|
หัวข้อข่าวปีที่ 6 ฉบับที่ 7 ประจำวันที่ 2005-02-20
ข่าวการศึกษา
สกอ.ตั้งกรรมการใหม่คุมข้อสอบเอนฯ เข็นหลักเกณฑ์ต่ออายุอาจารย์ ไทยร่วมอาเซียนจัดทำหลักสูตรเอเชียตะวันออก ม.ศรีปทุมใช้"ออนไลน์มติชน" ทะยานสู่มหาวิทยาลัยดิจิตอล มรภ.จอมบึงจับมือเทคโนพระจอมเกล้าฯ ผลิตมหาบัณฑิตครุศาสตร์อุตสาหกรรมภาคพิเศษ มสธ.จับมือกศน.ไล่ตรวจวุฒิการศึกษา ตะลึงพบหลักฐานปลอมอื้อ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเปิดหลักสูตรออนไลน์ "พารณ"ย้ำดรุณสิกขาลัยสร้างความต่าง ชี้4ปีได้ผลพ่อแม่ชอบเด็กสนุกรู้2ภาษา มธ.ทุ่ม 14 ล.แข่งทำแผนธุรกิจชนะได้ล้าน-เป็นตัวแทนชิงระดับโลก ม.รังสิตให้ 50 ทุน มศว ยกระดับนักออกแบบรุ่นใหม่ ใช้"ศาสนา...สันติสุข"เป็นตัวเชื่อม สนับสนุนนักวิทยาศาสตร์น้อย จุฬาฯเปิดวิศวะนาโนแห่งแรกรองรับอุตสาหกรรม-เปิดเสรีการค้า วิทยาลัยชุมชน : การจัดการศึกษาระบบใหม่
ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
ส่งทากไปเลี้ยงบนสถานีอวกาศ ศึกษาทรงตัวในสภาพไร้น้ำหนัก นักวิทย์สร้างฐานข้อมูลสัตว์ทั่วโลกทำบาร์โค้ดพิเศษแยกประเภทสายพันธุ์ สร้าง "โน้ตบุ๊ก" คนยากราคา 2 พันให้กับคนชาติที่กำลังพัฒนาได้ใช้ นักทัศนาจรอวกาศช่วงระยะต้นๆ ต้องเสี่ยงอุบัติเหตุบาดเจ็บล้มตาย สหรัฐทำจีโนมไวรัสเอดส์ ออกฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็ง เตือนปีนี้โลกร้อนที่สุด ผลจากก๊าซเรือนกระจกผสมโรงเอลนีโญ่ โปรเจ็กต์"สมาร์ทการ์ด"สตาร์ตไม่ติด เจอปัญหาซอฟต์แวร์ไม่ซัพพอร์ต"ชิป" เมืองบนเขาหนีไม่พ้นคลื่นยักษ์สึนามิ เพราะโลกร้อนจนธารน้ำแข็งละลาย คนไทยโชว์เวบไซต์ 3 มิติ คลิกเม้าส์ดูภาพหน้าจอรอบทิศ โตชิบาผลิตชิพยานยนต์ เสริมสมรรถนะรถโตโยต้า พบน้ำมหาสมุทรขั้วโลกใต้เปลี่ยน หวั่นกระทบสภาพอากาศทั่วโลก ไทยตระหนัก"โลกร้อน"ร่วมลดสารซีเอฟซี โคลนนิ่งแบบใหม่ ดาวระเบิดปล่อยพลังงานมหาศาล สิ่งมีชีวิตโลกรอดสูญพันธุ์หวุดหวิด สแกนนิ้วถอนเงิน ป้ายจราจรอัจฉริยะใช้กลางปีนี้
ข่าววิจัย/พัฒนา
กล้องถ่ายภาพรุ่นใหม่มีตาทิพย์ ภาพกลางคืนสว่างเท่ากลางวัน พบเทคนิคใหม่ ตรวจสมองเสื่อม จากไขสันหลัง ม.เกษตรโชว์เครื่องเลือกตั้งไร้สายส่งเอสเอ็มเอสแจ้งผลเลือกตั้ง-แก้ปัญหาบัตรผี แผ่นซีเมนต์ใยตาลโตนด งานวิจัยช่วยเพิ่มรายได้ท้องถิ่น ม.บางมดคิดค้นวิธีหลอมเข็มฉีดยาต้นทุนต่ำ ลดความเสี่ยงแพทย์ นักวิจัยสัมผัสเข็มปนเปื้อนเชื้อโรค ม.กรุงเทพพัฒนาซอฟต์แวร์ โอเพ่นซอร์สจัดการเอกสาร แสงหลอดไฟจำเลยก่อมะเร็ง ฝืนธรรมชาติทำงานกลางดึก ทีม Plasma-Z จากจุฬา คว้าแชมป์หุ่นยนต์ปี 48 วัคซีนดีเอ็นเอ กระตุ้นร่างกาย สยบเชื้อวัณโรค ฟิล์มใสถนอมผิวพืชผัก กันแสงแดด-แมลงเจาะทำลาย นักประดิษฐ์ไทย โชว์เครื่องยนต์สุดประหยัด ลูกประคบไฟฟ้าไม่ง้อถ่าน เสริมธุรกิจสปา-นวดเร็วทันใจ แป้นพิมพ์เสียง ช่วยคนตาบอดฝึกอักษรเบรลล์ คอมพิวเตอร์ปั๊มอาหารกระดาษ ฉีกโฆษณาในแมกกาซีนชิมได้ อุปกรณ์ป้องกันเอดส์ให้ผู้หญิง ยังต้องรอทดสอบอีก 2-3 ปี สวทช.นำเข้าผู้เชี่ยวชาญเยอรมนี ช่วยเอกชนพัฒนาสูตรยาราคาถูก อังกฤษซื้องานวิจัยวัคซีนมาลาเรียไทย พัฒนาเป็นตัวยาสกัดเชื้อโรคเข้าเม็ดเลือดชะงัด หาอวัยวะสัตว์เปลี่ยนให้กับคน ได้จากตัวอ่อนลูกหมูในท้องแม่ พบเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือใหม่ ใช้ได้ดีขึ้นแถมกดราคาให้ต่ำลง วว.พัฒนา'เครื่องผนึกหีบห่อ'ช่วยโอท็อป คุณสมบัติทูอินวัน ทั้งทำสุญญากาศและเติมแก๊ส ห้องเผาไหม้สุดประหยัด เติมเชื้อเพลิงพืชแทนดีเซล นักวิทย์ย้ำตัวอ่อนหมูเหมาะสุด ปลูกถ่ายอวัยวะใหม่ในมนุษย์ จุฬาฯ คว้าแชมป์โนเกียไออวอร์ด ชูจุดเด่นกล้องมือถือช่วยเล่นเกม วิทยาลัยเทคนิคลำพูน ประสบความสำเร็จในการผลิต "เครื่องปลิดขั้วลำไย" ทางเลือกใหม่ในการตรวจมะเร็ง ใช้วิธีถ่มน้ำลายตรวจหาแทน หมอฟันคิดค้นเครื่องอุ่นเลือด ลดต้นทุนนำเข้าอุปกรณ์ห้องผ่าตัด สวิสวิจัยเส้นใยพลังงานอาทิตย์ เครื่องบรรจุขวดโอท็อปกาญจนบุรีสิ่งประดิษฐ์เด็กอาชีวะรุ่นใหม่
ข่าวทั่วไป
โครงการเจ๋ง!4RsShop ปลูกฝังเด็กรักสิ่งแวดล้อม สธ.เตือนเอดส์พันธุ์ใหม่ยังน่าห่วงไม่มียารักษา โอกาสแพร่เชื้อถึงไทยมีสูง แนะคนไทยลดพฤติกรรมเสี่ยง สหรัฐคุมเข้มน้ำมันฟาสต์ฟู้ด ปีหน้าติดฉลาก ทางด่วนออกกฎใหม่ห้ามขึ้น รถกระบะไม่มีหลังคาบรรทุกคน-ด่วนศรีรัชรับฟังความเห็น สธ.เตรียมรับมือ "ไข้เลือดออก" ระบาด พบไวรัสเดงกี่เปลี่ยนสายพันธุ์-ป่วยแล้วพันห้า "ไฮโดรเฮลท์"ฮ่องกงทุ่มงบ60ล้าน เปิดศูนย์ล้างพิษใหญ่สุดในเอเชีย "พงษ์ศักดิ์"ดันไทยศูนย์ค้าอัญมณีโลก เที่ยวตลาดนัด สิ่งประดิษฐ์ไทยฝีมือระดับโลก ออกกฎคุมสารก่อภาวะเรือนกระจก ตั้งศูนย์แพร่งานเขียนไทยทั่วโลก เลยทำวิจัย21เรื่อง อบจ.ทุ่มงบฯหนุน นอนเพื่อสุขภาพ-แค่ไหนและอย่างไร สสว.จับมือ สวทช.หนุนเฟรนไชส์ จัดทำฐานข้อมูลเสริมองค์ความรู้ "หมอประเสริฐ"เตือนภัยไวรัสพันธุ์ใหม่ "หวัดนก-นิพาห์-ซาร์ส"ใกล้ตัวคนไทย
ข่าวการศึกษา
สกอ.ตั้งกรรมการใหม่คุมข้อสอบเอนฯ
ศ.(พิเศษ)ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมในการจัดสอบวัดความรู้ครั้งที่ 2 ประจำปี 2548 ซึ่งจะมีการสอบวิชาเฉพาะและวิชาหลักตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ.-14 มี.ค. 2548 ว่าขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้ออกข้อสอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังส่งพิมพ์อยู่ ซึ่งในการพิมพ์ครั้งนี้จะต้องระมัดระวังไม่ให้ข้อสอบผิดพลาด โดยการปรับปรุงโปรแกรมให้มีความผิดพลาดน้อยที่สุด นอกจากนี้ยังได้ตั้งกรรมการถือกุญแจห้องมั่นคงใหม่ทั้ง 3 คน เพื่อความปลอดภัย และเข้มงวดมากขึ้น ส่วนกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เข้ามามากถึงการให้ค่าน้ำหนักผลการเรียนถึง 50% ในระบบกลางการรับนิสิต นักศึกษาหรือแอดมิชชั่น ทั้งที่โรงเรียนต่าง ๆ ยังไม่ได้มาตรฐานเท่ากันนั้น ตนได้นำเรื่องดังกล่าวไปหารือกับนักวิชาการว่าจะมีแนวทางแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างไร จากการหารือทางนักวิชาการเสนอว่าเราสามารถแก้ปัญหาและดูได้ว่าคะแนนที่เด็กได้นั้น มีความสัมพันธ์กันตามค่าเฉลี่ยเบี่ยงเบนมาตรฐานหรือไม่ โดยการสร้างสูตรทางวิชาการขึ้นมาแล้วดูคะแนนของโรงเรียนทั้งหมด หรือดูคะแนนเป็นรายตัวของนักเรียน และมาเทียบกัน ซึ่งหากพบว่าโรงเรียนใดปล่อยเกรดก็จะต้องมีตัวคูณเข้าไป จากนั้นจะประกาศต่อสาธารณะและเขตพื้นที่การศึกษา ดังนั้นโรงเรียนต้องระวังกับเรื่องที่จะปล่อยเกรดให้ดี ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาตามมาได้ (เดลินิวส์ อังคารที่ 15 ก.พ. 48 http://www.dailynews.co.th)
เข็นหลักเกณฑ์ต่ออายุอาจารย์
ศ.(พิเศษ)ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กกอ.) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ว่า ที่ประชุมเห็นชอบหลักเกณฑ์การขยายตำแหน่งทางวิชาการตั้งแต่ระดับรองศาสตราจารย์ (รศ.) ขึ้นไป เมื่ออายุครบ 60 ปี ให้สามารถต่อเวลาราชการ เพื่อทำหน้าที่สอนหรือวิจัยต่อไปได้จนอายุครบ 65 ปี ตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2547 (เดิม) และจะมีการออกประกาศ ก.พ.อ.ว่าด้วยเรื่องเกณฑ์การขอขยายอายุราชการใน เร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ข้าราชการที่ขอต่อเวลาราชการได้ต้องมีคุณสมบัติดังนี้ มีตำแหน่ง รศ. หรือศาสตราจารย์ (ศ.) เป็นผู้เกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2546 เป็นต้นไป มีสุขภาพแข็งแรง ผ่านการตรวจสุขภาพกาย สุขภาพจิต โดยมีใบรับรองแพทย์จากสถานพยาบาลของรัฐรับรอง และต้องรับรองไว้ไม่เกิน 1 ปี นอกจากนี้ต้องมีภาระงานทางวิชาการ ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ข้าราชการที่เกษียณอายุราชการไปตั้งแต่ 1 ต.ค. 2546และ 1 ต.ค. 2547 ที่จะขอขยายอายุราชการจะต้องยื่นขอต่ออายุราชการกับผู้บังคับบัญชาด้วยตนเองให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน หลังจากประกาศ ก.พ.อ. ทั้งนี้หากผู้เกษียณคนใดไม่ยื่นเรื่อง แต่ทางสภามหาวิทยาลัย พิจารณาแล้วว่าเป็นผู้มีความสามารถและมีสุขภาพแข็งแรง สภามหาวิทยาลัยอาจจะขอต่อเวลาให้ได้ แต่ผู้จะต่ออายุจะต้องให้ความยินยอมด้วย ส่วนผู้ที่จะเกษียณในวันที่ 1 ต.ค. 2548 และต้องการจะขยายอายุราชการก็จะต้องยื่นเรื่องให้แล้วเสร็จก่อน 6 เดือนที่ จะเกษียณคือวันที่ 31 มี.ค. ข้าราชการที่จะขอต่ออายุราชการจะต้องคืนเงินต่าง ๆ ที่ได้รับไปช่วงที่เกษียณ เพื่อจะนำไปสมทบหลังจากเกษียณ 65 ปีไปแล้ว โดยเงินที่จะคืน เช่น เงินบำนาญ เงินสะสม เงินชดเชย เป็นต้น ซึ่งการคืนเงินนี้กำหนดจะต้องคืนภายใน 90 วันหลังจากที่ได้รับการตอบรับให้เข้ารับตำแหน่งได้ (เดลินิวส์ อังคารที่ 15 ก.พ. 48 http://www.dailynews.co.th)
ไทยร่วมอาเซียนจัดทำหลักสูตรเอเชียตะวันออก
ดร.กล้า สมตระกูล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวภายหลังเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการ ส่งเสริมอัตลักษณ์งานวัฒนธรรมเอเซียตะวันออก ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ ประกอบด้วย บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม ไทย และผู้แทนระดับสูงจากประเทศคู่เจรจาอาเซียน +3 คือ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี เห็นชอบร่วมกันว่า ทั้ง 13 ประเทศรวมตัวกันเป็นปึกแผ่นภายใต้กลุ่มวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกโลก และเริ่มนำร่องที่ความร่วมมือทางวัฒนธรรมเผยแพร่วิถีชีวิต วัฒนธรรมของชาวเอเชียไปทั่วโลก ที่ประชุมมีมติให้สถาบันการศึกษาในประเทศสมาชิก ร่วมกันทำหลักสูตรเชิงวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับประเทศในเอเชียตะวันออก รวมทั้งจะเชื่อมโยงเทคโนโลยีสารสนเทศเข้าด้วยกัน เพื่อเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร งานศิลปวัฒนธรรมแต่ละประเทศ ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ลักษณะเหมือนซีเอ็นเอ็นเน้นเอเชียตะวันออก นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีความเห็นสอดคล้องกันว่าจะมีการจัดงานสัปดาห์วัฒนธรรมเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 1 ขึ้นในปลายปี 2548 นี้ ส่วนประเทศใดจะเป็นเจ้าภาพจะหารือกันอีกครั้ง (คมชัดลึก อังคารที่ 15 ก.พ. 48 http://www.komchadluek.net)
ม.ศรีปทุมใช้"ออนไลน์มติชน" ทะยานสู่มหาวิทยาลัยดิจิตอล
ดร.รัชนีพร พุคยาภรณ์ พุกกะมาน อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีปทุม ลงนามสัญญาใช้บริการ Matichon e-Library กับทางบริษัท มติชน จำกัด โดยมหาวิทยาลัยตัดสินใจเลือกใช้บริการห้องสมุดข่าวออนไลน์ หรือ Matichon e-Library ที่ทางศูนย์ข้อมูลมติชนพัฒนาขึ้นมา บริการห้องสมุดออนไลน์นี้จะช่วยให้นักศึกษาสามารถค้นคว้าข้อมูลผ่านบริการนี้ได้อย่างเต็มที่ เหมาะกับนักศึกษาและอาจารย์ที่ต้องการข้อมูลมาใช้ประกอบการเรียน การสอน ด้านนายสมหมาย ปาริจฉัตต์ กรรมการผู้จัดการบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นับเป็นโอกาสดีที่นักศึกษา และคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยศรีปทุมได้มีแหล่งค้นหาเพิ่มเติม โดยฐานข้อมูลห้องสมุดออนไลน์ของมติชนนั้นถือเป็นฐานข้อมูลข่าวที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในเมืองไทยขณะนี้ มีการจัดเก็บเป็นระบบแยกหมวดหมู่หัวข้อตามหลักบรรณารักษ์ศาสตร์ 10 หมวด รวม 2,000 หัวข้อย่อยกว่า 10 ล้านระเบียนข่าว ซึ่งขณะนี้มีสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศเลือกใช้หลายแห่งแล้ว อาทิ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศิลปากร แม่โจ้ เชียงใหม่ และหาดใหญ่ รวมทั้งหน่วยราชการและเอกชน เช่น หอสมุดกองทัพอากาศ บริษัท เดนสึ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทสตาร์รีเสิร์ช จำกัด ในเครือลีโอเบอเนท เป็นต้น อนึ่ง ห้องสมุดข่าวออนไลน์มติชนให้บริการตั้งแต่แพ็กเกจขนาดเล็กราคาเริ่มต้นเพียง 12,000 บาท/ปี ขึ้นไป ผู้ที่สนใจรับบริการสามารถเข้าชมได้ที่ www.matichonelibrary.com หรือสนใจขอทดลองใช้ได้ที่ โทร.0-2513-0466 บริษัทเธิร์ดเวฟเอ็ดดูเคชั่น จำกัด หรือบริษัทเอ็ม เอ็ดดูเคชั่น จำกัด ผู้แทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากบริษัทมติชน (มติชนรายวัน อังคารที่ 15 ก.พ. 48 http://www.matichon.co.th)
มรภ.จอมบึงจับมือเทคโนพระจอมเกล้าฯ ผลิตมหาบัณฑิตครุศาสตร์อุตสาหกรรมภาคพิเศษ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง เปิดรับนักศึกษาระดับปริญญาโทภาคพิเศษ (เสาร์-อาทิตย์) เรียน 2 ปี 6 ภาคเรียน โครงการปริญญาโทครุศาสตร์อุตสาหกรรม ณ ศูนย์การศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรีและมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จัดตั้งขึ้นภายใต้นโยบายการสร้างความเข้มแข็งทางวิชาการแก่ภูมิภาคตะวันตก และเพื่อตอบสนองเครือข่ายอุดมศึกษาภาคตะวันตก สำหรับนักศึกษาที่เข้าเรียนโครงการดังกล่าวนี้ จะได้รับปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในการศึกษานักศึกษาต้องทำการศึกษาในวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ศูนย์การศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง โดยโครงการจะเปิดรับสมัครนักศึกษาในหลักสูตรครุศาสตร์อุตสาหกรรม สำหรับสาขาวิชาที่เปิดสอน 1.สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ สื่อสารและโทรคมนาคม 2.สาขาคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ 3.วิศวกรรมอุตสาหกรรม ขณะนี้โครงการเปิดรับแจ้งความจำนงในการเข้าศึกษาต่อในโครงการ เพื่อพิจารณารายละเอียดและคุณวุฒิเบื้องต้นของผู้ที่ประสงค์เข้าศึกษาต่อ และจะทำการแจ้งผลให้ทราบก่อนทำการสมัครจริงซึ่งจะทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสมัคร หากมีคุณวุฒิไม่ตรงตามหลักสูตรที่กำหนด การแจ้งความประสงค์สามารถแจ้งผ่านระบบออนไลน์นี้หรือที่ www.mcru.ac.th, somchai.aru@kmutt.ac.th, fiber@thai.com หรือโทร. 0-3226-1790-7 ต่อ 1511 แฟกซ์ 0-3226-1078 เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2548 เป็นต้นไป (ข่าวสด อังคารที่ 15 ก.พ. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)
มสธ.จับมือกศน.ไล่ตรวจวุฒิการศึกษา ตะลึงพบหลักฐานปลอมอื้อ
นายชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนางานการศึกษานอกโรงเรียน เปิดเผยหลังหารือร่วมกับ นางประภาพรรณ เอี่ยมสุภาษิต รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) และนายคมสัน โพธิ์คง ผู้ช่วยอธิการบดี มสธ. เกี่ยวกับการตรวจสอบวุฒิการศึกษาของสถานศึกษา ในสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ว่า มสธ.ได้ส่งหลักฐานวุฒิการศึกษาของนักศึกษา จำนวนกว่า 40 คนมาให้ กศน.ตรวจสอบ เนื่องจากสงสัยว่าอาจจะเป็นวุฒิการศึกษาปลอม ซึ่งส่วนหนึ่ง กศน.สามารถบอกได้ว่าเป็นวุฒิปลอม แต่บางส่วนยังไม่อาจบอกได้ จึงได้ทำข้อตกลงว่า จะให้ มสธ.ส่งหลักฐานกลับมาให้ตรวจสอบซ้ำ โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบอีกครั้ง โดยคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการให้เวลาในการตรวจสอบรายละไม่เกิน 1 เดือน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมารายชื่อที่ มสธ.สงสัยว่าจะใช้วุฒิปลอมและส่งมาให้ กศน.ตรวจสอบนั้น พบว่าส่วนใหญ่ เป็นวุฒิปลอมจริง แสดงให้เห็นว่า มสธ.มีระบบการตรวจสอบที่ค่อนข้างแม่นยำและน่าเชื่อถือ จากการตรวจสอบที่มาของวุฒิการศึกษาปลอมที่ระบุว่ามาจาก กศน. พบว่าส่วนใหญ่จบจากโรงเรียนผู้ใหญ่ ซึ่งปัจจุบันส่วนมากจะยุบเลิกไปแล้ว เหลือเพียงไม่กี่โรง ซึ่งโรงเรียนที่ยุบเลิกไปแล้วจะต้องส่งเอกสารหลักฐานทั้งหมด พร้อมตรายางคืนมาที่ กศน. แต่ปรากฏว่ามีบางโรงไม่ส่งคืน แต่แอบเอาหลักฐานพร้อมตรายางไปปลอมวุฒิการศึกษาขาย ซึ่งมีข่าวลือว่าขายในราคาหลักหมื่นบาท และ กศน.กำลังติดตามโรงเรียนที่มีพฤติกรรมดังกล่าวอยู่ อย่างไรก็ตาม กศน.กำลังดำเนินการให้สถานศึกษาในสังกัดร่วมกันสำรวจว่า มีสถานศึกษาใดบ้างที่มีพฤติกรรมหลอกลวง เพื่อขึ้นบัญชีดำพร้อมแจ้งไปยังสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ให้มีการตรวจสอบการรับนักศึกษาที่ใช้วุฒิดังกล่าวอย่างเข้มงวด ทั้งนี้เรื่องของวุฒิการศึกษาปลอม ตามกฎหมายถือว่ามีความผิดทั้งผู้ออกให้และคนที่นำไปใช้ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ กรณีของ มสธ. หากต้องการแจ้งความทาง กศน.ก็อาจจะเป็นโจทก์ร่วมก็ได้ ทั้งนี้กศน.กำลังพัฒนาโปรแกรมข้อมูลนักศึกษาไว้ที่ ศนจ.ต่างๆ เพื่อให้ตรวจ สอบง่ายยิ่งขึ้น. (ไทยรัฐ พุธที่ 16 ก.พ. 48 http://www.thairath.co.th)
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเปิดหลักสูตรออนไลน์
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดโรงเรียนสอนการเป็นนักบริหารธุรกิจออนไลน์ เรียนผ่านสื่อโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารการตลาด ทำเนื้อหาให้เป็นพิเศษ นางสาวอรจิต สิงคาลวณิช อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จะเปิดสอนวิชาการด้านการบริหาร หรือโครงการพัฒนาธุรกิจการออนแอร์/ออนไลน์ ประมาณ 2,000 ราย ผู้ที่เรียนผ่านสื่อโทรทัศน์จะเรียนผ่านรายการพัฒนาธุรกิจออนแอร์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ส่วนสื่อ ออนไลน์จะเรียนผ่านเว็บไซต์ www.dbd.go.th และ www.dbdschool.com ก่อนเรียนจะมีการทดสอบความรู้ และหลังจากจบหลักสูตรจะทำการวัดผลเพื่อประเมินความรู้ ระหว่างเรียนก็จะมีบททดสอบให้ทดลองทำด้วย ผู้ที่มีผลการเรียนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 จะได้รับวุฒิบัตร ส่วนเนื้อหาการเรียนโครงการดังกล่าวจัดทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการและแสวงหาการตลาด เน้นการจัดการธุรกิจเอสเอ็มอีสมัยใหม่และการตลาดเชิงรุก พร้อมกรณีศึกษา สนใจสอบถามได้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทร. 0-2547-5050 ต่อ 3009 หรือ เว็บไซต์ www.dbd.go.th. (เดลินิวส์ พุธที่ 16 ก.พ. 48 http://www.dailynews.co.th)
"พารณ"ย้ำดรุณสิกขาลัยสร้างความต่าง ชี้4ปีได้ผลพ่อแม่ชอบเด็กสนุกรู้2ภาษา
นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ผู้อำนวยการโรงเรียนดรุณสิกขาลัย ให้สัมภาษณ์ "มติชน" ว่า โรงเรียนนี้เปิดมาได้ 4 ปีแล้ว จัดแบ่งเด็กเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเด็กเล็ก ป.1-ป.3 และอีกกลุ่มหนึ่ง ป.4-ม.1 มีเด็กทั้งหมด 31 คน ครู 16 คน เสียค่าเล่าเรียนคนละ 180,000 บาทต่อปี รวมหมดไม่มีแป๊ะเจี๊ยะ ขณะนี้เน้นหนักกระบวนการเรียนรู้ด้านวิชาการ โดยมีผู้ชำนาญการใช้เทคโนโลยีในการศึกษาชาวอเมริกันมาอยู่ช่วงสั้นๆ เพื่อมาช่วยพัฒนาโรงเรียนทางด้านมัลติมีเดีย พ่อแม่ที่ส่งลูกมาเรียนต้องเป็นคนหัวสมัยใหม่ที่มองเห็นอนาคตว่าเด็กต่อไปจะต้องรู้ภาษา 2 ภาษา จะต้องคล่องแคล่วทางเทคโนโลยี จะต้องมีความสามารถในการเรียนรู้สูง เพราะทุกอย่างเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ที่นี่ใช้วิธีสอนเด็กให้เรียนรู้ ทั้งจากตัวเองและเรียนรู้เป็นกลุ่ม เด็กที่เรียนจบจะมีคุณลักษณะพิเศษคือ มีความสามารถในการเรียนรู้สูง ในขณะที่เด็กอื่นคงจะหาได้ยาก นอกจากนี้ จะต้องเรียนรู้เรื่องวัฒนธรรมสากล เช่น จะไปทำงานกับญี่ปุ่นก็ต้องรู้วัฒนธรรมของญี่ปุ่น จะไปทำงานยุโรปก็ต้องรู้วัฒนธรรมของยุโรป อเมริกา เพราะฉะนั้นทางโรงเรียนจะปลูกฝังเข้าไป ที่สำคัญที่สุดคือ เน้นความเป็นไทยและมีจรรยาบรรณสูง อันนี้เป็นฐานของเด็กทุกคน เพราะเรื่องจริยธรรมและความเป็นไทยนี้สอนยาก ต้องฝึกตั้งแต่ 6 ขวบ นายพารณกล่าว และว่า สิ่งที่เห็นได้ชัดคือผู้ปกครองชอบ นักเรียนก็เรียนสนุก ทั้งนี้การจะพัฒนาเด็กให้เรียนรู้ได้ดี องค์กรนั้นต้องเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ด้วย และต้องปรับเปลี่ยนตัวได้ง่าย (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 17 ก.พ. 48 http://www.matichon.co.th)
มธ.ทุ่ม 14 ล.แข่งทำแผนธุรกิจชนะได้ล้าน-เป็นตัวแทนชิงระดับโลก
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทุ่มเงิน 14 ล้านบาท เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันการเขียนแผนธุรกิจ ASIA MOOT CORP (AMC) 2005 ระหว่าง 15-17 มีนาคมนี้ เพื่อส่งเสริมความสามารถของการเป็นผู้นำทางธุรกิจในอนาคตให้แก่นักศึกษาจากสถาบันด้านการบริหาร โดยมีมหาวิทยาลัยชั้นนำ กว่า 20 ทีมทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเข้าร่วมชิงความเป็นหนึ่ง ทีมชนะจะได้เป็นตัวแทนแข่งขันระดับโลกที่สหรัฐ พร้อมเงินรางวัลกว่า 1 ล้านบาท รศ.เกศินี วิฑูรชาติ คณบดี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผย ว่า นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันการเขียนแผนธุรกิจ ASIA MOOT CORP (AMC) 2005 ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมในการจัดงานครั้งนี้ไปแล้ว 90% รศ.เกศินี กล่าวต่อว่า ทีมของประเทศไทยที่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ มี 3 มหาวิทยาลัยด้วยกันคือ ธรรมศาสตร์ จุฬาฯ และมหิดล รวมแล้วมีมหาวิทยาลัยระดับชั้นนำจากทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเข้าร่วมการแข่งขัน ถึง 20 ทีม สำหรับทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันจะต้องจัดทำแผนทางธุรกิจ และนำเสนอต่อคณะกรรมการให้เกิดความเชื่อมั่นว่า หากโครงการธุรกิจของตนได้รับเงินทุนสนับสนุนแล้ว จะสามารถสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้ โดยทีมที่ได้รับรางวัลชนะการแข่งขันจะได้รับเงินรางวัลมูลค่า กว่า 1 ล้านบาท และทีมที่ชนะการแข่งขันระดับภูมิภาคเอเชียจะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 5 แสนบาท พร้อมรับสิทธิเป็นตัวแทนจากทวีปเอเชียเข้าชิงชัยในการเขียนแผนธุรกิจระดับโลก Global Moot Corp 2005 ที่มหาวิทยาลัยเทกซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 18 ก.พ. 48 http://www.komchadluek.net)
ม.รังสิตให้ 50 ทุน
นายสมเกียรติ รุ่งเรืองวิริยะ ผอ.สำนักงานประชาสัมพันธ์ ม.รังสิต เปิดเผยว่า ม.รังสิต มีความตั้งใจจริงที่จะให้ความช่วยเหลือแก่พี่น้องผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์สึนามิให้ต่อเนื่องและครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยล่าสุด ม.รังสิต ได้อนุมัติทุนการศึกษาเรียนฟรีตลอดหลักสูตรจำนวน 50 ทุน ให้แก่นักศึกษาผู้ประสบภัยจากธรณีพิบัติภัยคลื่นยักษ์สึนามิ ในปีการศึกษา 2548 โดยแบ่งเป็น 13 คณะคือ คณะเทคโนโลยีชีวภาพ จำนวน 2 ทุน คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ 4 ทุน วิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ 10 ทุน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ 1 ทุน คณะศิลปกรรม 6 ทุน คณะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ 3 ทุน คณะบริหารธุรกิจ 6 ุทุน คณะบัญชี 2 ทุน คณะเศรษฐศาสตร์ 1 ทุน คณะศิลปศาสตร์ 5 ทุน คณะนิเทศศาสตร์ 6 ุทุน คณะนิติศาสตร์ 3 ทุน และวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม 1 ทุน โดยผู้สนใจต้องการศึกษาต่อใน ม.รังสิต ต้องยื่นใบสมัครพร้อมหลักฐานว่าประสบภัยพิบัติจริง ซึ่งในเกณฑ์การพิจารณาทุน นักศึกษาจะต้องผ่านการสัมภาษณ์จากคณะกรรมการคัดเลือกของมหาวิทยาลัย ยื่นใบสมัครได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 18 ก.พ. 48 http://www.komchadluek.net)
มศว ยกระดับนักออกแบบรุ่นใหม่ ใช้"ศาสนา...สันติสุข"เป็นตัวเชื่อม
นายรวิเทพ มุสิกะปาน ประธานโครงการนักออกแบบรุ่นใหม่ อาจารย์คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ(มศว) เปิดเผยว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถทางด้านธุรกิจอุตสาหกรรมแฟชั่นให้สูงขึ้น สิ่งที่จำเป็นและทำได้คือการผลิตนักออกแบบ ให้นักออกแบบรุ่นใหม่ได้เข้าสู่สนามแห่งการพัฒนาตัวเอง เพื่อยกระดับฝีมือไปสู่มาตรฐานสากล มศว จึงได้ทำโครงการประกวดนักออกแบบรุ่นใหม่ขึ้นเป็นครั้งแรกของเมืองไทย โดยมีแนวคิด "ศาสนา...สันติสุข" มีสถาบันการศึกษาเข้าร่วมทั้งสิ้น 15 สถาบัน จุดเด่นของโครงการจะเป็นการรวบรวมผลงานด้านแฟชั่นของนิสิต นักศึกษาที่เรียนทางด้านแฟชั่นสร้างผลงานที่คิดว่าดีที่สุดของแต่ละสถาบันนำมาแสดงร่วมกันและให้รางวัลประเภทต่างๆ
การคิดคอนเซ็ปต์การทำงานว่า ศาสนา...สันติสุข ซึ่งอาจดูยาก แต่อยากให้สังคมหันกลับมาคิดและปรับเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อวงการแฟชั่นที่มักพูดว่าเป็นเรื่องฟุ่มเฟือย ทันสมัยตามเทคโนโลยีจนไม่คิดถึงสังคมรอบข้าง และบุคคลที่เรียนแฟชั่นต้องออกไปเป็นบุคลากรที่มีประโยชน์และคุณค่าต่อสังคม จึงต้องช่วยปลูกฝังให้นิสิตที่เรียนแฟชั่นได้เข้ามารับใช้สังคมบ้าง ในแง่ของการสร้างเนื้อหาของผลงานที่แสดงให้สังคมได้รับรู้เท่าเทียมงานศิลปะชิ้นอื่น เชื่อว่าแฟชั่นก็เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้สังคมเกิดสันติสุขได้ โดยใช้แนวคิดศาสนาเป็นสื่อ (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 18 ก.พ. 48 http://www.matichon.co.th)
สนับสนุนนักวิทยาศาสตร์น้อย
เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กลุ่ม นักเรียนและครูในโครงการเรียนรู้อย่างนักวิทยาศาสตร์กับสถานีตรวจอากาศอัตโนมัติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์โลกและดาราศาสตร์ หรือ LESA (Learning Center for Earth Science and Astronomy) ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และหอดูดาวเกิดแก้วได้รวมตัวกันเพื่อนำเสนอผลงานวิจัยเกี่ยวกับสภาพอากาศที่บันทึกได้จากสถานีตรวจอากาศอัตโนมัติ ทั้ง 8 แห่งทั้งสี่ภูมิภาคของประเทศไทย ข้อมูลดังกล่าวยังก่อเกิดเป็นงานวิจัยมากกว่า 20 โครงงาน จากโรงเรียนมากกว่า 15 โรงทั่วประเทศ เพื่อเปรียบเทียบลักษณะภูมิอากาศของในแต่ละพื้นที่ของประเทศ โดยภาพรวมแล้ว งานวิจัยจะมุ่งเน้นไป ที่การหาความสัมพันธ์ในหลายแง่มุมของวิทยาศาสตร์โลก การอธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติรูปแบบต่าง ๆ อย่างเช่น ปริมาณน้ำฝนสัมพันธ์กับแสงอาทิตย์อย่างไร จุดน้ำค้างและโอกาสที่จะเกิดหมอกในพื้นที่ต่าง ๆ หรือแม้กระทั่ง การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิอากาศกับปริมาณน้ำฝน รศ.สุชาตา ชินะจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายสวัสดิภาพสาธารณะ สกว. กล่าวว่า สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปมิได้หยุดอยู่แค่เรียนรู้เรื่องอากาศแล้ว แต่เราต้องเข้าใจคำว่า ระบบโลก เพราะทุกอย่างนั้นสัมพันธ์กันหมดเลย เราต้องคิดอย่างเชื่อมโยง มอง อย่างเชื่อมโยง เมื่อมองทุกอย่างได้ในภาพรวมแล้ว เราถึงจะมองเห็นว่าถ้าอย่างนั้นมันเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรกับโลกในแง่มุมวิทยาศาสตร์ อย่างเช่นเรื่องโลกร้อน นี่คือการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เราควรจะต้องเข้าใจ เมื่อเข้าใจตรงนี้แล้ว เราถึงจะรู้วิธีที่จะร่วมกันปกป้องโลกได้อย่างไร โครงการนี้จึงเป็นการปลูกฝังความเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยให้กับครูและนักเรียนไทยอีกด้วย. (เดลินิวส์ เสาร์ที่ 19 ก.พ. 48 http://www.dailynews.co.th)
จุฬาฯเปิดวิศวะนาโนแห่งแรกรองรับอุตสาหกรรม-เปิดเสรีการค้า
จุฬาฯ เปิดตัววิศวกรรมนาโนแห่งแรกของไทย พร้อมวิศวกรรมการออกแบบและการผลิตยานยนต์ หลักสูตรนานาชาติ รองรับความต้องการบุคลากรของภาคอุตสาหกรรม และเตรียมพร้อมการเปิดเสรีทางการค้า ศ.ดร.ดิเรก ลาวัณย์ศิริ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมด้วย ศ.ดร.สมศักดิ์ ปัญญาแก้ว ที่ปรึกษาหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมนาโน และ ดร.วิทยา วัณณสุโภประสิทธิ์ กรรมการหลักสูตรวิศวกรรมบัณฑิตสาขาวิชาวิศวกรรมการออกแบบและผลิตยานยนต์ ได้ร่วมกันแถลงข่าว เปิดหลักสูตรนานาชาติ สาขาวิชาวิศวกรรมนาโน และสาขาวิศวกรรมการออกแบบและการผลิตยานยนต์ ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ศ.ดร.ดิเรก กล่าวว่า นาโนเทคโนโลยีเป็นศาสตร์ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมหลายแขนง ทั้งด้านเคมีภัณฑ์ การแพทย์ ไฟฟ้า การเกษตร สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม คณะวิศวะจึงเปิดสาขานี้เพื่อผลิตบัณฑิตให้มีหลักการคิดและแก้ปัญหาใหม่ของวิศวกรรมภาคอุตสาหกรรม ประกอบกับรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับฟรี เทรด แอเรีย (Free Trade Area : FTA) ที่เปิดให้วิศวกรต่างชาติเข้ามาทำงานในไทย และวิศวกรของไทยก็สามารถเข้าไปทำงานในต่างประเทศได้ ดังนั้น สาขานาโน และการออกแบบและการผลิตยานยนต์ จึงเป็นเป็นหลักสูตรนานาชาติ เพื่อเพิ่มทักษะทางภาษา บัณฑิตมีความพร้อมทำงานในระดับนานาชาติได้ หลักสูตรวิศวกรรมนาโน เป็นการสร้างปรับหลักสูตรจากต่างประเทศให้สอดคล้องกับวิชาพื้นฐานของคณะวิศวกรรม และจะใช้อุปกรณ์ ห้องทดลองของคณะที่มีอยู่แต่เดิมไม่ได้ลงทุนเพิ่ม เปิดรับรุ่นแรก 100 คน เพราะคาดว่า 10 ปีข้างหน้า ตลาดงานของวิศวกรสาขานาโน อยู่ที่ประมาณ 4,000 คน ค่าเล่าเรียนเทอมละ 87,000 บาท มีทุนการศึกษาสำหรับนิสิตเรียนดี 10% และขอทุนจากรัฐบาลเพิ่ม ผู้สมัครจะต้องมีคะแนนจีพีเอเอ็กซ์ ไม่ต่ำกว่า 2.75 คะแนนสอบความสามารถภาษาอังกฤษโทเฟล (TOEFL) ไม่ต่ำกว่า 550 หรือเทียบเท่า คะแนนสอบวัดความรู้จาก สกอ. วิชาภาษาอังกฤษ (03) คณิตศาสตร์ 1 (04) เคมี (05) และฟิสิกส์ (06) คะแนนรวมไม่ต่ำกว่า 200 สอบถามรายละเอียดได้ที่ http://www.eng.chula.ac.th หรือโทร.0-2218-6422-3 (คมชัดลึก เสาร์ที่ 19 ก.พ. 48 http://www.komchadluek.net)
วิทยาลัยชุมชน : การจัดการศึกษาระบบใหม่
"วิทยาลัยชุมชน" ได้ก่อกำเนิดในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2544 ตามนโยบายรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่แถลงต่อสภา เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 ด้านการศึกษา ข้อ 4 ความว่า "จัดให้มีวิทยาลัยชุมชนโดยเฉพาะจังหวัดที่ยังขาดแคลนสถาบันอุดมศึกษา" และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2545 ให้จัดตั้งวิทยาลัยชุมชนขึ้น 10 จังหวัดแรก ได้แก่ แม่ฮ่องสอน ตาก พิจิตร หนองบัวลำภู มุกดาหาร บุรีรัมย์ สระแก้ว อุทัยธานี ระนอง และนราธิวาส ปี 2546 กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศจัดตั้งวิทยาลัยชุมชนกรุงเทพมหานครเพิ่มอีก 1 แห่ง ซึ่งดำเนินการโดยกรุงเทพมหานคร และกระทรวงศึกษาธิการสนับสนุนด้านระบบงาน ด้านวิชาการ และกำกับดูแลคุณภาพการศึกษา ปี 2547 ได้จัดตั้งเพิ่มขึ้นอีก 7 จังหวัด ได้แก่ ยะลา ปัตตานี สตูล ตราด สมุทรสาคร พังงา และยโสธร และจะขยายผลการจัดตั้งในจังหวัดที่มีความพร้อมต่อไปจนครบทุกจังหวัด "วิทยาลัยชุมชน" เป็นสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญา ซึ่งบริหารจัดการโดยชุมชนในรูปของ "สภาวิทยาลัยชุมชน" มีวัตถุประสงค์ในการให้การศึกษาและฝึกอบรมด้านวิชาการและด้านวิชาชีพตามหลักสูตรที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน และส่งเสริมให้มีการพัฒนาอาชีพและพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคคลในชุมชน เป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมของชุมชน เติมเต็มช่องว่างทางการศึกษาในปัจจุบันให้สมบูรณ์ และเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งให้แก่ประชาชน นโยบายหลักของ "วิทยาลัยชุมชน" ได้แก่ การเปิดกว้างและเข้าถึงง่าย เพื่อให้คนในชุมชนได้เรียนรู้และฝึกทักษะอย่างกว้างขวาง มีหลักสูตรหลากหลายประเภทให้เลือก ตอบสนองต่อชุมชนในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เน้นคุณภาพและการนำไปใช้ประโยชน์ และสร้างพันธมิตรกับธุรกิจเอกชน องค์กรและหน่วยงานของรัฐและชุมชน
มีหลักสูตรหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับความต้องการของชุมชน เช่น สังคมและเศรษฐกิจเกษตรเน้นหลักสูตรเกษตรอุตสาหกรรม สังคมและเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเน้นหลักสูตรช่างฝีมือ การผลิต และการแปรรูป สังคมและเศรษฐกิจภาคบริการเน้นหลักสูตรการบริหารจัดการ วิทยาศาสตร์สุขภาพ การท่องเที่ยว สังคมและเศรษฐกิจสารสนเทศเน้นหลักสูตรคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ วิธีการจัดการศึกษาและฝึกอบรม จัดในรูปแบบที่เปิดกว้างหลากหลาย ปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกและสังคมยุคปัจจุบัน มีความยืดหยุ่นทั้งด้านการเข้าเรียน ตารางเรียน สถานที่เรียน วิธีการเรียนการสอนและการสำเร็จการศึกษา เช่น ผู้เรียนจะเรียนทางไกล เรียนภาคปกติ ภาคค่ำ หรือวันหยุดราชการ นอกจากนี้จะต้องสร้างพันธมิตรกับธุรกิจเอกชน องค์กรและหน่วยงานของรัฐและชุมชน โดยมุ่งเน้นคุณภาพและการใช้ทรัพยากรร่วมกัน และสอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัดและของประเทศโดยรวม ขอเพียงแต่รัฐบาลใหม่มีนโยบายที่ชัดเจนว่า "จะสนับสนุนการดำเนินงานการจัดการศึกษาตามระบบวิทยาลัยชุมชนอย่างต่อเนื่องและขยายการจัดตั้งวิทยาลัยชุมชนให้ครบทุกจังหวัด" เชื่อได้ว่าระบบวิทยาลัยชุมชนจะสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศไทยได้อย่างมหาศาล (มติชนรายวัน อาทิตย์ที่ 20ก.พ. 48 http://www.matichon.co.th)
ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
ส่งทากไปเลี้ยงบนสถานีอวกาศ ศึกษาทรงตัวในสภาพไร้น้ำหนัก
องค์การรอสคอสโมส เป็นองค์การอวกาศรัสเซีย กำลังจะจัดส่งฝูงทากประมาณ 50 ตัว ขึ้นไปกับยานอวกาศลำเลียง ซึ่งกำหนดจะเดินทางเอาเสบียง ไปส่งให้กับสถานีอวกาศระหว่างประเทศ บนวงโคจรรอบโลก ในวันที่ 28 เดือนนี้ เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์บนสถานี ได้ศึกษาระบบการทรงตัวของมันในสภาพไร้น้ำหนัก หาความรู้มาเปรียบเทียบใช้กับมนุษย์อวกาศ ปัจจุบันมีมนุษย์อวกาศรัสเซีย ซาลิซฮาน ชาริปอฟ ของรัสเซีย กับมนุษย์อวกาศเลอรอย เชียว ของสหรัฐฯ ประจำอยู่บนสถานีอวกาศ (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 14 ก.พ. 48 http://www.thairath.co.th)
นักวิทย์สร้างฐานข้อมูลสัตว์ทั่วโลกทำบาร์โค้ดพิเศษแยกประเภทสายพันธุ์
นักวิทยาศาสตร์นานาชาติรวมตัวจัดอภิธานให้สิ่งมีชีวิตทั่วโลก ตั้งแต่แพลงตอนไปจนถึงวาฬสีน้ำเงิน โดยจะสร้างแถบรหัสหรือบาร์โค้ดให้กับสิ่งมีชีวิตแต่ละสายพันธุ์ บรรจุข้อมูลลงในฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อให้นักวิจัยและผู้ที่ต้องการพัฒนาองค์ความรู้เข้าไปศึกษาได้ กลุ่มพันธมิตรบาร์โค้ดเพื่อสิ่งมีชีวิต หรือซีบีโอแอล แจ้งมาว่าโครงการนี้จะเริ่มต้นทำบาร์โค้ดให้กับนกและปลาก่อน ซึ่งคาดว่าจะครอบคลุมนก 10,000 สายพันธุ์ ปลาทะเล 15,000 ชนิด และปลาน้ำจืดอีก 8,000 ชนิด ข้อมูลที่บรรจุอยู่ในบาร์โค้ดจะมีรายละเอียดด้านพันธุกรรม เพื่อช่วยแยกประเภทสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดออกจากกันได้อย่างชัดเจน คาดว่าคงใช้เวลาหลายปี ดร.ริชาร์ด แลน ผู้อำนวยการฝ่ายวิทยาศาสตร์พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติในกรุงลอนดอน บอกว่าปัจจุบันมีสิ่งมีชีวิตบนโลกราว 1.7 ล้านสายพันธุ์ที่เป็นที่รู้จัก และคาดว่าจะมีอีกราว 10-30 ล้านสายพันธุ์บนโลกใบนี้ที่ต้องสร้างรหัสขึ้นมาใหม่พร้อมกับเก็บข้อมูล โดยทีมงานจะใช้รหัสดีเอ็นเอสั้นๆ เป็นตัวระบุลักษณะของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลก นักวิทยาศาสตร์จะนำเอาตัวอย่างของสิ่งมีชีวิตแต่ละสายพันธุ์มาทดสอบพันธุกรรม โดยจะวิเคราะห์และนำข้อมูลไปสร้างเป็นบาร์โค้ดต่อไป จากนั้นก็นำข้อมูลดังกล่าวไปใส่ไว้ในฐานข้อมูล โดยกลุ่มซีบีโอแอล เชื่อว่าฐานข้อมูลนี้จะเชื่อมองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดได้ สำหรับสมาชิกที่เข้าร่วมในภารกิจครั้งนี้ ประกอบด้วยพิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์ องค์กรและบริษัทวิจัยทั่วโลก ที่ต้องการให้มีการจัดอภิธานแยกหมวดหมู่สิ่งมีชีวิต รวมทั้งต้องการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของโลกไว้ด้วย ซึ่งการแยกแยะประเภทของสิ่งมีชีวิตทุกสายพันธุ์ออกมา จะช่วยอธิบายข้อสงสัยเชิงนิเวศวิทยา และวิวัฒนาการได้ ยังจะช่วยให้เกิดระบบการจัดการและอนุรักษ์โลกรอบๆ ตัวมนุษย์ให้ดีมากขึ้นด้วย (คมชัดลึก จันทร์ที่ 14 ก.พ. 48 http://www.komchadluek.net)
