หัวข้อข่าวปีที่ 7 ฉบับที่ 8 ประจำวันที่ 2006-02-18

ข่าวการศึกษา

วธ.ดันผลิตสื่อสร้างสรรค์ ขจัดความไม่รู้จักพอเพียง
ศน.ชงศธ.ออกกฎกระทรวงบังคับนักเรียนเข้าค่ายธรรมะ
สกลนครพร้อมเปิดวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
มศว ตั้งสถาบันสันติวิธีสอนใช้อหิงสาดับปัญหร้อน
มสด.ปรับหลักสูตรรวม 3 คณะเป็นหนึ่งมุ่งป้อนองค์กรยุคใหม่
เปิดผลวิจัยทีม"สกว."ชี้ สอนอังกฤษถึงฝันยาก
มข.นำทีมอุดมศึกษาจัดรับน้องสร้างสรรค์
ศธ.เล็งปรับโฉมสอนภาษา ตปท.
ม.รังสิตเตรียมบรรจุพันวิชาลงในเว็บไซต์ ใช้งบฯ160ล.พัฒนาไฮเทคหวังเทียบม.รัฐ
"แนะ ม.ไทย" จี้พัฒนาคุณภาพรับมือ ม.ต่างชาติ
Open House สาธิตม.รังสิต
สกว.ปลื้ม500ด๊อกเตอร์สร้างทำระบบวิจัยแข็ง

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

อังกฤษโชว์กังหันไฟฟ้า"กระแสน้ำ"
กล้องโทรทรรศน์ส่องเจอดาวยักษ์ พร้อมกำเนิดระบบสุริยะจักรวาล
โฟล์กผนึกกำลัง"กูเกิ้ลเอิร์ธ" ติดแผนที่ดาวเทียม3มิติในรถยนต์
พบแมงมุมนักฆ่าแห่งมาดากัสการ์
ปิดอ่าวไทย"ประจวบฯ-ชุมพร-สุราษฎร์ฯ" ให้ปลาวางไข่-เลี้ยงตัวอ่อน 4 เดือน-ฝ่าฝืนโทษถึงคุก
แง่มุมวิทยาศาสตร์ จากละครดัง"แดจังกึม"
สื่ออังกฤษชวนโหลดโปรแกรมทำนายอากาศ
พบขุมทรัพย์ใต้ทะเลลึกแคริบเบียนสัตว์ทะเลแปลกใหม่
หวั่นน้ำท่วมโลก

ข่าววิจัย/พัฒนา

โรคสมองเสื่อมเกิดจากกรรมพันธุ์
สจล.คิดอุปกรณ์ช่วยงานหมอฟันวัดหาตำแหน่งรากฟันผุก่อนลงมืออุด
ห้องน้ำนาโนเทคโนโลยี สู้เชื้อรา-ทำความสะอาดตัวเอง
เตือนการดื่มน้ำบรรจุขวดเร่งผลาญทรัพยากรโลก
อัศจรรย์สมุนไพร ‘พลูคาว’ ความหวังใหม่ผู้ป่วยมะเร็ง แพทย์ฯมข.เร่งวิจัยต่อยอดทดสอบฤทธิ์ในผู้ป่วย
ดื่มนมแพะถูกหลักอนามัยแก้โรคได้สารพัดโรค
มก.พัฒนาไบโอเมตริก อ่านลายนิ้วมือ-สแกนม่านตาระบุตัวจริง
"คะน้า"ต้านมะเร็ง "มหิดล"เร่งวิจัย
กองทุนพลังงานฯควัก 60 ล้านวิจัยไบโอแมส
พินิจดันไทยศูนย์กลางน้ำหอมโลก ปิ๊งไอเดียใช้สกัดจาก “พืชธรรมชาติ”
เก๋ไก๋ตุ๊กตาหญ้าแฝก ศิลปะจากผลพวงงานอนุรักษ์ฯ
ฝึกเด็กสร้างพาหนะเซกเวย์ ใช้สมองกลรักษาสมดุล-หวังช่วยคนพิการ
จีนผลิตชุดตรวจเอดส์ใหม่-รู้ผลในครึ่งช.ม.
ยืมมือพันธุวิศวกรรมทำกุหลาบสวยแจ่มแถมกลิ่นหอมอายุยืนยาว
พบสารดาวเรืองรักษาโรคตา

ข่าวทั่วไป

วว.แจกคู่มือลดก๊าซเรือนกระจก
ห่างฝุ่นไว้เป็นดีสำหรับผู้มีโรคหอบหืด
ผลดีของผู้บริโภคผักเป็นหลัก ห่างจากโรคหัวใจ-ข้ออักเสบ
แพทย์ฝึกหัดกะดึกเฮ อังกฤษไฟเขียวยอมให้งีบหลับได้
เด็กควรดื่มนม-โยเกิร์ตวันละ 3 หน เสริมสร้างกระดูกแข็งแรง
คลังเล็งยกเว้นภาษีแบตเตอรี่ ช่วยอุตฯไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์
สธ.ออกประกาศคุ้มครอง 'กวาวเครือ' สกัดสูญพันธุ์
ศูนย์มานุษย์ถก"วัฒนธรรมบริโภค"





ข่าวการศึกษา


วธ.ดันผลิตสื่อสร้างสรรค์ ขจัดความไม่รู้จักพอเพียง

น.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ทาง วธ.ได้หารือกับนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถึงการสร้างสื่อสร้างสรรค์ อาทิ ละครสำหรับเด็กและเยาวชน รายการธรรมะ ซึ่งต้องมีการพัฒนารูปแบบให้เกิดความน่าสนใจ ไม่น่าเบื่อ โดย วธ.ได้นำเสนอให้นำเรื่องราวของศิลปินแห่งชาติ และศิลปินร่วมสมัยที่ถูกสังคมยกย่อง มาจัดทำเป็นละครชุดเป็นตอน ๆ คล้ายกับละครแดจังกึมของเกาหลี รวมทั้งนำประวัติของผู้แต่งวรรณกรรมต่าง ๆ เช่น สุนทรภู่ มาจัดทำเป็นละครชุดด้วย เนื่องจากประชาชนได้เรียนรู้วรรณกรรมของบุคคลเหล่านี้มามาก ก็ควรที่จะได้เรียนรู้ประวัติของคนแต่งบ้าง และในส่วนของโบราณสถาน ก็ควรจะมีการนำเสนอในรูปแบบสารคดีที่มีความแปลกใหม่เช่นกัน เพื่อให้ประชาชนและชาวต่างชาติได้รู้ว่าประเทศไทยยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอยู่มาก ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังได้หารือถึงเรื่องของการโฆษณาที่พบว่า มีการนำเสนอชักจูงให้ประชาชนเกิดความเบี่ยงเบน เช่น การบริโภคของไม่มีประโยชน์ สนับสนุนให้ประชาชนฟุ่มเฟือย ไม่รักนวลสงวนตัว ซึ่งทาง วธ.ได้สร้างโฆษณาในรูปแบบภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นขึ้น เช่น เรื่องความพอเพียง ความมีน้ำใจ สิ่งเสพติดและของมึนเมา ค่านิยมการบริโภค โดยจะขอความร่วมมือกับสถานีโทรทัศน์ทุกช่องให้ออกอากาศโฆษณาดังกล่าวหลังรายการข่าวทุกชั่วโมง เพื่อสร้างจิตสำนึกที่ดีให้ประชาชนหันกลับมาเห็นความสำคัญของการทำความดี และความพอเพียงกันมากขึ้น ทั้งนี้การสร้างละคร หรือสารคดีที่ วธ. เสนอนั้น จะต้องผ่านความเห็นชอบจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีก่อน. (เดลินิวส์ จันทร์ทื่ 14 ก.พ. 49 http://www.dailynews.co.th)





ศน.ชงศธ.ออกกฎกระทรวงบังคับนักเรียนเข้าค่ายธรรมะ

นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา(ศน.) กล่าวว่า ศน.ประสานไปยังกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้ออกเป็นกฎกระทรวงศธ. กำหนดในหลักสูตรบังคับให้นักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เข้าค่ายปฏิบัติธรรมที่วัด อย่างน้อยปีการศึกษาละ 1 ครั้ง ครั้งละ 2 คืน 3 วัน เช่นเดียวกับการเข้าค่ายลูกเสือเนตรนารี นอกจากนี้ ศน.ได้หารือเบื้องต้นกับศธ.ที่จะกำหนดในหลักสูตรบังคับให้นักเรียนในระดับ ม.ต้น ต้องสอบนักธรรมตรี โท เอก ซึ่งที่ผ่านมา ศธ.ไม่ได้มีการกำหนดเรื่องดังกล่าวไว้ในหลักสูตร โดยในเร็วๆ นี้ ศน.และศธ.จะทำบันทึกข้อตกลงร่วมกัน จากนั้นจะส่งครูพระสอนศีลธรรมเข้าไปสอนนักเรียนเพิ่มเติม นอกเหนือจากการเข้าไปสอนวิชาพุทธศาสนา โดยอาจจะถวายปัจจัยในการปฏิบัติศาสนกิจให้แก่ครูพระเพิ่มอีกรูปละ 1,000 บาทต่อเดือน อีกทั้ง จะร่วมกันประสานไปยังโรงเรียนระดับ ม.ปลาย และบริษัทต่างๆ เพื่อขอความร่วมมือในการใช้ใบประกาศนียบัตรการปฏิบัติธรรม เป็นหนึ่งในหลักฐานที่จะพิจารณารับนักเรียนเข้าศึกษาต่อ หรือรับเข้าทำงาน เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่จะยืนยันได้ว่านักเรียนผ่านกระบวนการกลั่นกรองคุณธรรมจริยธรรมมาแล้วระดับหนึ่ง (คมชัดลึก จันทร์ที่ 14 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





สกลนครพร้อมเปิดวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

นายปัญญา มหาชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร โดยคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับโครงการจัดตั้งบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร เปิดสอนหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิทยาศาสตร์ศึกษา (Master Degree of Science Program in Science Education) ใน 3 แขนงวิชา คือ เคมี ชีววิทยาและฟิสิกส์ ซึ่งเป็นแขนงวิชาที่เป็นพื้นฐานสำคัญสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างกว้างขวาง เป้าหมายเพื่อยกระดับการศึกษาของผู้ปฏิบัติงานทางด้านวิทยาศาสตร์ ทั้งในสถานศึกษาและสถานประกอบการในท้องถิ่น โดยเฉพะกลุ่มจังหวัด "สนุก" ประกอบด้วยสกลนคร นครพนม มุกดาหาร และกาฬสินธุ์ ตลอดจนประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปปล.) ให้สูงขึ้น หลักสูตรดังกล่าวเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย. 2548-28 ก.พ. 2549 ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โครงการจัดตั้งบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนครในเวลาราชการ ทั้งนี้คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนครมีการประชุมสร้างเครือข่ายเพื่อเปิดสอนหลักสูตร วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต ขึ้นที่ห้องประชุมใหญ่เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดหลักสูตรตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างเครือข่าย (ข่าวสด จันทร์ที่ 14 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





มศว ตั้งสถาบันสันติวิธีสอนใช้อหิงสาดับปัญหร้อน

ศ.ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ มศว ได้หารือกับ น.พ.ประเวศ วะสี เกี่ยวกับการจัดตั้งสถาบันสันติวิธี เพื่อนำหลักคิดสันติวิธีเข้ามาสอนนิสิตให้รู้จักการใช้แนวทางเย็นไปแก้ร้อน อ่อนไปแก้แข็ง แทนการใช้ความรุนแรงการแก้ปัญหาเหมือนที่คนในสังคมยุคนี้ใช้กันอยู่ อีกทั้งขณะนี้แนวคิดการแก้ปัญหาในสังคมไทยด้วยสันติวิธีก็ยังมีไม่มากพอ ซึ่งเห็นได้จากสถานการณ์ในบ้านเมืองที่กำลังมีความรุนแรงมากขึ้น ไม่ฟังกัน ไม่ยอมถอยให้กัน และคาดว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้จะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายนนี้ ซึ่งในการหารือ น.พ.ประเวศ ก็เห็นด้วยกับการจัดตั้งสถาบันดังกล่าว โดยให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า นอกจากต้องให้การศึกษาค้นคว้า วิจัย และให้บริการแล้ว ควรเปิดสอนในระดับบัณฑิตศึกษา ปริญญาโท และปริญญาเอก เพื่อผลิตกำลังคนที่มีหลักคิดสันติศึกษา สันติวิธี หรือแนวคิดอหิงสาของคานธี ในสังคมไทยด้วย ศ.ดร.วิรุณ กล่าวต่อไปว่า เพื่อให้การจัดตั้งสถาบันสันติวิธีของ มศว เป็นไปอย่างมีคุณภาพ มศว จะเชิญผู้รู้และคณาจารย์จากสถาบันอื่น ๆ อาทิ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบุคลากรของมศว ที่สนใจและมีหลักคิดด้านสันติวิธีเข้ามาร่วมระดมสมองเรื่องการจัดตั้งสถาบันดังกล่าว อย่างไรก็ตามแม้ปัจจุบันจะมีสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่งดำเนินการจัดตั้งสถาบันในลักษณะดังกล่าวอยู่ และทุกสถาบันการศึกษาก็สามารถดำเนินการเรื่องเหล่านี้ได้ แต่ตนเห็นว่าในการจัดตั้งสถาบันเพื่อสอนในเรื่องนี้นั้นแต่ละแห่งอาจจะมีความแตกต่างกันบ้างในหลักคิดบางประการ แต่หลักการใหญ่หรือปรัชญาอาจจะเหมือนกัน คือ ทำอย่างไรให้โลกเกิดความสันติสุขด้วยสันติวิธี ซึ่งสถาบันสันติวิธีของ มศว มีจุดเด่นที่สำคัญคือจะนำหลักคิดทางพุทธธรรมเข้ามาประกอบด้วย โดยต้องเป็นพุทธธรรมที่เข้าถึงประชาชน และไม่อยากให้ประชาชนมองพุทธธรรมเป็นเพียงแค่คำสอนเท่านั้น. (เดลินิวส์ พุธที่ 15 ก.พ. 49 http://www.dailynews.co.th)





