญี่ปุ่นได้ถ่ายทอดประสบการณ์เตือนภัยสึนามิ รวมทั้งเปิดต้นแบบงานวิจัย การนำไอซีทีแจ้งเตือนภัยร้ายให้ประชาชน กระจายทุกช่องทางการสื่อสาร ลดความสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ประกอบด้วย คลื่นความถี่วิทยุ การแจ้งข้อมูลจากป้ายสัญลักษณ์ การแพร่ภาพกระจายเสียงทางโทรทัศน์ การส่งข้อมูลไปยังเครื่องรับอุปกรณ์พิเศษที่ราคาต่ำกว่าพีซี และมือถือ ทั้งนี้เพื่อให้เข้าถึงประชาชนในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะอยู่อาคาร ริมชายหาด กำลังว่ายน้ำ เดินอยู่บนถนน อยู่ในบ้าน หรือกำลังขับรถ นายอิงะราชิ คิโยชิ ผู้อำนวยการ แผนก อะลายแอนซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ฝ่ายสแตรทิจิก แพลนนิ่ง เนชั่นแนล อินสติติวท์ ออฟอินฟอร์เมชั่น แอนด์ คอมมูนิเคชั่น เทคโนโลยี (เอ็นไอซีที) ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีไอซีที กล่าวว่า ปัจจุบัน ทางหน่วยงานกำลังวิจัยการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารใหม่ๆ เข้ามาใช้ในการแจ้งเตือนภัยพิบัติ ทั้งแผ่นดินไหว และสึนามิ ที่ญี่ปุ่นมักประสบเหตุดังกล่าว รัฐบาลญี่ปุ่น ได้ตั้งอุปกรณ์การสื่อสารไอพี เน็ตเวิร์คที่ใช้คลื่นวิทยุ ความถี่ 60 เมกะเฮิรตซ์ จากกรมอุตุนิยมวิทยา ส่งสัญญาณข้อมูลไปยังอุปกรณ์เครื่องรับความถี่วิทยุดังกล่าวที่เชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีที่ออนไลน์อยู่ ระบบจะแจ้งเตือนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแบบอัตโนมัติทันที เอ็นไอซีที ได้พัฒนาต้นแบบอุปกรณ์เครื่องรับแบบพิเศษที่มีราคาต่ำ เพื่อรับข้อมูลการแจ้งเตือนภัยในพื้นที่ไม่มีพีซี หรืออุปกรณ์สื่อสารอื่นๆ เครื่องรับดังกล่าวจะใช้เพียงปลั๊กไฟ และแบตเตอรี่ ไม่ต้องมีสายเชื่อมต่อเครือข่ายอื่นๆ อุปกรณ์ต้นแบบนี้ ใช้คลื่นความถี่เฉพาะที่ 280 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งเดิมเคยใช้ให้บริการเพจเจอร์ แต่ปัจจุบันเป็นช่องสัญญาณที่ว่าง โดยกรมอุตุนิยมวิทยาสามารถส่งข้อมูลผ่านคลื่นดังกล่าวมายังเครื่องรับนี้ได้ และยังให้บริการข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันได้ ล่าสุดเอ็นไอทีซี แยกงานวิจัยนี้ ตั้งออกเป็นบริษัทร่วมทุนกับเอกชนชื่อ โยซาน สกายคาสท์ คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด เพื่อพัฒนาให้เป็นอุปกรณ์เชิงพาณิชย์แล้ว ยังพัฒนาการนำเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดีชิพ (Radio Frequncy Indentoification) มาใช้ติดบนเสื้อผ้า หรือรองเท้าของประชาชน เพื่อใช้ระบุตัวตนของคนนั้น สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถพูดหรือสื่อสารได้ ซึ่งในอาร์เอฟไอดีชิพจะบรรจุข้อมูลเบื้องต้นชื่อ หรือกลุ่มเลือดของคนๆ นั้นได้ (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 26 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





เตือนภัยผ่านมือถือ สวีเดนเปิดบริการใหม่

เมดเดย์ บริษัทผู้ให้บริการด้านสาธารณสุขจากสวีเดน ได้พัฒนาบริการโทรศัพท์มือถือเพื่อใช้ตรวจหาและควบคุมโรคระบาดต่างๆ เช่น โรคซาร์ส และไข้หวัดนก โดยระบบดังกล่าวนี้สามารถนำมาปรับใช้ในการส่งข้อความเตือนภัยได้ทั่วโลกในกรณีที่อาจเกิดภัยพิบัติขึ้น บริการเรกพอยท์ (RegPoint) เป็นการดูแลรักษาโรคเรื้อรังและตรวจหา รวมทั้งตรวจพิสูจน์โรคติดต่อหรือโรคระบาด พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยผู้ป่วยสามารถส่งข้อมูลสุขภาพล่าสุด ผ่านโทรศัพท์มือถือไปให้แพทย์ของตนได้หลายครั้งต่อวัน ดังนั้น เพื่อให้การใช้งานเรกพอยท์ได้ประโยชน์ที่ครอบคลุมกว่าเดิม บริษัทจึงร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีพิบัติภัยจากมหาวิทยาลัยอัพซาลา ในการนำบริการลักษณะเดียวกันนี้มาใช้ในระบบเตือนภัยคลื่นสึนามิและแผ่นดินไหว "ระบบของเราตรวจพบการเกิดแผ่นดินไหวภายในเวลา 11 นาที หลังเกิดแผ่นดินไหว หรือเกือบ 1 ชั่วโมง ก่อนที่คำเตือนครั้งแรกจะไปถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในบริเวณที่ได้รับผลกระทบ หากนำเรกพอยท์มาเชื่อมต่อกับระบบที่เราพัฒนาขึ้น เชื่อว่าผู้คนนับเป็นพันๆ คนจะได้รับคำเตือนผ่านโทรศัพท์มือถือ ภายในเวลาอันรวดเร็วเมื่อตรวจพบการเกิดแผ่นดินไหว" เรเนียร์ บ็อดวาร์สซอน ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยอัพซาลา กล่าว สำหรับระบบเตือนภัยทางโทรศัพท์มือถือของสวีเดนนี้ มีค่าใช้จ่ายไม่แพง ใช้เวลาติดตั้ง 4-5 สัปดาห์ นอกจากนี้ ยังเตือนภัยได้รวดเร็วและต่อเนื่อง โดยมหาวิทยาลัยอัพซาลาจะส่งข้อมูลเตือนภัยได้ภายในเวลา 11 นาที หลังเกิดแผ่นดินไหว และจะแจ้งไปยังศูนย์ที่ติดตั้งโซลูชั่นเรกพอยท์ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ประจำตลอด 24 ชั่วโมง จากนั้นเจ้าหน้าที่สามารถแจ้งเตือนผู้คนที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว ผ่านโทรศัพท์มือถือได้ภายในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น โดยผ่านเครือข่ายระบบจีพีอาร์เอส ซีดีเอ็มเอ หรือทรีจี โดยตรง ขณะที่ศูนย์เตือนภัยสึนามิหลายแห่งในปัจจุบันแจ้งเหตุผ่านเครือข่ายวิทยุท้องถิ่น ซึ่งข้อมูลเดินทางล่าช้าเกินไป (คมชัดลึก พฤหัสบดึที่ 27 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





เทคโนโลยีจิ๋วปีระกามาแรง

สถาบันวิจัยดีลอยท์ เผยทิศทางเทคโนโลยีผ่านมุมมองของนักวิเคราะห์และผู้นำในอุตสาหกรรม รายงานว่า ในปีนี้ นาโนเทคโนโลยี หรือเทคโนโลยีขนาดเล็ก (1 ส่วนพันล้านเมตร) มาแรง หลังจากเริ่มกำลังก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมผลิตครีมกันแดด ระบบนำส่งยา และฮาร์ดดิสก์ของคอมพิวเตอร์ โดยในไม่ช้านี้ นาโนเทคโนโลยีจะเข้าไปแทรกซึมอยู่ในทุกอุตสาหกรรมการผลิต นักวิจัยยอมรับว่า สำหรับประชาชนคนทั่วไปแล้ว นาโนเทคโนโลยียังถือเป็นเรื่องที่ยากเกินความเข้าใจ และคิดว่าเป็นเรื่องเพ้อฝันในนวนิยายวิทยาศาสตร์มากกว่าเป็นเรื่องจริง โดยบางคนอาจจินตนาการภาพหุ่นยนต์ขนาดเล็กที่ถูกส่งเข้าไปทำการผ่าตัดในร่างกาย บางคนอาจถึงกับคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวไปเลย ทั้งที่จริงแล้วทุกวันนี้นาโนเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องและใช้งานอยู่ในชีวิตประจำวันแล้ว โดยที่ผู้บริโภคไม่รู้สึก อย่างไรก็ดี ในปีนี้ คนจะเข้าใจภาพของนาโนเทคโนโลยีแจ่มชัดมากขึ้น และเห็นประโยชน์ใกล้ตัวจริง ยกตัวอย่าง สีรถยนต์ที่เงางามตลอดเวลาเนื่องจากฝุ่นไม่เกาะ หรือหน้าต่างที่สามารถทำความสะอาดตัวเองได้ แบตเตอรี่มือถือที่เล็กกว่าและดีกว่า นอกจากนี้ นาโนเทคโนโลยียังสามารถใช้เพื่อสร้างวัสดุใหม่ได้อีกด้วย นักวิจัยเล่าว่า บริษัทมือถืออย่างน้อย 2 บริษัทใหญ่ กำลังจะนำโทรศัพท์ที่ใช้เซลล์พลังงานออกจำหน่ายในปี 2548 ซึ่งเซลล์พลังงานจะเปลี่ยนพลังงานเคมีที่เก็บอยู่ในไฮโดรเจนมาเป็นพลังงานไฟฟ้า ให้พลังแก่อุปกรณ์ ต่างจากแบตเตอรี่ลิเทียมไออนที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ตรงที่ผู้ผลิตสามารถออกแบบกล่องสำหรับแบตเตอรี่แบบใหม่ได้หลากหลาย ทั้งยังสามารถเติมพลังงานโดยใช้งานได้นานหลายวัน ไม่ใช่เป็นชั่วโมงเหมือนกับการชาร์จแบตเตอรี่โดยใช้ไฟฟ้า ส่วนแนวโน้มทางด้านไอที ปีนี้จะเป็นอีกปีหนึ่งที่การหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต และการขโมยข้อมูลลับส่วนบุคคลจะระบาดมากขึ้น โดยเฉพาะอุปกรณ์พกพาอย่างโทรศัพท์มือถือ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมแพร่หลายมากขึ้น ส่งผลให้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้อาจถูกลักไปใช้โดยมิชอบ นอกจากนี้ การระบาดของโปรแกรมก่อกวนคอมพิวเตอร์ หรือไวรัสคอมพิวเตอร์จะสำแดงฤทธิ์เดชมากขึ้นเช่นกัน รายงานยังระบุด้วยว่า ในปีนี้การใช้ฉลากคลื่นถี่วิทยุ (อาร์เอฟไอดี) จะแพร่หลายมากขึ้นเนื่องจากต้องเก็บข้อมูลเพิ่มขึ้น และจะค่อยๆ เข้ามาแทนที่บาร์โค้ดที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน (คมชัดลึก พุธที่ 26 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ระบบกรองเว็บไซต์สื่ออนาจาร

นายวิฑูลย์ ดอนพรทัน ผู้ช่วยนักวิจัยโครงการระบบตรวจสอบเว็บไซต์อนาจาร มหาวิทยาลัย มหาสารคาม กล่าวว่า จากการศึกษาที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าการถูกมอมเมาด้วยสื่ออนาจารของเยาวชน อาจส่งผลเสียอย่างรุนแรงต่อทัศนคติและพฤติกรรมทางเพศของเยาวชนและก่อให้เกิดปัญหาสังคมอื่น ๆ ตามมาได้ในที่สุด ด้วยเหตุผลที่ว่าเว็บไซต์ลามกอนาจารเกิดขึ้นมาก และทุกวัน ทำให้เราไม่สามารถที่จะตรวจสอบและปราบปรามได้หมด เพราะเมื่อถูกตรวจสอบเว็บไซต์ก็จะถูกปิดตัวลง พร้อมกับเปิดขึ้นมาใหม่โดยใช้เวลาไม่นานนัก โครงการพัฒนาระบบกลั่นกรองเว็บไซต์อนาจารอัตโนมัติ จึงเกิดขึ้นเพื่อตรวจสอบและกลั่นกรองเว็บไซต์อนาจารสำหรับใช้งานภายในองค์กรต่าง ๆ และสถานศึกษาต่าง ๆ โดยเสนอส่วนประกอบของกลไกที่จะใช้ในระบบที่เป็นขั้นเป็นตอนเริ่มจากการกลั่นกรองภาพอนาจารโดยการประมวลผลรูปภาพ วิเคราะห์สีผิวเพื่อจำแนกความแตกต่างระหว่างเซลล์สีผิวของมนุษย์และเซลล์สีอื่น ๆ การวิเคราะห์รูปร่างมนุษย์เพื่อตรวจสอบภาพอนาจารบนเว็บไซต์ แล้วผ่านการกลั่นกรองข้อความที่สื่อไปในทางอนาจารบนเวิลด์ไวด์เว็บ แล้วถึงจะวิเคราะห์ลิงค์ ซึ่งเมื่อผ่านขบวนการตรวจสอบข้างต้น ระบบจะได้บัญชีดำของเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม เพื่อส่งต่อให้กับกลไกการเซ็นเซอร์ในพร็อกซี่เซิร์ฟเวอร์ในการป้องกันเน็ตเวิร์กขององค์กรนั้นจากเว็บไซต์อนาจาร ระบบนี้เริ่มทำการวิจัยมาได้ 6 เดือน หลักการทำงานจะต้องมีเซิร์ฟเวอร์หลักควบคุม เครื่องลูกข่ายจะไม่สามารถทราบว่ามีการติดตั้งระบบนี้ เมื่อมีบุคลากรภายในหรือนักศึกษาใช้งาน ก็จะมีการเก็บประวัติของแต่ละเครื่องว่าได้ลิงค์ออกไปเว็บไหนบ้าง ส่วนในช่วงที่มีการใช้งานน้อยเครื่องเซิร์ฟเวอร์จะทำการตรวจสอบว่าเว็บไซต์ที่ออกไปในแต่ละวันเป็นเว็บไซต์อนาจารหรือไม่ หากอยู่ในข่ายลามกอนาจารก็จะทำการบล็อกเพื่อไม่ให้เข้าไปใช้อีก ปัญหาที่พบคือไม่สามารถดูได้ครอบคลุมทุกเว็บ ดูแลได้เพียงการใช้งานของบุคลากร ภายหลังจากโครงการวิจัยนี้เสร็จสิ้น จะได้อัลกอริทึมที่ใช้ในการวิเคราะห์ภาพอนาจาร และระบบต้นแบบของการกลั่นกรองเว็บไซต์อนาจาร และจะขยายต่อยอดในการวิเคราะห์สื่ออนาจารประเภทอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพหรือวีดีทัศน์ที่ผ่านระบบมือถือ และภาพยนตร์ วีซีดี ถึงแม้ว่าจะมีโปรแกรมสแกนเว็บไซต์อนาจารเกิดขึ้นมาเพื่อสกัดกั้น แต่ถ้าเว็บไซต์พวกนี้ยังถูกทำขึ้นมาเรื่อย ๆ และยังไม่ถูกปราบปรามจนหมดสิ้น (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที 27 ม.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





