หัวข้อข่าวปีที่ 6 ฉบับที่ 39 ประจำวันที่ 2005-10-17

ข่าวการศึกษา

ลำพูนเดินเครื่องยุทธศาสตร์เตรียมจัดตั้ง “วิทยาลัยชุมชน”
รุกตั้งสถาบันแพทย์
แต่งตั้ง"ศาสตราจารย์"ใหม่10คน
ฉลอง100ปีหอสมุดฯเปิด9กรุโชว์ศิลาจารึก
ม.รามฯ-วิสาหกิจชุมชน เปิด ป.ตรี-โทเพื่อท้องถิ่น
มธบ.ปั้นมือโปรบัญชี
"ศศินทร์" เปิดปริญญาเอก หลักสูตรการเงิน-การตลาด
สกอ.ดันสูตรครู4+1 ทำเหมือนผลิตแพทย์ แบ่งทั่วไป-เฉพาะทาง
ไอซีที ม.ศิลปากรใช้เอเน็ต คัดเด็กโควตาพิเศษรอบ 2
ตั้งเป้าคุมกำเนิดขรก.ไม่เกิน3.9แสน
มหา"ลัยเยอรมันประทับใจนศ.ราชภัฏ
ยุบรวม"ทีเคปาร์ก-ไอซีทีเลิร์นนิ่ง" ยกระดับเป็นสวนสนุกทางปัญญา
ร.ร.ประสาทวุฒิชนะเลิศ เพชรยอดมงกุฎภาษาจีน
เอกชนหนุน"มทร.ธัญบุรี" มหาวิทยาลัยการพิมพ์แห่งชาติคาดเสร็จปี 51
"ทปอ.-ม.ราชภัฏ"ถกกองทุน"กรอ." หาข้อสรุปน.ศ.รับภาระค่าเล่าเรียน

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

หลายชาติสืบหาเทคโนโลยีลับแอบผลิตอาวุธทำลายล้างสูง
สำรวจใหม่ยอดเขาเอเวอเรสต์สูงลดลง
นิติวิทย์ฯสืบเสาะเบาะแส : สู่นิติวิทย์ที่จิ๋วแต่แจ๋ว
เปิดโลกการเรียนรู้ ห้องครัว... “อวกาศ”
กนอ.ดึง"กัสโก้"จัดการน้ำในนิคมมาบตาพุด รีไซเคิลน้ำเสีย-กลั่นน้ำทะเลให้เป็นน้ำจืด
มอก.บังคับเต้าเสียบ/เต้ารับ วุ่นหนักจากแบนให้เป็นกลม
"ยุโรป"สุดเศร้า ดาวเทียมตกทะเล
"ฮู"เปิดรายงานไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ "H3N2" กลายพันธุ์แล้ว
ชูก.วิทย์ต้นแบบพลังโซลาร์เซลล์ป้อนไฟฟ้า-แอร
ทฤษฎีจ้องจุดดับบนดวงอาทิตย์-ลางบอกเหตุแผ่นดินไหว
ดูเรตติ้งเพลงบนคลื่นวิทยุ โปรแกรมฝีมือไทยเกาะติดเสียงออกอากาศ
ญี่ปุ่นประสบความสำเร็จ ทำสอบเครื่องบินเร็วเหนือเสียง
นักวิทย์ไทยโคลนนิ่งอนุรักษ์สัตว์ใกล้สูญพันธุ์
ไต้หวันส่งดาวเทียม ล้วงตับ"กองทัพจีน!"
"เนคเทค"ทำแผนความถี่RFIDป้อนกทช. ยื่นขอทดลองเปิดให้บริการ"สื่อสารชนบท"
คิดเทคโนโลยีช่วยคนเสียแขนขา-งอกใหม่ได้แบบจิ้งจก

ข่าววิจัย/พัฒนา

ทดลองวัคซีนมะเร็งมดลูกสำเร็จ-ได้ผลถึง100เปอร์เซ็นต์เต็ม
เครื่องพ่นหว่านอเนกประสงค์ลดแรงงานเกษตรกรรม
ผู้ป่วยสมองเสื่อมพุ่งกว่า 2 แสน ‘อัลไซเมอร์’ แชมป์
นำร่อง"โรคฮีโมฟีเลีย" บำบัดด้วยยีนรักษาโรค
ผลักดันยุโรปผลิตหุ่นยนต์สู้ญี่ปุ่น
ปลาหุ่นยนต์
มรภ.จอมบึงทำวิจัย ผลกระทบโรงไฟฟ้า
ใช้คลื่นเสียงต้านตอร์ปิโดสะกดด้วยพลังจนหมดพิษสง
ประดิษฐ์ยามหุ่นยนต์เฝ้าอาคารวิ่งไล่จับขโมยด้วยตัวเอง
เส้นทางของเศษฟางข้าว...วัสดุทดแทนไม้ที่มีอนาคต
ออกใบรับรองมาตรฐานสินค้าสัตว์น้ำผ่านระบบออนไลน์ เตรียมแผนปี 49 ส่งใบรับรองถึงประเทศผู้นำเข้าโดยตรง
น้ำเสียจากอุตสาหกรรมยาง ผลิตไบโอแก๊สทดแทนน้ำมัน
เอกชนไทยคิดเครื่องฟอกอากาศดักจับเชื้อหวัดนก
วัคซีนสยบมะเร็งปากมดลูกได้ผล
วิ่งอาทิตย์ละ 2 หน ลด ‘อัลไซเมอร์’ เพิ่มเลือดเลี้ยงสมอง
กินเผ็ดทุกวันบำรุงหัวใจแข็งแรง-ช่วยนอนหลับสนิท
หุ่นยนต์ส่งเอกสารเทคโนโลยีจากกระป๋อง
วงจรไฟฟ้าจิ๋วจากแพลงตอน
“เครื่องต้นแบบหัวเผาน้ำมันพืช” ประหยัดพลังงาน ทดแทนแก๊สหุงต้ม
วิจัยพบอิทธิพลเพลงบีบหัวใจเต้นเร็ว-ช้า รักษาโรคหัวใจ!
แม่ปั้นลูกในท้องให้สมองดีได้ เน้นกินอาหารประเภทปลา
ประดิษฐ์กล้องถ่ายภาพเม็ดยา ใช้กลืนลงท้องตรวจลำไส้
แสงแดดไม่ทำให้เป็นมะเร็งเสมอไป
3 พันธมิตรทุ่ม 100 ล. ผุด บ.ร่วมทุนสตางค์ต้นแบบอุดมฯ
เครื่องบีบน้ำมัน ลดภาระเกษตรกร
ถังแยกขยะพลังงานโซลาร์เซลล์
งานวิจัย เพื่อแผ่นดินไหว และสึนามิ
หมึก ศิลปากร โกอินเตอร์ งานวิจัยที่ไม่ขึ้นหิ้ง
จี้แพทยสภาออกระเบียบวิจัยเซลล์ต้นกำเนิด
บะหมี่สำเร็จรูป กินมากทำไตพัง
สกว.พบวิธีรักษา ’มะเร็ง
โปรแกรมวางแผนจราจร แสดงผ่านภาพวิดีโอมุมกว้างมองเห็นรอบทิศ
ชวนกินปลาสัปดาห์ละครั้ง ป้องกันสมองเสื่อมยามแก่
ไบโอดีเซลจากน้ำมันก้นครัว
สธ.ผลิตสเต็มเซลล์ป้อนโรงพยาบาลทั่วประเทศ
หลอดดูดน้ำไฮเทค"ไลฟ์สตรอว์" เปลี่ยนน้ำสกปรกเป็นน้ำใสเพื่อสุขภาพ

ข่าวทั่วไป

ผู้ป่วยสมองเสื่อมพุ่งกว่า 2 แสน ‘อัลไซเมอร์’ แชมป์
คุมเข้มยาฆ่าแมลงจากจีน
กรีนพีซชี้อันตรายมาบตาพุด สารพิษเกินมาตรฐาน3พันเท่า
"ยิว-มะกัน"คว้าโนเบลเศรษฐศาสตร์
ท็อปเทนของโลก
สร้างพิพิธภัณฑ์"14ตุลา"เสริมท่องเที่ยวราชดำเนิน
ผลิตเหรียญ20บาท100ปีหอสมุด
วธ.ได้ 3 ทำเลเหมาะแกะสลักภูเขาหิน
ยกเลิก22กลุ่มคนไม่ต้องมีบัตรปชช.
"เหยื่อกำจัดปลวก" เทคโนฯนำเข้า
ชุบชีวิตใหม่ผู้ป่วยลมชักถวาย 4 รอบชันษาเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์
กวีผู้ดีคว้าโนเบลสาขาวรรณกรรมปีนี้
3 เด็กไทยเข้าค่ายนานาชาติ เหินฟ้าเรียนรู้ป่าแอฟริกาใต้
กระบวนพยุหยาตราฯฉลองครองราชย์60ปี





ข่าวการศึกษา


ลำพูนเดินเครื่องยุทธศาสตร์เตรียมจัดตั้ง “วิทยาลัยชุมชน”

นายสมาน ชมพูเทพ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ลำพูน เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการถ่ายโอนการศึกษา โดยจะเริ่มขึ้นในปี 2549 นี้ ซึ่งท้องถิ่นสามารถจะดำเนินการได้ตามมาตรฐานการศึกษา โดย อบจ.ลำพูน ได้เสนอแนวคิดในการจัดตั้งวิทยาลัยชุมชนขึ้นเพื่อรองรับการศึกษาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยได้เสนอแนวคิดในการศึกษาให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของพี่น้องในจังหวัดลำพูน โดยมุ่งเน้นในการศึกษาในเรื่องโบราณสถานให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัด ซึ่งจังหวัดลำพูนถือว่ามีความเก่าแก่มากที่สุดในภาคเหนือให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ทั้งนี้อบจ.ลำพูน ได้มีการศึกษาถึงเรื่องลำไยพันธุ์อีดอ และได้จดทะเบียนลำไยพันธุ์ดังกล่าวไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากการศึกษาในเบื้องต้น พบว่าลำไยพันธ์อีดอมีสารตัวหนึ่งซึ่งเรียกว่ากรดอิลาจิก ซึ่งอยู่ในลำไยสด กรดอิลาจิก เป็นสารจำพวกสารต่อต้านมะเร็ง หรือสารต่อต้านการกลายพันธุ์กรดอิลาจิกยังต่อต้าน แบคทีเรีย ไวรัส ได้อีกด้วย ดังนั้นการขยายผลเพื่อศึกษาต่อเป็นส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งลำไยเป็นสินค้าที่สำคัญเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของจังหวัดลำพูนรวมทั้งยังมีคุณประโยชน์ที่สำคัญเป็นอย่างมากการศึกษาจึงมีผลในการพัฒนาทั้งในตัวบุคคลและชุมชน ก่อให้เกิดความก้าวหน้าและส่งผลทำให้ประเทศพัฒนาขึ้น (สยามรัฐ จันทร์ที่ 10 ต.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





รุกตั้งสถาบันแพทย์

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จากการประชุมร่วมกับคณะกรรมการกำกับ โครงการศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ เมื่อเร็วๆนี้ ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 1 ชุด ประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานหลัก เช่น แพทยสภา สถาปนิก กรมโยธาธิการ และผังเมือง เพื่อมาช่วยดูแลและตรวจสอบการจัดตั้งโครงการดังกล่าว ว่ามีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพหรือไม่ หลัง จากนั้นจะพิจารณาอีกครั้งประมาณต้นเดือน พ.ย. เพื่อเสนอ ครม.พิจารณาต่อไป ซึ่งจะเร่งให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว และเชื่อว่าจะเกิดโครงการนี้ได้อย่างแน่นอนแม้จะล่าช้าไปบ้าง โดยจะเป็นศูนย์ด้านการแพทย์และรักษาพยาบาล ศูนย์งานวิจัย ศูนย์ไอทีวิทยาการผู้สูงอายุ การแพทย์แผนประยุกต์ เป็นต้น (ไทยรัฐ อังคารที่ 11 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





แต่งตั้ง"ศาสตราจารย์"ใหม่10คน

วันที่ 4 ตุลาคม 2548 มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องแต่งข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (เป็นศาตราจารย์) ลงในราชกิจจานุเบกษา (เล่ม 122 ตอนที่ 83 ง ) จำนวน 10 รายดังนี้ 1.รองศาสตราจารย์(รศ.)เพลินจันทร์ เชษฐ์โชติศักดิ์ ตำแหน่ง รศ. ระดับ 9 ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ดำรงตำแหน่ง ศาสตราจารย์(ศ.) ในสาขาวิชาอายุรศาสตร์ทั่วไป ตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2547 2.รศ.สมคิด เลิศไพฑูรย์ ตำแหน่ง รศ.ระดับ 9 คณะนิติศาสตร์ หาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดำรงตำแหน่ง ศ.ในสาขาวิชากฎหมายมหาชน ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2547 3.รศ.วีระชัย โควสุวรรณ ตำแหน่ง รศ.ระดับ 9 ภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ดำรงตำแหน่ง ศ.ในสาขาวิชาออร์โธปิดิกส์ ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2547 4.รศ.ธาดา สืบหลินวงศ์ ตำแหน่ง รศ.ระดับ 9 ภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำรงตำแหน่ง ศ.ในสาขาวิชาชีวเคมี ตั้งแต่วัน 19 สิงหาคม 2547 5.รศ.อภิวัฒน์ มุทิรางกูร ตำแหน่ง รศ.ระดับ 9 ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำรงตำแหน่ง ศ.ในสาขาวิชาเวชพันธุศาสตร์ ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2547 6.รศ.พรรณี ปิติสุทธิธรรม ตำแหน่ง รศ.ระดับ 9 ภาควิชาอายุรศาสตร์เขตร้อน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ดำรงตำแหน่ง ศ.ในสาขาวิชาอายุรศาสตร์เขตร้อน ตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2547 7.รศ.กตุ กรุดพันธ์ ตำแหน่ง รศ. ระดับ 9 ภาควิชาเคมีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดำรงตำแหน่ง ศ.ในสาขาวิชาเคมี ตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2547 8.รศ.กมลชนก สุทธิวาทนฤพุฒิ ตำแหน่ง รศ.ระดับ 9 ภาควิชาพาณิชยศาสตร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำรงตำแหน่ง ศ.ในสาขาวิชาการจัดการการขนส่งระหว่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2547 9.รศ.สร้อยตระกูล อรรถมานะ ตำแหน่ง รศ.ระดับ 9 คณะรัฐศาสตร์ ดำรงตำแหน่ง ศ.ในสาขาวิชาบริหารรัฐกิจ ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวามคม 2547 10.รศ.ศิริวรรณ วนานุกูล ตำแหน่ง รศ.ระดับ 8 ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำรงตำแหน่ง ศ.ในสาขาวิชากุมารเวชศาสตร์ ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2547 (มติชนรายวัน อังคารที่ 11 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





ฉลอง100ปีหอสมุดฯเปิด9กรุโชว์ศิลาจารึก

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม น.ส.อรพินท์ ลิ่มสกุล ผู้อำนวยการสำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร เปิดเผยว่า ในโอกาสที่หอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี ซึ่งถือกำเนิดมาจากพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2448 จนถึงปัจจุบันจะมีอายุครบ 100 ปี ในวันที่ 12 ตุลาคมนี้ สำนักหอสมุดแห่งชาติจึงได้จัดงาน "รำลึก 100 ปีหอสมุดแห่งชาติ" ระหว่างวันที่ 12-16 ตุลาคม เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และจัดแสดงมรดกทรัพย์สินทางปัญญาที่สำคัญของชาติให้นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไปเข้าชม โดยจัดแสดงตามสถานที่ต่างๆ ในบริเวณหอสมุดแห่งชาติรวม 9 กรุ ดังนี้ กรุที่ 1 ร่วมใจถวายพระพร จัดแสดงเอกสารสำรวจประชามติถวายพระราชสมัญญานาม "ภูมิพลมหาราช" จำนวน 12,000 เล่ม นิทรรศการพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช กรุที่ 2 อุปกรณ์เครื่องดนตรี กรุที่ 3 ของนี้มีตำนาน จัดแสดงตู้ไทยโบราณฐานสิงห์ กรุที่ 4 สืบสานพระราชดำริ จัดแสดงสำเนาลายพระราชหัตถเลขา ทำเนียบนามสกุลพระบรมราชประทรรศนีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว กรุที่ 6 สวรรค์เป็นแนวคิด จัดแสดงคัมภีร์ใบลานและจิตรกรรมล้ำค่าบนหนังสือสมุดไทย กรุที่ 7 จัดแสดงแผนที่ทรงคุณค่า กรุที่ 8 จัดแสดงหนังสือพิมพ์และวารสารเก่า อาทิ Bangkok Recorder, The New York Times, The court กรุที่ 9 ร่วมประทับใจใน 100 ปี จุดรับของที่ระลึกและร่วมกิจกรรมอื่น น.ส.อรพินท์ กล่าวว่า ก้าวเข้าสู่ปีที่ 101 แล้วหอสมุดแห่งชาติ จะสร้าง e-library และ life-library สำรวจหนังสือหายากแล้วพิมพ์จำหน่ายปรับปรุงวารสาร หนังสือพิมพ์ และห้องบริการคอมพิวเตอร์ รวมไปถึงการตั้งหอสมุดแห่งชาติแห่งที่ 2 ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อให้การบริการประชาชนได้ทั่วถึงทุกกลุ่ม และขอเชิญชวนเยาวชนที่มีอายุไม่เกิน 25 ปี ส่งคำขวัญหอสมุดแห่งชาติเข้าประกวด เพราะอยู่มากว่า 100 ปี แต่ไม่เคยมีคำขวัญ สอบถามได้ที่โทร.0-2628-5196, 0-2281-3631 (คมชัดลึก อังคารที่ 11 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ม.รามฯ-วิสาหกิจชุมชน เปิด ป.ตรี-โทเพื่อท้องถิ่น

ม.รามฯ จับมือสถาบันส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน เปิดหลักสูตรใหม่ระดับปริญญาตรี-โท สาขาสหวิทยาการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ปีการศึกษา 2/2548 รศ.ดร.ทิพาพร พิมพิสุทธิ์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาชุมชนและส่งเสริมการศึกษา เปิดเผยว่า เพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาให้แก่ผู้ใฝ่รู้ใฝ่เรียนในท้องถิ่นที่จบการศึกษาชั้นมัธยมตอนปลาย (ม.6) ได้ศึกษาในระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เปิดรับสมัครคัดเลือกเข้าศึกษาหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาสหวิทยาการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น รุ่นที่ 1 ปีการศึกษา 2548 โดยกำหนดจำหน่ายใบสมัครและรับสมัคร ตั้งแต่บัดนี้-11 พฤศจิกายน สำหรับระดับปริญญาโท เปิดรับสมัครคัดเลือกผู้สำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรี หรือเทียบเท่าในสาขาใดสาขาหนึ่ง จากสถาบันการศึกษาที่ทบวงมหาวิทยาลัย หรือสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) รับรอง และเป็นผู้มีประสบการณ์ในการทำงานไม่น้อยกว่า 5 ปี เพื่อเข้าศึกษาชั้นปริญญาโท หลักสูตรศิลปศาตรบัณฑิต สาขาสหวิทยาการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น รุ่นที่ 1 ปีการศึกษา 2548 จำหน่ายใบสมัครและรับสมัคร ตั้งแต่บัดนี้-13 ตุลาคม สนใจสอบถามได้ที่โทร.0-2281-7675, 0-2310-8484-89 ต่อ 35 (คมชัดลึก พุธที่ 12 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





มธบ.ปั้นมือโปรบัญชี

รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า ตามที่มหาวิทยาลัยมีนโยบายการสร้างบัณฑิตให้พร้อมทำงาน หรือ "เป็นคนที่ทำงานได้" โดยมุ่งสร้างความพร้อมใน 4 ด้าน ได้แก่ ภาษาอังกฤษ เทคโนโลยีสารสนเทศ ทักษะการสื่อสารนำเสนอ และความรู้พื้นฐานทางธุรกิจ ซึ่งถือเป็นนโยบายที่ทุกคณะจะนำไปปฏิบัติ คณะการบัญชีร่วมกับสถาบันภาภัทร-ธุรกิจบัณฑิตย์ ได้จัดอบรมหลักสูตร "โปรบัญชี" (66 ชั่วโมง) โดยเน้นเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำบัญชี เอกสารการบันทึกบัญชี การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์และโปรแกรมสำเร็จรูป การปิดบัญชี การส่งภาษี การเตรียมเอกสารที่จะถูกตรวจจากผู้สอบบัญชีกรมสรรพากร ฯลฯ เหมาะสำหรับผู้ที่เรียนบัญชีปีสุดท้าย หรือผู้ที่ทำงานด้านบัญชีที่ต้องการทำบัญชีเป็นอย่างครบวงจร ซึ่งหลักสูตรนี้เป็นเหมือนสะพานเชื่อมระหว่างความรู้ในห้องเรียนกับการประยุกต์ใช้ในชีวิตการทำงานจริงกล่าว ในปีการศึกษา 2549 คณะการบัญชีได้บรรจุหลักสูตรดังกล่าวลงในแผนการเรียนให้ฟรีเพิ่มเติม เพื่อให้นักศึกษาที่จบบัญชีทำงานได้จริง หลักสูตรนี้จะเริ่มเรียนในวันที่ 5 พฤศจิกายน-11 ธันวาคม สอบถามเพิ่มเติมโทร.0-2954-9722, 0-2954-7300 ต่อ 616-618 หรือ www.dpu.ac.th (คมชัดลึก พุธที่ 12 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





"ศศินทร์" เปิดปริญญาเอก หลักสูตรการเงิน-การตลาด

ศ.เติมศักดิ์ กฤษณามระ ผู้อำนวยการสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ฯ กล่าวถึงการเปิดหลักสูตรครั้งนี้ว่า ทางสถาบันฯ ได้รับความร่วมมือและสนับสนุนอย่างใกล้ชิดจากวิทยาลัยการจัดการเคลลอกก์ โดยมุ่งไปที่นิสิตนักศึกษาที่มีพื้นฐานความรู้และมีความสนใจในการทำวิจัยอย่างจริงจัง และต้องการที่จะพัฒนาความรู้ทักษะ ความคิดริเริ่ม เพื่อผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพด้านการวิจัยในระดับดุษฎีบัณฑิต ให้ก้าวไปเป็นบุคลากรที่เป็นผู้นำด้านงานวิชาการทั้งในภาครัฐและเอกชน อีกทั้งหลักสูตรดังกล่าวยังมีมาตรฐานการเรียนการสอนเทียบเท่าหลักสูตรบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิตของวิทยาลัยการจัดการเคลลอกก์ โดยในปีการศึกษาแรก นิสิตปริญญาเอกของศศินทร์จะใช้เวลาเรียนที่ศศินทร์ ซึ่งจะได้เรียนกับคณาจารย์ของศศินทร์และคณาจารย์ที่ได้รับเชิญมาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกหลายแห่ง ส่วนในปีที่ 2 ซึ่งเป็นปีหลัก นิสิตจะได้เรียนร่วมชั้นกับนิสิตปริญญาเอกของวิทยาลัยการจัดการเคลลอกก์ และตั้งแต่ปีที่ 3 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นช่วงที่นิสิตทำวิทยานิพนธ์ ทางคณาจารย์ของศศินทร์ก็จะเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาในการทำวิจัยและการทำวิทยานิพนธ์ อย่างไรก็ตาม จากการที่ได้รับความร่วมมือและสนับสนุนอย่างใกล้ชิดจากวิทยาลัยการจัดการเคลลอกก์ จึงถือเป็นหลักประกันคุณภาพการศึกษาในระดับเดียวกับการเรียนที่วิทยาลัยการจัดการเคลลอกก์ ขณะที่เนื้อหาทางวิชาการของหลักสูตรนี้ ก็ได้รับการประยุกต์ให้มีความสอดคล้องกับทางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศไทย สำหรับผู้ที่ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักสูตรบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต เข้าไปดูได้ที่ www.sain.edu/phd หรือโทรศัพท์ 02-216-8833 (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 7 ต.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





