หัวข้อข่าวปีที่ 7 ฉบับที่ 7 ประจำวันที่ 2006-02-11

ข่าวการศึกษา

ติง สกอ.ยึดเกณฑ์ตะวันตกจัดอันดับมหาวิทยาลัย
ทุ่ม 944 ล้าน ตั้งโรงเรียนปั้นนักวิทย์
สพฐ.คลอดเกณฑ์รับนร. เน้นรับในพื้นที่บริการ 50%
องค์กรนักศึกษาแนะปรับหลักสูตรมหา"ลัย
รื้อแล้วร่างการศึกษาตลอดชีวิต
มก.ได้ฤกษ์เปิดคณะแพทย์ปี 50 วิโรจชี้ผลิตป้อน"1อำเภอ1หมอ"
ส.การบินฯขอยกฐานะเป็น"ม."
กก.กลั่นกรองติงแผนสอนอังกฤษ-จีน
รัฐบาลกระเป๋าฉีกส่ง สกอ.เจรจา ม.รัฐควักงบจ่ายเงินตกเบิกให้พนง.ก่อน
สกศ.วางกลยุทธ์ดันปฏิรูปการศึกษา
มทร.ธัญบุรีลั่นวาจาไม่สอนนักศึกษาในห้าง
"ศธ.-ออมสิน"ให้ทุนเรียนสาขาขาดแคลน นำร่อง4ม.ไทยก่อนส่งฝึกงานต่างประเทศ
ศธ.ผุดครูสอนเก่งผ่านสื่อทางไกล ดึงติวเตอร์ชื่อดังร่วม-ลดกวดวิชานอกหลักสูตร
"วิจิตร" ชี้ ม.นอกระบบเด่น
อีกปรากฏการณ์ "ม.ในกำกับ" บางมด ตั้งศูนย์ KMCL หวังกวาดรายได้ 100 ล้าน

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

ตัวไรระบาดหนักในออสเตรเลียสัญญาณเตือนเสี่ยงระบาดทั่วโลก
รอยเตอร์บริการข่าวภาษาไทย บนเทคโนโลยีใหม่เวอร์ชั่น 5
หลักฐานหนุนน้ำมาจากนอกโลก
ปณท.ตั้งเครื่องรับฝากจม.อัตโนมัติ
มนุษย์ปัจจุบันหน้าผากกว้างขึ้น มากกว่าบรรพบุรุษในยุคกลาง
นักวิทยาศาสตร์ม.เชียงใหม่ คว้ารางวัลวิทย์มูลนิธิโทเร
ต้นแบบ"รถยนต์อนาคต" เร็ว-แรง-รักษ์สิ่งแวดล้อม!
สร้าง"มะเขือเทศ"พันธุ์ใหม่ ปลูกได้ทุกฤดูกาล-ชอบดินทุกชนิด
จุฬาฯเสนอรัฐทำรหัส "ชิพ" ประจำตัวสัตว์
พบโลกหลงสำรวจแดนอิเหนา
Dynalifter เรือเหาะพันทาง
วงรัศมีก๊าซต้นกำเนิดกาแล็กซี
ภาวะโลกร้อนอบโลก สิ้นศตวรรษน้ำแข็งขั้วโลกละลาย
มาเลย์ลุ้นนักบินอวกาศคนแรก
ไมโครซอฟท์เปิดดาวน์โหลดฟรี โปรแกรมแปลงมาตราส่วนชั่งวัด
"ดิจิตอลคอนเทนต์"ไทย พร้อมเป็นผู้นำตลาดกลุ่มเอเชีย
ลำปางสัมมนาเอเปค"พลังงานถ่านหินสะอาด"

ข่าววิจัย/พัฒนา

ประดิษฐ์รองเท้าแตะส่องไฟถูกใจคนตื่นเข้าห้องน้ำกลางดึก
หยุดชีวิตพิชิตโรค
เพิ่มความเย็นแอร์รถยนต์
บอร์ดเทคโนโลยีชาติหนุนวิจัยกุ้ง-เมล็ดพันธุ์
สหรัฐเผยเทคนิคสแกนสมองจับเท็จ
มอเตอร์ไซค์ไอเสียต่ำผลงานร่วมเนคเทค
หุ่นยนต์กุ้ง
"โสมใต้"ตั้งเป้าส่งหุ่นยนต์ ทำหน้าที่ช่วยตำรวจ-ทหารออกรบ
ใช้นกพิราบเป็นสารวัตรตรวจมลพิษ
แนะรัฐส่งเสริมคนทำวิจัยขึ้น"ห้าง"
"สถานเทคโนโลยีก๊าซชีวภาพ"ขยายขอบเขต สร้างระบบบำบัดน้ำเสียในโรงงานขนมจีนแพร่
คุณหมอหุ่นยนต์
ฤทธิ์เดชความเครียดจากงาน เป็นสะพานไปสู่โรคหัวใจ
หุ่นยนต์จอมพลังกู้ภัยพายุหิมะ
หมอศิริราชคิดเทคนิคตรวจยีนรู้ทันมะเร็งลำไส้ใหญ่
มทร.ธัญบุรี นำร่องเสาไฟแสงพลังอาทิตย์
สนช.ทดสอบ'หญ้าหวาน'ทำเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
กำไลติดเซ็นเซอร์จับผิดชีพจรเฝ้าระวังผู้สูงวัย
ทีโอทีคิดสำเร็จวิธีลดความแรงฟ้าผ่า
เครื่องอบสมุนไพรพลังงานแสงอาทิตย์
ฉีดยาต้านเอดส์ 2 ขนาน ป้องกันลิงติดเชื้อไวรัสเอชไอวีได้
เปลไกวอัตโนมัติ...ฝีมือวิศวะฯศรีปทุม
เครื่องล้างไตฝีมือคนไทย คุณภาพเทียบตปท.-ส่งศิริราชทดลองใช้จริง 1 ปี
ญี่ปุ่นอวดเทคนิคย้ายเพศปลา ใช้เร่งขยายพันธ์-อนุรักษ์ปลา
ไข่ไก่"โอเมก้าสาม" ผลวิจัยสุดเยี่ยม"ราชภัฏอุบลฯ"
ใช้อำนาจแม่เหล็กกระตุ้นสมอง เพื่อบำบัดรักษาอาการซึมเศร้า
ชิปจิ๋ว
โครงงานสังเคราะห์ตัวนำไฟฟ้ายิ่งยวดของเด็กไทย
เครื่องล็อกล้อรสโฉมใหม่ ฝีมือเด็กเทคนิคภูเก็ต-เบาใช้กับล้อทุกขน
พบเซลล์ปฐมภูมิ ต้านเชื้อโรคบุกปูทางวัคซีนใหม่

ข่าวทั่วไป

เตือนสมุนไพร"มะกลํ่าตาหนู"เด็กกินแล้วตาย
รัฐใช้กฎหมายอาญา...เชือดสื่อลามก
อันตรายจากอาหารปิ้ง ย่าง
บริการเครื่องจักรกลเกษตรพื้นฐานปี 49 นำร่องในสหกรณ์ 200 แห่ง
หวั่นเทือกเขาเพชรบูรณ์อดขึ้นมรดกโลก
ศิลปินแห่งชาติ 2548 ทวี รัชนีกรทัศนศิลป์-จิตรกรรม
เตือนนักนิยมควันกัญชา มะเร็งจะกินกระเพาะปัสสาวะ
แนะกินผักใบสีเขียวทุกวัน ป้องกันเป็นอัมพาตได้
ไทยถูกบีบเจรจาสิทธิบัตรพืช หวั่นสหรัฐฮุบข้าวหอมมะลิ
เติมพลังยาม Diet
หมอศิริราชเตือนสเต็มเซลล์ มีประโยชน์แต่ไม่รับรอง
อโรมาเธอราพีรักษาโรค
ไฟเขียวขึ้นค่าโดยสารอีก ก.ม.ละ 3 สตางค์





ข่าวการศึกษา


ติง สกอ.ยึดเกณฑ์ตะวันตกจัดอันดับมหาวิทยาลัย

รศ.ดร.นภาภรณ์ หะวานนท์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวกรณีสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ส่งเอกสารโครงการระบบฐานข้อมูล Online เพื่อประเมินศักยภาพของมหาวิทยาลัยไทย เป็นการนำมหาวิทยาลัยเข้าสู่การจัดอันดับโดยส่งให้มหาวิทยาลัย ทุกแห่งว่า อยากรู้ว่าใครเป็นคนเขียนเกณฑ์ต่างๆขึ้นมา ซึ่งไม่ได้เขียนเกณฑ์ หรือดัชนีชี้วัดโดยมองสังคมไทยเป็นหลัก ทั้งนี้ สังคมไทยได้ประโยชน์น้อยมาก เนื่องจากเกณฑ์ที่เขากำหนดใช้มาตรฐานตะวันตกมาเป็นตัวตั้งในการคิด สกอ. ให้ความสำคัญกับการที่อาจารย์มหาวิทยาลัยต้องมีวารสารวิชาการระดับนานาชาติ มีการจดลิขสิทธิ์ หรือสิทธิบัตร ซึ่งก็ยอมรับว่าสิ่งที่ สกอ.กำหนดสำคัญ เพราะต้องการให้มหาวิทยาลัยไทยติดอันดับโลก แต่ถ้าทุกมหาวิทยาลัยใช้วิธีคิดแบบที่ สกอ.ตั้งเกณฑ์ออกมา และดำเนินการบริหารวิชาการอย่างที่ตั้งเกณฑ์ตามนั้น เพราะหากไม่เข้าสู่เกณฑ์ตามที่ สกอ.ตั้งไว้จะถูกมองว่าไม่มีคุณภาพ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวอีกว่า อยากบอกว่า ถ้าสถาบันอุดมศึกษาดำเนินการบริหารวิชาการเพื่อเข้าสู่เกณฑ์ที่ สกอ.กำหนดไว้ ชุมชนไทยตายแน่นอน ความยั่งยืนหรือเศรษฐกิจพอเพียง การพึ่งพาตัวเองได้ อย่าหวังว่าจะเกิดขึ้น ทั้งนี้ ไม่ได้คัดค้านหรือปฏิเสธเกณฑ์สิ่งที่ สกอ.จะนำมาเป็นดัชนีวัดคุณภาพมหาวิทยาลัย แต่ถ้ามหาวิทยาลัยสักแห่งติดอันดับขึ้นมา และยังมีมหาวิทยาลัยอีกจำนวนมากที่ไม่ติดอันดับ อะไรคือสิ่งที่ประเทศไทยจะได้ ขณะนี้เราต้องการความรู้จำนวนหนึ่งที่กลับไปสู่ชุมชน ผู้วางนโยบาย และสังคมไทย แต่ไม่ได้อยู่ในดัชนีชี้วัดที่ สกอ.วางเกณฑ์ไว้. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 6 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





ทุ่ม 944 ล้าน ตั้งโรงเรียนปั้นนักวิทย์

ดร.ประวิช รัตนเพียร รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติที่มีนายสุชัย เจริญรัตนกุล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้ให้ความเห็นชอบในประเด็นที่สำคัญต่างๆ ดังนี้ การสรรหาประธานอนุกรรมการสร้างความตระหนัก ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีคนใหม่แทนนายวิโรจน์ ตันตราภรณ์ ซึ่งขอลาออก โดยที่ประชุมมีมติให้ทาบทาม ศ.ศักดา ศิริพันธ์ ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ และเลขาธิการมูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการ และพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษาเข้ารับตำแหน่งแทน รวมทั้งให้ความเห็นชอบต่อแนวทางการจัดตั้งผู้บริหารวิทยาศาสตร์ระดับสูงใน 6 กระทรวงนำร่อง ที่มีกิจกรรมการดำเนินงานเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการวิจัย คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เพื่อทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการประสานเชื่อมโยง และกำหนดนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีระดับชาติ นอกจากนั้นยังเห็นชอบแนวทางการพัฒนาศูนย์แห่งความเป็นเลิศ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา เป็นหน่วยบริหารจัดการ ทำหน้าที่เชื่อมโยงกับภาคการผลิต เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและการสร้างนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ ทั้งในเชิงพาณิชย์และการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยตั้งเป้าหมายไว้ 50 ศูนย์ รวมทั้งเห็นชอบการจัดตั้งโรงเรียนเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ เพื่อเตรียมคนเป็นนักเทคโนโลยี เพื่อที่จะสร้างนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ต่างๆให้ประเทศไทย มีเป้าหมายรับนักเรียนรุ่นแรกได้ในปี 2550 และมีแผนงานเพิ่มจำนวนโรงเรียนอีก 4 แห่ง ภายในปี 2556 โดยโรงเรียนนำร่องแห่งที่ 1 จะใช้กรอบวงเงินงบประมาณเบื้องต้นประมาณ 944 ล้านบาท ในระหว่างปี 2549-2552 โดยให้กระทรวงศึกษาธิการตั้งงบประมาณและนำเสนอในการประชุมครั้งต่อไป. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 6 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





สพฐ.คลอดเกณฑ์รับนร. เน้นรับในพื้นที่บริการ 50%

นางพรนิภา ลิมปพยอม เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ประกาศนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียน ในสังกัด สพฐ. ประจำปีการศึกษา 2549 ดังนี้ ระดับปฐมวัย รับสมัครวันที่ 2-6 กุมภาพันธ์ จับสลาก ประกาศผล และรายงานตัวในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ป.1 รับสมัครวันที่ 9-13 กุมภาพันธ์ จับสลาก ประกาศผล และรายงานตัวในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ม.1 จับสลากในเขตพื้นที่บริการไม่น้อยกว่า 50% ใน 4 วิชาคือ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย และสังคมศึกษา รับสมัครวันที่ 16-20 มีนาคม จับสลาก ประกาศผล และรายงานตัว วันที่ 1 เมษายน จับสลากนอกเขตพื้นที่บริการรับสมัครวันที่ 16-20 มีนาคม จับสลาก ประกาศผล และรายงานตัว วันที่ 2 เมษายน สอบคัดเลือกไม่เกิน 40% รับสมัครวันที่ 16-20 มีนาคม สอบวันที่ 25 มีนาคม ประกาศผล และรายงานตัว วันที่ 28 มีนาคม ความสามารถพิเศษ 5% รับสมัครวันที่ 16-17 มีนาคม สอบ 18 มีนาคม ประกาศผล และรายงานตัว วันที่ 19 มีนาคม มีเงื่อนไขพิเศษในการรับเข้าเรียน 5% รับสมัครวันที่ 16-17 มีนาคม ประกาศผล และรายงานตัว วันที่ 19 มีนาคม ม.4 ที่เปิด ม.ต้น และ ม.ปลาย รับนักเรียนที่จบ ม.3 จากโรงเรียนเดิมรายงานตัววันที่ 29 มีนาคม ถ้ามีที่ว่างให้รับนักเรียนที่จบ ม.3 จากโรงเรียนอื่น รับสมัครวันที่ 16-20 มีนาคม สอบวันที่ 26 มีนาคม ประกาศผลและรายงานตัว วันที่ 29 มีนาคม ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เปิดเฉพาะ ม.ปลาย สอบ 70% โควตา 20% รับสมัครวันที่ 16-20 มีนาคม สอบวันที่ 26 มีนาคม ประกาศผลและรายงานตัว วันที่ 29 มีนาคม ความสามารถพิเศษ 5% และเงื่อนไขพิเศษ 5% รับสมัครวันที่ 16-17 มีนาคม สอบวันที่ 18 มีนาคม ประกาศผลและรายงานตัว วันที่ 19 มีนาคม ส่วนโรงเรียนที่มีลักษณะพิเศษ ได้แก่ โรงเรียนวัตถุประสงค์พิเศษทุกระดับชั้น รับสมัครวันที่ 23-27 กุมภาพันธ์ ป.4 และ ม.1 สอบวันที่ 4 มีนาคม ม.4 สอบวันที่ 5 มีนาคม ประกาศผลและรายงานตัว วันที่ 11 มีนาคม ส่วนโรงเรียนที่จัดการศึกษาสำหรับเด็กพิการ รับสมัครวันที่ 16 มีนาคม-30 เมษายน ประกาศผลและรายงานตัว วันที่ 1 พฤษภาคม และโรงเรียนที่จัดการศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาส รับสมัครวันที่ 16-20 มีนาคม ประกาศผลวันที่ 1 เมษายน สอบถามได้ที่เบอร์โทร.0-2280-2943 หรือ www.obec.go.th (คมชัดลึก จันทร์ที่ 6 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





องค์กรนักศึกษาแนะปรับหลักสูตรมหา"ลัย

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวในการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง "กิจกรรมสร้างเสริมคุณธรรม จริยธรรม" ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ กรุงเทพฯ โดยมีองค์กรนักศึกษา 153 สถาบันจากทั่วประเทศเข้าร่วม เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ในปัจจุบันสังคมไทยมีสิ่งที่สร้างผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนจำนวนมาก ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ ศธ.แก้ไขปัญหาเหล่านี้ จึงเห็นว่ากิจกรรมนักศึกษาจะเป็นส่วนช่วยแก้ไขปัญหาได้ อย่างในสมัยที่ตนเป็นผู้นำนักศึกษา ได้ทำกิจกรรมมากมาย แต่สิ่งสำคัญจะต้องให้นักศึกษาคิดเอง และร่วมทำกิจกรรมด้วยความสมัครใจ ซึ่งตนอยากให้มหาวิทยาลัยต่างๆ ได้ส่งเสริมให้นักศึกษาหันมาทำกิจกรรมกันมากขึ้น โดยในปี 2549 นี้ ตนจะให้มีการรณรงค์จัดกิจกรรมรับน้องในมหาวิทยาลัยให้เป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ อะไรที่ป่าเถื่อน ลิดรอนสิทธิบุคคลอื่น จะต้องไม่มีเด็ดขาด โดยจะนำภาพกิจกรรมการรับน้องใหม่ที่เกิดปัญหาที่ผ่านๆ มาจัดทำเป็นสื่อรณรงค์ มีการเสนอให้กำหนดกิจกรรมนักศึกษาไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอน โดยอาจกำหนดเป็นหน่วยกิตการเรียนด้วยก็ได้ และ ศธ.จะหาทางเข้ามาช่วยสนับสนุนด้านงบประมาณ (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 6 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th)





รื้อแล้วร่างการศึกษาตลอดชีวิต

นายทองอยู่ แก้วไทรฮะ ประธานคณะทำงานยกร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต เปิดเผยว่า หลังจากที่คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้เชิญผู้แทนหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) มาประชุมเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต ตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีคณะที่ 5 มอบหมายให้ ศธ.เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือให้ได้ข้อยุติในประเด็นต่างๆ ก่อนที่จะนำเสนอกลับเข้าคณะกรรมการกลั่นกรองฯ คณะที่ 5 อีกครั้ง และจากการที่คณะทำงานยกร่าง พ.ร.บ.ได้ชี้แจงในประเด็นที่เป็นปัญหาหน่วยงานต่างๆ ก็เข้าใจ แต่ก็ต้องการให้กลับมาปรับปรุงใน 2-3 มาตรา ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องโครงสร้างที่ไม่ต้องการให้มีการกำหนดโครงสร้างระดับสำนักงานไว้ใน พ.ร.บ. โดยให้เหตุผลว่าการกำหนดโครงสร้างของหน่วยงานไม่จำเป็นของระบุไว้ในร่าง พ.ร.บ. แต่สามารถกำหนดได้ด้วยปริมาณงานถ้ามีปริมาณงานถึงและเป็นงานที่มีคุณภาพ การกำหนดโครงสร้างของหน่วยงานก็สามารถทำความตกลงกับ กพร.ได้เป็นรายๆ ไป จากการประชุมดังกล่าวทาง กศน.ก็เข้าใจ ก.พ.และ กพร.ที่ไม่ต้องการให้มีการกำหนดโครงสร้างระดับสำนักงาน ดังนั้นคณะทำงานจึงได้กลับมาแก้ไขร่าง พ.ร.บ.แล้ว โดยกำหนดให้มีสำนักงานส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต แต่ไม่มีการกำหนดโครงสร้างและตำแหน่งหัวหน้าสำนักงาน เพราะในรายละเอียดนั้นต้องการให้เป็นไปตามคำแนะนำของ กพร.ที่ว่าจะต้องรอดูปริมาณงานก่อน ทั้งนี้จะมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมอีกครั้งในวันที่ 6 ก.พ.นี้ ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาเพราะทำตามคำแนะนำแล้ว (สยามรัฐรายวัน จันทร์ที่ 6 ก.พ. 49 http://www.siamrath.co.th)





มก.ได้ฤกษ์เปิดคณะแพทย์ปี 50 วิโรจชี้ผลิตป้อน"1อำเภอ1หมอ"

รองศาสตราจารย์ (รศ.) ดร.วิโรจ อิ่มพิทักษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ให้สัมภาษณ์ "มติชน" ว่า มก.จะเปิดคณะแพทยศาสตร์ในปี 2550 ตามนโยบายของรัฐบาลที่จะผลิตแพทย์เพิ่ม โดยได้รับการติดต่อจากรัฐบาลที่จะให้ผลิต 1 อำเภอ 1 แพทย์ ความจริงแล้ว มก.มีความพร้อมและมีศักยภาพที่จะผลิตแพทย์มา 30 ปีแล้ว ที่ผ่านมาก็ได้ร่วมผลิตแพทย์กับวิทยาลัยแพทย์พระมงกุฎของกองทัพบกมาเป็นเวลา 30 ปีแล้ว ในส่วนของแพทย์ มก.นี้จุดเน้นคือจะผลิตแพทย์ไปรองรับ 1 อำเภอ 1 แพทย์ และจะเน้นแพทย์ที่เชี่ยวชาญโรคของพืชหรือโรคของสัตว์ที่จะติดต่อถึงคนได้ ซึ่งนับวันจะเพิ่มมากขึ้น อย่างเช่น กรณีไข้หวัดนก เกษตรศาสตร์เองมีความพร้อมและมีเครือข่ายองค์ความรู้เชื่อมโยงกันอยู่ คณะแพทย์นี้จะเปิดที่บางเขนเพราะมีศักยภาพ ทั้งที่ความจริงรัฐบาลอยากให้ไปเปิดที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่สกลนคร แต่เพราะ มก.มีฐานอยู่ที่วิทยาลัยแพทย์พระมงกุฎ และคงต้องร่วมมือกับโรงพยาบาลศูนย์ของกระทรวงสาธารณสุข เมื่อไม่นานมานี้ได้เซ็น MOU ร่วมกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เรื่องหลักๆ คือ 1.จะพัฒนารูปแบบการบริหารการศึกษาของโรงเรียนหลายร้อยโรงเรียนในกรุงเทพมหานคร ให้มีมาตรฐานในปัจจุบันและในอนาคตเหมือนกับโรงเรียนสาธิตแห่ง มก. เรื่องที่ 2 จะพัฒนาสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรที่อยู่ใน กทม. เช่น สวนสาธารณะ คูคลอง ในขณะนี้คณะวรรณศาสตร์มก.ก็เป็นองค์กรหลักในการปลูกป่าร่วมกับ กทม. ซึ่งดำเนินการไปเยอะพอสมควร โดยเฉพาะเขตบางขุนเทียนที่ติดชายทะเล เป็นโครงการปลูกป่าโกงกางสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี เรื่องที่ 3 ความปลอดภัยของอาหาร พวกอาหารตามฟุตปาธ เรื่องที่ 4 เรื่องสุนัขจรจัด ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด (มติชนรายวัน อังคารที่ 7 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th)





ส.การบินฯขอยกฐานะเป็น"ม."

นายภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษาเปิดเผยว่า ได้เข้าพบ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายกสภามหาวิทยาลัยนครพนม เพื่อหารือเรื่องที่ดินจัดตั้งวิทยาลัยการบินนานาชาติ และสถานที่ฝึกบิน เนื่องจากรัฐบาลฝรั่งเศสจะเดินทางมาเยือนไทยในเดือนนี้ และอยู่ระหว่างหารือว่าจะลงนามความร่วมมือในนามรัฐบาล หรือรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้เข้าพบผู้บัญชาการทหารอากาศ ซึ่งยินดีร่วมมือ และตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อพิจารณาที่ดินที่จัดตั้งวิทยาการบินนานาชาติ และสถานที่ฝึกบิน "ที่กระทรวงคมนาคมมีแนวคิดให้มหาวิทยาลัยในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาผลิตนักบินแทนสถาบันการบินพลเรือนนั้น สถาบันการบินพลเรือนยังคงผลิตนักบินเหมือนเดิม แต่ไม่พอ จึงเห็นว่ามหาวิทยาลัยน่าจะผลิตนักบินได้มากกว่า นอกจากนี้ สถาบันการบินพลเรือนยังหารือเรื่องเปลี่ยนสถานภาพเป็นสถาบันอุดมศึกษา ว่าจะเปลี่ยนสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัยได้หรือไม่ (มติชนรายวัน อังคารที่ 7 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th)





กก.กลั่นกรองติงแผนสอนอังกฤษ-จีน

คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองชุดที่ 5 ที่มีนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์ภาษาจีน และแผนยุทธศาสตร์ภาษาอังกฤษ แต่มีข้อเสนอว่าในส่วนของแผนยุทธศาสตร์ภาษาจีน จะต้องส่งเสริมให้เอกชนมีบทบาทในการจัดการเรียนการสอนภาษาจีน ควรให้ทุนการศึกษาไปเรียนต่อในประเทศจีน ควรมีทั้งในส่วนที่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศจีน และในส่วนที่รัฐบาลไทยให้การสนับสนุน สำหรับการเรียนการสอนไม่ควรเป็นการโปรยหว่าน แต่จะต้องมีกลุ่มเป้าหมายที่จะพัฒนาให้มีความรู้ความสามารถ นอกจากนี้จะต้องไม่เน้นสอนเฉพาะภาษาจีนอย่างเดียว แต่จะต้องให้ความสำคัญในเรื่องวัฒนธรรม สังคม เศรษฐกิจ และการเมืองด้วย เพราะหากรู้เพียงแต่ภาษาอย่างเดียว อาจจะไม่ลึกซึ้ง และมีความรู้พอที่จะไปเจรจาในระดับที่สูงขึ้นได้ สำหรับแผนยุทธศาสตร์ภาษาอังกฤษ ที่ประชุมเสนอว่าจะต้องให้ความสำคัญในเรื่องความเสมอภาค โดยรูปแบบการเรียนการสอนจะต้องไม่เอื้ออำนวยเฉพาะเด็กที่มีเงิน เด็กที่เรียนอยู่ในโรงเรียน 2 ภาษา หรือโรงเรียนนานาชาติเท่านั้น แต่จะต้องเอื้อต่อเด็กที่ยากจน หรือเด็กในชนบทให้ได้เรียนอย่างมีคุณภาพ และได้รับประโยชน์เช่นเดียวกัน อีกทั้งยังเสนอว่าควรปรับกระบวนทัศน์ในการสอนใหม่ โดยจะต้องเน้นการเรียนการสอนแบบสื่อสาร (ข่าวสด อังคารที่ 7 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





รัฐบาลกระเป๋าฉีกส่ง สกอ.เจรจา ม.รัฐควักงบจ่ายเงินตกเบิกให้พนง.ก่อน

ศ.ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยว่า สำนักงบประมาณ ได้ขอให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ช่วยเจรจากับมหาวิทยาลัยรัฐทั้ง 24 แห่ง ให้นำเงินรายได้ของมหาวิทยาลัยมาสำรองจ่ายตกเบิกให้พนักงานมหาวิทยาลัยก่อน ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีที่ให้ขึ้นเงินเดือนให้พนักงานมหาวิทยาลัย 11% ของเงินเดือนเดิมโดยให้มีผลย้อนหลังถึงเดือนเมษายน 2548 แต่จนถึงขณะนี้สำนักงบประมาณยังไม่ได้จัดสรรเงินให้มหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง นำไปจ่ายเงินเดือนเพิ่มให้พนักงานมหาวิทยาลัย เพราะจำนวนพนักงานมหาวิทยาลัยในมหาวิทยาลัยทั้ง 24 แห่งมีประมาณ 1 หมื่นคน ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้รายงานคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่องการขึ้นเงินเดือนให้พนักงานมหาวิทยาลัย ซึ่ง ครม.มีมติเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2548 เพิ่มเงินเดือนให้พนักงานมหาวิทยาลัย 11% เพื่อให้สอดคล้องกับการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ซึ่งดำเนินการไปตั้งแต่เดือนเมษายน 2547 แต่เรื่องยังค้างอยู่ที่สำนักงบ ทาง ศธ.จึงรายงาน ครม.ให้ทราบ เพื่อเร่งรัดการดำเนินการให้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังได้รายงานการเร่งแก้ไขพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการและผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารซึ่งไม่เป็นข้าราชการ พ.ศ. 2539 ซึ่ง ศธ.ดำเนินการร่วมกับกระทรวงการคลัง เพื่อให้ผู้บริหารมหาวิทยาลัยที่มีตำแหน่งวิชาการมีสิทธิรับเงินประจำตำแหน่งผู้บริหารและเงินประจำตำแหน่งวิชาการได้ทั้งคู่ เนื่องจาก พ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2547 กำหนดไว้ รวมถึงมติ ครม.เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2547 อนุมัติให้ดำเนินการได้ แต่มหาวิทยาลัยไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้เพราะติดขัดในแง่กฎหมาย (คมชัดลึก พุธที่ 8 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





สกศ.วางกลยุทธ์ดันปฏิรูปการศึกษา

ดร.อำรุง จันทวานิช เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ประชุม สกศ.มีมติเห็นชอบในหลักการของร่างโรดแม็พปฏิรูปการศึกษาไทย พ.ศ.2548-2551 โดยมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการไปปรับปรุง โดยบูรณาการกับนโยบายรัฐบาล นโยบายเร่งด่วนของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และข้อเสนอยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบแล้ว และให้นำมาเสนอ สกศ.อีกครั้ง ก่อนที่จะเสนอครม.เพื่อทราบต่อไป สำหรับยุทธศาสตร์และมาตรการที่จะขับเคลื่อน ประกอบด้วย 12 ยุทธศาสตร์ ดังนี้ 1.การพัฒนาเด็กปฐมวัยมี 4 มาตรการ 2.ปฏิรูปหลักสูตรการเรียนการสอนการศึกษาขั้นพื้นฐานมี 6 มาตรการ 3.พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษามี 9 มาตรการ 4.ปฏิรูปการอาชีวศึกษามี 5 มาตรการ 5.ปฏิรูปการศึกษานอกโรงเรียนและการศึกษาตามอัธยาศัยมี 9 มาตรการ 6.ปฏิรูปอุดมศึกษามี 6 มาตรการ 7.ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเอกชน ชุมชน พ่อแม่ ผู้ปกครอง องค์กรสังคมต่าง ๆ ในการจัดการศึกษามี 6 มาตรการ 8.กระจายอำนาจและเสริมสร้างความเข้มแข็งของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษามี 6 มาตรการ 9.ปฏิรูปทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษามี 7 มาตรการ 10.พัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมมี 5 มาตรการ 11.พัฒนาการศึกษาเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาสังคมและความมั่นคงมี 4 จริยธรรมมี 5 มาตรการ และ 12.พัฒนาการศึกษาเพื่อการส่งเสริมบทบาทของประเทศไทยในเวทีโลกมี 8 มาตรการ (เดลินิวส์ พุธที่ 8 ก.พ. 49 http://www.dailynews.co.th)





มทร.ธัญบุรีลั่นวาจาไม่สอนนักศึกษาในห้าง

รศ.ดร.ชนงกรณ์ กุณฑลบุตร คณบดีคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.)ธัญบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะบริหารธุรกิจได้เปิดโครงการปริญญาโทบริหารธุรกิจขึ้นในระบบ Yong MBA โดยรับสมัครผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรีในทุกสาขาเข้าศึกษาต่อโดยการสอบคัดเลือกและการสอบสัมภาษณ์ เพื่อสร้างมหาบัณฑิตทางบริหารธุรกิจที่มีความรู้ ความสามารถและเพียบพร้อมด้วยทักษะในระดับที่เทียบเท่ากับนานาอารยประเทศ สามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับสาขาที่เปิดสอนในปีการศึกษา 2549 ได้แก่ การตลาด การจัดการทั่วไป การจัดการวิศวกรรมธุรกิจ ระบบสารสนเทศ และบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ โดยทุกสาขาจะเปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้ถึงพฤษภาคม 2549 ซึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0-2549-4809 หรือ 0-2549-4835 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ต่อข้อถามถึงกรณีที่สถาบันอุดมศึกษาหลายแห่งมีการเปิดสอนระดับปริญญาโทตามห้างสรรพสินค้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เรียนและเป็นการดึงดูดลูกค้าอีกทางหนึ่งนั้น รศ.ดร.ชนง กรณ์ กล่าวว่า ทางคณะบริหารธุรกิจ มทร.ธัญบุรี ไม่มีนโยบายที่จะไปเปิดสอนตามห้างสรรพสินค้าหรือนอกสถานศึกษาอย่างแน่นอน เพราะต้องการให้นักศึกษาทุกคนได้สัมผัสกับความเป็นสถานศึกษาอย่างแท้จริง (เดลินิวส์ พุธที่ 8 ก.พ. 49 http://www.dailynews.co.th)





"ศธ.-ออมสิน"ให้ทุนเรียนสาขาขาดแคลน นำร่อง4ม.ไทยก่อนส่งฝึกงานต่างประเทศ

นายสมเกียรติ ชอบผล รองเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าโครงการ "ศึกษาแนวทางการจัดสรรทุนการศึกษาในระดับปริญญาตรีที่ขาดแคลน" (ทุนธนาคารออมสินเพื่อพัฒนาประเทศ) ว่ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ร่วมกับธนาคารออมสินจัดตั้งโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อพัฒนาบุคลากรด้านภาษาต่างประเทศในสาขาที่ขาดแคลน เช่น สาขากฎหมายระหว่างประเทศ และการเจรจาต่องรองกับต่างประเทศ ซึ่งเป็นการแก้จุดอ่อนของโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน ที่ส่งไปเรียนต่างประเทศแล้วไม่สบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะนักเรียนไม่สามารถปรับตัวได้ จึงให้เรียนมหาวิทยาลัยในประเทศก่อนจะส่งไปฝึกงานยังต่างประเทศ เริ่มต้นนำร่องกับ 4 มหาวิทยาลัย จำนวน 22 ทุน แบ่งเป็นทุนเรียนภาษาต่างประเทศเพื่อนบ้านประเทศละ 3 ทุน และทุนภาษาโปรตุเกส และภาษารัสเซียประเทศละ 5 ทุน ซึ่งจะเริ่มเปิดภาคเรียนเดือนพฤษภาคม ปัจจุบันความรู้ด้านภาษาต่างประเทศมีความจำเป็นมาก บางครั้งต้องติดต่อสื่อสารกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีความสัมพันธ์กับประเทศไทยยาวนาน แต่ไม่ค่อยมีคนไทยรู้ภาษาเพื่อนบ้าน จึงน่าจะส่งนักศึกษาไปเรียนภาษาเหล่านั้น ได้แก่ ภาษาพม่า เขมร เวียดนาม มาเลเซีย รัสเซีย และโปรตุเกส หากส่งไปเรียนต่างประเทศทันที อย่างเขมร หลายคนอาจไม่อยากไป จึงต้องให้เรียนที่ประเทศไทยก่อน 1-2 ปี แล้วค่อยส่งนักศึกษาไปฝึกงานเป็นกลุ่มยังประเทศที่ตัวเองเรียนภาษาอยู่จนจบปริญญาตรี หลังจากจบปริญญาตรีอาจไปเรียนต่อที่อเมริกากระทั่งจบปริญญาเอกก็ได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอโครงการต่อคณะกรรมการสภาการศึกษา (กกศ.) ก่อนนำเสนอรัฐมนตรี ศธ. และคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ (มติชนรายวัน พุธที่ 8 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th)





ศธ.ผุดครูสอนเก่งผ่านสื่อทางไกล ดึงติวเตอร์ชื่อดังร่วม-ลดกวดวิชานอกหลักสูตร

เมื่อวันที่ 8 ก.พ.49 นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมเรื่อง ครูสอนเก่งเพื่อสอนนักเรียนทั่วประเทศ ว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีนโยบายในการนำครูที่สอนเก่งมาช่วยสอนนักเรียนทั่วประเทศ โดยผ่านสื่อทางไกลและการผลิตสื่อในรูปของการบันทึกเทปการสอนของครูที่สอนเก่ง เพื่อนำมาเผยแพร่ให้นักเรียนทั่วประเทศ ซึ่งการประชุมได้เปิดโอกาสให้ครูสอนเก่งจากสาขาวิชาต่างๆ เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ สังคม ศาสนา และวัฒนธรรม มาแลกเปลี่ยนแนวคิดในการเผยแพร่การสอน ในสาระวิชาที่ถนัดซึ่งได้ผลดีมาก โดยจะมีการกำหนดวิชาและระดับความยากง่าย เพื่อให้มีการสอดคล้องกับผู้เรียน นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเนื้อหารูปแบบการสอน โดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยเสริม เช่น คอมพิวเตอร์ สำหรับเรื่องการจัดผลิตสื่อรูปแบบการสอนนั้น ที่ประชุมเห็นว่าเป็นเรื่องดี แต่ควรจะมีการจดลิขสิทธิ์การจัดทำรูปแบบการสอนด้วย ทั้งนี้การดำเนินงานเรื่องดังกล่าวจะเริ่มในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนนี้และสามารถใช้ได้ในภาคเรียนแรกในปีการศึกษา 2549 โดยขอใช้งบประมาณจากโครงการเมกะโปรเจกต์ ในส่วนของงบจัดสรรคอมพิวเตอร์จำนวน 250,000 เครื่อง โครงการนี้ยังเปิดกว้างให้ครูโรงเรียนกวดวิชา เข้าร่วมด้วยเช่นกัน ซึ่งคิดว่าการกวดวิชาไม่ได้เป็นปัญหา แต่ยังช่วยในเรื่องการเรียนการสอนได้มาก เพราะหากสถาบันอุดมศึกษาเลิกออกข้อสอบ โดยการนำความรู้ระดับปี 1 และปี 2 มาวัดผลเด็กเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย การกวดวิชานอกหลักสูตรก็จะลดน้อยลงไป ซึ่งเชื่อว่าหากเราทำให้การเรียนในระบบดีขึ้นการกวดวิชาก็จะน้อยลง ไม่ใช่เรื่องที่จะขจัดโรงเรียนกวดวิชา แต่จะนำมาใช้ประโยชน์ให้เหมาะสมมากกว่า (สยามรัฐรายวัน พฤหัสบดีที่ 9 ก.พ. 49 http://www.siamrath.co.th)





"วิจิตร" ชี้ ม.นอกระบบเด่น

ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน นายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส) กล่าวในการประชุมวิชาการ "โครงการร่วมสร้างความพร้อมสู่การเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับ" เมื่อเร็วๆ นี้ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ว่า จากข้อมูลผลการประเมินคุณภาพภายนอกของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) พบว่า ม.ในกำกับรัฐ 4 แห่ง ได้แก่ ม.แม่ฟ้าหลวง ม.วลัยลักษณ์ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และ มทส มีจุดเด่นในหลายด้าน อาทิ ม.ในกำกับมีผลงานวิทยานิพนธ์เผยแพร่ เฉลี่ย 14.30% ภาพรวมอยู่ที่ 1.4% ม.ในกำกับมีอาจารย์ระดับปริญญาเอกเฉลี่ย 40.40% ภาพรวมอยู่ที่ 9.04 งานวิจัยต่ออาจารย์ประจำอยู่ที่ 0.68% ภาพรวมอยู่ที่ 0.14% และจำนวนโครงการให้บริการทางวิชาการต่ออาจารย์ประจำอยู่ที่ 0.86% ขณะที่ภาพรวมอยู่ 0.3 % แม้ ม.นอกระบบมีอายุเพียง 15 ปี แต่มีผลงานที่เหนือกว่ามหาวิทยาลัยกลุ่มอื่นอย่างมาก และมีโอกาสสู่ความเป็นเลิศได้ในไม่ช้า ฉะนั้นก่อนยกร่าง พ.ร.บ.เสนอรัฐบาลประชาคมมหาวิทยาลัยต้องเห็นด้วย บางเรื่องที่ยอมไม่ได้ก็อย่ายอม และต้องอยู่บนสภาพความเป็นจริง เพราะถ้าเราได้กฎหมายที่ไม่ดีอนาคตจะลำบาก (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 9 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





อีกปรากฏการณ์ "ม.ในกำกับ" บางมด ตั้งศูนย์ KMCL หวังกวาดรายได้ 100 ล้าน

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี สู่การเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ทำให้มีความพยายามในการหารายได้เพิ่มเติม ล่าสุดจึงได้จัดตั้งสถาบัน KMCL Center (King Mongkut"s University of Technology Thonburi Continue Learning Center) ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อจัดอบรม สัมมนา และถ่ายทอดองค์ความรู้ในแขนงต่างๆ เพื่อพัฒนาบุคลากรให้กับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ภายใต้แนวคิดการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด learning never end โดยใช้พื้นที่อาคารบางกอกโค้ด ซึ่งอยู่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์เป็นสถานที่ตั้ง ภายใต้ความรับผิดชอบของศูนย์การศึกษาต่อเนื่อง สำนักวิจัยและบริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยตั้งเป้าสร้างรายได้ถึง 100 ล้านบาทภายในระยะเวลา 5 ปี อนันต์ รุ่งพรทวีวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและบริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกล่าวว่า จากเดิมที่ศูนย์การศึกษาต่อเนื่อง ภายใต้สำนักวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งให้บริการในการฝึกอบรม สัมมนาให้กับภาครัฐและชุมชนในรูปแบบการให้เปล่าและบริการในราคาถูก ซึ่งที่ผ่านมามีรายได้ต่อปีเฉลี่ย 2-3 ล้านบาท ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมีทิศทางในการหารายได้เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้า 100 ล้านบาทต่อปีภายใน 5 ปีนับจากนี้ จึงมองว่าเป็นการก้าวกระโดดจึงจับมือกับบริษัท ริเวอร์เน็ท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่จะเข้ามาช่วยด้านการตลาด สำหรับแผนการในการสร้างรายได้ในปี 2549 ตั้งศูนย์ตั้งเป้า 20 ล้านบาท โดยเน้นทั้งการฝึกอบรมในองค์กร และฝึกอบรมโดยทั่วไป ในสัดส่วน 50 : 50 ในปีแรกส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่คอร์สฝึกอบรมระยะสั้น อาทิ การจัดการธุรกิจโทรคมนาคม ลอจิสติก แอนด์ ซัพพลายเชน : ปัจจัยแห่งการแข่งขันยุคใหม่ เรียนลัดเรื่องซีอาร์เอ็ม พลังทีม..พลังความสำเร็จ ฯลฯ ส่วนจุดแข็งของศูนย์แม้ว่ามหาวิทยาลัยจะมีจุดเด่นในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แต่การต้องการสร้างรายได้อย่างรวดเร็วทำให้ต้องสร้างหลักสูตรที่หลากหลายโดยเฉพาะในด้านบริหารจัดการ โดยการนำองค์ความรู้ที่มีอยู่ในมหาวิทยาลัยมาถ่ายทอด (ประชาชาติธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 9 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th/prachachart)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


ตัวไรระบาดหนักในออสเตรเลียสัญญาณเตือนเสี่ยงระบาดทั่วโลก

นักวิทยาศาสตร์คณะกีฏวิทยาการแพทย์ โรงพยาบาลเวสต์มีด นครซิดนีย์ ออสเตรเลีย นายสตีเฟน ด็อกเกตต์ กล่าวว่า ออสเตรเลียและหลายประเทศทั่วโลกกำลังเสี่ยงเผชิญกับปัญหาไรที่นอนระบาด สาเหตุใหญ่เป็นเพราะนักท่องเที่ยวจากประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งมีปัญหาไรที่นอนชุกชุมเป็นปกติเดินทางไปท่องเที่ยวในที่ต่างๆทั่วโลกมากขึ้น จึงมีโอกาสที่จะเป็นพาหะนำไรที่นอนติดตัวไปด้วย ทางการออสเตรเลียต้องสั่งให้โรงแรมจำนวนมากปิดให้บริการชั่วคราวเพื่อกำจัดไรที่นอน ด้านนางเปตา ไอร์วีน จากสมาคมโรงแรมออสเตรเลียโต้ว่า การระบุว่าปัญหาไรที่นอนเป็นปัญหาระดับโลกฟังดูรุนแรงเกินความเป็นจริง แม้จะมีปัญหานี้เกิดขึ้นบ้างในบางโรงแรมก็ตาม. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 6 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





รอยเตอร์บริการข่าวภาษาไทย บนเทคโนโลยีใหม่เวอร์ชั่น 5

มร.เอ็ดเวิร์ด เฮดเดด กรรมการ ผู้จัดการประจำภูมิภาคอาเซียนของรอยเตอร์ กล่าวว่า บริการข่าวสารภาคภาษาไทยบน เดสก์ท็อปของรอยเตอร์นี้ไม่เคยปรากฏที่ไหนมาก่อน โดยนำเสนอข่าวเศรษฐกิจของประเทศไทยที่กำลังได้รับความสนใจ รวม ทั้งข่าวในภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ทีพีไอ โพลีน ไปจนถึงประเด็นต่าง ๆ เกี่ยวกับหุ้นกู้ของบริษัทใหญ่ ๆ บทความ บทสัมภาษณ์ ข้อมูล ผลประกอบการขององค์กรต่าง ๆ ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาค (Macro economy) ผลสำรวจต่าง ๆ ตลอดจนข่าวท้องถิ่นที่เจาะลึกที่สามารถทำให้ตลาดเคลื่อนไหวได้ การเปิดตัว ข่าวรอยเตอร์ภาคภาษาไทย (Reuters Thai News) บน Reuters 3000 Xtra เวอร์ชั่น 5 บริการข้อมูลข่าวสารสำหรับผู้บริหารมืออาชีพด้านการเงิน ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการออกแบบให้ตอบ สนองความต้องการของลูกค้าในสายธุรกิจ ได้สูงสุด โดยนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ เป็นปัจจุบันพร้อมทั้งเครื่องมือช่วยในการ วิเคราะห์อันทรงพลัง และยังเป็นเดสก์ท็อประบบเปิด (Open desktop) ที่สามารถใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีระบบเปิดอื่น ๆ ได้ดี. (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 6 ก.พ. 49 http://www.dailynews.co.th)





