หัวข้อข่าวปีที่ 6 ฉบับที่ 13 ประจำวันที่ 2005-04-10

ข่าวการศึกษา

ทำคลอดเกณฑ์เรียนควบปริญญา 2 ใบ
อุดมศึกษาขอร่างก.ม.ออกนอกระบบฉบับเดิม
สอศ.จับมือพระพยอมแปรงงานเป็นหน่วยกิต
ก.วัฒนธรรมจับมือสถาบันศึกษา สร้างการเรียนรู้ด้านมรดกไทย
จุฬาฯให้ทุนสาขาธุรกิจแฟชั่น
วิจัยตั้ง5ร.ร.วิทย์รู้ผลมิ.ย.นี้
จากสงครามสู่ผลงานแฟชั่นชนะเลิศของนศ.มหาสารคาม
สกอ.เผยสถิติคะแนนต่ำสุด-สูงสุดสอบวัดความรู้ครั้งที่ 1 ประจำปี 48
โลกาภิวัตน์
แพทย์จุฬาฯปลื้มติดอันดับ60ของโลก
มข.ได้เฮ! ประเมินผ่านฉลุย เตรียมแจกโบนัสเอาใจ12.5ล้
มอ.ไม่ง้อกฟภ.เท 73 ล. สร้างโรงไฟฟ้าใช้เอง
51 สถาบันสอนฟู้ดซายน์ตื่นตัว นศ.แห่แข่งสุดยอด "นักอุตสาหกรรมอาหาร"
มศว เปิดวิทยุชุมชน "คนกรุงเทพฯ"
สอศ.ประกาศพัฒนาการสอน ตั้งเป้าปี 2548 ยกระดับมาตรฐานได้ทั่วประเทศ
ชี้ไม่เกิดประโยชน์แนวคิดแยก"สกอ."
ผุดโครงการ"ไทยแลนด์ไซเบอร์"
มหาวิทยาลัยราชภัฏเหนือ-อีสานโกอินเตอร์ เปิดบูธการศึกษา-ลงนามดึงน.ศ.จีน-เวียดนาม
"ราชมงคล" จัดที่ว่างอ้าแขนรับนักศึกษารอบ 2
เปิดทาง 5 มรภ.ตั้งคณะในกำกับ
สกอ.พร้อมรับสมัครเอ็นท์’48ทั่วปท.
ยก"ว.ปทุมธานี"ขึ้นมหา"ลัย แจง5มรภ.ใหม่มีคณะเดียว
ปีไก่ทอง ม.ศรีปทุม 7 นวัตกรรมใหม่ เข้าตาเคเบิ้ลเอเชีย
ปรับเงินให้ พนง.มหาวิทยาลัยกันสมองไหล

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

ฝุ่นละอองจากคน สัตว์และพืช เป็นตัวการทำให้อากาศสกปรก
ก.วิทย์เปิดเวทีประกวด เฟ้นหาสุดยอดนวัตกรรม
เอไอทีออกแบบระบบเตือนภัยอัตโนมัติ ส่งเอสเอ็มเอสทันทีหลังพบแรงสั่นสะเทือน 7 ริกเตอร์
ไอทีไลฟ์ / การ์ดมัลติมีเดียมือถือ
ระบบนิเวศป่วนหนัก สัตว์เสี่ยงสูญพันธุ์-CO2พุ่ง
มาแล้วหูฟังบลูทูธจากเดนมาร์ก
เตือน 50 ปี โลกใกล้วิกฤติ สหประชาชาติชี้ระบบนิเวศพัง-ขาดแหล่งอาหาร
ลูกบิดไฮเทค
อุปกรณ์ไฮเทครุ่นหน้าสะดวกใช้ แค่ขยับกายเปลี่ยนช่องได้ทันใจนึก
จุฬาฯเผยผลวิจัยชี้20ปีกรุงเทพฯจมน้ำครึ่งเมือง เหตุแผ่นดินทรุด ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น และการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก
คอมพ์ตรวจหามะเร็ง เล็กเพียงใดไม่รอดสายตา
ยุ่นพัฒนากระสวยอากาศไปดวงจันทร์
นักดาราศาสตร์จีนเผยโฉม ภาพจักรวาลแบบเสมือนจริง
ความหลากหลายทางชีวภาพ มีวัฎจักรทุก 62 ล้านปี
รู้จัก Cell สุดยอดยอดซีพียูอนาคต...ที่ใกล้เข้ามา
ระบบ Fast Track ประโยชน์ผู้ประกอบการเกษตรไทย
จีนเล็งเพิ่มโรงนิวเคลียร์ผลิตไฟฟ้า
ไทเกอร์ฯ เล็ง 'ผู้นำโช้คอัพ' ผนึกบางมดทำชุดทดสอบแรงสั่น
รังแครังควานโลกร้อนภัยแล้ง

ข่าววิจัย/พัฒนา

ทำยาฮอร์โมนกินเป็นอายุวัฒนะ เม็ดเดียวยืดออกได้นาน 30 ปี
สร้างชุดตรวจจับสีคัดแยกผลไม้ ประยุกต์อิเล็กทรอนิกส์สู่อุตสาหกรรมเกษตร
นักวิจัยจุฬาฯทุ่มงบสู้ภัยแล้ง ผุดบ่อน้ำบาดาลทั่วประเทศ
“สบู่ดำ” พลังงานทดแทน ยุคน้ำมันแพงยิ่งกว่าทอง
สภาวิจัยสำรวจแล็บสัตว์ทดลองไร้คุณภาพ แนะรัฐเร่งสร้างมาตรฐาน หวั่นลดความเชื่อถือวงการวิจัยไทย
ดนตรีสำแดงฤทธิ์ให้เห็นอานุภาพ ลืมกับความเจ็บปวดทรมานไปได้
ประดิษฐ์ยากินเป็นเกราะกัน สกัดโรคมะเร็งของปอดไว้อยู่
ชาร์จมือถือจากแสงอาทิตย์
เครื่องร่อนดิน ลดต้นทุน หนุนเซรามิคไทย
ม.เชียงใหม่พัฒนาวิธีตรวจสารพิษ
เนคเทคต่อยอดเทคนิคเชิงแสง พัฒนาเครื่องวัดเลนส์ไร้รอย
ไบโอเทคเพาะพันธุ์'ขิงจิ๋ว'ปลอดโรค มั่นใจพืชเศรษฐกิจใหม่ ช่วยเกษตรกรรายได้เพิ่ม
มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าพลังไฮโดรเจน เงียบไร้มลพิษแต่ไม่ถูกใจนักบิด
พลิกแพลงใส่วัคซีนในเครื่องดื่ม ไม่เว้นแม้แต่บุหรี่เหล้าเบียร์
อานุภาพความรักทำให้พุงพลุ้ย เกิดฮอร์โมนความเครียดอืดขึ้น
โทรทัศน์อาจเป็นนักสร้าง"ขาใหญ่'' ยิ่งดูมากยิ่งมีพฤติกรรมนักเลงโต
สหรัฐสำเร็จตัดต่อยีนมนุษย์ มุ่งรักษาโรคพันธุกรรม
นวัตกรรมหนุน เอกชนทำวิจัย เพิ่มค่ายางเก่า
จุฬาฯพัฒนา'เสื้อนาโน'ต้านจุลินทรีย์ ผสมอนุภาคเงินขนาดนาโน แก้ปัญหาเสื้อผ้าอับชื้น
หมอไพศาลประกาศถ้าจะให้หยุดไบโอเทคนิค ก็ต้องหยุดใช้ซิลิโคนแท่งทำศัลยกรรมด้วย
หุ่นยนต์จิ๋วบินสอดแนม อาวุธใหม่ของกลาโหมสหรัฐ
ฟีโบ้สร้างหุ่นยนต์โรงงาน รับภาระเชื่อมชิ้นส่วนรถ
โตชิบาทำแบตรุ่นใหม่ หนึ่งนาทีชาร์จไฟเต็ม
รถอัจฉริยะไร้โชเฟอร์ ฝีมือนักวิจัยหุ่นยนต์รอคลอดอีก 3 ปี
อึ้ง! ทึ่ง! อร่อย!...ตู้ขายบะหมี่อัตโนมัติ มจธ.ทำให้ทึ่ง! กันอีกแล้ว
สุดยอด 2 นักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ เตรียมโชว์ผลงานบนเวทีนานาชาติ
การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ผลิตอิฐดินซีเมนต์บ้านหัวงัว กาฬสินธุ์
เบรียชูศูนย์พันธุกรรมรับมือโรคระบาด ผลิตสารชีวภาพป้อนงานวิจัย-ทำชุดเทสต์คิดส์
ตาไฮเทคฝังชิพช่วยคนตาบอด

ข่าวทั่วไป

สอท.จี้พัฒนาลอจิสติกส์ชาติ
จับตา "หวัดนก" กลายพันธุ์ไทยเปิดเวทีอาเซียน+3
ปลาทั่วโลกเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ปลานโปเลียนกับปลาบึกจวนสิ้น
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เอกอัครราชูปถัมภกมรดกวัฒนธรรมไทยและวิศิษฎศิลปิน
สมคิดเตือนอุตฯต้องปรับตัว เต็มที่4ปีเสริมสร้างธุรกิจ
ดินสอพองเป็นยอดครีมกันแดด แนะหัวล้านใส่หมวกป้องกันมะเร็ง
ลอดช่องพบแบคทีเรียดื้อยา
“สธ.” วอนอย่าแตกตื่น ยันไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อ นมปนเปื้อนแบคทีเรีย
อบรมทำครีม-โลชั่น
วิธีปฐมพยาบาลมือถือตกน้ำ รับเทศกาลสงกรานต์
ลูกจ้างเฮ 13 เม.ย.ใช้ ก.ม.คุ้มครองสุขภาพ
แก้"กม."เงินเดือน"ขรก." จ่ายทุก15วัน
3 หนุ่มสาว-สถาปัตย์จุฬา-แชมป์ "Summer Design Contest 2005"
Burj Dubai สูงเสียดฟ้า ยึดตำแหน่งตึกสูงสุดของโลก





ข่าวการศึกษา


ทำคลอดเกณฑ์เรียนควบปริญญา 2 ใบ

ตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปรารภกับอธิการบดีมหาวิทยาลัยหลายครั้ง โดยต้องการให้นิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัยสามารถเปลี่ยนสาขาหรือคณะได้ หากพบว่าคณะที่สอบได้ไม่เหมาะสมกับตนเองนั้น รศ.ดร.ประเสริฐ ชิตพงษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในฐานะประธาน ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) กล่าวว่า สิ่งที่นายกฯปรารภเป็นเรื่องใหญ่ มหาวิทยาลัยหลายแห่งก็คิดเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ตนจะนำเรื่องนี้เข้าพูดคุยใน ทปอ. แต่มหาวิทยาลัยจะดำเนินการอย่างไรก็เป็นเรื่องของแต่ละแห่ง อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาพบว่า เมื่อผู้เรียนสอบเอ็นทรานซ์เข้ามาแล้ว จะประสบปัญหา 3 ประการ คือ นักศึกษาไม่ชอบสาขาที่ตนเองเลือก นักศึกษาไม่รู้ตัวเอง มาก่อนว่าชอบสาขาใด และนักศึกษาเรียนไม่ไหว นายกฯ จึงอยากเห็นมหาวิทยาลัยของรัฐ วางระบบให้นักศึกษาเลื่อนไหลได้ภายในมหาวิทยาลัย เรื่องนี้มหาวิทยาลัยได้ปรับตัวให้เกิดความยืดหยุ่นมากขึ้นระดับหนึ่ง เช่น เดิมจะยึดเกณฑ์ว่าจะย้ายคณะได้ต่อเมื่อมีคะแนนไม่ต่ำกว่าคนที่ได้คะแนนต่ำสุด ของคณะนั้นในปีนั้น ด้าน นายภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า ตามหลักการแล้วควรให้นักศึกษาโอนย้ายคณะได้ เพื่อให้ เกิดความคล่องตัวในการเรียน ซึ่งทำได้หลายรูปแบบ เช่น เลือกคณะตอนปี 2 หรือ 3 ซึ่งในอดีต ม.ธรรมศาสตร์เคยทำ ส่วนการโอนย้ายคณะในมหาวิทยาลัยนั้น ขณะนี้ สกอ. ได้ออกเกณฑ์การเทียบโอนหน่วยกิต ซึ่งมหาวิทยาลัยสามารถนำไปใช้ได้ และกำลังจัดทำเกณฑ์เพื่อให้ผู้เรียนระดับปริญญาตรี สามารถเรียน 2 สาขาวิชา จบแล้วได้ปริญญาบัตรระดับปริญญาตรีพร้อมกัน 2 ใบ ทั้งกำลังจัดทำเกณฑ์ให้ผู้เรียนปริญญาตรีและโทควบคู่กัน เช่น หลักสูตรการผลิตครูสายวิทยาศาสตร์ โดยเรียนระดับปริญญาตรี ฝึกสอน ทั้งลงทะเบียน เพื่อทำวิจัยควบคู่กัน ซึ่งสามารถจบปริญญาตรีพร้อมๆกับจบปริญญาโท โดยเกณฑ์การจบปริญญาตรีพร้อมกัน 2 ใบ และเกณฑ์การจบปริญญาตรีบวกปริญญาโท จะนำเข้าที่ประชุม กกอ. ในเร็วๆนี้. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 4 มี.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





อุดมศึกษาขอร่างก.ม.ออกนอกระบบฉบับเดิม

ผศ.ปฐม ปฐมธนพงษ์ ประธานสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ในฐานะรองประธานที่ประชุมประธานสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ปอมท.) เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ ปอมท. ยังยืนยันมติเดิมเกี่ยวกับเรื่องการออกนอกระบบของมหาวิทยาลัยโดยจะให้อิสระแก่มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว และหากมหาวิทยาลัยใดพร้อมที่จะออกนอกระบบ ปอมท. ก็ยินดีที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ส่วนมหาวิทยาลัยใดยังไม่พร้อม ปอมท. ก็จะช่วยคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของอาจารย์และข้าราชการให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ออกมายืนยันชัดเจนว่ามหาวิทยาลัยใดพร้อมที่จะออกนอกระบบก็จะช่วยผลักดันร่างกฎหมายให้เดินหน้าเต็มที่ ดังนั้นคิดว่าในเดือนตุลาคมนี้ร่างกฎหมายของ ม.บูรพา และ ม.ทักษิณ น่าจะผ่านการพิจารณา ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้มหาวิทยาลัยอื่น ๆ รวมถึง มช. ก็น่าจะผ่านได้ในเร็ว ๆ นี้เช่นกัน ด้าน นางรวมพร อินทรประสงค์ ประธานที่ประชุมประธานสภาข้าราชการมหาวิทยาลัยและลูกจ้างแห่งประเทศไทย(ปขมท.) กล่าวว่า เสียงส่วนใหญ่ของ ปขมท. ก็เห็นด้วยที่มหาวิทยาลัยจะออกนอกระบบและยินดีที่จะกำหนดสาระสำคัญหรือหลักเกณฑ์กลางที่รัฐกำหนดไว้ในร่างกฎหมายของแต่ละมหาวิทยาลัย แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องให้อิสระในการบริหารจัดการและเสรีภาพทางวิชาการตามแต่ละมหาวิทยาลัยถนัดและต้องการ เพราะมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งจะมีความแตกต่างกัน แต่ที่ผ่านมาร่างกฎหมายของแต่ละมหาวิทยาลัยเมื่อเข้าสู่กระบวนการนิติบัญญัติมักจะถูกแก้ไขในหลายขั้นตอนจนเปลี่ยนรูปเปลี่ยนร่างไม่มีเค้าเดิม และไม่เป็นไปตามข้อตกลงที่ทำไว้ร่วมกัน เช่น มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่อยากให้มีการแยกสภาวิชาการ สภาคณาจารย์และสภาข้าราชการไว้คนละส่วนกัน เพราะหน้าที่ของแต่ละสภาต่างกันและการแบ่งส่วนยังทำให้การทำงานคล่องตัว แต่ฝ่ายนิติบัญญัติกลับอยากให้สภาคณาจารย์และสภาข้าราชการรวมกัน. (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 4 มี.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





สอศ.จับมือพระพยอมแปรงงานเป็นหน่วยกิต

นายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จะร่วมมือกับวัดสวนแก้วจัดการศึกษาวิชาชีพให้กลุ่มเยาวชน และจัดฝึกอบรมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนในวัยทำงานและกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 400 คน โดยมูลนิธิวัดสวนแก้วได้ให้ความอนุเคราะห์รับไว้ดูแลจัดให้พักอาศัยภายในวัด รวมทั้งจัดหากิจกรรมให้ทำเพื่อสร้างรายได้พิเศษจุนเจือตนเอง ทั้งนี้สืบเนื่องจากพระราชธรรมนิเทศ (พระพยอม กัลยาโณ) ประธานมูลนิธิวัดสวนแก้วต้องการให้ความช่วยเหลือ เยาวชนกลุ่มด้อยโอกาสดังกล่าวได้ศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น เพื่อเพิ่มคุณวุฒิและพัฒนาทักษะอาชีพให้มีคุณภาพ เพื่อให้สามารถออกไปประกอบอาชีพอิสระหาเลี้ยงตนเองได้อย่างมั่นคงในอนาคต ซึ่งโดยปกติมูลนิธิวัดสวนแก้วได้จัดให้เยาวชนและประชาชนในอุปถัมภ์ของวัดได้ทำกิจกรรมเกี่ยวกับงานอาชีพหลากหลายสาขาอยู่แล้ว ซึ่งสามารถนำประสบการณ์ดังกล่าวไปเทียบโอนเพื่อสะสมหน่วยกิตได้ จึงมีความประสงค์ให้สถานศึกษาอาชีวศึกษาเข้าไปช่วยเหลือจัดส่งคณาจารย์สาขาวิชาชีพต่างๆ เข้าไปสอนเสริม โดยผู้ที่มีพื้นความรู้ระดับ ม.3 จะจัดให้เรียน ปวช. ส่วนผู้ที่มีพื้นความรู้ ม.6 จะจัดให้เรียน ปวส. ส่วนผู้ที่มีการศึกษาในระดับต่ำกว่าจะได้รับวุฒิบัตรวิชาชีพระยะสั้น นายวีระศักดิ์ ได้มอบหมายให้วิทยาลัยในสังกัด ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี วิทยาลัยเทคนิคดุสิต วิทยาลัยเทคนิคราชสิทธาราม วิทยาลัยสารพัดช่างนครหลวง วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีบางไทร และศูนย์วิศวกรรมเกษตรบางพูน เข้าไปศึกษาข้อมูลเชิงลึกร่วมกับมูลนิธิวัดสวนแก้วเพื่อวางแผนจัดการเรียนการสอนให้เอื้อตามสภาพของผู้เรียนและสอดคล้องกับภารกิจของวัดสวนแก้ว โดยจะจัดกรอบหลักสูตรให้มีความยืดหยุ่นและเปิดกว้างเพื่อรองรับเยาวชนและประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงวัดได้เข้ามาศึกษาต่อหรือร่วมกิจกรรมฝึกอบรมวิชาชีพระยะสั้นด้วย คาดว่าจะสามารถเปิดสอนได้ทันต้นปีการศึกษา 2548 นี้. (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 4 มี.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ก.วัฒนธรรมจับมือสถาบันศึกษา สร้างการเรียนรู้ด้านมรดกไทย

คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า นโยบายของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญต่อการสร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ มีความเอื้อเฟื้อ สมานฉันท์ การเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางวัฒนธรรม โดยได้กำหนดยุทธศาสตร์สำคัญในการสร้างเยาวชนให้เข้มแข็ง รักและหวงแหนวัฒนธรรมของชาติ และสามารถเลือกหยิบวัฒนธรรมต่างๆ ที่มาจากภายนอกด้วยความชาญฉลาด กระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงศึกษาธิการ ได้ทำข้อตกลงร่วมกัน(MOU) ในการจัดทำหลักสูตร ในการเรียนการสอนด้านจริยธรรมและคุณธรรม และการจัดกิจกรรมทางศิลปะ ดนตรีและการแสดง รวมถึงการส่งเสริมและปลูกฝังค่านิยมที่ดี ความเสียสละ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความเมตตา และมารยาทไทย ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการด้านวัฒนธรรมสามารถบริหารและจัดการให้เป็นไปอย่างสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ โดยกระทรวงวัฒนธรรมได้ขยายความร่วมมือกับสถานศึกษาต่างๆ ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ซึ่งจะได้ทำข้อตกลง (MOU) กับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และในอนาคตอันใกล้จะได้ร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสถาบันต่างๆ สำหรับในหลักการเบื้องต้น จะดำเนินการร่วมกันในการเปิดพื้นที่ทางวัฒนธรรมในสถาบันการศึกษา เช่น ลานศิลปะ การแสดงกลางแจ้ง ลานดนตรี รวมถึงการปรับหอประชุมในมหาวิทยาลัยต่างๆ ให้เหมาะสมกับการแสดงคอนเสิร์ต ตลอดจนการส่งเสริมการเล่นโขน นาฏศิลป์ไทยและดนตรีไทย เป็นต้น ขณะนี้กระทรวงวัฒนธรรมได้ปรับแผนวัฒนธรรม ในปี 2548 ให้สอดคล้องกับนโยบายที่มีจุดเน้นในเด็กและเยาวชน และคาดว่าจะทำให้การดำเนินการทางวัฒนธรรมสามารถดำเนินการไปอย่างเข้มข้น และขยายไปอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น (สยามรัฐรายวัน จันทร์ที่ 4 เม.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)





จุฬาฯให้ทุนสาขาธุรกิจแฟชั่น

ศูนย์พัฒนาบุคลากรด้านแฟชั่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดรับสมัครนิสิตและผู้สนใจเข้าศึกษาในหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขาธุรกิจแฟชั่น ใน 3 แขนงวิชา การออกแบบแฟชั่น การจัดการธุรกิจแฟชั่น และการบริหารและจัดการเทคโนโลยีแฟชั่น พร้อมให้ทุนการศึกษาแก่นิสิตรุ่นแรกที่สอบผ่านการคัดเลือกเข้าศึกษา จำนวน 90 ทุน เปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้จนถึง 18 เม.ย.นี้ ณ ศูนย์พัฒนาบุคลากรด้านแฟชั่น ชั้น 20 อาคารสยามทาวเวอร์ สี่แยกปทุมวัน สอบถามโทร. 0-2658-1424 หรือ 0-2658-1426-9 (ข่าวสด จันทร์ที่ 4 เมษายน 2548 http://www.matichon.co.th/khaosod)





วิจัยตั้ง5ร.ร.วิทย์รู้ผลมิ.ย.นี้

ดร.ธงชัย ชิวปรีชา ผู้อำนวยการ ร.ร.มหิดลวิทยานุสรณ์ ในฐานะกรรมการเตรียมการจัดตั้งโรงเรียนวิทยาศาสตร์ 5 แห่ง เปิดเผยว่า คณะกรรมการได้ตั้งทีมวิจัยไปศึกษาเงื่อนไขในการจัดตั้งโรงเรียนวิทยาศาสตร์ 5 แห่ง แบ่งเป็นภาคเหนือ 1 แห่ง ภาคใต้ 1 แห่ง ภาคอีสาน 2 แห่ง และภาคกลางฝั่งตะวันออก 1 แห่ง ซึ่งอาจจะจัดตั้งโรงเรียนขึ้นใหม่ หรือขอโอนจากกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือนพฤษภาคมนี้ จากนั้นในเดือนมิถุนายนจะเสนอต่อ ดร.อดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ และคณะรัฐมนตรี ต่อไป หากตั้งโรงเรียนใหม่ต้องใช้งบโรงเรียนละ 200-300 ล้านบาท แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีใดจะต้องมีเงื่อนไข คือ ไม่รับเด็กในพื้นที่ ไม่มีการฝากเด็ก ใช้วิธีรับด้วยการสอบเท่านั้น และรับเด็กปีละ 240 คน ครูจะต้องมีความรู้ตามเกณฑ์ที่กำหนด ส่วนรูปแบบการบริหารจัดการโรงเรียนวิทยาศาสตร์ควรเป็นองค์กรมหาชน เช่นเดียวกันร.ร.มหิดลวิทยานุสรณ์ เพื่อความคล่องตัวในการบริหารจัดการ (คมชัดลึก อังคารที่ 5 เมษายน 2548 http://www.komchadluek.net)





จากสงครามสู่ผลงานแฟชั่นชนะเลิศของนศ.มหาสารคาม

โครงการประกวดนักออกแบบรุ่นใหม่ "ไทยแลนด์ สติวเดนท์ แฟชั่น โปรเจคท์ อวอร์ด" (Thailand Student Fashion Project Award) ภายใต้แนวคิด "ศาสนา-สันติสุข" ซึ่งจัดโดยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ร่วมกับ บริษัท โมด อิมเมจ จำกัด โดยมีวัตถุประสงค์ค้นหานักออกแบบรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพให้สามารถก้าวไปสู่มาตรฐานสากล และพัฒนาขีดความสามารถทางด้านการแข่งขันของธุรกิจอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยให้สูงขึ้น อันเป็นส่วนหนึ่งของโครงการกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่น จาก 13 สถาบัน ผู้คว้ารางวัลชนะเลิศในสาขา โปรเจคท์ ออฟ เดอะ เยียร์ อวอร์ด ตกเป็นของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมืองและนฤมิตศิลป์ เอกแฟชั่นดีไซน์ ม.มหาสารคาม ซึ่งประกอบด้วย ดวงพร เลอศิลป์ ภาณี พันทอง เปรมจิต อนุภวาลย์ ศนิ บัวสาย และรัฐพล ยลถวิล ภายใต้ชื่อสุดเริ่ดว่า "พีซ ออฟ ไมนด์-ไฟร์ ออฟ อิโมชั่น" (Peace of mind-Fire of emotion) นักศึกษาผู้คว้ารางวัลชนะเลิศทั้ง 5 อธิบายถึงผลงานของพวกเขาว่า พยายามเลือกใช้เทคนิคที่แหวกแนวเพื่อนำเสนอถึงความหมายของสันติภาพ ด้วยการเผาขอบผ้าเพื่อสื่อถึงไฟสงคราม เพียงแต่เว้นช่องว่างส่วนอกไว้เพื่อต้องการแสดงถึงความมั่นคงของจิตใจ หากไม่หวั่นต่อสิ่งใด ภัยสงครามภายนอกก็จะไม่มีผลแต่อย่างใด (คมชัดลึก อังคารที่ 5 เมษายน 2548 http://www.komchadluek.net)