สร้าง "โน้ตบุ๊ก" คนยากราคา 2 พันให้กับคนชาติที่กำลังพัฒนาได้ใช้
นายนิโคลาส เนโกรปอนต์ ประธานของมีเดีย แลบส์ แห่งเอ็มไอที กล่าวบอกกับสำนักข่าวบีบีซีว่า เขาเห็นว่าการสร้างคอมพิวเตอร์ราคาถูกนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมันจะเป็นเครื่องมือการศึกษาของชาติที่กำลังพัฒนาทั้งหลาย ไม่เพียงเพื่อการพัฒนาเฉพาะเด็กๆ เท่านั้น หากแต่ทั้งครอบครัว หมู่บ้านและท้องถิ่นด้วยกัน ผู้แต่งหนังสืออันเลื่องลือชื่อ "บีอิง ดิจิตัล" ขึ้นเมื่อ พ.ศ.2538 ละเป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นหนังสือ ที่พยากรณ์ถึงยุคดิจิตอลที่กำลังมาถึง กล่าวเผยรายละเอียดว่า คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กราคาถูกนั้น คงจะต้องเป็นแบบแยกส่วน และใช้ระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ ราคาของจอให้เหลือต่ำกว่า 2,000 บาท ซึ่งอาจจะต้องอาศัยวิธีใช้การฉายภาพจากหลังจอ แทนจอแบนธรรมดาอย่างที่ใช้กัน ต่อมาจะต้องทำให้เครื่องมันผอมแบนลง เพราะหากทำให้มันบางลงได้จะทำให้มันทำงานได้เร็วขึ้น และใช้หน่วยประเมินผลกลางที่มีขนาดเล็กลง และหน่วยความจำที่ช้าลงได้ ในการส่งออกจะต้องแยกส่งเป็นชิ้นๆ เพื่อให้เอาไปประกอบขึ้นในแต่ละท้องถิ่น เพื่อเป็นการลดต้นทุน (ไทยรัฐ อังคารที่ 15 ก.พ. 48 http://www.thairath.co.th)
นักทัศนาจรอวกาศช่วงระยะต้นๆ ต้องเสี่ยงอุบัติเหตุบาดเจ็บล้มตาย
นายไมเคิล เคลลีผู้ก่อตั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนอกโลก แสดงความคิดเห็นต่อคณะกรรมาธิการ แห่งรัฐสภาอเมริกัน ว่าคงต้องมีบาดเจ็บล้มตายบ้าง ในการท่องเที่ยวนอกโลกในช่วงต้นๆ เพราะการทัศนาจรในอวกาศระยะแรกๆนั้น มันไม่ใช่เป็นการเดินทาง หากแต่เป็นการผจญภัยโดยแท้ อุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นจะเป็นบทเรียนอันมีค่ามหาศาล เมื่อเทียบกับความล้มเหลวที่เกิดขึ้น เมื่อตอนบุกเบิกการเดินอวกาศเชิงพาณิชย์ขึ้นใหม่ๆ หากว่ารัฐสภาไม่ออกกฎหมายควบคุมการทัศนาจรในอวกาศอย่างเข้มงวดเกินไป อุตสาหกรรมท่องเที่ยวอวกาศก็คงจะเกิดขึ้นภายในระยะเวลา 20 ปีข้างหน้านี้ อาจจะมีเหตุผลพอที่จะกล่าวได้ว่าอาจจะเกิดเป็นจริงเป็นจังขึ้นในปี พ.ศ.2568 นี้ (ไทยรัฐ อังคารที่ 15 ก.พ. 48 http://www.thairath.co.th)
สหรัฐทำจีโนมไวรัสเอดส์ ออกฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็ง
สหรัฐพบวิธีทำลายเซลล์มะเร็งรูปแบบใหม่ ใช้เทคนิคยีนบำบัดโดยดึงไวรัสเอชไอวีมาตัดส่วนที่ก่อให้เกิดโรค พร้อมลอกเปลือกนอกทิ้ง เอาเปลือกของไวรัสอีกตัวมาใส่แทน หลังฉีดเข้าตัวหนูทดลองพบว่าเชื้อไวรัสสามารถติดตามไล่ล่าหาเซลล์มะเร็งได้สำเร็จ ดร.เออร์วิน เชน จากสถาบันเอดส์ ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย กล่าวถึงการค้นพบเชื้อเอชไอวีที่ "ไม่มีฤทธิ์" เนื่องจากถูกดึงเอาส่วนที่ก่อให้เกิดโรคออกไปแล้วนั้น สามารถนำมาใช้ติดตามเซลล์มะเร็งในหนูทดลองได้ เตรียมเดินหน้าสอดใส่ยีนเข้าไปในไวรัส เพื่อให้มีคุณสมบัติทำลายเซลล์มะเร็ง ซึ่งอาจต้องใช้เวลาอีกสักระยะก่อนจะนำไปทดลองในมนุษย์ สำหรับหนูที่ถูกนำมาทดลองในครั้งนี้ เป็นหนูที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งผิวหนัง ที่เรียกว่า "เมลาโนมา" และได้ลุกลามไปยังปอดเรียบร้อยแล้ว ในการทดลองนักวิทยาศาสตร์ได้นำเชื้อเอชไอวี ซึ่งได้กำจัดส่วนที่ก่อให้เกิดโรคทิ้งไป จากนั้นก็ลอกเปลือกชั้นนอกของไวรัสออก และนำเอาเปลือกของไวรัสอีกชนิดมาใส่แทน กรรมวิธีการดังกล่าว ช่วยให้นักวิจัยสามารถเปลี่ยนเป้าหมายการโจมตีของไวรัสได้ ซึ่งโดยปกติไวรัสเอชไอวีจะพุ่งเป้าโจมตีไปที่เซลล์ภูมิคุ้มกัน ที่เรียกว่า ทีเซลล์ แต่หลังจากเปลี่ยนเปลือกนอกใหม่ เชื้อเอชไอวีจึงหันไปไล่ล่าเซลล์มะเร็ง ที่เรียกว่า พี-ไกลโคโปรตีน งานวิจัยชิ้นนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่ทีมงานจะสามารถพัฒนาไวรัสตัวนำที่มีประสิทธิภาพ และสามารถปรับโปรแกรมการทำงานในตัวไวรัสให้พุ่งเป้าไปที่เซลล์เป้าหมายในร่างกายได้ โดยเทคนิคนี้อาจมีประโยชน์ต่อการรักษาโรคทางพันธุกรรมได้เช่นเดียวกัน (กรุงเทพธุรกิจ อังคาร ทื่ 14 ก.พ. 48 http://www.bangkokbiznews.com)
เตือนปีนี้โลกร้อนที่สุด ผลจากก๊าซเรือนกระจกผสมโรงเอลนีโญ่
เจมส์ แฮนเซ่น นักวิจัยประจำนาซา สำนักงานนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ บอกว่า ช่วง 30 ปีที่ผ่านมา อุณหภูมิโลกมีแนวโน้มร้อนมาตลอด และแนวโน้มนี้เกี่ยวข้องกับก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นในบรรยากาศ โดยปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์คือปี 2541 ตามมาด้วยปี 2545 เป็นอันดับสอง และปี 2546 เป็นอันดับสาม สำหรับปีที่แล้วถูกจัดอันดับว่าเป็นปีที่โลกร้อนสุดเป็นอันดับสี่ โดยมีอุณหภูมิร้อนกว่า 50 ปีก่อนราว 1.5 องศา ขณะที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกยู่ที่ 14 องศาเซลเซียส ยังมีปัจจัยระยะสั้นที่ทำให้อุณหภูมิโลกร้อนขึ้น อย่างเช่นการปะทุของภูเขาไฟในปี 2506, 2525 และ 2534 ซึ่งได้พ่นละอองกรดซัลฟูริก หรือกรดกัมมะถันสู่ชั้นบรรยากาศชั้นบน เป็นปัจจัยที่สามารถทำให้อุณหภูมิเปลี่ยนได้ตั้งแต่หลายเดือนจนถึงหลายปี นอกจากนี้ อุณหภูมิโดยเฉลี่ยที่วัดได้จากพื้นผิวดินและมหาสมุทรเมื่อปี 2547 พบว่าสูงกว่าระดับเฉลี่ยในปี 2494 ถึง 2523 ด้วย อุณหภูมิของโลกที่เพิ่มขึ้นในปี 2541 นั้น เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์เอลนีโญ่และนับเป็นครั้งรุนแรงที่สุดในรอบร้อยปี ส่วนอากาศที่ร้อนขึ้นผิดปกติในปี 2545 และ 2546 เป็นผลมาจากปรากฏการณ์เอลนีโญ่เช่นกัน แต่ครั้งนั้นไม่รุนแรงมาก ปัจจุบันพื้นผิวโลกดูดซับความร้อนจากดวงอาทิตย์ไว้มากกว่าสะท้อนกลับคืนไปยังอวกาศ และความร้อนส่วนเกินที่โลกสะสมไว้นี้ เมื่อผสมโรงกับเอลนีโญ่ ทำให้คาดการณ์ได้ว่าปี 2548 นี้ อากาศจะร้อนกว่าปี 2546 และ 2547 และบางที่อาจร้อนกว่าปี 2541 ซึ่งจัดว่าเป็นปีที่ร้อนกว่าปีอื่นๆ (คมชัดลึก อังคารที่ 15 ก.พ. 48 http://www.komchadluek.net)
โปรเจ็กต์"สมาร์ทการ์ด"สตาร์ตไม่ติด เจอปัญหาซอฟต์แวร์ไม่ซัพพอร์ต"ชิป"
น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ได้ประชุมหารือกับนายโภคิน พลกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตัวแทนจากกรมการปกครองและตัวแทนจากกิจการร่วมค้าซีเอสที (บริษัทเอสที ไมโครอิเล็ก ทรอนิกส์ บริษัทอินการ์ด และบริษัทซิสโก้ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด) ผู้ชนะการประกวดราคาบัตรสมาร์ทการ์ดลอตแรกจำนวน 12 ล้านใบ เนื่อง จากบัตรสมาร์ทการ์ดที่ส่งมอบจากกิจการร่วมค้าซีเอสทีไม่สามารถทำงานร่วมกับระบบซอฟต์แวร์บริหารจัดการบัตร (card management system : CMS) ที่พัฒนาโดยกรมการปกครอง ทำให้กรมการปกครองไม่สามารถป้อนข้อมูลพื้นฐานบรรจุลงในบัตรได้โดยการประชุมครั้งนี้มีข้อสรุปให้กิจการร่วมค้าซีเอสทีไปพัฒนาโมดูลเพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ CMS ของมหาดไทยได้ โดยให้กิจการร่วมค้าซีเอสทีรายงานความคืบหน้าและสรุประยะเวลาการจัดการแก้ปัญหาให้ชัดเจน (ประชาชาติธุรกิจ อังคารที่ 15 ก.พ. 48 http://www.matichon.co.th/prachachat)
เมืองบนเขาหนีไม่พ้นคลื่นยักษ์สึนามิ เพราะโลกร้อนจนธารน้ำแข็งละลาย
นักวิทยาศาสตร์กล่าวเตือนว่า ดินแดนบนภูเขา โดยเฉพาะตามเขตหนาวจนเป็นน้ำแข็ง อย่าเพิ่งคิดว่าจะปลอดจากภัยคลื่นยักษ์สึนามิ ไม่เหมือนกับดินแดนแถบชายฝั่งทะเลเสียทีเดียว เพราะมีเค้าว่ามันอาจจะเกิดภัยคลื่นยักษ์สึนามิบนเขาขึ้นมาได้ ผู้เชี่ยวชาญธรณีวิทยาของยุโรป ได้ กล่าวเตือนว่า ในยามที่อุณหภูมิของโลกเพิ่มสูงขึ้น จนถึงกับสัตว์ป่าบางชนิดถูกทำลายถิ่นที่อยู่ อาศัยมาบ้างแล้ว ก็น่าเป็นห่วงว่าอาจเกิดภัยของคลื่นยักษ์สึนามิขึ้นตามถิ่นฐานตามเขาขึ้นได้ ถึงแม้ดูจะเป็นเรื่องแปลก แต่ก็เป็นไปได้ว่าธารน้ำแข็งที่ละลาย อาจเป็นเหตุให้เกิดคลื่นสึนามิขึ้นในทะเลสาบยักษ์เขาเทน้ำปริมาณมหาศาลลงกวาดบ้านเรือน และสถานที่ตากอากาศเบื้องล่างราพณาสูรไปได้ นายมาร์ติน เบนิสตัน ผู้เชี่ยวชาญดินฟ้าอากาศของมหาวิทยาลัยไฟร์บวร์ก ในสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวว่า อย่างเช่นในแถบทิวเขาหิมาลัย ธารน้ำแข็งบางสายยาวถึง 70 กม. ในภูฏาน ก็มีทะเลสาบอยู่บนเขาไม่ต่ำกว่า 50 แห่ง เช่นเดียวกับที่เนปาล เป็นที่น่าหวั่นว่าบรรดาเมืองและหมู่บ้านที่อยู่ต่ำลงมาเบื้องล่าง อาจจะเผชิญเข้ากับภัยของคลื่นยักษ์สึนามิได้. (ไทยรัฐ พุธที่ 16 ก.พ. 48 http://www.thairath.co.th)
คนไทยโชว์เวบไซต์ 3 มิติ คลิกเม้าส์ดูภาพหน้าจอรอบทิศ
นายวรพจน์ รื่นเริงวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โชเซ่น เทคโนโลยี จำกัด ซึ่งให้บริการจัดทำภาพ 3 มิติบนหน้าเวบไซต์ เปิดเผยว่า โดยทั่วไปภาพตัวอย่างสินค้าที่ปรากฏบนเวบไซต์ จะมีลักษณะคล้ายภาพถ่ายที่โชว์เฉพาะด้านหน้า หรือด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น แต่โปรแกรมสร้างภาพ 3 มิติที่บริษัทพัฒนาขึ้นมานั้น จะช่วยให้เห็นสินค้าครบทุกด้านด้วยการคลิกเม้าส์สั่งภาพสินค้าให้หมุนได้รอบทิศทาง และสร้างความรู้สึกเหมือนได้ชมและสัมผัสสินค้าจริง การจัดทำภาพสินค้า 3 มิติต้องใช้ต้นทุนสูงถึงระดับเป็นแสน บริษัทนำเข้าเทคโนโลยีจากเกาหลี จึงลดต้นทุนการจัดทำเหลือไม่กี่พันบาทต่อชิ้นงาน ส่วนขั้นตอนการทำภาพ 3 มิติเบื้องต้น เริ่มจากถ่ายภาพสินค้าอย่างละเอียดเป็นร้อยๆ ภาพ และเลือกเอาเฉพาะภาพถ่ายที่ได้มุมองศาและมุมแสงที่ถูกต้อง วางทาบบนโมเดลรูป 3 มิติที่จัดทำขึ้น และใช้โปรแกรมคอมพ์สร้างเป็นภาพ 3 มิติที่หมุนได้ ขณะที่ไฟล์ภาพที่ได้จะมีขนาดใหญ่ด้วยเช่นกัน สำหรับเทคโนโลยีช่วยสร้างภาพ 3 มิติสำเร็จรูปนั้นคือ การใช้กล้องหุ่นยนต์ (โรบอท คาเมร่า) ที่มีมูลค่ากว่า 20 ล้านบาทในการถ่ายภาพ ซึ่งจะช่วยควบคุมแสงและองศาด้วยคอมพิวเตอร์ ทั้งยังหมุนและเปิดปิดได้รอบด้าน เช่น ภาพมือถือแบบฝาพับ ซึ่งกล้องหุ่นยนต์สามารถสร้างภาพที่หมุนและเปิดฝาพับขึ้นเพื่อดูภายในได้ ภาพ 3 มิตินับเป็นรูปแบบใหม่ของการจัดแสดงสินค้าบนเวบไซต์ ลดค่าใช้จ่ายการทำแคตตาล็อก ตัวอย่างสินค้า และช่วยพนักงานนำเสนอหรืออธิบายถึงสินค้าได้ดีขึ้น และเทคโนโลยี 3 มิตินี้ สามารถเพิ่มยอดขายถึงร้อยละ 80 ในต่างประเทศ สำหรับในไทย สำหรับตัวอย่างภาพสินค้า 3 มิติที่หมุนดูให้รอบด้านนี้ คลิกดูได้ที่ www.chosen3d.com (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 17 ก.พ. 48 http://www.komchadluek.net)
โตชิบาผลิตชิพยานยนต์ เสริมสมรรถนะรถโตโยต้า
โตโยต้าผู้ผลิตรถยนต์หมายเลข 2 ของโลก ได้เลือกโตชิบา บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของญี่ปุ่น ให้มาเป็นผู้ผลิตชิพสำหรับรถยนต์ใหม่ ซึ่งมีกำหนดว่าจะเริ่มส่งออกจำหน่ายในปลายปีนี้ โดยโตชิบานั้นมีโครงการจะใช้งบประมาณ 3,800 ล้านบาท หรือ 95 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในระยะเวลาอีก 3 ปีข้างหน้า ในการผลิตชิพใหม่ในโรงงานที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น โดยชิพที่จะพัฒนาขึ้นนั้น จะทำให้รถยนต์ไฮบริด ซึ่งใช้พลังงานทั้งน้ำมันและไฟฟ้า วิ่งได้อย่างราบรื่น ไม่เว้นแม้ในขณะที่ปรับเปลี่ยนการใช้พลังงาน รวมไปถึงเรื่องการลดมลภาวะ และผู้ขับขี่รวมทั้งผู้โดยสารก็จะรู้สึกนั่งสบายเหมือนกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันทั่วๆ ไป ทั้งนี้ เชื่อกันว่ารถไฮบริดพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นทางออกสำหรับรถพลังงานไฟฟ้า ที่มีข้อจำกัดในการใช้งานเนื่องจากแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นตัวจ่ายพลังงานมีระยะเวลาจำกัดในการให้พลังงาน และการเติมพลังงาน จะต้องหยุดการใช้งานรถ ทำให้เสียเวลา และความไม่สะดวกในการหาแหล่งชาร์จกระแสไฟ สำหรับรถยนต์ไฮบริดนี้ คาดว่าปีนี้จะสามารถทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น โดยโตโยต้าคาดหมายตัวเลขที่ 300,000 คัน ในขณะที่ปีที่แล้วยอดอยู่ที่ 140,000 คัน อีกทั้งยังคาดว่าตลาดรถยนต์ไฮบริดนี้จะสร้างมูลค่าได้มากกว่า 1 ล้านล้านเยน ในปี 2553 (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 17 ก.พ. 48 http://www.komchadluek.net)
พบน้ำมหาสมุทรขั้วโลกใต้เปลี่ยน หวั่นกระทบสภาพอากาศทั่วโลก
โฮบาร์ต - นักวิทยาศาสตร์ประหลาดใจ น้ำลึกใต้มหาสมุทรแถบขั้วโลกใต้มีอุณหภูมิต่ำลง และเค็มน้อยลงเร็วเกินคาด สะท้อนความอ่อนไหวต่อการรับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงบนผิวโลก ทีมวิจัยนานาชาติ ซึ่งนายสตีฟ รินทูล นักวิทยาศาสตร์ออสเตรเลียเป็นผู้นำเผยว่า พบความเปลี่ยนแปลงของน้ำลึกบริเวณพื้นมหาสมุทรตอนใต้ จากการที่น้ำมีอุณหภูมิเย็นลงและมีเกลือน้อยกว่าเมื่อ 10 ปีก่อนอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอาจประเมินได้ว่ากระแสน้ำลึกไหลช้าลง ความเปลี่ยนแปลงนี้อาจกระทบต่อสภาพอากาศโลก พร้อมยอมรับว่าประหลาดใจกับขนาดและความเร็วของความเปลี่ยนแปลง เนื่องจากเชื่อกันมานานว่า อุณหภูมิน้ำลึกใต้มหาสมุทรจะเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย การไหลเวียนของน้ำใต้มหาสมุทรมีผลอย่างใหญ่หลวงต่อสภาพอากาศโลก จึงมีความจำเป็นต้องทำความเข้าใจว่า ทำไมถึงเกิดขึ้น หรือทำไมจึงเกิดอย่างรวดเร็ว ทีมนักวิจัยชี้ว่า ไม่ว่าความเปลี่ยนแปลงจะเป็นเพราะวัฏจักรธรรมชาติ หรือเพราะปัญหาอากาศเปลี่ยน แต่ก็บ่งชี้ได้ว่า มหาสมุทรน้ำลึกตอบสนองรวดเร็วเกินคาดกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดบนผิวน้ำ การวิจัย ทำกับตัวอย่างน้ำที่เก็บจากพื้นมหาสมุทรทางใต้ ในช่วง 8 สัปดาห์ของการศึกษาบนเรือวิจัยออโรรา ออสเตรลิส ของหน่วยงานศึกษาทวีปแอนตาร์กติกออสเตรเลีย การประกาศผลการศึกษา มีขึ้น 1 วัน หลังสนธิสัญญาเกียวโตเริ่มมีผลบังคับใช้ โดยขั้นต้น สนธิสัญญามีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกลุ่มชาติอุตสาหกรรม เพื่อชะลอปัญหาโลกร้อน จีนซึ่งเป็นผู้ผลิตก๊าซเรือนกระจกอันดับ 2 โลก ได้วิจารณ์สหรัฐต่อการปฏิเสธที่จะให้สัตยาบันสนธิสัญญาเกียวโต โดยหนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของรัฐ ระบุว่า การตัดสินใจของสหรัฐอาจบั่นทอนความพยายามแก้ปัญหาโลกร้อน จีนร่วมลงนามในสนธิสัญญา แต่ยังไม่ต้องจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เนื่องจากเป็นชาติกำลังพัฒนา แต่ทางการปักกิ่งเผยว่ามีแผนกำหนดมาตรฐานที่เข้มงวดขึ้น เพื่อควบคุมการปล่อยไอเสียของรถ และลดการใช้ถ่านหิน เพื่อหันไปพึ่งก๊าซธรรมชาติและเชื้อเพลิงสะอาดมากขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 18 ก.พ. 48 http://www.bangkokbiznews.com)
ไทยตระหนัก"โลกร้อน"ร่วมลดสารซีเอฟซี
นายนิกร จำนง รมช.คมนาคม นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พร้อมด้วยได้ร่วมแถลงจุดยืนของรัฐบาลไทยในการร่วมลดก๊าซที่ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก หลังจากพิธีสารเกียวโต ซึ่งบังคับให้ประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลกลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 6%ในปี 2555 โดยมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา นายสุวิทย์ กล่าวว่า จากการที่ประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกในพิธีสารเกียวโต และพิธีสารมอนทรีออล ว่าด้วยการลดและเลิกใช้สารทำลายชั้นโอโซน เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการร่วมลดก๊าซที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมขึ้น แม้ว่าตัวเลขการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไทย ขณะนี้อยู่ที่ 3.5 ตันต่อปี และยังไม่เกินค่าเฉลี่ยของระดับโลกที่กำหนดให้ไม่เกิน 3.9 ล้านตันต่อปีก็ตาม ข้อมูลการศึกษาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไทย พบว่าเกิดจากภาคพลังงานมากที่สุด รองลงมาภาคขนส่ง และอุตสาหกรรม ส่วนภาคเกษตรถือว่าน้อยมาก ดังนั้นทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องทั้ง ทส. กระทรวงคมนาคม และกระทรวงอุตสาหกรรม จึงต้องมีมาตรการในการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ นายสุวิทย์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อประเมินสถานการณ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคต่างๆ นอกจากนี้ยังร่วมรณรงค์ให้ภาคอุตสาหกรรม และภาคพลังงานหันมาใช้พลังงานสะอาด เช่น การใช้ไบโอดีเซล หรือแก๊สโซฮอล์แทนน้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งการลดใช้สารคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (ซีเอฟซี) เพื่อทำความเย็นในเครื่องปรับอากาศภายในรถยนต์ ซึ่งได้มีกฎกระทรวงห้ามใช้สารซีเอฟซีในรถยนต์ที่จดทะเบียนใหม่ และรถขนส่งมวลชนแล้ว และได้ตั้งเป้าที่จะลดการนำเข้าสารดังกล่าวด้วย นายนิกร กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้ออกกฎกระทรวง 2 ฉบับเพื่อควบคุมการใช้สารซีเอฟซีและมีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 14 ม.ค.2548 โดยฉบับแรกควบคุมรถจดทะเบียนใหม่และรถขนส่งโดยสาร ห้ามใช้สารซีเอฟซี อย่างเด็ดขาด ถ้าพบจะไม่รับจดทะเบียน ส่วนรถยนต์เก่าซึ่งมีปัญหามากโดยเฉพาะรถโดยสาร หากเป็นเครื่องยนต์ดีเซล จะไม่อนุญาตให้ใช้ในเขตเมือง โดยจะรณรงค์ให้ใช้แก๊สโซฮอล์แทน ส่วนอีกฉบับควบคุมการใช้เครื่องปรับอากาศภายในรถยนต์และรถขนส่งผู้โดยสาร ต้องมีระบบระบายอากาศที่เหมาะสมเพียงพอ โดยกรมการขนส่งทางบกจะกำหนดคุณลักษณะเฉพาะดังกล่าวแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน ก.พ.นี้ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 18 ก.พ. 48 http://www.bangkokbiznews.com)
โคลนนิ่งแบบใหม่
