หัวข้อข่าวปีที่ 6 ฉบับที่ 32 ประจำวันที่ 2005-08-28

ข่าวการศึกษา

รามคำแหงเสริมระบบเรียนรู้ออนไลน์
คณิตศาสตร์ 'เพชรยอดมงกุฎ' ปีที่ 8 เตรียมเปิดฉากชิงทุน 'เจ้าคุณธงชัย'
ตั้งศูนย์อาชีวะนานาชาติอีก3แห่ง
เปิดหลักสูตรแพทย์ฉุกเฉิน
ผลการประกวดบรรจุภัณฑ์โอท็อปแฮนด์เมด
‘จาตุรนต์’ ถกอธิการฯเดินเครื่องการศึกษา มรภ.
เอกชนเมินวิทยานิพนธ์
อธิการบดีมธ.ยันไม่ยุบนิติศาสตร์ลำปาง
มหาวิทยาลัยเหนือจับมือพัฒนาห้องสมุด
มทสแนะแนวแอดมิชชัน’ 49 จัดโควตาไม่มีสอบข้อเขียน
ห้องสมุดดิจิทัลสิ่งมีชีวิตโลกคลิกเดียวหาข้อมูลผ่านเน็ต
สิงคโปร์ให้ทุนเรียนคนละ 24 ล. เพื่อความเป็นเจ้าเทคโนโลยีชีวภาพ
10 สถาบันแพทย์รับตรง ลดปัญหามอบตัวซ้ำซ้อน

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

สอบ "ใบขับขี่" ด้วย "คอมพิวเตอร์"..เทคโนโลยีใหม่ รวดเร็ว-โปร่งใส
เอ็มเทคผุดโรงไฟฟ้า'ไฮโดรเจน" มั่นใจปี 49 ผลิตกระแสไฟป้อนครัวเรือน
นาซ่าเลื่อนแผนส่ง"แอตแลนติส"
ไอครีเอชั่น"สอนแอนิเมชันเด็ก
ญี่ปุ่นรุกตลาด เที่ยว"ดวงจันทร์"
นักบินอวกาศ'ดิสคัฟเวอรี'เยือนไทย
"พระเทพฯ"เปิดสัปดาห์วิทยาศาสตร์ แนะ วท.ใช้"อีเลิร์นนิ่ง"ถ่ายทอดความรู้
เปิดสถาบันดาราศาสตร์แห่งชาติปี"50
มาเลย์ติด"ดาวเทียม"อนุรักษ์พันธุ์เต่า
มหัศจรรย์แห่งวิทยาศาสตร์
จีนเปิดศูนย์สำรวจดวงจันทร์ เตรียมส่งยานลงพิชิตอีก 7 ปี
เกาหลีโชว์นวัตกรรมครั้งแรกในไทย
ศูนย์ไบโอเทคลุยกระตุ้นธุรกิจชีวภาพในไทย
สิงคโปร์จัดทัพนักวิทยาศาสตร์ สานฝันท่านผู้นำสู่"ไบโอโพลิส"
"สปิริต"ไต่หาน้ำบนเนินดาวแดง
สร้างปอดมนุษย์อะไหล่ ก้าวหน้าปั้นเซลล์ปอดขึ้นจากแม่เซลล์
เจาะเวลาหาอดีตทำได้จริง นักฟิสิกส์อังกฤษรอเทคโนโลยีอนาคตช่วย
เปิดใจคนไทยตะลุยทะเลขั้วโลก
ก.ไอซีทีเร่งหามาตรการควบคุมปัญหาเด็กติดเกม

ข่าววิจัย/พัฒนา

‘เครื่องซอยหนังหมู’ สิ่งประดิษฐ์จากราชมงคล
ชุดตรวจสอบอาหารสัตว์ หนึ่งในปัจจัยผลิตอาหารปลอดภัย
ฉลากยาพูดได้ไม่ต้องอ่าน ส่งเสียงแจ้งชื่อและวิธีกิน กันหยิบผิดขวด
มกอช.คุมคุณภาพไหมไทย ขยายตลาดส่งออกทั่วโลก
ญี่ปุ่นระดมสมองสร้าง"ทีวี3มิติ"
เพาะเลี้ยงปลาบึกในบ่อดิน พัฒนาจากงานวิจัยให้เป็นอาชีพ
รถตัดหญ้าพลังปั่นไม่ง้อน้ำมัน
แบตเตอรี่จิ๋วใช้ฉี่ผลิตไฟฟ้า
“แผงโซลาร์เซลล์”
" ระบบจัดเก็บและเตือนภัยปริมาณน้ำฝน”
น.ศ.จอมบึงเจ๋ง สร้างหุ่นยนต์"ลิง"
พลังงานทางเลือก โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชั่น ความฝันใกล้เป็นจริง
ช็อกโกแลตบำรุงหัวใจเทียบชั้นไวน์แดง
“หุ่นยนต์ถังขยะ” ผู้พิทักษ์ความสะอาดยุคดิจิตอล
มก.ผุดรถพลังงานไฟฟ้า GEM CAR ประหยัดน้ำมัน-ลดมลพิษอากาศ
"น้องบิวต์" ศึกษาพืชหัวต่อการแข็งตัวของเลือด
วช.ทุ่ม 30 ล. วิจัยวัคซีนไข้เลือดออก 4 สายพันธุ์
มือถือจับผิดคนขับรถ
“วิกผมจากเส้นใยกล้วย” สร้างสรรค์จากภูมิปัญญา
ทีมหุ่นยนต์ออริจิ้น3เต็มร้อยแข่ง"ปักกิ่ง"
กางเกงฆ่าเชื้อโรค
ใช้"อาร์เอ็นเอ"รักษาไวรัสโรค"ซาร์ส"ในตัวลิง
"ประตูอัตโนมัติ" เปิด-ปิดตามขนาดตัว
เครื่องฟอกย้อมพลังงานแดด ทำได้อย่างประหยัด-ลดมลภาวะ
หวั่นหาพลังงานทดแทนไม่ทัน ก่อนน้ำมันจะหมดเกลี้ยง
สหรัฐทดสอบโคลนนิ่งแมวป่าปูทางขยายพันธุ์สัตว์หายาก
เซเรบอสแจก2แสน วิจัยองค์ความรู้ใหม่
ทารกในครรภ์ไม่รู้สึกเจ็บจนกว่าย่างเข้า 7 เดือนครึ่ง
มหิดลจับมือออกซฟอร์ดต้านมาลาเรีย
‘Home security system’ ระบบกันขโมย ของราชมงคลธัญบุรี
“น้ำลำไยสดเข้มข้น” สูตรกู้วิกฤตลำไยจาก มจธ.
หลังคาพลังงานแนวคิดเด็กไทย

ข่าวทั่วไป

เรื่องของ..มะเขือเทศ
อุดรธานีได้ฤกษ์เปิดตุลาคมนี้ ท่าอากาศยานนานาชาติ312ล.
ตรวจพบสารก่อมะเร็ง ปนเปื้อน"ปลาไหลจีน"
5 ตุลาคม “วันครูโลก”
สัปดาห์วิทย์ย้ำอันตรายมือถือปวดหัว-มะเร็ง
รวมเรื่องสั้น’เจ้าหงิญ’คว้ารางวัลซีไรต์
สำนักงานข้าวแห่งชาติ ศูนย์ข้าวครบวงจร มิติใหม่วงการข้าวไทย ก้าวไกลสู่อินเตอร์
มกอช.ป้องอุตสาหกรรมน้ำสัปปะรดสำเร็จ ล็อบบี้โคเด็กซ์ลดค่าความหวานรักษาตลาด2.9พันล้าน
ศูนย์วิจัยข้าวไทย โดดเด่นภายใต้นโยบายเชิงรุกความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของรัฐบาล
แท็กซี่อัจฉริยะไม่เก็บเพิ่ม
ป้องกันอันตรายจากสารพิษในบ้าน
เตือนใช้ยาโรคผิวหนัง เสี่ยงตับอักเสบ-ตาบอด
เตือน ‘ยาทานม’ ปนสารพิษ สธ.พบสุดอันตราย





ข่าวการศึกษา


รามคำแหงเสริมระบบเรียนรู้ออนไลน์

ศาสตราจารย์ประจำ รังสรรค์ แสงสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เปิดเผยว่ามหาวิทยาลัย ตระหนักถึงบทบาทและความต้องการบุคลากรทางสารสนเทศโดยเฉพาะเรื่องอินเทอร์เน็ตที่เป็นส่วนสำคัญในการกำหนดการแข่งขันทางธุรกิจ จึงนำเทคโนโลยีระดับโลกของแมคโครมีเดียมาสนับสนุนในการเรียนการสอนไปจนถึงการพัฒนาบุคลากรเพื่อเสริมศักยภาพของมหาวิทยาลัย โดยจะติดตั้ง MacromediaStudio 8 ของแมคโครมีเดียลงในคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะทุกเครื่องในมหาวิทยาลัย เพื่อให้นักศึกษาสามารถใช้ได้นอกเหนือจากการเรียนในห้องเรียน นอกจากนี้ยังรวมไปถึงโอกาสในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ที่จะมาสนับสนุนการทำงานของบุคลากรภายในมหาวิทยาลัยอีกด้วย นายอึ้ง ยิวฮวี ผู้อำนวยการ แมคโครมีเดีย เอเชียใต้ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยรามคำ แหงจะได้รับการสนับสนุนด้านหลักสูตรการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นการเรียนรู้ด้วยตนเองของนักศึกษาเทคนิคในการพัฒนาเว็บขั้นสูง และการพัฒนาสำหรับนักศึกษาและคณาจารย์การฝึกอบรมรวมถึงแผนกิจกรรมที่ทางแมคโครมีเดียและทางมหา วิทยาลัยรามคำแหงจะมีการจัดร่วมกันต่อไป สำหรับ Macro mediaStudio 8 เป็นชุดเครื่องมือแบบครบวงจรสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานต่าง ๆ ตั้งแต่เว็บเพจที่เรียบง่ายไปจนถึงแอพพลิเคชั่นบนอินเทอร์เน็ตที่มีฟีเจอร์หลากหลาย ทั้งนี้ MacromediaStudio 8 นับเป็นโซลูชั่นที่ทรงพลังโดยมีฟีเจอร์ด้านการเข้าถึงที่ผนวกรวมเข้ากับเครื่องมือสำหรับการพัฒนารวมถึงส่วนต่อขยายและส่วนโต้ตอบที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการสร้างระบบการเรียนการสอนทางออนไลน์พร้อมด้วยความสามารถในการติดตามผลโดยอาศัยระบบจัดการเรียนรู้. ( เดลินิวส์ จันทร์ที่ 22 ส.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





คณิตศาสตร์ 'เพชรยอดมงกุฎ' ปีที่ 8 เตรียมเปิดฉากชิงทุน 'เจ้าคุณธงชัย'

พระเทพภาวนาวิกรม เลขานุการและกรรมการสาธารณสงเคราะห์มหาเถรสมาคม ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 8 ผู้ช่วยแม่กองธรรมสนามหลวง ประธานมูลนิธิร่มฉัตร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เขตสัมพันธวงศ์ กทม. เผยว่า ความสำคัญในเรื่องของการศึกษาของเยาวชนเรานั้น เป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ในปัจจุบันนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะให้ความสำคัญในเรื่องของการศึกษา เพื่อให้เยาวชนมีศักยภาพที่ดี การแข่งขันคณิตศาสตร์เพชรยอดมงกุฎ ได้มีการดำเนินการมาเป็นเวลา 8 ปี โครงการเพชรยอดมงกุฎ ได้ขยายวิชาเพิ่มขึ้น คือ วิชาวิทยาศาสตร์ พุทธศาสนา ภาษาไทย จีน ซึ่งขณะนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 แล้ว ในการแข่งขันแต่ละวิชา ได้มีคณาจารย์ที่มีความรู้ในรายวิชานั้นๆ อย่างถ่องแท้ สำหรับการแข่งขันคณิตศาสตร์เพชรยอดมงกุฎ ชิงทุนการศึกษาพระเทพภาวนาวิกรม ครั้งที่ 8 จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 27-28 ส.ค. 48 ณ ห้องประชุม 141 โรงเรียนวัดราชบพิธฯ กทม. โดยมีพระเทพภาวนาวิกรม (เจ้าคุณธงชัย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรฯ เป็นประธานอุปถัมภ์ทุนการศึกษา นายอุบล เล่นวารี ประธานจัดการแข่งขัน พร้อมด้วยคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิร่วมกันจัดงานและออกข้อสอบ (สยามรัฐรายวัน จันทร์ที่ 22 ส.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





ตั้งศูนย์อาชีวะนานาชาติอีก3แห่ง

นางศิริพรรณ ชุมนุม ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาช่างอุตสาหกรรรม สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) กล่าวว่า ในปีนี้องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก สนับสนุนให้ สอศ.ขยายศูนย์เครือข่ายอาชีวศึกษานานาชาติอีก 3 แห่ง คือภาคใต้ที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุราษฎร์ธานี ภาคอีสานที่วิทยาลัยเทคนิคอุดรธานี ภาคกลางและภาคตะวันออกที่วิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ จากเดิมที่มีเฉพาะที่วิทยาลัยเทคนิคลำพูน ศูนย์นี้จะมีบทบาทกำหนดนโยบาย ศึกษาวิจัยปัญหาอุปสรรคของอาชีวศึกษา และสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับสภาพการณ์อาชีวศึกษาของนานาประเทศร่วมกัน เพื่อนำข้อมูลมาเปรียบเทียบ และวิเคราะห์ร่วมกันว่า ประเทศใดต้องการให้ประเทศที่มีความเจริญด้านอาชีวศึกษามากกว่า ช่วยเหลือในด้านใดบ้าง จะเป็นการช่วยเพิ่มศักยภาพการอาชีวศึกษาในประเทศที่ด้อยให้พัฒนาขึ้น ไทยจะเป็นศูนย์กลางอาชีวศึกษาในภูมิภาคอาเซียนภายในปี 2551 เพื่อให้ประเทศในภูมิภาคนี้ ใช้ไทยเป็นฐานในการศึกษา ดูงานด้านอาชีวะ โดยไทยจะเป็นพี่เลี้ยงและผู้ฝึก เมื่อประเทศที่เจริญแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา หรืออังกฤษ ต้องการช่วยเหลือประเทศเหล่านี้ ก็จะต้องผ่านทางประเทศไทย เมื่อเชื่อมโยงกันได้เช่นนี้จะทำให้มาตรฐานอาชีวศึกษาในภูมิภาคเท่าเทียมกัน หากเกิดการแลกเปลี่ยนกำลังคน จะเป็นคนที่มีคุณภาพเหมือนกัน และเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือในการลงทุน (ข่าวสด จันทร์ที่ 22 ส.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





เปิดหลักสูตรแพทย์ฉุกเฉิน

นายถนอม อินทรกำเนิด ที่ปรึกษาสำนักบริหารงานวิทยาลัยชุมชน (วชช.) ด้านระบบบริหารวิทยาลัยชุมชน เปิดเผยว่า วชช. ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และผู้แทนจากวิทยาลัยชุมชนซินแคลร์ สหรัฐอเมริกา จัดทำหลักสูตรเกี่ยวกับการบริการการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อนำมาเปิดสอน หรือฝึกอบรมในวิทยาลัยชุมชน ใน 3 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรเกี่ยวกับการบริการการแพทย์ฉุกเฉิน เช่น การปฐมพยาบาล และเคลื่อนย้ายขั้นพื้นฐาน และเวชกิจฉุกเฉินระดับพื้นฐาน หลักสูตรพนักงานผู้ช่วยเภสัชกร และหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุขึ้น ขณะนี้ยกร่างทั้ง 3 หลักสูตรเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจะนำไประดมความคิดเห็นจากหน่วยงาน และสมาคมต่างๆที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนให้ผู้ทำหลักสูตร ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จากวิทยาลัยชุมชน มหาวิทยาลัย และกระทรวงศึกษาธิการ ไปศึกษาดูงานหลักสูตรการเรียนการสอน การฝึกประสบการณ์ การฝึกงานในสถานพยาบาล เพื่อมาปรับปรุงหลักสูตรครั้งสุดท้าย และจะจัดประชุมสัมมนาอาจารย์ที่จะเข้าไปสอนในวิทยาลัยชุมชน คาดว่าจะเปิดสอนทั้ง 3 หลักสูตรได้ในปีการศึกษา 2549 (ข่าวสด จันทร์ที่ 22 ส.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ผลการประกวดบรรจุภัณฑ์โอท็อปแฮนด์เมด

ศิลปะประดิษฐ์และของที่ระลึก รางวัลชนะเลิศคือ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ หาบผักผลไม้ที่ระลึก แพ็กเกจจิ้งเน้นที่ความสวยงาม โปร่งใส ดูสะอาดตา รางวัลที่ 2 วิทยาลัยอาชีวศึกษานครสวรรค์ ออกแบบบรรจุภัณฑ์สำหรับหนังแกะสลัก ด้านหลังของกล่องจึงนำเอาเรื่องราวที่เกี่ยวกับหนัง ตะลุงมานำเสนอบนบรรจุภัณฑ์ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ รางวัลที่ 3 วิทยาลัยอาชีวศึกษาสระบุรี ผลิตภัณฑ์จากบ้านเชียง แนวคิดออกแบบเป็นรูปทรง 6 เหลี่ยม เรียบง่ายแต่แข็งแรง ขั้นตอนการประกอบในการผลิตไม่ยุ่งยาก และปกป้องสินค้าได้ดี เครื่องใช้เครื่องประดับ รางวัลชนะเลิศคือ วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุตรดิตถ์ ถ้วยชามสังคโลก ชามสังคโลกบ่งบอกถึงความเจริญของอารยธรรมในอดีต ลวดลายของแพ็กเกจจิ้งจึงเป็นเอกลักษณ์ของไทย รางวัลที่ 2 วิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง กะลา แพ็กเกจจิ้งเป็นกระดาษแข็งเพื่อคุ้มครองสินค้า และรับน้ำหนักของกระเป๋าไม่ให้หล่น ป้องกันการชำรุดของสินค้าภายใน โทนสีจะต้องกลมกลืนกับสินค้า รางวัลที่ 3 กระเป๋ากะลาจาก วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี ออกแบบเป็น 3 เหลี่ยมหน้าจั่ว ดีไซน์ให้กลมกลืนกับรูปร่างของผลิตภัณฑ์ และมีส่วนที่โชว์ให้เห็นรูปร่าง สัมผัสความประณีตสวยงามของผลิตภัณฑ์ได้ เครื่องประดับเครื่องแต่งกาย รางวัลชนะเลิศคือ วิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง บรรจุภัณฑ์ผ้าปาเต๊ะ ออกแบบเป็นรูปถุงเพื่อให้ง่ายต่อการผลิตเองก็ได้ หรือจะให้โรงงานผลิตในอนาคตก็ได้ สะดวกในการซื้อถือกลับ ไม่ต้องใส่ถุง รางวัลที่ 2 วิทยาลัยอาชีวศึกษาปัตตานี เน้นที่สะดุดตา โชว์สินค้า พกพาสะดวก แน่นหนาสามารถที่จะส่งออกไปต่างประเทศได้ รางวัลที่ 3 วิทยาลัยอาชีวศึกษาแพร่ เป็นการออกแบบที่ผสมผสานกับวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย เน้นความกลมกลืน ตัวบรรจุภัณฑ์แยกเป็น 2 ชิ้นคือ ช่วยรับน้ำหนัก มีความแข็งแรง ประณีต ส่วนที่ 2 เป็นกล่องพลาสติกใส สามารถหาซื้อได้ทั่วไป ป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับผ้า อาหารเครื่องดื่ม รางวัลชนะเลิศคือ วิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง ออกแบบให้สะดวกในการตั้งหรือแขวนสินค้าเพื่อจำหน่าย และสะดวกสำหรับผู้บริโภคเพราะสามารถทำเป็นหูหิ้ว หิ้วไปได้ และเหมาะที่จะทำเป็นของฝาก รางวัลที่ 2 วิทยาลัยอาชีวศึกษานครสวรรค์ "ขนมหัวเราะ" แพ็กเกจจิ้งออกแบบมาจากเมล็ดงาซึ่งเป็นส่วนประกอบของขนม มีหูหิ้วและส่วนที่มองเห็นความสดใหม่ของขนมได้ด้วย รางวัลที่ 3 วิทยาลัยศิลปกรรมนครศรีธรรมราช ขนมทองพับใบหม่อน แพ็กเกจจิ้งใช้สีเขียวใบหม่อนเป็นหลัก เน้นสบายตาน่ารับประทาน (ประชาชาตธุรกิจ จันทร์ที่ 22 ส.ค. 48 http://www.matichon.co.th/prachachart)





‘จาตุรนต์’ ถกอธิการฯเดินเครื่องการศึกษา มรภ.

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยหลังหารือกับอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) ทั่วประเทศ ที่ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมกาญจนาภิเษก มรภ. อุบลราชธานี ว่า ได้รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของอธิการบดี มรภ.ทั่วประเทศ พบว่ามีเรื่องที่ต้องเร่งแก้ปัญหาและส่งเสริมบทบาทของ มรภ. เช่น เรื่องการขาดแคลนอัตรากำลัง การจ้างครูอัตราจ้าง ข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ การผลิตครู 5 ปี ซึ่งทำไปได้ 1 รุ่นแล้ว แต่ไม่ได้ทำต่อ และเรื่องบัณฑิตกองทุนหมู่บ้าน ซึ่ง ศธ. จะเร่งให้เกิดข้อยุติโดยเร็ว นอกจากนี้ ได้มอบให้ มรภ.ไปทำความเข้าใจและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ในเรื่องกองทุน ICL และเรื่อง Admission โดยให้ช่วยกันคิดออกแบบ ให้มีการรับรู้ปัญหาและนำไปสู่การปฏิบัติมากขึ้น ทั้งทำให้ มรภ.เกิดความเข้าใจและได้รับประโยชน์จากระบบใหม่นี้ด้วย ส่วนเรื่องนโยบายนั้น มรภ.เพิ่งเปลี่ยนมาเป็นมหาวิทยาลัยไม่นาน และอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ จึงอยากให้ร่วมกันคิดว่าขณะนี้ ประเทศมีความต้องการกำลังคนด้านใด และมีการทำงานร่วมกัน เรียนรู้ร่วมกัน สร้างเป็นเครือข่าย มีวิธีการทำงานที่ปรึกษาหารือกันเอง และหารือกับส่วนอื่น เช่น ภาคเอกชน ทั้งในระดับประเทศและภาคประชาชนในท้องถิ่น เพื่อวิเคราะห์บทบาทของ มรภ. อย่างไรก็ตาม มรภ.แต่ละแห่งควรเน้นตามความต้องการของท้องถิ่นตามศักยภาพ และความเชี่ยวชาญของแต่ละแห่ง เมื่อทราบว่าจะผลิตคนด้านใดแล้วจึงค่อยปรับหลักสูตรการเรียนการสอน การปฏิรูปหลักสูตร และต้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาครูทั้งประเทศ 4-5 แสนคน เพราะ มรภ.เป็นสถาบันการศึกษาที่มีความรู้ มีประสบการณ์ในการผลิตครูยาวนาน สำหรับเรื่องคุณภาพและมาตรฐานในการเรียนการสอนและของบัณฑิตที่จะผลิตออกมา สิ่งเหล่านี้จะไปเกี่ยวข้องกับอัตรากำลัง และงบประมาณ จึงขอให้ มรภ.ร่วมกันคิด ตั้งคณะทำงานร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิและ สกอ.นำประเด็นเหล่านี้ทำเป็นยุทธศาสตร์เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป. (ไทยรัฐ อังคารที่ 23 ส.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





เอกชนเมินวิทยานิพนธ์

ดร.ชิงชัย หาญเจนลักษณ์ กรรมการบริหารบริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวในการสัมมนาวิชาการ หัวข้อ "ทำวิทยานิพนธ์อย่างไรให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรและประเทศชาติ" เมื่อเร็วๆ นี้ว่า สิ่งที่นักศึกษาต้องการจากการทำวิทยานิพนธ์มี 5 ส่วน คือ 1.ต้องการได้รับปริญญา 2.ไปใบเบิกทางสู่การทำงานในอนาคต 3. สร้างความรู้ 4. สร้างนวัตกรรมใหม่ และ 5.ต้องการให้ผู้อื่นนำไปใช้ประโยชน์ นักศึกษาส่วนใหญ่เลือกหัวข้อที่ไม่มุ่งเน้นนำวิทยานิพนธ์ไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ทำให้ภาคเอกชนส่วนใหญ่เมินที่จะนำวิทยานิพนธ์มาลงทุนในเชิงธุรกิจเพราะเห็นว่าวิทยานิพนธ์เป็นวิชาการมากเกินไป และนำมาใช้ประโยชน์ไม่ค่อยได้ เอกชนจึงจ้างบริษัททำวิจัยมากกว่า การจะทำวิทยานิพนธ์ให้เอกชนนำไปใช้ได้มากในเชิงพาณิชย์ต้องมีลักษณะเป็นแพ็คเกจ คือ ระบุชัดเจนถึงงบลงทุน ใช้แล้วชนะคู่แข่งในเชิงการตลาดได้อย่างไร หัวข้อเรื่องสังคมสนใจ และนักศึกษาไม่ลอกข้อมูลมาใช้อย่างเดียว แต่ต้องสังเคราะห์ข้อมูลและเน้นการมีส่วนร่วมของผู้ที่เกี่ยวข้อง และสัมภาษณ์มากกว่าใช้แบบสอบถาม (คมชัดลึก อังคารที่ 23 ส.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





อธิการบดีมธ.ยันไม่ยุบนิติศาสตร์ลำปาง

นายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) ชี้แจงกรณีมีกระแสข่าวว่าจะยุบโครงการนิติศาสตร์ภาคบัณฑิต หลักสูตร 3 ปี ซึ่งเปิดสอนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง มาแล้ว 3 รุ่น เนื่องยากขาดทุนมาตลอด เพราะนักศึกษาเข้าเรียนน้อยกว่าที่คาด โดยยืนยันว่ามหาวิทยาลัยไม่มีแนวคิดเช่นนั้น และโครงการที่ขาดทุนก็เป็นหน้าที่ของคณบดีคณะนิติศาสตร์ และผู้อำนวยการโครงการศูนย์ลำปาง จะแก้ไขและหาเงินมาสนับสนุนโครงการนี้ให้ดำเนินต่อไป นายสุรพลกล่าวว่า เหตุที่นักศึกษาสอบเข้าเรียนน้อยเพราะเกรงว่าอาจจะเรียนไม่จบ เพราะการเรียนนิติศาสตร์ไม่ง่าย และ มธ.จัดการเรียนการสอนเป็นมาตรฐานเดียวกันกับที่กรุงเทพฯ ทั้งที่ท่าพระจันทร์ และรังสิต คงต้องให้บัณฑิตนิติศาสตร์รุ่นแรกของศูนย์ลำปางจบเสียก่อน จึงจะกำหนดวิธีการว่าโครงการนี้จะดำเนินไปในทิศทางใดอย่างไรต่อไป (กรอบบ่าย) (มติชนรายวัน อังคารที่ 23 ส.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





