หัวข้อข่าวปีที่ 7 ฉบับที่ 14 ประจำวันที่ 2006-04-03

ข่าวการศึกษา

สื่อการสอน
มฟล.หนุนโครงการ แลกเปลี่ยนต่างแดน
สมศ.อนุมัติหลักเกณฑ์การประเมินสถาบันอุดมศึกษาและอาชีวศึกษา
อาเซียนร่วมมือสร้างเอกลักษณ์การศึกษา
อนุมัติเกณฑ์ประเมินมหา’ ลัย แบ่ง 4 กลุ่มใหญ่-แยกสายวิชา
ก.วิทย์ผนึกกำลัง 13 ม.ราชภัฏทั่วปท. ขยายเครือข่ายห้องปฏิบัติการ
คณบดียังทึ่งผลงานน.ศ.วิทยาศาสตร์สวนดุสิต
แพทย์ มศวปลื้มเทียบชั้นคณะแพทย์ชั้นนำ
"ฮาร์วาร์ด"เลือกมธ.จัด "ความมั่นคงของมนุษย์"
จันทรเกษมร่วมผลิต"แพทย์แผนจีน" "จะดูแลสุขภาพคนไทยอย่างประหยัด"
ศธ.เปิดหลักสูตรการศึกษาพระเครื่องขั้นพื้นฐาน
สกอ.โรดโชว์อุดมศึกษาไทยหวังดึงเด็กจีนเรียนในไทย
นักศึกษาเนเธอร์แลนด์ ทดลองเรียน ซีเอชเอ็น ม.รังสิต

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

ยานโคจรรอบดาวอังคารส่งภาพชุดใหม่ คุณภาพดีกว่าเดิมหลายเท่า
เปิดโลกอาร์เอฟไอดีที่สภาอุตฯ
ฮาร์ดไดรฟ์โซลิดสเตท
โรงเรียนในรัสเซียเฟื่องจัดเปิดหลักสูตรดู 'ยูเอฟโอ'
NAC2006 สู่เศรษฐกิจพอเพียงด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
หมวกไฮเทค
โมบายพีซี Q1
ประดิษฐ์ "จมูกอิเล็กทรอนิกส์" ยอดไวตรวจโรคต่างๆ ด้วยการดมกลิ่น
ทำไมทรายตามชายหาดจึงมีสีขาว?
เพลงคลาสสิกช่วยสมองพัฒนาการ
สิงคโปร์เผยหนังสือเดินทางแบบใหม่ ใช้ระบบชีวสถิติ
ในหลวงทรงห่วงสภาพอากาศ ใช้ไฮเทคช่วยรับมือน้ำท่วมปีนี้

ข่าววิจัย/พัฒนา

กังขา “โอเมกา3” ดีต่อสุขภาพ? ยังไร้หลักฐานชี้มีประโยชน์ชัดเจน
บดินทรฯเสนอหญ้าปล้องซับมลพิษน้ำมัน
วิจัยการเลี้ยงปูม้าในคอก มิติใหม่ในศาสตร์ประมงเพื่อเกษตรกร
จุฬาฯศึกษาเทคนิคใหม่ทำไก่ปลอดเชื้อ
สวทช.นำเศษโซลาร์เซลล์ทำอุปกรณ์ชาร์จมือถือ
เครื่องขูดมะละกออัตโนมัติ
ไวรัสโจมตีเซลล์ต่างจุด เหตุ"หวัดนก"ลามคนสู่คนยาก
โอโซนในกลุ่มควันพิษ ออกฤทธิ์ทำลาย"สเปิร์ม"
อากาศเสียส่งผลต่อความเป็นชาย โอโซนยิ่งสูงยิ่งพบเชื้ออสุจิลด
ชิพไร้สายวัดอายุผลไม้สุกส่งสัญญาณไร้สายผ่านคลื่นไมโครเวฟ
วว.เปิดแล็บตรวจคุณภาพมอเตอร์
คิดเอง - เครื่องให้อาหารสุนัขอัตโนมัติเที่ยงตรง-หมดปัญหา-ราคาถูก
"เสื้อผ้าอัจฉริยะ" สู่ยุคสวมใส่ความไฮเทค
ปั้นหมูโคลนนิ่งมีโอเมก้า 3 เล็งผลด้านเกษตรกับสุขภาพ
จอภาพรุ่นใหม่บางเทียบพลาสติก
เนคเทคทำสมองกลติดรถเอ็นจีวี
วิศวกรโทรคมนาคมคิดชิพวัดอายุผลไม้
วว.ผุดแล็บทดสอบมอเตอร์รายแรกในไทย
ไทยเจ๋งสร้างเครื่องบิน"ไร้คนขับ"
"น้องบิว" ปิยพร วิเศษศิริ พลิกภูมิปัญญาไทย รักษาคุณภาพผลไม้ส่งออก
ดาวเทียมกล่อง
ความโดดเดี่ยวคนวัยเกินกึ่งศตวรรษทำให้ความดันโลหิตสูง
นักวิจัยม.เกษตรฯออกแบบเครื่องกดแยกชิ้นงานยางฝีมือคนไทยราคาถูกปลอดภัย
วิศวะฯมก.เพิ่มมูลค่ายาง ตั้งศูนย์เชี่ยวชาญแม่พิมพ์
สแกนใบหน้า ตรวจหา"ผู้ร้าย"
นอนน้อยนอนมากเสี่ยงเบาหวานต้องนอน8ชม.ถึงจะสุขภาพดี
บัดกรีสมองเข้ากับชิพคอมพิวเตอร์
ไบโอเทคจุฬาฯ พัฒนาชุดตรวจเนื้อสัตว์
นักวิทย์คิดยาฉีดสยบคอเลสเตอรอลร้าย
“วิตามินซี” เพื่อสุขภาพ
สัตวแพทย์ มก.สุดเจ๋ง จัดฟันสุนัข!เจ้าแรกในไทย

