Digital Library

หัวข้อข่าวปีที่ 6 ฉบับที่ 25 ประจำวันที่ 2005-07-03

ข่าวการศึกษา

ศธ.ตั้งคณะทำงานศึกษานำเข้าครูต่างประเทศ
ลุ้นโครงสร้าง “ทบวง” ไขปมมหาวิทยาลัย ทปอ.ชะลอตั้งกระทรวงอุดมฯ
พ.ร.บ.ศึกษาตลอดชีวิตใกล้คลอด ปรับหน้าที่หน่วยงานแต่ยังบุคลากรเดิม
มรภ.นครพนมยุบแล้ว-เป็นแค่คณะของม.นครพนม
ทปอ.ดูท่าทีไม่ฟันธงแยกกระทรวงอุดม
ฝาก 5 ปีมทร.ผลิตนักเทคโนเกิน 75 %
ไฟเขียวม.นครพนม ศธ.เร่งสั่งทำแผนที่ 50 มหา’ ลัยเก่าใหม่
เด็กม.ปลายหนุนยุบสายวิทย์-ศิลป์
"ลำปาง"เปิดแน่"นิติศาสตร์"ปีหน้า
ห้องสมุดแฟชั่นแห่งแรกในไทย
ซุปเปอร์โมเดลอาชีวะ : ความฝันที่ไม่ไกลเกินจริง
เปิดตัวเด็กเก่งชิงชัยโอลิมปิกวิชาการ
มร.ทุ่มกว่า10ล.ให้น.ศ.เรียนกอล์ฟสมบูรณ์แบบ
สกศ.กำหนด 7 ยุทธศาสตร์ พัฒนา"เด็กอัจฉริยะ"
เด็กกศน.-อาชีวะสอบแอดมิชชันได้
สู่ยุค "ดีลิเวอรี่การศึกษา" เมื่อ ความรู้ มาเสิร์ฟถึงหน้าบ้าน
เตรียมประชาพิจารณ์แอดมิชชัน
ม.เกษตรฯตั้งคณะ"วิทยาศาสตร์การกีฬา" ผลิตบัณฑิตด้านกีฬาและสุขภาพ
สอศ.จับมือธุรกิจอัญมณี ผลิตช่างฝีมือ-นักดีไซน์

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

UN คลอดแผน "พลังงานชีวภาพ"
ITS จราจรอัจฉริยะ เอาชนะรถติด
3 ทฤษฎีเขย่าโลก "อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์"
แชมป์พัฒนาเว็บเซอร์วิส
สวยจากศพ!
สารพิษขยะอิเล็กทรอนิกส์
เรียนรู้หลากหลาย กับ GSP สื่อคณิตศาสตร์ไอที
อเมริกาไฮเทคใช้ลายนิ้วมือจ่ายเงิน
หวั่นร้อนน้ำแข็งขั้วโลกละลาย เกาะอังกฤษจะจมหายตั้งครึ่ง
กรมประมงหวั่นปลาไทยสูญพันธุ์
แท่นผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล...กำลังจะเป็นขยะพิษ
"บิล เกตส์"ถึงไทยดันตั้งเว็บเซอร์วิสโลก
ปลาบึกยักษ์ 'ใหญ่ที่สุดในโลก' โผล่น้ำโขง
พบผลพวงคลื่นยักษ์ มาเลย์พื้นที่เคลื่อน ลังกาวีขยับ 18 ซม.
เปิดตัวเว็บไซต์ “ไปไหน” ค้นหาข้อมูลได้ทุกเรื่องที่ต้องการ
พบยาจากทะเลต้านมะเร็ง
ระบบเตือนภัยสึนามิได้ฤกษ์ติดตั้ง ก.ค.49

ข่าววิจัย/พัฒนา

ลุ้นรางวัลวิศวกรรมโลก ปลัดไพรัช ธัชยพงษ์สร้างชื่อไทยคนแรก
รถไฟหัวกระสุนรุ่นใหม่มีหูยกต้านแรงลมใช้หยุดฉุกเฉิน
นักวิจัยไทยเจ๋งค้นคว้าพบ"ยีน"ไข้เลือดออก
นครศรีฯซิวแชมป์แข่งหุ่นยนต์"เอบียู"
บริโภคเนื้อวัวเนื้อแกะมากทุกวัน เป็นมะเร็งลำไส้ง่ายกว่าปกติ 3 เท่า
เส้นใย-ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ หนทางเพิ่มมูลค่าสินค้าไทย
"การ์ดโรโบ ดี-1" รปภ.หุ่นยนต์แดนยุ่น
ร่างกายทำยาแก้ปวดขึ้นในตัว คิดเลียนแบบทำยาขนานเอก
สุดยอดนักผลิต ถ่านเชื้อเพลิงพื้นฐาน
เร่งวิจัยสารพิษในสินค้าเกษตรฯ มุ่งสร้างมาตรฐานคุ้มครองผู้บริโภค
“ไทภูมิ” รถจักรยาน 3 ล้อพับได้
ค้นพบพระคุณมารดาอันใหม่ น้ำนมแม่ป้องกันลูกไม่ให้ตาสั้น
รำมวยจีนช่วยผู้สูงอายุมีหลักดี ไม่เกิดอุบัติเหตุหกล้มบ่อยๆ
มรภ.มหาสารคามร่วมมือ"ไจก้า" พัฒนาชุมชนเครื่องปั้นหม้อ
คนอ้วนลดน้ำหนักต้องใจเย็น เดินนวยนาดช้าๆ ดีกว่าจ้ำเอา
ให้เงินวิจัย1.8หมื่นล้าน พัฒนาการแพทย์"นอกกรอบ"
เตือนผู้หญิงระวังถั่วเหลือง ฆ่าสเปิร์มลดโอกาสตั้งครรภ์

ข่าวทั่วไป

พบเชื้อวัวบ้าที่สหรัฐอีก-ไต้หวันสั่งแบนทันที
ลุยเกมส์ออนไลน์ผิดกฎหมาย
ไทยเตรียมรับกองทัพโรคติดเชื้อ ทั้งโรคเก่าโรคใหม่กว่า180โรค
อารมณ์ผ่องใสไม่หนุนภูมิคุ้มโรคแน่น แต่ก็ไม่ก่อความเสียหายอันใด
ทหารพัฒนาฯยึดแนวพระราชดำริ ใช้หญ้าแฝกปลุกชีวิตคลองแสนแสบ
เมืองแพงที่สุดในโลก
กทม.เตรียมของบกลางปี 49 ติดกรวยยางเทียมรถชนไม่พัง
สุดยอดศิลปินร่วมสมัย รางวัลศิลปาธร’ 48
ต่างชาติศึกษาสสส.ก่อตั้งแบบไทย
เผยสัดส่วนสาวทรงเสน่ห์ที่สุด ตามมาตรฐานของทางวิชาการ
ดร.ชนม์ชนก วีรวรรณ คว้า"ประธานนักธุรกิจสากลโลก"
"ทูตยูนิเวอร์ซีเอ็ด"ชวนเพื่อน ร่วมงาน"กีฬามหาวิทยาลัยโลก"
"อย."สั่งเก็บด่วน-นมผงเด็ก4ยี่ห้อดัง
พบเรือดำน้ำสหรัฐก้นอ่าวไทย เผยจมตั้งแต่สมัยสงครามโลก
ขสมก.เปิดเดินรถร้อนเพิ่ม 2 สาย’ย่านรังสิต’
ระวัง..กินสาหร่ายทะเลแห้ง

ข่าวการศึกษา

ศธ.ตั้งคณะทำงานศึกษานำเข้าครูต่างประเทศ

นายรุ่ง แก้วแดง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายนำเข้าครูต่างประเทศเข้ามาสอนในโรงเรียนเอกชนเพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขัน จากเดิมการใช้ครูต่างประเทศสอนในโรงเรียนเอกชนมีข้อจำกัดมาก เพราะจะใช้เฉพาะโรงเรียนนานาชาติและโรงเรียนสอนสองภาษา แต่ต่อไปรัฐบาลจะเปิดเสรีส่วนนี้ หากโรงเรียนเอกชนใดต้องการสอนภาษาต่างประเทศโดยเจ้าของภาษาและใช้ภาษานั้นๆ เป็นสื่อในการสอนเรียกว่า มีเดียม ออฟ อินสตรั๊กชั่นส์ รัฐบาลจะเปิดเสรี โดยขณะนี้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาแล้ว 1 ชุด จะใช้เวลา 3 สัปดาห์ ก่อนสรุปเสนอนายกรัฐมนตรีและนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป (ไทยรัฐอาทิตย์ที่ 26 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)

ลุ้นโครงสร้าง “ทบวง” ไขปมมหาวิทยาลัย ทปอ.ชะลอตั้งกระทรวงอุดมฯ

รศ.ดร.ประเสริฐ ชิตพงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในฐานะที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เผยภายหลังการประชุม ทปอ.ว่า จากกรณีที่มหาวิทยาลัยต่างๆได้หยิบยกปัญหาการบริหารงาน หลังจากการปฏิรูปการศึกษาซึ่งยุบรวมทบวงมหาวิทยาลัยเข้ารวมกับกระทรวงศึกษาธิการ เป็นสำนักงานคณะ กรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ซึ่งทำให้มหาวิทยาลัยเกิดภาวะอึดอัด การทำงานของอุดมศึกษาถดถอย จึงตั้งคณะทำงานขึ้นศึกษาความเป็นไปได้ในการแยกการอุดมศึกษาออกจาก ศธ. โดยคณะทำงานได้ศึกษาแล้วมีข้อเสนอให้ตั้งกระทรวงการอุดมศึกษาขึ้น และเสนอให้ ทปอ.พิจารณา หลังจากที่ ทปอ.พิจารณาแล้วเห็นว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ทำการปฏิรูประบบราชการ และทราบข่าวว่าในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ ก็จะมีการปรับโครงสร้างโดยยกฐานะองค์กรหลักของ ศธ.จากสำนักงานเป็นทบวงใน ศธ. ที่ประชุมจึงเห็นว่าควรรอปรับโครงสร้างเป็นทบวงก่อน และติดตามดูว่าเมื่อเป็นทบวงแล้วจะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ของอุดมศึกษาได้ผลมากน้อยเพียงใด หากยังไม่ได้ก็จะหยิบยกข้อเสนอการแยกกระทรวงอุดมศึกษาขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 27 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)

พ.ร.บ.ศึกษาตลอดชีวิตใกล้คลอด ปรับหน้าที่หน่วยงานแต่ยังบุคลากรเดิม

นายทองอยู่ แก้วไทรฮะ ประธานคณะทำงานยกร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดทำร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต ว่า ขณะนี้ถือว่าใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งได้มีการทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มต่างๆ ทั้งผู้บริหารการศึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาตลอดชีวิต โดยพร้อมที่จะนำเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนากฎหมายของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ก่อนที่จะเสนอรมว.ศึกษาธิการ เพื่อพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)ต่อไป การจัดทำร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้อยู่ในระหว่างการปรับปรุงโดยเพิ่มรายละเอียดให้ชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิตจะระบุถึงหลักการของการส่งเสริม แต่รายละเอียดในการดำเนินงานยังอ่อนมาก ดังนั้นจึงต้องมีการเติมในส่วนนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าจะมีวิธีการส่งเสริมอย่างไร และจะทำอย่างไรให้ประชาชนได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ยอมรับว่าร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้จะเป็นร่างพ.ร.บ.ที่แปลกกว่าพ.ร.บ.อื่นๆ เพราะมีการใส่รายละเอียดวิธีการดำเนินงานเข้าไป (สยามรัฐรายวัน จันทร์ที่ 27 มิ.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)

มรภ.นครพนมยุบแล้ว-เป็นแค่คณะของม.นครพนม

นายรุ่ง แก้วแดง รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้เห็นชอบ พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยนครพนม เรียบร้อยแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างนำขึ้นทูลเกล้าฯ โดยหลักการและเหตุผลของการจัดตั้งมหาวิทยาลัยนครพนม คล้ายกับมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของสถาบันการศึกษาหลายสถาบันที่อยู่ใน จ.นครพนม โดยในเบื้องต้นมหาวิทยาลัยนครพนมจะมีการจัดการเรียนการสอน 2 ระดับ คือ ระดับอาชีวศึกษาและระดับปริญญาตรี และเมื่อเข้าสู่การพัฒนาในขั้นต่อไปแล้วก็จะเปิดสอนในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกต่อไป ทั้งนี้เบื้องต้นได้มอบหมายให้นายภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา รักษาการในตำแหน่งอธิการบดี จนกว่าจะมีการสรรหาคณะกรรมการสภามหาวิทยาลัย และคณะผู้บริหารภายในมหาวิทยาลัย เช่น อธิการบดี คณบดี ซึ่งจะต้องสรรหาให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน การจัดตั้งมหาวิทยาลัยนครพนมเป็นนโยบายของรัฐบาล โดยหลอมรวมสถาบันการศึกษาใน จ.นครพนม คือ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครพนม วิทยาลัยเทคโนโลยีการเกษตร เทคนิคธาตุพนม และวิทยาลัยการอาชีพธาตุพนม เข้ามาอยู่รวมกัน พร้อมทั้งจะมีการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพครู และอาจารย์ผู้สอนให้ได้มาตรฐานตามไปด้วย สำหรับมหาวิทยาลัยราชภัฏนครพนม จะมีสถานะเป็นเพียงคณะหนึ่งในมหาวิทยาลัยนครพนมเท่านั้น เหมือนกับสถาบันการศึกษาอื่นที่จะถูกโอนเข้ามาเป็นคณะต่างๆ เช่น วิทยาลัยเทคโนโยลีการเกษตรฯ จะโอนย้ายเป็นคณะเกษตรฯ สำหรับมหาวิทยาลัยราชภัฏจะปรับเป็นคณะอะไรนั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและการพิจารณาของสภามหาวิทยาลัย (ข่าวสด จันทร์ที่ 27 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)

ทปอ.ดูท่าทีไม่ฟันธงแยกกระทรวงอุดม

รศ.ดร.ประเสริฐ ชิตพงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยว่า จากการประชุม ทปอ. เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผศ.ดร. มณฑล สงวนเสริมศรี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ในฐานะประธานคณะทำงานศึกษาปัญหาการรวมการอุดมศึกษาอยู่ในกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และความเป็นไปได้ในการแยกกระทรวงอุดมศึกษา โดยได้มีการเสนอผลการศึกษาการที่การอุดมศึกษาอยู่ใน ศธ. ทำให้การทำงานล่าช้า เพราะมีขั้นตอนการทำงานยาวขึ้น ในขณะที่โครงสร้างของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ก็เป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีหน่วยงานระดับสำนักงานถึง 15 หน่วยงาน มีมหาวิทยาลัยที่เทียบเท่ากรมถึง 78 แห่ง และระบบการบริหารจัดการอุดมศึกษาก็แตกต่างจากการศึกษาขั้นพื้นฐาน คือ มหาวิทยาลัยต้องมีความยืดหยุ่น สามารถปรับตัวได้เร็ว มีเสรีภาพทางวิชาการ และมีประสิทธิภาพในการแข่งขันกับนานาประเทศ รวมถึงการบริหารงานบุคคลก็ต้องมีความแตกต่างจากองค์กรหลัก อื่นด้วย ประธาน ทปอ. กล่าวต่อไปว่า สำหรับความเป็นไปได้ที่จะมีการแยกการอุดมศึกษาออกมาเป็นกระทรวงนั้น ทปอ. เห็นว่าเนื่องจากขณะนี้รัฐบาลกำลังมีการปรับปรุงระบบราชการ และมีกระแสข่าวว่าจะมีการปรับปรุงองค์กรหลักทั้ง 5 องค์กรของ ศธ. ให้เป็นทบวงฯ ในกระทรวง แต่คณะทำงานยังไม่ได้ศึกษารายละเอียดในอีกหลายประเด็น เช่น หากมีทบวงฯ ใน ศธ. จะเกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประสิทธิภาพการทำงานของอุดมศึกษามากน้อยเพียงใด แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงแล้วเกิดปัญหาก็จะนำข้อเสนอการแยกกระทรวงอุดมศึกษามาพิจารณาอีกครั้ง. (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 27 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)

ฝาก 5 ปีมทร.ผลิตนักเทคโนเกิน 75 %

เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.48 ผศ.นำยุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี นำคณะอธิการบดี มทร.ทั้ง 9 แห่งเข้าพบนายอดิศัยโพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ เพื่อรับทราบนโยบายและข้อเสนอแนะในการดำเนินงานเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของ ศธ. โดยนายอดิศัย กล่าวว่า นับเป็นอีกก้าวของ มทร.หลังจากมี พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ออกมารองรับ ซึ่งแต่ละแห่งก็จะมีการบริหารจัดการ มียุทธศาสตร์ มีงบประมาณเป็นของตัวเอง และจากนี้ไปก็คงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ที่จะพัฒนาเป็นมหาวิทยาลัยที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลก็ให้ความสำคัญกับ มทร. โดยต้องการให้เป็นจุดที่จะสะสมวิชาความรู้ให้กับคนในชุมชนและจะเน้นหนักไปทางด้านเทคโนโลยี ซึ่งเทคโนโลยีในปัจจุบันเป็นการรวมของงานต่างๆ ระหว่างสายศิลป์กับสายวิทยาศาสตร์ ถือเป็นเทคโนโลยีที่กว้างกว่าในอดีต มีระบบไอซีทีและคอมพิวเตอร์เข้ามาเกี่ยวข้อง และหวังว่าภายใน 5 ปี มทร.จะสามารถผลิตบัณฑิตด้านเทคโนโลยีได้ถึง 75% เพราะประเทศชาติต้องการบุคลากรด้านนี้มาก (สยามรัฐรายวัน อังคารที่ 28 มิ.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)

ไฟเขียวม.นครพนม ศธ.เร่งสั่งทำแผนที่ 50 มหา’ ลัยเก่าใหม่

นายรุ่ง แก้วแดง รมช.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมมีมติผ่านร่าง พ.ร.บ. มหาวิทยาลัยนครพนม เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ก็จะมีมหาวิทยาลัยใหม่เพิ่มขึ้นอีก 1 แห่ง ที่จังหวัดนครพนม โดยมีหลักการคล้ายกับมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ คือ เป็นมหาวิทยาลัยที่เกิดจากการรวมตัวของหลายสถาบันที่อยู่ใน จ.นครพนม จัดการเรียนการสอน 2 ระดับ คือ ระดับอาชีวศึกษา มีปวช. และปริญญาตรี ในช่วงแรก เมื่อพัฒนาเข้มแข็งแล้ว อนาคตก็จะสอนระดับปริญญาโทและเอกต่อไป โดยในช่วงนี้จะมี ศ.(พิเศษ)ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา ทำหน้าที่อธิการบดีมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ยังมีมหาวิทยาลัยที่กำลังจัดตั้งใหม่คือ มหาวิทยาลัยชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ที่จังหวัดชุมพร ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในหลักการแล้ว โดยขณะนี้ได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อศึกษาข้อมูลต่างๆ รวมทั้งข้อมูลการวางแผนจัดตั้งมหาวิทยาลัยเพื่อให้ได้มหาวิทยาลัยที่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ ทั้งนี้ จะถือโอกาสจัดทำแผนที่ตั้งมหาวิทยาลัยทั้งหมดเสียใหม่ด้วย เพราะปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้นจำนวน 51 แห่ง ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) 40 แห่ง มหาวิทยาลัยราชมงคล 9 แห่ง ม.นราธิวาสราชนครินทร์ และ ม.นครพนม จึงทำให้แผนที่ที่ตั้งเปลี่ยนไปมาก เพราะการที่จะขอตั้งมหาวิทยาลัย หรือวิทยาเขตใหม่ นั้นจำเป็นจะต้องเอาแผนที่มาพิจารณาและวางแผนสำหรับการขยายตัวของการจัดตั้งมหาวิทยาลัยในรอบต่อไป ซึ่งหากกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ) เตรียมตัวไม่พร้อม และมีคำขอจัดตั้งเข้ามาเรื่อยๆ การจัดตั้งมหาวิทยาลัยอาจจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี (สยามรัฐรายวัน อังคารที่ 28 มิ.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)

เด็กม.ปลายหนุนยุบสายวิทย์-ศิลป์

นายอดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงนโยบายให้ยุบการแบ่งเรียนวิทย์และสายศิลป์ ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายว่า หลังจากที่ได้หารือกับผู้ใหญ่แล้วก็เห็นด้วยหมด และเห็นว่าสายศิลป์ ได้รับการปฏิบัติเป็นระดับรองจากสายวิทย์มาเป็นเวลานาน คนไหนเรียนเก่งก็จะไปอยู่สายวิทย์ คนไม่เก่งก็จะอยู่สายศิลป์ วิธีนี้ปัจจุบันไม่สามารถทำได้แล้ว เพราะมีวิชาที่หลากหลาย ซึ่งระหว่างคณะก็จะเกิดวิชาใหม่ทั้งนี้จากการสอบถามนักเรียนก็เห็นด้วย เพราะเด็กได้เรียนเต็มที่ จึงรู้สึกว่าเดินมาถูกทางแล้ว และจะเริ่มใช้ในภาคเรียนหน้าทันที โดยเร็วๆ นี้จะมีประกาศจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แม้เทอมนี้จะมีการจัดชั้นเรียบร้อยแล้ว แต่ภาคเรียนหน้าก็สามารถให้เด็กเลือกวิชาที่อยากจะเรียนใหม่ได้ ด้าน ศ.ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดี ม.ศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า หากดูจากการเตรียมสอบ O-NET หรือ A-NET ที่กำลังจะจะเกิดขึ้น นั้นให้ความสำคัญทุกกลุ่มวิชามากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน 5 กลุ่มวิชาหลักพื้นฐาน จะขยายไปสู่ 8 กลุ่มวิชา ซึ่งถ้าดูแนวทางนี้จะเห็นว่าจะไม่มีการแยกสายวิทย์และสายศิลป์อีกแล้ว ผู้เรียนก็จะเจาะเลือกเรียนได้ สามารถเน้นได้บางจุดตามที่เขาต้องการดีกว่าแบบเดิมที่เน้นความรู้ด้านเดียวเป็นหลักแล้ว ยังกำหนดตายตัวว่าให้เป็นสายวิทย์-คณิต, วิทย์-ศิลป์, ศิลป์-ภาษา, ศิลป์-คำนวญ บางโรงเรียนยังแยกย่อยลงอีก อย่างไรก็ตาม ควรจะจัดประชุมสัมมนาเพื่อหาแนวทางกระบวนการหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์ และคงต้องให้เวลากับการเปลี่ยนแปลงด้วย เพราะการเปลี่ยนแปลงแบบสายฟ้าแลบอาจทำให้บางส่วนรับไม่ได้ (สยามรัฐรายวัน อังคารที่ 28 มิ.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)

"ลำปาง"เปิดแน่"นิติศาสตร์"ปีหน้า

ผศ.ศิริ พรมดี ประธานกรรมการปรับปรุงหลักสูตรนิติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง เปิดเผยว่า มรภ.ลำปางเตรียมเปิดการเรียนการสอนในหลักสูตรนิติศาสตร์ ภายหลังการสัมมนาวิพากษ์หลักสูตร เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากมีการประชุมยกร่างหลักสูตรครั้งที่ 1 ผ่านไปแล้ว จะมีการประชุมเพื่อสรุปผลและทำประชาวิจารณ์ คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จในทุกกระบวนการในปีการศึกษานี้ และสามารถเปิดสอนได้ในปีการศึกษาหน้า คือปี 2549 โดยการเปิดสอนหลักสูตรนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปางนั้นเป็นความต้องการของประชาชนในจ.ลำปาง และจังหวัดใกล้เคียงที่เรียกร้องและขอให้เราเปิดมาแล้วหลายปี เมื่อเรามองถึงเด็กนักศึกษาที่เข้ามาเรียนในโปรแกรมวิชารัฐประศาสนศาสตร์ เมื่อรวมกันแล้ว มีจำนวนมากถึง 800 คน ส่วนใหญ่อยากเรียนกฎหมายด้วย จึงเข้ามาเรียนในโปรแกรมวิชานี้ ดังนั้นถ้าเราเปิดสอนในหลักสูตรนิติศาสตร์เพิ่มเติม น่าจะสนองความต้องการของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี สำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาในหลักสูตรนิติศาสตรของมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปางจะได้รับปริญญาบัตร วุฒินิติศาสตร์บัณฑิต หรือ น.บ. เช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยทุกแห่งในประเทศไทย และมีสิทธิ์ในการว่าความหรือศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นไปได้เช่นเดียวกัน ส่วนอาจารย์ผ้าสอนนั้น ทางคณะมนุษยศาสตร์มีความพร้อมอยู่แล้ว เพราะมีอาจารย์หลายท่านที่จบทางด้านกฎหมายมาโดยตรงซึ่งคุณภาพและมาตรฐานของผู้สอนนั้นเป็นไปตามเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา หรือ สกอ. กำหนดไว้ทุกประการ (สยามรัฐรายวัน อังคารที่ 28 มิ.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)