มหาวิทยาลัยเหนือจับมือพัฒนาห้องสมุด

เมื่อเร็วๆ นี้ มีการประชุมสมาชิกโครงการความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่างห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษาภาคเหนือตอนล่าง ประกอบด้วยมหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตตาก มหาวิทยาลัยภาคกลาง วิทยาลัยชุมชนพิจิตร วิทยาลัยชุมชนตาก วิทยาลัยชุมชนอุทัยธานี และวิทยาลัยพิษณุโลก โดยจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อพิจารณาร่างประกาศเรื่องข้อตกลงว่าด้วยการบริการระหว่างห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษา ผศ.ประพิมพร โกศิยะกุล ผอ.สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมประชุมว่า ข้อตกลงว่าด้วยการบริการระหว่างห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษาเป็นข้อตกลงในการยืมทรัพยากรสารสนเทศระหว่างห้องสมุด ผู้ใช้บริการจากสถาบันอุดมศึกษาดังกล่าวจะสามารถยืมทรัพยากรสารสนเทศทั้งที่เป็นวัสดุตีพิมพ์ โสตทัศนวัสดุ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์จากห้องสมุดสมาชิกได้ ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการร่วมกันพิจารณาร่างข้อตกลงซึ่งยังมีบางจุดที่ต้องแก้ไข หากโครงการนี้สำเร็จ จะเป็นประโยชน์ต่อสถาบันอุดมศึกษาและนักศึกษาอย่างมาก (ข่าวสด พุธที่ 24 ส.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





มทสแนะแนวแอดมิชชัน’ 49 จัดโควตาไม่มีสอบข้อเขียน

ผศ.ดร.เอมอร ทัศนศร ผอ.ศูนย์บริการการศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี(มทส) เปิดเผยว่า มทส จะจัดการประชุมผู้บริหารและอาจารย์แนะแนวโรงเรียนมัธยมศึกษา ในเขตพื้นที่บริการของมหาวิทยาลัย 5 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ชัยภูมิ สุรินทร์บุรีรัมย์ และศรีสะเกษ ประมาณ 360 คน เพื่อรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา โดยระบบกลางการรับนิสิต นักศึกษา หรือระบบแอดมิชชัน (Admission) พร้อมทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) และการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง (A-NET) ในวันศุกร์ที่ 26 ส.ค.นี้ ผอ.ศูนย์บริการการศึกษา มทส กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางการรับนักศึกษา มทส ในปีการศึกษา 2549 ระดับปริญญาตรีเปิดรับทั้งนี้ 2,040 คน ใน 5 กลุ่มสาขาวิชา ได้แก่วิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีการเกษตร เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีการจัดการ และสาธารณสุขศาสตร์ โดยผ่านระบบแอดมิชชันกลาง 20% ส่วนอีก 80% เป็นระบบโควตานักเรียน ม.6 ทั่วประเทศ ทั้งแผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ ศิลป์คำนวณ หรือศิลป์ภาษา โดยใช้คะแนนเฉลี่ยสะสม (GA) รวมทุกวิชา นับรวมถึงภาคเรียนที่ 1 ของชั้น ม.6 ไม่ต่ำกว่า 2.50 หรือตำแหน่งเปอร์เซ็นต์ไทล์ไม่ต่ำกว่า 75 และมีคะแนนเฉลี่ยของกลุ่มสาระการเรียนรู้ ที่มหาวิทยาลัยกำหนดไม่ต่ำกว่า 2.50 โดยไม่มีการสอบข้อเขียน นอกจากนี้ ยังมีโควตาสำหรับผู้มีความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โควตานักกีฬา โควตาดนตรีและนาฏศิลป์ ซึ่งจะเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 1 ต.ค.-11 พ.ย.48 ผศ.ดร.เอมอร กล่าวต่อไปอีกว่า อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการรับนักศึกษา การจัดเรียนการสอนสาขาวิชาต่างๆ ตลอดจนการนำคณาจารย์เยี่ยมชมความพร้อมของมหาวิทยาลัยแล้ว การประชุมในวันที่ 26 ส.ค.นี้ ยังเป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างโรงเรียนและมหาวิทยาลัย และทำให้ได้รับทราบข้อมูลและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงระบบการรับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยต่อไปด้วย (สยามรัฐรายวัน พฤหัสบดีที่ 25 ส.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





ห้องสมุดดิจิทัลสิ่งมีชีวิตโลกคลิกเดียวหาข้อมูลผ่านเน็ต

อังกฤษเปิดตัวห้องสมุดดิจิทัล ที่รวมสิ่งมีชีวิตทั้งมวลบนโลกมาไว้ด้วยกัน พร้อมจัดหมวดหมู่ให้เสร็จสรรพ เผยช่วยนักธรรมชาติวิทยามือสมัครสืบค้นข้อมูลผ่านเวบไซต์ได้คำตอบภายในไม่กี่วินาที ห้องสมุดดังกล่าวใช้ชื่อว่า "เดซี่" อาศัยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ช่วยจำแนกหมวดหมู่สิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดที่มีอยู่บนโลกมนุษย์ ถือเป็นคลังข้อมูลที่เอื้อประโยชน์อย่างมากกับงานวิจัยด้านความหลากหลายทางชีวภาพ และวิวัฒนาการ ศ.นอร์แมน แมคลอยด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านดึกดำบรรพ์วิทยา พิพิธประวัติศาสตร์ธรรมชาติ ในกรุงลอนดอน ซึ่งใช้เวลาหลายปีพัฒนาเดซี่ขึ้นมา กล่าวว่า ระบบนี้จะช่วยให้การระบุพืชและสัตว์ทำได้ง่ายขึ้น โดยนักธรรมชาติวิทยามือสมัครเล่นทั้งหลาย สามารถส่งภาพของพืชหรือสัตว์ที่ถ่ายด้วยกล้องดิจิทัล แล้วส่งกลับมาเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลของเดซี่ได้โดยตรง ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีจะได้รับรายละเอียดของข้อมูล ความสามารถในการจับคู่ภาพต่างๆ ด้วยเวลาอันรวดเร็วนั้น เดซี่ต้องอาศัยซอฟต์แวร์จดจำรูปแบบ และด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ รวมทั้งสูตรคณิตศาสตร์ทางคอมพิวเตอร์ (อัลกอริธึ่ม) ทำให้เดซี่มีปัญญาเหมือนมนุษย์ หรือเพียงป้อนรูปภาพใหม่ๆ เข้าไป เดซี่ก็สามารถเรียนรู้ข้อมูลได้ด้วยตัวเอง ซึ่งปัจจุบัน เดซี่มีข้อมูลสิ่งมีชีวิตจากพิพิธภัณฑ์ต่างๆ 70 ล้านชนิดแล้ว (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 25 ส.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





สิงคโปร์ให้ทุนเรียนคนละ 24 ล. เพื่อความเป็นเจ้าเทคโนโลยีชีวภาพ

สิงคโปร์เริ่มเดินหน้าโครงการก่อสร้างศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวภาพ เพื่อใช้เป็นศูนย์บัญชาการโครงการเพื่อทำให้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางความก้าวหน้า ด้านเทคโนโลยีชีวภาพของโลกในคริสต์ศตวรรษที่ 21 นอกจากนี้ เพื่อเป็นการรองรับการเติบโตในอนาคต นอกเหนือจากการดึงดูดนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลกจากทั้งยุโรป อเมริกาเหนือและเอเชีย รวมทั้งอลัน โคลแมน นักวิทยาศาสตร์อังกฤษผู้โคลนนิ่งแกะดอลลี สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมโคลนนิ่งตัวแรกของโลกสำเร็จ เมื่อปี 2539 เข้าร่วมโครงการวิจัยต่างๆ ในปัจจุบันแล้ว รัฐบาลสิงคโปร์ยังทุ่มทุนส่งนักเรียนชั้นนำของประเทศกว่า 500 คน ออกไปศึกษาต่อยังสถาบันวิทยาศาสตร์ชั้นเยี่ยมในต่างประเทศ ตั้งแต่ปริญญาตรีไปจนจบระดับปริญญาเอกด้วยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 600,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 24 ล้านบาทต่อคน ในระยะเวลา 8 ปีเต็ม โดยมีเงื่อนไขกลับมาทำงานใช้ทุนในศูนย์ดังกล่าวให้กับรัฐบาล 6 ปี โดยนักเรียนชุดแรกจะจบปริญญาเอกกลับเข้าทำงานในปี 2541. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 26 ส.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





10 สถาบันแพทย์รับตรง ลดปัญหามอบตัวซ้ำซ้อน

รศ.ดร.ทวีป ชัยสมภพ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยถึงแนวทางการรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี ปีการศึกษา 2549 ของ มธ.ว่า มธ.มีแนวทางการรับนักศึกษา 4 ระบบ คือ รับผ่านระบบ กลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือระบบแอดมิชชั่น จำนวน 3,535 คน รับตรง จำนวน 1,580 คน โดย มธ.เป็นผู้สอบคัดเลือกเอง มีการสอบวิชาเฉพาะรับสมัครวันที่ 1-25 ก.ย. ยกเว้นคณะพาณิชยศาสตร์ฯ รับสมัครวันที่ 1-8 ธ.ค. การคัดเลือกในโครงการพิเศษของคณะต่างๆ โดยคณะจะดำเนินการรับเอง รวมทั้งสิ้น 770 คน และรับนักศึกษาในโครงการขยายโอกาสต่าง ๆ ผู้สนใจดูรายละเอียดได้ที่ http://regofc.tu.ac.th สำหรับแนวทางการรับบุคคลเข้าศึกษาในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตนั้น ศ.น.พ.อาวุธ ศรีศุกรี เลขาธิการกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) เปิดเผยว่า คณะและสถาบันจำนวน 10 แห่ง ร่วมกันสอบคัดเลือกผ่านระบบแอดมิชชั่นตรง เพื่อลดภาระเด็กและผู้ปกครอง และลดปัญหาการมอบตัวซ้ำซ้อนกันในหลายสถาบันพร้อมกัน ดังนี้ วิทยาลัยแพทยศาสตร์ กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล รับ 50 คน คณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น 70 คน คณะแพทย์ฯม.เชียงใหม่ (มีหนังสือรับรองมาช่วยปฏิบัติงานใน รพ.) รับ 60 คน คณะแพทย์ฯ ม.ธรรมศาสตร์ 30 คน วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า (ต้องมีคุณสมบัติเป็นนักเรียนแพทย์ทหารได้) รับ 70 คน คณะแพทย์ฯโรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล 123 คน คณะแพทย์ฯศิริราชพยาบาล (มีหนังสือรับรองมาช่วยปฏิบัติงานใน รพ.) รับ 207 คน คณะแพทย์ฯ มศว 90 คน คณะแพทย์ฯ ม.สงขลาฯ 55 คน ทั้งนี้ให้สิทธิผู้สมัครเลือกได้ไม่เกิน 3 ลำดับ รับสมัครวันที่ 15 ก.ย.-15 ต.ค. สอบวิชาเฉพาะวันที่ 17 ธ.ค. ประกาศผล 18 เม.ย.2549 และจะส่งผลการคัดเลือกให้ สกอ. เพื่อตัดสิทธิจากระบบแอดมิชชั่นกลาง ในกรณีที่ผู้สมัครมีคะแนนที่สามารถเข้ารับการสอบสัมภาษณ์ทั้งกับ กสพท. และคณะแพทย์อื่นที่ไม่ได้ร่วมคัดเลือกกับ กสพท. เช่น คณะแพทย์ฯจุฬาฯ ม.รังสิต ม.สุรนารี ม.นเรศวร ให้เลือกเข้ารับการสัมภาษณ์ที่ใดที่หนึ่ง แต่ทั้งนี้คณะส่วนใหญ่จะประกาศผลและมอบตัวเสร็จเรียบร้อยก่อนการประกาศผลของ กสพท. เช่น คณะแพทย์ฯจุฬาฯ ประกาศผลและมอบตัว วันที่ 12 เม.ย. 2549. (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 27 ส.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


สอบ "ใบขับขี่" ด้วย "คอมพิวเตอร์"..เทคโนโลยีใหม่ รวดเร็ว-โปร่งใส

กรมการขนส่งทางบก ก็เป็นอีกองค์กรหนึ่งที่นำเทคโนโลยีอันทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในการ ทำงาน โดยล่าสุดมีโครงการยกระดับมาตรฐานการทดสอบเพื่อออกใบอนุญาตขับขี่ ภาคทฤษฎีด้วย ระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-exam สำหรับผู้ที่เข้ารับการทดสอบในเขตกรุงเทพฯ โดยผู้สอบใบขับขี่จะได้ ทำข้อสอบข้อเขียนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ แทนการขีดเขียนในกระดาษคำตอบแบบที่เคยทำกันมา ขั้นตอนเริ่มจากยื่นหลักฐานใบสมัคร และเข้ารับการทดสอบสายตา รวมถึงทดสอบปฏิกิริยาตอบ สนองของร่างกายด้านต่าง ๆ ที่ควรเป็นคุณสมบัติของผู้ขับขี่แล้วผู้เข้าสอบใบขับขี่จะได้รับการฝึกอบรมความรู้ด้านทฤษฎี และวิธีการใช้คอมพิวเตอร์ระหว่างการทำข้อสอบ เพื่อให้ สามารถใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ได้ จากนั้นผู้เข้าสอบจะได้ รับคีย์การ์ดที่มีรหัสเฉพาะนำไปใช้กับคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะสุ่มคำถามที่มีอยู่ในระบบฐานข้อมูลกว่า 1,000 ข้อ มาทดสอบครั้งละ 30 ข้อ โดยจะแสดงเป็นคำถาม และตัวเลือกบนหน้าจอคอมพิว เตอร์ มีทั้งสิ้น 4 ภาษา ประกอบด้วย ภาษาไทย อังกฤษ จีน และญี่ปุ่น สำหรับผู้เข้าสอบที่มีหลากหลายเชื้อชาติ นอกจากนี้ยังมีระบบเสียง แนะนำการทำข้อสอบ และอ่านข้อสอบให้ฟัง สำหรับผู้ที่อ่านภาษาไทยไม่ได้ด้วย โดยมีระบบแป้นกดคำตอบให้ผู้เข้าสอบสามารถเลือกกดคำตอบได้ด้วยตนเอง เมื่อทำข้อสอบครบทั้ง 30 ข้อ คอมพิวเตอร์จะบันทึกผลเก็บไว้เป็นฐานข้อมูล เพื่อใช้สำหรับอ้างอิง และตรวจสอบในภายหลัง พร้อมทั้งพิมพ์ผลการทดสอบและเฉลยข้อที่ตอบผิดให้ผู้เข้าสอบทราบทันที หากผลการสอบข้อเขียนผ่าน ก็เข้าสู่การสอบภาคปฏิบัติที่สนามต่อไป แล้วนำผลสอบภาคปฏิบัติมาเป็นหลักฐานในการรับใบอนุญาต แต่ถ้าสอบไม่ผ่านก็ต้องสอบใหม่จนกว่าจะผ่าน การสอบข้อเขียนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-exam เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ยังไม่พบปัญหาขัดข้อง ซึ่งการทดสอบข้อเขียนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ มีให้บริการเฉพาะในกรุงเทพฯ เท่านั้น เป็นโครงการนำร่อง โดยที่กรมการขนส่งทางบกมีจำนวนคอมพิวเตอร์ไว้ให้บริการถึง 80 เครื่อง ส่วนที่สำนักขนส่งเขตพื้นที่ 1-4 จะมีแห่งละประมาณ 40 เครื่อง สำหรับที่ต่างจังหวัดกำลังอยู่ระหว่างการจัดสรรงบประมาณในการจัดซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ พร้อมทั้งดูความพร้อมและการตอบรับของคนกรุงเทพฯ ด้วย จึงจะเริ่มทยอยให้บริการระบบดังกล่าวได้ เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ จากที่ขณะนี้สามารถให้บริการสอบใบอนุญาตขับขี่รถได้ทั่วทั้งประเทศ โดยไม่ต้องกลับไปสอบยังที่อยู่ ตามภูมิลำเนาเดิม คนต่างจังหวัดคงต้องรอ จะได้สอบข้อเขียนใบขับขี่ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์เหมือนกัน. (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 22 ส.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





เอ็มเทคผุดโรงไฟฟ้า'ไฮโดรเจน" มั่นใจปี 49 ผลิตกระแสไฟป้อนครัวเรือน

ดร.ปริทรรศน์ พันธุ์บรรยงก์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) เปิดเผยว่า เอ็มเทคเตรียมผลักดันการใช้เซลล์เชื้อเพลิง "ไฮโดรเจน" เข้าสู่นโยบายพลังงานหมุนเวียนแห่งชาติภายในปีหน้า โดยเบื้องต้นกระทรวงพลังงานได้พิจารณารับหลักการ และพร้อมประกาศใช้ในแผนพลังงานหมุนเวียนของกระทรวงทันที หลังจากเอ็มเทคสามารถสร้างต้นแบบเซลล์เชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้าได้สำเร็จ ต้นแบบเซลล์เชื้อเพลิงดังกล่าวคาดว่า จะสร้างแล้วเสร็จและป้อนไฟฟ้าให้บ้านเรือนได้ภายเดือนมีนาคม ปี 2549 โดยสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ขนาด 1 กิโลวัตต์ สำหรับเซลล์เชื้อเพลิงเป็นเทคโนโลยีการผลิตกระแสไฟฟ้า อาศัยการทำปฏิกิริยาเคมีไฟฟ้าระหว่างไฮโดรเจนกับออกซิเจน ผ่านแผ่นเมนเบรนขนาดบางและตัวเร่งปฏิกิริยา จนได้อิเล็กตรอนออกมาทำให้ได้กระแสไฟฟ้าจากปฏิกิริยานี้ เอ็มเทคได้วิจัยด้านเซลล์พลังงานมาเป็นระยะเวลา 4 ปี โดยใช้งบประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการนำเซลล์เชื้อเพลิงแบบออกไซด์ของแข็ง มาผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนอาคารบ้านเรือนขนาดเล็ก รวมทั้งผลิตเซลล์เชื้อเพลิงแบบโพลีเมอร์แลกเปลี่ยนโปรตรอน ซึ่งใช้เป็นแบตเตอรี่อุปกรณ์พกพาชนิดต่าง ๆ อาทิ คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ ตลอดจนรถยนต์ เป็นต้น ดร.ปริทรรศน์ กล่าวอีกว่า ในอีก 4 -5 ปีข้างหน้าพลังงานไฮโดรเจน จะมีบทบาทสำคัญต่อกิจกรรมของมนุษย์ และการผลิตในภาคอุตสาหกรรม แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับการบริหารจัดการที่ดี รวมทั้งการวางโครงสร้างพื้นฐานรองรับการใช้พลังงานในรูปแบบดังกล่าว อาทิ สถานีเติมไฮโดรเจนและสถานีชาร์จแบตเตอรี่ เป็นต้น ส่วนประเด็นการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์นั้น ดร.ปริทรรศน์ เห็นว่า ยังเป็นเรื่องยากสำหรับสังคมไทย โดยเฉพาะการยอมรับในเรื่องความปลอดภัย จึงต้องเร่งให้ความรู้เกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์ อีกทั้งสร้างบุคลากรผู้เชี่ยวชาญขึ้นมาดูแลในเรื่องการบริหารจัดการเทคโนโลยี ซึ่งในเบื้องต้นทางเอ็มเทคได้เสนอของบประมาณจากกระทรวงพลังงาน 50 ล้านบาท เพื่อส่งบุคลากรไปศึกษาต่อในต่างประเทศทางพลังงานนิวเคลียร์ (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 22 ส.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





นาซ่าเลื่อนแผนส่ง"แอตแลนติส"

ไมเคิล กริฟฟิน ผู้บริหารองค์การอวกาศสหรัฐ หรือ "นาซ่า" แถลงข่าวเป็นทางการว่า จำเป็นต้องระงับแผนการบินทั้งหมดของกระสวยอวกาศของสหรัฐ และนำยานมาตรวจสอบทางเทคนิคโดยละเอียดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยเหมือนกรณียานดิสคัฟเวอรี่ออกนอกโลกเมื่อวันที่ 26 ก.ค. และมีชิ้นส่วนฉนวนกันความร้อนหลุดร่อนออกจากตัวยานใกล้กับถังเชื้อเพลิง ตามกำหนดการเดิมนาซ่าต้องส่งกระสวยอวกาศแอตแลนติสออกนอกโลกไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ (ไอเอสเอส) ในเดือนกันยายนนี้ แต่ต้องเลื่อนปฏิบัติการออกไปเป็นเดือนมีนาคม 2549 หรือล่าช้ากว่ากำหนดการเดิม 6 เดือน และอาจส่งผลกระทบต่อโครงการสร้างสถานีไอเอสเอสให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนปี 2553 (ข่าวสด จันทร์ที่ 22 ส.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ไอครีเอชั่น"สอนแอนิเมชันเด็ก

นางสาวศิริพร โอสถารยกุล กรรมการผู้จัดการ สถาบันคอมพิวเตอร์ 3 ดีแอนิเมชันในชื่อ "ไอครีเอชั่น" กล่าวว่า สถาบันซึ่งเพิ่งเปิดตัวประมาณ 2 เดือนนี้ ได้ร่วมกับสถาบัน Intense-Animation Studio ซึ่งได้รับการรับรองจากหน่วยงานรัฐในสิงคโปร์พัฒนาการเรียนการสอนหลักสูตรการสร้างภาพเคลื่อนไหวแบบ 3 มิติขึ้น สำหรับผู้สนใจวัย 10-16 ปี เนื่องจากเห็นว่าปัจจุบันหลักสูตรดังกล่าวที่เปิดสอนอยู่ มีแต่ระดับวิชาชีพชั้นสูง หรือระดับมืออาชีพ ซึ่งผู้เรียนต้องมีพื้นฐานคอมพิวเตอร์กราฟฟิกก่อน ทำให้เยาวชนที่ต้องการพัฒนาตัวเองเป็นมืออาชีพในอนาคตขาดโอกาสและสถานที่เรียน ทั้งนี้ สถาบันจึงเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ที่เปิดตลาดการสอนเยาวชนช่วงอายุดังกล่าวโดยเฉพาะด้วยลิขสิทธิ์ของบริษัทเอง โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ ตั้งแต่เริ่มต้น ระดับกลาง และระดับก้าวหน้า จากการสร้างโมเดล สร้างภาพเคลื่อนไหว จนถึงการผนวกความรู้จากสอนระดับแรกมาประกอบเป็นเรื่อง ในลักษณะของการสร้างเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันของตัวเองออกมาอย่างน้อย 1 เรื่อง ซึ่งแต่ละระดับใช้เวลา 12 สัปดาห์ ส่วนโปรแกรมการสอนจะใช้โปรแกรมมายา ที่เป็นที่นิยมในวงการฮอลลีวู้ด เดอะลอร์ดออฟเดอะริง ดิอินเครดิเบิล แฮร์รี่ พอตเตอร์ และผู้เรียนจะได้รับโปรแกรมที่เป็นเวอร์ชั่น เรียนรู้ด้วยตัวเอง (เพอร์ซันนัลเลิร์นนิ่งเอดิชั่น) กลับไปบ้าน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการเรียนกำหนดไว้หลักสูตรละ 7,900 บาท ปัจจุบันมีคอมพิวเตอร์ 20 เครื่อง เปิดสอนเสาร์-อาทิตย์วันละ 3 รอบ โดยมีเด็กสมัครเข้ามาเรียนแล้วประมาณ 40 คน (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 23 ส.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ญี่ปุ่นรุกตลาด เที่ยว"ดวงจันทร์"

ญี่ปุ่นกรุยทางเข้าสู่ธุรกิจท่องเที่ยวอวกาศอย่างเต็มตัวแล้ว โดยหนึ่งในโปรแกรมดังกล่าวจะมีแผนนั่งยานโซยูซเที่ยวชม "ดวงจันทร์" รวมอยู่ด้วย ในราคาหัวละ 4,000 ล้านบาท สำหรับการเดินทางเที่ยวดวงจันทร์ 1 ครั้ง มีผู้โดยสารขึ้นยานไปได้เที่ยวบินละ 2 ที่นั่ง และในอนาคตทั้งสองบริษัทยังมีโครงการพานักท่องเที่ยวจากพื้นโลกไปเหยียบดวงจันทร์อีกด้วย ส่วนโปรแกรมที่คาดว่าน่าจะได้รับความนิยม คือ การนั่งเครื่องบินชนิดพิเศษขึ้นไปรับรู้ประสบการณ์ในสภาพไร้น้ำหนัก ซึ่งคิดค่าบริการคนละ 408,000 บาท (ข่าวสด อังคารที่ 23 ส.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





