หัวข้อข่าวปีที่ 6 ฉบับที่ 23 ประจำวันที่ 2005-06-19

ข่าวการศึกษา

สกอ. ออกหนังสือเวียนให้ทุก ม. ยุติรับน้องปีนี้
อาชีวะฯยันสอนป.ตรี รับเฉพาะปวช.ปวส. ต่อยอดนักเทคโนโลยี
ศธ.โต้ประธาน"ทปอ."อยู่ร่วมกันอุดมศึกษาด้อย ไม่ขัดตั้งกระทรวงใหม่-ขย่มม.เปิดสอนซ้ำซ้อน
เผย4อจ.คว้ารางวัลมหิดล
"นครปฐม"สร้าง"ห้องเรียนต้นแบบ"
ศธ.จับมือ"กระทรวงการท่องเที่ยว-กีฬา ประกาศ"ปีสากลแห่งการกีฬาและพลศึกษา"
10 วิธีการเรียนรู้ เพื่อปรับเปลี่ยน กระบวนทัศน์ ในการแก้วิกฤตของประเทศ
ไบโอเทคควงราชภัฏ ทำหลักสูตรเทคโนโลยีชีวภาพ
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดคอร์สอบรมเชิงปฏิบัติการ รีโมตเซนซิ่ง
จัดถกอธิการบดีลุ่มน้ำโขง รุกวางยุทธศาสตร์พัฒนาอุดมศึกษาก.ย.นี้
มจษ.-จีนแลกเปลี่ยนนักศึกษา
ม.สงขลาเปิดลงทะเบียนข้ามสถาบัน
จี้มหา"ลัยปรับหลักสูตร-มาตรฐาน สอดรับตลาดแรงงาน-ผู้ใช้บัณฑิต
รับสมัครชิงเพชรยอดมงกุฎ
มศวตั้งหน่วยUBI ปั้น “เถ้าแก่น้อย” สร้างธุรกิจในฝัน
ม.รังสิตเปิดป.โท สร้าง"ผู้นำ" 1 ปีจบ
ศิริราชถ่ายทอดเทคนิคใหม่ผ่าตัดข้อเข่า

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

เดชอิทธิฤทธิ์คลื่นยักษ์"สึนามิ''ดันฝั่งทะเลร่นขึ้นไปไกลถึง1ไมล์
‘GAP’ กับ ‘Q’ เครื่องหมายการันตีคุณภาพสินค้าเกษตร
ตั้งกล้องโทรทรรศน์อวกาศจับตา ยิงลูกปืนยักษ์ถล่มหัวดาวหาง
จีนปลูกพืชในอวกาศ
ดาวเทียมธีออส สำรวจทรัพยากรดวงแรกของไทยเตรียมโคจรใน 2 ปี
แผนการสำคัญ
'ศูนย์นวัตกรรมอาหาร' ดันครัวไทยสู่ครัวโลก
ซิป้าเตรียมตั้งศูนย์ ทดสอบซอฟต์แวร์ บนมือถือ
พัฒนาชิพอัฉริยะฝังตัวผู้ป่วย ให้รู้อาการ-ส่งข้อมูลเร็ว10เท่า
พบดาวเคราะห์พี่น้องของโลก ขนาดโตกว่าและตัวร้อนสูงกว่า
สหรัฐส่งคนไปดวงจันทร์เที่ยวใหม่ เตรียมไปตั้งสถานีสำรวจขึ้นด้วย
พลาสติกชีวภาพ ใส่ใจคุณภาพชีวิต
เปิดตรวจพืชจีเอ็มโอ สร้างความมั่นใจก่อนปลูก-กิน
บองก้าเกมเสริมไอคิวเด็ก
เลเซอร์ฟื้นผม
วิศวกรไทยย้อนรอยเครื่องทำขวดพลาสติก
เนคเทคจัดสอบผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไอที
นักวิทย์คำนวณแล้ว เชื่อคลื่นยักษ์มาอีก “มหาสมุทรอินเดีย”
RFID คืออะไร

ข่าววิจัย/พัฒนา

สยบไอเสียรถยนต์ด้วยฉี่แกะลดมลพิษจากผลิตผลธรรมชาติ
ครูบ้านนอกสร้างนักประดิษฐ์ แผงวงจรวิทยุบังคับแบบไทย
เครื่องขึ้นรูปสบู่ข้าวโพด ลดแรงงานคน เพิ่มปริมาณการผลิต
กินลูกเกดป้องกันฟันรักษาเหงือก มีสารพิเศษช่วยคุ้มกันถึง 5 ชนิด
วิทย์ลุงแซมสุดเจ๋ง ผลิตขนแปรงนาโน “เล็กกว่าผมมนุษย์”
สหรัฐทุ่มศึกษาขมิ้นต่อต้านมะเร็ง ฆ่าเซลล์เนื้อร้ายไม่ทำลายเนื้อดี
กินถั่วเหลืองลดไขมันในเลือดลงได้ แถมบำรุงสุขภาพทั่วไปเหนือกว่า
พบวิธีตรวจเชื้อไวรัสหวัดนกทางลัด จากเวลาเกือบเดือนมาเป็นวันเดียว
วิจัยมาลาเรีย20ปี86หัวข้อ วช.ฟื้นผลงานรับมือระบาด
เนคเทค-มหิดลส่งโปรแกรมจัดฟันรุกตลาด
นวัตกรรมเครื่องหั่นผัก-ผลไม้อัตโนมัติ ลดเวลาการผลิตอาหารกระป๋อง
ม.มหิดลเผยคืบหน้า พัฒนายามาลาเรีย
แปรงสีฟันนาโนสะอาดเอี่ยม ขนแปรงจิ๋วซอกซอนทุกซอกมุม
สเปรย์เชื้อราพิฆาตยุงตัดตอนโรคมาลาเรียไร้สารเคมีตกค้าง
ญี่ปุ่นรวมญาติหุ่นยนต์โชว์ช่วยเหลืองานมนุษย์จิปาถะ
พลาสติกพลังสุริยะ
วงจรต้นแบบเครื่องจับเวลา ตัวช่วยการทดลองให้แม่นยำ
วช.รื้อยุทธศาสตร์วิจัยชาติพุ่งเป้าท้องถิ่น
วัคซีนมะเขือเทศรับมือโรคซาร์ส
จุฬาฯ คิด'วัสดุใหม่'ทดแทนไม้ธรรมชาติ สูตรขี้เลื่อยผสมพลาสติกทนปลวกทนไฟ
หุ่นยนต์โรงงานพาเหรด โชว์ใหญ่ครั้งแรกในไทย
สปาเติมได้ ไอเดียดีจาก ลาดกระบัง
คลิกเมาส์แทนสวิตช์ สั่งปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า
แปลงเปลือกกุ้งเป็นยาข้ออักเสบใหม่
ผลวิจัยฝรั่งชี้สังสรรค์กับเพื่อนช่วยให้อายุยืน
‘แม่โจ้’ ปลื้มผลงานอนุรักษ์ปลาบึก ติดเครื่องลุยหลังขึ้นบัญชีแดงสัตว์สูญพันธุ์
ประดิษฐ์เครื่องดวงตาเทียมสำเร็จ ทำให้คนตาบอดกลับเห็นได้ใหม่อีก
กินวันละมื้อเดียวหนีมะเร็งได้ ยิ่งกินมากยิ่งเสี่ยงอันตราย
หวั่นฟลูออไรด์ในประปามีพิษ เด็กชายอาจป่วยเป็นมะเร็งกระดูก
วว.พร้อมถ่ายทอดเทคโนเชิงพาณิชย์
กรมวิทย์พัฒนาสูตรกำจัดลูกน้ำยุง ใช้แบคทีเรีย-สารเคมีสูตรซีโอไลท์
"มหิดล"เปิดตัวเครื่องปรุงรสเกลือ-น้ำตาลต่ำ
จักรยานอนุรักษ์พลังงาน (Solar Bicycle) ผลงานน.ศ.วิศวกรรมศาสตร์ ม.ศรีปทุม
กินแต่อาหารที่มีแคลอรีต่ำ ยืดอายุสมองให้ยืนนานขึ้น
วว.พัฒนาเครื่องกวนขนม หนุนโอท็อปผลิตได้อนามัย
ผลิตเลือดจากสเต็มเซลล์ ตัดปัญหาเลือดบริจาคติดเชื้อ
สถาบันวิจัยอังกฤษยัน "พลาสม่าคลัสเตอร์"ฆ่าเชื้อหวัดนกได้

ข่าวทั่วไป

ชูกระทรวงก่อสร้างเต็มตัวผ่าตัดกรมโยธา-ผังเมืองรวบเข้าคมนาคม
ภูมิแพ้ผิวหนังคุกคามคนไทยเปิดศูนย์เลเซอร์รับมือ
เพิ่มชื่อพืชอีก7ชนิด ประกาศกำหนดเป็นพันธุ์พืชใหม่
ไทย-ฝรั่งเศสจับคู่เกษตรกรพัฒนาร่วม ดันตั้งองค์กรรับรอง "สิ่งบ่งชี้ภูมิศาสตร์"
โรคเบอริเบอรี่ (beriberi)
จัดงานประกวดการหัวเราะ ให้ประชาชนคลายความเครียด





ข่าวการศึกษา


สกอ. ออกหนังสือเวียนให้ทุก ม. ยุติรับน้องปีนี้

นายภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) กล่าวว่า ตนได้หารือถึงปัญหาการรับน้องใหม่ที่เกิดขึ้นในปี 2548 กับนายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่เป็นห่วงในเรื่องนี้ด้วย จึงคิดว่าจะมีหนังสือเวียนไปถึงมหาวิทยาลัยอีกครั้งหนึ่ง โดยขอให้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่กำลังดำเนินกิจกรรมรับน้องปีนี้ ได้ยุติกิจกรรมทั้งหมดแม้ว่าจะประสงค์ดีไม่ทำเกินเลยก็ตาม และหากกิจกรรมต่อจากนี้ไปที่จะเกี่ยวกับเรื่องของในหลักสูตรหรือนอกหลักสูตร ขอให้งดเว้นการออกไปนอกสถานที่ รวมถึง อย่าดำเนินกิจกรรมที่ใช้ความรุนแรง และละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เลขาธิการ สกอ. กล่าวด้วยว่า กิจกรรมรับน้องใหม่ต่อจากนี้ไป จะต้องได้รับความยินยอมจากน้องใหม่และผู้ปกครอง ทั้งนี้ ขอให้มหาวิทยาลัยทำเป็นหนังสือยินยอมด้วย ดังนั้น จากที่กล่าวมาทั้งหมด ก็ถือให้ยุติกิจกรรมรับน้องเฉพาะปี 2548 ส่วนปีต่อไปก็จะรอผลหารือกับ ฝ่ายกิจการนิสิตนักศึกษาของมหาวิทยาลัยก่อน เพราะกิจกรรมอย่างนี้มีประโยชน์มากกว่า ถ้าบอกไม่ให้ทำอะไรเลย ก็จะเกิดกรณีแอบนัดกันไปรับน้องนอกมหาวิทยาลัย จะทำให้ควบคุมยากขึ้น (ไทยรัฐ อาทิตย์ที่ 12 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)





อาชีวะฯยันสอนป.ตรี รับเฉพาะปวช.ปวส. ต่อยอดนักเทคโนโลยี

นายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยความคืบหน้าของร่าง พ.ร.บ.อาชีวศึกษา ว่า ขณะนี้การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.อาชีวศึกษา ในขั้นตอนของฝ่ายนิติบัญญัติมีความคืบหน้าไปมาก ทั้งวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎรได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ร่วมกันพิจารณาร่าง พ.ร.บ.อาชีวศึกษา แล้ว สำหรับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ก็ได้เตรียมข้อมูลต่างๆ เพื่อนำไปชี้แจงเพิ่มเติมไว้เช่นกัน หากคณะกรรมาธิการวิสามัญร่วมฯ ต้องการ อย่างไรก็ตามคาดคาดว่า พ.ร.บ.อาชีวศึกษา น่าจะผ่านการพิจารณาทันสมัยประชุมสภาฯ เพราะผู้หลักผู้ใหญ่ต่างมีความเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องมีร่าง พ.ร.บ.ฉบับ นี้แล้ว ส่วนกรณีที่มีนักวิชาการ และหน่วยงานต่างๆ กังวลว่าเมื่อ พ.ร.บ.อาชีวศึกษา ผ่านการพิจารณาและมีการประกาศใช้ จะทำให้สถาบันการศึกษาต่างๆ ในสังกัด สอศ.ผลิตนักศึกษาในระดับปริญญาตรีกันได้ และจะหันไปมุ่งเน้นการผลิตนักศึกษาเฉพาะแต่ระดับปริญญาตรี ซึ่งอาจทำให้นักศึกษาสายปฏิบัติในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ขาดแคลนเพราะเด็กก็จะหันไปเรียนเพื่อให้จบปริญญาตรีกันหมดนั้น เรื่องนี้คงเป็นความเข้าใจผิดของนักวิชาการและบางหน่วยงาน เพราะแม้ พ.ร.บ.อาชีวศึกษาจะให้วิทยาลัยในสังกัด สอศ.ผลิตบัณฑิตในระดับปริญญาตรีได้ แต่ก็เป็นปริญญาตรีในสายปฏิบัติการ และจะรับเฉพาะผู้ที่จบในระดับ ปวส.เท่านั้น เพื่อส่งเสริมการสร้างบัณฑิตในสายเทคโนโลยี ใน พ.ร.บ.อาชีวศึกษา กำหนดไว้ชัดเจนว่าจะส่งเสริมการผลิตคนในระดับช่างฝีมือ หรือ ปวช. ผลิตช่างฝีมือระดับสูง หรือ ปวส. และผลิตนักเทคโนโลยีในระดับปริญญา ตรีสายปฏิบัติการ เป็นการเปิดโอกาสให้เด็กที่มีความพร้อมที่ต้องการเป็นนักเทคโนโลยีจริงๆ ได้มีทางไป และเชื่อว่าการมีทางออกให้เด็กโดยการเปิดสอนปริญญาตรีสายปฏิบัติการ จะช่วยดึงเด็กให้มาเรียน ปวช.และ ปวส.สายอาชีพ และต่อปริญญาตรีในสายเทคโนโลยีมากขึ้น ซึ่งจะตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานอย่างแท้จริง (สยามรัฐรายวัน อังคารที่ 14 มิ.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)





ศธ.โต้ประธาน"ทปอ."อยู่ร่วมกันอุดมศึกษาด้อย ไม่ขัดตั้งกระทรวงใหม่-ขย่มม.เปิดสอนซ้ำซ้อน

นายสมเกียรติ ชอบผล ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เขตตรวจราชการที่ 16 และ 19 ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายประเสริฐ ชิตพงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หรือ มอ. และประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(ทปอ.) ยืนยันจะขอแยกสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ออกจาก ศธ. ไปจัดตั้งเป็นกระทรวงอุดมศึกษา เนื่องจากอยู่กับ ศธ. เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนามหาวิทยาลัยว่า การที่จะแยก สกอ.ไปจัดตั้งเป็นกระทรวงใหม่ ไม่ขัดข้อง แต่การจะมาพูดว่าอยู่กับ ศธ.แล้วเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนามหาวิทยาลัยนั้น พูดแรงไป เพราะยังไม่เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงด้านการบริหารจัดการที่ ศธ.ไปครอบงำมหาวิทยาลัย "คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ(ก.พ.ร.) ได้ให้ทีมวิจัยของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิจัยว่านับตั้งแต่ปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระทรวงใหม่เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2546 ที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาฯเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ เป็นไปตามข้อตกลงที่ ศธ.ทำร่วมกับ ก.พ.ร.ที่มีเงื่อนไขว่าภายหลังปรับโครงสร้างและจัดอัตรากำลังบุคลากรแล้วจะต้องมีการประเมินผลใน 3 ปี ซึ่งคณะกรรมการประเมินโครงสร้างของทีมวิจัยจุฬาฯ ก็ได้ประชุมไปแล้วครั้งหนึ่งและ ทปอ.เองก็ได้เสนอเรื่องตั้งกระทรวงใหม่ด้วย อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งต่อไป ผมคงจะไปให้ข้อมูลว่าไม่ขัดข้องกับการแยกไปตั้งกระทรวงใหม่ แต่เชิงนโยบาย ยังต้องประสานและทำงานร่วมกัน จะแยกกันไม่ได้ และอาจต้องไปซักถามด้วยว่าการอยู่กับ ศธ. ติดขัดหรือมีอะไรขัดข้องบ้าง อย่างที่บอกว่าอยู่กับ ศธ.แล้วทำให้ไม่สามารถติดอันดับมหาวิทยาลัยท็อปเท็น หรือทำให้พัฒนาช้า ก็คงต้องไปสอบถามกัน อันไหนที่ปรับได้ เราพร้อมจะปรับ แต่ขอให้บอกมา" นายสมเกียรติกล่าว (มติชนรายวัน อังคารที่ 14 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th)





เผย4อจ.คว้ารางวัลมหิดล

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 13 มิ.ย. ที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล น.พ.พรชัย มาตังคสมบัติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ได้แถลงข่าวการประกาศผลการคัดเลือกบุคลากรมหาวิทยาลัยมหิดลผู้มีผลงานดีเด่นเข้ารับรางวัลมหาวิทยาลัยมหิดลประจำปี 2547 ว่า ในปีนี้ มีผู้ที่ได้รับรางวัลมหิดล จำนวน 4 คน ใน 3 สาขา ประกอบด้วย 1.สาขาการวิจัย ได้แก่ ดร.จิรันดร ยูวะนิยม ภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล เป็นนักวิจัยที่มีผลงานโดดเด่น สามารถหาโครงสร้างสามมิติของเอนไซม์ DHFR-TS (dihydrofolate reductase-thymidylate synthase) ของเชื้อ Plasmodium falciparum ซึ่งเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดโรคมาลาเรียชนิดรุนแรงถึงแก่ชีวิตในคน 2.สาขาการแต่งตำรา ได้แก่ ศ.ทญ.อรสา ไวคกุล ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ ม.มหิดล เป็นผู้แต่งตำรา "การปลูกถ่ายฟัน : การวางแผนผ่าตัด และการประเมินผล" ที่ใช้ในการเรียนการสอนของคณะ เป็นตำราภาษาไทยเล่มแรกและเล่มเดียวที่กล่าวถึงกระบวนการอย่างละเอียด และ3.สาขาความเป็นครู มีจำนวน 2 คน คือ ศ.น.พ.ธารา ตริตระการ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เป็นอาจารย์แพทย์ในด้านการศึกษา งานวิจัย และงานวิชาการทางวิสัญญีวิทยา ดำรงตนอยู่ในศีลธรรมจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพคณะวิทยาศาสตร์ และรศ.ดร.มธุรส พงษ์ลิขิตมงคล เป็นอาจารย์ผู้มีผลงานการสอนและวิจัยดีเด่น เป็นแบบอย่างที่ดีต่อศิษย์ในด้านคุณธรรม จริยธรรม และความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งผู้ได้รับรางวัลจะเข้ารับพระราชทานรางวัลในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรประจำปีการศึกษา 2547 ในวันที่ 8 ก.ค.2548 ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร (มติชนรายวัน อังคารที่ 14 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th)





"นครปฐม"สร้าง"ห้องเรียนต้นแบบ"

ผศ.ดร.นิวัต กลิ่นงาม อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม เปิดเผยว่า ขณะนี้มหาวิทยาลัยเตรียมปรับโครงสร้างอาคารและพื้นที่ใช้สอยภายในมหาวิทยาลัยให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ขณะเดียวกันก็คำนึงถึงความสวยงามและความเหมาะสมแก่การเป็นสถานที่แห่งการเรียนรู้ด้วย โครงการสำคัญโครงการหนึ่งคือการ สร้าง"ห้องเรียนต้นแบบ" ที่ประหยัดพลังงานและกระตุ้นการเรียนรู้ของผู้เรียนโดยไม่ทำลายประสาทสัมผัสของการได้ยินและการมองเห็น ในห้องเรียนต้นแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นห้องเรียนเล็กหรือใหญ่ ผู้สอนสามารถพูดหรือสอนได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องขยายเสียง เสียงพูดในระดับปกติจะทำให้นักเรียนทั้งห้องได้ยินอย่างทั่วถึง โดยไม่ต้องทนรำคาญกับเสียงรบกวนของไมโครโฟน ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการหารือกับ ศ.ดร.สุนทร บุญญาธิการ กรรมการสภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ผู้มีชื่อเสียงในเรื่องการออกแบบอาคารประหยัดพลังงาน (ข่าวสด อังคารที่ 14 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th)





ศธ.จับมือ"กระทรวงการท่องเที่ยว-กีฬา ประกาศ"ปีสากลแห่งการกีฬาและพลศึกษา"

นางจรวยพร ธรณินทร์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จากการที่ที่ปรึกษาพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติด้านการกีฬาเพื่อการพัฒนาสันติภาพ ส่งหนังสือเพื่อขอความร่วมมือจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระหว่างประเทศ เพื่อประกาศให้ "ปีค.ศ.2005 เป็นปีสากลแห่งการกีฬาและพลศึกษา" โดยจัดประชุมวิชาการหัวข้อกีฬาและพลศึกษาในระบบการศึกษา ระหว่างวันที่ 2-5 ต.ค.นี้ โดยเชิญรมว.กีฬาจากทั่วโลก ผู้แทนสหประชาชาติ สมาชิกขององค์กรกีฬาและพลศึกษาระดับโลก คณะกรรมการโอลิมปิกสากล จำนวน 300-500 คน และเชิญบุคลากรของไทยเข้าร่วมประชุมด้วย ทั้งนี้กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ทำหนังสือแจ้งมายังคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ขอให้ตนเป็นประธานฝ่ายวิชาการในการประชุมระดับโลก ซึ่งสิ่งสำคัญในการจัดประชุมครั้งนี้จะมีการยกร่างปฏิญญากรุงเทพฯ โดยประเทศไทยเสนอหัวข้อที่จะยกร่างปฏิญญากรุงเทพฯ คือ กีฬาสร้างคน คนสร้างชาติ มุ่งเน้นสนับสนุนด้านพลศึกษาตั้งแต่การศึกษาระดับปฐมวัย-อุดมศึกษา สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล อีกทั้งตลอดปี 2005 สหประชาชาติได้ขอความร่วมมือประเทศต่างๆ จัดกิจกรรมรณรงค์การกีฬาด้วย จะมีการยกร่างกำหนดรูปแบบการประชุมดังนี้ วันที่ 2 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 18.00-21.00 น. เป็นพิธีเปิดการประชุมและมีการแสดงวัฒนธรรมและกีฬาไทย สำหรับในวันที่ 3 ต.ค.จะเป็นการเปิดประชุมในหัวข้อพิเศษ เรื่อง การสนับสนุนให้ประชาชนและนักเรียนนักศึกษาเล่นกีฬาและสนใจวิชาพลศึกษา โดยมีนายอดอล์ฟ โอกิ เป็นวิทยากรพิเศษร่วมกับวิทยากรไทย และในวันที่ 5 ต.ค.จะมีการพาตัวแทนผู้เข้าประชุมจากต่างประเทศเยี่ยมเวทีมวยราชดำเนิน ยิมเนเซียมที่ใช้ฝึกมวยไทย โรงงานผลิตตะกร้อ เครื่องกีฬาไทย และการแสดงการละเล่นกีฬาไทย (ข่าวสด อังคารที่ 14 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th)





10 วิธีการเรียนรู้ เพื่อปรับเปลี่ยน กระบวนทัศน์ ในการแก้วิกฤตของประเทศ

การจัดการกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในศตวรรษที่ 21 จำเป็นจะต้องอาศัยจิตสำนึกใหม่ ที่มีคนเป็นศูนย์กลางแบบบูรณาการ ซึ่งจำเป็นจะต้องจัดการกับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมของคนโดยรวมมากมาย การสร้างจิต สำนึกใหม่มิได้แค่สอนให้รู้ ถ่ายทอดความรู้เท่านั้น แต่ต้องสร้างกระบวนการเรียนรู้ หรือการจัดการกับความรู้ (knowledge management) เพื่อก่อให้เกิด - จิตสำนึกแห่งการเป็นพวกเดียวกัน มีเอกภาพในความหลากหลาย – จิตสำนึกแห่งการเป็นมิตรต่อกัน – จิตสำนึกแห่งการพึ่งพาอาศัยกัน - จิตสำนึกแห่งการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไว้วางใจกัน – จิตสำนึกในการสร้างพลังร่วมของหมู่คณะ ศ.นายแพทย์วิจารณ์ พานิช ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม ได้นำเสนอแนวคิดที่เป็นแก่นเพื่อการปฏิบัติ ซึ่งถือเป็นหัวใจหรือจุดคานงัดสำคัญในการดำเนินงานจัดการกับความรู้ เพื่อนำไปสู่การเรียนรู้กระบวนทัศน์ในการพัฒนาที่เน้นคนเป็นศูนย์กลางแบบบูรณาการที่น่าสนใจอย่างยิ่ง และเห็นควรนำมาถ่ายทอดไว้ในที่นี้ โดยเสนอเป็น "ทศปฏิบัติ" หรือการดำเนินการ 10 ประการ พอจะสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้คือ ประการที่ 1 จะต้องปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์การของหน่วยราชการจากวัฒนธรรมอำนาจ เป็นวัฒนธรรมความรู้ จากการบริหารงานแบบควบคุม สั่งการ รวบอำนาจ (command and control) แบบหวงอำนาจ เป็นบริหารงานแบบฟื้นฟูพลังอำนาจ (empower) ที่มีอยู่ในตัวตนของคนในองค์กร ในลักษณะการเรียนรู้ด้วยกัน ประการที่ 2 การสร้างวิสัยทัศน์ร่วม (shared vision) ประการที่ 3 การสร้างและใช้ความรู้ในการทำงาน เมื่อมีการทำงาน ผู้ปฏิบัติงานจะมีประสบ การณ์ ในประสบการณ์มี "ความรู้ในคน" (tacit knowledge) อยู่ ถ้าเอาความรู้จากประสบการณ์ ในผู้ร่วมงานมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันจะเกิดการยกระดับความรู้ สำหรับนำไปใช้ในการทำงานให้มีผลสัมฤทธิ์ยิ่งขึ้น ประการที่ 4 การใช้ยุทธศาสตร์ "เรียนลัด" ในการทำงาน รู้จักเสาะหาความรู้ที่มีอยู่แล้ว ใช้การได้ดีอยู่แล้ว มาต่อยอดดัดแปลงใช้งานให้เหมาะสม โดยไม่ทำให้ต้องเสียเวลา มุ่งคิดค้นหาวิธีทำงานใหม่ๆ ด้วยตนเอง ประการที่ 5 การสร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยยุทธศาสตร์เชิงบวก คือการเสาะหาตัวอย่าง "วิธีการยอดเยี่ยม" ประการที่ 6 การจัดพื้นที่หรือเวที สำหรับแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทั้งอย่างไม่เป็นทางการ และอย่าง เป็นทางการ สำหรับให้คนในองค์การได้พบปะกันโดยตรง ประการที่ 7 การพัฒนาคน โดยเน้นการพัฒนาคนผ่านการทำงานไปพร้อมๆ กัน คนที่เกิดการพัฒนาจะเป็นบุคคล เรียนรู้ มีทักษะในการ "เรียนรู้ร่วมกันผ่านการปฏิบัติงาน" (interactive learning through action) มีทักษะในการใช้ความรู้ในการปฏิบัติงาน มีทักษะในการเรียนรู้จากผู้อื่น มีทักษะในการแบ่งปันความรู้ ฯลฯ ประการที่ 8 การจัดระบบให้คุณให้รางวัล รางวัลไม่จำเป็นต้องเป็นเงิน ยศถาบรรดาศักดิ์เสมอไป รางวัลแก่ผลงานอาจต้องให้ แต่ทีมงานที่ร่วมกันสร้างผลสำเร็จ ควรหลีกเลี่ยงการลงโทษความล้มเหลวที่เกิดจากการริเริ่มสร้างสรรค์ เพื่อการบรรลุวิสัยทัศน์ขององค์การ แต่ควรส่งเสริมให้มีการเรียนรู้จากความล้มเหลว ประการที่ 9 การสร้างเครือข่ายในการทำงานเพื่อเพื่อนร่วมทาง การทำงานโดดๆ ตามลำพังแต่เพียงองค์กรเดียวจะขาดพลัง พอทำไประยะหนึ่งจะล้า ท้อถอย และอาจล้มเหลวได้ ประการที่ 10 การจัดทำ "ขุมความรู้" (knowledge assets) ขุมความรู้เป็นการรวบรวมความรู้ที่ถอดมาจากการทำ "ความรู้จากการปฏิบัติ" และความรู้เพื่อการปฏิบัติ เมื่อได้รวบรวมเป็น "ขุมความรู้" บันทึกไว้ก็จะทำให้ความรู้ของบุคคลกลายเป็นความรู้ขององค์การ สามารถนำมาใช้ได้ง่าย และมีการจัดระบบให้ค้นหาง่าย รวมทั้งคอยปรับ ปรุงให้ "สด" ทันสมัย 10 วิธีการจัดการความรู้ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่มีคนเป็นศูนย์กลางแบบบูรณาการได้อย่างชัดเจน การจัดการกับความรู้ตามวิธีการดังกล่าวนี้ น่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการที่ผู้บริหารองค์กรในทุกระดับนำไปใช้ในทางปฏิบัติ เพื่อ ให้สามารถนำกระบวนทัศน์ใหม่ในการพัฒนาประเทศ ออกมาสู่ภาคปฏิบัติ ให้สอดคล้องกับการบริหารของโลกในยุคศตวรรษที่ 21 ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ต่อไป (ประชาชาตธุรกิจ อังคารที่ 14 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th/prachachart)





