หัวข้อข่าวปีที่ 6 ฉบับที่ 47 ประจำวันที่ 2005-12-10

ข่าวการศึกษา

นาฬิกาปลุกคนหูหนวก สิ่งประดิษฐ์อาชีวะรุ่นใหม่
ศธ.มั่นใจฟรีทีวีเพื่อการศึกษาทำไม่ยาก
"จาตุรนต์"ปิ๊งหลักสูตร สอน"ไทย"ภาษาที่2 สำหรับชาวต่างชาติ
เจาะเทคนิคสอนวิทย์เด็กพิเศษ อจ.พระตำหนักสวนกุหลาบ
กทม.ต่อยอดทักษะเด็กตั้งวิทยาลัยกีฬาป.ตรี
พาณิชย์มธ.ปรับหลักสูตรโฉมใหม่
"มอ."ผุดวิทยาลัยนานาชาติรับตลาดการค้าเสรี
มน.ดึง มทร.เปิด ป.โท หลักสูตรการโรงแรม
อาจารย์มอ.ใช้"แดจังกึม"สอนน.ศ.ได้แง่คิดเพียบ เผยเด็กแห่เรียนภาษาเกาหลีจบมีงานทำ100%
เรียนโทผ่านอีเลิร์นนิ่งเต็มรูปแบบ
พัฒนาอาชีวะให้ตรงใจผู้ใช้
ก้าวไกลวิสัยทัศน์:จะเชื่อความคิดของใครดี
เปิดวิทยาเขตมหาจุฬาฯปัตตานี
คุยอาชีวะไทย-เยอรมันเหมือนกัน
จอมบึงสร้างภาพพจน์มหา"ลัยสุขภาพ
ผุดโครงการร.ร.เอกชนสู่ความเป็นเลิศ เปิดนำร่อง 300 โรง-แนวโรงเรียนนานาชาติ
"มินิวิศวะ-ป.โทสถาปัตย์"...ม.เกษตรศาสตร์
"ทักษิณ"จี้ปรับปรุงการสอนทุกระดับขนานใหญ่
มทสรับนศ.แพทย์ปีหน้า เน้นเรียนดีรุ่นแรก48คน

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

“ไอซีที” เตรียมเปิดเว็บไซต์ ให้ประชาชนวิจารณ์ร่างก.ม
"แชท"รุ่นใหม่คุยเห็นหน้าออนไลน์
ภัย "โลกร้อน" ทำแอฟริกาแล้งจัด
ก.พลังงานเร่งแผนไบโอดีเซล สนองพระราชดำรัส
บีโอไอหนุนไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตไฟฟ้าเอเชีย
เรดาห์"มาร์ซิส"ค้นเจอ น้ำแข็งยักษ์ใต้ผิวดาวแดง
เกาหลีเปิดบริการดูทีวี ผ่านมือถือประเทศแรกในโลก
ดวงจันทร์ไททันมนุษย์อยู่ไม่ได้
กทม.ฟื้นสร้างโรงงานผลิตไบโอดีเซลเอาน้ำมันพืชใช้แล้วทำน้ำมันเชื้อเพลิง
ผุดธนาคารเลือดจากรกมะกันใช้วิจัยเซลล์บำบัด
160 ชาติหนุนลงทุนพลังงานสะอาดในโลกที่ 3
บุกป่าลึก"บอร์เนียว"พบ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมพันธุ์ใหม่!
สื่อสารผ่านเส้นใยแสง

ข่าววิจัย/พัฒนา

แก้สูตรอาหารเลี้ยงวัวควายใหม่ ช่วยผายลมกลิ่นกุหลาบ
“เครื่องปลูกอ้อยประหยัดเวลา” ผลงานจาก ม.ศรีปทุม
สวทช.เร่งเครื่องพัฒนาบทบาท 'นักวิจัย'
กาแฟกระตุ้นความจำ-สมาธิ รู้สึกกระปรี้กระเปร่าจริง
คนงานหญิงผลัดกลางคืน เสี่ยงเป็นมะเร็งทรวงอกสูง
“เครื่องบินบังคับวิทยุ” ฝีมือไทย
เสื้อขาวนาโนสกปรกยาก เคลือบสารจุลินทรีย์หยุดกลิ่นเหงื่อวัยซน
เครื่องบินบังคับวิทยุ "ทูอินวัน"
พัฒนากีตาร์แสนฉลาด เช็กอีเมล์ขณะตั้งสาย
อุปกรณ์ตรวจคลื่นหัวใจระยะไกล ส่งเอสเอ็มเอสถึงมือแพทย์ก่อนผู้ป่วยมาถึง
หมวกนิรภัยติดไฟกะพริบแจ้งอุบัติเหตุ
น้องเฟิร์น" ค้นพบวิธีดองผักปราศจากเชื้อรา
ผลตรวจ"เอ็มอาร์ไอ"พบ "สมอง"ชาย-หญิงทำงานต่างกัน
ช็อกโกแลตดำลดความดัน
เตรียมหุ่นยนต์สู้ศึกแชมป์ประเทศไทย
ผลไม้เสริมความจำ
สิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่ การันตีคุณภาพอาชีวศึกษา
สุขภัณฑ์อาชีวะรุ่นกินน้ำน้อย
ทีมยุโรปวิจัยมือเทียมรู้ร้อนรู้หนาวเหมือนมือจริง
ไม้เท้าเลเซอร์
ไทรโคซานก่อมะเร็ง
สุนัขตำรวจติดกล้องวิดีโอ สอดแนมคนร้ายติดอาวุธยึดอาคาร
เชิดชูแพทย์ไทยมอบเครื่องราชฯชั้นสูงสุด
“ยางพาราประดิษฐ์” พลิกวิกฤติเป็นโอกาส

ข่าวทั่วไป

เรียนหนักไป ระวังเป็นพาร์คินสัน!
สต็อกวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้ผู้สูงอายุ-คนทั่วไปยังไม่จำเป็น
เตือนปรับเครื่องยนต์ใช้ก๊าซเอ็นจีวีภายใน 15 วัน ไม่แจ้งกรมฯโดนปรับ
ไทยเจ๋งผลิตวัคซีนหวัดนกสำเร็จ “หมอพินิจ” หนุนศูนย์กลางส่งออก
รัฐ-ผู้ค้าน้ำมันสนองพระราชดำรัส ปัดฝุ่นผลิตไบโอดีเซล/ปตท.-บางจากเดินหน้าวิจัย
พบสรรพคุณเห็ดหลินจือ ยืดชีวิตผู้ป่วยโรคไตวาย





ข่าวการศึกษา


นาฬิกาปลุกคนหูหนวก สิ่งประดิษฐ์อาชีวะรุ่นใหม่

สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้จัดงาน ประกวดสิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่ เทิดไท้มหาราชัน เพื่อโชว์ผลงานนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ ระหว่าง 1-4 ธันวาคม ณ ห้อง เอ็มซีซี ฮอลล์ เดอะมอลล์ บางกะปิ กรุงเทพฯ เพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาระดับอาชีวศึกษาพัฒนาความรู้ความสามารถในสายวิชาชีพในสาขาที่เรียนให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและสังคม รวมทั้งเป็นการช่วยกระตุ้นให้นักศึกษาใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ กล้าคิด กล้าทำ และสามารถนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้และประดิษฐ์งานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมได้ อย่างเช่น เครื่องแยกไข่แดงไข่ขาว ของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีตรัง มีต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 3,800 บาทเท่านั้น ไม่ใช้พลังงานไฟฟ้า ส่วน "นาฬิกาปลุกคนหูหนวก" ผลงานประเภทพัฒนาคุณภาพชีวิตของ 8 นักศึกษาจากวิทยาลัยการอาชีพไชยา จ.สุราษฎร์ธานี แม้ว่าจะไม่ได้มาแสดงที่งานนี้ ทว่ากลับมีความสนใจมากเลยทีเดียว น้องทิต-เสกสิทธิ์ ศรีนิล นักศึกษา ปวช.3 ช่างอิเล็กทรอนิกส์ หนึ่งในสมาชิก บอกว่า นาฬิกาที่ทำขึ้นนี้เพื่อให้คนพิการทางหู ซึ่งปกติไม่ได้ยินเสียงอยู่แล้วและตื่นนอนยาก ใช้ตั้งเวลาในการตื่นนอน โดยติดแผงวงจรที่ข้อมือ 1 แผง และเชื่อมต่อไปยังนาฬิกาปลุกอีก 1 แผง และตั้งไว้ในระยะห่างจากที่นอนไม่เกิน 10 เมตร เมื่อถึงเวลาที่ตั้งไว้ แผงวงจรที่สวมใส่ที่ข้อมูลจะสั่นปลุก เพียงเท่านี้สามารถตื่นไปตามนัดได้ทันทุกงาน ต้นทุนการผลิตเพียง 410 บาทเท่านั้น ผลงานสิ่งประดิษฐ์หลายชิ้นของนักศึกษาอาชีวะ สามารถนำไปพัฒนาต่อยอดให้เกิดผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ หรือ เชิงพาณิชย์ได้ หากได้รับการสนับสนุน และนำไปสู่การลดต้นทุนการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศได้อีกด้วย นอกจากนี้ภายในงานยังมีการฝึกสอนอาชีพระยะสั้นให้ฟรี อาชีพละ 3 ชั่วโมง จบแล้วมอบวุฒิบัตรรับรอง โดยจะเปิดให้สมัครเรียนภายในงานวันละ 3 รอบอีกด้วย ผู้ที่สนใจอย่าลืมไปติดตาม (คมชัดลึก อาทิตย์ที่ 4 ธ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ศธ.มั่นใจฟรีทีวีเพื่อการศึกษาทำไม่ยาก

ดร.รุ่ง แก้วแดง รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยถึงโครงการจัดตั้งสถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษาในระบบฟรีทีวี ว่า ขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ได้เสนอโครงการขอจัดตั้งสถานวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษาพร้อมทั้งแสดงความจำนงและชี้แจงความจำเป็นไปเรียบร้อยแล้ว โดยเสนอไว้ในโครงการเมกะโปรเจคท์ของ ศธ. แต่ในการพิจารณาอนุมัตินั้นต้องรอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) ก่อน ซึ่งยังไม่แน่นอนว่าจะมี กสช.เมื่อใด ดังนั้นในระหว่างนี้ ศธ.จึงได้จัดทำโครงการนำร่องโทรทัศน์เพื่อการศึกษาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยได้แพร่ภาพการจัดการสอนเสริมให้แก่นักเรียนชั้น ม.6 ที่จะสอบเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง 11 ส่วนแยก จ.ยะลา ตั้งแต่วันจันทร์ – ศุกร์ วันละ 1 ชม. และวันเสาร์ – อาทิตย์ วันละ 2 ชั่วโมง เพื่อทดลองระบบต่างๆ ซึ่งโครงการดังกล่าวก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากครูและนักเรียนในพื้นที่ ในอนาคตโทรทัศน์เพื่อการศึกษาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะได้รับช่วงเวลาในการออกอากาศเพิ่มอีกวันละ 1 ชั่วโมง ซึ่งตนมีแนวคิดว่าจะนำมาจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยขยายไปในทุกระดับชั้นและจะจัดให้เป็นการเรียนรู้จากโครงงานต่างๆ โดยให้นักเรียนได้รวมตัวกันคิดรูปแบบการเรียนในลักษณะโครงงานตามวิชาที่ถนัดและอยากเรียน เช่น วิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อม การประดิษฐ์หุ่นยนต์ หรือ ศิลปะการแสดง เป็นต้น ส่วนศธ.จะจัดหาวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงมาให้ความรู้ และให้นิสิต นักศึกษาชั้นปีที่ 3-4 ในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องมาเป็นพี่เลี้ยงให้ จากนั้น ศธ.จะเปิดโอกาสให้นักเรียนนำเสนอโครงงานผ่านทีวีเหมือนเป็นการให้นักเรียนได้สอนกันเอง (เดลินิวส์ อังคารที่ 6 ธ.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





"จาตุรนต์"ปิ๊งหลักสูตร สอน"ไทย"ภาษาที่2 สำหรับชาวต่างชาติ

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ตนมีแนวคิดที่จะให้กระทรวงศึกษาฯจัดทำหลักสูตรเกี่ยวกับการเรียนรู้และการใช้ภาษาไทยเป็นภาษาที่สองสำหรับชาวต่างชาติ เพื่อใช้ในการสื่อสารกับคนไทยในโอกาสต่างๆ โดยเฉพาะกับชาวจีนที่จะเข้ามาช่วยสอนภาษาจีนให้กับนักเรียนนักศึกษาไทย ตามนโยบายการพัฒนาและขยายการเรียนการสอนภาษาจีนในสถานศึกษาในประเทศไทย เพื่อรองรับความร่วมมือในด้านต่างๆ กับสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทาง ศธ.ได้ไปเจรจาและตกลงความร่วมมือกับหน่วยงานทางการศึกษาของสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น จำเป็นจะต้องมีหลักสูตรเกี่ยวกับการเรียนรู้และการใช้ภาษาไทยสำหรับครูจีนที่จะเข้ามาสอนด้วย ไม่เช่นนั้นอาจเป็นปัญหาในการสื่อสารการสอนแก่นักเรียนนักศึกษาไทยได้ เพราะภาษาจีนจะไม่มีตัวอักษรหรือสระบางตัวที่ใช้ในการออกเสียงสำหรับภาษาไทย ถ้าเราได้พัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้และการใช้ภาษาไทยให้เหมาะสมกับชาวจีน รวมถึงคนชาติอื่นๆ ด้วย ก็จะทำให้การสอนภาษาของประเทศต่างๆ แก่นักเรียนนักศึกษาไทยได้ผลเร็วขึ้นด้วย" นายจาตุรนต์กล่าว และว่า นอกจากการส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาจีนสำหรับคนไทยแล้ว ทาง ศธ.ยังมีแผนจะส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาประเทศเพื่อนบ้านด้วย เช่น เวียดนาม พม่า เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ซึ่งต้องยอมรับว่าในปัจจุบันคนไทยยังมีผู้ที่รู้ภาษาของประเทศเพื่อนบ้านน้อยมาก ทั้งที่มีประชาชนจากประเทศเหล่านี้จำนวนไม่น้อยที่เข้ามาทำงานอยู่ในประเทศไทย (มติชนรายวัน อังคารที่ 6 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





เจาะเทคนิคสอนวิทย์เด็กพิเศษ อจ.พระตำหนักสวนกุหลาบ

โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ เป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษา ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์วิจัยทดลองเพื่อพัฒนาหลักสูตรวิทยาศาสตร์รากฐานของ สสวท. โรงเรียนนี้ได้จัดการเรียนการสอนให้แก่นักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยินด้วย ซึ่งได้รับการจัดการศึกษาเหมือนเด็กปกติทุกประการนางจุฑามาศ หันยอ ครูโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ผู้นำหลักสูตรวิทยาศาสตร์รากฐานไปใช้สอนนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน กล่าวว่า การสอนเด็กพิเศษต้องใช้กระบวนการหลายอย่าง ต้องให้เขาฟัง ให้เขาดู สอนเองก็ต้องใช้ทั้งคำพูด ใช้ภาษาท่าทางธรรมชาติ ซึ่งบางทีเราต้องใช้พื้นฐานของภาษามือ ทั้งตัวเลขและจำนวนแต่จริง ๆ แล้วไม่ได้เน้นให้เด็กใช้ภาษามือ ให้เด็กใช้การพูด ใช้ท่าทางธรรมชาติ นางจุฑามาศ บอกด้วยว่า อุปสรรคต่อการเรียนรู้ก็คือความบกพร่องทางการได้ยินเท่านั้นเอง แต่สติปัญญา สมองปกติ ก็ต้องเพิ่มเวลาการสอนให้เขาเข้าใจ แม้แต่ความกระตือรือร้นก็ไม่ต่างและจะดีกว่าด้วย เด็กกลุ่มนี้จะสนใจอะไรง่าย ให้ความสนใจมากกว่าเด็กปกติ ปีที่แล้วได้สอนเด็กปกติด้วยก็จะเห็นความแตกต่างชัด เวลาเขาสนใจอะไรจะมุ่งมั่น ผลงานก็จะออกมาดีกว่า เพราะเขาจะไม่วอกแวก ไม่คุยกัน ความรับผิดชอบจะสูงกว่า "ความมหัศจรรย์จากธรรมชาติที่เด็กได้เรียนรู้จากวิทยาศาสตร์รากฐานนั้นนักเรียนสามารถเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ได้เรียนรู้ถึงพัฒนาการ การเจริญเติบโตของพืช ให้รู้ว่าการเจริญเติบโตไปเป็นระบบ ทุกอย่างในชีวิตจะมีระบบ จริงๆ แล้วเขาสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีระบบเหมือนกัน" (ข่าวสด อังคารที่ 6 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





กทม.ต่อยอดทักษะเด็กตั้งวิทยาลัยกีฬาป.ตรี

นายอนันต์ ศิริภัสราภรณ์ รองปลัดกทม. กล่าวว่า หลังจากที่สภากทม.เคยเสนอญัตติ กับทางคณะผู้บริหารว่า กทม.ควรจัดตั้งวิทยาลัยการกีฬา กทม. เพื่อเป็นต่อยอดความรู้ และความสามารถด้านการกีฬาในระดับอุดมศึกษา ให้กับนักเรียนในโรงเรียนวิชูทิศ เขตดินแดง และโรงเรียนนาหลวง เขตบางมด ที่เปิดสอนถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 จึงได้ประชุมร่วมกับสำนักการศึกษา และสำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว เพื่อหารือถึงแนวทางในการจัดตั้ง ได้ข้อสรุปว่า กทม.จะจัดตั้งวิทยาลัยการกีฬา กทม.ขึ้น เพราะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาด้านการกีฬาของ กทม. ส่วนรูปแบบจะจัดตั้งให้เป็นคณะ ในมหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร และจะนำโรงเรียนกีฬา ของกทม. มาตั้งเป็นโรงเรียนสาธิตในด้านการกีฬา เพื่อให้คณะครูและนักเรียนสามารถวิจัย เรียนรู้และฝึกทักษะด้านการกีฬาได้อย่างครบถ้วน ขณะนี้ให้ทั้ง 2 สำนักจัดตั้งเป็นคณะทำงาน เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ หลักสูตรโครงสร้าง และกระบวนการบริหารจัดการ ให้มีลักษณะคล้ายกับสำนักการกีฬา กรมพลศึกษา เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า วิทยาลัยดังกล่าวจะสังกัดอยู่ในสำนักใด รวมทั้งจะให้องค์กรใดมารองรับ และประกันคุณภาพการศึกษา จากนั้นจะประชุมร่วมกับคณะทำงานชุดของ นายวิจิตร ศรีสอ้าน ที่ดูแลการจัดตั้งมหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานครอีกครั้ง โดยมีแนวโน้มจะให้อยู่ในสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญด้านการกีฬามากกว่าสำนักการศึกษา (ข่าวสด อังคารที่ 6 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





พาณิชย์มธ.ปรับหลักสูตรโฉมใหม่

รองศาสตราจารย์(รศ.)เกศินี วิฑูรชาติ คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) เผยว่า คณะได้จัดทำหลักสูตรใหม่ประจำภาคเรียนปี 2549 โดยแบ่งเป็น 2 หลักสูตร คือ หลักสูตรที่ 1 เรียน 4 ปี ที่ศูนย์รังสิต นักศึกษาสามารถเลือกสอบเข้าในสาขาการบัญชี หรือบริหารธุรกิจ โดยรับตรง 270 คน และรับผ่าน สกอ. 90 คน และหลักสูตรที่ 2 เป็นหลักสูตรใหม่ที่คณะ ได้พัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เป็นหลักสูตรควบตรี-โท ใช้เวลาเรียน 5 ปี นักเรียนจะสามารถเรียนจบ 5 ปีได้ปริญญาโท หรือเลือกเรียน 4 ปี เพื่อรับปริญญาตรี มี 2 สาขาวิชา คือ สาขาบูรณาการบัญชี และสาขาการจัดการธุรกิจ ซึ่งทั้ง 2 สาขา จะเรียนตลอดหลักสูตรที่ มธ.ท่าพระจันทร์ โดยจะรับตรง 75 คน และรับผ่าน สกอ.อีก 75 คน หลักสูตรใหม่นี้ยังเน้นให้นักศึกษามีความเชี่ยวชาญไม่เฉพาะธุรกิจในประเทศ แต่ยังครอบคลุมถึงความเข้าใจในธุรกิจระดับภูมิภาคและระดับโลก นอกจากนี้มีการปรับปรุงหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สำหรับหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิตตามโครงการ Executive MBA เปลี่ยนชื่อหลักสูตรเป็นมหาบัณฑิต สาขาการจัดการเชิงกลยุทธ์ เป็นการศึกษาภาคค่ำในระบบไตรภาคี การจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตร เน้นให้มีการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ผ่านวิธีการศึกษาโดยใช้กรณีศึกษาและเกมจำลองทางธุรกิจ การทำโครงการเชิงประยุกต์กับธุรกิจจริง การศึกษาและดูงานทั้งภายในและต่างประเทศ เพื่อให้นักศึกษาเรียนรู้และเข้าใจ ตลอดจนเปิดโลกทัศน์ในเชิงธุรกิจ (มติชนรายวัน อังคารที่ 6 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