มสด.ปรับหลักสูตรรวม 3 คณะเป็นหนึ่งมุ่งป้อนองค์กรยุคใหม่

ผศ.สุขุม เฉลยทรัพย์ รองอธิการบดีฝ่ายศูนย์การศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (มสด.) เปิดเผยว่า ในปี 2549 มสด.เปิดหลักสูตรปริญญาตรี สาขาวิทยาศาสตร์บัณฑิต โปรแกรมวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยหลักสูตรนี้มีความพิเศษตรงที่เป็นการบูรณาการร่วมกันจาก 3 คณะ คือ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และคณะวิทยาการจัดการ มีการผสมผสานศักยภาพและหลอมรวมออกมาเป็นหลักสูตรนี้โดยเฉพาะ เพื่อต้องการผลิตบัณฑิตสำหรับองค์กรสมัยใหม่ของระบบเศรษฐกิจปัญญาและการเรียนรู้ให้ผู้เรียนมีความรู้และทักษะในการผลิตและบริหารสารสนเทศขององค์กร หลักสูตรนี้มีความยืดหยุ่นสูง รองรับพัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้เป็นอย่างดี บัณฑิตมีทางเลือกในการประกอบอาชีพมากขึ้น เป็นสาขาวิชาสำหรับอนาคตสอดคล้องกับแนวทางพัฒนาของมหาวิทยาลัยและประเทศ เป็นสาขาวิชาที่รวบรวมองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่ไม่สามารถจัดเข้าไปอยู่ในสาขาที่มีอยู่เดิมได้ เป็นนวัตกรรมในการบริหารจัดการหน่วยงานทางวิชาการที่เป็นแบบบูรณาการทางการศึกษาอย่างแท้จริง ผู้สนใจสามารถสมัครทางอินเทอร์เน็ต www.dusit.ac.th หรือสมัครด้วยตัวเองที่ มสด. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทร.0-2244-5171-5 หรือ 0-2244-5170 ทุกวันในเวลาราชการ (คมชัดลึก พุธที่ 15 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





เปิดผลวิจัยทีม"สกว."ชี้ สอนอังกฤษถึงฝันยาก

เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยหลังเป็นประธานเปิดการประชุมเสนอผลงานวิจัยชุดโครงการเรื่อง "นโยบายการเรียนการสอนภาษต่างประเทศของไทย" พร้อมบรรยายเรื่อง "มองไปข้างหน้ากับนโยบายการเรียนการสอนภาษต่างประเทศของไทย" จัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ที่โรงแรมเอเชีย ว่า จากข้อมูลผลวิจัยพบว่าการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ยังไม่สามารถทำให้เด็กไทยใช้ภาษาได้ ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนของการเรียนการสอน โดยเฉพาะการพูดและการเขียน ดังนั้น ในส่วนของนโยบายจะกำหนดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน มีจุดเน้นการสอนให้ใช้ภาษาได้จริง ในการประชุมมีการนำเสนอรายงานชุดโครงการวิจัยข้อมูลพื้นฐานการจัดการเรียนการสอนและความต้องการภาษาต่างประเทศ โดยสรุปพบว่าการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศของไทยยังมีแนวโน้มประสบความสำเร็จได้ยาก เนื่องจากผู้สอนจบไม่ตรงสาขา มีภาระการสอนมาก แม้ได้รับอบรมเทคนิคการสอนรูปแบบใหม่ๆ แต่ก็ยังเคยชินกับการสอนรูปแบบเดิมๆ อีกทั้งสัดส่วนนักเรียนต่อห้องเรียนมีมาก (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 16 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th)





มข.นำทีมอุดมศึกษาจัดรับน้องสร้างสรรค์

ผศ.วิชัย ณีรัตนพันธุ์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการพิเศษ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) เปิดเผยว่า มข.ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และคณะกรรมการประสานกิจเครือข่ายสถาบันอุดมศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อพัฒนาบัณฑิตอุดมคติไทย จัดสัมมนา "รูปแบบการจัดกิจกรรมรับน้องใหม่เชิงสร้างสรรค์" ขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อให้กลุ่มผู้แทนนักศึกษาได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทบทวนรูปแบบการจัดกิจกรรมรับน้องใหม่ที่เหมาะสมกับยุคสมัย และให้เป็นไปในทางสร้างสรรค์ งดเว้นความรุนแรงทั้งต่อร่างกายและจิตใจทุกรูปแบบ โดยมีนักศึกษาจากสถาบันอุดมศึกษาเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าร่วมกว่า 51 สถาบัน ซึ่งการจัดกิจกรรมรับน้องใหม่เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้แสดงออกตามความคิดอย่างอิสระ ภายใต้ระเบียบ ข้อบังคับ และประกาศของแต่ละสถาบัน ด้าน น.ส.เกศราภรณ์ สุวรรณไตรย์ นักศึกษาจากวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จ.นครพนม กล่าวว่า การสร้างศูนย์กลางของเครือข่ายในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจะช่วยให้การกำหนดรูปแบบการรับน้องเชิงสร้างสรรค์ของทุกสถาบันเป็นไปในทิศทางเดียวกัน (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 17 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





ศธ.เล็งปรับโฉมสอนภาษา ตปท.

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวในการประชุมเสนอผลงานวิจัยในชุดโครงการนโยบายการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศของไทยว่า จะให้มีการปรับนโยบายจัดการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศใหม่ หลังจากที่ผลวิจัยต่างๆ ฟ้องชัดเจนว่า การเรียนการสอนภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ รวมทั้งภาษาจีน ที่นิยมปูพรมสอนในลักษณะวิชาบังคับไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร เพราะไม่สามารถทำให้ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้หรือเขียนได้ ทั้งที่ผ่านการเรียนมากว่า 10 ปี ทั้งนี้ปัจจุบันนโยบาย ศธ.ให้วิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาบังคับให้เริ่มเรียนตั้งแต่ระดับประถม แต่โรงเรียนส่วนใหญ่ต้องปูพรมสอนตั้งแต่ระดับประถมทั้งที่บางโรงเรียนขาดความพร้อมทั้งด้านครูและอุปกรณ์การเรียน ขณะที่วิธีการสอนเองยังไม่เหมาะสม ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชานี้ จึงออกมาต่ำ ผลการทดสอบระดับชาติพบมาว่า มีนักเรียนร้อยละ 20 ที่ทำคะแนนได้ถึงร้อยละ 40 น่าจะปรับกระบวนการคิดในการสอนวิชาภาษาอังกฤษใหม่ โดยลดความเป็นวิชาบังคับลง และนำทรัพยากรที่ไปเฉลี่ยกับการปูพรมสอนทุกโรงเรียน เปลี่ยนมาเป็นอัดฉีดอย่างเข้มข้นให้เฉพาะกลุ่มนักเรียนที่สมัครใจและสนใจเรียนวิชานี้อย่างแท้จริง เพราะการจัดการเรียนแบบเข้มข้นแม้แค่ 3 เดือน อาจจะประสบความสำเร็จ ทำให้ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษได้จริงมากกว่าการปูพรมสอนเป็นสิบปี อย่างไรก็ตาม ยังไม่คิดไปถึงการยกเลิกวิชาภาษาอังกฤษจากวิชาบังคับเพราะจะทำให้เกิดผลกระทบ รวมถึงนโยบายการสอนภาษาต่างประเทศ ควรจะปรับใหม่โดยต้องการให้การสอนภาษาต่างประเทศคำนึงถึงความต้องการของประเทศแทนที่จะสอนกันแบบไม่มีจุดหมาย ซึ่งต่อไปการสอนภาษาต่างประเทศก็เพื่อเป็นเครื่องมือในการติดต่อสัมพันธ์ต่างประเทศกล่าว (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 17 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





ม.รังสิตเตรียมบรรจุพันวิชาลงในเว็บไซต์ ใช้งบฯ160ล.พัฒนาไฮเทคหวังเทียบม.รัฐ

ดร.บุญมาก ศิริเนาวกุล ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ฝ่ายเทคโนโลยี ดูแลเรื่องเทคโนโลยี ในอนาคตจะมีศูนย์การศึกษาทางไกลผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต พร้อมกันนี้กำลังทำแผนแม่บททางเทคโนโลยี 4 ปี พร้อมกับวิสัยทัศน์อธิการบดี 4 ปี ต้องใช้เงิน 160 ล้านบาท เพื่อสร้างสถาบันแห่งนี้ให้ทันสมัยโดดเด่นด้านไอที เตรียมพร้อม 6 โครงการ รวมถึงอีเลิร์นนิ่งด้วย อย่างอีเลิร์นนิ่งก็ให้นักศึกษาได้เรียนรู้โดยใช้กระบวนการออนไลน์เสริม ทำให้ทุกวิชาเกือบ 1,000 วิชาอยู่ในเว็บไซต์ นักศึกษาสามารถเข้าไปศึกษาดูเรื่องวิชาเรียนที่ตัวเองได้เรียนไปแล้ว ถ้าไม่รู้เรื่องก็ทบทวนได้ตลอด 24 ชั่วโมง ห้องสมุด (อีไลบราลี) ก็เช่นเดียวกัน แทนที่จะเข้าไปห้องสมุดอย่างเดียวก็สามารถดูผ่านคอมพิวเตอร์ได้ด้วย มีบริการอีบุ๊ก อีเจอร์นัล สิ่งต่างๆ เวลาทำรายงานก็สามารถทำรายงานนอกห้องสมุด ที่ไหนก็ได้ ทั้งนี้ ได้เริ่มปี 2548 เสร็จสิ้นปี 2500 สามารถให้บริการนักศึกษาได้เต็มรูปแบบ ดร.บุญมาก ได้คิดกลยุทธ์หลายประเภทว่าทำอย่างไรให้พัฒนาได้ภายใน 3-4 ปี ไม่ให้แพ้มหาวิทยาลัยของรัฐ ใช้งบประมาณน้อยกว่า 150-160 ล้าน คิดออกมาเป็นกลยุทธ์ 6 ประเภทหลักๆ คือให้คุณค่ากับนักศึกษาหมด รวมทั้งเรื่องจริยธรรมและศีลธรรม เรื่องไอที ความเบี่ยงเบนที่เทคโนโลยีทันสมัยมีผลกระทบต่อพฤติกรรมเด็กรุ่นใหม่ซึ่งใช้เวลาเล่นเกมมาก จิตใจเป็นวัตถุนิยมมากขึ้น และ จะทำการวิจัยให้ชัดเจนว่าพฤติกรรมที่มีผลต่อสังคมเป็นอย่างไร แล้วดึงกลับ ไม่ใช่มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีให้ทันสมัยอย่างเดียว จะทำให้เป็นแบบอย่าง ใช้พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ ซึ่งเป็นปรัชญาที่ดีนำมาใช้ด้านไอทีได้ คือมองให้ครบทุกด้านแล้วนำมาใช้ มีความทันสมัย ใช้เงินน้อย ใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด มีจริยธรรมและศีลธรรมควบคุมสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน จะทำให้มหาวิทยาลัยรังสิตเป็นแบบอย่าง (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 17 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th)





"แนะ ม.ไทย" จี้พัฒนาคุณภาพรับมือ ม.ต่างชาติ

ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ นายกสมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย กล่าวในการสัมมนาวิชาการ "มหาวิทยาลัยกับทางเลือกของคนรุ่นใหม่" ว่ามหาวิทยาลัยต้องปรับตัวเองให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละยุคสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสังคมปัจจุบันแข่งขันทางการค้าสูง ส่งผลให้สัดส่วนการแข่งขันด้านธุรกิจการศึกษาเพิ่มขึ้น มหาวิทยาลัยต่างประเทศมาเปิดสอนในไทยมากขึ้น มหาวิทยาลัยในอนาคตจะมีความเป็นนานาชาติสูงขึ้น ทำให้เกิดการแข่งขันด้านคุณภาพการศึกษาและคุณภาพอาจารย์ จะมีอาจารย์จากต่างประเทศมาแย่งตลาดการศึกษาของอาจารย์ไทยมากขึ้น รวมถึงคุณภาพหลักสูตรและประเมินผล มหาวิทยาลัยจะผูกโยงกับตลาดแรงงานเพิ่มขึ้น คณะที่ตลาดแรงงานไม่ต้องการจะถูกยุบ ส่วนคณะที่ตอบสนองต่อตลาดแรงงานจะขยายตัว ดร.นลินี ทวีสิน ผู้อำนวยการสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา กล่าวว่า คาดว่าจำนวนนักศึกษาปี 2548-2551 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 เพราะอนาคตอุดมศึกษาของไทยมีความหลากหลายทั้งด้านหลักสูตร ช่องทางในการรับบริการการศึกษา และโอกาสเข้าถึงอุดมศึกษาที่ง่ายขึ้น และการเตรียมพร้อมก่อนเข้าสู่มหาวิทยาลัยใน 5 ประเด็น ได้แก่ 1.การรู้จักตัวเอง จะต้องเรียนเพื่อรู้ไม่ใช่เพื่อสอบ มุ่งหวังสร้างประโยชน์ต่อสังคม และเป็นปัญญาชนมิใช่มุ่งใบปริญญา อีกทั้งต้องค้นคว้าหาความถนัด ความชอบของตนเอง 2.รู้จักแนวโน้มตลาดแรงงาน และความต้องการของประเทศ 3.การตัดสินใจเรียนต่อในต่างประเทศ ควรคำนึงถึงสาขาที่ยังไม่มีการสอนในไทย และสภาวะการมีงานทำ 4.การตัดสินใจเรียนต่อระดับสูงควรวางแผนชัดเจนสอดคล้องกับอาชีพในอนาคต 5.การเข้าถึงข้อมูลสิ่งที่จะเรียน เช่น หลักสูตร แหล่งทุนการศึกษา (คมชัดลึก เสาร์ที่ 18 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