ไบโอเทคควงราชภัฏ ทำหลักสูตรเทคโนโลยีชีวภาพ

ดร.บุญญานาถ นาถวงษ์ นักวิจัยจากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยว่า ไบโอเทคกำลังร่วมมือกับสถาบันราชภัฏพระนคร เพื่อจัดทำหลักสูตร 2 หลักสูตร เพื่อให้บัณฑิตมีพื้นฐานความรู้ทางด้านพันธุศาสตร์ทั้งระดับเบื้องต้นและขั้นสูง "ในหลักสูตรพื้นฐาน นักศึกษาไม่ว่าสาขาไหนก็สามารถเรียนได้ ขณะที่นักศึกษาสายวิทย์จะเป็นหลักสูตรขั้นสูง โดยจะให้ความรู้เกี่ยวกับบทบาทและหน้าที่ของดีเอ็นเอ ขณะเดียวกัน จะมีกิจกรรมเชิงปฏิบัติเพื่อสอนให้รู้จักหลักการและมองเห็นว่าจะนำความรู้เกี่ยวกับดีเอ็นเอเข้าสู่ชุมชนได้อย่างไร ประเทศไทยเรามีทรัพยากรที่มีความหลากหลายทางชีวภาพอยู่มาก แต่เรายังไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ หากขาดความรู้ด้านเทคโนโลยีชีวภาพ นักวิจัยกล่าวว่า พื้นฐานความรู้ด้านวิทยาศาสตร์นั้นมีความสำคัญกับหลายสาขาวิชา นอกจากผู้เรียนทางสายวิทยาศาสตร์โดยตรงแล้ว ควรมีหลักสูตรที่ให้ความรู้แก่นักศึกษาที่เรียกสายสังคมและอื่นๆ ด้วย นอกจากนี้ ไบโอเทคยังเห็นถึงความสำคัญในการให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีชีวภาพระดับชาวบ้าน โดยมีเป้าหมายให้ทุกคนมีพื้นฐาน ส่วนการประยุกต์ใช้เป็นเรื่องของเกษตรกรเอง (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 13 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดคอร์สอบรมเชิงปฏิบัติการ รีโมตเซนซิ่ง

ศูนย์วิจัยระบบภูมิสารสนเทศเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดคอร์สอบรมเชิงปฏิบัติการ รีโมตเซนซิ่ง (Remote Sensing) ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) และระบบกำหนดตำแหน่งพิกัดภูมิศาสตร์ (GPS) โดยจัดแบ่งเป็นห้องย่อยตามความสนใจ อาทิ หลักการรีโมต เซนซิ่ง และการวิเคราะห์ข้อมูลดาวเทียมเชิงตัวเลข หลักการระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์และการใช้งาน PC ArcView หลักการรีโมต เซนซิ่ง และการวิเคราะห์ข้อมูลดาวเทียมเชิงตัวเลข ระหว่างวันที่ 13 มิ.ย. - 19 ก.ค. ณ ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศูนย์รังสิต ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.gis2me.com/learn/training/index.htm (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 13 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





จัดถกอธิการบดีลุ่มน้ำโขง รุกวางยุทธศาสตร์พัฒนาอุดมศึกษาก.ย.นี้

ผศ.ดร.อรรถ นันทจักร์ ที่ปรึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) อุบลราชธานี เปิดเผย ว่า มรภ.อุบลราชธานี จะเป็นเจ้าภาพจัดสัมมนาอธิการบดีลุ่มน้ำโขงในต้นเดือนกันยายน 2548 ที่ มรภ.อุบลราชธานี โดยมีอธิการบดีสถาบันอุดมศึกษาในประเทศลุ่มน้ำโขง เช่น ลาว เขมร เวียดนาม และในส่วนของไทยมีอธิการบดีสถาบันอุดมศึกษา อาทิ มหาวิทยาลัยราชภัฏในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มรภ.มหาสารคาม มรภ.อุบลราชธานี เข้าร่วมสัมมนาโดย ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) จะมาบรรยายพิเศษหัวข้อยุทธศาสตร์อุดมศึกษาไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมกันนี้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จะเชิญนายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) มาเป็นประธานพิธีเปิดและบรรยายพิเศษด้วย แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันจาก รมว.ศธ. เป้าหมายของการสัมมนาครั้งนี้ อธิการบดีสถาบันอุดมศึกษาในประเทศลุ่มน้ำโขง จะร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาอุดมศึกษาในประเทศลุ่มน้ำโขง เพื่อนำนโยบายด้านการพัฒนาอุดมศึกษาของรัฐบาลแต่ละประเทศมาสู่การปฏิบัติ โดยเฉพาะในส่วนของไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะร่วมกันผลักดันไทยให้ผู้นำอุดมศึกษาในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เพื่อก้าวสู่ระดับสากล โดยมีโครงการความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยการแลกเปลี่ยนอาจารย์และนักศึกษาระหว่างกัน เช่น เปิดปริญญาเอกด้านศึกษาศาสตร์ เช่น บริหารการศึกษา ด้านประวัติศาสตร์ อาทิ ไทยศึกษา เวียดนามศึกษา ลาวศึกษา เขมรศึกษา (คมชัดลึก พุธที่ 15 มิ.ย. 48 http://www.komchadluek.net)





มจษ.-จีนแลกเปลี่ยนนักศึกษา

รศ.มานพ พราหมณโชติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม (มจษ.) เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษมจะมีพิธีลงนามความร่วมมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยหัวเฉียว สาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันที่ 15 มิถุนายน ที่จะถึงนี้ ที่ห้องประชุมชั้น 8 อาคารจันทรา-กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยจึงเตรียมความพร้อมในการต้อนรับคณะผู้บริหารของมหาวิทยาลัยหัวเฉียว การลงนามความร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดประตูสู่โลกสากล และมหาวิทยาลัยหัวเฉียวจะแลกเปลี่ยนนักศึกษาและอาจารย์ของมหาวิทยาลัยไปศึกษาและอบรม โดยในปีแรกนี้ ม.หัวเฉียว รับนักศึกษาสาขาการท่องเที่ยวและการโรงแรมไปฝึกงานระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2549 และจะเชิญคณะนาฏศิลป์ของ มจษ.ไปร่วมงานสถาปนาการครบรอบ 45 ปีของ ม.หัวเฉียว ด้วย เรามีโครงการให้ทุนนักศึกษาของเราไปเรียนที่ ม.หัวเฉียว จนสำเร็จปริญญา และกลับมาเป็นอาจารย์ของ มจษ. ซึ่งทุนนี้ ม.หัวเฉียว จะงดการเก็บค่าเล่าเรียนทั้งหมด (คมชัดลึก พุธที่ 15 มิ.ย. 48 http://www.komchadluek.net)





ม.สงขลาเปิดลงทะเบียนข้ามสถาบัน

นายเกื้อกูล สุนันทเกษม อาจารย์ประจำคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผย ถึงความคืบหน้าการเปิดสอนภาควิชาขายตรงในมหาวิทยาลัยฯว่า คงจะเริ่มได้จริงๆ ประมาณเทอม 2 ของปีการศึกษา 2548 ซึ่งปัจจุบัน มีนักศึกษาให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักศึกษาต่างคณะ ซึ่งทำขายตรงเป็นพาร์ตไทม์อยู่แล้ว ก็สอบถามเข้ามาโดยตลอด เนื่องจากเขามองว่าวิชานี้น่าจะเป็นวิชาเลือกเสรีสำหรับคณะอื่นได้ “แนวทางต่อไปของเราอาจจะเปิดให้ลงทะเบียนข้ามมหาวิทยาลัยได้ เพราะในขณะนี้ก็มีโครงการของบางมหาวิทยาลัยที่เปิดให้เรียนข้ามมหาวิทยาลัยได้แล้วในช่วงภาคฤดูร้อน เพื่อกระตุ้นให้เกิดความสนใจในธุรกิจขายตรง โดยเฉพาะมีกระแสว่าจุฬาลงกรณ์ และ ธรรมศาสตร์ เริ่มที่จะให้ความสนใจวิชานี้เช่นเดียวกัน แนวความคิดของเราจึงอยากให้มีการลงทะเบียนข้ามมหาวิทยาลัยได้ เพราะทางมหาวิทยาลัยฯก็เปิดกว้างในเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยมีนักศึกษาจากรามคำแหงเข้ามาเรียนแล้ว ซึ่งหากทุกมหาวิทยาลัยในภาคใต้ ทั้งมหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ มหาวิทยาลัยราชมงคล มหาวิทยาลัยราชภัฏ ดำเนินการในเรื่องนี้ ก็จะช่วยเป็นการกระตุ้นให้ธุรกิจขายตรงได้รับการยอมรับมากขึ้น” อีกแนวทางหนึ่งที่น่าสนใจคือ การเปิดอบรมธุรกิจขายตรงแก่บุคคลภายนอก สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นนักศึกษา อาจจะทำเป็นแบบมินิเอ็มบีเอเฉพาะธุรกิจขายตรง เพราะปัจจุบันผู้บริหารบริษัทขายตรงทุกบริษัทก็อยากให้มีหลักสูตรนี้เป็นการเฉพาะ เพราะฉะนั้นหลังจากการเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยแล้ว ก็น่าจะมีการอบรมควบคู่กันไปด้วย ซึ่งข่าวล่าสุดมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ก็ประกาศชัดเจนแล้วว่า จะเปิดสอนหลักสูตรขายตรงในสถาบันด้วย สำหรับการเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนขายตรงของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้เปิดกว้างที่จะให้นักศึกษาต่างคณะสามารถเข้ามาเรียนได้ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้รับความร่วมมือจากชมรมขายตรงภาคใต้ในการบริจาคหนังสือ ส่วนอาจารย์พิเศษอาจจะเชิญผู้บริหารหรือผู้นำจากบริษัทขายตรงเข้าร่วมด้วย ทั้งผู้นำจากบริษัทแอมเวย์และบริษัทซูเลียน (สยามรัฐรายวัน พุธที่ 15 มิ.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)





จี้มหา"ลัยปรับหลักสูตร-มาตรฐาน สอดรับตลาดแรงงาน-ผู้ใช้บัณฑิต

นายภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กกอ.) กล่าวในการสัมมนาวิชาการเรื่อง "เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับอุดมศึกษาสู่การปฏิบัติ" เมื่อเร็วๆ นี้ว่า สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ต้องสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรอุดมศึกษา พ.ศ.2548 ให้กับนายกสภาสถาบัน อธิการบดี รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้จัดทำหลักสูตร พร้อมทั้งพัฒนาหลักสูตรที่ทันสมัย สอดคล้องกับมาตรฐาน และคุณภาพเทียบเท่าสากล รวมทั้งประเมินหลักสูตรอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพราะความต้องการของสังคมเปลี่ยนแปลงไป สถาบันอุดมศึกษาซึ่งมีหน้าที่จัดการการศึกษาของประเทศ จึงต้องรู้ทิศทางในอนาคตและทันต่อการเปลี่ยนแปลง เพื่อพัฒนาและปรับกระบวนการผลิตบุคลากรไปสู่สากลมากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาความอ่อนแอของอุดมศึกษาไทย เกณฑ์ใหม่จึงต้องมีมาตรฐานสูงขึ้น เช่น ให้ทุกหลักสูตรกำหนดระบบการประกันคุณภาพให้ชัดเจน อย่างน้อยต้องประกอบด้วย 4 ด้าน ได้แก่ 1.การบริหารหลักสูตร 2.ทรัพยากรประกอบการเรียนการสอนและการวิจัย 3.การสนับสนุนและการให้คำแนะนำนักศึกษา และ 4.ความต้องการของตลาดแรงงาน สังคม และความพึงพอใจของผู้ใช้บัณฑิต เป็นต้น แต่หากสถาบันใดมีความพร้อมก็เพิ่มเติมการประกันคุณภาพในเรื่องอื่นๆ ได้อีก เพื่อยกระดับมาตรฐานและคุณภาพอุดมศึกษาไทยให้เทียบเท่านานาชาติ (มติชนรายวัน พุธที่ 15 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th)





รับสมัครชิงเพชรยอดมงกุฎ

นางอารีรัตน์ วัฒนสิน รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) กล่าวถึงการรับสมัครนักเรียนเข้าร่วมการแข่งขันในโครงการเพชรยอดมงกุฎว่า สพฐ.ได้กำหนดวันรับสมัครผู้เข้าแข่งขันภาษาไทยเพชรยอดมงกุฎ และภาษาจีนเพชรยอดมงกุฎนานาชาติ ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2548, คณิตศาสตร์เพชรยอดมงกุฎ รับสมัคร 15 มิถุนายน-15 กรกฎาคม 2548, วิทยาศาสตร์เพชรยอดมงกุฎ รับสมัครวันที่ 1-31 กรกฎาคม 2548 และพระพุทธศาสนาเพชรยอดมงกุฎ รับสมัครวันที่ 1 ตุลาคม-10 พฤศจิกายน 2548 ส่วนการแข่งขันภาษาไทยเพชรยอดมงกุฎ ชิงทุนการศึกษาพระราชวิจิตรปฏิภาณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม จะสอบแข่งขันในวันที่ 30-31 กรกฎาคม 2548 ภาษาจีนเพชรยอดมงกุฎนานาชาติ ชิงทุนการศึกษาพระเทพภาวนาวิกรม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม สอบวันที่ 20 สิงหาคม 2548 คณิตศาสตร์เพชรยอดมงกุฎ ชิงทุนการศึกษาพระเทพภาวนาวิกรม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม สอบวันที่ 27-28 สิงหาคม 2548 วิทยาศาสตร์เพชรยอดมงกุฎ ชิงทุนการศึกษาพระราชรัตนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดอินทรวิหาร สอบวันที่ 3-4 กันยายน 2548 และพระพุทธศาสนาเพชรยอดมงกุฎ ชิงทุนการศึกษาพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส สอบวันที่ 17-18 ธันวาคม 2548 ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักเทคโนโลยีเพื่อ การศึกษา สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ โทร. 0-2281-6185 ต่อ 225 หรือ Download ระเบียบการ และใบสมัครได้ที่ http://www.obec.go.th หรือติดต่อสถานศึกษาที่จัดการแข่งขัน (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 16 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)





มศวตั้งหน่วยUBI ปั้น “เถ้าแก่น้อย” สร้างธุรกิจในฝัน

นายสุเมธ แย้มนุ่น รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กล่าวในการเปิดโครงการจัดตั้งหน่วยบ่มเพาะวิสาหกิจ หรือ University Business Incubator(UBI) ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ขณะนี้เมืองไทยมีนโยบายทางเศรษฐกิจและสังคม ที่ยึดหลักคิดบนฐานความรู้แทบทั้งสิ้น จึงจำเป็นต้องมีองค์ความรู้ของตัวเอง เพื่อเปลี่ยนบทบาทของประเทศมาเป็นผู้ผลิตสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้น โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ได้ผลักดันพื้นที่เพื่อคนรุ่นใหม่ขึ้นมา ผ่านโครงการจัดตั้งหน่วยเพาะวิสาหกิจ (UBI) ในสถาบันอุดมศึกษาที่มีความพร้อม ซึ่งขณะนี้มี 22 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อเป็นหน่วยสร้างงานวิจัยใหม่ๆ และประสบการณ์ออกสู่สังคมให้เต็มที่ หน่วย UBI นี้จะอยู่ภายใต้ UBICO(ยูบีโก) ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระหนึ่งของ สกอ.ที่จะประสานความร่วมมือ พร้อมเสริมสร้างกำลังใจ กระตุ้น หนุนให้เกิดแรงบันดาลใจกับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือเป็นเถ้าแก่มากกว่าจะเป็นเพียงลูกจ้าง ซึ่งนโยบายตรงนี้จะไปช่วยเสริมนโยบายรัฐบาลได้อีกทางหนึ่ง ด้าน ศ.ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดี มศว กล่าวว่า มศว มีโครงการบ่มเพาะคนรุ่นใหม่เข้าสู่เส้นทางธุรกิจมาก่อนหน้านี้ประมาณ 4-5 ปี มศว จึงมีประสบการณ์ในเรื่องนี้และทำให้ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ UBI ซึ่ง สกอ.ได้สนับสนุนทุนจำนวน 5 ล้านบาทในการดำเนินงานระยะเป็นเวลา 3 ปี หลังจากนี้สถาบันอุดมศึกษาที่ร่วมโครงการต้องพึ่งพาตัวเองให้ได้ สำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีความฝันอยากเป็นนักธุรกิจ และถ้าเริ่มต้นให้ดี มีทฤษฎี มีหลักการและมาใช้บริการ UBI ของ มศว ความฝันที่จะก้าวสู่เส้นทางนักธุรกิจคงไม่ไกล ซึ่งจะรับผู้ที่สนใจไม่ว่าจะเป็นศิษย์เก่า ปัจจุบัน พนักงานข้าราชการตลอดถึงกลุ่มคนที่สนใจ UBI ของ มศว จะเป็นเสมือนห้องปฏิบัติการทางธุรกิจเพื่อนักธุรกิจคนรุ่นใหม่ (สยามรัฐรายวัน พฤหัสบดีที่ 16 มิ.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)





ม.รังสิตเปิดป.โท สร้าง"ผู้นำ" 1 ปีจบ

ม.รังสิต เปิดหลักสูตรบูรณาการใหม่ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาผู้นำทางสังคม ธุรกิจ และการเมือง เน้นการเรียนรู้ 3 ศาสตร์อย่างลงตัว ปรับใช้ได้จริงสร้างนักศึกษาให้เป็นผู้นำ เรียนจบภายใน 1 ปี นายทวีเกียรติ ประเสริฐเจริญสุข รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า สังคมในปัจจุบันมีการแข่งขันสูง จึงต้องอาศัยบทบาทของผู้นำที่มีความเข้าใจในด้านสังคม ธุรกิจ และการเมืองเข้าด้วยกัน สามารถวางแผนแก้ปัญหาจึงได้เชิญคณะกรรมการที่อยู่ในแวดวงธุรกิจ นักสังคม นักการเมืองระดมยกร่างหลักสูตรบูรณาการใหม่ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิตขึ้น มีจุดเด่นที่มีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่รวมศาสตร์ทางด้านรัฐศาสตร์ ด้านสังคม ด้านธุรกิจ และด้านการบริหาร ประยุกต์เข้าด้วยกัน โดยใช้นักศึกษาเป็นตัวตั้ง ในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของผู้เรียน มีการเรียนภาคทฤษฎีแยกกับภาคปฏิบัติ ให้ผู้เรียนได้เริ่มปฏิบัติตั้งแต่ชั่วโมงแรกของการเรียนให้ผู้เรียนแต่ละคนได้คิดหัวข้อที่จะทำวิทยานิพนธ์กันเลย ว่าแต่ละคนมีความถนัดหรือมีความสนใจได้เรื่องอะไร ผู้เรียน คือต้องเตรียมความพร้อมตั้งแต่เริ่มเข้าเรียน โดยกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่จะเป็นนักบริหารกลุ่มสังคม ธุรกิจ หรือการเมือง ครูอาจารย์ เจ้าหน้าที่ที่ต้องการยกระดับตัวเอง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยรังสิตเองที่ต้องพัฒนาวิสัยทัศน์ก็สามารถเข้าเรียนได้ นอกจากกลุ่มผู้เรียนที่มีประสบการณ์แล้วยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาที่กำลังศึกษาในระดับปริญญาตรี ไม่มีประสบการณ์สามารถเรียนควบคู่กันไปด้วย โดยจะเรียนที่ศูนย์ศึกษาวิภาวดี มหาวิทยาลัยรังสิต อาคารทีเอสทีทาวเวอร์ โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เรียนเฉพาะวันธรรมดา สำหรับผู้ที่อยู่ในกรุงเทพฯ และกลุ่มที่เรียนเสาร์-อาทิตย์ สำหรับผู้ที่อยู่ต่างจังหวัด สำหรับผู้สนใจสอบถามข้อมูลโทร.0-2997-2200 ต่อ 1217 (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 17 มิ.ย. 48 http://www.komchadluek.net)





ศิริราชถ่ายทอดเทคนิคใหม่ผ่าตัดข้อเข่า

ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ หัวหน้าภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิคส์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยว่า ทางคณะจะเปิดหลักสูตรใหม่สำหรับแพทย์กระดูกโดยเฉพาะในเดือนกันยายน 2548 โดยจะเน้นการสอนเทคนิคผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียมแบบใหม่ที่เรียกว่า "Quad-sparing TKA" ซึ่งจะให้แผลเล็กโดยหลีกเลี่ยงการตัดกล้ามเนื้อเหนือลูกสะบ้าให้ลดน้อยลงได้ หลักสูตรใหม่จะใช้ชื่อว่า สาขาศัลยศาสตร์บูรณสภาพ (adult reconstructive surgery) โดยขณะนี้เรามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่จะเป็นอาจารย์สอนแล้ว 4 ท่าน โดยได้รับความร่วมมือกับภาควิชากายวิภาคศาสตร์ที่จะสนับสนุนในเรื่องของอาจารย์ใหญ่ และด้านเทคนิคและเครื่องมือจากบริษัทซิมเมอร์ ซึ่งเป็นเจ้าของเทคโนโลยีดังกล่าว สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้าเรียนหลักสูตรใหม่นี้ จะต้องเป็นแพทย์กระดูกที่ได้รับใบวุฒิบัตรว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกเรียบร้อยแล้ว ไม่จำกัดเฉพาะแพทย์ไทย เปิดรับแพทย์ต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจะมีทั้งหลักสูตรระยะสั้นและระยะยาว ที่จะเข้าเรียนในภาคทฤษฎี ปฏิบัติจากอาจารย์ใหญ่ และเข้าร่วมในการผ่าตัดจริง โดยตั้งเป้าหมายจะพัฒนาให้โรงพยาบาลศิริราชสู่ความเป็นเลิศด้านโรคกระดูกและข้อในเอเชียอาคเนย์ เนื่องจากมีความพร้อมทั้งด้านวิชาการและการรักษา จะเห็นได้ว่าปัจจุบันในส่วนของโรคกระดูกและข้อนั้น มีสาขาวิชาอยู่มากมาย ได้แก่ ศัลยศาสตร์บูรณภาพ สาขาอุบัติเหตุ สาขาเด็ก สาขามือ สาขาเนื้องอก สาขากระดูกสันหลัง และสาขากีฬาและเวชศาสตร์ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 17 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


เดชอิทธิฤทธิ์คลื่นยักษ์"สึนามิ''ดันฝั่งทะเลร่นขึ้นไปไกลถึง1ไมล์

นักวิทยาศาสตร์เพิ่งจะศึกษาอิทธิฤทธิ์ของคลื่นยักษ์สึนามิที่ถล่มเมืองตามริมฝั่งของชาติต่างๆ ในเอเชียอาคเนย์ คร่าชีวิตผู้คนไปไม่ต่ำกว่า 200,000 คน เพิ่งจะแล้วเสร็จลง พวกเขากล่าวว่า เมืองบันดา อาเจะห์ ซึ่งอยู่ที่ปลายด้านเหนือและตะวันตกของเกาะสุมาตรา เป็น บริเวณที่ได้รับความเสียหายหนักที่สุดแห่งหนึ่ง คลื่นยักษ์ที่ถาโถมเข้าใส่มีความสูงไม่ต่ำกว่า 49 ฟุต หอบเอาแผ่นน้ำขึ้นไปท่วมลึกขึ้นไปบนฝั่งถึง 1 ไมล์ กินเนื้อที่ 25 ตร.ไมล์ น้ำท่วมในเมือง มีระดับสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 82 ฟุต พลังของคลื่นยักษ์ได้ดันฝั่งทะเลให้ถอยร่นลึกขึ้นไปไกลถึง 1 ไมล์ คณะนักวิทยาศาสตร์ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญคลื่นยักษ์สึนามิได้ศึกษาอิทธิฤทธิ์ของคลื่นยักษ์สึนามิ ที่ดินแดน 2 แห่ง ที่สุมาตราและศรีลังกา โดยได้เดินทางไปเก็บรวบรวมข้อมูล สอบถามผู้ประสบเหตุการณ์ และศึกษาภาพถ่ายจากดาวเทียมประกอบ พวกเขาได้รายงานผลการศึกษาในวารสารวิทยาศาสตร์ “ธรรมชาติ” ไว้ว่า คลื่นยักษ์ที่ซัดถล่มฝั่งตะวันออกของศรีลังกา มีความสูงเฉลี่ยระหว่าง 30-35 ฟุต น้ำท่วมตามริมฝั่งระดับสูง 41 ฟุต และยังได้ท่วมปกคลุมพื้นที่ระหว่างเมืองบันดา อาเจะห์ กับลงกา ซึ่งอยู่ห่างกัน 9 ไมล์ เป็นพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลถึง 25 ตร.ไมล์. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 13 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)