หลักฐานหนุนน้ำมาจากนอกโลก

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ปีที่แล้ว ยานอวกาศดีพอิมแพ็คขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งสหรัฐ หรือนาซา ได้ยิงยานสำรวจที่ปลายทำด้วยทองแดงไปพุ่งชนดาวหางเทมเพลวัน ที่อยู่ห่างจากโลกไปราว 83 ล้านไมล์ จนเกิดเป็นประกายวาบในอวกาศ และกระเทาะเนื้อในของดาวหางออกมาให้ศึกษาแก่นแท้ จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่ส่งมายังยานแม่ ซึ่งโคจรอยู่รอบนอก ได้ข้อสรุปว่า ดาวหางดังกล่าวมีน้ำแข็งบางๆ อยู่ 3 ชั้น กินพื้นที่ราว 3 แสนตารางฟุต จากขนาดพื้นที่ทั้งหมด 45 ตารางไมล์ ราวร้อยละ 6 ของน้ำแข็งเป็นน้ำแข็งบริสุทธิ์ ส่วนที่เหลือปนเปื้อนด้วยฝุ่นละออง นักวิทยาศาสตร์ ระบุว่า ฝุ่นละอองที่ปลิวออกมาจากดาวหางเทมเพลวัน มีสารประกอบที่มีธาตุคาร์บอนเป็นพื้นฐาน ทั้งนี้ คาร์บอนเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่สุดของสิ่งมีชีวิต เจสสิกา วันไชน์ ผู้เขียนรายงานการวิเคราะห์ลงในวารสารไซน์ กล่าวว่า ความรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของดาวหาง อาจให้ความกระจ่างได้ว่า ดาวหางเป็นแหล่งนำน้ำและสารประกอบอินทรีย์ขนาดใหญ่มายังโลกมนุษย์ ซึ่งถือเป็นส่วนประกอบสำคัญของสิ่งมีชีวิต ก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่า ดาวหางเป็นเศษซากของฝุ่นละอองน้ำแข็งที่เหลืออยู่ หลังจากระบบสุริยะก่อตัวขึ้นเมื่อ 4,600 ล้านปีก่อน บางคนตั้งทฤษฎีว่า โลกในยุคแรกที่ก่อตัวเป็นดาวเคราะห์เคยถูกดาวหางพุ่งชน พร้อมกับนำสารประกอบอินทรีย์ขั้นปฐมและน้ำมายังโลก จนวิวัฒนาการมาเป็นสิ่งมีชีวิต (คมชัดลึก จันทร์ที่ 6 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





ปณท.ตั้งเครื่องรับฝากจม.อัตโนมัติ

นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสด้านการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการจัดสร้างเครื่องให้บริการไปรษณีย์อัตโนมัติรุ่นใหม่ที่มีดีไซน์ทันสมัย และใช้เทคโนโลยีล้ำหน้า เพื่อให้รับฝากจดหมายและพัสดุภัณฑ์ได้ทั้งแบบธรรมดาและด่วนพิเศษ (อีเอ็มเอส) ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถทำรายการด้วยตนเองผ่านจอสัมผัส มีเครื่องชั่งดิจิตอลที่คำนวณน้ำหนักและค่าฝากส่งได้อย่างแม่นยำ ตั้งแต่น้ำหนักน้อยสุดคือ 2 กรัมจนถึง 30 กิโลกรัม และสามารถชำระเงินได้ด้วยบัตรเติมเงินและหยอดเหรียญไม่ว่าจะเป็นเหรียญชนิด 1 บาท 5 บาท และ10 บาท ตามลำดับ รวมทั้งมีการออกแบบให้รองรับเหรียญชนิด 2 บาทที่จะออกมาใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 5 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทที่ชนะการประมูลจะส่งมอบเครื่องต้นแบบได้ภายใน 2 เดือนข้างหน้า จากนั้นจะทดสอบประสิทธิภาพก่อนนำไปติดตั้งให้บริการนำร่อง 10 เครื่อง ในเดือนมิ.ย. 2549 ณ ที่ทำการไปรษณีย์ที่มีปริมาณการใช้งานสูงเพื่อลดความแออัดคับคั่ง ส่วนไปรษณีย์ที่มีผู้ใช้บริการจำนวนน้อยจะนำไปติดตั้งเช่นกัน เพื่อลดต้นทุนด้านกำลังคนลง (สยามรัฐรายวัน จันทร์ที่ 6 ก.พ. 49 http://www.siamrath.co.th)





มนุษย์ปัจจุบันหน้าผากกว้างขึ้น มากกว่าบรรพบุรุษในยุคกลาง

นักวิทยาศาสตร์พบว่ารูปทรงของกะโหลกศีรษะมนุษย์ ในช่วงระยะเวลา 650 ปีที่ผ่านมา ผิดแผกแตกต่างไปจากบรรพบุรุษเป็นอันมาก คณะนักวิทยาศาสตร์ได้เขียนรายงานในวารสาร “ทันตกรรมอังกฤษ” กล่าวว่า เค้าโครงหน้าของมนุษย์ยุคปัจจุบัน โหนกนูนน้อยลงไป แต่หน้าผากเถิกมากกว่าบรรพบุรุษในสมัยยุคกลาง ดร.ปีเตอร์ ร็อก กับคณะแห่งโรงเรียนทันตแพทย์ ที่เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษได้ศึกษาขนาดของกะโหลกศีรษะคน จากฟิล์มภาพถ่ายด้วยรังสีเอกซ์พบว่า ความแตกต่างระหว่างรูปทรงของกะโหลกศีรษะมนุษย์ยุคอดีตกับปัจจุบัน เป็นมาอย่าง “น่าเอะใจ” ลักษณะแตกต่างใหญ่ๆก็คือ กะโหลกของบรรพบุรุษจะโหนกกว่า แต่หน้าผากแคบกว่า “หน้าผากของคนโบราณมีขนาด 80 มิลลิเมตร แต่คนยุคปัจจุบันกว้างเป็น 95 มิลลิเมตร ซึ่งโตกว่ากันถึง 20% ซึ่งนับว่ามาก มันอาจจะส่อว่าทำให้มีสติ ปัญญาเพิ่มขึ้น”. (ไทยรัฐ อังคารที่ 7 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





นักวิทยาศาสตร์ม.เชียงใหม่ คว้ารางวัลวิทย์มูลนิธิโทเร

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่โรงแรมปาร์คนายเลิศ กรุงเทพฯ แรฟเฟิลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธาน "พิธีมอบรางวัลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ครั้งที่ 12 ประจำปี 2548" จัดโดยมูลนิธิโทเร เพื่อการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ ประเทศไทย ศ.ดร.ยอดหทัย เทพธรานนท์ ผู้แทนประธานคณะกรรมการรางวัลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า เพื่อเป็นการพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทยให้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น จึงได้จัดมอบรางวัลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยแบ่งเป็น 2 ระดับ คือ ในระดับบุคคล ได้แก่ ศ.ดร.ทวี ตันฆศิริ ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นผู้บุกเบิกงานวิจัยและพัฒนาด้านเซรามิคที่มีสมบัติทางไฟฟ้าขึ้นใช้ในวงการอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ตัวเก็บประจุ และตัวควบคุมอุณหภูมิ โดยลดอุณหภูมิการเผาของเซรามิค ซึ่งเป็นการลดต้นทุน และยังผลิตเซรามิคที่ไร้สารตะกั่ว เพื่อลดบรรยากาศที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม ทำ อุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น ใช้เป็นตัวรับสัญญาณการเต้นของหัวใจ สำหรับรางวัลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในระดับหน่วยงาน ได้แก่ กลุ่มบรรพชีวินวิทยา ศูนย์ศึกษาวิจัยวิวัฒนาการและความหลากหลายทางชีวภาพช่วงมหายุคมีโสโซอิคในประเทศไทย ผลงานที่ผ่านมาได้แก่ การค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์ ในที่ราบสูงโคราชถึง 16 ชนิด ในช่วงอายุ 210-100 ล้านปี นอกจากนี้ ยังมอบรางวัลการศึกษาวิทยาศาสตร์ ให้กับครูอาจารย์ผู้รับผิดชอบการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลายที่มีผลงานดีเด่นจำนวน 9 รางวัล ฯลฯ (มติชนรายวัน อังคารที่ 7 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th)





ต้นแบบ"รถยนต์อนาคต" เร็ว-แรง-รักษ์สิ่งแวดล้อม!

รถยนต์เปรียบเสมือนปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์ และเป็นผู้ช่วยคนสำคัญที่ช่วยให้เรามีความสะดวกสบายในการเดินทาง รถยนต์คันแรกถือกำเนิดขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อน และปัจจุบันก็กำลังพัฒนาต่อไปไม่หยุดยั้ง ดังเช่นต้นแบบรถในอนาคตที่ นำให้รู้จักในวันนี้ บริษัท : เมอร์เซเดซ เบนซ์ รุ่น : ไบโอนิก (Bionic) วิศวกรค่ายเมอร์เซเดซ เบนซ์ ออกแบบโครงสร้างตัวถังรถ "ไบโอนิก" ตามหลักกลศาสตร์ให้ออกมามีหน้าตาคล้ายกับ "ปลาปักเป้า" ผลการทดสอบในอุโมงค์ลมพบว่า แรงต้านของลมที่ปะทะกับไบโอนิกมีค่าเพียง 0.19 ถือว่าน้อยกว่ารถยนต์รุ่น "อินไซต์" ของค่ายฮอนด้า ซึ่งเคยครองสถิติเป็นรถที่มีแรงต้านจากลมน้อยที่สุดในโลก บริษัท : โตโยต้า รุ่น : ไฟน์-เอ็กซ์ (Fine-X) ไฟน์-เอ็กซ์ ประกาศตัวว่าเป็น "รถยนต์ไฟฟ้ารักษ์สิ่งแวดล้อม" แบบเต็มตัว เนื่องจากวัสดุที่นำมาทำตัวถังผลิตจากอ้อยและต้นป่าน นอกจากนั้น แหล่งกำเนิดพลังงานก็มาจากก๊าซไฮโดรเจน ไม่ได้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการเผาไหม้พ่นควันพิษดำปี๋เหมือนกันรถยนต์ตามท้องถนนทั่วไป ส่วนล้อแต่ละล้อทำงานเคลื่อนไหวเป็นอิสระจากกันผ่านการควบคุมของมอเตอร์ไฟฟ้า บริษัท : ฮอนด้า รุ่น : ว้าว (Wow) มุ่งจับตลาดลูกค้ากลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ ที่นั่งส่วนหลังของตัวรถออกแบบมาให้สำหรับพาเจ้าหมาน้อยขึ้นมานั่งด้วย พื้นห้องโดยสารทำจากไม้ป้องกันรอยขีดข่วนจากเล็บสัตว์ บริษัท : ยีเอ็มซี รุ่น : แพด (PAD) เห็นทรงรถใหญ่ล่ำบึ้กแบบนี้ต้องรู้เลยว่าเป็นสัญลักษณ์ของค่ายยีเอ็มซี ความโดดเด่นของ "แพด" อยู่ที่เครื่องยนต์ลูกผสม (ไฮบริดจ์) ระหว่างเครื่องดีเซลกับไฟฟ้า บนหลังคาติดตั้งแผงผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์เพื่อนำพลังงานที่ได้มาหล่อเลี้ยงแบตเตอรี่ และมีเครื่องรับทีวีผ่านดาวเทียมและเครือข่ายอินเตอร์เน็ตไร้สายในห้องโดยสารด้วย บริษัท : เปอร์โย รุ่น : มูฟวี่ (Moovie) รูปโฉมของเปอร์โย "มูฟวี่" อาจเรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมรถยนต์ครั้งใหญ่ถ้าในอนาคตรถรุ่นนี้ได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภคทั่วโลก ล้อหลังรถรุ่นนี้หมุนได้รอบทิศทาง 360 องศา ช่วยให้การเลี้ยรถในเมืองใหญ่ที่มีสภาพจราจรคับคั่งสะดวกสบายง่ายราวพลิกฝ่ามือ แต่จุดอ่อนคือตัวถังรถทำจากแก้ว จึงอาจไม่ผ่านการอนุมัติให้วางตลาดจากกรมขนส่งในประเทศต่างๆ เพราะไม่ปลอดภัย บริษัท : มินิ รุ่น : มินิ เทรเวลเลอร์ (Mini Traveller) มินิ เทรเวลเลอร์ พาหนะสำหรับคนรักการเดินทางท่องเที่ยว หลังคารถถอดออกมาตั้งเป็น "โต๊ะ" ได้ ส่วนรูปลักษณ์ยังคงออกแนวย้อนยุค เหมือนกับตัวถังรถมินิเมื่อ 40 กว่าปีก่อน บริษัท : สมาร์ท รุ่น : ครอสทาวน์ (Crosstown) รถยนต์ไฟฟ้า "ครอสทาวน์" ติดตั้งเครื่องยนต์แบบใช้ก๊าซ ขนาด 61 แรงม้า และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ถึงหุ่นจะเล็กแต่ความเร็วไม่น้อยหน้ากว่ารถใหญ่ๆ บริษัท : โฟล์กสวาเกน รุ่น : อีโคเรเซอร์ (EcoRacer) ตัวถังรถสปอร์ต "อีโคเรเซอร์" ทำจากใยคาร์บอน น้ำหนักตัวรถจึงหนักเพียง 849 กิโลกรัม หลังคากับกระจกกันลมด้านหน้าถอดเก็บได้ เครื่องยนต์ดีเซลปล่อยมลพิษออกมาจากท่อไอเสียน้อยกว่าเครื่องดีเซลทั่วไป (ข่าวสด อังคารที่ 7 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





สร้าง"มะเขือเทศ"พันธุ์ใหม่ ปลูกได้ทุกฤดูกาล-ชอบดินทุกชนิด

นักวิทยาศาสตร์บังกลาเทศคิดค้นเมล็ดพันธุ์ "มะเขือเทศตัดต่อพันธุกรรม" หรือ "มะเขือเทศจีเอ็มโอ" ที่ปลูกได้ทุกฤดูกาล และเมื่อเก็บเกี่ยวผลมาจำหน่ายแล้ว สามารถเก็บไว้ได้นาน 10-15 วัน โดยที่ผลมะเขือเทศไม่ช้ำเน่าเสีย เซลินา สุลตานา และชาโมลิ ชาฮา สองนักวิทยาศาสตร์หญิงของบริษัท อีสต์-เวสต์ ซีด จำกัด (อีดับเบิลยูเอส) ผู้พัฒนาและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์พืชรายใหญ่ของบังกลาเทศ ใช้เวลา 6 ปีพัฒนามะเขือเทศจีเอ็มโอในห้องทดลอง มีชื่อเรียกว่าพันธุ์ "มินตู" ผลการทดลองนำมะเขือเทศมินตูไปเพาะปลูกในพื้นที่ 17 แห่งทั่วบังกลาเทศ พบว่าเจริญงอกงามออกลูกออกผลได้ในทุกสภาพผืนดินและทุกฤดูกาล รวมทั้งฤดูฝนและฤดูร้อน ซึ่งตามปกติแล้วผลผลิตมะเขือเทศจะไม่ดีนัก อีดับเบิลยูเอส ระบุว่า การทดลองปลูกมะเขือเทศมินตูจะทำต่อไปจนหมดฤดูร้อนปีหน้า เมื่อเข้าสู่หน้าหนาวจะเริ่มจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ในเชิงพานิชย์ จากการทดลองที่ผ่านมาพบว่า เกษตรกรต้องใช้เวลาปลูกมะเขือเทศ 80-100 วัน จึงเก็บผลมารับประทานหรือขายได้ โดยน้ำหนักของลูกมะเขือเทศพันธุ์ใหม่นี้อยู่ที่ 60-80 กรัมต่อ 1 ลูก นักวิเคราะห์ราคาสินค้าเกษตรบังกลาเทศประเมินว่า ถ้าเกษตรกรสนใจซื้อมินตูไปปลูกอาจทำให้ราคามะเขือเทศในฤดูร้อนตกลงมาต่ำกว่า 12.5 บาทต่อกิโลกรัม ต่างจากราคาตาม ปกติที่ขายกันที่ 40 บาทต่อกิโลกรัม (ข่าวสด อังคารที่ 7 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





จุฬาฯเสนอรัฐทำรหัส "ชิพ" ประจำตัวสัตว์

รศ.น.สพ.วิวัฒน์ ชวนะนิกุล จากภาควิชาสัตวบาล คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มนำชิพอาร์เอฟไอดีมาใช้กับการบริหารจัดการฟาร์มปศุสัตว์ กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่มีระบบรหัสประจำตัวสัตว์และรหัสประจำชุดการผลิตที่เป็นมาตรฐาน ทำให้เกิดความสับสนในเรื่องของข้อมูล ดังนั้น ทีมวิจัยจึงเสนอให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งรหัสประจำชุดการผลิต โดยถือเป็นรหัสกลางของชาติ อาทิเช่น กำหนดให้ตัวเลขหลัก 2 แรกบอกรหัสจังหวัด ถัดมาเป็นรหัสฟาร์ม ปีที่ผลิต และลำดับชุดการผลิต เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน รหัสกลางของชาตินี้มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์จัดการระบบชิพอาร์เอฟไอดีมีความเข้าใจตรงกัน และออกแบบที่จะเข้ามาช่วยจัดการระบบฟาร์มให้ง่ายขึ้น ในทุกๆขั้นตอน โดยคาดว่าหน่วยงานปศุสัตว์จังหวัดจะทำหน้าที่ประสานงานและสร้างความเข้าใจให้กับเกษตรกรให้รู้จักการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ก่อนหน้านี้คณะสัตวแพทยศาสตร์ โดยศูนย์ฝึกนิสิตสัตวแพทย์ จังหวัดนครปฐม ได้ทำโครงการนำร่องติดไมโครชิพให้ปศุสัตว์ อาทิ โค กระบือ แกะ สุกร และไก่ รวมจำนวนกว่า 100 ตัว ขณะเดียวกันคณะสัตวแพทย์ จุฬาฯ กำลังเร่งเสนอโครงการทดลองใช้ชิพอาร์เอฟไอดีในหอยเป๋าฮื้อ เพื่อเก็บข้อมูลในส่วนของพันธุกรรมและการปรับปรุงพันธุ์ให้มีประสิทธิภาพ สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ การใช้อาร์เอฟไอดีมาช่วยเก็บข้อมูลทางพันธุศาสตร์ การทดลองผสมข้ามพันธุ์ จะช่วยให้เปรียบเทียบข้อเด่นข้อด้อยของหอยที่ปรับปรุงพันธุ์ ตลอดจนติดตามการเจริญเติบโตของสัตว์แต่ละตัวได้อย่างสะดวก (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 8 ก.พ. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





พบโลกหลงสำรวจแดนอิเหนา

นายบรูซ บีห์เลอร์ นักวิทยาศาสตร์อเมริกันผู้ก่อตั้งองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติคอนเซอร์เวชั่น อินเตอร์เนชั่นแนลเปิดเผยว่า จากการเข้าสำรวจพื้นที่ป่าทึบบนภูเขาฟอจาทางตะวันตกของเกาะกินี ในจังหวัดปาปัวของอินโดนีเซียเป็นเวลา 1 เดือนเต็มเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา คณะสำรวจที่ประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์จากสหรัฐ อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย พบสัตว์และพืชชนิดใหม่จำนวนมาก สภาพของป่าที่เข้าไปสำรวจเป็นป่าทึบ มีพื้นที่กว่า 5 ล้านไร่ ยังไม่มีร่องรอยการรบกวนจากอารยธรรมภายนอก กระทั่งร่องรอยการเข้าถึงใจกลางป่าลึกของชนเผ่าพื้นเมืองยังไม่พบ คณะสำรวจพบสิ่งมีชีวิตทั้งกบและผีเสื้อนับสิบชนิด ปาล์มพันธุ์ใหม่อีก 5 ชนิด นอกจากนี้ยังพบสัตว์หายากที่คาดว่าสูญพันธุ์ไปแล้วทั้งนกเบอร์เลปส์ เบิร์ด ออฟ พาราไดซ์ จากการสำรวจที่ใช้เวลาเพียง 1 เดือนการค้นพบยังเป็นเพียงผิวเผินเท่านั้น คณะสำรวจจะนำข้อมูลการค้นพบเพื่อยืนยันการค้นพบสิ่งมีชีวิตใหม่ส่งต่อเพื่อการรับรอง ในขณะที่จะเตรียมการสำรวจครั้งต่อไปโดยประสานกับรัฐบาลอินโดนีเซีย (สยามรัฐรายวัน พุธที่ 8 ก.พ. 49 http://www.siamrath.co.th)





Dynalifter เรือเหาะพันทาง

การขนส่งทางเรือ ด้วยอากาศยานแบบใหม่ล่าสุดที่มีชื่อว่า “Dynalifter” ซึ่งเป็นผลงานของบริษัท Ohio Airships Inc. ประเทศสหรัฐอเมริกา Dynalifter ถือเป็นอากาศยาน “พันทาง” หรือที่เรียกว่า “Hybrid” ในภาษาอังกฤษ ระหว่างเครื่องบินกับเรือเหาะ แน่นอนว่ารูปร่างหน้าตาของมันก็จะต้องเป็นส่วนผสมของอากาศ ยานทั้งสองชนิด นั่นคือมีโครงสร้างหลักคล้ายกับเรือเหาะที่เราเห็นกัน แต่ก็มีปีกเช่นเดียวกับเครื่องบินนั่นเอง ถึงแม้ว่าภายใน Dynalifter จะบรรจุด้วยก๊าซฮีเลียมซึ่งเป็นก๊าซที่เบากว่าอากาศ (ไม่ติดไฟเหมือนกับไฮโดรเจน) แต่น้ำหนักรวมของมันนั้นก็ยังหนักกว่าอากาศอยู่ดี ดังนั้นมันจึงต้องมีปีกเพื่อใช้ในการสร้างแรงยกเหมือนกับเครื่องบินเวลาบินขึ้น-ลง แต่สิ่งที่แตกต่างจากเครื่องบินก็คือ Dynalifter ใช้ระยะทางของรันเวย์ในการวิ่งขึ้นลงน้อยกว่าเครื่องบินมาก ทั้งนี้เป็นเพราะว่า “ฮีเลียม” นั่นเองที่ช่วยให้มันเบามากกว่าเครื่องบินธรรมดาทั่วไป จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการขนส่งสินค้าไปยังสถานที่ที่มีข้อจำกัดสำหรับการขึ้นลงของเครื่องบินทั่วไป ราว ๆ กลางปีนี้ ต้นแบบของ Dynalifter จะถูกนำขึ้นบินเพื่อทดสอบครั้งแรก หลังจากผ่านการออกแบบและทดสอบเป็นอย่างดีจากแบบจำลองในคอมพิวเตอร์รวมถึงใน “อุโมงค์ลม” สำหรับการทดสอบอากาศยานโดยเฉพาะ ทั้งนี้ยานต้นแบบจะมีขนาดความยาวราว 36 เมตร ซึ่งถือเป็นขนาดราว 1 ใน 8 ของยานตัวจริงที่มีการออกแบบเอาไว้ ที่ความยาวกว่า 300 เมตร ดังนั้นโครงสร้างของ Dynalifter จึงแตกต่างจากเรือเหาะธรรมดาทั่วไป นั่นคือโครงสร้างหลักของมันจะประกอบไปด้วย “คาน” ซึ่งถือเป็นแกนหลัก โดยใช้สายเคเบิลเป็นตัวรับน้ำหนักเหมือนกับโครงสร้างของสะพานแขวน ทำให้มีเนื้อที่ในการบรรทุกสิ่งของได้มากและด้วยน้ำหนักที่มากกว่าเรือเหาะแบบธรรมดาที่เห็น ๆ กันอยู่ อากาศยานพันธุ์ผสมอย่าง Dynalifter นี้เหมาะสำหรับใช้ในการขนส่งสินค้าหรือสิ่งของจำนวนมาก รวมไปถึงยุทธภัณฑ์ ไปยังพื้นที่ ๆ ยากต่อการเข้าถึง อย่างเช่นในพื้นที่ทุรกันดารและถนนหนทางยังไม่ได้รับการพัฒนาดีพอสำหรับการขนส่งทางรถยนต์หรือรถไฟ รวมไปถึงการขนส่งสิ่งจำเป็นไปยังพื้นที่ที่ประสบภัยในกรณีฉุกเฉินอย่างเช่นเหตุการณ์พายุถล่มหรือแผ่นดินไหวเป็นต้น ราคาต้นแบบประมาณ 20 ล้านบาท (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 9 ก.พ. 49 http://www.dailynews.co.th)





