หัวข้อข่าวปีที่ 7 ฉบับที่ 5 ประจำวันที่ 2006-01-28

ข่าวการศึกษา

ทปอ.ชูทางเลือกเสนอรัฐแบ่งระดับมหาวิทยาลัย
ทปอ.ไม่ให้ความสำคัญจัดอันดับมหา’ลัยขอมีคุณภาพจริง
ชี้มหา‘ลัยต้องเป็นเครือข่าย
ทปอ.ปรับยุทธศาสตร์ดึงรัฐบาลหนุน ยังไม่พร้อมสู่มหา"ลัยมาตรฐานโลก
นครปฐมผนึกญวน ร่วมมือ"วิชาการ"
มหาวิทยาลัยเฮ!กินเงินตำแหน่ง 2 ทาง
การศึกษาออนไลน์จีน
ม.รังสิตทุ่ม 150 ล. ดันโรดแมปใหญ่ สู่อี-ยูนิเวอร์ซิตี้
จุฬาฯ พัฒนานิสิตรับเอฟทีเอ
ยอดสอบโอเน็ตกว่า3แสนคน
จุฬาฯเปิดเวทีอภิปราย เลิก-ไม่เลิกนิทานอีสป
ม.รังสิตเชิญพล.อ.อ.สอนหลักสูตร"นักบิน" ดึงอดีตทูต"สมเกียรติ"เปิดสถาบันการทูตฯ
สภาอุตฯจับมือ"สกอ."ดันผู้ประกอบการใหม่ ภาวิชเผยเพิ่มหน่วยบ่มเพาะจาก25เป็น35
มศว.ชี้เสรีการศึกษาเป็นภัยของชาติ
ม.รังสิตเปิดตัว3หลักสูตรใหม่สนองชาติ
"พารณ"แนะรับน.ร.ดูผลงานดีกว่าสอบ ครู เสนอตั้งสำนักภูมิปัญญาแห่งชาติ
กกอ.คุมมาตรฐานหลักสูตร
ศธ.ขยายโรงเรียนวิถีพุทธวางแผนปีนี้ครบ 3.2 หมื่นแห่ง
คนไทยขี้เห่อกระแสต่างชาติ แนะม.รับมือยุคเสรีการศึกษา
"สภาคณบดีครุฯ"ตั้ง10เครือข่ายทั่วประเทศ ทำแผนผลิตครูตามสภาพพื้นที่ขาดแคลน

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

นักวิจัยมก.พบข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พันธุ์ใหม่ ‘สุวรรณ 4452’ ได้ผลผลิต ต้านทานโรคสูง
"รองเท้าไฮเทค" ตัดเย็บด้วยคอมพิวเตอร์
ปี๊บดักยุง
เผยวิจัยธารน้ำแข็งดาวอังคาร อาจคล้ายหิมะคลุมยอดเขาบนโลก
แน้วโน้มภัยคุกคามคอมพ์
ช่องโหว่ Wi-Fi ใน XP/2000
สร้าง "จานผี" ทุ่นยนต์ไร้คนขับ เป็นยานตรวจการณ์ทหาร
สามารถลุยธุรกิจใหม่เทคโนโลยีกำจัดขยะ
ใช้รีโมทปิดทีวีผลาญไฟฟ้า
กรมทรัพย์ถกด่วนประเมินแผ่นดินไหว หวั่นกระทบเขื่อน
นักธรณีวิทยาเผยข้อมูลใหม่'เขื่อนศรีนครินทร์'มีสิทธิ์แตก
"เอ็มไอที"คิดค้น"บ้านต้นไม้" อาศัยอยู่ได้จริง-ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
เพาะเซลล์เนื้อเยื่อ ปะกล้ามเนื้อหัวใจตาย
ยานอวกาศรุ่นใหม่ซ่อมรอยรั่วได้เอง
พบปลาจิ๋วสุดในโลกที่เกาะสุมาตรา
2050วิบัติภัยแห่งอนาคต

ข่าววิจัย/พัฒนา

วิจัยขมิ้นชัน ’แดงสยาม’ มีสารเคอร์คูมินต้านมะเร็ง
ประดิษฐ์นาฬิกาทันสมัยใช้ตรวจหาเชื้อมาลาเรีย
พบวิธีรักษาโรคเอดส์ได้ดีกว่าเดิม เม็ดเดียวกินวันละครั้ง
สมองกลเซฟเงินแท็กซี่ติดเอ็นจีวี ควบคุมระบบจ่ายก๊าซแม่นยำเผาไหม้สมบูรณ์
สธ.สั่งวิจัยสมุนไพร'หมอกบ่วาย'รักษามะเร็งตับ
ม.เกษตรฯรับ15ล้านทำแผนที่ยีนถั่วเขียว
พบสูตรยารักษา"โรคเอดส์"ตัวใหม่
งานวิจัยชิ้นใหม่ในอังกฤษ เผยโทรมือถือไม่เกี่ยวมะเร็งสมอง
ส่องเชื้อแบคทีเรียในดิน พบดื้อยาอยู่ทั่วไปในธรรมชาติ
ยิงคลื่นเสียงหาเส้นเลือด แก้ปัญหาฉีดยา-แทงน้ำเกลือพลาด
พบวัสดุเหนียวกว่าพลาสติก
สองนักวิจัยไต-มะเร็งปากมดลูก คว้ารางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล
"เครื่องอบพลังธรรมชาติ" อาหารแห้งไว-ไร้เชื้อรา
เซลล์เชื้อเพลิง พลังสะอาด พลังงานทางเลือก ฮีโร่กู้วิกฤต โลกร้อน น้ำมันแพง
มะกันหวังครองตลาดเนื้อ ทุ่มงบวิจัย"ถอดรหัสพันธุกรรมหมู"
หญิงมีครรภ์ต้องกินปลามันๆ ป้องกันลูกด้อยปัญญาอาภัพ
ห้องน้ำทำความสะอาดตัวเอง !
ต้องให้เด็กแปรงฟันหลังกินยาแก้ไอ เหตุมีฤทธิ์เป็นกรดกัดฟัน
วิศวะ มก.สร้างสถานีตรวจวัดสภาพอากาศเพื่อการเกษตร
ของดีรั้วสวนดุสิต ที่รอการต่อยอด
แผงวงจรเพิ่มแรงบิดจยย.เนคเทคพัฒนาแผงควบคุมหัวเทียนจุดระเบิดแม่น
ป.4เจ๋งประดิษฐ์รถตัดหญ้า
จุฬาฯพบโปรตีนพิษงูแมวเซา โมเลกุลห้ามเลือดฉุกเฉินชะงัก
กินแอปเปิ้ลป้องกันสมองแก่ตามวัย กินแล้วสติปัญญายังคงหนุ่ม
เบาะนั่งเสริมใยเหล็ก บทบาทหญ้าแฝกกับยางรถเก่า
หนุ่มปริญญาโท ถอดรหัสโลกไซเบอร์ พบผู้หญิงคือ"เหยื่อ"อันโอชะ
ม.ขอนแก่นเยี่ยม ใช้หลอดไฟแอลอีดีผลิตกล่องดูฟิล์ม
“แก๊งค์มด” มจธ.เก่งไม่ใช่เล่น

ข่าวทั่วไป

ห้องสมุดลืออำนาจปรับโฉมใหม่ บริการ"เดลิเวอร์รี่"หนังสือถึงบ้าน
อ.จุฬาฯ ห่วงเด็กไทยติดเกมแฉจ่ายเดือนละ 4 พันบ.-หวั่นโน้ตบุ๊คล้านเครื่องเพิ่มปัญหา
12-13มิ.ย.หยุดฉลองครองราชย์60ปี
ทำยาคุมกำเนิดของผู้ชายได้แล้ว ยากกว่าผู้หญิงเหตุผู้ชายเชื้อมาก
ผลิตครีมอดบุหรี่ใช้ทาตามมือ ไม่ถึงนาทีหายอยากสูบได้ทันใจ
'ยงยุทธ' ย้ำไม่ให้ต่างชาติขโมยสำรวจทรัพยากร
แนะ’ทักษิณ’คุมวิจัยระดับชาติ
ทั่วโลกเล็งผลิตพลังงานนุค ตั้งเป้าเป็นพลังงานทดแทน
ตาม 8 เยาวชนไปแดนมะกัน ทัศนศึกษา-เผยแพร่งานศิลป์
มศว เปิดศูนย์ทรอม่า ลบภาพสะเทือนขวัญ
อังกฤษปิ๊งศูนย์พลังงานทดแทน หอบเงินร่วมลงทุนไทย1.2พันล้าน
"แปรงฟัน"ป้องกันโรคหัวใจ น้ำมันปลาช่วยหัวใจแต่ไม่กัน"มะเร็ง"





ข่าวการศึกษา


ทปอ.ชูทางเลือกเสนอรัฐแบ่งระดับมหาวิทยาลัย

ศ.ดร.ปรัชญา เวสารัชช์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เผยหลังการประชุมวิชาการที่ประชุมอธิการบดี ประจำปี 2548 เรื่อง “รัฐและมหาวิทยาลัยร่วมมือร่วมใจสู่เวทีโลก” ว่า ข้อเสนอแนะจากที่ประชุมในการนำมหาวิทยาลัยไปสู่มหาวิทยาลัยมาตรฐานระดับโลกนั้น อาจต้องแบ่งมหาวิทยาลัยเป็นหลายระดับ ตั้งแต่ระดับมาตรฐานโลก มหาวิทยาลัยชั้นนำระดับภูมิภาค มหาวิทยาลัยชั้นนำระดับชาติ และมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับท้องถิ่น โดยมีตัวชี้วัดที่แตกต่างกัน เช่น มหาวิทยาลัยชั้นนำระดับชาติจะมีตัวชี้วัดจากงานวิจัยที่นำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในประเทศ โดยไม่ต้องวัดว่าเป็นงานวิชาการที่ตีพิมพ์ในวารสารระดับนานาชาติ ทั้งนี้ ไม่ว่ามหาวิทยาลัยจะเลือกเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับใด สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้มหาวิทยาลัยมุ่งที่จะยกระดับคุณภาพตนเอง ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยทุกแห่งมีงานวิจัย หรือหลักสูตรการอบรมที่มีคุณภาพ แต่สาธารณชนหรือรัฐบาลไม่ค่อยรับรู้ ที่ประชุมจึงเห็นว่าควรมีแหล่งรวบรวมข้อมูลของมหาวิทยาลัยที่ทุกฝ่ายสามารถเข้าถึง เพียงแต่รัฐบาลจะต้องเข้าใจข้อจำกัดของมหาวิทยาลัย ทั้งต้องเคารพความเป็นอิสระของมหาวิทยาลัย จะทำให้ความร่วมมือระหว่างรัฐกับมหาวิทยาลัยใกล้ชิดกันมากขึ้น นอกจากนี้ อยากให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณ โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาห้องปฏิบัติ เครื่องมือให้ทันสมัย ซึ่งเรื่องนี้ ทปอ.จะหารือกันอีกครั้งและจะเสนอต่อรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 23 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





ทปอ.ไม่ให้ความสำคัญจัดอันดับมหา’ลัยขอมีคุณภาพจริง

จากการประชุมวิชาการของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ประจำปี 2548 จัดที่ ม.แม่โจ้ จ.เชียงใหม่ ผศ.ดร.วัลลภ จันทร์ตระกูล ประธานสภาคณาจารย์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (สจพ.) ได้กล่าวสรุปผลประชุมการพัฒนามหาวิทยาลัยไทยสู่การเป็นมหาวิทยาลัยระดับมาตรฐานโลกว่า ประเด็นที่ควรพิจารณาในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยไทย คือผู้บริหารต้องมีวิสัยทัศน์และความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการทุกด้าน มีห้องปฏิบัติการ อุปกรณ์การศึกษาและวิจัยที่ทันสมัย มีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่จะนำไปสู่การวิจัยเชิงพาณิชย์ คณาจารย์ต้องมีผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ระดับประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง มีการจัด การศึกษาที่เชื่อมโยงเครือข่ายทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยในและต่างประเทศ อาจารย์ต้องมีอิสระทางวิชาการ มีศูนย์การเรียนรู้และแหล่งสืบค้นทันสมัยสำหรับคณาจารย์ บุคลากรทางการศึกษาและนักศึกษา มีอัตราส่วนอาจารย์ต่อนักศึกษาเหมาะสมตามกลุ่มสาขาวิชา และที่สำคัญผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพสามารถทำงานระดับโลกได้ ศ.ดร.ประสาท สืบค้า อธิการบดีมหา วิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) กล่าวว่า ในการพัฒนามหาวิทยาลัยไทยให้มีมาตรฐานระดับโลกนั้นที่ประชุมไม่สนับสนุนที่จะให้มีการจัดอันดับ เนื่องจากวัตถุประสงค์ของการจัดอันดับยังไม่ชัดเจนและไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้กับมหาวิทยาลัยไทย นอกจากนี้ที่ประชุมได้ตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนามหา วิทยาลัยไทยไปสู่มาตรฐานโลกอย่างจริงจัง แต่ถ้า มีการนำการจัดอันดับมาใช้ อาจส่งผลให้ความ ร่วมมือทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยลดลง เนื่องจากจะทำให้เกิดการแข่งขันกันเอง หรือถ้ามีการร่วมมือทุกมหาวิทยาลัยก็อยากเป็นมหา วิทยาลัยหลักในการวิจัย ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความขัดแย้งได้ ศ.ดร.ปรัญชา เวสารัชช์ อธิการบดีมหา วิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) ในฐานะประธาน ทปอ. กล่าวว่า ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยจะอยู่เฉยและไม่จัดอันดับ แต่ถึงวันนี้เราก็ถูกนำไปจัดอันดับอยู่ดี เช่น จุฬาฯ ก็ติดอันดับโลก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าดีใจ และสะท้อนว่ามหาวิทยาลัยต้องรับผิดชอบที่จะก้าวไปสู่มหาวิทยาลัยคุณภาพ โดยอาจจะนำตัวชี้วัดจากต่างประเทศเข้ามาช่วยก็ได้ แต่ตัวชี้วัดจะต้องสะท้อนและสอดคล้องกับผลผลิตทางการศึกษาโดยรวม ทั้งนี้ตัวชี้วัดอาจจะมีเรื่องงานวิจัย หรือวิทยานิพนธ์ที่ต้องนำไปใช้จริงในสังคม แต่ที่ผ่านมาเรายังละเลยที่จะนำงานวิจัยดังกล่าวไปใช้ แต่ส่วนใหญ่จะใช้เพียงแค่ทำผลงานเพื่อเลื่อนตำแหน่งของอาจารย์เท่านั้น ซึ่งเป็นการสูญเสียทรัพยากรและโอกาสของสังคมที่จะใช้ประโยชน์ตรงนี้ ทุกมหาวิทยาลัยพยายามยกระดับตัวเอง เพื่อนำไปสู่การบริการสังคมที่ดีขึ้น และตอบสนองผลประโยชน์ของประเทศชาติ แต่การจัดอันดับไม่ใช่เป้าหมายหลักของมหาวิทยาลัย เพราะเป้าหมายหลักของมหาวิทยาลัยไทยคือการไปสู่มาตรฐานและคุณภาพการศึกษา (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 23 ม.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)





ชี้มหา‘ลัยต้องเป็นเครือข่าย

ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) กล่าวในการอภิปรายเรื่อง “รัฐและมหาวิทยาลัยร่วมมือร่วมใจสู่เวทีโลก” เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ดำรงตำแหน่งมา 5 ปีแล้ว และยังเป็นนายกฯ ที่ฉลาด แต่รัฐบาลในภาพรวมกลับยังไม่สามารถเชื่อมโยงการศึกษาเข้ากับส่วนต่าง ๆ ของสังคมได้ ทำให้แต่ละเรื่องยังแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ซึ่งที่ผ่านมามหาวิทยาลัยก็ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลมาโดยตลอด แต่เป็นโครงการระยะสั้น ๆ เช่น การฝึกอบรมบุคลากรของรัฐ ส่วนมหาวิทยาลัยภูมิภาคก็จัดอบรมเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แต่ตนก็ยังไม่เห็นกลไกใดหรือหลักสูตรใดที่จะทำให้ อบต. เกิดความเข้มแข็งอย่างแท้จริง ดังนั้นรัฐบาลจะต้องมีนโยบายสร้างความเข้มแข็งให้แก่อบต.อย่างเป็นระบบและชัดเจน เพราะงบประมาณจะลงไปสู่ อบต. มากขึ้นทุกปี ซึ่งจะทำให้อบต.ต้องไปจัดระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ เอง ซึ่งอุดมศึกษาน่าจะเข้าไปช่วยเหลือ อบต. ในด้านต่าง ๆ ได้มาก ปัจจุบันเมื่อรัฐบาลมียุทธศาสตร์จังหวัด หรือยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด ซึ่งเป็นภาพที่มีความชัดเจนขึ้น ตนมองว่ามหาวิทยาลัยเองจะต้องรวมตัวกันเป็นเครือข่าย ทำงานเป็นทีม เพื่อช่วยกันตอบโจทย์ที่รัฐบาลมอบหมายให้ได้ เพราะคงไม่มีมหาวิทยาลัยใดมหาวิทยาลัยหนึ่งสามารถทำได้โดยลำพัง และทางรอดระยะยาวของมหาวิทยาลัยก็จะต้องสร้างเครือข่าย ต้องใจกว้าง ไม่เช่นนั้นจะเป็นไปในลักษณะแข่งกันตายและแข่งกันสูญพันธุ์ ด้าน ศ.ดร.ประกอบ วิโรจนกูฎ อธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราช ธานี (มอบ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยให้ความร่วมมือกับรัฐบาลค่อนข้างมาก แต่เป็นไปในลักษณะต่างคนต่างทำและยังขาดการบันทึกอย่างเป็นระบบ ดังนั้นมหาวิทยาลัยคงต้องหันกลับมาให้ความสนใจเรื่องฐานข้อมูล นอกจากนี้มหาวิทยาลัยก็ควรจะรวมกลุ่มกันและมีบทบาทในการนำเสนอปัญหาหรือข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลมากกว่าจะเป็นฝ่ายสนองนโยบายของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว และจากนี้ไปมหาวิทยาลัยควรจะต้องเกาะติดรัฐบาลแบบไม่ปล่อยด้วย. (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 23 ม.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)





ทปอ.ปรับยุทธศาสตร์ดึงรัฐบาลหนุน ยังไม่พร้อมสู่มหา"ลัยมาตรฐานโลก

นายปรัชญา เวสารัชช์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยผลสรุปการประชุมวิชาการ ทปอ. ประจำปี 2548 ในเรื่อง "การพัฒนามหาวิทยาลัยไทยสู่การเป็นมหาวิทยาลัยระดับมาตรฐานโลก" และเรื่อง "ระบบความร่วมมือระหว่างรัฐและมหาวิทยาลัย" ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ เมื่อเร็วๆ นี้ว่า จากการระดมความคิดเห็นในเรื่องการพัฒนามหาวิทยาลัยไทยสู่การเป็นมหาวิทยาลัยมาตรฐานโลก โดยมหาวิทยาลัยต่างๆ เห็นว่าไม่จำเป็นจะต้องมุ่งสู่การเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลกเพียงอย่างเดียว มหาวิทยาลัยบางแห่งขอเลือกเป็นมหาวิทยาลัยในระดับภูมิภาค บางแห่งอาจมุ่งสู่ระดับโลก แต่ส่วนใหญ่ต้องการเป็นมหาวิทยาลัยระดับชาติ ที่ให้บริการทางวิชาการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทย แต่ทุกเป้าหมายดังกล่าวเห็นควรให้ใช้ตัวชี้วัดของมหาวิทยาลัยมาตรฐานระดับโลกมาเป็นแนวทางในการชี้วัด ส่วนความร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อพัฒนามหาวิทยาลัยนั้น ทปอ.ได้ข้อสรุปที่จะปรับยุทธศาสตร์การทำงานประสานกับรัฐบาล โดยจะนำเสนอแผนงานการพัฒนาที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น มีการกำหนดเป้าหมายความสำเร็จและระยะเวลาที่ชัดเจน เพื่อให้รัฐบาลเห็นภาพและให้การสนับสนุนง่ายขึ้น นอกจากนี้ ทปอ.จะสร้างเครือข่ายในการรวบรวมข้อมูลงานวิจัยองค์ความรู้ต่างๆ ให้เป็นข้อมูลกลาง เพื่อให้รัฐบาล หน่วยงงานภาครัฐ และเอกชน ตลอดจนประชาชนทั่วไปได้เข้ามาค้นหาเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ ทั้งนี้ ทปอ.ต้องการความสนับสนุนจากรัฐบาลมากขึ้นโดยเฉพาะเรื่องอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ทันสมัย สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีของโลก (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 23 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





นครปฐมผนึกญวน ร่วมมือ"วิชาการ"

ผศ.ดร.นิวัต กลิ่นงาม อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม คณะผู้บริหารและคณาจารย์ ให้การต้อนรับผศ.ยุทธศักดิ์ ฮมแสน ผู้ประสานงานการศึกษาสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครพนม และนายเกรียงไกร ศรีพงศ์ ผู้ช่วยผู้ประสานงานการศึกษาสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในโอกาสเดินทางมาบรรยายพิเศษ เรื่อง "แนวทางการพัฒนาความร่วมมือทางการศึกษากับประเทศเวียดนาม" เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ที่ห้องพุทธชาด มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม สำหรับผศ.ยุทธศักดิ์มาบรรยายให้ข้อมูลพื้นฐานด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านการศึกษาของเวียดนาม เพื่อหาแนวทางการสร้างความร่วมมือทางวิชาการ ทางวัฒนธรรม การท่องเที่ยว และด้านอื่นๆ ระหว่างมรภ.นครปฐมกับสถาบันการศึกษาในเวียดนาม ผศ.ยุทธศักดิ์ เปิดเผยว่า จะมีนักศึกษาเวียดนามมาเรียนที่มรภ.นครปฐม 5 คน ระยะเวลา 1 ปี และจะเรียนหลักสูตร 4 ปี 6 คน โดยเรียนหลักสูตรภาษาไทยตามหลักสูตรปกติ (ข่าวสด อังคารที่ 24 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





มหาวิทยาลัยเฮ!กินเงินตำแหน่ง 2 ทาง

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยถึงการแก้ปัญหาเกี่ยวกับเงินประจำตำแหน่งผู้บริหาร และเงินประจำตำแหน่งทางวิชาการของมหาวิทยาลัย ว่า เนื่องจาก พ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.2547 กำหนดให้ผู้บริหาร ที่มีตำแหน่งทางวิชาการ มีสิทธิได้รับทั้งเงินประจำตำแหน่งผู้บริหาร และเงินตำแหน่งทางวิชาการ ประกอบกับคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 9 มี.ค.47 ให้เบิกจ่ายเงิน เพิ่มพิเศษได้อีกหนึ่งเท่า แต่ในพระราชกฤษฎีกา การได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการ และผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหาร ซึ่งไม่เป็นข้าราชการ พ.ศ.2538 ระบุว่าผู้มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งเกินกว่าหนึ่งตำแหน่ง ให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งสูงสุดเพียงตำแหน่งเดียว ทำให้มหาวิทยาลัยไม่สามารถเบิกจ่ายเงินประจำตำแหน่ง ให้แก่ผู้บริหารที่มีตำแหน่งทางวิชาการทั้ง 2 ทางได้ ทั้งนี้ จากการหารือร่วมกับนายกิตติ ลิ่มสกุล ผช.รัฐมนตรีประจำ ศธ. และผู้แทนจากสำนักงบประมาณ เห็นว่าจะต้องแก้ไขพระราชกฤษฎีกาว่า ด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการและผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหาร ซึ่งไม่เป็นข้าราชการ พ.ศ.2539 เพื่อให้ผู้บริหารที่มีตำแหน่งทางวิชาการสามารถเบิกเงินประจำตำแหน่งได้ 2 ทาง โดยระหว่างการแก้ไขให้มหาวิทยาลัยนำเงินรายได้มาเบิกจ่ายไปก่อนจนกว่าจะแล้วเสร็จ จึงจะนำเงินงบประมาณมาชดใช้คืน ซึ่งสำนักงบประมาณได้รับที่จะดูแลเรื่องนี้ ส่วนกลุ่มพนักงานมหาวิทยาลัย ที่แต่งตั้งเป็นอาจารย์ประจำในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่เป็นหน่วยราชการ เห็นว่าควรได้รับการปรับเพิ่มเงินเดือนเช่นกัน ซึ่ง ศธ.จะทำเรื่องเสนอ ครม.ต่อไป (สยามรัฐรายวัน พุธที่ 25 ม.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)





