หัวข้อข่าวปีที่ 6 ฉบับที่ 18 ประจำวันที่ 2005-05-15

ข่าวการศึกษา

มอ.ภูเก็ตบูมจัดสอนภาษาจีนพร้อมค้าขายยักษ์เศรษฐกิจ
ม.กรุงเทพสร้างพิพิธภัณฑ์ เพิ่มทางเลือกการเรียนรู้
ฝึกเด็กยุคใหม่เรียนรู้ผ่าน e-TV พบการฝึกอบรมเด็กยุคใหม่ให้รู้เท่าทันเทคโนโลยี !
ก.พ.จับมือยูคอมพัฒนาข้าราชการออนไลน์
ตั้ง"สมาร์ทสคูล"พัฒนาไอซีที
"สกลนคร"เจ้าภาพถกปรับปรุงหลักสูตร
ยันกทม.ตั้งมหาวิทยาลัย ดันนศ.ทำวิจัยนำความรู้มาแก้ปัญหา
หลักสูตรแบบออนไลน์ ได้งานแถมเงินพ่วงปริญญา
แนะตั้งคณะกรรมการ คุมคุณภาพมหาวิทยาลัยออนไลน์
หนุน2นร.ไทยประกวดวิทย์ ลุ้นเงิน 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทปอ.สรุปแล้วแอดมิชชั่น49
ก้าวใหม่วิศวศึกษาไทย
สสวท.เปิดรับคนจบวท.บ.ชิงทุนเรียนครูถึงป.เอก
สทศ.ดึงครูพื้นฐานร่วมออกข้อสอบชาติ
รัฐบาลตั้งสถาบันพัฒนาสมอง เร่งปรับกระบวนการเรียนรู้เด็ก
สท.สร้างโลกที่ดีให้เด็ก กำหนด 8 ตัวชี้วัดแก้ปัญหา-พัฒนาใน 10 ปี
ปริญญาโทออนไลน์
ม.รังสิต เฟ้นหาผู้นำเข้าใจปัญหาสังคม
สทศ.คลอดสอบโอเน็ต-เอเน็ต ระบุ25-26 ก.พ.และ 28 ก.พ.-1มี.ค.
รัฐ-เอกชนอุ้มเด็กพิการตาเอนท์ติด
จี้มหาวิทยาลัยปรับแผนผลิตบัณฑิต

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

เปิดโลกดิจิทัลเกมเฟ้นตัวแทนไปชิงแชมป์โลก
บ.ญี่ปุ่นหัวใสผลิต"เสื้อเด็กกันของมีคม"
กระทรวงเกษตรฯเล็งใช้"สบู่ดำ" ทดแทนดีเซล-สู้วิกฤตพลังงาน
ไฟห้องน้ำอัตโนมัติ
กระจกวิเศษ
นักวิทยาศาสตร์สร้างปาฏิหาริย์ กินแดดอย่างเดียวยังแข็งแรงดี
นักวิชาการนาซาระบุธีออสไม่คุ้ม จ่าย 6,000 ล้านใช้งาน 6 ปีตกรุ่น
ทางสู่ยุคโรงงานอัจฉริยะขนาดย่อม
โชว์เกมมือถือไอเดียไทย
ภาวะโลกร้อนพ่นพิษอีก ฉุดน้ำแข็งทิเบตละลาย
นักดาราศาสตร์มั่นใจพบโลกใหม่ วนรอบดาวฤกษ์เหมือนระบบสุริยะ

ข่าววิจัย/พัฒนา

สารต่อต้านอนุมูลอิสระเป็นหัวใจ จะยืดอายุขัยมนุษย์ให้ยืนยาวขึ้นได้
น้ำผลทับทิมมีสรรพคุณวิเศษ เป็นยาไวอากร้าขนานธรรมชาติ
นักวิจัยไทยสุดเจ๋ง 'คุมยาออกฤทธิ์'
วช.อัดวิจัยบูรณาการ500ล. ลดนำเข้าสินค้า-เทคโนโลยี
สหรัฐเตือนมะละกอดิบเสี่ยงทำให้แท้ง มูลนิธิผู้บริโภคย้ำชัดต้องหาข้อมูลเพิ่ม
ไอบีเอ็มโชว์รถเข็นห้างเจ้าปัญญา กดปุ่มยืนรอสินค้าดาหน้ามาเอง
ไทยคิดสำเร็จชุดตรวจแมงกะจั๊ว ต้นตอภูมิแพ้เล็งต่อยอดทำวัคซีน
สกัดเปลือกมะนาวช่วยขจัดไขมันในเลือด
วว.โชว์เครื่องแบบไบโอดีเซลแบบต่อเนื่องกลั่นน้ำมันดีเซลคุณภาพ
ราชมงคลยืดอายุกุหลาบสดนานนับเดือน
เครื่องฝึกเด็กออทิสติกทรงตัวป้องกันหกล้มหัวกระแทกพื้น
หุ่นยนต์ช่วยคนตาบอด
เปลี่ยนพลาสติคเป็น"น้ำมัน" ผลงานนักเคมีไทย
ตรวจพบมะเร็งทรวงอกตั้งแต่ต้น โดยการฉายแสงเอกซเรย์เส้นผม
ศึกษาพบทารกลืมตาเห็นโลกเป็นสีอายุแค่ 4 เดือนก็รู้จักชอบสีโปรด
'อะโกรไซแอนส์'พัฒนานวัตกรรมกำจัดปลวก
'พืชวัคซีน'สร้างภูมิต้านทานโรคในคน
เพิร์ชเดินเครื่องเร่งศักยภาพงานวิจัยเคมี จับมือสนช.ดึงเอกชน ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่ตลาด
หุ่นจำลองหาค่ารังสีเอ็กซ์ เด็กไทยคิดค้นลดพึ่งพาของนอก
แพทย์สหรัฐเดินหน้าทดลอง วัคซีนอัลไซเมอร์ฟื้นความจำ
ไบโอเทคผุดโรงต้นแบบผลิตไวรัสชีวภาพ สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนให้สานต่อเต็มรูปแบบ
เครื่องตีครีมแต่งหน้าเค้ก กุ๊กไม่เมื่อยแถมลดเวลาทำ
รองเท้าใยบวบโอท็อป4ดาว จากธรรมชาติ-นุ่มสบายเท้า
ยูนิเซฟหนุนพัฒนาชุดตรวจสารหนูพกพา ม.มหิดลวิจัยสำเร็จระบุอ่านค่าได้แม้สารเจือจาง
องค์กรวิจัยผุดฐานข้อมูลพืชหอมไทย หนุนธุรกิจสปาเลือกวัตถุดิบปลอดภัย
นักวิทย์สร้างมันฝรั่งวัคซีน กินแล้วไม่เป็นไวรัสตับ บี
จุฬาฯตรวจสายพันธุ์ไวรัสเดงกี่ เร่งพัฒนาวัคซีนไข้เลือดออก
สมุนไพรฆ่าปลวก3แบบ
ศิริราชพัฒนาแผ่นเจลกันแผลกดทับ ลดภาระจนท.ดูแลผู้ป่วยทุพพลภาพ
มหิดลเร่งพัฒนาวัคซีน สกัดเชื้อไข้เลือดออก พบตจว.ยอดผู้ป่วยพุ่ง

ข่าวทั่วไป

เผยท่อก๊าซปตท.ผ่านร.ร. ท่อก๊าซไทรน้อย-โรงไฟฟ้า,บางขุนเทียนประชุมเคลียร์ชาวบ้าน
ทส.จัด “บิ๊กคลีนนิ่ง เดย์” ทำความสะอาดธรรมชาติ
พรุ่งนี้ ดีเดย์เริ่มจัดระเบียบซิมการ์ด
"สธ."ทุ่มงบ 500 ล้าน สร้างเด็กไทยพันธุ์ใหม่
"ไทย"แชมป์เที่ยวถูกสุด
ความเครียดเป็นยาอายุวัฒนะ หมั่นก่อความเครียดอ่อนๆ ขึ้น
ปลุกสำนึกเด็กไทยเลิกส่งเอสเอ็มเอสไร้สาระ
เผยคลินิกความงามตกมาตรฐาน
พระโคเสี่ยงทาย กินข้าวโพด-หญ้า ธัญญาหารสมบูรณ์
ทำอย่างไร ให้หายกลัวหมอฟัน





ข่าวการศึกษา


มอ.ภูเก็ตบูมจัดสอนภาษาจีนพร้อมค้าขายยักษ์เศรษฐกิจ

ผศ.เมธี สรรพานิช รองอธิการบดีเขตการศึกษาภูเก็ต มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) เปิดเผยว่า ในปีการศึกษา 2547 ที่ผ่านมาทางเขตการศึกษาภูเก็ต มีนักศึกษาปริญญาตรี โท และเอก รวมประมาณ 1,800 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาปริญญาตรีถึง 1,600 คน โดยจะเป็นนักศึกษาจากคณะอุตสาหกรรมบริการ ซึ่งเปิดสอนเป็นหลักสูตรนานาชาติในสาขาวิชาการจัดการโรงแรม วิเทศธุรกิจจีน และจีนศึกษา ทั้งนี้การเปิดสอนสาขาดังกล่าว เพื่อรองรับการเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกของจังหวัดภูเก็ต และรองรับการทำธุรกิจกับประเทศจีนที่กำลังจะก้าวเป็นประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลก ซึ่งในปีการศึกษา 2548 เขตการศึกษาภูเก็ตจะเปิดสอนหลักสูตรระดับปริญญาตรีเพิ่มอีก 3 หลักสูตรคือไทยศึกษาที่จะสอนเป็นภาษาอังกฤษ อี-คอมเมิร์ซ และวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ซึ่งคาดว่าจะทำให้จำนวนนักศึกษาเพิ่มขึ้นเป็น 2,500 คน และอีก 3 ปีข้างหน้าจะสามารถรับนักศึกษาได้ถึง 4,000 คน จุดเด่นของเขตการศึกษาภูเก็ตคือ มีความร่วมมือทางวิชาการแน่นแฟ้นกับหลายมหาวิทยาลัยในจีนจึงทำให้ มอ.เป็นที่รู้จักของคนจีน โดยคณะอุตสาหกรรมบริการได้ส่งนักศึกษาหลักสูตรวิเทศธุรกิจจีนไปเรียนภาคฤดูร้อนที่มหาวิทยาลัยจีนหลายแห่ง เพื่อเรียนรู้สังคม วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมด้วย นอกจากนี้มหาวิทยาลัยยังได้รับความไว้วางใจจาก National Office for Teaching Chinese as a Foreign Language หรือ NOCFL ของประเทศจีนในการเป็นศูนย์ทดสอบระดับความรู้ด้านภาษาจีน ซึ่งมีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก โดยจะทำหน้าที่เหมือนศูนย์สอบ TOEFL ของอเมริกา ซึ่งศูนย์ NOCFL จะมีในประเทศไทยเพียง 3 แห่งที่ลำปาง กรุงเทพฯ และภูเก็ต ศูนย์ที่ภูเก็ตได้ลงนามความร่วมมือเปิดดำเนินการในช่วงแรกเป็นระยะเวลา 5 ปี และได้เริ่มเปิดทดสอบเป็นปีแรกตั้งแต่ปี 2547 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้สนใจเข้ามาใช้บริการเป็นที่น่าพอใจ และในจำนวนผู้ที่มาทดสอบก็เป็นนักศึกษาในสาขาวิชาวิเทศธุรกิจจีน และจีนศึกษา ซึ่งคาดว่าในอนาคตเมื่อมีการเปิดสอนภาษาจีนอย่างกว้างขวางมากขึ้นในระดับมัธยมศึกษาและระดับอื่น ๆ ศูนย์แห่งนี้จะได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากประกาศนียบัตรรับรองระดับความรู้ภาษาจีนที่ได้จากการทดสอบจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการเข้าทำงานหรือศึกษาต่อได้ด้วย (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 9 พ.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ม.กรุงเทพสร้างพิพิธภัณฑ์ เพิ่มทางเลือกการเรียนรู้

ผศ.ดร.บุญรอด วุฒิศาสตร์กุล รองอธิการบดีวิทยาเขตรังสิต มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้สร้างพิพิธภัณฑสถานเครื่องถ้วยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อปี พ.ศ.2546 ให้เป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ของนักเรียน นักศึกษาตลอดจนบุคคลทั่วไปที่สนใจ อีกทั้งเพื่อเป็นศูนย์กลางแห่งการวิจัยแหล่งรวบรวมเครื่องถ้วยที่สำคัญ และสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ ทางอาจารย์สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยกรุงเทพได้มอบศิลปะ โบราณวัตถุ และเครื่องถ้วยโบราณทั้งในประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จำนวนกว่า 2,000 รายการ มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท โดยแบ่งการจัดแสดงตามช่วงพัฒนาการของเครื่องถ้วย ได้แก่ เครื่องถ้วยสุโขทัย เครื่องถ้วยต่างประเทศที่พบในประเทศไทยสมัยเดียวกัน เครื่องถ้วยที่ผลิตจากแหล่งเตาในภาคเหนือของประเทศไทย เครื่องถ้วยจีนที่พบในประเทศไทย ณ เทือกเขา บริเวณจังหวัดตาก และอำเภอก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกันนี้ยังจัดแสดงเครื่องถ้วยต่างประเทศ เช่น พม่า เวียดนาม เขมรเป็นต้น สำหรับพิพิธภัณฑสถานมหาวิทยาลัยกรุงเทพพร้อมเปิดให้บริการแก่บุคคลประชาชนทั่วไป ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้ และจะมีกำหนดแนะนำพิพิธภัณฑ์ฯ ในวันพุธที่ 11 พฤษภาคม 2548 เวลา 15.00 น. โดยมีอาจารย์สุรัตน์ โอสถานนุเคราะห์ เป็นประธานในพิธี พร้อมกันนี้ยังมีการแสดงนิทรรศการ “เรียนรู้อย่างเชี่ยวชาญ” เพื่อให้ผู้เข้าชมได้เรียนรู้ความแตกต่างของเครื่องถ้วยโบราณที่ผลิตจากแหล่งเตาต่างๆ ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ โดยการนำชิ้นส่วนของเครื่องถ้วยที่หัก เครื่องถ้วยที่เผาเสีย ซึ่งบิดเบี้ยวจากเตาเผา เนื่องจากได้รับความร้อนในการเผาสูงเกินไป และมักถูกทิ้งไว้นอกเตามาให้ศึกษาหาประสบการณ์ ซึ่งชิ้นส่วนเหล่านี้จะกลายเป็น “ห้องสมุดอ้างอิง” ได้เป็นอย่างดี สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ระหว่างวันที่ 12 พฤษภาคม -15 พฤษภาคม 2548 ณ ห้องนิทรรศการชั่วคราว พิพิธภัณฑสถานเครื่องถ้วยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ วิทยาเขตรังสิต ระหว่างเวลา 09.00-16.00 น.เว้นวันอาทิตย์ และวันจันทร์ (สยามรัฐ จันทร์ที่ 9 พ.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





ฝึกเด็กยุคใหม่เรียนรู้ผ่าน e-TV พบการฝึกอบรมเด็กยุคใหม่ให้รู้เท่าทันเทคโนโลยี !

โครงการค่ายเยาวชนสมองแก้วเกษตร ศาสตร์–ซีเกท รุ่นที่ 18 ที่จัดขึ้นเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ที่ศูนย์ส่งเสริมและฝึกอบรมการเกษตรแห่งชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม นางสุภา โภคาชัยพัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี (ประ เทศไทย) บอกว่า โครงการนี้ เป็นการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่ถูกประยุกต์ให้เหมาะสมกับลักษณะนิสัยของเยาวชนที่ชอบคิดริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ และชอบเล่นกับเพื่อนในวัยเดียวกัน ซึ่งถือว่าเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้เยาวชนกระตือรือร้นในการเรียนรู้สิ่งอื่น ๆ ต่อไป กิจกรรมในค่ายเยาวชนสมองแก้วครั้งนี้ มีถึง 5 กลุ่มกิจกรรมเพื่อพัฒนาเยาวชนทั้งด้านสติปัญญาและอารมณ์ กิจกรรมหลักคือกิจกรรมกล่องสมองกลสร้างสรรค์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะสอนเยาวชนให้พัฒนาซอฟต์แวร์ในการควบคุมกลไกต่าง ๆ อย่างง่าย ๆ อาทิ การเขียนโปรแกรมควบคุมสัญญาณไฟจราจร การเปิดไฟในบ้าน หรือการตั้งการปิดเปิดระบบเสียงเพลง กิจกรรมเด่น ๆ ปีนี้จะเน้นที่การเรียนรู้ผ่านกิจกรรมทีวีอิเล็กทรอนิกส์หรือ e-TV ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เยาวชนสร้าง สรรค์ความคิดร่วมกันในการผลิตรายการทีวีในรูปแบบของข่าว นิทาน เกมโชว์ โฆษณา และมิวสิก วิดีโอ ตามที่เยาวชนสนใจ นำเสนอผ่านสื่อออนไลน์ ที่เรียกว่า ETV Electronic TV โดยเยาวชนจะเริ่มตั้งแต่การคิดพล็อตเรื่อง หาข้อมูล เขียนบท ออกแบบถ่ายทำ ตลอดจนนำเสนอผลงานที่สร้างผ่านอินเทอร์เน็ต การทำงานเป็นทีมและการเรียนรู้การใช้ชีวิตกับเพื่อน ๆ และพี่เลี้ยงในช่วง 6 คืน 7 วันนับเป็นประสบการณ์ที่พัฒนาทั้งด้านอารมณ์และจิตใจของเยาวชนอีกด้วย. (เดลินิวส์ อังคารที่ 10 พ.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ก.พ.จับมือยูคอมพัฒนาข้าราชการออนไลน์

นายสีมา สีมานันท์ เลขาธิการสำนักงานคระกรรมการข้าราชการพลเรือนหรือสำนักงาน ก.พ. เปิดเผยว่า ทางสำนักงาน ก.พ. เห็นความสำคัญ ในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อการพัฒนาบุคลากรภาครัฐผ่านระบบเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-เลิร์นนิ่ง ซึ่งเป็นการพัฒนาคุณภาพบุคลากรของภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ แถมประหยัดงบประมาณ และเข้าถึงข้าราชการในทุกระดับ ทุกพื้นที่ และทุกเวลา จึงร่วมมือกับบริษัทยูไนเต็ดคอมมูนิ เกชั่นอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือยูคอม พัฒนาหลักสูตรอี-เลิร์นนิ่ง และการฝึกอบรมออนไลน์ให้แก่ข้าราชการพลเรือนที่มีกว่า 4 แสนคนทั่วประเทศ ทั้งนี้ยูคอมจะเป็นผู้ดูแลระบบ ส่วนเนื้อหาจะมาจากทางสำนักงาน ก.พ. รวมถึงจากหลักสูตรออนไลน์ที่ ยูคอมพัฒนาไว้แล้วกว่า 70 หลักสูตร ทางสำนักงาน ก.พ. มีการดำเนินโครงการการเรียนรู้ผ่านเครือข่ายอิเล็ก ทรอนิกส์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2545 โดยร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปัจจุบันมีผู้ผ่านการ อบรมในระบบนี้แล้วไม่น้อยกว่า 1 หมื่นรายใน 22 หลักสูตร ตั้งเป้าภายในสิ้นปีนี้มีข้าราชการที่ผ่านหลัก สูตรออนไลน์อีกไม่ต่ำกว่า 7 พันคน ซึ่งอนาคตต้องการให้มีการพัฒนาระบบเป็นแบบอินเตอร์แอค ทีฟ หรือตอบโต้กันได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งต่อไปสำนักงาน ก.พ. จะออกแบบหลักสูตรออนไลน์ที่มีมาตร ฐาน และสามารถนำผลการเรียนมาเป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณาเลื่อนขั้นหรือเลื่อนตำแหน่งได้. (เดลินิวส์ อังคารที่ 10 พ.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ตั้ง"สมาร์ทสคูล"พัฒนาไอซีที

นายพิศาล สร้อยธุหร่ำ ผอ.สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กล่าวภายหลังเปิดศูนย์วิจัย พัฒนาและฝึกอบรมโครงการสมาร์ท สคูล (Smart School) ว่า ประกอบด้วยห้องเรียน 3 ห้อง ศูนย์นี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการสมาร์ท สคูล ระยะที่ 2 และโครงการนี้เป็นหนึ่งในการตอบแทนกลับคืนทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรให้แก่ประเทศไทยในด้านการศึกษา โดยมี สสวท.เป็นผู้ประสานโครงการ สมาร์ท สคูล เป็นโครงการนำร่องการเรียนการสอน สาระการออกแบบและเทคโนโลยีของประเทศไทย ในการพัฒนาหลักสูตร สื่อ กิจกรรมการเรียนการสอน รวมทั้งครู ให้สามารถจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง นักเรียนคิดอย่างสร้างสรรค์ และลงมือปฏิบัติจริง โดยใช้ศักยภาพของเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือไอซีที เป็นเครื่องมือช่วยในการเรียนรู้ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพความเป็นอยู่ และสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น ส่วนการนำร่องในระยะที่ 2 นี้ มี 4 แห่ง คือ ศูนย์ที่ สสวท. โรงเรียนสันกำแพง จ.เชียงใหม่ โรงเรียนตราดตระการคุณ จ.ตราด และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กทม. (ข่าวสด อังคารที่ 10 พ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





"สกลนคร"เจ้าภาพถกปรับปรุงหลักสูตร

นายปัญญา มหาชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนครได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการของกลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏภาคตะวันออกเฉียงเหนือขึ้นที่ห้องดุสิตา อาคารอเนกประสงค์ภูพานเพลซ เรื่องการพัฒนาหลักสูตรระดับอุดมศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้ การประชุมเชิงปฏิบัติการดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ คณบดี ผอ.สำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน หัวหน้าฝ่ายหลักสูตรและแผนการเรียน ประธานโปรแกรมวิชาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งนี้เพื่อตระหนักถึงความสำคัญ ความจำเป็นที่จะต้องมีการทบทวนหลักสูตรที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอน และได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางและขั้นตอนการปรับปรุง และพัฒนาหลักสูตร เพื่อใช้ในการจัดการศึกษาทั้งระดับอนุปริญญา ปริญญาตรี และระดับบัณฑิตศึกษาให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ที่บัญญัติเรื่องหลักสูตร โดยเฉพาะหลักสูตรการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีจุดมุ่งหมายจะพัฒนาวิชาการและวิชาชีพ โดยมุ่งพัฒนาคนให้มีความสมดุล ทั้งความรู้ ความคิด ความสามารถ ความดีงาม และความรับผิดชอบต่อสังคม (ข่าวสด อังคารที่ 10 พ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ยันกทม.ตั้งมหาวิทยาลัย ดันนศ.ทำวิจัยนำความรู้มาแก้ปัญหา

ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน ประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาเรื่องแผนวิชาการ ระบบบริหารและแผนกายภาพของมหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังประชุมคณะอนุกรรมการที่โรงพยาบาลวชิระ เมื่อเร็วๆนี้ ว่าที่ประชุมได้พิจารณาการจัดตั้งมหาวิทยาลัยใน กทม. หลังจากเรื่องนี้ได้ค้างคามานานหลายปี เพราะเห็นว่าใน กทม.มีมหาวิทยาลัยอยู่แล้วกว่า 10 แห่ง แต่ในที่สุดได้ข้อสรุปว่า กทม.ต้องจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้น ด้วยเหตุผล 3 ประการคือ ข้อแรกเพื่อความคล่องตัวในการผลิตบุคลากรสาขาขาดแคลน เช่น แพทย์ พยาบาล เพราะ กทม.มีโรงพยาบาลในสังกัด 9 แห่ง และรองรับสังคม แต่วิทยาลัยแพทย์และวิทยาลัยพยาบาลเกื้อการุณย์ สอนหลักสูตรปริญญาตรีภาคสมทบของ ม.มหิดล ทำให้ขาดความคล่องตัว นอกจากนี้ กทม.เป็นเมืองขนาดใหญ่ที่มีปัญหามากมายต้องอาศัยการวิเคราะห์และวิจัย เพื่อนำความรู้มาพัฒนาบุคลากรที่มีกว่า 8 หมื่นคน และแก้ปัญหา กทม.การบริหารจัดการ กทม.เพื่อเป็นต้นแบบในการแก้ปัญหาเมืองที่มีขนาดใหญ่ได้ และข้อสาม กทม.มีแรงงานอพยพ, แรงงานแอบแฝง แต่ขาดทักษะจึงต้องมีวิทยาลัยชุมชนเปิดสอนหลักสูตรระยะสั้น เพื่อเสริมทักษะอาชีพ ศ.ดร.วิจิตร กล่าวต่อไปว่า มหาวิทยาลัย กทม.จะไม่ซ้ำซ้อนมหาวิทยาลัยรัฐ แต่เป็นมหาวิทยาลัยเฉพาะทางมุ่งผลิตบุคลากรสาขาขาดแคลน และพัฒนาบุคลากรรวมทั้งแก้ปัญหา กทม. ในรูปเครือข่ายเชื่อมโยงกับสถาบันอุดมศึกษาทั้งภายในและนอกประเทศ เน้นหลักสูตรปริญญาโทและเอก 2 ด้านคือ มหานครศึกษา ชุมชนและท้องถิ่นศึกษา มุ่งทำวิจัยเพื่อนำความรู้มาแก้ปัญหา กทม. มหาวิทยาลัย กทม.มีสำนักงานส่วนกลาง อยู่ที่ รพ.สิรินธร เขตประเวศ บนเนื้อที่ 84 ไร่ ส่วนคณะแพทย์ตั้งที่วชิระพยาบาล และคณะพยาบาลที่วิทยาลัยพยาบาลเกื้อการุณย์ อีกทั้งวิทยาลัยชุมชนส่วนกลางอยู่ที่ รพ.สิรินธรเช่นกัน ทั้งนี้คณะอนุกรรมการจะประชุมกันในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ ที่วิทยาลัยพยาบาลเกื้อการุณย์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปเดือนกรกฎาคมนี้ จากนั้นจะจัดทำร่างกฎหมายจัดตั้งมหาวิทยาลัย กทม. และแผนงบรองรับเสนอรัฐบาลเดือนกันยายนนี้ เพื่อจะจัดตั้งมหาวิทยาลัย กทม.เดือนตุลาคม 2549 หรืออย่างช้าในปี 2550 (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 12 พ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