นักบินอวกาศ'ดิสคัฟเวอรี'เยือนไทย

ดร.โคอิชิ วาคาตะ นักบินอวกาศ JAXA ชาวญี่ปุ่น ที่ร่วมเดินทางไปปฏิบัติภารกิจการบินบนยานอวกาศดิสคัฟเวอรี STS-92 กับองค์การอวกาศนาซา ได้มาเยือนประเทศไทย เพื่อร่วมงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ และถ่ายทอดความรู้แก่เยาวชนในโซนยูนิเวิร์ส พาวิลเลี่ยน เปิดเผยว่า ประสบการณ์การทำงานร่วมกับองค์การอวกาศนาซา ซึ่งเทคโนโลยีชั้นสูงของนาซาที่ได้สัมผัส น่าจะนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวัน อาทิ ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ช่วยวิเคราะห์โครงสร้างการทำงานของสิ่งต่างๆ ที่สามารถนำมาใช้วิเคราะห์โครงสร้างรองเท้า เพื่อออกแบบให้สวมใส่สบาย เดินแล้วไม่เกิดอาการเมื่อยขา ตลอดจนการออกแบบโครงสร้างอาคาร บ้าน รถยนต์ และวงจรอิเล็กทรอนิกส์ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในส่วนของความร่วมมือทางอวกาศระหว่างประเทศญี่ปุ่นกับประเทศไทย ในอนาคตน่าจะเป็นไปในทางที่ดียิ่งขึ้น เพราะปัจจุบันทั้งสองประเทศร่วมกันใช้ภาพถ่ายดาวเทียม เพื่อเตรียมการเตือนภัยธรรมชาติที่เกิดจากคลื่นยักษ์สึนามิ "สำหรับธุรกิจการท่องเที่ยวอวกาศนั้นเป็นไปได้ยาก เนื่องจากเที่ยวบินมีราคาที่สูง แม้จะมีผู้สนใจยอมเสียเงินเดินทางสู่อวกาศกว่า 800 ล้านบาท แเต่เป็นเพียงจำนวนน้อย หากทำให้ธุรกิจนี้มีราคาที่ถูกลง น่าจะดึงความสนใจจากผู้ที่คลั่งไคล้อวกาศได้ไม่น้อย" ดร.โคอิชิ กล่าว อย่างไรก็ตาม ธุรกิจอวกาศที่น่าจะไปได้ด้วยดี เห็นจะเป็นธุรกิจดาวเทียมสื่อสาร ภาพถ่ายดาวเทียม รีโมตเซนซิ่ง ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ในประเทศ พร้อมกับส่งขายภาพถ่ายให้กับประเทศที่ต้องการได้ด้วย ทั้งนี้ ในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ ดร.โคอิชิ วาคาตะ จะบรรยายเรื่อง "การฝึกอบรมนักบินอวกาศ และการประกอบสถานีอวกาศนานาชาติ" วันละ 2 รอบ (11.00 และ 14.00 น.) พร้อมทั้งอธิบายการประกอบชิ้นส่วนยานอวกาศ และตอบข้อซักถามด้วย (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 23 ส.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





"พระเทพฯ"เปิดสัปดาห์วิทยาศาสตร์ แนะ วท.ใช้"อีเลิร์นนิ่ง"ถ่ายทอดความรู้

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 สิงหาคม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ประจำปี 2548 ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 23-28 สิงหาคม ที่ศูนย์การแสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานี โดยมีนายประวิช รัตนเพียร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(วท.) และคณะเฝ้ารับเสด็จ ทั้งนี้ สถาบันวิจัยของประเทศญี่ปุ่น(AIST) โดยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ(เอ็มเทค) ได้ทูลเกล้าฯถวายหุ่นยนต์แมวน้ำพาร์โร(PARO) ด้วย สมเด็จพระเทพฯทรงมีพระราชดำรัสว่า วิทยาการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีส่งผลให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ปัจจุบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญ แต่ก็มีโทษมหันต์หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี จึงจำเป็นต้องเรียนรู้ถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงที่ฉับไว การส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือในระดับภูมิภาคและระดับโลกก็เป็นภารกิจสำคัญ ประเทศกำลังพัฒนาจะได้มีโอกาสใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม ภายใต้กติกาที่เป็นธรรมและเอื้อประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมเด็จพระเทพฯพระราชทานโล่แก่นักวิทยาศาสตร์ดีเด่น นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ นักวิทยาศาสตร์อาวุโส ครูวิทยาศาสตร์ดีเด่น และนักเรียนชนะเลิศการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ระดับประเทศ ต่อมาได้ประทับฟังบรรยายเรื่อง "หลุมดำ รูหนอน และการเดินทางข้ามเวลา" (Black Hole, Worm Hole and Time Trave) โดยมี ดร.จิม อัล-คาลิลิ(Dr.Jim Al-Khalili) มหาวิทยาลัยเซอร์เรย์(University of Surey) สหราชอาณาจักร บรรยายแนวคิดมหัศจรรย์ของฟิสิกส์ยุคใหม่ เนื่องในโอกาสแห่งปีฟิสิกส์โลก และฉลอง 100 ปี ที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ค้นพบทฤษฎีสัมพันธภาพ จากนั้น เสด็จฯทอดพระเนตรนิทรรศการภายในงาน โดยเฉพาะนิทรรศการเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุ 48 พรรษา และเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรนิทรรศการความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีของภาครัฐและเอกชน และทรงแนะนำให้ วท.นำความรู้เหล่านี้ขึ้นเว็บไซต์ เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้ผ่านระบบอีเลิร์นนิ่ง กระทั่งเวลา 13.30 น. จึงเสด็จพระราชดำเนินกลับ (มติชนรายวัน พุธที่ 24 ส.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





เปิดสถาบันดาราศาสตร์แห่งชาติปี"50

นายประวิช รัตนเพียร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ตรวจสถานที่ก่อสร้าง "สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ" ณ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง ซึ่งตั้งอยู่ในเขตป่าไม้เก่าติดกับศูนย์เรดาร์ของทหาร แต่จะไม่ตัดไม้ทำลายป่า สถาบันวิจัยแห่งนี้มีกำหนดแล้วเสร็จปี 2550 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ซึ่งจะติดกล้องดูดาวแบบอัตโนมัติ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.4 เมตร เป็นกล้องที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย เพื่อรองรับการวิจัย การบริการวิชาการแก่ชุมชน การสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนทางดาราศาสตร์และสาขาที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งใช้เป็นสถานที่เชื่อมสัญญาณภาพมาจากหอดูแห่งชาติบนยอดดอยอินทนนท์ เพื่อส่งมาให้เยาวชนหรือประชาชนได้ชมอย่างทั่วถึง ส่วนผู้ที่ไม่สามารถเดินทางขึ้นไปชมยังหอดูดาวแห่งชาติได้ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติจะเชื่อมภาพส่งลงไปยังมหาวิทยาลัยในตัวเมืองเชียงใหม่ที่มีเทคโนโลยีรองรับ เช่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยพายัพ (ข่าวสด พุธที่ 24 ส.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





มาเลย์ติด"ดาวเทียม"อนุรักษ์พันธุ์เต่า

มาเลเซียติดตัวส่งสัญญาณดาวเทียมไว้บนตัว "เต่า" ตามแผนอนุรักษ์เต่าที่จำนวนลดลงจนน่าวิตก เจ้าหน้าที่ได้ติดตัวส่งสัญญาณดาวเทียมบนกระดองของเต่าสีเขียว 2 ตัว ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ถูกคุกคามและได้รับการอนุบาลที่เขตอนุรักษ์พันธุ์เต่ามาเดราห์ในรัฐตรังกานู ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศก่อนนำไปปล่อยในธรรมชาติ สัญญาณดาวเทียมจะถูกส่งไปยังดาวเทียมของสำนักงานบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติอเมริกัน ส่วนข้อมูลจะรวบรวมโดยสำนักงานภาคพื้นดินที่ฝรั่งเศส สัญญาณดาวเทียมจะบอกความเคลื่อนไหวของเต่าว่ามันเดินทางไปที่ใดบ้างในช่วงก่อนและหลังกลับมาวางไข่ที่เขตอนุรักษ์ การทราบแหล่งหากินของเต่าผ่านสัญญาณดาวเทียมจะช่วยให้สามารถกำหนดพื้นที่ห้ามทำการประมงเพื่ออนุรักษ์เต่าได้ชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถแจ้งไปยังประเทศเพื่อนบ้านให้หามาตรการอนุรักษ์เต่าหากแหล่งหากินของมันอยู่ในเขตของประเทศอื่นด้วย การติดตามเต่า 2 ตัวนี้จะดำเนินไปนาน 6 เดือน จนกระทั่งแบตเตอรี่ของตัวส่งสัญญาณดาวเทียมหมดอายุ และจะติดตั้งตัวส่งสัญญาณให้เต่าอีก 2 ตัวภายในปีนี้ (ข่าวสด พุธที่ 24 ส.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





มหัศจรรย์แห่งวิทยาศาสตร์

"ดูปองท์" เป็นบริษัทผู้ผลิตวัตถุดิบ ผลิต ภัณฑ์ของบริษัทส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นสินค้าสำเร็จรูปเพื่อการอุปโภคบริโภคโดยตรง หากแต่เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ซ่อนอยู่ในผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปต่างๆ ที่เป็นการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้แก้ปัญหาและคิดค้นนวัตกรรมใหม่เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตโดยนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2345 ที่เริ่มก่อตั้ง ผลงานวิจัยที่สร้างชื่อให้บริษัท ได้แก่ nylon เส้นใยสังเคราะห์สำหรับสิ่งทอชนิดแรกของโลก teflon สารเคลือบผิววัสดุที่ใช้เคลือบเครื่องครัว butacite ฟิล์มสำหรับทำกระจกนิรภัย kevlar เส้นใยที่มีความแข็งแกร่งกว่าเหล็กกล้า ฯลฯ ดังนั้น ในการวางกลยุทธ์ CSR หรือในที่ "ดูปองท์" เรียกว่า โครงการเพื่อสังคมนั้น ที่ผ่านมาบริษัทพิจารณาจากความชำนาญในธุรกิจเป็นหลัก โดยสามารถแบ่งประเภทธุรกิจของบริษัทออกเป็น 5 กลุ่มใหญ่ 1.ด้านความปลอดภัย และการป้องกัน โดยหน่วยธุรกิจ Dupont Safety & Protection ของดูปองท์จะนำเสนอสินค้าที่ตอบสนองผู้ทำงานในภาวะอันตรายให้ได้รับการปกป้องอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะในโรงงาน เหตุการฉุกเฉินและอุบัติเหตุต่างๆ อาทิ ยาฆ่าเชื้อป้องกันไข้หวัดนกระบาด ชุดป้องกันที่มีโอกาสเห็นมากที่สุดในเหตุการณ์สึนามิ กระทั่งเส้นใย kevlar ที่สามารถนำไปผลิตเสื้อกันกระสุน 2.วัตถุดิบในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการวัสดุ ระบบ และผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์ ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น อาทิ กระจกนิรภัย Dupont Zytel HTN resin สำหรับผู้ผลิตที่ต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งและทนความร้อนให้กับผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่สวิตช์อุปกรณ์ไฟฟ้า กระทั่งชุดโคมไฟหน้ารถ 3.ด้านการเกษตร บริษัทมีการพัฒนาการปกป้องพืชพันธุ์เมล็ดพันธุ์เพื่อเพิ่มผลผลิต รวมทั้งยังร่วมมือกับผู้ผลิตอาหารเพื่อให้อาหารมีรสชาติที่ดีขึ้น และเก็บรักษาได้นานขึ้น เช่น โปรตีนถั่วเหลืองของบริษัท The Solae Company ซึ่งเป็นเทคโนโลยีในการตรวจสอบอาหารด้วยระบบพันธุกรรม 4.เทคโนโลยีด้านอิเล็กทรอนิกส์และการสื่อสารโทรคมนาคม โดยบริษัทพัฒนาส่วนประกอบสำคัญของแผงวงจรที่ใช้สื่อสารแบบไร้สาย ที่เป็นชิ้นส่วนสำคัญในโทรศัพท์มือถือและเครื่องคอมพิวเตอร์แลปท็อป 5.เทคโนโลยีเกี่ยวกับสีและพ่นสี อาทิ เป็นผู้นำในด้านผลิตภัณฑ์ไทเทเนียมไดออก ไซด์ ซึ่งเป็นธุรกิจผลิตภัณฑ์ช่วยให้สีมีความทึบแสง สีสันสวยงาม และยังป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต ในประเทศไทย บริษัทผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อการอารักขาพืช และจำหน่ายวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมด้านอาหาร ด้านการแพทย์และสาธารณสุข เม็ดพลาสติกสำหรับงานวิศวกรรมเครื่องจักรกลและส่วนประกอบรถยนต์ เม็ดพลาสติกสำหรับอุตสาห กรรมหีบห่อ แผ่นใยและเส้นใยสังเคราะห์สำหรับเครื่องนุ่งห่ม งานก่อสร้างสีพ่นรถยนต์และอุปกรณ์ด้านอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยความโดดเด่นด้าน "วิทยาศาสตร์" กิจกรรมเพื่อสังคมที่ผ่านมาจึงมุ่งเน้นไปที่การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยเป็นหลัก (ประชาชาติธุรกิจ พุธที่ 24 ส.ค. 48 http://www.matichon.co.th/prachachart)





จีนเปิดศูนย์สำรวจดวงจันทร์ เตรียมส่งยานลงพิชิตอีก 7 ปี

หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี ของจีน รายงานว่า จีนกำลังก้าวไปอีกขั้น ในการมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยยานสำรวจดวงจันทร์ โดยการเปิดศูนย์สำรวจดวงจันทร์ขึ้นในกรุงปักกิ่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยศูนย์แห่งนี้จะทำหน้าที่กำกับดูแลการปล่อยยานโคจรรอบดวงจันทร์ในปี 2550 รวมทั้งยานที่จะลงจอดยังดวงจันทร์ในปี 2555 และการปล่อยดาวเทียมไปยังดวงจันทร์ เพื่อนำตัวอย่างดินกลับมาวิจัยในปี 2560 และยังจะเป็นศูนย์รวมของบรรดานักวิทยาศาสตร์ ที่ทำงานสำรวจดวงจันทร์ จีนพัฒนาโครงการอวกาศนับแต่เริ่มส่งจรวดลองมาร์ชขึ้นสู่ห้วงอวกาศเมื่อปี 2513 และนับเป็นชาติที่ 3 ที่ส่งมนุษย์ขึ้นสู่อวกาศเมื่อเดือนตุลาคมปี 2546 และยังส่งดาวเทียมวิจัยขึ้นสู่วงโคจรอยู่เป็นประจำ. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 25 ส.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





เกาหลีโชว์นวัตกรรมครั้งแรกในไทย

นายไกรสร พรสุธี ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า งานเกาหลี ไอทีโรดโชว์ ครั้งแรก ในไทย หรือ Korea IT Road Show Thailand ที่จัดขึ้นนี้ เป็นการนำความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีมาแสดงในประเทศไทยเพียงประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งทางรัฐบาลเกาหลีใต้ได้สนับสนุนงบประมาณการวิจัยและพัฒนาเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เทคโนโลยีในประเทศเกาหลีใต้ไม่ว่า จะเป็น e-Government, e-Commerce, e-Industry, e-Learning, e-Banking ตลอดจน e-Society มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ทางเกาหลีใต้ยังมีบริษัทผู้ผลิต ชิปสำหรับทำบัตรสมาร์ทการ์ดรายใหญ่ของโลก ซึ่งกระทรวงไอซีทีจะเชิญบริษัทเหล่านี้เข้าร่วมประมูลในโครงการสมาร์ทการ์ดรอบใหม่ 52 ล้านใบที่เหลือ ซึ่งคาดว่าจะเปิดประมูลได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ด้วย สำหรับงาน Korea IT Road Show Thailand เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและทรัพยากรของ เกาหลีใต้ ร่วมกับศูนย์ส่งเสริมการส่งออกพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เกาหลีใต้ นำเทคโนโลยีล่าสุดมาแสดงเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ครอบคลุมเทคโนโลยีด้าน อี-บิสซิเนสในทุก ๆ ด้าน อาทิ เทคโนโลยีใหม่จาก บริษัท VANEX ซึ่งเป็นการบรอดแคสติ้งผ่านดาวเทียมสู่มือถือ โน้ตบุ๊กหรือพีดีเอ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ชมทีวี ภาพยนตร์ หรือมิวสิกวิดีโอ ตามต้องการได้ ทุกที่ทุกเวลา หรือโซลูชั่นด้านรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) จาก TMAX บริษัทอันดับ 1 ด้าน e-Government ของเกาหลีใต้ และโซลูชั่น e-Learning ยุคใหม่ จาก Ubion ที่สามารถเรียนออนไลน์ผ่านพีดีเอได้. (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 25 ส.ค. 2548 http://www.dailynews.co.th)





ศูนย์ไบโอเทคลุยกระตุ้นธุรกิจชีวภาพในไทย

นางดรุณี เอ็ดเวิร์ดส รองผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) เปิดเผยว่า ศูนย์ไบโอเทคอยู่ระหว่างการเจรจาสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ทำธุรกิจชีวภาพได้รับสิทธิประโยชน์จากการลงทุน อาทิ ยกเว้นภาษีเงินได้ ลดหย่อนภาษีนำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ โดยการเจรจานี้ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ผลักดันให้เกิดการลงทุนด้านเทคโนโลยีชีวภาพของไทย กลยุทธ์ต่อมาคือ กิจกรรมการจัดงาน "ไบโอไทยแลนด์ 2005" ในวันที่ 2-5 พ.ย.นี้ ซึ่งจะเป็นการเปิดมุมมองนักลงทุนไทย ให้เห็นถึงความสำเร็จของบริษัทต่างชาติ รวมถึงเป็นการแสดงศักยภาพของไทย ให้บริษัทและนักวิจัยต่างชาติได้เล็งเห็น เพื่อนำไปสู่การเจรจาลงทุนในไทยในอนาคต ภายในงานยังมีเวทีประชุมทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะเน้นในเรื่อง "เทคโนโลยีชีวภาพนาโน" อาทิ เซนเซอร์ ระบบนำส่งยา และเทคโนโลยีชีวภาพในกุ้ง แป้ง และจุลินทรีย์ สำหรับภาพรวมการลงทุนด้านเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่ของไทยยังอยู่ระดับต่ำ เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สิงคโปร์ มาเลเซีย ซึ่งได้รับการจัดอันดับเป็นผู้นำการลงทุนด้านไบโอเทค อันดับ 1 และ 2 ของอาเซียน ส่วนผู้นำของโลกในขณะนี้ คือสหรัฐอเมริกา โดยพิจารณาจากการนำเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้ในสายการผลิต รวมถึงจำนวนบริษัทที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากบรรยากาศด้านเทคโนโลยีชีวภาพในไทยเพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน ซึ่งในแง่ของการลงทุนมีบริษัทด้านนี้เพียง 8 บริษัท เมื่อเทียบกับมาเลเซียมีทั้งหมด 18 บริษัท ฟิลิปปินส์ 9 บริษัท และออสเตรเลีย 226 บริษัท แม้ว่าไทยจะลงทุนน้อย แต่ศักยภาพในการพัฒนายังไปได้อีกมาก จุดแข็งของไทยอยู่ที่ความหลากหลายทางชีวภาพ และพื้นฐานของไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม จึงสามารถนำทรัพยากรเหล่านี้มาเป็นพื้นฐานสร้างเศรษฐกิจได้ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 25 ส.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





สิงคโปร์จัดทัพนักวิทยาศาสตร์ สานฝันท่านผู้นำสู่"ไบโอโพลิส"

นายฟิลลิป เยียว ประธานร่วมคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจสิงคโปร์ เปิดเผยในฐานะหัวหน้าสำนักงานวิจัยเพื่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(เอเอสทีอาร์) ของสิงคโปร์ถึงโครงการสร้างศูนย์กลางทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศขึ้นมาใหม่ในโครงการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการเพื่อเปลี่ยนโฉมหน้าของประเทศตามวิสัยทัศน์ที่นายกรัฐมนตรีลี เซียน หลุง ประกาศไว้เมื่อไม่นานมานี้ โครงการดังกล่าวนอกจากจะมีการก่อสร้าง กลุ่มอาคารสำนักงานที่จะใช้ชื่อว่า "ไบโอโพลิส" ในพื้นที่ถัดจากที่ตั้งกระทรวงศึกษาธิการ มูลค่า 300 ล้านดอลลาร์(ราว 12,000 ล้านบาท) แล้ว ยังประกอบด้วยโครงการเกี่ยวเนื่องต่างๆ ทั้งการกว้านเอาบรรดานักวิทยาศาสตร์ระดับหัวแถวของโลก จากยุโรป, อเมริกาเหนือ และเอเชีย เข้ามาทำงานวิจัยและพัฒนาภายใต้เงื่อนไขรายได้สูงและสภาวะแวดล้อมในการทำงานที่เป็นมิตรสูงสุด ปลอดจากกฎข้อบังคับหยุมหยิม และโครงการส่งนักเรียนระดับสุดยอดของประเทศไปศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศโดยรัฐบาลออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดเป็นเวลา 8 ปี เพื่อกลับมาทำหน้าที่สร้างรากฐานของประเทศให้ก้าวไปสู่สังคมความรู้ นายฟิลลิป เยียว ระบุว่า รัฐบาลพร้อมจะออกค่าใช้จ่ายเป็นทุนการศึกษาให้กับนักเรียนรายละ 600,000 ดอลลาร์(ราว 24 ล้านบาท) เพื่อส่งนักเรียนชาวสิงคโปร์ไปเรียนรู้ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีไปจนกระทั่งสำเร็จการศึกษาปริญญาเอกในช่วงระยะเวลา 8 ปี ในสาขาความรู้ที่ต้องการ จากนั้นแต่ละคนจะต้องกลับมาทำงานชดใช้ให้กับทางการเป็นเวลา 6 ปี โดย 15 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ที่ได้รับทุนการศึกษาดังกล่าวจะเป็นเด็กที่เกิดในสิงคโปร์เป็นชาวสิงคโปร์โดยเนื้อแท้ โดยเด็กนักเรียนทุนชุดแรกจะเดินทางกลับมาทำหน้าที่ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า เริ่มต้นที่รายได้มากกว่า 40,000 ดอลลาร์ต่อปี(ราว 1.6 ล้านบาท) หรือไม่น้อยกว่า 130,000 บาทต่อเดือน (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 25 ส.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





"สปิริต"ไต่หาน้ำบนเนินดาวแดง

ยานหุ่นยนต์สำรวจดาวอังคาร รุ่น "สปิริต" ของสหรัฐ เคลื่อนตัวเดินหน้าขึ้นไปใกล้กับจุดสูงสุดของเนินเขา "ฮัสแบนด์ ฮิลล์" ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นผิวดาวอังคาร คาดว่าจะถึงยอดเนินเขาภายในสัปดาห์นี้ ยานสปิริตเริ่มไต่ขึ้นเนินฮัสแบนด์ ฮิลล์ตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ องค์การอวกาศนาซ่าตั้งเป้าว่าเมื่อสปิริตขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของเนินดังกล่าวจะช่วยให้กล้องบันทึกภาพในตัวหุ่นสามารถจับภาพภูมิประเทศด้านล่างอย่างชัดเจน สำหรับจุดที่นาซ่าต้องการให้สปิริตจับภาพมากที่สุด คือ ภูมิประเทศชั้นหินตามแอ่งต่างๆ เพราะเชื่อว่าอาจมีแหล่งน้ำหลงเหลืออยู่ เพราะชั้นหินนั้นมักเกิดขึ้นเพราะถูกน้ำกัดเซาะ (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 25 ส.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





สร้างปอดมนุษย์อะไหล่ ก้าวหน้าปั้นเซลล์ปอดขึ้นจากแม่เซลล์

ทีมนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน ประสบความสำเร็จ นำเอาเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตจากทารกตัวอ่อน นำมาเพาะเลี้ยงให้เป็นเซลล์อย่างที่มีอยู่ในปอดของผู้ใหญ่ เซลล์เหล่านี้เป็นเซลล์แบบที่สามารถให้ออกซิเจนซึมเข้าสู่กระแสโลหิตได้ เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตเท่ากับเป็นแม่เซลล์ สามารถสร้างให้เป็นเซลล์แบบต่างๆ ขึ้นได้ หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ ดร.แอนน์ บิชอป ได้กล่าวบอกในวารสารวิชาการ “วิศวกรรม เนื้อเยื่อ” อย่างหนักแน่นว่า จะสามารถสร้างเซลล์ปอดขึ้นจากเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตที่ได้จากแหล่งอื่น เช่น ไขกระดูกได้อีกด้วย ดร.บิชอปกล่าวเสริมว่า “แม้ว่าการจะสร้างปอดทั้งหมดได้ ยังจะต้องใช้เวลาอีกหลายปี แต่ความสำเร็จครั้งนี้ นับเป็นก้าวใหญ่ที่ได้หาเซลล์ใช้เพื่อซ่อมแซมปอดที่เสียหายมาได้ (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 26 ส.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





เจาะเวลาหาอดีตทำได้จริง นักฟิสิกส์อังกฤษรอเทคโนโลยีอนาคตช่วย

นักฟิสิกส์อังกฤษยืนยันทฤษฎีอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ มนุษย์สามารถเดินทางข้ามมิติเวลาได้จริง ทั้งไปสู่อนาคตหรือย้อนอดีต ย้ำชัดไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันในนิยายวิทยาศาสตร์ ติดขัดเพียงยานพาหนะในปัจจุบันไม่เอื้ออำนวย " ดร.จิม อัลคาลิลี นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษ ผู้เขียนหนังสือชื่อเดียวกับหัวข้อบรรยาย "หลุมดำ รูหนอน และการเดินทางข้ามเวลา" ได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการเดินทางข้ามมิติเวลาจากปัจจุบันสู่อดีต หรือไปยังอนาคต ว่าแนวคิดดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากทฤษฎีสัมพัทธภาพ ที่ "อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์" นักฟิสิกส์โลก ได้เสนอไว้เมื่อร้อยปี การเดินทางไปยังอนาคตเป็นสิ่งที่เป็นไปได้แน่นอน เพียงแต่เทคโนโลยีในปัจจุบันยังไม่สามารถพัฒนายานพาหนะ ที่ช่วยให้มนุษย์เดินทางด้วยความเร็วใกล้แสงได้ ซึ่งไอน์สไตน์กล่าวว่า แสงเดินทางด้วยความเร็วคงที่ และมีความเร็วสูงสุด เช่นเดียวกับ การเดินทางไปสู่อดีตเป็นไปได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม แนวคิดดังกล่าวยังเป็นข้อกังขาสำหรับนักฟิสิกส์ทั่วไป เนื่องจากหากการเดินทางไปยังอดีตเป็นไปได้จริง จะเกิดอะไรขึ้นหากผู้เดินทางกระทำการบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงอดีต "ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดหลายเรื่องพูดถึงการเดินทางย้อนอดีต เช่น แบคทูเดอะฟิวเจอร์ และเทอร์มิเนเตอร์ แต่ในเชิงฟิสิกส์แล้วเปิดโอกาสให้มนุษย์สามารถเดินทางข้ามมิติของเวลาได้ ไม่ว่าจะกลับสู่อดีตหรือไปยังอนาคตก็ตาม" ดร.อัลคาลิลี กล่าวบรรยายพิเศษในพิธีเปิดสัปดาห์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2548 ระหว่างวันที่ 23-28 สิงหาคม ณ เมืองทองธานี สำหรับไอน์สไตน์ เป็นนักฟิสิกส์คนแรกที่แสดงให้เห็นว่า โลกไม่ได้มีเพียงสามมิติเท่านั้น แต่ยังมีมิติของเวลาซึ่งเป็นมิติที่สี่อยู่ด้วย แต่แนวคิดดังกล่าวเป็นเรื่องซับซ้อนเกินกว่าคนทั่วไปจะเข้าใจได้ ยกตัวอย่าง รูปสามเหลี่ยมในเรขาคณิต ไม่ว่าจะวาดอย่างไร มุมสามมุมรวมกันต้องได้ 180 องศา แต่ในโลกสี่มิติ ซึ่งเป็นทรงกลมนั้น หากลองลากเส้นสามเหลี่ยมพาดผ่านพื้นผิวโลก มุมสามมุมรวมกันจะเกิน 180 องศา นอกจากนี้ แนวคิดของไอน์สไตน์เกี่ยวกับ อวกาศหรือพื้นที่ (space) มีลักษณะโค้งเนื่องจากแรงดึงดูดของมวลสาร เช่นเดียวกับ เวลาของแต่ละบุคคลจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับอัตราเร่ง อาทิ เวลาของคนในจรวดที่เดินทางออกจากพื้นโลกด้วยความเร็วสูง เดินช้ากว่าเวลาของคนบนโลก หรือเวลาของคนที่เดินทางเข้าไปในมวลที่มีแรงดึงดูดสูง อย่างเช่น หลุมดำ ซึ่งเกิดจากการยุบตัวของดาวฤกษ์ขนาดใหญ่ที่หมดพลังงานแล้ว เวลาจะเดินช้ากว่าคนที่อยู่กับที่ (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 26 ส.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





