หัวข้อข่าวปีที่ 6 ฉบับที่ 41 ประจำวันที่ 2005-10-31

ข่าวการศึกษา

ชี้จุดอ่อนสภามหาวิทยาลัย
‘Learning Object’ มิติใหม่สื่อไอที ยกชั้นเรียนวิทย์-คณิตไว้หน้าจอ
‘มหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย’ โลกนี้คือห้องเรียน
พลังอาชีวะ สร้างชาติ
โยนกเปิดหลักสูตร"ช้างไทย"ดึงต่างชาติเรียนรู้วัฒนธรรม
ยูเนสโกยกย่อง “พุทธทาสภิกขุ” บุคคลสำคัญของโลก
สกอ.ขอมหา"ลัยเลื่อนสอบปลายภาค เปิดทางเด็กซิ่วสอบ"O-NET"-"A-NET"
ไทยทุ่มช่วยลาวพัฒนาวิชาการ
กรรมาธิการศึกษาห่วงมหา'ลัยขยายสาขาจนลืมคุณภาพ
อาชีวะจับมือเอกชน เตรียมคลอด "หลักสูตรเทคโนโลยีความงาม"
ดึง 5 ร.ร.ชื่อดังอังกฤษ แนะเด็กไทยต่อนอก
สำรวจผลการเรียนปี 47 เด็กประถม-ม.ต้นเอกชนเก่งกว่ารัฐ
กมธ.ห่วงไอซีแอลกระทบรับนศ.
อาชีวะเตรียมเปิดหลักสูตร"โลจิสติกส์"
เปิดเรียนแล้วน.ศ.การบินไทย-ราชภัฏรุ่น2
ม.นเรศวรเปิดรับตรง 4,439 คน
จัดมหกรรมการศึกษา แนะแนวเรียนต่อนอก
มทร.ธัญบุรีทำสบู่ดูแลผิว จัดติวเข้มแพทย์แผนไทย
ศธ.ปล่อยลอยตัวค่าเทอมโรงเรียนเอกชน
"ฮาร์วาร์ด"ท็อปมหา"ลัยโลกสองสมัย

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

สแกนพบขุมทรัพย์มหาศาลในหลุมฝังพระศพจิ๋นซี
เรืออูเยอรมนีสมัยใหม่ดำกบดานได้นานเป็นเดือน
นาซาจัดแข่งสร้าง ‘ลิฟต์อวกาศ’
นวัตกรรมรักษาความปลอดภัยฝีมือไทย
หนอนผีทะเลดูดซากวาฬยังชีพ
ภูเขาไฟกาลาปากอสปะทุ
เพิ่มพลัง"สมอง-ร่างกาย-จิตใจ" 3ปัจจัยปั้นเด็กไทยเป็นมนุษย์อวกาศ
"ไฮเพียเรียน" ดวงจันทร์ดาวเสาร์
พลิกปูมบันทึกอวกาศ
คนไทยเจ๋งชนะเลิศ Short Animation ฉลอง 60 ปี สหประชาชาติ
ตามไปดู กรีนวอลเล่ย์ฯฮ่องกง สางปัญหาขยะอุตสาหกรรม
3-4พ.ย.จัดประชุมเชื้อเพลิงเอเปค วท.เผย30ปีพลังงานชีวภาพมาแรง
ทฤษฎีทำนาย"สึนามิ" จากระดับชายฝั่งทรุดตัว
กลั่น (Cracking) น้ำมันเตากลายเป็นดีเซล BOI ไฟเขียวโครงการหมื่นล้าน บ.บางจาก
ก.วิทย์ฯ ต่อยอดเทคโนโลยีทดลองใช้ RFID ในอุตสาหกรรมกุ้ง
กทช.ระดมความคิดเห็น ดาวเทียมสื่อสาร
ร่าง พ.ร.บ. ส่งเสริมวิชาชีพวิทย์ฯ
30 ตุลา ตั้งกล้องดูดาวอังคารใกล้โลก
สธ.เร่งสร้างสังคมปลอดสารเคมี
พบหลักฐาน"ไดโนเสาร์"ว่ายน้ำทะเล
ได้ผู้ชนะแอนิเมชั่น60ปีสหประชาชาติแล้ว
นร.ชลบุรีแชมป์จรวดขวดน้ำ
ตั้งกล้องชมดาวอังคารใกล้โลก มีโอกาสเห็นขั้วน้ำแข็ง-พื้นผิว
นวัตกรรมชิ้นเยี่ยมแห่งประเทศไทย

ข่าววิจัย/พัฒนา

ออกกำลังต่อต้านกระดูกพรุน-ไร้หนทางใดที่จะวิเศษเท่า
ทำเกราะอะลูมิเนียมกันกระสุน แกร่งกว่ากระจก
เครื่องยาจีนรบสู้กับโรคหวัดนก ปลูกได้น้อยไม่พอรับมือการระบาด
สร้างอาหาร"ปูม้า"จากน้ำเสียแนวทางใหม่บนวิถี"ชีววิธี"
เตือนภัยธรรมชาติไทยอีก 50ปีข้างหน้ารุนแรงแน่
นวัตกรรมใหม่จากญี่ปุ่น "เมล็ดลิ้นจี่"ต้านผิวแก่ก่อนวัย
"กาสามปีก"แก้อักเสบ ต่อยอดจดสิทธิบัตร
เพิ่มพลัง"สมอง-ร่างกาย-จิตใจ" 3ปัจจัยปั้นเด็กไทยเป็นมนุษย์อวกาศ
คนวัยเกษียณ ออกจากงานก่อนไม่ทำให้อายุยืน
ผู้ดีทดสอบเจลต้านเอดส์
ระบบสื่อสาร.... ‘สัญญานอลวน’ ....สร้างหุ่นยนต์กู้ระเบิด
“เครื่องผลิตไบโอดีเซลแบบต่อเนื่อง” ลดต้นทุน เพิ่มกำลังการผลิต
ถอดภาษาไทยเป็นอังกฤษ ช่วยต่างชาติในรูปแบบโอเกะ
เอ็มไอทีรู้แล้วทำไมสันดานดัดยาก
มหิดลพัฒนาเทคนิคหยุดไวรัสหัวเหลืองกุ้ง
ฟีโบ้โชว์กองทัพหุ่นยนต์ฉลอง 10 ปี
ทำถุงลมนิรภัยให้สิงห์มอเตอร์ไซค์ป้องกันร่างกายท่อนบน
สุรนารีวิจัยเซลล์แก้เบาหวาน วางแผยทดลองในลิงคู่ขนานกับคน
ตู้ล็อกเกอร์ไบโอเมทริก
วิจัยสารสกัดขี้เหล็กทำยาระบายสมุนไพร
ทามิฟลูอยู่ในโป๊ยกั๊ก
ผ่าตัด"แช่แข็ง"เซลล์มะเร็ง ทางเลือกใหม่รักษาโรคมะเร็งปอด
แอฟริกาทดลอง"เจลต้านเอดส์"
เครื่องอัลตราซาวนด์มองสำรวจทะลุกำแพงคอนกรีต
พบโสมมีฤทธิ์สกัดโรคหวัดถึงเจ็บไข้ก็ไม่หนักหนา
หมากฝรั่งช่วยรักษาคนผ่าท้องให้หายได้เร็ววันขึ้น
ทำธุรกิจจากเศษขี้ยางลงทุนต่ำแต่ได้กำไรเกินคุ้ม
ราชมงคลพบวิธีเก็บรักษา ดอกกุหลาบ ก่อนส่งขายนานนับเดือน
เครื่องแจกเอกสารอัตโนมัติ
ผงชูรส ... กับประสาทตาของเรา !
"ช็อกโกแลต-กล้วยเชื่อม" เมนูหลับสบาย คลายเครียด
มธหวังลดภัยทางด่วน ทำโปรแกรมชี้จุดเสี่ยงบนทางจราจร
เตือนเย็บกระเพาะลดอ้วนเสี่ยงตาย

ข่าวทั่วไป

เชื่อไข้หวัดนกปักหลักในเอเชีย
ช้างไทย สร้างชื่อ ติดอันดับ กินเนสส์บุ๊ก
ร่าง พ.ร.บ ข้าวแห่งชาติ
ความคืบหน้า ISO 26000
อย.มะกันติงสบู่ฆ่าเชื้อโรคไม่ได้วิเศษไปกว่าสบู่ธรรมดา
สั่งลดภาษีให้หนังสือถูก
พบนก 8 ชนิดติด'หวัดนก'แล้ว
กบข.ก้าวเป็นผู้นำธรรมาภิบาล





ข่าวการศึกษา


ชี้จุดอ่อนสภามหาวิทยาลัย

นายชุมพล พรประภา กรรมการในคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวถึงจุดอ่อนของมหาวิทยาลัยไทยว่า ในส่วนตัวมองว่านายกสภามหาวิทยาลัย และกรรมการสภาฯ ส่วนใหญ่ยังเป็นกรรมการแค่เพื่อไปประชุม และลงมติตามอำนาจที่กฎหมายเขียนไว้ แต่ยังไม่รู้บทบาทว่าควรจะทำอย่างไรจึงจะถูกต้องตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ดังนั้นผู้บริหาร หรืออาจารย์มหาวิทยาลัยที่หัวหมอ และรู้ถึงจุดอ่อนดังกล่าวจึงอาจจะสอดไส้เรื่องต่าง ๆ เข้ามา ทำให้หลายเรื่องผ่านการอนุมัติในหลักการจากสภามหาวิทยาลัย โดยที่คณะกรรมการสภามหาวิทยาลัยไม่รู้จริง ดังนั้นจะต้องมีการให้องค์ความรู้แก่กรรมการสภามหาวิทยาลัยเพื่อให้ตระหนักว่ามีอำนาจหน้าที่อย่างไร จะได้ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ปัญหาที่ กกอ.กำลังติดตามตรวจสอบคือ การอนุมัติโครงการต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย ทั้งโครงการพิเศษและโครงการนอกสถานที่ ซึ่งมีการใช้จ่ายเม็ดเงินเป็นจำนวนมาก และหลายแห่งมีการจัดโครงการซ้ำซ้อน หลายแห่งดำเนินการเองอยู่ที่คณะ โดยที่มหาวิทยาลัยไม่รู้เรื่องก็มี แต่พอรู้เรื่องก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะทางคณะมักจะอ้างว่าสภามหาวิทยาลัยอนุมัติในหลักการตามที่ได้เสนอไปแล้ว ทำให้รายรับรายจ่ายของมหาวิทยาลัยมีวิธีการที่สลับซับซ้อนแบบเข้ากระเป๋าซ้ายออกกระเป๋าขวา ยากที่สภามหาวิทยาลัยจะเข้าไปตรวจสอบได้ ดังนั้นเรื่องนี้สภามหาวิทยาลัยจะต้องมีการตามเรื่องอย่างจริงจัง เพราะโครงการต่าง ๆ เหล่านี้นอกจากจะกระทบต่องบประมาณของสถาบันแล้วยังกระทบต่อคุณภาพของนักศึกษาด้วย (เดลินิวส์ อังคารที่ 25 ต.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





‘Learning Object’ มิติใหม่สื่อไอที ยกชั้นเรียนวิทย์-คณิตไว้หน้าจอ

Learning Object เป็นสื่อดิจิตอลประเภทหนึ่ง แต่ความแตกต่างกันอยู่ตรงที่เนื้อหาสาระและกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนที่จะได้รับ เนื่องจากสื่อชนิดนี้ “เน้นกระบวนการเรียนรู้ ที่สอดคล้อง กับมาตรฐานของหลักสูตรวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์” และเป็นสื่อที่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาหลักสูตรและการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีโดยตรงอย่างสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ที่เพิ่งนำนวัตกรรมใหม่เข้ามาทดลองใช้ในประเทศไทย ภายใต้ โครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการไทย-ออสเตรเลีย (Digital Curriculum Resource Initiative-Thailand Project) Learning Object จึงเข้ามาช่วยสื่อความหมายมโนทัศน์ (Concept) ให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น โดย Learning Object เนื้อหานี้ที่ สสวท. จะนำไปใช้นั้น นักเรียนจะได้ลองเลื่อนรูปต่าง ๆ เอง ผู้เรียนควบคุมการเรียนของตัวเองได้ ภาพเคลื่อนไหวช่วยให้ความเข้าใจแจ่มชัดขึ้น ภาพจะติดตานักเรียนไปพร้อม ๆ กับตัวอักษร ดังนั้นมโนทัศน์ของเรื่องนี้ที่อยู่ในความรู้ความจำที่อยู่ในสมองของนักเรียนก็จะมีหลายรูปแบบ สิ่งสำคัญของ Learning Object ก็คือ เป็นสื่อดิจิตอลที่มีเงื่อนไขเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ นักเรียนสามารถควบคุมการเรียนรู้ของตนเองได้ จะต้องไม่ใช่การบอกเล่า หรือยัดเยียดความรู้ไม่เป็นเหมือนกับตัดข้อความจากหนังสือมาแปะไว้บนหน้าจอ นักเรียนเลือกได้ว่าควรจะเริ่มตรงไหน หยุดตรงไหน และออกจากบทเรียนได้ทุกเมื่อตามที่ต้องการ Learning Object หลายเรื่องที่ สสวท. กำลังพัฒนา จะมีสถานการณ์หรือบริบทที่น่าสนใจนำเข้าสู่บทเรียน ทำให้นักเรียนสนใจติดตาม เขาจะรู้สึกว่ากำลังเล่นและได้ความรู้ไปพร้อมกันด้วย ขณะนี้ สสวท. ได้กำหนดกระบวนการพัฒนา Learning Object ให้มีมาตรฐานด้านการศึกษาและมาตรฐานด้านเทคนิคอย่างได้มาตรฐาน กำหนดเรื่องที่จะพัฒนาเป็น Learning Object วิชาวิทยาศาสตร์คณิต ศาสตร์ และเทคโนโลยี จำนวน 15 เรื่อง กำหนดผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง แนวคิดหลัก และกระ บวนการเรียนรู้ของแต่ละเรื่อง กำหนดรูปแบบและเนื้อหาของ Learning Object และสิ่งที่กำลังจะดำเนินการต่อไป คือ ผลิตสื่อต้นแบบเพื่อนำไปทดสอบในโรงเรียน นำผลการทดสอบในโรงเรียนมาปรับปรุงสื่อต้นแบบ รวมทั้งจัดอบรมครูเพื่อให้สามารถใช้สื่อในการจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ (เดลินิวส์ อังคารที่ 25 ต.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





‘มหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย’ โลกนี้คือห้องเรียน

“มหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย” หรือ Thailand Cyber University (TCU) ขึ้นมา ภายใต้การดูแลของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ซึ่ง ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เล่าให้ฟังว่า TCU จะเป็นสรรพวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัย ที่เป็นศูนย์รวมของสรรพวิทยาการ เป็นศูนย์กลางการศึกษาผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ครอบคลุมการศึกษาในทุกระบบทั้งการศึกษาในระบบโรงเรียน การศึกษานอกระบบโรงเรียน และการศึกษาตามอัธยาศัย ที่ประชาชนทุกคน สามารถเข้ามาศึกษาหาความรู้ได้ มีระบบการเทียบโอนความรู้จากการศึกษาแต่ละระบบ เพื่อให้ผู้ที่เข้ารับการศึกษาจากระบบหนึ่ง สามารถจะเทียบโอนความรู้ เข้าสู่การศึกษาในอีกระบบหนึ่งได้ ตามเงื่อนไขและข้อกำหนด ซึ่งจะเป็นการบูรณาการ การศึกษาทุกระบบเข้าด้วยกันให้เกิดเป็นระบบการศึกษาที่รองรับการเรียนรู้ตลอดชีวิตของประชาชน มีความยืดหยุ่น ต่อเนื่อง และเสริมกัน มีประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรร่วมกัน และที่สำคัญต้องมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับตามหลักมาตรฐาน TCU จะให้บริการการเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Learning) แก่ประชาชนทุกระดับ ทุกอาชีพ ผ่านเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา (Inter-University Network : UniNet) โดย สกอ.จะรวบรวมหลักสูตร เนื้อหาวิชา ตลอดจนงานวิจัยต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยเครือข่ายไว้ในเว็บไซต์ http : www.thailis.or.th เพื่อให้นักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียน นักศึกษาทั่วไป ตลอดจนผู้ที่สนใจเข้ามาใช้บริการการศึกษาทางไกลด้วยตนเอง นอกจากนี้ในเว็บไซต์ยังจะเป็นแหล่งห้องสมุดออนไลน์ (e-Library) เพื่อใช้ค้นคว้าสนับสนุนการเรียนการสอน การทำวิจัยให้แก่นิสิต นักศึกษา อาจารย์และประชาชนทั่วไป ซึ่งสามารถสืบค้นข้อมูลออนไลน์จากต่างประเทศได้ด้วย รวมทั้งยังได้รวบรวมรายการบรรณานุกรมของแต่ละมหาวิทยาลัยเข้าด้วยกัน อันจะนำไปสู่การยืมหนังสือระหว่างห้องสมุด ซึ่งห้องสมุดออนไลน์จะเปิดให้ใช้บริการโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดต่าง ๆ ได้ที่ http://www. uni.net.th/tcu หรือสอบถามโทร. 0-2354-5678 (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 24 ต.ค. 48 http://www.dailynews.co.th





พลังอาชีวะ สร้างชาติ

นายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และคณะ ได้กำหนดแนวทางของการปฏิรูปอาชีวะ ด้วยการประสานความร่วมมือระหว่างภาคการผลิต บริการ และชุมชน ในกลุ่มอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ประเทศ 13 สาขาอุตสาหกรรม (อุตสาหกรรมอาหารและเกษตร, ท่องเที่ยว, ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์, แฟชั่น, ซอฟแวร์, ผลิตภัณฑ์ยาง, เฟอร์นิเจอร์ไม้, เซรามิก, ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์, แม่พิมพ์, โลจิสติกส์, ปิโตรเคมี, เหล็กและเหล็กกล้า) และภาคการศึกษาอาชีวศึกษารัฐ และเอกชนเพื่อร่วมจัดระบบและขับเคี่ยวกระบวนในการผลิตกำลังคนที่มีคุณภาพ รวมทั้งการสร้างมาตรฐาน ระบบคุณวุฒิวิชาชีพให้มีกรอบที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และผลักดันนำมาใช้เพื่อ เพิ่มมูลค่าในการจ้างงาน ต่อไป การจัดงาน ผู้ประกอบการประสานอาชีวะ : พลังขับเคลื่อนกำลังคนของประเทศ “พลังอาชีวะ พลังสร้างชาติ” จึงถูกกำหนดให้มีขึ้น ระหว่างวันที่ 27-29 ตุลาคม 2548 ณ อิมแพค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ฮอลล์ 9 เพื่อใช้เป็นเวทีระดมความคิดเห็นจากบริษัทกว่า 1,000 บริษัท โดเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ หัวใจสำคัญในการส่งเสริมการเชื่อมต่อกับกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้เศรษฐกิจ อาทิ กลุ่มซอฟแวร์เชิงพาณิชย์ (TRANSACTION SOFEWARE) ซอฟแวร์สมองกลฝังตัว (EMBEDED SOFTWARE) กลุ่มซอต์แวร์ DigitalContent ที่จะจัดแสดงให้มองเห็นการเชื่อมโยงมาตรฐานทักษะชาติและทักษะสากล โดยจะแสดงแอนนิเมชั่น ในส่วนของอุตสาหกรรม การบริหารจัดการ การจัดทำสื่อโปรแกรมประเภทต่างๆ พร้อมแจกแจงตำแหน่งงานในสายอาชีพ กว่า 80,000 ตำแหน่งที่ยังขาดแคลน อาทิ นักวิเคราะห์ระบบ นักออกแบบระบบ โปรแกรมเมอร์ นักสนับสนุนระบบ วิศวกรรมฮาร์ดแวร์ โดยผู้ร่วมงานยังสามรถเข้าไปทดลองโปรแกรมชนิดต่างๆ พร้อมทั้งเลือกซื้อคอมพิวเตอร์และโปรแกรม งาน “พลังอาชีวะสร้างชาติ” ครั้งนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-29 ตุลาคม 2548 ณ อิมแพค เมืองทองธานีฮอลล์ 9 นับเป็นอีกก้าวที่จะพัฒนาการอาชีวศึกษาไทย ไปสู่ความเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริงซึ่งในอนาคตอันใกล้เราหวังที่จะเห็นว่าหน้าตาห้องเรียนอาชีวะจะเปลี่ยนไป เด็กอาชีวะจะมีความสามารถ และได้รับค่าตอบแทนสมกับสมรรถนะที่มี สมกับการเป็นพลังขับเคลื่อนขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (สยามรัฐรายวัน อังคารที่ 25 ต.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





โยนกเปิดหลักสูตร"ช้างไทย"ดึงต่างชาติเรียนรู้วัฒนธรรม

ดร.นิรันดร์ จิวะสันติการ อธิการบดี วิทยาลัยโยนก เปิดเผยว่า ทางวิทยาลัยพร้อมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนได้ร่วมจัดโปรแกรมการเรียนการสอน หลักสูตรพิเศษ เกี่ยวกับวิถีชีวิตช้างไทย "การศึกษาช้างไทย" (Thai elephant study) ในช่วงภาคเรียนฤดูร้อน แก่นักศึกษาแลกเปลี่ยนชาวต่างชาติ ที่เข้ามาเรียนภาคฤดูร้อน ที่วิทยาลัยโยนก ซึ่งหลักสูตรดังกล่าว ได้จัดการเรียนการสอน แบ่งเป็น 2 ส่วน ทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ โดยจะเน้นการเรียนภาคทฤษฎี เกี่ยวกับเนื้อหาประวัติศาสตร์ช้างไทย วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของคนกับช้าง รวมถึงปัญหา และกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการดูแลช้าง ส่วนภาคปฏิบัติ จะให้นักศึกษาได้เรียนรู้ วิถีชีวิตของคนเลี้ยงช้าง รวมถึงธรรมชาติของช้าง ในรูปแบบการศึกษาเชิงปฏิบัติการ ในโครงการโฮมสเตย์ ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ซึ่งนักศึกษาจะได้เรียนรู้ ถึงวัฒนธรรมไทยที่ผูกพันกับช้าง ซึ่งเป็นสัตว์เอกลักษณ์ของประเทศไทย ทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องที่ยว ของลำปาง เมื่อนักศึกษาชาวต่างประเทศเหล่านี้ได้เข้ามาศึกษาและกล่าวถึงช้างไทย ทำให้ชาวต่างประเทศที่ได้รับฟังอยากจะมาเที่ยวจังหวัดลำปาง ดร.นิรันดร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ได้ ประสานความร่วมมือไปยัง มหาวิทยาลัยหลายแห่งในต่างประเทศ ไม่ตำกว่า 7 แห่ง ในพันธมิตรของมหาวิทยาลัยเบเลอร์ สหรัฐอเมริกา เพื่อประชาสัมพันธ์ และ เชิญชวนให้นักศึกษา เดินทางมาศึกษาหลักสูตรพิเศษ ที่วิทยาลัยโยนก ในช่วงภาคเรียนฤดูร้อน โดยเรียนควบคู่ไปกับวิชาไทยศึกษา ซึ่งเป็นวิชาการใช้ภาษาไทยเบื้องต้น ซึ่งในหลักสูตรจะจัดการเรียน การสอน วิชาเกี่ยวกับศิลปะ วัฒนธรรมไทยสอดแทรก เช่น การฟ้อนรำ ศิลปะ หรือกีฬาพื้นบ้านต่างๆ เพื่อให้นักศึกษาในโครงการนี้ได้เรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมไทยนำกลับไปเผยแพร่ หลักสูตรดังกล่าว จะเปิดสอน ในช่วงเดือน มิถุนายน ปี 2549 ซึ่งเป็นช่วงเวลาตรงกับภาคฤดูร้อน ของมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างประสานงาน เพื่อกำหนดรายละเอียดในหลักสูตร และกำหนดอัตราค่าเรียน ซึ่งจะรวมค่าใช่จ่าย ค่าลงทะเบียนเรียนรวม 3 หน่วยกิต พร้อมจัดที่พักให้ ตลอดระยะเวลา 1 ภาคเรียน (6 สัปดาห์-ภาคเรียนฤดูร้อน) ทั้งนี้ผู้เรียนสามารถ นำผลการเรียนไป เทียบหน่วยกิตที่มหาวิทยาลัย ต้นสังกัดได้ (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 26 ต.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ยูเนสโกยกย่อง “พุทธทาสภิกขุ” บุคคลสำคัญของโลก

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ในการประชุมสมัยสามัญขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้มีมติให้ประกาศยกย่องพระธรรมโกศาจารย์ พุทธทาสภิกขุ เป็นบุคคลสำคัญของโลก และบรรจุการเฉลิมฉลองครบชาตกาล 100 ปี ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2549 ซึ่งรัฐบาลจะได้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการระดับชาติขึ้นโดยอาจมีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อเตรียมการเฉลิมฉลอง จัดกิจกรรมวิชาการเผยแพร่หลักธรรมพุทธศาสนาที่พุทธทาสภิกขุได้สั่งสอน ร่วมกับคณะกรรมการอำนวยการจัดงาน 100 ปี พุทธทาสภิกขุ ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ และลูกศิษย์ของท่าน ซึ่งได้แต่งตั้งไปก่อนแล้วตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2548 พุทธทาสภิกขุ นับเป็นคนไทยลำดับที่ 18 ที่องค์การยูเนสโกประกาศยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกด้วย (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 26 ต.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





สกอ.ขอมหา"ลัยเลื่อนสอบปลายภาค เปิดทางเด็กซิ่วสอบ"O-NET"-"A-NET"

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม นายประทีป จันทร์คง ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ(สทศ.) ให้สัมภาษณ์กรณีมีผู้ปกครองนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร้องเรียนไปยังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาระบุว่า สทศ.ปิดกั้นไม่ให้ร่วมสอบในแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือ O-NET และแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง หรือ A-NET ซึ่งใช้ประกอบในระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือระบบแอดมิสชั่นส์ ประจำปีการศึกษา 2549 เนื่องจากจัดสอบตรงกับการสอบปลายภาคของมหาวิทยาลัยในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์-ต้นเดือนมีนาคม 2549 ว่า ภายในสัปดาห์นี้ตนจะทำหนังสือชี้แจงไปยังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาว่า การจัดสอบ O-NET และ A-NET เพื่อนักเรียน ม.6 ทั่วประเทศ โดยจัดสอบภายหลังการสอบไล่ในโรงเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ได้ทำหนังสือถึงมหาวิทยาลัยต่างๆ ขอความร่วมมือให้เลื่อนการสอบปลายภาค เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับการสอบ O-NET และ A-NET ซึ่งบางแห่งก็ยอมเลื่อน แต่บางแห่งก็เลื่อนไม่ได้ มีมหาวิทยาลัยตอบกลับมา 6 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่(มช.) มหาวิทยาลัยมหิดล(มม.) และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ แจ้งว่าไม่สามารถเลื่อนวันสอบปลายภาคได้ ส่วนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(มก.) แจ้งว่า จะพิจารณาเลื่อนให้แก่นิสิตเป็นรายๆ ไป และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี(มจธ.) แจ้งเลื่อนสอบปลายภาคให้ได้ (มติชนรายวัน พุธที่ 26 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





ไทยทุ่มช่วยลาวพัฒนาวิชาการ

ศ. (พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตนได้นำตำราประมาณ 3,000 เล่มไปมอบให้แก่ ม.จำปาสัก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เนื่องจากขณะนี้ลาวกำลังเร่งพัฒนาการจัดอุดมศึกษา โดยมีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยใหม่ 2 แห่งคือ ม.สุภานุวงศ์ และม.จำปาสัก จากเดิมที่มีอยู่เพียงแห่งเดียวคือ มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว แต่มหาวิทยาลัยทั้ง 2 แห่งยังมีปัญหาขาดแคลนหลายด้าน ดังนั้นสถาบันอุดมศึกษาของไทยจึงจะเข้าไปให้การช่วยเหลือด้านวิชาการ อาทิ การสนับสนุนตำรา เครื่องคอมพิวเตอร์ การให้ทุนศึกษาต่อแก่อาจารย์ของลาว, การทำวิจัยร่วมกัน หรือการแลกเปลี่ยนอาจารย์และนักศึกษา เป็นต้น ทั้งนี้ในการประชุมยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ผมจะเสนอให้มีการใช้ประโยชน์ของดาวเทียมไอพีสตาร์ทางด้านการศึกษา เช่น จัดตั้งอุปกรณ์รับส่งสัญญาณที่ลาว ซึ่งจะทำให้นักศึกษาสามารถเรียนและตอบโต้กับอาจารย์ในเมืองไทยได้ทันที ในขณะเดียวกันก็จะสามารถเชื่อมต่อเครือข่าย Uninet ของมหาวิทยาลัยไทยได้ด้วย ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลมากมาย โดยเฉพาะ Courseware ซึ่งเป็นชุดการเรียนการสอนวิชาต่าง ๆ (เดลินิวส์ พุธที่ 26 ต.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





