|
หัวข้อข่าวปีที่ 7 ฉบับที่ 2 ประจำวันที่ 2006-01-09
ข่าวการศึกษา
จี้ ทปอ. 'กัดไม่ปล่อย' แอดมิชชั่น-กรอ. มหาวิทยาลัยชื่อดัง เปิดโรงหนังฝึกนศ. มส.ขยายศูนย์เผยแพร่ศาสนา ใช้วัดประยูรฯเป็นตัวอย่าง สพฐ.วิจัยร.ร.สองภาษาเสนอศธ.สรุปนโยบาย-เปิดมินิอีพี มทร.แชมป์ยังดีไซน์ มทร.ธัญบุรีเดินเครื่องพัฒนา หวังก้าวสู่มหาวิทยาลัยชั้นนำ วิทยุจุฬาฯติวเข้ม"แอดมิสชั่นส์" สกอ.เพิ่งตื่นตั้งเกณฑ์กลาง กำกับมหาวิทยาลัยแตกหน่อสาขา
ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
เผยแพร่แผนที่ดาวเทียมไทยทำถูกใจยิ่งกว่ากูเกิลเอิร์ธ 'พันธุศาสตร์ย้อนรอย' ช่องทางทำเงินใหม่นักธุรกิจไทย สารมืด มะกันออกกฎ"เที่ยวอวกาศ" คุมเข้มบริษัทเอกชน-บังคับใช้มิ.ย. "สัตว์ยักษ์"มีอยู่จริง บนเกาะร้างห่างไกลมนุษย์ วิธีดู"แบตเตอรี่"แท้ สาร PCBs ในมันไก่ ระบบรปภ.ชีวภาพใหม่ ใช้สแกน"เส้นเลือดฝ่ามือ" คิดยาบำรุงประสาทรับกลิ่น เสริมจมูกมนุษย์ไวเท่าสุนัข
ข่าววิจัย/พัฒนา
วัคซีนมะเร็งปากมดลูกต้องฉีดก่อนแตกเนื้อสาวจึงได้ผล MetaChip ไบโอชิปตรวจพิษ นักรบยุคใหม่ กองทัพหุ่นยนต์ กินไข่ปลอดภัย อุปกรณ์ฝึกพิมพ์สัมผัสเพื่อผู้พิการ เอกชนโชว์พลาสติกเคลือบเทปลอนกำจัดฝุ่นโรงงาน นักไอทีน้อย...แชมป์อันดับ 3 เครื่องตรวจวัดค่าไอโอเดทในเกลือ "ผู้ดี"คิดค้นเครื่องมือ ตรวจ"มะเร็ง"ชีวภาพ กินผลิตภัณฑ์อาหารล้างพิษสูญเปล่าเสียทั้งเงินเวลาโดยไร้ประโยชน์ หมึกพิมพ์ผสมน้ำยางพาราคุณภาพดีต้นทุนต่ำ..ลดการนำเข้า ใช้เทคโนโลยีเพิ่มมูลค่ายางไทย ดื่มแค่น้ำสะอาดกำจัดของเสียได้ไม่ต้องสวนทวาร อบเชยช่วยรักษาเบาหวานได้ มธ.ศูนย์ลำปางจับมือวิศวะม.โตเกียว ผุดสถานีวิจัยขยะอินทรีย์แบบหมักทำปุ๋ย สนช.ควักเงินล้านหนุนเอกชนสร้าง cnc วว.พบสารพอลิแซ็กคาไรด์ สาหร่ายน้ำเงินป้องกันมะเร็ง "ดื่มหนัก"ทำลายกระดูก
ข่าวทั่วไป
ปี49ไทยลุ้น"ยูเนสโก" ติดป้ายมรดกโลกเพิ่ม วิจัยคุณสมบัติไม้ตีนเป็ด-ทดแทนไม้ท่อนปีละ 3 หมื่นล้าน วิชาการเกษตรทุ่ม 250 ล้านวิจัย-พัฒนาพืชเศรษฐกิจปี 49 "จีน"ทุ่มแสนล้าน ผลิตพลังงานหมุนเวียน ทวงสกอ.คลอดเกณฑ์ค่าตอบแทน กลุ่มสาธารณสุขรั้วมหาวิทยาลัย สธ.สั่ง อย. ตรวจสอบยาฆ่าแมลงในเครื่องดื่มชูกำลัง
ข่าวการศึกษา
จี้ ทปอ. 'กัดไม่ปล่อย' แอดมิชชั่น-กรอ.
รศ.ดร.ประเสริฐ ชิตพงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในฐานะอดีตประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยว่า ตนจะมอบงานในตำแหน่ง ประธาน ทปอ.ให้กับ ศ.ดร. ปรัชญา เวสารัชช์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัย ธรรมาธิราช ในเร็วๆนี้ โดยงานที่จะขอให้ ศ.ดร.ปรัชญา สานต่อเรื่องแรกคือ การติดตามร่าง พ.ร.บ.การเงินเพื่อการอุดมศึกษา ซึ่ง ทปอ.ได้เสนอข้อสังเกต และข้อเสนอต่อคณะกรรมการอำนวยการปฏิรูป ระบบการเงินเพื่อการอุดมศึกษาแล้ว เรื่องที่ 2 คือ การดำเนินงานกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) เพราะส่งผลกระทบต่อมหาวิทยาลัยมาก เรื่องที่ 3 คือ การดูแลระบบกลางการคัดเลือกนิสิตนักศึกษา หรือระบบแอดมิชชั่น ซึ่งขอให้มอบให้รองประธาน ทปอ.คนใดคนหนึ่งดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ เพราะเรื่องนี้ ทปอ.จะมองข้ามไม่ได้ และต้องประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) หากพบปัญหา ทปอ.ต้องรีบเข้าไปรับทราบและช่วยแก้ไข เรื่องที่ 4 คือ การดูแลร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยในกำกับรัฐ หรือมหาวิทยาลัยนอกระบบ ซึ่งล่าช้ามาก จะส่งผลกระทบต่อมหาวิทยาลัยรัฐเดิมมาก เรื่องที่ 5 คือ การผลักดันมหาวิทยาลัยไทยไปสู่มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ซึ่งตนยืนยันว่าการที่ สกอ. รวมอยู่ในกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้การอุดมศึกษาถดถอย หากจำเป็นต้องแยกตัวออกจากกระทรวงศึกษาธิการ ก็ต้องผลักดันต่อตามมติทปอ.ต่อไป (ไทยรัฐ พุธที่ 4 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)
มหาวิทยาลัยชื่อดัง เปิดโรงหนังฝึกนศ.
ผศ.ดร.นำยุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรีเปิดเผยว่า ว่าเมื่อไม่นานนี้ มทร.ธัญบุรีได้เปิดโรงภาพยนตร์ขึ้นภายในสถาบัน โดยโรงภาพยนตร์ดังกล่าวมีการลงทุนหลายล้านบาท เพื่อให้มีความทันสมัยเท่าเทียมกับโรงภาพยนตร์ของภาคเอกชน ที่ดำเนินธุรกิจด้านนี้อยู่ การจัดสร้างโรงภาพยนตร์ขึ้นภายในสถาบันครั้งนี้ เพราะ ต้องการให้นักศึกษา ที่เรียนในคณะเทคโนโลยีสื่อสาร มวลชน ซึ่งจะมีบางสาขาที่จะต้องเรียนเกี่ยวกับการถ่ายภาพ และการผลิตภาพยนตร์ ได้เรียนรู้และฝึกประสบการณ์ จากของจริง ตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการผลิตจนไปถึงขั้นตอนการนำไปฉายเผยแพร่ มีการบริหารงานเหมือน กับภาคเอกชน โดยให้นักศึกษาเข้ามาเรียนรู้เรื่องการ บริหารงานอย่างเป็นระบบ ในเบื้องต้นได้กำหนดที่จะให้มีการเปิดฉายให้นักศึกษาภายในสถาบัน และประชาชนที่อยู่ละแวกใกล้เคียงได้ชมภาพยนตร์ในทุกวันศุกร์ ทั้งนี้เพื่อเป็นการบริการนักศึกษาให้ได้มีส่วนร่วมกับกิจกรรมที่สถาบันจัดขึ้น ทั้งได้คลายเครียดหลังจากที่ต้องคร่ำเคร่งกับการเรียนมาตลอดสัปดาห์ โดยจะเก็บค่าเข้าชมแบบถูกมากๆ เช่น โรงภาพยนตร์เอกชนเก็บ 100-140 บาทต่อที่นั่ง แต่ของเราอาจจะเก็บจากนักศึกษาเพียงครึ่งเดียว คือราคา 50 หรือ 60 บาทเท่านั้น ส่วนระยะแรกอาจจะจัดภาพยนตร์ที่ไม่ถึงกับชนโรง แต่เพิ่งลาโรงใหม่ๆมาฉายก่อน แต่หลังจากทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้วจะมีการประสานกับภาคเอกชน เพื่อนำหนังชนโรงที่เป็นที่นิยมของนักศึกษามาฉายต่อไป สถาบันเตรียมจัดหางบประมาณอีกก้อนหนึ่งนำมาจัดซื้อเครื่องฉายภาพยนตร์ ระบบดิจิตอลเพื่อนำมาติดตั้งภายในโรงภาพยนตร์ให้ สมบูรณ์ยิ่งขึ้น (ไทยรัฐ อังคารที่ 3 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)
มส.ขยายศูนย์เผยแพร่ศาสนา ใช้วัดประยูรฯเป็นตัวอย่าง
พระธรรมกิตติเมธี โฆษกมหาเถรสมาคม (มส.) เปิดเผยว่า จากการประชุม มส. เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามที่พระธรรมโกษาจารย์ เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส ได้จัดตั้งศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาที่วัดประยุรวงศาวาส เพื่อเป็นแหล่งฝึกอบรมพระนักเทศน์ของประเทศ โดย มส. เห็นว่าการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวเป็นเรื่องที่ดีสมควรได้รับการสนับสนุนจึงได้เสนอให้จัดตั้งศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาส่วนภูมิภาคในแต่ละจังหวัด โดยมอบให้วัดประยุรวงศาวาสเป็นศูนย์กลางใหญ่ โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา กำหนดหลักการและรายละเอียดในการบริหารจัดการศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อไป โดยรัฐบาลให้การสนับสนุนงบประมาณ 1,500,000 บาท อย่างไรก็ตามที่ประชุมเห็นว่างบฯดังกล่าวคงไม่เพียงพอต่อการจัดตั้งศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาทั่วประเทศ จึงเห็นชอบที่จะให้เชิญชวนภาคเอกชน บริษัท ห้างร้านต่าง ๆ ที่ต้องการช่วยเหลือสังคมและต้องการจรรโลงพระพุทธศาสนาบริจาคเงินช่วยเหลือ นอกจากนี้ มส. ยังเห็นชอบตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เสนอให้ออกหนังสือเดินทางให้พระธรรมทูตที่จะเดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศสหรัฐอเมริกา และเปิดสอบนักธรรมสนามหลวงในประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ด้วย (เดลินิวส์ พุธที่ 4 ม.ค. 48 http://www.dailynews.co.th
สพฐ.วิจัยร.ร.สองภาษาเสนอศธ.สรุปนโยบาย-เปิดมินิอีพี
จากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เปิดเผยว่า สพฐ.เตรียมจะทำวิจัยครั้งใหญ่ ศึกษาผลดำเนินการของโรงเรียนในสังกัดที่เปิดหลักสูตรสองภาษา หรืออิงลิชโปรแกรม หรืออีพี โปรแกรมทั้งหมด 67 แห่งทั่วประเทศ แยกเป็นโรงเรียนระดับประถม 17 แห่ง และระดับมัธยม 50 แห่ง จะเริ่มลงมือวิจัยตั้งแต่ต้นปี 2549 และคาดว่าจะใช้เวลาวิจัย 2 เดือน ก่อนสรุปผลการศึกษา ทั้งนี้ การวิจัยครั้งนี้จะเป็นวิจัยทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ซึ่งวัตถุประสงค์การทำวิจัยเพื่อสำรวจว่า แต่ละโรงเรียนจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรอีพีได้เป็นผลสัมฤทธิ์เป็นอย่างไร และจัดได้มาตรฐานตามที่หลักเกณฑ์และวิธีจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นภาษาอังกฤษกำหนดไว้หรือไม่ ทั้งในเรื่องของสถานที่ อุปกรณ์ สื่อการเรียนการสอน และครู ส่วนการวิจัยใช้วิธีส่งแบบสอบถาม ซึ่งขณะนี้ได้ออกแบบเสร็จแล้ว ไปสอบถามโรงเรียนเพื่อสำรวจดูว่า โรงเรียนแต่ละแห่งมีรูปแบบจัดการเรียนการสอนหลักสูตรอีพีอย่างไรบ้าง มีความพร้อมด้านสถานที่ อุปกรณ์ สื่อ และครูแค่ไหน รวมถึงส่งเจ้าหน้าที่ไปสัมภาษณ์ผู้บริหารสถานศึกษา ครู และสังเกตการเรียนการสอนจริง โดยสุ่มตัวอย่างเป็นบางโรงเรียน อีกทั้งสอบถามความเห็นนักเรียนและผู้ปกครองพอใจในผลจัดหลักสูตรสองภาษาแต่ละโรงเรียนหรือไม่ และสอบถามความเห็นถึงประเด็นค่าเทอมด้วย (คมชัดลึก พุธที่ 4 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)
มทร.แชมป์ยังดีไซน์
รายงานข่าวจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) พระนคร แจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายชัยยุทธ์ ด้วงนิ่ม นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาออกแบบสิ่งทอ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มทร.พระนคร วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ กรุงเทพมหานคร สามารถคว้าชัยชนะเลิศการแข่งขัน "อุทัยทิพย์ ยัง ดีไซเนอร์ คอนเทสต์ 2005" ที่ลานเซ็นเตอร์ พอยต์ สยามสแควร์ ได้รับเงินรางวัล 3 หมื่นบาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร ส่วนรางวัลที่ 2 ตกเป็นของนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และรางวัลที่ 3 เป็นของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขณะที่รางวัลป๊อปปูลาร์ โหวต เป็นของนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายชัยยุทธ์ กล่าวว่า ผลงานที่ออกแบบเป็นเสื้อผ้าสำหรับสตรีไว้สวมใส่ ภายใต้แนวคิดที่เน้นให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ของหญิงสาว ที่มีความสดใสน่ารัก หล่อรวมเข้าตามธรรมชาติจนก่อให้กลายเป็นความสวยงามของผู้หญิง และใช้สีสันที่สดใสเหมาะกับวัยแรกรุ่น โดยผลงานที่ออกแบบเน้นที่โทนสีชมพูและสีเขียว ซึ่งเป็นสีที่ได้จากวัตถุดิบจากธรรมชาติ ด้วยการนำน้ำยาอุทัยทิพย์มาย้อมลงในเสื้อผ้า และเส้นใยจากใบไม้ในธรรมชาติ เช่น ใบยางพารา มาย้อมให้ไล่สีแบบชีฟอง จากสีเขียวเข้มถึงสีเขียวอ่อน และจากสีชมพูเข้มถึงสีชมพูอ่อน (คมชัดลึก อังคารที่ 3 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)