สกอ.เผยสถิติคะแนนต่ำสุด-สูงสุดสอบวัดความรู้ครั้งที่ 1 ประจำปี 48

นางศศิธร อหิงสโก ผอ.สำนักทดสอบกลาง (สทก.) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เปิดเผยว่า สทก.ได้รวบรวมสถิติคะแนนสอบวัดความรู้ ครั้งที่ 1/2548 เดือน มี.ค. 48 ปรากฏผลดังนี้ ภาษาไทย ผู้เข้าสอบทั้งหมด 138,268 คน คะแนนต่ำสุด 10.00 คะแนน สูงสุด 90.00 คะแนน เฉลี่ย 47.81 คะแนน ภาษาอังกฤษ ผู้เข้าสอบทั้งหมด 151,318 คน คะแนนต่ำสุด 7.00 คะแนน สูงสุด 98.00 คะแนน เฉลี่ย 40.14 เคมี ผู้เข้าสอบทั้งหมด 84,784 คน คะแนนต่ำสุด 4.00 คะแนน สูงสุด 94.00 คะแนน เฉลี่ย 26.20 คะแนน ชีววิทยา ผู้เข้าสอบทั้งหมด 77,162 คน คะแนนต่ำสุด 10.00 คะแนน สูงสุด 81.00 คะแนน เฉลี่ย 30.81 คะแนน วิทยาศาสตร์กายภาพชีวภาพ (หลักสูตรม.ปลาย พ.ศ.2524 ปรับปรุง พ.ศ.2533) ผู้เข้าสอบทั้งหมด 57,633 คน คะแนนต่ำสุด 10 คะแนน สูงสุด 90.00 คะแนน เฉลี่ย 39.84 คะแนน วิทยาศาสตร์กายภาพชีวภาพ (หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2544) ผู้เข้าสอบทั้งหมด 11,985 คน คะแนนต่ำสุด 11.25 คะแนน สูงสุด 80.00 คะแนน เฉลี่ย 35.10 คะแนน คณิตศาสตร์ 2 ผู้เข้าสอบทั้งหมด 79,942 คน คะแนนต่ำสุด 0 คะแนน สูงสุด 100 คะแนน เฉลี่ย 22.19 คะแนน ฝรั่งเศส ผู้เข้าสอบทั้งหมด 11,173 คน คะแนนต่ำสุด 8.75 คะแนน สูงสุด 92.50 คะแนน เฉลี่ย 33.59 คะแนน ภาษาเยอรมัน ผู้เข้าสอบทั้งหมด 1,376 คน คะแนนต่ำสุด 11.25 คะแนน สูงสุด 87.50 คะแนน เฉลี่ย 30.89 ภาษาบาลี ผู้เข้าสอบทั้งหมด 290 คน คะแนนต่ำสุด 17.50 คะแนน สูงสุด 75.00 คะแนน เฉลี่ย 30.82 คะแนน ภาษาอาหรับ ผู้เข้าสอบทั้งหมด 1,665 คน คะแนนต่ำสุด 14.00 คะแนน สูงสุด 90.00 คะแนน คะแนน เฉลี่ย 47.10 คะแนน ภาษาจีน ผู้เข้าสอบทั้งหมด 1,954 คน คะแนนต่ำสุด 12.50 คะแนน สูงสุด 96.25 คะแนน เฉลี่ย 28.96 คะแนน ภาษาญี่ปุ่น ผู้เข้าสอบทั้งหมด 3,390 คน คะแนนต่ำสุด 8.75 คะแนน สูงสุด 100 คะแนน เฉลี่ย 34.77 คะแนน พื้นฐานทางวิศวกรรม ผู้เข้าสอบทั้งหมด 28,445 คน คะแนนต่ำสุด 4.00 คะแนน สูงสุด 81.00 คะแนน เฉลี่ย 25.27 คะแนน วัดแววความเป็นครู ผู้เข้าสอบทั้งหมด 27,358 คน คะแนนต่ำสุด 4.00 คะแนน สูงสุด 86.00 คะแนน เฉลี่ย 50.45 คะแนน พลศึกษา ผู้เข้าสอบทั้งหมด 376 คน คะแนนต่ำสุด 11.39 คะแนน สูงสุด 66.16 คะแนน เฉลี่ย 50.00 คะแนน ความถนัดทางศิลป์ ผู้เข้าสอบทั้งหมด 546 คน คะแนนต่ำสุด 16.00 คะแนน สูงสุด 74.00 คะแนน เฉลี่ย 40.88 คะแนน ทฤษฎีทัศนศิลป์ ผู้เข้าสอบทั้งหมด 555 คน คะแนนต่ำสุด 27.00 คะแนนสูงสุด 84.00 คะแนน เฉลี่ย 46.83 คะแนน ปฏิบัติทัศนศิลป์ ผู้เข้าสอบทั้งหมด 583 คน คะแนนต่ำสุด 5.00 คะแนน สูงสุด 80.00 คะแนน เฉลี่ย 40.62 คะแนน ทฤษฎีนฤมิตศิลป์ ผู้เข้าสอบทั้งหมด 760 คน คะแนนต่ำสุด 24.00 คะแนน สูงสุด 80.00 คะแนน เฉลี่ย 49.94 คะแนน ปฏิบัตินฤมิตศิลป์ ผู้เข้าสอบทั้งหมด 778 คน คะแนนต่ำสุด 0.00 คะแนน สูงสุด 91.00 คะแนน เฉลี่ย 37.18 คะแนน วาดเส้น ผู้เข้าสอบทั้งหมด 826 คน คะแนนต่ำสุด 0.00 คะแนน สูงสุด 80.00 คะแนน เฉลี่ย 23.67 คะแนน องค์ประกอบศิลป์ ผู้เข้าสอบทั้งหมด 769 คน คะแนนต่ำสุด 5.00 คะแนน สูงสุด 90.00 คะแนน เฉลี่ย 27.39 คะแนน มัณฑนศิลป์ ผู้เข้าสอบทั้งหมด 2,195 คน คะแนนต่ำสุด 10.00 คะแนน สูงสุด 100.00 คะแนน เฉลี่ย 28.05 คะแนน ออกแบบภายใน ผู้เข้าสอบทั้งหมด 695 คน คะแนนต่ำสุด 0.00 คะแนน สูงสุด 100.00 คะแนน เฉลี่ย 17.49 คะแนน ออกแบบนิเทศศิลป์ ผู้เข้าสอบทั้งหมด 1,130 คน คะแนนต่ำสุด 3.00 คะแนน สูงสุด 100.00 คะแนน เฉลี่ย 21.56 คะแนน ออกแบบผลิตภัณฑ์ ผู้เข้าสอบทั้งหมด 606 คน คะแนนต่ำสุด 5.00 คะแนน สูงสุด 95.00 คะแนน เฉลี่ย 34.74 คะแนน ออกแบบประยุกต์ศิลป์ ผู้เข้าสอบทั้งหมด 375 คน คะแนนต่ำสุด 40.00 คะแนน สูงสุด 100.00 คะแนน เฉลี่ย 47.79 คะแนน เครื่องเคลือบดินเผา ผู้เข้าสอบทั้งหมด 192 คน คะแนนต่ำสุด 11.00 คะแนน สูงสุด 100.00 คะแนน เฉลี่ย 45.08 คะแนน ความถนัดนิเทศศิลป์ ผู้เข้าสอบทั้งหมด 2,030 คน คะแนนต่ำสุด 0.00 คะแนน สูงสุด 100.00 คะแนน เฉลี่ย 25.40 คะแนน ทฤษฎีดุริยางคศิลป์ ผู้เข้าสอบทั้งหมด 294 คน คะแนนต่ำสุด 18.00 คะแนน สูงสุด 83.00 คะแนน เฉลี่ย 40.86 คะแนน (ไทยรัฐ พุธที่ 6 เม.ย. 48 http://www.thairath.co.th)





โลกาภิวัตน์

มหาวิทยาลัยอิเล็กทรอนิกส์หรือ eUniversity ของอังกฤษนั้นเริ่มเมื่อปี 2000 หรือปี 2543 นี้เองโดยได้เงินงบประมาณจากรัฐบาลก้อนใหญ่ทั้งสิ้นประมาณ 50 ล้านปอนด์หรือประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อสร้างมหาวิทยาลัยอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้กระทรวงศึกษาธิการและทักษะ (Department of Education and Skills) ตามแผนธุรกิจที่ได้นำเสนอนั้นจะสามารถที่จะดึงความสนใจของนักศึกษาเข้าเรียนได้ประมาณ 250,000 คนภายใน 10 ปี คือประมาณเอาว่าประมาณปี 2010 ก็จะมีนักศึกษาตามแผนและสามารถมีรายได้ถึง 110 ล้านปอนด์หรือประมาณ 7,000 ล้านบาท ก็คาดการณ์ว่าจะได้กำไรกว่าเท่าตัวของการลงทุนภายใน 10 ปี ซึ่งรัฐบาลอังกฤษก็ยินดีรับในช่วงนั้น หลังจากที่ได้ดำเนินการมาจนครบ 4 ปี จนถึงปัจจุบันปรากฏว่ามีนักศึกษาเข้าเรียนเพียง 900 คน แถมผู้บริหารสูงสุดหรือซีอีโอ ได้รับโบนัสอีกต่างหาก ประมาณ 2,500,000 บาท ซึ่งผิดจากแผนงานและเป้าหมายที่ตั้งไว้เยอะมาก ทางสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาซึ่งได้ตรวจสอบงบประมาณก้อนนี้จึงได้ตำหนิรัฐบาลอย่างรุนแรง ดร.โฮเวลส์ ซึ่งเป็นคณะกรรมการตรวจสอบโครงการนี้ก็ได้กล่าวกับคณะกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎรของอังกฤษว่า โครงการนี้แรกเริ่มเดิมทีเกิดจากการกลัวว่าจะตกกระแสของการศึกษาออนไลน์ซึ่งทางประเทศสหรัฐอเมริกาได้ริเริ่มไปมากแล้ว และโดยเฉพาะทางประเทศอังกฤษอาจจะสามารถดึงนักศึกษาจากต่างประเทศเข้ามาเรียนได้อีกจำนวนมาก แต่ก็เป็นการคาดการณ์ผิด โดยสรุป ดร.โฮเวลส์ ได้กล่าวในคณะกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎรของอังกฤษไว้ว่า เรื่องนี้มหาวิทยาลัยอิเล็กทรอนิกส์ไม่มีการจัดการเรื่องการตลาดเลย ในปีนี้สภากองทุนอุดมศึกษาของอังกฤษ จึงได้มีข้อเสนอใหม่ที่จะปรับปรุงเรื่อง มหาวิทยาลัยอิเล็กทรอนิกส์หรือมหาวิทยาลัยระบบการศึกษาทางไกลใหม่ (เดลินิวส์ พุธที่ 6 เม.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)





แพทย์จุฬาฯปลื้มติดอันดับ60ของโลก

ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยว่า จากรายงานการจัดอับดับ 100 มหาวิทยาลัยทางด้านการแพทย์และชีวภาพที่ดีที่สุดในโลกของ นิตยสารไทมส์ เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา ผลปรากฏ ว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่มหาวิทยาลัยของไทย คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยติดอันดับ 60 ของโลก แต่หากพิจารณาเฉพาะในทวีปเอเชียจะพบว่าจุฬาฯ เป็นอันดับที่ 8 ของเอเชีย โดยมหาวิทยาลัยที่ เป็นอันดับ 1 และรอง ๆ ลงมาของเอเชีย ได้แก่ 1.ม.ปักกิ่ง ประเทศจีน อันดับที่ 11 ของโลก, 2.ม.โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น อันดับที่ 13 ของโลก, 3.มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ อันดับที่ 25 ของโลก, 4.ม.เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น อันดับที่ 28 ของโลก, 5.ม.ฮ่องกง อันดับที่ 48 ของโลก, 6.ม.ไชนีสยูนิเวอซิตี้ออฟฮ่องกง อันดับ 56 ของโลก, 7.ม.ฮิบรู ประเทศอิสราเอล อันดับที่ 57 ของโลก และ 8.จุฬาฯ อันดับที่ 60 ของโลก เลขาธิการ กกอ. กล่าวต่อไปว่า หลักเกณฑ์ในการพิจารณาจะแบ่งการพิจารณาคะแนนจากสัดส่วนต่าง ๆ ได้แก่ การสอบถามนักวิชาการด้านการแพทย์ทั่วโลกว่ารู้จักมหาวิทยาลัยใดบ้างที่สอนเกี่ยวกับทางด้านแพทย์ โดยให้ค่าน้ำหนัก 50%, การพิจารณาว่าในมหาวิทยาลัยนั้นมีอาจารย์นานาชาติหรือไม่ 5%, มีนักศึกษานานาชาติ 5%, ดูสัดส่วน ที่เหมาะสมของอาจารย์กับนักศึกษา 20% และ ผลงานที่ตีพิมพ์ 20% ซึ่งเท่าที่ดูจุฬาฯ ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีการเรียนการสอน การบริการทางด้านแพทย์ชั้นหนึ่งและยังสามารถค้นคว้าทางด้านการแพทย์เป็นแห่งแรกของเอเชียในหลายเรื่อง เช่น ผ่าตัดหัวใจ ไต ปอด ตับ และเด็กในหลอดแก้ว เป็นต้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพทางด้านบริการทางการแพทย์ของไทย และรัฐบาลเองก็อยากให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางบริการทางด้านการแพทย์ เพราะโรงพยาบาลหลายแห่งของไทยทั้งรัฐและเอกชนก็มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของทั่วโลกอยู่แล้ว (เดลินิวส์ พุธที่ 6 เม.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)





มข.ได้เฮ! ประเมินผ่านฉลุย เตรียมแจกโบนัสเอาใจ12.5ล้

สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ได้พิจารณาประเมินผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรอง ของส่วนราชการและจังหวัดทั่วประเทศ ประจำปีงบประมาณ 2547 ซึ่งมหาวิทยาลัยขอนแก่นขอรับการประเมินในกลุ่มท้าทาย เบื้องต้น ก.พ.ร. รายงานผลว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่นไม่ผ่านการประเมิน โดยได้ค่าคะแนน 3.325 ถูกตัดค่าคะแนน 0.5 เนื่องจากส่งข้อมูลล่าช้า 10 วันทำการ ทำให้เหลือค่าคะแนนสุทธิเพียง 2.825 ซึ่งเกณฑ์ผ่านการประเมินต้องได้ค่าคะแนนตั้งแต่ 3.00 ขึ้นไป อย่างไรก็ตามค่าคะแนนดังกล่าวข้อมูลในบางด้านยังไม่สมบูรณ์โดยเฉพาะมิติที่ 4 ด้านการพัฒนาองค์กร ทำให้มหาวิทยาลัยได้ยื่นขออุทธรณ์และนำเสนอข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อประกอบการพิจารณา ซึ่งผลปรากฏว่า ก.พ.ร. มีมติปรับค่าคะแนนการประเมินผลการปฏิบัติราชการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็น 4.129 แต่ยังคงถูกตัดค่าคะแนน 0.5 เนื่องจากส่งข้อมูลล่าช้า 10 วัน ทำการเช่นเดิม จึงมีค่าคะแนนสุทธิ 3.629 ทำให้มหาวิทยาลัยขอนแก่นผ่านการประเมินเป็นที่เรียบร้อย สำหรับเงินรางวัลจูงใจ (โบนัส) นั้น รศ. สุมนต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจาก ก.พ.ร.ได้แจ้งผลการประเมินให้ทราบอย่างเป็นทางการแล้ว ก.พ.ร. ได้เสนอผลการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 พิจารณา พร้อมเสนอผลให้คณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ และได้แจ้งผลการพิจารณาเงินรางวัลจูงใจให้มหาวิทยาลัยได้รับเงินรางวัลตามเกณฑ์ของการประเมินในกลุ่มท้าทายจำนวน ประมาณ 12.5 ล้านบาท. (เดลินิวส์ พุธที่ 6 เม.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)





มอ.ไม่ง้อกฟภ.เท 73 ล. สร้างโรงไฟฟ้าใช้เอง

รศ.ดร.ประเสริฐ ชิตพงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ต้องซื้อกระแสไฟฟ้าระดับแรงดัน 33 เควี จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหาดใหญ่รวม 3 มิเตอร์ หรือประมาณ 12,500 กิโลวัตต์ต่อเดือนนั้น ล่าสุดพบว่าอุปกรณ์ในระบบการส่งและการจำหน่ายมีการชำรุดอยู่บ่อยๆ และทางการไฟฟ้ามีการแจ้งงดจ่ายกระแสไฟฟ้าเพื่อซ่อมบำรุงรักษาอุปกรณ์ปีละหลายครั้ง รวมทั้งเสาไฟฟ้าที่แบกรับสายเมนมีขนาดเล็ก ประกอบกับมักจะโดนรถชนล้มหรือหักโค่นทำให้ไฟฟ้าดับอย่างกะทันหัน จนส่งผลเสียหายต่อการรักษาพยาบาลและเครื่องมือทางการแพทย์ของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ รวมถึงการเรียนการสอน การวิจัย และการปฏิบัติงานตามภารกิจของมหาวิทยาลัยเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้กฎของไฟฟ้าได้กำหนดให้ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าที่มีความต้องการพลังงานไฟฟ้าตั้งแต่ 8,000 กิโลวัตต์ ต้องเปลี่ยนไปซื้อกระแสไฟฟ้าในระดับแรงดัน 115 เควี เพราะการไฟฟ้าไม่สามารถลงทุนสร้างสายจำหน่ายและสวิตช์เกียร์เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้าได้ มหาวิทยาลัยจึงจำเป็นต้องตั้งงบประมาณเพื่อทำการก่อสร้างสถานีโรงไฟฟ้าย่อยภายในมหาวิทยาลัย เพื่อรองรับการใช้กระแสไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทุกปี เนื่องจากการขยายตัวทางด้านการศึกษา การวิจัย และการรักษาพยาบาลที่ต้องมีอาคารเรียนและอาคารปฏิบัติการและมีการติดตั้งเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็นในการพัฒนาการศึกษาด้วย มหาวิทยาลัย ได้ว่าจ้างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคให้เข้ามาดำเนินการสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยให้กับมหาวิทยาลัยแล้ว ในราคาค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 73,500,000 บาท ตามสัญญาจ้างเลขที่ 6/2547 ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2547 และเริ่มดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่สิงหาคม 2547 โดยมีกำหนดทำงานให้แล้วเสร็จบริบูรณ์ในวันที่ 30 กันยายน 2548 ส่วนสถานที่ก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยนั้นจะอยู่ภายในบริเวณริมรั้วมหาวิทยาลัยด้านถนนกาญจนวณิชย์ ขนานกับสำนักงานไปรษณีย์คอหงส์ หาดใหญ่ (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 7 เม.ย. 48 http://www.komchadluek.net) รศ.ดร.ประเสริฐ ชิตพงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ต้องซื้อกระแสไฟฟ้าระดับแรงดัน 33 เควี จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหาดใหญ่รวม 3 มิเตอร์ หรือประมาณ 12,500 กิโลวัตต์ต่อเดือนนั้น ล่าสุดพบว่าอุปกรณ์ในระบบการส่งและการจำหน่ายมีการชำรุดอยู่บ่อยๆ และทางการไฟฟ้ามีการแจ้งงดจ่ายกระแสไฟฟ้าเพื่อซ่อมบำรุงรักษาอุปกรณ์ปีละหลายครั้ง รวมทั้งเสาไฟฟ้าที่แบกรับสายเมนมีขนาดเล็ก ประกอบกับมักจะโดนรถชนล้มหรือหักโค่นทำให้ไฟฟ้าดับอย่างกะทันหัน จนส่งผลเสียหายต่อการรักษาพยาบาลและเครื่องมือทางการแพทย์ของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ รวมถึงการเรียนการสอน การวิจัย และการปฏิบัติงานตามภารกิจของมหาวิทยาลัยเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้กฎของไฟฟ้าได้กำหนดให้ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าที่มีความต้องการพลังงานไฟฟ้าตั้งแต่ 8,000 กิโลวัตต์ ต้องเปลี่ยนไปซื้อกระแสไฟฟ้าในระดับแรงดัน 115 เควี เพราะการไฟฟ้าไม่สามารถลงทุนสร้างสายจำหน่ายและสวิตช์เกียร์เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้าได้ มหาวิทยาลัยจึงจำเป็นต้องตั้งงบประมาณเพื่อทำการก่อสร้างสถานีโรงไฟฟ้าย่อยภายในมหาวิทยาลัย เพื่อรองรับการใช้กระแสไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทุกปี เนื่องจากการขยายตัวทางด้านการศึกษา การวิจัย และการรักษาพยาบาลที่ต้องมีอาคารเรียนและอาคารปฏิบัติการและมีการติดตั้งเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็นในการพัฒนาการศึกษาด้วย มหาวิทยาลัย ได้ว่าจ้างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคให้เข้ามาดำเนินการสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยให้กับมหาวิทยาลัยแล้ว ในราคาค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 73,500,000 บาท ตามสัญญาจ้างเลขที่ 6/2547 ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2547 และเริ่มดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่สิงหาคม 2547 โดยมีกำหนดทำงานให้แล้วเสร็จบริบูรณ์ในวันที่ 30 กันยายน 2548 ส่วนสถานที่ก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยนั้นจะอยู่ภายในบริเวณริมรั้วมหาวิทยาลัยด้านถนนกาญจนวณิชย์ ขนานกับสำนักงานไปรษณีย์คอหงส์ หาดใหญ่ (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 7 เม.ย. 48 http://www.komchadluek.net)





51 สถาบันสอนฟู้ดซายน์ตื่นตัว นศ.แห่แข่งสุดยอด "นักอุตสาหกรรมอาหาร"

นางดรุณี เอ็ดเวิร์ดส์ นายกสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหารแห่งประเทศไทย เปิดเผย ว่า เนื่องจากไทยมีวัตถุดิบผลิตผลการเกษตรเป็นจำนวนมาก มีศักยภาพในการส่งออกมูลค่า 5 แสนล้านบาทต่อปี รัฐบาลจึงได้มีนโยบายพัฒนาครัวไทยสู่ครัวโลก แต่ขณะนี้ยังขาดบุคลากรซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันนโยบายอย่างมีคุณภาพ อีกทั้ง พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 ค่อนข้างล้าสมัย การเรียนการสอนหลักสูตรอาหารและเทคโนโลยีทางอาหารในสถาบันอุดมศึกษาของไทยส่วนใหญ่เน้นสอนแต่ในห้องเรียน ครูอาจารย์เป็นผู้ถ่ายทอดทางเดียวให้นักศึกษาท่องจำ ไม่มีเวทีในการแข่งขันกับนักศึกษามหาวิทยาลัยอื่นๆ สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหาร จึงเตรียมเสนอ ร่างพ.ร.บ.วิชาชีพสาขาอุตสาหกรรม ฉบับใหม่ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพิจารณา เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้เร็วที่สุด มีการเปิดสอบวัดความรู้แล้วขึ้นทะเบียนนักวิทยาศาสตร์ด้านอาหารสำหรับอุตสาหกรรม ทุกคนต้องมีหนังสือรับรองลักษณะเดียวกับใบวิชาชีพครู แพทย์ มีอายุวาระ 3 ปี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพ มาตรฐานและความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค โดยได้ทำประชาพิจารณ์เรื่องการขึ้นทะเบียน 5 ครั้ง และจะนำเข้าหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คาดว่าระบบการขึ้นทะเบียนจะแล้วเสร็จภายในปี 2548 พร้อมเปิดทดสอบต้นปี 2549 โดยไม่ต้องรอให้ พ.ร.บ.วิชาชีพสาขาอุตสาหกรรมผ่าน ครม.ก่อน นอกจากนี้ สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหาร ยังมีการเปิดเวทีให้นักศึกษาด้านอาหาร โดยร่วมกับบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด จัดการแข่งขันตอบปัญหาวิชาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหารภายใต้ชื่อ "FosTAT-Nestle Quiz Bowl" ระดับอุดมศึกษา โดยนายนพดล ศิวะบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์บริษัทเนสท์เล่ กล่าวว่า การแข่งขันดังกล่าวเป็นการกระตุ้นและยกระดับการพัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพ เตรียมความพร้อมให้นักศึกษาเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 มีสถาบันอุดมศึกษาของรัฐและเอกชน มหาวิทยาลัยราชภัฏ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั่วประเทศรวม 51 แห่งเข้าร่วม ทั้งนี้ ผู้ชนะเลิศจะได้รับถ้วยเกียรติยศจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี และเดินทางไปทัศนศึกษาด้านวิทยาศาสตร์การอาหารในระดับนานาชาติที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาระดับภูมิภาคของเนสท์เล่ ประเทศสิงคโปร์ โดยรอบชิงชนะเลิศ จะจัดขึ้นในวันที่ 25 มิถุนายน ที่ศูนย์ประชุมไบเทค บางนา (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 7 เม.ย. 48 http://www.komchadluek.net)





มศว เปิดวิทยุชุมชน "คนกรุงเทพฯ"

ศ.ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า ขณะนี้ มศว ร่วมมือกับเขตวัฒนา เปิดสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 104.25 ในเขตกรุงเทพฯ และเอฟเอ็ม 103.25 ในเขตจ.นครนายก เพื่อนำเสนอข่าวสารเรื่องราวของคนในชุมชนและข่าวสารความรู้ของมหาวิทยาลัยอสู่ชุมชน โดยคลื่นเอฟเอ็ม 104.25 นั้น ใช้ชื่อรายการว่า ชุมชนคนกรุงเทพฯ เพื่อเข้าถึงประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนเขตวัฒนา คลื่นความถี่ของวิทยุชุมชนคนกรุงเทพฯ นั้น มีความถี่ 30 วัตต์ ถือเป็นความถี่ต่ำที่ครอบคลุมพื้นที่ชุมชนในละแวกมหาวิทยาลัย ชุมชนเพชรบุรี คลองเตย อโศก สุขุมวิท และศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ การที่คลื่นวิทยุชุมชนถูกกำหนดให้ใช้คลื่นที่ไม่กว้างมากนัก ย่อมเกิดผลดีเพราะจะทำให้การสื่อสารได้ใกล้ชิดกับชุมชนมากขึ้น สามารถเจาะกลุ่มคนฟังในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 7 เม.ย. 48 http://www.komchadluek.net)





สอศ.ประกาศพัฒนาการสอน ตั้งเป้าปี 2548 ยกระดับมาตรฐานได้ทั่วประเทศ

นายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้ออกแนวกำกับการปฏิบัติงานของสถานศึกษาในปีการศึกษา 2548 ให้สามารถสร้างความเชื่อมั่นแก่สังคม และจะพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนให้มีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ โดยได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้ง นายเจริญ ภักดีวานิช รองเลขาธิการ กอศ. และนายพินิจ จันทรกระจ่าง ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาเกษตรกรรมและประมง กำกับดูแลสถานศึกษาในพื้นที่ภาคใต้ ภาคตะวันออก และกรุงเทพมหานคร นายนิยม ศรีวิเศษ รองเลขาธิการ กอศ. และนางศิริพรรณ ชุมนุม ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาช่างอุตสาหกรรม กำกับดูแลสถานศึกษาในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นางศรีวิการ์ เมฆธวัชชัยกุล รองเลขาธิการ กอศ. นายทรงสวัสดิ์ ทิพย์คงคา ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนอาชีวศึกษา และนางสุมาลี จุลเจิม รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาธุรกิจและบริการ กำกับดูแลสถานศึกษาในพื้นที่ภาคเหนือ และ ภาคกลาง โดยผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งทั้งหมด จะมีหน้าที่ผลักดัน กำกับดูแล และติดตามให้สถานศึกษาในสังกัด 411 แห่ง ให้นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ที่ปรึกษาเร่งรัดการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์หลักของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 4 เรื่อง ดังนี้ นายทรงสวัสดิ์ รับผิดชอบเรื่องการรับนักเรียน, นางศิริพรรณ รับผิดชอบเรื่องการเปิดสอนระดับปริญญาตรี, นายพินิจ รับผิดชอบเรื่องการบูรณาการวิชาชีพเพื่อแก้ปัญหาความยากจน และนางสุมาลี รับผิดชอบเรื่องการปรับวิธีเรียน เปลี่ยนวิธีสอน และการปฏิรูปวิธีสอบ เป็นต้น (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 7 เม.ย. 48 http://www.komchadluek.net)





ชี้ไม่เกิดประโยชน์แนวคิดแยก"สกอ."