กรรมาธิการศึกษาห่วงมหา'ลัยขยายสาขาจนลืมคุณภาพ

นายประกิจ พลเดช ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมาธิการศึกษาฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ประชุมได้มีการหารือถึงมาตรฐานการจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษา เนื่องจากคณะกรรมาธิการฯ ยังไม่ค่อยมั่นใจในกระบวนการผลิตบัณฑิตว่า มีทิศทาง เป้าหมายที่เชื่อมโยงกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาอย่างแท้จริงหรือไม่มีนโยบายและมาตรฐานการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศและตลาดแรงงานเพียงใด เพราะสภาพบางประการในปัจจุบันทำให้เกิดความไม่มั่นใจในมาตรฐานอุดมศึกษา เช่น การเปิดหลักสูตรการศึกษา หรือการเปิดศูนย์บริการทางการศึกษาของหลายมหาวิทยาลัยที่มีทำกันมากขึ้นจนเกิดความซ้ำซ้อน ขณะเดียวกันก็มีปัญหาการขาดแคลนบัณฑิตในสาขาวิชาเฉพาะบางสาขา หรือมีปัญหาผู้จบการศึกษาด้านสังคมศาสตร์ล้นตลาด รวมถึงความไม่มั่นใจในการดำเนินการระบบประกันคุณภาพการศึกษาทั้งภายในและภายนอกอย่างจริงจัง คณะกรรมาธิการฯ ได้มีการตั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ดังนี้ 1.ควรมีการประสานงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ในการกำหนดทิศทางและเป้าหมายการผลิตบัณฑิตสาขาวิชาต่าง ๆ เพื่อให้การจัดการศึกษาสอดคล้องกับแนวทางพัฒนาประเทศ รวมทั้งมีการพัฒนาคณาจารย์ให้มีความพร้อมในสาขาวิชาที่จะทำการผลิตได้ 2.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีนโยบายส่งเสริมสนับสนุนให้สถาบันอุดมศึกษาของรัฐและเอกชน แบ่งสัดส่วนการผลิตบัณฑิตตามความถนัด ความเชี่ยวชาญทางวิชาการของแต่ละสถาบันเป็นหลัก เพื่อให้สามารถพัฒนาศักยภาพได้อย่างเต็มที่ 3. รัฐควรเพิ่มงบประมาณในงานวิจัย การส่งเสริมคณาจารย์ให้ผลิตผลงานวิชาการและจัดสรรทุนพัฒนาอาจารย์ในระดับปริญญาเอกให้มากขึ้น 4.ในกรณีที่จะนำเงินกองทุนเงินให้กู้ ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคตหรือ ICL มาเป็นกลไกหนึ่งในการควบคุมมาตรฐานการศึกษานั้น กรรมาธิการฯ เห็นว่าควรพิจารณาให้รอบคอบ อย่างไรก็ตามทางคณะกรรมาธิการฯ ได้นำข้อเสนอแนะดังกล่าวเสนอต่อนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ เพื่อพิจารณาแล้ว. (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





อาชีวะจับมือเอกชน เตรียมคลอด "หลักสูตรเทคโนโลยีความงาม"

กาญจนา สายสิริพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอซีซี จำกัด (มหาชน) บริษัทในกลุ่มสหพัฒน์ กล่าวว่า "ทางโอซีซี ได้ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ในการพัฒนาบุคลากรในธุรกิจความงาม ทั้งครูผู้สอนและนักเรียน นักศึกษาของวิทยาลัยสารพัดช่าง เป็นเวลากว่า 20 ปี และเราได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ด้านความงามจากต่างประเทศสู่ครูผู้สอนและนักเรียน นักศึกษาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นช่างทำผม ช่างทำเล็บ ช่างนวดหน้า นวดตัว และส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบันบุคลากรในประเทศไทยมีความรู้ความสามารถทัดเทียมระดับสากล เพียงแต่ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในส่วนของเคมีภัณฑ์ และปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอน ให้มีความทันสมัย บริษัทจึงได้เข้ามามีบทบาทในการช่วยผลักดันให้สถานศึกษาเปิดหลักสูตรเทคโนโลยีความงามในระดับ ปวช.และ ปวส. เพื่อยกระดับบุคลากรด้านธุรกิจความงามให้ทัดเทียมต่างประเทศ และป้อนตลาดแรงงานที่ยังมีความต้องการบุคลากรสาขานี้เป็นจำนวนมาก ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีมูลค่ามากกว่าแสนล้านบาท โดยจะสามารถสร้างรายได้ให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาประมาณ 8,000-20,000 บาทต่อเดือน ในงาน "ผู้ประกอบการ ประสานอาชีวะ : พลังขับเคลื่อนกำลังคนของประเทศ" ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 27-29 ตุลาคมนี้ ที่ฮอลล์ 9 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ในบูธของเทคโนโลยีความงาม บริษัทได้มีการจัดแสดงห้องเรียนต้นแบบของการเรียนการสอนด้านเทคโนโลยีความงาม จัดแสดงห้องตัดผมแห่งอนาคต QB ที่สามารถตัดผมได้ภายใน 10 นาที และได้จัดให้มีการแข่งขันแต่งหน้า ซึ่งผู้ชนะจะได้ร่วมงานกับโอซีซี ตลอดจนเปิดรับสมัครพนักงานในตำแน่งอื่นๆ อีกหลายตำแหน่งด้วย (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ดึง 5 ร.ร.ชื่อดังอังกฤษ แนะเด็กไทยต่อนอก

ศูนย์แนะแนวการศึกษาต่อต่างประเทศดึง 5 โรงเรียนแถวหน้าของอังกฤษแนะแนว เตรียมความพร้อมเด็กไทยก่อนไปเรียนต่อ มร.เอียน บุชเชล ผู้อำนวยการศูนย์แนะแนวการศึกษาต่อต่างประเทศของเมนทอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า ศูนย์ฯ ได้จัดงานแนะแนวการศึกษาต่อด้วยการเชิญ 5 โรงเรียนมัธยมชื่อดังของอังกฤษ ได้แก่ โรงเรียนเวสตันเบิร์ท (Westonbirt School), โรงเรียนลานซิ่ง (Lancing College), โรงเรียนคิงเอดเวอร์ดส์ (King Edward's School, Witey), โรงเรียนอินเตอร์เนชั่นแนล คอลเลจ เชอร์บอน (International College, Sherborne School) และโรงเรียนเบดฟอร์ด (Bedford School) มาร่วมให้ข้อมูลและคำปรึกษาแก่ผู้ปกครองที่สนใจจะส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อระดับมัธยมที่ประเทศอังกฤษ ในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ เวลา 13.00-17.00 น. ที่ห้องผาสุก โรงแรมเจดับบลิว แมริออท กรุงเทพ มร.เอียน กล่าวอีกว่า ภายในงานยังมีการแข่งขันความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของตัวแทนนักเรียนจาก 8 โรงเรียน คือ โรงเรียนโยธินบูรณะ, โรงเรียนมาแตร์เดอี, โรงเรียนเอกมัยอินเตอร์, โรงเรียนราชินีบน, โรงเรียนร่วมฤดี อินเตอร์เนชั่นแนล, โรงเรียนบางกอกพัฒนา, Sherewsbury School และ Triall School ในเกม Spelling B เพื่อชิงทุนการศึกษา โดยโรงเรียนที่ชนะเลิศจะได้รับทุนการศึกษา 2 หมื่นบาท ทีมรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับทุนการศึกษา 1.5 หมื่นบาท และทีมรองชนะเลิศอันดับ 2 จำนวน 2 ทีมได้รับทุนการศึกษาทีมละ 5,000 บาท ทั้งนี้ ผู้สนใจข้าร่วมงานในครั้งนี้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โดยติดต่อสำรองที่นั่งโทร.0-2255-5157-9 ต่อ 124 (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





สำรวจผลการเรียนปี 47 เด็กประถม-ม.ต้นเอกชนเก่งกว่ารัฐ

สกศ.สรุปการทดสอบสัมฤทธิผลของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานปี 47 พบนักเรียนโรงเรียนเอกชน ทั้งระดับ ป.6 และ ม.3 เก่งกว่าเด็กใน ร.ร.สังกัด สพฐ.-เทศบาล-กทม. อาชีวะเอกชนมีสัดส่วนผู้เรียนสูงกว่าการศึกษาเอกชนประเภทอื่น รายงานข่าวจากสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) แจ้งว่า ขณะนี้ สกศ.ได้จัดทำรายงานสภาพปัจจุบันการมีส่วนร่วมจัดการศึกษาของเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ่อแม่ ผู้ปกครอง ชุมชน และการศึกษาทางเลือก ซึ่งจะนำไปสัมนาที่โรงแรมสยาม ซิตี ในวันที่ 26 ตุลาคม ว่า แบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่ 1.การจัดการศึกษาของเอกชน 2.การจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3.การจัดการศึกษาขององค์กรทางสังคมต่างๆ (การศึกษาทางเลือก) และ 4.การมีส่วนร่วมของพ่อแม่ ผู้ปกครอง และชุมชนในการพัฒนาผู้เรียน ทั้งนี้ ในส่วนของการจัดการศึกษาของเอกชนในแง่ของผลสัมฤทธิ์นักเรียนจากการทดสอบระดับชาติ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ทดสอบสัมฤทธิผลของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2547 พบว่า ระดับชั้น ป.6 ผู้เรียนสังกัดโรงเรียนเอกชน มีค่าเฉลี่ยคะแนนในวิชาภาษาไทย คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และวิทยาศาสตร์ สูงกว่าผู้เรียนในโรงเรียนสังกัด สพฐ. กทม. และเทศบาล สำหรับการมีส่วนจัดการศึกษาของภาคเอกชน โดยพิจารณาจากสถิติจำนวนผู้เรียนในสถานศึกษาเอกชนต่อผู้เรียนทั้งหมด ระหว่างปีการศึกษา 2543-2547 ปรากฏว่า ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ภาคเอกชนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อย่างช้าจาก 15% ในปี 2545 เป็น 16% ในปี 2546 และ 2547 เมื่อจำแนกตามระดับการศึกษาพบว่า ระดับก่อนประถมมีแนวโน้มลดลงจากปี 2546 จำนวน 1% ส่วนระดับอื่นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุกระดับ โดยระดับ ม.ปลาย ประเภทอาชีวะ ภาคเอกชนมีสัดส่วนผู้เรียนสูงกว่าการศึกษาเอกชนระดับอื่น ส่วนระดับอุดมศึกษาในปี 2547 ภาคเอกชนมีแนวโน้มในการจัดการศึกษาลดลงจากปี 2546 จำนวน 2% เพราะผลกระทบจากการเปิดและขยายวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยรัฐ (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





กมธ.ห่วงไอซีแอลกระทบรับนศ.

นายประกิจ พลเดช ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา (กมธ.) สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า กมธ.การศึกษา เป็นห่วงเรื่องมาตรฐานการจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษา โดยมีข้อเสนอแนะคือ 1.ทิศทางและเป้าหมายผลิตบัณฑิตสาขาวิชาต่างๆ ต้องประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งรัฐและเอกชน เพื่อสอดคล้องกับการพัฒนาประเทศ และพัฒนาคณาจารย์ให้มีความพร้อมผลิตบัณฑิต 2.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีนโยบายให้สถาบันอุดมศึกษารัฐและเอกชน แบ่งสัดส่วนผลิตบัณฑิตตามความเชี่ยวชาญแต่ละสถาบันเป็นหลักและเน้นเพิ่มบัณฑิตสายวิทยาศาสตร์มากขึ้น 3.รัฐเพิ่มงบวิจัย ส่งเสริมอาจารย์ผลิตงานวิชาการ จัดสรรทุนพัฒนาอาจารย์ปริญญาเอกมากขึ้น 4.สถาบันอุดมศึกษาควรทบทวนเปิดและขยายวิทยาเขตหรือศูนย์บริการการศึกษาว่ามีความซ้ำซ้อนของสาขาวิชาที่เปิดสอนและพื้นที่บริการ ตลอดจนความพร้อมด้านอาคารสถานที่หรือไม่ โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ควรมีหน่วยงานกลาง เช่น สกอ. ทำหน้าที่เก็บข้อมูลและศึกษาวิจัยเสมือนศูนย์เตือนภัย หากดำเนินงานสวนทางกัน 5.สกอ.จะใช้เงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (ไอซีแอล) มาเป็นกลไกหนึ่งควบคุมมาตรฐานการศึกษาควรพิจารณาให้รอบคอบ เพราะอาจทำให้สถาบันอุดมศึกษาพยายามรับนักศึกษามากที่สุด เพื่อจะได้เงินไอซีแอล แต่หากนำไอซีแอลมากำหนดจำนวนรับนักศึกษา ไม่ให้สถาบันอุดมศึกษารับนักศึกษาเกินขีดความสามารถ อาจทำให้สถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพผลิตสูงกว่าที่กำหนดต้องถูกจำกัดจำนวนลงด้วย ทั้งนี้ กมธ.การศึกษา ได้ส่งข้อเสนอแนะให้ รมว.ศธ.พิจารณาและหาทางแก้ไขแล้ว (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





อาชีวะเตรียมเปิดหลักสูตร"โลจิสติกส์"

นายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยถึงการที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ มอบนโยบายให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา พัฒนาหลักสูตรโลจิสติกส์ เกี่ยวกับการบริหารจัดการระบบขนส่ง ว่า หลักสูตรนี้เป็นการศึกษาเกี่ยวกับการบริหารจัดการเกี่ยวกับการขนส่ง การเคลื่อนย้ายสินค้าต่างๆ ซึ่งขณะนี้มีการแข่งขันกันมาก อาทิ ระบบการขนส่งสินค้าทางทะเล ซึ่งจะมีอาชีพเกิดขึ้นมากมาย เช่น พนักงานขับรถเทรลเลอร์ พนักงานควบคุมเครื่องจักร และพนักงานออกแบบ จะเข้ามาเกี่ยวกับโลจิสติกส์ทั้งหมด เพื่อให้การกระจายสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และประหยัด ทั้งนี้โลจิสติกส์จึงเป็นธุรกิจแขนงหนึ่งที่ตลาดกำลังแข่งขันกันสูง ผู้จบการศึกษาด้านนี้จะมีการค่าตอบแทนที่สูงมาก คาดว่าสามารถเริ่มงานด้วยอัตราเงินเดือนตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป เพราะอุตสาหกรรมโลจิสติกส์กำลังขาดแคลนแรงงานในสาขานี้เป็นจำนวนมากกว่าหมื่นอัตราเลยทีเดียว การเรียนหลักสูตรนี้ ต้องมีวิชาอื่นๆ และประสบการณ์จากบริษัทใหญ่มาประกอบการเรียนการสอน เพื่อให้นักศึกษาไปประกอบอาชีพในการจัดกิจกรรมการขนถ่ายสินค้า (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





เปิดเรียนแล้วน.ศ.การบินไทย-ราชภัฏรุ่น2

มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี จัดปฐมนิเทศนักศึกษารุ่นที่ 2 สาขาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เเขนงธุรกิจการบิน ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทการบินไทยทั้งหมด จำนวน 373 คน อันเนื่องมาจากโครงการความร่วมมือ ระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี เเละบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อพัฒนาศักยภาพในการเเข่งขันด้านธุรกิจ ตามนโยบายรัฐบาล เเละบริษัทการบินไทย ผศ.ดร.ณรงค์ พุทธิชีวิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่มหาวิทยาลัยจัดให้เป็นพิเศษ สำหรับพนักงานการบินไทยโดยเฉพาะ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างบุคลากรให้รองรับกับการขยายตัวด้านธุรกิจการบิน และพัฒนาศักยภาพของบุคลากรที่มีอยู่ให้สามารถแข่งขันกับธุรกิจนานาชาติได้ เป็นการนำความรู้มาผสมผสานกับประสบการณ์ที่มีอยู่เเล้ว เเละสามารถนำไปปฏิบัติงานได้จริง โดยผู้เรียนสามารถเทียบโอนหน่วยกิตจากประสบการณ์การทำงาน ตามหลักเกณฑ์ของสภามหาวิทยาลัยและกรรมการวิชาการ ซึ่งการปฐมนิเทศในครั้งนี้เป็นนักศึกษาใหม่รุ่นที่ 2 โดยมีพนักงานการบบินไทยให้ความสนใจสมัครเข้าเรียนทั้งสิ้น 373 คน ทั้งนี้เริ่มเปิดภาคเรียนในวันที่ 25 ต.ค.นี้เป็นต้นไป (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ม.นเรศวรเปิดรับตรง 4,439 คน

รศ.ดร.มณฑล สงวนเสริมศรี อธิการบดี มหาวิทยาลัยนเรศวร(มน.) เปิดเผยว่า มน.จะเปิดรับนักเรียนเพื่อเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ในระบบรับตรง(โควตา) ประจำปีการศึกษา 2549 โดยเปิดรับนักเรียนใน 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งอยู่ในเขตส่งเสริมการศึกษาของ มน. ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี และพะเยา จำนวนทั้งสิ้น 4,439 คน หรือ 70% ของจำนวนรับทั้งหมด ซึ่งแบ่งเป็นศึกษาต่อที่ มน.จังหวัดพิษณุโลก 3,614 คน ดังนี้ คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับ 266 คน, คณะทันตแพทย์ศาสตร์ 67 คน, คณะนิติศาสตร์ 140 คน, คณะพยาบาลศาสตร์ 49 คน, คณะแพทยศาสตร์ 60 คน คณะเภสัชศาสตร์ 140 คน, คณะมนุษยศาสตร์ 372 คน, คณะวิทยาการจัดการและสารสนเทศศาสตร์ 448 คน, คณะวิทยาศาสตร์ 560 คน, คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ 154 คน, คณะวิศวกรรมศาสตร์ 322 คน, คณะศึกษาศาสตร์ 56 คน, คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ 98 คน, คณะสหเวชศาสตร์ 154 คน, คณะสังคมศาสตร์ 392 คน, คณะสาธารณสุขศาสตร์ 140 คน, วิทยาลัยนานาชาติ 196 คน และศึกษาต่อที่ มน.วิทยาเขต สารสนเทศพะเยา 825 คน เปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 18-22 พ.ย.48 ณ กองบริการการศึกษา มน.จังหวัดพิษณุโลก ส่วนการสอบคัดเลือกได้ร่วมกับ ม.เชียงใหม่ จัดสอบโดยใช้ข้อสอบชุดเดียวกัน โดยม.เชียงใหม่ จัดสอบรายวิชาหลักวันที่24-25 ธ.ค.48 และ มน.จัดสอบรายวิชาเฉพาะวันที่ 26 ธ.ค.48 ทั้งนี้สามารถสอบถามได้ที่โทร.0-5526-1081 หรือที่ www.acad.nu.ac.th (สยามรัฐรายวัน ศุกร์ที่ 28 ต.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





จัดมหกรรมการศึกษา แนะแนวเรียนต่อนอก

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) แจ้งว่าระหว่างวันที่ 29-30 ตุลาคมนี้ ก.พ.ได้จัดงาน "มหกรรมการศึกษาเพื่ออนาคต ครั้งที่ 2" ที่ห้องเพลนารี ฮอลล์ และ มีทติ้ง รูม 1-3 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีสถานเอกอัครราชทูตต่างๆ ประจำประเทศไทย หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาและมัธยมศึกษาชั้นนำจากทั่วโลกร่วมงานกว่า 180 สถาบัน 15 ประเทศ เช่น ฝรั่งเศส แคนาดา อังกฤษ ออสเตรเลีย ฯลฯ สำหรับกิจกรรมภายในงาน 1.การให้บริการข้อมูลจากสถาบันอุดมศึกษาและมัธยมศึกษาชั้นนำทั่วโลกกว่า 180 แห่ง 5 ภูมิภาค รวม 15 ประเทศ 2.ไขข้อข้องใจด้านการศึกษาต่อต่างประเทศ ด้วยบริการแนะแนวการศึกษารายบุคคล จากเจ้าหน้าที่สถานทูตต่างๆ และเจ้าหน้าที่แนะแนวการศึกษาจากสำนักงาน ก.พ. 3.สัมมนาและเสาวนาเจาะลึก เรื่องทุนการศึกษาต่อต่างประเทศ ในรายการ "โลกทั้งใบ...เล็กนิดเดียว A Small World" ในหัวข้อ "ทุนการศึกษา...ใกล้แค่เอื้อม" และ "อยากรู้...อยากไป...ประเทศไหนดี" โดยเป็นครั้งแรกที่ผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตต่างๆ ประจำประเทศไทย จำนวน 15 ประเทศ รวมทั้งเจ้าหน้าที่สำนักงาน ก.พ. จะขึ้นเวทีให้ข้อมูลด้านการศึกษาที่ชัดเจนและถูกต้อง นอกจากนี้ ผู้มาร่วมงานยังได้สอบวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษ ฟรี โดยสถาบันการศึกษา Swinburne University of Technology และได้รับหนังสือ "สาระหน้ารู้...การศึกษาต่อต่างประเทศ" ที่รวบรวมข้อมูลการศึกษาต่อต่างประเทศไว้อย่างครบครัน มีโอกาสลุ้นรางวัล ทุนเรียนภาษาในต่างประเทศ รวมถึงสอบข้อเขียน ภาค ก. และภาค ข. สำหรับผู้สำเร็จการศึกษาปริญญาโท เพื่อขึ้นทะเบียนผู้สอบผ่าน ในการสมัครรับราชการในอนาคต โดยติดต่อสอบถามโทร.0-2252-9737-8, 0-2281-9544 หรือดูข้อมูล www.ocsc.go.th, www.ocsc2expo.com (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 28 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





มทร.ธัญบุรีทำสบู่ดูแลผิว จัดติวเข้มแพทย์แผนไทย

มทร.ธัญบุรี วิทยาเขตปทุมธานี จัดทำผลิตภัณฑ์ชุดถนอมผิวออกจำหน่าย พร้อมเปิดอบรมแพทย์แผนไทยใน 5 หลักสูตร นายกมลรัตน์ ณ หนองคาย หัวหน้าคณะวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี วิทยาเขตปทุมธานี เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยได้จัดทำผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับชุดถนอมผิว ได้แก่ น้ำนมพอกผิว สบู่เหลวน้ำแร่ โลชั่นน้ำนม เกลือมะขามขัดผิว โดยผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกมาทุกชนิดผ่านขั้นตอนในการตรวจสอบอย่างมีมาตรฐาน ราคาไม่แพง โดยผลิตจากน้ำนมแท้ และสมุนไพรที่มีประโยชน์ เริ่มแรกทดลองใช้เฉพาะอาจารย์และนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ต่อมาจึงวางจำหน่ายในคลินิกแพทย์แผนไทยประยุกต์ มหาวิทยาลัยยังได้จัดฝึกอบรมวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยแก่บุคคลทั่วไปใน 5 หลักสูตร ได้แก่ นวดเพื่อสุขภาพ สมุนไพรเพื่อความงามในเชิงธุรกิจและสปาไทย แปรรูปผลิตภัณฑ์สมุนไพรในเชิงอุตสาหกรรม นวดเท้าเพื่อสุขภาพ และอบรมความรู้สาขาเภสัชกรรมแผนไทย อีกทั้งสถานพยาบาลการแพทย์แผนไทยประยุกต์ของมหาวิทยาลัยยังจัดบริการรักษาพยาบาลในรูปแบบการแพทย์แผนไทย ซึ่งผู้สนใจสอบถามโทร.0-2992-0180 (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 28 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ศธ.ปล่อยลอยตัวค่าเทอมโรงเรียนเอกชน

ดร.รุ่ง แก้วแดง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้คณะทำงานเพื่อดำเนินการกำหนดยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาสถานศึกษาเอกชน ที่มีนายจำรัส นองมาก อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน(กช.) เป็นประธาน ได้หารือร่วมกับผู้แทนสถานศึกษาเอกชน โดยได้ข้อสรุปว่า ศธ.จะไม่ควบคุมการจ้างครูของโรงเรียนเอกชน รวมถึงจะให้โรงเรียนเอกชนเก็บค่าเล่าเรียนได้อย่างลอยตัว โดยไม่มีเพดานควบคุม และการจัดหลักสูตรเสริม ซึ่งจะหารือไปยังกรมสรรพากร เพื่อขอลดภาษี แต่โรงเรียนที่เข้าสู่โครงการนี้จะไม่ได้รับเงินอุดหนุนรายหัวจากรัฐบาล สำหรับโรงเรียนที่จะเข้าร่วมในโครงการนี้ จะมีคณะทำงาน ที่มีคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดศธ. พิจารณากลั่นกรองอีกครั้ง ทั้งนี้ ในเบื้องต้นมีข้อเสนอให้โรงเรียนที่เข้าสู่โครงการนี้จะต้องผ่านเกณฑ์ประเมินคุณภาพสถานศึกษาที่สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(สมศ.) ประเมินด้วยคะแนนไม่ต่ำกว่า 2.5 โดยคาดว่าภายใน 3 ปีแรกจะมีโรงเรียนขนาดใหญ่ที่เข้าสู่โครงการนี้ประมาณ 500 โรงเรียน (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 28 ต.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





"ฮาร์วาร์ด"ท็อปมหา"ลัยโลกสองสมัย

เดอะ ไทม์ส หนังสือพิมพ์รายวันของอังกฤษ เผยแพร่รายงานฉบับพิเศษการจัดอันดับ 200 มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกประจำปี 2548 เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม โดยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในสหรัฐอเมริกา ยังคงครองแชมป์มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ตามมาด้วยสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ แห่งสหรัฐ เป็นอันดับ 2, เคมบริดจ์ และออกซฟอร์ด สองมหาวิทยาลัยอันเก่าแก่ของอังกฤษ กระโดดขึ้นมาเป็นอันดับ 3 และ 4 ตามลำดับ แซงหน้ามหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดและมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแคลิฟอร์เนียวิทยาเขตเบิร์กเลย์ (ยูซีแอลเอ)ของสหรัฐ ที่ปีนี้ติดอยู่อันดับ 5 และ 6, มหาวิทยาลัยเยล(7), สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย(8), มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน(9) และ เอกอล โปลีเทคนิคของฝรั่งเศส(10) ส่วนในเอเชีย มหาวิทยาลัยปักกิ่งของจีนติดอันดับ 15 และมหาวิทยาลัยโตเกียวของญี่ปุ่น อันดับ 16 รายงานระบุว่า สถานศึกษาที่ติดอยู่ใน 200 อันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกในปีนี้อยู่ใน 31 ประเทศ โดยมีมหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐติดอยู่มากถึง 54 แห่ง ตามมาด้วยอังกฤษที่ติด 24 แห่ง และออสเตรเลีย 17 แห่ง ส่วนมหาวิทยาลัยในประเทศเนเธอร์แลนด์ติด 10 แห่ง ในฝรั่งเศสและเยอรมนีติดชาติละ 9 แห่ง นอกนั้นอยู่ในทวีปยุโรป เอเชียและอเมริกาเหนือ ยกเว้น 2 แห่งอยู่ในประเทศเม็กซิโกและบราซิล สำหรับเกณฑ์ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกที่เดอะ ไทม์สจัดทำเป็นปีที่ 2 พิจารณาจากความคิดเห็นของสถาบันทางวิชาการ 2,375 แห่งทั่วโลก อีกทั้งยังประเมินจากสถิติการอ้างอิงงานวิจัยของมหาวิทยาลัยนั้นๆ, สัดส่วนนักศึกษาต่อเจ้าหน้าที่และจำนวนนักศึกษาและเจ้าหน้าที่ต่างชาติที่ศึกษาและทำงานอยู่ในมหาวิทยาลัยนั้นๆ นอกจากนี้ ในปีนี้ยังพิจารณาความเห็นของบริษัทต่างชาติที่อยากจะรับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยใดเข้ามาร่วมทำงานด้วย (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 28 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