การศึกษาออนไลน์จีน

การพัฒนาไอซีทีเพื่อการศึกษาของประเทศจีนมีสิ่งที่น่าสนใจคือ 1. ประเทศจีนสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมไอซีทีด้วยตนเองอย่างชัดเจน 2. ประเทศจีนเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่จะข้ามไปสู่ประเทศพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี การริเริ่มไอซีทีสำหรับการศึกษาออนไลน์ในประเทศจีนนั้น เริ่มจากการมีเครือข่ายการวิจัยและการศึกษาจีน หรือที่เรียกว่าเซอร์เน็ต หรือ CERNET-China Education and Research Network ในปี 1994 เพื่อให้เซอร์เน็ตเป็นตัวจักรในการขับเคลื่อนการใช้ไอซีทีสำหรับวงการศึกษาโดยใน 5 ปีแรกเจริญเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป เริ่มต้นจากปี 1994 มีสถาบันอุดมศึกษาในเครือข่าย 10 แห่ง ปี 1995 มี 108 แห่ง ปี 1996 มี 200 แห่ง ปี 1997 มี 334 แห่ง และปี 1998 มี 450 แห่ง ในปี 1999 รัฐบาลจีนจึงมีนโยบายการส่งเสริมและพัฒนาการอุดมศึกษาเพื่อมวลชนทำให้นักเรียนนักศึกษาและประชาชนสามารถเข้าเรียนระดับอุดมศึกษาได้อย่างกว้างขวางทั่วประเทศ ทั้งในมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยต่าง ๆ รวมทั้งวิทยาลัยระดับท้องถิ่น (Community College) ซึ่งทำให้ในปี 2002 มีจำนวนสถาบันอุดมศึกษาเข้าร่วมในเครือข่ายเซอร์เน็ตถึง 932 แห่งคิดเป็น 92.1 เปอร์เซ็นต์ ของทั้งประเทศ ปัจจุบันปี 2006 น่าจะถึง 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับว่าความเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วนี้เกิดจากการที่ประเทศจีนมีปรัชญาในการพึ่งตนเองทางเทคโน โลยีตลอดมา ตั้งแต่เรื่องอาวุธ เครื่องจักรกล และเทคโนโลยีไอซีที คือต้องการมีระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั้งมีสายและไร้สาย หรือดาวเทียมก็สามารถทำเองได้หมดโดยไม่ต้องพึ่งพาอาศัยประเทศที่เจริญแล้ว การพัฒนาเรื่องการรับนักศึกษาเรียนด้วยระบบออนไลน์ก็เริ่มในปี 1999 นั่นเอง จากเริ่มมีสถาบันอุดมศึกษาเปิดสอนออนไลน์ 4 แห่ง มาเป็น 67 แห่งในปี 2002 และจำนวนนักศึกษาออนไลน์เริ่มจาก 5,000 คนในปี 1999 เป็น 600,000 คนในปี 2002 ปัจจุบันก็หลายล้านคน ทั้งนี้ให้หน่วยงานโออีเอส หรือ OES-Online Education School เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการออกกฎระเบียบสำหรับการศึกษาออนไลน์ทั้งหมดและหน่วยงาน แอลซีโอซี หรือ LCOC-Learning Center Outsides Campus เป็นผู้จัดการด้านการศึกษาตั้งแต่การรับ การจัดการสอบ การบริการเรื่องเครือข่าย และห้องเรียนคอมพิวเตอร์ ในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 26 ม.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)





ม.รังสิตทุ่ม 150 ล. ดันโรดแมปใหญ่ สู่อี-ยูนิเวอร์ซิตี้

นายอาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดี ม.รังสิต เปิดเผยถึงแผนยุทธศาสตร์การพัฒนามหาวิทยาลัยภายใน 5 ปีข้างหน้า (พ.ศ.2548-2552) ซึ่งเรียกว่าเส้นทางสู่ความเป็นเลิศ (Roadma to Excellence) ว่าจะเน้นองค์ประกอบหลัก 4 ด้านใหญ่ คือมุ่งสู่ความเป็นนานาชาติ โดยจะเร่งสร้างความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างประเทศ บนฐานของความพร้อมให้มากที่สุด เช่น การแลกเปลี่ยนบุคลากร นักศึกษา อาจารย์ การดูงาน เป็นต้น เพื่อเป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์ในต่างแดน นอกจากนี้จะต้องมีการออกใบประกาศนียบัตรรับรองผลสัมฤทธิ์ในการเรียนการสอน ทั้งความชำนาญด้านภาษาอังกฤษ และความแตกฉานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งในช่วง 5 ปีนี้ ม.รังสิตได้กำหนดให้วิทยาลัยและคณะวิชาต่างๆ ปรับตนเองในเรื่องการจัดการเรียนการสอน โดยให้มีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการเรียนการสอนเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 10 ต่อปี ขณะเดียวกัน ม.รังสิต จะต้องก้าวเป็นมหาวิทยาลัยอิเล็กทรอนิกส์ (e-University) โดยจะต้องก้าวไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของชาติ นำสังคม และสร้างบุคลากรที่เป็นเลิศ ซึ่งการศึกษาจะเป็นตัวชี้นำในการพัฒนาประเทศชาติ ดังนั้นมหาวิทยาลัยจึงต้องก้าวไปข้างหน้าต้องเป็นผู้นำทั้งด้านวิสัยทัศน์ แนวทางการเรียนการสอน และที่สำคัญต้องมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด อย่างไรก็ตามขณะนี้ ม.รังสิต ได้เตรียมงบประมาณสำหรับแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีไว้แล้วประมาณกว่า 150 ล้านบาท เพื่อปรับมหาวิทยาลัยให้อยู่เหนือกระแสในยุคการแข่งขันสูงให้ได้ (สยามรัฐรายวัน พฤหัสบดีที่ 26 ม.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)





จุฬาฯ พัฒนานิสิตรับเอฟทีเอ

.คุณหญิง สุชาดา กีระนันทน์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ที่ประเทศไทยได้เข้าร่วมการเปิดเสรีทางการค้า หรือเอฟทีเอ กับประเทศต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงบริการการศึกษาด้วยนั้น จุฬาฯ ได้ศึกษาเรื่องนี้เพื่อรับการเปิดเสรีทางการศึกษาได้อย่างถูกทาง ทั้งนี้ การเปิดเสรีทางการศึกษามีทั้งผลดีและผลเสียกับมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยที่ไม่มีความพร้อม มี จำนวนทรัพยากรจำกัด ก็จะเสียเปรียบ ส่วนผลดีทำให้บัณฑิตไทยได้ไปทำงานต่างประเทศมากขึ้น ดังนั้น สิ่งที่จะตามมาและเป็นเรื่องใหญ่มากคือ คุณภาพบัณฑิตในอนาคตที่มหาวิทยาลัยจะต้องเตรียมให้พร้อม เพราะถ้าไม่สามารถผลิตคนที่สู้ได้ในโลกความเป็นจริงจะลำบาก ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา จุฬาฯ เตรียมนิสิตให้เก่งด้านภาษา การสื่อสาร เทคโนโลยี และทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น ปรับการสอนในทุกวิชาให้น่าสนใจและฝึกให้นิสิตค้นคว้า เรียนรู้เองตลอดชีวิต มีพื้นฐานความรู้ลึกที่พร้อมจะขยายไปสร้างองค์ความรู้ใหม่ได้ด้วยตนเอง ที่สำคัญต้องปลุกระดมทุกส่วนของมหาวิทยาลัยให้ช่วยประเทศชาติ ประยุกต์องค์ความรู้ให้เกิดประโยชน์กับแผ่นดิน อย่างไรก็ตาม การไปเจรจาต่อรองเกี่ยวกับการเปิดเสรีทางการศึกษานั้น จะต้องมีข้อมูลมากที่สุด เพื่อนำประโยชน์เข้าประเทศชาติให้มากที่สุด (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 16 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





ยอดสอบโอเน็ตกว่า3แสนคน

เมื่อวันที่ 25 มกราคม รศ.ดร.ประทีป จันทร์คง ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เปิดเผยว่า จากการรวบรวมรายชื่อและผู้ชำระเงินจากการสมัครผ่านระบบออนไลน์ พบว่า มีผู้มีสิทธิเข้ารับการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือ โอเน็ต (O-NET) ระหว่างวันที่ 25-26 กุมภาพันธ์ รวม 338,265 คน และทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง หรือ เอเน็ต (A-NET) วันที่ 28 กุมภาพันธ์-1 มีนาคม รวม 189,877 คน ทั้งนี้ ผู้สมัครสอบ เอเน็ต สมัครสอบในวิชาภาษาอังกฤษมากที่สุด 179,587 คน คณิตศาสตร์ 166,974 คน สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 139,422 คน ภาษาไทย 136,854 คน และวิทยาศาสตร์ 134,243 คน ส่วนภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน บาลี อาหรับ จีน ญี่ปุ่น แต่ละวิชามีผู้สมัครสอบจำนวนไม่ถึง 1 หมื่นคน รศ.ดร.ประทีป กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีนักเรียนและผู้ปกครองเรียกร้องให้ขยายระยะเวลารับสมัครสอบเอเน็ต อีกรอบ เนื่องจากยังสมัครสอบไม่ครบกลุ่มสาระการเรียนรู้ตามเงื่อนไขที่คณะ หรือมหาวิทยาลัยกำหนดในระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษาใหม่ หรือแอดมิสชั่นส์ ประจำปีการศึกษา 2549 ในเดือนเมษายน จึงอยากให้ขยายเวลารับสมัครอีก แต่ สทศ.ขยายไม่ได้ เนื่องจากได้ขยายการรับสมัครหลายรอบจนไม่สามารถขยับได้อีกแล้ว เพราะจะกระทบกับการจัดที่นั่งสอบ และสทศ.ได้ส่งรายละเอียดของผู้เข้าสอบโอเน็ตและเอเน็ตไปยังศูนย์สอบทั่วประเทศ เพื่อจัดสนามสอบและห้องสอบแล้ว สทศ.จะประกาศผังที่นั่งสอบ โอเน็ตและเอเน็ต พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 27 มกราคมนี้ ดังนั้นผู้ที่สมัครสอบไม่ครบทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ตามเงื่อนไขที่มหาวิทยาลัยกำหนด คงต้องเปลี่ยนไปเลือกคณะ หรือสาขาอื่นๆ แทน (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 16 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





จุฬาฯเปิดเวทีอภิปราย เลิก-ไม่เลิกนิทานอีสป

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้สัมภาษณ์กรณีนายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอให้ยกเลิกการใช้นิทานอีสปเป็นสื่อในการเรียนการสอนเด็กในศูนย์เด็กเล็กทั้ง 16,773 แห่งทั่วประเทศว่า เรื่องลักษณะนี้ต้องให้นักวิชาการหารือกัน ศธ.ไม่สามารถไปกำหนดได้ว่าควรให้ยกเลิกหรือไม่ อีกทั้งในปัจจุบัน ศธ.มีสื่อการเรียนการสอนที่หลากหลายให้เลือกนำไปใช้ประกอบการเรียนการสอนนักเรียนได้ โดยคำนึงถึงมาตรฐานสาระการเรียนรู้และการวัดผลที่จะปรากฏออกมา อย่างไรก็ตาม นิทานอีสปเป็นเรื่องที่คนหลายประเทศเรียนรู้ เพราะได้ข้อคิดและแง่คิดที่ดี ก่อให้เกิดคติสอนใจ แต่เมื่อนายพินิจมีข้อเสนอออกมาเช่นนั้นก็ยินดีรับฟัง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แจ้งว่า จะจัดอภิปรายเรื่อง "ว่าด้วยเรื่องนิทานอีสป" โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้ง ดร.ถนอมวงศ์ ล้ำยอดมรรคผล อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ รศ.กุลวรา ชูพงศ์ไพโรจน์ หัวหน้าสาขาวรรณกรรมสำหรับเด็ก คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ในวันที่ 26 มกราคม เวลา 10.00-11.30 น. ที่อาคารศูนย์หนังสือจุฬาฯ สยามสแควร์ ชั้น 14 (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 26 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





ม.รังสิตเชิญพล.อ.อ.สอนหลักสูตร"นักบิน" ดึงอดีตทูต"สมเกียรติ"เปิดสถาบันการทูตฯ

ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต แถลงว่า ได้เปิดคณะและสาขาวิชาการใหม่จำนวนมาก อาทิ คณะทัศนแพทยศาสตร์ หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิทยาศาสตร์สายตา (วทบ.สายตา) จบแล้วเป็นหมอสายตาสามารถเปิดคลีนิคส่วนตัวเพื่อตรวจสายตาประกอบแว่น ทำงานตามโรงพยาบาลเกี่ยวกับตาได้ ซึ่งหมอสายตาเป็นอาชีพที่สังคมไทยต้องการมากที่สุด ปัจจุบันไทยมีหมอสาขานี้เพียง 30 เท่านั้น ควรจะมีอีกประมาณกว่า 10,000 คน มหาวิทยาลัยยังได้ตั้งสถาบันการบิน เพื่อเปิดสอน 3 หลักสูตร โดยได้เชิญ พล.อ.อ.คธาทิพย์ กุญชร ณ อยุธยา มาเป็นที่ปรึกษา และจะมาเป็นคณบดีหลังจากเกษียณในเดือนกันยายนนี้ ระดับปริญญาตรีมีหลักสูตรนักบิน หลักสูตรการจัดการการบินและหลักสูตรเทคโนโลยีทางด้านการบิน ซึ่งได้ร่วมมือกับกองทัพอากาศ ศูนย์ฝึกการบินพลเรือน และสายการบินแคนาดา ในการจัดการหลักสูตรด้านการบิน นับเป็นสาขาวิชาที่ขาดแคลนทั้งในและต่างประเทศ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิตกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังได้ตั้งสถาบันการทูตและการศึกษาการต่างประเทศ เปิดสอนเรื่องการทูต, การค้ารวมทั้งเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวพันกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยเชิญ ดร.สมเกียรติ อริยปรัชญา อดีตเอกอัครราชทูตหลายประเทศ เป็นคณบดีสถาบันแห่งนี้ หลักสูตรเหล่านี้จะเปิดรับนักศึกษาได้ในปีการศึกษา 2549 (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 26 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





สภาอุตฯจับมือ"สกอ."ดันผู้ประกอบการใหม่ ภาวิชเผยเพิ่มหน่วยบ่มเพาะจาก25เป็น35

ศาสตราจารย์ (ศ.) พิเศษภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวตอนหนึ่งในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือจัดทำโครงการหน่วยบ่มเพาะวิสาหกิจในสถาบันอุดมศึกษา "University Business Incubator" หรือ UBI กับนายประพัฒน์ โพธิวรคุณ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เมื่อเร็วๆ นี้ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ว่า ถือเป็นการลงนามเป็นครั้งแรกในประเทศที่ภาครัฐและเอกชนจะร่วมมือกันอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อเสริมสร้างให้นิสิต นักศึกษา และบัณฑิตเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กรายใหม่ อีกทั้งส่งเสริมให้เกิดการวิจัย ซึ่งเป็นการต่อยอดความรู้จากมหาวิทยาลัยสู่กระบวนการเชิงพาณิชย์ โดยเน้นการให้คำปรึกษาการดำเนินงานของหน่วยบ่มเพาะวิสาหกิจของสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ ปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยของรัฐที่จัดตั้งหน่วยบ่มเพาะวิสาหกิจ 25 แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศจะขยายเพิ่มอีก 10 แห่ง ที่ผ่านมาบัณฑิตจบใหม่ส่วนใหญ่จะเป็นมนุษย์เงินเดือน สำหรับผู้ที่จบมาแล้วอยากเป็นผู้ประกอบการ แต่มีปัญหาเรื่องเงินทุน หน่วยบ่มเพาะวิสาหกิจช่วยได้ โดยมหาวิทยาลัยอาจให้บริการเช่าสถานที่ประกอบการในราคาถูก สามารถใช้ทรัพยากรร่วมกับมหาวิทยาลัย เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่าย ทำให้ผู้ประกอบการรายใหม่สามารถอยู่รอดได้ในระยะเริ่มต้น แล้วค่อยจ่ายคืนเมื่อตั้งตัวได้ หรือมหาวิทยาลัยร่วมลงทุนด้วย รวมทั้งยังนำเครือข่ายสถาบันการเงินอย่าง SMEs BANK ให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เชื่อว่าหากมหาวิทยาลัยต่างๆ ช่วยกันบ่มเพาะผู้ประกอบการให้เกิดขึ้น จะทำให้เกิดประโยชน์ในวงกว้างและเป็นประโยชน์ต่อประเทศมากขึ้น และอาจร่วมมือกับชุมชนเป็นเครือข่ายต่อไป (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 26 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





มศว.ชี้เสรีการศึกษาเป็นภัยของชาติ

ศ.ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดี ม.ศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวถึงการเปิดเสรีทางการค้า ซึ่งจะรวมไปถึงบริการทางการศึกษาด้วยว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ซึ่งถ้าการศึกษาถูกมองว่าเป็นสินค้าบริการขึ้นมาเมื่อใดจะมีปัญหาอย่างมาก เพราะเราต้องไม่ลืมว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่ตื่นเห่อตะวันตก และเมื่อมีอะไรเข้ามาก็จะรับหมด โดยไม่ดูว่าสิ่งนั้นเหมาะหรือไม่เหมาะกับสังคมไทย ดังนั้นเรื่องของการศึกษาจะต้องมีมาตรการควบคุมพอสมควร เพราะขณะนี้เราก็รู้ปัญหาว่ามหาวิทยาลัยเอกชนหลายแห่งดำรงอยู่ยากขึ้น ยกเว้นมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีขนาดใหญ่ แต่เราอย่าลืมว่าบางแห่งก็ยังไม่ได้มาตรฐาน และมหาวิทยาลัยเกิดใหม่จำนวนไม่น้อยก็รับนักศึกษาแบบไม่จำกัดจำนวน ซึ่งน่าเป็นห่วงเรื่องคุณภาพมาตรฐาน หลายคนมองว่าการเปิดเสรีทางการศึกษาจะทำให้เด็กไทยได้เรียนภาษากับเจ้าของภาษานั้น ๆ แต่แท้จริงแล้วเรา มีมหาวิทยาลัยที่สอนทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศได้อย่างดีมากอยู่แล้ว และถ้ามองโดยเทียบกับจำนวนประชากร หรือดูที่ความจำเป็นในขณะนี้ ตนคิดว่ามหาวิทยาลัยเท่าที่มีอยู่ก็มากพอแล้ว “การเปิดเสรีทางการค้านั้น สิ่งที่น่าห่วงยิ่งกว่าการเสียดุลทางเศรษฐกิจคือการเปิดเสรีทางการศึกษา เพราะการศึกษาเป็นพื้นฐานของการพัฒนาทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องวัฒนธรรมที่ต่อไปน่ากลัวว่าเด็กไทยจะกลายเป็นฝรั่ง เกาหลี ญี่ปุ่น จีน และท้ายที่สุดความเป็นชาติไทยจะไม่เหลืออยู่เลย และการพ่ายแพ้ทางวัฒนธรรมคือการพ่ายแพ้ทุกสิ่งทุกอย่าง ดังนั้นเวลานี้มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งต้องหันกลับมามองตัวเองและสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้น อย่าคิดแต่ปริมาณจนลืมคุณภาพ” อธิการบดีมศว กล่าว. (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 27 ม.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)





ม.รังสิตเปิดตัว3หลักสูตรใหม่สนองชาติ

ม.รังสิต เปิด หลักสูตรใหม่เอี่ยมที่แรกในไทย “คณะทัศนแพทยศาสตร์, สถาบันการบิน และสถาบันการทูตและการศึกษาการต่างประเทศ” หวังจูงใจนักศึกษาใหม่ปีการศึกษา 2549 สอดรับตลอดธุรกิจ และความต้องการของสังคม โดย ดร.วิทยาสินธุ์ ปรีดาโชติสุทธิ คณบดีคณะทัศนแพทยศาสตร์ กล่าวว่า แพทย์สายตาเป็นอาชีพที่สังคมไทยต้องการมากที่สุด เนื่องจากในปัจจุบันมีแพทย์ที่จบสาขานี้โดยตรงประมาณ 30 คนเท่า นั้น ทั้งๆ ที่องค์การอนามัยโลกได้กำหนดไว้ว่า ประชากร 60,000 คนต่อหมอสายตา 1 คน ดังนั้นประเทศไทยซึ่งมีประชากรมากกว่า 60,000,000คน จึงต้องมีหมอสายตาไม่ต่ำกว่า 10,000 คน ด้วยเหตุนี้ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดี ม.รังสิต จึงอนุมัติให้เปิดคณะ คณะทัศนแพทยศาสตร์ ซึ่งบรรจุอยู่ในหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต 4 ปี สาขาวิทยาศาสตรสายตา (วท.บ.สายตา) “ม.รังสิต ถือเป็นสถาบันการศึกษาแรกที่เปิดคณะนี้ขึ้นมา ซึ่งผู้ที่จบการศึกษาสาขานี้จะเป็นบุคลากรสาธารณสุขพื้นฐานทางตา (จักษุ) เป็นผู้ได้รับการศึกษาอบรม รวมทั้งฝึกและปฏิบัติทางด้านคลินิกเกี่ยวกับระบบของสายตาเป็นอย่างดี เป็นผู้ประกอบการที่มีใบประกอบโรคศิลปะจากกระทรวงสาธารณสุข เป็นหมอสายตาสามารถเปิดคลินิกส่วนตัว เพื่อตรวจสายตาประกอบแว่นได้อย่างถูกต้องได้ นอกจากนี้ ม.รังสิต ยังสนองนโยบายรัฐในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์การบินนานาชาติ ด้วยการจัดตั้งสถาบันการบิน (Aviation Institute) เปิด 3 หลักสูตรระดับปริญญาตรี โดย พล.อ.อ.คธาทิพย์ กุญชร ณ อยุธยา ที่ปรึกษาสถาบันการบิน สถาบันการบินมุ่งที่จะผลิตบุคลากรทางด้านการบิน 3 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรนักบินหลักสูตรการจัดการบิน และหลักสูตรเทคโนโลยีทางด้านการบิน เป็นหลักสูตรระดับปริญญาตรีและระดับประกาศนียบัตร และวุฒิบัตร สุดท้าย ม.รังสิต ยังจัดตั้งสถาบันการทูตและการศึกษาการต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นแห่งแรกในเมืองไทย และในเอเชียอาคเนย์ เอกอัครราชทูต ดร.สมเกียรติ อริยปรัชญา คณบดีสถาบันการทูตและการศึกษาการต่างประเทศเผยว่า ในยุคโลกาภิวัฒน์ซึ่งมีการดำเนินงานในด้านต่างๆ อาทิ การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ที่เกี่ยวกับต่างประเทศ ดังนั้นประเทศไทยจึงมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องผลิตและพัฒนาบุคลากรทางด้านการต่างประเทศ ให้มีความเป็นมืออาชีพรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น สำหรับผู้สนใจหลักสูตรใหม่ของ ม.รังสิต สามารถติดต่อสมัครเรียน และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานรับนักศึกษา ม.รังสิต โทร.0-2791-5500-10 หรือที่ www.rsu.ac.th ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป (สยามรัฐรายวัน ศุกร์ที่ 27 ม.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)





"พารณ"แนะรับน.ร.ดูผลงานดีกว่าสอบ ครู เสนอตั้งสำนักภูมิปัญญาแห่งชาติ

นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ผู้อำนวยการโรงเรียนดรุณสิกขาลัย ในฐานะหัวหน้ากลุ่มที่ 1 กลุ่มการเรียนรู้รูปแบบการสร้างสรรค์ด้วยปัญญา (Constructionism) กล่าวตอนหนึ่งในการประชุมสัมมนา เรื่อง การเรียนรู้เพื่อพัฒนาปัญญาของคนไทย เมื่อเร็วๆ นี้ที่ โรงแรมบางกอก กอล์ฟ สปา รีสอร์ท จ.ปทุมธานี จัดโดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ต้องสร้างเด็กรุ่นใหม่ให้เรียนรู้วิธีเรียนรู้เพื่อพัฒนาปัญญาจนเกิดเป็นความเคยชินและคุ้นเคยแทนวิธีการเรียนเพื่อสอบเริ่มต้นอย่างเป็นระบบจากระดับ ป.1 ป.4 และ ม.1 และขยายผลไปยังระดับ ป.2 ป.5 ม.2 และ ป.3 ป.6 ม.3 ในแต่ละปี เพื่อสร้างนักเรียนให้คุ้นเคยกับวิธีการเรียนรู้ที่สร้างปัญญาแทนการเรียนเพื่อเข้าสอบ ก่อนขยายผลสู่ระดับอุดมศึกษา สำหรับครู ต้องอบรมพัฒนาครูประจำการให้เรียนรู้วิธีเรียนรู้เพื่อพัฒนาปัญญาอย่างต่อเนื่อง และขยายออกเป็นเครือข่าย อบรมพัฒนาครูแห่งชาติ ครูต้นแบบ ครูแกนนำเพื่อเป็นแกนหลักในการนำวิธีการเรียนรู้เพื่อพัฒนาปัญญาขยายผลไปยังโรงเรียนเครือข่ายส่วนการรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อในแต่ละระดับ ต้องมุ่งพิจารณาจากผลงานมากกว่าคะแนนจากการสอบ และคณะที่มีการรับตรง ควรประชาสัมพันธ์เกณฑ์การรับตรงว่า ให้ใช้ผลงานเป็นองค์ประกอบหนึ่งและเพิ่มน้ำหนักการพิจารณาจากผลงานนักเรียนเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปีตามลำดับ พร้อมให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) สนับสนุนให้จัดตั้งสำนักภูมิปัญญาแห่งชาติขึ้น ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค ให้เป็นอิสระโดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาล และให้การยกย่องสถานศึกษา และศูนย์การเรียนที่จัดการเรียนรู้โดยภูมิปัญญา พร้อมรณรงค์ให้มี 1 โรงเรียน 1 ภูมิปัญญาเกิดขึ้น (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 27 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





