Digital Library

หัวข้อข่าวปีที่ 6 ฉบับที่ 22 ประจำวันที่ 2005-06-12

ข่าวการศึกษา

สกอ.ปรับสูตรแจกโบนัสขรก.คนละ2เดือน
ผลวิจัยเด็กทุนอำเภอ5-7%มีสิทธิถูกส่งกลับ
มน.-สธ.ผลิตแพทย์คืนถิ่น
งานวิจัยระบุ นิเทศศาสตร์ เมินพัฒนาเด็ก
ตั้ง “วิทยาลัยสันติสุข” ดับไฟใต้ เน้นคนพื้นที่เรียนรู้เขารู้เรา
เอไอทีมอบทุนรักษ์พลังงาน
ทปอ.ร่อนหนังสือค้านวุฒิฯแก้กฎหมาย ม.กำกับรัฐ
‘รุ่ง’จี้ สกอ.คุมเข้มคุณภาพของอุดมศึกษา ’ภาวิช’อยากเห็นสภามหาวิทยาลัยเข้มแข็ง
ม.คริสเตียนสอนออนไลน์ หนุนนศ.ใช้โน้ตบุ๊คหาความรู้
“วช.” เปิดโลกวิถีไทย เพิ่มแหล่งเรียนรู้ยุคไอที
ศธ.โรดแม็ปพัฒนาสมองเด็กไทย
สวช.เปิดโลกแหล่งเรียนรู้วิถีไทยยุคไอที
มก.ผุด 37 หลักสูตร ยกเลิกหลักสูตรเก่า
หนุนแรงงานจบมัธยม ศธ.เปิดช่องเทียบวุฒิ

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

สารเคมีกำจัดแมลงและศัตรูพืช กัดกร่อนชาติพันธุ์ของมนุษย์
'บิล เกตส์'ลงนาม3ฉบับกับไทยช่วยหนุนพัฒนาไอที
สำนักปรมาณูไทยผนึกญี่ปุ่น ติวเข้มรับมือฉุกเฉินทางรังสี
แคนาดาส่งชิพคุณหมอ ฝังในร่างคนไข้
ชาร์ปผุดนวัตกรรมใหม่เทคโนโลยีฆ่าหวัดนก
เอไอทีรวมภาพดาวเทียม ทำฐานข้อมูลสึนามิ
เครื่องรูดบัตรเครดิตไร้สาย
ปาล์มเปิดตัว"ไลฟ์ไดร์ฟ"คอมพ์มือถือ
แพทย์มะกันเจ๋งเปลี่ยนรังไข่สำเร็จ
สร้างคอมพิวเตอร์แบบสมองมนุษย์ เพื่อล้วงลึกให้รู้เข้าไปในจิตใจคน
เพาะแม่ไก่ออกไข่เป็นยาแก้มะเร็ง ทำออกจำหน่ายภายในเวลา 5 ปีนี้
ทส.เปิดตัว “นักรบสิ่งแวดล้อม”
คุมเข้มนำเข้าสารเคมีเกษตร 41 ประเทศตรวจพบความผิดส่งกลับไปหลายร้อยตัน
เตรียมปล่อยดาวเทียม BGAN ปลายปีนี้
เสนอ'ศ.ไพรัช'คนไทยคนแรก รับรางวัลผู้นำเทคโนโลยี
ส.กีฬาการบินสร้าง'ยานเบา'สัญชาติไทย
เมาส์พันธุ์ใหม่ไม่สะดุด ใช้ได้กับทุกพื้นผิวไม่ง้อแผ่นรอง
บ้านอัจฉริยะสั่งงานผ่านมือถือและพีซี
"วัฒนา"หนุนใช้กากของเสียผลิตไฟฟ้า
เตือน"สึนามิ"รอบใหม่คลื่น15เมตร!
พันธุ์ไม้ไทยพันกว่าชนิดใกล้สูญพันธุ์เต็มที
"สมอ."ตั้งทีมเฉพาะกิจ ผุดมาตรฐานสินค้า
พลังงานดึง10ค่ายรถยนต์ชั้นนำ ร่วมรณรงค์เพิ่มใช้แก๊สโซฮอล์
การทางพิเศษฯคว้ารางวัล โครงการอนุรักษ์พลังงาน
อันตรายจากแสงเลเซอร์

ข่าววิจัย/พัฒนา

กินนมต้านโรคหัวใจเฉียบพลัน แถมหนีห่างจากโรคลมอัมพาตได้
เด็กไทยคิดวิธีใช้พลังงานทดแทนราคาถูก
ฮอร์โมนเชื่อใจ ดมกลิ่นแล้ว ยอมทุกอย่าง
“มันหอมระเหยกระดังงาไทย”
วิวัฒน์สวนยางด้วยชีวภาพ ประหยัดเงินและทรัพยากรสิ่งแวดล้อม
เลือกกินแต่แอปเปิ้ลผลสีแดง มีธาตุบำรุงร่างกายสูงกว่าเพื่อน
กระดาษจากเปลือกระถิน
กรมประมงเพาะปลาเสือพ่นน้ำ สำเร็จครั้งแรกของโลก
วว.สอนทำเครื่องผนึกสุญญากาศ
เอ็มเทคลุ้นผลิตไฟฟ้าจากเซลล์เชื้อเพลิง
บทพิสูจน์บ่อหมักไร้อากาศ ได้ก๊าชชีวภาพ-ดับกลิ่นเหม็น
มจธ.ผุดโปรเจ็กต์ยักษ์ แปรรูป “มะพร้าว” จากต้นถึงกะลา
คิดเอากัญชาเป็นยารักษาโรคจิต ทดลองบำบัดอาการคุ้มดีคุ้มร้าย
อานุภาพของฮอร์โมนเพศสตรี ยกให้ผู้หญิงมีอายุยืนกว่าชาย
นักเคมีสร้างอุปกรณ์หาเคมีรั่วระดับนาโน
ถ้วยรับน้ำยางใหม่ถูกใจชาวสวน
เภสัชกรคิด'ยาผง'วัณโรคลดเชื้อดื้อยา
แปลง “ลูกปิงปอง” เป็นหลอดไฟประหยัดพลังงาน
แบคทีเรียดื้อยามากขึ้น
พบหนทางออกกำลังแบบเรียนลัด ใช้เวลาเพียงแค่อาทิตย์ละ 6 นาที
เครื่องอุ่นเลือด ผลงานหมอฟันนักประดิษฐ์
เครื่องบำบัดน้ำเสีย จากถังน้ำมัน ราคาถูก
น้ำตาลมิตรผล ลุยวิจัยเพิ่มผลผลิตอ้อย
พบทางเลือกใหม่คุมกำเนิดบุตร
แบคทีเรียพันธุ์อึดเพ่นพ่านทั่ว รพ.แนะหมอพยาบาลหมั่นล้างมือ
ผลวิจัยชี้นโยบายรัฐบกพร่องสร้างปัญหา เร่งผลักดันตั้ง "การข้าวแห่งประเทศไทย"
นักวิจัยอังกฤษระบุยาแก้ปวดกลุ่มเอ็นเสดเป็นต้นตอโรคหัวใจ
ปั้นนักสร้างรุ่นหุ่นยนต์ให้ฝึกตั้งแต่เด็ก
นักวิชาการม.เกษตรฯคิดแบบจำลองคาดคะเนปริมาณน้ำฝน
‘กระดาษสานูนต่ำ’ งานไม่ซ้ำ ขายได้ทุกแนว
เครื่องจ่ายหลอดดูดน้ำ
สีผงจากธรรมชาติ นวัตกรรมต่อยอด...โอท็อป

ข่าวทั่วไป

ญี่ปุ่นขอเอี่ยวเยียวยาลำน้ำโขง
เตือนไม่กินผัก-ผลไม้ ระวัง 'เบอริเบอรี่' เล่นงาน
วัณโรคตื๊อไม่ยอมหมดไปจากโลก ยังคร่าชีวิตผู้คนไปอีกปีละ 2 ล้าน
กินแล้วไม่อ้วน-ไม่หยุดประจำเดือน
เร่งจดลิขสิทธิ์ภูมิปัญญาไทย กระทรวงวัฒนธรรมหวั่นถูกต่างชาติขโมย
องค์กรข้าวแห่งชาติ
พิษภัย...ในน้ำมันทอดปาท่องโก๋
นวัตกรรมล้ำสมัย
ร.พ.รัฐเปิดช่องทางด่วนบริการผู้สูงอายุ ดีเดย์บังคับใช้ต้นเดือน ก.ค.
5 ปีผุดศูนย์ระวังทั่วไทย
ไทยร่วมเวียดนาม ตั้งหมู่บ้านมิตรภาพ
โจ๋ใช้แมลงวันสเปนปลุกเซ็กซ์ อย.เตือนระวังผลข้างเคียง
ฮ่องกงเตือนห่างลิง ตัวพาหะไวรัสมรณะ
เผยโฉมรถเมล์ใหม่ 2 สาย
เวียดนามที่น่าจับตามอง

ข่าวการศึกษา

สกอ.ปรับสูตรแจกโบนัสขรก.คนละ2เดือน

ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) มีมติจัดสรรเงินโบนัสให้แก่ข้าราชการและลูกจ้างประจำปี 2548 ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ว่า สำนักงบประมาณได้จัดสรรเงินมาให้ สกอ.เรียบร้อยแล้ว จำนวน 71 ล้านบาท และขณะนี้ สกอ.กำลังปรับแผนการจัดสรรเงินใหม่ เนื่องจากแผนที่ทำไว้เดิมนั้น ข้าราชการชั้นผู้น้อยจะได้รับการจัดสรรน้อยเกินไป ส่วนผู้บริหารระดับสูงก็ได้มากเกินไป ดังนั้นเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมจึงต้องปรับสูตรการจัดสรรเงินใหม่ ซึ่งจะทำให้ได้รับเฉลี่ยคนละไม่ต่ำกว่า 2 เดือน คาดว่าในสัปดาห์นี้ทุกอย่างจะเรียบร้อย และสามารถจัดสรรเงินให้แก่ทุกคนได้ อย่างไรก็ตามการจัดสรรของ สกอ.ถือว่าไม่ช้า เพราะหน่วยงานอื่น ๆ ก็ยังไม่ได้รับเงินดังกล่าว ส่วนกรณีที่แต่เดิม สกอ.มีแนวคิดจะแบ่งเงินโบนัสบางส่วนเข้ากองทุนสวัสดิการข้าราชการ สกอ. เพื่อนำเงินส่วนดังกล่าวไปช่วยเหลือข้าราชการเมื่อมีเรื่องเดือดร้อน อีกทั้งเสียงของข้าราชการส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย เพราะเชื่อว่าการแบ่งเงินเข้ากองทุนน่าจะเป็นประโยชน์และถึงตัวข้าราชการมากกว่านั้น แต่เนื่องจาก ก.พ.ร.บอกว่าเงินนี้ควรจะจ่ายถึงตัวบุคคล ดังนั้นตนจะนำเรื่องนี้ไปหารือกับกระทรวงการคลังว่าจะทำได้หรือไม่ ซึ่งถ้าทำไม่ได้เราก็จะนำเงินส่วนนี้มาจัดสรรให้แก่ข้าราชการต่อไป (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2548 http://www.dailynews.co.th)

ผลวิจัยเด็กทุนอำเภอ5-7%มีสิทธิถูกส่งกลับ

รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะที่ปรึกษางานวิจัยโครงการหนึ่งทุนหนึ่งอำเภอ เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ตนได้ไปรับฟังความเห็นของนักเรียนทุนในประเทศเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และอิตาลี ประมาณ 100 คน พบว่าในภาพรวมทุกคนสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี และมีการพัฒนาทางด้านภาษาท้องถิ่นในระดับปานกลางถึงพอใช้ เนื่องจากเป็นภาษาที่ค่อนข้างยาก แต่ทุกคนก็ขยัน และเข้าพบอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นประจำ ทำให้ขณะนี้เด็กกว่า 60% สามารถสอบเข้าเรียนในสถาบันอุดมศึกษาได้ โดยเด็กทุนที่สวิตเซอร์แลนด์เกือบทั้งหมดได้เข้าสถานศึกษาเอกชนซึ่งค่าเรียนแพงมาก โดยเรียนเกี่ยวกับการบริหารการโรงแรม และการท่องเที่ยว ส่วนเด็กทุนที่เยอรมนีจะค่อนข้างเครียดเพราะหาที่เรียนยาก ส่วนเด็กทุนที่อิตาลี ส่วนใหญ่ก็มีที่เรียนแล้ว ดังนั้นในภาพรวมเด็ก 30% จะต้องใช้ความสามารถเพิ่มมากขึ้นในการหาที่เรียน ส่วนอีก 5-7% อาจจะต้องถูกส่งกลับประเทศ เนื่องจากไม่ถนัดภาษาท้องถิ่น ผลการเรียนไม่ดี ขาดเรียนหรือไม่ใส่ใจต่อการเรียน และบางส่วนก็มีปัญหาด้านสุขภาพ ส่วนระบบการดูแลนักเรียนไทย พบว่าสถานทูตของทั้ง 3 ประเทศจัดระบบไว้อย่างดีมาก ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย โดยข้อดีคือเด็กจะได้รับการอบรม เพราะสถานทูตจัดเจ้าหน้าที่มาช่วยดูแลเหมือนเป็นพ่อแม่ แต่มีข้อเสียคือ ทำให้เด็กเอาแต่ใจและเรียกร้องมากขึ้น โดยอ้างว่าเครียด และกดดัน ซึ่งอาจทำให้เด็กทุนประเภทอื่น ๆ ไม่พอใจ เพราะรู้สึกว่าเด็กทุนอำเภอดูเหมือนจะได้แบบไม่มีข้อจำกัด นอกจากนี้ยังทำให้สถานทูตต้องรับภาระมากขึ้นด้วย คณะวิจัยมีข้อเสนอเกี่ยวกับการรับนักเรียนทุนรุ่นต่อไปว่า ต้องวางเกณฑ์การคัดเลือกอย่างรอบคอบเพื่อให้ได้เด็กเรียนดี แต่ยากจนจริง ๆ จากทุกพื้นที่เพื่อกระจายโอกาสอย่างแท้จริง และที่สำคัญน่าจะรับ 2 ปีต่อรุ่น เพราะแต่ละรุ่นต้องใช้เงินจำนวนมาก รวมทั้งต้องเตรียมพร้อมด้านภาษาในประเทศ 3-6 เดือนก่อน และให้ไปปรับตัวในประเทศนั้น ๆ อีก 4-6 เดือน ก่อนเรียนจริง (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2548 http://www.dailynews.co.th)

มน.-สธ.ผลิตแพทย์คืนถิ่น

รศ.ดร.มณฑล สงวนเสริมศรี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จัดโครงการผลิตแพทย์เพื่อกลับไปทำงานในภูมิลำเนาของตนเอง ซึ่ง สธ.ได้ให้ทุนการศึกษาปีละ 3 แสนบาทต่อคน แก่ผู้ที่ทำงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข เช่น พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่มีอายุ 25-28 ปี และจบปริญญาตรี เข้าเรียนคณะแพทยศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยตั้งแต่ปีการศึกษา 2546 จนถึงปัจจุบัน โดยเปิดรับปีละ 25-30 คน ซึ่งหลักสูตรแพทย์นี้ใช้เวลาเรียน 5 ปีจากปกติเรียน 6 ปี โดยนักศึกษากลุ่มนี้ไม่ต้องเรียนปีที่ 1 เพราะมีพื้นฐานด้านการแพทย์และสาธารณสุขอยู่แล้ว ในปีการศึกษา 2548 มน.ได้เริ่มใช้ระบบสอนเสริมภาคปฏิบัติระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์และอินเทอร์เน็ตให้แก่นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ของโครงการ ซึ่งฝึกงานในโรงพยาบาลที่เป็นเครือข่ายของมหาวิทยาลัย เช่น โรงพยาบาลแพร่ โรงพยาบาลตากสินมหาราช โรงพยาบาลพิจิตร โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มาเป็นวิทยากรให้ความรู้เพิ่มเติม เมื่อนักศึกษาฝึกภาคปฏิบัติแล้วมีข้อสงสัย ก็สามารถสอบถามอาจารย์และแพทย์ที่มาเป็นวิทยากรได้ทุกเวลาที่ต้องการ และสามารถเข้าไปค้นคว้าหาความรู้ในอินเทอร์เน็ตได้ตลอดเวลา ระบบนี้จะช่วยให้นักศึกษาค้นคว้าหาความรู้ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ทำให้มีความรู้แน่นขึ้น เพราะอาจารย์และวิทยากรล้วนแต่เป็นแพทย์ผู้มีประสบการณ์ทั้งนั้น อีกทั้งมหาวิทยาลัยยังได้ทำห้องสมุดเสมือนในอินเทอร์เน็ต เพื่อให้นักศึกษาเข้าไปหาความรู้ได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม เมื่อนักศึกษาเหล่านี้เรียนจบแล้ว ก็จะกลับไปทำงานที่บ้านเกิด ซึ่งมีปัญหาขาดแคลนแพทย์ (คมชัดลึก จันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2548 http://www.komchadluek.net)

งานวิจัยระบุ นิเทศศาสตร์ เมินพัฒนาเด็ก

นายอิทธิพล ปรีติประสงค์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.อีสเทิร์นเอเชีย หนึ่งในผู้วิจัยและพัฒนาเรื่อง "สถาบันวิจัยและพัฒนารายการโทรทัศน์เพื่อส่งเสริมการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชนและครอบครัว : วันนี้ประเทศไทยพร้อมหรือยัง" กล่าวว่า จากการสำรวจสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 88 แห่ง แบ่งเป็นของรัฐ 18 แห่ง, มหาวิทยาลัย-วิทยาลัยเอกชน 33 แห่ง และมหาวิทยาลัยราชภัฏ 37 แห่ง พบว่า หลักสูตรการเรียนการสอนในคณะนิเทศศาสตร์ ไม่ได้มุ่งเน้นการพัฒนางานวิชาการเพื่อการพัฒนารายการโทรทัศน์สำหรับเด็ก เยาวชนและครอบครัว ส่วนใหญ่จะเน้นการเรียนการสอนเกี่ยวกับเทคนิคในการนำเสนอ มุ่งสอนการตลาดให้สื่อสารกับประชาชนเข้าใจ แต่ไม่มีการสอนว่าเนื้อหาเช่นไรจึงจะเหมาะกับพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กในแต่ละวัน นอกจากนี้ งานวิจัยในระดับบัณฑิตศึกษา ที่เกี่ยวกับการพัฒนารายการโทรทัศน์สำหรับเด็กมีอยู่อย่างจำกัดและกระจัดกระจาย อีกทั้ง เนื้อหางานวิจัยไม่ตอบสนองและเอื้อต่อการพัฒนางานวิชาการในการพัฒนารายการโทรทัศน์สำหรับเด็ก แต่เอื้อต่อระบบธุรกิจเป็นหลัก งานวิจัยชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยและพัฒนารายการโทรทัศน์เพื่อส่งเสริมการศึกษาและเรียนรู้ของเด็ก เยาวชนและครอบครัว ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยในส่วนการวิจัยการเรียนการสอนในคณะนิเทศศาสตร์จะนำไปสู่การวิจัยต่อเพื่อจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนารายการโทรทัศน์เพื่อส่งเสริมการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชนและครอบครัว เพื่อทำให้โทรทัศน์เป็นแหล่งการเรียนรู้ของเด็กอย่างแท้จริง (คมชัดลึก จันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2548 http://www.komchadluek.net)

ตั้ง “วิทยาลัยสันติสุข” ดับไฟใต้ เน้นคนพื้นที่เรียนรู้เขารู้เรา

นายรุ่ง แก้วแดง รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยถึงการจัดตั้งโครงการวิทยาลัยสันติสุขใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า สืบเนื่องจากการแก้ปัญหา 3 ชายแดนภาคใต้นั้น ต้องมีบุคคลหลายฝ่ายเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นข้าราชการที่จากส่วนกลางอาทิ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และยังมีบุคคลในพื้นที่ อาทิ โต๊ะครูโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม โต๊ะอิหม่ามที่เป็นผู้นำศาสนา โต๊ะครูที่เป็นเจ้าของสถาบันศึกษาปอเนาะ และนักการเมืองท้องถิ่น เป็นต้น ซึ่งบุคคลทั้ง 2 ฝ่ายนี้ไม่มีโอกาสได้พบปะและเรียนรู้เรื่องวัฒนธรรม ประเพณี ดังนั้นจึงมีแนวคิดที่จัดตั้งโครงการวิทยาลัยสันติสุข เพื่อเป็นที่พบปะและเรียนรู้วัฒนธรรมของกันและกัน โดยเปิดเป็นหลักสูตรพิเศษคล้ายกับวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือเพื่อที่จะคัดเลือกบุคคลเข้าร่วมโครงการ ในรุ่นที่ 1 จำนวน 30 คน ส่วนการเรียนการสอนนั้น เนื่องจากผู้เรียนมีความรู้แตกต่างกันจึงไม่เน้นเนื้อหาความรู้ แต่จะเน้นในเรื่องของการมารู้จักกัน เข้าใจในเรื่องของวิถีชีวิตเป็นหลัก และการเรียนรู้นั้นจะเรียนรู้จากสถานที่จริง เช่น หลักสูตรว่าด้วยเรื่องศาสนาอิสลาม ก็จะใช้มัสยิดเป็นห้องเรียน ครูผู้สอนก็ให้เพื่อนร่วมรุ่นที่เป็นอิหม่ามประจำมัสยิด เป็นผู้แนะนำ อาทิการเข้าไปในมัสยิดต้องมีธรรมเนียมปฏิบัติอย่างไร เป็นต้นดังนั้นถ้าหากทุกคนที่มาเรียนมาเป็นเพื่อนกัน และได้เรียนรู้เข้าใจหน้าที่ในแต่ละหน่วยงานปัญหาและข่าวลือทั้งหลายก็จะยุติลง อย่างไรก็ตามคาดว่างบประมาณที่ใช้จะไม่เกิน 1,200,000 บาท และจะใช้ระยะเวลาในการเรียนรู้ประมาณ 30 วัน (สยามรัฐรายวัน จันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2548 http://www.siamrath.co.th)

เอไอทีมอบทุนรักษ์พลังงาน

กระทรวงพลังงาน-เอไอที ให้ทุนเรียน ป.โท-เอก ด้านเทคโนพลังงาน รายงานข่าวแจ้งว่า กระทรวงพลังงานและสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) ร่วมกันจัดโครงการพัฒนาบุคลากรทางด้านพลังงาน พัฒนาขีดความสามารถทางด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนพัฒนาแหล่งพลังงานทดแทนให้กับบุคลากรในองค์กรที่เกี่ยวข้อง เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมายุ 70 พรรษา โดยโครงการประกอบด้วยการฝึกอบรมระยะสั้น ระยะยาว และการให้การศึกษาระดับปริญญาโท โดยเปิดรับสมัครช่วงแรกถึงวันที่ 30 มิถุนายนนี้ และช่วง 2 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน ทั้งนี้ยังมอบทุนการศึกษาระดับปริญญาโทปีละ 3 ทุน และปริญญาเอกปีละ 6 ทุน ในสาขาวิชาเทคโนโลยีพลังงาน การจัดการระบบ พลังงานไฟฟ้า และเศรษฐศาสตร์ และการวางแผนด้านพลังงาน สำหรับผู้สมัครขอรับทุนต้องมีสัญชาติไทย ใช้ภาษาอังกฤษดี สำหรับทุนระดับปริญญาโทต้องจบปริญญาตรีหรือเทียบเท่าในสาขาวิชาที่เหมาะสม ส่วนระดับปริญญาเอกจะต้องจบการศึกษาระดับปริญญาโทหรือเทียบเท่าในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจัยที่จะทำ (คมชัดลึก อังคารที่ 6 มิ.ย. 48 http://www.komchadluek.net)

ทปอ.ร่อนหนังสือค้านวุฒิฯแก้กฎหมาย ม.กำกับรัฐ

ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยบูรพา แก้ไขสาระสำคัญหลายประการ จนนำไปสู่การตั้งกรรมาธิการร่วม 2 สภานั้น ศ. (พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ได้หารือถึงประเด็นต่างๆ ที่ทางวุฒิสภาแก้ไขเพิ่มเติม และมีความเห็นเสนอต่อนายอดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ เพื่อขอให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับคณะกรรมการประสานงานวิปรัฐบาล และชี้แจงต่อกรรมาธิการร่วม 2 สภา เช่น ส.ว.จะกำหนดให้มหาวิทยาลัยห้ามปฏิเสธ การรับผู้เรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์นั้น ทปอ. เห็นว่าไม่จำเป็นต้องบังคับไว้เป็นกฎหมาย เพราะมหาวิทยาลัยก็ให้การช่วยเหลือเด็กที่ขาดแคลนอยู่แล้ว การกำหนดไว้ตายตัวจะทำให้เกิดปัญหาได้ในภายหลัง หรือกรณีที่ ส.ว.กำหนดให้สภาบุคลากรมีบทบาทกำกับดูแลการบริหารงานบุคคลของมหาวิทยาลัยด้วยนั้น เป็นสิ่งที่ ทปอ.เห็นว่า ผิดหลักการบริหาร ที่จะให้ผู้ใต้บังคับบัญชามากำกับดูแลการบริหารงานของอธิการบดี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา และอธิการบดีก็มีสภามหาวิทยาลัยกำกับดูแลการบริหารงาน ซึ่งมีตัวแทนของสภาบุคลากรร่วมเป็นกรรมการสภามหา วิทยาลัยอยู่แล้ว นอกจากนี้ ส.ว.ยังเพิ่มเติมให้ รมว.ศึกษาธิการ สามารถสั่งการยุติการดำเนินงานของมหาวิทยาลัย ซึ่งผิดหลักการการให้อิสระแก่มหาวิทยาลัย ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยที่อยู่ในกำกับรัฐ ก็ยังไม่มีการระบุอำนาจดังกล่าวของรัฐมนตรีไว้ เป็นต้น. (ไทยรัฐ พุธที่ 8 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)

‘รุ่ง’จี้ สกอ.คุมเข้มคุณภาพของอุดมศึกษา ’ภาวิช’อยากเห็นสภามหาวิทยาลัยเข้มแข็ง

ศ.(พิเศษ)ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับ ดร.รุ่ง แก้วแดง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ดร.รุ่ง ได้ขอให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ช่วยดูแลเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการเรียนการสอนของระดับอุดมศึกษาในหลายๆ เรื่อง เช่น การเปิดรับนักศึกษามีจำนวนเกินสัดส่วนอาจารย์ที่มีอยู่หรือไม่ หรือการเปิดหลักสูตรนอกสถานศึกษาก็จะต้องดูคุณภาพของหลักสูตร และวุฒิการศึกษาของอาจารย์ผู้สอนด้วย นอกจากนี้ในการจัดหาสถานที่ตั้งของสถาบันก็ควรจัดหาให้สมศักดิ์ศรีความเป็นสถาบันอุดมศึกษา โดยจะต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานตามเกณฑ์คุณภาพที่สกอ.กำหนด เช่น มีห้องเรียน ห้องสมุด สถานที่ทำงานนอกเวลาเรียนและสถานที่พักผ่อน เป็นต้น เลขาธิการ กกอ. กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมา สกอ. ได้เริ่มดำเนินการสำรวจการรับรู้ของสภามหาวิทยาลัยแต่ละแห่งเกี่ยวกับการเปิดหลักสูตรนอกสถานที่เพื่อต้องการรู้สภามหาวิทยาลัยรับรู้มากน้อยเพียงใด ซึ่งจากการสำรวจทำให้พบว่ายังมีบางมหาวิทยาลัย หรือ บางภาควิชาที่ดำเนินการเปิดหลักสูตรนอกสถานที่โดยพลการ และไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภามหาวิทยาลัยก่อน ทั้งที่จริง ๆ แล้ว เรื่องนี้ทางสภามหาวิทยาลัยควรจะต้องรับรู้ก่อนและจะต้องพิจารณาเปิดหลักสูตรบนพื้นฐานตามหลักเกณฑ์มาตรฐานอุดมศึกษาที่ สกอ. กำหนดด้วย (เดลินิวส์ พุธที่ 8 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)

ม.คริสเตียนสอนออนไลน์ หนุนนศ.ใช้โน้ตบุ๊คหาความรู้

ผศ.ดร.จันทร์จิรา วงษ์ขมทอง อธิการบดีมหาวิทยาลัยคริสเตียน เปิดเผยกับ "คม ชัด ลึก" ว่า มหาวิทยาลัยได้พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน โดยเฉพาะทักษะการเรียนรู้ การใช้ภาษา และเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเพิ่มคุณค่านักศึกษาสอดรับการเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ โดยมหาวิทยาลัยได้ติดตั้งไวร์เลสทั่วสถาบัน และกำหนดให้นักศึกษาระดับปริญญาตรี โทและเอกทุกคน จะต้องมีโน้ตบุ๊คเป็นเครื่องมือการเรียนรู้ตั้งแต่ปีการศึกษา 2548 มหาวิทยาลัยเปิดโอกาสให้นักศึกษาซื้อโน้ตบุ๊คในราคาเครื่องละ 2-3 หมื่นบาท และผ่อนชำระได้ โดยมหาวิทยาลัยช่วยอีก 7 พันบาท แต่หากมีโน้ตบุ๊คอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อ เพราะมหาวิทยาลัยปรับเปลี่ยนการใช้สื่อการสอนจากเอกสารกระดาษ หนังสืออ่านประกอบรายวิชามาเป็นสื่อออนไลน์ทั้งหมด และบรรจุลงในเว็บไซต์ให้นักศึกษาดาวน์โหลด เพื่อลดการใช้กระดาษ และให้นักศึกษาคุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยี เมื่อออกไปประกอบอาชีพ มหาวิทยาลัยยังปรับหลักสูตรให้นักศึกษาต้องเรียนรายวิชาภาษาอังกฤษทั้งวิชาเสริมพื้นฐาน และภาษาอังกฤษในแต่ละสาขาเพิ่มเป็น 21 หน่วยกิต จากเดิมอยู่ที่ 12-15 หน่วยกิต และเชิญอาจารย์เจ้าของภาษามาสอนและส่งอาจารย์ไปเรียนต่อปริญญาโทและเอกที่ประเทศนิวซีแลนด์ อีกทั้งนักศึกษาใหม่ในปีการศึกษา 2548 ทุกคน จะต้องผ่านทดสอบการใช้ภาษาอังกฤษในการเขียนและพูดก่อนสำเร็จการศึกษา โดยเริ่มสอบได้ตั้งแต่เทอม 1 เมื่อนักศึกษาขึ้นชั้นปี 4 ส่วนนักศึกษาปัจจุบัน จะทดสอบเช่นกัน แต่ไม่ได้ให้เป็นการสอบเพื่อจบการศึกษา สภามหาวิทยาลัยยังเห็นชอบให้เพิ่มรายวิชาพื้นฐาน ทักษะในการเรียนรู้ ในด้านความคิดสร้างสรรค์และการจดจำสำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 เพื่อให้นักศึกษาจำได้เร็วและมากขึ้น ส่วนนักศึกษาปี 2-4 กำหนดเป็นวิชาเลือก สำหรับระดับบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยร่วมกับบริษัท ศูนย์พัฒนาการอ่าน (ประเทศไทย) จำกัด พัฒนาศักยภาพนักศึกษาในการเรียนรู้ทักษะการอ่านเร็ว โดยจะประเมินผลเปรียบเทียบระหว่างนักศึกษาที่เรียนใน 2 รายวิชานี้ กับนักศึกษาเก่าว่าสัมฤทธิผลทางการเรียนแตกต่างกันหรือไม่ นักศึกษาทุกคนต้องสอบประเมินสัมฤทธิผลก่อนเรียนจบในแต่ละสาขาวิชา ซึ่งการวิจัยเปรียบเทียบการสอบประเมินก่อนจบของบัณฑิตสาขาพยาบาลศาสตร์ พบว่าบัณฑิตมีอัตราผ่านการสอบใบประกอบวิชาชีพการพยาบาลเพิ่มขึ้นกว่า 90% (คมชัดลึก พุธที่ 8 มิ.ย.2548 http://www.komchadluek.net)