สแกนพบขุมทรัพย์มหาศาลในหลุมฝังพระศพจิ๋นซี

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า เครื่องสแกนแม่เหล็กที่ใช้ตรวจหลุมฝัง พระศพของจิ๋นซี ฮ่องเต้ จักรพรรดิองค์แรกของจีนพบว่า มีเหรียญโลหะเป็นจำนวนมาก บ่งบอกว่า ศพของพระองค์ถูกฝังไปพร้อมกับทรัพย์สมบัติของรัฐจีนในสมัยนั้น จิ๋นซี ฮ่องเต้ ปกครองจีนในช่วงปี 221-210 ก่อนคริสตกาล หรือประมาณ 2,200 ปีที่แล้ว ใช้เมืองซีอานเป็นศูนย์กลางการปกครอง โดยหลุมศพขนาดใหญ่ของพระองค์ รายล้อมด้วยรูปปั้นทหารนับพัน ซึ่งกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของซีอานในเวลานี้ นักโบราณคดีชาวเยอรมันและจีนรับรองการค้นพบครั้งล่าสุดเมื่อช่วงทศวรรษที่ 1970 ว่า เป็นหลุมฝังพระศพของจักรพรรดิจิ๋นซี ฮ่องเต้ เชื่อว่าพระองค์ใช้เวลานานหลายทศวรรษ ในการสร้างสุสาน และจากการใช้เครื่องสแกนแม่เหล็กตรวจจากภายนอก หลุมฝังพระศพ พบว่า ภายในประกอบด้วยเหรียญโลหะเป็นจำนวนมาก ซึ่งน่าจะเป็นทองแดง แต่ก็มีบางชิ้นทำด้วยเงิน นักโบราณคดีไม่กล้าจะเปิดหลุมฝังพระศพ เพราะอาจสร้างความเสียหายเป็นการทำลาย หลักฐานทางโบราณคดีจึงเป็นการปลอดภัยกว่าถ้าจะปล่อยให้มันนอนสงบอยู่ตามเดิม (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 24 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





เรืออูเยอรมนีสมัยใหม่ดำกบดานได้นานเป็นเดือน

กองทัพเรือเยอรมนีเผยโฉมเรือดำน้ำรุ่นใหม่ล่าสุด 2 ลำ ในพิธีนำเข้าประจำการที่ฐานทัพเรือในทะเลเหนือ เรือดำน้ำรุ่นนี้อยู่ในชั้น “212 เอ” เป็นเรือที่ไม่ได้ใช้พลังงานนิวเคลียร์ที่ทันสมัยที่สุดในโลก สามารถปฏิบัติการในน่านน้ำได้ทุกแห่งในโลก ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจะทำให้เรือสามารถเล็ดลอดการตรวจจับจากฝ่ายตรงข้าม คล้ายคลึงกับเทคโนโลยีสเตลธ์ ที่ทำให้เครื่องบินรอดพ้นการถูกตรวจจับจากเรดาร์ จึงเหมาะกับการแอบเข้าไปในน่านน้ำของฝ่ายตรงข้ามเพื่อหาข่าว หรือการส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษออกไปดำเนินภารกิจ เครื่องยนต์ของเรือรุ่นนี้จะใช้เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ร่วมกับแบตเตอรี่และเครื่องยนต์ดีเซลแบบมาตรฐาน ซึ่งจะทำให้เรือดำน้ำได้อย่างต่อเนื่องนานถึง 4 สัปดาห์โดยไม่ต้องโผล่ขึ้นมาเพื่อ อัดอากาศเข้าสู่ระบบเครื่องยนต์ เรือดำน้ำ “212 เอ” มีความยาว 56 เมตร ใช้พลประจำการเพียง 27 นาย ระบบอาวุธประกอบด้วยตอร์ปิโด 6 ท่อยิง กองทัพเรือเยอรมนีสั่งซื้อเรือดำน้ำรุ่นนี้ 4 ลำในราคารวม 1,600 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ (65,600 ล้านบาท) โดยจะนำไปใช้ปฏิบัติการในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและ ทะเลในแถบชายฝั่งด้านตะวันออกของทวีปแอฟริกา. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 24 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th





นาซาจัดแข่งสร้าง ‘ลิฟต์อวกาศ’

มูลนิธิสเปซวอร์ด องค์กรไม่แสวงกำไรที่มุ่งศึกษาเทคโนโลยีและศาสตร์ด้านอวกาศ ร่วมกับองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (นาซา) จัดประกวดโครงการ “ลิฟต์สู่อวกาศ” โดยช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เปิดโอกาสให้ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านไฮเทค 10 ทีมมารวมกันที่ศูนย์วิจัยอาเมส นาซา รัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อแข่งกันพัฒนาลิฟต์อวกาศ แลกเงินรางวัล 1 แสนดอลลาร์ หรือราว 4 ล้านบาท การแข่งขันจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการสร้างเชือกที่เหนียวทนทานและ มีน้ำหนักเบาซึ่งจะใช้เป็นลิฟต์ไต่ไปสู่อวกาศ กับส่วนที่ 2 ที่เป็นหุ่นยนต์น้ำหนักเบาที่สามารถไต่เชือกนั้นได้สูง 60 เมตร ในการแข่งขันรอบแรก เมื่อ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา มีเพียงทีมเดียวจากมหาวิทยาลัยบริติช โคลัมเบีย ที่ประสบความสำเร็จในการทำให้หุ่นยนต์ไต่เชือกได้ ทั้งนี้ เชือกดังกล่าว สามารถสร้างจากวัสดุที่เรียกว่า “คาร์บอน นาโนทิวบ์” ที่ญี่ปุ่นพัฒนาเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2543 ที่น่าทึ่งคือเชือกคาร์บิน นาโนทิวบ์นี้มีความแข็งแรงขั้นที่ว่าแม้จะมีขนาดเท่ากับ เส้นผมมนุษย์ก็ยังสามารถรองรับน้ำหนักคนได้ 1 คน สำหรับโครงการลิฟต์อวกาศนั้นเป็น โครงการที่ได้แนวคิดจากนวนิยายเรื่อง “เดอะ เฟาเทนส์ ออฟพาราไดส์” (น้ำพุแห่งสวรรค์) ของอาร์เธอร์ ซี. คล้าก นักเขียนนิยายแนววิทยาศาสตร์ชื่อดัง เป้าหมายคือการสร้างลิฟต์หรือเชือกที่มีความยาวกว่า 99,750 กิโลเมตร จากโลกไปยังดาวเทียม โดยมีหุ่นยนต์ขับเคลื่อนด้วยลำแสงเป็นพาหนะขนส่งมนุษย์ไปยังอวกาศ นาซาตั้งความหวังโครงการนี้จะลุล่วงราวปี 2563 หรืออีก 15 ปีข้างหน้า. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 24 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





นวัตกรรมรักษาความปลอดภัยฝีมือไทย

โครงการวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์เครื่องช่วยฝึกทางทหารและตำรวจ จึงเกิดขึ้น ภายใต้ความร่วมมือของ 3 ฝ่ายระหว่างหน่วยงานให้ทุน คือ สำนักงานสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สำนักงานวิจัยและพัฒนากลาโหม และภาคเอกชนบริษัทพรีซิพาร์ท ทีมวิจัยจึงเร่งพัฒนาผลงานต่าง ๆ เพิ่มขึ้น เช่น “ชุดกันมีดราคาถูก” ซึ่งจะเอาไว้ป้องกันตัวเข้ากับสถานการณ์ที่มีคนเข้ามาทำร้ายเด็กในโรงเรียน ลักษณะของอุปกรณ์ดังกล่าวคือจะเป็นไม้ยาวเหมือนไม้พลอง วิธีใช้เมื่อกระแทกไม้ดังกล่าวเข้าไปเบา ๆ จะมีผงออกมาเข้าหูเข้าตาคนร้าย “กับดักแจ้งเตือนภัยชนิดสะดุด” ที่ใช้ติดตั้งบนพื้นดินหรือยึดติดกับต้นไม้ เมื่อมีผู้บุกรุกเดินสะดุดลวดจะทำให้เกิดเสียงดังคล้ายระเบิดและเป็นตลับลวดที่สามารถม้วนเก็บได้สะดวก ส่วน “เครื่องยิงมือถือ” ซึ่งมีขนาดเล็กลักษณะเหมือนกับโทรศัพท์มือถือที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ผลิตขึ้นเพื่อให้ผู้หญิงได้ใช้สำหรับป้องกันตัว สำหรับเครื่องเตือนภัย ระบบ Alarm system เป็นเครื่องที่มีประสิทธิ ภาพและใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เหมาะสำหรับการแจ้งเตือนภัยคลื่นยักษ์, การแจ้งเตือนภัยการเกิดแผ่นดินไหว, การแจ้งเตือนภัยปลาฉลามที่ว่ายเข้ามาตามแนวชายฝั่ง, การแจ้งเตือนพายุ, หรือการแจ้งเตือนไฟไหม้ ซึ่งมีทั้งแบบติดตั้งถาวรและแบบมือถือที่สามารถเคลื่อนย้ายได้และใช้งานสะดวก ประกอบกับมีรัศมีของการแจ้งเตือนภัยในระยะไกลได้ และยังสามารถใช้งานได้ทั้งบนบกและในน้ำรวมถึงใช้งานง่ายและราคา มีปัญหาด้านอุปกรณ์บางอย่างยังติดที่กฎหมายห้ามใช้ จึงควรผลักดันให้กฎหมายสอดคล้องกับงานวิจัยเพื่อให้บุคคลทั่วไปสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้. (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 24 ต.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





หนอนผีทะเลดูดซากวาฬยังชีพ

ดร.เอเดรียน โกลเวอร์ และ โทมัส ดาห์ลเกรน รายงานการค้นพบหนอนสปีชีส์ใหม่ แถบชายฝั่งสวีเดน ซึ่งได้รับการตั้งชื่อว่า โอซีแดกซ์ มูโคฟลอริส มีความหมายว่า "ดอกไม้น่าขยะแขยงกินกระดูก" ในวารสารนิวสปีชีส์ และชี้ว่าหนอนซอมบี้นี้เป็นสิ่งมีชีวิตพบในน้ำลึกของแปซิฟิก แต่คราวนี้กลับพบในทะเลเหนือ "พวกมันดูเหมือนดอกไม้ที่งอกออกมาจากกระดูกวาฬ ที่เปรียบอย่างนั้นเพราะพวกมันมีระบบรากที่ชอนไชอยู่ในกระดูก ส่วนของหนอนที่โดนน้ำทะเลจะถูกปกคลุมอยู่ในเยื่อเมือก ดังนั้นมันจึงดูน่าขยะแขยง ซึ่งบางทีอาจจะเป็นกลไกป้องกันตนเองของมันก็เป็นได้" นักวิทยาศาสตร์เพิ่งเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการตายของวาฬต่อระบบนิเวศพื้นมหาสมุทร คือเมื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดยักษ์ของท้องทะเลนี้เสียชีวิต ร่วงลงสู่ท้องทะเลและเน่าเปื่อย เป็นแหล่งอาหารให้กับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น โกลเวอร์และดาห์ลเกรน กล่าวถึงจุดสังเกตที่คล้ายคลึงกันระหว่างสปีชีส์ของหนอนนี้ แม้ว่าจะอยู่กันคนละมหาสมุทร และต่างความลึกกันมากกว่า 2,500 เมตร ว่าหนอนโอซีแดกซ์มีความยาว 1-2 เซนติเมตร รากของมันหยั่งอยู่ในกระดูกวาฬ ซึ่งพวกมันใช้ดูดไขมันกับแบคทีเรีย ส่วนที่เป็นขนคล้ายดอกไม้ของหนอนจะเป็นตัวดึงออกซิเจนมาจากน้ำ ระบบสืบพันธุ์ของหนอน ดร.โกลเวอร์ อธิบายว่า ในหนอนโอซีแดกซ์ของแปซิฟิกตัวเมียจะเก็บตัวผู้ไว้ข้างในท่อของมัน ที่เป็นฮาเร็มเล็กๆ สำหรับผสมไข่ ขณะพวกมันถูกปล่อยลงสู่น้ำ แต่ยังไม่มั่นใจว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับชีววิทยาสืบพันธุ์ของหนอนที่พบที่สวีเดน เพราะพบเฉพาะหนอนตัวเมีย แต่ยังไม่พบตัวผู้เลยสักตัว จากการค้นพบนี้ได้นำเสนอทฤษฎีที่ว่า เมื่อวาฬตายลง มันจะเป็นเหมือนจุดที่ให้สิ่งมีชีวิตรูปแบบอื่นให้สามารถไปรอบๆ ท้องทะเลได้ (คมชัดลึก อังคารที่ 25 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ภูเขาไฟกาลาปากอสปะทุ

เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติบนเกาะกาลาปากอส เปิดเผยว่า เกิดเหตุภูเขาไฟเซียร์รา เนกรา ระเบิดขึ้นตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ผ่านมา ขณะนี้คลื่นลาวาได้ทะลักท่วมออกมาพื้นที่บริเวณใกล้เคียง แต่ยังไม่มีรายงานถึงผลกระทบในความเสียหายที่มีต่อป่าไม้นานาพรรณและสัตว์ป่านานาชนิดที่พำนักอาศัยอยู่ใกล้กับบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตาม บรรดาฝูงเต่ากาลาปากอส ซึ่งเป็นพันธุ์เต่ายักษ์ ที่อาศัยอยู่ใกล้กับภูเขาไฟลูกนี้มานานกว่า 150 ปี ไม่ได้รับอันตราย รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งจำนวนมากกว่า 2,000 คน ก็ไม่มีความเสี่ยงต่ออันตรายอันเกิดจากภูเขาไฟที่มีความสูงขนาด 1,500 ม.ระเบิดแต่ประการใด สำหรับหมู่เกาะกาลาปากอสนี้อุดมไปด้วยป่าไม้และสัตว์นานาพรรณ จนเป็นแรงบันดาลทำให้เกิดทฤษฎีวิวัฒนาการของชาร์ลส์ ดาร์วิน ขึ้น (สยามรัฐรายวัน อังคารที่ 25 ต.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





เพิ่มพลัง"สมอง-ร่างกาย-จิตใจ" 3ปัจจัยปั้นเด็กไทยเป็นมนุษย์อวกาศ

นายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร กำลังขอความร่วมมือจากรัสเซียเพื่อให้ช่วยส่ง "คนไทย" ขึ้นไปทำหน้าที่มนุษย์อวกาศ โครงการ "ปั้นเด็กไทยเป็นมนุษย์อวกาศ" จะประสบความสำเร็จหรือไม่เป็นเรื่องของอนาคต แต่ถ้าภาครัฐมีแนวคิดจะสนับสนุนอย่างจริงๆ จังๆ คงต้องเตรียมตัวอย่างหนักตั้งแต่วันนี้ เพราะคนที่จะเดินทางไปสู่ถนนสายหมู่ดาวต้องแข็งแกร่งทั้งสมอง ร่างกาย จิตใจ และต้องใช้เวลาเตรียมความพร้อมหลายสิบปี ประเภทของมนุษย์อวกาศแบ่งออกกว้างๆ เป็น 2 กลุ่ม ตามลักษณะการทำงาน กลุ่มแรกเป็น "นักบินอวกาศ" รับหน้าที่ควบคุมการบินของทั้งยานอวกาศและดูแลวงโคจรของสถานีไอเอสเอส กลุ่มที่ 2 คือ นักวิจัย หรือผู้เชี่ยวชาญด้านปฏิบัติการประจำยานอวกาศ ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ อุ่นอาหาร ทำความสะอาดยาน และออกไป "ย่ำอวกาศ" เพื่อปรับปรุงตัวยาน เป็นต้น ขั้นตอนการคัดเลือกนักบินอวกาศนั้นส่วนใหญ่คัดตัวมาจาก "นักบินเครื่องบินรบ" ระดับหัวกะทิประจำกองทัพของสหรัฐ รัสเซีย และประเทศอื่นๆ โดย "ยูริ กาการิน" มนุษย์คนแรกของโลกที่ออกไปสู่อวกาศก็เป็นนักบินกองทัพโซเวียตมาก่อน อายุเฉลี่ยของมนุษย์อวกาศที่ต้องฝึกฝนจนกว่าจะออกไปปฏิบัติงานนอกโลกได้จริงอยู่ที่ 36 ปีขึ้นไป คุณสมบัติพื้นฐานที่ต้องมีในตัวคนที่คิดจะมาทำงานเป็นมนุษย์อวกาศ ตามมาตรฐานของนาซ่ากับอีเอสเอที่คล้ายๆ กันก็คือ 1. ต้องจบการศึกษาระดับอุดมศึกษาในสาขาใดสาขาหนึ่ง หรือหลายสาขาต่อไปนี้และมีผลการเรียนดีมาก เช่น ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ ชีววิทยา วิศกรรมอวกาศ วิศวกรรมไฟฟ้า และวิทยาศาสตร์การแพทย์ 2. หลังศึกษาจบควรมีประสบการณ์ทำงานจริงในสาขาที่เรียนมาอย่างน้อย 3 ปี 3. ผู้สมัครตำแหน่งนักบินอวกาศ ต้องมีชั่วโมงบินสูงในระดับหนึ่ง 4. ต้องมีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง โดยการทดสอบร่างกายส่วนนี้หนักมาก เช่น การทนต่อแรงเหวี่ยงและแรงดันอากาศ 5. ต้องเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษ 6. มีอุปนิสัยเป็นมิตร เข้ากับคนจากต่างชาติ-ต่างวัฒนธรรมได้ง่าย มีภาวะจิตใจมั่นคง มีเหตุมีผล ความจำดี และมีความยืดหยุ่น (ข่าวสด อังคารที่ 25 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





"ไฮเพียเรียน" ดวงจันทร์ดาวเสาร์

สมาคมดาราศาสตร์ไทยรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 กันยายน ยาน "แคสซีนี" ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของนาซ่าและองค์กรอวกาศยุโรป ได้เปิดเผยภาพชุดใหม่ที่ถ่ายระหว่างการเฉียดเข้าใกล้ดวงจันทร์ "ไฮเพียเรียน" ภายหลังจากยานสามารถบินเข้าใกล้ดวงจันทร์ดวงนี้ได้ถึง 500 กิโลเมตร ซึ่งใกล้ที่สุดเท่าที่เคยทำได้ ไฮเพียเรียนเป็นดวงจันทร์ดวงหนึ่งของดาวเสาร์ มีขนาด 266 กิโลเมตร ภาพถ่ายที่ถ่ายก่อนหน้านี้แสดงภาพคล้ายก้อนฟองน้ำล้างรถที่พรุนไปด้วยหลุมน้อยใหญ่ ไม่เพียงแต่ภายนอกเท่านั้นที่ดูเหมือนฟองน้ำ แม้แต่โครงสร้างภายในของดวงจันทร์ดวงนี้ก็คล้ายฟองน้ำด้วย เพราะมีโพรงอากาศภายในมากมาย นอกจากนี้ยังมีอัตราการหมุนรอบตัวเองไม่คงที่ สิ่งเหล่านี้แสดงว่าไฮเพียเรียนมีสภาพพื้นผิวแตกต่างไปจากวัตถุอื่นในระบบสุริยะอย่างสิ้นเชิง ไฮเพียเรียนมีแอ่งน้อยใหญ่หลายแห่ง และที่แปลกก็คือที่ท้องแอ่งมีสีคล้ำเหมือนมีวัตถุสีดำขังอยู่ ซึ่งนักดาราศาสตร์ยังไม่ทราบว่าวัตถุสีมืดนั้นคืออะไร การที่พบว่าหลุมที่มีขอบสว่างกว่าปกติแสดงว่าวัตถุสีดำอาจมีความหนาเพียงไม่กี่สิบเมตรปกคลุมอยู่เหนือวัตถุสว่าง นอกจากนี้ยังพบการร่องรอยคล้ายกับการเกิดแผ่นดินถล่มหลายแห่ง หลักฐานเห็นได้จากการทับถมของเศษหินที่ก้นหลุมอุกกาบาต และจากการที่แทบไม่พบหลุมอยู่ใกล้เนินชันเลยซึ่งอาจเป็นเพราะถูกถมจนมิด (ข่าวสด อังคารที่ 25 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





พลิกปูมบันทึกอวกาศ

สุนัข "ไลก้า" เป็นสิ่งมีชีวิตบนโลกสายพันธุ์แรกที่ขึ้นไปยังอวกาศพร้อมกับยานสปุตนิก 2 ของโซเวียต (รัสเซีย) มนุษย์อวกาศคนแรกของโลกคือ "ยูริ กาการิน" ของโซเวียตขึ้นไปกับยานวอสต๊อก 1 ปีพ.ศ.2504 นักบินอวกาศหญิงคนแรกของโลกเป็นชาวโซเวียต ชื่อ "วาเลนติน่า เทเรชโกว่า" เดินทางไปกับยานวอสต๊อก 6 นักบินอวกาศคนแรกที่โคจรรอบโลกคือ "จอห์น เกลน" สหรัฐอเมริกา "นีล อาร์มสตรอง" มนุษย์อวกาศสหรัฐเป็นมนุษย์คนแรกที่เดินเหยียบพื้นผิวดวงจันทร์ ปี 2512 "ฟาม ตวน" เป็นคนเอเชียคนแรกที่เดินทางออกไปนอกโลกพร้อมกับยานโซยูซ 37 ของรัสเซีย เมื่อปี 2523 สภาพการดำรงชีวิตในอวกาศ 1. สภาพไร้น้ำหนัก คือ สภาพที่วัตถุไม่มีน้ำหนักกดลง มนุษย์อวกาศ และสิ่งต่างๆ ภายในยานลอยไปมา ก่อให้เกิดปัญหาในการปฏิบัติงานต่างๆ ของมนุษย์อวกาศมาก จึงจำเป็นต้องมีสิ่งจับยึด หรือเข็มขัดรัดไว้ นอกจากนี้มนุษย์อวกาศต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพไร้น้ำหนัก โดยการออกกำลังกายอยู่เสมอ เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อให้ทำงานอยู่เสมอ 2. ความดันและอุณหภูมิ ความดันบรรยากาศในอวกาศมีค่าต่ำมาก ความดันโลหิตในร่างกายจะมากกว่าความดันบรรยากาศ จึงดันในเส้นโลหิตแตกออกถึงแก่ความตายได้ ฉะนั้นมนุษย์อวกาศจึงต้องสวมชุดอวกาศ ซึ่งสร้างและออกแบบให้สามารถปรับความดันและอุณหภูมิได้ เพราะอุณหภูมิในอวกาศบางแห่งสูงมาก และบางแห่งมีอุณหภูมิต่ำมาก โดยมนุษย์อวกาศสามารถปรับอุณหภูมิได้ระหว่าง 13-23 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ ยังมีเครื่องควบคุมความชื้นสัมพัทธ์ซึ่งจะจัดให้มีค่าพอเหมาะต่อการดำรงชีวิต อีกด้วย 3. ภาวะแวดล้อมทั่วไป ได้แก่ อาหาร น้ำ ออกซิเจน รังสีต่างๆ และการขับถ่าย อาหารเป็นอาหารสำเร็จรูปบรรจุในหลอดพลาสติกอย่างดี เพื่อความสะดวกและง่ายต่อการรับประทานขณะอยู่ในสภาพไร้น้ำหนัก น้ำต้องบรรจุไว้ในหลอดเช่นกัน เมื่อจะดื่มต้องใช้ฉีดเข้าปาก ออกซิเจน มนุษย์อวกาศต้องนำถังออกซิเจนเหลวขึ้นไปด้วย เพราะในอวกาศไม่มีออกซิเจน การขับถ่าย จะมีที่เก็บสิ่งขับถ่าย และขยะเพื่อนำกลับมายังโลก ส่วนน้ำปัสสาวะนั้น จะนำมากกลั่น ให้เป็นน้ำบริสุทธิ์เพื่อนำไปใช้ดื่มอีกต่อไป (ข่าวสด อังคารที่ 25 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





คนไทยเจ๋งชนะเลิศ Short Animation ฉลอง 60 ปี สหประชาชาติ

สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ ซิป้าและสหประชาชาติ ได้ร่วมกันจัดงานประกาศผลรางวัลการประกวด Short Animation ระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ในโอกาสครบรอบ 60 ปี ขององค์การสหประชาชาติ หรือโครงการ “The 60th UN Anniversary Short Animation Competition” เพื่อเปิดโอกาสให้กับผู้สนใจระดับเยาวชน อายุไม่เกิน 25 ปี และประชาชนทั่วไป 25 ปีขึ้นไป ได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ออกมาในรูปแบบแอนิเมชั่น ความยาว 3-5 นาที ภายใต้หัวข้อ “เป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษของสหประชาชาติ” นางเครือวัลย์ สมณะ ประธานกรรมการซิป้า กล่าวว่า การประกวดครั้งนี้ มีผู้สนใจส่งผลงานเข้าประกวดจากทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ทั้งสิ้น 70 ผลงาน จาก 8 ประเทศ อาทิ อินเดีย เมียนม่าร์ อินโดนีเซีย ศรีลังกา ฟิลิปปินส์ ลาว ออสเตรเลีย และประเทศไทย สำหรับการประกาศผลรางวัล กลุ่มบุคคลทั่วไป รางวัลชนะเลิศ เงินรางวัล 4,000 เหรียญสหรัฐฯ ได้แก่ ผลงาน “War Peace” จากบริษัท ดิจิดรีม จำกัด ที่เน้นการนำเสนอบนฉากสนามเด็กเล่นที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นสงคราม ส่วนรองชนะเลิศ เงินรางวัล 3,000 เหรียญสหรัฐฯ ได้แก่ ผลงาน “The Story of Child and War” จากบริษัท ไซเบอร์แพลนเน็ต อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด ที่นำเสนอให้เห็นเด็กชาย-หญิงหลายเชื้อชาติ จินตนาการถึงการหยุดสงคราม ด้านกลุ่มเยาวชน รางวัลชนะเลิศ เงินรางวัล 3,000 เหรียญสหรัฐฯ ได้แก่ ผลงาน “Help!!” ของนายดิสพงศ์ วงศ์อร่ามจากประเทศไทย ด้วยแนวคิดการใช้ตัวอักษร ก-ฮ มาดัดแปลงเป็นแอนิเมชั่น รูปแบบคล้ายการ์ตูนดินน้ำมัน รองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 2,000 เหรียญสหรัฐฯ ได้แก่ ผลงาน “SARASWATI” ของเยาวชนจากประเทศอินเดีย ที่สะท้อนโอกาสทางการศึกษาผ่านจินตนาการ และรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 1,000 เหรียญสหรัฐฯ ได้แก่ ผลงาน “Pla-Tapian” ของน.ส.จิราพร สุนเลี้ยง จากประเทศไทย ที่หยิบยกเรื่องราวสังคมผ่านเด็กชายที่อยากกินไอศกรีมปลาตะเพียนสาน ตัวละ 10 บาทและเหรียญ 10 บาทในมือเด็กชาย (ไทยรัฐ อังคารที่ 25 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ตามไปดู กรีนวอลเล่ย์ฯฮ่องกง สางปัญหาขยะอุตสาหกรรม