"มอ."ผุดวิทยาลัยนานาชาติรับตลาดการค้าเสรี

นายสมบุญ ศิริบำรุงสุข รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) เปิดเผยว่า มอ.มีแนวคิดในการจัดตั้งวิทยาลัยนานาชาติขึ้นใน มอ.เพื่อให้สอดรับกับโลกการค้าเสรี และนโยบายการศึกษาจะทำให้เกิดการไหลเวียน ของตลาดแรงงานที่กว้างขวางขึ้นจากต่างประเทศ และอาจจะไหลเข้าสู่แรงงานไทย ในขณะที่ไทยก็มีโอกาสและมีความสามารถทางวิชาการอาจจะออกแรงงานที่มีคุณภาพสู่ตลาดโลกมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถทางด้านภาษาและคอมพิวเตอร์ ดังนั้นในที่ประชุมคณบดีจึงเห็นความจำเป็นที่จะหาวิธีการจัดการให้เกิดหลักสูตรภาษาอังกฤษขึ้นใน มอ.เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดแรงงานโลก มอ.จะเตรียมความพร้อมในเรื่องของการสอนวิชาพื้นฐานเป็นภาษาอังกฤษให้ได้ทั้ง 5 วิทยาเขต คือทั้งวิทยาเขตจังหวัดตรัง สุราษฎร์ธานี ปัตตานี และวิทยาเขตจังหวัดภูเก็ต คงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นจึงได้มีการนำเสนอแนวคิดในการจัดตั้งวิทยาลัยนานาชาติ เพื่อรับดูแลวิชาพื้นฐานที่วิทยาเขตหาดใหญ่ วิธีการคือนักศึกษาจากวิทยาเขตอื่นๆ ที่เปิดสอนหลักสูตรนานาชาติในระดับปริญญาตรี จะเรียนวิชาพื้นฐานที่วิทยาเขตหาดใหญ่ประมาณ 1 ปีครึ่ง แล้วจึงไปเรียนต่อในสาขาวิชาที่เปิดสอนหลัก สูตรภาษาอังกฤษในคณะและวิทยาเขตนั้นๆ ตามที่ต้องการต่อไป มอ.ยังตั้งเป้าหมายของวิทยาลัยแห่งนี้ที่จะมีนักศึกษาที่เป็นชาวต่างชาติประมาณร้อยละ 20 เพื่อให้เป็นบรรยากาศของความเป็นสากลอย่างแท้จริง ด้าน ผศ.สุพจน์ โกวิทยา รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาศึกษา มอ.หาดใหญ่ กล่าวว่า ในปีการศึกษา 2549 ทางมหาวิทยาลัยได้มีการส่งเสริมกิจกรรมพัฒนาระดับภูมิภาค ระดับชาติ จนระดับนานาชาติขึ้น ทั้งกีฬา ศิลปะ วัฒนธรรม การบำเพ็ญประโยชน์ โดยได้เพิ่มงบประมาณจำนวน 1 ล้านบาท จัดกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านเขตโครงการสามเหลี่ยมเศรษฐกิจอินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย (IMT-GT) เพื่อส่งเสริมความเป็นสากลของนักศึกษา รวมทั้งจะเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬา ศิลปวัฒนธรรม และวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยของ 3 ประเทศด้วย (ประชาชาติธุรกิจ อังคารที่ 6 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/prachachart)





มน.ดึง มทร.เปิด ป.โท หลักสูตรการโรงแรม

รศ.ดร.มณฑล สงวนศรี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) กล่าวในการลงนามความร่วมมือระหว่าง มน.ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) สุวรรณภูมิ เปิดหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการจัดการโรงแรมและการท่องเที่ยวที่ศูนย์วิทยบริการ มน. กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้ว่า โครงการจัดขึ้นเพื่อตอบสนองนโยบายของประเทศในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวด้านการจัดทำยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัด บูรณาการด้านการท่องเที่ยว ตามกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบนกลุ่มที่ 1 คือ พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และ อ่างทอง จะรับกลุ่มละ 30-40 คน จะเปิดรับสมัครตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน และซื้อใบสมัครที่ มทร.สุวรรณภูมิ และที่ มน.ศูนย์วิทยบริการ-กทม. อาคารเวฟเพลส (อาคารเชื่อมต่อบีทีเอส เพลินจิต) จะสอนตั้งแต่ปีการศึกษา 2549 ผู้ที่สมัครต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาใดก็ได้ และการเรียนการสอนแบ่งเป็น 2 แห่ง โดยเรียนที่ มทร.สุวรรณภูมิ วิทยาเขตวาสุกรี เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และเรียนที่ มน.ศูนย์วิทยบริการ-กทม.ในช่วงเย็น จันทร์-ศุกร์ และสอนเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย โดยสอบถามโทร.0-2655-3700 ผศ.จริยา หาสิตพานิชกุล อธิการบดี มทร.สุวรรณภูมิ กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้สนใจสมัครเรียนแล้วส่วนหนึ่ง โดยค่าเล่าเรียนตลอดหลักสูตร 2.4 แสนบาทต่อคน หากเป็นบุคลากรของ มทร. จะมีทุนค่าเล่าเรียนสนับสนุนให้โดยคำนึงถึงสาขาที่เรียนมาก่อนหน้านี้ว่ามีความสอดคล้องกันมากเพียงไร และมีอายุการทำงานมานานเท่าไรแล้ว (คมชัดลึก พุธที่ 7 ธ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





อาจารย์มอ.ใช้"แดจังกึม"สอนน.ศ.ได้แง่คิดเพียบ เผยเด็กแห่เรียนภาษาเกาหลีจบมีงานทำ100%

นายประจวบ ยิ้นเสน อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ให้สัมภาษณ์ว่า ตั้งแต่แผนกวิชาภาษาเกาหลีเปิดมา 20 ปี ปรากฏว่าช่วงหลังๆ มีนักศึกษาสนใจเรียนภาษาเกาหลีมากขึ้น ซึ่งจากการสอบถามได้ความว่า ชอบดูหนังดูละคร ชอบดาราและแฟชั่นของเกาหลี นอกจากนี้ เมื่อเรียนจบแล้วยังหาทำงานได้ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยทำตามบริษัทเกาหลีในประเทศไทย อย่างเช่น ซัมซุง หรือแอลจี และเป็นล่ามในหน่วยงานต่างๆ ขณะนี้กระแสเกาหลีมาแรงมาก ในขณะที่กระแสญี่ปุ่นทรงตัว ดูแนวโน้มแล้วภาษาเกาหลีจะเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ แต่อาจารย์ที่สอนมีไม่พอ อย่างที่แผนกมีแค่ 4 คน ไปเรียนต่อ 1 คน เหลือแค่ 3 คน และมีอาจารย์ชาวเกาหลีอีก 2 คน ซึ่งจากสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้อาจารย์ต่างชาติไม่กล้ามาสอน จากกระแสละครเกาหลีเรื่องแดจังกึม ซึ่งถือว่าเป็นละครที่ดีมาก จึงได้ใช้ละครเรื่องนี้เป็นสื่ออย่างหนึ่งในการเรียนการสอน โดยให้ดูเสียงพากย์ในฟิล์ม ให้วิเคราะห์และวิพากษ์วิจารณ์ จะได้ทั้งเรื่องวัฒนธรรมและเรื่องภาษาไปในตัว ที่สำคัญจะได้เรียนรู้ได้แง่คิดอะไรเยอะแยะจากละครเรื่องนี้ อย่างเช่น ดูแล้วจะได้รู้ว่าความขยันทำให้ประสบความสำเร็จ นอกจากขยันแล้วยังต้องอดทน ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่ได้มาง่ายๆ ทำให้เข้าใจสังคมเกาหลีมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องสิทธิสตรีที่เขาเรียกร้องมานานแล้ว ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็จะเปิดสาขาวิชาภาษาเกาหลีขึ้น โดยราชภัฏเชียงใหม่จะเปิดสอนในเทอมแรกปีการศึกษา 2549 นี้ ซึ่งมีเด็กสนใจเรียนกันมาก (มติชนรายวัน พุธที่ 7 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





เรียนโทผ่านอีเลิร์นนิ่งเต็มรูปแบบ

มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และ สามารถ เทเลคอม เปิดสอนปริญญาโทผ่านอีเลิร์นนิ่ง แห่งแรกในไทย มั่นใจ 5 ปี เรียนเพิ่ม 100,000 คน พร้อมงบลงทุน 600 ล้านบาท ศ.ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการและประธานผู้บริหารวิทยาลัยการศึกษาทางไกลอินเทอร์เน็ต มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอยู) และบริษัทสามารถ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) ร่วมกันพัฒนาระบบอีเลิร์น นิ่ง ในนาม เอยูพลัส โดยนำระบบดังกล่าวมาใช้ในการจัดการศึกษา และระบบจัดการด้านเนื้อหาทางการศึกษาผ่านอินเทอร์เน็ต ระยะแรกจะเปิดสอนปริญญาโทหลักสูตร วิทยาศาสตรมหาบัณฑิตด้านการจัดการ (Master of Science in Management) เป็นการเรียนผ่านระบบอีเลิร์นนิ่งทั้งหลักสูตรแห่งแรกในไทย มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญเป็นผู้นำร่อง ผู้ที่จบการศึกษาระบบดังกล่าว มีศักดิ์และสิทธิเทียบเท่าปริญญาโทระบบปกติ วิธีเรียนแบบอีเลิร์นนิ่ง จะใช้เวลาเรียน 1 ปี 36 หน่วยกิต ค่าเล่าเรียน 200,000 บาทต่อหลักสูตร แบ่งออกเป็น 3 เทอม คือ เดือนพฤษภาคม กันยายน และมกราคม โดยมหาวิทยาลัยลงทุนถึง 600 ล้านบาท เพื่อสร้างศักยภาพในการเรียนรู้แบบใหม่ ตั้งเป้า 5 ปี จะเปิดสอนเพิ่มหลายหลักสูตร มั่นใจว่าจะมีนักศึกษาเรียนแบบอีเลิร์นนิ่งถึง 100,000 คน บริษัทสามารถเทเลคอม จำกัด (มหาชน) ได้นำระบบ U Plus Solution ซึ่งมีความทันสมัยระบบควบคุมมาตรฐานการเรียนการสอนทั้งในเนื้อหาวิชา การค้นคว้าประกอบการเรียน ผลิตบทเรียนแบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งเป็นผู้ควบคุมดูแลบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศที่รองรับการเรียนการสอนตลอดทั้งโครงการ ส่วนมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญจะเป็นฝ่ายจัดหลักสูตรการเรียนการสอนทั้งหมด คาดว่าจะช่วยส่งเสริมให้ วิทยาลัยการศึกษาทางไกลอินเทอร์เน็ต ประสบความสำเร็จได้. (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





พัฒนาอาชีวะให้ตรงใจผู้ใช้

นายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ร่วมกับคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัท อมตะนครคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ประชุมหารือเพื่อจะผลิตนักศึกษาอาชีวะให้มีคุณภาพแบบก้าวกระโดด โดยจะเร่งสำรวจความต้องการแรงงานที่แท้จริงในพื้นที่อุตสาหกรรมของนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครและพื้นที่ใกล้เคียง แบบเจาะลึกเพื่อศึกษาว่าสถานประกอบการต้องการบุคลากรที่มีความรู้ ทักษะฝีมือใน สาขาวิชาชีพระดับใด และความต้องการแรงงานมีมากน้อยเพียงใด เพื่อผลิตนักศึกษาให้ตรงกับความต้องการสถานประกอบการทั้งด้านปริมาณ และคุณภาพ นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า สถานศึกษาอาชีวะและอาจารย์จะเร่งปรับตัว และพัฒนาหลักสูตร-วิชาเรียนให้ทันสมัยและตรงกับความต้องการสถานประกอบการ โดย สอศ.ได้จัดทำข้อหารือไปที่กรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณว่าด้วยเรื่องค่าตอบแทนให้ผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชาชีพต่างๆ ที่จะช่วยอบรมให้กับ สอศ. รศ.ดร.พฤทธิ์ ศิริบรรณพิทักษ์ คณบดีครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า หาก สอศ.จัดการศึกษาให้เยาวชนเรียนอย่างมีทิศทางและเห็นโอกาสเรียนจบแล้วมีงานทำ จะทำให้การผลิตกำลังคนสนองความต้องการของสถานประกอบการได้ ส่วนคณะครุศาสตร์ต้องทบทวนการผลิตครูด้านอาชีวะควบคู่กันไป (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ก้าวไกลวิสัยทัศน์:จะเชื่อความคิดของใครดี

ปัจจุบันมีช่องทางสื่อสารสารพัดที่ใช้นำความคิดของตนสู่สาธารณชนได้ ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ อินเทอร์เน็ต และสื่อใหม่ๆ อีกสารพัด ดังนั้น ความคิดใหม่ๆ จึงหลั่งไหลมาสู่ผู้คนจนรับกันไม่ไหว ปัญหาก็คือคนที่เป็นผู้รับความคิดนั้นจะตัดสินได้อย่างไรว่าความคิดใดน่าเชื่อหรือไม่น่าเชื่อ ซึ่งดูประหนึ่งว่าจะเป็นเรื่องง่ายเพียงแค่พิจารณาว่า ความคิดใหม่ที่ได้รับทราบมานั้นเป็นเรื่องไร้แก่นสาร ก็ไม่ต้องเชื่อ ถ้าเป็นเรื่องที่มีสาระก็เชื่อได้ ปัญหาก็คือ การที่จะตัดสินว่า เรื่องใดมีสาระหรือไม่มีสาระนั้นดูยากกว่าสมัยก่อนมากมาย เพราะข้อมูลข่าวสารจากต้นตอหลั่งไหลโดยตรงมาสู่ผู้คนได้ในทันที โดยไม่มีกลไกช่วยในการกลั่นกรองเช่นในอดีต และที่ยากขึ้นไปอีกก็คือ การที่จะตัดสินว่ามีสาระหรือไม่มีสาระ จำเป็นต้องใช้ข้อมูลข่าวสารมาประกอบการตัดสินใจ เลยทำให้ต้องตัดสินใจเพิ่มเติมในเบื้องต้นว่า ข้อมูลข่าวสารที่ได้รับมาและจะนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจว่าความคิดใหม่ใดเชื่อได้เชื่อไม่ได้นั้น เป็นข้อมูลที่ถูกต้องเป็นความจริงมากน้อยเพียงใด ถ้าเราจะรับความคิดใหม่ใดๆ ของใครมาใช้แล้ว เราย่อมต้องการเลือกความคิดที่นำไปสู่การพัฒนา นำไปสู่ความเจริญที่ยั่งยืนมากกว่าความคิดที่หวือหวาฟู่ฟ่าชั่วครั้งชั่วคราว ในเรื่องนี้นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้ค้นพบว่า คุณลักษณะของนักคิดที่ทำให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนในองค์กรต้องมีคุณสมบัติสำคัญอยู่ 4 ประการ คือ ประการแรก ต้องเป็นนักคิดที่ยึดมั่นในหลักการและมีนโยบายทำงานที่ชัดเจน เป็นผู้ที่เคารพกฎกติกา ประการที่สอง เป็นนักคิดที่ไม่ยอมแพ้ข้อจำกัดที่มีอยู่ ไม่เชื่อว่าได้อย่างหนึ่งต้องเสียอีกอย่าง ประการที่สาม เป็นนักคิดหัวก้าวหน้า เสนอความคิดที่ทันสมัยอยู่เสมอ เป็นผู้ที่ก้าวทันเทคโนโลยีทันสมัย มองการณ์ไกลแต่ไม่ใช่นักคิดที่เพ้อฝัน เป็นนักปฏิบัติตัวจริง ประการที่สี่ เป็นผู้ที่ปฏิบัติตัวเสมอต้นเสมอปลาย ถ้าได้รับทราบความคิดใหม่ๆ ใดๆ มา ก็ขอให้ลองใช้หลักการที่กล่าวมาประกอบการพิจารณาตัดสินใจ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





เปิดวิทยาเขตมหาจุฬาฯปัตตานี

นายรุ่ง แก้วแดง รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยถึงโครงการขยายวิทยาเขต ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยใน จ.ปัตตานี ว่า จากกรณีเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่งผลให้พระสงฆ์ต้องเดินทางไกลเพื่อไปศึกษาที่ จ.สงขลา และจ.นครศรีธรรมราช ไม่สามารถเดินทางไปเรียนหนังสือได้ และระยะทางไกล ก่อให้เกิดความไม่สะดวก และอันตรายต่อพระสงฆ์ ทำให้เจ้าคณะจังหวัดปัตตานี ก่อตั้งห้องเรียนของมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยขึ้นที่ วัดเมือง จ.ปัตตานี เปิดการเรียนการสอนจำนวน 6 ห้องเรียน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่พระสงฆ์จำนวน 68 รูป ให้มีโอกาสศึกษาพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โครงการเปิดห้องเรียนนี้ ดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว และมีนโยบายที่จะยกฐานะห้องเรียนพระสงฆ์ที่วัดเมือง จ.ปัตตานี เป็นวิทยาเขตนครศรีธรรมราช โดยใช้งบประมาณจำนวน 12 ล้านบาท ขยายห้องเรียนเป็น 12 ห้อง ปรับสภาพภูมิทัศน์ และสร้างศาลาอเนกประสงค์ การที่ไม่ได้ยกฐานะเป็นวิทยาเขต เนื่องจากมีพระเข้ามาศึกษาน้อย จึงต้องเปิดเป็นห้องเรียนไปก่อน แต่ยกระดับให้เป็นวิทยาเขตนครศรีธรรมราช เพื่อให้พระสงฆ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาศึกษามากขึ้น อีกทั้งเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ภาคใต้ด้วย (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





คุยอาชีวะไทย-เยอรมันเหมือนกัน

นายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยภายหลังเดินทางไปดูงานวิทยาลัยอาชีวศึกษา ความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนกับสถานศึกษาในประเทศเยอรมนี ว่า การจัดการศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เป็นไปในทิศทางเดียวกัน กับหลักสูตรการเรียนการสอนของประเทศเยอรมนี เนื่องจากหลักสูตรอาชีวศึกษาในปัจจุบัน ไม่เน้นการเรียนแบบระบุหน่วยกิต แต่กำหนดเป็นกรอบเพื่อให้เกิดความคล่องตัว และทันต่อความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ทำให้มีความสะดวกในการจัดการศึกษาเพื่ออาชีพ ทางสอศ.กับวิทยาลัยอาชีวศึกษาของเยอรมนีมีความเห็นตรงกัน โดย สอศ.จะนำแนวความคิดนี้มาเป็นตัวสนับสนุนการกำหนดหลักสูตรอาชีวศึกษา ที่จะกำหนดเป็นกรอบไม่ลงลึกในรายละเอียดมากนัก โดยสิ่งสำคัญที่สุดจะต้องสร้างเครือข่ายกับสถานประกอบการ อย่างที่สอศ.กำลังดำเนินการอยู่ สอดคล้องกับการผลิตโฉมอาชีวศึกษา ซึ่งนโยบายของสอศ. เหมือนกับการเรียนอาชีวะของประเทศที่พัฒนาแล้ว เดิมหลักสูตรของอาชีวะในอดีต จะต้องตอบสนองการผลิตข้าราชการ แต่วันนี้ถ้าเรียนอาชีวะ เราคำนึงถึงตลาดการประกอบอาชีพของภาคเอกชนที่ได้มาตรฐาน (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