วงรัศมีก๊าซต้นกำเนิดกาแล็กซี

นักดาราศาสตร์ใช้กล้องโทรทรรศน์รังสีเอกซเรย์ตรวจพบวงรัศมีของก๊าซร้อนที่ม้วนตัวเข้าหาใจกลางก่อตัวเป็นกาแล็กซี อยู่ห่างจากโลกไป 100 ล้านปีแสง นับเป็นการค้นพบที่ช่วยต่อ "จิ๊กซอว์" ให้ทฤษฎีกำเนิดกาแล็กซี และช่วยคลายปมปริศนาว่ากาแล็กซีเอาเชื้อเพลิงจากไหนมาสร้างดาว รัศมีของเพลิงก๊าซร้อนดังกล่าวถูกพบอยู่ใจกลางกาแล็กซี "เอ็นจีซี 5746" เป็นกาแล็กซีเกลียวก้นหอยเหมือนกับกาแล็กซีทางช้างเผือกที่โลกเราเป็นสมาชิก นักดาราศาสตร์อธิบายว่า สิ่งที่กล้องโทรทรรศน์จันทราส่องพบนี้ คือกระบวนการก่อตัวของกาแล็กซี นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า กาแล็กซีสามารถขยายตัวใหญ่ขึ้นได้จากการเขมือบกาแล็กซีด้วยกันเอง และจากการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้แสดงให้เห็นแล้วว่า กิจกรรมที่เกิดขึ้นในใจกลางของหลุมดำสามารถกำหนดรูปร่างของกาแล็กซีได้ เมื่อเปรียบเทียบกับกาแล็กซีทางช้างเผือกแล้ว พบว่ากาแล็กซีเอ็นจีซี 5746 ยังไม่มีการก่อตัวของดาวและยังไม่มีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับพลังงานเกิดขึ้นจากบริเวณใจกลางกาแล็กซี ดังนั้น วงแหวนรัศมีที่พบนี้จึงไม่ได้เกิดจากก๊าซที่พุ่งออกมาจากใจกลางกาแล็กซีเหมือนกับที่นักดาราศาสตร์เคยตรวจพบเมื่อปี 2544 ตรงกันข้าม นักวิทยาศาสตร์กลับเชื่อว่าแรงดึงดูดอันมหาศาลของกาแล็กซีต่างหากที่ดึงดูดก๊าซเข้าหาใจกลางและทำให้เพลิงก๊าซร้อนหมุนเป็นเกลียวเหมือนก้นหอย การค้นพบครั้งนี้ช่วยสนับสนุนการจำลองเหตุการณ์ด้วยคอมพิวเตอร์ที่แสดงให้เห็นว่า กาแล็กซีค่อยๆ ก่อตัวขึ้นจากการเข้าไปรวมกับกลุ่มเมฆร้อนของก๊าซที่อยู่ระหว่างกาแล็กซีและสสารมืด ถ้าทฤษฎีนี้ถูกต้อง แปลว่าวงรัศมีของก๊าซร้อนกำลังโอบล้อมกาแล็กซีจำนวนหนึ่งไว้ และยังเป็นแหล่งเชื้อเพลิงที่คอยป้อนให้กาแล็กซีเพื่อกำเนิดดวงดาวอยู่ตลอดเวลา หรืออีกนัยหนึ่ง ดวงดาวไม่ได้เพิ่งก่อตัวขึ้นเมื่อกาแล็กซีเริ่มหมดพลังงาน (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 9 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





ภาวะโลกร้อนอบโลก สิ้นศตวรรษน้ำแข็งขั้วโลกละลาย

ในการสัมมนาวิชาการที่รัฐอลาสกาของสหรัฐฯเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญ มาร่วมหารือกันเพื่อประเมินว่ามนุษย์มีส่วนทำให้เกิดภาวะโลกร้อนมากเพียงใด และผลกระทบอย่างรุนแรงในระยะยาว ซึ่งอลาสกาเป็นจุดสังเกตที่สำคัญ เพราะมีปรากฏการณ์ธรรมชาติมากมาย ที่เกี่ยวข้องกับน้ำแข็งและผลกระทบที่เกิดจากน้ำแข็งละลาย นักวิทยาศาสตร์ร่วมกันประเมินภาพจำลองน้ำแข็งในแถบขั้วโลกเหนือที่ลดลง ทั้งขนาดและพื้นผิวของน้ำแข็งก็ลดลงตามไปด้วย แม้นักวิทยาศาสตร์ทราบดีว่าปัญหานี้เกิดขึ้นแน่นอน แต่ไม่คิดว่าน้ำแข็งจะลดลงรวดเร็วเช่นนี้ นักวิทยาศาสตร์คาดว่าน้ำแข็งขั้วโลกจะละลายภายในสิ้นศตวรรษนี้ ซึ่งจะเท่ากับเป็นการเปิดเส้นทางสู่ทะเลทางตอนเหนือ และการดำรงชีวิตอยู่ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างหมี ขั้วโลกจึงต้องขึ้นอยู่กับการคงอยู่ของน้ำแข็งในทะเล (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 10 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





มาเลย์ลุ้นนักบินอวกาศคนแรก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานการแข่งขันเพื่อคัดเลือกผู้ที่จะได้เป็นนักบินอวกาศคนแรกของ มาเลเซียทวีความเข้มข้นเมื่อรัฐบาลประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือก 8 คนสุดท้าย เมื่อ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา ในจำนวนนั้นรวมถึงทันตแพทย์ นักออกแบบยนตรกรรม และวิศวกรหญิง การคัดเลือกว่าที่นักบินอวกาศคนแรกของประเทศเริ่มขึ้นเมื่อปี 2546 มีผู้สนใจยื่นใบสมัคร เข้ามากว่า 11,000 คน ทุกคนต้องผ่านการทดสอบสมรรถนะทั้งทางกายและทางจิตใจ ผู้ไม่ผ่านเกณฑ์ได้ทยอยถูกคัดออกจนกระทั่งเหลือ 8 คน ซึ่งในเดือน มี.ค.นี้ มี 4 คนจะถูกส่งไปรัสเซียเพื่อทดสอบร่างกายอีกครั้งและคัดให้เหลือเพียง 2 คน โดย 2 คนนี้จะเข้ารับการฝึกที่องค์การอวกาศรัสเซียเป็นเวลา 18 เดือน แต่ท้ายที่สุดแล้วก็จะเหลือเพียง หนึ่งเดียวเท่านั้น ที่จะมีโอกาสขึ้นไปสำรวจอวกาศที่สถานีอวกาศนานาชาติ (ไอเอสเอส) ในเดือน ต.ค.ปีหน้า เจ้าหน้าที่ประเมินว่า โครงการอวกาศของมาเลเซียจะใช้งบประมาณสูงราว 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 10 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





ไมโครซอฟท์เปิดดาวน์โหลดฟรี โปรแกรมแปลงมาตราส่วนชั่งวัด

ระบบปฏิบัติการวินโดวส์เอ็กซ์พี ตอนนี้สามารถดาวน์โหลดโปรแกรมแปลงมาตราวัดมาติดตั้งลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ได้โดยไม่ต้องเสียเงิน โปรแกรม Microsoft Calculator Plus เป็นโปรแกรมคำนวณที่เพิ่มความสามารถในการแปลงมาตราวัด ชั่ง ตวง ของหน่วยต่างๆ นอกจากการใช้งานเป็นเครื่องคิดเลข สามารถแปลงหน่วยวัดได้หลายประเภท เช่น พื้นที่ ความยาว น้ำหนัก อุณหภูมิ (เซลเซียส/ฟาเรนไฮต์/เคลวิน) แรงดัน พลังงาน สกุลเงิน (เฉพาะสกุลเงินประเทศในยุโรปที่ไม่ได้ใช้เงินยูโร) การบริโภคเชื้อเพลิง (เครื่องยนต์) ความเร็ว เป็นต้น ที่น่าสนใจคือ Microsoft Calculator Plus นำหน่วยวัดพื้นที่ของไทย อย่างเช่น ไร่ และ ตารางวา ไว้ในส่วนของการแปลงพื้นที่ด้วย ช่วยให้สามารถแปลงพื้นที่ไร่เป็นตารางฟุต ตารางเมตร ตารางไมล์ ฯลฯ ได้ และสามารถแปลงหน่วยสากลอื่นมาเป็นหน่วยวัดพื้นที่ไทย เช่น ไร่ และ ตารางวาได้ด้วยเช่นกัน ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมได้ฟรีที่ www.microsoft.com แล้วเลือกหัวข้อ Downloads จากนั้นคลิกเลือก More popular downloads เพื่อเข้าไปเลือกโปรแกรมมากมาย (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 10 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





"ดิจิตอลคอนเทนต์"ไทย พร้อมเป็นผู้นำตลาดกลุ่มเอเชีย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่า การผลักดันของภาครัฐที่จะทำให้อุตสาหกรรมการผลิต "ซอฟต์แวร์แอนิเมชั่น" หรือ "ดิจิตอลคอนเทนต์" ของไทยให้กลายเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) ในระดับภูมิภาค โดยเริ่มต้นจากในระดับอาเซียนภายใน 3 ปี ได้กลายเป็นปัจจัยผลักดันสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมแอนิเมชั่นของไทยมีทิศทางที่ชัดเจนยิ่งขึ้นหลังจากช่วงที่ผ่านมา ซึ่งการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมภาพยนตร์ หรือ "ฮอลลีวู้ดแห่งเอเชีย" ตั้งเป้าหมายให้อุตสาหกรรมดิจิตอลคอนเทนต์ของไทยมีมูลค่าราว 80,000 ล้านบาท ภายในปี 2551 ด้วยมาตรการสนับสนุนที่สำคัญ คือ สนับสนุนด้านการลงทุน สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา การพัฒนาทรัพยากรบุคคล การประชาสัมพันธ์ ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดของดิจิตอลคอนเทนต์ในปี 2548 มีมูลค่า 6.62 ล้านล้านบาท และคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 10.85 ล้านล้านบาทในปี 2550 คอนเทนต์สำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่จะมีการเติบโตสูงที่สุดคิดเป็นร้อยละ 66 รองลงมาเป็นคอนเทนต์ทางด้านอี-เลิร์นนิ่ง ร้อยละ 54 เกม ร้อยละ 20 และ คอนเทนต์แอนิเมชั่น ร้อยละ 12 ส่วนการพัฒนาและความต้องการใช้บริการดิจิตอลคอนเทนต์ในประเทศไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดโลก มีการใช้เทคนิคแอนิเมชั่นสำหรับงานหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นงานภาพยนตร์โฆษณา งานสร้างเว็บไซต์ทางอินเตอร์เน็ต ภาพยนตร์ เกม คอนเทนต์ในโทรศัพท์เคลื่อนที่ ภาพยนตร์การ์ตูน ซึ่งผลงานที่นำมาใช้ในประเทศไทยนั้น กว่าร้อยละ 70 เป็นคอนเทนต์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ (ข่าวสด ศุกร์ที่ 10 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ลำปางสัมมนาเอเปค"พลังงานถ่านหินสะอาด"

นายอมรทัต นิรัติศยกุล ผู้ว่าฯลำปาง นายสหาย รักเหย้า รองผู้จัดการใหญ่เชื้อเพลิง บมจ.กฟผ.จำกัด (มหาชน) พร้อมคณะกรรมการจัดงานสัมมนาวิชาการด้านพลังงานถ่านหินสะอาดกลุ่มสมาชิกเขตเศรษฐกิจ (APEC) ร่วมกันแถลงข่าวความพร้อมในการจัดงานสัมมนาวิชาการพลังงานถ่านหินสะอาดกลุ่มสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปค ซึ่งทาง กฟผ.ร่วมกับกระทรวงพลังงานเป็นเจ้าภาพจัดสัมมนาวิชาการด้านพลังงานถ่านหินสะอาดกลุ่มสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC Clean Fossil Energy Technical Policy Seminar) ที่โรงแรมเวียงลคอร จ.ลำปาง เพื่อเสนอนโยบายสะอาดในกลุ่มสมาชิกเขตเศรษฐกิจ ด้านพลังงาน 21 ประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการและเทคนิค ประสบการใช้พลังงานถ่านหินสะอาด การประชุมครั้งนี้ได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ และ กฟผ.มีความสนใจแลกเปลี่ยนเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีพลังงานถ่านหินสะอาดจากประเทศต่างๆ ที่พัฒนาเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าแล้ว เช่น ประเทศญี่ปุ่น และบางประเทศมีกระบวนการนำถ่านหินให้สะอาดก่อนนำมาเผาไหม้ โดยนำถ่านหินมาเป็นก๊าซก่อนแล้วจึงนำเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งเป็นวิธีการทำให้ถ่านหินสะอาด ไม่ต้องติดตั้งเครื่องดักจับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซค์ นอกจากนี้ยังมีโรงไฟฟ้าเอกชนแห่งหนึ่งที่จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งมีวิธีการใส่สารสำหรับดูดซับสารพิษต่างๆ ในระหว่างการเผาไหม้ ซึ่งอาจนำมาพัฒนาใช้กับกระบวนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินของ กฟผ.ให้มีคุณภาพ และเป็นพลังงานสะอาดกว่าที่เป็นอยู่ (มติชนรายวัน เสาร์ที่ 11 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th)





ข่าววิจัย/พัฒนา


ประดิษฐ์รองเท้าแตะส่องไฟถูกใจคนตื่นเข้าห้องน้ำกลางดึก

นักประดิษฐ์ชาวอเมริกันเอาใจคนตื่นกลางดึกให้สามารถเดินเข้าห้องน้ำได้อย่างปลอดภัย ด้วยการนำเสนอรองเท้าแตะส่องไฟขึ้นมา หนังสือพิมพ์เดลี เอ็กซ์เพรสส์รายงานว่า นายโด วิค นักประดิษฐ์ชาวอเมริกันได้ประดิษฐ์รองเท้าแตะติดไฟฉายทรงพลังไว้ที่หัวแม่เท้า สำหรับคนที่มักจะตื่นขึ้นมากลางดึกได้ใส่เดินได้อย่างปลอดภัย ไม่สะดุดหกล้ม โดยรองเท้าดังกล่าวจะมีลำแสงส่องออกมาประมาณ 20-25 ฟุตในที่มืดเมื่อผู้สวมสอดเท้าเข้าไปเดิน มันจะให้แสงอยู่นานจนกว่าผู้สวมจะเดินกลับไปนอนที่เตียง ตามปกติรองเท้าแตะชื่อว่าไบรท์ฟีท จะมีจำหน่ายที่อังกฤษในราคาประมาณคู่ละ 1,750 บาท. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 6 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





หยุดชีวิตพิชิตโรค

Hypothermia คือสภาวะที่ร่างกายเกิดการสูญเสียความร้อน ไม่ว่าจะเกิดจากอากาศที่หนาวเย็น หรือน้ำที่เย็นจัด ทำให้ร่างกายไม่สามารถรักษาระดับอุณหภูมิปกติที่ประมาณ 37 องศาเซลเซียส (98.6 ๐F) ร่างกายจะเริ่มหนาวสั่น ผิวหนังซีดลง เริ่มพูดไม่ชัด อัตราการเต้นของหัวใจช้าลง หมดสติ และอาจเสียชีวิตได้ในที่สุด หากว่าไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที แต่แพทย์และนักวิจัยจากโรงพยาบาล Massachusetts General ในเมือง Boston ประเทศสหรัฐอเมริกากลับได้แนวความคิดในการพัฒนาเทคนิควิธีการใหม่ในการผ่าตัดช่วยเหลือคนไข้ โดยใช้ภาวะ Hypothermia เป็นเครื่องมือ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากหลาย ๆ ปัจจัยของการผ่าตัดแบบปกติทั่วไปในปัจจุบัน นักวิจัยทำการทดลองกับหมู โดยกระบวนการเริ่มต้นที่ทำให้หมูหมดสติก่อน หลังจากนั้นจึงตัดเส้นเลือดใหญ่ที่อยู่บริเวณช่องท้อง ทั้งนี้เพื่อจำลองให้คล้าย ๆ กับสภาพที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่เสียเลือดมากจากบาดแผลที่ถูกยิง การเสียเลือดมากทำให้หมูตกอยู่ในสภาวะช็อกจากการเสียเลือด นักวิจัยถ่ายเลือดของหมูมาพักเก็บไว้ข้างนอก หลังจากนั้นก็สูบเอาสารละลายที่ใช้เก็บรักษาอวัยวะที่มีอุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียสเข้าไปหมุนเวียนในร่างกายของหมูแทนเลือดที่ถูกถ่ายออกมา อุณหภูมิในร่างกายของหมูที่ลดลงจนกระทั่งเหลือ 10 องศาเซลเซียส ทำให้หมูตกอยู่ในสภาวะ Hypothermia ชีพจรจะหยุดเต้น สัญญาณไฟฟ้าใดที่ตามปกติจะเกิดขึ้นในสมองจะหยุดหมด แต่หลังจากที่นักวิจัยนำเลือดของหมูถ่ายกลับเข้าไปในตัวหมูอีกครั้งหนึ่ง หัวใจของมันจะเริ่มเต้น ชีพจรกลับเข้าสู่สภาวะปกติ และมันก็กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ตามปกติแล้วสมองของคนเราจะขาดเลือดไปหล่อเลี้ยงได้ไม่เกิน 4-5 นาที การขาดออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงทำให้เกิดอนุมูลอิสระมากขึ้นภายในเซลล์ซึ่งอนุมูลอิสระนี้เองที่เป็นพิษต่อเซลล์และคอยทำลายเซลล์ ทำให้เซลล์ค่อย ๆ ตายลงในที่สุด แต่การที่ร่างกายของหมูหรือคนเราเมื่อตกอยู่ในสภาวะ Hypothermia คือเมื่อในร่างกายมีอุณหภูมิลดลงเหลือประมาณ 10 องศาเซลเซียส ประกอบกับเมื่อมีการปล่อยสารละลายพิเศษอย่าง Saline (สารละลายที่มีเกลือแกง NaCl ละลายอยู่ในน้ำบริสุทธิ์) เข้าไปไหลเวียนในร่างกายแทนเลือด (ที่มีออกซิเจน) กิจกรรมต่าง ๆ ภายในเซลล์ก็จะช้าลงจนเกือบหยุดนิ่งโดยสิ้นเชิง เมื่อกิจกรรมต่าง ๆ ภายในเซลล์หยุดลง ของเสียที่เกิดขึ้นจากกระบวนการเหล่านั้นก็ไม่มี ดังนั้นเซลล์จึงไม่ถูกทำลายจากอนุมูลอิสระที่กล่าวข้างต้น สมองของหมูหรือคนเราก็จะสามารถขาดออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงได้นานมากขึ้นคือประมาณ 90-120 นาที และเมื่อนำเลือด (ที่อุณหภูมิปกติของร่างกาย) ถ่ายกลับเข้าไปในร่างกายอีกครั้ง กิจกรรมต่าง ๆ ภายในเซลล์ ก็จะกลับมาเป็นปกติ และเราก็จะกลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง จากผลการทดลอง นักวิจัยประสบความสำเร็จมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ (ของการทดลองกว่า 200 ครั้ง) และอยู่ระหว่างขออนุญาตต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการทดลองกับคนไข้จริง ๆ ในคนไข้ที่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงและเสียเลือดมาก จนทำให้ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีปกติอื่นได้ ก็ไม่แน่ใจว่าการหยุด “ชีวิต” ของผู้ป่วยไว้ชั่วคราว จะทำให้เกิดปัญหาทางด้านกฎหมายหรือการตีความ ความหมายของคำว่า “ชีวิต” (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 6 ก.พ. 49 http://www.dailynews.co.th)





เพิ่มความเย็นแอร์รถยนต์

อนุชา อายุจินา ผู้ประดิษฐ์ “อุปกรณ์เพิ่มความเย็นเครื่องปรับอากาศรถยนต์” เปิดเผยว่า เพราะประสบปัญหาแอร์รถร้อนมาก ซึ่งตนก็พยายามที่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามาตลอด เช่นเอาผ้าชุบน้ำเย็นมาวางที่ดรายเออร์ ฯลฯ สารพัดวิธีจะทำไปเรื่อยๆ จนได้มาร่วมงานกับหลานชาย ช่วยกันพัฒนาเป็นอุปกรณ์ที่เป็นระบบขึ้น “ตามปกติระบบการทำความเย็นของน้ำยาแอร์นั้น จะตั้งระดับอุณหภูมิสูงสุดที่ 32 องศาฯ แต่ว่าอุณหภูมิเมืองไทยเวลาที่ร้อนนั้นจะร้อนกว่า 40 องศาฯ ซึ่งถ้าจะเพิ่มอุณหภูมิในรถยนต์นั้นต้องแก้ไขที่ตัวระบบการทำความเย็นของแอร์ให้มีการระบายอากาศที่ดีขึ้น” อนุชา ได้ประดิษฐ์ อุปกรณ์เพิ่มความเย็นเครื่องปรับอากาศรถยนต์ ซึ่งเป็นระบบที่เชื่อมกับระบบน้ำยาแอร์ ซึ่งทำให้ระบบการทำความเย็นทำงานได้ดีขึ้น และได้ไปจดสิทธิบัตรเอาไว้ เพราะมั่นใจว่ายังไม่เคยมีใครทำมาก่อน และคิดว่าน่าจะต่อยอดทางธุรกิจไปอีกได้” (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 6 ก.พ. 49 http://www.dailynews.co.th)





บอร์ดเทคโนโลยีชาติหนุนวิจัยกุ้ง-เมล็ดพันธุ์

นายประวิช รัตนเพียร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 ก.พ.คณะกรรมการนโยบายเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ได้จัดประชุมโดยมี ศ.นพ.สุชัย เจริญรัตนกุล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยผู้แทนสำนักงานวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และกระทรวงต่างๆ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ อนุมัติกรอบทิศทางการดำเนินงานสำหรับเพื่อเพิ่มขีดความสามารถอุตสาหกรรมกุ้ง เพื่อให้ไทยเป็นผู้นำด้านการผลิตกุ้งและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและปลอดภัยต่อผู้บริโภคในตลาดโลก โดยมอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ ดำเนินการด้านวิจัยและพัฒนากุ้งไทยระยะเวลา 3 ปี กรอบวงเงิน 550 ล้านบาท และอนุมัติแผนยุทธศาสตร์เทคโนโลยีชีวภาพ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ด้วยกรอบวงเงิน 350 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 5 ปี โดยให้ทำวิจัยเพิ่มผลผลิตโดยไม่ต้องเพิ่มพื้นที่เพาะปลูก และได้สายพันธุ์พืชที่เป็น "Thailand brand name" ซึ่งระยะแรกมุ่งเน้นกลุ่มพืชตระกูลแตง พริก ข้าวโพดหวาน และมะเขือเทศ ทั้งนี้ กรอบยุทธศาสตร์ทั้ง 2 โครงการ จะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป ในเรื่องวิจัยกุ้งไทยนั้นจะเน้นใน 3 ประเด็นคือ การพัฒนาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์คุณภาพสูง การพัฒนาสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับภูมิอากาศของไทย และการแพร่ขยายพันธุ์เพื่อให้ได้ลูกกุ้งจำนวนมากและแข็งแรง สำหรับกระจายสู่เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 6 ก.พ. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





