หัวข้อข่าวปีที่ 7 ฉบับที่ 13 ประจำวันที่ 2006-03-27

ข่าวการศึกษา

ปรับรูปแบบให้โบนัสพัฒนาชีวิตครู
มหาวิทยาลัยคริสเตียน เปิด2หลักสูตรอินเตอร์
ลงทะเบียนเรียนไฮเทคผ่านมือถือ
จันทรเกษมเปิดรับ ป.โท 11 หลักสูตร
ไทยเสนอตัวพร้อมตั้งม.อาเซียน
"ม.ไซเบอร์ไทย" มหาวิทยาลัยใน(กำ)มือ!!
ม.ทักษิณตั้งร.ร.นานาชาติ
ซีพีผุดหลักสูตรค้าปลีกประเดิม ปวช.เรียนฟรี

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

กรมวิทย์ฯบริการทดสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพ
แนะวิธีตรวจคุณภาพ เครื่องสำอางหน้าขาว
ระบบดาวเทียมจีพีเอส ติดตามตัวมาเฟียมะกัน
โลกไปปลูกพืชพรรณบนดาวดวงอื่น เมื่อครั้งก้อนดาวตกยักษ์ถล่มใส่
จีนตั้งธนาคารเก็บรักษากลิ่น แช่เย็นต่ำกว่าน้ำแข็งไว้ 500 ชนิด
พยากรณ์เกิดพายุแม่เหล็กได้แล้ว ใช้ดาวเทียมคอยเฝ้าดูดวงอาทิตย์
พบ"ซุปเปอร์เอิร์ธ" ดาวคล้ายโลกดวงใหม่
“วันทรัพยากรน้ำ” เตือนภัยกระทบสิ่งแวดล้อม-ศึกแย่งน้ำ
"อาร์เอฟไอดี-RFID" เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก
แตกตื่นไปทัศนาจรอวกาศนอกโลก ค่าตัวหัวละ 800 ล้านบาท
อย.ปรับมาตรฐานผลิตยารับเทคโนโลยีใหม่

ข่าววิจัย/พัฒนา

ผลิตฟันและกระดูกเทียม จากเปลือกไข่กับกระดูกจระเข้
ขนาดของพุงลิขิตสุขภาพร่างกาย พุงยิ่งยื่นยิ่งเฉียดใกล้โรคหัวใจ
วิจัยหาหุ่นมาตรฐานคนไทย สแกน3มิติวัดสัดส่วนแทนสายวัดแม่นยำ
ส่งหุ่นยนต์ปลาคาร์พสำรวจมหาสมุทร
พับดีเอ็นเอเป็นพรมนาโนเทค
สองนักวิจัยสร้างเส้นใยนาโนบำบัดน้ำเสีย
สนช.หนุนเอกชนตั้งโรงผลิตยีสต์รายแรก
เอ็มเทคชูวัสดุปิดแผล"เปลือกกุ้ง"
‘เรือ’ ทำ ‘น้ำดื่ม’
แบมบูลิน
เปิดพรมแดนใหม่รักษาโรค
ผู้หญิงทรวงอกใหญ่โตไม่เท่ากัน เสี่ยงเกิดมะเร็ง
มช.ทำเองชุดตรวจสารตกค้าง เกษตรกรใช้ได้เอง-ผู้บริโภคมั่นใจไร้สารพิษ
ดื่มโกโก้มีสรรพคุณบำรุงหัวใจ แต่ต้องระวังนม-ไขมัน
กล้ามเนื้อเทียมแนวใหม่ไม่ใช้แบต
แพทย์จุฬาฯ พบสารสกัดวานิลลาต้านมะเร็ง
มก.เปิดตัว 3D Body Scanner เครื่องสแกนวัดสัดส่วนสามมิติ
ประดิษฐ์อุปกรณ์โช้กอัพให้คน บรรเทาอาการปวดหลัง
ยอดมะพร้าวอัดกระป๋อง ยืดอายุอาหารอย่างพัฒนา
เติมพลังมือถือด้วยแสงแดด ใช้โซลาร์เซลล์เหลือทิ้งทำแท่นชาร์จ
นักวิทย์ไทยศึกษาลึก'โปรตีน'รักษาโรคพันธุกรรม
พับดีเอ็นเอเป็นพรมนาโนเทค
วว.เปิดตัวอาหารเสริมหยุดพิษสุราทำลายตับ

ข่าวทั่วไป

กินอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำลดอ้วน ทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต
ชวนส่งผลงานชิงทุนวิจัย2แสน
อพวช.โชว์'มหัศจรรย์แมลง'ที่เชียงใหม่
ยาต้านเชื้อเอดส์จากแม่สู่ลูกได้ผล โดยตรวจเลือดก่อนมีบุตร
แม่ขาดสารไอโอดีนทำเด็กไทยเสี่ยงเอ๋อ
ไทยเจ้าภาพประชุมวิจัยนิวเคลียร์ร่วม17ประเทศ
เรื่องน่ารู้ของ “ถั่ว”
วิธีกินหน่อไม้ปี๊บ





ข่าวการศึกษา


ปรับรูปแบบให้โบนัสพัฒนาชีวิตครู

นายบุญรัตน์ วงศ์ใหญ่ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ในการประชุมบอร์ดคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการ และสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เมื่อเร็วๆนี้ ได้หารือถึงความ คืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่ สกสค. ร่วมกับ ธ.ออมสิน โดยใช้รูปแบบการดำเนินการตามแนวทางของโครงการพัฒนาชีวิตครู ซึ่งหลังจากให้ครูที่ต้องการแก้ปัญหาหนี้สินมาลงทะเบียน และให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูระดับเขตพื้นที่การศึกษาทั้ง 175 เขต สำรวจและแยกครูออกเป็นหนี้ระดับต่างๆ พบว่าครูส่วนใหญ่เป็นหนี้ในระดับที่สามารถแก้ไขได้ในระดับพื้นที่ จึงคาดว่าปี 2549 นี้ จะแก้ปัญหาเรื่องหนี้สินครูได้ 50% ของครูที่มาลงทะเบียนทั้งหมด ที่ประชุมยังหารือถึง แนวทางจัดสรรเงินรางวัลที่จะมอบให้กับกลุ่มพัฒนาชีวิตครูที่มีการดำเนินการที่ดี หรือเงินสนับสนุนกลุ่ม ร้อยละ 1 ของดอกเบี้ยที่ครูต้องเสียให้ ธ.ออมสินในแต่ละปี เนื่องจากที่ผ่านมาการจ่ายเงินในส่วนนี้ ต้องผ่านหลายขั้นตอนกว่าจะถึงกลุ่มครู เช่น จะแบ่ง เงินจำนวนนี้ให้กับคณะกรรมการพัฒนาชีวิตครูในระดับจังหวัด ทำให้บางพื้นที่มีการร้องเรียนว่าไม่ได้รับเงินรางวัล สกสค. จึงเห็นว่าควรจะพิจารณาใน 2 แนวทาง คือ 1. หากแบ่งเงินจำนวนนี้ให้กับคณะกรรมการพัฒนาชีวิตครูระดับจังหวัด ควรจะแบ่งในสัดส่วนที่น้อยที่สุด หรือ 2. ควรให้เงินรางวัลร้อยละ 1 กับกลุ่มพัฒนาชีวิตครูทั้งหมด ซึ่งในที่ประชุมส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวทางที่ 2 แต่ยังไม่ได้ข้อยุติ ซึ่งจะต้องนำแนวทางทั้ง 2 รูปแบบเสนอเข้าที่ประชุม สกสค. อีกครั้ง. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 20 มี.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





มหาวิทยาลัยคริสเตียน เปิด2หลักสูตรอินเตอร์

นางจันทร์จิรา วงษ์ขมทอง อธิการบดีมหาวิทยาลัยคริสเตียน เปิดเผยว่า ในการรับสมัครนักศึกษาใหม่ ประจำปีการศึกษา 2549 มหาวิทยาลัยคริสเตียนเปิดหลักสูตรนานาชาติระดับปริญญาตรีเพิ่ม 2 หลักสูตร คือ Bacherlor of Art in English เกี่ยวกับการพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษต่อที่ชุมชน การอ่านภาษาอังกฤษเชิงวิเคราะห์ การเขียนเรียงความภาษาอังกฤษเชิงสร้างสรรค์ การเรียนรู้วัฒนธรรมของชาวต่างประเทศ การแปล หลักการออกเสียงการพูดภาษาอังกฤษ และ Bachelor of Arts in Hotel and Tourism Management สอนเกี่ยวกับการจัดการโรงแรม ภาษาอังกฤษเพื่อธุรกิจโรงแรม การบริการอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจการบิน มัคคุเทศก์ การจัดการธุรกิจท่องเที่ยว การขนส่งในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ผู้สมัครเข้าเรียนต้องจบการศึกษาจากโรงเรียนนานาชาติ หรือ ม.6 ด้วยคะแนน TOEFL 437 หรือคะแนน IELTS 4 และคะแนนทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือ O-NET 40% การจัดการเรียนใช้ภาษาอังกฤษทุกวิชา (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 20 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





ลงทะเบียนเรียนไฮเทคผ่านมือถือ

นักศึกษาจากภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) พัฒนา "ระบบลงทะเบียนเรียนผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่" เป็นผลงานการคิดค้นร่วมกันเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักศึกษาและอาจารย์ ในการลงทะเบียนเรียนผ่านทางโทรศัพท์มือถือทุกยี่ห้อ ทุกรุ่น ที่มีระบบจีพีอาร์เอส นายประภาส ทองรัก หนึ่งในทีมงาน กล่าวว่า ในการพัฒนาระบบได้ใช้ซอฟต์แวร์ของออราเคิล, จำลองการทำงานของเบราเซอร์ด้วยโปรแกรมเสมือนจริง และจำลองการทำงานของประตูเชื่อมอินเทอร์เน็ตที่ใช้เป็นตัวกลางเชื่อมต่อเครือข่ายผ่าน "แวพ" เกตเวย์ซีมูเลเตอร์ของโนเกีย จากนั้นจึงออกแบบและสร้างหน้าจอติดต่อผู้ใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือ ในส่วนของนักศึกษาสามารถเปลี่ยนแปลงรหัสผ่านในการเข้าใช้งานระบบ ลงทะเบียนเรียน เพิ่ม/ถอนรายวิชา ตรวจสอบดูผลการลงทะเบียน ผลการศึกษา ตารางเรียน ตารางสอบ ภาระหนี้ของผู้ใช้งานในภาคการศึกษาและปีการศึกษาที่ระบุได้ ในส่วนของอาจารย์ที่ปรึกษายังสามารถใช้สิทธิตรวจสอบตารางสอน เปลี่ยนแปลงรหัสผ่านในการเข้าใช้งานระบบ รวมทั้งทำการแทนนักศึกษาในที่ปรึกษาของตนได้อีกด้วย (คมชัดลึก อังคารที่ 21 มี.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





จันทรเกษมเปิดรับ ป.โท 11 หลักสูตร

ผศ.ดร.พูลสุข กิจรัตน์ภร คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม กล่าวว่า ขณะนี้บัณฑิตวิทยาลัยกำลังเปิดรับสมัครบุคคลเข้าศึกษาต่อระดับบัณฑิตศึกษา โดยแบ่งเป็นระดับบัณฑิตศึกษา ภาคเรียนฤดูร้อน 6 หลักสูตร ซึ่งเป็นภาคพิเศษทั้งหมด ประกอบด้วย หลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต และหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต ระดับบัณฑิตศึกษา ภาคเรียนที่ 1/2549 จำนวน 5 หลักสูตร ได้แก่หลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการสอน (ภาคพิเศษ) หลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาเทคโนโลยี และสื่อสารการศึกษา (ภาคพิเศษ) หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาการจัดการการกีฬา (ภาคพิเศษ) หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู (ภาคพิเศษ) และหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครู (ภาคปกติ) จำหน่ายใบสมัครและรับสมัครถึงวันที่ 7 พ.ค (ข่าวสด อังคารที่ 21 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





ไทยเสนอตัวพร้อมตั้งม.อาเซียน

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.)ได้แสดงความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพและเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยอาเซียน ต่อที่ประชุมสภารัฐมนตรีแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะมีการประชุมระหว่างวันที่ 22-23 มี.ค.นี้ ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยที่ผ่านมา คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอ ครม.คณะที่ 5 ได้พิจารณาและเห็นชอบแล้วเพียงแต่ ขอให้ ศธ.ไปหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดสาระที่จะเปิดสอน แผนงาน และงบประมาณต่อไป อย่างไรก็ตามในการประชุม ครม.ครั้งนี้ ศธ.ได้เสนอแต่เรื่องความพร้อมเพื่อไปยืนยันต่อที่ประชุมสภารัฐมนตรีแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนเรื่องอื่นยังไม่มีการพูดถึง ประเทศไทยเรามีการเตรียมการเรื่องนี้มานานแล้ว และปัจจุบันก็มีหน่วยงานด้านการศึกษาจัดตั้งอยู่ในประเทศไทยถึง 5 องค์กร เช่น ศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยการอุดมศึกษาและพัฒนา (RIHED), สำนักงานเลขาธิการเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน (AUN), สำนักงานเลขาธิการโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาและบุคลากรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค (UMA) เป็นต้น อีกทั้งยังมีเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน หรือ ASEAN University Network (AUN) ตั้งอยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอยู่แล้วด้วย จึงเชื่อว่าประเทศไทยมีความพร้อมที่จะตั้งมหาวิทยาลัยอาเซียนได้ ขณะเดียวกันก็มีหลายประเทศที่ประกาศสนับสนุนให้จัดตั้งในประเทศไทย (สยามรัฐรายวัน พุธที่ 22 มี.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)





"ม.ไซเบอร์ไทย" มหาวิทยาลัยใน(กำ)มือ!!

"มหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย" หรือ Thai Cyber University : TCU ตั้งขึ้นเมื่อปี 2548 เกิดจากความคิดของ นายภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา โดยได้แนวคิดมาจากการเดินทางไปดูงานที่ประเทศเกาหลีใต้ การจัดการเรียนการสอนของสถาบันอุดมศึกษาหลายๆ แห่งในไทย เริ่มนำบทเรียนออนไลน์เข้ามาเสริมในการเรียนการสอน แต่ยังไม่มีหลักสูตรใดที่ผู้เรียนเรียนผ่านออนไลน์จนจบ และได้รับปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทยจึงตั้งขึ้นภายใต้แนวคิดที่ต้องการให้มหาวิทยาลัยต่างๆ นำบทเรียนออนไลน์ที่พัฒนาขึ้นมาไปใช้ด้วยกัน เพราะนอกจากจะประหยัดแล้ว ยังแก้ปัญหาขาดแคลนอาจารย์ในบางสาขาวิชา รวมทั้ง มีบทเรียนออนไลน์ที่ได้มาตรฐานในแต่ละสาขาวิชา เพื่อให้บริการการเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Learning) แก่ประชาชนเพศ ทุกวัย และทุกอาชีพ ผ่านเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา หรือ UniNet "มหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทยเป็นแหล่งรวบรวมสื่อการเรียนการสอน ทั้งบทเรียนในรูปมัลติมีเดีย มีหลักสูตรประกาศนียบัตร ปริญญาตรี และโทจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ของไทย รวมไว้ที่ www.thaicyberu.go.th เพื่อให้ผู้เรียนไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม เข้าไปลงทะเบียนเรียนผ่านระบบออนไลน์ได้สะดวก หลังจบก็รับปริญญาจากมหาวิทยาลัยนั้นๆ เช่นเดียวกับนิสิตนักศึกษาที่นั่งเรียนในห้องเรียนปกติ เป็นการขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับผู้เรียนที่อยู่ห่างไกล หรือไม่สะดวกที่จะเรียนในห้องเรียนปกติ ค่าใช้จ่ายในบางหลักสูตรยังถูกกว่า แม้จะเริ่มโครงการมาได้ระยะเวลาหนึ่ง ก็ยังติดปัญหาเรื่องการนำบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ขึ้นเว็บไซต์อยู่มาก เพราะมหาวิทยาลัยต่างๆ ต้องทำเนื้อหาบทเรียนเหล่านั้นในรูปแบบของมัลติมีเดีย ซึ่งมีทั้งภาพ และเสียง ขณะนี้ขึ้นเว็บไซต์เพียง 3 หลักสูตรเท่านั้น (มติชนรายวัน พุธที่ 22 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





ม.ทักษิณตั้งร.ร.นานาชาติ

นายพิทยา แก้วคง ผอ.สถาบันภาษาต่างประเทศ มหาวิทยาลัยทักษิณ เปิดเผยว่า สถาบันของเรามุ่งเน้นการจัดการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศในระยะสั้น สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน จึงเปิดโรงเรียนนานาชาติแฟร์วิว เป็นโรงเรียนที่มีระบบการศึกษาตามแบบอังกฤษ เป็นการพัฒนาผู้เรียนให้มีผลสัมฤทธิ์ในการศึกษาในแบบเฉพาะทาง ที่จะช่วยให้นักเรียนมีความเข้าใจ และสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้คล่องและรวดเร็ว การนำผู้เรียนไปสู่การเรียนภาษาอังกฤษอย่างรวดเร็ว คือการประยุกต์ใช้เครื่องมือ ที่ส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้การใช้ภาษาอังกฤษ ผ่านการกระตุ้นความสนใจและความรู้สึกที่อยากจะทำอะไรที่ท้าทายตัวนักเรียน ร่วมกับกลวิธีที่ได้จากการวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาการด้านสมอง และรูปแบบการเรียน ซึ่งโรงเรียนแฟร์วิวให้ความสำคัญด้านดนตรี ศิลปะ และคอมพิวเตอร์ ควบคู่ไปกับการศึกษาตามหลักสูตร ที่จะช่วยให้ผู้เรียนมีพื้นฐานที่สมบูรณ์ ทั้งด้านอารมณ์ สังคม และสติปัญญา ส่งเสริมให้พัฒนาความคิดสร้างสรรค์อย่างสมบูรณ์ และเกิดความคิดรวบยอดในการเรียนรู้ รวมเปิดโอกาสให้เรียนจากประสบการณ์ตรง (ข่าวสด พุธที่ 22 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ซีพีผุดหลักสูตรค้าปลีกประเดิม ปวช.เรียนฟรี

นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีการศึกษา 2549 นี้ โรงเรียนปัญญาภิวัฒน์ฯ ซึ่งถือเป็นสถาบันการศึกษาในเครือบริษัท ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศรับสมัครนักเรียนที่จบในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 (ม.3) เพื่อเข้ารับการศึกษาในระดับประกาศยบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ในสาขาวิชาค้าปลีก นักเรียนที่ผ่านการคัดเลือกจะเรียนฟรี ไม่เสียค่าเทอมตลอด 3 ปีของการศึกษา และทั้งมีรายได้ระหว่างการฝึกงานในสถานที่จริง ที่สำคัญคือ เมื่อเรียนจบแล้วมีงานทำทันที ผู้สนใจสามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 28 มีนาคม 2549 ที่โรงเรียนปัญญาภิวัฒน์ เทคโนธุรกิจ โรงเรียนปัญญาภิวัฒน์ฯ เป็นสถาบันที่เน้นการเรียนการสอนในลักษณะที่มีการปฏิบัติจริง ควบคู่ไปกับการเรียนด้านทฤษฎีวิชาการ นักเรียนจะฝึกปฏิบัติที่บริษัทที่ร่วมโครงการกับทางโรงเรียน ดังนั้น เมื่อจบการศึกษาเขาเหล่านี้จะได้รับทั้งความรู้ภาคทฤษฎีจากทางโรงเรียน และความรู้ภาคปฏิบัติจากสถานประกอบการนายจ้าง ซึ่งจะทำให้เป็นผู้สำเร็จการศึกษามีคุณภาพและมีคุณสมบัติตรงตามที่นายจ้างต้องการ ทั้งบริษัทยังมีหลักประกันการทำงานหลังการจบการศึกษาแล้ว ซึ่งเป็นอีกส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมเรื่องปัญหาการว่างงาน (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 23 มี.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


กรมวิทย์ฯบริการทดสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพ

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แจงเงื่อนไขบริการทดสอบเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานสากล การประเมิณความเสี่ยงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอันได้แก่ อาหาร ยา วัตถุอันตราย และเครื่องมือแพทย์ โดยมีการให้บริการทดสอบผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัยและคุณภาพทั้งก่อนและหลังจำหน่าย อันได้แก่ การทดสอบปริมาณสารกันแดด การทดสอบการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ในเครื่องสำอาง การทดสอบประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อโรค การหาปริมาณสารกำจัดแมลง การหาปริมาณสารสำคัญในผลิตภัณฑ์กำจัดลูกน้ำยุง ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค และการทดสอบปริมาณการปนเปื้อนโลหะหนัก ในสารละลายที่สกัดจากกระบอกฉีดยาทางการแพทย์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความปลอดภัย และมีความมั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ดำเนินการพัฒนาศักยภาพ ในการให้บริการทดสอบด้านปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง เพื่อการให้บริการตามมาตรฐาน ISO 9000 : 2000 อย่างมืออาชีพ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2546 ในการสนองนโยบายของรัฐบาลเพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาระบบบริหารราชการของภาครัฐทุกกระทรวง รวมทั้งมีนโยบาย ในการพัฒนาระบบการให้บริการ โดยปรับปรุงระบบการบริหารจัดการ ควบคู่ไปกับการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการทดสอบ นอกเหนือจากการจัดทำและรักษาคุณภาพของห้องปฏิบัติการตาม ISO/IEC 17025 (กรุงเทพธุรกิจศุกร์ที่ 17 มี.ค. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





แนะวิธีตรวจคุณภาพ เครื่องสำอางหน้าขาว

รศ.ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ คณบดีสำนักวิชาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประกาศรายชื่อเครื่องสำอางที่มีสารประกอบต้องห้าม จำนวน 74 รายการ ว่า ครีมที่มีส่วนประกอบของสารต้องห้ามตามประกาศของ อย.จะมีอันตรายร้ายแรงต่อผู้บริโภค จึงขอแนะนำวิธีทดสอบง่ายๆ ให้กับชาวบ้านว่า ครีมที่โฆษณาว่าเป็นครีมที่ทำให้หน้าขาวที่มีส่วนประกอบของสาร "ไฮโดรควิโนน" ซึ่งเป็นสารต้องห้ามหรือไม่นั้น สามารถทดสอบกับสารที่มีฤทธิ์เป็นด่างที่หาได้ง่าย เช่น น้ำปูนใส โดยการผสมน้ำปูนใสและเนื้อครีมดังกล่าว หากเนื้อครีมเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มแสดงว่าครีมดังกล่าวมีส่วนประกอบของสารไฮโดรควิโนน ทั้งนี้ สารไฮโดรควิโนนและกรดเรทิโนอิกซึ่งเป็นกรดวิตามินเอ เป็นยาที่ต้องผ่านการขึ้นทะเบียนตำรับยาให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงไม่ถือเป็นเครื่องสำอาง ดังนั้นครีมต่างๆ ที่มีการโฆษณาว่าสามารถเห็นผลทันตาภายใน 3-7 วัน สันนิษฐานได้ว่าจะต้องมีสารต้องห้ามประกอบที่ทำให้เกิดการกัดกร่อนผิวหนังให้เกิดการลอกอย่างรุนแรง จึงไม่แนะนำให้ใช้ (ข่าวสด จันทร์ที่ 20 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ระบบดาวเทียมจีพีเอส ติดตามตัวมาเฟียมะกัน

ที่รัฐแคลิฟอร์เนียริเริ่มโครงการใช้เทคโนโลยีบอกพิกัดผ่านดาวเทียม (จีพีเอส) คอยติดตามตัวและสอดส่องความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหา รูปแบบการทำงานของระบบดังกล่าวทำโดยการติด "สายรัดข้อเท้าระบบจีพีเอส" เอาไว้กับผู้ต้องหา 24 ชั่วโมง หลังจากนั้น ระบบจะเชื่อมต่อสัญญาณกับดาวเทียม ช่วยให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่รู้ตำแหน่งที่อยู่ของผู้ต้องหา ล่าสุด เจ้าหน้าที่รัฐทั้งนายกเทศมนตรี ตำรวจ และหน่วยราชทัณฑ์ ในเมืองซานเบอร์นาร์ดิโน รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งจัดเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยที่มีคดีอาชญากรรมมากเป็นอันดับ 18 ในสหรัฐ ก็กำลังเริ่มทดลองโครงการนำร่องใหม่ล่าสุด นั่นคือ ใช้สายรัดข้อเท้าจีพีเอสแบบเดียวกันผูกติดกับข้อเท้าของบรรดาสมาชิกระดับหัวโจกของขบวนการอาชญากร-แก๊งมาเฟียทั้งหลาย ซึ่งถูกจับกุมแต่ได้รับพิจารณา "ทัณฑ์บน" หรือได้รับการอนุญาตให้ประกันตัวออกไปสู้คดี เพื่อให้แน่ใจว่าหัวหน้าแก๊งมาเฟียเหล่านี้จะไม่หลบหนีคดีออกไปนอกพื้นที่ที่ศาลมีคำสั่งห้ามเอาไว้ ถ้าผู้ต้องหาคิดจะถอดสายรัดจีพีเอสออก หรือ บังอาจฝ่าฝืนคำสั่งห้ามออกนอกพื้นที่ ระบบจะส่งสัญญาณแจ้งเตือนไปยังสถานีตำรวจที่อยู่ใกล้ที่สุดโดยอัตโนมัติ แพ็ต มอร์ริส นายกเทศมนตรีซานเบอร์นาร์ดิโน บอกว่า เบื้องต้นกระแสตอบรับจากชาวบ้านเห็นด้วยกับระบบจีพีเอสติดตามตัวมาเฟีย แต่ต้องประเมินผลเรื่องความคุ้มค่าต่อไป เพราะค่าใช้จ่ายในการใช้ระบบจีพีเอสติดตามผู้ต้องหา 1 คนต่อ 1 วัน สูงเกือบ 400 บาท (ข่าวสด จันทร์ที่ 20 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





โลกไปปลูกพืชพรรณบนดาวดวงอื่น เมื่อครั้งก้อนดาวตกยักษ์ถล่มใส่

นักวิทยาศาสตร์กล่าวแสดงความเชื่อว่า ก้อนอิฐก้อนหินจากโลกที่กระเด็นกระจายออกไปในอวกาศ เมื่อตอนถูกก้อนอุกกาบาตตกใส่ อาจจะไปเพาะชีวิตขึ้นบนดวงจันทร์ “ไทตัน” ดวงจันทร์บริวารของดาวเสาร์ดวงยักษ์ขึ้นได้ พวกเขาเชื่อว่า ก้อนอุกกาบาตยักษ์ หรือดาวหาง ขนาดที่เคยตกถล่มโลก โตระหว่าง 10-50 กิโลเมตร สมัยเมื่อหลายล้านปีก่อน จนทำให้ เหล่าไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปนั้น อาจจะทำให้วัตถุจากโลกกระเด็นกระดอนออกไป เป็นระยะทางไกลถึงดวงจันทร์ไทตันของดาวเสาร์ได้ ตัวอย่างที่เห็นได้มาจนทุกวันนี้ ก็คือหลุมบ่อที่ก้อนดาวตกยักษ์ ตกใส่คาบสมุทรยุคคาทาน ในดินแดนที่เป็นประเทศเม็กซิโกปัจจุบัน เมื่อ 65 ล้านปีมาแล้ว ซึ่งปากหลุมโตระหว่าง 160-240 กิโลเมตร นักวิทยาศาสตร์เบตต์ แกลดแมน แห่งมหาวิทยาลัยบริติชต์ โคลัมเบีย กับคณะได้ คำนวณว่า การตกของอุกกาบาตขนาดนั้นจะทำให้เศษชิ้นส่วนของโลกกระเด็นกระจายจากโลก ออกไปสู่วงโคจรรอบๆดวงอาทิตย์ มากประมาณ 600 ล้านชิ้น บางชิ้นอาจจะเลยไปไกลถึงดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ ในเวลาอย่างหยาบๆ ราว 1 ล้านปีได้ เพราะเหตุที่เศษชิ้นส่วนจากโลกเหล่านี้ย่อมต้องมีเชื้อชีวิตติดไปด้วย ดังนั้น หากไปตกยังโลกอื่นที่มีสภาพแวดล้อมอำนวยกับการเติบโตของสิ่งมีชีวิต ก็จะทำให้มันเจริญงอกงามขึ้นได้ (ไทยรัฐ อังคารที่ 21 มี.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





จีนตั้งธนาคารเก็บรักษากลิ่น แช่เย็นต่ำกว่าน้ำแข็งไว้ 500 ชนิด

สำนักข่าวซินหัวของจีนเปิดเผยว่า จีนได้จัดตั้งธนาคารกลิ่นขึ้นเป็นแห่งแรก ได้เก็บรักษากลิ่นต่างๆ ในอุณหภูมิต่ำกว่าใต้ขีดน้ำแข็งถึง 18 องศาเซลเซียส ไว้ถึง 500 ชนิด จะเก็บรักษาเอาไว้ได้นานถึง 3 ปี นายซง เชหว่า ผู้ก่อตั้งธนาคารกลิ่นที่นครนานกิง ชี้แจงว่าได้ตั้งธนาคารกลิ่นขึ้น เพื่อใช้ในการฝึกสุนัขตำรวจ ให้จำกลิ่นเมื่อเวลามันออกไปปฏิบัติหน้าที่ ในสถานที่เกิดเหตุอาชญากรรม กลิ่นเหล่านี้แต่ละกลิ่น จะต้องทำให้เจ้าตูบจมูกไวแต่ละตัว ซึ่งผ่านการฝึกสอนแล้ว จำกลิ่นได้ ไม่ต่ำกว่า 3 ตัว ถึงจะเลือกเก็บเอาไว้ในธนาคาร สำนักข่าวไม่ได้เปิดเผยว่า ธนาคารเก็บรักษากลิ่นต่างๆ โดยการบรรจุเก็บเอาไว้ในภาชนะใด ตามปกติแล้ว เจ้าพนักงานพิสูจน์ หลักฐาน เมื่อเวลาไปตรวจที่เกิดเหตุ จะใช้สำลีหรือผ้าก๊อซซับ และเก็บเอาไว้ในถุงพลาสติกไม่ให้อากาศเข้าอีกทีหนึ่ง ก่อนส่งไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์. (ไทยรัฐ อังคารที่ 21 มี.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





พยากรณ์เกิดพายุแม่เหล็กได้แล้ว ใช้ดาวเทียมคอยเฝ้าดูดวงอาทิตย์

นักดาราศาสตร์มหาวิทยาลัย สแตนฟอร์ด กล่าวแจ้งว่าจะพยากรณ์ ทำนายการเกิดของพายุแม่เหล็กที่เกิดจากดวงอาทิตย์ ล่วงหน้าได้แล้ว พวกเขากล่าวบอก หลังจากที่พบในการศึกษาว่า จะให้ดาวเทียมคอยส่งคลื่นเสียง จับสังเกตความเคลื่อนไหวของฟองก๊าซร้อน ที่พุ่งออกมาจากทางด้านไกลของดวงอาทิตย์ได้ พายุแม่เหล็ก ซึ่งเกิดมีเป็นพักๆ มักจะรบกวนการติดต่อสื่อสารระยะไกล และการส่งกระแสไฟฟ้าบนโลกเรา. (ไทยรัฐ อังคารที่ 21 มี.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