มทร.ธัญบุรีเดินเครื่องพัฒนา หวังก้าวสู่มหาวิทยาลัยชั้นนำ
ผศ.ดร.นำยุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.)ธัญบุรี เปิดเผยว่า มทร.ธัญบุรี ได้วางแผนการบริหารงานในปี 2549 โดยมีเป้าหมายสอดคล้องกับนโยบาย Modernize Thailand (ทำประเทศไทยให้ทันสมัย) ของรัฐบาล โดย จะเริ่มจากการพัฒนาตัวบ่งชี้คุณภาพมหาวิทยาลัยในด้านต่างๆ เช่น คุณภาพอาจารย์ คุณภาพผลงานทางวิชาการ วุฒิการศึกษา ผลการประเมินการสอนของนักศึกษา หลักสูตรที่เหมาะสมเพื่อตอบสนองความต้องการของสังคม ตลอดจนการประกันคุณภาพมาตรฐานการศึกษา ของนักศึกษาอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังเน้นโครงการที่มีการวิเคราะห์ต้นทุนที่เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม และความเสมอภาคในการศึกษา โดยให้สิทธิในการศึกษาทุกระดับ เหล่านี้หากมหาวิทยาลัย สามารถปฏิบัติได้ตามเป้าหมายและยึดมาตรฐานเดียวกันจะทำให้แรงขับเคลื่อนเป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการและการพัฒนามหาวิทยาลัย เพื่อก้าวเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำทางด้านวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับสากลนั้น นอกจากจะพัฒนาความร่วมมือทางวิชาการกับต่างประเทศ การพัฒนาด้าน ICT ซึ่งเป็นทรัพยากรความรู้ที่ทันสมัย ตลอดจนพัฒนาด้านภาษาต่างประเทศแล้ว การพัฒนานักศึกษา และพัฒนาบุคลากรก็เป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็นที่ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมในการปรับเปลี่ยนกระบวนบริหารจัดการทั้งในปัจจุบันและอนาคต (สยามรัฐรายวัน พฤหัสบดีที่ 5 ม.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)
วิทยุจุฬาฯติวเข้ม"แอดมิสชั่นส์"
สถานีวิทยุแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดรายการทางการศึกษา กับกิจกรรม "สรุปเข้มฯ โครงการ 2 รับน้องใหม่แอดมิสชั่นส์" ที่หอประชุมจุฬาฯ พร้อมรับฟังบรรยายแบบเจาะลึก 9 รายวิชาหลัก โดยคณาจารย์จากจุฬาฯ เริ่มเสาร์ที่ 7 ม.ค.วิชาภาษาไทย และฟิสิกส์ อาทิตย์ที่ 8 ม.ค.วิชาสังคมฯ และภาษาไทย เสาร์ที่ 14 ม.ค.วิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐานและชีววิทยา อาทิตย์ที่ 15 ม.ค.วิชาคณิตศาสตร์ O-NET และ A-NET และเสาร์ที่ 21 ม.ค.วิชาภาษาอังกฤษ และกิจกรรมแนะแนวทางการศึกษา วิเคราะห์เจาะลึกข้อสอบ O-NET และ A-NET โดย รศ.ประทีป จันทร์คง ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ และแนะนำวิธีการเลือกคณะอย่างไรในระบบใหม่แอดมิสชั่นส์ จาก อ.ปทุมมาส ฟูทรัพย์นิรันดร์ ปิดท้ายกิจกรรมทั้งหมดด้วยนาโนคอนเสิร์ต เปิดประตูสู่มหาวิทยาลัย โดย CU Radio Band และศิลปินรับเชิญชื่อดัง เปิดลงทะเบียนวันเสาร์ที่ 7 ม.ค.พร้อมรับเอกสารประกอบการบรรยาย ตั้งแต่ 07.00-07.30 น ติดตามรายละเอียดทั้งหมดที่รายการเปิดประตูสู่มหาวิทยาลัย เวลา 19.30-21.30 น.ทางสถานีวิทยุจุฬาฯ 101.5 MHz. (ข่าวสด ศุกร์ที่ 6 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)
สกอ.เพิ่งตื่นตั้งเกณฑ์กลาง กำกับมหาวิทยาลัยแตกหน่อสาขา
เมื่อวันที่ 6 ม.ค.49 ศ.(พิเศษ)ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการการอุดมศึกษาว่า ที่ประชุมได้เสนอให้จัดตั้งคณะทำงานยกร่างนโยบายจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ เพื่อเป็นเกณฑ์กลางในการเสนอขอจัดตั้งหรือขยายวิทยาเขตใหม่ เพราะขณะนี้มีสถาบันอุดมศึกษาขอเปิดสถาบันใหม่ และขอขยายวิทยาเขตเป็นจำนวนมาก ซึ่งแต่ละแห่งก็จะมีสถานภาพและสถานการณ์ที่แตกต่างกัน เช่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เสนอขอเปิดวิทยาเขตที่จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งที่บุรีรัมย์ไม่มีปัญหา แต่ในส่วนจังหวัดอุดรธานีมีมหาวิทยาลัยราชภัฎ (มรภ.) อุดรธานี ที่เปิดจัดการเรียนการสอนอยู่แล้ว แต่เป็นการเปิดสอนเฉพาะสาขาทางสังคมศาสตร์ ยังขาดการสอนในสาขาทางวิทยาศาสตร์ ที่ประชุมจึงเห็นควรให้สถาบันการศึกษาทั้ง 2 แห่งประสานกันเพื่อเปิดการสอนในสาขาวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม นอกจากนี้ยังมี มรภ.กาฬสินธุ์ ที่เดิมสถาบันตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองกว่า 5 ก.ม. จึงขอขยายวิทยาเขตมายังในตัวเมือง แต่เนื่องจากมีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล จัดตั้งอยู่แล้ว เกรงจะเป็นการซ้ำซ้อน ที่ประชุมจึงให้ 2 สถาบันผนึกกำลังร่วมกันจัดการเรียนการสอนให้ครบถ้วนในทุกสาขาวิชาที่จำเป็น โดยไม่ให้ทับซ้อนกัน อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการได้เสนอแนะเกี่ยวกับชื่อปริญญา โดยเฉพาะระดับปริญญาโท และเอก ที่เดิมจะกำหนดชื่อตามวิชาชีพ จึงทำให้ขาดความเป็นสากลและเกิดความสับสน จึงมีการเสนอปรับรายชื่อปริญญา ระดับปริญญาโทและเอก โดยให้ยึดตามหลักวิชาการเพื่อสู่ระบบความเป็นสากลมากขึ้น (สยามรัฐรายวัน เสาร์ที่ 7 ม.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)
ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
เผยแพร่แผนที่ดาวเทียมไทยทำถูกใจยิ่งกว่ากูเกิลเอิร์ธ
ดร.ไพศาล สันติธรรมนนท์ นักวิชาการจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยความคืบหน้าระบบบริการแผนที่ดาวเทียมที่ประเทศไทยพัฒนาขึ้นเองชื่อ ดิจิตอล ไทยแลนด์ มีลักษณะการใช้งานคล้ายกับบริการกูเกิล เอิร์ธ ว่า ในเดือนกุมภาพันธ์นี้จะสามารถกระจายให้กับประชาชนทั่วไป และนักเรียนนำไปใช้งานได้ในรูปแบบซีดีรอม ส่วนในระบบออนไลน์ที่เชื่อมต่อกับฐานข้อมูลผ่านระบบเว็บเซอร์วิสก็จะเปิดใช้พร้อมกัน แต่จะให้สำหรับหน่วยงานที่ติดต่อเข้ามาขอใช้ ซึ่งดิจิตอลไทยแลนด์เป็นความร่วมมือ ระหว่างสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (สทอภ.)(จีสดา) สนับสนุนฐานข้อมูลแผนที่จากภาพถ่ายดาวเทียม และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นผู้พัฒนาระบบและเทคโนโลยีการเรียกดูข้อมูล โดยใช้ซอฟต์แวร์นาซา เวิร์ลวินด์ ของนาซา เป็นเครื่องมือพัฒนา เหมาะกับความต้องการของคนไทย เป็นบริการฟรี และสามารถขยายผลสำหรับใช้เฉพาะทางได้ ซึ่งหากใช้ กูเกิล เอิร์ธ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่สำหรับการเรียกดูแผนที่ภูมิประเทศทั่วไปไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเช่นเดียวกับที่กูเกิล เอิร์ธ นอกจากนี้ ยังเตรียมไว้ 2 เวอร์ชั่น คือ ที่เป็นแบบบันทึกลงบนแผ่นซีดีรอมสำหรับแจกจ่ายให้ประชาชนทั่วไป และสำหรับกระจายไปยังสถานศึกษา ขณะนี้ได้เปิดทดลองใช้แล้ว แต่เพื่อความสมบูรณ์จึงจะเผยแพร่ให้กับประชาชนทั่วไปในเดือนกุมภาพันธ์. (ไทยรัฐ พุธที่ 4 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)
'พันธุศาสตร์ย้อนรอย' ช่องทางทำเงินใหม่นักธุรกิจไทย
ศ.ดร.โรเบิร์ต จี เวบสเตอร์ แผนกโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลวิจัยเด็กเซนต์จูด สหรัฐอเมริกา กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง "เทคโนโลยีใหม่ :โอกาสใหม่ทางธุรกิจ" เมื่อเร็วๆนี้ ภายใต้หัวข้อเทคโนโลยีใหม่สำหรับงานวิจัยโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ว่า หนทางที่จะรับมือโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ที่แพร่ระบาดทั่วโลก จะต้องอาศัยเทคโนโลยีใหม่ (Emerging technology) ได้แก่ เทคโนโลยีพันธุศาสตร์ย้อนรอย (reverse genetics technology) เทคโนโลยีพันธุศาสตร์ย้อนรอย เป็นการศึกษาลักษณะภายนอกของเชื้อไวรัส เช่น โปรตีน หรือภาวะดื้อยา แล้วย้อนกลับไปหายีนต้นเหตุ ที่ทำให้เกิดการผลิตสิ่งหรือลักษณะดังกล่าวออกมา จากนั้นก็ตัดยีนส่วนที่เป็นอันตรายนี้ออกไป ทำให้ไวรัสหมดความร้ายกาจในที่สุด ตรงกันข้ามกับการศึกษายีนสิ่งมีชีวิตก่อนหน้านี้ ที่จะเน้นดูว่ายีนสร้างผลผลิตอะไรออกมา หรือส่งผลให้เกิดลักษณะอะไรได้บ้าง ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ กล่าวว่า เทคโนโลยีที่จะนำมาใช้กำจัดหรือควบคุมเชื้อมีอยู่มากมาย แต่เทคโนโลยีใหม่ที่ดูจะเป็นความหวังในการรับมือเชื้อไข้หวัดนก คือเทคโนโลยีพันธุศาสตร์ย้อนรอย เพราะสามารถร่นระยะเวลาการผลิตวัคซีนประสิทธิภาพสูงออกมาได้ ที่ผ่านมาทีมงานของ ศ.ดร.เวบสเตอร์ ได้ใช้เทคโนโลยีนี้ พัฒนาวัคซีนสำหรับไวรัสเอช5เอ็น1 ออกมาได้แล้ว โดยหลังจากได้เชื้อไวรัสมาเพียง 1 เดือน คณะทำงานก็สามารถพัฒนาวัคซีนออกมาได้สำเร็จ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 29 ธ.ค. 2548 http://www.bangkokbiznews.com)
สารมืด
สารมืด คือสารที่ไม่เปล่งแสงใดๆ ทำให้เรามองไม่เห็น แต่มันอาจจะเป็นสารชนิดใหม่ที่ประกอบด้วยธาตุที่เราไม่พบเห็นบนโลก นักฟิสิกส์ทฤษฎีตั้งชื่อสารมืดที่อาจจะมีในธรรมชาติไว้มากมาย เช่น โฟติโน่, แอ็กซิออน คอสมิก สตริง เฮฟวี่ นิวตริโน่ วิมป์ เป็นต้น ที่มาของสารมืดเกิดจากกฎการเคลื่อนที่ของเทหวัตถุต่างๆ บนท้องฟ้า ระบุว่า ดาวเคราะห์ดวงใดที่อยู่ห่างไกลจากดวงอาทิตย์จะมีความเร็วในการโคจรน้อยกว่าดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ เช่น ดาวพฤหัสบดีจะโคจรรอบดวงอาทิตย์ช้ากว่าโลก เป็นต้น กฎข้อนี้ยังสามารถใช้อธิบายการเคลื่อนที่ ของดาวในกาแล็กซีได้ด้วย แต่พอนักดาราศาสตร์วัดความเร็ว ในการหมุนรอบตัวเองของกาแล็กซีกลับพบว่าดาวต่างๆ ที่โคจรอยู่โดยรอบกาแล็กซีมีความเร็วสูงกว่าบรรดาดาวที่โคจรอยู่ใกล้ใจกลางกาแล็กซี เจ.พี.ออสไตรเกอร์ มหาวิทยาลัยพรินซตัน สหรัฐ ตั้งสมมติฐานว่า ในจักรวาลนี้ยังมีสสารอีกเป็นจำนวนมากที่เรายังมองไม่เห็น สสารเหล่านี้ คือ สารมืด อิทธิพลแรงดึงดูดของสารมืด ทำให้ดาวต่างๆ ของกาแล็กซีโคจรในลักษณะที่ "ผิดธรรมชาติ" ข้อมูลจากการสังเกตในเวลาต่อๆ มา ชี้ว่า สสารที่เราเห็นในจักรวาลทุกวันนี้นับเป็นเพียง 10% ของสสารที่มีอยู่ ส่วนอีก 90% เป็นสสารที่เรามองไม่เห็นและตรวจวัดยังไม่ได้ (ข่าวสด พุธที่ 4 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)
มะกันออกกฎ"เที่ยวอวกาศ" คุมเข้มบริษัทเอกชน-บังคับใช้มิ.ย.