Open House สาธิตม.รังสิต

โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต จัดงาน Open House เปิดรั้วโรงเรียนให้ผู้ปกครองและผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชม ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ ในงานมีกิจกรรมสาระความรู้และความบันเทิงหลายรายการ อาทิ การเสวนาในหัวข้อ "คุณค่าของการศึกษาในโรงเรียนสองภาษา" (The Benefit of Learning in Bilingual Education School) จะทำให้ได้รู้จักโรงเรียนสองภาษามากยิ่งขึ้น, ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับครูเคท เนตรปรียา ชุมไชโย และคุณชัย บูลกุล ในหัวข้อ "ผู้ปกครองจะมีส่วนสนับสนุนต่อการศึกษาของลูกอย่างไร" นอกจากนี้ ยังมีการแสดงเชียร์ลีดเดอร์ ชุดชนะเลิศนานาชาติจากประเทศอังกฤษ และพาเยี่ยมชมบรรยากาศจริงของการเรียนการสอนแบบหลักสูตรสองภาษา ตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 พิเศษสำหรับผู้สมัครเรียนในวันงาน จะได้รับสิทธิพิเศษเรียนกิจกรรมเสริมหลักสูตรฟรี 2 กิจกรรม มูลค่า 6,000 บาท สอบถามเพิ่มเติมโทร.0-2792-7500 (มติชนรายวัน เสาร์ที่ 18 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th)





สกว.ปลื้ม500ด๊อกเตอร์สร้างทำระบบวิจัยแข็ง

ดร.ปรีดา วิบูลย์สวัสดิ์ ประธานกรรมการนโยบายกองทุนสนับสนุนการวิจัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) กล่าวว่า ความสำเร็จของโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก(คปก.) ที่สามารถผลิตบุคลากรระดับปริญญาเอกได้แล้ว 500 คน ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาระบบวิจัยของประเทศ ปัจจุบันคปก.ให้ทุนแก่นักศึกษาไปแล้วประมาณ 1,700 คน มีจำนวนโครงการความร่วมมือกับต่างประเทศ 1,570 โครงการ มีอาจารย์ที่ปรึกษาต่างประเทศ 1,338 คน จากมหาวิทยาลัยและสถาบันชั้นนำกว่า 300 แห่ง ใน 37 ประเทศทั่วโลก สามารถผลิตบุคลากรระดับปริญญาเอกได้จำนวน 500 คน โดย 360 คน หรือร้อยละ 72 ทำงานเป็นอาจารย์ นักวิจัย และนักวิชาการ ช่วยสร้างความเข้มแข็งด้านการวิจัยให้ระบบมหาวิทยาลัยและหน่วยงานภาครัฐ ส่วนอีก 43 คน หรือร้อยละ 9 ไปทำวิจัยในต่างประเทศ ซึ่งจะได้นำความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆ กลับมาพัฒนาประเทศไทยในอนาคต ทั้งนี้การผลิตดุษฎีบัณฑิตคุณภาพสูงด้วยทุนคปก.มีค่าใช้จ่ายเพียง 1.7 ล้านบาทต่อคน จัดว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับการส่งนักศึกษาไปเรียนต่างประเทศจะมีค่าใช้จ่ายสูงประมาณ 6 ล้านบาทต่อคน หากคปก.สามารถผลิตดุษฎีบัณฑิตได้ตามเป้าหมายคือ 5,000 คน จะประหยัดงบประมาณได้ถึง 21,500 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายที่จะผลิตนักวิจัยระดับปริญญาเอกในระยะแรกประมาณ 5,000 คน ภายในเวลา 15 ปี ในส่วนของงานวิจัยคปก.มีส่วนในการเพิ่มผลงานวิจัยให้กับประเทศเป็นอย่างมาก โดยสามารถผลิตผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติกว่า 1,195 เรื่อง และมีสิทธิบัตรที่ได้ยื่นจดถึง 27 เรื่อง ซึ่งเป็นการเพิ่มองค์ความรู้เพื่อนำไปประยุกต์เป็นเทคโนโลยีใหม่และผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม อีกทั้งยังเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วย (ข่าวสด เสาร์ที่ 17 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


อังกฤษโชว์กังหันไฟฟ้า"กระแสน้ำ"

บริษัทมารีน เคอร์เรนต์ เทอร์ไบน์ (เอ็มซีที) ได้รับการรับรองจากสำนักงานสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรในไอร์แลนด์เหนือ ให้สามารถดำเนินการติดตั้งเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยกังหันเหมือนกับกังหันลม ต่างกันที่แต่ตัวใบพัดถูกนำมาติดตั้งใต้ผิวน้ำทะเล โดยใช้กระแสน้ำเป็นตัวหมุนใบพัด 2 ใบ ที่ติดตั้งอยู่บนเสาเดียวกัน โดยหลักการแล้ว กังหันน้ำของเอ็มซีทีทำงานคล้ายกับกังหันลมใต้ทะเล แต่ใช้กระแสน้ำหมุนใบกังหันแทนอากาศ ตัวเสา และกังหัน สามารถติดตั้งในทะเลที่กระแสน้ำไหลแรง หรือที่มีกระแสคลื่นทะเลพัดอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยปริมาณการไหลของกระแสน้ำ ทั้งนี้ กระแสน้ำเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนมหาศาล และสามารถคาดการณ์ได้เหมือนกับการกระแสน้ำขึ้นน้ำลง ไม่เหมือนกับกระแสลม หรือพลังงานคลื่นที่ขึ้นอยู่กับระบบอากาศที่ยากจะคาดเดาได้ กังหันประกอบด้วยกังหันแฝดที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 15-20 เมตร กังหันแต่ละตัวทำหน้าที่หมุนห้องเกียร์ที่มีลักษณะคล้ายกับกังหันไฟฟ้าพลังน้ำ หรือกังหันลม ชุดใบพัดคู่ติดตั้งอยู่บนแกนปีกกางเขนที่ตั้งอยู่บนเสาเหล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เมตร ตัวเสาปักลงในหลุมที่ขุดทะลวงลงไปใต้พื้นทะเล สามารถติดตั้งและดูแลโดยไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่ลงไปปฏิบัติงานใต้น้ำเลย เหตุที่ต้องออกแบบตรงนี้ เพราะการติดตั้งกังหันน้ำแบบนี้ไม่สามารถใช้นักประดาน้ำ หรือยานควบคุมทางไกลดำลงไปซ่อมแซมได้ เนื่องจากกระแสน้ำบริเวณดังกล่าวพัดแรงมาก ตัวกังหันที่อยู่ใต้น้ำตัวหนึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้ตั้งแต่ 750-1,500 กิโลวัตต์ ขึ้นอยู่กับรูปแบบของกระแสน้ำในแต่ละที่และความเร็วสูงสุด ปริมาณกระแสไฟจากแต่ละต้นจะเชื่อมต่อกันเป็น "โรง" ผลิตไฟฟ้าใต้ทะเลและให้กระแสไฟฟ้ากำลังสูง (คมชัดลึก จันทร์ที่ 14 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





กล้องโทรทรรศน์ส่องเจอดาวยักษ์ พร้อมกำเนิดระบบสุริยะจักรวาล

นักดาราศาสตร์ยังคงเฝ้าตามหาระบบสุริยะอื่นที่อยู่ไกลออกไปอย่างไม่ลดลง ด้วยเชื่อว่าคงไม่ได้มีแต่ระบบสุริยะที่โลกเป็นสมาชิกเพียงระบบเดียวในจักรวาลแน่นอน ล่าสุดได้พบกับการก่อตัวของดาวเคราะห์ที่กำลังโคจรอยู่รอบดวงฤกษ์ขนาดมหึมาสองดวงที่ใหญ่กว่าดวงอาทิตย์หลายเท่า ดาวฤกษ์สองดวง ได้แก่ ดาวอาร์ 66 และอาร์ 126 เป็นดาวฤกษ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ 30-70 เท่า มีการก่อตัวของฝุ่นดาวเคราะห์บริวารหมุนเป็นวงโคจรรอบดาวยักษ์ที่ร้อนแรงและอยู่ห่างไกลจากดาวยักษ์ออกไปไกลกว่าที่นักวิทยาศาสตร์เคยเชื่อว่า ดาวเคราะห์เกิดจากการก่อตัวของฝุ่นละอองที่หมุนเป็นแผ่นวงกลมล้อมดาวฤกษ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์มากที่สุดเพียง 5 เท่า การก่อตัวของดาวเคราะห์รอบดาวเคราะห์ยักษ์ครั้งนี้มีขนาดใหญ่มหึมากว่ามาก ทั้งร้อนและสว่าง และมีลมสุริยะรุนแรง โอกาสที่จะก่อตัวเป็นดาวเคราะห์ได้สำเร็จนั้นมีน้อย แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ต้องถึงกับตะลึงเมื่อข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์สปิตเซอร์บันทึกภาพในห้วงอวกาศพบก้อนหินที่มีขนาดเล็กมากปะปนอยู่ในเกลียวฝุ่น แต่ไม่ถูกเป่ากระเด็นออกไปจากระบบสุริยะด้วยแรงลมสุริยะ และรังสีอัลตราไวโอเลตที่รุนแรง ข้อมูลจากกล้องสปิตเซอร์ แสดงให้เห็นว่าเม็ดฝุ่นที่พบอาจเป็นสัญญาณการก่อตัวของดาวเคราะห์ที่ก่อตัวขึ้นรอบดาวยักษ์ ตั้งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่าเมฆแมคเจลเลนใหญ่ ซึ่งเป็นกาแล็กซีเพื่อนบ้านของกาแล็กซีทางช้างเผือกที่โลกเป็นสมาชิกอยู่ ยังได้ส่องพบสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ซึ่งเป็นโมเลกุลที่พบได้ทั่วไปบนโลก แสดงว่าโมเลกุลเชิงซ้อนกำลังก่อตัวในเกลียวฝุ่นเช่นกัน กระบวนการดังกล่าวคล้ายกับการก่อตัวของทางช้างเผือกเมื่อ 4,300 ล้านปีก่อน องค์ประกอบวงแหวนฝุ่นของดาวฤกษ์ทั้งสองดวงนี้ทำให้นักดาราศาสตร์เชื่อว่า วัตถุไม่ได้ถูกเหวี่ยงออกไปจากดาว แต่ได้ก่อตัวขึ้นมานานหลายล้านปีแล้ว ที่ผ่านมา นักดาราศาสตร์สามารถตรวจพบระบบสุริยะที่มีดาวเคราะห์บริวารแล้วราว 150 ระบบ ส่วนใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้จากโลกพบว่ามีดาวเคราะห์เป็นสมาชิกเพียงดวงเดียวเท่านั้น (คมชัดลึก พุธที่ 15 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





โฟล์กผนึกกำลัง"กูเกิ้ลเอิร์ธ" ติดแผนที่ดาวเทียม3มิติในรถยนต์

บริษัทโฟล์กสวาเกน สาขาสหรัฐอเมริกา ร่วมมือกับบริษัทกูเกิ้ล ผู้ให้บริการเว็บไซต์ยักษ์ใหญ่ google.com ร่วมมือกันพัฒนาต้นแบบซอฟต์แวร์ หรือโปรแกรมแสดงแผนที่ผ่านดาวเทียม 3 มิติที่ช่วยบอกทิศทางการขับรถไปยังจุดหมาย โปรแกรมดังกล่าวจะดัดแปลงมาจากโปรแกรมแผนที่ผ่านดาวเทียม 3 มิติของกูเกิ้ล ที่ชื่อ "กูเกิ้ล เอิร์ธ" ซึ่งเริ่มเปิดให้ผู้สนใจทั่วโลกดาวน์โหลดมาใช้ฟรีตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2548 ปัจจุบันทั้งสองบริษัทกำลังว่าจ้างให้บริษัทเอ็นวิเดีย คอร์ป ผู้ผลิตชิพคอมพิวเตอร์ประมวลผลภาพ 3 มิติ ให้ออกแบบระบบแสดงแผนที่นำร่อง 3 มิติสำหรับติดตั้งในรถยนต์ ซึ่งจะทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารในรถรู้ว่าตนกำลังอยู่ในจุดใด และมองเห็นเส้นทางการจราจร รวมทั้งอาคารสถานที่รอบข้างแบบ 3 มิติ นอกจากนั้น ทางผู้ผลิตยังตั้งเป้าไว้ว่าข้อมูลแผนที่นำร่องจะต้องเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้ด้วย เพื่อให้ทางบริษัทอัพ-เดต หรือปรับปรุงแก้ไขข้อมูลเส้นทางการจราจรใหม่ๆ เข้าไปในหน่วยความจำของระบบนำร่องได้ด้วย เทคโนโลยีแผนที่ดาวเทียม 3 มิตินี้ยังอยู่ระหว่างการทดลองเท่านั้น ในเบื้องต้นบริษัทไม่มีแผนจะนำมาผลิตในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด (ข่าวสด พุธที่ 15 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