ศ.ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า จากแนวคิดการแยกสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) ออกจากกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อตั้งเป็นกระทรวงอุดมศึกษานั้น อยากให้ดูหลักคิดทางการศึกษา เพราะแต่เดิมการศึกษาในประเทศไทย เท่าที่ผ่านมายังแยกเป็นส่วน ทำงานแบบต่างคนต่างทำ ไม่มีเอกภาพ การศึกษาในระดับปฐมวัย การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ตอนปลาย ระดับอาชีวศึกษา ระดับอุดมศึกษา ไปคนละทิศละทาง ขาดความต่อเนื่อง ไม่สัมพันธกันทั้งประเทศ หน่วยงานไหนคิดจะผลิตนักเรียน นิสิต นักศึกษา แบบใดตามแต่ที่ตัวเองคิดว่าถูกต้อง ระดับอนุบาลจนถึงอุดมศึกษาไม่เชื่อมต่อกัน ทำให้ประเทศไทยมีปัญหาด้านการผลิตนักเรียน นิสิต นักศึกษา เกรงว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย เหมือนเมื่อครั้งที่อยู่ภายใต้การกำกับของทบวงมหาวิทยาลัยในอดีต อย่าลืมว่าแม้จะสังกัดอยู่ภายใต้กระทรวงศึกษาธิการ แต่ในเวลานี้มหาวิทยาลัยยังมีอิสระในด้านต่างมากมายเหมือนเดิม ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะทำกันหรือไม่ต่างหาก กระทรวงศึกษาธิการไม่ได้มาลดอิสระของชาวมหาวิทยาลัยลงแม้แต่น้อย สิ่งที่อยากให้ช่วยกันคิดคือ หากการแยกออกจากกระทรวงศึกษาธิการเป็นจริงขึ้นมา การศึกษาที่ต้องขาดช่วงและขาดเอกภาพ เราจะทำกันอย่างไร และมีกระบวนการอะไร หรือแนวคิดไหนช่วยแก้ปัญหาจุดนี้ได้ (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 7 เมษายน 2548 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ผุดโครงการ"ไทยแลนด์ไซเบอร์"

นายภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยถึงโครงการมหาวิทยาลัยไทยแลนด์ไซเบอร์ เป็นการจัดทำเว็บไซต์ขนาดใหญ่ ที่ให้บริการด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษาว่า ในเว็บไซต์ www.uni.net.th/tcu เป็นการสร้างระบบอี-เลิร์นนิ่ง เป็นเว็บไซต์ขนาดใหญ่ มีแหล่งเรียนรู้หลากหลายรูปแบบ และหลากหลายระดับของอุดมศึกษา การเข้าไปในเว็บไซต์นี้เปรียบเสมือนการเข้าไปในรั้วมหาวิทยาลัย ที่จะไม่ไปเรียนหนังสือ แต่เข้าไปอ่านหนังสือในห้องสมุดก็ได้ ในเว็บไซต์จะมีห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ มีหนังสือ และวารสารอิเล็กทรอนิกส์ให้อ่าน สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ลงทุนเป็นจำนวนมากในการซื้อวารสารอิเล็กทรอนิกส์ใช้งบประมาณปีละ 200 ล้านบาท ส่วนการซื้อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ใช้เงินปีละเกือบร้อยล้านบาท ทำให้ในห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์นี้มีหนังสือจำนวนหลายหมื่นเล่ม อีกไม่นานจะพัฒนาเป็นหลายแสนเล่มสามารถให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปใช้บริการหาข้อมูลได้ นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยอื่นที่ไม่มีความพร้อมสามารถเข้ามาใช้บริการได้ด้วย ต่อไปคาดว่าจะมีคนสนใจมาเรียนในระบบนี้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากเคยทำโครงการนำร่อง โดยจุฬามหาวิทยาลัย มาแล้วระยะหนึ่ง โครงการไทยแลนด์ ไซเบอร์ฯ น่าจะเป็นทางเลือกทางหนึ่ง และในที่สุดแล้วระบบนี้จะเจาะลงไปถึงคนที่มีอาชีพอย่างคนขับแท็กซี่ก็สามารถเรียนได้ ที่ประเทศเวียดนามก็ใช้อยู่ ที่สำคัญในสังคมไทยคนมีความต้องการเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมทักษะเยอะมาก โดยเฉพาะคนในยุคนี้ต้องมีความชำนาญคอมพิวเตอร์มากกว่าเดิม (ข่าวสด พุธที่ 6 เม.ย. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





มหาวิทยาลัยราชภัฏเหนือ-อีสานโกอินเตอร์ เปิดบูธการศึกษา-ลงนามดึงน.ศ.จีน-เวียดนาม

เมื่อกลางเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ศ.พิเศษ ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) และคณะ นำอาจารย์และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย และองค์กรวิชาการต่างๆ 45 แห่งเดินทางไปร่วมออกบูธในงานสัมมนาวิชาการนิทรรศการการศึกษาไทย ที่โรงแรมกรีนเลค มณฑลยูนนาน นครคุนหมิง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน ที่นครคุนหมิง โดยเฉพาะบูธของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ลำปาง และอุตรดิตถ์ที่อยู่ร่วมกันได้รับความสนใจมากที่สุด เนื่องจากนำนักศึกษาจีนที่ไปศึกษาต่อปริญญาตรีมาช่วยทำหน้าที่เป็นล่ามให้ข้อมูลจากประสบการณ์ตรงกับผู้สนใจ รวมทั้งเปิดให้นักศึกษาจีนที่เรียนภาษาไทยในมหาวิทยาลัยจีนได้เขียนข้อความบอกเล่าความประทับใจเกี่ยวกับประเทศไทยเป็นภาษาไทย การจัดสัมมนาวิชาการและนิทรรศการครั้งนี้ เพื่อเชิญชวนนักเรียน นักศึกษาจีนมาศึกษาต่อในประเทศไทยมากขึ้นซึ่งได้รับการตอบรับในเกณฑ์ที่ดี จากการสำรวจสุ่มสอบถามนักเรียนนักศึกษาและพ่อแม่ที่มาร่วมงานเกี่ยวกับทัศนคติการศึกษาในเมืองไทย ระบุว่าน่าเชื่อถือ ส่วนประเทศในตะวันตกแม้คุณภาพจะดีแต่พ่อแม่ผู้ปกครองไม่อยากให้ไปศึกษาไกลบ้าน สำหรับเมืองไทยนั่งเครื่องบินเดินทางเพียง 2 ช.ม. เวลาท้องถิ่นก็ไม่ต่างกัน ที่สำคัญราคาการศึกษาไม่แพง อีกทั้งเมื่อสำเร็จการศึกษาก็ได้รับการยอมรับจากบริษัทที่สมัครงานเท่าเทียมกับการจบการศึกษาในจีน ถือว่าคุ้มค่า (ข่าวสด พุธที่ 6 เม.ย. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





"ราชมงคล" จัดที่ว่างอ้าแขนรับนักศึกษารอบ 2

นายนำยุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังมีนักเรียนอีกมากที่ยังหาที่เรียนไม่ได้ มทร.จึงได้สำรวจวิทยาเขตต่างๆ ทั่วประเทศในสังกัด มทร. ที่พอจะรับนักศึกษาเพิ่มได้แก่ วข.พณิชยการพระนคร วข.เทคนิคกรุงเทพ วข.บพิตรพิมุขจักวรรดิ วข.บพิตรพิมุขมหาเมฆ วข.พระนครเหนือ วข.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ วข.จักรพงษ์ภูวนารถ วข.เทเวศร์ วข.พระนครใต้ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม คณะศึกษาศาสตร์ ศูนย์กลางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ส่วนวิทยาเขตในต่างจังหวัดประกอบด้วย วข.ศาลายา วข.ตาก วข.สุรินทร์ วข.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วข.ลำปาง วข.พระนครศรีอยุธยา วาสุกรี วข.ขอนแก่น วข.พระนครศรีอยุธยา หันตรา วข.เชียงราย วข.ภาคพายัพ วข.ภาคใต้ วข.กาฬสินธุ์ วข.น่าน วข.จันทบุรี วข.สกลนคร วข.สุพรรณบุรี คณะวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีการประมงตรัง คณะเกษตรศาสตร์บางพระ และคณะเกษตรศาสตร์ นครศรีธรรมราช การรับนักศึกษาเพิ่มรอบ 2 คงไม่สามารถรับได้หมดทุกสาขาวิชา เพราะแค่รับสมัครในรอบแรกก็ล้นเกินกว่าจำนวนที่รับได้ อาทิ คณะบริหารธุรกิจ ราชมงคลธัญบุรี รับได้ 2,060 คน แต่มีผู้สมัครถึง 8,834 คน หรือคณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชนรับได้ 210 คน แต่มีผู้สมัครถึง 2,120 คน ผู้ที่สนใจจะสมัครเข้าเรียนในรอบ 2 ติดต่อขอทราบรายละเอียดได้ที่ กองประชาสัมพันธ์ราชมงคล โทร.0-2282-9340-1 และที่ฝ่ายแนะแนวการศึกษา กองบริการ โทร.0-2549-3024-25 หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.rmut.ac.th ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 8 เม.ย. 2548 http://www.thairath.co.th)





เปิดทาง 5 มรภ.ตั้งคณะในกำกับ

ดร.สุชาติ เมืองแก้ว รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาการแบ่งส่วนราชการของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ว่าที่ประชุมได้หารือถึงกฎหมายการแบ่งส่วนราชการมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) ที่กำหนดให้มหาวิทยาลัยใหม่ทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ มรภ.กาฬสินธุ์ นครพนม ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ และ มรภ.ชัยภูมิ จัดตั้งคณะได้เพียงหน่วยงานเดียว แต่สามารถเปิดสอนได้หลายหลักสูตร ทั้งที่มีอยู่เดิมหรือหลักสูตรใหม่ ขึ้นกับความพร้อมตามเกณฑ์มาตรฐานที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) กำหนด หรืออาจจะใช้อำนาจของสภามหาวิทยาลัยตั้งคณะใหม่ โดยเป็นหน่วยงานในกำกับของมหาวิทยาลัย และออกระเบียบบริหารการเงินและบุคคลเอง ไม่เกี่ยวกับระบบราชการก็ทำได้ เพราะในเรื่องนี้ได้ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการศึกษา ศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม วุฒิสภาแล้ว ส่วนที่มหาวิทยาลัยกังวลว่า การที่เปิดสอนได้เพียงคณะเดียวจะลดความสนใจของเด็กนั้น ในเรื่องนี้มหาวิทยาลัยจะต้องประชาสัมพันธ์ให้นักเรียน ผู้ปกครองทราบว่าแม้จะเปิดสอนเพียงคณะเดียว แต่ก็มีหลายหลักสูตร ไม่ใช่คณะเดียวแล้วจะมีแค่วิชาเดียว (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 8 เม.ย. 48 http://www.komchadluek.net)





สกอ.พร้อมรับสมัครเอ็นท์’48ทั่วปท.

นางศศิธร อหิงสโก ผู้อำนวยการสำนักทดสอบกลาง สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) เปิดเผยว่า สกอ.จะดำเนินการรับสมัครคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา หรือเอ็นทรานซ์ ประจำปีการศึกษา 2548 ในศูนย์รับสมัคร 15 ศูนย์ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 8-11 เมษายนนี้ โดยในปีการศึกษานี้มีสถาบันอุดมศึกษาในสังกัด สกอ.รวม 80 แห่ง ร่วมรับนักศึกษาผ่านระบบเอ็นทรานซ์เพื่อเข้าศึกษาใน 546 คณะ/ประเภทวิชา โดยสามารถรับนักศึกษาได้รวม 104,777 คน ซึ่งขณะนี้ศูนย์รับสมัครทั้ง 15 ศูนย์ทั่วประเทศมีความพร้อมในการเปิดรับสมัครแล้ว อย่างไรก็ตาม อยากฝากถึงผู้สมัครเอ็นทรานซ์ว่าให้ศึกษารายละเอียดในระเบียบการรับสมัครให้ดี เช่น รหัสวิชาของคณะ/ประเภทวิชาที่เลือก โดยเฉพาะรหัสวิชา 47 วิทยาศาสตร์กายภาพชีวภาพ(หลักสูตร ม.ปลาย พ.ศ.2524 ปรับปรุง พ.ศ.2533) และรหัส 48 วิทยาศาสตร์กายภาพชีวภาพ(หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2544) ซึ่งผู้สมัครที่เรียนหลักสูตรใดก็ต้องติดรหัสในใบสมัครให้ถูกต้อง และต้องดูโครงสร้างวิชาที่แต่ละคณะ/ประเภทวิชากำหนดให้ดี เช่น คณะแพทยศาสตร์กำหนดให้ต้องใช้วิทยาศาสตร์โครงสร้างใด เป็นต้น เพราะหากใส่รหัสผิดจะทำให้วิชานี้ไม่ได้คะแนน สำหรับปฏิทินการรับสมัครเอ็นทรานซ์ประจำปีการศึกษา 2548 มีดังนี้ เปิดรับสมัคร วันที่ 8-11 เมษายน ประกาศรายชื่อผู้ที่มีสิทธิสอบสัมภาษณ์ และตรวจร่างกาย วันที่ 7 พฤษภาคม สอบสัมภาษณ์และตรวจร่างกาย วันที่ 10-14 พฤษภาคม และประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าเรียนในสถาบันอุดมศึกษา วันที่ 21 พฤษภาคม (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 8 เมษายน 2548 http://www.matichon.co.th)





ยก"ว.ปทุมธานี"ขึ้นมหา"ลัย แจง5มรภ.ใหม่มีคณะเดียว

นายสุชาติ เมืองแก้ว รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กกอ.) เปิดเผยหลังประชุมคณะกรรมการ กกอ. ว่าคณะกรรมการ กกอ.ได้เห็นชอบให้วิทยาลัยปทุมธานียกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยปทุมธานี ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2548 เป็นต้นไป เนื่องจากมีคุณสมบัติเป็นไปตามเกณฑ์การเปลี่ยนสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ยังเห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ และมหาวิทยาลัยนครพนม เพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ เช่น มหาวิทยาลัยดังกล่าวมีหลักสูตรใดบ้าง ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ(ก.พ.ร.) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และกระทรวงการคลัง ได้พิจารณาเกี่ยวกับการแบ่งส่วนโครงสร้างราชการของสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งในส่วนของมหาวิทยาลัยราชภัฏ(มรภ.)ใหม่ 5 แห่ง ได้แก่ มรภ.นครพนม มรภ.ชัยภูมิ มรภ.กาฬสินธุ์ มรภ.ร้อยเอ็ด และ มรภ.ศรีสะเกษ ที่มีโครงสร้างคณะวิชาเพียงคณะวิชาเดียว ตามกฎหมายว่าด้วยการแบ่งส่วนราชการ จึงทำให้ มรภ.ทั้ง 5 แห่งเสนอให้ สกอ.ทบทวนนั้น เรื่องนี้เนื่องจาก มรภ.ใหม่ยังมีปัญหาด้านโครงสร้างบุคลากร แต่อย่างไรก็ตาม ภายในคณะวิชาดังกล่าวจะมีกี่หลักสูตรก็ได้ ขึ้นอยู่กับความพร้อม ทั้งนี้จะเชิญผู้บริหาร มรภ.ทั้ง 5 แห่งมาหารือกันช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 8 เมษายน 2548 http://www.matichon.co.th)





ปีไก่ทอง ม.ศรีปทุม 7 นวัตกรรมใหม่ เข้าตาเคเบิ้ลเอเชีย

ผลงานของเหล่านักศึกษา มาแรงจนต้องตาต้องใจ บริษัท เอเชีย บรอดคาสติ้ง เทเลวิชั่น จำกัด หรือ “Abtv” ส่งเทียบเชิญมาอัดรายการ “ตลุยโลกวิทยาศาสตร์” เผยแพร่ 7 นวัตกรรมใหม่เอี่ยม ให้เป็นที่รู้จักในแทบเอเชีย นวัตกรรมทั้ง 7 ชิ้น เป็นผลงานประดิษฐ์คิดค้นจากนักศึกษาคณะสารสนเทศศาสตร์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ ประกอบด้วย เรือรดน้ำวิทยุบังคับ, หุ่นยนต์ Global, หุ่นยนต์ Robust (หุ่นยนต์กู้ภัย), หุ่นยนต์ Robocup (หุ่นยนต์เตะฟุตบอล), เครื่องชุบโลหะด้วยโครเมี่ยมควบคุมโดย PLC, เครื่องทำความสะอาดด้วยคลื่นอัลตร้าโซนิก และเครื่องหยอดเหรียญสมองกล แต่ละชิ้นล้วนมีรางวัลการันตีทั้งสิ้น อย่าง หุ่นยนต์ Global ผลงานของนักศึกษาคณะสารสนเทศศาสตร์ ได้รับรางวัลชนะเลิศ การแข่งขันมหกรรมหุ่นยนต์นานาชาติ Robofesta 2001 ประเภทหุ่นยนต์บริการสมองกล ณ เมืองโยโกฮามา เมื่อปี 2544 และ “เรือรดน้ำวิทยุบังคับ” ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศ ถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในการประกวดโครงการ “รางวัลนวัตกรรมแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 3” เป็นต้น ทางผู้แทน Abtv กล่าวว่า การถ่ายทำผลงานครั้งนี้ จะเปิดโอกาสให้เต็มที่ทั้งนักศึกษา อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ ได้ถ่ายทอดการสร้างสรรค์ผลงานยอดเยี่ยมเหล่านี้ และนอกจากจะเผยแพร่ทางเคเบิ้ลท้องถิ่นทั่วประเทศแล้ว ยังจะเผยแพร่ไปยังประเทศที่ซื้อสัญญาณ อาทิ ประเทศญี่ปุ่น เกาหลี และไต้หวันด้วย (สยามรัฐรายวัน เสาร์ที่ 9 เม.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)





ปรับเงินให้ พนง.มหาวิทยาลัยกันสมองไหล

นายรุ่ง แก้วแดง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ได้หารือกับอธิการบดีมหาวิทยาลัยถึงเรื่องเงินเดือนของพนักงานมหาวิทยาลัย ซึ่งอยู่ในกระบวนการออกเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ตั้งแต่ปี 2540 โดยรัฐบาลกำหนดว่าการแต่งตั้งตำแหน่งข้าราชการและอาจารย์ในมหาวิทยาลัยจะให้เป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ซึ่งโครงการที่เริ่มก็โชคดีที่อยู่ในช่วงที่นักเรียนทุนรัฐบาลที่ส่งไปเรียนต่างประเทศจบการศึกษาพอดี ดังนั้น ส่วนใหญ่พนักงานมหาวิทยาลัยจะได้นักเรียนทุนเก่ง ช่วยสร้างความเจริญให้กับมหาวิทยาลัยอย่างมาก เพราะรัฐบาลส่งเสริมให้คนเหล่านี้ทำผลงานมาก และมีการประเมินผลการทำงานหลายระยะ ต่างจากระบบราชการปกติ คนที่เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยจะกำหนดชัดเจนว่าสัปดาห์หนึ่งต้องทำการสอนกี่ชั่วโมง และเน้นการวิจัยเสริมการสอนเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นมหาวิทยาลัยวิจัย แต่เกิดปัญหาขึ้นเมื่อปี 2547 รัฐบาลได้ขึ้นเงินเดือนให้กับข้าราชการสูงขึ้น จึงเกิดความกดดันมากกับพนักงานมหาวิทยาลัยที่แม้จะมีอัตราเงินเดือนที่สูงกว่าข้าราชการ แต่กลับไม่มีสวัสดิการใด ๆ จากปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้น ทำให้พนักงานมหาวิทยาลัยที่มีความรู้ความสามารถเมื่อเทียบเงินเดือนกับภาคธุรกิจแล้วต่างกันมาก ขณะนี้ หลายคนคิดที่จะลาออก เกิดสภาพสมองไหล ตนจึงได้ประชุมร่วมกับคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) และสำนักงบประมาณ ซึ่งจากการประชุมทุกคนมีความเห็นตรงกันว่าควรจะต้องขยับขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงานมหาวิทยาลัย ส่วนจะเป็นอัตราเท่าใดยังไม่ได้ข้อยุติ จึงมอบให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ไปรวบรวมข้อมูลจำนวน พร้อมทำเอกสารเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยหลังจาก สกอ.ทำรายละเอียดเสร็จแล้วจะเสนอไปให้สำนักงบประมาณให้ความเห็นก่อนนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอ ครม. และ ครม.ต่อไป (ไทยรัฐ อาทิตย์ที่ 10 เม.ย. 48 http://www.thairath.co.th)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


ฝุ่นละอองจากคน สัตว์และพืช เป็นตัวการทำให้อากาศสกปรก

รายงานการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่เพิ่งเปิดเผย ได้แจ้งว่า อนุภาคจากผิวหนังของคนเรา ตลอดจนขี้รังแค และเศษซากเซลล์ รวมทั้งชิ้นเศษโปรตีนจากสัตว์และพืชตามธรรมชาติ ได้มีส่วนเพิ่มปริมาณของอนุภาคในอากาศให้สูงขึ้นถึงอีกหนึ่งในสี่ของปริมาณทั้งหมด รายงานการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์รูเปรช แจนิก แห่งมหาวิทยาลัยเมนซ์ในเยอรมนีกล่าวว่า นักวิทยาศาสตร์ก็รู้ว่ามีอนุภาคทางชีววิทยาลอยคลุ้งปะปนอยู่ในอากาศ แต่ยังไม่ เคยมีการศึกษาตรวจวัดกัน การศึกษาหนนี้ได้ พบว่าอนุภาคที่ลอยปะปนอยู่ มีทั้งฝุ่นจากพวกไฟเบอร์ ขี้รังแค และผิวหนัง ผงฝุ่นของพืช เกสร แบคทีเรีย เชื้อรา และผลึกของโปรตีนต่างๆอยู่เป็นอันมาก. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 4 มี.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ก.วิทย์เปิดเวทีประกวด เฟ้นหาสุดยอดนวัตกรรม

นายศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า สำนักงานร่วมกับธนาคารกรุงเทพ เล็งเห็นความสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมนวัตกรรมแห่งชาติ ที่จะช่วยให้เกิดการตื่นตัวในการสร้างและพัฒนานวัตกรรมโดยรวมของประเทศ จึงได้การจัดประกวดรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ประจำปี 2548 เพื่อกระตุ้นองค์กรต่างๆ ได้สนใจพัฒนานวัตกรรมของตนเอง รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้ภาคธุรกิจเอกชน โดยการคัดเลือกตัวอย่างกิจกรรมที่มีลักษณะนวัตกรรมเด่นชัด และบรรลุผลเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคม สำหรับผลักดันให้นวัตกรรมนั้นเกิดขึ้น โดยแบ่งประเภทรางวัลออกเป็น รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติด้านเศรษฐกิจ (National Inonovation Award for the Economy) และรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติด้านสังคม (National Innovation Award for Society) ทั้งนี้ กำหนดเปิดรับสมัครและคัดเลือกผลงานนวัตกรรม ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน-15 กรกฎาคม 2548 และจะมีพิธีมอบรางวัลในเดือนกันยายนถัดไป (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 4 เม.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





เอไอทีออกแบบระบบเตือนภัยอัตโนมัติ ส่งเอสเอ็มเอสทันทีหลังพบแรงสั่นสะเทือน 7 ริกเตอร์

ผศ.ดร.สุทัศน์ วีสกุล นักวิจัยภาควิชาวิศวกรรมแหล่งน้ำและการจัดการ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) เปิดเผยว่า เอไอทีได้ดำเนินการวิจัยเพื่อทดสอบการส่งข้อมูลความเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือ SMS เช่น ข้อมูลปริมาณน้ำฝนที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละปี จากผลงานวิจัยดังกล่าวจึงได้พิจารณาถึงความเป็นไปได้ ที่จะปรับให้ตัวโปรแกรมสามารถใช้กับการเตือนภัยแผ่นดินไหว โดยขั้นแรกของการทำวิจัยเริ่มจากการสืบหาฐานข้อมูลเกี่ยวกับแผ่นดินไหว ทั้งจากเว็บไซต์ที่มีการรายงานข้อมูลแผ่นดินไหวจากประเทศต่างๆ เพื่อดูว่าเว็บไซต์ใดที่ให้ข้อมูลอัพเดทได้รวดเร็วสุด รวมถึงข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา สำหรับใช้ประกอบการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยในการอ่านข้อมูลการเกิดแผ่นดินไหวได้อย่างแม่นยำ หลังจากได้ตัวโมเดลมาแล้ว จึงทดลองส่งข้อความเตือนภัยให้เจ้าหน้าที่กรมอุตุนิยมวิทยา และเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรธรณีประมาณ 10 คน โดยจะพิมพ์ข้อความเตือนภัยและส่งข้อความผ่านทาง SMS ทุกครั้งที่เกิดแผ่นดินไหวขนาดแรงสั่นสะเทือน 6.5 - 7.0 ริกเตอร์ขึ้นไป และจุดศูนย์กลางการเกิดตื้นกว่า 30 เมตร ในพื้นที่สำคัญ 4 จุดมหาสมุทรอินเดียได้แก่ บริเวณนิโคบาร์, เกาะอันดามัน, บริเวณทิศเหนือและทิศตะวันตกของเกาะสุมาตรา เพราะหากเกิดแผ่นดินไหวในจุดเสี่ยงดังกล่าวอาจก่อให้เกิดคลื่นยักษ์ได้ ทั้งนี้ ระบบสามารถกำหนดการแจ้งเตือนภัยเฉพาะ โดยส่งข้อความไปยังโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในพื้นที่ 6 จังหวัดเสี่ยงภัยได้ แต่อาจจะต้องอาศัยเครื่องรับที่มีระบบจีพีเอส รวมถึงการสนับสนุนจากเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ด้วย ข้อดีของระบบดังกล่าวอยู่ที่ระบบส่งข้อความผ่าน SMS ไม่จำเป็นต้องอาศัยแรงงานคนในการเฝ้าติดตามข้อมูลอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่จะประมวลผลและส่งข้อมูลได้โดยอัตโนมัติ เมื่อมีข้อมูลการเกิดแผ่นดินไหวเปลี่ยนแปลงในฐานข้อมูล ขณะที่ระบบเตือนภัยของกรมอุตุฯ จำเป็นต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ในการเฝ้าติดตามดูข้อมูลความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 4 เม.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com) 'แข่งขันแรงงานเยาวชนนานาชาติ' ยกระดับมาตรฐานฝีมือไทยสู่เวทีโลก จะมีการแข่งขัน ฝีมือแรงงานเยาวชนนานาชาติ ครั้งที่ 38 ที่เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม นี้ โดยการแข่งขันในครั้งนี้ ประเทศไทยได้ส่งแรงงาน และเยาวชนไทย เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ เพื่อที่จะประกาศว่า ฝีมือแรงงานของคนไทยมีศักยภาพ คุณภาพประชากร ตามมาตรฐานฝีมือของประชากร ความเท่าทันเทคโนโลยี เทียบเท่านานาประเทศทั่วโลก (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 4 เม.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ไอทีไลฟ์ / การ์ดมัลติมีเดียมือถือ

สำนักข่าวดาวโจนส์ รายงานว่า บริษัทซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ยักษ์ใหญ่วงการอิเล็กทรอนิกส์ ประกาศเปิดตัวการ์ดความจำรุ่นใหม่ ขนาดเท่าหัวแม่มือ ซึ่งได้ออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพลูกเล่นมัลติมีเดียให้กับโทรศัพท์มือถือ พร้อมทั้งลดขนาดลงเหลือเพียง 1 ใน 3 ของการ์ดมัลติมีเดียขนาดเล็กทั่วไป (12x14x1.1 มม.) และสามารถรองรับชิพความจำแฟลชแนนด์ (NAND) ได้ถึง 4 ตัว เพื่อเพิ่มสมรรถนะการทำงานให้สูงขึ้น ทั้งนี้ซัมซุงได้ออกแบบการ์ด “เอ็มเอ็มซี ไมโคร” เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ผลิต ที่นิยมติดตั้งฟังก์ชันมัลติมีเดียลงในมือถือขนาดเล็กมากขึ้น ส่งผลให้เครื่องต้องการหน่วยความจำที่มีความจุเพิ่มขึ้น แต่มีขนาดเล็กลง การ์ดที่วางจำหน่าย จะมีทั้งรุ่นความจุ 32, 64, 128 ไปจนถึง 256 เมกะไบต์ และทางบริษัทยังมีแผนผลิตรุ่นความจุ 512 เมกะไบต์ ภายใน 3 เดือนข้างหน้า ส่วนการ์ดขนาด 2 กิกะไบต์ ที่สามารถรองรับชิพความจำแฟลชแนนด์ ได้ 4 ตัว จะเปิดตัวในช่วงครึ่งแรกของปี 2549 ปัจจุบัน ซัมซุงกำลังพัฒนาให้การ์ด เอ็มเอ็มซี ไมโคร ให้มีมาตรฐานสอดคล้องกับเกณฑ์ของสมาคมการ์ดมัลติมีเดีย (เอ็มเอ็มซีเอ) ขณะที่นักวิเคราะห์ของไอดีซีคาดการณ์ว่า ตลาดการ์ดมัลติมีเดีย จะมีการเติบโตโดยเฉลี่ยราว 49% ต่อปี ไปจนถึงปี 2551 (สยามรัฐรายวัน จันทร์ที่ 4 เม.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)





ระบบนิเวศป่วนหนัก สัตว์เสี่ยงสูญพันธุ์-CO2พุ่ง

รายงานระบุว่า ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา มนุษย์เป็นตัวการที่ทำให้ระบบนิเวศเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและขยายวงกว้างมากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาอื่นๆ ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่เกิดจากความต้องการอาหาร น้ำสะอาด ไม้ เส้นใย และเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงทางระบบนิเวศเป็นไปอย่างถาวร และทำให้ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตบนโลกสูญเสียไปอย่างไม่อาจเอากลับคืนมาได้ นายโคฟี่ อันนัน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ กล่าวว่า ผลการศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์เป็นสาเหตุของการทำลายสภาพแวดล้อมอย่างมากมายทั่วโลก นอกจากนี้ ยังทำลายความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานต่อทุกชีวิตบนโลก ผลการวิจัยพบว่า ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอาจจะนำมาซึ่งการแพร่ระบาดของโรค ยกตัวอย่างทะเลสาบเกรตในแอฟริกาที่ร้อนขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอย่างทันทีทันใด อาจจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์ ส่วนการใช้ปุ๋ยในการทำเกษตรก็อาจจะทำให้เกิดการปนเปื้อนในทะเล ซึ่งจะทำให้บรรดาสิ่งมีชีวิตในทะเลขาดอากาศหายใจ หรือทำให้ก๊าซออกซิเจนใต้ทะเลหมดไป ขณะที่การตัดไม้ทำ ลายป่าก็ทำให้ฝนตกน้อยลง และปริมาณฝนที่ลดลงก็ทำให้ต้นไม้ไม่สามารถเติบโตได้ รายงานยังชี้ว่า การเผาไหม้เชื้อเพลิงในรถยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม และโรงงานเครื่องจักร เป็นตัวการก่อภาวะโลกร้อน และเป็นตัวการสำคัญในการทำลายทรัพยากรธรรมชาติบนโลกด้วย ในรอบ 100 ปี รายงานยังเตือนให้ประชาชนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งให้มีการศึกษาเรื่องนี้มากขึ้น ใช้เทคโนโลยีใหม่ และกำหนดราคาในการใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศให้แพงขึ้น าย เอ.เอช. ซาครี มหาวิทยาลัยสหประชาชาติ กล่าวว่า แต่ละประเทศควรจะตระหนักว่า บริการของธรรมชาตินั้นมีต้นทุน การปกป้องธรรมชาติจึงเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก ยังมีรายงานเกี่ยวกับปริมาณก๊าซคาร์บอน ไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งเป็นก๊าซสำคัญที่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก โดยพบว่า เมื่อปีที่แล้วปริมาณก๊าซ CO2 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเมื่อ 2 ปีก่อนหน้านี้ แต่แนวโน้มการปล่อยก๊าซนี้ยังคงมีสูงอย่างต่อเนื่อง นักวิทยาศาสตร์จากห้องทดลองมัวนา โลอา พบว่า ก๊าซ CO2 ที่ปล่อยออกมาอยู่ในระดับ 378 ส่วนในล้านส่วน ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงทำลายสถิติเดิม โดยอัตราที่เพิ่มขึ้นในรอบทศวรรษนั้นสูงกว่าในช่วงยุค 60 ถึงเกือบ 2 เท่าตัว (ประชาชาติธุรกิจ จันทร์ที่ 4 มี.ค. 48 http://www.matichon.co.th/prachacha)