เปิดใจคนไทยตะลุยทะเลขั้วโลก

นักวิจัยไทยคนแรกที่ร่วมสำรวจขั้วโลกใต้กับญี่ปุ่น ถ่ายทอดประสบการณ์หนาวสุดขั้วในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ พร้อมโชว์หุ่นยนต์ช่วยถ่ายภาพใต้น้ำและแผงโซลาร์เซลล์ฝีมือคนไทย ที่ใช้งานได้ดีในสภาพอากาศหนาวเย็น ดร.วรณพ วิยะกาญจน์ อาจารย์ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะนักวิจัยไทยคนแรกที่ได้ปฏิบัติภารกิจสำรวจขั้วโลกใต้เป็นเวลา 7 สัปดาห์ กล่าวว่า ภารกิจของเขาคือสำรวจทรัพยากรและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล จึงจำเป็นต้องขุดเจาะก้อนน้ำแข็งเพื่อดำลงไปใต้พื้นน้ำ โดยนำหุ่นยนต์ดำน้ำและแผงโซลาร์เซลล์ ที่พัฒนาโดยนักวิจัยไทยไปทดสอบใช้งานที่ขั้วโลกใต้ด้วย สำหรับหุ่นยนต์ดำน้ำ มาจากการพัฒนาของสมาคมวิชาการหุ่นยนต์ไทย และคณะวิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งต้องการทดสอบสมรรถนะของตัวหุ่นในพื้นที่ที่หนาวเย็น พบว่าหุ่นยนต์สามารถทำงานอย่างคล่องตัว โดยสามารถดำน้ำเก็บภาพถ่ายสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลได้อย่างดี แต่หากจะนำมาใช้งานจริง อาจจะต้องเพิ่มเติมอุปกรณ์บางส่วน อาทิ แขนกลเพื่อให้หุ่นยนต์เก็บตัวอย่างสิ่งมีชีวิตกลับขึ้นมาได้ด้วย จากเดิมที่ภาพถ่ายอย่างเดียว ส่วนแผงโซลาร์เซลล์ เป็นผลงานของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่นำไปทดลองประสิทธิภาพการกักเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ ในพื้นที่ที่สภาพอากาศและแนวแสงอาทิตย์แตกต่างจากประเทศไทย ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถใช้งานได้เป็นอย่างดีเช่นกัน เขาค้นพบว่า ความเข้มแสงที่ส่องผ่านไปยังพื้นน้ำในปริมาณที่ไม่เท่ากัน มีผลต่อการสังเคราะห์แสงของสิ่งมีชีวิตในห่วงโซ่อาหารแตกต่างกันด้วย ซึ่งความรู้นี้สามารถนำไปสู่การทำแผนที่ดาวเทียมสำรวจแหล่งที่อยู่ของสิ่งมีชีวิต ระบุแหล่งที่อยู่อาศัยของปลา ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับการทำประมงในอนาคต (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 26 ส.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ก.ไอซีทีเร่งหามาตรการควบคุมปัญหาเด็กติดเกม

นายสรอรรถ กลิ่นประทุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวในการเปิดสัมมนา “การป้องกันภัยจากอินเทอร์เน็ตและเกมออนไลน์” ว่า กระทรวงไอซีที เตรียมลงพื้นที่สำรวจร้านอินเทอร์เน็ตเพื่อทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการเรื่องการคุ้มครองเด็กและเยาวชน โดยจะเน้นไม่ให้มีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าใช้บริการหลังเวลา 22.00 น. ภายใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กและเยาวชน ซึ่งหากผู้ประกอบการรายใดละเมิดจะมีความผิดและถูกปรับ โดยไอซีที จะประสานกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อร่วมกันดำเนินการในเรื่องนี้ ทั้งนี้ เนื่องจากกระทรวงไอซีที ยังไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายให้ตรวจสอบธุรกิจประเภทดังกล่าว เพราะอยู่ระหว่างขอเพิ่มอำนาจในการกำกับดูแลร้านอินเทอร์เน็ตเข้าไปใน พ.ร.บ.วัสดุเทปและโทรทัศน์ ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย แต่พบว่าปัญหาเด็กติดเกมเริ่มรุนแรงขึ้น จึงต้องเร่งหามาตรการควบคุม อย่างไรก็ตาม การขอความเห็นจากกลุ่มเยาวชนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาครัฐถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องดำเนินการ โดยไอซีทีจะประสานกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงพัฒนาสังคมฯ เพื่อระดมความเห็นก่อนที่จะออกมาตรการบังคับใช้ต่อไป อย่างไรก็ตาม ไอซีทีไม่มีนโยบายควบคุมการนำเข้าเกมออนไลน์เพราะทำได้ยาก อีกทั้งเป็นแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ สิ่งสำคัญควรแก้ที่ตัวบุคคล ได้แก่ เด็ก ผู้ปกครอง และครู ให้เข้าใจบทบาทของตัวเอง (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 26 ส.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ข่าววิจัย/พัฒนา


‘เครื่องซอยหนังหมู’ สิ่งประดิษฐ์จากราชมงคล

นักศึกษาจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตเชียงราย ประกอบด้วย ขวัญชัย สุวรรณ์โน วัชรพงศ์ ทิพย์เทพ และ ปฐมพงศ์ บุญผดุง ดังกล่าวได้ช่วยกันประดิษฐ์เครื่องซอยหนังหมูขึ้น โดยทั้งสามบอกว่า เครื่องซอยหนังหมูที่พวกตนคิดทำขึ้นนั้น จุดประสงค์หลักก็เพื่อช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่พบเห็นในการทำแคบหมูอยู่เสมอ ซึ่งก็คือความไม่สม่ำเสมอ ใช้เวลาในการหั่นซอยนานและต้องเสียค่าจ้างแรงงาน ซึ่งเครื่องซอยหนังหมูนี้ประกอบด้วย ชุดตัดหนังหมูที่ประกอบด้วยใบมีด 64 ใบวางสลับกัน ลักษณะการตัดเป็นกรรไกร ใบมีดมีรูปร่างเป็นวงกลมและมีคม ใช้มอเตอร์ปลิดเฟสเป็นมอเตอร์กำลังในการขับเคลื่อนชุดตัดโดยใช้สายพานเป็นตัวถ่ายทอดกำลัง จากการทดสอบซอยหนังหมูของเครื่อง สามารถใช้งานได้ตรงตามความต้องการคือสามารถซอยหนังหมูให้ได้ลักษณะเป็นเส้น ๆ ทุกเส้นมีขนาดเท่ากันคือ ขนาด 0.8 มิลลิเมตร สามารถซอยหนังหมู ได้ 2 กิโลกรัมภายในเวลา 1 นาที ซึ่งสามารถช่วยประหยัดเวลาและแรงงานคนเป็นอย่างมาก ในส่วนของราคาต้นทุนการทำเครื่องซอยหนังหมูอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นบาท ผู้สนใจติดต่อไปได้ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตเชียงราย .( เดลินิวส์ จันทร์ที่ 22 ส.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ชุดตรวจสอบอาหารสัตว์ หนึ่งในปัจจัยผลิตอาหารปลอดภัย

กรมปศุสัตว์ นำโดยนางสาวแพรวพรรณ ห้องทองแดง นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ 8 สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ พร้อมทีมงานจึงทำการคิดค้น วิจัยและพัฒนาชุดตรวจสอบชนิดยา ในอาหารสัตว์ (Tetra Test Kit) ขึ้น โดยได้รับทุนอุดหนุนจาก สำนักงาน คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ นางสาวแพรวพรรณ เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า ชุดตรวจสอบดังกล่าว เป็นชุดที่ทำการตรวจสอบเบื้องต้น เพื่อคัดกรองตัวอย่างในพื้นที่ ก่อนการหาปริมาณในห้องปฏิบัติการ ซึ่งทำได้ง่าย รู้ผลรวดเร็ว ต้นทุนไม่สูง สะดวก ประหยัด และที่สำคัญเกษตรกรสามารถทดสอบได้เอง เพื่อจะได้ทราบและป้องกันได้ทันก่อนที่จะนำไปใช้เลี้ยงสัตว์ ชุดตรวจสอบนี้ จึงน่าจะเป็นอีกหนทางหนึ่ง ที่ช่วยนำไปสู่การผลิตอาหารปลอดภัย เพื่อนำไทยสู่ครัวโลกตามที่ภาครัฐ ได้วางหมากไว้ และเป็นไปตามเกณฑ์ ของประชาคมยุโรป สำหรับการทดสอบ ประกอบด้วยตัวอย่างวัตถุที่เติม ในอาหารสัตว์ที่ทราบชนิด ยาสัตว์ 29 ชนิด วิตามิน 12 ชนิด และแร่ธาตุ 7 ชนิด ตัวอย่างอาหารสัตว์ อาหารสัตว์สำเร็จรูป หัวอาหารสัตว์ และนมผงสำหรับสัตว์ ซึ่งเหตุที่ใช้ตัวอย่างจำนวนมากก็ เพื่อเป็นการบ่งชี้ถึงตัวยา 2 ชนิดที่นำไปผสม จากนั้นทำการทดสอบการเกิด Cross reaction ของชุดตรวจสอบตัวอย่าง วัตถุที่เติม ในอาหารสัตว์ที่ทราบชนิด ทำการตรวจวิเคราะห์ยา CTC และ OTC จากตัวอย่างอาหารสัตว์ ด้วยชุดตรวจสอบ และทำการตรวจ ด้วยวิธีทาง HPLC โดยใช้เจ้าหน้าที่ทดสอบ 12 คน เสร็จแล้วนำผลการตรวจทั้ง 2 วิธี มาเปรียบเทียบเพื่อประเมินคุณสมบัติ และประสิทธิภาพความแม่นยำ ของชุดตรวจสอบ พร้อมทั้งทำการหาผลของอายุการเก็บ และผลที่ได้จากเจ้าหน้าที่ทั้ง 12 คน พบว่าชุดตรวจสอบชนิดยาในอาหารสัตว์ เป็นชุดที่มีประสิทธิภาพและมีคุณสมบัติ สามารถนำมาใช้ตรวจชนิดยาเบื้องต้น ในอาหารสัตว์และยาสัตว์ได้ โดยระดับต่ำสุดที่ตรวจสอบได้ของ CTC และ OTC โดยใช้กับกล้องจุลทรรศน์กำลังขยาย 10-20 เท่า อยู่ที่ระดับ 6.0 ppm และ 5.6 ppm ตามลำดับ สำหรับ CTC มีค่าเฉลี่ยของค่าความแม่นยำ ความไวความจำเพาะร้อยละ 99.1, 96.1 และ 98.8 ขณะที่ OTC มีค่าพารามิเตอร์เหล่านี้ เท่ากับ 99.3, 83.7 และ 99.8 และค่า k ของ CTC และ OTC เท่ากับ 0.97 และ 0.90 ตามลำดับ (P<0.05) ดังนั้น จึงสรุปได้ว่าชุดตรวจสอบนี้อยู่ ในเกณฑ์การยอมรับหรือมีความน่าเชื่อถือ อยู่ในระดับดีมาก ส่วนอายุการเก็บรักษา สามารถอยู่ได้นาน 12 เดือน ในอุณหภูมิห้อง และจะเก็บได้นานขึ้นเมื่อเก็บในตู้เย็น. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 22 ส.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ฉลากยาพูดได้ไม่ต้องอ่าน ส่งเสียงแจ้งชื่อและวิธีกิน กันหยิบผิดขวด

นายวัชรากร หนูทอง ผู้ช่วยนักวิจัยศูนย์พัฒนาธุรกิจออกแบบวงจรรวม ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) เปิดเผยว่า เนคเทคได้พัฒนาต้นแบบ "ฉลากยาพูดได้" พร้อมเครื่องอ่าน ซึ่งจะสแกนฉลากที่ติดบนซองหรือขวดยา และอ่านออกเสียงชื่อยา ช่วยอำนวยความสะดวกผู้พิการทางสายตาและผู้สูงอายุ ผลงานฉลากยาพูดได้นี้เป็นการพัฒนาตามการว่าจ้างของสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย โดยมีส่วนประกอบสำคัญคือชิพอาร์เอฟไอดี ที่บรรจุข้อมูลสำคัญของยา อาทิ ชื่อ สรรพคุณ วิธีรับประทานจะก่อนหรือหลังมื้ออาหาร ส่วนการทำงานนั้นเครื่องอ่านจะอ่านตัวเลขรหัสที่อยู่ในชิพ และแปลรหัสนั้นออกมาเป็นภาษาเสียงด้วยความยาว 5 วินาที เช่น เมื่อเครื่องอ่านสแกนฉลากยาอาร์เอฟไอดี เลข 14 ระบบก็จะไปเรียกเสียงที่ 14 ซึ่งเก็บไว้ในชิพอัดเสียงออกมาว่า พาราเซตามอล กินครั้งละ 2 เม็ด ทำให้ลดความผิดพลาดกินยาผิด หรือการพึ่งพาคนสายตาดี ในช่วงแรกนี้ ได้ทดลองใช้ฉลากยาพูดได้กับยาที่กินบ่อยๆ 40 ชนิดกับผู้พิการทางสายตา จากนั้นในช่วงเดือนกันยายน จะส่งมอบชิ้นงานให้สมาคมคนตาบอดประเมินผล เพื่อต่อยอดทางเชิงพาณิชย์ โดยมีต้นทุนไม่เกินชุดละ 5,000 บาท ขณะที่ต่างประเทศจะมีราคาประมาณ 1-2 หมื่นบาท ซึ่งใช้งานในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาบ้างแล้ว นายอิทธิ ฤทธาภรณ์ รองผู้อำนวยการศูนย์เนคเทค กล่าวเสริมว่า การใช้เทคโนโลยีอาร์เอฟไอดีในฉลากยา หากจะให้สมบูรณ์แบบในวงกว้าง บริษัทยาจะเป็นผู้พัฒนาใช้แทนฉลากยาบาร์โค้ด และจะต้องมีฐานข้อมูลยาแห่งชาติของสาธารณสุข เพื่อให้การติดตามยามีความเข้มข้นรัดกุมได้ ป้องกันการลักลอบนำเข้าหรือใช้ยาผิดกฎหมาย (คมชัดลึก จันทร์ที่ 22 ส.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





มกอช.คุมคุณภาพไหมไทย ขยายตลาดส่งออกทั่วโลก

ดร.อภิชาติ พงศ์ศรีหดุลชัย ผู้อำนวยการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า มกอช.ได้เตรียมระดมความคิดเห็นจากนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านหม่อนไหมจากทั้งภาครัฐและเอกชน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในอุตสาหกรรมไหม ไทยทำการร่างมาตรฐานเส้นไหมไทยขึ้น เพื่อเป็นมาตรฐานกลางให้กับผู้ผลิตเส้นไหมใช้เป็นเกณฑ์ในการผลิตเส้นไหมให้มีคุณภาพ เนื่องจากในปัจจุบันเส้นไหมไทยซึ่งเป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตภัณฑ์ไหมไทยส่งออกหลายชนิด ยังประสบปัญหาด้านคุณภาพของเส้นไหม เช่น ความไม่สม่ำเสมอของเส้นไหมทั้งความเรียบ ปุ่มปม ความสะอาด หรือความสม่ำเสมอของสี ทำให้ยังไม่สามารถขยายตลาดผลิตภัณฑ์ไหมไทยได้มากนัก มกอช.ในฐานะหน่วยงานที่ทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรของประเทศไทย จึงได้เร่งที่จะจัดทำมาตรฐานกลางของเส้นไหมไทย ที่เกิดจากการสาวมือและเส้นไหมชุมชนโดยจะมีมาตรฐานเส้นไหมไทยเป็น 3 ประเภท คือ ไหม 1 ไหม 2 และไหม 3 มีการตรวจสอบเพื่อแยกชั้นคุณภาพและขนาด โดยดูคุณลักษณะความเรียบหรือปุ่มปม ความสม่ำเสมอของสี และความสะอาดของเส้นไหม เส้นไหมไทยมีความเป็นเอกลักษณ์และมีลักษณะพิเศษ คือเส้นใยมีความแตกต่างกันไปตามกรรมวิธีของการสาวไหม อีกทั้งเส้นใยของไหมไทยมีความยืดหยุ่นและเป็นเงาแวววาว ซึ่งล้วนเป็นเสน่ห์ของไหมไทยที่ดึงดูดความต้องการของชาวต่างชาติ ทำให้นอกจากเมื่อนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์นำรายได้เข้าสู่ประเทศแล้ว ไหมไทยยังเป็นสินค้าที่สร้างเอกลักษณ์และสะท้อนภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของประเทศไทยได้อย่างน่าภาคภูมิใจ ดังนั้นการสร้างมาตรฐานเส้นไหมไทยจึงนับเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นในด้านคุณภาพไหมไทยให้เป็นที่ยอมรับ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ (สยามรัฐรายวัน จันทร์ที่ 22 ส.ค. 48 http://www.siamrath.co.th





ญี่ปุ่นระดมสมองสร้าง"ทีวี3มิติ"

รัฐบาลญี่ปุ่น โดยสำนักงานวิจัยและพัฒนา ระดมนักวิจัยจากทั้งภาครัฐ บริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยี และนักวิชาการ ร่วมกันตั้งวาระแห่งชาติผลิตโทรทัศน์ระบบสามมิติแสดง "ภาพเสมือนจริง" ออกวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ให้ได้ภายในปี พ.ศ.2565 โดยจะยื่นเรื่องของบก้อนแรกสำหรับโครงการในปีงบประมาณหน้า เริ่มต้นเดือนเมษายน 2549 ภายใต้วงเงินกว่า 360 ล้านบาท โยชิอากิ ทาเกชิ ผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยฯ เปิดเผยว่า เป้าหมายสำคัญของโครงการคือการสร้างระบบโทรทัศน์ที่ให้ภาพสามมิติเสมือนจริง ถ้าพัฒนาสำเร็จการดูทีวี 3 มิติชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลจะให้บรรยากาศและภาพเหมือนได้เข้าไปนั่งชมในสนามแข่งขันจริงๆ นอกจากนั้น นักวิจัยยังวางแผนนำเทคโนโลยีอัลตราซาวด์ การปล่อยอนุภาคไฟฟ้า และการสร้างกระแสลมให้เกิดขึ้นขณะนั่งชมทีวี ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในสถานที่จริงมากขึ้นไปอีกขั้น (ข่าวสด จันทร์ที่ 22 ส.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





เพาะเลี้ยงปลาบึกในบ่อดิน พัฒนาจากงานวิจัยให้เป็นอาชีพ

นายเสน่ห์ ผลประสิทธิ นักวิชาการประมงไทยได้ทำการวิจัย และเพาะพันธุ์ปลาบึกจนได้รับความสำเร็จเมื่อปี 2526...ถือว่าเป็นคนแรกของโลก จากผลงานนี้จึงได้รับการยกย่องว่าในวงการปลาบึกว่าเป็น อาจารย์ ประมงน้ำจืด ปัจจุบัน อาจารย์เสน่ห์ ผลประสิทธิ์ อดีตผู้เชี่ยวชาญพิเศษระดับ 10 จากกรมประมง (หลังเกษียณราชการหลายปีแล้ว ก็ยังคงวนเวียนอยู่กับวงการปลาบึกและสัตว์ น้ำ โดยยังทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่เกษตรกรและผู้สนใจที่จะประกอบอาชีพการประมง นายปิยะ ผลประสิทธิ์ ผู้เป็นทายาทนักวิชาการประมง หลังจากที่เรียนจบมาก็ได้ตั้งฟาร์มปลาบึกขึ้นที่ อ.เวียงชัย จ.เชียงราย ชื่อ “วังปลาบึก” โดยนำพ่อแม่พันธุ์ปลาบึกกว่า 50 ตัว มาเพาะเลี้ยงในบ่อดินพร้อมกับขยายพันธุ์ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาจึงทำให้เกิดผลผลิตลูก ปลาบึก จำนวน 600,000 ตัว... ที่เป็นสายพันธุ์แท้ 100% พร้อมออกใบรับรองสายพันธุ์ ให้แก่ผู้ที่ได้ลูกปลาบึกจากฟาร์มแห่งนี้ อาจารย์เสน่ห์ ก็ได้จำแนกนำวิธีการง่ายๆ ในการดูลักษณะของลูกปลาบึกว่า... สังเกตขนาดลำตัวด้านข้างลำตัวจะกว้าง และล่ำสันแข็งแรงไม่มีแถบสีขาวเงินข้างลำตัว, หัวป้านแบนยาวใหญ่กว่าและจะงอยปากกว้างค่อนข้างตัดตรง เมื่อมองจากด้านบนคล้ายรูปสี่เหลี่ยม, ลูกตามีเส้นผ่าศูนย์กลางตามแนวราบ ของลูกตาอยู่ในระดับต่ำกว่ามุมปากเล็กน้อยมีขนาดเล็ก, วงขอบตามีสีทองและตาไม่โปน, บริเวณหางมีแฉกหางกว้าง, หนวดสั้นและโตเร็วหากกำหนดจากการเลี้ยง ในบ่อดินใช้เวลาประมาณ 2 ปี ลูกปลาบึกจะต้องมีน้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม หากเกษตรกรสนใจข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามได้ที่ อาจารย์เสน่ห์ 0-1806-4385, 0-1814-7469 (ไทยรัฐ อังคารที่ 23 ส.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





รถตัดหญ้าพลังปั่นไม่ง้อน้ำมัน

ด.ช.จรัส ต้นยาง นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลตลาดแค จ.นครราชสีมา ร่วมกับ ด.ช.สิริพงษ์ ศิริทรัพย์ ด.ช.ยุทธการณ์ เผนโคกสูง เพื่อนนักเรียน นำจักรยานเก่ามาดัดแปลง เสริมล้อ ติดใบพัด สำหรับใช้งานเป็นเครื่องตัดหญ้าพลังปั่นประหยัดพลังงาน และได้รับรางวัลชนะเลิศ โครงงานวิทยาศาสตร์ ระดับประถมศึกษา ประจำปี 2548 โดยได้ศึกษาเปรียบเทียบระบบการทำงานของเฟืองต่างๆ ทั้งของรถจักรยาน รอกเบ็ดตกปลา สว่านมือและเฟืองเครื่องเจียหิน ปรากฏว่าระบบเฟืองของสว่านมือใช้ได้ดีสุด จึงได้นำระบบเฟืองดังกล่าวมาดัดแปลงใช้ประโยชน์ โดยนำมาต่อแกนเข้ากับเฟืองแหวนของจักรยานเพื่อเพิ่มแรงส่ง ซึ่งจะช่วยขับใบมีดตัดหญ้าให้ทำงาน โดยไม่ต้องอาศัยมอเตอร์จากพลังงานไฟฟ้าหรือน้ำมัน เพียงแต่อาศัยแรงคนในการปั่นเพื่อส่งให้จักรยานเคลื่อนที่ และหมุนใบพัดตัดหญ้าไปพร้อมๆ กัน ขณะเดียวกัน จักรยานดังกล่าวยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ เพียงแต่ถอดชิ้นส่วนเหล็กที่เชื่อมกับใบพัดและล้อด้านข้างออก สำหรับผู้ที่ต้องการดัดแปลงรถจักรยานบ้าน ให้ใช้งานได้หลากหลายขึ้น ก็สามารถทำได้เองโดยใช้เงินทุนไม่เกิน 500 บาท เพราะอุปกรณ์บางชิ้นก็หาได้ทั่วไปตามอู่ซ่อมรถ หรืออุปกรณ์เหลือใช้ทั่วไป เช่น ล้อข้างรถจักรยานเด็ก ตะเกียบ นอต รวมถึงเฟืองที่ไม่ใช้แล้ว (คมชัดลึก อังคารที่ 23 ส.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