องค์การบริหารการบินสหรัฐอเมริกา (เอฟเอเอ) เตรียมรับมืออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอวกาศที่กำลังจะบูมในอนาคตอันใกล้ ตีพิมพ์กฎควรรู้ต่างๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวอวกาศอย่างปลอดภัยสำหรับผู้โดยสารและลูกเรือ กฎนี้จะมีผลบังคับใช้ในเดือนมิ.ย.นี้ ระบุคุณสมบัติลูกเรือและการฝึกฝนรวมทั้งแบบฟอร์มคำยินยอมของผู้โดยสาร และกำหนดให้บริษัทเอกชนที่จัดทัวร์อวกาศต้องแจ้ง "การให้ความร่วมมือการเดินทางในอวกาศ" ให้ผู้โดยสารถึงข้อควรปฏิบัติและความเสี่ยงต่างๆ ขณะที่ผู้โดยสารเองจะต้องเขียนเอกสารรับทราบและแสดงความยินยอมก่อนออกเดินทาง ส่วนการทดสอบสภาพร่างกาย กฎระบุว่า เป็นสิ่งที่ควรจะทำก่อนออกเดินทางแต่ไม่บังคับ นอกจากเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นสิ่งจำเป็น นอกจากนี้ ผู้โดยสารต้องได้รับการฝึกฝนเพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น การสูญเสียความดันอากาศในห้องโดยสาร การเกิดไฟไหม้ ควัน รวมถึงวิธีการหลบหนีออกจากตัวยานอย่างปลอดภัย ด้านนักบินจะต้องผ่านการทดสอบและได้รับ "ประกาศนียบัตรนักบินจากเอฟเอเอ" ซึ่งในที่นี่ไม่รวมถึงใบอนุญาตนักบินฝึกหัดหรือนักบินผาดโผน ส่วนลูกเรือทุกคนจะต้องมี "ประกาศนียบัตรรักษาพยาบาล" มีสภาพร่างกายและจิตใจที่พร้อมรักษาความปลอดภัยและได้รับการฝึกฝนเพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น สละยานอวกาศ เป็นต้น (ข่าวสด พุธที่ 4 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)
"สัตว์ยักษ์"มีอยู่จริง บนเกาะร้างห่างไกลมนุษย์
ซู ลีเบอร์แมน นักชีววิทยาวิวัฒนาการและผู้อำนวยการโครงการสายพันธุ์โลกขององค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) กล่าวว่า งานวิจัยทางชีววิทยาที่ศึกษาบนเกาะต่างๆ ชี้ว่า มีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติจริงเนื่องจากบนเกาะต่างๆ ที่อยู่โดดเดี่ยวห่างไกลจากแผ่นดินใหญ่และขาดการแก่งแย่งแข่งขันจะทำให้สิ่งมีชีวิตมีโอกาสวิวัฒนาการเป็นสายพันธุ์ใหม่ๆ เพียงแต่อาจไม่มีตัวไหนใหญ่เท่ากับคิงคองที่ปรากฎในภาพยนตร์ "เดวิด ควอมเมน" ผู้เขียนหนังสือ "The Song of the Dodo: Island Biogeography in an Age of Extinction" กล่าวว่า เกาะเป็นสวรรค์ของการแพร่พันธุ์สิ่งมีชีวิตที่โดดเด่นและแปลกประหลาด มันเป็นห้องทดลองวิวัฒนาการที่ฟุ่มเฟือยของธรรมชาติ บนเกาะเล็กๆ หลายเกาะของอินโดนีเซีย จะพบ ตัวอย่างสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ เช่น "มังกรโคโมโด" สัตว์เลื้อยคลานกินคน ที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่ "เกาะกาฟ" ในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ มีบันทึกว่าพบ "หนูปิศาจ" ขนาดใหญ่กว่าหนูบ้าน 3 เท่า กิน "ทริสตัน" นกทะเลตัวใหญ่ที่เสี่ยงสูญพันธุ์เป็นอาหาร ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าบรรพบุรุษคือหนูบ้านที่อพยพไปอยู่เกาะหลายทศวรรษมาแล้วและมีวัฒนาการตัวใหญ่ขึ้นเนื่องจากได้กินเนื้อและโปรตีนสดๆ สำหรับ "เกาะมาดากัสการ์" ในมหาสมุทรอินเดีย แยกออกจากแผ่นดินแอฟริกาตะวันออกเมื่อกว่า 100 ล้านปีที่แล้ว ทำให้มันมีระบบนิเวศวิทยาที่อุดมสมบูรณ์ด้วยพืชกว่าหมื่นชนิด สัตว์เลื้อยคลาน 316 ชนิด นก 109 สายพันธุ์ ซึ่งอาจไม่พบที่ไหนอีกไม่ว่าจะเป็น "นกช้าง" ที่สูงมากกว่า 9 ฟุต 10 นิ้ว "ลิงลีเมอร์" น้ำหนักมากกว่า 176 ปอนด์ อย่างไรก็ตาม สัตว์หลายชนิดที่ปกติตัวใหญ่ กลับพบว่ามีวิวัฒนาการมีขนาดเล็กลงเมื่ออยู่บนเกาะ ที่เรียกว่า "โรคเตี้ยแคระ" เช่น ฮิปโป ช้างและกวางแคระ องค์กรสหภาพสากลเพื่อการอนุรักษ์ ระบุว่า นับแต่ปีพ.ศ.2043 ที่มีการบันทึกทางวิทยาศาสตร์และประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการ พบว่า มีสัตว์ทั้งหมด 800 สายพันธุ์กำลังจะสูญพันธุ์ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนเกาะและในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมาการสูญพันธุ์บนแผ่นดินใหญ่กลายเป็นเรื่องที่เกิดอย่างปกติซึ่งเกิดขึ้นจากการบุกรุกและกิจกรรมของมนุษย์ (ข่าวสด พุธที่ 4 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)
วิธีดู"แบตเตอรี่"แท้
วิธีเลือกซื้อหรือตรวจดูแบตเตอรี่แท้ของโนเกีย คือขั้นตอนที่ 1 เมื่อมองที่สติ๊กเกอร์โฮโลแกรมบนตัวแบตเตอรี่ คุณจะเห็นรูปมือประสานกัน ในมุมมองหนึ่งและจะเห็นสัญลักษณ์อุปกรณ์เสริมแท้โนเกีย ในอีกมุมมองหนึ่ง ขั้นตอนที่ 2 เมื่อหมุนตัวแบตเตอรี่ไปด้านซ้าย ขวา ล่าง และบน ในสติ๊กเกอร์โฮโลแกรม คุณจะเห็นจุด 1, 2, 3 และ 4 จุด ในแต่ละด้านของสัญลักษณ์อุปกรณ์เสริมแท้โนเกีย ตามลำดับ ขั้นตอนที่ 3 เมื่อขูดแถบสีดำที่ด้านข้างของสติ๊กเกอร์ออก คุณจะพบรหัสแบตเตอรี่ 20 หลัก อย่างเช่น 12345678919876543210 ขั้นตอนที่ 4 คุณสามารถตรวจสอบว่ารหัสแบตเตอรี่ 20 หลักนั้น เป็นรหัสของแบตเตอรี่แท้หรือไม่โดยตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์โนเกีย www.nokiaoriginals.com/check เมื่อปฏิบัติตามทุกขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว คุณจะได้รับข้อความที่ระบุว่า รหัสของแบตเตอรี่เป็นของแท้หรือไม่ (ข่าวสด อังคารที่ 3 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)
สาร PCBs ในมันไก่
ในอากาศและในแหล่งน้ำตามธรรมชาติที่เราได้สัมผัสกันอยู่ทุกวันนี้ มีสารพิษ Polychlorinated biphenyls (PCBs) ปนเปื้อนอยู่ PCBs เป็นสารที่ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ได้จากการสังเคราะห์ เป็นของเหลวที่มีคลอรีนไฮโดรเจนคาร์บอนเป็นองค์ประกอบสำคัญ นิยมใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า ใช้ผสมในน้ำมัน หล่อลื่น ใช้เป็นส่วนผสมในสี กาว สารกันรั่วซึมและพลาสติก หากแหล่งอุตสาหกรรมมีการควบคุมที่ไม่ดี ภายหลังการใช้และการทำลายหรือการกำจัดทิ้งอาจทำให้สาร PCBs รั่วไหลและแพร่กระจายเข้าสู่สิ่งแวดล้อมได้ ที่เกี่ยวกับไก่ เพราะว่าPCBs สามารถปนเปื้อนอยู่ได้ทั้งในดินและแหล่งน้ำธรรมชาติ เมื่อไก่กินอาหารที่มี PCBs ปนเปื้อน สารดังกล่าวจะถูกดูดซึมไปสะสมในเนื้อเยื่อไขมันของไก่ ดังนั้น ไขมันไก่จึงเป็นแหล่งสะสมที่ดีของสาร PCBs รวมทั้งอาหารที่มีไขมันอื่นๆ ด้วย เช่น เนย นม ไข่ และเนื้อสัตว์ติดมัน สำหรับมนุษย์ สาร PCBs จะเข้าสู่ร่างกายได้โดยการกินไขมันไก่และสัตว์อื่นๆ ผักผลไม้จากบริเวณที่ใช้น้ำที่ได้รับการปนเปื้อนจาก PCBs อาหารกระป๋องที่บรรจุภายในภาชนะที่ปนเปื้อนด้วย PCBs รวมทั้งสัตว์น้ำจำพวกปลาที่ได้จากแหล่งน้ำที่ปนเปื้อนสาร PCBs ความเป็นพิษของ PCBs จะทำให้ผู้ที่ได้รับสารพิษมีอาการตาบวม ผิวหนัง ใบหน้าและลำตัวหยาบกร้าน เล็บคล้ำ จากการที่สถาบันอาหารได้สุ่มตัวอย่างมันไก่ 5 ตัวอย่าง จาก 5 ตลาดในเขตกรุงเทพฯ เพื่อวิเคราะห์หาสาร PCBs ปรากฏว่า ทุกตัวอย่างไม่พบการปนเปื้อนของสาร PCBs (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 6 ม.ค. 48http ://www.thairath.co.th)
ระบบรปภ.ชีวภาพใหม่ ใช้สแกน"เส้นเลือดฝ่ามือ"
บริษัทฟูจิตสึ ประเทศญี่ปุ่น ตั้งความหวังกับระบบรักษาความปลอดภัยชีวภาพรุ่นใหม่ชนิดนี้อย่างมาก นั่นคือ เทคโนโลยีสแกนรูปแบบเส้นเลือดภายในฝ่ามือเพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ก็คือ ระบบนี้ทำงานโดยการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และแสงอินฟราเรดอ่านลักษณะการจัดเรียงตัวของ "เส้นเลือด" ภายในฝ่ามือของมนุษย์ ถ้ารูปแบบของเส้นเลือดออกมาตรงกับเส้นเลือดของ "เจ้าของฝ่ามือ" ที่มาลงทะเบียนเอาไว้ในตอนแรก ก็เป็นอันว่าผ่านระบบรักษาความปลอดภัยชนิดนี้ไปได้ ในปีนี้ ทางฟูจิตสึจะเริ่มติดตั้งและใช้งานระบบดังกล่าวในห้องสมุดเมืองนางะ จังหวัดอิบารากิ ซึ่งเป็นเมืองที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่เมื่อต้นปี 2548 ภายใต้ปรัชญาที่ว่า "เมืองแห่งเทคโนโลยีที่สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน" ขั้นตอนการใช้งานระบบสแกนเส้นเลือดฝ่ามือนั้น ผู้ใช้บริการห้องสมุดต้องมาสแกนเส้นเลือดเอาไว้ก่อน จากนั้นเวลาจะหยิบยืมหนังสือก็ใช้ฝ่ามือตัวเองเป็นอุปกรณ์แสดงรหัสผู้ใช้บริการ ข้อดีของระบบๆ นี้ ได้แก่ ปลอมแปลงยาก และไม่ต้องวางมือลงบนเครื่องสแกน เพราะแค่เอามือไปวางเหนือตัวเครื่องก็สามารถยิงแสงมาอ่านเส้นเลือดได้แล้ว ทำให้กลุ่มคนที่กลัวว่ามือตัวเองจะสกปรกสบายใจได้ ในอนาคต ฟูจิตสึจะขยายตลาดระบบสแกนเส้นเลือดฝ่ามือไปทั่วโลก โดยเตรียมเสนอขายให้กับหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการเงินนำไปใช้เป็นระบบรักษาความปลอดภัย สินค้าไฮเทคชนิดนี้จะฮิตติดลมบน หรือจะฟุบหายไปตามกาลเวลาต้องติดตามกันไปอีกระยะ (ข่าวสด ศุกร์ที่ 6 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)
คิดยาบำรุงประสาทรับกลิ่น เสริมจมูกมนุษย์ไวเท่าสุนัข