‘GAP’ กับ ‘Q’ เครื่องหมายการันตีคุณภาพสินค้าเกษตร

นายประเสริฐ อนุพันธุ์ รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า การรับรองแหล่งผลิตพืชของไทย เพื่อสร้างมาตรฐานและพัฒนาคุณภาพผลผลิตของเกษตรกรให้มีความปลอดภัย เบื้องต้นกรมวิชาการเกษตรได้ดำเนินการตรวจสอบ อย่างน้อย 8 ปัจจัย คือ แหล่งน้ำ พื้นที่เพาะปลูก การใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตร การรักษาคุณภาพภายนอกของผลผลิตที่ไม่มีโรคและแมลงศัตรูพืช การเก็บเกี่ยวผลผลิต รวมทั้งการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว การเก็บรักษา ควบคุมคุณภาพสินค้า การขนย้ายผลผลิต และการบันทึกข้อมูลด้วย หากเกษตรกรปฏิบัติได้ครบทั้ง 8 ปัจจัย จะได้รับหนังสือรับรองแหล่งผลิตพืช ตามระบบการจัดการคุณภาพพืช ภายใต้สัญลักษณ์ “Q” อนาคต “GAP” กับ “Q” จะเป็นเครื่องหมายช่วยการันตีคุณภาพสินค้าเกษตร รวมทั้งเป็นจุดขายและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีการค้า ตลอดจนเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันสินค้าพืชไทยให้สามารถส่งออกได้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้หลายประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย ไต้หวัน และจีน ซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญ เริ่มให้สัญญาณเตือนมาแล้วโดยได้กำหนดเงื่อนไขว่า สินค้าพืชผัก และผลไม้บางประเภท เช่น มะม่วง ทุเรียน ลำไย มังคุด ที่จะส่งออกไปประเทศดังกล่าว ไม่เพียงแต่จะต้องปลอดสารพิษตกค้างเท่านั้น ผลผลิตต้องมาจากแปลง GAP ที่กรมวิชาการเกษตรรับรองด้วย ขณะนี้มีเกษตรกรจำนวน 244,537 ราย ใน 69 จังหวัด ที่ปลูกพืช 29 ชนิด พื้นที่ปลูกรวม 1,364,221 ไร่ เข้าร่วมโครงการ GAP ซึ่งในจำนวนนี้ได้รับรอง GAP และสัญลักษณ์ “Q” แล้ว 34,839 ราย ครอบคลุมพื้นที่ 194,360 ไร่ นอกจากนี้ยังมีแปลง GAP ของผลไม้ส่งออกหลัก 7 ชนิด ประกอบด้วย ลำไย ทุเรียน มังคุด ส้มโอ ลิ้นจี่ มะม่วง และมะขาม ครอบคลุมพื้นที่ 229,843 ไร่ มีผลผลิตปีละประมาณ 279,900 ตัน ส่งออกปีละกว่า 180,400 ตัน คิดเป็นร้อยละ 30.29 ของปริมาณที่ผลิตได้ซึ่งผลผลิตที่ส่งออกส่วนใหญ่เป็นส้มโอ มังคุด และทุเรียน อนาคตจะเร่งจดทะเบียนและตรวจรับรองแปลงเกษตรกรผู้ปลูกพืชผัก และผลไม้ที่ยังมีปริมาณผลผลิตที่ได้คุณภาพส่งออกน้อย เช่น ลิ้นจี่ ลำไย เป็นต้น ดังนั้น เกษตรกรที่สนใจจะนำแปลงปลูกพืชเข้าสู่ระบบ GAP ของ กรมวิชาการเกษตร สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดและสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร (สวพ.) ทั้ง 8 เขตทั่วประเทศ (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 13 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)





ตั้งกล้องโทรทรรศน์อวกาศจับตา ยิงลูกปืนยักษ์ถล่มหัวดาวหาง

องค์การอวกาศสหรัฐฯ กำลังเตรียมเล็งยิงหัวของดาวหางดวงหนึ่ง ห่างจากโลก 133.6 ล้าน กม. เพื่อจะดูว่าชิ้นส่วนของเศษเดนจากการเกิดของระบบสุริยจักรวาล เมื่อหลายพันล้านปีที่แล้วเป็นอย่างไร องค์การอวกาศสหรัฐฯตั้งเวลาไว้ให้ยานอวกาศ “ดีพ อิมแพคท์” ยิงลูกกระสุนเสริมด้วยโลหะทองแดงหนัก 144 กก. เข้าใส่หัวของดาวหาง “เทมเปล 1” ด้วยความเร็วสูงถึง 100 เท่าของความเร็วลูกกระสุนปืน ตามเวลากรุงเทพฯ เวลา 12.52 น. ของวันที่ 4 กรกฎาคม เดือนหน้านี้ ซึ่งตรงกับวันชาติสหรัฐฯ มันจะพุ่งเข้าชนส่วนหัวของดาวหาง ต่อหน้ายานที่คอยเฝ้าดูอยู่ในระยะห่าง 500 กม. นักดาราศาสตร์ยังไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อาจจะเกิดหลุมบ่อยักษ์ขนาดโตตั้งแต่บ้านหลังใหญ่ ไปจนถึงขนาดสนามฟุตบอลก็ได้ แต่มันจะไม่ถึงกับเป็นเหตุให้ดาวหางถึงกับเสียหลักไป อย่างมากก็คงจะทำให้น้ำแข็งและฝุ่นละออง ที่จับอยู่รอบส่วนหัวของดาวหางกระเด็นกระจายขึ้น เปิดออกให้เห็นว่าผิวพื้นที่แข็งเป็นหินของดาวหางนั้นเป็นอะไร นอกจากยานดีพ อิมแพคท์ จะมีกล้องถ่ายภาพคอยจับภาพอยู่แล้ว ยังจะมีกล้องโทรทรรศน์ของยานอวกาศฮับเบิล สปิตเซอร์ และจันทรา คอยเฝ้าดูอยู่ด้วย. (ไทยรัฐ อังคารที่ 14 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)





จีนปลูกพืชในอวกาศ

คณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมกลาโหมของประเทศจีน กำลังวางแผนใช้ "ดาวเทียม" ส่งเมล็ดพันธุ์พืชขึ้นไปปลูกบนอวกาศ โครงการปลูกพืชในอวกาศนี้ทำโดยการนำเอาเมล็ดพืชไปใส่ไว้ในดาวเทียม ต่อมา ยิงดาวเทียมออกไปอยู่ในอวกาศ ห่างไกลพื้นโลก 200-400 กิโลเมตร เพื่อดูว่ารังสีคอสมิก สภาวะไร้น้ำหนัก สภาวะสุญญากาศ และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะส่งผลอย่างไรต่อพันธุ์พืชที่เติบโตขึ้นมา หลังจากนั้นดาวเทียมจะนำพืชเหล่านี้กลับมาวิเคราะห์ต่อในห้องทดลองเพื่อตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงต่างๆ (มติชนรายวัน อังคารที่ 14 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th)





ดาวเทียมธีออส สำรวจทรัพยากรดวงแรกของไทยเตรียมโคจรใน 2 ปี

สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน ) (สทอภ.) ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย จัดสัมมนาและการประชุมเชิงปฏิบัติการ The 2 nd THEOS/SPOT End User Workshop เสนอศักยภาพการให้บริการข้อมูลของดาวเทียม THEOS (Thailand Earth Observation Satellite) ให้กับหน่วยงานรัฐและต่างชาติอาเซียนราว 200 คน โดยมีนายกร ทัพพะรังสี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนายโลรองต์ โอบลัง เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยร่วมเปิดสัมมนา นายกร แถลงว่า ดาวเทียมดังกล่าวกำหนดปล่อยสู่วงโคจรเพื่อปฎิบัติงาน ในกลางปี 2550 นี้ มีอายุใช้งานอย่างน้อย 5 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างส่งวิศวกรไทย 20 คนไปฝึกอบรมออกแบบร่วมสร้างดาวเทียม ณ บริษัท EADS Astrium ประเทศฝรั่งเศส เป็นเวลา 30 เดือน เพื่อกลับมาปฏิบัติงาน ณ สถานีรับสัญญาณและสถานีควบคุมดาวเทียมในประเทศไทย นับเป็นดาวเทียมของรัฐบาลไทยดวงแรก พัฒนาขึ้นจากความร่วมมือของฝรั่งเศส จะทำให้การให้บริการข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมทำได้ด้วยคนไทยเอง สะดวก รวดเร็ว ลดการสั่งซื้อภาพถ่ายดาวเทียมจากต่างประเทศ ได้กำชับทุกหน่วยงานที่ใช้ภาพถ่ายดาวเทียมใช้เวลา 2 ปีจากนี้หารือร่วมกับ สทอภ.เพื่อเขียนซอฟต์แวร์ นำข้อมูลดาวเทียมไปใช้ให้คุ้มค่า ลดการสั่งซื้อลง พล.ท.วิชิต สาทรานนท์ ประธานกรรมการบริหาร สทอภ. กล่าวว่า ดาวเทียมธีออสเป็นดาวเทียมที่มีประสิทธิภาพเหมาะกับลักษณะงานสำรวจทรัพยากรดวงหนึ่ง และถือเป็นดวงแรกของภูมิภาคอาเซียน องค์การต่าง ๆ ของไทยทั้งรัฐและเอกชน สามารถเข้ามาใช้บริการภาพถ่ายดาวเทียมได้สะดวกยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำแผนที่ดาวเทียมได้ทันสมัยขึ้น ใช้คาดการณ์ผลิตการเกษตร ติดตามพื้นที่เพาะปลูกยาเสพติด นำข้อมูลไปเป็นประโยชน์กับศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติใช้ประกอบการเตือนภัยและกู้ภัย และเปิดให้บริการข้อมูลดาวเทียมเชิงธุรกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน นายชาญชัย เพียรวิจารณ์ ผอ.โครงการดาวเทียมธีออส กล่าวว่า ดาวเทียมสำรวจทรัพยากรดวงแรกของไทยดวงนี้ มีน้ำหนัก 750 กิโลกรัม แม้อายุงานกำหนดไว้ 5 ปี แต่ศักยภาพสามารถทำงานได้ 7-10 ปี มีขีดความสามารถในการบันทึกภาพขาว-ดำ รายละเอียดภาพ 2 เมตร และบันทึกภาพสีรายละเอียดภาพ 15 เมตร สทอภ.พัฒนาร่วมกับฝรั่งเศสใช้งบประมาณ 6,000 ล้านบาท ในรูปของการค้าต่างตอบแทนระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงการสร้างสถานีรับสัญญาณและสถานีควบคุมรวม 2 แห่งในประเทศ และโครงการฝึกอบรมและทุนการศึกษาด้านเทคโนโลยีอวกาศกับบุคลากรไทย (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 14 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





แผนการสำคัญ

รายชื่อของโครงการพลังงานชีวภาพขนาดใหญ่ทั่วโลกที่มีอยู่แล้ว หรือวางแผนว่าจะทำ เว็บไซต์ของกระทรวงพลังงานสหรัฐ ระบุว่า บริษัทนอร์ธ ดาโคตา ไบโอดีเซล มีแผนที่จะสร้างโรงงานผลิตไบโอดีเซลในเมืองมินอต รัฐนอร์ธดาโคตา มูลค่า 50 ล้านดอลลาร์ โดยใช้ต้นคาโนลาเป็นวัตถุดิบในการผลิต โรงงานดังกล่าวจะเป็นโรงกลั่นไบโอดีเซลขนาดใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ สามารถผลิตไบโอดีเซลชั้นดีได้ปีละ 100,000 ตัน ซึ่งคาดว่าการก่อสร้างจะเริ่มต้นขึ้นราวเดือน ส.ค.นี้ และมีแนวโน้มว่าผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซลชุดแรก จะออกจำหน่ายได้ราวเดือน ธ.ค. 2549 เมื่อเดือน พ.ค. ยูเนี่ยน แปซิฟิค (ยูพี) บริษัททางรถไฟรายใหญ่สุดของสหรัฐ มีแผนที่จะเพิ่มปริมาณการขนส่งเอทานอลขึ้นอีกปีละเกือบ 2 เท่าตัว โดยนายเจอร์รี่ ไฟแนน ผู้จัดการผลิตอาวุโส ฝ่ายการกลั่นข้าวโพด คาดการณ์ว่า บริษัทจะสามารถขนส่งเอทานอลได้ราว 2,800 ล้านแกลลอน ภายในปี 2551 จากปัจุบันที่มีความสามารถในการขนส่งและ 1.5-1.7 ล้านราย ที่มาเลเซีย ไอโอไอ คอร์ป. และก๊วก ออยล์ แอนด์ เกรนส์ ต่างสร้างโรงงานผลิตของตนเอง รายละ 1 แห่ง ที่เมืองรอตเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ เพื่อผลิตน้ำมันปาล์มปีละมากกว่า 1 ล้านตัน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม กล่าวว่า ผลิตผลจากโรงงานทั้ง 2 แห่งข้างต้น ส่วนใหญ่จะส่งไปป้อนให้กับโรงงานไบโอดีเซลของยุโรป ในอนาคต ที่บราซิล ปิโตรบาส รัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่ด้านน้ำมัน มีโครงการเพิ่มการส่งออกเอทานอล เป็น 9,400 ล้านลิตร ภายในปี 2553 จากระดับ 2,000 ล้านลิตรในปี 2548 ทั้งยังจะจับมือกับมิตซุย แอนด์ โค ของญี่ปุ่น และเวล โอ ริโอ ดอซ (ซีวีอาร์ดี) บริษัทสัญชาติเดียวกัน ศึกษาถึงวิธีการขยายส่งออกเอทานอลจากบราซิลด้วย ที่ฝรั่งเศส ผู้ผลิตไบโอดีเซลรายใหญ่ของฝรั่งเศส คือ ดีสเตอร์ อินดัสตรี ที่มีกลุ่มผู้ผลิตพืชชนิดต่างๆ ที่ให้น้ำมันเป็นเจ้าของ อาจจะเพิ่มการผลิตขึ้นมาอยู่ราว 1 ล้านตัน ระหว่างปี 2550-2551 ภายใต้ระบบโควตาใหม่ของรัฐบาล ที่เริ่มใช้มาตั้งแต่ช่วงต้นปี กลุ่มผู้เพาะปลูกข้าวโพดของฝรั่งเศส ร่วมด้วย อาเบนกัว ผู้ผลิตเอทานอลชั้นนำของยุโรป และเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ 5 ของสหรัฐ ตั้งความหวังที่จะผลิตเอทานอลให้ได้ 100,000 ตัน จากโรงงานที่สร้างขึ้นทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ที่สหราชอาณาจักร โรงงานไบโอดีเซล ขนาดความสามารถในการผลิต 100,000 ตัน ของเทสโก้ ยักษ์ใหญ่ด้านซูเปอร์มาร์เก็ต และกรีนเนอร์จีย์ ผู้ผลิตเชื้อเพลิงที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ จะเริ่มดำเนินการผลิตแถบบริเวณชายฝั่งตะวันออกของอังกฤษ ภายในปีหน้า ซึ่งกรีนเนอร์จีย์ ตั้งความหวังว่าจะขายเชื้อเพลิงชีวภาพนี้ได้ถึงปีละ 3 ล้านตัน ขณะที่บริติช ชูการ์ส โรงงานผลิตน้ำตาลรายใหญ่สุดของอังกฤษ ได้ยื่นขออนุญาตสร้างโรงงานผลิตเอทานอล ที่มีกำลังผลิต 50,000-60,000 ตัน ทางภาคตะวันออกของประเทศ เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ปิโตรพลัส โรงกลั่นเอกชนจากเนเธอร์แลนด์ เปิดเผยว่า มีแผนที่จะเพิ่มยอดขายเชื้อเพลิง "ไบโอ-พลัส" ซึ่งมีไบโอดีเซลเป็นส่วนผสมอยู่ราว 5% หลังทำสัญญาซื้อไบโอดีเซลมากถึง 25,000 ตันต่อปี จากอาร์เจนท์ เอนเนอร์จีย์ ของสกอตแลนด์ ที่ซาอุดีอาระเบีย ดี1 ออยล์ส บริษัทพัฒนาไบโอดีเซลจากอังกฤษ เปิดโครงการร่วมทุนเพื่อผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพในซาอุดีอาระเบีย สำหรับส่งออกไปยังยุโรป โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ราวครึ่งหลังของปี 2549 ด้านจาซีเราะ ฟอร์ โมเดิร์น เทคโนโลจีย์ ของซาอุดีอาระเบีย เตรียมจัดหาพื้นที่สำหรับปลูกต้นจาโทรฟา ซึ่งเป็นพืชที่รับประทานไม่ได้ ใช้สำหรับการผลิตน้ำมัน เพื่อนำไปผสมกับน้ำมันดีเซล (กรุงเทพธุรกิจ 13 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





'ศูนย์นวัตกรรมอาหาร' ดันครัวไทยสู่ครัวโลก

รศ.ดร.วิโรจ อิ่มพิทักษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า ม.เกษตรศาสตร์ ได้เปิดตัวศูนย์วิจัยนวัตกรรมอาหารและบริการที่ปรึกษา (เค ยู เฟิร์ส) เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาล "ครัวไทยสู่ครัวโลก" รวมทั้งขยายศักยภาพของ มก. ด้านบริการนวัตกรรมและการสร้างองค์ความรู้ให้อุตสาหกรรมอาหารของประเทศ และเป็น technical arm แก่ภาครัฐและเอกชน โดย เค ยู เฟิร์ส จัดเป็นศูนย์ความเป็นเลิศแห่งแรกของมหาวิทยาลัย ที่เปิดเผยตัวต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการ สำหรับ เค ยู เฟิร์ส จัดตั้งขึ้นเพื่อบูรณาการงานวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมอาหาร บ่มเพาะและถ่ายทอดเทคโนโลยี เป็นแหล่งความรู้และบริการด้านอุตสาหกรรมอาหาร สร้างและพัฒนาศักยภาพของบุคลากร รวมถึงสร้างเครือข่ายวิจัยและพัฒนากับหน่วยงานภายนอก ทั้งภาครัฐ เอกชนและหน่วยงานต่างประเทศ โดยจัดบริการต่างๆ ไว้รองรับภาคเอกชน อาทิ บริการประกันคุณภาพอาหาร ตรวจวิเคราะห์ทดสอบ สืบค้นสิทธิบัตร ฝึกอบรม วิจัยและบริการที่ปรึกษาการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ บรรจุภัณฑ์ เครื่องจักรและระบบการผลิต นอกจากนี้ มก.ยังมีหน่วยบ่มเพาะธุรกิจ (KU-BIC) ซึ่งทำหน้าที่เชื่อมโยงผลงานวิจัย และนวัตกรรมด้านอาหารกับภาคธุรกิจ เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะในการประกอบธุรกิจให้ผู้ประกอบการใหม่ ด้าน รศ.ดร.สิรี ชัยเสรี คณบดีคณะอุตสาหกรรมเกษตร กล่าวว่า เค ยู เฟิร์ส จะนำไอทีมาช่วยประสานงานหน่วยงานภายใน ที่เกี่ยวกับอาหารเข้าไว้ด้วยกัน อาทิ สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร คณะประมง คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ แทนการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ และเป็นศูนย์แบบเสมือนจริง ส่วนงานวิจัยที่มีรองรับอยู่ในขณะนี้ มีทั้งด้านความปลอดภัยของอาหาร งานวิจัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ประมงและบรรจุภัณฑ์ นายยุทธศักดิ์ สุภสร รองผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กล่าวถึงนโยบายและยุทธศาสตร์ครัวไทยสู่ครัวโลก ว่า เพื่อผลิตอาหารจากไทยป้อนสู่โลก และสนับสนุนร้านอาหารไทยให้เป็นที่นิยมในระดับสากล โดยผลักดันให้ติดอันดับ 2 ของโลกรองจากอิตาลี จากปัจจุบันอยู่ในลำดับ 6 โดยบทบาทของ เค ยู เฟิร์ส จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้อาหารไทย และส่งเสริมให้ไทยสามารถผลิตอาหารแบบครบวงจร (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 13 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ซิป้าเตรียมตั้งศูนย์ ทดสอบซอฟต์แวร์ บนมือถือ

น.พ.ภาณุทัต เตชะเสน กรรมการบริหาร สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (ซิป้า) กล่าวว่า ซิป้ากำลังผลักดันตั้งศูนย์ทดสอบซอฟต์แวร์บนมือถือ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ใน 1-2 เดือนนี้ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของนักพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับโทรศัพท์มือถือ ตามนโยบายการส่งเสริมผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ไทยได้เข้าไปมีส่วนแบ่งตลาดการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับโทรศัพท์มือถือ ที่มีอัตราการเติบโตของมูลค่าตลาดโลกเฉลี่ยกว่า 200% ภายใน 5 ปี อีกทั้งการมีศูนย์ทดสอบจะเป็นเสมือนทางลัดให้ต่างประเทศรู้จักชื่อเสียงด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับโทรศัพท์มือถือของไทยได้ทางหนึ่งด้วย ทั้งนี้ การจะขายโปรแกรมโทรศัพท์มือถือให้แก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์ในต่างประเทศ มีเงื่อนไขต้องรองรับอย่างน้อย 5 ภาษาจึงจะขายโปรแกรมให้ได้ ซึ่งการพัฒนาแต่ละครั้งต้องผ่านการทดสอบ และได้รับคำรับรอง (certified) จากสหรัฐอเมริกา พร้อมกับการทำหน้าที่เป็นศูนย์ทดสอบแล้ว ศูนย์แห่งนี้จะเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์โทรศัพท์มือถือให้ชมโทรศัพท์ยี่ห้อ และรุ่นต่างๆ กัน เพื่อประโยชน์ในวงกว้าง บนพื้นที่ประมาณ 200 ตารางเมตร เพราะโทรศัพท์มือถือจะเปลี่ยนรุ่นไปเรื่อยๆ ถ้าทุกบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ต้องลงทุนซื้อมาจะไม่คุ้ม รวมทั้งจะเชิญให้ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือเจ้าต่างๆ จากทั่วโลกเข้ามาอยู่ในศูนย์ เป็นลักษณะศูนย์แห่งความเป็นเลิศ (excellence center) รวมทุกยี่ห้ออยู่ด้วยกัน อย่างไรก็ตาม การตั้งศูนย์ทดสอบนี้จะเป็นศูนย์ระดับนานาชาติ ที่รับทดสอบโปรแกรมจากประเทศต่างๆ เฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีนักพัฒนาโปรแกรมบนมือถือนับพันราย ส่วนในไทยมีประมาณ 50-60 ราย ส่วนเชียงใหม่มี 4 ราย นอกจากนั้น ซิป้ายังสนับสนุนการพัฒนาซอฟต์แวร์บนมือถือ ด้วยการออกทุนจำนวนหนึ่งให้บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ไทย 9 แห่งเข้าร่วมงานคอมมิวนิคเอเชีย 2005 ที่สิงคโปร์ โดยหวังจะเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัว และชิงส่วนแบ่งตลาดเกมบนมือถือมูลค่า 6,000 ล้านยูโรในปีหน้า (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 13 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





พัฒนาชิพอัฉริยะฝังตัวผู้ป่วย ให้รู้อาการ-ส่งข้อมูลเร็ว10เท่า

บริษัท ซาร์ลิงค์ เซมิคอนดักเตอร์ อิงค์. ในแคนาดา เปิดตัวชิพรุ่นใหม่สำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์ อาทิ เครื่องกระตุ้นหัวใจ หรือเครื่องวัดระดับน้ำตาลในกระแสเลือด เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์ดังกล่าว ที่อยู่ห่างไกลหลายกิโลเมตรผ่านทางเทคโนโลยีไร้สาย และล่าสุดมีบริษัทยักษ์ใหญ่บางแห่ง กำลังพัฒนาตัวกระตุ้นสมองสำหรับโรคพาร์กินสัน และโรคลมบ้าหมูออกมาด้วย สตีฟ สวิฟต์ ผู้จัดการทั่วไปของบริษัท บอกว่า ผู้ป่วยสูงอายุหลายคนต้องพึ่งพาเครื่องช่วยกระตุ้นหัวใจ และอุปกรณ์ทางการแพทย์หลากรูปแบบที่เป็นชนิดฝังอยู่ในตัว ขณะที่จุดเด่นของชิพรุ่นนี้ อยู่ที่อัตราความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลที่รวดเร็วกว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทคู่แข่งราว 10 เท่า โดยใช้พลังงานเพียง 20% เท่านั้น ด้วยเทคโนโลยีดังกล่าว ทำให้แพทย์สามารถตรวจสุขภาพและคลื่นหัวใจในตัวผู้ป่วยได้ในระยะไกล แถมยังปรับแต่งการทำงานเครื่องกระตุ้นหัวใจได้ โดยไม่ต้องนำตัวมาผ่าตัดที่โรงพยาบาล ทั้งนี้ ชิพที่ฝังอยู่ภายในเครื่องกระตุ้นหัวใจ จะส่งข้อมูลแบบไร้สายไปยังกล่องสัญญาณภายนอกที่วางอยู่หัวเตียง ซึ่งจะส่งต่อข้อมูลไปยังห้องทำงานของแพทย์ผ่านทางโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ต ขณะเดียวกัน ชิพจิ๋วนี้ยังสามารถสั่งงานให้เครื่องกระตุ้นหัวใจส่งสัญญาณไปยังโทรศัพท์มือถือ เพื่อติดต่อโรงพยาบาลในกรณีฉุกเฉิน หากผู้ป่วยเกิดอาการโรคหัวใจกำเริบได้อีกด้วย (คมชัดลึก พุธที่ 15 มิ.ย. 48 http://www.komchadluek.net)





พบดาวเคราะห์พี่น้องของโลก ขนาดโตกว่าและตัวร้อนสูงกว่า

นักดาราศาสตร์ได้ค้นพบดาวเคราะห์ดวงนี้ ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับโลกของเรามากที่สุด ยิ่งกว่าดาวเคราะห์ต่างสุริยจักรวาลดวงต่างๆ ที่ได้พบมาแล้ว 155 ดวง ด้วยกัน มันดูเหมือนเป็นดาวเคราะห์ที่เป็นหินมากกว่าดวงอื่น ที่ประกอบด้วยก๊าซแบบดาวพฤหัสบดี ในบรรดาดาวเคราะห์สุริยจักรวาลอื่นทั้งหมด เท่าที่ได้พบมา ในระยะ 10 ปีที่แล้วมานี้ แม้ว่าจะนับเป็นดาวเคราะห์ต่างสุริยจักรวาลที่มีขนาดเล็กที่สุด แต่มีมวลมากกว่าโลกถึง 7.5 เท่า มีอุณหภูมิที่ผิวพื้นสูงระหว่าง 204-371 องศาเซลเซียส เนื่องจากโคจรอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ของตน ในระยะเพียง 3.2 ล้าน กม. ต่างกับโลกของเราที่โคจรอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ถึง 150 ล้าน กม. ดาวเคราะห์พี่น้องของโลกอยู่ห่างจากโลกเราประมาณ 15 ปีแสง ระยะทาง 1 ปีแสง เป็นระยะไกลที่แสงต้องใช้เวลาเดินทางถึง 1 ปี หากแต่ในทางดาราศาสตร์ ระยะ 15 ปีแสงเป็นระยะเพียงแค่เอื้อมเท่านั้นเอง. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 16 .ย. 48 http://www.thairath.co.th)





สหรัฐส่งคนไปดวงจันทร์เที่ยวใหม่ เตรียมไปตั้งสถานีสำรวจขึ้นด้วย

ผู้อำนวยการองค์การอวกาศสหรัฐฯแจ้งว่า อเมริกาจะส่งมนุษย์อวกาศเดินทางไปยังดวงจันทร์เที่ยวใหม่ได้อย่างเร็วก็ในปี พ.ศ. 2558 และจะมีการก่อตั้งสถานีสำรวจแบบเดียวกับสถานีสำรวจขั้วโลกขึ้น นายไมเคิล กริฟฟิน ผู้อำนวยการคนใหม่ กล่าวว่า “ยังไม่ได้กำหนดวันแน่นอนไว้ ซึ่งเราคิดว่าถ้าจะทำได้อย่างเร็วที่สุดคงเป็นในปี พ.ศ. 2558 และหากช้าที่สุด ก็อาจจะเลยไปถึงปี พ.ศ. 2563” สหรัฐฯส่งมนุษย์เดินทางไปดวงจันทร์เที่ยวหลังสุดโดยยานอวกาศ “อพอลโล 17” เมื่อปี พ.ศ. 2515 เขาบอกเสริมว่า“เรามีงบที่จะส่งมนุษย์ไปยังดวงจันทร์ได้ในตอนช่วงเวลานั้น และคิดว่า เราควรจะสร้างสถานีสำรวจเหมือนอย่างกับสถานีสำรวจขั้วโลกใต้ของชาติต่างๆ ขึ้นบนดวงจันทร์ด้วย” องค์การยังจะต้องตัดสินใจก่อนหน้าว่า จะใช้ยานเดินทางแบบไหน เนื่องจากยานอวกาศเก่าที่ใช้อยู่ถึงกำหนดจะต้องปลดระวางในปี พ.ศ. 2553 นี้แล้ว ตัวผู้อำนวยการชี้แจงว่า คงจะตัดสินใจเรื่องนี้ได้ในตอนปลายฤดูร้อนนี้. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 16 .ย. 48 http://www.thairath.co.th)