หลักสูตรแบบออนไลน์ ได้งานแถมเงินพ่วงปริญญา

ดร.จิรณี ตันติรัตนวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้จัดทำร่างประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องหลักเกณฑ์และแนวทางการขอเปิดและดำเนินการหลักสูตรระดับปริญญาในระบบการศึกษาทางไกล พ.ศ. 2548 และประกาศเรื่องแนวปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และแนวทางการขอเปิดและดำเนินการหลักสูตรระดับปริญญาในระบบการศึกษาทางไกล พ.ศ. 2548 เพื่อใช้เป็นมาตรฐานการจัดการสอนหลักสูตรการเรียนการสอนทางไกล โดยจะมีการกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนอาจารย์สาขาวิชา สื่อที่ใช้ในการเรียนการสอน และขณะนี้ร่างดังกล่าวอยู่ระหว่างเสนอนายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการพิจารณาเพื่อลงนาม แม้ สกอ.ยังไม่ออกหลักเกณฑ์ แต่หลายมหาวิทยาลัยได้เปิดหลักสูตรออนไลน์กันบ้างแล้ว เช่น หลักสูตรปริญญาตรีคณะวิศวกรรมศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ส่วนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการเปิดสอนในหลายหลักสูตร แต่ทั้งหมดยังเป็นการสอนแบบผสมผสานกับสื่อเดิม ยังไม่เปิดสอนออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ เพราะยังขาดบุคลากรในการผลิตสื่อการสอนที่สมบูรณ์ ทั้งยังมีข้อจำกัดเรื่องการวัดและประเมินผล ที่ยังไม่สามารถจัดการสอบทางไกลให้เกิดมาตรฐานได้ ในเรื่องนี้ รศ.ดร.วีรศักดิ์ อุดมกิจเดชา รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ จุฬาฯ เผยข้อมูลว่า จุฬาฯ เองได้จัดหลักสูตรที่นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาผสมผสานในการจัดการเรียนการสอนมานานกว่า 5 ปี หลักสูตรแรกๆ ที่เปิดสอน คือหลักสูตรการพัฒนาซอฟต์แวร์ และการพยาบาล ระดับปริญญาโท โดยเป็นการสอนควบคู่ระหว่างระบบห้องเรียน และเวบไซต์ และเร็วๆ นี้ได้ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข ในการจัดโครงการเลิร์นนิ่ง แอ็ท เดอะ เวิร์ค เพลส ในหลักสูตรการพยาบาล เพื่อให้นางพยาบาลสามารถเรียนได้ในสถานที่ทำงาน เป็นการเพิ่มโอกาสและความสะดวกให้กับบุคลากร ล่าสุดกำลังจัดทำหลักสูตรการจัดการทางวัฒนธรรม ระดับปริญญาโท ซึ่งเป็นหลักสูตรอินเทอร์เน็ตเต็มรูปแบบหลักสูตรแรก และเปิดรับสมัครนักศึกษารุ่นแรก 30 คน ในปีการศึกษา 2548 นี้ โดยได้ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมในการส่งเจ้าหน้าที่วัฒนธรรมจังหวัดเข้าเรียนในโครงการนำร่อง ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่ได้พัฒนาความรู้ความสามารถ โดยไม่เสียเวลาทำงาน เพราะสามารถเรียนได้ในสถานที่ทำงาน แต่ในเบื้องต้นยังต้องเป็นการเรียนแบบผสมผสานกับสื่อผสมอื่นๆ ส่วนระบบการจัดสอบจะจัดสอบผ่านอินเทอร์เน็ต ผ่านศูนย์สอบในจังหวัดต่างๆ สอบในวันและเวลาเดียวกัน นักศึกษาไม่ต้องเดินทางเข้าส่วนกลาง และจะมีการตรวจสอบว่าผู้เข้าสอบกับผู้ลงทะเบียนเรียนต้องเป็นคนคนเดียวกัน ในทางกลับกันก็มีข้อดีที่จะเป็นการขยายโอกาสให้ผู้เรียนไม่ต้องเดินทางมาเรียนถึงกรุงเทพฯ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง หรือเสียเวลาการทำงาน หลักสูตรออนไลน์ก็ไม่สามารถมาทดแทนการเรียนการสอนในห้องเรียนได้ ทั้ง 100% เพราะในบางสาขาวิชา เช่น วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และเทคโนโลยีบางศาสตร์ ยังต้องมีเรียนในห้องปฏิบัติการ ดังนั้นเทคโนโลยีสารสนเทศจึงเป็นส่วนเสริม เพื่อการขยายโอกาสทางการศึกษาเท่านั้น (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 12 พ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





แนะตั้งคณะกรรมการ คุมคุณภาพมหาวิทยาลัยออนไลน์

ดร.ปริญ ลักษิตานนท์ รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย กล่าวถึงนโยบายการเปิดมหาวิทยาลัยออนไลน์ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ว่า เชื่อว่ามหาวิทยาลัยออนไลน์มีโอกาสเกิดขึ้นแน่นอน เนื่องจากปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยทั้งรัฐและเอกชนหลายแห่งที่เปิดสอนบางรายวิชาระดับปริญญาโทและเอกผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต หาก สกอ.สนับสนุนเรื่องนี้อย่างจริงจัง ทำให้มหาวิทยาลัยออนไลน์เกิดขึ้นและขยายตัวรวดเร็วในอนาคต เพราะขณะนี้มหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนหลายแห่งเตรียมความพร้อมทั้งหลักสูตรและสื่อการสอนไว้ระดับหนึ่งแล้ว สิ่งที่น่าห่วงสำหรับมหาวิทยาลัยออนไลน์คือ มาตรฐานและคุณภาพการศึกษาของมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งจะแตกต่างกัน หากไม่มีมาตรฐานการศึกษาชัดเจน ดังนั้น จะต้องให้มหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนยึดเป็นมาตรฐานการศึกษาเดียวกันในการจัดการศึกษาผ่านระบบออนไลน์ สกอ.ควรจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด ประกอบด้วยตัวแทนจาก สกอ. มหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนทุกแห่งและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำหน้าที่กำหนดกระบวนการสร้างความรู้ วิธีจัดการศึกษา การวัดและประเมินผลการศึกษา รวมถึงกำหนดมาตรฐานการศึกษาและตรวจสอบคุณภาพการศึกษา เพื่อให้มหาวิทยาลัยออนไลน์มีมาตรฐานและคุณภาพการศึกษาอยู่ในกรอบเดียวกันรองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ ม.อีสเทิร์นเอเชีย ยังกล่าวถึงปัญหาคัดลอกและจ้างทำวิทยานิพนธ์ว่า ปัจจุบันมหาวิทยาลัยในประเทศอเมริกาและอังกฤษประสบปัญหานี้อย่างหนัก เนื่องจากมีการจัดตั้งบริษัทขึ้นมารับจ้างเขียนวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโทและเอกผ่านอินเทอร์เน็ต และมีนักศึกษาต่างชาติไปใช้บริการจำนวนมาก ส่วนในไทยแม้จะมีความพยายามออกกฎหมายเพื่อกำหนดบทลงโทษนักศึกษา อาจารย์ที่เกี่ยวข้องกับคัดลอกหรือว่าจ้างเขียนวิทยานิพนธ์ เชื่อว่าไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้เพราะเป็นเรื่องส่งผลกระทบต่อสังคมไทยในวงกว้าง แต่มุ่งแก้ไขพฤติกรรมคนทำผิด ซึ่งมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 12 พ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





หนุน2นร.ไทยประกวดวิทย์ ลุ้นเงิน 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด หนุน 2 นักเรียนไทยเข้าร่วมโครงการประกวดผลงานทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ระดับนานาชาติ หรือ อินเทล ไอเซฟ (Intel International Science and Engineering Fair-Intel ISEF) ครั้งที่ 56 ที่สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 8-14 พฤษภาคมนี้ พร้อมให้เงิน 5 แสนบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางและการเข้าคอร์สอบรมภาษาอังกฤษ เพื่อพัฒนาทักษะในการนำเสนอผลงานสู่คณะกรรมการตัดสินระดับสากล สำหรับในปีนี้มีผลงานการประกวดโครงงาน ที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศถึง 23 โครงงาน จากจำนวนทั้งสิ้น 166 โครงงาน เป็นโครงการที่จัดขึ้นโดยความร่วมมือของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด โครงงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ได้แก่ โครงงาน "การประมวลผลส่วนหน้าสำหรับภาพจากกล้อง เพื่อการรู้จำตัวอักษร" ซึ่งเป็นผลงานของ นายนัฏฐ์ ปิยะปราโมทย์ นักเรียนชั้น ม.4 จาก ร.ร.สารสิทธิ์พิทยาลัย จ.ราชบุรี ส่วนรางวัลชนะเลิศสาขาวิศวกรรมศาสตร์ คือโครงงาน "การล่อแมลงวันทองด้วยคอลูบรินัม" เป็นผลงานของนายเรียวไผ่ จันทรชิต นักเรียนชั้นม.3 ร.ร.กัลยาณีศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งโครงงานของเรียวไผ่มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาหาชนิดของสมุนไพรในท้องถิ่น รูปแบบภาชนะ และช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการล่อแมลงวันทองได้ดีที่สุด เพื่อนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับดักแมลงวันทอง ผู้ชนะเลิศจากทั้งสองสาขา จะเป็นตัวแทนเยาวชนไทยเข้าร่วมงานอินเทล ไอเซฟ ครั้งที่ 56 ที่เมืองฟีนิกซ์ มลรัฐอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ในระหว่างวันที่ 8-14 พฤษภาคม นี้ (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 12 พ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ทปอ.สรุปแล้วแอดมิชชั่น49

ภายหลังจากที่กลุ่มนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ออกมาคัดค้านการใช้ระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือระบบแอดมิชชั่น เพื่อคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อ ในสถาบันอุดมศึกษาในปีการศึกษา 2549 โดยเฉพาะการคัดค้านการนำเกรดมาเป็นองค์ประกอบการคัดเลือก เพราะไม่เชื่อมั่นในมาตรฐานของโรงเรียน และกลัวว่าโรงเรียนบางโรงจะปล่อยเกรด หรือให้เกรดเฟ้อ ซึ่งในที่สุดที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ก็มีมติที่จะใช้ระบบแอดมิชชั่นในปีการศึกษา 2549 แน่นอน แต่ปรับองค์ประกอบต่างๆ ซึ่งได้แก่ผลการเรียนรู้ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (GPAX) จำนวน 10% ผลการเรียนรู้จากกลุ่มสาระการเรียนรู้ (GPA) จำนวน 3-5 รายกลุ่มสาระจาก 8 กลุ่มสาระ จำนวน 20% ผลการสอบวัดผลการเรียนรู้รวบยอดระดับชาติ (O-NET) จำนวน 35-70% และผลการสอบวัดความรู้เชิงวิชาการแบบก้าวหน้า (A-NET) หรือวิชาเฉพาะ หรือความถนัดเชิงวิชาชีพ ไม่เกิน 3 รายวิชา จำนวน 0-35% ทั้งนี้ ทปอ.รับปากว่าจะเร่งหาข้อสรุปรายละเอียดขององค์ประกอบ ที่แต่ละคณะวิชาจะใช้ในการคัดเลือกให้เร็วที่สุด (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 12 พ.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ก้าวใหม่วิศวศึกษาไทย

การศึกษา การเรียน การสอน สาขาวิศวกรรมศาสตร์ที่จะเรียกว่าวิศวศึกษา หรือ Engineering Education ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากต่อการผลิตวิศวกรที่ดีและมีคุณ ภาพเพื่อการพัฒนาบูรณะโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ปัจจุบันมหาวิทยาลัยไทยทั้งของภาครัฐและเอกชน มีความตื่นตัวด้านวิศวศึกษามาก โดยมีการพัฒนารูปแบบ เทคนิคการเรียนการสอนที่ทันสมัยทั้งด้านหลักสูตร เทคนิคการสอน วิธีการสอน ที่จะทำให้นักศึกษาสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้อย่างมีคุณภาพในระยะเวลาที่รวดเร็ว และตรงกับความต้องการจริงกับอุตสาหกรรมและธุรกิจของประเทศ รวมทั้งสามารถเป็นวิศวกรที่มีความสามารถเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วได้ มีการตื่นตัวไปในเรื่อง อีเลิร์นนิ่ง หรือ E-Learning มาก ซึ่งก็คือมีการพัฒนาค้นคว้าวิจัยเพื่อให้นักศึกษาได้มีการเรียนรู้วิชาด้านวิศวกรรมศาสตร์ผ่านระบบคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตมากขึ้น โดยมีการเน้นถึงความหลากหลายของเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ที่นำมาช่วยสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื้อหาวิชาการทำให้น่าดูน่าชมเหมือนภาพยนตร์รวมทั้งสูตรสมการก็จะมีการเปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย ๆ ทีละขั้นออกเป็นลักษณะความบันเทิงผสมผสานเข้า ไปด้วย ซึ่งอยู่ในลักษณะที่ภาษาวิชาการเรียกว่า Edutainment หรือ เอ็ดยูเทนเมนต์ นอกจากนี้คณะวิศวกรรมศาสตร์หลายแห่งได้มีการพัฒนาหลักสูตรออกไปในลักษณะสากลหรือ Internationalism มากขึ้น เช่น การเสนอหลักสูตรวิศวกรรมนาโน หรือ Nano engineering จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในระดับปริญญาตรี ซึ่งก็นับว่าท้าทายมาก เพราะลักษณะงานที่วิศวกรจบสาขานี้จะเป็นเรื่องของ อนาคตมากกว่า และก็ต้องมีแน่ในประเทศ ไทยในอนาคต แม้หลายคนอาจจะยังไม่ชัดเจนตอนนี้ (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 12 พ.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





สสวท.เปิดรับคนจบวท.บ.ชิงทุนเรียนครูถึงป.เอก

นางอรสา ศาสตระรุจิ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้ สสวท. ดำเนินโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (สควค.) ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2548-2549) โดยให้ทุนผู้ที่จบปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิต (วท.บ.) มาศึกษาต่อในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครู 1 ปี ตั้งแต่ปีการศึกษา 2548-2549 ปีละ 580 คนต่อปี และให้ทุนต่อเนื่องจนสิ้นสุดโครงการในปี 2550 นั้น สสวท.จะรับสมัครนักศึกษาเพื่อเข้าร่วมโครงการดังกล่าวในปีการศึกษา 2548 นี้ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ เปิดรับสมัครนักศึกษาของโครงการ สควค. ที่จบ วท.บ. ในปีการศึกษา 2547 เพื่อเข้ารับทุนศึกษาต่อหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครู (ป. บัณฑิต) จำนวน 418 คน และส่วนที่เหลืออีก 162 คน จะเปิดรับนักศึกษาทั่วไปที่จบปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิตในปี การศึกษา 2546 และปีการศึกษา 2547 ที่มีคะแนนเฉลี่ยทุกรายวิชาในชั้นปีที่ 1-4 ในแต่ละชั้นปี ไม่ต่ำกว่า 2.75 เพื่อให้ได้รับทุนการศึกษาดังกล่าว และเข้าศึกษาที่คณะศึกษาศาสตร์หรือครุศาสตร์ของมหาวิทยาลัยที่เป็นศูนย์ของโครงการสควค. ผู้เข้าร่วมโครงการดังกล่าวเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจะได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพชั่วคราว และได้รับการบรรจุเข้ารับราชการครูทันทีเมื่อจบการศึกษา และหากผ่านการประเมินตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดก็จะได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หลังจากนั้นเมื่อบัณฑิตปฏิบัติงานครบ 2 ปี ก็จะได้รับทุนศึกษาต่อระดับปริญญาโทในประเทศทั้ง 580 คน และจะคัดผู้ที่มีผลการเรียนดีมากจำนวน 30 คน เพื่อไปศึกษาต่อระดับปริญญาเอกในประเทศ ส่วนบัณฑิตที่เหลือ 550 คนจะให้กลับเข้าปฏิบัติราชการตามเดิม ทั้งนี้ สสวท.ได้เปิดรับสมัครผู้สนใจเพื่อคัดเลือกเข้าร่วมโครงการแล้วตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. 2548 และจะรับสมัครต่อไปจนถึงวันที่ 20 พ.ค. 2548 ซึ่งนักศึกษาครูที่สำเร็จหลักสูตร วท.บ. ที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด และมีความมุ่งมั่นจะประกอบอาชีพครู หากต้องการรับทุนดังกล่าวก็สามารถมาสมัครเข้ารับการคัดเลือกหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เลขที่ 924 ถนนสุขุมวิท เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 โทรศัพท์ 0-2392-4021 ต่อ 2309-2318 หรือ 0-2381-0430 โทรสาร 0-2392-9602 หรือ 0-2381-3851 หรือดูรายละเอียดได้ที่ http://www.ipst. ac.th/dpst (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 12 พ.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





สทศ.ดึงครูพื้นฐานร่วมออกข้อสอบชาติ

จากการประชุมคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ ประธานคณะกรรมการเตรียมการฯ เผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง ศ.เกียรติคุณ ดร.นงลักษณ์ วิรัชชัย เป็นประธานคณะกรรมการจัดทำเครื่องมือทดสอบผลการเรียนรู้รวบยอดระดับชาติ รศ.วิจิตร เส็งหะพันธ์ เป็นประธานอนุกรรมการกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ ศ.ดร.กุสุมา รักษมณี เป็นประธานคณะอนุกรรมการกลุ่มสาระภาษาไทย ภาษาต่างประเทศ สังคมศึกษา และ รศ.สิริชัย กาญจนวาสี เป็นประธานคณะกรรมการกลั่นกรอง เครื่องมือทดสอบผลการเรียนรู้รวบยอดระดับชาติ ทั้งนี้ คณะกรรมการจัดทำเครื่องมือทดสอบฯ และคณะกรรมการกลั่นกรองเครื่องมือทดสอบฯ จะประสานงานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ข้อสอบแต่ละข้อมีคุณภาพ ตั้งแต่การนำข้อสอบมาจากแหล่งต่างๆ เช่น สถาบันการศึกษาที่มีแบบทดสอบที่มีคุณภาพ หรือจากการประชุมเชิงปฏิบัติการครูอาจารย์ทั่วประเทศ ซึ่งจัดโดย สทศ. เพื่อเปิดโอกาสให้ครูจากโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งมีความสามารถทางวิชาการสูง ร่วมพัฒนาเครื่องมือทดสอบ โดยข้อสอบที่ได้จะเป็นข้อมูลดิบที่จะต้องผ่านการกลั่นกรองหลายขั้นตอน เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่าข้อสอบที่ได้นั้นมีคุณภาพ จากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการของคณะกรรมการกลั่นกรองเครื่องมือทดสอบฯ และกระบวนการคัดเลือกข้อสอบ ซึ่งจะเป็นขั้นตอนที่เป็นความลับสุดยอด โดยมีผู้ร่วมคัดเลือกไม่กี่คน ส่วนขั้นตอนการเตรียมการทดสอบนั้น สทศ.กำหนดวันทดสอบแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือ Ordinary National Educational Test (O-NET) วันที่ 25-26 ก.พ.2549 และวันทดสอบแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง หรือ Advanced National Educational Test (A-NET) สอบวันที่ 28 ก.พ.และวันที่ 1 มี.ค.2549 โดยแบบทดสอบ O-NET จะทดสอบ 5 วิชาได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ สังคมศึกษา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เป็นข้อสอบปรนัย 80-90% อัตนัย 10-20% ส่วนแบบทดสอบ A-NET จัดสอบ 5 วิชาได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ สังคมศึกษา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เป็นข้อสอบปรนัย 60-80% ข้อสอบอัตนัย 20-40% ทั้งนี้ข้อสอบแบบอัตนัยจะทำให้เด็กรู้จักคิด สังเคราะห์และวิเคราะห์ได้ และการตรวจสอบข้อสอบนั้น จะเป็นคำตอบสั้นๆ ที่สามารถระดมคนตรวจคำตอบได้ ซึ่งข้อสอบอัตนัยของเด็ก 1 คน จะมีผู้ตรวจคำตอบมากกว่า 1 คน เพื่อความยุติธรรมในการให้คะแนน และมีการพัฒนาเทคโนโลยีในการตรวจข้อสอบอัตนัย ต่อไป ด้านนายอดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับบทสรุปองค์ประกอบระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษาหรือระบบแอดมิชชั่น ส่วนปัญหาโรงเรียนปล่อยเกรดนั้น ตนคิดต่างฝ่ายต่างกล่าวหากันระหว่างโรงเรียนใน กทม.กับโรงเรียนในต่างจังหวัด แต่สิ่งที่ถือเป็นเรื่องใหญ่คือการเข้าไปประเมินนักเรียน โดย ศธ. เตรียมที่จะเข้าไปประเมินนักเรียนในรูปแบบเดียวกันทั้งประเทศ ซึ่งน่าจะทำให้มาตรฐานแต่ละโรงเรียนเท่าเทียมกัน. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 13 พ.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





รัฐบาลตั้งสถาบันพัฒนาสมอง เร่งปรับกระบวนการเรียนรู้เด็ก

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดตัวสถาบันวิทยาการการเรียนรู้ (สวร.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า รัฐบาลตั้งสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) ขึ้นมา โดยมี 8 แห่งดูแลการพัฒนาองค์ความรู้ของประเทศและ สวร.เป็นหนึ่งในนั้น เนื่องจากมองว่าการศึกษาเพียงอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีนักจิตวิทยามาดูพัฒนาการสมอง ซึ่งผลวิจัยใหม่ระบุว่าสมองหยุดการเติบโตเมื่ออายุ 25 ปี จากเดิมที่เชื่อว่าสมองจะหยุดโตเมื่ออายุ 6-12 ปี ทั้งนี้ รัฐบาลมอบถุงของขวัญให้เด็กที่เกิดตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค. 2548 ครอบครัวละ 1 ชุด ซึ่งในถุงของขวัญจะมีรายละเอียดบอกว่าเด็กแต่ละช่วงต้องเรียนรู้อะไร จึงต้องมีการปรับการเรียนการสอนตั้งแต่แรกเกิด เพราะต้องการเห็นเด็กไทยมีการศึกษา 12 ปี ทุกคน อีกทั้งผู้ที่อยู่ในภาคแรงงานจะต้องมีการอบรมพัฒนาฝีมือแรงงานอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลจะหาทางให้อย่างน้อยใน 1 ปี แรงงานต้องมาพัฒนาฝีมือ 2 สัปดาห์ และเด็กที่จบ 12 ปี ต้องได้เรียนต่ออุดมศึกษาอย่างน้อย 50% นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลจะขยายการจ้างงานให้ได้ปีละ 7 แสนอัตราทุกปี โดยจะผลักดันให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ต้องขยายตัว ซึ่งจะทำให้ผู้ที่จบการศึกษาออกมามีงานทำ นายกฯ ยังกล่าวว่า สำนักงานการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) จะเป็นเครื่องมือที่ดีในการพัฒนาความรู้ โดยใช้ครูจากสายสามัญและอาชีวศึกษาเพื่อมาไล่ล่าเด็กวัยเรียนให้เข้ามาสู่ระบบการศึกษา ซึ่งการวางระบบต้องทำทุกมิติพร้อมกัน คือ 1.เข้าใจพัฒนาการสมองเพื่อพัฒนาหลักสูตร 2.เข้าใจสภาวะสังคมเพื่อให้ผู้ทำงานแล้วมาเรียนได้ 3.สร้างความร่วมมือกับองค์กรต่างๆ 4.อาจารย์มหาวิทยาลัยที่มีเสรีภาพจะต้องให้เสรีภาพกับเด็กในการย้ายคณะสาขาวิชา (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 13 พ.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





สท.สร้างโลกที่ดีให้เด็ก กำหนด 8 ตัวชี้วัดแก้ปัญหา-พัฒนาใน 10 ปี

คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจจัดทำนโยบายแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการหลักตามแนวทาง "โลกที่เหมาะสมสำหรับเด็ก "ของสหประชาชาติ" ซึ่งมี นางสายสุรี จุติกุล เป็นประธาน ภายใต้ความรับผิดชอบของสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็กเยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการและผู้สูงอายุ (สท.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ดำเนินการจัดทำ (ร่าง) แผนปฏิบัติการหลักระดับชาติด้านการพัฒนาเด็กเบื้องต้นแล้ว โดยได้เสนอ 8 ตัวชี้วัดที่เป็นเป้าหมายการพัฒนาเด็กในระยะ 10 ปีข้างหน้า เพื่อแก้ปัญหาที่เด็กประสบในปัจจุบันมากที่สุด 10 ปัญหา ซึ่ง 8 ตัวชี้วัด ได้แก่ 1.ด้านครอบครัว ต้องทำให้จำนวนเด็กที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่และถูกเลี้ยงดูโดยผู้สูงอายุตามลำพังลดลง 2.ด้านการส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพจิต โดยเฉพาะลดจำนวนภาวะโรคอ้วนในเด็กให้เหลือเพียง 1 ใน 4 และวัยรุ่นทุกคนรู้จักวิธีการวางแผนครอบครัวที่ถูกต้อง 3.ด้านการเสริมสร้างความปลอดภัยและการป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก ต้องลดจำนวนเด็กที่ได้รับอุบัติเหตุทุกประเภท 4.ด้านการศึกษา มุ่งเน้นให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาพื้นฐานไม่น้อยกว่า 10 ปี ส่วนเด็กที่ออกจากการศึกษาในระบบกลางคัน ต้องมีโอกาสรับการศึกษานอกระบบโรงเรียน และการศึกษาตามอัธยาศัยเพื่อให้มีความรู้เทียบเท่าระดับการศึกษาพื้นฐาน รวมทั้งเด็กที่มีความต้องการพิเศษต้องได้รับการศึกษาเทียบเท่าการศึกษาขั้นพื้นฐานตามความเหมาะสมกับสภาพของเด็ก และคุณภาพของการศึกษาทุกระดับ ทุกประเภทได้รับการปรับปรุงให้ได้มาตรฐานที่กำหนดไว้ 5.ด้านศาสนา วัฒนธรรมและนันทนาการ วางเป้าให้เด็กทุกคนต้องมีจริยธรรมพื้นฐานคือ การรักความจริง การไม่เบียดเบียนกัน ความละอายใจต่อการกระทำผิด ความรู้จักพอและการมีน้ำใจ นอกจากนี้เด็กทุกคนต้องเล่นดนตรีเป็นอย่างน้อย 1 ชนิด 6.ด้านสื่อมวลชน สื่อมวลชนทุกประเภทต้องมีสื่อสำหรับเด็กให้เหมาะสมตามวัยเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 20 7.ด้านการปกป้องคุ้มครองเด็กที่ต้องการการคุ้มครองเป็นพิเศษ เด็กในกลุ่มนี้ เช่น ฆ่าตัวตาย อยู่สถานพินิจฯ และถูกล่วงละเมิดทางเพศลดลง และ 8.ด้านการส่งเสริมการมีส่วนร่วม ต้องให้เด็กมีโอกาสในการตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวกับตนเอง ทั้งจากบ้าน สถานศึกษาและชุมชน ทั้งนี้จะมีการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาร่างดังกล่าวในวันที่ 13 พฤษภาคม ที่โรงแรมตวันนารามาดา กทม. ก่อนที่จะปรับปรุงและนำไปใช้ต่อไป สำหรับคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการต้องเป็นนักศึกษาในสังกัดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลที่มีคะแนนเฉลี่ยสะสมไม่น้อยกว่า 2.75 มีกิจกรรมและผลงานเป็นที่ปรากฏ มีทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี ขณะนี้ได้ดำเนินการคัดเลือกนักศึกษาที่เป็น "เพชรราชมงคล" ในรุ่นแรกเรียบร้อยแล้วจำนวน 49 คน โดยกิจกรรมแรกจะเป็นการฝึกอบรมในด้านการพัฒนาศักยภาพความคิด บุคลิกภาพ และการบำเพ็ญประโยชน์ ในระหว่างวันที่ 16-21 พฤษภาคม ต่อจากนั้นจะเป็นการเดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 22-27 พฤษภาคม" (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 13 พ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ปริญญาโทออนไลน์