แบตเตอรี่จิ๋วใช้ฉี่ผลิตไฟฟ้า

ดร.ลี ไค บัง นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันพันธุวิศวกรรมและนาโนเทคโนโลยี ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลสิงคโปร์ เปิดเผยว่า ทีมงานสามารถพัฒนาแบตเตอรี่กระดาษที่ใช้ปัสสาวะเพียงหยดเดียว สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าจ่ายให้อุปกรณ์ไบโอชิพ หรือชุดทดสอบได้อย่างเพียงพอ ในการวิเคราะห์หาโรคจากตัวอย่างปัสสาวะที่ได้รับ ชุดตรวจที่รวมแบตเตอรี่จิ๋วไว้ในตัวนี้ มีขนาดเท่ากับบัตรเครดิต ที่สำคัญมีราคาถูกอย่างมาก เหมาะประยุกต์ใช้ในชุดทดสอบทางการแพทย์ ที่ผู้ป่วยสามารถใช้วินิจฉัยโรคเบื้องต้นด้วยตัวเองที่บ้านได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่ต้องหมั่นตรวจหาระดับน้ำตาลกลูโคสในปัสสาวะอยู่บ่อยครั้ง สำหรับไบโอชิพที่ใช้อยู่ทั่วไปในปัจจุบัน จะต้องอาศัยตัวอ่านค่าจากภายนอก อาทิ เครื่องสแกนแสงเลเซอร์ ซึ่งต้องใช้แบตเตอรี่เป็นตัวจ่ายพลังงานจากภายนอกเช่นกัน แต่เทคโนโลยีของนักวิจัยสิงคโปร์ชิ้นนี้ ได้รวมเซ็นเซอร์ตรวจจับและแบตเตอรี่ไว้ในชิพพลาสติกแผ่นเดียวกัน แบตเตอรี่จิ๋วสร้างมาจากกระดาษกรอง ที่ชุบสารคอปเปอร์คลอไรด์ และนำไปวางประกบกับแมกนีเซียมและทองแดง จากนั้นก็นำไปเคลือบให้อยู่ในฟิล์มพลาสติกแผ่นบาง ซึ่งเบ็ดเสร็จแล้วจะทำให้ได้แบตเตอรี่ที่มีขนาดเพียง 30x60x1 มิลลิเมตร หรือเล็กกว่าบัตรเครดิตเพียงเล็กน้อย ส่วนวิธีใช้งานก็ไม่ยุ่งยาก แค่หยดน้ำปัสสาวะหนึ่งหยด หรือราว 0.2 มิลลิลิตรลงบนตัวแบตเตอรี่ จะทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีและผลิตกระแสไฟฟ้าออกมา โดยปัสสาวะหนึ่งหยดสามารถสร้างแรงดันไฟได้แล้วราว 1.5 โวลต์ และให้กำลังไฟได้ถึง 1.5 ไมโครวัตต์ ลี เชื่อว่า แบตเตอรีชนิดนี้เหมาะใช้กับชุดทดสอบทางการแพทย์แบบใช้แล้วทิ้ง แต่ยังไม่พร้อมใช้ให้กำลังไฟกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค หรือเครื่องเล่นเพลงไอพอด แต่หากจะใช้เป็นแบตเตอรี่สำรองร่วมกับโทรศัพท์มือถือ หรือตัวส่งสัญญาณในกรณีฉุกเฉินก็ทำได้ โดยหากต้องการให้ได้กำลังไฟออกมา ก็เพียงหยดปัสสาวะกระตุ้นแบตเตอรี่ให้ทำงานเท่านั้น ทั้งนี้ รัฐบาลสิงคโปร์ได้ให้งบประมาณนับพันล้านดอลลาร์ ให้งานวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และชีวการแพทย์อย่างมาก (คมชัดลึก อังคารที่ 23 ส.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





“แผงโซลาร์เซลล์”

ภายใต้โครงการประกวดสิ่งประดิษฐ์ โดยใช้แผงโซลาร์เซลล์เป็นแหล่งพลังงาน หรือ Solar Innovative Contest ซึ่งปีนี้นับเป็นปีที่ 3 แล้ว ทำให้เรามีโอกาสได้เห็นจินตนาการที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นผลงานต้นแบบ จาก 118 โครงการ ถูกคัดเลือกจนเหลือ 40 โครงการ ซึ่งต้องยกนิ้วให้เพราะไอเดียเด็ดจริงๆ และเปิดตัวให้ชมกันเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่าน ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (ท้องฟ้าจำลอง) อย่าง “รถแสงอาทิตย์พิชิตความสกปรก” ผลงานของ ด.ช.ชนะภัย ชวดชุม นักเรียน ป.5 โรงเรียนสุเหร่าบางมะเขือ “ที่ประดิษฐ์เป็นรูปรถ เพราะจะช่วยในการยึดเกาะพื้นได้ดี ง่ายต่อการใช้งานและเหมาะกับแผงโซลาร์เซลล์ ที่จะต้องติด 2 แผงเพื่อให้ได้ความสมดุลของรถ ในการประดิษฐ์ครั้งนี้มีคุณพ่อ เป็นผู้ให้คำปรึกษา และเป็นผู้ช่วยของผม โดยจะใช้เวลาว่างหลังจากเรียนหนังสือ และวันเสาร์-อาทิตย์ มาร่วมมือกันทำประมาณ 2 สัปดาห์” เริ่มจากการนำตัวรถที่ติดแผงโซลาร์เซลล์ไปรับพลังงานแสงอาทิตย์ และชาร์จพลังงานลงในแบตเตอรี่เป็นเวลา 1 ชั่วโมง เวลาใช้งานก็ควบคุมด้วยรีโมทคอนโทล อุปกรณ์ก็จะเริ่มทำความสะอาดบ้านทันที แต่หากวันใดเกิดไม่มีแสงแดด ก็สามารถเปลี่ยนมาใช้แบตเตอรี่รถยนต์แทนได้ สามารถขัดพื้นและถูพื้นได้ทุกประเภท ยกเว้นพื้นที่ขรุขระและพื้นพรม ซึ่งหากจะใช้งานก็เปิดสวิตซ์ใต้ล่างเหมือนรถบังคับทั่วๆ ไป และบังคับโดยใช้รีโมทบังคับเพื่อทำความสะอาดในจุดที่เราต้องการ และใช้ระบบเซ็นเซอร์แสงในการตรวจจับสิ่งกีดขวางเพื่อป้องกันการชนด้วย (สยามรัฐรายวัน อังคารที่ 23 ส.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





" ระบบจัดเก็บและเตือนภัยปริมาณน้ำฝน”

คุณทินกร หมื่นคง และ คุณสมชาย ผิวรุ่งสุวรรณ เจ้าหน้าที่กรมชลประทาน ที่ช่วยกันคิดประดิษฐ์ " ระบบจัดเก็บและเตือนภัยปริมาณน้ำฝน” เครื่องวัดปริมาณน้ำฝนที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน เมื่อแสดงผลจะออกมาแบบ lot (เส้นกราฟ) ลงกระดาษกราฟซึ่งยากต่อการจัดเก็บข้อมูล การประดิษฐ์เครื่องวัดและจัดเก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์จึงเป็นทางเลือกใหม่ เครื่องวัดปริมาณน้ำฝนที่ประดิษฐ์ขึ้นนี้ ถูกออกแบบมาในรูปของกระบอกตวงน้ำขนาดเล็ก เมื่อน้ำเต็มกระบอก ก็จะล้มตัวลงเพื่อเทน้ำทิ้ง ซึ่งจะไปสัมผัสกับ limit switch เพื่อส่งสัญญาณไฟฟ้านับจำนวนครั้งต่อช่วงเวลาบอกเป็นปริมาณน้ำฝน โดยในส่วนของวงจรควบคุม ก็จะทำหน้าที่ส่งสัญญาณข้อมูลดังกล่าวออกมาในรูปของคลื่นวิทยุ และมีตัวรับสัญญาณเข้าสู่คอมพิวเตอร์ เพื่อจัดเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ผลต่ออีกทอดหนึ่ง “เราจะทราบได้ทันทีว่าปริมาณน้ำฝน ณ เวลานั้นมีฝนตกลงมากี่มิลลิเมตร ถ้าน้ำฝนขึ้นจนถึงระดับหนึ่งที่จะต้องแจ้งหรือเตือนภัย ระบบนี้ก็จะเตือนภัยมายังกลุ่มที่เสี่ยงภัยจุดนั้น รวมทั้งส่งข้อมูลไปยังสถานีส่วนกลางด้วย เพื่อเตรียมการณ์ล่วงหน้าได้” คุณสมชาย อธิบาย กระบวนการทำงานทั้งหมดอาศัยแผงโซล่าร์เซลล์ ซึ่งทำหน้าที่รับแสงอาทิตย์เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ให้ได้ประมาณ 4.5 แอมป์ โดยสามารถใช้งานได้ 2 วัน แต่หากต้องการใช้งานให้ได้นานขึ้นก็จะต้องเพิ่มแบตเตอรี่ที่มีความจุของแอมป์มากขึ้น สำหรับต้นทุนการผลิตคำนวณคราวๆ อยู่ที่ประมาณ 22,000 บาท คุณทินกร เสริมว่า “ขณะนี้เราได้ทดลองนำร่องใช้งานที่กรมชลประทาน โดยจะนำผลที่ได้ไปเปรียบเทียบกับระบบมาตรฐานที่ใช้กันอยู่ ว่ามีความแม่นยำมากน้อยเพียงใดซึ่งสิ่งที่ยังต้องปรับปรุงก็คือ เครื่องนี้จะต้องรายงานผลโดยอัตโนมัติ อาจจะทุก 15 นาที หรือ 1 ชั่วโมง รวมทั้งรายงานทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ปกติโดยไม่ต้องรอเวลาที่ตั้งไว้” (สยามรัฐรายวัน อังคารที่ 23 ส.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





น.ศ.จอมบึงเจ๋ง สร้างหุ่นยนต์"ลิง"

มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงได้จัดงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ขึ้น ภายในบริเวณมหาวิทยาลัย เพื่อเป็นการต้อนรับผู้มาเยี่ยมเยือนมหาวิทยาลัย ทางโปรแกรมวิชาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม นำโดย ดร.โกเมศ กาบแก้ว และนักศึกษาโปรแกรมวิชาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ชั้นปีที่ 3 จึงคิดประดิษฐ์หุ่นยนต์ประชาสัมพันธ์ขึ้น ด้วยงบประมาณจำกัด โดยนำเศษวัสดุเหลือใช้มาประดิษฐ์และป้อนคำพูดที่ใช้สำหรับการประชาสัมพันธ์ การต้อนรับทุกท่านที่มาร่วมงาน อีกทั้งยังเป็นการแสดงความก้าวหน้าทางนวัตกรรม ดึงดูดความสนใจแก่ผู้ชมนิทรรศการใช้ในการเรียนการสอน และสามารถนำไปพัฒนาใช้ในการประชาสัมพันธ์ ในโอกาสอื่นๆ โดยการใช้ชุดตรวจจับความเคลื่อนไหว ส่งสัญญาณให้ชุดควบคุมไมโครคอนโทรลเลอร์ (Microcontroller) AT90S8535 ซึ่งได้ทำการเขียนโปรแกรมควบคุมมอเตอร์ เพื่อใช้ควบคุมการเคลื่อนไหวของศีรษะ แขน มือ ให้ทำการไหว้และหมุน ก้ม เงยศีรษะโดยอัตโนมัติ และสำหรับสัญญาณอีกชุดหนึ่งจะส่งให้ชุดควบคุมระบบเสียงพูดของตัวหุ่นให้สามารถส่งเสียงประชาสัมพันธ์ตามที่ได้บันทึกไว้ โดยใช้งบประมาณ 25,000 บาท และจัดโชว์ครั้งแรกในงานฉลองครบรอบ 50 ปีมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง เมื่อวันที่ 27-29 ม.ค.ที่ผ่านมา และในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ ปี 2548 นี้ ทางนักศึกษาได้ปรับปรุงให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น พร้อมต้อนรับแขกผู้มาเยือนอย่างเต็มที่ (ข่าวสด อังคารที่ 23 ส.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





พลังงานทางเลือก โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชั่น ความฝันใกล้เป็นจริง

โครงการพลังงานทดแทน "ITER" โครงการนี้ โดยมีนัยสำคัญคือการตกลงกันได้ในสถานที่ตั้งของโครงการดังกล่าว โดยที่จะสร้าง "ITER" ที่ฝรั่งเศส การตัดสินใจครั้งนี้เป็นสิ่งที่มีค่ามากต่อการพัฒนาพลังงานทดแทนเพื่ออนาคตของเรา ความฝันที่จะนำปฏิกิริยา "นิวเคลียร์ฟิวชั่น" มาใช้ผลิตพลังงานคงอยู่ไม่ไกลนัก ซึ่งถ้าความฝันนี้เป็นจริงความต้องการน้ำมันคงลดลงและพลังงานที่เราใช้คงมีราคาถูกลงด้วย แต่น่าเสียดายที่ข่าวสำคัญเช่นนี้ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อในประเทศไทย คำว่า ITER เป็นคำย่อของชื่อเต็ม "International Thermonuclear Experimental Reactor" และในภาษาละตินคำว่า ITER นี้มีความหมายว่า "the way" แปลเป็นไทยคือ "หนทาง" หรือ "ทางออก" ซึ่งมีความหมายสอดคล้องกับโครงการนี้ได้ดีเพราะเป็นทางเลือกใหม่ของพลังงานในอนาคต หรือที่เรามักจะเรียกว่าพลังงานทดแทน ITER เป็นความร่วมมือกันในระดับนานาชาติ มีสมาชิกหลัก 6 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เป้าหมายหลักของโครงการ ITER คือ การสาธิตความเป็นไปได้ในเชิงรูปธรรมของการนำเอาพลังงานจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่นมาใช้ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า ITER จะสามารถผลิตพลังงานได้ถึง 500 MW สถานที่ก่อสร้างตกลงว่าจะสร้างที่เมือง "คาดาราช" ในฝรั่งเศส การก่อสร้าง ITER จะต้องใช้เวลาราว 10 ปี คาดว่าการทดลองปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่นจะสามารถเริ่มต้นได้ในปี พ.ศ.2559 โครงการ ITER จะอาศัยปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่นเพื่อที่จะผลิตพลังงาน ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่นเป็นปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นในดวงอาทิตย์ สามารถให้พลังงานตอบแทนที่สูงกว่าปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิสชั่น (Fission) แต่มีผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมน้อยมาก หลักการสำคัญของปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่น คือ ในการรวมกันของนิวเคลียสของอะตอมขนาดเล็ก เช่น "ดิวเทอร์เรียม" และ "ตริเตรียม" ซึ่งต่างเป็นไอโซโทปของไฮโดรเจน ผลต่างของมวลก่อนและหลังการเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์นี้ทำให้เกิดการปลดปล่อยพลังงานออกมาตามสมการที่เรารู้จักกันดีว่า E = mc2 ดิวเทอร์เรียมและตริเตรียมเป็นสิ่งที่หาได้ไม่ยากเช่น ดิวเทอร์เรียมที่มีอยู่ทั่วไปในน้ำทะเล สิ่งที่ยากในการนำพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชั่นมาใช้คือการควบคุมให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในโครงการ ITER จะใช้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อควบพลาสมาให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่น โดยจะอาศัยหลักการของ "เครื่องมือ" ที่ชื่อว่า "Tokamak" การวิจัยเพื่อที่จะพัฒนาปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่นเพื่อใช้ผลิตพลังงานทดแทนมีอนาคตสดใสเมื่อโครงการ ITER ได้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม อีกประมาณ 20 ปีข้างหน้าเราคงจะได้รับคำตอบของความเป็นไปได้ในพลังงานทดแทนรูปแบบนี้ ซึ่งถ้าเป็นไปได้ ITER จะกลายต้นแบบของ "โรงผลิตพลังงานไฟฟ้าจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่น" (ข่าวสด อังคารที่ 23 ส.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ช็อกโกแลตบำรุงหัวใจเทียบชั้นไวน์แดง

นักวิจัยจากสถาบันต่างๆ ได้ทำการศึกษา พบว่า สารประกอบฟลาวานอล ที่อยู่ในเมล็ดช็อกโกแลตมีสารพัดประโยชน์ต่อร่างกาย มีประโยชน์ในการช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งเป็นสาเหตุหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดในสมอง เบาหวาน โรควิกลจริต และความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจสัมพันธ์กับการที่หลอดเลือดแดงไร้สมรรถภาพที่จะสร้างสารเคมีที่ชื่อไนตริก ออกไซด์ ออกมา แม้ว่าสารฟลาวานอลจะมีคุณประโยชน์มากมาย แต่สารดังกล่าวกลับสูญเสียไประหว่างผลิตทำเป็นช็อกโกแลตแท่ง และผู้ผลิตเองก็พยายามอยู่หลายปีเพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดที่จะเอากลิ่นฉุนๆ ของช็อกโกแลตออกไป ศ.นอร์ม ฮอลเลนเบิร์ก ผู้เชี่ยวชาญด้านกัมมันตรังสีและฟลาวานอล คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด บอกว่า ความจริงช็อกโกแลตส่วนใหญ่ไม่ได้เต็มไปด้วยฟลาวานอล แต่ทั้งหมดกลับเต็มไปด้วยไขมันและแคลอรี และแนะว่า ผู้บริโภคควรจะจำกัดปริมาณที่รับประทานเข้าไปด้วย อีกทั้งยังมีแหล่งอาหารอื่นๆ ที่มีฟลาวานอลเช่นกัน อาทิ ไวน์แดง องุ่น แอปเปิ้ล และชาเขียว แม้ว่าในเมล็ดโกโก้จะเป็นแหล่งที่พบมากก็ตาม ก่อนหน้านี้ ศ.ฮอลเลนเบิร์ก ได้ทำการศึกษาในชาวคูนา อินเดียน ที่อาศัยอยู่บนเกาะใกล้กับปานามาในอเมริกากลาง ซึ่งเป็นเพาะปลูกโกโก้ที่อุดมไปด้วยฟลาวานอล พบว่า ชาวคูนาดื่มโกโก้เยอะมาก และไม่มีอาการความดันโลหิตสูง ยกเว้นก็แต่ผู้ที่ย้ายไปอยู่ที่แผ่นดินใหญ่และเริ่มดื่มโกโก้ที่ผลิตขายในเชิงพาณิชย์ ซึ่งเป็นโกโก้ที่มีฟลาวานอลอยู่น้อยมาก เพื่อทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างฟลาวานอลกับการทำให้โลหิตไหลเวียนได้ดีขึ้น ศ.ฮอลเลนเบิร์ก ศึกษาเปรียบเทียบในกลุ่มผู้เข้าร่วมในสหรัฐ ระหว่างกลุ่มที่ดื่มโกโก้ที่มีฟลาวานอลเทียบกับกลุ่มผู้ที่ดื่มโกโก้ที่ปราศจากฟลาวานอล และพบว่า ฟลาวานอลดูเหมือนจะช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายดีขึ้นจริงๆ (คมชัดลึก พุธที่ 24 ส.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





“หุ่นยนต์ถังขยะ” ผู้พิทักษ์ความสะอาดยุคดิจิตอล

นักศึกษาจากแผนกอิเล็กทรอนิกส์ คณะวิชาไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตภาคใต้ จังหวัดสงขลา ได้แก่ นายธีระยุทธ อักษรคง, นายสนอง เรืองนุ่น และนายเจมส์ศักดิ์ แก้วควนชุม ประดิษฐ์ “หุ่นยนต์ถังขยะ” โดยมีอาจารย์ไชยยะ ธนพัฒน์ศิริ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ซึ่งสามารถทำให้ถังขยะธรรมดาเคลื่อนที่และเปิดฝาเองได้เมื่อมีผู้ต้องการที่จะทิ้งขยะ หลักการทำงานของ หุ่นยนต์ถังขยะ ว่า ได้ทำออกมาเป็น 2 รูปแบบ แบบแรกเป็นการนำถังขยะแบบเหยียบแล้วฝาจึงจะเปิดออก มาดัดแปลง โดยใส่โปรแกรมไมโครคอนโทรลเลอร์ลงไปด้านล่างของถังขยะเพื่อบังคับทิศทางการเคลื่อนที่ของถังขยะ และที่ตัวถังขยะก็ติดตัวเซ็นเซอร์ ดังนั้นเมื่อตัวเซ็นเซอร์ตรวจจับได้ว่ามีสิ่งกีดขวาง ซึ่งก็คือผู้ต้องการทิ้งขยะ ตัวฝาก็จะเปิดออกเองโดยอัตโนมัติ ส่วนอีกรูปแบบหนึ่ง เป็นการนำถังขยะมาติดตั้งโปรแกรมไมโครคอนโทรลเลอร์ลงไปด้านล่างของถังขยะเช่นเดียวกัน แล้วจึงนำ LDR. ซึ่งเป็นอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างหนึ่งติดไว้รอบตัวถังขยะ แล้วใช้อุปกรณ์บังคับ ถ้าต้องการให้ถังขยะเคลื่อนที่ไปทางใด ก็ให้อุปกรณ์บังคับยิงแสงเลเซอร์ไปทางที่ LDR. นั้นติดอยู่ จากการนำไปใช้งาน ปรากฏว่าเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ได้ทดลองใช้ เพราะช่วยอำนวยความสะดวกได้มาก ผู้ใดสนใจ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ แผนกวิชาอิเล็กทรอนิกส์ คณะวิชาไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตภาคใต้ จังหวัดสงขลา หมายเลขโทรศัพท์ 0-7431-6263 ต่อ 1999 ในวันและเวลาราชการ (สยามรัฐรายวัน พุธที่ 24 ส.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





มก.ผุดรถพลังงานไฟฟ้า GEM CAR ประหยัดน้ำมัน-ลดมลพิษอากาศ

รองศาสตราจารย์ วุฒิชัย กปิลกาญจน์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มก.เปิดเผยว่า ในฐานะสถาบันการศึกษาที่ตระหนักถึงปัญหาสุขภาพและอนามัยของนิสิต และบุคลากรของมหาวิทยาลัย จึงมีแนวคิดที่จะลดมลพิษจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงภายในมหาวิทยาลัย เพื่อเพิ่มอากาศที่บริสุทธิ์ และยังสนองนโยบายประหยัดน้ำมันในยุควิกฤตน้ำมันแพงด้วย โดย มก.ได้ร่วมมือกับบริษัท โกลบอล อิเลคทริค มอเตอร์คาร์ เอเชีย จำกัด (GEMAsia) ผลิตรถพลังงานไฟฟ้า GEM CAR เพื่อให้บริการรับ-ส่งนิสิต และบุคลากรภายในมหาวิทยาลัยเพื่อหวังลดการใช้งานจากรถยนต์ โดยจะจัดบริการวิ่งเสริมรถโดยสารสวัสดิการภายใน มก.บางเขต รถพลังงานไฟฟ้า GEM CAR นี้ผลิตขึ้นจำนวน 12 คัน ขนาด 12 ที่นั่ง โดยบริษัทฯ ในเครือของเดมเลอร์ไคลส์เลอร์ นำ เข้าจากประเทสสหรัฐอเมริกา ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ระบบ Shunt GE Motor 72 โวลต์แบตเตอร์รี่ 6 ลูกๆ ละ 12 โวลต์ ชาร์จไฟบ้าน 220 โวลต์โดยชาร์จไฟ 1 ครั้งใช้เวลา6 ชั่วโมง ประสิทธิภาพของรถวิ่งได้ระยะทาง 70 กิโลเมตร ปรับความเร็วได้ 2 ระดับคือแบบวิ่งบนพื้นหญ้า 24 กิโลเมตร/ชั่วโมงและแบบวิ่งบนถนน ความเร็วสูงสุด 65 กิโลเมตร/ชั่วโมง คุณสมบัติของรถนี้ยังช่วยลดมลภาวะจากควัน กลิ่นและเสียงอีกด้วย ส่วนสนนราคาของรถพลังงานไฟฟ้า GEM CAR ตกประมาณคันละ 650,000 บาท ส่วนการดูแลรักษานั้น ทางบริษัทโกลบอลฯ จะเป็นผู้รับผิดชอบรวมทั้งจัดหาพนักงานขับรถ ทั้งนี้ทางบริษัทโกลบอล และ มก.ได้ตกลงแบ่งสัดส่วนรายได้จากการให้บริการ โดย มก.จะรับร้อยละ 30 ขณะที่บริษัทโกลบอลรับร้อยละ 70 ของรายได้จัดเก็บทั้งหมด อย่างไรก็ตามรถพลังงานไฟฟ้า GEM CAR จะเปิดให้บริการในภาคเรียนที่2 นี้ อย่างแน่นอนโดยคิดอัตราค่าโดยสาร คนละ 2 บาทต่อเที่ยว ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับรถโดยสารสวัสดิการภายในที่ มก.จัดบริการอยู่ก่อนแล้ว (สยามรัฐรายวัน พุธที่ 24 ส.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





"น้องบิวต์" ศึกษาพืชหัวต่อการแข็งตัวของเลือด

นางสาวสุจินดา สัตยาพร หรือน้องบิวต์ โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) นักเรียนทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) ของ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ซึ่งสนใจทางด้านวิทยาศาสตร์และจากการศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตพบว่าผงแป้งมันสำปะหลังช่วยทำให้เลือดแข็งตัวเร็วขึ้นจึงอยากทดลองเปรียบเทียบว่า น้ำมันฝรั่ง (น้ำที่ได้จากการปั่นมันฝรั่งโดยเครื่องปั่นแบบแยกกาก) และผงมันฝรั่งว่าชนิดใดช่วยให้เลือดแข็งตัวเร็วขึ้นดีกว่ากัน และยังเปรียบเทียบผลที่ได้กับพืชหัวที่หาง่ายในเมืองไทยอย่างเช่น มันสำปะหลัง มันเทศ เผือก โดยทำเป็นโครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง "การเปรียบเทียบพืชหัวสี่ชนิดที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดคน" เป็นการศึกษาประสิทธิภาพของพืชหัวสี่ชนิดที่หาได้ทั่วไปในประเทศคือ มันฝรั่ง มันเทศ มันสำปะหลัง และเผือก ช่วยทำให้เลือดแข็งตัวได้เร็วขึ้น โดยนำเลือดตัวอย่างมาผสมกับสารป้องกันเลือดแข็งตัวสามชนิดได้แก่ EDTA, lithium heparin และ sodium citrate แล้วศึกษาเปรียบเทียบเวลาที่ใช้ในการทำให้เลือดแข็งตัวภายหลังจากที่ผสมกับน้ำสกัดและผงแห้งของพืชทั้งสี่ชนิด ทำการทดลองจำนวน 5 ครั้งต่อหนึ่งชุดการทดลอง จากการศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพของการทำให้เลือดแข็งตัวของน้ำที่สกัดจากพืชชนิดต่างๆ พบว่าเฉพาะน้ำสกัดจากมันฝรั่งและมันสำปะหลังทำให้เลือดคนแข็งตัวได้โดยเฉพาะน้ำสกัดจากมันฝรั่งช่วยทำให้เลือดแข็งตัวได้เร็วที่สุด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าน้ำสกัดจากมันฝรั่งน่าจะมีสารที่ช่วยให้เลือดแข็งตัวหรือสารเฮโมสแตตที่ละลายในน้ำได้มากกว่าน้ำสกัดจากมันสำปะหลัง ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพการทำให้เลือดแข็งตัวของผงแห้งจากพืชทั้งสี่ชนิดดังกล่าวพบว่าผงพืชทุกชนิดช่วยทำให้เลือดแข็งตัวได้เร็วขึ้นด้วยอัตราใกล้เคียงกันและมีแนวโน้มที่จะเร็วกว่าผลที่ได้จากน้ำสกัดของมันฝรั่งและมันสำปะหลัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าน่าจะพบสารเฮโมสแตตได้ในผงแห้งของพืชดังกล่าวมากเป็นพิเศษ โครงงานนี้สามารถนำข้อมูลที่ได้ไปศึกษาต่อในเรื่องการสร้างวัสดุห้ามเลือดจากพืชที่ทดลองซึ่งหาได้ง่ายและมีมากในประเทศไทย (ข่าวสด พุธที่ 24 ส.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