พลาสติกชีวภาพ ใส่ใจคุณภาพชีวิต

ดร.วันทนีย์ จองคำ ผอ.ฝ่ายบริหารโครงการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทเป็นแกนกลางในการประสานงานและเชื่อมโยงกับองค์กร ต่าง ๆ ในการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมวัสดุชีวภาพ กล่าวให้ฟังว่า ในการนำวัสดุชีวภาพมาผลิตเป็นพลาสติกชีวภาพ มาจากแนวโน้มของโลก โดยเฉพาะในต่างประเทศ ซึ่งมีสาเหตุมาจากพลาสติกธรรมดาที่ใช้กันอยู่ในท้องตลาดนั้นเป็นที่ทราบกันดีคือ ไม่สามารถย่อยสลายได้เองหรือบางชนิดที่สามารถย่อยสลายได้แต่ต้องใช้ เวลาเป็นร้อย ๆ ปี จึงจะย่อยสลายหมด นับว่าช้ามาก ส่งผลให้เกิดปัญหาเรื่องของการกำจัดขยะ หาพื้นที่ฝังกลบขยะ ประกอบกับประชาชนให้ความสำคัญในเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น จึงทำให้ประเทศในแถบยุโรป สหรัฐอเมริกา ในเอเชียอย่าง ญี่ปุ่น สนใจอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับพลาสติกชีวภาพกันมากขึ้น เพราะพลาสติกชีวภาพจะเป็นทางเลือกหนึ่งในการบรรเทาปัญหาด้วยคุณสมบัติที่สามารถย่อยสลายได้ กลายเป็นธาตุในดินที่ไม่เป็นพิษกับดินและสิ่งแวดล้อม สำหรับประเทศไทย ทางสำนักงานฯ ได้ดำเนินการผลักดันให้เกิดการพัฒนาเป็นโครงการระดับชาติ ในการนำเทคโนโลยีชีวภาพระดับสูงมาใช้ในการผลิตวัสดุชีวภาพที่ทำจากแป้งและน้ำตาลเป็นหลัก เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพและความเป็นไปได้ที่จะผลิต เพราะมีปริมาณวัตถุดิบที่มากเพียงพอ เห็นได้จากในปี 2546 ที่ผ่านมา ประเทศไทยสามารถผลิตหัวมันสำปะหลังได้ประมาณ 21 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 21,000 ล้านบาท และมีผลผลิตอ้อยประมาณ 60 ล้านตัน คิดเป็นผลผลิตน้ำตาลประมาณ 6 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 50,000 ล้านบาท ที่จัดขายในรูปแบบของมันเม็ด และมันแผ่น ใช้เป็นอาหารสัตว์ส่งออกไป ยังต่างประเทศ มีราคากิโลกรัมละประมาณ 7 บาท หากสามารถนำนวัตกรรมเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อสร้างทางเลือกในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างให้เป็นผลิตภัณฑ์วัสดุชีวภาพ จะทำให้ราคาวัตถุดิบเหล่านั้นเพิ่มขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 40-80 บาท โดยที่มีตลาดรองรับทั้งในอุตสาหกรรมเส้นใยสิ่งทอ อุตสาหกรรมพลาสติก อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า และบรรจุภัณฑ์ อีกทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับอุตสาหกรรมการส่งออกต่างประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบของกลุ่มสหภาพยุโรปหรืออียู ในการกำหนดให้นำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์ เฉพาะที่เป็นวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือสามารถย่อยสลายได้ ซึ่งกำลังจะบังคับใช้ในปี พ.ศ. 2549 ที่จะถึงนี้ด้วย “การทำพลาสติกชีวภาพ เป็นการกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวและปลูกจิตสำนึกด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในทุกกลุ่มคนและเป็นการริเริ่มให้เกิดสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดธุรกิจในลักษณะเดียวกันมากขึ้นในประเทศ อยากให้ทุกคนหันมาใส่ใจกับสิ่งแวดล้อม อย่างน้อยช่วยในการคัดแยกขยะ เพราะขยะเมื่อแยกแล้วมีหลายชนิดที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่อีกโดยที่ไม่จำเป็นต้องผลิตขึ้นมาใหม่ รวมทั้งในส่วนใดที่ไม่จำเป็นก็ไม่ควรใช้อย่างฟุ่มเฟือย ถึงแม้จะเป็นพลาสติกชีวภาพก็ตาม ก็ต้องมีกระบวนการในการผลิต มีต้นทุนในการผลิตเช่นกัน อยากให้ใช้สิ่งของที่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก อย่าง ถุงผ้า ตะกร้า ซึ่งบางผลิตภัณฑ์ไม่คุ้มในการนำมารีไซเคิล เพราะนั่นอาจเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม รวมทั้งถ้าทิ้งก็เป็นปัญหาในการทำลายด้วยเช่นกัน” (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 16 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)





เปิดตรวจพืชจีเอ็มโอ สร้างความมั่นใจก่อนปลูก-กิน

ขณิษฐา วงศ์วัฒนารัตน์ นักวิชาการเกษตรระดับ 7 ประจำห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์พืชจีเอ็มโอ สำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ขณะนี้ห้องปฏิบัติการเปิดให้บริการตรวจพืช หรืออาหารสำเร็จรูป ที่เกษตรกรหรือประชาชนสงสัยว่าจะเป็นพืชตัดต่อพันธุกรรมหรือจีเอ็มโอ เพื่อสร้างความมั่นใจก่อนนำมาปลูก บริโภคเป็นอาหารหรือแปรรูปเพื่อจำหน่าย เปิดให้บริการแล้ว โดยได้พัฒนาเทคนิคการตรวจโดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพ ที่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นเจ้าของสารตัดต่อพันธุกรรม ที่ปนเปื้อนมากับอาหารและพืชในแต่ละชนิด ขณะนี้ห้องปฏิบัติการได้ตรวจตัวอย่างเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดและถั่วเหลืองไปแล้วจำนวนมาก ซึ่งดำเนินการตรวจมาตั้งแต่ปี 2546 พบว่า เมล็ดถั่วเหลืองปนเปื้อนสารตัดต่อพันธุกรรมมากสุดถึงร้อยละ 80 และส่วนใหญ่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกาและอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นประเทศที่อนุญาตให้ปลูกถั่วเหลืองและพืชที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรม ในส่วนค่าบริการการตรวจวิเคราะห์หาสารตัดต่อพันธุกรรมในผลิตภัณฑ์อาหารและพืชนั้น สำหรับการวิเคราะห์เบื้องต้นว่า พืชหรือผลิตภัณฑ์อาหารมีการปนเปื้อนหรือไม่ จะเสียค่าบริการ 1,600 บาทต่อครั้ง โดยใช้ระยะเวลาในการวิเคราะห์และรายงานผล 4 วัน และหากต้องการวิเคราะห์ต่อไปว่า มีการปนเปื้อนในปริมาณเท่าไร มากหรือน้อยเพียงใด จะต้องเสียค่าบริการ 1,800 บาทต่อครั้ง ซึ่งใช้ระยะเวลาในการวิเคราะห์และรายงานผล 1 วันเท่านั้น แต่ในส่วนนี้ยังไม่เปิดบริการทั่วไป โดยเกษตรกรสามารถส่งทุกส่วนของพืชมาให้ห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ ซึ่งระยะเวลาที่ใช้ในการตรวจและค่าใช้จ่าย ขึ้นอยู่กับความละเอียดของผลการทดลองที่เกษตรกรอยากรู้ นอกจากนี้ ทีมงานยังได้เตรียมเทคนิคตรวจสอบปริมาณการปนเปื้อนในถั่วเหลือง สายพันธุ์ GTS40-3-2 ในเมล็ดและกากถั่วเหลืองที่นำเข้าและใช้ภายในประเทศ รวมทั้งวิเคราะห์การปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป และหาค่ามาตรฐานในการปนเปื้อนข้าวโพดสายพันธุ์ Mon810 อีกด้วย (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 16 มิ.ย. 48 http://www.komchadluek.net)





บองก้าเกมเสริมไอคิวเด็ก

นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท ไซเบอร์แพลนเน็ต อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อความบันเทิง กล่าวว่า บริษัทได้เปิดตัวเกมคอมพิวเตอร์ล่าสุดชื่อ "บองก้า บองก้า เลิร์นนิ่ง" ซึ่งเป็นเกมเสริมทักษะการเรียนรู้สำหรับเด็กเล็ก 2-5 ขวบ ผ่าน 4 ตัวละครที่ใช้เวลากว่า 6 เดือนในการออกแบบเป็นพิเศษให้มีสีสันสดใสและบุคลิกโดดเด่นแตกต่างกัน เพื่อง่ายต่อการจดจำและเป็นเพื่อนเล่นใหม่ของเด็ก ได้แก่ โช-โช ชับบี้ ชาลี และชีต้า สำหรับเนื้อหาเกมประกอบไปด้วยเกมตัวเลข ช่วยให้รู้จักตัวเลขและเสริมทักษะด้านคณิตศาสตร์ เกมเสียงดนตรี ช่วยฝึกทักษะการฟังเสียงดนตรีและแยกแยะเครื่องดนตรี เกมรูปทรงสอนให้รู้จักรูปทรงแบบต่างๆ นอกจากนี้ยังมีเกมส่งเสริมจินตนาการ เช่น เกมระบายสี เกมวาดรูป เกมต่อภาพ และเกมซ่อนหา เป็นต้น บริษัทเชื่อว่าบองก้า บองก้า จะสามารถครองใจเด็กและผู้ปกครองได้อย่างแน่นอน เพราะเป็นเหมือนโปรแกรมที่ช่วยเสริมทักษะการเรียนรู้ด้านต่างๆ ทำให้เด็กๆ ได้รับความสนุกสนาน เพลิดเพลิน พร้อมทั้งมีพัฒนาการทางสมองที่ดีด้วย เช่น เกมบวกเลข เกมระบายสี เกมต่อภาพ เกมเสียงดนตรี และเกมควบคุมเมาส์ ซึ่งนอกจากจะช่วยเสริมทักษะด้านคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เล็กแล้ว ยังช่วยส่งเสริมให้เด็กมีจินตนาการ รู้จักช่างสังเกต และมีทักษะการเรียนรู้ที่ดีอีกด้วย (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 16 มิ.ย. 48 http://www.komchadluek.net)





เลเซอร์ฟื้นผม

เชน วอร์น นักโบว์ลิ่งชาวออสเตรเลีย สาธิตเข้าเครื่องบำบัดผมด้วยเลเซอร์ ในร้านแอดวานซ์ แฮร์ สตูดิโอ ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ วิธีดังกล่าวนี้เชนต้องมาที่ร้านทุกสัปดาห์ เพื่อเข้าเครื่องฉายเลเซอร์ที่ออกแบบเพื่อหยุดการหลุดร่วงของผม และกระตุ้นหนังศีรษะ พร้อมกับปล่อยสารเคมีเข้าไปในผม และกลืนแคปซูลพิเศษ (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 16 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th)





วิศวกรไทยย้อนรอยเครื่องทำขวดพลาสติก

นายสงกรานต์ บุลาเลิศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท มหาธานีแมคชีนเนอร์รี่ จำกัด เปิดเผยว่า ทีมวิศวกรไทยของบริษัทได้ออกแบบและผลิตเครื่องจักรเป่าภาชนะ PET โดยอาศัยประสบการณ์ยาวนานกว่า 10 ปี จากความเป็นโรงงานผลิตภาชนะขวดพลาสติก จนถึงปัจจุบันได้ประดิษฐ์เครื่องเป่าขวดพลาสติก 3 รุ่น แต่ละรุ่นสามารถผลิตภาชนะในแบบแตกต่างกัน พร้อมทั้งให้บริการออกแบบสร้างแม่พิมพ์เป่า โดยใช้โปรแกรมช่วยออกแบบ CAD/CAM ทำให้ได้ภาชนะที่ใกล้เคียงกับที่ผู้ผลิตต้องการ นอกจากนี้ บริษัทยังมีความร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ พัฒนาเครื่องจักรฉีดและเป่าพลาสติกให้รวมอยู่ในตัวเดียวกัน โดยใช้เทคโนโลยีของไทย คาดว่าภายในปีนี้เครื่องต้นแบบจะแล้วเสร็จ จากนั้นจะทดสอบการใช้งานและปรับปรุงแก้ไข โดยอาจใช้เวลาประมาณ 2 ปี จึงจะสามารถผลิตเพื่อจำหน่ายจริง ส่วนราคาเบื้องต้นน่าจะไม่เกิน 3.5 ล้านบาท ขณะที่ราคาเครื่องจักรนำเข้าประมาณ 6 ล้านบาท สำหรับผลงานเครื่องเป่าพลาสติก 3 รุ่น สร้างขึ้นบนพื้นฐานความต้องการของตลาดหรือภาคอุตสาหกรรม โดยรุ่นแรกเจาะตลาดโรงงานบรรจุน้ำดื่ม ด้วยสามารถเป่าภาชนะขวดความจุ 300-1,500 มิลลิลิตร ส่วนเครื่องจักรรุ่น 2 ผลิตเพื่อโรงงานลูกอมและขนมแห้ง สามารถเป่าภาชนะขนาดใหญ่ที่ความจุ 1,000-6,000 มิลลิลิตร และเครื่องรุ่น 3 เจาะกลุ่มโรงงานยา โดยผลิตภาชนะขวดยาที่จุได้เพียง 100 มิลลิลิตร ทั้งนี้ เครื่องจักรฝีมือไทยนี้ราคาขายเพียง 1.75 ล้านบาท ซึ่งต่างจากเครื่องนำเข้าจากเยอรมนีและญี่ปุ่น ที่ราคาไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทได้พัฒนาเครื่องเป่าขวดพลาสติกรุ่นใหม่ออกสู่ตลาด 2 รุ่นคือ เครื่องเป่าขวดขนาด 20 ลิตร ซึ่งจะมาทดแทนปี๊ปน้ำมันพืชและเครื่องเป่าขวดทนความร้อนใส่น้ำเกลือทางการแพทย์ขนาด 1 ลิตร โดยได้เปิดตัวเครื่องจักร 2 รุ่นนี้ เมื่อต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ในงานอินเตอร์พลาสไทยแลนด์ นอกจากนี้ ยังได้ส่งออกเครื่องเป่าขวดไปอเมริกา ฮาวาย ลิเบีย เวียดนาม และปีนี้ มีนโยบายขยายตลาดไปปากีสถานและมาเลเซีย ทั้งนี้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาได้ผลิตเครื่องจักรทั้งสิ้น 60 เครื่อง หรือขายได้เฉลี่ยปีละ 12 เครื่อง แต่ในปีนี้ บริษัทจะพัฒนาทีมช่างและทีมขาย ตั้งเป้าขายเครื่องจักรให้ได้เดือนละ 5 เครื่อง ภายในเวลา 3ปีข้างหน้า โดยแนวโน้มตลาดขวด PET ขยายตัว 5-8% ต่อปี ตามการขยายตัวของเครื่องดื่มชาเขียว นม และเครื่องดื่มชูกำลัง (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 17 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





เนคเทคจัดสอบผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไอที

เนคเทคร่วมกับไอเอสซีสแควร์ องค์กรวัดความสามารถผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยข้อมูลสารสนเทศจากประเทศสหรัฐอเมริกา จัดสอบผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยข้อมูลสารสนเทศในวันที่ 25 มิ.ย. 2548 ทั้งนี้ เนคเทคได้ตระหนักถึงการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของบุคลากรไอทีของประเทศให้ทัดเทียมกับสากลและเพื่อเพิ่มศักยภาพของบุคลากรในด้านความชำนาญในวิชาชีพไอทีซึ่งในปัจจุบัน เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า IT Certified ต่างๆ เป็น IT Industry Standard ที่บ่งบอกถึงความสามารถของผู้ที่ได้รับว่าสามารถปฏิบัติงานในสายไอทีที่เกี่ยวข้องกับประเภทของ Certified นั้นๆ ส่งผลให้ผู้ที่ผ่านการสอบและได้รับประกาศนียบัตรสามารถเพิ่มศักยภาพและโอกาสในด้านการงานของตนเองได้ ในการนี้เพื่อประโยชน์แก่บุคลากรด้านความปลอดภัยข้อมูลสารสนเทศที่จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปสอบยังต่างประเทศ เนคเทคได้ร่วมมือกับไอเอสซีสแควร์ องค์กรอิสระที่ไม่หวังผลกำไร ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการจัดสอบวัดความสามารถผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยข้อมูลสารสนเทศได้แก่ CISSP (Information Systems Security Professionals) และ SSCP (Information Systems Security Practitioners) ซึ่งเป็น Professional Certification ที่ได้รับมาตรฐาน ISO 17024 โดยในปีนี้เป็นการจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 กำหนดการสอบในปีนี้จัดขึ้นในวันที่ 25 มิ.ย. 2548 ที่ศูนย์ฝึกอบรม NECTEC ถ.ศรีอยุธยา สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสมัครสอบโดยเข้าไปลงทะเบียนและชำระเงินที่ www.isc2.org (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 17 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th)





นักวิทย์คำนวณแล้ว เชื่อคลื่นยักษ์มาอีก “มหาสมุทรอินเดีย”

ออสเตรเลีย-นักวิทยาศาสตร์เชื่อมั่นว่ามหาสมุทรอินเดียจะเกิดแผ่นดินไหวที่ทำให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดใหญ่อย่างแน่นอน โดยเป็นเวลาเกือบ 6 เดือนที่นักวิทยาศาสตร์ได้เฝ้าสังเกตการณ์แรงสั่นสะเทือนหลังจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ 9.15 ริคเตอร์ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคมปีที่แล้ว เพื่อคำนวณหาการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ครั้งต่อไป ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นภายใน 20 - 50 ปี หรือนาน 200 ปี ผู้เชี่ยวชาญแผ่นดินไหว กล่าวว่า พื้นที่บริเวณช่องแคบซุนดราเรื่อยไปทางตะวันตกและใต้ของอินโดนีเซีย โค้งเรื่อยไปถึงหมู่เกาะนิวกินี เป็นเขตที่เกิดแผ่นดินไหวมากที่สุด 1 ใน 3 ของโลก การเคลื่อนไหวของโครงสร้างเปลือกโลกในบริเวณอินโดนีเซีย-ออสเตรเลีย แม้ว่ามีเพียงปีละ 5 - 6 เซนติเมตร แต่ถ้ามีการสะสมพลังงานติดต่อกันนานกว่า 1 หรือ 2 ศตวรรษ ก็อาจระเบิดกลายเป็นแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกมากกว่า 12 เมตรภายในครั้งเดียวทำให้เกิดคลื่นสึนามิพัดถล่มชายฝั่งรอบมหาสมุทรอินเดีย บริเวณชายฝั่งตะวันตกของเกาะสุมาตราเป็นจุดที่ล่อแหลมต่อการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ซึ่งความรุนแรงเพียง 8 ริคเตอร์ ก็อาจทำให้เกิดสึนามิที่อันตรายได้ (สยามรัฐรายวัน เสาร์ที่ 18 มิ.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)





RFID คืออะไร

จากนิตยสาร PACKET ของซิสโก้ แหล่งข้อมูลสำคัญของคนไอที ก็ได้คำตอบว่า RFID ย่อมาจาก Radio Frequency Identification หรือการระบุตัวตนด้วยคลื่นความถี่วิทยุ ซึ่งเนื้อแท้แล้ว RFID ก็คือ "บาร์โค้ดอิเล็กทรอนิกส์" ชนิดหนึ่ง โดยป้าย RFID นั้น จะใช้ในการระบุตัวตนของสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งพนักงานของคุณสามารถทำแค่เพียง ยืนทำงานอยู่ใกล้ๆ กับเครื่องอ่านเท่านั้น แทนที่จะต้องรูดสินค้าที่ติดบาร์โค้ดผ่านเครื่องอ่านทุกครั้ง เพราะป้ายสินค้าแบบใหม่นี้ จะคิดคำนวนราคาสินค้าและภาษีให้คุณโดยอัตโนมัติ (มติชนรายวัน เสาร์ที่ 18 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th)





ข่าววิจัย/พัฒนา


สยบไอเสียรถยนต์ด้วยฉี่แกะลดมลพิษจากผลิตผลธรรมชาติ

ขณะนี้ บริษัท สเตจโค้ช เซาธ์ ผู้ให้บริการรถโดยสารในเมืองวินเชสเตอร์ ทางตอนใต้ของเกาะอังกฤษ กำลังนำ "ปัสสาวะแกะ" มาทดสอบลดมลพิษที่พ่นออกมาจากท่อไอเสีย โดยเฉพาะก๊าซไนตรัสออกไซด์ แม้จะฟังดูแปลกๆ แต่ แอนดรูว์ ไดเออร์ กรรมการผู้จัดการบริษัท สเตจโค้ช เซาธ์ บอกว่า ปัสสาวะแกะสามารถลดมลพิษได้จริง และใช้งานได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ รถโดยสารที่ให้บริการชาวเมืองวินเชสเตอร์ ได้ทดลองติดตั้งถังปัสสาวะแกะตั้งแต่เดือนที่แล้ว และดูเหมือนจะเป็นที่ชื่นชอบของชาวเมืองไม่น้อย (คมชัดลึก อังคารที่ 14 มิ.ย. 48 http://www.komchadluek.net)





ครูบ้านนอกสร้างนักประดิษฐ์ แผงวงจรวิทยุบังคับแบบไทย

พิศิษฐ์ มิตรเกื้อกูล นายกสมาคมสิ่งประดิษฐ์เครื่องบินจำลองวิทยุบังคับ ซึ่งตระเวนสอนเด็กไทย โดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาสให้ได้เล่นเครื่องบินจำลองวิทยุบังคับ แบบต้นทุนต่ำทำด้วยโฟม แม้ลำตัวเครื่องบินจะเหลือต้นทุนไม่กี่บาท แต่ “วิทยุบังคับ” ยังจำเป็นต้องนำเข้า คิดเป็นเงินหลายร้อยบาทต่อชุด ถ้าทำได้เอง จะลดต้นทุนลงได้อีก จึงเอาแนวคิดนี้ประสานงานกับ ประดิษฐ์ บุญเส็ง อาจารย์ 2 ระดับ 7 ร.ร.แสวงหาวิทยา คม อ่างทอง ผู้สนใจการบินด้วยระบบวิทยุบังคับ ที่อยากพัฒนามาเป็นของเล่นวิทยาศาสตร์ที่เด็กไทยใช้เล่น พร้อมกับเรียนรู้และสามารถประดิษฐ์ขึ้นได้ด้วยมือตนเอง ระบบการบินด้วยวิทยุบังคับ มีหลักง่าย ๆ คือใช้คลื่นวิทยุไปควบคุมการทำงานของมอเตอร์ให้หมุนจนเกิดแรงขับเคลื่อน โดยมีรูปทรงของตัวเครื่องที่สอดรับกับหลักอากาศ พลศาสตร์ ที่มีน้ำหนักเบา ช่วยเสริมการยกและลอยตัว อาจารย์ประดิษฐ์บอกว่าแผงวงจรวิทยุที่ออกแบบ จะเน้นกระตุ้นให้เด็กเกิดความสนใจ อยากสร้างสรรค์ชิ้นงานด้วยฝีมือตนเอง แทนที่จะซื้อมาเล่นอย่างเดียว เพราะแผงวงจรไฟฟ้านี้ ไม่ได้ทำสำเร็จรูปด้วยเครื่องจักร ต้องนำมาประกอบ บัดกรีสายไฟเล็ก ๆ ให้ต่อเป็นระบบ โดยใช้วัสดุในประเทศ ต้นทุนแค่ 150-200 บาท ถ้าซื้อมากก็จะได้ราคาถูกลงอีก แผงวงจรที่อาจารย์ประดิษฐ์ทำขึ้นจะต่างจากของสำเร็จรูป ตรงที่ต้องมี 2 แผ่น ไม่ใช่แผ่นเดียว 2 หน้าเหมือนที่มาจากหุ่นยนต์โรงงาน เพื่อให้เด็กเชื่อมต่อด้วยหัวแร้งได้ เอาไอซีทรานซิสเตอร์ และคอนเดนเซอร์มาประกอบกันเอง สามารถย่อขนาดลงได้ 1.1นิ้ว หลังจากคิดหาทางลดจากเดิม 2.5 นิ้ว จนบังคับได้ระยะไกลถึง 600 เมตร (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 13 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)





เครื่องขึ้นรูปสบู่ข้าวโพด ลดแรงงานคน เพิ่มปริมาณการผลิต

ผลิตภัณฑ์ สบู่ข้าวโพดขัดผิว เกิดขึ้นจากภูมิปัญญาเกษตรกร ต.หัวปลวก จัดเป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณอีกรูปแบบหนึ่ง ที่เข้ากับกระแสความสนใจผลิตภัณฑ์สมุนไพรของผู้คนได้เป็นอย่างดี ด้วยคุณลักษณะดังกล่าว ทำให้ สบู่ข้าวโพดขัดผิว ได้รับรางวัลผลิตภัณฑ์ระดับ 4 ดาว จากงานคัดสรรสุดยอดสินค้า OTOP ระดับภาคกลางมาครองด้วย ส่งผลให้ได้รับความสนใจจากผู้บริโภค ทำให้กลุ่มเกษตรกรผลิตสินค้าไม่ทันต่อความต้องการ และด้วยสาเหตุดังกล่าว ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ นายกิตตินันต์ พรหมรัตนไพศาล และนางสาวปัณรส กมลมาลย์ นักศึกษาจากภาควิชาเทคโนโลยี หลังการเก็บเกี่ยวและแปรสภาพ คณะวิศวกรรมและเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี คิดค้นเครื่องขึ้นรูปสบู่ข้าวโพดขึ้น ซึ่ง มีอาจารย์บุญทัน ศรีบุญเรือง เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อช่วยให้การผลิตสบู่ข้าวโพดมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเฉพาะในด้านปริมาณการผลิต โดยงานวิจัยนี้ได้รับทุนสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ในโครงการ Industrial Project for Undergraduate Students ด้วย นายกิตตินันต์ “ตัวเครื่องขึ้นรูปสบู่ข้าวโพดนี้ ถูกออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อทำการผสมและฉีดขึ้นรูปสบู่ข้าวโพด ตัวเครื่องประกอบด้วย ชุดถังกวน มีลักษณะเป็นถังแนวตั้งทำจากสเตนเลส ภายในมีใบกวนผสม ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์เกียร์ และขดลวดความร้อน ชุดหัวฉีดน้ำสบู่ ทำหน้าที่ดูดน้ำสบู่มายังหัวฉีดมีมอเตอร์ไดรฟ์วาล์ว และตัวจับเวลา ปิด-เปิดและควบคุมการฉีด และชุดลำเลียงแม่พิมพ์แบบหมุนวนเป็นจานหมุนรูปแปดเหลี่ยมด้านบนแบ่งเป็น 4 ช่อง สำหรับวางถาดแม่พิมพ์ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์เบรกขนาด 60 W สำหรับขั้นตอนการทำงานของเครื่อง เริ่มต้นจากการเตรียมส่วนผสม และให้ความร้อนไปพร้อมกับการกวนส่วนผสม โดยควบคุมอุณหภูมิให้คงที่อยู่ที่ 45ํC จากนั้นของเหลวจะถูกปั๊มไปยังชุดหัวฉีด และชุดลำเลียงแม่พิมพ์ ซึ่งมีมอเตอร์ไดรฟ์วาล์ว ควบคุมปริมาณการไหลของน้ำสบู่ลงสู่แม่พิมพ์ครั้งละ 8 ก้อน แล้วชุดลำเลียงแม่พิมพ์จะหมุนไป 90 องศา เพื่อลำเลียงถาดแม่พิมพ์ชุดใหม่มายังชุดหัวฉีด รอรับการฉีดสบู่ครั้งต่อไป จากการทดสอบใช้เครื่องนั้น พบว่าได้ผลเป็นที่พึงพอใจ สามารถฉีดน้ำสบู่ลงแม่พิมพ์ได้ 1,440 ก้อนภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง และสบู่ข้าวโพดที่ได้จะมีสีขาวกว่าที่ได้จากการขึ้นรูปโดยวิธีเดิม นอกจากนี้เครื่องขึ้นรูปสบู่ข้าวโพด ยังสามารถใช้ได้กับวัตถุดิบประเภทอื่นนอกจากข้าวโพดได้อีกด้วย กลุ่มเกษตรกรใดสนใจ เครื่องขึ้นรูปสบู่ข้าวโพด นวัตกรรมฝีมือเด็กไทย สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ภาควิชาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวและแปร สภาพ คณะวิศวกรรมและเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี หมายเลขโทรศัพท์ 0-2549-3377 ในวันและเวลาราชการ. (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 13 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)