ข่าวดี สำหรับวงการศึกษาเมืองไทยที่อีกไม่ช้าไม่นาน ที่จะได้เห็นหลักสูตรการเรียนการสอนปริญญาโทออนไลน์อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ด้วยแรงผลักดันจากยูคอมหรือบริษัท ยูไนเต็ดคอมมูนิเกชั่น อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) ที่มุ่งทำตลาดอี-เลิร์นนิ่งในเมืองไทย “บุญชัย เบญจรงคกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ของยูคอม บอกว่าจะได้เห็นการเรียนปริญญาโทแบบออนไลน์ได้ภายในปีนี้ ขณะนี้กำลังเร่งระดมสมองร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการในการตั้งกฎเกณฑ์ต่าง ๆ สำหรับการเรียนปริญญาโทแบบใหม่ นำร่องจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งมีโครงการต่อเนื่องกันอยู่เรื่องของตลาดความรู้ ส่วนมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ก็ถือว่าพร้อมแล้ว ปริญญาโทออนไลน์เรียนรู้ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้แบบทุกที่ ทุกเวลา จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่เพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ให้กับบุคลากรเหล่านั้น สำหรับสาขาวิชาที่จะเปิดในเบื้องต้นนั้นคาดว่าจะเป็นสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาด้านการบริหารอย่างรัฐศาสตร์หรือเศรษฐศาสตร์ซึ่งเหมาะสำหรับข้าราชการ ส่วนภาคเอกชนจะเป็นหลักสูตรเกี่ยวกับไอซีที ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานในยุคปัจจุบัน การพัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพถือเป็นสิ่งที่สำคัญขององค์กรไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือภาคเอกชน เหมือนดังที่องค์การสหประชาชาติบัญญัติศัพท์ขึ้นมาใหม่ ที่เรียกว่า “ทุนมนุษย์” (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 13 พ.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ม.รังสิต เฟ้นหาผู้นำเข้าใจปัญหาสังคม

มหาวิทยาลัยรังสิต วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ได้พัฒนาหลักสูตร ผู้นำเชิงบูรณาการ ที่จะให้ผู้ศึกษาเข้ามาเรียนรู้ในระดับปริญญาตรี และกำลังเปิดหลักสูตรมหาบัณฑิตใหม่ระดับปริญญาโท รุ่นแรก เดือนมิถุนายน 2548 เพื่อให้ผู้นำที่จบไปแล้วเข้ามารับใช้สังคม จากที่สังคมไทยเผชิญปัญหาวิกฤติผู้นำ ภายใต้วัฒนธรรม เจ้าขุนมูลนาย ครอบงำ ผ่านระบบการศึกษา ตลอดมา อาจารย์ วิทยากร เชียงกูล คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม เล่าให้ฟังว่ากว่าจะมีหลักสูตร ผู้นำทางสังคม ธุรกิจ และการเมืองขึ้นได้ ถือว่ามีการคิดที่มีเหตุผลเพียงพอ ไม่สอดคล้องกับทบวงมหาวิทยาลัยบอกว่า ชื่ออย่างนี้ ยังไม่มี ทำไมจึงต้องพัฒนายึดแบบต่างประเทศ จนในที่สุดมีการตกลงให้พัฒนาหลักสูตรได้ โดยต่างประเทศมีการพัฒนาหลักสูตรอย่างนี้มานานแล้ว แต่เมืองไทยเพิ่งเริ่มขึ้นเท่านั้น หลักสูตรดังกล่าวไม่ได้ไปยึดติดแบบต่างประเทศ แต่จะใช้การเรียนการสอนปรับเข้ากับสังคมไทย เพื่อให้ผู้เรียนจบออกไปแล้วสามารถเป็นผู้นำได้ การคิดหลักสูตรช่วงแรกต้องการให้มีการสอนปรัชญาการเมือง เศรษฐศาสตร์ ต่อมาได้คิดกันว่าหากเป็นวิชาการเกินไป น่ามีการประยุกต์วิชาที่จะสอนเข้ามาไว้ด้วยกัน จึงเป็นหลักสูตร ผู้นำทางสังคม ธุรกิจ และการเมือง โดยยึดเอาการสอนแบบสหวิทยาการ ที่เป็นการบูรณาการวิชาต่างๆ เข้ามาไว้แบบองค์รวม การสอนจะเป็นลักษณะสังเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ การเมืองยุคใหม่ ปรัชญาที่ใช้ในสังคมปัจจุบัน การบริหารจัดการเชิงประยุกต์ ตลอดจนจิตวิทยา และการพัฒนาตนเอง พัฒนาความรู้แขนงต่างๆ ที่จะให้นักศึกษาฝึกฝนตนเอง เรียนรู้จากประสบการณ์จริง สนับสนุนการทำกิจกรรมทางการเมือง และสังคม ที่จะให้ผู้เข้ามาศึกษาคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ได้ เข้าใจปัญหาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน เน้นผู้นำรู้จักกล้าคิด การตั้งหลักสูตรขึ้นมา เพื่อให้ผู้เรียน สามารถวิเคราะห์ปัญหาสังคม เข้าใจ แยกแยะ กล้าโต้แย้ง ให้เหตุผลได้ ที่ต้องการบอกให้ได้ว่าเหตุผลไหนที่มีการคิดได้ดีกว่า มีข้อดี ข้อเสีย มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ ไม่ใช่เป็นเพียงการถูกต้องตามตำราอย่างเดียว (กรุงเทพธุรกิจ อาทิตย์ที่ 15 พ.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





สทศ.คลอดสอบโอเน็ต-เอเน็ต ระบุ25-26 ก.พ.และ 28 ก.พ.-1มี.ค.

รศ.ดร.คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุตร ประธานคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ที่ประชุมมีมติเรียนเชิญผู้ทรงคุณวุฒิมาทำหน้าที่ต่างๆ ในคณะอนุกรรมการของสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ ส่วนรูปแบบของแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต (O-Net) จะเป็นข้อสอบปรนัย 80-90% และอัตนัยอีก 10-20% จัดสอบ 5 วิชา คือ ภาษาไทย อังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โดยกำหนดสอบวันที่ 25-26 กุมภาพันธ์ 2549 ส่วนแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง หรือเอเน็ต (A-Net) จะเป็นข้อสอบปรนัย 60-80% และอัตนัย 20-40% จัดสอบ 5 วิชา คือภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา และภาษาอังกฤษ สอบวันที่ 28 กุมภาพันธ์-1 มีนาคม 2549 ส่วนวิชาที่นอกเหนือจากนี้จะหารือกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาว่าจะให้หน่วยงานใดรับผิดชอบจัดสอบ แนวคิดของ ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ที่ให้จัดสอบโอเน็ตและเอเน็ตในวันเดียวกันนั้น รศ.ดร.คุณหญิงสุมณฑา กล่าวว่า เด็ก ม.6 ทั้ง 6 แสนคนจะต้องสอบโอเน็ต แต่จะมีประมาณ 2 แสนคนที่สอบเอเน็ต ดังนั้นควรจัดการสอบโอเน็ตให้เสร็จก่อน จะได้ไม่สร้างปัญหาในคนกลุ่มใหญ่ต้องมารอคนกลุ่มน้อยสอบ รศ.ดร.คุณหญิงสุมณฑา กล่าวอีกว่า ส่วนการจะจัดสอบ เอเน็ตมากกว่า 1 ครั้งหรือไม่นั้น ยังไม่ได้หารือกันในคณะกรรมการ แต่หากทำได้ 2 ครั้งก็ยินดี แต่จะต้องมีการพิสูจน์คุณภาพการสอบเดือนกุมภาพันธ์ให้เรียบร้อยก่อน แล้วจะหารือกับเลขาธิการ กกอ.ต่อไป สำหรับตัวอย่างข้อสอบที่ถือเป็นเรื่องสำคัญในการสร้างความเข้าใจให้เด็กนั้น คณะกรรมการจะเริ่มเผยแพร่ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ทางเวบไซต์ และจะทยอยเพิ่มเติมจนข้อมูลครบทุกด้าน (คมชัดลึก อาทิตย์ที่ 15 พ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





รัฐ-เอกชนอุ้มเด็กพิการตาเอนท์ติด

เมื่อเร็วๆ นี้ นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และนางวิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการส่วนงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ร่วมในพิธีมอบทุนการศึกษาและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คให้ 2 เด็กพิการทางสายตาที่เอนทรานซ์ติดในปีการศึกษา 2548 ได้แก่ น.ส.อธิศรี สงเคราะห์ นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนชิโนรสวิทยาลัย ที่สอบติดคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ โปรแกรมภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา และนายอภิราม เงาศรี นักเรียนชั้น ม.6 จากโรงเรียนบุญวัฒนา จ.นครราชสีมา ที่สอบติดคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร โดยสำนักงานสลากกินแบ่งได้มอบทุนการศึกษาให้คนละ 50,000 บาท กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้มอบทุนการศึกษาให้คนละ 20,000 บาท และเอไอเอสได้มอบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คคนละ 1 เครื่อง มูลค่า 40,0000 บาท (คมชัดลึก อาทิตย์ที่ 15 พ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





จี้มหาวิทยาลัยปรับแผนผลิตบัณฑิต

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม นายาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กกอ.) กล่าวในการชี้แจงการจัดทำแผนปฏิบัติราชการ 4 ปีของสถาบันอุดมศึกษาว่า การจัดทำแผนปฏิบัติราชการ 4 ปี ต้องสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล 9 ข้อ โดยเฉพาะนโยบายพัฒนาคนและสังคมที่มีคุณภาพ และนโยบายปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้สมดุล ซึ่งจะต้องรู้ว่าประเทศกำลังก้าวไปในทิศทางใด และจะต้องผลิตบัณฑิตสาขาใดเพื่อให้ประเทศแข่งขันได้ ดังนั้น จะต้องมุ่งไปในเรื่องของการวิจัยและพัฒนา ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) จะเป็นเจ้าภาพร่วมกับหน่วยงานอื่นเพื่อดำเนินการสนองนโยบายดังกล่าว นอกจากนี้ บุคลากรอุดมศึกษาจะต้องศึกษาความบกพร่องและปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะขณะนี้ยังขาดบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบแก้ไข โดยจะต้องปรับบทบาทการผลิตบัณฑิต ไม่ยึดติดรูปแบบเดิม เช่น หลักสูตรที่ไม่ทันสมัยหรือโครงสร้างมหาวิทยาลัยในรูปแบบของภาควิชา และคณะวิชาจำนวนมากๆ ซึ่งเป็นอุปสรรคทางวิชาการ ก็ควรทลายกำแพง และเข้าสู่โครงสร้างใหม่ที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ตั้งแต่ระดับสภามหาวิทยาลัยลงมาจนถึงระดับอาจารย์ต้องช่วยกันคิด และสะท้อนว่ามหาวิทยาลัยต้องปรับการผลิตบัณฑิตอย่างไร ซึ่งจะต้องมองสังคมล่วงหน้า 10 ปีขึ้นไป มหาวิทยาลัยจึงจะตอบสนองสังคม (มติชนรายวัน เสาร์ที่ 14 พ.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


เปิดโลกดิจิทัลเกมเฟ้นตัวแทนไปชิงแชมป์โลก

นายมานะ ประภากมล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิวเจอร์เกมเมอร์ จำกัด เปิดเผยว่า นิตยสารฟิวเจอร์เกมเมอร์ร่วมกับภาคธุรกิจเอกชนด้านดิจิทัลเกม สนับสนุนงบประมาณกว่า 15 ล้านบาท จัดงาน "บางกอกเกมโชว์ 2005" ซึ่งเป็นการแสดงเทคโนโลยี-นวัตกรรมด้านดิจิทัลเกม รวมถึงเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและเวทีประชันความสามารถของคอเกมคนไทย โดยงานจะจัดขึ้นในวันที่ 3-5 มิถุนายน ณ เดอะมอลล์ บางกะปิ กิจกรรมในงานประกอบด้วย การแสดงเทคโนโลยีเกมดิจิทัล ทั้งเกมพีซี เกมออนไลน์ เกมคอนโซลและเกมมือถือ รวมถึงความรู้เทคนิคการเล่นเกม เวทีสัมมนาหาทางออกปัญหาเด็กติดเกมให้ผู้ปกครองและเยาวชน พร้อมทั้งเปิดเวทีให้นักพัฒนาเกมหน้าใหม่ได้จัดแสดงผลงาน พร้อมกันนี้ยังได้จัดสนามแข่งเกมออนไลน์ ค้นหาเจ้าแห่งเกมออนไลน์ประจำประเทศไทย โดยใช้เกมกอล์ฟออนไลน์ (ปังย่า) เกมดนตรีออนไลน์ (โอทูแจม) และเกมต่อสู้ออนไลน์ (เก็ทแอมป์) นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมกีฬาไซเบอร์ (ลีก อี-สปอร์ต) เพื่อคัดเลือกตัวแทนประเทศไทยทั้งแบบทีมและบุคคลไปแข่งขันระดับนานาชาติในเกมเคาน์เตอร์สไตร ท์วอร์คาร์ และ โปร อีโวลูชั่น ซอคเกอร์ 4 ช่วงเดือนกรกฎาคม ณ สนาม อิเล็กทรอนิกส์ สปอร์ต เวิลด์ คัพ ประเทศฝรั่งเศส โดยเปิดรับสมัครผู้เข้าแข่งขันตั้งแต่บัดนี้จนถึง 20 พฤษภาคมนี้ (คมชัดลึก จันทร์ที่ 9 พ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





บ.ญี่ปุ่นหัวใสผลิต"เสื้อเด็กกันของมีคม"

บริษัทมาเดร เซคิวริตี้ ในเมืองฟูกุโอกะ อยู่ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น ได้ผลิตเสื้อผ้าที่แทงไม่เข้า เพราะผลิตโดยใช้เทคโนโลยีพิเศษ ทำจากไฟเบอร์กระจก และโปลีเอธิลีน พัฒนาโดยบริษัทฮอนนีย์เวลล์ของสหรัฐอเมริกา หากดูจากภายนอกก็เป็นเสื้อผ้าทั่วๆ ไป นายมิโนรุ ฟูรุตะ ประธานบริษัทมาเดรฯ กล่าวว่า บริษัทเป็นผู้เชี่ยวชาญการดูแลความปลอดภัยของเด็ก และในสถานการณ์ที่เกิดความรุนแรงกับเด็ก ทางบริษัทเห็นว่าเสื้อผ้าป้องกันเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด ปัจจุบันบริษัทจำหน่ายเสื้อผ้าเด็กกันของมีคม หรือมีดในราคา 40,950-48,090 เยน หรือ 15,200-17,800 บาท ราคาขึ้นอยู่กับขนาดของเสื้อ นอกจากนี้ บริษัทยังผลิตเสื้อแบบเดียวกันสำหรับผู้ใหญ่ และผู้หญิงโดยเฉพาะ โดยให้ดีไซเนอร์ออกแบบให้ โดยรับ ได้รับใบสั่งซื้อจากยุโรป จีน และเกาหลีใต้ นอกจากนี้ บริษัทยังผลิตอุปกรณ์ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือสำหรับเด็ก เช่น อุปกรณ์ที่เป็นตุ๊กตารูปโปเกมอน ซึ่งเป็นของเล่นที่เด็กๆ ชอบมาก ผลิตโดยบริษัททอมี เวลาเกิดเหตุที่เป็นภัยต่อชีวิตให้เด็กดึงหัวของตุ๊กตา เสียงสัญญาณขอความช่วยเหลือจะดังขึ้น เพื่อคนร้ายตกใจวิ่งหนีไป (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 9 พ.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





กระทรวงเกษตรฯเล็งใช้"สบู่ดำ" ทดแทนดีเซล-สู้วิกฤตพลังงาน

กรมส่งเสริมการเกษตรได้ข้อสรุปแนวทางการใช้พืช "สบู่ดำ" ทดแทนน้ำมันดีเซล เตรียมยื่นต่อกระทรวงเกษตรฯ โดยเริ่มใช้กับเครื่องยนต์เกษตรก่อน นางดาเรศร์ กิตติโอภาส ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมวิศวกรรมเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้มีการประชุมสัมมนาจัดทำแผนวิจัยพัฒนาและส่งเสริมการปลูกสบู่ดำเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน ซึ่งสบู่ดำเป็นพืชพลังงานทางเลือกอีกชนิดหนึ่งที่ใช้เป็นวัตถุดิบผลิต "น้ำมันไบโอดีเซล" ได้ และมีจุดเด่นกว่าพืชชนิดอื่นๆ อาทิ สามารถนำน้ำมันจากเมล็ดสบู่ดำไปใช้แทนน้ำมันดีเซลได้ทันทีโดยไม่ต้องมีส่วนผสมอื่น สามารถผลิตเป็นไบโอดีเซลชนิด บี 100 ได้ มีศักยภาพทางเชื้อเพลิงใกล้เคียงน้ำมันดีเซลมากกว่าปาล์ม รวมทั้งมีจุดแข็งตัวที่อุณหภูมิต่ำกว่าปาล์ม ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับการใช้งานในเมืองหนาว และมีต้นทุนต่ำเพียงลิตรละ 8.50 บาท นางดาเรศร์ ระบุด้วยว่า จากการประชุมซึ่งมีตัวแทนจากภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมแสดงความคิดเห็น ได้ข้อสรุปหลักการดำเนินการพัฒนาการใช้สบู่ดำเป็นพลังงาน ซึ่งจะนำเสนอต่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีแนวทางในระยะสั้น จะทำการคัดสรรและขยายพันธุ์สบู่ดำที่เป็นพันธุ์ดี และส่งเสริมให้เกิดการใช้น้ำมันสบู่ดำกับเครื่องยนต์ทางการเกษตร เช่น รถไถนา รวมทั้งจะทดลองสร้างโรงงานไบโอดีเซลชุมชน ให้เกิดการปลูกและผลิตน้ำมันสบู่ดำใช้ภายในชุมชน โดยระยะแรกจะคัดเลือก 5-10 ชุมชน ให้แต่ละชุมชนปลูกสบู่ดำประมาณ 100 ไร่ ใช้งบโรงละไม่เกิน 1 ล้านบาท คาดว่าจะสร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรในการปลูกและใช้พลังงานจากสบู่ดำมากขึ้น และจะส่งผลให้มีผลผลิตรองรับความต้องการของโรงงานไบโอดีเซลคุณภาพสูงของเอกชนต่อไป (ข่าวสด อังคารที่ 10 พ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ไฟห้องน้ำอัตโนมัติ

แสงไฟส่องชักโครกอัตโนมัติ รุ่น "ฮีสแอนด์เฮอร์ ทอยเล็ต ไลท์" ใช้ติดตั้งกับชักโครก เป็นอุปกรณ์เซ็นเซอร์คอยตรวจจับความเคลื่อนไหวของคนที่เดินเข้ามาใกล้กับโถ จากนั้นแสงไฟส่องสว่างจะทำงาน ช่วยให้ปัสสาวะไม่พลาดเป้ายามค่ำคืน และไม่ต้องเสียเวลาเปิดไฟห้องน้ำให้ยุ่งยาก ราคาพันกว่าบาท ข่าวสด อังคารที่ 10 พ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





กระจกวิเศษ

กระจกทำนายสภาพอากาศ "มิเรอร์ เวธเธอร์ สเตชั่น" ขนาดเท่ากับกระดาษเอ-4 ผลิตโดยบริษัท โอเรกอน ไซน์ทิฟิก ใช้ติดตั้งบนผนังบ้านและเครื่องจะทำการคำนวณสภาพอากาศภายนอกและภายในบ้าน รวมทั้งคำนวนปริมาณความชื้นในอากาศนอกบ้าน นอกจากนั้น ยังใช้เป็นนาฬิกาปลุกได้ด้วย ข่าวสด อังคารที่ 10 พ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





นักวิทยาศาสตร์สร้างปาฏิหาริย์ กินแดดอย่างเดียวยังแข็งแรงดี

นักวิทยาศาสตร์ประเทศเยอรมันได้สร้างความตื่นตะลึงทางการแพทย์ขึ้น เมื่อประกาศว่า เขาดำรงชีวิตอยู่มาได้อย่างสบาย โดยไม่ต้องกินข้าวปลา หรือแม้แต่เบียร์เลย ชั่วแต่เพียงได้พลังมาจากแดดเท่านั้น เป็นเวลาตั้ง 4 ปีมาแล้ว ดร.ไมเคิล เวอเนอร์ ผู้เป็นนักวิจัยโรคมะเร็ง เล่าให้เพื่อนนักวิทยาศาสตร์ที่กำลังศึกษาดูว่าเขายังชีพมาได้อย่างไรฟังว่า สิ่งที่เขากินก็มีเพียงแค่กินน้ำผสมกับน้ำผลไม้เล็กน้อยเท่านั้น ตัวเขาเองกำลังเขียนเล่าเรื่องของเขาเป็นหนังสือชื่อว่า “ชีวิตติดแดด” ได้บอกว่า ตอนเขาเริ่มกินลมกินแดดนั้น เขากลับอ้วนท้วนน้ำหนักตัวขึ้นเสียอีกด้วย “ผมก็บอกไม่ถูกว่าในแง่วิทยาศาสตร์นั้น กรณีของผมมันเกิดขึ้นอย่างไร แต่บางทีอาจจะอาศัยมีศรัทธาอยู่ด้วย” บรรดาเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องของเขาพากันกล่าวว่ารู้แต่ว่า มันมีแต่พืชเท่านั้นที่สามารถสังเคราะห์พลังงานขึ้นจากแดดได้ แต่ก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกันว่า เหตุที่เพื่อนของเขายังคงแข็งแรงดีได้เพราะแดดเกิดได้อย่างไร ยิ่งตัว ดร.เฮลมุต โอเบอริทเตอร์ นายกสมาคมโภชนาการศาสตร์ของเยอรมันถึงกับกล่าวว่า “มันเป็นไปไม่ได้เลย ที่กินน้ำผลไม้อย่างเดียวจะอยู่ได้ เพราะในนั้นไม่มีโปรตีน และไขมันที่สำคัญอะไรอยู่ด้วย เรายังจะต้องศึกษาสอบสวนรายนี้ต่อไปอีก ถึงจะบอกอะไรได้” (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 12 พ.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





นักวิชาการนาซาระบุธีออสไม่คุ้ม จ่าย 6,000 ล้านใช้งาน 6 ปีตกรุ่น

ดร.ธวัช วิรัตติพงษ์ ผู้จัดการห้องปฏิบัติการสำรวจอวกาศที่ไม่ใช้มนุษย์ โครงการออกแบบประกอบและติดตั้งเครื่องรับสัญญาณ ยานอวกาศจากนอกโลก ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (นาซา) กล่าวแสดงความเห็นว่า ในฐานะที่ทำงานด้านการออกแบบดาวเทียมกับนาซามากว่า 20 ปีแล้ว เมื่อทราบว่า ไทยมีโครงการส่งดาวเทียมสำรวจทรัพยากรรู้สึกไม่เห็นด้วยนัก เนื่องจากเป็นโครงการที่ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล "ดาวเทียมดังกล่าวมีอายุการใช้งานไม่เกิน 6 ปี หลังจากนั้นจะตกรุ่นทันที ถือเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าเลย หากหยุดได้ก็ควรหยุดโครงการนี้เสีย เพราะหากทำไปเรื่อยๆ ประเทศไทยอาจจะต้องเสียเงินไปมากกว่านี้" ดร.ธวัช กล่าว ดร.ธวัช เป็นหนึ่งในนักวิจัยที่ทำการศึกษาเกี่ยวกับระบบการตรวจวัดระดับคลื่นในทะเลร่วมกับทหารเรือ และยังได้เสนอให้นำระบบ DART ซึ่งเป็นระบบตรวจสอบระดับคลื่นเพื่อแจ้งเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิ ก่อนหน้านี้ คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดำเนินโครงการดาวเทียมภาพถ่ายสำรวจทรัพยากรร่วมกับรัฐบาลประเทศฝรั่งเศส ใช้งบประมาณ 6,000 ล้านบาท และมอบหมายให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) เป็นผู้ดำเนินการภายใต้โครงการดาวเทียมสำรวจทรัพยากรธีออส โดยเริ่มต้นโครงการเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ.2547 นั้น และคาดว่า จะสามารถปล่อยดาวเทียมธีออสส่งวงโคจรได้ในอีกสองปีข้างหน้า ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างร่วมกับผู้เชี่ยวชาญของประเทศฝรั่งเศส เบิกจ่ายงบประมาณไปแล้วประมาณ 1,000 ล้านบาท นายกร ทัพพะรังสี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในแถบเอเชียแปซิฟิกที่จะมีดาวเทียมเป็นของตัวเอง ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมหาศาล เพราะสามารถใช้งานดาวเทียมได้อเนกประสงค์ ทั้งสามารถถ่ายภาพ ป่าไม้ น้ำท่วม ดินฟ้าอากาศ เพื่อนำมาคำนวณการเตรียมการปลูกพืชในอนาคตได้ด้วย ดาวเทียมธีออสป็นดาวเทียมที่สามารถถ่ายภาพความละเอียดสูงหรือเท่ากับ 2 เมตรด้วยภาพสีขาวดำ และ 15 เมตรด้วยภาพสี นอกจากการใช้งานเพื่อสำรวจทรัพยากรในประเทศไทยแล้ว ยังสามารถให้บริการถ่ายภาพดาวเทียมแก่ประเทศต่างๆ ได้ด้วย (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 11 พ.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ทางสู่ยุคโรงงานอัจฉริยะขนาดย่อม