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.อุตสาห กรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระทรวงอุตสาหกรรมได้เดินทางไปศึกษาดูงานระบบบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมของ บริษัท กรีน วอลเล่ย์ แลนด์ฟิลด์ ที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลฮ่องกงในการกำจัดของเสียอุตสาหกรรมและของเสียชุมชนด้วยมาตรฐานเทียบเท่ายุโรป บริษัทกรีนวอลเล่ย์ฯ สามารถรองรับจัดการของเสียได้ 43 ล้านคิวบิกเมตร ใช้เทคโนโลยีกำจัดของเสียแบบฝังกลบขั้นสูงในปริมาณ 10,000 ตันต่อวัน มีขีดความสามารถกำจัดของเสียได้ทุกประเภท แม้แต่ขยะสารเคมีและเศษวัสดุก่อสร้าง ซึ่งเป็นโรงงานเพียงแห่งเดียวในฮ่องกง ที่สามารถ บริหารจัดการกับกากของเสียได้อย่างครบวงจร โดยในส่วนของกระบวนการกำจัดของเสียอุตสาหกรรม ได้แยกของเสียส่วนหนึ่งนำไปผ่านระบบการปรับเสถียรภาพเพื่อผลิตเป็นไบโอก๊าซและแปรสภาพเป็นพลังงานไฟฟ้าใช้ภายในโรงงานได้อีก ในไทย ปัจจุบันมี บริษัทบริหารและพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จำกัด หรือ เจนโก้ เป็นบริษัทที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการกำจัดกากอุตสาหกรรมเทียบเท่ากลุ่มสหภาพยุโรป นอกเหนือจากการศึกษาพัฒนาระบบการกำจัดกากอุตสาหกรรมประเภทหลุมฝังกลบเบื้องต้นแล้ว ขณะนี้กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำลังเร่งสร้างเตาเผากากอุตสาหกรรมที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู ซึ่งเป็นเตาเผาของเสียอุณหภูมิสูง 1,200 องศาเซลเซียส สามารถกำจัดกากของเสียที่เป็นอันตรายและของเสียติดเชื้อ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการทดลองเดินเครื่องโดยจ้างบริษัทเอกชนมาดำเนินการ คาดว่าจะเปิดให้บริการแก่ผู้ประกอบการภายในกลางปี 49 ปัญหาขยะภาคอุตสาหกรรมได้ขยายตัวเพิ่มตามความเจริญของเทคโนโลยี และการผลิตที่ขยายตัวเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง ดังนั้นเพื่อไม่ให้ปัญหาดังกล่าวลุกลามจนที่สุดแล้วจะแก้ไขได้ยาก สิ่งที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการในขณะนี้ได้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา โดยเฉพาะวิธีกำจัดกากอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ที่ยังไม่สมบูรณ์แบบ คือ การออกมาตรการ หรือกฎหมายบังคับให้เข้มงวด ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และบทลงโทษที่รุนแรงเพียงพอ เพราะอย่างไรแล้วยังมีผู้ประกอบการบางกลุ่มโรงงานบางแห่ง ที่ยังไม่ทิ้งนิสัยมักง่ายชอบจ่ายเงินน้อย ๆ หวังกำไรมาก โดยไม่คำนึงถึงผลดี ผลเสียที่อาจจะกระทบต่อสังคม สิ่งแวดล้อมส่วนรวม และลืมคิดถึงอนาคตของลูกหลานในวันข้างหน้า. (เดลินิวส์ พุธที่ 26 ต.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





3-4พ.ย.จัดประชุมเชื้อเพลิงเอเปค วท.เผย30ปีพลังงานชีวภาพมาแรง

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม นายประวิช รัตนเพียร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(วท.) แถลง "การประชุมระดับเอเปค เรื่อง การคาดการณ์เทคโนโลยีเชื้อเพลิงอนาคตใน 30 ปีข้างหน้า" ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-4 พฤศจิกายนนี้ ที่โรงแรมอิมพีเรียลแม่ปิง จ.เชียงใหม่ ว่า ปัญหาวิกฤตพลังงานเป็นปัญหาระดับภูมิภาค ทั้งนี้เพื่อประสานขีดความสามารถของนานาประเทศในด้านเชื้อเพลิงให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เบื้องต้นคาดว่าเชื้อเพลิงจะใช้ในอีก 30 ปีข้างหน้า คือ เชื้อเพลิงชีวภาพ (biofuel) ไฮโดรเจน (hydrogen) และเชื้อเพลิงไฮโดรคาร์บอนรูปแบบใหม่ๆ (unconventional hydrocarbons) อาทิ เชื้อเพลิงฟอสซิล มีเทน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีความร่วมมือที่ขยายไปยังเครือข่ายระหว่างประเทศอื่นๆ ด้วย ทั้งนี้จากการประชุมดังกล่าวเมื่อได้ข้อสรุปที่สมบูรณ์ คาดว่าจะมีการนำเสนอต่อที่ประชุมผู้นำเอเปคในเดือนพฤศจิกายนนี้ ที่ประเทศเกาหลีต่อไป รศ.ดร.ปริทรรศน์ พันธุบรรยงก์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ(เอ็มเทค) กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้จะเป็นการนำเสนอข้อมูลเชื้อเพลิงทั้ง 3 ชนิด ทั้งนี้ประเทศไทยมีบทบาทมากในการกำหนดทิศทางอนาคตของเชื้อเพลิงชีวภาพ เนื่องจากไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม มีทรัพยากรในการผลิต และปัจจุบันไทยเป็นผู้นำในการใช้เชื้อเพลิง เช่น เอทานอล แก๊สโซฮอล์ ฯลฯ (มติชนรายวัน พุธที่ 26 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





ทฤษฎีทำนาย"สึนามิ" จากระดับชายฝั่งทรุดตัว

เหตุแผ่นดินไหว ยังคงเป็นภัยธรรมชาติที่วิทยาการในปัจจุบันพยากรณ์ล่วงหน้าไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ และเกิดถี่ขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังโชคดีที่ในกรณีการเกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเลแล้วก่อให้เกิดคลื่นยักษ์ "สึนามิ" นั้น นักวิทยาศาสตร์สามารถคำนวณเวลาที่คลื่นยักษ์จะซัดเข้ามายังชายฝั่งได้หลายสิบนาทีเลยทีเดียว ฉะนั้นหากมีการจัดการ การวางแผนที่ดี ความสูญเสียจากความรุนแรงของคลื่นก็ย่อมลดน้อยลง เมื่อช่วงกลางปี "เจอเร ลิปส์" ศาสตราจารย์ชีววิทยาประจำมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ พร้อมกับเพื่อนนักวิจัยอีกหลายคนจากมหาวิทยาลัยฮาลิแฟกซ์และศูนย์สำรวจธรณีวิทยาอะลาสกา เคยเสนอทฤษฎีพยากรณ์การเกิดสึนามิเอาไว้ในวารสารสมาคมธรณีวิทยาสหรัฐ แต่ก็ออกตัวไว้ด้วยว่ายังเป็นสมมติฐาน และต้องรอให้นักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ พิสูจน์ความถูกต้องด้วย ศ.ลิปส์ ศึกษาข้อมูลการเกิดแผ่นดินไหว 9.2 ริกเตอร์นอกชายฝั่งอะลาสกา ซึ่งทำให้เกิดสึนามิซัดถล่มชุมชนตามแนวชายฝั่งแถบ "Anchorage" จนราบเป็นหน้ากลองเมื่อปี 1964 (พ.ศ.2507) และพบว่า ในช่วงระยะเวลา 5-15 ปี ก่อนหน้าจะเกิดแผ่นดินไหวดังกล่าวนั้น พื้นที่ตามแนวชายฝั่งของ Anchorage จะค่อยๆ "ทรุดตัว" ลงไปต่ำกว่าเดิมประมาณ 1 ฟุต ซึ่งเป็นอัตราการทรุดตัวของแผ่นดินที่เล็กน้อยมากจนคนในพื้นที่ไม่มีทางสังเกตความเปลี่ยนแปลง แต่ผลการขุดเจาะเก็บตัวอย่าง "จุลชีพ" ตามแนวชายฝั่งจะพบว่า การทรุดตัวทำให้ "จุลชีพน้ำจืด" สูญหายไปจากแนวชายฝั่ง เชื่อว่า สาเหตุของการทรุดตัวเกิดจากความผิดปกติใน "เขตมุดตัวของเปลือกโลก" ภายหลังจาก "แผ่นทวีป" ทรุดตัวต่ำลงเนื่องจากถูก "แผ่นมหาสมุทร" (แผ่นเปลือกโลกใต้มหาสมุทร) ดันและดึง ลักษณะการทรุดตัวที่ว่านี้เอง คือ สัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าว่าในอนาคตพื้นที่ใต้ทะเลหรือมหาสมุทรนอกชายฝั่งดังกล่าวจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้นภายในเวลาไม่กี่ปีข้างหน้านับตั้งแต่จุดที่ชายฝั่งเริ่มทรุดตัวถึงระดับ 1 ฟุต ลิปส์แนะนำว่า ทางการของประเทศที่ตั้งอยู่ใน "เขตมุดตัวของเปลือกโลก" ควรติดตั้งเครื่องวัดระดับความลาดเอียงของพื้นที่ตามแนวชายฝั่งเพื่อดูว่าแผ่นดินทรุดตัวหรือไม่ ซึ่งถ้าทรุดจริงก็อาจใช้เป็นหนึ่งในสัญญาณเตรียมความพร้อมรับมือภัยสึนามิในอนาคตได้ (ข่าวสด พุธที่ 26 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





กลั่น (Cracking) น้ำมันเตากลายเป็นดีเซล BOI ไฟเขียวโครงการหมื่นล้าน บ.บางจาก

บริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) โดย นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในหน่วยกลั่น cracking unit หรือการนำ "น้ำมันเตา" ซึ่งเป็น product จากการกลั่นของโรงกลั่นน้ำมันบางจากมากที่สุดในขณะนี้ มาผ่านกระบวนการ "กลั่นซ้ำ" เพื่อปรับปรุงคุณภาพเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การได้ "น้ำมันดีเซล" ที่ตลาดภายในประเทศมีความต้องการจากวิกฤตการณ์ทางด้านราคาน้ำมันในปัจจุบัน ระบบ cracking unit จะถูกติดตั้งเพิ่มเติมในบริเวณโรงกลั่นน้ำมันบางจากที่ตั้งปัจจุบัน โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตที่เรียกว่า hydrocracking unit ของ UOP กับ ระบบ hydrogen plant ของ foster wheeler และระบบ sulfur recovery unit ของ Technip KTI ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 10,000 ล้านบาท จากการเพิ่มสัดส่วนหุ้นของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ประมาณ 4,000 ล้านบาท และเงินกู้จากสถาบันการเงินภายในประเทศอีก 6,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้จะเป็นเงินค่าก่อสร้างระบบ cracking unit ประมาณ 2,800 ล้านบาท กับ เงินค่าเครื่องจักรนำเข้าอีกประมาณ 5,600 ล้านบาท โดยมีข้อน่าสังเกตว่า โครงการนี้ไม่มีการใช้เงินกู้จากต่างประเทศ สำหรับรายละเอียดของหน่วยกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงจากน้ำมันเตา หรือ cracking unit นั้น จะประกอบไปด้วยหน่วยกลั่นสุญญากาศ (vacuum distillation unit) ขนาด 35,000 บาร์เรล/วัน เพื่อแยกน้ำมันเตาชนิดเบา (vacuum gas oil) กับ ชนิดหนักที่ได้จากหน่วยกลั่นของโรงกลั่นน้ำมันบางจากออกจากกัน ในหน่วยนี้จะมีองค์ประกอบย่อยได้แก่ 1)หน่วยแตกโมเลกุล (hydrocracking unit) 2)หน่วยผลิตไฮโดรเจน (hydrogen plant) 3)หน่วยปรับปรุงคุณภาพก๊าซเชื้อเพลิง (fuel gas treating unit) 4)หน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำปนเปื้อนกำมะถัน (sour water stripping unit) 5)หน่วยผลิตกำมะถัน (sulfur recovery unit) หน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเบนซิน จะติดตั้งหอแยกเรฟอร์เมต เพิ่มในหน่วยรีฟอร์มิ่ง (catalytic reforming unit) เดิม เพื่อลดปริมาณสารเบนซีนในน้ำมันเบนซินจากร้อยละ 3.5 เหลือร้อยละ 1 สารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่มีความดันไอสูงจาก 62 เหลือ 60 KPAL และสารอะโรเมติกส์จากร้อยละ 42 เหลือร้อยละ 35 26 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/prachachart)





ก.วิทย์ฯ ต่อยอดเทคโนโลยีทดลองใช้ RFID ในอุตสาหกรรมกุ้ง

นายประวิช รัตนเพียร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความตกลงในโครงการเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันของอุตสาหกรรมกุ้งไทยโดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยี RFID ระหว่างกระทรวงวิทย์ฯ และกรมประมง กับภาคเอกชนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมกุ้ง มูลค่าประมาณ 16 ล้านบาท นายทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค ในฐานะเจ้าของโครงการ กล่าวถึงรายละเอียดการนำ RFID มาทดลองใช้งาน ว่า ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมกุ้งที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 2 ราย จะทดลองนำเอาเทคโนโลยี RFID มาใช้ในการรวบรวมและเก็บข้อมูลกุ้งแทนการบันทึกลงกระดาษ โดยจะเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนรับกุ้งเข้าโรงงาน กระบวนการผลิตและการขนส่งสินค้าสำเร็จรูป เทคโนโลยี RFID จะถูกนำมาใช้ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย ของอุตสาหกรรมการผลิตกุ้ง ส่วนลักษณะการทำงาน คือ การติดชิป RFID ในภาชนะบรรจุกุ้ง โดยมีเครื่องอ่านและเขียน RFID ในแต่ละขั้นตอนการผลิตทำหน้าที่บันทึกข้อมูล ทำให้การบันทึกข้อมูลง่ายและถูกต้องแม่นยำมากขึ้น นอกจากนั้น ยังสามารถเก็บข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อช่วยวัดประสิทธิผล และเพิ่มเพิ่มประสิทธิภาพของการผลิตได้ด้วย เทคโนโลยี RFID ไปทดลองใช้งานที่โรงงาน จ.จันทบุรี โดยคาดว่า การนำเทคโนโลยี RFID มาใช้ในอุตสาหกรรมครั้งนี้ จะทำให้การการบันทึกและตรวจสอบข้อมูลทำได้อย่างสะดวก รวดเร็ว แม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจในผลิตภัณพ์อาหารของบริษัทฯ ว่า ปลอดภัย (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





กทช.ระดมความคิดเห็น ดาวเทียมสื่อสาร

กทช. จัดการประชุมระดมความคิดเห็น เกี่ยวกับการจัดทำหลักเกณฑ์รูปแบบการออกใบอนุญาตประกอบกิจการ “ดาวเทียมสื่อสาร” วันที่ 2 และ 9 พ.ย. นี้ ศ.ประสิทธิ์ ประพิณมงคลการกรรมการ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. กล่าวว่า การระดมความคิดเห็นครั้งนี้เปิดโอกาสให้ประชาชนที่สนใจร่วมแสดงความคิดเห็น และข้อเสนอแนะ นอกเหนือจากผู้ประกอบกิจการและผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งความคิดเห็นที่ได้จากการประชุมจะนำมาเป็นข้อมูลจัดทำหลักเกณฑ์ และรูปแบบการออกใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมผ่านดาวเทียมสื่อสาร ให้มีความสมบูรณ์และเหมาะสม ปัจจุบันทั่วโลกมีบริการดาวเทียมสื่อสาร 3 ประเภท ได้แก่ ระบบดาวเทียมที่มีพื้นที่ให้บริการรอบโลก, ให้บริการระดับภูมิภาค และให้บริการในแต่ละประเทศ โดยกำหนดการระดมความคิดเห็นจะจัดขึ้นในวันที่ 2 พ.ย. และ 9 พ.ย.นี้ ที่สำนักงาน กทช. ระหว่างเวลา 13.00-16.30 น. ทั้งนี้ การใช้บริการดาวเทียมในการสื่อสารกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากเนื่องจากมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง แต่การแข่งขันก็สูงมากเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งมีดาวเทียมโคจรอยู่ถึง 109 ดวง แม้แต่อินโดนีเซียก็มีการส่งดาวเทียมขึ้นไปโคจรใช้เฉพาะในประเทศ. (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ร่าง พ.ร.บ. ส่งเสริมวิชาชีพวิทย์ฯ

ประเทศที่มีความเจริญมากทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลกนั้นมีพระราชบัญญัติส่งเสริมวิชาชีพวิทยาศาสตร์ นานมากแล้วและมีการแก้ไขจนสามารถให้ผู้ประกอบวิชาชีพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสามารถสร้างสรรค์ผลงานเชิงบวก ให้เป็นที่ประจักษ์แก่ชาวโลกและสามารถครอบคลุมถึงสาขาวิชาชีพย่อย ๆ ได้มากมาย อย่างเช่น ที่สหรัฐอเมริกาแต่สมาคมวิชาชีพวิศวกรรมไฟฟ้าและ อิเล็กทรอนิกส์ หรือทั่วโลกรู้จักกันในนามไอทริป เปิ้ล อี-IEEE-Institute of Electrical and Electronic Engineering ก็สามารถดึงนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรจากทั่วโลกเป็นสมาชิก ยังมีสาขาเป็น วิศวกรรมโยธา สิ่งแวดล้อม เครื่องกล การจัดการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประเทศอื่น ๆ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี ญี่ปุ่น อังกฤษ รัสเซีย สิงคโปร์ เกาหลี สมาคมวิชาชีพเหล่านี้เจริญเติบโตเร็วและมีความพยายามที่จะมีบทบาทในสังคมโลกยุคใหม่เสมอ ประเทศไทยเราแม้จะเริ่มมีพระราชบัญญัติวิชาชีพต่าง ๆ บ้างแล้ว เช่น วิชาชีพเวช กรรม พ.ศ. 2525 วิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ. 2537 พ.ร.บ.วิศวกร พ.ศ. 2542 วิชาชีพประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 พ.ร.บ. สถาปนิก 2543 แต่บาง พ.ร.บ. มีลักษณะควบคุมจนกระทั่งสมาคมวิชาชีพเจริญเติบโตช้าและไม่ได้รับการยอมรับที่ดีเพราะกฎหมายเป็นการควบคุมมากกว่าการส่งเสริม พ.ร.บ .ส่งเสริมวิชาชีพวิทย์ฯของคณะรัฐที่น่าสังเกตคือ หมวดที่ 7 การควบคุมการประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม มีถึง 18 มาตรา ตั้งแต่มาตราที่ 41 ถึง มาตราที่ 58 ส่วน หมวดอื่น ๆ อีก 8 หมวด ก็มีหมวดละไม่กี่มาตรารวมทั้งสิ้น 69 มาตรา มาตราที่เกี่ยวกับการส่งเสริมมีน้อยกว่าการควบคุมและลงโทษมาก ซึ่งทำให้เกรงว่าในอนาคตจะแคระแกรนและเกรงว่าจะไม่ได้รับการยอมรับ แต่ก็น่าดีใจที่คณะกรรมาธิการส่วนใหญ่ มีความเห็นไปทางส่งเสริมมากกว่าร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้จึงต้องปรับปรุงแก้ไขให้มีในเชิงบวกมากขึ้น ให้เหมือนกับประเทศที่พัฒนาแล้วทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





30 ตุลา ตั้งกล้องดูดาวอังคารใกล้โลก

รศ.บุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เปิดเผยว่า ปลายเดือนตุลาคม 2548 ชาวไทยจะได้สัมผัสกับปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์อีกครั้ง เมื่อดาวอังคารโคจรเข้าใกล้โลกมากถึง 69 ล้านกิโลเมตร นับเป็นการเข้าใกล้โลกมากที่สุดในรอบ 2 ปี ประชาชนจะมีโอกาสได้เห็นดาวอังคารได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ 30 ตุลาคม 2548 ที่ดาวอังคารจะโคจรเข้ามาใกล้โลกมากที่สุด ซึ่งดาวอังคารจะปรากฏคล้อยไปทางทิศเหนือเพียงเล็กน้อย และจะเห็นเป็นเป็นแสงสีแดงสุกสว่างอย่างชัดเจน ในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงข้างแรม และดาวอังคารจะปรากฏให้เห็นบนท้องฟ้าตลอดทั้งคืน หากท้องฟ้าปลอดโปร่งปราศจากเมฆฝน โอกาสที่จะชมปรากฏการณ์นี้ได้อย่างเต็มตา ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2546 ดาวอังคารเคยโคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุดครั้งหนึ่ง โดยอยู่ห่างจากโลกในระยะทางเพียง 56 ล้านกิโลเมตร ซึ่งใกล้กว่าในครั้งนี้ถึง 13 ล้านกิโลเมตร การเข้าใกล้กันระหว่างดาวอังคารและโลกอีกครั้งนี้ นับเป็นโอกาสที่ดีที่จะช่วยสร้างการเรียนรู้ให้กับเยาวชนและผู้ที่สนใจ การเข้าใกล้ระหว่างดาวเคราะห์ทั้งสองดวง เมื่อส่องดูด้วยกล้องดูดาว ก็จะสามารถสังเกตเห็นขั้วน้ำแข็งบริเวณด้านใต้ของดาวอังคาร รวมถึงรอยแยกพื้นผิวของดาวอังคาร ซึ่งโครงสร้างดังกล่าวจะสังเกตเห็นได้ยากหากดาวอังคารอยู่ในระยะที่ไม่ใกล้พอ (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 26 ต.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





สธ.เร่งสร้างสังคมปลอดสารเคมี

นพ.ศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตามที่ประเทศไทยเริ่มการจัดการสารเคมีของประเทศตามแผนแม่บทพัฒนาความปลอดภัยด้านสารเคมีแห่งชาติ ฉบับที่ 1(พ.ศ.2540-2544) และฉบับที่ 2(พ.ศ.2545-2549) ซึ่งแผนแม่บทฉบับที่ 2 กำลังจะสิ้นสุดในปี 2549 คณะอนุกรรมการประสานนโยบายและแผนการดำเนินงานว่าด้วยความปลอดภัยด้านสารเคมีจึงได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนแม่บทฉบับที่ 3 โดยให้ความสำคัญในเรื่องการมีส่วนร่วมของชุมชน และการติดตามเคมีวัตถุที่ครบวงจร โดยมีเป้าหมาย สังคมปลอดภัย ประเทศแข่งขันได้อย่างยั่งยืน โดยแผนแม่บทนี้จะเน้นการลด ละการใช้สารเคมีการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ให้มีการใช้สารเคมีอย่างถูกต้องและอันตรายน้อยที่สุด ส่วนภาคประชาชนให้ดำเนินชีวิตอย่างรู้เท่าทันพิษภัยสารเคมี ซึ่งผลลัพธ์ที่ต้องการได้จากแผนแม่บทฉบับที่ 3 ได้แก่ ระบบควบคุมสารเคมีครบวงจรและสามารถติดตามได้ มีการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายลดลง เป็นไปอย่างถูกวิธีและเท่าทัน มีกลไก เครื่องมือและตัวชี้วัดใช้ในการเฝ้าระวังปัญหาที่ไวและสังคมเข้าถึงได้ มีการเยียวยาต่ออุบัติภัยทันการณ์ ทำให้ประชาชนและองค์กรท้องถิ่นเข้มแข็งและมีส่วนร่วมในการติดตามอันตราย รวมทั้งเฝ้าระวังปัญหาและป้องกันพิษภัยจากเคมีวัตถุ มีการกำจัดสารเคมีและกากของเสียอันตรายอย่างถูกวิธี มีเครื่องมือบริการจัดการที่ดี มีการบูรณาการกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่สำคัญสามารถแข่งขันกับต่างประเทศในด้านการส่งออกสินค้าที่ปลอดภัยจากพิษภัยสารเคมี นพ.ศุภชัยกล่าวว่า โดยแผนแม่บทนี้จะเน้นการลด ละการใช้สารเคมีการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ให้มีการใช้สารเคมีอย่างถูกต้องและอันตรายน้อยที่สุด ส่วนภาคประชาชนให้ดำเนินชีวิตอย่างรู้เท่าทันพิษภัยสารเคมี ซึ่งผลลัพธ์ที่ต้องการได้จากแผนแม่บทฉบับที่ 3 ได้แก่ ระบบควบคุมสารเคมีครบวงจรและสามารถติดตามได้ มีการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายลดลง เป็นไปอย่างถูกวิธีและเท่าทัน มีกลไก เครื่องมือและตัวชี้วัดใช้ในการเฝ้าระวังปัญหาที่ไวและสังคมเข้าถึงได้ มีการเยียวยาต่ออุบัติภัยทันการณ์ ทำให้ประชาชนและองค์กรท้องถิ่นเข้มแข็งและมีส่วนร่วมในการติดตามอันตราย รวมทั้งเฝ้าระวังปัญหาและป้องกันพิษภัยจากเคมีวัตถุ มีการกำจัดสารเคมีและกากของเสียอันตรายอย่างถูกวิธี มีเครื่องมือบริการจัดการที่ดี มีการบูรณาการกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่สำคัญสามารถแข่งขันกับต่างประเทศในด้านการส่งออกสินค้าที่ปลอดภัยจากพิษภัยสารเคมี (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. http://www.matichon.co.th)





พบหลักฐาน"ไดโนเสาร์"ว่ายน้ำทะเล

เด็บบร้า มิกเคลสัน บัณฑิตสาขาธรณีวิทยา มหาวิทยาลัยโคโลราโด-โบลเดอร์ สหรัฐ นำเสนอข้อมูลต่อที่ประชุมสมาคมธรณีวิทยาสหรัฐ ว่า พบหลักฐานซากฟอสซิลรอยเท้าของไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่ ซึ่งมีถิ่นฐานอยู่ทางภาคตะวันตกของสหรัฐเมื่อ 165 ล้านปีก่อน โดยเป็นไดโนเสาร์สายพันธุ์นี้เป็นสัตว์บก แต่สามารถว่ายน้ำลงไปในทะเลเพื่อจับปลามากินได้ มิกเคลสันระบุว่า ขุดพบซากฟอสซิลไดโนเสาร์สายพันธุ์ดังกล่าวในชั้นหินของรัฐไวโอมิง เบื้องต้นคาดว่าเป็นไดโนเสาร์กินเนื้อ มี 4 ขา ลำตัวสูง 6 ฟุต ลักษณะรูปร่างคล้ายนกกระจอกเทศ สามารถลงไปว่ายน้ำในระดับตื้นๆ ในทะเลเพื่อล่าหาปลากินเป็นอาหาร และชอบอยู่กันเป็นฝูง การค้นพบของมิกเคลสันช่วยเพิ่มข้อมูลสนับสนุนทฤษฎีในอดีตที่ว่า มีไดโนเสาร์บนบกบางชนิดที่ว่ายลงไปในน้ำ (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ได้ผู้ชนะแอนิเมชั่น60ปีสหประชาชาติแล้ว

ไซเบอร์แพลนเน็ตคว้าที่สองการ์ตูนแอนิเมชั่นครบ 60 ปีสหประชาชาติ ดันแอนิเมชั่นไทยอวดสายตาระดับโลก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประกวด ภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่องสั้น ในวาระครบรอบ 60 ปี องค์การสหประชาชาติ ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างองค์การสหประชาชาติ และสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ ซิป้า เพื่อใช้การ์ตูนแอนิเมชั่นเป็นสื่อกระตุ้น ให้ประชาคมโลกตระหนักถึงภัยร้ายแรงของสงคราม และหันมาร่วมกันสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้น ซึ่งมี ผลงานของนักสร้างแอนิเมชั่นจาก 8 ประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย อินเดีย ศรีลังกา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ พม่า ลาว และไทย ส่งเข้าประกวดรวม 70 ผลงาน ซึ่งผลงานที่ได้รับรางวัลจะถูกนำไปเผยแพร่ทั่วโลก รายงานข่าวระบุว่า ผลงานของไซเบอร์ แพลนเน็ตภายใต้ชื่อ “The story of Child And War” ซึ่งใช้เด็กเป็นตัวแทนสื่อให้รู้ถึงผลกระทบ ของสงคราม ได้รับรางวัลที่สองจากการประกวดครั้งนี้ ซึ่งจะถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก สามารถติดตามราย ละเอียดพร้อมรับชมผลงานที่ได้รับรางวัลทั้งหมดที่ http://www.sipa.or.th/main/un_solution2005/ un_solution.htm#. (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 28 ต.ค. http://www.dailynews.co.th)