สกอ.ดันสูตรครู4+1 ทำเหมือนผลิตแพทย์ แบ่งทั่วไป-เฉพาะทาง

ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมทบทวนโครงการผลิตครูการศึกษาขั้นพื้นฐานระดับปริญญาตรี (หลักสูตร 5 ปี) ร่วมกับผู้แทนคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ และสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ว่า เนื่องจากปัจจุบันมีปัญหาการขาดแคลนครู และปัญหาด้านคุณภาพของครู ซึ่งมีความอ่อนแอด้านสาระวิชาเฉพาะทาง โดยเฉพาะวิชาวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ และด้านภาษา จึงได้มีการทบทวนและหาแนวทางในการผลิตครู เพื่อเกิดคุณภาพที่แท้จริง ที่ประชุมเห็นว่าที่ จะนำใช้ได้คือ การผลิตครูน่าจะทำได้เหมือนการผลิตแพทย์ โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ครูทั่วไป และครูเฉพาะทาง ทั้งนี้การใช้หลักสูตรครู 5 ปี ก็เป็นรูปแบบหนึ่งที่เป็นประโยชน์มาก แต่อาจจะไม่ทันต่อสถานการณ์ในปัจจุบันที่กำลังขาดแคลนครูอย่างหนัก ดังนั้นการผลิตครูในหลักสูตร 4+1 ที่นำผู้จบสาขาวิชาอื่นๆ มาเรียนต่อวิชาครูอีก 1 ปี ก็จำเป็นต้องส่งเสริมต่อไป ซึ่งจะทำให้ได้ครูเฉพาะทางที่มีคุณภาพสูงขึ้น สำหรับปัญหาเรื่องใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ของนักศึกษาที่อยู่ในหลักสูตรครู 5 ปี ติดปัญหาอยู่ข้อเดียวในเรื่องการฝึกสอนที่ต้องติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี ตามมติคณะกรรมการข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ซึ่งอาจจะต้องหารือกับทาง ก.ค.ศ.อีกครั้ง เพื่อต่อรองขอให้ฝึกงานเป็นชั่วโมงๆ โดยนับเวลาเป็นชั่วโมง หรือให้ใบประกอบวิชาชีพครูหลักจากที่จบออกมาและทำงานได้ครบ 1 ปี อย่างไรก็ตาม สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) จะจัดสัมมนาอีกครั้งในวันที่ 31 ต.ค.48 เพื่อดูภาพรวม พร้อมทั้งจัดทำแผนปฏิบัติการ ทั้งนี้ได้ให้นโยบายและแผนอุดมศึกษาสำรวจว่ามหาวิทยาลัยมีกำลังการผลิต โดยจำแนกแต่ละสาขาวิชาว่า สามารถผลิตได้เท่าไร เพื่อนำมาหารือในครั้งต่อไปเช่นกัน (สยามรัฐรายวัน พุธที่ 12 ต.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





ไอซีที ม.ศิลปากรใช้เอเน็ต คัดเด็กโควตาพิเศษรอบ 2

นายชัยชาญ ถาวรเวช คณบดีคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT:SU) มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตสารสนเทศเพชรบุรี เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กนอกเขตกรุงเทพมหานคร ได้เข้าศึกษาต่อในคณะไอซีที คณะ ICT:SU จึงได้เปิดรับนักศึกษาโควตาพิเศษครั้งที่ 2 ขึ้น จำนวน 100 คน แบ่งเป็นสาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศธุรกิจ จำนวน 50 คน และสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการออกแบบ (แอนิเมชั่น, เกมส์คอมพิวเตอร์, เวปมีเดีย) จำนวน 50 คน โดยพิจารณาจากคะแนนเอเน็ต จำนวน 3 วิชา คือ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และวิทยาศาสตร์ (ฟิสิกส์) เท่านั้น มาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือก แต่ผู้สมัครต้องอยู่ในพื้นที่ 28 จังหวัด ทั้งนี้ 28 จังหวัด ประกอบด้วย กาญจนบุรี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ชัยนาท ชุมพร ตราด นครนายก นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระแก้ว สระบุรี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง และอุทัยธานี ผู้สนใจสอบถามได้ที่โทร.0-2435-4869, 0-3259-4033 หรือ www.ict.su.ac.th (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 13 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ตั้งเป้าคุมกำเนิดขรก.ไม่เกิน3.9แสน

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 ซึ่งพิจารณายุทธศาสตร์การปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ พ.ศ.2549-2551 ซึ่งเสนอโดยสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบในยุทธศาสตร์ดังกล่าว มีสาระสำคัญ คือ 1.ในภาพรวมจะมีการตรึงอัตรากำลังพลภาครัฐไว้ที่ 3.94 แสนคน ถ้าไม่กำหนดเช่นนี้ก็จะเหมือนการเปิดเขื่อนซึ่งจะเกิดผลกระทบไปหมด แต่หากทำไม่ได้ก็ยกเว้นเป็นกรณีไป 2.การคืนตำแหน่งให้ส่วนราชการภายหลังมีข้าราชการเกษียณอายุ ในส่วนของกรมขนาดเล็ก (มีข้าราชการไม่ถึง 1 พันคน) เกษียณเท่าไรจะคืนตำแหน่งให้ทั้งหมด ส่วนกรมขนาดใหญ่ (มีข้าราชการมากกว่า 1 พันคน) จะพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง 3. การคืนตำแหน่งให้ข้าราชการประเภทอื่นๆ ได้แก่ ข้าราชการครู ยุบเลิกอัตราลงร้อยละ 50 และจัดสรรคืนให้ร้อยละ 50, ข้าราชการตำรวจ ยุบเลิกอัตราลงร้อยละ 50 และจัดสรรคืนให้ร้อยละ 50, ข้าราชการอัยการจะเพิ่มอัตรากำลังให้ตามความจำเป็น และข้าราชการในมหาวิทยาลัยจะคืนให้เป็นเงินเพื่อให้นำเงินไปจ้างพนักงานมหาวิทยาลัยต่อไป "เราจะหาช่องทางในการลดอัตรากำลังคนลงเรื่อยๆ เพื่อความประหยัด วันนี้ค่าใช้จ่ายภาครัฐหมดไปกับการจ่ายเงินเดือนให้ข้าราชการเป็นจำนวนมาก ผมจึงตั้งเป้าหมายว่าภายในปีนี้ต้องตัดงบฯค่าใช้จ่ายบุคลากรภาครัฐลงเหลือไม่เกินร้อยละ 40 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี จากปกติที่ตั้งไว้ร้อยละ 42-43 นั่นหมายความว่า ในปีงบประมาณ 2550 รัฐจะตั้งงบประมานรายจ่ายประจำปีในหมวดค่าใช้จ่ายบุคลากรภาครัฐไม่เกินร้อยละ 40" นายวิษณุกล่าว (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 13 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





มหา"ลัยเยอรมันประทับใจนศ.ราชภัฏ

รศ.ดร.สมเจตน์ ภูศรี อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม เปิดเผยว่า ปีการศึกษาที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามได้ทำความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก รวม 4 ประเทศ คือ 1.ประเทศเยอรมันได้ทำความตกลงร่วมกับมหาวิทยาลัยนูแบรนเดนเบิร์ก โดยจัดส่งนักศึกษาไปฝึกประสบการณ์ที่ฟาร์มเอกชน ภายใต้การดูแลของมหาวิทยาลัย จำนวน 5 คน เป็นนักศึกษาโปรแกรมเกษตรศาสตร์ ผลการฝึกงานสร้างความพึงพอใจแก่เจ้าของฟาร์มและมหาวิทยาลัยนูแบรนเด็นเบิร์กเป็นอย่างยิ่ง และยินดีที่จะรับนักศึกษาของเราไปฝึกงานอีก 2.ประเทศฟิลิปปินส์ ภายใต้โครงการความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยบาเกียว ได้ส่งนักศึกษาโปรแกรมวิชาภาษาอังกฤษไปฝึกพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษโดยเฉพาะ 3.ประเทศสหรัฐอเมริกา มหาวิทยาลัยได้ส่งนักศึกษาโปรแกรมวิชาคอมพิวเตอร์ไปร่วมกิจกรรมทางวัฒนธรรมและภาษาในวันช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนที่มหาวิทยาลัยเทนเนสซี่ 4.ประเทศเวียดนาม ส่งนักศึกษาโปรแกรมวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โปรแกรมวิชาภาษาอังกฤษ ไปฝึกประสบการณ์ที่ THUA THIEN HUE DEPARTMENT OF FOREIGN AFFAIRS เป็นโครงการแรกที่มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามได้ร่วมมือและรับการสนับสนุนจากจังหวัดมหาสารคาม (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 13 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ยุบรวม"ทีเคปาร์ก-ไอซีทีเลิร์นนิ่ง" ยกระดับเป็นสวนสนุกทางปัญญา

นางสิริกร มณีรินทร์ ประธานกรรมการ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ หรือทีเค ปาร์ก (TK Park) เปิดเผยถึงการควบรวมทีเค ปาร์ก เข้ากับศูนย์กลางการเรียนรู้ไอซีทีแห่งชาติ (NICT Learning Center) ว่าเป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรี และนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้โอนย้ายศูนย์กลางการเรียนรู้ไอซีทีฯมาสังกัดสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) หรือ สบร. (OKMD : Office of Knowledge Management and Development) เพื่อให้อยู่ภายใต้การบริหารของบอร์ดชุดเดียวกัน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มีขอบข่ายของการให้บริการที่ครบวงจร โดยที่สามารถประหยัดกำลังคนและงบประมาณ ด้วยการนำจุดแข็งของทั้ง 2 หน่วยงาน ได้แก่ อุปกรณ์ด้านไอทีที่ครบวงจรของไอซีทีเลิร์นนิ่ง และบรรยากาศของห้องสมุดและการเรียนรู้ของทางทีเค ปาร์ก มานำเสนอในรูปแบบสวนสนุกทางปัญญา สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กและเยาวชน สำหรับการปรับปรุง ทีเค ปาร์ก รวมกับไอซีทีเลิร์นนิ่ง ที่จะย้ายจากชั้น 6 ของอาคารเซ็นทรัล เวิลด์ พลาซา ไปยังชั้น 8 ของอาคารเดิม โดยขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 4.2 พัน ตร.ม. จากเดิมที่ทั้ง 2 ศูนย์มีพื้นที่รวมกันประมาณ 3.8 พัน ตร.ม. โดยจะขยายบริการเพิ่ม 3 ส่วน ได้แก่ ศูนย์ฝึกอบรมด้านไอซีที, ศูนย์ฝึกอบรมการบริหารจัดการห้องสมุดมีชีวิต และห้องสมุดดนตรี โดยในส่วนของห้องสมุดจะยังคงความเป็นศูนย์กลางไอซีทีไว้ด้วยระบบ E-library หรือ E-book ทั้งยังอนุญาตให้ยืมหนังสือด้านไอซีทีกลับบ้านได้ จากเดิมที่ไม่อนุญาตให้ยืม ในเบื้องต้นทางไอซีทีเลิร์นนิ่งได้ถ่ายโอนบุคลากรจำนวน 25 คน มาทำงานร่วมกับบุคลากรของทีเค ปาร์ก ที่มีอยู่ 39 คน ส่งผลให้ขณะนี้มีบุคลากรรวมทั้งสิ้น 64 คน (ประชาชาติธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 13 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/prachachart)





ร.ร.ประสาทวุฒิชนะเลิศ เพชรยอดมงกุฎภาษาจีน

"พลอยทิพย์" นักเรียน ร.ร.ประสาทวุฒิ กรุงเทพฯ ชนะเลิศเหรียญทอง แข่งขันเพชรยอดมงกุฎภาษาจีนนานาชาติ ระดับประถมปลาย นางพรนิภา ลิมปพยอม เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยผลการแข่งขันภาษาจีนเพชรยอดมงกุฎ ครั้งที่ 2 (นานาชาติ) ชิงทุนการศึกษาพระเทพภาวนาวิกรม เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2548 ที่ ร.ร.วัดไตรมิตรวิทยาลัย โดยมีนักเรียนทั่วประเทศเข้าแข่งขันทั้งสิ้น 987 คน ว่าผู้ชนะการแข่งขันชั้น ม.4-ม.6 รางวัลชนะเลิศเหรียญทอง Zhcny Jie ร.ร.มัธยมสาธิตเทียนจิน ประเทศจีน ได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เงินรางวัล 1 หมื่นบาท โล่และเกียรติบัตร ส่วนชั้น ม.1-ม.3 รางวัลชนะเลิศเหรียญทอง Cao Huiting ร.ร.มัธยมโบฮาลเทียนจิน ได้รับถ้วยรางวัล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เงินรางวัล 1 หมื่นบาท โล่และเกียรติบัตร และชั้น ป.4-ป.6 ได้แก่ รางวัลชนะเลิศเหรียญทอง ด.ญ.พลอยทิพย์ แซ่ย่าง ร.ร.ประสาทวุฒิ ได้รับถ้วยรางวัลนายอดิศัย โพธารามิก อดีต รมว.ศธ. เงินรางวัล 1 หมื่นบาท โล่และเกียรติบัตร ทั้งนี้ สมาคมนักเรียนเก่าประสาทวุฒิ จะจัดงานมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่ชนะเลิศ และผู้เข้าแข่งขันวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ เวลา 08.30-10.00 น. ที่ ร.ร.ประสาทวุฒิ ถนนวรจักร กรุงเทพฯ (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 14 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





เอกชนหนุน"มทร.ธัญบุรี" มหาวิทยาลัยการพิมพ์แห่งชาติคาดเสร็จปี 51

เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม นายพรพัฒน์ ล่องทอง เลขาธิการสมาคมส่งเสริมวิชาการพิมพ์ ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ ในปี 2551 โดยร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมพัฒนาอุตสาหกรรมการพิมพ์ โดยเฉพาะบุคลากรทั้งในระดับผู้บริหารและระดับปฏิบัติจะต้องมีศักยภาพเพียงพอในการผลักดันยุทธศาสตร์นี้ให้สำเร็จ ซึ่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.ธัญบุรี) เป็นสถาบันการศึกษาที่มีศักยภาพ ในการก้าวไปสู่ความเป็น printing-hub ในปี 2551 สมาคมสนับสนุน มทร.ธัญบุรีเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นทุนการศึกษาให้อาจารย์ได้ไปศึกษาดูงานและเรียนต่อปริญญาโทต่างประเทศ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการพิมพ์ประเทศญี่ปุ่นให้เข้ามาร่วมพัฒนาการเรียนการสอน มั่นใจว่าราชมงคลจะเติบโตเป็นมหาวิทยาลัยการพิมพ์แห่งชาติ ทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานและคุณภาพ รวมถึงส่งเสริมอุตสาหกรรมการพิมพ์ก้าวไปสู่ความเป็นสากล ด้าน ผศ.ดร.นำยุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดี มทร.ธัญบุรี กล่าวว่า ยุทธศาสตร์รัฐบาลด้านการศึกษาพัฒนาเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความต้องการผลิตสื่อ และพัฒนาอุตสาหกรรมการพิมพ์ ให้มีประสิทธิภาพและเติบโต ซึ่งการจัดตั้งศูนย์บ่มเพาะอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ของมทร.ธัญบุรี ต้องพัฒนาบุคลากรผู้ปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพ เมื่อวันที่ 3-8 ตุลาคม ได้นำบุคลากรไปศึกษาดูงานแสดงการพิมพ์ "JGAS'05 Japan Graphic ARTS SHOW 2005" ที่ประเทศญี่ปุ่น เยี่ยมชมสถาบันการศึกษา ศูนย์ฝึกอบรม JAGAT และ JPA และการพิมพ์ ได้แลกเปลี่ยนความรู้และทักษะใหม่ๆ และได้รับรู้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านการพิมพ์ที่มีการแข่งขันสูงและพัฒนาเร็วมาก (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 14 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





"ทปอ.-ม.ราชภัฏ"ถกกองทุน"กรอ." หาข้อสรุปน.ศ.รับภาระค่าเล่าเรียน

นางรัตนา รักการ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ(มรภ.)กำแพงเพชร ให้สัมภาษณ์กรณีมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศกำลังศึกษาค่าใช้จ่ายรายหัวหรือยูนิตคอร์ส เพื่อคำนวณหาต้นทุนในการผลิตบัณฑิตรองรับการใช้กองทุนเงินกู้ยืมที่ผูกติดกับรายได้ในอนาคต(กรอ.) เต็มรูปแบบในปี 2550 ซึ่งมี มรภ.หลายแห่งเตรียมจะปรับขึ้นค่าเล่าเรียนว่า ในส่วนของ มรภ.กำแพงเพชร ยังไม่ได้หารือเรื่องนี้ เพราะกำลังรอดูรายละเอียดของกองทุน กรอ.ว่ามีแนวปฏิบัติอย่างไร รัฐบาลจะรับผิดชอบต้นทุนการผลิตบัณฑิตแต่ละสาขาเท่าใด และจะให้นักศึกษาร่วมรับผิดชอบเท่าไร หากรายละเอียดออกมาชัดเจนว่าจำเป็นต้องปรับเพิ่มค่าเล่าเรียน ก็ต้องมาดูว่าจะเป็นภาระกับนักศึกษามากน้อยเพียงไรหรือไม่ เพราะ มรภ.ถือเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อท้องถิ่น ทำให้ไม่สามารถจัดเก็บค่าเล่าเรียนที่สูงมากได้ ซึ่งในปัจจุบันนี้นักศึกษาส่วนหนึ่งก็ไม่มีเงินเรียนอยู่แล้ว ต้องหาทุนและทำงานไปด้วย ดังนั้น การปรับขึ้นค่าเล่าเรียนจะเป็นวิธีสุดท้าย จึงอยากให้รัฐบาลได้คำนึงถึงปัญหานี้ด้วย ด้านนายประเสริฐ ชิตพงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(ทปอ.) กล่าวว่า ในการประชุม ทปอ.ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน จะหารือเกี่ยวกับกองทุน กรอ.ว่าสรุปแล้วนักศึกษาจะต้องรับภาระการจ่ายค่าเล่าเรียนเท่าไร และรัฐบาลจะอุดหนุนให้มหาวิทยาลัยเท่าไร (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 14 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


หลายชาติสืบหาเทคโนโลยีลับแอบผลิตอาวุธทำลายล้างสูง

หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียน ของอังกฤษ รายงานเมื่อวันเสาร์ อ้างรายงานลับของหน่วย สืบราชการลับอังกฤษเอ็มไอ 5 เตือนบริษัทอังกฤษให้ระมัดระวังในการทำธุรกิจ เนื่องจากมีบริษัทเอกชน มหาวิทยาลัย และองค์กรภาครัฐกว่า 350 แห่ง จาก 8 ประเทศ พยายามเสาะหาเทคโนโลยี ตลอดจนวัตถุดิบสำหรับอาวุธทำลายล้างสูง รายงานระบุเฉพาะเจาะจงถึงสถานเอกอัครราชทูตปากีสถานประจำกรุงลอนดอน ว่า เป็นหนึ่งในองค์กรภาครัฐที่พยายามหาวัตถุดิบและข้อมูลด้านนิวเคลียร์ ขณะที่เตือนให้บริษัทผู้ส่งออกในอังกฤษระมัดระวังในการส่งสินค้าไปยังปากีสถาน อิหร่าน อินเดีย อิสราเอล ซีเรีย อียิปต์ รวมไปถึงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ดูเหมือนจะเป็นศูนย์กลางการค้าขายสินค้านิวเคลียร์ อย่างไรก็ตาม รายงานหน้า 17 ฉบับนี้ ยืนยันว่าไม่ได้กล่าวหาว่าองค์กรเหล่านี้มีพฤติกรรม ผิดกฎหมายของอังกฤษ แต่เป็นเพราะองค์กรเหล่านี้เป็นผู้จัดส่งสินค้า หรือเทคโนโลยีอาวุธทำลายล้าง. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 10 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





สำรวจใหม่ยอดเขาเอเวอเรสต์สูงลดลง

ยอดเขาเอเวอเรสต์บนเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดของพื้นโลก ผลการตรวจวัดความสูงใหม่ด้วยเทคนิคที่เที่ยงตรงกว่าเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว โดยทีมผู้เชี่ยวชาญของจีน พบว่าสูงน้อยกว่าที่เคยคิดหลายเมตร นายเฉิน ปังจู โฆษกสำนักงานสำรวจและแผนที่แห่งชาติจีน เผยว่า จากการตรวจวัดใหม่โดยละเอียดถี่ถ้วนพบว่า ยอดเขาเอเวอเรสต์มีความสูง 8,844.43 เมตร (29,017.16 ฟุต) หรือสั้นลง 3.7 เมตร (12.14 ฟุต) จากที่มีการตรวจวัดครั้งสุดท้ายเมื่อ 30 ปีก่อน การสำรวจครั้งใหม่มีขึ้นเมื่อเดือน พ.ค. ปีนี้ โดยคณะผู้เชี่ยวชาญของจีน 50 คน โดยใช้เทคนิคการตรวจวัดที่ละเอียดถี่ถ้วน และเที่ยงตรงเชื่อถือได้มากที่สุด เท่าที่นักวิทยาศาสตร์ของจีนหรือต่างชาติมีอยู่ในปัจจุบัน นายเฉินกล่าวอีกว่า ข้อมูลที่พบใหม่ไม่ได้หมายความว่าภูเขาเอเวอเรสต์หดย่อตัวลง จากที่เคยตรวจวัด ครั้งก่อนหน้านี้ เพียงแต่เทคนิคการวัดครั้งก่อนมีความเที่ยงตรง แม่นยำน้อยกว่า เมื่อปี 2518 การวัดความสูงยอดเขาเอเวอเรสต์ โดยทีมสำรวจของจีนพบว่า มีความสูง 8,848.13 เมตร (29,029.30 ฟุต) ส่วนการตรวจวัดของทีมสำรวจอื่น ๆ ระบุว่า มีความสูง 8,850 เมตร (29,035 ฟุต) (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 10 ต.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





นิติวิทย์ฯสืบเสาะเบาะแส : สู่นิติวิทย์ที่จิ๋วแต่แจ๋ว

เพื่อให้ วงการนิติวิทยาศาสตร์ก้าวทันและเคียงบ่าเคียงไหล่กับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อื่น ๆ ผู้บริหารสายนิติวิทย์ก็ได้จัดเวทีการแลกเปลี่ยนทางวิชาการตลอดจนการแสดงนิทรรศการ ความก้าวหน้าของการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์มาคลี่คลายคดีความ อย่างเช่น นิทรรศการและการประชุม วิชาการพิตสเบอร์คที่ศูนย์ประชุมนิวออร์ลีนส์ เมื่อต้นปี 2548 ทำให้ผู้คนในวงการนิติวิทยาศาสตร์มีความตื่นตัวในความสำเร็จของงานวิจัยและอุปกรณ์เครื่องมือใหม่ ๆ ที่นำมาแสดงในงาน เทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจจับตามองอย่างใจจดใจจ่อ คือ อุปกรณ์เพื่อการวิเคราะห์ (Analytical Instrument) ที่ได้รับการย่อส่วนเพื่อการพกพาสู่สถานที่เกิดเหตุ ได้สะดวกขึ้น ซึ่งกระบวนการย่อส่วนต้องอาศัยการบูรณาการทางระบบไมโครชิพ, นาโนเทคโนโลยีและไมโครเซ็นเซอร์ที่เอื้อต่อการผลิตอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กลงแต่วิเคราะห์ได้ไวและรวดเร็วขึ้น ทำให้มีความจำเป็นต้องใช้ตัวอย่างวัตถุพยานในปริมาณที่น้อยลงและใช้น้ำยาทางเคมีน้อยนิดก็ตรวจได้ ปัจจัยสำคัญ 4 ประการที่เป็นกระแสผลักดันให้บริษัทผู้ผลิตต่าง ๆ ต้องพิจารณาใช้อย่างบูรณาการ คือ การย่อส่วน, การกำหนดมาตรฐาน, Auto-mation และการฝังความชาญฉลาดลงไปในอุปกรณ์ สิ่งหนึ่งซึ่งวงการนิติวิทยาศาสตร์ตั้งความหวังว่าจะได้ใช้งานคือ สิ่งที่เรียกว่า “Lab-on-a-chip” ซึ่งหมายถึงการนำระบบห้องปฏิบัติการอย่างสมบูรณ์มาย่อส่วนจนสามารถบรรจุลงไปในชิพขนาดกว้างเพียงไม่กี่ตารางเซนติเมตร และปรากฏว่าขณะนี้มี บริษัทสร้างต้นแบบอยู่หลายแห่งและเทคโนโลยีที่ จะประยุกต์ใช้คือการวิเคราะห์ DNA ซึ่งมีสองบริษัทที่กำลังพัฒนาระบบแยกแยะ DNA อยู่ แต่ยังมีขนาดใหญ่ และต้องตั้งไว้ในห้องปฏิบัติการเท่านั้นเพราะ ต้องใช้กระแสไฟฟ้า และระบบตรวจ DNA แต่ก็มีนักประดิษฐ์ที่กำลังคิดค้นแหล่งพลังงานที่ย่อส่วนเหลือเท่าซองบุหรี่ และเชื่อว่าระบบต้นแบบของการ วิเคราะห์ DNA จะมีขนาดไม่ใหญ่กว่ากล่องใส่รองเท้าที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก แต่ก็คงต้องให้เวลานักวิจัยพัฒนาอีกหลายปี แต่เมื่อใช้งานได้แล้ว ตำรวจและนักวิทยาศาสตร์ก็จะได้อานิสงส์จากอุปกรณ์ที่สามารถนำติดตัวลงสู่สถานที่เกิดเหตุ เพื่อจะได้สามารถวิเคราะห์วัตถุพยานได้ทันที โดยมีคอมพิวเตอร์เชื่อมเข้ากับระบบวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการใหญ่หรือฐานข้อมูล DNA แห่งชาติซึ่งพัฒนาไปพร้อม ๆ กัน นิติวิทยาศาสตร์ในทศวรรษหน้าจึงมีลักษณะจิ๋วแต่แจ๋ว (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 10 ต.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





เปิดโลกการเรียนรู้ ห้องครัว... “อวกาศ”