วช.ทุ่ม 30 ล. วิจัยวัคซีนไข้เลือดออก 4 สายพันธุ์

ศ.ดร.อานนท์ บุณยะรัตเวช เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เปิดเผยว่า วช.ได้มอบทุนอุดหนุนการวิจัย โครงการวิจัยบูรณาการประจำปี 2548 แก่มหาวิทยาลัยมหิดล 30 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนงานวิจัยและผลิตวัคซีน 3 ชนิด ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องมีระยะเวลา 3 ปี (พ.ศ.2547-2549) ได้แก่ วัคซีนไข้เลือดออกชนิดเชื้อเป็น วัคซีนไข้สมองอักเสบชนิดเชื้อตายผลิตในเซลล์เนื้อเยื่อ และวัคซีน รวมคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน และตับอักเสบ ซึ่งมีความสำคัญต่อประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะวัคซีนเดงกี่ หรือวัคซีนโรคไข้เลือดออก ซึ่งเป็นโรคสำคัญในระดับภูมิภาค สำหรับโรคไข้เลือดออก ขณะนี้ยังไม่มีผู้ใดทราบว่าวิธีการหรือแนวคิดแบบใด จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันต่อต้านเชื้อไวรัสไข้เลือดออกได้ยาวนานครบทั้ง 4 ชนิด และหากพัฒนาวัคซีนไม่เหมาะสม อาจเป็นอันตรายมากกว่าป้องกันโรค เพราะปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกันของคนต่อเชื้อไข้เลือดออกนั้นมีความแตกต่างจากเชื้ออื่นๆ ส่วน ความคืบหน้าในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนไข้เลือดออกนั้น ประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆ ที่มีการวิจัยโรคไข้เลือดออกมาตั้งแต่ปี 2527 ซึ่งในปี 2548 นี้อยู่ระหว่างพัฒนาวัคซีนไข้เลือดออกชนิดที่ 1, 2, 3, 4 สายพันธุ์ของประเทศไทย มีเป้าหมายทดลองในหลอดทดลองและในสัตว์ให้เสร็จสมบูรณ์ และจะเริ่มทำการทดสอบสูตรการรวมวัคซีนทั้ง 4 ชนิดในสัตว์ทดลองในปี พ.ศ.2549 ต่อไป สำหรับวัคซีนไข้สมองอักเสบชนิดเชื้อตายผลิตในเซลล์เนื้อเยื่อนั้น อยู่ระหว่างพัฒนาชนิดใหม่ที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ทันต่อแนวโน้มเทคโนโลยีโลก ส่วนวัคซีนรวมคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน และตับอักเสบ หรือ DTP-HB นั้น มีความเป็นไปได้สูง ซึ่งจะแก้ปัญหาราคาแพงและไม่เพียงพอ เนื่องจากขณะนี้มีผู้ผลิตเพียงบริษัทเดียวในโลกได้. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 25 ส.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





มือถือจับผิดคนขับรถ

สยาม เตชะวัฒนวรรณา กรรมการผู้จัดการบริษัท นานาภัณฑ์วัสดุอุตสาหกรรม จำกัด ตั้งอยู่ที่ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา คนหนุ่มรุ่นใหม่ซึ่งรับช่วงธุรกิจของครอบครัว ได้นำโทรศัพท์มือถือเครือข่ายซีดีเอ็มเอของฮัทช์ ซึ่งมีบริการค้นหาตำแหน่งของมือถือไปใช้กับรถขนส่งสินค้า หลังจากเจอเหตุวิกฤติรถกระบะคันใหม่ป้ายแดงถูกคนอื่นขับหายไป จึงได้ซื้อโทรศัพท์มือถือของฮัทช์ ซึ่งมีบริการฮัทช์เนวี่ หรือบริการค้นหาตำแหน่งมาใช้ โดยเครื่องหนึ่งจะเอาไว้ที่ร้านเพื่อคอยตรวจสอบเส้นทางของรถ อีกเครื่องหนึ่งจะอยู่กับพนักงานขับรถ ซึ่งก็ได้ผลดี ทำให้รู้ว่ารถอยู่จุดไหน แต่ก็เกิดปัญหาขลุกขลักเพราะควบคุมค่าใช้จ่ายส่วนเกินไม่ได้ เพราะบางทีพนักงานขับรถอาจใช้โทรฯออกเรื่องส่วนตัวนานเกินความจำเป็น บางครั้งก็ตกหล่นจนพัง เมื่อมีโอกาสเจอผู้บริหารฮัทช์ จึงได้รู้ว่า ฮัทช์มีบริการ Navi for Business เป็นบริการพิเศษสำหรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจองค์กร เพื่อใช้ติดตามตำแหน่งของพนักงานผ่านเครือข่ายซีดีเอ็มเอ และฮัทช์ก็เลือกให้นานาภัณฑ์เป็นกลุ่มทดลองใช้บริการดังกล่าว โดยคุณสยามได้นำโทรศัพท์มือถือซึ่งรองรับบริการฮัทช์เนวี่ ไปติดไว้ในรถขนส่งสินค้า 4 คัน หากต้องการตรวจสอบว่ารถทั้ง 4 คันอยู่ ตรงจุดไหนบ้างภายในตัวจังหวัดก็แค่คลิกเข้าเว็บ ไซต์ของฮัทช์ก็จะสามารถตรวจสอบตำแหน่ง พิกัดของรถได้ทันที คุณสยาม ใช้วิธีเบสิก แอบเอาโทรศัพท์มือถือไปติดไว้ในรถ ประมาณ 2-3 วันก็จะเอาออกชาร์จไฟที เวลาจะชาร์จไฟก็ต้องรีบลงมาดำเนินการแต่เช้าก่อนพนักงานจะเข้ามา สามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา และเสียค่าใช้จ่ายน้อยมาก ตามแพ็กเกจที่ฮัทช์กำหนดไว้ สำหรับบริการฮัทช์เนวี่ สำหรับธุรกิจองค์กร เจ้าของธุรกิจสามารถเลือกวิธีค้นหาได้ 2 แบบคือ กำหนดให้ค้นหาด้วยตัวเอง และค้นหาอัตโนมัติ ระบบจะแสดงผลบนแผนที่พร้อมพิกัด เมื่อหากันเจอแล้วก็ยังสามารถส่งข้อความหรือสั่งการเพิ่มเติมไปยังพนักงานได้อีก โทรศัพท์มือถือฮัทช์ที่รองรับบริการดังกล่าว ได้แก่รุ่น เคียวเซร่า KZ830, KZ850 และ KZ860 ค่าบริการรายเดือนมีให้เลือกตั้งแต่ 2,000-12,000 บาท ฮัทช์เนวี่ก็ยังมีจุดอ่อน หากไปจอดในมุมอับสัญญาณ หรือบริเวณลานจอดรถชั้นใต้ดินก็จะค้นหากันไม่เจอ หรือเวลาที่มีฝนฟ้าคะนองสัญญาณก็จะหายไป แต่โดยภาพรวมถือว่าใช้งานได้ดี และประหยัดกว่าการซื้อบริการจีพีเอสมาก เป็นอีกวิธีการหนึ่งของการนำเทคโนโลยีมาใช้ควบคู่กับธุรกิจของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งได้ประโยชน์คุ้มค่า (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 25 ส.ค. 2548 http://www.dailynews.co.th)





“วิกผมจากเส้นใยกล้วย” สร้างสรรค์จากภูมิปัญญา

นางสาวลาวัลย์ นวลแก้ว นักศึกษาจากแผนกวิชาผ้าและเครื่องแต่งกาย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตภาคใต้ หนึ่งในเจ้าของผลงาน “วิกผมจากเส้นใยกล้วย” เปิดเผยว่า “จากการศึกษาคุณสมบัติเส้นใยกล้วยพันธุ์ต่างๆ ซึ่งมี อาจารย์ขัตติยา มลิวรรณ อาจารย์ประจำแผนกผ้าและเครื่องแต่งกาย เป็นอาจารย์ที่ปรึกษานั้น พบว่า เส้นใยกล้วยนั้นเมื่อนำมาผ่านกระบวนการชำระล้าง ทำความสะอาด และปรับให้เส้นใยมีความนุ่มแล้ว เส้นใยก็จะมีลักษณะเส้นคล้ายกับเส้นผม และมีสีเหลืองบรอนคล้ายสีผมของชาวต่างชาติ จึงสามารถนำมาเป็นวัตถุดิบในการทำวิกผม ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบที่นำมาทำเส้นผมแล้ว กระบวนการในการทำทั้งหมดยังไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายเลย เพราะเป็นการนำวัสดุจากธรรมชาติมาทำทั้งสิ้น” การทำ วิกผมจากเส้นใยกล้วย เริ่มต้นจากขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ โดยเลือกต้นกล้วยและตัดให้ได้ขนาดที่ต้องการ แล้วลอกกาบกล้วยที่ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไป นำมาทุบแล้วขูดเนื้อเยื่อออกด้วยช้อนสแตนเลส แช่เส้นใยกล้วยโดยใช้น้ำเปล่าผสมเกลือ 4 สัปดาห์ นำเส้นใยมาผูกปม แล้วขูดเนื้อเยื่ออีกครั้ง จากนั้นนำไปแช่น้ำเกลือไว้อีก แล้วจึงนำมาล้างให้สะอาดแล้วตากแดดอ่อนๆ จนแห้งสนิท นำเส้นใยกล้วยที่ได้ไปแช่น้ำยาปรับผ้านุ่มเป็นเวลา 2 วัน จากนั้นนำมาล้างให้สะอาด ตากให้แห้ง ก็จะได้เส้นใยกล้วย ที่พร้อมจะนำมาเป็นวัตถุดิบในการทำวิกผมต่อไป ต่อมาเป็นส่วนของการสร้างแบบโครงวิกผม ซึ่งต้องกำหนดจุดเพื่อสร้างแบบ คือ จุดกลางศีรษะ ให้แบ่งผมเป็น 2 ส่วนเท่าๆ กัน, จุดกึ่งกลางศีรษะถึงจุดหน้าผาก, จุดกึ่งกลางศีรษะถึงจุดริมข้างหูซ้าย - ขวา และจุดกึ่งกลางศีรษะถึงจุดหน้าท้ายทอย ต่อมาให้ตัดแผ่นยางเพื่อทำหนังศีรษะเย็บประกอบโครงวิกผมกับผ้าลูกไม้ตามแบบที่ร่างไว้ แล้วนำยางยืดเนาติดกับผ้าลูกไม้ เย็บเส้นใยติดกับโครงวิกผม และนำเส้นใยมาเย็บติดกับแผ่นยางดังกล่าวอีกครั้ง จากนั้นจึงนำสายอีลาสสติกมายึดกับวิกผม เพื่อให้สวมได้กระชับยิ่งขึ้น ผู้ใดสนใจสอบถามได้โดยตรงที่ แผนกวิชาผ้าและเครื่องแต่งกาย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตภาคใต้ หมายเลขโทรศัพท์ 074-323504-6 ในวันและเวลาราชการ (สยามรัฐรายวัน พฤหัสบดีที่ 25 ส.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





ทีมหุ่นยนต์ออริจิ้น3เต็มร้อยแข่ง"ปักกิ่ง"

นายบุญฤทธิ์ ทองไอ หัวหน้าที่ปรึกษาทีมหุ่นยนต์ออริจิ้น 3 วิทยาลัยการอาชีพนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ทีมออริจิ้น 3 จะเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ครั้งที่ 4 (Asia-Pacific Robot Contest 2005 :ABU) ระหว่าง 25-29 สิงหาคม ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน หลังจากได้รับรางวัลชนะเลิศภาคใต้และรางวัลเทคนิคยอดเยี่ยมจากการแข่งขันหุ่นยนต์อาชีวศึกษาชิงแชมป์ 5 ภาค และได้รับได้รับรางวัลชนะเลิศและรางวัลเทคนิคยอดเยี่ยม จากการแข่งขัน "AUB หุ่นยนต์ชิงแชมป์ประเทศไทย" และปีนี้นับเป็นปีที่ 2 ที่กลุ่มบริษัทฮอนด้าประเทศไทยให้การสนับสนุนกิจกรรม เนื่องจากเห็นว่าเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ พัฒนาทักษะและความคิดสร้างสรรค์ในการผลิตลงานทางเทคโนโลยีของเยาวชนไทย โดยมีทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันเป็นตัวแทนระดับอาชีวศึกษาและระดับอุดมศึกษาจากสถาบันการศึกษาชั้นนำของเอเชียและแปซิฟิกกว่า 20 ทีมจาก 19 ประเทศ "การแข่งขันครั้งนี้ทีมออริจิ้น 3 มีความพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มบริษัทฮอนด้าฯ ทีมที่น่ากลัวมากที่สุดคือทีมจากเวียดนาม เพราะเป็นแชมป์เก่า แต่หุ่นยนต์ของไทยน่าจะเข้าถึงเสาหลักก่อนเวียดนาม เพราะหุ่นยนต์ออริจิ้น 3 เก็บลูกบอลจากด้านบนต่างจากหุ่นยนต์ทีมเวียดนามที่เก็บลูกบอลจากด้านล่าง ทำให้หุ่นยนต์ออริจิ้นเก็บลูกบอลได้เร็วกว่า สิ่งที่ยังกังวลอยู่คือเรื่องกฎ กติกาที่ยังไม่ทราบชัดเจน เนื่องจากเอกสารที่แปลมีแต่คำศัพท์เทคนิค ไม่รู้ว่าจะเข้าใจตรงกับคณะกรรมการหรือไม่ การแข่งขันครั้งนี้หุ่นยนต์ที่ใช้ซ้อมกับใช้แข่งขันเป็นคนละชุด ซึ่งเกรงว่าจะเกิดปัญหา เพราะที่ผ่านมาจะใช้ชุดที่ซ้อมไปแข่ง (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 25 ส.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





กางเกงฆ่าเชื้อโรค

เป็นรายงานที่น่าสนใจจากหนังสือพิมพ์การ์เดียน ประเทศอังกฤษ ที่แจกแจงถึงการพัฒนาอาวุธชิ้นใหม่ ในชื่อว่า "กางเกงในฆ่าเชื้อโรค" ให้กับทหารสัญชาติผู้ดี ที่ต้องไปผจญความร้อนและอันตรายทะเลทรายอยู่แถวอิรัก และอัฟกานิสถาน กางเกงพัฒนานี้ เพื่อการสวมใส่ที่สบายตัว จากเหงื่อไคลที่ไหลย้อยท่ามกลางสภาพอากาศระอุจากอุณหภูมิที่สูง ถือเป็นอาวุธต้านความร้อนที่ทำจากผ้าสังเคราะห์พิเศษ ด้วยการนำเศษโลหะเงินเล็กๆ ถักทอผสมกับใยผ้า เพื่อป้องกันการเกิดเหงื่อ ด้วยการออกแบบเป็นพิเศษ และเริ่มส่งไปผลิตที่ประเทศจีนแล้ว นอกจากกางเกงรุ่นพิเศษนี้แล้ว ชิ้นอื่นๆ ที่จะตามมา อย่างรองเท้าบู๊ต แว่นตากันแสง หมวกกันความร้อน ก็กำลังจะผลิตตามออกมา (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 25 ส.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





ใช้"อาร์เอ็นเอ"รักษาไวรัสโรค"ซาร์ส"ในตัวลิง

คณะนักวิจัยบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ "ไบโอไดม์" สหรัฐ ประสบความสำเร็จในการทดลองใช้เทคนิคแทรกแซงด้วยสาร "อาร์เอ็นเอ" เพื่อลดความรุนแรงของการติดโรคซาร์สในลิงได้ผล อินทราไดม์เปิดเผยผ่านวารสารการแพทย์เนเจอร์ฉบับเดือนก.ย. ว่า ลิงซึ่งติดเชื้อซาร์สทั้งก่อนและหลังได้รับการรักษาด้วยเทคนิคแทรกแซงด้วย อาร์เอ็นเอ แสดงอาการป่วยน้อยกว่าลิงที่ไม่ได้รับการรักษา เชื่อว่าเทคนิคนี้ช่วยขัดขวางไม่ให้เซลล์ติดเชื้อไวรัสและไม่ให้เชื้อแพร่ระหว่างเซลล์ สำหรับอาร์เอ็นเอมีองค์ประกอบหลักคล้าย "ดีเอ็นเอ" แต่มีโครงสร้างต่างกันและทำหน้าที่สำคัญในการสังเคราะห์โปรตีนและปฏิกิริยาทางเคมีอื่นๆ ในเซลล์ นักวิจัยนำอาร์เอ็นเอมาพัฒนาให้สามารถแทรกแซงหน่วยพันธุกรรม (ยีน) สำคัญ 2 ตัวในเชื้อไวรัสซาร์ส คือ "ยีนสไปค์" และ "ยีนโออาร์เอฟ 1 บี 23" จากนั้นร่วมกับคณะนักวิจัยในจีนทดลองใช้เทคนิคแทรกแซงด้วยอาร์เอ็นเอกับลิง 20 ตัว ลิงครึ่งหนึ่งได้รับอาร์เอ็นเอที่แทรกแซงยีนเชื้อไวรัสซาร์สได้ บางตัวติดเชื้อซาร์สก่อนได้รับอาร์เอ็นเอ บางตัวติดเชื้อทีหลัง ลิงอีกครึ่งหนึ่งได้รับอาร์เอ็นเอที่ไม่สามารถแทรกแซงยีนเชื้อไวรัสซาร์ส ผลากฏว่า ลิงกลุ่มแรกมีไข้ต่ำกว่ากลุ่มหลังถึงแม้จะติดเชื้อเหมือนกันหมด และเมื่อตรวจปอดจากศพลิงพบว่าลิงกลุ่มแรกมีเซลล์ปอดติดเชื้อน้อยกว่าด้วย (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 25 ส.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





"ประตูอัตโนมัติ" เปิด-ปิดตามขนาดตัว

บริษัททานากะ ออโต้ ดอร์ ในประเทศญี่ปุ่น ได้กลายเป็นผู้พัฒนาบุกเบิกประตูอัตโนมัติรุ่นใหม่ไฮเทคกว่าเดิม โดยตัวบานประตูทั้ง 2 ข้างนั้นจะเปิดออกเท่ากับขนาดร่างกายของผู้ที่เดินเข้า หรือเดินออก ความลับของประตูอัตโนมัติของบ.ทานากะก็คือ บานประตูทั้ง 2 ข้าง จะทำจากแผ่นบานเกล็ด ซึ่งยืดและหดตัวได้โดยอัตโนมัติ แผ่นบานเกล็ดแต่ละแผ่นนั้นจะมีอุปกรณ์ "เซ็นเซอร์" ตรวจจับความเคลื่อนไหวเอาไว้ทุกตัว ทำให้เซ็นเซอร์สามารถคำนวณได้ว่าจะยืนแผ่นบานเกล็ดออกไปเท่าไหร่จึงจะพอดีกับร่างกายของคนที่เดินเข้าออก ไม่เหมือนกับประตูอัตโนมัติทั่วๆ ไปที่เวลาเปิดต้องเปิดกว้างจนสุดบานเลื่อน บ.ทานากะ ระบุว่า ประโยชน์ของประตูอัตโนมัติรุ่นใหม่นี้มีหลายประการด้วยกัน ข้อแรกเลยก็คือ ช่วยป้องกันไม่ให้ "ความเย็น" จากเครื่องปรับอากาศไหลออกไปนอกตัวอาคาร จึงเป็นการประหยัดพลังงานไปในตัว นอกนั้นจากนั้น เมื่อประตูเปิดกว้างน้อยลงยังจะช่วยลดปริมาณฝุ่นละออง เชื้อโรค และมลพิษ จากภายนอกซึ่งหลุดเข้ามาในอาคารอีกด้วย นับเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งเร็วๆ นี้อาจได้รับความนิยมไปทั่วโลก ถ้าราคาไม่สูงจนเกินไป (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 25 ส.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





เครื่องฟอกย้อมพลังงานแดด ทำได้อย่างประหยัด-ลดมลภาวะ

ผศ.ดร.อภิชาติ สนธิสมบัติ อาจารย์ประจำภาควิชา วิศวกรรมสิ่งทอ กับอาจารย์ศุภวิทย์ ลวณะสกล อาจารย์ ประจำภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี พร้อมกับนักศึกษากลุ่มหนึ่งได้ร่วมกันทำวิจัย.... ผลิตเครื่องย้อมขนาดทดลองโดยพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งในระบบในกลไกของงานประกอบด้วยเครื่องผลิตโฟมแบบสถิต (Static Foam Generator) สำหรับเครื่องย้อมสีแบบต่อเนื่องที่ใช้น้ำต่ำหรือต่ำมาก (Low Wet-pick-up Technique) และเครื่องย้อมผ้าผืนแบบวินซ์ ขนาดทดลอง Laboratory Winch Dyeing Machine) ด้วยหลักการทำงานของเครื่องย้อม เริ่มจากนำน้ำเย็นผ่านแผงผลิตน้ำร้อนไปเข้าถังเก็บน้ำร้อน และป้อนเข้าถังเหล็กหล่อถังอ่างย้อม จากนั้นหมุนถังย้อมกลไกของการถีบจักรยาน ต่อมาก็ใส่น้ำสีที่ต้องการปั่นจนน้ำสีเข้าที่และนำผ้าที่ต้องการย้อมใส่ลงไป ปั่นจักรยานต่อไปพร้อมกับป้อนน้ำร้อนให้เข้าไปถังอ่างย้อม...ตามระยะเวลาที่กำหนด ถือว่าเป็นการแล้วเสร็จ เครื่องย้อมต้นแบบนี้สามารถย้อมได้ครั้งละ 2-10 กิโลกรัม โดยมีข้อจำกัดเพียงแค่น้ำย้อมที่ผลิตได้สูงสุดประมาณ 70 องศาเซลเซียส จากบรรยากาศช่วงเวลาประมาณ 12.00-16.00 น. ซึ่งสามารถย้อมได้กับสีบางชนิดเท่านั้น จากเครื่องต้นแบบ ในแนวทางการพัฒนาต่อไป จำเป็นมากที่ต้องมีการออกแบบ ให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นอีกเป็น 85 องศาเซลเซียส เพราะจะมีความร้อนที่เหมาะสม ในการย้อมสีรีแอคทีฟได้ เครื่องย้อมสีพลังงานแสงอาทิตย์นี้ ทำให้ประหยัดต้นทุนค่าน้ำมัน แถมยังไม่มีควันพิษจากการเผาไหม้เพื่อการอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมด้วย ผู้สนใจติดต่อได้ที่ ผศ.ดร.อภิชาติ สนธิสมบัติ โทรศัพท์ 0-2549-3666 หรืออีเมล์ eng_pub@hotmail.com (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 26 ส.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





หวั่นหาพลังงานทดแทนไม่ทัน ก่อนน้ำมันจะหมดเกลี้ยง

ผู้จัดการศูนย์วิจัยปัญหาพลังงานของเนเธอร์แลนด์ นายทอน ฮอฟ์ กล่าวบอกหลังจากการศึกษาวิจัยว่า การหาพลังงานทดแทนจนเป็นที่ยอมรับ ใช้กันอย่างกว้างขวาง ยังจะต้องกินเวลาอีกหลายสิบปี นับตั้งแต่ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างกู่ไม่กลับ ทำให้ทั่วโลกกระหายที่จะแสวงหาเชื้อเพลิงทดแทน ตั้งแต่พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และเชื้อเพลิงชีวภาพขึ้นมาแทน แต่ทุกวันนี้ก็ยังหาพลังงานทดแทนที่ใช้กันอยู่อย่างกว้างขวางมาใช้ได้ไม่ถึง 2% ดี เพราะมีต้นทุนสูงและนโยบายที่สับสน ทางด้านศูนย์วิจัยพลังงานแห่งนี้ นับเป็นสถาบันวิจัยพลังงานชั้นนำของยุโรปแห่งหนึ่ง ได้พยายามปรับปรุงหรือพัฒนาเทคโนโลยีอย่างใหม่ เพื่อใช้เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน ในการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์และลม อย่างเช่นพยายามให้ผลิตพลังงานแสงแดดให้สูงขึ้นให้ได้เป็น 20% แทนที่แค่ 17% ในปัจจุบัน พร้อมกับลดค่าใช้จ่ายให้ต่ำลงด้วย เขากล่าวบอกอย่างมีความหวังว่า เชื่อว่าในเวลา 10-15 ปี ข้างหน้านี้ จะสามารถผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ให้พอใช้ ไล่ๆทันกับพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตด้วยถ่านหินได้ (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 26 ส.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