พบ"ซุปเปอร์เอิร์ธ" ดาวคล้ายโลกดวงใหม่

คณะนักดาราศาสตร์นิวซีแลนด์ ตีพิมพ์รายงานในวารสารฟิสิกส์ดาราศาสตร์ ฉบับล่าสุด เปิดเผยว่า ค้นพบ "ดาวเคราะห์" ดวงใหม่นอกระบบสุริยจักรวาล ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับ "โลกมนุษย์" ของเรา จากการคำนวณเบื้องต้นพบว่า ดาวเคราะห์ดวงใหม่นี้มีขนาดมวลใหญ่กว่าโลก 13 เท่า นักดาราศาสตร์จึงตั้งชื่อเล่นให้ว่า "ซุปเปอร์เอิร์ธ" (โลกใบใหญ่) มันตั้งอยู่ห่างจากโลก 9,000 ปีแสง สภาพอุณหภูมิบนพื้นผิวน่าจะติดลบ 166 องศาเซลเซียส ถือว่าสร้างสถิติเป็นหนึ่งในกลุ่มดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะที่เย็นจัดที่สุด สาเหตุส่วนหนึ่งเพราะโคจรอยู่ห่างจากดาวฤกษ์ในระยะใกล้เคียงกับที่ดาวพฤหัสบดี กับ ดาวเสาร์ อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์ ลักษณะทางภูมิศาสตร์ทั่วไปคล้ายคลึงกับโลก ไม่ว่าจะเป็นสภาพภูมิประเทศขรุขระเต็มไปด้วยพื้นผิวหินสูงต่ำ มีขั้วน้ำแข็ง และคาดว่าแกนกลางของดาวเป็นหินเหมือนกับโลก (ข่าวสด อังคารที่ 21 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





“วันทรัพยากรน้ำ” เตือนภัยกระทบสิ่งแวดล้อม-ศึกแย่งน้ำ

เนื่องในวันทรัพยากรน้ำโลก หรือ “เวิลด์ วอเตอร์ เดย์” เมื่อ 22 มีนาคม ระบุการใช้ทรัพยากรน้ำจืดอย่างมาก ของชาวโลก กำลังก่อผลกระทบร้ายแรงที่สุดต่อสภาพแวดล้อมและ จะเกิดผลร้ายแรงต่อหลายพื้นที่แถบชายฝั่งทะเลทั่วโลกภายในปี 2563 นอกเหนือจากสงครามแย่งชิงแหล่งน้ำจืดจะเกิดขึ้นมากเรื่อยๆในอนาคต รายงานฉบับนี้ผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยว ชาญ 1,500 คน สรุปด้วยว่า การทำประมงมากเกินขอบเขตก็เป็นอีกสาเหตุหลัก ที่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมของมหาสมุทร การเพิ่มสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำหรือ การขุดบ่อน้ำบาดาลลึกมากขึ้นก็ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ถูกต้องนัก ข้อมูลการใช้ทรัพยากรน้ำทั่วโลก ระบุชาวโลกมากกว่า 1,400 ล้านคน ยังเข้าไม่ถึงแหล่งน้ำดื่มน้ำใช้ที่สะอาดปลอดภัย ขณะที่ชาวโลกจำนวนกว่า 2,600 ล้านคน หรือ 40 เปอร์เซ็นต์ ดำรงชีวิตอยู่อย่างขาดสุขอนามัยเรื่องน้ำ ประเมินว่าชาวโลกเสียชีวิตนาทีละ 15 คน จากโรคภัยไข้เจ็บที่มากับน้ำ อาทิ อหิวาตกโรค โรคท้องร่วง ไข้ไทฟอยด์ รวมผู้เสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 8 ล้านคน เป้าหมายการพัฒนาเรื่องน้ำแห่งสหัสวรรษของสหประชาชาติ ระบุต้องใช้เงินลงทุนเรื่อง ทรัพยากรน้ำดื่มน้ำใช้แก่ชาวโลกปีละ 30,000 ล้านดอลลาร์ ตัวเลขค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ ชาวโลกตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 20 บริโภคอุปโภคน้ำจืดเพิ่มขึ้น 6 เท่า ทำให้ค่าเฉลี่ยการใช้น้ำต่อคนต่อปีต้องลดลงตามสัดส่วน คือ จาก 16,800 ลูกบาศก์เมตรต่อคนต่อปี เมื่อช่วงทศวรรษ 1950 จะลดลงเหลือ 7,300 ลูกบาศก์เมตรต่อคนต่อปี ในช่วงปี 2025 และจะลดลงเหลือ 4,800 ลูกบาศก์ เมตรต่อคนต่อปี ถ้าประชากรโลกเพิ่มถึง 8,000 ล้านคน จากปัจจุบัน 6,500 ล้านคน ปริมาณการบริโภคน้ำดื่มน้ำใช้ในภูมิภาคต่างๆ แบ่งแยกย่อยได้เป็นภูมิภาคแอฟริกา ใช้น้ำเฉลี่ยคนละ 10-20 ลิตรต่อวัน ชาวยุโรปใช้น้ำเฉลี่ยคนละ 200 ลิตรต่อวัน ส่วนชาวอเมริกาเหนือและญี่ปุ่น ใช้น้ำเฉลี่ยวันละ 350 ลิตร ปัญหาการแย่งสิทธิใช้ทรัพยากรน้ำจะเกิดมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ภาคตะวันตกของสหรัฐฯ ไปจนถึงภูมิภาคตะวันออกกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้. (ไทยรัฐ พุธที่ 22 มี.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





"อาร์เอฟไอดี-RFID" เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก

นวัตกรรม "อาร์เอฟไอดี" (RFID : Radio Frequency Identification) จะเข้ามามีบทบาทเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตประจำวันของพลเมืองโลกในอนาคต สำหรับประเทศไทย มีการนำ RFID มาใช้แต่ยังไม่แพร่หลายมากนัก หลายท่านคงเคยใช้งานโดยไม่รู้ตัว เช่น ระบบจ่ายเงินของรถไฟฟ้าใต้ดินกรุงเทพฯ RFID เป็นระบบเก็บข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วยอุปกรณ์หลัก 2 ชิ้น นั่นคือ "แท็ก" (ตัวเก็บข้อมูล) กับตัว "เครื่องอ่านข้อมูล" โดยมีคลื่นวิทยุทำหน้าที่เป็นตัวกลางส่งผ่านข้อมูลดังกล่าว ประเมินกันว่าอีกไม่ช้าไม่นาน RFID จะเข้ามามีบทบาทมากด้านการค้าขายตั้งแต่ระดับ "ระหว่างประเทศ" เรื่อยมาจนถึง "ภายในประเทศ" อาทิ การจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้า วาดภาพ RFID ในห้างก็เช่น เมื่อเราจับจ่ายหยิบสินค้าที่ติดแท็กมาใส่กองเต็มรถเข็น พอเข็นรถเข้าไปในจุดอ่านข้อมูล ราคาสินค้าทั้งหมด รวมทั้งข้อมูลชื่อผู้ผลิต วันหมดอายุ ฯลฯ จะปรากฎขึ้นมาทันที พอจ่ายเงินเสร็จ ประตูทางออกก็เปิดให้เราออกไป กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่น มองว่า RFID มีศักยภาพมากกว่านี้ ขณะนี้จึงกำลังพัฒนาแท็ก RFID ขนาดเล็กหน้าและยาวไม่กี่เซนติเมตร ซึ่งทำหน้าที่ตรวจจับความร้อนและแรงสั่นสะเทือน เพื่อใช้สำหรับปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่ระบบสื่อสารล่ม เช่น จุดเกิดเหตุแผ่นดินไหว หลักการทำงานเบื้องต้น คือ ส่งเฮลิคอปเตอร์ไปโปรยแท็ก RFID นับหมื่นชิ้น ครอบคลุมบริเวณพื้นที่ประสบภัย ต่อมา ตัวแท็กเหล่านี้จะแยกแยะออกว่าความร้อนที่แผ่ออกมาจากจุดต่างๆ นั้นมีที่มาจากไฟหรือจากร่างกายผู้ประสบภัย นอกจากนั้น ยังแยกรูปแบบแรงสั่นสะเทือนออกด้วยว่ามาจากพื้นดินเขย่า อาคารสั่น หรือคนกำลังตะเกียกตะกายหนีตายกันอยู่ หน่วยกู้ภัยจะได้ลงไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยถูกจุด และทางการญี่ปุ่นเตรียมทดสอบเทคโนโลยีนี้ในปี 2550 (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 23 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





แตกตื่นไปทัศนาจรอวกาศนอกโลก ค่าตัวหัวละ 800 ล้านบาท

นายอีริค แอนเดอร์สัน ผู้บริหารบริษัทสเปซ แอดเวนเจอร์ เชื่อว่า ธุรกิจท่องเที่ยวอวกาศจะเติบโตอย่างรวดเร็วในระยะเวลา 20 ถึง 25 ปีจากนี้ บริษัทสเปซ แอดเวนเจอร์ เป็นบริษัทเดียวในโลกขณะนี้ที่เป็นนายหน้าส่งนักท่องเที่ยวไปเยือนอวกาศในราคา 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 800 ล้านบาทต่อหัว ธุรกิจท่องเที่ยวอวกาศเริ่มต้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2547 หลังนายเบิร์ต รูแทน นำยานอวกาศเอกชนลำแรกของโลกทะยานออกนอกโลกได้สำเร็จ ขณะนี้ นายรูแทนกำลังต่อยานอวกาศให้กับบริษัทเวอร์จิ้น ซึ่งมีโครงการนำนักท่องเที่ยวออกนอกโลกครั้งแรกในปี 2551 ด้านรัฐบาลสหรัฐฯประกาศความพร้อมออกใบอนุญาตให้เอกชนนำประชาชนทั่วไปท่องอวกาศ หากสามารถพิสูจน์ได้ว่าเที่ยวบินมีความปลอดภัยพอเพียง (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 24 มี.ค. 49 http://www.thairath.com)





อย.ปรับมาตรฐานผลิตยารับเทคโนโลยีใหม่

ศ.ดร.ภักดี โพธิศิริ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กำลังศึกษาถึงข้อกำหนดในการสร้างมาตรฐาน ให้ระบบตรวจสอบรับรองคุณภาพของอุตสาหกรรมยาในประเทศ โดยคาดว่าจะหารือร่วมกับบริษัท ทุฟ (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทจัดการในเรื่อง ระบบตรวจสอบรับรองคุณภาพจากประเทศเยอรมนี ที่มีความเชี่ยวชาญในการออกมาตรฐานรับรองคุณภาพในอุตสาหกรรมต่างๆ มาเป็นที่ปรึกษา ปัจจุบัน ผู้ผลิตยาต่างประเทศได้นำวิทยาการใหม่ๆ มาใช้ในการวิจัยและพัฒนายา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นาโนเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาท ในการพัฒนาระบบนำส่งยาสู่เป้าหมายโดยตรง (Drug Delivery System) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อน ขณะที่ข้อกำหนดเกี่ยวกับมาตรฐานยาไทย ที่ใช้อยู่ถูกกำหนดขึ้นมานานแล้ว แต่ก็ยังคงอิงอยู่กับมาตรฐานสากล และถ้าหากต้องการปรับมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับ ต้องมีข้อกำหนดพิเศษที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งในเรื่องนี้ทาง อย.กำลังศึกษาในขั้นตอนการทำงาน ระบบการผลิตยาในปัจจุบันเริ่มต้นจาก การวิจัยเพื่อค้นหาตัวยาในระดับโมเลกุลมาใช้ในการรักษาโรค หลังจากนั้นจึงนำโมเลกุลที่ได้ มาศึกษาหาวิธีให้ประโยชน์เพื่อป้องกันและรักษาโรค ซึ่งเป็นขั้นตอนที่จะประยุกต์นำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ รวมถึงนาโนเทคโนโลยีที่จะช่วยให้ตัวยามีประสิทธิภาพ ในการรักษาเพิ่มขึ้น ก่อนที่จะนำตัวยาที่ได้เข้าจำหน่ายในท้องตลาด ประเทศไทยมีความได้เปรียบเรื่องบุคลากรนักวิจัยด้านเภสัชศาสตร์ที่มีความรู้ และมีปริมาณเพียงพอที่จะผลิตยาชนิดใหม่ๆ ขึ้นมาได้ แต่ข้อจำกัดของการผลิตยาในปัจจุบันยังอยู่ที่การผลิตเพื่อใช้ในประเทศเป็นส่วนใหญ่ ถึงแม้จะมีการส่งออกอยู่บ้างก็จะอยู่ในกลุ่มประเทศอาเซียน เนื่องจากข้อจำกัดด้านมาตรฐานการผลิต (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 24 มี.ค. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





ข่าววิจัย/พัฒนา


ผลิตฟันและกระดูกเทียม จากเปลือกไข่กับกระดูกจระเข้

วงการแพทย์ ได้ใช้ ไฮดรอกซีแอปาไทต์ (hydroxyapatite; HAp) มาเป็นส่วนผสม ของการทำฟัน และกระดูกเทียมเพื่อบำบัด เนื่องจากไฮดรอกซีแอปาไทต์ (HAp) เป็นสารประกอบอนินทรีย์ ที่เป็นองค์ประกอบ ของกระดูกและสามารถ เกิดพันธะเคมีกับกระดูก ซึ่งมีสูตรเคมี ดังนี้ (Ca, Mg, Na) 10 (PO4, CO3) 6 (OH) 2 HAp ไฮดรอกซีแอปาไทต์ จัดเป็น bioactive material ซึ่งมีการผลิตออกมาจำหน่ายในตลาดโลกสูงถึงปีละ 24 ล้านล้านดอลลาร์ 55% ของมูลค่านี้โดยประมาณ ได้นำไปใช้ด้านฟันและกระดูก เช่น ทำฟันเทียม, กระดูกเทียม ฯลฯ ประเทศไทยต้องนำเข้า HAp แต่ละปีจำนวนมากและก็มีราคาค่อนข้างสูง ด้วยเหตุนี้จึงทำการศึกษาการใช้ไฮดรอกซีแอปาไทต์ และเกลือแคลเซียมฟอสเฟตในทางการแพทย์อย่างกว้างขวาง จากวัสดุธรรมชาติที่เหลือได้ อันเป็นการพัฒนาหาประโยชน์อย่างยั่งยืน รศ.สุธาทิพย์ ศิริไพศาล กับ นางสาวอัปสร บุญยัง และคณะวิจัยจากภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ร่วมกันวิจัยและคิดค้นหา การผลิตสารประกอบ ไฮดรอกซีแอปาไทต์ จากเปลือกไข่ และกระดูกจระเข้ เพื่อนำมาใช้ทดแทนฟันและกระดูก ของผู้ที่มีความต้องการ รศ.สุธาทิพย์ หัวหน้าทีมวิจัยฯเผยว่า จระเข้น้ำจืดหรือจระเข้พันธุ์ไทย เมื่ออายุ 10-12 ปี ในปีหนึ่งๆ จะมีจระเข้ที่ฟักไข่ออกมาครั้งละ 20-48 ฟอง ใช้ระยะเวลาฟักไข่นาน 80 วัน เมื่อฟักออกมาเป็นตัว แล้วจึงนำไปอนุบาลให้เติบโต ส่วนเปลือกไข่จะกลายเป็น “ของเหลือทิ้ง” เมื่อนำมาวิเคราะห์ให้ดีจึงทราบว่า องค์ประกอบหลักของเปลือกไข่ และกระดูกจระเข้นั้น คือ แคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) และพบด้วยว่ามีปริมาณของแคลเซียมมากถึง 38.87 เปอร์เซ็นต์ โดยยังมีองค์ประกอบหลักเป็น ไฮดรอกซีแอปาไทต์ ถึง 70% จึงเป็นที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่าเปลือกไข่และกระดูกจระเข้ จากที่เป็นของเหลือทิ้งนี้จะสามารถนำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไปได้ การเตรียมสารประกอบ ไฮดรอกซีแอปาไทต์ จากเปลือกไข่จระเข้ ด้วยวิธีไฮโดรเทอร์มอล และจากกระดูกจระเข้ โดยวิธีการเผาจากนั้น จึงนำผลิตภัณฑ์ ที่ได้ไปตรวจสอบด้วยเทคนิค x-ray diffraction และ FTIR spectroscopy เมื่อเปรียบเทียบกับ สารไฮดรอกซีแอปาไทต์ที่ขายในท้องตลาด พบว่าผลิตภัณฑ์ ที่ได้จากเปลือกไข่และกระดูกจระเข้ มีรูปแบบสเปกตรัมเหมือนกัน ผลิตภัณฑ์ที่ได้เตรียมจากเปลือกไข่และกระดูกจระเข้ เป็นสารประกอบไฮดรอกซีแอปาไทต์ที่มีคุณภาพมาตรฐานเทียมเท่าของต่างประเทศ อันจะนำไปสู่การผลิตวัตถุที่ลดต้นทุนการแพทย์ได้ตามนโยบาย 30 บาท รักษาทุกโรค (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 20 มี.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