กกอ.คุมมาตรฐานหลักสูตร

.ดร.เทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานคณะอนุกรรมการด้านมาตรฐานการศึกษา คณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวเปิดประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง "การพัฒนามาตรฐานการศึกษาในระดับอุดมศึกษา" ว่า กกอ.มีหน้าที่หลักดูแลคุณภาพและมาตรฐานอุดมศึกษา จึงให้คณะผู้วิจัยกำหนดเกณฑ์มาตรฐานการอุดมศึกษาและมาตรฐานสถาบันอุดมศึกษา เพื่อใช้ประกันคุณภาพภายใน ทั้งนี้เมื่อคณะผู้วิจัยได้นำผลวิพากษ์ไปปรับแก้เป็นที่เรียบร้อย จะเสนอต่อ กกอ. เพื่อจัดส่งให้มหาวิทยาลัย สภามหาวิทยาลัยแต่ละสถาบันขอความคิดเห็นและวิพากษ์กลับมา และ กกอ.จะพิจารณาอีกครั้ง จากนั้นกำหนดเป็นกรอบมาตรฐานอุดมศึกษาและกรอบสถาบันอุดมศึกษาต่อไป ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการ กกอ. กล่าวว่า ในปี 2550 จะครบรอบ 5 ปี การเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตร จะต้องประเมินให้เป็นไปตามเกณฑ์ ขณะนี้สถาบันอุดมศึกษาไทยมีรายชื่อหลักสูตรที่ไม่ซ้ำกันรวมทั้งสิ้น 4,000 หลักสูตร และจะขอเปิดหลักสูตรใหม่เพิ่มอีกปีละ 100-200 หลักสูตร ทั้งนี้ กกอ.ไม่มีอำนาจถอดถอนหลักสูตรได้ แต่มีอำนาจไม่ให้การรับรองหลักสูตร ซึ่งส่งผลให้คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.) จะไม่กำหนดอัตราเงินเดือน ทำให้ผู้จบหลักสูตรที่ไม่ได้รับการรับรองไม่สามารถเข้ารับราชการได้ และแม้จะไม่มีผลต่อการจ้างงานของเอกชนโดยตรง แต่เอกชนจำนวนมากจะรับพนักงานโดยอิงเกณฑ์ ก.พ. (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 27 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





ศธ.ขยายโรงเรียนวิถีพุทธวางแผนปีนี้ครบ 3.2 หมื่นแห่ง

นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ดำเนินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธมากว่า 3 ปี จนปัจจุบันมีโรงเรียนวิถีพุทธประมาณ 15,600 แห่ง ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าจะขยายโรงเรียนวิถีพุทธให้ครบ 32,000 แห่งทั่วประเทศ เพราะจากการประเมินผลโครงการพบว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากทำให้เด็กๆ มีความประพฤติที่ดี มีคุณธรรม จริยธรรม และสนใจเรียนรู้พุทธศาสนามากขึ้น อีกทั้งผู้บริหาร ครู อาจารย์ทำงานมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น นอกจากนั้น จะมีการจัดทำโครงการโรงเรียนวิถีพุทธต้นแบบด้วย โดยจะเปิดให้โรงเรียนในโครงการโรงเรียนวิถีพุทธส่งโครงงานพุทธศาสนาเข้ามา จะเปิดรับสมัครในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อคัดเลือกโรงเรียนวิถีพุทธต้นแบบจำนวน 200 แห่ง ซึ่งโรงเรียนและเด็กจะได้รับรางวัลเป็นเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อนำไปขยายผลการจัดกิจกรรมโครงงานพุทธศาสนา โดยโรงเรียนวิถีพุทธต้นแบบ จะเป็นตัวอย่างให้โรงเรียนอื่นๆ นำความรู้และประสบการณ์ไปพัฒนาตัวเองให้เป็นโรงเรียนวิถีพุทธต่อไป (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 27 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





คนไทยขี้เห่อกระแสต่างชาติ แนะม.รับมือยุคเสรีการศึกษา

ศ.ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดเสรีทางการศึกษา ว่า ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ถ้าการศึกษาเป็นสินค้าบริการขึ้นมาเมื่อไรจะมีปัญหาอย่างมาก เพราะอย่าลืมว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่เห่อต่างชาติอย่างตอนนี้กระแสญี่ปุ่น เกาหลีมาแรงก็เห่อกัน ฉะนั้นเรื่องของการศึกษาจะต้องมีมาตรการคุม และต้องจัดระบบพอสมควร หลายคนมองว่าการเปิดเสรีทางการศึกษา เด็กไทยจะได้เรียนภาษากับเจ้าของประเทศนั้น แท้จริงแล้วเรามีมหาวิทยาลัยเอกชน ที่เรียนทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ โดยส่วนตัวคิดว่าถ้าเรามองโดยเทียบกับประชากร หรือความจำเป็นในขณะนี้มีมากพอแล้ว ซึ่งขณะนี้มหาวิทยาลัยเอกชนหลายแห่งก็อยู่ยากขึ้น เพราะมีมหาวิทยาลัยเกิดใหม่จำนวนไม่น้อย ที่รับนักศึกษาไม่จำกัดจำนวนก็ทำให้มีปัญหาเรื่องมาตรฐาน ยิ่งจะทำให้มหาวิทยาลัยเหล่านั้นลำบากจะอยู่ยากเมื่อเข้าสู่ยุคของการแข่งขัน สิ่งที่น่าห่วงที่มากกว่าการเสียดุลทางเศรษฐกิจ หากมีการเปิดเสรีทางการศึกษา ก็คือเรื่องวัฒนธรรม เด็กไทยจะกลายเป็นฝรั่ง เกาหลี ญี่ปุ่น จีน ท้ายที่สุดความเป็นชาติไทยจะไม่เหลือ ผมคิดว่าการพ่ายแพ้ทางวัฒนธรรม คือการพ่ายแพ้ทุกสิ่งทุกอย่าง ถึงเวลานี้มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งต้องหันมามองตัวเองและสร้างความเข้มแข็งของตัวเองให้เกิดขึ้น อย่าคิดแต่ปริมาณจนลืมคุณภาพ มิฉะนั้นจะลำบาก (สยามรัฐรายวัน เสาร์ที่ 28 ม.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)





"สภาคณบดีครุฯ"ตั้ง10เครือข่ายทั่วประเทศ ทำแผนผลิตครูตามสภาพพื้นที่ขาดแคลน

เมื่อวันที่ 27 มกราคม นายพฤทธิ์ ศิริบรรณพิทักษ์ คณบดีคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานที่ประชุมสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมสภาคณบดีคณะครุศาสตร์ฯได้หารือเมื่อเร็วๆ นี้ เกี่ยวกับการลดจำนวนผลิตบัณฑิตสายคณะครุศาสตร์และศึกษาศาสตร์หลักสูตรครู 5 ปี ในสถาบันผลิตครู โดยให้แต่ละสถาบันไปจัดทำแผนการผลิตครูในปีการศึกษา 2550-2552 ส่วนปีการศึกษา 2549 ไม่แน่ใจว่าจะลดจำนวนผลิตลงได้เท่าไหร่ เนื่องจากคณะครุศาสตร์และศึกษาศาสตร์ได้ทำสัญญากับมหาวิทยาลัยต้นสังกัดว่าจะผลิตจำนวนเท่าไหร่ไปแล้ว นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบจัดตั้งเครือข่ายการวิจัย การผลิต และการพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา รวม 10 เครือข่ายทั่วประเทศ แบ่งตามภูมิภาคต่างๆ โดยเครือข่ายเหล่านี้จะทำหน้าที่ดูแลความพร้อมในการผลิต พัฒนาครู และทำวิจัยเพื่อดูว่าพื้นที่ใดยังขาดแคลนครูด้านใด และจำนวนเท่าไหร่ เพื่อให้การผลิตครูของแต่ละเครือข่ายผลิตตามจำนวนที่ขาดแคลนในแต่ละพื้นที่จริงๆ ( มติชนรายวัน เสาร์ที่ 28 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


นักวิจัยมก.พบข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พันธุ์ใหม่ ‘สุวรรณ 4452’ ได้ผลผลิต ต้านทานโรคสูง

ดร.โชคชัย เอกทัศนาวรรณ นักวิจัยศูนย์วิจัยข้าวฟ่างแห่งชาติ สถาบันอินทรีจันทรสถิตย์เพื่อการค้นคว้าและพัฒนาพืชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ได้ทำการวิจัยและพัฒนาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมเดี่ยวพันธุ์สุวรรณ 4452 ได้สำเร็จ ข้าวโพดลูกผสมเดี่ยวพันธุ์สุวรรณ 4452 นี้ได้จากการนำสายพันธุ์แท้ เกษตรศาสตร์ 47 ผสมกับสายพันธุ์แท้ Kei 0102 พันธุ์ร่วมทดสอบ ได้แก่ พันธุ์ลูกผสมของศูนย์วิจัยข้าวโพด และข้าวฟ่างแห่งชาติ ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ และบริษัท เมล็ดพันธุ์ต่าง ๆ ในการทดสอบพันธุ์ลูกผสมร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน การทดสอบพันธุ์ลูกผสมที่เด่นของ มก. 8 พันธุ์ และการทดสอบพันธุ์ลูกผสมกึ่งการค้า 20 พันธุ์ พันธุ์เปรียบเทียบจำนวน 4 พันธุ์ ได้แก่ ลูกผสมเดี่ยวพันธุ์สุวรรณ 3851 ลูกผสมเดี่ยวพันธุ์การค้า CP-DK 888 ลูกผสมเดี่ยวพันธุ์นครสวรรค์ 72 และพันธุ์สุวรรณ 1 ผลการตรวจสอบค่าสัมประสิทธิ์รีเกรซชัน ของลักษณะผลผลิตในช่วง 2 ปี พบว่า พันธุ์สุวรรณ 4452 ให้ค่า b อยู่ในช่วง 0.83-1.12 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พันธุ์นี้มีแนวโน้มสามารถปรับตัวได้ดีในสภาพแวดล้อมที่เลวถึงดี พันธุ์สุวรรณ 4452 มีอายุวันสลัดละอองเกสร ร้อยละ 50 คือ 54 วัน วันออกไหม ร้อยละ 50 คือ 54 วัน ความสูงต้น 217 เซนติเมตร ความสูงฝัก 130 เซนติเมตร และลักษณะทางเกษตรบางอย่างดีกว่าพันธุ์สุวรรณ 3851 ได้แก่ ต้านทานการหักล้ม ต้านทานโรคราน้ำค้าง โรค ทางใบโดยเฉพาะโรคราสนิม เปลือกหุ้มฝักมิดชิด ลักษณะต้นและฝักดีกว่า ฝักเน่าน้อยกว่า จำนวนฝักต่อต้นสูงกว่า และมีเปอร์เซ็นต์กะเทาะเมล็ดสูงกว่าถึงร้อยละ 81.9 นอกจากนี้พันธุ์สุวรรณ 4452 ยังมีเมล็ดสีส้มเปลือกหัวแข็ง ขณะนี้ศูนย์วิจัยฯ ได้ทำข้าวโพดหมักส่งออกอยู่ที่วังน้ำเขียว ซึ่งเป็นที่เดียวที่มีการส่งออกสายพันธุ์แท้ที่พัฒนามาจากพันธุ์สังเคราะห์ เกษตรศาสตร์ เบอร์ 6 สายพันธุ์พ่อจะต้านทานโรคดีมาก และได้เผยแพร่พันธุ์สุวรรณ 4452 สู่เกษตรกร ภาครัฐและเอกชน มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 เกษตรกรที่สนใจต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อสอบถามได้โดยตรงที่ ศูนย์วิจัยฯ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โทร. 0-4436-1770-4. (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 23 ม.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)





"รองเท้าไฮเทค" ตัดเย็บด้วยคอมพิวเตอร์

ขณะนี้ประเทศสหภาพยุโรป (อียู) มองว่า อุตสาหกรรมรองเท้าในอนาคตจะต้องเปลี่ยนรูปโฉมไปจับกลุ่มลูกค้า 4-5 กลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งรองเท้าสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เด็ก นักกีฬา คนชอบออกกำลังกาย และคนทำงานที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มได้ง่ายๆ รวมทั้งคนที่มีความละเอียดลออในการเลือกซื้อรองเท้า เป็นรองเท้าที่ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเครื่องสแกนเนอร์ สร้างแบบจำลอง 3 มิติ ซึ่งสามารถตรวจวัดขนาดและลักษณะทางกายภาพของ "เท้า" ของลูกค้าแต่ละคนให้ออกมาตรงตามความต้องการ เมื่อซื้อรองเท้าจากฝั่งอียูไปใส่แล้วรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดปัญหารองเท้ากัดจนเกิดเป็นแผล หรือใส่แล้วเจ็บส้น บีบเท้าเกินไป ฯลฯ ล่าสุด กลุ่มอียูออกเงินสนับสนุนบางส่วนให้สถาบันวิทยาการรองเท้า "อินเนสค็อป" ในสเปน ริเริ่มโครงการ "เออร์โกชู" เพื่อพัฒนาระบบจำลองภาพเท้า 3 มิติขึ้นมาใช้สำหรับออกแบบตัดเย็บรองเท้าชั้นดีที่เหมาะกับเท้าของลูกค้าแต่ละคน โดยราคาของระบบคอมพิวเตอร์และเครื่องสแกนที่ทางร้านแต่ละร้านจะต้องซื้อไปติดตั้งจะตกประมาณ 6-7 แสนบาท ผู้ผลิต "เออร์โกชู" เชื่อมั่นว่า ถ้าทำให้ลูกค้าเห็นถึงข้อดีและความแตกต่างของ "เกือกไฮเทค" ประเภทนี้ได้สำเร็จ ต่อไปในอนาคตการเลือกซื้อรองเท้าก็จะต้องคำนึงถึง "คุณภาพ" เป็นหลัก (ข่าวสด จันทร์ที่ 23 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ปี๊บดักยุง

หาปี๊บขนมที่สะอาดหมดจดเตรียมไว้ นำถุงเท้าเก่าที่ใส่ซ้ำๆ หลายวันและยังไม่ซักมาเป็นกับดัก เอาถุงเท้าใส่ไว้ในปี๊บ 2-3 คู่ จากนั้นนำปี๊บไปวางในที่ร่มครึ้มนอกบ้าน เปิดฝาปี๊บไว้ หรืออาจมีอีกใบวางไว้ในมุมบ้าน ทิ้งไว้ข้ามคืน พอใกล้รุ่งยุงจะหาที่หลบภัย และที่มืดๆ กลิ่นตุๆ เป็นที่ยุงชอบ ดังนั้นปี๊บสังหารก็จะกลายเป็นกับดักอันวิเศษที่บรรดาชาวยุงจะเข้าไปอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก วางไว้อย่างนั้นก่อน รอให้สายสักนิด ประมาณ 10 โมงหรือจนกว่าแดดจะร้อนจัดจึงปิดฝาปี๊บให้แน่นเอาปี๊บออกไปตากแดดเปรี้ยง ความร้อนที่อบอยู่ในปี๊บจะทำให้ยุงจะตายหมด (ประชาชาติธุรกิจ จันทร์ที่ 23 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/prachachart)





เผยวิจัยธารน้ำแข็งดาวอังคาร อาจคล้ายหิมะคลุมยอดเขาบนโลก

ทีมนักวิทยาศาสตร์ของอเมริกากับฝรั่งเศสเปิดเผยผลการศึกษาชิ้นล่าสุดที่พบว่าธารน้ำแข็ง บริเวณเส้นศูนย์สูตรดาวอังคารนั้นอาจมาจากหิมะ ที่พัดมาจากขั้วดาวอังคารมากกว่าจะเป็นน้ำจากพื้นดิน รายงานดังกล่าวตีพิมพ์ในนิตยสาร “ไซเอินซ์” แจ้งว่า นายเจมส์ เฮด หัวหน้าคณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยบราวน์ และคณะ ได้ใช้วิธีการศึกษาโดยใช้แบบจำลองสภาวะอากาศและการสังเกตการณ์ด้านธรณีวิทยา พบหลักฐานที่เชื่อได้ว่าธารน้ำแข็งบริเวณเส้นศูนย์สูตรของดาวอังคารนั้นน่าจะคล้ายกับ ลักษณะของหิมะที่ปกคลุมภูเขาบนโลก อย่างเช่นภูเขาคิลิมานจาโร ในแอฟริกา หรือยอดเขาแอนดีน ในอเมริกาใต้ หัวหน้าคณะวิจัยบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจเป็นเพราะว่าการเอียงของดาวอังคารที่มีมาตั้งแต่เมื่อ 5 ล้านปีก่อน และนักวิจัยคาดว่าธารน้ำแข็งที่อยู่บริเวณเขตร้อน ของดาวดังกล่าวนั้นอาจมาจากหิมะที่ขั้วโลกที่ถูกพัดพามา มากกว่าจะเป็นน้ำที่ผุดซึมขึ้นมาจากใต้ดิน “การค้นพบครั้งนี้มีความสำคัญเนื่องจากมันได้บอกเราว่า ดาวอังคารได้ประสบกับความเปลี่ยนแปลงบรรยากาศครั้งใหญ่ในอดีต และการเปลี่ยนแปลงดังว่านั้นเหมือนกับยุคน้ำแข็งบนโลกของเรา” หัวหน้านักวิจัยกล่าว และบอกด้วยว่า มันยังน่าสนใจสำหรับการเป็นข้อมูลที่ดีสำหรับองค์การนาซา ที่จะเตรียมแผนสำรวจอวกาศในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งมนุษย์อวกาศขึ้นไปบนนั้นต่อไป. (ไทยรัฐ อังคารที่ 24 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





แน้วโน้มภัยคุกคามคอมพ์

บริษัทเอซิสโปรเฟลชั่นนัล เซ็นเตอร์ จำกัด โดยอาจารย์ปริญญา หอมเอนก ได้ชี้ทิศทางแนวโน้มภัยคุกคามความปลอดภัยข้อมูลคอมพิว เตอร์ในปี 2549 เอซิส คาดว่า จะมีภัยคุกคามคอมพิวเตอร์ 10 ประการคือ ภัยจากสแปมเมล์ หรือโปรแกรมมุ่งร้ายในรูปแบบต่าง ๆ ภัยสปายแวร์ มีงานวิจัยระบุว่า กว่าร้อยละ 80 ของเครื่องพีซีทั่วโลกติดสปายแวร์ การติดสปายแวร์มาจากการเข้าเว็บไซต์ต่าง ๆ ภัยมัลแวร์ เป็นโปรแกรมมุ่งร้ายอีกรูปแบบหนึ่งที่มาจากการใช้งานบราวเซอร์ อาจเป็นสปายแวร์โทรจัน ไวรัส หรือหนอนคอมพิวเตอร์ ภัยจากการล่อลวงโดยวิธี Phishing และ Pharming เป็นการส่งอีเมล์ปลอมแปลงชื่อคนส่ง และชื่อเรื่อง ปลอมแปลงเนื้อหาในอีเมล์ให้ดูเหมือนจริงล่อให้ผู้ใช้คลิกเข้าไปเพื่อดักเก็บยูสเซอร์เนมและรหัสผ่านเพื่อนำไปใช้ทำธุรกรรมออนไลน์ ภัยจากแฮกเกอร์และใช้กูเกิลเป็นเครื่องมือ การเจาะระบบโดยอาศัยกูเกิลดอตคอม เป็นช่องทางค้นหาเว็บไซต์ที่มีช่องโหว่ที่สามารถเข้าไปแฮกได้ง่าย ๆ ภัยจากโปรแกรม Peer-to-peer เป็นภัยที่เกิดจากผู้ใช้เป็นหลัก โปรแกรมประเภทนี้จะให้ประโยชน์กับเรื่องส่วนตัวของผู้ใช้ เช่น ใช้โปรแกรม KAZAA เพื่อดาวน์โหลดหนังและเพลงแบบผิดกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีภัยจากเครือข่ายไร้สาย ภัยจาก SPIM ซึ่งแพร่กระจายทางการใช้โปรแกรม IM ภัยจากไวรัสและหนอนคอมพิวเตอร์ จะมีการกระจายตัวเป็นหน่วยวินาที และสุดท้าย เป็นภัยจากพีดีเอ มัลแวร์ ข้อมูลในพีดีเอสามารถเป็นพาหะของไวรัส โทรจัน ฮอร์ส ได้เหมือนข้อมูลในพีซี จากการสำรวจการใช้งานพีดีเอของนักธุรกิจในสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2547 พบว่า กว่าครึ่งของผู้ถูกสำรวจไม่มีการใช้โปรแกรมหรือลงโปรแกรมเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยข้อมูลบนพีดีเอ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ใช้มักจะเก็บข้อมูลสำคัญมาก ๆ เอาไว้ (เดลินิวส์ อังคารที่ 24 ม.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)





ช่องโหว่ Wi-Fi ใน XP/2000

เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการสาธิตถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากปัญหาช่องโหว่ของระบบรักษาความปลอดภัยในการใช้งานระบบไร้สายบนเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Windows ในงานประชุม ShmooCon ของเหล่าแฮกเกอร์ที่จัดให้มีขึ้นที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สำหรับวิธีที่เขาจะใช้ช่องโหว่ในการเข้าถึงคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของผู้โดยสารคนอื่นๆที่เดินทางบนเครื่องบินลำเดียวกัน มีเงื่อนไขคือ โน้ตบุ๊กเป้าหมายจะต้องทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Windows XP หรือ 2000 ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันการทำงานในระบบไร้สาย และไม่ได้มีการป้องกันด้วยซอฟต์แวร์ไฟร์วอล สำหรับช่องโหว่ดังกล่าวเกิดจากกลไกการค้นหาเครือข่ายไร้สายที่มีให้เชื่อมต่ออยู่ในขณะนั้น เมื่อคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเริ่มเปิดขึ้นทำงาน ถ้าไม่พบเครือข่ายไร้สาย Windows ก็จะทำการสร้าง “แอดเดรสเชื่อมโยงภายในระบบ” (Local Link Address)ทันที แทนที่จะเป็น Private Network ซึ่งแอดเดรสที่ถูกสร้างขึ้นดังกล่าวจะถูกเชื่อมโยงเข้ากับชื่อของเครือข่ายไร้สายอันดับสุดท้ายที่ได้เคยกำหนดแอดเดรสที่แท้จริงให้กับผู้ใช้มาแล้ว จากนั้น Windows จะสั่งให้โน้ตบุ๊กส่งข้อมูลชุดนี้ออกไปตามชื่อเครือข่ายดังกล่าวไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง Mark Loveless ใช้วิธีสร้างระบบการเชื่อมต่อเครือข่ายบนโน้ตบุ๊กของเขา โดยกำหนดให้ใช้ชื่อตรงกับชื่อของเครือข่ายที่ส่งออกมาจากโน้ตบุ๊กของเป้าหมาย โน้ตบุ๊กทั้งสองเครื่องจะสามารถสื่อสารกันได้บน Local Link Address เดียวกัน ซึ่งทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าควบคุมโน้ตบุ๊กที่ตกเป็นเหยื่อได้อย่างง่าย ล่าสุดทางไมโครซอฟท์ยอมรับว่า ช่องโหว่ดังกล่าวเป็นเรื่องจริง โดยจะปรับปรุงข้อกำหนดมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายใหม่ในเซอร์วิสแพคเวอร์ชันต่อไป มีวิธีง่ายๆ ในการป้องกันโน้ตบุ๊กดังนี้ 1.เปิดการทำงานของไฟร์วอล (รวมถึงเวอร์ชันที่มากับ Windows XP ด้วย) 2.ปิดการเชื่อมต่อไร้สาย เมื่อไม่ได้ใช้งาน 3.เปลี่ยนค่ากำหนดการเชื่อมต่อไร้สายในโน้ตบุ๊กเป็น “Infrastructure Networks” เท่านั้น (สยามรัฐรายวัน อังคารที่ 24 ม.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)





สร้าง "จานผี" ทุ่นยนต์ไร้คนขับ เป็นยานตรวจการณ์ทหาร

นักประดิษฐ์อังกฤษสร้างจานบินที่บินได้จริงโดยไม่ต้องมีนักบินได้แล้ว และกำลังติดต่อกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ให้ซื้อไว้ใช้ เป็นยานตรวจการณ์ทางทหาร เพื่อตรวจสะพานและสนามทุ่นระเบิด นายเกิฟฟ์ ฮัตตัน ที่เมืองปีเตอร์โบโร ของอังกฤษ เผยว่า ได้ใช้เวลาทำอยู่นานถึง 5 ปี เป็นจานบิน ที่บินได้จริงแบบเดียวในโลก และใช้งานได้ โดยไม่ต้องใช้พลขับ เขาได้งบช่วยเหลือจากรัฐบาล 18,750,000 บาท และคณะทีมของเขายังมีการติดต่อประสานกับทางมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์อยู่ด้วย ยานบินของเขาใช้การพ่นลมผ่านยาน ซึ่งเป็นชั้นบางๆออกมา เมื่อเวลาบินจึงไม่ทำให้ อากาศปั่นป่วนเท่าใดนัก ใช้เครื่องยนต์เดินด้วยไฟฟ้า ไม่มีใบพัดภายนอก ลำตัวยังเพรียวลม (ไทยรัฐ พุธที่ 25 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