กินลูกเกดป้องกันฟันรักษาเหงือก มีสารพิเศษช่วยคุ้มกันถึง 5 ชนิด

นักวิจัยสหรัฐฯกลับพบว่า ลูกเกดอันเป็นลูกองุ่นแห้ง กินกันเป็นของหวาน แต่ชอบติดเหนียวตามซอกฟัน กลับช่วยรักษาฟัน ช่วยฆ่าแบคทีเรีย ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้ฟันผุและโรคเหงือก นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ที่นครชิคาโก พบในการศึกษาว่า ลูกเกดที่กินมีรสหวาน แต่ติดฟันง่าย กลับมีสารประกอบอันเป็นพฤกษเคมี มีสรรพคุณช่วยรักษาฟันและเหงือกอยู่ถึง 5 อย่าง นักเคมีคริสตีน วู ผู้ศึกษาวิจัย กล่าวว่าปกติแล้วเชื่อกันว่า ของที่กินเหนียวๆมักจะทำให้ฟันผุ แต่เหตุส่วนใหญ่เป็นเพราะน้ำตาล เขาได้พบว่า ในลูกเกดชนิดไร้เมล็ดกลับมีสาร ซึ่ง มีสรรพคุณเป็นตัวล้างพิษที่พบในพืช ช่วยรักษาฟันและเหงือกให้แข็งแรง สารชนิดหนึ่ง ได้แก่ กรดโอเลียโนลิก ซึ่งมีฤทธิ์ขัดขวางแบคทีเรีย ต้นเหตุของฟันผุ และโรคเยื่อหุ้มฟันอักเสบ ไม่ให้เจริญเติบโต ทั้งยังป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเกาะติดตัวฟัน จับเป็นคราบได้. (ไทยรัฐ อังคารที่ 14 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)





วิทย์ลุงแซมสุดเจ๋ง ผลิตขนแปรงนาโน “เล็กกว่าผมมนุษย์”

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มนักวิทยาศาสตร์สหรัฐได้ผลิตแปรงนาโนเทคโนโลยี ซึ่งมีขนแปรงเล็กกว่าเส้นผมมนุษย์ถึงกว่าพันเท่า และสามารถใช้ประโยชน์ทั้งในด้านกวาดฝุ่นขนาดเล็กเท่าหน่วยนาโนใช้วาดภาพโครงสร้างระบบเล็กขนาดจุลภาค หรือกระทั่งใช้ทำความสะอาดมลพิษในน้ำสกปรก โดยขนแปรงดังกล่าวมีคุณสมบัติทั้งเหนียวและยืดหยุ่นในตัวเอง แปรงดังกล่าวถูกผลิตจากนานาเทคโนโยลีหรือเทคโนโลยีย่อส่วนขนาดจิ๋วซึ่งกำลังถูกศึกษาค้นคว้าอย่างมากในทั่วโลก โดยขนแปรงถูกผลิตจากคาร์บอนขนาดพิเศษที่ใช้กระบวนสังเคราะห์ด้านนาโนเทคโนโลยีมีขนาดเล็กเป็น 3 พันล้านเท่าของเส้นฟาง ซึ่งทีมวิจัยยังได้ใช้ไอเดียผลิตแปรงกวาดฝุ่นนาโนนี้ผลิตอุปกรณ์แปรงประเภทอื่นที่ใช้ในกิจวัตรประจำวันของมนุษย์ เช่น แปรงสีฟัน แปรงล้างขวด และไม้ปั่นหูด้วย (สยามรัฐรายวัน อังคารที่ 14 มิ.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)





สหรัฐทุ่มศึกษาขมิ้นต่อต้านมะเร็ง ฆ่าเซลล์เนื้อร้ายไม่ทำลายเนื้อดี

สถาบันต่อต้านโรคมะเร็งแห่งชาติของสหรัฐฯ ได้อนุมัติงบ 40 ล้านบามท เพื่อศึกษาค้นคว้าสรรพคุณของขมิ้น อันเป็นสมุนไพรอย่างหนึ่งในการบำบัดรักษาโรคเนื้อร้าย สถาบันได้รับรายงานว่า ขมิ้นได้ส่ออนาคตในการรักษาโรคมะเร็งทรวงอก มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้ใหญ่ และไส้ตรงให้เห็น และยังช่วยให้การรักษาให้ได้ผลดี ในการทดลองกับสัตว์ได้พบว่ามันช่วยให้เซลล์มะเร็งรับกับการฉายแสงและตัวยาเคมีดีขึ้น โดยที่เซลล์ปกติไม่เป็นอันตรายอย่างใด ผู้ช่วยศาสตราจารย์คอสตาส คูเมนิส แห่งภาควิชารังสีวิทยา ของศูนย์แพทย์แบพติสต์ มหาวิทยาลัยเวกฟอเรสต์ในสหรัฐฯ กล่าวว่า “ที่น่าสนใจของขมิ้น ก็คือมันมีฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็งลงได้ โดยไม่เป็นอันตรายกับเซลล์ปกติเลย เราไม่ห่วงในเรื่องนี้เท่าใดนัก ห่วงก็แต่เรื่องสรรพคุณว่าจะแรงมากหรือน้อยเท่านั้น” ขมิ้นนอกจากเป็นสมุนไพรแล้ว ยังใช้เป็นเครื่องปรุงอาหารของชาติในเอเชียหลายชาติ มีสารประกอบเคอคิวมินเป็นส่วนสำคัญ ก่อนหน้านี้เคยมีการศึกษาพบว่า ผู้ที่กินอาหารที่ใส่ขมิ้น จะไม่ค่อยเป็นมะเร็งทรวงอก ต่อมลูกหมาก ปอด และมะเร็งลำไส้ด้วย. (ไทยรัฐ พุธที่ 15 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)





กินถั่วเหลืองลดไขมันในเลือดลงได้ แถมบำรุงสุขภาพทั่วไปเหนือกว่า

นักโภชนาการของมหาวิทยาลัยเคนตักกี้ของอเมริกา นายแพทย์เจมส์ แอนเดอร์สัน รายงานผลการศึกษาในวารสารวิชาการของวิทยาลัยโภชนาการอเมริกันว่า ได้พบคุณประโยชน์ของอาหารที่ทำจากถั่วเหลือง เปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์อาหารทำจากนม สำหรับผู้ที่มีรูปร่างอ้วน ด้วยการให้บริโภคอยู่นานเป็นเวลา 3 เดือน รายงานผลการศึกษากล่าวว่า ผู้บริโภคอาหารทั้ง 2 แบบ ต่างก็มีน้ำหนักตัวลดลงได้เล็กน้อยด้วยกัน แต่กลุ่มที่บริโภคอาหารทำจากถั่วเหลืองได้เปรียบกว่า เพราะปริมาณไขมันในเลือดลดลงอย่างสังเกตได้ มากกว่า อาหารจากถั่วเหลืองบำรุงร่างกายได้เหนือกว่า แม้ว่ามันจะไม่ทำให้น้ำหนักตัวลดลงไปมากเท่าใด แต่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายโดยรวมมากกว่า. (ไทยรัฐ พุธที่ 15 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)





พบวิธีตรวจเชื้อไวรัสหวัดนกทางลัด จากเวลาเกือบเดือนมาเป็นวันเดียว

คณะนักวิจัยออสเตรเลียได้พัฒนาเทคนิคการตรวจหาเชื้อไวรัสไข้หวัดนก รู้ผลภายใน 24 ชม. เร็วกว่าเดิมที่ต้องใช้เวลานานถึง 3 สัปดาห์ นายบ็อบ คาเมรอน รัฐมนตรีเกษตรรัฐวิกตอเรียของออสเตรเลีย กล่าวว่า อุปกรณ์ตรวจดังกล่าวสามารถตรวจหาเชื้อไวรัสได้ถึง 15 สายพันธุ์ รวมทั้งสายพันธุ์ที่สามารถติดต่อสู่คนได้ และว่า ยิ่งใช้เวลาในการตรวจวินิจฉัยโรคได้รวดเร็วเท่าไร ก็จะยิ่งรับมือกับปัญหาได้เร็วเท่านั้น ดร.ซีโมเน วอร์เนอร์ หัวหน้าคณะนักวิจัยของออสเตรเลีย กล่าวว่า อุปกรณ์ ตรวจดังกล่าวอาจเป็นเครื่องมือในการสอดส่องดูแลที่สำคัญโดยเฉพาะสำหรับประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ซึ่งยังไม่ได้มีการระบาดของโรค แต่อาจเสี่ยงได้รับเชื้อจากนกอพยพ เชื้อไวรัสไข้หวัดนกคร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 54 คน ส่วนใหญ่ อยู่ในเวียดนาม นับแต่เริ่มระบาดทั่วเอเชียเมื่อปลายปี 2546. (ไทยรัฐ พุธที่ 15 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)





วิจัยมาลาเรีย20ปี86หัวข้อ วช.ฟื้นผลงานรับมือระบาด

สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำรวจข้อมูลการวิจัยมาลาเรียย้อนหลัง 20 ปี พบงานวิจัยทั้งหมด 86 ชิ้นจากสถาบันการศึกษาและหน่วยงานต่างๆ ทั้งการศึกษาในเบื้องต้นด้านสภาพการเกิดโรค และการศึกษาเชิงลึกที่เกี่ยวกับยีน เอนไซม์และยา ซึ่งมีความน่าสนใจที่จะเผยแพร่ในขณะที่เชื้อมาลาเรียกลับมาระบาดอีกครั้ง โดยเฉพาะงานวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ศึกษาถึงแหล่งเพาะเชื้ออุบัติใหม่ เมื่อปี 2543 หลังจากพบผู้ป่วยชายไทยอายุ 30 ปี ติดเชื้อมาลาเรียชนิดใหม่ ภายหลังออกจากป่า โดยเชื้อที่พบนั้นเป็นเชื้อมาลาเรียที่ก่อให้เกิดโรคในลิง รศ.นพ.ดร.สมชาย จงวุฒิเวศน์ ภาควิชาปรสิตวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เจ้าของผลงานวิจัยดังกล่าว กล่าวว่า หลังจากตรวจเชื้อของผู้ป่วยรายนี้ด้วยวิธีการตรวจดีเอ็นเอ พบเชื้อมาลาเรียชนิดพลาสโมเดียม โนว์ลิไซ ซึ่งเป็นเชื้อมาลาเรียในลิงและติดต่อสู่คนครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อปี 2543 โดยเชื้อชนิดนี้มีความสามารถพิเศษที่จะปลอมตัวเองเป็นเชื้อมาลาเรียในคน หากตรวจสอบด้วยวิธีการใช้ฟิล์มเลือด อาจไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเชื้อจากลิงหรือไม่ และหากต้องการทราบชนิดของเชื้ออย่างชัดเจน จะต้องตรวจสอบด้วยเทคโนโลยีดีเอ็นเอเท่านั้น ที่ผ่านมา ทีมวิจัยของจุฬาฯ ได้ศึกษาเพื่อสร้างชุดตรวจเชื้อมาลาเรีย 5 ชนิด ทั้งเชื้อที่ก่อโรคในคน เชื้อที่ก่อโรคในลิง รวมถึงเชื้อตัวอื่นๆ ที่มีโอกาสแพร่จากลิงสู่คนด้วย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันชัดเจนเกี่ยวกับเชื้อที่แพร่จากลิงสู่คน โดยมียุงก้นปล่องเป็นพาหะนำโรค (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 15 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





เนคเทค-มหิดลส่งโปรแกรมจัดฟันรุกตลาด

ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดล พัฒนาโปรแกรม โปรแกรมช่วยวางแผนการจัดฟันเซฟสมายด์ (CephSmile) ช่วยให้ทันตแพทย์สามารถวางแผนการจัดฟันให้กับลูกค้าได้ภายในเวลา 15 นาที เทียบกับวิธีการอ่านแผ่นฟิล์มเอกซเรย์แบบปัจจุบัน ขณะที่ลูกค้าสามารถเห็นภาพใบหน้าของตัวเองเปรียบเทียบความแตกต่างก่อนและหลังเข้ารับบริการจัดฟัน ทพ.ดร.พีรพงศ์ สันติวงศ์ อาจารย์ประจำคณะทันตแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ตัวแทนคณะวิจัยผู้พัฒนาโปรแกรม กล่าวว่า โปรแกรมช่วยวางแผนการจัดฟันเซฟสมายด์ช่วยให้ทันตแพทย์สามารถวิเคราะห์ภาพถ่ายรังสีกะโหลกศีรษะ และจำลองการทำงานสำหรับการวิเคราะห์และวางแผนการรักษาทางทันตกรรมจัดฟัน รวมทั้งสะดวกต่อการบริการงานทางด้านทันตกรรมอีกด้วย โปรแกรมดังกล่าวสามารถกำหนดโครงรูปร่าง กะโหลกศีรษะใบหน้าด้านข้าง โครงสร้างกระดูก และเนื้อเยื่อ โดยอ้างอิงจากจุดสำคัญในแผ่นภาพรังสีเซฟาโลเมตริก และยังช่วยคำนวณค่าของมุมและระยะต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยเทียบกับค่ามาตรฐานของคนไทย นอกจากนี้ ยังสามารถพิมพ์ภาพและบันทึกข้อมูลก่อนและหลังการจัดฟัน เพื่อให้คนไข้ได้เห็นภาพใบหน้าของตัวเอง และประกอบการตัดสินใจของคนไข้ในสำหรับเข้ารับการรักษา โปรแกรมนี้มีจุดเด่นตรงที่สามารถคำนวณค่ามาตรฐานสำหรับการจัดฟันที่เหมาะกับคนไทย เพราะข้อมูลค่ามุมต่างๆ บนใบหน้าได้มาจากงานวิจัยที่รวบรวมข้อมูลใบหน้าของคนไทยกว่า 100 คน ดังนั้น โปรแกรมจึงมีความแม่นยำมากกว่าร้อยละ 90 ถือว่าเทียบเท่ากับโปรแกรมของต่างประเทศ แต่มีราคาถูกกว่าเกือบครึ่ง ปัจจุบันทันตแพทย์จัดฟันจะทำการวิเคราะห์ในลักษณะภาพถ่ายรังสีด้วยมือและตาเปล่า โดยใช้กระดาษไขวางทาบแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ แล้วใช้ดินสอวาดลายเส้นไม้บรรทัดวัดมุม และระยะต่างๆ ที่แสดงความสัมพันธ์ของกะโหลก ฟันและกราม ซึ่งอาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้ค่อนข้างง่าย สำหรับโปรแกรมดังกล่าว ทางเนคเทคและมหาวิทยาลัยมหิดลได้มอบให้บริษัท ไบโอเมท จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายโปรแกรมในราคชุดละ 45,000 บาท ปัจจุบันได้มีโรงพยาบาลรัฐและเอกชน รวมทั้งคลินิกทันตกรรมบางแห่งได้นำโปรแกรมดังกล่าวไปช่วยในการให้บริการแก่คนไข้แล้ว (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 15 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





นวัตกรรมเครื่องหั่นผัก-ผลไม้อัตโนมัติ ลดเวลาการผลิตอาหารกระป๋อง

นักวิจัยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ออกแบบและพัฒนาเครื่องหั่นผัก-ผลไม้ หนุนอุตสาหกรรมผลิตอาหารกระป๋อง หั่นได้ทั้งแบบแผ่น เส้น และลูกเต๋า ลดระยะเวลาการเตรียมวัตถุดิบ ได้อาหารสะอาดลดปัญหาด้านสุขภาพอนามัยของผู้บริโภค นายสัมพันธ์ สุริยวงศ์ นักวิชาการประจำฝ่ายเทคโนโลยีอาหาร สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เปิดเผยว่า นักวิจัยฝ่ายเทคโนโลยีอาหาร วว. ได้ร่วมกันคิดค้นเครื่องหั่นผักผลไม้อัตโนมัติเพื่อช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมผลิตอาหารบรรจุกระป๋องอาหาร นักวิจัยจึงได้ออกแบบและพัฒนา เครื่องหั่นผักและผลไม้ ที่มีประสิทธิภาพในการหั่นผักและผลไม้ให้เป็นไปตามรูปทรงที่ต้องการ ทั้งหันเป็นแผ่นบาง หั่นเป็นเส้น หรือตัดเป็นชิ้นลูกเต๋า โดยเครื่องดังกล่าวสามารถหั่นผักและผลไม้ได้เกือบทุกชนิด ยกเว้นผักใบ ประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องสามารถหั่นผักและผลไม้ได้ 200-300 กิโลกรัมต่อชั่วโมง โดยวัตถุดิบที่ออกจากเครื่องจะสะอาดและถูกหลักอนามัย อีกทั้งวัตถุดิบที่ได้ยังมีความสม่ำเสมอทำให้สามารถนำเข้าสู่กระบวนการผลิตในขั้นตอนต่อไปได้ทันที ความสามารถพิเศษของเครื่องนี้อยู่ที่ประสิทธิภาพของการหั่น ที่สามารถหันผักผลไม้ทรงกลมหรือค่อนข้างกลมขนาด 20-70 มิลลิเมตร ให้เป็นแผ่นบางๆ ความหนาเพียง 2-8 มิลลิเมตรได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงสามารถหั่นซอยเป็นเส้นด้วยความหนาตั้งแต่ 5,10 และ 15 มิลลิเมตร และถ้าตัดเป็นลูกเต๋าสี่เหลี่ยมสามารถตัดได้ถึงขนาด 5-25 มิลลิเมตร ตัวเครื่องประกอบด้วยส่วนที่เป็นถังรูปทรงกรวยสำหรับป้อนวัตถุดิบ ทำจากสแตนเลสต่อลาดเอียงเข้าสู่ตัวเครื่อง ภายในมีชุดใบมีดทั้งหมด 3 ชุด ได้แก่ ชุดใบมีดสำหรับหั่นผักและผลไม้ให้เป็นแผ่น ชุดใบมีดสำหรับซอยเป็นเส้น และชุดใบมีดสำหรับหั่นให้เป็นทรงลูกเต๋า ซึ่งผู้ใช้งานสามารถปรับระดับความหนาของผักและผลไม้ให้ตรงกับความต้องการได้ โดยมีใบพัดเป็นตัวหมุนด้วยแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลาง จากนั้นจึงส่งต่อวัตถุดิบที่ผ่านการหั่นแล้วไปยังสายพานลำเลียงจนถึงช่องทางออกลงสู่ภาชนะรองรับ ใบมีดสามารถถอดเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้ใช้ และยังช่วยให้การผลิตเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น โดยสามารถหั่นผักและผลไม้ได้ถึงวันละ 1,000-2,000 กิโลกรัม อีกทั้งยังมีราคาถูกกว่าเครื่องที่นำเข้าจากต่างประเทศ เนื่องจากใช้วัตถุดิบในประเทศนำมาสร้างเครื่อง ซึ่งขณะนี้อยู่ในขึ้นตอนของการทดลองใช้งานอย่างจริงจัง ก่อนที่จะกำหนดราคาขายและส่งต่อให้เอกชนรับไปใช้งานต่อ (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 15 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ม.มหิดลเผยคืบหน้า พัฒนายามาลาเรีย

ดร.จิรันดร ยูวะนิยม จากภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมวิจัยหาโครงสร้างสามมิติของเอนไซม์ DHFR-TS ที่มีการกลายพันธุ์และทำให้เกิดการดื้อยาของเชื้อมาลาเรีย ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ผลงานในวารสารเนเจอร์ สตรัคเจอรัล ไบโอโลจี เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา และจัดเก็บในฐานข้อมูลโปรตีนนานาชาติ ได้รับรางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล ประจำปีการศึกษา 2547 จากมหาวิทยาลัยต้นสังกัด ในการศึกษาโครงสร้างสามมิติของเอนไซม์ ทำร่วมกับนักวิจัยในกลุ่มของ ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ จากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ โดยที่ผ่านมาได้ศึกษาโครงสร้างของเอนไซม์ ทั้งที่ก่อนและหลังการกลายพันธุ์ทำให้เข้าใจถึงการกลายพันธุ์ของเชื้อได้มากขึ้น โดยทราบถึงหมู่ทางเคมีที่เปลี่ยนแปลง และทราบมุมของพันธะทางเคมี โดยในเชื้อมาลาเรียตัวแรกที่ศึกษาพบว่า มีการเปลี่ยนตำแหน่งของกรดอะมิโน 2 ตำแหน่ง ส่วนอีกหนึ่งตัวนั้นมีการเปลี่ยนแปลงกรดอะมิโน 4 ตำแหน่ง ดร.จิรันดร กล่าวว่า ทางกลุ่มวิจัยยังได้ร่วมมือกับบริษัทยาเล็กๆ อีกหลายแห่ง รวมถึงได้รับทุนจากเอ็มเอ็มวี (Medical for Malaria venture) ในการออกแบบสารเคมี ให้สามารถจับเอนไซม์และยับยั้งการทำงาน เพื่อพัฒนาเป็นยามาลาเรียในอนาคต ซึ่งมีทั้งนำยามาลาเรียเก่ามาปรับโครงสร้างใหม่ และสังเคราะห์สารใหม่ขึ้นมา ซึ่งหากมีความเป็นไปได้จะส่งไปศึกษาในความสามารถของการเป็นยากับทางบริษัทยาต่อไป นอกจากนี้ ทางทีมวิจัยยังศึกษาเอนไซม์อีกชนิดหนึ่งของเชื้อมาลาเรีย ที่มีความสำคัญต่อการย่อยฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นโปรตีนที่พบมากที่สุดในเม็ดเลือดแดง และเชื้อมาลาเรียจะกินฮีโมโกลบินเป็นอาหาร และความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างสามมิติของเอนไซม์ชนิดนี้มีความสำคัญมาก หากสามารถยับยั้งได้จะทำให้เชื้อมาลาเรียอดตาย ซึ่งเป็นวิธีความหวังหนึ่งในการวิจัยยารักษาโรคมาลาเรีย ดร.จิรันดร ยังศึกษาถอดโครงสร้างสามมิติของเอนไซม์ยุงก้นปล่องที่นำเชื้อมาลาเรีย เอนไซม์ไคติเนสที่ย่อยไคติน โปรตีนที่พบในเปลือกกุ้ง นำไปสู่การใช้ประโยชน์ เช่น ในเครื่องสำอาง เอนไซม์ที่ทำหน้าที่ย่อยคาร์โบไฮเดรตในข้าว ฯลฯ เพื่อความเข้าใจถึงกลไกการทำงานและนำมาใช้ประโยชน์ในระยะยาว ทั้งนี้ มาลาเรียเป็นโรคที่ร้ายแรงโรคหนึ่ง มีผู้ติดเชื้อทั่วโลก 300 - 500 ล้านคนต่อปี และเสียชีวิต 1.5 - 2.7 ล้านคนต่อปี คิดเป็นผู้เสียชีวิตด้วยโรคนี้ 2 - 5 คนต่อวินาที (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 14 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





แปรงสีฟันนาโนสะอาดเอี่ยม ขนแปรงจิ๋วซอกซอนทุกซอกมุม

นักวิจัยอเมริกันก็ได้คิดค้นแปรงสีฟันชนิดใหม่ ที่มีขนแปรงขนาดจิ๋วสามารถซอกซอนฟันได้สะอาดทุกซอกมุม แปรงสีฟันชนิดใหม่นี้ ใช้ขนแปรงชนิดพิเศษทำจาก "คาร์บอนนาโนทิวบ์" หรือเส้นใยคาร์บอน ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กกว่าเส้นผมหลายเท่า นอกจากมีขนที่เส้นเล็กมากแล้ว แปรงสีฟันนาโนยังมีคุณสมบัติเหนือกว่าแปรงสีฟันธรรมดาหลายด้าน ปกติ ขนแปรงสีฟันทั่วไปทำมาจากขนสัตว์บางชนิด ใยสังเคราะห์ หรือแม้แต่ใยโลหะ แต่ขนแปรงเหล่านี้มีข้อจำกัดหลายอย่าง โดยพวกที่ทำจากเส้นใยโลหะมักจะกร่อน ส่วนที่ทำจากขนสัตว์ก็อ่อนเกินไป และแปรงขนไฟเบอร์ก็ละลายง่าย แต่ขนแปรงที่ทำจากเส้นใยคาร์บอนขนาดนาโน (1 นาโน = 1/1,000 ล้านเมตร) แข็งแกร่งกว่าเหล็ก 30 เท่า แต่เบากว่า 5 เท่า มีความยืดหยุ่นสูง ทนความร้อน และยังนำกระแสไฟฟ้าได้ด้วย ซึ่งคุณสมบัติข้อหลังนี้ทำให้ขนแปรงคาร์บอนนาโนทิวบ์เหมาะที่จะใช้ทำแปรงสีฟันไฟฟ้า ผลงานดังกล่าว เป็นความร่วมมือระหว่างนักวิจัยจากสถาบันโพลีเทคนิคเรนเซลาเออร์ ในนิวยอร์ก กับ นักวิจัยมหาวิทยาลัยฮาวาย โดยได้ออกแบบขนแปรงสีฟัน ที่ทำจากเส้นใยขนาดเล็กจิ๋วมาจัดเรียงเป็นกลุ่มบนแปรงสีฟัน ปลายขนที่ติดกับด้ามแปรงจะเคลือบด้วยทองคำ เพื่อให้ขนแปรงติดอยู่กับด้าม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของขนแปรงจะไม่เท่ากัน แต่รวมๆ กันแล้วขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของขนแปรงนาโน มีขนาดไม่น้อยกว่า 1 ส่วน 100 ล้านเมตร หรือเรียกว่าหนึ่งไมครอน แปรงสีฟันนาโนนี้สามารถนำไปใช้งานได้หลายประเภท ปกติแปรงนาโนจะถูกนำไปใช้ เพื่อปัดฝุ่นที่มีขนาดเล็กละเอียดยิบประมาณ 50 นาโนเมตร ซึ่งแปรงโดยทั่วไปมีเส้นขนขนาดใหญ่ อนุภาคฝุ่นที่เล็กจิ๋วจึงเล็ดลอดไปได้ นอกจากนี้ นักวิจัยยังได้ทดลองใช้ขนแปรงสามง่ามกับด้ามทองคำ สำหรับทำเป็นเพลาหมุนมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กด้วย นักวิจัยกล่าวว่า คุณสมบัติในการทำความสะอาดอนุภาคที่มีขนาดเล็กมากๆ ของแปรงนาโนนี้มีประโยชน์อย่างยิ่ง เช่น ทำความสะอาดพวกฝุ่นละอองที่เกิดจากไฟฟ้าสถิต เป้าหมายขณะนี้มุ่งใช้กับพวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดจิ๋ว และการใช้งานด้านการแพทย์เป็นหลัก (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 14 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