จอมบึงสร้างภาพพจน์มหา"ลัยสุขภาพ

ผศ.พิทักษ์ อาจคุ้มวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง กล่าวว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงได้จัดเสวนาเรื่องมหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพ จากแนวคิดสู่การปฏิบัติ โดยมี ศ.น.พ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างสุขภาพเป็นวิทยากรให้กับคณาจารย์ พนักงาน ข้าราชการ และบุคคลทั่วไป เมื่อเร็วนี้ ทั้งนี้ การนำระบบการสร้างเสริมสุขภาพมาเป็นยุทธศาสตร์ในการพัฒนาเพื่อก้าวกระโดดไปสู่ความเป็นมหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพเป็นเรื่องท้าทาย ที่มีผลต่อการสร้างภาพพจน์ใหม่ให้กับมหาวิทยาลัยให้เกิดขึ้น และยังเป็นโอกาสในการสร้างความแตกต่างอย่างโดดเด่นให้กับมหาวิทยาลัยเพิ่มมากขึ้น ผศ.พิทักษ์กล่าวว่า ในแผนยุทธศาสตร์นี้ประกอบไปด้วยภารกิจหลักที่สำคัญ 4 ภารกิจได้แก่ 1.การจัดการศึกษา การวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ด้านการสร้างเสริมสุขภาพ 2.การให้บริการด้านการสร้างเสริมสุขภาพ 3.การบำรุงรักษาสภาพแวดล้อมให้สะอาด ปลอดภัย และเป็นมิตร 4.การพัฒนาเครือข่ายองค์กรสร้างเสริมสุขภาพเพื่อให้การทำแผนมหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพมีประสิทธิภาพสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้ (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ผุดโครงการร.ร.เอกชนสู่ความเป็นเลิศ เปิดนำร่อง 300 โรง-แนวโรงเรียนนานาชาติ

นายรุ่ง แก้วแดง รมช.ศึกษาธิการ กล่าวถึงนโยบายสร้างความสามารถทางการแข่งขันของการศึกษาเอกชนว่า ขณะนี้ศธ.เตรียมปรับคุณภาพโรงเรียนเอกชน หลังจากได้แก้ระเบียบกฎเกณฑ์ที่ขัดขวางการพัฒนาโรงเรียนเอกชนเสร็จเรียบร้อย โดยในเดือนธ.ค.นี้ จะเริ่มนำกลุ่มโรงเรียนเอกชนชั้นนำกว่า 300 โรง ที่ผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับดีจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(องค์การมหาชน) หรือสมศ. มาพัฒนาให้มีความพร้อมสูงเท่าเทียมกับโรงเรียนนานาชาติ หรืออิงลิชโปรแกรม แต่ทั้งนี้จะปล่อยให้มีการลอยตัวค่าเทอมในระดับที่ผู้ปกครองพอใจด้วยเช่นกัน และรัฐจะสนับสนุนเงินให้เป็นรายโครงการไม่ใช่ผ่านเงินอุดหนุนหัวนักเรียน อย่างไรก็ตามในการดำเนินการโครงการดังกล่าวจะไม่ให้กระทบกับเด็กนักเรียนเดิมที่เรียนอยู่แล้ว ซึ่งจะต้องถามความสมัครใจของนักเรียนและให้โรงเรียนหามาตรการรองรับในการปรับเปลี่ยนรูปแบบของโรงเรียน สำหรับโครงการพัฒนาโรงเรียนเอกชนชั้นนำให้สู่ความเป็นเลิศนั้น โรงเรียนสามารถใช้หลักสูตรนานาชาติได้ แต่บางส่วนของการเรียนการสอนจะต้องคงวิชาภาษาไทยและประวัติศาสตร์ไทยไว้ และเหตุผลที่ศธ.ต้องจัดทำโครงการนี้ก็เพราะพ่อแม่ของเด็กนักเรียนส่วนมากในปัจจุบันอยากได้สถานศึกษาที่มีคุณภาพสูงโดยยอมเสียเงินมากกว่าเดิม นอกจากนี้ยังจะมีการจัดรูปแบบการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับสมองหรือเบรน เบส เลิร์นนิ่ง ในโรงเรียนเอกชนด้วยเช่นกัน เนื่องการสอนในระบบดังกล่าวจะเป็นการปลดปล่อยขีดความสามารถของเด็กที่มีพัฒนาการไวกว่าปกติ และไม่ต้องยึดติดกับชั้นเรียน หรือวิธีการเรียนแบบทั่วไป ซึ่งปัจจุบันมีโรงเรียนเอกชนกว่า 10 แห่ง มาสมัครเข้าโครงการดังกล่าวแล้ว และรัฐจะสนับสนุนด้านการอบรมครูผู้สอนและสื่ออุปกรณ์การเรียนการสอนที่จำเป็นด้วย (ข่าวสด พุธที่ 7 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





"มินิวิศวะ-ป.โทสถาปัตย์"...ม.เกษตรศาสตร์

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(มก.) กำลังเปิดรับสมัคร 2 หลักสูตร หลักสูตรแรก เป็นการเปิดอบรม "มินิวิศวกรรมเครื่องกล" ของภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ เริ่มอบรมตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค.-30 เม.ย.49 (เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์) รับจำนวน 40 คน โดยมีวิชาที่เปิดอบรมประกอบด้วย ระบบควบคุมด้วยไฮดรอลิกส์ การปรับอากาศ ปั๊ม พัดลม คอมเพรสเซอร์ การออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักรกล กลศาสตร์เครื่องจักรกล และวิศวกรรมความร้อนประยุกต์ โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในการวิเคราะห์และออกแบบ เนื่องจากในบางครั้งอาจเกิดความเสียหายจากการลองปฏิบัติ เพราะขาดความรู้ความเข้าใจในพื้นฐานทางวิศวกรรมเครื่องกล ทางภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลจึงต้องการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับช่างหรือบุคคลที่มีสายงานที่เกี่ยวข้อง โดยเสียค่าลงทะเบียนคนละ 26,000 บาท สนใจสมัครก่อนวันที่ 26 ธ.ค.48 จะได้ส่วนลด 1,000 บาท หมดเขตสมัครภายใน 30 ธ.ค.นี้ โทร.0-2942-8555 ต่อ 1803-4 อีกหลักสูตร เป็นการสมัครเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโทภาคพิเศษ หลักสูตรสถาปัตยกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขานวัตกรรมอาคาร และหลักสูตรการวางผังเมืองและสภาพแวดล้อมมหาบัณฑิต ประจำปีการศึกษา 2549 ของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ วัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสการศึกษาให้แก่ผู้ที่ทำงานในสายวิชาชีพสถาปัตยกรรมและผู้เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันคิด ศึกษา และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกัน โดยมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาทางด้านการออกแบบที่คำนึงถึงสภาพแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดโทร.0-2942-8960-3 ต่อ 202 ต้องสมัครภายใน 31 ม.ค.49 (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 9 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





"ทักษิณ"จี้ปรับปรุงการสอนทุกระดับขนานใหญ่

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 8 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) พร้อมด้วยนายรุ่ง แก้วแดง รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ. และคณะผู้บริหารระดับสูง ศธ. เข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินการพัฒนาการเรียนการสอนของกระทรวงศึกษาฯให้ทันสมัย เพื่อการพัฒนาชาติให้เป็นสังคมที่ทันสมัย นายจาตุรนต์ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ทางกระทรวงศึกษาฯได้นำเสนอยุทธศาสตร์ 8 ประการ เพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณแสดงความเห็นด้วยอย่างมาก ประกอบด้วย 1.E-strategy การปฏิรูปการเรียนรู้ด้วย E-learning เพื่อเชื่อมโยงกับแหล่งเรียนรู้ทั่วโลก โดยมีแหล่งผลิตและศูนย์บริการและการพัฒนาระบบ 2.การสร้างหลักสูตรการเรียนการสอนที่ทันสมัย 3.การพัฒนามืออาชีพเพื่อรองรับความทันสมัย 4.การสร้างความทันสมัยด้านอาชีวศึกษา 5.การสร้างความเป็นเลิศทางวิชาการเพื่อยกระดับมหาวิทยาลัยสู่ความเป็นเลิศ 6.การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยจัดให้มีแหล่งเรียนรู้แบบต่างๆ ที่หลากหลาย เช่น สนามกีฬา พิพิธภัณฑ์ สวนวิทยาศาสตร์ 7.การสร้างความเชื่อมโยงเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับโรงเรียนชั้นเยี่ยมของโลก และ 8.การกระตุ้นพลังทางปัญญาของเด็กไทยให้ได้อย่างน้อย 1 หมื่นคน จากการคัดเลือกผลงานการคิดสร้างสรรค์ของเด็ก 1 ล้านคน แล้วส่งให้เด็กเหล่านี้เลือกภูมิปัญญาของสังคมเพื่อสืบทอดองค์ความรู้เฉพาะได้ และ เพื่อให้การดำเนินการเรื่องดังกล่าวเป็นไปตามยุทธศาสตร์และบรรลุเป้าหมาย จำเป็นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากนานาชาติ เพื่อแสวงหาความร่วมมือในการลงทุนทางการศึกษา ซึ่งจะมีการหารือและรับฟังแนวคิดอีกครั้งในโอกาสที่นายกฯทักษิณจะเชิญทูตและผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาให้ความเห็นในวันที่ 14 ธันวาคมนี้ โดยมีหลายประเทศที่มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า โดยเฉพาะด้านบุคลากรที่จะขอให้มาช่วยเรื่องการเรียนการสอนในด้านต่างๆ ซึ่งทางกระทรวงศึกษาฯจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลต่อไป (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 9 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





มทสรับนศ.แพทย์ปีหน้า เน้นเรียนดีรุ่นแรก48คน

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส) เปิดรับนักศึกษาแพทย์รุ่นแรกในปีการศึกษา 2549 จำนวน 48 คน ผลิตแพทย์เพื่อปฏิบัติงานใน จ.นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ พล.ต.หญิง พ.ญ.วณิช วรรณพฤกษ์ คณบดีสำนักวิชาแพทยศาสตร์ มทส เปิดเผยว่า ได้จัดตั้งสำนักวิชาแพทยศาสตร์มาตั้งแต่ปี 2537 แต่เผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจ เมื่อปี 2541 ทำให้ต้องเลื่อนรับนักศึกษาเรื่อยมา คาดว่าจะเปิดรับรุ่นแรกตั้งแต่ปีการศึกษา 2549 จำนวน 48 คน โดยคัดเลือกจากนักเรียนที่มีผลการเรียนดีและมีภูมิลำเนาในเขตพื้นที่ 4 จังหวัด ที่เรียกว่า "นครชัยบุรินทร์" ได้แก่ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ ที่จะสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ผู้ที่สนใจสอบถามได้ที่ฝ่ายรับนักศึกษา โทร.0-4422-3014-5 ด้าน รศ.ดร.ประสาท สืบค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี กล่าวว่าที่มุ่งเน้นปฏิบัติงานในสี่จังหวัด เพราะทุกจังหวัดมีประชากรเกินกว่า 1 ล้านคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จ.นครราชสีมา มีประชากรเกือบ 3 ล้านคน และมีอัตราส่วนของแพทย์ต่อประชากรยังต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานมาก โดยมีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นสถาบันพี่เลี้ยง และร่วมมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยในออสเตรเลีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 9 ธ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


“ไอซีที” เตรียมเปิดเว็บไซต์ ให้ประชาชนวิจารณ์ร่างก.ม

นายสรอรรรถ กลิ่นประทุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที เปิดเผยว่า กระทรวงไอซีทีจะเปิดเว็บไซต์ www.lawamendment.go.th ปลายเดือนธันวาคมนี้ เพื่อเป็นเว็บไซต์กลางให้ประชาชนแสดงความเห็นเกี่ยวกับร่างกฎหมาย และกฎหมายที่ประกาศใช้แล้ว ตามดำริของนายกฯที่ต้อง การให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับกฎหมายทุกฉบับ ซึ่งจะทำให้ประชาชนร่วมประชาพิจารณ์กฎหมายได้ทุกฉบับผ่านทางอินเตอร์เน็ต โดยความเห็นทั้งหมดจะถูกปิดเป็นความลับ มีเพียงผู้ร่างกฎหมายและผู้ดูแลเว็บไซต์เท่านั้นที่จะเห็นข้อมูล กำหนดให้ผู้ร่างกฎหมายรับฟังความเห็นได้ตามดุลพินิจและสามารถแสดงความเห็นได้ ก่อนนำกฎหมายเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร (สยามรัฐรายวัน อังคารที่ 6 ธ.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





"แชท"รุ่นใหม่คุยเห็นหน้าออนไลน์

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สไกปได้เปิดตัวโปรแกรมสนทนารุ่นใหม่เวอร์ชั่น 2.0 (รุ่นปัจจุบันคือ 1.4) ซึ่งยังเป็นรุ่นทดสอบอยู่ แต่เวอร์ชั่นจริงคงเปิดตัวตามมาในไม่ช้า โดยรุ่นใหม่นี้นอกจากโทรคุยกันผ่านคอมพิวเตอร์ได้แล้ว (โดยเสียบไมโครโฟน และหูฟังที่ช่องไมค์และหูฟัง) หากผู้ใช้มีกล้องดิจิทัลที่มีคุณสมบัติเป็น "เวบแคม" หรือถ่ายวิดีโอผ่านอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว ก็จะสามารถสนทนาแบบ เห็นหน้าเห็นตากัน ปัจจุบันผู้ผลิตคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ได้ติดตั้งกล้องเวบแคมบริเวณจอแอลซีดี ช่วยให้ผู้ใช้โน้ตบุ๊คสามารถจัดประชุมออนไลน์ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนของโลกที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ สำหรับโปรแกรมตัวนี้ดาวน์โหลดฟรีที่เวบไซต์ www.skype.com การสนทนาทั้งภาพ เสียงและพิมพ์ข้อความผ่านโปรแกรม ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ แต่หากต้องการใช้โทรจากคอมพิวเตอร์ ไปยังโทรศัพท์บ้านหรือโทรศัพท์มือถือ สไกปมีบริการคิดค่าโทรที่ถูกมาก และคุ้มค่ามากเมื่อใช้โทรระหว่างประเทศ อย่างไรก็ดี โปรแกรมเอ็มเอสเอ็น และยาฮู ต่างมีความสามารถในการโทรคุย และคุยผ่านวิดีโอ หรือเวบแคม ระหว่างคู่สนทนาผ่านคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมในการใช้โทรเท่าไรนัก ขณะที่โปรแกรมสไกปถูกออกแบบเน้นการใช้งานโทรศัพท์มากกว่า "แชท" และสามารถใช้โทรจากคอมพิวเตอร์ที่มีโปรแกรมสไกปไปยังโทรศัพท์บ้าน สำนักงาน และมือถือได้ง่าย โดยเสียค่าใช้จ่ายนาทีละ 4 บาทกว่าๆ นอกจากนี้ สไกปเวอร์ชั่นใหม่ยังมีช่องสำหรับค้นหาสำหรับพิมพ์ชื่อ หรือเบอร์โทร โดยเข้าไปค้นที่สมุดรายชื่อผู้ติดต่อในโปรแกรม "เอาท์ลุค" ของไมโครซอฟท์ การใช้งานจึงสะดวกขึ้น ทั้งยังสามารถตั้งเสียงเรียกเข้าเฉพาะได้ด้วย (คมชัดลึก อังคารที่ 6 ธ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ภัย "โลกร้อน" ทำแอฟริกาแล้งจัด

สำนักงานศึกษาสภาพมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งสหรัฐ (Noaa) หน่วยงานชั้นนำที่ติดตามการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศใช้คอมพิวเตอร์คำนวณสภาพอากาศโลกพบว่า พื้นที่บริเวณชาเฮล (แอฟริกาตอนบน อาทิ ประเทศชาด ซูดาน ไนจีเรีย ไนเจอร์ และมาลี) และแอฟริกาใต้ จะแห้งแล้งอย่างหนักภายในชั่วศตวรรษนี้ ซึ่งไม่น่าแปลกใจเพราะเมื่อนำข้อมูลการตรวจวัดปริมาณน้ำฝนในพื้นที่แอฟริกาเหนือช่วงปลายศตวรรษที่ 20 มาดู ก็พบว่ามีจำนวนน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด โดยภาวะแห้งแล้งที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้ประชากรนับล้านเสียชีวิต นักวิจัย กล่าวว่า หากนำสภาพแห้งแล้วที่เกิดขึ้นในพื้นที่แอฟริกาเหนือช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980 มาดูจะทำนายได้เลยว่าในช่วงปลายศตวรรษนี้สภาพแห้งแล้งจะยิ่งรุนแรงหนักขึ้น ปริมาณน้ำฝนจะตกน้อยลงร้อยละ 30 จากระดับเฉลี่ยของศตวรรษที่แล้ว งานวิจัยล่าสุดนี้ช่วยทำนายปริมาณฝนตกในแอฟริกาได้ชัดเจนขึ้น และจากการเฝ้าสังเกตพบว่า ถ้าอากาศทางตอนบนของทวีปแอฟริการ้อนและแอฟริกาใต้เย็น ฝนจะตกในพื้นที่ชาเฮลหรือแอฟริกาเหนือเพิ่มขึ้น และในทำนองกลับกันก็เช่นกัน โดยทฤษฎีแล้วถ้าอากาศในแอฟริกาเหนือร้อนกว่าอุณหภูมิของน้ำทางตอนใต้ ฝนก็จะไปตกเลยจากพื้นที่แอฟริกาเหนือคือจะไปตกแถวเมดิเตอร์เรเนียน แต่ถ้าน้ำในตอนใต้อุ่นกว่า ฝนก็จะร่นลงมาตกที่ใต้อีกเช่นกัน ทำให้พื้นที่ชาเฮลแห้งแล้งทั้งขึ้นทั้งล่อง นอกจากนี้อุณหภูมิในมหาสมุทรอินเดียก็เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ฝนตกในแอฟริกาใต้ด้วย และมีการคาดการณ์ว่าปริมาณก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศที่หนาแน่นขึ้นจะยิ่งทำให้อุณหภูมิในมหาสมุทรอินเดียสูงขึ้นและมีผลให้อุณหภูมิในแอตแลนติกเหนือและใต้แตกต่างกันมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี การทำนายสภาพเปลี่ยนแปลงของอากาศยังไม่สามารถบอกได้อย่างแม่นยำ ซึ่งแบบจำลองคอมพิวเตอร์อื่นที่ใช้ทำนายแอฟริกาก็ให้คำตอบที่แตกต่างกัน แต่อย่างน้อยผลทำนายล่าสุดนี้ก็แสดงให้เห็นว่าภาวะโลกร้อนอันเกิดจากฝีมือของมนุษย์จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกอย่างไร (คมชัดลึก จันทร์ที่ 5 ธ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ก.พลังงานเร่งแผนไบโอดีเซล สนองพระราชดำรัส