มาแล้วหูฟังบลูทูธจากเดนมาร์ก

ดร.บรรพต วัฒนสมบัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้รับสิทธิเป็นตัวแทนจำหน่ายหูฟังไร้สายบลูทูธ ยี่ห้อจาบาร์ จากประเทศเดนมาร์ก ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานร่วมกับโทรศัพท์มือถือที่มีบลูทูธ สำหรับจาบาร์ (Jabra) เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องช่วยฟัง ต่อมาได้ผลิตหูฟังไร้สายสำหรับโทรศัพท์มือถือที่มีบลูทูธ ซึ่งมียอดจำหน่ายสูงสุดในสหรัฐอเมริกาและยุโรป โดยในไทยได้เปิดตัว 3 รุ่น ดังนี้ FS 258 คุยต่อเนื่องได้นานถึง 8 ชม. และรับเสียงรับเข้าคมชัดด้วยเทคโนโลยีตัดเสียงออก ซึ่งเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดในโลก BT 800 มีจอ LCD โชว์เบอร์ผู้โทรฯเข้า โหลดและตั้งเสียงริงโทนได้ ใช้ระบบสั่นแทนเสียงเรียกเข้า และยังสามารถโทรฯออก 10 เบอร์สุดท้าย ได้รับการโหวตให้เป็นอุปกรณ์ไฮเทคสุดเท่ประจำปี ค.ศ.2005 จากนิตยสารฟอร์บส์ และรุ่น BT 110 สามารถใช้แบตเตอรี่ขนาด AAA คุยต่อเนื่องได้นาน 15 ชม. มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา ออกแบบให้มีรูปร่างเข้ากับสรีระของใบหู ยังมีมินิเจลช่วยให้การสวมใส่สบายไม่ทำให้เจ็บหู ราคา 2,000-5,000 บาท ขณะนี้มีวางจำหน่ายแล้ว (เดลินิวส์ อังคารที่ 5 เมษายน 2548 http://www.dailynews.co.th)





เตือน 50 ปี โลกใกล้วิกฤติ สหประชาชาติชี้ระบบนิเวศพัง-ขาดแหล่งอาหาร

รายงานจากสหประชาชาติเป็นผลจากการวิจัยของนักวิจัย 1,300 คน จาก 95 ประเทศ และได้รับการยอมรับว่า ทรัพยากรโลกหายไปอย่างรวดเร็ว และระบบนิเวศของโลกกำลังถูกทำลายย่อยยับ ส่งผลให้เกิดโรคระบาดใหม่ๆ อากาศวิปริต วิกฤติน้ำ ปลาในทะเลหดหาย ความเสื่อมโทรมของระบบธรรมชาตินี้ ส่งผลให้เกิดการอุบัติของโรคระบาดชนิดใหม่ คุณภาพของน้ำกิน น้ำใช้ พื้นที่เสี่ยงภัยชายฝั่งมหาสมุทร แหล่งจับปลา และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ โดยรายงานนี้ได้ส่งสัญญาณเตือนว่า ระบบธรรมชาติกำลังเสื่อมลง จะส่งผลเลวร้ายต่อโลกรุนแรงหนักขึ้นในอีก 50 ปีข้างหน้า สภาวะแวดล้อมที่เสื่อมโทรมนี้จะส่งผลต่อแหล่งอาหาร น้ำดื่ม น้ำใช้ ไม้ และเชื้อเพลิง สำหรับหล่อเลี้ยงมนุษย์ในอีก 50 ปีข้างหน้า และระบุว่า มนุษย์ยังไม่ได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่เพื่อแก้ไขปัญหาความหิวโหย ความยากจน และพัฒนาส่งเสริมด้านสุขอนามัย ทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลายอย่างรวดเร็ว เป็นผลมาจากประชากรโลกที่เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นทวีคูณหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยกตัวอย่าง มีการเปลี่ยนสภาพป่าไม้เพื่อนำมาใช้ทำเกษตรกรรมเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่สิ้นสงครามโลกเมื่อปี 2488 เทียบกับเมื่อร้อยปีก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้นไม้และพุ่มไม้ที่ถูกทำลายลงในบางพื้นที่ทำให้ระบบการปกป้องโลกจากภัยธรรมชาติ อย่างเช่น คลื่นยักษ์สึนามิ และน้ำท่วม มีประสิทธิภาพลดลงอย่างสำคัญ ในพื้นที่ที่มีประชากรอยู่หนาแน่น ปัญหาจากการทำการเกษตรโดยไม่มีความรู้กำลังทำให้พื้นดินที่อุดมสมบูรณ์กลายเป็นทะเลทราย สภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรมยังเกิดขึ้นกับมหาสมุทรกับทะเลสาบเช่นกัน ส่งผลให้แหล่งปลาลดลง 1 ใน 10 จากระดับก่อนที่การประมงจะเริ่มทำกันเป็นอุตสาหกรรม โดยคาดการณ์ว่าในอีก 100 ปีข้างหน้า ร้อยละ 32 ของพันธุ์ปลาจะสูญพันธุ์ ขณะที่นกสูญพันธุ์ ร้อยละ 12 และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ร้อยละ 25 รายงานดังกล่าว ซึ่งเป็นการประเมินระบบนิเวศในรอบ 1,000 ปีที่ผ่านมา หนา 2,500 หน้า มีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติของมนุษย์ และยังหวังว่าเมื่อมนุษย์มีความรู้มากขึ้น มีเทคโนโลยีใหม่ และมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นจากการใช้ระบบนิเวศ อาจช่วยชะลอความเสียหายได้ (คมชัดลึก อังคารที่ 5 เมษายน 2548 http://www.komchadluek.net)





ลูกบิดไฮเทค

ชุดลูกบิดประตูไฮเทค "ฟิงเกอร์พรินต์ ไอดี ดอร์ ล็อก" เป็นชุดลูกบิดประตูนิรภัยที่ต้องใช้การสแกนลายนิ้วมือเข้ารหัสรักษาความปลอดภัยเพื่อเปิดประตู โดยหน่วยความจำของชุดลูกบิดไฮเทคนี้สามารถจดจำลายนิ้วมือได้ 50 ชุด ราคา 23,999 บาท (smarthome.com) (ข่าวสด อังคารที่ 5 เมษายน 2548 http://www.matichon.co.th/khaosod)





อุปกรณ์ไฮเทครุ่นหน้าสะดวกใช้ แค่ขยับกายเปลี่ยนช่องได้ทันใจนึก

ในการสัมมนาด้านคอมพิวเตอร์ที่สหรัฐอเมริกา นักวิจัยของมหาวิทยาลัยกลาสโกว์ แจ้งว่า ได้ลองพัฒนา "ออดิโอ คลาวด์" ขึ้นมาใช้สำหรับควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ไฮเทคโดยใช้การเคลื่อนไหวและเสียง โดยมันจะสามารถนำมาใช้กับอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้อย่างง่ายดายและปลอดภัยมากขึ้น ศาสตราจารย์สตีเฟน บริวสเตอร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการควบคุมการทำงานของอุปกรณ์พกพาอยู่บนฐานการทำงาน ที่ต้องใช้สายตาควบคุมเนื่องจากอุปกรณ์เหล่านั้นเกิดมาจากการใช้งานคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แต่เมื่อต้องนำมาใช้ในชีวิตประจำวันก็ออกจะดูยุ่งยากสักหน่อย จึงหวังว่าจะพัฒนาการใช้งานให้มันเป็นอุปกรณ์พกพาได้อย่างแท้จริง ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้มันได้อย่างเป็นธรรมชาติ นักวิจัยได้ยกตัวอย่างการพัฒนาการควบคุมการทำงานในหลายวิธี เช่น อาจจะมีอุปกรณ์พีดีเอและเครื่องเล่นเพลงให้เสียง 3 มิติ และอาศัยการวางท่าต่างๆเพื่อใส่ข้อมูลเข้าไป (ไทยรัฐ พุธที่ 6 เม.ย. 48 http://www.thairath.co.th)





จุฬาฯเผยผลวิจัยชี้20ปีกรุงเทพฯจมน้ำครึ่งเมือง เหตุแผ่นดินทรุด ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น และการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก

รศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง เดิมเข้าใจว่าเกิดจากธรรมชาติเท่านั้น แต่ล่าสุดเพิ่งทำการศึกษาถึงปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการกัดเซาะชายฝั่งในบริเวณอ่าวไทยตอนบนตั้งแต่ จ.สมุทรสงคราม สมุทรสาคร กทม.จนถึงปากแม่น้ำ จ.สมุทรปราการ รวมทั้งฉะเชิงเทรา พบการกัดเซาะรุนแรงมากประมาณ 77 กม.คิดเป็นพื้นที่ 12,288 ไร่ สรุปได้ว่าการทรุดตัวของแผ่นดิน ตลอดจนการขึ้น-ลงของน้ำทะเลเป็นตัวการทำให้ชายฝั่งถูกกัดเซาะรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ใจกลาง กทม.และปริมณฑล ค่อนข้างมีปัญหาการทรุดตัวเฉลี่ยมากกว่า 10 ซม.ต่อปี และมีพื้นที่ถูกกัดเซาะไปมากกว่า 6,419 ไร่ แต่หลังจากเริ่มควบคุมการใช้น้ำบาดาลทำให้อัตราลดลงเหลือประมาณ 2-4 ซม.ต่อปี และมีพื้นที่ถูกกัดเซาะลดลงประมาณ 3,044 ไร่ ขณะที่ภาพรวมของชายฝั่งที่ถูกกัดเซาะทั้งหมด 300 กม.จาก 1,700 กม. โดยเฉพาะบริเวณอ่าวไทยถูกกัดเซาะไปกว่า 60% แม้แผ่นดินจะทรุดน้อยลง น้ำทะเลในอ่าวไทยก็เพิ่มขึ้นสูงทุกปีเฉลี่ยปีละ 16-26 มม.ซึ่งผลของแผ่นดินทรุดเมื่อรวมกับปัญหาน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลให้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งใน กทม.รุนแรงขึ้นมาก จากการประเมินอีก 20 ปีข้างหน้า ถ้ายังไม่มีปัญหาการกัดเซาะอย่างจริงจัง ชายฝั่ง กทม.แถวบางขุนเทียนจะหายไปอีก 1.3 กม.และถ้าดูจากสภาพอากาศของโลกที่เปลี่ยนไป อุณหภูมิสูงขึ้น ทำให้น้ำแข็งละลาย น้ำทะเลจะสูงขึ้น อนาคต กทม.อาจจะอยู่ใต้น้ำถึงครึ่งเมือง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญระดับชาติที่ทุกฝ่ายต้องมาหารือเพื่อหาทางแก้ปัญหา และจากการลงไปศึกษาชายฝั่งทะเลที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช พบว่าพื้นที่ชายหาดยาวประมาณ 80 กม.ใน 10 ตำบล ถูกกัดเซาะอย่างรุนแรงมาก ทำให้บ้านเรือน สิ่งปลูกสร้างได้รับความเสียหายจำนวนมาก (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 6 เม.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





คอมพ์ตรวจหามะเร็ง เล็กเพียงใดไม่รอดสายตา

ดร.ราเชล เอฟ เบรม ผู้อำนวยการฝ่ายประมวลผลภาพเต้านม มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน และทีมงาน บอกว่า การตรวจหามะเร็งเต้านมที่ก้อนมะเร็งมีขนาดเล็ก ด้วยวิธีการเอกซเรย์ปกตินั้นค่อนข้างลำบากที่จะตรวจพบ แต่เมื่อนำระบบตรวจหาทางคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้งาน พบว่าช่วยงานนักรังสีวิทยาได้อย่างมาก และที่สำคัญความถูกต้องแม่นยำของค่าวัดอยู่ในระดับสูง โดยคำกล่าวอ้างของหัวหน้าทีมวิจัยท่านนี้ ยืนยันได้จากผลการวินิจฉัยโรค ด้วยการตัดเนื้อเยื่อขนาดเล็กที่ต้องสงสัยนั้น มาตรวจพิสูจน์ซ้ำด้วยกล้องจุลทรรศน์อีกครั้ง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ศึกษาครั้งนี้ เป็นสุภาพสตรีจำนวน 201 คน ที่มีปัญหาเนื้องอกเต้านมในหลากหลายรูปแบบ และผลจากการศึกษาที่ได้โดยรวม พบว่าระบบคอมพิวเตอร์สามารถตรวจหามะเร็งเต้านมได้ 89% โดยหากใช้เงื่อนไขของขนาดมาเป็นตัวชี้วัด จะเห็นได้ว่าระบบตรวจหามะเร็งชุดนี้ สามารถตรวจจับมะเร็งที่มีขนาด 5 มิลลิเมตร หรือเล็กกว่าได้มากถึง 92% ขณะที่ขนาด 11-15 มิลลิเมตร และ 16-20 มิลลิเมตร ตรวจหาได้ 94% และ 80% ตามลำดับ ทีมวิจัยเชื่อว่า ระบบตรวจหามะเร็งรูปแบบใหม่ด้วยคอมพิวเตอร์นี้ จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ ในการตรวจหามะเร็งเต้านมเพิ่มเติมจากวิธีเดิมที่มีอยู่ โดยเฉพาะมะเร็งที่มีขนาดเล็กมากจนหลุดรอดการตรวจจับด้วยวิธีปกติทั่วไป (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 7 เม.ย. 48 http://www.komchadluek.net)





ยุ่นพัฒนากระสวยอากาศไปดวงจันทร์

เจ้าหน้าที่ของสำนักงานสำรวจอวกาศของญี่ปุ่น (เจเอเอ็กซ์เอ) แถลงเมื่อวันพุธว่า เจเอเอ็กซ์เอ ต้องการพัฒนากระสวยอวกาศที่มีมนุษย์ขึ้นไปด้วยในอีก 2 ทศวรรษข้างหน้านี้ ซึ่งอาจจะสามารถเดินทางไปยังดวงจันทร์ได้ในที่สุด ทั้งนี้ เจเอเอ็กซ์เอจะปล่อยกระสวยอวกาศลำแรกพร้อมด้วยเสบียงขึ้นไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ (ไอเอสเอส) ที่กำลังโคจรอยู่ ก่อนที่จะพัฒนายานอวกาศที่ใช้มนุษย์ ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ได้อีก เช่นเดียวกับกระสวยอวกาศของสหรัฐ เจเอเอ็กซ์เอได้เสนอแผนการดังกล่าวต่อคณะกรรมการด้านอวกาศของรัฐบาลญี่ปุ่นแล้ว และยังไม่ชัดเจนว่า รัฐบาลจะอนุมัติตามข้อเรียกร้องของเจเอเอ็กซ์เอหรือไม่ เนื่องจากต้องใช้งบประมาณสูงถึง 280,000 ล้านเยน (2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขณะนี้ เจเอเอ็กซ์เอได้งบประมาณประจำปีอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับงบประมาณจำนวน 16,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐขององค์การบริหารการบินและอวกาศ (นาซา) ของสหรัฐ แผนการยักษ์ของสำนักงานอวกาศญี่ปุ่นมีขึ้น หลังจากญี่ปุ่นส่งดาวเทียมสื่อสารดวงหนึ่งติดไปกับกระสวยอวกาศที่ถูกส่งขึ้นไปพร้อมกับจรวดเอช-2เอในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นความสำเร็จครั้งแรกของเจเอเอ็กซ์เอ หลังจากหยุดภารกิจด้านอวกาศไปเป็นเวลา 15 เดือน เนื่องจากประสบความล้มเหลวอยู่บ่อยครั้ง ส่วนโครงการอวกาศอื่น ๆ นั้น ก็มีทั้งเครื่องบินโดยสารความเร็วเหนือเสียง 2 เท่า ซึ่งจะบินจากกรุงโตเกียวไปยังลอสแองเจลิส ใช้เวลาเพียง 5 ชั่วโมง และเครื่องบินไฮโดรเจนไม่มีมนุษย์. (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 7 เม.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)





นักดาราศาสตร์จีนเผยโฉม ภาพจักรวาลแบบเสมือนจริง

นักดาราศาสตร์ชาวจีนเผยโฉมแผนภาพจักรวาลขนาดใหญ่ แบบเสมือนจริงในที่ประชุมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติ โดยใช้ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์พิเศษช่วยสร้างขึ้น จิง ยี่เผิง นักวิจัยอาวุโสแห่งหอสังเกตการณ์ดาราศาสตร์เซี่ยงไฮ้และคณะ ได้ศึกษาการเคลื่อนไหวของรังสีคอสมิก และพัฒนาการโดยใช้เซิร์ฟเวอร์ ซุปเปอร์ คอมพิวเตอร์ และซอฟต์แวร์พิเศษช่วยในการทำงาน คณะนักวิจัยได้อธิบายว่า รังสีคอสมิกชุมนุมกันอย่างไร และมีโครงสร้างอย่างไร และสร้างออกมาเป็นภาพเสมือนจริงของจักรวาล แวดวงนักวิทยาศาสตร์นานาชาติยกย่องให้ภาพ เสมือนจริงของจักรวาลชิ้นนี้เป็นผลงานที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ในการศึกษาจักรวาลขั้นพื้นฐาน. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 8 เม.ย. 2548 http://www.thairath.co.th)





ความหลากหลายทางชีวภาพ มีวัฎจักรทุก 62 ล้านปี

นักวิทยาศาสตร์ในอเมริกาต้องรู้สึกประหลาดใจ เมื่อได้วิเคราะห์ฟอสซิลสัตว์ ทะเลในช่วง 542 ล้านปีที่ผ่านมา พบว่า ความหลากหลายทางชีวภาพบนโลกใบนี้มีวัฏจักรลึกลับทุก 62 ล้านปี แต่ก็ยังไม่สามารถหาคำอธิบายที่เป็นวิทยาศาสตร์ได้ นักวิจัยของห้องทดลองลอว์เรนซ์ เบิร์กเลย์ กรมพลังงาน และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กเลย์ ได้วิเคราะห์หลักฐานซากฟอสซิลสัตว์ทะเลในช่วง 542 ล้านปีที่ผ่านมา พบว่าความหลากหลายทางชีวภาพบนโลกมีการเกิดขึ้น และตกต่ำลงในทุกๆ 62 ล้านปี สิ่งที่พบนั้นเป็นสัญญาณที่ชี้ชัดอย่างเป็นจริง และหนักแน่นต่อประวัติศาสตร์สิ่งมีชีวิตบนโลก ที่ได้ถูกก่อรูปขึ้นมาตามวัฏจักรทุก 62 ล้านปี แต่ไม่มีทฤษฎีวิวัฒนาการใดที่ให้คำอธิบายได้" ริชาร์ด มูลเลอร์ หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่ร่วมวิจัยให้บอกว่า "ในขณะที่มีสัญญาณบ่งบอกเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพอย่างมหาศาล แต่มันก็สามารถจะมองได้ทั้งในแง่ของการสูญพันธุ์และการเป็นจุดกำเนิดไปพร้อมกัน". (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 8 เม.ย. 2548 http://www.thairath.co.th)





รู้จัก Cell สุดยอดยอดซีพียูอนาคต...ที่ใกล้เข้ามา

ซีพียู “cell” ตัวนี้ทางไอบีเอ็ม โซนี่ และโตชิบา ได้วางโปรเจคท์นี้เอาไว้ตั้งแต่ปี 2001 ว่าจะให้เป็นซีพียูที่เป็นระบบ “มัลติคอร์” มีสมองในการทำงานหลายก้อนในห้องเดียว จนในวันนี้เจ้าตัวโปรโตไทป์ที่ทำ เสร็จออกมาให้ดูกันนั้นมีถึง 9 คอร์ เรียกได้ว่ามีสมองถึง 9 ก้อนในซีพียูตัวเดียว ทางโซนี่ได้วางตำแหน่งของ Cell เอาไว้ให้เป็นสมองของเครื่องเล่นเกมคอนโซลตัวใหม่ของค่าย ได้แก่ เพลย์สเตชั่น 3 โดยจะเป็นเครื่องเล่นเกม หรือคอมพิวเตอร์ตัวแรกที่ใช้ซีพียู cell อยู่ภายใน โดยตามแผนได้วางเอาไว้ว่าในเครื่องจะมี Cell อยู่ถึง 4 ตัว วางให้แต่ละตัวทำหน้าที่ในส่วนของการคำนวณเลขทศนิยม Floating point (หลายท่านอาจสงสัยว่าการคำนวณทศนิยมที่ว่ามันสำคัญอย่างไร เอาเป็นว่างานกราฟิกและการคำนวณกราฟิกที่เราเห็นออกมาเป็นภาพ ยนตร์ เพลง หรือเกมทั้งหลาย ด้านหลังเกิดจากการคำนวณเลขทศนิยมที่รวดเร็วทั้งสิ้น นั่นย่อมแสดงว่ายิ่งซีพียูตัวไหนที่สามารถคำนวณเลขทศนิยมได้แจ่ม ได้เร็ว ก็ย่อมทำให้การสร้างภาพกราฟิกเล่นเกม หรืองานอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับภาพและเสียงทำได้ดี ละเอียด นิ่มนวล และสวยงามยิ่งขึ้นนั่นเอง) (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 8 เม.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)





ระบบ Fast Track ประโยชน์ผู้ประกอบการเกษตรไทย

นายประเสริฐ อนุพันธ์ รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ได้เร่งสร้างความเข้าใจให้กับผู้ผลิตและผู้ประกอบการส่งออกผักและผลไม้ไปต่างประเทศในการเข้าสู่ระบบรับรองการผลิต ตามระบบฟาสต์แทร็ก (Fast Track) ซึ่งเป็นระบบของการสร้างเครือข่ายทั้งด้านการผลิตและการส่งออก ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ อีกทั้งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถ ส่งออกสินค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่ทราบถึงกฎเกณฑ์การเข้าสู่ระบบรับรองการผลิตและสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ ระบบฟาสต์แทร็ก เป็นระบบที่จะสร้างความเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภคโดยวิธีการรับรอง ระบบการผลิตจะแบ่งเป็น 2 แบบ คือ แบบแรก ใช้ในกรณีที่ผู้ประกอบการมีเกษตรกรเครือข่ายที่ผ่านการรับรองแหล่งผลิต (GAP) จากกรมวิชาการเกษตร รวมถึงได้รับการรับรองโรงคัดบรรจุ (GMP) จากกรมวิชาการเกษตรและสินค้าผักผลไม้นั้น ๆ ได้ระบุรหัสสวน ซึ่งสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ (Traceability) โดยผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติดังกล่าวจะจัดทำระบบตรวจสอบย้อนกลับถึงกลุ่มเกษตรกร เพื่อนำใบรับรอง GMP และ GAP แบบตรวจสอบย้อนกลับและแผนการผลิตหรือการส่งออกเสนอต่อกรมวิชาการเกษตร เพื่อให้คณะกรรมการพิจารณาอนุมัติให้เป็นบริษัทที่สามารถส่งผักผลไม้ออกขายในต่างประเทศได้ ส่วนในแบบที่ 2 ใช้ในกรณีที่ ผู้ประกอบการไม่ได้มีเกษตรกรเครือข่ายที่ผ่านการรับรองแหล่งผลิต (GAP) แต่ซื้อผลผลิตจากแปลงเกษตรกรที่ผ่านการรับรองแหล่งผลิต (GAP) จากกรม วิชาการเกษตร รวมถึงได้รับการรับรองโรงคัดบรรจุ (GMP) จาก กรมวิชาการเกษตรและสินค้าผักผลไม้นั้น ๆ ได้ระบุรหัสสวนซึ่งสามารถตรวจสอบย้อน กลับได้ (Traceability) เช่นกัน โดยในส่วน ของวิธีการดำเนินการ ผู้ประกอบการจะต้องรวบรวมใบรับรองของเกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับการรับรองแหล่งผลิตซึ่งได้ทำการจัดเป็นกลุ่มใบรับรอง GMP และแผนการผลิตเพื่อการส่งออกส่งให้กรมพิจารณาอนุมัติเช่นเดียวกัน (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 8 เม.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)





จีนเล็งเพิ่มโรงนิวเคลียร์ผลิตไฟฟ้า

จีนมีแผนสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ใหม่ 40 แห่งภายใน 15 ปีข้างหน้า เพื่อให้สอดรับกับการปรับเพิ่มเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้า นายจาง ฟูเปา รองผู้อำนวยการสำนักพลังงานปรมาณู กล่าวว่าจีนกำลังเร่งพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ เพราะเป็นพลังงานสะอาดและอนุรักษสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายคือ เพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทุกแหล่งจาก 8,700 เมกะวัตต์ในปัจจุบัน เป็น 40,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2563 ซึ่งเป็นการปรับขึ้นจากเป้าหมายเดิมที่ 36,000 เมกะวัตต์ และเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานนิวเคลียร์จาก 2.4% ในปัจจุบัน เป็น 4% ใน 15 ปีข้างหน้า (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 8 เม.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ไทเกอร์ฯ เล็ง 'ผู้นำโช้คอัพ' ผนึกบางมดทำชุดทดสอบแรงสั่น

นายสุธน สอนสอาด ผู้จัดการโรงงานบริษัท ไทเกอร์ มอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้า และชิ้นส่วนรถยนต์-จักรยานยนต์ เปิดเผยว่า บริษัทได้ผลิตโช้คอัพที่เป็นนวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างทดสอบด้วยเครื่องทดสอบ "อุปกรณ์ลดความสั่นสะเทือน" แบบกระบอกไฮดรอลิก เพื่อให้ได้คุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ มอก. โดยเครื่องทดสอบโช้คอัพได้รับการออกแบบ และพัฒนาขึ้นโดยนายนิธิ บุรณจันทร์ อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบวัสดุและผลิตภัณฑ์ และได้รับการสนับสนุนในเรื่องค่าจ้างผู้เชี่ยวชาญจากโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย(ITAP) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สำหรับ "เครื่องทดสอบโช้คอัพ" ถือเป็นหัวใจของบริษัทผู้ผลิตโช้คอัพ แต่เนื่องจากในประเทศยังไม่มีการผลิตเพื่อจำหน่าย จึงต้องสั่งนำเข้าในราคาแพงมาก และบางอย่างไม่มีความจำเป็น และไม่เหมาะสมกับการใช้งาน อีกทั้งหากมีปัญหากรณีชำรุดก็ไม่สามารถซ่อมแซมแก้ไขได้เอง เนื่องจากเรามีเพียงเครื่องแต่ขาดเทคโนโลยี ขณะที่บริษัท ซึ่งเป็นผู้ผลิตโช้คอัพ จึงสนใจสร้างเครื่องทดสอบ แทนการนำเข้า แต่ยังขาดองค์ความรู้บางอย่าง จึงได้ขอรับการช่วยเหลือด้านผู้เชี่ยวชาญจากโครงการ ITAP ซึ่งนอกจากจะได้เครื่องทดสอบโช้คอัพตามมาตรฐานของ มอก.ที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์แล้ว ยังช่วยลดต้นทุนอีกด้วย เนื่องจากเครื่องทดสอบที่พัฒนาขึ้นนี้ราคาถูกกว่าต่างประเทศ 50% แถมยังมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง คาดว่าหลังจากนำเครื่องทดสอบโช้คอัพที่พัฒนาขึ้นมาใช้งานได้อย่างเต็มที่แล้ว จะช่วยบริษัท ไปสู่เป้าหมายในการเป็น "ผู้นำโช้คอัพ" ได้ในเร็วๆ นี้ ด้านนายนิธิ กล่าวว่า ในยุคของการแข่งขันจำเป็นต้องมีหน่วยงาน "อาร์แอนด์ดี" รวมทั้งมีการพัฒนาเพิ่มองค์ความรู้ และมีเทคโนโลยี (know how) ของตนเอง เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สินค้า และทำให้ก้าวสู่ฐานะผู้นำของอุตสาหกรรมได้ ดังนั้น เอกชนหรืออุตสาหกรรมต่างๆ ควรจะให้ความสำคัญเรื่อง อาร์แอนด์ดี อย่างมาก ควบคู่กับการร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษา กับทีมงานของบริษัท จึงจะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมของไทยได้ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 8 เม.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