ข่าวทั่วไป

"เก้าอี้ไฟฟ้าบำบัดโรค"โฆษณาเกินจริง
จีนเจ๋งห้ามซื้อขายอวัยวะคน
จี้ ร.ร.ใช้ตู้น้ำเย็น มอก.
สารฟอกสีในขาไก่ (เล็บมือนาง)
เตือน"เด็ก-คนท้อง"ห่าง"ลูกเหม็น" มีสารแนพทาลีน-ทำลายเม็ดเลือดแดง
ประโยชน์จากการดื่มชา





ข่าวการศึกษา


สื่อการสอน

3 นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประกอบด้วย นายกฤษฎิ์ คำตื้อ นายไกรสร สืบบุญ และนายกฤษณพันธ์ ศรีมงคล คว้ารางวัลอันดับ 1 ประเภทโปรแกรมเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ ระดับนิสิตนักศึกษา ในการแข่งขันพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 8 (NSC 2006) ภายใต้งาน Thailand ICT Contest Festival 2006 จัดโดย NECTEC เมื่อเร็วๆ นี้ ด้วยผลงานโปรแกรม "สื่อการสอนออนไลน์ เรื่องฟิสิกส์นิวเคลียร์พื้นฐาน" โปรแกรมสื่อการสอนออนไลน์ เรื่องฟิสิกส์นิวเคลียร์พื้นฐาน เป็นโปรแกรมการเรียนการสอนอัตโนมัติผ่านทางอินเตอร์เน็ต มีเนื้อหาเกี่ยวกับนิวเคลียสของอะตอม เหมาะสำหรับนักเรียนระดับชั้น ม.2-ม.6 ตลอดจนผู้สนใจทั่วไป โดยใช้วิธีการศึกษาผ่านทางอินเตอร์เน็ต สื่อที่สร้างขึ้นดังกล่าวเป็นลักษณะแบบจำลอง โดยใช้โปรแกรม MACROMEDIA FLASH เนื้อหาของบทเรียนจะเน้นศึกษาเรื่องภายในอะตอมหรือนิวเคลียสของอะตอม ประกอบด้วย 4 บทเรียน แบบฝึกหัด ห้องปฏิบัติการ และระบบจัดการของผู้ใช้ ซึ่งได้ติดตั้งไว้ที่เว็บไซต์ www.phynsc2006.co.nr โปรแกรมสื่อการสอนออนไลน์นี้เหมาะมากกับโรงเรียนในชนบท เพราะสามารถใช้กับอินเตอร์เน็ตความเร็วต่ำได้ โดยไม่มีปัญหา ทั้งในบทเรียนยังสามารถเลือกได้ทั้งแบบมีเสียงและไม่มีเสียง จุดเด่นอีกอย่างคือ ในส่วนของห้องปฏิบัติการได้จำลองห้องปฏิบัติการที่มีเครื่องมือราคาแพงเอาไว้ด้วย นักเรียนหรือผู้เรียนสามารถสัมผัสได้ในบทเรียน ซึ่งค่อนข้างละเอียดเหมือนของจริง ผู้สนใจขอทราบรายละเอียดได้ที่ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มติชนรายวัน อังคารที่ 28 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