วารสารวิทยาศาสตร์ นิว ไซเอนติสต์ ชื่อดังของอังกฤษรายงานว่า นักวิทยาศาสตร์หญิง ของมหาวิทยาลัยรัฐฟลอริดา สหรัฐฯ เชื่อว่าสามารถจะทำให้มนุษย์มีจมูกไว กับการดมกลิ่นต่างๆอย่างสุนัขธรรมดา หรือหมาจิ้งจอกได้ เพราะจมูกของมันมีประสาทรับกลิ่นมากกว่าคนเราตั้ง 20-40 เท่า นักวิทยาศาสตร์เดบรา แอน ฟาดูล เผยว่า ได้ค้นพบว่ามียีนตัวหนึ่งที่มีชื่อเรียกว่า เคยู 1.3 เป็นตัวถ่วงความสามารถในการได้กลิ่นอยู่ และในคนเราก็มียีนตัวนี้อยู่ด้วยเช่นกัน โดยได้พบว่า เช่น หากกำจัดยีนนี้จากหนูออกไปได้ จมูกของมันจะมีความไวการดมกลิ่นมากขึ้นอีกระหว่าง 1,000 ถึง 10,000 ส่วน และยังจะแยกแยะกลิ่นต่างๆ ออกจากกันได้ดีขึ้นกว่าเก่ามากด้วย นักวิทยาศาสตร์สตรีกล่าวอย่างเชื่อมั่นว่า สำหรับคนแล้วเพียงแต่คิดยาที่มีสรรพคุณปิดกั้น ยีนตัวนี้ลงได้ ก็จะทำให้เรามีจมูกที่ไวกับการได้ กลิ่นไม่แพ้กับสุนัขเหมือนกัน. (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 7 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)
ข่าววิจัย/พัฒนา
วัคซีนมะเร็งปากมดลูกต้องฉีดก่อนแตกเนื้อสาวจึงได้ผล
แกล็กโซ่สมิธไคลน์ส บริษัทเวชภัณฑ์ในอังกฤษเผยผลการทดลองวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส ที่เป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูกว่า สามารถกระตุ้นให้เด็กหญิงวัย 10-14 ปี สร้างภูมิคุ้มกันเชื้อไวรัสได้ดีกว่าเด็กหญิงวัย 15-24 ปี ถึง 2 เท่า แกล็กโซ่สมิธไคลน์ส นำเสนอผลการทดลองวัคซีนเซอร์วาริกซ์ ระยะสามต่อที่ประชุมประจำปีว่าด้วยโรคติดต่อที่กรุงวอชิงตันของสหรัฐฯ ว่า วัคซีนขนานนี้เป็นหนทางป้องกันการเป็นมะเร็งปากมดลูกที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน หากให้เด็กหญิงได้รับวัคซีนก่อนเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ เนื่องจากเป็นการป้องกันการติดเชื้อฮิวแมนปาปิลโลมาไวรัส หรือเอชพีวี ซึ่งเป็นสาเหตุร้อยละ 70 ของมะเร็งปากมดลูก แต่ละปีทั่วโลกมีสตรีตรวจพบเป็นมะเร็งปากมดลูกไม่ต่ำกว่า 500,000 คน ด้าน เมิร์คบริษัทเวชภัณฑ์คู่แข่งจากสหรัฐอเมริกากำลังรอทางการอนุมัติ ให้จำหน่ายวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่บริษัทพัฒนาขึ้น มีชื่อว่าการ์ดาซิล. (ไทยรัฐ พุธที่ 4 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)
MetaChip ไบโอชิปตรวจพิษ
เทคโนโลยีล่าสุดที่มีการพัฒนาขึ้นมาเพื่อลดความเสี่ยงเกี่ยวกับการใช้ยา ก็คือ MetaChip ซึ่งคือชิปขนาดเล็กที่สามารถตรวจจับความเป็นพิษ ของสารประกอบต่าง ๆ ที่เป็นส่วนประกอบในยาแต่ละชนิดได้ในตั้งแต่ขั้นตอนแรก ๆ ของการวิจัยและพัฒนา คือลดโอกาสที่จะไปรับทราบถึงผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์จากความเป็นพิษของสารประกอบบางชนิดในตัวยาหลังจากที่ยานั้น ๆ วางตลาดไปแล้ว MetaChip นี้สามารถตรวจจับความเป็นพิษของสารประกอบแต่ละชนิดได้โดยเลียนแบบกระบวนการ เมตาบอลิซึม ของตับ ซึ่งเป็นกระบวนการทางเคมีที่ตับใช้ในการย่อยหรือเปลี่ยนรูปของสารอาหารหรือยาที่อยู่ในกระแสเลือดให้อยู่ในรูปแบบที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้สะดวก รวมทั้งแยกเอาของเสียหรือสารพิษออกมาเพื่อขับออกสู่ร่างกายต่อไป เอนไซม์ หรือโปรตีนที่ควบคุมปฏิกิริยาทางชีวเคมีในร่างกายของคนเรา เป็นตัวเอกในกลไกดังกล่าว ซึ่งนักวิจัยได้นำเอาเอนไซม์เหล่านั้นมาใช้กับ MetaChip เพื่อจำลองการทำงานของตับ ก็อย่างที่บอกว่าส่วนหนึ่งของสิ่งที่ได้จากกระบวนการทำงานของตับก็คือ สารพิษต่าง ๆ ดังนั้นเราจึงสามารถทดสอบปฏิกิริยาที่เซลล์มีต่อสารพิษเหล่านั้นได้ภายนอกร่างกาย โดยการทำงานของ MetaChip นั่นเอง เมื่อนำเอาเซลล์ของอวัยวะต่าง ๆ มาทดสอบกับ MetaChip (โดยการสัมผัส) นักวิจัยสามารถตรวจจับปฏิกิริยาของเซลล์ที่มีต่อสารประกอบที่เป็นพิษได้ เมื่อสามารถตรวจสอบได้ก่อนว่าสารประกอบชนิดใดของตัวยาที่อาจจะเป็นพิษต่อเซลล์หรือก่อให้เกิดผลข้างเคียง นักวิจัยก็สามารถกำจัดเอาสารประกอบนั้น ๆ ออกไปก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพของผู้บริโภคในภายหลัง ซึ่งในขณะนี้นักวิจัยกำลังพัฒนาอุปกรณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์และแปลผล ที่ได้ให้มีความรวดเร็วและง่ายสำหรับการใช้งาน ผลงานวิจัยของนักวิจัยจาก University of California-Berkeley ชิ้นนี้ได้รับทุนสนับสนุนสำหรับงานวิจัยจาก National Institutes of Health (NIH) ประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้เพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตยาของบริษัทต่าง ๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกา ( เดลินิวส์ พุธที่ 4 ม.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)
นักรบยุคใหม่ กองทัพหุ่นยนต์
นิตยสารป๊อปพูล่า ไซน์ รายงานถึงลักษณะของหุ่นยนต์ยานพาหนะมือเพชฌฆาตและกองหนุนประจำสมรภูมิที่ได้รับการพัฒนาให้มีความ สามารถสูง ว่า Robotic Vehicles หรือหุ่นยนต์ยานพาหนะ จะทำงานอัตโนมัติ ขับเคลื่อนตามเส้นทางที่เขียนไว้ในแผนที่ ซึ่งแสดงผลแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ มีระบบนำทาง หรือเนวิเกชั่น รวมทั้งสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างพุ่มไม้และโขดหินได้ โดยทำงานผ่านระบบเซ็นเซอร์ช่วยให้หลบหลีกสิ่งกีดขวางอย่างคล่องแคล่ว สำหรับหุ่นยนต์ยานพาหนะที่พัฒนาและสร้างขึ้นแล้วมีดังนี้ หุ่นยนต์คุ้มกันไร้คนขับ (Unmanned Convoys) หุ่นยนต์กองหนุน (Battlefield Support) หุ่นยนต์รถถังพยาบาล (Tracked Ambulance ) หุ่นยนต์รถถังปะทะ (Battle Tank) (เดลินิวส์ พุธที่ 4 ม.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)
กินไข่ปลอดภัย
รองศาสตราจารย์นายสัตวแพทย์ ดร.ทวีศักดิ์ ส่งเสริม นักวิจัยจากภาคพยาธิวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ค้นพบแล้วว่า เชื้อไข้หวัดนกที่ติดมากับเปลือกไข่จะถูกทำลายภายใน 1 วัน เนื่องจากช่วงที่แม่ไก่ได้รับเชื้อไวรัสไข้หวัดนกตั้งแต่ระยะฟักตัวของเชื้อฯ จนถึงระยะแสดงอาการป่วย แม่ไก่จะเบื่ออาหาร เมื่อกินไม่ได้ตามปกติก็จะไม่วางไข่ แม้แต่ตัวที่ยังให้ไข่ได้อยู่ ดังนั้นแม้จะมีเชื้อติดมากับมูลไก่บนเปลือกไข่ แต่เชื้อก็จะสลายไปเองภายใน 1 วัน ส่วนมูลไก่ที่ติดเชื้อฯ ถ้าอยู่ในอุณหภูมิ 33-35 องศาเซลเซียสจะถูกทำลายภายใน 30 นาที ส่วน ภาวะของเชื้อไข้หวัดนกในอาหารที่ทำจากผลิตภัณฑ์สัตว์ปีก ทดลองโดยการนำเชื้อไข้หวัดนกในปริมาณสูงที่ทำให้แม่ไก่ตายใน 3 วัน ฉีดเข้าไปในไข่ดิบ เนื้อไก่ หรือเนื้อเป็ด ที่หันเป็นชิ้นพอคำ จากนั้นนำไปทำไข่ต้ม(ต้มสองนาทีในน้ำเดือด) ไข่ดาว(ยางมะตูม) ไข่ลวก(ลวกในน้ำที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส) ไก่ต้ม ไก่ทอด และผัดกระเพราไก่ ปรากฏว่าไม่พบเชื้อไข้หวัดนกหลงเหลืออยู่ในอาหาร รศ.น.สพ.ดร.ทวีศักดิ์ ยืนยันว่า การปรุงอาหารให้สุกตามปกติในเมนูอาหารแบบไทย ๆ สามารถทำลายเชื้อไข้หวัดนกได้ทั้งหมด ส่วนกรณีผู้ป่วยเป็นไข้หวัดนกสาเหตุหลักมาจากการไปสัมผัสกับสัตว์ปีกที่ติดเชื้อฯ หรืออุจจาระสัตว์ปีกที่มีเชื้ออยู่ หรือติดเชื้อระหว่างการชำแหละ แต่ไม่ได้ติดเชื้อจากการรับประทานสัตว์ปีกที่ปรุงสุกแล้ว (เดลินิวส์ พุธที่ 4 ม.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)
อุปกรณ์ฝึกพิมพ์สัมผัสเพื่อผู้พิการ
นายกิติภูมิ กาญจนา นักศึกษาปริญญาโท สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ออกแบบอุปกรณ์ช่วยผู้พิการทางสายตาเรียนรู้แป้นพิมพ์พร้อมฝึกพิมพ์สัมผัสได้ทันที โดยไม่ต้องต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ สภาวิจัยแห่งชาติเตรียมมอบรางวัลชมเชยรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้นปี 2549 ย้ำความสำเร็จ การออกแบบอุปกรณ์พิเศษชิ้นนี้อาศัยไมโครคอนโทรลเลอร์ในการควบคุมการทำงานของเครื่องและการประมวลผล ผ่านค่าสัญญาณที่ได้รับจากแป้นพิมพ์ ในลักษณะของระบบคอมพิวเตอร์ฝังตัวทำหน้าที่แทนคอมพิวเตอร์ ในการบรรจุโปรแกรมฝึกพิมพ์ และดัดแปลงให้สามารถเชื่อมต่อเข้ากับแป้นพิมพ์ทั่วไปและใช้งานได้โดยไม่ต้องอาศัยเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นสื่อกลาง สำหรับตัวโปรแกรมที่ออกแบบ สามารถแบ่งการใช้งานออกเป็นสองส่วนคือ ส่วนของบทเรียน และส่วนของแบบฝึกหัด ซึ่งพัฒนาให้การเรียนรู้เป็นลำดับขั้นจากง่ายไปยาก ซึ่งจะใช้เสียงพูดสื่อสารกับผู้ใช้งานแทนภาพ ส่วนวิธีการใช้นั้นเพียงผู้เรียนวางมือบนแป้นเหย้าในตำแหน่งที่ถูกต้องตามหลักของการฝึกพิมพ์ดีด จากนั้นเมื่อทดลองเคาะแป้นพิมพ์ตัวใดตัวหนึ่ง ก็จะได้ยินเสียงอ่านของพยัญชนะบนแป้นพิมพ์นั้นๆ ผ่านอุปกรณ์ที่คิดค้นขึ้น