ซิดนีย์ - เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ นางวาเนสซา ฮอล นักวิทยาศาสตร์ของสถาบันโมนาชแห่งการวิจัยทางการแพทย์และความร่วมมือทางพันธุกรรมออสเตรเลีย กล่าวอ้างว่า ได้ทำการโคลนนิ่งวัวสายพันธุ์โฮลสไตน์-เฟรเชี่ยน ด้วยวิธีการโคลนนิ่งแบบใหม่ได้สำเร็จเป็นเจ้าแรกตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา และให้ชื่อว่า แบรนดี้ โดยเจ้าวัวแบรนดี้ตัวนี้ถือว่าเป็นวัวตัวแรกที่กำเนิดจากการโคลนนิ่งด้วยวิธีการใหม่ที่เรียกว่า "ซีเรียล นิวเคลียร์ ทรานส์เฟอร์" คือ ผ่านกระบวนการโคลนนิ่งถึง 2 ครั้ง ก่อนพัฒนาเป็นตัวอ่อนที่พร้อมจะนำไปฝังในวัวที่จะให้กำเนิดต่อไป (เอเอฟพี) (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 18 ก.พ. 48 http://www.matichon.co.th)
ดาวระเบิดปล่อยพลังงานมหาศาล สิ่งมีชีวิตโลกรอดสูญพันธุ์หวุดหวิด
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐอเมริกาเผยว่า ได้มีการปล่อยพลังงานจำนวนมหาศาลเกิดขึ้นบนทางช้างเผือก หลังจากเกิดการระเบิดของกลุ่มดาวที่เรียกว่า "นิวตรอน สตาร์" ในห้วงจักรวาล ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ตรวจจับการระเบิดได้เมื่อวันที่ 27 ธันวาคมปีที่ผ่านมา โดยมีระยะทางห่างจากโลกราว 50,000 ปีแสง นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า เป็นการปล่อยพลังงานออกมามากกว่าที่ดวงอาทิตย์ปล่อยพลังงานออกมาในทุกๆ 150,000 ปี แต่หากการระเบิดของนิวตรอน สตาร์ เกิดขึ้นในรัศมีห่างจากโลก 10 ปีแสง พลังงานมหาศาลที่ปล่อยออกมานี้จะสามารถทำลายชั้นบรรยากาศโลกและสามารถทำให้เกิดการสูญพันธุ์บนโลกได้ ปรากฏการณ์ระเบิดของนิวตรอน สตาร์ ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ถือเป็นการปล่อยรังสีแกมมาครั้งใหญ่ที่สุดจาก 3 ครั้ง ที่เคยมีการตรวจพบการปล่อยรังสีแกมมาของนิวตรอน สตาร์ ในช่วง 35 ปีที่ผ่านมา และการปล่อยพลังงานจำนวนมหาศาลครั้งนี้ยังเป็นครั้งแรกที่มีการตรวจพบนอกระบบสุริยจักรวาลของเราด้วย นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า พลังงานที่ปล่อยออกมานี้มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าและรังสีแกมมาที่ถูกปล่อยออกมาจะถูกสกัดโดยชั้นบรรยากาศโลกขณะที่รังสีนั้นวิ่งมา อย่างไรก็ตาม ผู้ปฏิบัติการบางรายอาจใช้อุปกรณ์ตรวจจับความถี่ในการตรวจจับรังสีนี้ได้ ซึ่งหอดูดาวสวิฟต์ของนาซ่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สามารถตรวจจับรังสีนี้ได้ นักดาราศาสตร์สหรัฐกล่าวกับรอยเตอร์ว่า นิวตรอน สตาร์ เป็นกลุ่มดาวที่พบยากมาก แต่นิวตรอน สตาร์ กลุ่มนี้เป็นรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า แมกเนทาร์ มีสนามแม่เหล็กที่มีกำลังแรงสูง สามารถทำลายข้อมูลบนบัตรเครดิตได้ในระยะทางที่อยู่ห่างจากดวงจันทร์ครึ่งหนึ่ง แต่หากการระเบิดเกิดขึ้นภายในรัศมี 10 ปีแสงจากโลก พลังงานมหาศาลนี้จะสามารถทำลายชั้นบรรยากาศโลกและก่อให้เกิดการสูญพันธุ์ขึ้นบนโลกได้ แต่โชคดีที่แมกเนทาร์ที่เรารู้ว่าอยู่ใกล้โลกที่สุดนั้น อยู่ห่างจากโลกประมาณ 13,000 ปีแสง นายวรเชษฐ์ บุญปลอด กรรมการบริหารสมาคมดาราศาสตร์ไทย(สดท.) กล่าวว่า เข้าใจว่า นักดาราศาสตร์คงตั้งใจอธิบายเปรียบเทียบปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น และเป็นการให้ความรู้ ให้ทุกคนทราบมากกว่า ว่าหากดาวดวงนี้ระเบิดในระยะที่ห่างจากโลกในรัศมีไม่เกิน 10 ปีแสง รังสีการระเบิดจะสาดเข้ามาทำลายบรรยากาศโลก และเกิดผลเสียหายต่อเผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิต แต่ความจริงคือ ดาวดวงนี้อยู่ห่างจากโลกถึง 5 หมื่นปีแสง แสดงว่า ยังห่างไกลจากอันตรายดังกล่าวอย่างมาก ไม่น่าเป็นกังวลแต่อย่างใด (มติชนรายวัน อาทิตย์ที่ 20ก.พ. 48 http://www.matichon.co.th)
สแกนนิ้วถอนเงิน
พนักงานฮิตาชิวางนิ้วลงบนเครื่องกดเอทีเอ็มรุ่นล่าสุดของบริษัทที่ออกแบบมาให้ใช้เทคโนโลยีระบบความปลอดภัยแบบไบโอเมตริกที่สามารถอ่านลายนิ้วมือของผู้ใช้แต่ละคนได้ เนื่องจากในญี่ปุ่นมีคดีการโกงเงินจากตู้เอทีเอ็มในช่วง 6 เดือน ระหว่างปี 2547-2548 สูงถึง 122 กรณี สูญเงินไปมูลค่า 4.6 ล้านเยนหรือราว 1,643,840 บาท (ภาพ-เอเอฟพี) (ข่าวสด เสาร์ที่ 19 ก.พ. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)
ป้ายจราจรอัจฉริยะใช้กลางปีนี้
นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการป้ายจราจรอัจฉริยะ ว่า ขณะนี้ได้พิจารณาหลักเกณฑ์คัดเลือกบริษัทจีเนียส จำกัด เป็นผู้ดำเนินการติดตั้งป้ายจราจรอัจฉริยะ จำนวน 40 จุดแล้ว เนื่องจากเป็นผู้เสนอผลตอบแทนให้กทม.ดีที่สุด จากผู้เสนอเงื่อนไขทั้งหมด 2 ราย โดยเอกชนจะต้องลงทุนติดตั้งเองมูลค่า 200 ล้านบาท พร้อมบำรุงรักษา และจัดหาผลประโยชน์จากการโฆษณา กทม.ไม่ต้องใช้งบประมาณ ทั้งนี้ ตนได้เร่งให้บริษัทติดตั้งป้ายบริเวณจุดขึ้นทางด่วน 14 จุดก่อนเป็นลำดับแรกภายใน 2-3 เดือนนี้ ส่วนอีก 26 ป้ายที่จะติดตั้งบริเวณก่อนถึงทางแยกจะให้แล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคมตามกำหนด การทำงานของป้ายอัจฉริยะจะเป็นการแสดงข้อมูลสภาพการจราจรบริเวณถนนที่อยู่ใกล้เคียงในปัจจุบัน โดยประชาชนสามารถรู้สภาพการจราจรล่วงหน้าก่อนเดินทางถึงทางแยก และก่อนเข้าทางด่วน สามารถบอกสภาพจราจรหรืออุบัติเหตุและเหตุการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น ประชาชนสามารถเลือกเส้นทางการเดินทางได้ ซึ่งป้ายจะติดตั้งในลักษณะเป็นโครงสร้างเหล็กสูง 5 เมตร ตัวป้ายขนาด 15-20 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่โฆษณาไม่น้อยกว่า 30% และเนื้อที่ให้ข้อมูลสภาพการจราจร (กรุงเทพธุรกิจ อาทิพย์ที่ 20 ก.พ. 48 http://www.komchadluek.net)
ข่าววิจัย/พัฒนา
กล้องถ่ายภาพรุ่นใหม่มีตาทิพย์ ภาพกลางคืนสว่างเท่ากลางวัน
นักวิจัยชาวดัตช์ได้พัฒนาอุปกรณ์ ใหม่ที่จะเป็นการปฏิวัติอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับการมองเห็น โดยอุปกรณ์นี้จะทำให้กล้องวีดิโอสามารถบันทึกภาพในเวลากลางคืนได้คมชัด และมีสีสันสวยงามเหมือนกับการถ่ายภาพในตอนกลางวัน อุปกรณ์ดังกล่าวนี้เป็น ระบบที่ทหารของชาวดัตช์ ได้นำมาใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อที่จะสร้างภาพและสีเข้ามาแทนที่ภาพที่ถ่ายออกมา ในเวลากลางคืน ซึ่งขุ่นมัว และขาดสีสัน และนักวิทยาศาสตร์ได้นำมาพัฒนาเป็นกล้องถ่ายภาพ กล้องดังกล่าวนี้ เรียกว่าเป็นไนต์วิชั่น คาเมรา ซึ่งขณะนี้ได้มีการนำไปทดลองใช้งานกับอาสาสมัครหลายคน โดยผู้ทดลองบอกว่า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นและการบันทึกภาพเวลากลางคืนและในที่มืดได้มาก สำหรับขั้นตอนต่อไปนั้น จะเป็นการพัฒนาอุปกรณ์ต้นแบบ (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 14 ก.พ. 48 http://www.thairath.co.th)
พบเทคนิคใหม่ ตรวจสมองเสื่อม จากไขสันหลัง
ไดมิทรา จีออกาโนปูลู และทีมงานจากมหาวิทยาลัยนอร์ธเวสต์เทิร์น ในอิลลินอยส์ สหรัฐ เผยเทคนิคใหม่ในการวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์ขั้นต้น ด้วยการใช้อนุภาคทองคำและแม่เหล็กระดับนาโนมาผสมเข้ากับสายดีเอ็นเอ ซึ่งแตกต่างจากวิธีการปัจจุบันที่ต้องใช้การสแกนสมอง หรือต้องชันสูตรจากศพเท่านั้นจึงจะรู้ผลวินิจฉัยที่แน่ชัด จากการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยอัลไซเมอร์จะมีระดับของโปรตีนขนาดจิ๋วที่ชื่อว่า "เอดีดีแอล" (amyloid-beta-derived diffusible ligands : ADDLs) อยู่สูงมาก ซึ่งโปรตีนดังกล่าวสามารถตรวจหาได้ในน้ำไขสันหลัง และด้วยเหตุที่โปรตีนตัวนี้เล็กจิ๋วอย่างมาก ทีมงานจึงต้องพัฒนาเทคนิคตรวจจับโปรตีนที่มีความไวสูงกว่าเดิมถึงพันเท่า เทคนิคดังกล่าวได้ใช้แอนตีบอดีสองชนิดมาประกบเข้ากับโปรตีนเอดีดีแอล โดยแอนตีบอดีตัวแรกจะผูกติดกับอนุภาคแม่เหล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1,000 นาโนเมตร ขณะที่แอนตีบอดีอีกตัวจะยึดติดกับอนุภาคทองคำขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 30 นาโนเมตร และในอนุภาคทองคำนี้ยังได้ผสมชิ้นส่วนของสายดีเอ็นเอนับพันชิ้นเอาไว้ด้วย อนุภาคแม่เหล็กจะเป็นตัวดึงโปรตีนเอดีดีแอลให้ไปติดอยู่อีกด้านของอนุภาคทองคำ จากนั้นทีมงานจะใช้กระบวนการทางเคมีแยกชิ้นส่วนดีเอ็นเอออกมาจากอนุภาคทองคำ และนำไปตรวจนับปริมาณโปรตีนที่จับมาได้ วิธีการดังกล่าวเรียกว่า "ไบโอบาร์โค้ดดิง" ซึ่งต่อมาทีมงานได้นำเอาวิธีการนี้ไปทดสอบกับผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์อีก 15 คน เพื่อยืนยันผลที่ได้ว่าแม่นยำเพียงใด คณะวิจัยยังมีแผนนำใช้เทคนิคดังกล่าวไปใช้กับตัวอย่างเลือดของผู้ป่วย แม้การศึกษาก่อนหน้านี้จะระบุว่าในเลือดมีปริมาณโปรตีนดังกล่าวน้อยกว่าในน้ำไขสันหลังก็ตาม แต่ทีมงานก็เชื่อว่าน่าจะใช้การได้ ที่สำคัญเลือดเอาออกมาทดสอบได้ง่ายกว่าด้วย (กรุงเทพธุรกิจ 14 ก.พ. 48 http://www.bangkokbiznews.com)
ม.เกษตรโชว์เครื่องเลือกตั้งไร้สายส่งเอสเอ็มเอสแจ้งผลเลือกตั้ง-แก้ปัญหาบัตรผี
นายนิพนธ์ พิมพ์พืช นักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้พัฒนาระบบการเลือกตั้งออนไลน์แบบไร้สายขึ้น เพื่อเพิ่มความโปร่งใสให้กับกระบวนการเลือกตั้ง พร้อมทั้งสามารถนับคะแนนได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ วิธีลงคะแนนด้วยการทำเครื่องหมายลงในบัตรเลือกตั้ง และใช้คนเป็นผู้ตรวจนับคะแนนเช่นในปัจจุบัน ยังมีช่องโหว่ให้เกิดการทุจริตได้ และอาจทำให้ต้องจัดการเลือกตั้งขึ้นใหม่ เสียงบประมาณเป็นจำนวนมาก แม้ระยะหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะหันมาใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในบางหน่วยลงคะแนน แต่ก็ยังไม่ปลอดภัยจากการโจรกรรมข้อมูลได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ทีมวิจัยได้ออกแบบให้แต่ละหน่วยเลือกตั้งติดตั้งเครื่องอิเล็กทรอนิกส์สำหรับประชาชนลงคะแนนเสียง และหลังจากหมดเวลาลงคะแนนแล้ว ข้อมูลที่เก็บไว้ในอุปกรณ์ระบบจะประมวลผลแล้วสรุปผลลงคะแนนพร้อมใส่รหัสรักษาความปลอดภัยหลายชั้นส่งด้วยระบบเอสเอ็มเอสผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือไปยังหน่วยนับคะแนนกลางเพื่อรวบรวมคะแนนจากแต่ละหน่วยเลือกตั้งอีกที ทำให้ทราบผลรวมอย่างรวดเร็ว อุปกรณ์ดังกล่าวยังได้ปรับปรุงให้สามารถรองรับการใช้งานกับบัตรประชาชนอิเล็กทรอนิสก์ในอนาคต และเครื่องอ่านลายนิ้วมือยืนยันตัวบุคคลเพื่อความเที่ยงตรง ป้องกันบัตรผีและป้องกันการทุจริต โดยราคาต่อเครื่องอยู่ที่ประมาณ 3-5 หมื่นบาท นอกจากนี้ระบบยังสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับการเลือกตั้งในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเลือกพรรคการเมือง เลือกผู้สมัครทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ รวมถึงช่วยป้องกันการเกิดบัตรเสียได้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหลังจากทดลองใช้งานกับการเลือกตั้งภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พบว่าผลตอบรับค่อนข้างดี รวมถึงมีจำนวนผู้มาใช้สิทธิเพิ่มขึ้นด้วย อุปกรณ์ดังกล่าวยังมีข้อจำกัดอยู่ที่หน่วยเลือกตั้งที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ส่งข้อมูลออนไลน์นี้จะต้องมีความพร้อมในด้านโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ เป็นพื้นที่ที่มีกระแสไฟฟ้า และต้องติดตั้งระบบสำรองไฟในกรณีฉุกเฉิน และต้องเป็นพื้นที่ที่มีสัญญาณเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สายด้วย ในการทดสอบอุปกรณ์ ผู้วิจัยได้ใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่จีเอสเอ็ม ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ครอบคลุมพื้นที่ 98% ของประเทศไทย (คมชัดลึก จันทร์ที่ 14 ก.พ. 48 http://www.komchadluek.net)
แผ่นซีเมนต์ใยตาลโตนด งานวิจัยช่วยเพิ่มรายได้ท้องถิ่น
ผศ.สะอาดศรี คงนิล อาจารย์ประจำสาขาสถิติและการวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา, หัวหน้าโครงการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากตาลโตนด กล่าวว่า ในหลายพื้นที่ของ จ.นครราชสีมา มีต้นตาลโตนดจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ชาวบ้านยังไม่ได้ใช้ประโยชน์จากผลผลิตของตาลโตนดอย่างเต็มที่ เพราะส่วนมากจะเก็บผลตาลอ่อน ตาลแก่ หรือน้ำหวานจากงวงตาลนำมาแปรรูปเท่านั้น ดังนั้น คณะนักวิจัยจึงได้วางแนวทางการศึกษาและพัฒนาการแปรรูปผลผลิตจากตาลโตนดอย่างครบวงจร เพื่อเพิ่มมูลค่าตาลโตนดโดยกำหนดหัวข้อการวิจัย 5 โครงการหลักประกอบด้วย การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากน้ำตาลสด จาวตาล และเนื้อตาลสุก การศึกษาการผลิตแผ่นซีเมนต์ผสมเส้นใยจากก้านใบตาลและเส้นใยจากลูกตาล การศึกษาอัตราส่วนที่เหมาะสมในการผลิตแท่งเพาะชำจากเส้นใยจากลูกตาล การศึกษาฤทธิ์การต้านแบคทีเรียและองค์ประกอบของสารสกัดหยาบจากรากตาล และการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องใช้และสิ่งประดิษฐ์จากตาล ด้านนางสุภาวดี เปรมจิตร สาขาเทคโนโลยีก่อสร้าง เจ้าของโครงงานวิจัยแผ่นซีเมนต์จากใยตาล กล่าวว่า ใบตาล ก้านตาล ลูกตาลมีเส้นใยอยู่มาก จึงได้ทดลองใช้เป็นส่วนผสมผลิตแผ่นซีเมนต์ จากการทดสอบพบว่า ซีเมนต์จากใยตาลมีคุณสมบัติในการรับแรงอัด การดูดซึมน้ำดี และทนต่อการหดตัวเนื่องจากความร้อนได้ ในอนาคตจะพัฒนาและถ่ายทอดกรรมวิธีการผลิตให้ชาวบ้าน นำไปผลิตแผ่นซีเมนต์ทดแทนการใช้อิฐบล็อกซีเมนต์ นอกจากนี้ ยังพบว่าเส้นใยของลูกตาลนำมาผลิตเป็นแท่งเพาะชำไม้ดอกไม้ประดับได้ด้วย ส่วนนางสุธีรา เข็มทอง หนึ่งในกลุ่มนักวิจัยในโครงการ กล่าวว่า การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากน้ำตาลสด ขณะนี้ได้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ ไซรัปน้ำตาลสด น้ำส้มสายชูหมัก จาวตาลผง เนื้อตาลสุกผง เพื่อให้สามารถเก็บไว้ได้นานแต่มีคุณสมบัติโดยเฉพาะกลิ่นหอมของตาลยังเหมือนเดิม จะใช้นำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น เค้ก เบเกอรี่ ไอศกรีม เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้ต่อยอดภูมิปัญญาชาวบ้านในเรื่องของการใช้ตาลมาเป็นสมุนไพร โดยผลการทดสอบสารสกัดหยาบจากรากตาล เมื่อนำไปผสมกับสมุนไพรอื่นๆ มีคุณสมบัติในการต้านฤทธิ์แบคทีเรีย โรคนิ่ว โรคผิวหนัง โรคทางเดินหายใจและโรคทางเดินปัสสาวะ (กรุงเทพธุรกิจ อังคาร ทื่ 14 ก.พ. 48 http://www.bangkokbiznews.com)
ม.บางมดคิดค้นวิธีหลอมเข็มฉีดยาต้นทุนต่ำ ลดความเสี่ยงแพทย์ นักวิจัยสัมผัสเข็มปนเปื้อนเชื้อโรค
รศ.วีระชัย แก่นทรัพย์ ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เปิดเผยถึงการพัฒนา "เครื่องทำลายเข็มฉีดยา" ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่คิดค้นขึ้นตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่ญี่ปุ่น เมื่อปี 2533 โดยขณะนั้นได้แรงดลใจจากการไปเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการเอดส์ ณ มหาวิทยาลัยโอซากา และพบเห็นนักวิจัยใช้เข็มฉีดยาใส่หนูเสร็จ ก็โยนโยนเข็มทิ้งลงถังขยะ หากใครมาสัมผัสก็จะมีโอกาสติดโรคได้สูง จึงคิดประดิษฐ์เครื่องทำลายเข็มฉีดยาสำหรับเพื่อน ส่วนประกอบสำคัญของอุปกรณ์ดังกล่าวคือ หม้อแปลงที่ได้จากโทรทัศน์ หรือเครื่องเล่นวิดีโอที่ตกรุ่นแล้ว และถูกทิ้งเกลื่อนในญี่ปุ่น จึงนำมาต่อเป็นวงจรแบบง่ายๆ ตามหลักวิทยาศาสตร์ทั่วไป โดยเลือกใช้แผ่นอะลูมิเนียม 2 ชิ้นมาต่อเชื่อมกับหม้อแปลงให้เกิดเป็นสองขั้ว และให้ตัวเข็มฉีดยาเป็นตัวสวิตช์หรือสะพานไฟให้กระแสไฟเดินครบวงจร หลักการก็คือปล่อยกระแสไฟฟ้าให้วิ่งผ่านลวดตัวนำ (เข็มฉีดยา) เมื่อกระแสวิ่งผ่านจะเกิดความร้อน ซึ่งผมใช้กระแสไฟ 4.5 โวลต์ ความร้อนที่เกิดขึ้นกับเข็มจะอยู่ที่ราว 700 - 800 องศาเซลเซียส ซึ่งเราจะเห็นเลยว่าเข็มเป็นสีแดงเหมือนกำลังเชื่อมเหล็กอยู่ สาเหตุที่เลือกใช้ระบบไฟฟ้าในการทำลาย เนื่องจากรูปแบบการเผาไฟไม่เหมาะติดตั้งหรือใช้ภายในสถานที่ทำงาน และอาจมีราคาแพงกว่าด้วย ส่วนการที่ต้องนำหม้อแปลงมาเป็นส่วนประกอบสำคัญ เพราะหากป้อนกระแสไฟ 220 โวลต์โดยตรง จะทำให้เข็มฉีดยาขาดเฉพาะจุด และไม่เกิดความร้อนที่ทำให้เข็มหลอมได้ ซึ่งจะไม่เกิดประโยชน์อะไร จึงเลือกใช้กระแสไฟเพียง 4.5 โวลต์ หรือเท่ากับแบตเตอรี่ 3 ก้อน และไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ หลังจากนั้น จึงได้พัฒนาเครื่องทำลายเข็มฉีดยาขึ้นมาอีกครั้ง โดยใช้หลักการเดียวกับที่สร้างในญี่ปุ่น และได้รับรางวัลชมเชย ผลงานสิ่งประดิษฐ์คิดค้นทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประจำปี 2540 จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เครื่องทำลายเข็มฉีดยาแบ่งออกเป็น 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นสำหรับสถานีอนามัยที่ใช้งานเข็มฉีดยาประมาณวันละ 200-300 เข็ม สามารถระบายความร้อนได้เพียงพอ ส่วนอีกรุ่นสำหรับงานหนัก เหมาะกับการทำลายเข็มที่ใช้กับเลือด เพราะออกแบบมาเป็นตัวกล่องที่ติดตั้งพัดลมดูดกลิ่น เพื่อช่วยดูดและกำจัดกลิ่นเลือดขณะที่เข็มกำลังถูกหลอมอยู่ได้ วิธีใช้งาน เพียงแต่นำเข็มฉีดยาที่ผ่านการใช้งานแล้วมาวางในตำแหน่งที่กำหนด ภายในเวลาไม่ถึง 2 วินาที เข็มจะถูกหลอมจนเสียสภาพ ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และมั่นใจได้เลยว่าเชื้อโรคตายหมดแล้วแน่นอน ต้นทุนการผลิตยังถูกอย่างมาก ประมาณ 300 กว่าบาท ขณะที่ของที่วางจำหน่ายในท้องตลาดมีราคาราว 4,000 - 5,000 บาท และมีฟังก์ชันการทำงานต่างกัน โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะเป็นการหลอมเข็มให้เสียไปเลย ซึ่งทำให้เปลืองพลังงานและขั้วไฟในอุปกรณ์จะชำรุดง่าย สามารถใช้กระดาษทรายขัดทำความสะอาด จากนั้นจะสามารถใช้การต่อได้ ทำให้ต้นทุนต่อเข็มราว 0.03 บาท และเมื่อขั้วสึกหรอก็สามารถเปลี่ยนได้ในราคา 20 - 30 บาท การเปลี่ยนต่อครั้งสามารถใช้ทำลายเข็มฉีดยาได้นับแสนๆ เข็มทีเดียว (กรุงเทพธุรกิจ อังคาร ทื่ 14 ก.พ. 48 http://www.bangkokbiznews.com)
ม.กรุงเทพพัฒนาซอฟต์แวร์ โอเพ่นซอร์สจัดการเอกสาร