ผศ.ดร.ธีรยุส วัฒนาศุภโชค คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึง แนวคิดเกี่ยวกับโรงงานขนาดเล็กที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านสูง สามารถผลิตสินค้าที่ปรับเปลี่ยนตามลักษณะความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มได้ การที่จะผลิตสินค้าชำนาญเฉพาะด้าน ให้ตอบสนองกับการตลาดเฉพาะหรือนิชมาร์เก็ตนั้น นอกจากจะอาศัยความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีเฉพาะด้านของผู้ประกอบการแต่ละคนแล้ว ยังต้องการสถานที่เปลี่ยนไอเดียให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง มิฉะนั้นก็จะเป็นเพียงแค่ความฝันอย่างเดียว โรงงานที่จะผลิตสินค้าเหล่านี้ จึงไม่ควรมีขนาดใหญ่มาก จะเกิดความไม่คุ้มค่าด้านต้นทุนคงที่ซึ่งจะต้องจ่าย ดังนั้น จึงเหมาะสมกับแนวคิดของการสร้างโรงงานขนาดเล็กที่มีความไฮเทคเพียงพอจะปรับเปลี่ยนการผลิตสินค้าตามแนวคิดเฉพาะด้านใหม่ๆ ออกมาสู่ตลาด ขณะนี้ ในต่างประเทศเริ่มมีการนำแนวคิดดังกล่าวมาใช้กันแล้ว และเรียกโรงงานแบบนี้ว่า "Fabrication Laboratory" หรือเรียกย่อๆ ว่า Fab Lab ใช้คำภาษาไทยง่ายๆ ว่า "โรงงานอัจฉริยะขนาดย่อม" โดยโรงงานนี้ปัจจุบันมีการใช้เงินลงทุน 20,000 ดอลลาร์ หรือราวล้านบาทเศษๆ ขึ้นอยู่กับชนิดของเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ในการผลิต และใช้เนื้อที่เพียงห้องๆ หนึ่ง โรงงานอัจฉริยะขนาดย่อมนี้ มักจะประกอบไปด้วย เครื่องมือไฮเทค เริ่มตั้งแต่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ช่วยในการออกแบบ สามารถแสดงให้เห็นภาพสามมิติ และปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ง่าย อีกทั้งยังมีอุปกรณ์ในการผลิต สำหรับการผลิตชิ้นส่วนพลาสติก เครื่องตัดพลาสมาสำหรับโลหะและไม้ และเครื่องมือที่ใช้เจาะตัดสำหรับวัตถุดิบที่มีความยืดหยุ่น โดยเครื่องมืออุปกรณ์ทั้งหมดนี้ จะต้องสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต และอุปกรณ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์อื่นได้ด้วย เพื่อความสะดวกในการใช้งาน และการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ในเชิงองค์รวมทั้งหมดได้ แม้แนวคิดดังกล่าว จะเกิดประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะเศรษฐกิจระดับฐานราก เนื่องจากจะส่งเสริมการขยายตัวของธุรกิจขนาดย่อม ให้มีความสามารถแข่งขันและมีโอกาสในการขยายตลาดมากขึ้น แต่การพัฒนาโรงงานอัจฉริยะขนาดย่อม ก็ยังต้องอาศัยทรัพยากรพื้นฐานของกิจการ โดยเฉพาะทางด้านเงินทุน และทักษะทางการจัดการและการตลาด โรงงานแบบนี้จะเติบโตได้ ก็ต้องอาศัยผู้ลงทุนร่วมเสี่ยง (Venture capitalist) ที่มุ่งลงทุนในธุรกิจใหม่ ที่มีศักยภาพในอัตราการเติบโตสูง และจะไม่เพียงแค่ให้เงินทุนเท่านั้น แต่มักจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ เพื่อให้ธุรกิจดำเนินงานและเติบโตได้อย่างมีระบบด้วย ดังนั้น ธุรกิจจะเติบโตต่อไปในอนาคตได้ จึงต้องอาศัยหลายปัจจัยเข้ามาร่วมกันในการพัฒนาให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 11 พ.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





โชว์เกมมือถือไอเดียไทย

อาจารย์ชัยชาญ ถาวรเดช คณบดีคณะเทคโนโลยีและการสื่อสาร (ไอซีที) มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตสารสนเทศเพชรบุรี เปิดเผยว่า จากการที่คณะเทคโนโลยีฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ผลิตบุคลากรออกสู่ตลาดเกมดิจิทัล ได้เห็นความสำคัญของการเข้าร่วมงาน บางกอกเกมโชว์ 2005 เพราะงานนี้ได้รวบรวมเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมดิจิทัลเกมครั้งแรกในไทย โดยภายในงานจะมีทั้งการแสดงและนำนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเกม รวมทั้งการแข่งขันเกมดิจิทัลรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์อีกด้วย จึงน่าจะเป็นโอกาสดีสำหรับนักศึกษาศิลปากร ที่จะได้แสดงผลงานที่คิดสร้างสรรค์ขึ้นเอง จากพื้นฐานความรู้และประสบการณ์ในชั้นเรียน นอกจากนี้ยังเป็นการประชาสัมพันธ์คณะให้ประชาชนทั่วไปได้รู้จัก เพราะเพิ่งเปิดการเรียนการสอนได้เพียง 2 ปีเท่านั้น ล่าสุดคณะได้รวบรวมเกมมัลติมีเดียบนมือถือกว่า 10 เกม ซึ่งเป็นผลงานของนักศึกษา โดยรูปแบบเกมเหล่านี้จะเน้นเอกลักษณ์ความเป็นไทย ทั้งด้านการแต่งกายของตัวละคร ฉาก เพลงประกอบ อาทิ เกมไกรทอง ซึ่งตัวละครคือไกรทองและจระเข้ โดยไกรทองจะต้องต่อสู้กับจระเข้ด้วยอาวุธหอก ในด่านผจญภัยทั้งบนและใต้น้ำ รวมทั้งมีวังเป็นฉากหลังด้วย โซนสำหรับนักพัฒนาเกมหน้าใหม่ได้นำผลงานมาแสดง รวมทั้งจะมีตัวอย่างการสอนผลิตเกมดิจิทัล การสาธิตออกแบบลักษณะท่าทางตัวละคร และการโหลดเกมมือถือให้ผู้เข้าชมงานอีกด้วย โดยงานจะจัดขึ้นในวันที่ 3-5 มิถุนายน ณ เดอะมอลล์ บางกะปิ (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 12 พ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ภาวะโลกร้อนพ่นพิษอีก ฉุดน้ำแข็งทิเบตละลาย

ภาวะโลกร้อนกำลังคุกคามพื้นที่หลังคาโลกในทิเบต สอดคล้องกับรายงานก่อนหน้านี้ซึ่งเตือนด้วยว่า หลายประเทศในเอเชีย เสี่ยงถูกน้ำท่วมจากภาวะน้ำแข็งหลังคาโลกทิเบตละลาย โดยคณะนักวิทยาศาสตร์จีนประจำสถาบันศึกษาที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นหลังคาของโลก เปิดเผยผลสำรวจว่าที่ราบสูงชิงไห่ของทิเบต กำลังมีอากาศที่ร้อนขึ้น ฝนตกมากขึ้น และแผ่นน้ำแข็งบางขึ้น โดยตลอดกว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา พื้นที่บริเวณนี้ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่อากาศเพิ่มอุณหภูมิสูงขึ้น และทั้งที่จะได้รับปริมาณน้ำฝนที่มากขึ้น แต่แผ่นน้ำแข็งที่ราบสูงชิงไห่กลับบางลง นอกจากนี้ ยังพบว่า ที่ราบชิงไห่ยังได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เผาบ่อน้ำมันคูเวตระหว่างสงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งแรก เนื่องจากพบว่าสารเคมีในบริเวณนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็น 15 เท่านับตั้งแต่ปี 1975 จากการเก็บตัวอย่างน้ำแข็งและหิมะไปสำรวจ ซึ่งพบว่ามีสารเคมีเพิ่มขึ้นกว่า 10 ชนิด รายงานนี้นับว่าสอดคล้องกับของกลุ่มอนุรักษ์โลก “เวิร์ลไวด์ฟันด์” ที่เคยระบุว่าภาวะโลกร้อนกำลังทำให้พื้นที่ชื้นบนที่ราบชิงไห่กำลังมีระดับน้ำลดลง รวมทั้งทะเลสาบมีปริมาณน้ำลด ขณะที่การละลายของน้ำแข็งของที่ราบชิงไห่จะทำให้เกิดน้ำท่วมยังหลายประเทศเอเชียที่อยู่ในระดับต่ำกว่า สำหรับที่ราบสูงชิงไห่ของทิเบตกินพื้นที่ราว 360,000 ต.ร.กิโลเมตร และเป็นต้นแหล่งของแม่น้ำสายสำคัญของจีนสามราย คือ แม่น้ำแยงซี แม่น้ำเหลือง และแม่น้ำหลานกัง รวมทั้งยังเป็นแหล่งอาศัยของสรรพสัตว์ พืชพันธุ์หายาก และสมุนไพรด้วย (สยามรัฐ พฤหัสบดีที่ 12 พ.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





นักดาราศาสตร์มั่นใจพบโลกใหม่ วนรอบดาวฤกษ์เหมือนระบบสุริยะ

ที่ผ่านมานักดาราศาสตร์ได้ค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะแล้ว 145 ดวง ดาวเคราะห์ทั้งหมดที่พบเป็นดาวก๊าซขนาดยักษ์เหมือนกับดาวพฤหัสบดี ซึ่งเชื่อว่าสภาพแวดล้อมไม่เอื้อต่างการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต ขณะที่ดาวเคราะห์แบบโลกเป็นดาวเคราะห์ที่มีหินเป็นองค์ประกอบ อย่างไรก็ดี นักค้นหาดาวเคราะห์ชั้นนำของโลกบางรายคำนวณว่าภายในสิบปีข้างหน้านี้ นักดาราศาสตร์อาจตรวจพบระบบดวงดาวที่คล้ายกับระบบสุริยจักรวาล ซึ่งจะช่วยตอบคำถามที่สงสัยกันว่ามีสิ่งมีชีวิตที่มีภูมิปัญญาอยู่ที่ใดที่หนึ่งนอกโลกหรือไม่ ด้านเจมี แมทธิวส์ นักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย เชื่อว่าความสามารถในการมองเห็น ตรวจหาดาวเคราะห์ขนาดเท่าโลก ไม่น่าจะเกินความสามารถของมนุษย์ยุคนี้ไปได้ ดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะดวงแรก ถูกค้นพบเมื่อปี 2538 เป็นดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดาวม้าบิน (51 Pegasi) ต่อมานักวิทยาศาสตร์ได้พบดาวเคราะห์เพิ่มอีกนับสิบดวง โดยพวกเขาสังเกตดูดาวฤกษ์ที่มีลักษณะแกว่งตัว เนื่องจากมีแรงดึงดูดจากดาวเคราะห์เกิดขึ้นรอบดาวฤกษ์ นอกจากนี้ ยังอาศัยการสังเกตดาวฤกษ์ที่มีแสงริบหรี่ซึ่งเป็นผลมาจากมีดาวเคราะห์โคจรรอบ ไมเคิล ไมเยอร์ นักดาราศาสตร์ชาวสวิตเซอร์แลนด์ ที่ค้นพบดาวเคราะห์นอกสุริยะจักรวาลดวงแรก บอกว่าการค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะในจำนวนที่มากขึ้น หมายถึงขนาดของฐานข้อมูลก็ต้องใหญ่ขึ้นตามไปด้วย ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถพิจารณาสภาวะที่เหมาะสมที่สุดในการก่อตัวเป็นดวงดาว นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่เทคโนโลยีอนาคตอันใกล้จะช่วยตรวจจับค้นหาดาวเคราะห์ที่เล็กกว่าโลกได้ นักดาราศาสตร์บางคนได้ยุติการค้นหาดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะแล้ว แต่กำลังวางแผนเดินหน้าสำรวจดาวเคราะห์ที่ได้พบแล้ว หนึ่งในนั้นคือ เจมี แมทธิวส์ เขาใช้ข้อมูลที่ได้จากยานอวกาศแคนาดา ที่ชื่อว่า โมสต์ (Microvariability and Oscillations in Stars : MOST) ซึ่งทำหน้าที่จับตาดูดาวฤกษ์นอกระบบสุริยะ โดยจะคอยตรวจดูการหรี่แสงของดาวเมื่อมีดาวเคราะห์โคจรผ่าน อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบแสงสะท้อนจากดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในวงโคจรเดียวกัน แต่มาโคจรใกล้ๆ ได้อีกด้วย (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 13 พ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ข่าววิจัย/พัฒนา


สารต่อต้านอนุมูลอิสระเป็นหัวใจ จะยืดอายุขัยมนุษย์ให้ยืนยาวขึ้นได้

นักวิทยาศาสตร์ได้สร้างหนูโดยการตัดแต่งพันธุกรรม ทำให้มันมีอายุยืนกว่าปกติขึ้นอีกได้ถึง 1 ใน 5 ส่วน หนังสือพิมพ์ “เดอะ ไทม์ส” อันมีชื่อเสียงของอังกฤษแจ้งว่า นักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ ซึ่งศึกษาเรื่องนี้เชื่อว่า มันอาจจะทำให้ได้พบความสำเร็จในการยืดอายุขัยของมนุษย์ขึ้นด้วย นักวิจัยได้พบว่าร่างกายของหนูสายพันธุ์ใหม่นี้ สามารถผลิตโปรตีนที่เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยปกป้องเนื้อเยื่อต่างๆ ให้รอดอันตรายจากสารอนุมูลอิสระได้มากขึ้นกว่าเดิม และยังได้พบว่า มันทำให้มองเห็นช่องทางปราบโรคภัยต่างๆ อันเนื่องมาจากขบวนการความแก่ชรา เพื่อทำให้คนเราอายุยืนขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังขึ้นได้ พวกเขาได้พบเบาะแสว่า หากพยายามกระตุ้นส่งเสริมให้ร่างกายคนเรา ผลิตสารต่อต้านอนุมูลอิสระให้ได้กันมากขึ้น ย่อมจะดีกว่าที่จะไปหายาวิตามิน หรืออาหารเสริมต่างๆมาบำรุงร่างกายเราเสียอีก ศาสตราจารย์ปีเตอร์ ราบิโนวิทช์ แห่งโรงเรียนแพทย์ มหาวิทยาลัยวอชิงตัน หัวหน้าของนักวิจัย กล่าวบอกว่า “การกำจัดสารอนุมูลอิสระออกทิ้งเสียแต่ต้นมือ ย่อมเป็นหนทางที่น่าอุ่นใจที่สุด”. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 9 พ.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





น้ำผลทับทิมมีสรรพคุณวิเศษ เป็นยาไวอากร้าขนานธรรมชาติ

คณะแพทย์สหรัฐฯ แห่งมหาวิทยาลัยบอสตัน ของสหรัฐฯ ได้พบในการทดลองกับหนูว่า หนูตัวผู้ที่ได้กินน้ำผลทับทิมจะมีเลือดสูบฉีดไปหล่อเลี้ยงอวัยวะเพศของมันมากขึ้น จึงทำหน้าที่แพร่พันธุ์ได้อย่างแข็งขัน และยิ่งกว่านั้นยังได้พบว่า ในเลือดของมันมีปริมาณของสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวล้างพิษสูงขึ้นอีกด้วย ซึ่งจะทำให้อาการขัดข้องของมันจะกลับทุเลาเบาบางลงต่อไป และพบว่าน้ำผลทับทิมมีสรรพคุณวิเศษ ช่วยให้หายจากอาการเศร้า สร้อยหงอยเหงาได้ แถมยังมีฤทธิ์ต่อต้านโรคมะเร็ง และโรคหัวใจอีกด้วย นายแพทย์ผู้ทดลองเชื่อมั่นว่า น้ำผลทับทิมก็คงเป็นประโยชน์กับมนุษย์แบบเดียวกัน เนื่อง จากเป็นที่ทราบกันว่า มันมีระดับของสารที่เป็นตัวล้างพิษ ซึ่งมีสรรรพคุณต่อต้านโรคภัยสูงเสียกว่าในเหล้าไวน์แดง และชาเขียวเสียอีก ทั้งยังเคยศึกษาพบมาก่อนด้วยว่า มันมีสรรพคุณช่วยล้างคราบ ที่จับตามหลอดเลือดที่ไปยังหัวใจ ให้เบาบางลงได้ (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 9 พ.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





นักวิจัยไทยสุดเจ๋ง 'คุมยาออกฤทธิ์'

อาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ มหา วิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก ได้คิดค้นวิจัยให้เม็ดยารักษาโรค สามารถออกฤทธิ์ตามกำหนดเวลา โดย ได้รับการเปิดเผยจาก ผศ.ดร.ศรีสกุล สังข์ทองจีน อาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งเป็นผู้ศึกษาค้นคว้าวิจัยผลงานชิ้นนี้ ว่า ก่อนหน้านี้ได้ศึกษาค้นคว้าตัวยาชนิดนี้ ระหว่างศึกษาในโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.) คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล โดยมี รศ.ดร.สาธิต พุทธิพิพัฒน์ขจร เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ผศ.ดร.ศรีสกุล กล่าวด้วยว่า โดยเรียกผลงานวิจัยนี้ว่า "ระบบนำส่งยาพัลสะไทล์" (Pulsatile drug delivery system) ซึ่งเป็นระบบนำส่งยาที่ควบคุมเวลาในการปลดปล่อยตัวยาออกมาอย่างรวดเร็วตามเวลาที่กำหนด อาทิ กำหนดไว้ให้ยาออกฤทธิ์ภายในเวลาตามที่กำหนดไว้ได้ โดยระบบนำส่งยาชนิดนี้ ได้มีการพัฒนาหลายรูปแบบ แต่มักมีกรรมวิธีการผลิตที่ซับซ้อนยุ่งยาก งานวิจัยนี้จึงพัฒนายาเม็ด "พัลสะไทล์" ที่ใช้เทคนิคไม่ซับซ้อนและใช้กันทั่วไปในอุตสาหกรรมยาขึ้นมา ประกอบด้วยยาเม็ดแกน ซึ่งมีตัวยารักษาโรคอยู่ภายใน และเคลือบด้วยชั้นเคลือบที่สามารถพองตัวได้ และเคลือบด้วยชั้นเคลือบแตกไว้อีกชั้นหนึ่ง การวิจัยเริ่มด้วยการออกแบบระบบนำส่งยาเม็ดพัลสะไทล์ ซึ่งเป็นตัวยาเม็ดแกนที่ใช้ในการศึกษาและเป็นยาขยายหลอดเลือดชนิดหนึ่ง แล้วนำมาเคลือบด้วยชั้นเคลือบที่พองตัวได้ และชั้นเคลือบที่แตกได้ โดยเมื่อแรงที่เกิดจากการพองตัวมากเพียงพอ ก็จะดันให้ชั้นเคลือบแตกออก ทำให้ตัวยาที่อยู่ในยาเม็ดแกน ถูกปลดปล่อยออกมาตามเวลาที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่ยาเม็ดแตกตัวนั้น จะต้องศึกษาและปรับเปลี่ยนปัจจัยต่าง ๆ เช่น ส่วนประกอบของยาเม็ดแกน ความหนาของชั้นเคลือบ ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อให้ได้ระยะเวลาการออกฤทธิ์เป็นไปตามต้องการได้ ระบบนำส่งยาพัลสะไทล์ ยังไม่มีการศึกษาพัฒนาในประเทศไทยมาก่อน ระบบนี้ใช้วิธีการเตรียมการง่ายไม่ยุ่งยากซับซ้อน ใช้วัตถุดิบในการเตรียมที่มีความปลอดภัยสูง ราคาไม่แพง เพราะใช้กันแพร่หลายอยู่แล้วในอุตสาหกรรมการผลิตยา ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้สูง ที่จะพัฒนาและสามารถผลิตยาเม็ดพัลสะไทล์นี้ ในระดับอุตสาหกรรม ซึ่งขณะนี้ตนได้ยื่นขอทุนวิจัยกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ไป แล้ว เพื่อนำไปทดลองในคนต่อไป (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 9 พ.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





วช.อัดวิจัยบูรณาการ500ล. ลดนำเข้าสินค้า-เทคโนโลยี

ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการบริหารสภาวิจัยแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เปิดเผยว่า โครงการบูรณาการนำร่อง วช.ได้เริ่มดำเนินการเมื่อปี 2547 ได้งบประมาณ 500 ล้านบาทสำหรับดำเนินการวิจัยตั้งแต่ระยะสั้น ระยะปานกลางและระยะยาว แต่เบื้องต้นจะอยู่ในช่วงเวลา 3 ปี โดยพิจารณาจากผลสัมฤทธิ์ของงานวิจัยและศักยภาพการแข่งขันของประเทศ เช่น โครงการด้านยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เมื่อนักวิจัยทำแล้วเสร็จ ช่วยลดการนำเข้ายาและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องทางการแพทย์ปีละ 3,000 ล้านบาท โครงการบูรณาการนำร่องปี 47 จะแตกต่างจากงานวิจัยทั่วไปที่ทำอยู่ เพราะคำนึงถึงอุปสงค์ (Demand) ของสินค้า พิจารณาถึงรสนิยมของผู้บริโภค ตลอดจนพิจารณาถึงตราสัญลักษณ์ (Branding) และระบบการขนส่ง (Logistic) ควบคู่ไปด้วย เช่น เรื่องของสับปะรดภูแล กล้วยไข่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยบูรณาการ ขณะนี้การบินไทยได้นำสับปะรดภูแลมาประกอบเป็นอาหารเสิร์ฟบนเครื่องบินหรือขายในร้านเบเกอรี่ของการบินไทย จึงสรุปได้ว่าโครงการวิจัยบูรณาการนำร่องเป็นตัวอย่างให้เห็นก่อน โดยงบประมาณที่ให้ทำวิจัยต้องเพียงพอสำหรับนักวิจัย ที่สามารถทำผลงานวิจัยได้ ซึ่งสามารถวัดสำเร็จได้ในระยะเวลาไม่นาน แต่อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ วช. ต้องแก้ไขคือ กฎระเบียบค่าตอบแทนให้นักวิจัย ที่ค่อนข้างล่าช้าและไม่ตอบสนองต่อภาคธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้นักวิจัยบางส่วนต้องหันเหไปหาแหล่งทุนใหม่ หรือล้มเลิกงานวิจัย นอกจากนี้ยังทำให้ผู้ที่ใช้งานวิจัยทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเอือมระอาต่อความไม่คล่องตัวที่เกิดขึ้นนี้ ซึ่งจะมีผลต่อความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นในอนาคต (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 9 พ.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





สหรัฐเตือนมะละกอดิบเสี่ยงทำให้แท้ง มูลนิธิผู้บริโภคย้ำชัดต้องหาข้อมูลเพิ่ม

นักวิจัยสหรัฐศึกษาระบุปริมาณสารประกอบเบนซิลไอโซไธโอไซยาเนท (Benzyl Isothiocyanate or BUTC) ในยางมะละกอดิบ ที่เป็นสารที่อาจทำให้เกิดการแท้งบุตรได้นั้น พบทั้งในมะละกอจีเอ็มโอและมะละกอธรรมชาติในปริมาณไม่แตกต่างกัน ระบุไม่สามารถชี้ชัดถึงอันตรายของมะละกอจีเอ็มโอ ขณะเดียวกันไม่สามารถรับรองความปลอดภัยด้วยเช่นกัน ดร.ไมเคิล แฮนเซน นักวิจัยองค์กรผู้บริโภคสากล ได้ศึกษาวิจัยผลกระทบต่อสุขภาพ ที่อาจเกิดขึ้นจากมะละกอตัดต่อพันธุกรรม (จีเอ็มโอ) ในสหรัฐอเมริกา พบว่าหลังจากที่ได้มีการตัดต่อพันธุกรรมมะละกอ เพื่อต้านทานไวรัสใบด่างวงแหวน ด้วยการยิงยีนที่แสดงโปรตีนหุ้มจองไวรัส ตั้งแต่ปี 2541 หลายหน่วยงานในสหรัฐได้วิจัยผลกระทบจากมะละกอจีเอ็มโอต่อสุขภาพ แต่จากการศึกษาเห็นว่า งานวิจัยเหล่านั้นยังขาดความน่าเชื่อถือ อย่างการวิจัยซึ่งทำโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ ที่ได้ประเมินความเสี่ยงแบบไม่บังคับ ปรากฏว่ามีการนำตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาด้านคุณค่าทางโภชนาการน้อยมาก คือใช้มะละกอน้อยกว่า 15 ตัวอย่างต่อการวิจัยครั้งหนึ่งทำให้ไม่สามารถวัดผลวิเคราะห์ทางสถิติได้ เช่นการศึกษาระดับวิตามินซี มีการตั้งข้อสังเกตว่า มะละกอจีเอ็มโอจะมีวิตามินซีต่ำกว่ามะละกอทั่วไป แต่มีข้อโต้แย้งว่า เป็นระดับวิตามินซีปกติ จึงควรมีการใช้จำนวนตัวอย่างมะละกอมากกว่านี้ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่เชื่อถือได้ (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 9 พ.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ไอบีเอ็มโชว์รถเข็นห้างเจ้าปัญญา กดปุ่มยืนรอสินค้าดาหน้ามาเอง