เมื่อผู้เรียนจดจำตำแหน่งของตัวอักษรทั้งหมดได้แล้ว ก็สามารถเพิ่มระดับความยากของบทเรียนได้ 20 ระดับ พร้อมกันนี้ผู้เรียนยังสามารถวัดผลการฝึกพิมพ์ได้จากโปรแกรมแบบทดสอบ ที่สามารถสรุปผลการทำแบบฝึกหัดออกมาเป็นเสียงให้ผู้เรียนทราบทันทีที่การทดสอบเสร็จสิ้น อุปกรณ์ดังกล่าวผ่านการทดสอบจากโรงเรียนสอนคนตาบอด และสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย ตลอดจนได้นำข้อเสนอแนะมาพัฒนาจนกระทั้งได้อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพเหมาะแก่การใช้งานมากที่สุด 2 รุ่น ด้วยกัน โดยรุ่นแรกเป็นเครื่องที่ไม่มีแบตเตอรี่ ต้นทุนอยู่ที่ 2,500 บาท ส่วนรุ่นที่ 2 ได้พัฒนาให้มีแบตเตอรี่สะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น ในขณะที่ต้นทุนสูงขึ้นถึง 3,000 บาท (คมชัดลึก อังคารที่ 3 ม.ค http://www.komchadluek.net)
เอกชนโชว์พลาสติกเคลือบเทปลอนกำจัดฝุ่นโรงงาน
นายชัยโรจน์ ประมวลมาศ ผู้จัดการบริษัท อาร์ ซี เทรดดิ้งแอนด์เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด จังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า บริษัทซึ่งดำเนินธุรกิจด้านออกแบบ ติดตั้งระบบ และแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ อาทิ ฝุ่น กลิ่น ควัน และไอสารเคมี ให้โรงงานอุตสาหกรรมได้พัฒนาระบบกำจัดฝุ่นแบบใหม่ สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม โดยใช้ "แผ่นพลาสติก" เป็นฟิลเตอร์กรองฝุ่น แทนผ้ากรองฝุ่น (Filter bag) ที่ใช้กันทั่วไป ฟิลเตอร์แผ่นพลาสติกสามารถดักจับละอองฝุ่นแป้ง ฝุ่นจากงานขัดอะไหล่รถยนต์และฝุ่นจากอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่กระจายในอากาศให้หมดไป ไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศและชุมชนในบริเวณใกล้เคียง โดยดูดฝุ่นที่ปลิวฟุ้งในอากาศ ภายในอาคารโรงงานเข้าสู่ท่อลำเลียง ซึ่งท่อดังกล่าวจะต่อตรงไปยังเครื่องกำจัดฝุ่นซึ่งติดตั้งภายนอกอาคาร จากนั้นฝุ่นทั้งหมดในเครื่องกำจัดจะผ่านเข้าฟิลเตอร์ ที่ทำหน้าที่ดูดซับฝุ่นละอองขนาดเล็ก 0.5 ไมครอน และปล่อยให้อากาศบริสุทธิ์ที่ผ่านการกรองฝุ่นออกนอกโรงงานได้อย่างปลอดภัย ฟิลเตอร์ดังกล่าวผลิตจากพลาสติกโพลีเอสทีลีนเคลือบด้วย "เทปลอน" ทำให้ประสิทธิภาพกรองฝุ่นในอากาศได้กว่า 99% แม้ราคาจะสูงกว่าฟิลเตอร์ผ้าถึง 10 เท่า แต่เมื่อเทียบอายุการใช้งานที่นานถึง 10 ปี และไม่ต้องหยุดกระบวนการผลิตเพื่อเปลี่ยนฟิลเตอร์ใหม่ ฉะนั้น หากพิจารณาความคุ้มทุนระยะยาวแล้ว ฟิลเตอร์พลาสติกจะช่วยผู้ประกอบการประหยัดเงินได้อย่างมาก ในส่วนของงบประมาณติดตั้งระบบกำจัดฝุ่นนั้น ขึ้นอยู่กับขนาดโรงงานหรือตั้งแต่หลักแสนจนถึงหลักสิบล้าน และในอนาคตหากนักวิจัยไทยสามารถพัฒนาฟิลเตอร์ชนิดนี้ได้ภายในประเทศ จะช่วยลดต้นทุนการติดตั้งได้อย่างชัดเจน อีกทั้งขณะนี้บริษัทได้ออกแบบระบบที่ราคาประหยัด เพื่อรองรับความต้องการของผู้ประกอบการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 29 ธ.ค. 2548 http://www.bangkokbiznews.com)
นักไอทีน้อย...แชมป์อันดับ 3 เครื่องตรวจวัดค่าไอโอเดทในเกลือ
น.ส.สิริภรณ์ เตาฉะอ้อน และน.ส.จิรพรรณ ทองทา (ทั้งสองคนชื่อแอนเหมือนกัน) และเพื่อนๆ อีก 4 คน ได้แก่ น.ส.ยุพิน พุ่มรัตน์(น้องยุ) น.ส.สมบูรณ์ ไชยลาภ(น้องอิ) น.ส.ศิวาพร เทียนแก้ว(น้องเป้) และนายณัฐภพ จันเทพ(น้องแชมป์) ชั้นม.6 โรงเรียนปากท่อพิทยาคม จังหวัดราชบุรี จึงร่วมกันนำกล่องสมองกล หรือไมโครคอมพิวเตอร์ และความสามารถในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ มาทำ "โครงงานการตรวจวัดค่าไอโอเดทในเกลือเสริมไอโอดีน" ขึ้น เพื่อต้องการพัฒนาอุปกรณ์ช่วยในการตรวจสอบปริมาณไอโอเดทในเกลือเสริมไอโอดีนให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว สะดวกกว่าที่เคยทำ โดยโครงงานนี้ได้รับรางวัลที่ 3 จากการประกวดโครงงานคอมพิวเตอร์ระดับประเทศปี2548 จากสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เมื่อไม่นานมานี้ โดยตรวจสอบเกลือทุกยี่ห้อที่มีตามท้องตลาดและนำน้ำยาชุดตรวจสอบปริมาณไอโอดีนในเกลือมาตรวจสอบ โดยใช้การอ่านค่าไอโอเดทจากการเทียบสี และรวบรวมข้อมูลที่ได้จากการเทียบสีมาวัดค่าสีด้วยอุปกรณ์กล่องสมองกล ผลการทดสอบพบว่า เครื่องมือที่พัฒนาขึ้นสามารถวัดค่าปริมาณไอโอเดทในเกลือได้อย่างมีข้อผิดพลาดน้อย และเมื่อนำมาเทียบกับการวัดแบบเปรียบเทียบค่าสีพบว่าได้ผลใกล้เคียงกัน กล่องสมองกล หรือไมโครคอนโทรลเลอร์ เป็นอุปกรณ์สำคัญในการสั่งการให้เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ทำงานได้อย่างอัตโนมัติตามใจสั่ง กล่องสมองกลที่ว่านี้นำมาใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ มากมาย เช่น แอร์ เครื่องซักผ้า เครื่องดูดฝุ่น หรือแม้กระทั่งหุ่นยนต์ ซึ่ง สสวท.ส่งเสริมให้โรงเรียนนำกล่องสมองกลไปจัดการเรียนการสอนเพื่อฝึกการคิด การแก้ปัญหาและนำไปสู่การประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ดังเช่นกลุ่มนักไอทีน้อย โรงเรียนปากท่อพิทยาคมที่นำความรู้จากชั้นเรียนคอมพิวเตอร์ มาต่อยอดประยุกต์ใช้งานได้จริง จนเกิดผลงานนี้ขึ้นมา (ข่าวสด พุธที่ 4 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)
"ผู้ดี"คิดค้นเครื่องมือ ตรวจ"มะเร็ง"ชีวภาพ
คณะนักวิจัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล นำโดย ศาสตราจารย์คาลัม แมคนีล พัฒนาเครื่องวิเคราะห์ทางชีวภาพ หรือ "ไบโอเซนเซอร์" เพื่อวินิจฉัยตรวจจับเซลล์มะเร็งในเนื้อเยื่อ "ไบโอเซนเซอร์" เป็นอุปกรณ์แผ่นดิสก์จิ๋ว ที่เรียกว่า "ซิลิคอนเวเฟอร์" ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 0.1 มิลลิเมตร พร้อมชิพระบบสั่นสะเทือนด้วยกระแสไฟฟ้า 2 ระดับซึ่งเป็นเทคโนโลยีวัดการหมุนแบบเดียวกับระบบนำร่องและถุงลมนิรภัยในรถยนต์ เคลือบผิวด้วย "ดีเอ็นเอ" หรือ โปรตีนชนิดพิเศษที่มีคุณสมบัติระบุตำแหน่งโปรตีนหรือโมเลกุลของเซลล์มะเร็ง เมื่อแผ่นดิสก์รับน้ำหนักโมเลกุลที่ไม่สม่ำเสมอจะทำให้การสั่นสะเทือนระดับ 1 เปลี่ยนความถี่เป็นระดับ 2 ซึ่งจะช่วยให้ดีเอ็นเอที่ผิวหน้าตรวจจับเซลล์มะเร็งได้ นอกจากนี้ อุปกรณ์นี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาล อินเตอร์เน็ต หรือโทรศัพท์มือถือทำให้แพทย์วินิจฉัย รวมถึงแนะนำการรักษาที่เหมาะสมให้กับคนไข้แต่ละคนได้อย่างสะดวก ในอนาคตจะมีการพัฒนาอุปกรณ์ชนิดนี้ให้ตรวจจับเชื้อแบคทีเรีย อย่างเช่นพาหะโรคเอ็มอาร์เอสเอหรือโรคเชื้อดื้อยาได้ด้วย (ข่าวสด พุธที่ 4 ธ.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)
กินผลิตภัณฑ์อาหารล้างพิษสูญเปล่าเสียทั้งเงินเวลาโดยไร้ประโยชน์
ดร.มาร์ติน ไวส์แมน ผู้ชำนาญการในวิชาเกี่ยวกับพิษและผู้ชำนาญการกำหนดอาหาร ของมหาวิทยาลัยเซาแธมป์ตัน ได้กล่าวแสดงความเห็นว่า การหลงเชื่อผลิตภัณฑ์อาหาร ที่อวดอ้างว่ามีประโยชน์ช่วยล้างสารพิษในตัว เป็นเรื่องทั้งเสียเงินและเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ เพราะของเหล่านั้นไม่มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ตามที่อวดอ้างเลย นักวิจัยชั้นนำของอังกฤษได้กล่าวในรายงานหัวข้อว่า เรื่องอันเป็นเหตุเป็นผลของสารเคมี ว่า ส่วนใหญ่ของยาเม็ด น้ำผลไม้ ชาและน้ำมัน ที่ออกจำหน่าย อวดอ้างว่ามีสรรพคุณในการล้างพิษ ไม่ได้มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ตามที่อวดอ้างเลย ไม่มีผลแม้แต่เพียงไปช่วยเร่งการขับพิษออกจากร่างกายให้ไวขึ้น รายงานกล่าวว่า หากว่าต้องการล้างพิษให้กับตัวเองแล้ว ยังสู้นอนแต่หัวค่ำ ดื่มน้ำให้ มากๆ และเลือกกินอาหารที่เป็นประโยชน์แก่ ร่างกายยังดีเสียกว่า ตับของเราก็มีฐานะเป็นโรงงานสารเคมี คอยกำจัดสารพิษออกจากร่างกายอยู่แล้ว แค่น้ำเปล่าธรรมดาก็เติมปริมาณน้ำในร่างกายให้เพียงพอได้ (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 6 ม.ค. 48http ://www.thairath.co.th)
ค้นพบตัวควบคุมความแข็งกระดูกช่วยให้พบทางแก้โรคกระดูกพรุน หนังสือพิมพ์รายวัน เดอะ เดลี่ เทเลกราฟ ชื่อดังของอังกฤษรายงานว่า นักวิทยาศาสตร์ได้พบกลไก ซึ่งควบคุมการสูญเสียเนื้อของกระดูก ทำให้เกิดความหวังว่าจะทำให้พบหนทางใหม่ในการรักษาโรคกระดูกพรุน ซึ่งเป็นต้นเหตุให้ผู้คนจำนวนมากต้องมีร่างกายพิกลพิการขึ้น โรคกระดูกพรุนได้บ่อนทำลายความแข็งแรง และความหนาแน่นของเนื้อกระดูกลง เป็นเหตุให้ กระดูกหักหรือแตกร้าวขึ้นง่ายๆ จนร่างกายต้องพิกลพิการ คณะนักวิทยาศาสตร์ได้พบว่ว่า มีกลุ่มเซลล์ ที่มีหน้าที่รับความรู้สึก มีชื่อว่า ซีบี 2 เป็น ตัวการในการควบคุมความหนาแน่นของเนื้อกระดูก การค้นพบครั้งนี้ จะทำให้ได้กุญแจสำคัญในการศึกษาวิจัยในอนาคตต่อไป. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 6 ม.ค. 48http ://www.thairath.co.th)
หมึกพิมพ์ผสมน้ำยางพาราคุณภาพดีต้นทุนต่ำ..ลดการนำเข้า