นายพรชัย รุจิประภา รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ จะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งแผนการส่งเสริมไบโอดีเซล ซึ่งเป็นแผนงานเดิมที่ทำไว้แล้ว และสนองพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยขณะนี้กระทรวงพลังงานวางแผนจะให้ใช้พลังงานทดแทนร้อยละ 10 ในปี 2554 อย่างไรก็ตาม ไม่ได้จำกัดให้เกิดขึ้นเฉพาะสูตรไบโอดีเซลที่ผสมน้ำมันร้อยละ 10 (B 10 ) เท่านั้น หากรถคันไหนใช้ได้ในอัตราสูงกว่านี้ ก็ได้เช่นกัน แต่สิ่งที่ต้องเร่งทำคือ หากส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลแล้ว จะทำอย่างไรให้มีวัตถุดิบที่เพียงพอต่อความต้องการ โดยขณะนี้ปริมาณปาล์มดิบที่เหลือจากการบริโภคและสามารถนำมาใช้ผลิตไบโอดีเซลได้ มีเพียง 150,000 ตันเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการ แต่สิ่งที่เป็นห่วงในขณะนี้คือ การปลูกพืชน้ำมัน โดยเฉพาะปาล์มจะเร่งอย่างไรให้รวดเร็ว เพียงพอ ซึ่งจะต้องประสานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อเร่งเรื่องนี้ ขณะนี้ไทยมีโรงงานผลิตไบโอดีเซล 100 เปอร์เซ็นต์ 1 โรงงาน และ มีเอกชน 3-4 แห่ง เช่น ไทยออยล์ บางจากฯ สนใจที่จะผลิตเช่นกัน แต่แสดงความเป็นห่วงเรื่องวัตถุดิบ ที่อาจจะไม่เพียงพอ เพราะตามแผนการส่งเสริมการปลูกปาล์มอีก 5-6 ล้านไร่ จะต้องใช้เวลาอีก 3-4 ปี ดังนั้น ในระยะแรก ๆ นี้ เพื่อให้ประชาชนเริ่มชินกับการใช้ไบโอดีเซล จึงอยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าควรจะนำเข้าปาล์มดิบมาสกัดเป็นไบโอดีเซลดีหรือไม่ โดยอยู่ในระหว่างการวิเคราะห์ว่าระหว่างการนำเข้าน้ำมันดิบ และการนำเข้าปาล์มดิบมาสกัดเป็นน้ำมัน อะไรจะคุ้มค่ามากกว่ากัน อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ของการสกัดปาล์มดิบ นอกจากจะได้ไบโอดีเซลแล้ว ยังได้ผลิตภัณฑ์พลอยได้ เช่น กลีเซอรีน วิตามิน ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มสูงด้วย นายประวิช รัตนเพียร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(วท.) เปิดเผยนโยบายด้านพัฒนาพลังงานทดแทนในประเทศไทย ว่า วท.จะเสนอแผนการใช้พลังงานเซลล์แสงอาทิตย์ เข้าสู่มติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติภายในปี 2549 เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนพลังงานในช่วงกลางวัน ลดต้นทุนการผลิตกระแสไฟฟ้า ลดมลพิษสิ่งแวดล้อม และลดปัญหาความขัดแย้งในสังคม ไทยซึ่งเป็นประเทศเขตร้อน มีความพร้อมในการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ จึงไม่ควรพลาดโอกาส อีกทั้งอุตสาหกรรมการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ยังเป็นอุตสาหกรรมที่สามารถเพิ่มขีดความสามารถของประเทศไทยได้ โดยพลังงานดังกล่าวยังสามารถส่งไปขายยังตลาดต่างประเทศ ล่าสุด บริษัทบางกอกโซลาร์ จำกัด ได้ส่งออกแผงโซลาร์เซลล์ไปยังตลาดประเทศเยอรมนี เป็นการเพิ่มศักยภาพให้กับประเทศไทยด้วย (มติชนรายวัน อังคารที่ 6 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





บีโอไอหนุนไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตไฟฟ้าเอเชีย

นายสาธิต ศิริรังคมานนท์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ภายในเดือนธันวาคมนี้ บีโอไอจะนำเรื่องนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่การอนุมัติต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารบีโอไอ(บอร์ดบีโอไอ) ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในภูมิภาคเอเชียในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือปี 2553 ตามนโยบายรัฐบาล โดยโครงสร้างภาษีเกี่ยวกับอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กระทรวงการคลังได้สรุปเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ แผนการส่งเสริมการลงทุนของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์จะเป็นแบบแพ็กเกจชัดเจน คาดว่าจะสามารถดึงดูดการลงทุนมายังประเทศไทยในปี 2549 เหมือนกับที่ไทยประสบความสำเร็จในการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ก้าวสู่การเป็นดีทรอยด์ออฟเอเชีย ซึ่งปัจจุบันสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์บางตัวได้เป็นฐานการผลิตอยู่แล้ว แต่รัฐบาลวางเป้าหมายที่จะให้เป็นฐานการผลิตไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นมูลค่าเพิ่ม บีโอไอวางเป้าปี 2549 จะมียอดขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 750,000 ล้านบาท โดยในปี 2548 ทั้งปีก่อน 700,000 ล้านบาทแน่นอน โดยอุตสาหกรรมหลักๆ ที่จะดึงดูดการลงทุนได้แก่ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เกษตรแปรรูป ที่จะเน้นไปในเชิงไบโอเทคโนโลยี พลังงานทดแทน ชิ้นส่วนและยานยนต์ กิจการประเภทระบบสาธารณูปโภค เป็นต้น สำหรับแผนการโรดโชว์การลงทุนบีโอไอ ได้เสนอนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.อุตสาหกรรม ในฐานะกำกับดูแลในการจัดตั้งสำนักงานบีโอไอยังต่างประเทศเพิ่มอีก 10 แห่ง โดยจะตั้งที่จีน 3 แห่งและที่เหลืออื่นๆ เช่น ไต้หวัน เกาหลี และยุโรป (ข่าวสด อังคารที่ 6 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





เรดาห์"มาร์ซิส"ค้นเจอ น้ำแข็งยักษ์ใต้ผิวดาวแดง

สำนักงานอวกาศยุโรป (อีเอสเอ) พบข้อมูลใหม่เกี่ยวกับ "ดาวอังคาร" ซึ่งหน่วยงานอวกาศของหลายประเทศตั้งความหวังว่าสักวันจะส่งคนไปตั้งอาณานิคมบนดาวแห่งนี้ "อีเอสเอ" แถลงว่า ข้อมูลจากระบบเรดาห์และคลื่นวิทยุ "มาร์ซิส" ที่ติดตั้งอยู่บนยานสำรวจดาวอังคาร "มาร์ส เอ็กซ์เพรส" พบก้อน "น้ำแข็ง" ขนาดใหญ่สะสมและฝังตัวอยู่ใต้พื้นผิวบริเวณขั้วเหนือของดาวอังคาร คาดว่าลักษณะของน้ำที่จับตัวกันเป็นน้ำแข็งยักษ์ก้อนนี้มีความบริสุทธิ์ โดยมีเศษฝุ่นผงปนเปื้อนอยู่เพียง 2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ข้อมูลจาก "มาร์ซิส" ยังชี้ให้เห็นว่าก้อนน้ำแข็งดังกล่าวมีความหนามากกว่า 1 กิโลเมตร และยังพบว่าใต้น้ำแข็งมีชั้นของ "ทราย" ซึ่งอาจจะผสานตัวกลายเป็นเนื้อเดียวกันกับน้ำแข็งไปแล้ว (ข่าวสด อังคารที่ 6 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





เกาหลีเปิดบริการดูทีวี ผ่านมือถือประเทศแรกในโลก

เกาหลีใต้เป็นประเทศแรกของโลก ที่เริ่มต้นเปิดให้บริการรับชมรายการทีวีระบบดิจิตอลผ่านโทรศัพท์มือถือ ถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ของอุตสาหกรรมบันเทิงยุคดิจิตอล ระบบรับชมรายการโทรทัศน์ดิจิตอลผ่านมือถือดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า "ดิจิตอล มัลติมีเดีย บรอดคาสต์" หรือ "ดีเอ็มบี" และเริ่มเปิดให้บริการแก่ผู้ใช้มือถือในเขตกรุงโซล ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเกาหลีใต้ กับเขตปริมณฑลเท่านั้น บริษัทเกาหลีใต้กลุ่มแรกที่เปิดบริการดีเอ็มบี ประกอบด้วยสถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ 4 แห่ง นั่นคือ เอ็มบีซี เอสบีเอส เคบีเอส และวายเอ็นที นอกจากนั้น ยังมีสถานีน้องใหม่ขนาดเล็กกว่าอีก 2 แห่ง ได้แก่ ยูวันมีเดีย และโคเรียดิจิตอล ผู้ประกอบการทั้ง 6 เจ้าจะอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงข้อมูลสารสนเทศ (เอ็มโอไอซี) ซึ่งวางแผนไว้แล้วว่าจะขยายขอบเขตการให้บริการดีเอ็มบีไปทั่วเกาหลีใต้ในปีหน้า ศักยภาพของระบบดีเอ็มบี ช่วยให้ผู้ใช้มือถือสามารถรับชมรายการทีวีสดๆ ตรงตามเวลาออกอากาศจริง (เรียลไทม์) ผ่านหน้าจอมือถือ ล่าสุด "ซัมซุง" กับ "แอลจี" บริษัทผู้ผลิตมือถือรายใหญ่ 2 แห่งได้ส่งมือถือดูดีเอ็มบีออกสู่ตลาดเกาหลีใต้แล้ว (ข่าวสด อังคารที่ 6 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ดวงจันทร์ไททันมนุษย์อยู่ไม่ได้

หลังจากวิจัยมาเกือบปี นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าดวงจันทร์ไททัน บริวารของดาวเสาร์แม้จะมีลักษณะคล้ายกับโลกในหลายๆ ด้าน แต่ก็ไม่เอื้อต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต ยานสำรวจฮอยเกนส์ได้ลงไปสำรวจบรรยากาศและสัมผัสพื้นผิวของดวงจันทร์ไททันเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ที่ควบคุมอยู่ที่หอบังคับการบนโลกบอกว่า ข้อมูลที่ส่งมาจากยานสำรวจ ทำให้รู้ว่าไททันมีชั้นบรรยากาศที่หนาแน่น และมีลมแรง กระแสลมปั่นป่วน คล้ายกับบรรยากาศของโลกในหลายๆ ด้าน แต่ก็ยังมีข้อแตกต่างกัน แม้จะมีกฎทางฟิสิกส์ และเคมีที่เหมาะกันก็ตาม แต่ส่วนประกอบแตกต่างกัน นอกจากนี้ ดวงจันทร์ไททันมีชั้นบรรยากาศที่หนาวเย็น และหนาแน่นไปด้วยก๊าซไนโตรเจนและมีเทน ทั้งยังมีข้อมูลชัดเจนที่เป็นไปได้ว่ามีฟ้าผ่า พวกเขายังพบว่าดาวเสาร์มีพื้นผิวที่เรียบและมีสภาพคล้ายดินเหนียวเปียก และยังมีภูมิประเทศเป็นก้อนหินน้ำแข็งด้วย อุณหภูมิต่ำถึงติดลบ 180 องศาเซลเซียส และอากาศที่เย็นขนาดนั้นอาจทำให้เกิดฝนมีเทนตกลงมาได้ (คมชัดลึก พุธที่ 7 ธ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





กทม.ฟื้นสร้างโรงงานผลิตไบโอดีเซลเอาน้ำมันพืชใช้แล้วทำน้ำมันเชื้อเพลิง

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า ตามที่ กทม. มีแนวคิดจะจัดตั้งโรงงานผลิต ไบโอดีเซลจากน้ำมันพืชที่ใช้แล้วเอง เพื่อนำมาใช้ในรถยนต์ในสังกัดของ กทม. เพื่อเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนเลิกใช้น้ำมันพืชที่ใช้แล้ว ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และเพื่อช่วยลดการซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศนั้น ล่าสุดตนได้สั่งการให้สำนักสิ่งแวด ล้อม (สนล.) ไปทบทวนโครงการใหม่อย่างเต็มระบบ ตั้งแต่กระบวนการเก็บน้ำมันพืชใช้แล้วจากครัวเรือน วิธีการเก็บน้ำมัน การตั้งโรงงานผลิตไบโอดีเซล กรรม วิธีการผลิต โดยให้ สนล. ประสานขอข้อมูลกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวง ซึ่งปัจจุบันในพื้นที่กรุงเทพฯ มีการใช้น้ำมันพืชสูงถึง ปีละ 123,270 ตัน และคาดว่าในอีก 20 ปีข้างหน้าจะเพิ่มปริมาณการใช้สูงขึ้นเป็น ปีละ 167,040 ตัน ซึ่งน้ำมันพืชที่ใช้แล้วส่วนใหญ่ประชาชนจะนำกลับ มาใช้ใหม่ หรือทิ้งลงตามท่อระบายน้ำทำให้ท่ออุดตัน และแหล่งน้ำเน่าเสีย นอกจากนี้ให้ สนล. ไปหารือกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร (กก.) เพื่อจัดตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นมาดูแลโดยเฉพาะ ให้ได้ข้อสรุปภายในเดือน ธ.ค. นี้ (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ผุดธนาคารเลือดจากรกมะกันใช้วิจัยเซลล์บำบัด

ซินเธีย เคิร์ชเนอร์ ที่ปรึกษาอาวุโสด้านนโยบายให้กับคณะกรรมาธิการสาธารณสุขของรัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐ เปิดเผยว่า ทางการมีแผนตั้งธนาคารเลือดระดับชุมชน 2 แห่ง เพื่อรับบริจาคเลือดจากสายสะดือหรือรกของทารก ซึ่งต้องได้รับการยินยอมจากผู้เป็นพ่อและแม่ของเด็กด้วย โครงการนำร่องระยะเวลาหนึ่งปีนี้ จะนำเลือดที่ได้จากรกของเด็กเกิดใหม่ไปใช้รักษาโรคร้าย เช่น มะเร็งในเม็ดเลือดขาว หรือลูคิเมีย รวมทั้งนำไปใช้ในงานวิจัยรูปแบบอื่นด้วย ซึ่งธนาคารทั้งสองแห่ง ได้แก่ สถาบันวิจัยการแพทย์คอเรล และโครงการเลือดจากสายสะดืออีไล แคตซ์ จะได้รับงบประมาณสนับสนุนแห่งละ 3 แสนดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 12 ล้านบาท ริค โคเฮน ผู้อำนวยการโครงการสเต็มเซลล์ของสถาบันคอเรล บอกว่า สเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิดสามารถพบได้ในตัวอ่อนมนุษย์ เลือดจากสายสะดือ รก และเนื้อเยื่อตัวเต็มวัยชนิดอื่น แต่การนำมาใช้ทางคลินิกนั้น ส่วนใหญ่จะใช้เลือดจากสายสะดือเพื่อรักษามะเร็งเป็นหลัก นอกจากนี้ ธนาคารยังมีแผนรณรงค์ให้ความรู้แก่ผู้เชี่ยวชาญ และคุณแม่เกี่ยวกับโครงการบริจาคนี้ รวมทั้งผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการนำของเหลือทิ้ง อย่าง รก หรือเลือดจากรกมาใช้วิจัยเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ได้อย่างมากมาย (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





160 ชาติหนุนลงทุนพลังงานสะอาดในโลกที่ 3

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (9 ธ.ค.) ว่า ผู้แทนจาก 160 ประเทศทั่วโลกที่เข้าร่วมประชุมว่าด้วยบรรยากาศโลกที่ ประเทศแคนาดาเป็นเจ้าภาพ ต่างเห็นพ้องให้เร่งการลงทุนในโครงการพลังงานสะอาด ในประเทศโลกที่ 3 เพื่อลดการใช้พลังงานที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก โดยให้เร่งแผนการลงทุนประมาณ 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐในโครงการต่างๆ เช่น โครงการไฟฟ้าพลังน้ำในฮอนดูรัส หรือพลังงานจากลมในจีน เพื่อลดการใช้พลังงานจากถ่านหินที่เป็นสาเหตุทำให้โลกร้อนขึ้นด้วย นอกจากนี้ ผู้แทนเจรจาจาก 160 ประเทศ ยังเห็นพ้องที่จะกำหนดกฎระเบียบเพื่อทำให้แน่ใจว่า ประเทศต่างๆ จะปฏิบัติตามสนธิสัญญาเกียวโตของสหประชาชาติ ซึ่งกำหนดให้ประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง โดยเจ้าภาพแคนาดาพยายามโน้มน้าวให้สหรัฐอเมริกาเข้าร่วมในสนธิสัญญาเกียวโตนี้ด้วย (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 9 ธ.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





บุกป่าลึก"บอร์เนียว"พบ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมพันธุ์ใหม่!

สเตฟาน วัล์ฟฟราอัต หัวหน้าทีมนักชีววิทยาขององค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) ค้นพบสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสายพันธุ์ใหม่ใจกลางป่าทึบบนเกาะบอร์เนียวของอินโดนีเซียและกำลังวางแผนจับมาศึกษา สามารถถ่ายภาพสัตว์ชนิดใหม่ไว้ได้ 2 ภาพ ในอุทยานแห่งชาติคายัน เมนทารังบนเกาะบอร์เนียว ของอินโดนีเซีย สัตว์ดังกล่าวซึ่งนักชีววิทยาเชื่อว่าเป็นสัตว์กินเนื้อมีลำตัวใหญ่กว่าแมวทั่วไป หน้าตาคล้ายแมวผสมสุนัขจิ้งจอก มีขนสีแดงเข้ม หางยาว ชาวบ้านบอกว่าไม่เคยพบเห็นมาก่อน ดร.นิก อิซาค จากสถาบันสัตววิทยากรุงลอนดอน บอกว่า "สัตว์ในภาพหน้าตาคล้ายตัวลีเมอร์ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหางยาวที่พบบนเกาะมาดากัสการ์ แต่มีแนวโน้มว่าจะเป็นสัตว์กลุ่มเดียวกับพังพอนและชะมด ซึ่งหนึ่งในสองภาพเผยให้เห็นหางที่ยาวและแข็งแรงอย่างชัดเจนแบบเดียวกับที่ชะมดใช้หางเหนี่ยวพยุงตัวบนต้นไม้" (ข่าวสด ศุกร์ที่ 9 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





สื่อสารผ่านเส้นใยแสง

โครงข่ายเส้นใยแสงของการไฟฟ้าฯมีความยาวกว่า 8,000 กิโลเมตรครอบคลุมพื้นที่ประเทศไทย แต่ละสายเคเบิลมีเส้นใยแสงอยู่ถึง 24 แกน (core) แต่ปัจจุบันถูกนำมาใช้แค่เพียง 4 แกน ยังคงเหลือไม่ได้ใช้ประโยชน์ หรือเรียกกันในนามของ Dark fiber อยู่ถึง 20 แกน โครงข่ายเส้นใยแสงส่วน Dark fiber โครงข่ายเส้นใยแสงของผู้ใช้บริการทั่วไปนั้นรู้จักกันในชื่อของ Fiber To-The-Home (FTTH) ประเทศที่มีการให้บริการรับส่งข้อมูลความเร็วสูงดังเช่นประเทศญี่ปุ่นนั้นได้เปิดตลาดนำเทคโนโลยี FTTH โดยเชื่อมโยงเส้นใยแสงเข้าถึงบ้านของผู้ใช้บริการรายย่อยในราคาต่ำเป็นผลสำเร็จแล้ว FTTH ที่ให้บริการนั้นจะมีความเร็วถึง 100 Mbps ทั้ง Download และ Upload ซึ่งเร็วกว่าเทคโนโลยีของโครงข่ายระดับ Access ที่เป็นที่นิยมในประเทศไทยปัจจุบัน คือ ระบบ ADSL ถึงเกือบ 100 เท่า สิ่งที่น่าสนใจสำหรับความเร็วระดับนี้คือการสื่อสารแบบ “Real time” ดังนั้นจากบ้านของผู้ใช้บริการแต่ละรายจะสามารถใช้บริการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง ตัวอย่างเช่น โทรศัพท์ผ่าน Internet พร้อมเห็นภาพคู่สนทนาแบบ Real Time รวมถึง Video Conference ประชุมผ่านเครือข่ายแบบ Real time ใช้บริการ Multi-media communication แบบ Real time Interactive video game การศึกษาทางไกลและการแพทย์ทางไกลแบบผ่านเครือข่าย รวมทั้งการขอรับบริการชมภาพยนตร์ด้วยคุณภาพระดับโรงภาพยนตร์ผ่านบริการ Video-on-demand ประเทศไทยมีบุคลากรและวิศวกรที่เชี่ยวชาญและเข้าใจระบบเส้นใยแสงจำนวนน้อยมาก ซึ่งไม่น่าจะเพียงพอต่อการรองรับธุรกิจการให้บริการใหม่ ๆ อีกมากมายที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งอุตสาหกรรมและการจ้างงานเพื่อการผลิตอุปกรณ์รองรับโครงข่ายเส้นใยแสงและระบบ FTTH การตระหนักถึงความสำคัญของเทคโนโลยีเส้นใยแสง และการสร้างบุคลากรทางด้านนี้จึงเป็นสิ่งที่ต้องรีบด่วน และ มีความจำเป็นอย่างยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศไทย. (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 9 ธ.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ข่าววิจัย/พัฒนา