นร.ชลบุรีแชมป์จรวดขวดน้ำ

ยูบีซี จัดแข่งขันจรวดขวดน้ำระดับประเทศ ครั้งที่ 4 รอบชิงชนะเลิศขึ้นที่สนามแข่งขัน อพวช. คลองห้า ปทุมธานี โดยมี ดร.ประวิช รัตนเพียร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานมอบรางวัลในการแข่ขัน ซึ่งมีผู้ผ่านเข้ารอบ 30 ทีม จากผู้เข้าแข่งขันทั่วประเทศกว่า 1,200 ทีม ทั้งนี้ผลการแข่งขันประเภทโรงเรียน ทีม "นมข้นหวาน" จากโรงเรียนพนัสพิทยาคาร จ.ชลบุรี แชมป์จรวดขวดน้ำระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปีนี้ได้รับตำแหน่งที่ 1 ยิงไกลสุดจากสถิติ 265.26 เมตร ส่วนแม่นยำทีม "พลาสม่า" จากโรงเรียนวิสุทธรังษี จ.กาญจนบุรี ทำสถิติได้ใกล้เป้าหมายที่สุดถึง 0.28 เมตร ส่วนการนำเสนอผลงานสิ่งประดิษฐ์จรวดขวดน้ำ และคะแนนรวมสูงสุด ทีม "บุญวัฒนา 2 ทีม ง" จากโรงเรียนบุญวัฒนา 2 จ.นครราชสีมา กวาดไปทั้งสองรางวัล ส่วนประเภทบุคคลทั่วไป ทีม "คู่บุญ" ทำสถิติยิงไกล 273.80 เมตร และยิงแม่น 0.38 เมตร ด้าน ดร.ประวิช กล่าวว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ สนับสนุนแข่งขันจรวดขวดน้ำระดับประเทศอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนต่อยอดไปถึงระดับนานาชาติ โดยปีหน้าทีมเยาวชนไทย จะเดินทางไปร่วมแข่งขันที่ประเทศอินโดนีเซีย (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 28 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ตั้งกล้องชมดาวอังคารใกล้โลก มีโอกาสเห็นขั้วน้ำแข็ง-พื้นผิว

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เตรียมตั้งกล้องดูดาวพร้อมกันทั่วประเทศ รับปรากฏการณ์ดาวอังคารเข้าใกล้โลกมากที่สุดในช่วง 2 ปี เชื่อสังเกตเห็นโครงสร้างดาวอังคารได้ชัดเจน รศ.บุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เปิดเผยว่า ปลายเดือนตุลาคม 2548 ชาวไทยจะได้สัมผัสกับปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์อีกครั้ง เมื่อดาวอังคารโคจรเข้าใกล้โลกมากถึง 69 ล้านกิโลเมตร นับเป็นการเข้าใกล้โลกมากที่สุดในรอบ 2 ปี "ครั้งนี้ประชาชนจะมีโอกาสได้เห็นดาวอังคารได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ 30 ตุลาคม 2548 ที่ดาวอังคารจะโคจรเข้ามาใกล้โลกมากที่สุด ซึ่งดาวอังคารจะปรากฏคล้อยไปทางทิศเหนือเพียงเล็กน้อย และจะเห็นเป็นเป็นแสงสีแดงสุกสว่างอย่างชัดเจน" ในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงข้างแรม และดาวอังคารจะปรากฏให้เห็นบนท้องฟ้าตลอดทั้งคืน หากท้องฟ้าปลอดโปร่งปราศจากเมฆฝน โอกาสที่จะชมปรากฏการณ์นี้ได้อย่างเต็มตา การเข้าใกล้ระหว่างดาวเคราะห์ทั้งสองดวง เมื่อส่องดูด้วยกล้องดูดาว ก็จะสามารถสังเกตเห็นขั้วน้ำแข็งบริเวณด้านใต้ของดาวอังคาร รวมถึงรอยแยกพื้นผิวของดาวอังคาร ซึ่งโครงสร้างดังกล่าวจะสังเกตเห็นได้ยากหากดาวอังคารอยู่ในระยะที่ไม่ใกล้พอ ทั้งนี้ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดนิทรรศการแสดงปรากฏการณ์ดาวอังคารเข้าใกล้โลกมากที่สุด พร้อมทั้งเปิดให้ประชาชนได้ชมดาวอังคารผ่านกล้องดูดาว ในคืนวันที่ 29 และ 30 ตุลาคม 2548 ที่หอดูดาวสิรินธร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) คลอง 5 และที่บริเวณท้องสนามหลวง โดยสมาคมดาราศาสตร์ไทย ในวันที่ 28-29 ตุลาคมนี้ (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 28 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





นวัตกรรมชิ้นเยี่ยมแห่งประเทศไทย

สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ และสำนักกองทุนสนุบสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ จัดการประกวด "โครงการรางวัลนวัตกรรมแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 5 ปี 2548" ระดับประเทศขึ้น เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งมีโครงงานนวัตกรรมนักศึกษาที่ได้รับการคัดเลือกจากระดับภูมิภาค จำนวน 85 โครงงาน ใน 4 สาขา สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพและชีวภาพ, สาขาวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี, สาขาสร้างเสริมสุขภาพ และสาขาสื่อสารวิทยาศาสตร์ ผลงานชนะเลิศแต่ละสาขา โ ครงงานเครื่องคั่วและป่นพริก ของนายเกียรติกูล จันทร์ดี นายเกียรติชัย จ่ามฟอง นายวรชัย เคลื่อนเพชร นายศราวุธ ดีล้วน และนายอนันต์ ยิ้มพราย จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ โครงงานหมวกกันน็อกไฮเทค ของนายสุนทร ฉิมม่วง และนายพรชัย ลีแอล จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ วิทยาเขตนนทบุรี รางวัลชนะเลิศ ละครเวทีสื่อสารวิทยาศาสตร์เรื่อง Thspian drama troupe ของนายสันติ ต่อวิวรรธ์ ส่วนรองชนะเลิศอันดับ 1 โครงงาน S-06 เฟอร์นิเจอร์จากน้ำยางพารา โดยนายนพชัย ภู่จริเกษม จากมหาวิทยาลัยรังสิต นายสันติ ต่อวิวรรธน์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ชนะเลิศสาขาสื่อสารวิทยาศาสตร์ โครงงานละครเวที เรื่อง Thespian drama troupe กล่าวว่า คิดเนื้อหาของละครที่ต้องการกระตุ้นให้คนไทยช่วยชาติ จึงเลือกเอาเรื่องของ "แก๊สโซฮอล์" มานำเสนอ เพราะเป็นเรื่องที่คนไทยทั้งประเทศได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ถีบตัวสูงขึ้น จึงอยากสื่อให้คนทั่วไปทราบถึงประโยชน์ของแก๊สโซฮอล์ นอกจากเลือกใช้อย่างประหยัดจะเป็นการช่วยลดการสั่งซื้อน้ำมันเบนซินจากต่างประเทศได้เป็นจำนวนมาก ส่วนนายนพชัย ภู่จริเกษม รองชนะเลิศอันดับ 1 สาขาวิทยาศาสตร์และชีวภาพ โครงงาน S-06 เฟอร์นิเจอร์จากน้ำยางพารา เล่าว่า แนวคิดการทำเฟอร์นิเจอร์จากน้ำยางพารา เกิดขึ้นจากที่ตนเองเป็นคน จ.ตรัง คลุกคลีกับยางพารามาตั้งแต่เด็ก และเห็นว่าส่วนใหญ่ประเทศจะส่งออกยางพาราเป็นวัตถุดิบ เป็นยางแผ่น ส่งต่างประเทศถึง 90% เราน่าจะนำยางพาราเหล่านั้นมาผลิตเป็นสินค้าเอง จึงเลือกที่จะนำน้ำยางพารามาทำเป็นเก้าอี้ ซึ่งมีความยืดหยุ่น ทำให้นั่งสบาย ดีไซน์รูปลักษณ์ของเก้าอี้เหมาะกับสรีระของคน ช่วยให้ชาวสวนยางมีทางเลือกในการทำสินค้ามากขึ้น นอกเหนือจากการนำน้ำยางไปขาย ซึ่งราคาเก้าอี้ตัวละ 8,900 บาท (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 28 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





ข่าววิจัย/พัฒนา


ออกกำลังต่อต้านกระดูกพรุน-ไร้หนทางใดที่จะวิเศษเท่า

หมอโรคกระดูกของเยอรมนี ดร.เฮลมุต ไมนน์ รายงานของมูลนิธิต่อต้านโรค กระดูกพรุนระหว่างประเทศว่า โรคกระดูกพรุนนับเป็นโรคเรื้อรังที่เป็นกันแพร่หลาย ที่สุดโรคหนึ่งกล่าวได้ว่าสตรีวัยทอง อายุเกิน 50 ปี ขึ้นไปทั่วโลกจะเป็นกันถึง 1 ใน 3 มากยิ่งกว่ามะเร็งทรวงอกและผู้ชายก็จะเป็นกันมากถึง 1 ใน 5 เหนือกว่ามะเร็งของต่อมลูกหมากเสียอีก ปกติแล้วเนื้อเยื่อของกระดูกจะต้องมีการซ่อมแซมเปลี่ยนใหม่อยู่ตลอด จึงจำเป็นต้องมีการปลุกกระตุ้น โดยการเคลื่อนไหวร่างกายเอาไว้ กระดูกก็เหมือนกับกล้ามเนื้อ ควรต้องใช้งานอยู่ ประจำไม่เช่นนั้นก็จะเสื่อมถอยลงได้ กระดูกของคนเราจะเจริญเติบโต เต็มที่เมื่อเป็นผู้ใหญ่ แต่หลังจากนั้นก็จะค่อยเสื่อมน้อยลง จากการศึกษาได้พบว่า การออกกำลังเป็นประจำมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่าอาหารการกิน โดยเฉพาะผู้มีวัยกลางคน การออกกำลังแผ่นหลัง จะช่วยป้องกันไม่ให้ กระดูกสันหลังอ่อนแอ หรือแตกหักเมื่อแก่ตัวลง แต่ไม่ใช่ว่าการออกกำลังทุกอย่างจะช่วยสร้างเนื้อหนังของกระดูกขึ้นได้ เฉพาะการออกกำลัง ด้วยการยกน้ำหนัก หรือด้วยการวิ่งหรือเต้นรำเท่านั้นที่จะช่วยก่อเกิดกระดูกได้มากที่สุด การออกกำลังช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ซึ่งก็ทำให้กระดูกแข็งแรงไปด้วย ทั้งยังช่วยให้ควบคุมกล้ามเนื้อ การทรงตัว การประสานงานของกล้ามเนื้อตามส่วนต่างๆ ซึ่งจะป้องกันไม่ให้เสียหลักหกล้ม หรือกระดูกแตกหักเพราะอุบัติเหตุง่ายขึ้น. (ไทยรัฐ อังคารที่ 25 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ทำเกราะอะลูมิเนียมกันกระสุน แกร่งกว่ากระจก

กองทัพอเมริกาและสถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยเดย์ตัน กำลังทดสอบสมรรถนะของเกราะอะลูมิเนียมที่มีชื่อว่าอะลูมิเนียม ออกซินนิไตรด์อยู่ มันเป็นสารประกอบของกระเบื้องเคลือบ มีคุณสมบัติทนกับการบีบอัด และความคงทนสูงยิ่งกว่ากระจกกันกระสุนหลายชั้นที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน มีน้ำหนักเบากว่าตั้งครึ่ง และทนกับการขีดข่วนด้วย หัวหน้าของศูนย์วิจัย ร้อยตรีโจเซฟ ลามอนิกา กล่าวว่า มันสามารถทนกับการยิงด้วยปืนยาวกระสุนเจาะเกราะ ในการทดสอบไปเมื่อเร็วๆนี้ อย่างที่ถ้าหากเป็นกระจกกันกระสุนจะไม่อาจทนได้ กองทัพบกคิดจะใช้มันติดกระจกของรถฮัมวี่และเครื่องบินที่มีความเร็วต่ำอย่างเช่น เครื่องบินแบบซี-130 เฮอร์คิวลิส ขณะนี้ต้นทุนของมันยังสูงอยู่ในขณะที่กระจกกันกระสุนราคาประมาณ 1 ตารางนิ้วต่อ 160 บาท แต่เกราะอะลูมิเนียมจะตก ตารางนิ้วละ 400 บาท แต่เป็นที่คาดว่าราคาจะค่อยถูกลงหากมีการใช้กันมากขึ้น และที่สำคัญความทนทานของมันก็จะช่วยให้ราคาต่ำลงเมื่อเวลานานออกไป. (ไทยรัฐ อังคารที่ 25 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





เครื่องยาจีนรบสู้กับโรคหวัดนก ปลูกได้น้อยไม่พอรับมือการระบาด

บริษัทยาของโลกตะวันตกได้พบว่า โปยกั้กที่ใช้ในการปรุงอาหารจีน มันมีกรดสำคัญ ซึ่งนำมาใช้ทำวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดนก นอกจากนั้น วงการแพทย์ทางเลือกก็นำมา ใช้เป็นยาด้วย ก่อนหน้านี้เมื่อปีกลาย นักวิทยาศาสตร์ของวิทยาลัยคิงส์ คอลเลจ ของอังกฤษ ก็ยังศึกษาพบว่า อาจมีคุณสมบัติทางยารักษาโรคมะเร็งด้วย นอกจากไปทำยาแก้โรคหลายอย่างหลายขนานอยู่แล้ว เช่น ยาแก้ธาตุพิการ อาหารไม่ย่อย เป็นต้น ต้นโปยกั้กเป็นพันธุ์ไม้จำพวกผักชี เมล็ดมีกลิ่นหอม ใช้ในการปรุงอาหารจีน ทำยาและทำน้ำมันปรุงอาหาร นอกจากนั้นยังใช้ในการปรุงแต่งกลิ่นเหล้าก่อน อาหารของฝรั่งเศส หากแต่ว่ามันค่อนข้างจะหายาก เพราะปลูกขึ้นได้ตามที่บริเวณสี่แห่งในเมืองจีน ชั่วในช่วงระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคมเท่านั้น แต่ขณะเดียวกันทางบริษัทยากล่าวแจ้งว่า หากว่าเกิดโรคไข้หวัดนกระบาดใหญ่ขึ้นทั่วโลก และเกิดมีผู้ป่วยกันมากถึง 1 ใน 5 ของชาวโลก ถ้าจะต้องผลิตยาให้ได้มากพอรักษาได้พอ อาจต้องใช้เวลาถึง 10 ปี และต้องใช้ทุนสูงถึง 720,000,000,000 บาท. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 24 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





สร้างอาหาร"ปูม้า"จากน้ำเสียแนวทางใหม่บนวิถี"ชีววิธี"

ความสำเร็จในการเพาะเลี้ยง "ปูม้า" จากน้ำเสียที่เกิดจากแนวคิดของ ผศ.ดร.ชลธี ชีวะเศรษฐธรรม แห่งภาควิชาเทคโนโลยีการอุตสาหกรรม คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ที่ลดต้นทุนการเลี้ยงได้มากกว่าครึ่ง สัตว์น้ำโตเร็ว ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม นับเป็นอีกทางเลือกที่กำลังได้รับความสนใจจากชาวประมงพื้นบ้าน โดยเฉพาะเกษตรกรผู้เลี้ยงใน จ.ปัตตานี รศ.ดร.ชลธี บอกว่า วิธีการที่ตนและคณะได้พัฒนาขึ้นมาคือ การนำเอาน้ำทิ้งจากโรงงานต่างๆ มาเป็นตัวเริ่มต้นสำหรับผลิตเป็นอาหารของลูกปูม้า โดยเฉพาะน้ำเสียจากโรงงานปลาป่น หรือโรงงานแปรรูปอาหารทะเล และโรงงานแปรรูปยางพารา ซึ่งมีธาตุอาหารของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์แยกเอาตัวที่มีพิษออกไปและเหลือแต่ตัวที่มีประโยชน์เพื่อใช้เป็นอาหารของลูกปูม้าต่อไป "หลักการคือ การสร้างอาหารสัตว์จากน้ำทิ้ง สุดท้ายน้ำที่ผ่านกระบวนการแล้วจะกลายเป็นน้ำสะอาด และไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อสิ่งแวดล้อม ถือเป็นการนำเอาน้ำทิ้งจากโรงงานมาสร้างมูลค่าให้เกิดกับประชาชนโดยรอบๆ โดยเฉพาะเกษตรกรผู้เลี้ยง กระบวนการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่พัฒนาขึ้นนี้ ผศ.ดร.ชลธี เจ้าของแนวคิด บอกว่า นอกจากจะใช้เพาะเลี้ยงปูม้าแล้ว ยังใช้หลักการเดียวกันนี้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอื่นๆ ได้อีกหลายประเภท อาทิ ปลากะพงขาว ปูทะเล กุ้งก้ามกราม และหากโครงการนำร่องนี้ประสบความสำเร็จ ก็จะขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ ในจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อเกษตรกรและชุมชนที่ประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์น้ำ (คมชัดลึก อังคารที่ 25 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





เตือนภัยธรรมชาติไทยอีก 50ปีข้างหน้ารุนแรงแน่

ดร.กัณฑรีย์ บุญประกอบ นักวิชาการด้านสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวว่า ผลการศึกษาจากแบบจำลองสภาพภูมิอากาศโลกพบว่า ในอีก 50-80 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส ส่งผลให้ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงและเกิดผลกระทบอย่างรุนแรง อาทิ น้ำท่วมเฉียบพลัน ภัยแล้งอย่างหนัก ผลผลิตภาคเกษตรลดจำนวนลง รวมทั้งระดับน้ำทะเลจะเพิ่มสูงขึ้น 0.09-0.88 เมตรต่อปี หากไม่มีมาตรการป้องกันใดๆ จะเกิดผลกระทบอย่างรุนแรง จากแบบจำลองเราพบว่าในอนาคตหากมีการพัฒนาประเทศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดการใช้พลังงานจากฟอสซิลจะทำให้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นเพียง 1.5 องศาเซลเซียส แต่หากมีการใช้พลังงานอย่างมหาศาลอุณหภูมิจะเพิ่มขึ้น 5.8 องศาเซลเซียส ซึ่งจะทำให้น้ำแข็งขั้วโลก น้ำแข็งภูเขาละลาย และน้ำทะเลขยายตัว ซึ่งจะส่งผลต่อระบบนิเวศในทะเลและชายฝั่งมหาสมุทรต่างๆปรากฏการณ์โลกร้อนเริ่มมีมาตั้งแต่ยุคหลังปฏิวัติอุตสาหกรรม เนื่องจากมีการใช้พลังงานฟอสซิลและการตัดไม้ทำลายป่าจำนวนมหาศาล ส่งผลให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น จนเกิดภาวะเรือนกระจกตัวการสำคัญที่ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น ผลจากปรากฏการณ์ดังกล่าว จะเกิดความสูญเสียทางระบบนิเวศ เศรษฐกิจและชีวิตมนุษย์ อาทิ ฝนตกแรงและมากขึ้น น้ำท่วม แผ่นดินทรุด โคลนถล่ม พายุโซนร้อนเพิ่มขึ้น ภัยแล้งรุนแรง การผลิตภาคเกษตรลดลง รวมทั้งโรคระบาดในวงกว้าง และทำให้พืชพันธุ์บางชนิดสูญหายไป พืชผลไม่ออกผลตามฤดูกาล โดยเฉพาะในเขตอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 34 แห่ง อาทิ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว ดร.กัณฑรีย์ ยกตัวอย่างจากการศึกษาวิจัยพันธุ์ข้าวบางเขนหากอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นถึง 36 องศาเซลเซียส เกสรตัวผู้ของต้นข้าวจะกลายเป็นหมันและไม่สามารถผสมพันธุ์ให้เมล็ดข้าวได้ นอกจากนี้ยังมีถั่วและมะนาวซึ่งเป็นพืชที่มีความอ่อนไหวต่ออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง (คมชัดลึก อังคารที่ 25 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





นวัตกรรมใหม่จากญี่ปุ่น "เมล็ดลิ้นจี่"ต้านผิวแก่ก่อนวัย

บริษัท ออไรซ่า ออยล์ แอนด์ แฟต เคมีคอล จำกัด ค้นพบประสิทธิภาพของสารสกัดจากเมล็ดลิ้นจี่ ในการต่อต้านการเสื่อมในโครงสร้างของผิวโดยตรง โดยมีการค้นคว้าต่อเนื่องจนทราบถึงกลไกการออกฤทธิ์ และมีการทดสอบยืนยันถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยในคนอย่างครบถ้วน มีการพิสูจน์ผลลัพธ์ด้วยการทดสอบในอาสาสมัครแล้ว สารสกัดจากเมล็ดลิ้นจี่สามารถต่อต้านการเสื่อมของโครงสร้างของผิวที่สำคัญทั้ง 3 ส่วน โดยการยับยั้งการเสื่อมของคอลลาเจน (collagen) อีลาสติน (elastin) และไฮยาลูโรนิคแอซิด (hyaluronic acid) โดยตรง ทั้งนี้ เพราะตามกลไกธรรมชาติของร่างกายผู้หญิง เมื่อเข้าสู่วัยสาว ตั้งแต่อายุ 12-14 ปี หรือวัยที่เริ่มมีประจำเดือน ร่างกายจะผลิตเอ็นไซม์ที่เรียกว่า คอลลาจีเนส (collagenase) อีลาสติเนส (elastinase) และไฮยาลูโรดิเนส (Hyalurodinase) ซึ่งเป็นเอ็นไซม์ที่ทำลายส่วนประกอบสำคัญของโครงสร้างผิวทั้ง 3 ส่วนข้างต้น การค้นพบนี้ทำให้เข้าใจและสามารถหาวิธีหยุดยั้งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวแก่และเสื่อมสภาพก่อนวัย สารสกัดจากเมล็ดลิ้นจี่นี้คือ "ไวต้าลิทชี่" (VitaLitchi) ประกอบด้วยสารชีวเคมีที่เป็นส่วนผสมในอัตราส่วนเฉพาะตัว สารประกอบส่วนใหญ่ ได้แก่ สารโปรไซยานิติน เอ 2 สารลิวโคไซยานิติน สารมาลวิดินไกลโคซายด์ สารไซยานิตินไกล-โคซายด์ และสารซาโปนิน นักวิจัยผู้คิดค้นสารสกัดจากเมล็ดลิ้นจี่ *ดร.ทาดาชิ โอกาดา* ให้รายละเอียดว่า สารสกัดดังกล่าวมาจากส่วนที่เป็นเมล็ดลิ้นจี่ในพันธุ์พิเศษโดยเฉพาะ จะไม่มีในหลายๆ พันธุ์ลิ้นจี่ทั่วไป และที่ญี่ปุ่นมีการจดลิขสิทธิ์เอกลักษณ์ของสารสกัดนี้แล้ว คาดว่าสารสกัดจากเมล็ดลิ้นจี่ "ไวต้าลิทชี่ (VitaLitchi)" จะทำให้เกิดการพัฒนาและเกิดการเปลี่ยนแปลงต่อของวงการด้านความสวยงามของไทย ก้าวไปสู่นวัตกรรมใหม่อีกขั้นหนึ่ง (มติชนรายวัน อังคารที่ 25 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





"กาสามปีก"แก้อักเสบ ต่อยอดจดสิทธิบัตร

ศ.ดร.อภิชาต สุขสำราญ ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราม ได้วิจัยศึกษาด้านเคมีและฤทธิ์ทางชีวภาพของสารผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ด้วยการค้นพบสารต้านการอักเสบในสมุนไพรอย่าง "กาสามปีก" จากการทดสอบฤทธิ์ระดับเซลล์ของสารในเปลือกกาสามปีกพบว่า มีสารต้านการอักเสบที่เรียกว่า อิริดอยด์ ซึ่งมีความสามารถในการยับยั้งเอ็นไซม์ คอกซ์-2 แต่ไม่ยับยั้งเอ็นไซม์ คอกซ์-1 อีกทั้งยังไม่มีความเป็นพิษต่อเซลล์ปกติ นอกจากนี้ ยังปรับเปลี่ยนสารในขมิ้นชัน ซึ่งมีสารกลุ่มเคอร์คิวมินสามารถต้านการอักเสบได้แต่มีฤทธิ์ต่ำ จึงได้ทำการปรับเปลี่ยนให้เป็นสารที่มีฤทธิ์สูง เพื่อยับยั้งเฉพาะการทำงานของคอกซ์-2 ทั้งนี้ คาดว่าในอนาคตจะสามารถนำไปพัฒนาเป็นยาต้านการอักเสบได้ หากการพัฒนาทุกขั้นตอนสำเร็จเป็นผลดีก็จะไปจดสิทธิบัตรยา คนไทยจะได้มียาต้านการอักเสบที่มีฤทธิ์ดีและปลอดภัยไม่ก่อให้เกิดอาการข้างเคียงที่ร้ายแรง ทั้งยังเป็นการสร้างชื่อสมุนไพรไทยสู่ตลาดยาระดับโลกได้ (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 24 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





เพิ่มพลัง"สมอง-ร่างกาย-จิตใจ" 3ปัจจัยปั้นเด็กไทยเป็นมนุษย์อวกาศ

ศ.ดร.อภิชาต สุขสำราญ ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราม ได้วิจัยศึกษาด้านเคมีและฤทธิ์ทางชีวภาพของสารผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ด้วยการค้นพบสารต้านการอักเสบในสมุนไพรอย่าง "กาสามปีก" จากการทดสอบฤทธิ์ระดับเซลล์ของสารในเปลือกกาสามปีกพบว่า มีสารต้านการอักเสบที่เรียกว่า อิริดอยด์ ซึ่งมีความสามารถในการยับยั้งเอ็นไซม์ คอกซ์-2 แต่ไม่ยับยั้งเอ็นไซม์ คอกซ์-1 อีกทั้งยังไม่มีความเป็นพิษต่อเซลล์ปกติ นอกจากนี้ ยังปรับเปลี่ยนสารในขมิ้นชัน ซึ่งมีสารกลุ่มเคอร์คิวมินสามารถต้านการอักเสบได้แต่มีฤทธิ์ต่ำ จึงได้ทำการปรับเปลี่ยนให้เป็นสารที่มีฤทธิ์สูง เพื่อยับยั้งเฉพาะการทำงานของคอกซ์-2 ทั้งนี้ คาดว่าในอนาคตจะสามารถนำไปพัฒนาเป็นยาต้านการอักเสบได้ หากการพัฒนาทุกขั้นตอนสำเร็จเป็นผลดีก็จะไปจดสิทธิบัตรยา คนไทยจะได้มียาต้านการอักเสบที่มีฤทธิ์ดีและปลอดภัยไม่ก่อให้เกิดอาการข้างเคียงที่ร้ายแรง ทั้งยังเป็นการสร้างชื่อสมุนไพรไทยสู่ตลาดยาระดับโลกได้ (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 24 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





คนวัยเกษียณ ออกจากงานก่อนไม่ทำให้อายุยืน

วารสารการแพทย์อังกฤษฉบับออนไลน์ (BMJ) แจ้งว่า จากการศึกษาของนักวิจัยในรัฐเท็กซัส อเมริกาที่ศึกษากับพนักงานในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกว่า 3,500 ราย ที่เกษียณเมื่ออายุ 55, 60 และ 65 ปี โดยติดตามศึกษาเป็นเวลากว่า 26 ปี และประเมินข้อได้เปรียบที่ทำให้มีอายุยืนยาว หลังจากเกษียณอายุก่อนกำหนด พบว่าหลังจากดูตัวแปรต่างๆ ทั้งเรื่องเพศ สถานะทาง เศรษฐกิจสังคมแล้ว นักวิจัยพบว่าคนที่เกษียณตอนอายุ 55 ปี มีอัตราการตายเพิ่มขึ้น สูงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับคนที่เกษียณตอนอายุ 65 ปี และจากข้อเท็จจริงพบว่า อัตราตายเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 2 เท่าใน 10 ปีแรกหลังจากที่เกษียณอายุในวัย 55 ปี เมื่อเทียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกันที่ยังคงทำงานต่อไป ในทางตรงกันข้ามพบว่าพนักงาน ที่เกษียณตอน 60 ปีนั้นมีอัตราการรอดชีวิตเท่ากับคนที่เกษียณตอนวัย 65 ปี ผู้ทำวิจัยบอกว่า แม้พนักงานบางคนที่ออกจากงานตอนอายุ 55 ปีนั้น เพราะว่าสุขภาพไม่ดีแต่ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การเกษียณอายุก่อนกำหนดนั้นไม่เกี่ยวข้องกับการจะทำให้อายุยืนยาวขึ้นแต่อย่างใด. (ไทยรัฐ พุธที่ 26 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ผู้ดีทดสอบเจลต้านเอดส์