“วช.” เปิดโลกวิถีไทย เพิ่มแหล่งเรียนรู้ยุคไอที

สถาบันวัฒนธรรมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.) กำหนดจัดสัมมนาทางวิชาการ เรื่อง “เปิดโลกแหล่งการเรียนรู้วิถีไทยยุคไอที” แก่ครูผู้สอนวิชาสังคมศึกษาและภาษาไทย รวมทั้งผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 150 คน ระหว่างวันที่ 23-24 มิถุนายน 2548 ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และหออัครศิลปิน ซึ่งการสัมมนาในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้ครู อาจารย์ นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้องได้รู้จัก และใช้ประโยชน์จากแหล่งการเรียนรู้วิถีไทยอื่นๆ นอกเหนือไปจากห้องเรียนอย่างคุ้มค่า เช่น ที่หออัครศิลปิน หอไทยนิทัศน์ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ พิพิธภัณฑ์เด็ก เป็นต้น ซึ่งสถานที่เหล่านี้นับเป็นคลังความรู้ที่จะนำผู้ชมไปสู่ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ของเรา และมีส่วนช่วยให้เกิดความภาคภูมิใจ และรักในความเป็นไทยยิ่งขึ้น โดยรูปแบบของการสัมมนาในครั้งนี้จะมีทั้งการบรรยาย การอภิปราย จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารงานพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงต่างๆ อาทิ การบรรยายเรื่อง “เปิดเลนส์ส่องโลกแหล่งการเรียนรู้” โดย ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ การอภิปรายเรื่อง “คุณค่าแหล่งการเรียนรู้ไทยกับทิศทางในอนาคต” โดย นายธนากร พละชัย ผู้อำนวยการสำนักผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ และ นางสุภาวดี หาญเมธี ผู้บริหารพิพิธภัณฑ์เด็ก กรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งมีการเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่อง “หอไทยนิทัศน์ : การใช้ประโยชน์เสริมการเรียนการสอน” ให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้แลกเปลี่ยนทรรศนะระหว่างกันอีกด้วย ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ โทร. 0-2247-0028 ต่อ 4223,4224 (สยามรัฐรายวัน พุธที่ 8 มิ.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)

ศธ.โรดแม็ปพัฒนาสมองเด็กไทย

นางจรวยพร ธรณินทร์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า จากการที่กระทรวงสาธารณสุขเชิญผู้แทนจากกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงมหาดไทย เพื่อหารือถึงความร่วมมือในการดำเนินโครงการเมืองไทยแข็งแรง ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ ทางคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ มอบหมายให้ตนเป็นประธานคณะทำงาน เพื่อทำหน้าที่ประสานงานร่วมกับศูนย์อำนวยการเมืองไทยแข็งแรง และจากการหารือร่วมกันได้ข้อสรุปว่า กระทรวงศึกษาธิการ จะเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการตามเป้าหมายหลัก 2 เรื่อง คือ การพัฒนาสมอง และการจัดการศึกษาขั้นต่ำ 12 ปี และการสร้างทักษะชีวิตให้กับเด็กไทย โดยจะจัดทำแผนปฏิบัติการ หรือโรดแม็ปการทำงาน สำหรับการจัดทำโรดแม็ปการดำเนินงาน คณะทำงานจะศึกษาการดำเนินโครงการส่งเสริมสุขภาพนักเรียนของต่างประเทศ เช่น ประเทศแคนาดา ที่ดำเนินโครงการเกี่ยวกับการช่วยเหลือครอบครัวยากจน ในการดูแลลูกให้มีความสามารถมากกว่าชาติอื่นๆ ประเทศสหรัฐอเมริกา มีการจัดทำยุทธศาสตร์สุขภาพดีในปี 2010 เน้นการแก้ปัญหาความรุนแรงในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยให้แพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ทำงานใกล้ชิดกับโรงเรียนมากขึ้น หลังจากที่คณะทำงานรวบรวมข้อมูลการดำเนินโครงการในต่างประเทศ ก็จะนำมาจัดทำยุทธศาสตร์โครงการเมืองไทยแข็งแรงต่อไป (ข่าวสด พุธที่ 8 มิ.ย. http://www.matichon.co.th/khaosod)

สวช.เปิดโลกแหล่งเรียนรู้วิถีไทยยุคไอที

สถาบันวัฒนธรรมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ(สวช.) โดยกระทรวงวัฒนธรรม กำหนดจัดสัมมนาวิชาการ เรื่อง "เปิดโลกแหล่งการเรียนรู้วิถีไทยยุคไอที" แก่ครูผู้สอนวิชาสังคมศึกษาและภาษาไทย รวมทั้งผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และหออัครศิลปิน เพื่อกระตุ้นให้ครู อาจารย์ นักเรียน นักศึกษา และผู้เกี่ยวข้องได้รู้จักและใช้ประโยชน์จากแหล่งการเรียนรู้วิถีไทยอื่นๆ นอกเหนือจากห้องเรียนอย่างคุ้มค่า เช่น ที่หออัครศิลปิน หอไทยนิทัศน์ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ พิพิธภัณฑ์เด็ก เป็นต้น ซึ่งสถานที่เหล่านี้นับเป็นคลังความรู้ที่จะนำผู้ชมไปสู่ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องต่างๆ และมีส่วนช่วยให้เกิดความภาคภูมิใจและรักความเป็นไทยมากขึ้น สำหรับรูปแบบการสัมมนามีทั้งการบรรยาย การอภิปราย จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารงานพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียง อาทิ การบรรยายเรื่อง "เปิดเลนส์ส่องโลกแหล่งการเรียนรู้" โดย ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ นายธนากร พละชัย ผู้อำนวยการสำนักผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ และนางสุภาวดี หาญเมธี ผู้บริหารพิพิธภัณฑ์เด็ก กรุงเทพมหานคร อภิปรายเรื่อง คุณค่าแหล่งการเรียนรู้ไทยกับทิศทางในอนาคต ฯลฯ รวมถึงเยี่ยมชมหอไทยนิทัศน์ หออัครศิลปิน และพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ พร้อมเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่อง "หอไทยนิทัศน์ : การใช้ประโยชน์เสริมการเรียนการสอน" ให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้แลกเปลี่ยนทรรศนะระหว่างกัน (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 9 มิ.ย. 2548 http://www.matichon.co.th/matichon)

มก.ผุด 37 หลักสูตร ยกเลิกหลักสูตรเก่า

รศ.ดร.วิโรจ อิ่มพิทักษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) แถลงผลงานในรอบ 1 ปี นับตั้งแต่ มิถุนายน 2547- มิถุนายน 2548 ที่มก.วิทยาเขตบางเขน ว่า ในปีงบประมาณ 2549 มก.ได้รับการจัดสรรงบฯ 2,717 ล้านบาท ดังนั้น เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าในรอบปีที่ผ่านมามก.มีผลงานเด่นหลายด้านคุ้มกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร จึงต้องมีการแถลงผลงาน โดยด้านการพัฒนาวิทยาเขต ได้ขยายพื้นที่ของมก.วิทยาเขตศรีราชา ซึ่งเดิมมีเนื้อที่จำนวน 199 ไร่ 48 ตารางวา แต่เมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อนุญาตให้มก.วิทยาเขตศรีราชา ใช้ประโยชน์จากภูเขาซับน้ำซึ่งเป็นที่ดินที่อยู่ติดกับมก.วิทยาเขตศรีราชา ขนาด 340 ไร่ โดยทางมก.จะใช้พื้นที่นี้ในการศึกษาและอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ อธิการบดีมก. กล่าวด้วยว่า สำหรับในด้านของการพัฒนานิสิต ในปีการศึกษา 2548 รับนิสิตระดับป.ตรีทั้งสิ้น 12,411 คน อีกทั้งมีการยกเลิกและปรับปรุงหลักสูตรเก่าให้ทันยุคปัจจุบันในทุกคณะจำนวน 26 หลักสูตร เช่น หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต พ.ศ.2547 หลักสูตรสัตวแพทยศาสตร์ พ.ศ.2547 และเปิดหลักสูตรใหม่ทั้งหลักสูตรปกติและนานาชาติ 37 หลักสูตร แบ่งเป็นระดับป.ตรี 8 หลักสูตร ป.โท 21 หลักสูตร และ ป.เอก 8 หลักสูตร เพื่อสร้างศักยภาพและความเข้มแข็งทางวิชาการ มก.ได้จัดตั้งเป็นศูนย์ความเป็นเลิศทางวิชาการ ตามแผนจะเปิดให้ครบ 9 ศูนย์ เช่น ศูนย์ความเป็นเลิศด้านยางพารา และ นาโนเทคโนโลยี และได้สร้างศูนย์วิจัยเพื่อพัฒนางานวิจัยในเชิงรุกอีก 4 ศูนย์ อาทิ ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาชายฝั่งอันดามัน และศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนามก.-ธกส. ศูนย์วิจัย (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 48 http://www.komchadluek.net)

หนุนแรงงานจบมัธยม ศธ.เปิดช่องเทียบวุฒิ

คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เกี่ยวกับภารกิจของ กศน.ที่จะยกระดับความรู้ของแรงงานถึงมัธยมศึกษาจำนวน 7 ล้านคน ในระยะเวลา 4 ปี แต่จำนวนกลุ่มเป้าหมายมีมากจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานอื่นๆ ด้วย โดยจะเริ่มจากการเทียบโอนประสบการณ์มาเป็นวุฒิการศึกษาข้ามหน่วยงานภายใน ศธ. ทั้งที่ที่ผ่านมา กศน.และ สอศ.ให้เทียบโอนประสบการณ์เป็นวุฒิการศึกษา แต่ทำในลักษณะต่างคนต่างทำ ต่อไปจะให้เทียบโอนข้ามหน่วยงานได้ หากแรงงานหรือประชาชนจะเทียบประสบการณ์เป็นวุฒิการศึกษาในส่วนวิชาชีพให้ไปเทียบโอนกับสถานศึกษาสังกัด สอศ. หรือกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน รวมทั้งสถานศึกษาเอกชนตามมาตรา 15 (2) สังกัดสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ส่วนวิชาสามัญให้เทียบโอนกับ กศน.หรือ สพฐ. โดยจะเริ่มเทียบโอนวุฒิ ปวช. หรือมัธยมปลาย และเริ่มนำร่องใน จ.พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก่อน (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 48 http://www.komchadluek.net)

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

สารเคมีกำจัดแมลงและศัตรูพืช กัดกร่อนชาติพันธุ์ของมนุษย์

โทษฐานของการใช้สารเคมีในการกำจัดแมลงและศัตรูพืชกันอย่างแพร่หลายเป็นเวลานาน จนมันเข้าสิงอยู่ในห่วงโซ่อาหารในธรรมชาติ กำลังเป็นที่วิตกว่ามันกำลังทำลายชาติพันธุ์มนุษย์ลงอย่างน่าหวาดหวั่น การศึกษาวิจัยของนักวิจัยไมเคิล สกินเนอร์ คณะแห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน สเตท ของสหรัฐฯ ได้พบว่าสารเคมีในยาฆ่าวัชพืช อาจจะก่อพิษกัดกร่อนการสืบพืชพันธุ์ของมนุษย์ลงได้ เขาได้พบจากการศึกษากับหนูตัวเมียที่ตั้งท้อง โดยปล่อยให้มันโดนสารเคมีของยาฆ่าแมลงเหล่านี้ในขนาดหนัก ได้พบว่าลูกหลานที่เป็นตัวผู้ของมัน มีเชื้ออสุจิพร่องลงไป 20% และยังมีลูกยากด้วย ยิ่งกว่านั้น เขายังได้พบหลักฐานว่า มลพิษในสิ่งแวดล้อมอาจทำให้ขบวนการทางกรรมพันธุ์ วิปริตผิดแปลกไปได้ ซึ่งอาจก่อให้เป็นโรคร้ายอย่างมะเร็งขึ้นได้ โดยจะถ่ายทอดต่อๆกันไปเป็นทอดๆ ได้ไม่ต่ำกว่า 4 รุ่น สกินเนอร์ได้กล่าวแสดงความรู้สึกวิตกว่า “เราเชื่อว่าปรากฏการณ์นี้คงเป็นอยู่อย่างแพร่หลาย”. (ไทยรัฐ อังคารที่ 7 มิถุนายน 2548 http://www.thairath.co.th)

'บิล เกตส์'ลงนาม3ฉบับกับไทยช่วยหนุนพัฒนาไอที

นายคณวัฒน์ วศินสังวร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า ในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ นายบิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ มีกำหนดการมาเยือนประเทศไทย โดยจะเข้าพบกับนายกรัฐมนตรีพร้อมทั้งลงนามบันทึกข้อตกลง 3 ฉบับ ประกอบด้วย บันทึกข้อตกลงด้านการศึกษากับกระทรวงศึกษาธิการ บันทึกข้อตกลงในการสนับสนุนโครงการรัฐบาลอิเล็กทรกนิกส์กับกระทรวงไอซีที และบันทึกข้อตกลงการพัฒนาเว็บเซอร์วิส ซึ่งเป็นตลาดกลางในการทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะทำให้เกิดการพัฒนาทักษะไอทีของครู 20,000 คน นักเรียน 60,000 คน และสนับสนุนนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไทย ซึ่งความร่วมมือทั้งหมด ต่างฝ่ายจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกัน (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 6 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)

สำนักปรมาณูไทยผนึกญี่ปุ่น ติวเข้มรับมือฉุกเฉินทางรังสี

สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติร่วมกับสถาบันวิจัยพลังงานปรมาณูแห่งประเทศญี่ปุ่น จัดการฝึกอบรมเพื่อเตรียมความพร้อมกรณีเหตุฉุกเฉินทางรังสีให้ตำรวจ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยตลอดจนพนักงานดับเพลิง นายมนูญ อร่ามรัตน์ เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แถลงว่า ปัจจุบันมีการนำสารรังสีมาใช้ประโยชน์ในสังคมไทยมากขึ้น ทำให้มีการเคลื่อนย้ายสารกัมมันตรังสีเพิ่มมากขึ้น แม้ในการขนส่งสารกัมมันตรังสีจะมีมาตรการเข้มงวด เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางรังสีอยู่แล้ว แต่การเตรียมพร้อมเพื่อรองรับกรณีฉุกเฉินทางรังสีก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องวางแผนเช่นกัน ทางสำนักงานจึงร่วมกับสถาบันวิจัยพลังงานนิวเคลียร์แห่งประเทศญี่ปุ่น จัดการฝึกอบรมหลักสูตรการเตรียมความพร้อมกรณีฉุกเฉินทางรังสี สำหรับเจ้าหน้าที่ในคณะทำงานฉุกเฉินทางรังสีของสำนักงาน โดยการฝึกอบรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 - 10 มิ.ย.นี้ ณ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เพื่อให้คณะทำงานฉุกเฉินทางรังสีได้เตรียมความพร้อมรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉินทางรังสีอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังจัดฝึกอบรมหลักสูตรเดียวกันนี้ ระหว่างวันที่ 13 - 14 มิ.ย. สำหรับเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย เช่น พนักงานดับเพลิง ตำรวจ ทหาร อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยฝ่ายพลเรือน เพื่อให้เจ้าหน้าที่เหล่านี้ได้รับความรู้เกี่ยวกับรังสี และสารกัมมันตภาพรังสี การป้องกันตนเองเมื่อเข้าปฏิบัติงาน และการปฏิบัติงานบรรเทาทุกข์ในเหตุการณ์ฉุกเฉินทางรังสีอีกด้วย (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 6 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)

แคนาดาส่งชิพคุณหมอ ฝังในร่างคนไข้

สตีฟ สวิฟต์ ผู้จัดการทั่วไปบริษัท ซาร์ลิงค์ เซมิคอนดักเตอร์ อิงค์.ในแคนาดา แถลงเปิดตัวชิพรุ่นใหม่สำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์ ช่วยแพทย์สามารถตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์ดังกล่าวที่อยู่ห่างไกลหลายกิโลเมตร ผ่านทางเทคโนโลยีไร้สาย ที่อัตราความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลที่เร็วกว่าผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งราว 10 เท่า โดยใช้พลังงานเพียง 20% เท่านั้น และรัศมีทำการระหว่างตัวชิพ และกล่องสัญญาณภายนอกจะอยู่ที่ราว 2 เมตร ด้วยเทคโนโลยีดังกล่าว ทำให้แพทย์สามารถตรวจสอบสุขภาพและประสิทธิภาพของเครื่องกระตุ้นหัวใจในตัวผู้ป่วยได้ในระยะไกล โดยชิพที่ฝังอยู่ภายในเครื่องกระตุ้น จะส่งข้อมูลแบบไร้สายไปยังกล่องสัญญาณภายนอกที่วางอยู่หัวเตียง จากนั้นข้อมูลจะถูกส่งต่อไปยังห้องทำงานของแพทย์ผ่านทางโทรศัพท์ หรืออินเทอร์เน็ต ดังนั้น หากมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น แพทย์ก็จะสามารถปรับแต่งการทำงานเครื่องกระตุ้นหัวใจในตัวผู้ป่วยได้โดยไม่ต้องนำตัวมาผ่าตัดที่โรงพยาบาล นอกจากนี้ ตัวชิพยังสามารถนำไปใช้ในเครื่องวัดระดับกลูโคสในกระแสเลือด ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมระดับอินซูลินในตัวผู้ป่วยโรคเบาหวาน และอุปกรณ์กระตุ้นกล้ามเนื้อที่เชื่อมโยงเป็นเครือข่ายในร่างกายของผู้ป่วยที่แขนขาไม่มีเรี่ยวแรง ชิพจิ๋วตัวนี้ยังสามารถสั่งงานให้เครื่องกระตุ้นหัวใจส่งสัญญาณไปยังโทรศัพท์มือถือ เพื่อติดต่อศูนย์แพทย์ หรือโรงพยาบาลในกรณีฉุกเฉิน หากผู้ป่วยเกิดอาการโรคหัวใจกำเริบขึ้นมาได้ และด้วยคุณสมบัติของเทคโนโลยีระบุพิกัดผ่านดาวเทียม หรือจีพีเอสในโทรศัพท์ จึงช่วยให้แพทย์สามารถรู้ตำแหน่งที่อยู่ของผู้ป่วยได้โดยทันที (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)

ชาร์ปผุดนวัตกรรมใหม่เทคโนโลยีฆ่าหวัดนก

มิยูกิ นากายามา โฆษกหญิงบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น “ชาร์ป” เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า การทดสอบของบริษัท ชาร์ปพบว่า เครื่องฟอกอากาศที่ใช้เทคโนโลยี พลาสมาคลัสเตอร์ ไอ ออน (plasmacluster ion) มีประสิทธิภาพสูงสุดถึง 99% ในการฆ่าเชื้อไวรัสไขหวัดนกในสภาพแวดล้อมที่อยู่ภายใต้การควบคุม นอกจากนี้ พลาสมาคลัสเตอร์ ไอออน ยังพิสูจน์ให้เห็นอีกว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันสารอันตรายที่เจือปนมากับอากาศได้ถึง 26 ชนิด ซึ่งรวมถึงเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัสและสารที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ อุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นชิ้นแรกในโลก ที่ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไวรัสไข้หวัด โดยเทคโนโลยีพลาสมาคลัสเตอร์ ไอออน ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นในปี 2543 เป็นเทคโนโลยีฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ ซึ่งมีประสิทธิภาพทำให้เชื้อจุลินทรีย์ที่เจือปนมากับอากาศตาย บริษัทชาร์ป ซึ่งตั้งอยู่ที่นครโอซากา เริ่มทำการทดลองเป็นเวลา 5 เดือนในการทดลองเทคโนโลยีป้องกันไข้หวัดนกโดยร่วมมือกับสถาบันวิจัยของอังกฤษที่ชื่อบริษัท Retroscreen Virology จำกัด ในเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ก่อนที่จะประกาศ ผลการทดลองดังกล่าว ผลการทดลองพบว่า เชื้อไวรัสเอช 5 เอ็น 1 ร้อยละ 99 ตาย นากายามากล่าวว่า ความวิตกกังวลของประชาชนเกี่ยวกับไข้หวัดนก ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งได้รับความเสียหายจากการแพร่ระบาดของโรคมรณะดังกล่าวมาแล้ว หวังว่า สินค้านี้สามารถช่วยกำจัดเชื้อไวรัสร้ายดังกล่าวได้ โดยเทคโนโลยีชนิดนี้ สามารถติดตั้งในเครื่องแอร์คอนดิชั่น, เครื่องขจัดความชื้นและเครื่องฟอกอากาศสำหรับใช้ในบ้านและโรงงานอุตสาหกรรมได้ (เดลินิวส์ พุธที่ 8 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)

เอไอทีรวมภาพดาวเทียม ทำฐานข้อมูลสึนามิ

สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) วางระบบฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกับดาวเทียม รับข้อมูลเรียลไทม์ใช้คำนวณระยะเวลาเคลื่อนที่ของคลื่นยักษ์ เพื่อเตือนภัยล่วงหน้าได้ ดร.ธวัชชัย ติงสัญชลี ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมทรัพยากรน้ำ คณะวิศวกรรมโยธา สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) กล่าวสรุปจากงานสัมมนาในเวทีวิทยาศาสตร์เรื่องสึนามิ : ผลกระทบและการฟื้นฟู ว่า สถาบันเอไอทีได้ร่วมดำเนินการศึกษาและวิจัยปัญหาที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์สึนามิ โดยส่งเจ้าหน้าที่ลงไปสำรวจความเสียหาย ไม่เฉพาะภาคใต้ของไทยเท่านั้น แต่ยังทำการสำรวจที่ศรีลังกา และมัลดีฟส์ด้วย ในการสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น พบว่า นอกจากความเสียหายที่เกิดขึ้นในทันที หลังจากที่คลื่นยักษ์สึนามิถล่มแล้ว ทุกภูมิภาคที่ประสบกับปัญหานี้จะมีความเสียหายอื่นๆ ตามมา คือ การขาดแคลนน้ำบริโภค มีความเสียหายเกิดขึ้นกับระบบน้ำประปา ระบบระบายน้ำเสียถูกทำลาย ซึ่งทางเอไอทีได้ส่งบุคลากรไปช่วยออกแบบระบบเหล่านี้ขึ้นมาใหม่ พร้อมกับสร้างไว้เป็นตัวอย่าง และเปิดโรงเรียนเพื่ออบรมให้ความรู้ด้านนี้ขึ้นมาอีกด้วย ขณะเดียวกัน เอไอทีได้จัดทำระบบฐ่านข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยใช้ภาพจากดาวเทียมไอโคนอสเก็บข้อมูลภาพพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย และยังได้นำภาพถ่ายดาวเทียมความละเอียดสูงตั้งแต่การเกิดเหตุการณ์นำเสนอลงในเวบไซต์ของทางสถาบัน เพื่อใช้ศึกษาต่อไปในอนาคต ระบบคอมพิวเตอร์ดังกล่าวนี้ยังเชื่อมต่อข้อมูลกับดาวเทียมสำหรับคำนวณระยะเวลาการเคลื่อนที่ของคลื่นยักษ์ได้ด้วย หากในอนาคตเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก สำหรับฐานข้อมูลบนเวบไซต์ ttp://mapserver.hondalab.star.ait.ac.th/tsunami/ เป็นเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่บรรจุข้อมูลต่างๆ อาทิ ภาพถ่ายผ่านดาวเทียม การสำรวจภาคสนาม ภาพถ่ายในสถานที่จริง และวิดีโอ ไว้เป็นฐานข้อมูลให้กับนักวิจัย วิศวกร ผู้วางแผนนโยบายและบุคคลที่สนใจสามารถดาวน์โหลดไปใช้ในการศึกษาต่อไปได้ หลังจากนี้ เอไอทีจะทำการศึกษาถึงวิธีการป้องกันและการเตือนภัยในประเทศอินโดนีเซีย โดยสถาบันยังได้รับทุนการศึกษาจากสถาบันในสหรัฐและในเดนมาร์ก และรวมถึงอาจได้ทุนจากหน่วยงานอื่นๆ อีก ในการบูรณะและป้องกันภัยในอนาคต (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 8 มิ.ย. 2548 http://www.bangkokbiznews.com)

เครื่องรูดบัตรเครดิตไร้สาย

นายนิทัศน์ ลอออรรถพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มเบส เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้คิดค้นและพัฒนา "จีพีอาร์เอสเทอร์มินัล" ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมไร้สายสำหรับเครื่องรูดบัตรเครดิตผ่านเครือข่ายจีพีอาร์เอส ที่สามารถช่วยร้านค้าประหยัดค่าโทรศัพท์ในการตรวจสอบและรับส่งข้อมูลระหว่างเครื่องรูดบัตรกับธนาคาร สำหรับการทำงานของเครื่องรูดบัตรเครดิตโดยทั่วไป จะส่งข้อมูลผ่านชุมสายโทรศัพท์ โดยธนาคารจะเตรียมหมายเลขโทรศัพท์ไว้ให้โดยตรง และในการรูดบัตร 1 ครั้งจะมีการเชื่อมชุมสายโทรศัพท์ 1 ครั้ง ทำให้เกิดเป็นค่าใช้จ่ายโทรศัพท์ 1 ครั้ง ฉะนั้น หากมีการรูดบัตรเครดิตมาก ค่าใช้จ่ายก็จะมากตามไปด้วย แต่การใช้เครือข่ายจีพีอาร์เอสนี้ ค่าใช้จ่ายในการส่งข้อมูลจะเป็นแบบเหมาจ่ายต่อเดือน จะใช้จำนวนกี่ครั้งก็ได้แบบไม่จำกัด สำหรับร้านค้าที่มีการรูดบัตรเครดิตมากกว่า 10 ครั้งต่อวันแล้ว การรูดบัตรเครดิตผ่านเครือข่ายจีพีอาร์เอสจะคุ้มมากกว่า เพราะว่าผู้ประกอบการไม่ต้องกังวลกับค่าโทรศัพท์ และสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายจำนวนนี้ลงอย่างชัดเจน "หลักการทำงานของเครื่อง จะเชื่อมต่อระหว่างตัวอุปกรณ์กับเครื่องรูดบัตรโดยใช้สายลิงค์ข้อมูลในส่วนของร้านค้า ขณะที่ส่วนของธนาคารจะเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายดีแทคกับธนาคารผ่านลีดส์ไลน์ ซึ่งเป็นสายเช่าความเร็วสูง เมื่อเปิดเครื่องใช้งาน กล่องจีพีอาร์เอสจากอุปกรณ์จะเชื่อมกับเครือข่ายจีพีอาร์เอสของดีแทค เพื่อสร้างเครือข่ายให้มองเห็นเซิร์ฟเวอร์ของธนาคาร และเตรียมตัวมันเองเข้าสู่โหมดเตรียมพร้อม และทันทีที่มีการรูดบัตรเครดิต ระบบจะส่งข้อมูลต่างๆ จากเครื่องผ่านเครือข่ายดีแทคไปยังธนาคาร เพื่อตรวจสอบข้อมูลสถานะของเจ้าของบัตร จากนั้น ธนาคารจะส่งข้อมูลกลับมาผ่านทางช่องทางเดิม โดยทั้งหมดนี้กินเวลา 7-10 วินาที" นายนิทัศน์ อธิบาย บริษัทได้ทดสอบอุปกรณ์กับเครื่องรูดบัตรเครดิตของธนาคารไทยพาณิชย์เป็นแห่งแรก โดยทดสอบเป็นเวลา 4 เดือน จากนั้นได้ทดสอบกับธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย โดยอุปกรณ์เสริมที่พัฒนาขึ้นนี้ได้ออกแบบให้ใช้ได้กับเครื่องรูดบัตรทุกยี่ห้อ ขณะที่ในต่างประเทศเองมีการใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับเครื่องรูดบัตรในลักษณะนี้เช่นกัน แต่เป็นรูปแบบที่ใช้ได้กับยี่ห้อใครยี่ห้อมัน นอกจากนี้ อุปกรณ์จีพีอาร์เอส เทอร์มินัล ยังสามารถปรับใช้กับงานอื่นได้อีก เช่น ตรวจวัดมลพิษของโรงงานอุตสาหกรรม โดยติดตั้งอุปกรณ์ไว้ในส่วนของเซ็นเซอร์วัดมลพิษ แล้วส่งข้อมูลไปยังกรมที่ดูแลเรื่องนี้ หรือทำเป็นแอพลิเคชั่นบันทึกเวลาสำหรับบริษัทที่มีสาขาจำนวนมาก เพื่อให้พนักงานลงเวลา โดยติดตั้งร่วมกับเครื่องสแกนลายนิ้วมือ (คมชัดลึก พุธที่ 8 มิ.ย.2548 http://www.komchadluek.net)