สามารถลุยธุรกิจใหม่เทคโนโลยีกำจัดขยะ

นายธวัชชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART กล่าวถึงแนวทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทปี 2549 ว่า จะเน้นการลงทุนในเชิงกลยุทธ์ (Strategic Investment) มากขึ้น เพื่อผลที่คุ้มค่าและความสำเร็จระยะยาว โดยมีแผนขยายธุรกิจครอบคลุมทางด้านเทคโนโลยี และการดำเนินการธุรกิจใหม่ 3 ด้าน ได้แก่ ธุรกิจพลังงาน โดยสนใจลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยตกลงกับหลาย ๆ หน่วยงาน คาดจะแล้วเสร็จภายใน 1-2 เดือน ซึ่งใช้การลงทุนสูงแต่ให้ผลตอบแทนในระยะยาว ธุรกิจการกำจัดของเสีย (Waste Management) เช่น การกำจัดขยะโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วย โดยสิ่งที่ได้จากขยะอาจนำไปใช้เป็นพลังงานไฟฟ้าได้ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีผู้ทำอย่างจริงจังและมีการแข่งขันน้อย คาดจะเห็นเป็นรูปเป็นร่างภายในกลางปีนี้ และธุรกิจระบบความปลอดภัย (Security System) เช่นการติดตั้งกล้องวิดีโอทั่วกรุงเทพฯ เพื่อตรวจตราความเรียบร้อย อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะเห็นในอีก 5 ปีข้างหน้า (ค.ศ. 2010) แกนการดำเนินธุรกิจหลักของสามารถยังเป็นธุรกิจด้านเทคโนโลยีบิสิเนส แต่จะเสริมธุรกิจด้านอื่น ๆ เข้าไป เช่น พลังงาน, เน็ตเวิร์ก เอ้าส์ซอร์สซิ่ง, มัลติมีเดีย, ทราน สปอร์ต โซลูชั่น, ไบโอเทคโนโลยี และการกำจัดของเสีย สำหรับสายธุรกิจปัจจุบันของกลุ่มบริษัทสามารถ ประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ สายธุรกิจมือถือและสื่อสารอินเตอร์แอ็คทีฟ ตั้งเป้ารายได้ 15,500 ล้านบาท สายธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมครบวงจร ตั้งเป้ารายได้ 5,300 ล้านบาท และสายธุรกิจ Related Business ตั้งเป้ารายได้ 2,500 ล้านบาท รวมเป้ารายได้ปี 2549 ที่ตั้งไว้คือ 23,000 ล้านบาท. (เดลินิวส์ พุธที่ 24 ม.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ใช้รีโมทปิดทีวีผลาญไฟฟ้า

อีเลียด มอร์ลีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมของอังกฤษ เปิดเผยข้อมูลว่า เครื่องไฟฟ้าที่ปิดด้วยรีโมทคอนโทรลให้อยู่ในสถานะ "พักใช้งาน" หรือที่เรียกว่า สแตนบาย ในความจริงแล้วอุปกรณ์ไฟฟ้าที่อยู่ในสถานะดังกล่าวยังคงใช้กระแสไฟอยู่ คิดเป็นปริมาณไฟฟ้าที่จ่ายให้อุปกรณ์เหล่านี้ราว 7 ล้านล้านวัตต์ชั่วโมง และแพร่กระจายก๊าซคาร์บอนราว 8 แสนตันต่อปี ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่แพร่กระจายจากการเปิดเครื่องไฟฟ้าให้อยู่ในสถานะสแตนบายเทียบได้กับก๊าซที่เครื่องบินระยะทางไกลบินทั้งหมด 1.4 ล้านเที่ยว หรืออีกนัยหนึ่ง คนชาวเมืองกลาสโกว์ทั้งเมืองขึ้นเครื่องบินไปนิวยอร์กแล้วบินกลับยังแพร่กระจายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าด้วย คำถามที่น่าสนใจคือ ถ้าการเปิดให้เครื่อง "สแตนบาย" ไว้ ทำให้เกิดการสิ้นเปลือง ดังนั้นทีวี หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าควรมีปุ่มปิดสำหรับสแตนบายอยู่หรือไม่ กลุ่มรณรงค์ประหยัดพลังงาน ตอบว่า ระบบสแตนบายเครื่องไม่ใช่สิ่งจำเป็น ทางฟากผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ความเห็นว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีปุ่มสแตนบายนั้นเป็นเพราะผู้บริโภคต้องการให้มี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเทคโนโลยีเลย ปัจจุบัน มีเครื่องใช้ไฟฟ้ามากมายที่มีระบบสแตนบายและทำให้เกิดการสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ เห็นได้ชัดคือ หม้อต้มน้ำไฟฟ้า ดังนั้นหากไม่มีความจำเป็นต้องใช้งานอุปกรณ์ทางที่ดีควรถอดปลั๊ก หรือปิดสวิตช์ไปเลย หากต้องการใช้งานอีกครั้งขยันเดินมากดปุ่ม หรือเสียบปลักใหม่จะช่วยประหยัดพลังงานได้มาก (คมชัดลึก พุธที่ 24 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





กรมทรัพย์ถกด่วนประเมินแผ่นดินไหว หวั่นกระทบเขื่อน

ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่องแผ่นดินไหวมีศูนย์กลางบริเวณรัฐฉาน ประเทศพม่า ขนาด 5.7 ริกเตอร์ ทำให้รู้สึกสั่นสะเทือนถึงจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน นั้น นายสมศักดิ์ โพธิสัตย์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ได้เชิญประชุมด่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า แผ่นดินไหวที่เกิดในรัฐฉานจะมีความรุนแรงและจะกระทบถึงไทยอย่างไร จากนั้นจะมีการแถลงข่าว เพราะขณะนี้ยังไม่อยากพูดเรื่องนี้ไปก่อน ทั้งนี้แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดที่รัฐฉาน ประจวบเหมาะกับมีการสัมมนาผลกระทบจากแผ่นดินไหวต่อเขื่อนศรีนครินทร์ อาจมีการนำมาโยงถึงกัน ทางกรมทรัพยากรธรณีจะให้นักวิชาการเป็นผู้ชี้แจง ด้านนายศุภฤกษ์ ตันศรีรัตนวงศ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า แผ่นดินไหวที่เกิดที่รัฐฉาน ขนาด 5.7 ริกเตอร์ ยังไม่ถือว่ารุนแรงมากนัก คงไม่มีอาฟเตอร์ช็อกตามมา เพียงแต่ช่วงที่เกิดแผ่นดินไหว จะส่งผลถึงจังหวัดที่อยู่ใกล้เคียงรัฐฉานเท่านั้น แต่โครงสร้างสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ในประเทศไทยมีความแข็งแรง ดังนั้นปัญหาการแตกร้าวของอาคารจึงไม่ค่อยมี และไม่จำเป็นต้องอพยพประชาชน ส่วนคำเตือนจากนักวิชาการเกี่ยวกับเขื่อนศรีนครินทร์ ที่จะรองรับความแรงของแผ่นดินไหวไม่ได้นั้นอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ขณะนี้การออกแบบก่อสร้างเขื่อนศรีนครินทร์มีความปลอดภัย ถ้าไม่ได้อยู่ตรงกับแนวที่เกิดแผ่นดินไหวคงไม่น่ามีปัญหา (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 25 ม.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





นักธรณีวิทยาเผยข้อมูลใหม่'เขื่อนศรีนครินทร์'มีสิทธิ์แตก

คณะอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรน้ำและแร่ ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) จัดเวทีสัมมนา ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติ และอันตรายจากเขื่อนศรีนครินทร์ โดยมีมีนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหว ตัวแทนจากบริษัทการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำกัด(มหาชน) เข้าร่วมด้วย ดร.ปัญญา จารุศิริ อาจารย์ประจำภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญเรื่องแผ่นดินไหว กล่าวว่า จากการศึกษาเก็บข้อมูลรอยเลื่อนที่มีผลกระทบต่อตัวเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งทำร่วมกับกรมทรัพยากรธรณีครั้งล่าสุด พบข้อมูลใหม่ คือรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ที่อยู่ในเขตพม่า มีการเคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน และที่ชัดเจนมากจะค่อยๆ เลือนหายไปเมื่อเข้าเขตประเทศไทย จากข้อมูลนี้ทำให้เราวิตกว่า พื้นที่ที่ถูกขนาบด้วยรอยเลื่อนดังกล่าว ซึ่งเป็นพื้นที่ อ.ไทรโยค และ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ที่อยู่ติดกับชายแดนพม่า ได้รับอันตราย เราสำรวจพบว่า บริเวณดังกล่าวมีชุมชนอยู่ 550 หลังคาเรือน สะพาน 38 แห่ง และอ่างเก็บน้ำขนาดต่างๆอีก 5 แห่ง รวมทั้งเขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนเขาแหลม พื้นที่เหล่านี้ต้องได้รับการดูแลพิเศษเรื่องการเตือนภัย และเตรียมแผนอพยพไปสู่ที่ปลอดภัยให้พร้อม ดร.ปริญญา นุตาลัย นักวิชาการด้านแผ่นดินไหว กล่าวว่า ก่อนที่เขื่อนศรีนครินทร์จะถูกสร้างขึ้นมานั้น ตนเคยคุยกับวิศวกรชาวญี่ปุ่น สมัยนั้นไม่ได้เอาข้อมูลเรื่องแนวรอยเลื่อนแผ่นดินไหวมาพิจารณาในการก่อสร้างเลย ที่ กฟผ.อ้างตลอดว่าแผ่นดินไหวแล้วจะทำให้เขื่อนแตกเป็นไปไม่ได้นั้น เพราะสร้างไว้รองรับได้ถึง 7.5 ริกเตอร์ ก็ไม่เป็นความจริง เพราะในอดีตไม่ได้นำเรื่องนี้มาเป็นตัวตั้ง และยังไม่มีความรู้เท่าปัจจุบัน นายธำรง ธวัชชัยประชา ซึ่งร่วมในเวทีสัมนาครั้งนี้ด้วย เปิดเผยว่า ตัวเองเป็นอดีตวิศวกรโยธา กฟผ.ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มวิศวกรที่ปรึกษาที่ดูแลรักษาเขื่อนศรีนครินทร์มาตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง กล่าวว่า ตัวเลข 7.5 ริกเตอร์ ที่เขื่อนจะรองรับความเสียหายได้ จุดศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหว จะต้องห่างจากตัวเขื่อนมากกว่า 250 กิโลเมตร แต่ข้อมูลใหม่พบว่า แนวรอยเลื่อนแผ่นดินไหวที่มีพลังนั้น อยู่บริเวณเดียวกับที่เขื่อนสร้างอยู่นั่นเอง (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 25 ม.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





"เอ็มไอที"คิดค้น"บ้านต้นไม้" อาศัยอยู่ได้จริง-ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

"บ้านมหัศจรรย์" หรือ The Fab Tree Hab" ของทีมสถาปนิกและวิศวกรจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเส็ตต์ (เอ็มไอที) ประสบความสำเร็จในอีก 2-3 ปีข้างหน้า มิตเชลล์ โจอาคิม หัวหน้าโครงการบ้านมหัศจรรย์ของเอ็มไอที กล่าวว่า บ้านที่ตนกับเพื่อนๆ กำลังคิดค้นอยู่นั้นจะมีโครงสร้างรากฐานจากต้นไม้ ซึ่งถูกดัดลำต้นและตัดแต่งโครงสร้างให้กลายเป็นที่พักอาศัย วัสดุที่ใช้ก่อสร้างส่วนใหญ่ก็เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่สร้างมลภาวะต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย มิตเชลล์ ระบุว่า โครงสร้างด้านนอกของตัวบ้านมหัศจรรย์จะเป็นไม้เถากับไม้เลื้อย ซึ่งถูกอุดช่องว่างด้วยดินเหนียวและฟาง ทำให้มีคุณสมบัติเหมือนกับฉนวนกันความร้อน ความเย็น และไล่ความชื้นไปในตัว ส่วนกระจกหน้าต่างทำจากพลาสติกชนิดพิเศษที่ใช้ถั่วเหลืองเป็นวัตถุดิบในการผลิตและสามารถโค้งงอตามสภาพความเปลี่ยนแปลงของตัวบ้านได้ สำหรับเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านจะใช้วิธีปลูกต้นไม้และดัดลำต้นให้มีลักษณะเช่นเดียวกับเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ และเตียง นอกจากนั้น บนหลังคาจะปลูกสวนต้นไม้เพื่อใช้เป็นเครื่องกรองน้ำฝนตามธรรมชาติ โดยเมื่อน้ำไหลผ่านชั้นดินของสวนดังกล่าวจะถูกกรองความสิ่งสกปรกไปโดยอัตโนมัติ จากนั้นจะค่อยๆ ไหลลงมายังถังเก็บน้ำ ซึ่งมีแบคทีเรีย ปลา และพันธุ์พืชที่มีคุณสมบัติในการกลืนกินหรือทำลายสิ่งมีพิษที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำ และเมื่อผ่านกระบวนการกรองทั้งหมดนี้แล้ว คนในบ้านก็จะนำน้ำไปใช้ได้ตามปกติ (ข่าวสด พุธที่ 25 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





เพาะเซลล์เนื้อเยื่อ ปะกล้ามเนื้อหัวใจตาย

นักวิทยาศาสตร์ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา พยายามคิดค้นวิธีการซ่อมแซมรักษาเนื้อเยื่อหัวใจรูปแบบใหม่ นั่นคือ ทดลองเพาะ "เซลล์เนื้อเยื่อ" ขึ้นมาในห้องปฏิบัติการ เรียกว่า "Cardiac Patch" จากนั้นนำเซลล์ที่ได้ไปผ่าตัด-ปะทับลงไปแทนเซลล์เนื้อเยื่อหัวใจเก่าที่ตายไปแล้ว ขณะนี้ การทดลองดังกล่าวยังอยู่ในขั้นทดสอบกับหัวใจ "หนู" ทีมนักวิทยาศาสตร์ม.โคลัมเบียยอมรับว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากคุณภาพของเนื้อเยื่อหัวใจที่สร้างขึ้นมาใหม่ ต้องมีระดับความหนาแน่นของเซลล์ที่พอเหมาะพอดี รวมทั้งทนทานต่อการถูกกระตุ้นด้วยคลื่นไฟฟ้า เหมือนกับหัวใจตามธรรมชาติในตัวเราทุกคน การผ่าตัดปะชุนหัวใจครั้งนี้ต้องใช้เวลาวิจัยต่อไปอีกอย่างน้อยๆ 10 ปี (ข่าวสด พุธที่ 25 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ยานอวกาศรุ่นใหม่ซ่อมรอยรั่วได้เอง

องค์การอวกาศยุโรป หรืออีซา จับมือกับนักวิจัยมหาวิทยาลัยบริสตอล พัฒนาเทคโนโลยีที่ทำให้ยานอวกาศสามารถซ่อมแซมรอยรั่วได้เองโดยอัตโนมัติ แม้จะผ่านการทดสอบแล้วว่าใช้งานได้จริง แต่ทีมวิจัยเชื่อว่าอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปีถึงจะบอกได้ว่าพร้อมใช้จริงหรือยัง แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีชิ้นนี้ มากจากคุณสมบัติในการซ่อมแซมตัวเองของผิวหนังมนุษย์ ซึ่งเมื่อเกิดบาดแผลขึ้นมา เลือดจะแข็งตัวในเวลาต่อมาหลังจากโดนอากาศแล้ว จากนั้นก็จะตกสะเก็ดป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ทุกอย่างทำงานโดยอัตโนมัติ แต่การทำให้ยานอวกาศสามารถซ่อมแซมรอยรั่วได้ด้วยตัวเองนั้น พัฒนาจากวัสดุผสมชนิดพิเศษที่ประกอบด้วยใยแก้วขนาดกว้าง 60 ไมครอนนับร้อยใย แต่ละใยจะมีช่องว่างภายใน ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 30 ไมครอน ภายในช่องว่างดังกล่าวจะบรรจุโพลิเมอร์อีพ็อกซี่ หรือเรซินลงไปครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งจะเป็นสารเคมีที่เมื่อเกิดปฏิกิริยากับโพลิเมอร์แล้วจะกลายเป็นสารประกอบที่มีความแข็งอย่างมาก ใยแก้วดังกล่าวถูกออกแบบมาให้แตกออกอย่างง่ายดายทันทีที่ผิววัสดุได้รับความเสียหาย เมื่อสารเคมีทั้งสองชนิดรั่วซึมออกมาจากใยแก้ว ก็จะไหลไปอุดรูรั่วอย่างรวดเร็ว จากการทดสอบพบว่าสามารถซ่อมแซมผิวที่เกิดรูรั่วได้อย่างที่ตั้งใจไว้ และสามารถทำงานได้ในสภาวะที่จำลองเหมือนอยู่ในอวกาศได้ด้วย ทีมงานจึงเดินหน้าต่อด้วยการเตรียมพัฒนาวัสดุให้แข็งแกร่งกว่าเดิม และต้องสามารถทนทานในสภาวะที่หนักกว่าเดิม เช่น สภาวะที่มีอุณหภูมิสูงอยางมากได้ ทีมวิจัยของอีซาเชื่อว่า เทคโนโลยีนี้จะช่วยป้องกันยานอวกาศไม่ให้ถูกฝุ่นผงในอวกาศทำความเสียหายให้ตัวเครื่อง เพราะแค่ฝุ่นที่มีขนาดเพียงไม่กี่มิลลิเมตร แต่ด้วยเหตุที่เดินทางมาด้วยความเร็วหลายพันเมตรต่อวินาที ก็เพียงพอแล้วที่จะทำลายผิวของดาวเทียม หรือยานอวกาศ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายร้ายแรงตามมาได้ เทคโนโลยีนี้ยังสามารถป้องกันยานอวกาศไม่ให้เกิดรอยรั่วอันเป็นผลมาจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นจากการเดินทางในอวกาศ และยังป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นขณะปล่อยตัวออกจากฐานยิงได้ อย่างไรก็ตาม อีซายังไม่พร้อมที่จะนำมาใช้งานจริงในเร็ววันนี้ อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบปีถึงจะบอกได้ว่าพร้อมใช้กับยานอวกาศแล้วหรือยัง (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 16 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





พบปลาจิ๋วสุดในโลกที่เกาะสุมาตรา

เมื่อ 25 ม.ค.บีบีซีรายงานว่า คณะนักวิทยาศาสตร์อังกฤษและสิงคโปร์ ค้นพบปลาที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก ลำตัวยาว 7.9 มิลลิเมตร ในหนองน้ำที่เต็มไปด้วยจอกแหนในป่าดงดิบบนเกาะสุมาตรา ของอินโดนีเซีย การค้นพบดังกล่าวตีพิมพ์ในวารสารของราชสมาคมแห่งกรุงลอนดอน ปลาชนิดนี้มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า เพโดไซปริส มีขนาดเล็กกว่าปลาทั่วไป ตัวเต็มวัยมีขนาดเพียง 7.9 มิลลิเมตร อาศัยอยู่ในสภาพน้ำที่เป็นกรดในหนองน้ำของเกาะสุมาตรา กินแพลงตอนเป็นอาหาร ตัวอ่อนทนทานต่อสภาพแห้งแล้งจัด นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า ปลาชนิดดังกล่าวพบเห็นได้ยากเต็มทีเพราะหนองน้ำที่อยู่อาศัยของมันกำลังถูกทำลายอย่างรวดเร็ว จากการตัดไม้ทำลายป่า การระบายน้ำเพื่อปลูกปาล์มและไฟป่า (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 26 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





2050วิบัติภัยแห่งอนาคต

นักวิทยาศาสตร์ได้ทำนายว่าในอนาคตอันใกล้จะมีการทำลายล้างครั้งใหญ่ของโลก สภาพภูมิอากาศ พายุที่รุนแรงกว่าที่เคยพบมาก่อนจะเกิดขึ้น เพลิงไหม้และอุทกภัย ภาวะโลกร้อนจะทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 30 ล้านคนภายในปีเดียว ซึ่งปีนั้นคือ ค.ศ.2050 นักวิทยาศาสตร์เริ่มกังวลเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 1980 งานวิจัยก็เริ่มเกิดขึ้นทั่วโลก นักวิทยาศาสตร์แน่ใจอย่างที่สุดว่าสภาพอากาศบนโลกได้เปลี่ยนไป ซึ่งมีผลกระทบต่อวิถีชีวิตของเราทุกคนบนโลกใบนี้ ในปี 2050 การทำลายล้างครั้งใหญ่ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ทุกอย่างจะเหลือแค่เพียงเศษดิน จากนั้นมนุษย์ที่เหลือก็จะพยายามเอาชนะปัญหาด้านจิตใจและความหดหู่ แล้วเริ่มต้นใหม่และก็โดนถล่มซ้ำอีก ภายในอีก 50 - 100 ปี วิถีชีวิตของเราจะถูกทำลาย หายนะครั้งแล้วครั้งเล่าจะทำให้ระบบการเงินโลกตึงตัวสุดขีด เมื่อบ้านเรือนพังพินาศ อาหาร และน้ำหายาก การค้าโลกล่มสลาย หายนะทางสภาพแวดล้อมจะเปลี่ยนเป็นหายนะของมนุษยชาติ สงคราม การก่อการร้าย กบฏ ความวุ่นวายและการอพยพจะตามมา งานวิจัยเสนอว่าในอนาคตไม่มีที่ไหนจะปลอดภัยแม้กระทั่งบนภูเขาก็ตาม ภาวะโลกร้อนจะทำให้เกิดอันตรายที่แตกต่าง ตอนนี้มันอาจดูเป็นเพียงเรื่องไกลตัว แต่กับบางคนมันเกิดขึ้นแล้วและมีความซับซ้อนขึ้น แผ่นดินไหว หิมะถล่ม โคลนถล่ม ตึกถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน โรคที่มากับน้ำ ปัญหาโรคระบาด จากมุมมองของนักวิทยาศาสตร์บางคนที่ทำงานกับความหายนะมามากว่าร้อยเหตุการณ์ในโลก ทำให้เขาทราบว่าทุกครั้งที่เจอปัญหาเหล่านั้นดูเหมือนว่ามันจะแย่ลงเรื่อยๆ เวลานี้เค้าลางของภาพในอนาคตเริ่มปรากฏขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะเมื่อมองไปรอบตัว เราจะพบว่าอุทกภัยที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด ไฟไหม้ พายุและภัยแล้ง แม้กระทั่งฤดูกาลยังคาดเดาไม่ได้ ประสบการณ์บอกเราว่าสภาพอากาศเปลี่ยนไปและนักวิทยาศาสตร์ก็บอกเราว่าผลลัพธ์นั้นน่าสะพรึงกลัว นั่นคือสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าจะเกิดขึ้น เทคโนโลยีที่เราพัฒนากำลังจะฆ่าเรา ถ้าเราไม่หยุดสร้างสิ่งที่เป็นมลภาวะให้กับโลกใบนี้ มันจะยิ่งเลวร้ายเกินกว่าที่นักวิทยาศาสตร์ได้ทำนายไว้อีกมากมาย ( มติชนรายวัน เสาร์ที่ 28 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