ขนาดของพุงลิขิตสุขภาพร่างกาย พุงยิ่งยื่นยิ่งเฉียดใกล้โรคหัวใจ

นักวิจัยพบในการศึกษาขนาดใหญ่ ระหว่างประเทศหนแรก ในเรื่องอันตรายของการลงพุงว่า ขนาดของพุงจะฟ้องถึงสถานะของสุขภาพหัวใจและร่างกายทั่วไป ที่มีความสำคัญยิ่งกว่าสูตรการคำนวณความอ้วนตามหลักสากลนิยม เรียกกันว่าดัชนีมวลกายเสียอีก การศึกษาซึ่งได้ทำกับคนไข้ตามชาติต่างๆ มากถึง 63 ชาติ พบว่าในหมู่ผู้ชายที่ปล่อยให้พุงยื่นขึ้นในอัตราทุกๆ 14 ซม. จะเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจมากขึ้นระหว่าง 21-40 เปอร์เซ็นต์ ส่วนผู้หญิงจะมีอัตราอยู่ทุกๆ 14.9 ซม. รายงานการศึกษาซึ่งได้เสนอในที่ประชุมประจำของวิทยาลัยแพทย์โรคหัวใจอเมริกัน ที่นครแอตแลนตา กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นคนในดินแดนแถบตะวันออกไกลหรือทางตะวันตก ความเสี่ยงก็จะเพิ่มสูงขึ้นขนาดพอกัน ถึงแม้คนเอเชียจะเอวเล็กบางกว่าฝรั่งก็ตาม (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 20 มี.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





วิจัยหาหุ่นมาตรฐานคนไทย สแกน3มิติวัดสัดส่วนแทนสายวัดแม่นยำ

ม.เกษตรศาสตร์ ดำเนินการศึกษาหาสัดส่วนและรูปร่างมาตรฐานของคนไทย เพื่อนำมาใช้เป็นมาตรฐานสำหรับกำหนดเสื้อผ้าให้ตรงกับสัดส่วนที่แท้จริง แทนการใช้ขนาดเอส เอ็ม แอล และเอ็กซ์แอล ระบุใช้เทคโนโลยีสแกน 3 มิติวัดสัดส่วนแทนสายวัด บันทึกตัวเลขแม่นยำและใช้เวลาเพียง 10 วินาทีต่อคน ดร.อโนทัย ชลชาติภิญโญ ภาควิชาวิทยาการสิ่งทอ คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และคณะ ร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) จัดทําโครงการสุ่มสํารวจสัดส่วนกลุ่มตัวอย่างไม่น้อยกว่า 1 หมื่นรายทั่วประเทศ เพื่อหาขนาดรูปร่างมาตรฐานของคนไทย โดยใช้เครื่อง 3 มิติสแกนร่างกายแทนใช้สายวัดแบบเดิม และถือเป็นครั้งแรกของประเทศที่มีโครงการวิจัยในลักษณะนี้ เครื่องวัดดังกล่าวเป็นเทคโนโลยีของสหรัฐ และถูกนำไปใช้สำรวจหาสัดส่วนของคนอังกฤษและอเมริกันมาแล้ว โดยใช้เวลาน้อยกว่า 10 วินาทีต่อการสแกน 1 ครั้ง และบันทึกขนาดสัดส่วนของร่างกายได้มากกว่า 100 จุด ทําให้การวัดสัดส่วนของผู้คนจํานวนมากเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยํา จึงคาดว่าจะใช้ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 1 ปีครึ่ง ซึ่งถ้าโครงการวิจัยสามารถสํารวจรูปร่างคนไทย และนํามากําหนดขนาดเสื้อให้มีมาตรฐาน ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการผลิตและการออกแบบเสื้อผ้า รองเท้า ฯลฯ ให้ตรงใจผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น และมีขนาดมาตรฐานที่เป็นระบบเดียวกันทั้งประเทศ ข้อมูลเหล่านี้ นอกจากจะทําประโยชนให้อุตสาหกรรมแฟชั่นเสื้อผ้า และสิ่งทอแล้ว ยังจะเป็นประโยชน์กับอุตสาหกรรมอื่นๆ อีก เช่น อุตสาหกรรมการแพทย์ อุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมอาหาร (คมชัดลึก จันทร์ที่ 20 มี.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





ส่งหุ่นยนต์ปลาคาร์พสำรวจมหาสมุทร

นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นออกแบบหุ่นยนต์ปลาคาร์พ ติดเซ็นเซอร์ 2-3 ตัวพร้อมส่งลงไปสำรวจปลา และตรวจแท่นน้ำมันในทะเลสำรวจความเสียหาย ทำงานแทนนักประดาน้ำ หุ่นยนต์ปลาคาร์พสำรวจทะเลนี้ เป็นผลงานของ เทตซูโอะ อิชิกิซากิ จากบริษัทเรียวเมอิ จิเคน ประเทศญี่ปุ่น และเป็นบริษัทในเครือของมิตซูบิชิ เฮฟวี อินดัสตรี จำกัด ได้ออกแบบหุ่นยนต์โดยเลียนแบบรูปทรงปลาคาร์พ ที่ชาวญี่ปุ่นมักทำเป็นธงชักขึ้นบนหลังคาในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว ลำตัวแต้มด้วยสีขาว สีแดง และทอง ตัวหุ่นยนต์ปลาคาร์พไม่ได้มีเทคนิคกลไกอะไรมากนัก มีขนาดยาว 32 นิ้ว สามารถบังคับทิศทางด้วยวิทยุบังคับ และมีเซ็นเซอร์ติดตั้งอยู่ในปากเพื่อตรวจจับความเข้มข้นของออกซิเจนในน้ำ ซึ่งจำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตของปลาในน้ำ ในการสาธิตนักวิจัยนำปลาลงในสระน้ำ โดยปลาสามารถขยับครีบหางไปมาได้เหมือนจริง ก่อนหน้านี้ นักคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยเอสเสตในอังกฤษ ได้พัฒนาปลาหุ่นยนต์ที่สามารถหาว่ายหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้เอง สามารถว่ายในน้ำได้ 5 ชั่วโมงด้วยแบตเตอรี่ นักพัฒนาหมายมั่นว่าสักวันจะเขียนโปรแกรมให้ค้นหาแหล่งชาร์จไฟเองได้เมื่อสัญญาณแบตเตอรี่อ่อน หุ่นยนต์ปลาคาร์พของอังกฤษ ยังเคลื่อนไหวได้เหมือนธรรมชาติ ทั้งท่าว่ายและการกลับตัว พวกเขาตั้งเป้าว่าจะใช้มันสำรวจพื้นทะเล และตรวจหารูรั่วในท่อน้ำมันใต้ทะเล วัดปริมาณแร่ และจะนำมาใช้เป็นต้นแบบสำหรับปรับปรุงพาหนะใต้น้ำ (คมชัดลึก จันทร์ที่ 20 มี.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





พับดีเอ็นเอเป็นพรมนาโนเทค

นักคอมพิวเตอร์พัฒนาวิธีพับโมเลกุลดีเอ็นเอให้เป็นสัญลักษณ์หน้ายิ้มและแผนที่ทวีปอเมริกา มีขนาดเล็กจิ๋วมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นต้องใช้กล้องจุลทรรศน์กำลังสูงส่องดู สามารถนำมาประยุกต์ทำคอมพิวเตอร์จิ๋ว และระบบส่งยาเข้าสู่ร่างกายที่สามารถจู่โจมเชื้อโรคได้แม่นยำ พอล รอเธอมุนด์ นักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า กระบวนการนำดีเอ็นเอมาพับเป็นแบบ 2 มิติขนาดนาโนเมตรที่เขาได้ทำเป็นตัวอย่างนี้ถือว่าง่ายมาก ขนาดเด็กนักเรียนมัธยมปลายก็สามารถออกแบบตัวแบบดีเอ็นเอเองได้ ยิ่งถ้าเป็นนักวิทยาศาสตร์ด้วยแล้ว สามารถนำวิธีดังกล่าวไปใช้งานสร้างโครงสร้างเชิงซ้อนสำหรับการใช้งานด้านนาโนเทคโนโลยี นักฟิสิกส์อาจนำเอาสารกึ่งตัวนำไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า เซมิคอนดักเตอร์ขนาดนาโนมาจัดเป็นรูปแบบเพื่อสร้าง "คอมพิวเตอร์ ควอนตัม" หรือคอมพิวเตอร์ความเร็วสูงกินไฟต่ำ และมีความเสถียรสูง ซึ่งเป็นความฝันของนักคอมพิวเตอร์มานาน ส่วนนักเคมีอาจใช้เทคนิคพับดีเอ็นเอเพื่อนำโปรตีน ซึ่งปกติจะแตกตัวในภาวะธรรมชาติมาใช้เป็นตัวพาสารเคมีเข้าไปในร่างกาย เพื่อพิสูจน์ว่าเทคนิคการพับทบดีเอ็นเอที่เขาคิดขึ้นสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย นักวิจัยได้ลองทอเป็นรูปสัญลักษณ์หน้ายิ้ม ดาว รูป 8 เหลี่ยม ที่ดูคล้ายกับถาดรองจานขนม และพรม 4 เหลี่ยมที่มีอักษร "ดีเอ็นเอ" รวมถึงทำเป็นรูปร่างคร่าวๆ ของแผนที่อเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ แต่ละรูปที่ทำมีขนาดกว้างราว 100 นาโนเมตร หรือเล็กกว่าเส้นผ่าศูนย์กลางเส้นผมของคนทั่วไป 1,000 เท่า ซึ่งเล็กมากจนต้องใช้กล้องขยายกำลังสูงส่องดู แบบดีเอ็นเอที่ทอขึ้นด้วยเทคนิคนี้ยังสามารถนำไปย้อม หรือไปติดกับแบบดีเอ็นเออื่นได้ด้วย นักวิจัยเปรียบเทียบวิธีนี้ว่าเหมือนกับศิลปะพับกระดาษของญี่ปุ่นที่สามารถพับเป็นรูปร่างต่างๆ ได้ เช่น นกกระเรียน ดาว หมวก เป็นต้น และท้ายสุดสามารถนำเทคนิคที่คิดไว้มาทำเป็นผังทดลองวงจรนาโนได้ ซึ่งเหมาะใช้เป็นฐานสำหรับแผงวงจรที่มีขนาดนาโนเพื่อใช้ในการทดลองได้ (คมชัดลึก จันทร์ที่ 20 มี.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





สองนักวิจัยสร้างเส้นใยนาโนบำบัดน้ำเสีย

รศ.ดร.พิชญ์ ศุภผล วิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พัฒนาเทคนิคปั่นเส้นใยด้วยไฟฟ้าสถิต หรือที่เรียกว่า อิเล็กโตรสปินนิ่ง (Electrospinning) จนสามารถสร้างเส้นใยให้มีขนาดเล็กตั้งแต่ระดับนาโนเมตร จนต่ำกว่า 10 ไมโครเมตรได้ ทำให้เริ่มมองหาวิธีการนำเทคนิคนี้ไปประยุกต์ใช้ จนล่าสุดได้พัฒนาเส้นใยนาโนไททาเนียสำหรับกำจัดสารอินทรีย์ที่เป็นพิษในน้ำเสีย โดยร่วมมือกับ ผศ.ดร.วรงค์ ปวราจารย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ได้ความคิดนำเส้นใยนาโนมาใช้บำบัดน้ำเสียโดยเลือกใช้ไททาเนียมไดออกไซด์ มาปั่นเป็นเส้นใยแทนที่จะใช้แบบผงเหมือนปัจจุบัน โครงสร้างหนึ่งของไททาเนียมไดออกไซด์ สามารถทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาแบบใช้แสงได้ กล่าวคือ เมื่อโดนแสงกระตุ้นจะทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา และเมื่อนำมาขึ้นรูปเป็นเส้นใย โครงสร้างที่ได้มานั้นจะมีลักษณะเหมือนแผ่นกรอง นักวิจัยทั้งสองจึงคิดว่าน่าจะช่วยกันศึกษาความเป็นไปได้ ในการใช้เส้นใยนาโนไททาเนียมไดออกไซด์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับกำจัดสารเคมีอินทรีย์ตกค้างที่เป็นพิษ เช่น ยาฆ่าแมลง และยาฆ่าวัชพืช เป็นต้น กระบวนการวิจัยเริ่มขึ้น ด้วยการพัฒนา "เส้นใยไททาเนียมไดออกไซด์" ที่มีขนาดเล็กขึ้นมาก่อน โดยสามารถทำได้ที่ระดับเส้นผ่าศูนย์กลาง 150-270 นาโนเมตร จากนั้นนำไปทดสอบความสามารถในการเปลี่ยนโครงสร้างของสารเคมีมาตรฐานที่ชื่อว่า เมทิลีนบลู ซึ่งปกติจะเป็นสีน้ำเงิน พบว่าพอเกิดปฏิกิริยากัน สีน้ำเงินจะหายไป ดังนั้นสารเคมีที่เป็นอินทรีย์ตัวอื่นก็น่าจะเป็นไปในลักษณะเดียวกันนี้ได้ เมื่อนำไปเปรียบเทียบปฏิกิริยาในการย่อยสลาย กับไททาเนียมไดออกไซด์ ที่ผงนาโนไททาเนียมมาตรฐานที่ใช้ในอุตสาหกรรมจริง พบว่าสามารถย่อยสลายสารเมทิลีนบลูได้เร็วกว่า และปริมาณมากกว่า นอกจากนี้การที่เส้นใยมีขนาดเล็กมาก ทำให้มีพื้นที่ผิวสูงสามารถทำปฏิกิริยาได้มากกว่า และโดยงานวิจัยชิ้นนี้ได้รับการตีพิมพ์ใน วารสารแอพพลายแคตาไลซิส และวารสารไซอันซ์ แอนด์ เทคโนโลยี ออฟ แอดวานซ์ แมทีเรียล สำหรับพื้นที่ที่เหมาะจะนำเส้นใยไทเทเนียมไปใช้ ได้แก่นิคมอุตสาหกรรมที่มีการปล่อยสารเคมีอินทรีย์ในปริมาณมาก หรือพื้นที่เกษตรที่ใช้ยาฆ่าแมลงมากโดยหลังจากนำเส้นใยไปวางในบ่อแล้ว เมื่อโดนแสงอาทิตย์ก็จะเปลี่ยนโครงสร้างของยาฆ่าแมลงได้ ทีมวิจัยจึงต้องทดสอบสารอินทรีย์แต่ละตัวในสภาวะต่างๆ กันก่อนถึงจะนำไปใช้จริงได้ คาดว่าน่าจะใช้เวลาในการทดสอบอีกประมาณ 1-2 ปี จึงจะได้คำตอบ (กรุงเทพธุรกิจจันทร์ที่ 20 มี.ค. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