ห้องสมุดแฟชั่นแห่งแรกในไทย

ห้องสมุดแฟชั่น ซึ่งจะเปิดทำการอย่างเป็นทางการ ในเดือน ก.ย.นี้ ที่ชั้น 6 อาคารเซ็นทรัล เวิลด์ ทาวเวอร์ ดำเนินการโดย “สนิทพิมพ์ เอกชัย” จะถูกเนรมิตให้เป็นศูนย์กลาง ในการรวบรวม และเผยแพร่แนวโน้ม ทิศทางแฟชั่นจากทั่วโลก ครอบคลุมทั้ง 3 อุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมสิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่ม, อุตสาหกรรมรองเท้า และเครื่องหนัง รวมถึงอุตสาหกรรมอัญมณี และเครื่องประดับ เป้าหมายสำคัญ ของโครงการ ศูนย์รวบรวมแนวโน้มแฟชั่นโลกนี้ นอกจากจะมีขึ้นเพื่อยกระดับความรู้ ในการศึกษาแฟชั่นให้นักเรียน, นักศึกษา และผู้สนใจธุรกิจแฟชั่นแล้ว ยังมุ่งเน้นเสริมสร้างศักยภาพ ในการพัฒนาบุคลากรด้านแฟชั่น เพื่อให้ มีฝีไม้ลายมือเทียบชั้นกับต่างประเทศ และพัฒนาไปสู่ความเป็นผู้นำแฟชั่นในระยะยาว แฟชั่นเทรนด์เซ็นเตอร์นี้ ถือเป็นห้องสมุดเฉพาะทาง ที่รวบรวมเทรนด์แฟชั่นของทั้ง 3 อุตสาหกรรม มาไว้ที่ศูนย์ โดยทีมงานทำการเก็บรวบ รวมข้อมูลจากหลายช่องทาง เช่น ข้อมูลจากเทรนด์ บุ๊ก ของบริษัทจัดทำเทรนด์ บุ๊ก ชั้นนำระดับโลก นอก จากนี้ ทีมงานยังเดินทาง ไปเก็บข้อมูลจากงานแสดงสินค้า และงานแฟชั่นวีก ของต่างประเทศ พร้อมกับเจาะลึกสัมภาษณ์ดีไซเนอร์ ดังๆ มาเป็นข้อมูล เพื่อนำออกเผยแพร่ในศูนย์ดังกล่าว รวมทั้งเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์และนิตยสารของโครงการ ซึ่งจะออกทุก 3 เดือน ขณะเดียวกัน ภายในศูนย์ยังมีนิทรรศการเรื่องเทรนด์แฟชั่นของแต่ละซีซั่น และจัดสัมมนาเรื่องแนวโน้มแฟชั่นโลก โดยได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญหลากหลายวงการ อาทิ อ.อรพินท์ ลิ่มสกุล ผอ.สำนักหอสมุดแห่งชาติ และศักดิ์ชัย กาย บอสใหญ่แห่งนิตยสารลิปส์. (ไทยรัฐ พุธที่ 29 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)

ซุปเปอร์โมเดลอาชีวะ : ความฝันที่ไม่ไกลเกินจริง

พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ตั้งโจทย์ให้ สอศ. และคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) มาคิดเป็นการบ้านในการหาวิธีที่จะเพิ่มปริมาณผู้เรียนสายอาชีวศึกษา ให้ได้อย่างน้อย ๆ ก็ 50:50 เพราะเชื่อว่าคนกลุ่มนี้จะเป็นกำลังสำคัญของประเทศในการผลักดันให้ประเทศก้าวไปสู่การเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้ ซึ่งทางสอศ. และ กอศ.จะต้องทำให้ได้ ดังนั้นแนวความคิดเรื่อง “ซุปเปอร์โมเดล” จึงเกิดขึ้น ฟังทีแรกหลายคนคงคิดว่าเป็นอะไรที่เกี่ยวกับนางแบบ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ เพราะซุปเปอร์โมเดลที่พูดถึง คือ “โครงการสถานศึกษาอาชีวะต้นแบบ” ที่มุ่งค้นหาสถานศึกษาในสังกัด สอศ. ที่มีความพร้อมทุกด้านในระดับหนึ่ง และมีศักยภาพเพียงพอที่จะรับการพัฒนาขึ้นเป็นสถานศึกษาต้นแบบได้ในระยะเวลารวดเร็ว หรือภายใน 1 ปี ซึ่งวันนี้สถานศึกษาที่ได้รับการ คัดเลือกเพื่อเป็นตัวแทนของประเภทสถาบันในสังกัดสอศ. ทั้ง 5 ประเภท มีครบแล้ว ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต วิทยาลัยสารพัดช่างชุมพร วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีศรีสะเกษ และ วิทยาลัยการอาชีพนวมินราชินีแม่ฮ่องสอน ภายใน 4 ปี ทุกวิทยาลัยทั้ง 400 กว่าแห่ง ในสังกัดสอศ.จะเดินไปเข้าสู่การเป็นสถาบันที่สุดยอดทั้งหมด คือ ในปีแรก เราจะมีซุปเปอร์โมเดล 5 แห่ง และจะเพิ่มอีก 20 แห่งในปีเดียวกัน จากนั้นในปีที่ 2 จะขยายจาก 25 แห่ง เป็น 100 แห่ง และเพิ่มเป็น 200 ในปีที่ 3 เพื่อจะขยายให้ครบทั้ง 400 กว่าแห่งในปีที่ 4 ให้ได้ ซึ่งนี่คือขั้นบันไดที่จะสามารถพัฒนาระบบอาชีวศึกษาได้เร็วที่สุด โครงการนี้เป็นโครงการที่ดีมาก ๆ โครงการหนึ่ง ที่ต้องการยกระดับการอาชีวศึกษา เพื่อส่งให้การอาชีวศึกษาเป็นที่ยอมรับของ สังคมมากขึ้น แต่ทั้งนี้โครงการซึ่งเป็นความฝันอันสวยหรูเช่นนี้ หากไม่ได้มีการเดินหน้าทำกันอย่างจริงจัง และไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเข้มแข็ง (เดลินิวส์ พุธที่ 29 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)

เปิดตัวเด็กเก่งชิงชัยโอลิมปิกวิชาการ

ดร.นงนุช ชายปริยวาทีวงศ์ รักษาการแทน ผอ.สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(สสวท.) เปิดเผยว่า สสวท.ได้คัดเลือกผู้แทนประเทศไทย ไปแข่งขันคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ประจำปี 2548 จำนวน 23 คน โดยแบ่งเป็นสาขาฟิสิกส์โอลิมปิก จำนวน 5 คน แข่งขันวันที่ 3-12 ก.ค.48 ณ เมืองซัลลาแมนกา ประเทศสเปน ได้แก่ นายเพชระ ภัทรกิจวานิช รร.มหิดลวิทยานุสรณ์ นายภัคพงษ์ จิระรัตนานนท์, นายวุฒิวัฒน์ งามพฤฒิกร, นายอภิวัฒน์ เกรียงวัฒนากุล รร.เตรียมอุดมศึกษา และนายรณชัย เจริญศรี รร.สวนกุหลาบวิทยาลัย สาขาคณิตศาสตร์โอลิมปิก จำนวน 6 คน แข่งขันวันที่ 8-19 ก.ค.48 ณ เมืองเมอริกา ประเทศเม็กซิโก ได้แก่ นายณภัทร รุจีรไพบูลย์ รร.มหิดลวิทยานุสรณ์ นายนิธิ รุ่งธนาภิรมย์, นายภูมิพงศ์ วัฒนะประกรณ์กุล รร.เตรียมอุดมศึกษา ด.ช.ภานุพงศ์ ภาสุภัทร รร.สาธิตจุฬาฯ (ฝ่ายมัธยม) นายวุฒิศักดิ์ ตรงศิริวัฒน์ รร.สวนกุหลาบวิทยาลัยและนายศรัณย์ อาฮูยา รร.นานาชาตินครพายัพ, สาขาเคมีโอลิมปิก จำนวน 4 คน แข่งขันวันที่ 16-25 ก.ค.48 ณ กรุงไทเป ไต้หวัน ได้แก่ นายเจษฎา เตมัยสมิธิ, นายธวัชชัย ชัยจรัสพงษ์ รร.อัสสัมชัญบางรัก นายภูมิ ชัยรัตน์ รร.เตรียมอุดมศึกษา และนายศุภมงคล มัชมี รร.วัดสุทธิวราราม สาขาชีววิทยาโอลิมปิก จำนวน 4 คน แข่งขันวันที่ 10-17 ก.ค.48 ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ได้แก่ นายณัฐวัตร กล่อมจิตร์ รร.มหิดลวิทยานุสรณ์ นายธนวัฒน์ เหลืองสุขฤกษ์, นายวรากร กุลาเลิศ รร.เตรียมอุดมศึกษา และนายปองปราชญ์ พัวพัฒนากุล รร.สวนกุหลาบวิทยาลัย และสาขาคอมพิวเตอร์โอลิมปิก จำนวน 4 คน แข่งขันวันที่ 18-25 ส.ค.48 ณ เมืองโนวีซาด ประเทศโปแลนด์ ได้แก่นายปฐมพล แสงอุไรพร รร.อัสสัมชัญบางรัก นายพุทธิกร วรวุฒิวัฒน์ รร.มหิดลวิทยานุสรณ์ นายสุคลศักดิ์ ศักดิ์ชูวงศ์ รร.สวนกุหลาบวิทยาลัย นายอนรรฆ ยอดภิญญาณี รร.เตรียมอุดมศึกษา ทั้งนี้ สสวท.จะจัดงานเลี้ยงส่งผู้แทนชุดดังกล่าวในวันที่ 29 มิ.ย.48 ที่โรงแรมอิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค โดยนายอดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ ให้เกียรติเป็นประธาน (สยามรัฐรายวัน พุธที่ 29 มิ.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)

มร.ทุ่มกว่า10ล.ให้น.ศ.เรียนกอล์ฟสมบูรณ์แบบ

นางเกิดศิริ ทองศรี ประธานโครงการบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาบริหารจัดการกอล์ฟ มหาวิทยาลัยรามคำแหง(มร.) เปิดเผยว่า หลังเปิดรับสมัครนักศึกษาระดับปริญญาตรี รุ่นที่ 2 ประจำภาคการศึกษา 2548 มีผู้สนใจเข้าสมัครเรียนกว่า 500 คนตั้งใจว่าจะรับนักศึกษาเพียง 200 คนเท่านั้น ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของวิชาชีพธุรกิจกอล์ฟที่มีโอกาสจะพัฒนาไปได้อีกมาก หลักสูตรนี้จัดตั้งขึ้นที่ มร.เป็นแห่งแรกในเอเชีย ซึ่งเป็นการศึกษาในสาขาวิชาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการดำเนินธุรกิจ เช่น การตลาด การจัดการ การเงิน การบัญชี และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังต้องศึกษาวิชาการที่เกี่ยวกับกีฬากอล์ฟ เช่น กฎข้อบังคับกีฬากอล์ฟ การเล่นกอล์ฟ กายวิภาคสำหรับนักกอล์ฟ จิตวิทยาการกีฬากอล์ฟ กลศาสตร์ชีวภาพกอล์ฟ การออกแบบและการซ่อมแซมไม้กอล์ฟ ตลอดจนการเป็นผู้ฝึกสอนกอล์ฟ ค่าเล่าเรียนหน่วยกิตละ 800 บาท เรียนทั้งหมด 140 หน่วยกิต นักศึกษาที่จบปริญญาตรีหรือปริญญาโทมาแล้วใช้สิทธิในการเทียบโอนหน่วยกิต ทำให้สามารถสำเร็จการศึกษาภายในระยะเวลา 2 ปีครึ่ง สำหรับการเรียนการสอนที่ผ่านมารอบ 1 ปี ได้จัดหาอาจารย์ วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีความรู้ความสามารถโดยตรงตามแขนงนั้นๆ มาให้ความรู้แก่นักศึกษา ขณะที่ในส่วนของอุปกรณ์การเรียนการสอนต่างๆ ทางมหาวิทยาลัยได้รับงบประมาณกว่า 10 ล้านบาท เพื่อจัดเตรียมสถานที่ เครื่องมือ และอุปกรณ์มาใช้ เพื่อให้นักศึกษาได้มีความรู้ความสามารถสูงสุด นอกจากนั้นยังได้ติดต่อประสานงานกับนักกอล์ฟสนามไดร์ฟรวมถึงร้านจำหน่ายอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อสิทธิพิเศษแก่นักศึกษา ซึ่งได้รับการอนุเคราะห์จากทุกฝ่ายเป็นอย่างดี ทำให้สามารถมอบสิทธิพิเศษการใช้บริการสนามกอล์ฟให้กับนักศึกษาของโครงการได้ (มติชนรายวัน พุธที่ 29 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th)

สกศ.กำหนด 7 ยุทธศาสตร์ พัฒนา"เด็กอัจฉริยะ"

ภายหลังการประชุมคณะกรรมการสภาการศึกษา เมื่อเร็วๆ นี้ นายอำรุง จันทวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการสภาการศึกษา (สกศ.) เปิดเผยว่า สกศ. ได้จัดทำร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาเด็กและเยาวชนที่มีความสามารถพิเศษ เพื่อเป็นทิศทางให้หน่วยงานการศึกษาและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง นำไปกำหนดแนวทางการดำเนินการจัดการศึกษาและกิจกรรมต่างๆ ให้แก่เด็กและเยาวชนที่มีความสามารถพิเศษได้อย่างถูกต้องเหมาะสม เสมอภาคทั่วถึง และเป็นธรรมแก่เด็กและเยาวชนกลุ่มนี้ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ที่ประชุมได้กำหนดยุทธศาสตร์และมาตรการพัฒนาเด็กและเยาวชนที่มีความสามารถพิเศษ 7 ด้านด้วยกัน คือ 1.สร้างกลไกการบริหารจัดการ โดยจัดให้มีคณะกรรมการที่ดูแลเรื่องนโยบาย คณะกรรมการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาในระดับกระทรวงและสถาบันอุดมศึกษา 2.สร้างความตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมของผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นให้ความรู้แก่พ่อแม่ ผู้ปกครอง ถึงลักษณะของเด็กที่มีความสามารถพิเศษ 3.การพัฒนาระบบการศึกษา ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานเน้นให้มีการจัดการเรียนการสอนรูปแบบหลากหลายและยืดหยุ่น โดยรัฐควรสนับสนุนให้จัดตั้งศูนย์สำรวจแววความสามารถพิเศษในแต่ละจังหวัด และเปิดโปรแกรมการเรียนการสอนอย่างน้อยจังหวัดละ 2 โรงเรียน 4.การผลิตและพัฒนาบุคลากร คือ การสนับสนุนให้สถาบันอุดมศึกษาเปิดสอนสาขาการจัดการศึกษาสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษในระดับปริญญาโทและเอก 5.การสร้างและถ่ายทอดองค์ความรู้ โดยจัดให้มีหน่วยงานที่เก็บสะสมคลังเครื่องมือที่มีมาตรฐาน สนับสนุนให้มีการรวบรวมองค์ความรู้ ดำเนินการวิจัยและพัฒนา พร้อมทั้งผลิตและเผยแพร่ความรู้ในรูปแบบที่หลากหลาย 6.การพัฒนาเด็กและเยาวชนที่มีความสามารถพิเศษระดับสูง โดยสนับสนุนให้สถาบันอุดมศึกษาให้บริการปรึกษาดูแลเด็กและเยาวชนที่มีแววความสามารถพิเศษระดับสูงได้รับการตรวจสอบหรือบ่งชี้โดยผู้เชี่ยวชาญ และมีกลไกการส่งต่อเพื่อดูแลให้ได้รับการศึกษาสูงสุด รวมทั้งสนับสนุนให้พ่อแม่ที่จัดการศึกษาให้ได้รับสิทธิเช่นเดียวกันผู้ที่อยู่ในระบบโรงเรียน 7.การสร้างความเป็นเลิศด้านต่างๆ ให้กับประเทศ โดยวางแผนปฏิบัติงานให้เชื่อมโยงตั้งแต่ปฐมวัยจนถึงระดับสูงสุดของการศึกษา รวมทั้งต้องมีแผนรองรับด้านอาชีพที่เหมาะสม สนับสนุนทุนการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ และสนับสนุนการจัดตั้งชมรม และสมาคมเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และรวมพลังในการทำกิจกรรม ที่ประชุมเห็นชอบร่างยุทธศาสตร์ดังกล่าว โดยให้ สกศ.นำร่างยุทธศาสตร์เสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้เป็นกรอบแนวทางการดำเนินงานต่อไป พร้อมทั้งให้ สกศ.ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ดังกล่าว และนำเสนอต่อ ครม.เป็นระยะๆ ด้วย นอกจากนั้นที่ประชุมยังได้รับทราบร่างแผนปฏิบัติการ (Roadmap) ปฏิรูปการศึกษาไทย พ.ศ.2548-2551 เพื่อเป็นกรอบและแนวทางในการปฏิรูปการศึกษาไทยที่มีเป้าหมายคือ ให้ประชากรไทยมีการศึกษาเฉลี่ยร้อยละ 9.5 ในปี 2551 และให้แรงงานไทยร้อยละ 50 มีการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาขึ้นไป ซึ่ง สกศ.ได้จัดทำสรุปยุทธศาสตร์ประกอบด้วย 5 ยุทธศาสตร์ คือ 1.เร่งปฏิรูปการศึกษาบุคลากรและกระบวนการเรียนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 2.จัดคาราวานเสริมสร้างเด็กให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต 3.สร้างสภาพแวดล้อมแหล่งเรียนรู้ วิจัย และนวัตกรรมที่เอื้อการเรียนรู้แบบบูรณาการ 4.พัฒนาความร่วมมือภาครัฐ ผู้ประกอบการ สถาบันการศึกษา และ 5.สร้างโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิตด้วยระบบวิธีที่หลากหลาย สำหรับยุทธศาสตร์ทั้งหมดเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติงานของทุกกระทรวง ดังนั้น สกศ.จะได้จัดทำสรุปรายละเอียดและแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้ามามีส่วนร่วม (ข่าวสด พุธที่ 29 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th)

เด็กกศน.-อาชีวะสอบแอดมิชชันได้

ศ.(พิเศษ)ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กกอ.) เปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับระบบกลางการคัดเลือกนิสิตนักศึกษา หรือ แอดมิชชัน ว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ได้ประสานให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน ให้ช่วยเทียบคะแนนเฉลี่ยสะสม ม.ปลาย (GAX) และผลการเรียนรายกลุ่มสาระวิชา (GA) ของนักเรียนในสังกัดเพื่อจะได้มีสิทธิสมัครแอดมิชชัน ทั้งนี้การสมัครระบบแอดมิชชัน จะต้องสมัครผ่านระบบอินเตอร์เน็ต โดยมีสถาบันอุดมศึกษาที่เคยเป็นศูนย์รับสมัครเอนทรานซ์เดิม คอยอำนวยความสะดวกในการรับสมัคร นอกจากนี้ สกอ.ยังได้นำระบบ e-Banking การชำระเงินค่าสมัครผ่านธนาคารมาบริการเพิ่มความสะดวกอีกด้วย ซึ่งเบื้องต้นได้ประสานขอความร่วมมือจาก ธ.กรุงไทย ธ.กรุงเทพ ธ.กรุงศรีอยุธยา ธ.ทหารไทย และธ.ไทยพาณิชย์ ทุกสาขาทั่วประเทศแล้ว ต่อข้อถามนักเรียน ม.ปลาย ที่จบการศึกษาจากต่างประเทศ จะสามารถสมัครแอดมิชชันในปี 2549 ได้หรือไม่ เลขาธิการ กกอ. กล่าวว่า คงยังไม่สามารถสมัครได้ เพราะค่า GA ของเด็กกลุ่มนี้ไม่สามารถเทียบได้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้ 3-5 กลุ่มสาระที่จะนำมาใช้ในระบบแอดมิชชัน เนื่องจากการเรียนในรายวิชาแตกต่างกัน แต่ถ้านักเรียนกลุ่มนี้สามารถขอสมัครเข้าศึกษาในระบบรับตรง หรือโควตาของแต่ละมหาวิทยาลัยได้ส่วนเรื่องการรับตรงของมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่เดิมกำหนดให้นำคะแนนสอบวัดความรู้เดือน ต.ค.มาใช้ นั้นอาจทำให้เด็กเกิดปัญหาเนื่องจากยังเรียนไม่จบ ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะให้ยื่นสมัครได้ 2 ใบคือ สมัครรับตรงและสมัครระบบแอดมิชชัน แต่ระบบรับตรงจะต้องคัดเลือกให้เสร็จก่อนที่จะคัดเลือกระบบแอดมิชชัน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังไม่มีข้อยุติ (สยามรัฐรายวัน พฤหัสบดีที่ 30 มิ.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)