ข่าววิจัย/พัฒนา


วิจัยขมิ้นชัน ’แดงสยาม’ มีสารเคอร์คูมินต้านมะเร็ง

ทีมงานวิจัยจาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำวิจัย พืชสมุนไพรมาอย่างต่อเนื่องดังเช่นขมิ้นชัน ซึ่งประสบความสำเร็จพบสายพันธุ์ ขมิ้นชันที่ดีที่สุด จนได้ พันธุ์ที่ให้ผลผลิตและ สารเคอร์คูมิน สูงตามความต้องการใน ทางโอสถสาร และให้ชื่อพันธุ์นี้ว่า “แดงสยาม” ดร.วิเชียร กีรตินิจกาล หัวหน้าศูนย์ความหลากหลายทางพันธุกรรมของพืช สถาบันวิจัยและ พัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และคณะวิจัย ได้พูดถึงความเป็นมาว่า ขมิ้นชันเป็นพืชสมุนไพรที่คนไทยใช้กันมาแต่โบราณ มีสารสำคัญสีเหลืองส้ม อยู่ในกลุ่ม เคอร์คูมินอยด์ (Curcuminoid) ซึ่งจากงานวิจัยหลายชิ้นพบว่า สารเคอร์คูมินมีฤทธิ์ ช่วยป้องกันโรคมะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมากและอัลไซเมอร์ นักวิจัยจาก University of Texas M.D. Anderson Cancer Center, Houston สหรัฐอเมริกา ได้ทดลองใช้สารเคอร์คูมินร่วมกับยารักษามะเร็งใน หนูทดลองพบว่า สามารถป้องกันการลุกลามของมะเร็งได้ถึง 78% ส่งผลให้ผู้คนหันมาบริโภคขมิ้นชันทั้งในรูปของอาหารและอาหารเสริมอย่างมากมาย โครงการวิจัยจำแนกสายพันธุ์ขมิ้นชันเพื่อยกระดับให้สมุนไพรตัวนี้ เข้าไปสู่สากลจึงได้เริ่มขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณบูรณาการจาก สภาวิจัยแห่งชาติ ซึ่งใช้เวลานานกว่า 18 เดือน เพื่อรวบรวมพันธุกรรมขมิ้นชันกว่า 2,000 ตัวอย่างจากทั่วประเทศและใช้กระบวนการ จำแนกสายพันธุ์ด้วยเครื่องหมายดีเอ็นเอ ชนิด Mic-rosatellite Marker หรือ SSR (Simple Se-Quence Repeat) ซึ่งเป็นดีเอ็นเอเครื่องหมายชนิดหนึ่งที่สามารถใช้ แยกความแตกต่างระหว่างสายพันธุ์พืช จากการศึกษาส่วนที่เป็นดีเอ็นเอที่เป็น Microsatellite และสามารถจำแนกสายพันธุ์ ขมิ้นชันได้จำนวน 34 สายพันธุ์ ซึ่งในจำนวนนี้พบขมิ้นชัน ที่มีลักษณะดี 14 สายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่ดีที่สุดนั้น ให้ผลผลิตถึง 6.2 ตันต่อไร่ และมีปริมาณสารเคอร์คูมินสูงถึง 10-12% ถือว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ในระดับหนึ่ง และ เพื่อเป็นเกียรติแก่แผ่นดิน สยามสมุนไพรตัวนี้จึงเรียกกันว่า “แดงสยาม” ขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการ ขยายพันธุ์ขมิ้นชันสายพันธุ์แดงสยาม เพื่อให้มีปริมาณมากพอที่จะนำไปให้กับเกษตรกรปลูก โดยมีแปลงทดลองอยู่ที่ ศูนย์วิจัยข้าวโพดและข้าวฟ่างแห่งชาติ จังหวัดนครราชสีมา แปลงทดลอง มหาวิทยาลัยแม่โจ้ แปลงทดลอง มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ ศูนย์วิจัยยาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ ดร.วิเชียร 0-2579-2308 ต่อ 403 (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 23 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





ประดิษฐ์นาฬิกาทันสมัยใช้ตรวจหาเชื้อมาลาเรีย

นักประดิษฐ์ชาวแอฟริกาใต้ได้พัฒนานาฬิกาข้อมือต้านเชื้อมาลาเรีย เพื่อนำมาช่วยในการต่อสู้กับโรคร้ายอันดับต้นของประเทศ โดยนาฬิกาดังกล่าวจะตรวจเลือดของผู้สวมใส่แล้วส่งเสียงเตือนเมื่อตรวจพบเชื้อโรค เจอร์วัน ลูบบ์ ผู้ประดิษฐ์นาฬิกาตรวจมาลาเรีย กล่าวว่า จะเปิดตัวนาฬิกาดังกล่าวในเดือนหน้า และเชื่อว่ามันจะช่วยชีวิตผู้คนนับเรือนล้านคนให้ ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลได้ก่อน ที่จะรู้สึกว่าตัวเองมีอาการเจ็บป่วย สำหรับนาฬิกาข้อมือดิจิตอลตรวจมาลาเรียนี้จะมีเข็มขนาดจิ๋วใช้จิ้มตรวจเลือดวันละ 4 ครั้ง และทดสอบว่าตัวอย่างเลือดนั้นมีเชื้อมาลาเรียอยู่หรือไม่ หากตรวจพบว่ามีเชื้อมันจะส่งเสียงเตือน และมีภาพสีเป็นรูปยุงกระพือปีกกะพริบอยู่ที่หน้า ปัดนาฬิกา ผู้สวมนาฬิกาก็จะต้องกินยา 3 เม็ด เพื่อฆ่าเชื้อโรคนั้นภายใน 48 ชั่วโมง สนนราคานาฬิกาดังกล่าวจะอยู่ที่ประมาณ 11,200 บาท. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 23 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





พบวิธีรักษาโรคเอดส์ได้ดีกว่าเดิม เม็ดเดียวกินวันละครั้ง

คณะนักวิจัยเอดส์นานาชาติค้นพบสูตรยาใหม่ในการรักษาโรคเอดส์ ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า สูตรปัจจุบัน โดยเป็นการผสมระหว่างยาไวรีด เอมทรีวา และซัสติวา ไว้ในเม็ดเดียวและ รับประทานเพียงวันละครั้ง นักวิจัยพบว่าร้อยละ 14 ของคนไข้ที่ใช้ยาสูตรนี้ในปีแรกสามารถควบคุมจำนวน เชื้อไวรัสเอชไอวีในร่างกายไว้ได้ และขณะเดียวกันก็พบว่า มีปัญหาผลข้างเคียง ได้แก่ อาการหมดเรี่ยวแรง เหนื่อยล้า และคลื่นไส้ น้อยลง ปัจจุบันยาที่ใช้สำหรับบำบัดอาการเอดส์ ในระยะแรก ได้แก่ เอแซทที ทรีทีซี และคอมบิเวียร์. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 23 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





สมองกลเซฟเงินแท็กซี่ติดเอ็นจีวี ควบคุมระบบจ่ายก๊าซแม่นยำเผาไหม้สมบูรณ์

นายสุรเดช ดวงภุมเมศ ผู้ช่วยนักวิจัย สาขาวิชาวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) กล่าวว่า ทีมวิจัยได้เริ่มทำต้นแบบและพัฒนาอุปกรณ์สำหรับใช้งานกับรถยนต์ก๊าซธรรมชาติมาตั้งแต่ต้นปี 2548 ล่าสุดอุปกรณ์บางส่วน เช่น สมองกล อีซียู กำลังอยู่ในช่วงของการทดสอบใช้งานกับรถยนต์ในองค์กร ก่อนที่จะตรวจสอบมาตรฐาน และเข้าสู่ตลาดในเดือนกุมภาพันธ์ รถที่ดัดแปลงจากระบบเครื่องยนต์เบนซินปกติมาเป็นระบบขับเคลื่อนด้วยก๊าซธรรมชาตินั้น จำเป็นจะต้องติดตั้งอุปกรณ์เฉพาะ อาทิ ถังบรรจุก๊าซ และ อีซียู (ชุดควบคุมอิเล็กทรอนิกส์) เป็นอุปกรณ์หลักในการควบคุมการทำงานของระบบจ่ายก๊าซธรรมชาติที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เฉพาะตัวกล่องสมองกลขายกันอยู่ที่ 1 หมื่นบาท ทีมวิจัยคาดว่ากล่องอีซียูที่พัฒนาขึ้นมานี้จะช่วยลดค่าติดตั้งลงเหลือ 1 ใน 3 ของราคาติดตั้งทั้งระบบ หน่วยสมองกลตัวนี้ทำหน้าที่ประมวลผลสัญญาณจากค่าความร้อน ความดันก๊าซ อุณหภูมิ เครื่องยนต์ หัวจ่าย สัญญาณจากหัวฉีดน้ำมัน เพื่อควบคุมการจ่ายก๊าซให้สัมพันธ์กับเครื่องยนต์ หลังจากทำการทดสอบเครื่องยนต์ในระยะที่ 2 พบว่าประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ลดลงไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ เพราะโดยปกติแล้วรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติจะมีประสิทธิภาพต่ำกว่าปกติมาก สมองกลดังกล่าวใช้ได้กับเครื่องยนต์หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ รถยนต์โตโยต้ารุ่นอัลติส ลิโม และรถรุ่นอื่นที่ผลิตตั้งแต่ปี 95 จนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะผลิตสมองกล ECU ออกจำหน่าย จะต้องทำการทดสอบในระยะสุดท้าย คือ ทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานในระยะยาว การตรวจวัดมลพิษ รวมถึงมองหากระบวนการควบคุมมาตรฐานการผลิตในระดับอุตสาหกรรม เพื่อป้องกันข้อผิดพลาด โครงการดังกล่าวเป็นงานวิจัยในลักษณะของโครงการร่วมวิจัยเชิงบูรณาการระหว่าง ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (คมชัดลึก จันทร์ที่ 23 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





สธ.สั่งวิจัยสมุนไพร'หมอกบ่วาย'รักษามะเร็งตับ

นายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ รองอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เดินทางไปสำรวจสมุนไพรหมอกบ่วาย ซึ่งเป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่ขึ้นบริเวณบึงแพรวเงือก หน้าวัดป่านาเพียงใหม่ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย พบว่าขณะนี้มีเหลืออยู่ที่เดียวใน ในอดีตหมอพื้นบ้านในภาคอีสานใช้ต้นแห้งนำมาดองกับเหล้า เพื่อรักษาโรคท้องมาน ส่วนต้นสดจะนำมาขยี้ทาแก้กลาก เกลื้อน ส่วนในตำรายาไทยใช้ทั้งต้น กินแก้โรคบิด ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ และแก้ไข้มาลาเรีย นายพินิจ ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เร่งอนุรักษ์ขยายพันธุ์ และทำโครงการศึกษาวิจัยต่อยอดภูมิปัญญาให้เกิดประโยชน์ในการแก้ปัญหาสาธารณสุขของประเทศ โดยเฉพาะการนำมารักษาโรคมะเร็งตับ โรคตับแข็ง ที่คนไทยเสียชีวิตปีละกว่า 12,000 ราย โดยพบมากเป็นอันดับ 1 ของภาคอีสาน ทางด้าน พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ รองอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า จากการติดตามข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ของพืชสกุลเดียวกับหมอกบ่วาย พบทั่วโลกมี 4 สกุล รวม 105 ชนิด ส่วนใหญ่เป็นพืชกินแมลง พบได้ทั่วไปในพื้นที่และอุณหภูมิแตกต่างกัน ส่วนในไทยพบพืชสกุลนี้ 3 ชนิด จากการสืบค้นการวิจัยทั่วโลกมีงานวิจัยหลายที่ พบว่ามีสารสำคัญกลุ่มฟลาวโวนอยส์ ( Flavonoids) ซึ่งเป็นยาต้านอักเสบ ยาคลายการบีบตัวของกล้ามเนื้อเรียบ ที่ประเทศบราซิล พบว่าพืชชนิดนี้มีฤทธิ์ต้านจุลชีพ ต้านมะเร็งได้ ในประเทศแถบยุโรป ได้นำพืชสกุลนี้มาสกัดด้วยแอลกอฮอล์ นำมาใช้เป็นยาแก้ไอ โดยพบว่าใบของพืชชนิดนี้ซึ่งมีเมือกเหนียว ๆ ใส อาจเกิดการระคายเคืองได้ แต่ในส่วนของประเทศไทยยังไม่มีรายงานการวิจัย ซึ่งในตำราแพทย์แผนไทยใช้สมุนไพรนี้รักษาโรคท้องมานในอดีต ซึ่งสาเหตุของโรคท้องโตนี้ มาจากการเป็นโรคตับแข็ง หรือมะเร็งตับ หรือจากไข้มาลาเรีย ทำให้ตับ ม้ามโตได้เหมือนกัน หากประชาชนพบเห็นสมุนไพรตัวนี้ที่ใด สามารถแจ้งข้อมูลมาที่สถาบันการแพทย์แผนไทย 0 2591 7686 (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 23 ม.ค. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





ม.เกษตรฯรับ15ล้านทำแผนที่ยีนถั่วเขียว

ศาสตราจารย์พีระศักดิ์ ศรีนิเวศน์ จากภาควิชาพืชไร่นา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เปิดเผยว่า ทีมวิจัยเตรียมทำ "แผนที่ยีนถั่วเขียว"ในประเทศไทย ภายหลังรับทุนส่งเสริมกลุ่มนักวิจัยอาชีพ ประจำปี 2548 จากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) จำนวนเงิน 15 ล้านบาท เพื่อสานต่อโครงการวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพ สำหรับพัฒนาพันธุ์ถั่วเขียวไทยให้สำเร็จ ภายในระยะเวลา 5 ปี พันธุ์ถั่วเขียวที่นิยมปลูกกันในปัจจุบัน มีสภาพอ่อนแอต่อดินด่าง รวมถึงการเข้าทำลายของโรคสำคัญๆ เช่น โรคราแป้ง โรคใบจุดสีน้ำตาล ไวรัสใบด่างเหลือง และด้วงเจาะเมล็ดศัตรูตัวสำคัญของพืชชนิดนี้ ซึ่งส่งผลเสียหายทั้งก่อนและหลังการเก็บเกี่ยว โดยสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากพันธุกรรมของถั่วเขียว รวมถึงพื้นฐานด้านพฤติกรรมของถั่วเขียวมีส่วนอย่างมากต่อการให้ผลผลิต เพราะถึงแม้ว่าพันธุ์ที่ปลูกจะให้ผลผลิตสูงก็ตาม แต่หากพันธุกรรมไม่มีความต้านทานต่อโรคและแมลง ก็จำเป็นต้องใช้สารเคมีในการควบคุม ซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุนการปลูกพืชกับเกษตรกรอีกทางหนึ่ง ขณะที่ปัจจุบันการทำแผนที่ยีนของถั่วเขียวยังมีไม่มาก งานวิจัยที่มีอยู่ก็นำมาใช้ประโยชน์ได้น้อย เนื่องจากแผนที่ดังกล่าวยังศึกษาไม่ทั่วถึงทุกโครโมโซม ดังนั้น ทีมวิจัยจึงต้องการที่จะทำแผนที่ยีนถั่วเขียวฉบับสมบูรณ์ เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงพันธุ์และวางแผนปลูกถั่วเขียวในพื้นที่ที่เหมาะสมได้ในระยะยาว แผนที่ยีนสามารถช่วยลดพื้นที่และเวลาในการปลูกถั่วเขียวลง รวมทั้งทดสอบปลูกในดินด่างเพื่อหาสภาพดินที่เหมาะสมในการปลูก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีโรคและแมลงระบาด นอกจากนี้สิ่งที่ทีมวิจัยต้องการจะศึกษาคือการลดปริมาณกรดไฟติก ซึ่งเป็นตัวขัดขวางและดูดซึมธาตุเหล็กและสังกะสีเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ โดยจะทำวิจัยเพื่อปรับปรุงพันธุ์ให้มีปริมาณกรดไฟติกที่พอเหมาะ เพื่อการส่งออกต่อไปในอนาคต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะทำหน้าที่รวบรวมแหล่งพันธุกรรมของถั่วเขียว จากเชื้อพันธุ์ถั่วเขียวไว้ให้มากที่สุดในโลก ไว้ที่วิทยาเขตกำแพงแสน เพื่อเป็นฐานข้อมูลและเก็บเมล็ดพันธุ์เพื่อใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงพันธุ์ต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 17 ม.ค. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





พบสูตรยารักษา"โรคเอดส์"ตัวใหม่

คณะนักวิจัยเอดส์นานาชาติค้นพบสูตรยาใหม่ในการรักษาโรคเอดส์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าสูตรปัจจุบัน โดยเป็นการผสมระหว่างยาไวรีด เอมทรีวา และซัสติวา ไว้ในเม็ดเดียวและรับประทานเพียงวันละครั้ง นักวิจัยพบว่าร้อยละ 14 ของคนไข้ที่ใช้ยาสูตรนี้ในปีแรกสามารถควบคุมจำนวนเชื้อไวรัสเอชไอวีในร่างกายไว้ได้ และขณะเดียวกันก็พบว่ามีปัญหาผลข้างเคียง ได้แก่ อาการหมดเรี่ยวแรง เหนื่อยล้า และคลื่นไส้น้อยลง ทั้งนี้ในปัจจุบันยาที่ใช้สำหรับบำบัดอาการเอดส์ในระยะแรก ได้แก่ เอแซดที ทรีทีซี และคอมบิเวียร์ (ข่าวสด จันทร์ที่ 23 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





งานวิจัยชิ้นใหม่ในอังกฤษ เผยโทรมือถือไม่เกี่ยวมะเร็งสมอง

วารสารการแพทย์อังกฤษ (BMJ) ฉบับออนไลน์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รายงานผลการศึกษาของนักวิจัยในอังกฤษที่พบว่าไม่มีหลักฐานพอ ที่จะสนับสนุนได้ว่าการใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเหตุให้เกิดมะเร็งสมอง ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยลีด นำโดยแพทริเซีย แมคคินนีย์ ได้ศึกษากับชาวอังกฤษ 966 ราย อายุระหว่าง 18-69 ปี ที่ตรวจพบว่าเป็นเนื้องอกไกลโอมา ระหว่างปี 2543-2547 ซึ่ง เนื้องอกชนิดนี้เกี่ยวกับการเกิดเนื้อร้ายในสมองค่อนข้างพบได้ยาก จากนั้นนักวิจัยได้ทำการเปรียบเทียบผลกับการสัมภาษณ์ผู้มีสุขภาพดี 1,700 คน ผลปรากฏว่าไม่พบปัจจัยเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากการใช้โทรศัพท์มือถือ ทั้งจากการกำหนดจำนวนปีที่ใช้ อายุที่เริ่มใช้ครั้งแรก และจำนวนชั่วโมงที่คนนั้นพูดโทรศัพท์มือถือ ทีมศึกษาตั้งข้อสังเกตว่ามีแนวโน้มอย่างมีนัยสำคัญที่จะมีการเกิดก้อนเนื้อในสมองข้างเดียวกับ ที่แนบหูโทรศัพท์เป็นประจำ แต่ ทีมนักวิจัยได้แนะนำว่าสิ่งนี้อาจเรียกได้ว่าเป็น “อคติเมื่อนึกย้อนกลับ” ของผู้ป่วยมะเร็งที่จะโทษว่าก้อนเนื้อนั้นเกิดจากการใช้โทรศัพท์ มือถือ สำหรับการศึกษาครั้งนี้ครอบคลุมเพียงระยะเวลาการใช้โทรศัพท์ 10 ปี แต่ไม่ได้มีการวัดผลการใช้ในระยะยาว. (ไทยรัฐ อังคารที่ 24 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





ส่องเชื้อแบคทีเรียในดิน พบดื้อยาอยู่ทั่วไปในธรรมชาติ

นิตยสารด้านวิทยาศาสตร์ “ไซเอินซ์” รายงานผลการศึกษาของนักวิจัย จากมหาวิทยาลัยแมคมาสเตอร์ ในฮามิลตัน, ออนตาริโอ ที่พบว่าเชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในดินนั้นมีการต่อต้านยาปฏิชีวนะอยู่สูง โดยแบคทีเรียเหล่านั้นจะมีการต่อต้านที่คล้ายคลึงกับที่แบคทีเรียติดเชื้อโรคในคนแล้ว มีการดื้อยาปฏิชีวนะที่มนุษย์ทำขึ้น ศาสตราจารย์แกร์รี ไรท์ หัวหน้าคณะวิจัยกล่าวว่า เราได้นำแบคทีเรียมาจากแหล่งต่างๆกัน เช่น จากสภาพแวดล้อมในเมือง ในการเกษตร และจากป่าทางตอนเหนือของออนตาริโอที่ไม่พบว่ามีการใช้ยาปฏิชีวนะในคน และผลที่ได้คือระดับการต่อต้านออกมาเหมือนกัน กลไกการต่อต้านในระดับหน่วยพันธุกรรมนั้นส่วนใหญ่เป็นที่ทราบอยู่แล้ว แต่ว่าได้ข้อค้นพบใหม่ที่แสดงออกมาคือ ขณะนี้นักวิจัยกำลังค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมลงไปในระดับกลไก ที่แบคทีเรียเปลี่ยนแปลงหน้าที่ในระดับพันธุกรรมเพื่อจะสู้กับยาปฏิชีวนะ นักวิจัยหวังว่างานศึกษาของตนจะช่วยให้นักชีววิทยาการแพทย์เข้าใจถึงวิธีใหม่ๆ ที่เชื้อโรคเกิดการดื้อยาขึ้นมาในคลินิก และสำหรับคนที่ผลิตยาปฏิชีวนะจะได้หาวิธีป้องกันการดื้อยาได้ต่อไปในอนาคต. (ไทยรัฐ อังคารที่ 24 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





ยิงคลื่นเสียงหาเส้นเลือด แก้ปัญหาฉีดยา-แทงน้ำเกลือพลาด

นักวิจัยจากห้องปฏิบัติการวิจัยไฟฟ้าเชิงแสง สถาบันวิจัยเทคโนโลยีจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า แพทย์และพยาบาลมักมีปัญหาในการหาเส้นเลือดของผู้ป่วย บางคนเส้นอยู่ลึกมาก บางคนเส้นเอียง บางรายแม้จะเห็นเส้นเลือดโปนอยู่ที่ผิวหนังแล้วก็ตาม แต่พอแทงเข็มลงไปในเนื้อเยื่อก็พลาดได้ง่ายๆ เหมือนกัน นักประดิษฐ์จึงคิดอุปกรณ์ช่วยค้นหาเส้นเลือดโดยอาศัยหลักการที่เรียกว่า "ดอปเลอร์เอฟเฟคท์" เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อแม่เหล็กไฟฟ้าและคลื่นเสียงทำปฏิกิริยากับวัตถุที่เคลื่อนไหว ทำให้ความยาวคลื่นและความถี่คลื่นเปลี่ยนไป ยกตัวอย่างที่ใช้อยู่เช่น ปืนตรวจจับความเร็วที่ตำรวจทางหลวงใช้ตรวจจับรถซิ่ง ปืนจะส่งสัญญาณไมโครเวฟออกไปยังรถที่วิ่งอยู่ พอสัญญาณเด้งกลับมา ก็สามารถเอาความถี่ที่เปลี่ยนไปมาคำนวณเป็นความเร็วรถได้ แต่สำหรับอุปกรณ์พกพาตรวจหาเส้นเลือดนั้นจะใช้เทคนิคที่คล้ายกันเรียกว่า ดอปเลอร์อัลตร้าซาวนด์ กล่าวคือแทนที่จะส่งเป็นคลื่นไมโครเวฟออกไปก็ส่งเป็นคลื่นเสียงย่านความถี่ต่ำแทน วิธีนี้จะอาศัยการเปรียบเทียบผิวหนังกับเนื้อเยื่อซึ่งไม่เคลื่อนที่กับน้ำเลือดที่เคลื่อนที่ไปตามเส้นเลือด โดยคลื่นเสียงจะสะท้อนจากเส้นเลือดออกมา ทำให้รู้ความแตกต่าง จากนั้นจะแสดงข้อมูลตำแหน่งเส้นเลือดออกมาในรูปแบบสามมิติ ปัจจุบันโรงพยาบาลหลายแห่งมีเครื่องมืออัลตร้าซาวนด์สำหรับตรวจวัดหัวใจ ลิ้นหัวใจ และเส้นเลือดเพื่อใช้ศึกษาการไหลเวียนของเลือดโดยทั่วไปอยู่แล้ว แต่อุปกรณ์เหล่านี้ไม่สามารถนำมาใช้ได้ และมีราคาแพงเกินกว่าจะนำไปใช้ในภาคสนาม อุปกรณ์ที่พวกเขาพัฒนาขึ้นมาซึ่งรอจดสิทธิบัตรอยู่นี้ประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่ กล่องสำหรับบรรจุชุดอิเล็กทรอนิกส์และตัวป้อนสัญญาณซึ่งสามารถนำมาใช้ใหม่ได้ ส่วนอีกอันเป็นกล่องพ่วงชนิดใช้แล้วทิ้งใช้เก็บตัวสะท้อนและหัวนำตำแหน่งเข็ม ซึ่งแสดงตำแหน่งขนานไปกับคลื่นเสียงที่ถูกส่งด้วยทรานสดิวเซอร์ที่อยู่ในกล่องอีกใบหนึ่ง นักประดิษฐ์ กล่าวว่า ถึงแม้เทคโนโลยีที่นำมาใช้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่จุดเด่นของการดัดแปลงมาใช้หาเส้นเลือดคือเรื่องของการออกแบบระบบ และทำให้พกพาไปไหนมาไหนได้ และมีราคาถูก (คมชัดลึก อังคารที่ 24 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