สนช.หนุนเอกชนตั้งโรงผลิตยีสต์รายแรก

นายศุภชัย วรศิลป์ชัย เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัทสเปเชี่ยลตี้ ไบโอเทค จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้พัฒนารูปแบบการผลิตยีสต์ โดยกระบวนการหมัก และสกัดผลิตภัณฑ์จากยีสต์ ที่เป็นของเสียจากโรงงานผลิตเบียร์อย่างครบวงจรในเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรกในไทย โดยตั้งเป็นโรงงานผลิตยีสต์ภายใต้วงเงินกู้ 20 ล้านบาท เพื่อใช้ในการสร้างโรงงานและนำเข้าเทคโนโลยีสำหรับใช้ในห้องปฏิบัติการ เทคโนโลยีผลิตยีสต์ดังกล่าว ได้รับการสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการจาก ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิต ผลิตภัณฑ์จากยีสต์ในระดับต้นแบบ จากภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล รวมถึงการสนับสนุนเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) รวมทั้งสิ้น 2.5 ล้านบาท ปัจจุบันอุตสาหกรรมผลิตยีสต์และผลิตภัณฑ์จากยีสต์ทั่วโลก มีมูลค่าประมาณ 6 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นปริมาณ 2.3 ล้านตันต่อปี โดยการใช้ประโยชน์จากยีสต์อยู่ในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น การนำยีสต์ไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากผลิตภัณฑ์ที่ได้จากยีสต์จำพวก เบต้ากลูแคน (Beta glucan) ซึ่งเป็นสารโพลีกลูโคสลักษณะคล้ายเส้นใยแล้ว ยังมียีสต์สกัดที่ใช้ในการปรุงแต่งรสชาติอาหาร และผนังเซลล์ของยีสต์ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้อุตสาหกรรมการผลิตยีสต์ได้อย่างสูงเนื่องจากกระบวนการผลิตยีสต์สกัดให้มีความบริสุทธิ์สูง เพื่อเหมาะสมสำหรับการทำอาหารเสริม หรือใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ต้องผ่านกรรมวิธีที่ยุ่งยากจึงยังไม่มีผู้ลงทุนในเรื่องนี้อย่างจริงจัง จนกระทั่งบริษัทได้พัฒนาเทคนิคการผลิตยีสต์แบบครบวงจร โดยอาศัยเทคโนโลยีชีวภาพในการสกัดสารเบต้ากลูแคนและยีสต์สกัดจากผนังเซลล์ยีสต์ จนสามารถนำผลิตภัณฑ์จากยีสต์ไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารเสริม เครื่องสำอาง ตลอดจนอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ได้ โรงงานผลิตยีสต์ดังกล่าวเปิดดำเนินงาน ตลอดจนผลิตสินค้าออกจำหน่าย จะช่วยทดแทนการนำเข้ายีสต์ ผลิตภัณฑ์ปรุงแต่งอาหารจากยีสต์สกัดอาหารสัตว์ และเบต้ากลูแคนจากต่างประเทศ พร้อมทั้งกระตุ้นให้เกิดความตื่นตัวในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีชีวภาพในประเทศไทย (กรุงเทพธุรกิจอังคารที่ 14 มี.ค. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





เอ็มเทคชูวัสดุปิดแผล"เปลือกกุ้ง"

ดร.วนิดา จันทร์วิกูล นักวิจัยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) กล่าวถึงโครงการวัสดุช่วยเร่งการแข็งตัวของเลือดเพื่อการรักษาแผลว่า ปัจจุบันทีมวิจัยสามารถผลิตวัสดุปิดบาดแผลต้นแบบได้ โดยสกัดสารอนุพันธุ์ไคตินไคโตสารจากเปลือกกุ้ง แกนหมึกและกระดองปู ประกอบกับพอลิเมอร์แอลจิเน็ต (Alginate) จากสาหร่ายสีน้ำตาล นำมาผ่านกระบวนการทางเคมี เพื่อปรับโครงสร้างให้ดูดซึมน้ำได้ดีจนสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการห้ามเลือดและนำมาทดสอบในหนูทดลองพบว่า สามารถห้ามเลือดได้ภายใน 5 นาที ซึ่งแตกต่างจากวัสดุปิดบาดแผลจากเจลาติน ที่ใช้เวลาในการห้ามเลือดถึง 15 นาที ขั้นตอนต่อไปอยู่ในช่วงทดสอบการดูดซึมเลือดของวัสดุดังกล่าวว่ามีปริมาณมากน้อยแค่ไหน คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะเป็นรูปธรรมขึ้น การทดลองที่ผ่านมาเป็นเพียงการปิดบาดแผลภายนอก ยังจำเป็นต้องศึกษาการห้ามเลือดภายในร่างกาย อาทิ จากการผ่าตัดสมองและการผ่าตัดตับ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการปิดบาดแผลภายในร่างกายจะใช้วัสดุเจลาตินปิดบริเวณเลือดที่ไหลแล้วค่อยเย็บบาดแผล ซึ่งวัสดุดังกล่าวจะย่อยสลายได้เองภายใน 1 เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณของเจลาติน ดังนั้น หลังจากทดสอบการดูดซึมเลือดของวัสดุแล้ว ทีมวิจัยจะศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้วัสดุไคตินไคโตซาน เพื่อปิดบาดแผลภายในร่างกายด้วย (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 17 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





‘เรือ’ ทำ ‘น้ำดื่ม’

พิชัย ถิ่นสันติสุข เจ้าของผลงาน “เรือผลิตน้ำดื่มจากแหล่งน้ำธรรมชาติ” เปิดเผยว่า ก่อนที่จะเกิดความคิดสร้างเรือนั้น ได้ออกแบบและประดิษฐ์รถมาก่อน ด้วยเหตุมาจากเห็นว่าน้ำท่วมแต่ละครั้ง รถที่บรรทุกน้ำอุปโภค-บริโภคที่เข้าไปแจกจ่ายมักจะเดินทางเข้าไปลำบาก และไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้น จึงคิดว่าน่าจะสามารถผลิตน้ำดื่ม-น้ำใช้ได้โดยใช้น้ำที่ท่วมได้เลย ได้ออกแบบ และผลิตออกมาเป็นรถต้นแบบที่ถูกต้องทุกอย่าง แต่ปรากฏว่าไม่ดีพอ เพราะไม่สะดวกในการสัญจร และใช้พื้นที่มากเกินไป จึงคิดว่าหากเปลี่ยนมาเป็นเรือจะสะดวกกว่า ในการคิดงานออกแบบเรือใช้เวลาไม่มาก เพราะเป็นงานประยุกต์มาจากรถซึ่งใช้เวลาไปพอสมควร ได้รับการตอบรับค่อนข้างดีจากภาครัฐ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการผลิตเรือต้นแบบอยู่ ได้จดอนุสิทธิบัตร แล้ว (เดลินิวส์ เสาร์ที่ 18 ก.พ. 49 http://www.dailynews.co.th





แบมบูลิน

อ.จุมภฏ ม่วงกลิ้ง อดีตอาจารย์โรงเรียนเทศบาลหลายแห่ง ใน อ.ศรี ราชา จ.ชลบุรี และหัวหน้าโครงการดนตรีคลายเครียด และดนตรีในสวน เจ้าของงานประดิษฐ์ “แบมบูลิน” หรือ “ไวโอลินไม้ไผ่” เปิดเผยถึงที่มาของงานประดิษฐ์ว่า เห็นกระบอกไม้ไผ่ข้าวหลามของหนองมน ซึ่งทานกันเสร็จก็ทิ้งไปอย่างไร้ค่า คิดว่าน่าจะลองนำมาประดิษฐ์เป็นส่วนประกอบของเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายได้ ซึ่งกว่าอุปกรณ์ดนตรีชิ้นนี้จะใช้งานได้ดี ก็ต้องใช้เวลาถึง 6 ปี อ.จุมภฏ ออกเล่นดนตรีตามโรงแรมในพัทยา ได้มีผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวรอยเตอร์เห็น และก็ได้เผยแพร่ข่าวออกไปทั่วไปโลก หลังจากนั้นก็ได้มีการสั่งซื้อเข้ามาจำนวนมาก และได้ไปจดอนุสิทธิบัตรแล้ว (เดลินิวส์ เสาร์ที่ 11 ก.พ. 49 http://www.dailynews.co.th)





เปิดพรมแดนใหม่รักษาโรค

"วิดีโอเกมบำบัด" เป็นรูปแบบหนึ่งในการกระตุ้นการทำงานของ "คลื่นสมอง" ส่งผลให้ระบบประสาทเกิดการตื่นตัวและฟื้นตัว หรือที่เรียกว่ากระบวนการ "นิวโร-ฟีดแบ็ก" นิวโร-ฟีดแบ็ก เป็นคำจัดกัดความของสภาวะซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อความถี่ของคลื่นสมองวิ่งขึ้นลงอยู่ในระดับหนึ่งที่มีรูปแบบแน่นอน เช่น คลื่นสมองขณะนั่งสมาธิ หรือ คลื่นสมองขณะอยู่ในภาวะผ่อนคลาย เป็นครั้งแรกที่มีการนำเอาวิธีนี้ผนวกเข้ากับ "วิดีโอเกม" ที่มีเนื้อหาสนุกเร้าใจ ซึ่งจากผลการทดลองพบว่า ช่วยดึงดูดความสนใจของเด็กได้ดี เด็กจึงไม่รู้สึกเบื่อหน่ายต่อขั้นตอนการรักษากินเวลานานๆ วิดีโอเกมบำบัดนั้นสามารถประยุกต์ใช้ได้หลายรูปแบบ ปัจจุบันแพทย์สหรัฐบางส่วนเริ่มใช้วิดีโอเกมเป็นเครื่องมือดึงดูดความสนใจเพื่อช่วยให้เด็กที่ต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลคลายความวิตกกังวล และรู้สึกเจ็บปวดเพราะผลจากการรักษาน้อยลง โรงเรียนของรัฐในรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ริเริ่มโครงการรณรงค์ลดความอ้วนในหมู่นักเรียน ด้วยการนำเอาวิดีโอเกม "แดนซ์ แดนซ์ เรฟโวลูชั่น" ซึ่งเป็นเกมที่ผู้เล่นต้องกระโดดโลดเต้นตามจังหวะเพลงมาติดตั้งให้เด็กออกกำลังกายทางอ้อม ด้านบริษัทผู้ผลิตวิดีโอเกม ก็คิดค้นเกมลับสมอง ฝึกเชาวน์ปัญญา และฝึกสมาธิมากขึ้น เช่น เกม "เบรนเอจ" ของนินเทนโด (ข่าวสด อังคารที่ 21 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





ผู้หญิงทรวงอกใหญ่โตไม่เท่ากัน เสี่ยงเกิดมะเร็ง

ทีมนักวิจัยของมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูลของอังกฤษ ได้ศึกษาโดยการเปรียบเทียบภาพถ่ายรังสีเต้านม ของหญิงอังกฤษที่เริ่มเป็นมะเร็งทรวงอก 252 คน กับภาพถ่ายรังสีเต้านมของผู้หญิงที่มีสุขภาพสมบูรณ์ปกติจำนวนเท่ากัน เต้านมของหญิงเหล่านั้นมีขนาดโตโดยเฉลี่ยข้างละถึงครึ่งลิตร รายงานผลการศึกษาซึ่งเสนออยู่ในวารสารวิชาการ “การวิจัยมะเร็งเต้านม” ว่า ได้พบส่อว่า ผู้หญิงคนที่มีเต้านมข้างหนึ่งโตกว่าอีกข้างหนึ่งทุกๆ 100 มิลลิลิตร จะเสี่ยงกับเป็นโรคสูงขึ้นอีก 50% แต่คณะผู้ศึกษายอมรับว่า การเป็นมะเร็งทรวงอกยังมีสาเหตุอย่างอื่นอยู่อีกจำนวนหนึ่ง มนุษย์เช่นเดียวกับสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังเกือบทุกชนิด โดยพื้นฐานจะมีอวัยวะของสองซีกของร่างกายมีขนาดเท่าๆกัน แต่อาจ จะมีปัญหารบกวนการขับของฮอร์โมนไม่เสมอกันได้ด้วยเหตุหลายอย่าง นักวิจัยเชื่อว่า การเกิดมาเต้านมมีสัดส่วนไม่ เท่ากัน เป็นเครื่องส่อถึงการพัฒนาของร่างกาย ไม่ค่อยสม่ำเสมอเท่าที่ควรจะเป็น หากแต่ทางผู้ เชี่ยวชาญของหน่วยดูแลผู้ป่วยมะเร็งทรวงอกของอังกฤษ ได้บอกแสดงความเห็นว่า “การศึกษาเรื่องนี้ยังไม่ได้ เป็นข้อสรุป และยังต้องศึกษาเพิ่ม กว่าจะลงเอยได้ว่ามันมีส่วนเกี่ยวพันกัน เพราะสาเหตุการมีเต้านมไม่เท่ากันอาจเกิดได้หลายอย่าง และก็มีผู้หญิงหลายคนที่มีสัดส่วนแตกต่างกันอยู่ นิดหน่อย ก็พากันปกติสมบูรณ์ดี”. (ไทยรัฐ พุธที่ 22 มี.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