ปาล์มเปิดตัว"ไลฟ์ไดร์ฟ"คอมพ์มือถือ

นายลิม บุน เลียง ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ภาคพื้นเอเชียใต้ บริษัท ปาล์มวัน อิงค์ เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวคอมพิวเตอร์มือถือภายใต้ชื่อ "ไลฟ์ไดร์ฟ" ที่จะช่วยเสริมประสิทธิภาพของธุรกิจและชีวิตส่วนตัว โดยผนวกเทคโนโลยีไร้สายไว้อย่างครบถ้วน ทั้งการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (ไว-ไฟ) หรือเชื่อมต่อเครือข่ายโทรศัพท์มือถือผ่านเทคโนโลยีบลูทูธ เพื่ออ่านอีเมล เปิดเวบไซต์ต่างๆ ส่งผลให้สามารถทำงานนอกสถานที่ได้แบบไร้ขีดจำกัด ไลฟ์ไดร์ฟยังมีความสามารถในการดึงไฟล์เอกสารไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ ที่ทำค้างไว้จากเครื่องคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน ผ่านการเชื่อมต่อระยะไกลได้ด้วย และด้วยความสามารถในการรองรับไฟล์ในตระกูลออฟฟิศ ทำให้จัดการไฟล์โปรแกรมเวิร์ด เอ็กซ์เซล, เพาเวอร์พอยต์ และ อะโดบี อะโครแบท รีดเดอร์ ที่เชื่อมต่อกันระหว่างไฟล์บนเครื่องคอมพ์กับไลฟ์ไดร์ฟได้อย่างหมดปัญหา พร้อมทั้งการอัพเดทข้อมูลแบบอัตโนมัติทุกครั้งที่มีการถ่ายโอนข้อมูล "สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่ในการจัดเก็บข้อมูล ไลฟ์ไดร์ฟ สามารถรองรับความต้องการนี้ได้อย่างแน่นอน เพราะฮาร์ดไดร์ฟ ของคอมพ์จิ๋วตัวนี้มีขนาดความจุถึง 4 กิกะไบต์ ช่วยผู้ใช้สามารถพกพาไฟล์และโฟลเดอร์ข้อมูลที่จำเป็นจากเครื่องคอมพ์ไปได้ทุกแห่งที่ต้องการ" นายลิม กล่าวและว่า อย่างไรก็ตามไลฟ์ไดร์ฟตัวนี้ ยังคงยืนยันที่จะใช้ระบบปฏิบัติการของปาล์ม เช่นเดียวกับรุ่นอื่นๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ส่วนคุณสมบัติที่รองรับความบันเทิงรูปแบบมัลติมีเดีย อาทิ ภาพถ่าย ชมภาพยนตร์ในบ้านหรือโฮมมูฟวี่ ฟังเพลงเอ็มพี 3 จะผ่านทางชิพประมวลผลของอินเทลโปรเซสเซอร์ XScale ความเร็วสูงถึง 416 เมกกะเฮิรตซ์ หน้าจอสีขนาดใหญ่และความคมชัดสูง (320 x 480 พิกเซล) ที่สามารถเปลี่ยนการนำเสนอข้อมูลจากจอแนวนอน เป็นจอแนวตั้งได้ด้วยการสัมผัส พร้อมทั้งช่องเสียบการ์ดเพิ่มขยายได้ เมื่อต้องการเก็บข้อมูลที่มากขึ้น (คมชัดลึก พุธที่ 8 มิ.ย.2548 http://www.komchadluek.net)

แพทย์มะกันเจ๋งเปลี่ยนรังไข่สำเร็จ

คณะแพทย์โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ รัฐอลาบามา ประสบความสำเร็จในการทำให้สเตฟานี ยาร์เบอร์ คนไข้ชาวอเมริกันวัย 25 ปี มีบุตรได้ ยาร์เบอร์ ซึ่งมีปัญหาเกี่ยวกับรังไข่และกลายเป็นคนไม่มีประจำเดือนตั้งแต่อายุ 14 ปี เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนรังไข่ เดือน เม.ย.ปีที่แล้ว โดยใช้รังไข่ของน้องสาวซึ่งเป็นคู่แฝด ผลปรากฏว่า เธอตั้งครรภ์ภายใน 5 เดือน และ ให้กำเนิดทารกเพศหญิงเมื่อ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา นับเป็นคนไข้รายแรกของสหรัฐฯ ที่ประสบความสำเร็จในการผ่าตัดเปลี่ยนรังไข่ แพทย์กล่าวว่า ความสำเร็จครั้งนี้ซึ่งเป็นกรณีที่ไม่เกิดขึ้นบ่อย ได้สร้างความหวังให้คนไข้หญิง รายอื่นที่มีปัญหาด้านรังไข่และมีบุตรยาก โดยในอนาคตอาจเป็นไปได้ที่ผู้ป่วยมะเร็ง สามารถผ่าตัดนำรังไข่ออกมาเก็บไว้ข้างนอก และนำมาปลูกถ่ายใหม่หลังจากที่รักษาอาการ มะเร็งจนหายขาด เช่นกรณีของสตรีชาวเบลเยียมคนหนึ่งที่ล้มป่วยด้วยมะเร็งและ ต้องรักษาด้วยเคมีบำบัด แพทย์ได้ย้ายรังไข่ของเธอออกไป และเมื่อเธอหายดี แพทย์ได้ปลูกถ่ายรังไข่ ของเธอกลับเข้าที่อีกครั้ง ทำให้เธอสามารถมีบุตรได้ตามปกติ. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2548 http://www.thairath.co.th)

สร้างคอมพิวเตอร์แบบสมองมนุษย์ เพื่อล้วงลึกให้รู้เข้าไปในจิตใจคน

มนุษย์เริ่มลงมือสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์เลียนแบบสมองมนุษย์ทุกอย่าง นับตั้งแต่ระดับโมเลกุลเป็นต้นไป โครงการดังกล่าวเป็นการร่วมมือของบริษัทคอมพิวเตอร์ไอบีเอ็มของสหรัฐฯ กับทีมนักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยสวิสส์ ช่วยกันสร้างขึ้นด้วยความหวังว่า เพื่อจะได้รับความสว่างในเรื่องสติปัญญามนุษย์บางอย่าง เช่น ในเรื่องของการรับรู้ ความจำ และรวมทั้งการมีสติสัมปชัญญะ ผู้อำนวยการของสถาบันอีโคล โปลีเทคนิคแห่งโลซานน์ นายเฮนรี่ มาร์คราม กล่าวว่า มันจะช่วยให้เราได้พบเห็นสัญญาณไฟฟ้าในสมอง ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และอาจช่วยให้เข้าใจสาเหตุในการขัดข้องของ “วงจรไมโคร” ของสมอง ซึ่งทำให้เกิดอาการผิดปกติทางจิตขึ้น เช่น ภาวะซึมเศร้า และโรคจิตเภท เป็นต้น เขากับคณะได้ปลุกปล้ำเพียรทำฐานข้อมูลเครือข่ายของเปลือกสมอง อันเป็นส่วนที่ซับซ้อนที่สุดของสมองสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมมาเป็นเวลานาน ถึงสิบกว่าปีกว่าจะสำเร็จ และยังเชื่อกันว่าโครงการสร้างคอมพิวเตอร์นี้ จะต้องใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่าสิบปี. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2548 http://www.thairath.co.th)

เพาะแม่ไก่ออกไข่เป็นยาแก้มะเร็ง ทำออกจำหน่ายภายในเวลา 5 ปีนี้

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าจะสามารถเพาะแม่ไก่ ที่ออกไข่ออกมาเป็นยารักษาโรคมะเร็งออกมาจำหน่ายทั่วไปได้ ภายในเวลา 5 ปีข้างหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์ของสถาบันรอสลินได้คิดค้นหนทาง ทำให้ไข่ขาวของแม่ไก่ที่เพาะขึ้นด้วยการตัดแต่งพันธุกรรม ให้มีโปรตีนผสมอยู่อย่างเข้มข้น สำหรับใช้เป็นยารักษาโรคมะเร็งผิวหนัง พวกเขาเคยทำให้ไข่มีโปรตีนอยู่ด้วยได้มาแล้ว หากแต่มันยังมีปริมาณน้อยไป โครงการนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่างสถาบันกับบริษัทเภสัชวีราเจน ของสหรัฐฯ และบริษัทชีวเทคออกซ์ฟอร์ดไบโอเมดา ของอังกฤษ ดร.เฮเลน แสง นักวิทยาศาสตร์อาวุโสของสถาบันรอสลิน กล่าวว่า “เราเชื่อมั่นว่าความพยายามร่วมกันแบบนี้ จะสามารถทำผลิตภัณฑ์ชีวเภสัชศาสตร์ออกมาจำหน่ายทั่วไปขึ้นได้”. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2548 http://www.thairath.co.th)

ทส.เปิดตัว “นักรบสิ่งแวดล้อม”

นายยงยุทธ ติยะไพรัช รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ทส.จัดโครงการ “นักรบสิ่งแวดล้อม” ขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม โดยกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน โดย เฉพาะจากนิสิต นักศึกษาสถาบันการศึกษาต่างๆ ในการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมและน้ำเสียจากแหล่งกำเนิด ซึ่งในระยะแรกจะดำเนินการในพื้นที่ กทม. และปริมณฑลก่อน โดยเริ่มจากแหล่งกำเนิดประเภทโรงงานอุตสาหกรรม เนื่องจากแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างตั้งแต่ อ.เมือง จ.นนทบุรีผ่านกรุงเทพฯถึง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ และแม่น้ำท่าจีนตอนล่าง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ถึง อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เป็นต้น ที่มีการระบายน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมมาก จากนั้นจะขยายพื้นที่ดำเนินการไปทั่วประเทศและแหล่งกำเนิดอื่นต่อไป ทั้งนี้ ข้อมูลผลการสำรวจที่ได้ จะนำไปใช้ในการร่วมกันแก้ไขปัญหาเชิงสร้างสรรค์ กับโรงงานอุตสาหกรรมหรือผู้ประกอบการในลำดับต่อไป โครงการนักรบสิ่งแวดล้อม จะเริ่มดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.2548 โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานเปิดโครงการที่ใต้สะพานพระราม 8 และมีนิสิตนักศึกษาจาก 14 สถาบันเข้าร่วมด้วย. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2548 http://www.thairath.co.th)

คุมเข้มนำเข้าสารเคมีเกษตร 41 ประเทศตรวจพบความผิดส่งกลับไปหลายร้อยตัน

นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายอาหารปลอดภัย ของรัฐบาล กรมได้กำหนดมาตรฐานการควบคุม และตรวจสอบคุณภาพวัตถุอันตรายทางการเกษตรที่นำเข้าจาก 41 ประเทศ อย่างเข้มงวดมากยิ่งขึ้น ทั้งสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช สารเคมีป้องกันกำจัดโรค และแมลงศัตรูพืช โดยเฉพาะจากประเทศจีน ซึ่งมีแนวโน้มนำเข้ามากขึ้น ผอ.สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร เปิดเผยอีกว่า ในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยนำเข้าวัตถุอันตรายทางการเกษตรจากประเทศจีนมากขึ้น เนื่องจากการพัฒนาด้านเทคโนโลยีการผลิตการเกษตร อีกทั้งสหรัฐอเมริกาและกลุ่มสหภาพยุโรป ได้ขยายฐานการผลิตภาคการเกษตรเข้าสู่ประเทศจีนมาก เพราะเห็นว่าแถบเอเชียเป็นตลาดใหญ่ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยจึงจำเป็นต้องเพิ่มความเข้มงวด ในการขึ้นทะเบียนสารเคมีนำเข้าซึ่งที่ผ่านมามีการตรวจพบ 58 รายการ และสั่งตีกลับไปแล้ว 16,000 ลิตรกับอีก 146 ตัน. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2548 http://www.thairath.co.th)

เตรียมปล่อยดาวเทียม BGAN ปลายปีนี้

มร. ริชาร์ด เดนนี รองประธาน ฝ่ายปฏิบัติการแซทเทิลไลท์และเน็ทเวิร์ค กล่าวว่าอินมาแซท วางแผนที่จะปล่อยดาวเทียม BGAN ซึ่งเป็นบริการสับเปลี่ยนขอบเขตการบริการ ภายในปีนี้ เพื่อที่จะให้บริการโทรศัพท์และบริการอื่นๆ ที่ต้องการใช้แบนด์วิธสูง เช่น บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต การประชุมทางวีดีโอ ระบบ LAN และ บริการอื่นๆ ในความเร็วที่ 492kbps โดย BGAN เป็นบริการอันเยี่ยมยอดสำหรับผู้ที่ต้องการทำงานในเวลาที่ต้องเดินทางออกนอกจากพื้นที่ที่ให้บริการโทรคมนาคมที่ทันสมัย บริการนี้เหมาะสำหรับผู้บริหารและผู้ที่ต้องเดินทางที่ต้องการเชื่อมต่อกับบริการที่สำคัญเช่น บริการเสียง บริการอีเมล และบริการอินเตอร์เน็ต ในทุกๆ ที่ที่เดินทางไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ๆ ระบบเครือข่ายไม่ดีหรือไม่มีระบบเครือข่าย BGAN ให้บริการทั้งข้อมูลเสียงและข้อมูลบรอดแบนด์ จึงถือว่าเป็นการพัฒนาบริการครั้งยิ่งใหญ่ที่ได้ยกระดับประสิทธิภาพและความสามารถในการใช้งานการสื่อสารผ่านสัญญาณดาวเทียม เคลื่อนที่ โดย BGAN จะขยายขอบเขตของ 'broadband mobile office' ซึ่งขยายเพิ่มจากตลาดของบริการ 3G ซึ่งเพิ่งจะเริ่มต้นให้บริการ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 9 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)

เสนอ'ศ.ไพรัช'คนไทยคนแรก รับรางวัลผู้นำเทคโนโลยี

ศ.ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัล Leadership in Technology Management (LTM) 2005 จาก Portland International Center for Management of Engineering and Technology หรือ PICMET จึงถือเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับการเสนอชื่อ และการพิจารณารางวัลดังกล่าวกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 2 สิงหาคม 2548 ณ ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นคนแรกของประเทศไทย ณ สหรัฐอเมริกา คุณสมบัติผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัล LTM จะต้องเป็นผู้นำทางด้านการบริหารจัดการเทคโนโลยี มีวิสัยทัศน์ และมีความเด่นในด้านกำหนดกลยุทธ์ทิศทาง และช่วยดำเนินการให้แผนกลยุทธ์หรือวิสัยทัศน์ดังกล่าวสำเร็จผล โดยรางวัลดังกล่าวจะให้สำหรับ 3 สาขา คือ ภาครัฐ ภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม สำหรับผู้ที่เคยได้รับรางวัลดังกล่าวที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย คือ นาย Andrew Grove จาก Intel, Jack Welch จาก GE เป็นต้น ทั้งนี้ คณะกรรมการผู้พิจารณารางวัลดังกล่าว ได้พิจารณาผลงาน ศ.ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ตั้งแต่ครั้งดำรงตำแหน่งอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ, ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ตามลำดับ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 9 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)

ส.กีฬาการบินสร้าง'ยานเบา'สัญชาติไทย

นายไชญพร เพริศพริ้ง ผู้จัดการโครงการออกแบบและสร้างอากาศยานเบาพิเศษ สมาคมกีฬาการบิน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า สมาคมอยู่ระหว่างการสร้างอากาศยานเบาพิเศษ ที่ลักษณะคล้ายเครื่องบินส่วนบุคคลขนาด 2 ที่นั่ง น้ำหนักไม่เกิน 500 กิโลกรัม โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยออกแบบโครงสร้างและชิ้นส่วนประกอบ รวมถึงการคำนวณ การรับแรงต่างๆ ทำให้มั่นใจว่าอากาศยานเบาพิเศษสัญชาติไทยลำนี้ จะมีความแข็งแรงและสมบูรณ์ที่สุด แบบหนึ่ง สำหรับอากาศยานสัญชาติไทยนี้ เมื่อสร้างแล้วเสร็จจะเน้นใช้ประโยชน์ด้านการฝึกบิน เพื่อพัฒนากิจการ "กีฬาการบิน" ให้ทัดเทียมต่างประเทศ โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัท ซีบี แอร์คราฟท์ จำกัด ผู้ประกอบการส่งออกอุปกรณ์เครื่องบินบังคับวิทยุและสมาคมวิทยุการบิน ที่ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ มาร่วมกันสร้าง ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบโครงสร้าง ชิ้นส่วน จัดหาอุปกรณ์และลงมือสร้าง ในส่วนของโครงสร้างเครื่องบิน ทีมงานสามารถทำขึ้นได้เองจากวัสดุภายในประเทศ แต่อุปกรณ์บางส่วนยังต้องนำเข้า อาทิ เครื่องยนต์ ใบพัด อุปกรณ์ตรวจวัดบนแผงหน้าปัด ซึ่งเมื่อเทียบราคากับเครื่องบินที่ต้องนำเข้าแล้ว อากาศยานเบาที่ออกแบบขึ้นราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ขณะที่เครื่องนำเข้าราคา 1-5 ล้านบาท ขึ้นกับแบบของเครื่องบินแต่ละรุ่น อีกทั้งช่วยลดค่าใช้จ่ายในส่วนของการบำรุงรักษาได้อย่างมากด้วย นอกจากใช้ประโยชน์ด้านการฝึกบินแล้ว ยานบินดังกล่าวยังสามารถใช้ประโยชน์ในด้านอื่นได้อีก อาทิ ช่วยเกษตรกรฉีดพ่นยาฆ่าแมลงในไร่นา โดยขณะนี้ การสร้างได้คืบหน้าไปแล้ว 75% รวมทั้งอยู่ในขั้นตอนการทดสอบสมรรถนะใช้งาน วัสดุและโครงสร้างในส่วนของการรับแรงลม รวมถึงแรงฉีกขาด ที่จะต้องตรวจสอบอย่างแม่นยำ ก่อนการผลิตออกมาใช้งานจริง ซึ่งคาดว่าจะทดสอบเสร็จสิ้นประมาณเดือนกรกฎาคมนี้ ทั้งนี้ ลักษณะเบื้องต้นของอากาศยานเบาพิเศษ 2 ที่นั่งสัญชาติไทยนี้ ต้องสามารถทำการฝึกบินได้เป็นอย่างดี, ความเร็วเดินทางสูงสุด 90 ไมล์ต่อชั่วโมง, ติดตั้งอุปกรณ์ ร่มชูชีพหิ้วเครื่องเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน, สามารถใช้เครื่องยนต์ได้หลากหลาย, ซ่อมบำรุงง่าย ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย, สามารถควบคุมการบินได้โดยง่าย, มีอัตราร่อนสูง, โครงสร้างแข็งแรงได้มาตรฐาน และราคาประหยัดที่สุด (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 9 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)

เมาส์พันธุ์ใหม่ไม่สะดุด ใช้ได้กับทุกพื้นผิวไม่ง้อแผ่นรอง

"เมาส์" กลายป็นอุปกรณ์ส่วนสำคัญที่คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะขาดไม่ได้ ขณะที่ผู้ผลิตหลายรายได้พัฒนาเมาส์รุ่นใหม่เอาใจคนทันสมัย ด้วยความสามารถในการเคลื่อนที่ได้ทุกพื้นผิว ไม่ว่าจะเรียบ มัน ลื่น หรือจะเป็นหิน แผ่นหนังและผิวหนังของคนก็ตาม โดยใช้เทคโนโลยีแสงและเลเซอร์มาเป็นผู้ช่วย ส่งผลให้เมาส์สายพันธุ์ใหม่สามารถเคลื่อนตัวไปมาบนพื้นผิวหลากชนิดได้อย่างไม่มีสะดุด โดยผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่หลายรายเริ่มนำเมาส์เสริมเทคโนโลยีมาผนวกในสินค้าของตนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเดลล์ เอชพี และไอบีเอ็ม โดยนำมาอวดโฉมในงานคอมพิวเท็กซ์ หรืองานแสดงคอมพิวเตอร์ในไต้หวัน ที่ถือได้ว่าเป็นงานใหญ่อันดับสองของโลกเลยทีเดียว อาทิ ลอจิเทค ค่ายผู้ผลิตเมาส์จากสวิตเซอร์แลนด์ ได้เสนอเมาส์ไร้สายที่สามารถเคลื่อนตัวได้ทุกพื้นผิว ขณะที่บริษัท แอคร็อกซ์ เทคโนโลยีส์ โค.ในไต้หวัน เปิดตัวเมาส์เลเซอร์ที่คลิกใช้งานได้กลางอากาศ เหมาะกับบรรดาวิทยากรที่ต้องการเคลื่อนเมาส์ไปมาขณะการบรรยาย โดยไม่ต้องใช้แผ่นรอง เมาส์เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น หลังจากคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเป็นที่รู้จัก และใช้กันอย่างแพร่หลายเมื่อ 25 ปีก่อน จนล่าสุดรูปลักษณ์ของเมาส์ได้แปรเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย จากมีหางก็มาหางกุด จากที่วิ่งไปมาบนโต๊ะ ก็สามารถวิ่งไปมาได้ทุกแห่งหนตามที่ผู้ใช้ต้องการ (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2548 http://www.komchadluek.net)

บ้านอัจฉริยะสั่งงานผ่านมือถือและพีซี

เว็บไซต์เทเลคอมเกาหลีดอทคอมรายงานว่า ในงานสมาร์ทโฮม แอนด์ โฮม เน็ตเวิร์ค โชว์ 2005 ซึ่งจัดขึ้นที่เกาหลี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีบริษัททั้งเล็ก-ใหญ่ที่เชี่ยวชาญด้านโฮมเน็ตเวิร์คของเกาหลี เข้าร่วมงานถึง 153 บริษัท ภายในงานมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับเทคโนโลยีโฮม เน็ตเวิร์ค และโซลูชั่น กว่า 13,000 หัวข้อ ตอบสนองความต้องการด้านอุตสาหกรรม ความบันเทิง และการรักษาความปลอดภัยภายในบ้าน รายงานข่าวระบุว่า ภายในงาน แอลจี โฮมเน็ต ได้จัดแสดงนิทรรศการระบบโฮม เน็ตเวิร์คกิ้ง การควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ในบ้าน บนฐานของ LnCP หรือ Living network Control Protocol เทคโนโลยีที่แอลจีพัฒนาขึ้น ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถสั่งการทำงานของอุปกรณ์ดังกล่าวจากระยะไกลผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีและโทรศัพท์มือถือได้ เช่น สั่งเปิดแอร์เมื่อรถเข้าจอดในโรงรถ เช็กอาหารที่เหลืออยู่ในตู้เย็น เปิดทีวี และเปิดคอมพิวเตอร์. (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 9 มิ.ย. 2548 http://www.dailynews.co.th)

"วัฒนา"หนุนใช้กากของเสียผลิตไฟฟ้า

นายวัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวหลังการเสวนาหัวข้อ "อุตสาหกรรมช่วยชาติประหยัดพลังงาน" วานนี้(9 มิ.ย.) ว่าจะเสนอ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกมาตรการสนับสนุนโครงการผลิตพลังงานทดแทนจากของเสียของโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศ อาทิ กากของเสีย น้ำเสีย เพื่อผลิตก๊าซชีวภาพและไฟฟ้า เพื่อให้ได้พลังงานจำหน่ายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยกระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้ กฟผ. เพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนสูงกว่าที่รับซื้อปัจจุบันราคา 1.10 บาทต่อเมกะวัตต์ เพื่อจูงใจผู้ประกอบการให้หันมาผลิตพลังงานใช้เองและจำหน่ายมากขึ้น เพราะราคาปัจจุบันไม่เหมาะสมและไม่คุ้มค่าลงทุน นอกจากนี้จะเจรจากับกระทรวงการคลัง ให้จัดหาเงินกู้แก่โรงงานที่ต้องการลงทุน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการบริหารจัดการและใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า ลดนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศตามนโยบายรัฐบาล ทั้งนี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ได้รับมอบให้นำมาตรการประหยัดและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในโรงงาน โดยทำโครงการนำร่องผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำเสียของโรงงาน ขณะนี้มีเอกชนเข้าร่วมโครงการ 3 ราย ได้แก่ บริษัทแป้งมันร้อยเอ็ด จำกัด บริษัท วีพี สตาร์ซ (2000) จำกัด และบริษัท ปราจีน สตาร์ซ จำกัด ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนอนุรักษ์พลังงาน 50 ล้านบาท คาดว่าจะผลิตก๊าซชีวภาพได้เท่าน้ำมันเตา 8,700-10,500 ลิตรต่อวัน ซึ่งจะทดแทนการใช้น้ำมันเตาและประหยัดเงินได้ 27-33 ล้านบาทต่อปี คืนทุนได้ใน 2 ปี และจะขยายผลไปยังโรงงานมันสำปะหลังอีก 77 ราย ในปี 2549 ในอนาคตจะผลักดันให้ใช้กากมันสำปะหลังผลิตไฟฟ้า และโรงงานอุตสาหกรรมเกษตรเข้าร่วมมากขึ้น ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนราว 9,353 ล้านบาท ซึ่งจะประหยัดพลังงานความร้อนและไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรมได้ 3,924 ล้านบาทต่อปี หรือ 58,860 ล้านบาท ตลอดอายุโครงการ 15 ปี หรือประหยัดค่าก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาด 135 เมกะวัตต์ ลดภาระรัฐได้ 5,400 ล้านบาท ด้านนายอุทัย จันทิมา ผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า ปีนี้ กนอ. มีแผนจะขยายโครงการอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วมระยะที่ 2 ในอีก 50 โรงงาน หลังจากดำเนินการมาแล้วใน 4 นิคมอุตสาหกรรม 31 โรงงาน โดยตั้งเป้าลดใช้พลังงานเฉลี่ย 10-15% และประหยัดค่าใช้จ่ายพลังงานได้ถึง 21 ล้านบาทต่อปี (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)

เตือน"สึนามิ"รอบใหม่คลื่น15เมตร!

เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. นิตยสารเนเจอร์รายงานการศึกษาของนายจอห์น แม็กคลอสกี ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัยอัลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ว่า ภายในปีนี้อาจเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่แถบสุมาตราอีก 2 ครั้ง มีความรุนแรงถึง 7.5 และ 9 ริกเตอร์ โดยแผ่นดินไหวครั้งหลังอาจก่อให้เกิดสึนามิหรือคลื่นยักษ์สูงประมาณ 10-15 เมตร สำหรับนายแม็กคลอสกีและคณะเคยทำนายถูกต้องว่าจะต้องเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ซ้ำสอง หลังจากเกิดเหตุสึนามิเมื่อ 26 ธ.ค. 2547 ซึ่งก็เป็นจริงในวันที่ 28 มี.ค.2548 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.7 ริกเตอร์ ในพื้นที่แถบบันดาอาเจะห์ ชาวอินโดนีเซียเสียชีวิตกว่า 900 คน ผู้เชี่ยวชาญชาวอังกฤษ กล่าวว่า ผู้มีหน้าที่อพยพประชาชนจะต้องเตรียมรับมือกับแผ่นดินไหวที่อาจเกิดขึ้นภายในปีนี้ โดยแผ่นดินไหวครั้งที่ 1 จะอยู่ที่ "รอยเลื่อนสุมาตรา" ทางตะวันตกของสุมาตรา เนื่องจากแผ่นเปลือกโลกหนึ่งมีแรงดันเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ส่วนแผ่นเปลือกโลกอีกแผ่นหนึ่งมีแรงดันเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จะทำให้เกิดแผ่นดินไหวตั้งแต่ 7.0-7.5 ริกเตอร์ ส่วนแผ่นดินไหวครั้งที่ 2 จะอยู่ที่ "รอยเลื่อนซุนดรา" พื้นทะเลเกิดรอยแยกเป็นระยะทาง 200 กิโลเมตร ไปทางตะวันตกของสุมาตรา ซึ่งพื้นที่แถบนี้จะแตกต่างไปจากรอยเลื่อนสุมาตรา เนื่องจากรอยเลื่อนซุนดราพยายามแยกตัวเป็นแนวดิ่งและอาจทำให้เกิดสึนามิ นอกจากนี้พื้นที่แถบนี้ยังตั้งอยู่บริเวณ "เมกะทรัสต์" ซึ่งแผ่นเปลือกโลกออสเตรเลียพยายามแทรกตัวไปใต้แผ่นเปลือกโลกยูเรเซียนไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ นายแม็กคลอสกีกล่าวว่า แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ซึ่งห่างไปจากจุดแผ่นดินไหวที่ทำให้เกิดสึนามิ ไปทางตอนใต้ 160 กิโลเมตร ก่อให้เกิดพื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหวแห่งใหม่ที่ด้านใต้ของหมู่เกาะเมนตาไว ซึ่งแผ่นดินไหวใต้หมู่เกาะเมนตาไวอาจทำให้เกิดสึนามิ โดยเมืองที่ตั้งอยู่ทางชายฝั่งตะวันตกของสุมาตราจะได้รับผลกระทบ สึนามิจะเริ่มเคลื่อนตัวห่างจากชายฝั่ง 200 กิโลเมตร ด้วยความเร็ว 750 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ประชาชนมีเวลาเพียง 15-20 นาทีที่จะอพยพสู่ที่สูง (ข่าวสด ศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)

พันธุ์ไม้ไทยพันกว่าชนิดใกล้สูญพันธุ์เต็มที

นายฉัตรชัย รัตโนภาส อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า ปัจจุบันสิ่งมีชีวิตในโลกสูญพันธุ์ไปแล้วมากกว่า 30,000 ชนิดต่อปี คิดเป็นอัตราเร็วกว่าการสูญพันธุ์ในยุคก่อนมนุษย์ถือกำเนิดถึง 1.2 แสนเท่า ในส่วนประเทศไทยพบว่าพันธุ์ไม้ที่ใกล้สูญพันธุ์มีประมาณ 1,131 ชนิด อาทิ ชมพูภูคา ชมพูเชียงดาว รองเท้านารี เปล้าน้อย เป็นต้น ส่วนสัตว์ป่าก็มีสมันที่สูญพันธุ์ไปจากโลกตั้งแต่ พ.ศ. 2479 เพราะถูกล่าอย่างหนัก นกช้อนหอย นกพงหญ้า และกูปรี "สิ่งที่น่าวิตกตอนนี้คือ ช้างป่า ควายป่า เสือโคร่ง และพะยูนกำลังจะสูญพันธุ์จากประเทศไทยในไม่ช้า เพราะประชากรช้างป่าในธรรมชาติลดลงเหลือเพียง 1,975 ตัว ควายป่า 50-70 ตัว เสือโคร่ง 250-500 ตัว เท่านั้น ส่วนพะยูนพบฝูงสุดท้ายที่หาดเจ้าไหมและเกาะลิบง จ.ตรัง เท่านั้น สาเหตุของการสูญพันธุ์เกิดจากการกระทำของมนุษย์ โดยเฉพาะการตัดไม้ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า กรมป่าไม้จำเป็นต้องเพิ่มบทบาทความสำคัญในการจัดทำหอพรรณไม้ เพื่อเก็บรวบรวมพันธุ์พืชชนิดต่างๆ ซึ่งมีมากกว่าหมื่นตัวอย่างให้มากขึ้น โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ กฤษณา (ข่าวสด ศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)