"รถเข็นช็อปปิ้งอัจฉริยะ" ซึ่งพัฒนาโดยไอบีเอ็ม บริษัทคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่แห่งสหรัฐ ติดจอสัมผัสโชว์ตำแหน่งสินค้าที่ต้องการซื้อ ประหยัดเวลาเดินหาสินค้า รูดบัตรคิดเงินให้เสร็จสรรพ ไม่ต้องรอคิวจ่ายเงิน รถเข็นช็อปปิ้งเจ้าปัญญานี้ได้รับการผลิตออกมาโดยบริษัทสองราย รายแรกคือ "ช็อปปิ้งบัดดี้" ของไอบีเอ็ม เป็นบริษัทที่อยู่ในวงการคอมพิวเตอร์มานาน โดยไอบีเอ็มได้ประเดิมนำรถเข็นสินค้าไปทดสอบใช้งานที่ร้านค้าสต็อปแอนด์ช็อปในสหรัฐ และจะเริ่มเปิดใช้งานจริงในช่วงฤดูร้อน ส่วนอีกรายพัฒนาโดยบริษัท สปริงบอร์ด รีเทล เน็ตเวิร์ค อิงค์ ใช้ชื่อว่า "กองเซียร์จ" มีแผนทดสอบใช้งานที่ร้านค้าในแคนาดาในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมนี้ รถเข็นไฮเทคเหล่านี้จะมีจอแสดงผลแบบหน้าจอสัมผัสติดตั้งอยู่ โดยลูกค้าอาจพิมพ์รายการสินค้ามาจากบ้าน พอมาถึงห้าง ลูกค้าที่มีบัตรสมาชิกของห้างจะใช้บัตรรูดเพื่อเข้าสู่ระบบการใช้งาน จากนั้นระบบจะแนะนำเส้นทางไปยังช่องที่สินค้าวางอยู่บนชั้นจำหน่ายสินค้า รถเข็นกองเซียร์จและบัดดี้ ติดตั้งระบบนำทางด้วยดาวเทียมขนาดเล็กไว้พร้อมกับมีเซ็นเซอร์สำหรับติดตามอุปกรณ์เพื่อดูว่ารถเข็นของลูกค้าอยู่ที่ไหน เพื่อให้ลูกค้าเลี้ยวเข้าถูกช่องทางสินค้า จากนั้นหน้าจอจะแสดงว่าที่แผนกสินค้าดังกล่าวมีสินค้าอะไรบ้างที่ตรงกับรายการช็อปปิ้งของลูกค้า และมีสินค้าตัวไหนบางที่ลดราคา ระบบรถเข็นอัจฉริยะนี้ยังสามารถคิดเงินให้ทันที ลูกค้าสามารถสแกนบาร์โค้ดราคาสินค้าได้เลยขณะหย่อนของลงรถเข็น เมื่อเสร็จแล้วระบบจะคิดเงินทั้งหมด จากนั้นลูกค้าจะใช้บัตรสมาชิกรูดไปที่เครื่องบนรถเข็นแล้วยื่นบัตรให้พนักงานคิดเงิน หรือสอดเข้าไปที่ช่องคิดเงินอัตโนมัติ ที่เหลือแค่นำถุงมาใส่สินค้าเท่านั้น รถเข็นช็อปปิ้งจากทั้งสองค่ายมีจุดที่แตกต่างกัน ตรงที่รถเข็นกองเซียร์จติดตั้งระบบไว้ที่มือจับรถเข็น แต่บัดดี้ของไอบีเอ็มลูกค้าต้องไปเอารถเข็นก่อนแล้วไปหยิบเครื่องบัดดี้ขณะเดินเข้าห้าง แล้วถึงนำมาเสียบเข้ากับมือขับรถเข็น กองเชียร์จมีเครื่องยิงบาร์โค้ดอยู่ที่ใต้แผง ส่วนของบัดดี้จะเป็นเครื่องที่ถอดออกมายิงบาร์โค้ดได้ (คมชัดลึก จันทร์ที่ 9 พ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ไทยคิดสำเร็จชุดตรวจแมงกะจั๊ว ต้นตอภูมิแพ้เล็งต่อยอดทำวัคซีน

นักวิจัยปริญญาเอกพัฒนาชุดตรวจสารก่อภูมิแพ้จากแมลงสาบสายพันธุ์อเมริกัน ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่เพ่นพ่านในเมืองไทย และยังช่วยให้รู้อีกด้วยว่าในบ้านมีสารก่อภูมิแพ้ชนิดอื่นอีกหรือไม่ รู้ผลทันใจใน 3 นาที เตรียมพัฒนาต่อยอดทำวัคซีนหยอดป้องกันภูมิแพ้ สารก่อภูมิแพ้ไม่ได้มาจากชิ้นส่วนของตัวแมลงสาบเท่านั้น แต่ยังมาจากสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย และปัสสาวะ และจะฟุ้งปนอยู่ในอากาศเมื่อแห้งแล้ว ทันทีที่เจ้าของห้องสูดเอาสารก่อภูมิแพ้เหล่านี้เข้าไป ร่างกายก็จะถูกกระตุ้นให้ตอบสนอง เป็นผลให้เกิดอาการภูมิแพ้ขึ้นได้ โดยอาการจะเริ่มต้นตั้งแต่เป็นผื่นคัน น้ำมูกไหล น้ำตาไหล คันลูกตา คัดจมูก เมื่อได้รับสารก่อภูมิแพ้ติดต่อกันนานๆ อาการก็จะเพิ่มมากขึ้น อาจถึงขั้นหลอดลมตีบ และมีอาการหอบหืด บางรายเป็นหนักจนต้องนำตัวเข้าโรงพยาบาลอย่างฉุกเฉิน โดยเฉพาะเด็กเล็กๆ ที่มักเกิดอาการป่วยเฉียบพลันตอนกลางคืนชนิดไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า "ชุดตรวจหาและวัดปริมาณสารก่อภูมิแพ้จากแมลงสาบส่วนใหญ่ที่ใช้อยู่ในตอนนี้ยังต้องซื้อจากต่างประเทศ ในราคาค่อนข้างสูง และยังเป็นชุดตรวจสำหรับแมลงสาบพันธุ์เยอรมนี ซึ่งต่างสายพันธุ์กับที่เราแพ้อีกด้วย" ศ.ดร.วันเพ็ญ ชัยคำภา เมธีวิจัยอาวุโส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาให้ข้อมูลเพิ่ม ปกติแล้ว แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยกลับไปทำความสะอาดบ้านเพื่อไม่ให้มีสารก่อภูมิแพ้ในบ้าน ดังนั้นชุดตรวจจึงมีประโยชน์อย่างมาก เพราะหลังจากทำความสะอาดบ้านแล้ว เราต้องรู้ให้ได้ว่ายังมีฝุ่นที่เป็นสารก่อภูมิแพ้อีกหรือเปล่า และชุดตรวจที่ได้มานี้ใช้งานง่ายมาก ใช้เวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมงก็รู้ผล เพียงเก็บตัวอย่างฝุ่นจากที่อยู่อาศัยมาตรวจ จะบอกได้เลยว่ายังมีสารก่อภูมิแพ้หรือไม่ และมีในปริมาณมากน้อยเพียงใด หลังจากทำวิจัย นิทัศน์ยังได้พบสารก่อภูมิแพ้ชนิดใหม่ที่ยังไม่มีรายงานมากถึง 11 ชนิด และแน่นอนว่าสิ่งที่ค้นพบสามารถนำไปต่อยอดพัฒนาเป็นวัคซีนรักษาได้ในอนาคต (คมชัดลึก จันทร์ที่ 9 พ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





สกัดเปลือกมะนาวช่วยขจัดไขมันในเลือด

ดร.นงลักษณ์ ปานเกิดดี ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เปิดเผยว่า นักวิจัยของสถาบันประสบความสำเร็จในการสกัดสารเพคตินจากเปลือกมะนาว โดยสารดังกล่าวมีลักษณะเป็นเส้นใยอาหาร จึงเหมาะที่จะนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดไขมันคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยลดความเสี่ยงหลอดเลือดหัวใจอุดตัน เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยต้องนำเข้าสารเพคติน เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและยาเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าเราสามารถผลิตเพคตินจากเปลือกมะนาว ซึ่งเป็นวัตถุดิบเหลือทิ้งที่มีปริมาณมากพอ และพร้อมสกัดเป็นเพคตินที่ได้มาตรฐาน จะช่วยลดการพึ่งพาต่างประเทศ รวมถึงเพิ่มมูลค่าให้ผลผลิตทางการเกษตรได้อีกด้วย สำหรับโครงการสกัดสารสำคัญจากเปลือกมะนาวนี้ เป็นการวิจัยต่อเนื่องจากการแปรรูปมะนาวครบวงจร โดยได้ผลิตภัณฑ์น้ำมะนาวและน้ำมันจากเปลือก ขณะเดียวกันของเหลือทิ้งจากกระบวนการแปรรูปคือเปลือกมะนาว ซึ่งนักวิจัยได้นำไปศึกษาเพื่อค้นหาสารสำคัญ จนกระทั่งได้สารสกัดที่เรียกว่าเพคตินดังกล่าว และได้ทดสอบมาตรฐานตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากำหนด รวมถึงการทดสอบด้านเภสัชวิทยาและความปลอดภัยในสัตว์ทดลองประเภทหนูขาวและหนูถีบจักร พบว่าสารเพคตินนี้สามารถลดคอเลสเตอรอลในเลือดของหนูได้ นักวิจัยจึงได้ดึงคุณสมบัติของเพคตินมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในรูปแบบของวุ้นเพคตินฟรุตสลัด และในอนาคตคาดว่าจะพัฒนาเพคตินให้ออกมาในรูปแบบอาหารเสริมชนิดอื่นๆ รวมถึงศึกษาความเป็นไปได้ ที่จะนำเพคตินมาเป็นส่วนผสมในการผลิตยารักษาโรคบางชนิด บทบาทของเพคตินจะรบกวนการดูดซึมไขมันที่ผนังลำไส้ จึงช่วยลดคอเลสเตอรอลจากไขมันที่เป็นสาเหตุของภาวะหลอดเลือดหัวใจอุดตันและหัวใจวายในที่สุด นอกจากนี้ เพคตินยังมีคุณสมบัติอุ้มน้ำจึงช่วยเพิ่มน้ำหนักกากอาหารในลำไส้ใหญ่ ทำให้ร่างกายขับถ่ายได้ดีขึ้น ทำให้ลดการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย (คมชัดลึก จันทร์ที่ 9 พ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





วว.โชว์เครื่องแบบไบโอดีเซลแบบต่อเนื่องกลั่นน้ำมันดีเซลคุณภาพ

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเครื่องผลิตไบโอดีเซลแบบต่อเนื่อง ระบุประสิทธิภาพสูง กลั่นน้ำมันดีเซลได้คุณภาพมาตรฐาน ระดับสากลแห่งแรกของประเทศไทย เตรียมพร้อมขยายกำลังการผลิตในระดับโรงงานนำทาง จุดประกายความหวังคนไทย สร้างทางเลือกใหม่ใช้พลังงานทดแทนสำหรับอนาคต ดร.นงลักษณ์ ปานเกิดดี ผู้ว่าการ วว. ชี้แจงว่า จากสภาวะน้ำมันราคาแพงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณการใช้สูงมากทั้งในภาคการขนส่งและภาคการเกษตร กรรม การนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อหาแหล่งพลังงานทดแทนจะเป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ปัจจุบันไบโอดีเซลถือเป็นพลังงานทดแทนที่เหมาะอย่างยิ่งกับประเทศไทย เนื่องจากเป็นประเทศเกษตรกรรมที่ทำการปลูกพืชน้ำมันหลายหลากชนิด เช่น ถั่วเหลือง ปาล์ม มะพร้าว ละหุ่ง และทานตะวัน ซึ่งสามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตไบโอดีเซลได้เป็นอย่างดี ซึ่งในการใช้น้ำมันพืชเป็นเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ดีเซล จำเป็นต้องนำน้ำมันพืชมาผ่านกระบวนการทางเคมี ทำปฏิกิริยากับแอลกอฮอล์เป็น methyl ester หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า ไบโอดีเซล ซึ่งสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี และแม้ว่าปัจจุบันจะมีการสร้างเครื่องเพื่อผลิตไบโอดีเซลแล้ว แต่ยังเป็นกระบวนการแบบไม่ต่อเนื่อง ซึ่งไม่สามารถผลิตไบโอดีเซลให้ได้คุณภาพสม่ำเสมอและใช้เวลานานในการทำปฏิกิริยา วว.ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ประสบความสำเร็จในการพัฒนา “เครื่อง ต้นแบบผลิตไบโอดีเซลแบบต่อเนื่อง” มีประสิทธิภาพในการผลิตไบโอดีเซลจากวัตถุดิบที่เป็นน้ำมันพืชได้ทุกชนิดที่มีปริมาณกรดไขมันอิสระต่ำกว่าร้อยละ 5 สามารถกลั่นได้ไบโอดีเซลที่ได้คุณภาพมาตรฐานสากลเป็นแห่งแรกของประเทศ เตรียมขยายกำลังการผลิตในระดับโรงงาน คาดว่าจะสามารถช่วยคนไทยหาแหล่งพลังงานทดแทนสำหรับอนาคต สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายสิ่งแวดล้อม นิเวศวิทยาและพลังงาน วว. โทร. 0-2579-1121-30 หรือ ไปชมเครื่องต้นแบบผลิตไบโอดีเซลแบบต่อเนื่อง ได้ในงานเปิดโลกทัศน์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 42 ปี วว. ระหว่างวันที่ 25-29 พฤษภาคม 2548 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี. (เดลินิวส์ อังคารที่ 10 พ.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ราชมงคลยืดอายุกุหลาบสดนานนับเดือน

นายเอกมล เงินสอน ร่วมกับนายชะนะ ฤทธิ์เรือง นักศึกษาจากภาควิชาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวและแปรสภาพ คณะวิศวกรรมและเทคโนโลยีการเกษตร นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ได้ค้นพบวิธีการเก็บรักษาดอกกุหลาบได้นานถึง 35 วัน หลังจากตัดดอก เพื่อรอวันส่งขายได้ตามความต้องการของตลาด โดยไม่ต้องส่งขายทันที หลังการตัดดอก ได้วิจัยและค้นหาวิธีเก็บรักษาดอกกุหลาบ โดยมีอาจารย์วรินธร ยิ้มย่อง เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา พบว่า "การเก็บรักษาดอกกุหลาบในสภาพดัดแปลงบรรยากาศ" ซึ่งเป็นการอาศัยหลักการปรับสภาพอากาศให้อยู่ในอุณหภูมิ 2 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพันธ์ 95-98% แล้วปรับระดับความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซออกซิเจนเริ่มต้นเท่ากับ 0% โดยผ่านชุดควบคุมบรรยากาศและชุดควบคุมอุณหภูมิ ทั้งนี้ ดอกกุหลาบถึงแม้จะถูกตัดออกจากต้นแล้ว ก็ยังมีกระบวนการหายใจอยู่ โดยดึงเอาสารอาหารที่ยังอยู่ภายในดอกและก้านออกมาใช้ โดยใช้คาร์บอนไดออกไซด์และออกซิเจน เป็นส่วนสำคัญของกระบวนการหายใจ เมื่อสารอาหารถูกนำกลับมาใช้มากๆ สารอาหารก็เหลือน้อยลง จึงทำให้ดอกกุหลาบเริ่มเหี่ยวเฉาไปในที่สุด จากหลักการนี้เมื่อลดความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์และออกซิเจนลง ทำให้กระบวนการหายใจชะลอช้าลง การดึงเอาสารอาหารกลับมาใช้ก็น้อยตามไปด้วย เมื่อดอกกุหลาบสูญเสียสารอาหารในปริมาณที่น้อยลง ทำให้สามารถชะลอการเหี่ยวเฉาของกุหลาบได้เป็นระยะเวลานานกว่าปกติด้วย ซึ่งจากผลการทดลองพบว่า จากสภาพบรรยากาศปกติที่สามารถเก็บดอกกุหลาบได้เพียงแค่ 7 วัน แต่กุหลาบที่ได้รับการเก็บรักษาในสภาพดัดแปลงบรรยากาศกลับเก็บได้นานถึง 35 วัน (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 10 พ.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





เครื่องฝึกเด็กออทิสติกทรงตัวป้องกันหกล้มหัวกระแทกพื้น

นายสุรเดช อุทธิสินธ์ นักศึกษาจากภาควิชากิจกรรมบำบัด คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมมือผู้ประกอบการล้านนาพัฒนาอุปกรณ์ช่วยกระตุ้นเด็กที่มีปัญหาด้านการเรียนรู้ให้รู้จักปกป้องตนเองไม่ให้หัวทิ่มหัวต่ำเมื่อเสียการทรงตัว ช่วยผ่อนแรงนักกายภาพบำบัดแก้ปัญหาเด็กออทิสติก ดาวน์ซินโดรม เด็กที่มีปัญหาในการเรียนรู้กลุ่มนี้มักไม่อยู่นิ่ง สมาธิสั้น และมีปัญหาทางกายภาพอย่างหนึ่งคือ เด็กกลุ่มนี้จะไม่รับรู้ตำแหน่งของศีรษะขณะที่ร่างกายเคลื่อนไหว ทำให้เมื่อสูญเสียการทรงตัวแล้ว จะไม่รู้ว่าจะต้องแสดงพฤติกรรมปกป้องตนเองอย่างไร จึงได้รับอันตรายได้มากกว่าปกติ เขาจึงคิดเครื่องมือช่วยฝึกร่วมกับนายอุดมสิทธิ์ สนั่นพาณิช เจ้าของร้านเทียนหอมในเชียงใหม่ เป็นเครื่องกระตุ้นระบบเวสติบูลาร์ ที่พวกเขาร่วมพัฒนาขึ้นมาอาศัยกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่หมุนมอเตอร์ โดยจะมีแกนหมุนและสายพานที่เป็นต่อส่งกำลัง ต่อเข้ากับกว้านที่เป็นตัวหมุนเก้าอี้ที่ทำจากไฟเบอร์กลาส เครื่องจะต่อเข้ากับสวิตช์เปิดปิดและเครื่องสำหรับวัดความเร็ว จากการทดสอบใช้งานจริงพบว่าไม่ต่างจากเก้าอี้หมุนที่ใช้อยู่ทั่วไปในปัจจุบัน เครื่องนี้จึงมาช่วยผ่อนแรงงานนักกิจกรรมบำบัดได้ และให้ความเร็วที่สม่ำเสมอ และหมุนได้หลากหลายความเร็ว เช่น สามารถตั้งให้น้อยกว่า 30 รอบต่อนาที อยู่ระหว่าง 30-60 รอบต่อนาที หรือมากกว่า 60 รอบต่อนาทีได้ แล้วแต่การตอบสนองต่อระบบของเด็กแต่ละคน โดยพิจารณาจากท่าที พฤติกรรมที่แสดงออก ซึ่งบางคนจะต้องการความเร็ว แรง แต่บางคนต้องการให้นุ่มนวล สม่ำเสมอ (คมชัดลึก อังคารที่ 10 พ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





หุ่นยนต์ช่วยคนตาบอด

นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ นำโดยศาสตราจารย์วลาดิเมียร์ คุลยูคิน มหาวิทยาลัยรัฐยูท่าห์ สหรัฐ พัฒนาหุ่นยนต์ที่สามารถช่วยเหลือคนตาบอดในการจับจ่ายซื้อของหรือค้นหาทิศทางในเมืองใหญ่ ใช้คลื่นความถี่วิทยุตรวจหาแถบป้ายเพื่อหาที่ตั้งสิ่งของและใช้ลำแสงเลเซอร์ในการหลีกเลี่ยงการชนกับวัตถุ โดยขอความร่วมมือกับซุปเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่นในการทดลองใช้งานหุ่นยนต์ดังกล่าวโดยติดตั้งแถบรับคลื่นวิทยุไว้ตามชั้นวางสินค้า ขณะนี้ทีมผู้สร้างกำลังติดตั้งเสียงสังเคราะห์เพิ่มและปรับปรุงการเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์ เพราะผู้ทดลองใช้รายหนึ่งกล่าวว่า หุ่นยนต์เคลื่อนที่เร็วไป สำหรับหุ่นต้นแบบมีราคา 8,000 เหรียญสหรัฐ แต่ถ้าผลิตจำนวนมาก ต้นทุนจะสามารถลดเหลือหนึ่งในสามของที่เป็นอยู่ ซึ่งกลุ่มผู้สร้างหวังว่าหุ่นตัวนี้จะมีใช้แพร่หลายในอีกหนึ่งหรือสองปีข้างหน้า (ข่าวสด อังคารที่ 10 พ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





เปลี่ยนพลาสติคเป็น"น้ำมัน" ผลงานนักเคมีไทย

กลุ่มนักวิจัยนำโดย ผศ.ดร.ตะวัน สุขน้อย คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้คิดค้นวิธีเปลี่ยนขวดน้ำพลาสติคพอลีเอทิลีนที่ถูกทิ้งแล้ว ให้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงในรูปแบบต่างๆ โดยใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาพิเศษ มีชื่อว่า "ซีโอไลต์" ซีโอไลต์คือชื่อสารกลุ่มหนึ่ง มีโครงสร้างเต็มไปด้วยรูพรุนที่เป็นระเบียบอย่างอัศจรรย์ ประกอบด้วยธาตุซิลิคอน อะลูมิเนียม ออกซิเจน และธาตุอื่น ซีโอไลต์อาจเกิดขึ้นเองได้ในธรรมชาติในรูปผลึกแร่ใส โพรงของมันยอมให้โมเลกุลขนาดเล็กเช่นน้ำเคลื่อนที่ผ่านตลอดได้ มันมีคุณสมบัติที่น่าสนใจมากมาย ตามแต่จะนำไปดัดแปลงคุณสมบัติ เช่นนำมาใช้กำจัดความกระด้างของน้ำด้วยการแลกเปลี่ยนไอออนบวก ปัจจุบันมีสิ่งพิมพ์เกี่ยวกับซีโอไลต์ทั่วโลกกว่า 100 ฉบับต่อสัปดาห์ และจะเรียกว่าซีโอไลต์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาแห่งอนาคตก็ว่าได้ เครื่องต้นแบบขนาดเล็กนี้สามารถย่อยพลาสติคได้ 600 กรัมต่อชั่วโมง ให้กลายเป็นน้ำมันเบนซิน 60% ก๊าซหุงต้ม 20-30% โดยมวล ที่เหลือเป็นน้ำมันดีเซลและไฮโดรคาร์บอนลักษณะขี้ผึ้ง คือผลิตน้ำมันเบนซินได้ 350-400 ลูกบาศก์เซนติเมตรต่อชั่วโมง ซึ่ง ดร.ตะวันนำมาทดสอบโดยเติมในมอเตอร์ไซค์และเครื่องตัดหญ้า ก็ใช้งานได้ดีมาก ผลการวิเคราะห์ที่น่าสนใจคือ น้ำมันเบนซินที่ผลิตได้นี้มีสารมลพิษต่ำมาก และมีค่าออกเทนสูงมาก กระบวนการนี้ใช้ได้กับพลาสติคประเภทพอลีเอทิลีนและพอลีโพรพิลีน ซึ่งวัตถุดิบที่ใช้ในการวิจัยก็ต้องไปเก็บมาจากกองขยะ ปัญหาในการนำงานวิจัยไปใช้คือประเทศของเรายังไม่มีการแยกและกำจัดขยะอย่างเป็นระบบ เนื่องจากคนไทยยังขาดความสำนึกในการแยกขยะ ไม่เช่นนั้นแล้วงานวิจัยนี้ก็จะช่วยเศรษฐกิจของชาติได้อย่างดี ขยะพลาสติคประเภทนี้ บางส่วนที่นำกลับไปใช้ใหม่ได้จะถูกรีไซเคิลเป็นพลาสติคเกรดบี ไม่สามารถนำมาใช้บรรจุน้ำหรืออาหารได้อีกต่อไป กลายเป็นเครื่องใช้ที่มีมูลค่าต่ำ เช่น เก้าอี้พลาสติคที่ไม่คงทน และถุงดำที่ใช้ใส่ขยะ เป็นต้น เราจึงน่าจะมีการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าอย่างเป็นระบบให้มากขึ้น งานวิจัยเรื่องน้ำมันอีกอย่างหนึ่งของ ดร.ตะวัน ที่ได้รับมอบหมายจาก ปตท. คือการสังเคราะห์ซีโอไลต์ที่มีทองแดงอยู่ข้างในโมเลกุล เพื่อใช้กำจัดกำมะถันในน้ำมัน เนื่องจากทองแดงสร้างพันธะกับกำมะถันได้แข็งแรงมาก สารซีโอไลต์ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในรูปแบบต่างๆ อีกมากที่เรายังค้นไม่พบและคิดไม่ถึง (มติชนรายวัน อังคารที่ 10 พ.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





ตรวจพบมะเร็งทรวงอกตั้งแต่ต้น โดยการฉายแสงเอกซเรย์เส้นผม

คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ที่กรุงแคนเบอร์รา ได้รายงานการศึกษาขั้นต้นของวิธีตรวจนี้ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542 โดยรายงานว่า พบความเกี่ยวพันของการพบร่องรอยของมะเร็งเต้านม และการเปลี่ยนแปลงในภาพฉายเอกซเรย์เส้นผมของผู้ป่วย แต่ในการรายงานหนนั้นได้โดนถูกวิจารณ์อย่างเต็มไปด้วยความสงสัยเป็นอันมาก คณะวิจัยชุดเก่าจึงได้ศึกษาต่อมา และเพิ่งรายงานยืนยันผลการศึกษาความเกี่ยวพันการตรวจพบวี่แวว ของโรคกับภาพฉายเอกซเรย์ ของเส้นผม โดยกล่าวว่า “ผลการศึกษาครั้งนี้ไม่แต่เพียงส่อถึงความเกี่ยวพันดังกล่าว ช่วยให้ตรวจพบโรคได้ตั้งแต่ต้นมือยิ่งกว่าวิธีการอื่นๆ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเท่านั้น หากยังช่วยให้ติดตามผลของการรักษาได้อีกด้วย”. (ไทยรัฐ พุธที่ 11 พ.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ศึกษาพบทารกลืมตาเห็นโลกเป็นสีอายุแค่ 4 เดือนก็รู้จักชอบสีโปรด

หมอแอนนา แฟรงคลิน แห่งห้องปฏิบัติการเบบี้ เซอร์เรย์ของอังกฤษ ได้ศึกษากับทารกกับการเห็นสีมาไม่ต่ำกว่า 250 คน กล่าวเผยว่า “ที่เชื่อกันว่าทารกเกิดใหม่ตาบอดสีนั้นไม่จริง เด็กเห็นสีได้” หมอได้เล่าสิ่งที่พบในการ ทดลองให้ฟังว่า “หากให้ทารกดูแต่สี น้ำเงิน และฉายให้ดูแต่สีน้ำเงินอ่อนเข้มต่างๆ กัน เด็กก็จะเบื่อ แต่พอได้เห็นสีเขียวเข้า พวกเขาจะตื่นเต้นขึ้นมาและชอบดูซ้ำอีก” แพทย์แอนนาเผยต่อไปว่า อยากจะศึกษาให้รู้ว่า เด็กอ่อนมีสีโปรดสีเดียวหรือไม่ หรือมีหลายสี ซึ่งถ้ารู้ พ่อแม่จะได้หาสิ่งของที่มีสีให้ถูกใจลูก อย่างเช่น ของเล่น เสื้อผ้า และแม้แต่สีห้องนอน “แต่โดยส่วนตัวแล้ว ยังเห็นว่าควรจะให้เด็กทารก ได้เห็นสีทั้งหมด เพื่อจะได้พัฒนาขึ้นได้”. (ไทยรัฐ พุธที่ 11 พ.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