ก่อนที่นักบินอวกาศคนแรกจะไปเยือนดาวดวงอื่น ไม่มีใครทราบว่า มนุษย์จะสามารถมีชีวิตและทนอยู่ในอวกาศได้หรือ ไม่ จะทนต่อแรงที่เกิดจากการปล่อยจรวดได้ไหม... นักบินอวกาศจะกินอาหารและดื่มน้ำได้อย่างไร เมื่อไม่มีแรงดึงดูดมาทำให้อาหารเข้าสู่ลำคอ... ในยุคบุกเบิกการบินอวกาศ นักบินอาจต้องกินอาหารที่บดจนเละบรรจุในหลอดแบบหลอดยาสีฟัน ปัจจุบันนักบินอวกาศได้กินอาหารอร่อย บนโต๊ะเหมือนกับการกินอาหารบนโลก เช่น ซุปไก่, มักกะโรนี, สเต็ก, ไข่คน ฯลฯ อาหารที่จัดในแต่ละมื้อมีหลายชนิด คงลักษณะและกลิ่นที่น่ารับประทาน ในยานมีอาหารพอให้สลับสับเปลี่ยนรายการอาหารจนไม่ซ้ำกันได้ถึง 6 วันติดต่อกัน นักบินจะผลัดกันทำหน้าที่พ่อครัวในแต่ละวัน ในห้องครัว โดยผสมน้ำลงในอาหารตามปริมาณที่ต้องการ นำอาหารที่ต้องอุ่นให้ใส่ในเตาอบ ใส่หลอดดูดลงในภาชนะบรรจุเครื่องดื่ม แล้วจัดอาหารลงเป็นถาดๆ สำหรับแต่ละคน ซึ่งตลอดเวลานักบินอวกาศจะต้องยึดเท้าไว้กับเครื่องยึดเท้าเพื่อกันมิให้ตัวลอย ในสภาพ “ไร้น้ำหนัก” ทำให้การกิน-ดื่มยากขึ้น เพราะของทุกอย่างจะลอยขึ้น ทำให้การกินอาหารในอวกาศแตกต่างจากบนโลก เช่น ในอวกาศเราไม่สามารถโยนถั่วขึ้นไปแล้วอ้าปากรับได้ เพราะถั่วจะลอยขึ้นกระทบหลังคายานโดยไม่หล่นลงมา โดยเฉพาะการดื่ม...เช่น เราไม่สามารถรินน้ำได้ เพราะน้ำจะไม่ไหลจากขวด หากพยายามให้น้ำไหลออกมา น้ำจะกระจายเป็นหยดเล็กๆ แล้วลอยไปทั่ว จึงต้องใช้หลอดดูด ซึ่งใช้ได้ผลดีเท่ากับการใช้หลอดดูดบนโลก เรื่องแปลกบนโต๊ะอาหาร เมื่อเปิดภาชนะใส่อาหาร เด็กๆ หลายคนอาจเข้าใจว่าอาหารคงลอยขึ้นไปใน ภาพไร้น้ำหนักเหมือนกับน้ำ ...ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะอาหารส่วนใหญ่ชื้นหรือราดด้วยน้ำซอสหรือมีส่วนผสมของน้ำพอสมควร แรงดึงบนพื้นผิวถ้วยจานจึงช่วยยึดอาหารให้อยู่ในภาชนะได้ รวมทั้งการใช้มีด ช้อนและส้อม ก็ไม่ค่อยมีปัญหานัก เพราะจะเกาะติดเครื่องใช้เหล่านี้ แต่เวลากินเท่านั้นที่ต้องระวังไม่เคลื่อนไหวรวดเร็วเกินไป เพราะจะทำให้อาหารหลุดจากการเกาะติดและลอยเคว้งไปทั่ว ปริมาณแคลอรี่ที่นักบินต้องการต่อวันสูงถึง 3,000 แคลอรี เพื่อชดเชยการเปลี่ยนแปลงของร่างกายระหว่างที่อยู่ในอวกาศ นักบินอาศัยในที่แคบๆ ไร้แรงดึงดูด แต่ต้องใช้กำลังมาก แม้จะทำเรื่องง่ายๆ เช่น เวลาก้มลงผูกเชือกรองเท้า ตัวจะตีลังกาตามไปด้วย ทำให้การทำกิจกรรมด้วยวิธีที่ฝืนธรรมดาเช่นนี้ร่างกายต้องใช้พลังงานมากกว่าปกติ (สยามรัฐ จันทร์ที่ 10 ต.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





กนอ.ดึง"กัสโก้"จัดการน้ำในนิคมมาบตาพุด รีไซเคิลน้ำเสีย-กลั่นน้ำทะเลให้เป็นน้ำจืด

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) โดยนายอุทัย จันทิมา ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า ขณะนี้ทาง กนอ.ได้ร่วมกับบริษัท โกลบอล ยูทิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด หรือกัสโก้ (GUSCO) ผู้บริหารระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม ศึกษาแผนการผลิตน้ำเพื่อป้อนให้กับผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ผลการศึกษาเบื้องต้นได้สรุปการดำเนินการออกเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย 1) การนำน้ำเสียภายในนิคมอุตสาหกรรมมาผ่านกระบวนการนำกลับมาใช้ใหม่(รีไชต์เคิลน้ำ)ได้ประมาณวันละ 20,000 ลบ.ม. ใช้เงินจัดทำระบบ 300 ล้านบาท และ 2) การกลั่นน้ำทะเลเป็นน้ำจืดได้อีกวันละ 50,000 ลบ.ม. รวมทั้งสิ้นได้ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นวันละ 70,000 ลบ.ม. ใช้เงินลงทุนรวม 2,300 ล้านบาท โดยจะเป็นการลงทุนในนามของ บริษัท กัสโก้ (GUSCO) ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ กนอ.ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 24% หากมีการจัดระบบบริหารน้ำในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดใหม่ ทาง กนอ.อาจจะต้องปรับราคาค่าน้ำที่ป้อนให้กับภาคเอกชนเพิ่มขึ้นจากเดิมที่จำหน่ายอยู่ ลบ.ม.ละ 11.24 บาท เป็น ลบ.ม.ละ 23 บาท นอกจากนี้ ขณะนี้อ่างเก็บน้ำประแสร์มีปริมาณน้ำในอ่างเพิ่มขึ้นถึง 150 ล้าน ลบ.ม. โดยรัฐบาลสามารถดำเนินการวางท่อจากอ่างเก็บน้ำประแสร์มาที่คลองใหญ่เพื่อต่อท่อส่งมาที่อ่างเก็บน้ำดอกกราย/หนองปลาไหล เพื่อผันน้ำมาให้กับภาคอุตสาหกรรมได้แล้ว คาดว่าจะเสร็จภายในปีหน้า ซึ่งก็จะทำให้สถานการณ์ขาดแคลนน้ำปีหน้าดีขึ้น และเชื่อว่าจะสามารถผ่านพ้นไปได้ ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโครง การผันน้ำจากแม่น้ำบางปะกง และจากแม่น้ำเจ้าพระยา ได้ทำเสร็จสิ้นสามารถผันน้ำมาให้กับภาคอุตสาหกรรมได้อย่างเพียงพอ (ประชาชาติธุรกิจ จันทร์ที่ 10 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/prachachart)





มอก.บังคับเต้าเสียบ/เต้ารับ วุ่นหนักจากแบนให้เป็นกลม

นายไพโรจน์ สัญญะเดชากุล เลขาธิการสำนัก งานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผย ถึงการดำเนินการกำหนดสินค้ามาตรฐานบังคับว่า ปัจจุบันมีการใช้มาตรฐานบังคับ สินค้าอุตสาหกรรมทั้งสิ้น 80 รายการ และภายในเดือนธันวาคมนี้ จะมีสินค้ามาตรฐานบังคับสินค้าเพิ่มขึ้นอีก 1 รายการคือ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า เฉพาะด้านความปลอดภัย หมาย เลข มอก.1039-2547 นอกจากนั้นยังมีรายการสินค้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายอีก 13 รายการ และอยู่ระหว่างการพิจารณาทบทวนมาตรฐานอีก 3 รายการ โดยรายการสินค้ามาตรฐานบังคับที่อยู่ในระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายนั้น มีรายการหนึ่งที่เป็นปัญหามากคือ "เต้าเสียบเต้ารับ" สำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและงานทั่วไปที่มีจุดประสงค์คล้ายกัน หรือเต้าเสียบเต้ารับที่มีแรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน 250 โวลต์ หมายเลข มอก.166-2547 เนื่องจากข้อกำหนดของมาตรฐานบังคับรายการนี้ ผู้ผลิตจะต้องปรับเปลี่ยนการผลิตเต้าเสียบ-เต้ารับให้เป็น "แบบกลม" ทั้งหมด สาเหตุที่ระบุให้เต้าเสียบเต้ารับ เปลี่ยนเป็นแบบกลมทั้งหมดเป็นเพราะ เพื่อให้มีความเหมาะสมกับกระแสไฟฟ้าที่ใช้กันอยู่ในประเทศไทยคือ 220 โวลต์ ขณะที่แบบแบนจะเหมาะกับประเทศที่ใช้กระแสไฟฟ้า 110 โวลต์ ทางวิชาการเห็นว่า เต้าเสียบเต้ารับแบบกลมจะรับกระแสไฟฟ้าและปลอดภัยมากกว่าแบบแบน ผิดรูปยาก ไม่ก่อให้เกิดความร้อน เป็นประกายไฟง่าย จนอาจจะก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงกับผู้ใช้ได้ (ประชาชาติธุรกิจ จันทร์ที่ 10 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/prachachart)





"ยุโรป"สุดเศร้า ดาวเทียมตกทะเล

ดาวเทียม "ครีโอแซท"ที่ส่ง ออกไปสำรวจและทำแผนที่น้ำแข็งในบริเวณ "ขั้วโลกเหนือ" ขององค์การอวกาศยุโรป หรือ "อีเอสเอส" ตกหายไปในทะเลลินคอล์น ภายหลังจากถูกยิงออกจากฐานส่งดาวเทียมทางภาคเหนือของประเทศรัสเซีย โครงการครีโอแซทเริ่มต้นเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาเมื่อ 7 ปีก่อน มีวัตถุประสงค์หลักๆ เพื่อใช้ "เรดาร์" วัดความสูงชนิดพิเศษสำรวจและสร้างแบบจำลองแผนที่ 3 มิติของน้ำแข็งบริเวณขั้วโลกเหนือ พร้อมกับศึกษาดูว่าปรากฏการณ์ "โลกร้อน" ส่งผลกระทบอย่างไรบ้างต่อปริมาณน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ จนถึงปัจจุบันโครงการนี้ทำให้สหภาพยุโรปเสียงบประมาณไปเกือบ 7,000 ล้านบาท โวลเกอร์ ไลบิก ผู้อำนวยการโครงการสำรวจโลกของอีเอสเอ ให้สัมภาษณ์ด้วยความสิ้นหวัง ว่า ความล้มเหลวในปฏิบัติการปล่อยครีโอแซทออกสู่วงโคจรโลกในครั้งนี้คือ "โศกนาฏกรรม" ของวงการวิทยาศาสตร์ยุโรป เพราะถึงจะต้องการรื้อฟื้นโครงการในลักษณะเดียวกันนี้ขึ้นมาใหม่ก็ต้องใช้เวลาอีกหลายปี ขณะเดียวกัน ยังไม่รู้ว่าชาติสมาชิกอีเอสเอจะมอบเงินสนับสนุนโครงการอีกครั้งหรือไม่ (ข่าวสด อังคารที่ 11 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





"ฮู"เปิดรายงานไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ "H3N2" กลายพันธุ์แล้ว

นพ.ไพจิตร์ วราชิต อธิบดีกรมวิทยาการแพทย์ เปิดเผยถึงผลการเฝ้าระวังสายพันธุ์ไวรัสไข้หวัดใหญ่ของประเทศไทย โดยศูนย์ไข้หวัดใหญ่แห่งชาติ (WHO National Influenza Center หรือ Influenza Surveillance Network) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่เดือนมกราคม – สิงหาคม 2548 พบว่า ประเทศไทยมีการระบาดของ Influenza A subtype H1N1, H3N2 และ Influenza B ร่วมกันไป ทั้งนี้ จาการรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งเปรียบเทียบการระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่ในประเทศต่าง ๆ ทางแถบเอเชียแปซิฟิกกับไทย พบว่ามีความคล้ายคลึงกัน โดยจากผลการตรวจยืนยันสายพันธุ์ของ WHO พบว่า Influenza A (H1n1) ยังคงเป็น A/New Caledonia/20/99 (H1N1) สายพันธุ์เดิมที่ระบาดเมื่อปีที่แล้ว ส่วน Influenza A(H3N2) สายพันธุ์ A/Fujian/411/2002(H3N2) ที่ระบาดในปีที่แล้วมีการกลายพันธุ์เล็กน้อยตั้งแต่เดือนกันยายน 2547 เป็นต้นมา โดยเกิดสายพันธุ์ใหม่ คือ A/Wellington/1/2004 (H3N2) และ A/California/7/2004 (H3N2) ตามมา ส่วน Influenza B สายพันธุ์ยังคงเหมือนเดิม คือ B/Shanghai/361/2002 และ B/Hong Kong/330/2001 นพ.ไพจิตร กล่าวต่อว่า เมื่อเปรียบเทียบสายพันธุ์พื้นเมืองที่ระบาดในประเทศไทยขณะนี้ กับสายพันธุ์วัคซีนที่ WHO ประกาศใช้พบว่า คล้ายคลึงกับสายพันธุ์วัคซีนที่ใช้ในประเทศแถบซีกโลกเหนือ และแถบซีกโลกใต้ ดังนั้นวัคซีนทั้ง 2 ชนิดจึงมีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ทัดเทียมกัน (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 10 ต.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ชูก.วิทย์ต้นแบบพลังโซลาร์เซลล์ป้อนไฟฟ้า-แอร

ดร.ประวิช รัตนเพียร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ตามที่ได้มอบหมายให้นายศักรินทร์ ภูมิรัตน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ไปศึกษาแนวทางเพื่อติดตั้งระบบปรับอากาศที่ทำงาน โดยระบบผลิตไฟฟ้าและน้ำร้อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ที่อาคารกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เพื่อเป็นต้นแบบก่อนที่จะขยายผลต่อไปนั้น สวทช. ได้สรุปแนวทางแล้วว่า จะติดตั้งระบบปรับอากาศแบบดูดกลืน ซึ่งทำงานโดยใช้น้ำร้อนที่ได้จากระบบผลิตไฟฟ้าและน้ำร้อน (Solar air-con) ขนาด 5 ตัน บนพื้นที่ดาดฟ้าของอาคารกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ และในเบื้องต้นคาดว่าพื้นที่บริเวณชั้น 1 จะสามารถใช้ประโยชน์หลักจากระบบดังกล่าวได้ ส่วนเครื่องปรับอากาศที่มีอยู่แล้วจะใช้เป็น back up กรณีที่แสงอาทิตย์ไม่พอ ขณะที่น้ำร้อนที่ได้จากคอยล์ร้อนของเครื่องปรับอากาศแบบเดิม จะถูกนำกลับมาใช้กับระบบปรับอากาศแบบใหม่ด้วย ระบบดังกล่าวจะประหยัดพลังงานไฟฟ้า ที่ใช้กับเครื่องปรับอากาศขนาด 5 ตัน ได้ 15 กิโลวัตต์ หรือช่วยประหยัดไฟฟ้าได้ประมาณเดือนละ 7,000 บาท (คิดค่าไฟฟ้า3 บาทต่อหน่วย) และเนื่องจากระบบดังกล่าวเป็นเซลล์แสงอาทิตย์ในตัวเอง จึงสามารถผลิตไฟฟ้าขนาด 6.5 กิโลวัตต์ได้อีกด้วย ซึ่งในส่วนนี้จะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้อีกประมาณเดือนละ 3,000 บาท หรือไฟฟ้าที่ผลิตได้สามารถนำไปใช้กับน้ำพุหน้ากระทรวงได้ด้วย โดยโครงการนี้จะเริ่มดำเนินการทันทีในเดือนตุลาคม คาดว่าจะแล้วเสร็จใช้ได้สมบูรณ์ในช่วงเดือนธันวาคม 2548 (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 10 ต.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ทฤษฎีจ้องจุดดับบนดวงอาทิตย์-ลางบอกเหตุแผ่นดินไหว

สำนักข่าว “ไทม์ส ออฟ อินเดีย” รายงานว่าทั้งองค์การอวกาศสหรัฐฯและสหภาพภูมิวิทยาแห่งยุโรป เห็นพ้องกันที่จะศึกษาถึงทฤษฎีที่ส่อให้เห็นถึงความสัมพันธ์ ของการเปลี่ยนแปรบางอย่างในความสัมพันธ์ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ ที่มีผลไปกระทบกับสนามแม่เหล็กโลกว่า อาจจะมีผลก่อให้เกิดแผ่นดินไหวในแถบบริเวณอันล่อแหลมกับแผ่นดินไหวขึ้น นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเยาหลาล เนห์รู นายสุมิตร มุกเฮอร์จี ผู้ร่วมโครงการ อธิบายว่า “ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ได้เป็นต้นเหตุของแผ่นดินไหว แต่มันสามารถจุดชนวนให้เกิดแผ่นดินไหวตามบริเวณที่อ่อนไหวขึ้นได้ ซึ่งเราหวังว่ามันจะช่วยบอกเตือนให้เรารู้ล่วงหน้าว่า จะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นได้ เนื่องจากเคยศึกษาพบว่าแผ่นดินไหว มักจะเกิดขึ้นหลังการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ขึ้นก่อนหน้าระหว่าง 24-36 ชั่วโมง ดังตัวอย่าง พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2544 ต่อจากนั้นมาอีก 2 วัน ก็เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ขนาด 7.9 ริกเตอร์ ที่แคว้นคชราช ของอินเดีย และยังพบจากเครื่องวัดแผ่นดินไหวตามที่ต่างๆ ว่า ยังเกิดมีแผ่นดินไหวย่อยๆทั่วโลกขึ้นในวันเดียวกันนั้นรวมถึง 65 ครั้ง”. (ไทยรัฐ พุธที่ 12 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ดูเรตติ้งเพลงบนคลื่นวิทยุ โปรแกรมฝีมือไทยเกาะติดเสียงออกอากาศ

นายธนรัตน์ ลี้ตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิจิตอล แอสโซซิเอทส์ จำกัด เปิดเผยว่า ระบบติดตามการกระจายสัญญาณเสียงผ่านคลื่นวิทยุ เป็นเทคโนโลยีจากการคิดค้นร่วมกันของทีมงานในบริษัท ใช้สำหรับจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนครั้งที่ออกอากาศของสปอตโฆษณา เพลง ข่าวตลอดจนเสียงอื่นๆ ที่ออกอากาศบนคลื่นวิทยุที่ถูกสำรวจ ประโยชน์ของระบบจะช่วยติดตามความเคลื่อนไหวด้านอุตสาหกรรมเพลง และสื่อโฆษณาในประเทศจากจำนวนครั้งที่ออกอากาศ เพื่อนำข้อมูลประกอบในการวิจัยตลาด สำหรับบริษัทเอกชนที่ต้องการวางแผนการตลาด หรือต้องการตรวจสอบความถูกต้องแบบย้อนกลับ จากการทดสอบใช้งานจริงพบว่า ระบบสามารถใช้งานดี รวดเร็ว จำนวนครั้งที่ตรวจนับได้แม่นยำ และยังไม่พบข้อผิดพลาดใดๆสำหรับหลักการทำงานของระบบ ซึ่งจะทำหน้าที่เก็บสัญญาณเสียง ที่ออกอากาศตามคลื่นวิทยุ และแปลงสัญญาณเสียงเป็นข้อมูล บรรจุลงในฐานข้อมูล โดยอาศัยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ที่คิดค้นโดยระบบจะทำงานอัตโนมัติผ่านคอมพิวเตอร์ ในการแยกเสียงแต่ละประเภท ทั้งที่อยู่ในรูปแบบเสียงเพลงและสปอตโฆษณา โดยไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่นั่งเฝ้าระบบอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ ระบบตรวจและติดตามเสียงเพลงและโฆษณาในคลื่นวิทยุดังกล่าว ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 นวัตกรรมแห่งชาติด้านเศรษฐกิจ ประจำปี 2548 จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ บริษัทมีแผนงานที่จะพัฒนาระบบให้สามารถใช้งานได้กว้างขึ้น ด้วยการเปลี่ยนจากการเก็บข้อมูลเสียงมาเป็นข้อมูลภาพ เพื่อประโยชน์ด้านการค้นหาบุคคลในเวลาที่รวดเร็ว แต่อาจต้องอาศัยข้อมูลภาพถ่ายจากหน่วยงานรัฐ อาทิ กรมการปกครอง กรมการขนส่งทางบก ที่มีฐานข้อมูลรูปภาพบุคคลอยู่เป็นจำนวนมากมาเป็นส่วนประกอบ (คมชัดลึก พุธที่ 12 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ญี่ปุ่นประสบความสำเร็จ ทำสอบเครื่องบินเร็วเหนือเสียง

สำนักงานอวกาศญี่ปุ่น หรือ"จาซ่า" ประสบความสำเร็จในการทดสอบต้นแบบ "เครื่องบินโดยสารความเร็วเหนือเสียง" (Supersonic Jet) รุ่นใหม่ ซึ่งจะเข้ามาแทนที่เครื่องบิน "คองคอร์ด" ของอังกฤษและฝรั่งเศสที่ต้องยกเลิกฝูงบินทั้งหมดเมื่อหลายปีก่อน ภายหลังจากคองคอร์ดเกิดอุบัติเหตุระเบิดและตกในประเทศฝรั่งเศส ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิต 113 ราย ต้นแบบเครื่องบินโดยสารความเร็วเหนือเสียงดังกล่าวมีขนาดตัวเครื่องยาว 11 เมตร ถูกยิงออกจากฐานยิงจรวดในวูเมร่า ประเทศออสเตรเลีย และสามารถบินทำความเร็วในระดับ 2 มัค หรือเร็วกว่าเสียง 2 เท่าได้นาน 15 นาที และสูงจากพื้นดิน 18,000 เมตร ผู้ออกแบบเครื่องบินขนาด 300 ที่นั่งรุ่นนี้คาดว่า ต้องใช้ระยะเวลาอีกประมาณ 10 ปี จึงจะสามารถพัฒนาเครื่องบินความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่เสร็จสมบูรณ์ และถ้าโครงการนี้ประสบผลสำเร็จ โลกจะมีเครื่องบินรุ่นใหม่ซึ่งบินด้วยความเร็วมัค 2 จากกรุงโตเกียว เมืองหลวงญี่ปุ่น ไปถึงมหานครนิวยอร์ก เมืองใหญ่ของสหรัฐภายในเวลาแค่ 6 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าเร็วกว่าเครื่องบินคองคอร์ดถึง 1 เท่า นักวิเคราะห์ประเมินว่างบประมาณการพัฒนาเครื่องบินเร็วเหนือเสียงของญี่ปุ่นอาจไม่คุ้มทุน เพราะในอดีตเครื่องบินคองคอร์ดเองก็ไม่ทำกำไรให้กับสายการบินมากเท่าไหร่นัก (ข่าวสด พุธที่ 12 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





นักวิทย์ไทยโคลนนิ่งอนุรักษ์สัตว์ใกล้สูญพันธุ์

เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ที่กระทรวงศึกษาธิการ นายประสาท สืบค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี(มทส.) และนายรังสรรค์ พาลพ่าย หัวหน้าศูนย์วิจัยเทคโนโลยีตัวอ่อนและเซลล์ต้นกำเนิด มทส. ในฐานะนายกสมาคมเทคโนโลยีระบบสืบพันธุ์เอเชีย ซึ่งเป็นคนไทยคนแรก และเป็นคนที่ 6 ของโลกที่ทำการโคลนนิ่งวัวสำเร็จ ได้ร่วมกันแถลงข่าวว่า มทส.จะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมวิชาการเทคโนโลยีชีวภาพการเจริญพันธุ์เอเชีย ครั้งที่ 2 ภายใต้หัวข้อ "นวัตกรรมเพื่อชีวิตในอนาคต" (The Second Asian Reproductive Biotechnology Conference "Innovation for Future Life") ระหว่างวันที่ 3-4 พฤศจิกายน ที่โรงแรมสยามซิตี กรุงเทพฯ ซึ่งจะเป็นการชุมนุมนักวิทยาศาสตร์ระดับโลกทางด้านการโคลนนิ่งและเซลล์ต้นกำเนิดกว่า 200 คน นายรังสรรค์กล่าวว่า การโคลนนิ่งของทีมนักวิจัยศูนย์วิจัยเทคโนโลยีตัวอ่อนและเซลล์ต้นกำเนิด มทส. ถือเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียน ที่มีผลงานโคลนนิ่งประสบผลสำเร็จ อาทิ การผลิตลูกโคโคลนนิ่ง 15 ตัว และขณะนี้ได้ริเริ่มการโคลนนิ่งเพื่อการอนุรักษ์สัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ อาทิ กระทิง แมวลายหินอ่อน โดยการโคลนนิ่งกระทิงได้เริ่มศึกษาการโคลนนิ่งข้ามสปีชีส์ ย้ายฝากเซลล์กระทิงไปไว้กับวัว ซึ่งที่ผ่านมาได้ทดลองย้ายฝากเซลล์ไปที่วัวและเกิดตั้งท้องไปแล้ว 35 วัน แต่ปรากฏว่าแท้งก่อน และในเดือนพฤศจิกายนนี้จะได้ทำการฝากเซลล์กระทิงให้กับแม่วัวอีกครั้งจำนวน 20-30 ตัว เชื่อว่าเป็นจำนวนที่มากพอจะทำให้ได้ลูกกระทิงจากการโคลนนิ่งครั้งนี้ ส่วนการโคลนนิ่งแมวลายหินอ่อน เคยทดลองฝากเซลล์แมวลายหินอ่อนไว้กับแมวบ้าน แต่ปรากฏว่าเกิดแท้งเช่นกัน หากการโคลนนิ่งครั้งนี้ประสบความสำเร็จจะถือเป็นการโคลนนิ่งกระทิงและแมวลายหินอ่อนครั้งแรกของโลกด้วย เนื่องจากเมื่อปี พ.ศ.2544 ในประเทศสหรัฐอเมริกาเคยทดลองโคลนนิ่งกระทิงแล้วและมีกระทิงเกิดจากการโคลนนิ่ง 1 ตัว แต่อยู่ได้เพียง 2 วันก็ติดเชื้อเสียชีวิต จากนั้นก็ยังไม่เคยมีใครทดลองทำอีกเลย (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 13 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





ไต้หวันส่งดาวเทียม ล้วงตับ"กองทัพจีน!"