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวานนี้ ( 25 ต.ค. ) ภายใต้โครงการความร่วมมือระหว่าง กรมพัฒนาระหว่าง ประเทศของอังกฤษกับสภาวิจัยทางการแพทย์ (เอ็มอาร์ซี) อาสาสมัครซึ่งเป็นสตรีในทวีปแอฟริการาว 10,000 คน จะเริ่มเข้ารับการทดสอบการใช้ “โปร 2000” เจลป้องกันเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยการทดสอบดังกล่าวจะใช้ระยะเวลา 3-4 ปี เจลดังกล่าวพัฒนาโดยบริษัทอินดีวัส ผู้ผลิตยาในสหรัฐฯ จากการทดสอบเบื้องต้นกับสัตว์ในห้องทดลอง พบว่าเจลโปร 2000 สามารถสกัดเชื้อโรคไม่ให้รุกล้ำเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ไม่เกิดการติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม เพื่อความแน่ใจ จึงต้องมีการทดสอบในคนด้วย การทดสอบ จะแบ่งอาสาสมัครเป็น 3 กลุ่มเพื่อทดลองใช้เจลที่มีประสิทธิภาพ แตกต่างกัน โดยอาสาสมัครต้องทาเจลที่ช่องคลอดก่อนมีเพศสัมพันธ์ ควบคู่ไปกับการใช้ถุงยางอนามัยและ การแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ อาสาสมัครในแอฟริกาใต้และ ยูกันดาจะเริ่มทดสอบก่อนในช่วงแรก จากนั้นก็จะขยายการทดสอบไปยังอาสาสมัคร ในแทนซาเนียและแซมเบียในปลายปีนี้ ดร.อนาโตลี คามาลี แห่งเอ็มอาร์ซีในยูกันดา กล่าวว่า มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะควบคุมเอชไอวีและโรคติดต่อ ทางเพศสัมพันธ์ในกลุ่มประชากรหญิง เนื่องจากอัตราการติดเชื้อเอชไอวีที่พบสูงสุดจะพบ ในหมู่สตรีชาวแอฟริกา หากผลการทดสอบยืนยันประสิทธิภาพในการป้องกันเอดส์และ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เจลโปร 2000 ก็จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งนอกเหนือจากถุงยางอนามัย ที่จะถูกนำมาใช้ในการป้องกันโรคจากเพศสัมพันธ์. (ไทยรัฐ พุธที่ 26 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ระบบสื่อสาร.... ‘สัญญานอลวน’ ....สร้างหุ่นยนต์กู้ระเบิด

รศ.ดร.ปิติเขต สู้รักษา อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมสารสนเทศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ทำโครงการ “ระบบสื่อสารและควบคุมแบบชาญฉลาดสำหรับหุ่นยนต์ อลวน” โดยได้รับทุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) งานวิจัยชิ้นนี้ได้ทดลองออกแบบสัญญาณที่เรียกว่า “ระบบสัญญาณอลวน” เพื่อใช้ในระบบสื่อสารและ ควบคุมหุ่นยนต์ ผ่านการจำลองรูปแบบสมการต่าง ๆ กว่า 150 รูปแบบ ทดลองในคอมพิว เตอร์มากกว่า 2 หมื่นครั้ง ด้วยโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ชนิดต่าง ๆ เช่น โปรแกรมภาษาซี จึงทำให้หุ่นยนต์เคลื่อนที่ไม่ซ้ำเส้นทางเดิม “หุ่นยนต์อลวนจะมีลักษณะการเคลื่อนที่คล้ายควันบุหรี่ ซึ่งสามารถเดินสำรวจได้ครอบคลุมพื้นที่โดยไม่ซ้ำเส้นทาง” งานวิจัยชิ้นนี้เริ่มจากการนำทฤษฎีอลวน (Chaos) หรือ เคออส มาออกแบบหุ่นยนต์อลวนให้มีรูปแบบการโคจรที่ไม่ซ้ำแบบเดิม ต่างจากหุ่นยนต์ทั่วไปที่เดินเป็นเส้นตรง โดยนำทฤษฎีดังกล่าวมาดัดแปลงวงจรของหุ่นยนต์ จนเกิดกระสวยอลวนครอบคลุมพื้นที่ที่ต้องการสำรวจ ซึ่งเหมาะกับการใช้สำรวจในพื้นที่ที่ไม่มีแผนที่นำทาง และมีสภาพผิวขรุขระ จุดเด่นของหุ่นยนต์กู้ระเบิดที่ใช้ระบบสัญญาณอลวน คือ ไม่ต้องใช้ระบบปฏิบัติการกลางของคอมพิวเตอร์ หรือ CPU แต่ควบคุมการทำงานผ่านแผงวงจรขนาดเล็กที่มีรูปแบบไม่ซับซ้อน และจากผลการทดสอบการค้นหาทุ่นระเบิดจำลองได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจ หุ่นยนต์กู้ระเบิดอลวนสามารถค้นเจอทุ่นระเบิดทุกลูก ระบบสัญญาณอลวน ยังสามารถพัฒนาสร้างเทคโนโลยีที่เป็นความลับต่าง ๆ ได้ เช่น ประยุกต์ใช้กับระบบโทรศัพท์เพื่อป้องกันการดักฟัง นำไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเพื่อป้องกันการเข้าใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำไปสร้างเครื่องออกสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อป้องกันการล็อกเลข เป็นต้น (เดลินิวส์ พุธที่ 26 ต.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





“เครื่องผลิตไบโอดีเซลแบบต่อเนื่อง” ลดต้นทุน เพิ่มกำลังการผลิต

รศ.ดร.ประกอบ กิจไชยา ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ให้คิดค้นและพัฒนา “เครื่องผลิตน้ำมันไบโอดีเซลแบบต่อเนื่อง” ที่มีกำลังผลิตสูงขึ้นสามารถประหยัดต้นทุน งานวิจัยในส่วนแรกที่ทำคือ หาอัตราการเกิดปฏิกิริยาทางเคมีในกระบวนการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล เช่น ทดสอบเพื่อหาอุณหภูมิหรือหาปัจจัยอื่นๆ ที่เหมาะสมในการผลิต เพื่อสร้างเครื่องผลิตน้ำมันไบโอดีเซลให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องและผลิตได้ในปริมาณที่มากขึ้นในระดับอุตสาหกรรม โดยลักษณะของเครื่องผลิตน้ำมันไบโอดีเซลแบบต่อเนื่องนั้นจะเป็นเครื่องมือที่มีขนาดเล็ก ภายในจะบรรจุวัสดุซึ่งจะช่วยทำให้เกิดการผสมและกระจายตัวของหยดสารละลายแอลกอฮอล์ในน้ำมันไตรกลีเซอไรด์ ทำให้เกิดปฏิกิริยาเป็นน้ำมันไบโอดีเซลได้ดีขึ้น หลักการทำงานของเครื่องคร่าวๆ ได้แก่ เมื่อปั๊มน้ำมันปาล์มด้วยอัตราการไหล 100 ลิตร/ชั่วโมง และปั๊มสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ 2.0% ในเอทานอลด้วยอัตราการไหล20 ลิตร/ชั่วโมง เข้าสู่เครื่องผลิตน้ำมันไบโอดีเซล โดยที่น้ำมันปาล์มและแอลกอฮอล์จะถูกให้ความร้อนด้วยขดลวดความร้อนไฟฟ้า เพื่อควบคุมอุณหภูมิของผสมอยู่ที่ 60 องศาเซลเซียส เมื่อของผสมไหลเข้าสู่ท่อส่วนผสมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5-8 นิ้ว ยาว 1 เมตร ซึ่งจะเกิดการผสมกันระหว่างน้ำมันปาล์มกับสารละลายเอทานอลเกิดปฏิกิริยาขึ้น หลังจากนั้นของเหลวผสมจะไหลเข้าสู่ท่อเปล่าขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเดียวกันยาว 50 เมตรจนได้เป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันไบโอดีเซล ข้อสังเกตที่เห็นได้ชัดคือ เครื่องผลิตไบโอดีเซลที่ทีมวิจัยคิดค้นจะแตกต่างกับเครื่องผลิตน้ำมันไบโอดีเซลแบบทั่วไปคือ จะสามารถผลิตน้ำมันไบโอดีเซลได้ต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงและผลิตได้ในอัตรา 100 ลิตร/ชั่วโมง ซึ่งมาตรฐานน้ำมันไบโอดีเซลที่ผลิตได้ยังมีคุณภาพดีเทียบเท่าน้ำมันดีเซลที่ใช้กันทั่วไปอีกด้วย ด้านต้นทุนการผลิตจะขึ้นอยู่กับราคาของวัตถุดิบที่จะนำมาผลิตในขณะนั้น วัดมาตรฐานตรงนี้จากปริมาณน้ำมันไบโอดีเซลปรากฏว่า มีปริมาณถึง 98% และคุณสมบัติด้านความหนืดยังมีเทียบเท่ากับน้ำมันทั่วไป ซึ่งผลการทดลองเป็นที่น่าพอใจ งานวิจัยขณะนี้จึงกำลังอยู่ในขั้นขอจดสิทธิบัตร และการทำวิจัยเทคโนโลยีการผลิตไบโอดีเซลยังถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาใช้ได้เอง เนื่องจากความรู้ด้านนี้ส่วนใหญ่จะเป็นความลับทางการค้า เครื่องต้นแบบการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลแบบต่อเนื่อง จึงถือเป็นฐานความรู้ที่จะต่อยอดงานวิจัยด้านนี้ได้ต่อไป (สยามรัฐรายวัน พุธที่ 26 ต.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





ถอดภาษาไทยเป็นอังกฤษ ช่วยต่างชาติในรูปแบบโอเกะ

อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พัฒนาโปรแกรมถอดภาษาไทยทับศัพท์เป็นภาษาอังกฤษ ในรูปของภาษาคาราโอเกะ ช่วยให้ชาวต่างชาติที่ต้องการเรียนรู้ภาษาไทย สามารถอ่านออกเสียงได้อย่างถูกต้องตามหลักราชบัณฑิตยสถาน เปิดให้ดาวน์โหลดไปติดตั้งในคอมพิวเตอร์แล้วโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ผศ.ดร.วิโรจน์ อรุณมานะกุล ผู้เชี่ยวชาญภาษาไทยและภาษาคอมพิวเตอร์ ภาควิชาภาษาศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เจ้าของโปรแกรมถอดภาษาไทยเป็นภาษาโรมัน เปิดเผยว่า ปัญหาของชาวต่างชาติที่ต้องการเรียนรู้ภาษาไทย ส่วนใหญ่จะติดอยู่ที่วิธีการอ่านออกเสียงที่ถูกต้อง เนื่องจากภาษาไทยจะมีเสียงวรรณยุกต์และเสียงสระ ขณะที่ในภาษาอังกฤษจะไม่มีการออกเสียงในส่วนนี้ รวมทั้งบางคำก็ไม่มีในพจนานุกรมด้วย นักวิจัยจึงได้พัฒนาโปรแกรมถอดภาษาไทยเป็นภาษาโรมัน เพื่อช่วยให้คนต่างชาติเข้าใจว่าคำๆ นั้น อ่านว่าอะไร และสามารถออกเสียงได้ใกล้เคียงกับภาษาไทยมากขึ้น อาทิ 'สวัสดีประเทศไทย' ก็จะเป็น 'Sawatdi Prathet Thai' และยังเขียนทับศัพท์ไทยเป็นอังกฤษได้ตรงตามหลักราชบัณฑิตยสถาน โดยสามารถป้อนเป็นคำ ข้อความ หรือทั้งไฟล์ใส่ในโปรแกรมก็ได้ ซึ่งความถูกต้องจะอยู่ที่กว่า 99% โครงการดังกล่าวได้รับทุนสนับสนุนจากทุนพัฒนาศักยภาพในการทำงานวิจัยของอาจารย์รุ่นใหม่ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา ปี 2546-2547 "ความยากของการพัฒนาชิ้นงานนี้อยู่ที่ การตัดคำให้ถูกต้อง เนื่องจากมีรูปแบบการตัดคำได้หลายแบบ แต่ละแบบก็จะทำให้อ่านต่างกัน ในส่วนรูปแบบการตัดคำนั้น ผมพัฒนาขึ้นมาเอง ใช้หลักการมองหาโครงสร้างพยางค์ให้ได้ก่อน แล้วเลือกรูปแบบพยางค์ที่เหมาะสมที่สุด จากนั้นค่อยรวบพยางค์ขึ้นเป็นคำ โดยใช้หลักการทางสถิติมาช่วย" ผศ.ดร.วิโรจน์ กล่าว สำหรับผู้สนใจต้องการโปรแกรมไปใช้งาน สามารถดาวน์โหลดได้ที่ http://pioneer.chula.ac.th/~awirote/ จากนั้นเลือกลิงค์ไปที่โปรแกรมถอดภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ หรือ Thai Romanization โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะนักวิจัยต้องการให้โปรแกรมสำเร็จรูปนี้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดไปใช้งานแล้วกว่า 4,000 ราย (คมชัดลึก พุธที่ 26 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





เอ็มไอทีรู้แล้วทำไมสันดานดัดยาก

ศาสตราจารย์ด้านประสาทวิทยา จากมหาวิทยาลัยเอ็มไอที แถลงผลงานวิจัยว่า พฤติกรรมที่มนุษย์ทำจนติดเป็นนิสัย ส่งผลให้เกิดการสร้างรูปแบบขึ้นที่ระบบประสาทส่วน แม้แบบแผนทางประสาทดังกล่าวสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ แต่พอเจอกับแรงกระตุ้นจากภายนอกให้นึกถึงภาพเก่าๆ แบบแผนทางประสาทที่เคยเกิดขึ้นอาจแทรกตัวขึ้นมาใหม่ ลักษณะดังกล่าวเหมือนกับสมองยังเก็บความทรงจำของรูปแบบนิสัยอยู่ รูปแบบนิสัยที่ประทับอยู่ในระบบประสาทเหล่านี้อาจถูกกระตุ้นให้กลับมาอีกครั้งเมื่อได้รับสัญญาณกระตุ้น แบบแผนนิสัยดังกล่าวถูกจารึกลงที่ปมประสาท (basal ganglia) ซึ่งเป็นพื้นที่สมองที่มีความสำคัญต่อพฤติกรรมบางอย่าง เช่น พฤติกรรมเสพติด นักวิจัยได้ทดสอบโดยนำช็อกโกแลตมาวางไว้ที่ปลายเขาวงกตรูปตัวอักษร "T" แล้วฝึกให้หนูรู้ว่า เมื่อได้รับสัญญาณเสียงให้วิ่งไปตามทางคดเคี้ยวเพื่อหาช็อกโกแลต ต่อมานักวิจัยได้เอาช็อกโกแลตที่เป็นรางวัลออกไป เมื่อหนูไม่พบช็อกโกแลต เสียงที่มันเคยได้ยินเพื่อกระตุ้นให้วิ่งไปหารางวัลจึงหมดความหมาย หนูก็ใช้ชีวิตตามปกติ แต่เมื่อนำช็อกโกแลตไปวางให้เห็นอีก กิจกรรมสมองได้แสดงให้เห็นชัดถึงความรู้สึกกระดี๊กระด๊าที่กลับคืนมาอีกครั้ง นักวิทยาศาสตร์คาดหมายว่า ผลจากการศึกษาดังกล่าวจะนำไปสู่แนวทางการรักษาโรคพฤติกรรมเสพติด และเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่ดีของคนได้อย่างถาวร (คมชัดลึก พุธที่ 26 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





มหิดลพัฒนาเทคนิคหยุดไวรัสหัวเหลืองกุ้ง

ผศ.ดร.วิฑูรย์ ถิระโสภณ สถาบันอณูชีววิทยาและพันธุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ทีมงานสามารถพัฒนาเทคนิคป้องกันโรคไวรัสหัวเหลืองในกุ้ง ซึ่งเป็นปัญหาหลักที่เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งกำลังประสบอยู่ได้สำเร็จ และขณะนี้อยู่ระหว่างคิดค้นวิธีนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ได้จริงในระดับฟาร์ม สำหรับการวิจัยซึ่งได้รับทุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) พบสารพันธุกรรมอาร์เอ็นเอในไวรัสหัวเหลือง ซึ่งแบ่งการทำงานเป็นสองส่วน ได้แก่ ส่วนควบคุมการสร้างเอ็นไซม์ ที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มจำนวนไวรัสภายในเซลล์เจ้าบ้าน (host) และส่วนควบคุมการสร้างโปรตีนโครงสร้างของตัวไวรัส อีกทั้งพบว่ากุ้งไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันไวรัสหัวเหลือง และยังไม่มียาต้านไวรัสชนิดไหนที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการเพิ่มจำนวน หรือแบ่งตัวของไวรัสหัวเหลืองในกุ้ง ด้วยเหตุนี้ นักวิจัยจึงมองหากลไกอื่น และพบว่าการนำสารพันธุกรรมอาร์เอ็นเอสายคู่ ที่มีความจำเพาะต่อยีนที่ทำหน้าที่เพิ่มจำนวนของไวรัส มาใส่ในเซลล์ของกุ้ง สามารถกระตุ้นให้เกิดการทำลาย หรือยับยั้งการแสดงออกของยีนนั้นได้ ซึ่งเทคนิคนี้เรียกว่า กระบวนการยับยั้งการแสดงออกที่ระดับอาร์เอ็นเอ หรือ อาร์เอ็นเอไอ (RNA interference : RNAi) หลังจากทดลองในระดับเซลล์ ด้วยการนำอาร์เอ็นเอสายคู่ที่มีความจำเพาะต่อไวรัส ใส่เข้าไปในเซลล์ของกุ้ง และใส่ไวรัสตามเข้าไปทีหลัง พบว่าเซลล์กุ้งอยู่ในภาวะปกติและไม่ตาย ขณะที่อีกกลุ่มทดลองที่นำอาร์เอ็นเอาสายคู่ชนิดอื่น ที่ไม่เกี่ยวกับไวรัสใส่เข้าไป พบว่าเซลล์กุ้งจะตายลงในที่สุด เมื่อทดลองฉีดอาร์เอ็นเอสายคู่ที่มีความจำเพาะใส่ในตัวกุ้งจริงๆ และเฝ้าติดตามผล ก็พบว่า กุ้งในบ่อมีความต้านทานต่อโรคค่อนข้างสูง และเมื่อนำมาตรวจหาไวรัสก็ไม่พบแต่อย่างใด ขณะที่กุ้งที่ไม่ได้รับอาร์เอ็นเอาสายคู่จำเพาะ ภายใน 3-4 วัน ก็ตายหมด (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 26 ต.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ฟีโบ้โชว์กองทัพหุ่นยนต์ฉลอง 10 ปี

สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (ฟีโบ้) พัฒนาอุปกรณ์สั่งงานคอมพิวเตอร์ด้วยดวงตา ได้แรงบันดาลใจจากนักฟิสิกส์พิการ สตีเฟน ฮอว์กิ้น ฉลองครอบรอบ 10 ปี ขนหุ่นยนต์โชว์ผลงาน ล่าสุดพัฒนาหุ่นยนต์มนุษย์สามารถเดินได้บนพื้นผิวขรุขระ ติดเซ็นเซอร์ให้สามารถทรงตัวได้ อีกไม่เกิน 5 ปีสามารถพัฒนาเทคโนโลยีไล่ทันหุ่นยนต์ญี่ปุ่น ดร.ถวิดา มณีวรรณ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (ฟีโบ้) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เปิดเผยว่า หุ่นยนต์ตัวล่าสุดของฟีโบ้ที่ชื่อ "ส้มจุก" เป็นหุ่นยนต์รูปร่างมนุษย์ หรือที่เรียกกันในวงการหุ่นยนต์ว่า ฮิวแมนนอยด์ เป็นหุ่นยนต์ที่พัฒนาขึ้นโดยศึกษาลักษณะการเคลื่อนไหวของมนุษย์แล้วนำมาออกแบบเป็นหุ่นยนต์ ปัจจุบันประกอบด้วยลำตัวและขา ซึ่งมีข้อหมุนทั้งหมด 12 ข้อ ส้มจุกนี้พัฒนามาเกือบ 4 ปี ในรุ่นล่าสุดได้มีการพัฒนาให้สามารถเดินบนพื้นขรุขระได้ จากการติดเซ็นเซอร์วัดแรงกระทำต่อพื้นที่เท้าหุ่น และติดเซ็นเซอร์วัดความเร็วเชิงมุมและความเร่งเชิงมุม ที่ลำตัว เปรียบเสมือนน้ำในหูของมนุษย์ที่ช่วยในการทรงตัว หุ่นตัวนี้หนัก 50 กิโลกรัม ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ รองผอ.ฟีโบ้ พูดถึงปัญหาในการพัฒนาหุ่นยนต์ว่า มีความยากลำบากในการหาอุปกรณ์พื้นฐาน อย่างเช่น มอเตอร์ ระบบควบคุม ที่ต้องซื้อมา เลือกไม่ได้อย่างที่ต้องการ แต่สถาบันมองว่า ถ้าไม่เริ่มทำ ก็จะขาดความรู้ และถ้าตั้งใจจริง การทำหุ่นแบบอาซิโม อีก 5 ปีก็น่าจะได้ นอกจากนี้ ยังมีผลงานอีกชิ้นที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการควบคุมหุ่นยนต์โดยใช้สัญญาณไฟฟ้าทางชีวภาพ โดยนายทนงศักดิ์ ภมรานนท์ นักศึกษาปริญญาโทชั้นปีที่ 2 ของฟีโบ้ได้พัฒนาระบบควบคุมหุ่นยนต์โดยการขยับเขยื้อนดวงตา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้พิการ หรือผู้ป่วยอัมพาตที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ อีกตัวหนึ่งเป็นหุ่นยนต์กลิ้งกระโดด ที่เป็นหุ่นอยู่ในภาชนะใสทรงกลม สามารถบัวคับตัวให้กลิ้งหรือกระโดดไปได้ สามารถใช้ในการสำรวจพื้นที่ที่ขรุขระจากกล้องดิจิทัลที่ติดอยู่ด้านใน โดยหุ่นยนต์ทุกตัวที่นำมาจัดแสดงนี้สามารถใส่คำสั่งไว้ล่วงหน้าได้ หรือสามารถส่งคำสั่งจากผู้บังคับผ่านระบบไร้สาย และยังมีการแข่งขันหุ่นยนต์ในระดับมัธยมปลาย และโรโบคัพนัดกระชับมิตร (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 26 ต.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ทำถุงลมนิรภัยให้สิงห์มอเตอร์ไซค์ป้องกันร่างกายท่อนบน

บริษัทรถยนต์ในอเมริกาใต้ได้ออกแบบประดิษฐ์ถุงลมนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ขึ้น สามารถใส่ไว้ในเสื้อแจ็กเกต โดยไม่มีใครสังเกตเห็น ผู้จัดการฝ่ายผลิตของบริษัทยูไนเต็ด มอเตอร์ส ในชิลี นายอุลติมาส คอนติเซียส กล่าวเปิดเผยว่า ถุงลมนั้นตัดเย็บขึ้นด้วยผ้าชนิดพิเศษ และมีนวมบุภายในเต็มไปด้วยถุงเล็กๆหลายใบ ซึ่งจะพองลมขึ้นเมื่อเวลาใช้สามารถปกป้องร่างกายส่วนบนได้ทั้งหมด ทดลองแล้วได้ผลดี และยังเคยช่วยรักษาชีวิตผู้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ มาหลายคนแล้ว (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





สุรนารีวิจัยเซลล์แก้เบาหวาน วางแผยทดลองในลิงคู่ขนานกับคน

ดร.รังสรรค์ พาลพ่าย หัวหน้าศูนย์วิจัยเทคโนโลยีตัวอ่อนและเซลล์ต้นกำเนิด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยปีละ 2 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 5 ปี รวม 10 ล้านบาท (2548-2552) โดยในปีแรกได้นำงบประมาณที่ได้มาสร้างห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงเซลล์ต้นกำเนิด (สเต็มเซลล์) คาดว่าปลายปีนี้จะแล้วเสร็จ จากนั้นสามารถเริ่มการทดลองสเต็มเซลล์ตัวอ่อนในลิงและคนคู่ขนานกัน ทีมวิจัยสามารถกระตุ้นสเต็มเซลล์ตัวอ่อนสร้างเบต้าเซลล์เพื่อรักษาโรคเบาหวานในหนูทดลองได้แล้ว และกำลังเดินหน้าวิจัยต่อในลิงและมนุษย์โดยใช้สเต็มเซลล์ ซึ่งจะได้รับมอบจากเกาหลีใต้ในทันทีที่ห้องปฏิบัติการแล้วเสร็จ และในการวิจัยจะกระตุ้นสเต็มเซลล์ให้กลายเป็นเบต้าเซลล์ในตับอ่อน ซึ่งทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนอินซูลินสำหรับรักษาโรคเบาหวาน สำหรับแผนการวิจัยในปีหน้า จะใช้ลิงเป็นโมเดลทดลองจนถึงขั้นปลูกถ่ายเซลล์ดังกล่าว แต่ในมนุษย์จะยังไม่ถึงขั้นปลูกถ่ายใดๆ นอกจากนี้มหาวิทยาลัยมีแผนเปิดรับนักศึกษาแพทย์ในเดือนพฤศจิกายน 2549 เป็นรุ่นแรกด้วย โดยจะเปิดรับจำนวน 30 คน ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดในฐานะพี่เลี้ยงของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฉะนั้น การมีคณะแพทยศาสตร์เป็นของตัวเอง จะเอื้อประโยชน์ต่อการทดลองเรื่องการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ให้มนุษย์ได้ในอนาคตได้ จากเทคโนโลยีด้านโคลนนิ่งและสเต็มเซลล์ ตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ทีมงานพัฒนาขึ้นมา ทำให้มั่นใจได้ว่า ไม่เกิน 5 ปีจะสามารถพัฒนาให้สเต็มเซลล์สามารถใช้ในรูปแบบต่างๆ ได้ และแน่นอนว่าจะทำให้มนุษย์มีอายุยืนยาวได้ขณะนี้ทีมงานอยู่ระหว่างดำเนินการโคลนนิ่งแพะในห้องปฏิบัติการ โดยตั้งเป้าว่าจะผลิตแพะที่มีคุณสมบัติในการผลิตสารทางยาออกทางน้ำนมเพื่อใช้รักษาโรคในอนาคต โดยเชื่อว่าจะมีต้นทุนถูกกว่ายารักษาที่ใช้อยู่ในปัจจุบันถึง 10 เท่า ดร.รังสรรค์ เป็นคนไทยคนแรกและเป็นคนที่ 6 ของโลกที่ทำการโคลนนิ่งวัวสำเร็จ จนถึงปัจจุบันสามารถผลิตลูกโคโคลนนิ่งจำนวน 15 ตัว และมีผลงานการโคลนนิ่งสัตว์หายาก อาทิ กระทิง แมวลายหินอ่อน (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ตู้ล็อกเกอร์ไบโอเมทริก

นายพิเชษฐ์ กันทะวัง ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล อาจารย์ที่ปรึกษาหัวหน้าโครงงานการออกแบบสร้างช่องเก็บสิ่งของแบบอัตโนมัติ โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาสินค้าประเภทนี้ใช้เองในประเทศด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่านำเข้า ตู้เก็บของส่วนตัวระบบไบโอเมทริกประกอบด้วย ส่วนอุปกรณ์สำหรับข้อมูลเอกลักษณ์ของบุคคล เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ และม่านตา ซึ่งเป็นข้อมูลเฉพาะตัวที่ปัจจุบันถูกนำมาใช้ในระบบรักษาความปลอดภัยหลายรูปแบบ เช่น การเข้าออกอาคาร หรือห้องทำงาน การเข้าใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ซึ่งเก็บข้อมูลสำคัญของผู้ใช้และบริษัท ไม่จำเป็นต้องมีกุญแจ เพียงอาศัยการสแกนลายนิ้วมือก็ใช้งานได้ทันที ระบบนี้ยังมีราคาค่าบริการคงที่ คือจ่ายตามจริงที่ใช้งาน ตัวอย่างเช่น ชั่วโมงละ 1 บาท ก็หยอดเหรียญลงไปในเครื่อง 1 บาท หลังใช้บริการ ระบบก็จะทำการปลดล็อกอัตโนมัติให้สามารถนำของออกจากล็อกเกอร์ได้ หัวใจสำคัญของการทำงานอยู่ที่ระบบไมโครคอนโทรลเลอร์ หรือสมองกลทำหน้าที่ป้อนข้อมูลของลายนิ้วมือเข้าสู่เครื่อง โดยผู้ใช้ต้องแสดงตนด้วยการวางนิ้วมือใดก็ได้ บนตัวเซนเซอร์ที่ติดอยู่กับเครื่อง และระบบจะตอบรับผู้ขอใช้บริการ โดยการแสดงสัญญาณช่องว่างให้ผู้ใช้และปลดกลอนไฟฟ้าที่ล็อกเกอร์ช่องนั้นให้ผู้ใช้งาน ดังนั้น ผู้ฝากของและนำของออกจากล็อกเกอร์ จึงต้องเป็นบุคคลคนเดียวกัน เมื่อใช้บริการล็อกเกอร์อัตโนมัติเสร็จแล้ว ระบบจะลบข้อมูลของผู้ใช้ก่อนหน้านั้น เพื่อรอให้บริการผู้ใช้รายต่อไป แต่หากมีกรณีผิดพลาดขณะใช้งาน เช่น ไม่สามารถปลดล็อกได้ จึงต้องมีระบบสำรอง อาทิ ระบบกดรหัสผ่านด้วยตัวเลขคล้ายการทำงานของระบบบัตรเอทีเอ็ม โครงงานนี้สามารถนำเพิ่มมูลค่าให้ล็อกเกอร์ธรรมดาที่มีอยู่ในประเทศ โดยนำเทคโนโลยีมาเสริมให้มีความถูกต้องแม่นยำ ความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัย และมีต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่าสินค้าจากต่างประเทศถึง 1-2 เท่า (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