บีเอ็นเอชโชว์นวัตกรรมผ่าตัดสันหลัง ลดแผลเหลือ 2 ซม. พักฟื้นวันเดียวกลับบ้านได้

นายแพทย์กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบีเอ็นเอช สาทร-คอนแวนต์ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลได้นำชุดเครื่องมือผ่าตัดใหม่ล่าสุดเพื่อรักษาโรคกระดูกสันหลัง โดยเรียกว่า Minimally Access Spine Surgery (Mass) ซึ่งจะช่วยแพทย์รักษาผู้ป่วยได้ตรงจุดที่ต้องการมากขึ้น โดยมีรอยแผลขนาดเล็กเพียง 1.6-2 ซม. จึงช่วยลดอาการปวดหลังการผ่าตัด และย่นเวลาพักฟื้นจากเดิมต้องนอนพักนานเป็นเดือน แต่วิธีนี้เพียง 1 วันก็สามารถกลับบ้านได้ ชุดเครื่องมือผ่าตัดแบบ Mass ประกอบด้วย ท่อขนาดเล็กเท่าเข็มจนถึงขนาดความกว้าง 2 ซม. และอุปกรณ์ยึดท่อให้แน่น ซึ่งลักษณะคล้ายงวงช้าง เพื่อป้องกันเครื่องมือท่อเคลื่อนไหว โดยการใช้งาน แพทย์จะให้ผู้ป่วยนอนคว่ำแล้วดมยาสลบพร้อมทั้งฉีดยาชาบริเวณที่จะผ่าตัด เพื่อลดอาการเจ็บปวดและใช้เข็มขนาดเล็กมากเจาะเข้ากล้ามเนื้อ เพื่อค้นหาจุดที่ต้องการผ่าตัด จากนั้นจะใช้ท่อที่ขนาดใหญ่ขึ้นเจาะตามลงไปในตำแหน่งเดียวกัน การผ่าตัดจะทำลักษณะเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ความกว้างของกล้ามเนื้อที่เปิดออก เพียงพอต่อการนำเครื่องมือผ่าตัดเข้าไปยังบริเวณที่เป็นต้นเหตุของอาการปวดหลัง เมื่อได้ตำแหน่งและขนาดที่ต้องการแล้ว แพทย์จะใช้อุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายงวงช้างยึดติดกับท่อดังกล่าวเพื่อป้องกันมิให้เครื่องมือเคลื่อนไหว นอกจากนี้ แพทย์ยังติดกล้องขนาดเล็กสอดเข้าไปยังตำแหน่งผ่าตัด พร้อมกับท่อที่นำร่องเข้าไปก่อนแล้ว เพื่อช่วยการมองเห็นบริเวณผ่าตัดจากจอภาพอย่างชัดเจนมากขึ้น สำหรับการผ่าตัดด้วยวิธีดังกล่าว สามารถใช้ได้กับโรคทางกระดูกสันหลัง การผ่าตัดรักษาอาการปวดหลังเหล่านี้ จำเป็นต้องอาศัยการวินิจฉัยที่แม่นยำ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 28 ม.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ดาวเทียมธีออสส่งสัญญาณปี2550

ดร.ธงชัย จารุพพัฒน์ รองผู้อำนวนการ สทอภ. กล่าวว่า ดาวเทียมธีออสเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลฝรั่งเศส โดยมี สทอภ.ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางในการดำเนินโครงการพัฒนาดาวเทียมสำรวจทรัพยากรธีออส ร่วมกับบริษัท EADS ASTRIUM ประเทศฝรั่งเศส ถือว่าเป็นดาวเทียมสำรวจทรัพยากรดวงแรกของประเทศไทย ใช้เวลาสร้างประมาณ 36 เดือน และจะส่งขึ้นสู่วงโคจรในวันที่ 19 กรกฎาคม 2550 ภายใต้โครงการพัฒนาดาวเทียมธีออส สทอภ.ได้ตกลงกับบริษัทว่า ในการรับสัญญาณและให้บริการข้อมูลดาวเทียมสปอตในระหว่างการดำเนินการพัฒนาดาวเทียมธีออส ประกอบด้วยข้อมูลดาวเทียมสปอต 2, 4 และ 5 โดยเฉพาะข้อมูลดาวเทียมสปอต-5, ซูเปอร์-โมท มีรายละเอียดข้อมูล 2.5 เมตร ซึ่งใกล้เคียงกับรายละเอียดของข้อมูลดาวเทียมสปอตใช้งานระหว่างที่ยังไม่มีข้อมูลดาวเทียมธีออส "สิ่งที่แน่นอนที่สุดตอนนี้คือ จะได้ข้อมูลอย่างสม่ำเสมอในทุกๆ วัน ถ้าท่านต้องการข้อมูลอะไร เราจะทำการรวบรวมและบริการท่าน และในช่วงนี้ที่เกิดเหตุการณ์สึนามินั้นจะบริการโดยไม่คิดเงิน นางปราณีต ดิษริยะกุล ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาธุรกิจ สทอภ. กล่าวว่า ในขณะนี้โครงการพัฒนาดาวเทียมอยู่ในระยะที่ 2 คือกำลังดูเรื่องรายละเอียดอยู่ หลังจากผ่านระยะแรกคือ การออกแบบเบื้องต้นมาแล้ว เหลือเวลาอีก 30 เดือน ส่วนตอนนี้ได้เริ่มทดลองใช้สัญญาณดาวเทียมสปอตโดยไม่คิดค่าบริการ จะคิดเพียงค่าอุปกรณ์ที่บันทึกข้อมูลเท่านั้น (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 28 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





ข่าววิจัย/พัฒนา


ชี้นักวิจัยไทยค้นพบยารักษาโรคหัวใจใหม่ของโลก

ศ.ดร.นักสิทธ์ คูวัฒนาชัย ผอ.โครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เปิดเผยถึงผลการประเมินโครงการ คปก.ว่า สกว.ได้เริ่มจัดทำโครงการ คปก.ซึ่งเป็นโครงการพัฒนานักวิจัยระดับปริญญาเอกขึ้นในประเทศ โดยร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 2541 ขณะนี้มีผู้จบการศึกษาในโครงการ คปก.จำนวน 322 คน ในจำนวนนี้มีผลงานวิจัยที่นำยื่นขอจดสิทธิบัตรแล้ว 22 เรื่อง และจากการที่ สกว.ส่งนิสิตนักศึกษาไปทำงานวิจัยต่างประเทศ ซึ่งต่างประเทศค่อนข้างชื่นชมนิสิตนักศึกษาไทย เพราะมีความอดทนและเกาะติดงาน และล่าสุดนักวิจัยไทยก็สามารถค้นพบวิธีใหม่ ในการผลิตยาและจดสิทธิบัตรยาละลายลิ่มเลือด ซึ่งขณะนี้มีบริษัทยาชั้นนำของโลกจากประเทศเยอรมนี เซ็นสัญญาร่วมมือกันนำผลการวิจัยไปพัฒนาเป็นตัวยา รักษาโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันขนานใหม่ของโลก สำหรับโครงการวิจัยของ คปก. ตั้งแต่ปี 2541-2547 แบ่งเป็นงานวิจัยสาขาต่างๆ ดังนี้ ด้านวิศวกรรมศาสตร์ 194 เรื่อง เทคโนโลยี 320 เรื่อง วิทยาศาสตร์กายภาพ 259 เรื่อง วิทยาศาสตร์ชีวภาพ 427 เรื่อง วิทยาศาสตร์การแพทย์ 308 เรื่อง เกษตร 123 เรื่อง สังคมและมนุษยศาสตร์ 114 เรื่อง รวม 1,745 เรื่อง (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 24 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ยุงก็เหม็นกลิ่นมนุษย์เหมือนกัน เป็นวิธีไล่ยุงแบบเกลือจิ้มเกลือ

ทีมนักวิจัยของศูนย์วิจัยรอธธัมสเตดของอังกฤษ ได้สนใจคนที่ยุงรังเกียจกลิ่นตัวของคนบางคน และพยายามจะศึกษาหาดูว่า เขามีกลิ่นอันใด ที่ทำให้ยุงเหม็นจนหนีไป จนได้พบว่าคนพวกที่ยุงรังเกียจเหล่านี้ ต่างก็มีกลิ่นตัวที่มีสารเคมีแบบเดียวกันอยู่บางชนิด และเมื่อนำเอาสารเคมีเหล่านั้นไปพ่นให้คนที่เคยโดนยุงกัดเป็นประจำ ก็ปรากฏว่าช่วยป้องกันยุงไม่ให้มารบกวนอีกต่อไปได้ หัวหน้านักวิจัย นาย เจมส์ ดัลแกน กล่าวว่า "มันเหมือนกับว่า สารเคมี ที่พ่นใส่ ไปช่วยกลบพวกกลิ่นตัวที่ยุงหอมลงเสีย พวกมันถึงเลิกตอแยลง" สารเคมีที่พบว่าช่วยกลบกลิ่นตัวที่ยุงชอบได้นั้น ไม่ได้มีแค่อย่างเดียว แต่ มีอยู่หลายอย่าง หากแต่จมูกคนเราไม่ได้กลิ่นของมัน ดังนั้น กับคนเรา ของเหล่านี้จึงไม่มีกลิ่น นักวิจัยของศูนย์ไม่ยอมเปิดเผยสูตรของกลิ่นดังกล่าว เพราะต้องการจะเก็บไว้ผลิตยากันยุงปลอดกลิ่น ที่มนุษย์ไม่อาจจับได้ ออกขายในวันหน้าต่อไป. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 24 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





โทรศัพท์ฟังเสียงรู้อารมณ์แสดงเป็นการ์ตูนบอกเจ้าของ

โปรแกรมทายอารมณ์ที่ชื่อว่า "อีโมทีฟ อะเลิร์ท" (Emotive Alert) นี้ออกแบบโดยนักวิจัยจากมีเดียแล็บ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ และทดสอบโดยนำไปติดตั้งลงในระบบตอบรับโทรศัพท์บ้านอัตโนมัติ ซึ่งสามารถส่งเป็นข้อความตัวอักษรแจ้งไปยังผู้รับซึ่งอยู่นอกบ้านให้ทราบทันที พร้อมกับส่งตัวสัญลักษณ์แสดงออกมาเป็นตัวการ์ตูนหน้าบึ้ง ยิ้ม เศร้า มีความสุข เฉย หรือตื่นเต้นเร่งด่วนแค่ไหน เมื่อมีเสียงเข้ามาบันทึกไว้ในเครื่องตอบรับโทรศัพท์อัตโนมัติ โปรแกรมจะทำการแยกระดับความดังของเสียง ความเร็วในการพูด และการเว้นช่วงคำใน 10 วินาทีแรกของแต่ละข้อความ จากนั้นนำเสียงที่บันทึกสดๆ ร้อนๆ ไปเทียบกับเสียงต้นแบบที่เก็บไว้ในเครื่อง 8 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ ด่วน-ไม่ด่วน เป็นทางการ-กันเอง สุข-เศร้า ตื่นเต้น-เฉยๆ และเช็คดูว่าเสียงที่เข้ามาใกล้เคียงกับรูปแบบไหนมากที่สุด ซอฟต์แวร์จะทำการสร้างต้นแบบเสียงขึ้นมา โดยเรียนรู้จากข้อความเสียงที่เคยบันทึกไว้ โดยผู้ใช้จะเป็นผู้กำหนดว่าเสียงแบบนี้สื่ออารมณ์รูปแบบไหน จากการทดสอบพบว่า ซอฟต์แวร์สามารถบอกความแตกต่างของเสียงที่แสดงอารมณ์เตื่นเต้น และเฉยๆ กับเสียงมีความสุขกับเสียงเศร้าได้ ขณะที่ความแตกต่างระหว่างเสียงเร่งด่วนกับไม่ด่วน และเสียงที่เป็นทางการกับไม่ทางการ ยังไม่สามารถระบุได้แม่นยำ เพราะอาการตื่นเต้นและมีความสุข สามารถแยกลักษณะเสียงได้ชัดเจน เช่น ความเร็วในการพูด และระดับความดังของเสียง ต่างจากสำเนียงที่เป็นทางการหรือเร่งด่วนฟังไม่ค่อยต่างกันเท่าไร (คมชัดลึก จันทร์ที่ 24 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ทุนวิจัยดีๆ เพื่อสตรีนักวิทยาศาสตร์

โครงการทุนวิจัย ลอรีอัล ประเทศไทย "เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์" โดยการสนับสนุนของสำนักเลขาธิการแห่งชาติ ว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ซึ่งเป็นโครงการคุณภาพอีกโครงการหนึ่งที่มอบทุนสนับสนุนงานวิจัยของนักวิจัยสตรีที่มีผลงานวิจัยดีเด่นในด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ปีที่ผ่านมามีนักวิทยาศาสตร์สตรี 2 ท่าน ได้แก่ รศ.รศนา วงศ์รัตนชีวิน ภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น และ รศ.ดร.อัญชลี ทัศนาขจร หน่วยวิจัยอณูชีววิทยาและยีโนมกุ้งภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นตัวแทนของผู้ที่ได้รับทุนวิจัย มากล่าวแนะนำถึงผู้ที่สนใจอยากจะส่งผลงานเข้าร่วมประกวด ผู้ที่สนใจ อยากส่งผลงานเข้าชิงทุนวิจัย สามารถส่งผลงานเข้าประกวดได้ทั้งสองระดับ คือ ทุนวิจัย "เพื่อสตรีดีเด่นในงานวิทยาศาสตร์" สำหรับนักวิทยาศาสตร์ ที่มีอายุมากกว่า 36 ปีขึ้นไป โดยมอบทุนวิจัยปีละ 2 ทุน ทุนละ 150,000 บาท และทุนวิจัย "เพื่อสตรีรุ่นใหม่ในงานวิทยาศาสตร์" สำหรับนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี โดยมอบทุนวิจัยปีละ 2 ทุน ทุนละ 150,000 บาท หมดเขตส่งใบสมัคร ภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับใบสมัครได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ลอรีอัล ประเทศไทย จำกัด โทร.0-2684-3190-2 (คมชัดลึก จันทร์ที่ 24 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





เกษตรยุคใหม่: เคลือบเม็ดข้าวด้วยแร่ธาตุ

"ข้าวสาร" ที่เรากินอยู่ทุกวันนี้ ส่วนใหญ่เป็นข้าวที่ขัดสีจนขาว นั่นก็หมายความว่าได้มีการขัดเอาส่วนที่ดีมีประโยชน์ทิ้งไปหมดก่อน ไม่ว่าจะเป็น วิตามิน ธาตุอาหารหรือโปรตีน จากนี้ ก็ยังมีเทคโนโลยีต่างๆ ที่ก้าวหน้ามากขึ้น เช่นการเพิ่มไอโอดีนเข้าไปในไข่ไก่ โดยคาดหวังว่าคนที่กินไข่ไก่จะได้มีโอกาสรับไอโอดีนเพิ่มขึ้นไปด้วย แต่ว่าตอนนี้มีวิธีใหม่ที่จะให้ธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเสริมไปกับเม็ดข้าวสารโดยตรง เพราะว่าคนไทยเรากินข้าวเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว ดังนั้น หากกินข้าวที่เคลือบธาตุเหล่านี้เข้าไปด้วย โอกาสที่จะขาดธาตุก็ไม่มีอีกต่อไป เป็นการแก้ปัญหาเรื่องสุขภาพของคนในชนบทก็น่าจะทำได้ดีขึ้น และประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลลงได้มาก นอกจากการเคลือบธาตุไอโอดีนบนเม็ดข้าวสารแล้ว ยังสามารถเคลือบธาตุอื่นที่สำคัญได้เหมือนกัน อย่างเช่นธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของเม็ดเลือด การเคลือบธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับคนเข้าไปบนเม็ดข้าวสารนี้ เป็นผลงานวิจัยของ รศ.ดร.วรรณา ตุลยธัญและคณะ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งแนวคิดก็คือ ทำ อย่างไรจึงจะเคลือบธาตุอาหารที่จำเป็นลงบนเม็ดข้าวสารได้ โดยที่ไม่เสียคุณภาพและรสชาติของข้าว รวมทั้งเมื่อนำไปหุงแล้วต้องยังคงเหลือติดอยู่บนเม็ดข้าว ไม่ได้สูญหายไปกับน้ำที่ใช้หุง คนในภาคอีสาน รวมทั้งคนภาคเหนือด้วย บริโภคข้าวเหนียวเป็นหลัก และการหุงข้าวเหนียวก็มักจะใช้วิธีการแช่เม็ดข้าวค้างคืนไว้ก่อนที่จะนำไปหุง ดังนั้น กรรมวิธีการเคลือบเม็ดข้าวดังกล่าว ต้องสามารถทำให้ธาตุอาหารติดอยู่บนเม็ดข้าวได้ โดยไม่หายไปกับน้ำที่แช่ ซึ่งในที่สุดคณะนักวิจัยกลุ่มนี้ก็ทำได้สำเร็จ และได้จดอนุสิทธิบัตรในนามของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) โดยได้รับอนุมัติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้อยู่ในขั้นที่ว่า จะใช้ประโยชน์จากอนุสิทธิบัตรดังกล่าวอย่างไร (คมชัดลึก จันทร์ที่ 24 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