สเปรย์เชื้อราพิฆาตยุงตัดตอนโรคมาลาเรียไร้สารเคมีตกค้าง

นักวิจัยมหาวิทยาลัยเอดินเบิร์ก และอิมพีเรียล คอลเลจ ในอังกฤษ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เชื้อราสามารถพิฆาตยุงได้จริง เพียงแค่ฉีดพ่นเชื้อตรงจุดไหนก็ได้ที่คาดว่ายุงจะมาเกาะ จากนั้น 14 วัน ยุงกว่า 90% จะตายหรือไม่ก็หมดสิ้นเรี่ยวแรง ไม่สามารถออกมาดูดเลือดคนได้อีก โดยทีมวิจัยจากสองสถาบันพยายามศึกษาหาวิธีหยุดการทำงานของยุงก้นปล่อง ซึ่งเป็นพาหะของโรคมาลาเรีย และพบว่าหลังจากดูดเลือดมนุษย์ไปแล้ว พวกมันจะบินไปไหนไม่ไกล โดยจะหาที่ยึดเกาะ อาจเป็นเพดานหรือผนังราว 1-2 ชั่วโมง จากพฤติกรรมดังกล่าว ทำให้นักวิจัยพบทางออก ด้วยการนำสปอร์ของเชื้อราสายพันธุ์บิวเวเรีย บาสเซียนา (Beauveria bassiana) มาฉีดพ่นบนพื้นผิวที่ยุงหยุดพัก เมื่อยุงสัมผัสกับสปอร์โดยตรง เชื้อราจะเข้าไปเพาะในตัวยุงและเติบโตขึ้นมากัดกินอวัยวะภายในจนทำให้ตายในที่สุด โดยยุงกว่า 90% ตายภายใน 14 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาเริ่มต้นที่ยุงจะสามารถแพร่เชื้อมาลาเรียได้ เชื้อราดังกล่าวส่งผลกระทบต่อยุงอย่างมาก เพราะจะทำให้กลไกการเคลื่อนไหวของยุงช้าลง โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่วันสุดท้ายของชีวิต ยุงแทบจะบินไม่ได้เลย นั่นหมายความว่า หากพวกมันรอดชีวิตจากช่วงติดเชื้อนี้ไปได้ โอกาสที่จะส่งผ่านเชื้อมาลาเรียก็จะเป็นไปได้น้อยมาก และจากการทดลองในห้องปฏิบัติการ พบว่าสามารถลดการแพร่เชื้อของมาลาเรียได้ราว 98% ศ.แอนดรูว์ รีด จากมหาวิทยลัยเอดินเบิร์ก บอกว่า สูตรกำจัดยุงร้ายรูปแบบนี้ สามารถเป็นต้นแบบให้การพัฒนาสเปรย์ฉีดยุงได้ ขณะที่ ดร.แมต โทมัส จากอิมพีเรียล คอลเลจ และเป็นหัวหน้าทีมวิจัย เชื่อว่า ยุงจะไม่เกิดการดื้อต่อเชื้อราแน่ เพราะยังไม่มีหลักฐานใดๆ บ่งชี้ว่ามีแมลงที่พัฒนาตัวเองให้ต้านทานต่อเชื้อรา นอกจากนี้ ในวารสารไซอันซ์ ยังรายงานด้วยว่า นักวิจัยจากศูนย์วิจัยและพัฒนาสุขภาพไอฟาการา ประเทศแทนซาเนีย สถาบันวิจัยเขตร้อนสวิส ในบาเซล และมหาวิทยาลัยวาเกนอิงเกน ในเนเธอร์แลนด์ ค้นพบว่า ยุงซึ่งเกาะอยู่บนแผ่นผ้าที่ชุ่มไปด้วยเชื้อรา เกิดอาการติดเชื้อและตายในที่สุด โดยผลงานวิจัยดังกล่าวช่วยยืนยันถึงผลสำเร็จของวิธีการกำจัดยุงก้นปล่องของทีมวิจัยข้างต้น เพียงแต่ต้องพัฒนาต่อให้สามารถใช้งานได้จริงเท่านั้น (คมชัดลึก จันทร์ที่ 13 มิ.ย. 48 http://www.komchadluek.net)





ญี่ปุ่นรวมญาติหุ่นยนต์โชว์ช่วยเหลืองานมนุษย์จิปาถะ

ในงานนิทรรศการโลกที่เมืองไอจิ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจัดมาตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคมถึงเดือนกันยายนนี้ สถาบันหลายแห่งของญี่ปุ่นได้นำกองทัพหุ่นยนต์มาจัดแสดง สะท้อนให้เห็นถึงความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี และการใช้งานหุ่นยนต์ในอนาคต ตั้งแต่เข้าร่วมในทีมสืบหาผู้รอดชีวิตจากภัยพิบัติไปจนถึงหุ่นยนต์ที่จะใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ หุ่นยนต์ที่นำมาจัดแสดงในโซนหุ่นยนต์มีถึงกว่า 60 ตัว หนึ่งในนั้นคือ เจ้าคูเปอร์ หุ่นยนต์ศิลปินนักวาดภาพบุคคลที่พัฒนาโดยบริษัทผลิตลูกอม มันสามารถวาดภาพผู้เข้าชมงานลงบนคุกกี้ขนาดใหญ่ด้วยปากกาเลเซอร์ หุ่นยนต์ตัวนี้มีโปรแกรมแปลงภาพจากกล้องดิจิทัลเป็นลายเส้น แต่บางครั้งมันก็วาดเส้นขยุกขยุยออกมา อีกตัวหนึ่งเป็นหุ่นยนต์มือตีเบสบอลมีระบบการมองเห็นที่รับภาพ 1 พันภาพต่อวินาที ไวกว่าตามนุษย์ 30 เท่า ทำให้สามารถตีลูกบอลด้วยไม้เบสบอลที่ขว้างมาด้วยความเร็วสูงถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้อย่างแม่นยำ แต่เจตนาที่แท้จริงของหุ่นตัวนี้ คือการถอดข้อมูลที่ความเร็วสายฟ้าแลบ อาทิ การตรวจจับการแตกของผนังระหว่างการเกิดแผ่นดินไหว นอกจากนี้ ในงานแสดงยังอวดหุ่นยนต์บันเทิงอีกมากมาย อาทิ ฮิวมานอยด์ โรโบวี และวาคามูระ พัฒนาโปรแกรมโดยคณะตลกที่มีชื่อเสียง ให้เล่นตลก หุ่นยนต์อินเตอร์แอนิมัล และยังมีตุ๊กตาหมีสูง 120 เซนติเมตร เคลื่อนไหวแขนและผงกศีรษะตามเสียงของคนได้ ซึ่งพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยเด็กที่มีปัญหาการพูดคุยกับผู้ใหญ่ หุ่นยนต์ที่ดูแปลกยิ่งกว่าตัวไหนๆ หุ่นยนต์คินชาชิทอง ที่สามารถว่ายน้ำได้เหมือนกับปลา หุ่นยนต์ตัวนี้มีตาโปนตลกๆ ถูกมอบหมายภารกิจให้ดำน้ำอยู่ในมหาสมุทร ตรวจดูความปลอดภัยของสะพานและรวบรวมข้อมูลสำหรับตกปลา หุ่นยนต์ตัวที่เหมือนมนุษย์มากที่สุดต้องยกให้แก่ "เรปลี คิว 1 เอ็กซ์โป" มีผิวที่ทำจากสสารที่คล้ายกับผิวหนังคน เคลื่อนไหวปากและขยับลำตัวได้เหมือนกับกำลังหายใจอยู่ แต่บางทีเรปลีก็ดูเหมือนจะชักกระตุกเมื่อโปรแกรมมีปัญหา ถึงอย่างนั้น นักพัฒนาหุ่นยนต์เอ่ยว่า นี่ก็เป็นเครื่องแสดงว่า หุ่นยนต์จะสามารถช่วยงาน อย่างเช่น ช่วยจูงคนแก่บนถนน หรือขายตั๋วได้ โดยสมาคมหุ่นยนต์ของญี่ปุ่น คาดว่าตลาดญี่ปุ่นสำหรับหุ่นยนต์รุ่นถัดไป ซึ่งพัฒนามาตรงข้ามกับหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน จะโตถึง 5.7 แสนล้านบาทในปี 2553 และมากกว่า 1.5 ล้านล้านบาทในปี 2568 และหุ่นยนต์ที่จัดแสดงอยู่ทั้งหมดนี้ ยังเป็นเพียงโมเดลทดสอบ และนักวิจัยเองกล่าวว่า ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีจนกว่าหุ่นยนต์เหล่านี้จะปลอดภัยและเชื่อถือได้ (คมชัดลึก จันทร์ที่ 13 มิ.ย. 48 http://www.komchadluek.net)





พลาสติกพลังสุริยะ

ประเทศออสเตรเลีย รุดหน้าไปอีกขั้นหนึ่งสำหรับเทคโน โลยีในการเปลี่ยนแปลงพลังงานจากแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า ที่เป็นแรงบันดาลใจในการวิจัยและพัฒนา อย่างที่เคยชมมาตลอดว่าคนออสเตรเลียเก่งที่จะนำผลงานค้นคว้าวิจัยมาขยายผลให้เป็น “รูปธรรม” นักวิจัยระดับศาสตราจารย์แห่ง University of Melbourne ประจำสถาบัน Bio21 Molecular Science and Biotech-nology ซึ่งเป็นสถาบันในสังกัด ได้นำผลงานที่เคยทำการวิจัยสมัยที่ยังอยู่ที่มหาวิทยาลัย Cambridge มาสานต่อที่ออสเตรเลียบ้านเกิด งานวิจัยดังกล่าวก็คือการพัฒนา “โพลีเมอร์” หรือเรียกง่าย ๆ ว่าพลาสติกที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เหมือนกับเซลล์แสงอาทิตย์ ที่เก๋กว่านั้นก็คือแนวคิดที่จะนำเอาพลาสติกที่ผลิตขึ้นได้ไปเคลือบไว้ตามอาคารต่าง ๆ ในเมืองใหญ่ของประเทศออสเตรเลียที่บางฤดูกาลก็มีแดดแรงไม่แพ้บ้านเราเลยทีเดียว งานวิจัยดั้งเดิมของแกนั้นคือการวิจัยเกี่ยวกับ “พลาสติกกึ่งตัวนำ” หรือ Light Emitting Polymer ที่สามารถเรืองแสงออกมาเป็นสีต่าง ๆ ได้เมื่อผ่านกระแสไฟฟ้าเข้าไป ทีนี้พอกลับมาออสเตรเลียก็เลยปิ๊งไอเดียที่ว่าการย้อนกลับกระบวนการที่กล่าวมาข้างต้นนั้น จะทำให้ได้กระแสไฟฟ้าออกมาเมื่อให้แสงตกกระทบที่พลาสติกนั้น งานวิจัยก็เลยเริ่มต้นเดินหน้าขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชที่สามารถนำพลังงานจากแสงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้พลาสติกที่ได้ยังมีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 2-3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่จากข่าวล่าสุดรายงานว่านักวิจัยชาวสวิส สามารถพัฒนาพลาสติกผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 15 เปอร์เซ็นต์ โดยเป้าหมายของทีมนักวิจัยทั้งหลายก็คือการเพิ่มประสิทธิภาพให้ได้ถึง 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นประสิทธิภาพที่เทียบเท่ากับเซลล์แสงอาทิตย์ในปัจจุบัน เนื่องจากการได้รับรังสีจากดวงอาทิตย์ส่องลงมาตรง ๆ เป็นเวลานาน ๆ นั้นอาจทำความเสียหายให้กับโครงสร้างของโพลีเมอร์ได้ ดังนั้นการนำพลาสติกดังกล่าวไปเคลือบไว้ตามผนังตึก (เพื่อสร้างมุมเอียงป้องกันไม่ให้โดนแสงอาทิตย์ตกกระทบลงมาตรง ๆ) จึงเป็นวิธีการที่น่าจะเหมาะสมที่สุดในการผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ (เดลินิวส์ พุธที่ 15 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)





วงจรต้นแบบเครื่องจับเวลา ตัวช่วยการทดลองให้แม่นยำ

นายวิทวัส แสนรังค์ นักเรียนโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จังหวัดขอนแก่น และเป็นนักเรียนทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (พสวท.) ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ซึ่งมีความสนใจในการทดลองที่เกี่ยวข้องกับด้านฟิสิกส์โดยตรง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ที่มีการจับเวลาเพื่อหาค่าต่าง ๆ เช่นความเร็ว ความเร่ง ความหนืดของของเหลว เป็นต้น ซึ่งก็มักจะพบความคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เพราะอยู่นอกเหนือความสามารถของมนุษย์ทำให้มีความแม่นยำไม่เพียงพอ ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาสนใจศึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง “วงจรต้นแบบเพื่อสร้างเครื่องจับเวลาที่ช่วยในการทดลองเกี่ยวกับการเคลื่อนที่” ซึ่งเป็นการออกแบบวงจรเพื่อพัฒนาเป็นเครื่องจับเวลา โดยมีอาจารย์ศักดิ์ สุวรรณฉาย จากหมวดวิทยาศาสตร์โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย เป็นที่ปรึกษา และ ดร.วิวัธน์ ยังดี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นที่ปรึกษาพิเศษ เขาทำการออกแบบวงจรเป็น 4 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนแรกเป็นการต่อวงจรกำเนิดสัญญาณ ขั้นตอนที่ 2 การต่อวงจรเพื่อให้ได้สัญญาณเป็นรูปไซน์โดยใช้ตัวต้านทานและตัวเก็บประจุ ขั้นตอนที่ 3 ต่อวงจรเปรียบเทียบสัญญาณ และขั้นตอนที่ 4 ตรวจสอบวงจรผ่านไดโอดเปล่งเสียง (Led) โดยผ่านการตรวจสอบ วงจรเมื่อมีวัตถุโลหะผ่านขดลวดสามารถทำให้ไดโอดเปล่งแสงสว่างขึ้นได้ทันทีที่มีวัตถุโลหะผ่าน จากผลการทดสอบสามารถสรุปได้ว่าวงจรที่ทำการออกแบบสามารถนำไปพัฒนาใช้ในการทำเครื่องจับเวลาต่อไปได้ โครงการนี้สามารถนำไปใช้ในการสร้างเครื่องจับเวลาที่ช่วยในการทดลองเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ให้มีความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุด หรือพัฒนาให้ไม่มีความคลาดเคลื่อน (เดลินิวส์ พุธที่ 15 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)





วช.รื้อยุทธศาสตร์วิจัยชาติพุ่งเป้าท้องถิ่น

ศ.ดร.อานนท์ บุณยะรัตเวช เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เป็นหน่วยงานหลักดูแลยุทธศาสตร์ด้านงานวิจัยของชาติ จึงได้เร่งจัดทำยุทธศาสตร์การวิจัยให้สอดคล้องนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศของรัฐบาล โดยเน้นกระจายออกไปทั่วทุกภูมิภาคให้ครอบคลุมทั้ง 76 จังหวัด พร้อมทั้งสร้างความร่วมมือไปยังมหาวิทยาลัยและเอกชนในภูมิภาคเดียวกัน เพื่อกระจายผลสำเร็จของงานวิจัยออกสู่ประชากรมากขึ้นและใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง โดยมีมหาวิทยาลัยในท้องถิ่นเป็นแกนกลาง ทำหน้าที่ประสานงานหน่วยงานกลาง วช. อาทิ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะเป็นแกนกลางในกลุ่มภาคเหนือ มหาวิทยาลัยขอนแก่นดูแลภาคอีสาน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ดูแลภาคกลางและกรุงเทพฯ ส่วนมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์เป็นแกนกลางของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ สำหรับมหาวิทยาลัยแกนกลาง จะจัดทำโครงการศึกษาเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์การวิจัย ตามกลุ่มจังหวัดที่ได้รับมอบหมาย โดย วช. ได้อนุมัติงบประมาณเบื้องต้นให้ภูมิภาคเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1 ล้านบาท โดยกำหนดระยะเวลาให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน จากนั้นจะเสนอแผนสู่รัฐมนตรีเพื่ออนุมัติงบประมาณ และเป็นหลักปฏิบัติงานต่อไป ด้าน รศ.เพทาย พงษ์เพียจันทร์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หัวหน้าโครงการศึกษาเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์การวิจัยกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ กล่าวว่า มช.จะเป็นเจ้าภาพดูแลส่วนภาคเหนือ เนื่องจากมีประสบการณ์บริหารจัดการเครือข่ายงานวิจัย ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติมาก่อน พร้อมทั้งมีการประสานงานสถาบันการศึกษาทั้ง 15 สถาบันในภูมิภาคมาโดยตลอด ขณะที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มหาวิทยาลัยนเรศวรและมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ จะดูแลในส่วนย่อยของภูมิภาคต่อไป โดยเน้นการเข้าถึงชุมชน ภาคเอกชน และเอ็นจีโอ โดยอาศัยการระดมความเห็น วิเคราะห์จุดแข็ง ประชาพิจารณ์ จากนั้นจะเขียนแผนงานที่ชัดเจนเสนอ วช. พิจารณาต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 16 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





วัคซีนมะเขือเทศรับมือโรคซาร์ส

นักวิจัยสหรัฐพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโรคซาร์สจากพืชตัดแต่งพันธุกรรม เผยนำร่องเลือกมะเขือเทศและต้นยาสูบ ระบุ ให้ประสิทธิภาพดี ราคาถูกและใช้สะดวก ดร.ฮิลารี โคโปรสกี หัวหน้านักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโธมัส เจฟเฟอร์สัน กล่าวว่า เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องเตรียมวัคซีนให้พร้อม ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าต้องไม่แพง ใช้ง่ายและปลอดภัย เพื่อรับมือโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส) ที่เคยเกิดเหตุระบาดครั้งใหญ่ไปทั่วโลกเมื่อสองปีที่แล้ว การแพร่ระบาดครั้งดังกล่าว ส่งผลให้ทั่วโลกเกิดความต้องการวัคซีนมากขึ้น ทีมงานชุดนี้จึงได้คิดพัฒนาวัคซีนด้วยการใช้วิธีดัดแปลงพันธุกรรม (จีเอ็ม) ต้นมะเขือเทศ และยาสูบ สาเหตุก็เพราะมีความปลอดภัย ราคาไม่แพง และใช้ง่าย เพราะใช้กินใส่ปากได้เลยโดยตรง นอกจากนี้ ทีมวิจัยเชื่อว่าสามารถนำพืชชนิดอื่นมาดัดแปลงพันธุกรรมได้เช่นกัน เพราะพืชส่วนใหญ่สามารถรองรับการเติบโตของสารพันธุกรรม ในการผลิตไวรัสและวัคซีน สำหรับการทดสอบพืชวัคซีนสำหรับโรคซาร์สนั้น คณะทำงานได้ดัดแปลงพันธุกรรมต้นมะเขือเทศ และต้นยาสูบที่มีนิโคตินต่ำ เพื่อให้สามารถผลิตชิ้นส่วนของโปรตีน SARS-CoV ได้ หลังจากดำเนินการไปแล้ว พบว่าพืชจีเอ็มเหล่านั้นมีระดับโปรตีนเพิ่มสูงขึ้น และเพื่อทดสอบดูว่าวัคซีนให้ผลดีหรือไม่ ทีมงานได้นำมะเขือเทศที่มีโปรตีนดังกล่าว ไปเลี้ยงหนู ซึ่งพบว่าหนูได้พัฒนาแอนติบอดีสำหรับต้านไวรัสซาร์สขึ้นมาในตัว ส่วนการใช้วัคซีนจากต้นยาสูบจีเอ็ม นักวิจัยได้นำโปรตีนที่ได้จากต้นยาสูบมาฉีดในตัวหนู ซึ่งให้ผลไม่ต่างจากการกินมะเขือเทศ เพราะมีการผลิตแอนติบอดี SARS-CoV ขึ้นมาเช่นกัน โดยโคโปรสกี เชื่อว่า การปลูกพืชจีเอ็มสำหรับใช้เป็นวัคซีนนั้น ถือเป็นการแพทย์แผนใหม่ในอนาคต เพราะสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมาได้ง่าย ราคาถูก และใช้งานไม่ยุ่งยาก (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 16 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





จุฬาฯ คิด'วัสดุใหม่'ทดแทนไม้ธรรมชาติ สูตรขี้เลื่อยผสมพลาสติกทนปลวกทนไฟ

ผศ.ดร.ศราวุธ ริมดุสิต ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ขณะนี้ สามารถพัฒนาวัสดุทดแทนไม้ที่มีคุณสมบัติทนต่อความชื้น แมลงและปลวก รวมทั้งต้านทานการติดไฟ และมีความแข็งแรงเทียบเท่าไม้ธรรมชาติได้สำเร็จแล้วในระดับห้องปฏิบัติการ และเชื่อว่า สามารถพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างทดแทนการใช้ไม้ได้ โดยการนำผงขี้เลื่อยจากไม้ยางพาราที่เหลือทิ้งมาผสมกับพอลิเบนซอกซาลีน ซึ่งเป็นพลาสติกที่มีสมบัติใกล้เคียงกับตัวประสานที่มีอยู่ในธรรมชาติ ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ใกล้เคียงกับไม้จริงอย่างมาก โดยเฉพาะในด้านความแข็งแรง ที่สำคัญ พลาสติกตัวนี้สามารถสังเคราะห์ได้ง่ายจากวัสดุที่มีอยู่ในประเทศ และมีราคาไม่แพง วิธีการนำขี้เลื่อยมาผสมพลาสติก หรือที่เรียกว่าวัสดุประกอบแต่งนั้น แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเทอร์โมพลาสติกและเทอร์โมเซต โดยกลุ่มแรกมีงานวิจัยกว้างขวางในไทย เนื่องจากจุดเด่นตรงที่ใช้เวลาสั้นในการขึ้นรูป และนำกลับมาใช้ใหม่ได้ง่าย แต่มีปัญหาตรงที่การผสมผงไม้กับพลาสติกทำได้ยาก และไม่เกาะติดกัน ทำให้ต้องเติมสารบางอย่างใส่เข้าไป เพื่อให้ยึดติดกันได้มากขึ้น ส่งผลให้สัดส่วนผสมผงไม้สูงมากนักไม่ได้ เหมาะกับการใช้งานที่รับแรงต่ำ อาทิ ไม้ระแนง ขณะที่กลุ่มเทอร์โมเซต จะมีจุดเด่นที่สามารถเติมผงไม้ในโพลีเมอร์ได้มากกว่าและสะดวกกว่า เมื่อขึ้นรูปแล้วจะได้ผลิตภัณฑ์ที่มีความแข็งแรงสูง เนื่องจากมีโครงสร้างตาข่ายสามมิติ และยังทนความร้อนได้สูงด้วย แต่มีข้อด้อยเวลานำกลับมาใช้ใหม่ต้องใช้เทคนิคพิเศษช่วยในการบด แล้วนำไปรีไซเคิล สำหรับงานวิจัยชิ้นนี้ ต้องการเสริมข้อด้อยของเทคนิคเทอร์โมเซต จึงพยายามหาตัวประสานที่สามารถเข้ากันได้ดีกับผงไม้ เพราะเชื่อว่าจะทำให้ได้วัสดุที่มีความแข็งแรงสูง อีกทั้งช่วยลดต้นทุนในการผลิตวัสดุทดแทนไม้ด้วย เนื่องจากส่วนใหญ่จะมีต้นทุนจากพลาสติกเป็นหลัก ซึ่งถ้าสามารถเติมผงไม้ได้เพิ่ม ก็จะทำให้ต้นทุนถูกลงไปด้วย โดยตกลงใจใช้พอลิเบนซอกซาลีน เพราะมีโครงสร้างที่เลียนแบบตัวประสานที่ไม้สร้างอยู่ตามธรรมชาติ จึงเชื่อว่าน่าจะยึดเกาะกับผงไม้ได้ค่อนข้างดี จุดเด่นอีกอย่างของพลาสติกเริ่มต้นตัวนี้ก็คือ สังเคราะห์ได้ง่าย ทั้งนี้ จากการทดสอบพบว่า มีความแข็งแรงในระดับ 7 จิกะปาสคาล เทียบกับไม้ธรรมชาติจะอยู่ที่ 9 จิกะปาสคาล และเมื่อนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นงานไม้ต้นแบบ (ไม้ปูพื้นปาร์เกต์) และนำไปแช่น้ำประมาณ 2-3 เดือน ไม่มีปัญหาเรื่องการบวมน้ำ ต่างจากไม้ธรรมชาติที่เมื่อโดนน้ำจะมีปัญหาเปลี่ยนรูปทรง อีกทั้งเมื่อตากแดดนานๆ ก็จะไม่เกิดการแอ่นของเนื้อไม้ วัสดุทดแทนไม้ดังกล่าวสามารถนำไปใช้ในงานที่ต้องรับแรงเยอะๆ เช่น คาน ซึ่งส่วนใหญ่ในการก่อสร้างจะใช้ไม้เนื้อแข็งจากธรรมชาติเป็นหลัก สำหรับการขึ้นรูปสูงสุดนั้น หากเป็นโรงงานทั่วไป สามารถทำได้สูงที่ระดับ 2x2 เมตร โดยคุณสมบัติไม่เปลี่ยนแปลง แต่หากมีเครื่องมือการผลิตที่ใหญ่กว่า ก็สามารถทำขนาดใหญ่ขึ้นได้ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 16 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





หุ่นยนต์โรงงานพาเหรด โชว์ใหญ่ครั้งแรกในไทย

นายชัยณรงค์ ลิมป์กิตติสิน ผู้อำนวยการสายอุตสาหกรรม บริษัท รี้ด เทรดเด็กซ์ เปิดเผยว่า บริษัทร่วมกับสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (ฟีโบ้) จัดกิจกรรมพิเศษ "ลานหุ่นยนต์ออโตเมชั่น" แห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งในงานแอสเซมบลีเทคโนโลยี 2005 งานแสดงเทคโนโลยีระบบควบคุมการผลิตอัตโนมัติครบวงจร ระหว่างวันที่ 16-19 มิถุนายนนี้ ณ ฮอลล์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อส่งเสริมการใช้หุ่นยนต์เสริมศักยภาพการผลิตในอุตสาหกรรม ภายในงานนอกจากจะโชว์นวัตกรรมหุ่นยนต์แล้ว ยังจัดให้มีการแสดงผลงานวิจัยด้านการผลิตหุ่นยนต์ของสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ รวมถึงเวทีสัมมนาเกี่ยวกับ "เทคโนโลยีทางด้านหุ่นยนต์ในประเทศไทย" ขณะที่สมาคมหุ่นยนต์ไทยร่วมจัดประชุมวิชาการประจำปี 2548 เพื่อเปิดโอกาสให้นักวิจัยวิชาการ วิศวกร และผู้สนใจทั่วไป ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเทคโนโลยีหุ่นยนต์ในอนาคต ส่วนผลงานที่จัดแสดง อาทิ อุปกรณ์แขนกลและระบบควบคุมอัตโนมัติ ด้านมอเตอร์-ระบบเบรก เทคโนโลยีด้านเคเบิลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับโรงงานที่มีความร้อนสูง แอร์คอมเพรสเซอร์ขนาดเล็กที่เงียบสุดด้วยระดับเสียงเพียง 61 เดซิเบลและใช้ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง และรถลากจูงรุ่น 5 ตันฝีมือคนไทยเตรียมส่งออกตลาดโลก ที่จะมาเปิดตัวครั้งแรกในไทย สนใจลงทะเบียนร่วมงานได้ที่ www.assemblytechexpo.com (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 16 มิ.ย. 48 http://www.komchadluek.net)