หนังสือพิมพ์ยูไนเต็ดเดลีนิวส์ รายงานว่า รัฐบาลไต้หวันมีแผนจะส่งดาวเทียมจารกรรมมูลค่า 300 ล้านดอลลาร์ (12,300 ล้านบาท) ขึ้นสู่อวกาศภายในเวลา 3 ปีจากนี้ เพื่อตรวจความเคลื่อนไหวทางทหารของจีนที่อาจจะเป็นภัยคุกคามต่อไต้หวัน ดาวเทียมดวงนี้สามารถถ่ายภาพความเคลื่อนไหวบนพื้นโลกได้ละเอียดคมชัดในพื้นที่ 1 ตารางเมตร จากที่ในปัจจุบันไต้หวันมีดาวเทียมสำรวจสภาพภูมิประเทศ 1 ดวงที่สามารถถ่ายภาพได้ละเอียดที่สุดในพื้นที่ 2 ตารางเมตร สร้างความหวั่นวิตกแก่จีนว่าจะถูกใช้ในปฏิบัติการทางทหาร นักวิเคราะห์การทหารระบุว่า ถ้าหากไต้หวันไม่มีดาวเทียมจารกรรมก็จะไม่สามารถจัดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธได้ ขณะเดียวกันมีรายงานว่า จีนมีขีปนาวุธพิสัยใกล้อย่างน้อย 730 ลูก ซึ่งส่วนใหญ่นำเข้าประจำการในมณฑลชายทะเลที่ติดกับเกาะไต้หวัน (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 13 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





"เนคเทค"ทำแผนความถี่RFIDป้อนกทช. ยื่นขอทดลองเปิดให้บริการ"สื่อสารชนบท"

นายทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) กล่าวว่า จากที่เนคเทคได้เซ็นเอ็มโอยูความร่วมมือทางวิชาการด้านโทรคมนาคมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ในเบื้องต้นมีประเด็นเร่งด่วนที่ กทช.ต้องการให้ศึกษา 2 เรื่อง เรื่องแรก คือการทดสอบการให้บริการระบบสื่อสารชนบท RWBA (rural wireless broadband access) เป็นบริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์และโทรศัพท์ชนบทราคาถูก ซึ่งในส่วนนี้ กทช. ต้องการนำไปใช้ประเมินตัวเลขการลงทุนด้านยูเอสโอ (การจัดให้มีการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม) เพื่อกำหนดเป็นมาตรฐานในการจัดสรรงบสนับสนุนของกองทุนยูเอสโอให้กับผู้ให้บริการในพื้นที่ห่างไกล โดยที่ผ่านมา เนคเทคได้ศึกษาทดลองโครงการนี้มาระยะหนึ่งแล้ว แต่เป็นการทดลองในพื้นที่เล็กๆ โดยที่ผ่านมาเนคเทคได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ เอพีที (Asia Pacific Telecommunication ) สนับสนุนการทดลองให้บริการที่ปทุมธานี มูลนิธิศึกษาพัฒนาสนับสนุนในการนำระบบ RWBA ไปทดลองที่ชุมชนหมู่บ้านสามขา จังหวัดลำปาง นอกจากนี้ก็ได้รับงบฯสนับสนุนจากประเทศญี่ปุ่นในการทดลองระบบภายในมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เรื่องที่ 2 คือ การศึกษาเรื่องความถี่สำหรับบริการ "อาร์เอฟไอดี" (Radio Frequency Identification) เนื่องจากเครื่องอ่านอาร์เอฟไอดี ก็คือเครื่องส่งวิทยุอย่างหนึ่งที่ต้องใช้คลื่นความถี่ระยะไกล กทช.ต้องการให้เนคเทคศึกษา ว่าควรใช้คลื่นความถี่ไหน ซึ่งก็ต้องศึกษามาตรฐานสากล ว่าต่างประเทศใช้ความถี่ไหนบ้าง เพราะแต่ละความถี่ก็มีข้อจำกัดที่แตกต่างกัน และบางความถี่ก็ได้มีการอนุญาตเพื่อวัตถุประสงค์อื่นไปแล้ว ตามหลักก็จะต้องประกาศใช้หลายความถี่ เพราะแต่ละความถี่ก็จะเหมาะสมกับการใช้งานแต่ละประเภท เช่น สำหรับติดโค-สุกร, กล่องสินค้า, ตู้คอนเทนเนอร์ เป็นต้น โดยมีตั้งแต่ความถี่ 13.56 เมกะเฮิรตซ์จนถึง 2.4 จิกะเฮิรตซ์ สำหรับความถี่ต่ำก็อาจจะเป็นความถี่ประเภท UN liences คือไม่จำเป็นต้องแจ้งขออนุญาต แต่ถ้าเป็นความถี่กำลังสูงก็อาจจะต้องแจ้งขออนุญาตใช้งาน คาดว่าสิ้นเดือนตุลาคมนี้ผลศึกษาเรื่องการเลือกใช้ความถี่ของอาร์เอฟไอดีจะเสร็จเรียบร้อย ซึ่งถ้า กทช.กำหนดการใช้ความถี่สำหรับระบบอาร์เอฟไอดีชัดเจน ก็คาดว่าจะทำให้ธุรกิจต่างๆ ตอบรับในการนำระบบอาร์เอฟไอดีมาใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น (ประชาชาติธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 13 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/prachachart)





คิดเทคโนโลยีช่วยคนเสียแขนขา-งอกใหม่ได้แบบจิ้งจก

อาจารย์วิชาศัลยกรรมตกแต่ง ดร.กัส แมคกรูเธอร์ ของมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ อังกฤษ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ถ้าหากมีทุนและทรัพยากรเพียงพอแล้ว เขากับคณะจะสามารถทำให้ผู้ที่ต้องพิการ เพราะต้องตัดแขนตัดขาไปให้แขนขาเหล่านี้กลับงอกออกมาใหม่ ได้อีก ทีมของเขาจะได้ ศึกษาดูตัวอย่างจากสัตว์อย่างพวกจิ้งจก ที่แขนขาของมันโดนกัดขาดหรือเสียหายด้วนไป ยังกลับงอกออกมาใหม่ ได้ดังเดิมอีก “จริงอยู่ที่สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกพวกนี้แตกต่างกับมนุษย์มาก แต่ทว่ามันก็มีดีเอ็นเอเหมือนกันกับของคนเรามากถึง 83%” เขาถึงกับบอกอย่างเชื่อมั่นว่า “มั่นใจได้ว่า เราจะได้เทคโนโลยีเพื่อทำให้แขนขามนุษย์งอกกลับมาใหม่ได้อีก ภายในชั่วอายุคนรุ่นปัจจุบันนี้” ดร.กัสกำลังวิ่งเต้นเพื่อรวบรวมทุนจำนวนนั้นให้ได้ พร้อมกันนั้นก็กำลังศึกษาพวกลูกอ๊อดของกบเพื่อค้น คว้าหายา ใช้ป้องกันไม่ให้เกิดแผลเป็นหลังการผ่าตัดที่น่าเกลียดอยู่ด้วย. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 14 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th





ข่าววิจัย/พัฒนา


ทดลองวัคซีนมะเร็งมดลูกสำเร็จ-ได้ผลถึง100เปอร์เซ็นต์เต็ม

วัคซีนป้องกันมะเร็งคอมดลูก ประสบความสำเร็จในการทดลองกับผู้หญิงวัยระหว่าง 16-23 ปี ใน 13 ชาติ ได้ผลอย่างงดงามถึง 100% เต็ม และอาจจะมีใช้กันภายในเวลาหนึ่งปีนี้ บรรดาหญิงทั่วโลกต้องตกเป็นเหยื่อของมะเร็งร้ายนี้ แต่ละปีพากันเสียชีวิตลงมากถึง 274,000 ราย ความสำเร็จของวัคซีนในการทดลองกับผู้หญิงจำนวน 12,167 ราย ทำมาเป็นระยะเวลา 2 ปี แสดงว่ามันสามารถป้องกันมะเร็งคอมดลูกระยะแรกเริ่ม ที่เกิดจากไวรัสสายพันธุ์เอชพีวี 16 และ 18 ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดมะเร็งถึง 70% ไว้ได้ และศาสตราจารย์ลอรา คูตสกี้ แห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน หัวหน้าคณะผู้ศึกษากล่าวชี้แจงด้วยว่า คงจะต้องพัฒนา วัคซีนเพิ่มเติมต่อไปอีก เพื่อให้สามารถป้องกันไวรัสก่อมะเร็งตัวอื่นได้ทั้งหมดด้วย บริษัทยาซาดโนฟี ปาสเตอร์ และเมิร์ค ผู้ผลิตวัคซีนได้คาดว่าจะได้รับการอนุมัติจาก องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ ผลิตออกสู่ตลาดได้ภายในสิ้นปีนี้. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 10 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





เครื่องพ่นหว่านอเนกประสงค์ลดแรงงานเกษตรกรรม

นายอัคคพล เสนาณรงค์ ผู้อำนวยการสถาบัน วิจัยเกษตรวิศวกรรม กรมวิชาการเกษตร เผยว่า ทางสถาบันวิจัยเกษตร วิศวกรรม ได้ทำการวิจัยและ พัฒนาออกแบบ ชุดหว่านเมล็ด ขึ้นมาใหม่ ที่สามารถติดตั้งเข้า กับเครื่องพ่น ยาแบบอเนก ประสงค์ ได้เกือบทุกยี่ห้อ เครื่องนี้ได้พัฒนาจากบรรจุเมล็ดพันธุ์จำนวน 16 กิโลกรัมมาเป็น 24 กิโลกรัม มีอัตราการทำงานของเครื่องประมาณ 5-8 ไร่ต่อชั่วโมง สามารถลดแรงงานคนได้ 20-50% โดยมีส่วนประกอบที่สำคัญ เช่น 1. เครื่องยนต์และพัดลม เป็นแบบสะพายหลัง 2. ถังบรรจุเมล็ด ทำด้วยอะลูมิเนียมไม่เป็นสนิม ใช้งานได้ทนทานน้ำหนักเบา ส่วนล่างทำเป็นมุมเอียงเพื่อให้เมล็ดหรือวัสดุอื่นไหล ลงได้สะดวกบรรจุเมล็ดพันธุ์ข้าวแห้งได้ประมาณ 24 กิโลกรัม ส่วนที่ 3. เป็นชุดควบคุมปริมาณเมล็ดพืชมีลักษณะเป็นลิ้นเปิด-ปิด สามารถปรับอัตราการหว่านให้หนาหรือบางตามต้องการได้ตั้งแต่ 10-40 กิโลกรัมต่อไร่ หากเป็นปุ๋ยเม็ดประมาณ 8-50 กิโลกรัมต่อไร่ และชุดสุดท้ายเป็นชุดพ่นเมล็ด มีท่อพ่นเมล็ด, ข้อต่อสามทางและท่อต่อเป็นข้ออ่อนเพื่อเข้าชุดที่เป็นส่วนเมล็ดและลมมาบรรจบกัน ทำให้เมล็ดถูกแรงลมพัดพ่นหว่านออกไป แต่มีอีกจุดหนึ่งที่จะทำให้การ ใช้เครื่องนี้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เกษตรกรต้องใช้ เมล็ดพันธุ์ข้าวที่สะอาด ไม่มีเศษฟาง, ระแง้หรือสิ่งสกปรก แปลกปลอมอื่นๆเจือปน เครื่องพ่นหว่านที่พัฒนาขึ้นใหม่นี้ เมื่อทดลองใช้ลงในแปลงแล้วพบว่ามีอัตรา ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 100-200 ซีซี/ไร่ ค่าสัมประสิทธิ์สม่ำเสมอประมาณ 70-90% อีกทั้งยังสามารถนำไปดัดแปลงเพื่อใช้พ่นสารเคมีได้อีกด้วย สนนราคาอยู่ที่ 3,500 บาท แต่ไม่รวมตัวเครื่องที่เป็นต้นกำลัง สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ นายชัชชัย ชัยสัตตปกรณ์ โทร 0-2940-5582 ในเวลาราชการ (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 10 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ผู้ป่วยสมองเสื่อมพุ่งกว่า 2 แสน ‘อัลไซเมอร์’ แชมป์

นายอัคคพล เสนาณรงค์ ผู้อำนวยการสถาบัน วิจัยเกษตรวิศวกรรม กรมวิชาการเกษตร เผยว่า ทางสถาบันวิจัยเกษตร วิศวกรรม ได้ทำการวิจัยและ พัฒนาออกแบบ ชุดหว่านเมล็ด ขึ้นมาใหม่ ที่สามารถติดตั้งเข้า กับเครื่องพ่น ยาแบบอเนก ประสงค์ ได้เกือบทุกยี่ห้อ เครื่องนี้ได้พัฒนาจากบรรจุเมล็ดพันธุ์จำนวน 16 กิโลกรัมมาเป็น 24 กิโลกรัม มีอัตราการทำงานของเครื่องประมาณ 5-8 ไร่ต่อชั่วโมง สามารถลดแรงงานคนได้ 20-50% โดยมีส่วนประกอบที่สำคัญ เช่น 1. เครื่องยนต์และพัดลม เป็นแบบสะพายหลัง 2. ถังบรรจุเมล็ด ทำด้วยอะลูมิเนียมไม่เป็นสนิม ใช้งานได้ทนทานน้ำหนักเบา ส่วนล่างทำเป็นมุมเอียงเพื่อให้เมล็ดหรือวัสดุอื่นไหล ลงได้สะดวกบรรจุเมล็ดพันธุ์ข้าวแห้งได้ประมาณ 24 กิโลกรัม ส่วนที่ 3. เป็นชุดควบคุมปริมาณเมล็ดพืชมีลักษณะเป็นลิ้นเปิด-ปิด สามารถปรับอัตราการหว่านให้หนาหรือบางตามต้องการได้ตั้งแต่ 10-40 กิโลกรัมต่อไร่ หากเป็นปุ๋ยเม็ดประมาณ 8-50 กิโลกรัมต่อไร่ และชุดสุดท้ายเป็นชุดพ่นเมล็ด มีท่อพ่นเมล็ด, ข้อต่อสามทางและท่อต่อเป็นข้ออ่อนเพื่อเข้าชุดที่เป็นส่วนเมล็ดและลมมาบรรจบกัน ทำให้เมล็ดถูกแรงลมพัดพ่นหว่านออกไป แต่มีอีกจุดหนึ่งที่จะทำให้การ ใช้เครื่องนี้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เกษตรกรต้องใช้ เมล็ดพันธุ์ข้าวที่สะอาด ไม่มีเศษฟาง, ระแง้หรือสิ่งสกปรก แปลกปลอมอื่นๆเจือปน เครื่องพ่นหว่านที่พัฒนาขึ้นใหม่นี้ เมื่อทดลองใช้ลงในแปลงแล้วพบว่ามีอัตรา ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 100-200 ซีซี/ไร่ ค่าสัมประสิทธิ์สม่ำเสมอประมาณ 70-90% อีกทั้งยังสามารถนำไปดัดแปลงเพื่อใช้พ่นสารเคมีได้อีกด้วย สนนราคาอยู่ที่ 3,500 บาท แต่ไม่รวมตัวเครื่องที่เป็นต้นกำลัง สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ นายชัชชัย ชัยสัตตปกรณ์ โทร 0-2940-5582 ในเวลาราชการ (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 10 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





นำร่อง"โรคฮีโมฟีเลีย" บำบัดด้วยยีนรักษาโรค

รศ.นพ.วรศักดิ์ โชติเลอศักดิ์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บรรยายในการประชุมวิชาการประจำปี 2548 โรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล เรื่อง "พันธุกรรมกับแพทย์เวชปฏิบัติ : ปัจจุบันและอนาคต" ว่า องค์ความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆ ของพันธุศาสตร์ 2 กลุ่ม คือ 1.พันธุกรรม (Genetics) ซึ่งรวมไปถึงการบำบัดด้วยยีน การดัดแปลงยีนระดับอาร์เอ็นเอ และ 2.เซลล์ต้นตอ(Stem Cell) และการโคลนนิ่ง ซึ่งในส่วนของพันธุศาสตร์ได้มีการค้นคว้าวิจัยก้าวหน้าอย่างรวดเร็วภายหลังจากโครงการค้นหาจีโนมของมนุษย์เสร็จสิ้นลง การรักษาโรคด้วยวิธียีนบำบัดนั้น อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัย ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลานานกว่าจะหาวิธีการได้ แต่โรคที่รักษาได้ดีพอสมควรคือการรักษาโรคเลือดออกง่าย หรือโรคฮีโมฟีเลียชนิดเอ ในส่วนของการพิการตั้งกำเนิดนั้น มีวิธีในการป้องกันคือการรับประทานอาหารเสริมที่มีกรดโฟลิกก่อนการตั้งครรภ์ประมาณ 1 เดือน จะช่วยลดความผิดปกติของดีเอ็นเอที่ทำให้เกิดความพิการแต่กำเนิดได้ ประมาณ 70% และบริษัทยาจะผลิตยารักษาโรคโดยใช้เทคโนโลยีของดีเอ็นเอใน 1-2 ปีนี้เพื่อแก้ไขกลไกการเกิดโรคในระดับดีเอ็นเอโดยตรง ผลกระทบที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีการบำบัดด้วยเซลล์นั้นคือปัญหาทางจริยธรรมที่จะสามารถดีไซน์เด็กที่จะเกิดขึ้นมา เพื่อไม่ให้เป็นโรคที่เกิดจากพันธุกรรมได้มากน้อยแค่ไหน และอย่างไรจึงจะทำได้ นอกจากนี้ ยังมีปัญหาว่าบริษัทประกันจะนำความบกพร่องของยีนและดีเอ็นเอมาเป็นสาเหตุในการปรับค่าธรรมเนียมในการประกันหรือไม่ รวมไปถึงการใช้เป็นข้ออ้างในการรับสมัครงาน ซึ่งต้องถกเถียงกันต่อไป (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 10 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





ผลักดันยุโรปผลิตหุ่นยนต์สู้ญี่ปุ่น

คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป (อีซี) พยายามกระตุ้นและผลักดันให้ภาครัฐและภาคเอเชียในกลุ่มสมาชิกสหภาพยุโรป 25 ประเทศ (อียู) ร่วมมือกันวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์ให้ผลิดอกออกผลเป็นสินค้าไฮเทคที่สามารถนำออกวางจำหน่ายใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้จริงภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ไม่เช่นนั้นกลุ่มอียูจะยิ่งถูกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์เชิงพาณิชย์แซงทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ จนอียูตามไม่ทัน อีซี ระบุด้วยว่า ขณะนี้โครงการวิจัยหุ่นยนต์ของอียูมุ่งเป้าไปที่การสร้างหุ่นยนต์ต้นแบบในแวดวงวิชาการมากเกินไปและแต่ละปีเสียเงินเพื่อการนี้ไปถึง 2,250 ล้านบาท ซึ่งกว่าหุ่นกลุ่มนี้จะใช้งานได้ต้องรออีกสิบกว่าปี (ข่าวสด จันทร์ที่ 10 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ปลาหุ่นยนต์

ปลาคาร์พหุ่นยนต์ พัฒนาโดยนักวิจัยมหาวิทยาลัยเอ็สเซ็กซ์ ประเทศอังกฤษ ติดตัวเซ็นเซอร์ช่วยให้ปลาหลบหลีกสิ่งกีดขวางในน้ำโดยอัตโนมัติ วางแผนใช้ในภารกิจสำรวจพื้นทะเล สำรวจท่อส่งน้ำมันและค้นหากับระเบิดใต้น้ำ (ข่าวสด จันทร์ที่ 10 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





มรภ.จอมบึงทำวิจัย ผลกระทบโรงไฟฟ้า

มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ร่วมกับบริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง จำกัด ทำพิธีลงนามสัญญาโครงการดำเนินงานเพื่อหาข้อเท็จจริงและมาตรการแก้ไขปัญหามลพิษของโรงไฟฟ้าราชบุรี โดยมีผศ.พิทักษ์ อาจคุ้มวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง และนายธวัช วิมลสาระวงค์ รองกรรมการผู้จัดการพัฒนาธุรกิจ บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ร่วมทำสัญญา ซึ่งสัญญาดังกล่าวจะเป็นการศึกษาและหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อมพร้อมเสนอมาตรการแก้ไขปัญหามลพิษรอบโรงไฟฟ้าที่ครอบคลุมเนื้อที่ภายในรัศมี 5 ก.ม. รอบที่ตั้งโรงไฟฟ้าในเขตอำเภอเมือง อำเภอดำเนินสะดวก อำเภอโพธาราม และอำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี ใช้ระยะเวลาในการดำเนินการทั้งสิ้น 7 เดือน (ข่าวสด จันทร์ที่ 10 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ใช้คลื่นเสียงต้านตอร์ปิโดสะกดด้วยพลังจนหมดพิษสง

นิตยสารข่าววิทยาศาสตร์ “นิว ไซเอนติสต์” รายสัปดาห์อันมีชื่อเสียงของอังกฤษ เปิดเผยว่า สหรัฐฯนาวีกำลังพัฒนาระบบป้องกันเรือรบจากตอร์ปิโดของข้าศึกด้วยการส่งคลื่นกระแทก ออกจากลำโพงยักษ์ที่ติดไว้ใต้น้ำข้างกราบเรือเข้าสกัดกั้นตอร์ปิโดเอาไว้ ทั้งนี้ด้วยการใช้เครื่องกำเนิดแม่เหล็กไฟฟ้าพลังสูง ปล่อยคลื่นเสียงอันทรงพลังเหมือนคลื่นกระแทกออกไปทางลำโพงขนาดใหญ่ทรงแบน ให้พุ่งออกไปในทิศทางใดก็ได้ไปสกัดกั้น คลื่นเสียงที่มีช่องคลื่นเพียงแคบๆ มีอำนาจพอที่จะทำลายตอร์ปิโดให้ระเบิดขึ้นก่อน หรือเสียหายลงได้ ปัญหาใหญ่อยู่ที่อันตรายที่อาจมีกับบรรดาสัตว์น้ำต่างๆ เท่านั้น นักสมุทรชีววิทยากลัวว่าคลื่นโซนาร์ทั้งจากเรือใต้น้ำและเรือรบอันแรงกล้า อาจทำให้วาฬและสัตว์น้ำเลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ จะพากันตื่นตกใจ และทะลึ่งขึ้นสู่ผิวน้ำกันอย่างรวดเร็ว พากันตายเพราะดำโผล่ขึ้นมาจากใต้น้ำเร็วเกินไป. (ไทยรัฐ อังคารที่ 11 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ประดิษฐ์ยามหุ่นยนต์เฝ้าอาคารวิ่งไล่จับขโมยด้วยตัวเอง

บริษัทซีคอมอันเป็นบริษัทที่มีกิจการเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของญี่ปุ่น แจ้งว่า ได้ประดิษฐ์ยามหุ่นยนต์ เฝ้ายามอาคารใหญ่ อย่างโรงงาน หรือโรงเรียนขึ้นแล้ว และได้เปิดบริการให้ เช่าไปใช้งานตั้งแต่บัดนี้ ในอัตราค่าเช่าประมาณเดือนละ 100,000 บาท ยามหุ่นยนต์มีรูปร่างเป็นตู้ติดลูกล้อ 4 ล้อ สูง 112 ซม. มีชื่อว่า “ซีคอม โรบอต เอช” มีเครื่องรับสัญญาณและกล้องถ่ายภาพในตัว ขณะตระเวนตรวจตราอยู่เมื่อประสบเหตุการณ์ ที่ผิดปกติ จะรายงานไปยังศูนย์ควบคุมให้ทราบทันที มันสามารถจะไล่ตามผู้ต้องสงสัยและยังบังคับให้ยอมจำนน ด้วยอาวุธควันได้ด้วย ตัวมันใช้ไฟจากแบตเตอรี่ที่ชาร์จไฟได้ เคลื่อน ที่ไปได้ด้วยความเร็วปกติชั่วโมงละ 10 กม. (ไทยรัฐ อังคารที่ 11 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