วิจัยสารสกัดขี้เหล็กทำยาระบายสมุนไพร

ผศ.ดร.ฉัตรศรี เดชะปัญญา หัวหน้าภาคสรีระวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เจ้าของผลงานวิจัยเรื่อง ฤทธิ์และกลไกการออกฤทธิ์ของสารสกัดจากขี้เหล็กในการแก้ไขและป้องกันความผิดปกติของทางเดินอาหาร ทั้งนี้ยังได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ในโครงการ นักพัฒนาศักยภาพในการทำงานวิจัยของอาจารย์รุ่นใหม่ สำหรับขี้เหล็กมีสารสำคัญในใบอ่อนและดอก ชื่อว่า บาราคอล มีฤทธิ์ช่วยแก้ไขความเครียด และยังมีผลในการเปลี่ยนแปลงการหลั่งในกลุ่มสารสื่อประสาท หรือเปลี่ยนแปลงระบบประสาทในสมอง ทำให้คิดต่อว่าในระบบทางเดินอาหารก็มีระบบประสาทอยู่เช่นเดียวกัน จึงพยายามประยุกต์องค์ความรู้ ที่เกี่ยวกับสารบาราคอลที่มีผลต่อระบบประสาทในสมอง มาปรับเข้ากับระบบทางเดินอาหาร ในขณะที่กระบวนการทำงานของระบบทางเดินอาหารเกี่ยวข้องกับการระบาย และยังเกี่ยวข้องกับการบีบและเคลื่อนตัวของทางเดินอาหาร เพื่อที่จะขับไล่กากอาหารออกนอกร่างกาย นอกจากนี้ยังพบว่าสารบาราคอล เป็นสารสำคัญในการเพิ่มการหลั่งของสารน้ำและเกลือแร่ ส่งผลให้กากอาหารมีความนุ่ม ยุ่ย เป็นการเพิ่มปริมาตรทำให้เกิดแรงดันในการบีบตัว จนทำให้กากอาหารถูกกำจัดออกไปเป็นของเสีย ทำให้ถ่ายง่ายและสะดวกมากขึ้น งานวิจัยชิ้นนี้จึงทำการศึกษา กลไกหลักในการบ่งบอกว่าสารที่อยู่ในใบและดอก เหมาะที่จะนำมาเป็นยาระบายหรือไม่ จึงเริ่มศึกษาฤทธิ์และกลไกการออกฤทธิ์ของบาราคอล พบว่า คุณสมบัติของบาราคอล 1.สามารถเพิ่มการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบ ทำให้เกิดการขับเคลื่อนอาหารได้ดี 2.การเพิ่มการหลั่งสารน้ำและเกลือแร่ โดยทดลองในหลอดทดลอง ด้วยการนำชิ้นเนื้อบริเวณลำไส้ในส่วนที่เรียกว่าไอเลี่ยมมาทดลอง และวัดการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบและการเพิ่มการหลั่งของสารน้ำและเกลือแร่ พบว่าสารบาราคอล มีคุณสมบัติและกลไกการออกฤทธิ์ นำมาใช้เป็นยาระบายได้จริง ผลงานชิ้นนี้ยังได้ถูกตีพิมพ์ในนิตยสารทางวิชาการของประเทศสหรัฐอเมริกาถึง 2 ครั้ง (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ทามิฟลูอยู่ในโป๊ยกั๊ก

สารเคมีตัวสำคัญของยาทามิฟลูที่ใช้ยับยั้งการลุกลามของไวรัสไข้หวัดนกในคนแล้ว คือกรดซิคิมิก สกัดได้จากดอกยี่หร่าแห้งหรือโป๊ยกักที่อยู่ในเครื่องทำพะโล้วางขายอยู่ทั่วไปในตลาดสดและซุปเปอร์มาร์เก็ต เจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดีย เปิดเผยเรื่องนี้ก็เพราะว่ายี่หร่าแห้งหรือโป๊ยกักหาไม่ได้ในอินเดีย ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดียต้องแสดงความเป็นห่วงปริวิตกออกมา เนื่องจากไม่ได้เป็นวัตถุดิบที่มีในอินเดีย แต่ว่าดอกโป๊ยกักนี้มีมากที่สุดใน 2 ประเทศคือจีนกับเยอรมนี มิน่าโรชแห่งสวิตเซอร์แลนด์คงจะได้วัตถุดิบตัวนี้จากเยอรมนี หรือไม่ก็อาจมีอยู่ในสวิสด้วย เพราะสวิสกับเยอรมนีมันก็ใกล้กันเหมือนลาวกับไทย บางส่วนบางตอน เมื่อหาวัตถุดิบตัวนี้ในประเทศอินเดียไม่ได้ ทางเจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดียกำลังทาบทามนักวิทยาศาสตร์ด้านเคมีของอินเดียว่าจะสามารถสกัดกรดซิคิมิกจากวัตถุดิบชนิดใดได้บ้างที่มีอยู่ในอินเดีย อินเดียยืนยันแล้วว่าสารเคมีตัวสำคัญคือกรดซิคิมิกมีอยู่ในโป๊ยกัก ก็น่าจะเงี่ยหูฟังจากไต้หวันที่ประกาศออกมาแล้วว่าสามารถผลิตยาทามิฟลูที่เลียนแบบทางเคมีของโรชแห่งสวิสได้ถึงร้อยละ 99 จะไม่ช่วยออกมายืนยันให้โลกมั่นใจเชียวหรือว่ามันคือของจริง มันคือกรดซิคิมิก ล่าสุดเท่าที่ตรวจสอบได้ในขณะนี้บริษัทโรชยังคงกอดสิทธิบัตรยาทามิฟลูอย่างเหนียวแน่น เฉพาะในเอเชียนั้นหลังจากที่มีหลายประเทศจีบเพื่อขออนุญาตขอสิทธิผลิตยาเลียนแบบนั้น ปรากฏว่าบริษัทโรชแสดงความจำนงอยากร่วมมือกับจีนมากกว่าเพื่อให้จีนผลิตยาตัวนี้ ตามรายงานข่าวของไชน่าเดลีระบุว่า ทางจีนยังสงวนท่าทีอยู่ แต่แหล่งข่าวของทางการจีนยอมรับว่ามีการเจรจากันจริงโดยที่บริษัทโรชยืนกรานในการเป็นเจ้าของสิทธิบัตร (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. http://www.matichon.co.th)





ผ่าตัด"แช่แข็ง"เซลล์มะเร็ง ทางเลือกใหม่รักษาโรคมะเร็งปอด

ผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดมีทางเลือกใหม่ในการรักษานอกเหนือจากการผ่าตัด ภายหลังจากคณะแพทย์มหาวิทยาลัยแฮร์ฟิลด์ในมิดเดิลเซ็กซ์แถลงว่า ผลการรักษาปอดด้วยการ "แช่แข็งเซลล์มะเร็ง" ประสบความสำเร็จดี โดยคนไข้ที่เข้ารับการรักษาด้วยวิธีนี้ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ไม่มีอาการแทรกซ้อนหรือผิดปกติแต่อย่างใด ดร.โอมาร์ ไมวานด์ แพทย์ร.พ.แฮร์ฟิลด์ ผู้ทำการผ่าตัดรักษาเซลล์มะเร็งด้วยการแช่แข็ง หรือใช้สารทำความเย็นจี้ใส่เซลล์มะเร็งในปอด (ไครโอเซอเจอรี่) กล่าวว่า การรักษามะเร็งปอดด้วยวิธีนี้จะใช้กับผู้ป่วยที่พิจารณาแล้วว่ามีร่างกายอ่อนแอเกินไปเกินกว่าจะใช้วิธีผ่าตัดปอดทิ้งไป ซึ่งอาจทำให้ระบบทางเดินหายใจของคนไข้มีปัญหาอย่างรุนแรงในภายหลัง การผ่าตัดแช่แข็งดังกล่าวทำโดยการผ่าเปิดช่องอกของคนไข้กว้างประมาณ 12 เซนติเมตร จากนั้นสอดอุปกรณ์เข้าไปยังจุดที่เกิดเซลล์มะเร็งในปอดเพื่อฉีดสารทำความเย็นประเภท "ไนโตรเจนเหลว" เข้าไปจับตัวกับเซลล์มะเร็ง ส่งผลให้เซลล์ไม่แบ่งตัวเนื่องจากถูกแช่แข็งอยู่ในสภาพอุณหภูมิลดต่ำ -190 องศาเซลเซียส การผ่าตัดด้วยวิธีนี้ใช้เวลาพักฟื้น 4 วันคนไข้ก็กลับบ้านได้ คณะแพทย์แฮร์ฟิลด์เชื่อว่า ถึงแม้วิธีการผ่าตัดแบบไครโอเซอเจอรี่ถูกใช้ในการรักษาโรคอื่นๆ มาแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีการนำมาประยุกต์ใช้รักษามะเร็งปอด และผู้ป่วย 16 คนที่เข้ารับการรักษายังมีสุขภาพสมบูรณ์ดี ด้านแพทย์จากศูนย์วิจัยมะเร็งอังกฤษชี้ว่า วิธีการของร.พ.แฮร์ฟิลด์เป็นทางเลือกที่ดี แต่ต้องรอการพิสูจน์ให้มากกว่านี้ว่าดีกว่าวิธีรักษาตามปกติ เช่น การทำเคมีบำบัด (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





แอฟริกาทดลอง"เจลต้านเอดส์"

สตรีในแอฟริกา 10,000 คน จะเข้าร่วมการทดลองครั้งใหญ่ของอังกฤษเพื่อศึกษาประสิทธิภาพของ "เจล" ชนิดหนึ่งในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวีที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ ผลการทดลองในห้องปฏิบัติการพบว่า "โปร 2000" เจลทาช่องคลอดที่พัฒนาโดยบริษัทอินเดวุส สามารถป้องกันคนและสัตว์ไม่ให้ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ส่วนการทดลองครั้งใหญ่นี้จะใช้เวลา 3-4 ปี เริ่มรับอาสาสมัครสตรีจากแอฟริกาใต้และยูกันดาในสัปดาห์นี้ จากนั้นจะขยายการทดลองไปยังแทนซาเนียและแซมเบียในปลายปี อาสาสมัครจะต้องทาเจลก่อนมีเพศสัมพันธ์ รวมทั้งจะได้รับถุงยางอนามัยและคำปรึกษาด้านเพศศึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้วย การศึกษาครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการมูลค่า 3,000 ล้านบาทของกระทรวงพัฒนาระหว่างประเทศและสภาวิจัยการแพทย์อังกฤษ ส่วนสาเหตุที่ทำการทดลองขนาดใหญ่ในแอฟริกาเนื่องจากภูมิภาคนี้มีอัตราการติดเชื้อเอชไอวีสูงที่สุดในโลก (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





เครื่องอัลตราซาวนด์มองสำรวจทะลุกำแพงคอนกรีต

นักวิทยาศาสตร์ใช้อุปกรณ์ตรวจทารกในครรภ์มารดาด้วยคลื่นอัลตราซาวนด์ มาเป็นเครื่องตรวจหาการกัดกร่อนในกำแพงคอนกรีต ทั้งยังอาจจะใช้ช่วยตำรวจในการค้นหาศพที่ ถูกฝังไว้ในกำแพงคอนกรีตได้ด้วย เครื่องมือดังกล่าวพัฒนาขึ้นโดยบริษัทในอังกฤษ ใช้ตัวเครื่องแปลงระบบหนึ่งให้เป็นระบบอื่น 6 ตัว ยิงคลื่นเสียงเป็นมุมต่างๆ เข้าไปในผนังคอนกรีต หลังจากนั้นเครื่องแปลงจะรับคลื่นเสียงที่สะท้อนกลับออกมา โดยมีโปรแกรมคอมพิวเตอร์จะนำมาสร้างภาพภายในผนังเป็นภาพกึ่ง 3 มิติขึ้น ผู้อำนวยการของศูนย์อัลตราโซนิก แห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ดร.เดวิด แอนดรูวส์ ผู้ร่วมพัฒนาเครื่องกล่าวอธิบายว่า ปกติธรรมดาโครงสร้างที่เป็นคอนกรีตส่วนใหญ่ จะมีอายุอยู่ระหว่าง 50-120 ปี แต่พอนานสัก 50, 60 ปี และบางแห่งอาจจะถึง 70 ปี ก็อาจจะเกิดรอยร้าวขึ้นมาบ้าง ส่วนในเรื่องที่อาจจะใช้เป็นเครื่องมือตรวจหาหลักฐานของตำรวจนั้น นายเวย์น วู้ดเฮด ผู้อำนวยการ บริษัทชี้แจงว่า “ถ้าหากเป็นศพที่โดนฝังอยู่ในผนังคอนกรีตมานมนานตั้ง 60 ปีแล้ว ศพก็คงจะสลายลงแล้ว จะเหลือก็แต่โพรงในผนังเท่านั้น แต่มันจะเป็นแค่โพรงเฉยๆ หรือจะเป็นเค้าของคนด้วย ก็คงต้องเดากันเอาเอง”. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 28 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





พบโสมมีฤทธิ์สกัดโรคหวัดถึงเจ็บไข้ก็ไม่หนักหนา

วารสารของแพทย์สมาคมแคนาดา รายงานผลการศึกษาว่า ยาที่เข้าสารสกัดจากโสม มีสรรพคุณช่วยป้องกันหวัดและไข้หวัดใหญ่ได้ นักวิจัยของมหาวิทยาลัยอัลเบอตาได้ ศึกษากับหญิงชาย ที่มีอายุระหว่าง 18-65 ปี 130 คน ซึ่งล้วนแต่เคยเป็นหวัดเมื่อปีกลายมากันไม่ต่ำกว่าคนละ 2 หน ตอนช่วงฤดูหนาวเป็นเวลา 4 เดือน โดยให้พวกหนึ่งกินยาที่เข้าโสมปลูกในสหรัฐฯ วันละ 2 แคปซูล ส่วนที่เหลือให้ กินยาหลอก ปรากฏผลว่าพวกที่ได้กินยาโสม ใน 10 คนจะมีสัก 1 คน ที่ป่วยเป็นหวัดขึ้นสักครั้งหรือสองครั้ง ส่วนพวกที่กินยาหลอก พากันเป็นหวัดกันมากถึง 23% นอกจากนั้นกลุ่มที่ได้กินยา ยังป่วยมีอาการ เบากว่า และเป็นนานน้อยกว่ากันถึง 1 ใน 3 ด้วย ดร.ทาปัน บาซู หัวหน้าคณะวิจัยกล่าวว่า การศึกษาแสดงว่า ยาที่เข้าโสม มีสรรพคุณช่วยปัดเป่าโรคหวัดได้ ความปลอดภัยของยาสูตรนี้ก็นับว่ามีหลักฐาน ดังนั้น จึงเห็นได้ว่ามันอาจจะเป็นหนทางรักษาโรคติดเชื้อของทางเดินหายใจส่วนบน แบบทางเลือกที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง โสมเป็นพืชที่พบขึ้นอยู่ทางภาคตะวันออกของทวีปเอเชียและอเมริกาเหนือ ถูกกล่าวขวัญมานานว่าป้องกันโรคหวัดและไข้หวัด วงการแพทย์ของอังกฤษได้ ให้ความเห็นว่า แม้จะมีผู้กินยาที่เข้าโสมกันอยู่ หลายราย แต่หลักฐานเกี่ยวกับสรรพคุณของมันยังเป็นเรื่องพิสูจน์ไม่ได้ (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 28 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th





หมากฝรั่งช่วยรักษาคนผ่าท้องให้หายได้เร็ววันขึ้น

นักวิจัยรายงานว่า ถ้าหากให้คนไข้ผ่าตัดลำไส้ใหญ่ เคี้ยวหมากฝรั่งสักวันละ 2-3 นาที จะช่วยให้ หายกลับบ้านได้เร็วกว่าปกติ 1 วันเต็มๆ เนื่องจากท้องไส้จะกลับทำงานตามปกติได้เร็วขึ้น นักวิจัยมหาวิทยาลัยเท็กซัส เซาธ์เวสเทิร์น ที่เมืองดัลลัส สหรัฐอเมริกา ได้ชี้ว่าการให้คนไข้ผ่าตัดเคี้ยวหมากฝรั่ง จะช่วยประหยัดค่ารักษาพยาบาลตามโรงพยาบาลต่างๆลงได้ปีละหลายสิบล้านบาท เพราะคนไข้จะไม่เกิดอาการลำไส้อืด ซึ่งทำให้ปวดท้อง ท้องผูก อาเจียนและร่างกายขาดน้ำ หลังจากที่ท้องต้องหยุดทำหน้าที่มาพักหนึ่ง อาการแบบนี้ มักจะเป็นกับคนไข้ที่ถูกตัดลำไส้ใหญ่แบบต่างๆ และคนไข้ผ่าตัดลำไส้ในรูปแบบอื่น คณะนักวิจัยได้ศึกษากับคนไข้ตัดลำไส้ใหญ่ 102 ราย โดยแบ่งออกเป็น 2 พวก พวกหนึ่งให้จิบน้ำหลังการ ผ่าตัด ส่วนอีกพวกหนึ่งให้เคี้ยวหมากฝรั่งวันละ 4 หน หนละ 15 นาที ปรากฏว่าพวกที่เคี้ยวหมากฝรั่ง ท้องไส้จะกลับทำงานปกติหลังผ่าตัดเพียง 2.9 วัน และกลับบ้านได้หลังจากผ่าตัดมา 4.4 วัน ในขณะพวกที่จิบน้ำต้องรอนานถึง 3 วันครึ่ง และกลับบ้านได้หลังผ่าตัด 5.2 วัน ทีหลังเพื่อนถึง 1 วันเต็มๆ หัวหน้าคณะวิจัยหมอแฮร์รี่ ปาปาปาคอนสตันตินู กล่าวว่า ยังไม่รู้ว่าหมากฝรั่งมันช่วยอย่างไร แต่คิดว่ามันทำให้คนไข้ได้ซ้อมการเคี้ยวกินมากกว่า (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 28 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ทำธุรกิจจากเศษขี้ยางลงทุนต่ำแต่ได้กำไรเกินคุ้ม

นายธงชัย แทนทด เกษตรกรชาวสวนยางพาราบ้านชุมแสง ที่ปัจจุบันหันมาเก็บขี้ยางขาย สร้างรายได้ให้เดือนหนึ่งหลายแสนบาท โดยตอนแรกก็ใช้เครื่องมือเล็กๆทำให้ทราย เศษไม้ ออกลองเอาไปขายปรากฏ ว่าโรงงานรับซื้อและได้ราคาค่อนข้างดี จึงเริ่มที่จะทำอย่างจริงจัง โดยเข้าไปขอคำปรึกษากับทางนิคมสหกรณ์ ชะแวะ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จ.ระยอง และขอกู้เงินจาก ธ.ก.ส.มาลงทุนซื้อเครื่องรีดยาง เครื่องตีก้อนยางใช้งบประมาณราวๆ 2 ล้านบาท รับขี้ยางวันละ 2 ตัน เมื่อนำมาผ่านขบวนการกระทั่ง สามารถขายได้จะเหลือประมาณ 700 กิโลกรัม ซึ่งทางโรงงาน จะเอาไปแปรรูปเป็นยางรถเข็น ยางรถไถนา ลูกยางกันกระแทกและเมื่อหักแล้ว เราจะได้กำไรกิโลกรัม ละประมาณ 4 บาท แต่ก็อยู่ที่ราคาตลาด ซึ่งขณะนี้ รับซื้อขี้ยางใน อ.วังจันทร์และรอบนอกด้วย และมีขนมาจากภาคใต้บ้าง ทุกวันนี้มีรายได้เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้ว เหลือประมาณวันละ 2,000-2,500 บาทขั้นตอน เริ่มแรกเมื่อซื้อเศษขี้ยางมาแล้ว จะเอาไปเข้าเครื่องตีน้ำ เพื่อให้ขยะทรายออกให้ หมดใช้เวลา 15 นาที การตีแต่ละครั้งจะใส่ขี้ยางประมาณ 100 กก. เสร็จแล้วนำเข้าเครื่องบด ให้เนื้อยางแตกออกประมาณ 7-10 รอบ เสร็จแล้วนำไปตากแห้งอีก 2 วัน และสุดท้ายเข้าเครื่องรีดแห้ง เพื่อให้เป็นแผ่นและแพ็ก เป็นก้อนน้ำหนัก 20-25 กิโลกรัม พร้อมขายที่ กิโลกรัม ละ 25 บาท ส่วนต้นทุนต่อ กก.อยู่ที่ 15-18 บาท ตรงนี้จะเอาไปเปรียบเทียบ คุณภาพน้ำยางแผ่นรมควันไม่ได้ เพราะนี่เป็นเหมือนเรานำ ของเสียกลับมาทำใหม่ เพื่อให้สามารถ มาใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง และตลาดยังมีความต้องการใช้มาก (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 28 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ราชมงคลพบวิธีเก็บรักษา ดอกกุหลาบ ก่อนส่งขายนานนับเดือน

เอกมล เงินสอน และ ชะนะ ฤทธิ์เรือง นักศึกษาจากภาควิชาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวและแปรสภาพ คณะวิศวกรรมและเทคโน โลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี โดยมีอาจารย์วรินธร ยิ้มย่อง เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาได้ค้นพบวิธีการเก็บรักษาดอกกุหลาบให้ได้นานถึง 35 วันหลังจากตัดดอก เพื่อรอวันส่งขายได้ตามความต้องการของตลาดโดยไม่ต้องส่งขายทันทีหลังการตัดดอก เจ้าของผลงานได้บอกว่า ในการทำการวิจัยเรื่องนี้ ด้วยคิดว่าตรงกับหน้าที่หลักของภาควิชาที่เรียนคือ ภาควิชาเทคโนโลยีหลังการ เก็บเกี่ยวและแปรสภาพ และได้เล็งมาที่เรื่องของ การเก็บรักษาดอกกุหลาบให้สามารถมีความสดชื่นได้นาน ทั้งนี้เพราะมักจะพบ ว่าดอกกุหลาบเมื่อถูกตัดดอกแล้วเกษตรกรต้องรีบขายออกให้หมด บางที่ออกมาพร้อม ๆ กันจนล้นตลาด ราคาจึงตกต่ำ จึงมีความคิดว่าถ้าหากสามารถเก็บรักษาดอกกุหลาบไว้ได้นาน ๆ แล้วรอเวลาที่กุหลาบมีราคาดีแล้วจึงส่งขาย ย่อมจะดีกว่า เหมือนกับขายพืชผลที่ออกนอกฤดูกาลซึ่งมีผลผลิตน้อยเกษตรกรก็ได้ราคาดีตามไปด้วยเป้าหมายการศึกษาครั้งนี้อยู่ที่ ทำอย่างไรถึงจะเก็บรักษากุหลาบให้ได้นานที่สุด คงสภาพความสวยงามและสีที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง จากการศึกษาวิธีเก็บรักษาดอกกุหลาบได้นั้นก็คือ การเก็บรักษาดอกกุหลาบในสภาพดัดแปลงบรรยากาศ ซึ่งเป็นการอาศัยหลักการ ปรับสภาพอากาศให้อยู่ในอุณหภูมิ 2 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์เท่ากับ 95-98% แล้วปรับระดับความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซออกซิเจนเริ่มต้น เท่ากับ 0% โดยผ่านชุดควบคุมบรรยากาศและชุดควบคุมอุณหภูมิ จากความเข้มข้นในบรรยากาศปกติ ของคาร์บอนไดออกไซด์ เท่ากับ 0.3% และความเข้มข้นของออกซิเจนเท่ากับ 21% ซึ่งโดยปกติดอกกุหลาบถึงแม้ว่า จะถูกตัดออกจากต้นแล้วก็ยังมีกระบวนการหายใจอยู่ โดยการดึงเอาสารอาหารที่ยังอยู่ภายในดอกและก้านออกมาใช้ โดยใช้คาร์บอนไดออกไซด์และออกซิเจน เป็นส่วนสำคัญของกระบวนการหายใจ เมื่อสารอาหารถูกนำกลับมาใช้มาก ๆ สารอาหารก็เหลือน้อยลงจึงทำให้ดอกกุหลาบเริ่มเหี่ยวเฉาไปในที่สุด จากหลักการนี้เมื่อเราลดความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์และออกซิเจนลง ทำให้กระบวนการหายใจชะลอช้าลง การดึงเอาสารอาหารกลับมาใช้ก็น้อยตามไปด้วย เมื่อดอกกุหลาบสูญเสียสารอาหารในปริมาณที่น้อยลง ทำให้สามารถชะลอการเหี่ยวเฉาของกุหลาบได้เป็นระยะเวลานานกว่าปกติด้วย ซึ่งจากผลการทดลองพบว่า จากสภาพบรรยากาศปกติที่สามารถเก็บดอกกุหลาบได้เพียงแค่ 7 วัน แต่กุหลาบที่ได้รับการเก็บรักษาในสภาพดัดแปลงบรรยากาศกลับเก็บได้นานถึง 35 วัน และเมื่อนำออกมาปักแจกันในน้ำที่อุณหภูมิห้องก็ยังคงคุณภาพต่าง ๆ อันได้แก่ อัตราการดูดน้ำ การเปลี่ยนแปลงน้ำหนักสด การเปลี่ยนแปลงสีดอกและสีใบของ กลีบดอกปริมาณคลอโรฟิลล์ของใบ การโค้งของคอ ดอกและการบานของดอก ไม่แตกต่างจากดอกกุหลาบที่ตัดดอกสดเลย ผู้ใดที่สนใจสอบถาม หรือขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ภาควิชาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว คณะวิศวกรรมและเทคโนโลยีการเกษตร โทรศัพท์ 0-2549-3362. (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 28 ต.ค. http://www.dailynews.co.th)





เครื่องแจกเอกสารอัตโนมัติ

วิศวะฯ ม.ศรีปทุม มีดีมาอวดกันอีกแล้ว ล่าสุดช่างคิดประดิษฐ์ “เครื่องแจกเอกสารอัตโนมัติ” ช่วยทุ่นแรงคนไม่ต้องเดินแจกให้เมื่อยน่อง! โดยสามหนุ่มช่างคิด “กิตติศักดิ์บุญเกิด” “วิชิต เวียงสงค์” และ “วิศิษฐ์ ว่องไว” นักศึกษาสาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ โดยมีอาจารย์สกุล จูอนุวัฒนกุล อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า เป็นที่ปรึกษา จุดเด่นของเครื่องแจกเอกสารอัตโนมัติเครื่องนี้นอกจากจะแจกเอกสารได้โดยอัตโนมัติแล้ว เครื่องนี้ยังสามารถส่งเสียงเพื่อเรียกความสนใจโดยการบันทึกเสียงต่างๆ จากไมโครโฟนหรือสัญญาณเสียงต่างๆ ที่ตัวเครื่องได้อีกด้วย เช่น เสียงสวัสดี เสียงขอบคุณ หรือเสียงเพลงเป็นต้น เมื่อเสียบปลั๊กเปิดเครื่องเริ่มทำงาน เครื่องจะส่งเสียงประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้บุคคลที่เดินผ่านไปมาได้ฟังข้อมูลเบื้องต้นของเอกสารที่จะแจก และเมื่อมีคนเดินเข้ามาใกล้เครื่องในระยะที่กำหนดคือ ประมาณ 70 เซนติเมตร เซ็นเซอร์ของเครื่องจะส่งเอกสารออกมาทีละชิ้น เมื่อมีคนดึงเอกสารออกไปเครื่องจะส่งเสียงขอบคุณ และจะทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าเอกสารจะหมด เครื่องแจกเอกสารอัตโนมัติ นี้จะควบคุมการทำงานโดยไมโครคอนโทรลเลอร์ MCS-51 ควบคุมการทำงานทั้งหมดทั้งมอเตอร์ เซ็นเซอร์ อีกทั้งชุดบันทึกและแสดงเสียง อีกทั้งยังเคลื่อนย้ายได้สะดวกโดยล้อเลื่อน และสามารถแจกเอกสารได้ครั้งละ ประมาณ 150-300 ฉบับ ขึ้นอยู่กับความหนาของเอกสารนั้นๆ โดยสามารถปรับตั้งขนาดของเอกสารได้ด้วย สำหรับผู้สนใจเครื่องแจกเอกสารอัตโนมัต นี้สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ ฝ่ายสำนักงานประชาสัมพันธ์ ม.ศรีปทุม โทร.0-2579-1111 ต่อ 1124-6 (สยามรัฐรายวัน ศุกร์ที่ 28 ต.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





ผงชูรส ... กับประสาทตาของเรา !