สหรัฐทดสอบโคลนนิ่งแมวป่าปูทางขยายพันธุ์สัตว์หายาก

ดร.เบตซี เดรสเซอร์ หัวหน้าทีมวิจัยจากศูนย์วิจัยสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ออดูบอน ในสหรัฐ เปิดเผยว่า งานวิจัยชิ้นนี้ถือเป็นการโคลนสัตว์ป่าเพื่อการขยายพันธุ์เป็นครั้งแรก และได้ลูกแมวมาทั้งสิ้น 8 ตัวจากจำนวน 2 ครอกเมื่อเดือนที่แล้ว ทั้งหมดมีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง จนทำให้ทีมวิจัยเชื่อว่า เทคนิคนี้มีศักยภาพเพียงพอที่จะช่วยอนุรักษ์สายพันธุ์สัตว์หายากได้ในอนาคต สำหรับลูกแมวป่าทั้ง 2 ครอก ถือกำเนิดมาจากแม่แมวป่า 2 ตัว แต่มีพ่อแมวป่าตัวเดียวกัน โดยทั้งพ่อและแม่แมวป่าล้วนกำเนิดจากการโคลนนิ่ง โดยความสำเร็จครั้งนี้มาจากการปรับปรุงกระบวนการโคลนนิ่งเดิมที่มีอยู่ จนสามารถนำสัตว์ที่โคลนได้มาขยายพันธุ์ต่อโดยวิธีธรรมชาติ ขณะที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญในแวดวงสัตว์ป่าหายาก เชื่อว่ากระบวนการโคลนนิ่งยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายในตอนนี้ เพราะนักวิจัยต้องพิสูจน์ให้เห็นด้วยว่า การขยายพันธุ์ด้วยวิธีการดังกล่าว จะไม่เกิดสิ่งผิดปกติใดๆ ขึ้น โดยเฉพาะเมื่อปล่อยสัตว์กลับไปอยู่ในป่า แต่ทีมวิจัยมั่นใจในความสำเร็จ แม้จะต้องตามดูผลอีกนานหลายปี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ พฤติกรรม และการพัฒนาทักษะของการเป็นนักล่าเมื่ออาศัยอยู่ในป่าจริง (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 26 ส.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





เซเรบอสแจก2แสน วิจัยองค์ความรู้ใหม่

โครงการเซเรบอส อวอร์ด 2005 ประกาศมอบทุน 2 แสนบาทให้ 3 โครงการวิจัยเด่นจากแพทย์จุฬาฯ แพทย์รามาฯ และเภสัชกรขอนแก่น หลังนำเสนอผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือและยกคุณภาพชีวิตผู้ป่วยให้ดีขึ้น ศ.เกียรติคุณ นพ.จอมจักร จันทรสกุล ประธานคณะกรรมการพิจารณาทุนวิจัยเซเรบอส อวอร์ด เปิดเผยว่า คณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยนักวิชาการอิสระ เช่น แพทย์ เภสัชกร นักโภชนาการและนักวิทยาศาสตร์ พิจารณาผลงานวิจัยที่ยื่นเสนอขอรับทุน และได้คัดเลือก 3 ผลงานเด่นให้ได้รับรางวัลทุนวิจัยเซเรบอส ประจำปี 2005 ดังนี้ ผลงานการศึกษาเภสัชจลนศาสตร์ และประสิทธิภาพของแอลฟ่าไลโปอิค แอซิด ต่อพัฒนาการการเกิดภาวะแทรกซ้อนทางไต ในผู้ป่วยชาวไทยที่มีเบาหวานชนิดที่ 2 ของ ผศ.ดร.สุพัตรา ปรศุพัฒนา จากภาควิชาพิษวิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และคณะ โดยได้วิจัยและทดสอบทางคลินิกของการใช้แอลฟ่าไลโปอิคแอซิด ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่ง ในผู้ป่วยเบาหวานที่มีอาการแทรกซ้อนทางไต ว่าสามารถลดการทำลายเซลล์จากอนุมูลอิสระ ลดการแทรกซ้อนในระบบประสาท รวมถึงหาปริมาณที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยชาวไทย ผลงานต่อมาคือ โครงการการเสริมกลูตามีนไดเปปไทด์ทางหลอดเลือด แก่ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน ชนิดมายอีลอยด์ที่กำลังได้รับยาเคมีบำบัด : ผลต่อการทำหน้าที่ของนิวโตรฟิล การป้องกันการเกิดผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดและต้นทุนต่อประสิทธิผล ของ ศ.นพ.สุรัตน์ โคมินทร์ จากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และคณะ โดยศึกษาว่า กลูตามีนไดเปปไทด์จะสามารถลดผลข้างเคียง หรือบรรเทาอาการข้างเคียงจากการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดได้หรือไม่ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถบรรลุการรักษา และผลงานสุดท้ายคือ โครงการศึกษายาลีโวโดปาและไม้เท้าเลเซอร์ช่วยเดินในผู้ป่วยพาร์คินสัน ของ น.พ.รุ่งโรจน์ พิทยศิริ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย "โครงการทุนวิจัยเซเรบอสจะให้การสนับสนุนทุนวิจัย เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 200,000 บาท อย่างไม่มีข้อผูกพันใดๆ โดยปีนี้เป็นปีที่ 5 ของโครงการ ซึ่งได้สนับสนุนทุนวิจัยไปแล้ว 11 โครงการที่เกี่ยวกับอาหาร ผลิตภัณฑ์อาหาร สมุนไพรและยา รวมทั้งพฤติกรรมการบริโภคที่มีผลต่อโภชนาการบำบัด อันจะก่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ และเกิดประโยชน์ต่อสังคม" ประธานคณะกรรมการฯ กล่าว (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 26 ส.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ทารกในครรภ์ไม่รู้สึกเจ็บจนกว่าย่างเข้า 7 เดือนครึ่ง

วารสารสมาคมการแพทย์อเมริกัน (JAMA) รายงานผลการวิเคราะห์การทบทวนวรรณกรรมทางการแพทย์ ที่เกี่ยวกับความเจ็บปวดของทารกใน ครรภ์ ซึ่งมาร์ค โรเซน จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ในซานฟรานซิสโก เป็นผู้นำการศึกษา ได้ข้อสรุปว่า ทารกในครรภ์ที่อายุน้อยกว่า 30 สัปดาห์ (ราว 7 เดือนครึ่ง) จะยังไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด เนื่องจากว่าการเชื่อมต่อของสมองเกี่ยวกับความรับรู้เรื่องความเจ็บปวดนั้น จะก่อตัวขึ้นในช่วงระหว่างสัปดาห์ที่ 23-30 ของการตั้งครรภ์ และเมื่อก่อรูปขึ้นแล้วกว่าจะทำหน้าที่จริงต้องย่างเข้าสัปดาห์ที่ 30 ข้อสรุปจากการศึกษานี้นำมาซึ่งความขัดแย้งโดยตรง เกี่ยวกับการออกกฎหมายทำแท้งในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากตามกฎหมายระบุว่าแพทย์ต้องแจ้งให้หญิงตั้งครรภ์ทราบว่าอายุครรภ์ 20 สัปดาห์นั้นทารกสามารถรับรู้ความเจ็บปวดได้และแพทย์ต้องฉีดยาสลบโดยตรงไปที่ตัวเด็ก ดังนั้น การศึกษานี้จึงอาจนำมาซึ่งความขัดแย้งระลอกใหม่ ในประเด็นการทำแท้งในสหรัฐอเมริกาต่อไป. (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 27 ส.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





มหิดลจับมือออกซฟอร์ดต้านมาลาเรีย

ที่คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ได้มีการแถลงผลการศึกษาการรักษาโรคมาลาเรียชนิดรุนแรงในภูมิภาคเอเชีย โดยความร่วมมือระหว่างคณะเวชศาสตร์เขตร้อน ม.มหิดล กับมหาวิทยาออกซฟอร์ด ซึ่งทาง น.พ.นิโคลัส ไวท์ นักวิจัยอาวุโส ม.ออกซฟอร์ด ในฐานะประธานคณะกรรม การจัดทำคำแนะนำการรักษาโรคมาลาเรีย ขององค์การอนามัยโลกเปิดเผยว่า จากการศึกษาการรักษาโรคมาลาเรียชนิดรุนแรงที่ใหญ่ที่สุดในโลกในคนไข้ 1,461 ราย จาก 4 ประเทศ มีการระบาดของมาลาเรียรุนแรงคือ บังกลาเทศ พม่า อินเดียและอินโดนีเซีย ระหว่างเดือน มิ.ย. 46-พ.ค. 48 โดยเปรียบเทียบการใช้ยา 2 ชนิดคือ ยาควินินซึ่งรักษาโรคมาลาเรียชนิดรุนแรง และยาอาร์ทีซูเนต ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของสารอาร์ทีมิซินินที่สกัดได้จากสมุนไพรจีนคือ ต้นชิงเฮาผลการศึกษาชี้ชัดว่ายาอาร์ทียูเนตชนิดฉีดลดอัตราการตายลงได้ถึง 35% นอกจากนี้ยาอาร์ทีซูเนตยังเป็นยาที่มีความปลอดภัยและง่ายกว่าการให้ยาควินิน คาดว่าอีก 2 ปีน่าจะรู้ผลว่ามีความสำเร็จลดอัตราการตายได้มากน้อยเพียงใด ด้าน พ.ญ.ศศิธร ผู้กฤตยาคามี รองคณบดีฝ่ายวิจัย คณะเวชศาสตร์เขตร้อน ม.มหิดล กล่าวว่า ผลการศึกษาครั้งนี้ได้ถูกตีพิมพ์ในวารสาร ทางการแพทย์ฉบับล่าสุดของ Lancet Vol.366, August 27,2005 ซึ่งทางองค์การอนามัยโลกให้การยอมรับและจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงคำแนะนำ ในการรักษาโรคมาลาเรียชนิดรุนแรง ซึ่งเกิดจากเชื้อฟาลซิปาลุม ที่ผู้ป่วยจะมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น มาลาเรียขึ้นสมอง ไตวาย ตับอักเสบ เลือดออก เนื่องจาก ยาอาร์ทีซูเนตนั้นสามารถกำจัดเชื้อได้ภายใน 1-2 วันมีประสิทธิภาพมาก กว่าควินินที่ใช้เวลากำจัดเชื้อ 3-5 วัน อีกทั้งควินินจะลดอัตราการตายได้ 20-30% แต่อาร์ทียูเนตสามารถลดอัตราการตายได้ถึง 35% อย่างไรก็ตามมิได้หมายความว่าเมื่อมียาชนิดนี้แล้วจะยกเลิกใช้ยาควินิน เพราะควินินยังมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคนี้อยู่ แต่ถ้าต้องการลดอัตราการตาย ยาอาร์ทีซิเนตก็เป็นทางเลือกหนึ่งเช่นกัน. (เดลินิวส์ เสาร์ที่ 27 ส.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





‘Home security system’ ระบบกันขโมย ของราชมงคลธัญบุรี

นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราช มงคลธัญบุรี ซึ่งประกอบด้วย นายจตุพล พึ่งพรพรหม นายภาณุพันธ์ เอี่ยมสะอาด และนายอภิเชษฐ์ เทียนกร เค้าได้ร่วมกัน ประดิษฐ์ระบบกันขโมยสำหรับบ้านพักอาศัยโดยการเชื่อมต่อด้วยโทรศัพท์ขึ้น โดยใช้ชื่อว่า “HOME SECURITY SYSTEM” และมี อาจารย์กิตติวัณณ์ นิ่มเกิดผล เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาตลอดโครงการ อาจารย์กิตติวัณณ์ ได้เล่าให้ฟังถึงที่มาของผลงาน “HOME SECURITY SYSTEM” ว่าในการทำโครงการผลงานสิ่งประดิษฐ์นี้นักศึกษาได้มุ่งไปที่การตรวจสอบการเคลื่อนไหวขณะเจ้าของบ้านไม่อยู่ เมื่อมีผู้บุกรุกก็จะมีการเตือนภัยให้เจ้าของบ้านทราบโดยผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งอาศัยหลักการตรวจจับความเคลื่อนไหว ที่แยกระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยง โดยใช้การจับภาพด้วยกล้องโทรทัศน์วงจรปิดแล้วนำภาพมาประมวลผลโดยวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำภาพในช่วงเวลาต่าง ๆ มาเปรียบเทียบภาพของเจ้าของบ้านหรือสมาชิกในบ้าน ซึ่งจะถูกเซ็ตไว้ในระบบเพื่อใช้เป็นภาพเปรียบเทียบไว้แล้ว จากนั้นจึงส่งผลลัพธ์ไปที่ไมโครคอนโทรเลอร์ และเมื่อระบบประมวลภาพออกมาว่ามีบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของบ้านเครื่องก็จะส่งสัญญาณไปที่โทรศัพท์ที่เจ้าของบ้านตามที่ได้ทีการเซ็ตเบอร์โทรศัพท์ไว้ หรือจะสรุปหลักการทำงานสั้น ๆ ก็คือ เช็กรหัสการเปิดปิดระบบ การโทรฯแจ้งเตือนการบุกรุก และการแจ้งสภาวะต่าง ๆ ของระบบหน้าจอแสดงผล สามารถตั้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ได้ถึง 3 เบอร์ เมื่อไม่สามารถติดต่อเบอร์ที่ 1 ได้ ระบบก็จะทำการติดต่อเบอร์โทรศัพท์สำรองที่ 2 และ 3 ต่อไป เมื่อเจ้าของบ้านรู้ตัวจะได้แจ้งเจ้าหน้าที่ ตำรวจให้มาจับกุมหัวขโมยได้อย่างทันถ่วงที ก่อนที่เจ้าหัวขโมยจะขนของไปจนหมดบ้าน และเจ้าเครื่องนี้ยังมีข้อดีคือจะใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยกว่าการที่จะเปิดระบบคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้ และประหยัดกว่าการติดตั้งระบบแบบใช้คอมพิวเตอร์อีกด้วย ผู้สนใจ ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี หรือโทรศัพท์สอบถามที่ 0-2549-3476. (เดลินิวส์ เสาร์ที่ 27 ส.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





“น้ำลำไยสดเข้มข้น” สูตรกู้วิกฤตลำไยจาก มจธ.

ดร.อาลักษณ์ ทิพยรัตน์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมอาหาร, รศ.วีระชัย แก่นทรัพย์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล และนางสาวชมพูนุท ฉัตรเฉลิมวิทย์ นักศึกษาประจำภาควิชาวิศวกรรมอาหาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี(มจธ.) ได้ร่วมกันวิจัยคิดค้นการผลิตน้ำลำไยด้วย โดยวิธีเชิงวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์ทางการอาหารที่เรียกว่า วิธีเยือกแข็ง (Freeze Concentration) เพื่อยืดอายุการเก็บรักษา โดยนำลำไยสด มาผลิตเป็นน้ำลำไยเข้มข้น ที่ยังคงรส และกลิ่นได้ 100% โดยผ่านกรรมวิธีเยือกแข็ง (Freeze Concentration) ซึ่งเป็นกระบวนการแปรรูปลำไยที่ใช้อุณหภูมิและพลังงานต่ำ ที่ยังคงรักษาคุณค่าทางอาหารและโภชนาการคล้ายน้ำลำไยสด สามารถช่วยยืดอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์ให้นานขึ้น และยับยั้งการเติบโตของจุลินทรีย์และปฏิกิริยาทางชีวเคมีภายในผลิตภัณฑ์อีกด้วย สำหรับขั้นตอนการผลิตน้ำลำไยเข้มข้น เริ่มจากการนำลำไยมาทำความสะอาดแกะเปลือกและเมล็ดออก นำไปบดด้วยเครื่องบด กรองกากออกด้วยผ้าขาวบาง จากนั้นนำน้ำลำไยที่ได้ไปทำเข้มข้นแบบเยือกแข็ง ซึ่งจะใช้เครื่องความเย็นแบบขูดผิว น้ำลำไยจะถูกลดอุณหภูมิจนถึงจุดเยือกแข็ง ทำให้น้ำภายในลำไยเปลี่ยนเป็นเกล็ดน้ำแข็งเล็กๆ จากนั้นทำการแยกเกล็ดน้ำแข็งออกจากน้ำลำไย โดยเครื่องเหวี่ยงแยก ซึ่งจะได้เป็นน้ำลำไยเข้มข้น ที่ยังคงกลิ่น สีและรสชาติใกล้เคียงกับลำไยสด กรรมวิธีนี้สามารถ เพิ่มความเข้มข้นของน้ำลำไยสด จาก 14-18 องศาบริกซ์ เป็น 40 องศาบริกซ์ อีกทั้งใช้ พลังงานต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการระเหยน้ำทั่วไปถึง 7 เท่า น้ำลำไยเข้มข้นที่ได้จึง สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน เมื่อผ่านขั้นตอนการทำเข้มข้นด้วยวิธีเยือกแข็งแล้ว เราสามารถเพิ่มความเข้มข้นเพื่อให้น้ำลำไยสามารถเก็บรักษาได้ที่อุณหภูมิห้อง โดยนำไปผ่านวิธีการระเหยน้ำออกในระบบสุญญากาศ (Vacuum Evaporation) วิธีการนี้จะทำให้จุดเดือดของน้ำในน้ำลำไยลดลงในสภาวะสุญญากาศ ซึ่งทำให้น้ำเดือดที่อุณหภูมิต่ำ เป็นผลดีต่อสี รส กลิ่น และสารอาหารของผลิตภัณฑ์ กรรมวิธีนี้สามารถผลิตน้ำลำไยสดเข้มข้น ทั้งในรูปน้ำลำไยสดเข้มข้นแช่แข็ง น้ำเชื่อมเข้มข้นที่สามารถใช้แทนน้ำตาลหรือน้ำผึ้ง หรือแม้แต่ “ลูกอมลำไย” ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากลำไย ส่งเสริมการผลิตในภูมิภาคและผลิตภัณฑ์ชุมชนอีกด้วย สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่ โทร.0-2427-0059 (สยามรัฐรายวัน เสาร์ที่ 27 ส.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





หลังคาพลังงานแนวคิดเด็กไทย

หลังคาพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อมนี้ เป็นแนวคิดของ น.ส.มรกต แจ่มดวง และ น.ส.พรรษชล สุทธิ์กาญจน์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ โดยมีแนวคิดที่จะเอาสาหร่ายขนาดเล็ก (microalgae) สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน (blue-green algae) และแบคทีเรียที่สังเคราะห์แสงได้ (photosynthetic bacteria) ขึ้นมาเลี้ยงไว้บนหลังคาบ้าน สาหร่ายและแบคทีเรียเหล่านี้ เมื่อผ่าน กระบวนการสังเคราะห์แสงก็จะผลิตก๊าซไฮโดรเจน ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในยุคขาดแคลนพลังงานอย่างในปัจจุบัน ก๊าซไฮโดรเจน เป็นแหล่งพลังงานสำหรับ เซลล์เชื้อเพลิงเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดที่ได้จากเทคโนโลยีสีเขียว (green technology) แนวคิดการผลิตก๊าซไฮโดรเจนโดยใช้สิ่งมีชีวิตมา เก็บเกี่ยวพลังงานแสงอาทิตย์ ไปสังเคราะห์ก๊าซไฮโดรเจน มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนพลังงานให้เป็นพลังงานไฟฟ้า สูงกว่าเซลล์แสงอาทิตย์ ประมาณ 4 - 7 เท่า การผลิตก๊าซไฮ โดรเจนโดยอาศัยกระบวนการ สังเคราะห์แสงนี้ ยังมีปัญหาที่ต้นทุนการผลิตที่ต้องทำระบบปิดเพื่อกักเก็บก๊าซ ในขณะที่ก๊าซไฮโดรเจนที่ผลิตได้มีจำนวนน้อย ซึ่งอาจจะแก้ไขได้โดยการค้นหาแบคทีเรียสายพันธุ์ใหม่ ๆ ที่ให้ประสิทธิภาพสูง หรือเพิ่มประสิทธิภาพของสิ่งมีชีวิตโดยการปรุงแต่งพันธุกรรม อย่างไรก็ตาม หลังคาพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อมโดยใช้สิ่งมีชีวิตมาผลิตก๊าซไฮโดร เจนนี้ยังเป็นเพียงแนวคิดเบื้องต้น ส่วนจะมีความเป็นไปได้หรือไม่นั้นก็จะขึ้นอยู่กับการพัฒนาในอนาคต. (เดลินิวส์ อาทิตย์ที่ 28 ส.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ข่าวทั่วไป


เรื่องของ..มะเขือเทศ

มะเขือเทศเป็นราชินีแห่งผักและผลไม้ไม่แพ้กับผักชนิดอื่น การรับประทานมะเขือเทศเพียงวันละ 1-2 ลูกจะให้ประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เป็นต้นว่า ช่วยต้านโรคความดันโลหิตสูง บำรุงดวงตา และสายตา บำบัดอาการปัสสาวะขัด บำรุงเหงือกและฟัน ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว เยียวยาโรคเลือดออกตามไรฟัน ต้านทานโรคภัยไข้เจ็บ คุ้มกันไม่ให้เป็นหวัดง่าย แก้ท้องผูก และบำรุงผิวพรรณ ข้อดีประการสุดท้าย สาวใดที่อยากผิวสวยควรหันมารับประทานมะเขือเทศวันละ 1-2 ลูกเป็นประจำ เท่านี้ก็ไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอางราคาแพงให้เปลืองเงินเปลืองทองที่สำคัญมะเขือเทศนั้นราคาแสนถูก ถ้าจะต้องรับประทานเป็นประจำเพื่อผิวสวยและสุขภาพที่แข็งแรง ( เดลินิวส์ จันทร์ที่ 22 ส.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





อุดรธานีได้ฤกษ์เปิดตุลาคมนี้ ท่าอากาศยานนานาชาติ312ล.

นายเรวัตร ปานมงคล ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปี 2546 ได้รับงบประมาณสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ เป็นอาคาร 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น 2 เท่าเป็น 10,923 ตารางเมตร และปรับปรุงขยายทางวิ่ง กว้าง 45 เมตร ยาว 3,053 เมตร มูลค่ารวมกว่า 312 ล้านบาท ขณะนี้งานเสร็จสมบูรณ์พร้อมใช้งานแล้ว โดยงานล่าสุดคือติดตั้งระบบสายพานลำเลียง คาดว่าเดือนตุลาคมนี้จะสามารถเปิดใช้งานได้ ในอดีตท่าอากาศยานอุดรธานีถูกกำหนดด้วยจำนวนเที่ยวบิน ทำให้มียอดผู้โดยสารต่ำ จากเดิมเพียง 1-2 เที่ยวบินต่อวัน ขณะนี้มีถึงวันละ 8 เที่ยวบิน เป็นการเติบโตตามความจริง โดยในปี 2546 มีผู้โดยสารรวม 353,000 คน หรือวันละ 970 คน ปี 2547 ผู้โดยสาร 606,000 คน หรือวันละ 1,660 คน ส่วนในปี 2548 คาดว่าจะมีผู้โดยสารเพิ่มเป็น 670,000 คน หรือวันละ 1,835 คน ซึ่งจะขยายตัวขึ้นอีกในปีต่อไป ทำให้อาคารท่าอากาศยานใหม่ จะรองรับการขยายตัวได้พอดี (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 22 ส.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





ตรวจพบสารก่อมะเร็ง ปนเปื้อน"ปลาไหลจีน"

สาธารณสุขฮ่องกงยืนยันพบสารก่อมะเร็ง "แมลลาไคท์ กรีน" ในปลาไหลนำเข้าจากจีน และเรียกร้องให้ประชาชนหยุดรับประทานเนื้อปลาไหล ขณะที่ทางการมณฑลกวางตุ้งของจีนประกาศห้ามส่งออกปลาไหลและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องทุกประเภทหลังจากตรวจพบสารก่อมะเร็งในปลาไหลของมณฑลกวางสีและฟูเจี้ยน จากการสุ่มตรวจปลาไหลจากจีน 14 ตัว เราพบว่า 11 ตัวมีสารก่อมะเร็ง ทางการฮ่องกงวิตกด้วยว่า ปลาชนิดอื่นๆ จากจีนอาจปนเปื้อนสารก่อมะเร็งเช่นกัน และสั่งให้นำตัวอย่างปลาไปตรวจแล้ว สารก่อมะเร็งที่พบมาจากการลักลอบใช้สารฆ่าจุลินทรีย์ที่ทางการจีนห้ามใช้เด็ดขาด วิกฤตปลาไหลนำเข้าจากจีนครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากฮ่องกงสั่งห้ามนำเข้าเนื้อหมูจากภาคตะวันออกและใต้ของจีนที่แพร่เชื้อแบคทีเรียเป็นสาเหตุให้คนจีนกว่า 200 คนติดเชื้อร้ายแรง (ข่าวสด จันทร์ที่ 22 ส.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





5 ตุลาคม “วันครูโลก”

องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) ได้ยกย่องให้ ครู เป็น บุคคลสำคัญ เนื่องจากมีบทบาทในการขับเคลื่อนการศึกษาให้มีความเจริญก้าวหน้า และเพื่อให้ครูทั่วโลกได้ตระหนักถึงความรับผิดชอบของตนที่มีต่อสังคม ตลอดจนเพื่อปลูกฝังจิตสำนึกที่ดี มีจิตวิญญาณจะช่วยเหลือมนุษย์ จึงได้กำหนดให้วันที่ 5 ตุลาคมของทุกปีเป็น วันครูโลก (World Teachers’ Day) สำหรับประเทศไทย สมาคมการศึกษาแห่งประเทศไทย ได้เริ่มจัดกิจกรรมวันครูโลกเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2547 โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เป็นองค์ประธานในพิธีเปิดงาน มีการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิทางการศึกษาระดับโลกมาบรรยายให้ความรู้ ซึ่งการจัดงานดังกล่าวประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง คณะกรรมการจัดงานฯ จึงมีมติให้จัดงานวันครูโลก ขึ้นเป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง สำหรับการจัดงานวันครูโลก ในประเทศไทยประจำปี พ.ศ.2548 ถือเป็นมหามงคลอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองพระชนมายุ 50 พรรษา ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐในฐานะทรงเป็น “ครู” และทรงได้รับการยกย่องให้เป็น “ทูตสันถวไมตรี” ทางด้านการศึกษาและวัฒนธรรม ขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) โดยคณะกรรมการจัดงานฯ ได้รับความร่วมมือจากองค์กรการศึกษาในประเทศไทย หลายส่วน และมอบหมายให้ มหาวิทยาลับราชภัฏสวนดุสิต เป็นเจ้าภาพจัดงาน ทั้งนี้ ผศ.ดร.ผดุง พรมมูล ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายโครงการพิเศษ 1 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เปิด เผยว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในการจัดงาน “วันครูโลก” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2548 ณ อิมแพคอารีนา เมืองทองธานี ทั้งนี้เจ้าภาพในการจัดงานนี้องค์กรทางการศึกษา จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปทุกปี (สยามรัฐรายวัน พฤหัสบดีที่ 25 ส.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