เส้นทางของเศษฟางข้าว...วัสดุทดแทนไม้ที่มีอนาคต

นายวรธรรม อุ่นจิตติชัย นักวิชาการป่าไม้ 8 งานอุตสาหกรรมวัสดุทดแทนไม้ กลุ่มงานพัฒนาอุตสาหกรรมไม้และป้องกันรักษาเนื้อไม้ สำนักวิจัยและการจัดการป่าไม้และผลิตผลป่าไม้ กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า “ฟางข้าว” มีความเป็นไปได้ที่จะสามารถ พัฒนาเป็นฉนวนความร้อน เพื่อทดแทนฉนวนใยแก้วและแผ่นโฟมที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ วัสดุฉนวนความร้อนกำลังเป็นที่นิยมและแพร่หลายมากในปัจจุบัน มีการใช้มากทั้งในโรงงาน งานก่อสร้างอาคารและบ้านพักอาศัย แต่ส่วนใหญ่จะใช้ฉนวนใยแก้ว และแผ่นโฟม โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉนวนใยแก้วที่ต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศ จากสถิติในปี 2543 ไทยมีการนำเข้าฉนวนใยแก้วสูงถึง 45,149,891 บาท ทำให้เสียดุลการค้า นอกจากนั้น ฉนวนความร้อนเหล่านี้ ยังผลิตจากวัสดุสังเคราะห์ ซึ่งมักประสบปัญหาและคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยต่อสุขภาพเมื่อนำมาใช้งานกล่าว จากการทดสอบค่าการนำความร้อนของฟางข้าวแห้งที่นำมาอัดจนมีความหนาแน่นประมาณ 80 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร พบว่ามีค่าอยู่ระหว่าง 0.05-0.07 W/mK ในขณะที่ฉนวนใยแก้ว มีค่าการนำความร้อนประมาณ 0.03-0.04 W/mK ขึ้นอยู่กับชนิด และความหนาแน่นของฉนวน ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า จากการเปรียบเทียบค่าการนำความร้อนระหว่าง ฟางข้าว และ ฉนวนใยแก้ว มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะ นำฟางข้าวมาผลิตเป็นฉนวนความร้อนที่ดีได้ในอนาคต เนื่องจากมีคุณ สมบัติทางกายภาพและสมบัติเชิงความร้อนที่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น มีความหนาแน่นต่ำ สามารถม้วน งอ หรือพับได้ และ มีความแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ใยฉนวนความร้อนที่ผลิตได้จะมีค่าการนำความร้อนต่ำสามารถใช้ทดแทนฉนวนความร้อนที่ทำจากใยแก้วและโฟมเป็นอย่างดี ยังมีการพัฒนาฟางข้าวมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตแผ่นประกอบชีวภาพ คล้ายคลึงกับแผ่นไม้ประกอบ เช่น แผ่นชิ้นไม้อัด แผ่นใยไม้อัด และแผ่นไม้อัดสารแร่ เป็นต้น โดยแผ่นประกอบชีวภาพนั้น สามารถนำมาผลิตเป็นเครื่องเรือน เครื่องไม้ในครัวเรือนต่าง ๆ ทดแทนไม้จริงตามธรรมชาติ ตลอดจนการศึกษาพัฒนาการผลิตแผ่นพลาสติกเสริมแรงด้วยฟางข้าว เพื่อเป็นวัสดุโพลิเมอร์ชนิดใหม่ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาการเตรียมวัสดุคอมโพสิตจากโพลิเมอร์และเส้นใยฟางข้าว เพื่อใช้งานเป็นวัสดุไม้เทียมและวัสดุขึ้นรูปแบบพลาสติก พร้อมกับได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตแผ่นประกอบจากฟางข้าวให้กับกลุ่มเกษตรกร และประชาชนที่สนใจแล้วหลายรุ่น เพื่อที่จะนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม ต่อไป (เดลินิวส์ อังคารที่ 11ต.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ออกใบรับรองมาตรฐานสินค้าสัตว์น้ำผ่านระบบออนไลน์ เตรียมแผนปี 49 ส่งใบรับรองถึงประเทศผู้นำเข้าโดยตรง

นายจรัลธาดา กรรณสูต รองอธิบดีกรมประมง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมประมงได้พัฒนาระบบการออกใบรับรองมาตรฐานสุขอนามัยสินค้าสัตว์น้ำ (Health Certificate) ผ่านระบบออนไลน์ อำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการด้านการผลิตสินค้าสัตว์น้ำและโรงงานแปรรูปสามารถยื่นขอใบรับรองได้โดยใช้บริการผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลา ลดค่าใช้จ่าย และความซ้ำซ้อนด้านเอกสาร นอกจากนี้ ยังได้เตรียมแผนจะประสานไปยังประเทศผู้นำเข้าสินค้าสัตว์น้ำไทย เพื่อขยายการจัดส่งใบรับรองผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ไปยังประเทศผู้นำเข้าสินค้าประมงของไทยโดยตรง ช่วยเพิ่มความสะดวกแก่ผู้ประกอบการมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการ APEC ที่มุ่งหวังให้กลุ่มประเทศสมาชิกสร้างระบบการค้าแบบไร้กระดาษ เพิ่มความสะดวกให้แก่ภาคเอกชนในการยื่นคำร้องขอใบรับรองต่าง ๆ ผ่านหน่วยงานของกรมประมง ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ด้วยความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ตลอดจนเป็นการสร้างฐานข้อมูลด้านการตรวจสอบโรงงานผลิต วิเคราะห์ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ ทำให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานส่วนกลางและภูมิภาคอย่างเป็นระบบ การออกใบรับรองที่กรมประมงดำเนินการทั้ง 3 ระบบ ได้แก่ ระบบตรวจโรงงาน ระบบวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ และระบบงานออกใบรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ ยังคงดำเนินการควบคู่ไปกับระบบเดิม ผู้ประกอบการขอรับบริการได้ทั้งส่วนกลางคือ กองตรวจสอบรับรองมาตรฐานคุณภาพสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ โทร. 0-2558-0150-5 และส่วนภูมิภาคได้แก่ ศูนย์วิจัยและตรวจสอบคุณภาพสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำสุราษฎร์ธานี โทร. 0-7772-4232 ศูนย์วิจัยและตรวจสอบคุณภาพสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำสมุทรสาคร โทร. 0-3485- 7282 ศูนย์วิจัยและตรวจสอบคุณภาพสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำสงขลา โทร. 0-7444-0054. (เดลินิวส์ อังคารที่ 11ต.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





น้ำเสียจากอุตสาหกรรมยาง ผลิตไบโอแก๊สทดแทนน้ำมัน

นายอภิชาติ เตชะภัทรกุล ผู้จัดการการตลาดต่างประเทศ บริษัท ฉลองอุตสาหกรรมน้ำยางข้น จำกัด กล่าวถึงการดำเนินธุรกิจเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกน้ำยางข้น และยางแท่ง โดยรับซื้อน้ำยางสดจากชาวสวนยางเพื่อนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยางดิบให้อุตสาหกรรมยานยนต์ ในกระบวนการผลิตน้ำยางดังกล่าวจะมีน้ำเสียเกิดขึ้น ซึ่งปริมาณน้ำเสียในแต่ละวันขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำยางที่รับซื้อได้ โดยเฉลี่ยจะมีน้ำเสียเกิดขึ้นประมาณ 300-800 ลบ.ม./วัน ส่งผลให้เกิดผลกระทบเรื่องกลิ่นเหม็นอันเกิดจากก๊าซไข่เน่า หรือ H2S ตามมา ได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการนำน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่แทนที่จะปล่อยทิ้งไว้ จึงได้ศึกษาถึงความเป็นไปได้ที่จะจัดทำระบบบำบัดน้ำเสียที่ได้มาตรฐาน จนในที่สุดได้เลือกนำระบบไร้อากาศแบบ UASB มาใช้บำบัดน้ำเสียให้กับโรงงานฯ หลังจากที่บริษัทได้รับการสนับสนุนเงินกู้ดังกล่าวนำมาพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสีย UASB จนใกล้แล้วเสร็จและพร้อมเดินระบบได้ประมาณต้นปี 2549 คาดว่าจะได้ไบโอแก๊สมาใช้ในการอบยางได้ไม่ต่ำกว่า 600 ลิตร/วัน หรือ สูงสุดประมาณ 1,233ลิตร/วัน ซึ่งจะสามารถลดค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำมันโซล่า (ดีเซล) สำหรับการอบยางลงได้ถึง 50% หรือ ไม่ต่ำกว่า 10,000-30,000 บาท/วันเลยทีเดียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตตามปริมาณน้ำยางสดที่รับซื้อในแต่ละวัน โดยการลงทุนในระบบดังกล่าวจะสามารถคุ้มทุนได้ภายในระยะเวลาเพียง 5 ปีเท่านั้น ปัจจุบัน บริษัท ฉลองอุตสาหกรรมน้ำยางข้น จำกัดมีกำลังการผลิตในสัดส่วนของน้ำยางข้นร้อยละ 60 หรือ ประมาณ 12,000 ตัน/ปี และยางแท่งร้อยละ 40 หรือประมาณ 9,500 ตัน/ปี ขณะที่มีกำลังการผลิตสูงสุดสำหรับการผลิตน้ำยางข้นได้ถึง 30,000 ตัน/ปี และยางแท่ง12,000-15,000 ตัน/ปี (สยามรัฐรายวัน อังคารที่ 11 ต.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





เอกชนไทยคิดเครื่องฟอกอากาศดักจับเชื้อหวัดนก

นายพลศักดิ์ ปิยะทัต กรรมการผู้จัดการบริษัท อัลไพน์ จำกัด ผู้ออกแบบและผลิตฟิลเตอร์กรองเชื้อโรคระดับอนุภาคเล็กจิ๋ว สำหรับติดตั้งในเครื่องฟอกอากาศ เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จคิดสูตรคณิตศาสตร์ ซึ่งสามารถนำมาคำนวณและออกแบบตัวกรอง (ฟิลเตอร์) ที่มีประสิทธิภาพกรองเชื้อโรค หรือมลพิษที่มีขนาดเล็กจิ๋วได้ในทุกระดับตามต้องการ สำหรับตัวฟิลเตอร์ถือเป็นหัวใจของเครื่องฟอกอากาศ ซึ่งระบบทั่วไปในท้องตลาดจะกรองเชื้อโรคที่มีอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอน แต่ฟิลเตอร์ที่เป็นผลงานของอัลไพน์ ขณะนี้กรองได้เล็กจิ๋วกว่านั้นมาก โดยอนุภาคเล็กสุดที่จับได้ในขณะนี้อยู่ที่ 0.00125 ไมครอน โดยอนุภาคของฟิลเตอร์ขนาด 0.3 ไมครอน สามารถดักจับได้ในระดับไรฝุ่น ขณะที่ 0.00125 ไมครอนจะจับก๊าซไนตรัสออกไซด์ ซึ่งอยู่ในยาสลบที่ใช้งานในกลุ่มวิสัญญีแพทย์ อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถพัฒนาฟิลเตอร์ ที่มีคุณสมบัติดักจับอนุภาคขนาดเล็กกว่านี้ได้ โดยอ้างอิงสูตรคณิตศาสตร์ซึ่งค้นพบเมื่อปีที่แล้ว จากการศึกษาพบว่าเชื้อไข้หวัดนกมีขนาด 80 นาโนเมตร เชื้อโรคซาร์ส 60 นาโนเมตร ขณะที่วัณโรคจะมีขนาด 500 นาโนเมตร ส่วนเม็ดเลือดแดง และเม็ดเลือดขาวจะมีขนาด 7 และ 20 ไมครอนตามลำดับ นั่นหมายความว่าหากต้องการให้เครื่องฟอกอากาศดักจับเชื้อไข้หวัดนกได้ จะต้องเลือกใช้ฟิลเตอร์ขนาด 0.005 ไมโครอน (1 ไมครอน เท่ากับ 1000 นาโนเมตร) เป็นต้น ผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นของบริษัทอยู่ในรูปของการผลิตตามสั่ง เพราะก่อนตกลงซื้อขายนั้น บริษัทต้องรู้ก่อนว่าลูกค้าต้องการนำไปใช้ดักจับอนุภาคขนาดไหน จากนั้นจึงจะออกแบบ และสร้างผลิตภัณฑ์ให้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ระบบฟอกอากาศของอัลไพน์ ยังออกแบบให้จับอนุภาคแบบ Non-Ionize ซึ่งจะจัดเก็บอนุภาคของเสียทั้งหมดไว้ภายในเครื่อง ต่างจากผลิตภัณฑ์ทั่วไปที่เลือกใช้ระบบ Ionize ซึ่งจะปล่อยอนุภาคลงสู่พื้น ทำให้อาจหลุดเข้าทางเดินหายใจของผู้อยู่อาศัยภายในห้องนั้นได้ (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 11 ต.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





วัคซีนสยบมะเร็งปากมดลูกได้ผล

นายกแพทย์สภาเผยวัคซีนตัวใหม่แก้ปัญหามะเร็งปากมดลูก เตรียมใช้ในโครงการป้องกันมะเร็งระดับประเทศ หลังบริษัทยาต่างประเทศทำการทดลองในคนสำเร็จ ความสำเร็จในการทดลองวัคซีนมะเร็งปากมดลูก ที่บริษัท เมอร์ค แอนด์ โค. อิงค์ ประกาศไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว นับเป็นข่าวดีสำหรับสตรีนับ 500,000 รายทั่วโลกที่ป่วยเป็นมะเร็งชนิดนี้ โดยในแต่ละปีจะมีสตรีที่เสียชีวิตด้วยมะเร็งปากมดลูกถึง 300,000 ราย แผนการทดสอบวัคซีนเอดส์กับมนุษย์ครั้งนี้ ได้ออกแบบให้มีกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 25,000 คน โดยมีอาสาสมัครจาก 33 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วม แบ่งเป็นกลุ่มตัวอย่างในประเทศยุโรป และเอเชีย ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย จากการติดตามผลและให้วัคซีนเป็นระยะพบว่า วัคซีนดังกล่าวสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี 16, 18 ได้ถึง 100% โดยได้รับวัคซีน 3 โดส โดยใช้ระยะเวลาการติดตามผลนาน 24 เดือน วัคซีนดังกล่าวยังได้ถูกนำมาทดสอบกับคนไทยด้วยโดยใช้กลุ่มตัวอย่าง 2,500 ราย เพื่อดูว่าเชื้อในไทยเหมือนกับยุโรปหรือไม่ แต่เนื่องจากโครงการในแต่ละแห่งเริ่มต้นไม่พร้อมกัน ผลการทดสอบในไทยคงจะสรุปได้ในปลายปี ส่วนแนวโน้มการรับเอาวัคซีนดังกล่าวทำเป็นโครงการป้องกันมะเร็งปากมดลูกระดับประเทศนั้น ต้องดูความคุ้มด้านราคาด้วย (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 11 ต.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





วิ่งอาทิตย์ละ 2 หน ลด ‘อัลไซเมอร์’ เพิ่มเลือดเลี้ยงสมอง

น.พ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคสมองเสื่อมเกิดจากความผิดปกติทางสมอง ซึ่งมีผลต่อความจำ ความคิด เชาวน์ปัญญา การใช้เหตุผลและการแก้ไขปัญหา โดยโรคสมองเสื่อมที่พบมากที่สุดคือ อัลไซเมอร์ เกิดจากการสะสมของโปรตีนชนิดหนึ่งในเซลล์ประสาท และ Amyloid plaques ในเนื้อสมองส่วนความจำ ทำให้เซลล์ตาย ไม่สามารถรับส่งกระแสประสาทได้ดังเดิม ปัจจัยที่เป็นเหตุส่งเสริมคือ อายุมากกว่า 65 ปี และพันธุกรรม เช่น มีบิดา มารดาป่วยเป็นโรคนี้ ส่วนโรคสมองเสื่อมจากโรคหลอดเลือดสมองจะพบมากเป็นอันดับ 2 เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดสมอง ซึ่งส่งผลให้เนื้อสมองตาย เช่น หลอดเลือดสมองตีบ มักพบในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โดยมีอาการแขนขาชาหรืออ่อนแรง เดินลำบาก เกร็ง กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ร่วมด้วย ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมที่ได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่ระยะแรกได้รับการรักษาจากแพทย์ รวมทั้งการที่ผู้ป่วยและญาติได้รับคำปรึกษาจากบุคลากรทางการแพทย์ สามารถชะลอการดำเนินโรคให้ช้าลง ทำให้ผู้ป่วยช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น และลดภาระของผู้ดูแลผู้ป่วยลงได้ จากการวิจัยพบว่า การใช้ชีวิตกระฉับกระเฉงโดยการออกกำลังกายในช่วงวัยกลางคน เช่น การเดิน การวิ่ง และการปั่นจักรยานอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง สามารถลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคดังกล่าวได้ถึงร้อยละ 60 จะทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนฮิปโปแคมปัสเป็นการลดความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อม สำหรับผู้ที่สนใจในเรื่องเกี่ยวกับผู้สูงอายุสามารถเข้าชม ได้ที่เว็บไซต์ของสถาบันเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข www.agingthai.org (ไทยรัฐ พุธที่ 12 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





กินเผ็ดทุกวันบำรุงหัวใจแข็งแรง-ช่วยนอนหลับสนิท

วิทยุกระจายเสียงของออสเตรเลียรายงานว่า มหาวิทยาลัยทัสมาเนียพบในการศึกษาว่าการกินเผ็ดเป็นประจำ จะช่วยให้นอนหลับสนิทดีและยังบำรุงหัวใจให้แข็งแรงอีกด้วย นักวิจัยได้ศึกษาค้นคว้าหาคุณประโยชน์ของพริก กับอาสาสมัครจำนวน 10 นาย อยู่เป็นเวลานานถึงปีครึ่ง โดยให้กลุ่มหนึ่งกินพริกเป็นปริมาณวันละ 10 กรัมทุกวัน ที่เหลือนอกนั้นไม่ได้กิน รองศาสตราจารย์โดมินิค เจรากตี หัวหน้าคณะนักวิจัย ได้เปิดเผยผลของการศึกษาว่า การกินพริกช่วยให้นอนหลับสนิทดี การนอนหลับเต็มอิ่มยังให้หัวใจและหลอดเลือดแข็งแรงดีอีกด้วย หรืออาจจะบอกได้ว่าพริกเป็นสารอาหารธรรมชาติที่กินในปริมาณเล็กน้อยเป็นประจำได้ทุกวัน และยังบำรุงหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย. (ไทยรัฐ พุธที่ 12 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





หุ่นยนต์ส่งเอกสารเทคโนโลยีจากกระป๋อง

นนท์ ทองโปร่ง จากโรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย จ.นครปฐม เป็นนักเรียนทุน โครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ได้ทดลองทำโครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง หุ่นยนต์ส่งสาส์นจากรถกระป๋อง นนท์ต้องการสร้างหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานได้ตามคำสั่งที่ป้อนเข้าไปได้อย่างมีประสิทธิ ภาพ โดยผนวกเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ากับการทำงานในชีวิตประจำวัน หุ่นยนต์สามารถตรวจจับ ส่งข้อมูลประมวลผลและทำงานโดยใช้วงจรรถกระป๋อง แทนการใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์หรือหน่วยประมวลขนาดจิ๋ว ซึ่งมีราคาแพงมาก หุ่นยนต์ส่งสาส์น ของนนท์จะทำหน้าที่ส่งเอกสารไปตามอาคารเรียนภายในบริเวณโรงเรียนตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ คำสั่งจะถูกส่งไปยังคอมพิวเตอร์ผ่านวงจรในรถกระป๋อง เมื่อคอมพิวเตอร์รับรู้เป้าหมายคำสั่งก็จะสั่งการให้หุ่นยนต์เดินไปตามเป้าหมายที่กำหนด มีเซ็นเซอร์จับการสะท้อนของเส้นสะท้อนแสงตามทางเดิน มีตัวต้านทานรับแสงเพื่อป้องกันไม่ให้หุ่นยนต์ออกนอกเส้นทาง โปรแกรมประมวลผลนั้น นนท์ทำงานบนโปรแกรมวิชวลเบสิก เขาให้เหตุผลว่า ใช้งานง่าย สามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย ข้อดีของหุ่นยนต์ส่งสาส์นจากรถกระป๋อง คือ สามารถทำงานได้ตามต้องการ ราคาถูก สั่งงานง่าย ใช้ไฟน้อย แต่มีข้อเสียก็คือ ไม่สามารถทำงานได้หลากหลายเหมือนหุ่นยนต์ที่ใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์ เนื่องจากข้อจำกัดของรถกระป๋องและพอร์ตขนาน ถึงแม้ว่าโครงงานของนนท์จะยังไม่สามารถนำไปประยุกต์ได้มากนัก แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการประดิษฐ์หุ่นยนต์ ที่ใช้ต้นทุนต่ำ สามารถทำได้เองโดยไม่ต้องอาศัยความรู้มากมาย เด็ก ๆ ก็ทำได้ โดยการประยุกต์ใช้รถกระป๋อง (เดลินิวส์ พุธที่ 12 ต.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





วงจรไฟฟ้าจิ๋วจากแพลงตอน

นักวิจัยสหรัฐคิดค้นกรรมวิธีประยุกต์ใช้สาหร่ายจิ๋วที่ลอยตัวอยู่ในมหาสมุทร ที่สามารถเปลี่ยนรูปทรงได้หลากหลายแบบ เผยสามารถแปลงเป็นชิ้นส่วนวงจรไฟฟ้าในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดนาโนเมตร แพลงตอนสีน้ำตาล หรือที่เรียกว่า ไดอะตอม (diatoms) เป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่อาศัยอยู่ในน้ำ มีสารเคลือบเซลล์เป็นซิลิกา ทำให้เซลล์คงรูปร่าง และเป็นเงาวาว แพลงตอนกลุ่มนี้ สามารถเปลี่ยนรูปทรงได้หลากหลาย ตั้งแต่โครงสร้างเรขาคณิตแบบง่ายๆ อย่างสามเหลี่ยม และสี่เหลี่ยม ไปเป็นโครงสร้างสามมิติที่ซับซ้อน แพลงตอนกลุ่มนี้ประกอบด้วยสายพันธุ์ย่อยมากมายกว่า 1 แสนชนิด บางชนิดมีขนาดเพียง 10 นาโนเมตร และทั้งหมดสามารถเพิ่มจำนวนจากการแบ่งตัวได้อย่างรวดเร็ว เคนเนธ แซนด์ฮาจ นักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งจอร์เจียและทีมงาน หวังว่าจะสามารถใช้โครงสร้างระดับนาโนของพวกมัน มาพัฒนาเป็นชิ้นส่วนของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต หากแนวคิดนี้สำเร็จ ก็จะเกิดวงจรไฟฟ้าสามมิติที่มีความซับซ้อน และมีประสิทธิภาพมากกว่าที่มีให้ใช้งานอยู่ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ปัจจุบัน ซึ่งการสร้างวงจรสามมิติด้วยกรรมวิธีการกัดลายวงจรทั่วไปนั้น เป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากมาก แต่หากนำไดอะตอมมาใช้ประโยชน์ก็จะง่ายกว่ามาก เทคนิคการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมีของแพลงตอน แบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงซิลิกาด้วยธาตุโลหะที่ระดับอุณหภูมิสูงถึง 900 องศาเซลเซียส วิธีการนี้จะทำให้สารเคลือบไดอะตอมมีคุณสมบัติในการนำไฟฟ้า ส่วนขั้นตอนที่สองคือการนำสารเคลือบซิลิกาไปแช่ในสารละลาย เพื่อเปลี่ยนเป็นโครงสร้างภายใน และเมื่อนำทั้งสองขั้นตอนมารวมกัน ทีมวิจัยจะสามารถสร้างโครงสร้างระดับนาโนของแบเรียม ไททาเนตขึ้นมา นอกจากนี้ นักวิจัยยังเชื่อว่าในอนาคตพวกเขาจะสามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างไดอะตอมได้ตามต้องการ เมื่อเข้าใจในพันธุกรรมของไดอะตอมมากขึ้น และนั่นจะทำให้พวกเขาสามารถเปลี่ยนสาหร่ายจิ๋วนี้ให้กลายเป็นชิ้นส่วนนาโนที่ทรงอานุภาพขึ้นมาได้ (คมชัดลึก พุธที่ 12 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





“เครื่องต้นแบบหัวเผาน้ำมันพืช” ประหยัดพลังงาน ทดแทนแก๊สหุงต้ม

ผศ.ดร.จารุวัตร เจริญสุข ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง มีโครงการพัฒนาหัวเผาน้ำมันพืชใช้แล้วสำหรับอุตสาหกรรมและการใช้ในครัวเรือน ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) โดยมุ่งหวังเพื่อลดการพึ่งพาพลังงานจากแหล่งใดแหล่งหนึ่ง จึงได้นำน้ำมันพืชที่ใช้แล้วมาพัฒนาในงานวิจัยนี้ เนื่องจากเป็นของเหลือใช้ในครัวเรือน โครงการวิจัยนี้จึงคิดค้นหัวเผาน้ำมันพืชต้นแบบ โดยใช้น้ำมันปาล์มเป็นงานวิจัย เพื่อให้สามารถปรับใช้ให้เหมาะกับเชื้อเพลิงที่หาได้ในขณะนั้น และมีขั้นตอนในการจุดและดับไฟที่ไม่ซับซ้อน ราคาไม่แพง โดยหัวเผานี้กำลังถูกพัฒนาให้ใช้ได้ทั้ง แก๊สหุงต้ม LPG และน้ำมันพืช อีกทั้งยังปรับปรุงให้มีความสะดวกในการใช้งาน สามารถหรี่ เร่ง ได้สะดวกทั้งการปรับปรุงวัสดุที่นำมาใช้เพื่อให้ความมั่นใจในความปลอดภัย ซึ่งเมื่อหัวเผาน้ำมันพืชนี้ได้รับการพัฒนาในระดับที่เหมาะสมแล้ว ก็คาดว่าน่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหาร ในการจัดการกับน้ำมันพืชเก่า โดยนำมาเป็นเชื้อเพลิงในการประกอบอาหาร แทนที่จะนำไปขายให้กับพ่อค้าคนกลางที่รับซื้อน้ำมันดังกล่าวมาใช้ซ้ำ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคต้องเสี่ยงกับการเกิดมะเร็ง ลักษณะการทำงานของหัวเผาน้ำมันพืชคือ หัวเผาดังกล่าวจะใช้น้ำมันปาล์มที่ใช้แล้วและน้ำมันจะถูกส่งผ่านขดท่อด้านบนขึ้นไปอยู่บนหัวเผา เมื่อได้รับความร้อนใกล้จุดเดือด น้ำมันก็จะถูกพ่นผ่านหัวฉีดและจะพัดเอาอากาศเข้าไปในเตาเพื่อปล่อยออกมาทางหัวฉีดน้ำมัน โดยเปลวไฟจะให้ความร้อนกับขดท่อข้างบนผ่านไปสู่ฐานเปลวไฟ และหัวเผาดังกล่าวใช้น้ำมันพืชเก่าซึ่งติดไฟยากจึงทำให้มีความปลอดภัย หากพัฒนาหัวเผาน้ำมันปาล์มที่ใช้แล้วให้มีประสิทธิภาพในการถ่ายเทความร้อนเท่ากันกับแก๊สหุงต้ม เชื่อว่าจะประหยัดได้มากกว่า เนื่องจากแนวโน้มแก๊สหุงต้มในปัจจุบันจะอิงกับราคาน้ำมัน แต่ไม่อ่อนไหวเท่าราคาน้ำมัน และคาดว่าจะมีราคาที่สูงขึ้นด้วย (สยามรัฐรายวัน พุธที่ 12 ต.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





วิจัยพบอิทธิพลเพลงบีบหัวใจเต้นเร็ว-ช้า รักษาโรคหัวใจ!

ผลการศึกษาโดยนักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดของอังกฤษครั้งนี้ เป็นการช่วยเพิ่มความรู้ในเรื่องประโยชน์ของดนตรีขึ้นอีกอย่างหนึ่ง นอกจากที่เคยศึกษาพบมาแล้วว่า ดนตรีช่วยทำให้คลายเครียด เพิ่มสมรรถนะของนักกีฬาให้สูงขึ้น แม้แต่ผู้ป่วยที่มีอาการป่วยเส้นประสาทพิการมีอาการอัมพาต หรือเป็นโรคอัมพาตแบบสั่น เพลงก็ยังมีส่วนกระตุ้นให้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้นได้ และถึงขนาดแม่วัวนมเมื่อได้ยินเพลงเข้า ก็ยังให้น้ำนมมากขึ้นกว่าเดิม คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดกล่าวว่า อิทธิพลของเพลงที่มีต่อคนเรา หัวใจสำคัญอยู่ที่จังหวะของเพลงมากกว่าท่วงทำนองหรือความชอบส่วนตัวเสียอีก และที่น่าแปลกใจ ไม่แต่จังหวะที่ช้าลงจะทำให้เกิดอารมณ์สงบเยือกเย็นลงเท่านั้น หากยังเป็นกับตอนที่เสียงเพลงหยุดเงียบลงช่วงสั้นด้วย เสียงดนตรีที่หยุดลงแค่สัก 2 นาที จะทำให้ผู้ที่เข้ารับการทดลองรู้สึกปลอดโปร่งลงได้ มากกว่าเมื่อตอนก่อนหน้าเข้ารับการทดลองเสียอีก รายงานสรุปว่า ผลการศึกษาส่อว่าถ้าหากจัดดนตรีที่มีจังหวะช้าบ้างเร็วบ้างสลับกัน และให้มีช่วงพักอยู่ด้วย ให้กับคนไข้โรคหัวใจและอัมพาตฟัง อาจจะเป็นประโยชน์กับคนไข้ได้. .(ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 13 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





แม่ปั้นลูกในท้องให้สมองดีได้ เน้นกินอาหารประเภทปลา

นักวิจัยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดชื่อดังของสหรัฐฯศึกษาพบว่ามารดา ที่กำลังตั้งครรภ์ควรจะกินปลาบางชนิดให้มากๆ หากอยากให้ลูกที่กำลังจะเกิดมาดูโลก มีความฉลาดหลักแหลม พวกเขาพบในการศึกษาทดลองกับทารกอายุ 6 เดือน จำนวน 135 คน ด้วยการทดสอบทางสติปัญญา เปรียบเทียบกับปริมาณอาหารปลาที่ผู้เป็นแม่กินขณะตั้งครรภ์ รวมทั้งวัดหาปริมาณสารปรอทที่สะสมอยู่ตามเส้นผมของมารดาดูด้วย ผลการศึกษาแสดงว่าลูกของหญิงคนที่กินปลาตอนตั้งท้องมาก แต่มีปริมาณสารปรอทที่พบอยู่ในผมน้อยที่สุด จะได้คะแนนในการทดสอบทางสติปัญญามากที่สุด ด้านองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ เพิ่งแจ้งเตือนไว้เมื่อไม่กี่วันมานี้ ให้หญิงมีครรภ์เลือกกินปลา ชนิดที่มีกรดไขมันเอ็น-3 ในตัวอยู่มาก แต่มีสารปรอทอยู่ต่ำ ปลาเหล่านั้น ได้แก่ ปลาแซลมอน และปลาทูน่ากับซาร์ดีนกระป๋อง (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 13 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ประดิษฐ์กล้องถ่ายภาพเม็ดยา ใช้กลืนลงท้องตรวจลำไส้

หนังสือพิมพ์ไทม์ส อันเก่าแก่ของอังกฤษรายงานข่าวว่า นักวิทยาศาสตร์ของวิทยาลัยการศึกษาชั้นสูงเซนต์ แอนนา ของอิตาลี ที่เมิองปีซา ซึ่งมีหอเอนที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยโบราณ ได้ประดิษฐ์กล้องถ่ายรูปจิ๋ว โตขนาดเท่าเม็ดยาเท่านั้น โดยที่ตัวเม็ดยังมีขา เพื่อสำหรับให้เกาะยึดติดผนังของลำไส้เอาไว้กันลื่นเมื่อเวลาโดนเมือกได้ กล้องถ่ายภาพจิ๋วนี้สำหรับแพทย์จะให้คนไข้กลืนลงท้องเข้าไป ใช้ตรวจภายในลำไส้แทนกล้องส่องตรวจลำไส้แบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งยังทำให้คนไข้รู้สึกเจ็บปวดอยู่ ตัวกล้องสามารถบังคับด้วยวิทยุจากภายนอก และเคยมีการทดลองใช้มันกับลำไส้เทียมมาแล้ว เป็นที่หวังอยู่ว่าจะทดลองกับคนไข้ได้ภายในเร็ววันนี้ (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 13 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





แสงแดดไม่ทำให้เป็นมะเร็งเสมอไป

ศาสตราจารย์เซดริก การ์แลนด์ จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย รายงานผลการค้นพบของเขาในวารสารการแพทย์ของอังกฤษโดยระบุว่า การที่เราไม่โดนแดดจะทำให้ขาดวิตามินดี ซึ่งอาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้ เนื่องจากแสงแดดเป็นแหล่งสำคัญของวิตามินดีที่สามารถช่วยป้องกันทั้งมะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก และอื่นๆ ศาสตราจารย์การ์แลนด์แนะว่า คนที่อาศัยอยู่ในอังกฤษควรมั่นใจว่าวันหนึ่งๆนั้นพวกเขาจะได้รับแสงแดดประมาณ 10 -15 นาทีตามแต่สภาพอากาศจะอำนวย โดยแสงแดดจะเป็นตัวช่วยสังเคราะห์วิตามินดี ทั้งยังได้แนะนำให้รับประทานอาหารเสริมเพื่อช่วยเพิ่มปริมาณวิตามินดีที่ได้รับจากแสงแดด และเป็นการรับประกันว่าจะได้รับวิตามินดีในปริมาณที่เพียงพอ อย่างไรก็ตามองค์กรด้านมะเร็งได้ระบุว่า แม้ว่าจริงๆแล้วแสงแดดจะมีคุณสมบัติมากมาย แต่หากต้องการอาบแดดให้ผิวสีแทนสวยแล้วก็ต้องดูความพอดีของระยะเวลาด้วย การอยู่ใต้แสงแดดเป็นเวลา 15 นาทีต่อวัน โดยเฉพาะตอนกลางวันนั้นสามารถทำให้ผิวหนังของหลายๆคนถูกทำลายได้ คนที่ต้องการจะอาบแดด ช่วงเวลาที่ควรหลีกเลี่ยงแสงอาทิตย์คือระหว่าง 11 โมงเช้า ถึงบ่าย 3 โมง เพราะเป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์อยู่ในจุดที่ร้อนที่สุด และควรใช้ครีมกันแดดด้วย (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 13 ต.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





3 พันธมิตรทุ่ม 100 ล. ผุด บ.ร่วมทุนสตางค์ต้นแบบอุดมฯ

ศ.(เกียรติคุณ) ดร.พรชัย มาตังคสมบัติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) ในฐานะประธานกรรมการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย (ทีเซลล์) เปิดเผย ว่าในฐานะที่เป็นประธานทีเซลล์ ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระที่เกิดขึ้นใหม่ได้เพียง 4 เดือน ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ประสานความร่วมมือระหว่างองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ในการสนับสนุนเงินลงทุน การจัดหาแหล่งทุน การช่วยเหลือด้านทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งให้การสนับสนุนพัฒนาบุคลากร ดังนั้น มม.จึงจัดตั้งบริษัท ร่วมทุนสตางค์ จำกัด (Stang Holding Co.,Ltd.) ซึ่งได้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือเอสเอ็มอีแบงก์ และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ร่วมทุนด้วยเงินทุนจดทะเบียนมูลค่า 100 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็น 60 : 20 : 20 ตามลำดับ เพื่อทำหน้าที่เป็นหน่วยงานพัฒนานวัตกรรมและให้บริการทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพด้านต่างๆ และจะเป็นต้นแบบให้สถาบันอุดมศึกษาต่างๆ ให้เห็นภาพนักวิชาการทำงานร่วมกับภาคเอกชน ขณะนี้บริษัทร่วมทุนสตางค์ กำลังอยู่ระหว่างการจัดตั้งบริษัทลูกขึ้นในหลายบริษัท ได้แก่ 1.บริษัทรับตรวจสอบชีวะสมมูล มีทุนจดทะเบียนมูลค่า 40 ล้านบาท ซึ่งจะรับหน้าที่ดำเนินการขอขึ้นทะเบียนยาแบบครบวงจร ตั้งแต่การพิสูจน์ประสิทธิภาพยา ด้วยขั้นตอนทางคลินิกทั้งในคนและสัตว์ ตามเงื่อนไขที่องค์การอาหารและยา (อย.) กำหนด รวมถึงการติดต่อขอขึ้นทะเบียนยา 2.บริษัทตรวจรับรองคุณภาพเครื่องสำอาง คณะเภสัชศาสตร์รับหน้าที่ในการดูแล มีทุนจดทะเบียนมูลค่า 10 ล้านบาท และ 3.บริษัทดำเนินธุรกิจเลี้ยงกุ้ง โดยเจ้าภาพคือคณะวิทยาศาสตร์ จะทำงานตั้งแต่การพัฒนาสายพันธุ์กุ้ง การจำหน่ายลูกกุ้งให้เกษตรกร การผลิตน้ำยาชันสูตรโรคกุ้ง และการให้คำปรึกษาในการเพาะพันธุ์ มีทุนจดทะเบียนมูลค่า 20 ล้านบาท การทำงานร่วมกับระหว่างมหาวิทยาลัยกับภาคเอกชน จะทำให้ทั้งสองฝ่ายได้รับประโยชน์ร่วมกัน โดยมหาวิทยาลัยจะได้พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ควบคู่กับการพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่ไปพร้อมกัน ในภาคเอกชนเองก็จะได้รับผลตอบแทนจากเงินปั้นผลในฐานะหุ้นส่วน และยังอาจได้สิ่งประดิษฐ์ใหม่ไว้ใช้ประโยชน์ในเชิงธุรกิจ ที่สำคัญประเทศชาติก็จะได้รับการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ ทรัพยากรมนุษย์ และประโยชน์นวัตกรรม (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 13 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





เครื่องบีบน้ำมัน ลดภาระเกษตรกร

ผศ.ชลิตต์ มธุรสมนตรี อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี คิดค้นเครื่องบีบอัดน้ำมันสะเดา เพื่ออำนวยความสะดวกในกระบวนการบีบอัดน้ำมันสะเดา ที่จะนำมาผลิตสารสกัดจากสะเดาต่อไป โดยโครงงานวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ "การผลิตสารสกัดจากสะเดาเชิงธุรกิจ : วิทยาการเพื่อการพึ่งพาตนเอง" ของมหาวิทยาลัย การศึกษาวิจัยครั้งนี้ ได้ปรับปรุงเครื่องบีบอัดน้ำมันจากเมล็ดสะเดาแบบเกลียวอัดเดี่ยว ให้สามารถทำงานได้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น เพื่อให้บีบอัดน้ำมันออกจากเมล็ดสะเดาให้ได้มากที่สุด เพราะสารสะเดาที่ได้จากการสกัด ต้องไม่มีน้ำมันสะเดาผสมอยู่ เนื่องจากเวลานำสารสะเดาไปใช้กับพืช น้ำมันก็จะไปเคลือบติดอยู่ตามใบพืช ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการสังเคราะห์แสงของพืชลดลง สำหรับขั้นตอนการบีบอัดน้ำมันจากเมล็ดสะเดา เริ่มจากบดเมล็ดสะเดาแห้งให้ละเอียดโดยเครื่องบดและเครื่องปั่นละเอียด จากนั้นจึงนำวัตถุดิบใส่ลงในเครื่องบีบอัดน้ำมันสะเดา จะได้น้ำมันสะเดาออกมา ส่วนกากสะเดาจะแยกลงมาทางส่วนล่างของเครื่อง และน้ำมันสะเดาที่ได้ก็จะถูกนำไปเข้าเครื่องสกัดสารสะเดา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป จากการทดลองนำเมล็ดสะเดาตากแห้ง ที่ผ่านการกะเทาะเปลือกและบดละเอียด จำนวน 1,000 กรัม และกำหนดความเร็วรอบในการบีบน้ำมัน 24 รอบต่อนาที ความเร็วในการป้อน 22 รอบต่อนาที และควบคุมให้ความหนาของกากสะเดาเท่ากับ 2 มิลลิเมตร ปรากฏว่า ได้ปริมาณน้ำมันสะเดาถึง 21.82% ซึ่งเมื่อเทียบกับวิธีการบีบอัดน้ำมันสะเดาด้วยวิธีอื่นแล้ว ได้ปริมาณมากกว่ากันถึง 1 เท่าตัว หลักการทำงานของเครื่องบีบอัดน้ำมันสะเดานี้ ยังสามารถนำไปต่อยอดเพื่อประดิษฐ์ เครื่องบีบอัดน้ำมันจากเมล็ดพืชประเภทอื่นๆ เช่น เมล็ดถั่วเหลือง ทานตะวัน และละหุ่ง ได้อีกด้วย (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 13 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ถังแยกขยะพลังงานโซลาร์เซลล์

“ถังแยกขยะพลังงานโซลาร์เซลล์” ใบนี้เป็นผลงานต้นแบบของนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ที่ไดรับรางวัลชนะเลิศ ประเภทนักศึกษา/บุคคลทั่วไป จากการประกวดโครงการ “สิ่งประดิษฐ์โดยใช้แผงโซลาร์เซลล์เป็นแหล่งพลังงาน” ครั้งที่ 3 โดยฝีมือของ “กฤษณะ มโนคติธรรม” “ปิยะพงษ์ สุขบัวทอง” และทิพย์วัลย์ อภิวัฒน์อุดมคุณ จุดเด่นของเครื่องนี้นอกเหนือจากการดีไซน์ที่มีลักษณะไม่เหมือนใคร ทันสมัยโดยเน้นที่ตัวถังใช้อะลูมิเนียมเป็นหลัก เพื่อมีน้ำหนักเบาสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก มีความคงทนไม่ขึ้นสนิมแล้ง ตัวเครื่องยังติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ไว้ด้านบนของเครื่อง เพื่อเก็บพลังงานแสงอาทิตย์เอาไว้เผื่อว่าแบตเตอรี่ ที่ใช้ควบคุมการทำงานมีปัญหาแบตหมด หรือขัดข้อง ระบบก็จะดึงพลังงานโซลาร์เซลล์ขึ้นมาใช้ทดแทนได้ดีที อีกด้วย เมื่อสร้างเป็นตัวถังใหญ่ถังเดียว ก็ต้องมีระบบคัดแยกอัตโนมัติ ทีมของเราจึงออกแบบการทำงานผ่านปุ่มสวิมซ์ และทำช่องแยกประเภทขยะไว้ 4 ช่อง ด้านในตัวถังเก็บจะใช้ถุงขยะสีดำขนาดใหญ่สุดรองรับขยะอีกทอดหนึ่ง เวลาที่คุณจะทิ้งขยะลงในถังนี้ก็เพียงแค่วางขยะที่จะทิ้ง ตรงช่องทิ้งแล้วกดเลือกประเภทขยะนั้นๆ ซึ่งเราตั้งระบบไว้ 4 ประเภทแล้วกดยืนยันซ้ำอีกครั้ง ขยะก็จะหล่นลงในช่องทิ้งแล้วเครื่องก็จะแยกขยะเอง งบประมาณที่ใช้ประดิษฐ์ถังแยกขยะนี้ สนนราคาอยู่ที่ 9,000 บาท ทีมนักประดิษฐ์ เสริมว่า เฉพาะตัวถังขยะอะลูมิเนียมก็ตกประมาณ 6,500 บาทแล้ว ยังมีแผงโซลาร์เซลล์ อีกก็ตกประมาณ 2,500 บาท แต่ในอนาคตจะพัฒนาระบบและอุปกรณ์ที่ใช้ให้มีราคาถูกลง ส่วนคุณภาพยังคงเหมือนเดิม สำหรับผู้สนใจอยากรู้รายละเอียดของ “ถังแยกขยะพลังงานโซลาร์เซลล์” ของ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่โทร.0-2954-7300 (สยามรัฐรายวัน พฤหัสบดีที่ 13 http://www.siamrath.co.th)





งานวิจัย เพื่อแผ่นดินไหว และสึนามิ

อาจารย์พรเทพ ฉัตรภิญญาคุปต์ ผู้อำนวยการ ศูนย์บริการวิจัยและออกแบบ Research and Design Service Center (REDEK) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวถึงโครงการวิจัยที่น่าสนใจที่ REDEK กำลังทำอยู่ในขณะนี้ 2 โครงการ ที่เรียกว่า อีเมอร์เจนซี่โปรเจ็กต์ โครงการแรก เป็น โครงการที่พัฒนาเสาอัดลมจากวัสดุน้ำหนักเบา สามารถเป่าลมเข้าไปข้างในเพื่อทำให้เกิดความแข็งแรง แต่สามารถถอดประกอบเคลื่อนย้ายง่าย ขณะนี้งานวิจัยอยู่ในระหว่างการพัฒนาขยายผลว่าจากแนวคิดในการออกแบบนั้น จะต้องใช้วัสดุอะไรที่คงทนและจะต้องรับน้ำหนักได้พอสมควร ในขณะที่โครงการที่สอง บริษัทดูปองท์ในประเทศญี่ปุ่น เป็นสปอนเซอร์ในการให้วัสดุมาทดลองทำดู 1 ยูนิต โดยใช้ ผ้ากอร์เทคที่ใช้ในการทำเสื้อหนาวสำหรับเล่นสกี ซึ่งมีน้ำหนักเบาและแข็งแรงมาทดลองทำดู แต่ข้อเสียคือเมื่ออัดอากาศเข้าไปแล้ว มันถ่ายเทตลอดเวลา วิธีที่จะทำให้เซลทรงตัวได้ก็คือจะต้องมีตัวปั๊มลมเข้าไปตลอดเวลา แต่ข้อดีก็คือน้ำหนักเบามาก ง่ายต่อการประกอบและเคลื่อนย้าย ซึ่งทางสถาบันได้นำเอามาพัฒนาเพิ่มในโดยใช้โพลียูรีเทนมาฉาบทับลงไป คุณสมบัติที่ได้จึงมีทั้งความเบาของผ้า แต่จะมีน้ำหนักจากยางที่ฉาบอยู่ก็จะช่วยให้เก็บลมได้ดีกว่าของเดิม อีเมอร์เจนซี่โปรเจ็กต์เป็นโครงการที่ใช้ในสถาน การณ์ฉุกเฉิน เช่น เป็นออฟฟิศ บ้านชั่วคราว เวลาที่เกิดสึนามิหรือแผ่นดินไหว หรือการทำเป็นออฟฟิศบนแม่น้ำ ทะเล งานเอ็กซิบิชั่น หรือเป็นที่พักชั่วคราวสำหรับกองทัพก็ได้ในอนาคต (ประชาชาติธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 13 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/prachachart)





หมึก ศิลปากร โกอินเตอร์ งานวิจัยที่ไม่ขึ้นหิ้ง

ธนาวุฒิ คลังวิสาร และพิเชษฐ์ ธนพงศ์จงรวย 2 นักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้จัดทำ "โครงการวิจัยน้ำหมึกเครื่องอิงก์เจท" สำเร็จแล้ว โดยพัฒนาออกมาเป็น 2 สูตรด้วยกัน คือ Dye-Based ink และสูตร Pigment-Based Ink ทั้ง 2 มีคุณสมบัติคือสามารถใช้เติมเครื่องพิมพ์ยี่ห้อ hP และ Canon จากการทดลองพบว่าไม่มีการอุดตันของหัวพิมพ์ งานพิมพ์คุณภาพเทียบเท่าหมึกพิมพ์แท้ และราคาถูกกว่าท้องตลาด ที่สำคัญเมื่อนำไปทดลองกับเครื่องเติมหมึกของบริษัท รีไซเคิล คอนเซ็พท์ จำกัด พบว่าสามารถนำไปเติมได้กับตลับน้ำหมึกเครื่องอิงก์เจ็ตได้มากกว่า 26 รุ่น โดยวัตถุประสงค์ของการศึกษาก็เพื่อผลิตน้ำหมึกที่มีคุณภาพ ลดการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ รวมทั้งเพิ่มรายได้ในการส่งออก น้ำหมึกของศิลปากรซึ่งที่มีคุณภาพดี ในขณะที่ราคาถูกกว่านำเข้าจากจีน สำหรับต่างประเทศ บริษัทจะแผนที่จะ จะขยายตลาดในประเทศ ทั้ง 20 ประเทศ ทั้งเครื่องเติมน้ำหมัก และน้ำหมึก รวมทั้ง มีแผนที่จะบรรจุใส่ขวดขาย ภายใต้ตราสินค้า Expert อีกด้วย โดยเราจะขายในราคาเท่ากับราคาส่งของสินค้าคู่แข่ง ซึ่งตนเชื่อว่าจะสามารถทำตลาดน้ำหมึกเติมเพิ่มขึ้น ในขณะที่เมืองไทยมีแผนที่จะออกงานโฟโต้แฟร์ที่ไบเทค บางนา เพื่อประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จักกับหมึกของศิลปากรมากขึ้น ปัจจุบันศิลปากรมีกำลังผลิตอยู่ที่เดือนละ 4 ตัน จากกำลังการผลิตที่สามารถผลิตเต็มที่ถึง 10 ตันต่อเดือน โดยทางบริษัทรับซื้อทั้งหมด ในอนาคตศิลปากรยังจะพัฒนาหมึกพิมพ์เพื่อใช้กับเครื่องพรินเตอร์รุ่นใหม่ๆ และเตรียมที่จะขยายไปสู่งานพิมพ์กลางแจ้งในวงการโฆษณาอีกด้วย (ประชาชาติธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 13 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/prachachart)