สหรัฐเผยเทคนิคสแกนสมองจับเท็จ

สตีเวน ลาเกน นายทุนต้นความคิดได้ก่อตั้งบริษัท ซีฟอส คอร์ป ขึ้นมาเพื่อนำเอาเทคโนโลยีนี้มาใช้เป็นช่องทางทำเงินในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า บริษัทดังกล่าวได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งเซาท์แคโรไลนา ซึ่งเป็นผู้ประยุกต์ใช้เทคนิคดังกล่าวมาจับเท็จคนพูดโกหกโดยเฉพาะระบบการสแกนสมองเพื่อจับโกหกด้วยเทคนิคนี้ จากการทดสอบให้ความแม่นยำถึง 90% โรเบิร์ต ชาปิโร ทนายความชื่อดังผู้แก้ต่างให้ โอ.เจ.ซิมสัน จำเลยในคดีฆาตกรรมภรรยาของตัวเอง จนชนะคดี บอกว่าหากเทคโนโลยีพร้อมใช้เมื่อไร ผมจะใช้มันประกอบร่วมในทุกคดี ที่ดูแลเพื่อแสดงความจริงของลูกความให้เป็นที่ประจักษ์ ห้องปฏิบัติการดังกล่าว ไม่ใช่ที่เดียวที่ประยุกต์ใช้เทคนิคสแกนสมองเพื่อการจับเท็จ เพราะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียก็ประสบความสำเร็จในการนำใช้เช่นกัน และโจแอล ที ฮอยเซนกา นายทุนชาวแคลิฟอร์เนีย ก็มีแผนจะใช้งานวิจัยของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียมาให้บริการจับเท็จในฟิลาเดลเฟียภายในเดือนกรฎาคมนี้ โดยใช้ชื่อบริษัทว่า โน ลาย เอ็มอาร์ไอ อิงค์ เครื่องมือสแกนสมองที่ห้องปฏิบัติการทั้งสองใช้มีชื่อเรียกว่า "เอฟเอ็มอาร์ไอ" เป็นเครื่องมือมาตรฐานสำหรับศึกษาการทำงานของสมองโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามงานวิจัยที่ใช้เทคนิคนี้ช่วยจับเท็จยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น และยังไม่มีใครรู้ว่าจะดีกว่าการใช้เครื่องจับเท็จเดิมหรือไม่ โดยเครื่องจับเท็จที่ใช้อยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะวัดความดันโลหิต และอัตราการเต้นของหัวใจ เพื่อดูสัญญาณทางอารมณ์ของการโกหก แต่หลายคนเชื่อว่าเทคนิคเอฟเอ็มอาร์ไอ น่าจะมีความแม่นยำสูงกว่า เพราะดูลึกไปถึงกิจกรรมสมองเลยว่ากำลังโกหกอยู่หรือเปล่า ฝ่ายที่สนับสนุนให้ใช้เครื่องเอฟเอ็มอาร์ไอจับเท็จ กล่าวยืนยันถึงความแม่นยำของระบบดังกล่าว เนื่องจากสมองเป็นส่วนเดียวในร่างกายที่ไม่ได้เป็นแหล่งของการพูดเท็จ ต่างกับการจับเท็จด้วยวิธีการอื่น เท่ากับว่าในอนาคตทนายความจะไม่สามารถใช้แผ่นกราฟจากการเข้าเครื่องจับเท็จ มาใช้เป็นหลักฐานที่ถูกต้องตามกฎหมายมาใช้อ้างถึงความบริสุทธิ์ของลูกความ (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 31 ม.ค. 49 31 มกราคม 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





มอเตอร์ไซค์ไอเสียต่ำผลงานร่วมเนคเทค

กลุ่มงานวิจัยอิเล็กทรอนิกส์ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนค เทค) ได้วิจัยและพัฒนาระบบจุดระเบิดอิเล็กทรอนิกส์แบบ CDI (Capacity Discharge Ignition) สำหรับรถจักรยานยนต์ และกำลังร่วมมือกับ "ไทเกอร์" ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ของไทยเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของอุปกรณ์ อมเรศ แก้วปัญญา ผู้ช่วยนักวิจัยโครงการ กล่าวว่า CDI ต้นแบบที่เนคเทคพัฒนาขึ้นนี้ ช่วยการควบคุมเครื่องยนต์ให้ได้แรงบิดที่สูง และในขณะเดียวกันมีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานต่ำ ไอเสียต่ำ โดยระบบจะควบคุมให้มีการจุดระเบิดหัวเทียน เมื่อลูกสูบอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ซึ่งจะแปรเปลี่ยนไปตามความเร็วรอบเครื่องยนต์ การทำงานของ CDI จะถูกควบคุมด้วยไมโครคอนโทรเลอร์ ซึ่งจะกำหนดตำแหน่งการจุดระเบิดให้อยู่ในจุดที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ยังทำให้เกิดความยืดหยุ่นระหว่างความเร็วรอบกับองศาการจุดระเบิดด้วย ส่วนราคาทุนที่ไม่ถึง 200 บาท ขณะที่แผงวงจรนำเข้าราคา 500-1000 บาท ระบบ CDI สามารถคำนวณองศาและเวลาการจุดระเบิดในแต่ละความเร็วรอบด้วย ระบบดิจิทัล ตั้งแต่รอบเดินเบา ถึงรอบสูงสุด อีกทั้งสามารถปรับองศาการจุดระเบิดได้หลากหลาย ตามรอบ และสูงสุด 20 องศา ด้วยการตั้งค่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์ นักวิจัยเนคเทคยังได้พัฒนา โปรแกรมสำหรับส่งข้อมูลแจ้งสถานะการทำงานความเร็วรอบของรถมายังอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรือคอมพิวเตอร์พกพาด้วย CDI ทำงานโดยอาศัยหลักการของตัวเก็บประจุไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจากสนามแม่เหล็ก เหนี่ยวนำจากเครื่องยนต์ที่หมุนด้วยความเร็วแตกต่างกัน จากนั้นจึงคายประจุไฟฟ้าในจังหวะที่ เหมาะสม คือตำแหน่งการเคลื่อนที่ขึ้นลงของลูกสูบ ซึ่งเนคเทคได้พัฒนา CDI ออกมา 2 รุ่น คือรุ่นที่ ใช้กับระบบไฟฟ้ากระแสตรง และรุ่นที่ใช้กับไฟฟ้ากระแสสลับ ขณะนี้ต้นแบบดังกล่าวอยู่ระหว่างการยื่อคำขอจดสิทธิบัตร และอยู่ระหว่างการทดสอบร่วมกับผู้ผลิตจักรยานยนต์ของไทเกอร์ เช่นเดียวกับแท่นทดสอบเครื่องยนต์ เพื่อวัดแรงบิดและอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน ซึ่งประสิทธิภาพของการทดสอบในเบื้องต้นอยู่ในระดับที่น่าพอใจ (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 6 ก.พ. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





หุ่นยนต์กุ้ง

ศ.เดวิด แม็กมิลแลน มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ออสเตรเลีย กล่าวว่า คนใช้มือคลำทางไปห้องน้ำในตอนกลางคืน ส่วนกุ้งก็ใช้หนวดหาทิศทาง แม้จะมีสมองเล็กแต่มันมีประสาทสัมผัสที่ว่องไวมาก ทั้งจับความสั่นสะเทือนและมีตัวรับสารเคมีเพื่อตรวจจับสารเคมีในน้ำที่มาจากอาหาร คู่รักหรือศัตรู จากการจับกุ้งใส่ในพื้นที่ ซึ่งมีพื้นผิวหลากหลายทั้งพลาสติกห่อของและกระดาษทราย นักวิจัยพบว่า กุ้งเปลี่ยนพฤติกรรมตอบสนองวัสดุหรือพื้นผิวแต่ละอย่าง นอกจากนี้ มันยังมีระบบวิเคราะห์พื้นที่ล่วงหน้าที่ซับซ้อนมาก เป็นแรงบันดาลใจให้นาซ่านำไปออกแบบหุ่นยนต์อวกาศและใช้การเคลื่อนไหวของหางกุ้งเป็นต้นแบบการเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์ (ข่าวสด จันทร์ที่ 6 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





"โสมใต้"ตั้งเป้าส่งหุ่นยนต์ ทำหน้าที่ช่วยตำรวจ-ทหารออกรบ

หนังสือพิมพ์โคเรียไทม์ ประเทศเกาหลีใต้ รายงานว่า ภายในปีพ.ศ.2553 ทางการเกาหลีเตรียมส่ง "หุ่นยนต์" มาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยตำรวจและทหารปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดน หรือเข้าสอดแนมหาข่าวในสนามรบ ศูนย์หุ่นยนต์อัจฉริยะ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า คณะกรรมการ 40 คนที่ทางศูนย์แต่งตั้งขึ้นมากำลังพิจารณาถึงความคุ้มทุนของโครงการสร้างหุ่นยนต์เพื่อให้ทำหน้าที่รักษาความมั่นคง ลี โฮ-กิล หัวหน้าศูนย์หุ่นยนต์อัจฉริยะ กล่าว ถ้าผลการประชุมสรุปออกมาว่าการลงทุนในโครงการนี้มีความคุ้มค่าทั้งในเชิงเทคนิคและเชิงพาณิชย์ คาดว่าภายในปลายปีหน้าเราก็จะเริ่มต้นพัฒนาหุ่นยนต์เพื่อความมั่นคงชุดแรกได้ คุณสมบัติของหุ่นยนต์รักษาความมั่นคงจะก้าวหน้าถึงขั้นออกตรวจตราลาดตระเวนช่วงกลางคืนและไล่จับอาชญากรหรือผู้กระทำความผิดได้ นอกจากนั้นรัฐบาลยังมีแผนให้ทางศูนย์พัฒนาสร้างหุ่นยนต์สำหรับทำการรบในสมรภูมิ โดยเบื้องต้นลักษณะของหุ่นยนต์สงครามประเภทนี้จะมีลักษณะเหมือนกับสุนัข ม้า ซึ่งมีล้อเลื่อนหรือขา 6 ขา โดยไอซีทีกับกระทรวงกลาโหมจะเป็นผู้จ่ายงบสนับสนุนศูนย์หุ่นยนต์อัจฉริยะไปจนถึงปี 2554 ประมาณ 1,356 ล้านบาท โดยหุ่นยนต์ที่จะถือกำเนิดขี้นในอนาคตต้องสามารถควบคุมทางไกลผ่านระบบรีโมตคอนโทรล หรือต้องมีระบบ "ปัญญาประดิษฐ์" ที่สามารถประมวลผลและเคลื่อนไหวไปยังเป้าหมายต่างๆ ได้ด้วยตัวมันเอง (ข่าวสด จันทร์ที่ 6 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ใช้นกพิราบเป็นสารวัตรตรวจมลพิษ

นิตยสาร “นิว ไซเอนทิสต์” อันมีชื่อเสียงของอังกฤษ รายงานว่า นักวิจัยมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐอเมริกา ได้คิดจะใช้นกพิราบเป็นยามคอยจับตาดูภาวะมลพิษในอากาศ โดยจะให้มันแบกแผ่นวงจรสำเร็จโทรศัพท์มือถือพร้อมด้วยซิมการ์ด วงจรโทรคมนาคม อุปกรณ์ติดต่อกับระบบดาวเทียมสำหรับใช้กำหนดตำแหน่ง บนพื้นโลก เครื่องตรวจวัดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และไนโตรเจน ไดออกไซด์ไว้บนหลัง พร้อมกับห้อยกล้องถ่ายรูปจิ๋วที่คอไปด้วย ขณะที่บินอยู่อุปกรณ์เหล่านี้ก็จะได้รายงานส่งข้อมูลเป็นข้อความสั้นๆลงมาให้ นักวิจัยบีทริซ ดา คอสตา กับนักศึกษาอีกสองคน ผู้เป็นต้นคิด กำหนดจะเริ่มใช้มันทำงาน ที่ในเมืองซาน โฮเซ ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งท้องฟ้ามักจะเต็มไปด้วยหมอกควันอยู่เสมอ ในเดือนสิงหาคมหน้านี้. (ไทยรัฐ อังคารที่ 7 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





แนะรัฐส่งเสริมคนทำวิจัยขึ้น"ห้าง"

นายพันธ์ศักดิ์ พลสารัมย์ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวตอนหนึ่งในการสัมมนาเรื่อง "การศึกษาแนวโน้มเพื่อวิจัยและพัฒนาการศึกษาสำหรับอนาคต" ที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ว่าตนได้ศึกษาแนวโน้มการวิจัยและพัฒนาการศึกษาสำหรับอนาคต พบว่าปัจจุบันงานวิจัยไม่ได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ขาดการเชื่อมโยงกับหน่วยงานและการเผยแพร่งานวิจัย อีกทั้งการทำงานวิจัยยังขาดเครือข่ายและประชาคมการวิจัยที่เป็นเอกภาพทำให้การทำงานวิจัยแยกกันทำกระจัดกระจาย ส่วนใหญ่การวิจัยเน้นประเด็นทางด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีสารสนเทศ และสภาพแวดล้อมเป็นหลัก แต่ยังขาดการพัฒนาด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ทั้งนี้ ทิศทางการวิจัยด้านการศึกษาในอนาคตควรมุ่งไปสู่การพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันการพัฒนาที่ยั่งยืน การแก้ปัญหาทั้งในเชิงรับและรุกในระดับประเทศ สถาบันและบุคคล ด้านนายอมรวิชช์ นาครทรรพ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปัจจุบันยังขาดกลยุทธ์การนำผลงานวิจัยไปใช้ให้เกิดประโยชน์เป็นเม็ดเงิน รัฐบาลต้องเร่งสร้างกลไกลในการพัฒนางานวิจัยไปประยุกต์ใช้ให้มากขึ้น โดยอาจร่วมมือกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนงานวิจัย (สกว.) สร้างงานวิจัยชิ้นใหญ่ขึ้นมา นอกจากนั้นเขตพื้นที่การศึกษาควรมีความสามารถสร้างงานวิจัยได้ โดยเน้นงานวิจัยที่สำพันธ์กับครอบครัวและชุมชนด้วยงบประมาณของท้องถิ่น ถ้าผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นนักวิชาการพื้นที่ด้วยยิ่งจะมีพลังขับเคลื่อนสูง อีกทั้งต้องกระตุ้นให้สร้างนักวิจัยตั้งแต่ระดับปริญญาตรี ส่งเสริมให้คนทำวิจัยขึ้นห้าง ที่สำคัญต้องเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจ เพื่อนำผลงานวิจัยไปช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ (มติชนรายวัน อังคารที่ 7 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th)





"สถานเทคโนโลยีก๊าซชีวภาพ"ขยายขอบเขต สร้างระบบบำบัดน้ำเสียในโรงงานขนมจีนแพร่

ผศ.ดร.อนุสรณ์ อินทรังษี ผู้อำนวยการโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพ สถานเทคโนโลยีก๊าซชีวภาพ เปิดเผยว่า สถานเทคโนโลยีก๊าซชีวภาพ วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีก๊าซชีวภาพสำหรับการประยุกต์ใช้ในการบำบัดน้ำเสียในโรงงานขนมจีนแม่ทองคำ อ.ลอง จ.แพร่ สำเร็จแล้วและอยู่ระหว่างการก่อสร้างโดยงบประมาณการวิจัยพัฒนาส่วนหนึ่งมาจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เครือข่ายภาคเหนือ การจัดการเรื่องระบบบำบัดน้ำเสียจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อป้องกันปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อม และโรงงานทำแป้งขนมจีนเป็นโรงงานที่มีอยู่ทั่วไป กระจายตามชุมชนต่างๆ ปัญหาเรื่องน้ำเสียของโรงงานประเภทแป้งคือกลิ่นของน้ำเสีย เพื่อให้โรงงานอยู่ร่วมกับชุมชนได้ จึงจำเป็นต้องมีระบบบำบัดน้ำเสีย ที่สามารถลดกลิ่นของน้ำเสีย และยังต้องเป็นระบบบำบัดที่ผู้ประกอบการสามารถดูแลเองได้ เป็นระบบบำบัดน้ำเสียที่ประหยัดพลังงานในการเดินระบบ ซึ่งระบบก๊าซชีวภาพ เหมาะสมกับน้ำเสียที่มีสารอินทรีย์สูง การเดินระบบจะใช้พลังงานต่ำ ดูแลรักษาง่าย และสามารถผลิตก๊าซชีวภาพซึ่งนำมาเป็นพลังงานทดแทนได้ โดยระบบก๊าซชีวภาพที่โรงงานขนมจีนแม่ทองคำ จ.แพร่ นี้มีขนาดระบบ 20 ลบ.ม. คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน 2549 นี้ ซึ่งจะใช้เป็นต้นแบบให้กับโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็กที่มีปัญหารายอื่น ต่อไป ทั้งนี้ สถานเทคโนโลยีก๊าซชีวภาพมีประสบการณ์ในการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ฟาร์มขนาดกลางและขนาดใหญ่ มาเป็นเวลากว่า 10 ปี โดยโครงการระยะที่ 1 เริ่มเมื่อปี 2538-2541 ก่อสร้างระบบได้ 10,000 ลบ.ม. ระยะที่ 2 ปี 2540-2546 มีผู้สนใจก่อสร้างระบบเป็นจำนวน 16 ฟาร์ม คิดเป็นปริมาตรระบบ 46,000 ลบ.ม. ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินงานโครงการระยะที่ 3 ปี 2545-2552 แบ่งเป็น 2 ส่วน คือฟาร์มขนาดใหญ่มีเป้าหมายปริมาตรระบบรวม 130,000 ลบ.ม. ทั่วประเทศ และฟาร์มขนาดกลางมีเป้าหมายปริมาตรระบบรวม 150,000 ลบ.ม. ผู้สนใจ ติดต่อข้อมูลได้ที่ สถานเทคโนโลยีก๊าซชีวภาพ โทร.0-5394-8195-8 E-mail: contact@biogastact-cmu.com หรือ www.biogastech-cmu.com (มติชนรายวัน อังคารที่ 7 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th)





คุณหมอหุ่นยนต์

โรโบติก ดอกเตอร์ (Robotic Doctor) คุณหมอหุ่นยนต์ ผู้มีความสามารถในการติดต่อทางไกล ที่เรียกว่า เทเลเมดิซีน (telemedicine) คุณหมอที่ว่านี้ มีชื่อที่รู้จักกันดีว่า RP-6, หรือชื่อเต็ม "Remote Presence Robot" ถือเป็นความก้าวหน้าทางวิทยาการการแพทย์ ในการตรวจรักษาสุขภาพด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ จากกลไกคอมพิวเตอร์ไซซ์ใหญ่ๆ ตั้งอยู่กับพื้น ก็ลดขนาดและทำให้เคลื่อนไหวได้ หุ่นยนต์เวอร์ชั่นนี้ได้รับการอนุญาตให้ตรวจเยี่ยมคนป่วย โดยการควบคุมผ่านรีโมต และคุณหมอมนุษย์จริงๆ สามารถให้คำแนะนำผ่านหน้าจอได้ โดยคนไข้ยังนอนอยู่บนเตียง ทุกวันนี้ เจ้า RP-6 ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา แต่จุดเริ่มต้นก่อนเป็น RP-6 สร้างขึ้นที่ทัช เฮลท์ ในซานตาบาร์บารา มีขนาดสูง 5 ฟุต หนัก 200 ปอนด์ รูปร่างของหมอหุ่นยนต์นี้บรรจุด้วยเครื่องดูดฝุ่น จอคอมพิวเตอร์บนศีรษะ วิดีโอสองทิศทาง และเชื่อมต่อการติดต่อด้วยอินเตอร์เน็ตผ่านบอร์ดแบนด์ไร้สาย มีอินฟราเรด เป็นตัวเซ็นเซอร์ ติดด้วยไมโครโฟนและสปีกเกอร์ ผู้สนใจอยากมีคุณหมอหุ่นยนต์ไว้ช่วยรักษากาย เขามีให้เช่าเป็นรายเดือนไว้ปฐมพยาบาลที่บ้าน ตกเดือนละ 3,000 สหรัฐ นอกจากได้หุ่นยนต์แล้ว ยังรวมถึงซอฟต์แวร์ และอบรมการใช้งาน พร้อมทีมหนุนด้านเทคนิคไว้คอยช่วยแก้ปัญหา (มติชนรายวัน อังคารที่ 7 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th)





ฤทธิ์เดชความเครียดจากงาน เป็นสะพานไปสู่โรคหัวใจ

ผลการศึกษาของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอลเลจ ลอนดอน ในอังกฤษ ชี้ว่าความเครียดในที่ทำงานเป็นปัจจัยหลักให้เกิดโรคหัวใจและเบาหวานได้ เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่าความเครียดนั้นเชื่อมโยงให้สุขภาพป่วยไข้ แต่วารสารการแพทย์อังกฤษ รายงานผลการศึกษาของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอลเลจ ลอนดอน ระบุถึงกระบวนการด้านชีววิทยาออกมาเป็นครั้งแรก โดยศึกษากับข้าราชการพลเรือน 10,000 คน หาความเชื่อมโยงระหว่างความเครียดกับกระบวนการเผาผลาญอาหาร ซึ่งสัมพันธ์กับความอ้วนลงพุงและความดันโลหิตสูง การศึกษาดังกล่าวทำขึ้นในระหว่างปี พ.ศ.2528-2542 มีการวัดระดับความเครียด 4 ครั้ง นักวิจัยยังได้ตรวจวัดกลุ่มอาการที่เกี่ยวกับการเผาผลาญอาหารที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นกลุ่มอาการที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคหัวใจและเบาหวาน เช่น ความดันโลหิตสูง และระดับคอเลสเทอรอลสูง ในระหว่างปี 2540 และ 2542 นอกจากนี้ยังพิจารณาปัจจัยอื่น เช่น ฐานะทางสังคม การดื่มสุราเป็นจำนวนมาก และขาดการออกกำลังกายโดยทั้งหมดถูกนำมาบันทึก ในการศึกษา นักวิจัยพบว่า มีความเชื่อมโยงกันระหว่างปริมาณความเครียดในงาน กับระดับกลุ่มอาการที่เกี่ยวกับการเผาผลาญอาหาร นั่นคือยิ่งเครียดกลุ่มอาการดังกล่าวยิ่งเพิ่มขึ้น นักวิจัยให้คำอธิบายว่า ผลที่ได้อาจเป็นเพราะความเครียดจากการทำงานเป็นระยะเวลานานนั้น ส่งผลกระทบต่อระบบประสาท ศาสตราจารย์ปีเตอร์ ไวส์เบอร์ก ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของมูลนิธิโรคหัวใจ อังกฤษ กล่าวว่า ความเครียดจากการทำงานเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยาก แต่ข่าวดีก็คือบรรดากลุ่มอาการที่เกี่ยวกับการเผาผลาญอาหารนั้น สามารถจะปรับปรุงได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีการใช้ชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรออกกำลังกายให้มากขึ้น และลดน้ำหนักลง พร้อมกับเลิกสูบบุหรี่ด้วย (ไทยรัฐ พุธที่ 8 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