พบแมงมุมนักฆ่าแห่งมาดากัสการ์

ทีมนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งคาลเท็กซ์ในซานฟรานซิสโก และนักวิจัยในมาดากัสการ์ช่วยกันจับแมลงมานับล้านตัว ในจำนวนนี้มีแมงมุมนักฆ่าพันธุ์ใหม่ 9 ตัว จากการศึกษาทำให้รู้ว่าในอดีตแมงมุมนักฆ่าที่มีรูปร่างแปลกประหลาดสามารถพบเห็นได้ทั่วไปบนโลก แต่ในปัจจุบันพบเฉพาะในออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ และล่าสุดที่เกาะมาดากัสการ์ และสำหรับ 9 สายพันธุ์ใหม่ที่พบนี้จะถูกเพิ่มเข้าไปในบัญชีรายชื่อแมงมุมนักฆ่าที่พบแล้ว 10 กว่าสายพันธุ์ แมงมุมนักฆ่าแห่งมาดากัสการ์ มีขนาดตัวยาวเพียง 2 มิลลิเมตร มีเขี้ยวพิษแหลมคมอยู่ในขาดกรรไกรยาวไม่สมส่วนกับลำตัว และใหญ่กว่าขากรรไกรแมงมุมชนิดอื่น 10 เท่า มันจะใช้เขี้ยวพิษแทงแมงมุมชนิดอื่น และมีลำคอยาวที่สามารถจู่โจมเหยื่อได้จากระยะไกล แมงมุมนักฆ่าจะไม่สร้างใยแมงมุมสำหรับดักเหยื่อ และไม่เป็นภัยต่อมนุษย์ (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 16 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





ปิดอ่าวไทย"ประจวบฯ-ชุมพร-สุราษฎร์ฯ" ให้ปลาวางไข่-เลี้ยงตัวอ่อน 4 เดือน-ฝ่าฝืนโทษถึงคุก

นายสายันต์ เอียมรอด ประมงจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ขณะนี้มีประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องกำหนดห้ามใช้เครื่องมือทำการประมงบางชนิดทำการประมงในฤดูกาลที่ปลามีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวอ่อนในวัยอ่อน ในท้องที่ 3 จังหวัด คือ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี ในพื้นที่ครอบคลุม 26,400 ตารางกิโลเมตร ระหว่างวันที่ 15 ก.พ.-15 พ.ค.2549 สำหรับเครื่องมือที่ห้ามทำการประมง ประกอบด้วย อวนลากทุกชนิดที่ใช้ประกอบเรือกล (ยกเว้นอวนลากที่ใช้ประกอบกับเรือกล ความยาวไม่เกิน 16 เมตร ให้ทำประมงได้เฉพาะกลางคืน), อวนติดตามที่ใช้ประกอบเรือกลทำการประมงด้วยวิธีล้อมติดปลาทู หรือด้วยวิธีอื่นที่คล้ายคลึงกัน, อวนล้อมจับทุกชนิดที่ใช้ประกอบกับเรือกล อวนครอบ อวนซ้อน อวนยกที่ใช้ประกอบกับเครื่องไฟฟ้าที่ทำการประมงปลากะตัก และอวนรุนที่ใช้ประกอบกับเรือกลที่มีความยาวเรือเกินกว่า 14 เมตรขึ้นไป หากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 65 จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือมาตรา 69 เครื่องมือทำการประมง สัตว์น้ำและสิ่งอื่นๆ ที่ใช้ในการกระทำผิด หรือมาตรา 70 เครื่องมือทำการประมงให้ศาลริบเครื่องมือ (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 16 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





แง่มุมวิทยาศาสตร์ จากละครดัง"แดจังกึม"

ในการเสวนาเรื่อง "วิทยาศาสตร์จากแดจังกึม" จัดโดยชมรมนักเขียนและผู้จัดทำหนังสือวิทยาศาสตร์ โดยมีวิทยากรประกอบด้วยนักโภชนาการ แพทย์ทางเลือก และผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร ร่วมเสวนาวิเคราะห์ละครซีรี่ส์เกาหลีชื่อดัง "แดจังกึม" ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ และการแพทย์ ส่วนใหญ่เห็นว่า ละครดังเรื่องนี้ มีความเป็นวิทยาศาสตร์แฝงอยู่ในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นด้านโภชนาการอาหาร หรือ การใช้สมุนไพรรักษาโรคในรูปแบบของแพทย์ทางเลือกที่นิยมแพร่หลายในปัจจุบัน รศ.ภญ.สุปราณี แจ้งบำรุง กล่าวว่า แดจังกึม เป็นละครกึ่งประวัติศาสตร์ที่นำเรื่องราวของศาสตร์และศิลป์มาผูกรวมกันจนกลายเป็นความสนุกสนานประทับใจผู้ชม โดยเฉพาะความสามารถของตัวละครเอกซอจังกึม ที่มีความรู้ด้านโภชนาการ และสมุนไพรเป็นอย่างดีจนสามารถนำมาดัดแปลงใส่ในอาหารให้กลายเป็นอาหารที่มีประโยชน์สูงสุดได้ นพ.อำนาจ ชัยชลทรัพย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการรักษาในรูปแบบแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ละครเรื่องแดจังกึมในศาสตร์ของการรักษาโรคด้วยการฝังเข็ม ถือเป็นภูมิปัญญาที่ถูกสืบทอดเผยแพร่มาจากประเทศจีน ซึ่งในอดีตการรักษาโรคด้วยวิธีนี้ถือว่าได้รับความนิยม ทั้งนี้แพทย์ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญจะสามารถใช้ความรู้ที่เรียนมา วินิจฉัยโรคและให้การรักษาในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งซอจังกึมยังมีความรู้ด้านสมุนไพรเพื่อนำมาใช้ในการรักษาโรคที่พบจากการวินิจฉัยได้ด้วย ดังนั้นละครเรื่องแดจังกึม ซึ่งสร้างขึ้นจากประวัติศาสตร์ของเกาหลีเรื่องนี้จึงถือว่าเป็นการนำภูมิปัญญา และความสามารถของชาวตะวันออกมานำเสนอได้อย่างน่าสนใจในรูปแบบของละครดราม่า (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 16 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





สื่ออังกฤษชวนโหลดโปรแกรมทำนายอากาศ

บีบีซี บริษัทสื่อชั้นนำของอังกฤษชวนเข้าร่วมโครงการทำนายสภาพอากาศผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยให้ผู้เข้าร่วมดาวน์โหลดโปรแกรมติดตั้งลงในเครื่องพีซี โปรแกรมจะเริ่มทำงานตอนที่ผู้ใช้เปิดเครื่องทิ้งไว้โดยไม่ได้ใช้งาน โครงการดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า ไคลเมตพรีดิกชั่น (www.Climateprediction.net) ซึ่งเปิดโครงการมาสองปีแล้ว และปีที่แล้วได้ออกคำทำนายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศออกมาโดยใช้โมเดลทางคณิตศาสตร์รุ่นแรก แสดงให้เห็นว่าบรรยากาศโลกมีปริมาณก๊าซาร์บอนไดออกไซด์เข้มข้นขึ้น และจะส่งผลให้อุณหภูมิของโลกร้อนขึ้นระหว่าง 2-11 องศาเซลเซียส แทนที่โครงการนี้จะใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวทำงาน กลับใช้วิธีให้คอมพิวเตอร์พีซีหลายๆ เครื่องดาวน์โหลดโปรแกรมลงไปไว้ในแต่ละเครื่อง จากนั้นโปรแกรมจะใช้ศักยภาพของซีพียูของคอมพิวเตอร์มาช่วยคำนวณ โปรแกรมจะถูกเรียกขึ้นมาใช้งานอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้เครื่องเปิดเครื่องทิ้งไว้เฉยๆ สำหรับโปรแกรมจำลองสภาพอากาศตัวใหม่ได้เปิดให้ดาวน์โหลดตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา โดยปรับปรุงแบบจำลองให้ใช้งานกับสภาพการเปลี่ยนแปลงของมหาสมุทรที่ซับซ้อนขึ้น ขณะที่โปรแกรมเดิมใช้งานกับสภาพมหาสมุทรทั่วไป ซึ่งผู้ใช้สามารถเห็นผลกระทบที่บรรยากาศกับมหาสมุทรมีต่อกัน นอกจากนี้ โปรแกรมรุ่นใหม่ยังให้ข้อมูลที่แม่นยำมากขึ้นสะท้อนสภาวะของโลกปัจจุบันอย่างแท้จริง เช่น ความร้อนและก๊าซที่บรรยากาศแลกเปลี่ยนกับมหาสมุทรอยู่ตลอดเวลา ซึ่งน่าจะให้ผลคาดการณ์ที่เป็นจริงมากขึ้นเกี่ยวกับสภาพอากาศในอนาคต คมชัดลึก ศุกร์ที่ 17 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





พบขุมทรัพย์ใต้ทะเลลึกแคริบเบียนสัตว์ทะเลแปลกใหม่

ทีมนักวิทยาศาสตร์จากคอนเซอร์เวชั่นแนล อินเตอร์เนชั่นแนล เดอะ เนเธอร์แลนด์ แอนตีลย์ สถาบันสมิธโซเนียน รวมทั้งชาวประมงพื้นบ้าน ได้ใช้เวลา 2 สัปดาห์ ในช่วงเดือนมกราคม ลงไปดำน้ำบริเวณแนวปะการัง ซาบา แบงค์ เอโทลล์ ห่างจากเปอร์โตริโกไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ 250 กิโลเมตร พบภูเขาใต้ทะเลบริเวณแคริบเบียน อุดมสมบูรณ์ไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ จากการดำน้ำในช่วง 2 สัปดาห์ พบว่าบริเวณดังกล่าวอุดมไปด้วยความหลาก หลายทางชีวภาพทางทะเล นับชนิดปลาได้ทั้งหมด 200 ชนิด ในจำนวนนี้มากกว่า 150 ชนิดเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว ทั้งยังพบปลาโกบี้ชนิดใหม่ 2 ชนิด ดร.มาร์ค ลิตต์เลอร์ นักพฤกษศาสตร์ทางทะเลของสถาบันสมิธโซเนียน ผู้ลงไปดำน้ำสำรวจในครั้งนี้ ประกาศว่าบริเวณซาบา แบงค์ เป็นแหล่งที่มีสาหร่ายทะเลอุดมสมบูรณ์ที่สุดในแคริบเบียน สำหรับสาหร่ายทะเลนั้นเป็นส่วนสำคัญของห่วงโซ่อาหารในแนวปะการัง ที่สิ่งมีชีวิตทางทะเลต้องพึ่งพิง อย่างไรก็ตาม บริเวณดังกล่าวก็ตกอยู่ในอันตรายเพราะว่า อยู่ในแนวเส้นทางเดินเรือน้ำมันขนาดใหญ่ไปยังเกาะเซนต์ยูสเตเชียส อาจทำลายแนวปะการังได้. (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 18 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





หวั่นน้ำท่วมโลก

นายอีริค ริกน็อท นักสำรวจจากห้องปฏิบัติการขององค์การนาซา และสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐ เผยว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ธารน้ำแข็งในกรีนแลนด์ละลายเร็วขึ้นเกือบ 2 เท่าจากที่เคยคาดการณ์ไว้ และส่งผลต่อระดับน้ำทะเลถึง 1 ใน 6 ส่วน ทั้งนี้ จากการคำนวณวัดระดับธารน้ำแข็งเมื่อปี 2543 แสดงให้เห็นว่าอุณหภูมิที่สูงขึ้น 3 องศาเซลเซียส ในรอบ 20 ปี ทำให้น้ำแข็งละลายมากขึ้น โดยไหลอยู่ภายใต้ก้อนธารน้ำแข็งและไหลลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกเร็วขึ้น และเมื่อคำนวณน้ำแข็งที่หายไปจากการละลายลงสู่ทะเลพบว่าระดับน้ำในมหาสมุทรจากที่เคยเพิ่มสูงขึ้นปีละ 50 ลูกบาศก์กิโลเมตร เมื่อปี 2539 กลับเพิ่มเป็นถึง 150 ลูกบาศก์กิโลเมตรต่อปี ในปี 2548 (มติชนรายวัน เสาร์ที่ 18 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th)