แก้สูตรอาหารเลี้ยงวัวควายใหม่ ช่วยผายลมกลิ่นกุหลาบ

นักชีวเคมีจอห์น วอลเลซ หัวหน้าแผนกจุลชีวเคมี ของสถาบันวิจัยโรเบตต์ที่เมืองอเบอร์ดีน ได้คิดสูตรอาหารเลี้ยงวัว ที่จะทำให้ พวกมันจะปล่อยไอเสียเป็นก๊าซมีเทน อันถือกันว่าเป็นตัวการทำให้อุณหภูมิอากาศของโลกสูงขึ้น กลับทำให้มีกลิ่นหอมเกือบเหมือนกับกลิ่นดอกกุหลาบ ในการทดลองบางครั้ง สามารถทำให้วัวขับก๊าซมีเทน ที่เป็นก๊าซไม่มีสีมีกลิ่น จากกระเพาะและลำไส้น้อยลงไปได้ถึง 70% ซึ่งนับว่าน่าตกใจทีเดียว เคล็ดของการเปลี่ยนสูตรอาหารเลี้ยงวัวให้ผายก๊าซออกมาน้อยอยู่ที่การให้อาหารเสริม ขณะนี้กำลังเริ่มการประเมินผลทั้งทางวิทยาศาสตร์และการค้า เป็นเวลา 12 เดือนอยู่ หากว่ามันได้ผล ก็นับว่าเป็นบุญที่ช่วยลดการขับถ่ายปล่อยก๊าซที่จะทำให้โลกร้อนขึ้นลงได้ เป็นที่ประมาณว่าบรรดาปศุสัตว์เป็นตัวการขับถ่ายปล่อยก๊าซมีเทนออกมามากประมาณ 14% นอกนั้นแหล่งใหญ่อื่นๆ มาจากการถมที่เหมืองถ่านหิน ไร่นา และหนองบึง. (ไทยรัฐ อังคารที่ 6 ธ.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





“เครื่องปลูกอ้อยประหยัดเวลา” ผลงานจาก ม.ศรีปทุม

นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยศรีปทุม กลุ่มหนึ่งจึงได้ออกแบบพัฒนาเครื่องปลูกอ้อยที่มีประสิทธิภาพดีและมีราคาถูก นักศึกษากลุ่มนี้ประกอบด้วย นายกิตติศักดิ์ ประเคนมา นายอานนท์ ซัง และนายพูลทรัพย์ ชาพิมพ์ โดยมี อ.สิษฐ์ษราวุฑฒิ์ พูนทวี เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา สำหรับเครื่องปลูกอ้อยที่ประดิษฐ์ขึ้นนี้ กลุ่มนักศึกษาให้รายละเอียดว่า เครื่องนี้ถูกออกแบบให้เสียบท่อนพันธุ์ได้ 2 ร่อง ตัวเครื่องประกอบด้วยชุดเฟืองตัด ชุดขับเคลื่อนใช้สเตอร์ขับขนาด 47 ฟัน และสเตอร์ตาม 16 ฟัน ชุดระบบกลไกควบคุมมีช่องเสียบท่อนพันธุ์ 2 ช่อง พร้อมชุดควบคุมท่อนพันธุ์ 2 ชุด และมีชุดจานผาลขนาดเล็กสำหรับกลบหน้าดินพร้อมล้อบดดิน ก่อนการปลูกอ้อยโดยใช้เครื่องปลูกอ้อยนี้ จะต้องเตรียมพื้นที่ให้โล่งเตียนและเตรียมดินให้ร่วนซุยเหมาะสมแก่การปลูกอ้อย ซึ่งอาจทำโดยการใช้รถคราด จากนั้นจึงเตรียมท่อนพันธุ์อ้อยให้มีขนาดพอเหมาะ แล้วจึงนำไปใส่บนกระบะของเครื่องปลูกอ้อย ซึ่งบรรจุได้ประมาณ 500-700 ต้น แล้วจึงใช้รถแทรกเตอร์ขนาด 105 แรงม้าเป็นตัวฉุดลากเครื่องปลูกอ้อย โดยต้องมีคนควบคุมการเสียบท่อนพันธุ์อ้อยลงช่องของเครื่องเพื่อปักท่อนพันธุ์ลงดินจำนวน 2 คนและใช้คนขับแทรกเตอร์อีก 1 คน เครื่องปลูกอ้อยเครื่องนี้สามารถปลูกอ้อยได้ประมาณ 1.25 ไร่ต่อชั่วโมง ดังนั้นจึงสามารถปลูกอ้อยได้ถึง 10-15 ไร่ต่อวัน เครื่องปลูกอ้อยประหยัดเวลา ของกลุ่มนักศึกษากลุ่มนี้ เป็นเครื่องต้นแบบที่สามารถไปใช้งานได้จริง ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรชาวไร่อ้อย หากมีการพัฒนาและผลิตในระบบอุตสาหกรรมเพื่อทำให้ราคาไม่สูงนักที่ทำให้เกษตรกรเป็นเจ้าของได้โดยง่าย ผู้สนใจสามารถขอทราบรายละเอียดได้ที่ สำนักงานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม บางเขน โทร.0-2579-1111 ต่อ 1124-6 (เดลินิวส์ อังคารที่ 6 ธ.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





สวทช.เร่งเครื่องพัฒนาบทบาท 'นักวิจัย'

ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ ที่ปรึกษาอาวุโสสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้โลกและสังคมมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก บทบาทของนักวิจัยไทยจะต้องไม่เพียงแต่การทำงานวิจัยเท่านั้น แต่ต้องติดต่อสื่อสารกับคนรอบข้างได้ ต้องทำงานอย่างมีเครือข่ายระหว่างกลุ่มเพื่อเกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ต่างๆ ระหว่างกัน หมั่นเพิ่มพูนความรู้อยู่เสมอ โดยเมื่อได้ใช้ความรู้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว ชื่อเสียงหรือตำแหน่งคงไม่สำคัญ ปัจจุบันนักวิจัยต้องมีความชัดเจนมากขึ้น เพื่อให้ได้งานวิจัยที่มีประโยชน์และความหมายต่อสังคม เช่น การวิจัยเกี่ยวกับการตรวจวินิจฉัยโรค การผลิตยาหรือการสร้างวัคซีนใหม่ๆ เป็นต้น สำหรับแนวทางการพัฒนานักวิจัยไทย ควรต้องมีการปรับสถานภาพนักวิจัยให้ดึงดูดมากขึ้น จากแต่เดิมที่ระบบข้าราชการได้จัดให้อาจารย์สอนหนังสือเป็นประเภทหนึ่ง ส่วนนักวิจัยเป็นประเภท 2 ซึ่งต่อไปหากมหาวิทยาลัยต่างๆ ออกไปเป็นมหาวิทยาลัยในการกำกับของรัฐแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้ได้งานขึ้น เช่นเดียวกับนักวิจัยของ สวทช. ซึ่งมีสถานภาพที่เอื้อต่อการทำงานวิจัยได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งมีแนวทางเติบโตในสายการวิจัยในขั้นสูงสุดได้ ปัจจุบันนักวิจัยไทยมีผลงานวิจัยที่ได้มาตรฐานนานาชาติจำนวนมากในหลากหลายสาขา โดยประเทศไทยจะมีความโดดเด่นในด้านชีวภาพ ส่วนด้านวิศวกรรมศาสตร์หรือด้านการเกษตรก็จัดว่าอยู่ในระดับที่ดี แต่เมื่อนำไปเทียบกับระดับโลกอาจจะยังมีประสบการณ์น้อย แต่ถ้าเทียบในระดับอาเซียน ไทยก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าประเทศใดในภูมิภาคนี้ ยกเว้นสิงคโปร์ที่มีการซื้อตัวนักวิจัยจากต่างประเทศ ขณะนี้จำนวนนักวิจัยไทยมีนักวิจัยไทยแบบเต็มเวลาอยู่ ประมาณ 30,000-40,000 คน ซึ่งถือว่ามากกว่าแต่ก่อนที่มีอยู่ประมาณ 20,000 คน แต่เมื่อเทียบกับจำนวนประชากร 10,000 คน นักวิจัยไทยยังมีอยู่เพียง 3-4 คน ซึ่งเมื่อเทียบกับบางประเทศแล้วต้องจัดว่ามีอยู่น้อยมาก เช่นในประเทศที่พัฒนาแล้ว อาทิ ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาจะมีนักวิจัยเกือบ 100 คนต่อประชากร 10,000 คน ส่วนเกาหลีใต้และไต้หวันจะอยู่ที่ประมาณ 50 คนต่อประชากร 10,000 คน ดังนั้น ประเทศไทยจึงควรมีนักวิจัยเพิ่มมากขึ้นอีกประมาณ 10 เท่าถึงจะเพียงพอ. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 5 ธ.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





กาแฟกระตุ้นความจำ-สมาธิ รู้สึกกระปรี้กระเปร่าจริง

นักวิจัยของมหาวิทยาลัยแพทย์อินน์สบรัค ของออสเตรีย ได้พบในการศึกษาว่า ไม่ว่ากาแฟ ชา ช็อกโกแลต และน้ำอัดลมต่างมีสรรพคุณกระตุ้นส่วนความจำระยะสั้นและการใช้สมาธิ ในสมองขึ้นได้ พวกเขาได้ศึกษาอาสาสมัครที่เพิ่งซดกาแฟเข้าไป 2 ถ้วยซ้อน คิดเป็นปริมาณคาเฟอีนได้สัก 100 มิลลิกรัม ด้วยเครื่องวัดสมองด้วยคลื่นแม่เหล็ก พบว่าสมองตรงแถบหน้าผาก ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับความจำ และบริเวณอันควบคุมสมาธิ ได้แสดงปฏิกิริยาแข็งขันขึ้น ฤทธิ์ของคาเฟอีนไปทำให้บางส่วนของสมอง มีการทำงานของหน่วยประสาทเข้มแข็งขึ้น อาสาสมัครซึ่งอดกาแฟมาก่อนนาน 12 ชั่วโมง ได้แสดงให้เห็นว่ามีความจำดีขึ้น หลังจากกินกาแฟ โดยสามารถจำข้อความยาวๆติดต่อกันเป็นแถวได้แม่นขึ้น. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 5 ธ.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





คนงานหญิงผลัดกลางคืน เสี่ยงเป็นมะเร็งทรวงอกสูง

วารสารวิจัยในเรื่องโรคมะเร็งของสหรัฐฯ รายงานว่า มีผลการวิจัยยืนยันว่าคนงานหญิงที่ต้องทำงานผลัดกลางคืน เสี่ยงกับการเป็นมะเร็งทรวงอกสูงกว่าปกติธรรมดา การทำงานผลัดกลางคืนทำให้ร่างกายไม่ค่อยผลิตฮอร์โมนเมลาโทนิน ที่มีหน้าที่เกี่ยวพันหลายสิ่งหลายอย่างในร่างกาย ตั้งแต่การนอน ความหิว อารมณ์ และความต้องการทางเพศ ที่สำคัญหน้าที่ต่อต้านไม่ให้เนื้องอกเจริญเติบโตด้วย การศึกษายังทำให้รู้ว่า การเปิดไฟนอน ก็ไปขัดขวางการสร้างฮอร์โมนนี้ด้วยเช่นกัน เป็นการเปิดโอกาสให้เนื้อร้าย สามารถเติบโตก้าวกระโดดได้เร็วกว่าปกติขึ้นถึง 2 เท่า. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 5 ธ.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





“เครื่องบินบังคับวิทยุ” ฝีมือไทย

ทีมวิจัยจากภาควิชาวิศวกรรมการบินและอากาศยาน คณะวิศวกรรมศาสตร์ม.เกษตรศาสตร์ ได้ร่วมกับภาควิชาบริหารธุรกิจ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ม.ธรรมศาสตร์ และ ภาควิชาศิลปศาสตร์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตคลองหก ได้ร่วมกันวิจัย “การออกแบบและผลิตเครื่องบินบังคับวิทยุเชิงพาณิชย์” ภายใต้ “โครงงานอุตสาหกรรมสำหรับนักศึกษาปริญญาตรี” โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) อาจารย์ธนพัฒน์ เกิดสุข หนึ่งในที่ปรึกษาของโครงการ เผยว่างานวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างผู้ประกอบการด้านเครื่องบินบังคับวิทยุรายใหม่ในประเทศไทย และพัฒนาเครื่องบินบังคับวิทยุให้เป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ ตลอดจนใช้เพื่อการออกแบบเครื่องบินบังคับวิทยุโดยใช้ความรู้ด้านวิศวกรรมอากาศยานโดยตรง สำหรับวัสดุที่ใช้ผลิตเครื่องบินบังคับวิทยุนี้จะใช้โพลิยูรีเทนโฟม ซึ่งต่างจากโฟมทั่วไป เช่นมีน้ำหนักเบา ส่วนวัสดุที่ใช้ทำปีกของเครื่องบินบังคับวิทยุนั้นจะใช้โฟมเนื้อแข็ง 2 ปอนด์ ตกแต่งด้วยเทป ประกอบง่าย มีโครงสร้างที่แข็งแรง ถอดเปลี่ยนอุปกรณ์ได้รวมถึงมีราคาที่ประหยัด การออกแบบเครื่องบิน โดยมีจุดเด่นคือ “ เครื่องบิน 2 แบบใน 1 ลำตัว” โดยโครงการนี้ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ไว้ 2 แบบ คือ FC-Training 1 ซึ่งมีลักษณะเป็นเครื่องบินฝึกบินปีกสูง ขนาดกางปีก 1000 มิลลิเมตร น้ำหนัก 650 กรัม ใช้มอเตอร์ 380 ต่อกับชุดเกียร์ที่มีอัตราทด 2.14:1 และใบพัดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 นิ้ว แบตเตอรี่ขนาด 9.6 โวลต์ และผ่านการทดสอบการบินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนอีกแบบก็คือ FC-Shark เป็นเครื่องบินผาดโผน ขนาดกางปีก 920 มิลลิเมตรน้ำหนัก 650 กรัม ใช้มอเตอร์ 480 ต่อกับชุดเกียร์ที่มีอัตราทด 2.14:1 และใบพัดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 นิ้ว แบตเตอรี่ขนาด 9.6 โวลต์ แต่เครื่องบินรุ่นนี้ยังบินได้ไม่ดีนัก ยังมีปัญหาเรื่องการบังคับไม่ดี ต้องมีการปรับปรุงแบบใหม่ โดยการเพิ่มขนาดของปลายปีกและเพิ่มมุมของปีก แม้ภาพรวมผลงานจะออกมาดี แต่ทีมวิจัยก็ยังพบข้อบกพร่องที่ต้องปรับปรุงอีกมากเช่น การออกแบบลวดลายให้มีความสวยงาม แต่กระนั้นสิ่งที่ทีมวิจัยภูมิใจ คือ การได้ทำงานร่วมกันและการได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาออกแบบเครื่องบินบังคับวิทยุได้สำเร็จ และยังสามารถนำไปใช้เป็นพื้นฐาน สำหรับงานวิจัยด้านอากาศยานระดับสูงขึ้นได้ต่อไป (สยามรัฐรายวัน อังคารที่ 6 ธ.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





เสื้อขาวนาโนสกปรกยาก เคลือบสารจุลินทรีย์หยุดกลิ่นเหงื่อวัยซน

ศ.ดร.วิวัฒน์ ตัณฑะพานิชกุล ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สวทช.) เปิดเผยว่า นาโนเทคดำเนินการวิจัยร่วมกับบริษัท โนนามิไซเอน จำกัด ทำธุรกิจผลิตสารไทเทเนียมไดออกไซด์ ซึ่งใช้เป็นส่วนผสมในครีมกันแดด เคลือบเซรามิกเพิ่มความแข็ง แถมยังมีความสามารถฆ่าจุลินทรีย์ได้ด้วย ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ ศูนย์รับหน้าที่พัฒนาวิธีผลิตสารดังกล่าว ให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์กับเสื้อผ้า โดยเฉพาะ "เสื้อนักเรียน" ที่สกปรกง่ายและมีกลิ่นเหงื่อของเด็กๆ โดยจะนำนาโนเทคโนโลยีมาช่วยทำให้สารกับเส้นใยผ้าเข้ากันได้ดี และไม่ก่อการระคายเคือง หรือรำคาญขณะสวมใส่ และด้วยคุณสมบัติของสารจะช่วยป้องกันเสื้อไม่ให้เกิดกลิ่นเหงื่อ และป้องกันจากการเกาะติดของคราบสกปรกต่างๆ ความร่วมมือครั้งนี้จะนำไปสู่การวางแผนผลิต "เสื้อนักเรียนนาโน" ในระดับอุตสาหกรรม โดยเสื้อที่ได้จะสกปรกยาก ปลอดกลิ่นเหม็นอับเหงื่อ จึงซักล้างสะดวกและช่วยประหยัดน้ำและสารซักฟอกได้ด้วย ส่วนความคืบหน้าขณะนี้อยู่ขั้นตอนการพัฒนาเทคนิคผลิตสาร และวิธีผนวกและเคลือบสารเข้าเส้นใย ก่อนผลิตเป็นสินค้าออกจำหน่าย ทั้งนี้ โครงการผลิตเสื้อนักเรียนนาโน เป็นกิจกรรมสอดรับนโยบายปรับแผนงานวิจัยใหม่ของศูนย์ ซึ่งเน้นการวิจัยร่วมกับภาคเอกชนมากขึ้น (คมชัดลึก อังคารที่ 6 ธ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





เครื่องบินบังคับวิทยุ "ทูอินวัน"

โครงการเครื่องบินวิทยุบังคับ แบบ "สองลำในหนึ่งเดียว" เป็นความร่วมมือกันของนักศึกษาระดับปริญญาตรีจากหลายสถาบัน โดยภาควิชาวิศวกรรมการบินและอากาศยาน คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รับผิดชอบด้านการออกแบบและทดสอบ ภาควิชาบริหารธุรกิจ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดูด้านแผนธุรกิจ และภาควิชาศิลปศาสตร์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตคลองหก ดูแลด้านรูปแบบผลิตภัณฑ์ นายธนพัฒน์ เกิดสุข หนึ่งในอาจารย์ที่ปรึกษาของโครงการนี้ กล่าวว่า งานวิจัยดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผู้ประกอบการด้านเครื่องบินบังคับวิทยุรายใหม่ และพัฒนาเครื่องบินบังคับวิทยุให้เป็นสินค้า ตลอดจนใช้เพื่อการออกแบบเครื่องบินบังคับวิทยุ โดยอาศัยความรู้ด้านวิศวกรรมอากาศยาน ทีมวิจัยได้ใช้โพลิยูรีเทนโฟม เป็นวัตถุดิบผลิตลำตัวของเครื่องบินบังคับวิทยุ ซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างกับโฟมทั่วไป เช่น น้ำหนักเบา ส่วนปีกทำจากโฟมเนื้อแข็ง 2 ปอนด์ ตกแต่งด้วยเทปมีจุดเด่นคือ ประกอบได้ง่ายมีโครงสร้างที่แข็งแรง ถอดเปลี่ยนอุปกรณ์ได้ รวมถึงมีราคาที่ประหยัด สำหรับเครื่องบินต้นแบบที่พัฒนาอยู่นี้ เป็นเครื่องบินสองแบบในหนึ่งลำตัว เมื่อนำปีกติดตั้งไว้ส่วนบนของลำตัวเครื่องจะใช้เป็นเครื่องบินฝึกหัดบิน แต่เมื่อถอดปีกออกมาติดตั้งในตำแหน่งใต้ลำตัวเครื่อง และเปลี่ยนชุดมอเตอร์ ใบพัด และชุดหางเครื่องบินก็จะใช้เป็นเครื่องบินผาดโผนได้ เนื่องจากเป้าหมายของโครงงานคือ การผลิตในเชิงพาณิชย์ ฉะนั้นเพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการผลิต กลุ่มวิจัยจึงออกแบบกรรมวิธีการผลิตให้เป็นงานหล่อ ซึ่งใช้เวลาในการผลิตน้อยแถมราคาขายยังถูกอีกด้วย อย่างไรก็ดี งานวิจัยนี้ยังมีส่วนต้องปรับปรุงอีกมาก เช่น ด้านการออกแบบให้สวยงาม แต่สิ่งที่ทีมวิจัยได้จากงานนี้คือ การได้ทำงานร่วมกัน และการได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาด้านอากาศพลศาสตร์ ประยุกต์ออกแบบเครื่องบินบังคับวิทยุ ทำให้สามารถนำไปใช้เป็นพื้นฐานสำหรับงานวิจัยด้านอากาศยานระดับสูงในอนาคต (คมชัดลึก อังคารที่ 6 ธ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