สปาเติมได้ ไอเดียดีจาก ลาดกระบัง

"ชิตชัย ควรเตชะคุปต์" จากภาควิชาศิลปอุตสาหกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ทำนิพนธ์เรื่องบรรจุภัณฑ์ในสปาที่น่าสนใจ ชิตชัยออกแบบบรรจุภัณฑ์สปาแบบใช้แล้วเติมได้ โดยศึกษาปัญหาจาก บริษัทสปาแห่งหนึ่งซึ่งเป็นผู้ผลิตจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในสปา โรงแรม และจำหน่ายในร้านค้าปลีกทั่วไป ชิตชัยเล่าว่า จากการเข้าไปศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์สปา โดยการแจกแบบสอบถามไปยังลูกค้าผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์จำนวน 50 ราย 30 รายอยู่ในกรุงเทพฯ และอีก 20 รายในต่างจังหวัด เมื่อวิเคราะห์ความต้องการจากแบบสอบถามแล้ว พบว่าผู้ใช้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ทำให้ผลิตภัณฑ์ตัวอย่างไม่มีความโดดเด่น และผลิตภัณฑ์สปาส่วนใหญ่บรรจุภัณฑ์ไม่สวยงาม บางชนิดทำจากพลาสติก เมื่อใช้ไปได้สักระยะหนึ่งก็จะเสียรูปทรง ชิตชัยจึงคิดที่จะช่วยลดต้นทุนให้กับธุรกิจสปา ร้านค้าปลีก และโรงแรม ซึ่งเป็นลูกค้ารายสำคัญของบริษัท ด้วยการทำบรรจุภัณฑ์คุณภาพดีจากเซรามิกใช้เติมได้ ซึ่งในอนาคตถ้ามีการหันมาใช้แพ็กเกจจิ้งแบบเติมมากขึ้นก็จะช่วยลดต้นทุนจากการผลิตแพ็กเกจจิ้งลงได้ ในขณะเดียวกันรูปแบบแบบใหม่ยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของสินค้าให้โดดเด่นแตกต่างจากสินค้ารายอื่นๆ มากยิ่งขึ้น โดยลักษณะของการขนส่งจะสะดวกมากยิ่งขึ้น เพราะผู้ผลิตสินค้าสามารถที่จะส่งบรรจุภัณฑ์ไปที่ปลายทางจากโรงงานผู้ผลิต หรือแยกส่งผลิตภัณฑ์ใส่ถุงตามมาที่หลัง ในขณะที่เมื่อลูกค้ามีบรรจุภัณฑ์อยู่แล้วก็สามารถที่จะนำมาเติมที่ร้านค้าได้เลย รูปแบบของสินค้าออกแบบใน 3 ผลิตภัณฑ์ คือ ผม ผิว และผิวหน้า หลังจากที่ผ่านการวิเคราะห์แล้วจึงออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ดูใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด คือ ออกแบบเป็นรูปทรงของไข่ ปิดและเปิดง่ายแพ็กคู่กันได้ วางเป็นเซตในห้องน้ำแล้วดูสวยงามชัดเจนโดดเด่นจากผลิตภัณฑ์ยี่ห้ออื่นๆ รูปแบบเช่นนี้ในระยะสั้นๆ อาจจะต้องลงทุนสูงเพราะต้องออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมด แต่ในระยะยาวจะคุ้มค่ามากกว่า แถมยังช่วยสิ่งแวดล้อม ประหยัดทรัพยากร และสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าได้อีกด้วย (ประชาชาติธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 16 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th/prachachart)





คลิกเมาส์แทนสวิตช์ สั่งปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า

นายนิวตรอน เสามั่น นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งคิดค้นอุปกรณ์ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เปิดเผยถึงจุดเริ่มต้นของการคิดค้นดังกล่าวว่า คนส่วนใหญ่มักกังวลเรื่องลืมปิดไฟ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ในบ้าน บางคนออกจากบ้านไปทำธุระไกลๆ ก็ต้องขับรถกลับมาดูว่าปิดหรือยัง จึงได้คิดค้นวิธีการสั่งงานเปิดปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่างผ่านอินเทอร์เน็ต การควบคุมเปิดปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำได้ทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ต แค่เข้าไปเรียกโปรแกรมปิดเปิดไฟผ่านทางเบราเซอร์อินเทอร์เน็ต ใส่รหัสผ่าน ก็สามารถควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดภายในบ้านได้แล้ว เพียงใช้เมาส์คลิกที่ปุ่มที่ต้องการจะสั่งการก็เรียบร้อย สำหรับเคล็ดลับอยู่ที่การนำเขียนโปรแกรมใส่ในไมโครคอนโทรเลอร์ (Rabbit RCM2200) เพื่อสร้างให้เป็นเวบเซิร์ฟเวอร์ หรือเครื่องแม่ข่าย ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าสู่ระบบควบคุมไฟฟ้าภายในบ้านได้ทุกแห่งหน ที่มีอินเทอร์เน็ตใช้งาน และเมื่อใดที่ไม่แน่ใจว่าปิดไฟหรือยัง ก็เพียงแต่เข้าไปเปิดหน้าเวบดึงโปรแกรมที่ตั้งค่าไว้ออกมาดู ก็สบายใจได้ อย่างไรก็ตาม เครื่องอุปกรณ์ควบคุมไฟฟ้าผ่านระบบอินเทอร์เน็ตนี้ ยังศึกษาและสามารถพัฒนาให้เป็น อุปกรณ์ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าในโรงงาน อุตสาหกรรม บริษัทห้างร้าน หรือเครือข่ายที่ใช้กับสถานศึกษาต่างๆ ได้ (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 17 มิ.ย. 48 http://www.komchadluek.net)





แปลงเปลือกกุ้งเป็นยาข้ออักเสบใหม่

ผศ.ดร.มงคล สุขวัฒนาสินิทธิ์ ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ศึกษาประยุกต์ใช้และแปรรูปไคทินไคโทซาน ซึ่งเป็นพอลิเมอร์ธรรมชาติสกัดจากเปลือกกุ้ง ปูและแกนหมึก เพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่มูลค่าสูงขึ้น หรือเป็นสารเคมีนำไปต่อยอดงานวิจัยด้านสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ จากเดิมไคโทซานใช้ในอุตสาหกรรมหนักเพื่อดูดซับสารต่างๆ หรือเป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอางและยาความอ้วน มีราคา 10-2,000 บาท/กก. ขึ้นกับความบริสุทธิ์ของสารสกัด ในการวิจัย ได้นำไคโทซานทำเป็นตัวทำปฏิกิริยาทางเคมี ให้เป็นน้ำตาลในกลุ่ม "แอนนาเซปตี้ กลูโคซามีน" สำหรับผลิตยาโรคข้ออักเสบในรูปแบบต่างๆ เช่น ผสมอาหารหรือเครื่องดื่ม เพื่อให้ง่ายสำหรับรับประทาน ขณะที่กลูโคซามีนที่สังเคราะห์ได้จากกรรมวิธีเดิม จะมีรสขมจึงบรรจุในแคปซูลได้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้งานวิจัยยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เพราะต้องหาวิธีสังเคราะห์ให้ได้แอนนาเซปตี้ กลูโคซามีน ในจำนวนมากเพียงพอต่อการปรับปรุงเป็นผลิตภัณฑ์ต่อไป โดยปกติแล้ว ร่างกายสามารถสังเคราะห์กลูโคซามีน จากอาหารประเภทแป้งหรือน้ำตาลได้เอง แต่เมื่ออายุมากขึ้น หรือนักกีฬาผู้ใช้บริเวณข้ออย่างหนักเป็นระยะเวลานาน ร่างกายจึงสร้างเอนไซม์ย่อยน้ำตาลได้น้อยลง ทำให้เกิดอาการปวดบริเวณข้อ และจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างถูกต้องแต่เนิ่นๆ รวมถึงจำเป็นต้องกินกลูโคซามีนเข้าไปเสริมให้ร่างกายด้วย สำหรับงานวิจัยนี้ ได้รับทุนจากประเทศญี่ปุ่นในปี 2543 และ 2544 พร้อมทั้งร่วมทำวิจัยด้านนี้กับ National Institute of Advanced Industrial Science and Technology แห่งประเทศญี่ปุ่นเช่นกัน (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 17 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ผลวิจัยฝรั่งชี้สังสรรค์กับเพื่อนช่วยให้อายุยืน

สมาคมแพทย์อังกฤษ ผู้จัดพิมพ์วารสารด้านโรคระบาดวิทยาและสาธารณสุข Epidemiology and Community Health (JECH) รายงานผลวิจัยที่พบว่า การที่ผู้สูงอายุยังคงติดต่อกับเพื่อนฝูงจะช่วยทำให้อายุยืนขึ้น ซึ่งดีกว่าห้อมล้อมอยู่กับสมาชิกในครอบครัว การวิจัยเมื่อปี 2535 ศึกษาเกี่ยวกับสุขภาพ ฐานะและพื้นฐานทางสังคมในชาวออสเตรเลียเกือบ 1,500 คน อายุ 70 ปีขึ้นไป พบว่าในอีก 10 ปีต่อมา คนที่มีเพื่อนมากและยังติดต่อกันอยู่จะมีอายุยืนยาวกว่าคนที่มีเพื่อนน้อย จากตัวเลขพบว่าคนที่มีเพื่อนดี ๆ มีโอกาสลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตลงได้ 22% เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่มีแต่ครอบครัวและเด็ก ๆ จากการศึกษาพบว่า เพื่อนมีอิทธิพลที่เป็นประโยชน์มากมายต่อผู้สูงอายุ เช่น ทำให้เจริญอาหาร เลิกสูบบุหรี่และเลิกดื่มสุรามากเกินไป รวมทั้งได้บริหารร่างกายมากขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลด้านจิตใจ เช่นทำให้อารมณ์ดี มีความนับถือตัวเองมากขึ้น และช่วยทำให้มีกำลังใจผ่านพ้นอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 17 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





‘แม่โจ้’ ปลื้มผลงานอนุรักษ์ปลาบึก ติดเครื่องลุยหลังขึ้นบัญชีแดงสัตว์สูญพันธุ์

มหาวิทยาลัยแม่โจ้ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์พ่อ-แม่พันธุ์ปลาบึก เนื่องจากปี พ.ศ. 2539 สหภาพสากลว่าด้วยการอนุรักษ์ได้จัดให้ปลาบึกอยู่ในบัญชีแดง โดยจัดให้เป็นสัตว์ชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์ และเล็งเห็นว่าสามารถผลักดันให้ปลาบึกเป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ได้ในอนาคต ดังนั้น ทางมหาวิทยาลัยจึงสนับสนุนการวิจัย “การศึกษาพ่อ-แม่พันธุ์ปลาบึกจากการเลี้ยงเพื่ออนุรักษ์และพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเชิงพาณิชย์” รศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เม่งอำพัน จากภาควิชาเทคโนโลยีการประมง คณะผลิตกรรมการเกษตร ซึ่งเป็นหัวหน้าโครงการกล่าวว่าผลงานดังกล่าวเป็นผลงานวิจัยชิ้นสำคัญที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ สาขาวิชาสัตวศาสตร์ ม.แม่โจ้ จ.เชียงใหม่ ในงานวันนักวิจัยครั้งที่ 1 ปลายปี 2547 ที่ผ่านมา จากการศึกษาปลาบึกที่เลี้ยงในบ่อของภาควิชาเทคโนโลยีการประมง ม.แม่โจ้จากเขื่อนแม่กวงอุดมธารา เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลและจากแม่น้ำโขงสามารถวิเคราะห์อายุจากวงปีในกระดูกครีบหู ที่จะช่วยให้ทราบอายุปลาที่แน่นอนโดยไม่ต้องฆ่าปลาซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเพาะพันธุ์ปลาได้เหมาะสมยิ่งขึ้น การกระตุ้นให้ปลาบึกเจริญพันธุ์โดยการใช้ฮอร์โมนผสมกับน้ำมันถั่วเหลืองนั้นจะสามารถช่วยคงสภาพฮอร์โมนไว้ได้นานประมาณ 7-10 วัน จากผลการศึกษาพบว่าปลาบึกเพศผู้สามารถรีดน้ำเชื้อได้และมีความสมบูรณ์ดี แต่ไม่สามารถกระตุ้นให้ปลาบึกเพศเมียที่มีอายุน้อยเจริญพันธุ์ได้ ปี 2547 ผู้วิจัยได้ประสบผลสำเร็จอีกครั้งจากการผสมเทียมพ่อ-แม่พันธุ์ปลาบึกอายุ 12 ปีโดยได้ลูกปลาบึกจำนวน 2,000 ตัว แสดงให้เห็นว่าอายุของปลาบึกเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาด้านการเจริญพันธุ์ โดยปลาบึกที่เลี้ยงในบ่อดินที่จะเป็นแม่พันธุ์ได้ต้องใช้เวลามากกว่า 11 ปี ดังนั้นการเลี้ยงในเชิงพาณิชย์และการเลี้ยงเพื่อการอนุรักษ์ยังคงต้องหาวิธีการลดเวลาให้ปลาบึกมีการเจริญพันธุ์เร็วขึ้น ซึ่งผลการวิจัย ครั้งนี้จะพัฒนาต่อยอดได้โดยการเสริมในรูปแบบอื่นเช่น ให้อาหารเสริมธรรมชาติเช่นสาหร่ายไกและสาหร่ายไฟหรืออาหารสมทบเช่นระดับโปรตีน วิตามินและกรดไขมัน นอกจากนั้นก็เป็นการรักษาคุณภาพที่ดีโดยการคัดเลือกพันธุ์เพื่อผลักดันให้เกิดกระบวนการเลี้ยงและผลิตลูกปลาที่ยั่งยืนในเชิงพาณิชย์ต่อไป นับเป็นผลงานชิ้นโบแดงที่น่าภาคภูมิใจอีกชิ้นหนึ่งของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังจะต้องมีการดำเนินงานทางด้านการตลาด การเพิ่มมูลค่าการแปรรูป การรับรองสายพันธุ์ปลา บึก ความลับทางการค้าและลิขสิทธิ์สายพันธุ์ การคัดพ่อแม่พันธุ์ การจัดระบบการผลิต หรือแม้แต่การจัดสภาพภูมิทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เหล่านี้ยังจะต้องการการหาแนวทางอย่างครบวงจรกันต่อไปในอนาคต. (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 17 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)





ประดิษฐ์เครื่องดวงตาเทียมสำเร็จ ทำให้คนตาบอดกลับเห็นได้ใหม่อีก

นักวิจัยของมหาวิทยาลัยอาเชนได้ประดิษฐ์ดวงตาเทียมด้วยกล้องถ่ายภาพวีดิโอจิ๋วติดแว่น ประกอบเข้ากับเครื่องแปลงสัญญาณ ซึ่งจะส่งสัญญาณภาพต่อไปยังสิ่งปลูกฝัง ที่ติดอยู่ทางด้านหลังของลูกตา พวกเขาเชื่อว่าเครื่องดวงตาเทียม จะช่วยให้คนตาบอดกลับสามารถมองเห็นโลกได้อีกครั้งหนึ่ง มันจะช่วยให้คนตาบอดได้เห็นโครงร่างหยาบๆ และวัตถุสิ่งของเป็นสีขาวดำกับความเข้มของแสงและเงาในขนาดต่างๆได้ หัวหน้าโครงการศาสตราจารย์วิลไฟรด์ มอควา กล่าวว่า เดิมตั้งใจประดิษฐ์ให้กับผู้ที่ตาบอด เนื่องจากเซลล์รับแสงของจอตาเสื่อมลงเท่านั้น แต่ต่อมาเชื่อว่า เทคโนโลยีนี้อาจใช้กับผู้ที่ตาพิการแบบอื่นได้ด้วย นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเชื่อว่า จะสามารถพัฒนามันจนนำออกจำหน่ายในตลาดได้ภายในเวลา 5 ปีนี้. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 17 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)





กินวันละมื้อเดียวหนีมะเร็งได้ ยิ่งกินมากยิ่งเสี่ยงอันตราย

นักวิจัยสหรัฐฯได้พบในการศึกษาวิจัยเรื่องความอ้วนกับชายฉกรรจ์ 2,000 ราย ในจำนวนนี้เป็นคนไข้โรคมะเร็งอยู่ด้วย 700 คน ว่าผู้ชายผู้ที่กินอาหารแค่วันละไม่ถึง 3 มื้อ จะเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่ เมื่อตอนปลายของชีวิตได้ยากกว่าผู้ที่กินอาหารวันละไม่น้อยกว่า 3 มื้อกว่ากันตั้งครึ่ง นักวิจัยพบว่ายิ่งคนที่กินบ่อยมากเท่าใด ก็ทำให้ลำไส้ใหญ่ โดนเข้ากับกรดน้ำดีมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งอาจทำให้เกิดมะเร็งขึ้นได้ อย่างไร ก็ดี เรื่องนี้ยังสังเกตไม่ได้ว่าผลจะเป็นแบบเดียวกับผู้หญิงด้วยหรือไม่. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 17 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)





หวั่นฟลูออไรด์ในประปามีพิษ เด็กชายอาจป่วยเป็นมะเร็งกระดูก

นักวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนทันตกรรมฮาร์วาร์ดของสหรัฐฯ ได้พบในการศึกษาวิจัยว่าน้ำประปาที่มีการใส่สารฟลูออไรด์ อาจทำให้เด็กชายล่อแหลมกับการเกิดเป็นมะเร็งกระดูกมากขึ้น รายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ “เดลี่เมล์” หนังสือพิมพ์ใหญ่ของอังกฤษกล่าวแจ้งว่า ดร.อูยูยัน โฮเวิร์ด ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสด้านพิษวิทยา ของมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล ของอังกฤษ ให้ความเห็นว่า ตามหลักฐานแสดงที่ให้เห็นความเกี่ยวพันนับว่า “แข็งแรงพอใช้” และคณะทำงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯ ก็เคยได้เรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มฟลูออไรด์ไว้ในรายการสาร ซึ่งอาจก่อมะเร็งให้กับมนุษย์ได้อีกอย่างหนึ่งด้วย ผลการศึกษาวิจัยยังได้แสดงว่าผล ของฟลูออไรด์ในน้ำประปา จะไม่เป็นพิษเป็นภัยกับเด็กหญิงแต่อย่างใด โดยที่นักวิทยาศาสตร์ ก็ยังไม่ได้ค้นคว้าดูว่าเหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 17 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)





วว.พร้อมถ่ายทอดเทคโนเชิงพาณิชย์

ดร.นงลักษณ์ ปานเกิดดี ผู้ว่าการ วว.ชี้แจงว่า จากความสำเร็จของ ฝ่ายวิศวกรรม วว.ในการพัฒนาเครื่องผนึกสุญญากาศและเติมแก๊ส เพื่อสนับสนุนกิจการของศูนย์บริการการเกษตรตามพระราชดำริ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมถึงสนองตอบต่อความต้องการของวิสาหกิจชุมชนในโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ซึ่งนวัตกรรมดังกล่าวได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีจากผู้ใช้ เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการผนึกบรรจุภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี สามารถใช้งานได้ง่ายและราคาต่ำกว่าเครื่องนำเข้าจากต่างประเทศ ดังนั้นเพื่อเป็นการขยายตลาดไปยังกลุ่มผู้ใช้งานให้กว้างขวางยิ่งขึ้น วว.จึงดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเครื่องผนึกสุญญากาศและเติมแก๊สให้แก่ บริษัท อินโนวา แพค จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่มีความพร้อมจะนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปผลิตในเชิงพาณิชย์ โดยมีระยะเวลาการถ่ายทอดเทคโนโลยี 5 ปี นับเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยให้สนองตอบต่อความต้องการภาคอุตสาหกรรมขนาดเล็กของประเทศไทย “วว.จะได้ถ่ายทอดการผลิตในด้านชิ้นส่วนของเครื่อง การประกอบเครื่องและวิธีการทดสอบการใช้งานของเครื่อง พร้อมกันนี้จะได้ให้การสนับสนุนด้านวิชาการ การตรวจสอบคุณภาพของเครื่อง รวมทั้งให้ข้อมูลในการยื่นขอการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ตลอดจนการให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาด้านวิชาการและการผลิตตลอดระยะเวลาโครงการ โดยหวังว่าการลงนามในบันทึกข้อตกลงระหว่าง วว.และ บริษัทอินโนวา แพค จำกัด ในวันนี้(6 มิถุนายน 2548) จะเป็นการเปิดมิติใหม่ของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ให้นำผลงานวิจัยของคนไทยไปสู่การใช้งานจริงและมีจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ อนึ่งเครื่องผนึกสุญญากาศและเติมแก๊ส พัฒนาขึ้นเพื่อสนองตอบต่อความต้องการในการผนึกสุญญากาศบรรจุภัณฑ์อาหาร เนื่องจาก เป็นระบบที่สามารถผนึกสุญญากาศวัสดุหลากหลายประเภทในเครื่องเดียว สามารถใช้ผนึกสุญญากาศกับทั้งซองพลาสติกหรือซองอะลูมิเนียมฟอล์ย ทั้งยังมีระบบเติมแก๊สไนโตรเจนเข้าไปในซองระบบสุญญากาศ เพื่อลดการสันดาปของน้ำมันและอากาศ ช่วยป้องกันการเหม็นหืนได้เป็นอย่างดี สามารถใช้งานและบำรุงรักษาง่าย (สยามรัฐ ศุกร์ที่ 17 มิ.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)





กรมวิทย์พัฒนาสูตรกำจัดลูกน้ำยุง ใช้แบคทีเรีย-สารเคมีสูตรซีโอไลท์

นพ.ไพจิตร์ วราชิต อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้พัฒนาองค์ความรู้ในการกำจัดยุงและแมลง อาทิ ผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์กำจัดลูกน้ำยุงลาย หรือมอสแท็บ ซึ่งเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ที่ได้จากแบคทีเรียสายพันธุ์ท้องถิ่นให้อยู่ในรูปแบบเม็ดที่มีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และช่วยให้การทำงานของเจ้าหน้าที่คล่องตัวมากยิ่งขึ้น โดยให้ความคงทนในการควบคุมลูกน้ำยุงลายได้นาน 3-4 สัปดาห์ ในสภาพน้ำใช้ทั่วไป ส่วนในโอ่งเก็บน้ำจะป้องกันลูกน้ำยุงลายได้นาน 4 เดือน สำหรับวิธีการใช้นั้นให้ใส่มอสแท็บ 1 เม็ดต่อน้ำ 1 โอ่งเล็ก (200 ลิตร) หรือ 5 เม็ดต่อน้ำ 1 โอ่งใหญ่ (1,000 ลิตร) เดือนละ 1 ครั้ง หรือเมื่อตรวจพบลูกน้ำ และ ยังได้พัฒนาสารกำจัดลูกน้ำยุงลายสูตรซีโอไลท์ โดยมีคุณสมบัติกำจัดลูกน้ำยุงลายได้นาน 3-6 เดือน มีความปลอดภัยสูง ไม่มีกลิ่นอับ เนื่องจากมีสารซีโอไลท์ช่วยดูดซับกลิ่น และไม่มีคราบน้ำมันปนเปื้อนอยู่บนผิวน้ำ สำหรับวิธีการใช้ให้ใส่สารกำจัดลูกน้ำยุงลายสูตรซีโอไลท์ในภาชนะที่บรรจุน้ำในอัตราส่วน 20 กรัมต่อน้ำ 1 โอ่งเล็ก (200 ลิตร) สำหรับชาวบ้านที่ไม่สะดวกซื้อ หรือไม่พร้อมใช้ผลิตภัณฑ์สารเคมี อาจใช้สารลดแรงตึงผิว หรือสารซักล้าง ได้แก่ น้ำยาล้างจาน แชมพู ผงซักฟอก สบู่เหลว ให้โรยสาร 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 2 ลิตร สารซักล้างเหล่านี้เมื่อสัมผัสตัวยุงหรือแมลง จะทำให้ระบบการหายใจผิดปกติและตาย ส่วนการกำจัดด้วยการโฉบจับยุงลาย (swoop plate) ให้บีบน้ำยาล้างจานให้ทั่วพื้นจานพลาสติค แล้วโฉบจับยุงที่บินมาใกล้ๆ ตัว เทคนิคเดียวกับการใช้ไม้แบดช็อร์ตยุง ผู้ที่สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 0-2951-0000 ต่อ 99200-1 (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 17 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th)





"มหิดล"เปิดตัวเครื่องปรุงรสเกลือ-น้ำตาลต่ำ

รศ.ดร.วิสิฐ จะวะสิต รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดลในฐานะนักวิจัย กล่าวว่า ผู้ป่วยที่มีไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคหัวใจ ปกติแพทย์จะแนะนำให้ลดหรืองดอาหารที่มีโซเดียมคลอไรด์หรือเกลือแกงสูง งดเว้นอาหารหวานจัด มันจัด หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว เช่น กะทิ ส่งผลให้ผู้ป่วยซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยกลางคนและผู้สูงอายุรับประทานอาหารได้น้อยลง เบื่ออาหาร โดยในส่วนของผู้ป่วยบางรายที่ลดหรืองดไม่ได้ จะหันมารับประทานตามปกติทำให้โรคกำเริบยิ่งขึ้น สถาบันวิจัยโภชนาการจึงได้ให้ความสนใจปัญหานี้ และเริ่มศึกษามาตั้งแต่ปี 2532 เพื่อวิจัยพัฒนาเครื่องปรุงรสเพื่อสุขภาพ สูตรลดโซเดียมและน้ำตาลขึ้น ได้แก่ น้ำปลา น้ำจิ้มไก่ ซอสมะเขือเทศ และซอสพริก ซึ่งยังคงรสชาติใกล้เคียงกับเครื่องปรุงรสปกติ แต่ได้มีการปรับลดปริมาณโซเดียมลงเกือบ 50% โดยทดแทนเกลือโซเดียมด้วยเกลือโปแตสเซียมคลอไลด์ ซึ่งโปแตสเซียมช่วยในการลดความดันโลหิตได้ นอกจากนี้ยังลดน้ำตาล โดยใช้ซอร์บิทอลซึ่งเป็นสารให้ความหวานทดแทน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดโดยไม่มีผลต่อการเพิ่มอินซูลิน สถาบันได้คิดค้น "กะทิธัญพืช" เป็นกะทิที่มีกรดไขมันอิ่มตัวต่ำ ไม่มีคอเลสเตอรอล ด้วยการผ่านกระบวนการโฮโมจิไนเซชั่น แต่คงกลิ่นและรสชาติกะทิสด ซึ่งช่วยในกลุ่มผู้ที่ต้องการควบคุมปริมาณคอเลสเตอรอลได้ (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 17 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th)





จักรยานอนุรักษ์พลังงาน (Solar Bicycle) ผลงานน.ศ.วิศวกรรมศาสตร์ ม.ศรีปทุม

นักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุมกลุ่มหนึ่ง ประกอบไปด้วยนายวิทยา โพธิ์ถาวร, นายสุทร นุ่นแก้ว นายธนู หมุนวงศ์ ได้ร่วมกันคิดประดิษฐ์จักรยานอนุรักษ์พลังงาน (Solar Bicycle) ซึ่งเป็นยานพาหนะที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และช่วยประหยัดพลังงานขึ้นมา โดยมีอาจารย์วิทยา พันธุ์เจริญศิลป์ และอาจารย์เอกพล เตี้ยชั้ว อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุมเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา จักรยานอนุรักษ์พลังงาน (Solar Bicycle) คันนี้มีน้ำหนักไม่มาก เพียง 25 กิโลกรัมเท่านั้น สามารถขับเคลื่อนได้ทั้งการใช้เท้าปั่นแบบจักรยานทั่วไป ปรับความเร็วได้ 3 ระดับขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ แผงโซล่าเซลล์ขนาด 20 วัตต์ รับพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า แล้วชาร์จไฟเก็บไว้ที่แบตเตอรี่ เมื่อรถจักรยานเคลื่อนที่ด้วยมอเตอร์มอเตอร์จะดึงกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ไปใช้ ซึ่งสามารถปรับความเร็วด้วยคันเร่งที่แฮนด์ด้านขวามือ ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ คือ 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง วิ่งได้ระยะทาง 27.22 กิโลเมตร เป็นเวลา 54 นาที อัตรากินกระแสไฟ 8 Ah ในการขับขี่จักรยานโดยปกติทั่วไป จะใช้ความเร็วประมาณ 10 กิโลเมตร/ชั่วโมง จากการทดสอบที่ความเร็วดังกล่าว รถคันนี้สามารถวิ่งได้ระยะทาง 64.49 กิโลเมตร เป็นเวลา 6 ชั่วโมง 18 นาที อัตราเกินกระแสไฟ 2 Ah เพราะฉะนั้นจึงเหมาะสมที่จะใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่น้ำมันมีราคาแพงอย่างในปัจจุบัน (ข่าวสด ศุกร์ที่ 17 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