จี้แพทยสภาออกระเบียบวิจัยเซลล์ต้นกำเนิด

เมื่อวันที่ 12 ต.ค. ที่กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) รศ.ดร.ประสาท สืบค้า อธิการบดีม.เทคโนโลยีสุรนารี(มทส.)จ.นครราชสีมา แถลงข่าวการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมวิชาการเทคโนโลยีชีวภาพการเจริญพันธุ์เอเชีย ครั้งที่ 2 ในหัวข้อ “นวัตกรรมเพื่อชีวิตในอนาคต” (The 2nd Asian Reproductive Biotechnology Conference “Innovation for Future Life”) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-4 พ.ย. ที่โรงแรมสยามซิตี้ กรุงเทพฯ ว่า การจัดงานครั้งนี้จะเป็นการชุมนุมนักวิทยาศาสตร์ระดับโลกทางด้านการโคลนนิ่งและเซลล์ต้นกำเนิด ซึ่งจะทำให้นักวิจัยรุ่นใหม่ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักวิจัยที่มีประสบการณ์ ดร.รังสรรค์ พาลพ่าย หัวหน้าศูนย์วิจัยเทคโนโลยีตัวอ่อนและเซลล์ต้นกำเนิด มทส.และนายกสมาคมระบบสืบพันธุ์เอเชียซึ่งเป็นคนที่ 6 ของโลกที่ทำการโคลนนิ่งวัวสำเร็จ กล่าวว่า ทีมนักวิจัยของ มทส. มีผลงานการโคลนนิ่งที่ประสบผลสำเร็จ ประกอบด้วย ลูกโคโคลนนิ่ง 15 ตัว โดยในจำนวนนี้เป็นลูกโคที่เกิดจากการใช้เซลล์ใบหูพ่อโคบราห์มันชื่อ “ตูมตาม” เป็นเซลล์ต้นแบบซึ่งได้ลูกเกิดมา 7 ตัว และการโคลนนิ่งโดยการใช้เซลล์ใบหูแม่โคบราห์มันชื่อ “เบนซ์” ได้ลูก 5 ตัว ซึ่ง 1 ใน 5 ตัวนี้ มทส. ได้น้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไปเมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2548 และพระราชทานชื่อว่า “เต้าฮวย” นอกจากนี้ยังโคลนนิ่งแม่วัวนมชื่อ “346” ได้ลูกโคมา 3 ตัว ซึ่ง 1 ใน 3 ตัวดังกล่าวจะถวายแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในวันที่ 18 ต.ค.นี้ ขณะนี้ทางศูนย์วิจัยฯกำลังดำเนินโครงการโคลนนิ่งเพื่อการอนุรักษ์สัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ อาทิ กระทิง และแมวลายหินอ่อน โดยได้เริ่มศึกษาการโคลนนิ่งโดยทดลองย้ายฝากเซลล์กระทิงไปที่วัวและเกิดตั้งท้องไปแล้ว 35 วัน แต่ปรากฏว่าแท้งก่อน แต่ในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะทดลองกับแม่วัวอีกครั้งจำนวน 20-30 ตัว ซึ่งเชื่อว่าน่าจะได้ลูกกระทิง ส่วนการโคลนนิ่งแมวลายหินอ่อน เคยทดลองฝากเซลล์ไว้กับแมวบ้าน แต่ก็แท้งเช่นกัน นอกจากนี้ยังจะมีการศึกษาเกี่ยวกับเซลล์ต้นกำเนิดในหนู ลิง และมนุษย์อีกด้วย แต่ทั้งนี้การทดลองเซลล์ต้นกำเนิดในมนุษย์มีระเบียบของแพทยสภา ที่ห้ามนำตัวอ่อนมนุษย์ไปทำการวิจัย ดังนั้นตนจึงได้ทำความร่วมมือกับประเทศเกาหลี เพื่อนำเซลล์ต้นกำเนิดของคนเกาหลีมาทดลอง หากประสบความสำเร็จเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์อย่างมาก (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 13 ต.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





บะหมี่สำเร็จรูป กินมากทำไตพัง

นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา บรรณาธิการวารสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยเมื่อวานนี้ (13 ต.ค.) ว่า จากการสำรวจปริมาณโซเดียมอันตรายที่ซ่อนในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่มีการเก็บตัวอย่าง จำนวน 32 ตัวอย่าง มาทดสอบโดยสถาบันอาหาร เพื่อหาปริมาณโซเดียมที่มีอยู่ในเครื่องปรุงรส พบว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปส่วนใหญ่มีปริมาณโซเดียมร้อยละ 50-100 ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน และมีบางยี่ห้อที่ทำขนาดใหญ่กว่าปกติ ที่เรียกว่าบิ๊กแพ็ค พบว่ามีโซเดียมสูงถึงร้อยละ 112 ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคแต่ละวัน การบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากกว่า 1 ซองต่อวัน โดยใช้เครื่องปรุงทั้งซอง จะทำให้ผู้บริโภคได้รับโซเดียมมากเกินไป รศ.ดร.ประไพศรี ศิริจักรวาล หัวหน้าฝ่ายมนุษย์ โภชนาการ สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ปริมาณโซเดียมที่แนะนำไว้ในบัญชีสารอาหาร ที่ควรบริโภคในแต่ละวันสำหรับคนไทย อยู่ที่ 2,400 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ขณะนี้การบริโภคเกินกว่ากำหนด และถือเป็นความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งทำให้ เป็นโรคหัวใจ เพราะฉะนั้น จึงมีการทบทวนปริมาณโซเดียมที่ควรบริโภคต่อวัน โดยปริมาณใหม่ที่แนะนำให้บริโภคจะอยู่ที่ ผู้ชายควรบริโภค 475- 1,475 มิลลิกรัม ผู้หญิงควรอยู่ที่ 400-1,200 มิลลิกรัม ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำลังทบทวนเพื่อปรับปรุงมาตรฐานการใส่เครื่องปรุงรสในผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ หากร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไป จะมีผลต่อระบบการทำงานของไต ไตต้องทำงานหนักเพื่อที่จะขับโซเดียมส่วนเกินออกไป หรือคนที่เป็นโรคไตอยู่แล้ว ก็จะเกิดปัญหาการคั่งค้างของโซเดียมอยู่ในร่างกาย ทำให้เกิดปัญหาความดันโลหิตสูง ทางที่ดีไม่ควรกินบะหมี่สำเร็จรูปเกินวันละ 1 ซอง และควรต้มให้สุก อย่ารับประทานแบบเปล่า เพราะบะหมี่จะไปพองตัวในกระเพาะทำให้เกิดอาการจุกแน่นได้ (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 14 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





สกว.พบวิธีรักษา ’มะเร็ง

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 ต.ค. ที่โรงแรมรีเจ้นท์ ชะอำ จ.เพชรบุรี มีการประชุมนักวิจัยรุ่นใหม่พบเมธีวิจัยอาวุโส สกว. เปิดโอกาสให้นักวิจัยกว่า 500 คน ได้พบปะแลกเปลี่ยนกับนักวิจัยอาวุโส ของประเทศกว่า 60 คน ภายในงานสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ได้นำเสนอผลงานวิจัยในด้านเกษตร สาธารณสุข วิศวกรรม จำนวน 10 เรื่อง และหนึ่งในนั้นคือ การรักษามะเร็งด้วยการกระตุ้นภูมิต้านทานเม็ดเลือดขาว ของ รศ.นพ.สุรเดช หงส์อิง ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี ม.มหิดล รศ.นพ.สุรเดช กล่าวว่า ทุกวันนี้มีผู้ป่วยโรคมะเร็งจำนวนมากต้องประสบปัญหาการกลับมาของโรคมะเร็ง เนื่องจากการรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัดทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายอยู่ในภาวะต่ำ ดังนั้นจึงได้ทำงานวิจัยเรื่องการรักษามะเร็งด้วยการกระตุ้นภูมิต้านทานเม็ดเลือดขาว สำหรับการวิจัยคือ การนำเม็ดเลือดขาวจากไขกระดูกหรือเลือดในร่างกายออกมาผ่านกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพและจำนวนในหลอดทดลอง พร้อมนำกลับเข้าร่างกายเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง จากผลการทดลองพบว่า เซลล์เม็ดเลือดขาวที่ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นจากเดิมที่เซลล์เม็ดเลือด ขาว ซึ่งไม่สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้เลย กลับสามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้นกว่าเดิม 50-100 เท่า นำไปทดลองในหนูได้ผลเป็นที่น่าพอใจ จึงมีความเป็นไปได้มากในการนำมาใช้รักษาผู้ป่วยซึ่งมีอาการไม่มากนักให้หายขาดจากโรคมะเร็ง โดยปีหน้าจะทดลองกับผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งระยะร้ายแรง ด้านนางปฏิมา ตันติคมน์ กล่าวว่า ตนมีประสบการณ์มีเนื้องอกมดลูกและเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ จนต้องทำการผ่าตัดทิ้งทั้งมดลูกและรังไข่ จึงอยากรณรงค์ให้ผู้หญิงเริ่มต้นดูแลสุขภาพมดลูกตั้งแต่วัยเยาว์ เฝ้าระวังความผิดปกติจากรอบเดือนหรือการเจ็บป่วยที่เกิดจากระบบสืบพันธุ์ ผู้หญิงอายุ 30 ปี ขึ้นไปควรปรึกษาสูตินรีแพทย์ตลอดเวลา ฯ (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 14 ต.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





โปรแกรมวางแผนจราจร แสดงผ่านภาพวิดีโอมุมกว้างมองเห็นรอบทิศ

นายฉัตรชัย เดชา นักวิจัยจากบริษัท อิวาเนะ แลปบอราทอรี่ส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สถาบันได้คิดค้นระบบค้นหาและเชื่อมต่อข้อมูลจากภาพวิดีโอมาตลอด 3 ปี เพื่อใช้ร่วมกับการวางระบบจราจรของกรมทางหลวงญี่ปุ่น และ 6 เดือนที่ผ่านมาระบบดังกล่าวได้พัฒนาให้สามารถใช้กับเส้นทางจราจรในประเทศไทย ระบบดังกล่าว ใช้กล้องวิดีโอ 6 ตัวบันทึกภาพเส้นทางที่ต้องการ โดยแต่ละตัวจะเก็บภาพในมุมมองของตัวเอง จากนั้นทีมงานจึงนำภาพทั้ง 6 มุมมองมาประกอบกันเป็นภาพที่สามารถมองได้ 360 องศามองได้รอบทิศทาง เพื่อจำลองเส้นทางเดินรถ นอกจากนี้ โปรแกรมยังสามารถดึงภาพถ่ายดาวเทียมมาใช้ประกอบ เพื่อดูภาพมุมมองแผนที่ที่ต่างกันออกไป ระบบสามารถจะแสดงข้อมูลทางหลวง ทั้งยังสามารถแสดงตำแหน่งที่ต้องการค้นหาได้อย่างรวดเร็ว และค้นหาได้ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งแผนที่สากล แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ แผนที่ดาวเทียม หรือเลือกดูแผนที่ในแต่ละแบบพร้อมกันได้ด้วย โปรแกรมออกแบบเมนูใช้งานให้เป็นภาษาไทย ผู้ใช้สามารถคลิกเลือกดูภาพแผนที่ในมุมมองที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นภาพด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้าง พร้อมทั้งภาพถ่ายทางอากาศในพื้นที่นั้นๆ ได้ทันที ระบบดังกล่าวยังไม่สามารถรองรับการทำงานตามเวลาจริงได้ เนื่องจากต้องใช้งบประมาณในการติดตั้งกล้องถ่ายภาพไว้ตามจุดต่างๆ เป็นจำนวนมาก ทำให้ค่าใช้จ่ายสูง หากมีการพัฒนากล้องรุ่นใหม่ที่มีความคมชัด ก็จะสามารถบอกรายละเอียดของพื้นที่ได้มากขึ้น นอกจากนี้ ระบบสามารถใช้งานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐเพื่อวิเคราะห์พื้นที่ในบริเวณที่ต้องการปรับปรุง และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ทำแหล่งข้อมูลแผนที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ด้วย ปัจจุบัน กรมทางหลวงได้นำโปรแกรมดังกล่าวไปใช้ในโครงการทดลองเพื่อนำเทคโนโลยีมาช่วยในการวิเคราะห์พร้อมทั้งช่วยปรับสมรรถภาพในการควบคุมดูแลถนนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในส่วนพื้นที่เขตรามอินทรา แจ้งวัฒนะ และวิภาวดี เพื่อดูความเหมาะสมก่อนการนำมาใช้งานครอบคลุมทุกพื้นที่จริงในอนาคต (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 14 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ชวนกินปลาสัปดาห์ละครั้ง ป้องกันสมองเสื่อมยามแก่

งานวิจัยยืนยันว่า เนื้อปลาช่วยชะลอความชราของสมอง และยิ่งถ้าเป็นโรคอ้วนในช่วงวัยกลางคน โอกาสเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อมจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ปลาเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมกา-3 ซึ่งเป็นกรดไขมันที่เพิ่มการทำงานในสมอง ทั้งลดความเสี่ยงในโรคหลอดเลือดสมองได้ดี การรับประทานปลาเป็นประจำช่วยปกป้องสมองเมื่อแก่ตัวลง นักวิจัยจากศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยรัช ในชิคาโก ได้ศึกษาลึกลงไปอีก พบว่า ผู้ที่บริโภคปลา 1 มื้อต่อสัปดาห์ หรือมากกว่า จะช่วยลดอัตราของโรคสมองเสื่อมไปประมาณร้อยละ 10-13 ต่อปี เหมือนกับได้สมองที่อ่อนกว่าวัยจริง 3-4 ปี เมื่อเทียบกับผู้ที่รับประทานน้อยกว่าสัปดาห์ละครั้ง ประโยชน์ของการรับประทานปลาที่ช่วยป้องกันสมองเสื่อมนี้เห็นได้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน นักวิจัยสวีเดนจากสถาบันคาโรลินสกา ในกรุงสตอกโฮล์ม สำรวจพบว่า โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง และระดับคอเลสเตอรอลในช่วงวัยกลางคน จะเพิ่มความเสี่ยงโรคสมองเสื่อมขึ้น 2 เท่าในตอนแก่ โดยหากมีปัญหาสุขภาพในทั้ง 3 ตัวนี้ทั้งหมด ความเสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อมก็เพิ่มขึ้นทวีคูณเป็น 6 เท่าเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับคนที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงเลย (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 14 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ไบโอดีเซลจากน้ำมันก้นครัว

เครื่องผลิตน้ำมันไบโอดีเซลที่พัฒนาโดยนายกัมพล ประทีปชัยกุล อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และทีมงาน สามารถผลิตไบโอดีเซลได้ทั้งจากน้ำมันพืช น้ำมันสัตว์ทุกชนิด รวมไปถึงน้ำมันที่ใช้แล้วในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องสาธิตดังกล่าวมีอัตราการผลิต 5 ลิตรต่อชั่วโมง และเมื่อพัฒนาอัตราการผลิตจะเพิ่มเป็น 120 ลิตรต่อชั่วโมง เครื่องผลิตไบโอดีเซลแบ่งเป็น 2 รูปแบบคือ ผลิตแบบเป็นกะและผลิตแบบต่อเนื่อง สำหรับชุดสาธิตเครื่องผลิตน้ำมันไบโอดีเซลที่พัฒนาขึ้นมานี้ เป็นแบบต่อเนื่อง และในการผลิตหากใช้น้ำมันที่ใช้แล้วมาเป็นวัตถุดิบ จะช่วยให้ผลผลิตไบโอดีเซลที่ได้ราคาไม่แพง เนื่องจากปัจจุบันน้ำมันที่ใช้ในการปรุงอาหารยังไม่ค่อยถูกนำไปใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีการรวบรวมที่ดี นอกจากจะได้ไบโอดีเซลต้นทุนต่ำแล้ว ยังจะช่วยลดการใช้น้ำมันใช้แล้วทอดซ้ำอีกด้วย ในการเปลี่ยนน้ำมันพืชใช้แล้วเป็นน้ำมันพืชบริสุทธิ์ เครื่องผลิตไบโอดีเซลต้มวัตถุดิบให้ร้อนประมาณ 60 องศาเซลเซียส จากนั้นทำปฏิกิริยากับแอลกอฮอล์ คือ เมทานอล โดยมีโซดาไฟเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ให้ความร้อนแก่ระบบ 60-65 องศาเซลเซียส ภายในถังปฏิกรณ์ ผลผลิตที่ได้ออกมาคือไบโอดีเซล กลีเซอรอล และอื่นๆ จากนั้นค่อยแยกสารไบโอดีเซลและกลีเซอรอลออกจากกัน อย่างไรก็ดี ไบโอดีเซลที่ได้ออกมานั้น ยังไม่สามารถนำมาใช้งานได้ ต้องไปผ่านการล้างน้ำเพื่อล้างสารต่างๆ ที่เหลือจากการทำปฏิกิริยาที่ปะปนมาออกเสียก่อนถึงจะได้ไบโอดีเซลบริสุทธิ์ สามารถนำไปใช้งานในเครื่องยนต์ดีเซลได้เลย โดยไม่ต้องปรับแต่งเครื่องยนต์ ส่วนข้อดีของการใช้น้ำมันไบโอดีเซล ก็คือ จะให้มลพิษ รวมไปถึงควัน และเขม่าน้อยกว่าน้ำมันดีเซลด้วยซ้ำ (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 14 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





สธ.ผลิตสเต็มเซลล์ป้อนโรงพยาบาลทั่วประเทศ

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขได้ลงนามความร่วมมือสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และมหาวิทยาลัยมหิดล เรื่องการวิจัยพัฒนาการใช้ประโยชน์เซลล์ต้นกำเนิด เพื่อเพาะเลี้ยง ตรวจสอบและเก็บรักษาเซลล์ต้นกำเนิดทางห้องปฏิบัติการ ให้โรงพยาบาลทั่วประเทศใช้รักษาผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียชนิดรุนแรง ผู้ป่วยกลุ่มที่มีการทำลายเซลล์ต้นกำเนิดผิวกระจกตา เช่น โรคสตีเวน-จอห์นสัน ซินโดรม และผู้ป่วยที่มีบาดแผลจากสารเคมี รวมถึงพัฒนาธนาคารสเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือทารกแรกเกิด เพื่อรักษาโรคต่างๆ กว่า 70 ชนิด นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ดำเนินโครงการวิจัยพัฒนาและห้องปฏิบัติการเซลล์ต้นกำเนิด (สเต็มเซลล์) ในรูปแบบโครงการต่อเนื่อง 3 ปี งบประมาณ 40 ล้านบาท โดยรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากมหาวิทยาลัยมหิดลและสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และหวังที่จะเป็นหน่วยงานด้านเซลล์ต้นกำเนิด โดยเฉพาะการเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์เพื่อนำไปสู่การรักษาโรค ที่ยังไม่มีทางรักษาให้หายขาดรวมถึงโรคทางพันธุกรรม สำหรับระยะแรก งานวิจัยของห้องปฏิบัติการจะมุ่งการเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์จากผิวกระจกตา สำหรับรักษาผู้ป่วยเซลล์ผิวกระจกตาถูกทำลาย และสเต็มเซลล์ที่ใช้รักษาผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือด รวมถึงจัดตั้งธนาคารเลือดสายสะดือทารกแรกเกิดในประเทศไทย ที่สามารถนำเลือดสายสะดือทารกมาใช้ได้ทันทีหากต้องการ คาดว่าจะเริ่มให้การรักษาผู้ป่วยได้ภายใน 1 ปี (ประชาชาติธุรกิจ ศุกร์ที่ 14 ต.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





หลอดดูดน้ำไฮเทค"ไลฟ์สตรอว์" เปลี่ยนน้ำสกปรกเป็นน้ำใสเพื่อสุขภาพ

ในงาน "อะควาเทค เอเชีย 2005" ครั้งที่ 6 ซึ่งรวบรวมผลงานเทคโนโลยีที่ทันสมัยด้านการจัดการทรัพยากรน้ำ และบำบัดน้ำเสีย ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมไบเทค มีนวัตกรรมการจัดการน้ำต่างๆ ที่ทันสมัย จากบริษัทชั้นนำกว่า 20 ประเทศ อาทิ จีน สหรัฐอเมริกา เดนมาร์ก สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และไทยมาร่วมงาน ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความสนใจอย่างมากอย่างหนึ่งในงานนี้ คือ "หลอดดูดน้ำช่วยชีวิต" ชนิดพกติดตัว หรือ "ไลฟ์สตรอว์" จากประเทศเดนมาร์ก ซึ่งเป็นเครื่องกรองน้ำพกติดตัวขนาดเล็กขนาด ยาว 25 ซ.ม. มีเส้นผ่ารอบวง 29 ม.ม.เท่านั้น แต่มีคุณสมบัติสามารถกรองน้ำทั่วไปให้สามารถสะอาดจนสามารถดื่มได้ มีคนสนใจมาก โทมอน เวสเตอร์การ์ด เฟรนด์เซน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์บริษัทเวสเตอร์การ์ด เฟรนด์เซน กล่าวถึงคุณสมบัติของหลอดดูดช่วยชีวิต ว่า หลอดดูดกรองน้ำดังกล่าวถูกออกแบบขึ้นเพื่อให้ใช้ประโยชน์สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร ขาดแคลนน้ำสะอาด โดยเฉพาะกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องการดื่มน้ำสะอาดปราศจากเชื้อโรค เนื่องจากหลอดดูดนี้สามารถฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ได้ อาทิ เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และปรสิตที่อยู่ในน้ำ เนื่องจากมีฟิลเตอร์ของสาร "ไอโอไดน์" และ "คาร์บอน" ไว้กรองและฆ่าเชื้อโรคเมื่อน้ำเดินทางผ่านท่อภายในหลอด ทำให้กลายเป็นน้ำสะอาดดื่มได้อย่างปลอดภัย สามารถใช้หลอดนี้ดูดน้ำจากแหล่งน้ำต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำ ลำคลอง หรือน้ำบ่อ น้ำตามลำธารได้เลย เพราะหลอดจะทำหน้าที่กรองความสะอาดให้ และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยแต่ละหลอดจะมีอายุการใช้งานอยู่ หนึ่งถึงหนึ่งปีครึ่ง ราคาหลอดละประมาณ 120-170 บาท นอกจากนี้ ในงานยังมีการจัดแสดงนวัตกรรมด้านการจัดการน้ำที่ทันสมัยและน่าสนใจอีกหลายอย่าง อาทิ "เครื่องผลิตน้ำดื่มจากอากาศ" ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทไฮฟลักซ์ ประเทศสิงคโปร์ สามารถนำไปติดตั้งได้ตามบ้านเรือนหรือสำนักงาน แค่เพียงเสียบปลั๊กไฟฟ้า เครื่องก็จะสามารถผลิตไอน้ำที่อยู่ในอากาศออกมากลายเป็นน้ำดื่มที่สะอาด ปราศจากเชื้อโรค โดยไม่ต้องใช้น้ำจากท่อน้ำประปา ราคาเครื่องละ 29,000 บาท (ข่าวสด ศุกร์ที่ 14 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ข่าวทั่วไป


ผู้ป่วยสมองเสื่อมพุ่งกว่า 2 แสน ‘อัลไซเมอร์’ แชมป์

น.พ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยถึงปัญหาภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ ว่าเป็นปัญหาที่มีความสำคัญ เนื่องจากส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตทั้งผู้ป่วย ผู้ดูแล และสังคม จากการศึกษาความชุกของกลุ่มอาการสมองเสื่อมในประชากรสูงอายุไทย ของสถาบันวิจัยสาธารณสุขไทย มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ และสำนักนโยบายและแผนสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข พบว่าปัจจุบันมีความชุกประมาณ 3.2% หรือประมาณ 218,000 คน คาดว่าในอนาคตจะมีผู้สูงอายุที่มีปัญหาจากกลุ่มอาการสมองเสื่อมเพิ่มขึ้นประมาณ 3.4% ในจำนวนนี้จะเป็นเพศหญิงมากกว่าชายประมาณ 2 เท่า โดยความชุกของโรคดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นตามอายุที่สูงขึ้น โรคสมองเสื่อมที่พบมากที่สุดคือ อัลไซเมอร์ รองลงมา คือสมองเสื่อมจากโรคหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากการติดเชื้อในสมอง การขาดวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินบี 1 หรือวิตามินบี 12 การได้รับสารพิษบางชนิด และต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ เป็นต้น ทั้งนี้ หากผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมที่ได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่ระยะแรก จะช่วยชะลอการดำเนินโรคให้ช้าลง ทำให้ผู้ป่วยช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้นและลดภาระของผู้ดูแลผู้ป่วยลงได้ จากการวิจัยพบว่า การใช้ชีวิตกระฉับกระเฉงโดยการออกกำลังกายในช่วงวัยกลางคน เช่น การเดินจะทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนฮิปโปแคมปัสเป็นการลดความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อม นอกจากนี้การวิ่งและการปั่นจักรยาน นอกจากจะช่วยลดและควบคุมน้ำหนักตัว ยังทำให้หลอดเลือดหัวใจขยายตัวและร่างกายแข็งแรงขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคดังกล่าวโดยผู้ที่ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง สามารถลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคสมองเสื่อมได้ถึง 60%. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 10 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





คุมเข้มยาฆ่าแมลงจากจีน

นายจิรากร โกศัยเสวี รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยได้มีการนำเข้าวัตถุอันตรายทางการเกษตรจาก 42 ประเทศ ทั้งสารเคมีป้องกันกำจัดวัชพืช สารเคมีป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืช รวมทั้งสิ้น 53,194 ตัน โดยเฉพาะสารเคมีจากจีนมีการนำเข้าสูงเป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็นร้อยละ 50.54 ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมด คิดเป็นร้อยละ 16.93 ซึ่งไทยจำเป็นต้องเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมและตรวจสอบสารเคมีที่นำเข้า เพื่อให้เกษตรกรไทยได้ใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตรที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน กรมวิชาการเกษตรได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฉพาะกิจ ตรวจกักสารเคมีที่ด่านนำเข้าทุกชิ้นและทุกล็อต แล้วเก็บตัวอย่างมาวิเคราะห์คุณภาพเพื่อป้องกันการลักลอบนำสารเคมีทางการเกษตรที่ถูกห้ามใช้ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน 98 ชนิดเข้ามาในประเทศ หากพบว่าอันตรายไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน จะให้ผู้นำเข้าส่งสินค้าทุกรายการที่ผิดมาตรฐานกลับคืนประเทศต้นทาง (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 10 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