3 นักศึกษาสาวสวย จาก ภาควิชาการพิมพ์ คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี คือ น.ส.ขวัญหทัย ชัยชนะ น.ส.ดาวเรือง ปัญธิวงค์ และ น.ส.วิภาพรรณ พรศิริทรัพย์ ได้ช่วยกันนำเอาน้ำยาง.มาใช้ แทนตัวพาในหมึกพิมพ์ โดยมี นายอนันต์ ตันวิไลศิริ อาจารย์ที่ปรึกษา นักศึกษากลุ่มนี้บอกว่าการพิมพ์ในระบบ เฟล็กโซกราฟี เป็นระบบที่เหมาะสำหรับสิ่งพิมพ์จำพวกบรรจุภัณฑ์ อย่างเช่น กระดาษลูกฟูก กล่อง ซึ่งเป็นหมึกเหลวและวัตถุดิบจำพวกเรซิน... ในการผลิตหมึกทุกวันนี้วัตถุดิบต้องนำเข้าจากต่างประเทศทำให้ไทยเสียดุลการค้าปีละหลายล้านบาท จึงเป็นแรงกระตุ้นทำให้นักศึกษาเหล่านี้...เกิดความคิดนำเอาวัสดุที่มีอยู่ ภายในประเทศมาใช้ทดแทนส่วน ประกอบของหมึกบางตัว น.ส. ขวัญหทัย หัวหน้าทีมเล่าว่า... การนำเอา น้ำยางพารา มาใช้แทน ส่วนที่เป็นตัวพา (Vehicle) ซึ่งจะไปทำหน้าที่เป็นตัว พาสี เพื่อให้หมึกพิมพ์ไหลได้ดีและทำให้สียึดติดบนวัสดุที่พิมพ์ น้ำหมึกมีความเหนียว มันเงาและทนต่อการขัดถู จากการทดสอบใช้น้ำยางพาราแทนตัวพาในหมึกพิมพ์ โดยใช้ผงสีที่ผ่านการบด 50% น้ำยางพารา 15% พอลิเมอร์ (1) 110% พอลิเมอร์ (2) 25% ไข 3% สารลดการเกิดฟอง 0.5% น้ำ 16.5% พบว่า น้ำยางพาราความเข้มข้น 60% มีความเหมาะสมที่สุด ส่วนคุณสมบัติทางด้านกายภาพ (โดยทดสอบการหมาดตัว ความละเอียด ความหนืดและความเป็นกรดเป็นด่าง) และจากการทดลองพิมพ์บนวัสดุพิมพ์ (กระดาษคราฟท์) แล้วผลที่ได้อยู่ในช่วงมาตรฐาน เป็นที่ยอมรับ และมีค่าใกล้เคียง กับหมึกพิมพ์เฟล็กโซกราฟีมาตรฐาน ที่ใช้วัสดุที่นำเข้าจากต่างประเทศ เมื่อเปรียบเทียบในด้านสนนราคาแล้ว หมึกพิมพ์ที่ใช้น้ำยางพาราถูกกว่ามาก ถือได้ว่าเป็น การส่งเสริมให้เกิดผลผลิตและเพิ่มรายได้ ให้เกษตรกรภายในประเทศอีกด้วย ผู้ใดสนใจต่อยอด เพื่อให้ออกมาเป็นรูปธรรมในเชิงอุตสาหกรรม ติดต่อได้ที่ภาควิชาการพิมพ์ 0-2549-4521, 0-1407-8251 (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 6 ม.ค. 48http ://www.thairath.co.th)
ใช้เทคโนโลยีเพิ่มมูลค่ายางไทย
นางสุมิตรา ปีจิธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดคเบอร์ จำกัด ได้ความคิด มาจากไปพบสินค้าตกแต่งที่นำเข้าจากเยอรมนีทำจากวัสดุคล้ายยางแต่ไม่ใช่ยางธรรมชาติแท้ ซึ่งได้รับความสนใจมากในตลาดต่างประเทศแถบตะวันออกกลางแม้ราคาค่อนข้างแพง จึงนำความคิดดังกล่าวกลับมาศึกษาความเป็นไปได้ และการทำตลาด จนกระทั่งมั่นใจว่า ธุรกิจนี้มีอนาคตสดใสแน่ เพราะไร้คู่แข่งโดยตรง และสามารถเป็นผู้กำหนดกลุ่มตลาดได้เอง นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ยางในประเทศให้สูงขึ้นด้วย จึงตัดสินใจจัดตั้งบริษัท เดคเบอร์ จำกัด ขึ้น เมื่อปี 2546 อุตสาหกรรมผลิตยางในประเทศจะเน้นผลิตสินค้าตามออร์เดอร์มากกว่าการสร้างแบรนด์และทำตลาด ส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าราคาแพงจากต่างประเทศ จึงตัดสินใจนำเทคนิคการผลิตและ know how ที่มีอยู่มาปรับปรุงดัดแปลง เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้น ภายใต้แบรนด์ deze โดยได้เปิดตัวสินค้าของประดับตกแต่งจากยางธรรมชาติครั้งแรกในงานแสดงสินค้าของขวัญและของใช้ในบ้าน (BIC & BIH 2004) จากจำนวนสินค้าไม่กี่แบบ แต่กลับได้รับผลตอบรับค่อนข้างดี จนกลายมาเป็นสินค้าในกลุ่มพรีเมียร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากภายใน 1 ปี ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ deze มีมากกว่า 20 แบบ ซึ่งยังไม่รวมแบบที่ลูกค้ากลุ่มพรีเมียร์กำหนดเอง อาทิ ที่วางนามบัตร, คลิบหนีบกระดาษ, ที่เสียบปากกาและกล่องใส่ปากกา, กรอบรูปตั้งโต๊ะ ฯลฯ หรือแม้แต่ของชำร่วยในงานแต่งงานก็ยังได้รับการตอบรับอย่างดีเช่นกัน ซึ่งสินค้าทุกชิ้นล้วนออกแบบได้ตามที่ลูกค้าต้องการ เป็นสินค้าที่สามารถสร้างลูกเล่นจากจินตนาการได้มากมาย ทำให้ได้รับการตอบรับอย่างดี แม้ราคาจะแพงกว่าสินค้าที่ทำจากพลาสติก 10-20% แต่เพราะความแปลกใหม่และการออกแบบพัฒนาลูกเล่นที่ถูกใจผู้บริโภค ที่สำคัญคือความปลอดภัยของผู้บริโภค สินค้าทุกชิ้นของบริษัทฯ ไร้สารเคมีที่เป็นพิษ (non toxic) เนื่องจากบริษัทฯ จะเลือกใช้สารเคมีที่ไม่มีพิษ ได้รับความช่วยเหลือจากโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (ITAP) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 6 ม.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)
ดื่มแค่น้ำสะอาดกำจัดของเสียได้ไม่ต้องสวนทวาร
จากการศึกษาพบว่า โดยธรรมชาติของร่างกายมนุษย์จะมีกลไกและระบบกำจัดของเสียและสารพิษออกจากร่างกายอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่ต้องเสียเงินเสียทองเพื่อเข้าโปรแกรมล้างพิษ นักวิทยาศาสตร์จากองค์กรเซนส์ อะเบาท์ ไซน์ บอกว่า วิธีขับพิษออกจากร่างกายที่ดีที่สุดคือ ดื่มน้ำสะอาด สูดอากาศที่บริสุทธิ์และการนอนหลับอย่างสบายเท่านั้น ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ล้างพิษมีเกลื่อนทั่วท้องตลาดและทำให้ผู้บริโภคเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ อีกทั้งยังทำให้เราสับสนว่าร่างกายของเรา ภาวะโภชนาการและสารเคมีของร่างกายทำงานอย่างไร โดยธรรมชาติแล้ว ระบบกระเพาะอาหารของมนุษย์ทำหน้าที่ป้องกันแบคทีเรียและรวมทั้งสารพิษต่างๆ ที่เข้าสู่ร่างกาย ขณะที่ตับคอยทำลายสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ก่อนถูกขับไปที่ไต ดังนั้นการดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันการขาดน้ำและนอนหลับสนิทในช่วงกลางคืนจะช่วยให้รู้สึกสดชื่น นักวิทยาศาสตร์ได้บอกให้เลิกการทำดีท็อกซ์ด้วยเม็ดยา การกินอาหาร การพันตัว การอดอาหาร การกินน้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มสมุนไพรและน้ำอัดออกซิเจน ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเสริมให้ระบบการกำจัดพิษของร่างกายตามธรรมชาติทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แต่อันที่จริงเป็นเรื่องที่เสียเงินเสียทองเปล่า และยังขาดความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกลไกการทำงานของร่างกาย สารอาหาร และสารเคมี ในปีที่ผ่านมา นักวิจัยชาวอเมริกันได้ข้อสรุปว่า การล้างพิษด้วยการอดอาหารกำจัดสารพิษนั้น สู้การกำจัดพิษโดยให้ระบบร่างกายทำงานตามธรรมชาติไม่ได้ (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 6 ม.ค. 48 http://www.komchadluek.net)
อบเชยช่วยรักษาเบาหวานได้
คณะนักวิจัยในมาเลเซียพบหลักฐานใหม่ว่า อบเชยเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยเบาหวานเพราะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ หนังสือพิมพ์เดอะ สตาร์ ลงพิมพ์ผลการศึกษานาน 3 ปี ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมาเลเซียว่าเครื่องเทศชนิดนี้ให้ผลดีต่อการรักษาเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นเบาหวานชนิดที่ร่างกายผลิตอินซูลินได้ไม่เพียงพอ นายโมฮัมหมัด โรจี หนึ่งในคณะวิจัย กล่าวว่า นักสมุนไพรทั่วโลกใช้อบเชยรักษาโรคท้องร่วงและข้ออักเสบเพราะมีคุณสมบัติช่วยในการไหลเวียนของกระแสเลือด สมานแผล รักษาหนอง และภูมิแพ้ นอกจากนี้ ผลการทดลองในห้องทดลองปฏิบัติการตลอด 10 ปีที่ผ่านมา พบว่าสารสกัดอบเชยเมื่ออยู่ในเซลล์สามารถทำงานเลียนแบบอินซูลินได้ อินซูลินทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือด คนที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 เซลล์จะสูญเสียความสามารถในการตอบสนองต่อฮอร์โมนชนิดนี้ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ ปัจจุบันประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียกำลังประสบปัญหาประชากรเป็นเบาหวานเพิ่มมากขึ้น อันเป็นผลจากวิถีการดำเนินชีวิตที่ทานอาหารไม่เป็นประโยชน์และเป็นโรคอ้วน ( เดลินิวส์ เสาร์ที่ 7 ม.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)
มธ.ศูนย์ลำปางจับมือวิศวะม.โตเกียว ผุดสถานีวิจัยขยะอินทรีย์แบบหมักทำปุ๋ย