'อะโกรไซแอนส์'พัฒนานวัตกรรมกำจัดปลวก

ดร.เสาวลักษณ์ พรกุลวัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายเคมีภัณฑ์ บริษัทดาว อะโกรไซแอนส์ ประเทศไทย (จำกัด) เปิดเผยว่า สำนักงานใหญ่ในสหรัฐได้วิจัยพัฒนา "ระบบเซนตริคอน" (The Sentricon System) นวัตกรรมกำจัดปลวก ซึ่งจะทำลายปลวกด้วยพฤติกรรมการกินอาหารของปลวกเอง จึงเป็นวิธีการเดียวที่กำจัดปลวกได้ทั้งรังด้วยการยุติวงจรยังชีพ โดยระบบนี้ใช้งานแพร่หลายในสหรัฐ 6 - 7 ปีมาแล้ว ทั้งยังได้รับรางวัล “มิตรสิ่งแวดล้อม จากองค์กรพิทักษ์สิ่งแวดล้อม หรือ EPA ในการวิจัยของสำนักงานใหญ่ได้ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำ อาทิ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียแห่งเบิร์กลีย์, มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียแห่งริเวอร์ไซด์ และมหาวิทยาลัย ฟลอริดา พบว่าภายในรังปลวกประกอบด้วย ปลวกงานที่มีกว่าร้อยละ 80 ทำหน้าที่หาอาหารมาเลี้ยงปลวกทหาร และนางพญาปลวก ซึ่ง 2 พวกหลังไม่สามารถหาอาหารกินเอง ฉะนั้น หลักการทำงานของระบบเซนตริคอนจะเป็นการ "ตัดตอน" วงจรการหาอาหารที่ปลวกงาน "ทีมวิจัยได้คิดค้นสารควบคุมการเจริญเติบโตของปลวก มีชื่อการค้าว่า รีครูท ทู (Recruit II) และ รีครูท เอจี (Recruit AG) จะออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการลอกคราบ ทำให้ปลวกไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ส่วนวิธีการทำงานจะเคลือบสารที่ไม้เหยื่อ และนำไปฝังไว้ตามจุดต่างๆรอบบ้านเพื่อดักเส้นทางปลวกงาม เมื่อปลวกงานได้รับสารดังกล่าวเข้าไปประมาณ 4 - 6 สัปดาห์จะตาย ทำให้ปลวกทหารและปลวกนางพญา ซึ่งออกหาอาหารไม่เป็น ต้องอดอาหารตายตามจึงเป็นผลให้รังสลายไปในที่สุด สำนักงานสาขาในประเทศไทยได้นำเข้านวัตกรรมดังกล่าว เพื่อให้บริการแก่คนไทยได้ประมาณ 1 ปี โดยผลิตภัณฑ์แบ่งเป็นอุปกรณ์ที่ฝังใต้ดินสำหรับที่พักอาศัยที่มีบริเวณบ้าน และอุปกรณ์แบบวางพื้นในแหล่งอาหารปลวกสำหรับคอนโดมิเนียม หรือบ้านที่ไม่มีบริเวณ โดยไม่ต้องเจาะพื้นเหมือนระบบการใช้สารเคมีราดพื้น ขณะที่ชิ้นส่วนต่างๆ ของอุปกรณ์จะมีฝาปิดล็อกป้องกันเด็กและสัตว์เลี้ยงสัมผัสไม้เหยื่อ นอกจากนี้ ทางบริษัทจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการฝึกอบรมเรื่องระบบและวงจรชีวิตปลวก คอยดูแลให้คำแนะนำเจ้าของบ้านที่ใช้ระบบเซนตริคอนอย่างใกล้ชิด และออกรายงานผลการปฏิบัติงานให้ทุกๆ 6 เดือน (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 12 พ.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





'พืชวัคซีน'สร้างภูมิต้านทานโรคในคน

ดร.แคโรล โอ แทคเก็ต นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์ บัลติมอร์ ได้ใช้เทคโนโลยีวิศวพันธุกรรมสร้างมันฝรั่งที่มีภูมิต้านทานไวรัสตับอักเสบ บี ซึ่งจะทำหน้าที่คล้ายวัคซีนในทันทีที่ถูกบริโภค และถือเป็นวัคซีนบริโภคได้ชนิดแรก เพราะวัคซีนชนิดนี้ไม่ถูกทำลายโดยกรดน้ำย่อยในกระเพาะและลำไส้ และร่างกายมนุษย์สามารถจะดึงเอาโปรตีนที่สร้างภูมิคุ้มกันโรคนี้ขึ้นมาใช้งานได้ วัคซีนมันฝรั่งชนิดนี้เกิดจากการเอายีนของไวรัสโรคตับอักเสบ บี ใส่เข้าไปในพันธุ์มันฝรั่ง เพื่อให้สร้างสารที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ก่อให้เกิดเซลล์ที่ต้านไวรัส จากนั้นนำมันฝรั่งดังกล่าวไปผ่านการโคลนนิงและเพาะปลูก นักวิจัยหวังว่าวัคซีนไวรัสตับอักเสบ บี ที่รับประทานได้นี้ จะจำหน่ายทั่วโลกในอีก 5 ปีข้างหน้า ในการทดลองวัคซีนชนิดนี้กับอาสาสมัคร 42 คน พบว่าร้อยละ 60 ของคนเหล่านั้นแสดงผลว่า ร่างกายได้พัฒนาภูมิต้านทานโรคไวรัสตับอักเสบ บี หลังจากที่ได้รับประทานมันฝรั่งปรับปรุงพันธุ์สดๆ นายชาร์ลส์ อาร์นท์เซนท์ นักชีววิทยาพืช จากมหาวิทยาลัยอริโซนา สหรัฐอเมริกา ซึ่งร่วมทีมวิจัย กล่าวว่า วัคซีนที่บริโภคได้ซึ่งทำขึ้นจากพืชมีข้อได้เปรียบเหนือวัคซีนธรรมดา เนื่องจากสามารถผลิตได้ในราคาถูก เมื่อเทียบกับวัคซีนที่ฉีดแต่ละครั้งต้องจ่ายเงินถึง 40 เหรียญ ไม่มีความจำเป็นต้องเก็บไว้ในตู้เย็น และลดความเสี่ยงติดเชื้อจากเข็มฉีดยา อาร์นท์เซนท์และทีมวิจัยได้ทดลองต่อไปอีกขั้นหนึ่ง โดยป่นมันฝรั่งปรับปรุงพันธุ์เป็นแป้ง และนำไปบรรจุในแคปซูลที่ทำจากวุ้น เพื่อที่จะกำหนดปริมาณวัคซีนในมันฝรั่งให้เพียงพอต่อการป้องกันโรคสำหรับผู้บริโภค ทั้งนี้ วัคซีนที่รับประทานได้เพื่อป้องกันโรคชนิดอื่นๆ กำลังได้รับการค้นคว้าวิจัยในสถาบันอื่นๆ เช่นกัน อาทิ มหาวิทยาลัยอริโซนากำลังพัฒนาวัคซีนในพืชโดยใช้มันฝรั่ง ใบยาสูบและมะเขือเทศ เพื่อป้องกันอหิวาตกโรค ไวรัสนอร์วอล์คที่ทำให้ลำไส้อักเสบ มักจะเกิดแก่ผู้ที่เดินทางอยู่ในเรือกลางมหาสมุทร และไวรัสปาปิโยมาในมนุษย์ซึ่งทำให้เกิดโรคมะเร็งในลำคอ นักวิทยาศาสตร์ของสถาบันมหาวิทยาลัยโธมัส เจฟเฟอร์สัน ในเมืองฟิลาเดลเฟียได้ผลิตผักโขมปรับปรุงพันธุ์ ซึ่งได้ทดลองกับมนุษย์แล้วปรากฏว่าสามารถสร้างสารป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า, นักวิจัยของมหาวิทยาลัย โลมา ลินดา ได้พัฒนาวัคซีนในมันฝรั่งปรับปรุงพันธุ์ ซึ่งสามารถป้องกันโรคเบาหวาน ประเภท 1 ซึ่งเกิดจากเซลล์ที่ผลิตอินซูลินเซลในตับอ่อนถูกทำลาย และการศึกษาในสัตว์ทดลองเมื่อปี 2542 พบว่าวัคซีนชนิดนี้ลดการก่อตัวของโรคเบาหวานได้ถึงร้อยละ 60 (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 12 พ.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





เพิร์ชเดินเครื่องเร่งศักยภาพงานวิจัยเคมี จับมือสนช.ดึงเอกชน ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่ตลาด

ศ.ดร.วิชัย ริ้วตระกูล ผู้อำนวยการโครงการพัฒนาบัณฑิตศึกษาและการวิจัยทางเคมี (เพิร์ช) กล่าวว่า โครงการนี้จะคัดเลือกเอางานวิจัยด้านเคมีที่มีศักยภาพมาทำเป็นนวัตกรรม และนำนวัตกรรมที่ได้มาต่อยอดให้เป็นผลิตภัณฑ์ ก่อนที่จะนำมาใช้ประโยชน์ในเชิงอุตสาหกรรม เพิร์ชได้ร่วมมือกับ สนช. เพื่อเร่งพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานวิจัยด้านเคมี โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันการศึกษาต่างๆ อีก 5 สถาบัน ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นแกนนำในโครงการ โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สำหรับโครงการวิจัยที่ สนช.และเพิร์ช ร่วมกันผลักดันเพื่อนำไปสู่การผลิตในเชิงการค้า ประกอบด้วย โครงการนวัตกรรมสารต้านแบคทีเรียที่ดื้อต่อยาเมธิซิลลิน เพื่อลดการติดเชื้อจากบาดแผลของผู้ป่วย นวัตกรรมระบบตรวจวัดก๊าซมีเทนระดับต่ำมากแบบออนไลน์สำหรับอุตสาหกรรม เพื่อวิเคราะห์ความบริสุทธิ์ของก๊าซในโรงงานในอุตสาหกรรมอาหารและยา ที่ต้องการใช้ก๊าซบริสุทธิ์คุณภาพสูง จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ การพัฒนาองค์ประกอบที่มีฤทธิ์เชิงชีวภาพของข้าวหอมมะลิและข้าวสีพันธุ์ไทย ช่วยคัดกรองความหอมของข้าวหอมมะลิ และบรรจุภัณฑ์เพื่อการส่งออก จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยนวัตกรรมสารออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งและต้านเชื้อ HIV-1 จากต้นคำมอกน้อย ซึ่งเป็นผลงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดล โดยทำการทดสอบกับหนูทดลองในระดับห้องปฏิบัติการ และยังได้พัฒนาชุดทดสอบสารหนูสำหรับใช้ในภาคสนาม เพื่อใช้วัดปริมาณสารหนูในอาหารและน้ำ สามารถตรวจพบได้แม้จะมีปริมาณความเข้มข้นต่ำ เป็นต้น ที่ผ่านมา สนช.ได้ร่วมกับโครงการเพิร์ช ในการพัฒนาโครงการนวัตกรรมสมุนไพรแห่งชาติ-ไพลทานอยด์ ซึ่งเป็นการพัฒนาสารสกัดสมุนไพร ไพล มาเป็นผลิตภัณฑ์เวชสำอาง และครีมแก้ปวดเมื่อยต่างๆ โดยในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจากโครงการนี้ไปแล้วกว่า 30 ตราสินค้า จากมูลค่าการลงทุนจากภาคเอกชนกว่า 370 ล้านบาท และคาดว่าจะมีรายได้กลับคืนมากกว่า 1,500 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมจากเกสรบัวหลวง โลตัสเซีย ที่พัฒนาสารสกัดจากสมุนไพรเกสรบัวหลวงร่วมกับวิตามินเอปาล์มมิเตด โดยใช้นาโนเทคโนโลยีในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ซึ่งในปัจจุบันมีมากกว่า 10 ตราสินค้าที่ให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแล้ว (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 12 พ.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





หุ่นจำลองหาค่ารังสีเอ็กซ์ เด็กไทยคิดค้นลดพึ่งพาของนอก

นายวสุ งุ่ยส่องแสง นักศึกษาระดับปริญญาตรีจากภาควิชารังสีเทคนิค คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พัฒนาหุ่นจำลองสมมูลเนื้อเยื่อ เพื่อใช้สำหรับการหาปริมาณรังสี ที่เหมาะสมในการถ่ายภาพเอกซเรย์ส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับปริมาณรังสีน้อยที่สุด โดยที่เกิดประโยชน์สูงสุดในการวินิจฉัย โดยหลักการของการฉายเอกซเรย์ผู้ป่วย ต้องวัดความหนาของร่างกายผู้ป่วยก่อน เพราะระดับความหนาของแต่ละบุคคลไม่เท่ากัน เมื่อได้ความหนาแล้วมาเทียบกับตารางเทคนิค สำหรับการถ่ายภาพรังสีที่ได้จากการทดลองในหุ่น จึงจะได้ปริมาณรังสีที่เหมาะ สำหรับหุ่นจำลองสมมูลเนื้อเยื่อนี้ ทำจากวัสดุที่ชื่อ "โพลีสไตรีน" ซึ่งมีองค์ประกอบของธาตุและคุณสมบัติทางกายภาพใกล้เคียงกับร่างกายมนุษย์ ภายในหุ่นจะบรรจุกระดูกของคนจริงแทนกระดูกเทียม หรือวัสดุเลียนแบบกระดูก เนื่องจากการใช้กระดูกเทียมจะต้องถอดแบบแม่พิมพ์กระดูกจริง ซึ่งมีจำนวนมากถึง 206 ชิ้น และในแต่ละแม่พิมพ์ต้องทำสองชิ้นประกบกัน จึงเป็นค่าใช้จ่ายที่สูง ในส่วนการออกแบบสรีระหุ่นจำลอง ได้ยึดตามโครงกระดูกที่ได้รับ และจากการทดลองวัดสัดส่วนร่างกายมนุษย์ 100 คน เพื่อหาค่าเฉลี่ยแล้วกำหนดเป็นสัดส่วนออกมา โดยหุ่นตัวนี้สามารถใช้ทดสอบเอกซเรย์ได้ทุกส่วนของร่างกาย และในอนาคตอาจใส่อวัยวะภายในของหุ่น สำหรับทดสอบกับเครื่องสแกนด้วยคลื่นแม่เหล็ก หลังจากพัฒนาตัวหุ่นเสร็จแล้ว ได้นำไปทดสอบใช้โรงพยาบาลบางแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ ผลก็คือ สามารถลดปริมาณรังสีที่ใช้กับผู้ป่วย ร้อยละ 20-30 โดยที่ภาพถ่ายเอกซเรย์สามารถนำไปใช้ในการวินิจฉัยโรคได้จริง นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ในการเรียนการสอน โดยใช้ฝึกปฏิบัติงานทางรังสีเทคนิคของนักศึกษา เช่น นำไปใช้ฝึกจัดท่าทางผู้ป่วยในการเอกซเรย์" เจ้าของผลงานหุ่นจำลองสมมูลเนื้อเยื่อ สำหรับการพัฒนาในลำดับต่อไปนั้น จะเป็นในส่วนของวัสดุที่นำมาผลิต เพราะโพลีสไตรีนมีจุดด้อยด้านการหดตัวเมื่อแข็งตัวแล้วและแตกร้าว โดยรอยร้าวที่เกิดขึ้นได้ปรากฏบนแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ ส่วนที่จะนำวัสดุใดมาใช้ทดแทนนั้นต้องศึกษาต่อไป งานวิจัยชิ้นนี้ได้รับทุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) 100,000 บาท โดยตัวหุ่นมีต้นทุนประมาณ 70,000 บาท เมื่อเทียบกับหุ่นนำเข้าที่ใช้งานลักษณะเดียวกัน ราคาจะอยู่ประมาณล้านกว่าบาท (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 11 พ.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





แพทย์สหรัฐเดินหน้าทดลอง วัคซีนอัลไซเมอร์ฟื้นความจำ

แพทย์มหาวิทยาลัยมิชิแกนแถลงผลการศึกษาวัคซีนต้านโรคอัลไซเมอร์ เอเอ็น-1792 ที่ถูกยกเลิกการทดลอง เนื่องจากมีผลทำให้สมองอักเสบในคนไข้บางราย โดยมีความเห็นแย้งว่า วัคซีนดังกล่าวทำให้ความจำในคนไข้บางรายดีขึ้น ดร. ซิด กิลแมน นักวิจัยของวิทยาลัยการแพทย์มหาวิทยาลัยมิชิแกน แถลงผลการศึกษาวัคซีน เอเอ็น-1792 ว่า การศึกษายาต้านอัลไซเมอร์ที่กำลังอยู่ระหว่างการวิจัยของบริษัทยา พบว่า วัคซีนดังกล่าวช่วยขจัดสารทำลายเซลล์สมองที่ทำให้เป็นโรคความจำเสื่อม และคนไข้บางรายมีความจำดีขึ้นจากการใช้วัคซีนนี้ ส่วนการศึกษาขั้นต่อไป ต้องดูไปที่การกระตุ้นให้ร่างกายผลิตภูมิคุ้มกัน ที่ไม่เป็นอันตรายแก่ตัวคนไข้ และสามารถชะลออาการอัลไซเมอร์ได้ ทั้งนี้ ปกติสมองของคนเรามีเซลล์สมองเริ่มแรกประมาณ 1 แสนล้านเซลล์ แต่จะตายวันละ 100 ถึง 1,000 เซลล์ แต่ในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์นั้น เซลล์สมองจะตายมากกว่าปกติ เนื่องจากมีสารที่ผิดปกติเกิดขึ้นในสมองไปทำลายเซลล์สมอง ทำให้ไม่สามารถสื่อสารระหว่างเซลล์ได้ ผู้ป่วยจะมีอาการสมองเสี่อม สูญเสียความทรงจำและความสามารถส่วนอื่นๆ จนไม่สามารถประกอบอาชีพการงาน และใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้อย่างปลอดภัย โดยอาการจะเริ่มช้าๆ ไม่สามารถกำหนดเวลาที่แน่ชัดว่าเกิดขึ้นเมื่อไรกันแน่ นักวิจัย ระบุอีกว่า วงการวิทยาศาสตร์ทั่วโลกให้ความสนใจค้นหายาและวัคซีน เพื่อป้องกันรักษาอาการอัลไซเมอร์ แม้ว่าจะมีการคิดค้นยาของบางบริษัท แต่ประสิทธิภาพยังไม่ดีเท่าที่ควร (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 11 พ.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ไบโอเทคผุดโรงต้นแบบผลิตไวรัสชีวภาพ สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนให้สานต่อเต็มรูปแบบ

นายสมศักดิ์ พลอยพานิชเจริญ หัวหน้าโครงการโรงงานต้นแบบเพื่อการผลิตขยายเชื้อไวรัส เอ็นพีวี ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) เปิดเผยว่า ศูนย์พันธุวิศวกรรมฯสนับสนุนทุนประมาณ 12 ล้านบาท ให้จัดตั้งโรงงานต้นแบบดังกล่าว ณ อาคารโรงงานต้นแบบชีวภาพ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี ทำหน้าที่ผลิตไวรัสเอ็นพีวีเชิงพาณิชย์ เพื่อแสดงให้เอกชนเห็นและเกิดความมั่นใจที่จะลงทุนผลิตหรือร่วมทุนกับโรงงานต้นแบบในอนาคต ในปัจจุบัน เกษตรกรที่ปลูกพืชผัก พืชไร่ ไม้ผล ประสบปัญหาแมลงศัตรูพืช โดยเฉพาะกลุ่มผลิตผักปลอดสารพิษ รวมทั้งกลุ่มที่ประสบปัญหาแมลงดื้อสารเคมี ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่ม นอกจากนั้นสารเคมีที่ใช้มักก่อปัญหาต่อสภาพแวดล้อม ดังนั้น เกษตรกรจึงหันมาให้ความสนใจในการนำจุลินทรีย์มาใช้ในการกำจัดแมลงศัตรูพืช เช่น แบคทีเรีย บีที (Bacillus Thuringiensis) ไส้เดือนฝอยรวมถึงไวรัสเอ็นพีวี (Nuclear Polyhedrosis Virus) สำหรับองค์ความรู้เรื่องไวรัสเอ็นพีวีในไทยมีมานานร่วม 10 ปี และปัจจุบันเกษตรกรใช้ไวรัสเอ็นพีวีอย่างกว้างขวาง คาดว่ามูลค่านำเข้าสูงถึงระดับร้อยล้านบาท แต่ที่ผ่านมามีเพียงกรมวิชาการเกษตรเท่านั้นที่ผลิตจำหน่ายในปริมาณ 100-300 ลิตร/เดือน ย่อมไม่เพียงพอสำหรับความต้องการ จึงเป็นช่องว่างให้จัดตั้งโรงงานต้นแบบเพื่อการผลิตเชิงพาณิชย์ดังกล่าว ดังนั้น ภายในโรงงานต้นแบบจึงต้องเลี้ยงหนอนกระทู้หอม ซึ่งเป็นทั้งศัตรูพืชเป้าหมายที่ต้องกำจัดและเป็นที่ฝังตัวของไวรัสเอ็นพีวี แต่หนอนที่นำมาเลี้ยงจะมีลักษณะพิเศษคือปลอดโรค 100% และการเลี้ยงหนอนให้ปลอดโรคถือเป็นเทคนิคที่ยากอย่างยิ่ง ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ไวรัสชีวภาพเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มที่ปลูกผักปลอดสารพิษส่งตลาดระดับบน อาทิ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ภัตตาคาร ส่วนการขยายไวรัสชีวภาพสู่ตลาดล่าง ก็ถือเป็นหน้าที่ของทีมงานเช่นกันที่จะเข้าไปส่งเสริมความรู้ความเข้าใจทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค นอกจากนี้ ต้นทุนไวรัสเอ็นพีวีต่ำกว่า หรือราคาขายปลีก 2,500 บาท/ลิตร ขณะที่สารเคมีควบคุมหนอนกระทู้ผักราคาลิตรละ 6,000 บาท แต่การใช้สารเคมีสามารถเห็นผลทันที ขณะที่ไวรัสเอ็นพีวีจะเข้าไปทำลายระบบย่อยอาหารของตัวหนอน จึงต้องรอ 3-4 วันจึงจะเห็นผลแต่ไร้สารเคมีตกค้าง 100% และไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 11 พ.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





เครื่องตีครีมแต่งหน้าเค้ก กุ๊กไม่เมื่อยแถมลดเวลาทำ

นายสมพงษ์ จิตสี นักศึกษาอาชีวะ ชั้น ปวช. แผนกอาหารและโภชนาการ คณะคหกรรมศาสตร์ วิทยาลัยอาชีวศึกษาพิษณุโลก เปิดเผยว่า ระหว่างที่ฝึกทำขนมเค้กในชั่วโมงเรียน ได้พบปัญหาการเกิดฟองอากาศที่ปรากฏบนหน้าเค้ก ทำให้เนื้อเค้กไม่ได้มาตรฐานและไม่น่ารับประทาน จึงต้องใช้เวลา 20-25 นาทีไล่ฟองอากาศด้วยมือ ทำให้ผลิตเค้กได้ในจำนวนน้อยต่อวัน โดยปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นกับร้านขนมเค้กทั่วไปด้วย จึงได้ร่วมกับ นายรุ่ง พุ่มเกตุ และ นายเกรียงไกร เกิดคำ เพื่อนนักศึกษา เพื่อประดิษฐ์เครื่องไล่ฟองอากาศบนหน้าเค้ก โดยอาศัยหลักการของความดันที่บังคับอากาศในเนื้อครีมให้ดันตัวเองออกมา จึงสามารถไล่ฟองอากาศในเนื้อครีมขนาด 700 กรัมได้ในเวลา 12 วินาที สำหรับเครื่องไล่ฟองอากาศในหน้าเค้กเครื่องนี้ สามารถทำงานต่อเนื่อง 24 ชั่วโมงโดยไม่มีปัญหา เนื่องจากใช้กระแสไฟน้อย และไม่มีความร้อนสะสม นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบป้องกันกลิ่นหืนที่จะเกิดขึ้นระหว่างการทำเค้กด้วย ส่วนราคาของเครื่องจะประมาณ 20,000 บาท ซึ่งคาดว่าหากเอกชนซื้อนำไปลงทุนจะคุ้มทุนได้ภายในระยะ 3-4 เดือน อย่างไรก็ตาม แนวทางพัฒนาเครื่องรุ่นใหม่จะต้องศึกษาเชิงลึกโดยพิจารณาถึงตัวแปรอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นปริมาณครีมที่สัมพันธ์กับเวลาทำงานของเครื่อง รวมถึงการปรับสูตรทำครีมเพื่อให้เหมาะสมกับการทำงานของเครื่อง เป็นต้น (คมชัดลึก พุธที่ 11 พ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





รองเท้าใยบวบโอท็อป4ดาว จากธรรมชาติ-นุ่มสบายเท้า

บุญเลิศ ยวงใย ได้มีการนำเอาภูมิปัญญาเก่าแก่ และคุณค่าที่เคยมีของใยบวบมาปรับใช้ใหม่อีกครั้ง การวิจัยจึงเกิดขึ้น เริ่มจากการทำแปลงวิจัยพันธุ์ต่างๆ ดูว่าสายพันธุ์ไหนที่เหมาะกับการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท พบว่า บวบในไทยมี 2 สายพันธุ์ คือ บวบหอม มีขนาดใหญ่ เส้นใยหยาบ และ บวบป่า ลักษณะเส้นใหญ่แต่ละเอียดเส้นเล็ก สำหรับผลิตภัณฑ์ชุดแรกที่ออกจำหน่าย คือ ใยบวบขัดตัว กับ ใยบวบล้างจาน ไม่ผ่านการแปรรูปนำไปขายเลย ราคาอันละ 10 บาท แม้ไม่มีกำไรมากนัก แต่ถือเป็นการปลุกกระแสของบวบให้เป็นที่รู้จักในเวลากว่า 4 ปีอยู่ที่ จ.สงขลา และเปิดตลาดแดนใต้ทั้งหมด พร้อมทั้งยังพัฒนาถึงตลาดส่งออกเพื่อการพัฒนาต่อไปอีกขั้น ในปีต่อมา บุญเลิศจึงพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์รูปแบบอื่นๆ เช่น รองเท้าจากใยบวบ ด้วยแนวคิดที่ว่า เวลาที่เดินบนพื้นหญ้าจะรู้สึกนุ่มเหมือนบวบ จึงทดลองมาตัดเย็บเป็นรองเท้า เมื่อทำการทดสอบก็พบว่าใช้ได้ดี มีอายุการใช้งานได้นานกว่า 3 เดือน และช่วยในการนวดฝ่าเท้าทำให้เลือดไหลเวียนดี แถมยังได้รับรางวัลการออกแบบจากกลุ่มหัตถกรรมสินค้าพร้อมกับรางวัลโอท็อป ระดับ 4 ดาว ในเวลาเดียวกัน ซึ่งรองเท้าใยบวบจำหน่ายในราคาคู่ละ 150 บาท เป็นราคาที่ลูกค้าพอใจ และมีการสั่งจองสินค้าจำนวนมากจนทำขายไม่ทัน ไม่เพียงตลาดในประเทศเท่านั้น ในแถบยุโรปยังมีความต้องการรองเท้าใยบวบที่สูง ทั้งธุรกิจสปา โรงแรม รวมทั้งผู้ที่ใส่ใจในเรื่องสุขภาพด้วย นอกจากนี้ยังมีการนำเอาผลิตภัณฑ์ใยบวบที่นำไปจำหน่ายควบคู่กับสบู่สมุนไพรที่มีกลิ่นหอมสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ขั้นตอนการผลิตรองเท้าจากใยบวบ เริ่มจากคัดเลือกนำเอาบวบแก่ผลแห้งจนเหลือแต่ใยที่มีอายุ 4 เดือนแบบไม่ขาดเกิน เพราะคุณภาพของใยบวบจะเสีย จากนั้นนำมาทำความสะอาด เอาเมล็ดออก ตากแดด อบให้แห้ง แล้วทำการรีด ปั๊มให้ขึ้นรูป สุดท้ายจึงนำไปตัดเย็บขึ้นรูปตามต้องการ เป้าหมายต่อไป บุญเลิศอยากให้คนไทยมองให้รอบตัวว่า บวบสามารถทดแทนอะไรได้บ้าง ใยที่นำมาใช้แล้ว เมล็ดก็อาจนำรับประทานได้ เศษใยบวบที่เหลือทิ้งก็นำมาอัดเป็นกระถางต้นไม้ได้อีก นับว่า "บวบ" เป็นพืชมหัศจรรย์ มีประโยชน์สารพัด ทั้งอุ้มน้ำได้ ถ่ายน้ำได้เร็ว ไม่ซับไขมัน รวมทั้งไม่เปื่อยยุ่ยง่าย (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 12 พ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ยูนิเซฟหนุนพัฒนาชุดตรวจสารหนูพกพา ม.มหิดลวิจัยสำเร็จระบุอ่านค่าได้แม้สารเจือจาง