"สมอ."ตั้งทีมเฉพาะกิจ ผุดมาตรฐานสินค้า

นายไพโรจน์ สัญญะเดชากุล เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า สมอ.ได้ตั้งคณะกรรมการเป็นทีมเฉพาะกิจที่มาจากผู้ผลิต ผู้ใช้ และนักวิชาการ พิจารณากำหนดนโยบายและออกมาตรฐานรายผลิตภัณฑ์ ทั้งมาตรฐานบังคับและมาตรฐานทั่วไป รองรับเปิดเขตเสรีการค้า (เอฟทีเอ) กับประเทศต่างๆ ซึ่งจะทำให้มีสินค้าเข้ามาจำหน่ายในไทยมากขึ้น ดังนั้นเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและดูแลผู้ประกอบการในประเทศ สมอ.จะเร่งออกมาตรฐานต่างๆให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยคณะทำงานที่ตั้งขึ้นจะมีหลายชุด ดูแลรายสินค้าโดยเฉพาะ ได้แก่ ทีมงานมาตรฐานยานยนต์ สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้แสงสว่าง อิเล็กทรอนิกส์ กระเบื้องและเซรามิค เหล็ก ทีมงานแต่ละชุดที่ตั้งขึ้นจะทำให้การออกมาตรฐานบังคับรวดเร็วขึ้นและทันคุ้มครองผู้บริโภคและผู้ผลิตในประเทศจากสินค้าด้อยมาตรฐานที่เข้ามาดั๊มพ์ตลาด โดยเฉพาะเมื่อเปิดเอฟทีเอแล้วสินค้าจากคู่ค้าจะเข้ามาจำหน่ายในไทยได้เสรีขึ้น ซึ่งสมอ.พยายามจะกระจายงานให้เอกชนและหน่วยงานอื่นๆเข้ามามีส่วนร่วมในการออกมาตรฐานและตรวจสอบผลิตภัณฑ์ต่างๆมากขึ้น สมอ.จะเสนอความคืบหน้าต่อนายวัฒนา เมืองสุข รมว.อุตสาหกรรม เกี่ยวกับการบรรลุข้อตกลงกับหน่วยงานในกระทรวง เมติ ของญี่ปุ่นที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงการยอมรับร่วม (MRA )ในมาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรมระหว่างกันภายใต้กรอบเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-ญี่ปุ่น โดยสินค้าและผลิตภัณฑ์ของผู้ส่งออกที่ส่งสินค้าไปจำหน่ายในญี่ปุ่น สามารถนำสินค้ามาตรวจสอบมาตรฐานกับสมอ.หากได้มาตรฐานตามที่กำหนดก็สามารถส่งออกไปได้โดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานสินค้าจากญี่ปุ่นอีก เช่นเดียวกับผู้ส่งออกญี่ปุ่น เมื่อหน่วยงานของเมติรับรองสินค้าแล้วก็สามารถส่งสินค้ามาจำหน่ายในไทยได้ โดยสมอ.จะไม่ตรวจสอบมาตรฐานอีก "การยอมรับมาตรฐานตรวจสอบสินค้าของญี่ปุ่นจะลดอุปสรรคการนำเข้าและส่งออกของสองประเทศ ให้รวดเร็วขึ้น ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อผู้ประกอบการทั้งสองฝ่าย แต่ข้อตกลงดังกล่าวจะต้องเซ็นเอ็มโอยูกันต่อ" อย่างไรก็ตาม MRA จะมีผลรวดเร็วขึ้น หากญี่ปุ่นให้ความร่วมมือด้านความพร้อมทางวิชาการ ด้านบุคลากร และการพัฒนาห้องทดสอบสู่มาตรฐานสากลและเป็นที่ยอมรับ หากเป็นไปตามเงื่อนไขดังกล่าว คาดว่า MRA ระหว่าง 2 ประเทศ จะมีผลบังคับใช้ทันทีพร้อมกับการเปิดเอฟทีเอไทย-ญี่ปุ่น (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)

พลังงานดึง10ค่ายรถยนต์ชั้นนำ ร่วมรณรงค์เพิ่มใช้แก๊สโซฮอล์

นายวิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังเป็นประธานปล่อยรถยนต์ทดสอบที่ใช้แก๊สโซฮอล์ โดยมีค่ายรถยนต์ชั้นนำ 10 แห่งเข้าร่วม ประกอบด้วย บริษัท โตโยต้า ฮอนด้า มิตซูบิชิ นิสสัน มาสด้า เชฟโรเลต ฟอร์ด เมอร์เซเดส-เบนซ์ บีเอ็มดับเบิลยู และวอลโว่ ในเส้นทางกรุงเทพฯ-สุพรรณบุรี-อุทัยธานี ระยะทาง 300 กม. ใช้เวลาเดินทาง 4 ชม.ติดต่อกัน วานนี้ (9 มิ.ย.) ว่า จะสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนผู้ใช้รถยนต์แต่ละยี่ห้อ ว่า สามารถเติมแก๊สโซฮอล์ได้โดยไม่ต้องดัดแปลงเครื่องยนต์ สำหรับการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ขณะนี้ กระจายอยู่ตามสถานีบริการต่างๆ กว่า 1,000 แห่ง และมีเป้าหมายเพิ่มเป็น 4,000 แห่ง ส่วนปริมาณเอทานอลนั้น ยืนยันได้ว่ามีเพียงพอกับความต้องการผลิตแก๊สโซฮอล์ คาดว่ากำลังผลิตจะเพิ่มเป็น 1 ล้านลิตรต่อวัน ภายในปี 2549 ดร.อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบางจาก กล่าวว่า ขณะนี้ บางจากมีสถานีบริการน้ำมันแก๊สโซฮอล์กว่า 400 แห่งทั่วประเทศ ส่วนภาคใต้ยังไม่มีจำหน่าย แต่จะขยายบริการให้ทั่วถึง โดยตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะเพิ่มสถานีบริการเป็น 460 แห่งทั่วประเทศ จากที่มีทั้งหมด 500 แห่ง ไม่รวมปั๊มชุมชนอีก 500 แห่ง และภายในกลางปี 2549 จะยกเลิกขายน้ำมันเบนซิน 95 ทั้งหมดแน่นอน นายเมตตา บันเทิงสุข ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า หลังจากจัดงาน "วันรวมพลังไทย ลดใช้พลังงาน" ไปเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ได้รับความร่วมมือจากคนไทยอย่างดี กระทรวงพลังงาน จึงเดินหน้าประหยัดพลังงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ โดยได้จัดตั้งคณะกรรมการประสานการรณรงค์และติดตามการประหยัดพลังงานขึ้น มีปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน เพื่อประสานและรณรงค์ประหยัดพลังงาน ให้เป็นไปตามเป้าหมาย ลดใช้พลังงานภาคส่วนต่างๆ อาทิ ลดใช้พลังงานหน่วยงานรัฐ 10-15% ลดใช้พลังงานภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจ 15% และลดใช้พลังงานภาคประชาชน 10% ซึ่งคาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด ภายใน 3 เดือนข้างหน้า โดยจะวัดผลประหยัดทุกภาคส่วน เพื่อเสนอผลต่อรองนายกฯ ทั้ง 3 คน ที่กำกับดูแลเป็นระยะๆ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)

การทางพิเศษฯคว้ารางวัล โครงการอนุรักษ์พลังงาน

นายสมชาย จารุเกษมรัตนะ รองผู้ว่าฝ่ายปฏิบัติการการทางพิเศษฯ เปิดเผยว่า จากการที่กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน ได้เชิญการทางพิเศษฯเข้าร่วมการประกวดโรงงาน และอาคารอนุรักษ์พลังงาน และบุคลากรที่ดำเนินการอนุรักษ์พลังงานประจำปี 2548 ปรากฏว่า การทางพิเศษฯได้รับรางวัลอาคารควบคุมดีเด่นประเภทสำนักงาน และนายเผชิญ ไพโรจน์ศักดิ์ ผู้ว่าการการทางพิเศษฯ ได้รับรางวัลผู้บริหารด้านการอนุรักษ์พลังงานในอาคารควบคุม (อาคาร กทพ.จตุจักร) โดยผู้ว่าการได้มอบหมายให้ตนเป็นผู้แทนการทางพิเศษฯ เข้ารับรางวัลจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน วันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา นายสมชายกล่าวว่า การทางพิเศษฯได้เตรียมความพร้อมการเข้าร่วมโครงการดังกล่าว และมีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เช่น อาคารสำนักงานใหญ่ กทพ.จตุจักร ถูกจัดเป็นอาคารควบคุม เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค. 2541 จึงต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดไว้ในเรื่องการอนุรักษ์พลังงาน โดยการทางพิเศษฯได้ดำเนินการอนุรักษ์พลังงาน ตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปี 2535 มาอย่างต่อเนื่อง และมีนโยบายด้านการอนุรักษ์ พลังงานที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งปรับปรุงอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงาน เช่น การใช้บัลลาสต์โลว์ลอสต์ การใช้เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วน ชนิดประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ กำหนดแผนปฏิบัติการเกี่ยวกับมาตรการประหยัดพลังงานไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง และสาธารณูปโภค ให้พนักงานถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่ปี 2544 ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน โดยไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ 2548 มีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลดลงร้อยละ 9.12 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2546 เป็นลำดับที่ 1 ของรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคม. (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 11 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)

อันตรายจากแสงเลเซอร์

พ.ญ.พิมลวรรณ กฤติยรังสรรค์ ผอ.สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าปัจจุบันมีการนำเลเซอร์มาใช้รักษาผิวหนัง รวมทั้งลดริ้วรอยเหี่ยวย่นและ ทำให้ผิวพรรณสดใสขึ้น ดูอ่อนกว่าวัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา แต่หากเลือกใช้เลเซอร์ที่ไม่เหมาะสม หรือไม่ได้รับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง หรือรอยแผลเป็น ซึ่งอาจจะไม่สามารถแก้ไขให้กลับมาเหมือนเดิมได้ ทั้งนี้เนื่องจากเครื่องเลเซอร์มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด แต่ละชนิดจะให้กำเนิดคลื่นแสง ที่มีความยาวคลื่นจำเพาะ และมีผลเฉพาะต่อเนื้อเยื่อที่ตอบสนองต่อคลื่นแสงนั้น ๆ ดังนั้นการใช้เลเซอร์ที่เหมาะสมกับเนื้อเยื่อที่จะทำการรักษา จึงเป็นแนวทางที่ให้ผลดีมากที่สุด และการรักษาควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยมีการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องเพื่อจะไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงภายหลัง (เดลินิวส์ เสาร์ที่ 11 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)

ข่าววิจัย/พัฒนา

กินนมต้านโรคหัวใจเฉียบพลัน แถมหนีห่างจากโรคลมอัมพาตได้

นักวิจัยพบในการศึกษาว่า คนที่ดื่มนมให้มากขึ้น จะช่วยป้องกันโรคหัวใจเฉียบ พลัน และโรคลมอัมพาตลงได้ หนังสือพิมพ์ “ไอริช อินดิเพนเดนต์” อันมีชื่อเสียงของไอร์แลนด์ รายงานว่า ศาสตราจารย์ ปีเตอร์ เอลลู้ด แห่งมหาวิทยาลัยคาร์ดิฟฟ์ กับคณะ ได้พบจากการติดตามศึกษาคนผู้ใหญ่ทั่วโลก จำนวน 400,000 คน มาเป็นเวลานาน 28 ปี พบว่า ผู้ที่นิยมดื่มนมให้มากขึ้น สามารถพาตัวให้หนีห่างจากโรคหัวใจเฉียบพลันได้ถึง 13% และห่างจากโรคลมอัมพาตได้ 17% (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2548 http://www.thairath.co.th)

เด็กไทยคิดวิธีใช้พลังงานทดแทนราคาถูก

นายพิสิษฐ์ เกียรติกิตติกุล หรือน้องมิ้ง อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ นักเรียนทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เจ้าของโครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง “กรวยรวมแสงอาทิตย์” บอกว่า จุดมุ่งหมายของโครงงาน คือ การเน้นขั้นตอนการศึกษาที่ง่ายและถูกกว่าการใช้เซลล์สุริยะ นายพิสิษฐ์ เล่าว่า การรวมพลังงานแสงอาทิตย์ให้ได้ความร้อนสูงเพื่อนำไปใช้นั้น ส่วนใหญ่จะใช้เลนส์นูนและกระจกเว้าซึ่งมีต้นทุนค่อนข้างสูง จึงได้นำเสนอการใช้กระจกราบ โดยนำวัสดุที่สะท้อนแสง และสามารถดัดงอทำให้เป็นลักษณะกรวย โดยศึกษาถึงผลกระทบของตัวแปรต่าง ๆ ต่อพลังงานที่ส่งไปถึงปลายกรวย โดยแบ่งการทดลองออกเป็น 3 ขั้นตอน ได้แก่ ศึกษาถึงความสัมพันธ์ของวัสดุที่ใช้ในการสะท้อนแสงกับความสามารถในการรวมแสงของกรวย ศึกษาถึงผลของรัศมีที่ฐานกรวยและความยาวของกรวยต่อความสามารถในการรวมแสง และศึกษาขอบเขตความสามารถในการรวมแสงของกรวย รวมถึงขีดจำกัดของจำนวนครั้งที่สะท้อน ซึ่งสามารถส่งผ่านพลังงานไปยังปลายสุดกรวยได้ โดยทำให้ทราบความสามารถในการรวมแสงของกรวยแบบต่าง ๆ ผลการศึกษาเบื้องต้นพบว่า เป็นไปตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้ระดับหนึ่ง แต่ยังพบความคลาดเคลื่อนบางส่วน ซึ่งได้สันนิษฐานว่า อาจเป็นผลมาจากการที่แสงภายนอกเข้ามาส่งผลต่อการทดลองทำให้ผลที่ได้มีความคลาดเคลื่อนไปบ้างเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาข้างต้นสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการสร้างกรวยที่สามารถรวมแสงอาทิตย์จากวัสดุสะท้อนแสงราบได้ ซึ่งจะทำให้ประหยัดงบประมาณ และเป็นการนำเสนอทางเลือกในการใช้พลังงานทดแทนที่ถูกลงกว่าเดิม. (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2548 http://www.dailynews.co.th)

ฮอร์โมนเชื่อใจ ดมกลิ่นแล้ว ยอมทุกอย่าง

ทีมนักวิจัยจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ค้นพบฮอร์โมนธรรมชาติ เมื่อนำไปพ่นใส่ใครแล้วจะไว้เนื้อเชื่อใจยอมให้หมดตัว พบข้อดีสามารถใช้รักษาผู้ป่วยออทิสติก แต่ในด้านลบเกรงมิจฉาชีพจะนำไปใช้ลอกคราบก่ออาชาญกรรม ในการวิจัยล่าสุด ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยซูริช พบฮอร์โมนที่ชื่อว่า "ออกไซโตซิน" ฮอร์โมนธรรมชาติที่ช่วยกระตุ้นนมจากเต้าให้กับคุณแม่มือใหม่ และในเวลาเดียวกันฮอร์โมนดังกล่าว ยังเปิดสวิตช์ระบบควบคุมอารมณ์ในสมอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจและนิสัยชอบเข้าสังคมด้วย ก่อนหน้ามีงานวิจัยชิ้นหนึ่ง ได้ทดลองให้ฮอร์โมนออกไซโตซินกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในห้องวิจัย และพบว่าสัตว์ดังกล่าวยอมเข้าพวกกับสัตว์ตัวอื่นง่ายขึ้น ทีมวิจัยจึงอยากรู้ว่าจะมีผลต่อมนุษย์เหมือนกันหรือไม่ พวกเขาได้เปิดรับอาสาสมัครทดลองชายที่เป็นนักศึกษา 178 คน แล้วให้เล่นเกมที่ต้องอาศัยความไว้วางใจและความเสี่ยง อาสาสมัครครึ่งหนึ่งจะได้รับออกไซโตซินสูดดมทางจมูก ขณะที่เหลืออีกครึ่งจะให้สูดดมสารเทียมที่ไม่มีฤทธิ์ และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายแต่อย่างใด โดยที่อาสาสมัครกลุ่มหนึ่งจะเล่นเป็นนักลงทุน ส่วนอีกฝ่ายเล่นเป็นคนรับฝากเงินลงทุน ผลวิจัยพบว่า ผู้เล่นที่ได้รับสารออกไซโตซินร้อยละ 45 วางใจคนรับฝากเงินทุนอย่างเห็นได้ชัด ยอมมอบหมายอำนาจให้ผู้รับฝากเงินสามารถโอนยอดเงินสูงสุดได้เอง ขณะที่นักลงทุนที่ไม่ได้รับสารออกไซโตซิน ร้อยละ 21 วางใจผู้รับฝากเงินว่าจะไม่โกง นักวิจัย กล่าวว่า การค้นพบครั้งนี้อาจนำไปสู่การพัฒนายาเพื่อรักษาผู้ที่หวาดระแวงสังคม ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่า มันอาจนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่น นักการเมืองนำไปพ่นใส่ผู้มีสิทธิลงคะแนน เพื่อให้เลือกพวกเขาเข้าสภาก็เป็นได้ (คมชัดลึก จันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2548 http://www.komchadluek.net)

“มันหอมระเหยกระดังงาไทย”

ผศ.อุดมลักษณ์ มัจฉาชีพ รศ.ดร.สุรชัย มัจฉาชีพ คณาจารย์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ วิทยาเขตพระนครศรีอยุธยา หันตรา และนางบังอร เกียรตินากร ตัวแทนจากบริษัทอุตสาหกรรมเครื่องหอมไทย-จีน จำกัด จึงได้ร่วมกัน ทำการศึกษาค้นคว้า สัณฐานวิทยาดอกกระดังงาไทย และนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยกระดังงาไทย ด้วยวิธีที่เหมาะสมและคุ้มค่า เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการสร้างรายได้เสริมให้กับชุมชน รวมทั้งเป็นแนวทางที่จะพัฒนาธุรกิจการทำน้ำมันหอมระเหยจากดอกกระดังงาส่งออก อีกด้วย นอกจากน้ำมันหอมระเหยจากกระดังงาไทยจะถูกนำไปสกัดเป็นหัวน้ำหอมแล้ว ยังพบว่า ในธุรกิจสปา ถูกนำไปใช้เป็นส่วนผสมสำคัญในน้ำมันนวด และครีมอาบน้ำ เพราะน้ำมันหอมระเหยกระดังงาไทยมีสรรพคุณช่วยลดความเครียด และช่วยสร้างพลัง สำหรับการกลั่นน้ำมันหอมระเหยนั้น จากการทดลองพบว่า การกลั่นด้วยน้ำ จะไม่ทำให้น้ำมันที่ได้จากการกลั่นมีกลิ่นเพี้ยน และยังได้ปริมาณน้ำมันหอมระเหยออกมาในปริมาณที่มากที่สุด ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับอายุของดอกและสีของดอกด้วย อายุของดอกที่เหมาะสมจะนำมากลั่นเป็นน้ำมันหอมระเหย คือ ดอกที่มีอายุประมาณ 7-8 สัปดาห์หลังจากที่เห็นตุ่มดอกแล้ว ส่วนสีของดอกก็ควรเป็นดอกที่มีกลีบดอกสีเหลืองแกมเขียว-เหลือง ซึ่งเมื่อนำมากลั่นแล้วจะได้ปริมาณน้ำมันประมาณ 1.0-2.3 เปอร์เซ็นต์ V/W (ปริมาตรโดยน้ำหนัก)ในส่วนของราคาจำหน่ายในตลาดโลกขณะนี้ มีราคาประมาณ 6,000 บาท ต่อ 1 กิโลกรัม ส่วนราคาขายตามเว็บไซต์มีราคาสูงถึง 800 บาท ต่อ 10 มิลลิลิตร เลยทีเดียว ซึ่งนางบังอร ตัวแทนจากบริษัทอุตสาหกรรมเครื่องหอมไทย-จีน จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่านอกจากทางบริษัทจะกำลังพัฒนาน้ำมันหอมระเหยจากดอกกระดังงาส่งออกแล้ว ขณะนี้ทางบริษัทยังได้ผลิต ผลิตภัณฑ์เครื่องหอมกระดังงาไทย ในรูปแบบของกล่องดับกลิ่น และสบู่ ครีมอาบน้ำสมุนไพรกลิ่นกระดังงาไทย อีกด้วย ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคในระดับที่น่าพอใจ ผู้สนใจ น้ำมันหอมระเหยกระดังงาไทย สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ผศ.อุดมลักษณ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ วิทยาเขตพระนครศรีอยุธยา หันตรา หมายเลขโทรศัพท์ 0-3524-2554 ในวันและเวลาราชการ (สยามรัฐรายวัน จันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2548 http://www.siamrath.co.th)

วิวัฒน์สวนยางด้วยชีวภาพ ประหยัดเงินและทรัพยากรสิ่งแวดล้อม

นายอัศนีย์ วงศ์อารี อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 251 หมู่ 1 ต.จันจว้าใต้ อ.แม่จัน เป็นเกษตรกรรายหนึ่ง ที่ได้ปลูกยางพาราในรุ่นแรกๆ ประมาณปี 2530 เขามีความคิดว่าควรจะ เปลี่ยนปุ๋ยเพื่อที่จะให้ดินกลับคืนสู่สภาพเดิม จึงได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับ นายวุฒิ ชายสมร (A.G.) จากสถาบัน AIGS เพื่อหาทางให้ อาหารชนิดใหม่กับต้นยางพาราที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม จากความชำนาญการในเรื่องของอัญมณีที่เกี่ยวข้องกับดินและหิน แม้ว่าจะไม่ใช่ในเรื่องปฐพีโดยตรงก็อาศัยเอาประสบการณ์ ที่ผ่านนำวัตถุต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอาหารพืช จึงได้นำ จุลินทรีย์สาหร่ายพื้นเมืองสายพันธุ์ NOSTOCOS และ CAL OL THRI มูลค้างคาวหมักกับแร่โดโลไมต์ มาเป็นตัวหลักแล้วเข้าสู่ขบวนการผลิตด้วยไบโอเทคโนโลยี...อัดเป็นเม็ดกลมๆ เพื่อสะดวกในการใช้ และให้ชื่อว่า “ปุ๋ยชีวภาพวิวัฒน์” ตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมาที่ได้ใช้ปุ๋ยตัวนี้กับสวนยางพาราของนายอัศนีย์ ผลปรากฏว่าต้นยางพาราได้ให้น้ำยางอย่างสม่ำเสมอ และมากกว่าเดิม จากการทดลองที่ได้ผลนี้ ทำให้สวนยางรายอื่นๆ ได้นำปุ๋ยสูตรนี้ ไปใช้กับสวนยางพาราของตนเอง บางรายใช้ตั้งแต่เริ่มต้นปลูก โดยนำไปรองก้นหลุม ซึ่งทำให้กล้ายางพารา เจริญงอกงามได้ดี ลำต้นขนาดใหญ่ รากแข็งแรง และมีภูมิป้องกันต่อโรค (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)

เลือกกินแต่แอปเปิ้ลผลสีแดง มีธาตุบำรุงร่างกายสูงกว่าเพื่อน

นักโภชนาการแนะนำว่า หากจะกินแอปเปิ้ลให้เป็นคุณแก่ร่างกายแล้ว ควรจะเจาะจงแต่แอปเปิ้ลแดง เพราะมันมีสารที่เป็นตัวล้างพิษในร่างกายอยู่สูงที่สุด ศาสตราจารย์รง ซาว แห่งมหาวิทยาลัยออนทาริโอ ของแคนาดา ได้พบในการศึกษาวิจัยว่า ผลแอปเปิ้ลแดงมีสารที่มีคุณสมบัติเป็นตัวล้างพิษในร่างกายมากกว่าอย่างอื่น สารพวกนี้ช่วยบำรุงภูมิคุ้มโรคของร่างกาย ต่อต้านกับโรคสมองเสื่อม และมะเร็งเต้านมโดยตรง เขายังบอกต่อไปว่า หากกินแอปเปิ้ลเป็นประจำให้ได้วันละ 4 ผลแล้ว มันจะช่วยลดปริมาณไขมันในเลือดลงให้น้อยลงได้ ไม่แพ้กับการกินยาลดไขมันเลย. (ไทยรัฐ อังคารที่ 7 มิถุนายน 2548 http://www.thairath.co.th)

กระดาษจากเปลือกระถิน

นางสาวนิศามณี เจริญชนม์ หรือ น้องหญิง ชั้น ม.6 โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จ.ขอนแก่น เจ้าของโครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง “ศึกษาวิธีที่เหมาะสมในการทำกระดาษจากเปลือกฝักแห้งของกระถินยักษ์” เธอเป็นนักเรียนทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริม ผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เล่าว่า แนวคิดในการใช้เปลือกกระถินมาทำกระดาษทดแทนการใช้ทรัพยากรป่าไม้ เกิดจากการที่เห็นฝักกระถินยักษ์แก่ร่วงเกลื่อนพื้นเต็มไปหมดในช่วงฤดูฝักแก่ จึงคิดนำมาสร้างประโยชน์ โดยแบ่งการทดลองออกเป็น 4 ขั้นตอน ได้แก่ ศึกษามวลเริ่มต้นที่น้อยที่สุดของเปลือกฝักแก่ของต้นกระถินยักษ์ที่เหมาะสมกับการทำกระดาษ ศึกษาระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุดของการต้ม ศึกษาระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการปั่นเยื่อ และศึกษาความเข้มของสารละลาย NaOH ที่ใช้ในการต้มเยื่อ จากการทดลองและนำกระดาษมาสังเกตด้วยกล้องจุลทรรศน์และกล้องสเตอริโอ พบว่า มวลของฝักกระถินยักษ์แห้งที่เหมาะสมในการทำกระดาษที่สุด คือ 1.0 กรัม/ 1,000 ตาราง เซนติเมตร ซึ่งมีความเหนียวของกระดาษค่อนข้างดี สามารถรับน้ำหนักถุงทรายได้ 129.920 กรัม ส่วนระยะเวลาที่เหมาะสมในการต้มเยื่อกระดาษคือ 90 นาที ระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการปั่นเยื่อคือ 90 นาที ความเข้มข้นของสารละลาย NaOH ที่เหมาะสมที่สุดในการต้มเยื่อคือ 0.5 M โครงการนี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ โดยนำเปลือกฝักของต้นกระถินยักษ์ ซึ่งเป็นเศษวัสดุที่หาง่ายของทุกภูมิภาคในไทย มาทำเป็นกระดาษเพื่อทดแทนการตัดไม้ทำกระดาษในโรงงานอุตสาหกรรมใหญ่ ๆ หรืออาจให้ทดแทนกระดาษสาได้อีกทาง. (เดลินิวส์ อังคารที่ 6 มิถุนายน 2548 http://www.dailynews.co.th)

กรมประมงเพาะปลาเสือพ่นน้ำ สำเร็จครั้งแรกของโลก

ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดนครสวรรค์มีนายชัยศิริ ศิริกุล เป็นผู้อำนวยการ ประสบความสำเร็จในการ เพาะและอนุบาลลูกปลาเสือพ่นน้ำ โดยขณะนี้ลูกปลาเสือพ่นน้ำมีอายุ 42 วัน ซึ่งมั่นใจว่าลูกปลาจะเติบโตเป็นพ่อแม่พันธุ์ในอนาคต ย่อมถือว่า ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการเพาะ พันธุ์ปลาเสือพ่นน้ำอย่างสมบูรณ์เป็นครั้งแรกของโลก นายสิทธิ บุณยรัตผลิน อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า การดำเนินการเพาะพันธุ์ปลาเสือพ่นน้ำของศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดนครสวรรค์ ได้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา โดยรวบรวมปลาเสือพ่นน้ำในบึงบอระเพ็ดมาเลี้ยงและหาวิธีการเพาะและอนุบาล โดยวิธีการจับคู่และให้พ่อแม่ปลาผสมพันธุ์กันเอง ศูนย์ฯประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์หลายครั้งแต่ไม่สามารถอนุบาลลูกปลาให้มีชีวิตรอดได้ ลูกปลามีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 5-7 วันก็ตายหมด ศูนย์ฯได้พยายามค้นหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้สามารถอนุบาลลูกปลาให้มีชีวิตรอดเรื่อยมาจนกระทั่งประสบความสำเร็จในครั้งนี้ปลาเสือพ่นน้ำหรือ ARCHER FISH มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Toxotes Chatareus มีลักษณะเด่นคือ ลำตัวสีเหลืองลายดำเหมือนเสือ จึงได้ชื่อว่าปลาเสือ บริเวณท้องสีขาวเงิน สีครีบหลังและครีบก้นเป็นสีเหลืองมีขอบเป็นสีดำ ครีบหางสีเข้มกว่าเป็นสีส้มอมเหลือง ขนาดโดยทั่วไปเฉลี่ยไม่เกิน 20 ซม. ขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยพบ 25 ซม. อุปนิสัยเป็นปลาก้าวร้าว ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงและลอยตัวอยู่ใกล้ระดับผิวน้ำเพื่อคอยจับแมลง เป็นปลาที่คล่องแคล่วว่องไวและว่ายน้ำเร็วมาก ปลาเสือพ่นน้ำมีความพิเศษอยู่ 2 ประการคือ สามารถพ่นน้ำได้สูงถึง 1.5 เมตร จากผิวน้ำและสามารถ มองเห็นวัตถุที่อยู่เหนือน้ำได้เป็นระยะห่าง 3-4 ฟุต เนื่องจากมีตาค่อนไปทางด้านบนจึงสามารถมองเห็นผิวน้ำได้ดี ราคาซื้อขายในปัจจุบันอยู่ที่ตัวละ 100 บาท เกษตรกรผู้สนใจเลี้ยงปลาเสือพ่นน้ำ สามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดนครสวรรค์ โทร. 0-5623-0183 ในวันและเวลาราชการ. (เดลินิวส์ อังคารที่ 6 มิถุนายน 2548 http://www.dailynews.co.th)