รังแครังควานโลกร้อนภัยแล้ง

นักวิจัยใช้เวลาศึกษากว่า 15 ปี ตรวจวัดปริมาณการแพร่กระจายของเศษละอองจากผิวหนังสัตว์และมนุษย์ ขนสัตว์ เศษไม้ใบหญ้า ละอองเกสร สปอร์ แบคทีเรีย รา และไวรัสในอากาศ พบว่าอนุภาคเหล่านี้มีขนาดและรูปลักษณะที่ทำตัวเหมือนกับนิวเคลียสสำหรับก่อตัวเป็นผลึกน้ำแข็ง ซึ่งจะเปลี่ยนรูปเป็นเมฆและฝน ถ้าหยดน้ำในก้อนเมฆมีขนาดเล็กมาก โอกาสที่จะกลั่นตัวเป็นฝนจะใช้เวลานานขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อสภาพบรรยากาศและภูมิอากาศของโลกอย่างสำคัญ นักวิทยาศาสตร์ทราบดีว่า ฝุ่นละอองจากโรงงานและโรงไฟฟ้าทำให้จำนวนของหยดน้ำในก้อนเมฆเพิ่มขึ้น และทำให้หยดน้ำเหล่านี้มีขนาดเล็กลง ด้วยเหตุนี้ มลภาวะจึงทำให้เกิดเมฆที่สะท้อนกลับแสงแดดออกไปนอกชั้นบรรยากาศโลกมากขึ้น และอุ้มน้ำไว้นานกว่าปกติ ฝนจึงตกลงมาน้อยลง ขณะเดียวกันงานวิจัยใหม่ที่ระบุว่า อนุภาคฝุ่นละอองจากสิ่งมีชีวิต เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการก่อตัวของเมฆที่มีหยดน้ำขนาดเล็กขนาดนิวเคลียสเช่นกัน ทีมวิจัยฝุ่นกลุ่มนี้ได้เที่ยวเก็บรวบรวมอนุภาคทุกประเภทในอากาศจากที่ต่างๆ ได้แก่ บริเวณมหาวิทยาลัย ทะลสาบไบคาล สถานีภาคพื้นดินอเมซอน ทวีปแอนตาร์กติก เทือกเขาแอลป์ และแผ่นน้ำแข็งหลักในกรีนแลนด์ จากนั้นพวกเขาได้ใช้กล้องจุลทรรศน์แบบต่างๆ ส่องหาเศษวัสดุที่หลุดออกจากสิ่งมีชีวิตโดยใช้สารชีวภาพที่ทำปฏิริยากับโปรตีนเป็นตัวค้นหา และยังใช้วิธีมองหาด้วยตาเปล่าร่วมด้วย พร้อมกับบันทึกจำนวนและขนาด ผลปรากฏว่า ร้อยละ 80 ของเศษอนุภาคที่พวกเขาตรวจพบเป็นฝุ่นละอองจากสิ่งมีชีวิต โดยพบจากแถวเทือกเขาแอลป์ร้อยละ 15 พบจากอเมซอนและทะเลสาบไบคาลในช่วงฤดูหนาวร้อยละ 80 เท่ากับว่าเศษฝุ่นละอองที่พบเขาเก็บรวบรวมร้อยละ 20-25 เป็นฝุ่นละอองจากสิ่งมีชีวิต เรื่องนี้นับว่าสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศและบรรยากาศทั่วไป ยอมรับว่ายังไม่สามารถระบุแหล่งที่มาของฝุ่นละอองในอากาศได้ถึงร้อยละ 40 และแบบจำลองสภาพอากาศที่ทำอยู่ในปัจจุบันก็ไม่ได้นำผลกระทบจากฝุ่นละอองที่หลุดจากสิ่งมีชีวิตมาร่วมคำนวณผลกระทบต่อสภาวะโลกร้อนด้วย ทีมวิจัยยังไม่สามารถบอกได้ว่า ในอนุภาคชีวภาพมีละอองเกสรเท่าไร และมีจำนวนรังแคที่แน่นอนเท่าไร โดยอนุภาคเหล่านี้มีมีน้ำหนักเบาและลอยตัวขึ้นสู่ข้างบนได้ง่าย แถมยังปลิวไปได้ไกลทั่วโลก (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 8 เม.ย. 48 http://www.komchadluek.net)





ข่าววิจัย/พัฒนา


ทำยาฮอร์โมนกินเป็นอายุวัฒนะ เม็ดเดียวยืดออกได้นาน 30 ปี

ศาสตราจารย์จอห์น สปีคแมน แห่งมหาวิทยาลัยอเบอร์ดีน กล่าว แจ้งว่า ได้ค้นพบว่าฮอร์โมนไทรอกซิน มีสรรพคุณช่วยเพิ่มแรงไฟธาตุให้แรงขึ้นได้ ซึ่งจะช่วยยืดอายุขัยให้ยืนยาวขึ้นอีก จากการทดลองกับหนูส่อว่า หากใช้ในปริมาณเหมาะสมจะสามารถยืดอายุขัยมนุษย์ ที่ธรรมดาอาจจะสิ้นลงเมื่ออายุ 70 ปี ให้ออกไปเป็น 100 ปีได้ ในการทดลองกับหนู ทีมนักวิจัยของมหาวิทยาลัย พบว่า หนูตัวที่มีพลังไฟธาตุสูงที่สุด จากการให้ฮอร์โมนไทรอกซินจะมี อายุยืนยาวมากกว่าตัวที่ไฟธาตุแรงอ่อนกว่ากันที่สุดถึง 25% ซึ่งศาสตราจารย์สปีคแมนกล่าวว่า หมายความว่า หากเทียบกับความแตกต่างของช่วงอายุของคนแล้ว อาจเกินถึง 30 ปี แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคจากความผิดปกติของฮอร์โมน ดร.เปียร์รี บูลุกซ์ ของโรงพยาบาลหลวงฟรี ฮอสปิตอล ที่กรุงลอนดอน กลับกล่าวแสดงความเห็นว่า การค้นพบครั้งนี้ ไม่อาจใช้ได้กับคน เพราะเหตุว่า ไฟธาตุของหนูผิดกับของคน (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 4 มี.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





สร้างชุดตรวจจับสีคัดแยกผลไม้ ประยุกต์อิเล็กทรอนิกส์สู่อุตสาหกรรมเกษตร

นายชัยชิต คุณะจินดา และ นางสาวสิริมลภัคน์ สุดดีพงศ์ นักศึกษาแผนกวิชาคุรุศาสตร์อิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น สร้าง “เครื่องคัดแยกลูกกวาดด้วยวิธีการตรวจจับสี” โดยมี อาจารย์จงรัก สามารถ เป็นที่ปรึกษา ปัจจุบัน ชุดตรวจจับรังสีที่นำเข้ามาจากต่างประเทศมีราคาค่อนข้างสูง ถ้ากลุ่มแม่ บ้านเกษตรกรผู้ผลิตไวน์ ต้องลงทุนซื้อเครื่องดังกล่าว กว่าจะถึงจุดคุ้มทุนต้องใช้เวลานาน และหากต้องใช้แรงงานคนมาคัดผลมะเม่า เพื่อใช้สำหรับทำไวน์ ก็จะเป็นการสิ้นเปลืองแรงงาน ที่สำคัญจะยึดจุดยืนมาตรฐานของรสชาติให้คงที่ไม่ได้ ประสิทธิภาพของเครื่องนี้ สามารถแยกสีของผลไม้ โดยไมโครคอนโทรลเลอร์ ตระกูล MCS-51 ที่เป็นไมโครคอนโทรลเลอร์ตระกูลหาง่าย ให้ผลไม้ที่มีระดับของสีไม่เท่ากัน แยกออกจากกันได้โดยง่าย ซึ่งก็ได้ทำการวิจัยและทดลอง ในการใช้เป็นที่น่าพอใจ ด้วยการใส่ลูกอมหลากสีเข้าไปในหลอด เมื่อเดินเครื่องลูกอม ก็จะเลื่อนลงมาตามช่องทางบังคับ และถูกดึงเข้าไปในที่ตัวเซ็นเซอร์ ระบบจะฉายแสง 3 สี คือ แดง น้ำเงินและเขียว ลงไปที่ลูกอม จากนั้นจะมีแสงสะท้อนจากลูกอมส่งต่อมาที่ไมโครคอนโทรลเลอร์ ทำการประมวลผลว่าคือสีอะไร เพื่อส่งต่อไปยังเซอร์โวมอเตอร์ ที่จะทำการดึงลูกอมไปยังตำแหน่งหลุมไว้สำหรับรองรับลูกอมที่เครื่องคัดตามสีนั้นๆ ทั้งนี้ เพื่อหาจุดบกพร่องและลดความคลาดเคลื่อนทางทีมวิจัย ได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพในการทำงานจำนวน 30 ครั้ง ซึ่งผลที่ได้ปรากฏว่าเครื่องคัดแยกลูกกวาดด้วยชุดตรวจจับสี สามารถทำการแยกสีลูกกวาดได้อย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพโดยเฉลี่ยถึง 87.51 เปอร์เซ็นต์ ผู้ที่สนใจเครื่องคัดแยกลูกกวาดด้วยวิธีการตรวจจับสีนี้ สามารถติดต่อได้ที่สาขาภาควิชาช่างเทคนิคคอมพิวเตอร์ โทร. 0-4323-5893-4 ต่อ 2913 ได้ทุกวันในเวลาราชการ. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 4 มี.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





นักวิจัยจุฬาฯทุ่มงบสู้ภัยแล้ง ผุดบ่อน้ำบาดาลทั่วประเทศ

รศ.ดร. สุจริต คูณธนกุลวงศ์ จากหน่วยปฏิบัติการวิจัยระบบการจัดการแหล่งน้ำจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปัจจุบันกำลังทำการวิจัยเรื่อง “การติดตามข้อมูลน้ำบาดาลสำหรับพื้นที่ด้านเหนือของที่ราบภาคกลางตอนล่าง” และพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลของแบบจำลองน้ำบาดาลโดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กล่าวว่า ในอดีตเมื่อช่วงปี 2536-2537 ที่มีภัยแล้งมีระดับรุนแรงนั้น ภาครัฐได้มีการจัดทำโครงการบ่อน้ำตื้นกว่า 5 หมื่นบ่อ แต่การทำงานอย่างเร่งด่วนและขาดการศึกษาอย่างจริงจัง ในระดับพื้นที่ ได้ทำให้บ่อน้ำเหล่านี้เสื่อมสภาพลดลงไปอย่างรวดเร็ว และใช้งานได้อย่างจำกัด อยู่เป็นจำนวนมาก สำหรับมาตรการระยะสั้นนั้น จริงๆ แล้วก่อนจะขุดบ่อแต่ละแห่งนอกจากจะต้องหาข้อมูลสภาพความแห้งแล้ง เพื่อกำหนดความต้องการให้ชัดเจนว่าจำนวนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร ที่จำเป็นจริงๆ ในหน้าแล้ง ของหมู่บ้านนั้นคือเท่าไหร่ และขาดเท่าไหร่ จะต้องมีการซ่อมแซมบ่อบาดาลที่มีอยู่เดิม ทั้งบ่อเพื่อการอุปโภคบริโภคและบ่อน้ำเพื่อการเกษตร จากนั้นจึงค่อยมามองถึงการสร้างบ่อน้ำแห่งใหม่ ซึ่งหากจำเป็นต้องสร้างบ่อบาดาลใหม่จริงๆ ก็น่าจะต้องใช้เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยในการกำหนดจุดและจำนวนบ่อที่เหมาะสมกับความต้องการและสอดคล้องกับสภาพที่เป็นอยู่จริง สำหรับมาตรการระยะยาว แต่ละชุมชนหรืออบต.ควรเป็นผู้เข้ามาบริหารจัดการการใช้น้ำของตนเอง เช่นมีระบบขึ้นทะเบียนบ่อน้ำ มาตรการบำรุงรักษา ระบบบ่อสำรอง ฯลฯ ควบคู่ไปกับการจัดการเพื่อให้เกิดการใช้น้ำอย่างประหยัด ซึ่งขณะนี้ทีมวิจัยสามารถสรุปข้อมูลน้ำบาดาลในแง่ของปริมาณและจำนวนบ่อบาดาลที่เจาะพัฒนาขึ้นใช้งาน ปริมาณการสูบใช้และคุณภาพของน้ำ ในเขตด้านเหนือของที่ราบภาคกลางตอนล่าง(คลอบคลุมพื้นที่ 6 จังหวัดคือ ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง สุพรรณบุรีและพระนครศรีอยุธยา) ซึ่งจากการนำข้อมูลไปประมวลผลทางคอมพิวเตอร์ก็จะสามารถจำแนกและลำดับความสำคัญในการเข้าไปช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็วและเหมาะสม (สยามรัฐรายวัน จันทร์ที่ 4 เม.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)





“สบู่ดำ” พลังงานทดแทน ยุคน้ำมันแพงยิ่งกว่าทอง

นายอำนวย ทองสถิตย์ รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) ระบุว่า “สบู่ดำ” จัดเป็นพืชน้ำมันแถวหน้าทางเลือกสำคัญที่อยู่ในความสนใจแวดวงนักวิชาการเนื่องจากน้ำมันจากเมล็ดสบู่ดำ สามารถนำมาสกัดใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลที่เกษตรกรใช้อยู่ได้ทันที รวมทั้งเป็นพืชที่มีความคงทนต่อความแห้งแล้ง และกากของสบู่ดำยังสามารถนำมาทำเป็นปุ๋ยนอกจากนี้ยังมีผลพลอยได้อื่นๆ ที่เป็นประโยชน์อีกมากมาย ผลสบู่ดำ 1 ผลจะมี 3 เมล็ด ผลสบู่ดำ 1 กิโลกรัม มีประมาณ 85-90 ผล 1 ผลสดหนักประมาณ 11.37 กรัม ผลสด 1 กิโลกรัม เมื่อนำมากะเทาะเปลือกออกแล้ว จะได้เมล็ดสบู่ดำประมาณ 260-270 เมล็ด สบู่ดำ 1 เมล็ดหนัก 1.1 กรัม น้ำมันในเมล็ดของสบู่ดำมีอยู่ประมาณร้อยละ 35 ของน้ำหนักเมล็ด ซึ่งเมล็ดสบู่ดำจำนวน 4 กิโลกรัม จะสกัดเป็นน้ำมันได้ 1 กิโลกรัมหรือประมาณ 1 ลิตรและเหลือเป็นกากสบู่ดำ 3 กิโลกรัม และเมื่อนำออกมาจากเครื่องสกัดทิ้งไว้ให้ตกตะกอนประมาณ1-2 วันสามารถนำไปใช้แทนน้ำมันดีเซลสำหรับเครื่องยนต์สูบเดียวของเกษตรกรได้โดยไม่ต้องผสมส่วนผสมใดๆ อีก ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบปริมาณน้ำมันที่ได้จากพืชชนิดอื่น น้ำมันปาล์ม 512 กิโลกรัมต่อปี จะได้น้ำมันสบู่ดำขั้นต่ำ 300 ลิตร/ไร่/ปี น้ำมันเรพซีด 89 กิโลกรัมต่อปี น้ำมันทานตะวัน 81 กิโลกรัมต่อปี น้ำมันมะพร้าว 54 กิโลกรัมต่อปี ส่วนการสึกหรอของชิ้นส่วนเครื่องยนต์เมื่อใช้น้ำมันสบู่ดำถือว่า ไม่แตกต่างกับการใช้น้ำมันดีเซลแต่อย่างใด และอัตราการสิ้นเปลืองของน้ำมันสบู่ดำเมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันดีเซลก็ใกล้เคียงกันสำหรับส่วนที่เหลือจาการเผาไหม้ออกจากท่อไอเสียมีปริมาณควันดำและคาร์บอนมอนนอกไซน์ยังน้อยกว่าน้ำมันดีเซลอีกด้วย ในปี 2544 ได้มีการทดสอบการใช้น้ำมันสบู่ดำกับเครื่องยนต์ดีเซลและผลกระทบกับเครื่องยนต์จนมีการมั่นใจว่าสามารถใช้น้ำมันสบู่ดำทดแทนน้ำมันดีเซลได้ในปี 2544-2546 ได้มีการดำเนินการจัดทำแปลงคัดเลือกและขยายพันธุ์สบู่ดำ จำนวน 46 ไร่ ในปี 2547 ได้ดำเนินการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำมันสบู่ดำตามโครงการนำร่องส่งเสริมการใช้สบู่ดำจำนวน 540 คน นอกจากเมล็ดที่สามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมันได้แล้ว ส่วนอื่นๆ ของสบู่ดำก็ยังมีประโยชน์เช่น ต้น สามารถนำมาทำกระดาษ และไม้อัดได้ ส่วนของ ใบ สามารถนำมาเป็นเชื้อเพลิงเขียว ปุ๋ยหมัก เลี้ยงไหม และเปลือกหลังจากกะเทาะเมล็ด รวมถึงกากหลังจากการสกัดน้ำมัน ซึ่งจะมีปริมาณมาก สามารถนำมาผลิตเป็นเชื้อเพลิงได้อีกด้วย ราคาจำหน่ายเมล็ดกิโลกรัม 3-5 บาท ปริมาณเมล็ด 3-4 กิโลกรัม จะให้น้ำมัน 1 ลิตร ที่ราคาจำหน่ายน้ำมันสบู่ดำประมาณลิตรละ 13-15 บาท (สยามรัฐรายวัน จันทร์ที่ 4 เม.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)





สภาวิจัยสำรวจแล็บสัตว์ทดลองไร้คุณภาพ แนะรัฐเร่งสร้างมาตรฐาน หวั่นลดความเชื่อถือวงการวิจัยไทย

ดร.ประดน จาติกวนิช ประธานคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อพัฒนางานเลี้ยงและใช้สัตว์เพื่องานวิจัย งานทดสอบ งานผลิตชีววัตถุและงานสอน สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการสำรวจห้องทดลองสัตว์เพื่องานวิจัยและการผลิตยาจากหน่วยงานต่างๆ ทั่วประเทศ พบว่า มีห้องทดลอง 71 แห่งไม่ได้มาตรฐานสากล ทำให้การทดลองรวมทั้งการผลิตตัวยา วัคซีนและผลิตภัณฑ์อาหาร ไม่ได้คุณภาพและได้รับความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะยาสมุนไพร อาทิ ห้องทดลองของหน่วยงานรัฐ รวมทั้งหน่วยงานเลี้ยงสัตว์ทดลองทุกแห่งของสถาบันการศึกษา เช่น คณะแพทยศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ สำหรับปัญหาการใช้สัตว์ทดลองไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากผู้บริหารขาดวิสัยทัศน์ที่จะลงทุน ขาดบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านการใช้สัตว์ทดลอง โดยปัญหาหลักที่ทำให้การทดลองในสัตว์ของไทย ไม่ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศคือ ประเทศไทยยังมีการทรมานสัตว์ทดลอง ซึ่งถือว่าผิดจรรยาบรรณ ทั้งนี้ สัตว์ที่ใช้สำหรับทดลองโดยทั่วไป ได้แก่ หนูขาวหรือหนูตะเภา หนูถีบจักร หนูแฮมเตอร์ กระต่าย สุนัข แมว และลิง เป็นต้น โดยหนูและกระต่ายถูกนำไปใช้ทดลองสำหรับตัวยาใหม่ ส่วนสุนัข แมวและลิงถูกทดลองสำหรับการทำศัลยกรรม เนื่องจากสรีระใกล้เคียงมนุษย์ ดร.ประดน กล่าวว่า มาตรฐานสากลสำหรับการใช้สัตว์ทดลอง ได้ครอบคลุมทั้งจรรยาบรรณนักวิจัย สถานที่เลี้ยงสัตว์ต้องสามารถป้องกันการติดเชื้อและควบคุมสภาพแวดล้อม ไม่ให้สัตว์อยู่ในภาวะเครียดและติดเชื้อ วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ก็ต้องได้มาตรฐาน นอกจากนี้บุคลากรต้องเชี่ยวชาญ มีความรู้และศักยภาพในการนำอุปกรณ์มาใช้อย่างถูกต้อง ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์เฉพาะด้าน เพื่อไม่ให้สัตว์ได้รับการทรมาน จึงจะมีผลให้ผลงานหรือผลวิจัยที่ออกมาน่าเชื่อถือและแม่นยำ แต่สถานทดลองสัตว์ในประเทศไทยไม่ได้มาตรฐานดังที่กล่าวมาทั้งหมด (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 6 เม.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ดนตรีสำแดงฤทธิ์ให้เห็นอานุภาพ ลืมกับความเจ็บปวดทรมานไปได้

นักวิทยาศาสตร์ได้พบว่า ดนตรีมีอานุภาพ ทำให้คนเราทนกับความเจ็บปวดได้มากยิ่งกว่าเป็นโดยธรรมชาติหลายเท่า และยังช่วยให้หายเครียดด้วย นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยคา-เลโดเนียน ที่นครกลาสโกว์ ได้ทดลองกับอาสาสมัคร โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ ให้ฟังดนตรีบ้าง ทำเลข หรือไม่ก็ดูเรื่องตลก จึงให้ทุกคนจุ่มมือลงไปในน้ำเย็นจัดจนแข็ง ซึ่งแต่ละคนจะต้องรู้สึกเจ็บปวดมือ จากความเย็นจัด ทีมผู้ทำการศึกษารายงานผลการทดลอง ปรากฏว่ากลุ่มที่ฟังเพลง ได้เป็นแชมเปียน สามารถทนแช่มืออยู่ในน้ำแข็งได้นานกว่ากลุ่มอื่นทั้งหมด ดร.ลอรา มิตเชลล์ หัวหน้าทีมศึกษา กล่าวให้ความเห็นว่า "ดนตรีอาจจะมีอานุภาพเหนือกว่าอย่างอื่นหมด เพราะมันได้รวมความสามารถของการทำให้ลืมความเจ็บปวดทรมาน กับความอดทนต่อความเจ็บปวดเข้าด้วยกันได้" (ไทยรัฐ อังคารที่ 5 เมษายน 2548 http://www.thairath.co.th)





ประดิษฐ์ยากินเป็นเกราะกัน สกัดโรคมะเร็งของปอดไว้อยู่

ดร.จอห์น มาร์ช นักวิทยาศาสตร์ ทำงานอยู่ที่สถาบันมอร์ตัน ในนครเอดินเบิร์ก กล่าวว่า ได้เตรียมทดลองยากับพวกแกะดูก่อน ในฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึงนี้ โดยเชื่อมั่นว่าจะได้รับความสำเร็จ จนสามารถจะทดลองกับคนได้ ภายในเวลาหนึ่งหรือสองปีข้างหน้านี้ เขาเปิดเผยว่า ยาของเขาใช้เชื้อไวรัสที่มีดีเอ็นเอของเชื้อมะเร็งอยู่ในตัว ยาจะออกฤทธิ์ไปกระตุ้นให้ภูมิคุ้มโรคในตัวเรา คอยทำหน้าที่ต่อต้านโรคเอาไว้ (ไทยรัฐ อังคารที่ 5 เมษายน 2548 http://www.thairath.co.th)





ชาร์จมือถือจากแสงอาทิตย์

นายชาตรี ตั้งอมตะกุล นักวิจัยโครงการศูนย์เทคโนโลยีพลังงาน สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใช้แสงแดดที่แผดเผาตลอดเส้นทางแปลงเป็นพลังงานด้วยแผงโซล่าเซลล์เพื่อเก็บไว้ส่องสว่างในยามค่ำคืน และชาร์จแบตเตอรี่ โทรศัพท์มือถือ แม้งานวิจัยพลังงานจากแผงโซล่าเซลล์ มีจุดประสงค์หลักเพื่อติดตั้งไว้บนหลังคากักเก็บพลังงานมหาศาลสำหรับใช้ในครัวเรือน ซึ่ง สวทช. ได้ขายลิขสิทธิ์ให้กับบริษัทเอกชนนำเทคโนโลยีการผลิตไปใช้แล้ว แต่!! ผลพลอยได้จากการประยุกต์แผงโซล่าเซลล์เป็นที่ชาร์จแบตฯมือถือก็น่าจะได้รับความนิยมไม่น้อย สำหรับต้นแบบแผงโซล่าเซลล์ที่พก เดินป่า มีขนาดไฟฟ้า 6 โวลต์ ซึ่งโทรศัพท์มือถือต้องการพลังงานไฟฟ้าเพียง 3.6 โวลต์ เท่านั้น! โดยเครื่องชาร์จดังกล่าวจะให้พลังงานขณะชาร์จ 400 มิลลิแอมป์ เท่ากับปลั๊กไฟตามบ้าน ปัจจุบันต้นทุนของแผงโซล่าเซลล์ยังค่อนข้างสูง วัตต์ละ 250 บาท บ้านหลังเล็ก ๆ มีแอร์ขนาด 9,000 BTU ทีวี ตู้เย็นต้องใช้งบติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ราว 500,000 บาท แต่การชาร์จโทรศัพท์มือถือต้องการพลังงานเพียง 3 วัตต์ ยิ่งผลิตเป็นธุรกิจต้นทุนจะถูกลง คาดไม่น่าเกิน 1,000 บาท บริษัทเอกชนใดมีไอเดียพัฒนารูปแบบเครื่องชาร์จให้ดูอินเทรนด์ทันสมัย สอบถามข้อมูลได้ที่ www.nstda.or.th/entec หรือ 0-2564-7056-8 ต่อ 103 เพราะ สวทช.พร้อมขายลิขสิทธิ์ให้ผลิตใช้กันทั่วประเทศ. (เดลินิวส์ อังคารที่ 5 เมษายน 2548 http://www.dailynews.co.th)





เครื่องร่อนดิน ลดต้นทุน หนุนเซรามิคไทย

แนวทางการพัฒนาเครื่องร่อนดินต้นแบบเกิดขึ้นจากฝีมือของเหล่านักวิจัยจากภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ผศ.ดร.กันยรัตน์ คมวัชระ หัวหน้าโครงการ กล่าวว่า การพัฒนาเครื่องร่อนดินต้นแบบนี้ เพื่อนำมาใช้ปรับปรุงปัญหาเรื่องระบบการร่อนดิน และลักษณะของถาดร่อนดินแบบเก่าในโรงงานเซรามิคแห่งหนึ่ง ซึ่งเครื่องร่อนดินแบบเก่านั้นจะใช้หลักการอาศัยแรงเหวี่ยงจากมอเตอร์ทําให้เกิดการสั่นของตะแกรง และเกิดการร่อนขึ้น โดยในกระบวนการร่อนจะอาศัยแรงงานคนในการป้อนน้ำดินเข้าเครื่องร่อน และต้องคอยเติมน้ำเพื่อลดความหนืดให้แก่น้ำดินอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทําให้สัดส่วนของน้ำในน้ำดินจากเริ่มต้น 45% เพิ่มสูงขึ้นเป็น 60% ดังนั้น เมื่อทํางานไปได้สักระยะจะต้องมีการหยุดเครื่องเพื่อทําการตักเอากากทราย ทําให้กระบวนการร่อนเป็นไปอย่างไม่ต่อเนื่อง และทำให้กระบวนการผลิตมีการสูญเสียดินที่ติดไปกับทรายเป็นจํานวนมาก นอกจากนี้ เครื่องร่อนดินแบบเก่ายังมีปัญหาในการใช้สายพานผ้าเพื่อควบคุมการโยกของถาดร่อน ซึ่งจะทําให้เกิดการส่ายของถาดร่อนหลายทิศทาง ส่งผลให้เกิดความเสียหายแก่ลูกเบี้ยวซึ่งทำหน้าที่ส่งผ่านแรงจากการหมุนของมอเตอร์เพื่อโยกถาดร่อนนั้นเกิดการชํารุดจนใช้งานไม่ได้ จึงต้องหยุดเครื่องเพื่อเปลี่ยนลูกเบี้ยวใหม่บ่อยครั้ง รวมถึงระบบการร่อนแบบนี้ยังทําให้ทรายซึ่งสะสมอยู่บนผิวตะแกรงก่อนการถูกตักออกเกิดการเสียดสี ผลทําให้ตะแกรงลวดเกิดการขาดและต้องมีการเปลี่ยนใหม่อยู่บ่อยครั้ง ส่งผลให้เกิดความล่าช้าของกระบวนการผลิตและต้นทุนที่สูงขึ้น ประสิทธิภาพเครื่องร่อนดินครอบคลุมในทุกด้าน เริ่มตั้งแต่กระบวนการร่อนดิน กระบวนการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของระบบการร่อนดินแบบเปียกกับกระบวนการทําแก้วเซรามิคของโรงงานแห่งนี้ พร้อมกันนั้นได้ออกแบบเครื่องร่อนดินให้เหมาะสมกับกระบวนการผลิต รวมถึงติดตั้งและทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องต้นแบบ โดยให้มีการกํากับและเก็บข้อมูลในโรงงานอย่างใกล้ชิด ประสิทธิภาพของเครื่องร่อนดินในโครงการนี้ จะถูกประยุกต์ใช้ในการร่อนน้ำดินก่อนนำไปเป็นวัตถุดิบในการปั้น มีหลักการทำงาน โดยอาศัยแรงเหวี่ยงจากมอเตอร์ส่งต่อไปยังลูกเบี้ยวทำให้เกิดการโยกของถาดตะแกรงร่อน ในการควบคุมการโยกในทิศทางเดียวโดยใช้ตลับลูกปืนจึงส่งผลให้ยืดอายุการใช้งานของลูกเบี้ยว เมื่อตะแกรงร่อนเกิดการโยกก็จะทำให้เกิดการร่อนผ่านตะแกรงร่อนลงสู่ส่วนที่รองรับ ส่วนเศษกากต่างๆ จะไหลออกจากถาดร่อนที่ถูกปรับให้เอียงต่ำลง วัตถุประสงค์ของการปรับมุมเอียงนอกจากจะช่วยแยกเศษกากแล้วยังช่วยลดการสะสมหรือการอุดตันของตะแกรงพร้อมกับลดเวลาในการทำงาน เนื่องจากไม่จำเป็นต้องหยุดเครื่องบ่อยๆ เพื่อที่จะตักเอาเศษกากต่างๆ ออก เหมือนกับเครื่องร่อนส่วนใหญ่ นอกจากนี้ ตะแกรงร่อนที่ติดอยู่บนถาดร่อนถูกออกแบบมาเพื่อสามารถเลื่อนออกทำความสะอาดได้ง่าย โดยเครื่องร่อนดินต้นแบบดังกล่าว ได้มีการนำไปใช้ในโรงงานผลิตภัณฑ์เซรามิคแห่งหนึ่ง ซึ่งสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ประกอบการอีกด้วย (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 5 เมษายน 2548 http://www.bangkokbiznews.com)