หุ่นยนต์จอมพลังกู้ภัยพายุหิมะ

ญี่ปุ่นเจ้าเก่าพัฒนาหุ่นยนต์แขนกลหนัก 5 ตันสูง 11.5 ฟุต ออกปฏิบัติการกู้ภัยหิมะถล่ม สามารถยกรถออกจากกองหิมะ พร้อมกับเคลียร์พื้นที่รับมือพายุหิมะที่รุนแรงที่สุดในรอบทศวรรษ หุ่นยนต์ตัวนี้มีชื่อว่า "เอ็นรยุ" ซึ่งแปลว่า "มังกรกู้ภัย" เฉพาะแขนมีความยาว 15 ฟุต มีความแข็งแกร่งขนาดยกรถเก๋งได้ และยังเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วว่องไวเหมือนกับการเคลื่อนไหวของมนุษย์ จากการนำหุ่นยนต์ไปสาธิตการกู้ภัยที่ จ.นิอิกาตะ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุหิมะหนักที่สุดของญี่ปุ่น เจ้าหุ่นยนต์เอ็นรยุได้ใช้แขนกลไฮโดรลิกที่สามารถยืดแขนได้ยาวสุด 16 ฟุต ยกรถยนต์เก๋งขนาดเล็กหนักประมาณ 500 กิโลกรัมที่ฝังอยู่ใต้กองหิมะได้สำเร็จ และสาธิตการทุบน้ำแข็งและกวาดหิมะออกจากหลังคารถโดยใช้เครื่องมือที่ทันสมัย เดิมทีบริษัททัมสึก ผู้พัฒนาหุ่นยนต์กู้ภัยตั้งใจจะใช้เอ็นรยุสำหรับปฏิบัติการกู้ภัยแผ่นดินไหว แต่เนื่องจากหลายพื้นที่ของญี่ปุ่นปีนี้ถูกหิมะถล่มอย่างรุนแรง บริษัทจึงตัดสินใจทดสอบดูว่าเอ็นรยุสามารถปรับปรุงให้ใช้กู้ภัยจากหิมะถล่มได้หรือไม่ หุ่นยนต์มังกรกู้ภัยนี้มีกล้องดิจิทัลติดตั้งอยู่ 7 ตัว ขับเคลื่อนด้วยล้อตีนตะขาบคล้ายรถถังทหาร สามารถสั่งงานได้ด้วยระบบควบคุมการทำงานทางไกล หรือรีโมทคอนโทรล เนื่องจากพื้นที่ประสบภัยพิบัติบางพื้นที่อันตรายเกินกว่าจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปได้ บริษัททัมสึกหวังว่าสำหรับหุ่นยนต์มังกรกู้ภัยรุ่นใหม่จะปรับปรุงให้เสร็จในปีหน้า รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ www.tmsuk.co.th (คมชัดลึก พุธที่ 8 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





หมอศิริราชคิดเทคนิคตรวจยีนรู้ทันมะเร็งลำไส้ใหญ่

น.พ.ชนินทร์ ลิ่มวงศ์ แพทย์ประจำสาขาวิชาเวชพันธุศาสตร์ ภาควิชาอายุรศาสตร์และหน่วยอณูพันธุศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ในฐานะผู้ดำเนิน "โครงการวิจัยดีเอ็นเอเพื่อค้นหาความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งในระดับยีน" เปิดเผยว่า ทีมวิจัยประสบความสำเร็จ ในการพัฒนาการตรวจยีน 2 ยีน ที่เป็นสาเหตุหลักของ "มะเร็งลำไส้ใหญ่กรรมพันธุ์" เพื่อประโยชน์ตรวจวินิจฉัยและเฝ้าระวังให้ครอบครัวของผู้ป่วย มะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนมากไม่ได้เป็นกรรมพันธุ์ แต่ในผู้ป่วยที่มีประวัติครอบครัวของมะเร็งลำไส้ มะเร็งโพรงมดเล็ก มะเร็งที่กรวยไต หรือมะเร็งทางเดินอาหารส่วนอื่น ควรสงสัยว่ามีปัจจัยทางกรรมพันธุ์ส่งเสริมให้เกิดโรค ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สามารถตรวจได้ในปัจจุบัน สำหรับการตรวจทำโดยการตรวจและสกัดดีเอ็นเอจากเลือด จากนั้นใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน เพื่อตรวจรหัสของยีน ซึ่งจะบ่งบอกให้ทราบว่าผิดปกติหรือไม่ ถ้าพบความผิดปกติที่เรียกว่า "การกลายพันธุ์" แพทย์จะสามารถใช้การตรวจดังกล่าว เพื่อตรวจหาสมาชิกในครอบครัว ที่อาจจะเสี่ยงต่อมะเร็งแต่ยังไม่ทราบ เพื่อให้สามารถดำเนินการป้องกันโรคได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เช่น การตรวจลำไส้ใหญ่ปีละครั้ง การตรวจหาเลือดในอุจจาระ เป็นต้น รวมทั้งจะช่วยลดความกังวลให้สมาชิกครอบครัวที่ตรวจแล้วผลพบว่าไม่เสี่ยง แต่หากการตรวจยีนในผู้ป่วยไม่พบการกลายพันธุ์ แสดงว่ามะเร็งลำไส้ใหญ่นั้นไม่ได้มาจากกรรมพันธุ์ การตรวจนี้ก็จะไม่เป็นประโยชน์สำหรับครอบครัวนั้น โดยทั่วไปการตรวจจะทำต่อเมื่อแพทย์และผู้ป่วยได้ปรึกษากันอย่างถี่ถ้วนแล้ว ถึงความต้องการและประโยชน์และผลเสียจากการตรวจ (คมชัดลึก พุธที่ 8 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





มทร.ธัญบุรี นำร่องเสาไฟแสงพลังอาทิตย์

ดร.สมชัย หิรัญวโรดม คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) เปิดเผยว่า มทร.ธัญบุรีได้คิดค้นอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์หลายชนิด เช่น ระบบสูบน้ำ ตู้เย็น บอร์ดแสดงตำแหน่งของคณะ บ้านพลังงานแสงอาทิตย์ และล่าสุดได้พัฒนา "โคมไฟส่องถนน" เพื่อติดตั้งในมหาวิทยาลัย ซึ่งปัจจุบันได้นำร่องติดตั้งบริเวณเสาไฟของคณะวิศวกรรมศาสตร์ โดยโคมไฟนี้จะมีแผงโซลาร์เซลล์ไว้รับพลังงานจากแสงอาทิตย์ ผ่านตัวปรับแรงดันซึ่งต่อเข้ากับแบตเตอรี่ ในตอนกลางวัน และนำมาเปิดใช้ในตอนกลางคืน สามารถตั้งเวลาเปิด-ปิดได้โดยมีโปรแกรมควบคุมอัตโนมัติ การนำร่องใช้ไฟส่องถนนโซลาร์เซลล์นี้ เพื่อศึกษาและเผยแพร่ความรู้การนำโซลาร์เซลล์มาใช้ประโยชน์ จึงได้ศึกษาและสร้างต้นแบบไฟส่องถนนดังกล่าว โดยไฟนี้จะมีแผงโซลาร์เซลล์ไว้รับพลังงานจากแสงอาทิตย์ ผ่านตัวปรับแรงดันซึ่งต่อเข้ากับแบตเตอรี่ ในตอนกลางวัน และนำมาเปิดใช้ในตอนกลางคืน ทั้งยังสามารถตั้งเวลาเปิด-ปิดได้โดยมีโปรแกรมคอนโทรลที่เครื่องปรับแรงดัน ส่วนวันที่ไม่มีแสงแดดจะมีแบตเตอรี่เก็บพลังงานสำรองได้ถึง 5 วัน แม้ว่าแผงโซลาร์เซลล์จะยังมีราคาแพง แต่หากพิจารณาถึงช่วงระยะเวลาการใช้งานของโซลาร์เซลล์ ที่นานประมาณ 25 ปี นับว่าคุ้มค่ากับการลงทุนอย่างมาก หลังจากนำร่องใช้กับเสาไฟบริเวณคณะวิศวกรรมศาสตร์แล้ว คาดว่ามหาวิทยาลัยจะขยายผลโคมไฟโซลาร์เซลล์นี้ ไปติดตั้งยังส่วนอื่นๆ ต่อไป เพื่อสร้างความปลอดภัยให้นักศึกษาขณะสัญจรในเวลากลางคืน (คมชัดลึก พุธที่ 8 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





สนช.ทดสอบ'หญ้าหวาน'ทำเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

นายชาญวิทย์ รัตนราศรี ผู้ประสานงานโครงการนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยว่า สนช.ร่วมกับบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มในไทย อยู่ระหว่างศึกษาการใช้ "สารสตีวิโอไซด์" ซึ่งเป็นสารสกัดจากใบหญ้าหวาน โดยใช้เป็นสารปรุงแต่งรสหวานทดแทนน้ำตาลในผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม เพื่อศึกษาให้ครอบคลุมทุกด้านทั้งเทคนิคการผลิต ต้นทุนวัตถุดิบและการตลาด อาทิเช่น ปริมาณใช้ที่เหมาะสม รสชาติ กลิ่น ราคาสารสกัดสตีวิโอไซด์และการยอมรับของผู้บริโภค โดยได้รับการสนับสนุนสารสกัดหญ้าหวานจำนวนหนึ่ง จากเอกชนผู้ผลิตและส่งออกสารสกัดจากพืชและสัตว์ ใบหญ้าหวานมีสารให้ความหวานหลายชนิด แต่จะมีสารสตีวิโอไซด์เป็นส่วนใหญ่ และให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทราย 100-300 เท่า แต่ "ไม่ให้พลังงาน" จึงเหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ที่ต้องการลดความอ้วน และไม่ทำให้ฟันผุเมื่อใช้ในลูกอม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวยังไม่ถูกนำมาใช้แพร่หลายในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของไทย เนื่องจากกฎระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ในด้านเชิงพาณิชย์ของสารสตีวิโอไซด์ ถือว่ามีความเหมาะสมที่จะส่งเสริม เพื่อทดแทนการนำเข้าสารหวานสังเคราะห์ปีละหลายร้อยล้านบาท อีกทั้งยังมีตลาดเครื่องดื่มสุขภาพ ซึ่งขยายตัวเร็วมากและคาดว่าจะขยายตัวถึง 7,000-10,000 ล้านบาท ที่จะเป็นตลาดสำคัญของสารสตีวิโอไซด์ ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและอาหารในต่างประเทศต้องการสารดังกล่าวมาก โดยราคาจำหน่ายประมาณกิโลกรัมละ 10,000 บาท ขณะที่หญ้าหวานสามารถปลูกได้เพียงบางพื้นที่เท่านั้น ด้วยเหตุดังกล่าว สนช.จึงร่วมกับภาคเอกชน จัดทำแนวทางพัฒนาโครงการนวัตกรรมจากหญ้าหวานในรูปแบบ "ธุรกิจเชิงนวัตกรรม" มีผู้ผลิตรายใหญ่ในไทยเพียง 2 ราย ขณะที่ เกษตรกรผู้ปลูกหญ้าหวานเริ่มมีมากขึ้น โดยส่วนใหญ่อยู่บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้ยังสนใจส่งเสริมการใช้สตีวิโอไซด์ทดแทนการใช้สารหวานสังเคราะห์ในอุตสาหกรรมต่างๆ (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 8 ก.พ. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





กำไลติดเซ็นเซอร์จับผิดชีพจรเฝ้าระวังผู้สูงวัย

การุณย์ กาญจนา นักศึกษาประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ปี 2 คณะวิชาไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตภาคพายัพ เปิดเผยว่า ผลงาน "กำไลเตือนภัย" ออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาแทนบุตรหลานในการเฝ้าดูแลผู้สูงอายุ โดยกำไลจะส่งสัญญาณแจ้งเข้าโทรศัพท์บ้าน หรือโทรศัพท์มือถือของบุตรหลานทันทีที่ผู้สูงอายุประสบอุบัติเหตุ หรือลื่นล้ม กำไลดังกล่าวจะสวมกับข้อมือผู้สูงอายุ เพื่อวัดสัญญาณชีพตลอดเวลา หากมีสัญญาณชีพเปลี่ยนแปลงผิดปกติ เนื่องจากการลื่นล้ม หมดสติหรืออุบัติเหตุเล็กน้อยอย่างเดินสะดุด ก็จะส่งสัญญาณแจ้งเตือนในรูปแบบการโทรออกไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่กำหนดไว้โดยอัตโนมัติ สำหรับวงจรภายในกำไลจะประกอบด้วย เซ็นเซอร์ หรือตัวตรวจวัดชีพจร ทำหน้าที่วัดสัญญาณชีพบริเวณข้อมือของผู้สวมใส่ตลอดเวลา หากจังหวะการเต้นของหัวใจมากหรือน้อยผิดปกติ จากสาเหตุต่างๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้สวมใส่ วงจรจะส่งคลื่นวิทยุความถี่ 422 เมกะเฮิรตซ์ ไปยังชุดเครื่องรับสัญญาณ เพื่อบันทึกค่าและเชื่อมต่อกับสัญญาณโทรศัพท์อัตโนมัติ ซึ่งจะสั่งงานโทรออกหรือส่งข้อความแจ้งเตือนไปยังหมายเลขโทรศัพท์มือถือ หรือโทรศัพท์บ้านที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ ยังมีเซ็นเซอร์วัดแรงกระแทกสำหรับตรวจสอบการลื่นล้ม และได้เพิ่มปุ่มกดเพื่อหยุดการส่งสัญญาณ ในกรณีที่แรงกระแทกนั้นไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ ส่วนการประดิษฐ์กำไลได้ดัดแปลงจากโครงนาฬิกาข้อมือ แต่ดึงวงจรนาฬิกาออกและใส่วงจรดังกล่าวเข้าไปแทนที่ ต้นทุนการผลิตของกำไลดังกล่าวอยู่ที่ 9,000 บาท สิ่งประดิษฐ์นี้ เป็นหนึ่งในโครงการร่วมสหสาขาวิชา ระหว่างสาขาอิเล็กทรอนิกส์ สาขาออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและการตลาด ของนักศึกษา มทร.ล้านนา ซึ่งได้รับรางวัลชมเชยจากการประกวด โครงงานเยาวชนยอดนักประดิษฐ์ฟิลิปส์ ครั้งที่ 5 ในสาขาสิ่งประดิษฐ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้เซมิคอนดักเตอร์ฟิลิปส์ คือไมโครคอนโทรลเลอร์ฟิลิปส์ 8 บิท เป็นส่วนประกอบสำคัญ (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 8 ก.พ. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





ทีโอทีคิดสำเร็จวิธีลดความแรงฟ้าผ่า

นายสรรเสริญ ทรงเผ่า ฝ่ายวิจัยและพัฒนาบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทีมวิจัยได้ออกแบบระบบป้องกันฟ้าผ่าสำหรับชุมสายโทรศัพท์ เพื่อป้องกันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เสียหายจากกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติ โดยบริษัทรับภาระค่าซ่อมบำรุงแผงวงจรโทรศัพท์เสียหายจากฟ้าผ่าไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากโครงสร้างเสาอากาศในชุมสายโทรศัพท์ ตั้งสูงจากพื้นดินประมาณ 100 เมตร จึงถูกรบกวนจากกระแสฟ้าผ่าบ่อยครั้ง ในการออกแบบระบบป้องกันฟ้าผ่า ได้ศึกษาหารูปแบบและกรรมวิธีเพื่อแก้ปัญหาทางวิศวกรรมที่สมบูรณ์ที่สุด โดยกำหนดวงจรฟ้าผ่าให้เป็นอิสระ และควบคุมความต่างศักย์ของไฟฟ้า ด้วยการนำปริมาตรของดินขนาดใหญ่มีค่าความต้านทานคงตัวมาถ่ายเทประจุไฟฟ้าระหว่างก้อนเมฆกับพื้นดิน ในลักษณะของการต่อสายดิน เพื่อป้องกันการเกิดฟ้าผ่าหรือลดความแรงของสายฟ้า ในระดับที่ไม่ก่อความเสียหายต่อระบบสื่อสารโทรคมนาคม ทั้งนี้ บริษัทได้ติดตั้งระบบดังกล่าวกับชุมสายโทรศัพท์ของทีโอที ไปแล้วกว่า 276 สถานีทั่วประเทศ โดยคัดเลือกสถานีที่มีสถิติได้รับผลกระทบจากฟ้าผ่ามากสุด ผลปรากฏว่าโครงสร้างเสา 30.88% ไม่ได้รับผลกระทบจากฟ้าผ่า ในขณะที่ 69.12% ยังคงได้รับผลกระทบ แต่เป็นกระแสที่ต่ำมากจนไม่กระทบต่อเครื่องมือสื่อสารภายในอาคารแต่อย่างใด ผลงานประดิษฐ์คิดค้นดังกล่าว คว้ารางวัลชมเชยด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและอุตสาหกรรม จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ซึ่งจะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 50,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตรเชิดชูเกียรติในงาน "วันนักประดิษฐ์" ประจำปี 2549 ณ อิมแพค เมืองทองธานี (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 8 ก.พ. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





เครื่องอบสมุนไพรพลังงานแสงอาทิตย์

โครงการ IPUS (Industrial Projects for Undergraduate Students) เป็นโครงการที่ให้การสนับสนุนการทำโครงงานของนักศึกษา ร่วมกับภาคอุตสาห กรรม ภายใต้การสนับสนุนของกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ที่ต้องการกระตุ้นให้นักศึกษาและอาจารย์ ได้สัมผัสกับปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในสถานประกอบการหรือโรงงานอุตสาหกรรม โดยเน้นทำงานหรือการแก้ปัญหาร่วมกับผู้ประกอบการ ซึ่งในปีนี้ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้รับการพิจารณาให้ได้รับทุน 3 โครงการ โครงการสุดท้ายคือเรื่อง “การนำหลักการของเครื่องอบสมุนไพรพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ได้พัฒนาเป็นเครื่องต้นแบบแล้วไปดัดแปลงและขยายขนาด สำหรับทำแห้งเมล็ดพันธุ์พืชทางการเกษตร เน้นถั่วลิสง” ซึ่งนักศึกษาที่ร่วมโครงการคือ นายวิรศักดิ์ โสน้ำเที่ยง นายอภิสิทธิ์ เจริญไวย์ และนายอรรถพร พิสุทธิ์ ส่วนผู้ประกอบการ คือ นายเดช แก้วหานาม ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกถั่วลิสง หมู่บ้านทรายมูล ตำบลทรายมูล อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น โดย ผศ.กันยรัตน์ โหละสุต เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา (เดลินิวส์ พุธที่ 8 ก.พ. 49 http://www.dailynews.co.th)





ฉีดยาต้านเอดส์ 2 ขนาน ป้องกันลิงติดเชื้อไวรัสเอชไอวีได้

นักวิทยาศาสตร์ของศูนย์ศึกษาโรคและการป้องกันพบว่า การฉีดยาต้านเอดส์ 2 ชนิด เข้าไปในร่างกายลิงทดลองสามารถป้องกันลิงจากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีได้ ยาต้านเอดส์ 2 ชนิดที่ใช้ ได้แก่ ยาทรูวาดา และยาเอ็มทริวา ซึ่งโดยปกติแล้วเป็นยาควบคุมไวรัสเอชไอวีแต่ไม่สามารถช่วยรักษาโรคเอดส์ให้หายขาดได้ อย่างไรก็ตาม การทดลองล่าสุดเป็นหลักฐานที่หนักแน่นพอเพียงที่อาจทำให้เชื่อได้ว่า ยาทั้ง 2 อาจช่วยป้องกันกลุ่มเสี่ยงต่อโรคเอดส์จากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีได้ การทดลองครั้งนี้ใช้ลิงตัวอย่าง 6 ตัว ซึ่งทั้งหมดมีสุขภาพดีหลังจากได้รับเชื้อเอชไอวี แต่การทดลองเดียวกันก่อนหน้านี้ โดยไม่ได้ใช้ยาต้านเอดส์ทั้ง 2 ตัวปรากฏว่า ลิงทดลองทั้ง 9 ตัว ติดเชื้อเอดส์ นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า การทดลองในคนต้องใช้เวลาอีกระยะ แต่ความสำเร็จครั้งนี้เป็นอีกความหวังสำคัญ ที่อาจทำให้กลุ่มเสี่ยงต่อโรคเอดส์สามารถป้องกันตัวเองได้โดยการใช้ยาเม็ดก่อนการรับเชื้อ. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 9 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





เปลไกวอัตโนมัติ...ฝีมือวิศวะฯศรีปทุม

ติยวุฒิ สุวรรณรัตน์,สุรศักดิ์ สิทธิบูรณ์ และธนายุต จงประเสริฐ สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ม.ศรีปทุมประดิษฐ เปลไกวอัตโนมัติโดยมีอาจารย์อุมาพร ทองรักษ์ ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า เป็นที่ปรึกษา โครงงานนี้เป็นการพัฒนาต่อยอดผลงานของรุ่นพี่ที่ทำไว้แล้ว ซึ่งนำมาเพิ่มเติมระบบการทำงานให้สมบูรณ์ขึ้น โดยมีไมโครคอนโทรลเลอร์ เป็นตัวประมวลผลการทำงาน สามารถตั้งเวลาในการไกวเปลได้ 5 ระดับ คือ 10 นาที, 20 นาที, 30 นาที, 40 นาที และ 50 นาที แบ่งระดับความเร็วเป็นช้า ปานกลาง และเร็ว ซึ่งอาศัยหลักการทำงานในการกลับทิศทางการหมุนมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงขนาด 18 โวลต์ นอกจากนี้ ยังเพิ่มเติมกล่อมดนตรีช่วยกล่อมซึ่งมีให้เลือก 5เพลง และยังปรับระดับเสียงได้ด้วย เมื่อพอเสียบปลั๊กเปิดสวิตตัวเครื่อง ปรับตั้งความเร็ว และตั้งเวลาการทำงาน พร้อมเปิดสวิตทำงานแล้ว เครื่องจะไกวเปลไปตามความเร็วที่ตั้งไว้ พร้อมทั้งส่งเสียงเพลงช่วยกล่อม ซึ่งจะทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดรอบ ยังติดตั้งเครื่องวัดความชื้นที่จะส่งสัญญานไฟเตือนเมื่อเด็กปัสสาวะรดที่นอน ให้คุณแม่มือใหม่รู้และเปลี่ยนผ้าอ้อมได้ทันทีอีกด้วย ผู้สนใจ “เปลไกวอัตโนมัติ” นี้สามารถสอบถามรายละเอียดที่ 0-2579-1111 ต่อ 1124-6 (สยามรัฐรายวัน พฤหัสบดีที่ 9 ก.พ. 49 http://www.siamrath.co.th)





เครื่องล้างไตฝีมือคนไทย คุณภาพเทียบตปท.-ส่งศิริราชทดลองใช้จริง 1 ปี

นายชัชนันท์ อินเอี่ยม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร (มทร.พระนคร) เปิดเผยถึงความสำเร็จจากการออกแบบและสร้างเครื่องล้างไตว่า ถือเป็นเครื่องแรกของประเทศที่มาจากฝีมือคนไทย และจะเป็นเครื่องทางเลือกของผู้ป่วยไตวาย ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง ที่จะต้องรักษาด้วยการล้างไตเป็นประจำทุกวัน ซึ่งมีภาระเฉพาะค่าน้ำยาล้างวันละ 800-1,000 บาท ขณะที่เครื่องล้างไตที่ใช้ทั่วไปในปัจจุบัน เป็นเครื่องนำเข้าในราคาต้นทุน 2.0-8.0 แสนบาท ส่งผลให้ค่าบริการล้างไตแต่ละครั้งสูงตามไปด้วย ดังนั้น หากนักประดิษฐ์ไทยสามารถพัฒนาเครื่องล้างไตได้ภายในประเทศ จะประหยัดค่าบริการล้างไตของคนไข้ รวมถึงประหยัดต้นทุนการสั่งซื้อเครื่องล้างไตจากต่างประเทศได้มาก สำหรับต้นแบบเครื่องล้างไตที่พัฒนาขึ้นนี้ เป็นการวิจัยร่วมกันระหว่างสำนักงานโครงการบัณฑิตศึกษา มรภ.พระนครกับโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งให้คำปรึกษา และพร้อมที่จะนำเครื่องดังกล่าวไปทดสอบใช้งานจริง อย่างไรก็ตาม หลักการทำงานของต้นแบบเครื่องล้างไตฝีมือไทยนี้ มีลักษณะเดียวกับเครื่องล้างไตนำเข้า โดยเมื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับเครื่อง หรือหมายถึงการเชื่อมต่อสายยาง น้ำยาและช่องท้องของผู้ป่วย จากนั้นระบบจะทำงานอัตโนมัติ โดยปล่อยน้ำยาล้างไตเข้าช่องท้อง เพื่อดูดซึมของเสียออกจากไต ก่อนที่จะถ่ายทิ้งและปล่อยให้น้ำยาตัวใหม่เข้าแทนที่ หลักการดังกล่าวเหมือนกับเครื่องนำเข้า แต่แตกต่างกันที่ราคา ซึ่งต้นทุนของเครื่องต้นแบบอยู่ที่ 7 หมื่นบาท ขณะนี้เหลือเพียงขั้นตอนเดียวคือ การทดสอบใช้งานกับคนไข้โรคไตในโรงพยาบาล คาดว่าจะใช้เวลาทดสอบประมาณ 1 ปี จากนั้นจะเป็นขั้นตอนการยื่นขอการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จึงจะสามารถผลิตเพื่อการค้า และยังพัฒนาเพิ่มในเรื่องเทคนิค เพื่อให้ระบบทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 9 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