สารออกฤทธิ์ในพืชไทย จากต้นไม้สู่ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์

ศ.ดร.วิชัย ริ้วตระกูลเมธี วิจัยอาวุโส สกว. จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และทีมวิจัย คือหนึ่งในทีมวิจัยด้านอินทรีย์เคมีสังเคราะห์และสารที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพจากธรรมชาติ ที่มีผลงานวิจัยพื้นฐานในประเด็นนี้มาอย่างต่อเนื่อง และได้ค้นพบสารออกฤทธิ์หลายกลุ่มในพืชไทยหลายชนิด เช่น สารในพืชกลุ่มมังคุด และกลุ่มพุด ที่มีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็ง และฆ่าเชื้อเอดส์ รวมถึงงานวิจัยสารออกฤทธิ์ที่สามารถพัฒนาไปสู่การผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ เช่น Plaitanoid เป็นต้น สำหรับงานวิจัยที่ได้รับจากทุนเมธีวิจัยอาวุโส สกว. ในปี 2546 นั้นจะเน้นงานวิจัยพื้นฐานแบบกำหนดทิศทางซึ่งมุ่งในเรื่องของการสร้างองค์ความรู้ใหม่ และการศึกษาวิจัยเพื่อการนำผลงานไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์และเชิงสาธารณะ โดยเฉพาะในด้านผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่มีเป้าหมาย 2 อย่างคือ 1. หาโครงสร้างต้นแบบของผลิตภัณฑ์ธรรมชาติโดยเฉพาะพืชสมุนไพรเพื่อพัฒนาเป็นยาต่อไป และ 2.นำสมุนไพรที่มีศักยภาพมาพัฒนาเป็นสารสกัดหรือในรูปของอาหารเสริม ซึ่งสารสกัดเหล่านี้ส่วนใหญ่ผ่านการทดสอบแล้วมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่จะนำมาพัฒนาเป็นสารสกัดหรืออาหารเสริมได้ สารสกัดหรืออาหารเสริมที่จะพัฒนาขึ้นนั้นส่วนหนึ่งมาจากยาสมุนไพรไทยที่ใช้อยู่เป็นประจำ แต่จะนำเรื่องของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อให้ได้สารสกัดหรืออาหารเสริมที่มีมาตรฐานเทียบเท่ากับต่างประเทศ ส่วนสมุนไพรไทยที่จะนำมาใช้สำหรับฆ่าเชื้อเอดส์และเซลล์มะเร็งนั้นได้ทำการศึกษาวิจัยเพื่อหาสารต้นแบบในพืชตระกูลพุดและพืชตระกูลเดียวกับมังคุด โดยในเบื้องต้นพบสารบริสุทธิ์บางตัวที่สามารถนำมาพัฒนาต่อเป็นยารักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งเยื่อบุปาก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบพิษวิทยาเบื้องต้นโดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี หลังจากนั้นจะเป็นการศึกษาทางคลินิกซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 3 ปี อย่างไรก็ตามสำหรับการทดสอบทางด้านพิษวิทยานั้นขณะนี้พบว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจมาก พืชตระกูลพุดเท่าที่ทำวิจัยพบว่ามีสารที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อเอดส์และมะเร็งได้เป็นอย่างดี หากเป็นไปเราอาจสามารถสกัดสารที่มีฤทธิ์ดังกล่าวนำมาพัฒนาเป็นยารักษาโรคเอดส์และมะเร็ง หรืออาจนำไปใช้เป็นยาผสมจากสมุนไพรใช้รักษาโรคเอดส์ก็ได้ ซึ่งในเรื่องของการนำมาใช้เป็นส่วนผสมสำหรับรักษาโรคเอดส์นั้นโดยส่วนตัวคิดว่า มีศักยภาพสูงมากที่จะทำได้ (สยามรัฐ จันทร์ที่ 24 ม.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





เคี้ยวพบถั่วลิสงค่าสูงเท่าสตรอเบอร์รี่ อุดมด้วยสารที่เป็นตัวล้างพิษมาก

ถั่วลิสงซึ่งมักถูกดูหมิ่นว่า เป็นแค่ของขบเคี้ยวพื้นๆ ได้รับการเชิดชูจากนักวิจัยว่า แท้จริงมันมีคุณค่าทางอาหารเป็นชั้นเลิศ อุดมด้วยตัวสารล้างพิษไม่แพ้ ยอดผลไม้อย่างผลสตรอเบอร์รี่ นักวิจัยของมหาวิทยาลัยฟลอริดาแห่งสหรัฐฯ ได้ออกประกาศนียบัตรให้มันว่า มันมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ที่มีสรรพคุณเป็นตัวล้างพิษ ช่วยป้องกันเซลล์ ไว้ไม่ให้เสียหาย อันอาจจะทำให้ถึงกับเป็นโรคหัวใจและมะเร็งได้อยู่อย่างอุดม นอกจากนั้น มันยังอัดแน่นด้วยโปรตีนและไขมันประเภทที่เป็นคุณด้วยสารพวกแอนตี้ออกซิแดนต์ เป็นสารที่เกิดในพืชตามธรรมชาติ มีประโยชน์ช่วยป้องกันรักษาร่างกายไว้จากสารอนุมูลอิสระที่เป็นพิษ ซึ่งเป็นสารเคมีที่แปรรูปได้ง่ายในเลือด เดิมทีเพียงแต่รู้กันมาก่อนว่า อาหารที่อุดมไปด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนต์ ได้แก่ ผักผลไม้ที่มีสีส้มและสีแดง แต่บัดนี้นักวิจัยก็เพิ่งมาพบว่า ถั่วลิสงก็มีอยู่ด้วย ได้พบว่ามันอุดมด้วยสารโพลีฟีนอล อันเป็นสารเคมีที่พบอยู่ตามอาหาร ที่มีคุณสมบัติเป็นตัวล้างพิษสูง โดยเฉพาะได้พบว่า มันมีสารโพลีฟีนอลชนิดหนึ่ง ที่มีชื่อว่ากรดพีคูมาริก ซึ่งถั่วลิสงคั่วจะยิ่งมีปริมาณกรดนี้สูงขึ้น เลยทำให้มันมีสารที่มีคุณสมบัติเป็นตัวล้างพิษสูงรวมกันแล้วมากถึง 22% (ไทยรัฐ อังคารที่ 25 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





นักวิทยาศาสตร์รับรอง ทําสมาธิประจําส่งผลดีต่อสมอง

ผลการวิจัยล่าสุดพบการปฏิบัติธรรม หรือทำสมาธิเป็นประจำ ส่งผลดีต่อการพัฒนาศักยภาพของสมอง และให้ประโยชน์ต่อสุขภาพกาย ในการประชุมหัวข้อ "จิตใจและชีวิต" ครั้งล่าสุดที่ประเทศอินเดีย ศ.ริชาร์ด เดวิดสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองและประสาทวิทยา จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน สหรัฐฯ ได้นำเสนอผลการวิจัย ซึ่งได้ทำการทดลองสแกนคลื่นสมอง ของพระสงฆ์ที่ปฏิบัติธรรมมามากกว่า 10,000 ชั่วโมง ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า Magnetic Resonance Imaging เปรียบเทียบกับผู้ที่ฝึกทำสมาธิในขั้นเริ่มต้นพบว่า พระสงฆ์ซึ่งเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรมอยู่เป็นประจำจะมีคลื่นสมองที่เป็นระเบียบมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้น การทดลองยังพบอีกว่าในระหว่างที่ทำสมาธิอยู่นั้น ในกลุ่มพระสงฆ์จะมีคลื่นสมองเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ในขณะที่กลุ่มผู้ฝึกทำสมาธิในระยะเริ่มต้นมีคลื่นสมองเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วน เฮอร์เบิร์ท เบนสัน ศาสตราจารย์ประจำคณะแพทย์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ทำการทดลอง โดยสังเกตผู้นั่งสมาธิจำนวน 36 คน เพื่อศึกษาอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต อุณหภูมิผิวหนัง พบว่าช่วงที่นั่งสมาธิพวกเขา ใช้ออกซิเจนลดลง 17% มีอัตราการเต้นของหัวใจลดลง 3 ครั้งต่อนาที และมีอัตรา คลื่นสมองเกิดขึ้นเช่นเดียวกับผู้ที่กำลังนอนหลับ เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่า การทำสมาธิเป็นประจำยังส่งผลดีต่อสุขภาพอีกด้วย ด้าน ดนัย จันทร์เจ้าฉาย นักเขียนผู้หันมาเอาดีด้านปฏิบัติธรรม กล่าวว่า ทุกวันนี้คนทั่วไปใช้จิต หรือเซลล์สมองของเราไม่เกิน 7% ของศักยภาพที่มีอยู่ทั้งหมด หากมนุษย์พัฒนาศักยภาพของสมองเพื่อนำเซลล์ที่ไม่ได้ถูกนำมาใช้ซึ่งมีอีกถึงกว่า 90% ก็น่าจะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และความคิดได้อีกมาก (ไทยรัฐ อังคารที่ 25 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ซอฟต์แวร์แปลไทยเป็นเบรลล์ ช่วยเพิ่มหนังสืออ่านให้คนพิการ

ผศ.ดร.รัฐสิทธิ์ สุขะหุต ภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงพัฒนาซอฟต์แวร์แปลภาษาไทยเป็นอักษรเบรลล์ขึ้นเพื่อความสะดวกในการใช้งาน และย่นระยะเวลาการทำงาน หวังให้ผู้พิการทางสายตามีหนังสืออ่านมากกว่าเดิม ในการพัฒนาจะต้องศึกษาการประมวลผลตามหลักภาษาธรรมชาติด้วย เช่น การตัดคำ การวิเคราะห์สระ หน้าที่ของคำและบริบทของคำโดยอาศัยโครงสร้างทางไวยากรณ์ ก่อนที่จะแปลภาษาได้ เนื่องจากภาษาไทยมีโครงสร้างที่ซับซ้อนกว่าภาษาอังกฤษ แถมลักษณะของการเขียนในภาษาไทยยังไม่มีเว้นวรรคระหว่างข้อความ ไม่มีเครื่องหมายระบุเมื่อจบประโยค ทั้งบางทียังมีคำพ้องรูปหลายคำ การแปลจากภาษาไทยมาเป็นภาษาเบรลล์จึงต้องมีกระบวนการวิเคราะห์อยู่ในโปรแกรม"อาจารย์ ม.เชียงใหม่ กล่าว โดยการวิเคราะห์นี้จะอาศัยเทคนิคเปรียบเทียบคำในพจนานุกรม การหาหน้าที่ของคำว่าคำๆ นั้นเป็นอะไร คำนาม คำกิริยา เพื่อลดความกำกวม วิเคราะห์หน้าที่ของสระ โครงสร้างของคำ จากนั้นจะแปลงอักษรให้อยู่ในรูปของอักษรเบรลล์ งานนี้จึงสามารถตรวจสอบได้ว่าแปลถูกหรือผิดโดยดูจากรูปแบบประโยคภาษาไทยที่ถอดได้ หลังจากพัฒนาซอฟต์แวร์ขึ้นมา ผศ.ดร.รัฐสิทธิ์ ได้ทำการทดสอบความถูกต้องแม่นยำของโปรแกรม ดูความสามารถในการนำไปใช้ พบ ความถูกต้องของการตัดคำอยู่ที่ร้อยละ 85-90 ส่วนความถูกต้องของการหาหน้าที่ของคำนั้นอยู่ที่ร้อยละ 73-80 ขึ้นอยู่กับการตัดคำ ซึ่งนับว่าใช้งานได้ดี หลังจากนี้ จึงคิดจะทำวิจัยเพื่อเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ไปยังเครื่องพิมพ์อักษรเบรลล์ต่อไป เพื่อต่อยอดให้งานวิจัยนำมาใช้ได้จริง เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่สามารถเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ไปยังเครื่องพิมพ์ภาษาเบรลล์ได้โดยตรง ต้องพิมพ์ป้อนภาษาเบรลล์สู่เครื่องพิมพ์อีกที (คมชัดลึก อังคารที่ 25 ม.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





จุฬาฯ คิดค้นวัคซีนภูมิแพ้ แถมใช้รักษาเอดส์ได้ด้วย

รศ.น.พ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม อาจารย์ประจำสาขาโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันทางคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหัวหน้าคณะนักวิจัย "โครงการวิจัยเพื่อพัฒนาวัคซีนและอิมมูนบำบัดด้านโรคเอดส์และโรคภูมิแพ้" เปิดเผยว่า ทีมงานได้ค้นคว้าและพัฒนาวัคซีนต้นแบบ สำหรับรักษาโรคเอดส์และโรคภูมิแแพ้อันเกิดจากการแพ้ไรฝุ่น คุณสมบัติตัวยาสามารถใช้ทั้งป้องกันการเกิดโรคในคนปกติ และรักษาผู้ป่วยได้ด้วย มั่นใจประสิทธิภาพเหนือกว่าวัคซีนนำเข้า เพราะผลิตจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดียวกับที่พบในไทย คาดอีก 5 ปีสำเร็จเบื้องต้น จากนั้นเริ่มสู่ขั้นตอนทดสอบในคน โดยวัคซีนที่คิดค้นนี้จะแตกต่างจากวัคซีนนำเข้า เพราะเป็นการพัฒนาตัวยาที่เหมาะสมกับคนไทยและคนเอเชีย ซึ่งช่วยให้การรักษาโรคมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับตัวยานำเข้าที่ใช้เชื้อไวรัสคนละสายพันธุ์กับที่พบในไทย ใช้งบประมาณ 20 ล้านจากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีแห่งชาติ แบ่งการทำงานเป็น 4 ขั้นตอน เริ่มจากการศึกษาในอาสาสมัครที่ติดเชื้อเอชไอวีและโรคภูมิแพ้ ทั้งที่ดื้อยาและไม่ดื้อยาเพื่อหาชิ้นส่วนย่อยต่างๆ ของเชื้อเอชไอวีและตัวไรฝุ่น ที่ภูมิต้านทานของคนไทยรับรู้และตอบโต้ได้ดี โดยข้อมูลที่ได้จะนำมาเลือกส่วนประกอบวัคซีน ส่วนขั้นตอนที่สอง เป็นการพัฒนาและสร้างวัคซีนต้นแบบ โดยใช้รูปแบบและเทคโนโลยีที่จะกระตุ้นภูมิต้านทานชนิดเซลล์และชนิดแอนติบอดีได้ดี เช่น วัคซีนชนิดดีเอ็นเอ การใช้โปรตีนร่วมกับดีเอ็นเอ และการใช้สารตัวพาวัคซีนที่มีขนาดเล็กยิ่ง ในขั้นตอนต่อมา จะทดสอบวัคซีนต้นแบบในสัตว์ทดลอง เช่น หนู และหากผลเป็นที่น่าพอใจจะทดสอบในสัตว์ขนาดใหญ่ขึ้น เช่น ลิง และขั้นตอนสุดท้ายคือ เตรียมการเพื่อต่อยอดโครงการพัฒนาวิจัยต้นแบบนี้ ในการทดสอบทางคลินิกหรือทดสอบในคนต่อไป (คมชัดลึก อังคารที่ 25 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