กรีนพีซชี้อันตรายมาบตาพุด สารพิษเกินมาตรฐาน3พันเท่า

นายธารา บัวคำศรี ผู้ประสานงานรณรงค์ของกรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า กรีนพีซร่วมกับกลุ่มศึกษาและรณรงค์มลภาวะอุตสาหกรรม(CAIN) และโกลบอล คอมมิวนิตี้ มอนิเตอร์(Global Community Monitor) ได้พบหลักฐานอันน่าตกใจในการวิเคราะห์ตัวอย่างอากาศที่ปล่อยจากโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ซึ่งมีค่าเกินมาตรฐานที่กำหนดไว้ในประเทศพัฒนอุตสาหกรรมสูงสุดกว่า 3,000 เท่า ทั้งนี้ มลพิษทางอากาศที่เคยเกิดขึ้นอย่างรุนแรงในปี 2540 ยังคงเกิดขึ้น ประชาชนเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง ทารกพิการ และโรคร้ายต่างๆ สำหรับสารเคมีอันตรายร้ายแรงบางชนิดที่ปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่องจากโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มีทั้งสารก่อมะเร็ง อย่างเบนซินที่มีปริมาณเกินระดับการเฝ้าระวังคุณภาพอากาศในบรรยากาศขององค์กรพิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา(USEPA) สูงสุดถึง 60 เท่า ไวนิลคลอไรด์ สูงสุด 86 เท่า เอธีลีนไดคลอไรด์ สูงสุดถึง 3,378 เท่า และคลอโรฟอร์ม สูงสุดถึง 119 เท่า (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 10 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





"ยิว-มะกัน"คว้าโนเบลเศรษฐศาสตร์

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายโรเบิร์ต ออมันน์ ชาวอเมริกันเชื้อสายยิว และนายโธมัส เชลลิง ชาวอเมริกัน เป็นสองนักเศรษฐศาสตร์ที่คว้ารางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ประจำปี 2548 นี้ไปครองร่วมกัน จากผลงานการนำเอาทฤษฎีเกมมาใช้วิเคราะห์ปรากฏการณ์ทางด้านเศรษฐศาสตร์ คณะกรรมการพิจารณารางวัลโนเบลประกาศยกย่องผลงานของทั้งคู่ว่าช่วยเสริมสร้างความเข้าใจปัญหาเรื่องความขัดแย้งและความร่วมมือกันในทางเศรษฐศาสตร์มากขึ้น โดยการอธิบายด้วยทฤษฎีของเกมดังกล่าว ซึ่งช่วยสร้างความกระจ่างชัดถึงเหตุผลเบื้องหลังพฤติกรรมของสถาบันต่างๆ ในสังคม ทฤษฎีดังกล่าวเชลลิ่งคิดค้นขึ้นในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อนำเอาไปอธิบายประเด็นเรื่องความมั่นคงของโลก และการแข่งขันกันสะสมอาวุธ ต่อมาออมันน์นำเอาทฤษฎีดังกล่าวมาต่อยอดด้วยวิธีการวิเคราะห์เชิงคณิตศาสตร์ และนำมาใช้ในการอธิบายถึงความขัดแย้งในเชิงเศรษฐศาสตร์ อาทิ การทำสงครามราคา และสงครามการค้า เช่นเดียวกับการให้คำอธิบายว่าทำไมสังคมหนึ่งถึงประสบความสำเร็จมากกว่าสังคมอื่นในเชิงการจัดการทรัพยากรร่วม ทั้งยังสามารถนำมาใช้อธิบายเบื้องหลังของสถาบันต่างๆ ในสังคมตั้งแต่การรวมกลุ่มของอาชีพต่างๆ ไปจนถึงองค์กรอาชญากรรม, การเจรจาต่อรองค่าจ้างแรงงานไปจนถึงการเจรจาเพื่อทำความตกลงทางการค้าระหว่างประเทศ โรเบิร์ต ออมันน์ เกิดในแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี ต่อมาได้สัญชาติอเมริกัน และอิสราเอล ปัจจุบันเป็นศาสตราจารย์สอนอยู่ในมหาวิทยาลันฮีบรูว์ ในนครเยรูซาเลม ประเทศอิสราเอล ส่วนโธมัส เชลลิ่ง เป็นศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแมรีแลนด์ สหรัฐอเมริกา และเป็นศาสตราจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (มติชนรายวัน อังคารที่ 11 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





ท็อปเทนของโลก

“รัสเซล แอช” เป็นผู้หนึ่งที่รวบรวมสถิติสิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้ และนำมาพิมพ์จำหน่ายทุกปี ปีนี้ให้ชื่อว่า “THE TOP 10 OF EVERYTHING 2006” ในหนังสือเล่มนี้มีข้อมูลน่าสนใจหลายเรื่อง แม้ส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลในปี 2003 บ้าง 2004 บ้าง แต่อ่านแล้ว พอเป็นแนวทาง ได้ว่า ท็อปเทนของโลกในแต่ละด้านมีอะไรบ้าง เช่น ประเทศที่มีประชากรมากสุดในโลก ปี 2006 คือ จีน (ประมาณ 1,314 ล้านคน) ตามด้วย อินเดีย สหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย บราซิล ปากีสถาน บังกลาเทศ รัสเซีย ไนจีเรีย และญี่ปุ่น ภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุด อัน ดับหนึ่ง คือ ไททานิค (1,845 ล้านเหรียญสหรัฐ) ตามด้วย LORD OF THE RINGS : THE RETURN OF THE KING และ HARRY PORTER AND THE PHILO SOPHER’S STONE ประเทศที่ผลิตภาพยนตร์มากที่สุดในโลก คือ อินเดีย ในปี 2003 ผลิตทั้งหมด 1,100 เรื่อง ตามด้วยสหรัฐอเมริกา (593 เรื่อง) ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อังกฤษ จีน อิตาลี สเปน และเยอรมนี ประเทศที่บริจาคเงินช่วย โรคเอดส์ มากที่สุดได้แก่ สหรัฐอเมริกา ในปี 2004 บริจาคเป็นเงิน 18,999 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามมาติดคือ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมนี ดารา นักร้อง นักกีฬา ผู้กำกับหนัง และผู้ประพันธ์หนังสือที่มีรายได้สูงสุดในปี 2004 คือ เมล กิปสัน และ โอปร่า วันฟรีย์ (210 ล้านเหรียญสหรัฐ) ตามด้วยนักประพันธ์ชื่อ เจ.เค.โรว์ลิ่ง และนักขับรถแข่งชื่อ ไมเคิล ชูมัคเกอร์ ตลอดจนนักกอล์ฟชื่อ ไทเกอร์ วูดส์ ยี่ห้อสินค้าที่มี คุณค่าสูงสุด ของโลกคือ โคคา โคลา มีมูลค่าในปี 2004 ถึง 67,394 ล้านเหรียญสหรัฐ ไมโครซอฟต์เป็นอันดับสอง และอันดับสามคือไอบีเอ็ม โตโยต้าของญี่ปุ่นติดอันดับเก้า ประเทศที่ประชากร บริโภคไข่ มากที่สุดคือ ญี่ปุ่น ผัก คือ คิวบา เนื้อสัตว์ คือ สหรัฐอเมริกา ปลา คือ มัลดีฟส์ ข้าว คือ พม่า กาแฟ คือ ฟินแลนด์ ส่วน ชา คือ ไอร์แลนด์ ประเทศที่ผลิต รถยนต์นั่ง มากที่สุดในโลกปี 2004 คือ ญี่ปุ่น ตามด้วย เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ติดอันดับห้า ในปี 2003 สนามบินที่มีผู้โดยสารเข้าออกมากสุดคือ แอตแลนตา ฮาร์ท ฟิลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล เมืองแอตแลนตา สหรัฐอเมริกา (79 ล้านคน) ตามด้วย สนามบินชิคาโกโอแฮร์ ลอนดอนฮิวโทรว์ และโตเกียว อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากสุดคือ ฝรั่งเศส สเปน สหรัฐอเมริกา อิตาลี และจีนโดยลำดับ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เกิด สึนามิเลวร้ายที่สุดเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2004 เสียชีวิตมากถึง 287,534 ศพ ตามด้วย กรากาตัว เกาะสุมาตรา เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 1,883 ครั้งนั้นเสียชีวิตเพียง 36,380 ศพ ส่วน แผ่นดินไหว ที่เพิ่งเกิดที่ปากีสถานไม่กี่วันมานี้ เลวร้ายสุด เกิดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 1202 คร่าชีวิต 1,100,000 คน ที่ NEAR EAST เมดิเตอร์เรเนียน คราวนี้หันมาดู รัฐวิสาหกิจในประเทศไทย กันบ้าง เมื่อ 30 กันยายน 2548 ที่ผ่านมานี้ กระทรวงการคลังได้จัดงานมอบ รางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น 2548 ขึ้นที่หอประชุมกองทัพเรือ หนึ่งในรัฐวิสาหกิจที่ได้รับ รางวัลการบริหารจัดการองค์กรดีเด่น คือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มีหลายท่านสนใจว่าใครบ้าง คือผู้บริหารของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ. กฟภ. มี นายสุจริต ปัจฉิมนันท์ ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็น ประธานคณะกรรมการฯ และ นายประเจิด สุขแก้ว เป็น ผู้ว่าการฯ ด้วยเป็นองค์กรใหญ่จึงมี รองผู้ว่าการฯ จำนวนมากถึง 13 คน กฟภ.ได้รับรางวัล เพราะ มีการปรับโครงสร้างองค์กรเป็น หน่วยธุรกิจ ครบวงจร มี การกระจายอำนาจ ให้ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ จัดการบริหารความเสี่ยงได้ดี และนำเอา ระบบคอมพิวเตอร์ ตลอดจนเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาใช้ในการบริหารงานทุกระดับ (เดลินิวส์ พุธที่ 12 ต.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





สร้างพิพิธภัณฑ์"14ตุลา"เสริมท่องเที่ยวราชดำเนิน

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ร่วมกับน.พ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานมูลนิธิ 14 ต.ค. แถลงข่าวเรื่องการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ 14 ตุลา และพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยบนถนนราชดำเนิน นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ได้หารือกับคณะกรรมการมูลนิธิ 14 ตุลาเกี่ยวกับแนวคิดการก่อสร้างดังกล่าว เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่ย้อนไปถึงปี 2516 สอดคล้องกับนโยบายที่จะให้กรุงเทพฯเป็นมหานครแห่งการเรียนรู้ในปี 2549 ใช้งบกทม. 60 ล้านบาท โดย พิพิธภัณฑ์ 14 ตุลา ใช้งบ 43 ล้านบาท ที่จะปรับปรุง อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาเพื่อก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ภายในอนุสรณ์สถานประกอบด้วย การศึกษาและรวบรวมประวัติศาสตร์จากคำบอกเล่าของผู้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ 14 ตุลา เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้สืบทอดเจตนารมณ์และอุดมการณ์ที่มุ่งมั่นของวีรชน 14 ตุลา ที่จะสร้างความรู้สึกรักและหวงแหนเสรีภาพและประชาธิปไตย คาดว่าจะใช้เวลาสร้าง 1 ปีเปิดใช้วันที่ 14 ต.ค. ปี 2549 พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ประชาธิปไตย ใช้งบ 17 ล้านบาท ซึ่งจะสำรวจเส้นทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่หมดยุคของคณะราษฎร์ในปี 2475 ที่เปลี่ยนแปลงการปกครอง บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าไปถึงมหาวิทยาลัยศิลปากร เพื่อใช้อาคารสถานที่ตลอดแนวถนนราชดำเนิน และจัดสร้างประติมากรรม แผนที่ รูปภาพประวัติ นิทรรศการ หรือสัญลักษณ์ต่าง ๆ เพิ่มเติมเพื่อบอกเล่าเรื่องราว ประวัติศาสตร์ประชาธิปไตย นอกจากการเรียนรู้แล้วยังใช้เป็นเส้นทางการท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ได้ด้วย ส่วนนี้อยู่ระหว่างออกแบบ. (เดลินิวส์ พุธที่ 12 ต.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ผลิตเหรียญ20บาท100ปีหอสมุด

รายงานข่าวจากกรมธนารักษ์แจ้งว่า กรมธนารักษ์ได้จัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบ 100 ปี หอสมุดแห่งชาติ ในวันที่ 12 ตุลาคม 2548 โดยรูปแบบของเหรียญกษาปณ์เป็นโลหะสีขาว(ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคา 20 บาท ประเภทธรรมดา ด้านหน้ามีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ด้านหลัง มีรูปด้านหลังของเหรียญที่ระลึกหอพระสมุดวชิรญาณ มีข้อความบอกราคาว่า "๒๐ บาท" ภายในวงขอบเหรียญเบื้องบนมีข้อความว่า "๑๐๐ ปี หอสมุดแห่งชาติ ๑๒ ตุลาคม ๒๔๔๘-๒๕๔๘" และ "ประเทศไทย" ตามลำดับ ผู้ประสงค์จะขอแลกเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกดังกล่าว ติดต่อขอแลกได้ตามวันและสถานที่ ดังต่อไปนี้ ส่วนกลางติดต่อขอแลกได้ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2548 เป็นต้นไปที่หน่วยจ่ายแลกเหรียญกษาปณ์ สำนักบริหารเงินตรา กรมธนารักษ์ ส่วนภูมิภาค สอบถามรายละเอียดและติดต่อขอแลกได้ที่สำนักงานคลังจังหวัด สำนักงานคลังจังหวัด ณ อำเภอ ทั่วราชอาณาจักร (มติชนรายวัน พุธที่ 12 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





วธ.ได้ 3 ทำเลเหมาะแกะสลักภูเขาหิน

คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ ปลัดกระทรวง วัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ กระทรวง วัฒนธรรมได้ประชุมร่วมกับตัวแทนจากกรมทรัพยากร ธรณี เพื่อหารือเกี่ยวกับโครงการแกะสลักภูเขาหินทรายตามแนวคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยในเบื้องต้นทราบว่า คณะทำงานของกรมทรัพยากรธรณีได้ดำเนินการสำรวจพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อหาสถานที่ที่มีความเหมาะสมสำหรับการแกะสลัก รวมถึงได้มีการกำหนดแนวทางการออกแบบและการจัดสภาพแวดล้อมให้มีความเหมาะสม ซึ่งขณะนี้ได้รายชื่อสถานที่ที่น่าจะใช้ในการแกะสลักแล้ว 3 แห่ง ได้แก่ บริเวณเหนือเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก ซึ่งเป็นภูเขาขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็น ผาเรียบเรียงตัวกัน และมีความยาวหลายกิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีที่ภูเขาบริเวณอุทยานแห่งชาติออบหลวง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ และบริเวณเขาพางที่จังหวัดชุมพรด้วย สำหรับแนวคิดในการกำหนดพื้นที่แกะสลักหินทรายนั้น การตัดสินใจเลือกสถานที่ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยและสภาพแวดล้อมของสถานที่แต่ละแห่ง เนื่องจากมีศักยภาพแตกต่างกัน อาทิ คุณสมบัติของเนื้อหินที่ควรมีความแข็งแรงทนทาน หรือมีเนื้อหินที่แน่น มีรอยแตกน้อย และควรเป็นผาหินแกรนิต หรือผาหินแคลซิลิเกต หรือผาหินทรายที่สามารถแกะสลักได้ง่าย และควรมีขนาดใหญ่พอที่จะแกะสลักให้เป็นเรื่องราวต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้ยังจะต้องคำนึงถึงการคมนาคมที่สะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปเที่ยวชม รวมทั้งการดูแลรักษาและที่สำคัญบริเวณที่ทำการแกะสลักจะต้องไม่ทำลายสภาพภูมิทัศน์ที่มีอยู่เดิมด้วย ในเบื้องต้นได้กำหนดแนวทางการแกะสลักไว้กว้าง ๆ ว่าภาพที่จะแกะสลักนั้นอาจจะเป็นภาพบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์หรือเป็นเรื่องราวตำนานที่เป็นวิถีชีวิตของชาวไทยทั้ง 4 ภาค ก็ได้ ซึ่งหลังจากนี้คณะทำงานจะลงพื้นที่ไปสำรวจอย่างละเอียด และ วิเคราะห์ถึงแนวทางความเป็นไปได้ของพื้นที่แต่ละแห่งอีกครั้ง ก่อนจะนำเสนอ รมว.วัฒนธรรม ได้พิจารณาต่อไป (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 13 ต.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ยกเลิก22กลุ่มคนไม่ต้องมีบัตรปชช.

เมื่อวันที่ 12 ต.ค. นายชาญชัย สุนทรมัฏฐ์ อธิบดีกรมการปกครอง เปิดเผยว่า ตามที่ครม.มีมติอนุมัติหลักการให้กรมการปกครองปรับปรุงการกำหนดบุคคล ซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องมีบัตรประจำตัวประชาชนใหม่นั้น คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงเสร็จแล้ว หากประกาศใช้บังคับจะมีผลให้บุคคล 22 ประเภทจากทั้งสิ้น 28 ประเภท ซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องมีบัตรประจำตัวประชาชนต้องพ้นสภาพจากการยกเว้น และต้องยื่นคำขอมีบัตรภายในกำหนด 60 วัน บุคคลที่ต้องพ้นสภาพการยกเว้น 22 ประเภท รวมถึงองคมนตรี ข้าราชการการเมือง ข้าราชการฝ่ายต่างๆ อาทิ ทหาร ตำรวจ สมาชิกและพนักงานองค์การท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กรรมการอิสลาม รวมถึงข้าราชการบำเหน็จบำนาญ ส่วนบุคคล 6 ประเภทที่ยังได้รับการยกเว้น 1.สมเด็จพระบรมราชินี 2.พระบรมวงศานุวงศ์ ตั้งแต่ชั้นพระองค์เจ้าขึ้นไป 3.ภิกษุ สามเณร นักพรต และนักบวช 4.ผู้มีกายพิการเดินไม่ได้ หรือเป็นใบ้ หรือตาบอดทั้งสองข้าง หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 5.ผู้อยู่ในที่คุมขังโดยชอบด้วยกฎหมาย 6.บุคคลซึ่งกำลังศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศ (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 13 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





"เหยื่อกำจัดปลวก" เทคโนฯนำเข้า

ดร.เสาวลักษณ์ พรกุลวัฒน์ ผู้จัดการแผนกเคมีเคหะภัณฑ์ บริษัท ดาว อะโกรไซแอนส์ (ประเทศไทย) จำกัด ธุรกิจในเครือกลุ่มดาวเคมิคอล เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินนโยบายการตลาดเชิงรุกธุรกิจกำจัดปลวก โดยได้นำเข้าระบบเหยื่อกำจัดปลวก "เซนตริคอน" จากสหรัฐอเมริกาเพื่อเปิดตลาดในประเทศหลังจากประสบความสำเร็จมาแล้วทั่วโลก โดยมีจุดเด่นที่แตกต่างคือ เป็นการวางระบบกำจัดปลวกด้วยเหยื่อ มีผลให้ลดปริมาณการฉีดพ่นหรือราดสารเคมีลงบนพื้นผิวโดยตรง ลดปัญหาการทำลายสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้อยู่อาศัย ใช้เวลาทำลายรังปลวกเพียง 4-6 สัปดาห์ ปัจจุบัน มีลูกค้าที่ใช้ระบบนี้กว่า 2 ล้านหลังคาเรือนทั่วโลก ในประเทศไทย ตั้งเป้าหมายว่าจะทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มสูงขึ้นเป็น 20-30% จากมูลค่าตลาดรวมปีละกว่า 700 ล้านบาท (ประชาชาติธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 13 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/prachachart)





ชุบชีวิตใหม่ผู้ป่วยลมชักถวาย 4 รอบชันษาเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์

รศ.นพ.ชัยชน โลว์เจริญกูล หัวหน้าโครงการรักษาผู้ป่วยโรคลมชักครบวงจร ในพระอุปถัมภ์ฯ เตรียมจัดประชุมวิชาการโรคลมชักเฉลิมพระเกียรติ 48 ชันษาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เพื่อเผยแพร่ความรู้เรื่องโรคลมชัก ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ระหว่างวันที่ 22-24 ต.ค. ณ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ พร้อมเปิดตัวโครงการ “ชีวิตใหม่ ใต้พระกรุณา” ผ่าตัดรักษาผู้ป่วยโรคลมชักฟรี โรคลมชักเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติในสมอง คือมีอาการแผลในสมอง ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่เด็กมีอาการไข้ขึ้นสูงจนชัก หรือประสบอุบัติเหตุเกิดแผลในสมอง และอาจเป็นโดยกำเนิดเนื่องจากเซลล์สร้างตัวไม่สมบูรณ์ โดยสมองส่วนที่ผิดปกติจะปล่อยไฟฟ้าออกมา ทำให้ควบคุมตัวเองไม่ได้ คนเป็นโรคนี้จะมีอาการชักประมาณ 2-3 นาที ก็หายไป คนที่เป็นโรคนี้จะมีความทุกข์ทรมานมาก เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอาการชักขึ้นกับตัวเองเมื่อไหร่ ทำให้การดำเนินชีวิตมีปัญหา บางรายเป็นหนักเข้าก็ถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย ซึ่งหากคนไข้มาพบแพทย์และได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี ก็ช่วยบรรเทาอาการของโรคลงได้. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 14 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





กวีผู้ดีคว้าโนเบลสาขาวรรณกรรมปีนี้

เมื่อวันพฤหัสบดี คณะกรรมการประกาศรางวัลโนเบลในกรุงสตอกโฮล์ม เมืองหลวงสวีเดนแจ้งว่า นายฮาโรล์ด พินเตอร์ นักเขียนและกวีชาวอังกฤษวัย 75 ปี เป็นผู้คว้ารางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมประจำปีนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาส่งเสริมสิทธิมนุษยชนควบคู่ไปกับงานเขียนของเขา สำหรับผลงานที่ผ่านมาของนายพินเตอร์ ที่ได้รับการยอมรับได้แก่เรื่อง “เดอะรูม”, “เดอะ เบิร์ธเดย์ ปาร์ตี้” และ “เดอะ แคร์เทคเกอร์” นอกจากนี้ เขายังเขียนบทสำหรับภาพยนตร์อาทิ “ดิ แอ็คซิเดนท์” และ “เดอะ โก-บีทวีน” นายโฮเรซ อิงดาห์ล เลขานุการของคณะกรรมการโนเบลบอกว่า นายพินเตอร์ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นในการโหวตของคณะกรรมการฯ (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 14 ต.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





3 เด็กไทยเข้าค่ายนานาชาติ เหินฟ้าเรียนรู้ป่าแอฟริกาใต้

เยาวชนกว่า 50 คนจาก 15 ประเทศในเอเชียและแอฟริกาใต้ เข้าร่วมโครงการค่ายนานาชาติคาเธ่ย์ แปซิฟิค เพื่ออนุรักษ์สัตว๎ป่าและสิ่งแวดล้อมครั้งที่ 11 ณ เขตอนุรักษ์เอ็นตาเบนิ เกม ในเมืองโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ เป็นเวลา 9 วัน ซึ่งเยาวชนเหล่านี้มาจากประเทศต่างๆ อาทิเช่น ฮ่องกง ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ไต้หวัน อินเดีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ เวียดนาม ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ บาห์เรน ปากีสถาน แอฟริกาใต้ และประเทศไทย สำหรับประเทศไทยมีเยาวชนเข้าร่วมโครงการ 3 คนประกอบด้วย นายประสิทธิ์ เพชรหนูเสด อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 จากโรงเรียนหาดใหญ่วิทยา จ.สงขลา นางสาวสาริน อุตมพิมล อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และนายฮาฟีซ อาแวปูเตะ อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.6 จากโรงเรียนสาธิตสงขลานครินทร์ กิจกรรมที่เยาวชนทั้ง 3 คนได้สัมผัสตั้งแต่การนั่งรถจิ๊ปไปซาฟารี ส่องสัตว์ นอกนั้นยังร่วมกับเพื่อนๆ ต่างชาติช่วยกันทาสีให้กับโรงเรียนในชนบทบริเวณชุมชนยากจน ในช่วงเย็นทุกคนจะรวมกันแนะนำประเทศของตนเองพร้อมนำแผนที่มาแสดงให้เพื่อนชาติอื่นๆ ได้ชม และทำอาหารประจำชาติของตนให้เพื่อนๆ ในแคมป์ได้ทานกันเป็นการเรียนรู้วัฒนธรรมแต่ละชาติ ค่ายนานาชาติคาเธ่ย์ แปซิฟิค เพื่ออนุรักษ์สัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม ได้จัดขึ้นเป็นปีที่ 11 เป็นข้อพิสูจน์ว่าเยาวชนคนรักธรรมชาติยังไม่ได้สูญหายไปจากสังคมแห่งนี้ (สยามรัฐรายวัน ศุกร์ที่ 14 ต.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





กระบวนพยุหยาตราฯฉลองครองราชย์60ปี

พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ(ผบ.ทร.) กล่าวเมื่อวันที่ 13 ตุลาคมว่า ในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์ครบ 60 ปี ในเดือนมิถุนายน 2549 กองทัพเรือจะจัดกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคขึ้น เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวโรกาสนี้ โดยจะจัดกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค คืนวันที่ 13 มิถุนายน 2549 เหมือนกับเป็นการย้อนรอยขบวนเรือทางชลมารคที่จัดขึ้นในระหว่างการประชุมเอเปคที่ผ่านมา นอกจากนี้ กองทัพเรือจะจัดพิธีถวายผ้าพระกฐิน โดยเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคเช่นเดียวกันประมาณเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2549 (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 14 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215