ญี่ปุ่นอวดเทคนิคย้ายเพศปลา ใช้เร่งขยายพันธ์-อนุรักษ์ปลา

นักพันธุวิศวกรรมญี่ปุ่นนำเซลล์ที่จะพัฒนาไปเป็นเชื้ออสุจิของปลาตัวผู้ไปสลับเพศให้เป็นไข่ของปลาเพศเมียแทน เทคนิดดังกล่าวสามารถนำมาใช้เพื่อเพาะพันธุ์ปลาให้มีลักษณะพันธุกรรมตามความต้องการของตลาด และยังช่วยเพิ่มประชากรพันธุ์ปลาที่ใกล้สูญพันธุ์ได้ด้วย นักวิทยาศาสตร์รู้กันมาระยะหนึ่งแล้วว่า ปลาบางชนิดสามารถเปลี่ยนเพศตัวเองได้ทั้งเปลี่ยนเองโดยธรรมชาติ หรือเปลี่ยนเมื่อได้รับสารพวกสเตียรอยด์ จึงพากันตั้งข้อสงสัยว่ากลุ่มเซลล์ย่อยในตัวปลาเพศผู้ที่เรียกว่า สเปิร์มมาโตโกเนีย ซึ่งปกติจะพัฒนาไปเป็นสเปิร์ม อาจเป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่สามารถพัฒนาเป็นได้ทั้งสเปิร์มและไข่ ในการทดสอบสมมติฐานดังกล่าว นักวิจัยได้แยกเอาเซลล์สเปิร์มมาโตโกเนียออกจากถุงอัณฑะของปลาเทราท์สายรุ้งแล้วย้ายเอาไปใส่ปลาเทราท์ที่ฟักออกมาเป็นตัวผู้และตัวเมีย ตัวที่ฟักออกมาเป็นเพศผู้พบว่าเซลล์ที่ย้ายมาใส่พัฒนาไปเป็นสเปิร์ม ส่วนตัวที่ฟักออกมาเป็นเพศเมียกลับพบว่าเซลล์สเปิร์มกลายเป็นไข่แทน เทคนิคดังกล่าวอาจถูกนำมาใช้เพื่อเพาะพันธุปลาที่มีลักษณะเฉพาะทางพันธุกรรมให้เร็วขึ้น หรือใช้เพาะปลาสำหรับวิจัย โดยนักวิจัยท่านหนึ่งให้ความเห็นว่า เทคนิคนี้สามารถเอามาใช้ในโครงการเพาะพันธุ์ปลายอย่างเช่น ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน ซึ่งเป็นปลาที่นิยมนำมาใช้ทำซูชิ และซาซิมิ อาหารของญี่ปุ่นและหลายประเทศ ประชากรปลาชนิดนี้กำลังลดลง และปลาทูน่าครีบน้ำเงินมีราคาแพงมาก และหาจับยากด้วย เทคนิคนี้ยังสามารถนำไปใช้อนุรักษ์พันธุ์ปลาหายากได้ด้วย แค่ได้ปลาหายากตัวผู้มาเพียงตัวเดียวก็สามารถเพาะได้ทั้งตัวเมียและตัวผู้ (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 9 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





ไข่ไก่"โอเมก้าสาม" ผลวิจัยสุดเยี่ยม"ราชภัฏอุบลฯ"

คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี นำเอาสารโอเมก้าสามมาใช้ผลิตไข่ไก่ จากการทดลองพบไข่ไก่ที่แม่ไก่ถูกเลี้ยงผ่านกระบวนการโอเมก้าสาม ให้ไข่ไก่ที่มีสารโอเมก้าสามถึง 100 มิลลิกรัมต่อไข่ไก่ 1 ใบ ผศ.ดร.สุนทรีพร ดวนใหญ่ ประธานสาขาวิชาสัตวบาล คณะเกษตรศาสตร์ มรภ.อุบลราชธานี เล่าถึงแนวคิดการผลิตไข่ไก่โอเมก้าสามว่า ปกติไข่ไก่จะมีโปรตีนที่ย่อยง่าย มีวิตามินเอ มีธาตุเหล็กอยู่แล้ว แต่ในไข่ไก่ปกติมีสารโอเมก้าสามไม่มาก จึงนำเอาส่วนผสมของโอเมก้าสามที่ได้จากน้ำมันตับปลา ซึ่งเป็นปลาอาศัยอยู่ในน้ำลึก ผสมลงในอาหารใช้เลี้ยงแม่ไก่ไข่ เมื่อแม่ไก่ออกไข่จะเป็นไข่ไก่ที่ให้สารอาหารของโอเมก้าสามมากกว่าไข่ไก่ปกติ เหมาะกับยุคปัจจุบันที่ผู้บริโภคตื่นตัว เลือกบริโภคอาหารสะอาดปลอดภัย และมีประโยชน์ต่อร่างกายสูงสุด การผลิตไข่โอเมก้าสามมีการผลิตในต่างประเทศอย่างแพร่หลาย ส่วนในประเทศพบมีบริษัทเอกชนบางรายผลิตอยู่เช่นกัน แต่ในระดับสถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เป็นรายแรกที่คิดผลิตไข่ไก่ชนิดนี้ขึ้นมา โดยกระบวนการผลิตคล้ายกับการเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่ทั่วไป แต่ต้องดูแลเรื่องการให้อาหารเป็นพิเศษมาก อาหารที่เป็นส่วนสำคัญในการผลิตไข่ไก่โอเมก้าสามประกอบด้วย ข้าวโพดบดหยาบ กากถั่วเหลืองแห้ง ปลาป่น หินแป้ง หรือเปลือกหอยบดละเอียด เพื่อเพิ่มสารแคลเซียมให้แม่ไก่มีกระดูกแข็งแรง ใส่เมทไฮโอนี และทีมิก ซึ่งเป็นอาหารเสริมให้แม่ไก่ไข่สม่ำเสมอ รวมทั้งเกลือใช้รับประทานทั่วไป และทอกซีมิล ซึ่งเป็นสารสกัดยับยั้งเชื้อราที่อาจตกค้างอยู่ในอาหารของแม่ไก่ เมื่อได้ส่วนผสมดังกล่าว นำเอาส่วนผสมทั้งหมดมาคลุกเคล้าให้เข้ากับน้ำมันตับปลาทูน่า (หรือน้ำมันจากปลาชนิดอื่นที่ให้คุณค่าของสารโอเมก้าสามที่ใกล้เคียงกันก็ได้) โดยมีค่าเฉลี่ยคือ น้ำหนักของอาหารไก่ 50 กิโลกรัมต่อน้ำมันตับปลา 1 กิโลกรัม แล้วตักให้ไก่กินเฉลี่ย 1.8 กรัมต่อตัววันละ 2 เวลา แม่ไก่จะให้ไข่ไก่ที่มีส่วนผสมของสารโอเมก้าสามมากถึง 100 มิลลิกรัมต่อไข่ไก่ 1 ใบ สำหรับการผลิตไข่ไก่โอเมก้าสามมีต้นทุนราว 1.83 บาทต่อใบ แต่มีราคาจำหน่ายตามขนาดของไข่ไก่เฉลี่ยตั้งแต่ 4-6 บาทต่อใบ ซึ่งนับให้ผลตอบแทนต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงสูงกว่าไข่ปกติ แต่เกษตรกรที่ต้องการเลี้ยงไข่ไก่โอเมก้าสาม ต้องคำนึงเสมอว่าโรงเลี้ยงต้องสะอาดปลอดภัย กรณีเป็นโรงเรือนแบบเปิดต้องคลุมตาข่ายผ้าใบแบบตาถี่ ไม่ให้มีนก หนู เล็ดลอดเข้าไปรบกวนแม่ไก่ เพราะทำให้มีผลด้านความสะอาดปลอดภัย และการให้ไข่ของแม่ไก่ สำหรับแม่ไก่ 1 ตัวจะให้ไข่เฉลี่ย 280 ฟองต่อปี โดยแม่ไก่มีอายุใช้งานเฉลี่ยราว 2 ปี ปัจจุบันไข่โอเมก้าสามมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานีมีวางจำหน่ายตามร้านสหกรณ์หน่วยงานราชการในจังหวัดทุกแห่ง สำหรับเกษตรกรที่ต้องการความรู้ไปเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ขอรับคำปรึกษาได้ที่ภาควิชาเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 9 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ใช้อำนาจแม่เหล็กกระตุ้นสมอง เพื่อบำบัดรักษาอาการซึมเศร้า

วารสารการแพทย์ “จิตเวชศาสตร์” ของอังกฤษ รายงานว่า มีการศึกษาพบว่า การใช้แม่เหล็กแกว่งไกวแถวเหนือศีรษะ อาจมีอานุภาพช่วยปลุกกระตุ้นสมอง และบำบัดรักษาผู้ป่วยที่มีอาการซึมเศร้าได้ ในการศึกษานั้นยังได้พบวี่แววว่า แม้แต่คนไข้ที่ป่วยด้วยอาการซึม เศร้าอย่างหนัก ก็อาจจะใช้แม่เหล็กบำบัดรักษาให้อาการค่อยทุเลาขึ้นได้. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 10 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





ชิปจิ๋ว

เทคโนโลยีไอซี หรือชิป อุปกรณ์สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ ล่าสุดมีรายงานข่าวจากเอเอฟพี เปิดเผยว่า บริษัทฮิตาชิ ประกาศว่าสามารถพัฒนาไอซีชิปที่มีขนาดเล็กและบางที่สุดในโลก บางขนาดสามารถฝังลงในแผ่นกระดาษ เพื่อใช้ในการติดตามสินค้า ว่าไปอยู่ ณ ที่แห่งใด หรือใช้ในการยืนยันตัวบุคคลเจ้าของกระดาษ นั้น ๆ ได้ เจ้าชิปที่ว่านี้ มีขนาดกว้าง 0.15 มิลลิ เมตร ยาว 0.15 มิลลิเมตร และหนาเพียง 7.5 ไมโครเมตร เท่านั้น เทียบขนาดได้กับขนาดของเศษฝุ่นละอองขนาดเล็ก ด้วยความที่มีขนาดจิ๋ว ทำให้ต้นทุนการผลิตชิปนี้ลดลง เนื่องจากใช้แผ่นเวเฟอร์เพียงแผ่นเดียวก็สามารถผลิตชิปได้เป็นจำนวนมาก นักวิจัยจากฮิตาชิยังบอกอีกว่าเจ้าชิปนี้ มีราคาไม่แพงมากเหมือนชิปตัวอื่น ๆ อีกด้วย สามารถนำไปติดในกระดาษ เพื่อใช้ในการห่อสิ่งของ ทำให้สามารถสะกดรอยว่าสินค้าชิ้นนั้น ๆ ถูกส่งไปยังที่ใด หรือจะใช้ร่วมกับคูปองของขวัญ หรือใช้ในระบบรักษาความปลอดภัย เพื่อใช้ในการยืนยันตัวบุคคลก็ได้ อีกด้วย (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 10 ก.พ. 49 http://www.dailynews.co.th)





โครงงานสังเคราะห์ตัวนำไฟฟ้ายิ่งยวดของเด็กไทย

น.ส.พรรณิดา นนสุวรรณ์ ชั้น ม.6 โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย จ.นครปฐม นักเรียนทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เจ้าของโครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง “การสังเคราะห์ตัวนำไฟฟ้ายิ่งยวดโดยเทคนิค SOL-GEL และศึกษาสมบัติของสารตัวนำไฟฟ้ายิ่งยวดในทางฟิสิกส์และเคมี” น.ส.พรรณิดา บอกว่า การศึกษาตัวนำยิ่งยวด หรือ Superconductor คือตัวนำไฟฟ้าที่ปราศจากความต้านทาน และแสดงสมบัติ Diamagnetic ที่อุณหภูมิวิกฤติ โดยเตรียมสารตัวนำยิ่งยวดในระบบ Y-Ba-Cu-O โดยวิธีทางเคมี ด้วยเทคนิค SOL-GEL ซึ่งใช้สารตั้งต้นที่มี ความบริสุทธิ์ในอัตราส่วน Y : Ba : Cu เป็น 1 : 2 : 3, 1 : 2 : 4, 1 : 3 : 3, 1 : 4 : 4.5 และ 2 : 3 : 5 การทดลองเตรียมสารประกอบทั้ง 3 ให้อยู่ใน รูปของ “sol” และเติมกรดทาทาริกก่อนเกิด “gel” เพื่อป้องกันการตกผลึกของ Cu จากนั้นนำเจลที่ได้อบที่อุณหภูมิ 80 องศา เป็นเวลา 24 ชั่วโมง จะได้ dried blue get จากนั้นศึกษาสารประกอบที่เป็นองค์ประกอบของ dried blue get เผาต่อที่อุณหภูมิ 820 องศา เป็นเวลา 10 ชั่วโมง บดสารให้ละเอียดแล้วนำไปเผาที่อุณหภูมิ 900 องศา เป็นเวลา 20 ชั่วโมง นำสารที่ได้ไปบดแล้วอัดเป็นเม็ดเผาต่อที่อุณหภูมิ 900 องศา เป็นเวลา 20 ชั่วโมง จะได้เม็ดสารของตัวนำยิ่งยวด Meissner effect และอุณหภูมิวิกฤติของตัวสารที่แสดงความเป็นตัวยิ่งยวด โดยการวัดความเหนี่ยวนำของขดลวดที่พันรอบสารตัวนำยิ่งยวด ที่เปลี่ยนไปตามอุณหภูมิ จากนั้นศึกษาองค์ประกอบภายในของสารตัวนำยิ่งยวด หลังจากการอัดเม็ดแล้วด้วยเทคนิค Infrared Spectrosopy นอกจากนี้ยังได้ศึกษาลักษณะของเนื้อสารตัวนำยิ่งยวดด้วยภาพถ่าย SEM (Scanning Electron Microscope) และปริมาณของ Ba และ Cu ของสารตัวนำยิ่งยวดที่สังเคราะห์ขึ้นด้วยวิธีทางเคมี ผลการทดลองสรุปว่า IR spectrum ของ dried get แตกต่างจาก IR spectrum ของสารที่เตรียมเป็นเม็ดแล้ว IR spectrum ของ dried get จะมีสารพวก organic อยู่ แต่ IR spectrum ของสารตัวนำยิ่งยวดจะไม่มีสารพวก organic แต่จะพบ park ของ metal-o สำหรับโครงงานวิจัยนี้ สามารถใช้เป็นแนวทางในการเตรียมสารตัวนำยิ่งยวดที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นได้. (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 10 ก.พ. 49 http://www.dailynews.co.th)





เครื่องล็อกล้อรสโฉมใหม่ ฝีมือเด็กเทคนิคภูเก็ต-เบาใช้กับล้อทุกขน

นายเฉลิมพล ชุมบุตร นักศึกษาแผนกวิชาช่างกลโรงงานและเทคนิคการผลิต วิทยาลัยเทคนิคภูเก็ต เปิดเผยว่า ทีมงานตระหนักถึงปัญหาการใช้งานอุปกรณ์ล็อกล้อรถยนต์ ที่ตำรวจจราจรใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยอุปกรณ์ล็อกรถขนาดใหญ่จะมีน้ำหนักมาก ทำให้ไม่สะดวกในการพกพาไปตามท้องถนน ส่วนอุปกรณ์ล็อกรถขนาดเล็กก็เล็กเกินไป จนยากต่อการสังเกตเห็นของผู้ขับขี่ ดังนั้น ทีมงานจึงออกแบบอุปกรณ์ล็อกล้อโฉมใหม่ ที่มีขนาดพอเหมาะ น้ำหนักเบาและพกพาสะดวก ที่สำคัญสามารถใช้กับกระทะล้อทุกรูปแบบและวงล้อทุกขนาด จึงรองรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทุกยี่ห้อ โดยตัวอุปกรณ์ประกอบด้วยแผ่นเหล็กปิดยึดล้อด้านหน้า ซึ่งเชื่อมกับสลักลิ่มสอดบริเวณใต้ยาง จากนั้นใช้แขนล็อกแก้มยางถึงขอบกระทะล้อและคล้องกุญแจล็อก ทั้งนี้ตัวแขนล็อกได้ออกแบบให้สามารถปรับขนาดด้วย "ระบบเฟืองทางเดียว" เพื่อรองรับวงล้อที่มีขนาดต่างกัน นอกจากนี้ ทีมงานยังได้เพิ่มสีสัน ให้อุปกรณ์ล็อกล้อมีความโดดเด่นและสะดุดตาผู้ขับขี่และผู้พบเห็น ซึ่งจะช่วยลดความเสียหายกับตัวรถ ในกรณีผู้ขับขี่ไม่สังเกตเห็นและขับรถออกไป หลังจากต้นแบบอุปกรณ์ล็อกล้อแล้วเสร็จ จะส่งให้สถานีตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตทดลองใช้งาน จากนั้นเมื่อแก้ไขข้อบกร่องต่างๆ แล้ว จะประสานผู้ประกอบการเอกชนผลิตและจำหน่าย ซึ่งตั้งราคาไว้ชิ้นละ 2,500 บาท (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 10 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





พบเซลล์ปฐมภูมิ ต้านเชื้อโรคบุกปูทางวัคซีนใหม่

นักวิจัยจากวิทยาลัยแพทยศาสตร์ในสหรัฐพบเซลล์ปฐมภูมิที่อยู่ใต้ผิวหนังมีหน้าที่เป็นด่านแรกป้องกันเชื้อโรคบุกรุก ใช้กระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย คาดเป็นองค์ความรู้ใหม่ที่จะช่วยพัฒนาวัคซีนและการสร้างภูมิคุ้มกันรักษาเนื้องอก กลุ่มของเซลล์ที่สานต่อกันเป็นเครือข่ายครอบคลุมอยู่ใต้ผิวหนังเรียกว่า "เซลล์แลงเกอร์ฮานส์" เซลล์พวกนี้จะคอยกินสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่ปรากฏในผิวหนังและส่งไปยังต่อมน้ำเหลือง เพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ปกป้องร่างกายจากเชื้อโรค ดร.มิเรียม เมอราด นักวิจัยจากวิทยาลัยแพทย์เมาท์ไซนาย กล่าวว่า เซลล์แลงเกอร์ฮานส์มีความสำคัญเป็นพิเศษต่อการพัฒนาวิธีรักษาเนื้องอกด้วยการสร้างภูมิคุ้มกัน เนื่องจากวัคซีนส่วนใหญ่ที่กำลังพัฒนาอยู่เพื่อใช้รักษาเนื้องอกเป็นวัคซีนที่ฉีดเข้าไปในผิวหนัง และต้องพึ่งพาเซลล์เหล่านี้ให้ช่วยพาสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันไปยังต่อมน้ำเหลืองเพื่อสั่งให้ระบบภูมิคุ้มกันจัดการกับเนื้องอก เมื่อไม่นานมานี้ นักวิจัยพบว่า หลังจากเซลล์แลงเกอร์ฮานส์เดินทางจากบริเวณใต้ผิวหนังเพื่อพาสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันไปส่งที่ต่อมน้ำเหลือง ร่างกายจะเปลี่ยนเซลล์ปฐมภูมิเข้าไปแทนตำแหน่งเดิมของเซลล์แลงเกอร์ฮานส์ โดยทีมงานสามารถระบุได้แล้วว่า เซลล์ปฐมภูมิพวกนี้คืออะไร และยังสามารถระบุโปรตีนที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงเซลล์ปฐมภูมิเหล่านี้ให้เป็นเซลล์แลงเกอร์ฮานส์ด้วย การค้นพบใหม่นี้เป็นความหวังให้การรักษาผู้ช่วยที่เป็นโรคแลงเกอร์ฮานส์ ฮิสโตไซโตซิส เป็นโรคที่คล้ายกับมะเร็งแต่ไม่ใช่มะเร็ง มักเกิดในเด็กเล็ก และเกิดในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง แต่เป็นโรคที่พบไม่บ่อยนัก เกิดจากเซลล์แลงเกอร์ฮานส์เพิ่มจำนวนมากขึ้นแล้วแพร่กระจายไปตามอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย ดังนั้นการพบกลไกการกำเนิดของเซลล์แลงเกอรฮานส์อาจนำไปสู่การรักษาแนวใหม่เพื่อช่วยเด็กที่เป็นโรคนี้ (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 10 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





ข่าวทั่วไป


เตือนสมุนไพร"มะกลํ่าตาหนู"เด็กกินแล้วตาย

น.พ. ปราชญ์ บุญยวงศ์วิโรจน์ รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงฯได้รับรายงานว่ามีเด็กหญิงวัย 8 ขวบ จากหมู่บ้านขุมเงิน ต.โคกสว่าง จ.ร้อยเอ็ด เสียชีวิตหลังจากกินมะกล่ำตาหนูโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ภายในเมล็ดมะกล่ำตาหนูมีสารพิษหลายชนิด ที่รุนแรงที่สุดคือสารเอบรินเอ-ดี (Abrin a-d) เป็นสารกลุ่มเลคทิน (Lectin) ออกฤทธิ์โดยตรงต่อเซลล์ของตับและไต และเซลล์เม็ดเลือดแดง ทำให้เซลล์ตาย โดยสารเอบรินเอ-ดี เป็นโปรตีนที่เป็นพิษมาก แม้ได้รับสารพิษนี้เพียง 0.01 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หรือกินเพียง 1 เมล็ด ก็ทำให้เสียชีวิตได้ นอกจากนี้ยังมีสารแอกกลูตินิน (Agglutinin) ซึ่งพบได้ในสารสกัดน้ำของเมล็ดมะกล่ำตาหนู มีฤทธิ์ทำให้เม็ดเลือดแดงในเลือดคนจับกลุ่มกัน อาจทำให้เกิดเลือดออกในระบบทางเดินอาหาร อาการพิษหลังกินมะกล่ำตาหนู จะเกิดขึ้นภายใน 2-3 ชั่วโมง จะทำให้อาเจียน ท้องเสีย และปวดท้อง ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจอาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นมูกเลือด อาจช็อกจากการเสียเลือดได้ และอีก 2-3 วันต่อมาจะเริ่มมีอาการทางระบบอื่น เช่น ซึม อ่อนเพลีย หัวใจสั่น มือสั่น ผิวหนังแดง ชัก ความดันโลหิตต่ำ เลือดออกในตา ตับวายและไตวายเสียชีวิต หากสารพิษนี้ถูกผิวหนังจะคัน หากถูกตาจะทำให้เกิดระคายเคืองตา ถึงขั้นบอดได้ อาการพิษของมะกล่ำตาหนู ความรุนแรงอาจเกิดมากน้อยแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน เช่น ขนาดที่รับประทาน สภาวะร่างกาย และอายุของผู้ได้รับพิษ อย่างไร ก็ตาม หากผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องอาจทำให้เสียชีวิตได้ ในเบื้องต้น หากพบผู้ป่วยที่กินมะกล่ำตาหนูเข้าไป หากยังรู้สึกตัวดี ต้องทำให้อาเจียนออกมาให้เร็วที่สุด และนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว เพื่อการรักษาถูกวิธี ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยรอดชีวิต พ.ญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ รองอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ในตำรายาไทย ใช้ลำต้นและรากแห้งของมะกล่ำตาหนูมาต้ม ดื่มแก้ไอ แก้หวัด เจ็บคอ แก้หลอดลมอักเสบ ดีซ่าน ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ และแก้เสียงแห้ง ใบสดจะมีรสหวาน ใช้ต้มกินแก้หวัด ไอ เจ็บคอ หลอดลมอักเสบและปวดตามข้อ ทั้งนี้ต้องใช้โดยหมอพื้นบ้านที่มีความรู้ความชำนาญเท่านั้น ในส่วนทางการเกษตรใช้น้ำที่สกัดมาจากเมล็ด มาผสมน้ำให้เจือจาง แล้วฉีดพ่นกำจัดศัตรูพืชประเภทหนอนกระทู้ หนอนใยผักและหนอนกินใบอื่น ๆ แทนการใช้สารเคมี. (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 6 ก.พ. 49 http://www.dailynews.co.th)