พบวัสดุเหนียวกว่าพลาสติก

นักฟิสิกส์จากวิทยาลัยบอสตันและเพื่อนร่วมวิจัยได้อาศัยคุณสมบัติพิเศษของท่อคาร์บอนที่มีขนาดเล็กกว่าเส้นผมหลายพันเท่า หรือ "ท่อนาโนผนังเดี่ยว" มาเผาด้วยความร้อนสูงถึง 2,000 องศาเซลเซียส พบว่า ท่อจิ๋วนาโนมีคุณสมบัติยืดได้คล้ายกับพลาสติก ท่อดังกล่าวซึ่งมีขนาดเล็กเพียง 2.4 หมื่นส่วนของหนึ่งเมตร สามารถนำมายืดมีความยาว 91 นาโนเมตร (1 นาโนเมตรเท่ากับ 1/1000 ล้านเมตร) ก่อนที่จะหักออกและเมื่อทดสอบที่อุณหภูมิปกติ ท่อนาโนสามารถยืดออกได้ราว 15 เปอร์เซ็นต์ จากขนาดเดิมก่อนแตก การค้นพบครั้งนี้เท่ากับว่านักวิจัยได้พบวัสดุที่มีคุณสมบัติของ "พลาสติกยิ่งยวด" ซึ่งเป็นที่สนใจสำหรับนักวิศวกรรมที่กำลังหาวิธีทำให้เซรามิกทนต่อสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงจัดได้ ท่อคาร์บอนนาโนถูกค้นพบครั้งแรกในปี 2534 โดยนักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นนาม ซูมิโอะ อิจิมา มีลักษณะเป็นท่อกลวงทรงกระบอกทอด้วยเส้นใยคาร์บอนที่สานถักเป็นตารางหกเหลี่ยม มีขนาดเส้นเล็กกว่าผมคนหลายพันเท่า แข็งกว่าเหล็ก สามารถนำกระแสไฟฟ้าได้ และมีความเสถียรกว่า วัสดุชนิดนี้สามารถใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมหลายแขนงเช่น หุ่นยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ ยา และสิ่งแวดล้อม (คมชัดลึก อังคารที่ 24 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





สองนักวิจัยไต-มะเร็งปากมดลูก คว้ารางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล

นักวิทยาศาสตร์สหรัฐค้นพบฮอร์โมนสำคัญกระตุ้นเม็ดเลือดแดง และแพทย์เยอรมนีซึ่งศึกษาและค้นพบไวรัสหูดตัวการสำคัญก่อโรคมะเร็งปากมดลูก เป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์และสาธารณะ คว้ารางวัลเกียรติยศเจ้าฟ้ามหิดล สำหรับในปีนี้ผู้ได้รับรางวัลสาขาการแพทย์ ได้แก่ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ยูยีน โกลวาสเซอร์ ภาควิชาเคมีและอณูชีววิทยา มหาวิทยาลัยชิคาโก สหรัฐอเมริกา ได้ทำการศึกษาค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับฮอร์โมน ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงมาตั้งแต่ พ.ศ.2493 ศาสตราจารย์เกียรติคุณ โกลวาสเซอร์ เชื่อว่ามีสารดังกล่าวอยู่ในกระแสเลือด และสามารถแยกบริสุทธิ์ได้ใน พ.ศ. 2514 และอีก 6 ปีต่อมาสามารถแยกบริสุทธิ์และจำแนกโครงสร้างทางเคมีของฮอร์โมนอีริโธรปัวอีตินในคนได้จากปัสสาวะของผู้ป่วยที่เป็นโรคโลหิตจางอะพลาสติค ความรู้ดังกล่าวเป็นรากฐานนำไปสู่การโคลนนิ่งยีน และด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ ทำให้สามารถผลิตฮอร์โมนดังกล่าวในระดับอุตสาหกรรมออกเป็นยารักษาภาวะโลหิตจางในผู้ป่วยไตวายเรื้อรังและผู้ป่วยมะเร็งได้อย่างมากมาย แพร่หลายทั่วโลก ช่วยให้ผู้ป่วยจำนวนนับล้านคนมีสุขภาพอนามัยและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทั่วโลก ส่วนสาขาการสาธารณสุข ได้แก่ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ น.พ.ฮารัลด์ ซัวร์ เฮาเซน ศูนย์วิจัยมะเร็ง เมืองไฮเดลเบิร์ก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นสาเหตุการตายที่สำคัญในสตรีทั่วโลก โดยพบบ่อยเป็นอันดับที่ 3 ของมะเร็งที่พบในสตรี เมื่อ พ.ศ.2523 เขาพิสูจน์ได้ว่าไวรัสหูด หรือ แพ็บพิลโลม่า ไวรัสของคน (เอชพีวี) ชนิด เอชพีวี 16 และเอชพีวี 18 เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูกในสตรี โดยการแยกไวรัสทั้งสองได้จากเนื้อมะเร็ง การค้นพบครั้งนี้ก่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง นำไปสู่การป้องกันและการรักษามะเร็งปากมดลูกที่ดีขึ้นและแพร่หลายทั่วโลก ลดอัตราการเกิดมะเร็งปากมดลูกในสตรี และลดอัตราการตายจากโรคนี้ลงอย่างมาก (คมชัดลึก อังคารที่ 24 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





"เครื่องอบพลังธรรมชาติ" อาหารแห้งไว-ไร้เชื้อรา

กรรมวิธีการตากอาหารให้แห้งอย่างมีประสิทธิภาพด้วย "เครื่องอบพลังงานธรรมชาติ" อันเกิดจากแนวคิดของ อ.วัลลภ ภูผา หัวหน้าภาควิศวกรรมอุตสาหการ ม.เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตพระนครเหนือ และทีมงาน นอกจากจะทำให้อาหารที่ต้องการตากหรือแห้งได้ทั่วถึงชนิดร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ยังช่วยทุ่นเวลา ลดต้นทุน ที่สำคัญช่วยให้สารอาหารไม่สลายไป ยังอยู่ครบเหมือนเดิมทุกประการ อ.วัลลภ เผยและว่า จึงได้ร่วมกับ อ.เผด็จ แสนเกษม ประดิษฐ์คิดค้นเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา โดยผลิตเป็นเครื่องอบที่ใช้อบหอยแมลงภู่ ซึ่งเครื่องดังกล่าวสามารถใช้ได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพ วิธีการทำตัวเครื่องอบว่า ต้องเริ่มจากการแบ่งอุปกรณ์เป็น 3 ชุด ใช้พลังงาน 2 ระบบ คือชุดตัวตู้อบทำจากสเตนเลสภายในมีขดลวดให้ความร้อน ชุดวางแผงโซลาเซลล์ และชุดวางแบตเตอรี่ โดยจะเสียบเชื่อมโยงสำหรับการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งกระแสไฟฟ้าที่ใช้จะเป็นระบบไฟฟ้ากระแสตรง จากการทดสอบความจุในการอบเนื้อหอยแมลงภู่ 1 กิโลกรัม ประสิทธิภาพในการทำงานเมื่ออบด้วยพลังงานแสงอาทิตย์มีปริมาณความชื้นหลังการอบเท่ากับ 16.38% และลดลงจากวิธีดั้งเดิมที่ชาวบ้านตากกันเองโดยทั่วไปเท่ากับ 20.08% โดยนำหอยแมลงภู่วางเรียงบนตะแกรงขดลวดให้ความร้อน จากนั้นเอาไปวางในช่องอบก่อนเปิดสวิตช์ที่เชื่อมโยงจากแผงโซลาเซลล์ โดยการอบแต่ละครั้งจะใช้เวลานานไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับประเภทของอาหารที่เราต้องการนำมาอบเป็นสำคัญ เครื่องอบอาหารทะเลนี้อาศัยหลักการทำงานที่ว่าระบบการทำงานของตัวเครื่องจะต้องสัมพันธ์กันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิ เวลา หรือความเร็วการทำงานของตัวเครื่อง เพราะจะทำให้อาหารที่ผ่านการแปรรูปออกมามีความแห้งสม่ำเสมอที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีความชื้นตกค้าง ช่วยรักษาเนื้อของอาหารให้คงไว้ซึ่งคุณค่าทางโภชนาการที่สมบูรณ์ ราคาอยู่ที่ราคา 7,000-8,000 ผู้สนใจรายละเอียดขั้นตอนการผลิตจะเพื่อนำไปประกอบอาชีพ สามารถสอบถามได้ที่โทร.0-2913-2424 ต่อ 212 (คมชัดลึก อังคารที่ 24 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





เซลล์เชื้อเพลิง พลังสะอาด พลังงานทางเลือก ฮีโร่กู้วิกฤต โลกร้อน น้ำมันแพง

ขณะนี้มีการพัฒนาเครื่องผลิตพลังงานใหม่ที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม คือ เซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) ถือเป็นทางเลือกอีกชนิดหนึ่งที่สามารถนำมาใช้ในระดับอุตสาหกรรม การคมนาคมขนส่ง การผลิตกระแสไฟฟ้า หรือเป็นแหล่งพลังงานให้กับอุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้าทั่วไป เช่น คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก เป็นต้น ด้วยกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าที่ใช้สารตั้งต้นหลัก เป็น "ไฮโดรเจน" และ "ออกซิเจน" ที่มีอยู่ในอากาศเท่านั้น ส่วนของเสียที่ได้จากการเผาไหม้จะอยู่ในรูปของน้ำ กับความร้อน ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในเมืองไทยมีผู้ศึกษาและทำวิจัยเรื่องเซลล์เชื้อเพลิงจากหลายสถาบัน โดยทีมวิจัยของคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) นำทีมโดย รศ.ดร.อภิชัย เทอดเทียนวงษ์ ถือเป็นนักวิจัยกลุ่มแรกๆ ที่สามารถผลิตแผ่นเซลล์เชื้อเพลิงเดี่ยว ที่เป็นหัวใจของเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง หลังจากทำการศึกษาเรื่องเซลล์เชื้อเพลิงนี้มากว่า 5 ปี โดยได้ทำการวิจัยด้านการผลิตไฮโดรเจนแบบโมบายยูนิต หรือการผลิตไฮโดรเจนแล้วใช้ได้เลย โดยไม่ต้องเก็บไว้สำรอง และศึกษาพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงให้มีราคาถูก และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ปัจจุบันทีมวิจัยสามารถสร้างเครื่องต้นแบบเซลล์เชื้อเพลิงได้แล้ว มีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้า 50 วัตต์ โดยหลักการทำงานของเซลล์เชื้อเพลิงประกอบด้วย ชุดประกบเมมเบรนอิเล็กโทรด ซึ่งมีขั้วอิเล็กโทรด 2 ขั้ว คือขั้วลบและขั้วบวก ที่ขั้วลบจะมีการป้อนก๊าซไฮโดรเจนซึ่งจะแตกตัวให้โปรตอนและอิเล็กตรอนที่มีประจุลบ ส่วนขั้วบวกจะมีการป้อนก๊าซหรืออากาศ และทำปฏิกิริยากับโปรตอนกลายเป็นน้ำและออกจากระบบ ในอนาคตทีมวิจัยมีแผนจะขยายกำลังการผลิตของเซลล์เชื้อเพลิงขึ้นเป็น 150 วัตต์ 1 กิโลวัตต์ 10 กิโลวัตต์ และ 50 กิโลวัตต์ในที่สุด การทำเช่นนี้ต้องได้รับการสนับสนุนด้านทุนวิจัยจากรัฐบาล เพื่อให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีระยะยาว จนสามารถนำมาใช้ได้จริง เหมือนในต่างประเทศที่สามารถใช้เป็นแหล่งพลังงานของรถยนต์ได้แล้ว แต่ยังมีราคาสูงกว่ารถยนต์ปกติอยู่มาก ซึ่งถือเป็นอุปสรรคในการนำเทคโนโลยีชิ้นใหม่นี้มาใช้ ผู้สนใจชมเครื่องต้นแบบเซลล์เชื้อเพลิง สามารถชมได้ที่ ห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงและไฮโดรเจน ตึกวิศวกรรมเคมี ชั้น 5 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โทร.0-2619-6188 (มติชนรายวัน อังคารที่ 24 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





มะกันหวังครองตลาดเนื้อ ทุ่มงบวิจัย"ถอดรหัสพันธุกรรมหมู"

กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา มอบเงิบทุนวิจัย 800 ล้านบาทให้นักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ลงมือเดินหน้าโครงการถอดรหัสทำแผนที่พันธุกรรม หรือ "ดีเอ็นเอ" ของ "สุกร" อย่างสมบูรณ์แบบเป็นครั้งแรกของโลก ลอว์เรนซ์ ชู้ก และจอห์น บีเวอร์ สองศาสตราจารย์ม.อิลลินอยส์ ผู้รับผิดชอบการทำแผนที่ดีเอ็นเอสุกร เปิดเผยว่า โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่ง ทั้งในสหรัฐ อังกฤษ และฝรั่งเศส คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายใน 2 ปีข้างหน้าและกลายเป็นเครื่องมือช่วยให้สหรัฐพัฒนาสายพันธุ์สุกรคุณภาพสูง ซึ่งมีเนื้อรสชาติดีถูกปากผู้บริโภคมากขึ้น ศ.ชู้ก กล่าวว่า เนื่องจากโครงสร้างและลักษณะการจัดเรียงตัวของรหัสพันธุกรรมของทั้งสุกรกับมนุษย์มีความคล้ายคลึงใกล้เคียงกันหลายส่วน ดังนั้น รหัสแผนที่พันธุกรรมสุกรจะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์นำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้คิดค้นหาวิธีรักษาโรคร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับคนเราทุกวันนี้ อาทิ เบาหวาน โรคอ้วน และโรคหัวใจ ไมก์ โจฮันส์ รัฐมนตรีเกษตรสหรัฐ ให้สัมภาษณ์ระหว่างร่วมงานแถลงข่าวมอบเงินสนับสนุนแก่ทีมวิจัยของศ.ชู้ก ว่า เนื้อหมูเป็นเนื้อสัตว์ที่นิยมบริโภคกันทั่วโลก ความสำเร็จจากการถอดรหัสพันธุกรรมสุกรครั้งนี้จะสร้างประโยชน์แก่อุตสาหกรรมเลี้ยงสุกรของสหรัฐอย่างมาก เพราะทำให้สหรัฐเรียนรู้วิธีการเพาะพันธุ์สุกรที่มีสายพันธุ์ดีกว่าในปัจจุบัน (ข่าวสด อังคารที่ 24 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





หญิงมีครรภ์ต้องกินปลามันๆ ป้องกันลูกด้อยปัญญาอาภัพ

นักวิจัยบอกแนะนำมารดาที่กำลังตั้งครรภ์ อยากให้ลูกกำลังจะเกิดออกมามีสมองดีว่าจะต้องหมั่นกินปลามันๆ กับเมล็ดพืชต่างๆ พวกเขาได้พบในการศึกษากับมารดาและเด็ก ในแคว้นเอวอนของอังกฤษ จำนวน 9,000 คน พบว่าหญิงที่ไม่ค่อยชอบกิน ปลาที่มีกรดไขมันโอเมกา-3 จะมีลูกที่มีสติปัญญาต่ำ นอกจากนั้น ยังมีความคล่องแคล่วในการเคลื่อนไหวอวัยวะช้า มือกับตาจะ ยังประสานกันไม่ได้ดี สถาบันมาตรฐานอาหารของเมืองน้ำชา เคยสอนผู้หญิงมีครรภ์ให้กินปลามันๆกัน ให้ได้อาทิตย์ละ 1-2 มื้อ นักวิจัยของสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติสหรัฐฯ ได้มาศึกษาปัญหาของมารดาและบุตรในอังกฤษ ได้พบว่ามารดาที่กินปลาน้อยที่สุด จะมีลูกซึ่งมีระดับเชาวน์ต่ำกว่าเด็กเฉลี่ยอยู่ 6 แต้ม ในขณะที่มารดาที่กินปลาที่มันๆ เช่น ปลาซาร์ดีน และแมคเคอรัล และแหล่งกรดโอเมกา-3 อื่นมากที่สุด จะมีลูก ลูกที่โตมีอายุ 3 ขวบครึ่ง จะมีความเคลื่อนไหวคล่องแคล่วที่สุด นอกจากนั้น การที่มารดาบริโภคปลาที่มีกรดไขมันอันจำเป็นพวกนี้น้อย ยังปรากฏว่าลูกน้อย จะมีปัญหาในการเข้ากับคนอื่นเมื่อโตขึ้นอีกด้วย ศาสตราจารย์จีน โกลดิง แห่งมหาวิทยาลัยบริสตัล อธิบายว่า สมองของทารกต้องการกรดไขมันโอเมกา-3 เพราะยังไม่อาจจะผลิตเองได้ จึงจำเป็นต้องได้จากอาหารของแม่ (ไทยรัฐ พุธที่ 25 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





ห้องน้ำทำความสะอาดตัวเอง !

นักวิจัยจากสถาบัน ARC Center of Functional Nanomaterial ประเทศออสเตรเลียได้ทำการวิจัยและโดยใช้ผง TiO2 ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 นาโนเมตร (เส้นผมของคนเรามีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 80,000 นาโนเมตร-คิดดูแล้วกันว่าเล็กขนาดไหน) เคลือบลงบนผิวที่เราต้องการให้มันมีคุณสมบัติในการทำความสะอาดตัวเอง อย่างเช่นผิวของสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้า หรือกระเบื้องพื้นหรือผนังห้องน้ำเป็นต้น ตามปกติแล้ว TiO2 นั้นเป็นสารประกอบที่มีคุณสมบัติในการดูดซับรังสี UVA ซึ่งเป็นแสงช่วงความยาวคลื่นน้อยกว่าความยาวคลื่นที่ดวงตาของมนุษย์เราสามารถมองเห็น (UVA มีความยาวคลื่นประมาณ 400-320 นาโนเมตร) โดยที่ UVA นั้นพบได้ในแสงแดดแต่ไม่สามารถพบได้ในแสงไฟจากหลอดไฟทั่ว ๆ ไปหรือแสงสว่างธรรมดาภายในบ้าน นักวิจัยเลยทำการดัดแปลงคุณสมบัติของ TiO2 โดยการใช้เติมสารเจือปนอย่างเช่นเหล็ก (Fe) หรือไนโตรเจน (N) ผสมลงไปกับผง TiO2 ด้วยกรรมวิธีที่เรียกว่า “Doping” ซึ่งเป็นกรรมวิธีเดียวกับที่ใช้ในการเติม สารเจือปนลงในสารกึ่งตัวนำทั้งหลาย TiO2 ที่ผ่านการเติมสาร เจือปนอย่างที่กล่าวมาแล้ว จะมีคุณสมบัติ เปลี่ยนไปคือสามารถดูดซับแสงในช่วงความยาวคลื่นน้อยกว่า 380 นาโนเมตร ซึ่งเป็นแสงในช่วงความยาวคลื่นที่พบได้ในแสงสว่างภายในบ้านโดยทั่ว ๆ ไป อิเล็กตรอนในโมเลกุลของ TiO2 ที่ได้รับการกระตุ้นเนื่องจากการ ได้รับพลังงานจากแสงจะทำให้มันมีคุณสมบัติในการกัดกร่อนไม่แพ้สารอย่างพวกคลอรีนเลยทีเดียว ดังนั้นมันจึงมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรคอย่างเช่นเชื้อแบคทีเรียได้ และยังมีคุณสมบัติในการย่อยสลายสารประกอบอินทรีย์อีกหลายชนิดได้อีกด้วย อีกอย่างที่น่าสนใจก็คือคุณ สมบัติของ TiO2 ที่เรียกว่า “Super hydorphilicity” ซึ่งอธิบายให้เข้าใจง่ายได้ว่าถ้าคุณผู้อ่านหยดน้ำลงไปบนพื้นผิวที่ถูกเคลือบด้วย TiO2 หยดน้ำดังกล่าวจะไม่เกาะตัวเป็นรูปหยดน้ำอย่างที่เราเคย เห็น ๆ กัน ไม่ว่าหยดน้ำนั้นจะมีขนาดเล็กเพียงใดก็ตาม แต่จะเกลี่ยตัวแบบราบเรียบไปกับพื้นผิว โดยไม่ทิ้งคราบไคลให้เห็นยามเมื่อพื้นผิวนั้น ๆ แห้งลง อีกไม่นานนักวิจัยเองก็ประกาศแล้วว่ามีความพร้อมในการผลิตระดับอุตสาหกรรม (เดลินิวส์ พุธที่ 24 ม.ค. 48 http://www.dailynews.co.th)





ต้องให้เด็กแปรงฟันหลังกินยาแก้ไอ เหตุมีฤทธิ์เป็นกรดกัดฟัน

นักวิจัยแนะนำพ่อแม่ว่าควรจะให้ลูกหลานต้องแปรงฟัน เมื่อให้กินยาแก้ไอที่เป็นน้ำเชื่อมเสียก่อน เพราะยามีฤทธิ์เป็นกรด จะไปกัดกร่อนทำลายฟันเข้า ดร.คาโรไลนา โคโวโล ดา คอสตา แห่งมหาวิทยาลัยเฟดเดอรัล ในบราซิล หัวหน้าคณะผู้ศึกษากล่าวบอกว่า แม้ว่าจะมียาหลายขนานที่จำเป็นกับสุขภาพทั่วไปของเด็ก แต่ก็มียาบางอย่างที่เป็นอันตรายต่อฟันมาก ยิ่งหากให้กินตอนก่อนนอน โดยไม่ได้ดำเนินการป้องกันอย่างใดเสียก่อน คณะของ ดร.คาโรไลนาได้ศึกษายาแก้ไอที่เป็นน้ำเชื่อม ใช้ในการรักษาอาการแพ้ของระบบทางเดินหายใจ ได้พบยาเหล่านี้มีฤทธิ์เป็นกรดอย่างมาก โดยไม่มีฟลูออไรด์เจืออยู่เลย กับมีแคลเซียมอยู่เพียงเล็กน้อย สิ่งเหล่านั้นทั้งหมดล้วนแต่นำไปสู่ การทำให้ฟันผุ แพทย์คาโรไลนาได้รายงานการศึกษา ในวารสารการแพทย์ “ทันตกรรมทั่วไป” ของสหรัฐว่า ได้ศึกษาตัวอย่างเคลือบฟันกับน้ำยาที่ผสมขึ้นเลียนแบบยาแก้ไอที่เป็นน้ำเชื่อม พบว่าตัวอย่างเคลือบฟันที่โดนกับน้ำยาเหล่านั้น มีร่องรอยของการถูกกัดกร่อน และได้พบด้วยว่าฟลูออไรด์จะช่วยป้องกันเคลือบฟัน และสามารถหยุดยั้งการถูกผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์เป็นกรดกัดกร่อนลงได้. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 26 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





วิศวะ มก.สร้างสถานีตรวจวัดสภาพอากาศเพื่อการเกษตร

รองศาสตราจารย์ ดร. ตฤณ แสงสุวรรณ จากภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ร่วมกับคณะทำการพัฒนาสถานีตรวจวัดสภาพอากาศเพื่อการเกษตร สถานีวัดสภาพอากาศนี้ได้พัฒนาขึ้นโดยทางคณะทีมงาน สามารถเก็บบันทึกข้อมูลจากตัวตรวจวัดได้ทุกชนิดและสามารถปรับเปลี่ยนโปรแกรมได้เนื่อง จากพัฒนาขึ้นเอง ทำให้มีความคล่องตัวสูงและยังมีราคาถูกกว่าสถานีนำเข้าจากต่างประเทศประมาณ ร้อยละ 30 ซึ่งไม่รวม ตัวจับวัด ทั้งนี้จะ ขึ้นอยู่กับการใช้งาน นอกจากนี้ยังสามารถเรียกดูข้อมูลผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ตได้ด้วย ทำให้มีความสะดวกสามารถใช้งานได้ทุกที่ โดยไม่จำเป็นต้องไปโหลดข้อมูลที่แปลงทดลองการเกษตร ปัจจุบันสถานีตรวจวัดสภาพอากาศทางการเกษตรนี้ติดตั้งใช้งานอยู่ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาอ้อยและน้ำตาล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม สถานีตรวจวัดสภาพอากาศชุดนี้เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจวัดและบันทึกสภาพอากาศต่าง ๆ ได้ โดยขึ้นอยู่กับตัววัดต่อเข้ากับระบบ เช่น ตัววัดอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ ตัววัดความเร็วลมและทิศทางลม ตัววัดความเข้มแสง ตัววัดปริมาณน้ำฝน เป็นต้น ซึ่งตัววัดเหล่านี้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามลักษณะงานหรือความต้องการของผู้ใช้ และสามารถรายงานผลและเรียกเก็บผลข้อมูลผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ตได้เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบสภาพและการเก็บข้อมูล ต่าง ๆ โครงสร้างของสถานีวัดนี้ ประกอบไป ด้วยตู้ควบคุมซึ่งภายในตู้ควบคุมนั้นจะมี Data Logger ที่เชื่อมต่ออยู่กับตัววัดต่าง ๆ ซึ่งมีหน้าที่ในการเก็บผลข้อมูลโดยจะทำงานอยู่ตลอดเวลาแม้ไม่ได้ต่ออยู่กับระบบเครือข่าย และมีอุปกรณ์สำรองไฟติดตั้งไว้ในกรณีที่เกิดไฟดับเพื่อป้องกันการเสียหายของข้อมูล เมื่อมีไฟฟ้ากลับมาสถานีวัดชุดนี้ก็จะสามารถทำการเริ่มต้นด้วยตัวเองได้พร้อมทำงานทันทีอย่าง อัตโนมัติ ลักษณะการทำงานของสถานีวัดชุดนี้เมื่อตัววัดทำการส่งค่ามายัง Data Logger แล้วโปรแกรมภายในก็จะทำการคำนวณเป็นค่าที่ต้องการเพื่อนำไปแสดงผลผ่านทางระบบเครือข่ายและบันทึกค่าต่าง ๆ ในแต่ละช่วงเวลานั้นไว้ เมื่อต้องการจะทราบสภาพอากาศ ณ เวลานั้นหรือต้องการเรียกเก็บบันทึกผลข้อมูลก็สามารถทำได้โดยเรียกไปที่ IP Address ที่ได้ติดตั้งไว้ การเรียกข้อมูลผ่านระบบเครือข่ายชุด Data-Logger นี้ได้ถูกตั้ง IP-Address ไว้ที่ 158.108.45.77 การเรียกข้อมูลผ่านระบบเครือข่ายให้เรียกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่อเข้ากับระบบ โดยเรียกผ่าน Web-Browser โดยใช้คำสั่ง http://158.108.45.77/Climate_iv5_5_1.htm นับเป็นงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่มีเป้าหมายเพื่อการใช้งานในวงการเกษตรของประเทศ และนับเป็นการนำระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในวงการผลิตของไทย. (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 26 ม.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)