ม.เชียงใหม่พัฒนาวิธีตรวจสารพิษ

ผศ.ดร.สายสุนีย์ เหลี่ยวเรืองรัตน์ หน่วยวิจัยเคมีประยุกต์และสิ่งแวดล้อม สถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เจ้าของงานวิจัยหาสารพิษตกค้างอยู่ในผลิตภัณฑ์จากหนังสัตว์ เปิดเผยว่า ในอุตสาหกรรมส่งออกหนังสัตว์ และอุตสาหกรรมกระดาษจำเป็นจะต้องใช้สารเคมีเพื่อช่วยในการรักษาคุณภาพสินค้า อาทิ สารเพนตะคลอโรพีนอล (Pentachlorophenol : PCP) ช่วยป้องกันเชื้อราในเยื่อไม้สำหรับอุตสาหกรรมกระดาษ และทำให้หนังสัตว์นิ่มในอุตสาหกรรมเครื่องหนัง ที่ต่อมากลายเป็นรองเท้าและกระเป๋าหนัง ซึ่งเป็นสิ่งที่สัมผัสโดยตรงกับมนุษย์ หากสารพิษตกค้างในตัวสินค้าก็อาจส่งผลต่อมนุษย์ โดยเฉพาะกรณีสารพิษสะสมซึ่งกลายเป็นสารก่อมะเร็งได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องศึกษาถึงวิธีตรวจสอบปริมาณสารดังกล่าว โดยได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำหรับวิธีการตรวจหาสารพิษตกค้างในผลิตภัณฑ์หนังสัตว์ ในปัจจุบันใช้เทคนิคที่เรียกว่า Accelerated Solvent Extraction (ASE) และ High Performance Liquid Chromatography (HPLC) ซึ่งทั้งสองวิธีอาศัยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ราคาแพง จึงเหมาะสำหรับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่ในอุตสาหกรรมขนาดย่อม จะต้องส่งสินค้าไปใช้บริการจากหน่วยงานราชการที่ให้บริการ อาทิ กรมวิทยาศาสตร์บริการ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง ได้ศึกษาและพัฒนาเทคนิคการตรวจหาสารพีซีพีใหม่ที่เหมาะสมกับเอสเอ็มอี และช่วยให้การตรวจสอบรวดเร็วยิ่งขึ้น แต่วิธีดังกล่าวยังต้องใช้ในระบบปิด โดยในเบื้องต้นจะใช้ตรวจหาสารตกค้างในระดับห้องปฏิบัติการก่อน เพื่อช่วยในการทำงานวิจัย จากนั้นจึงจะประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมทำร่ม ในกระบวนการที่จะต้องใช้สารพีซีพีแช่ไม้ไผ่เพื่อรักษาเยื่อไม้ (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 5 เมษายน 2548 http://www.bangkokbiznews.com)





เนคเทคต่อยอดเทคนิคเชิงแสง พัฒนาเครื่องวัดเลนส์ไร้รอย

นายอาโมทย์ สมบูรณ์แก้ว นักวิจัยประจำงานวิจัยอิเล็กโทรออปติกส์ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) เปิดเผยถึงที่มาของเครื่องวัดความหนาแบบไม่สัมผัสสำหรับเลนส์และวัตถุอื่นว่า เป็นความต้องการของผู้ผลิตแว่นตารายหนึ่ง ที่ต้องการหาเครื่องวัดความหนาของเลนส์แว่นตาแบบไม่ต้องสัมผัส ที่สามารถใช้ในไลน์ผลิตได้และมีราคาที่เหมาะสม สำหรับเทคนิคเชิงแสงที่นำมาใช้วัดความหนานั้น ทีมวิจัยเลือกพัฒนาต่อยอดจากเทคนิค "คอนโฟคอล ไมครอสโคปี้" (confocal microscopy) ซึ่งเป็นเทคนิคที่นิยมใช้ในการดูภาพสามมิติของเนื้อเยื่อหรือเซลล์ เพราะจากการศึกษาพบว่าเหมาะสมสำหรับวัตถุที่โปร่งแสง และใช้กับวัตถุที่มีผิวโค้งมากๆ เช่น เลนส์แว่นตา หรือเลนส์ในกล้องถ่ายรูป หลักการทำงานของเทคนิคดังกล่าว เริ่มจากการจัดให้จุดโฟกัสของแสงตกไปที่ผิวของวัตถุ ทำให้เกิดแสงสะท้อนผ่านวัตถุกลับเข้ามาที่เซ็นเซอร์ โดยจะต้องจัดแสงสะท้อนให้โฟกัส ณ จุดก่อนที่จะถึงเซ็นเซอร์ และต้องวางช่องรับแสงขนาดเล็ก (พินโฮล) ไว้ตรงจุดโฟกัสนี้ด้วย เพื่อให้แสงที่สะท้อนจากผิวของวัตถุเท่านั้น ผ่านพินโฮลนี้ไปยังเซ็นเซอร์ ในกรณีที่เป็นวัตถุโปร่งแสงทั้งผิวบนและล่าง จะทำให้เกิดการสะท้อนแสงกลับไปที่เซ็นเซอร์ ระยะห่างสัญญาณสะท้อนจากผิวทั้งสองด้านนั้นเองที่นำมาคำนวณหาความหนาของวัตถุนั่นเอง และเพื่อให้การผลิตและประกอบเครื่องมือทำได้ง่ายเหมาะกับการผลิตปริมาณไม่มาก ทีมงาน ซึ่งประกอบด้วย ดร.บุญส่ง สุตะพันธ์ นายรัฐศาสตร์ อัมฤทธิ์ และนายสถาพร จันทร์หอม ได้เลือกใช้เส้นใยนำแสงในการรับส่งแสงแทนพินโฮล เพราะการจัดให้แสงโฟกัสไปที่พินโฮลนั้นค่อนข้างยุ่งยาก ส่วนประกอบหลักของเครื่องวัดเลนส์ชุดนี้ ได้แก่ หัวโพรบคอนโฟคอลและเส้นใยนำแสง ระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับควบคุมแหล่งกำเนิดแสงและรับสัญญาณแสง ชุดมอเตอร์สำหรับสแกนหัวโพรบคอนโฟคอล และที่เป็นหัวใจหลักคือซอฟต์แวร์สำหรับการประมวลสัญญาณและแสดงผล วิธีใช้งานก็ไม่ยุ่งยาก เพียงจับเลนส์มาวางตรงตำแหน่งที่จะวัด จากนั้นกดปุ่มให้ทำงาน ระบบก็จะแสดงผลบอกเป็นความหนาหน่วยมิลลิเมตรผ่านหน้าจอให้เห็น ขณะที่ต้นทุนของอุปกรณ์ครบชุดจะอยู่ที่แสนกว่าบาท ซึ่งยังไม่มีวางขายทั่วไป เพราะชิ้นงานชุดนี้เป็นการผลิตตามความต้องการของผู้ใช้งาน (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 5 เมษายน 2548 http://www.bangkokbiznews.com)





ไบโอเทคเพาะพันธุ์'ขิงจิ๋ว'ปลอดโรค มั่นใจพืชเศรษฐกิจใหม่ ช่วยเกษตรกรรายได้เพิ่ม

ดร.เฉลิมพล เกิดมณี นักวิจัยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) เปิดเผยถึงผลสำเร็จของงานวิจัยเพาะพันธุ์ขิงจิ๋ว ตามโครงการวิจัย“การผลิตอนพันธุ์ขิงขนาดเล็กปลอดโรค” หรือที่เรียก microrhizome ว่า หลังจากที่ศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างขิงพันธุ์ปลอดโรคในห้องทดลอง มาเป็นเวลากว่า 4 ปี ซึ่งการทดลองดังกล่าวประสบผลสำเร็จได้หัวพันธุ์ขิงขนาดเล็กมีคุณสมบัติต้านทานโรคแมลงสูง วิธีการทำให้ขิงปลอดเชื้อโรค รวมถึงสร้างแม่พันธุ์ขิงที่มีคุณภาพ ซึ่งอาศัยเทคนิคการปลูกแบบเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อขนาดเล็ก ประกอบกับการใช้ระบบควบคุมสิ่งแวดล้อม โดยย่อขนาดหัวพันธุ์ขิงให้อยู่ในขวดแก้วในลักษณะของขิงจิ๋ว และใช้สูตรอาหารจำเพาะในการเลี้ยงหัวพันธุ์ โดยหัวพันธุ์ขิงจิ๋วที่ได้ มีรูปทรงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 0.5 - 1.5 เซนติเมตรในขวดแก้ว และเมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดพอเหมาะสำหรับรับประทาน อีกทั้งขิงที่ได้ยังมีคุณค่าสูง รสชาติเผ็ดน้อย หัวขิงนิ่มเนื่องจากไม่มีการสะสมเสี้ยน จึงเหมาะสำหรับการนำไปแปรรูปเป็นอาหารว่าง อาทิ ขิงเคลือบช็อกโกแลต ขิงเคลือบน้ำตาล เป็นต้น หลังจากที่งานวิจัยสร้างหัวพันธุ์ขิงจิ๋วสำเร็จ จึงได้รับการติดต่อจากบริษัทเอกชนที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช กลุ่มผู้ผลิตหัวพันธุ์พืช และกลุ่มผู้แปรรูปผลผลิตทางการเกษตร รวมแล้วกว่า 8 บริษัท ที่แสดงความสนใจเข้าร่วมการทดสอบปลูกขิงจิ๋วปลอดโรคในภาคสนาม สำหรับความคืบหน้าของงานวิจัย ณ ปัจจุบัน อยู่ในขั้นตอนการทดลองปลูกจริงในระดับไร่นา โดยได้ส่งมอบหัวพันธุ์ขิงจิ๋วให้เกษตรกร พร้อมทั้งแนะนำวิธีการปลูกที่ถูกต้อง โดยคาดว่าหากได้ผลผลิตค่อนข้างดี จะส่งเสริมให้เกษตรกรที่สนใจนำหัวพันธุ์ขิงจิ๋วไปปลูกในเชิงพาณิชย์ต่อไป โดยเชื่อว่าผลงานขิงจิ๋วนี้จะช่วยให้เกษตรกรสามารถผลิตผลผลิตทางการเกษตรคุณภาพสูง สามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆได้ อีกทั้งยังช่วยลดพื้นที่การปลูกให้อยู่ในวงจำกัด ไม่ต้องย้ายพื้นที่ปลูกเพื่อหนีโรคและแมลงทุกๆ 3 - 5 ปี (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 5 เมษายน 2548 http://www.bangkokbiznews.com)





มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าพลังไฮโดรเจน เงียบไร้มลพิษแต่ไม่ถูกใจนักบิด

นิค ทาลบอต วิศวกรชาวอังกฤษผู้ออกแบบมอเตอร์ไซค์พลังไฟฟ้าไฮโดรเจนจากบริษัท เซย์มัวร์เพาเวล นำมอเตอร์ไซค์ไร้มลพิษ (อีเอ็นวี) รุ่นใหม่มาโชว์ที่พิพิธภัณฑ์การออกแบบในกรุงลอนดอน โดยมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าพลังไฮโดรเจนรุ่นอีเอ็นวี สามารถทำความเร็วได้ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเชื้อเพลิงไฮโดรเจนถังหนึ่งวิ่งได้ 150 กิโลเมตร มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงแห่งอนาคตคันนี้จัดว่าเป็นคันแรกของโลกเลยทีเดียว กระแสไฟฟ้าที่ผลิตออกมาจากระบบจะไปป้อนเข้ามอเตอร์ไฟฟ้า จึงไม่มีเสียงแผดคำรามหนวกหูชาวบ้านเหมือนมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สี่จังหวะและสองจังหวะที่ใช้กันในปัจจุบัน ถ้าจะเรียกให้ถูกต้องบอกว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ที่ไม่มีเสียงออกมาสักแอะ แถมเครื่องยนต์สามารถถอดออกและเอาไปใช้กับพาหนะอื่นอย่างเช่นเรือยนต์ได้ ราคาคิดเป็นเงินไทยแล้วตกอยู่ราว 3 แสนกว่าบาท มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ไม่มีเกียร์ และวิธีขับขี่กระเดียดไปทางจักรยานเสือภูเขามากกว่ามอเตอร์ไซค์ทั่วไป มีน้ำหนักเบา เร็ว และขี่สนุก มีระบบรองรับแรงกระแทกที่สามารถใช้ขับขี่แบบวิบากได้ โดยมีอัตรากำลังไฟฟ้าต่อน้ำหนักมอเตอร์ที่ดีเยี่ยม อย่างไรก็ดี แม้ว่ามอเตอร์ไซค์รุ่นนี้จะปลอดมลพิษทางอากาศและเสียงก็ตาม แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยบนท้องถนนกังวลว่า มันอาจจะวิ่งได้เงียบเกินไปจนเป็นอันตรายกับคนเดินถนนก็ได้ ดังนั้น ผู้ผลิตจึงหาทางแก้ไขด้วยการใส่อุปกรณ์บางอย่างที่ทำให้เกิดเสียงของเครื่องยนต์คล้ายกับเสียงรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้อยู่ (คมชัดลึก อังคารที่ 5 เมษายน 2548 http://www.komchadluek.net)





พลิกแพลงใส่วัคซีนในเครื่องดื่ม ไม่เว้นแม้แต่บุหรี่เหล้าเบียร์

นักวิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัยมอร์ดัน ใกล้กับนครเอดินเบิร์ก สกอตแลนด์ เปิดเผยว่า การให้วัคซีนทางปาก จะทำให้การให้วัคซีนป้องกันโรคต่างๆทำได้ง่ายและทุ่นงบขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชาติที่ยังคงด้อยพัฒนา ซึ่งขาดแคลนบริการทางแพทย์อย่างหนัก ขณะนี้สถาบันร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐฯ กำลังเพาะกล้วยหอมที่ดัดแปลงพันธุกรรม ให้มีวัคซีนป้องกันมะเร็งของปากมดลูกอยู่ในตัวด้วยแล้ว เพียงแต่ว่ายังไม่สู้จะได้ผลดีนัก เพราะเหตุว่ามันจะหมดฤทธิ์ลง เมื่อโดนน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเข้า เขายังเปิดเผยว่า ได้คิดเอาวัคซีนผสมในอาหารและเครื่องดื่มหลายอย่างด้วยกัน กระทั่งในบุหรี่ด้วย "โดยทฤษฎีแล้ว สามารถเอาวัคซีนป้องกันโรคใส่ให้ได้หมด ไม่ว่าจะเป็นในเบียร์ ในน้ำอัดลม ไปจนถึงบุหรี่" (ไทยรัฐ พุธที่ 6 เม.ย. 48 http://www.thairath.co.th)





อานุภาพความรักทำให้พุงพลุ้ย เกิดฮอร์โมนความเครียดอืดขึ้น

นักวิจัยของมหาวิทยาลัยปีซา ของอิตาลี กล่าวว่า ผู้ที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรักจะมีฮอร์โมนคอร์ติโซล อันเป็นฮอร์โมนที่ร่างกายสร้างขึ้น เมื่อเกิดความรู้สึกเครียดถีบตัวสูงขึ้น อาจจะมีปริมาณสูงถึง 50% ฮอร์โมนประเภทนี้ เป็นผลให้ร่างกายอ้วนใหญ่ขึ้น ดร.โดนาทีเลีย มารัซซิติ นักวิจัยกล่าวอธิบายว่า อาการความเครียดที่เกิดขึ้นจากคนที่กำลังตกอยู่ในห้วงรัก มาจากความตื่นเต้นจากการเพิ่งพบประสบพักตร์กับคนที่ตนใฝ่ฝันถึง. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 7 เมษายน 2548 http://www.thairath.co.th)





โทรทัศน์อาจเป็นนักสร้าง"ขาใหญ่'' ยิ่งดูมากยิ่งมีพฤติกรรมนักเลงโต

ทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยวอชิงตัน พบว่า เด็กๆที่มีพฤติกรรมเป็นพวกขาใหญ่นักเลงโตมักจะนั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์ประมาณวันละ 5 ชั่วโมง ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าเกือบ 2 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับเด็กที่ไม่มีพฤติกรรมอย่างนั้น งานวิจัยที่ว่านี้ศึกษากับกลุ่มเด็กอายุ 4 ขวบ จำนวน 1,266 ราย ประเมินว่า เด็กได้รับความสนับสนุนทางอารมณ์จากผู้ปกครองมากน้อยเพียงใด ดูระดับการกระตุ้นทางสติปัญญาว่าใช้เวลาดูโทรทัศน์มากน้อยแค่ไหน ปัจจัยที่ช่วยในการประเมินจะดูว่าเด็กรับประทานอาหารกับผู้ปกครองหรือไม่ ผู้ปกครองพูดคุยกับเด็กมากน้อยเพียงไร และดูว่าหนูน้อยถูกตีก้นบ้างหรือเปล่า ผลการศึกษาต้องการแสดงให้เห็นถึงการกระตุ้นสติปัญญา เช่น การพาออกไปข้างนอก การอ่านหนังสือและการรับประทานอาหารกับผู้ปกครอง จะช่วยลดโอกาสที่เด็กจะไปออกพฤติกรรมนักเลงโตได้. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 7 เมษายน 2548 http://www.thairath.co.th)





สหรัฐสำเร็จตัดต่อยีนมนุษย์ มุ่งรักษาโรคพันธุกรรม

นักวิทยาศาสตร์จากบริษัท ซานกาโม ไบโอไซอันซ์ ในเมืองริชมอนด์ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐ เปิดเผยว่า พวกเขาสามารถแก้ไขความผิดปกติของยีนเดี่ยว ที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องอย่างรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับโครโมโซมเอ็กซ์ (X-SCID) หรือที่เรียกว่า 'โรคบับเบิลบอย' ได้สำเร็จแล้วในระดับห้องปฏิบัติการ โดยใช้เทคนิคตัดยีนผิดปกติในโครโมโซมทิ้งไป และนำเอาสารพันธุกรรมภายนอกที่เป็นปกติมาต่อใส่คืน คณะทำงานเชื่อว่าเทคนิคนี้เป็นทางเลือกใหม่ และมีความเสี่ยงน้อยกว่าการรักษาด้วยวิธียีนบำบัด ที่ทำให้ผู้ป่วยพัฒนาไปเป็นโรคลูคิเมียได้ในภายหลัง โดยการศึกษาครั้งนี้ เริ่มจากการนำเซลล์ภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยที่เรียกว่า ที-เซลล์มาทดลองกับโปรตีนซีเอฟเอ็น (zinc finger nucleases : ZFNs) ในหลอดทดลอง โปรตีนดังกล่าวมีความสามารถในการเลือกตำแหน่งเพื่อซ่อมแซมดีเอ็นเอภายในเซลล์ได้อย่างถูกต้อง เมื่อนักวิจัยได้ตัดยีนกลายพันธุ์ทิ้ง และนำสำเนายีนปกติมาใส่แทน โปรตีนตัวนี้จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการกระบวนการซ่อมแซมเซลล์ภายในร่างกายโดยธรรมชาติในที่สุด ขณะที่การใช้โปรตีนซีเอฟเอ็นแก้ไขยีนผิดปกติ จะมีความเฉพาะเจาะจงมากกว่า เพราะยีนใหม่จะเข้าไปอยู่ในตำแหน่งเดิมของยีนผิดปกติในโครโมโซม อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงจากเทคนิคใหม่นี้ ยังไม่สามารถระบุได้ เพราะมีความเป็นไปได้เหมือนกันที่เซลล์จะพัฒนาไปเป็นโรคมะเร็งบางชนิด ซึ่งสาเหตุใหญ่ของการเกิดมะเร็ง เป็นผลมาจากยีนที่ต่อกลับเข้าไปไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องนั่นเอง ในเบื้องต้นบริษัทคาดว่าจะใช้เลือดจากผู้ป่วยมาแก้ไขยีนที่ผิดปกติ จากนั้นก็จะฉีดกลับใส่ในตัวผู้ป่วยคืน และยังหวังด้วยว่านอกจากโรคบับเบิลบอยแล้ว โรคพันธุกรรมอื่นๆ ที่มีสาเหตุจากการกลายพันธุ์ของยีนเดี่ยว อย่าง โรคโลหิตจาง และธาลัสซีเมีย ก็สามารถแก้ไขได้ อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้สูงที่จะพัฒนาไปสู่แนวทางป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้ด้วย (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 7 เม.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





นวัตกรรมหนุน เอกชนทำวิจัย เพิ่มค่ายางเก่า

นายศุภชัย หล่อโลหะการ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยว่า สำนักงานมีความสนใจที่จะเป็นแกนกลางประสานงานและสนับสนุนการประยุกต์ใช้ประโยชน์ยางรถยนต์เก่าอย่างเป็นระบบ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ สร้างมูลค่าเพิ่มด้านเศรษฐกิจและป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อม เนื่องจากปริมาณยางรถยนต์เก่าเพิ่มขึ้นทุกปี เช่นนวัตกรรมการนำยางรถยนต์เก่ามาใช้ประโยชน์ ได้แก่ การนำล้อรถยนต์เก่าที่โครงยางอยู่ในสภาพดีมาหล่อดอกยางใหม่ ซึ่งสามารถหล่อดอกได้ 4-5 ครั้งจากยาง 1 เส้น โดยประเทศไทยมีธุรกิจยางหล่อดอกมานานในรูปแบบเอสเอ็มอี แต่ขาดการวิจัยพัฒนา รวมทั้งไม่มีการรับรองมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ นวัตกรรมที่เพิ่มมูลค่ายางรถยนต์เก่า คือ การผลิตผงยาง โดยนำยางเก่ามาตัดแยกเอาเฉพาะเนื้อยางออกจากเหล็กและผ้าใบที่ผสมในล้อยาง แล้วนำไปบดให้ได้ขนาดตามต้องการ สามารถนำไปใช้ทำผลิตภัณฑ์ยางต่างๆ ที่ต้องการความยืดหยุ่น เช่น บล็อกปูถนน ยางปูพื้น กระเบื้องยาง อิฐยาง เป็นต้น อีกทั้งนำผงยางมาใช้ผลิตวัสดุชนิดใหม่ "เทอร์โมพลาสติกอีลาสโตเมอร์" (Thermoplastic Elastomer : TPE) ซึ่งมีคุณสมบัติเทียบเท่ายางทั่วไป โดยสามารถผ่านกระบวนการขึ้นรูป เป็นชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมยานยนต์ หรือชิ้นส่วนไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมทั้งสามารถนำกลับมาใช้ได้เหมือนพลาสติกทั่วไป จึงช่วยลดต้นทุนผลิตในช่วงที่ยางมีราคาสูง ในส่วนงานวิจัยยางที่สำนักงานสนใจอยู่นั้น คือ การนำผงยางผสมกับยางมะตอยใช้ราดถนน ซึ่งจากการศึกษาคุณสมบัติของยางมะตอยผสมนี้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น รวมถึงช่วยลดการสั่นของพื้นถนนขณะรถวิ่งได้ดีกว่าถนนที่ราดด้วยยางมะตอยธรรมดา อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานที่นานกว่าเดิมถึง 2 เท่า ถึงแม้ราคาจะแพงกว่าเล็กน้อย แต่ก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมถนนลงได้ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 7 เม.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





จุฬาฯพัฒนา'เสื้อนาโน'ต้านจุลินทรีย์ ผสมอนุภาคเงินขนาดนาโน แก้ปัญหาเสื้อผ้าอับชื้น

นางสาวปราณี รัตนวลีดิโรจน์ นักวิจัยสถาบันวิจัยโลหะและวัสดุ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยถึงผลสำเร็จในการพัฒนาผ้าชนิดใหม่ให้มีสมบัติในการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดปัญหากลิ่นอับชื้น และจุดด่างดำบนเสื้อผ้าด้วยเทคโนโลยีนาโนซิลเวอร์ หรือการเติมอนุภาคเงินที่มีขนาดระดับนาโน ว่า เทคโนโลยีที่ทีมงานได้คิดค้นขึ้นมานี้เป็นเทคนิคที่ง่าย สะดวก สามารถเติมอนุภาคเงินเข้าไปในเสื้อผ้าได้สำเร็จในขั้นตอนเดียว และใช้ได้กับผ้าหลายชนิด เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าไหม ไนลอน อะคริลิก เป็นต้น ที่สำคัญคือ หลังจากเสื้อผ้าผ่านการซักเกินกว่า 20 ครั้งไปแล้ว ก็สามารถเติมอนุภาคเงินเข้าไปได้ใหม่โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง สำหรับเทคโนโลยีนาโนซิลเวอร์นี้ได้นำมาใช้กับเครื่องปรับอากาศบางยี่ห้อในปัจจุบัน โดยชูจุดเด่นในการยับยังเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรคในอากาศ ทีมวิจัยได้เตรียมอนุภาคเงินจากซิลเวอร์ ไอออน ซึ่งมีประจุมาผ่านกระบวนการทางเคมีเพื่อให้ได้อนุภาคเงิน ซึ่งมีขนาดเล็กประมาณ 100 นาโนเมตรลงมา และสามารถนำไปแทรกซึมลงตามช่องว่างของใยผ้าและเข้าไปฝังตัวอยู่กับเนื้อผ้า ซึ่งจะช่วยยับยั้งไม่ให้เกิดกลิ่นอับและการก่อตัวของเชื้อแบคทีเรียได้ ทั้งนี้ เงินจัดเป็นธาตุชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติพิเศษในการฆ่าเชื้อโรค มีหลักฐานปรากฏว่าเป็นเวลาหลายพันปีมาแล้วที่ชาวโฟเอนเซีย ใช้ภาชนะที่ทำจากเงินในการเก็บรักษาน้ำ ไวน์ หรือน้ำส้มสำหรับการเดินทางไกล ในกลุ่มผู้บุกเบิกทวีปอเมริกา มักใส่เหรียญเงินในถังน้ำช่วยทำให้น้ำสะอาด นอกจากนี้ ยังพบว่า เด็กที่ใช้ช้อนเงินในการรับประทานอาหารจะมีสุขภาพดีกว่าเด็กที่ถูกเลี้ยงโดยใช้ช้อนที่ทำจากโลหะชนิดอื่น นอกจากนี้ จากการวิจัยยังพบอีกว่า ฤทธิ์ในการทำลายเชื้อจุลินทรีย์ของโลหะเงินนั้นไม่มีผลกระทบต่อเซลล์ของสัตว์ชั้นสูงหรือเซลล์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สำหรับทีมวิจัยซึ่งประกอบ นางสาวกนกวรรณ แสงเกียรติยุทธ และ ดร.สุพิณ ต่างวิวัฒน์ จากสถาบันวิจัยโลหะและวัสดุ ยังได้เปิดเผยด้วยว่า เทคนิคดังกล่าวซึ่งยื่นจดสิทธิบัตรไปแล้ว สามารถใช้ได้กับสิ่งทอทั้งก่อนและหลังการตัดเย็บ ด้านรองศาสตราจารย์ ดร.สุพจน์ หารหนองบัว ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยโลหะและวัสดุ จุฬาฯ กล่าวว่า เทคโนโลยีดังกล่าวพร้อมที่จะถ่ายทอดสู่อุตสาหกรรมได้ทันที ขณะนี้ได้ร่วมมือกับสถาบันทรัพย์สินทางปัญญา จุฬาฯ และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ อยู่ระหว่างการหาบริษัทร่วมทุน หรือลงทุนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 7 เม.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





หมอไพศาลประกาศถ้าจะให้หยุดไบโอเทคนิค ก็ต้องหยุดใช้ซิลิโคนแท่งทำศัลยกรรมด้วย

จากกรณีคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา มีมติเห็นควรระงับใช้วิธีไบโอเทคนิค ในการทำศัลยกรรม โดยเชื่อว่ามีผลแทรกซ้อน พร้อมเตรียมประสานงาน กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ.เพื่อหาทางบังคับให้หยุดใช้วิธีการดังกล่าว น.พ.ไพศาล เฮงสวัสดิ์ เจ้าของไบโอคลินิค ย่านดอนเมือง ระบุว่า ที่ประชุมได้พูดคุยและสอบถามเกี่ยวกับวิธีไบโอเทคนิคในด้านวิชาการเท่านั้น ไม่ได้ร้องขอให้ตนเองหยุดใช้วิธีดังกล่าว และขอตรวจสอบวิธีไบโอเทคนิคอย่างละเอียด ซึ่งตนเองกำลังจัดเตรียมเอกสารรายงานการวิจัยส่งไปให้ อย่างไรก็ตาม หากมีคำสั่งให้หยุดใช้ไบโอเทคนิคจริง ก็ต้องหยุดใช้แท่งซีลิโคนในการทำศัลยกรรมด้วยเช่นกัน เพราะสารไบโอที่นำมาใช้ ก็เป็นสารชนิดเดียวกับแท่งซีลิโคน อยากให้คณะกรรมาธิการฯ ตรวจสอบให้ชัดเจน และดูบทความทางการแพทย์ ที่จะส่งไปให้ตรวจสอบก่อน อีกทั้งอยากให้ตรวจสอบดูสถิติ ของผู้ที่เข้าทำศัลยกรรมด้วยวิธีไบโอเทคนิค กับวิธีการทำศัลยกรรมทั่วไป ว่าวิธีไหนมีการร้องเรื่อง เรื่องผลกระทบมากกว่ากัน (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 7 เม.ย. 2548 http://www.komchadluek.net)