ข่าววิจัย/พัฒนา


โรคสมองเสื่อมเกิดจากกรรมพันธุ์

ศาสตราจารย์วิชาจิตวิทยามหาวิทยาลัยสหรัฐอเมริกา พบในการศึกษากับคู่แฝดเกือบ 12,000 คู่ว่าโรคสมองเสื่อมเป็นโรคที่เกิดจากกรรมพันธุ์มากถึง 80% ศาสตราจารย์มาร์กาเร็ต กัตซ์ มหาวิทยาลัยเซาเทิร์น แคลิฟอร์เนีย หัวหน้าคณะวิจัย รายงานใน “บันทึกวิทยาโรคจิตทั่วไป” ว่า ได้พบว่าอิทธิพลของกรรมพันธุ์มีความสำคัญอย่างมากมาย ส่อให้รู้ว่า มันมีพื้นฐานทางพันธุกรรมเป็นมูลเหตุ ข้อมูลที่ได้จาก การศึกษาแสดงว่า ความเสี่ยงของการเกิดโรคสมองเสื่อมขึ้นอยู่กับอิทธิพลของกรรมพันธุ์อยู่ถึง 79% เหลือเนื่องมาจากอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมแค่ 21% เท่านั้น อาจารย์กัตซ์กับคณะได้ศึกษาจากพี่น้องฝาแฝดชรา อายุเลย 65 ปีขึ้นไป ที่อยู่ในสวีเดน จำนวน 11,844 คู่ วารสารการแพทย์ “แลนเซต” ของอังกฤษ ได้นำมาเผยแพร่ ยังได้รายงานว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมอยู่ทั่วโลกไม่น้อยกว่า 24 ล้านคน และนับวันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น จนเชื่อว่าจะต้องเพิ่มทวี เป็นสองเท่า ทุกระยะเวลา 20 ปี (ไทยรัฐ อาทิตย์ที่ 12 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





สจล.คิดอุปกรณ์ช่วยงานหมอฟันวัดหาตำแหน่งรากฟันผุก่อนลงมืออุด

นายปาณะพงษ์ เลาหวฤทธิ์ นักศึกษาสาขาฟิสิกส์ประยุกต์-เครื่องมือวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม คณะวิทยาศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เปิดเผยถึง "เครื่องตรวจหาตำแหน่งรากฟัน" ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ร่วมกับเพื่อนนักศึกษาพัฒนาขึ้น เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้าอุปกรณ์การแพทย์ราคาแพง เครื่องวัดรากฟันที่ออกแบบขึ้นนี้ ใช้ประโยชน์ในการรักษาฟันผุ ด้วยการรักษารากฟันแทนการถอน ซึ่งทันตแพทย์จะต้องตรวจสอบความยาวของรากฟันของซี่ที่ผุ จากนั้นจึงจะลงมือรักษา โดยทันตแพทย์จะใช้เครื่องวัดหาตำแหน่งของรากฟัน สำหรับค้นหาตำแหน่งที่แม่นยำของจุดที่ต้องรักษา ก่อนที่จะใส่วัสดุอุดฟันลงบนคลองรากฟัน หรือโพรงประสาทที่อยู่ภายในรากฟัน หากขั้นตอนการค้นหาตำแหน่งผิดพลาด หรือมีการเจาะขยายขนาดเกินตำแหน่งปลายรากฟัน จะทำให้ฟันซี่นั้นตาย ทำให้ไม่สามารถรักษารากฟันและต้องถอนทิ้งในที่สุด ทั้งนี้ เครื่องมือตรวจหาตำแหน่งรากฟันที่ขายอยู่ทั่วไปราคาสูงถึง 4 หมื่นบาท ดังนั้น นักศึกษาในคณะวิทยาศาสตร์จึงรวมตัวกัน ออกแบบและสร้างเครื่องดังกล่าว โดยใช้ขดลวดทางการแพทย์เป็นตัวส่งสัญญาณวัดค่าความต้านทานของตำแหน่งฟัน ซึ่งสามารถระบุว่ารากฟันนั้นมีขนาดสั้นยาวเพียงใด อุปกรณ์ดังกล่าวมีส่วนประกอบของไมโครคอนโทรเลอร์ ซึ่งใช้เป็นเครื่องกำเนิดสัญญาณความถี่นาฬิกา เพื่อวัดความแตกต่างของความถี่รากฟัน จากนั้นนำสัญญาณไปประมวลผล โดยใช้งบประมาณในการสร้างเครื่องต้นแบบไม่ถึง 2,000 บาท ทั้งนี้ อุปกรณ์ดังกล่าวจะนำไปใช้กับการฝึกหัดของนักศึกษาทันตแพทย์ เพื่อสร้างความคุ้นเคยในเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ ก่อนรักษาจริงกับคนไข้โดยไม่ต้องเสียงบประมาณเป็นจำนวนมาก เพื่อสั่งซื้ออุปกรณ์จากต่างประเทศ (คมชัดลึก จันทร์ที่ 14 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





ห้องน้ำนาโนเทคโนโลยี สู้เชื้อรา-ทำความสะอาดตัวเอง

นักวิทยาศาสตร์ออสเตรเลีย พัฒนาสารเคลือบสุขภัณฑ์นาโนเทคโนโลยีที่สามารถทำความสะอาดตัวเอง (Self-cleaning) เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและผ่อนแรงการขัดล้าง เหมาะที่จะใช้เคลือบสุขภัณฑ์ เช่น อ่างอาบน้ำและอ่างล้างหน้าในโรงพยาบาล โรส เอวอล จากกลุ่มวิจัยอนุภาคและตัวเร่งปฏิกิริยา มหาวิทยาลัยนิวเซาธ์เวลส์ ผู้พัฒนาสารเคลือบสุขภัณฑ์ กล่าวว่า ถ้าคุณมีวัสดุที่ทำความสะอาดตัวเองได้ คุณก็ไม่จำเป็นต้องใช้สารฆ่าเชื้อและสารเคมีใดๆ ในการชำระล้าง จากเดิมที่ "วัสดุทำความสะอาดตัวเอง" จำกัดอยู่แต่อุปกรณ์กลางแจ้งเนื่องจากพื้นผิวของสารเคลือบเหล่านั้นประกอบขึ้นจากอนุภาคของไทเทเนียมไดออกไซด์ที่จะทำงานเมื่อดูดซับรังสีอัลตราไวโอเลตที่มีช่วงคลื่นสั้นกว่า 380 นาโนเมตร ในแสงแดด แต่สารเคลือบสุขภัณฑ์ชนิดใหม่ประกอบขึ้นจากอนุภาคไทเทเนียมไดออกไซด์ที่ดัดแปลงแล้วให้มีปฏิกิริยาไวต่อวัสดุที่มีประจุบวกอย่างเช่น เหล็ก อัลลอย และวัสดุประจุลบ เช่น ออกซิเจน ไนโตรเจนหรือคาร์บอน และสามารถดูดซับแสงที่ความยาวคลื่นสูงกว่าชนิดเก่า ซึ่งเป็นแสงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า อย่างเช่น แสงในห้องน้ำและจะทำลายสารประกอบอินทรีย์และฆ่าแบคทีเรีย ป้องกันการเกิดเชื้อรา มีคุณสมบัติไม่เปียกน้ำทำให้สกปรกยาก (ข่าวสด จันทร์ที่ 14 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





เตือนการดื่มน้ำบรรจุขวดเร่งผลาญทรัพยากรโลก

จากการศึกษาในสหรัฐอเมริกาพบว่า การดื่มน้ำดื่มบรรจุขวดพลาสติกทั่วโลกในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา มีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า ส่งผลให้สิ้นเปลืองทรัพยากรในระบบนิเวศน์เป็นอย่างมาก เอมิลี อาร์โนลด์ ผู้ศึกษาเรื่องน้ำดื่มบรรจุขวด จากสถาบันนโยบายโลก อันเป็นกลุ่มสิ่งแวดล้อมในวอชิงตัน กล่าวว่า “แม้ในบริเวณที่มีน้ำประปาดื่มได้ ความต้องการน้ำดื่มบรรจุขวดก็เพิ่มสูงขึ้น ทำให้เกิดขยะที่ไม่จำเป็นและเพิ่มการใช้พลังงานมากขึ้นในปริมาณที่มาก” เขาบอกด้วยว่า แม้ในประเทศอุตสาหกรรมที่น้ำดื่มบรรจุขวดมิได้มีสุขอนามัยมากไปกว่าน้ำประปา แต่มันก็ยังมีการบริโภคน้ำบรรจุขวดเพิ่มสูงขึ้นมากถึง 10,000 เท่า การศึกษาครั้งนี้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่เป็นผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดในการดื่มน้ำดื่มบรรจุขวด โดยคนอเมริกันดื่มน้ำถึง 26 พันล้านลิตรในปี 2547 อันดับ 2 คือเม็กซิโก 18 พันล้านลิตร ตามติดด้วยจีนและบราซิล ประเทศละ 12 พันล้านลิตร แต่ถ้าดูการดื่มน้ำบรรจุขวดเป็นรายบุคคลพบว่า อิตาลีมาเป็นที่ 1 คือ คนละเกือบ 184 ลิตร หรือมากกว่า 2 แก้วต่อวันตามด้วยเม็กซิโก และสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ ในปริมาณ 169 และ 164 ลิตรตามลำดับ ความต้องการน้ำดื่มบรรจุขวดยังพุ่งสูงขึ้นมากในประเทศกำลังพัฒนา ระหว่างปี 2542-2547 โดยในอินเดียเพิ่มขึ้น 3 เท่า ส่วนที่จีนเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าในช่วงเดียวกัน งานศึกษาครั้งนี้ระบุด้วยว่า ทั่วโลกมีการใช้พลาสติกประมาณ 2.7 ล้านตันต่อปี เพื่อนำไปทำเป็นขวดน้ำพลาสติก” และเมื่อมีการดื่มน้ำบรรจุขวดมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้เพิ่มปริมาณขยะพลาสติกเพิ่มขึ้น อันเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมตามมา. (ไทยรัฐ พุธที่ 15 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





อัศจรรย์สมุนไพร ‘พลูคาว’ ความหวังใหม่ผู้ป่วยมะเร็ง แพทย์ฯมข.เร่งวิจัยต่อยอดทดสอบฤทธิ์ในผู้ป่วย

“พลูคาว” เป็นพืชสมุนไพรประจำถิ่นที่พบมากในแถบภาคเหนือของไทย และยังพบในบริเวณเทือกเขาหิมาลัย อินเดีย เรื่อยมาจนถึงจีน เวียดนาม ลาว เกาหลี และญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นพืชตระกูลเดียวกับพลู ซึ่งส่วนใหญ่นิยมนำใบมาเป็นผักเคียง ใช้บริโภคสดกับอาหารประเภทลาบหรือหลู้ ส่วนจีนจะใช้พลูคาวในตำรับยาหลัก นับเป็นสมุนไพรชั้นสูง คณะนักวิจัยซึ่งประกอบด้วย รศ. มณเฑียร เปสี, ศ.น.พ.พงษ์ศิริ ปรารถนาดี, รศ.น.พ.สุขชาติ เกิดผล, ผศ.ดร.วิจิตร เกิดผล และ ผศ.ดุษฎี มุสิกโปดก คณะแพทย์จาก ม.เชียงใหม่ และ ม.ขอนแก่น สนใจที่จะศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการใช้พลูคาวรักษาผู้ป่วยมะเร็งและหลังจากที่สกัดเป็นยาน้ำ และผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการจริยธรรมแล้ว ได้นำยามาทดลองในผู้ป่วยมะเร็ง 5 ชนิด คือ มะเร็งปอด มะเร็งต่อมไทรอยด์ มะเร็งปาก มดลูก เนื้องอกบริเวณสมอง และเนื้องอกของ Soft tissue sarcoma โดยให้ผู้ป่วยดื่มบำรุงร่างกาย และใช้ร่วมกับการรักษาของคณะแพทย์โดยการฉายรังสี ปรากฏว่า สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายผู้ป่วยมะเร็งได้ ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาได้มากขึ้นทำให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้นและยืดอายุของผู้ป่วยได้นานขึ้นด้วย ซึ่งดีกว่าการรักษาด้วยการฉายรังสีเพียงอย่างเดียว ทำให้ขณะนี้มีคณะแพทย์และเภสัชกรจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เริ่มหันมาสนใจที่จะศึกษาวิจัยสมุนไพรพลูคาวเพิ่มเติม รวมกว่า 10 โครงการวิจัย เพื่อเป็นความหวังและต่ออายุให้กับผู้ป่วยมะเร็งในอนาคต ปัจจุบัน บริษัท ลานนาโพรไบโอติก จำกัด และบริษัท ไทยออแกนิก โปรดักซ์ จำกัด ได้พัฒนาและขยายผลยาน้ำที่สกัดจากพลูคาวในเชิงพาณิชย์ โดยผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคส่งออกไปจำหน่ายในสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาภายใต้ชื่อทางการค้าว่า Vilac plus ซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งและโรคสะเก็ดเงิน ดังนั้น เพื่อเป็นการต่อยอดงานวิจัยเดิมและศึกษาถึงประสิทธิภาพของ Vilac Plus ซึ่งอนาคตอาจเป็นอีกความหวังหนึ่งของผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งในและต่างประเทศ ในปี 2549 นี้ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น จึงร่วมกับ บ.ไทยออแกนิก โปรดักซ์ฯ และ บ.ลานนาโพรไบโอติกฯ มีแผนที่จะศึกษาการทดสอบฤทธิ์ความเป็นพิษของ Vilac Plus ต่อเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลิวคีเมีย ขณะเดียวกันยังจะศึกษาวิจัยในผู้ป่วย ธาลัสซีเมียควบคู่ไปด้วย โดยมีระยะเวลาดำเนินการวิจัย 2 ปี โดยเบื้องต้นคณะนักวิจัยเตรียมแผนที่จะทดสอบฤทธิ์ Vilac Plus ในผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว และผู้ป่วยธาลัสซีเมียก็เป็นผู้ป่วยเด็กเช่นเดียวกัน โดยจะรักษาควบคู่ไปกับวิธีแพทย์แผนปัจจุบัน และจะดำเนินการติดตามผลตรวจสอบอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ซึ่งตั้งเป้าว่าจะช่วยยืดอายุผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้นานขึ้น ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หากประสบผลสำเร็จอนาคตมีแผนที่จะศึกษาในผู้ป่วยมะเร็งปอดและมะเร็งปากมดลูกด้วย (เดลินิวส์ พุธที่ 15 ก.พ. 49 http://www.dailynews.co.th)