กินแต่อาหารที่มีแคลอรีต่ำ ยืดอายุสมองให้ยืนนานขึ้น

จากการทดลองกับหนูพบว่า หนูที่กินอาหารแคลอรีต่ำลงร้อยละ 40 จะมีระดับโปรตีนที่ช่วยปกป้องเซลล์สมองเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า เซลล์สมอง หรือเซลล์ประสาท เมื่อสูญเสียไปแล้ว ร่างกายจะไม่สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ แพทย์กำลังพยายามหาทางชะลอการตายของเซลล์เหล่านี้ ซึ่งอาจช่วยให้พบวิธีรักษาโรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ อันเนื่องจากเซลล์สมองเกิดตายลงจำนวนมาก ก่อนหน้านี้ งานวิจัยหลายชิ้นก็เคยแสดงให้เห็นแล้วว่า อาหารที่มีแคลอรีต่ำ สามารถยืดอายุขัยให้แก่สิ่งมีชีวิตที่มีสุขภาพแข็งแรง และอาหารดังกล่าวนี้ยังช่วยทำให้มีสุขภาพจิตดีขึ้นด้วย. (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 18 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)





วว.พัฒนาเครื่องกวนขนม หนุนโอท็อปผลิตได้อนามัย

ผู้ประกอบการแปรรูปทุเรียนขานรับเครื่องขึ้นรูปขนมกวนกึ่งอัตโนมัติ ผลงานสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ฯ เผยใช้แทนแรงงานคน สร้างมาตรฐานดันสินค้าโอท็อปออกสู่ตลาดโลก นายปรพล ปิ่นทอง นักวิชาการประจำฝ่ายเทคโนโลยีอาหาร สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เผย กระบวนการขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ขนมกวนที่ทำในระดับชุมชนส่วนใหญ่ใช้แรงงานคนในการผลิต ทำให้ประสบปัญหาผลิตภัณฑ์ที่ได้ไม่มีความสม่ำเสมอ กระบวนการผลิตไม่สะอาดถูกต้องตามหลักอนามัย ผลิตได้ล่าช้า วว.จึงออกแบบและพัฒนาเครื่องขึ้นรูปขนมกวนขึ้น ช่วยผู้ประกอบเอสเอ็มอี และวิสาหกิจชุมชน (โอท็อป) เครื่องนี้ประกอบด้วยลูกกลิ้งสเตนเลส 3 ตัว ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ สามารถปรับระยะเพื่อกำหนดเส้นผ่านศูนย์กลางขนมได้ ตั้งแต่ 20-60 มิลลิเมตร และความยาว 25-300 มิลลิเมตร ในขั้นตอนการคลึงจะใช้เวลาประมาณ 50 วินาทีต่อก้อน อัตราการผลิตอยู่ที่ 100-500 ชิ้นต่อชั่วโมง ได้รับการทดสอบประสิทธิภาพเรียบร้อยแล้ว พบว่า สามารถช่วยเพิ่มกำลังการผลิตต่อวันให้สูงมากขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่ได้ก็มีความสม่ำเสมอ และได้คุณภาพตามมาตรฐาน สะอาดถูกหลักอนามัย สามารถใช้กับผลิตภัณฑ์ขนมกวนได้ทุกชนิด อาทิ ทุเรียนกวน ถั่วกวน เผือกกวน ราคาของเครื่องอยู่ที่ 4-5 หมื่นบาท (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 18 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ผลิตเลือดจากสเต็มเซลล์ ตัดปัญหาเลือดบริจาคติดเชื้อ

แอนดรูว์ เอลเลแฟนตี นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโมนาช ในเมลเบิร์น ออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ทีมงานค้นพบวิธีสร้างเซลล์เม็ดเลือดได้เป็นผลสำเร็จ ภายใต้สภาวะแวดล้อมที่สามารถควบคุมได้ ทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีผลข้างเคียงร้ายแรงเกิดขึ้นหากนำไปใช้รักษาผู้ป่วย เนื่องจากในทางทฤษฎีแล้วเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมานี้ จะปลอดเชื้อ ต่างจากการใช้เลือดที่ได้จากผู้บริจาค ซึ่งบางทีอาจมีเชื้อร้ายหลุดรอดไปยังตัวผู้รับได้ อย่างไรก็ตาม นักวิจัยบอกว่าอาจต้องใชเวลาอีกหลายปี กว่าจะสามารถพัฒนาเซลล์เม็ดเลือดในปริมาณมาก ที่เพียงพอต่อการนำไปใช้ช่วยผู้ป่วยในภาวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายเลือด หรือการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ เทคนิคการบังคับให้เซลล์ตัวอ่อนมนุษย์ พัฒนาไปเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวและแดงนั้น ทีมงานชุดนี้สามารถผลิตได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยมากกว่างานวิจัยก่อนหน้านี้ และที่สำคัญใช้สารพันธุกรรมจากสัตว์มาเป็นส่วนประกอบร่วมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เอลเลแฟนตี ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า นักวิจัยรายอื่นมักจะใช้น้ำเลือด หรือซีรั่มจากวัวเป็นสื่อในการเพาะเลี้ยงเซลล์ขึ้นมา แต่ทีมงานของเขาใช้ส่วนผสมของเกลือ สารละลายอิเล็กโตรไลต์ กรดอะมิโน และกรดไขมัน แม้จะยอมรับว่า ขั้นตอนการเพาะเซลล์ยังต้องใช้โปรตีนของสัตว์ร่วมด้วย แต่พวกเขายืนยันว่าโปรตีนไข่ขาวของวัว ซึ่งอยู่ในน้ำเลือด และทำหน้าที่รักษาสมดุลของน้ำในเซลล์และเนื้อเยื่อนั้น ถูกทำให้บริสุทธิ์ก่อนนำมาใช้งาน ขณะเดียวกันนักวิทยาศาสตร์จากสหรัฐ ได้ประกาศความสำเร็จในการเพาะหลอดเลือดจากเซลล์ที่ได้มาจากผู้ป่วยสูงวัยได้แล้ว ทำให้เชื่อได้ว่าในอีกสิบปีข้างหน้า เทคนิคนี้จะช่วยการรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างมาก (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 18 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





สถาบันวิจัยอังกฤษยัน "พลาสม่าคลัสเตอร์"ฆ่าเชื้อหวัดนกได้

นางมิยูกิ นากายามา โฆษกบริษัทชาร์ป ผู้ผลิตเครื่องฟอกอากาศที่ใช้เทคโนโลยีพลาสมา คลัสเตอร์ ของญี่ปุ่นเปิดเผยกับเอเอฟพีเมื่อเร็วๆ นี้ว่า สถาบันวิจัยเรโทรสกรีน ไวโรโลจี แห่งอังกฤษ รับรองผลการทดสอบประสิทธิภาพในการกำจัดไวรัส เอชไฟว์เอ็นวัน ซึ่งก่อให้เกิดโรคไข้หวัดนกในสัตว์ปีก และก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อทั่วโลกอยู่ในขณะนี้เพราะมีขีดความสามารถในการกลายพันธุ์ร้ายแรงขึ้นได้ง่าย ชาร์ป เปิดเผยว่า ได้นำเอาระบบฟอกอากาศซึ่งใช้เทคโนโลยี พลาสมา คลัสเตอร์ ไอออน ที่บริษัทพัฒนาขึ้นมาตั้งแต่ปี 2543 ไปทดสอบด้วยการทดลองร่วมกับสถาบันวิจัยของอังกฤษดังกล่าวเป็นเวลา 5 เดือน โดยใช้วิธีฉีดไวรัส ลงในกล่องเก็บกักขนาด 1 ลูกบาศก์เมตร จากนั้นเปิดเครื่องผลิตพลาสมาคลัสเตอร์ ไอออน ก่อนที่จะเก็บตัวอย่างทุกๆ 10 นาทีเพื่อนำไปเพาะเลี้ยงด้วยการฉีดกลับเข้าไปในเซลล์ และนำผลการศึกษาไปเปรียบเทียบกับการเพาะเลี้ยงไวรัสที่ยังไม่ผ่านกระบวนการพลาสมาคลัสเตอร์ ผลจากการทดสอบปรากฏว่า 4 วันหลังการเพาะเลี้ยง เซลล์ตัวอย่างที่ถูกฉีดด้วยไวรัสซึ่งไม่ผ่านพลาสมาคลัสเตอร์ ไออน เกิดการเปลี่ยนแปลง รูปร่างเปลี่ยนไปและถูกทำลายโดยไวรัสในที่สุด แตกต่างจากเซลล์ที่ถูกฉีดด้วยไวรัสที่ผ่านเทคโนโลยีพลาสมาคลัสเตอร์มาแล้วที่ยังมีสภาพเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้จากการตรวจสอบสภาพของไวรัสในกล่องทดลอง พบว่า พลาสมาคลัสเตอร์ สามารถทำลายเชื้อไวรัสไข้หวัดนกในสภาพแวดล้อมปิดได้ถึง 99 เปอร์เซ็นต์ นางนากายามากล่าวว่า การทดสอบดังกล่าวพิสูจน์ให้เห็นว่า เทคโนโลยีพลาสมาคลัสเตอร์ เป็นเทคโนโลยีแรกที่มีประสิทธิภาพในการทำลายเชื้อไวรัสไข้หวัดนกได้ นอกเหนือจากที่สามารถทำลายเชื้อโรคอันตรายในอากาศ 26 ชนิด ซึ่งรวมถึงแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัสต่างๆรวมถึงสารที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้แล้ว สำหรับเทคโนโลยีพลาสมา คลัสเตอร์ ไอออนนั้น ใช้วิธีการสร้างไอออน บวกและลบออกมาเพื่อทำปฏิกิริยาทางเคมีกับผิวเซลล์ของเชื้อโรคและแบคทีเรียต่างๆ และเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมีของผิวเซลล์ทำให้แตกทำลายไปในที่สุด (มติชนรายวัน เสาร์ที่ 18 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th)





ข่าวทั่วไป


ชูกระทรวงก่อสร้างเต็มตัวผ่าตัดกรมโยธา-ผังเมืองรวบเข้าคมนาคม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายสมคิด จาตุศรี-พิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้ประชุมเชิงปฏิบัติการจัดโครงสร้างส่วนราชการกลุ่มกระทรวงด้านเศรษฐกิจ 4 กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กระทรวงคมนาคม และกระทรวงพลังงาน ส่วนกระทรวงการคลัง และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยังไม่มีการหารือในครั้งนี้ นายสมคิดกล่าวว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) สรุปรายละเอียดการปรับโครงสร้างทั้ง 4 กระทรวงดังกล่าวให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ โดยในส่วนของกระทรวงไอซีทีจะควบรวมกับกระทรวงวิทย์ฯ เป็นกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยแบ่งออกเป็น 2 ทบวง คือ ทบวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และทบวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และให้โอนย้ายกรมอุตุนิยมวิทยาไปสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานสถิติแห่งชาติให้ไปรวมกับ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ (สศช.) สำหรับโครงสร้างของกระทรวงคมนาคม จะดึงเอางานทางด้านก่อสร้างที่สังกัดในกระทรวงมหาดไทยทั้งหมด คือ กรมโยธาธิการ กรมการผังเมือง มาสังกัดกระทรวงคมนาคม พร้อมแบ่งงานออกเป็น 3 กลุ่มงานหลัก คือ กลุ่มนโยบายและการวางแผน กลุ่มมาตรฐานและกำกับดูแล และกลุ่มปฏิบัติการ มีหน้าที่พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริหารจัดการระบบการขนส่ง (บก น้ำ อากาศ ราง และท่อ) ภารกิจควบคุมการก่อสร้างอาคารส่วนราชการ ส่วนกระทรวงพลังงาน จะแบ่งโครงสร้างเป็น 5 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนงานพัฒนานโยบายยุทธศาสตร์ และแผนพัฒนาพลังงานของประเทศ ส่วนงานวิจัย พัฒนากำหนดมาตรฐานและถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านพลังงาน งานจัดหาพลังงานและพลังงานทดแทน งานด้านอนุรักษ์พลังงาน และการกำกับดูแลการบริหารจัดการด้านพลังงาน ในส่วนของกระทรวงคมนาคม จะเป็นกระทรวงที่กำกับดูแลงานด้านการก่อสร้าง ทั้งหมดของประเทศให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ส่วนชื่อกระทรวงจะเปลี่ยนเป็นกระทรวงคมนาคมและการก่อสร้าง หรือกระทรวงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการจัดการขนส่ง หรือไม่ หน่วยงานรัฐวิสากิจต่างๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ในแต่ละสังกัดกระทรวง ว่า รัฐบาลมีนโยบายที่จะจัดตั้งบรรษัทรัฐวิสาหกิจแห่งชาติ หรือซูเปอร์โฮลดิ้ง มีทำหน้าที่กำกับดูแล หน่วยงานรัฐวิสาหกิจทั้งหมด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างกฎหมายเพื่อกำกับดูแลต่อไป. ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ส่วนกระทรวงเศรษฐกิจที่เหลืออีก 2 กระทรวงคือ คลังและการท่องเที่ยวและกีฬานั้น คาดว่าในอีก 1-2 สัปดาห์จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน “ก.พ.ร.มั่นใจว่าจะจัดทำรายละเอียดการปรับโครงสร้างส่วนราชการจาก 20 กระทรวง เหลือ 18 กระทรวง ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรี และหลังจากนั้นก็ต้องนำเข้าสู่วาระ การประชุมของสภา ส่วนจะประกาศใช้ได้ในปีงบประมาณ 2549 หรือไม่ ขึ้นอยู่กับขั้นตอนการพิจารณาของรัฐสภา” (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 13 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)





ภูมิแพ้ผิวหนังคุกคามคนไทยเปิดศูนย์เลเซอร์รับมือ

พ.ญ.พิมลพรรณ กฤติยรังสรรค์ ผอ.สถาบันโรคผิวหนัง เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคผิวหนัง จากจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่สถาบันโรคผิวหนังในปี 2547 ว่า มีผู้ป่วยนอกมารักษาตัวด้วยโรคผิวหนังประมาณ 37,729 ราย โดย 10 อันดับแรก ได้แก่ โรคภูมิแพ้ผิวหนัง เช่น อาการผื่นคัน แพ้เหงื่อ แพ้ฝุ่น ซึ่งจะมีอาการร่วมกับภูมิแพ้อากาศ หอบหืด มีถึง 12,032 ราย สิว 8,793 ราย สะเก็ดเงิน 3,400 ราย โรคเซบเดิม หรือรังแคที่ผิวหน้า ศีรษะ และบริเวณรอบๆ จมูก 2,956 ราย โรคเชื้อราผิวหนัง เช่น ฮ่องกงฟุต 2,262 ราย โรคผื่นคันบริเวณผิวหนังที่เกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น ผงซักฟอก ยา ดอกไม้ ผลไม้ 2,048 ราย แมลงสัตว์กัดต่อย ที่พบมากคือ ถูกยุงกัด 1,829 ราย โรคฝ้า 1,487 ราย โรคเกลื้อน 1,484 ราย และภูมิแพ้ผิวหนังที่พบในเด็ก 1,438 ราย ด้วยเหตุดังกล่าว สถาบันฯจึงได้พัฒนาเทคนิคและวิธีการรักษา โดยล่าสุดได้เปิดศูนย์เลเซอร์ในการดูแลผิวหนัง เพื่อให้การรักษาผู้ป่วยรวมทั้งแก้ไขอาการข้างเคียงที่เกิดจากคนไข้ไปรักษาที่อื่นมาก่อน แล้วเกิดผลแทรกซ้อน โดยใช้งบประมาณในการเปิดศูนย์เลเซอร์ครั้งนี้ถึง 30 ล้านบาท โดยนำเครื่องเลเซอร์จำนวน 6 เครื่องซึ่งเป็นเครื่องรุ่นใหม่มาใช้ในการรักษา โดยโรคที่ทางสถาบันให้บริการรักษาด้วยเลเซอร์ ประกอบด้วย เนื้องอกผิวหนัง โรคหูด ปานแดง ปานดำ แผลเป็น ลบรอยสัก เส้นเลือดขอด กำจัดขน กระ สิว ฝ้า ตุ่มเนื้องอก ตุ่มไขมัน ฯลฯ ถือเป็นศูนย์เลเซอร์ แห่งแรกของราชการที่มีเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุด สามารถรองรับผู้ป่วยได้ ประมาณ 20 คนต่อวัน. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 13 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)





เพิ่มชื่อพืชอีก7ชนิด ประกาศกำหนดเป็นพันธุ์พืชใหม่

นายกอบเกียรติ์ บันสิทธิ์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เสนอเพิ่มชนิดพืชจำนวน 7 ชนิด ประกอบด้วย มะนาวไทย ส้มเขียวหวาน น้อยหน่า มะขาม เงาะ กล้วยไม้สกุลแวนด้า และบัว ให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พิจารณาเห็นชอบเพื่อประกาศกำหนดเป็นพันธุ์พืชใหม่ที่จะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 พืช 7 ชนิดดังกล่าวถือเป็นพืชที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ รวมทั้งมีพันธุ์พืชพื้นเมืองที่มีคุณสมบัติดีเด่น และเป็นพืชที่กรมวิชาการเกษตรสามารถตรวจสอบได้ หากกระทรวงเกษตรฯประกาศกำหนดให้เป็นพืชคุ้มครองจะช่วยสร้างแรงจูงใจ และส่งเสริมให้มีการปรับปรุงและพัฒนาพันธุ์พืชใหม่เพิ่มขึ้นจากที่มีอยู่เดิม ซึ่งเกษตรกรหรือนักปรับปรุงพันธุ์พืชสามารถที่จะยื่นขอจดทะเบียน คุ้มครองพันธุ์พืชใหม่เพื่อแสดงสิทธิความเป็นเจ้า ของพันธุ์พืชได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้เกษตรกรมีโอกาสเลือกใช้พันธุ์พืชใหม่ที่เป็นพันธุ์ดีและมีคุณภาพเพิ่มขึ้น ปัจจุบันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศกำหนดชนิดพืชคุ้มครองแล้ว จำนวน 26 ชนิด ได้แก่ ข้าว อ้อย มะม่วง กล้วยไม้สกุลหวาย หญ้าแฝก โป๊ยเซียน หยก มะเขือเทศ พริก แตงกวา แตงโม มะระ ผักบุ้งจีน ผักคะน้า ผักกาดกวางตุ้ง ถั่วฝักยาว ข้าวโพด ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ส้มโอ ทุเรียน ลิ้นจี่ ลำไย มะละกอ มันสำปะหลัง และไม้ดอกสกุลขมิ้น ซึ่งพันธุ์พืชที่เกษตรกรหรือนักปรับปรุงพันธุ์พืชจะนำมาขอจดทะเบียนนั้นต้องเป็นพันธุ์ใหม่ ที่มีความแตกต่างจากพันธุ์อื่นอย่างเด่นชัด ทั้งยังต้องมีความสม่ำเสมอและมีความคงตัวด้วย สำหรับเกษตรกรหรือนักปรับปรุงพันธุ์พืชที่จะยื่นจดทะเบียนเพื่อคุ้มครองพันธุ์พืช สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายคุ้มครองพันธุ์พืช กองคุ้มครองพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร โทรศัพท์ 0-2940-7214. (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 13 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)





ไทย-ฝรั่งเศสจับคู่เกษตรกรพัฒนาร่วม ดันตั้งองค์กรรับรอง "สิ่งบ่งชี้ภูมิศาสตร์"

นายโรลองต์ โอแบล็ง เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ไทยและฝรั่งเศสได้มีโครงการ ความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญามาแล้ว 4 ปี โดยได้แลกเปลี่ยนความรู้ผู้เชี่ยวชาญระหว่างกัน และจะร่วมมือขั้นต่อไป ในการจัดตั้งองค์กรตรวจสอบและรับรอง สินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ในไทย โดยนายฟิลิปป์ โมแก็ง ผู้อำนวยการสถาบันรับรอง ชื่อแหล่งกำเนิดแห่งประเทศฝรั่งเศส (INAO) ได้เดินทางมาไทย เพื่อหารือเรื่องดังกล่าวกับทางการไทยแล้ว องค์กรตรวจสอบดังกล่าว จะทำหน้าที่ตรวจสอบกระบวนการผลิตของสินค้าที่จะขึ้นทะเบียน สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ รวมทั้งจะมีการส่งเสริม ให้เกิดความร่วมมือในแบบคู่ค้าระหว่างเกษตรกรไทยและฝรั่งเศส ที่มีสินค้าขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เพื่อนำไปสู่การจับคู่สินค้าคู่แฝด ที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน ของแต่ละประเทศในอนาคต โดยจะมีการนำเข้าที่ประชุมในกระทรวงเกษตรและประมงของฝรั่งเศสอีกครั้ง นอกจากนี้ จะมีการทำการตลาด โดยเน้นสินค้าที่มีคุณภาพและเป็นผลมาจากการขึ้นทะเบียน ในงานสัปดาห์อาหารฝรั่งเศสในอนาคต การพัฒนาสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ จะช่วยคุ้มครองและส่งเสริมอาหารพื้นบ้านที่มีคุณภาพให้เป็นที่รู้จัก ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาพื้นที่ ในเขตชนบทอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างประโยชน์ให้กับเกษตรกรไทย นายคณิสสร นาวานุเคราะห์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า ขณะนี้มีสินค้าไทยที่ยื่นขอจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ 3 รายการ คือ มะขามหวานเพชรบูรณ์ ส้มโอนครชัยศรี และข้าวหอมมะลิสุรินทร์ ซึ่งภายในเดือนนี้ จะมีการตั้งคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เข้าไปตรวจสอบสินค้าขั้นสุดท้าย และคาดว่าจะมีการออกหนังสือรับรองได้ภายใน 1-2 เดือน ในปีนี้กรมตั้งเป้าขึ้นทะเบียนสินค้าเพิ่มอีก 10 รายการ เช่น มีดอรัญญิก ไข่เค็มไชยา เป็นต้น หลังจากขึ้นทะเบียนแล้ว จะต้องมีการพัฒนาด้านการตลาด โดยเจ้าของสินค้าทั้งชุมชน จะต้องรักษามาตรฐานคุณภาพสินค้า ส่งเสริมชื่อผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า รวมทั้งจะต้องมีตราสินค้าหรือแบรนด์เป็นของตัวเอง และมีการบรรจุหีบห่อที่ตรงตามความต้องการของตลาดควบคู่กันไป (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 15 มิ.ย. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





โรคเบอริเบอรี่ (beriberi)

โรคเบอริเบอรี่ (beriberi) ก็คือโรคเหน็บชา สาเหตุเกิดจากการขาดวิตามินบี 1 ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย มีหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการเผาผลาญอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน แปรไปเป็นพลังงาน และมีส่วนสำคัญของระบบประสาท โดยเฉพาะในด้านนำกระแสความรู้สึกของเส้นประสาท วิตามินบี 1 เป็นสารที่ละลายน้ำ ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร มีมากในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อหมูจะมีมากที่สุด แต่ในเนื้อสัตว์ชนิดอื่นก็มีเช่นกัน และยังมีอยู่ในถั่วลิสง ถั่วเหลือง ถั่วแดง ข้าวกล้อง จมูกข้าว ข้าวมันปู ข้าวเหนียวดำ งาขาว งาดำ เป็นต้น แต่ละวันร่างกายต้องการวิตามินบี 1 เพื่อไปแปรให้เกิดพลัง โดยร่างกายจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติเมื่อมีภาวะด้านสรีรวิทยา เช่น เด็กที่อยู่ในวัยเจริญเติบโต หญิงมีครรภ์ หรือให้นมบุตร นักกีฬา หรือผู้ใช้แรงงาน หรือมีภาวะทางพยาธิวิทยา คือ มีโรคติดเชื้อ เจ็บป่วย ภาวะเครียด หรือธัยรอยด์ทำงานหนัก ร่างกายต้องการใช้วิตามินบี 1 ตลอดเวลาเพื่อนำไปสร้างเป็นพลังงาน แต่หากร่างกายทำงานหนักมากติดต่อกันหลายวัน โดยไม่ได้รับวิตามินบี 1 โอกาสที่จะเกิดโรคเบอริเบอรี่ถึงขั้นรุนแรงได้ ในเด็กจะพบบ่อยในทารกอายุ 2-3 เดือนที่ดื่มนมแม่ที่ขาดวิตามินบี 1 เด็กจะมีอาการ เช่น หน้าเขียว หอบเหนื่อย ตัวบวม หัวใจเต้นเร็ว หัวใจโต ร้องเสียงแหบหรือไม่มีเสียง อาจเสียชีวิตได้ภายใน 2-3 ชั่วโมงหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที หากเกิดในวัยผู้ใหญ่จะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ Dry beriberi คือ การชาแบบไม่บวม มักเป็นตามปลายมือ ปลายเท้า กล้ามเนื้อแขนขาไม่มีกำลัง ไม่อันตราย และอีกชนิดคือ Wet beriberi จะมีอาการบวมร่วมกับการชาปลายมือ ปลายเท้า มีน้ำคั่งในช่องท้อง ช่องปอด บางรายจะมีอาการหอบเหนื่อย หัวใจโตและเต้นเร็ว อาจหัวใจวายได้ ที่มีอันตรายและส่งผลต่อหัวใจมากเพราะหัวใจเป็นอวัยะส่วนที่ทำงานตลอดเวลาต้องการพลังงานมากกว่าส่วนอื่น การป้องกันทำได้ง่ายนิดเดียว เพียงทานอาหารที่มีวิตามินบี 1 หากทานเนื้อสัตว์ไม่ได้ ก็ทานข้าวกล้อง จมูกข้าวแทน หรือทานวิตามินเสริม ซึ่งหลักสำคัญคือ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ก็เพียงพอแล้ว (เดลินิวส์ พุธที่ 15 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)





จัดงานประกวดการหัวเราะ ให้ประชาชนคลายความเครียด

มูลนิธิเพื่อสุขภาพจิตต้องยื่นมือ เข้าจัดประกวดการหัวเราะขึ้น เพื่อให้ ประชาชนชาวฮ่องกงได้คลายความเคร่ง เครียดกับการทำมาหากิน เกิดความเบิกบานสำราญใจขึ้นมาบ้าง มูลนิธิของฮ่องกงกำหนดจะจัดงานเพื่อช่วยให้คนฮ่องกง ซึ่งเป็นที่มีชื่อเสียงรู้กันดีว่าเป็นผู้ที่เคร่งเครียดในการทำมาหากินได้ มีความเบิกบานบันเทิงใจขึ้นมาบ้าง หลังจากที่ได้เกิดเหตุที่แสดงให้เห็นว่าได้เกิดภาวะซึมเศร้าในจิตใจคนมากขึ้น คณะกรรมการมูลนิธิได้เตรียมทำให้ ประชาชนเกิดความเข้าใจในภาวะซึมเศร้า และได้ตระหนักว่า การหัวเราะเป็นโอสถขนานเอกของจิตใจ โดยจะให้มีการประกวดการหัวเราะขึ้น ในงานที่กำหนดไว้ตอนกลางเดือนหน้านี้. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 16 .ย. 48 http://www.thairath.co.th)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215