วว.สอนทำเครื่องผนึกสุญญากาศ

ดร.นงลักษณ์ ปานเกิดดี ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เปิดเผยว่า จากความสำเร็จในการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีเครื่องผนึกสุญญากาศและเติมก๊าซของฝ่ายวิศวกรรม วว.ไปสู่เอกชน และได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีจากผู้ใช้ เนื่องจากใช้งานได้ง่ายและราคาต่ำกว่าเครื่องนำเข้า ขณะนี้ บริษัท อินโนวา แพค จำกัด ได้ให้ความสนใจเข้ารับการถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อขยายตลาดไปยังกลุ่มผู้ใช้งานให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยผลิตเครื่องดังกล่าวเพื่อจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ และกำหนดระยะเวลาการถ่ายทอดเทคโนโลยี 5 ปี จึงนับเป็นแนวทางหนึ่งที่สนองตอบความต้องการภาคอุตสาหกรรมขนาดเล็กของไทย วว.จะถ่ายทอดการผลิตในด้านชิ้นส่วนของเครื่อง การประกอบเครื่องและวิธีการทดสอบการใช้งาน พร้อมกันนี้จะได้ให้การสนับสนุนด้านวิชาการ การตรวจสอบคุณภาพของเครื่อง รวมทั้งให้ข้อมูลในการยื่นขอการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ตลอดจนการให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาด้านวิชาการและการผลิตตลอดระยะเวลาโครงการ ที่ผ่านมา วว.ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ภาคเอกชนไปแล้วกว่า 3 ชิ้น ประกอบด้วย เครื่องนวดหน้าอัลตราโซนิกส์ เครื่องสปาไฮเทค และเครื่องผนึกสุญญากาศและเติมก๊าซเครื่องนี้ ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะมีภาคเอกชนให้ความสนใจเข้ารับการถ่ายทอดเทคโนโลยีมากขึ้น หลังจากรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจาก วว. จนเกิดความชำนาญแล้ว บริษัทก็พร้อมที่จะผลิตเครื่องผนึกสุญญากาศและเติมก๊าซออกสู่ตลาดในทันที ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน โดยกำหนดราคาขายไว้ 7-8 หมื่นบาท/เครื่อง ขณะที่เครื่องนำเข้าราคาประมาณ 1 แสนบาท ทั้งนี้ เครื่องผนึกสุญญากาศและเติมก๊าซ พัฒนาขึ้นเพื่อสนองตอบต่อความต้องการในการผนึกสุญญากาศบรรจุภัณฑ์อาหาร เนื่องจากเป็นระบบที่สามารถผนึกสุญญากาศวัสดุหลากหลายประเภทในเครื่องเดียวทั้งเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ เพื่อป้องกันเชื้อรา และช่วยยืดอายุผลิตภัณฑ์ และสามารถใช้ผนึกสุญญากาศกับทั้งซองพลาสติกหรือซองอะลูมิเนียมฟอยล์ ทั้งยังมีระบบเติมก๊าซไนโตรเจนเข้าไปในซองระบบสุญญากาศ เพื่อลดการสันดาปของน้ำมันและอากาศ กับขนมที่ต้องการคงความกรอบ ช่วยป้องกันกลิ่นหืนได้อีกด้วย (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 6 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)

เอ็มเทคลุ้นผลิตไฟฟ้าจากเซลล์เชื้อเพลิง

ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล นักวิจัยโครงการพัฒนาเซลล์พลังงานแบบออกไซด์ของแข็ง ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) กล่าวระหว่างการสัมมนาเรื่องความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของเซลล์เชื้อเพลิง จัดโดยศูนย์เทคโนโลยีโลหะฯ เมื่อวานนี้ (6 มิ.ย.) ว่า เอ็มเทคได้ดำเนินโครงการพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิง ซึ่งใช้ระยะเวลา 4 ปี งบประมาณ 16 ล้านบาท และคาดว่าภายในเดือน พ.ค.2549 จะได้ระบบผลิตไฟฟ้าจากเซลล์เชื้อเพลิงมาทดลองใช้ภายในประเทศ โครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาหลายแห่ง ประกอบด้วย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยสุรนารี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สถาบันบัณฑิตร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม แต่การพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงในประเทศไทยนั้น ยังถือว่าขาดความต่อเนื่อง เนื่องจากขาดการสนับสนุนรัฐบาลอย่างเต็มที่ ทำให้นักวิจัยส่วนใหญ่ถูกบริษัทเอกชนดึงตัวไปทำงานด้วย "ปัญหาและอุปสรรคสำคัญ คือ การสนับสนุนจากรัฐบาลที่ขาดความต่อเนื่องและจริงจัง รัฐบาลจะสนับสนุนก็ต่อเมื่อมีกระแสวิกฤติพลังงาน แต่เมื่อหมดกระแส งบประมาณสนับสนุนก็น้อยลง ทำให้นักวิจัยที่เราสร้างมาต้องไปอยู่กับบริษัทเอกชน เนื่องจากค่าตอบแทนที่ได้จากภาครัฐไม่เพียงพอ ทำให้งานวิจัยต้องสะดุดไปด้วย" ดร.สุมิตรา กล่าว ขณะเดียวกันยังขาดการตอบรับจากภาคเอกชนในการใช้เซลล์เชื้อเพลิงหรือนำเทคโนโลยีไปพัฒนา เนื่องจากขาดแรงจูงใจด้านความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ อีกทั้งยังเป็นสิ่งใหม่ จึงยังไม่มีการใช้อย่างแพร่หลาย อย่างไรก็ตาม เซลล์เชื้อเพลิงจะเป็นแหล่งพลังงานในอนาคตทดแทนพลังงานแบบเดิม หากมีการลงทุนในด้านการวิจัยและการผลิตอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในด้านความปลอดภัยในการใช้และการป้องกันการระเบิดของปฏิกิริยาไฮโดรเจน ด้าน ศ.ไนเจล แบรนดอน คณะวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการแพทย์อิมพีเรียล กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งได้รับเชิญมาเป็นวิทยากรเวทีสัมมนาดังกล่าว กล่าวว่า ปัจจุบันในประเทศอังกฤษได้พัฒนาและใช้เซลล์เชื้อเพลิงกันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะระบบขนส่งมวลชนในรถโดยสารประจำทาง ซึ่งช่วยประหยัดน้ำมันและลดมลพิษอย่างมาก แม้เซลล์ดังกล่าวยังมีราคาแพงอยู่ก็ตาม แต่หากพิจารณาประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมแล้วถือว่าคุ้มค่ามาก นอกจากในระบบขนส่งมวลชนแล้ว เซลล์เชื้อเพลิงยังสามารถใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วย อาทิ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค คอมพิวเตอร์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน แม้กระทั่งเครื่องโกนหนวดไฟฟ้า ตลอดจนรถยนต์ประเภทต่างๆ เป็นต้น "เซลล์เชื้อเพลิงถือว่าเป็นพลังงานอนาคต ประสิทธิภาพสูงและปล่อยมลพิษต่ำ นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งกำเนิดพลังงานไฟฟ้าให้อุปกรณ์หลากหลายชนิด โดยให้พลังงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคุ้มค่ามากหากเปรียบเทียบกับพลังงานแบบเดิม แต่การพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งใช้งบลงทุนสูงมาก" ศ.ไนเจล กล่าว ดังนั้น ทางวิทยาลัยจึงร่วมกับสถาบันการศึกษาและบริษัทเอกชนกว่า 100 แห่งในประเทศอังกฤษ เพื่อพัฒนาเซลล์พลังงานขึ้นมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ระยะเวลากว่า 30 ปีในการพัฒนา และเซลล์เชื้อเพลิงพลังงานสามารถสร้างมูลค่าตลาดได้ถึงปีละ 10,000 ล้านปอนด์ (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 6 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)

บทพิสูจน์บ่อหมักไร้อากาศ ได้ก๊าชชีวภาพ-ดับกลิ่นเหม็น

ตระกูล "เฉลิมชัยวินิจกุล" คือ ไพศาล กับ ไพบูลย์ เจ้าของบริษัท พี แอนด์ เอส ดีไซน์ จำกัด ย่านบางพลี จ.สมุทรปราการ ที่พัฒนาบ่อบำบัดน้ำเสีย "ระบบบ่อหมักแบบไร้อากาศ" หรือ "ระบบเอชอาร์เอแอล" และได้นำมาติดตั้งที่โรงงานแปรรูปน้ำยางข้นคือ โรงงานอินเตอร์ รับเบอร์ ลาเท็กซ์ ที่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นระบบที่พวกเขาคิดเอง และไม่ได้ใช้เทคโนโลยีจากต่างประเทศแม้แต่น้อย จนประสบผลสำเร็จ ท่ามกลางเสียงสบประมาทของเจ้าหน้ารัฐและนักวิชาการบางคน ด้วยเหตุผลว่า การนำระบบดังกล่าว มาใช้นั้น ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดก๊าชชีวภาพ เพราะอุตสาหกรรมประเภทนี้น้ำเสียมีความเป็นกรดสูง และสารเคมีเจือปนอยู่จำนวนมาก บริษัท พี แอนด์ เอส ดีไซน์ จำกัด ได้ติดตั้ง "ระบบเอชอาร์เอแอล" และติดตั้งที่โรงงานแปรรูปน้ำยางข้นคือ โรงงานอินเตอร์ รับเบอร์ ลาเท็กซ์ เมื่อต้นปี 2548 ที่ผ่านมา โดยไพศาลและไพบูลย์ มั่นใจว่า ผลลัพธ์ที่ได้ขณะนี้ คือ สามารถผลิตก๊าชชีวภาพได้แล้วกว่า 80% และคาดว่าอีกประมาณ 1 เดือนเศษ ปริมาณของก๊าชชีวภาพที่ผลิตได้จะพุ่งถึงระดับ 100 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายความว่า โรงงานจะได้ก๊าชชีวภาพมาผลิตเป็นพลังงานทดแทนสูงถึงวันละ 2,000 ลบ.ม. หรือหากเทียบกับน้ำมันดีเซลได้เท่ากับ 2,200 ลิตรต่อวัน ขณะที่การแก้ปัญหามลพิษทางกลิ่นก็ได้ผลดี บ่อหมักแบบไร้อากาศของโรงงานอินเตอร์ รับเบอร์ ลาเท็กซ์ มีความจุ 2.4 หมื่น ลบ.ม. คลุมด้วยผ้าพีวีซีคุณภาพดี สำหรับรองรับน้ำเสียวันละ 1,000 คิว เมื่อปล่อยลงบ่อหมักแบบไร้อากาศแล้ว สามารถผลิตเป็นก๊าชชีวภาพได้วันละ 2,000 ลบ.ม. หรือถ้าเปรียบเทียบกับน้ำมันดีเซลได้เท่ากับ 2,200 ลิตร ซึ่งโรงงานเตรียมนำก๊าชเหล่านี้ไปใช้สำหรับการอบยางพาราเพื่อทดแทนน้ำมันดีเซล จะช่วยให้ประหยัดต้นทุนการผลิตได้สูงถึงกว่า 7.2 แสนบาทต่อเดือน ทั้งนี้ หากนำระบบดังกล่าวไปใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมประเภทอื่น ที่มีปริมาณน้ำเสียต่อวันเท่ากับโรงงานแปรรูปยางพาราแล้ว จะให้ก๊าชชีวภาพในปริมาณที่สูงกว่า อย่างเช่น โรงงานเบียร์และสุราให้ก๊าชชีวภาพสูงถึง 70 เท่า โรงงานแป้งมัน 40 เท่า และโรงงานผลไม้ผล 25 เท่า เป็นต้น สำหรับหลักการทำงานของบ่อหมักแบบไร้อากาศนั้น ไพบูลย์ อธิบายว่า เมื่อสารอินทรีย์ในน้ำเสียสัมผัสกับแบคทีเรีย แล้วทำปฏิกิริยาจนเกิดก๊าชชีวภาพ ซึ่งจะไหลไปตามท่อที่ติดตั้งไว้ ส่วนที่ปลายท่อดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ได้ความต้องการของโรงงาน การติดตั้งระบบเอชอาร์เอแอล ลงทุนไม่เกิน 8 ล้านบาท ผู้ที่ต้องการละเอียดติดต่อที่หมายเลยโทรศัพท์ 0-1839-3522" ไพบูลย์ กล่าวทิ้งท้าย (คมชัดลึก อังคารที่ 6 มิ.ย. 48 http://www.komchadluek.net)

มจธ.ผุดโปรเจ็กต์ยักษ์ แปรรูป “มะพร้าว” จากต้นถึงกะลา

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ศึกษาแนวทางการพัฒนามะพร้าว และผลิตภัณฑ์แปรรูปมะพร้าว แบบครบวงจรเพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่มะพร้าวของประเทศ ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร อธิการบดี มจธ. เผยว่า ทางมหาวิทยาลัย เล็งเห็นว่าน่าจะมีความร่วมมือกับหลายๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยกันสร้างเทคโนโลยีแปรรูปมะพร้าวให้ครบวงวร ดูอย่างเช่นประเทศฟิลิปปินส์ เขาแปรรูปมะพร้าวกันทั้งต้น ขณะนี้ได้ส่งคณะทำงานวิจัย ลงไปศึกษาเรื่องมะพร้าวในประเทศเพื่อนบ้านอย่างฟิลิปปินส์ ศรีลังกา และอินเดีย ขณะเดียวกันประสานกับจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมะพร้าวมากที่สุดแห่งหนึ่งของไทย เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์มะพร้าว และได้เริ่มทำงานมาระยะหนึ่งแล้ว นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ที่อยากช่วยก็เริ่มขยายผลไป เช่น สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และนครศรีธรรมราช รวมไปถึง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาสด้วย ทั้งนี้ในอนาคต มจธ.จะร่วมมือกับ ม.วลัยลักษณ์ และภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ เพื่อช่วยดูแลการพัฒนาผลิตภัณฑ์มะพร้าวแบบครบวงจร สำหรับโปรเจ็กต์การพัฒนามะพร้าวและผลิตภัณฑ์มะพร้าวครบวงจร ถือเป็นงานสำคัญของศูนย์วิจัยและบริการอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมชีวเคมี สำนักวิจัยและบริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มจธ. โดย ดร.ทศพร ทองเที่ยง ในฐานะหัวหน้าศูนย์วิจัยฯ เผยถึงการดำเนินงาน ว่า การดำเนินงานขณะนี้ อยู่ระหว่างการสำรวจและศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับมะพร้าวในพื้นที่ภาคตะวันตกของประเทศ และศึกษาเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรมมะพร้าวของฟิลิปปินส์ เมื่อได้ข้อเปรียบเทียวแล้วก็จะมีการประชุมเสนอผลการศึกษา และรับฟังข้อคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง ก่อนจะจัดทำเป็นข้อเสนอแนะแผนกลยุทธเชิงนโยบายเพื่อปรับปรุงเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์มะพร้าวต่อไป ศูนย์วิจัยและบริการอุตสาหกรรมเกษตรฯ มจธ. กำลังซุ่มทำโปรเจ็กต์วิจัยพัฒนาน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (Virgin Coconut Oil) และถ่านกัมมันต์จากกะลามะพร้าว โดยเน้นให้เกิดระบบการผลิตต้นแบบที่มีประสิทธิภาพการผลิตสูง และมีต้นทุนอยู่ในระดับที่กลุ่มเกษตรกร หรือวิสาหกิจชุมชนสามารถรวมตัวเพื่อดำเนินงานได้ ซึ่งคาดว่าจะประสบผลสำเร็จในเร็วนี้ (สยามรัฐรายวัน อังคารที่ 6 มิ.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)

คิดเอากัญชาเป็นยารักษาโรคจิต ทดลองบำบัดอาการคุ้มดีคุ้มร้าย

ทีมนักวิจัยของมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิลของอังกฤษ รายงานเปิดเผยในวารสารการแพทย์ “จิตเภสัชวิทยา” ว่า ได้พบว่าสาร 2 ชนิด ในกัญชา มีสรรพคุณช่วยบำบัดผู้ที่มีอาการทางจิตชนิดคุ้มดีคุ้มร้ายให้ดีขึ้นได้ แต่ได้ให้ความเห็นไว้ว่า ควรจะมีการศึกษาเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้รู้แน่ว่าสารทั้ง2 ชนิด ที่มีอยู่ในกัญชาจะมีคุณจริงหรือไม่ ทีมนักวิจัยยังได้กล่าวเตือนย้ำว่า โทษของการสูบกัญชานานๆ อาจทำให้สุขภาพจิตเสียได้ โดยเฉพาะกับผู้ที่มีความอ่อนไหวทางพันธุกรรมอยู่ก่อนแล้ว ยิ่งกว่านั้น ผู้เชี่ยวชาญขององค์การต่อต้านยาเสพติดของอังกฤษได้กล่าวเตือนว่า “ในกัญชามีสารต่างๆอยู่มากถึง 60 อย่าง สารที่ศึกษาพบทั้ง 2 นั้น นำมาใช้ในการทดลองภายใต้การควบคุมอย่างใกล้ชิด แต่กับผู้ที่มีอาการทางจิตอย่างรุนแรงเกือบจะทุกรายแล้ว กัญชานับเป็นของแสลงที่เป็นพิษเป็นภัยอย่างยิ่ง”. (ไทยรัฐ พุธที่ 8 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)

อานุภาพของฮอร์โมนเพศสตรี ยกให้ผู้หญิงมีอายุยืนกว่าชาย

นักวิจัยของคณะแพทย์มหาวิทยาลัยวาเลนเซีย ของสเปน พบแล้วว่า สาเหตุที่ผู้หญิงโดยเฉลี่ยพากันมีอายุยืนยาวกว่าผู้ชาย อย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่า 5 ปี ก็เนื่องด้วยอิทธิพลของฮอร์โมนเพศเอสโทเจนของสตรี นักวิจัยยังได้พบในการศึกษาองค์ประกอบของเซลล์ที่มีรูปร่างคล้ายเม็ดถั่ว อันเป็นแหล่งผลิตพลังงานให้กับเซลล์ของหนูและแมลงหวี่ว่า ในตัวของสัตว์ตัวเมียเหล่านี้พากันผลิตพวกอนุมูลอิสระออกมาน้อยกว่า ที่เป็นอยู่ในตัวผู้เป็นปริมาณตั้งครึ่งเท่าตัว. (ไทยรัฐ พุธที่ 8 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)

นักเคมีสร้างอุปกรณ์หาเคมีรั่วระดับนาโน

นักวิจัยเชียงใหม่คิดค้นเทคนิคใหม่วิเคราะห์สารเคมีตกค้าง หรือตรวจหาสารเคมีรั่วไหลได้อัตโนมัติ เผยสามารถประยุกต์ใช้วิเคราะห์ทางการแพทย์และสาธารณสุข ขณะที่นักลงทุนไทยและต่างชาติสนใจต่อยอดงานวิจัยสู่พาณิชย์ รศ.ดร.เกตุ กรุดพันธ์ นักวิจัยจากห้องปฏิบัติการสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการ ด้านการพัฒนาเพื่อการลดขนาดในการวิเคราะห์โดยการไหล ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ทีมวิจัยได้พัฒนาเทคนิคการวิเคราะห์ทางเคมีแบบใหม่ โดยใช้เทคนิคการไหลของสาร (Flowbased Analysis) สามารถช่วยโรงงานอุตสาหกรรมตรวจวิเคราะห์สารเคมีตกค้างในผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ อาหาร กุ้งหรือไก่สดส่งออก รวมทั้งตรวจหาสารเคมีรั่วไหลในกระบวนการผลิต ทีมวิจัยได้พัฒนาเพื่อเพิ่มระบบและวิธีการวิเคราะห์ที่มีอยู่ ให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น โดยระบบที่คิดค้นขึ้นนี้สามารถตรวจสอบเคมีได้ตั้งแต่ 60-360 ตัวอย่างต่อชั่วโมง และตรวจวิเคราะห์ได้แม้กระทั่งสารเคมีปนเปื้อนหรือตกค้างในระดับต่ำเพียง 1 ใน 1000 ล้านส่วน รวมทั้งตัวเครื่องประกอบขึ้นเองภายในประเทศ ส่งผลให้การวิเคราะห์มีราคาถูก เครื่องมือวิเคราะห์ที่สร้างขึ้นนี้ได้รับการยอมรับในวงการวิชาการระดับสากล และยังได้รับความร่วมมือจากสถาบันการศึกษาทั้งในและต่างประเทศมาร่วมทำงานวิจัย รวมถึงภาคเอกชนเองได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนางานวิจัยให้เป็นประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) สนับสนุนทุนวิจัย นอกจากนี้ เทคนิคการไหลที่พัฒนาขึ้นยังสามารถประยุกต์ใช้กับการตรวจวิเคราะห์ด้านต่างๆ อาทิ การวิเคราะห์ทางสิ่งแวดล้อม ซึ่งจากความรู้ที่ได้นำไปสู่การสร้างเครื่องมือแบบอัตโนมัติ เพื่อตรวจหาโลหะหนักที่ปนเปื้อนในน้ำได้อย่างรวดเร็ว เช่น ตะกั่ว แคดเมียม ทองแดง สังกะสี โดยได้รับความร่วมมือระหว่างกลุ่มวิจัยกับบริษัทเอกชนในสวิตเซอร์แลนด์ อีกทั้งสามารถวิเคราะห์น้ำเสียจากโรงงาน ทีมวิจัยยังได้ร่วมมือกับกลุ่มวิจัยจากญี่ปุ่น พัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์คลอไรด์และเครื่องวิเคราะห์สารเคมีในระดับนาโน โดยอาศัยพื้นฐานความรู้จากเทคนิคการไหล ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาต้นแบบเชิงพาณิชย์ และยังมีความร่วมมือกับนักวิจัยสวีเดนคิดค้นวิธีการวิเคราะห์อะไมโลสในแป้งและข้าว ในส่วนการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ สามารถนำไปสร้างเครื่องมือตรวจคัดกรองผู้ป่วยมะเร็งและโรคข้อ เพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคให้ถูกต้อง รวดเร็วและราคาถูก โดยเครื่องดังกล่าวกำลังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาเช่นกัน จากนั้นจึงจะนำไปใช้ประโยชน์จริงในอนาคต (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)

ถ้วยรับน้ำยางใหม่ถูกใจชาวสวน

นายสุรสิทธิ์ ประสารปราน จากภาควิชาเทคโนโลยีวัสดุภัณฑ์ คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) เจ้าของงานวิจัยถ้วยรับน้ำยาง กล่าวว่า ทีมวิจัยค้นหาสูตรผสมทางธรรมชาติสำหรับใช้ทำถ้วยรับน้ำยาง โดยเน้นคุณสมบัติเหมาะสมต่อการใช้งาน แข็งแรง ทนทานและเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม โดยได้รับทุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย โดยทั่วไปถ้วยรับน้ำยางจะเป็นถ้วยเซรามิค ซึ่งหนักมากถึงครึ่งกิโลกรัม และราคาใบละ 7 บาท ส่วนถ้วยพลาสติกแม้จะราคาเพียง 3 บาทต่อใบ แต่น้ำหนักที่เบาเพียง 40 กรัม จึงเกิดปัญหาปลิวตามแรงลมได้ง่าย อีกทั้งย่อยสลายยาก นักวิจัยจึงได้คิดค้นสูตรทำถ้วยรับน้ำยางจากวัสดุธรรมชาติ โดยเลือกส่วนดีของถ้วยเซรามิค และถ้วยพลาสติกรวมกันคือ น้ำหนักเบาและทนทาน จากนั้นประมาณ 6 เดือน จึงได้สูตรทำถ้วยรับน้ำยางที่หนักเพียง 150 กรัม แต่ทนต่อแรงฉีกขาดเป็นอย่างดี โดยนำน้ำยางดิบผสมแป้งมันสำปะหลัง และดินขาวเพื่อเสริมแรง จากนั้นเติมโพลีไวนิล แอลกอฮอล์ หรือสารยึดเหนี่ยวจากยางพารา ก่อนนำไปอัดขึ้นรูปด้วยความร้อนและความดัน ก็ได้ถ้วยที่ทนการหักงอ การหดตัวและแรงกดได้ถึง 500 กิโลกรัม ลดการติดแน่นบริเวณก้นถ้วยของน้ำยางที่กรีดได้ และสามารถลอกออกได้ง่ายกว่าภาชนะที่เป็นพลาสติก อีกทั้งถ้วยยางนี้เมื่อเก่าเสื่อมสภาพ ก็สามารถปล่อยทิ้งไว้ในสวน เพื่อรอการย่อยสลายแปรสภาพเป็นปุ๋ยให้ต้นยางได้ด้วย ทีมวิจัยได้สร้างแม่พิมพ์แบบกดจากวัสดุเหล็กชุบโครเมียม ในราคาประมาณ 7 พันบาท เพื่อเป็นแม่พิมพ์ต้นแบบในการผลิตถ้วยดังกล่าวให้ชาวสวนแล้ว ส่วนเนื้อหาการวิจัยจะต้องศึกษาเพิ่มในส่วนของความคงทนของภาชนะ หากถูกใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน รวมถึงศึกษาระยะเวลาในการย่อยสลายของวัสดุที่ใช้ด้วย (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 8 มิ.ย. 2548 http://www.bangkokbiznews.com)

เภสัชกรคิด'ยาผง'วัณโรคลดเชื้อดื้อยา

ผศ.ดร.ธีระพล ศรีชนะ ภาควิชาเทคโนโลยีเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า ทีมวิจัยประสบความสำเร็จในระดับห้องปฏิบัติการ สามารถพัฒนาสูตรตำรับยาต้านวัณโรคผงแห้งชนิดสูดพ่น และพร้อมจะทดลองในเครือข่ายผู้ป่วยวัณโรคของไทย โดยคุณสมบัติเด่นของยาชนิดผงแห้ง คือ สามารถนำส่งตัวยาไปฆ่าเชื้อที่ถุงลมปอดได้โดยตรงผ่านการสูดพ่น จึงประสิทธิภาพดีกว่าการรักษาแบบเดิมที่ต้องรับประทานยาเข้าไป โดยการออกฤทธิ์ของยากินต้องผ่านการดูดซึมที่ลำไส้เล็ก และส่งต่อไปยังกระแสเลือดเข้าสู่ปอด ส่งผลให้เกิดผลข้างเคียง อาทิ ตับอักเสบ คลื่นไส้อาเจียน และจากการที่ยาสูดพ่นออกฤทธิ์ที่ปอดโดยตรง ซึ่งเป็นบริเวณก่อโรคของเชื้อ ทำให้เกิดการฆ่าเชื้อในทันที จึงลดขนาดการใช้ยารักษาได้ถึง 1,000 เท่า ลดระยะเวลากินยาจากเดิม 6 เดือน อาจเหลือเพียงระยะสัปดาห์ หรือไม่กี่วัน สำหรับผลงานยาวัณโรคโฉมใหม่นี้ มาจากการวิจัยเรื่อง "การนำส่งยาต้านวัณโรคผงแห้งสู่ถุงลมปอด" ของ น.ส.นฤมล ช่างสาน นักศึกษาปริญญาเอกโครงการกาญจนาภิเษก (คปก.) โดย ผศ.ดร.ธีระพล เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา สำหรับสูตรตำรับยาใหม่เป็นการบรรจุยาลงในถุงไขมันขนาด 100 - 200 นาโนเมตร และนำไปทำให้อยู่ในรูปผงแห้ง เพื่อให้นำส่งยาสู่อวัยวะเป้าหมายในรูปของการสูดพ่นได้ วิธีการนี้จะทำให้ระดับยาไปที่ถุงลมปอดได้ค่อนข้างสูง และออกออกฤทธิ์ได้มากขึ้น ไม่กระตุ้นการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน ที่สำคัญฆ่าเชื้อวัณโรคได้ดีกว่าการใช้ยาในรูปปัจจุบัน "ตอนนี้เรามีเครือข่ายศูนย์วัณโรคที่พร้อมจะเข้ารับการทดลองใช้ยาแล้ว แต่ต้องรอการอนุมัติจากคณะกรรมการพิจารณาการทดลองในมนุษย์ โดยฝันสูงสุดของเรา คือ การพัฒนายาออกสู่ตลาด ซึ่งต้องอาศัยเอกชนผู้ผลิตยามาช่วยในตรงนี้ด้วย" ผศ.ดร.ธีระพล กล่าว (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 8 มิ.ย. 2548 http://www.bangkokbiznews.com)

แปลง “ลูกปิงปอง” เป็นหลอดไฟประหยัดพลังงาน

“เทวา ปิ่นมณี” และ “เอกลักษณ์ ครุธแก้วสกุณี” สองนักศึกษาจากภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า-ไฟฟ้ากำลัง คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตตาก ที่ช่างคิดช่างสังเกตว่า ไฟสาธารณะที่ประดับตามสะพาน ต้นไม้ หรืออาคารเพื่อความสวยงามนั้น ใช้พลังงานเกินความจำเป็นอีกทั้งกระแสไฟที่ใช้กับหลอดไฟเหล่านั้น อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้สัญจรผ่านไปมา จึงคิดประดิษฐ์หลอดไฟต้นแบบที่ทำจากลูกปิงปอง เพื่อความปลอดภัยแถมประหยัดพลังงานได้ด้วย เทวา ปิ่นมณี เล่าว่า ปกติหลอดไฟประดับทั่วๆ ไป จะเป็นหลอดไส้หรือหลอดอินแคนเดสเซนต์ ใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ ซึ่งใช้พลังงานและมีแรงดันมาก อาจเป็นอันตรายได้ง่าย จึงทดลองใช้หลอดลูกปิงปอง แบบแอลอีดี (Light-emitting diode)แทนหลอดกระเปาะแก้ว แบบอินแคนเดสเซนต์ ซึ่งสามารถประหยัดไฟฟ้าและปลอดภัยมากกว่า เนื่องจากหลอดต้นแบบจากลูกปิงปอง ใช้แรงดันค่าดีซีต่ำกว่า อีกทั้งยังเสียค่าใช้จ่าย ในการบำรุงน้อยกว่าและใช้สายไฟขนาดเล็กลงกว่าหลอดไส้อีกด้วย “ข้อดีที่ใช้กระเปาะจากลูกปิงปอง แทนกระเปาะแบบแก้วก็คือ แสงที่ออกจากหลอดจะเรืองแสงภายในกระหลอด ส่วนหลอดแบบกระเปาะแก้วนั้น แสงจะกระจัดกระจายไปคนละทิศละทางทำให้ควบคุมรูปทรงโดยรวมของไฟประดับยากกว่า” ขณะที่เอกลักษณ์ ครุธแก้วสกุณี เสริมว่า การลงทุนเริ่มแรกของหลอดต้นแบบที่พวกผมคิดทำนี้ อาจจะสูงกว่าหลอดไส้ แต่เมื่อต่อใช้งานแล้ว เราจะเสียค่าใช้ไฟฟ้าต่อเดือนต่ำกว่าหลอดไส้ และจากการเปรียบเทียบการใช้พลังงานของหลอดต้นแบบแต่ละสีกับหลอดไส้ที่ใช้ปกติทั่วไปเช่น หลอดไฟหนึ่งหลอด สำหรับหลอดไส้ใช้พลังงาน 4.8 วัตต์ ส่วนหลอดต้นแบบ สีแดงใช้ 0.1 วัตต์ สีส้มใช้ 0.2 วัตต์ สีขาวใช้ 0.0625 วัตต์ สีเขียวใช้ 0.0625 วัตต์ และสีน้ำเงินใช้ 0.1 วัตต์ ซึ่งทุกสีต่างก็ใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยกว่าหลอดแบบไส้ สำหรับท่านที่สนใจหลอดต้นแบบประหยัดพลังงาน สามารถติดต่อได้ที่ ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า-ไฟฟ้ากำลัง โทร.0-5551-1962 หรือ 0-6679-3044 (สยามรัฐรายวัน พุธที่ 8 มิ.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)