ผศ.ดร.ปณิธิ เนตินันท์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยได้พัฒนาซอฟต์แวร์จัดการเอกสารในรูปแบบดิจิทัล (E-document System) ขึ้นใช้งานภายใน ซึ่งได้จัดเก็บเอกสารประเภทรายงานนักศึกษา และอื่นๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ทดแทนการซื้อซอฟต์แวร์ราคาแพงจากต่างประเทศ สำหรับซอฟต์แวร์ดังกล่าว พัฒนาโดยนักศึกษา ภายใต้การควบคุมของเขา และที่สำคัญซอฟต์แวร์นี้ พัฒนาจากซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส นักพัฒนาซอฟต์แวร์จึงนำไปพัฒนาต่อได้ นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยกรุงเทพยังพร้อมจะแจกจ่ายซอฟต์แวร์ดังกล่าวให้ใช้ฟรี พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาโอเพ่นซอร์สด้วยการร่วมกับบริษัทเรดแฮด เปิดหลักสูตรปริญญาโทด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ และหลักสูตรประกาศนียบัตรสำหรับผู้สนใจ เพื่อสร้างบุคลากรที่สามารถดูแลระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติลินิกซ์ ออกสู่ตลาดแรงงาน หลังจากพบว่า มีองค์กรธุรกิจจำนวนมากหันมาใช้ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สในระบบเซิร์ฟเวอร์มากขึ้น โดยโครงการดังกล่าวใช้หลักสูตรเรดแฮด อคาเดมี่ สำหรับสอนนักศึกษา ซึ่งขณะนี้เรดแฮดกำลังเร่งอบรมอาจารย์ในมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เพื่อเป็นผู้สอนในโครงการนี้ต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ อังคาร ทื่ 14 ก.พ. 48 http://www.bangkokbiznews.com)
แสงหลอดไฟจำเลยก่อมะเร็ง ฝืนธรรมชาติทำงานกลางดึก
นักวิทยาศาสตร์พบมีหลายปัจจัยที่ทำให้สตรีเป็นมะเร็งเต้านม ทั้งจากโรคทางพันธุกรรมสิ่งแวดล้อม และรูปแบบการใช้ชีวิตของแต่ละคน แต่นักวิทยาศาสตร์กำลังสงสัยปัจจัยอีกตัวหนึ่งคือแสงสว่างจากหลอดไฟ อาจเป็นตัวการที่มีผลต่อระดับฮอร์โมนในตัวผู้หญิง และอาจทำให้เกิดมะเร็งเต้านม นักระบาดวิทยาด้านโรคมะเร็งจากมหาวิทยาลัยคอนเนคทิคัตกำลังให้ความสำคัญไปที่คำอธิบายใหม่ๆ นอกเหนือไปจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม การดำเนินชีวิต และโรคทางพันธุกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสงสว่างจากหลอดไฟ เนื่องจากแสงสว่างจากหลอดไฟฟ้าที่ส่องแสงสว่างยามค่ำคืนอาจทำให้ระบบนาฬิกาชีวภาพในตัวมนุษย์หยุดทำงาน นาฬิกาชีวภาพดังกล่าวเป็นระบบที่กำหนดพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตในแต่ละวันเพื่อให้ร่างกายเกิดความสมดุล เช่น เวลาหลับและตื่น แสงสว่างจากหลอดไฟที่ทำให้คนตาสว่างทำงานกะกลางคืนได้นี้ส่งผลกระทบต่อการทำงานของนาฬิกาในร่างกายมนุษย์ และอาจมีผลต่อระดับฮอร์โมนในร่างกาย อาทิ เมลาโทนิน และระบบกลไกของเซลล์ต่างๆ จนทำให้เกิดมะเร็งเต้านมได้ ตัวอย่างเช่น คนทำงานในกะกลางคืนอย่าง พยาบาลมีแนวโน้มจะเป็นมะเร็งเต้านมได้มากกว่าคนทำงานกะกลางวัน ขณะที่หญิงตาบอดมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมน้อยกว่าหญิงตาดี ทีมงานจากวิทยาลัยการแพทย์ มหาวิทยาลัยเยล ยังพบว่ากลไกพันธุกรรมในตัวมนุษย์ อาจช่วยอธิบายวิธีการที่แสงสว่างที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเองสามารถกระตุ้นให้เกิดมะเร็งเต้านมได้ โดยเฉพาะในหญิงก่อนวัยหมดประจำเดือนที่มีระบบการทำงานของนาฬิกาชีวภาพผันผวน จะมีแนวโน้มพัฒนาไปเป็นโรคมะเร็งได้สูงกว่า (คมชัดลึก อังคารที่ 15 ก.พ. 48 http://www.komchadluek.net)
ทีม Plasma-Z จากจุฬา คว้าแชมป์หุ่นยนต์ปี 48
การแข่งขันฟุตบอลหุ่นยนต์ชิงแชมป์ประเทศไทย 2548 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่สามนี้ เกิดจากความร่วมมือระหว่างสมาคมวิชาการหุ่นยนต์ไทย คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และบริษัท ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศ ไทย) จำกัด มีวัตถุ ประสงค์เพื่อให้เกิดความชำนาญทางด้านกลไกอิเล็กทรอนิกส์และการประกอบหุ่นยนต์ ตลอดจนเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติ รองศาสตรา จารย์ ดร.มนูกิจ พานิช กุล นายกสมาคมวิชาการ หุ่นยนต์ไทย กล่าวว่า สมาคมหุ่นยนต์ไทยคาดหวังว่าการแข่งขันฟุต บอลหุ่นยนต์ชิงแชมป์ประเทศไทย 2548 จะเป็นอีกก้าวหนึ่งสำหรับเยาวชนไทยในการพัฒนาความรู้ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์และนำมาซึ่งประสบการณ์ในระดับสากล สำหรับในปี 2548 ปรากฏว่า ทีม Plasma-Z จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งมีทีมงานประกอบด้วยนายธาวิต อุทัยเจริญพงษ์ นิสิตปี 3 ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า นายนพธวัช กิจอุดมรัตน์ ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า ปี 3 และนายเกษมศักดิ์ เก่งพันธุ์พานิช ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ ปี 3 คว้ารางวัลชนะเลิศในการแข่งขันหุ่นยนต์ชิงแชมป์ประเทศไทย ได้เป็นตัวแทนทีมจากประเทศไทยไปแข่งขันฟุตบอลหุ่นยนต์ ชิงแชมป์โลก (Robocup 2005) ที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 13-17 กรกฎาคม (เดลินิวส์ พุธที่ 16 ก.พ. 48 http://www.dailynews.co.th)
วัคซีนดีเอ็นเอ กระตุ้นร่างกาย สยบเชื้อวัณโรค
ทีมวิจัยจากเกาหลีใต้ นำโดย ยังชุน ซุง จากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโปฮัง พัฒนาวัคซีนจากดีเอ็นเอรักษาวัณโรค และหลังจากทดลองในหนู ที่ป่วยเป็นวัณโรคพบว่า อัตราการทรุดตัวของโรคและภาวะติดเชื้อตัวใหม่ลดลงอย่างชัดเจน งานวิจัยชิ้นดังกล่าว ได้รับความชื่นชมจาก ดักลาส โลรี นักวิจัยจากสถาบันวิจัยการแพทย์แห่งชาติ ลอนดอน ซึ่งกำลังวิจัยวัคซีนวัณโรค โดยเขาบอกว่าปัญหาหลักที่ทุกพื้นที่กำลังประสบคือ ผู้ป่วยวัณโรคสามารถรับเชื้อตัวใหม่เข้าร่างกายได้ตลอดเวลา งานวิจัยดังกล่าวเป็นการยืนยันให้ทุกคนเห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่จะใช้วัคซีนดีเอ็นเอ มาสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ซึ่งอย่างน้อยในขณะนี้ก็เห็นผลที่น่าพอใจในหนูทดลองแล้ว วัคซีนดีเอ็นเอสำหรับใช้ป้องกันเชื้อวัณโรค สามารถเข้ามาเสริมการทำงานของวัคซีนบีซีจี ที่กำลังใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันได้ เพราะจากข้อมูลที่มีระบุชัดว่าประสิทธิภาพของวัคซีนบีซีจีในแต่ละพื้นที่ไม่เท่าเทียมกัน การสร้างภูมิคุ้มกันเชื้อวัณโรคให้กับร่างกายของวัคซีนดีเอ็นเอ จะเริ่มด้วยการนำยีนชนิดพิเศษที่ได้มาจากผิวของเชื้อแบคทีเรียก่อโรคมาให้ระบบภูมิต้านทานของร่างกายรู้จัก จากนั้นระบบภูมิคุ้มกันจดจำรหัสพันธุกรรมของยีนดังกล่าวว่าเป็นผู้บุกรุก ดังนั้น วัคซีนดีเอ็นเอจึงสามารถตอบสนองต่อเชื้อที่เข้ามาโดยไม่จำเป็นต้องฉีดเชื้ออ่อนหรือที่ตายแล้วเข้าสู่ร่างกายเหมือนวัคซีนทั่วไป (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 16 ก.พ. 48 http://www.bangkokbiznews.com)
ฟิล์มใสถนอมผิวพืชผัก กันแสงแดด-แมลงเจาะทำลาย
ดร.รุ้งนภา ทองพูล นักวิจัยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) เจ้าของงานวิจัย "ฟิล์มใสกันรังสียูวีและรังสีความร้อน" เปิดเผยว่า เอ็มเทค ต้องการสร้างพลาสติกเพื่อการเกษตร ที่สามารถป้องกันได้ทั้งรังสีอัลตราไวโอเลต (ยูวี) และรังสีความร้อน (ไออาร์) ที่ทำอันตรายต่อพืช และสามารถให้แสงที่ตามองเห็นผ่านไปยังพืชได้ จึงเกิดโครงการนี้ขึ้นมา รังสียูวีมีส่วนสำคัญที่ทำให้พืชทำงานผิดปกติ สำหรับสารเคลือบพลาสติกที่ทีมงาน ได้แก่ ดร.จิตติพร เครือเนตร และนายปรีชา คงรัตน์ พัฒนาขึ้นมานั้น เป็นสารประเภทไททาเนียมไดออกไซด์ และทินออกไซด์ ซึ่งอยู่ในสถานะของเหลว ใช้เวลาพัฒนาสูตรราว 1 ปี จากการทดสอบพบว่าสามารถกันรังสียูวีได้ 100% ขณะที่แสงที่ตามองเห็นได้ผ่านได้ 70-80% ส่วนไออาร์กันได้ 38% ซึ่งอาจยังไม่ดีเท่าฟิล์มกรองแสงในรถยนต์ สารเคลือบฟิล์มชนิดนี้มีจุดเด่นตรงที่ใช้งานง่าย เพียงแค่ฉีดพ่นลงบนกระจก หรือพลาสติกชนิดแบนและใส จากนั้นก็ใช้มือขึ้นรูป โดยอาจใช้ไม้บรรทัดปาดให้สม่ำเสมอ ซึ่งเหมาะกับการใช้งานภายในครัวเรือนเป็นอย่างมาก เพราะไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือขึ้นรูปในระดับอุตสาหกรรม หลังจากนั้นผึ่งให้แห้งที่ระดับอุณหภูมิห้องประมาณ 30 นาที หรือหากใช้พัดลมเป่าก็จะร่นเวลาเหลือ 10 นาที แต่หากใช้ตู้อบก็จะกินเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น ขณะที่อายุ ใช้งานยังไม่สามารถระบุได้ แต่จากการทดสอบผ่านไปหลายเดือนแล้วก็ยังไม่ลดประสิทธิภาพลงแต่อย่างใด สำหรับต้นทุนประมาณตารางเมตรละ 300 บาท ซึ่งรวมแผ่นพลาสติกแล้ว เมื่อเทียบกับในท้องตลาดที่ระดับคุณภาพเดียวกันนั้นยังไม่มี มีแต่ดีกว่า อย่างฟิล์มรถยนต์ที่ตารางเมตรละประมาณ 2,000 บาท เอ็มเทคจึงพัฒนาอุปกรณ์ฉีดพ่นสำหรับการขึ้นรูปชิ้นงานให้ใหญ่ขึ้น เพื่อจำหน่ายเกษตรกรโดยตรง ข้อดีที่เห็นได้ชัดก็คือ ชิ้นงานจะเรียบร้อย และสวยกว่า ที่สำคัญไม่ต้องเสียเวลาฉีดพ่นนานหากต้องการใช้พลาสติกในปริมาณมาก นวัตกรรมชิ้นนี้จะคว้ารางวัลเหรียญเงินในหมวดสิ่งก่อสร้างจากงาน "บรัสเซลส์ ยูเรก้า! 2004" ณ ประเทศเบลเยียม และรางวัลชมเชยสาขาวิทยาศาสตร์เคมีและเภสัช รางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้นประจำปี 2548 ของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 16 ก.พ. 48 http://www.bangkokbiznews.com)
นักประดิษฐ์ไทย โชว์เครื่องยนต์สุดประหยัด
สมาคมการประดิษฐ์ไทย เปิดตัวนวัตกรรม จากมันสมองสมาชิกสมาคม ระบุเครื่องยนต์รถแบบใหม่ ประหยัดน้ำมันร้อยละ 70 เครื่องกลั่นน้ำมันจากเศษวัสดุ ได้น้ำมัน ที่ค่าออกเทนสูงกว่าน้ำมันเครื่องบิน ชี้เป็นผลงานระดับโลก พร้อมจับมือกระทรวงพาณิชย์ จัดแสดงสิ่งประดิษฐ์ฝีมือไทยในงาน 'ทีไอพี แฟร์' ดร.เย็นใจ เลาหวณิช นายกสมาคมการประดิษฐ์ไทย เผยในงานแถลงข่าวการจัดงานตลาดนัดสินทรัพย์ทางปัญญา (ทีไอพี แฟร์ 2005) ถึงผลงานการคิดค้นจากนักประดิษฐ์ไทย สมาชิกตลอดชีพของสมาคมฯ เครื่องยนต์รถยนต์แบบใหม่ที่ช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้ถึงร้อยละ 70 จดสิทธิบัตรแนวความคิดแล้วใน 4 แห่ง คือ ไทย สหรัฐ สหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการพัฒนาต้นแบบ ส่วนอีกหนึ่งผลงานนักประดิษฐ์ไทย ซึ่งถือเป็นผลงานระดับโลกคือ เครื่องกลั่นน้ำมันจากเศษวัสดุ เช่น เศษขี้เลื่อย ฟางข้าว พืชต่างๆ หรือแม้แต่เศษขยะ เป็นน้ำมันตั้งแต่น้ำมันเครื่องไปจนถึงน้ำมันเครื่องบิน ได้ออกเทนถึง 170 ซึ่งสูงกว่าออกเทนของน้ำมันเครื่องบินด้วยซ้ำ ทั้งยังเป็นน้ำมันสะอาดปราศจากกำมะถัน (ซัลเฟอร์) ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงเครื่องต้นแบบให้สามารถกลั่นได้วันละ 5,000 ลิตร ขยายกำลังการผลิต สำหรับผลงานสิ่งประดิษฐ์ฝีมือนักประดิษฐ์สมาชิกของสมาคมฯ ที่จะนำไปจัดแสดงในงานทีไอพี แฟร์ 2005 ประกอบด้วย จักรยาน 3 ล้อพับเก็บได้ อุปกรณ์ลดควันดำและประหยัดน้ำมันสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล จากหลักการเพิ่มอุณหภูมิให้น้ำมันเป็น 50 องศาเซลเซียส ช่วยให้สามารถเผาไหม้ได้ดีขึ้น อุปกรณ์วาดจำลองแผนที่ด้วยจีพีเอส สามารถติดรถยนต์เพื่อติดตาม หรือใช้ดูเส้นทางภายหลังได้ด้วยการสั่งพิมพ์ออกมาเป็นแผนที่ สำหรับงานทีไอพี แฟร์ 2005 นี้ จัดโดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ในระหว่างวันที่ 4-6 มีนาคม 2548 ณ ศูนย์แสดงสินค้ากรมส่งเสริมการส่งออก ถนนรัชดาภิเษก (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 16 ก.พ. 48 http://www.bangkokbiznews.com)
ลูกประคบไฟฟ้าไม่ง้อถ่าน เสริมธุรกิจสปา-นวดเร็วทันใจ
นายปฎิภาณ พึ่งมั่น นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคเอี่ยมละออ เปิดเผยว่า การนวดประคบด้วยสมุนไพรโดยผ่านความร้อน จะช่วยลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ ลดการติดขัดของกระดูกข้อ รวมถึงเพิ่มการไหลเวียนโลหิตได้เป็นอย่างดี แต่หากอุณหภูมิความร้อนจากการประคบไม่คงที่ จะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการบำบัดลดลง ได้ร่วมกับเพื่อนนักศึกษาคิดค้นเครื่องประคบไฟฟ้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ต้องการนวดประคบสมุนไพร ทั้งที่บ้านไปจนถึงธุรกิจสปาที่กำลังได้รับความนิยม สำหรับเครื่องประคบไฟฟ้าที่คิดค้นขึ้น อาศัยความร้อนจากขดลวด ตามอัตรากำลังไฟ 200 โวลล์ ส่งผ่านมายังอุปกรณ์กักเก็บความร้อน และลูกประคบที่จะนำไปใช้งาน โดยมีอุปกรณ์เทอร์โมสตัสช่วยควบคุมกระแสไฟฟ้าให้หยุดไหล เมื่ออุณหภูมิสูงเกินกว่า 120 องศาเซลเซียส จากการเสียบปลั๊กทิ้งไว้เพียง 5 นาที ขณะเดียวกัน การทำงานของเทอร์โมสตัสยังช่วยป้องกันปัญหาไฟฟ้าลัดวงจรได้ด้วย เมื่อเทียบวิธีปัจจุบันเป็นการอาศัยความร้อนจากไอน้ำร้อน ในการทำให้ลูกประคบร้อนก่อนนำไปใช้งานนวด ขณะที่ลูกประคบจะคลายความร้อนเร็ว จึงต้องเปลี่ยนลูกประคบบ่อยครั้ง ทำให้สิ้นเปลืองทั้งเวลาและเชื้อเพลิงเพื่อทำลูกประคบให้ร้อน เครื่องประคบไฟฟ้าได้พัฒนามาเป็นรุ่นที่ 2 แล้ว โดยปรับให้เครื่องดังกล่าวสามารถใช้ได้กับกระแสไฟบ้าน และหลังการทดลองใช้จริงในสถานประกอบการ ก็ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี แต่ยังคงต้องปรับวัสดุจากเดิมที่ใช้หม้อดินที่ต้องประสบปัญหาหม้อแตกร้าว ก้นหม้อสีคล้ำจากสมุนไพร ซึ่งทางคณะกำลังศึกษาถึงการนำเซรามิก ซึ่งทนความร้อนได้ดีกว่ามาใช้งานแทน ต้นทุนของเครื่องต้นแบบอยู่ที่ประมาณ 1,700 บาท ทีมงานต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องให้ดีที่สุดก่อน ซึ่งขณะนี้ได้จดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว (คมชัดลึก พุธที่ 16 ก.พ. 48 http://www.komchadluek.net)
แป้นพิมพ์เสียง ช่วยคนตาบอดฝึกอักษรเบรลล์
นายอัสศนศิลป์ แก้วนอก นักศึกษาภาควิชาคอมพิวเตอร์ศึกษา คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เจ้าของผลงานแป้นพิมพ์อักษรเบรลล์ เผยว่า ปกติผู้พิการทางสายตาจะต้องใช้เวลานานในการเรียนรู้อักษรเบรลล์ ทั้งยังขาดบทเรียนเฉพาะที่จะช่วยให้พวกเขาสามารถฝึกฝนได้ด้วยตัวเอง จึงได้ร่วมกับ นายเพิ่มยศ ดำพิทักษ์ นักศึกษาคณะเดียวกัน ประดิษฐ์แป้นพิมพ์อักษรเบรลล์ พร้อมโปรแกรมฝึกพิมพ์อักษรเบรลล์แบบสำเร็จรูป ในลักษณะของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนคล้ายกับโปรแกรมฝึกพิมพ์ทั่วไป แต่โปรแกรมดังกล่าวมีความพิเศษอยู่ที่ สามารถเลือกเรียนและฝึกพิมพ์อักษรเบรลล์ได้ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ รวมถึงชุดอักขระพิเศษที่ใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน โดยใช้เพียง 6 ปุ่มกด สำหรับแป้นพิมพ์ดังกล่าว พัฒนามาจากเครื่องพิมพ์ดีดอักษรเบรลล์ที่ใช้ในโรงเรียนสอนคนตาบอด โดยแป้นพิมพ์ที่ออกแบบขึ้นนี้ สามารถใช้กับผู้พิการทางสายตา ซึ่งใช้วิธีการฝึกพิมพ์ผ่านเสียงจากโปรแกรม ส่วนบุคคลทั่วไปที่ต้องการศึกษาการใช้อักษรเบรลล์ ก็สามารถเรียนรู้ได้โดยอาศัยดวงไฟแสดงสถานะบนแผงปุ่มกดเป็นเครื่องนำทางได้เช่นกัน ขณะนี้ราคาของแป้นพิมพ์ยังค่อนข้างสูงถึง 2,000 บาท แต่หากมีการนำไปผลิตเป็นจำนวนมาก ราคาต้นทุนก็จะถูกลงตามไปด้วย (คมชัดลึก พุธที่ 16 ก.พ. 48 http://www.komchadluek.net)
คอมพิวเตอร์ปั๊มอาหารกระดาษ ฉีกโฆษณาในแมกกาซีนชิมได้
กุ๊กของภัตตาคารที่สหรัฐฯผู้หนึ่ง ได้ ประดิษฐ์เครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถพิมพ์ ออกมาเป็นกระดาษ ที่ฉีกใส่ปากเคี้ยวกินเป็นอาหารได้ นายโฮมารุ กันตู อยู่ที่นครนิวยอร์ก ได้เตรียมจะพิมพ์เป็นรูปภาพของของขบเคี้ยวที่ใช้กินได้ ด้วยกระดาษที่ทำด้วยถั่วเหลืองและมะเขือเทศบด เขาคิดว่ามันจะทำให้พนักงานทำงานตามบริษัทห้างร้านต่างๆ เอาไปกินเล่นระหว่างเวลาทำงาน เพื่อช่วยประทังความหิว โดยไม่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด และยังได้คิดพิมพ์ออกมาให้เป็นรายการอาหาร สำหรับใช้ตามร้านอาหาร ที่ลูกค้าสามารถจะฉีกเป็นชิ้นๆ ยัดใส่ปากเลย หรือฉีกใส่ลงไปในซุป และหากจะไปย่างหรือทอดกินก็ได้ เขาได้ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญทำหมึกคอมพิวเตอร์ โดยชั้นแรก ได้ทดลองทำขึ้นจากหัวแครอท มะเขือเทศและมันเทศสีม่วงบดขึ้นก่อน พร้อมทั้งปรับปรุงให้มีมีรสชาติชวนกินอีกด้วย เพื่อจะนำไปขอจดสิทธิบัตรเอา (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 17 ก.พ. 48 http://www.thairath.co.th)
อุปกรณ์ป้องกันเอดส์ให้ผู้หญิง ยังต้องรอทดสอบอีก 2-3 ปี
น.พ.สมบัติ แทนประเสริฐสุข ผู้อำนวยการสำนักโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กล่าวว่า อุปกรณ์ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั้งโรคเอดส์ โรคซิฟิลิส หนองในที่ใช้ได้ในขณะนี้คือ ถุงยางอนามัย ปัจจุบันมีถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชายหลายยี่ห้อและหลายสีหลายกลิ่น ส่วนถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิงยังเป็นรูปแบบเดิม ไม่มีวิวัฒนาการใหม่ ไม่ค่อยสะดวกในการใช้ ราคาขายในสหรัฐฯประมาณ 80 บาท อีกทั้งผู้หญิงในแถบประเทศเอเชียตะวันออกไม่คุ้นเคยกับการใช้ถุงยางอนามัยสตรี ขณะที่สารกลุ่มไมโครบิไซม์ใช้เป็นสารหล่อลื่นในช่องคลอดเพื่อกำจัดเชื้อเอดส์ ก็ยังอยู่ระหว่างการวิจัย คาดว่าอีก 2-3 ปีนี้ จะนำมาทดสอบประสิทธิ-ภาพการลดการติดเชื้อเอชไอวี และเชื้อเอชไอวีต้นเหตุของโรคเอดส์ที่ระบาดในประเทศไทยยังเป็นสายพันธุ์อีและสายพันธุ์บี ขณะที่ในประเทศแถบแอฟริกาพบเชื้อเอดส์สายพันธุ์ซี อเมริกาเหนือสายพันธุ์บี แต่ไม่ว่าจะเป็นเชื้อเอดส์สายพันธุ์ใดจะใช้ยาต้านไวรัสกลุ่มเดียวกัน แตกต่างกันเฉพาะกระบวนการพัฒนาวัคซีนป้องกันมากกว่า เนื่องจากใช้วัคซีนป้องกันเอดส์ข้ามสายพันธุ์ไม่ได้ผล (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 17 ก.พ. 48 http://www.thairath.co.th)
สวทช.นำเข้าผู้เชี่ยวชาญเยอรมนี ช่วยเอกชนพัฒนาสูตรยาราคาถูก