มช.ทำเองชุดตรวจสารตกค้าง เกษตรกรใช้ได้เอง-ผู้บริโภคมั่นใจไร้สารพิษ

ดร.ธนะชัย พันธ์เกษมสุข อาจารย์ประจำภาควิชาพืชสวน คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับทีมงานพัฒนาชุดน้ำยาตรวจสารตกค้างในผักผลไม้ ซึ่งเกษตรกรสามารถนำไปตรวจสอบได้เอง ก่อนที่จะส่งให้ผู้รับซื้อสินค้าหรือนำไปจำหน่ายในตลาด คณะวิจัยใช้เวลาในการคิดค้นประมาณ 1 ปี ได้รับทุนวิจัยและพัฒนาจากจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จำนวน 1 แสนบาท จนได้ชุดตรวจสอบที่มีความแม่นยำสูง และยังใช้ได้ดีในสารกำจัดแมลงในกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต คาร์บาเมต และอะบาเม็กติน ซึ่งเป็นสารที่เกษตรกรนิยมใช้กำจัดศัตรูพืชผักและผลไม้ สำหรับชุดตรวจประกอบด้วยน้ำยาทดสอบ 3 ชนิดได้แก่ น้ำยาเบอร์ 1 เบอร์ 2 และเบอร์ 3 การตรวจหาสารตกค้างเกษตรกรต้องนำตัวอย่างผักที่สุ่มมาตรวจสอบหั่นละเอียดนำหนัก 10 กรัม จากนั้นจะมีขั้นตอนในการใช้น้ำยาแต่ละชนิด ซึ่งผลการตรวจในขั้นสุดท้าย เกษตรกรสามารถสังเกตสีที่ปรากฏได้ด้วยสายตา หากสีของน้ำตัวอย่างเป็นสีม่วงแดงหมายถึงยังมีสารตกค้างอยู่ในพืชผัก ดังนั้นเกษตรกรควรชะลอผลผลิตไปสักพักหนึ่งก่อน แต่ถ้าเป็นน้ำใสหมายความว่าสารกำจัดศัตรูพืชที่เกษตรกรใช้ระหว่างเพาะปลูกสลายไปหมดแล้ว ชุดน้ำยาตรวจที่คณะวิจัยตั้งชื่อว่า ทีวิคิต มีความแม่นยำมากกว่า 90% และมีราคาถูกกว่าชุดตรวจชนิดอื่นที่มีอยู่ในท้องตลาด ทั้งนี้มหาวิทยาลัยยังไม่มีแผนที่จะผลิตเพื่อจำหน่ายทั่วไป แต่รับผลิตเฉพาะตามคำสั่งจากเกษตรกรเป็นครั้งๆ เท่านั้น ปัจจุบันมีบริษัทส่งออกผักไปยังไต้หวันและเกษตรกรใน จ.เชียงใหม่ ที่อยู่ในเครือข่ายโครงการเชียงใหม่อาหารปลอดภัยได้สั่งซื้อชุดตรวจทีวิคิตไปใช้ตรวจสอบผลผลิตของตนเองก่อนส่งไปจำหน่ายแล้ว และเกษตรกรทั่วไปก็สามารถสั่งซื้อน้ำยาชุดตรวจจากคณะเกษตรศาสตร์ได้เช่นกัน โดยสั่งซื้อล่วงหน้า 1 เดือน (คมชัดลึก พุธที่ 22 มี.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





ดื่มโกโก้มีสรรพคุณบำรุงหัวใจ แต่ต้องระวังนม-ไขมัน

นักวิทยาศาสตร์ดัตช์ได้ค้นพบหลักฐานยืนยันว่า การดื่มโกโก้มีสรรพคุณบำรุงหัวใจ คณะนักวิจัยได้พบว่า ชายสูงอายุที่ดื่มโกโก้ มากที่สุดกลุ่มนี้ จะตายด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดเพียงแค่ครึ่งเดียว เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้ดื่ม แม้ว่าจะได้คำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น น้ำหนักตัว การสูบบุหรี่ ขนาดการออกกำลัง และการกินเหล้าเมายาด้วยแล้ว ซ้ำผู้ชายที่ดื่มโกโก้มาก ยังไม่ค่อยเจ็บป่วยจนถึงตายด้วยโรคอื่นด้วย ในการวิจัยโกโก้ พบว่า มีสารเคมีที่เรียกว่า น้ำมัน “ฟลาแวน-3” ซึ่งมีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิต และทำให้ เซลล์ของเยื่อบุหลอดเลือดทำงานดีขึ้น แต่ต้องระวังนมและไขมัน (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 23 มี.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





กล้ามเนื้อเทียมแนวใหม่ไม่ใช้แบต

นักวิทยาศาสตร์พัฒนากล้ามเนื้อเทียมแบบใหม่เพื่อใช้เป็นแขนกลให้กับหุ่นยนต์ หรืออาจเอามาใช้ทำปีกเครื่องบินที่สามารถเปลี่ยนรูปแบบได้กลางอากาศ โดยเปลี่ยนเทคนิคยืดหดกล้ามด้วยกระแสไฟฟ้ามาเป็นกล้ามเนื้อชนิดใหม่ที่ใช้ปฏิกิริยาระหว่างไฮโดรเจนกับออกซิเจนสั่งอุณหภูมิ เรย์ เบิร์จแมน นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทกซัส กล่าวว่า ในอนาคตผลงานคิดค้นดังกล่าวจะช่วยให้ผู้พิการได้ใช้แขนขาเทียมที่ไม่ต้องมีสายไฟฟ้าอีนุงตุงนัง หรือวุ่นวายอยู่กับการชาร์จแบตเตอรี่ที่ต้องรอนานกว่าจะเต็ม กล้ามเนื้อที่ออกแบบไว้ยังสามารถนำไปใช้งานได้อิสระหลายรูปแบบ อย่างเช่นเซ็นเซอร์อัจฉริยะสำหรับตรวจสภาพแวดล้อม หรืออาจนำไปใช้ทำเทคนิคศัลยกรรมแบบใหม่ได้ด้วย กล้ามเนื้อเทียมใหม่ใช้แอลกอฮอล์เป็นแหล่งพลังงานเพื่อให้หุ่นยนต์สามารถทำงานได้อิสระ ซึ่งถ้าเป็นหุ่นยนต์ทั่วไปที่ใช้กระแสไฟฟ้าจำเป็นต้องต่อสายเข้ากับปลั๊กไฟอยู่ตลอดเวลา นักวิจัยได้ออกแบบให้สายไฟยืดตัวและหดตัวโดยควบคุมอุณหภูมิ เมื่อสายไฟได้รับความร้อนจะหดตัว และเมื่อทำให้สายไฟเย็นจะยืดตัว เทคนิคดังกล่าวอาจไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ที่ใหม่คือการใช้ออกซิเจนและไฮโดรเจนเพื่อทำให้สายไฟร้อนหรือเย็น ทั้งนี้ เมื่อปรับเปลี่ยนส่วนผสมของออกซิเจนและไฮโดรเจนสามารถชะลอหรือหยุดปฏิกิริยาทางเคมีที่เป็นตัวทำให้เกิดความร้อนเพื่อให้กล้ามเนื้อเทียมหดตัว หรือผลิตน้ำเพื่อลดอุณหภูมิให้เย็นลงและทำให้กล้ามเนื้อยืดตัวตามหลักการเดิม ซึ่งใช้งานเคลื่อนที่ไปไหนได้ตลอดเวลา ส่วนกล้ามเนื้อเทียมอีกแบบหนึ่งที่ทำขึ้น ใช้ประจุไฟฟ้าเป็นตัวเปลี่ยนขนาดของวัสดุพิเศษที่ใช้เป็นกล้ามเนื้อ ทำจากท่อคาร์บอนจิ๋ว หรือนาโนทิวบ์ ขนาดที่เปลี่ยนแปลงทำให้กล้ามเนื้อทำงานยืดหดได้ (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 23 มี.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





แพทย์จุฬาฯ พบสารสกัดวานิลลาต้านมะเร็ง

ศ.นพ.ดร.อภิวัตน์ มุทิรางกูร หน่วยปฏิบัติการวิจัยอณูชีววิทยาและพันธุศาสตร์ของการเกิดมะเร็ง ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า หลังจากที่ดำเนินโครงการวิจัยกลไกการเกิดมะเร็งจากสภาวะเหนือพันธุกรรม โดยทดลองใช้สารสกัดวานิลลาในเซลล์มะเร็ง พบว่า สามารถยับยั้งกระบวนการซ่อมแซมดีเอ็นเอที่รวดเร็วจนอาจเกิดความผิดพลาด และกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ พบว่าหลังจากใช้สารสกัดวานิลลาทดลองกับเซลล์มะเร็ง สารสกัดดังกล่าวสามารถไปยับยั้งกระบวนการซ่อมแซมดีเอ็มเอที่รวดเร็วเกินไป ซึ่งอาจพัฒนาเป็นเซลล์มะเร็งได้ และการค้นพบดังกล่าวทำให้รู้ถึงกลไกของการกลายพันธุ์ที่รวดเร็วในเซลล์มะเร็ง แนวทางการวิจัยของโครงการดังกล่าว ได้มุ่งหากลไกการเกิดมะเร็งจากาสภาวะเหนือพันธุกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดปริมาณของหมู่เมททิลในดีเอ็นเอทั้งจีโนม หมู่เมททิลดังกล่าวมีหน้าที่ควบคุมกระบวนการซ่อมแซมดีเอ็นเอที่ฉีกขาด ในสภาวะปกติหากดีเอ็นเอ มีการฉีกขาดที่บริเวณที่มีหมู่เมททิลน้อย กลไกซ่อมแซมดีเอ็นเอจะรีบทำงานเพื่อต่อส่วนที่ขาดทันที ซึ่งหากกระบวนการนี้ทำงานไปด้วยความรวดเร็ว จะทำให้การต่อดีเอ็นเอบริเวณดังกล่าว คลาดเคลื่อนและผิดพลาด และเกิดการกลายพันธุ์ในที่สุด นอกจากนี้ คณะวิจัย ยังทำการศึกษาแผนที่จีโนมของไลน์ -1 ที่มีและไม่มีหมู่เมททิลในเซลล์ปกติและเซลล์มะเร็งชนิดต่างๆ งานวิจัยดังกล่าวนำไปสู่การสร้างความรู้ ในการวินิจฉัยมะเร็งอีกด้วย โดยมีความเป็นไปได้ต่อการตรวจคัดกรองมะเร็งชนิดต่างๆในอนาคต จากก่อนหน้านี้ คณะวิจัยได้ศึกษายีนจีโนมของมะเร็งโพรงหลังจมูก และค้นพบไวรัสเอฟสไตน์บาร์ในกระแสโลหิต ซึ่งต่อมาได้มีการใช้เป็นวิธีตรวจติดตามผลการรักษามะเร็งชนิดนี้ และยังต้องวิจัยเพิ่มเติม (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 23 มี.ค. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





มก.เปิดตัว 3D Body Scanner เครื่องสแกนวัดสัดส่วนสามมิติ

นวัตกรรมสามมิติ 3D Body Scanner เครื่องมือสำรวจรูปร่างหาขนาด (Size) มาตรฐานของคนไทย เพื่อนำไปสู่การผลิตและการออกแบบเสื้อผ้าให้ได้มาตรฐาน เป็นผลงานของ ดร.อโนทัย ชลชาติภิญโญ ภาควิชาวิทยาการสิ่งทอคณะอุตสาหกรรมเกษตร ม.เกษตรศาสตร์ และคณะ ได้ร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ โครงการวิจัยหาขนาดรูปร่างสัดส่วนของคนไทย นี้ถือเป็นครั้งแรกในเมืองไทย โดยอาศัย “3D Body Scanner” เป็นเครื่องมือวัดสัดส่วนและรูปร่าง ซึ่งมีความรวดเร็วและแม่นยำมากใช้เวลาไม่เกิน 10 วินาทีต่อการสแกนหนึ่งครั้ง และสามารถเก็บข้อมูลรูปร่างเป็นภาพสามมิติ บันทึกขนาดสัดส่วนของร่างกายได้มากกว่า 100 จุด ง่ายและประหยัดเวลามากกว่าที่จะใช้สายวัดแบบช่างตัดเสื้อทั่วไป เครื่อง 3D Body Scanner ตัวนี้จะที่ใช้เทคโนโลยีริ้วเเสง จากบริษัท The USATextile/Clothing Technology Cororation [TC]2 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในโครงการ Size UK และ Size USA ได้ผลมาแล้ว เวลาที่เครื่องดังกล่าวทำงาน จะสร้างแถบแสงขาวที่เรียงตัวกันเป็นแนว ฉายลงบนผิวร่างกาย และเนื่องจากแถบแสงที่ฉายออกมาจากแหล่งกำเนิดเป็นเส้นตรงที่เรียงตัวขนานกัน เมื่อตกกระทบกับร่างกายของเราแนวเส้นแสงก็จะบิดไปตามส่วนเว้าโค้งของร่างกาย ขณะเดียวกันตัวตรวจจับจะทำการตรวจจับภาพรูปร่างของริ้วแสงทั้งหมด ที่ปรากฏบนผิวร่างกายจากรอบทิศทาง ด้วยกล้องจำนวน 12 ตัว แล้วนำภาพเหล่านั้นมาประมวลผลโดยซอฟต์แวร์เพื่อการคำนวณ และสร้างแบบจำลองวัตถุรูปทรงสามมิติด้วยคอมพิวเตอร์อีกชั้นหนึ่ง ขั้นตอนการสแกนไม่ได้ยุ่งยากนัก เพียงแต่ผู้ที่จะวัดสัดส่วนต้องสวมเสื้อผ้าที่กระชับรัดรูป แต่ไม่ควรใส่ชุดสีดำโดยสีที่ดีที่สุดคือสีเทา และต้องสวมหมวกคลุมผมทุกครั้งที่สแกน ซึ่งทั้งชุดและหมวกจะมีจัดเตรียมไว้ให้ภายในห้องสแกน และขณะสแกนจะมีเสียงแนะนำขั้นตอนการปฏิบัติตั้งแต่เริ่มจนถึงขั้นตอนสุดท้าย สำหรับผู้สนใจในประสิทธิภาพของเครื่อง 3D Body Scanner สามารถติดต่อโดยตรงที่ ภาควิชาวิทยาการสิ่งทอ คณะอุตสาหกรรมเกษตร ม.เกษตรศาสตร์ โทร 0-2562-5062-3 หรือ www.sizethailand.org (สยามรัฐรายวัน พฤหัสบดีที่23 มี.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)





ประดิษฐ์อุปกรณ์โช้กอัพให้คน บรรเทาอาการปวดหลัง

โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเซาแธมป์ตันของอังกฤษได้ประดิษฐ์ อุปกรณ์โช้กอัพ ซึ่งใช้ผ่าตัดใส่ไว้ในหลัง ช่วยให้คนไข้บรรเทาอาการปวดหลังลงไปได้ อุปกรณ์นั้นไม่แต่เพียงช่วยบรรเทาอาการปวดได้เท่านั้น หากยังช่วยให้กลับคืนการเคลื่อนไหวและ ความยืดหยุ่นของหลังอย่างปกติ กับช่วยกระตุ้นหมอนรองกระดูกที่สึกกร่อนให้ฟื้นคืนตัวใหม่อีกด้วย นับว่าเป็นเครื่องช่วยเหลือผู้ปวดหลัง เป็นหนแรก ช่วยให้คนไข้ที่มีอาการเหล่านี้ของโรงพยาบาลลดน้อยลงไปถึง 7 เท่า. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 24 มี.ค. 49 http://www.thairath.com)