สู่ยุค "ดีลิเวอรี่การศึกษา" เมื่อ ความรู้ มาเสิร์ฟถึงหน้าบ้าน

หลักสูตรทางออนไลน์ หรือ E-learning ถูกนำมาใช้ในสถาบันการศึกษาหลายต่อหลายแห่ง เสมือนเป็นการอำนวยความสะดวกผู้เรียนให้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาเรียน ณ สถานศึกษา ซึ่งในปีนี้รูปธรรมของการเรียนการสอนผ่านออนไลน์ยิ่งชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ ขณะเดียวกัน การเปิดเกมรุกในด้านการขยายสาขาของสถาบันการศึกษายังอาคารสำนักงานอย่างต่อเนื่อง ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น อาจจะเรียกได้ว่า วันนี้การศึกษาไทยกำลังเดินทางเข้าสู่ "ยุคดีลิเวอรี่การศึกษา" ที่อำนวยความสะดวกของผู้เรียนด้วยการเสิร์ฟความรู้ถึงประตูออฟฟิศ หน้าโต๊ะทำงาน หรือกระทั่งส่งตรงถึง ขณะนี้มีหลายหลักสูตรที่ทำการเรียนการสอนในลักษณะ E-learning เช่น E-learning นวัตกรรมเพื่อคนไม่มีเวลา ที่ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นำ E-learning มาใช้ร่วมกับการเรียนการสอนแบบปกติในหลักสูตร Global MBA ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้นักศึกษากับอาจารย์ผู้สอนมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น และมีโอกาสพูดคุยซักถามเรื่องที่ไม่เข้าใจมากขึ้น ขณะที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพในปีนี้จะส่งเสริมโครงการการเรียนรู้ตลอดชีพ โดยการพัฒนาระบบ E-learning ให้แพร่หลายครอบคลุมทุกวิชา จากเดิมที่ได้มีการทำสื่อ E-learning ไปแล้วกว่า 50 วิชาจาก 200 วิชา ด้านมหาวิทยาลัยรังสิตจะสร้างให้มหาวิทยาลัยก้าวไปสู่ความเป็น E-university โดยสนับสนุนให้อาจารย์พัฒนาการเรียนการสอนแบบ E-learning ซึ่งพัฒนาไปแล้วประมาณ 100 กว่าหลักสูตร ขณะที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญเตรียมเปิดปริญญาโททางอินเทอร์เน็ต และจะเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ตได้ในราวเดือนมกราคม 2549 โดยทำการเรียนการสอนผ่านออนไลน์และมาพบอาจารย์รวมทั้งติวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยจัดให้ ที่ มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งเป็นอีกมหาวิทยาลัยที่เปิดเกมรุกถึงขั้นแจกโน้ตบุ๊กฟรีสำหรับนักศึกษาปริญญาโทและปริญญาเอก กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า มหาวิทยาลัยเน้นว่าจะต้องเป็น E-university เพราะปัจจุบันเป็นเรื่องที่จำเป็น โดยต้องให้นักศึกษาเข้าถึงเทคโนโลยี ซึ่งมหาวิทยาลัยก็พยายามปรับปรุงมาตลอด โดยเฉพาะดาต้าเบส ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานและความพร้อมของเทคโนโลยีที่จะรองรับ เช่น ไวร์เลส ซึ่งสามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้ในมหาวิทยาลัย ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงที่เพิ่งจะเปิดตัวการรับสมัครนักศึกษาใหม่และเทคโนโลยีการสอนผ่านเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ mobile-learning ไปไม่นานมานี้ ด้วยเหตุผลที่ว่า "ปัจจุบันนักศึกษาไม่มีเวลาเข้าห้องเรียน จากเดิมที่มีการอำนวยความสะดวกผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยจับมือกับดีแทค เพื่อร่วมพัฒนาเทคโนโลยีการถ่ายทอดสดการเรียนการสอนภายในห้องผ่านโทรศัพท์มือถือ" ดร.มิชิตา จำปาเทศ รอดสุทธิ แห่งสถาบันการบริหารและจิตวิทยา ผู้จัดหลักสูตรเดอะ บอสส์กล่าวว่า ขณะนี้สถาบันมีหลักสูตร U21 E-learning เป็นหลักสูตรด้านการบริหารจัดการ ซึ่งเปิดขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกของผู้เรียน อย่างไรก็ตาม การพัฒนาระบบ E-learning จะชัดเจนขึ้น แต่ในทางปฏิบัติระบบการศึกษาไทยยังมีการพัฒนาอย่างแยกส่วน ในโครงการประชุมวิชาการ The Second National Conference on e-Learning ประจำปี 2548 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-2 กันยายน 2548 ได้สรุปปัญหาเกี่ยวกับระบบ E-learning ไว้อย่างน่าสนใจว่า "ยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจนมากนัก สถาบันการศึกษาส่วนใหญ่ยังคงนำมาใช้แบบลองผิดลองถูก หรือคัดลอกตัวอย่างมาจากต่างประเทศ โดยไม่มีการศึกษาอย่างจริงจังทำให้เกิดความซ้ำซ้อนและสูญเสียทั้งกำลังคนและทรัพยากรเป็นจำนวนมาก โดยประเทศไทยยังไม่มีความร่วมมือระหว่างองค์กรอย่างจริงจัง ไม่มีการผลิตผลงานด้านวิจัยเกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่และสามารถนำกลับมาใช้พัฒนา E-learning ได้ ทั้งยังไม่มีองค์กรกลางที่มีบทบาทนำในเรื่องการรับรองและการพัฒนาคุณภาพ มาตรฐานงานวิจัยและการประยุกต์ใช้องค์ความรู้กับ E-learning อย่างจริงจัง" นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า ท่ามกลางสภาวะการแข่งขันที่ไร้พรมแดนและการเปิดเสรีภายใต้ข้อตกลงขององค์การการค้าโลก ทำให้การศึกษากลายเป็นสินค้าชนิดหนึ่งที่ไทยไม่สามารถปิดกั้นการแผ่ขยายเข้ามาของสถานศึกษาจากตะวันตกทำให้มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพัฒนา E-learning ร่วมกัน การรุกขยายสาขาของมหาวิทยาลัยมายังอาคารสำนักงานและบริเวณใจกลางเมือง มาเมื่อหลายปีก่อน โดยเฉพาะการศึกษาในหลักสูตรบริหารธุรกิจ (MBA) ในระดับปริญญาโท ที่ทั้งมหาวิทยาลัยเอกชน มหาวิทยาลัยรัฐบาล จากทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ซึ่งแน่นอนว่าประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา และการขยายสาขาของมหาวิทยาลัยตามอาคารสำนักงานที่จะยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยใช้พื้นที่ไม่มากนัก "ประชาชาติธุรกิจ" สำรวจพบว่า จากเดิมที่สาขาหรือวิทยาลัยของมหาวิทยาลัยกระจุกตัวอยู่ในย่านสาทร สีลม จนได้ขึ้นชื่อว่าเป็น "ถนนสายเอ็มบีเอ" ปัจจุบันการรุกขยายสาขากำลังเดินหน้าไปในถนนเศรษฐกิจสายสำคัญต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงต่างจังหวัดที่นับวันจะยิ่งมีมากขึ้นๆ และยังมีรายใหม่ที่ยังเปิดสาขาอย่างต่อเนื่อง (ประชาชาติธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 30 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th/prachachart)

เตรียมประชาพิจารณ์แอดมิชชัน

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.48 นายสุทิน คลังแสง รองประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานคณะทำงานศึกษาระบบกลางการคัดเลือกนิสิตนักศึกษาหรือแอดมิชชัน เปิดเผยความคืบหน้าการเตรียมการทำประชาพิจารณ์เกี่ยวกับแอดมิชชัน ว่า ขณะนี้คณะทำงานกำลังยกร่างที่จะประชาพิจารณ์อยู่ ในเบื้องต้นได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่จะเข้าร่วมประมาณ 500-700 คน จากในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมทั้งจะมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและค้านการนำระบบแอดมิชชันมาใช้ โดยเบื้องต้นแบ่งสัดส่วนผู้เข้าร่วม ดังนี้นักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 40% นักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย 10% อาจารย์และนักวิชาการ 20% ครูและอาจารย์แนะแนว 10% ผู้ปกครอง 10% และ บุคคลทั่วไป 10% ขณะเดียวกันเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายในการประชาพิจารณ์ครอบคลุมและทั่วถึง จึงได้ประสานกับทางมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต ซึ่งมีความชำนาญในการจัดทำโพลล์ มาช่วยดูว่าจะเชิญกลุ่มเป้าหมายใดบ้างเป็นการเฉพาะเจาะจง ประธานคณะทำงานศึกษาแอดมิชชัน กล่าวต่อไปว่า ส่วนประเด็นที่จะประชาพิจารณ์เช่น ให้เปรียบเทียบระบบเอนทรานซ์ปัจจุบันกับระบบแอดมิชชันว่าเป็นอย่างไร ถ้าคิดว่าระบบแอดมิชชันดี ควรจะมีการกำหนดสัดส่วนองค์ประกอบที่จะนำมาพิจารณาอะไรบ้าง และควรมีสัดส่วนเท่าใด รวมทั้งเห็นว่าเวลาที่จะนำระบบแอดมิชชันมาใช้ในปี 2549 เหมาะสมหรือไม่ เป็นต้น ทั้งนี้คณะทำงานจะเร่งยกร่างทั้งหมดให้เสร็จและประมาณสัปดาห์หน้า จะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการการศึกษาฯ เพื่อขอความเห็นชอบต่อร่างดังกล่าว และคาดว่าไม่เกิน 20 ก.ค.น่าจะมีการจัดประชาพิจารณ์ได้แน่นอน (สยามรัฐรายวัน ศุกร์ที่ 1 ก.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)

ม.เกษตรฯตั้งคณะ"วิทยาศาสตร์การกีฬา" ผลิตบัณฑิตด้านกีฬาและสุขภาพ

รศ.ดร.สุพิตร สมาหิโต อาจารย์คณะศึกษาศาสตร์ในฐานะผู้ร่วมคิดริเริ่มและสานต่อในการก่อตั้งภาควิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา คณะศึกษาศาสตร์ จนเป็นคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งคณะวิทยาศาสตร์การกีฬาเพื่อผลิตบัณฑิตและพัฒนาบุคลากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในสหวิทยาการขององค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์การกีฬา เช่น ความเชี่ยวชาญทางด้านสรีรวิทยาการทางการออกกำลังกาย จิตวิทยาการกีฬา ชีวกลศาสตร์ทางการกีฬา โภชนาการทางการกีฬา การเป็นผู้ฝึกกีฬาและการจัดการทางด้านกีฬา และเป็นแหล่งค้นคว้าและศูนย์รวมของงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์การกีฬาที่สามารถนำไปพัฒนาการกีฬาของประเทศชาติ และเป็นศูนย์กลางในการให้บริการทางวิชาการทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาและสุขภาพ ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรทั้งประเทศ ในด้านหลักสูตรการเรียนของคณะในระดับปริญญาตรี คือหลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬาใช้เวลาเรียน 4 ปี รับจำนวน 45 คน ผู้สนใจสมัครเข้าศึกษาต่อต้องเป็นนักเรียนสายวิทยาศาสตร์ มีความรู้พื้นฐานในวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา สถิติ คณิตศาสตร์ เนื่องจากใน 2 ปีแรกเป็นการศึกษาพื้นฐานความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และเข้าสู่องค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาในปีที่ 3-4 และต้องมีความรู้ ความเชี่ยวชาญทางด้านภาษาและคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดีเนื่องจากในการเรียน ผู้เรียนต้องศึกษาหาความรู้และแปลบทความต่างๆ จากอินเตอร์เน็ต และที่สำคัญต้องเป็นผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ระดับปริญญาโท มีทั้งภาคปกติ ซึ่งรับจำนวนไม่เกิน 15 คน และภาคพิเศษ รับจำนวนไม่เกิน 25 คน ต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้านสาขาวิทยาศาสตร์ มีคะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.75 หากมีคะแนนเฉลี่ยต่ำกว่า 2.75 จะต้องมีประสบการณ์ในการทำงานในภาครัฐไม่ต่ำกว่า 3 ปี ระดับปริญญาเอก คาดว่าจะเปิดสอนในปีการศึกษา 2549 ใน 3 สาขา คือ จิตวิทยาการกีฬา, สรีรวิทยาการออกกำลังกาย และชีวกลศาสตร์ทางการกีฬา ผู้เรียนต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬาหรือสาขาที่เกี่ยวข้อง นิสิตที่จบการศึกษาจากคณะวิทยาศาสตร์การกีฬาสามารถเข้าทำงานในหน่วยงานของภาครัฐ เช่น สามารถเข้าทำงานเป็นอาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ เป็นนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านกีฬาของ สมาคมการกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น ภาคเอกชน สามารถทำงานในโรงแรมสปา ศูนย์ฟิตเนสต่างๆ เป็นต้น (ข่าวสด ศุกร์ที่ 1 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)

สอศ.จับมือธุรกิจอัญมณี ผลิตช่างฝีมือ-นักดีไซน์

นายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยถึงโครงการความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) และบริษัทแฟมิลี่ แฟคทอรี่จำกัด จำกัดเพื่อพัฒนากระบวนการเรียนการสอนด้านอัญมณีและเครื่องประดับ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) เพื่อเข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยมีระยะเวลาดำเนินงานร่วมกัน 5 ปี ว่า ปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ยังขาดแคลนบุคลากรที่มีความชำนาญในสาขาดังกล่าวอยู่มาก สอศ.จึงร่วมมือกับบริษัท แฟมิลี่ฯ พัฒนาครู อาจารย์ และนักศึกษา ให้มีความรู้ด้านการผลิตและออกแบบอัญมณีและเครื่องประดับ และสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง โดย บริษัท แฟมิลี่ฯ จะเข้ามาช่วยแนะนำเทคนิคใหม่ๆ เครื่องมือ อุปกรณ์ และวัสดุที่เป็นอัญมณีจริงในการเรียน รวมถึงหลักสูตรที่ได้วางแผนร่วมกัน เช่น การคัดอัญมณี การแปรรูป การเจียระไน และกระบวนการอื่นๆ ให้กับวิทยาลัยที่เปิดสอนสาขาอัญมณีฯ ทั้ง 7 ได้แก่ วิทยาลัยกาญจนาภิเษกวิทยาลัยช่างทองหลวง วิทยาลัยศิลปหัตถกรรมกรุงเทพฯ วิทยาลัยศิลปหัตถกรรมนครศรีธรรมราช วิทยาลัยเทคนิคกาญจนบุรี วิทยาลัยเทคนิคจันทบุรี วิทยาลัยสารพัดช่างจันทบุรี วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี นอกจากนี้ยังมีการแนะนำเส้นทางอาชีพในอนาคตอีกด้วย ด้านนายซุ่ยไฮ แซ่เอง กรรมการผู้จัดการบริษัทแฟมิลี่ แฟคทอรี่ จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยสร้างมาตรฐาน และเทคนิคที่ทันสมัยให้แก่นักศึกษา ที่จะเป็นช่าง เทคนิค และนักออกแบบอัญมณีและเครื่องประดับได้อย่างมีคุณภาพ เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถอย่างแท้จริง และสามารถผลักดันให้เกิดธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับที่เป็นเทรนด์ใหม่ๆ ได้ และเป็นการสนองต่อนโยบายของรัฐตามโครงการกรุงเทพเมืองแฟชั่น (สยามรัฐรายวัน เสาร์ที่ 2 ก.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

UN คลอดแผน "พลังงานชีวภาพ"

ที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) ได้ประกาศแผนริเริ่มพลังงานชีวภาพ (BioFuels Initiative) หลังจากที่มีการประชุมกันที่กรุงปารีส เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา แผนริเริ่มนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการผลิตพลังงานหมุนเวียนในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งได้มีการจัดตั้งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศเพื่อช่วยประเทศกำลังพัฒนาให้สามารถเพิ่มการผลิต การใช้ รวมถึงการค้าแหล่งพลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยี พลังงานชีวภาพ อาทิ ไบโอเอทานอล ไบโอดีเซล และไบโอก๊าซ เกิดจากพืชผลทางการเกษตร เช่น หัวผักกาดหวาน และดอกทานตะวัน ที่มีอยู่ในระบบนิเวศ จะกลายเป็นทางเลือกแทนที่การใช้พลังงานจากซากสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ หรือฟอสซิล ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ที่คาดกันว่าจะเหลือปิโตรเลียมให้ใช้ได้อีกเพียง 50 ปี ก๊าซธรรมชาติใช้ได้อีก 60 ปี และถ่านหินจะใช้ได้อีกราว 200 ปี แผนริเริ่มของอังค์ถัดนี้จะมุ่งไปที่ประเทศกำลังพัฒนา เพื่อช่วยสร้างความสามารถในการผลิต การใช้และการค้าพลังงานชีวภาพ รวมทั้งเพิ่มความตระหนักในภาคประชาสังคมและภาคธุรกิจให้เห็นถึงความท้าทายและโอกาสในการใช้พลังงานชีวภาพให้มากขึ้น ซึ่งวิธีนี้จะช่วยสนับสนุนให้เกิดการลงทุนใหม่ๆ อาทิ กลไกการพัฒนาแบบสะอาด (CDM) ขณะที่แหล่งพลังงานที่นำกลับมาใช้ใหม่ต้องพึ่งพากระบวนการอุตสาหกรรมที่มีความเชี่ยว ชาญสูง ใช้เทคโนโลยีและการลงทุนมาก แต่พลังงานชีวภาพสามารถผลิตในอุตสาหกรรมแบบปฐมภูมิและใช้เทคโนโลยีท้องถิ่น ซึ่งสามารถการถ่ายโอนองค์ความรู้ไปยังประเทศที่ยากจนได้ง่าย ด้านองค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) เปิดเผยว่า พลังงานชีวภาพจะมีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น หากราคาน้ำมันยังคงอยู่ (ประชาชาตธุรกิจ จันทร์ที่ 27 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th/prachachart)

ITS จราจรอัจฉริยะ เอาชนะรถติด

ITS (Intelligence Transportation Systems) เป็นระบบจัดการจราจรอัจฉริยะที่มีใช้กันแพร่หลายตามเมืองใหญ่ ๆ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีความก้าวหน้าด้านการขนส่งมวลชนระบบรางที่รุดหน้าอยู่แล้ว ก็ยังพัฒนาระบบอัจฉริยะให้รถยนต์ในประเทศที่มีราว ๆ 50 ล้านคันได้ใช้กัน ในระหว่างการประชุมนานาชาติ อินเตอร์เนชั่นแนล โร้ด เฟดเดอเรชั่น เวิลด์ มีตติ้ง 2005 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคซึ่งสมาคมทางหลวงแห่งประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ ทางองค์การไอทีเอส จากญี่ปุ่นก็ได้นำความสามารถทางด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะมาร่วมแสดงด้วย โดยนายมิเนยา คูโน ผอ.ไอทีเอส กรุงโตเกียว บรรยายถึงระบบการจราจรไฮเทคด้วยตนเอง องค์ประกอบของการจราจรอัจฉริยะคือความปลอดภัยบนถนน ที่มีไว้บริการแก่มนุษย์ กับรถยนต์ โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือ ระบบไอทีเอสที่ใช้อยู่ในญี่ปุ่น ประกอบด้วยระบบย่อย 2 ชนิด คือ VICS (Vehicle information and Communication System Center) ซึ่งเป็นการรายงานข้อมูลสภาพการจราจรที่เกิดขึ้นแบบฉับพลันทันที (Real time) และ ETC (Electronic Toll Collection System) หรือระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติ สองระบบนี้คือส่วนสำคัญที่ทำให้รถยนต์ที่วิ่งอยู่บนถนนเมืองญี่ปุ่นมีความคล่องตัวในการเดินทาง ท่ามกลางสภาพการจราจรติดขัด นายมิเนยา คูโน กล่าวถึงการทำงานของ VICS เฉพาะส่วนฮาร์ดแวร์ ว่ามีทั้งเสาอากาศติดตั้งอยู่ริมถนน คอยถ่ายทอดสภาพการจราจร ซึ่งรับสัญญาณมาจากเซ็นเซอร์ที่ติดอยู่ตามผิวจราจร รายงานข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ประมวลผล แล้วแจ้งต่อให้กับผู้ใช้รถยนต์ ในระดับความเร็วของการประมวลคอมพิวเตอร์ เพื่อสื่อสารกับผู้ใช้ทางได้รับทราบทุก 5 นาที ส่วนรถยนต์ ก็ต้องติดตั้งเครื่องเนวิเกเตอร์ หรือระบบนำร่อง ที่รับสัญญาณจากดาวเทียมจีพีเอส และแผนที่ดิจิทัลของท้องถนนในเขตเมืองที่รถวิ่งผ่าน รถยนต์ที่วิ่งบนท้องถนนจะผ่านเซ็นเซอร์ ส่งข้อมูลให้คอมพิวเตอร์ประมวลว่าสภาพการจราจรเป็นอย่างไร จากนั้นระบบจะวิเคราะห์และแปลงเป็นสัญลักษณ์เส้นสี บนแผนที่ดิจิทัล สีแดงแทนค่าการจราจรติดขัด สีเหลืองพอเคลื่อนตัวได้ ส่วนสีเขียวจะไปไดเร็วกว่า องค์การไอทีเอส เป็นหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่ให้บริการแก้ปัญหาการจราจร ซึ่งแม้จะให้ฟรี แต่รถที่จะเข้าระบบต้องร่วมลงทุนซื้ออุปกรณ์แผนที่ ดิจิทัล หรือระบบเนวิเกเตอร์มาเอง ราคาอยู่ที่ 1,000–2,000 เหรียญ สหรัฐ ซึ่งจะคุ้มทุนจากการประหยัดน้ำมันเพราะการเดินทางภายในเวลาหนึ่งปี ส่วน ETC ซึ่งเป็นระบบการจ่ายค่าผ่านทางอัตโนมัตินั้น ผู้ใช้ทางจะต้องติดตั้งเครื่องอ่านการ์ดไว้ที่หน้าปัดรถ ตัวการ์ดเป็นระบบพรีเพด หรือเติมเงิน เมื่อขับผ่านด่านเก็บเงิน ในช่องที่มีระบบอ่านก็จะตัดมูลค่าเงินออกไป โดยช่องที่ผ่าน แยกต่างหากจากช่องทางที่มีพนักงานเก็บซึ่งมีคิวยาวกว่า และจะคิดราคาลดพิเศษถ้าผ่านนอกช่วงชั่วโมงเร่งรัด ยิ่งถ้าเป็นช่วงกลางคืนที่รถน้อย จะมีส่วนลดถึง 42 เปอร์เซ็นต์ ระบบอัจฉริยะที่ว่า แม้จะไม่มีค่าบริการ แต่ก็มีค่าติดตั้งอุปกรณ์ ที่ทีมงานไอทีเอส ญี่ปุ่นยืนยันว่าคุ้ม กระนั้น จำนวนผู้ใช้ก็ยังเป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับรถยนต์ทั้งหมด กรณีนี้นายคูโน บอกว่าจำนวนผู้ใช้มีเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ในอัตราที่น่าพอใจ พวกที่ไม่ยอมใช้มักเป็นคนขับรถสาธารณะเช่นแท็กซี่ หรือรถบรรทุก ที่เชื่อมั่นว่ารอบรู้เส้นทางเป็นอย่างดี (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 28 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)

3 ทฤษฎีเขย่าโลก "อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์"

"ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ" : ผลงานของไอน์สไตน์อันลือเลื่องที่เปลี่ยนแนวคิดเรื่อง "เวลาและอวกาศ" หรือ กาล-อวกาศ" ของนักฟิสิกส์ในยุคของกฎการเคลื่อนที่ของ "นิวตัน" รุ่งโรจน์ พร้อมนำเสนอรายงาน 3 หน้าที่รวมสมการ E=mc2 ทฤษฎีสัมพัทธภาพมีนัยยะว่าเมื่อเพิ่มพลังงานให้มีความเร็ว มวลก็จะเพิ่มขึ้นด้วย จึงไม่มีอะไรจะเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าแสง ภายใต้ทฤษฎีนี้ไอน์สไตน์ฟันธงว่า เวลาของมนุษย์แต่ละคนไม่เท่ากัน เช่น หากคนหนึ่งเดินทางด้วยความเร็วสูงๆ หรืออยู่ในที่มีแรงดึงดูดสูง เวลาของพวกเขาจะต่างจากเวลาของคนที่อยู่กับที่ หรือคนเคลื่อนที่ช้า "ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กตริก" : ผลงานที่ช่วยไขปริศนาว่า ทำไมแสงจึงกระแทกอิเล็กตรอนให้หลุดจากโลหะทั้งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้อย่าง ทำให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจว่า แสงเป็นได้ทั้งอนุภาคและคลื่น ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก 1 ใน 3 ผลงานยิ่งใหญ่ที่นำโลกเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีไฮเทค รวมถึงเป็นพื้นฐานวิชา "กลศาสตร์ควอนตัม" ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเทคโนโลยีโลกยุคใหม่ โดยเซลล์สุริยะก็กำเนิดมาจากแนวคิดนี้นั่นเอง "การเคลื่อนที่แบบบราวเนียน" : ไอน์สไตน์ทำการทดลองโดยให้ละอองเกสรดอกไม้ที่มีขนาดเล็กลอยน้ำ เมื่อส่องกล้องจุลทัศน์ดูปรากฏว่ามีการเคลื่อนที่ของละอองเกสรดอกไม้ ลักษณะการเคลื่อนที่ของเกสรดอกไม้นี้เรียกว่า "การเคลื่อนที่แบบบราวเนียน" ซึ่งก็คือการเคลื่อนที่อย่างไม่เป็นระเบียบเหมือนเมื่อมองฝุ่นละอองที่เห็นลอยอยู่ในอากาศเมื่อยามมีแสงตัดผ่าน การเคลื่อนที่ของเกสรโดยการกระแทกจากโมเลกุลของของเหลวเช่นน้ำมีลักษณะทำให้เกสรดอกไม้เคลื่อนที่ เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าวัตถุต่างๆ ประกอบด้วยอนุภาคเล็กๆ ที่เรียกว่า "โมเลกุล" (ข่าวสด อังคารที่ 28 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)