ดื่มนมแพะถูกหลักอนามัยแก้โรคได้สารพัดโรค

นายมานิตย์ วาสุเทพรังสรรค์ นักวิทยาศาสตร์ 8 ว. กลุ่มวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จังหวัดเชียงใหม่ กรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่าการบริโภคนมแพะประจำจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายมาก โดยเฉพาะช่วยลดและป้องกันโรคภูมิแพ้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้จากการวิจัยทั่วโลกปรากฏว่านมแพะเป็นนมที่มีคุณภาพต่อมนุษย์มากกว่านมสัตว์ชนิดอื่น อีกทั้งยังมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับนมมารดามากกว่านมชนิดใด ๆ จึงเหมาะสำหรับเลี้ยงทารกหลังเลิกดื่มนมมารดา นอกจากนี้ยังสามารถบรรเทารักษาและช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคภูมิแพ้ต่อผู้บริโภคในทุกเพศทุกวัยอย่างมากมาย รวมทั้งยังสามารถบรรเทาโรคต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวาง ได้แก่ โรคกระเพาะอาหาร วัณโรค โรคกระดูกพรุน โรคขันในเส้นเลือด โรคหัวใจขาดเลือด โรคแพ้นม รวมทั้งโรคมะเร็งในลำไส้และโรคหอบหืด สำหรับนมแพะนั้น จะประกอบด้วยไขมันโปรตีน เกลือแร่ วิตามินต่าง ๆ โดยเฉพาะวิตามินเอ ซี และดี อย่างไรก็ตามการขาดวิตามินเอในเด็ก ทำให้เด็กโตช้า สายตาฝ้าฝาง ผิวหนังแห้งหยาบ ความต้านทานโรคต่ำ ติดเชื้อโรคได้ง่าย หากขาดมากส่งผลให้ฟันและกระดูกไม่แข็งแรง ส่วนการขาดวิตามินซี ทำให้เลือดออกตามไรฟัน บาดแผลหายช้า ปวดกระดูก และข้อเลือดเปราะ ซึมเศร้า อ่อนเพลีย และภูมิต้านทานต่ำ การขาดวิตามินดีในเด็ก ส่งผลให้กระดูกอ่อน แขนขาโก่งงอ กระดูกโปร่งบาง การขาดวิตามินดีใน ผู้ใหญ่ส่งผลให้ปวดตามข้อกระดูก กระดูกฟันอ่อนแอ นอนไม่หลับ และกระดูกหักง่าย สำหรับในเด็กที่มีปัญหาแพ้นมชนิดอื่นนั้น นมแพะสามารถแก้ปัญหาได้ เนื่องจากนมแพะมีคุณสมบัติย่อยง่าย เพิ่มภูมิต้านทาน ทั้งนี้การดื่มนมแพะเป็นประจำและต่อเนื่องส่งผลให้โรคภูมิแพ้บรรเทาลงและหายไปได้ในที่สุด อย่างไรก็ตามการดื่มนมแพะควร เลือกนมแพะที่ได้รับรองมาตรฐานจาก อย. กระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคเอง (เดลินิวส์ พุธที่ 15 ก.พ. 49 http://www.dailynews.co.th)





มก.พัฒนาไบโอเมตริก อ่านลายนิ้วมือ-สแกนม่านตาระบุตัวจริง

ผศ.ดร.วุฒิพงศ์ อารีกุล จากห้องปฏิบัติการประมวลผลสัญญาณและภาพเกษตรศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า ทีมวิจัยประสบผลสำเร็จในการพัฒนาระบบไบโอเมตริกที่เน้นการตรวจสอบลายนิ้วมือและลายม่านตาด้วยฝีมือคนไทยทั้งหมด โดยหวังให้ระบบดังกล่าวมีใช้อย่างแพร่หลาย เนื่องจากราคาถูกกว่าระบบนำเข้า การทำงานออกเป็น 3 ทีม ได้แก่ ทีมวิจัยขั้นตอนและวิธีการตรวจสอบลายนิ้วมือ ทีมวิจัยลายม่านตา และทีมพัฒนาฮาร์ดแวร์ประมวลผลสัญญาณดิจิทัล ซึ่งในส่วนนี้นักวิจัยจากเนคเทคได้เข้ามาช่วยพัฒนาอุปกรณ์อ่านลายนิ้วมือเชิงแสง รวมถึงฮาร์ดแวร์ประมวลผลสัญญาณดิจิทัลความเร็วสูงที่สามารถทำการเปรียบเทียบลายนิ้วมือได้โดยไม่ต้องมีคนควบคุม โครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ด้วยงบประมาณ 5.3 ล้านบาท ระบบไบโอเมตริกที่พัฒนาขึ้นนี้ จะช่วยจัดการระบบความปลอดภัยภายในอาคาร รวมถึงจัดเวลาเข้าออกของแต่ละบุคคล สามารถดัดแปลงใช้กับโรงแรมที่ต้องการความปลอดภัยในการเข้าออกห้องพักโดยไม่ต้องใช้กุญแจหรือการ์ดอิเล็กทรอนิกส์ และใช้กับระบบตอกบัตรในสำนักงานเพื่อป้องกันการทุจริตของพนักงานได้ด้วยการบันทึกลายนิ้วมือเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลเพียงครั้งเดียว อุปกรณ์ทุกชิ้นที่นำมาใช้งานพัฒนาโดยฝีมือคนไทยทั้งสิ้น ทำให้ระบบนี้มีราคาถูกกว่าของนอกที่มีราคาขายอยู่ที่ 10,000-50,000 บาท แต่สำหรับระบบที่พัฒนาขึ้นนี้ ราคาต้นทุนอยู่ที่ 5,000-6,000 บาท ระบบดังกล่าวยังไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร โดยเฉพาะส่วนประมาณผลลายม่านตา หรือหากลายนิ้วมือเปียกชื้นจากเหงื่อ หรือระยะการประทับลายนิ้วมือไม่มั่นคง การประมวลผลอาจผิดพลาดได้ ทีมวิจัยจะเร่งพัฒนาระบบดังกล่าวให้สมบูรณ์และพร้อมใช้งานมากที่สุด คาดว่าไม่เกิน 4 เดือน (คมชัดลึก พุธที่ 15 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





"คะน้า"ต้านมะเร็ง "มหิดล"เร่งวิจัย

คณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกิ้น สหรัฐอเมริกา ได้ทดสอบสารพืชตระกูลกะหล่ำ ผลวิจัยพบว่า บร็อกโคลี่ กะหล่ำดอก มัสตาร์ด และกะหล่ำดาว สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเอ็นไซม์ชนิดหนึ่งในตับ ซึ่งมีหน้าที่ในกระบวนการกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย ซึ่งเมื่อร่างกายไม่มีสารพิษสะสมโอกาสการเป็นโรคมะเร็งก็จะลดน้อยลงไป โดยเฉพาะบร็อกโคลี่แสดงสมบัติดังกล่าวอย่างโดดเด่น เมื่อแยกองค์ประกอบและทำให้บริสุทธิ์ในบร็อกโคลี่ พบว่ามีสารซัลโฟราเฟน (Sulforaphane) เมื่อนำไปผสมในอาหารให้หนูทดลองที่มีก้อนเนื้องอกกิน พบว่าเนื้องอกในหนูทดลองนั้นชะลอการเจริญเติบโต และในบางกรณีมีขนาดเล็กลง และเอ็นไซม์ที่อยู่ในตับทำหน้าที่ขับสารพิษได้ดีขึ้น จึงเป็นการจุดประกายให้กับสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ศึกษาพืชตระกูลกะหล่ำที่มีการบริโภคในประเทศ ในแง่คุณสมบัติการต้านการก่อมะเร็ง และได้แลกเปลี่ยนทางวิชาการกับ ดร.อลิซาเบธ เจฟเฟอรี่ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านพิษวิทยาทางอาหาร มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ซึ่งสนใจศึกษาคุณสมบัติการต้านมะเร็งของสารพฤกษเคมีจากพืช ผักตระกูลกะหล่ำ ทั้งในระดับเซลล์และสัตว์ทดลอง น.ส.วัชรี ดิษยบุตร สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล หนึ่งในคณะวิจัยที่ทำในเรื่องผักคะน้า เริ่มศึกษาข้อมูลเบื้องต้นของผักคะน้าในสัตว์ทดลอง โดยเลี้ยงหนูทดลองด้วยอาหารผสมผงคะน้าพันธุ์ที่พัฒนาและปลูกในไทย โดยใช้เวลาทดลอง 5 วัน และเปรียบเทียบกับหนูที่เลี้ยงด้วยอาหารผสมผงบร็อกโคลี่ที่ซื้อจากตลาดในประเทศไทย นำมาเทียบการทำงานของเอ็นไซม์จากตับที่มีหน้าที่ขจัดของเสียออกจากร่างกาย พบว่าเอ็นไซม์ในหนูทดลองที่ได้กินอาหารผสมคะน้าประสิทธิภาพในการทำงานสูงขึ้นจากปกติ แต่เมื่อเทียบกับหนูที่ได้รับอาหารผสมบร็อกโคลี่แล้ว คะน้ายังมีค่าต่ำกว่า นอกจากคะน้าแล้วทางสถาบันวิจัยโภชนาการยังจะมีการศึกษาพืชผักในสายพันธุ์ใกล้เคียง เช่น ผักกวางตุ้ง ผักกาด เชื่อว่าผลการวิจัยจะทยอยออกมาให้ประชาชนได้รับทราบความก้าวหน้าเป็นระยะ (ข่าวสด พุธที่ 15 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





กองทุนพลังงานฯควัก 60 ล้านวิจัยไบโอแมส

ผศ.ดร.บัณฑิต ฟุ้งธรรมสาร ผู้อำนวยการบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE)มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เปิดเผยว่า กองทุนอนุรักษ์พลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานกระทรวงพลังงาน ได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 60 ล้านบาท โดยผ่านสำนักงานกองทุนสนับสนุน การวิจัย (สกว.) ให้ทางสถาบันฯ ดำเนินโครงการวิจัยเชิงนโยบายเกี่ยวกับการประเมินศักยภาพการใช้พลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย สถาบันฯ เตรียมจัดทำแผนการสำหรับการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนในไทย โดยจะประเมินศักยภาพทรัพยากรของประเทศทั้งหมด ที่สามารถนำมาผลิตเป็นพลังงานหมุนเวียนได้ รวมทั้งการจัดหาเทคโนโลยีที่เหมาะสม รวมทั้งพัฒนาแนวทางงานวิจัยที่จะผลักดันให้พลังงานหมุนเวียนนำมาใช้ได้จริงมากขึ้น ทั้งหมดนี้จะจัดทำเป็นข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล และคาดว่าจะเสร็จภายใน 1 ปี ด้าน ศ.ดร.นักสิทธิ์ คูวัฒนาชัย ผู้อำนวยการโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก สกว. มองว่า สิ่งที่ท้าทายสำหรับการใช้พลังงานชีวมวลในประเทศไทย คือ กระบวนการจัดเก็บวัตถุดิบสำรองสำหรับผลิตพลังงานจากชีวมวล เนื่องจากวัตถุที่นำมาใช้บางประเภทขึ้นอยู่กับฤดูกาลเพาะปลูก และบางประเภทต้องนำไปใช้ในการผลิตอุตสาหกรรมอื่นๆ เสียก่อน ทำให้ปริมาณวัตถุที่นำมาใช้ผลิตเชื้อเพลิงไม่มีความแน่นอนซึ่งต้องแข่งกันอย่างมาก เพื่อนำวัตถุดิบมาผลิต อีกทั้งการขนส่งวัตถุดิบจากไร่นาของเกษตรกรมายังโรงงานผลิตยังมาราคาแพง นอกจากนี้ นโยบายของรัฐที่ยังขาดความชัดเจนในการส่งเสริมให้ประชาชนใช้พลังงานหมุนเวียน อาทิ ความขัดแย้งของนโยบายระหว่างหน่วยงานรัฐด้วยกันเอง การขาดผู้กำหนดระเบียบข้อบังคับที่ชัดเจน และขาดความเชื่อมั่นจากประชาชนในการใช้พลังงงานหมุนเวียน เป็นต้น ขณะที่ ดร.เบอร์น สเตฟาน สถาบันฮอสเชอร์ เบร์เมอร์เฮเวน ประเทศเยอรมนี กล่าวถึงตัวอย่างการใช้พลังงานชีวมวลในเยอรมนีว่า เยอรมนีพยายามเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนให้มากขึ้น ทั้งนี้คาดว่าในอีก 14 ปีข้างหน้า จะสามารถเพิ่มสัดส่วนได้ถึงร้อยละ 20-30 โดยการเพิ่มผลผลิตพืชพลังงานให้มากขึ้น ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถแปลงชีวมวลให้กลายเป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 16 ก.พ. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