“ผงชูรส” ที่มักอ้างว่าผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น อ้อย หรือ มันสำปะหลัง แต่รู้กันรึเปล่าครับว่า การผลิตแต่ละครั้งก็ต้องใช้สารเคมี ทั้งทำปฏิกิริยา และฟอกสี ซึ่งกว่าจะกลายเป็นผลึกผงชูรสก็แทบจะไม่เหลือวัตถุดิบธรรมชาติไว้เลย สรุปกันง่ายๆ ก็คือ...แท้ที่จริงแล้ว “ผงชูรส” ก็เป็นแค่สารเมีชนิดหนึ่ง ที่ไปกระตุ้นต่อมรับรสที่ลิ้นให้ไวต่อรสชาติมากขึ้น ไม่ได้ทำให้อาหารมีรสชาติอร่อยขึ้นแต่อย่างใด และเมื่อเร็วๆ นี้ผลงานวิจัยชิ้นล่าสุดจากแดนปลาดิบ มหาวิทยาลัยอิโรซากิแห่งประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า “ผงชูรส” มีผลกระทบทำให้ความสามารถในการมองเห็นลดลง เนื่องจากผงชูรสมีสารที่เข้าไปทำลายชั้นเรตินาในดวงตา ซึ่งส่งผลให้ระบบประสาทตาเสียหาย ... ว่ากันง่ายๆ ก็ ... ทำให้ตาบอดได้ นอกจากนั้น งานวิจัยยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า ผงชูรสยังอาจเป็นสาเหตุของการเพิ่มจำนวนผู้ป่วยโรคต้อหินอีกต่างหาก รู้ออย่างนี้แล้ว ทางที่ดีควรเลี่ยงหรืองดใช้ผงชูรสดีกว่าครับ...เพื่อดวงตาใสๆ คู่สวยจะได้อยู่กับเราไปนานๆ (สยามรัฐรายวัน ศุกร์ที่ 28 ต.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





"ช็อกโกแลต-กล้วยเชื่อม" เมนูหลับสบาย คลายเครียด

จากงานสัมมนาพิเศษ "สายสุขภาพไฟเซอร์กับเคล็ดลับฝ่าวิกฤติโรคเครียด" จัดโดย "ไฟเซอร์" ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้นคว้าวิจัยเวชภัณฑ์ระดับโลกร่วมกับ "สายสุขภาพไฟเซอร์ 0-2664-5888" ซึ่งเป็นบริการรับปรึกษาปัญหาสุขภาพทางโทรศัพท์ โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มีข้อมูลเกี่ยวกับภาวะเครียดที่น่าสนใจจาก น.พ.พนมทวน ชูแสงทอง จิตแพทย์ และอาจารย์แพทย์ วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานคร และวชิรพยาบาล ว่า "ภาวะเครียด" เป็นเรื่องของจิตใจที่เกิดจากความตื่นตัว เตรียมเผชิญกับเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งไม่น่าพึงพอใจ หรือคาดไม่ถึง เป็นเรื่องที่เราเองคิดว่าหนักหนาสาหัสเกินกำลังความสามารถที่จะแก้ไขได้ ทำให้เกิดความรู้สึกหนักใจ กังวล ไม่สบายใจ หรือแม้แต่คับข้องใจ และส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติทางร่างกายเกิดขึ้น หากว่าความเครียดนั้นมีมากและคงอยู่เป็นระยะเวลานาน แต่ทว่าความเครียดที่ไม่มากนัก จะเป็นแรงกระตุ้นที่ดี ช่วยให้คนเราเกิดแรงฮึดมุมานะที่จะเอาชนะปัญหาและอุปสรรคต่างๆ หากแต่เรามีความเครียดมากมาย และไม่รู้จักผ่อนคลาย และหากปล่อยไว้นานเข้า อาจมีปัญหาความผิดปกติทางร่างกายและจิตใจได้ในที่สุด สำหรับสาเหตุของความเครียดมีสาเหตุ 3 ด้าน ได้แก่ สาเหตุทางด้านจิตใจ เช่น ความกลัวว่าจะไม่ได้ดังหวัง กลัวจะไม่ประสบความสำเร็จ หนักใจกังวลใจในงานที่ได้รับมอบหมาย หรือแม้แต่กลัวกังวลสิ่งที่ยังมาไม่ถึง สาเหตุที่จากเกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิต เช่น การเปลี่ยนช่วงวัย แต่งงาน การตั้งครรภ์ การเริ่มเข้าทำงานหรือการเปลี่ยนงาน เปลี่ยนที่เรียน สุดท้ายคือสาเหตุจากการเจ็บป่วยทางร่างกาย เช่น การเจ็บไข่ต่างๆ โรคที่รุนแรง และเรื้อรัง หรือโรคที่คาดว่าถึงแก่ชีวิตในที่สุด "อาหารคลายเครียด (Food Therapy)" คือหนึ่งในวิถีแห่งการผ่อนคลายความเครียด โดยสารอาหารที่ช่วยลดระดับความเครียด คือ ทริปโตฟาน (1-2 กรัม ก่อนนอน) พบได้ใน ไข่ ถั่วเหลือง นมวัว เนื้อสัตว์ วิตามินบี 6 (40 มิลลิกรัมต่อวัน) พบในธัญพืชต่างๆ ยีสต์ รำข้าว เครื่องใน เนื้อ ถั่ว ผัก วิตามินบี 3 (1,000 มิลลิกรัมต่อวัน) พบในตับเครื่องใน เนื้อ เป็ด ไก่ ปลา ถั่ว ยีสต์ สารอาหารอื่นๆ เช่น แคลเซียม กระเทียมและดอกไม้จีน เป็นต้น สำหรับเมนูอาหารคลายเครียดยอดฮิตคือ ซ็อคโกแลตกับน้ำมะตูมจะช่วยลดอาการกระวนกระวายและอาการตึงเครียดได้ ส่วนกล้วยเชื่อมหรือกล้วยธรรมดา กับนมสด หากดื่มก่อนนอนเป็นประจำทุกวันจะช่วยลดอาการตึงเครียดและทำให้นอนหลับสบาย นอกจากอาหารคลายเครียดแล้ว การฝึกฝนให้รู้เท่าทันอารมณ์ของตนเอง และการรู้จักปล่อยวาง (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 29 ต.ค. 48 (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 28 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





มธหวังลดภัยทางด่วน ทำโปรแกรมชี้จุดเสี่ยงบนทางจราจร

นายพงศ์ภูมิ ศรชมแก้ว นักศึกษาปริญญาโท ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า ได้ทำวิจัยเพื่อคิดค้นเครื่องมือช่วยระบุจุดเสี่ยงอันตรายบนท้องถนน โดยผลจากการเก็บข้อมูลชี้ให้เห็นว่า อุบัติเหตุมักจะเกิดขึ้นในจุดเดิมซ้ำกันหลายครั้ง ทั้งบริเวณทางแยกและทางโค้ง และแต่ละปีตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตบนท้องถนนมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น นักวิจัยจึงได้พัฒนาระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ หรือจีไอเอส มาใช้ในงานวิศวกรรมโยธา เพื่อสร้างฐานข้อมูลอุบัติเหตุ รวมทั้งศึกษาวิเคราะห์จุดเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุล่วงหน้า ข้อมูลประกอบด้วยแผนที่ภาพ แผนที่แสดงตำแหน่ง ข้อมูลเส้นทางเดินรถ ข้อมูลอุบัติเหตุที่มีอยู่เดิมมาจัดการร่วมกัน โดยบันทึกลงในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ หรือจีไอเอส ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาช่วยในการจัดการข้อมูลเชิงพื้นที่ ทำให้สามารถเรียกดูข้อมูล จัดการ และวิเคราะห์ข้อมูลได้ทันที ขณะนี้งานวิจัยกำลังอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมข้อมูลสำหรับเขียนโปรแกรม เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานโปรแกรมดังกล่าวได้โดยไม่ต้องมีพื้นฐานความรู้ด้านจีไอเอสมากนัก โดยเชื่อว่าหากโปรแกรมดังกล่าวเสร็จสิ้น และมีการใช้งานจริงจะช่วยลดปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนทางพิเศษได้มาก โดยเฉพาะจุดที่เก็บข้อมูล คือบริเวณทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษฉลองรัช ทางพิเศษบูรพาวิถี และทางพิเศษอุดรรัถยา ในส่วนของการวิเคราะห์ข้อมูล โปรแกรมนี้จะช่วยออกแบบและปรับปรุงเส้นทางจราจร ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เช่น บริเวณทางโค้ง หรือทางแยกที่พื้นผิวจราจรไม่สมบูรณ์ เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไข ทั้งนี้เมื่อโปรแกรมดังกล่าวแล้วเสร็จ จึงจะมีการนำเสนอให้การทางพิเศษพิจารณาเพื่อนำไปใช้งานต่อไป" เจ้าของผลงาน กล่าว (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 28 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





เตือนเย็บกระเพาะลดอ้วนเสี่ยงตาย

ศัลยแพทย์จากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน สหรัฐ ได้ศึกษาผู้ป่วยในโครงการเมดิแคร์ จำนวน 16,155 ราย ซึ่งเข้ารับการผ่าตัดเย็บกระเพาะในช่วงปี 2540 และ 2545 พบว่า ผู้ป่วยในกลุ่มอายุ 35-44 ปี กว่า 5% ในชาย และเกือบ 3% ในผู้หญิง เสียชีวิตภายใน 1 ปี หลังจากผ่าตัดเย็บกระเพาะ ทีมงานยังพบด้วยว่า ยิ่งอายุมากยิ่งเสี่ยงมาก โดยถ้าผู้ป่วยอยู่ในช่วงอายุ 45-54 ปี อัตราเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย และผู้ป่วยอายุ 65-74 ปี ผู้ชายจะเสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็น 13% และราว 6% ในผู้หญิง ส่วนผู้ป่วยอายุ 75 ปี หรือสูงกว่า มีอัตราเสียชีวิตสูงที่สุด งานวิจัยก่อนหน้านี้ ได้ศึกษาผู้ป่วยโรคอ้วน อายุระหว่าง 30-50 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มอายุที่เข้ารับการผ่าตัดรักษาโรคอ้วนมากที่สุด พบว่าหลังจากเข้ารับการผ่าตัดไปแล้ว คนในกลุ่มนี้มีอัตราการเสียชีวิตไม่ถึงร้อยละ 1 สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยต้องเสียชีวิตหลังผ่าตัดมีหลายประการ ได้แก่ ภาวะขาดอาหาร การติดเชื้อในช่องท้องและถุงน้ำดี นอกจากนี้การผ่าตัดในผู้ป่วยสูงอายุ ยังเสี่ยงที่จะทำให้ระบบการทำงานในร่างกายล้มเหลวได้ สำหรับรูปแบบการผ่าตัดรักษาโรคอ้วน ส่วนใหญ่จะใช้วิธีการผ่าตัดบายพาสกระเพาะและลำไส้เล็ก ด้วยการสร้างเส้นทางลัดให้อาหารเดินผ่านกระเพาะลงไปสู่ลำไส้เล็กโดยตรง ส่งผลให้ผู้ป่วยลดปริมาณอาหารที่จะบริโภคลงได้ และทำให้ร่างกายดูดซึมอาหารไปใช้ได้น้อยลง (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 28 ต.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ข่าวทั่วไป


เชื่อไข้หวัดนกปักหลักในเอเชีย

นายเดวิด นาบาร์โร ผู้ประสานงานสหประชาชาติในปัญหาไข้หวัดนกและไข้หวัดใหญ่กล่าวว่า กลุ่มประเทศในแถบเอเชียกำลังเผชิญหน้ากับความยากลำบากในการกำจัดไข้หวัดนก เนื่องจากเชื้อไวรัสเอช 5 เอ็น 1 ต้นตอไข้หวัดนกนั้นน่าจะฝังตัวอยู่ทั้งในนกธรรมชาติ ไปจนถึงสัตว์ปีกในอุตสาหกรรมท้องถิ่น ผู้ประสานงานสหประชาชาติที่เพิ่งเข้าหารือ กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงสาธารณสุข ของจีน ระบุว่า ทั้งจีนและประเทศต่างๆจะต้องตื่นตัวตลอดเวลาเพื่อรับมือกับ สถานการณ์แพร่ระบาด จากการหารือกับเจ้าหน้าที่จีน พบว่าจีนวางมาตรการเฝ้าระวังการ แพร่ระบาดอย่างเต็มที่ และต้องให้ความสำคัญในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด เป็นอันดับแรก (ไทยรัฐ อังคารที่ 25 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ช้างไทย สร้างชื่อ ติดอันดับ กินเนสส์บุ๊ก

หนังสือกินเนสส์บุ๊ก (Guinness World Records) ได้บันทึกเหตุการณ์สำคัญของไทยว่าเป็นที่สุดของที่สุดแห่งปี 2005 ไว้ถึง 2 รายการ เป็นเรื่องราวของช้าง เมื่อวานนี้ ( 24 ต.ค. ) นายทรงยศ สามกษัตริย์ รองผู้จัดการศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่าจากที่สำนักพิมพ์ แม็กมิลเลียน ประเทศอังกฤษ จัดทำรวมที่สุดของที่สุดในทุกเรื่องราวจากทุกมุมโลก นำมาคัดเลือกเพื่อตีพิมพ์ เพียงปีละหนึ่งครั้ง ในชื่อ “หนังสือกินเนสส์บุ๊ก” ปรากฏว่าหนังสือกินเนสส์บุ๊ก 2006 ที่เตรียมวางจำหน่ายเร็วๆนี้ในหมวดโมเดิร์นโซไซตี้ มีการบันทึกอาหารบุฟเฟ่ต์ช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่ประเทศไทย โดยเนื้อหาระบุเป็นขบวนพาเหรดช้างและอาหารบุฟเฟ่ต์ช้างจังหวัดสุรินทร์ มีช้างในแถบภูมิภาคเอเชียเข้าร่วมมากกว่า 269 เชือก มีอาหารผักผลไม้มากกว่า 50 ตัน ให้ช้างได้เลือกกิน ขณะที่อีกรายการอยู่ในหมวดอาร์ตแอนด์เอนเตอร์เทนเมนต์ (Art & Entertainment) เป็นภาพระบายสี โดยฝีมือของช้างที่ศูนย์ฝึกช้างแม่สา จังหวัดเชียงใหม่ ขายได้ราคา 1.5 ล้านบาท ทั้งสองรายการถือเป็นสถิติสูงสุด บันทึกอย่างเป็นทางการในปี 2005 (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 24 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





ร่าง พ.ร.บ ข้าวแห่งชาติ

ขณะนี้กระทรวงเกษตรฯกำลังร่างพระราชบัญญัติข้าวแห่งชาติขึ้น โดยมีแนวคิดที่จะจัดตั้งสำนักงานข้าวแห่งชาติเป็นิติบุคคลเพื่อดูแลเรื่องข้าวทั้งระบบทั่วประเทศรวมทั้งการค้าข้าวออกนอกประเทศด้วย โดยหลักการแล้วก็เป็นเรื่องดี ถ้ามีการบริหารจัดการที่ตั้งอยู่บนแนวคิดที่ถูกต้อง นั่นคือเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้พ้นจากความยากจนและพัฒนาให้ข้าวไทยเป็นข้าวที่มีคุณภาพดีที่สุดในโลก พ.ร.บ.นี้ยังเป็นเพียงร่างขึ้นพิจารณาภายในกระทรวงเกษตรฯเท่านั้น ยังมีความคิดเห็นที่ต่างกันระหว่างแนวคิดของทางราชการกับแนวคิดของภาคประชาชน โดยเฉพาะในหมวดที่สี่ อันมีเนื้อหาส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับการกำหนดเขตโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวพันธุ์ดี โดยถือเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อเกษตรกรรมปลูกข้าวพันธุ์ดีเท่านั้น ซึ่งในจุดนี้ปราชญ์ชาวบ้านส่วนหนึ่งมองว่า มันจะขัดแย้งกับหลักการเกษตรกรรมแบบเศรษฐกิจพอเพียง เป็นการบังคับเกษตรกร รายละเอียดทั้งหมดของร่าง พ.ร.บ.นี้ จึงควรจะได้พิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ก่อนที่จะสรุปขึ้นนำเสนอคณะรัฐมนตรี เพราะเรื่องข้าวมีความสำคัญต่อชาวไทยอย่างยิ่ง (สยามรัฐรายวัน อังคารที่ 25 ต.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





ความคืบหน้า ISO 26000

หลังการประชุมคณะทำงานของ ISO ว่าด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ครั้งที่ 2 ที่จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ความคืบหน้าล่าสุดของการจัดทำมาตรฐาน ISO 26000 ที่มีการเผยแพร่ในเว็บไซต์ของ ISO นั้นมีบทสรุปว่า "มาตรฐานดังกล่าวจะเป็นเพียงข้อแนะนำที่หน่วยงานพึงปฏิบัติเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมโดยไม่มีข้อกำหนดในการนำ ISO 26000 ไปใช้ในการรับรอง (certification)" ที่ประชุมสามารถตกลงกันในขอบข่ายของมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคม (ISO 26000) โดยได้พิจารณาร่วมกันในกรอบของขอบข่ายที่มาตรฐานเพื่อจะนำไปจัดทำร่างมาตรฐาน (Draft International Standard-DIS) ต่อไป โดยขอบข่ายที่ได้มีการสรุปผลในที่ประชุม ประกอบด้วยบทนิยาม เนื้อหา หลักการของความรับผิดชอบต่อสังคมที่เกี่ยวกับองค์กร ข้อแนะนำหลักการความรับผิดชอบต่อสังคม และข้อแนะนำสำหรับองค์กรที่จะนำมาตรฐานไปใช้ ซึ่งร่างมาตรฐานดังกล่าวจะแล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2550 และจะจัดทำร่างสุดท้าย (Final Draft International Standard-FDIS) ในเดือนกันยายน 2551 และจะมีการประกาศใช้เป็นมาตรฐานระหว่างประเทศในเดือนตุลาคม 2551 "ศุภชัย เทพัฒนพงศ์" ผู้อำนวยการกองกิจ กรรมมาตรฐานระหว่างประเทศ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวว่า "ใน ISO 26000 จะยังเป็นเพียงคำแนะนำที่เรียกว่า guidence document ซึ่งจะแตกต่างจากมาตรฐานอื่นที่ผ่านมา และจากประสบการณ์ในการทำ ISO 9000 เห็นแล้วว่ามีความซับซ้อน ใน ISO 26000 จึงใช้คำพูดง่ายขึ้นเพื่อให้คนอ่านรู้เรื่อง" และคาดว่าเนื้อหามาตรฐานนี้น่าจะครอบคลุมเรื่องเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพและสิทธิมนุษยชน และในมาตรฐานนี้จะไม่ใช้คำว่าต้องทำ แต่จะใช้คำว่าควรจะทำ" และเชื่อว่าการจัดทำมาตรฐานนี้จะเริ่มชัดเจนขึ้นในอีก 6 เดือนจากนี้หลังการประชุมที่กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุ เกส (ประชาชาติธุรกิจ จันทร์ที่ 24 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th/prachachart)





อย.มะกันติงสบู่ฆ่าเชื้อโรคไม่ได้วิเศษไปกว่าสบู่ธรรมดา

ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพซึ่งเป็นคณะกรรมการที่ปรึกษาให้องค์การอาหารและยาอเมริกา (FDA) ออกเสียง 11 ต่อ 1 ลงความเห็นว่าสบู่ยาฆ่าเชื้อโรคไม่ได้มีฤทธิ์เหนือกว่าการใช้สบู่ล้างมือ ธรรมดาแต่อย่างใด ทั้งยังเตือนผู้ผลิตว่าต้องหาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ มาสนับสนุนคำกล่าวอ้างที่ว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ถึง 99 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้สารประกอบเคมีสังเคราะห์ ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญในคณะกรรมการชุดนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่า การใช้สบู่ยาฆ่าเชื้อโรคยังอาจมีผล ให้เชื้อโรคดื้อยา และขอให้องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ ชั่งน้ำหนักถึงผลได้ผลเสียของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ประเด็นเรื่องสบู่ยาฆ่าเชื้อโรคมีการถกเถียงมาตั้งแต่ปี 2515 แต่ก็ยังไม่เป็นที่ยุติว่าจะ ออกกฎมาควบคุมอย่างไร แต่จากข้อแนะนำในครั้งนี้อาจส่งผลให้มีการปรับเปลี่ยน ตราฉลากผลิตภัณฑ์ และการกล่าวอ้างสรรพคุณของสินค้าในการทำตลาดได้. (ไทยรัฐ พุธที่ 26 ต.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





สั่งลดภาษีให้หนังสือถูก

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมว่า ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ไปดำเนินการที่จะให้ราคาหนังสือถูกลง ทั้งหนังสือที่นำเข้ามาจากประเทศ และหนังสือที่ผลิตในประเทศ รวมทั้งอุปกรณ์ด้านการเรียนรู้ ให้หาทางช่วยในเรื่องของภาษีทั้งระบบ และให้นำกลับมารายงานโดยเร็ว (มติชนรายวัน พุธที่ 26 ต.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





พบนก 8 ชนิดติด'หวัดนก'แล้ว

นายยงยุทธ ติยะไพรัช รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึงมาตรการป้องกันโรคไข้หวัดนกในส่วนของกระทรวงทรัพยากรฯว่า ได้มีการประชุมร่วมกับนายพินิจ จารุสมบัติ รองนายกรัฐมนตรี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข มีข้อตกลงร่วมกันว่า การแก้ปัญหาเรื่องนี้ทุกหน่วยงานจะประสานและรายงานข้อมูลในแต่ละกระทรวงให้กับศูนย์ป้องกันแก้ไขโรคไข้ หวัดนกทราบ ซึ่งของทส.จะดูแลปัญหานกอพยพ นกประจำถิ่นและสัตว์ป่า โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำมาตรการเฝ้าระวังในพื้นที่ทั่วประเทศทั้ง 76 จังหวัด โดยเฉพาะบริเวณบึงบอรเพ็ด จ.นครสวรรค์ จ.พระนคร ศรีอยุธยา ปทุมธานี นครปฐม และเขตภาคกลางที่จะมีนกอพยพหนีหนาวมาอาศัยอยู่จำนวนมาก ซึ่งแม้ว่าจะควบ คุมการบินอพยพของนกดังกล่าวไม่ได้ แต่วิธีการที่จะควบคุมก็คือการใช้อาหารล่อไม่ให้นกออกนอกพื้นที่ที่จำกัดบริเวณไว้ นอกจากนี้ยังได้ทำการสุ่มตรวจหาเชื้อโรคไข้หวัดนกในนกประจำถิ่นและนกอพยพมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับรายงานว่าจากจำนวน 18,000 ตัวอย่างของ 24 ชนิดมี 8 ชนิด เช่น นกพิราบ นกกระจอก นกเอี้ยง นกปากห่างแต่เป็นนกที่อยู่ประจำถิ่นแล้วไม่ได้อพยพมาในนก นก 8 ชนิดที่ตวจสอบพบนั้น มีทั้ง นกประจำถิ่นและนกยพอพที่ ติดเชื้อไข้หวัดนก และอีก 2,000 ตัวอย่างยังอยู่ในห้องแลป ซึ่งดร.ชวาล ทัฬหิกรณ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ก็จะลงไปสุ่มตัวอย่างนกพิราบ แถวสนามหลวงและพื้นที่รอบกทม. เพื่อนำมาตรวจหาเชื้อด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตกใจและกลัวนกจนเกินเหตุ เพราะขณะนี้ยังมั่นใจว่ายังสามารถควบคุมได้ และต้องการให้ประชาชนรู้จักการอยู่ร่วมกับโรคไข้หวัดนกอย่างปลอดภัย ไม่ตื่นกลัว (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





กบข.ก้าวเป็นผู้นำธรรมาภิบาล

หน้าที่ที่สำคัญประการหนึ่งของ กบข.คือ การเป็นนักลงทุนสถาบันที่มุ่งเน้นการสร้างประโยชน์ไม่เพียงต่อสมาชิกจำนวนล้านกว่าคนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ลงทุนรายย่อยอื่นๆ และขยายขอบเขตไปถึงตลาดเงินตลาดทุนไทยอีกด้วย ซึ่งสิ่งสำคัญประการหนึ่งที่ กบข.ตระหนักถึงอยู่เสมอก็คือ การกำกับดูแลที่ดีหรือธรรมาภิบาล (Good Governence) ที่ กบข.ได้ยึดถือเป็นหลักปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ในการลงทุนใดๆ ก็ตาม กบข.จะพิจารณาถึงเรื่องธรรมาภิบาลก่อนเสมอ โดยมีการประเมินฐานะธุรกิจและการเงินของบริษัทต่างๆ ที่จะเข้าไปลงทุนว่าจะต้องเป็นกิจการที่มีการบริหารจัดการที่ดี เพื่อให้แน่ใจว่าเงินออมของสมาชิกมีความปลอดภัย อีกทั้งมีการประเมินความเข้มงวดในการกำกับดูแลองค์กรของบริษัทต่างๆ เหล่านั้นประกอบการตัดสินใจลงทุน เพื่อให้การดำเนินงานทุกอย่างเป็นไปด้วยความโปร่งใส เนื่องจาก กบข.เชื่อว่ากิจการที่ดูแลรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นทุกรายไว้เป็นอย่างดี จะประสบความสำเร็จได้ในระยะยาว นอกจากนี้ กบข.ยังให้ความสำคัญต่อการใช้สิทธิในการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นโดยเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นและพิจารณาออกเสียงลงมติในประเด็นต่างๆ อย่างรัดกุม รอบคอบและเป็นธรรม เพื่อรักษาสิทธิและประโยชน์ของสมาชิก กบข.และผู้ถือหุ้นรายย่อยโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นการออกเสียงลงคะแนน "เห็นด้วย" (For) หรือการออกเสียงลงคะแนน "ไม่เห็นด้วย" (Against) ซึ่งถือเป็นเครื่องมือการทำงานที่จะช่วยพัฒนาการกำกับดูแลที่ดี ช่วยรักษาสิทธิขั้นพื้นฐานและความเท่าเทียมกันของผู้ถือหุ้น เป็นแบบอย่างที่ดีของกองทุนระยะยาว และเป็นการเสริมสร้างการกำกับดูแลที่ดีต่อตลาดเงินและตลาดทุนของประเทศ สำหรับงานบริหารภายในของ กบข.เอง ได้ส่งเสริมธรรมาภิบาลในทุกกระบวนการทำงานและถ่ายทอดสู่พนักงานทุกคนอย่างต่อเนื่อง โดยจัดทำคู่มือต่างๆ เพื่อใช้เป็นหลักยึดถือปฏิบัติในทุกหน้าที่และทุกด้านอย่างเคร่งครัด ข้อมูลความรู้ต่างๆ เหล่านี้ กบข.ได้เผยแพร่สู่สมาชิกรวมถึงผู้สนใจทั่วไปผ่านทางเว็บไซต์ กบข.ที่ www.gpf.or.th เมนูข้อมูลทั่วไป หัวข้อ "แนวทางกำกับดูแลที่ดี" ครับ (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. http://www.matichon.co.th)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215