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ฯ นำเข้าผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ ช่วยบริษัทผู้ผลิตยาพัฒนาสูตรตำรับยามาตรฐาน ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ราคาต่ำกว่ายานำเข้า อีกทั้งสร้างความมั่นใจผู้บริโภคไทย โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคความดันและโรคหัวใจ ศ.นพ.เติมชัย ไชยนุวัติ ประธานบริษัท เบอร์ลิน ฟาร์มาซูติคอล อินดัสตรี้ จำกัด ผู้ผลิตยาแผนปัจจุบัน กล่าวว่า บริษัทจำเป็นต้องพัฒนาสูตรตำรับยาขึ้นใหม่ ซึ่งจะต้องมีประสิทธิภาพเทียบเท่ายาต้นแบบ จึงจะต้องใช้ความรู้พอสมควร เช่น ต้องรู้คุณสมบัติทางเคมีและฟิสิกส์ของตัวยาหลัก รวมถึงสารที่ผสม เพื่อทำให้เป็นเม็ดหรือน้ำ ที่คงสภาพเดิม 3-5 ปีตามเกณฑ์มาตรฐานนานาชาติ แต่การพัฒนายาแต่ละตัวต้องใช้เวลานานเฉลี่ย 1-2 ปี จึงต้องมีการวางแผนล่วงหน้า 3-5 ปี เพื่อจะให้ได้ยามีคุณภาพที่ดี ทำให้ต้องทำการวิจัย จึงเป็นที่มาของการเข้ารับการสนับสนุนจากโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (ITAP) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการการพัฒนาเทคนิคระบบการประกันคุณภาพ และโครงการการวิจัยและพัฒนาสูตรตำรับยาใหม่ โครงการ ITAP ได้ให้ความช่วยเหลือในเรื่องของการจัดหาผู้เชี่ยวชาญและค่าใช้จ่ายบางส่วน โดยมี Dr. Volker Schultz ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศเยอรมนี เข้าให้คำแนะนำการพัฒนาเทคนิคระบบการประกันคุณภาพ และ Dr.Roland Rupp มาให้คำแนะนำการพัฒนาสูตรตำรับยาใหม่ การเข้ารับการสนับสนุนจากโครงการ ITAP ช่วยบริษัทสามารถผลิตยาที่ดีมีคุณภาพได้มาตรฐาน แม้ที่ผ่านมาจะได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐาน ISO 9002 และมาตรฐาน GMP มาตลอดก็ตาม แต่ปัญหามีอยู่ว่าการที่จะพัฒนายาให้ดีมีคุณภาพขึ้นนั้น จะต้องอาศัยความรอบรู้ในเทคโนโลยีและประสบการณ์ของนักวิจัย (R&D) ล่าสุด บริษัท เบอร์ลินฯ ได้พัฒนาสูตรตำรับยาใหม่ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยทานยาน้อยลง จากเดิมที่อาจต้องรับประทานยา 3 ครั้งต่อวัน ลดลงเหลือเพียง 1 ครั้งต่อวัน โดยให้ยาออกฤทธิ์ได้นานขึ้นถึง 24 ชั่วโมง ซึ่งยาดังกล่าวเหมาะสำหรับผู้ป่วยบางโรค เช่น ความดันโลหิตสูง (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 17 ก.พ. 48 http://www.bangkokbiznews.com)
อังกฤษซื้องานวิจัยวัคซีนมาลาเรียไทย พัฒนาเป็นตัวยาสกัดเชื้อโรคเข้าเม็ดเลือดชะงัด
บริษัทยาในอังกฤษ ซื้อสิทธิบัตรงานวิจัยไทย จากการค้นพบโปรตีนยับยั้งเชื้อมาลาเรีย เข้าฝังตัวในเม็ดเลือดแดงมนุษย์ นักวิจัยระบุ ผลงานสามารถนำไปพัฒนา และผลิตวัคซีนมาลาเรีย ประสิทธิภาพสูง เผยที่ผ่านมา ยังไม่มีวัคซีนเฉพาะโรคนี้ เหตุเชื้อมาลาเรียกลายพันธุ์ตลอดเวลา ส่งผลไม่สามารถสร้างแอนตีบอดี ที่เฉพาะเจาะจงกับเชื้อ ดร.ชัยรัตน์ อุทัยพิบูลย์ นักวิจัยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) เปิดเผยถึง การพัฒนาโปรตีนสำหรับใช้เป็นส่วนประกอบวัคซีนมาลาเรีย ว่า โปรตีนที่ทำวิจัยชื่อ เมอโรซอยท์ เซอร์เฟส โปรตีน 1 (เอ็มเอสพี-1) เป็นโปรตีนผิวของเชื้อมาลาเรียระยะก่อนที่ตัวเชื้อจะเข้าสู่เม็ดเลือดแดง (พลาสโมเดียม ฟาลซิปารั่ม) ซึ่งปัจจุบันบริษัท แอดโปรเทค จำกัด ธุรกิจในเครือของบริษัท แกล็กโซสมิธไคลน์ จำกัด ผู้พัฒนายาและวัคซีนในอังกฤษ ซื้อสิทธิในการพัฒนาผลิตและจำหน่ายวัคซีนที่ได้จากโปรตีนดังกล่าวแล้ว งานวิจัยซึ่งได้รับรางวัลวิทยานิพนธ์ชมเชย สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ ประจำปี 2547 จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ศึกษาขณะทำปริญญาเอกที่ประเทศอังกฤษ โดยห้องแล็บที่นั่นสนใจศึกษาวัคซีนมาลาเรีย ซึ่งส่วนตัวก็สนใจอยู่ด้วย เพราะที่ผ่านมา ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคมาลาเรีย ซึ่งเป็นโรคเขตร้อนที่เป็นปัญหาใหญ่ในประเทศยากจน ที่ผ่านมา มีแต่ตัวยาเท่านั้นที่ใช้ในการรักษา ขณะที่วัคซีนกำลังอยู่ในขั้นการวิจัยและพัฒนาจากนักวิจัยทั่วโลก สาเหตุที่ยังไม่มีวัคซีนออกมาก็เพราะตัวเชื้อมาลาเรียมีหลายรูปแบบ ขณะที่โปรตีนหรือสิ่งที่เราจะใช้ทำวัคซีนได้มีหลายชนิด นอกจากนี้ เชื้อมาลาเรียยังสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองไปได้เรื่อยๆ ทำให้นักวิจัยไม่สามารถสร้างแอนตีบอดีที่เฉพาะเจาะจงกับเชื้อได้ "ในการวิจัยจึงตั้งสมมติฐานว่า ในธรรมชาติเชื้อสามารถเหนี่ยวนำให้เกิดแอนตีบอดีหลายๆ จำพวก มีทั้งแอนตีบอดีที่เราต้องการและไม่ต้องการ ฉะนั้น จะเป็นไปได้หรือไม่ ถ้าจะสร้างโปรตีนชนิดหนึ่งที่สามารถเลือกเหนี่ยวนำเฉพาะแอนตีบอดีที่ต้องการ ดังนั้น จึงเปลี่ยนแปลงโครงสร้างโปรตีน เพื่อไม่ให้เหนี่ยวนำสิ่งที่ไม่ต้องการ ก็เลยนำไปสู่การสร้างโปรตีนหลายๆ แบบ เพื่อจะเหนี่ยวนำเฉพาะสิ่งที่เราต้องการขึ้นมา" (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 17 ก.พ. 48 http://www.bangkokbiznews.com)
หาอวัยวะสัตว์เปลี่ยนให้กับคน ได้จากตัวอ่อนลูกหมูในท้องแม่
นักวิจัย แยร์ ไรสเนอร์ แห่งสถาบันวิทยาศาสตร์ ไวน์มานน์ชื่อดังของอิสราเอล ได้ศึกษาพบว่าเซลล์ของตัวอ่อนลูกหมู จะสามารถนำมาเพาะเป็นอวัยวะต่างๆ อย่างเช่น ตับ ม้ามและปอดให้กับหนูทดลองได้ พร้อมกับให้ความเห็นว่า การใช้เนื้อเยื่อจากตัวอ่อนลูกหมู จะช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนอวัยวะ ที่จะนำมาเปลี่ยนแทนให้กับมนุษย์ได้ง่ายกว่า เพราะไม่ค่อยจะมีปัญหาในแง่ศีลธรรมมากนักด้วย ไม่แต่เพียงจะเอามาใช้เปลี่ยนแทนอวัยวะเท่านั้น มันยังจะสามารถเอาเซลล์นั้น มาใช้รักษาโรคของมนุษย์ อย่างเช่น ตับวาย เบาหวาน และโรคอัมพาตแบบสั่นได้อีกด้วย นักวิทยาศาสตร์ของหลายชาติได้เพียรพยายาม ค้นหาวิธีเพื่อนำเอาอวัยวะของสัตว์ มาเปลี่ยนแทนให้กับมนุษย์มานานแล้ว และก็พบว่าหมูอาจจะเป็นสัตว์ที่เหมาะกว่าเพื่อน เพราะนอกจากจะมีขนาดโตพอๆ กับมนุษย์แล้ว เรามีสรีระคล้ายคลึงกันอีกด้วย เพียงแต่ยังติดปัญหาใหญ่ เรื่องถูกร่างกายของเราต่อต้านขัดขวางอยู่เท่านั้น (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 18 ก.พ. 48 http://www.thairath.co.th)
พบเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือใหม่ ใช้ได้ดีขึ้นแถมกดราคาให้ต่ำลง
บริษัทเท็กซัส อินสทรูเมนท์ (ทีไอ) ผู้ผลิตชิพสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ เปิดเผยว่า กำลังทดสอบเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ จะทำให้โทรศัพท์มือถือประสิทธิภาพสูง มีราคาถูกลง บริษัทเท็กซัส อินสทรูเมนท์ ได้พัฒนาชิพเซทที่บรรจุโมเดมและโปรเซสเซอร์เอาไว้บนแผ่นซิลิคอนเพียงแผ่นเดียว เพื่อที่จะได้นำมาใช้แทนอุปกรณ์ได้ด้วยอุปกรณ์ เพียงชิ้นเดียว อีกทั้งการออกแบบเทคโนโลยีใหม่นี้ ยังทำให้การผลิตโทรศัพท์มือถือมีต้นทุนต่ำลง และโทรศัพท์จะมีความสามารถในการแสดงภาพวีดิโอ 30 เฟรมต่อวินาที รวมทั้งยังรองรับเกม 3 มิติ ซึ่งโดยปกติแล้วฟังก์ชันดังกล่าวจะเป็นฟังก์ชัน สำหรับโทรศัพท์มือถือที่มีราคาแพงเท่านั้น เทคโนโลยีใหม่นี้เรียกว่าโอเอ็มเอพี-ว็อกซ์ (OMAP-Vox) โทรศัพท์มือถือกำลังทดสอบประสิทธิภาพของเทคโนโลยีนี้อยู่ คาดว่าจะวางจำหน่ายได้ในช่วงปลายปี. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 18 ก.พ. 48 http://www.thairath.co.th)
วว.พัฒนา'เครื่องผนึกหีบห่อ'ช่วยโอท็อป คุณสมบัติทูอินวัน ทั้งทำสุญญากาศและเติมแก๊ส
นายสมศักดิ์ เปรมประสงค์ นักวิชาการฝ่ายวิศวกรรม สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) หนึ่งในทีมพัฒนา "เครื่องผนึกสุญญากาศและเติมแก๊ส" เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจขนาดกลางและเล็กจำนวนมาก ที่พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารออกจำหน่ายในท้องตลาด และผู้ประกอบการหลายรายต้องการเครื่องบรรจุภัณฑ์สำเร็จรูปสำหรับผลิตภัณฑ์ของตน เพื่อป้องกันการเน่าเสีย และรักษากลิ่น สี รส ของผลิตภัณฑ์อาหารให้ได้นานๆ จึงต้องมีเรื่องของการบรรจุภัณฑ์เข้ามาเกี่ยวด้วย โดยเฉพาะประเภทซอง ทั้งแบบพลาสติกและอะลูมิเนียมฟอยล์ในสภาพสุญญากาศหรือเติมแก๊ส ซึ่งส่วนใหญ่อุปกรณ์บรรจุภัณฑ์ทั้งสองแบบมักจะสั่งซื้อจากต่างประเทศ มีราคาแพง สถาบันวิจัยฯ จึงช่วยกันออกแบบและพัฒนาอุปกรณ์บรรจุภัณฑ์สำหรับเอสเอ็มอีขึ้นมา โดยเน้นการใช้งานที่สะดวกรวดเร็ว สามารถใช้ผนึกบรรจุภัณฑ์ได้หลากชนิด อาทิ ถุงอะลูมิเนียมฟอยล์ ถุงพลาสติกชนิดหนา/บาง ขนาดความกว้างตั้งแต่ 10 - 40 เซนติเมตร ความหนา 80 - 200 ไมครอน สำหรับจุดเด่นของตัวเครื่อง อยู่ที่ความสามารถในการเติมแก๊สหรือสร้างสุญญากาศ (ดูดอากาศออก) ได้ภายในตัวเดียว ทำให้ประหยัดพลังงานได้มากขึ้น เนื่องจากเวลาดูดอากาศออก จะใช้วิธีดูดเฉพาะในถุงบรรจุเท่านั้น ไม่ต้องใช้ห้องสุญญากาศเหมือนเครื่องบรรจุภัณฑ์ที่ใช้กันทั่วไป เครื่องได้รับการออกแบบรองรับการใช้งานสองระบบ โดยก่อนใช้งานเพียงเลือกปุ่มสวิตช์ว่า จะเติมแก๊สหรือสุญญากาศ เครื่องก็จะรู้ว่าจะต้องทำอะไร เช่น ถ้าเลือกแบบสุญญากาศก็วางซองให้ตรงตำแหน่งที่เข็มดูดอากาศตั้งอยู่ จากนั้นระบบก็จะดูดอากาศเฉพาะในถุงออกเท่านั้น ต่างจากระบบห้องสุญญากาศ ที่ต้องหยิบชิ้นงานใส่ลงไปและสั่งให้ปั๊มดูดอากาศทำงาน ซึ่งจะต้องดูดออกทั้งห้อง ทำให้เสียเวลานานกว่า และมีขั้นตอนยุ่งยากกว่า ไหนจะต้องเปิดฝา วางชิ้นงาน ปิดฝา สั่งให้ดูด เปิดฝา เอาชิ้นงานออก ของเราก็เสียบเข้าไป สั่งทีเดียวก็เรียบร้อย อุปกรณ์บรรจุภัณฑ์ทูอินวันขนาด 45x50x100 เซนติเมตร หนัก 53 กิโลกรัมชุดนี้ มีกำลังการผลิต 10 - 15 ชิ้นต่อนาที ประสิทธิภาพเทียบเท่ากับสินค้าที่วางจำหน่ายในท้องตลาด หรือที่สั่งซื้อจากต่างประเทศ เพียงแต่ชิ้นงานที่ สถาบันฯพัฒนาขึ้นมาเองนั้น ราคาถูกกว่าด้วยต้นทุนราว 7 หมื่นบาท ขณะที่เครื่องนำเข้าไม่มีในลักษณะทูอินวัน หากต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ทั้งสองรูปแบบ จะต้องสั่งซื้อสองเครื่อง ซึ่งราคาต่อเครื่องก็ประมาณแสนกว่าบาท ในส่วนความยากของอุปกรณ์ชุดนี้ อยู่ที่การสั่งให้ระบบทำงานสัมพันธ์ระหว่างเข็ม (ตัวดูดอากาศและเติมแก๊ส) และตัวปิด โดยจังหวะที่ก่อนจะปิดถุง ตัวเข็มต้องถูกดึงกลับด้วยความรวดเร็ว ไม่เช่นนั้นอากาศจะเข้าถุงบรรจุได้ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 18 ก.พ. 48 http://www.bangkokbiznews.com)
ห้องเผาไหม้สุดประหยัด เติมเชื้อเพลิงพืชแทนดีเซล
นายพิพัฒน์พงศ์ วัฒนวันยู บัณฑิตภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ออกแบบห้องเผาไหม้แบบต่อเนื่อง ที่สามารถใช้กับเชื้อเพลิงหลากชนิด ทั้งน้ำมันดีเซลรวมถึงเชื้อเพลิงจากธรรมชาติอย่างน้ำมันจากไขมันปาล์มบริสุทธิ์เกรดต่ำที่เหลือทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรม โดยได้รับทุนสนับสนุนจากศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) โดยมีแนวคิดต้องการผลิตก๊าซร้อนให้ได้อุณหภูมิสูงที่สุด สำหรับใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ การนำก๊าซร้อนไปทำอุปกรณ์ประเภทหัวเผา หรือแหล่งกำเนิดความร้อนในการเผาไหม้ เตาเผาขยะอุตสาหกรรม รวมถึงเตาหลอมเหลว ผลงานห้องเผาไหม้นี้สร้างจากวัสดุเหล็กกล้าไร้สนิม สามารถป้องกันการออกซิเดชั่นของโลหะเมื่ออุณหภูมิการเผาไหม้สูง ประกอบกับหัวฉีดที่ออกแบบให้ฉีดเชื้อเพลิงเป็นละอองฝอยมากขึ้น รวมถึงแรงดันอากาศต่ำที่อัดเข้าไปในหัวฉีด จะช่วยให้การเผาใหม้ได้ความร้อนที่สูงขึ้นถึง 53.47 กิโลวัตต์ ที่อุณหภูมิเปลวไฟ 700 องศาเซลเซียส ไขมันปาล์ม 1 กิโลกรัม สามารถนำมาสกัดน้ำมันปาล์มได้ประมาณ 1 ลิตร และเมื่อนำไปผ่านห้องเผาไหม้ดังกล่าว จะได้ความร้อนถึง 38,000 กิโลจูล ต่อน้ำมันปาล์ม 1 กิโลกรัม อีกทั้งเชื้อเพลิงจากน้ำมันปาล์มยังไม่ก่อให้เกิดมลภาวะจากกำมะถันเหมือนน้ำมันดีเซล แม้ว่าจะมีควันมากก็ตาม แต่แก้ไขได้ด้วยการอุ่นเพิ่มอุณหภูมิไขมันปาล์ม จะช่วยลดปริมาณควันได้ในระดับหนึ่ง สำหรับเครื่องยนต์ที่ใช้ในห้องเผาไหม้ที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง ประกอบกับการนำน้ำมันปาล์มมาใช้เป็นเชื้อเพลิง จะช่วยลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำลงกว่าการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ทั้งยังสามารถใช้กับเชื้อเพลิงได้หลากหลาย ไม่จำกัดการใช้งานเฉพาะเชื้อเพลิงตัวใดตัวหนึ่ง ในขั้นตอนต่อไปจะศึกษาเพิ่มเติมในส่วนการสร้างกังหันก๊าซ เพื่อนำพลังงานที่ได้จากเครื่องยนต์ไปใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า จากปกติที่ต้องผลิตไฟฟ้าผ่านมอเตอร์ ก็เปลี่ยนเป็นการผลิตกระแสไฟฟ้าจากกังหันก๊าซ ซึ่งขณะนี้ระบบดังกล่าวมีความพร้อมที่จะนำไปใช้งานแล้วกับโรงงานอุตสาหกรรมอบแห้ง เตาเผาขยะ อุตสาหกรรมอบแห้งยางพาราที่ต้องการใช้ความร้อนสูงในระยะเวลาที่รวดเร็ว (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 18 ก.พ. 48 http://www.bangkokbiznews.com)
นักวิทย์ย้ำตัวอ่อนหมูเหมาะสุด ปลูกถ่ายอวัยวะใหม่ในมนุษย์
คณะนักวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์ไวซ์มานน์ อิสราเอล ระบุตัวอ่อนหมูเป็นแหล่งป้อนอวัยวะ และเนื้อเยื่อใหม่ที่เหมาะสม สำหรับปลูกถ่ายลงในตัวมนุษย์ หากสามารถนำเซลล์ตัวอ่อนหมูออกมาในเวลาที่เหมาะสม เซลล์เหล่านั้นจะเติบโตไปเป็นตับ ตับอ่อน และเนื้อเยื่อปอดในหนูทดลองได้ แยร์ ไรส์เนอร์ หัวหน้านักวิจัย กล่าวว่า การเลือกใช้ตัวอ่อนจากหมู ก็เพื่อหลีกเลี่ยงประเด็นปัญหาทางศีลธรรมที่เกี่ยวกับการใช้สเต็มเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์ และเนื้อเยื่อที่ได้จากการแท้งบุตรของมนุษย์ และเชื่อว่าการใช้เนื้อเยื่อหมูตัวอ่อน จะแก้ปัญหาการขาดแคลนผู้บริจาคอวัยวะได้อีกทาง การค้นพบครั้งนี้ ยังช่วยอธิบายให้รู้ว่าทำไมการทดลองก่อนหน้านี้ถึงไม่ได้ผล เพราะเซลล์ตัวอ่อนหมูจะเติบโตเป็นเซลล์เนื้องอก แทนเนื้อเยื่อที่ต้องการให้เป็น หากการปลูกถ่ายเกิดขึ้นในเวลาที่ไม่เหมาะสม การปลูกถ่ายอวัยวะเป็นทางเลือกในการรักษาโรคร้ายได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เบาหวาน พาร์กินสันและตับล้มเหลว ซึ่งที่ผ่านมานักวิจัยได้พยายามค้นหาวิธีปลูกถ่ายเนื้อเยื่อจากสัตว์มาสู่คน และหมูเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากอวัยวะมีขนาดเท่ากับของมนุษย์ และทางสรีรศาสตร์แล้ว มนุษย์และหมูไม่ต่างกัน การปลูกถ่ายข้ามสายพันธุ์ยังติดปัญหาเรื่องการปฏิเสธเนื้อเยื่อสัตว์ของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์ แต่จากการทำงานพบว่า การใช้เซลล์ตัวอ่อนหมูปลูกถ่ายในตัวมนุษย์ มีความเสี่ยงในการปฏิเสธอวัยวะน้อยกว่าอวัยวะที่ได้จากหมูตัวเต็มวัย (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 18 ก.พ. 48 http://www.bangkokbiznews.com)
จุฬาฯ คว้าแชมป์โนเกียไออวอร์ด ชูจุดเด่นกล้องมือถือช่วยเล่นเกม
การประกวดการพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับโทรศัพท์มือถือ ภายใต้แนวคิด คิดให้มัน(ส์) แล้วทำให้ได้ ที่จัดโดยผู้ประกอบธุรกิจบริการสื่อสารและโทรคมนาคม 3 ราย ประกอบด้วย บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) โนเกีย และบีอีซีไอ ปรากฏว่า ทีมชนะเลิศไอ อวอร์ด รางวัลใหญ่ ได้แก่ ทีม ikon จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งนี้ การที่ทีมดังกล่าวสามารถชนะเลิศในครั้งนี้ เนื่องจากนำแนวคิดการผลิตเกม และนำระบบเซ็นเซอร์จากกล้องถ่ายภาพ ของโทรศัพท์มือถือ มาเป็นส่วนประกอบในการเล่นเกมด้วย หลังจากใช้เวลาพัฒนาแอพพลิเคชั่นดังกล่าว 2 สัปดาห์ และได้รับคำแนะนำจากรุ่นพี่ ทีมเนียน ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศเมื่อปีที่แล้ว การประกวดครั้งนี้ เน้นการนำแนวคิด (Idea) ความสร้างสรรค์ (Innovation) และเทคโนโลยีการสื่อสาร (Information Technology) มาช่วยพัฒนา โดยการประกวดมี 4 กลุ่มใหญ่ ซึ่งผู้ชนะอีก 3 กลุ่มที่เหลือคือ แอพพลิเคชั่นเชิงธุรกิจ ของทีมคอเดียวกัน จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) พัฒนา Burglar alarm via GSM mobile station in car, แอพพลิเคชั่น สำหรับการสื่อสาร ของทีม No.66 จาก สจล. พัฒนา Instant Streaming, และแอพพลิเคชั่นด้านบันเทิง ได้แก่ ทีมอบเชย จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต พัฒนา Cinnamon Application (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 18 ก.พ. 48 http://www.bangkokbiznews.com)
วิทยาลัยเทคนิคลำพูน ประสบความสำเร็จในการผลิต "เครื่องปลิดขั้วลำไย"
"เครื่องปลิดขั้วลำไย" เป็นผลงานของนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคลำพูน ซึ่งประกอบด้วย นายฐิตินันท์ ปันเด็ง นายเกียรติศักดิ์ สนินัด และ นายวินัย อำขำ ชั้น ปวส. 2 แผนกวิชาเทคนิคโลหะ อาจารย์ที่ปรึกษาประกอบด้วย นายสุเทพ ณ ลำพูน นายวัชรพงค์ ฝั้นติ๊บ และ นายชัชวาลย์ มูลศรี โดยมี นายสิทธิพงศ์ ณ เชียงใหม่ เป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคลำพูน ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ประเภทที่ 6 งานวิจัยและพัฒนา ณ จังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันที่ 24-28 พฤศจิกายน 2546 เครื่องปลิดขั้วลำไย ชื่อ "ลูกเจ้าแม่จามเทวี 1" สามารถปลิดขั้วลำไยได้ชั่วโมงละ 200 กิโลกรัม และสามารถนำไปคัดขนาดได้ 3 ขนาด คือ เบอร์จัมโบ้ (AA) เบอร์หนึ่ง (A) เบอร์สอง (B) เครื่องมีคุณลักษณะดังนี้ 1. เป็นเครื่องปลิด ดึง เด็ด ผลลำไย ขนาดเล็ก มีน้ำหนักเบาเคลื่อนย้ายสะดวก 2. มีถังกลม ติดลูกยาง ถอนขนไก่ ติดอยู่กับโครงเหล็ก 3. มีแกนหมุนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้ว ติดลูกยางหมุนด้วยความเร็วรอบ 30 รอบ ต่อนาที 4. สามารถนำไปคัดขนาดผลลำไย มี 3 ขนาด คือเบอร์จัมโบ้ เบอร์หนึ่ง เบอร์สอง 5. สามารถปลิด ดึง เด็ดลำไย ได้ชั่วโมงละ 200 กิโลกรัม 6. มีอุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากการทำงาน 7. สามารถใช้ได้ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 4.0 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้า ขนาด 1/2 แรงม้า สะดวกปลอดภัย วิธีใช้เครื่องปลิดขั้วลำไย ตรวจสอบความเรียบร้อยของเครื่อง 2. เปิดสวิตช์ไฟ กดปุ่มเครื่องจะทำงาน 3. เตรียมลำไยที่จะใช้ปลิด โดยเด็ดใบทิ้ง 4. นำลำไยทั้งพวงใส่ลงในช่องถังแกนหมุนซึ่งติดลูกยางไว้ จะหมุนปลิดลำไยออกจากพวง 5. ลำไยที่ถูกปลิดแล้วจะไหลลงไปในช่องคัดขนาด เบอร์จัมโบ้ เบอร์หนึ่ง เบอร์สอง และสาม 6. นำลำไยที่บรรจุถุงส่งโรงงานอบ ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วิทยาลัยเทคนิคลำพูน ถนนลำพูน-ป่าซาง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน 51000 โทรศัพท์ (053) 511-073 (เทคโนโลยีชาวบ้าน 15 ก.พ. 48 ปีที่ 17 ฉ353)5