เป็นไขมันกับความดันสูงนำไปสู่โรคสมองเสื่อมตอนเมื่อยามแก่

คณะนักวิจัยของแผนวิจัยไกเซอร์ เปอมาเนนต์ของสหรัฐฯพบว่าที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เป็นเบาหวาน หรือสูบบุหรี่มาตั้งแต่วัยกลางคน จะเสี่ยงกับการเป็นโรคสมองเสื่อม เมื่อยามแก่ตัวลงสูงกว่าคนปกติธรรมดา ยิ่งผู้ที่เป็นหลายโรครวมกัน ก็ยิ่งเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น เพราะความเสี่ยงที่เป็นภัยกับหัวใจ ก็ย่อมเป็นกับสมองด้วย ส่วนใหญ่ เนื่องด้วยอาการที่เป็นกับหลอดเลือดในหัวใจ ก็ย่อมเป็นกับหลอดเลือดในสมองด้วย จากการวิจัยของดร.มาริลีน อัลเบอร์ต ผู้เป็นประธานการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และการแพทย์ของสมาคมผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม กล่าวว่า ได้ศึกษากับประชาชนทั้งหญิงชายเกือบ 9,000 คนในทางเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งประกอบด้วยชนเผ่าพันธุ์ต่างๆ ติดต่อกันมาเป็นเวลานาน 27 ปี ผลของการศึกษาระบุว่า ผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคสมองเสื่อมยามแก่ตัวมากถึง 42% ผู้มีความดันโลหิตสูง 24% และผู้ที่สูบบุหรี่เสี่ยงมาก 26% โดยเฉพาะหากเป็นคอยาที่เป็นโรคเบาหวาน รวมทั้งความดันโลหิตและไขมันในเลือดสูงครบเครื่องยิ่งล่อแหลมที่จะเป็นสมองพิการสูงเกือบ 2 เท่า แพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ให้ความเห็นว่า วิธีป้องกันโรคสมองเสื่อมก็แบบเดียวกับโรคหัวใจ นั่นคือกินผักผลไม้สด และพวกถั่วมากๆ กับหมั่นออกกำลังทุกวัน (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 27 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





'อีโค-เซรามิค'จากเถ้าแกลบ วัตถุดิบใหม่ทนร้อน-เคมีกัดกร่อน

ดร.ผกามาศ แซ่หว่อง นักวิจัยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) กล่าวถึงที่มาที่ไปของ 'อีโค-เซรามิค จากเถ้าแกลบ' ที่เพิ่งคว้ารางวัลชนะเลิศสาขาสิ่งแวดล้อม และรางวัลโอเอ็มพีไอ (รางวัลองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกสำหรับสิ่งประดิษฐ์ดีเด่น ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา) จากงานบรัสเซลส์ ยูเรก้า 2005 จากประเทศเบลเยียม 'อีโค-เซรามิค' คือมัลไลท์เซรามิค ซึ่งเป็นส่วนประกอบระหว่างโมเลกุลของซิลิกาและอะลูมินา ได้มาจากขี้เถ้าแกลบผสมกับตะกอนน้ำทิ้งของโรงงานอะลูมิเนียม มีคุณสมบัติพิเศษทนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างเฉียบพลัน (ช็อก) ทนต่อสารเคมี และมีความแข็งแรงที่อุณหภูมิสูงได้ถึง 1,600 องศาเซลเซียส อีกทั้งสามารถขึ้นรูปเป็นรูปร่างต่างๆ ให้เหมาะสมกับการใช้งานหลากหลาย เช่น ถ้วยครูซิเบิล ท่อ ลูกบด หรือโฟม นอกจากนี้ กระบวนการที่ใช้ในการผลิตก็ไม่มีความซับซ้อน สามารถใช้กระบวนการ และเครื่องมือที่พื้นฐานของโรงงานเซรามิคทั่วไปได้ "ข้อดีของมัลไลท์ที่ค้นพบคือ เริ่มจากของเสีย 100% อย่างขี้เถ้าแกลบที่ได้จากโรงงานผลิตไฟฟ้า หรือจากที่เขาทิ้งๆ กันมาผสมกับตะกอนน้ำทิ้งของโรงงานอะลูมิเนียม บดให้เข้ากัน และนำมาขึ้นรูปเป็นชิ้นงาน เผาออกมา โดยที่ไม่ต้องเพิ่มกระบวนการพิเศษอะไรเลย" ดร.ผกามาศ บอกว่า คนส่วนใหญ่จะคิดกันว่า ต้องนำของเสียที่ได้ไปทำให้สะอาดเสียก่อน จึงจะเข้ามากระบวนการผลิตได้ แต่นี่เป็นแค่ของเสียที่นำมาผสมกับของเสีย และเติมน้ำประปาเท่านั้นเอง จากนั้นก็นำมาขึ้นรูป เผาเสร็จก็ใช้ได้ ดร.ผกามาศ และอุมาพร สังข์วรรณะ ผู้ช่วยวิจัย บอกว่า เป็นเรื่องบังเอิญเหลือเกินที่ได้ค้นพบสูตร และอุณหภูมิที่เข้ากันจนผลิตชิ้นงานได้มากมายอย่างไม่น่าเชื่อ ปัจจุบันทีมงานชุดนี้ สามารถผลิตชิ้นงานเซรามิคเพื่องานวิศวกรรมและอุตสาหกรรมได้ครอบคลุมทุกชนิดเท่าที่ตลาดต้องการ ที่สำคัญ สมบัติและคุณภาพเทียบเท่ากับผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศอีกด้วย ติดแค่ขนาดที่ยังเล็กอยู่ เพราะเตาเผาที่ใช้อยู่เป็นขนาดสำหรับห้องปฏิบัติการเท่านั้น สำหรับตลาดเซรามิคเพื่องานวิศวกรรมและอุตสาหกรรม เฉพาะที่นำเข้าจากญี่ปุ่นนั้น มีมูลค่าถึงระดับพันล้านบาท โดยเซรามิคที่ทีมงานพัฒนาขึ้นมานั้น วัตถุดิบแทบไม่มีต้นทุน เพราะขี้เถ้าแกลบที่กองๆ อยู่ก็นำมาใช้ได้ ขณะที่ตะกอนน้ำทิ้งจากโรงงานอะลูมิเนียม แพงสุดกิโลกรัมละ 5 บาท จะแพงก็เป็นเตาเผา ถ้าลงทุนประมาณ 15 ล้านบาท (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 27 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





กรมวิทย์วิจัยแบคทีเรียกำจัดยุง ชี้ปลอดสารเคมีทำลายสุขภาพ

นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ศึกษาวิจัยการใช้แบคทีเรียกำจัดลูกน้ำยุง โดยทดสอบประสิทธิภาพแบคทีเรียชนิดต่างๆ เพื่อค้นหาประเภทของแบคทีเรียที่เหมาะสม และรูปแบบการใช้งานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยการวิจัยได้มุ่งเน้นการพัฒนาอาหารสำหรับเพาะเลี้ยงแบคทีเรีย ชนิด Bacillus sphaericus และได้นำน้ำทิ้งจากโรงงานผลิตผงชูรสจากแป้งมันสำปะหลัง มาทดลองใช้เพาะเลี้ยงแบคทีเรียที่ใช้กำจัดลูกน้ำยุงชนิดต่างๆ จากการวิจัยพบว่า น้ำทิ้งดังกล่าวมีคุณค่าทางอาหารเพียงพอสำหรับการเพาะเลี้ยงเซลล์แบคทีเรียที่ใช้กำจัดลูกน้ำยุงได้ ในระดับเป็นที่พอใจของนักวิจัย ขณะเดียวกัน นักวิจัยสามารถทราบข้อมูลพื้นฐานด้านสูตรอาหารที่จะนำไปศึกษาต่อ และจะพัฒนานำสิ่งเหลือทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมด้านเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่า ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม อาจจะต้องมีการปรับแต่งสูตรอาหารตามความเหมาะสม โดยจะศึกษาคุณลักษณะของเซลล์แบคทีเรียที่ได้จากการเพาะเลี้ยงว่า มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้หรือไม่ จากนั้นจึงนำไปเปรียบเทียบผลผลิตกับอาหารเพาะเลี้ยงชนิดอื่นว่า มีประสิทธิภาพการกำจัดลูกน้ำยุงแตกต่างกันอย่างไรด้วย (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 26 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ธรรมศาสตร์พัฒนาแถบสีบอกผลไม้เน่า-สด จดสิทธิบัตรไทย-สหรัฐ มุ่งสนองนโยบายฟู้ดเซฟตี้

ผศ.วรภัทร ลัคนทินวงศ์ ภาควิชาเทคโนโลยีการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า แถบสีบ่งชี้วันหมดอายุผักผลไม้สดพร้อมบริโภค (Color indicator tap) เป็นผลงานวิจัยที่ได้วิเคราะห์ร่วมกับบริษัท กำแพงแสน คอมเมอร์เชียล จำกัด เอกชนผู้ส่งออกผักผลไม้สดและแปรรูปพร้อมบริโภค โดยเริ่มดำเนินการวิจัยเมื่อ 3-4 ปีก่อน และรับทุนสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ จนถึงปัจจุบันที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง สำหรับขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาในเวอร์ชั่น 3 ได้รับทุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ซึ่งจะออกแบบใหม่เพื่อสะดวกใช้งานมากขึ้น ปัจจุบันได้ทำวิจัยพื้นฐานแล้วเสร็จประมาณ 50% โดยกำหนดให้สามารถติดไว้บนพลาสติกที่ห่อหุ้มสินค้าได้เลย ซึ่งต่างจากรุ่นแรกๆ ที่สร้างความยุ่งยากให้ขั้นตอนการบรรจุภัณฑ์ เพราะต้องติดแถบสีไว้ภายในภาชนะคู่กับตัวผักผลไม้สด เพื่อให้แถบสีบอกคุณภาพได้อย่างแม่นยำ โดยจะแจ้งผลการตรวจวัดเป็นเฉดสีเขียว เหลือง ส้มและส้มแดง โดยแถบสีเขียวหมายถึงผักผลไม้นั้นมีค่าความสดอย่างมาก หรือเพิ่งจะถูกบรรจุภัณฑ์ได้เพียง 12 -18 ชั่วโมง แต่ถ้าถูกบรรจุภัณฑ์ในระยะเวลาที่ยาวนานกว่านั้น อาจเป็นมากว่า 18-26 ชั่วโมง แถบสีจะเปลี่ยนเป็นเหลือง และไล่เฉดสีจนถึงสีส้มแดงหมายถึงบูดเน่าหรือไม่สามารถรับประทาน ขึ้นกับระยะเวลาและประเภทของผักผลไม้ โดยแถบสีนี้เป็นตัวบ่งบอกถึงคุณภาพอาหารนั้นๆ ซึ่งต่างจากสิ่งประดิษฐ์ทั่วไปที่ส่วนใหญ่จะเป็นการพัฒนาฟิล์มบรรจุภัณฑ์ ที่ช่วยยืดอายุผักผลไม้สด แถบสีนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้บริโภค ในการเลือกซื้อผักผลไม้แปรรูปพร้อมบริโภคที่วางโชว์หน้าร้าน หรือบนชั้นวางของในซูเปอร์มาร์เก็ต จากปกติเราไม่ทราบว่าอาหารนั้นใกล้จะหมดอายุหรือยัง หรือซื้อไปแล้วจะเก็บไว้ได้อีกกี่วัน บ่อยครั้งที่ผู้ซื้อมีปัญหาผลไม้สดหน้าตาดี ที่หุ้มห่อในพลาสติกใสนั้น กลับมีกลิ่นและรสเปรี้ยวบูดก่อนวันหมดอายุที่ระบุบนฉลาก ส่วนหลักการทำงานของแถบสีบ่งชี้คุณภาพอาหาร เป็นการตรวจวัดคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเสียที่ผักผลไม้จะปล่อยออกมา โดยปริมาณก๊าซที่เพิ่มขึ้นจะสัมพันธ์กับการเน่าเสียของผลิตผล ดังนั้น การพัฒนาแถบสีหรือตัวบ่งชี้ดังกล่าว จึงอาศัยการตอบสนองของการเปลี่ยนแปลงปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยอาศัยหลักการของค่า pH ที่เปลี่ยนไป จากนั้นวิจัยหาตัวบ่งชี้ที่เหมาะสมที่ให้การเปลี่ยนสีในช่วง pH ดังกล่าว จึงเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถบอกถึงคุณภาพของผักผลไม้สด ที่ผ่านการตัดแต่งพร้อมบริโภค ได้ยื่นจดสิทธิบัตรทั้งในไทยและสหรัฐ อีกทั้งเมื่อประมาณกลางปีที่ผ่านมา ทาง สกว.ได้นำตัวอย่างแถบสีไปจัดแสดงภายในงานแสดงสินค้านวัตกรรมที่ประเทศเกาหลีใต้ด้วย (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 26 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





อาชีวะผุดวัดระดับเลเซอร์ ช่วยงานช่างสาระพัด-เพิ่มความแน่นอน

นักศึกษาอาชีวะจากอุดรราชธานี พัฒนาเครื่องวัดระดับด้วยแสงเลเซอร์ เพิ่มความแม่นยำในการเดินสายไฟ ทาสีอาคาร และงานก่อสร้างอื่นๆ โดย นคร บุญลือ นักศึกษาอาชีวะแผนกวิชาไฟฟ้ากำลัง วิทยาลัยการอาชีพกุมภวาปี จ.อุดรธานี ร่วมกับเพื่อนจากแผนกช่างอิเล็กทรอนิกส์ สถาบันเดียวกัน คิดค้นเครื่องยิงเลเซอร์กำหนดเส้นแนวระดับเพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกในการตีแนวสำหรับงานช่างต่างๆ อาทิ ทาสี เดินสายไฟ ก่ออิฐ ปูกระเบื้องผนัง เป็นต้น การกำหนดแนวเส้นเพื่อทาสี วางแนวท่อร้อยสายไฟ หรือการเดินแนวสายไฟฟ้าภายในบ้านหรืออาคาร ช่างจะต้องทำการวัดแนวเส้นโดยใช้หลักการวัดจากพื้นถึงแนวระดับ หรือการวัดจากเพดานลงมาถึงแนวระดับที่ต้องการ จากนั้นจึงขีดเส้นเพื่อกำหนดแนวระบุตำแหน่ง ซึ่งอุปกรณ์ที่ช่างใช้กันทั่วไปคือ ไม้วัดระดับน้ำ ซึ่งจะต้องใช้บุคลากรในการปฏิบัติงานจำนวนมาก เสียเวลา และยังทิ้งรอยเส้นไว้บนผนังด้วย" นคร อธิบายปัญหาของการวัดระดับแบบเก่า เขาและทีมงานอีก 4 คน จึงคิดค้นเครื่องยิงเลเซอร์กำหนดเส้นแนวระดับ โดยเรียกว่า เคพี 1 (Horizontal Line Marker Laser System) ประยุกต์ความรู้ที่จากห้องเรียนมาช่วยเสริมอุปกรณ์วัดระดับช่วยให้การวัดมีความแม่นยำ และสะดวกยิ่งขึ้น วัสดุที่ใช้สร้างเครื่องวัดระดับนี้ หาได้ง่าย ราคาถูก มีความแข็งแรง ทนทาน สามารถพัฒนาให้เป็นกระบวนการทางอุตสาหกรรมในเชิงธุรกิจได้ รวมถึงความปลอดภัยของผู้ใช้งานเป็นสำคัญด้วย แต่เขายอมรับว่าอุปกรณ์ตัวนี้ยังต้องปรับปรุงข้อบกพร่องหลายจุด โดยเฉพาะในเรื่องของความสว่างของแสงเมื่อต้องใช้งานกลางแจ้ง (คมชัดลึก พฤหัสบดึที่ 27 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