รองศาสตราจารย์ ดร.ไพโรจน์ กัมพูสิริ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายบริหาร ศูนย์ลำปาง เปิดเผยว่า สถานีทดลองศึกษาวิจัยการกำจัดขยะอินทรีย์ นี้ เกิดจากความร่วมมือระหว่างสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้โครงการวิจัยและพัฒนาการกำจัดขยะอินทรีย์โดยการหมักทำปุ๋ย โดยนำเทคโนโลยีด้านวิศวกรรมมาประยุกต์ในการออกแบบระบบกำจัดขยะให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ คณะผู้วิจัยได้เลือกสถานที่ ตั้งสถานีทดลองฯ ขึ้นที่ศูนย์ลำปาง เนื่องจากมีความเหมาะสมหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ที่มีความกว้างขวางในการทำงานของระบบ และเครื่องต้นแบบกำจัดขยะดังกล่าวเพื่อพัฒนาไปสู่การใช้งานจริงในอนาคต ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.ทวีป ชัยสมภพ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ ในฐานะผู้ควบคุมโครงการวิจัย กล่าวถึงรายละเอียดของโครงการว่า ตามปกติการกำจัดขยะที่ใช้อยู่ 3 วิธิได้แก่ การฝังกลบ การหมักปุ๋ย และการเผย แต่โครงการวิจัยและพัฒนาการกำจัดขยะอินทรีย์โดยการหมักทำปุ๋ย เกิดจากความพยายามที่จะพัฒนากระบวนการกำจัดขยะชุมชน ด้วยวิธีการหมักทำปุ๋ย ซึ่งเป็นวิธีที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย มีต้นทุนต่ำ ทั้งในด้านการลงทุนและค่าดำเนินการ แต่ทว่าวิธีดังกล่าวก็ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมในประเทศไทยนัก เนื่องจากยังขาดผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการจัดการที่ดี โครงการนี้ ถือเป็นต้นแบบของการกำจัดขยะอินทรีย์ด้วยการหมัก ที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้จุดสำคัญของโครงการ คือการใช้งานวิจัยพื้นฐานด้านวิศวกรรม เช่น การถ่ายเทพลังงาน อุณหภูมิ และการไหลเวียนของอากาศมาประยุกตใช้ โดยออกแบบระบบหมักหลายถึงให้เรียงซ้อนกันในแนวตั้งคล้ายปิ่นโต ซึ่งจะทำให้ได้ระบบที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ประหยัดพลังงาน ใช้พื้นที่น้อยและง่ายต่อการจัดการดูแลรักษา สำหรับความคืบหน้านั้นได้ทำการติดตั้งถังหมักต้นแบบและอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงการทดสอบการทำงานเบื้องต้นโดยผู้เชี่ยวชาญเสร็จเรียบร้อยแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาการทำงานเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงรายละเอียดและระบบที่เกี่ยวข้องต่อไป (สยามรัฐรายวัน เสาร์ที่ 7 ม.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)
สนช.ควักเงินล้านหนุนเอกชนสร้าง cnc
นายณรงค์ สกุลศิริรัตน์ เลขาธิการสมาคมเครื่องจักรกลไทย เปิดเผยว่า สมาคมได้พัฒนาต้นแบบ "ชุดควบคุมเครื่องจักรกลอัตโนมัติ ซีเอ็นซี" สำหรับใช้ภายในประเทศทดแทนการนำเข้า โดยอาศัยความรู้ทางวิชาการจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และนักวิจัยจากศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) มาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสำหรับ "ซีเอ็นซี" เป็นเครื่องจักรที่ทำงานโดยใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยควบคุมเครื่องจักร ทั้งการเคลื่อนที่ระหว่างเครื่องมือกับชิ้นงาน และควบคุมฟังก์ชันการทำงานแบบต่างๆ โดยประเภทของเครื่องจักรที่ใช้งานด้วยระบบนี้ อาทิ เจาะ กัด กลึง เจียระไน ตัดโลหะและงานอัด ซึ่งต้องการผลิตชิ้นงานที่มีความละเอียดสูง หรือมีลักษณะซับซ้อน ทั้งยังให้ความเที่ยงตรงในการทำงานสูง และใช้ระยะเวลาสั้นกว่าเมื่อเทียบกับการใช้เครื่องจักรแบบธรรมดา ทั้งนี้ เครื่องซีเอ็นซีนิยมใช้ในโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนแขนกล อุตสาหกรรมแม่พิมพ์ และเครื่องจักรที่มีความละเอียดสูง รวมกว่า 100,000 เครื่อง แต่สามารถใช้งานจริงปริมาณครึ่งหนึ่งของเครื่องทั้งหมด เนื่องจากเครื่องชำรุดและอะไหล่นำเข้าราคาแพงจึงไม่สามารถเปลี่ยนใหม่ ขณะนี้สมาคมสามารถสร้างต้นแบบเครื่องจักรอัตโนมัติเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงพัฒนาชุดควบคุมการทำงานซึ่งมีความละเอียดสูง และคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2550 นอกจากนี้ยังมีโครงการที่จะนำชิ้นส่วนโลหะคุณภาพดี มาหลอมและหล่อเป็นชิ้นงานใหม่ โดยตั้งเป้าที่จะจำหน่ายเครื่องซีเอ็นซีให้ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศในอนาคตด้วย นอกจากนี้ สนช.จะสร้างความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา เพื่อชุบชีวิตเครื่อง ซีเอ็นซี ที่ไม่สามารถใช้งาน ซึ่งมีอยู่ประมาณ 50,000 เครื่องในประเทศ ให้กลับมาใช้งานได้ใหม่อีกครั้ง (retrofit) ในส่วนของอะไหล่ที่สามารถหาเปลี่ยนได้ แต่หากใช้การไม่ได้แล้วก็จะนำวัสดุที่ยังคงมีคุณภาพดี มาหลอมสร้างเครื่องใหม่เพื่อใช้งานต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 7 ม.ค. 49 http://www.bangkokbiznews.com)
วว.พบสารพอลิแซ็กคาไรด์ สาหร่ายน้ำเงินป้องกันมะเร็ง
ดร.อาภารัตน์ มหาขันธ์ นักวิชาการศูนย์จุลินทรีย์ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย(วว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(วท.) กล่าวว่า วว.ร่วมกับคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ทำการศึกษาสาหร่ายเห็ดลาบหรือสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียว บริเวณพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติป่าดูนลำพัน อำเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม โดยผลการวิเคราะห์คุณค่าทางอาหารพบว่า มีวิตามินเอประมาณ 20% เส้นใย 43% และไขมันต่ำเพียง 0.02% แต่หลังจาก วว. นำมาเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการกลับพบว่า มีวิตามินเอเพิ่มขึ้นอีก 9 เท่า และพบว่า ในสาหร่ายเห็ดลาบมีสารพอลิแซ็กคาไรด์ ที่หลั่งออกเพื่อป้องกันรังสียูวี ซึ่งขณะนี้ วว.กำลังศึกษาและพัฒนาสารดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ป้องกันมะเร็งลำไส้ สารกันแดด
ดร.อาภารัตน์กล่าวว่า ทีมวิจัยยังได้ทำการวิเคราะห์ด้านจุลินทรีย์พบว่า ไม่มีการปนเปื้อนจากจุลินทรีย์ที่ก่อโรคในสาหร่ายเห็ดลาบแต่อย่างใด ส่วนผลการวิเคราะห์สารปนเปื้อนอนินทรีย์จากโลหะหนัก จำพวกปรอท ตะกั่ว และสารหนู พบว่า มีค่าไม่เกินตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ฉบับที่ 98 พ.ศ.2529 อีกทั้งการทดสอบความเป็นพิษเฉียบพลันทางปากของหนูทดลอง ก็ไม่พบความเป็นพิษ รวมถึงผลการชันสูตรซากหนูทุกตัวหลังสิ้นสุดการทดสอบ ตรวจไม่พบความผิดปกติของอวัยวะภายใน ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์อาหารจากสาหร่ายเห็ดลาย อาทิ ลาบ ซุปใส ซุปเต้าหู้ วุ้นสาหร่าย และเจลลี่สาหร่ายรสผลไม้ แผ่นสาหร่าย คุ้กกี้ ข้าวเกรียบ น้ำข้าวผสมสาหร่ายรสผลไม้ นอกจากนี้ วว.ยังช่วยอนุรักษ์สาหร่ายเห็ดลาบในระยะยาว โดยการแช่แข็งที่อุณหภูมิ -85 องศาเซลเซียส โดยใช้ไดเมทิลซัลฟอกไซด์ 3% เป็นสารป้องกันเซลล์ ซึ่งจะทำให้สาหร่ายเห็ดลาบไม่มีการสูญพันธุ์ในอนาคต สำหรับผู้ประกอบการทั่วไป สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์จุลินทรีย์ วว. หรือโทร.0-2577-9000 ต่อ 9030, 9034 (มติชนรายวัน เสาร์ที่ 7 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th)
"ดื่มหนัก"ทำลายกระดูก
การวิจัยนี้เป็นผลงานของศูนย์การแพทย์ใน เนบราสก้า สหรัฐอเมริกา โดยพบว่าการดื่มอย่างหนักก่อให้เกิดภาวะกระดูกบางและแตกหัก อย่างไรก็ตามยังพบด้วยว่า การดื่มแต่น้อยกลับช่วยปกป้องมวลกระดูก ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าการดื่มแต่เล็กน้อยทำให้เกิดการสร้างกระดูกใหม่ แต่หากดื่มหนัก แอลกอฮอล์ก็จะไปทำลายการกระบวนการสร้างกระดูกใหม่ ในช่วงวัยผู้ใหญ่ของคนเรานั้น กระดูกจะทำการปรับรูปของตัวเอง มีการแตกตัวของเซลล์ของกระดูกเก่า ไปสร้างกระดูกใหม่ โดยในคนที่มีสุขภาพปกติ คนวัยหนุ่มสาวและวัยผู้ใหญ่ กระบวนการสร้างกระดูกใหม่เหล่านี้จะดำเนินไปอย่างสมดุล ดังนั้นเราจึงรักษามวลกระดูกไว้ได้
เมื่อเราดื่มหนักพบว่า แอลกอฮอล์ไปยับยั้งขัดขวางการแตกตัวของเซลล์กระดูก เพื่อสร้างกระดูกใหม่ดังกล่าว ดังนั้นผู้ที่ดื่มอย่างหนักก็จะสูญเสียมวลกระดูกภายใน 2-3 ปี ขนาดไหนจึงจัดว่า"ดื่มหนัก"ผู้วิจัยบอกว่าก็คือการดื่มประมาณ 6 หรือมากกว่า 6 แก้วขึ้นไปต่อวัน ถ้าระดับนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากระดูกถูกทำลายแน่นอน ส่วนใครก็ตามที่ดื่มประมาณเกือบ 3 แก้วหรือมากกว่าต่อวัน ก็ถือว่า"เสี่ยง"ที่จะสูญเสียมวลกระดูกเช่นกัน (มติชนรายวัน เสาร์ที่ 7 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th)
ข่าวทั่วไป
ปี49ไทยลุ้น"ยูเนสโก" ติดป้ายมรดกโลกเพิ่ม
นางรัชวดี ศรีประพัทธ์ ผู้อำนวยการกองอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรม กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาคณะกรรมการมรดกโลกประเทศไทย ได้เสนอพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกต่อองค์การยูเนสโกรวม 11 แหล่ง ขณะนี้ยูเนสโกตอบรับแหล่งวัฒนธรรม 2 แห่งแล้ว ได้แก่ เส้นทางเชื่อมต่อทางวัฒนธรรม ปราสาทหินพิมาย กับศาสนสถานที่เกี่ยวข้อง กับปราสาทหินพนมรุ้ง และปราสาทเมืองต่ำ เข้าเกณฑ์มรดกโลกในด้านของความเป็นเอกลักษณ์ด้านศิลปกรรมหรือตัวแทนความงดงาม และเป็นงานชิ้นเอกที่มีการสร้างสรรค์ขึ้น ส่วนแหล่งที่สอง คือ อุทยานแห่งชาติภูพระบาท จ.อุดรธานี แสดงถึงวัฒนธรรมของเอเชียอาคเนย์ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ สู่ยุคทวารวดี ล้านช้างจนถึงปัจจุบัน และช่างฝีมือพื้นเมือง โดย สผ.จะร่วมกับกรมศิลปากรจัดทำรายละเอียดต่างๆ ทั้งแผนการจัดการเสนอต่อยูเนสโกเพื่อขึ้นทะเบียนในปีนี้ (มติชนรายวัน พุธที่ 4 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)
วิจัยคุณสมบัติไม้ตีนเป็ด-ทดแทนไม้ท่อนปีละ 3 หมื่นล้าน