แชมป์พัฒนาเว็บเซอร์วิส

ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ประกาศรายชื่อเยาวชนไทยสุดยอดฝีมือที่เป็นผู้ชนะในการแข่งขันพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วย “เว็บเซอร์วิส” เทคโนโลยีที่กำลังได้รับความสนใจ ซึ่งถูกมองว่าจะเป็นนิยามใหม่ของการใช้ชีวิต การทำงานและการสื่อสาร โดยจะผสมผสานนวัตกรรมและทลายพรมแดนด้านเทคโนโลยีที่มีอยู่ จากนักศึกษาเข้าร่วมแข่งขัน 318 รายจาก 111 ทีม ร่วมพัฒนาซอฟต์แวร์ภายใต้แนวคิด “Imagine a world technology dissolves the boundaries between us” โดยใช้เทคโนโลยี .NET ของไมโครซอฟท์ในการพัฒนาให้เป็นแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานบนอุปกรณ์ ไร้สาย ซึ่งเยาวชนไทยที่คว้ารางวัลชนะเลิศก็คือ “ทีมเป็นต่อ” นายพงศ์ภัทร สกุลไชยกร นายจักรพงษ์ นาคเดช นายสมบูรณ์ แซ่เล้า และนายวรพงษ์ ศุภกิจไพศาล นักศึกษา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โปรแกรมที่ส่งเข้าประกวดคือ Companion Transform ซึ่งมีแนวคิดที่ต้องการจะสะท้อนให้เห็นว่าสังคมของเราทุกวันนี้กลายสภาพเป็นการเชื่อมโยงกันทั่วโลก Companion Transform จะเป็นผู้ช่วยที่เปรียบเสมือนเพื่อนที่จะพาคุณไปได้ทุกที่ตามที่ต้องการ โดยไม่มีพรมแดนขวางกั้น โดยโปรแกรมจะเป็นเว็บเซอร์วิส ที่สามารถเก็บคำศัพท์แปลภาษา คุยแทนในภาษาที่พูดไม่เป็น พร้อมทั้งแสดงภาพเคลื่อนไหวด้วยภาษามือที่คนหูหนวกสามารถเข้าใจได้ และที่สำคัญมีระบบสามารถที่จะคาดเดาวลีหรือประโยค ที่มีโอกาสจะถูกเลือกใช้ในการสนทนา นอกจากนี้ยังมีเว็บเซอร์วิสที่ช่วยให้สามารถอ่านและแปลความหมายป้ายภาษาต่าง ๆ ผ่านการถ่ายภาพจากพ็อกเก็ตพีซี มีบริการช่วยค้นหาที่ตั้งสถานที่หรือข้อมูลเกี่ยวกับเมืองที่ต้องการจะไป รวมทั้งยังบอกเส้นทางได้อย่างละเอียดในเส้นทางบนแผนที่ได้อีกด้วย ในอนาคตโปรแกรมนี้จะมีการเพิ่มเติมเว็บเซอร์วิสสำหรับ Speech Recognition System หรือระบบจดจำคำพูด เพิ่มการรองรับได้มากกว่า 20 ภาษา รวมทั้งเสียง ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเมืองต่าง ๆ ได้ทั่วโลกครอบคลุมไม่น้อยกว่า 20 ประเทศ สำหรับรองชนะเลิศอันดับ 1 คือโปรแกรม Harmony Jigsaw จากทีม “Power to the dream” มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เน้นการเป็นตัวแทนในการสื่อความรู้สึกแทนใจให้กับผู้ส่งและคนพิเศษ ด้วยการสื่อสารกันแบบไม่ธรรมดา ด้วยการทำกิจกรรมร่วมกันโดยการส่งและรับภาพและข้อความที่ถูกส่งไปถึงผู้รับในรูปแบบของ Jigsaw ด้วยเทคโนโลยีเว็บเซอร์วิส เมื่อต่อภาพที่ผู้ส่งส่งมาให้ผู้รับก็จะได้เป็นข้อความที่อยู่ข้างใน เมื่อผู้รับ ได้รับข้อความเรียบร้อยโปรแกรมก็จะส่งข้อความกลับไปหาผู้ส่งให้ได้รู้ว่าข้อความได้ถูกเปิดอ่านไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 ก็คือโปรแกรม My Hero จากทีม “SKY.NET” มหาวิทยาลัยขอนแก่น เน้นการเป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสารระหว่างนักฟุตบอลและแฟนบอลด้วยเทคโนโลยีเว็บเซอร์วิส จะทำให้แฟนบอลได้ขอลายเซ็น แลกเปลี่ยนทัศนะต่าง ๆ กับนักเตะในดวงใจ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการวิจารณ์ ติชมเกม ความรู้สึกก่อนลงแข่งหรือหลังแข่งที่แฟน ๆ อยากรู้และนักฟุตบอลอยากที่จะระบาย หรือแม้แต่ยังสามารถเรียนรู้ทิปการเล่นจากนักเตะ ได้อย่างสบาย ๆ นอกจากนั้นยังให้บริการ E-Card Service ถึงนักเตะในดวงใจได้อย่างง่าย ๆ ไม่ว่าจะอวยพรวันเกิด แสดงความยินดีกับชัยชนะในการลงแข่งขันต่าง ๆ ก็สามารถส่งกันได้อย่างเต็มที่ และรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 3 ก็คือโปรแกรม OTOP จากทีม “Next Step Bull” สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เน้นสร้างความคล่องตัวให้กับผู้ค้าขายสินค้าโอทอป ในรูปแบบระบบ E-Commerce Web Service ที่ได้มีการใช้เทคโนโลยี Web Service มาช่วยจัดการและบริหาร Supply Chain ตั้งแต่การจัดเตรียมวัตถุดิบ จนถึงการซื้อขายสินค้า ทั้งนี้ “ทีมเป็นต่อ” จะเป็นตัวแทนเยาวชนไทย เข้าร่วมการแข่งขัน Imagine Cup 2005 การแข่งขันพัฒนาซอฟต์แวร์ระดับโลกที่ประเทศญี่ปุ่น ในเดือนกรกฎาคมนี้ (เดลินิวส์ พุธที่ 29 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)

สวยจากศพ!

การปลูกถ่าย “ใบหน้า” ซึ่งเป็นเรื่องใหม่สุด ๆ ในวงการแพทย์ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งการปลูกถ่ายใบหน้านี้ต่างจากการศัลยกรรมใบหน้า อย่างเช่นการศัลยกรรมพลาสติก หรือการศัลยกรรมที่ใช้เนื้อเยื่อของผู้ป่วยเอง แต่เป็นการนำใบหน้าจาก “ศพ” ของผู้บริจาค “ทั้งใบหน้า” มาปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วยที่ต้องการรับการปลูกถ่าย หมอและนักวิจัยจาก University of Louisville ที่เคยประสบความสำเร็จในการผ่าตัดปลูกถ่ายมือเมื่อ ปี ค.ศ. 1999 ออกมาประกาศว่า ด้วยเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญที่มีอยู่ บัดนี้พร้อมแล้วที่เราจะลงมือปฏิบัติการทำให้ผู้ป่วยที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากการเสียโฉมได้ “สวย (หล่อ) จากศพ” คุณหมอและคนอื่น ๆ ที่อยู่ฝ่ายสนับสนุนให้เหตุผลว่า ความรู้สึกของบรรดาผู้ป่วยที่เสียโฉมจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเนื้องอก ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก โดนน้ำกรดสาด (พบได้บ่อยในประเทศเขตร้อนเช่นประเทศไทย) หรือแม้กระทั่งโรค ร้ายอย่างมะเร็งนั้น มันเจ็บปวด ขมขื่น หดหู่ มากมายเกินกว่าที่คนทั่วไปจะเข้าใจนัก อีกทั้งการศัลยกรรมใบหน้าอย่างเช่นการนำเอาเนื้อเยื่อของผู้ป่วยเองมาปลูกถ่ายนั้น ก็ต้องอาศัยการผ่าตัดหลายครั้ง ซึ่งอาจมากเป็นร้อย ๆ ครั้งเลยทีเดียว กว่าที่ใบหน้าของคนไข้จะกลับเข้าสู่สภาวะใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด อีกทั้งเทคโนโลยีที่มีอยู่ ณ ขณะนี้ ก็พร้อมแล้วสำหรับการเปลี่ยนใบหน้าแบบ “ยกแผง” ให้กับผู้ป่วยโดยที่ไม่ต้องห่วงเรื่องอาการปฏิเสธอวัยวะของผู้รับเนื่องจากมีการใช้ยากดภูมิต้านทานชั้นดี อีกทั้งบรรดาผู้ป่วยที่เป็นเจ้าของมือ 25 มือที่ได้รับการปลูกถ่ายนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1999 ก็ยังอยู่ดีมีสุขจนกระทั่งปัจจุบัน อย่างไรก็ดีฝ่ายคัดค้านก็ยังคงพยายามชี้ให้เห็นถึงอันตรายหรือผลข้างเคียงจากการใช้ยากดภูมิคุ้มกันที่ป้องกันไม่ให้เกิดการปฏิเสธอวัยวะในผู้รับการปลูกถ่าย ว่าอาจมีมากกว่าที่ฝ่ายสนับสนุนให้ข้อมูล และผู้ป่วยเองอาจต้องเผชิญกับปัญหา “สองทางเลือก” คือ “กินยา” หรือไม่ก็ “ตาย” ตลอดช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ (เดลินิวส์ พุธที่ 29 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)

สารพิษขยะอิเล็กทรอนิกส์

ขยะอิเล็กทรอนิกส์มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรง ไม่ว่าจะกำจัดมันด้วยวิธีเผาหรือฝังก็ตาม เพราะควันสีดำที่เกิดจากการเผาไหม้จะลอยขึ้นไปทำลายชั้นบรรยากาศ พอๆ กับการฝังสารเคมีเหล่านี้ให้ลงไปทำลายชั้นดินและแหล่งน้ำใต้ดิน เป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย และระบบนิเวศ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข จำแนกสารอันตรายที่อยู่ในผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ได้แก่ 1.ตะกั่ว เป็นส่วนประกอบในการบัดกรีในแผ่นวงจรพิมพ์ หลอดภาพรังสีแคโทด(CRT) เป็นต้น โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นจะไปทำลายระบบประสาทส่วนกลาง ระบบโลหิต การทำงานของไต การสืบพันธุ์ และมีผลต่อการพัฒนาสมองของเด็ก นอกจากนี้ พิษจะสามารถสะสมได้ในสิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดผลแบบเฉียบพลัน หรือแบบเรื้อรังได้ในพืชและสัตว์ 2.แคดเมียม มักพบในแผ่นวงจรพิมพ์ ตัวต้านทาน และหลอดภาพรังสีแคโทด เป็นต้น ซึ่งสารนี้จะสะสมในร่างกาย โดยเฉพาะที่ไต ทำลายระบบประสาท ส่งผลต่อพัฒนาการและการมีบุตร หรืออาจมีผลกระทบต่อพันธุกรรม 3.ปรอท มักพบในตัวตัดความร้อน สวิตช์ และจอแบน โดยจะส่งผลในการทำลายอวัยวะต่างๆ รวมทั้งสมอง ไต และเด็กในครรภ์มารดาได้ และถ้าลงสู่แหล่งน้ำจะเปลี่ยนรูปเป็น Methylated Mercury และตกตะกอน ซึ่งสะสมในสิ่งมีชีวิตได้ง่าย และจะสะสมต่อไปตามห่วงโซ่ 4.โครเนียมเฮกซาวาเลนท์ ใช้ในการป้องกันการกัดกร่อนของแผ่นโลหะเคลือบสังกะสี ซึ่งสามารถผ่านเข้าสู่ผนังเซลล์ได้ง่าย จะส่งผลในการทำลายดีเอ็นเอ 5.เบริลเลียม ใช้ในแผนวงจรหลัก เป็นสารก่อมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งปอด โดยผู้ที่ได้รับสารนี้อย่างต่อเนื่องจากการสูดดมจะกลายเป็นโรค Beryllicosis ซึ่งมีผลกับปอด หากสัมผัสก็จะทำให้เกิดแผลที่ผิวหนังอย่างรุนแรง 6.สารหนู ใช้ในแผงวงจร ซึ่งจะทำลายระบบประสาท ผิวหนังและระบบการย่อยอาหาร หากได้รับปริมาณมากอาจทำให้ถึงตายได้ 7.แบเรียม ใช้ในแผ่นหน้าของหลอดรังสีแคโทด ซึ่งเป็นสารที่มีผลต่อสมอง ทำให้สมองบวม กล้ามเนื้ออ่อนล้า ทำลายหัวใจ ตับ และม้าม 8.ตัวทนไฟทำจากโบรมีน ใช้ในกล่องพลาสติคของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แผงวงจร และตัวเชื่อมต่อ ซึ่งเป็นสารที่มีพิษและสามารถสะสมได้ในสิ่งมีชีวิต ถ้ามีทองแดงร่วมด้วยจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดไดออกซินและฟิวแรนระหว่างการเผา เนื่องจากตัวทนไฟทำจากโบรมีนมีอยู่หลายรูปแบบ แบบที่มีอันตรายมากจะเป็นโพลีโบรมิเนตเต็ด ไบฟีนีล(Polybrominated Biphenyls-PBBs) ซึ่งก่อให้เกิดไดออกซิน สารก่อให้เกิดมะเร็งทำลายการทำงานของตับ มีผลกระทบต่อระบบประสาทและภูมิต้านทาน ทำให้การทำงานของต่อมไทรอยด์ผิดพลาด รวมถึงระบบต่อมไร้ท่อสามารถสะสมในน้ำนมของมนุษย์และกระแสเลือด สามารถถ่ายทอดในห่วงโซ่อาหาร แม้แนวโน้มของการใช้สารอันตรายในผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น แต่ก็มีการศึกษาวิจัยเพื่อหาสารทดแทนสารอันตรายเหล่านี้ และหาวิธีใช้สารอันตรายในผลิตภัณฑ์ปริมาณที่ลดลง ขณะเดียวกัน สหภาพยุโรปได้กำหนดระเบียบว่าด้วยเรื่องการจำกัดการใช้สารที่เป็นอันตรายบางประเภทในผลิตภัณฑ์ โดยห้ามใช้สารโลหะหนัก 6 ประเภทที่เป็นอันตรายในผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม โครเมียมเฮกซาวาเลนท์ โพลีโบรมิเนตเต็ด ไบฟีนีล โพลีโบรมิเนตเต็ด ไดฟีสีลอีเทอร์ ซึ่งเป็นผลให้ผู้ผลิตรายใหญ่ที่ส่งเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์จำหน่ายไปยังสหภาพยุโรปได้เปลี่ยนเทคโนโลยีการผลิตและหาสารอื่นทดแทนสารอันตรายตามระเบียบดังกล่าว (มติชนรายวัน พุธที่ 29 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th)

เรียนรู้หลากหลาย กับ GSP สื่อคณิตศาสตร์ไอที

โปรแกรม GSP หรือ Geometer Sketch-pad เป็นสื่อไอทีช่วยสอนวิชายาก ๆ และเป็นนามธรรม อย่าง “คณิตศาสตร์” ให้ผู้เรียนเข้าใจได้ง่าย รวดเร็ว เกิดจินตนาการและทำความเข้าใจกับเนื้อหาได้ชัดเจน ทำให้คณิตศาสตร์ไม่กลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ สำหรับเด็ก ๆ ตั้งแต่เริ่มเปิดตำรา โปรแกรมช่วยสอนตัวนี้ เป็นซอฟต์แวร์ที่อธิบายเนื้อหายาก ๆ เช่น ทฤษฎีคณิตศาสตร์ เรขาคณิต พีชคณิต ตรีโกณมิติ แคลคูลัส โดยใช้ภาพเคลื่อนไหว (animation) อธิบายสร้างความเข้าใจที่กระจ่าง นักเรียนสามารถแลเห็นได้อย่างเป็นรูปธรรม ฝึกปฏิบัติได้ด้วยตัวเองเพราะเรียนรู้ง่าย นอกจากนี้ยังบูรณาการให้เข้ากับการเรียนการสอนวิชาอื่น ๆ เช่น วิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ศิลปะ สังคมศาสตร์ได้อย่างกลมกลืน คุณครูก็สามารถใช้โปรแกรม GSP เป็นเครื่องช่วยกระตุ้นการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ที่ทันสมัยแหวกแนวไปจากเดิม เพราะแทนที่จะสอนให้เด็ก จำสูตรโดยปราศจากความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ทว่าด้วยศักยภาพของโปรแกรม GSP จะกระตุ้นให้นักเรียนค้นคว้า พิสูจน์ เพื่อค้นหาคำตอบด้วยตัวเองจากการลงมือปฏิบัติจริง สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยา ศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ได้ลงนามในพิธีครองลิขสิทธิ์การใช้ซอฟต์แวร์ GSP Version 4.0 กับบริษัท Key Curriculum Press ผู้พัฒนาโปรแกรมดังกล่าวเมื่อปีที่แล้ว และได้นำมาใช้เป็นทางเลือกหนึ่งเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการเรียนการสอนคณิตศาสตร์บ้านเรา ขณะนี้ สสวท.กำลังแปลโปรแกรมดังกล่าวเป็นภาษาไทยเพื่อให้โรงเรียนใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยได้ทดลองโปรแกรมนี้นำร่องในโรงเรียน 30 แห่ง ปรากฏว่าเสียงสะท้อนของผู้เรียนออกมาในทิศทางเดียวกัน คือมีความเข้าใจวิชาคณิตศาสตร์ดีขึ้น เรียนรู้อย่างมีความสุข จนแม้กระทั่งนักเรียนระดับประถมศึกษาซึ่งไม่คุ้นเคยกับโปรแกรมนี้มาก่อนเลย ก็สามารถเรียนรู้และเข้าใจรูปทรงเรขาคณิตได้ดีภายในวันเดียว เพื่อรองรับการขยายการใช้งานโปรแกรมนี้ไปสู่สถานศึกษา สสวท.ได้ฝึกอบรมวิทยากรแกนนำและครู ตลอดจนบุคลากรทางการศึกษาสำหรับอบรมครูคณิตศาสตร์ทั่วประเทศ โดยมีเครือข่ายมหาวิทยาลัยของรัฐ และมหาวิทยาลัยราชภัฏเข้ามีส่วนร่วมรวมทั้งอบรมครูมัธยมประมาณ 1,000 คน กว่า 120 โรงเรียน ครูโรงเรียนนำร่องของ สสวท. และครูในโครงการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ในโครงการเงินกู้ธนาคารโลก ผู้สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ สสวท. โทร. 0-2392-4021 ต่อ 1245. (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 30 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)

อเมริกาไฮเทคใช้ลายนิ้วมือจ่ายเงิน

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงาน เรื่องการสแกนลายนิ้วมือจ่ายเงินแทนบัตรเครดิตว่า ชาวอเมริกันมีเสียงตอบรับเรื่องดังกล่าวมากโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบาย รวดเร็ว และปลอดภัย โดยเชื่อว่าเทคโนโลยียืนยันตัวบุคคลด้วยข้อมูลทางชีวภาพ (Biometrics Technology) จะสามารถป้องกันการขโมยบัตรเครดิตได้ โดยนักวิเคราะห์ตลาดคาดการณ์ไว้ว่า ในอเมริกาอุปกรณ์การจ่ายเงินผ่านการสแกนลายนิ้วมือจะเติบโตอย่างรวดเร็วจากยอดขาย 68 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2548 เป็น 243 ล้านเหรียญในปี 2551 และเป็นไปได้ที่จะขยายการใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าวไปทั่วโลก รายงานข่าวระบุว่า ร้านค้าปลีก และร้านขายของชำในอเมริกาแสดงความสนใจและต้องการนำอุปกรณ์ดังกล่าวมาติดตั้งเพื่อให้บริการภายในร้านเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ยังคงมีประชาชนบางส่วนไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ากฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคจะสามารถคุ้มครองข้อมูลหลังใช้อุปกรณ์ดังกล่าวได้ ทั้งนี้ การพัฒนาเทคโนโลยียืนยันด้วยข้อมูลทางชีวภาพปัจจุบัน นอกจากการใช้วิธีสแกนลายนิ้วมือแล้ว ยังมีการสแกนม่านตา และการจดจำลายเส้นเสียงด้วย. (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 30 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)

หวั่นร้อนน้ำแข็งขั้วโลกละลาย เกาะอังกฤษจะจมหายตั้งครึ่ง

นักวิทยาศาสตร์กล่าวแสดงความวิตกว่า เกาะอังกฤษอาจจะต้องจมทะเลหายลงไปตั้งครึ่ง หากว่ายังไม่มีการดำเนินงาน เพื่อป้องกันความเสียหาย เนื่องจากอุณหภูมิของโลกที่สูงเพิ่มขึ้น หนังสือพิมพ์ “เดอะซัน” ฉบับใหญ่ของอังกฤษ รายงานว่า นักวิจัยของมหาวิทยาลัยคอลเลจ ในกรุงลอนดอน ได้รายงานผลการศึกษาว่า เหตุของความหายนะอาจจะอุบัติขึ้นได้ ภายในเวลา 200 ปีนี้ ถ้าหากว่ายังไม่มีการดำเนินการเป็นการป้องกันไว้แต่เนิ่นๆ รายงานกล่าวว่า เมื่อแผ่นน้ำแข็งใหญ่ที่ปกคลุมขั้วโลก โดนถูกอุณหภูมิที่สูงขึ้นรุมให้อุ่น ขึ้น ก็จะละลายเป็นน้ำ ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นอีกถึง 84 เมตร ท่วมท้นเมืองใหญ่บนเกาะอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นลอนดอน แมนเชสเตอร์ และเอดินเบอระให้จมไป. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 1 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)

กรมประมงหวั่นปลาไทยสูญพันธุ์

นายสิทธิ บุณยรัตผลิน อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า จากการศึกษาของนักวิชาการกรมประมงเกี่ยวกับพันธุ์สัตว์น้ำท้องถิ่นของไทยในปัจจุบัน ระบุพันธุ์สัตว์น้ำที่สูญพันธุ์ไปจากประเทศไทยแล้วมี 3 ชนิด คือ ปลาหางไหม้ ปลาหวีเกศ และปลาเสือตอ นอกจากนั้นยังมีปลาไทยถึง 29 ชนิดอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ และอีกกว่า 156 ชนิดที่ถูกคุกคาม ซึ่งสาเหตุที่ทำให้พันธุ์สัตว์น้ำท้องถิ่นของไทยสูญพันธุ์นั้น เนื่องจากการทำการประมงเกินขนาด และการจับปลาในฤดูผสมพันธุ์วางไข่ รวมถึงการรวบรวมพันธุ์ปลาจากแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อนำมาจำหน่ายเป็นปลาสวยงาม ตลอดจนแหล่งที่อยู่อาศัยเริ่มเสื่อมโทรม และสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป สัตว์น้ำไทยที่อยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์ ได้แก่ ปลาตะพัด ปลาตองลาย ปลากระโห้ ปลาทรงเครื่อง ปลาหมูอารีย์ ปลาบึก ปลาเทพา และปลากะรังหน้างอน เป็นต้น ส่วนปลาที่อยู่ในสถานะถูกคุกคาม ได้แก่ กระเบนราหูน้ำจืด ปลาซิวข้างขวาน ปลายี่สก ปลานวลจันทร์ ปลาดุกด้าน ปลาดุกลำพัน ปลาจีด ปลากระทิงไฟ ปลากะรังหางตัด และม้าน้ำ ด้านนายวัฒนะ ลีลาภัทร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำ กล่าวว่า แนวทางในการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำท้องถิ่นไทยที่สถาบันฯ ได้ดำเนินการในขณะนี้ คือ การจัดทำโครงการเก็บรักษาเชื้อพันธุ์ และข้อมูลพันธุกรรมของสัตว์น้ำ โดยจัดตั้งเป็น “ธนาคารพันธุกรรมสัตว์น้ำ กรมประมง” ใช้เทคโนโลยีการเก็บรักษาเชื้อพันธุ์โดยวิธีแช่แข็ง ซึ่งเป็นวิธีที่สามารถเก็บรักษาเชื้อพันธุ์ไว้ได้นานหลายปี ทั้งนี้ สถาบันฯ ได้ประยุกต์วิธีการดังกล่าวมากจากสัตว์บก ด้วยการวิจัยและพัฒนาการเก็บรักษาน้ำเชื้อโดยวิธีแช่แข็ง (Spermetozoa cryopreservation) ในสัตว์น้ำ ที่มาจากการเพาะเลี้ยง และจากธรรมชาติ ปัจจุบันสถาบันฯ มีเชื้อพันธุ์ที่เก็บแช่แข็งไว้รวมทั้งสิ้น 9 ชนิด 26 สายพันธุ์ และยังมีโครงการวิจัยในปลาบึกและปลายี่สก นอกจากนั้น สถาบันฯ ยังใช้เทคโนโลยีชีวภาพในด้านโมเลกุลเครื่องหมายมาศึกษาวิจัยเพื่อชี้ให้เห็นสถานภาพทางด้านพันธุกรรมสัตว์น้ำท้องถิ่นของไทยบางชนิด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสถานะความอยู่รอดของประชากรสัตว์น้ำชนิดนั้นๆ ในธรรมชาติ พร้อมกับผลิตพันธุ์สัตว์น้ำจืดกลับคืนสู่ธรรมชาติ เพิ่มฟื้นฟูและเพิ่มพูนความอุดมสมบูรณ์สู่แหล่งน้ำ ซึ่งในปี 2548 มีแผนการผลิตพันธุ์สัตว์น้ำรวม 100 ล้านตัว อาทิ ปลานิล สพก. 10.38 ล้านตัว ปลานิลแดง สพก. 0.70 ล้านตัว ปลาตะเพียนขาว สพก. 36.40 ล้านตัว ปลายี่สกเทศ สพก. 16.20 ล้านตัว ปลาตะเพียนขาว 6.90 ล้านตัว และกุ้งก้ามกราม 10.12 ล้านตัว เป็นต้น (สยามรัฐรายวัน ศุกร์ที่ 1 ก.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)