แบคทีเรียดื้อยามากขึ้น

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน นักวิจัยสหรัฐอเมริกา จากบริษัท อีโคแล็ป เปิดเผยว่า แบคทีเรียสมัยนี้มีการกลายพันธุ์และต่อต้านยามากขึ้น จนกลายเป็น "ซุปเปอร์บัก" ที่ทำให้มีผู้ป่วยติดเชื้อภายในโรงพยาบาลและเสียชีวิตมากขึ้น โดยนักวิจัยได้ทดลองนำแบคทีเรีย เอ็มอาร์เอสเอ ซึ่งเป็นแบคทีเรียในตระกูลสเตปไฮโลคอคคัสที่พบได้ทั่วไป มาแต้มลงบนของใช้ต่างๆ คือผ้าปูที่นอนลินิน คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ และเล็บปลอม แล้วตรวจสอบดูว่ามันสามารถอยู่ได้นานเท่าไหร่ ปรากฏว่า ยังพบแบคทีเรียนเอ็มอาร์เอสเอบนเล็บปลอมหลังเวลาผ่านไป 8 สัปดาห์ พบบนคีย์บอร์ดใน 6 สัปดาห์ต่อมา และพบบนผ้าปูที่นอนในอีก 5 วันต่อมา นายคริส โอเวนส์ จากฝ่ายสุขาภิบาลของอีโคแล็ป กล่าวว่า ผลการวิจัยครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการล้างมือบ่อยๆ และการฆ่าเชื้อตามหน่วยงานสาธารณสุขต่างๆ ซึ่งสนับสนุนงานวิจัยอื่นๆ ที่ชี้ให้เห็นว่า ความเข้มงวดเรื่องการรักษาความสะอาดเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการต่อสู้กับแบคทีเรียที่ดื้อยามากขึ้น ที่แม้กระทั่งยาปฏิชีวนะที่แรงๆก็ยังไม่สามารถจัดการได้ ทั้งนี้ จากการศึกษาของแพทย์โรงพยาบาลนอร์ธเวสเทิร์น เมโมเรียล ในนครชิคาโก เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา พบว่า คีบอร์ดคอมพิวเตอร์สามารถเป็นพาหะนำเชื้อโรคจากบุคคลหนึ่งสู่บุคคลหนึ่งได้จากการสัมผัสคีย์บอร์ดเดียวกัน (รอยเตอร์) (มติชนรายวัน พุธที่ 8 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th)

พบหนทางออกกำลังแบบเรียนลัด ใช้เวลาเพียงแค่อาทิตย์ละ 6 นาที

ศาสตราจารย์มาร์ติน กิบาลา แห่งมหาวิทยาลัยแมคมาสเตอร์ ของแคนาดา ได้เปิดเผยผลการศึกษาในวารสารการแพทย์ “สรีรวิทยา” ว่า คนเราออกกำลังวันละแค่เพียง 2 นาที แทนที่จะต้องเป็นวันละ 2 ชม. อาทิตย์ละ 3 วัน ก็จะได้ผลแข็งแรงเท่ากัน เพียงแต่ว่าการออกกำลังวันละชั่ว 2 นาที อย่างเช่นทำด้วยการขี่จักรยานนั้น จะต้องปั่นกันอย่างสุดแรงเกิด เป็นสัก 4 ยก แต่ละยกนาน 30 วินาที เขาได้ศึกษาทดลองกับอาสาสมัครหญิงชาย วัยระหว่าง 25-35 ปี จำนวน 23 คน โดยแบ่งออกเป็น 3 หมู่ หมู่หนึ่ง ให้ปั่นจักรยานด้วยความเร็วปานกลาง วันละ 2 ชม. กลุ่มที่ 2 ให้ปั่นหนักขึ้นเป็นยกยกละ 60 วินาที วันละ 10 นาที ส่วนกลุ่มสุดท้าย ให้ปั่นสุดแรงเกิดยกละ 30 วินาที พักระหว่างยก 4 นาที เป็นเวลานาน 2 นาที โดยให้ทำนานจนครบ 2 อาทิตย์ จึงได้ตรวจวัดผลพบว่าแต่ละกลุ่มก็มีความแข็งแรงทรหดพอกัน อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการบริหารร่างกายได้มีความเห็นว่า การออกกำลังแบบลัดเช่นนี้อาจจะไม่เหมาะกับบางคนที่ไม่มีความแข็งแรงพอ จะเหมาะกับคนที่ฟิตแข็งขันอยู่แล้วเท่านั้น. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2548 http://www.thairath.co.th)

เครื่องอุ่นเลือด ผลงานหมอฟันนักประดิษฐ์

ผศ.ทันตแพทย์สุรพงษ์ วงศ์วัชรานนท์ ผอ.รพ.ทันตกรรม คณะทันตแพทย์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ศึกษาต่อ และจบเป็นแพทย์ด้านวิสัญญี ทำงานในห้องผ่าตัด รพ.สงขลานครินทร์ ซึ่งเป็นคุณหมอนักคิดประดิษฐ์ ผู้คิดทำเครื่องอุ่นเลือดและน้ำเกลือใช้เองในห้องผ่าตัด รพ. สงขลานครินทร์ เครื่องรุ่นแรกที่ประดิษฐ์ ใช้หลักการ มีตัวให้ความร้อน มีตัวควบคุม มีตัวถ่ายเทความร้อน 3 อย่าง ช่วงแรก เราใช้อุปกรณ์หัวแร้งไฟฟ้ามาทำ ก็มีการทดลองใช้ ต้องกางทฤษฎีว่าอุณหภูมิที่เหมาะสมไม่ควรเกินเท่าไหร่ ทำอย่างไรจะควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เกินกำหนดได้ และเริ่มนำไปใช้ แต่เนื่องจากระบบที่ใช้เป็นหัวแร้งไฟฟ้า การควบคุมต้องใช้กระแสไฟสลับ วิธีสั่งการเป็นระบบปิด เปิด ทำให้เกิดการแกว่งของค่าอุณหภูมิ เราก็วิเคราะห์ว่า การจะทำให้อุณหภูมิคงที่ ต้องใช้กระแสไฟตรง จึงปรับเครื่องจากรุ่นแรก เป็นไฟฟ้ากระแสตรง ปรับเปลี่ยนเครื่องควบคุมอุณหภูมิ ที่สามารถแสดงผลเป็นจุดทศนิยมได้ เครื่องรุ่นสองที่ผลิต น้ำหนักจะมากกว่า เพราะต้องมีตัวแปลงไฟฟ้า เปรียบเทียบของต่างประเทศ จะไม่มีเครื่องรูปแบบนี้ แต่ถ้าเทียบกับที่บริษัทเสนอราคามาสองแสนกว่าบาท มีระบบที่ต่างกัน เพราะของนอกมีน้ำร้อนหล่อสายน้ำเกลือ ของเราใช้ถ่ายเทความร้อนผ่านสายน้ำเกลือ ควบคุมอุณหภูมิของตัวแกนให้ความร้อนให้คงที่ตามที่ต้องการ ประสิทธิภาพความคงที่จะแม่นกว่ารุ่นแรกที่ได้ เครื่องอุ่นเลือด และน้ำเกลือหรือสารละลายอื่น ๆ ที่ประดิษฐ์ขึ้น มีข้อดีคือ สามารถปรับระดับความร้อนได้ตามต้องการจากแผงควบคุม ส่วนประกอบสำคัญได้แก่ 1.เครื่องควบคุมอุณหภูมิที่ใช้อยู่ในงานอุตสาหกรรมทั่วไป 2.แกนให้ความร้อน ซึ่งจะถ่ายเทความร้อนไปยังสายน้ำเกลือ 3.หม้อแปลงไฟจากกระแสสลับ เข้าสู่ตัวแกนให้ความร้อนที่กระแสไฟตรง การจะรู้ว่าอุณหภูมิของน้ำเกลือเท่าไรนั้น ต้องใส่ตัววัดเข้าไปในน้ำเกลือ ซึ่งถ้าเข้าไปอยู่ในร่างกายแล้ว จะใช้วัดไม่ได้ ต้องอาศัยดูทางอ้อมจากค่าอุณหภูมิกายของคนไข้ และวิธีสัมผัสสายน้ำเกลือ แต่เครื่องมือที่พัฒนาขึ้นในปี 2548 จัดเก็บค่าตัวเลขของอุณหภูมิของเลือดและน้ำเกลือที่แปรผันไปตามอุณหภูมิห้อง และจากการปรับระดับความร้อนในภาวะอุณหภูมิต่าง ๆ เพื่อหาค่าอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เลือกได้ ของที่ทำเองราคาถูกกว่า แต่วิธีใช้ไม่ยุ่งยาก เพียงนำสายน้ำเกลือไปพันแกนและเสียบปลั๊กไฟตามปกติ หากต้องการให้น้ำเกลือหรือเลือดไหลเร็ว ในกรณีเสียเลือดเยอะ ก็ตั้งค่าอุณหภูมิให้สูงขึ้น หรือหากจะให้ไหลช้าลงก็ปรับให้อุณหภูมิต่ำลง โดยมีข้อแม้ว่าสารที่น้ำเข้าสู่ร่างกายนั้นไม่ควรเกิน 42 องศาเซลเซียส เพราะไม่เช่นนั้น เม็ดเลือดในร่างกายจะสุกได้ เครื่องอุ่นเลือดมีน้ำหนักกว่า 2 กก. ใช้ต้นทุนประดิษฐ์ประมาณหนึ่งหมื่นสามพันบาท พัฒนาต่อยอดจากเครื่องที่ได้ประดิษฐ์เมื่อปี 2544 โดยรุ่นล่าสุดได้ ปรับเปลี่ยนวิธีการใช้งานและปรับเปลี่ยนตัววัดอุณหภูมิ ตัวให้ความร้อนต่าง ๆ เพื่อให้ปลอดภัยมากขึ้น และสามารถปรับค่าอุณหภูมิจากหน้าจอได้ด้วยตัวเอง (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 9 มิ.ย. 2548 http://www.dailynews.co.th)

เครื่องบำบัดน้ำเสีย จากถังน้ำมัน ราคาถูก

นักศึกษาจากคณะวิศวกรรมและเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ได้คิดค้น “เครื่องต้นแบบบำบัดน้ำเสียจากการฟอกย้อมไหมของกลุ่มชุมชนขนาดย่อม” ขึ้น เพื่อคลี่คลายปัญหาน้ำเสียที่เกิดขึ้นในชุมชนนั้นให้หายไป โดยงานวิจัยนี้ได้รับทุนสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ในโครงการ Industrial Project for Undergraduate Students ด้วย โดยน.ส.ปรมาภรณ์ วามสิงห์ และ น.ส.โชติรส พิมพ์เรือง นักศึกษาเจ้าของไอเดียอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และ ผศ.ดร.สมพร เจนคุณาวัฒน์ อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการวิจัย ร่วมกันเปิดเผยถึงเครื่องบำบัดน้ำเสียนี้ว่า การคิดค้นเครื่องดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกำจัดสีและสิ่งเจือปนอื่นๆ ที่เกิดจากกระบวนการฟอกย้อมผ้าไหมของชุมชนขนาดเล็ก โดยเน้นการสร้างเครื่องต้นแบบจากวัสดุที่หาง่าย ราคาถูก และก่อนการคิดค้นเครื่องต้นแบบนี้ เราได้ไปเก็บข้อมูลจาก กลุ่มทอผ้าไหมบ้านหนองตาโก้ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะในหน้าแล้ง ทำให้ชาวบ้านใช้น้ำในอุตสาหกรรมการฟอกย้อมได้จำกัด ส่งผลให้กระบวนการฟอกย้อมมีปัญหา เราจึงคิดที่จะนำน้ำเสียที่ได้จากกระบวนการฟอกย้อมมาบำบัด ให้สามารถนำกลับมาหมุนเวียนใช้ได้อีกครั้งหนึ่ง ในการบำบัด จะใช้หลักการตกตะกอนร่วมกับการกรอง ในส่วนของตัวเครื่องนั้นใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนมอเตอร์กวน ซึ่งประกอบด้วย ถังน้ำมัน 200 ลิตร 2 ถัง คือ ถังตกตะกอนและถังกรอง โดยขั้นแรกเราจะใส่น้ำเสียลงไปประมาณ 150 ลิตร และเติมสารส้มตัวตกตะกอน ลงไปในถังตกตะกอน 10 เปอร์เซ็นต์ ที่เลือกสารส้ม เพราะนอกจากจะมีราคาถูก หาได้ง่ายแล้ว ค่า PH ของสารส้มยังอยู่ในปริมาณที่เป็นกลางพอดี และใบพัดกวนก็จะทำหน้าที่ กวนประมาณ 30 นาที แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้ตกตะกอนประมาณ 1 ชั่วโมง พอตะกอนนอนก้น ก็จะเปิดวาล์วเพื่อให้น้ำที่ตกตะกอนไหลมาสู่ถังกรอง ที่ประกอบด้วยตัวกรอง คือ ทรายละเอียด เปลือกไข่ และถ่านกัมมันต์ โดยเปลือกไข่จะเป็นตัวดูดซับสารประเภทโลหะหนักในสีย้อมผ้า ส่วนถ่านกัมมันต์จะเป็นตัวดูดซับสีและลดค่า ซีโอดี(ค่าที่ใช้วัดมาตรฐานน้ำเสียในโรงงานอุตสาหกรรม) ซึ่งจากการทดสอบ พบว่า ค่าซีโอดี ก่อนการบำบัดมีค่า 520 มก./ลิตร เมื่อผ่านการบำบัดแล้วมีค่าลดลงเป็น 70 มก./ลิตร และน้ำที่ผ่านการกรองแล้วจะมีค่าโลหะหนักลดลง รวมทั้งความขุ่นจะหายไป จะได้น้ำที่ใส ซึ่งค่าของน้ำที่ได้มานี้จะผ่านค่ามาตรฐานของกรมโรงงานอุตสาหกรรมด้วย ดังนั้น ชาวบ้านสามารถปล่อยทิ้งลงแหล่งน้ำได้เลย หรือสามารถนำน้ำที่ผ่านการกรองนี้มาใช้ในกระบวนการฟอกย้อมได้ใหม่อีกด้วย การเลือกวัสดุที่หาได้ง่ายอย่างถังน้ำมัน มาประดิษฐ์เป็นส่วนที่ใช้บรรจุน้ำเสีย ทำให้ต้นทุนการผลิตเครื่องบำบัดน้ำเสียจากการฟอกย้อมผ้าไหม ลดลงเหลือเพียง 5,000 บาทต่อเครื่องเท่านั้น ผู้ใดสนใจ สอบถามได้ที่ ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมและเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี หมายเลขโทรศัพท์ 0-2549-3377 ในวันและเวลาราชการ (สยามรัฐรายวัน พฤหัสบดีที่ 9 มิ.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)

น้ำตาลมิตรผล ลุยวิจัยเพิ่มผลผลิตอ้อย

ศ.ดร.ชัชนาถ เทพธรานนท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยว่า สำนักงานได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ โครงการความร่วมมือด้านวิชาการในการผลิตผลิตภัณฑ์จากอ้อยกับบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด เพื่อวิจัยปรับปรุงพันธุ์อ้อย การบำรุงรักษาและเก็บเกี่ยว ตลอดจนวิจัยผลิตเอทานอลจากกากอ้อย ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าให้ของเหลือจากการผลิตน้ำตาล โดยปัจจุบันทางน้ำตาลมิตรผลได้ผลิตเอทานอลจากน้ำอ้อยอยู่แล้ว ในการดำเนินโครงการความร่วมมือนี้ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค-สวทช.) จะดูแลด้านวิจัยวิชาการ ส่วน สวทช.จะสนับสนุนด้านทุนวิจัยตามความเหมาะสมของแต่ละโครงการ จากนั้นจะพิจารณาขยายสู่การวิจัยในส่วนอื่น แต่ ณ จุดนี้ ถือเป็นประตูเปิดสู่การวิจัยพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลได้ดีที่สุด ด้านนายอิสระ ว่องกุศลกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด กล่าวถึงโครงการความร่วมมือว่า น่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าอ้อยได้ไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาพันธุ์อ้อยที่ให้ผลผลิตต่อไร่และความหวานเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันผลผลิตอ้อยต่อไร่ของไทยอยู่ที่ 8-9 ตัน ส่วนประเทศคู่แข่งอย่างบราซิล ออสเตรเลีย มากถึง 13 และ 15 ตัน เมื่อผลิตออกเป็นน้ำตาลต่อไร่แล้ว ออสเตรเลียผลิตได้ 2 ตัน บราซิลได้ 1.4 ตัน ขณะที่ไทยได้ต่ำกว่าตัน สำหรับในความร่วมมือนี้ประกอบด้วย คณะทำงานร่วมกันฝ่ายละ 4 คน ทำหน้าที่ศึกษาถึงปัญหาและความต้องการของผู้ประกอบการ เพื่อกำหนดเป็นโครงการวิจัย โดยจะเริ่มศึกษาที่พันธุ์อ้อย การเก็บเกี่ยวและการขนส่ง เนื่องจากต้นทุนในส่วนนี้มากถึง 40-50% ของราคาอ้อย หากสามารถนำเทคโนโลยีมาช่วย เชื่อว่าจะลดต้นทุนชาวสวนอ้อยได้โดยตรง นอกจากนั้นจะเป็นเรื่องการพัฒนาเครื่องกลขนาดเล็กและกระบวนการผลิตในโรงงาน และการประหยัดพลังงานโดยเน้นไปที่เอทานอล สำหรับน้ำตาลมิตรผลได้จัดสรรงบวิจัยประมาณ 50 ล้านบาทต่อปี คิดเป็นร้อยละ 0.5 ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศบราซิล ที่มีหน่วยงานรับผิดชอบด้านงานวิจัยทั้งภาครัฐและอุตสาหกรรม มูลค่าการลงทุนวิจัยจะอยู่ที่หลายร้อยล้านบาท ออสเตรเลียก็เช่นกัน จะกำหนดทิศทางการวิจัยที่ชัดเจน ส่วนจีน แม้จะไม่ได้ส่งออกน้ำตาล แต่ผลิตเพื่อใช้ภายในประเทศ ก็เริ่มมีงบประมาณและมีหน่วยงานวิจัยรับผิดชอบโดยเฉพาะคือ สถาบันอ้อยและน้ำตาล ในขณะที่ไทยงบประมาณยังกระจัดกระจาย และได้รับจัดสรรไม่มากพอที่จะผลักดันให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)

พบทางเลือกใหม่คุมกำเนิดบุตร

ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์พบโมเลกุลที่ส่ง "ซิก" ให้มดลูกเปิดทางให้ตัวอ่อนฝังตัว ในทางกลับกันยังพลิกแพลงมาใช้คุมกำเนิดได้ด้วย ต่างจากเทคนิคเดิมที่ใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิด ซึ่งมีผลข้างเคียงทำให้เกิดเส้นเลือดจับตัวเป็นก้อน โมเลกุลดังกล่าวมีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า สตัต 3 (STAT3) โดยนักวิทยาศาสตร์พบว่ามีบทบาทสำคัญในการส่ง "สัญญาณ" ให้เซลล์ที่อยู่ตามผนังมดลูกยอมเปิดประตูรับตัวอ่อนให้มาฝังตัวกับผนังเพื่อเจริญเติบโตเป็นทารก ถ้าไม่มีสัญญาณดังกล่าวนี้แล้ว ตัวอ่อนจะไม่มีทางเกาะตัวกับผนังมดลูกได้ ทำให้ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ การค้นพบดังกล่าวก่อให้เกิดประโยชน์ที่ต่างกันสองทาง ทางแรกคือ หากสามารถค้นหาวิธีช่วยกระตุ้นสัญญาณสตัต 3 เพื่อช่วยให้ผู้มีบุตรยากตั้งครรภ์ได้สมใจ โดยเฉพาะในกรณีที่ร่างกายของผู้หญิงมีความผิดปกติในการส่งสัญญาณเพื่อเปิดรับตัวอ่อน ขณะเดียวกัน จากการทดลองของนักวิจัยเคมบริดจ์ยังพบสารประกอบชนิดหนึ่งที่ใช้ยับยั้งการส่งสัญญาณของโมเลกุล นำไปสู่การคิดหาวิธีคุมกำเนิดได้อีกทางหนึ่ง เพียงแต่ต้องศึกษาให้ละเอียดว่าต้องใช้ปริมาณของสารประกอบมากน้อยแค่ไหนถึงจะใช้ได้ผล และยังต้องหาตัวบรรจุยาที่จะนำยาไปถึงมดลูกได้ ซึ่งอาจจะเปนในรูปของครีมเจล ผู้อำนวยการศูนย์วางแผนครอบครัวแสดงความเห็นว่า การคุมกำเนิดด้วยสารประกอบโมเลกุลมีความเป็นไปได้ว่าจะส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายได้น้อยที่สุด ขณะที่ยาคุมกำเนิดที่มาในรูปแบบของฮอร์โมนมักมีผลข้างเคียงในแง่ลบ อาทิ เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งทรวงอก แต่มีข้อดีตรงที่ช่วยลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่ และมะเร็งเยื่อบุมดลูก และยังใช้ลดสิวด้วย (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 48 http://www.komchadluek.net)

แบคทีเรียพันธุ์อึดเพ่นพ่านทั่ว รพ.แนะหมอพยาบาลหมั่นล้างมือ

บริษัทรับบริการทำความสะอาดแห่งหนึ่งในสหรัฐได้ทดสอบนำเอาแบคทีเรียที่ชื่อ สตาฟีโลคอกคัส ออเรอุส สายพันธุ์ที่ทนต่อยาเมธิซิลลิน (methicillin-resistant Staphylococcus aureus) โดยหยดลงบนผ้าปูที่นอน ผ้าคลุมคีย์บอร์ด และเล็บปลอม ผ่านไป 5 วันยังพบแบคทีเรียดังกล่าวบนที่นอน ผ่านไป 6 สัปดาห์ แบคทีเรียชนิดนี้ยังสุขสบายอยู่บนผ้าคลุมคีย์บอร์ด และยิ่งกว่านั้น ผ่านไป 8 สัปดาห์ แบคทีเรียเอ็มอาร์เอสเอยังคงเกาะแน่นอยู่บนเล็บปลอม นักวิจัยจากบริษัทอีโคแล็บ กล่าวว่า ผลจากการวิจัยดังกล่าวแสดงให้เห็นชัดเจนถึงความจำเป็นในการชำระล้างมือให้บ่อย และรักษาสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้ปลอดจากเชื้อโรค โดยทั่วไป แบคทีเรียสตาฟีโลคอกคัส ออเรอุส ไม่มีพิษสงอะไร และพบได้ทั่วไปบนผิวหนังหรือแม้แต่ในจมูกของคน บางครั้งแบคทีเรียชนิดนี้ก็อาจทำให้เกิดอาการผื่นคัน และเป็นตุ่มหนองขึ้นมาได้ และเกิดอาการติดเชื้อที่มักทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นแมงมุมกัด แต่ถ้าเป็นชนิดที่ทนต่อยาเมธิซิลลิน หรือเอ็มเอสอาร์เอ มีลักษณะที่รุนแรงกว่าซึ่งหากพบในโรงพยาบาล อาจทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงหรือบางครั้งเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ อาทิ โรคติดเชื้อกินผิวหนัง แบคทีเรียชนิดนี้สามารถต้านยาฆ่าแบคทีเรียได้เกือบทุกอย่าง ยกเว้นภูมิคุ้มกันในเส้นเลือดดำที่ชื่อว่า แวนโคมัยซิน ในการศึกษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในชิคาโกพบว่า คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์อาจถ่ายทอดเชื้อแบคทีเรียไปสู่นิ้วมือของแพทย์และพยาบาลได้ ไม่ว่าจะสวมถุงมือหรือไม่ก็ตาม ซึ่งพวกเขาจะส่งเชื้อแบคทีเรียต่อไปยังคนไข้อีกทอด นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยอื่นที่แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ดูแลผู้ป่วยจะรู้ถึงความสำคัญในการชำระล้างมือ แต่พวกเขามักไม่ปฏิบัติตาม หรือทำความสะอาดอย่างหมดจด (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 48 http://www.komchadluek.net)

ผลวิจัยชี้นโยบายรัฐบกพร่องสร้างปัญหา เร่งผลักดันตั้ง "การข้าวแห่งประเทศไทย"

รศ.ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยในการเสนอผลงานวิจัย "เศรษฐกิจการเมืองเรื่องการค้าข้าวปี2547/2548" ว่าองค์กรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องข้าว ยังอึดอัดต่อภาวการณ์ข้าวในปี 2547/48 แม้ว่าชาวนาจะพอใจในราคาข้าวที่ขายได้ ขณะที่โรงสีชี้ว่ารัฐบาลกำหนดให้ส่งต้นข้าวสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานในการจำนำข้าวนั้น ทำให้โรงสีต้องลดต้นทุน โดยการกำหนดเกณฑ์รับข้าวจากชาวนาไม่เกิน 40% ผลการวิจัยชี้ว่าปัญหาทั้งหมด เกิดจากนโยบายของรัฐที่บกพร่อง ใช้เพียงดุลพินิจของผู้มีอำนาจเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ ที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรจะได้รับร่วมกัน ผลการวิจัยเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา ใน 3 รูปแบบ คือ 1.การตั้งการข้าวแห่งประเทศไทย เพื่อกำหนดนโยบาย ภายใต้ พ.ร.บ. การข้าว มีการจัดตั้งคณะกรรมการข้าว โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน 2.การจัดตั้งสภาข้าวแห่งประเทศไทย แต่จะติดปัญหาขาดกฎหมายรองรับ การกำหนดนโยบายข้าวขึ้นอยู่กับหน่วยงานภาครัฐ และ 3 สภาที่ปรึกษาการข้าวแห่งชาติ มีหน้าที่เพียงให้คำปรึกษา นายปราโมทย์ วานิชานนท์ ผู้แทนจากสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ผลการวิจัยดังกล่าว ยังถือว่ายังไม่สมบูรณ์ และควรวิจัยต่อถึงวิสัยการออมของเกษตรกร ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เปลี่ยนไปจากเดิม ที่จะขายข้าวช่วงปลายปี เปลี่ยนเป็นขายข้าวสดแทน ส่งผลให้มีการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยมากขึ้น เสี่ยงต่อการเป็นหนี้สินเพิ่มขึ้น ผลการวิจัยควรจะบอกด้วยว่าพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปดังกล่าว คุ้มค่าหรือไม่หากเทียบกับราคาข้าวที่สูงขึ้น นายสุวรรณ คฑาวุธ นายกสามาคมชาวนาไทย กล่าวว่า ในขณะนี้ควรจะมีมาตรการสักอย่างเพื่อลดช่องว่าง ระหว่าง ชาวนา โรงสี และ ผู้ส่งออก ในส่วนของชาวนานั้น ต้องการคำแนะนำในการผลิตข้าว ที่ทุกองค์กรเห็นว่าดี ให้ผลผลิตมาก ราคาสูง ไม่ถูกกดราคา เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต ของชาวนาให้ดีขึ้นจากปัจจุบันที่เมื่อเทียบกับทุกองค์กรแล้ว ชาวนาเป็นองค์กรที่มีรายได้ต่ำสุด (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)

นักวิจัยอังกฤษระบุยาแก้ปวดกลุ่มเอ็นเสดเป็นต้นตอโรคหัวใจ

คณะนักวิจัยอังกฤษได้ศึกษาผู้ป่วยหัวใจพิบัติครั้งแรก 9,218 คน ในอังกฤษและเวลส์ โดยเปรียบเทียบปริมาณยาในกลุ่มเอ็นเสดที่ผู้ป่วยทาน และพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจทำให้ผลบิดเบือน เช่น อายุ ความอ้วน การสูบบุหรี่ การทานยาแอสไพริน และการเป็นโรคหัวใจมาก่อน นับเป็นงานวิจัยเรื่องนี้ครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ผลปรากฏว่า ผู้ป่วยที่ทานยาในกลุ่มเอ็นเสด 3 เดือนก่อนเกิดอาการหัวใจพิบัติ มีแนวโน้มเกิดอาการดังกล่าวครั้งแรกเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ไม่ได้ทานยาในกลุ่มนี้เลยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เช่น ยาไอบูโปรเฟนเพิ่มความเสี่ยงร้อยละ 24 ยาไดโคลฟีแนก เพิ่มความเสี่ยงร้อยละ 55 ยาเซเลโคซิบ หรือชื่อทางการค้าว่าเซเลเบร็กซ์ เพิ่มความเสี่ยงร้อยละ 21 และยาโรฟีโคซิบ หรือชื่อทางการค้าว่าไวออกซ์ เพิ่มความเสี่ยงร้อยละ 32 อย่างไรก็ดี งานวิจัยที่ลงพิมพ์ในวารสารการแพทย์อังกฤษชิ้นนี้แนะว่า ผู้ป่วยยังไม่ควรเลิกทานยาแก้ปวดในกลุ่มเอ็นเสด เนื่องจากอาจมีความผิดพลาดด้านข้อมูล และจำเป็นต้องทำวิจัยเพิ่มเติมเรื่องการใช้ยาในกลุ่มนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มที่แพทย์สั่งยาแก้ปวดในกลุ่มเอ็นเสดให้อย่างแพร่หลายและเสี่ยงเกิดภาวะหัวใจพิบัติมากที่สุด (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)