พบยีนหัวโจกก่อเซลล์มะเร็ง หนทางใหม่พัฒนาสูตรยา

นักวิจัยเรียกชื่อว่า "ยีนโปเกมอน" มีชื่อเหมือนกับตัวการ์ตูนยอดฮิตของญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในบรรดายีนที่ก่อมะเร็งและทำให้เซลล์ปกติกลายเป็นเซลล์มะเร็ง แต่ที่น่าสนใจคือยีนที่พบล่าสุดนี้อาจเป็นตัวการที่สำคัญที่สุด ดร.ปิแอร์ เปาโล แพนโดลฟี จากศูนย์โรคมะเร็งสโลน-เค็ตเตอริ่ง ในนิวยอร์ก และเป็นหัวหน้าทีมที่ระบุยีนตัวนี้กล่าวว่า โปเกมอนเป็นสวิตช์หลักที่อยู่ในเครือข่ายที่นำไปสู่การเกิดโรคมะเร็ง "ถ้าเราสามารถปิดการทำงานของยีนตัวนี้ได้ เราก็อาจจะสกัดวงจรของยีนที่ก่อมะเร็ง และหยุดยั้งกระบวนการก่อตัวของเนื้อร้ายได้" ทั้งนี้ เซลล์มะเร็งก่อตัวขึ้นมาจากการผ่าเหล่าของเซลล์ปกติ และมีการแบ่งตัวขึ้นมาเป็นรูปร่างของเนื้องอกในลักษณะที่ไม่สามารถควบคุมได้ เมื่อยีนก่อมะเร็งทำงานผิดปกติ จะส่งผลให้เซลล์ที่ดีกลายเป็นเซลล์เนื้อร้ายได้ "ความพิเศษของยีนโปเกมอนคือ มันเป็นกลไกที่มีความสำคัญอย่างมากต่อยีนก่อมะเร็งตัวอื่น จัดได้ว่าเป็นสวิตช์ที่คอยควบคุมการเปลี่ยนรูปแบบของเซลล์ และเราพอมีแนวคิดชัดเจนแล้วว่าจะสกัดการทำงานของมันอย่างไร" นักวิจัย กล่าว ทีมวิจัยเชื่อว่า โปรตีนที่ยีนตัวนี้สร้างขึ้นมาอาจเป็นเป้าหมายใหม่สำหรับการรักษามะเร็งด้วยยา และจากการทดลองกับสัตว์พบว่าโปรตีนโปเกมอนไปรบกวนการทำงานของโปรตีนอื่นๆ รวมทั้งโปรตีนที่เรียกว่า เออาร์เอฟ ซึ่งทำหน้าที่สกัดการก่อตัวของเนื้อร้าย ในการทดลองได้ทำการนำยีนโปเกมอนใส่เข้าไปในหนู และพบว่าในตัวหนูมีการเติบโตของเนื้อเยื่อน้ำเหลืองผิดปกติ นักวิจัยยังพบระดับของโปรตีนโปเกมอนในระบบน้ำเหลืองของมนุษย์เช่นกัน โปเกมอนมีการแสดงออกมากเกินไปในเซลล์มะเร็งของผู้ป่วย และระดับของการแสดงออกของยีนดังกล่าว ช่วยให้คาดการณ์พฤติกรรมและผลลัพธ์ทางการแพทย์ได้ด้วย(คมชัดลึก พุธที่ 26 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





เปิดสมองค้นความลับ ชายเก่งเลข-หญิงเก่งภาษา

ในการวิจัยได้นำผู้ชายและผู้หญิง ที่มีระดับความฉลาดหรือไอคิวเท่ากัน มาฉายดูความแตกต่างของพื้นที่สมองส่วนที่เป็นสีเทาและสีขาว ผลปรากฏว่า ผู้ชายมีสมองส่วนสีเทาซึ่งเป็นพื้นที่สมองที่เกี่ยวข้องกับการใช้สติปัญญาในเรื่องทั่วไปมากกว่าผู้หญิง 6.5 เท่า ขณะที่ผู้หญิงมีพื้นที่สมองสีขาวมากกว่าผู้ชาย 10 เท่า การค้นพบดังกล่าวจึงช่วยอธิบายได้ว่า ทำไมผู้ชายถึงมีแนวโน้มว่าจะเก่งในการคิดคำนวณเลขมากกว่าผู้หญิง ขณะที่ผู้หญิงมีแนวโน้มว่าจะมีความสามารถในการใช้ภาษาเก่งกว่าผู้ชาย อย่างไรก็ดี นักวิจัยระบุว่าถึงแม้ผู้ชายกับผู้หญิงจะมีพื้นที่และกิจกรรมทางสมองแตกต่างกัน และในการทดสอบวัดไอคิวแล้ว ผู้ชายและผู้หญิงสามารถทำคะแนนได้ใกล้เคียงกัน การศึกษาดังกล่าวยังแสดงให้เห็นว่าสมองสีขาวและสีเทาของผู้หญิงและผู้ชายยังมีตำแหน่งต่างกันด้วย โดยในผู้หญิง พื้นที่สมองสีเทาราว 84% และพื้นที่สมองสีขาวราว 86% จะอยู่บริเวณหลังกะโหลกหน้าผาก หรืออยู่ในส่วนหน้าของสมอง ขณะที่ในบริเวณดังกล่าว ผู้ชายมีพื้นที่สมอง 45% และไม่มีพื้นที่สมองสีขาวอยู่เลย ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้เวลาผู้หญิงได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่บริเวณหน้าผากจึงมีผลกระทบต่อการใช้สมองมากกว่าผู้ชาย "การศึกษาชิ้นนี้แสดงให้เห็นว่า วิวัฒนาการของมนุษย์ได้สร้างให้ผู้ชายและผู้หญิงมีลักษณะการใช้งานสมองที่ต่างกัน แต่ออกแบบมาเพื่อให้แสดงพฤติกรรมทางปัญญาที่เท่าเทียมกัน" นักวิจัยกล่าวนอกจากธรรมชาติจะสร้างให้ผู้หญิงและผู้ชายมีความแตกต่างกันทางสรีระภายนอกแล้ว ธรรมชาติยังบันดาลให้ผู้หญิงและผู้ชายมีสมองต่างกันเพื่อให้ใช้ปัญญาตามความถนัดโดยธรรมชาติของแต่ละเพศ การค้นพบดังกล่าวจึงช่วยอธิบายได้ว่า ทำไมผู้ชายถึงมีแนวโน้มว่าจะเก่งในการคิดคำนวณเลขมากกว่าผู้หญิง ขณะที่ผู้หญิงมีแนวโน้มว่าจะมีความสามารถในการใช้ภาษาเก่งกว่าผู้ชาย อย่างไรก็ดี นักวิจัยระบุว่าถึงแม้ผู้ชายกับผู้หญิงจะมีพื้นที่และกิจกรรมทางสมองแตกต่างกัน และในการทดสอบวัดไอคิวแล้ว ผู้ชายและผู้หญิงสามารถทำคะแนนได้ใกล้เคียงกัน (คมชัดลึก พุธที่ 26 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ภูมิใจไทยทำ ราชมงคลคิด เครื่องกลั่นไวน์จากข้าว ต้นแบบประหยัดพลังงาน

นายรัตนพล พนมวัน ณ อยุธยา อาจารย์จากสถาบันวิจัยและฝึกอบรมการเกษตรลำปาง สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล จึงคิดค้นเครื่องกลั่นไวน์จากข้าว ซึ่งเครื่องนี้สามารถนำไปใช้กับผลไม้ หรือวัตถุดิบอื่นๆ ได้ด้วย อาจารย์รัตนพล เปิดเผยว่า “ในขั้นแรกมีแนวคิดว่า ข้าวสามารถนำมาหมักและกลั่นเป็นสาโทได้ โดยนำมาหมักกับลูกแป้ง ปล่อยทิ้งไว้ให้เชื้อราทำงานจนได้น้ำเชื่อมจากข้าว ใส่ยีสต์ลงไปเพื่อเปลี่ยนน้ำเชื่อมให้เป็นแอลกอฮอล์ แล้วจึงนำแอลกอฮอล์ที่ได้ (ปริมาณแอลกอฮอล์ที่ได้ประมาณ 11-15 เปอร์เซ็นต์) มากลั่นเพื่อให้ได้แอลกอฮอล์ที่บริสุทธิ์ขึ้น สำหรับขั้นตอนการทำงานของเครื่อง แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกเป็นส่วนของหม้อต้มมี 2 ชั้น ชั้นนอกจะใส่น้ำต้มให้เดือด ชั้นในจะใส่วัตถุดิบที่ต้องการกลั่น เพราะในผลไม้ที่มีกากนั้น ถ้าเราต้มโดยให้ส่วนของน้ำวัตถุดิบที่ใส่ไปโดนต้มไฟโดยตรง กากผลไม้นั้นก็จะไหม้และมีกลิ่นไหม้ไปกับสุรากลั่น และสาโทที่ได้ด้วย และส่วนที่ 2 เป็นส่วนของหอกลั่น ที่บรรจุตัวแลกเปลี่ยนความร้อน ซึ่งจะใช้เศษเซรามิก เพราะเป็นวัสดุที่หาง่ายในจังหวัดลำปาง และตัวแลกเปลี่ยนความร้อนนี้เองที่จะเป็นตัวทำปฏิกิริยาให้เกิดความควบแน่นหลายครั้งขึ้น ส่งผลให้แอลกอฮอล์ที่กลั่นได้นั้นมีความบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น ส่วนสุดท้ายเป็นส่วนของกระบวนการควบแน่น ที่ประกอบด้วยตัวควบแน่น ซึ่งจุดนี้จากการที่ไปสำรวจข้อมูลจากโรงกลั่นสุราหลายแห่ง ในจังหวัดลำปาง ผู้ประกอบการมักจะมีความเชื่อผิดๆ ว่า การควบแน่นจะมีประสิทธิภาพถ้าใช้ตัวควบแน่น หรือที่เรียกว่าตัว Condenser ขนาดใหญ่ ซึ่งไม่จำเป็น รวมทั้งการใช้น้ำเป็นตัวหล่อเย็นก็ไม่จำเป็นต้องเปิดน้ำไหลเวียนไว้ตลอด เพราะจะทำให้เปลืองทั้งน้ำและพลังงานไฟฟ้าจากมอเตอร์ด้วย ซึ่งต้นทุนการผลิตเครื่องกลั่นไวน์จากข้าวนี้จะมีราคาอยู่ประมาณ 35,000 บาท แต่ถ้าจะให้ราคาต่ำลงกว่านี้อีกจะขึ้นอยู่กับการเลือกใช้วัสดุ โดยเฉพาะสแตนเลสที่นำมาผลิต” ผู้สนใจ สอบถามได้ที่ สถาบันวิจัยและฝึกอบรมการเกษตรลำปาง สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล 202 ถนนพหลโยธิน ตำบลพิชัย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง หรือโทร. 0-5434-2553 ในวันและเวลาราชการ (สยามรัฐ พฤหัสบดีที่ 27 ม.ค 48 http://www.siamrath.co.th)





นักเคมีมช.พบสูตร น้ำยาตรวจมะเร็ง ต้นทุนถูกกว่านำเข้า

ม.เชียงใหม่ : รศ.ดร.ปรัญชา คงทวีเลิศ จากภาควิชาเคมี คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) และทีมวิจัย เปิดเผยถึงความสำเร็จในพัฒนาเทคนิคการตรวจคัดกรองผู้ป่วยมะเร็งและผู้ป่วยโรคตับที่สามารถระบุความรุนแรงได้ รวมถึงสามารถใช้ติดตามผลการรักษา โดยอาศัยหลักการตรวจน้ำตาลกรดชนิดหนึ่งคือ ไซลิค แอซิด (sialic acid) บนผิวของเซลล์มะเร็ง ซึ่งผู้ป่วยมะเร็งจะมีจำนวนมากกว่าคนปกติ จึงพัฒนาสารเคมีที่สามารถตรวจวัดกรดตัวนี้ขึ้น เพื่อใช้ตรวจคัดกรองผู้ที่สงสัยว่าเป็นมะเร็งซึ่งเทคนิคการตรวขคัดกรองแบบใหม่นี้ สามารถตรวจโดยใช้ตัวอย่างเลือดเพียงเล็กน้อยเพียง 5 ไมโครลิตร และได้พัฒนาน้ำยาสำหรับตรวจวัดสาร Hyaluronan หรือเรียกสั้นๆ ว่า “เอชเอ” ซึ่งเป็นสารที่เซลล์มะเร็งผลิตขึ้นและจะถูกส่งไปทำลายตับ ซึ่งการใช้น้ำยาเอชเอ จะสามารถตรวจวัดโรคเกี่ยวกับตับ หรือมะเร็งตับได้อีกด้วย และขณะเดียวกันก็สามารถตรวจวัดความรุนแรงของมะเร็งโดยนำไปประกอบกับผลการตรวจจากวิธีที่สอง ซึ่งจะใช้เลือด 175 ไมโครลิตรหรือประมาณ 3 หยดครึ่งเท่านั้น แต่เดิมการตรวจหาเซลล์มะเร็งต้องใช้น้ำยานำเข้าจากต่างประเทศ หรือตรวจจากตัวเซลล์ที่สงสัยทำให้ยุ่งยากเสียเวลา และสามารถตรวจได้เพียง 50 ตัวอย่างเท่านั้น แต่การตรวจด้วยกรดไซลิค มีราคาเพียง 20-50 บาท ส่วนการใช้น้ำยาเอชเอ มีราคาเพียง 100-200 บาทเท่านั้น และผลการทดสอบก็มีความถูกต้องสูงร้อยละ 85-90 และพบว่าวิธีการตรวจมากกว่า 1 วิธี สามารถแยกความแตกต่างและความรุนแรงของโรคตับชนิดต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นผลดีกับทั้งผู้ป่วยที่ไม่ต้องเจ็บตัวกับการทำการตรวจเนื้อเยื่อ โดยการดูเจาะเอาเซลล์จากเนื้อตับออกมาตรวจทางพยาธิสภาพ และที่สำคัญคือสามารถนำไปประยุกต์ใช้โดยอาศัยการทำงานของเครื่องมือที่ไม่ยุ่งยากมาก และมีใช้อยู่ทั่วไปในปัจจุบันได้เช่นกัน (สยามรัฐ พฤหัสบดีที่ 27 ม.ค 48 http://www.siamrath.co.th)





เกณฑ์หอยสู้กับพวกก่อการร้าย เอาไปแก้พิษของอาวุธเชื้อโรค

หัวหน้าโครงการค้นหายาปราบพิษของเชื้อแบคทีเรียโบตูอิสม์ ซึ่งปกติเกิดในอาหารกระป๋องและหมักดอง ทำให้อาหารเป็นพิษชนิดรุนแรงมาก ดร.บาล ราม สิงห์ เปิดเผยผลการค้นพบว่า ฤทธิ์ของเชื้อโรคโบตูอิสม์ พอโดนเลือดของหอยนางเมื่อใด จะฝ่อลงไปเองตั้งครึ่ง เราจึงเชื่อว่าเลือดของหอยนาง จะต้องมียาแก้พิษบางอย่างอยู่ หากเราสามารถสกัดเอาโมเลกุลออกมาได้ แม้ว่าจะเป็นงานอีกยาว จะเป็นคุณประโยชน์แก่มนุษย์ได้มากดร.สิงห์ผู้เป็นนักเคมีได้รับทุนทำการค้นคว้ามาจากเจ้าหน้าที่ด้านรักษาความปลอดภัยภายใน เล่าว่า ได้ทดลองฉีดพิษของเชื้อโรคเข้าไปในตัวหอยทีละน้อย จนมากพอที่จะใช้สังหารผู้คนในเมืองเล็กๆ ที่มีพลเมืองแค่ 1,000 คน หรือทำให้เป็นง่อยได้หมดทั้งเมือง พิษของเชื้อโรคมีอานุภาพทำให้ กล้ามเนื้อหย่อนอ่อนแรงลง แต่ปรากฏว่าหอยกลับไม่มีท่าทางว่าจะเดือดร้อนเป็นอะไรเลย นอกจากน้ำที่ใช้เลี้ยงมันอยู่นั้น มีความขุ่นข้นขึ้น ส่อว่าหอยได้ขับเมือกอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา นอกจากเมื่อลองแงะฝาหอยออกดู ถึงจะเห็นว่าเนื้อของมันซึ่งปกติมีสีขาวได้กลายเป็นสีน้ำตาลไป เขาเชื่อว่าในเลือดของหอยจะต้องมีสารที่เป็นตัวฆ่าพิษของเชื้อโรคลงได้ แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร เขากล่าวสรุปว่า "หอยแต่ละตัวสามารถทนกับพิษที่มีปริมาณมากพอจะสังหารมนุษย์ ลงได้มากถึง 100,000 คน โดยที่ตัวมันเองไม่ตาย". (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 28 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