แท่นผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล...กำลังจะเป็นขยะพิษ

การค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ใต้ผิวพื้นท้องทะเลไทยจำนวนมากหลายแหล่งด้วยกันทั้งภายในอ่าวและไหล่ทวีป ซึ่งบริษัทข้ามชาติที่ร่วมหุ้นกับรัฐบาลไทยสำรวจพบก็ขอรับสัมปทานไปผลิตและนำมาจำหน่ายให้คนไทยได้ใช้กั การขุดเจาะสำรวจแหล่งพลังงานปิโตรเลียมกลางทะเลนั้น ไม่ใช่ว่าจะขุดเจาะครั้งเดียวแล้วพบแหล่งเลยก็หาไม่ บางแหล่งที่ขุดเจาะก็อาจจะพบมากพบน้อยแตกต่างกันไป ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละแหล่งจะนำมาใช้ได้หรือไม่ เพราะต้องดูปริมาณที่มีเพื่อคำนวณถึงจุดคุ้มทุนทางเศรษฐศาสตร์ ปัจจุบันนับตั้งแต่ประเทศไทยอนุญาตให้บริษัทข้ามชาติมาสำรวจและขุดเจาะหาแหล่งพลังงานในอ่าวไทย พบเรามีแท่นประกอบผลิตปิโตรเลียม จำนวนทั้งสิ้น 166 แท่น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแท่นขนาดเล็ก มีแท่นหลุมผลิต (Wellhead Platform) 132 แท่น และแท่นขนาดใหญ่ คือแท่นกระบวนการผลิต(Processing Platform) 13 แท่น รวมทั้งแท่นที่พักอาศัย(Living Quarter Platform) และแท่นอื่นๆ(Riser/Flare Platform) อีก 21 แท่น แท่นที่กล่าวมาทั้งหมดนี้มีบางแท่นที่อายุการใช้งานเกิน 20 ปี ซึ่งถือว่าหมดอายุการใช้งานแล้วกว่า 35 แท่น แต่ก็ยังไม่มีการดำเนินรื้อถอนหรือการดำเนินการใดๆ การผลิตและขุดเจาะปิโตรเลียมนั้นจะมีโลหะหนักที่เป็นพิษปนเปื้อนออกมาจากหลุมผลิตด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสารพิษพวกสารปรอท(Mercury) ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติหรือท้องทะเล ซึ่งมักจะพบในรูป Inorganic Mercury สามารถสะสมในร่างกายสิ่งมีชีวิตในรูป Methy Mercury ซึ่งร่างกายสัตว์ทะเล เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา ฯลฯ สามารถดูดซึมได้ถึง 95-98% เลยทีเดียวและสารพิษพวกนี้ถูกขับไล่ออกมาในรูปของเสียจากร่างกายสัตว์ได้น้อยมาก เนื่องจากเป็นสารที่เสถียรไม่ค่อยแตกตัวเป็นสารอินทรีย์ ซึ่งพบว่า 15% จะสะสมในสมองสัตว์ คนที่ชอบรับประทานอาหารทะเลที่มาจากอ่าวไทย ย่อมมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับสารปรอทสะสมในร่างกายตามไปด้วย ทำให้คนไทยอาจสมองเสื่อมร่างกายขาดการพัฒนาการและเติบโตช้าลง กระทรวงพลังงานในฐานเจ้าภาพโดยตรง แต่ก็ยังไม่มีมาตรการใดๆ ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าจะรื้อถอนกันอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม บทความนี้ต้องการสะท้อนความห่วงใยที่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมในทะเล ที่อาจส่งผลกระทบรอบด้านอีกหลายเรื่อง เช่น ปัญหามลภาวะทางทะเล ปัญหาการเดินเรือ ปัญหาการเดินอากาศ ปัญหาความมั่นคง ปัญหาการประมง ปัญหาทางการวิจัยทางวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ปัญหาการวางสายเคเบิลหรือท่อใต้น้ำในทะเล ฯลฯ ซึ่งหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบโดยตรงและโดยอ้อม ต้องเร่งศึกษา วางแผน เอาใจใส่ในการวางกฎระเบียบ มาตรการที่ชัดเจนโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นปัญหาจะตามมาอีกมากมาย (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 1 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th)

"บิล เกตส์"ถึงไทยดันตั้งเว็บเซอร์วิสโลก

บริษัทไมโครซอฟท์ คอปอเรชั่น และคณะ เดินทางเข้าพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสเดินทางมาร่วมประชุมไทยแลนด์ โฟกัส 2005 ในโอกาสนี้ นายบิล เกตส์ มอบ "กรอบรูปดิจิตอล" ซึ่งเป็นภาพสกรีน เซิร์ฟเวอร์ภาพอิริยาบถของนายกรัฐมนตรีที่รับแขกในงานต่างๆ รวมทั้งรูปของนายกฯ กับนายบิล เกตส์ ด้วย พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า บิล เกตส์ เสนอให้ความช่วยเหลือเพื่อพัฒนาระบบไอซีทีแก่ประเทศไทย 3 เรื่อง คือ 1.เรื่องโครงการ E-Government 2.เรื่องเว็บเซอร์วิส หรือไทยแลนด์ ด็อต เน็ต และ 3.เรื่อง E-Learning จะมีการอบรมด้านเว็บเซอร์วิสแก่นักพัฒนาจำนวน 69,000 คน โดยตั้งเป้าว่าจะมีนักพัฒนาจำนวน 2,600 คนที่ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากล โดยจะเปิดให้ทดลองใช้งานเป็นครั้งแรกในเดือนส.ค. ด้านนายบิล เกตส์ กล่าวว่า ไมโครซอฟท์พร้อมจะส่งเสริมบริการ E-Government และพร้อมจะมอบซอฟต์แวร์ให้แก่โรงเรียนในประเทศไทย รวมทั้งสร้างเว็บไซต์ www.thailand.net เพื่อเป็นศูนย์กลางเผยแพร่ความรู้ด้านบริการของเว็บไซต์หรือเว็บเซอร์วิสให้แก่คนไทย บิล เกตส์ แถลงถึงความร่วมมือกับรัฐบาลไทยใน 3 โครงการภายใต้ "Thailand Digital Inspiration" ได้แก่ Thailand.net, Partners in Learning Digital Phase และ E-Government-Thailand Gateway ว่า สำหรับ Thailand.net การลงทุนในโครงการนี้คิดเป็นมูลค่า 140 ล้านบาท เป็นยุทธศาสตร์และความร่วมมือในระยะยาวระหว่างไมโครซอฟท์กับรัฐบาลไทย ทางไมโครซอฟท์วางยุทธศาสตร์การดำเนินงานเป็นเวลา 3 ปีเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นไปอยู่แถวหน้าของนวัตกรรมบูรณาการ ด้วยการพัฒนาให้เกิดการสร้างซุปเปอร์ฮับด้านเว็บเซอร์วิสของโลก นายบิล เกตส์ เปิดเผยว่า รู้สึกพอใจที่พ.ต.ท.ทักษิณแถลงว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ ถือเป็นเรื่องท้าทายและต้องใช้เวลา หากไทยมีปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์มากเท่าใดยิ่งจะกระทบต่อผู้ประกอบการท้องถิ่นของไทยเอง เนื่องจากจะทำให้เกิดการละเมิดซอฟต์แวร์อื่นๆ มากขึ้นด้วย จนไม่เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์โดยรวม (ข่าวสด ศุกร์ที่ 1 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)

ปลาบึกยักษ์ 'ใหญ่ที่สุดในโลก' โผล่น้ำโขง

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากกรุงวอชิงตันประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ว่า ตามที่มีกลุ่มชาวประมงในจังหวัดทางภาคเหนือของไทย ริมฝั่งแม่น้ำโขง ได้ทำการจับปลาบึกปลาน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้เมื่อเร็วๆนี้ ทางเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ได้ไปพบ ได้ขอร้องให้ชาวประมงปล่อยตัวไป เพราะมันเป็นปลาบึกเพศผู้ เพื่อที่จะได้ผสมพันธุ์และแพร่พันธุ์ปลาชนิดนี้ต่อไปในแม่น้ำโขง แต่ปรากฏว่า ปลาบึกตัวนี้ได้ตายลง ดร.เซบ โฮแกน นักวิจัยของกองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) และ สมาคมเนชั่นแนล จีโอกราฟิก ออกแถลงการณ์ร่วมระบุว่า ปลาบึกตัวที่จับได้นี้ เมื่อวัดขนาดและน้ำหนักแล้ว ถือว่าเป็นปลาบึกตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะชั่งน้ำหนักดูแล้วได้ 646 ปอนด์ หรือ 293 กก. ยาว 6 ฟุต หรือ 180 ซม. มีขนาดเท่ากับหมีควาย สำหรับปลาบึกนั้น ถือว่าเป็นสัตว์น้ำหายาก อาศัยอยู่เฉพาะในลำน้ำโขงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดร.เซบ โฮแกน ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าโครงงานวิจัยของสมาคมเนชั่นแนล จีโอกราฟิก ในการวิจัยเรื่องปลาบึกที่มีขนาดยาวกว่า 200 ซม.และน้ำหนักเกินกว่า 100 กก. เพื่อไม่ให้สูญพันธุ์. (เดลินิวส์ เสาร์ที่ 2 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)

พบผลพวงคลื่นยักษ์ มาเลย์พื้นที่เคลื่อน ลังกาวีขยับ 18 ซม.

มาเลเซียเผยพื้นที่เคลื่อนเพราะแรงเขย่าของคลื่นยักษ์สึนามิที่ถล่มทะเลอันดามัน โดยสำนักงานสำรวจและจัดทำแผนที่ของมาเลเซียเปิดเผยว่า คลื่นยักษ์สึนามิได้ทำให้เกาะลังกาวีพื้นที่เคลื่อนราว 18 เซนติเมตร ขณะที่ปลายเกาะยะฮอร์พื้นที่ขยับเคลื่อนไปทางตะวันตก 2 เซนติเมตร โดยคลื่นยักษ์สึนามิได้ส่งผลให้รอยต่อ “ซันดา” อันเป็นที่ตั้งของเกาะมาเลเซียเปลี่ยนแนวเคลื่อนตัวจากปกติ จากเดิมที่จะเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉลี่ยปีละ3 เซนติเมตร ขณะที่สำนักงานสำรวจและจัดทำแผนที่ของมาเลเซียยังไม่สามารถประเมินได้ว่า การเคลื่อนตัวผิดเพี้ยนของเกาะมาเลเซียจะเกิดขึ้นอีกต่อไปหรือไม่ แต่ก็มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นได้ในอีก 18 เดือนหน้า ก่อนหน้านี้ มีการเปิดเผยว่า คลื่นยักษ์สึนามิได้ทำให้แกนโลกเกิดการเคลื่อนตัว โดยเกาะเล็กบางเกาะได้เคลื่อนถึง 20 เมตร ขณะที่ทางการมาเลเซียยังเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ผลจากคลื่นยักษ์สึนามิได้ทำให้ระดับความลึกของช่องแคบมะละกาลดลง 1-2 เมตรด้วย (สยามรัฐรายวัน เสาร์ที่ 2 ก.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)

เปิดตัวเว็บไซต์ “ไปไหน” ค้นหาข้อมูลได้ทุกเรื่องที่ต้องการ

นายไผทสันต์ โพธิทัต ผู้อำนวยการ บริษัท แมพพ้อยท์ เอเซีย(ประเทศไทย) จำกัดผู้ให้บริการแผนที่ดิจิตอลและLocation Base Service เปิดเผยว่า แมพพ้อยท์ ร่วมกับ บริษัท นิภา เทคโนโลยี จำกัด ผู้คิดค้นบริการ “ชื่อไทย ไม่มีดอท” ได้เปิดบริการด้านสื่อโฆษณาบนอินเตอร์เน็ตแบบลักษณะเว็บเซอร์วิส ในการค้นหาข้อมูล สถานที่ พร้อมแผนที่ ในชื่อบริการ “ไปไหน” ด้วยงบลงทุนกว่า 50 ล้านบาท บริการ “ไปไหน” เป็นการนำจุดแข็งของทั้ง 2 บริษัท มารวมตัวกัน เพื่อบริการสำหรับกลุ่มเจ้าของสถานบริการ กลุ่มธุรกิจโรงแรม สถานบริการ ที่ต้องการสื่อประชาสัมพันธ์ สินค้าและบริการ ด้วยรูปแบบที่ให้ข้อมูลพร้อมกับสถานที่ตั้ง โดยให้ลูกค้าค้นหาผ่านจากช่องพิมพ์ข้อมูลหน้าต่างเว็บเพจ หรือ Address bar ด้วยคำว่า “ไป” โดยไม่ต้องพิมพ์ WWW. ตามด้วยสถานที่ หรือคำที่ต้องการค้นหา หลังจากนั้นภาพบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ จะแสดงผลข้อมูลทั้งแบบภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พร้อมแผนที่ ตำแหน่งที่ตั้ง ในรูปของแผนที่ดิจิตอล “บริการนี้เหมาะกับเจ้าของธุรกิจที่ไม่ต้องการลงทุนสร้างเว็บไซต์ในต้นทุนที่สูง และใช้เป็นจุดเริ่มต้นการทำการตลาด การทำประชาสัมพันธ์โฆษณาที่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ต เข้ามาคีย์ข้อมูลผ่านแอดเดรสบาร์ และเว็บจะทำการค้นหาเหมือนบริการของกูเกิล แต่บริการไปไหนจะแสดงผลข้อมูล พร้อมสถานที่ตั้งของสถานบริการนั้น” นายอภิศักดิ์ จุลยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิภา เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า ข้อมูลที่นำมารวบรวมนั้นจะนำมาจากฐานลูกค้าที่มีอยู่ และกลุ่มลูกค้าใหม่ ซึ่งในเบื้องต้นนี้จะให้บริการผ่านเว็บไซต์ เนื่องจากในปัจจุบันเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง เริ่มมีบทบาทมีจำนวนผู้ใช้บริการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประชาชนยังคงมีความต้องการด้านค้นหาข้อมูลแต่ในอนาคตบริษัท จะพัฒนานำไปเปิดให้บริการผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ และคอมพิวเตอร์แบบพกพา(พีดีเอ) โดยขณะนี้ได้เตรียมการเข้าไปเจรจาร่วมกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยให้บริการผ่านแว็บพอร์ทัล(WAP) (สยามรัฐรายวัน เสาร์ที่ 2 ก.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)

พบยาจากทะเลต้านมะเร็ง

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติได้ประสบความสำเร็จในการโคลนนิ่งดีเอ็นเอ (หน่วยพันธุกรรมที่ถ่ายทอดลักษณะเฉพาะของสิ่งมีชีวิต) ทางทะเลในชัยชนะที่พวกเขาบอกว่า จะทำให้สามารถสกัดตัวยาจากทะเลเพื่อรักษาโรคมะเร็งและโรคจากเชื้อไวรัส โดยทีมนักวิทย์ดังกล่าว ซึ่งทำงานที่สถาบันวิทยาศาสตร์ทางน้ำของออสเตรเลีย (เอไอเอ็มเอส) เผยเมื่อวันศุกร์ว่า การโคลนนิ่งดีเอ็นเอจากสิ่งมีชีวิตในทะเลอย่างฟองน้ำและสัตว์ทะเลจำพวกหนึ่งที่พ่นน้ำได้ ไปจนถึงเชื้อแบคทีเรีย อี.โคไล ที่สามารถสกัดเป็นตัวยาได้ นอกจากนี้ เอไอเอ็มเอส ยังเรียกการฟันฝ่าอุปสรรคนี้ว่า เป็นความสำเร็จครั้งแรกของโลก นายวอลท์ ดันแลป หัวหน้าทีมนักชีวเคมีของเอไอเอ็มเอส บอกว่า สารประกอบจากสัตว์ทะเลจำพวกหนึ่ง และฟองน้ำ รวมทั้งสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในทะเลแสดงให้เห็นถึงความหวังสำหรับโอกาสในการรักษาโรคมะเร็ง, การอักเสบ และโรคที่เกิดจากไวรัส แต่การหาวัตถุดิบไม่ใช่เรื่องง่าย โดยมีการยกตัวอย่างเช่น การผลิตยาต้านมะเร็งจากแหล่งทะเล ทำให้เราจำเป็นต้องมีฟองน้ำถึง 2 หมื่นตันต่อปี เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของตลาด แต่ต้องไม่กระทบต่อระบบนิเวศวิทยา จนเกิดปัญหาขึ้น. (เดลินิวส์ เสาร์ที่ 2 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)

ระบบเตือนภัยสึนามิได้ฤกษ์ติดตั้ง ก.ค.49

องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒน ธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) แถลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า คณะกรรมการมหาสมุทรแห่งชาติของยูเนสโก (ไอโอซี) ตกลงร่วมกันเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาเพื่อทำงานร่วมกับอีก 27 ประเทศเกี่ยวกับการติดตั้งระบบเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิในแถบมหาสมุทรอินเดีย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดพิบัติภัยซ้ำรอยเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ปีที่แล้วอีก ซึ่งได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อชายฝั่งทะเลของบรรดาประเทศในเอเชียใต้ในวันดังกล่าว โดยระบบเตือนภัยสึนามิคาดว่าจะเริ่มติดตั้งได้ภายในเดือน ก.ค. 2549 หลายประเทศในแถบ มหาสมุทรอินเดียจะจัดตั้งศูนย์เตือนภัย ซึ่งจะเชื่อมกับประเทศอื่น ๆ ทั่วภูมิภาค ไอโอซีประกาศด้วยว่า ประเทศที่ตั้งอยู่บริเวณริมมหาสมุทรอินเดียจะประชุมกันที่เมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลียในวันที่ 3 ส.ค. นี้เพื่อประสานงานเกี่ยวกับการส่งเสริมสนับสนุนระบบดังกล่าว แพ็ททริซิโอ เบอร์นัล เลขาธิการของไอโอซี เปิดเผยว่า ขั้นตอนแรกก็เพื่อให้บรรดาประเทศเหล่านี้สามารถตรวจสอบแรงสั่นสะเทือนรุนแรงที่สามารถก่อให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิได้แล้วส่งผ่านข้อมูลนี้ไปยังประเทศเพื่อนบ้านโดยตรง และประกาศเตือนภัยได้ทันเวลาในที่สุด เบอร์นัลกล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังรอดูข้อตกลงจากรัฐบาลของชาติเหล่านี้ว่า ระบบเตือนภัยควรจะทำงานอย่างไร พวกเขาได้บรรลุการตัดสินใจไปแล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาในการประชุมกันอย่างเคร่งเครียดเป็นเวลา 10 วันในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เขาย้ำด้วยว่า ความสำเร็จของระบบเตือนภัยสึนามินี้ จะขึ้นอยู่กับแนวทางของรัฐบาลแต่ละประเทศ ที่จะแนะนำประชาชนของตนเกี่ยวกับวิธีป้องกันตัวเองเมื่อสัญญาณเตือนภัยมาถึง (เดลินิวส์ เสาร์ที่ 2 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)

ข่าววิจัย/พัฒนา

ลุ้นรางวัลวิศวกรรมโลก ปลัดไพรัช ธัชยพงษ์สร้างชื่อไทยคนแรก

ศ.ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ถูกบันทึกชื่อแล้ว ในฐานะผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัล Leadership inTechnology Management (LTM) 2005 จาก Portland International Center for Management of Engineering and Technology หรือ PICMET เป็นคนไทยคนแรกที่กรรมการนานาประเทศระบุคุณสมบัติ ว่าเป็นผู้นำทางด้านการบริหารจัดการเทคโนโลยี รางวัล LMT มอบใน 3 สาขา คือ ภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคอุตสาหกรรม คณะกรรมการระบุว่าผลงานการค้นคว้าวิจัยทางวิชาการเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ ศ.ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ เกิด 7 พฤศจิกายน 2487 จบการศึกษา ปริญญาตรีวิศวกรรมไฟฟ้า (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง) อิมพีเรียล คอลเลจ มหาวิทยาลัยลอนดอน ปริญญาเอกด้านอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ อังกฤษ เป็นอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กระทั่งดำรงตำแหน่งอธิการบดี อดีตผอ.ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ผอ.สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประธานคณะกรรมการบริหารศูนย์ปฏิบัติการวิจัยเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนแห่งชาติ ละองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ เจ้าของรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น พ.ศ.2534 สาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ จากมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ และอีกมากมายรางวัลทั้งในและต่างประเทศ การันตีผลงานที่ยังประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์ ล่าสุดสร้างชื่อเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับการเสนอชื่อรับรางวัลสำคัญ ด้านวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีระดับโลก (ข่าวสด อาทิตย์ที่ 26 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)

รถไฟหัวกระสุนรุ่นใหม่มีหูยกต้านแรงลมใช้หยุดฉุกเฉิน

รถไฟ “ชินกันเซ็น” หรือรถไฟหัวกระสุนรุ่นใหม่ในญี่ปุ่น ซึ่งกำลังอยู่ ในช่วงทดลอง มีลักษณะพิเศษคือบนหลังคามีหูทำหน้าที่เป็นแอร์เบรก สำหรับหยุดฉุกเฉินได้ด้วย รถไฟฟาสเทค 360 เอสรุ่นล่าสุดนี้จะวิ่งทำความเร็วปกติ 360 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ยังสามารถเร่งความเร็วได้มากกว่านั้นอีก โดยทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 405 กม./ชม. ส่วนที่บนหลังคามีหูกางขึ้นเหมือนรูปพระจันทร์ ครึ่งวงกลมนั้น ถูกออกแบบขึ้นเพื่อให้หยุดฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว ในกรณีที่มีเหตุร้ายอย่างแผ่นดินไหว เป็นต้น คาดว่าจะให้บริการได้ในปี 2554 นับเป็นรถไฟความเร็วสูงรุ่นล่าสุดที่พัฒนาขึ้นจากรถไฟหัวกระสุนดั้งเดิมที่ออกมาเมื่อปี 2507. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 27 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)

นักวิจัยไทยเจ๋งค้นคว้าพบ"ยีน"ไข้เลือดออก

นักวิจัยไทยดังกระฉ่อนโลก ไขปริศนาดีเอ็นเอ “ไข้เลือดออก” ค้นพบ “ยีน” ต้นเหตุชี้ความรุนแรงของโรคได้ ระบุ ตำแหน่งยีนเดียวกันแต่อยู่คนละเบสมีโอกาสเสี่ยงที่อาการป่วยมากน้อยแตกต่างกันถึง 6 เท่าตัว “ผอ.ไบโอไทย” เผย การตรวจดีเอ็นเอล่วงหน้าช่วยพยากรณ์ล่วงหน้าได้ และทำให้คนป่วยตายน้อยลงได้ ด้าน “กร ทัพพะรังสี” หนุน กระทรวงหมอประยุกต์งานวิจัยกระทรวงวิทย์ปราบไข้เลือดออก เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ศ.ดร.มรกต ตันติเจริญ ผอ.ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้วารสาร Nature Genetics วารสารวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ทั่วโลกให้การยอมรับได้ตีพิมพ์ผลงานของคณะวิจัยไข้เลือดออกของไทย และสถาบันวิจัยปาสเตอร์ ประเทศฝรั่งเศส เรื่องการค้นพบยีนที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงของการติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออก หรือ "A variant in the CD 209 promoter is associated with severity of dengue disease" ผอ.ไบโอเทค กล่าวว่า ดีเอ็นเอของมนุษย์นอกจากจะประกอบด้วยน้ำตาลไรโปสและฟอสเฟตแล้วยังมีเบส 4 ชนิด คือ อะดินีน ไทมีน กัวนีน และไซโตซีน โดยเบส 4 ชนิดจะเรียงตัวต่อกันไปเป็นจำนวนทั้งสิ้น 3,000 ล้านตัว และมนุษย์แต่ละคนจะมีการเรียงตัวของเบสดังกล่าวแตกต่างออกไป จากการศึกษาในคนไทยที่เป็นไข้เลือดออกกว่า 1,000 คน คณะวิจัยได้ค้นพบตำแหน่งของเบสหรือยีนที่มีความสัมพันธ์กับความรุนแรงของการติดเชื้อไวรัสเด็งกี่ ศ.ดร.มรกต อ้างข้อมูลการวิจัยและเปิดเผยว่า แม้ว่างานวิจัยดังกล่าวยังไม่สมบูรณ์ แต่การค้นพบดังกล่าวค่อนข้างที่จะนำไปใช้พยากรณ์เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรงของโรคไข้เลือดออก โดยอาจใช้การตรวจคัดกรองพันธุกรรมเป็นแนวทางป้องกันหรือช่วยให้แพทย์มีแนวทางการรักษาอย่างถูกต้องได้ในอนาคต งานวิจัยชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยโรคเขตร้อน ที่เป็นความร่วมมือของไบโอเทค สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์ และสำนักงานกองทุน สนับสนุนการวิจัย (สกว.) องค์การอนามัยโลก รวมถึงคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยก่อนหน้านี้คณะวิจัยได้คิดค้นวิธีการตรวจหาเชื้อไวรัสเด็งกี่ และค้นพบสาเหตุที่ผู้ป่วยไข้เลือดออกช็อกว่ามีสาเหตุมาจากการติดเชื้อครั้งที่สองต่างจากสายพันธุ์ในครั้งแรกมาแล้ว ผลงานวิจัยต่าง ๆ จะนำไปเผยแพร่ในงานไบโอไทย 2005 ที่จะจัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 2-5 พ.ย.นี้ด้วย. (เดลินิวส์ จันทร์ ที่ 27 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)