ดร.ยุวดี เชี่ยววัฒนา จากภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ภาควิชาได้รับการสนับสนุนจากองค์การยูนิเซฟและกรมควบคุมมลพิษ ให้วิจัยพัฒนาต้นแบบชุดทดสอบสารหนูในน้ำสำหรับปฏิบัติการภาคสนาม โดยสามารถตรวจหาสารพิษเจือปนได้แม้จะมีปริมาณสารเพียงเล็กน้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือในระดับตั้งแต่ 1 ไมโครกรัมขึ้นไป สำหรับสารหนูเป็นธาตุกึ่งโลหะที่พบในธรรมชาติ ทั้งในดิน ตะกอนดิน น้ำจืดและท้องทะเล ถึงแม้จะมีชุดทดสอบสารหนูนำเข้าวางขายทั่วไป แต่ชุดตรวจดังกล่าวยังมีคุณภาพต่ำ ไม่สามารถวิเคราะห์ปริมาณสารในระดับต่ำถึง 10 พีพีบี (ไมโครกรัมต่อลิตร) ตามที่ต้องการ อีกทั้งราคาสูงและไม่มีหลักประกันความถูกต้องของการวิเคราะห์ ด้วยเหตุดังกล่าว คณะวิจัยต้องการที่จะพัฒนาชุดทดสอบสารหนู ที่มีประสิทธิภาพทั้งความรวดเร็วในการวิเคราะห์ และความสะดวกเชื่อถือได้ ประกอบกับองค์การยูนิเซฟให้ความสนใจ จะลดปัญหาสุขภาพอนามัยอันเกิดจากสารหนูในหลายภูมิภาคทั่วโลก ที่พบสารหนูปนเปื้อนอยู่ตามแหล่งน้ำ จึงได้ให้การสนับสนุนด้านข้อมูลรวมถึงเงินทุนจำนวนหนึ่งสำหรับใช้ในการวิจัย เพียงเติมน้ำยาเคมีลงในน้ำตัวอย่าง 20 มิลลิลิตร จากนั้นรอประมาณ 10 นาที เพื่ออ่านค่าความเข้มข้นของสาร ด้วยวิธีการเทียบสีตามคู่มือในชุดตรวจ จะทราบผลการตรวจสอบได้ทันทีโดยไม่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ ชุดทดสอบราคาชุดละ 150-180 บาท ทดสอบได้ตั้งแต่ 6-50 ครั้ง ตรวจสอบได้กับตัวอย่างน้ำที่ได้จากธรรมชาติ อาทิ น้ำบ่อ น้ำคลอง น้ำบาดาล แต่หากต้องการนำไปใช้กับน้ำตัวอย่างชนิดอื่นจะต้องศึกษาความเหมาะสมก่อน ด้านความถูกต้องแม่นยำของชุดตรวจนี้ ยังน้อยกว่าผลจากห้องปฏิบัติการซึ่งใช้เทคโนโลยีในการตรวจสูงกว่า แต่ชุดตรวจนี้ก็สามารถใช้ได้ดีในระดับหนึ่ง โดยสามารถวิเคราะห์หาสารที่มีความเข้มข้นต่ำในภาคสนามได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องมือราคาแพง รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ ขณะนี้ชุดทดสอบสารหนูภาคสนามระหว่างพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ พร้อมกันนี้องค์การยูนิเซฟได้เผยแพร่ผลงาน ไปยังประเทศที่ประสบปัญหาดังกล่าว อาทิ จีน บังกลาเทศ ลาว กัมพูชา หลังจากงานวิจัยเริ่มเห็นผลสำเร็จ ทีมวิจัยมุ่งที่จะพัฒนาชุดทดสอบสารชนิดอื่นอีก 14 ชุด อาทิ ชุดทดสอบฟลูออไรด์ ตะกั่ว แมงกานีส ฟอสเฟต ปริมาณออกซิเจน โคลิฟอร์มหรือแบคทีเรีย ไนเตรท ปรอท เหล็ก ซัลไฟด์ที่ปนเปื้อนในน้ำและทดสอบความเป็นกรด-ด่าง (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 13 พ.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





องค์กรวิจัยผุดฐานข้อมูลพืชหอมไทย หนุนธุรกิจสปาเลือกวัตถุดิบปลอดภัย

ดร.นงลักษณ์ ปานเกิดดี ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เปิดเผยว่า สถาบันได้รวบรวมข้อมูลในด้านฤทธิ์ชีวภาพ ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา ตลอดจนความเป็นพิษของน้ำมันหอมระเหย และ/หรือองค์ประกอบหลักในน้ำมันหอมระเหยนั้นๆ ภายใต้ชุดโครงการวิจัยพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพของสถาบัน ในด้านน้ำมันหอมระเหยและเครื่องเทศไทย การจัดทำระบบฐานข้อมูลพืชหอมไทย ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากงบประมาณแผ่นดิน กำหนดระยะดำเนินการ 5 ปี (2545 - 2549) ประกอบด้วยข้อมูลด้านการผลิตและองค์ประกอบทางเคมีของน้ำมันหอมระเหย ซึ่งฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ วว. ได้ทำการสกัดจากพืชหอมที่ปลูกในประเทศไทย และวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมี พร้อมทั้งศึกษาฤทธิ์ต้านเชื้อจุลินทรีย์ด้วย นอกจากนี้ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ฯ ยังได้รวบรวมข้อมูลในด้านฤทธิ์ชีวภาพ เภสัชวิทยาและความเป็นพิษ จากการอ้างอิงเอกสารการวิจัยจากฐานข้อมูลต่างๆ ได้แก่ ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์และฐานข้อมูลงานวิจัยในประเทศไทย, NAPRALERT, APINMAP, MEDLINE, TOXNET แต่ฐานข้อมูลพืชหอมเมืองไทย จะเน้นพืชหอมที่ให้น้ำมันหอมระเหย ที่มีการใช้ประโยชน์ทั้งในด้านยา อาหาร เครื่องสำอาง สุวคนธบำบัด สารฆ่าหรือไล่แมลง ฐานข้อมูลนี้จะรวบรวมพืชประมาณ 100 ชนิด ที่อยู่ในวงศ์ขิง วงศ์ส้ม วงศ์กะเพราะ วงศ์ผักชี วงศ์หนาด วงศ์พริกไทย และดอกไม้หอมต่างๆ ได้แก่ จำปี กระดังงา สายหยุด พิกุล บุนนาค สารภี จันทน์กะพ้อ กุหลาบมอญ มะลิ พุดซ้อน ซ่อนกลิ่น เป็นต้น ส่วนเนื้อหาของฐานข้อมูลจะประกอบด้วย ข้อมูลในด้านปริมาณน้ำมันหอมระเหย ข้อมูลด้านองค์ประกอบทางเคมี โดยเฉพาะสารหลัก (chief constituent) ในน้ำมันหอมแต่ละชนิด ทำให้สามารถพิจารณาลู่ทางการใช้ประโยชน์ ตลอดจนประมาณการด้านความเป็นพิษ หรือการเลือกใช้สารเทียบในการควบคุมคุณภาพของน้ำมันหอมระเหย ข้อมูลการวิจัยในด้านฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา ตลอดจนความเป็นพิษของน้ำมันหอมระเหยและสารหลัก รวมทั้งข้อมูลด้านรูปพรรณสัณฐานของพืชหอมชนิดต่างๆ โดยฐานข้อมูลพืชหอมไทยนี้ ได้เปิดกว้างให้นักวิจัยและผู้ประกอบการทั่วไป สนใจเข้าค้นคว้าข้อมูลได้ที่เวบไซต์ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 13 พ.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





นักวิทย์สร้างมันฝรั่งวัคซีน กินแล้วไม่เป็นไวรัสตับ บี

ดร.แคโรล โอ แทคเก็ต นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย แมรีแลนด์ บัลติมอร์ ได้ทดลองผลิตมันฝรั่งด้วยวิศวพันธุกรรม ให้มีคุณสมบัติเหมือนวัคซีน ช่วยลดความเสี่ยงในการติดโรคไวรัสตับอักเสบ บี และจะเป็นวัคซีนบริโภคได้ชนิดแรก เนื่องจากไม่ถูกทำลายโดยกรดน้ำย่อยทั้งในกระเพาะและลำไส้ รวมทั้งร่างกายมนุษย์สามารถจะดึงเอาโปรตีนที่สร้างภูมิคุ้มกันโรคนี้ขึ้นมาใช้ได้ ส่งผลให้ในอนาคตอาจจะลดค่าใช้จ่ายในการผลิตวัคซีน วัคซีนที่บริโภคได้ซึ่งทำขึ้นจากพืช มีข้อได้เปรียบเหนือวัคซีนธรรมดา เนื่องจากสามารถผลิตได้ในราคาถูก เมื่อเทียบกับวัคซีนที่ฉีดแต่ละครั้งต้องจ่ายเงินถึง 1,600 บาท ไม่มีความจำเป็นต้องเก็บไว้ในตู้เย็น เพราะไม่ต้องเก็บกักไวรัสที่มีชีวิต และมีความปลอดภัยมากกว่าการฉีดวัคซีน เนื่องจากไม่ต้องใช้เข็มฉีดยา ทำให้ลดความเสี่ยงติดเชื้อจากความพลั้งเผลอได้ มันฝรั่งผสมวัคซีนนี้เกิดจากการเอายีนของไวรัสโรคตับอักเสบ บี ใส่เข้าไปในพันธุ์มันฝรั่ง เพื่อให้สร้างสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ก่อให้เกิดเซลล์ที่ต้านไวรัสตับอักเสบ จากนั้นนักวิทยาศาสตร์ได้นำมันฝรั่งมาผ่านการโคลนนิ่งและเพาะปลูก ในการทดลองให้อาสาสมัคร 42 คน รับประทานมันฝรั่งปรับปรุงพันธุ์ดิบๆ พบว่าร้อยละ 60 ของคนเหล่านั้นแสดงผลว่า ร่างกายได้พัฒนาภูมิต้านทานโรคไวรัสตับอักเสบ บี ขณะที่วัคซีนธรรมดาสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ในอัตราร้อยละ 90 ทั้งนี้ นักวิจัยหวังว่าวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ บี ที่รับประทานได้นี้ จะมีจำหน่ายทั่วในอีก 5 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ วัคซีนที่รับประทานได้เพื่อป้องกันโรคชนิดอื่นๆ อาทิ คอตีบ บาดทะยัก กำลังได้รับการค้นคว้าวิจัย (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 13 พ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





จุฬาฯตรวจสายพันธุ์ไวรัสเดงกี่ เร่งพัฒนาวัคซีนไข้เลือดออก

นพ.ยง ภู่วรวรรณ เมธีวิจัยอาวุโส สกว.จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เชื้อไวรัสไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า Dengue virus ในปัจจุบันมีอยู่ 4 สายพันธุ์คือ Dengue ชนิดที่ 1-4 ในประเทศไทยพบได้ทั้ง 4 สายพันธุ์ โดยการระบาดของแต่ละสายพันธุ์จะหมุนเวียนกันไป อย่างเช่นสายพันธุ์ที่พบในการระบาดเมื่อปี 2546 ในประเทศไทยที่พบบ่อยจากการตรวจพบในห้องปฏิบัติการของจุฬาฯเป็นสายพันธุ์ที่ 1 ในเด็กส่วนใหญ่ที่ได้รับเชื้อไข้เลือดออกเข้าสู่ร่างกายครั้งแรก รวมถึงได้รับครั้งที่ 2 ที่ต่างสายพันธุ์กับครั้งแรก มักจะไม่มีอาการหรือมีอาการไม่รุนแรง แต่ก็มีเด็กจำนวนหนึ่งที่การได้รับเชื้อเป็นครั้งที่ 2 ที่เรียกว่าทุติยภูมิ ด้วยสายพันธุ์ที่แตกต่างไปจากครั้งที่ 1 นี้ จะทำให้โรคมีความรุนแรงมากขึ้น เช่น การระบาดของเชื้อไข้เลือดออกสายพันธุ์ที่ 3 ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อปีที่แล้ว ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคนี้เป็นจำนวนมาก นพ.ยงกล่าวว่า หากสามารถระบุถึงการระบาดของไข้เลือดออกที่เกิดขึ้นว่าเป็นการระบาดของเชื้อเดงกี่สายพันธุ์ใด แล้วก็จะมีข้อมูลเชิงระบาดวิทยา ที่จะสามารถนำมาใช้ในการเตรียมการป้องกันความรุนแรงของโรคที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ดีขึ้น แต่ปัญหาก็คือ การจะระบุว่าผู้ป่วยคนนั้นๆ ได้รับเชื้อไข้เลือดออกสายพันธุ์ใดเป็นเรื่องที่ยากมาก การตรวจหาสายพันธุ์ของไวรัสไข้เลือดออกในปัจจุบัน จะศึกษาจากสารพันธุกรรมซึ่งจะมีข้อจำกัดอยู่ที่การทำการแยกตัวไวรัสไข้เลือดออกที่ได้จากผู้ป่วยจะต้องใช้เลือดผู้ป่วยหลังจากมีไข้แล้ว 1-2 วัน เพราะถ้านานเกินกว่า 2 วันแล้ว อัตราการที่จะแยกตัวไวรัส Dengue ได้จะลดลงอย่างมาก เช่นในวันที่ 4-5 หลังจากมีไข้หรือ shock แล้ว จะตรวจพบไวรัสได้ในอัตราที่ต่ำมากหรือตรวจไม่พบเลย" นพ.ยงกล่าว และว่า คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ร่วมกับโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) จึงได้พัฒนาวิธีการตรวจวินิจฉัยการแยกสายพันธุ์เชื้อไวรัสไข้เลือดออก โดยใช้ RT-real time PCR โดยนางสาวสลิล ชุตินิมิตกุล โดยตนเป็นที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาวัคซีนต่อไป (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 13 พ.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





สมุนไพรฆ่าปลวก3แบบ

รศ.ดร. สุรพล วิเศษสรรค์ อาจารย์ประจำภาควิชาสัตววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พบว่าถ้าปลวกได้กินพืชสมุนไพร หญ้าแห้วหมู, หนอนตายหยาก, รากตะไคร้หอม, ข่า, ขมิ้น, พริก, รากหางไหล, เมล็ดสะเดา, น้ำมันงา เหล่านี้ ปลวกจะอ่อนแอป่วยตาย เพราะทำให้ปลวกท้องอืดอึไม่ออกและยังทำให้ราชินีปลวกวางไข่น้อยลง ตัวที่เกิดมาไม่ลอกคราบ ส่งผลให้ปลวกงานปลวกทหารมีน้อยลง ราชินีปลวกเลยมีอาหารไม่พอกิน ต้องอดตาย... ตายยกรัง แต่สมุนไพรพวกนี้ ปลวกไม่ชอบ ไม่กิน ดร.สุรพล จึงต้องค้นหาต่อไปว่าอะไรที่ปลวกชอบกินเป็นที่สุด เขาพบว่าไม้ฉำฉา, โกงกาง, ทองหลาง เป็นอาหารจานโปรดของปลวก จะให้ปลวกเผลอตัวเผลอใจยอมกินสมุนไพรฆ่าตัวเอง ก็ต้องเอาของโปรดมาคลุกเคล้าผสมสมุนไพรเหล่านั้น ส่วนผสมที่ปลวกยอมกิน ใช้สมุนไพร 1% อีก 99% เป็นไม้ เหยื่อโอชะของปลวก เพียงแค่นี้ก็ฆ่าปลวกได้ยกรัง ใช้เวลาประมาณ2 เดือน ถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับขนาดของรังปลวก รังใหญ่ตายช้า รังเล็กตายเร็ว จะไม่รวดเร็วเหมือนใช้สารเคมี และการกำจัดปลวกแบบช้าแต่พ้นภัยสารเคมีของ ดร.สุรพล มีให้เลือก 3 รูปแบบ ตามความเหมาะสมของสภาพปัญหา แบบแรก TERMINATE เป็นไม้เหยื่อล่อปลวกอัดแท่งผสมพืชสมุนไพร บรรจุในท่อพลาสติก ที่สามารถเสียบปักฝังดินได้ วิธีนี้เหมาะสำหรับ ป้องกันปลวกไม่ให้รุกล้ำเข้าบ้าน เอาฝังดินรอบตัวบ้าน แต่ละแท่งให้ห่างกันประมาณ 1.20 เมตร เพื่อล่อให้ปลวกที่อยู่ใต้ดิน แต่ยังไม่ได้ ทันเข้าบ้าน เพราะยังสร้างรังได้ไม่ใหญ่พอ ได้หันมากิน เหยื่อล่อแทน กินไปแล้วตายยกรัง มันก็เข้าบ้านไม่ได้ แบบที่สอง TERMINUS เหมาะสำหรับบ้านที่เจอปัญหาปลวกบุกเข้าโจมตีกัดกินข้าวของในบ้านเรียบร้อยแล้ว เป็นเหยื่อล่ออัดแท่งเหมือนแบบแรก แต่ไม่ ต้องฝังดิน เพียงเอาไปติดตั้งบริเวณทางเดินของปลวกเพื่อมันจะได้หยุดกินอย่างอื่น หันมารุมกินของโปรดแทนและเอาไปแบ่งปันญาติพี่น้องให้ตายตามกัน แบบที่สาม TERMINA OIL เป็นน้ำมันสกัดสมุนไพรเข้มข้น เวลาเอาไปใช้งาน ต้องผสมน้ำในอัตราส่วน สมุนไพร 1 ส่วน น้ำ 35 ส่วน เพื่อฉีดอัดลงไปในดิน หรือตามท่อกำจัดปลวกของบ้านที่เคยติดตั้งระบบกำจัดปลวก ด้วยสารเคมีมาก่อน...สามารถเอาน้ำมันสมุนไพรใช้แทนสารเคมีได้เลย หรือจะใช้กำจัดปลวกที่บุกรุกบ้านแล้วก็ได้ พบตัวปลวกที่ไหน รังตรงไหน เอาน้ำยานี้ผสมน้ำแล้วฉีดพ่นลงไปให้โดนตัวปลวก ถึงตัวมันจะไม่ยอมกินเพราะไม่ชอบก็ตาม แต่ด้วยนิสัยธรรมชาติของปลวก เดินไปไหนมาไหนเจอหน้ากันจะสวัสดีทักทายด้วยการเลีย สมุนไพรที่ฉีดไปก็เลยเข้าปากปลวกไปโดยปริยาย และทำให้ปลวกตัวอื่นตายได้เหมือนกัน รวมทั้งจะเอามาใช้ราดพื้นดินก่อนก่อสร้างบ้านเพื่อป้องกันปลวกเข้าบ้าน แทนน้ำยาเคมีของฝรั่งก็ได้เช่นกัน ราคายังถูกกว่าเคมีของฝรั่งราคาลิตรละ 700-800 บาท แต่ TERMINA OIL 400 บาทเอง ส่วนเหยื่อล่ออัดแท่ง TERMINATE กับ TERMINUS ราคาจุดละ 160 บาท สนใจโทรศัพท์สอบถามกันเองได้ที่ 0-1734-6868, 0-2743-4367 และ 0-2743-4368. (ไทยรัฐ อาทิตย์ที่ 15 พ.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ศิริราชพัฒนาแผ่นเจลกันแผลกดทับ ลดภาระจนท.ดูแลผู้ป่วยทุพพลภาพ

นางสาวกฤษณี จันทร์กระจ่าง พยาบาลผู้ชำนาญการ 8 โรงพยาบาลศิริราช ได้ประยุกต์ใช้ถุงเจลเป็นแผ่นรองเจลป้องกันการเกิดแผลกดทับในผู้ป่วยที่ต้องนอนท่าเดียวเป็นเวลานาน โดยแผ่นเจลซึ่งมีความยืดหยุ่นจะช่วยรองรับน้ำหนักตัวของผู้ป่วยไม่ให้ร่างกายสัมผัสพื้น ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดแผลกดทับ และหลังจากนำไปวิจัยกึ่งทดลองกับผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับเป็นเวลา 2 ปี พบว่า นอกจากจะป้องกันแผลกดทับแล้ว ยังยืดชั่วโมงการพลิกตะแคงตัวได้หลายชั่วโมงขึ้น จากเดิมทุกๆ 2 ชั่วโมง สำหรับชิ้นงานนี้ได้ยื่นจดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างวางแผนร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อการผลิตเชิงพาณิชย์ สำหรับเจลที่นำมาใช้นั้นเป็นเจลประคบในถุงน้ำร้อน-เย็นทั่วไป ไม่มีพิษ สามารถสัมผัสกับผิวได้โดยไม่เกิดอันตราย และยังให้ความเย็นได้ตลอด ทำให้เวลานอนลงไปจะไม่รู้สึกร้อน นอกจากนี้ ชิ้นงานมีความคงทนเทียบเท่าสินค้านำเข้า แต่มีข้อแม้ว่าห้ามโดนของมีคมทิ่มแทง นอกจากจะนำไปพัฒนาเป็นแผ่นรองนอนแล้ว ยังได้ประยุกต์ไปเป็นแผ่นรองเมาส์ และเบาะรองนั่งสำหรับฝึกสมาธิ เพราะมีคุณสมบัติช่วยลดอาการเจ็บปวดของตาตุ่มจากการกดทับ (กรุงเทพธุรกิจ อาทิตย์ที่ 15 พ.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





มหิดลเร่งพัฒนาวัคซีน สกัดเชื้อไข้เลือดออก พบตจว.ยอดผู้ป่วยพุ่ง

นพ.สุธี ยกส้าน ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาวัคซีนไข้เลือดออก โครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีน มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก โดยได้วิจัยมาแล้ว 3 สายพันธุ์ จากทั้งหมด 4 สายพันธุ์ ซึ่งสายพันธุ์ที่ 3 เป็นสายพันธุ์ที่กำลังรอการพัฒนาต่อให้สำเร็จ ขณะนี้อยู่ในระยะการทดสอบกับเด็ก หลังจากผ่านการทดสอบกับผู้ใหญ่มาแล้วถึงโรคที่เกิดจากยุงที่พบในประเทศไทย ได้แก่ โรคไข้สมองอักเสบ และโรคไข้เลือดออก ซึ่งเด็กทารกจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบ จึงทำให้จำนวนผู้ป่วยโรคนี้น้อยกว่าไข้เลือดออก เพราะขณะนี้ไทยยังไม่มีวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก แต่กำลังอยู่ในช่วงวิจัยและพัฒนา ซึ่งได้ทำงานมากว่า 20 ปีแล้ว หากสำเร็จจะช่วยลดจำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกได้ทั่วโลก ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกเกิดจากการมาพบแพทย์ช้าเกินไป และปล่อยให้ผู้ป่วยมีอาการช็อก จนเลือดออกมาก สำหรับประเทศไทยเริ่มมีการระบาดด้วยโรคไข้เลือดออกมาตั้งแต่ปี 2501 มีผู้ป่วย 2,158 ราย คิดเป็นอัตราป่วยเท่ากับ 8.80 ต่อประชากรแสนคน มีอัตราป่วยตายร้อยละ 13.90 ส่วนในปี พ.ศ. 2530 มีผู้ป่วยมากที่สุด คือ 174,285 ราย มีอัตราป่วยตายร้อยละ 0.05 ทั้งนี้เมื่อ 2547 ไทยมีผู้เสียชีวิตจากไข้เลือดออก 51 ราย ลดลงจากปี 2543 มีจำนวน 70 ราย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสถานการณ์ไข้เลือดออกว่า ขณะนี้โรคไข้เลือดออกกำลังระบาดอยู่ในหลายพื้นที่ ป่วยประมาณกว่า 7,000 ราย เสียชีวิตไปแล้ว 14 ราย ดังนั้นอยากจะเรียนประชาชนรับทราบว่ากรมควบคุมโรคได้เปิดสายด่วนไข้เลือดออก ที่หมายเลข 0 2590 3333 ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นถ้ามีข้อมูลอะไร สงสัยอะไร โทรถามได้ตลอด อาการทั่วไปคือว่าคนที่ได้รับเชื้อ บางทีจะเกิดช็อก เพราะว่าเลือดตกภายใน 2-3 วันแรก ไข้ไม่สูงและไข้ไม่ลด พอวันที่ 5-6 ไข้จะเริ่มลด ผู้ป่วยจะเริ่มซึมและอาเจียน กระสับกระส่าย มีเลือดออก เย็น เหงื่อออก ต้องรีบพาไปหาหมอทันที โดยปีนี้พบผู้ป่วยเป็นไข้เลือดออกเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 2 เท่า และพบสายพันธุ์ของไข้เลือดออก 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ที่ 1 และ 2 แต่ปีนี้คาดว่าจะมีสายพันธุ์ที่ 3 กับ 4 เข้ามา เนื่องจากมีการเปลี่ยนพื้นที่ของผู้คนทั้งเพื่อการท่องเที่ยว และเดินทางมาเยี่ยมญาติ รวมถึงการเข้ามาทำงาน จึงทำให้มีการกระจายตัวของผู้ป่วยเพิ่มขึ้น (สยามรัฐรายวัน อาทิตย์ที่ 15 พ.ค.48 http://www.siamrath.co.th)