ของดีรั้วสวนดุสิต ที่รอการต่อยอด

มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้จัดนิทรรศการScience Festival 2005 ขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ โดยเปิดโอกาสให้อาจารย์ นักศึกษา คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในแขนงต่างๆ ได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ ผศ.ยุพาภรณ์ ณ พัทลุง คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เผยว่า นิทรรศการดังกล่าว เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อแสดงผลงาน และความรู้ความสามารถของนักศึกษา ที่เป็นผลผลิตจากการเรียนการสอนสู่สายตาบุคคลภายนอก ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นการบริการวิชาการแก่สังคม อีกทั้งยังเป็นการเสริมการเรียนรู้ระหว่างอาจารย์ นักศึกษาและเจ้าหน้าที่ให้ได้มีส่วนร่วมในการคิดการดำเนินงาน ภายในงานมีโครงงานวิจัยที่น่าสนใจมากมาย เช่น “ไวน์กระเจี๊ยบ และสัปปะรด” จากอาจารย์มณชัย เดชสังกรานนท์ โปรแกรมวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร ซึ่งนำทีมนักศึกษามาร่วมแสดงผลงาน หรือจะเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอย่าง “ชาเขียว” ของอาจารย์ชุติปภาสุวรรณกนิษฐ์ โปรแกรมวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร และที่ปรึกษาโครงงาน “ชาเขียวอัญชันและใบเตย” ที่น่าสนใจ คือผลิตภัณฑ์อาหารจาก “บัว” เมื่อได้รับการปรุงแต่งจากวิทยาศาสตร์การอาหาร จะกลายเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศที่นำมาประยุกต์ในการผลิตอาหาร และเครื่องดื่มได้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ชากลีบบัว ไวน์บัว เค้กเม็ดบัว ขนมสายบัว ลูกชุบเม็ดบัว หรือแม้แต่ซาลาเปาไหลบัว โดยจะใส่มะนาวลงไป เพื่อเพิ่มความเข้มของสี จุดเด่นของซาลาเปาไหลบัว คือ สีสันสดใส สะอาด ถูกหลักอนามัย ด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติ (สยามรัฐรายวัน พฤหัสบดีที่ 26 ม.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)





แผงวงจรเพิ่มแรงบิดจยย.เนคเทคพัฒนาแผงควบคุมหัวเทียนจุดระเบิดแม่น

นายอมเรศ แก้วปัญญา ผู้ช่วยนักวิจัย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) เปิดเผยว่า กลุ่มงานวิจัยอิเล็กทรอนิกส์ เนคเทค ได้ทำการวิจัยและพัฒนาระบบจุดระเบิดอิเล็กทรอนิกส์แบบซีดีไอสำหรับรถจักรยานยนต์ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมีต้นทุนเพียง 200 บาทเท่านั้น ถูกกว่าแผงวงจรนำเข้าที่ขายอยู่ที่ 500-1,000 บาท แผงวงจรซีดีไอที่เนคเทคพัฒนาขึ้นนี้ มีเป้าหมายเพื่อช่วยการควบคุมเครื่องยนต์ให้ได้แรงบิดที่สูง แต่ใช้เชื้อเพลิงน้อยลง ไอเสียต่ำ ระบบดังกล่าวจะควบคุมหัวเทียนให้จุดระเบิดเมื่อลูกสูบอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ซึ่งจะแปรเปลี่ยนไปตามความเร็วรอบเครื่องยนต์ทำให้การจุดระเบิดแม่นยำ ใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ลูกสูบวิ่งขึ้นลงด้วยความเร็วรอบช้าหรือเร็วกว่าปกติ ระบบซีดีไอจะช่วยคำนวณตำแหน่งหรือมุมจุดระเบิดล่วงหน้าที่จุดสูงสุด หรือจุดศูนย์ตายบน ซึ่งจะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานสัมพันธ์กับความเร็วรอบ ซึ่งปกติแล้วแผงวงจรซีดีไอจะมีอยู่ในรถจักรยานยนต์ระบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น ซีดีไอทำงานโดยอาศัยหลักการของตัวเก็บประจุไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจากสนามแม่เหล็กเหนี่ยวนำจากเครื่องยนต์ที่หมุนด้วยความเร็วแตกต่างกัน จากนั้นจึงคายประจุไฟฟ้าในจังหวะที่เหมาะสม คือตำแหน่งการเคลื่อนที่ขึ้นลงของลูกสูบ ซึ่งเนคเทคได้พัฒนาซีดีไอออกมา 2 รุ่น คือรุ่นที่ใช้กับระบบไฟฟ้ากระแสตรง และรุ่นที่ใช้กับไฟฟ้ากระแสสลับ ขณะนี้ต้นแบบดังกล่าวอยู่ในระหว่างการยื่อคำขอจดสิทธิบัตร และอยู่ในระหว่างการทดสอบร่วมกับบริษัทผู้ผลิตจักรยานยนต์เอกชนรายหนึ่ง และทดสอบกับแท่นทดสอบเครื่องยนต์ เพื่อวัดแรงบิดและอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน ซึ่งประสิทธิภาพของการทดสอบอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ทีมวิจัยยังต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของระบบให้ได้มาตรฐาน และให้ใช้ได้กับจักรยานยนต์หลากยี่ห้อ รวมถึงมีโครงการที่จะติดตั้งเซ็นเซอร์คันเร่ง เพื่อตรวจวัดปริมาณอากาศที่ผ่านเข้าคันเร่ง และนำข้อมูลได้ไปใช้ในการคำนวณจุดระเบิดให้แม่นยำยิ่งขึ้น ก่อนจะนำไปใช้จริง (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 16 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





ป.4เจ๋งประดิษฐ์รถตัดหญ้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด.ช.จรัส ต้นยาง พร้อมด้วย ด.ช.ศิริพงษ์ ศิริทรัพย์ ด.ช.ยุทธการ เผนโคกสูง และด.ช.วัชรายุทธ เผนโคกสูง นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลตลาดแค อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา ร่วมกันคิดค้นและประดิษฐ์รถจักรยานตัดหญ้า แบบไม่ต้องใช้น้ำมันขึ้น โดยใช้เพียงแรงปั่นจากรถจักรยานเท่านั้น โดยนำเศษวัสดุเหลือใช้มาประกอบ เช่น เศษเหล็ก รถจักรยานเก่าที่ไม่ใช้แล้ว นำมาประกอบเข้าด้วยกัน โดยใช้โซ่และเฟืองเป็นตัวขับเคลื่อนและต่อเหล็กออกมาด้านหลังเป็นใบมีด ใช้แรงปั่นของคนทำให้ใบมีดตัดหญ้าหมุน ซึ่งรถจักรยานตัดหญ้าใช้งบประมาณคันละ 500 บาท และใช้เวลาประดิษฐ์ 10 เดือนต่อคัน ซึ่งปัจจุบันนักเรียนกลุ่มนี้ผลัดกันใช้รถจักรยานคันนี้ตัดหญ้าในสนามฟุตบอลของโรงเรียน แทนรถตัดหญ้าที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 26 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





จุฬาฯพบโปรตีนพิษงูแมวเซา โมเลกุลห้ามเลือดฉุกเฉินชะงัก

รศ.นพ.อิศรางค์ นุชประยูร หน่วยปฏิบัติการวิจัยพิษงูและงูพิษกัด คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เสนอผลงานวิจัยเรื่อง "RVV-X, โมเลกุลห้ามเลือดเพื่องานทันตกรรมและสัตวแพทย์" โดยการสนับสนุนจากศูนย์พันธุวิศวกรรมแห่งชาติ (ไบโอเทค) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) และศูนย์วิจัยจุฬาลงกรณ์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่าได้ทำการศึกษาอณูชีววิทยาของพิษงูแมวเซา (Russell"s viper) ที่มีคุณสมบัติพิเศษสามารถกระตุ้นการแข็งตัวของเลือด โดยสกัดโปรตีนชื่อ RVV-X ซึ่งมีคุณสมบัติในการกระตุ้นให้เลือดแข็งตัวเร็วขึ้น แม้ใช้เพียงปริมาณ 1 ในหมื่นของโปรตีน รศ.นพ.อิศรางค์กล่าวว่า โปรตีน RVV-X สามารถนำไปพัฒนาเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ อาทิ การห้ามเลือดภายนอกในผู้ป่วยโรคฮีโมฟีเลีย (Hemophilia) ที่เลือดออกง่ายและหยุดยาก การห้ามเลือดในทางทันตกรรม และการนำไปใช้ห้ามเลือดสำหรับศัลยกรรมในสัตว์ เป็นต้น จากการศึกษาในระดับหลอดทดลองสามารถพัฒนาโปรตีนดังกล่าวออกมาในรูปสารละลาย ซึ่งมีประสิทธิภาพในการห้ามเลือดอย่างรวดเร็วเพียง 20 วินาที โดยเน้นใช้เฉพาะภายนอกร่างกายเท่านั้น เนื่องจากยังไม่ผ่านกระบวนการทดสอบอย่างละเอียด ต้องทดสอบด้านความปลอดภัยก่อนใช้งานจริง โดยเบื้องต้นจะหารือกับสัตวแพทย์ในการร่วมมือทำการทดลองในสัตว์ต่อไป (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 26 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





กินแอปเปิ้ลป้องกันสมองแก่ตามวัย กินแล้วสติปัญญายังคงหนุ่ม

นักวิจัยมหาวิทยาลัยแมสซาชูเสตต์ ของสหรัฐฯพบในการศึกษากับหนูว่า การกิน ผลแอปเปิ้ลและดื่มน้ำแอปเปิ้ลเอาไว้ จะช่วยป้องกันไม่ให้สติปัญญาเสื่อมลงไปตามอายุขัยได้ นักวิจัยโทมาส บี เชีย กล่าวว่า ในการประเมินวัดสติปัญญาหนูหนุ่มกับหนูแก่ในการศึกษา โดยเปรียบเทียบระหว่างพวกที่ให้กินอาหารธรรมดาที่ไม่ ค่อยมีสารอาหาร กับพวกที่ได้กินหัวน้ำแอปเปิ้ลเป็นอาหารเสริมด้วย ปรากฏผลว่าสำหรับหนูหนุ่มแล้ว ไม่ปรากฏผลผิดแตกต่างผิดกันเท่าใดนัก หากแต่ในกลุ่มหนูแก่พวกที่ได้กินน้ำแอปเปิ้ลเสริมด้วย แสดงให้เห็นในการทดสอบโดยให้วิ่ง ในทางวกวนเหมือนเขาวงกตว่า มีสติปัญญาเหนือกว่า เพื่อนหนูแก่ที่กินแต่ อาหารธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อผ่าสมองตรวจดู ก็พบว่าสมองมีความเสียหายของ การผสมกับออกซิเจนน้อยกว่ากันด้วย พวกหนูแก่เหล่านี้ได้กินน้ำแอปเปิ้ล เสริมเป็นปริมาณ เทียบเท่ากับคนกินน้ำแอปเปิ้ลวันละ 2-3 แก้ว หรือเท่ากับกินแอปเปิ้ลวันละ 2-4 ผล หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์จะต้องทำการวิจัยเรื่องนี้ให้มากขึ้นกว่านี้อีก. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 27 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





เบาะนั่งเสริมใยเหล็ก บทบาทหญ้าแฝกกับยางรถเก่า

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้นำวัสดุธรรมชาติตัวนี้ เข้ามาทำงาน ร่วมกับ วัสดุสังเคราะห์คือ ยางรถยนต์เก่า ที่เลิกใช้ ผลงานออกมาผสมผสาน ได้ดีและกลมกลืน เกิดเป็นเครื่องใช้ชิ้นใหม่ ที่ได้นำมาเปิดตัว ครั้งแรกใน “งานเฉลิมพระเกียรติ นิทรรศการ สัญจร 60 ปีครองราชย์ ประโยชน์สุขประชาราษฎร์ ครั้งที่ 2” ณ กองบังคับการ สนับสนุนทาง อากาศตำรวจตระเวนชายแดน (เดิม) อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยนางเพทาย กุญะเนตร วิทยากรฝึกอาชีพโดยตรง จากสำนักพัฒนาอุตสาหกรรม ในครอบครัวและหัตถกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม บอกว่า ยาง รถยนต์ หลังจากหมดสภาพดอกยางแล้วจะกลายเป็นขยะชิ้นโต แม้ที่ผ่านมาจะมีการนำ ไปทำเก้าอี้นั่ง ถังขยะ กระถางใส่ต้นไม้ แต่ตลาดซื้อขายปัจจุบันเริ่มที่จะ “ตัน” อิ่มตัว ด้วยเหตุนี้ จึงนำหญ้าแฝกมาประยุกต์ ร่วมกับยางรถยนต์ สร้างผลงานใหม่ ให้เกิดความกลมกลืน สวย แปลก โดยให้ชื่อว่า “เบาะรองนั่งเสริมใยเหล็ก” ลักษณะจะเป็นแบบโต๊ะนั่งญี่ปุ่นและ หากต้องการเพิ่มความสูง ก็สามารถนำมา ซ้อนกัน เมื่อใช้เสร็จการเก็บ ทำได้ง่ายไม่สิ้นเปลืองพื้นที่ ขั้นตอนการผลิต เริ่มแรก นำใบหญ้าแฝกไปผึ่งแดดให้ใบอ่อนตัว หากต้องการสีสันจะต้อง ผึ่งให้แห้ง นำไปย้อมสีตามที่ต้องการ ซึ่งสีที่ใช้จะเป็นสีย้อมกก โดยต้มน้ำให้เดือดใส่สี นำแฝกลงไปต้มประมาณ 30 นาที หากเราใช้ใบแฝกยอดอ่อนสี ที่ย้อมจะค่อนข้างสด แต่ถ้าใช้ใบแก่สีที่ย้อมจะออกมาเข้ม จากนั้นนำมาล้างน้ำอุณหภูมิปกติ ผึ่งลม ให้แห้ง การถักขึ้นต้น จะใช้เชือกกระสอบเป็นตัวยืน หญ้าแฝกเป็นตัวพันโดยเริ่มกึ่งยางของหน้ายางถัก เป็นลายขัดเม็ดแตงหรือจะเป็นลาย 2 ลาย 3 แล้วแต่การออกแบบของผู้ถัก กระทั่งรอบวงกลม ตามยางล้อรถ จากนั้นจะวนกับไปถักอีกส่วนที่เหลือ เก็บริมให้เรียบร้อยโดยนำเส้น ใยเชือกปอมาผูกให้ชนกัน เพื่อให้ยึดติดกับวงล้อ ตัดแต่ง จากนั้น นำไม้อัดมาบุผ้า เย็บให้เรียบร้อยเพื่อใช้สำหรับรองนั่ง จะมีอายุการใช้ งานอยู่ราว 2 ปี และเมื่อเส้นแฝกเริ่มขาด สามารถ นำแฝกมาถักใหม่ได้อีก สนใจต้องการสร้างผลงานชุดเบาะรองนั่งเสริมใยเหล็ก ขายเป็นอาชีพเสริมสามารถติดต่อได้ที่ โทร. 0-2367-8372-3 ทุกวันในเวลาราชการ (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 27 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





หนุ่มปริญญาโท ถอดรหัสโลกไซเบอร์ พบผู้หญิงคือ"เหยื่อ"อันโอชะ

นายชายไทย รักษาชาติ นักศึกษาคณะสังคมศาสตร์ สาขาสตรีศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทำวิทยานิพนธ์เรื่อง "การค้าหญิงกับมิติเรื่องเพศวิถีและสื่อลามกในอินเตอร์เน็ต" โดยใช้เว็บไซต์ต่างๆ ทั้งส่วนของเว็บไซต์เพื่อความบันเทิงทั่วไป เว็บไซต์ลามก และการสนทนาผ่านระบบออนไลน์ โดยใช้วิธีกลมกลืนเปรียบเสมือนนักท่องเน็ตคนหนึ่ง หลังจากที่เริ่มลงมือเก็บข้อมูลในอินเตอร์เน็ตนั้นพบว่า พื้นที่ในอินเตอร์เน็ตส่วนใหญ่มีเว็บไซต์ที่สอดแทรกภาพโป๊เปลือยของผู้หญิง โดยเฉพาะในห้องโพสต์ภาพต่างๆ และส่วนใหญ่เป็นผู้ชายที่เข้ามาโพสต์ข้อความตอบสนองอารมณ์ตัวเอง โดยคิดว่าผู้หญิงที่มาโพสต์นั้นต้องการตอบสนองอารมณ์ทางเพศเช่นกัน "ภาพส่วนใหญ่ที่ปรากฏนั้นเป็นทั้งภาพที่เกิดจากความยินยอม ภาพโป๊แบบถ่ายกันเอง ภาพข่มขืน ภาพแอบถ่าย ทำให้เกิดการคุกคามทางเพศจากฝ่ายชาย ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความต้องการร่วมเพศ การประณาม ประจาน ด่าทอ" นอกจากนี้ ในวิทยานิพนธ์เล่มนี้ยังระบุอีกว่า นอกจากเว็บไซต์ลามกแล้ว เว็บบันเทิงทั่วไปยังใช้ผู้หญิงเพื่อหารายได้จากค่าโฆษณาด้วยการนำเสนอภาพในแนวเซ็กซี่มากกว่าให้สาระและความบันเทิง การโพสต์ข้อความต่างๆ ผู้ชายมักจะสื่อถึงผู้หญิงในเรื่องเซ็กซ์ แต่ผู้หญิงจะสื่อความหมายอยากมีเพื่อนมากกว่า ทั้งหมดนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าสื่อไร้สายนี้ นอกจากให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในโลกที่ไร้พรมแดนแห่งนี้แล้ว ในมุมมืดยังมีเว็บไซต์ที่ทำให้ "ผู้หญิง" กลายเป็นเครื่องมือ และ "เหยื่อ" ของผู้ไม่หวังดี เพียงเพื่อตอบสนองความต้องการทางเพศโดยไม่คำนึงถึง "จิตใจ" และหวังให้เป็น "สินค้า" เพื่อผลประโยชน์ธุรกิจเท่านั้น (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 27 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





ม.ขอนแก่นเยี่ยม ใช้หลอดไฟแอลอีดีผลิตกล่องดูฟิล์ม

อาจารย์ ม.ขอนแก่นประยุกต์ใช้หลอดไฟแอลอีดี ส่องดูฟิล์มเอกซเรย์แทนหลอดนีออน ชี้แสงกระจายสม่ำเสมอ ช่วยแพทย์วินิจฉัยแผ่นฟิล์มไม่ผิดเพี้ยน อาจารย์รุจชัย อึ้งอารุณยวี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งศึกษาถึงคุณสมบัติหลอดไฟแอลอีดี และได้ประดิษฐ์ชุดโคมไฟประดับที่สามารถเปลี่ยนสีได้ โดยใช้หลอดไฟแอลอีดี และทดลองติดตั้งไว้ที่บริเวณหน้าศาลหลักเมืองของ จ.ขอนแก่น เปิดเผยถึงผลงานการประยุกต์ใช้หลอดไฟแอลอีดีกับกล่องไฟดูฟิล์มเอกซเรย์ว่า สามารถช่วยการวินิจฉัยของแพทย์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยปกติแล้ว กล่องไฟดูฟิล์มเอกซเรย์จะใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า หลอดนีออน ซึ่งแสงที่ให้จะไม่กระจาย หรือกระจายไม่ค่อยดี ไม่สม่ำเสมอ ไม่สามารถปรับหรี่ความเข้มแสง มีผลทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน กินไฟและความร้อนสะสมมาก ที่สำคัญคือ เมื่อแสงกระจายไม่สม่ำเสมอจะทำให้การดูฟิล์ม หรือการวิเคราะห์ วินิจฉัย ในการดูฟิล์มขาดประสิทธิภาพ สำหรับกล่องไฟดูฟิล์มเอกซเรย์นี้ ไม่ได้ใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์เหมือนเดิม แต่เปลี่ยนมาใช้หลอดแอลอีดี แม้ราคาจะแพงกว่า แต่จะดีที่อายุการใช้งานนานถึง 5-6 ปี จากหลอดนีออน 6-9 เดือน ก็จะเสื่อมสภาพและความเข้มสว่างลดลง ไม่สม่ำเสมอ หรือติดยากลำบาก นอกจากนี้ หลอดแอลอีดีจะน้ำหนักเบา ทำให้ขนาดความหนาของกล่องเล็กกะทัดรัดลงตามขนาดหลอด ซึ่งแพทย์ของโรงพยาบาลศรีนครินทร์มาดูแล้ว และยอมรับถึงคุณภาพของกล่องไฟแอลอีดีดูฟิล์มเอกซเรย์ (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 27 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





“แก๊งค์มด” มจธ.เก่งไม่ใช่เล่น

นักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ได้รับรางวัลจากโครงการ “Hay ไม่ใช่เล่นอวอร์ด ภาค 2” ซึ่งจัดโดย “ดีแทค” และแมชชิ่ง สตูอิโอฯ นำทีมโดย หทัยภัทร นิลทรัพย์, ณิชมน มงคลสวัสดิ์, วริช ฟองอมรกุล และบดีศักดิ์ ศักดิ์ตนไท นักศึกษาปี 3 สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์-มัลติมีเดีย คณะครุศาสตรอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มจธ. จากผลงานโฆษณาชุด “ไม่ครบ ไม่มันส์” ว่าเกิดจากคำถามว่า “เราจะมีความสุขได้อย่างไร” ถ้าเราไม่มีเพื่อน เป็นคอนเซ็ปต์ของงานโฆษณาชุดนี้ จึงเน้นจุดขาย “ความเป็นเพื่อน” เป็นหลัก “เพื่อนต้องไม่ทิ้งเพื่อน มันมีจุดเด่น คือเพื่อนจะต้องอยู่ด้วยกันครบทุกคนไม่มีใครขาด ในรอบแรกส่งผลงานเป็นภาพเดียว ได้เข้ารอบชิง ก็นำแนวความคิดไปต่อยอดทำเป็นละคร อัดเสียงตัวละครและเสียงต่างๆ เข้าไปช่วยสร้างสีสัน ซึ่ง เตรียมการประมาณ 1 เดือน เพื่อให้คณะกรรมการได้เห็นและเข้าใจในภาพยนต์โฆษณาที่คิดจนได้รางวัลนี้ (สยามรัฐรายวัน เสาร์ที่ 28 ม.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)





ข่าวทั่วไป


ห้องสมุดลืออำนาจปรับโฉมใหม่ บริการ"เดลิเวอร์รี่"หนังสือถึงบ้าน

น.ส.ศรีอำพร แสนศรี เจ้าหน้าที่ประจำห้องสมุดประชาชนอำเภอลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ เปิดเผยว่า ห้องสมุดประชาชนอำเภอลืออำนาจได้ปรับรูปแบบใหม่เป็นห้องสมุดมีชีวิต และห้องสมุด e-libraly โดยนำระบบเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตไร้สายมาให้บริการแก่สมาชิกที่สามารถทำรายการสืบค้น ยืมหนังสือและคืนผ่านทางเว็บไซต์ www.amnat-elib.net พร้อมทั้งเชื่อมโยงเครือข่ายห้องสมุดอีก 6 อำเภอ ใน จ.อำนาจเจริญ โดยสมาชิกในแต่ละอำเภอสามารถยืมหนังสือจากห้องสมุดอำเภอไหนก็ได้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่สมาชิก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มประชาชนและครูที่อยู่พื้นที่ห่างไกล ไม่ต้องเดินทางมายังห้องสมุด เพราะมีบริการพิเศษจัดส่งหนังสือถึงบ้านสมาชิก ที่เรียกว่า Deliverly แต่สมาชิกจะต้องเสียค่าจัดส่งปลายทางแทน ทั้งนี้ ในปัจจุบันห้องสมุดลืออำนาจมีหนังสือบริการราว 2,000 เล่ม หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 4,000 เรื่อง เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-18.00 น. ด้านนายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า เท่าที่ทราบห้องสมุดประชาชนส่วนใหญ่จะประสบปัญหาขาดแคลนงบประมาณจัดซื้อหนังสือ ซึ่ง ศธ.จะหาทางช่วยเหลือต่อไป (ข่าวสด พุธที่ 25 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