นครศรีฯซิวแชมป์แข่งหุ่นยนต์"เอบียู"

ที่อิมแพ็คอารีน่า เมืองทองธานี สถานที่จัดงานถนนเทคโนโลยี 2548 เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการจัด ทั้งนี้จุดสนใจและสำคัญที่สุดในงานของวันสุดท้าย คือการแข่งขันหุ่นเอบียู ชิงชนะเลิศประเทศไทย ประจำปี 2548 รอบชิงชนะเลิศ ภายใต้ชื่อเกมในการแข่งขันว่า "จุดไฟศักดิ์สิทธิ์ พิชิตกำแพงเมืองจีน" ที่มีการคัดเลือกจากวันแรก 32 ทีม เหลือ 8 ทีม เพื่อมาแข่งขันในวันสุดท้ายเพื่อหาผู้ชนะเลิศ เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันระดับนานาชาติในเดือน ส.ค.นี้ ที่ประเทศจีน ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในการแข่งขันมีการจัดแข่งแบบพบกันหมด ก่อนจะคัดเลือก 4 ทีม และ 2 ทีม ตามลำดับ ทั้งนี้ในช่วงการแข่งขันหุ่นยนต์ทีมไคเซน ยัพ ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เกิดปะทะกับหุ่นยนต์ลูกเจ้าแม่คลองประปา จนทำให้คบเพลิงตรงกลางที่มีจุดคะแนนสูงสุดพังเสียหาย เจ้าหน้าที่ต้องเร่งแก้ไขเปลี่ยนคบเพลิงแล้วทำการแข่งขันต่อ จนกระทั่งการแข่งขันเหลือเพียง 2 ทีม คือทีมลูกเจ้าแม่คลองประปา ของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์กับทีมออร์ริจิ้น 3 ของวิทยาลัยการอาชีพนครศรีธรรมราช โดยจะแข่งแบบ 2 ใน 3 รอบ ผลปรากฏว่าทีมออร์ริจิ้น 3 เป็นฝ่ายชนะ 2 ต่อ 0 รอบ ด้วยคะแนน 29 ต่อ 9 และพิชิตกำแพงเมืองจีน สรุปผลการแข่งขัน ชนะเลิศทีมออร์ริจิ้น 3 รองชนะเลิศอันดับ 1 ทีมลูกเจ้าแม่คลอง ประปา รองชนะเลิศอันดับ 2 มี 2 รางวัล ทีมหอยหลอด 2005 จากวิทยาลัยเทคนิคสมุทร สงคราม และทีมท็อป จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ โดยผู้ชนะเลิศได้รับเงิน 150,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัลของนายกรัฐมนตรี ส่วนรองอันดับ 1 ได้รับเงินสด 50,000 บาท รองอันดับ 2 ได้รับเงินสด 30,000 บาท. (เดลินิวส์ จันทร์ ที่ 27 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)

บริโภคเนื้อวัวเนื้อแกะมากทุกวัน เป็นมะเร็งลำไส้ง่ายกว่าปกติ 3 เท่า

นักวิจัยของสำนักงานต่อต้านโรคมะเร็งและโภชนาการยุโรป กล่าวเตือนไม่ควรจะบริโภคเนื้อวัวหรือเนื้อลูกแกะที่มีสีค่อนข้าง คล้ำ มื้อละ 80 กรัม วันละเกินกว่า 2 มื้อ เพราะจะแสลงทำให้เป็นมะเร็งลำไส้ง่ายขึ้น มากกว่าธรรมดาถึง 3 เท่า จากการศึกษาบุคคลต่างๆ ทั่วยุโรปมานาน 10 กว่าปี จำนวนไม่ต่ำกว่า 500,000 คน ผู้อำนวยการของสำนักกล่าวว่า “ผู้คนก็สงสัยกันมาก่อนแล้วว่าเนื้อวัวหรือเนื้อลูกแกะที่มีสีค่อนข้างคล้ำมาก อาจทำให้เป็นมะเร็งลำไส้ง่าย แต่การศึกษาครั้งนี้นับเป็นการศึกษาขนาดใหญ่ที่สุดทั่วโลก และเป็นหนแรกของยุโรป ได้ส่อให้เห็นความเกี่ยวพันอันใกล้ชิด” ผู้อำนวยการผู้เป็นศาสตราจารย์ระบุว่า ตัวการในเรื่องนี้อาจเป็นสารประกอบที่เรียกว่า เฮโมโกลบินและไมโอโกลบินที่พบอยู่ในเนื้อวัวหรือเนื้อลูกแกะที่มีสีค่อนข้างคล้ำพวกนั้น มันได้ไปก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่เรียกว่า “โนโตรเซชั่น”ขึ้นในลำไส้ ก่อให้ เกิดสารก่อมะเร็งขึ้น หรือไม่อีกทางหนึ่ง อาจเป็นจากสารประกอบก่อมะเร็งอีกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการหุงต้ม นอกจากนั้นเคยมีการศึกษาที่อื่น ส่อให้เห็นว่าการกินอาหารที่มีกากใยต่ำ ก็ทำให้เป็นมะเร็งลำไส้ได้ง่ายเช่นกัน. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 27 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)

เส้นใย-ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ หนทางเพิ่มมูลค่าสินค้าไทย

สำหรับงานหัตถกรรมที่ผลิตจากพืชธรรมชาติ ถือได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดมลพิษน้อยที่สุด อีกทั้งยังมากด้วยคุณค่าและประโยชน์ในการใช้สอย ซึ่งจากภูมิปัญญาของคนไทย จึงทำให้ทุกคนในประเทศรู้จักใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่ามากที่สุด โดยเฉพาะ “เส้นใย” จัดเป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติเหนียวและทนทาน จึงทำให้มีคนนิยมนำมาถัก ทอ สานให้เป็นผลิตภัณฑ์รูปแบบต่างๆ ตามความต้องการ และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง ผลงานของผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการแปรรูปจากหลากหลายวัสดุธรรมชาติในงาน “เส้นใย-ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ” นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาวิชาออกแบบสิ่งทอ ซึ่งได้นำผลงานผลิตภัณฑ์ของจากพรมทอมือที่ผ่านการดัดแปลงเป็นเครื่องใช้ในบ้านหลากหลายรูปแบบมาจัดแสดง โดยร่วมกับริเวอร์ซิตี้ จัดงานในครั้งนี้ขึ้นตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 3 กรกฎาคม 2548 ณ แกรนด์ฮอลล์ ริเวอร์ซิตี้ เวลา 11.00-21.00 น. โดย ผศ.บุญนำ ชัยธีระพันธุ์กุล ผู้อำนวยการวิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร กล่าวว่า เป็นเพราะเล็งเห็นถึงประโยชน์ของเส้นใยจากธรรมชาติที่มีอยู่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเส้นใยจากไหม ฝ้าย ปอ ป่าน ใยกล้วย ใยกัญชง กระจูด ไม้ไผ่ ซึ่งล้วนแต่นำมาสร้างสรรค์ ประดิดประดอย เป็นข้าวของเครื่องใช้ได้มากมาย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเทคโนโลยีที่ผ่านกระบวนการรังสรรค์โดยใช้เครื่องทอ มีทั้งเส้นยืน และเส้นพุ่งที่ทอขัดกันในแนวตั้งฉาก ขณะที่จุดของเส้นทั้งสองสอดประสานกัน ก็จะเป็นจุดที่เส้นด้ายเปลี่ยนตำแหน่งจากด้านหนึ่งของผ้าไปด้านตรงข้าม โดยเฉพาะการทอในปัจจุบันมีการพัฒนาจากการทอด้วยมือไปเป็นเครื่องจักรในการทอ ด้วยการใช้เทคนิคหลากหลายรูปแบบจนพัฒนาเข้าสู่มาตรฐานสากลในที่สุด สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามรายละอียดเพิ่มที่แผนกกิจกรรม และประชาสัมพันธ์ริเวอร์ซิตี้ โทร.0-2237-0077-8 (สยามรัฐรายวัน อังคารที่ 28 มิ.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)

"การ์ดโรโบ ดี-1" รปภ.หุ่นยนต์แดนยุ่น

หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัย รุ่น "การ์ดโรโบ ดี 1" พัฒนาและสร้างโดยบริษัทรักษาความปลอดภัย "โซโก ซิเคียวริตี้ เซอร์วิส" "การ์ดโรโบ ดี 1" สูง 109 เซนติเมตร ติดตั้งกล้องดิจิตอล ระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับผู้บุกรุก ระบบตรวจจับเหตุเพลิงไหม้ และปืนยิงน้ำยาดับเพลิง หุ่นรุ่นนี้สามารถเคลื่อนที่ตรวจการณ์สถานที่ต่างๆ ในตัวอาคารได้โดยอัตโนมัติ หลังจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยป้อนโปรแกรมข้อมูลแผนผังของตัวอาคารให้กับมันเรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้น กล้องดิจิตอลจะทำหน้าที่ส่งสัญญาณภาพแบบไร้สายไปยังห้องควบคุมกลาง พร้อมกับส่งสัญญาณแจ้งเตือนภัยอัตโนมัติในกรณีที่ตรวจพบผู้บุกรุก หรือเหตุเพลิงไหม้ บริษัทโซโก ซีเคียวริตี้ เซอร์วิส ตั้งเป้านำหุ่นการ์ดโรโบ ดี 1 ไปใช้ในงานรักษาความปลอดภัยตามห้างสรรพสินค้า ธนาคาร และสำนักงานทั่วประเทศญี่ปุ่นภายในระยะเวลา 1 ปีนับจากนี้ ล่าสุดมีลูกค้าติดต่อเข้ามาขอทดลองนำการ์ดโรโบ ดี 1 ไปใช้หลายเจ้า แต่ราคาค่าบริการยังอยู่ระหว่างการตกลงกัน (สยามรัฐรายวัน อังคารที่ 28 มิ.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)

ร่างกายทำยาแก้ปวดขึ้นในตัว คิดเลียนแบบทำยาขนานเอก

นักวิจัยพบว่า ร่างกายคนเราก็มียาแก้ปวดขนานเอกอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นแทนที่จะสกัดสารจากกัญชามาทำยาอย่างในปัจจุบัน สู้คิดกระตุ้นร่างกายให้ผลิตยาแก้ปวดในตัวออกมาจะดีกว่า ซ้ำยังเหนือกว่าไม่ก่อให้เกิดแพ้ยาแต่อย่างใดด้วย ศาสตราจารย์ดาเนียล เปียวเมลลิ ของมหาวิทยาลัยแห่งคาลิฟอร์เนีย ที่สหรัฐฯ ได้รายงานการค้นพบในวารสาร “วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ” ว่า เมื่อร่างกายคนเราได้รับความเจ็บปวด อย่างเช่น บาดเจ็บขณะเล่นกีฬา หรือแม้แต่ถูกยิง ร่างกายจะเข้าปกป้องอยู่ชั่วคราวไว้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ที่เรียกว่า เกิดอาการชาในตอนแรก “การศึกษาครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นเป็นครั้งแรกว่า ฤทธิ์สารเคมีที่เหมือนกัญชาในสมอง สามารถระงับความเจ็บปวดได้ นอกจากได้รู้ความสามารถของมันแล้ว มันยังทำให้ได้แม่แบบของยาแก้ปวดชั้นใหม่ ที่อาจเอาไปใช้แทนยาขนานอื่น ซึ่งก่อให้เกิดอาการแพ้เฉียบพลันได้อีกด้วย”. (ไทยรัฐ พุธที่ 29 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)

สุดยอดนักผลิต ถ่านเชื้อเพลิงพื้นฐาน

สำนักถ่ายทอดและเผยแพร่เทคโนโลยี (สถผ.) กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) คิดค้น เตาเผาถ่านแบบถังน้ำมัน 200 ลิตร เพื่อความสะดวกในการใช้งาน สนองต่อแหล่งเชื้อเพลิงชีวมวลในชุมชน อาทิ กะลามะพร้าว ซังข้าวโพด เศษไม้ต่างๆการเผาถ่านในแต่ละครั้งจะให้ปริมาณถ่าน 15-20 กก.ใช้เวลาเผาครั้งละ 5-8 ชั่วโมง นับเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศษเหลือทิ้งทางการเกษตรด้วยเงินลงทุนประมาณ 1,000 บาท การก่อสร้างเตา 1. นำถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร เจาะรูขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5 นิ้ว จำนวน 24 รู 2. เจาะรูขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3.8 ซ.ม. ทั้งหมด 12 รู(4 แถว แถวละ 3 รู) รูบนห่าง จากปากถัง 14 ซ.ม. รูล่างห่างจากก้นถัง 13 ซ.ม. โดยที่รูตรงกลางเจาะให้อยู่ระหว่างกลางรูบนกับรูล่าง 3. ตัดท่อเหล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5 นิ้ว ยาว 12 ซ.ม. จำนวน 12 ท่อน สอดท่อเชื่อมกับรูที่เจาะข้างถัง ระวังอย่าให้มีรอยรั่ว 4. เจาะถังด้านบนเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 28 x 38 ซ.ม. 5. ทำฝาปิด โดยตัดเหล็กแผ่นหนา 1.5 มม. เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 30 x 40 ซ.ม. เจาะรูตรงกลางเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้วครึ่ง 6.ตัดท่อเหล็กขนาด 2 นิ้วครึ่ง ยาว 30 ซ.ม. นำมาเชื่อมกับรูที่เจาะไว้ ระวังอย่าให้มีรอยรั่วขั้นตอนการเผา ถังต้องวางอยู่บนอิฐ สูง 6 ซ.ม. กว้าง 18 ซ.ม. วางเป็น 3 เส้า เพื่อให้อากาศเข้าด้านล่างนำท่อนไม้ หรือ กิ่งไม้ขนาดตามต้องการมาเรียงลงในถังตามแนวตั้งให้แน่น โดยวางปลายไม้ลงด้านล่าง เพื่อให้อากาศจากก้นถังที่ช่วยในการเผาไหม้ไหลเวียนได้สะดวกขึ้น นำเชื้อไฟ(วัสดุลุกติดไฟได้ง่าย เช่น เศษไม้ กระดาษ พลาสติก)วางด้านบน จุดไฟ รอจนกว่าไฟจะติด ปิดฝาด้านบนและนำดินเหนียวปิดบริเวณรอบฝา รอประมาณ 30 นาที ปิดปล่องควันด้านบนปล่อยทิ้งไว้ 6-7 ช.ม. สังเกตปลายท่อปล่อยควันด้านข้าง จะมียางไม้ซึมออกมา จากนั้นปิดท่อปากท่อด้านข้างทั้ง 12 ท่อ พร้อมกันนำอิฐที่วางรองด้านล่างออกทั้ง 3 เส้า ให้ก้นเตาวางราบกับพื้น แล้วกลบดินรอบขอบถังด้านล่าง จากนั้นโรยทรายละเอียดตรงด้านบนของฝาปิดเตา ใช้เวลาในการเผาประมาณ 7-8 ชม.ปล่อยทิ้งไว้ 6-7 ชม. เพื่อเตาเผาถ่านเย็นตัวลง แล้วจึงเปิดเตาเอาถ่านออกได้ (สยามรัฐรายวัน พุธที่ 29 มิ.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)

เร่งวิจัยสารพิษในสินค้าเกษตรฯ มุ่งสร้างมาตรฐานคุ้มครองผู้บริโภค

นางพรรณพิมล ชัญญานุวัตร ผู้อำนวยการสำนักวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า เนื่องจากสนธิสัญญาด้านสุขอนามัยขององค์การการค้าโลก (WTO) กำหนดให้มีการตรวจวิเคราะห์สารพิษตกค้างในผลผลิตการเกษตร มีการกำหนดค่าปริมาณสูงสุดของสารพิษตกค้างหรือ MRLs อันเป็นมาตรฐานสากล กรมวิชาการเกษตรจึงเร่งดำเนินการศึกษาวิจัยเพื่อหาค่า MRLs นำร่องในพืช 8 ชนิด ประกอบด้วย ทุเรียน ลำไย ส้มโอ มะม่วง กระเจี๊ยบเขียว พริก หน่อไม้ฝรั่ง และถั่วเหลือง ผักสด โดยได้จัดทำแปลงศึกษาทดลอง 120 แปลง พร้อมกับศึกษาข้อมูลทางพิษวิทยา ใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตร 11 ชนิด ได้แก่ Cypermethrin, Lamda-cyhalothrin, Mancozeb, Carbaryl, Chlorpyrifos, Deltamethrin, Ethion, Prothiophos, Triazophos, Phosalone, และ Malathion ขณะนี้ได้เก็บข้อมูลภาคสนามเพื่อนำไปกำหนดค่า MRLs คือ การวิจัยปริมาณสารพิษตกค้างของ Triazophos ในถั่วเหลืองฝักสด สาร Chlorpyrifos ในทุเรียน รวมทั้งสาร Chlorpyrifos และ Prothiophos ในพริกที่อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ตัวอย่าง “ซึ่งปัจจุบันมีการกำหนดค่า MRLs ขึ้นหลายรูปแบบ เช่น ดับเบิลยูทีโอและเอฟเอโอได้ร่วมกันกำหนด Codex MRL ขึ้น กลุ่มสหภาพยุโรปกำหนด EU MRL นอกจากนี้ยังมี Asian MRL, Japan MRL, Canada MRL และ USA ToleranceLimits ด้วย. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 30 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)

“ไทภูมิ” รถจักรยาน 3 ล้อพับได้

เมื่อเร็วๆนี้ ผศ.ดร.เย็นใจ เลาหวณิช ผู้อำนวยการโครงการครุศาสตร์มหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต และนายกสมาคมการประดิษฐ์ไทย ได้นำเสนอ รถจักรยาน 3 ล้อพับได้ รุ่น “ไทภูมิ” แปลว่า “ความภูมิใจของคนไทย” ซึ่งได้รับการจดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว ด้วยภูมิปัญญาของคนไทย รถจักรยาน 3 ล้อพับได้ “ไทภูมิ” นี้ได้รับการออกแบบขึ้นโดยใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ประยุกต์ (Alied Science) ซึ่งเป็นเหตุเป็นผลมาจากหลักทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ (ure Science) สามารถพับเก็บใส่รถยนต์ได้อย่างง่ายดาย มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบาเพียง 18 กิโลกรัม ขับขี่ง่าย ปลอดภัยเหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย รถจักรยาน 3 ล้อพับได้ “ไทภูมิ” ถือเป็นความท้าทายของการออกแบบที่สามารถนำเอาทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์มาใช้ออกแบบพาหนะที่ใช้ในชีวิตประจำวันของมนุษย์ จนเกิดประโยชน์ต่อประชาชนโดยทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวการณ์ของประเทศในปัจจุบันที่ราคาน้ำมันมีราคาขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญมากก็คืออะไหล่ทุกชิ้นสามารถหาซื้อเปลี่ยนได้ตามร้านค้ารถจักรยานทั่วไป และราคาไม่แพง (สยามรัฐรายวัน พฤหัสบดีที่ 30 มิ.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)

ค้นพบพระคุณมารดาอันใหม่ น้ำนมแม่ป้องกันลูกไม่ให้ตาสั้น

นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ รายงานว่ากรดที่มีชื่อว่าโกชาเฮกซานอย หรือ ดีเอชเอ.ในน้ำนมมารดา อาจเป็นตัวการช่วยให้สายตาของทารกในช่วงระยะต้นพัฒนา เป็นผลให้ลูกตาเติบโตไปโดยราบรื่น นอกจากนั้น ยังเป็นหัวแรงให้เซลล์รับแสงในจอตา ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ ทำให้สายตาสั้นเติบโตได้ดีอีกด้วย ดร.ซอ เส็ง เหม่ หัวหน้านักวิจัยเรื่องนี้กล่าวว่า จากการศึกษากับเด็กบนเกาะสิงคโปร์ วัยระหว่าง 10-12 ขวบ จำนวน 797 คน ได้พบว่าเด็กที่กินนมแม่จะเป็นคนสายตาสั้นน้อยกว่าเพื่อน ที่ไม่ได้กินนมแม่อยู่ 0.6 เท่า แม้ว่าจะคำนึงถึงปัจจัยประกอบอย่างอื่นด้วยแล้ว สมาคมแพทย์ครอบครัวแห่งอเมริกากล่าวว่า การมีสายตาสั้นเป็นอาการทางตาที่เป็นกันมากที่สุด โดยเฉพาะตามชาติเอเชียบางชาติ เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกงและญี่ปุ่น มีคนสายตาสั้นกันมากถึงระหว่าง 70-90 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะเห็นกันว่าสาเหตุทางพันธุกรรม เป็นตัวการของการเป็นคนสายตาสั้นก็ตาม แต่ด้วยเหตุที่เด็กสมัยนี้พากันเกิดมีสายตาสั้นกันมากขึ้น นักวิทยาศาสตร์ก็เชื่อว่า เพราะการดูโทรทัศน์ เล่นเกมคอมพิวเตอร์และการอ่านหนังสือมาก ก็คงมีส่วนทำให้เด็กสายตาสั้นเพิ่มมากขึ้น. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 1 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)

รำมวยจีนช่วยผู้สูงอายุมีหลักดี ไม่เกิดอุบัติเหตุหกล้มบ่อยๆ

นักวิจัยเมืองโม ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติเกาหลีใต้ รายงานในวารสารวิชาการ “การพยาบาลขั้นสูง” กล่าวว่า การรำมวยจีนช่วยให้ผู้ปฏิบัติที่คัดเลือกไว้ ล้วนแล้วแต่อายุเฉลี่ยสูงถึง 78 ปี ไม่หกล้มง่าย การรำมวยจีนที่เรียกกันว่า “ไท้เก็ก” เป็นศิลปะการป้องกันตัวของจีนโบราณ ประกอบด้วยท่วงท่ารำเนิบๆ อันต่อเนื่องกัน ทีมนักวิจัยได้จับเอาผู้สูงอายุ เข้าฝึกรำมวยจีนอาทิตย์ละ 3 ครั้ง อยู่เป็นเวลา 3 เดือน แล้วเปรียบเทียบผลกับกลุ่มผู้ สูงอายุ 30 คน ซึ่งไม่ได้ทำอะไรเอาแต่นั่งๆ นอนๆ พบว่ากลุ่มผู้รำมวยจีน พากันมีร่างกายแข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะ กล้ามเนื้อหัวเข่าและข้อเท้ามีความแข็งแรงยิ่งขึ้น ทำให้เคลื่อนไหวมีความยืดหยุ่นและหลักดีขึ้น. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 1 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)