พินิจดันไทยศูนย์กลางน้ำหอมโลก ปิ๊งไอเดียใช้สกัดจาก “พืชธรรมชาติ”

นายพินิจ จารุสมบัติ รมว.สาธารณสุข กล่าวในงานมหัศจรรย์เครื่องหอมไทยเพื่อสุขภาพและความงาม ชุมนุมแพทย์แผนไทยและสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 7 ที่จะจัดขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ในวันที่ 25 ก.พ. ถึง 5 มี.ค. ว่า รัฐบาลจะสนับสนุนให้มีการศึกษาวิจัยการสกัดสารน้ำมันหอมระเหยจากพืชธรรมชาติ ซึ่งไม่มีพิษต่อสุขภาพและสภาพแวดล้อม สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องหอมและเครื่องสำอางได้ และจะพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางระดับโลก ด้าน น.พ.มานิต ธีระตันติกานนท์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การจัดงานชุมนุมแพทย์แผนไทยและสมุนไพรแห่งชาติจัดขึ้นทุกปีเพื่อให้ประชาชนไทยหันมาใช้สมุนไพรมากขึ้น เปิดโอกาสให้คนในวงการแพทย์เผยแพร่ผลงานศึกษาวิจัยเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสุขภาพ ในปี 2549 จะเพิ่มมูลค่าการใช้ให้ได้ 15% ของการใช้ยาใน รพ.ทั้งหมด และสนับสนุนให้สถานบริการทุกระดับบริการคลินิกแพทย์แผนไทย สามารถใช้สิทธิเบิกค่ารักษา และอยู่ในโครงการ 30 บาทด้วย. (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 16 ก.พ. 49 http://www.dailynews.co.th)





เก๋ไก๋ตุ๊กตาหญ้าแฝก ศิลปะจากผลพวงงานอนุรักษ์ฯ

นางเพทาย กุญะเนตร ครูสอนช่างทอพรม สำนักพัฒนาอุตสาหกรรม ในครอบครัวและหัตถกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ประดิษฐ์ชิ้นงานตุ๊กตาจากใบหญ้าแฝก จากแฝกพันธุ์สุราษฎร์ธานี ศรีลังกา สงขลา เพราะมีคุณสมบัติเหนียวแต่อ่อนนุ่ม ไม่แข็งกระด้าง หักง่ายเหมือนพันธุ์อื่น โดยคัดเลือกใบหญ้าแฝกที่มีอายุประมาณ 3 เดือน ตัดให้สูงจากโคนต้นประมาณ 15-20 เซนติเมตร นำใบหญ้าแฝกต้มในน้ำเดือดประมาณ 2-3 นาที เสร็จแล้วนำไปผึ่งให้น้ำสะเด็ด นำไปผึ่งแดดอ่อนประมาณ 3 วัน นำใบแฝกที่แห้งแล้วอบกำมะถันประมาณ 1 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อรา คัดเลือกใบหญ้าแฝกที่มีลักษณะใบกว้าง สมบูรณ์ ไม่ฉีกขาด โดยใช้เข็มกรีดริมใบ ซึ่งมีความคมออกตลอดความยาวของใบ นำใบหญ้าแฝกที่ผ่านการคัดเลือกแล้ว ไปชุบน้ำ ให้เปียกพอหมาดๆ แล้วใช้กระดาษหนังสือพิมพ์หรือผ้าห่อ เพื่อเพิ่มความนิ่มและง่ายต่อการใช้จักสาน เพราะเส้นจะไม่หักหรือขาด ในระหว่างการจักสาน อุปกรณ์ที่ใช้ จะมีผ้าดิบเพื่อใช้ทำโครงรูปสัตว์ ใยโพลีหรือนุ่นสำหรับยัดไส้ใน เข็ม ด้าย กาว หญ้าแฝก สี ลูกตาสัตว์ และเมื่อขึ้นโครงรูปสัตว์ เสร็จแล้ว เริ่มแรกจะใช้ใบติดไล่จากขาสัตว์กระทั่งถึงท้อง จากนั้นติดส่วนหางไปหาส่วนหัวทีละเส้น พร้อมทั้งตัดแต่งไปด้วยตลอด โดยแต่ละเส้นให้มีความยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร และอย่าให้เห็นเนื้อผ้าด้านใน ติดลูกตาสัตว์เพื่อให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น เพียงเท่านี้ก็ได้ชิ้นงานที่สวยแปลกตา สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2367-8372-3 ในวันและเวลาราชการ. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 17 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





ฝึกเด็กสร้างพาหนะเซกเวย์ ใช้สมองกลรักษาสมดุล-หวังช่วยคนพิการ

เยาวชนไทยประสบความสำเร็จ สามารถสร้างโมเดลพาหนะสองล้อคล้ายเซกเวย์เสร็จใน 5 สัปดาห์ จากเวทีแข่งขันเฟ้นหาสุดยอดนักศึกษาสมองกล นักวิชาการเนคเทคต่อยอดความรู้ สร้างพาหนะช่วยคนพิการไร้แขนขาเคลื่อนที่สะดวก ดร.พันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ นายกสมาคมสมองกลฝังตัวไทย และรองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) เปิดเผยว่า สมาคมได้จัดทำโครงการ "ประชันทักษะด้านระบบสมองกลฝังตัว" เพื่อค้นหาสุดยอดเยาวชนไทยด้านสมองกลฝังตัว โดยเปิดเวทีให้ 15 ทีมนักศึกษาจาก 12 มหาวิทยาลัยได้แสดงความสามารถ ในการสร้างและเขียนโปรแกรมพาหนะ 2 ล้อคล้ายเซกเวย์ ไม่ให้ล้มและเคลื่อนไปข้างหน้าได้ด้วย โดยใช้อุปกรณ์ตามกำหนด เช่น แผงวงจรไมโครคอนโทรลเลอร์ หรือบอร์ดสมองกล มอเตอร์ เซ็นเซอร์วัดตำแหน่งและความเร่ง สาเหตุที่เลือกพาหนะเซกเวย์เป็นโจทย์แข่งขัน เนื่องจากในอนาคตผู้เข้าแข่งขันอาจมีโอกาสต่อยอดความรู้ และสามารถสร้างผลิตภัณฑ์รูปแบบต่างๆ รวมถึงพาหนะเคลื่อนที่สำหรับคนพิการ โดยเฉพาะคนที่ไม่มีทั้งส่วนของท่อนแขนท่อนขา ซึ่งไม่สามารถใช้อุปกรณ์สำหรับคนพิการทั่วไป เช่น แขนเทียม ขาเทียมหรือรถเข็นคนพิการ ทำให้ไม่สามารถไปยังที่ต่างๆ ด้วยตนเองแม้แต่ภายในที่พักอาศัย ดังนั้น การสร้างเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนผู้พิการเหล่านี้ สามารถเคลื่อนที่โดยไม่จำเป็นต้องใช้อวัยวะแขนและขา จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก ขณะที่เซกเวย์จะเคลื่อนที่ด้วยสองล้อ สามารถรักษาสมดุลหรือทรงตัวไม่ให้ล้มลง และอาศัยการเอียงตัวในการบังคับให้เคลื่อนไปด้านหน้าหรือถอยหลัง ส่วนชิ้นงานที่ทีมนักศึกษาสร้าง ซึ่งเป็นต้นแบบพาหนะขนาดเล็ก จะต้องทรงตัวและเคลื่อนไปข้างหน้าได้ด้วยสองล้อโดยไม่ล้มให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 5 สัปดาห์ ส่วนผลการแข่งขัน ทีมนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นได้รับรางวัลชนะเลิศ ซึ่งนอกจากได้รับเงินรางวัลแล้วยังได้เดินทางไปเยี่ยมชมศูนย์เทคโนโลยีของบริษัทโตโยต้าที่ญี่ปุ่นด้วย (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 17 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





จีนผลิตชุดตรวจเอดส์ใหม่-รู้ผลในครึ่งช.ม.

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บริษัทเซี่ยงไฮ้ คิฮัว ไบโอเอนจิเนียริ่ง ของจีน พัฒนาชุดตรวจโรค "เอชไอวี/เอดส์" ใหม่ล่าสุด โดยนำตัวอย่างเลือดเพียง 1 หยดผสมกับน้ำยาชนิดพิเศษ จะทราบผลภายในครึ่งชั่วโมงว่าเจ้าของเลือดหยดนั้นติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งเป็นต้นตอโรคเอดส์หรือไม่ นวัตกรรมชุดตรวจหาเชื้อเอดส์/เอชไอวีจะช่วยให้กระบวนการวินิจฉัยโรคเอดส์สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าในอดีต ปัจจุบันชุดตรวจเอดส์ชนิดใหม่นี้ได้รับการคัดเลือกจากองค์การอนามัยโลก กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ และกองทุนคลินตัน ให้นำไปใช้ตรวจโรคเอดส์ทั่วโลก ทั้งในเอเชีย แอฟริกา ละตินอเมริกา และยุโรปบางส่วน" บ.เซี่ยงไฮ้ คิฮัว ไบโอเอนจิเนียริ่ง ระบุ ทั้งนี้ สถิติผู้ป่วยเอชไอวี/เอดส์ทั่วโลกมีประมาณ 40 ล้านคน และยังมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ถึงร้อยละ 90 ที่ไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อ (ข่าวสด ศุกร์ที่ 17 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ยืมมือพันธุวิศวกรรมทำกุหลาบสวยแจ่มแถมกลิ่นหอมอายุยืนยาว

เดวิด เมอร์ดอค เจ้าของบริษัทโดล ฟูด ซึ่งเป็นผู้นำเข้าและทำตลาดไม้ตัดดอกรายใหญ่ในอเมริกาเหนือ ประกาศให้ทุนสนับสนุนมหาวิทยาลัยนอร์ธ แคโรไลนา สเตท 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นเวลา 3 ปี เพื่อทำการศึกษาว่าจะนำความรู้ด้านการตัดแต่งพันธุกรรมกุหลาบแดงให้มีอายุยืนยาวกว่า มีหนามแหลมน้อยลง และมีกลิ่นหอมมากขึ้นได้อย่างไร งานวิจัยดังกล่าวจะเริ่มต้นในเดือนหน้าที่เมืองราเลห์ จากนั้นขยายไปที่เมืองคานนาโปลิส หนังสือพิมพ์ชาร์ลอตต์ ออบเซิร์ฟเวอร์ รายงานว่า นักวิจัยจะดูว่ากุหลาบถูกตัด จัดส่ง และดูแลอย่างไร เพื่อที่จะได้พยายามขยายอายุกุหลาบที่อยู่ในแจกันให้มากขึ้น จากปัจจุบัน 7-10 วัน ให้สามารถจัดอยู่ในแจกันได้มากถึง 3-4 สัปดาห์ได้ต่อไป. (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 18 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





พบสารดาวเรืองรักษาโรคตา

ดร.ปรีชา เรืองจันทร์ รองผู้ว่าฯเพชรบูรณ์ กล่าวว่า รับแจ้งจากดร.นิลวรรณ เพชรบูรณิน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยว่า ขณะนี้ได้มีการค้นพบสารรูเพอีนในดอกดาวเรือง ซึ่งสารดังกล่าวสามารถนำไปรักษาโรคเกี่ยวกับตาได้ ซึ่งขณะนี้ทางบริษัทของ ดร.นิลวรรณ ซึ่งทำการผลิตและวิจัยเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ ซึ่งตั้งอยู่ที่จ.เพชรบูรณ์ ได้ทำสัญญากับบริษัทโครมิ่ง จำกัด และองค์การเภสัชกรรม เพื่อจะสกัดสารจากดอกดาวเรือง ส่งไปจำหน่าย โดยในเดือนก.พ.นี้จะเริ่มทำการปลูกดอกดาวเรืองในพื้นที่ 20,000 ไร่ กระจายไปทั่วทุกพื้นที่ของจังหวัด สำหรับดอกดาวเรืองนี้สามารถปลูกได้ในพื้นที่ไม่จำกัด เพียงแต่ขอให้มีแหล่งน้ำ เพื่อการบำรุงดูแลรักษา และสามารถปลูกได้ในทุกฤดูกาล ทางจังหวัดได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพราะเห็นว่าเป็นพืชเกษตรส่วนหนึ่งที่จะทำรายได้ หรือเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร และในอนาคตตนเห็นว่าดอกดาวเรืองอาจเป็นพืชคู่แข่งตัวหนึ่งของดอกทานตะวัน ซึ่งมีการปลูกกันมากในพื้นที่ อ.บึงสามพัน และจังหวัดใกล้เคียง และถ้าหากมีการช่วยกันรณรงค์ เพื่อปลูกดอกดาวเรือง จะช่วยให้เกษตรกรมีทางเลือกมากขึ้น (ข่าวสด เสาร์ที่ 17 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ข่าวทั่วไป