นายฉัตรชัย รัตโนภาส อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า ปัจจุบันความต้องการใช้ไม้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทำให้ปริมาณไม้ในธรรมชาติ ไม่เพียงพอกับความต้องการส่งผลให้ต้องมีการนำเข้าไม้ท่อนเฉลี่ยปีละ 3 หมื่นล้านบาท แต่ปริมาณการใช้ไม้ยางพาราในประเทศมีถึงปีละไม่ต่ำกว่า 4 ล้านลูกบาศก์เมตรประกอบกับขณะนี้ราคาไม้ยางพาราได้ปรับสูงขึ้นเฉลี่ยคิวบิกฟุตละประมาณ 230-280 บาท จึงมีแนวโน้มว่าปริมาณไม้ยางพาราจะมีไม่พอเพียงกับความต้องการใช้ กรมป่าไม้จึงต้องทำการศึกษาหาชนิดไม้ที่นำมาใช้ประโยชน์ทดแทนได้ และมีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับใช้ในกระบวนการอุตสาหกรรมไม้ในอนาคต จากการศึกษาพบว่าไม้พญาสัตบรรณหรือตีนเป็ด เป็นไม้โตเร็วชนิดหนึ่ง นำไปใช้ประโยชน์ได้ อาทิ ปลูกเป็นไม้ประดับเพื่อให้ร่มเงา ส่วนของเปลือกยังสามารถใช้รักษาโรค อีกทั้งเหมาะสำหรับการใช้งานในลักษณะตกแต่งภายในบ้าน ตลอดจนเครื่องเรือนต่างๆ จากไม้แปรรูปทั้งไม้ตรงและไม้ดัดโค้ง สามารถใช้งานได้เช่นเดียวกับไม้เศรษฐกิจทั่วไป และมีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับไม้ยางพาราที่มีอายุ 25 ปี กรมจึงเตรียมที่จะส่งเสริมให้มีการปลูกไม้พญาสัตบรรณเพิ่มขึ้น โดยจะมีการศึกษาเพิ่มเติมถึงความเหมาะสมของไม้ชนิดนี้ ในการใช้ประโยชน์เป็นผลิตภัณฑ์ไม้ปฐมภูมิอื่นๆ เช่น แผ่นไม้ประกอบชนิดต่างๆ และคุณสมบัติพิเศษอื่นๆรวมทั้งแผ่นไม้ขึ้นรูปและแผ่นไม้อัดสารแร่เป็นต้น. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 5 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)
วิชาการเกษตรทุ่ม 250 ล้านวิจัย-พัฒนาพืชเศรษฐกิจปี 49
นายอดิศักดิ์ ศรีสรรพกิจ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ปี 2549 นี้กรมได้เตรียมงบประมาณ 250 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาด้านพืชและเทคโนโลยีการเกษตร ซึ่งมีทั้งการต่อยอดงานวิจัยเดิมและโครงการวิจัยใหม่ ภายใต้ 10 แผนงานวิจัยหลัก รวมทั้งสิ้น 166 โครงการวิจัย โดยเน้นให้นักวิจัยปฏิบัติตามยุทธศาสตร์การวิจัยและพัฒนา เพื่อเพิ่มศักยภาพระบบการผลิตพืชผักและผลไม้ภายในประเทศ ตลอดจนสร้างขีดความสามารถการแข่งขันเพื่อการส่งออก การวิจัยและพัฒนาด้านการผลิตพืชนั้น จะเน้นเพิ่มประสิทธิภาพระบบการผลิตพืชเศรษฐกิจสำคัญ พร้อมกับลดต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตรโดยมุ่งพัฒนาให้ได้ผลผลิตเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีแผนงานวิจัยด้านการพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร เพื่อเพิ่มมูลค่าและลดความสูญเสีย แผนวิจัยเกี่ยวกับความปลอดภัยทางด้านอาหารและการมีสุขภาพที่ดี ซึ่งจะเน้นลดการใช้สารเคมีให้น้อยลงพัฒนาด้านเกษตรอินทรีย์ ตลอดจนงานวิจัยด้านการอนุรักษ์เพื่อใช้ประโยชน์ในการวิจัยพัฒนา และปรับปรุงพันธุ์พืชโดยเฉพาะพันธุ์พืชพื้นเมือง ในกลุ่มพืชทดแทนพลังงานเช่นปาล์มน้ำมัน อ้อย มันสำปะหลัง และสบู่ดำ นับว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องบรรจุเข้าในแผนงานวิจัยเพื่อให้สอดรับกับนโยบายรัฐบาล เพื่อเตรียมการใช้ทดแทนพลังงานในอนาคตและจะเปิดโอกาสให้นักวิจัยของกรม ได้เสนอโครงการวิจัยเด่นๆ เพื่อยื่นขอทุนสนับสนุนการวิจัยจากหน่วยงานอื่นที่ให้ทุนอุดหนุนการวิจัยด้วย อาทิสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 5 ม.ค. 48 http://www.thairath.co.th)
"จีน"ทุ่มแสนล้าน ผลิตพลังงานหมุนเวียน
ปัจจุบัน ถือว่าจีนเป็นชาติที่มีอัตรานำเข้าและเผาผลาญน้ำมันสูงสุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ขณะเดียวกันไฟฟ้าร้อยละ 70 ที่ใช้ในประเทศจีนก็มีแหล่งกำเนิดมาจากถ่านหิน เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตพลังงานระยะยาว รัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนจึงมอบหมายให้บริษัทพลังงานในกำกับของรัฐ นั่นคือ "ไชน่า เอนเนอร์ยี่ คอนเซอร์เวชั่น อินเวสต์เมนต์ คอร์ป." เริ่มลงทุนวางโครงสร้างสำหรับดึงเอา "พลังงานหมุนเวียน" มาใช้ประโยชน์สูงสุด พร้อมกับออกกฎหมายลดหย่อนภาษีครั้งใหญ่ให้กับบริษัทและธุรกิจที่ใช้พลังงานหมุนเวียนประเภทต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น พลังงานจากแสงอาทิตย์ ลม น้ำ และพลังงานชีวมวล (ไบโอแมส) เบื้องต้น บริษัทไชน่า เอนเนอร์ยี่ฯ ประกาศทุ่มเงินลงทุนอย่างต่ำ 99,200 ล้านบาทภายใน 5 ปี เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนประเภทดังกล่าว ล่าสุด โรงไฟฟ้าพลังลมขนาดยักษ์ 2 แห่ง และโรงไฟฟ้าจากการเผาขยะและบำบัดน้ำเสียแห่งใหม่อีก 1 แห่งของจีนก็กำลังก่อสร้าง นอกจากนั้น ภายใน 5 ปีข้างหน้ายังจะสร้างโรงไฟฟ้าพลังขยะเพิ่ม 9 แห่ง และสร้างโรงไฟฟ้าพลังชีวมวล ในจังหวัดที่เน้นสร้างผลผลิตทางการเกษตรเป็นหลักอีก 30 แห่ง เพื่อนำขยะ/วัสดุเหลือใช้จากการเกษตรมาเผาไหม้นำความร้อนมาผลิตเป็นไฟฟ้า จีนตั้งเป้าว่าภายในปี 2563 พลังงานหมุนเวียนจะมีสัดส่วนการใช้งานคิดเป็นร้อยละ 15 ของพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด จากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนไปเรื่อยๆ (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 5 ม.ค. 48 http://www.matichon.co.th/khaosod)
ทวงสกอ.คลอดเกณฑ์ค่าตอบแทน กลุ่มสาธารณสุขรั้วมหาวิทยาลัย
ผศ.นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองอธิการบดีฝ่ายแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้งบประมาณประจำปี 2548 เพิ่มสำหรับบุคลากรทางด้านสาธารณสุขในทุกหน่วยงานทั่วประเทศ จำนวน2,875 ล้านบาท ซึ่งเป็นสาขาที่ขาดแคลนเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ โดยในส่วนของ มศว ได้งบฯ 10 ล้านบาท เพื่อจัดสรรให้กับข้าราชการและพนักงานมหาวิทยาลัยทางด้านสาธารณสุข แต่ก็ไม่เพียงพอและสามารถจัดสรรให้ได้เฉพาะข้าราชการเท่านั้น ขณะเดียวกันเงินดังกล่าวยังไม่สามารถเบิกจ่ายได้ เพราะสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.)ขอให้ชะลอไปจนกว่าจะกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายแล้วเสร็จ ทั้งนี้มหาวิทยาลัยสามารถเบิกจ่ายเงินตามเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ได้เพียงแต่ สกอ.มีหนังสือแจ้งมาเท่านั้น ในส่วนของงบประมาณของปี 2549 ที่จะมาเพิ่มให้กับบุคลากรด้านสาธารณสุขนั้น ครม.มีมติให้แต่ละหน่วยงานขอมาได้ โดยให้ตั้งตามความเป็นจริง ซึ่ง มศว ได้ขอเพิ่มไปแล้วจำนวน จำนวน 31 ล้านบาท ซึ่งงบกลางดังกล่าวจะครอบคลุมทั้งข้าราชการ และพนักงานมหาวิทยาลัย ทั้งสิ้น 779 คน แยกเป็น คณะแพทยศาสตร์ 115 คน ศูนย์การแพทย์ 466 คน คณะทันตแพทยศาสตร์ 82 คน คณะเภสัชศาสตร์ 57 คน คณะพยาบาลศาสตร์ 34 คน และ คณะสหเวชศาสตร์ 25 คน โดยงบฯ ที่ขอเพิ่มเฉลี่ยจะทำให้บุคลากรได้รับค่าตอบแทนสูงที่สุดเป็นเงิน 13,500 ต่อเดือน และต่ำสุดต่อเดือนประมาณ 1,000 บาท (สยามรัฐ ศุกร์ที่ 6 ม.ค. 48 http://www.siamrath.co.th)
สธ.สั่ง อย. ตรวจสอบยาฆ่าแมลงในเครื่องดื่มชูกำลัง
เชียงราย 6 ม.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดตู้รับเรื่องร้องเรียนผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ด่านศุลกากร อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งถือเป็นแห่งแรกในภูมิภาค เพื่อให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการคุ้มครองความปลอดภัยของตนเอง แจ้งเบาะแสอาหาร ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ปลอดภัย เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์สุขภาพนำเข้าด่านดังกล่าว เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ นายอนุทิน ได้กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ร้องเรียนพบยาฆ่าแมลง ยาปฏิชีวนะในเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อหนึ่งว่า ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจสอบเพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้ร้องเรียนและผู้ประกอบการ อีกทั้งเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคด้วย แต่ตนแปลกใจที่ผู้บริโภคร้องเรียนผ่านหนังสือพิมพ์ แทนที่จะนำผลิตภัณฑ์ตัวอย่างส่งให้ อย. ตรวจสอบ อาจจะมีการแบล็กเมล์ทำให้เสียชื่อเสียงก็ได้ จึงต้องให้ความเป็นธรรม แต่หากพบว่ามีสารปนเปื้อนจริงต้องดำเนินการตามกฎหมาย และเก็บผลิตภัณฑ์ล็อตนี้ออกจากท้องตลาด สำหรับการติดตั้งตู้ร้องเรียนดังกล่าว ได้เปิดนำร่องไปแล้ว 5 แห่ง ที่กรุงเทพฯ คือ ตลาดกลางแฮปปี้แลนด์ ตลาดเก่าเยาวราช ตลาดยิ่งเจริญ ตลาดมีนบุรี และตลาดใหม่บางแค (กรุงเทพธุรกิจ เสาร์ที่ 7 ม.ค. 49 http://www.bangkokbiznews.com)
KMUTT
Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215
|
|
|