หุ่นยนต์จิ๋วบินสอดแนม อาวุธใหม่ของกลาโหมสหรัฐ

บริษัท ฮันนีเวลล์ ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ในสหรัฐ กำลังทดสอบ 'ไมโคร แอร์ วีอิเคิล' (Micro Air Vehicle) หรือหุ่นยนต์บินได้ที่ติดตั้งกล้องวิดีโอไว้ 2 ตัว ทำหน้าที่ส่งสัญญาณภาพวิดีโอแบบสดๆ ให้ทหารพื้นราบได้รับรู้ความเป็นไปของฝ่ายตรงข้าม หุ่นยนต์สอดแนมบินได้ตัวนี้ ออกแบบสำหรับสำนักงานโครงการวิจัยล้ำยุคกลาโหม กระทรวงกลาโหมสหรัฐ หรือ ดาร์ปาโดยเฉพาะ มาพร้อมกับความสูง 17 นิ้ว สามารถพกพาใส่ในเป้สนามได้อย่างไม่ลำบากใจ นอกจากนี้ ยังถูกออกแบบมาให้บินได้สูงถึง 500 ฟุต แต่เมื่อนำไปใช้จริงกลับทำสถิติสูงถึง 10,500 ฟุต ทีเดียว จึงไม่แปลกใจที่เจ้าเครื่องบินสอดแนมจิ๋วลำนี้ จะทำหน้าที่เป็นนักสำรวจหุบเขา หรือซอกมุมต่างๆ ของอาคารได้อย่างดีเยี่ยม ไมโคร แอร์ วีอิเคิล สามารถลอยตัวนิ่งๆ และบินไปมาได้ แตกต่างจากเฮลิคอปเตอร์ตรงที่ไม่มีใบพัด เพื่อยกตัวให้ลอยอยู่กลางอากาศ แต่ใช้หลักแรงดันลมที่อาศัยพัดลมขนาดใหญ่ในตัวคอยดูดอากาศ และดันตัวให้หุ่นยนต์จิ๋วลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า จากนั้นระบบคอมพิวเตอร์ในตัวหุ่นจะบังคับให้พัดลมเปลี่ยนทิศ เพื่อให้สามารถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้ตามต้องการ อากาศยานจิ๋วลำนี้ เป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาหุ่นยนต์ของกองทัพสหรัฐ สำหรับใช้ปฏิบัติภารกิจแทนทหารหาญในสถานการณ์เสี่ยงอันตราย โดยกองทัพหุ่นยนต์ที่กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหุ่นยนต์บินได้โดยอัตโนมัติตัวนี้ สามารถบังคับเลี้ยวได้ด้วยตัวเอง แต่รูปแบบของการบินยังต้องดาวน์โหลดข้อมูลไปเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ก่อน แต่ในอนาคตคาดว่าจะพัฒนาให้สามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้เอง เช่นเดียวกับที่หุ่นยนต์เฮลิคอปเตอร์ของเบิร์กเลย์ (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 6 เม.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ฟีโบ้สร้างหุ่นยนต์โรงงาน รับภาระเชื่อมชิ้นส่วนรถ

รศ.ดร.ชิต เหล่าวัฒนา รักษาการผู้อำนวยการสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า บริษัท ไทยซัมมิท แหลมฉบัง ออโตพาร์ท จำกัด ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ได้เล็งเห็นความสำคัญในการนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในกระบวนการผลิตทดแทนแรงงานคน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงอันตราย จึงได้ร่วมกับสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (ฟีโบ้) ดำเนินการออกแบบและจัดสร้างระบบเชื่อมประกอบชิ้นส่วนรถยนต์แบบอัตโนมัติ เพื่อใช้เชื่อมประกอบชิ้นส่วนให้รถยนต์มิตซูบิชิ นอกจากนี้ บริษัทยังได้มอบให้ทางสถาบันออกแบบและจัดสร้างหุ่นยนต์ 3 แกนเพื่อนำชิ้นงานออกจากเครื่องฉีดพลาสติก สำหรับใช้ทดแทนหุ่นยนต์เดิม ที่ใช้ระยะเวลานานในการนำชิ้นงานออกจากเครื่องฉีดพลาสติก โดยหุ่นยนต์ที่สถาบัน พัฒนาขึ้นจะใช้เวลาทำงานน้อยกว่าหุ่นยนต์เดิม จึงช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้บริษัท สำหรับความร่วมมือดังกล่าว จึงถือเป็นตัวอย่างสำคัญของสถาบันการศึกษาในการนำเทคโนโลยี ที่ได้จากการวิจัยพัฒนาในรั้วมหาวิทยาลัย มาต่อยอดให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม นำไปสู่การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษา ภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันให้ประเทศไทย (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 6 เม.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





โตชิบาทำแบตรุ่นใหม่ หนึ่งนาทีชาร์จไฟเต็ม

บริษัท โตชิบา คอร์เปอเรชั่น ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของญี่ปุ่น พัฒนาแบตเตอรี่ต้นแบบที่เบาและบาง สามารถชาร์จไฟเต็ม 80% ภายในหนึ่งนาที เร็วกว่าแบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน ทั่วไป 60 เท่า โดยมีขนาดเท่ากับ 62x35 มิลลิเมตร หนาเพียง 3.8 มิลลิเมตร แบตเตอรี่แบบใหม่นี้ใช้วัสดุระดับนาโน เป็นเทคโนโลยีล่าสุดสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้า ผสมผสานกับความรู้ในการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน ที่โตชิบาสะสมมาตลอด โดยโตชิบาได้นำวัสดุใหม่ที่มีขนาดจิ๋วมาใช้กับประจุลบ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำยาเคมีกระตุ้นประจุไฟฟ้าลดลง เมื่อมีการชาร์จไฟใหม่แต่ละครั้ง อนุภาคขนาดนาโนนี้สามารถดูดซับและเก็บประจุไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ทำให้ตัวนำไฟฟ้าเสื่อม นอกจากนี้ แบตเตอรี่แบบใหม่นี้ยังให้อายุการใช้งานที่นานอีกด้วย โดยจะสูญเสียประสิทธิภาพในการเก็บไฟเพียง 1% เท่านั้น หลังจากผ่านการชาร์จไฟใหม่ 1,000 ครั้ง ทั้งนี้ ปัญหาของแบตเตอรี่ปัจจุบันคือ การชาร์จไฟใหม่แต่ละครั้ง จะทำให้ความสามารถในการเก็บประจุไฟฟ้าลดลง ส่งผลให้ระยะยาวเกิดปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ พลังงานหมดเร็ว และใช้เวลาคืนประจุช้าเมื่อนำไปใช้งานกับอุปกรณ์ที่ต้องการพลังงานสูง เช่น แฟลชกล้องถ่ายรูป ที่ต้องรอหลายวินาทีกว่าแบตเตอรี่พร้อมจะใช้งานอีกครั้ง สำหรับแบตเตอรี่แบบใหม่นี้ โตชิบาระบุว่า จะผลิตจำหน่ายได้ในปี 2549 และอาจนำมาใช้ในภาคอุตสาหกรรมและยานยนต์ อีกทั้งเทคโนโลยีนี้อาจนำมาใช้เป็นแหล่งพลังงานทางเลือก สำหรับรถยนต์ลูกผสมแก๊สโซลีน-ไฟฟ้าด้วย (คมชัดลึก พุธที่ 6 เม.ย. 48 http://www.komchadluek.net)





รถอัจฉริยะไร้โชเฟอร์ ฝีมือนักวิจัยหุ่นยนต์รอคลอดอีก 3 ปี

รศ.ดร.มนูกิจ พานิชกุล นายกสมาคมวิชาการหุ่นยนต์ไทย และอาจารย์คณะเทคโนโลยีขั้นสูง สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) เปิดเผยว่า เอไอทีและกลุ่มนักวิจัยด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติจาก 11 สถาบันการศึกษาไทย ร่วมกันออกแบบและพัฒนารถอัจฉริยะ หรือรถที่มีความสามารถในการวางแผนการเคลื่อนที่ และขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองโดยไร้คนบังคับ โดยรถอัจฉริยะจะมีความสามารถเก็บข้อมูลสภาวะของตัวเองทุกอย่าง อาทิ ตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบันโดยใช้สัญญาณจีพีเอส ร่วมกันกับแผนที่ข้อมูลลองจิจูด-ละติจูด ข้อมูลรถคันอื่นที่ร่วมเส้นทาง ทั้งที่ขับสวนทางและขับทางเดียวกัน ตลอดจนข้อมูลสัญญาณจราจร ซึ่งทั้งหมดจะถูกจัดเก็บและนำมาประมวลผล เพื่อบังคับให้รถเคลื่อนที่ด้วยตัวเอง สำหรับผู้โดยสารมีหน้าที่เพียงป้อนพิกัดสถานที่ปลายทางเท่านั้น จากนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรถอัจฉริยะ ที่จะเก็บข้อมูลคำสั่ง และแปลงไปเป็นข้อมูลลองจิจูด-ละติจูด เพื่อวางแผนว่าจะเคลื่อนที่จากจุดที่อยู่ไปยังจุดหมายได้อย่างไร นอกจากนี้ รถอัจฉริยะยังสามารถติดต่อสื่อสารทางไกลกับระบบศูนย์กลาง ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบและควบคุมทางไกล ทั้งนี้ รถอัจฉริยะจะเป็นประโยชน์ต่อผู้พิการตาบอด ตาบอดสี หรือผู้ไร้ความสามารถในการขับรถยนต์ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้พิการแขนหรือขาได้อีกด้วย โดยโครงการนี้กำหนดระยะเวลา 3 ปี ภายใต้งบประมาณเริ่มต้น 26 ล้านบาท โดยจะเปิดกว้างให้เอกชนเข้ามาร่วมสนับสนุนโครงการด้วย ภายใน 3 ปี หรือปี 2551 รถต้นแบบน่าจะแล้วเสร็จ และพร้อมเข้าสู่การทดสอบใช้งานโดยไม่มีผู้ขับขี่ ระยะทางจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปพระนครศรีอยุธยา ด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีการพัฒนาต่อเชิงพาณิชย์ได้หลายรายการ อาทิ ระบบไดรฟ์ บาย ไวร์ (drive by wire) ที่ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกให้ความสนใจ ระบบรองรับการสั่นสะเทือนพิเศษ ระบบเครือข่ายติดต่อฐานข้อมูลอัตโนมัติ ทำให้ศูนย์ติดตามการทำงานของรถแต่ละคันได้ ระบบกำเนิดพลังงานไฟฟ้า ระบบนำทางที่สร้างแผนที่อัตโนมัติจากจีพีเอส และระบบสื่อสารระหว่างรถด้วยกัน (คมชัดลึก พุธที่ 6 เม.ย. 48 http://www.komchadluek.net)





อึ้ง! ทึ่ง! อร่อย!...ตู้ขายบะหมี่อัตโนมัติ มจธ.ทำให้ทึ่ง! กันอีกแล้ว

ตู้ขายบะหมี่อัตโนมัติ นี้เป็นผลงานของ จ่าเอกธเนศร์ แตงขาว และนายเอกวัฒน์ ชูหน้า สองหนุ่มชั้นปี 4 ภาควิชาวิศวกรรมระบบควบคุมและเครื่องมือวัด คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี(มจธ.) ได้รับการตอบรับจากประชาชนที่แวะเวียนมาใช้บริการกันเนื่องแน่น ในงาน INC PROJECT EXHIBITION 2005 งานแสดงโครงงานของนักศึกษา ปี 4 ประจำปี 2547 ณ มจธ.เมื่อเร็วๆ นี้ แนวคิดของการประดิษฐ์ตู้ขายบะหมี่อัตโนมัติ ว่า เนื่องจากเราใช้เวลาหมดไปกับการทำงานและทำกิจกรรมต่างๆ ทำให้การบริโภคอาหารถือว่าเป็นหัวใจหลักของการดำรงชีวิต ก็ต้องมีรีบเร่งตามไปด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงความซ้ำซากจำเจของอาหารเดิมๆ อย่างบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรืออาหารจังค์ฟู้ดทั้งหลาย ที่ขาดคุณค่าของสารอาหาร ซึ่งผู้บริโภคสามารถเลือกรับประทานบะหมี่ได้ตามความต้องการ ทั้งแบบน้ำ แบบแห้งพิเศษ ไม่ต้องรอคิวนาน แค่ 3 นาที ภายใต้ตู้ขายบะหมี่นี้ ก็จะมีส่วนประกอบไปด้วยเส้นบะหมี่ ลูกชิ้น ผักลวก น้ำซุป น้ำลวกเส้น และเครื่องปรุงรส โดยส่วนประกอบเหล่านี้จะถูกจัดเก็บแยกประเภท ส่วนหม้อน้ำซุป และน้ำลวกเส้นนั้น จะตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 60-90 องศาเซลเซียส การทำงานจะสั่งการด้วยไมโครคอนโทรลเลอร์ ซึ่งจะเซทระบบการก่อนทำงานทุกครั้ง สำหรับขั้นตอนการจะรับประทานบะหมี่จากตู้ขายอัตโนมัตินี้ เพียงแค่หยอดเหรียญที่ตู้ และเลือก option ว่าจะรับแบบน้ำ แบบแห้ง เครื่องก็จะดำเนินการตั้งแต่เริ่มลวกบะหมี่ ลวกลูกชิ้น และผัก ซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้จะลำเลียงมาหย่อนลงในหม้อลวกทันที เสร็จสรรพได้ที่ส่งลงชาม พร้อมรับประทาน ส่วนเครื่องปรุงมีแพคไว้อยู่ข้างตู้หยิบได้ตามสบาย สำหรับผู้สนใจจะหรือจะช่วยผลักดันให้ “ตู้ขายบะหมี่อัตโนมัติ” เครื่องนี้กลายเป็นต้นแบบของธุรกิจ SMEs แนวใหม่ ก็ลองสอบถามเพิ่มเติมได้ที่อาจารย์วุฒิชัย พลวิเศษ ที่ปรึกษาผลงาน ภาควิชาวิศวกรรม ระบบควบคุมและเครื่องมือวัด คณะวิศวกรรมศาสตร์มจธ. โทร.0-2470-9092, 0-2470-9096 (สยามรัฐรายวัน พุธที่ 6 เม.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)





สุดยอด 2 นักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ เตรียมโชว์ผลงานบนเวทีนานาชาติ

เยาวชนไทยจะได้มีโอกาสเข้าร่วมโชว์ฝีมือในเวทีระดับโลก หลังจากสองเยาวชนชนะเลิศการประกวดโครงการวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ และวิศวกรรมศาสตร์ หรือ YSC.CS & YSC.EN ซึ่งเป็นเวทีเฟ้นหาตัวแทนเยาวชนไทยร่วมประกวดในงาน "อินเทล ไอเซฟ" ครั้งที่ 56 ณ เมืองฟินิกซ์ มลรัฐอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 8-14 พฤษภาคม 2548 เริ่มจากคนแรก นายณัฏฐ์ ปิยะปราโมทย์ หรือณัฏฐ์ นักเรียนชั้น ม.4 จากโรงเรียนสารสิทธิ์พิทยาลัย จ.ราชบุรี ผู้ชนะการประกวดสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ จากโครงงาน "การประมวลผลส่วนหน้าสำหรับภาพจากกล้องเพื่อการรู้จำตัวอักษร" ณัฏฐ์เล่าว่า เพราะต้องการถ่ายเอกสารจากกล้องดิจิตอล จะได้ไม่ต้องใช้เครื่องถ่ายเอกสารซึ่งค่อนข้างเสียเวลา หลักการทำงานก็คือ กล้องดิจิตอลจะถ่ายข้อความจากหนังสือแล้วนำไปถอดรหัสด้วยคอมพิวเตอร์เป็นตัวอักษรที่สามารถพิมพ์แก้ไขได้เหมือนโปรแกรมทั่วไป แล้วนำไปพริ้นต์ ระหว่างที่ทดลองเกิดปัญหาบ้างเพราะการใช้กล้องดิจิตอลถ่ายภาพนั้นจะทำตัวอักษรและภาพบิดเบือนจากต้นฉบับ ทำให้ต้องศึกษาหาข้อมูลเพื่อหาวิธีปรับภาพและแสงเงาให้ดีที่สุด ซึ่งการที่ได้เข้าร่วมงานประกวดต่างๆ สิ่งที่ได้ก็คือ ประสบการณ์ที่ดีในการเปิดมุมมองของตัวเองให้กว้างขึ้น ได้ฝึกฝนพัฒนาตัวเอง และได้สร้างมิตรภาพกับเพื่อนใหม่ ซึ่งนำไปสู่ประสบการณ์ชีวิตที่คุ้มค่าจริงๆ รวมถึงได้สร้างมิตรภาพกับเพื่อนใหม่ด้วย นายไผ่เรียว จันทรชิต หรือเรียว นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช ผู้ชนะรางวัลที่ 1 สาขาวิศวกรรมศาสตร์ จากโครงงาน "การล่อแมลงวันทองด้วยคอลูบรินัม" เล่าถึงที่มาว่า สวนผลไม้ที่บ้านมีปัญหาเรื่องแมลงวัน จึงเปลี่ยนมาปลูกพริกไทย ซึ่งการปลูกพริกไทยจำเป็นต้องใช้ต้นคอลูบรินัม ต้นไม้พื้นเมืองทางภาคใต้เป็นต้นตอในการเสียบยอดพริกไทย สังเกตว่าบริเวณรอยตัดของต้นคอลูบรินัมจะมีแมลงวันมาตอมมากผิดปกติ จึงได้ทำการค้นคว้า พบว่าต้นคอลูบรินัมมีสารที่เพิ่มสมรรถภาพทางเพศของแมลงวันตัวผู้ จึงทำการทดลองและขอคำแนะนำจากอาจารย์ที่ปรึกษาจนดัดแปลงเครื่องมือการล่อแมลงวันทองด้วยสารจากต้นคอลูบรินัมได้สำเร็จ (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 7 เม.ย. 48 http://www.matichon.co.th)





การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ผลิตอิฐดินซีเมนต์บ้านหัวงัว กาฬสินธุ์

มหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ร่วมกับโรงเรียนและชุมชนจัดทำบทเรียนวิทยาศาสตร์ท้องถิ่น เรื่องการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติ ต.สงเปลือย อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ โดยการศึกษาวิจัยครั้งนี้ เพื่อศึกษาการสร้างบทเรียนวิทยาศาสตร์ท้องถิ่นจากการนำทรัพยากรดิน และทรัพยากรอื่นๆที่มีอยู่ในต.สงเปลือย มาใช้ผลิตอิฐดินซีเมนต์ โดยทำการศึกษาร่วมกันระหว่างอาจารย์ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราภชัฏกาฬสินธุ์ ครู นักเรียนจากโรงเรียนมอสวนขิงพิทยาสรรพ์ และชุมชนบ้านหัวงัว วิธีการเก็บข้อมูลใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม การวิจัยเชิงสำรวจและทดลอง การวิจัยครั้งนี้เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน2547 เพื่อนำองค์ความรู้จากการวิจัยมาจัดทำชุดเรียนรู้วิทยาศาสตร์ท้องถิ่นระดับชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 และระดับอุดมศึกษา รวมทั้งการทดลองใช้บทเรียนเพื่อทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน พบว่าดินในพื้นที่ 16 หมู่บ้าน ต.สงเปลือยที่ระดับความลึก 1 เมตร มีองค์ประกอบของทรายมากกว่า 80% และส่วนผสมของอิฐดินซีเมนต์ สูตรปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 1 กับดิน 1:7 และ 1:8 เหมาะสมในการผลิตอิฐดินซีเมนต์ และจัดทำชุดการเรียนรู้เรื่องการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรดินในการผลิตอิฐดินซีเมนต์ ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และระดับอุดมศึกษา ผลการทดสอบการเรียนจากการประเมินจากสภาพจริง พบว่าผู้เรียนมีความสนใจการเรียนวิทยาศาสตร์มากขึ้น และกิจกรรมของบทเรียนวิทยาศาสตร์ท้องถิ่นซึ่งเป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ช่วยในการฝึกทักษะด้านวิทยาศาสตร์ คิดอย่างมีเหตุผล กล้าแสดงออกและเกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง ในการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ท้องถิ่นควรจัดเป็นหนึ่งรายวิชา เพราะการเรียนวิทยาศาสตร์ท้องถิ่นจำเป็นที่จะต้องลงไปเรียนในพื้นที่ ต้องใช้เวลาในการเรียนมาก และควรมีการขยายผลการเรียนรู้เพื่อให้เกิดการต่อเนื่องและยั่งยืน (ข่าวสด พุธที่ 6 เม.ย. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





เบรียชูศูนย์พันธุกรรมรับมือโรคระบาด ผลิตสารชีวภาพป้อนงานวิจัย-ทำชุดเทสต์คิดส์

ดร.นิลวรรณ เพชระบูรณิน ประธานและผู้ก่อตั้งสำนักงานและห้องปฏิบัติการเบรีย บริษัท แปซิฟิค ไบโอเทค จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้จัดตั้งศูนย์พันธุกรรมขึ้นภายในบริษัท เพื่อเป็นแหล่งพันธุกรรมในการผลิตโมโนโครนอล หรือสารตั้งต้นสำหรับใช้ผลิตชุดตรวจวินิจฉัยโรคแบบรู้ผลเร็ว (test kids) เนื่องจากที่ผ่านมาในการผลิตชุดตรวจดังกล่าว ต้องนำเข้าสารตั้งต้นทำให้ต้นทุนสูงขึ้นและใช้เวลาดำเนินการล่าช้า ในการผลิตโมโนโครนอลเริ่มจากเก็บตัวอย่างเชื้อมาขยายแล้วทำให้เชื้อบริสุทธิ์ จากนั้นฉีดเชื้อเข้าไปในหนูทดลอง และนำม้ามหนูมาสกัดเอาโมโนโครนอลที่จำเพาะเจาะจงต่อเชื้อ สำหรับใช้เป็นองค์ประกอบหลักของชุดตรวจสอบ โดยผลิตภัณฑ์ชุดตรวจวินิจฉัยโรคแบบรู้ผลเร็ว ที่บริษัทดำเนินการผลิตมากว่า 20 ปี อาทิ ชุดตรวจเอดส์ วัณโรค ไข้เลือดออก ไวรัสตับอักเสบ ชุดตรวจยาเสพติดและชุดตรวจไข้หวัดนกที่อาศัยโมโนโครนอลนำเข้าในการผลิตชุดตรวจ ส่วนความคืบหน้าของศูนย์พันธุกรรม ในเบื้องต้นบริษัทได้รับความร่วมมือจากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ในการเข้าไปใช้ห้องปฏิบัติการวิจัยไบโอเทคภายในอุทยานวิทยาศาสตร์ เพื่อเพาะเลี้ยงเซลล์/เชื้อและทำให้บริสุทธิ์ ซึ่งจะใช้ระยะเวลา 3-6 เดือน จากนั้นจึงจะดำเนินการกับสัตว์ทดลองตามขั้นตอนการสังเคราะห์สารตั้งต้น คาดว่าช่วงปลายปี 2548 จะได้เซลล์ไลน์ของเชื้อไข้หวัดนก (เอช5เอ็น1) พร้อมทั้งยังร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผลิตโมโนโครนอลของชุดตรวจเม็ดเลือดขาว ซีดี 4 ขณะนี้ขั้นตอนทำโมโนโครนอลเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าช่วงปลายปีนี้เช่นกันจะได้เห็นชุดตรวจนับเม็ดเลือดขาวแบบรู้ผลเร็ว โดยจะเป็นประโยชน์สำหรับการติดตามการรักษาหรือตอบสนองต่อยาของผู้ป่วยเอดส์ รวมทั้งติดตามอาการของผู้ติดเชื้อที่ดูจากระดับซีดี 4 ขณะเดียวกันยังช่วยการทำงานของเจ้าหน้าที่พยาบาลให้สะดวกรวดเร็ว จากปกติที่ตรวจนับด้วยเครื่องตรวจนับเม็ดเลือด ซึ่งเป็นอุปกรณ์ประจำโรงพยาบาล ดร.นิลวรรณ กล่าวอีกว่า นอกจากโมโนโครนอลของเชื้อไข้หวัดนกและซีดี 4 แล้ว ยังร่วมกับนักวิจัยมหาวิทยาลัยมหิดล ทำโมโนโครนอลสำหรับชุดตรวจธาลัสซีเมียชนิดเบต้า และร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ทำโมโนโครนอลสำหรับชุดตรวจธาลัสซีเมียชนิดแอลฟาอีกด้วย (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 8 เม.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ตาไฮเทคฝังชิพช่วยคนตาบอด

ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดแห่งสหรัฐ ได้ทำการทดสอบฝังชิพให้กับหนูตาบอด ผลที่ได้คือทำให้หนูกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง หนูที่ฝังชิพที่เรตินาสามารถเดินผ่านสนามทดสอบสายตาฉลุย โดยสามารถตอบสนองกับรูปแบบคลื่นลายขาวดำที่อยู่เบื้องหน้าของพวกมัน นักวิจัยเริ่มจากฝังไมโครชิพไว้ข้างหลังเรตินาของคนตาพิการ โดยผู้ป่วยจะสวมแว่นตาที่ติดตั้งกล้องวิดีโอตัวเล็กๆ ไว้ ซึ่งจะส่งภาพไปยังคอมพิวเตอร์ไร้สายที่มีขนาดเท่ากับกระเป๋าสตางค์ จากนั้นคอมพิวเตอร์จะส่งข้อมูลไปยังจออินฟราเรดแอลอีดีบนแว่นตา ซึ่งจะสะท้อนภาพอินฟราเรดผ่านดวงตาไปยังชิพเรตินา และกระตุ้นหลอดภาพบนชิพ หลอดภาพจะจำลองการทำงานของเซลล์เรตินา แปลงแสงเป็นสัญญาณไฟฟ้า จากนั้นเซลล์ในเรตินาจะส่งสัญญาณนี้ผ่านเส้นประสาทไปยังสมอง จากการศึกษาในหนูยังแสดงให้เห็นว่า การฝังชิพไว้ที่ด้านหลังเรตินา ยังทำให้เซลล์เรตินาที่ยังไม่เสื่อมจะเคลื่อนเข้าไปใกล้ชิดกับหลอดภาพบนชิพ เมื่อเซลล์เบียดตัวใกล้กันมากขึ้นจึงช่วยให้เกิดภาพที่มีความละเอียดขึ้น นักวิจัยยังตั้งเป้าว่า จะทำให้ระยะห่างระหว่างชิพกับเซลล์มีระยะไม่เกิน 10 ไมครอน เลียนแบบลักษณะเหมือนกับว่าเป็นเซลล์เซลล์หนึ่งเลย และก่อนที่จะมีการนำมาใช้จริงในมนุษย์ ทีมวิจัยจะทำการทดสอบปลูกถ่ายลงในสัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่านี้ และทดสอบความปลอดภัยเพิ่มขึ้น (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 8 เม.ย. 48 http://www.komchadluek.net)





ข่าวทั่วไป


สอท.จี้พัฒนาลอจิสติกส์ชาติ

นายเกียรติพงษ์ น้อยใจบุญ รองประ ธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท. ได้นำเสนอประเด็นปัญหาด้านคมนาคม ขนส่งและลอจิสติกส์ ต่อสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่แล้ว เพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดมาตร การลดต้นทุนการขนส่งของไทยทั้งระบบอย่างมีประสิทธิภาพหลังราคาน้ำมันดีเซลได้มีการปรับเพิ่มขึ้นอีก 3 บาทต่อลิตร โดยขอให้รัฐเร่งสรุปพิกัดน้ำหนักรถบรรทุก 10 ล้อเป็นการถาวรจากปัจจุบันที่ได้ผ่อนผันให้ใช้น้ำหนัก 26 ตันระยะเวลา 3 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดกำหนดในสิ้นปีนี้ ซึ่งการขึ้นราคาดีเซลจะมีผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการขนส่ง โดยเฉพาะ การขนส่งวัตถุดิบเข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงการกระจายสินค้าสำเร็จรูปออกสู่ตลาด การควบคุมราคาขายปลีก ณ จุดจำหน่ายและการควบคุมราคาขายส่งที่หน้าโรงงานไม่สามารถบรรเทาปัญหาได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวเช่นเดียวกับการตรึงราคาน้ำมัน ดังนั้นการพัฒนาระบบลอจิสติกส์ จึงเป็นแนวทางที่ยั่งยืนที่สุด (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 4 มี.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





จับตา "หวัดนก" กลายพันธุ์ไทยเปิดเวทีอาเซียน+3

น.พ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงว่า ในวันที่ 5-7 เม.ย.นี้ สธ.ร่วมกับเลขาธิการกลุ่มอาเซียนองค์การอนามัยโลก เครือข่ายระวังโรคลุ่มน้ำโขง ศูนย์ควบคุมโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (ซีดีซี) จะจัดประชุมเชิงปฏิบัติการในหลักสูตรการสอบสวนโรคไข้หวัดนก ให้นักระบาดวิทยาและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 30 คน จากประเทศสมาชิกอาเซียน+3 ซึ่งมีทั้งหมด 13 ประเทศ ทั้งนี้ประเทศไทยนับว่าประสบผลสำเร็จ ในการควบคุมปัญหาโรคไข้หวัดนกซึ่งในการระบาดรอบที่ 3 เพราะประเทศเพื่อนบ้าน 2 ประเทศ คือ เวียดนามและกัมพูชายังพบผู้ติดเชื้อ โดยเวียดนามพบ 28 ราย เสียชีวิต 14 ราย ในจำนวนนี้ 7 ราย เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน และที่กัมพูชา พบผู้ติดเชื้อ 2 ราย เสียชีวิต 2 รายโดยการระบาดของโรคไข้หวัดนกในประเทศเวียดนาม และกัมพูชาระยะหลังๆ พบเป็นกลุ่มภายในครอบครัวเดียวกัน หรือกลุ่มคนใกล้ชิดกันเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องเฝ้าระวังโรคนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป เนื่องจากมีรายงานอย่างไม่เป็นทางการว่า เชื้อโรคมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่ยังไม่ถึงขั้นที่เอาพันธุกรรมของคนเข้าไปผสม องค์การอนามัยโลกเองก็ยังไม่เคยระบุว่า มีการติดจากคนสู่คน เพียงแต่มีการติดเชื้อระหว่างคนในครอบครัว ทำให้ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด ซึ่งมีทั้งการติดในกรณีที่เชื้อไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ติดเพราะคลุกคลีใกล้ชิดกันมาก และกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงของเชื้อที่มีลักษณะทำให้ติดสู่คนได้ง่าย ซึ่งในกรณีหลัง ขณะนี้ยังไม่มีรายงาน (ไทยรัฐ อังคารที่ 5 เมษายน 2548 http://www.thairath.co.th)