อ.จุฬาฯ ห่วงเด็กไทยติดเกมแฉจ่ายเดือนละ 4 พันบ.-หวั่นโน้ตบุ๊คล้านเครื่องเพิ่มปัญหา

รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยถึงผลวิจัยเรื่อง "เด็กติดเกม" ว่า จากการเก็บข้อมูลเด็กและเยาวชนใน กทม.และปริมณฑล 85 คน ตั้งแต่ประถมศึกษา-อุดมศึกษา พบว่า ส่วนใหญ่เล่นเกมเฉลี่ยวันละ 1-4 ชั่วโมงหลังเลิกเรียน วันเสาร์-อาทิตย์ 6-8 ชั่วโมง คนที่เล่นมากที่สุดเป็นนักศึกษา เล่นติดต่อกัน 3 วัน 3 คืน สถานที่เล่นเกมส่วนใหญ่คือ บ้าน ร้านเกม ห้างสรรพสินค้า ซึ่งเด็กที่เล่นเกมมากกว่าวันละ 4 ชัวโมง ถือว่าติดเกม สำหรับค่าใช้จ่ายในการเล่น เฉลี่ยวันละ 40-100 บาท ส่วนข้อดีคือ เด็กเรียนรู้วิทยาการใหม่ๆ มีความรู้ประวัติศาสตร์ ภาษา ทั้งนี้ เด็กและเยาวชนระบุเกมอย่างกับยาเสพติด รัฐควรจัดระเบียบเกมออนไลน์ หรือเวบไซต์ที่ไม่เหมาะสม หากฝ่าฝืนก็ลงโทษอย่างหนัก มีการลงทะเบียนเจ้าของร้านเกม และออกบัตรประจำตัวเจ้าของร้านเกม สิ่งที่น่าห่วงมากคือ นโยบาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะแจกคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คให้เด็กทุกคน 1 ล้านเครื่องภายในปีนี้ จะยิ่งทำให้เด็กเข้าถึงเกมง่ายขึ้น ถ้าไม่เตรียมป้องกันปัญหาไว้ ก็เท่ากับยื่นยาพิษให้เด็ก เพราะส่วนใหญ่รู้ตัวว่าติด แต่เลิกไม่ได้ และทุกคนไม่มีใครเรียนดีขึ้น มีแต่แย่ลงจนถูกรีไทร์ ปัญหาเด็กติดเกมยังอยู่ในระดับปานกลาง แต่ไม่ควรปล่อยไว้จนเด็กทุกคนติดเกมงอมแงมแล้วจึงมาประกาศสงครามกับเกม โดยพ่อแม่และคนในครอบครัวต้องให้เวลากับเด็ก มีกิจกรรมที่ทำร่วมกัน เช่น ออกกำลังกาย รับประทานอาหารร่วมกัน (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 16 ม.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





12-13มิ.ย.หยุดฉลองครองราชย์60ปี

เมื่อวันที่ 25 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ว่า จะมีผู้เข้าร่วมจาก 28 ประเทศทั่วโลก วันจัดงานวันที่ 8 มิถุนายน จะมีการทำบุญในช่วงเย็น วันที่ 9 มิถุนายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จฯ ณ สมาคมเพื่อบวงสรวงพระมหากษัตริย์ในอดีต ที่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท วันดังกล่าวประชาชนทั่วประเทศจะร่วมเฉลิมฉลองด้วย วันที่ 10 มิถุนายน สมโภชเครื่องราชกกุธภัณฑ์ วันที่ 11 มิถุนายน เว้นว่าง 1 วัน นายวิษณุกล่าวว่า จะมีมติคณะรัฐมนตรีกำหนดให้วันที่ 12-13 มิถุนายน เป็นวันหยุดราชการ วันที่ 12 มิถุนายน กษัตริย์แต่ละประเทศจะเสด็จฯ และจะมีการเห่เรือ ตั้งแต่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท กองทัพเรือ ราชนาวิกสภา มีการยิงพลุ 2 ครั้ง คือในวันที่ 12 มิถุนายน เป็นพลุที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกจากญี่ปุ่น จำนวน 20,000 นัด ระยะทางการยิงยาว 3 กิโลเมตร ตั้งแต่สะพานพระราม 8 ถึงสะพานพุทธฯ วันที่ 17 มิถุนายน สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และฮ่องกง จะนำพลุราคาหลายสิบล้านบาทเช่นกันมาจุด โดยเป็นพลุชุดเดียวกับชุดที่ชนะที่ 1 ในการแข่งขันโลก นอกจากนี้ ยังปรับปรุงพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทรองรับผู้เข้ารับพระราชทานเลี้ยงอาหาร 500 คน ถือเป็นงานก่อสร้างพระที่นั่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศ เพราะรัชกาลปัจจุบันยังไม่เคยก่อสร้างพระที่นั่งมาก่อน รัฐบาลจะทูลเกล้าฯถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประกอบด้วย สังข์เลี่ยมทองลงยาราชาบดีฝังนพรัตน์ ซึ่งเป็นสังข์อุตราวัฏสำหรับเวียนซ้าย เป็นสังข์ลงยาสีน้ำเงินประดับพลอยมีค่า 9 สี และเงินจำนวน 1,000 ล้านบาท ให้กับมูลนิธิอานันทมหิดลเป็นทุนการศึกษา เนื่องจากปัจจุบันมูลนิธิประสบปัญหาอัตราดอกเบี้ยเงินฝากถูกลง ทำให้ไม่มีกำลังในด้านนี้ (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 26 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





ทำยาคุมกำเนิดของผู้ชายได้แล้ว ยากกว่าผู้หญิงเหตุผู้ชายเชื้อมาก

บริษัทเชอริงที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนีเพิ่งจะทำยาคุมกำเนิดของผู้ชายได้ หลังจากที่ทำยาเม็ดคุมกำเนิดให้กับสตรีสำเร็จ ตั้งเกือบ 45 ปีมาแล้ว ยาคุมกำเนิดของผู้ชายยังไม่อาจจะทำเป็นเม็ดได้ หากจะต้องอยู่ในรูปของแคปซูลฮอร์โมน ใช้ฝังที่ใต้ผิวหนัง และจะออกฤทธิ์อยู่ได้สัก 2-3 เดือน ศาสตราจารย์หญิงเออซูล่า-ไฟร์เดิร์ค หัวหน้าแผนกวิจัยทางนรีเวชวิทยาและ บุรุษเวชศาสตร์ของบริษัทบอกอธิบายว่า เหตุที่การค้นคว้าทำยาคุมกำเนิดเม็ดของผู้ชายทำยากกว่าของผู้หญิง ส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากผู้หญิงเดือนหนึ่งๆ จะตกไข่เพียงลูกเดียว ในขณะที่ผู้ชายสามารถจะผลิตตัวเชื้อออกมาได้วันหนึ่งๆ มากระหว่าง 70-100 ล้านตัว ยา คุมกำเนิดเม็ดของผู้ชาย จะเป็นในรูปแคปซูลฮอร์โมนผสม โดยจะปล่อยฮอร์โมนเพศเทส-เทอโรนไปยังสมอง ไปสั่งให้อัณฑะ ซึ่งเป็นโรง-งานผลิตเชื้ออสุจิหยุดทำงานลงเสีย ผู้ชำนาญปัญหาการคุมกำเนิดแสดงความเชื่อมั่นว่า ผู้ชายหลายคนคงจะไม่รังเกียจการ คุมกำเนิดตนเองแบบนี้ เพราะจะเป็นทางเลือกนอกเหนือจากการทำหมันอีกทางหนึ่ง และจะเลิกคุมเมื่อใดก็ได้ (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 27 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





ผลิตครีมอดบุหรี่ใช้ทาตามมือ ไม่ถึงนาทีหายอยากสูบได้ทันใจ

หนังสือพิมพ์รายวันฉบับยักษ์ของอังกฤษ “เดลี่ เมล์” รายงานว่า ได้มีการผลิต ครีมอดบุหรี่ สำหรับคอยาที่ต้องการจะเลิกบุหรี่ออกมากันแล้ว เพียงแต่ใช้ทาที่มือเท่านั้น ก็ทำให้หายอยากลงไปทันใจ ดร.จอห์น วอลเตอร์ส นักชีวเคมีผู้ประดิษฐ์ ครีมนี้ เรียกชื่อว่า “ครีมนิโค” ใช้ทาที่มือเพียงข้างหนึ่งข้างใดข้างเดียว เหมือน กับทาสบู่เหลว และชั่วทาไปไม่ถึง 1 นาทีดี ตัวยาจะออกฤทธิ์ถึงสมองทันที ทำให้ความอยากบุหรี่เหือดหายลงไปได้ ครั้งหนึ่งๆ นานระหว่าง 2-4 ช.ม. ข่าวแจ้งว่า ครีมยังมีจำหน่ายเฉพาะแต่ในอังกฤษ มีราคาตกประมาณเกือบ 1 พันบาท (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 27 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





'ยงยุทธ' ย้ำไม่ให้ต่างชาติขโมยสำรวจทรัพยากร

นายยงยุทธ ติยะไพรัช รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยหลังประชุมเชิงปฏิบัติการสร้างพันธมิตรเพื่อพัฒนาประเทศไทยว่า ทส.ได้นำเสนอเมกะโปรเจกต์ 2 เรื่องคือ การบูรณาการงานทางด้านทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งต้องการให้มีการออกแบบสำรวจฐานทรัพยากร และความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศทั้งหมด ให้เป็นระบบเข้าสู่มาตรฐานโลกได้ ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้ น้ำ แร่ และดิน เพื่อเอามาใช้ประโยชน์ในเรื่องข้อมูลการวิจัย และการเพิ่มมูลค่าให้เป็น ฐานเศรษฐกิจของประเทศ โดยจะขยายผลนำไปสู่การเป็นฐานข้อมูลกำลังการผลิตของประเทศในเรื่องยา เครื่องสำอางและพลังงาน กับแผนปฏิบัติการ 25 ลุ่มน้ำ ซึ่งจะเน้นการกักเก็บน้ำใต้ดินเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในภาวะแห้งแล้ง การดึงน้ำจาก ต่างประเทศมาใช้ รวมทั้งระบบการเตือนภัย จึงต้องหาเทคโนโลยีจากต่างชาติมาช่วย อีกส่วนที่ได้นำเสนอต่อนักลงทุน คือ การจัดการสิ่งแวดล้อมทั้งน้ำเสีย ขยะ อากาศเป็นพิษ โดยต้องการเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาจัดการ แต่ต้องอยู่ภายใต้แนวคิดการเปลี่ยนของเสียให้เป็นพลังงาน และต้องเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับประเทศไทย ราคาไม่แพง สำหรับสาเหตุที่ต้องให้ ต่างชาติเข้ามาสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพของไทยนั้น ไม่ได้ให้เข้ามาสำรวจฐานทรัพยากร แต่เป็นการ ให้เข้ามาออกแบบระบบให้กับไทยที่จะดำเนินการเอง เพราะขณะนี้แม้ว่ากรมทรัพยากรธรณีตั้งมากว่า 100 ปี แต่ก็ยังสำรวจไม่หมดทั่วทั้งประเทศ ทั้งยังไม่มีการจัดความสำคัญของการใช้ประโยชน์ทรัพยากรที่มีอยู่ด้วย ตนขอเน้นย้ำว่าไม่ใช่ให้ต่างชาติเข้ามาแอบขโมย สำรวจทรัพยากรธรรมชาติของเราอย่างแน่นอน (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 27 ม.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





แนะ’ทักษิณ’คุมวิจัยระดับชาติ

ผศ.ปฐม ปฐมธนพงษ์ ประธานสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะรองประธานที่ประชุมประธานสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ปอมท.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ปอมท. ได้หารือกันเกี่ยวกับการจัดการฐานความรู้งานวิจัยของมหาวิทยาลัย และเห็นว่าการจัดการฐานความรู้งานวิจัยยังมีปัญหาเรื่องฐานข้อมูล ที่ยังไม่มีเครือข่ายเชื่อมโยงงานวิจัย ขาดฐานข้อมูล ขาดการสร้างองค์ความรู้จากงานวิจัยที่จะมาเป็นฐาน และงานวิจัยส่วนใหญ่ยังไม่มีการบูรณาการ ขาดการประเมินงานวิจัยอย่างมีมาตรฐานทั้งด้านคุณภาพและปริมาณ อีกทั้งข้อมูลงานวิจัยยังเป็นลิขสิทธิ์ของแต่ละสถาบัน จึงยังไม่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล และระบบการคุ้มครองด้านสิทธิบัตรทางปัญญาก็ยังไม่เข้มแข็ง ทำให้ฐานข้อมูลของแต่ละหน่วยงานที่มีอยู่ยังขาดการเชื่อมโยงกัน เมื่อดูที่นักวิจัยก็พบว่ามีปัญหาที่ยังขาดประสบการณ์ ขาดแรงจูงใจให้ทำวิจัย ส่วนระบบการพัฒนานักวิจัยมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญสูงเฉพาะสาขาก็ยังไม่เข้มแข็ง การสร้างวัฒนธรรมนักวิจัยที่ดียังไม่ชัดเจน ขณะที่ฝ่ายบริหารยังมีระบบสนับสนุนงานวิจัยที่ไม่เพียงพอ ส่วนปัญหานโยบายการวิจัย เพื่อนำไปสู่การกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาอุดมศึกษาของชาติ และด้านต่าง ๆ ให้ครอบคลุมประชากรไทยทุกกลุ่มก็ยังไม่ชัดเจน ซึ่งจะต้องอยู่บนฐานข้อเท็จจริงของสังคม อย่างตั้งใจ มุ่งมั่น จริงใจ ไม่ใช่การสร้างภาพ จากสภาพดังกล่าว ปอมท. ได้เสนอแนะการแก้ปัญหา คือการสร้างระบบฐานข้อมูลกลางที่ครอบคลุมทั้งเนื้อหา รายชื่อนักวิจัย ทุนวิจัย โดยเชื่อมโยงทุกหน่วยงานให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาจจะ ให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เป็นเจ้าภาพ รวมทั้งเสริม สร้างหน่วยงานระดับชาติ ในรูปองค์กรอิสระเพื่อสนับสนุนระบบงานวิจัยที่มีความทันสมัย สนองความต้องการของปัญหาสังคม รวมทั้งการสร้างระบบ กลไก การแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อสนับสนุนการสร้างงานวิจัย มีการจัดตั้งองค์กรที่ดูแลจัดการ เรื่องสิทธิบัตรงานวิจัยที่สามารถเชื่อมโยงในระดับสถาบัน ประเทศและนานาชาติ พัฒนาระบบ e-national researcher network เพื่อเป็นเครือข่าย เวที ให้นักวิจัยได้สร้างความร่วมมือในการพัฒนางานวิจัยที่ดีที่สุด และรัฐต้องจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสมกับโครงการวิจัย และที่สำคัญ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ควรมาเป็นประธานการวิจัยเพื่อพัฒนาชาติ เพื่อให้การขับเคลื่อนระบบได้อย่างฉับไว รวดเร็ว และมีเสถียรภาพ. (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 27 ม.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)





ทั่วโลกเล็งผลิตพลังงานนุค ตั้งเป้าเป็นพลังงานทดแทน

ในปัจจุบัน มีเพียง 3 ประเทศที่ตกลงใจจะสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เพิ่มเติมในยุโรป ประกอบด้วย ฝรั่งเศสที่มีการใช้พลังงานนิวเคลียร์อยู่แล้วในปัจจุบัน ฟินแลนด์ และโรมาเนีย อย่างไรก็ตาม ประเทศที่เริ่มพิจารณาแนวทางการใช้พลังงานนิวเคลียร์ ประกอบด้วย อังกฤษ สเปน สวิตเซอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ ในสหรัฐ แม้จะไม่มีกระแสต้านการใช้พลังงานนิวเคลียร์ แต่สหรัฐก็สนใจในการพัฒนาเครื่องปฏิกรณ์น้ำไร้แรงกดดันของยุโรป หรือ อีพีอาร์ รุ่นที่ 3 ที่พัฒนาโดยอารีวาของฝรั่งเศสร่วมกับซีเมนส์ของเยอรมนี ส่วนในเอเชีย ญี่ปุ่นแสดงเจตนารมณ์ในโครงการพัฒนานิวเคลียร์อย่างจริงจัง ในโครงการร่วมกับอียู ส่วนจีนมีโครงการสร้างเตาปฏิกรณ์ 40 แห่งในงบประมาณ 50,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2 ล้านล้านบาทแล้วเสร็จภายในปี 2563 รองรับความต้องการพลังงานเพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่องของระบบเศรษฐกิจในประเทศ (สยามรัฐรายวัน ศุกร์ที่ 27 ม.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)





ตาม 8 เยาวชนไปแดนมะกัน ทัศนศึกษา-เผยแพร่งานศิลป์

สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จัดโครงการ "ค่ายเยาวชนสร้างสรรค์งานศิลป์กับศิลปินแห่งชาติ" และโครงการ "ค่ายเยาวชนนักเขียนสร้างสรรค์งานวรรณศิลป์กับศิลปินแห่งชาติ" ขึ้นที่หออัครศิลปิน จ.ปทุมธานี โดยมีศิลปินแห่งชาติ ทัศนศิลป์ อาทิ อ.กมล ทัศนาญชลี ศ.เกียรติคุณประหยัด พงษ์ดำ อ.ถวัลย์ ดัชนี และ อ.พิชัย นิรันต์ และด้านวรรณศิลป์ ประกอบด้วย อาทิ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ คำสิงห์ ศรีนอก อัศศิริ ธรรมโชติ และ ชาติ กอบจิตติ มาต่อยอดทักษะความรู้ให้กับนักศึกษาระดับหัวกะทิ แม้ว่าผลสำเร็จที่ได้จากทั้งสองโครงการ จะค่อนข้างเป็นนามธรรมและมองเห็นผลในระยะยาว แต่สิ่งที่เยาวชนได้รับถือเป็นโอกาสที่สำคัญและประสบการณ์ที่ล้ำค่าของชีวิตที่ได้รับการถ่ายทอดความรู้จากศิลปินแห่งชาติอย่างใกล้ชิด เพราะสำหรับบุคคลทั่วไปคงไม่ง่ายนักที่จะได้รับโอกาสและประสบการณ์เช่นนี้ นอกจากนั้นเทคนิคความรู้ที่ได้ก็สามารถนำกลับไปฝึกฝนและถ่ายทอดความรู้ให้กับนักศึกษาคนอื่นๆ ในสถาบันของตนได้อีกต่อหนึ่ง ผู้ที่เข้าค่ายโครงการได้แก่ น.ส.ลักษณา เจริญศรี จากม.เชียงใหม่ น.ส.นิลรวี บัวอินทร์ ม.ราชภัฏอุตรดิตถ์ นายฑีฆวุฒิ บุญวิจิตร ม.ศิลปากร นายอัคร อมาตยกุล ม.ราชภัฏสวนสุนันทา นายเนติเกษม ชักชวนดี ม.บูรพา นายสงกรานต์ แนมขุนทด ม.เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน น.ส.นุชรี รอดอ่อน และน.ส.นฤมล จันทร์เหลือง ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ทั้ง 8 คน มีภารกิจสำคัญ 2 ประการ คือ การเผยแพร่ผลงานทัศนศิลป์ หัวข้อ "พระกรณียกิจและพระอัจฉริยภาพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในด้านศิลปวัฒนธรรม" อันเป็นผลงานจากการเข้าค่ายของเยาวชนที่หออัครศิลปิน นิทรรศการดังกล่าวจัดขึ้น ณ สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นครลอสแองเจลิส (ข่าวสด ศุกร์ที่ 27 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





มศว เปิดศูนย์ทรอม่า ลบภาพสะเทือนขวัญ

ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ โครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า คนไทยประสบภาวะสะเทือนขวัญหรือรู้จักในชื่อภาษาอังกฤษคือ ทรอม่า (TRAUMA) เป็นภาวะสะเทือนขวัญ คือ ร่างกายยังสมบูรณ์ดีทุกอย่าง แต่สัญชาตญาณความอยู่รอดเสีย เป็นการทำลายสมองในส่วนสัญชาตญาณการเอาตัวรอด เกิดจากคนคนนั้นเคยประสบเหตุการณ์ภัยธรรมชาติอย่างเหตุการณ์สึนามิ อุบัติเหตุ ถูกข่มขืน ถูกจี้หรือปล้น ตกจากที่สูง ตึกถล่ม ถูกขู่ฆ่า ถูกทอดทิ้ง หรือโดนขู่อย่างไร้เหตุผล เหตุการณ์สะเทือนขวัญจะนำไปสู่การหาทางออกให้ชีวิตด้วยวิธีการต่างๆ คือ ทำร้ายตัวเอง ทำร้ายผู้อื่น เสพยา มั่วเพศ ประเทศไทยยังไม่มีคนรู้จักศาสตร์ด้านทรอม่ามากนัก ขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกาให้ความสนใจความรู้ในแนวนี้มาก สถาบันด้านจิตวิทยาที่รัฐเท็กซัสและแคลิฟอร์เนียเชิญเข้าอบรมในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ เมื่อกลับมาจะจัดอบรมอาสาสมัครในเมืองไทยเพื่อจัดทำเครือข่ายที่จะช่วยผู้คนที่ประสบภาวะสะเทือนขวัญขึ้น เป็นศูนย์ทรอม่า หรือเรียกเป็นชื่อภาษาไทยว่า ศูนย์บูรณาการขวัญมนุษย์ เพื่อสร้างเครือข่ายทำงานด้านนี้อย่างจริงจัง ( มติชนรายวัน เสาร์ที่ 28 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





อังกฤษปิ๊งศูนย์พลังงานทดแทน หอบเงินร่วมลงทุนไทย1.2พันล้าน

นายประวิช รัตนเพียร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) กล่าวถึงแนวทางการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็คต์ว่า วท. เสนอโครงการต่างๆ เพื่อเชื้อเชิญนักลงทุนต่างชาติมาร่วมลงทุน โดยสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาพลังงานทดแทน ทั้งด้านพลังงานชีวภาพ พลังงานชีวมวล พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น โดยจะเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ รวมทั้งยังสามารถผลิตพลังงานจำหน่ายในต่างประเทศ ทั้งนี้ ล่าสุดตัวแทนจากสถานทูตประเทศอังกฤษ ระบุว่า มีหลายบริษัทในอังกฤษให้ความสนใจที่จะร่วมลงทุนในเรื่องดังกล่าว โดยจะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด ทั้งนี้ จะขอพื้นที่ของประเทศไทยในการติดตั้งศูนย์วิจัยพลังงานทดแทน สำหรับมูลค่าทั้งหมดคาดว่าประมาณ 1,200 ล้านบาท โครงการก่อสร้างมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับโลก (World Class University of Science and Technology) เพื่อผลิตบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญในวิทยาการใหม่ๆ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงด้านสิทธิบัตรทางปัญญา ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดมูลค่าเพิ่มในปัจจุบันนั้น สถาบันการศึกษา Tokyo Institute of Technology (TIT) ให้ความสนใจจะเข้ามาลงทุน 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในระยะเวลา 5 ปี หรือประมาณ 20,000 ล้านบาท ( มติชนรายวัน เสาร์ที่ 28 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





"แปรงฟัน"ป้องกันโรคหัวใจ น้ำมันปลาช่วยหัวใจแต่ไม่กัน"มะเร็ง"

ศูนย์ข้อมูลด้านเบาหวานของสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่าหากเราไม่แปรงหรือขัดฟันของเราให้สะอาด ก็จะทำให้ "พลัค" เกาะติดเหนียวหนึบ สำหรับผู้เป็นโรคเบาหวาน ซึ่งมีระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงแล้ว พลัคนี้จะทำให้เหงือกบวมแดงและเลือดออก และท้ายที่สุดนำไปสู่การเป็นโรคหัวใจได้ ดังนั้น จึงแนะนำว่าต้องหมั่นทำความสะอาดฟันและไปหาหมอฟันอย่างสม่ำเสมอ น้ำมันตับปลา เป็นอาหารเสริมชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมมายาวนาน มีการกล่าวถึงสารพัดคุณประโยชน์ของมัน ในจำนวนนั้นความเชื่อหลักก็คือป้องกันโรคหัวใจ ขณะที่บางการศึกษาเชื่อว่าป้องกันมะเร็งด้วย ล่าสุดนี้ผลการวิจัยในสหรัฐอเมริกาบอกว่าน้ำมันปลา ไม่มีผลต่อการช่วยลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งเต้านม, ปอด และต่อมลูกหมากแต่ประการใด ข้อสรุปนี้เกิดขึ้นหลังจากติดตามศึกษามาประมาณ 30 ปี สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐยืนยันว่า คุณค่าดั้งเดิมของมันคือช่วยป้องกันโรคหัวใจได้เหมือนเดิม ดังนั้น ก็จงทานปลาที่มีมันมากๆ ไม่ว่าจะเป็นซาร์ดีน แมคเคอเรล แซลมอน รับประทานกันต่อไป รับประทานให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ก็จะลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ( มติชนรายวัน เสาร์ที่ 28 ม.ค. 49 http://www.matichon.co.th)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215