ยอดมะพร้าวอัดกระป๋อง ยืดอายุอาหารอย่างพัฒนา

นางสาวเบญจวรรณ กาแก้ว, นางสาวรัชฎากร การิกาญจน์ และนายพิษณุ ตีเมืองซ้าย นศ.ภาควิชาวิศวกรรมอาหาร คณะวิศวกรรมและเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ได้ร่วมกันศึกษาวิจัยในเรื่อง “ขบวนการแปรรูปยอดมะพร้าวอ่อน สำเร็จรูปบรรจุกระป๋อง” ขึ้น เพื่อหาแนวทางในการเก็บรักษาคุณภาพ และรสชาติของยอดมะพร้าวอ่อนให้คงที่และยาวนานขึ้น... โดย อาจารย์ลัทธพร ภูวรรณตระกูล และอาจารย์ชัยรัตน์ หงษ์ทอง เป็นที่ปรึกษา ในการวิจัยเรื่องขบวนการแปรรูป ยอดมะพร้าวอ่อน สำเร็จรูปบรรจุกระป๋อง เรามีการทดสอบหาส่วน ประกอบของผลิตภัณฑ์ และขนาดของยอดมะพร้าวอ่อน ที่ใช้ในการบรรจุกระป๋องที่เหมาะสม ขั้นตอนการบรรจุลงกระป๋อง ต้องควรจะมียอดมะพร้าวอ่อนร้อยละ 49.5 ใส่น้ำสะอาดประมาณร้อยละ 48.8 จากนั้นใส่เกลือแกงบริสุทธิ์ร้อยละ 1.5 ก่อนจะเติมกรดซิตริกในอัตราร้อยละ 0.2 โดยให้มีน้ำหนักของเนื้อยอดมะพร้าว 280 กรัมและน้ำหนักสุทธิ 565 กรัม ที่สำคัญต้องหั่นให้ยอดมะพร้าวอ่อน ควรมีขนาดกว้าง 1 เซนติเมตร ยาว 1 เซนติเมตร สูง 9 เซนติเมตร แล้วบรรจุลงในกระป๋องเคลือบแล็กเกอร์ (ดังที่เห็นอยู่ในภาพ) เมื่อปฏิบัติตามขั้นตอนเท่านี้ก็จะได้ยอดมะพร้าวอ่อนบรรจุกระป๋อง สามารถเก็บไว้ได้นาน 1-2 ปี (ถ้ายังไม่เปิดแต่ถ้าเปิดกระป๋อง นำออกมาใช้บริโภคแล้วไม่หมด ก็ยังสามารถเก็บแช่ไว้ในตู้เย็น ได้ประมาณ 14 วันหรือประมาณ 2 อาทิตย์... จากการผลิตยอดมะพร้าว 1 กิโลกรัมจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ กิโลกรัมละ 20 บาทและยอดมะพร้าว 1 กิโลกรัม เมื่อผ่านการตัดแต่ง ตามขนาดที่กำหนดไว้แล้ว สามารถบรรจุลงกระป๋องได้ประมาณ 4 กระป๋อง วางขายได้ราคาถึงกระป๋องละ 40 บาท ผู้สนใจอยากจะทำ “ยอดมะพร้าวอ่อนกระป๋อง” ปรึกษาได้ที่คณะวิศวกรรม และเทคโนโลยีการเกษตร 0-2549-3300...ทุกวันในเวลาราชการ (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 24 มี.ค. 49 http://www.thairath.com)





เติมพลังมือถือด้วยแสงแดด ใช้โซลาร์เซลล์เหลือทิ้งทำแท่นชาร์จ

นายชาตรี ตั้งอมตะกุล นักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยว่าทีมวิจัยประสบความสำเร็จในการนำเศษชิ้นส่วนของเซลล์แสงอาทิตย์ หรือโซลาร์เซลล์จากโรงงานต้นแบบของ สวทช. มาดัดแปลงใช้ประโยชน์แทนที่จะทิ้งเป็นขยะ ล่าสุดนำเศษของโซลาร์เซลล์ขนาด 3 วัตต์ มาพัฒนาเป็นอุปกรณ์ชาร์จโทรศัพท์มือถือ ส่วนผลงานก่อนหน้านี้ของทีมวิจัย ได้แก่ เสาไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ รถขนถ่ายวัสดุพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งทดลองใช้ในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทยอยู่ในปัจจุบัน ได้ทดลองนำเศษโซลาร์เซลล์ชนิดฟิล์มบางมาเรียงต่อกัน 6-8 ชิ้น แต่ละชิ้นจะให้พลังงานประมาณ 1.5 โวลต์ ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ ที่มาตรฐานกำลังไฟส่วนใหญ่อยู่ที่ 4.8 โวลต์ โดยกำลังไฟส่วนที่ขาดหรือเกินจากการชาร์จ ได้รับการพิสูจน์จากห้องปฏิบัติการวิจัยแล้วว่าไม่เป็นอันตรายต่อแบตเตอรี่และตัวเครื่อง ซึ่งการทดสอบครอบคลุมถึงโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่เรียกกันว่า มือถืออัจฉริยะหรือสมาร์ทโฟน ส่วนวิธีการใช้งานชุดชาร์จมือถือพลังงานแสงอาทิตย์นี้ เพียงคลี่แผงโซลาร์เซลล์ออกเพื่อรับแสงอาทิตย์ จากนั้นต่อสายชาร์จเข้ากับเครื่องโทรศัพท์ โดยวางทิ้งไว้ราว 2-3 ชั่วโมง แผงโซลาร์เซลล์จะทำหน้าที่รับและเปลี่ยนแสงอาทิตย์ให้กลายเป็นไฟฟ้ากระแสตรงทันที โดยไม่ต้องผ่านอุปกรณ์แปลงสัญญาณ นอกจากนี้ทีมวิจัยได้เพิ่มชุดขั้วต่อสายไฟในแบบต่างๆ ถึง 5 รูปแบบ เพื่อรองรับมือถือให้ครอบคลุมทุกรุ่นยี่ห้อ อุปกรณ์ดังกล่าวมีน้ำหนักเพียง 200 กรัม สามารถพับเก็บได้ เพื่อความสะดวกในการพกพา ขณะที่ต้นทุนการผลิตอุปกรณ์ชาร์จตัวนี้ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ตัวแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งราคาขายอยู่ที่วัตต์ละ 200 บาท ดังนั้น หากจะผลิตเพื่อจำหน่าย จุดคุ้มทุนน่าจะไม่เกิน 1,000 บาทต่อชิ้น จะต้องปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ รวมถึงวัสดุตัดเย็บให้แข็งแรงและสวยงาม รวมถึงคำนึงถึงประสิทธิภาพการชาร์จไฟสูงสุด ก่อนที่จะทำออกขายในเชิงพาณิชย์ (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 24 มี.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





นักวิทย์ไทยศึกษาลึก'โปรตีน'รักษาโรคพันธุกรรม

ศ.ดร.ม.ร.ว.ชิษณุสรร สวัสดิวัตน์ เมธีวิจัยอาวุโส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และอาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งศึกษาในเรื่องเอนไซม์และโปรตีนมากว่า 30 ปี เปิดเผยว่า จากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบคุณสมบัติของโปรตีน ที่นำไปสู่หนทางการรักษาโรค โดยเฉพาะโรคทางพันธุกรรมและการผลิตยาให้ตรงกับลักษณะโปรตีนของร่างกาย รวมทั้งสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีชีวภาพในอุตสาหกรรม การศึกษาและเข้าใจโครงสร้างโปรตีน จนสามารถดัดแปลงโปรตีนให้มีคุณสมบัติตามต้องการได้นั้น หมายความว่าความรู้นี้จะนำไปสู่การรักษาโรคร้ายทางพันธุกรรมที่เป็นผลมาจากความผิดปกติของโปรตีนได้ และนำไปสู่การคิดค้นยาหรือดัดแปลงยาให้เข้ากับลักษณะเฉพาะของโปรตีนที่แตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย หรือแม้แต่การนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรม อย่างการฟอกผ้าไหมโดยไม่ต้องใช้สารเคมี เป็นต้น นอกจากนี้ การศึกษากลไกความผิดปกติของโปรตีน จะช่วยให้วินิจฉัยและหาวิธียับยั้งโรคร้ายที่เกิดจากความผิดปกตินี้ได้ เพราะหากการสร้างโปรตีนผิดปกติ จะส่งผลให้เกิดความผิดปกติขึ้นในระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกาย เช่น การศึกษาผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมไทลอยด์ ซึ่งพบโปรตีนบางตัวที่เปลี่ยนแปลงไปจากเซลล์เนื้อเยื่อปกติ แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของโปรตีนนี้อยู่ที่ส่วนใดของกระบวนการเกิดมะเร็ง แม้ผลที่ออกมายังสรุปกลไกการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดไม่ได้ แต่โปรตีนที่พบถือว่าเป็นสารบ่งชี้ที่สำคัญ ที่นำไปใช้ในการวินิจฉัยมะเร็งในระยะเริ่มแรกได้ ส่วนงานวิจัยในอนาคตเกี่ยวกับโปรตีน จะครอบคลุมในเรื่องโครงสร้าง และการทำงานของเอนไซม์ในระดับโมเลกุล อาทิ การศึกษาความสัมพันธ์ของโครงสร้างและการทำงานของโปรตีน การเปลี่ยนแปลงของโปรตีนในโรคต่างๆ รวมทั้งการประยุกต์ใช้สารสกัดจากธรรมชาติในการรักษาโรคมะเร็งและการหายของแผล รวมทั้งการประยุกต์ใช้เอนไซม์และโปรตีนทางเทคโนโลยีชีวภาพ โดยร่วมมือกับศูนย์วิจัยโครงสร้างและการทำงานของโปรตีน คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และห้องปฏิบัติการชีวเคมี สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ โดยมีนักวิจัยปริญญาเอกร่วม 20 คนสำหรับการวิจัยด้านนี้ (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 14 มี.ค. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





พับดีเอ็นเอเป็นพรมนาโนเทค

นักคอมพิวเตอร์พัฒนา วิธีพับโมเลกุลดีเอ็นเอ ให้มีขนาดเล็กจิ๋ว สำหรับมาประยุกต์ทำคอมพิวเตอร์จิ๋ว และส่งยาเข้าสู่ร่างกายได้ พอล รอเธอมุนด์ นักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า กระบวนการนำดีเอ็นเอมาพับเป็นแบบ 2 มิติขนาดนาโนเมตร สามารถนำวิธีดังกล่าวไปใช้งานสร้างโครงสร้างเชิงซ้อนสำหรับการใช้งานด้านนาโนเทคโนโลยี นักฟิสิกส์อาจนำเอาสารกึ่งตัวนำไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า เซมิคอนดักเตอร์ขนาดนาโนมาจัดเป็นรูปแบบเพื่อสร้าง "คอมพิวเตอร์ ควอนตัม" หรือคอมพิวเตอร์ความเร็วสูงกินไฟต่ำ และมีความเสถียรสูง ซึ่งเป็นความฝันของนักคอมพิวเตอร์มานาน ส่วนนักเคมีอาจใช้เทคนิคพับดีเอ็นเอเพื่อนำโปรตีน ซึ่งปกติจะแตกตัวในภาวะธรรมชาติมาใช้เป็นตัวพาสารเคมีเข้าไปในร่างกาย เพื่อพิสูจน์ว่าเทคนิคการพับทบดีเอ็นเอ ที่เขาคิดขึ้นสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย นักวิจัยได้ลองทอเป็นรูปสัญลักษณ์หน้ายิ้ม ดาว รูป 8 เหลี่ยม ที่ดูคล้ายกับถาดรองจานขนม และพรม 4 เหลี่ยมที่มีอักษร "ดีเอ็นเอ" รวมถึงทำเป็นรูปร่างคร่าวๆ ของแผนที่อเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ แต่ละรูปที่ทำมีขนาดกว้างราว 100 นาโนเมตร หรือเล็กกว่าเส้นผ่าศูนย์กลางเส้นผมของคนทั่วไป 1,000 เท่า ซึ่งเล็กมากจนต้องใช้กล้องขยายกำลังสูงส่องดู แบบดีเอ็นเอที่ทอขึ้นด้วยเทคนิคนี้ยังสามารถนำไปย้อม หรือไปติดกับแบบดีเอ็นเออื่นได้ด้วย นักวิจัยเปรียบเทียบวิธีนี้ว่าเหมือนกับศิลปะพับกระดาษของญี่ปุ่นที่สามารถพับเป็นรูปร่างต่างๆ ได้ เช่น นกกระเรียน ดาว หมวก เป็นต้น และท้ายสุดสามารถนำเทคนิคที่คิดไว้มาทำเป็นผังทดลองวงจรนาโนได้ ซึ่งเหมาะใช้เป็นฐานสำหรับแผงวงจรที่มีขนาดนาโนเพื่อใช้ในการทดลองได้ (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 22 มี.ค. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





วว.เปิดตัวอาหารเสริมหยุดพิษสุราทำลายตับ

ดร.นงลักษณ์ ปานเกิดดี ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เปิดเผยว่า วว.ประสบความสำเร็จในการพัฒนา "ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารป้องกันโรคตับจากสมุนไพรไทย" หลังจากดำเนินโครงการวิจัยพัฒนา ซึ่งใช้หลักการเดียวกับการวิจัยของประเทศอินเดียมาประยุกต์ใช้ จึงลดระยะเวลาและขั้นตอนในการทำวิจัยเกี่ยวกับสมุนไพรได้อย่างดี ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าว มีสรรพคุณบำรุงและป้องกันพิษจากสารเคมีต่อตับ บำรุงและป้องกันพิษจากแอลกอฮอล์ เหมาะใช้ร่วมกับยาเพื่อรักษาหรือบำรุงตับให้แข็งแรง โดยไม่มีผลข้างเคียงเช่นเดียวกับยาสังเคราะห์ ทั้งนี้แผนงานในอนาคตของ วว. พร้อมที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อผลิตเชิงพาณิชย์ ตลอดจนพร้อมจะศึกษาผลจากการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าวร่วมกับยาในผู้ป่วยต่อไป ดร.ชุลีรัตน์ บรรจงลิขิตกุล นักวิชาการประจำฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ วว.กล่าวว่า โครงการวิจัยผลิตภัณฑ์ตัวนี้ใช้เวลาประมาณ 3 ปี ขั้นตอนเริ่มจากคัดเลือกพืชสมุนไพรที่มีฤทธิ์ป้องกันโรค ผลจากการคัดเลือกปรากฏว่า พืชสมุนไพร 3 ชนิด ได้แก่ พริกไทย ผักบุ้งและขมิ้นชัน ให้ผลป้องกันโรคตับได้ดี จากนั้นจึงนำสารสกัดจากสมุนไพรทั้ง 3 ชนิดที่มีฤทธิ์เสริมกัน มาผสมในอัตราส่วนที่เหมาะสม และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดเม็ด รับประทานเช้า-เย็น ติดต่อกันเป็นเวลา 1 เดือน แต่ผลิตภัณฑ์นี้เป็นเพียงผลิตภัณฑ์ต้นแบบเท่านั้น จึงยังไม่มีวางจำหน่าย (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 14 มี.ค. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





ข่าวทั่วไป


กินอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำลดอ้วน ทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต

วารสารการแพทย์แลนเซต ที่ยกกรณีหญิงอ้วนรายหนึ่งในสหรัฐฯที่ต้องถูกรักษาตัวในห้องไอซียู หลังเน้นรับประทานแต่อาหารที่มีโปรตีนสูงเป็นเวลานานหนึ่งเดือน และรับประทานอาหารเสริมวิตามินตามสูตรลดความอ้วนแบบแอทกินส์ จนทำให้ตับผลิตสารคีโตน ออกมามากเกินไป สารชนิดนี้ร่างกายจะผลิตออกมาในขณะหิว หรือเมื่อร่างกายขาดสารอินซูลินเพราะเป็นโรคเบาหวาน แพทย์หลายคนลงความเห็นว่า อาการป่วยของสตรีรายนี้เกิด จากการรับประทานอาหารตามแบบแอทกินส์ ซึ่งทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้อย่างรวดเร็วด้วยการไม่รับประทานอาหาร ที่มีคาร์โบไฮเดรตเลย ก่อนเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล หญิงคนนี้รับประทานแต่ เนื้อสัตว์ ชีส และผักสลัด และรับประทานวิตามินตามที่สูตรลดความอ้วนแนะนำ รวมทั้งตรวจปัสสาวะ 2 ครั้งต่อวัน ตลอดทั้งเดือน ซึ่งทำให้น้ำหนักตัวลดลงไปได้ 9 กิโลกรัม การไม่รับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตนั้น ไม่เป็นประโยชน์กับสุขภาพ แต่ยังทำให้เกิดโรคหลายอย่าง ทั้งท้องผูกและท้องเสีย ลมหายใจเหม็น ปวดศีรษะ อาการเหนื่อยอ่อน การรับประทานอาหารตามสูตรแอทกินส์เป็นการเพิ่มโปรตีนจำนวนมาก ในตับและยับยั้งการสร้างสมดุลของกรดในร่างกาย ซึ่งอาจส่งผลให้สูญเสียเกลือแร่ในกระดูก (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 20 มี.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