สัปดาห์วิทย์ย้ำอันตรายมือถือปวดหัว-มะเร็ง

ดร.ดนัย ทิวาเวช กรรมการสมาคมพิษวิทยา และรองเลขาธิการสภาสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (สสวทท.) กล่าวว่า สสวทท.จัดนิทรรศการมนุษย์และสิ่งรอบตัว ในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-28 สิงหาคม ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยนำเสนอข้อมูลผลกระทบจากการใช้โทรศัพท์มือถือที่มีต่อสุขภาพ เพื่อให้ผู้ใช้ตระหนักถึงอันตรายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การใช้โทรศัพท์มือถือแนบหูครั้งละนานๆ จะทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพได้ โดยในระยะสั้นจะมีอาการปวดหู ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว มึนงง ขาดสมาธิ และเกิดความเครียดนอนไม่หลับ ส่วนผลในระยะยาว อาจทำให้เกิดโรคความจำเสื่อม โรคมะเร็งสมอง มะเร็งเม็ดเลือดขาว เป็นต้น ดังนั้น เพื่อป้องกันอันตรายในอนาคต ผู้ใช้มือถือควรใช้แต่ละครั้งให้น้อยลง ใช้อุปกรณ์หูฟังทุกครั้ง เพราะจะทำให้ได้รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าน้อยลง หลีกเลี่ยงการใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 10 ขวบ เพราะคลื่นแม่เล็กไฟฟ้าจะผ่านกะโหลกศีรษะของเด็กเข้าสู่เยื่อสมองได้ลึกกว่าของผู้ใหญ่ ไม่ใช้มือถือในขณะขับรถ เพราะทำให้ขาดสมาธิและเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย หลีกเลี่ยงการใช้ในขณะเติมน้ำมันรถยนต์ เพราะจะทำให้เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ สำหรับหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบ ควรจะให้ข้อมูลข่าวสารทางวิชาการที่ถูกต้อง และทันเหตุการณ์กับประชาชน เพื่อสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในการใช้โทรศัพท์มือถือ รวมทั้งมีมาตรการควบคุมอันตรายที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับอันตรายจากการใช้โทรศัพท์มือถือในประเทศไทย มีประสิทธิภาพในอนาคต (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 25 ส.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





รวมเรื่องสั้น’เจ้าหงิญ’คว้ารางวัลซีไรต์

ที่โรงแรมโอเรียนเต็ล เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 24 ส.ค. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ประธานคณะกรรมการดำเนินงานรางวัลวรรณกรรมสร้าง สรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) พร้อมด้วยคณะกรรมการตัดสิน ได้แถลงประกาศผู้ได้รับรางวัลซีไรต์ของประเทศไทย ในประเภทเรื่องสั้น ประจำปี 2548 โดยปีนี้มีผลงานผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายทั้งหมด 8 เรื่อง ประกอบด้วย 1. เจ้าหงิญ ของ "บินหลา สันกาลาคีรี" 2. ต้นไม้ประหลาด ของ "อุเทน พรมแดง" 3.นักเดินทางสู่ห้องเก็บของใต้บันได ของ "จักรพันธุ์ กังวาฬ" 4. นิทานกลางแสงจันทร์ ของ "ประชาคม ลุนาชัย" 5. เรื่องเล่าของคนบันทึกเรื่องเล่า ที่นักเล่าเรื่องคนหนึ่งเล่าให้เขาฟัง ของ "ศิริวร แก้วกาญจน์" 6. ลิกอร์ พวกเขาเปลี่ยนไป ของ "จำลอง ฝั่งชลจิตร" 7. สายลมบนถนนโบราณ ของ "มาโนช พรหมสิงห์" 8. อุบัติการณ์ ของ "วรภ วรภา" สำหรับผู้ได้รับรางวัลซีไรต์ประจำปีนี้ ได้แก่ "บินหลา สันกาลาคีรี" จากผลงานรวมเรื่องสั้น "เจ้าหงิญ"ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า รวมเรื่องสั้น "เจ้าหงิญ" เป็นผลงานที่นำโลกของจินตนาการมาผสมผสานกับโลกของความจริงโดยใช้รูปแบบนิทานเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับการเรียนรู้ ประสบ การณ์ทางอารมณ์ การเผชิญกับปัญหาและอุปสรรค การแสวงหาความหมายและความสุขของชีวิต แต่ด้วยความเขลา มนุษย์จึงดิ้นรนและหลงอยู่ในมายา ในที่สุดผู้อ่านจะได้รับรู้ว่าในโลกของความเป็นจริงนั้น โลกมีหลากหลายทางเลือก ที่จะนำไปสู่วิถีชีวิตอันเรียบง่ายและพอดี โดยจุดเด่นของผลงานเรื่องนี้ สามารถอ่านแยกเป็นเรื่อง ๆ ได้ (มี 8 เรื่อง) แต่ด้วยการเรียงร้อยเข้าด้วยกัน ทำให้เรื่องสั้นแต่ละเรื่องของ "เจ้าหงิญ" กลายเป็นเรื่องสั้นในเรื่องยาว เป็นนิทานซ้อนนิทาน ที่เรื่องต้นกับเรื่องท้ายมาบรรจบกันอย่างแนบเนียน และผู้ประพันธ์ได้สร้างสรรค์ตัวละครอย่างหลากหลาย ทั้งคน สัตว์ สิ่งของ เป็นแบบนิทานเปรียบเทียบที่อุดมด้วยสีสัน รวมทั้งการเล่นคำที่มีลีลาภาษาอันสวยงามด้วยโวหาร เร้าจินตนาการและความคิด (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 25 ส.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





สำนักงานข้าวแห่งชาติ ศูนย์ข้าวครบวงจร มิติใหม่วงการข้าวไทย ก้าวไกลสู่อินเตอร์

นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิ คุณที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่มีต่อชาวนาไทยที่ทรงเล็งเห็นปัญหาสำคัญในเรื่องนี้ จึงมีพระราชเสาวนีย์ไปยังนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้จัดตั้งหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง เพื่อเตรียมการรองรับและแก้ไขปัญหานี้ หลังจากนั้น ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2547 เห็นชอบให้มีการจัดตั้งสำนักงานข้าวแห่งชาติ ให้มีฐานะเทียบเท่าส่วนราชการระดับกรม ภายใต้การควบคุมของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับผิดชอบดูแลเรื่องเกี่ยวกับข้าวแบบครบวงจร ทั้งในด้านการศึกษาวิจัย การผลิต การขยายเมล็ดพันธุ์ข้าว การส่งเสริมและ พัฒนาเทคนิคการปลูกข้าว โดยให้สำนักงานข้าวแห่งชาติ เป็นองค์กรซึ่งบริหารงานโดยคณะกรรมการ ข้าวแห่งชาติ ซึ่งเป็นคณะกรรมการระดับนโยบายข้าวของชาติ มีนายก รัฐมนตรีเป็นประธานคณะกรรมการ ทำหน้าที่กำกับดูแลในเชิงนโยบายในการดำเนินงานของสำนักงานข้าวแห่งชาติ เรียกได้ว่าเป็นการเริ่มต้นมิติใหม่แห่งวงการข้าวไทย ที่มุ่งหวังแก้ปัญหาการผลิตให้มีอัตราเพิ่มขึ้นรองรับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น และคงไว้ซึ่งความเป็นหนึ่งในตลาดข้าวของโลก มติดังกล่าวส่งผลให้มีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับข้าว ภายใต้สังกัดกรมวิชาการเกษตรและกรมส่งเสริมการเกษตร โดยเฉพาะสถาบันวิจัยข้าว สำนักขยายพันธุ์เมล็ดพันธุ์พืชและหน่วยงานส่งเสริมการปลูกข้าว ซึ่ง ถือเป็นเรื่องใหญ่ระดับชาติ เนื่องจากข้าวจัดเป็นอาหารหลักประจำชาติ และยังมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมความมั่นคงของชาติ แนวคิดของผู้เกี่ยวข้องในเรื่องของสำนักงานข้าวจึงมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการบริหารจัดการ รูปแบบโครงสร้างองค์กร ซึ่งต้องอาศัยเวลาและความรอบคอบในการจัดตั้ง เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์และมีความพร้อมมากที่สุด รวมถึงการจัดทำ พ.ร.บ.ข้าว ซึ่งขณะนี้ยังหาข้อยุติไม่ได้ และอยู่ในระหว่างการพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติม ในขณะเดียวกันคณะกรรมการปรับปรุงโครงสร้างส่วนราชการภาครัฐ กำลังเดินหน้าเพื่อปรับปรุงโครงสร้างของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใหม่ โดยสำนักงานข้าวจะถูกจัดเป็นหน่วยงานระดับกรม อีกหน่วยงานหนึ่งในโครงสร้างของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 25 ส.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





มกอช.ป้องอุตสาหกรรมน้ำสัปปะรดสำเร็จ ล็อบบี้โคเด็กซ์ลดค่าความหวานรักษาตลาด2.9พันล้าน

นายสมชาย ชาญณรงค์กุล รองผู้อำนวยการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ มกอช. สามารถเจรจาต่อรองคณะกรรมาธิการโคเด็กซ์ให้ยอมปรับลดค่าความหวานน้ำสับปะรดคืนรูปเป็น 10 องศาบริกซ์ บรรจุไว้ในข้อกำหนดเป็นผลสำเร็จ จากเดิมกำหนดไว้ที่ 13.5 องศาบริกซ์ ซึ่งประเทศคู่แข่งที่สำคัญของไทยทั้งอเมริกาและบราซิลพยายามที่จะผลักดันให้โคเด็กซ์ปรับค่าความหวานเหลือ 12.8 องศาบริกซ์ ทั้งนี้ ไทยเห็นว่าแม้จะปรับลดจาก 13.5 เป็น 12.8 องศาบริกซ์ แล้วแต่ก็ยังเป็นค่าความหวานที่สูงเกินไป อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการส่งออกน้ำสับปะรดของไทยซึ่งมีมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาทต่อปีอย่างแน่นอน เพราะจะทำให้ต้นทุนในการผลิตเพิ่มขึ้นและทำให้ไทยต้องเสียเปรียบประเทศคู่แข่งทั้ง 2 ประเทศในหลายด้าน อันเกิดจากการบริหารจัดการด้านการผลิตของเกษตรกรรายย่อย ความหลากหลายของพื้นที่ที่ทำให้ยากต่อการควบคุมค่าความหวานได้ในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันไทยมีพื้นที่ปลูกสับปะรดมากถึง 600,000 ไร่ กระจายอยู่ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร เพชรบุรี ระยอง ชลบุรี ตราด หนองคาย ลำปางและกาญจนบุรี เป็นต้น และมีโรงงานผลิตสับปะรดประมาณ 27 โรงงาน นายสมชาย กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลกที่ยังรักษาอันดับแรกไว้ได้อย่างต่อเนื่องกว่า 10 ปี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมน้ำสับปะรดนั้น มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งปริมาณและมูลค่า โดยปัจจุบันมีมูลค่าการส่งออกประมาณ 2,900 ล้านบาท/ปี มีตลาดส่งออกหลักที่สำคัญกว่า 10 ประเทศ อาทิ เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอมริกา สเปน ญี่ปุ่น แคนาดา อิสราเอล รัสเซีย อิตาลี ออสเตรเลีย เลบานอน สำหรับสถานการณ์ส่งออกน้ำสับปะรด ปัจจุบันมีบริษัทผู้ส่งออกรายใหญ่จำนวน 6 บริษัท คือ บริษัท โดล (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท ไวต้าฟู้ด จำกัด บริษัท สับปะรดไทย จำกัด บริษัท อุตสาหกรรมสับปะรดกระป๋องไทย จำกัด บริษัท มาลีสามพราน จำกัด และบริษัท สยามอุตสาหกรรมเกษตรสับปะรดและอื่น ๆ จำกัด. (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 25 ส.ค. 48 http://www.dailynews.co.th) เด็กไทยคว้า 2 เหรียญทองคอมพิวเตอร์โอลิมปิก นางนงนุช ชาญปริยวาทีวงศ์ รักษาการแทน ผอ.สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (สสวท.) เปิดเผยว่า ตามที่ สสวท. ได้ส่งผู้แทนประเทศไทยไปแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ จำนวน 4 คน ณ เมืองโนวีซาด ประเทศโปแลนด์ ระหว่างวันที่ 18-25 ส.ค.2548 ปรากฏว่าได้ 2 เหรียญทอง 2 เหรียญเงินจากการแข่งขัน โดยเหรียญทอง ได้แก่ นายพุทธิกร วรวุฒิวัฒน์ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จ.นครปฐม กับ นายอนรรฆ ยอดภิญญาณี โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กทม. ส่วนเหรียญเงิน นายปฐมพล แสงอุไรพร โรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก กทม. กับ นายสุคลศักดิ์ ศักดิ์ชูวงษ์ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กทม. ทั้งนี้ คณะผู้แทนประเทศไทยดังกล่าว จะเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยด้วยเที่ยวบิน TG 923 ในวันที่ 26 ส.ค.2548 เวลา 11.55 น. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 26 ส.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ศูนย์วิจัยข้าวไทย โดดเด่นภายใต้นโยบายเชิงรุกความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของรัฐบาล

นายสมศักดิ์ ทองดีแท้ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยข้าว ปทุมธานี สถาบันวิจัยข้าว กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากที่รัฐบาลมีแนวยุทธศาสตร์เชิงรุกด้านความสัมพันธ์ทางวิชาการกับต่างประเทศ และเมื่อทางประเทศไทยส่งเจ้าหน้าที่และนักวิชาการเดินทางไปศึกษาดูงานของประเทศต่าง ๆ ก็มักจะได้รับการร้องขอจากประเทศนั้น ๆ เพื่อส่งนักวิชาการมาศึกษาดูงานศูนย์วิจัยเกี่ยวกับงานด้านข้าวของไทย ทั้งนี้เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่มีการส่งออกข้าวไปจำหน่ายยังต่างประเทศเป็นอันดับหนึ่งของโลก ขณะเดียวกันงานที่เกี่ยวกับข้าวของไทยในตอนนี้จะมีการปรับโครงสร้างใหม่ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้การทำงานเป็นไปในรูปแบบที่มีความเชื่อมโยงและอยู่ในระบบของการบังคับบัญชาแบบรวมศูนย์ เพื่อให้การทำงานสามารถเป็นไปในแนวเดียวกัน ไม่ซ้ำซ้อนกันและให้ได้ผลสรุปในแต่ละงานออกมาแล้วสามารถนำไปปฏิบัติใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ และภายใต้โครงสร้างใหม่นี้จะมีศูนย์วิจัยข้าวทั่วประเทศ 27 ศูนย์รวมศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานีซึ่งจะอยู่ภายใต้สำนักวิจัยข้าวและพัฒนาข้าว สำนักงานข้าวแห่งชาติ และศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานีจะมีความแตกต่างจากศูนย์วิจัยข้าวอื่น ๆ คือ นอกจากจะมีงานด้านการศึกษาวิจัยเช่นศูนย์วิจัยข้าวอื่น ๆ แล้ว ก็ยังเป็นศูนย์วิจัยที่ทำหน้าที่ด้านการฝึกอบรมและเป็นธนาคารเชื้อพันธุ์ ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลประเทศญี่ปุ่นมาสร้างให้ เป็นที่เก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวสายพันธุ์ต่าง ๆ ทั่วประเทศ (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 26 ส.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





แท็กซี่อัจฉริยะไม่เก็บเพิ่ม

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 ส.ค. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองผู้ว่าฯ กทม.ไปทดสอบการใช้จุดจอดรถแท็กซี่อัจฉริยะที่หน้าห้างโลตัส ตรงข้ามโรงเรียนหอวัง โดยได้แนะนำให้เจ้าหน้าที่บ.เอสเฟรมซึ่งเป็นผู้รับเหมาให้เติมข้อความ ท่านอยู่ที่นี่ ลงบนแผนที่ในศาลาด้วย เพื่อให้ผู้โดยสารทราบจุดที่ยืนอยู่อย่างชัดเจน จากนั้นได้ทดลองทำตามคำแนะนำขั้นตอนการใช้บริการด้วยกดปุ่มสีเขียวเรียกรถ มีเสียงตอบมาว่า รอสักครู่กำลังค้นหารถ ผ่านไปครู่เดียว มีเสียงตอบแจ้งให้ ทราบว่า แท็กซี่ตอบรับแล้วกำลังมารับท่าน พร้อมกันกับข้อความที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ระบุว่า รถทะเบียน ทม 8116 กรุงเทพมหานคร จะเดินทางมาถึงใน 1 นาที จากนั้นผู้ว่าฯ กทม. รองผู้ว่าฯ กทม.พร้อมด้วยนายจุมพล สำเภาพล รอง ผอ.สำนักการจราจรและขนส่ง ได้ทดลองนั่งรถแท็กซี่คันดังกล่าวตรงไปที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสหมอชิต นายอภิรักษ์กล่าวว่า การให้บริการดังกล่าวเป็นการสร้างความมั่นใจให้ผู้โดยสาร เพราะระบบจะบันทึกข้อมูลของแท็กซี่ไว้ทั้งหมด เป็นหลักประกันผู้ใช้บริการทั้งเรื่องโชเฟอร์แท็กซี่จะกระทำมิดีมิร้ายภายในรถ และหากลืมสิ่งของไว้บนรถสามารถติดตามคืนได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ภายในจุดจอดรถทุกแห่งยังได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเคลื่อนไหว ของผู้มาใช้บริการได้ทั้งหมด และในวันที่ 1 ก.ย. จะมีการเปิดใช้บริการจุดจอดรถแท็กซี่อัจฉริยะอีก 4 จุด คือ หน้าแดนเนรมิต หน้าสถาบันการบินพลเรือนและลาดพร้าว ซ. 22 และ 24 นายวรพงศ์ พูลพิพิธ โชเฟอร์แท็กซี่วัย 33 ปี เปิดเผยว่า จุดจอดรถแห่งนี้เป็นของแปลกใหม่ของคน กทม.หลายคนให้ความสนใจมาก เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้จะได้รับการตอบรับจากประชาชน โดยเฉพาะในแง่ของความปลอดภัย ผู้โดยสารหญิงไม่ต้องกลัวแท็กซี่จะพาไปหลอกลวงหรือปล้นทรัพย์ เพราะศูนย์ที่ควบคุมแท็กซี่บันทึกข้อมูลโชเฟอร์ไว้หมด รวมทั้งทราบตำแหน่งที่รถวิ่งได้อย่างชัดเจน โดยที่ผู้โดยสารไม่ต้องเสียค่าบริการเพิ่มแต่อย่างใด. (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 27 ส.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ป้องกันอันตรายจากสารพิษในบ้าน

สิ่งของเครื่องใช้หลายอย่างในบ้านเมื่อมีคุณอนันต์ก็มีโทษมหันต์ บางทีไม่ตั้งใจ เกิดหยิบผิดพลาดไปอย่างของใช้ในกลุ่มสารเคมี ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ กลับกลายเป็นวางยาให้ตัวเองไปได้ ของใช้ในบ้านที่อยู่ในกลุ่มสารเคมี ไม่ว่าจะเป็นผงซักฟอก น้ำยาทำความสะอาด ยาฆ่าแมลง ฯลฯ ในเมื่อเรายังไม่อาจเลิกใช้มัน ก็ต้องรู้วิธีควบคุมมัน นั่นคือต้องใช้อย่างระมัดระวัง วันนี้จึงมีข้อแนะนำจากศูนย์ควบคุมสารพิษ หน่วยงานหนึ่งในสหรัฐอเมริกา บอกไว้ว่า ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ในบ้านต้องอ่านฉลากและปฏิบัติตามคำแนะนำวิธีใช้อย่างเคร่งครัด ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสารเคมีต่างๆ นั้น ไม่ควรนำมาผสมกันโดยเด็ดขาด เพราะสารเคมี เมื่อผสมกันแล้วอาจเกิดเป็นแก๊สพิษขึ้นได้ เมื่อต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสารเคมีควรเปิดพัดลมหรือเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเท สำหรับยาฆ่าแมลงนั้น ต้องทราบด้วยว่ามันสามารถซึมผ่านผิวหนังและเกิดพิษได้อย่างรุนแรง ดังนั้น จึงควรอยู่ห่างจากพื้นที่ที่เพิ่งมีการฉีดพ่นยาฆ่าแมลง เวลาเปิดตู้หรือที่เก็บของ ไม่ควรดมเพื่อค้นหาว่าอะไรอยู่ตรงไหน ของใช้ในบ้านที่หมดอายุไม่ว่าจะเป็นสารเคมีหรือไม่ก็ตาม ควรโละทิ้งเพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย ข้อสุดท้าย อย่าลืมจดหมายเลขโทรศัพท์ โรงพยาบาล หรือศูนย์ควบคุมสารพิษที่อยู่ใกล้บ้าน เผื่อไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน. ข้อสุดท้าย อย่าลืมจดหมายเลขโทรศัพท์ โรงพยาบาล หรือศูนย์ควบคุมสารพิษที่อยู่ใกล้บ้าน เผื่อไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน. (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 27 ส.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





เตือนใช้ยาโรคผิวหนัง เสี่ยงตับอักเสบ-ตาบอด

นายแพทย์ประวิตร พิศาลบุตร แพทย์โรคผิวหนังกล่าวเตือนว่า โรคผิวหนังหลายชนิดเป็นโรคเรื้อรัง จำเป็นต้องได้รับยาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน แต่พบว่ายารักษาโรคผิวหนังหลายตัวมีผลเสีย อาทิ ทำให้ตับอักเสบ ผิวหนังลอกทั้งตัวจนทำให้ตาบอด จึงควรระมัดระวังไม่ใช้ยาเหล่านี้โดยไม่จำเป็น ทั้งนี้ยารักษาโรคผิวหนังที่อาจมีผลเสียต่อตาและตับ ได้แก่ ยาเมทโทรเทรกเสท ที่ใช้รักษาโรคสะเก็ดเงิน อาจทำให้เกิดการอักเสบของตับ ซึ่งถ้าเป็นเรื้อรังจะทำให้ตับแข็งได้. (เดลินิวส์ เสาร์ที่ 27 ส.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





เตือน ‘ยาทานม’ ปนสารพิษ สธ.พบสุดอันตราย

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมช.สาธารณสุข ภายหลังเป็นประธานเปิดงานแสดงสินค้าเครื่องดื่ม และเครื่องสำอางจากนมแพะ ที่โรงแรมบางกอกกอล์ฟ สปา รีสอร์ท อ.เมือง จ.ปทุมธานี ว่า ขณะนี้พบปัญหาการลักลอบผสมสารห้ามใช้ในเครื่องสำอางค่อนข้างมาก หากสารเหล่านี้มีการสะสมในร่างกายก็จะเป็นอันตรายได้ เช่น ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ขณะนี้มีเครื่องสำอางที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขึ้นทะเบียนและรับแจ้งนำเข้าทั้งหมด 70,581 ตำรับ ในจำนวนนี้เป็นเครื่องสำอางควบคุมพิเศษ 5,658 ตำรับ เครื่องสำอางควบคุม 12,371 ตำรับ และเครื่องสำอางทั่วไปที่นำเข้าจำนวน 52,552 ตำรับ อย.ได้สุ่มเก็บตัวอย่างมาตรวจสอบเดือนละประมาณ 50-100 ตัวอย่าง พบแนวโน้มการใช้สารอันตรายต้องห้ามมีมากขึ้น โดยในรอบ 7 เดือน ในปี 2548 สุ่มเก็บตัวอย่าง 778 ตัวอย่าง พบไม่ได้มาตรฐาน 203 ตัวอย่าง โดยมีการผสมสารห้ามใช้ 64 ตัวอย่าง จากที่ตรวจ 168 ตัวอย่าง พบเชื้อจุลินทรีย์ 43 ตัวอย่าง จากที่สุ่มตรวจ 280 ตัวอย่าง ส่วนใหญ่พบในผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสมุนไพร โดยเครื่องสำอางที่ตกมาตรฐานส่วนใหญ่จะลักลอบผลิตในประเทศ ซึ่งมักจะไม่แสดงฉลากหรือสถานที่ผลิตหรือใช้สถานที่ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง โดยกระทรวงสาธารณสุขกำลังมีการปรับแก้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องสำอางให้ผู้ผลิตเครื่องสำอางทั้งในประเทศ และผู้นำเข้าจากต่างประเทศต้องมาจดแจ้งกับ อย.ทุกรายการ สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ตกมาตรฐาน มักพบในผลิตภัณฑ์ประเภททาแก้สิว-ฝ้า ครีมหน้าขาวกันแดด และผลิตภัณฑ์ทาหัวนมให้เป็นสีชมพู สารอันตรายที่พบมากเป็นอันดับ 1 ได้แก่ ปรอท แอมโมเนีย ทำให้เกิดอาการแพ้ ผื่นคัน ผิวหน้าดำ ผิวบางลง พิษสะสมของปรอทจะทำให้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ รองลงมา ได้แก่ สารไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) ทำให้เกิดอาการแพ้ระคายเคือง ผิวหน้าด่าง-ดำ เป็นฝ้าถาวร และกรดเรติโนอิก (Retinoic acid) ซึ่งสารเคมีตัวนี้เป็นอันตรายมาก ทำให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง เกิดอักเสบที่ผิวหน้า ทำให้หน้าลอกได้ ส่วนเครื่องสำอางที่ผ่านการตรวจสอบจาก อย. ผลการตรวจในปี 2548 จำนวน 234 ตำรับ พบว่าไม่ได้มาตรฐาน 12 ตำรับ นายอนุทินกล่าวอีกว่า ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย ในการซื้อเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ โดยเฉพาะครีมหน้าขาว หน้าใส ทุกครั้งขอให้ผู้ซื้อตรวจสอบฉลากภาษาไทยว่ามีข้อความบังคับอย่างครบถ้วนหรือไม่ ได้แก่ ชื่อ ชนิด ส่วนประกอบสำคัญ ชื่อและที่ตั้งผู้ผลิต วันเดือนปีที่ผลิตและปริมาณสุทธิ ส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานมักไม่มีฉลาก หรือมีข้อความในฉลากภาษาไทยไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะชื่อและที่ตั้งผู้ผลิต หากพบปัญหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่ โทร.0-2590-7354-5 หรือสายด่วนผู้บริโภค 1556 ต่อ 1005 และตู้ ปณ.52 ปณจ.นนทบุรี 11000 ผู้ที่อยู่ต่างจังหวัดสามารถแจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โดยผู้ที่ลักลอบใช้สารอันตรายห้ามใช้ตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ.2535 จะมีความผิดระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ (ไทยรัฐ อาทิตย์ที่ 28 ส.ค. 48 http://www.thairath.co.th)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215