เฮลิคอปเตอร์เตือนภัย ญี่ปุ่นวิจัยเน้นแจ้งเหตุเร็วพริบตา

ดร.วาตารุ จูโร นักวิจัยประจำสถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า เทคโนโลยีการสื่อสารที่ออกแบบสำหรับติดตั้งบนเฮลิคอปเตอร์ จะช่วยให้การส่งข้อมูลสำหรับการเตือนภัยไม่ยุ่งยากและรวดเร็วมากขึ้น อีกทั้งข้อมูลมีความสดและทันต่อเหตุการณ์ด้วย ทั้งนี้ ระบบสื่อสารการเตือนภัยด้วยเฮลิคอปเตอร์ ประกอบด้วย อุปกรณ์ส่งสัญญาณวิทยุซึ่งติดตั้งบนใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ โดยสัญญาณที่ส่งออกไปนั้นจะไม่เป็นอันตรายต่อนักบิน และส่งคลื่นรบกวนแทรกแซงคลื่นวิทยุความถี่อื่น โดยสัญญาณนี้จะถูกเชื่อมต่อกับดาวเทียมโดยตรง ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการสร้างสถานีรับสัญญาณบนภาคพื้นดินอีกด้วย "การสื่อสารผ่านดาวเทียมโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ ช่วยให้ระบบการส่งสัญญาณเตือนภัยไปยังที่เกิดเหตุ มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และลดความจำเป็นสำหรับการสร้างสถานีฐานบนพื้นดินอีกด้วย" ดร.วาตารุ กล่าวในงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการเอเชียแปซิฟิกเครือข่ายเทคโนโลยีและการสื่อสารเคลื่อนที่ในยุคต่อไป นักวิจัยญี่ปุ่นอธิบายเสริมว่า ตัวเฮลิคอปเตอร์ต้องมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา อีกทั้งต้องมีระบบการสื่อสารที่ต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเชื่อมต่อสัญญาณโดยตรง จากตำแหน่งหรือทิศทางของเฮลิคอปเตอร์ ที่สำคัญสัญญาณที่ส่งออกจากเฮลิคอปเตอร์ ต้องไม่เป็นอันตรายต่อตัวนักบินและลูกเรือ รวมทั้งไม่รบกวนระบบการสื่อสารด้วยคลื่นวิทยุประเภทอื่น นอกจากนี้เฮลิคอปเตอร์ต้องสามารถถ่ายภาพและจับตำแหน่งจุดเกิดเหตุได้ชัดเจน "ระบบการสื่อสารโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ เป็นประโยชน์มากต่อการควบคุมภัยพิบัติที่เกิดขึ้น และยังสามารถส่งข้อมูลสดโดยผ่านดาวเทียมได้ ทั้งนี้ในส่วนที่ต้องพัฒนาคือ สัดส่วนและขนาดที่เล็กลงกว่าเดิม" นักวิจัยจากญี่ปุ่น กล่าว ด้วยระบบการสื่อสารโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ จะเป็นประโยชน์มากต่อการควบคุมภัยพิบัติที่เกิดขึ้น อาทิ แผ่นดินไหว คลื่นยักษ์สึนามิ และไฟไหม้ป่าขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยส่งข้อมูลสดโดยผ่านดาวเทียมได้ อย่างไรก็ตาม แม้ผลการทดลองใช้งานที่ผ่านมาเป็นที่พอใจ แต่ยังต้องพัฒนาให้เฮลิคอปเตอร์มีสัดส่วนและขนาดที่เล็กลงกว่าเดิม เพื่อเข้าไปยังพื้นที่ที่อันตรายได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 28 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





เปลี่ยนต้นไม้ให้เป็นหิน จากล้านปีลดเหลือ2-3วัน

ยงซุน ชิน นักวิทยาศาสตร์ประจำห้องปฏิบัติการแห่งชาติ แปซิฟิกนอร์ธเวสต์ สหรัฐ เปิดเผยว่า คณะทำงานพบเทคนิคเปลี่ยนไม้ให้เป็นหินได้สำเร็จ ซึ่งคุณสมบัติของวัสดุใหม่ที่ได้ จะมีความพรุนในตัวสูง สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ การแยกสารเคมี กรองมลพิษ และดูดซับสารต่างๆ "ไม้ที่กลายเป็นแร่หรือหินนั้น เป็นวัสดุที่มีความแข็งและความพรุน ผิดจากคุณสมบัติของไม้ทั่วไป" ชิน กล่าวและว่า เมื่อนำมาแปรรูปจะได้ผลิตภัณฑ์ที่มีพื้นผิวที่แข็ง ใหญ่ และมีความพรุนสูง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีในการแยกสารประกอบทางเคมี รวมทั้งอาจใช้ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเคมีในกระบวนการอื่นๆ ด้วย สำหรับกระบวนการเปลี่ยนไม้ให้เป็นหินในธรรมชาตินั้น เป็นผลมาจากการที่ต้นไม้ถูกฝังไว้ใต้ดินโดยปราศจากออกซิเจน ซึ่งพอเวลาผ่านไปนับล้านปี สารประกอบต่างๆ ในไม้จะถูกชะล้างออก และจะเปลี่ยนมาเป็นดูดซับแร่ธาตุต่างๆ ในดินแทน แต่กระบวนการเปลี่ยนไม้ให้เป็นหินในห้องทดลอง นักวิจัยได้นำต้นสนมาเลื่อยเป็นท่อนขนาดครึ่งลูกบาศก์นิ้ว และนำไปแช่กรดทิ้งไว้ จากนั้นก็ให้ดูดซึมสารละลายซิลิกาเป็นเวลาหลายวัน และนำมาทำให้แห้งด้วยการใส่ลงในเตาที่มีก๊าซอาร์กอนอยู่ภายใน ด้วยอุณหภูมิสูงถึง 1,400 องศาเซลเซียส จากนั้นก็ปล่อยทิ้งให้เย็นที่อุณหภูมิห้อง เมื่อกระบวนการทุกอย่างเสร็จสิ้น ทีมงานจะได้ไม้ที่กลายเป็นหินอย่างไม่น่าเชื่อ (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 28 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ชุมทางโอทอป พัฒนาสารสกัดจาก “ข่า” แทนยาปฏิชีวนะสมัยใหม่ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง

ดร. เกรียงศักดิ์ เอื้อมเก็บ สาขาชีววิทยา สำนักวิชาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี กล่าวว่า “จากผลการสำรวจสถานการณ์ดื้อยาในโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาขณะนี้ พบเชื้อที่ทำให้เกิดอาการติดเชื้อเป็นหนองหลายชนิดดื้อต่อยาในกลุ่ม lactam antibiotics เช่น ยากลุ่มเพนนิซิลิน ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะที่มีการใช้เป็นมูลค่าหลายพันล้านบาทต่อปีในประเทศไทย ดร. เกรียงศักดิ์ เอื้อมเก็บ จึงได้ทำวิจัยทดสอบฤทธิ์ของสารสกัดจากสมุนไพรไทย : Flavonoids บางชนิดต่อแบคทีเรียที่ดื้อยาในกลุ่ม beta-lactam antibiotics ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) ดร. เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า งานวิจัยชิ้นนี้ได้ทำการทดสอบการออกฤทธิ์ของสารกลุ่ม Flavonoids ซึ่งสกัดจากพืชสมุนไพรไทยตระกูลข่าและพืชสมุนไพรไทยอื่นๆ อีกหลายชนิด กับเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อยาในกลุ่ม lactam antibiotics เพื่อจะได้ทราบว่าสารกลุ่ม Flavonoids เหล่านี้มีฤทธิ์ต่อต้านหรือเสริมฤทธิ์ยาปฏิชีวชนะให้สามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้หรือไม่ ผลงานวิจัยขณะนี้พบว่า เชื้อกลุ่มที่ทำให้เกิดฝีหนอง (S. aureus) ที่เคยดื้อต่อยาปฏิชีวนะกลุ่มดังกล่าว จะถูกยับยั้งได้เมื่อให้ยาปฏิชีวนะร่วมกับสารในกลุ่ม Flavonoids บางตัวเช่น Baicalein หรือ Galangin (ได้จากข่า) และเชื้อที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด (E. cloacae) ที่เคยดื้อต่อยาในกลุ่มนี้ก็จะไม่ดื้อต่อยากลุ่มนี้ เมื่อให้ร่วมกับสารในกลุ่ม Flavonoids บางตัวเช่น Apigenin ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าหากเรานำสารกลุ่ม Flavonoid จากพืชตระกูลข่า มาผสมกับยาปฏิชีวนะแล้ว จะสามารถปราบเชื้อที่เคยดื้อยาเหล่านี้ได้ผลดีอีกครั้ง อย่างไรก็ตามแม้สารสกัดกลุ่ม Flavonoids จากตระกูลข่าที่ค้นพบนี้ ยังอยู่ในช่วงการศึกษาระดับคลินิกเพื่อทดสอบความเป็นพิษและผลข้างเคียง แต่ก็เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นพิษต่อร่างกาย เนื่องจากข่าเป็นพืชที่มนุษย์ใช้บริโภคเป็นอาหารในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว จึงเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้จะสามารถพัฒนายาปฏิชีวนะสมัยใหม่ที่ผลิตได้ในเมืองไทยได้สำเร็จ (สยามรัฐ ศุกร์ที่ 28 ม.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





มหิดลเสริมไฮเทคหุ่นยนต์ขั้วโลก เตรียมสำรวจปะการังทะเลไทย เสริมอุปกรณ์ทั้งเซ็นเซอร์ กล้องและรับส่งข้อมูลทันใจ

ดร.อิทธิโชติ จักรไพวงศ์ จากภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล หนึ่งในผู้วิจัยหุ่นยนต์สำรวจใต้น้ำรุ่น 2 ต่อยอดจากงานวิจัยหุ่นยนต์ไทยเอ็กซ์โพล ที่ทำหน้าที่ผู้ช่วยนักวิจัยไทยไปสำรวจขั้วโลกใต้ในขณะนี้ เปิดเผยถึงงานวิจัยในระยะที่ 2 ว่า คาดว่าการพัฒนาจะแล้วเสร็จในอีก 2 - 3 เดือน จากนั้นจะใช้ปฏิบัติภารกิจสำรวจทะเลไทยในเชิงนิเวศน์ สำรวจแนวปะการัง และสำรวจเพื่อซ่อมแซมในทางวิศวกรรม เช่น สำรวจท่อใต้น้ำ สำรวจใต้แท่นเจาะน้ำมัน สำหรับเป้าหมายเดิมที่พัฒนาหุ่นยนต์สำรวจขั้วโลกใต้ หรือรุ่นแรกนั้น เป็นโครงการที่มีเวลาน้อย อีกทั้งคณะผู้ออกแบบหุ่นยนต์ไม่ได้เดินทางไปด้วย จึงต้องออกแบบหุ่นยนต์ให้สมบุกสมบันหรือปลอดภัยไว้ก่อน คือ กลไกไม่ซับซ้อน จึงมีโอกาสเสียน้อย ส่งผลให้ความสามารถของหุ่นยนต์น้อยตามไปด้วย ฉะนั้น ในการวิจัยระยะ 2 นี้ ทีมวิจัยมีเวลามากขึ้น จึงเพิ่มความสามารถเข้าไป โดยพัฒนาระบบเซ็นเซอร์ขึ้นมาเอง เพื่อให้หุ่นยนต์ควบคุมได้ง่ายขึ้น และเคลื่อนที่ได้หลายทิศทางมากขึ้น มีอิสระในการเคลื่อนที่แนวระดับ เช่น สามารถเคลื่อนที่สไลด์ในด้านข้าง พร้อมทั้งหมุนตัวไปด้วยได้ สำหรับช่วยให้เก็บภาพได้ในหลายมุมมอง ซึ่งการเคลื่อนที่ลักษณะนี้เป็นการเคลื่อนที่ทุกทิศทาง โดยใช้มอเตอร์ที่เป็นตัวขับเคลื่อนหุ่นยนต์ที่ใหญ่ขึ้น กำลังขับมากกว่าเดิมเท่าตัว ทำให้หุ่นเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น ในด้านของระบบควบคุมนั้น ได้ปรับเป็นระบบควบคุมแบบอัตโนมัติ ซึ่งสามารถตั้งคำสั่งได้ว่าจะให้หุ่นดำน้ำลงไปสำรวจที่ระดับความลึกเท่าไร ส่วนเซ็นเซอร์ที่พัฒนาขึ้นมานั้น ประกอบด้วย เซ็นเซอร์วัดความลึก เซ็นเซอร์วัดทิศทาง ที่ลักษณะเหมือนเข็มทิศเพื่อให้รู้ว่าหุ่นยนต์กำลังเคลื่อนไปในทิศทางใด และเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ ซึ่งเซ็นเซอร์ที่ใช้ในหุ่นยนต์สำรวจขั้วโลกใต้นั้น เป็นเซ็นเซอร์ของบริษัทต่างประเทศ มีฟังก์ชันการใช้งานที่มากเกินจำเป็น ดังนั้น ทางทีมวิจัยจึงคิดพัฒนาขึ้นเอง เพื่อเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองและลดต้นทุนของหุ่นยนต์ลง ขณะนี้ การพัฒนาเซ็นเซอร์ได้แล้วเสร็จไปแล้วในบางส่วน และกำลังจะพัฒนาระบบกล้อง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่ใช่การพัฒนาเทคโนโลยีแปลกใหม่ แต่การพัฒนาเซ็นเซอร์และอุปกรณ์ประกอบต่างๆ ขึ้นเอง จะช่วยให้ทำงานได้ในระดับเดียวกัน อีกทั้งใช้เงินทุนที่น้อยกว่าด้วย หุ่นยนต์สำรวจใต้น้ำตัวใหม่นี้ ได้รับการออกแบบให้สามารถดำน้ำได้ระดับความลึก 50 เมตร เท่ากับหุ่นยนต์สำรวจขั้วโลกใต้ และยังคงรับคำสั่งและส่งข้อมูลผ่านสายเหมือนเดิม เนื่องจากการส่งสัญญาณใต้น้ำไม่ง่ายเหมือนกับในอากาศ ทำให้ส่งข้อมูลได้ช้า จึงกำหนดให้สื่อสารกับนักสำรวจผ่านสาย เพื่อให้ส่งคำสั่ง ส่งและรับข้อมูลภาพตลอดจนข้อมูลอื่นๆ เช่น ความลึก อุณหภูมิใต้น้ำได้ในทันที (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 29 ม.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ข่าวทั่วไป