ชวนส่งผลงานชิงทุนวิจัย2แสน

บริษัทซุปไก่สกัดเชิญชวนนักวิจัยวิชาการ ส่งผลงานชิงเงินรางวัล 2 แสนบาท จากเซเรบอสอวอร์ด สำหรับใช้เป็นทุนค้นคว้าวิจัยโดยไม่มีข้อผูกพัน แต่ตั้งเงื่อนไขให้ผลงานที่ได้รับทุนต้องผ่านการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ นายตุลย์ วงศ์ศุภสวัสดิ์ ผู้จัดการทั่วไปการจัดการธุรกิจและการตลาด บริษัท เซเรบอส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้สนับสนุนทุนวิจัยด้านโภชนศาสตร์ ภายใต้โครงการทุนวิจัย "เซเรบอส อวอร์ด" ซึ่งเป็นทุนที่จัดขึ้นเพื่อมอบให้นักวิจัยที่ต้องการนำทุนไปใช้ในการค้นคว้าวิจัยผลงาน ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยนักวิจัยวิชาการสามารถยื่นโครงการขอรับทุนได้จนถึงวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ หรือติดตามรายละเอียดได้จากเวบไซต์ www.brandsworld.co.th สำหรับรางวัล เซเรบอส อวอร์ด ได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 โดยที่ผ่านมา มีผลงานวิจัยที่ได้รับทุนไปแล้วกว่า 14 โครงการ โครงการละไม่เกิน 2.0 แสนบาท โดยแต่ละปีจะจัดสรรให้ไม่เกิน 4 โครงการ ซึ่งทุนดังกล่าวจะไม่มีข้อผูกพันแต่ประการใด เพียงแต่งานวิจัยที่ได้รับทุนจะต้องได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการ (คมชัดลึก อังคารที่ 21 มี.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





อพวช.โชว์'มหัศจรรย์แมลง'ที่เชียงใหม่

ดร. พิชัย สนแจ้ง ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ (อพวช.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ อพวช. กับ Insectarium ประเทศแคนาดา มาจัดแสดง นิทรรศการ "มหัศจรรย์แห่งแมลง" ในประเทศไทย ณ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ คลองเป้า ปทุมธานี ตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2548 เป็นต้นมา โดยนิทรรศการชุดนี้ประกอบด้วยผลงานภาพถ่ายแมลง พร้อมคำบรรยายของ Mr.Jacques de Tonnacour นักกีฏวิทยาศิลปินชาวแคนาดา พร้อมกันนั้นทาง อพวช. ยังได้เพิ่มเติมเนื้อหาบางส่วนในนิทรรศการ ให้มีความเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของคนไทยมากขึ้น รวมถึงจัดหาชิ้นงาน Interactive มาจัดแสดงเพื่อสร้างความแปลกใหม่ และความเพลิดเพลินให้แก่ผู้เข้าชม ซึ่งปรากฏว่าผู้เข้าชมต่างให้ความต้อนรับและสนใจในนิทรรศการชุดนี้เป็นอย่างมาก การจัดแสดงครั้งนี้ อพวช. ได้รับการสนับสนุนจากองค์การสวนพฤษศาสตร์ จ.เชียงใหม่ ในการให้ความอนุเคราะห์สถานที่ ตลอดจนการนำชิ้นงานร่วมจัดแสดง ซึ่งไฮไลท์ของงานนี้จะอยู่ที่การนำ "สมิงเชียงดาว" แมลงคุ้มครองที่สันนิษฐานว่าคงสูญพันธ์ไปจากประเทศไทยแล้ว มาจัดแสดง เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยที่ยังไม่เคยพบเห็นมีโอกาสได้ร่วมยลโฉม นอกจากนี้ยังมีการนำ"หิ่งห้อย " แมลงที่มีวงจรชีวิตอันน่าพิศวงมาให้ผู้ชมได้ศึกษา โดยชาวเชียงใหม่หรือชาวจังหวัดใกล้เคียงที่สนใจ ก้ขอเชิญมาร่วมเรียนรู้กันได้ ณ อาคารพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่วันนี้ จนถึง30 เมษายน ศกนี้ (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 21 มี.ค. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





ยาต้านเชื้อเอดส์จากแม่สู่ลูกได้ผล โดยตรวจเลือดก่อนมีบุตร

น.พ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายควบคุมอัตราการติดเชื้อ ในหญิงตั้งครรภ์และลดอัตราการแพร่เชื้อเอดส์จากแม่สู่ลูก โดยมาตรการหลักคือสนับสนุนให้หญิงตั้งครรภ์ทุกรายฝากครรภ์ และได้รับคำปรึกษาเพื่อเจาะเลือดหาเชื้อเอชไอวีด้วยความสมัครใจ ถ้าติดเชื้อเอชไอวีควรได้รับยาต้านไวรัสที่ชื่อว่าไซโดวูดีน (Zidovudine) หรือเอแซดที (AZT) ซึ่งบรรจุอยู่ในโครงการ 30 บาท รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า อัตราการติดเชื้อเอดส์ ในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ลดจากร้อยละ 2.29 ในปี 2538 เหลือเพียงร้อยละ 1.04 ในปี 2548 จากหญิงตั้งครรภ์ ทั่วประเทศปีละ 800,000 คน จะมีหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อเอชไอวี 8,320 คน ซึ่งในปี 2549 นี้ตั้งเป้าจะลดอัตราการติดเชื้อในกลุ่มนี้เหลือไม่เกินร้อยละ 0.95 หรือปีละ 7,600 คน วิธีการป้องกันที่ดีที่สุดคือก่อนตั้งครรภ์ ขอให้สามีและภรรยาขอรับการตรวจเลือด ที่สถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ โดยสามารถใช้สิทธิในโครงการ 30 บาท สร้างคนไทยห่างไกลโรคได้ หากพบติดเชื้อเอชไอวีจะได้รับคำแนะนำปรึกษาที่เหมาะสม. (ไทยรัฐ พุธที่ 22 มี.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





แม่ขาดสารไอโอดีนทำเด็กไทยเสี่ยงเอ๋อ

นายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคขาดสารไอโอดีนแห่งชาติ โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเป็นองค์ประธานในการประชุมว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงห่วงใยปัญหาโรคขาดสารไอโอดีน เนื่องจากไอโอดีนเป็นแร่ธาตุสำคัญในการพัฒนาสมองหรือไอคิวของเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์ และโรคนี้เป็นสาเหตุที่พบมากที่สุดของภาวะปัญญาอ่อน ให้เร่งเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจประชาชน จากการ ประเมินสถานการณ์โรคขาดสารไอโอดีนในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ของไทย ล่าสุดในปี 2547 พบมีแนวโน้มขาดสารไอโอดีนเพิ่มขึ้นจาก 35% ในปี 2543 เป็น 49% ในปี 2547 ความครอบคลุมการบริโภคเกลือเสริมไอโอดีนลดลงจาก 65% ในปี 2543 เหลือ 56% ในปี 2547 ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกตั้งไว้คือไม่น้อยกว่า 90% ทั้งนี้ มีการศึกษาระดับไอคิวของเด็กในประเทศที่พัฒนาแล้ว เปรียบเทียบกับเด็กไทย พบว่าเด็กในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ประเทศในตะวันออกไกล มีค่าเฉลี่ยไอคิว 104 จุด แถบยุโรปและอเมริกาเหนือ 98 จุด ส่วนไอคิวเด็กไทยในปี 2540 อยู่ที่ 91 จุด และลดลงเหลือ 88 จุดในปี 2545 แม่ที่ขาดสารไอโอดีนจะทำให้ลูกมีปัญหาด้านสติปัญญาและการพัฒนากล้ามเนื้อ ในรายขาดรุนแรงจะพบปัญญาอ่อน หรือโรคเอ๋อได้ 1-10% รักษาไม่หาย อีก 5-30% เข้าข่ายสติปัญญาทึบ การเรียนรู้ช้ากว่าปกติ และอีก 70% จะมีอาการเฉื่อยชา อ่อนแรง ไม่ร่าเริงแจ่มใส เมื่อเจาะลึกกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ในปี 2547 พบว่าหญิงตั้งครรภ์บริโภคเกลือไอโอดีนเพียง 71% ในจำนวนนี้เป็นเกลือที่ได้มาตรฐานเพียง 56% โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นภาคที่ใช้เกลือที่ได้มาตรฐานเพียง 24% เท่านั้น ภาคเหนือใช้เกลือที่ได้มาตรฐาน 76% ภาคใต้ 75% และภาคกลาง 55% จากการวิเคราะห์ตัวอย่างเกลือเสริมไอโอดีนที่หญิงตั้งครรภ์ซื้อมาบริโภค ในปี 2547 จำนวน 3,404 ตัวอย่าง พบว่าเป็นเกลือที่ไม่ระบุผู้ผลิต ที่ซื้อจากร้านค้าและรถเร่ 25% โดยเกลือดังกล่าวกว่า 90% ไม่ได้ตามมาตรฐานที่กำหนด (มติชนรายวัน พุธที่ 22 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





ไทยเจ้าภาพประชุมวิจัยนิวเคลียร์ร่วม17ประเทศ

นายมนูญ อร่ามรัตน์ เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ปส.ได้เตรียมนำเสนอผลงานวิจัยด้านความก้าวหน้า ในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์อย่างสันติ ในการผลิตไฟฟ้าเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตการณ์น้ำมัน ในเวทีการประชุมผู้แทนประเทศสมาชิก ข้อตกลงความร่วมมือสำหรับการวิจัยพัฒนา การฝึกอบรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (อาร์ซีเอ) ครั้งที่ 28 ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ ยังมีผลงานวิจัยการใช้ปรมาณูทางด้านการแพทย์เพื่อใช้ในการรักษาโรคมะเร็งตับ การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้มีความเชี่ยวชาญในการวินิจฉัยโรคทางไกล และยังคงสนับสนุนเจตนารมณ์ที่จะพัฒนาความปลอดภัยในการฉายรังสี นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยในหัวข้อที่น่าสนใจอีกมากมายที่จะมานำเสนอภายในงาน อาทิ การใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ทางการเกษตร ในการวิจัยพันธุ์ข้าว ตรวจสอบการกลายพันธุ์ งานวิจัยปุ๋ยและดิน เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร งานวิจัยตรวจสอบการฉายรังสีในอาหาร การปนเปื้อนของมลพิษในน้ำ งานวิจัยเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการปศุสัตว์ เช่นเทคโนโลยีการผสมเทียม เป็นต้น สมาชิกข้อตกลงความร่วมมือระดับภูมิภาค สำหรับการวิจัยพัฒนา และการฝึกอบรมในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประกอบด้วย 17 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย บังกลาเทศ จีน อินเดีย อินโดนีเซีย เกาหลี มองโกเลีย พม่า นิวซีแลนด์ ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ศรีลังกา เวียดนาม และไทย (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 23 มี.ค. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





เรื่องน่ารู้ของ “ถั่ว”

ต้นตระกูลถั่ว “ถั่ว” เป็นพืนที่มนุษย์รู้จักปลูกกันมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ โดยฟอสซิลถั่วถูกค้นพบในทะเลสาบของหมู่บ้านชาวสวิส ว่ากันว่าชนชาติยุโรปรับประทานถั่วกันมาช้านานกว่า 12,000 ปีมาแล้ว แต่แหล่งดั้งเดิมของถั่วอยู่ที่ทวีปอเมริกา ซึ่งคนพื้นเมืองในอเมริกาโดยเฉพาะอเมริกากลางและอเมริกาใต้ นิยมรับประทานถั่วมานานจนกลายเป็นอาหารสำคัญประจำวัน และมีสถิติบันทึกเอาไว้ว่า คนบราซิลรับประทานถั่วกันปีละ 16 กิโลกรัม ซึ่งมากกว่าชนชาติใดในโลก สำหรับการเรียกชื่อถั่ว ก็มีตั้งแต่เรียกตามแหล่งเพาะปลูกดั้งเดิม และตามความนิยมชมชอบรับประทานของชนชาตินั้นๆ เช่น ที่ประเทศเปรูมีถั่วลิมา (lima bean) ชื่อเดียวกับกรุงลิมาเมืองหลวงของประเทศนี้ หรือถั่วแขก (french bean) คนฝรั่งเศส ชอบรับประทานกันมากก็เลยได้ชื่อนี้ เป็นต้น ชนิดของถั่วมีหลายประเภท สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มพี เป็นถั่วที่รับประทานคล้ายกับเป็นผัก นิยมนำฝักสดไปปรุงอาหาร เมล็ดของถั่วประเภทนี้จะมีลักษณะกลม บางครั้งเรียกว่า Green Pea ที่พบเห็นบ่อยๆ ก็เช่นถั่วลันเตาที่นิยมผัดใส่กับกุ้ง 2.กลุ่มบีน ลักษณะของถั่วกลุ่มนี้ จะเป็นถั่วฝักที่มีเมล็ดไม่กลม เช่น ถั่วเหลือง ถั่วปากอ้า ถั่วแขก ถั่วพู เป็นต้น 3.กลุ่มเลนทิล ชื่อนี้อาจไม่คุ้นหูคนไทยมากนัก ถั่วชนิดนี้มีลักษณะแบนเล็กเหมือนนัยน์ตาคน ปลูกกันมากแถบอินเดียตอนเหนือ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 24 มี.ค. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





วิธีกินหน่อไม้ปี๊บ

หลังมีผู้ป่วยอาหารเป็นพิษกว่า 150 ราย จากหน่อไม้ปี๊บในงานฉลองพระธาตุเมล็ดข้าว ที่บ้านนาหวายใหม่ ต.ป่าคาหลวง อ.บ้านหลวง จ.น่าน เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา จากการวิเคราะห์เชื้อพบสิ่งที่น่าตกใจ คือ หน่อไม้ปี๊บที่นำมาใช้เลี้ยงในงานปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย "คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium Botulinum)" ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเชื้อโรคที่ถูกพัฒนามาเป็นอาวุธชีวภาพที่ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐหวั่นกลัวเป็นอย่างมาก ถึงขั้นเตรียมยาต้านพิษ หรือแอนตี้ท็อกซินเอาไว้รองรับสถานการณ์ เพราะสารพิษจากเชื้อคลอสตริเดียม โบทูลินั่มแค่ 0.5 มก. ก็สามารถฆ่าคนได้มากถึง 5 แสนคน ศ.ดร.ภักดี โพธิศิริ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ระบุว่า ได้ร่วมกับสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ศึกษาวิจัยเพื่อสำรวจสถานการณ์การผลิตและปนเปื้อนของเชื้อคลอสตริเดียม โบทูลินั่ม ในอาหารบรรจุในภาชนะปิดสนิท เช่น ปี๊บ กระป๋อง ขวดแก้ว ที่ผลิตโดยกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรทั่วประเทศ ผลการสำรวจพบว่ากระบวนการผลิตส่วนใหญ่มีความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดการปนเปื้อนจากเชื้อสูง ได้มอบหมายให้สถาบันวิจัยโภชนาการดำเนินการวิจัยต่อเนื่องในการพัฒนากระบวนการผลิตที่ถูกต้องและปฏิบัติได้จริงในชุมชน โดยการเติมกรดที่ใช้ในอาหารได้ เช่น กรดซิตริกซึ่งพบได้ในมะนาวและส้ม กรดมาลิกที่พบได้ในองุ่น ในปริมาณที่เหมาะสมที่สามารถหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์และมีรสชาติเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคได้ กระบวนการนี้เรียกว่าการปรับกรด วิธีบริโภคที่ปลอดภัยที่สุดจะต้องนำหน่อไม้จากปี๊บไปต้มให้เดือดก่อนนาน 30 นาที จากนั้นค่อยนำไปประกอบอาหาร (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 24 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215