ปลาทั่วโลกเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ปลานโปเลียนกับปลาบึกจวนสิ้น

ดร.ชวลิต วิทยานนท์ หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ทะเล และแหล่งน้ำจืด องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล ประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านปลากล่าวว่า ขณะนี้ สถานภาพของปลา ทั้งปลาทะเลและปลาน้ำจืดทั่วโลก อยู่ในระดับความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากที่สุด และถือว่าอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วงมากกว่าสถานภาพของประชากรเสือหรือสัตว์ใหญ่บางประเภท เนื่องจากปลาเป็นสัตว์ที่พบเห็นได้ง่าย และมีการล่าโดยมนุษย์ทุกรูปแบบ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว อีกทั้งบางชนิดก็ไม่สามารถเพาะพันธุ์ได้เลย เช่น ฉลามวาฬ ฉลามขาว เป็นต้น ซึ่งการสำรวจสถานภาพ ปลาที่อยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์ของโลก ได้แก่ กลุ่มปลาฉนาก ฉลามวาฬ ปลานโปเลียน กลุ่มปลาตะเพียน ปลาค้อ ปลาบึก สำหรับของไทยพบว่าแหล่งอาศัยของปลาน้ำจืดและปลาทะเล ร้อยละ 90 อยู่ในสภาพถูกคุกคามอย่างหนัก เช่น บริเวณลุ่มน้ำบางปะกง ชลบุรีหินกรูด ชุมพร ทะเลสาบสงขลา สุรินทร์-สิมิลัน หมู่เกาะโลซิน ลุ่มน้ำโขง บึงบอระเพ็ด เป็นต้น ซึ่งมีปลาประมาณ 269 กว่าชนิด แบ่งเป็นปลาทะเล 133 ชนิด และน้ำจืด 136 ชนิด เช่น ปลาบึก ปลากะโห้ ปลาหมูอารีย์ ปลากัดบางสายพันธุ์ รวมทั้งกลุ่มปลาถ้ำ ซึ่งมีอยู่น้อยแล้ว นอกจากนี้ ยังมีปลา 3 ชนิด สูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย เช่น ปลาหวีเกศ ซึ่งมีตัวอย่างเก็บอยู่ที่กรมประมงเมื่อ 30 ปีก่อน นอกจากนี้เขื่อนและโครงการพัฒนาของรัฐยังเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้ปลาอยู่ในสถานภาพเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ อาทิ โครงการก่อสร้างเขื่อนคลองชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ของกรมชลประทาน ซึ่งอาจทำให้ปลาถ้ำ 3 ชนิด ได้แก่ ปลาพลวงถ้ำ ปลาค้อถ้ำ ที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงถูกคุกคามจากปลาล่าเหยื่อต่างถิ่นได้ หากน้ำในเขื่อนท่วมถึงพื้นที่ดังกล่าว หรือแม้แต่โครงการก่อสร้างเส้นทางลัดสู่ ภาคใต้ก็ส่งผลให้ปลาในทะเลอ่าวไทยเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์และตกอยู่ในภาวะคุกคามอีกด้วย อย่างเช่น ปลากระเบน ปลาฉนาก และปลาทู ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญในอ่าวไทย (ไทยรัฐ อังคารที่ 5 เมษายน 2548 http://www.thairath.co.th)





สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เอกอัครราชูปถัมภกมรดกวัฒนธรรมไทยและวิศิษฎศิลปิน

เมื่อวันที่26กุมภาพันธ์2528รัฐบาลได้ประกาศให้วันที่2เมษายนของทุกปีอันเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีเป็น“วันอนุรักษ์มรดกไทย”ด้วยตระหนักในพระปรีชาสามารถด้านศิลปวัฒนธรรมและพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงอนุเคราะห์สนับสนุนกิจกรรมอันเนื่องด้วยงานวัฒนธรรมของชาติเสมอมาโดยเฉพาะทรงเป็นแบบอย่างในการบำเพ็ญพระราชกรณียกิจและพระราชจริยาวัตรในด้านการอนุรักษ์มรดกของชาติในสาขาต่างๆเช่นวรรณศิลป์ประวัติศาสตร์โบราณคดีภาษาไทยสถาปัตยกรรมดนตรี ไทยและพุทธศาสนารวมทั้งได้เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทในการสร้างสรรค์และธำรงรักษามรดกของชาติให้ยั่งยืนตกทอดต่อไปถึงลูกหลาน สำหรับคำว่า“มรดกไทย”ในที่นี้คณะกรรมการอำนวยการวันอนุรักษ์มรดกไทยได้ให้ความหมายไว้ว่า“มรดกทางวัฒนธรรมที่แสดงออกถึงสัญลักษณ์ของความเป็นชาติซึ่งได้แก่โบราณวัตถุศิลปวัตถุโบราณสถานวรรณกรรมศิลปหัตถกรรมนาฏศิลป์และดนตรีตลอดจนถึงการดำเนินชีวิตและคุณค่าประเพณีต่างๆอันเป็นผลผลิตร่วมกันของผู้คนในผืนแผ่นดินในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา” สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีได้รับการทูลเกล้าฯถวายพระสมัญญาเมื่อพ.ศ.2531 ว่า“เอกอัครราชูปถัมภกมรดกวัฒนธรรมไทย”และเมื่อวันที่24กุมภาพันธ์2546วันศิลปินแห่งชาติคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติก็ได้ทูลเกล้าฯถวายพระสมัญญา“วิศิษฏศิลปิน”(อ่านว่าวิ-สิด-สิน-ละ-ปิน)แด่พระองค์ท่านซึ่งมีความหมายว่าทรงมีพระอัจฉริยภาพและทรงพระปรีชาสามารถในศิลปะหลายสาขาทรงมีคุณูปการต่อเหล่าศิลปินและศิลปวัฒนธรรมของชาติและยังทรงเป็นเมธีทางด้านวัฒนธรรมคือทรงเป็นปราชญ์ที่มีความรอบรู้ในวัฒนธรรมด้านต่างๆ ภาพทรงงานด้านศิลปวัฒนธรรมนับเป็นภาพที่คุ้นตาพสกนิกรชาวไทยเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะพระปรีชาสามารถในศิลปะหลายสาขาก็ล้วนเป็นที่ประจักษ์ (เดลินิวส์ อังคารที่ 5 เมษายน 2548 http://www.dailynews.co.th)





สมคิดเตือนอุตฯต้องปรับตัว เต็มที่4ปีเสริมสร้างธุรกิจ

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมกระทรวงอุตสาหกรรม ว่า กระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องปรับบทบาทเน้นการสร้างผู้ประกอบการให้หลากหลาย ส่งเสริมทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ รายกลาง รายย่อยให้แข่งขันได้ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศมาก เนื่องจากเกี่ยวข้องกับภาคการผลิตโดยตรง ช่วงเวลา 4 ปีนี้จะต้องทำงานเต็มที่ ไม่เช่นนั้นจะเสียโอกาสมาก กระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องปรับบทบาทของสถาบันต่างๆ อย่างสถาบันยานยนต์ สถาบันอาหารให้มีความเข้มข้น ส่วนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอต้องเร่งปรับแพคเกจการส่งเสริมการลงทุนให้สอดคล้องกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ขณะที่กองทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนาที่กระทรวงการคลังดูแลจะต้องให้มีผลในทางปฏิบัติ เพราะประเทศไทยจะต้องเจอปัญหาขาดดุลบัญชีเดินสะพัดไม่หยุดถ้ายังไม่มีความแข็งแรงในเรื่องของนวัตกรรม เครื่องจักรกล เพราะส่วนใหญ่ที่ไทยขาดดุลบัญชีเดินสะพัด เพราะต้องนำเข้าเครื่องจักรและน้ำมัน ด้านนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มาตรการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา กระทรวงการคลังได้ออกมาตรการมาแล้วให้สามารถขอคืนภาษีได้ เพียงแค่มีการลงเงินก็สามารถขอคืนได้ทันทีโดยที่ยังไม่ได้ทำกิจกรรมด้วยซ้ำ แต่เอกชนไทยไม่สามารถรวมตัวกันได้ ทำให้กองทุนสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาไม่มีความคืบหน้า จึงเห็นว่ากระทรวงอุตสาหกรรมน่าจะให้สถาบันต่างๆ ทั้ง 9 แห่ง ที่มีอยู่เป็นแกนกลางในการผนึกผู้ประกอบการให้สนใจเรื่องการวิจัยและพัฒนามากขึ้น (สยามรัฐรายวัน อังคารที่ 5 เมษายน 2548 http://www.siamrath.co.th)





ดินสอพองเป็นยอดครีมกันแดด แนะหัวล้านใส่หมวกป้องกันมะเร็ง

น.พ.ประวิตร พิศาลบุตร แพทย์อเมริกันบอร์ดสาขาโรคผิวหนัง แนะนำวิธีป้องกันผลเสียของแสงแดดว่า ได้แก่ การหลีกเลี่ยงแสงแดดช่วงเวลา 08.00-17.00 น. ในช่วงเทศกาลสงกรานต์เล่นสาดน้ำกัน แม้จะไม่ร้อนจัดก็ต้องระวังผิวไหม้แดด เพราะเนื้อผ้าที่เปียกน้ำแนบเนื้อจะทำให้รังสียูวีผ่านได้มาก ควรใช้ยากันแดดชนิดทนน้ำและสวมเสื้อผ้าฝ้ายแขนยาวและกางเกงขายาว เพราะกันแสงแดดได้ดีกว่า ถ้าโดนแดดแล้วผิวเปลี่ยนเป็นสีชมพู ปวดแสบปวดร้อน แสดงว่ามีผิวไหม้แดด ควรรีบเข้าในที่ร่มทันทีหรือสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด อาจใช้ผ้าชุบน้ำเย็นประคบผิวไหม้แดด บริเวณที่ปวดแสบปวดร้อนทิ้งไว้ครั้งละ 20 นาที วันละ 2-3 ครั้ง และอาจทาครีมให้ความชุ่มชื้น หรือ After sun ชนิดที่ผสมยาชาเพื่อลดอาการปวดแสบปวดร้อน ด้าน พ.ญ.ปรียา กุลละวณิชย์ นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งเอเชียกล่าวว่า ภูมิปัญญาชาวบ้านไทยทราบผลเสียของแสงแดดมานานแล้ว ชาวนาไทยสวมงอบซึ่งป้องกันแดดได้ดีมาก เพราะมีงานวิจัยของฝรั่งแสดงว่าหมวกที่ทำจากฟาง ใบลาน ใบตาลจะกันแดดได้ดีหมวกที่มีขอบปีกรอบทั้งใบเกิน 4 นิ้ว จะกันแดดจากใบหน้าได้มากกว่าร้อยละ 80 การสวมหมวกยังลดอัตราการเกิดมะเร็งผิวหนังของคนผมบาง เพราะพบว่าคนที่หัวล้านมีโอกาสเป็นมะเร็งผิวหนังของศีรษะสูงกว่า เพราะไม่มีเส้นผมคอยป้องกันหนังศีรษะจากแสงแดด คนหัวล้านจึงควรสวมหมวกเพื่อป้องกันมะเร็งของหนังศีรษะ การสวมเสื้อผ้าฝ้ายแขนยาว แขนกระบอกแบบไทยจะกันแสงแดดได้ดีกว่าการใช้เสื้อผ้าเส้นใยสังเคราะห์แขนกุดแบบฝรั่ง นอกจากนี้ ดินสอพองที่คุณย่าคุณยายใช้ประหน้าในยามเทศกาลสงกรานต์ มีฤทธิ์คล้ายยากันแดดชนิดกายภาพ ซึ่งฝรั่งเพิ่งพบว่ายากันแดดชนิดนี้กันแดดได้ดี. (ไทยรัฐ พุธที่ 6 เม.ย. 48 http://www.thairath.co.th)





ลอดช่องพบแบคทีเรียดื้อยา

โรงพยาบาลสิงคโปร์ เจเนอรัล ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลใหญ่สุดของสิงคโปร์ แถลงวานนี้ว่าพบเชื้อแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะแวนโคไมซิน หรือวีอาร์อี ในผู้ป่วยที่โรงพยาบาล เพิ่มอีก 27 คน ทำให้จำนวนผู้ป่วยที่พบเชื้อโรคดังกล่าวเพิ่มเป็น 42 คน แต่ในจำนวนนี้ มีเพียงคนเดียวที่ติดเชื้อ และกำลังได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะชนิดอื่น ส่วนคนที่เหลือเป็นพาหะ และไม่แสดงอาการ โรงพยาบาลแถลงเป็นครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ (1 เม.ย.) ว่าพบผู้ป่วย 15 คนที่โรงพยาบาล มีเชื้อแบคทีเรียวีอาร์อี ส่วนเมื่อปีที่แล้วพบ 6 ราย ขณะโฆษกโรงพยาบาลกล่าวว่า ผู้ป่วยที่มีเชื้อแบคทีเรียวีอาร์อีไม่เคยมีอาการร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต ผู้ป่วยที่ติดเชื้อแบคทีเรียดื้อยาแวนโครไมซิน ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะชนิดแรงสุด อาจเกิดการติดเชื้อที่ท่อปัสสาวะ ระบบเลือด และระหว่างการผ่าตัด ขณะโรงพยาบาลยังคงตรวจหาเชื้อวีอาร์อีในผู้ป่วยทุกคนอย่างต่อเนื่อง เพื่อควบคุมเชื้อไม่ให้แพร่กระจาย ทั้งนี้ ผู้ป่วยอาจได้รับเชื้อผ่านทางการสัมผัสพื้นที่ติดเชื้อ หรือวัตถุสิ่งของที่ปนเปื้อนแบคทีเรีย โรงพยาบาลสิงคโปร์ เจเนอรัล ยังได้เลื่อนนัดผ่าตัดที่ไม่เร่งด่วนในระยะ 2 สัปดาห์ ออกไปทั้งหมด 600 ราย ระหว่างพยายามยุติการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 6 เม.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





“สธ.” วอนอย่าแตกตื่น ยันไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อ นมปนเปื้อนแบคทีเรีย

จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจพบเชื้อแบคทีเรียชื่อเอนเทอโรแบคเตอร์ ซากาซากิ (Enterobacter Sakazakii) ซึ่งเป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อทารกแรกเกิดถึง 1 ปี โดยเฉพาะทารกที่คลอดก่อนกำหนด ทารกที่มีภูมิคุ้มกันโรคต่ำ และทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ แต่มีรายงานการติดเชื้อในเด็กและผู้ใหญ่ด้วย ทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองและไขสันหลังอักเสบ โลหิตเป็นพิษ ลำไส้ และกระเพาะอาหารอักเสบ อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ สำหรับเชื้อดังกล่าวพบในนมผงดัดแปลงสำหรับทารก 3 ยี่ห้อ ได้แก่ 1.นมผงเมจิ เอฟ-เอ็ม-ที ของบริษัทเมจิเอ็มจีซี เดวี ออสเตรเลีย จำกัด เลขทะเบียนตำรับอาหารเลขที่ สนท.9/2543 วันที่ผลิต 05/05/2003 วันหมดอายุ 05/05 2006 2.ยี่ห้อแนน 1 ของบริษัทเนสท์เล่ นีเดอร์แลนด์ เบ.เว.เนเธอร์แลนด์ จำกัด รหัส EMIBV-22-11 เลขสารบบ 10-3-10937-1-0096 วันที่ผลิต 09/09/2004 วันหมดอายุ 09/09/2006 และ3. ยี่ห้อซิมิแลค ดีเอชเอ+เออาร์เอ ของบริษัทแอ็บบอต ลาบอแรตอรี่ส์ เอส เอ. แกรนาดา สเปน จำกัด รหัส 22167QU เลขสารบบ 10-3-14623-1-0042 วันที่ผลิต 10/2004 วันที่หมดอายุ 04/2006 ตามโครงการศึกษาความเสี่ยงของเชื้อดังกล่าวในนมผงดัดแปลงสำหรับทารก เพื่อคุ้มครองสุขภาพอนามัยของประชาชนไทย ให้บริโภคอาหารปลอดภัย ซึ่งทาง อย. ได้เรียกเก็บนมผงรุ่นที่มีปัญหาออกจากท้องตลาดอย่างเร่งด่วนเพื่อทำลายแล้ว (สยามรัฐรายวัน พฤหัสบดีที่ 7 เม.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)





อบรมทำครีม-โลชั่น

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย(วว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง "เทคนิคการทำครีมและโลชั่น" จำนวน 2 รุ่น ในวันที่ 22 เม.ย. และวันที่ 26 เม.ย. เวลา 08.30-16.30 น. ที่ห้องประชุม 4 วว. บางเขน ผู้เข้าอบรมจะได้รับความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับครีมและโลชั่น การเลือกชนิดของน้ำมันเพื่อใช้ในตำรับและการปรับสูตรตำรับ พร้อมทั้งฝึกปฏิบัติการทำครีมและโลชั่น สอบถามและสำรองที่นั่งได้ที่ 0-2579-1121-30, 0-2579-5515 ต่อ 4206-4210 ในวันเวลาราชการ (ข่าวสด พุธที่ 6 เม.ย. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





วิธีปฐมพยาบาลมือถือตกน้ำ รับเทศกาลสงกรานต์

สรุปขั้นตอนปฐมพยาบาลและแก้ไขเครื่องมือถือตกหรือเปียกน้ำที่ง่ายที่สุด 1.เครื่องตก/เปียกน้ำแล้วต้องถอดแบตเตอรี่ออกก่อนทันที อย่าพยายามเปิดเครื่องจะทำให้เครื่องเสีย ให้รีบปฐมพยาบาลก่อน และอย่าเก็บเครื่องที่อมน้ำไว้นานเกิน 1 สัปดาห์ เพราะสนิมจะกินสายไฟสายทองแดงขาดหมด 2.แกะตัวเครื่องออกมาจากตัวเรือนพลาสติกให้สังเกตน้ำที่เข้ามาว่าน้ำสกปรกหรือไม่ อย่ารีบใช้ไดร์เป่าเผาเป่าเครื่องให้น้ำแห้ง เพราะหากเป็นน้ำที่สกปรก จะมีขี้โคลน ทราย ตะไคร่ การทำให้แห้งทันทีเปรียบเหมือนใช้เตารีดร้อนรีดทับรอยเปื้อนที่ผ้า ทำให้ซักคราบเปื้อนไม่ออก 3.ล้างตัวบอร์ดโทรศัพท์ในอ่างอุลตร้าโซนิก (ที่ใช้ล้างสร้อย แว่นตา นาฬิกา) ใส่น้ำยาล้างหน้าสัมผัสที่มีขายทั่วไป คลื่นเสียงอุลตร้าโซนิกและน้ำยาจะทำให้สิ่งสกปรกต่างๆ ที่อยู่ใต้ขา IC ที่ทำให้โทรศัพท์เปิดไม่ติดค่อยๆ หลุดออกมาใช้เวลาสั่นประมาณ 15 นาที 4.เสร็จแล้วนำออกมาผึ่งลมให้แห้ง จึงทดลองประกอบเครื่องคืน 5.เปิดเครื่อง ซึ่งเครื่องจะเปิดติดใช้งานได้ ที่สำคัญมากๆ คือเพื่อป้องกันสนิมที่จะตามมาทำให้กัดสายไฟขาด และเครื่องเสียในอนาคต ให้ใช้น้ำยาสเปรย์กันสนิมฉีดเคลือบกันสนิมบางๆ ที่บอร์ดวงจร แล้วเช็ดออกด้วยผ้าสะอาด หากเครื่องโทรศัพท์ยังมีปัญหาเช่นเปิดตัวแล้วเครื่องสั่นค้างหรือจอจางมาก สามารถสอบถามปัญหาที่ศูนย์ฝึกอบรมช่างซ่อมมือถือ Dr.Mobile Clinic โทร.0-2891-1589 พร้อมให้คำแนะนำช่วยเหลือฟรี หรือใครมีมือถือโดนน้ำเสียหาย สามารถ มาที่ถนนข้าวสาร มีบูทซ่อมมือถือการกุศลรายได้มอบให้มูลนิธิชัยพัฒนา ซ่อมมือถือแล้วยังได้บุญในวันปีใหม่แบบไทยๆ (ข้อมูลจาก : ศูนย์ฝึกอบรมช่างซ่อมมือถือ Dr.Mobile Clinic) (ประชาชาติธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 7 เม.ย. 48 ttp://www.matichon.co.th/prachachat)





ลูกจ้างเฮ 13 เม.ย.ใช้ ก.ม.คุ้มครองสุขภาพ

นายสุรินทร์ จิรวิศิษฎ์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสวัสดิการฯ ได้ออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการตรวจสุขภาพลูกจ้าง และส่งผลการตรวจแก่พนักงานตรวจแรงงาน พ.ศ.2547 เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยในการทำงานให้กับผู้ใช้แรงงานตามโรงงานทั่วประเทศ เนื่องจากปัจจุบันต้องประสบอันตรายจากการทำงาน ซึ่งมีตัวเลขสูงถึง 216,018 คน โดยกฎกระทรวงกำหนดให้นายจ้างจัดการตรวจสุขภาพของลูกจ้างที่ทำงานเสี่ยงตาย เช่น สารเคมีอันตราย ซึ่งอาจเป็นเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา หรือสารชีวภาพอื่นๆ กัมมันตภาพรังสี ความร้อน ความเย็น ความสั่นสะเทือน ความกดดันอากาศที่เป็นอันตราย เป็นต้น โดยให้นายจ้างเก็บบันทึกผลการตรวจสุขภาพของลูกจ้าง เพื่อให้เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานตรวจสอบ นอกจากนี้ยังได้ออกกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานในงานเกษตรกรรม เพื่อขยายความคุ้มครองแก่ลูกจ้างในงานเกษตรจำนวน 2.3 ล้านคน อาทิ เพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ ทำนาเกลือ ป่าไม้ ประมงน้ำจืด เป็นต้น ซึ่งกฎหมายกำหนดให้นายจ้างต้องให้สิทธิวันหยุดพักผ่อนไม่น้อยกว่า 3 วันทำงาน สิทธิวันลาป่วย ไม่เกิน 15 วันทำงาน โดยรับค่าจ้างหลังจากทำงานครบ 180 วัน รวมทั้งห้ามรับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีเข้าทำงาน ขณะเดียวกันยังอนุโลมนายจ้างอาจให้เด็กตั้งแต่ 13 ปีบริบูรณ์ทำงานได้ ในช่วงระยะเวลาปิดภาคเรียน หรือนอกเวลาเรียนได้ แต่ต้องเป็นงานที่ไม่อันตรายต่อสุขภาพอนามัยหรือไม่ขัดต่อการพัฒนาและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของเด็ก และต้องได้รับความยินยอมจากบิดามารดาผู้ปกครองด้วย ทั้งนี้กฎกระทรวงทั้ง 2 ฉบับจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย.2548 เป็นต้นไป และหากนายจ้างไม่ปฏิบัติตามมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 8 เม.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





แก้"กม."เงินเดือน"ขรก." จ่ายทุก15วัน

กรมบัญชีกลางเตรียมเสนอแก้ไขพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ เพื่อเปลี่ยนระบบการจ่ายเงินเดือนจากเดือนละครั้ง มาเป็นจ่าย 2 งวด ทุก 15 วันเหมือนกับภาคเอกชน เพื่อให้ข้าราชการมีเงินหมุนเวียนไม่ขาดมือ ในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 7 เมษายน นายสมภพ บัณฑรวิพากษ์ รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า กรมบัญชีกลางจะเสนอแก้ไขกฎหมาย 13 ฉบับ พ่วงไปกับนโยบายสังคายนากฎหมาย 377 ฉบับของรัฐบาล โดยหนึ่งในกฎหมายที่จะเสนอแก้คือ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ซึ่งจะมีการแก้ไขให้การจ่ายเงินเดือนข้าราชการมีความยืดหยุ่นขึ้น และให้สอดคล้องระบบการคลังอิเล็กทรอนิกส์ โดยจะแก้ไขกฎหมายจากเดิมที่กำหนดว่าการจ่ายเงินเดือนข้าราชการจะต้องจ่ายในวันทำการสุดท้ายของเดือนเท่านั้น เป็นไม่กำหนดวันแน่นอน แต่ให้เป็นไปตามประกาศของกระทรวงการคลังแทน (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 8 เมษายน 2548 http://www.matichon.co.th)





3 หนุ่มสาว-สถาปัตย์จุฬา-แชมป์ "Summer Design Contest 2005"

ภายหลังบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว เปิดให้นิสิต นักศึกษา สมัครเข้าร่วมประกวดความคิดสร้างสรรค์วัยรุ่นไทย ในการตกแต่ง "วินโดว์ ดิสเพลย์" สำหรับแฟชั่นเสื้อผ้าแบรนด์ชั้นนำของประเทศไทย พร้อมจัดโชว์ผลงานจริงๆ ในโครงการ "Win Summer Design Contest 2005" ส่งผลให้นิสิต นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ ส่งแนวคิดเข้าประกวดกว่า 80 ทีม น้องๆ จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้ง 3 คน ได้แก่ "แก๊ป" นายพงษ์วิวัฒน์ ทีฆครีกุล "ซอส" นายธัณภัทร์ สุคนธตามร์ และ "ต๊ะ" นายเฉลิมกิติ์ โรคามาศ ซึ่งตกแต่งวินโดว์ ดิสเพลย์ ให้กับร้าน G 2000 ได้รับรางวัลชนะเลิศไปอย่างขาดลอย ที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะเลิศ จะได้รับเงินรางวัลจำนวน 50,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร รางวัลสำหรับผู้ชนะเลิศอันดับ 1 ได้เงินรางวัลจำนวน 30,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร รางวัลชนะเลิศอันดับ 2 ได้เงินรางวัลจำนวน 20,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร ส่วนรางวัลชื่นชอบ ซึ่งได้จากการโหวตของลูกค้าจะได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท (ข่าวสด ศุกร์ที่ 8 เมษายน 2548 http://www.matichon.co.th/khaosod)





Burj Dubai สูงเสียดฟ้า ยึดตำแหน่งตึกสูงสุดของโลก

ดูไบ เมืองทันสมัยที่เป็นดั่งโอเอซิสในทะเลทราย อีกไม่นานก็จะถูกบันทึกไว้ว่าเป็นดินแดนของตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลก อวดความสูงกว่า 2,300 ฟุต พร้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บอกว่า จริงๆ แล้ว ตึก Burj Dubai อาจจะสูงกว่ามาก และมีจำนวนชั้นมากกว่าบรรดาตึกอื่นๆ ทั้งในไต้หวัน ชิคาโก และที่อื่นๆ ในโลก แต่พวกเขายังคงอุบตัวเลขความสูงจริงๆ ความลับ เพราะตอนนี้ใครๆ ต่างขมีขมันแข่งสร้างตึกสูงอันดับหนึ่งของโลกกันยกใหญ่ โรเบิร์ต บูท ผู้อำนวยการ อีมาร์ พร้อพเพอร์ตี้บริษัทก่อสร้างในดูไบ เจ้าของผลงานตึกสเตนเลส สตีลทรงแหลม บอกว่า "เราจะทำลายสถิติ ทั้งหลายแหล่ ไม่ใช่แค่เป็นตึกที่สูงที่สุดเท่านั้น แต่มันจะเป็นอาคารที่สูงที่สุดซึ่งเกิดจากฝีมือมนุษย์ล้วนๆ" นอกจากความมหึมาของตัวตึก บรรดานักออกแบบยังวางแผนรองรับมหันตภัย ทั้งที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์และธรรมชาติ พวกเขาเชื่อว่าตึกที่มีโครงเป็นคอนกรีตแห่งนี้จะยืนหยัดสู้การโจมตีทางอากาศได้ ไม่ล้มครืนลงเหมือนกับตึกโครงเหล็กกล้าอย่างเวิรลด์เทรด เซ็นเตอร์ สถาปัตยกรรมแห่งนี้คือผลงานการออก แบบของเอเดรียน สมิธ สถาปนิกชาวอเมริกัน ที่เคยออกแบบตึกจิน เหมา ความสูง 1,378 ฟุตในนครเซี่ยงไฮ้ รั้งตำแหน่งตึกสูงสุดอันดับ 4 ของโลก (ประชาชาติธุรกิจ ศุกร์ที่ 8 เมษายน 2548 http://www.matichon.co.th/prachachat)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215