ข่าวทั่วไป


เผยท่อก๊าซปตท.ผ่านร.ร. ท่อก๊าซไทรน้อย-โรงไฟฟ้า,บางขุนเทียนประชุมเคลียร์ชาวบ้าน

นายจตุรงค์ ผ่องลำเจียก ผู้ช่วยผู้อำนวย การเขตบางขุนเทียนเปิดเผยว่า สำนักงานเขตบางขุนเทียน และบริษัท ปตท. จำกัด ได้จัดประชุมชี้แจงเรื่องการวางท่อก๊าซแก่ชาวบ้านซึ่งอยู่ใกล้แนววางท่อราว 40 คน ร่วมประชุม โดยประชาชนส่วนใหญ่มีความกังวลเรื่องอันตรายจากท่อส่งก๊าซ บางรายห่วงเรื่องท่อแตก ชำรุด อาจทำให้เกิดไฟไหม้ลุกลามไปตามแนวท่อก๊าซ นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายรายเกรงเรื่องการก่อวินาศกรรมใกล้แนวท่อก๊าซ อาจทำให้บ้านเรือนซึ่งอยู่ไม่ไกลได้รับความเสียหาย นายโชษิต ปิ่นสุวรรณ์ ผอ.โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติไทรน้อย-โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ/ใต้ บริษัท ปตท. ได้ชี้แจงขั้นตอนการวางท่อและส่งก๊าซ รวมทั้งมาตรการรักษาความปลอดภัย โดย เฉพาะการดูแลรักษาภายในท่อสร้างวาล์วเป็นจุดๆเพื่อปิดการส่งกรณีเกิดการรั่วไหล นอกจากนี้ ยังมีการก่อสร้างศูนย์บำรุงรักษาท่อกระจายตามจุดต่างๆ เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเข้าถึงพื้นที่หากเกิดปัญหา ทำให้ชาวบ้านคลายความกังวลกับเรื่องดังกล่าวได้บ้าง สำหรับการเข้า พื้นที่วางท่อในเขตบางขุนเทียนนั้น ปตท.จะเริ่มดำเนินการในเดือน มิ.ย.นี้ โดยวางแผนจะเข้าพื้นที่บริเวณทางรถไฟบางบอนก่อน รวมพื้นที่วางท่อในเขต 7.9 กิโลเมตร แยกเป็นวางท่อใต้แนวเสาไฟฟ้าแรงสูง 2.2 กิโลเมตร ด้านใต้ของถนนวงแหวนรอบนอกอีก 3.5 กิโลเมตร และคลองพระยาราชมนตรี 2.2 กิโลเมตร ตัดผ่านพื้นที่หมู่ 1, 6 และ 7 แขวงแสมดำ และหมู่ 3, 6 และ 7 แขวงท่าข้าม และคาดว่าการเดินท่อในพื้นที่เขตบางขุนเทียนจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้. (ไทยรัฐ อังคารที่ 10 พ.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ทส.จัด “บิ๊กคลีนนิ่ง เดย์” ทำความสะอาดธรรมชาติ

นายยงยุทธ ติยะไพรัช รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยหลังประชุมผู้บริหารกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ว่า ทส.จะจัดโครงการ “บิ๊กคลีนนิ่ง เดย์” หรือวันทำความสะอาดธรรมชาติประจำปีขึ้น เพื่อรักษาความสะอาดให้กับธรรมชาติสิ่งแวดล้อมในอุทยานแห่งชาติ 148 แห่งทั่วประเทศทั้งทางบกและทะเล เนื่องจากขณะนี้ปริมาณขยะเกิดขึ้นจำนวนมาก ต้องหามาตรการดูแลรักษาไม่ให้เสื่อมโทรมไปมากกว่านี้ โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุดเพื่อพิจารณาหามาตรการจูงใจ โดยจะมีการนำเงินรายได้จากนักท่องเที่ยว มาเป็นรางวัลความสะอาดให้กับนักท่องเที่ยวและอุทยานแห่งชาติที่ชนะการประกวด ซึ่งก็จะประเมินจากนักท่องเที่ยวโดยจะมีการให้กรอกแบบสอบถาม นอกจากนั้นจะจัดตั้งกลไกชุมชนในท้องถิ่น ทั้งผู้ประกอบการ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่อุทยานฯ เพื่อดูแลธรรมชาติในท้องถิ่นนั้นๆควบคู่กันไปด้วย ส่วนกำหนดเวลานั้นยังไม่ได้กำหนด หากธรรมชาติสะอาด งดงาม ผลที่ตามมาคือการลงทุน การท่องเที่ยว และความเชื่อมั่นจากต่างชาติ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ระบุว่าธรรมชาติคือขุมทรัพย์ นายยงยุทธอีกว่า ยังได้มอบนโยบายให้กรมอุทยานฯ เร่งดำเนินการสำรวจสินทรัพย์ของ 148 อุทยานแห่งชาติทั่วประเทศทั้งทางบกและทะเล เพื่อจัดทำแผนแม่บทการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกว่าที่เป็นอยู่ รวมทั้งจะมีการเร่งฟื้นฟูอุทยานฯให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง นอกจากนั้นจะมีการสร้างจิตสำนึกแห่งการให้บริการให้กับเจ้าหน้าที่อุทยานฯใหม่ โดยให้ผู้บริหารไปดำเนินการให้เร็วที่สุด. (ไทยรัฐ อังคารที่ 10 พ.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





พรุ่งนี้ ดีเดย์เริ่มจัดระเบียบซิมการ์ด

นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือของผู้ให้บริการ และผู้ทำการตลาดบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในการบันทึกข้อมูลผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเติมเงิน(พรีเพด) เพื่อรับทราบแนวทางการจัดจำหน่ายซิมการ์ดเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงิน ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และออกเป็นคู่มือปฏิบัติให้กับผู้จำหน่าย/ร้านค้า โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 พ.ค.นี้ การร่วมมือครั้งนี้จะทำให้ความปลอดภัยของ 4 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ยะลา,ปัตตานี,นราธิวาส และสงขลา มีมากขึ้น เพราะสามารถติดตามตรวจสอบ กรณีที่ใช้โทรศัพท์มือถือก่อการร้ายได้ โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ที่เซิร์ฟเวอร์กลางของโอปอเรเตอร์ หรือเอกชนผู้ให้บริการ ซึ่งภาครัฐจะขอเมื่อถึงคราวจำเป็นเท่านั้น และข้อมูลจะถูกเก็บไว้จนกว่าซิมการ์ดจะหมดอายุ นอกจากนี้ข้อมูลจะถูกใช้เพื่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศเท่านั้นไม่เกี่ยวกับการนำไปใช้เพื่อทำการตลาด ทั้งนี้ การซื้อซิมการ์ดแบบเติมเงินใหม่ ประชาชนต้องแสดงบัตรประชาชน บัตรประจำตัวราชการ บัตรประจำตัวพนักงานของรัฐ หรือบัตรประจำตัวประเภทอื่น ๆ โดยผู้ซื้อและถือบัตรต้องเป็นคนเดียวกันห้ามซื้อแทน ซึ่งทางร้านขายจะบันทึกข้อมูลประกอบด้วย ชื่อ-สกุล เบอร์โทรศัพท์ เลขที่บัตร ประเภทบัตร ชื่อร้านที่ซื้อ และชื่อผู้ขาย โดยหนึ่งคนสามารถซื้อซิมการ์ดได้ไม่จำกัดจำนวน และเมื่อต้องการยกเลิกการใช้งาน หรือซิมการ์ดหายให้แจ้งไปที่โอปอเรเตอร์เพื่อเก็บข้อมูล (เดลินิวส์ อังคารที่ 10 พ.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





"สธ."ทุ่มงบ 500 ล้าน สร้างเด็กไทยพันธุ์ใหม่

น.พ.วิชัย เทียนถาวร ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในการบรรยายพิเศษ เรื่อง "การพัฒนาคุณภาพเด็กไทยวัย 0-3 ปี ในงานประชุมวิชาการ "การส่งเสริมโภชนาการและสุขภาพแม่และเด็ก" ที่ผ่านมา น.พ.วิชัย กล่าวบรรยายตอนหนึ่งว่า จากการวิเคราะห์สถานการณ์สุขภาพของเด็กไทยวัย 0-3 ปี ที่ผ่านมา พบว่ามีสัญญาณที่ไม่ดีต่อคุณภาพเด็กหลายประการ โดยเฉพาะความฉลาดทางปัญญาหรือไอคิว และความฉลาดทางอารมณ์ หรืออีคิว ในปี 2544 ผลวิจัยไอคิวเด็กไทยอายุ 6-12 ปี มีค่าเฉลี่ย 88.05 ส่วนในวัยรุ่นอายุ 13-18 ปี มีค่าเฉลี่ยลดลงเหลือ 86.72 ที่น่าตกใจคือ มีเด็กไทยไม่ถึง 1% ที่มีไอคิวสูงกว่าปกติคือ 110 ในส่วนพัฒนาการของเด็ก โดยเฉพาะภาษาซึ่งมีความสำคัญต่อการเรียนรู้ของเด็กอย่างมาก เพราะพบว่าเด็กวัย 1 ขวบ มีพัฒนาการด้านนี้ปกติร้อยละ 77 จะลดลงเหลือร้อยละ 52 เมื่ออายุ 4 ขวบ เพราะฉะนั้นจึงต้องเร่งพัฒนาให้เด็กไทยมีพัฒนาการสมดุล ทั้งร่างกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์และสังคมมากยิ่งขึ้น หมอวิชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งขจัดปัญหาสุขภาพของแม่ ที่ทำให้ต้นทุนสุขภาพของเด็กต่ำลงตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์ ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 5 โรค ได้แก่ โรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก การติดเชื้อเอชไอวี โรคธาลัสซีเมีย และการลดปัญหาเด็กน้ำหนักตัวน้อยกว่า 2,500 กรัม กระทรวงสาธารณสุข ควบคุมโดยให้สถานพยาบาลในสังกัดกว่า 10,000 แห่ง ให้การดูแลหญิงตั้งครรภ์อย่างใกล้ชิดและให้หญิงตั้งครรภ์ทุกรายฝากครรภ์และคลอดที่โรงพยาบาล ให้ได้รับความปลอดภัยทั้งแม่และเด็ก ในปี 2548 ซึ่งเป็นวโรกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 50 พรรษา กระทรวงสาธารณสุข จึงได้จัดโครงการเทิดพระเกียรติและสนองแนวพระราชดำริ ที่ทรงห่วงใยปัญหาโภชนาการและสุขภาพเด็กไทยในถิ่นทุรกันดาร รวมทั้งปัญหาผู้สูงอายุที่จะมีมากขึ้น ด้วยการจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาเด็กวัยเตาะแตะ (0-3 ปี) ตามแนวพระราชดำริ ในโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลศูนย์ ที่อยู่ในสังกัดทั่วประเทศทุกแห่ง จำนวนกว่า 800 แห่ง ศูนย์ดังกล่าวจะพัฒนาให้เป็นศูนย์เด็กเล็กต้นแบบที่ให้บริการอย่างมีมาตรฐานในชุมชนแต่ละแห่ง และจะขยายลงสู่ระดับสถานีอนามัย ศูนย์สุขภาพชุมชนต่อไป โครงการนี้จะทำให้โรงพยาบาลของไทยทำหน้าที่ส่งเสริมดูแลสุขภาพเด็กอย่างครบวงจรเป็นแห่งเดียวและแห่งแรกในโลก โครงการนี้ จะขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองสลากกินแบ่งรัฐบาลจำนวน 60 ล้านบาท สามารถรับเด็กได้แห่งละ 20-30 คน โดยจะนำพลังของชมรมผู้สูงอายุทั่วประเทศซึ่งมีประมาณ 5,000 ชมรม มาร่วมดูแลเด็กสมทบกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ผ่านการอบรมด้านการเลี้ยงดูเด็กเป็นอย่างดี สามารถสร้างประโยชน์ 2 ทาง คือพัฒนาสุขภาพเด็กไทย และสนับสนุนให้ผู้สูงอายุมีกิจกรรม ที่มีคุณประโยชน์ต่อบุตรหลานและได้รับการดูแลสุขภาพไปพร้อมๆ กันด้วย นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขได้สนองนโยบายรัฐบาล ที่จะมอบชุดรับขวัญให้เด็กทุกคนที่เกิดในวันที่ 28 ก.ค. 2548-27 ก.ค. 2549 เพื่อให้ครอบครัวร่วมกระตุ้นพัฒนาการเด็กแรกเกิด ล่าสุด ได้ประสานกับสถาบันวิทยาการการเรียนรู้ซึ่งเป็นผู้ผลิตชุดรับขวัญ จัดส่งชุดรับขวัญเด็กแรกเกิดไปให้โรงพยาบาลทุกแห่ง ทั้งภาครัฐ และเอกชน ภายในต้นเดือนก.ค.2548 ส่วนหนึ่งสำรองไว้ที่สาธารณสุขจังหวัด ซึ่งแต่ละปีทั่วประเทศจะมีเด็กเกิดใหม่ประมาณ 800,000 คน สำหรับชุดรับขวัญเด็กแรกเกิด ประกอบด้วย 1.ผ้าห่มพัฒนาการ เพื่อกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของเด็ก 2.หนังสือภาพคู่มือพ่อแม่และผู้เลี้ยงดูเด็กเด็กแรกเกิดถึง 2 ปี 3.เทปหรือซีดีเพลงกล่อมเด็ก เพื่อส่งเสริมการพัฒนาสมอง 4.โมบายของเล่นส่งเสริมพัฒนาการเด็กด้านประสาทสัมผัส การฟัง และการมองเห็น 5.หนังสือนุ่มนิ่ม ลอยน้ำได้ มีเนื้อหาเกี่ยวกับของใกล้ตัวเด็ก 6.หนังสือเล่มแรกของลูก เป็นหนังสือนิทานคล้องจองที่แม่ทุกภาคคุ้นเคย และ 7.จดหมายส่งมอบจากนายกรัฐมนตรี คาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 500 ล้านบาท เป็นอีกโครงการของรัฐบาล ที่มุ่งสร้าง "เด็กไทยพันธุ์ใหม่" ให้มีพัฒนาการตั้งแต่แรกเกิด เพื่อเติบโตอย่างมีคุณภาพต่อไป ข่าวสด อังคารที่ 10 พ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





"ไทย"แชมป์เที่ยวถูกสุด

อเมริกันเอ็กซ์เพรสเผยเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมว่า ไทยครองตำแหน่งประเทศที่มีค่าครองชีพสำหรับนักท่องเที่ยวถูกที่สุด จากจำนวนประเทศท่องเที่ยว 12 ประเทศ ที่นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษนิยมไปเที่ยวพักผ่อนในช่วงวันหยุดมากที่สุด ขณะที่ประเทศท่องเที่ยวสุดแพง ได้แก่ นอร์เวย์ ดัชนีอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของบริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ผู้ให้บริการบัตรเครดิตรายใหญ่ของโลก เผยจากผลการสำรวจราคาสินค้า 13 รายการ ที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อหาระหว่างท่องเที่ยว อาทิ เครื่องดื่ม ฟิล์มกล้องถ่ายรูป และอาหารแต่ละมื้อ รวมแล้วมีราคาทั้งหมดเพียง 65.45 ปอนด์ หรือราว 4,900 บาทเท่านั้นในประเทศไทย แต่ที่นอร์เวย์กลับมีราคาสูงถึง 154.60 ปอนด์ หรือราว 11,600 บาท นอกจากนี้ ราคาโปสการ์ดและแสตมป์ส่งจากไทยไปอังกฤษมีราคาเพียง 24 เพนนี หรือราว 18 บาทเท่านั้น หากเป็นที่นอร์เวย์ต้องใช้เงินเกือบ 80 บาท นอกจากนี้ ราคาเบียร์ในไทยก็ยังมีราคาถูกที่สุดเพียงขวดละประมาณ 130 บาท นอร์เวย์ตกขวดละเกือบ 300 บาท ฝรั่งเศสครองแชมป์น้ำอัดลมโคคา-โคลาแพงสุดตกกระป๋องละ 186 บาท ขณะที่ไอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีราคาสินค้าแพงที่สุดรองจากนอร์เวย์ และอิตาลีเป็นประเทศที่มีราคาสินค้าถูกที่สุดในประเทศแถบยูโรโซน 6 ประเทศ ส่วนประเทศยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวอังกฤษทั้ง 12 แห่ง ได้แก่ ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส กรีซ ไอร์แลนด์ อิตาลี นอร์เวย์ โปรตุเกส แอฟริกาใต้ สเปน สวิตเซอร์แลนด์ ไทย และสหรัฐ(พีเอนิวส์) (มติชนรายวัน อังคารที่ 10 พ.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





ความเครียดเป็นยาอายุวัฒนะ หมั่นก่อความเครียดอ่อนๆ ขึ้น

แพทย์ใหญ่ของสมาคมการมีอายุยืนยาว บอกเคล็ดของการดำรงชีวิตให้ยืนยาวว่า ให้เอาความ เครียดเป็นยาอายุวัฒนะ มันไม่แต่เพียงยืดอายุให้ ยืนยาวขึ้นได้เท่านั้น ยังทำให้ไม่ค่อยเป็นโรคสมองเสื่อม สมองฝ่อ และโรคข้ออักเสบกับเขาอีกด้วย หมอมาริออส ไคเรียซิส ของสมาคมการมีอายุยืนยาวของอังกฤษ กล่าวบอกว่า การเกิดรู้สึกเครียดเป็นพักสั้นๆนั้นมันกลับเป็นคุณ เพราะการมีความเครียดขึ้นบ้างนั้น จะทำให้ร่างกายเร่งผลิตโปรตีนขึ้นมา เพื่อซ่อมแซมเซลล์สมองมากขึ้น ช่วยให้เซลล์สมองทำงานได้เต็มที่ ดังนั้น แทนที่คนเราคิดจะหลีกหนีความเครียด กลับควรที่รนหาความเครียดอ่อนๆ เสียด้วยซ้ำ โดยขยันหมั่นทำกิจการต่างๆ อย่าให้ว่างมือ. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 12 พ.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ปลุกสำนึกเด็กไทยเลิกส่งเอสเอ็มเอสไร้สาระ

นายกล้า สมตระกูล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ว่า ในระหว่างที่รอกรมการปกครองออก กฎกระทรวง เพื่อควบคุมการส่งข้อความเอสเอ็มเอส คงทำได้เพียงการขอความร่วมมือไปยังสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง เพื่อให้ยุติการให้ประชาชนส่งข้อความร่วมทายผลชิงรางวัลเป็นการชั่วคราว เพราะเข้าข่าย พ.ร.บ.การพนัน จนกว่ากฎกระทรวงจะมีผลใช้บังคับ ซึ่งทางรายการโทรทัศน์ ต่างๆยินดีให้ความร่วมมือ โดยเฉพาะรายการที่เป็นรายการสด แต่สำหรับรายการที่บันทึกเทปคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่ไม่ทราบว่าจะใช้หลักการอะไรมาดำเนินการ คือกรณีเด็กหรือวัยรุ่นมักส่งข้อความที่ไร้สาระไม่เป็นประโยชน์ โดยไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่าย ถึงแม้จะไม่เข้าข่ายการพนัน แต่เป็นการแสดงถึงความไม่รู้จักประหยัดมัธยัสถ์ ซึ่งคงทำได้เพียงขอความร่วมมือจากผู้ปกครองและเพื่อนช่วยกันเตือน ไม่ให้ส่งข้อความที่ไร้สาระมากเกินไป จนกลายเป็นความฟุ้งเฟ้อขาดสติเกินเหตุ เด็กวัยรุ่นยุคปัจจุบันค่อนข้างขาดความตระหนักในเรื่องการประหยัด เพราะสภาพของสังคมในปัจจุบันเป็นสังคมบริโภคนิยม จนเป็นการจูงเด็กไปในทิศทางที่ไม่เหมาะสม ซึ่งผิดกับเมื่อ 40-50 ปีที่แล้ว ที่ประเทศไทยยังขัดสน หลายครอบครัวพี่น้องต้องผลัดกันไปเรียนหนังสือ อาหารกลางวันไม่มีกิน ต้องกินน้ำแทนข้าว จึงอยากให้เด็กในวันนี้รู้จักความพอดี หรือทางสายกลาง เพราะจะเป็นผลดีต่อทั้งตัวเด็ก และโลกในปัจจุบันและอนาคตได้ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการจะปรับค่านิยมให้เด็กไทยรู้จักการประหยัดคงทำได้ยาก เพราะสังคมไม่ได้เป็นต้นแบบให้เด็กเดินตาม ถึงแม้โรงเรียนจะพยายามพูดแล้วก็ยากที่จะฝืนกระแสจากภายนอกได้ ดังนั้นจึงต้องมีหลายหน่วยงานมาช่วยกัน ขณะเดียวกันรัฐบาลต้องเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้ด้วย. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 12 พ.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





เผยคลินิกความงามตกมาตรฐาน

เนื่องจากหนุ่มสาวในปัจจุบัน รักสวยรักงาม ทำให้ คลินิกเสริมความงาม เกิดขึ้นจำนวนมาก พ.ญ.พิมลพรรณ กฤติยรังสรรค์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า แพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรม เพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนังมีจำนวนน้อยมาก เมื่อเทียบกับคลินิกเสริมความงาม ที่มีเปิดกันมากมายในปัจจุบัน ดังนั้นแพทย์ที่ประจำอยู่ในคลินิกผิวความงาม ที่เปิดกันอยู่ในปัจจุบัน จึงไม่ได้เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญ และการรักษาผิวโดยใช้ เลเซอร์มีการโฆษณามาก จนทำให้มีผู้หลงผิดเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก ผู้ป่วยที่เข้ามารับการรักษา ด้วยการไปยิงเลเซอร์เพื่อกำจัดขน และไฝ กระ หูด ตามคลินิกแล้วเกิดปัญหาตามมา แต่ปัญหานี้เป็น ปัญหาที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทราบดี ทั้ง กระทรวงสาธารณสุข แพทยสภา แต่ก็ไม่สามารถจะดำเนินการอะไรได้ เนื่องจากเป็นคลินิกที่เปิดอย่างถูกต้อง มีแพทย์ประจำ และเป็นคลินิกที่ สามารถทำยาเพื่อรักษาผู้ป่วยของคลินิกของตนได้เองโดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบและขึ้นทะเบียนยากับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ตามที่ พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ได้ ให้ข้อยกเว้นไว้สำหรับแพทย์ที่จะทำยาสำหรับคนไข้ของตนเอง สถาบันโรคผิวหนังได้เปิดศูนย์เลเซอร์เพื่อการเสริมสวยในวันที่ 7 มิถุนายน ที่จะถึงนี้ ซึ่งอัตราค่าบริการจะถูกกว่าคลินิกเอกชน และเป็นการให้บริการตามหลักวิชาการที่ถูกต้อง (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 12 พ.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





พระโคเสี่ยงทาย กินข้าวโพด-หญ้า ธัญญาหารสมบูรณ์

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 11 พ.ค.48 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเป็นองค์ประธานในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เฝ้าทูลละอองรับเสด็จ สำหรับผู้ทำหน้าที่พระยาแรกนา ได้แก่ นายบรรพต หงษ์ทอง ปลัดกระทรวงเกษตรฯเทพีคู่หาบทอง ได้แก่ น.ส.นันทนา เพ็งคำ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 6 กองแผนงาน กรมชลประทาน และ น.ส.สุนี ศรีสมนึก นักวิชาการเผยแพร่ 6 สำนักพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยีการสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ส่วนเทพีคู่หาบเงิน ได้แก่ น.ส.นภารัตน์ ประไพวงศ์ นักวิชาการประมง 5 สำนักวิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่ง กรมประมง และ น.ส.ดวงจันทร์ เทพอุด เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี 4 กองคลัง กรมปศุสัตว์ โดยพระยาแรกนา ได้ตั้งสัตยาธิฐานหยิบผ้านุ่งแต่งกาย 4 คืบ พยากรณ์ว่า น้ำจะมากสักหน่อย นาในที่ดอนจะได้ผลบริบูรณ์ดี นาที่ลุ่มอาจจะเสียหายบ้าง ได้ผลไม่เต็มที่ ส่วนพระโคแรกนาขวัญคือ พระโคเทิด และพระโคทูน พระโคสำรอง คือ พระโคล้ำ และพระโคเลิศ ซึ่งปีนี้พระโคเลือกกินข้าวโพด พยากรณ์ว่า ธัญญาหาร ผลาหาร จะสมบูรณ์ดี กินถั่วและงา พยากรณ์ว่า ผลาหาร ภักษาหาร มังสาหาร จะอุดมสมบูรณ์ดี และกินหญ้า พยากรณ์ว่า น้ำท่าจะบริบูรณ์พอสมควร ธัญญาหาร ผลาหาร ภักษาหาร มังสาหารจะอุดมสมบูรณ์ดี (สยามรัฐ พฤหัสบดีที่ 12 พ.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





ทำอย่างไร ให้หายกลัวหมอฟัน

สมาคมทันตแพทย์อเมริกันได้ ออกคำแนะนำเพื่อยับยั้งความกลัวไว้ว่า • หากคุณมีอาการกลัว หรือวิตกกังวลเมื่อต้องไปพบทันตแพทย์ ให้เปิดใจบอกกับหมอ หรือพนักงานผู้ช่วยไปตามตรงเลยว่าคุณรู้สึกกลัวจริงๆนะ เมื่อบอกไปแล้วทันตแพทย์อาจ จะปรับการรักษาให้เหมาะสมได้ตามความต้องการ พยายามเลือกเวลาไปหาหมอฟัน ในช่วงที่ไม่รีบเร่ง หรืออยู่ภายใต้ภาวะกดดันมากเกิน ไป สำหรับบางคนอาจจะสะดวกในวันเสาร์ หรือนัดตอนช่วงเช้า • ถ้าเสียงเครื่อง กรอฟันมันกวนประสาทนัก อาจจะขอนำเอาเครื่องเล่นเพลง ประเภทวอล์กแมน หรือเอ็มพี 3 เข้าไปฟังระหว่างนอนอยู่บนเตียงทำฟัน เพื่อจะได้ฟังเพลงโปรดแทนเสียงสะเทือนอารมณ์ • ข้อสุดท้ายนี่ไม่รู้จะทำได้สักเพียงใด เพราะเขาบอกว่าระหว่างอยู่บนเตียงทำฟันนั้น พยายามทำตัวให้ผ่อนคลาย นึกถึงภาพตัวเองกำลังนอนอาบแดดอุ่นๆอยู่ริมชายหาด อันนี้สงสัยต้องใช้จินตนาการอย่างหนักแน่เลย. (ไทยรัฐ อาทิตย์ที่ 15 พ.ค. 48 http://www.thairath.co.th)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215