มรภ.มหาสารคามร่วมมือ"ไจก้า" พัฒนาชุมชนเครื่องปั้นหม้อ

มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ได้มีโครงการเข้าไปพัฒนาชุมชนผู้ผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่บ้านหม้อ ต.เขวา อ.เมือง จ.มหาสารคาม เพื่อพัฒนากระบวนการผลิตเครื่องปั้นดินเผาให้ได้คุณภาพพร้อมกับลดปัญหามลพิษ และเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์อันเป็นแนวทางหนึ่งในการช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้เกิดความเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้ ตามปรัชญาของมหาวิทยาลัย และนโยบายรัฐบาล รศ.ดร.สมเจตน์ ภูศรี อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม เปิดเผยความเป็นมาของโครงการว่า ทางองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency-JICA) ได้ส่งคุณโยชิฮิโต ตานจิ อาสาสมัครอาวุโสที่มีความเชี่ยวชาญด้านเซรามิค มาปฏิบัติงานที่โปรแกรมวิชาเซรามิค คณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2547 เมื่อมหาวิทยาลัยมีบุคลากรมีความชำนาญการด้านนี้จึงมอบหมายให้ทางคณาจารย์โปรแกรมวิชาเซรามิค และคุณตานจิ ได้ร่วมกันคิดจัดทำโครงการพัฒนาเครื่องปั้นดินเผาช่วยเหลือชุมชนหมู่บ้านที่มีอาชีพผลิตเครื่องปั้นดินเผาเพื่อเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ชุมชนมีคุณภาพได้มาตรฐานสามารถส่งออกจำหน่ายตลาดวงกว้างได้ ซึ่งจะทำให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มพูนมากขึ้นเศรษฐกิจของชุมชนก็จะเข้มแข็ง ทางโครงการได้มีการอบรมให้ความรู้เทคนิควิธีการผลิตสมัยใหม่ที่ไม่ก่อมลพิษ การออกแบบผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ รวมทั้งการตลาด และทาง JICA เองก็ให้การสนับสนุนทุนใช้ก่อสร้างเตาเผาผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผา ขนาด 1.5 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 1 เครื่อง ใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิงซึ่งจะทำให้ไม่ก่อมลพิษให้กับชุมชนและไม่สิ้นเปลืองทรัพยากรป่าไม้ รวมทั้งจัดซื้อเครื่องขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ด้วยแป้นหมุนไฟฟ้าจำนวน 5 เครื่อง เครื่องมือทั้งหมดนี้ ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม และ JICA ทำพิธีมอบให้เป็นสมบัติของชุมชนชาวบ้านหม้อไปแล้วเมื่อวันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2548 ที่ผ่านมา โดยมีนายมิกิฮาลุ ซาโตะ ตัวแทนของ JICA ประจำประเทศไทย เดินทางมาร่วมพิธีมอบ และนายวิทย์ ลิมานนท์วราไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นตัวแทนรับมอบ รศ.ดร.สมเจตน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า หลายท่านอาจจะมองว่าการเข้าไปส่งเสริมให้ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เป็นการทำลายวัฒนธรรมภูมิปัญญาดั้งเดิมของชุมชน ซึ่งไม่ใช่เพราะผลิตภัณฑ์ที่ชาวบ้านเคยทำเช่น พวกหม้อ กระถาง ฯลฯ งานชิ้นใหญ่ๆ แบบนี้ส่วนหนึ่งยังคงใช้กรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิมอยู่ภูมิปัญญาไม่สูญหายไปไหน (ข่าวสด ศุกร์ที่ 1 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)

คนอ้วนลดน้ำหนักต้องใจเย็น เดินนวยนาดช้าๆ ดีกว่าจ้ำเอา

นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยโคโลราโด ของสหรัฐฯ 2 นาย ได้ศึกษาพบว่าผู้หญิงที่มีรูปร่างอ้วน ควรจะออกกำลังด้วยการเดินช้าๆ จะได้ผลดีกว่าการเดินด้วยอัตราปกติธรรมดา นายเรย์มอนด์ ซี. บราวนิง นักวิจัยคนหนึ่งกล่าวว่า การเดินช้าๆ ไปได้ระยะทางระยะหนึ่ง จะช่วยให้เผาพลังงานหมดเปลืองเร็วกว่าการเดินด้วยอัตราอย่างปกติ. (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 2 ก.ค. 48 http://www.thairath.co.th)

ให้เงินวิจัย1.8หมื่นล้าน พัฒนาการแพทย์"นอกกรอบ"

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา มูลนิธิเกตส์ ซึ่งก่อตั้งโดย บิล เกตส์ ประธานและผู้ก่อตั้งบริษัท ไมโครซอฟท์ ที่ถูกจัดอันดับเป็นอัครมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกในขณะนี้ ได้มอบเงินทุนรวม 450 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,800 ล้านบาทให้กับโครงการวิจัยด้านสาธารณสุขและการแพทย์ต่างๆ รวม 43 โครงการ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการปรับปรุงและยกระดับด้านสุขอนามัยของคนยากจนทั่วโลก โดยเฉพาะแนวความคิดที่อยู่นอกกรอบความคิดดั้งเดิม โครงการที่ได้รับทุนจากเกตส์ ฟาวน์เดชั่นนั้น มีหลายโครงการที่มีวัตถุประสงค์ในการผลิตวัคซีนที่ไม่จำเป็นต้องแช่เย็น เพื่อให้สามารถใช้ได้ในประเทศกำลังพัฒนาหรือประเทศที่ยากจน, โครงการตัดแต่งพันธุกรรมยุงเพื่อให้มีช่วงวัฏจักรของชีวิตสั้นลงก่อนที่จะเติบโตจนกลายเป็นพาหะนำเชื้อไข้เลือดออกได้, โครงการให้วัคซีนแก่เด็กโดยไม่ต้องใช้เข็มฉีดยาซึ่งหากไม่ผ่านการฆ่าเชื้อจะเป็นการส่งผ่านเชื้อโรคไปยังตัวเด็ก, และโครงการพัฒนาพันธุ์พืชซึ่งเต็มไปด้วยวิตามินที่เด็กๆ ในประเทศยากจนมักขาดแคลนเป็นต้น โครงการต่างๆ ดังกล่าวนี้มีขึ้นตามแนวความคิดเรื่อง "แกรนด์ ชาลเลนจ์-ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่" 14 ข้อ ที่มูลนิธิเกตส์คัดสรรจากข้อเสนอแนะของบรรดานักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขอนามัยทั่วโลกรวมแล้วมากกว่า 1,000 ข้อเสนอแนะ และเปิดให้บรรดานักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ นำเสนอโครงการมาเพื่อบรรลุถึงการแก้ไขหรือตอบคำถามความท้าทายดังกล่าวนั้น ซึ่งเริ่มต้นเมื่อปี 2546 ที่ผ่านมา และมีการคัดเลือกจนเหลือ 43 โครงการดังกล่าว โครงการที่จะส่งผลระดับโลกหากประสบผลสำเร็จมีอยู่หลายโครงการ อาทิ โครงการของมหาวิทยาลัยทัฟต์ส ของสหรัฐอเมริกาที่ได้เงินวิจัย 5 ล้านดอลลาร์ไปเพื่อพัฒนาวัคซีนในรูปแบบของแป้งสำหรับละลายน้ำและกินโดยไม่จำเป็นต้องใช้เข็มฉีดยา, โครงการพัฒนาวัคซีนโรคเอดส์ ที่ได้รับทุน 19.7 ล้านดอลลาร์ ด้วยการใช้ห่วงคุมกำเนิดที่เป็นเจลหรือซิลิโคน ซึ่งสามารถปล่อยสารกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันเพื่อฆ่าไวรัสโรคเอดส์ในช่องคลอดของมหาวิทยาลัยเซนต์จอร์จ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และโครงการพัฒนาวัคซีนสำหรับโรคเอดส์, วัณโรค และมาลาเรีย ที่ได้รับเงินทุนวิจัย 10 ล้านดอลลาร์ของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เป็นต้น (มติชนรายวัน เสาร์ที่ 2 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th)

เตือนผู้หญิงระวังถั่วเหลือง ฆ่าสเปิร์มลดโอกาสตั้งครรภ์

ศาสตราจารย์ ลินน์ เฟรเซอร์ แห่งสถาบัน ฮิวแมน รีโปรดักชั่น แอนด์ เอ็มบริโอโลจี ในกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เปิดเผยผลการศึกษาวิจัยถึงผลกระทบจากถั่วเหลือง หรืออาหารที่ประกอบด้วยถั่วเหลืองต่อภาวะการตั้งครรภ์ของผู้หญิงว่า ผู้หญิงที่ต้องการตั้งท้องควรหลีกเลี่ยงการกินถั่วเหลืองหรืออาหารที่ผลิตจากถั่วเหลืองในช่วงระยะเวลาที่ไข่สุกประจำรอบเดือนแต่ละครั้ง เนื่องจากสารบางอย่างในถั่วเหลือส่งผลกระทบต่อกลไกการทำงานของสเปิร์ม ซึ่งในที่สุดจะลดโอกาสการตั้งครรภ์ของผู้หญิงลง การศึกษาวิจัยในห้องทดลองพบว่าในถั่วเหลืองมีสารเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติชนิดหนึ่งเรียกว่า เจนิสตีน สารเคมีดังกล่าวมีความสามารถในการทำลายกลไกบางอย่างของสเปิร์มซึ่งจะทำให้ไม่สามารถเจาะเข้าไปผสมกับไข่ในมดลูกของผู้หญิงได้ ส่งผลให้สเปิร์มหมดประสิทธิภาพไปในทันที ทีมศึกษาวิจัยของตนกำลังนำเอาผลการค้นพบเบื้องต้นนี้ไปทดลองเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงในหนูทดลอง ซึ่งเชื่อว่าจะยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าว และระบุด้วยว่า สเปิร์ม ของมนุษย์มีความอ่อนไหวต่อเจนิสตีนมากกว่าสเปิร์มของหนูระหว่าง 10-100 เท่าตัว ดังนั้น หากเจนิสตีนสามารถทำให้สเปิร์มของหนูหมดประสิทธิภาพลงก็น่าจะทำให้แน่ใจได้ว่า สารชนิดนี้ในถั่วเหลืองก็สามารถทำลายขีดความสามารถของสเปิร์มมนุษย์ได้เช่นเดียวกัน (มติชนรายวัน เสาร์ที่ 2 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th)

ข่าวทั่วไป

พบเชื้อวัวบ้าที่สหรัฐอีก-ไต้หวันสั่งแบนทันที

กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกาเปิดเผยเมื่อวันที่ 24 มิถุนายนนี้ว่า ได้รับการยืนยันแล้วว่ามีปศุสัตว์ติดเชื้อวัวบ้าในสหรัฐอเมริกา ถือเป็นการตรวจพบเชื้อวัวบ้านเป็นตัวที่ 2 ในสหรัฐ แต่เป็นปศุสัตว์ตัวแรกที่เกิดในสหรัฐอเมริกาแล้วล้มป่วยด้วยโรคดังกล่าวนี้ ทั้งนี้กรณีแรกของการตรวจพบเป็นวัวที่นำเข้ามาจากแคนาดา การยืนยันการตรวจสอบดังกล่าว ทำโดยห้องทดลองเวย์บริดจ์ ในประเทศอังกฤษซึ่งเป็นห้องทดลองมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ หลังจากผลการตรวจในห้องทดลอง 2 ครั้งในสหรัฐอเมริกาปรากฏผลขัดแย้งกัน โดยการตรวจครั้งแรกเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ปรากฏผลเป็นลบ แต่ผลการตรวจในห้องทดลองครั้งที่ 2 เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนปรากฏผลเป็นบวก ส่งผลให้ทางกระทรวงเกษตรสหรัฐมีคำสั่งให้ตรวจสอบเพิ่มเติม โดยตัวอย่างส่วนหนึ่งถูกส่งไปตรวจสอบยืนยันที่ห้องทดลองเวย์บริดจ์ ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งถูกนำไปตรวจสอบเพิ่มเติมที่ห้องทดลองในเมืองอาเมส รัฐไอโอวา สหรัฐอเมริกาเอง ผลการตรวจพบเชื้อวัวบ้าดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบถึงเนื้อที่ผู้บริโภคซื้อขายอยู่ในท้องตลาดในขณะนี้แต่อย่างใดทั้งสิ้น เช่นเดียวกับสมาคมผู้ค้าปศุสัตว์แห่งชาติของสหรัฐ ก็ออกแถลงยืนยันดังกล่าวเพื่อป้องกันการตื่นตระหนักที่จะส่งผลกระทบต่อการบริโภคเนื้อของประชาชน อย่างไรก็ตาม ทางสำนักนายกรัฐมนตรีไต้หวันมีคำสั่งห้ามการนำเข้าเนื้อจากสหรัฐอเมริกาทั้งหมดทันที ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อในไต้หวันเอง (เอเอฟพี) (มติชนรายวัน อาทิพย์ที่ 26 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th)

ลุยเกมส์ออนไลน์ผิดกฎหมาย

.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า จากที่ประชุมคณะกรรมาธิการกิจการสตรี เยาวชนและผู้สูงอายุ วุฒิสภา เชิญตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย วธ. และกระทรวงไอซีที เพื่อพิจารณาเกี่ยวกับความคืบหน้าของมาตรการควบคุมเกมส์ออนไลน์ และเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมและได้มอบให้ วธ. เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบนั้น ขณะนี้ วธ.ได้ประสานเตรียมงานด้านกฎหมายและควบคุม จับกุมเกมส์ออนไลน์ที่ผิดกฎหมาย โดยให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจจับร้านเกมส์ออนไลน์ผิดกฎหมายทั่วประเทศและใช้ กฎหมายที่มีอยู่เข้าไปจัดการอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ ทุก 1 เดือน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องรายงาน ผลภาระหน้าที่ในส่วนที่รับผิดชอบต่อวุฒิสภาเพื่อรับทราบด้วย. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 27 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)

ไทยเตรียมรับกองทัพโรคติดเชื้อ ทั้งโรคเก่าโรคใหม่กว่า180โรค

น.พ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้วงการสาธารณสุขทั่วโลกได้ให้ความสำคัญกับโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคนอย่างมาก องค์การอนามัยโลกได้รายงานว่าในศตวรรษที่ 21 นี้ ทั่วโลกจะเผชิญกับโรคติดเชื้อต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ทั้งโรคที่เกิดขึ้นใหม่และโรคติดเชื้อเก่าที่หวนกลับมากำเริบอีก ซึ่งมีมากกว่า 180 โรค โดยเฉพาะโรคติดเชื้อที่มาจากสัตว์สู่คน จัดเป็นโรคที่มีอันตรายร้ายแรง ก่อให้เกิดความวิตกไปทั่วโลก เช่นโรคซาร์ส หรือโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง โรคไข้สมองอักเสบนิปาห์ในประเทศมาเลเซีย และบังกลาเทศ และโรคไข้หวัดนกที่ระบาดอยู่ในภูมิภาคเอเชีย โรคติดเชื้อที่ต้องเตรียมพร้อมรับมือ แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่คือ กลุ่มโรคติดต่อใหม่ที่เกิดในภูมิภาคอื่นและมีศักยภาพสูงที่จะแพร่ระบาดเข้าสู่ไทย ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีรายงานในประเทศไทย มี 10 โรค เช่น โรคซาร์ส ไข้เลือดออกอีโบลาและไข้เลือดออกมาร์เบิร์กจากแอฟริกา ไข้ลัสสา มีหนูเป็นพาหะ ฮันตาไวรัสที่พบที่จีน และเกาหลี โรควัวบ้า ไข้เหลือง ไข้ลิฟต์วัลเล่ที่พบในอียิปต์ และแอฟริกาใต้ เป็นต้น กลุ่มที่ 2 เป็นโรคที่พบในประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านที่มีโอกาสระบาดสูง เช่น ไข้หวัดนก อหิวาตกโรค ไข้กาฬหลังแอ่น กาฬโรค โรคมือเท้าปาก ไข้สมองอักเสบนิปาห์ และกลุ่มที่ 3 คือเชื้อโรคที่ถูกนำมาทำอาวุธชีวภาพ ได้แก่ ฝีดาษ แอนแทรกซ์ โรคเมลิออย�โดซีส ไข้เลือดออกมาร์เบิร์ก รวมทั้งไข้หวัดนกและซาร์ส ก็ถูกคาดเดาว่าอาจมีคนนำมาใช้เป็นอาวุธสงครามชีวภาพในอนาคตได้ กรมควบคุมโรค ได้วางกลยุทธ์เตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันโรคเหล่านี้ โดยสร้างเครือข่ายศูนย์ รวมการจัดการองค์ความรู้ และเครือข่ายการเฝ้าระวังโรคเชิงรุกที่เข้มแข็งมีการประสาน เครือข่ายการควบคุมโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเชื่อมโยงข้อมูลพื้นฐานทั้งในสัตว์และคน การใช้ทรัพยากรและปฏิบัติงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 27 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)

อารมณ์ผ่องใสไม่หนุนภูมิคุ้มโรคแน่น แต่ก็ไม่ก่อความเสียหายอันใด

นักวิทยาศาสตร์ยังไม่อาจลงความเห็นให้แน่นอนกันได้ว่า การมองโลกในแง่ดี ช่วยให้เรามีภูมิคุ้มโรคอันแข็งแรง ช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บไม่ให้มาเบียดเบียนได้ นักจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยเคนตักกี้แห่งสหรัฐฯ ดร.ซูซาน ซี ซีเกอสตรอม ได้รื้อฟืนรายงานการศึกษาในเรื่องนี้ขึ้นมาศึกษาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง พบว่าบางเรื่องก็เชื่อว่ามันเป็นผลดี ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มโรคเข้มแข็งขึ้น แต่ บางเรื่องก็ไม่พบว่าเป็นเช่นนั้น นอกจากนั้นการศึกษา โดยการตรวจหยั่งวัดความเข้มแข็งของภูมิคุ้ม โรคของร่างกาย ยังไม่ได้แสดงว่า การมองโลกในแง่ดี จะช่วยบรรเทา ความเครียดให้ลดลงได้ด้วย ดร.ซูซานสรุปว่า การมีอารมณ์ผ่องใส มองโลกในแง่ดี ก็ไม่ก่อความเสียหายอันใดขึ้น. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 27 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)

ทหารพัฒนาฯยึดแนวพระราชดำริ ใช้หญ้าแฝกปลุกชีวิตคลองแสนแสบ

แสนแสบถือว่า เป็นคลองประวัติศาสตร์ ที่มีความยาวที่สุด ของประเทศไทย คือยาวถึง 90 กิโลเมตร โดยแบ่งออกเป็น 2 ช่วง...แสนแสบใต้ เริ่มจากคลองมหานาค ไปถึงคลองตันและแสนแสบเหนือ หรือ คลองบางขนาก เริ่มจากคลองตันผ่านบางขนากไปออกแม่น้ำบางปะกง คุณประโยชน์ที่สืบสานกันมาอย่างยาวนานของคลองแห่งนี้ ได้สร้างประโยชน์ต่อการยังชีพชาวสยามด้วยการดื่มกินอาบ และเป็นเส้นทางคมนาคม ที่สำคัญอันเป็นเส้นทางถ่ายทอดอารยธรรมในอดีต ด้วยความเปลี่ยนแปลง ของสังคมกับสภาพแวดล้อม ทำให้คลองแสนแสบ ถูกทำลายจนเสื่อมโทรม พลเอกชัยสิทธิ์ ชินวัตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด มีความตระหนักที่จะเร่งคืนชีวิต ให้กับคลองแสนแสบโดยเร็ว จึงมีบัญชาให้ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนาฯ กองบัญชาการทหารสูงสุด ดำเนินการฟื้นฟูสภาพคลองแสนแสบ นำกำลังพลเข้าดำเนินการขุดลอกคลอง เพื่อกำจัดเลนและตะกอนสิ่งสกปรก... ในคลองแสนแสบ และ คลองบริวารอีกจำนวน 59 คลอง เพื่อให้สามารถระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ. โดยจัดทำหลาย โครงการ ตั้งแต่โครงการนำสารชีวภาพมาปรับสภาพน้ำ, การรณรงค์ไม่ทิ้งขยะและสิ่งที่จะก่อให้เกิดการเน่าเสีย ของน้ำในคลองแสนแสบ และยังมี โครงการพัฒนารณรงค์ โดยนำหญ้าแฝกมาใช้เพื่อบำบัดน้ำเสีย ตามแนว โครงการพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และมีหลายหน่วยงานที่มีความรู้เรื่องหญ้าแฝกมาร่วมมือกัน ตั้งแต่ คณะกรรมการรณรงค์ การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, กรมพัฒนาที่ดิน, สำนักระบายน้ำกรุงเทพมหานคร และอีกหลายหน่วยงาน ในการดำเนินการได้ปลูกหญ้าแฝกลงในแพที่ทำจากท่อพีวีซี ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้ว กว้าง 1 เมตรยาว 1.5 เมตร มีแผงตาข่ายพลาสติกรองรับ โดยในปี พ.ศ. 2548 ได้วางแผนนำสายพันธุ์หญ้าแฝกจำนวน 5 ล้านต้น มาใช้ในโครงการ หญ้าแฝกจะช่วยในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ดีและสามารถที่จะดูดซับธาตุต่างๆจากน้ำเสียให้กลายเป็นน้ำดี (ไทยรัฐ พุธที่ 29 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)

เมืองแพงที่สุดในโลก

บริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรมนุษย์บริษัทหนึ่ง มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Mercer Human Resource Consulting ได้จัดทำรายงานขึ้นชุดหนึ่งเพื่อ ใช้เป็นคู่มือของบริษัทต่างๆทั่วโลก ที่มีเจ้าหน้าที่จะต้องออกเดินทางไปต่างประเทศ เป็นการสำรวจและรายงานเกี่ยวกับค่าครองชีพในปี 2005 มีรายละเอียด ค่าใช้จ่ายที่สำคัญๆต่อการใช้ชีวิตในเมืองสำคัญทั่วโลก เป็นเท่าไร กี่ดอลลาร์ กี่ปอนด์ เพื่อให้บริษัทที่เป็นลูกค้าของเขานำไปคำนวณเบี้ยเลี้ยง หรือค่าจ้างเพิ่มให้แก่เจ้าหน้าที่ ที่จะไปทำงานประจำ ณ เมืองต่างๆ ได้อย่างใกล้เคียงความเป็นจริง โดยเฉพาะซีเอ็นเอ็น เปิดเผยให้เห็นในภาพกว้างๆว่า ค่าครองชีพของเมืองไหน อยู่ในระดับใดของโลก เช่นค่าใช้จ่ายของกรุงเทพมหานคร หรือ “แบงคอก” ประเทศไทยของเราอยู่ในอันดับ 125 ของการสำรวจทั้งสิ้น 144 เมืองใน 144 ประเทศ แสดงให้เห็นว่า ค่าใช้จ่ายของเราค่อนข้างถูกหรือต่ำ เหมาะอย่างยิ่งแก่การมาทำงาน หรือมาท่องเที่ยว เริ่มจาก อันดับ 1 โตเกียว (ญี่ปุ่น) อันดับ 2 โอซากา (ญี่ปุ่น) อันดับ 3 ลอนดอน (อังกฤษ) อันดับ 4 มอสโก (รัสเซีย) อันดับ 5 โซล (เกาหลีใต้) อันดับ 6 เจนีวา (สวิตเซอร์แลนด์) อันดับ 7 ซูริก (สวิตเซอร์แลนด์) อันดับ 8 โคเปนเฮเกน (เดนมาร์ก) อันดับ 9 ฮ่องกง (เขตเศรษฐกิจฮ่องกง) และอันดับ 10 ได้แก่ ออสโล (นอร์เวย์) อันดับ 11 มิลาน (อิตาลี) 12. ปารีส (ฝรั่งเศส) 13. ดับลิน (ไอร์แลนด์) 14. นิวยอร์กซิตี้ (สหรัฐฯ) 15. เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (รัสเซีย) 16. เวียนนา (ออสเตรีย) 17. โรม (อิตาลี) 18. สตอกโฮล์ม (สวีเดน) 19. ปักกิ่ง (จีน) 20. ซิดนีย์ (ออสเตรเลีย) ในขณะที่กรุงเทพฯของเราอยู่ถึงอันดับที่ 125 ดังที่ผมแจ้งไว้ตอนต้น แสดงว่าห่างไกลจากเมืองแพงๆมากนัก จึงเป็นเมืองที่ยังเหมาะแก่การทำงานและการท่องเที่ยว ด้วยเหตุผลที่กล่าวไว้แล้ว (ไทยรัฐ พุธที่ 29 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)