สเปรย์กระป๋องปราบยาเสพติด ป้องกันเสพยาตามแหล่งบันเทิง

ตำรวจอังกฤษพบกลเม็ดเล็กๆในการปราบปรามยาเสพติด โดยเฉพาะในการต่อต้านการลักลอบเสพตามสถานแหล่งบันเทิงต่างๆ โดยพบว่า หากเอาสเปรย์หล่อลื่นฉีดตามพื้นที่ต่างๆที่มักถูกใช้ เป็นที่ซุกซ่อนโคเคน เช่น ตามฝาโถส้วม จะทำให้ยาเสพติดที่แอบเอาไปซ่อนเก็บไว้ถูกทำลายลง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ในเมืองบริสตัลได้แนะนำเจ้าของผับและไนต์คลับ ให้เอาสเปรย์ฉีดตามพื้นที่เรียบๆในห้องน้ำ ซึ่งมักจะมีมือดีแอบเอายาเสพติดไปเก็บซ่อนไว้ เพราะโคเคนกับสเปรย์ไม่ถูกกัน มันจะทำให้โคเคนเสียหายลงหมด เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปราบปรามยาเสพติดเล่าว่า รู้เคล็ดเรื่องนี้จากการปรึกษากับพวกเจ้าของแหล่งบันเทิงเหล่านั้น เพื่อหาทางไม่ให้ผู้มาเที่ยว แอบเสพยาเสพติดกัน มาเมื่อสักสองสามปีมาแล้ว ทางฝ่ายบริษัทผู้ผลิตสเปรย์ หล่อลื่นในสหรัฐฯ ซึ่งโฆษณาสินค้าของตนอยู่เสมอว่า ใช้ประโยชน์ได้สารพัดถึง 2,000 อย่าง ตั้งแต่ถอนตะปูควงเก่าจนสนิมขึ้น ระงับเสียงลั่นของโซ่รถจักรยาน ไปจนถึงขัดกระทะให้เป็นเงาได้ รู้สึกจะไม่สู้พอใจกับประโยชน์อันไม่คาดคิดด้านนี้ (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 24 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





อากาศพิษเกินมาตรฐาน 1.8 เท่า กทม.เพิ่มมาตรการตรวจรถควันดำ

นายปิตินันท์ ณัฐรุจิโรจน์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า กทม.ได้ร่วมประชุมกับกับกรมการขนส่งทางบก กรมควบคุมมลพิษ กองบังคบการตำรวจจราจร(บก.จร.) เพื่อหาแนวทางการดำเนินการกวดขันรถควันดำ โดยทุกฝ่ายเห็นชอบให้เพิ่มมาตรการตรวจจับรถควันดำ โดยเฉพาะรถเมล์ร่วมบริการซึ่งมีปัญหาค่อนข้างมาก โดย กทม.จะจัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเครื่องยนต์ถึงในอู่รถเมล์ ส่วนในกรณีของรถทั่วไป กทม.จะเพิ่มจุดตรวจและจัดเวลาในการตรวจสอบใหม่ เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ ซึ่ง บก.จร.พร้อมให้ความร่วมมือในการจัดส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ โดยขอหารือในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อออกเป็นมาตรการที่ชัดเจนและเข้มงวดต่อไป สำหรับโครงการถนนตัวอย่างปลอดมลพิษ 10 สาย ตามนโยบายของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. ที่ได้เริ่มโครงการตั้งแต่เดือนตุลาคม คาดว่าจะทราบผลมกราคมนี้ (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 24 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





นพ.ชวลิต สันติกิจรุ่งเรือง เจ้าของรางวัล"แมกโนเลีย"คนแรก

นพ.ชวลิต สันติกิจรุ่งเรือง เกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2494 จบแพทยศาสตร์ รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อปี 2518 จบแล้วฝึกงานที่โรงพยาบาลขอนแก่น จากนั้นบรรจุเป็นผู้อำนวยการ ร.พ.ยุพราชกระนวน จ.ขอนแก่น เมื่อปี 2520-2524 และในปี 2525-2532 ย้ายมาประจำอยู่ที่กรมอนามัยในตำแหน่งนักวิชาการ และปี 2533-2536 เป็นผู้อำนวยการกองวิชาการ กรมการแพทย์ในตำแหน่งแพทย์ 10 เป็นที่ปรึกษากรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกตั้งแต่ปี 2545 ถึงปัจจุบัน ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการสถาบันแพทย์ไทย-จีนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กระทรวงสาธารณสุข และเป็นกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นแกนนำการแพทย์แผนจีนที่ได้มาตรฐาน และเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการแพทย์ทางเลือกในประเทศไทย อีกทั้งยังได้ประสานให้มีระบบการผลิตแพทย์จีนในระดับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย และได้จัดโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษามหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ กับมหาวิทยาลัยการแพทย์เซี่ยงไฮ้ โดยได้รับนักศึกษาเข้ามาศึกษาแลกเปลี่ยนแล้ว 1 ปี รวมทั้งแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างมหาวิทยาลัยมหิดลกับมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนปักกิ่ง และระหว่างมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กับมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเฉินตู ได้รับรางวัลแมกโนเลีย(Magnolia Award) ซึ่งเป็นรางวัลที่นครเซี่ยงไฮ้มอบให้ผู้สนับสนุนการพัฒนานคร โดยมอบให้ชาวต่างชาติปีละ 8 รางวัล นพ.ชวลิตเป็นคนไทยคนเดียวที่ได้รับรางวัลในปี 2547 เป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลดังกล่าว (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 24 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





กรมขนส่งฯมึน'หมวดทะเบียน'ใกล้หมด

รายงานข่าวจากกรมการขนส่งทางบก แจ้งว่า ตามที่กรมฯ ได้เปลี่ยนป้ายทะเบียนรถยนต์ใหม่ทั่วประเทศ โดยใช้ตัวอักษรพยัญชนะตามด้วยเลขอารบิก เช่น กก 1234 จากเดิมที่ใช้ 1ก 1234 และตามด้วยชื่อจังหวัด เพื่อเพิ่มหมวดของป้ายทะเบียนเพิ่มขึ้น โดยเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ปี 2540 โดยในส่วนของกรุงเทพฯเคยตั้งเป้าว่าจะรองรับการจดทะเบียนของรถไว้หลายล้านคัน และใช้ได้กว่า 15 ปี อย่างไรก็ตามผ่านมาเพียง 8 ปี เริ่มมีปัญหาขณะนี้รถเก๋งใช้หมวด ศณ ไปแล้ว ซึ่งแต่ละหมวดจะใช้ได้ 9999 คัน และใช้ไปแล้วประมาณ 2 ล้านคัน จึงเหลืออีกไม่กี่ปีก็จะหมดหมวดตัวอักษรสุดท้ายคือ ฮฮ 9999 เนื่องจากปัจจุบันมีรถใหม่จดทะเบียนวันละกว่า 1,000 คัน ในขณะที่หลายคนที่ใช้ป้ายทะเบียนเก่าแต่มีเลขสวยก็มาเปลี่ยนหมวดใหม่แต่ขอใช้เลขเดิม เช่น 1 ก 999 มาเปลี่ยนเป็น กข 999 ทำให้หมวดตัวอักษรเหลือน้อยลง ในขณะที่กรมฯยังไม่ได้ศึกษาว่าหากถึงหมวดสุดท้ายจะนำหมวดไหนมาใช้อีก จึงได้แก้ปัญหาโดยดึงพยัญชนะต่าง ๆ ที่ไม่เคยใช้เนื่องจากเห็นว่าเมื่อนำไปรวมกันแล้วมีความหมายไม่สุภาพ หรือบางตัวใกล้เคียงกับตัวอื่นเพื่อเพิ่มหมวดอักษรให้มากขึ้น เช่น ช เดิมไม่ใช้เพราะตัวอักษรใกล้ ข หรือ ต ฎ และล่าสุดเตรียมนำ ส มาใช้ จากเดิมที่ไม่ใช้ การดึงหมวดดังกล่าวทำให้ประชาชนบางส่วนสับสนเพราะจดทะเบียนทีหลังแต่ใช้หมวดอักษรที่ผ่านไปแล้ว รวมทั้งกำลังศึกษาว่าจะเพิ่มหมวดโดยการเปลี่ยนป้ายใหม่ เช่น นำเลขนำหน้าตัวอักษร เช่น 1กก1 ไปถึง 9999ฮฮ9999 แต่มีปัญหาตัวอักษรยาวเกินไป นายรณยุทธ ตั้งรวมทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักทะเบียน กรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า สาเหตุที่หมวดทะเบียนไปเร็วกว่าที่กำหนดไว้เพราะมีรถใหม่จดทะเบียนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งกรมฯจะออกประกาศหมวดอักษรที่จะนำมาใช้คาดว่าที่มีอยู่จะใช้เวลาอีกเป็นปี. (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 24 ม.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





เตรียมจับสุนัขมีเจ้าของตีทะเบียนเม.ย.นี้ แก้ปัญหาสุนัขจรจัด-ฝ่าฝืนโดนปรับ

รายงานข่าวจากศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แจ้งว่า ในการประชุมสภากทม. วันที่ 26 ม.ค. นี้ จะมีการพิจารณาร่างข้อบัญญัติกทม. เรื่องการควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสุนัขในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 เพื่อป้องกันเหตุเดือดร้อนรำคาญ อันตรายจากการเลี้ยงสุนัข ตลอดจากอันตรายจากเชื้อโรคที่เกิดจากสุนัขในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งมีรายละเอียดเช่น ผู้เลี้ยงสุนัขต้องมีใบรับรองสุนัขโดยการฝังไมโครชิพ และต้องจดทะเบียนสุนัขที่สำนักงานเขตในพื้นที่หรือจดทะเบียนที่กองสัตวแพทย์สาธารณสุข สำนักอนามัย ภายใน 120 วันตั้งแต่วันที่สุนัขเกิด หรือภายใน 30 วันตั้งแต่วันที่นำสุนัขมาเลี้ยง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะออกบัตรประจำตัวสุนัขให้ ผู้มีสิทธิจดทะเบียนสุนัข ต้องเป็นเจ้าของบ้าน กรณีไม่เป็นเจ้าของบ้านต้องมีหนังสือยินยอมให้เลี้ยงสุนัขจากเจ้าของบ้าน ห้ามปล่อยสุนัขในที่สาธารณะ และต้องจัดสถานที่เลี้ยงให้เหมาะสม กรณีเป็นสุนัขควบคุมพิเศษคือมีสายพันธุ์ที่ดุร้าย ได้แก่ พิทบูลเทอเรีย บูลเทอเรีย สเตฟฟอร์ดเชอร์ รอตไวเลอร์ ฟิล่า บราซิลเรียโร และสุนัขที่มีประวัติทำร้ายคนต้องเลี้ยงในสถานที่หรือในกรงที่ไม่สามารถเข้าถึงบุคคลภายนอก และมีป้ายเตือนให้ระมัดระวังอย่างชัดเจน (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 24 ม.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





อย.ยกเครื่อง "บัญชียาหลักแห่งชาติ"47 บรรจุเพิ่มหลายตำรับครอบคลุม 17 สาขาโรค

ภ.ญ.วีรวรรณ แตงแก้ว รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า อาจกล่าวได้ว่า บัญชียาหลักแห่งชาติ ฉบับปี 2547 เป็นบัญชียาที่ดีที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยมีการบรรจุรายการบัญชียาครอบคลุมทั้ง 17 สาขาโรค โดยเฉพาะโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง เช่น มะเร็ง มีการเพิ่มตำรับยาที่รักษามะเร็งเต้านมอยู่ในบัญชี ง. ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้สั่งใช้ ขณะที่บัญชียาหลักฉบับเดิมไม่มี นอกจากนี้ยังมียาในส่วนของโรคเรื้อรังอื่นๆ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคติดเชื้อ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วย ซึ่งที่เห็นได้ชัดเจน คือ ยารักษาโรคเอดส์ โดยเฉพาะกลุ่มยาต้านไวรัส จากบัญชียาหลักเดิมที่มีเพียง 4 รายการ เพิ่มขึ้นเป็น 10 รายการ ถือเป็นการปรับปรุงรายการบัญชียา ให้สอดรับกับระบบสุขภาพของประเทศมากขึ้น "ยาบางอย่างที่ไม่เคยอยู่ในบัญชี ทำให้ผู้มีสิทธิในระบบหลักสุขภาพต่างๆ ไม่สามารถเบิกได้ก็ได้รับการบรรจุเข้ามามากขึ้น ขณะที่ยาบางตัวอาจจะมีราคาแพง แต่ประสิทธิภาพเท่ากับยาประเภทเดียวกันที่ราคาถูกกว่า หรือมียาที่มีประสิทธิภาพที่ไม่ดี ก็มีการตัดออกจากบัญชียาหลักด้วย" ภ.ญ.วีรวรรณกล่าวและว่า ในการพิจารณาบรรจุยา หรือยกเลิกตำรับยาในบัญชียาหลักครั้งนี้ มีการพิจารณาอย่างรอบด้าน ทั้งเรื่องของความปลอดภัย ประสิทธิภาพความถี่ของการใช้ยา รวมถึงความสะดวกในการใช้ยาและข้อจำกัดในการใช้ยา ส่วนกรณีที่ในอดีตมีปัญหาแพทย์อาจจะต้องการใช้ยานอกบัญชียาหลัก ทำให้เกิดการใช้ยาไม่เหมาะสม หรือใช้ยาเกินจำเป็นนั้น เชื่อว่าบัญชียาหลักฉบับนี้จะช่วยลดปัญหาดังกล่าว เนื่องจากมีตำรับยาที่เพิ่มขึ้น ครอบคลุมเกือบจะทุกโรคที่แพทย์สามารถจะนำมาใช้ได้เพียงพอโดยไม่เกิดปัญหา ส่งผลต่อภาพรวม ด้านค่าใช้จ่ายสุขภาพประเทศที่ลดลง รวมถึงการแก้ปัญหาเชื้อดื้อยาที่เกิดจากการใช้ยาไม่เหมาะสมด้วย. (ไทยรัฐ อังคารที่ 25 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





สวนสัตว์เชียงใหม่สร้างอควอเลียมใหญ่สุดในเอเชีย

นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานกรรมการ องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมสัญจร ประจำเดือนมกราคม 2548 ที่สวนสัตว์ จังหวัดเชียงใหม่ ถึงแผนการพัฒนาและการลงทุนของสวนสัตว์เชียงใหม่ในปี 2548 ว่า มีทั้งหมด 5 โครงการ รวมงบประมาณในการก่อสร้างและปรับปรุง 98 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างศูนย์บำรุงและรักษาสัตว์ 10 ล้านบาท , โครงการปรับปรุงส่วนจัดแสดงนกแพนกวิน 4.5 ล้านบาท , โครงการปรับปรุงสวนชมนกนครพิงค์ 4.5 ล้านบาท , โครงการพัฒนาแหล่งน้ำและระบบประปาในสวนสัตว์ 18 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ หรือ อควอเลียม ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการก่อสร้างอควอเลียมใช้งบก่อสร้างทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 600 - 700 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณในการดำเนินงานด้านโครงสร้างพื้นที่ประมาณ 300 ล้านบาท แต่เนื่องจากองค์การสวนสัตว์ได้รับจัดสรรงบประมาณจากทางรัฐบาลไม่มากนัก จึงมีแผนเปิดให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนด้วย เนื่องจากองค์การสวนสัตว์มีเป้าหมายจะสร้างอควอเลียมให้ใหญ่ที่สุดในภาคพื้นเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะมีทั้งส่วนจัดแสดงสัตว์น้ำจืด และสัตว์ทะเล องค์การสวนสัตว์ยังมีแผนนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาติดตั้งภายในอวอเลียม เพื่อให้เป็นแหล่งของการเรียนรู้ชีวิตสัตว์น้ำผ่านเครือข่ายอินเตอร์เนต แต่เบื้องต้นยังอยู่ระหว่างวางรูปแบบ ซึ่งจะต้องรอให้คณะกรรมการบริหารขององค์การสวนสัตว์อนุมัติอีกครั้ง โดยเชื่อว่าการนำระบบเทคโนโลยีมาติดตั้ง จะทำให้อควอเลี่ยมแห่งนี้ทันสมัยที่สุดด้วย นอกจากนี้ ยังมีโครงการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้า เพื่อเชื่อมระหว่างสวนสัตว์เชียงใหม่ และโครงการสวนสัตว์กลางคืน หรือ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เป็นแผนงานและโครงการที่รัฐบาลจะต้องให้ความเห็นชอบและอนุมัติงบมาให้องค์การสวนสัตว์ดำเนินงาน ซึ่งคณะกรรมการบริหารจะประชุมและขอมติว่าเห็นควรให้มีการก่อสร้างหรือไม่ ก่อนจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอให้ รัฐบาลพิจารณาอีกครั้ง (คมชัดลึก อังคารที่ 25 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