พัฒนากีตาร์แสนฉลาด เช็กอีเมล์ขณะตั้งสาย

บริษัทผู้ผลิตกีตาร์ “เฟนเดอร์” แจ้งว่ากำลังร่วมมือกับบริษัทอินเทล ผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ ให้พัฒนากีตาร์ต้นแบบที่จะช่วยให้มือกีตาร์ส่งอีเมล์และท่องอินเตอร์เน็ตได้ในขณะ ตั้งสายกีตาร์ไปพร้อมกัน เนื่องจากภายในกีตาร์นั้นมีความกลวง ดังนั้น ผู้ผลิตจึงจะนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์วางเข้าไปด้านหลังเครื่องดนตรีนั้น กีตาร์ต้นแบบดังกล่าวจะมีชื่อว่า อินเทล คอนเซปต์ เทเลคาสเตอร์ กีตาร์ หรือเรียกสั้นๆ ว่า “อินเทเลคาสเตอร์” โฆษกของบริษัทอินเทลบอกว่า กีตาร์แบบใหม่นี้จะช่วยให้นักดนตรีบันทึกเสียงและเล่นดนตรี หรือส่งอีเมล์ไปยังเอเย่นต์ เพื่อนฝูง หรือสมาชิกในวงได้สบายมาก. (ไทยรัฐ พุธที่ 7 ธ.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





อุปกรณ์ตรวจคลื่นหัวใจระยะไกล ส่งเอสเอ็มเอสถึงมือแพทย์ก่อนผู้ป่วยมาถึง

ผศ.ดร.อาภรณ์ ธีรมงคลรัศมี ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ห้องปฏิบัติการวิจัยไบโออิเล็กทรอนิกส์ของมหาวิทยาลัย ได้พัฒนา "เครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจระยะไกล" ที่สามารถแจ้งผลตรงถึงมือแพทย์ปลายทางผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ จึงเป็นประโยชน์สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจซึ่งอยู่อาศัยตามลำพัง เพราะข้อมูลที่แพทย์ได้รับจะนำไปวิเคราะห์และวางแผนช่วยเหลือได้ทันท่วงที ปัจจุบันเครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจมีความจำเป็นมากขึ้น สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจใช้วัดอัตราการเต้นของหัวใจที่อาจผิดปกติ จากนั้นจึงจะส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ขณะที่บางครั้งการรักษาอาจไม่ทันเวลา หากอาการหัวใจล้มเหลวแบบฉับพลันรุนแรงเกิดขึ้น ดังนั้น เครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจระยะไกล จะช่วยการรักษาของแพทย์เป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุด สำหรับเทคนิคการออกแบบคือ การผสมผสานระหว่างเครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจกับเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอาศัยการเชื่อมต่อข้อมูลด้วยวงจรอิเล็กทรอนิกส์ โดยเครื่องวัดจะทำหน้าที่วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบอัตโนมัติ จากนั้นเมื่อตรวจพบหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ จะส่งสัญญาณผ่านวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเชื่อมกับโทรศัพท์มือถือ ซึ่งอาจจะเป็นโทรศัพท์ของแพทย์ผู้ทำการรักษา หรือคนในครอบครัวก็ได้ "ข้อมูลที่ส่งถึงหมอจะอยู่ในรูปแบบข้อความสั้น หรือเอสเอ็มเอส ซึ่งทีมวิจัยกำลังพัฒนาให้ระบบสามารถส่งข้อมูล ในลักษณะไฟล์รูปภาพแสดงช่วงคลื่นไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลง คล้ายการส่ง "เอ็มเอ็มเอส" เพื่อให้การวินิจฉัยของแพทย์รวดเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้ยังอยู่ขั้นตอนการพิจารณาและเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้งานพร้อมกันนี้ ห้องปฏิบัติการยังได้พัฒนา "เครื่องฟังเสียงหัวใจแบบอิเล็กทรอนิกส์" ซึ่งเป็นผลงานของ ดร.ชัญชนา ตั้งวงศ์ศานต์ สำหรับประโยชน์ด้านการตรวจวินิจฉัยโรค โดยติดตั้งไมโครโฟนขนาดเล็กและระบบบันทึกเสียงในรูปแบบไฟล์ดิจิทัล เพื่อช่วยขยายเสียงและวิเคราะห์เสียงที่ผิดปกติของหัวใจ อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์นี้เหมาะสำหรับฝึกของนักเรียนแพทย์มากกว่านำไปใช้จริง (คมชัดลึก พุธที่ 7 พ.ย. 48 http://www.komchadluek.net)





หมวกนิรภัยติดไฟกะพริบแจ้งอุบัติเหตุ

หมวกนิรภัยอัจฉริยะต้นแบบนี้ นายสำราญชัย สุวรรณชัยรบ นักศึกษาระดับ ปวส.ชั้นปีที่ 2 วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกอุดรธานี ได้พัฒนาขึ้นมา โดยหวังว่าจะช่วยชีวิตผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ประสบอุบัติเหตุในเวลากลางคืนได้ ซึ่งระบบนี้จะติดตั้งอยู่ในหมวกนิรภัยที่ผู้ประดิษฐ์ใช้ชื่อว่า "หมวกช่วยด้วย" หมวกนิรภัยดังกล่าวติดตั้งไฟกะพริบ ซึ่งทำงานอัตโนมัติเมื่อสวิตช์ปรอทที่ใช้วัดระดับเอียงของหมวกทำมุม 45 องศา เป็นเวลานานเกิน 10 นาที วงจรสวิตช์ปรอทที่ตั้งไว้จะเริ่มทำงานโดยต่อขั้วเชื่อมต่อวงจรภายใน ทำให้เกิดสัญญาณไฟกะพริบผ่านหลอดแอลซีดี ทั้งหมด 8 หลอด ที่ติดตั้งอยู่รอบหมวก พร้อมส่งเสียงเตือนที่ดังขึ้นพร้อมกันนานประมาณ 1-2 ชั่วโมง หรือจนกว่าแบตเตอรี่จะหมด หมวกนิรภัยที่คิดค้นขึ้นนี้จะช่วยเปล่งแสงขณะที่เกิดอุบัติเหตุ เหมาะสำหรับผู้ที่ขับขี่ที่ประสบอุบัติเหตุแล้วสลบ หมดสติ หรือช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แสงไฟที่ติดอยู่กับหมวกจะเป็นจุดสังเกตเพื่อให้ผู้ที่พบเห็นช่วยเหลือ หรือแจ้งเจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาล ได้ออกแบบพัฒนาขึ้นมาทั้งหมด 2 รุ่น รุ่นแรกติดตั้งกล่องเก็บแบตเตอรี่อยู่ด้านหลัง เพื่อสะดวกต่อการประจุไฟใหม่ หรือสะดวกต่อการใส่ถ่าน แต่พบว่ากล่องแบตเตอรี่ที่อยู่ด้านนอกอาจชำรุดได้ง่ายจากการกระแทก ดังนั้นจึงได้พัฒนาหมวกขึ้นมาในรุ่นที่ 2 โดยฝังกล่องเก็บแบตเตอรี่ไว้ด้านในของหมวก รวมถึงปรับรูปลักษณ์ของหมวกให้น่าใช้งานมากขึ้นด้วย จากการทดลองประสิทธิภาพของหมวกกับการส่งสัญญาณขณะเกิดอุบัติเหตุในเวลากลางคืน พบว่า หลอดไฟที่ติดอยู่รอบหมวกทำงานทันที เมื่อผู้ขับขี่ล้มตัวลงนอนกับพื้น โดยแสงไฟแม้จะออกมาจากหลอดไฟขนาดเล็ก แต่ก็ให้แสงสว่างชัดเจนมากในเวลากลางคืน หมวกช่วยด้วยเป็นจุดผู้ใช้รถที่ผ่านไปมาในบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุสะดุดตา และสนใจได้เป็นอย่างดี ระบบดังกล่าวสามารถดัดแปลงให้ติดตั้งในหมวกนิรภัยทั่วไปได้ เนื่องจากระบบไม่ซับซ้อนมากนัก โดยราคาค่าดัดแปลงนั้นจะขึ้นอยู่กับชนิดของหมวกเป็นหลัก (คมชัดลึก พุธที่ 7 ธ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





น้องเฟิร์น" ค้นพบวิธีดองผักปราศจากเชื้อรา

น.ส.จิตราวรรณ ไวสาหลง โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จ.ขอนแก่น นักเรียนทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) จึงคิดทำโครงงานโดยคัดเลือกและเปรียบเทียบความเข้มข้นในการใช้เกลือโดยศึกษาและทำเป็นโครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง "การศึกษาเปรียบเทียบชนิดของเกลือและความเข้มข้น NaCl ที่มีผลต่อลักษณะของผักแป้นดอง" เนื่องจากเกลือที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดมีหลายชนิด เช่น เกลือสมุทร และเกลือสินเธาว์ ซึ่งเกลือจะมีส่วนประกอบคือ NaCl, MgCl2 และสารอื่นๆ อีกมาก การทดลองดองผักแป้นด้วยเกลือสมุทร, เกลือสินเธาว์, NaCl แล้วสังเกตสีและเชื้อราเป็นเวลา 5 จากการทดลองโดยใช้เกลือสมุทร, และเกลือสมุทรที่มี NaCl บริสุทธิ์ในการดองผักแป้นผลที่ได้ไม่แตกต่างกันนัก แต่เมื่อนำมาดองด้วย NaCl ปริมาณต่างๆ กัน จะพบว่ายิ่งมีความเข้มข้นของ NaCl สูงจะยิ่งทำให้ผักเกิดเชื้อราน้อยลงหรือไม่เกิดขึ้นเลยตลอดช่วงการทดลอง โครงงานนี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการเลือกใช้ชนิดของเกลือ และจำนวนที่ใช้เพื่อเป็นการปรับปรุงผักดองให้มีคุณภาพดีขึ้นและปราศจากเชื้อราเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค (ข่าวสด พุธที่ 7 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ผลตรวจ"เอ็มอาร์ไอ"พบ "สมอง"ชาย-หญิงทำงานต่างกัน

สำนักข่าวยูพีไอรายงานว่า นักวิจัยมหาวิทยาลัยอัลเบอร์ตา เมืองเอ็ดมอนตัน ประเทศแคนาดา พบว่า "สมอง" ของผู้ชายและผู้หญิงทำงานแตกต่างกัน ดร.ปีเตอร์ ซิลเวอร์สโตน ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา และคณะนักวิจัย ม.อัลเบอร์ตา ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ "เอ็นอาร์ไอ" สแกนภาพสมองของอาสาสมัครชาย 23 คน และหญิง 10 คน พบว่า เมื่อทดสอบให้อาสาสมัครทั้ง 2 เพศทำงาน หรือทำภารกิจชนิดเดียวกันปรากฏว่าพื้นที่ในสมองของอาสาสมัครชายกับหญิงไม่ได้สั่งงานมาจากจุดเดียวกัน สำหรับรูปแบบการวิจัย ดร.ซิลเวอร์สโตนและคณะจะแจกจ่ายแบบทดสอบหลายๆ ชนิดให้อาสาสมัครทั้งชายและหญิงหาวิธีแก้ไขอุปสรรค จากนั้นใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าคอยตรวจการทำงานของสมองอาสาสมัคร นอกจากนั้น ผลวิจัยยังพบด้วยว่า ผู้ชายกับผู้หญิงมีวิธีการรับมือและแก้ไขปัญหาแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย (ข่าวสด พุธที่ 7 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ช็อกโกแลตดำลดความดัน

ผลการศึกษาล่าสุดของสมาคมหัวใจอเมริกันนำโดยเจฟเฟรย์ บลัมเบิร์ก จากมหาวิทยาลัยตัฟต์ บอสตันชี้ว่า สารฟลาโวนอยด์ในช็อกโกแลตดำสามารถลดความดันเลือดนำไปสู่การลดความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ การศึกษาก่อนหน้านี้เราพบว่าสารฟลาโวนอยด์พบมากในผลไม้ ผัก ชา ไวน์แดง และช็อกโกแลต ที่เป็นผลดีต่อระบบหลอดเลือดหัวใจ แต่นี่เป็นการวิจัยครั้งแรกที่ตั้งสมมติฐานเฉพาะเจาะจงว่าช็อกโกแลตดำสามารถลดความดันโลหิตในกลุ่มคนที่มีความดันสูงได้ การศึกษานี้ไม่ใช่แนะให้กินช็อกโกแลตดำเพิ่มขึ้น แต่เน้นว่าสารโกโก้ ฟลาโวนอยด์ มีประโยชน์ต่อการทำงานของระบบหลอดเลือดหัวใจและระบบควบคุมอินซูลิน จากการศึกษาชายและหญิงอย่างละ 10 คนที่เป็นโรคความดันสูง ให้กลุ่มทดลองรับประทานช็อกโกแลตดำแท่งขนาด 100 กรัม ที่อุดมด้วยสารฟลาโวนอยด์ ขณะที่กลุ่มควบคุมให้รับประทานช็อกโกแลตขาวขนาดเท่ากัน เป็นเวลา 15 วัน ช็อกโกแลตขาวซึ่งไม่มีสารฟลาโวนอยด์ แต่มีสารอาหารและแคลอรีเหมือนช็อกโกแลตดำทุกอย่าง เมื่ออาสาสมัครกินช็อกโกแลตดำ พบว่าความดันเลือดลดลงเฉลี่ย 9 mm. Hg แต่เมื่อกินช็อกโกแลตขาว ความดันไม่เปลี่ยนแปลง การกินช็อกโกแลตดำสามารถปรับปรุงการใช้อินซูลินของร่างกายและยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิด LDL ที่ไม่ดีต่อร่างกายลงเฉลี่ยร้อยละ 10 สิ่งนี้ไม่ใช่เพียงผลทางสถิติที่น่าพอใจ แต่ยังเป็นผลทางการแพทย์ที่มีคุณค่ามากอีกด้วย (ข่าวสด พุธที่ 7 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





เตรียมหุ่นยนต์สู้ศึกแชมป์ประเทศไทย

บริษัทซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด สมาคมวิชาการหุ่นยนต์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดการแข่งขันรอบคัดเลือก เพื่อค้นหาทีมเข้าร่วมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในการแข่งขันฟุตบอลหุ่นยนต์ชิงแชมป์ประเทศไทย 2549 หรือ Robocup Thailand Championship 2006 ในเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า ทีมชนะเลิศจากเวที Robocup Thailand Championship 2006 จะได้เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลหุ่นยนต์ชิงแชมป์โลก (World Robocup 2006) ที่เยอรมนี เดือนมิถุนายน ในการแข่งขันรอบคัดเลือกหุ่นยนต์ชิงแชมป์ ประเทศไทย มีทีมเข้าชิงชัยจำนวน 32 ทีม ถือว่ามากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มแข่งขันกันมา ปรากฏว่ามี 8 ทีมที่ทำคะแนนได้สูงสุด คือ ทีมพลาสมา-ซี จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทีมอัศวินน้อย จาก มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ทีม Robust 1 จากมหาวิทยาลัยศรีปทุม ทีม INC จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ทีม TU-Challenger จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทีม Revenger จากมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี ทีม Scuba จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และทีม Robo-dance : IRAP จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ทั้ง 8 ทีมจะต้องเข้าแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า โดยจะต้องประดิษฐ์หุ่นยนต์ขนาดเล็กจำนวนไม่เกิน 5 ตัว ใช้ระบบควบคุมอัตโนมัติแบบไร้สาย และรับสัญญาณภาพจากกล้อง เพื่อแข่งขันฟุตบอลภายในระยะเวลา 20 นาที แบ่งเป็นครึ่งแรก 10 นาที และครึ่งหลังอีก 10 นาที ทีมที่ทำประตูได้มากกว่าจะเป็นผู้ชนะ เบร้น บาร์กแมน รองประธานฝ่ายปฏิบัติการ ซีเกท ประเทศไทย กล่าวว่า ทีมชนะเลิศจากเวทีประเทศไทย จะได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลหุ่นยนต์ชิงแชมป์โลก ซึ่งจะได้ศึกษาและแลกเปลี่ยนความเห็นทางด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์จากนานาประเทศ ซีเกทดีใจที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนให้นำความรู้ภาคทฤษฎีจากในห้องเรียนมาปรับใช้ในการพัฒนาหุ่นยนต์. (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ผลไม้เสริมความจำ

งานวิจัยหลายชิ้นยังระบุอีกว่า “ผลไม้ช่วยส่งเสริมความจำและความสามารถในการเรียนรู้ของมนุษย์” จากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ที่ให้หนูกินแอปเปิลสีแดง พบว่าสารต้านอนุมูลอิสระในผลไม้สามารถปรับปรุงการเรียนรู้และความจำ ซึ่งทำให้อายุเวลาบนสมองลดน้อยลง เนื่องจากมันมีระดับการต้านอนุมูลอิสระสูงขึ้น โดยสารต้านอนุมูลอิสระทำให้เซลล์ที่เสียหายฟื้นคืนสภาพเดิม ด้วยความที่ผลไม้ประกอบด้วยพฤษศาสตร์เคมี ซึ่งเป็นสารประกอบธรรมชาติที่ค้นพบในพืช ทำให้มีสารอาหารและวิตามินนานาชนิดที่ล้วนแต่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แถมในผลไม้ยังมีน้ำตาลธรรมชาติที่ช่วยกระตุ้นสมอง ทำให้มนุษย์สามารถคิดและจดจำข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว จึงอาจกล่าวได้ว่าผลไม้เป็นเชื้อเพลิงสมองที่ไร้ขีดจำกัด ดังนั้น ถ้าต้องการกระตุ้นระบบการทำงานของสมองให้มีความจำที่ดีไม่ขี้หลงขี้ลืมทั้งที่ยังไม่ถึงวัยอันควรแล้วล่ะก็ เราควรเลือกกินผลไม้ให้มากเข้าไว้ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีสีม่วง น้ำเงิน แดงเข้ม และดำ เช่น แอปเปิล องุ่นม่วง ลูกเบอรี่ ล้วนแต่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและบำรุงสมอง ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีการประยุกต์นำเอาผลไม้มาทำเมนูทั้งอาหารคาว อาหารหวาน และเครื่องดื่มได้หลากหลายสารพัดให้เลือกปรุงหรือซื้อหามาลิ้มชิมรสกันตามใจชอบ ใครที่มักจะมีอาการหลงลืมบ่อยๆ หรือสมองไม่ค่อยแจ่มใสเท่าที่ควร ลองดูตั้งแต่วันนี้ยังไม่สาย แล้วปีใหม่นี้รับรองสมองของคุณจะได้สดชื่นรื่นรมย์พร้อมเริ่มต้นพุทธ ศักราชใหม่อย่างเบิกบานใจอย่างแน่นอนค่ะ (สยามรัฐรายวัน พฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





สิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่ การันตีคุณภาพอาชีวศึกษา

สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ประกาศผลประกวด “สิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่...เทิดไท้ มหาราชัน” ประจำปี 2548 ระดับชาติ ซึ่งมีสิ่งประดิษฐ์ที่ได้รับรางวัล ทั้งสิ้น 25 ผลงาน จาก 125 ผลงาน โดยฝีมือการประดิษฐ์ของนักศึกษาอาชีวการศึกษา และได้รับประทานรางวัล จากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ที่ผ่านมา สำหรับผลงานที่ชนะการประกวด มีดังนี้ ประเภทสิ่งประดิษฐ์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตรางวัลชนะเลิศ บันไดต่างระดับ วิทยาลัยสารพัดช่างภูเก็ต รองชนะเลิศอันดับ 1 ขาตั้งจักรยานยนต์พับเก็บอัตโนมัติ วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกอุดรธานี, อันดับ 2 อุปกรณ์ทำความสะอาดหน้าต่างบานเกร็ด วิทยาลัยเทคนิคกระบี่ และอันดับ 3 เครื่องอัดจารบีลูกปืนล้อวิทยาลัยการอาชีพบางแก้วฟ้า ประเภทสิ่งประดิษฐ์ประเภทกำหนดโจทย์ (เพื่อแก้ปัญหาความยากจน) รางวัลชนะเลิศ เครื่องล้างหอยแครง วิทยาลัยเทคนิคระยอง รองชนะเลิศอันดับ 1 เครื่องลับมีดกรีดยางพารา วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี, อันดับ 2 เครื่องยอดขนมอาลัว วิทยาลัยการอาชีพบ้านลาด และอันดับ 3 เครื่องสไลซ์ วิทยาลัยเทคนิคสิชล ประเภทสิ่งประดิษฐ์ประเภทผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป รางวัลชนะเลิศ เครื่องอุ่นน้ำมันหอมระเหย วิทยาลัยเทคนิคชัยนาท รองชนะเลิศอันดับ 1 อุปกรณ์ม้วนขนมทองม้วน วิทยาลัยเทคนิคกระบี่, อันดับ 2 ที่แขวนหนังสือพิมพ์ดับเบิ้ลล็อก วิทยาลัยการอาชีพบ้านลาด และอันดับ 3อุปกรณ์ช่วยเติมน้ำมันคอมเพรสเซอร์และล้างระบบเครื่องปรับอากาศ วิทยาลัยการอาชีพไทรน้อย ประเภทสิ่งประดิษฐ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน รางวัลชนะเลิศ เครื่องกลั่นเอทานอลต่อเนื่อง (รุ่นประหยัดพลังงาน) วิทยาลัยการอาชีพนครสวรรค์ รองชนะเลิศอันดับ 1 เครื่องสกัดน้ำมันจากเมล็ดสบู่ดำ วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร, อันดับ 2 เตาเผาหัวแร้งบัดกรีประหยัด วิทยาลัยเทคนิคพิษณุโลก และอันดับ 3 เตาอบประหยัดพลังงาน วิทยาลัยเทคนิคหนองคาย และประเภทสิ่งประดิษฐ์ประเภทวิจัยและพัฒนา รางวัลชนะเลิศ เครื่องปรับอากาศประหยัดพลังงาน วิทยาลัยการอาชีพไชยา รองชนะเลิศอันดับ 1 การศึกษาประสิทธิภาพการบำบัดน้ำมันและไขมันจากน้ำทิ้ง ด้วยเครื่องแยกน้ำมันจากน้ำแบบทำให้ลอยตัว วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี, อันดับ 2 เครื่องบดเครื่องเทศและสมุนไพร วิทยาลัยเทคนิคระยอง และอันดับ 3 เครื่องปลิดขั้วผลลำไย “ลูกเจ้าแม่จามเทวี 3-4 คำมีคำมา” วิทยาลัยเทคนิคลำพูน ทั้งนี้ สอศ. ได้จัดให้มีรางวัลเกียรติยศ สำหรับผลงานสิ่งประดิษฐ์ที่มีศักยภาพในการต่อยอดนำไปสู่อุตสาหกรรมหรือผลิตในเชิงพาณิชย์ อีก 5 ผลงาน ได้แก่ เครื่องแยกไข่แดงจากไข่ขาวระบบขดลวด วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีตรัง, การศึกษาการบำบัดน้ำมันและไขมันจากน้ำทิ้งด้วยเครื่องแยกน้ำมันจากน้ำแบบทำให้ลอยตัว วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี, เครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดและสิ่งแปลกปลอมใต้ท้องรถยนต์ วิทยาลัยการอาชีพบึงกาฬ,อุปกรณ์ล็อคล้อรถยนต์ วิทยาลัยเทคนิคภูเก็ต และเครื่องล้างหอยแครง วิทยาลัยเทคนิคระยอง (สยามรัฐรายวัน พฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





สุขภัณฑ์อาชีวะรุ่นกินน้ำน้อย

นายสุวิทย์ พุมมา นักศึกษาวิทยาเทคนิคกำแพงเพชร เปิดเผยว่า กลุ่มนักศึกษาประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงปี 1 ร่วมกันประดิษฐ์อุปกรณ์ช่วยประหยัดน้ำสำหรับสุขภัณฑ์ ที่สามารถลดปริมาณการใช้น้ำลงได้ 50% จากสุขภัณฑ์ทั่วไปที่ออกแบบให้ใช้น้ำไม่ต่ำกว่า 8-10 ลิตรต่อการกดชักโครก 1 ครั้ง อุปกรณ์ดังกล่าวพัฒนามาจากการศึกษาระบบสุขภัณฑ์ในแต่ละรูปแบบ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกันเพื่อการออกแบบให้สามารถใช้ได้กับสุขภัณฑ์ทุกยี่ห้อ ด้วยการดัดแปลงการทำงานของวาล์วควบคุมการปล่อยน้ำ โดยแยกเป็น 2 ส่วน คือ วาล์วที่ใช้ชำระเฉพาะปัสสาวะ และวาล์วใช้ชำระอุจจาระ ทั้งนี้วาล์วทั้งสองชนิดจะเชื่อมต่อกับปุ่มกดน้ำผ่านลูกหนูและกลไกของสุขภัณฑ์ในแบบเดิม สำหรับชักโครกประหยัดน้ำนี้ จะมีปุ่มกดชำระที่แยกกัน 2 ปุ่มคือ ปุ่มสำหรับปัสสาวะจะใช้น้ำที่เลยจากวาล์วบนขึ้นมา ซึ่งออกแบบให้ใช้น้ำไม่เกิน 2-3 ลิตร ส่วนวาล์วล่างสำหรับอุจจาระยังคงจำเป็นต้องใช้น้ำในปริมาณมากเช่นเดิม คือประมาณ 8-10 ลิตร วัสดุที่นำมาใช้ในการดัดแปลงชักโครกประหยัดน้ำนั้น หลักๆ เป็นวัสดุประเภทวาล์วสุขภัณฑ์ที่มีจำหน่ายในท้องตลาด เพื่อสะดวกกับการติดตั้งและบำรุงรักษา โดยหลังจากที่ทดลองใช้งานชักโครกดังกล่าวแล้วพบว่า สามารถช่วยประหยัดค่าน้ำในระยะยาวได้ และสามารถนำเข้าสู่ระบบการผลิตในอุตสาหกรรมได้จริง ด้วยหลักการทำงานที่ไม่ยุ่งยาก ส่วนราคาต้นทุนในการติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดน้ำไม่เกิน 400 บาท ทั้งยังสามารถดัดแปลงติดตั้งได้กับสุขภัณฑ์ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ ขณะที่ข้อกังวลด้านความปลอดภัยนั้น เจ้าของผลงานยืนยันว่า ชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่นำมาใช้เป็นพลาสติกทั้งหมด ไม่มีโลหะหรือไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งาน สำหรับในอนาคต ผู้จัดทำเตรียมที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ ด้วยการติดตั้งเซ็นเซอร์ช่วยคำนวณเวลา ในการกดน้ำแบบอัตโนมัติ ที่จะช่วยประหยัดน้ำได้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการศึกษาความเป็นไปได้ (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)





ทีมยุโรปวิจัยมือเทียมรู้ร้อนรู้หนาวเหมือนมือจริง

นักวิจัยตั้งชื่อโครงการนี้ว่า "ไซเบอร์แฮนด์" เป้าหมายคือพัฒนาแขนกลรุ่นใหม่ ที่สามารถเชื่อมต่อสัญญาณของมือกลกับระบบประสาทส่วนกลางของมนุษย์ โดยประโยชน์นอกจากช่วยให้คนแขนขาดสามารถควบคุมมือกลได้ดั่งใจ จากการรับส่งสัญญาณระหว่างมือกลกับระบบประสาทส่วนกลางแล้ว ยังช่วยให้สามารถรู้สึกสัมผัสสิ่งของวัตถุ ได้เหมือนสัมผัสจริงด้วยจากการแปลสัญญาณที่มือกลส่งไปยังประสาทส่วนกลาง โครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือกัน ระหว่างนักวิจัยจากประเทศเยอรมนี สเปน อิตาลีและเดนมาร์ก เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2535 และสิ้นสุดโครงการเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นับว่าเป็นการผสมผสานความรู้ ด้านประสาทวิทยาและหุ่นยนต์เข้าด้วยกันอย่างแยบยล โดยธรรมชาติแล้ว ระบบประสาทส่วนกลางจะเป็นตัวควบคุมการทำงานของมือ โดยคำสั่งจะถูกส่งไปยังระบบประสาทส่วนปลาย ที่สั่งให้กล้ามเนื้อต่างๆ ทำงาน ขณะเดียวกัน ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งของนิ้ว แรงกดจากการจับหรือคลายมือ เป็นต้น ได้มาจากระบบสัมผัสโดยธรรมชาติ ซึ่งจะส่งไปให้ประสาทส่วนกลางประมวลผล ส่วนประกอบของมือกลเสมือนจริง ประกอบด้วย ระบบเซ็นเซอร์ฝังในเหมือนระบบประสาทสัมผัสโดยธรรมชาติของมนุษย์ เซ็นเซอร์ไฟฟ้านี้ทำหน้าที่ป้อนข้อมูลความรู้สึกให้ผู้พิการ โดยใช้ขั้วไฟฟ้าที่เรียกว่า ไลฟ์ส (LIFEs) เชื่อมต่อมือกลกับระบบประสาท แต่ได้เพิ่มและปรับปรุงสัญญาณให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น มือเทียมต้นแบบนี้ ทางผู้พัฒนาได้เชื่อมต่อเซ็นเซอร์เข้ากับระบบประสาทรับรู้ของมนุษย์ 2 ชนิด ได้แก่ ระบบสัมผัสภายในซึ่งอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายทำงานสอดคล้องกับอวัยวะส่วนอื่น และระบบสัมผัสภายนอกที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้รสชาติ สัมผัส การได้ยินเสียงและการมองเห็น สำหรับตัวต้นแบบสุดท้าย นักวิจัยยังติดตั้งเซ็นเซอร์วัดแรงตึงผิว แรงกด มุมเอียง และสัมผัสไว้ด้วย ล่าสุด นักวิจัยกำลังเดินเรื่องขอทำการวิจัยในมนุษย์ โดยจะทดสอบกับผู้พิการแขน ขณะที่หลายบริษัทแสดงความสนใจนำระบบดังกล่าวมาจำหน่าย แม้ว่ายังคงต้องรอการทดสอบต่างๆ ให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 ปี (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





ไม้เท้าเลเซอร์

ปัจจุบันนอกจากการรักษาด้วยวิธีรับประทานยาในกลุ่มลีโวโดปา กับผู้ป่วยที่เป็นโรคพาร์กินสัน ซึ่งพบว่าอาการเดินติดขัดตอบสนองต่อยาไม่สม่ำเสมอแล้ว อีกวิธีหนึ่งในการรักษาคือการผ่าตัด ซึ่งได้นำเสนอในฉบับก่อนแล้ว โดยฝังสายกระตุ้นไฟฟ้าเข้าไปในสมองส่วนลึกของผู้ป่วยที่ถูกกระทบกระเทือน การกระตุ้นไฟฟ้าอย่างอ่อนที่ไม่เป็นอันตรายในสมอง แต่การตอบสนองต่อการผ่าตัดยังได้ผลไม่แน่นอน จึงเป็นที่มาของการพัฒนาไม้เท้าที่สามารถยิงแสงเลเซอร์ลงไปที่พื้นให้ก้าวเดินต่อไปได้ ประสิทธิภาพของไม้เท้าเลเซอร์ในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน โดยการเปรียบเทียบระหว่างผู้ป่วยที่ใช้ไม้เท้าและไม่ใช้ไม้เท้า รวมถึงผลการรักษาด้วยไม้เท้าเปรียบเทียบกับการรับประทานยาในกลุ่มลีโวโดปา ทั้งนี้ ได้แบ่งผู้ป่วยออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ป่วยที่ไม่ได้รับประทานยาและไม่ใช้ไม้เท้า ผู้ป่วยที่ใช้ไม้เท้าในการเดินโดยการทดสอบให้เดินในระยะ 60 ฟุต และกลุ่มผู้ป่วยที่รับประทานยาและใช้ไม้เท้าช่วยในการเดิน จากนั้นจึงนำผลมาศึกษาทางสถิติ ปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาอุปกรณ์โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วยมากที่สุด เช่น การทำให้น้ำหนักตัวผู้ป่วยเอนลงมาที่ไม้เท้า ทำให้เลเซอร์ถูกยิงลงมาที่พื้น โดยที่ผู้ป่วยไม่ต้องเอื้อมมือไปกดปุ่มเลเซอร์ ดังนั้น ผู้ที่สงสัยว่ามีอาการของโรคนี้สามารถเข้ารับการตรวจรักษา โดยเฉพาะกับแพทย์ทางอายุรกรรมระบบประสาทผู้เชี่ยวชาญในการรักษาโรคนี้ การเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ส่งผลดีต่อผู้ป่วยในระยะยาว รวมทั้งควรหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th)





ไทรโคซานก่อมะเร็ง

ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์อีฟนิ่ง สแตนดาร์ดนิวส์ ประเทศอังกฤษ รายงานว่านักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐอเมริกาเตือนรัฐบาลทั่วโลกเร่งตรวจสอบสินค้าอุปโภคประเภทยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก น้ำยาล้างจาน และสบู่ซึ่งมีส่วนผสมของสารต่อต้านแบคทีเรีย "ไทรโคซาน" ภายหลังจากวิจัยแล้วพบว่าสารไทรโคซานที่ผสมอยู่ในยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากยี่ห้อดังๆ เมื่อทำปฏิกิริยากับน้ำประปาผสมคลอรีนในประเทศอังกฤษ จะส่งผลทำให้เกิดก๊าซคลอโรฟอร์ม ซึ่งถ้าร่างกายคนเราได้รับก๊าซชนิดนี้เข้าไปมากๆ จะทำให้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า โรคตับ หรือร้ายแรงถึงขั้นเป็นมะเร็ง ศาสตราจารย์ปีเตอร์ ไวเคสแลนด์ นักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เทค ประเทสหรัฐอเมริกา นำผลิตภัณฑ์ผสมสารไทรโคซานเหล่านี้ไปทดลองในห้องปฏิบัติการและพบว่าเมื่อสารไทรโคซานในผลิตภัณฑ์ทำปฏิกิริยากับน้ำประปาผสมคลอรีนในประเทศอังกฤษ จะทำให้เกิดก๊าซคลอโรฟอร์มซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคขึ้นมา โดยถ้าร่างกายได้รับคลอโรฟอร์มในปริมาณมากๆ อย่างต่อเนื่องผ่านการหายใจ หรือผ่านการดูดซึมทางผิวหนัง อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคซึมเศร้า โรคตับ หรือร้ายแรงถึงขั้นเป็นมะเร็ง ด้านนายไจล์ส วัตสัน นักพิษวิทยาประจำกองทุนเพื่อสัตว์ป่า (WWF) เตือนผู้บริโภคว่า แม้การทำปฏิกิริยาระหว่างสารไทรโคซานกับน้ำคลอรีนจะก่อให้เกิดก๊าซคลอโรฟอร์มในปริมาณไม่มากนัก และผลกระทบต่อร่างกายจากก๊าซตัวนี้ยังไม่มีข้อมูลยืนยันชัดเจน แต่ร่างกายผู้บริโภคอาจค่อยๆ สะสมสารตัวนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ในกรณีที่ใช้สินค้าเป็นระยะเวลานานๆ ดังนั้นถ้าผู้บริโภคยังไม่แน่ใจในความปลอดภัยควรตรวจดูฉลากส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ก่อนจะซื้อว่ามีส่วนผสมของสารไทรโคซานหรือไม่ ถ้ามีก็ควรหลีกเลี่ยง ภก.ภักดี โพธิศิริ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงการใช้สารไทรโคซานในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายในประเทศไทยว่าขณะนี้ยังมีการอนุญาตให้ใช้อยู่ จัดอยู่ในประเภทเครื่องสำอาง ส่วนใหญ่มักจะเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ประเภทสบู่ยา ส่วนยาสีฟันพบว่ามีใช้บ้างแต่น้อย เพียง 1-2 ยี่ห้อเท่านั้น ทั้งนี้ เนื่องจากข้อมูลที่ระบุว่าเป็นสารก่อให้เกิดมะเร็งนั้น มีการรายงานเข้ามาเป็นระยะๆ แต่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปที่ชัดเจนได้ว่าสารดังกล่าวก่อให้เกิดมะเร็งจริง จึงยังคงอนุญาตให้ใช้ แม้แต่ประเทศในกลุ่มอียูก็ยังอนุญาตให้ใช้สารดังกล่าวอยู่เนื่องจากหลักฐานไม่ชัดเจน (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





สุนัขตำรวจติดกล้องวิดีโอ สอดแนมคนร้ายติดอาวุธยึดอาคาร

สุนัขตำรวจในเขตนอร์ธัมเบรีย ประเทศอังกฤษ ได้รับการติดกล้องกล้องวิดีโอสอดแนมไว้บนหัว เพื่อใช้ในปฏิบัติการค้นหาตัวกลุ่มคนร้ายติดอาวุธที่ก่อเหตุยึดสถานที่ต่างๆ หรือจับตัวประกัน จิม ซูตาร์ หนึ่งในผู้ควบคุมหน่วยสุนัขตำรวจนอร์ธัมเบรีย กล่าวว่า กล้องวิดีโอสอดแนมดังกล่าวจะผูกติดกับสายปลอกคอสุนัขตำรวจ และจัดวางตัวกล้องให้อยู่บนหัวสุนัข เบื้องต้น สุนัข 2 ตัวที่นำมาฝึกหนักเพื่อใช้ในปฏิบัติการนี้เป็นพันธุ์เยอรมันเชฟเพิร์ด คือ แซมมี่ อายุ 5 ปี กับ ซารา อายุ 3 ปี ซูตาร์ ระบุว่า ถ้าเกิดกรณีคนร้ายบุกยึดอาคาร หรือ จับตัวประกันเอาไว้ในอาคาร ตำรวจจะส่งสุนัขตำรวจทั้ง 2 ตัวเข้าไปในที่เกิดเหตุ และคอยติดตามดูสถานการณ์ รวมทั้งค้นหาจุดซ่อนตัวของคนร้ายผ่านทางกล้องที่ติดตั้งไว้บนหัวสุนัข นอกจากนั้น สุนัข 2 ตัวนี้ยังได้รับการฝึกฝนให้คาบโทรศัพท์มือถือไปวางทิ้งไว้ให้คนร้ายใช้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ และตัวกล้องวิดีโอยังมีระบบจับภาพแบบอินฟราเรด ทำให้จับภาพในที่มืดได้ (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)





เชิดชูแพทย์ไทยมอบเครื่องราชฯชั้นสูงสุด

แพทย์ศิลปากรเจ้าของสิ่งประดิษฐ์หมวกนิรภัยทนแรงกระแทก รับมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุด จากคณะกรรมการเบลเยียม ศ.นพ.วีระ กสานติกุล อาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร กล่าวว่า จากการนำผลงานหมวกนิรภัยต้นแบบ เข้าร่วมประกวดในนิทรรศการผลงานประดิษฐ์ The World Exhibition of Inovation,Research and new technologies ครั้งที่ 54 (Brussels Euraka 2005) ประเทศเบลเยียมเมื่อเร็วๆนี้ ทั้งนี้ทางคณะกรรมการจัดงาน ได้พิจารณามอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุด Grand Officier พร้อมทั้งถ้วยรางวัล เนื่องจากผลงานวิจัยดังกล่าวช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนและสามารถพัฒนาไปสู่เชิงพาณิชย์ได้ นอกจากนี้ คณะกรรมการยังได้รับมอบเหรียญรางวัล Gold Medal with Mention พร้อมประกาศนียบัตรสำหรับผลงานวิจัย เรื่อง"สาเหตุการเกิดอุบัติจากรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยโดยเน้นบทบาทของการดื่มแอลกอฮอล์ " โดยรางวัลทั้งสองนี้ที่ผ่านมาได้พิจารณามอบให้เฉพาะกับประมุขของประเทศเท่านั้น จากงานวิจัยที่ได้นำไปพัฒนา เป็นหมวกนิรภัยต้นแบบ ที่มีความปลอดภัยสูง โดยเน้นการออกแบบให้เหมาะสมกับสรีระศีรษะของคนไทยและมีความแข็งแรงกันแรงกระแทกได้ดีกว่าเนื่องจากใช้วัสดุไฟเบอร์กลาสห่อหุ้มทำให้มีความคงทนมาก อีกทั้งยังมีช่องระบายอากาศช่วยให้ขณะที่ส่วมหมวกนิรภัยไม่รู้สึกร้อนเกินไป ในประเทศไทยเรามี โรงงานผลิตหมวกกันน็อคที่มีคุณภาพ และความปลอดภัยสูงอันดับสองของโลก แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ขายในประเทศ เพราะเน้นการส่งออกมากกว่า ดังนั้นหากพัฒนาหมวกนิรภัยต้นแบบนี้จน ประสบความสำเร็จก็จะทำให้คนไทยมีหมวกกันน็อคที่มีคุณภาพสูงและมีราคาถูก ที่สำคัญป้องกันการบาดเจ็บได้ก็จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตลงได้ " นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติประจำปี 2546 กล่าว งานวิจัยดังกล่าว อยู่ระหว่างขั้นตอนการขอทุนดำเนินการต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาต้นแบบหมวกนิรภัยและต่อยอดในเชิงพาณิชย์จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ คาดว่าอีก 9 เดือนจะสามารถพัฒนาได้สำเร็จและทูลเกล้าฯสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 9 ธ.ค. 48 http://www.bangkokbiznews.com)