ปั้นนักสร้างรุ่นหุ่นยนต์ให้ฝึกตั้งแต่เด็ก

การสร้างนักพัฒนาซอฟต์แวร์ควรฝึกตั้งแต่วัยเยาว์ ระบุญี่ปุ่น สิงคโปร์เด็กเก่งเพราะได้ลับสมองตั้งแต่เด็ก ในงานการแข่งขันพัฒนาโปรแกรมหุ่นยนต์เยาวชนนานาชาติ 2005 ครั้งที่ 1 ซึ่งจัดโดยสมาคมหุ่นยนต์เยาวชนไทย ร่วมกับสมาพันธ์สมาคมศิษย์เก่าสถาบันในเครือ และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) นายวัลลภ เจียรวนนท์ นายกสมาพันธ์สมาคมฯ กล่าวว่า การที่จะปั้นเด็กให้เก่งและเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ ต้องฝึกฝนตั้งแต่เด็กยิ่งเด็กยิ่งดี เพราะจะได้มีทักษะการใช้มือสัมผัส ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ เด็กในวัยเดียวกับไทยมีความสามารถในการสร้างหุ่นยนต์และพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ดีกว่า นายคณวัฒน์ วศินสังวร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที กล่าวว่า ไอซีทีพร้อมที่จะให้การสนับสนุนทุกเรื่องเพราะเป็นกิจกรรมที่ดี และช่วยให้เด็กห่างไกลยาเสพติด สำหรับการแข่งขันแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ การแข่งขันหุ่นยนต์ช่วยชีวิต การแข่งขันหุ่นยนต์เตะฟุตบอล การแข่งขันหุ่นยนต์เต้นรำ การแข่งขันเขียนโปรแกรมสถานการณ์จำลอง มีทีมเข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 83 ทีม แบ่งเป็นไทย 73 ทีม ญี่ปุ่น 4 ทีม และสิงคโปร์ 6 ทีม ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว. (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)

นักวิชาการม.เกษตรฯคิดแบบจำลองคาดคะเนปริมาณน้ำฝน

คุณจุไร เกิดควน ประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แจ้งเข้ามาว่า รศ.ดร.วีระศักดิ์ อุดมโชค อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และทีมงานวิจัยได้ทำการศึกษาคิดค้นแบบจำลองการคาดคะเนปริมาณน้ำฝนขึ้น โดยใช้ข้อมูลระยะยาวของพฤติกรรมของสภาพภูมิอากาศระดับภูมิภาค สภาพภูมิประเทศ ปรากฏการณ์เอลนินโญและนานินาทำให้ได้แบบจำลองในการคาดคะเนปริมาณน้ำฝนที่ต่อเนื่องจากปริมาณ น้ำฝนในฤดูกาลที่ผ่านมาหรือในปีที่ผ่านมา โดยแบบจำลองนี้ใช้ศึกษาในกรณีที่มีเมฆฝนพัดผ่านเข้ามา ดาวเทียม GMS 5 จะสามารถมองเห็นก้อนเมฆที่มีระดับสูงต่ำต่างกัน ต่อจากนั้นโปรแกรมจะทำการแปรความหมายว่ามีอุณหภูมิยอดเมฆเท่าใด ซึ่งข้อมูลนี้จะถูกส่งมายังพื้นดินทุกชั่วโมง ซึ่งหากมีถังวัดน้ำฝน อยู่ใต้ก้อนเมฆก้อนนั้นพอดีและจังหวะนั้นสามารถวัดอุณหภูมิยอดเมฆได้จะสามารถบอกได้ว่าฝนที่ตกลง มาจะมีปริมาณน้ำฝนเท่าไหร่ ซึ่งหากเมฆมีปริมาณน้ำฝนมากกว่า 25 มิล แบบจำลองนี้จะมีความถูกต้องแม่นยำถึงกว่า 90% หลักของแบบจำลองการคาดคะเนปริมาณน้ำฝน คือ การป้องกันการเกิดอุทกภัยและการเกิดแผ่นดินถล่ม ขณะเดียวกันการจัดการพื้นที่เพื่อควบ คุมน้ำก็มีความสำคัญ คือ การจัดการพื้นที่เพื่อกักเก็บน้ำไว้ในดินหรือสระน้ำ หรือในพื้นที่ชุ่มน้ำของบริเวณพื้นที่ลาดเอียงระบายน้ำลงสู่ลำธารที่ไม่มีระบบฝาย หรืออ่างเก็บน้ำ จะทำให้มีน้ำใช้ในฤดูแล้ง อย่างเพียงพอและยังช่วยบรรเทาอุทกภัยในฤดูฝน พื้นที่ลาดเอียงดังกล่าวมักเป็นพื้นที่บริเวณปลายเนิน และพื้นที่ลอนลาด ซึ่งมีอยู่ประมาณร้อยละ 80 ของพื้นที่ที่ไม่ใช่ที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึง การทำฝายต้นน้ำทั้งในส่วนที่อยู่เหนือลำธารและส่วนที่อยู่ใต้ท้องลำธาร ทำให้สามารถเก็บรักษาความชื้นในดินบริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำได้มาก การขุดสระน้ำและการทำพื้นที่ชุ่มน้ำยัง เป็นทางเลือกสำคัญในการกักเก็บน้ำและป้องกัน การไหลหลากทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ การขุดสระน้ำ จะดำเนินการหลังพื้นที่ปลายเนินเขาที่มีตะกอนสะสมกันเพื่อให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ชื้นแฉะตลอดเวลา และระบายน้ำซับออกมาอย่างต่อเนื่องการขุดสระน้ำต้องขุดออกทั้งหมดแล้วนำดินไปกองฝากไว้ที่อื่นก่อนแล้วทำการบดอัดพื้นและคันดินทั้งหมดตามมาตรฐานการบดอัดดินในการทำคันดินและถนน การดำเนินการ ดังกล่าวจะทำให้น้ำในสระน้ำไม่รั่วซึม นอกจากนี้การขุดสระน้ำบางตอนตื้นและบางตอนลึกมาก เพื่อประโยชน์ในการลดการระเหยน้ำและเพื่อการเลี้ยงสัตว์น้ำ กล่าวคือสัตว์น้ำจะอยู่ในลึกในช่วงเวลากลางวัน เนื่องจากน้ำเย็นกว่าที่ตื้น และจะอยู่ในที่ตื้นในเวลากลางคืนเนื่องจากมีออกซิเจนมากกว่าในที่ลึก อีกประการ การขุดสระน้ำบริเวณปลายเนินเขาอย่างน้อยสองสระต่อเนื่องกัน เพื่อกักเก็บน้ำที่ ไหลบ่าลงมาจากเนินเขาในช่วงที่มีฝนตกหนัก โดย ส่วนที่ล้นจากสระแรก และสระที่สองหรือสระที่สามจะปล่อยให้ไหลลงสู่ระบบน้ำใต้ดิน นอกจากนี้การมีพื้นที่ชื้นแฉะและชุ่มน้ำเป็นบริเวณเล็ก ๆ ระหว่างปลายเนินถึงสระน้ำจะช่วยให้มีการพักตะกอนและมีน้ำซึมซับออกมาสู่แหล่งน้ำตลอดเวลา เป็นการชะลอการไหลบ่าของน้ำหลากในฤดูฝนได้. (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)

‘กระดาษสานูนต่ำ’ งานไม่ซ้ำ ขายได้ทุกแนว

“ธีรยุทธ สถิรากร” เจ้าของไอเดียประดิษฐ์งานจาก กระดาษสา กับการนำวัสดุเก่าที่คุ้นเคยอย่างกระดาษสามาประดิษฐ์ให้เกิดเป็นสินค้าด้วยไอเดียแปลกใหม่ กับงานผลิตของตกแต่งจาก “กระดาษสานูนต่ำ” โดยใช้เทคนิคการทำให้เป็นภาพนูนต่ำ เพื่อสร้างให้สินค้าแตกต่างออกไปจากแบบเดิม ๆ "เราเพิ่มมิติให้งานของเรา ให้ลูกค้าดูแล้วรู้สึกว่ามีรูปทรง มีความสูงความลึกจากพิมพ์ที่นูนขึ้นมา จากแต่เดิมที่เรามักจะเห็นแต่งานที่เป็นมิติเดียว คือเป็นกระดาษสาแล้วลงสีอย่างเดียว" นอกเหนือจากงานสวยแล้วในเรื่องของประโยชน์การใช้งานก็ต้องคำนึงถึงด้วย คือถ้าจะให้ใช้งานได้ก็ควรจะต้องใช้ได้จริง ๆ ไม่ใช่ทำขึ้นมาให้ดูเก๋ ๆ เพราะเมื่อลูกค้าซื้อไปแล้วใช้งานไม่ได้ ก็จะเสียความรู้สึก "และอีกเรื่องที่สำคัญคือในเรื่องของหีบห่อบรรจุภัณฑ์ หรือแพ็กเกจจิ้ง" เรื่องนี้ก็ควรให้ความสำคัญด้วย เพราะจะเป็นตัวแรกที่จะช่วยดึงดูดให้ลูกค้าสนใจและตัดสินใจซื้อสินค้า วัตถุดิบที่ใช้นั้นมีไม่กี่อย่าง ที่สำคัญ ๆ ก็จะมีอาทิ กระดาษสา, กระดาษแข็ง สำหรับใช้เป็นโครงกรอบรูป หรือเป็นโครงร่างเพื่อติดกระดาษสา, กาวลาเท็กซ์ สำหรับติดกระดาษ, สีน้ำหรือสีอะคริลิก และดินน้ำมัน สำหรับปั้นแม่พิมพ์หรือโมลด์ ที่เหลือก็เป็นอุปกรณ์ตกแต่ง ซึ่งแล้วแต่การออกแบบด้านประโยชน์ใช้สอย ขั้นตอนการทำ เริ่มจากนำกระดาษแข็งมาตัดเป็นโครงสำหรับติดกระดาษสา จากนั้นนำแบบของสัตว์หรือรูปภาพที่ต้องการมาร่างบนกระดาษธรรมดาทั่วไป เพื่อสำหรับใช้ในการสร้างแม่พิมพ์ เมื่อร่างภาพที่ต้องการเสร็จก็นำเอาดินน้ำมันมาขึ้นรูปให้ได้ตรงกับภาพที่เราต้องการ ซึ่งจะมีรูปนูนขึ้น จากนั้นนำเอาปูนปลาสเตอร์มาเททับ ทิ้งไว้ให้ปูนแห้งสนิท พอลอกออกมาก็จะได้แม่พิมพ์สำหรับภาพนั้น 1 ชิ้น เมื่อได้แม่พิมพ์แล้วก็ให้นำเอากระดาษสาเป็นแผ่น ๆ ที่หมาดน้ำ มาอัดหรือพอกลงบนแม่พิมพ์ให้แน่น จากนั้น "นำไปตากแดดโดยทิ้งไว้ให้แห้งสนิท เพราะหากกระดาษสาไม่แห้งสนิทจะทำให้เกิดเชื้อราบนชิ้นงานได้" จากนั้นนำเอากระดาษสาที่ได้มาติดลงบนกระดาษแข็งที่ทำไว้เป็นโครง อาทิ กรอบรูป หรือกรอบภาพ โดยใช้กาวลาเท็กซ์เป็นตัวยึดติด ทิ้งไว้ให้กาวแห้งสนิท ก็มาถึงขั้นตอนการลงสี ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่จะต้องใช้ความชำนาญมากพอ ๆ กับการปั้นแม่พิมพ์ โดยต้องใจเย็น ๆ คนที่ลงสีนั้นควรจะมีทักษะในการลงสีด้วย เนื่องจากกระดาษสามีคุณสมบัติซึมซับน้ำและสีได้ดี ซึ่งหากลงสีไม่เป็น งานชิ้นนั้นอาจดูแล้วไม่สวย เพราะน้ำหนักในการลงสีไม่ราบเรียบ ไม่สม่ำเสมอกัน ลงสีเสร็จแล้วทิ้งไว้ให้สีแห้งสนิท จากนั้นนำมาเคลือบด้วยการทาแล็กเกอร์กันน้ำอีกทีหนึ่ง ซึ่งขั้นตอนนี้ธีรยุทธบอกว่า ถือเป็นจุดเด่น-จุดขายของสิน ค้าอีกจุด เพราะงาน กระดาษทั่ว ๆ ไป คนมักกังวลเรื่องการเปื้อนน้ำ กับการ ทำความสะอาด แต่สำหรับสินค้าตัวนี้เขายืนยันว่าสามารถโดนน้ำได้ และสามารถนำออกมาทำความสะอาดได้ เนื่องจากทาแล็กเกอร์เคลือบป้องกันน้ำซึมผ่านไว้แล้ว ชิ้นงานของธีรยุทธมีตั้งแต่ขนาดเล็ก ๆ ไปจนถึงขนาดใหญ่ มีตั้งแต่กรอบรูป โคมไฟ จนถึงรูปภาพสำหรับตกแต่งบ้าน โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 350 บาท จนถึงชิ้นละ 4,500 บาท ซึ่งผลกำไรต่อชิ้นงานนั้นเขาบอกว่าอยู่ที่ประมาณ 30-50% จากราคาขาย ขึ้นอยู่กับความยากง่าย ระยะเวลา และรายละเอียดในการผลิตแต่ละชิ้นงาน สำหรับคนที่สนใจผลงาน "กระดาษสานูนต่ำ" ของธีรยุทธ สามารถเปิดชม สินค้าออนไลน์ได้ในเว็บไซต์ www.craft2buy.com หรือติดต่อได้ที่ 844 ถนนประชาอุทิศ ห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10320 โทร. 0-2274-4616 (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)

เครื่องจ่ายหลอดดูดน้ำ

ไพบูลย์ อรุณสวัสดิ์ฤกษ์ จาก บริษัท 10 กันยา จำกัด ผู้ประดิษฐ์ “เครื่องจ่ายหลอดดูดน้ำพลาสติกแนวตั้งแบบแยก 4 ชนิดหลอด” เปิดเผยว่า เครื่องจ่ายหลอดดูดน้ำแบบกดที่ใช้ตามร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดทั่วไปนั้น ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมีราคาแพงมาก จึงคิดว่าน่าจะมีวัสดุทดแทนที่ราคาถูก และประดิษฐ์ออกมาแล้วสามารถใช้งานได้คล้ายกัน “เครื่องจ่ายหลอดดูดน้ำที่ประดิษฐ์ออกมาไปลงตัวที่โถแก้ว ซึ่งตรงกลางโถแก้วมีแกนหมุนพลาสติก ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 4 ช่อง สำหรับใส่หลอดได้ 4 ประเภท อาทิ หลอดช้อน หลอดตรง หลอดพับ และด้านข้างของโถแก้วจะมีตัวจ่ายหลอดออกมา ซึ่งเวลาใช้นั้นต้องหมุนช้า ๆ เพื่อให้หลอดที่ต้องการตรงกับล็อกที่จ่ายหลอด แล้วค่อย ๆสะบัดแกนเบา ๆ หลอดก็จะหลุดออกมา ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ยาก และปลอดภัย” ได้ยื่นจดสิทธิบัตรไปเรียบร้อยแล้ว (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)

สีผงจากธรรมชาติ นวัตกรรมต่อยอด...โอท็อป

จำนูญ พลายด้วง ผู้นำกลุ่มชาวบ้าน หมู่ 5 บ้านเนินธัมมัง ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช นักวิจัยชาวบ้าน โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏ นครศรีธรรมราช ร่วมกันวิจัยพัฒนาสีธรรมชาติสำหรับย้อมผ้าขึ้นมา ขณะนั้นลดต้นทุนได้ราวๆ 200 บาทต่อผ้า 1 ผืน จากการวิจัยพัฒนาโดยภูมิปัญญาชาวบ้านร่วมกับนักวิจัย ประไพ ทองเกิด นักวิจัยทุน สกว. พบว่าสมุนไพรที่นำมาย้อมผ้า นอกจากให้สีแล้วยังมีสรรพคุณเป็นสมุนไพรรักษาโรคได้ด้วย ในตอนนั้นผ้าที่ย้อมสีธรรมชาติมีทั้งหมด 9 สี ได้มาจากต้นไม้หลากหลาย อาทิ "ใบของต้นคุระ" ได้สีดำ สีควันบุหรี่ "ย่านมันแดง" ให้สีเหลือง เขียวหัวเป็ด และสีส้มเข้มๆ "ตาลโตนด" ให้สีชมพูอ่อน สีน้ำตาล สีโอล์โรส "ต้นจิกนา" ให้สีม่วงอ่อนๆ "ใบเสม็ดขาว" ให้สีส้ม ทั้งหมดนี้ช่วยในเรื่องการสมานแผลตามร่างกาย นอกจากนี้ สมุนไพรที่นำมาทำสีเป็นการนำเอามาจากกิ่งก้านใบและเปลือก ยิ่งตัดก็ยิ่งแตกเป็นผลดีต่อระบบนิเวศอีกด้วย ฉะนั้น เวลาที่ออกงานแสดงสินค้า งานขายของต่างๆ ตนก็จะนำความรู้เหล่านี้ไปเผยแพร่ และพบว่าการเผยแพร่ความรู้ก็ยิ่งทำให้เกิดตลาดใหม่ๆ นอกจากนี้ยังมีการแลกเปลื่ยนภูมิปัญญากับกลุ่มที่มาออกงาน เช่นกลุ่มชาวบ้านจากอุตรดิตถ์ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีการนำเอาสีดำจากตาลโตนดมาใช้กับผ้าทอที่บ้าน มีการตอบรับมากพอสมควรจากชาวบ้านใน 14-15 จังหวัด เช่น กาญจนบุรี ชุมพร ก็ขอให้เราส่งสีไปให้ เราก็เลยมีไอเดียที่จะผลิตสีผงขายโดยความร่วมมือกับราชภัฏ นครศรีธรรมราช ในการพัฒนาสีธรรมชาติแบบผงขึ้นมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาตลาด ดูความต้องการและเก็บเงินเพื่อใช้ซื้อเครื่องจักรในการบดสี...เชื่อว่าหากมีการนำเครื่องจักรมาใช้ได้จริงๆ แล้วชาวบ้านจะสามารถผลิตได้เดือนละ 2 ตันต่อเดือน หรือราวๆ 2,000 กิโลกรัม ส่วนเรื่องของวัตถุดิบ มีเหลือเฟือเพราะเราตัดกิ่ง ใบ เปลือกมาทำ ยิ่งพืชที่อยู่ในป่าพลุซึ่งเป็นป่าน้ำกร่อย เมื่อชาวบ้านรู้ว่าจะใช้ประโยชน์อย่างไร ป่าก็ไม่หมดไป (ประชาชาติธุรกิจ เสาร์ที่ 11 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th/prachachart)

ข่าวทั่วไป

ญี่ปุ่นขอเอี่ยวเยียวยาลำน้ำโขง

รัฐบาลญี่ปุ่น เริ่มเข้ามาสอดส่องปัญหา ที่เกิดกับแม่น้ำโขงโดยการผุด “โครงการเฝ้าระวัง ระบบนิเวศน์ลุ่มน้ำโขง” ที่เรียกสั้นๆ ว่า “MeREM” (Mekong River Ecosystem Monitoring) ในการประชุมเชิงปฏิบัติการ ระหว่างนักวิทยาศาสตร์ กับผู้สื่อข่าวสิ่งแวดล้อม ที่จัดขึ้นที่กรุงโตเกียวช่วง 2-4 มิ.ย.ที่ผ่านมา ดร.มาโกโตะ วาตานาเบ ผู้อำนวยการฝ่ายชีววิทยาสิ่งแวดล้อม สถาบันสิ่งแวดล้อมศึกษาแห่งชาติ (NIES) ผู้ผลักดัน MeREM ได้ไขข้อข้องใจว่าเหตุใดญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศ ที่ไม่ได้ตั้งอยู่ริมฝั่งน้ำโขงจึงสนใจ ที่จะเข้ามามีส่วนแก้ไขปัญหา ที่เกิดกับแม่น้ำสายนี้ ดร.วาตานาเบกล่าวว่า ปัจจัยหลักเป็นเพราะญี่ปุ่นต้องพึ่งพา และนำเข้าอาหารจากประเทศในแถบแม่น้ำโขง และปริมาณการนำเข้าที่ว่าก็มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นในอนาคต ปัจจัยต่อมาเป็นเรื่องของการลงทุนที่ก็เพิ่มมากขึ้น ฉะนั้น ปัญหาใดๆที่เกิดขึ้นกับลุ่มน้ำโขงย่อมส่งผลกระทบต่อญี่ปุ่นไม่แพ้กัน เขาไม่ปฏิเสธข้อเท็จจริงที่ญี่ปุ่นต้องการ มีเอี่ยวในการแก้ปัญหาแม่น้ำโขงก็เพราะปัจจัยทางการเมือง การที่จีนได้แผ่อิทธิพลและกำลังกลายเป็นดาวจรัสแสงในภูมิภาคนี้ อย่าว่าแต่สหรัฐฯเลย แม้ญี่ปุ่นเองก็ยังอยากเข้ามาคานอำนาจ อย่างไรก็ดี การเข้ามามีบทบาทในประเทศอาเซียนหนนี้ ญี่ปุ่นเข้ามาแบบนุ่มนวลโดยผ่านกิจกรรมที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โครงการนำร่องระยะ 3 ปีของ MeREM เริ่มขึ้นเมื่อเดือน เม.ย.ปีที่แล้ว โดยการสนับสนุน ของกระทรวงการศึกษา วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (MEXT) จุดประสงค์ก็เพื่อก่อตั้งเครือข่าย ระหว่างประเทศ เพื่อร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์ ประเทศลุ่มน้ำโขง ทำการวิจัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง ที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์แม่น้ำโขง เพื่อให้สามารถคาดการณ์ผล ที่จะเกิดในระยะยาวได้ ดร.วาตานาเบกล่าวว่า วิธีหนึ่งที่ MeREM จะช่วยเหลือชาวบ้าน ที่เดือดร้อนจากปัญหาแม่น้ำโขงได้ ก็คือการเป็น “แบ็กอัพ” ที่ดีให้กับนักวิทยาศาสตร์ ของแต่ละประเทศวิจัยปัญหาที่เกิดขึ้น จากนั้นก็นำปัญหาที่ว่าเสนอต่อสาธารณชนให้รับรู้ และหากจะมีองค์กรอื่นใดอย่าง MeREM ยื่นมือเข้ามา ก็ไม่มีเหตุผลใด ที่จะปฏิเสธหากความช่วยเหลือนั้นจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น! (ไทยรัฐ อาทิตย์ที่ 12 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)

เตือนไม่กินผัก-ผลไม้ ระวัง 'เบอริเบอรี่' เล่นงาน

กลุ่มคนไม่กินผัก ผลไม้ ระวังโรคขาดวิตามินบี 1 หรือโรคเบอริเบอรี่ เป็นแล้วรักษาไม่ทันมีสิทธิตาย สาธารณสุขชี้มีคนตายมาแล้ว 2 ศพ เป็นตังเกพม่า ออกทะเลนานหลายเดือนกินแต่ข้าวสวยกับปลาทอด ไม่ได้กินผัก ผลไม้ จนเกิดอาการบวมทั้งตัว รวมถึงอวัยวะเพศด้วย แน่นหน้าอก เหนื่อยหอบ หัวใจโต กลับขึ้นฝั่งหาหมอไม่ทันตายในเรือ ลูกเรือลำเดียวกันอาการร่อแร่แต่มาถึงมือหมอจึงรอดชีวิตหวุดหวิด แนะคนต้องกินผัก ผลไม้หรือสารอาหารที่มีเกลือแร่กับวิตามิน ผลการตรวจเลือดดูการติดเชื้อและความผิดปกติระบบเกลือแร่ ไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่ตรวจพบเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะร้อยละ 36 และเอกซเรย์พบว่าหัวใจโตร้อยละ 36 และอีกร้อยละ 18 มีน้ำคั่งที่ปอด แพทย์ได้รับตัวรักษา 3 ราย และได้เก็บตัวอย่างเลือดส่งตรวจที่ศูนย์พิษวิทยา โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้รับรายงานว่าผู้ป่วยทั้ง 3 ราย มีอาการเข้าข่ายกับการขาดวิตามินบี 1 หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่าโรคเบอ ริ-เบอร์รี่ (Beri Beri) หลังรักษาด้วยการให้ วิตามินบี 1 ทดแทน พบว่าทุกคนอาการทุเลาและหายเป็นปกติ น.พ.วิชัย เทียนถาวร ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ภาวะขาดวิตามินและเกลือแร่ เป็นปัญหาที่พบในประชากรบางกลุ่ม บางพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มลูกเรือประมงที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กลางทะเลนานหลายเดือน เป็นกลุ่มเสี่ยงสำคัญ สำหรับวิธีป้องกันเบื้องต้น ให้กินข้าวกล้องแทนข้าวขาวและเตรียมผัก ผลไม้ขึ้นเรือด้วย เพราะข้าวกล้องจะมีวิตามินบี 1 และแร่ธาตุโพแทสเซียม ช่วยให้ร่างกายไม่อ่อนเพลีย มีธาตุฟอสฟอรัสบำรุงสมอง ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ส่วนผักผลไม้ จะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินที่สำคัญต่อร่างกายด้วย ตอนนี้ได้สั่งการให้จังหวัดที่อยู่ติดชายทะเลประมาณ 22 จังหวัด ทำการศึกษาวิจัย รวมทั้งเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพื่อการป้องกันและควบคุมอย่างเหมาะสมต่อไปแล้ว น.พ.สมยศ เจริญศักดิ์ อธิบดีกรม อนามัย กล่าวว่า ชาวประมงหรือผู้ใช้แรงงานหนัก จำเป็นต้องได้รับวิตามินบี 1 ไปช่วยเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตจากอาหาร ให้ได้พลังงาน อาหารที่มีวิตามินบี 1 มาก ได้แก่อาหารจำพวกเนื้อหมู ถั่วลิสง ถั่วเหลือง ถั่วแดง ข้าวกล้อง ข้าวมันปู ข้าวเหนียวดำ งาขาว งาดำ แต่ขณะนี้พบว่าคนไทยยังไม่ค่อยนิยมกินข้าวกล้อง ส่วนใหญ่จะนิยมข้าวขัดสี ซึ่งเป็นข้าวที่มีวิตามินบี 1 น้อย "สำหรับการถนอมคุณค่าของวิตามินบี 1 ให้อยู่ในเมล็ดข้าวที่หุงกินให้มากที่สุดและดี ที่สุดคือ หุงโดยไม่มีการซาวน้ำทิ้งเลย และหุงแบบไม่เช็ดน้ำ และควรต้มผักในน้ำน้อย ๆ ให้สุกโดยเร็ว จะสูญเสียวิตามินน้อยกว่าการต้ม นาน ๆ ในน้ำมาก ๆ ส่วนประเภทเนื้อสัตว์ ควรกินน้ำที่ใช้ต้มหรือลวกไปพร้อมกับเนื้อสัตว์ หรือการทำให้สุกแบบย่างหรืออบก็ได้ (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2548 http://www.dailynews.co.th)

วัณโรคตื๊อไม่ยอมหมดไปจากโลก ยังคร่าชีวิตผู้คนไปอีกปีละ 2 ล้าน

วัณโรคหรือทีบียังคงแพร่ระบาดอยู่ในปัจจุบัน และคร่าชีวิตผู้คนมากถึงปีละ 2 ล้านคน โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา ผลการศึกษาที่พิมพ์ลง ในวารสารสมาคมการแพทย์อเมริกันฉบับล่าสุด ระบุว่า แม้วัณโรครักษาให้หายได้ในผู้ป่วยส่วนใหญ่ แต่สถิติการดื้อยารักษากลับไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด วัณโรคยังคงเป็นโรคที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก นับแต่เมื่อครั้งอดีตที่ผ่านมา แต่ละปีมีการค้นพบผู้ป่วยรายใหม่ถึง 9 ล้านคน โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา และร้อยละ 80 ของจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ พบใน 23 ประเทศ มากกว่าครึ่งพบในบังกลาเทศ จีน อินเดีย อินโดนีเซีย และไนจีเรีย รายงานระบุว่า สาเหตุของการดื้อยารักษาส่วนใหญ่ เกิดจากการรับประทานไม่ครบตามที่แพทย์สั่ง ทั้งนี้ ผู้ป่วยจะหายจากวัณโรคได้จะต้องรับประทานยาปฏิชีวนะราว 6-9 เดือน. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)