"เกสรบัวหลวง" นวัตกรรมใหม่ในวงการเครื่องสำอาง

ด้วยคุณสมบัติอันล้ำค่าของสารสกัดจาก "เกสรบัวหลวง" ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระและมีประสิทธิภาพดีกว่าสารสกัดชาเขียวถึง 2 เท่า รวมทั้งมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนสในเซลล์ผิว ผลิตภัณฑ์ "บีเอสซี เพียว แคร์-เอจ เอกซ์เพอร์ท ซีรีส์ (BSC PURE CARE-Age Expert Series) จึงนำสารสกัดเกสรบัวหลวงนี้มาใช้ในการทำเครื่องสำอาง ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของวงการเลยทีเดียว เพราะเป็นครั้งแรกในโลกที่ได้รับการจดอนุสิทธิบัตรในการนำเอาสารสกัดจากเกสรบัวหลวงมาใส่ในเครื่องสำอาง จินตนา เฉลิมชัยกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายเครื่องสำอางและน้ำหอม บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) จึงได้จัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดังกล่าวขึ้นที่ โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ โดยมีผู้ให้ความสนใจมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องสำอางจากสารสกัดเกสรบัวหลวง รวมทั้งมาเผยเคล็ดลับในการดูแลผิวพรรณ เครื่องสำอางจากเกสรบัวหลวงได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่นถึงกับส่งคนมาฟังการพรีเซ้นต์ และจากความนิยมนี้เตรียมที่จะทำเครื่องสำอางสำหรับสุภาพบุรุษโดยใช้สารสกัดจากเกสรบัวหลวง (คมชัดลึก อังคารที่ 25 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ผลงานวิจัยมรภ.อุตรดิตถ์สุดเจ๋ง คว้า 5 ดาวบรรจุภัณฑ์สินค้าโอท็อปด้านอาหาร

เมื่อเร็วๆ นี้ ผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ด้านอาหาร ประเภทกล้วยกวนของกลุ่มแม่บ้านป่ากระพี้ ต.ท่ามะเฟือง อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ สามารถคว้ารางวัล OTOP 5 ดาว ประจำปี 2547 จากการประกวด OTOP Product Champion ระดับประเทศ ประจำปี พ.ศ.2547 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี และยังนำไปโชว์ในงานมหกรรมสินค้าพื้นเมือง ที่เมืองทองธานี อีกด้วย ผลงานดังกล่าวอาจเรียกได้ว่าเป็นฝีมือของคณาอาจารย์ นักศึกษา โปรแกรมวิชาคหกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จากมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ที่ร่วมกันทำวิจัยเรื่องนี้ โดยมีผศ.ธิดา ธนารักษ์ อาจารย์ประจำโปรแกรมวิชาคหกรรมฯ เป็นหัวหน้าโครงการวิจัย ผศ.ธิดากล่าวด้วยว่า ด้านกระบวนการผลิตก็มีความสะอาดปลอดภัยจากการปนเปื้อน จนได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ผลไม้กวนจากมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน(มผช.35/2546) อยู่ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.53-2-02847-2-0001) กระทรวงสาธารณสุข ผู้บริโภคมีความพึงพอใจกล้วยกวนเลิศรสระดับดีมาก ทั้งด้านรูปทรง สี กลิ่น รสชาติ และผิวสัมผัส ภายใต้สโลแกน "นุ่ม เหนียว เคี้ยวสนุก ถูกหลักอนามัย" และเห็นด้วยที่จะเป็นสินค้าส่งออก อีกทั้งยังเป็นตัวอย่างงานวิจัยที่ส่งเสริมพันธกิจของมหาวิทยาลัยที่ว่า "มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ เป็นมหาวิทยาลัยอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น" (ข่าวสด อังคารที่ 25 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





อนุมัติแผนสิ่งแวดล้อมชาติ 1 ตำบล 1 พื้นที่สีเขียว

นางนิศากร โฆษิตรัตน์ เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ซึ่งมีนายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการของแผนการจัดการ คุณภาพสิ่งแวดล้อม ด้านการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตชุมชนอย่างยั่งยืน ตามที่ สผ.ได้นำเสนอแล้ว โดยนายจาตุรนต์ขอให้ปรับเปลี่ยนแผนการจัดการเป็นแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน พร้อมทั้งให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียด ก่อนส่งกลับมาให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาและสรุปเสนอ ครม.ต่อไป ข้อเสนอในแผนฉบับนี้ คือต้องการให้มีพื้นที่สีเขียวโดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนอย่างน้อย 1 ตำบล 1 พื้นที่สีเขียว และต้องเป็นพื้นที่สีเขียวแบบถาวร ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตและมีสิ่งแวดล้อมที่ดีในชุมชนที่อาศัยอยู่ ซึ่งแนวทางการเพิ่มพื้นที่สีเขียวจะยึด 4 มาตรการ ได้แก่ มาตรการด้านผังเมือง ต้องให้ท้องถิ่นกำหนดสัดส่วนพื้นที่สีเขียวอย่างเหมาะสม ตามเกณฑ์มาตรฐานการใช้ที่ดินแต่ละประเภท มาตรการด้านเศรษฐศาสตร์ คือนำมาตรการทาง การเงินและการคลังในรูปของการลดหย่อนภาษีและยกเว้นภาษีที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่ มาเพิ่มแรงจูงใจในการเพิ่มพื้นที่สีเขียว เช่น ลดหย่อนภาษีให้เจ้าของที่ดินที่ปลูกไม้ยืนต้น ส่งเสริมให้เอกชนจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาพื้นที่สีเขียว และนำเงินที่ใช้พัฒนาพื้นที่สีเขียวมาลดหย่อนภาษี เป็นต้น ส่วนมาตรการด้านกฎหมายนั้น มีเป้าหมายในการปรับปรุงกฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้ที่ดิน การจัดสรรที่ดิน เพื่อสนับสนุนการบริการจัดการพื้นที่สีเขียวในเขตชุมชนให้มีประสิทธิภาพ และสุดท้ายมาตรการด้านสร้างจิตสำนึก (ไทยรัฐ พุธที่ 26 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





คนไทยอายุยืนแต่โรคมากขึ้น

นายแพทย์สมภพ พันธุโฆษิต รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการ อบรมเรื่องการดูแลรักษาสุขภาพ ผู้สูงอายุสำหรับพยาบาล ว่า โครงสร้างประชากรผู้สูงอายุของประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยพบว่าผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไปมีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 1.21 ล้านคนในปี 2503 เป็น 6.6 ล้านคนในปี 2548 และคาด ว่าจะเพิ่มเป็น 7.6 และ 11 ล้านคน ในปี 2553 และปี 2563 ตามลำดับ การเปลี่ยนแปลงนี้ ได้ทำให้ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะประชากรสูงอายุ (Population Ageing ) จากแนวโน้มของผู้สูงอายุที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้น นำมาซึ่งภาวะเสี่ยงและปัญหาด้าน สุขภาพ โดยเฉพาะการเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง ซึ่งจากการศึกษาพบว่าผู้สูงอายุมีอุบัติการณ์การเกิดโรคมากกว่าวัยอื่น ๆ ถึง 4 เท่า โดยผู้สูงอายุที่อายุเกิน 65 ปีประมาณ 4 ใน 5 คน จะมีโรคประจำตัวอย่างน้อย 1 โรค (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 27 ม.ค. 48





ยกย่องผู้คิดสเปรย์พ่นแผล

เมื่อวันที่ 26 ม.ค. เอเอฟพีรายงานว่า แพทย์หญิงฟิโอนา วู้ด จากศูนย์แผลไฟไหม้รอยัลเพิร์ธ ได้รับเลือกให้เป็นพลเมืองแห่งปีของออสเตรเลียโดยวู้ดทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศด้วยการใช้สเปรย์ที่คิดค้น มาพ่นลงบนผิวของผู้บาดเจ็บจากแผลไฟไหม้ในการวินาศกรรมบาร์ที่เกาะบาหลีปี 2545 ทำให้แผลของผู้ป่วยหายเร็วกว่าการรักษาด้วยวิธีเดิมถึง 1 ใน 4 และมีแผลเป็นน้อยกว่า สำหรับปีที่แล้ว ผู้ที่ได้รับรางวัลพลเมืองแห่งปีของออสเตรเลียคือ สตีฟ วอนห์ กัปตันทีมคริกเก็ต (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 27 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





พบมัมมี่หน้ากากสีฟ้าและแดง เก่าแก่กว่าตูตันคาเมนฟาโรห์

คณะนักวิจัยญี่ปุ่นค้นพบมัมมี่สภาพสมบูรณ์ ที่สุสานในพื้นที่โบราณสถานทางเหนือของอียิปต์ เชื่อว่ามีอายุ 3,500-4,000 ปี เก่าแก่ กว่ายุคตูตันคาเมน ฟาโรห์ อียิปต์โบราณที่ปกครองในช่วง 1336-1327 ปีก่อนคริสตกาล มัมมี่ดังกล่าวสวมหน้ากากสีฟ้าและแดง อยู่ในโลงศพไม้ที่มีการปิดผนึกสีเหลือง และมีตัวอักษรเฮียโรกลิฟฟิคแกะสลักสีฟ้า ซึ่งบ่งชี้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่บริหาร (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 28 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ยกย่องสองนักวิทย์เยอรมัน-สหรัฐ

วันที่ 27 ม.ค. 48 มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำสองนักวิทยาศาสตร์ด้านการแพทย์และสาธารณสุข เข้ารับพระราชทานรางวัลเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2547 จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยสาขาการแพทย์ ได้แก่ ศ.นพ.นอร์แมน ซาทอเรียส (Norman Sartorius) ชาวเยอรมัน ศาสตราจารย์ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อดีตผู้อำนวยการกรมสุขภาพจิต องค์การอนามัยโลก ศ.นพ.ซาทอเรียส มีบทบาทสำคัญระดับโลกในด้านสุขภาพจิตและจิตเวชศาสตร์ โดยขณะที่ปฏิบัติงานที่องค์การอนามัยโลกได้ริเริ่ม และเป็นผู้นำให้เกิดระบบการจำแนกโรค (classification) ทางจิตเวชที่ชัดเจน และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างกว้างขวางในประเทศต่างๆ ซึ่งมีพื้นฐานทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน และเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้เกิดการพัฒนาวิธีการวินิจฉัยที่เหมาะสม เกิดการศึกษาวิจัยให้ทราบถึงความสำคัญและความชุกของภาวะทางจิตเวชในประชากรต่างๆ และนำไปสู่การกำหนดแนวทางและนโยบายในการดูแลและบำบัดผู้ป่วยโรคนี้ นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับวิธีการบำบัดและรักษาผู้ป่วยโรคจิตเวช ส่งผลให้ปัญหาทางสังคมที่เกิดจากผู้ป่วยจิตเวชลดลง ก่อให้เกิดประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติทั่วโลก ส่วนรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2547 สาขาการสาธารณสุข ได้แก่ ศ.นพ.โจนาธาน เอ็ม ซาเมท (Jonathan M. Samet) หัวหน้าภาควิชาระบาดวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์ สหรัฐอเมริกา โดยมีบทบาทสำคัญด้านระบาดวิทยาสิ่งแวดล้อม เฉพาะอย่างยิ่งเรื่องคุณภาพอากาศ ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยได้ทุ่มเทศึกษาวิจัยเรื่องผลกระทบที่เกิดจากฝุ่นละอองรอบๆ ตัว รวมทั้งมลภาวะที่เกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกอาคาร จากสารเคมีและสารกัมมันตภาพรังสี ศ.นพ.ซาเมท และทีมนักวิจัยได้ศึกษาค้นคว้าและติดตามประเมินผลด้านมลพิษอากาศอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนากระบวนการหรือมาตรการการตรวจสอบคุณภาพ และได้รวบรวมและนำเสนอผลงานดังกล่าวอย่างเป็นระบบ ทำให้ทั่วโลกเกิดความตื่นตัวและตระหนักถึงปัญหาที่เกิดจากมลภาวะทางอากาศ นำไปสู่มาตรการการควบคุมมลภาวะและป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อมจากมลพิษทางอากาศ เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอนามัยของมวลมนุษย์ทั่วโลก ฝุ่นละอองเป็นสารที่มีความหลากหลายทางกายภาพ โดยฝุ่นละอองขนาดใหญ่ก่อให้เกิดปัญหามลพิษเดือดร้อนรำคาญ ทัศนวิสัยในการมองเห็นลดลง ส่วนฝุ่นละอองขนาดเล็กสามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ก่อให้เกิดการระคายเคือง และทำลายเนื้อเยื่อของอวัยวะนั้นๆ เช่น เนื้อเยื่อปอด เมื่อได้รับการสะสมเป็นระยะเวลานาน จะทำลายเนื้อเยื่อปอดเกิดพังผืดหรือแผลขึ้นได้ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 28 ม.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





รวมงานวิจัยสะท้อนเด็กไทยตกต่ำ

วันที่ 28 ม.ค. การสัมมนาเชิงวิชาการ เรื่อง "เด็กไทยในมิติวัฒนธรรม" จัดโดยกลุ่มเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ที่ศูนย์ประชุมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้นำเสนอข้อสรุปข้อมูลจากการจัดสัมมนา "เด็กไทยในมิติวัฒนธรรม" รวม 5 ครั้ง ว่า ผลการสำรวจวิจัยหลายสำนัก อาทิ มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว โครงการติดตามสถานการณ์เด็กและเยาวชนรายจังหวัด (Child Watch) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เอแบคโพลล์ สำนักงานสถิติแห่งชาติ ฯลฯ ออกสำรวจเด็กและเยาวชนอายุ 5-25 ปี ประมาณ 21 ล้านคน พบว่า 1.เด็กไทยอยู่บนความแปลกแยกจากศาสนาและครอบครัว กลุ่มวัยรุ่นร้อยละ 60 โตในห้างสรรพสินค้า ดูภาพยนตร์ กินฟาสต์ฟู้ด ร้อยละ 45 ไม่ทำบุญตักบาตร ร้อยละ 65 ไม่เคยฟังพระเทศน์เลย ในเขตกทม.พ่อแม่มีเวลาให้ลูกวันละ 1-3 ชม. 2.เด็กไทยอยู่ในวัฒนธรรมกิน ดื่ม ช้อป จากการมีเงินไปโรงเรียนรวมกันปีละ 3 แสนล้านบาท และใช้เงินซื้อขนมถึงปีละ 1.6 แสนล้านบาท เท่ากับ 15.7% ของงบประมาณแผ่นดินปี 2547 หรือมากกว่างบประมาณประจำปีของ 6 กระทรวงรวมกัน วัยรุ่นหญิงอายุ 15-19 ปีดื่มสุรามากขึ้นถึง 5.6 เท่า ในรอบปีที่ผ่านมา วัยรุ่นชาย-หญิงร้อยละ 52 นิยมซื้อโทรศัพท์มือถือมากที่สุด 3.เด็กไทยกับวัฒนธรรมแห่งเสรีภาพและการแสดงออกทางเพศ ซึ่งวัยรุ่นไทยทำสถิติโลก 4 ประเภท นิยมมีคู่นอนมากกว่า 1 คน ค่าเฉลี่ยสูงที่สุดในโลก คือร้อยละ 52 และพ่อแม่ไทยมีบทบาทในการสอนเรื่องเพศแก่ลูกน้อยที่สุดในโลก คือร้อยละ 1 4.เด็กไทยท่ามกลางวัฒนธรรมคลั่งหวย รวยลัด วัดดวง ปรากฏว่าคนจำนวนกว่าร้อยละ 49.59 มองว่าการขายหวยบนดินของนักศึกษาเพื่อเป็นรายได้เสริม ไม่เดือดร้อนใคร อีกทั้งเป็นการช่วยเหลือครอบครัวอีกทาง (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 29 ม.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215