“ยางพาราประดิษฐ์” พลิกวิกฤติเป็นโอกาส

สุมิตรา ปีจิธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดคเบอร์ จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์เดเซ่ สามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพิ่มคุณค่าได้หลากหลายรูปแบบ องค์ประกอบของยางพาราไม่ว่าจะเป็นลำต้น น้ำยาง ถูกนำมาพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมผลิตสินค้ามากมาย หนึ่งในนั้นคือ ทำเป็นของประดับ เครื่องเขียน หรือ จะทำเป็นของแจก สไตล์เก๋ๆ สีสันสดใส แปลกใหม่ไม่เหมือนใครได้อีกด้วย พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นภายใต้แบรนด์ “deze” มีการเปิดตัวสินค้าของประดับตกแต่งจากยางธรรมชาติครั้งแรกในงานแสดงสินค้าของขวัญและของใช้ในบ้าน ( BIC & BIH 2004) จากจำนวนสินค้าไม่กี่แบบ แต่ได้รับผลตอบรับมาดี เมื่อได้รับการตอบรับอย่างดี จึงได้พยายามพัฒนาสินค้าจนมีมากกว่า 20 แบบ ซึ่งยังไม่รวมแบบที่ลูกค้ากลุ่มพรีเมียร์กำหนดเองอาทิที่วางนามบัตร, คลิปหนีบกระดาษ, ที่เสียบปากกาและกล่องใส่ปากกา, กรอบรูปตั้งโต๊ะ ฯลฯ หรือแม้แต่ของชำร่วยในงานแต่งงานก็ตาม ที่สำคัญจะเลือกแต่วัตถุดิบที่มีคุณภาพและความปลอดภัยของลูกค้า ซึ่งสินค้าทุกชิ้นมั่นใจได้ว่าไร้สารเคมี (non toxic) เนื่องจากจะเลือกใช้สารเคมีที่ไม่มีพิษ ขณะที่ทางโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (ITAP) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้เข้ามาช่วยเหลือโดยส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วย ภายใต้ชื่อ “โครงการการปรับปรุงคุณภาพกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ยางในอุตสาหกรรมเครื่องใช้และของตกแต่ง” ช่วยให้บริษัทลดการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตได้กว่า 30-50% และลดต้นทุนการผลิตได้ประมาณ 10 - 20% เตรียมขยายตลาดไปยังญี่ปุ่น จากปัจจุบันที่ส่งไปยังไต้หวันและสิงคโปร์ พร้อมขยายไลน์เปิดแบรนด์ใหม่ต้นปีหน้า เพื่อเจาะกลุ่มตลาดบ้าน ถือว่าเป็นตัวอย่างที่น่าภูมิใจ (สยามรัฐรายวัน ศุกร์ที่ 9 ธ.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





ข่าวทั่วไป


เรียนหนักไป ระวังเป็นพาร์คินสัน!

โรคพาร์คินสัน (parkinson) ถือเป็นโรคร้ายในลักษณะมหันตภัยเงียบโรคหนึ่ง เพราะแม้แต่แพทย์ ก็ไม่สามารถบอกได้ว่า โรคนี้เกิดขึ้นด้วยเหตุใด รู้เพียงว่าเป็นผลมาจากสมองขาดสารโดปามีน (Doamine) จนทำให้เซลล์สมองเสื่อมและตาย แต่เพราะเหตุใดเล่า เซลล์สมอง จึงไม่สามารถสร้างสารโดปามีนที่ว่านั้นได้ การรักษาจึงทำได้แค่ให้ ยาเลโวโดปา (Levodoa) เพื่อเติมสารโดปามีนแก่สมองเท่านั้น แต่ก็อีกนั่นแหละ การให้ยาก็ไม่สามารถหยุดยั้งความเสื่อมและการตายของเซลล์สมองได้อยู่ดี ผู้ป่วยเป็นโรคพาร์คินสันนี้ จะเกิดผิดปกติของระบบประสาท มีอาการสั่นตามร่างกายเห็นได้ชัดก็ตามมือตามเท้า อาจจะเป็นซีกใดซีกหนึ่งหรือทั้ง 2 ซีกก็ได้ เดินช้าลง ขาลำตัวมีอาการแข็งตึง นั่งตัวเอียง ปวดกล้ามเนื้อ ซึมเศร้า นอนไม่หลับ สีหน้าเฉยเมยไม่แสดงอารมณ์ น้ำลายไหลบ่อยไม่สามารถควบคุมได้ เป็นต้น ซึ่งโรคร้ายนี้ มักจะเกิดขึ้นแก่บุคคลที่มีอายุเกินกว่า 50 ปีขึ้นไปไม่ว่าชายหรือหญิง นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ต่างพยายามศึกษาวิจัยถึงสาเหตุที่มา และการรักษาเพื่อเอาชนะโรคนี้ ล่าสุด ศูนย์วิจัยแห่งคลินิกเมโย สหรัฐอเมริกา ได้ทำการวิจัยในกลุ่มตัวอย่าง ที่มีอัตราความเสี่ยงของโรคพาร์คินสันนี้ โดย ดร.วอลเทอร์ รอกคา หัวหน้าการศึกษาวิจัย ออกมาเปิดเผยว่า คณะนักวิจัยพบว่า กลุ่มวิชาชีพแพทย์ ซึ่งมีการศึกษาสูงๆ และเรียนหนักมาตลอดชีวิตของพวกเขา มีความเสี่ยงที่จะป่วย ด้วยโรคพาร์คินสันในอัตราร้อยละ 4ขณะที่ผู้ที่มีการศึกษาน้อย และเรียนไม่หนัก มีความเสี่ยงด้วยโรคดังกล่าวในอัตราร้อยละ 1เท่านั้น ดร.วอลเทอร์ ยังแนะนำหนทางที่จะลดความเสี่ยงการป่วยด้วยโรคร้ายนี้ก็มีอยู่เช่นกัน ด้วยการหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ และรับประทานอาหารครบทั้ง 5 หมู่ ตลอดจนรู้จักพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้เกิดความผ่อนคลายทั้งทางสมอง ร่างกาย และจิตใจไม่ให้เคร่งเครียดมากจนเกินไป ก็สามารถช่วยลดอัตราความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง (สยามรัฐรายวัน จันทร์ที่ 7 ธ.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





สต็อกวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้ผู้สูงอายุ-คนทั่วไปยังไม่จำเป็น

น.พ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ว่า กรมควบคุมโรคกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้เฉพาะ “กลุ่มเสี่ยง” คือ กลุ่มที่ต้องทำลายสัตว์ปีกในพื้นที่เกิดไข้หวัดนกระบาดในสัตว์ปีกกับกลุ่มบุคลากรทาง การแพทย์ที่ต้องตรวจรักษาคนไข้ และควบคุมโรค ได้แก่ แพทย์ พยาบาล นักระบาดวิทยา เนื่องจากกลุ่มเสี่ยงมีแนวโน้มรับเชื้อไวรัสเอช 5 เอ็น 1 จากสัตว์ปีก มีโอกาสรับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่คน วัตถุประสงค์เพื่อมิให้กลุ่มเสี่ยงรับเชื้อไข้หวัดนกและไข้หวัดใหญ่พร้อมกันหรือไล่เลี่ยกัน เพราะหากเชื้อ 2 ตัวเข้าสู่ร่างกายพร้อมกันโอกาสเกิดการผสมข้ามสายพันธุ์ค่อน ข้างสูง เกิดเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ที่เรียกว่าสายพันธุ์มรณะ มีความรุนแรงติดต่อจากคนสู่คน ส่วนประชาชนทั่วไปจะฉีดหรือไม่ฉีดวัคซีนก็ได้ เพราะโอกาสเกิดการผสมข้ามสายพันธุ์น้อยกว่ากลุ่มเสี่ยง การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทำให้ร่างกายมีภูมิป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เพิ่มความมั่นใจว่าจะไม่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่เกิดในคน ไม่ได้ป้องกันเชื้อไข้หวัดนก ด้าน น.พ.รุ่งเรือง กิจผาติ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กลุ่มเด็กเล็ก กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ หากมีขีดความสามารถรับค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรคไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ ปอดบวม โดยร่างกายจะสร้างภูมิต้านโรคไข้หวัดใหญ่ ภายหลังฉีดวัคซีนแล้ว 15 วัน ส่วนวิธีป้องกันไข้หวัดนกคือ การไม่สัมผัสคลุกคลีกับสัตว์ปีก ต้องล้างมือบ่อยๆ ป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย หากพบเป็ดไก่ตาย ให้ราดด้วยน้ำร้อนต้มเดือด จากนั้นใส่ถุงมือหรือถุงพลาสติกนำซากสัตว์ไปฝังหรือเผา. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค. 48 http://www.thairath.co.th)





เตือนปรับเครื่องยนต์ใช้ก๊าซเอ็นจีวีภายใน 15 วัน ไม่แจ้งกรมฯโดนปรับ

นายชัยรัตน์ สงวนซื่อ รองอธิบดีฝ่ายวิชาการ กรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายให้ลดการใช้และนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง พร้อมสนับสนุนการใช้พลังงานอื่นทดแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งก๊าซธรรมชาติอัด (เอ็นจีวี) นั้น ทำให้ในปัจจุบันมีเจ้าของรถส่วนหนึ่งนำรถไปติดตั้งระบบการใช้ก๊าซเอ็นจีวี ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยในการนำก๊าซเอ็นจีวีไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ กรมการขนส่งทางบกจึงขอให้ผู้ที่นำรถไปติดตั้งระบบการใช้ก๊าซเอ็นจีวี ต้องนำรถมาเข้ารับการตรวจสอบ เพื่อทำการบันทึกแก้ไขการเปลี่ยนใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงภายใน 15 วันหลังจากติดตั้ง หากไม่แจ้งภายในเวลาที่กำหนดรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์จะมีความผิดปรับไม่ เกิน 2,000 บาท แต่หากเป็นรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก จะมีความผิดปรับไม่เกิน 50,000 บาท (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ไทยเจ๋งผลิตวัคซีนหวัดนกสำเร็จ “หมอพินิจ” หนุนศูนย์กลางส่งออก

ที่กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.48 นายพินิจ จารุสมบัติ รมว.สาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมร่วมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ถึงความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนและยาโอเซลทามิเวียร์ เพื่อป้องกันและรักษาโรคไข้หวัดนก ว่า ขณะนี้องค์การเภสัชกรรมสามารถผลิตยาโอเซลทามิเวียร์ เพื่อต้านเชื้อไข้หวัดนกได้แล้ว โดยมีคุณภาพและมาตรฐานเทียบเท่ากับยาต้นแบบของต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยลดงบประมาณในการจัดซื้อยาเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือการระบาดของโรคไข้หวัดนกได้ถึง 50 ล้านบาท จากจำนวนการสั่งซื้อ 1 ล้านเม็ด พล.ท.นพ.มลคล จิวะสันติการ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า หลังจากที่ได้นำวัตถุดิบมาทดสอบประสิทธิภาพ ทางองค์การเภสัชกรรมได้ผลิตยาโอเซลทามิเวียร์ตำหรับที่คิดค้นเอง แต่มีคุณภาพคล้ายกับยาต้นแบบ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการเพื่อผลิตให้ได้ 1 ล้านเม็ด ตามที่กรมควบคุมโรคต้องการใช้ อย่างไรก็ตาม หากมีการระบาด องค์การเภสัชกรรมจะสามารถเพิ่มการผลิตได้ถึง 5 ล้านเม็ด หรือมากกว่า ในระยะเวลาสั้นๆ เพราะองค์การเภสัชกรรมสามารถผลิตได้ถึง 4 แสนเม็ดต่อวัน ทั้งนี้ ยาโอเซลทามิเวียร์ที่ผลิตขึ้นเองมีราคา 70 บาทต่อเม็ด ขณะที่ยาต้นแบบจำหน่ายอยู่ที่ 120 บาทต่อเม็ด อย่างไรก็ตาม ทางรมว.สาธารณสุขได้ให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์นำยาทุกตำรับไปทดลอง เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการตรวจสอบทางประสิทธิภาพและความปลอดภัย โดยต้องขึ้นทะเบียนยากับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ด้าน นพ.ณรงศักดิ์ อังคะสุวพลา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โครงการผลิตวัคซีนไข้หวัดนก เพื่อฉีดป้องกันในคน แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.การพัฒนาวัคซีนต้นแบบจากเชื้อ ที่ได้รับจากองค์การอนามัยโลกในระดับห้องปฏิบัติการที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำมาทดสอบประสิทธิภาพในประเทศไทยว่ามีการสร้างภูมิต้านทานโรคได้หรือไม่ โดยให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นผู้รับผิดชอบ 2.การตั้งโรงงานผลิตวัคซีนในประเทศช่วงที่ผ่านมาได้เจรจากับบริษัทของประเทศจีนถึงแนวโน้มในการตั้งโรงงานผลิตวัคซีนในไทย ซึ่งนโยบายของนายพินิจคือ ต้องพึ่งตนเองได้ จึงมีแนวคิดใช้เงินงบประมาณจากโครงการเมกะโปรเจกต์ทำงานร่วมกันกับหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวงวิทยาศาสตร์ องค์การเภสัชกรรม กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เบื้องต้นวางกรอบไว้ 3 ระดับ คือ 1.การพัฒนาวัคซีนระดับห้องปฏิบัติการ 2.พัฒนาระดับกึ่งอุตสาหกรรม และ3.ระดับอุตสาหกรรม โดยโครงการมีความชัดเจนแล้วร้อยละ 95 (สยามรัฐรายวัน พฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





รัฐ-ผู้ค้าน้ำมันสนองพระราชดำรัส ปัดฝุ่นผลิตไบโอดีเซล/ปตท.-บางจากเดินหน้าวิจัย

นายวิเศษ จูภิบาล รมว.พลังงานเปิดเผยภายหลังพิธีเปิดรถตู้โดยสารปรับอากาศใช้ก๊าซธรรมชาติ(เอ็นจีวี)เป็นเชื้อเพลิงว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการนำแผนการพัฒนาการใช้ไบโอดีเซลที่ได้ผ่านมติเห็นชอบจากการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดบุรีรัมย์ในช่วงเดือนก.ค.48 ที่ผ่านมามาทบทวนแผนทั้งหมดเพื่อให้การจัดทำเร็วขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 5 ปีในการพัฒนาพื้นที่เพาะปลูกปาล์มและสร้างโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มให้เร็วขึ้นเหลือประมาณ3-4 ปีและมีไบโอดีเซลประมาณ 8.5 ล้านลิตรต่อวัน สำหรับแผนการดำเนินงานที่วางไว้คือ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดหาพื้นที่การเพาะปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อผลิตน้ำมันไบโอดีเซลจำนวน 5 ล้านไร่ทั่วประเทศตั้งแต่ปี 2549-2552 โดยแบ่งเป็นพื้นที่ปลูกใหม่บนพื้นที่นาร้าง 4 ล้านไร่ประกอบด้วยภาคใต้ 2,230,000ไร่ ภาคตะวันออก 1,230,000 ไร่ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 540,000 ไร่และเป็นพื้นที่ปลูกทดแทนของเดิม 1 ล้านไร่ ซึ่งในจำนวนนี้มี 600,000 ไร่ที่จะขอความสมัครใจจากเกษตรกรที่ปลูกเงาะ ทุเรียนและกาแฟซึ่งประสบปัญหาพันธุ์ไม่ดีราคาตกต่ำ ทั้งนี้คาดว่าในปี 49 จะเป็นปีแรกที่มีการปลูกปาล์ม 720,000 ไร่ ด้านนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.กล่าวว่า ปตท.พร้อมที่จะส่งเสริมการการวิจัย พัฒนา และการใช้ไบโอดีเซล โดยใช้สถาบันวิจัย ปตท.ที่อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นศูนย์วิจัยหลักซึ่งเบื้องต้นไทยคงจะต้องเริ่มส่งเสริมไบโอดีเซลสูตรผสมดีเซลร้อยละ 5 หรือ B5 ก่อน แล้วจึงขยายไปเป็นสูตรอื่นๆ คือ B10 และ B100 ต่อไป เพราะการส่งเสริมจะต้องทำอย่างรอบคอบ รอให้มีวัตถุดิบ คือ ปาล์มน้ำมันอย่างเพียงพอ ส่วนนายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน)กล่าวว่า บางจากฯวางแผนจะใช้พื้นที่คลังน้ำมันวังน้อย สร้างเป็นศูนย์วิจัยพลังงานทดแทนครบวงจร โดยเฉพาะไบโอดีเซล นอกจากนี้ยังเตรียมแผนจะร่วมทุนกับบริษัทเอซีจี และบริษัทไอบีซี ตั้งโรงงานผลิตไบโอดีเซลกำลังผลิต 300,000 ลิตร/วันใช้เงินลงทุนประมาณ 900-1,000 ล้านบาทหากมีความชัดเจนว่าวัตถุดิบมีเพียงพอ ก็พร้อมจะก่อสร้างโรงงานในปีหน้าและคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปลายปี 2551 หรือต้นปี 2552 (สยามรัฐรายวัน พฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)





พบสรรพคุณเห็ดหลินจือ ยืดชีวิตผู้ป่วยโรคไตวาย

พ.ญ.นริสา ฟูตระกูล อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จากคุณสมบัติของสมุนไพร "เห็ดหลินจือ" ที่ช่วยในเรื่องการสร้างสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเป็นพิษที่มีอยู่ในเลือด ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการรักษาโรคต่างๆ จึงสนใจนำสมุนไพรชนิดนี้มาใช้รักษาผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ที่มีอาการดื้อต่อการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน จากการศึกษา โดยการให้เห็ดหลินจือในรูปของแคปซูลแก่ผู้ป่วยโรคไต ร่วมกับยาแผนปัจจุบันคือ ยาขยายหลอดเลือด พบว่าสารที่เสริมการอักเสบมีภาวะลดน้อยลง สารต้านการอักเสบมีภาวะที่สูงขึ้น และทำให้การตายของเซลล์บุผิวหลอดเลือดลดลง มีเลือดไปเลี้ยงไตเพิ่มขึ้น อัตราการกรองของเสียเพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันระดับของโปรตีนหรือไข่ขาวที่รั่วออกมาในปัสสาวะ ก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด จึงช่วยฟื้นฟูสมรรถนะการทำงานของไตได้ดียิ่งขึ้น เป็นการยืดอายุการเข้าสู่ภาวะไตวาย ผู้ป่วยโรคไตจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและการดำเนินชีวิต โดยให้ความสำคัญในเรื่องอาหาร น้ำ อากาศ การออกกำลังกาย การกำจัดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ควรควบคุมระดับไขมันในเลือดให้อยู่ในภาวะปกติ นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำให้มากเพียงพอเพื่อไม่ให้ไตขาดเลือด ที่สำคัญคือควรงดสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 9 ธ.ค. 48 http://www.komchadluek.net)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215