กทม.เตรียมของบกลางปี 49 ติดกรวยยางเทียมรถชนไม่พัง

นายธนูศักดิ์ คุมพ์ประพันธ์ ผู้อำนวยการกองวิศวกรรมจราจร สำนักการขนส่งและจราจร (สจส.) เปิดเผยว่า สจส.เตรียมของบกลางปี 2549 เพื่อ จัดซื้ออุปกรณ์ความปลอดภัยบนถนน โดยจะเสนอจัดซื้อกรวยยางเทียมซึ่งมีลักษณะเป็นแท่งสูงประมาณ 2 ฟุต ยืดหยุ่นไม่เป็นอันตรายต่อรถที่เฉี่ยวชน หากถูกเฉี่ยวชนจะคืนรูปเหมือนเดิม เพื่อความสะดวกในการใช้งานเช่น นำมากั้นปิดเกาะกลางถนนแทนแท่งปูนที่เป็นอันตรายต่อการขับขี่ หรือใช้สำหรับแบ่งกั้นระหว่างช่องทางเดินรถทั่วไปและช่องทางสำหรับรถประจำทางบริเวณป้ายรถเมล์ที่มีปัญหาจราจรคับคั่ง และเป็นอุปกรณ์ป้องกันรถฝ่าฝืน เข้าออกซอยไม่เป็นระเบียบสร้างปัญหาการจราจร และทำให้เกิดความปลอดภัยแก่รถและผู้ที่ขับขี่ด้วย เนื่องจากกรวยยางจะมีแผ่นสะท้อนแสง ทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ชัดเจน ในช่วงเวลากลางคืน และเมื่อรถวิ่งชนก็จะไม่เป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่ ไม่ชำรุดเสียหายแม้โดนเฉี่ยวชน ทั้งนี้อุปกรณ์ดังกล่าวมีราคาค่อนข้างแพง โดยถ้าเป็นของประเทศญี่ปุ่นจะมีมูลค่าแท่งละ 3,00–4,000 บาท ขณะที่ของเกาหลีใต้จะราคาถูกกว่าแต่คุณภาพจะด้อยกว่า จากการทดลองติดตั้งที่บริเวณหน้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ได้ผลเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม สจส. จะร่วมพิจารณาจุดที่มีความจำเป็นต้องติดตั้งเพื่อป้องกันปัญหาการจราจรในบริเวณที่มีรถติดขัดหนาแน่น เช่น ถนนเพชรบุรี ถนนสุขุมวิท ถนนพหลโยธิน เป็นต้น โดยคาดว่าจะสามารถติดตั้งได้ประมาณ 10 จุด จุดละประมาณ 10 แท่ง. (เดลินิวส์ พุธที่ 29 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)

สุดยอดศิลปินร่วมสมัย รางวัลศิลปาธร’ 48

รางวัล “ศิลปาธร” เป็นรางวัลที่ก่อตั้งขึ้นโดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนศิลปินร่วมสมัย ซึ่งสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่โดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณะอย่างกว้างขวาง และต่อเนื่องมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ปีจาก 5 สาขา คือ ทัศนศิลป์ วรรณศิลป์ คีตศิลป์ ภาพยนตร์และศิลปะการแสดง โดยมอบรางวัลให้แก่ศิลปินที่เหมาะสมกับรางวัล สาขาละ 1 ท่าน รางวัลศิลปาธรเป็นปีที่ 2 ตามนโยบายของรัฐบาลในการเชิดชูเกียรติของศิลปิน ซึ่งศิลปินที่ได้รับรางวัลที่ 5 คนจาก 5 สาขา คือ “พรชัย ใจมา” ศิลปินอิสระ สาขาทัศนศิลป์ ชาวเชียงใหม่ มีผลงานโดดเด่นด้านจิตรกรรมแนวประเพณีที่แสดงวิถีชีวิตแบบล้านนา และเรื่องราวทางพุทธศาสนา ส่วน “กิตติศักดิ์ มีสมสืบ” หรือที่รู้จักกันในนามของ “ศักดิ์ศิริ มีสมสืบ” ศิลปินอิสระ สาขาวรรณศิลป์ ผู้มีผลงานด้านกวีนิพนธ์โดดเด่น ในแนวบทกวีที่มีฉันทลักษ์อิสระโดยเนื้อหาของงานส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญต่อเยาวชน และผู้ด้อยโอกาสในสังคม อีกทั้งยังมีความสามารถในการศิลปะสาขาวรรณกรรม ดนตรี และจิตรกรรมมาผสมผสานกันอย่างเป็นเอกภาพ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกด้วย ขณะที่ “บัณฑิต อึ้งรังษี” ผู้อำนวยเพลงระดับนานาชาติคนแรกของประเทศไทย สาขาคีตศิลป์ ถือเป็รวาทกรระดับแนวหน้าของโลก โดยเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันวาทยากรระดับโลก Maazel-Vilar International Competition เป็นที่หนึ่งในจำนวนผู้เข้าแข่งขัน 363 คน จาก 40 ประเทศทั่วโลก “อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล” ผู้กำกับและผู้สร้างสรรค์งานภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลสาขาภาพยนตร์ เป็นเจ้าของรางวัลระดับนานาชาติมากมาย ซึ่งผลงานโดดเด่นล่าสุดได้แก่ภาพยนตร์เรื่อง “สัตว์ประหลาด” ที่ได้รับรางวัล “Jury Prize” จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี 2547 โดยเรื่องราวในภาพยนตร์ของ “อภิชาติ” มักจะเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของคนไทยระดับรากหญ้า พร้อมทั้งมีการนำเสนอด้วยลีลาสมจริง และเหนือจริง จนกลายเป็นเรื่องราวที่มีเอกลักษณ์ และความหมายเฉพาะตัว “มานพ มีจำรัส” ผู้ซึ่งได้รับรางวัลสาขา ศิลปะการแสดง เป็นทั้งนักออกแบบท่าเต้น ผู้กำกับการแสดง และผู้สร้างการแสดงร่วมสมัยที่มีพื้นฐานจากนาฏศิลป์ไทย ซึ่งเคยได้รับทุนการศึกษาศิลปะการแสดง การเต้นรำ และนาฏยศิลป์รูปแบบต่างๆ ในหลายประเทศทั่วโลก และได้ศึกษานาฏศิลป์ไทยกับครูอาวุโส คือ ศิลปะ “โขนยักษ์” กับครูราฆพโพธิเวช ศิลปินแห่งชาติ และศิลปะ “โขนพระ” จากครูธีรยุทธ ยวงศรี ซึ่งประสบการณ์ดังกล่าวได้สั่งสมให้ “มานพ” เป็นผู้มีผลงานกำกับลีลา กำกับการแสดง และนักแสดง ทั้งใน และต่างประเทศมากมาย โดยมีผลงานที่โดดเด่นล่าสุดในปี 2547 คือได้รับเชิญไปเป็นนักแสดงนำรวมทั้งร่วมกำกับลีลาใน New York-Thai Productio “Blood on the Cat’s Neck” ทั้งนี้ พิธีมอบรางวัลศิลปาธรดังกล่าวจะจัดขึ้นในเดือนสิงหาคม พร้อมๆ กับมีนิทรรศการเผยแพร่ผลงานของแต่ละท่านสู่สายตาสาธารณชน เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณ และเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ศิลปินรุ่นต่อๆ ไป (สยามรัฐรายวัน พุธที่ 29 มิ.ย. 48 http://www.siamrath.co.th)

ต่างชาติศึกษาสสส.ก่อตั้งแบบไทย

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการหัวข้อ "Pro Lead Workshop on Health Promotion Foundation Establishment for Sustainable Funding of Essential Health Promotion Activities" ให้แก่ผู้แทนองค์กรสร้างเสริมสุขภาพของนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน และประเทศมองโกเลีย ในโครงการพัฒนาศักยภาพผู้นำการสร้างเสริมสุขภาพ หรือโปรลีด 1 ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง สสส.ประเทศไทยเปิดเผยว่า ตามที่องค์การอนามัยโลก(WHO) สนับสนุนให้ประเทศสมาชิก 192 ประเทศ จัดตั้งกองทุนสร้างเสริมสุขภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพของประชาชนในประเทศแบบองค์รวม ล่าสุด สสส.ไทย ก็ได้รับมอบหมายให้เป็นพี่เลี้ยงแก่ประเทศจีน และมองโกเลีย ดำเนินการจัดตั้งกองทุนฯ ซึ่งหลักการทั้ง 2 ประเทศ จะนำโครงสร้างการดำเนินงานของ สสส.ไทยไปเป็นแบบอย่าง เช่น เก็บภาษีสุราและยาสูบ ร้อยละ 2 เพื่อนำไปจัดตั้งกองทุน กลุ่มประเทศในแถบเอเชียแปซิฟิก กลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก ได้ขอข้อมูลโครงสร้าง สสส.ไปศึกษา และล่าสุด สสส.ไทยยังได้รับการประสานจากองค์การอนามัยโลกให้เป็นพี่เลี้ยงสำหรับประเทศในโครงการโปรลีด 2 ได้แก่ เลบานอน โอมาน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย และเวียดนาม (มติชนรายวัน พุธที่ 29 มิ.ย. 48 http://www.matichon.co.th)

เผยสัดส่วนสาวทรงเสน่ห์ที่สุด ตามมาตรฐานของทางวิชาการ

หนังสือพิมพ์ “เดลี่ เมล์” อันมีชื่อเสียงของอังกฤษฉบับหนึ่งแจ้งว่า มหาวิทยาลัยคอลเลจ ในกรุงลอนดอน ได้ ศึกษาพบว่า สาวที่มีสัดส่วนทรงเสน่ห์ที่สุด ควรจะมีดัชนีมวลกาย เท่ากับ 20.85 ถ้าหากต่ำกว่า 18 ถือว่ามีรูปร่างผอม และหากว่าเกิน 25 ถือว่าอ้วน หากเกินกว่า 30 อาจจะกลายเป็นพวกธิดาช้าง ดัชนีมวลกาย เป็นสูตรคำนวณความอ้วนตามหลักสากลนิยม โดยคิดเอาน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม หารด้วยความสูงที่เป็นเมตรยกกำลังสอง หากผลลัพธ์เกินกว่า 30 ถือว่าอ้วน ถ้าอยู่ระหว่าง 18.5-23 ถือว่าเกณฑ์ปกติ และหากต่ำกว่า 20 ถือว่าค่อนข้างผอม นักจิตวิทยาวิเรน สวามี ของมหาวิทยาลัย อ้างว่า ได้พบในการศึกษาว่า ควรใช้ดัชนีมวลกาย เป็นเครื่องวัดความทรงเสน่ห์ของสาวๆ ยิ่งกว่าการพิจารณาเอาจากส่วนโค้งส่วนเว้า หรือถือเอาขนาดของเอวกับสะโพกเป็นเกณฑ์ (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 30 มิ.ย. 48 http://www.thairath.co.th)

ดร.ชนม์ชนก วีรวรรณ คว้า"ประธานนักธุรกิจสากลโลก"

ดร.ชนม์ชนก วีรวรรณ เป็นสตรีไทยคนแรกที่ได้รับเกียรติจากสมาชิกกว่า 90 ประเทศทั่วโลกต่างพร้อมใจลงคะแนนให้นั่งตำแหน่งประธานสหพันธ์สตรีนักธุรกิจและวิชาชีพสากล(BPW International) คนที่ 21 การประชุมคองเกรส ณ เมืองลูเซิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จบปริญญาตรีวิทยาการคอมพิวเตอร์จากยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ เซ้าธ์ แคโรไลนา สหรัฐอมเริกา ปี 2526 ปริญญาโทและปริญญาเอก สาขาเดียวกันจากเพอร์ดู ยูนิเวอร์ซิตี้ สหรัฐ ปี 2528 และ 2537 เคยเป็นอาจารย์สอนพิเศษด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ระดับปริญญาโท ที่ ม.มหิดล และนิด้า เป็น หน.หน่วยปฏิบัติการเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ และ หน.หน่วยปฏิบัติการวิจัยและพัฒนาวิศวกรรมภาษาและซอฟต์แวร์ เนคเทค ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการงาน อี-มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เว็บ เสิร์ฟเวอร์ ธนาคารเอเชีย จำกัด (มหาชน) ปี 2538 ได้รับการทาบทามจาก ฐิตินันท์ วัธเวคิน กก.บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคิน ร่วมโครงการสตรีวันก้าวหน้าของสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย เนื่องจากเห็นแววความรอบรู้ด้านไอที โชว์ความสามารถจนเป็นผู้ประสานงานสตรีวัยก้าวหน้าระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผู้แทนในสหประชาชาติ ประธานคณะกรรมการสหประชาชาติ และรองประธานสากลคนที่ 1 ของ "บีพีดับเบิลยู" เป็นผู้ริเริ่มแข่งขันบีพีดับเบิลยู อินเตอร์เนชั่นแนล คอมเพทติชั่น "บียอนด์ 2000 เฮลปิ้ง วีเมน เฮล เดมเซ้วส์" ที่ประเทศแคนาดา ปี 2542 ออสเตรเลีย ปี 2545 และสวิตเซอร์แลนด์ปี 2548 สามารถช่วยเหลือสตรีกว่า 45,000 คน ให้มีศักยภาพฝีมือความรู้ในการเลี้ยงชีพตนเอง ด้วยวัย 42 ปี ที่ได้รับเลือกนั่งประธานสหพันธ์ฯระดับโลกครั้งนี้ ยังนับว่าเป็นประธานคนแรกจากเอเชียที่มีอายุน้อยที่สุดในรอบ 75 ปีของสหพันธ์ฯ (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 1 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th)

"ทูตยูนิเวอร์ซีเอ็ด"ชวนเพื่อน ร่วมงาน"กีฬามหาวิทยาลัยโลก"

ในปี 2550 นี้ ประเทศไทยจะมีโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดงานใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ในการจัด "การแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลก ครั้งที่ 24" ซึ่งถือเป็นงานระดับโลกสำหรับน้องๆ ชาวมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว และก่อนจะถึงกำหนดการจัดแข่งขันอีก 2 ปีข้างหน้า ขณะนี้สำนักเลขาธิการ คณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลก ฤดูร้อน ครั้งที่ 24 ประจำปี 2550 (ค.ศ.2007) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดำเนินการจัดการแข่งขันได้เริ่มกิจกรรมต่างๆ ในการเตรียมพร้อมเพื่อการเป็นเจ้าภาพแล้วเพื่อความสมบูรณ์แบบ เริ่มจากการคัดเลือก "ทูตประชาสัมพันธ์" กิจกรรมต่างๆ เป็นรุ่นแรกจำนวน 25 คน ซึ่งเป็นนิสิต นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ กีฬามหาวิทยาลัยโลก เริ่มจัดขึ้นเป็นครั้งแรก ที่เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อปี 2466 (ค.ศ.1923) โดยในช่วงแรกจัดการแข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัยในกลุ่มประเทศตะวันตกเท่านั้น ต่อมาในปี 2500 (ค.ศ.1957) จึงได้มีมหาวิทยาลัยในกลุ่มประเทศตะวันออกร่วมด้วย จนกระทั่งปัจจุบันมีการจัดการแข่งขันในทุก 2 ปี ในเมืองต่างๆ ทั่วโลก กีฬามหาวิทยาลัยโลกจะมีการแข่งขันกีฬาหลักๆ ด้วยกัน 10 ชนิด และจะมีกีฬาเพิ่มมาอีก 4 ชนิดแล้วแต่ว่าการแข่งขันในครั้งนั้นๆ จะจัดขึ้นในประเทศใด ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ประเทศไทยได้รับคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพต่อจากประเทศตุรกี นิสิต นักศึกษาและเยาวชนไทยจะได้ร่วมทำกิจกรรมในระดับโลกแล้ว ยังมีส่วนเผยแพร่ชื่อเสียงของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกอีกด้วย (ข่าวสด ศุกร์ที่ 1 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)

"อย."สั่งเก็บด่วน-นมผงเด็ก4ยี่ห้อดัง

เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) น.พ.นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ดำเนินการตรวจสอบหาเชื้อ "เอนเทอโรแบคเตอร์ ซากาซากิ" ในนมผงดัดแปลงสำหรับทารกที่จำหน่ายอยู่ตามท้องตลาด เพื่อคุ้มครองสุขภาพความปลอดภัยให้ทารกและเด็กที่บริโภคนม เนื่องจากมีรายงานว่าเชื้อดังกล่าวเป็นเชื้อจุลินทรีย์ ที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยต่อทารกแรกเกิด ถึง 1 ปี โดยเฉพาะทารกที่คลอดก่อนกำหนด ทารกที่มีภูมิคุ้มกันต่ำและทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ รองเลขาธิการอย.กล่าวว่า สำหรับเด็กที่ได้รับนมผงที่มีการปนเปื้อนเชื้อดังกล่าวเข้าไปเบื้องต้นจะมีอาการอาเจียน ท้องเสีย ล่าสุดจากการเก็บตัวอย่างนมผงโดยกองงานด่านอาหารและยา อย. และส่งตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผลการวิเคราะห์ปรากฏว่าพบเชื้อจุลินทรีย์เอนเทอโรแบคเตอร์ "ซากาซากิ" ที่ทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบในทารก ในนมผงดัดแปลงสำหรับทารกจำนวน 4 ยี่ห้อ ได้แก่ "ไฮ-คิว" ช่วงวัยที่ 1 สูตรสำหรับทารก วันผลิต 18 Mar 2005 วันหมดอายุ 18 Sep 2006 รุ่น C008 เลขสารบบอาหาร 11-3-00823-1-0023 ผลิตโดย บริษัท ดูเม็กซ์ (มาเลเซีย) จำกัด นำเข้าโดยบริษัท ดูเม็กซ์ จำกัด, ยี่ห้อ "เอนฟาแล็ค ดีเอชเอพลัสเออาร์เอ" วันผลิต 16.09.2004 วันหมดอายุ 15.09.2006 รหัส S 402824 เลขสารบบอาหาร 11-3-02723-1-0101 ผลิตโดย บริษัท มี้ด จอห์นสัน บีวี ไมเนเก้น นำเข้าโดย บริษัท บริสตอล-ไมเยอร์สควิบบ์ (ประเทศไทย) จำกัด, ยี่ห้อ "เอ็นฟาแล็ค" วันผลิต 14.10.47 ควรบริโภคก่อน 14.10.49 รหัส QBJ01N15 เลขสารบบอาหาร 20-1-03444-1-0052 ผลิต/นำเข้า โดยบริษัท มีทจอห์นสัน (ประเทศไทย) จำกัด และยี่ห้อ "อะแล็คต้า-เอ็นเอฟ" วันผลิต 12.03.48 วันหมดอายุ 12.09.49 รหัส QCJ12A21 เลขสารบบอาหาร 20-1-03444-1-0015 ผลิต/นำเข้า โดย บริษัท มีท จอห์นสัน (ประเทศไทย) จำกัด ทั้งนี้ อย.ได้สั่งการให้เรียกคืนผลิตภัณฑ์นมผงทุกรุ่นดังกล่าวจากท้องตลาด เพื่อทำลายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (มติชนรายวัน เสาร์ที่ 2 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th)

พบเรือดำน้ำสหรัฐก้นอ่าวไทย เผยจมตั้งแต่สมัยสงครามโลก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 1 ก.ค. ว่า นายเจมี่ แม็กเลียด นักดำน้ำลึกชาวอังกฤษและเป็นผู้เชี่ยวชาญในการค้นหาซากเรือเปิดเผยว่า พบซากเรือดำน้ำ "ยูเอสเอส ลาการ์โต" ของสหรัฐอเมริกา ในอ่าวไทยห่างจากชายฝั่งทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 65 กิโลเมตร โดยเรือดำน้ำลำนี้ถูกญี่ปุ่นถล่มจนจมทะเลในช่วงก่อนปิดฉากสงครามโลกครั้งที่ 2 นายแม็กเลียด กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่ามีเรือดำน้ำยูเอสเอสลาการ์โตจมลงอยู่แถบนี้ สำหรับซากเรือค้นพบเมื่อเดือนพฤษภาคม จมอยู่ใต้ทะเลความลึก 70 เมตร สำหรับการค้นหา ทำด้วยการค้นบันทึกต่างๆ ในช่วงสงคราม พร้อมกับค้นหาบันทึกของนักเดินเรือ จากนั้นจึงใช้เครื่องโซนาร์ค้นหาและพบเรือดำน้ำดังกล่าว เรือยูเอสเอสลาการ์โต มีน้ำหนัก 1,500 ตัน ยาว 310 ฟุต เป็นเรือดำน้ำแบบบาเลา ได้หายไปโดยไร้ร่องรอยเมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2488 หรือปี 1945 ซึ่งเป็นปีสิ้นสุดสงครามโลก ขณะเกิดเหตุ มีลูกเรือทั้งหมด 86 นาย ด้านกระทรวงกลาโหมสหรัฐ หรือเพนตากอน ยังไม่ยืนยันว่าเรือที่พบเป็นเรือดำน้ำยูเอสเอสลาการ์โตของสหรัฐจริง (ข่าวสด เสาร์ที่ 2 ก.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)

ขสมก.เปิดเดินรถร้อนเพิ่ม 2 สาย’ย่านรังสิต’

นายวิโรจน์ นีละโยธิน หัวหน้ากองประชาสัมพันธ์ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) เปิดเผยว่า ขสมก. ได้ให้สัมปทานเอกชนเดินรถประจำทางในพื้นที่ชานเมืองเพิ่มขึ้น เป็นรถร้อนจากที่ในปัจจุบันจะเป็นรถแบบปรับอากาศ ซึ่งจะเป็นทางเลือกให้กับผู้อยู่อาศัยย่านชานเมืองที่ปัจจุบันมีจำนวนมากขึ้น เป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วย โดยสายที่เปิดให้บริการแล้วคือ สาย 187 วิ่งจากท่าน้ำสี่พระยา ไปหมู่บ้านเอื้ออาทร รังสิตคลอง 3 ทั้งนี้หลังจากเปิดให้บริการมาแล้วเดือนเศษ พบว่ามีประชาชนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ขสมก. ได้ให้สัมปทานเอกชนอีก 1 สาย คือ สาย 188 วิ่งจากหมอชิต 2 ไปสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล คลอง 6 กำลังจะเปิดให้บริการ ขณะนี้รอเพียงความพร้อมของเอกชนในการจัดหารถมาวิ่ง ส่วนสายชานเมืองย่านอื่น ๆ ขณะนี้ยังไม่มีเอกชนรายใดสนใจมาติดต่อขอเดินรถ สำหรับกรณีการ ปรับขึ้นค่ารถโดยสารประจำทางนั้น ขณะนี้ได้มีการหารือร่วมกันแล้วระหว่างคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบก และ ขสมก. ซึ่งเห็นชอบให้ขึ้นค่าโดยสารในวันที่ 8 ก.ค.นี้ ในอัตรา 1 บาท สำหรับรถร้อนทั้งของ ขสมก. รถร่วมบริการ และรถมินิบัส ส่วนรถปรับอากาศให้เพิ่มขึ้นระยะละ 1 บาทเช่นกัน. (เดลินิวส์ เสาร์ที่ 2 ก.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)

ระวัง..กินสาหร่ายทะเลแห้ง

สาหร่ายถือเป็นอาหารที่มีไอโอดีนและแร่ธาตุสูง แต่สาหร่ายแห้งปัจจุบันกำลังมีแนวโน้มว่าไม่ใช่อาหารที่มีประโยชน์อีกต่อไป เมื่อมีการตรวจพบว่าอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้รับประทานเข้าไป เนื่องด้วยทางคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. แจ้งว่า สถาบัน อาหารได้ตรวจพบว่าสาหร่ายทะเลแห้งปรุงรสที่ขายกันเกลื่อนตลาด มีการปนเปื้อนของสารแคดเมียมเกิน 2 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งเกินกว่ามาตรฐานกำหนด แต่ในประเทศไทยยังไม่ได้มีการกำหนดไว้ ที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะสาหร่ายทะเลจะเป็นพืชที่ดูดซับสารที่อยู่ในทะเลได้ดี หากบริเวณที่สาหร่ายทะเลเจริญเติบโตมีสารอันตรายปนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นโลหะหนักต่าง ๆ สารตะกั่ว หรือแคด เมียม สาหร่ายก็จะดูดซับสารพิษเหล่านี้ไว้ด้วย และเมื่อนำมารับประทานสารพิษเหล่านี้ก็จะเข้าไปตกค้างอยู่ในร่างกายคนเรา รอเวลาที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทาง อย. จึงแนะว่า อย่ารับประทานสาหร่ายทะเลแห้งมากเกินไป และอย่ารับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน รวมไปถึงจะต้องรับประทานอาหารอื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วยเพื่อให้เกิดความสมดุลในร่างกาย และลดโอกาสที่จะได้รับสารพิษจากสาหร่ายทะเลแห้ง (เดลินิวส์ อาทิตย์ที่ 26 มิ.ย. 48 http://www.dailynews.co.th)

KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215