วว.แจกคู่มือลดก๊าซเรือนกระจก

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ฯ เปิดตัวคู่มือการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ 5 ภาษา พร้อมเผยแพร่ให้ผู้สนใจในรูปแบบซีดีรอมและผ่านเวบไซต์ หวังกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมในทวีปเอเชียร่วมลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ดร.นงลักษณ์ ปานเกิดดี ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เปิดเผยว่า วว.ได้ร่วมมือกับโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากภาคอุตสาหกรรมของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในแถบเอเชีย-แปซิฟิก (GERIAP) ซึ่งมี 9 ประเทศเข้าร่วม ได้แก่ บังกลาเทศ จีน อินเดีย อินโดนีเซีย มองโกเลีย ศรีลังกา เวียดนาม ฟิลิปปินส์และไทย ทั้งนี้ อุตสาหกรรมเป้าหมายที่ใช้พลังงานสูงในกระบวนการผลิต 4 ประเภท ได้แก่ เหล็กและเหล็กกล้า เยื่อและกระดาษ เคมีและปูนซีเมนต์-ปูนขาว ในส่วนของประเทศไทยนั้น วว.รับหน้าที่เป็นผู้แทน โดยได้รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับภาคอุตสาหกรรม ในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และได้จัดทำเป็นคู่มือ "Energy Efficiency Guide for Industry in Asia" คู่มือดังกล่าวพร้อมที่จะเผยแพร่ให้ภาคอุตสาหกรรมที่สนใจ ซึ่งจะได้จัดแปลเป็น 5 ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ อินโดนีเซีย สิงหล เวียดนามและภาษาไทย รวมถึงจัดทำให้อยู่ในรูปแบบของซีดีรอม และสามารถค้นหาข้อมูลได้ที่ www.energyefficiencyasia.org (คมชัดลึก จันทร์ที่ 14 ก.พ. 49 http://www.komchadluek.net)





ห่างฝุ่นไว้เป็นดีสำหรับผู้มีโรคหอบหืด

เมื่อพูดถึงโรคหอบหืด คงมีหลายคนเข้าใจว่าไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไร แต่สำหรับคนที่เป็นโรคนี้แล้ว คงรู้ซึ้งถึงอาการสำคัญที่มักจะหายใจไม่ออกได้เป็นอย่างดี เมื่ออยู่ในสภาพที่ไปกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ ไม่ว่าจะเป็นอากาศพิษ ฝุ่นละออง ควันไอเสีย ตัวไรฝุ่นในบ้าน หรือแม้ แต่การออกกำลังกายหนักเกินไป เป็นต้น ผู้ป่วยโรคหอบหืด นอกจากต้องไปรักษาอาการกินยาตาม แพทย์สั่งแล้ว สิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ต้องจัดสภาพแวดล้อม ในการมีชีวิตอยู่ของตัวเองให้ปลอดภัยด้วย จากข้อมูลของสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อในสหรัฐ อเมริกา แนะนำไว้ว่าผู้ป่วยโรคนี้ควรจะ รักษาความสะอาดบ้าน และตู้เสื้อผ้าให้สะอาดปราศจากฝุ่น ถ้าจำเป็นอาจต้องรื้อพรมออกไป เพราะพรมมักเป็นตัวกักเก็บฝุ่น ได้เป็นอย่างดี ควรทำความสะอาดและขัดพื้นบ้าน ที่เป็นไม้ไม่ให้มีฝุ่นจับเกาะอยู่ทั่วไป หากจะใช้ เครื่องดูดฝุ่นก็ควรเลือกใช้อย่าง ที่มีตัวกรองพิเศษ ที่สำคัญควรเปิดให้บ้านช่องห้องหับ มีอากาศถ่ายเทได้สะดวกด้วย. (ไทยรัฐ อาทิตย์ที่ 12 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





ผลดีของผู้บริโภคผักเป็นหลัก ห่างจากโรคหัวใจ-ข้ออักเสบ

ศึกษาพบผู้ที่นับถือคริสต์ศาสนา นิกาย เซเวนธ์ เดย์ แอดเวนติสต์ ส่วนใหญ่ล้วนแต่ มีสุขภาพดี ไม่ค่อยเป็นโรคหัวใจ มะเร็งและข้ออักเสบกันเลย ผิดกับคนทั่วไป นักวิจัยผู้ร่วมกันศึกษาได้พบว่าอาหารพวกเขามักจะเป็นพวกถั่วและสลัดผัก ไม่ค่อยมี ที่เป็นเนื้อสัตว์ ในการศึกษาได้พบว่าการบริโภคถั่วและสลัดผัก จะมีส่วนช่วยปกป้องให้ พ้นจากโรคข้ออักเสบได้ ขณะที่การกินเนื้อสัตว์กลับทำให้ไม่ ว่าจะเป็นหญิงหรือชายยิ่งล่อแหลมกับโรคหนักขึ้น. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 14 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





แพทย์ฝึกหัดกะดึกเฮ อังกฤษไฟเขียวยอมให้งีบหลับได้

ปัจจุบันแพทย์ฝึกหัดในอังกฤษส่วนใหญ่ที่อยู่เวรกะกลางคืนประสบปัญหาเรื่องการอดนอน ประกอบกับมีอาการเหนื่อยล้าและนาฬิกาชีวภาพในร่างกายยังปรับตัวได้ ไม่ดีนัก เหล่านี้มีความสัมพันธ์ อย่างใกล้ชิดที่จะทำให้เกิดความผิดพลาดทางคลินิกขึ้นมาได้ ดังนั้น จึงได้มีการจัดทำคำแนะนำชุดใหม่ขึ้นมาสำหรับแพทย์ ทำงานกะดึกให้สามารถงีบหลับได้เป็นเวลาสั้นๆประมาณ 20-45 นาที นิโคลัส ฮอร์รอกส์ และรอย เพาน์เดอร์ แห่งราชวิทยาลัยการแพทย์ในลอนดอน เป็นผู้เสนอคำแนะนำสำหรับการทำงานของแพทย์กะดึกออกมา โดยเห็นว่าการงีบหลับสั้นๆของคนทำงานกะดึกจะเป็นประโยชน์ต่อคนทำงานมากกว่า แพทย์จะต้องพร้อมให้การดูแลอยู่เสมอ คำแนะนำล่าสุดที่ออกมานี้สมเหตุสมผลในทางปฏิบัติ ตามข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ อันจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อแพทย์และผู้ป่วย (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 16 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





เด็กควรดื่มนม-โยเกิร์ตวันละ 3 หน เสริมสร้างกระดูกแข็งแรง

แพทย์กุมารสมาคมของสหรัฐอเมริกา ให้คำแนะนำใหม่ว่า ควรจะให้เด็กๆได้บริโภคนมวันละ 3 หน หมอแฟรงค์ เกรียร์ ผู้เป็นประธานคณะกรรมการโภชนาการของสมาคม กล่าวว่า “ควรจะให้เด็กได้บริโภคนม อาหารรสนม เนย หรือโยเกิร์ตวันละ 3 หน อาหารเหล่านี้จะช่วยสร้างกระดูกให้แข็งแรง และจะช่วยป้องกันไม่ให้กระดูกแตกหักและผุ เมื่อมีอายุสูงขึ้นต่อไปด้วย แต่เขาก็ได้เน้นเรื่องการให้เด็กมีโอกาสออกกำลัง และความสำคัญของพ่อแม่ที่จะทำตนเป็นแบบอย่าง ขณะที่ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคกระดูกผุบาง การให้เด็กๆ บริโภคอาหารเนยนมที่มีไขมันน้อยหรือพร่องไขมันวันละ 3-4หน จะช่วยให้เด็กได้รับแคลเซียมอันจำเป็น กับการสร้างกระดูกให้แข็งแรงอย่างพอเพียง ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ตัวไปตลอดชั่วชีวิต (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 16 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





คลังเล็งยกเว้นภาษีแบตเตอรี่ ช่วยอุตฯไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์

นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังและกรมสรรพสามิตหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าการปรับโครงสร้างภาษีสำหรับอุตสาหกรรมกลุ่มไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ แบตเตอรี่ เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของอุตสาหกรรมกลุ่มดังกล่าว โดยให้ศึกษาผลดีผลเสียของการยกเว้นภาษี และให้พิจารณาร่วมกันเกี่ยวกับการปรับลดภาษีสรรพสามิตแบตเตอรี่เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบต่อไป ปัจจุบันกรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีแบตเตอรี่ในอัตรา 10% จากเพดาน 30% มียอดจัดเก็บภาษีจากสินค้าดังกล่าวประมาณ 9 แสนล้านบาทต่อปี ส่วนในต่างประเทศไม่มีภาษีแบตเตอรี่ ทำให้ผู้ประกอบการผลิตสินค้าใช้วิธีประกอบแบตเตอรี่ในต่างประเทศแทน ส่งผลให้แบตเตอรี่ในประเทศขายไม่ได้ และเป็นอุปสรรคต่ออุตสาหกรรมอื่นๆ ด้วย (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 16 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th)





สธ.ออกประกาศคุ้มครอง 'กวาวเครือ' สกัดสูญพันธุ์

นายพินิจ จารุสมบัติ รมว.สาธารณสุข แถลงข่าว เรื่องการควบคุมสมุนไพรกวาวเครือว่า ได้ลงนามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสมุนไพรควบคุม พ.ศ.2549 โดยประกาศให้กวาวเครือเป็นสมุนไพรควบคุม เนื่องจากคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ได้มีมติเห็นว่ากวาวเครือเป็นสมุนไพรที่มีค่าต่อการศึกษาหรือวิจัย มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ และอาจจะสูญพันธุ์ได้ จึงต้องมีการคุ้มครองและส่งเสริมการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน โดยได้ให้ความคุ้มครองกวาวเครือทั้ง 3 ชนิด ที่พบในประเทศไทย ได้แก่ กวาวเครือขาว กวาวเครือแดง และกวาวเครือดำ ทั้งนี้ ได้กำหนดผู้ครอบครอง ผู้ใช้ประโยชน์ ผู้ดูแล ผู้ขนย้ายกวาวเครือ 4 ประเภท ดังนี้ เกษตรกรรมและประชาชนทั่วไป 20-60 กิโลกรัม แพทย์แผนไทย 40-120 กิโลกรัม สถาบันศึกษาวิจัย 80-240 กิโลกรัม โรงงานอุตสาหกรรม 400-1,200 กิโลกรัม หากเกินกำหนดต้องแจ้งนายทะเบียน ด้าน น.พ.วิชัย โชควิวัฒน อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า การออกประกาศคุ้มครองกวาวเครือ เป็นไปตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 เพื่อแก้ไขปัญหาการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากสมุนไพร และภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างไม่เป็นธรรม หรือที่เรียกว่าโจรสลัดทางชีวภาพ ทั้งนี้หากพบผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กำหนดให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเป็นนายทะเบียน มีหน้าที่ควบคุมการใช้กวาวเครือในแต่ละจังหวัด กำหนดให้ผู้ที่นำกวาวเครือมาจากป่าธรรมชาติมาทำวิจัยหรือส่งออก จะต้องทำแผนปลูกทดแทนกวาวเครืออย่างน้อยเท่ากับปริมาณที่นำไปใช้. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 17 ก.พ. 49 http://www.thairath.co.th)





ศูนย์มานุษย์ถก"วัฒนธรรมบริโภค"

ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน) จะจัดการประชุมประจำปีทางมานุษยวิทยา ครั้งที่ 5 ภายใต้เรื่อง "บริโภควัฒนธรรม วัฒนธรรมบริโภค" ในระหว่างวันที่ 29–31 มี.ค.นี้ โดยมุ่งหวังที่จะทำความเข้าใจปรากฏการณ์ทางสังคมและวัฒนธรรมในยุคปัจจุบัน ซึ่งขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็วภายใต้ระบบทุนนิยม การแข่งขันของกลไกตลาดเพื่อขายสินค้าและบริการ และการแสวงหาผลกำไร สภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นในระบบทุนนิยมได้ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นสินค้า และสินค้าเหล่านี้ก็มีส่วนกำหนดหรือหล่อหลอมความหมายชีวิตของมนุษย์ มนุษย์ในยุคปัจจุบันอาจใช้สินค้าเป็นตัวบ่งบอกถึงรสนิยม ฐานะทางสังคม และความแตกต่างจากคนอื่น การให้คุณค่าต่อตัวเองผ่านการใช้สินค้า การบริการ และการบริโภคต่างๆ อาจมีความหมายต่อมนุษย์ แต่ความหมายเหล่านี้นำไปสู่อะไรบ้าง ใครเป็นผู้สร้างความหมายเหล่านั้น คำถามเหล่านี้อาจเป็นคำถามเบื้องต้น เพื่อที่จะทำให้เราเข้าใจสิ่งที่เรียกว่า "การบริโภค" ผู้สนใจที่จะเข้าร่วมประชุม ชำระค่าลงทะเบียนนักศึกษา เฉพาะปริญญาตรี 500 บาท บุคคลทั่วไป 1,000 บาท ผู้สนใจโปรดแจ้งชื่อลงทะเบียนและชำระเงินภายในวันที่ 15 มี.ค. รายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามที่โทร. 0-2880-9429 ต่อ 3315 หรือ ลงทะเบียนออนไลน์ได้ที่ www.sac.or.th (ข่าวสด เสาร์ที่ 17 ก.พ. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215