รัฐใช้กฎหมายอาญา...เชือดสื่อลามก

กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) จับมือ ศูนย์ปราบ สื่อลามก ประกาศ 3 เดือน ต้องหมดยุคสะกิดซื้อซีดีโป๊ ตามกฎหมายอาญา มาตรา 287 ที่มีเนื้อความโดยย่อว่า...ผู้ใดประสงค์ แจกจ่าย แสดง อวด ทำ ผลิต แก่ประชาชน หรือทำให้เผยแพร่ซึ่งเอกสาร ภาพระบายสี สิ่งพิมพ์ แถบบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือเกี่ยวข้องกับสิ่งพิมพ์ดังกล่าว จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เริ่ม 1 ก.พ.49 บังคับใช้กับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต เซิร์ฟเวอร์ และกับสื่อทุกประเภทอย่างจริงจัง คาดว่าภายใน 3 เดือนจะปราบการสะกิดซื้อแผ่นซีดีลามก หรือ หนังเอ็กซ์ให้หมดไปได้ พร้อมปิดเว็บไซต์ลามกได้กว่า 1 แสนเว็บไซต์ สำหรับผู้ที่ต้องการแจ้งเบาะแสเว็บไซต์ลามก หรือ สื่อลามก สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ www.thaicybercop.com, เบอร์ฮอตไลน์สายด่วนภาครัฐ 1111 และสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 105 ออกอากาศทุกวันเวลา 15.00-17.00 น. ทั้งนี้ ผู้ที่แจ้งเบาะแสสื่อลามก ศูนย์ปราบสื่อลามกจะเก็บสะสมคะแนนเพื่อให้ของรางวัล อาทิ แลปทอป, เอ็มพี4 ซึ่งใช้เงินจากการออกสลากบนดิน 2 ตัว 3 ตัว ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี เบื้องต้นใช้เงิน 2 ล้านบาท (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 6 ก.พ. 49 http://www.dailynews.co.th)





อันตรายจากอาหารปิ้ง ย่าง

สำหรับอาหารปิ้ง ย่างนั้น เป็นการใช้ความร้อนผ่านเข้าสู่กล้ามเนื้อที่อยู่ในเนื้อแดงของเป็ด เนื้อวัว ไก่ หรืออาหารทะเล ทำให้เกิดสารก่อมะเร็งที่เรียกว่า Heterocycllc amlnes: HCAs และ Polycyclic aromatic hydrocarbnos: PAHs ซึ่งสารดังกล่าวสามารถทำลาย DNA ที่อยู่ในร่างกาย ทำให้มีผลกับการเกิดมะเร็งของลำไส้ใหญ่และกระเพาะ และสารเหล่านี้ก็ยังสามารถซึมผ่านกระแสเลือกเข้าไปสู่เนื้อเยื่ออื่น ๆ ได้อีก สำหรับผู้ที่ชื่นชอบ อาหารปิ้ง ย่างนั้น ควรจะปรุงด้วยวิธีที่ปลอดภัย คือ ใช้อุณหภูมิที่ต่ำ ยกเนื้อสัตว์ที่ใช้ย่างให้สูงกว่าไฟเพิ่มขึ้น พยายามพลิกเนื้อบ่อยๆ ทาน้ำมันหรือเนยลงไปก่อนที่จะทำการย่าง เป็นการลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้ อีกวิธีหนึ่ง คือ การเลือกนำเนื้อปลามาย่างแทนเนื้อหมู หรือเนื้อวัว (เดลินิวส์ อังคารที่ 7 ก.พ. 49 http://www.dailynews.co.th)





บริการเครื่องจักรกลเกษตรพื้นฐานปี 49 นำร่องในสหกรณ์ 200 แห่ง

นายบุญมี จันทรวงศ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ร่วมกับทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำ “โครงการบริการเครื่องจักรกลการเกษตรขั้นพื้นฐานให้แก่เกษตรกร” ขึ้น มุ่งเน้นการสนับสนุนให้สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน มีเครื่องจักรกลการเกษตรที่เหมาะสมกับการเพาะปลูกและสภาพพื้นที่เป็นของตนเอง เพื่อให้บริการแก่สมาชิกช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนการผลิต รวมทั้งเสริมสร้างความเข้มแข็งให้สถาบันเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน ตลอดจนปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมการผลิตของเกษตรกรให้ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสภาพแวดล้อมและลดมลพิษ ด้วยการลด ละ เลิก การเผาตอซังข้าว ซึ่งถือเป็นปัญหาสำคัญในภาคการเกษตรที่ทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและภาวะมลพิษ ทั้งนี้ การดำเนินงานในปี 2549 จะเริ่มนำร่องในสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน ที่มีศักยภาพจำนวน 200 แห่ง โดยเน้นในจังหวัดที่มีการทำนาและประสบปัญหาการเผาตอซังข้าว ได้แก่ จ.เชียงใหม่ พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ชัยนาท ลพบุรี ปทุมธานี พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ กำแพงเพชร และขอนแก่น โดยเฉพาะในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ชัยนาท และลพบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีการเผาตอซังมากที่สุดในประเทศไทย ก่อนจะขยายไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ (เดลินิวส์ อังคารที่ 7 ก.พ. 49 http://www.dailynews.co.th)





หวั่นเทือกเขาเพชรบูรณ์อดขึ้นมรดกโลก

เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะเสนอให้กลุ่มพื้นที่ป่าเทือกเขาเพชรบูรณ์กว่า 3 ล้านไร่ เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ว่า แม้เทือกเขาเพชรบูรณ์จะมีความสมบูรณ์ และเหมาะสมที่จะเป็นมรดกโลกอย่างยิ่ง แต่การประกาศพื้นที่ใดเป็นมรดกโลกได้ ไม่ใช่แค่ปัจจัยความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติเท่านั้น ยังมีปัจจัยนโยบายของรัฐบาลต่อทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ พฤติกรรมของผู้นำประเทศ และข่าวในแง่ลบหรือบวกของประเทศ ด้านลบในแง่การอนุรักษ์รักษาทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทยในสายตาต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาลิงอุนังอุตัง 40 ตัว จากอินโดนีเซียที่เข้ามาอย่างผิดกฎหมาย กรณีที่รัฐบาลไทยบริจาคเงิน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อแลกเปลี่ยนนำสัตว์ป่าจากเคนยา ที่สำคัญ ประเทศไทยอยู่ในบัญชีรายชื่อประเทศเฝ้าระวังเป็นทางผ่านการนำสัตว์ป่าจากกัมพูชา ลาว เวียดนาม ผ่านเข้ามาไม่ถูกกฎหมายผิดข้อตกลงอนุสัญญาไซเตรส (มติชนรายวัน อังคารที่ 7 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th)





ศิลปินแห่งชาติ 2548 ทวี รัชนีกรทัศนศิลป์-จิตรกรรม

ทวี รัชนีกร เป็นศิลปินแห่งชาติประจำปี 2548 ในวัย 71 ปี ในฐานะผู้ทุ่มเทในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปกรรมมาตั้งแต่ปี 2503 ผลงานมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สะท้อนภาวะของสังคม วิถีชีวิตความเชื่อ ความเป็นท้องถิ่น เป็นผู้บุกเบิกการสร้างงานเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน จึงได้รับเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์(จิตรกรรม) ประจำปี 2548 เป็นชาวราชบุรี เกิด 10 ต.ค.2477 จบปริญญาตรีศิลปบัณฑิต(จิตรกรรม) มหาวิทยาลัยศิลปากรปี 2503 เป็นอาจารย์ประจำวิทยาลัยเทคนิคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทำงานศิลปะที่ใจรัก เกษียณอายุราชการในตำแหน่งหัวหน้าคณะวิชาออกแบบสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดนครราชสีมา ปัจจุบันเป็นศิลปินอิสระ และเป็นกรรมการดำเนินงานจัดตั้ง"หอศิลปและวัฒนธรรม นครราชสีมา" และกรรมการที่ปรึกษาศูนย์ศิลปวัฒนธรรม จังหวัดนครราชสีมา เป็นศิลปินอาวุโสผู้คู่ควรกับเกียรติยศที่ได้รับ (ข่าวสด อังคารที่ 7 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





เตือนนักนิยมควันกัญชา มะเร็งจะกินกระเพาะปัสสาวะ

ดร.มาร์ธา เค. เทอริส วิทยาลัยแพทย์จอร์เจีย ในเมืองออกัสตาของสหรัฐฯกับคณะ ได้รายงานในวารสาร “โรคระบบทางเดินปัสสาวะ” ว่า การสูบกัญชาอาจเกี่ยวพันกับมะเร็งของคอและปอดได้ ทั้งยังมีหลักฐานอีกด้วยว่ามันอาจทำให้เกิดเนื้อร้ายเป็นขึ้นตั้งแต่วัยยังไม่มากเท่าไหร่ได้ด้วย หมอมาร์ธากับคณะได้ศึกษาจากคนไข้ชายที่เป็นมะเร็งของกระเพาะปัสสาวะ ที่อายุยังไม่เกิน 60 ปี เพื่อดูว่าการสูญกัญชาเกี่ยวพันกับโรคหรือไม่ พบว่าในกลุ่มคนไข้นั้น มีคนที่สูบกัญชาเป็นนิจอยู่ถึง 88.5% ทั้งยังเป็นคอกัญชาหนักด้วย ในขณะที่ในหมู่คนที่ไม่ได้สูบกัญชามีป่วยเพียง 69.2% เท่านั้น คณะผู้ศึกษายังได้จับพบว่ากัญชายังทำให้มะเร็งกำเริบขึ้นง่ายกว่าบุหรี่อีกด้วย ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะคอกัญชาไม่ได้อาศัยเครื่องกรองควัน ในการสูบเหมือนอย่างกับการสูบบุหรี่ที่มีก้นกรอง ยิ่งกว่านั้นปอดยังอมควันอยู่นานกว่ากันอีกด้วย. (ไทยรัฐ พุธที่ 8 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





แนะกินผักใบสีเขียวทุกวัน ป้องกันเป็นอัมพาตได้

หนังสือพิมพ์รายวัน “เดอะ ซัน” ฉบับยักษ์ของอังกฤษ เสนอข่าวว่า คณะแพทย์ของโรงพยาบาลเซนต์ จอร์จ ในกรุงลอนดอน ได้บอกชักชวนให้บริโภคผักและผลไม้เป็นประจำ วันละ 6 ส่วน จะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นอัมพาต เนื่องมาจากโรคของหลอดเลือดสมองลงได้ถึง 1 ใน 4 คณะแพทย์ได้ศึกษาโดยทำการวิเคราะห์อาหารการกิน ของคนที่อายุเกิน 13 ปี จำนวน 25,000 คน มาเป็นเวลานานถึง 13 ปี ได้พบว่าผู้ที่มีปริมาณของโปแตสเซียมในเลือดสูง มักไม่ค่อยจะเป็นอัมพาต พวกแร่ธาตุโปแตสเซียมจะมีอยู่ในพืชผักจำพวกที่มีสีเขียว คณะแพทย์ได้แนะนำอย่างหนักแน่นว่า ควรจะกินผักและผลไม้กันให้ได้ อย่างต่ำวันละ 5 ส่วน. (ไทยรัฐ พุธที่ 8 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





ไทยถูกบีบเจรจาสิทธิบัตรพืช หวั่นสหรัฐฮุบข้าวหอมมะลิ

รศ.ดร.จิราพร ลิ้มปานานนท์ อาจารย์ประจำหน่วยปฏิบัติการวิจัยเภสัชศาสตร์สังคม คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จุดยืน 11 องค์กรประชาชนต่อต้านการค้าเสรีและการแปรรูปประเทศ คือ การเจรจาเอฟทีเอเรื่องของสิทธิบัตรซึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อประเทศไทย เพราะผลประโยชน์จะตกอยู่กับสหรัฐฝ่ายเดียว เรื่องนี้รัฐบาลไทยรู้แต่ก็ยังทำ เนื่องจากต้องการแลกสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ยากับการได้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร หรือ จีเอสพี ขณะนี้บริษัทยาของสหรัฐได้มีการล็อบบี้ทีมเจรจาของสหรัฐเพื่อฉกฉวยผลประโยชน์และต้องการผูกขาดยาและวิธีรักษาให้มากที่สุด ข้อเรียกร้องที่สหรัฐต้องการจากไทย คือ 1.ให้ไทยเปิดสิทธิบัตรพืชและสัตว์แก่สหรัฐ เพื่อสามารถนำพืชสัตว์เหล่านี้ไปปรับปรุงพันธุกรรม เป็นเจ้าของได้ 2.ให้ไทยให้สิทธิบัตรวิธีการวินิจฉัยโรค การรักษาผู้ป่วยและการผ่าตัด 3.จำกัดการใช้มาตรการบังคับใช้สิทธิเป็นไปอย่างลำบากจนไม่สามารถใช้ได้ 4.สหรัฐสามารถขยายอายุสิทธิบัตรได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ สหรัฐยังขอให้ไทยให้ของแถมเป็นพิเศษนอกเหนือจากสิทธิบัตร โดยให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทำหน้าที่เป็นตำรวจสิทธิบัตร เพื่อเป็นจำเลยชดใช้ค่าเสียหายในกรณีที่มีความผิดพลาดเกิดขึ้น นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ผู้อำนวยการโครงการยุทธศาสตร์นโยบายฐานทรัพยากร คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงที่การเจรจาเอฟทีเอรอบที่ 7 กับสหรัฐ จะบรรลุวาระเรื่องขอยึดลิขสิทธ์ข้าวหอมมะลิไทยเกิดขึ้นด้วย ซึ่งถือว่าเป็นความหายนะครั้งใหญ่ถ้าหากรัฐบาลไทยยินยอม รศ.ดร.สุพัฒน์ อรรถธรรม ภาควิชาโรคพืช มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า ประเทศอิหร่านเป็นประเทศที่นำเข้าข้าวแต่ละปีประมาณ 1 ล้านตัน ซึ่งถือเป็นผู้บริโภคข้าวรายใหญ่อีกประเทศหนึ่ง แต่ปัจจุบันอิหร่านประกาศที่จะปลูกข้าวจีเอ็มโอ โดยชุดแรกจะใช้ข้าวบีทีที่มีความต้านทานต่อโรคแมลงซึ่งจะให้ผลผลิตปริมาณต่อไร่สูงกว่า ทำให้ต้นทุนถูกและจะลดการนำเข้าในอนาคต หากประเทศอื่นๆ ทั่วโลกให้ความสนใจพัฒนาการผลิตข้าวจีเอ็มโอแบบประเทศอิหร่าน รวมไปถึงสามารถเพิ่มผลผลิตได้ปริมาณเพียงพอต่อการส่งออก ก็จะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของข้าวไทย เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่า ดังนั้น การที่จะปิดกั้นพืชไบโอเทคไม่ได้แล้ว ต้องพัฒนาให้ทันต่อการแข่งขันในอนาคต และต้องสร้างความเข้าใจและการยอมรับของผู้บริโภคต่อพืชไบโอเทคด้วย (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 8 ก.พ. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





เติมพลังยาม Diet

อาหาร 5 ชนิด ที่จะมาช่วยเติมพลังให้กับทุกๆ คนที่กำลัง Diet มีดังนี้ 1. กล้วย - กล้วยสุกใบย่อมๆ 1 ผล เป็นอาหารที่เหมาะมากสำหรับสาวๆ ที่กำลังรักษาเชป โดยมีเคล็ดลับอยู่ว่าก่อนออกกำลังกาย หากได้กินกล้วยสุกสัก 1 ผล รับรองว่าจะช่วยให้เพื่อนๆ ฟิตหุ่นได้ตลอด 1 ชั่วโมง แบบแรงไม่ตกทีเดียว 2. มันฝรั่ง ควรเลือกกินเป็นมันฝรั่งบด ต้ม หรืออบ จะราดน้ำฝึ้งให้หวานฉ่ำหรือเติมนมสดพร่องไขมัน ก็ได้ 3. แครอต คนรู้สีกอ่อนเพลีย เหนื่อยล้ามาทั้งวันหากเคยชินกับการดื่มน้ำอัดลมเย็นๆ ขอให้คิดใหม่ได้แล้ว ลองเปลี่ยนมาเป็นน้ำแครอต ยิ่งถ้าปั่นสดๆ จะทำให้อารมณ์แจ่มใส รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้น 4. คอร์นเฟลก หรือข้าวโอ๊ตอบ - คอร์นเฟลกหรือข้าวโอ๊ตอบแห้งนั้น แม้จะเลือกชนิดที่ไม่เคลือบน้ำตาล ก็จัดว่าเป็นอาหารเพิ่มพลังยามเช้าได้อย่างดี ยิ่งหากเพิ่มนมไขมันต่ำ หรือเติมโยเกิร์ต และตามด้วยผลไม้สดๆ ที่เพื่อนๆ ชอบ ก็จะเป็นอาหารเช้าที่ดีสุดๆ เพราะนอกจากจะให้พลังงานแก่กล้ามเนื้อแล้ว ยังได้รับโปรตีนและสารอาหารที่จำเป็นต่อการทำงานของสมองด้วย 5. น้ำ - น้ำเปล่า ในยามที่รู้สึกเหนื่อยล้าก็ควรดื่มน้ำให้มากขึ้น แต่เพราะประโยชน์ของการดื่มน้ำนั้น ไม่เพียงช่วยดับร้อนทำให้หายคอแห้งแล้ว ยังทำให้ผิวพรรณสดใสช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานสะดวกคล่องตัว แถมยังทำให้หมดปัญหาท้องผูกที่ทำให้รู้สึกอึดอัดท้องอีกต่างหาก อาหารทั้ง 5 ชนิดนี้ ได้รับการการันตีจากผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนการมาแล้ว ทำให้จะทำให้อารมณ์แจ่มใสไปตลอดวัน และที่สำคัญยังไม่เป็นพิษเป็นภัยกับร่างกายด้วย (สยามรัฐรายวัน พุธที่ 8 ก.พ. 49 http://www.siamrath.co.th)





หมอศิริราชเตือนสเต็มเซลล์ มีประโยชน์แต่ไม่รับรอง

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ศ.นพ.สุรพล อิสรไกรศีล คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวภายในงานเสวนา "สเต็มเซลล์ การรักษาครอบจักรวาล" ที่มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติว่า จากรายงานในปัจจุบันมีการใช้สเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดจากสายสะดือทารก เลือด และไขกระดูกมารักษาโรค โดยปัจจุบันสเต็มเซลล์ดังกล่าวมีศักยภาพในการรักษาโรคที่เกิดจากความเสื่อม อาทิ อัลไซเมอร์ โรคสมองตาย และโรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อหัวใจตาย ทั้งนี้ แม้สเต็มเซลล์จะมีประโยชน์มากมาย แต่ปัญหาคือยังไม่มีงานวิจัยใดรองรับถึงความปลอดภัยในการใช้สเต็มเซลล์ รวมถึงไม่สามารถระบุได้ว่าอาการที่ดีขึ้นของผู้ป่วยมาจากการใช้สเต็มเซลล์หรือมาจากปัจจัยอื่นๆ จึงไม่สามารถนำมาเป็นมาตรฐานสากลได้ อีกทั้ง งานวิจัยต่างๆ ที่ทำการทดสอบในมนุษย์ยังมีจำนวนไม่มาก และยังขาดกลุ่มเปรียบเทียบที่ชัดเจน ศ.นพ.สุรพลกล่าวว่า ปัญหาที่น่าวิตกขณะนี้ มีบริษัทเอกชนนำประโยชน์จากสเต็มเซลล์มาแสวงหาผลกำไรทางธุรกิจ ดร.นเรศ ดำรงชัย นักวิทยาศาสตร์ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) กล่าวว่า การมีบริษัทเหล่านี้ หากมองในระยะยาวน่ากลัวมาก โดยเฉพาะบริษัทต่างชาติอาจมีการเรียนรู้รหัสพันธุกรรมของคนไทย แล้วนำไปแสวงหาผลประโยชน์ได้ และควรมีกติกาหรือกฎที่เป็นมาตรฐานในการเก็บรักษาเซลล์ต่างๆ รวมถึงต้องไม่เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคด้วย (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 9 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th)





อโรมาเธอราพีรักษาโรค

ศ.ดร.ภักดี โพธิศิริ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เตือนระวังการใช้น้ำมันหอมระเหย หรือที่เรียกกันว่า อโรมาเธอราพี (Aromatherapies) มาใช้กันอย่างแพร่หลาย ทั้งที่มีการซื้อมาใช้ส่วนตัวและการทำธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจเสริมความงามที่มีการใช้อย่างแพร่หลาย เพราะมีความเชื่อว่าน้ำมันหอมระเหยมีสรรพคุณช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่ขณะนี้ทาง อย.พบว่ามีการอวดอ้างสรรพคุณของน้ำมันหอมระเหยว่าสามารถรักษาโรคได้ เช่น โรคหัวใจ เป็นต้น ซึ่งเป็นการโฆษณาโอ้อวดเกินจริง เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการว่าน้ำมันหอมระเหยสามารถรักษาโรคได้ ถ้าผู้ผลิตรายใดมีหลักฐานดังกล่าวก็ต้องนำมาขึ้นทะเบียนเป็นยากับ อย. หากไม่ได้ขึ้นทะเบียนและยังมีการโฆษณาหลอกลวงผู้บริโภคว่าสามารถบำบัด บรรเทา หรือรักษาโรคได้ จะถือว่าเป็นการโฆษณาขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. และอาจเข้าข่ายแสดงสรรพคุณยาอันเป็นเท็จหรือเกินจริง ซึ่งมีความผิดจะถูกระวางโทษปรับถึง 1 แสนบาท หากพบเห็นการโฆษณาที่มีการอวดอ้างสรรพคุณรักษาโรคทางสื่อต่างๆ โปรดแจ้งเบาะแสมาที่สายด่วน อย.1556 หรือทางโทรศัพท์ 0-2590-7354 (มติชนรายวัน เสาร์ที่ 11 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th)





ไฟเขียวขึ้นค่าโดยสารอีก ก.ม.ละ 3 สตางค์

พลเอกชัยนันท์ เจริญศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังการประชุม คณะกรรมการบริหาร บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส.ว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติให้ผู้ประกอบการรถโดยสาร และรถร่วมบริการ บขส. ปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารอีกกิโลเมตรละ 3 สตางค์ได้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป ส่วนรถร่วมบริการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. นั้น ในฐานะผู้ให้สัมปทานสามารถเจรจากับผู้ประกอบการ จึงให้ตรึงราคาต่อไป แต่หากผู้ประกอบการรถร่วม ขสมก. จะปรับขึ้นค่าโดยสารอีก 1 บาท ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นี้ ตามมติ คณะอนุกรรมการขนส่งทางบกกลาง ก็สามารถทำได้ตามกฏหมาย (เดลินิวส์ เสาร์ที่ 11 ก.พ. 49 http://www.dailynews.co.th)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215