กินแล้วไม่อ้วน-ไม่หยุดประจำเดือน

นายธงชาติ รักษากุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในการเปิดงาน ที่เดอะมอลล์ บางกะปิ ว่า “ชีวิตคนไทยผูกพันกับมะพร้าวเป็นเวลานาน นำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งต้น ทั้งปรุงอาหารทั้งคาว-หวาน เครื่องใช้ไม้สอย เครื่องดนตรี รากยังนำมาทำยาขับพยาธิ” อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกมะพร้าว 2.4 ล้านไร่ ถือเป็นพื้นที่ที่ทำรายได้ให้เกษตรกรตั้งแต่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ลงไป ตีเป็นมูลค่าผลไม้ของมะพร้าวประมาณ 4,500 ล้านบาท โดยเฉพาะมะพร้าวอ่อนมีพื้นที่ปลูก 2 แสนไร่ ซึ่งมีแนวโน้มและทิศทางเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันมีการส่งออกมะพร้าวอ่อนไปต่างประเทศตลอดเวลา ปีนี้ส่งออก 300 ล้านบาท ประเทศที่ส่งออกมากคือสหรัฐอเมริกา รองลงมาคือไต้หวัน ทิศทางการส่งเสริมถ้าเป็นมะพร้าวแกง คงไม่ขยายพื้นที่ เพราะบริโภคในประเทศเป็นส่วนใหญ่ ที่ต้องการขยายพื้นที่คือมะพร้าวอ่อน ในส่วนกรมส่งเสริมการเกษตรเน้นการพัฒนาและส่งเสริมการปลูกมะพร้าวอ่อนมากขึ้น ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา อดีตรองผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศ ไทย กล่าวว่า คนไทยใช้มะพร้าวไม่ต่ำกว่า 700 ปี โดยบริโภคทุกส่วนของมะพร้าวและการบริโภคน้ำมันมะพร้าวไม่ทำให้เป็นโรคหัวใจ จากการวิจัยพบว่ากินน้ำมันมะพร้าวจะไม่อ้วน ที่ผ่านมาคนไทยถูกหลอกให้ไปกินน้ำมันถั่วเหลือง เพราะน้ำมันถั่วเหลืองทำให้เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ “ในน้ำมันมะพร้าวมีปริมาณของกรดตัวหนึ่งที่ชื่อว่า Lauric ซึ่งเป็นกรดตัวเดียวที่อยู่ในนมแม่ ช่วยให้ภูมิคุ้มกันแก่ทารกแรกเกิดไม่เป็นโรคใด ๆ ในระยะ 6 เดือนแรก และเมื่อกินเข้าไปเปลี่ยนเป็นสาร Monolaurin มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่มีอาการดื้อยา ซึ่งยาปฏิชีวนะธรรมดาทำลายไม่ได้ รวมทั้งทำลายเชื้อโรคเอดส์ได้ คงต้องศึกษาวิจัยกันต่อไป ในส่วนที่นำมาทำเครื่องสำอางยังสามารถทำให้ผมสวย ผมดำ นุ่มเนียน และอย่าไปเชื่อว่าน้ำมันมะพร้าวหรือกะทิ เป็นสาเหตุของโรคหัวใจและโรคอ้วน เมื่อกินเข้าไปจะเปลี่ยนเป็นพลังงาน นอกจากนี้ตามความเชื่อว่าผู้หญิงที่มีประจำเดือนไม่ควรกินน้ำมะพร้าว เป็นเรื่องไม่จริง สามารถกินได้โดยไม่มีผลข้างเคียง”. (เดลินิวส์ อังคารที่ 6 มิถุนายน 2548 http://www.dailynews.co.th)

เร่งจดลิขสิทธิ์ภูมิปัญญาไทย กระทรวงวัฒนธรรมหวั่นถูกต่างชาติขโมย

ดร.กล้า สมตระกูล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางเข้าร่วมประชุมเรื่องนโยบายและยุทธศาสตร์เรื่องลิขสิทธิ์ทางปัญญาทางด้านวัฒนธรรม ขององค์การสิทธิทางปัญญาโลก ที่เมืองหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 24-27 พฤษภาคม ที่ผ่านมาว่า ที่ประชุมมองว่าเรื่องสิทธิทางปัญญาส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ อาทิ อาหาร ยารักษาโรค เสื้อผ้า การแต่งกาย ภาษา การแต่งเพลง แต่งหนังสือ การละเล่น รวมไปถึงการออกแบบเวบไซต์ ซึ่งมีปัญหาอยู่ที่กลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาบางประเทศไม่มีการจดลิขสิทธิ์ทางปัญญา ทำให้สูญเสียประโยชน์ต่างๆ มากมาย ขณะที่กลุ่มประเทศยุโรปและอเมริการุดหน้าไปไกลมาก ดังนั้นจึงสมควรให้ทุกประเทศมีนโยบายเรื่องจดลิขสิทธิ์ทางปัญญาให้ชัดเจนและเป็นมาตรฐานสากล ปัจจุบันภูมิปัญญาไทยที่ต้องเร่งจดลิขสิทธิ์ 4 อย่าง คือ อาหารไทย นวดแผนโบราณ มวยไทย และตำราสมุนไพรและยาแผนโบราณ ที่กลุ่มประเทศเอเชียบางประเทศได้เข้ามาศึกษาและเก็บตัวอย่างไปจดเป็นลิขสิทธิ์บ้างแล้ว หากประเทศไทยไม่รีบจดลิขสิทธิ์เอาไว้ คงไม่เหลืออะไรที่เป็นของคนไทยจริงๆ "หากประเทศใดมาขอไปดำเนินการต้องทำตามระบบและมาตรฐานของไทย รวมไปถึงเสียค่าลิขสิทธิ์ให้เจ้าของภูมิปัญญาและประเทศผู้เป็นเจ้าของ ขณะเดียวกัน หากไทยต้องการนำเข้าสินค้าและการบริการต่างประเทศต้องเสียค่าลิขสิทธิ์เช่นกัน ขณะเดียวกัน ต้องมีการสืบค้นหาภูมิปัญญาที่เด่นๆ มาเป็นของใคร เต็มใจขึ้นทะเบียนและจดลิขสิทธิ์หรือไม่ ผมจะสรุปเรื่องนี้เสนอต่อนางอุไรวรรณ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เร่งเชิญหน่วยงานในสังกัด เช่น สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.) กรมศิลปากร สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย และภาคเอกชน ช่วยกันดำเนินการโดยเร็ว ญา (คมชัดลึก อังคารที่ 6 มิ.ย. 48 http://www.komchadluek.net)

องค์กรข้าวแห่งชาติ

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานกรรมการมูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวในการประชุมสัมมนาระดมความคิดเห็นเรื่อง "องค์กรข้าวแห่งชาติ" ว่า การมีองค์กรข้าวระดับชาติเป็นเรื่องที่ดี เพราะข้าวเกี่ยวข้องกับคนส่วนใหญ่ของประเทศ เบื้องต้นนั้นเห็นว่าการตั้งองค์กรข้าวน่าจะเป็นองค์กรอิสระจริงๆ แล้วก็รวบรวมเอาส่วนที่เกี่ยวข้องของกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ มารวมกันไว้ เริ่มตั้งแต่ชาวนาที่เป็นผู้ผลิตโดยตรง หน่วยวิชาการ มหาวิทยาลัย กระทรวงพาณิชย์ที่ดูเรื่องการขาย การส่งออก กระทรวงอุตสาหกรรมที่ดูในเรื่องการแปรรูป รวมไปถึงการค้นคว้าวิจัย โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ รวมถึงเรื่องปุ๋ยต่างๆ แม้กระทั่งกระทรวงไอซีที เพราะการผลิตจะต้องมีข้อมูลด้านดินฟ้าอากาศ และตลาดเข้ามาสนับสนุน สำหรับองค์กรอิสระจะต้องบริหารโดยกรรมการ ซึ่งต้องมีสัดส่วนของตัวแทนแต่ละองค์กรเข้ามาร่วมอย่างยุติธรรม เพื่อให้อำนาจถ่วงดุลในคณะกรรมการไม่เอนไปข้างใดข้างหนึ่ง และควรให้มีตัวแทนชาวนาอยู่ในคณะกรรมการด้วย ถ้าทำตรงนี้ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่จะมารับตำแหน่งคณะกรรมการ ตนเห็นว่าเพียงขอให้เป็นคนยุติธรรม เป็นนักบริหารที่ดี สามารถควบคุมการประชุมได้ มีจรรยาบรรณและ good governance ที่ดี "ที่ผ่านมา ในหลวงเองมีพระราชกระแสรับสั่ง ทรงปริวิตกอยู่ตลอดเวลาและทรงเป็นห่วงข้าวในทุกมิติ ทรงเป็นห่วงชาวนา ทรงเป็นห่วงเรื่องข้าว ห่วงเรื่องการรักษาสมบัติของเรา ทรงห่วงเรื่องสิทธิบัตรข้าวต่างๆ มีการรับสั่งเป็นระยะๆ ตลอดมาทีเดียว ผมเคยนำรัฐมนตรีไปเข้าเฝ้าฯ ท่านก็ทรงเตือนเรื่องนี้ โลกทุกวันนี้เป็นโลกของการอ้างสิทธิ มีการออกกฎระเบียบใหม่ๆ เรื่องกฎหมายเราต้องตามให้ทันโลกด้วย" ดร.สุเมธกล่าว (ประชาชาติธุรกิจ อังคารที่ 6 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th)

พิษภัย...ในน้ำมันทอดปาท่องโก๋

น้ำมันที่ใช้สำหรับทอดอาหารประเภทต่างๆ ทั้งน้ำมันจากการทอดปาท่องโก๋ กล้วยทอด มันทอด หรือแม้แต่เผือกทอด เพราะในน้ำมันอาจมีการปนเปื้อนของสาร PCBs ได้ PCBs เป็นสารที่ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เป็นสารเคมีที่ได้จากการสังเคราะห์ โดยปกติ PCBs จะแพร่กระจายในสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ เช่น การเผาขยะของเหลือใช้จากอุตสาหกรรม และบ้านเรือน เนื่องจากเตาเผาส่วนใหญ่ที่ใช้ ไม่มีประสิทธิภาพดีเพียงพอที่จะทำลาย PCBs ได้ นอกจากนี้ การระเหยจากดินและจากตะกอนที่กำจัดทิ้งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สาร PCBs สามารถปะปนกับอาหารที่เรารับประทานได้ สาร PCBs เข้าสู่ร่างกายได้โดยการกิน เช่น ผัก ผลไม้ อาหารกระป๋อง เนื้อสัตว์ อาหารทะเล เป็นต้น นอกจากนี้ อาจพบได้ในน้ำมันที่เราใช้ประกอบอาหารกันอยู่ทุกวันนี้ เช่น น้ำมันทอดปาท่องโก๋ ที่เราเห็นเขาทอดกันอยู่ทุกวัน ถ้าดูด้วยสายตาคงไม่ต่ำกว่า 2-3 ครั้ง ดังนั้น โอกาสที่ PCBs จะปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกายเป็นไปได้สูงมาก เนื่องจากสาร PCBs อาจเกิดได้จากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของน้ำมัน สำหรับอันตรายของสาร PCBs ที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหาร อาจทำให้ เกิดอาการดังนี้ ตาบวม เล็บคล้ำ ผิวหนังหยาบกร้านตั้งแต่หน้าจนถึงลำคอ ดูแล้วอาจไม่อันตราย แต่ถ้าสะสมอยู่ในร่างกายมากๆ ลองนึกดูแล้วกันว่าจะเป็นอย่างไรวิธีป้องกันง่ายนิดเดียว พ่อค้าแม่ค้าที่ขายอาหารประเภททอดๆ ควรใช้น้ำมันสำหรับทอดอาหารไม่เกิน 2 ครั้ง วันนี้สถาบันอาหารจึงได้ทำการสุ่มตัวอย่าง น้ำมันที่ทอดแล้ว เช่น การทอดปาท่องโก๋ จำนวน 4 ตัวอย่าง เพื่อนำมาวิเคราะห์หาการปนเปื้อนของสาร PCBs (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)

นวัตกรรมล้ำสมัย

ขอเชิญผู้ที่สนใจเทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัย เข้าร่วมงานประชุมนานาชาติ อินเตอร์เนชั่นแนล โร้ด เฟดเดอเรชั่น เวิลด์ มีตติ้ง 2005 ครั้งที่ 15 และ ไออาร์เอฟ/ อินเตอร์แทรฟฟิค เอ็กซิบิชั่นพบกับการแสดงผลงานน่าทึ่งจาก 200 หน่วยงานทั่วโลก อาทิ ระบบการสั่งการล่วงหน้าในการขับขี่รถยนต์บนถนนหลวง เครื่องขุดเจาะพื้นแบบเรดาร์ สัญญาณจราจรพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องมือออกตั๋วแบบอ่านและถอดรหัสเอง อุปกรณ์ทำเครื่องหมายถนนแบบเธอโมพลาสติก ในวันที่ 14-17 มิ.ย. ที่ศูนย์การแสดงสินค้าและศูนย์ประชุมนานาชาติ ไบเทค 10.00-18.00 น. ไม่เสียค่าใช้จ่าย (ข่าวสด พุธที่ 8 มิ.ย. http://www.matichon.co.th/khaosod)

ร.พ.รัฐเปิดช่องทางด่วนบริการผู้สูงอายุ ดีเดย์บังคับใช้ต้นเดือน ก.ค.

เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ที่จังหวัดนนทบุรี ศ.น.พ.สุชัย เจริญรัตนกุล รมว.สาธารณสุข เปิดช่องทางบริการพิเศษ หรือกรีน เชนเนล (Green Channel) สำหรับรักษาพยาบาลกลุ่มผู้สูงอายุ ที่ ร.พ.พระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี เพื่ออำนวยความสะดวกผู้สูงอายุที่เจ็บป่วยให้ได้รับบริการที่รวดเร็ว โดย ศ.น.พ.สุชัยกล่าวว่า ประเทศไทยมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วประมาณร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมด คือ 6.3 ล้านคน คาดอีก 20 ปี ผู้สูงอายุไทยจะเพิ่มขึ้นถึง 13 ล้านคน ซึ่งผู้สูงอายุจำเป็นต้องได้รับการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอยู่ในวัยถดถอย อวัยวะต่างๆอยู่ในสภาพเสื่อมถอย โดยพบว่าผู้สูงอายุทุกคนมีปัญหาสุขภาพอย่างน้อยคนละ 1 อย่าง 1 ใน 4 คน มีภาวะทุพพลภาพ และ 1 ใน 5 ต้องล้มหมอนนอนเสื่อนานกว่า 6 เดือน จึงต้องมีระบบการดูแลที่เหมาะสม ซึ่งแนวโน้มที่น่าห่วงในอนาคต ผู้สูงอายุอาจจะต้องอยู่คนเดียวและขาดผู้ดูแล เนื่องจากครอบครัวยุคใหม่นี้จะมีขนาดเล็กลง มีลูกเพียง 1-2 คน และแต่งงานช้า โดยเฉพาะผู้หญิง ในการจัดบริการ รองรับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย มีนโยบายทั้งเชิงรับเชิงรุก โดยให้กรมการแพทย์เร่งตั้ง คลินิกผู้สูงอายุ ในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่งในปี 2548 นี้ ให้ตั้งอย่างน้อย 1 อำเภอ 1 คลินิก หรือประมาณ 700 แห่ง ให้บริการตรวจสุขภาพและรักษาโรคให้ผู้สูงอายุเป็นการเฉพาะ โดยจัดงบประมาณให้ 20 ล้านบาท จะส่งผลให้ผู้สูงอายุมีอายุยืนยาวขึ้นอย่างแข็งแรง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี จะดำเนินการให้ครบ 100% ในปี 2549 และให้โรงพยาบาลจัดบริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน โดยเฉพาะในรายที่ป่วยเรื้อรัง เดินไม่ได้ หรือพิการ จะมีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ออกไปร่วมให้การดูแลถึงบ้านด้วย ซึ่งตนได้ลงนามในประกาศกระทรวงสาธารณสุข ตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 ให้โรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง จัดช่องทางให้บริการทางการแพทย์เฉพาะผู้สูงอายุ ที่แผนกผู้ป่วยนอกเป็นกรณีพิเศษแยกจากผู้ป่วยทั่วไป เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับความสะดวกและรวดเร็วแล้ว เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในเดือน ก.ค.นี้ โดยโรงพยาบาลทุกแห่งต้องติดประกาศขั้นตอน และระยะเวลาในการให้บริการแก่ผู้สูงอายุให้ชัดเจน และมีการประชาสัมพันธ์ในระหว่างให้บริการด้วย ผู้สูงอายุทุกคนมีหลักประกันสุขภาพ หากอยู่ในโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค จะไม่เสียค่าธรรมเนียมบริการ. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2548 http://www.thairath.co.th)

5 ปีผุดศูนย์ระวังทั่วไทย

น.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า นอกเหนือจากการมีศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมระดับภูมิภาคครอบคลุมทั่วประเทศแล้ว วธ.มีแผนขยายศูนย์เฝ้าระวังในทุกจังหวัด มีสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเป็นเจ้าภาพ จากนั้นจะลงลึกถึงระดับโรงเรียน โดย วธ.จะเข้าไปจัดโรดโชว์ในโรงเรียน เพื่อกระตุ้นให้เด็กเกิดความตระหนักในการเฝ้าระวัง จะนำไปสู่การจัดตั้งเป็นศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมประจำโรงเรียน ซึ่งอาจเป็นในรูปแบบของชุมนุม ตั้งเป้าไว้ว่าภายใน 5 ปี ทุกโรงเรียนจะต้องมีศูนย์เฝ้าระวัง และมีจำนวนเด็กและเยาวชนทั่วประเทศที่เข้าร่วมเป็นเครือข่ายอาสาสมัครเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังกล่าวด้วยว่า สำหรับหลักการง่ายๆ ที่ทุกโรงเรียนสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมคือ ศีล 5 แต่ต้องสอนให้เด็กมีความเข้าใจหัวใจของศีล 5 อย่างแท้จริง ว่าเป็นหลักการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขของมนุษย์ ไม่ใช่ให้รู้เพียงการท่องจำได้เท่านั้น โดยอาจให้ครูพระเข้าไปเพิ่มเติมความรู้ให้เด็กมากขึ้น เชื่อว่าเมื่อเด็กมีความเข้าใจในศีล 5 ปัญหาต่างๆ ที่เด็กและเยาวชนกำลังประสบและเผชิญอยู่จะไม่เกิดขึ้น (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2548 http://www.komchadluek.net)

ไทยร่วมเวียดนาม ตั้งหมู่บ้านมิตรภาพ

ผศ.ดร.อรรถ นันทจักร์ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) ในฐานะประธานโครงการหมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียดนาม ในประเทศเวียดนาม เปิดเผยว่า ไทยได้ร่วมมือกับประเทศเวียดนาม โดยจัดโครงการหมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียดนามขึ้นที่หมู่บ้านนาจอก อ.เมือง จ.นครพนม เพื่อส่งเสริมมิตรภาพอันดีระหว่างสองประเทศ และเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าทางประวัติศาสตร์และแหล่งท่องเที่ยวใน จ.นครพนม ซึ่งปัจจุบันมีชาวเวียดนามที่อพยพมาไทยตั้งแต่ต้นรัตนโกสินทร์และสงครามเวียดนามประมาณ 130 หลังคาเรือน โดยหมู่บ้านนี้อยู่ในความดูแลของ ม.มหาสารคาม วิทยาเขตนครพนม ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมีนักศึกษาปริญญาเอก คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาไทยศึกษา 40 คน และปีนี้จะรับนักศึกษาปริญญาเอก สาขาเวียดนามศึกษาและลาวศึกษา สาขาละ 15 คน ดังนั้น ในฐานะอาจารย์ผู้สอนด้านนี้ จึงร่วมกับสมาคมวิจัยแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเวียดนาม ขยายผลโครงการหมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียดนามขึ้นที่เมืองแถง โดยใช้ชื่อว่าหมู่บ้านนาหวาย อ.หนองสามหมื่น จ.เดียนเบียนฟู ประเทศเวียดนาม ซึ่งหมู่บ้านนี้มีกลุ่มชาติพันธุ์ไทยอาศัยอยู่เกือบ 100 หลังคาเรือน หมู่บ้านแห่งนี้มีเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ ตามแผนโครงการจะเป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมไทย-เวียดนาม ภายในมีพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์ ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์โอท็อปเกี่ยวกับชาติพันธุ์ ที่พักโฮมสเตย์สำหรับนักศึกษาและนักท่องเที่ยว รวมถึงสำนักงานประสานงานนักศึกษาไทยที่ไปเวียดนาม โดยใช้งบดำเนินการไม่ถึง 5 ล้านบาท คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จในปีนี้ หรืออย่างช้าเดือนสิงหาคมปี 49 (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2548 http://www.komchadluek.net)

โจ๋ใช้แมลงวันสเปนปลุกเซ็กซ์ อย.เตือนระวังผลข้างเคียง

เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ที่โรงแรมโนโวเทล ศ.ดร.ภักดี โพธิศิริ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) พร้อมด้วย เภสัชกร(ภก.)มานิตย์ อรุณากูร รองเลขาธิการ อย. ร่วมกับตัวแทนผู้ประกอบธุรกิจด้านอาหารและยา 21 ราย ร่วมแถลงข่าว "30 ปี อย. บริโภคปลอดภัย คนไทยแข็งแรง" ว่า อย.ได้เตรียมจัดงานประกาศความเป็นผู้นำในการคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ ระหว่างวันที่ 1-4 กันยายนนี้ ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี ฮอลล์ 9 ให้ความรู้ใหม่เพื่อสุขภาพ ศ.ดร.ภักดีกล่าวว่า กว่า 30 ปี ที่ อย.คุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภคอย่างเข้มงวด โดยกำกับดูแลครบวงจรทั้งผลิตภัณฑ์อาหาร ยา เครื่องสำอาง วัตถุอันตราย วัตถุเสพติด วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท เครื่องมือแพทย์ ส่งผลให้เกิดกระแสตื่นตัวของผู้บริโภค ล่าสุด อย.พบว่าแต่ละปีมีกรณีร้องเรียนไม่ต่ำกว่า 2,000 ราย แสดงว่าประชาชนเอาใจใส่สุขภาพตัวเองเพิ่มมากขึ้น แต่ยังมีคนบางกลุ่มที่หลงไปตามคำโฆษณาชวนเชื่อ "ล่าสุด อย.พบว่ามีการโฆษณาขายยาเสียตัว ซึ่งมีส่วนผสมของแมลงวันสเปน ผ่านทางเว็บไซต์ อี-เมล นิตยสารบันเทิง และกำลังระบาดในกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบเที่ยวกลางคืน ยาชนิดนี้เป็นยาอันตราย มีทั้งชนิดน้ำ และเม็ด ที่วัยรุ่นจะมีแหล่งซื้อ รู้กันเฉพาะกลุ่ม ใช้ผสมเครื่องดื่ม ภายใน 5 นาทีจะออกฤทธิ์กระตุ้นอวัยวะเพศให้เกิดอาการคัน ระคายเคือง และต้องการถอดเสื้อผ้า" ศ.ดร.ภักดีกล่าว และว่า ยาที่มีส่วนผสมของแมลงวันสเปนทุกชนิดเป็นยาที่ถูกขึ้นทะเบียนยาอันตราย ขณะนี้ได้สั่งให้สอบสวนและดำเนินคดีกับผู้ที่ลักลอบขายยาชนิดนี้แล้ว (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th)

ฮ่องกงเตือนห่างลิง ตัวพาหะไวรัสมรณะ

ฮ่องกงเตือนคนอย่าเข้าใกล้หรือให้อาหารลิงป่า หลังไต้หวันเผยผลการทดลองสัตว์บางชนิดเป็นพาหะไวรัสที่อันตรายต่อมนุษย์ ไวรัสสายพันธุ์ CHV-1 หรือที่รู้จักกันดีว่าเป็นไวรัสบีในลิง ซึ่งไม่มีอันตรายต่อสัตว์ชนิดนี้ แต่หากคนติดเชื้อดังกล่าวทำให้เกิดอาการสมองอักเสบรุนแรง อาจถึงแก่ชีวิตได้ โดยทั่วไปผู้ที่มีโอกาสติดเชื้อคือเจ้าหน้าที่ประจำห้องปฏิบัติการที่โดนลิงกัด ข่วน หรือติดเชื้อจากของเหลวหรือเนื้อเยื่อของวานรเหล่านี้ และล่าสุดเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของไต้หวันออกมา ระบุว่า ผลการทดลองยืนยันว่าลิงป่ามีไวรัสชนิดนี้ ทั้งนี้แม้ว่าคนฮ่องกงส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในเขตเมือง แต่เกาะแห่งนี้ก็ยังมีพื้นที่สวนสาธารณะและเขตภูเขาห่างไกลความเจริญอีกจำนวนมาก ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของลิงป่า นายโดนัลด์ แลม โฆษกประจำกระทรวงเกษตร ประมง และการอนุรักษ์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กำลังเฝ้าดูกรณีของไต้หวันอย่างใกล้ชิด แต่ยังไม่ได้ทดสอบกับลิงในฮ่องกง อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนงดให้อาหารหรือเข้าใกล้ลิง ซึ่งทางกระทรวงได้บอกกับคนฮ่องกงเสมอว่าให้อยู่ห่างจากสัตว์ แม้ว่าไม่มีแนวโน้มการติดเชื้ออันตรายใดๆ (ประชาชาติธุรกิจ ศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th)

เผยโฉมรถเมล์ใหม่ 2 สาย

รายงานข่าวจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) แจ้งว่า ในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ บริษัท ยูเนี่ยน บัสเซอร์วิส จำกัด ได้เปิดเดินรถร่วม บริการเส้นทางใหม่ 2 เส้นทาง คือ สาย 187 และสาย 188 โดยสาย 187 หมู่บ้านเอื้ออาทร คลอง 3-ท่าน้ำสี่พระยา (ทางด่วน) มีรายละเอียดเส้นทางคือ หมู่บ้านเอื้ออาทร คลอง 3-รพ.เอกปทุม-รังสิต-ฟิวเจอร์�พาร์ครังสิต-โลตัสรังสิต-เมเจอร์-เซียร์-อนุสรณ์สถาน-ดอนเมือง-หลักสี่-แยกเกษตร-เซ็นทรัล-สุทธิสาร-ดินแดง-อนุสาวรีย์ชัยฯ-รพ. ราชวิถี-แยกศรีอยุธยา-ราชเทวี-มาบุญครอง-สามย่าน-ถนนสี่พระยา-ถนนนเรศ-ถนนเจริญกรุง-ไปรษณีย์กลาง-ท่าน้ำสี่พระยา (โรงแรมริเวอร์ซิตี้) ค่าโดยสาร 5 บาท ทั้งนี้ สำหรับรถที่ขึ้นทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ จะขึ้นทางด่วนที่ด่านหลักสี่และลงที่ด่านดินแดง (ค่าโดยสารรวม 7 บาท) ส่วนสาย 188 สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล คลอง 6-สถานีขนส่งกรุงเทพฯ (จตุจักร) มีรายละเอียดเส้นทางคือ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล คลอง 6-ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต-โลตัสรังสิต-เมเจอร์-เซียร์-อนุสรณ์สถาน-รพ.ภูมิพล-ตลาดสะพานใหม่-ม.เกษตร-สี่แยกรัชโยธิน-เซ็นทรัลลาดพร้าว-จตุจักร-หมอชิตใหม่ ทั้งนี้ บริษัท ยูเนี่ยน บัสเซอร์วิส แจ้งว่า การเดินรถดังกล่าว ได้เปิดเดินรถสาย 187 ก่อน ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2548 และเนื่องในโอกาสเปิดเส้นทางเดินรถใหม่นี้ บริษัทได้เปิดให้บริการ “ฟรี” แก่ผู้โดยสารเป็นเวลา 5 วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2548 ถึงวันที่ 11 มิถุนายน 2548 โดยบริษัทขอความร่วมมือจากผู้โดยสาร หากการบริการไม่ได้รับความสะดวกหรือมีข้อบกพร่อง ประสงค์จะแนะนำการบริการ โปรดติดต่อที่เบอร์โทรศัพท์ 0-2567-3329 หรือโทรสาร 0-2576-0199 เพื่อบริษัทจะได้นำข้อเสนอแนะไปพิจารณาปรับปรุงบริการต่อไป. (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 11 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)

เวียดนามที่น่าจับตามอง

ความเก่งด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ทุกคนต้องยอมรับและยกนิ้วให้กับเด็กเวียดนาม เพราะสามารถคว้ารางวัลจากการแข่งขันวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ระดับโลกมาแล้วหลายเวที จนเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของคนทั่วโลก และเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง ดร.อดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ พร้อมคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยไทย ได้มีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ รวมทั้งพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้บริหารและนักเรียนของโรงเรียน Hanoi Amsterdam School สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจาก Mr.Do Lenh Dien อาจารย์ใหญ่ เขาได้เล่าให้ฟังว่า สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามมีโรงเรียนมัธยมศึกษาประมาณ 1,000 โรง และในจำนวนนี้ก็มีโรงเรียนสำหรับเด็กที่มีความสามารถพิเศษหรือโรงเรียนอัจฉริยะถึง 80 โรง โดย Hanoi Amsterdam School ก็ถือว่าเป็นโรงเรียนอัจฉริยะอันดับหนึ่งของประเทศ ซึ่งทางโรงเรียนจะมีนโยบายการบริหารงานที่ชัดเจน โดยเน้นว่าจะต้องทำให้นักเรียนได้เรียนอย่างมีความสุข รวมทั้งทางโรงเรียนจะสนับสนุนส่งเสริมให้นักเรียนมุ่งสู่การแข่งขันโอลิมปิกวิชาการ ซึ่งในปีที่ผ่านมาทางโรงเรียนได้ส่งนักเรียน 4 คนเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกวิชาการ ปรากฏว่าสามารถคว้ามาได้ 2 เหรียญทอง 1 เหรียญเงินและ 1 เหรียญทองแดง ซึ่งสร้างความภูมิใจให้แก่โรงเรียนเป็นอย่างมาก โรงเรียนมีนักเรียนตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยจะมีการแยกเน้นเป็นการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความสามารถพิเศษในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ส่วนการเรียนการสอนเด็กทุกคนจะได้เรียนครบทุกรายวิชา และจะมีในบางวิชาที่จะมีการกระตุ้นเป็นพิเศษ นอกจากนี้แต่ละโรงเรียนยังมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกันตลอด เพื่อให้มีการพัฒนาอย่างเท่าเทียมกันด้วย ด้าน ผศ.ดร.อรรถ นันทจักร์ อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ในฐานะนักวิชาการและกำลังศึกษาประวัติศาสตร์ของเวียดนาม กล่าวเสริมว่า คนเวียดนามจะให้ความสำคัญกับการศึกษามาก ทุกคนจะชอบอ่านหนังสือ เพื่อค้นคว้าหาความรู้อยู่ตลอดเวลา รวมทั้งรัฐบาลก็ส่งเสริมผลิตหนังสือในราคาถูก เพื่อให้คนเวียดนามหาซื้ออ่านได้ง่าย เพราะรู้ว่าการศึกษาจะนำไปสู่การพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน และยังมีการเตรียมเด็กทางด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์จำนวนมาก เพื่อเข้าสู่ยุคเทคโนโลยี เพราะคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์จะเป็นตัวต่อยอดไปยังศาสตร์แขนงอื่น ๆ แต่ที่ตนสนใจค่อนข้างมากคือเวียดนามพยายามยกตัวเองไปยังเรื่องจิตวิญญาณ และความเป็นมนุษย์ โดยค้นหาเด็กที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านประวัติศาสตร์ วรรณกรรม ซึ่งจะทำให้มนุษย์เข้าใจความเป็นตัวเองมากขึ้น ไม่ใช่จะมุ่งเน้นแต่เทคโนโลยีอย่างเดียว (เดลินิวส์ เสาร์ที่ 11 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)

KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215