ทางเลือกใหม่ในการตรวจมะเร็ง ใช้วิธีถ่มน้ำลายตรวจหาแทน
นักวิจัยเชื่อว่าการตรวจทดสอบน้ำลาย อาจจะนำมาใช้เป็นวิธีตรวจจับก้อนเนื้อเพื่อหามะเร็งได้ต่อไป จากการศึกษากลุ่มเล็กๆ กับกลุ่มผู้ป่วยจำนวน 32 รายที่เป็นมะเร็งบริเวณศีรษะและคอแสดงให้เห็นผลที่น่าพอใจว่า อาจเป็นได้ที่จะใช้ชุดทดสอบตรวจหาสัญญาณของยีนที่เป็นมะเร็ง จากการตรวจน้ำลาย แต่ก่อนที่จะนำมาใช้ในขั้นต่อไป วารสารการวิจัยทางคลินิกด้านมะเร็งแจ้งว่า ทางนักวิจัยของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส กำลังวางแผนในการศึกษาขนาดใหญ่ขึ้นเสียก่อน เป็นเวลานานแล้วที่นักวิจัยได้มองหาหลายหนทางในการที่จะเก็บตัวอย่างมะเร็ง จากการตรวจปัสสาวะ อุจจาระ และน้ำลาย เพื่อเป็นทางเลือกนอกจากการตรวจเลือด ในหลากหลายวิธีนั้นได้มุ่งประเด็นไปที่การตรวจจับโปรตีนที่มะเร็งผลิตออกมา ที่เรียกว่า "อาร์เอ็นเอ" ดร.เดวิด หว่อง และคณะ ได้ตัดสินใจศึกษาเปรียบเทียบระหว่างคนที่เป็นมะเร็งบริเวณปาก ลิ้น และลำคอ 32 ราย กับคนที่สุขภาพดีในช่วงอายุ และเพศเดียวกัน โดยเมื่อตรวจทดสอบแล้วพบว่าสามารถตรวจได้ ถูกต้อง 9 ใน 10 ราย แม้ผลนี้จะอยู่ในขั้นดีแต่ก็ยังไม่ดีพอ จึงต้องมีการศึกษา กับคนจำนวนมากขึ้น เพื่อให้ผลถูกต้องใกล้ 100 เปอร์เซ็นต์มากที่สุด. (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 20 ก.พ. 48 http://www.thairath.co.th)
หมอฟันคิดค้นเครื่องอุ่นเลือด ลดต้นทุนนำเข้าอุปกรณ์ห้องผ่าตัด
ท.พ.สุรพงษ์ วงศ์วัชรานนท์ ภาควิชาศัลยกรรมช่องปาก คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผู้พัฒนาเครื่องอุ่นเลือดและสารละลายเพื่อใช้ป้องกันภาวะอุณหภูมิกายต่ำในผู้ป่วยผ่าตัด กล่าวว่า ภายในห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลทั่วไป จะต้องมีเครื่องอุ่นสารละลายหรือเลือดก่อนจะนำเข้าสู่ตัวผู้ป่วย ซึ่งมีด้วยกันหลายรูปแบบ ในอดีตจะเป็นแบบใช้แผ่นความร้อนประกบกับสายน้ำเกลือ จึงไม่สามารถควบคุมหรือปรับระดับความร้อน ขณะที่บางรุ่นจะเป็นชุดสายน้ำเกลือเฉพาะ โดยจะปล่อยให้น้ำร้อนหล่อสายเอง แต่เป็นเทคโนโลยีที่ยุ่งยากขึ้น และสายน้ำเกลือต้องใช้สายเฉพาะของบริษัทเท่านั้น ราคาต่อชุดจะแพงหลายแสนบาท แต่เครื่องที่พัฒนาขึ้นนั้น ได้รวมจุดเด่นของแต่ละวิธีเข้าไว้ด้วยกัน จึงสามารถปรับระดับความร้อนได้ตามต้องการจากแผงควบคุม โดยส่วนประกอบสำคัญ ได้แก่ เครื่องควบคุมอุณหภูมิที่ใช้อยู่ในงานอุตสาหกรรมทั่วไป แกนให้ความร้อน ซึ่งจะถ่ายทอดความร้อนไปยังสายน้ำเกลือ ที่ถูกนำสายมาพันไว้กับแกนภายในตัวเครื่อง และหม้อแปลงไฟจากกระแสสลับเข้าสู่ตัวแกนให้ความร้อนที่ใช้ไฟกระแสตรง วิธีการใช้งาน นำสายน้ำเกลือไปพันแกน และเสียบปลั๊กไฟปกติ โดยหากต้องการให้น้ำเกลือหรือเลือดไหลเร็ว ในกรณีที่เสียเลือดเยอะ ก็ตั้งค่าอุณหภูมิให้สูงขึ้น หรือหากจะให้ไหลช้าลงก็ปรับให้อุณหภูมิต่ำลง ซึ่งมีข้อแม้ว่าสารน้ำที่จะนำเข้าสู่ร่างกายนั้น ไม่ควรมีอุณหภูมิเกิน 42 องศาเซลเซียส เพราะไม่เช่นนั้นเม็ดเลือดในร่างกายอาจจะสุกได้ การที่จะรู้ว่าอุณหภูมิของน้ำเกลือเท่าไร ต้องใส่ตัววัดเข้าไปในน้ำเกลือ ซึ่งถ้าเข้าไปอยู่ในร่างกายคนแล้ว เราใช้ตัววัดไม่ได้ แต่จะอาศัยดูทางอ้อมจากค่าอุณหภูมิกายของคนไข้ และใช้วิธีสัมผัสสายน้ำเกลือ ส่วนเครื่องมือที่พัฒนาขึ้นมานี้ เรากำลังจัดเก็บค่าตัวเลขของอุณหภูมิน้ำเกลือที่แปรผันไปตามอุณหภูมิห้อง และจากการปรับระดับความร้อนในภาวะอุณหภูมิต่างๆ อยู่ เพื่อหาค่าอุณภูมิที่เหมาะสมสำหรับให้ผู้ใช้เลือกใช้ได้ โดยปัจจุบันการตั้งค่าที่ 100 องศาเซลเซียส ก็ไม่ได้ทำให้สารน้ำมีค่าเกิน 42 องศาเซลเซียส อุปกรณ์ที่มีน้ำหนักกว่า 2 กิโลกรัมชุดนี้ ใช้ต้นทุนพัฒนาราว 13,000 บาท ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการใช้งาน และปรับเปลี่ยนตัววัดอุณหภูมิ ตัวให้ความร้อนต่างๆ เพื่อให้ปลอดภัยมากขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 19 ก.พ. 48 http://www.bangkokbiznews.com)
สวิสวิจัยเส้นใยพลังงานอาทิตย์
สถาบันวิจัยชั้นนำในสวิตเซอร์แลนด์ พัฒนาเส้นใยแสงอาทิตย์ สำหรับถักทอเป็นผืนผ้า จ่ายไฟอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ระบุสามารถตัดเย็บ เป็นเต็นท์ที่มีระบบแสงสว่างภายในตัว และเครื่องแต่งกาย ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือได้ทันที แนวคิดพัฒนา 'เส้นใยอนุรักษ์พลังงาน' เป็นของบริษัท โคนาร์กา ธุรกิจน้องใหม่ด้านพลังงานแสงอาทิตย์ และชุดประหยัดพลังงาน ภายใต้ความร่วมมือของสถาบันอีพีเอฟแอล (Ecole Polytechnique Federale de Lausanne) ในสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีแผนสร้างเส้นใยผ้าที่จะนำมาถักทอเป็นผืนสำหรับผลิตพลังงานแสงอาทิตย์โดยเฉพาะ สำหรับสถาบันอีพีเอฟแอลได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในศูนย์นาโนเทคโนโลยีชั้นนำในยุโรป และโครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมาธิการด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติสวิตเซอร์แลนด์ มีกำหนดระยะเวลาหนึ่งปี โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องพัฒนาสิ่งทอที่มีคุณสมบัติของการแปลงพลังงานแสงอาทิตย์ ให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งนั่นจะนำไปสู่ผลิตภัณฑ์หลากหลายรายการ อาทิ เต็นท์ที่สามารถติดตั้งระบบไฟให้แสงสว่างภายในตัวเอง หรือจะเป็นกางเกง และกระเป๋าเป้ที่สามารถชาร์จไฟให้โทรศัพท์มือถือได้ คาดกันว่า เส้นใยแสงอาทิตย์ดังกล่าวจะมีประสิทธิภาพสุงสุด 4% โดยพลังงานแสงอาทิตย์เข้ามา 100 ส่วน จะสามารถแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ 4 ส่วน ซึ่งแม้จะมีประสิทธิภาพน้อยกว่าแผงพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ติดตั้งอยู่บนหลังคาของอาคารบ้านเรือนทั่วไป แต่ด้วยคุณสมบัติที่ยืดหยุ่นจึงทำให้สามารถนำมาประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย บริษัทได้สาธิตให้เห็นเส้นใยแสงอาทิตย์แล้ว แต่ผืนผ้าชิ้นสำเร็จยังไม่มีออกมา คาดว่า ไม่เกินหนึ่งปีก็น่าจะแล้วเสร็จ ขณะที่ ลัน ฮีเกอร์ เจ้าของรางวัลโนเบล ในฐานะผู้ก่อตั้งบริษัท โคนาร์กา บอกว่า ในเร็วๆ นี้ บริษัทจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ชิ้นแรก คือ เซลล์แสงอาทิตย์ชนิดยืดหยุ่นที่ทำจากแผ่นพลาสติก ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถพับเก็บได้ (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 19 ก.พ. 48 http://www.bangkokbiznews.com)
เครื่องบรรจุขวดโอท็อปกาญจนบุรีสิ่งประดิษฐ์เด็กอาชีวะรุ่นใหม่
หนึ่งในผลงานที่สามารถผ่านการแข่งขันระดับภาค เข้าชิงชัยรอบสุดท้ายในงานประกวดสิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่ ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 กุมภาพันธ์นี้ ที่ เอ็มซีซี ฮอลล์ ชั้น 4 เดอะมอลล์ บางกะปิ มีผลงานเครื่องบรรจุขวดระบบกึ่งอัตโนมัติ ของวิทยาลัยการอาชีพกาญจนบุรี โดยบรรพต จันทร์ภูมิ นักศึกษา ปวส.ปี 2 สาขาช่างเทคนิคโลหะ วิทยาลัยการอาชีพกาญจนบุรี หนึ่งในทีมสามนักศึกษาที่ช่วยกันพัฒนาเครื่องบรรจุขวด ระบุว่า ความคิดในการประดิษฐ์เครื่องบรรจุขวดนี้เกิดขึ้นระหว่างที่วิทยาลัยพานักศึกษาไปดูงานยังโรงงานโอท็อปใน จ.กาญจนบุรี ซึ่งส่วนใหญ่ผลิตสุราพื้นบ้านและสังเกตเห็นว่า ขั้นตอนการบรรจุผลิตภัณฑ์ลงขวดที่ใช้แรงงานคนนั้น เสียเวลาและไม่สามารถควบคุมให้ปริมาตราน้ำที่บรรจุลงแต่ละขวดเท่ากันอย่างแน่นอนได้ พวกเขาจึงกลับมาคิดว่าน่าจะประดิษฐ์เครื่องบรรจุขวดขึ้น เพื่อช่วยประหยัดแรงงาน เวลา ในการทำงาน อีกทั้งช่วยให้การบรรจุมีมาตรฐาน ได้ปริมาตรน้ำที่เท่ากันทุกขวด การทำงานของเครื่องบรรจุขวดกึ่งอัตโนมัติ ใช้หลักการกดอากาศที่ว่า น้ำจะไหลจากที่ที่มีความกดอากาศมากไปสู่ที่ที่มีความกดอากาศน้อย จึงอาศัยเครื่องสร้างสุญญากาศของแอร์ตามบ้าน มาประยุกต์เป็นตัวสร้างสุญญากาศของในหม้อสุญญากาศที่อยู่ด้านบนเครื่อง หม้อสุญญากาศดังกล่าวที่ต่อท่อสายยางไปยังปากขวดจะดูดอากาศออกจากในขวด จนในขวดเกิดสภาพสุญญากาศ เมื่อนั้นน้ำจะไหลจากหม้อใหญ่ไปสู่ขวดน้ำ และเมื่อน้ำขึ้นถึงจะดับคอขวดจะมีท่อสุญญากาศจะดูดน้ำที่เกินออก ทำให้สามารถบรรจุน้ำลงขวดในระดับที่เท่ากันทุกขวด เครื่องบรรจุขวดกึ่งอัตโนมัตินี้ สามารถทำงานได้แทนแรงงานคน 3 คน คือ บรรจุขวดได้ชั่วโมงละ 360 ขวด โดยใช้ผู้ควบคุมเครื่องแค่ 1 คน ถ้าเปลี่ยนไปใช้แรงงานคนบรรจุขวดจะต้องใช้ถึง 3 คน จึงทำงานได้เท่ากัน เครื่องดังกล่าวยังทำงานต่อเนื่องได้ถึง 8 ชั่วโมง ซึ่งสามารถบรรจุขวดได้รวมถึง 3,000 ขวด ส่วนงบประมาณในการสร้างเครื่องดังกล่าวนั้น สำหรับต้นแบบที่เห็นในรูปซึ่งเป็นต้นแบบตัวที่ 3 แล้วนั้น ระบุว่าใช้งบประมาณเพียง 13,000 บาท ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร.0-2281-5555 ต่อ 1009, 1010 (คมชัดลึก เสาร์ที่ 19 ก.พ. 48 http://www.komchadluek.net)
ข่าวทั่วไป
โครงการเจ๋ง!4RsShop ปลูกฝังเด็กรักสิ่งแวดล้อม
นายศิริพงษ์ เฟื่องลิขิต ผู้จัดการ ประชาสัมพันธ์ภูมิภาค โครงการ เอส 1 เปิดเผยว่า โครงการ 4Rs Shop เป็นโครงการที่บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหา ชน) ได้เริ่มดำเนินการเมื่อปี พ.ศ. 2546 โดยนำร่องใน 7 โรงเรียนของอำเภอลานกระบือความหมายของ 4Rs Shop ก็คือ R ที่ 1 REDUCE คือ การลดการใช้วัตถุดิบรวมถึงทรัพยากรธรรม ชาติให้น้อยที่สุด เช่น ลดการพิมพ์เอกสารเลือกการพิมพ์เอกสารแบบหน้าหลัง ใช้ยานพาหนะร่วมกันกรณีเดินทางเส้นทางเดียวกันเป็นต้น R ที่ 2 RE-USE คือการนำของเสียหรือขยะกลับมาใช้ประโยชน์ โดยที่ไม่ต้องผ่านกระบวนการแปรรูป เช่นนำกระดาษที่พิมพ์แล้วด้านเดียวมาใช้ ประโยชน์อีกครั้ง (พิมพ์ถ่ายเอกสาร หรือจด บันทึก) เป็นต้น R ที่ 3 RE-CYCLE คือ การนำของเสียหรือขยะไปแปรรูปเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ เช่น การนำกระดาษใช้แล้วทั้งสองหน้า ไปฟอกเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตกระดาษอีกครั้ง การนำเศษเหล็ก เศษแก้วหรือเศษพลาสติกไปหลอมใหม่ การใช้น้ำเสียจากอาคารต่าง ๆ ที่บำบัดแล้วรดน้ำต้นไม้ เป็นต้น R ที่ 4 RECOVERY คือการสกัดพลังงานหรือส่วนประกอบที่ยังเป็นประโยชน์ออกมาจากของเสีย หรือขยะก่อนการกำจัด เช่นการกำจัดน้ำมันเครื่องใช้แล้ว โดยส่งไปกับน้ำมันดิบสู่โรงกลั่นน้ำมัน เป็นต้น สำหรับวิธีดำเนินงานของ 4Rs Shop ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการและที่ปรึกษาโครงการ รวมถึงการรับสมัครและคัดเลือกตัวแทนนักเรียนเพื่อเป็นคณะผู้บริหารงานร้าน 4Rs Shop และจัดตั้งระบบการบริหารจัดการ ซึ่งได้สนับสนุน งบประมาณในการสร้างร้านและทุนหมุนเวียนในการรับซื้อขยะในเบื้องต้น เป็นเงิน 200,000 บาท ผลการดำเนินงานได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครองของนักเรียนเป็นอย่างดี ในการคัดแยกวัสดุที่เหลือใช้และนำมาขายในโรงเรียน นอกจากเป็นการสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นการฝึกให้นักเรียนได้เรียนรู้ระบบการบริหารจัดการ และเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพอีกด้วย สำหรับ 4Rs Shop นับเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อตัวนักเรียนเองและชุมชน เพราะนอกจากจะปลูกฝังให้นักเรียนรู้จักรักษาสิ่งแวดล้อมทำให้บริเวณโรงเรียนสะอาดแล้ว ยังฝึกการออมทรัพย์จากการนำขยะที่คัดแยกแล้วมาขาย สร้างรายได้ระหว่างเรียนอีกด้วย (เดลินิวส์ อังคารที่ 15 ก.พ. 48 http://www.dailynews.co.th)
สธ.เตือนเอดส์พันธุ์ใหม่ยังน่าห่วงไม่มียารักษา โอกาสแพร่เชื้อถึงไทยมีสูง แนะคนไทยลดพฤติกรรมเสี่ยง
น.พ.ศุภชัย กล่าวถึงกรณีไวรัสเอชไอวีสายพันธุ์ใหม่ที่พบในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาว่า เชื้อตัวนี้ยังไม่เคยมีระบุในสารบบของเชื้อเอชไอวี ซึ่งการที่ข่าวออกมาในช่วงนี้ถือว่าเป็นการดี เนื่องจากคนจะได้ระวังมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวันวาเลนไทน์โอกาสที่จะมีเพศสัมพันธ์กันมีอยู่สูง เพราะขณะนี้คนส่วนใหญ่ขาดความตระหนักเรื่องการมีอยู่ของเชื้อเอชไอวี และยิ่งรู้ว่ามียารักษาแล้ว ยิ่งทำให้ความตระหนักลดลง ซึ่งต้องบอกกับประชาชนว่าแม้จะมียารักษาแต่ก็ไม่สามารถรักษาให้หายได้ โดยเชื้อเอชไอวียังมีอยู่และพัฒนาสายพันธุ์ไปได้เรื่อยๆ น.พ.ศุภชัย ย้ำด้วยว่า สิ่งที่สังคมควรจะตระหนักในปัจจุบันคือ การมีพฤติกรรมเสี่ยงที่จะรับเชื้อเอชไอวี ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ 2 ส่วน คือ ไม่ทราบว่าตนเองติดเชื้อ และทราบว่าติดเชื้อแต่ก็ยังมีพฤติกรรมรับเชื้อใหม่ตลอดเวลา เนื่องจากคนในสังคมไม่ยอมรับผู้ติดเชื้อ เช่น สามี-ภรรยา หากสามีจะใช้ถุงยางอนามัยกับภรรยา ก็จะกลายเป็นว่าสามีสารภาพผิดว่าไปมีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่น ซึ่งภรรยาควรจะเปลี่ยนความคิดใหม่ ส่วนความคืบหน้าของการทดลองวัคซีนในโครงการศึกษาวัคซีนเอดส์ทดลอง ปูพื้น กระตุ้น ระยะที่ 3 ขณะนี้ได้อาสาสมัคร 10,000 คน และฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 30,000 โดส โดยคาดว่าจะได้อาสาสมัครครบ 16,000 คน ก่อนสิ้นปีนี้ ซึ่งการทดลองที่ผ่านมาพบว่ายังไม่มีปัญหาในเรื่องของผลข้างเคียงที่อาจจะเป็นอันตรายกับอาสาสมัคร โดยคณะกรรมการควบคุมข้อมูลความปลอดภัยนานาชาติ ได้รับรองแล้ว และได้แนะนำให้เดินหน้าต่อไปจนถึงขั้นสรุปผลการทดลอง (กรุงเทพธุรกิจ อังคาร ทื่ 14 ก.พ. 48 http://www.bangkokbiznews.com)
สหรัฐคุมเข้มน้ำมันฟาสต์ฟู้ด ปีหน้าติดฉลาก
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (อย.) มีคำสั่งให้กลุ่มบริษัทอาหารสหรัฐระบุปริมาณไขมันแบบไม่อิ่มตัวบนฉลากผลิตภัณฑ์อาหารทั้งหมดภายในเดือนมกราคมปีหน้า หลังจากผลการสำรวจล่าสุดจากคณะนักวิทยาศาสตร์ ไม่พบระดับสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายจากไขมันแบบไม่อิ่มตัว ผลการทดลองของคณะนักวิทยาศาสตร์สหรัฐ ระบุว่า ไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งเป็นส่วนประกอบในน้ำมันที่กลุ่มบริษัทอาหารจานด่วนใช้ประกอบอาหารมานานหลายสิบปี เนื่องจากเชื่อว่าสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคมากกว่าไขมันแบบอิ่มตัว "แม้ไขมันแบบไม่อิ่มตัวจะเป็นอันตรายต่อระบบการทำงานของหัวใจเท่าเทียมกับไขมันแบบอิ่มตัว แต่ไม่สามารถลดระดับคอเลสเตอรอลได้ดีเท่า" คณะนักวิทยาศาสตร์ ระบุ กลุ่มบริษัทอาหารเตรียมที่จะเปลี่ยนแปลงไขมันที่เป็นส่วนประกอบของน้ำมันที่ใช้ประกอบอาหาร เมื่อกฎหมายเกี่ยวกับฉลากดังกล่าวมีผลบังคับใช้ ขณะที่บริษัทหลายแห่งได้ใช้เงินนับร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพยายามกำจัดไขมันแบบไม่อิ่มตัว ขณะที่รสชาติอาหารที่ถูกปากคนอเมริกันยังคงเหมือนเดิม ด้าน เป๊ปซี่ โค ผู้ผลิตเครื่องดื่มน้ำอัดลมยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ได้ยกเลิกการใช้ไขมันแบบไม่อิ่มตัวในการทอดมันฝรั่งยี่ห้อฟริโต-เลย์ไปก่อนหน้านี้แล้ว เช่นเดียวกับร้านจำหน่ายของชำที่คำนึงถึงสุขภาพผู้บริโภคเป็นหลัก อาทิ โฮล ฟู้ดส์ และไวล์ด โอทส์ ที่ปฏิเสธการจำหน่ายอาหารที่มีไขมันแบบไม่อิ่มตัวผสมอยู่ด้วย (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 17 ก.พ. 48 http://www.komchadluek.net)
ทางด่วนออกกฎใหม่ห้ามขึ้น รถกระบะไม่มีหลังคาบรรทุกคน-ด่วนศรีรัชรับฟังความเห็น
นายเผชิญ ไพโรจน์ศักดิ์ ผู้ว่าการการทางพิเศษฯ ได้ลงนามในประกาศระเบียบเกี่ยวกับการจราจรในทางพิเศษ (แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 5) พ.ศ.2548 โดยห้ามรถกระบะที่จดทะเบียนเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (รย.1) ซึ่งบรรทุกคนในกระบะท้าย หรือรถยนต์ กระบะที่จดทะเบียนเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน (รย.2) ซึ่งบรรทุกคนในกระบะท้ายโดยไม่จัดให้มีหลังคาปกปิดมิดชิด และที่นั่ง 2 แถวมั่นคงแข็งแรง อันอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน และห้ามรถยนต์กระบะที่จดทะเบียนเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน หรือ เกิน 7 คน หรือรถยนต์กระบะที่จดทะเบียนเป็นรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (รย.3) ซึ่งบรรทุกสิ่งของในกระบะท้ายโดยไม่จัดให้มีการป้องกันไม่ให้สิ่งของซึ่งบรรทุกตกหล่น หรือรั่วไหลหรือปลิว อันอาจก่อให้เกิดอันตราย แก่บุคคลหรือทรัพย์สิน โดยสรุปก็คือ ห้ามรถกระบะที่บรรทุกคนโดยไม่มีหลังคาคลุมขึ้นทางด่วน และถ้าบรรทุกสิ่งของต้องมีเครื่องป้องกันเพื่อไม่ให้ สิ่งของตกหล่น ทั้งนี้ประกาศฉบับดังกล่าวยังรวมถึงรถจักรยาน ล้อเลื่อน รถจักรยานยนต์ รถยนต์ สามล้อ รถแทรกเตอร์และรถบดดิน รถฝึกหัดขับหรือรถทดลองเครื่อง และรถที่ใช้เฉพาะเพื่อการโฆษณา โดยขณะนี้การทางพิเศษฯ ได้ส่งประกาศฉบับดังกล่าวเพื่อเตรียมออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ต้นเดือน มี.ค. นี้ โดยช่วงแรกจะรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ทราบก่อน และในช่วงเดือน เม.ย.จะเริ่มว่ากล่าวตักเตือน และเริ่มจับกุมตามกฎหมายเดือน พ.ค. เป็นต้นไป (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 18 ก.พ. 48 http://www.thairath.co.th)
สธ.เตรียมรับมือ "ไข้เลือดออก" ระบาด พบไวรัสเดงกี่เปลี่ยนสายพันธุ์-ป่วยแล้วพันห้า
นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.สาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยถึงการระบาดของไข้เลือดออก ว่า ขณะนี้มีตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นมาก เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตนได้เรียกประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อหามาตรการรับมือกับการระบาดครั้งนี้ และได้สั่งการไปยังนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทุกจังหวัด ให้รณรงค์ คุมเข้มการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ด้าน น.พ.กิตติ ปรมัตผล หัวหน้ากลุ่มงานไข้เลือดออก สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากช่วงต้นปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้มีผู้ป่วยแล้ว 1,502 ราย เสียชีวิต 1 ราย ที่ จ.หนองคาย โดยพบผู้ป่วยมากที่สุด ทางภาคใต้แถบทะเลอันดามัน โดยเฉพาะภูเก็ต อย่างไรก็ตาม กรมได้เข้าไปควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว และยืนยันว่าการระบาดของไข้เลือดออกในจังหวัดแถบทะเลอันดามันไม่เกี่ยวกับการเกิดสึนามิ แต่เป็นเพราะเดงกี่ไวรัส ซึ่งเป็นไวรัสที่ทำให้เกิดไข้เลือดออกมีการเปลี่ยนแปลง สายพันธุ์การระบาด จากเดิมที่สายพันธุ์ 1 และ 2 จะมีการระบาดมาก กลายเป็นสายพันธุ์ที่ 4 มีการระบาดมากขึ้น โดยในเดือน ธ.ค. 2547 พบการระบาดของไข้เลือดออกเดงกี่ไวรัสสายพันธุ์ที่ 4 เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า ส่วนใน กทม.รายงานอย่างไม่เป็นทางการล่าสุด มีผู้ป่วยถึง 300 ราย 60% เป็นเด็ก และอีก 40% เป็นผู้ใหญ่ และขณะนี้มีกว่า 20 จังหวัดที่มีแนวโน้มการระบาดของไข้เลือดออก ส่วน น.พ.ไพจิตร์ วราชิต อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์ การแพทย์ กล่าวว่า ขณะนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังใน 5 จังหวัด คือ กทม. หนองคาย อ.แม่สอด จ.ตาก สงขลาและจันทบุรี เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของไวรัส ไม่เฉพาะไข้เลือดออกเท่านั้น แต่รวมถึงโรคติดต่ออื่นๆด้วย พ.ญ.สุรภี เรืองสุวรรณ ผอ.สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยเด็กที่เป็นไข้เลือด ออกเข้ามารักษาใน รพ.เด็กเพิ่มขึ้น สาเหตุมาจากสภาพแวดล้อม คนและอากาศที่เปลี่ยนแปลง. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 18 ก.พ. 48 http://www.thairath.co.th)
"ไฮโดรเฮลท์"ฮ่องกงทุ่มงบ60ล้าน เปิดศูนย์ล้างพิษใหญ่สุดในเอเชีย
นางสาวสิริวธู รักษาเกียรติ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไฮโดรเฮลท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ได้ร่วมทุนกับนักธุรกิจฮ่องกง เจ้าของศูนย์ล้างพิษไอโดรเฮลท์ในฮ่องกง ในสัดส่วนการร่วมทุน 50:50 เพื่อเปิดศูนย์ล้างพิษไฮโดรเฮลท์ ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากกระแสสุขภาพเป็นกระแสที่ยังได้รับการตอบสนองจากกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการรักษาสุขภาพรูปแบบใหม่ล้างพิษด้วยการทำดีท็อกซ์ กำลังมีความต้องการสูง โดยศูนย์ล้างพิษไฮโดรเฮลท์ ตั้งอยู่ที่เอราวัณ แบงค็อก ซึ่งเป็นทั้งแหล่งธุรกิจที่สำคัญของกรุงเทพฯรวมถึงเป็นศูนย์กลางแฟชั่นและชอปปิง เพราะกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มคนเมือง นักธุรกิจคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์เป็นของตัวเอง ทั้งนี้ บริการของศูนย์ไฮโดรเฮลท์ ประกอบด้วย บริการสวนล้างลำไส้เพื่อขจัดพิษ, อินฟาเรด เซานา และบริการนวดขับสารพิษในน้ำเหลือง โดยเน้นการล้างพิษแบบธรรมชาติ ภายใต้บรรยากาศบริการเหมือนโรงแรมระดับ 5 ดาว ด้วยห้องบริการ 22 ห้อง จุดเด่นของศูนย์บริการไฮโดรเฮลท์ เป็นการให้บริการภายใต้บรรยาการเหมือนโรงแรมระดับ 5 ดาว จะมีแพทย์เป็นผู้ให้คำแนะนำก่อนการเข้าใช้บริการทั้งก่อนและระหว่างการใช้บริการ พร้อมกันนี้ ลูกค้ายังสามารถใช้บริการไอโดรเฮลท์ได้ทั้งในประเทศไทยและฮ่องกง (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 18 ก.พ. 48 http://www.bangkokbiznews.com)
"พงษ์ศักดิ์"ดันไทยศูนย์ค้าอัญมณีโลก
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดโครงการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันธุรกิจแฟชั่น สาขาอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ภายใต้โครงการกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่น จัดทำหลักสูตรอบรมเพิ่มทักษะและเทคโนโลยีของธุรกิจอัญมณีภายใต้ชื่อโครงการ "JARAD" โดยกล่าวว่า อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับเป็นอุตสาหกรรมที่มีอนาคต รัฐบาลจึงมุ่งพัฒนาและยกระดับเพื่อให้ธุรกิจอัญมณี เติบโตอย่างยั่งยืนและผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีของโลก จึงต้องฝึกอบรมและเสริมทักษะการเจียระไนอัญมณีและใช้เทคโนโลยีการผลิต เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้ามากขึ้น ซึ่งโครงการกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่น จัดสรรงบประมาณให้ปีละ 89.6 ล้านบาท ไทยถือว่ามีความสามารถในการผลิตสินค้าประเภทอัญมณีและเครื่องประดับอยู่แล้ว โดยเฉพาะพลอยสีและเพชร หากมีการฝึกเรื่องของเทคนิคการผลิตมากขึ้นจะช่วยสร้างมาตรฐานและสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าจากไทยให้มากขึ้น ดังนั้น การเพิ่มมาตรฐานการผลิตทางเทคนิคและเทคโนโลยีในกลุ่มอัญมณี รวมทั้งสร้างแบรนด์เนมให้ทั่วโลกรู้จักในนาม "BANGKOK CUT" น่าจะสร้างความน่าเชื่อถือให้สินค้าอัญมณีของไทยมากขึ้น โครงการดังกล่าวจะช่วยผลักดันการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยจากปัจจุบันมีมูลค่า 1 แสนล้านบาท เพิ่มเป็น 2 แสนล้านบาท ในอีก 5 ปีข้างหน้าและเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีของโลกในปี 2555 โครงการดังกล่าว กระทรวงอุตสาหกรรมได้จัดผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเทคนิคสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงระดับโลก ทั้งในยุโรปและสหรัฐมาฝึกอบรมภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ พร้อมให้คำปรึกษาแก่ช่างฝีมือในบริษัทผู้ผลิตอัญมณีไทยที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันธุรกิจเป็นการนำร่องก่อน 720 ราย พร้อมจัดทำตำรา และ CD-rom เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการพัฒนาอุตสาหกรรมอัญมณีต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 18 ก.พ. 48 http://www.bangkokbiznews.com)
เที่ยวตลาดนัด สิ่งประดิษฐ์ไทยฝีมือระดับโลก
ดร.เย็นใจ เลาหวณิช นายกสมาคมการประดิษฐ์ไทย กล่าวว่า ตลาดนัดสินทรัพย์ทางปัญญา จัดขึ้นวันที่ 4-6 มีนาคมนี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้ากรมส่งเสริมการส่งออก ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ โดยมีสิ่งประดิษฐ์ร่วมแสดงประมาณ 100 ชิ้นงาน อาทิ จักรยาน 3 ล้อพับเก็บได้ อุปกรณ์ลดควันดำและประหยัดน้ำมันสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล อุปกรณ์วาดจำลองแผนที่ด้วยจีพีเอสใช้ติดตามรถยนต์หรือสำรวจเส้นทาง เครื่องตอกเสาเข็มเคลื่อนที่เร็ว ขณะเดียวกัน สมาคมอยู่ระหว่างสนับสนุนการพัฒนาเครื่องยนต์รถยนต์แบบใหม่ช่วยประหยัดน้ำมัน ซึ่งจดสิทธิบัตรแนวความคิดแล้วใน 4 แห่ง คือ ไทย สหรัฐ สหภาพยุโรปและญี่ปุ่น โดยเครื่องยนต์ที่ใช้ในปัจจุบันเป็นแบบลูกสูบ ใช้วิธีการจุดระเบิด และการจุดระเบิดลูกสูบจะอยู่ในตำแหน่งเอียงนิดหนึ่งจากจุดสูงสุด ทำให้มีการสูญเสียแรงไปเปล่าๆ แต่เครื่องยนต์ดังกล่าวได้ทำให้ลูกสูบอยู่ในมุมตั้งฉากแล้วจุดระเบิด จึงไม่มีการสูญเสียแรงไปเปล่าๆ เมื่อคำนวณดูแล้วช่วยประหยัดน้ำมันถึงร้อยละ 70 นอกจากนี้ ยังมีสิ่งประดิษฐ์ระดับโลกคือ เครื่องกลั่นน้ำมันจากเศษวัสดุ เช่น เศษขี้เลื่อย ฟางข้าว พืชต่างๆ หรือแม้แต่เศษขยะ ได้เป็นน้ำมันตั้งแต่น้ำมันเครื่องไปจนถึงน้ำมันเครื่องบิน ที่ค่าออกเทนสูงถึง 170 ซึ่งสูงกว่าออกเทนของน้ำมันเครื่องบิน ทั้งยังเป็นน้ำมันสะอาดปราศจากกำมะถัน (ซัลเฟอร์) ขณะนี้อยู่ในช่วงปรับปรุงเครื่องต้นแบบ ให้สามารถกลั่นได้วันละ 5,000 ลิตร (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 18 ก.พ. 48 http://www.komchadluek.net)
ออกกฎคุมสารก่อภาวะเรือนกระจก
นายนิกร จำนง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และนายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ร่วมแถลงจุดยืนของรัฐบาลไทยในการร่วมลดก๊าซที่ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก หลังจากพิธีสารเกียวโตได้มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2548 นายสุวิทย์กล่าวว่า ตัวเลขการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไทยขณะนี้อยู่ที่ 3.5 ตันต่อปี และยังไม่เกินค่าเฉลี่ยของระดับโลกที่กำหนดให้ไม่เกิน 3.9 ล้านตันต่อปีก็ตาม จากข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไทย พบว่าเกิดจากภาคพลังงานมากที่สุด รองลงมาภาคขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม และภาคเกษตร นายนิกรกล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้ออกกฎกระทรวง 2 ฉบับ เพื่อควบคุมการใช้สารซีเอฟซี มีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา ฉบับแรกควบคุมรถจดทะเบียนใหม่ รถขนส่ง และรถโดยสาร ห้ามใช้สารซีเอฟซีอย่างเด็ดขาด ถ้าพบจะไม่รับจดทะเบียน ส่วนรถยนต์เก่ายังมีปัญหามากโดยเฉพาะรถโดยสาร หากเป็นเครื่องยนต์ดีเซลจะไม่อนุญาตให้ใช้ในเขตเมือง และจะรณรงค์ให้ใช้ก๊าซโซฮอล์แทน ส่วนอีกฉบับควบคุมการใช้เครื่องปรับอากาศภายในรถยนต์และรถขนส่งผู้โดยสาร ต้องมีการระบบระบายอากาศที่เหมาะสมเพียงพอ สำหรับประเทศไทยสั่งซื้อสารซีเอฟซีเพื่อซ่อมบำรุงระบบปรับอากาศในรถยนต์เมื่อปี 2547 มีจำนวน 1,026 ตัน และตั้งเป้าจะลดลงให้เหลือศูนย์ตันในปี 2552 (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 18 ก.พ. 48 http://www.matichon.co.th)
ตั้งศูนย์แพร่งานเขียนไทยทั่วโลก
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่อาคารแปซิฟิก เพลส สำนักพิมพ์ ดีเอ็มจี จัดแถลงข่าว เปิดตัวศูนย์เผยแพร่ลิขสิทธิ์ไทย(Thailand Rights Center) ทำหน้าที่เป็นตัวแทนให้กับสำนักพิมพ์ หรือนักเขียนไทยในการเสนอผลงานให้กับต่างประเทศ เมื่อหนังสือขายลิขสิทธิ์ได้ เจ้าของลิขสิทธิ์จะได้ส่วนแบ่ง 85% ตั้งเป้าหมายเป็นศูนย์กลางศูนย์เผยแพร่ลิขสิทธิ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นายดนัย จันทร์เจ้าฉาย กรรมการผู้จัดการสำนักพิมพ์ดีเอ็มจี ผู้ก่อตั้งศูนย์เผยแพร่ลิขสิทธิ์ไทย กล่าวว่า เบื้องต้นมีหนังสือที่เข้าร่วมโครงการแล้ว 140 เรื่อง คาดว่าใน 6 เดือนแรก จะมียอดหนังสือเข้าร่วมโครงการ 300 เล่ม หนังสือที่จะเข้าโครงการในช่วงแรก เลือกจากที่เคยชนะการประกวด เช่น รางวัลซีไรต์ นายอินอะวอร์ด เซเว่น บุ๊ค อะวอร์ด เป็นต้น ประเทศเป้าหมายส่งออกคือประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก โดยเฉพาะในอเมริกาและยุโรป แต่เป็นที่น่าแปลกใจคือกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านมีความสนใจในงานเขียนของไทยมาก เช่น ประเทศอินโดนีเซีย ที่เพิ่งซื้อลิขสิทธิ์เรื่อง Dhamma Moment ในปี 2008 สมาคมผู้จัดพิมพ์ และผู้จัดจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทยจะยื่นสมัคร Book city of the world ตั้งเป้าพร้อมจะเป็นศูนย์เผยแพร่ลิขสิทธิ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระหว่างนี้ต้องเร่งประชาสัมพันธ์ด้วยการโรดโชว์ โปรโมตในงานหนังสือระดับโลกถึง 5 งานหลัก อาทิ แฟรงก์เฟิร์ต บุ๊คแฟร์ เยอรมนี และบุ๊ค เอ็กซ์โป อเมริกา (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 18 ก.พ. 48 http://www.matichon.co.th)
เลยทำวิจัย21เรื่อง อบจ.ทุ่มงบฯหนุน
อบจ.เลย หนุนโครงการวิจัยเชิงพัฒนาของมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย 21 โครงการรวด มั่นใจทำประโยชน์ให้จังหวัดหลายมิติ
นายสมพงษ์ ดุลยอนุกิจ รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)เลย ได้พิจารณาสนับสนุนโครงการวิจัยเชิงพัฒนาจังหวัดของมหาวิทยาลัยราชภัฏ(มรภ.) เลย จำนวน 21 โครงการ จากที่เสนอโครงการวิจัยไปทั้งหมด 28 โครงการ ประกอบด้วย โครงการวิจัยและพัฒนาความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-ลาว โครงการวิจัยและจัดทำแผนแม่บทการท่องเที่ยวจังหวัดเลย โครงการวิจัยเพื่อพัฒนาผ้าทอ และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น โครงการวิจัยพัฒนาเซรามิค ซึ่งจะใช้งบประมาณทั้งหมดประมาณ 23 ล้านบาท โดยขณะนี้ อบจ.เลย ได้นำเสนอให้กับนายพินิจ จารุสมบัติ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาอนุมัติงบประมาณต่อไป โครงการวิจัยเหล่านี้ เชื่อว่าจะสามารถทำประโยชน์ให้กับจังหวัดได้ในหลายมิติ เพราะนอกจากจะเป็นการส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรม และพัฒนาองค์ความรู้ของท้องถิ่นแล้ว ยังจะช่วยให้การประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวให้กับจังหวัด ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ในโครงการ 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์อีกทางหนึ่งด้วย (ข่าวสด ศุกร์ที่ 18 ก.พ. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)
นอนเพื่อสุขภาพ-แค่ไหนและอย่างไร
การนอนนั้นเป็นกิจกรรม ที่มีความสำคัญอย่างหนึ่ง ในชีวิตพอๆ กับการกินอาหาร และการหายใจอย่างนั้นเลย คนส่วนมากมักใช้เวลานอนระหว่าง 7.5-8.5 ชั่วโมงติดต่อกัน ถ้าหากที่ผ่านมา คุณต้องตบปุ่ม นาฬิกาปลุกตอนเช้า แสดงว่า คุณนอนไม่เพียงพอ ต่อความต้องการ อาจจะเกี่ยวกับเวลานอนไม่พอ หรือว่ามีสิ่งรบกวนภายนอก ไปจนถึงอาการผิดปกติจากการนอน จดหมายข่าวของ sleepnet.com ให้ เคล็ดลับในการนอนหลับเพื่อสุขภาพไว้หลายข้อ ตัวอย่างเช่น ควรเข้านอนให้เป็นเวลาและตื่นตามเวลาทุกวัน พยายามเข้านอนเมื่อรู้สึกง่วงนอน พึงหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีน เพราะจะช่วยให้หลับได้ลึกซึ่งจะช่วย ให้เวลาตื่นกลับมาสดชื่นได้เต็มที่ ถ้าจะดื่มชา-กาแฟก็ควรดื่มในตอนเช้า หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีสารกระตุ้นในตอนเย็น รวมถึงช็อกโกแลต และโซดาที่มีคาเฟอีน เพราะมันจะทำให้หลับได้ช้าลงและเพิ่มความรู้สึกตื่นตัวทั้งคืน เตียงนอนมีไว้ใช้นอนเท่านั้น อย่าเครียด ถ้ารู้สึกว่านอนไม่พอ ควรระลึกไว้เสมอว่า คุณจะหลับเองในที่สุด หลีกเลี่ยงการออกกำลัง ก่อนถึงเวลานอน อย่างน้อยสัก 3 ชั่วโมง อย่าเข้านอนทั้งๆที่หิว อาจจะหาของว่างเล็กๆน้อยๆ รองท้องก่อน แต่ต้องหลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนักก่อนเข้านอน ถ้าตื่นขึ้นมากลางดึก พยายามอย่ามองนาฬิกา เพราะมันจะทำให้รู้สึกกระวนกระวายได้ (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 20 ก.พ. 48 http://www.thairath.co.th)
สสว.จับมือ สวทช.หนุนเฟรนไชส์ จัดทำฐานข้อมูลเสริมองค์ความรู้
นางจิตราภรณ์ เตชาชาญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยภายหลังลงนามร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในการจัดทำโครงการสำรวจเฟรนไชส์และจัดทำศูนย์ข้อมูลความรู้เฟรนไชส์ ซึ่งอยู่ในโครงการสารสนเทศ สำหรับสนับสนุนธุรกิจเฟรนไชส์ โดยปัจจุบันมีเจ้าของเฟรนไชส์ประมาณ 280-300 ราย โดยมีนายกร ทัพพะรังสี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธาน วานนี้ (18ก.พ.) ว่า การดำเนินโครงการได้รับงบสนับสนุนจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) วงเงิน 5 ล้านบาท โดยฐานข้อมูลสำหรับธุรกิจเฟรนไชส์ทั้งระบบ ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลครั้งแรก และเบื้องต้นจะสำรวจจำนวนเจ้าของเฟรนไชส์ที่มีประมาณ 280-300 ราย และผู้ซื้อเฟรนไชส์ที่ปัจจุบัน มีประมาณ 8,000-10,000 ราย เพื่อจัดทำฐานข้อมูลให้รับทราบว่า ประเทศไทยมีเฟรนไชส์อย่างไร จากนั้นจะนำฐานข้อมูลทั้งหมดมารวบรวมจัดทำเป็นโครงการพัฒนาส่งเสริมผู้ประกอบการระบบเฟรนไชส์ เพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการสร้างผู้ประกอบการใหม่ต่อไป ฐานข้อมูลดังกล่าว จะจัดทำระบบการประเมิน และตรวจสอบว่าผู้ประกอบการใหม่มีความสามารถหรือทักษะในการเข้ามาดำเนินการในธุรกิจเฟรนไชส์ได้หรือไม่ นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมธุรกิจของเจ้าของเฟรนไชส์ให้ก้าวไปทั้งในและต่างประเทศ เพราะจะมีข้อมูลด้านการพัฒนา เช่น การส่งเสริมความรู้ด้านบัญชี ด้านการจัดการและการค้นคว้ารูปแบบต่าง ๆ เพื่อพัฒนาให้เฟรนไชส์เข้มแข็งต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 19 ก.พ. 48 http://www.bangkokbiznews.com)
"หมอประเสริฐ"เตือนภัยไวรัสพันธุ์ใหม่ "หวัดนก-นิพาห์-ซาร์ส"ใกล้ตัวคนไทย
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญ ราชบัณฑิตสาขาแพทยศาสตร์ ที่ปรึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า โรคระบาดที่มีความเสี่ยงจะเป็นภัยคุกคามต่อมนุษย์ในศตวรรษที่ 21 คือ เชื้อโรคที่เกิดจากโรคสัตว์ติดคน ได้แก่ 1)โรคไข้สมองอักเสบ จากไวรัสนิพาห์ (Nipah Virus) ซึ่งมีค้างคาวเป็นพาหะ ล่าสุดทีมนักวิชาการของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพบว่ามีค้างคาวในไทยที่ติดเชื้อไวรัสนิพาห์ในหลายจังหวัด ซึ่งมีโอกาสที่ค้างคาวจะเป็นพาหะแพร่ไปยังสัตว์อื่น เช่นที่เคยเกิดขึ้นกับสุกรในประเทศมาเลเซียเมื่อปี 2542 2)โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือโรคซาร์ส 3)โรคไข้หวัดใหญ่และโรคไข้หวัดนก ส่วนโรคประจำถิ่นที่เกิดจากเชื้อไวรัสของสัตว์ติดคนที่มีโอกาสอุบัติซ้ำได้แก่ โรคมือ-เท้า-ปากเปื่อย กลุ่มอาการไข้เลือดออกฮันตา ฝีดาษวานร กาฬโรค โรคพรีออน โรคไข้คิว โรคไข้ทรพิษ โรคฝีดาษ หากเปรียบเทียบ H5N1 กับไวรัสนิพาห์แล้ว H5N1 มีความน่ากลัวกว่า ส่วนนิพาห์ไวรัสจะเกิดขึ้นในหมูที่มีชีวิต ซึ่งคนที่ใกล้ชิดคือคนเลี้ยงในฟาร์ม ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีรายงานการเกิดโรคในประเทศไทย ไวรัสนิพาห์สามารถแพร่กระจาย มาสู่คนทางปัสสาวะและมูกต่างๆ จากสัตว์ที่ติดเชื้อ โดยทำให้เกิดอาการทางระบบหายใจในหมู ดังนั้นผู้ที่ทำงานสัมผัสกับหมูจึงมีความเสี่ยงกว่าบุคคลทั่วไป โดยอาการของโรคคล้ายกับไข้หวัดคือ มีไข้สูง ปวดศีรษะ สมองบวม และเสียชีวิตในที่สุด นายจักรภพ เพ็ญแข โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ในสัปดาห์หน้าจะนั่งเป็นประธานการประชุมเตรียมการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาไข้หวัดนกด้วยตัวเอง (ประชาชาติธุรกิจ อาทิตย์ที่ 20 ก.พ. 48 http://www.matichon.co.th/prachachat)
KMUTT
Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215
|
|
|