มฟล.หนุนโครงการ แลกเปลี่ยนต่างแดน

รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา มฟล.ได้จัดโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาไทยและต่างประเทศ โดยมีนักศึกษาต่างชาติเข้ามาเรียนรู้ชีวิตและสังคมไทยในมฟล. ขณะเดียวกันทางมหาวิทยาลัยได้ส่งนักศึกษาไทยไปเรียนรู้ประสบการณ์ยังต่างประเทศ เพื่อเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับนักศึกษา ซึ่งนอกจากนักศึกษาจะได้ฝึกการใช้ภาษาต่างประเทศและได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมแล้ว ยังได้เกิดการเรียนรู้การทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งตนได้เน้นย้ำให้นักศึกษาเหล่านี้ได้เชื่อมต่อความสัมพันธ์กันต่อไปหลังเสร็จสิ้นโครงการ มิใช่การบอกลาแล้วก็ถือว่าจบ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ดร.คาวาชิมา อาจารย์จากมหาวิทยาลัยกากูชูอิน เมืองโตเกียว นำกลุ่มนักศึกษาญี่ปุ่นจำนวน 9 คนมาเรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยภูเขาใน จ.เชียงราย เป็นเวลา 10 วัน โดยมีนักศึกษา มฟล.เป็นพี่เลี้ยง ซึ่งทางญี่ปุ่นให้ความสนใจในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทย-ญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก ซึ่งได้มีการหารือว่าในอนาคต มฟล.ก็อาจจะจัดส่งนักศึกษาไปเรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมญี่ปุ่นเช่นกัน ส่วนการที่นักศึกษาได้เรียนรู้ประสบการณ์นอกห้องเรียนนั้นเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งตนมีแนวความคิดว่าก่อนที่นักศึกษาปี 4 จะสำเร็จการศึกษาออกไปรับใช้สังคมประมาณ 1-2 เทอม โดยการไปเป็นพี่เลี้ยงช่วยสอนนักเรียนตามพื้นที่โรงเรียนชนบทที่ยังขาดแคลนบุคลากรครู ซึ่งนอกจากจะเข้าไปช่วยพัฒนาการเรียนการสอนในโรงเรียนชนบทแล้ว นักศึกษายังได้มีประสบการณ์ ซึ่งหลายหน่วยงานก็ต้องการรับบัณฑิตที่มีประสบการณ์ มิใช่มีแต่ความรู้ในตำรา (ข่าวสด อังคารที่ 28 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





สมศ.อนุมัติหลักเกณฑ์การประเมินสถาบันอุดมศึกษาและอาชีวศึกษา

ศ.ดร.สมหวัง พิธิยานุวัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการบริหาร สมศ. ว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติหลักเกณฑ์ และแนวทางในการประเมินคุณภาพภายนอกสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษา โดยให้แบ่งกลุ่มสถาบันออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสถาบันเน้นการวิจัยและบัณฑิตศึกษา กลุ่มสถาบันเน้นการผลิตบัณฑิตและการพัฒนาสังคม กลุ่มสถาบันเน้นการผลิตบัณฑิตเป็นหลัก และกลุ่มสถาบันเน้นการผลิตบัณฑิตและพัฒนาศิลปะและวัฒนธรรม และทำการประเมินตามจุดเน้นและพันธกิจของสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งตัวบ่งชี้จะผันแปรไปตามจุดเน้นและพันธกิจของสถาบันอุดมศึกษานั้นๆ โดยการประเมินจะประเมินทั้งระดับสถาบันโดยรวม และระดับกลุ่มสาขาวิชาใน 10 กลุ่ม คือ 1.วิทยาศาสตร์สุขภาพ 2.วิทยาศาสตร์กายภาพ 3.วิศวกรรมศาสตร์ 4.สถาปัตยกรรมศาสตร์ 5.เกษตรศาสตร์ 6.บริหารธุรกิจ พาณิชยศาสตร์ บัญชี การจัดการ การท่องเที่ยว เศรษฐศาสตร์ 7.ครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ 8.ศิลปกรรมศาสตร์ วิจิตรศิลป์ และประยุกต์ศิลป์ 9.สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ และ 10. สหวิทยาการ นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้อนุมัติหลักเกณฑ์ และแนวทางในการประเมินคุณภาพภายนอกสถาบันการศึกษาในระดับอาชีวศึกษา โดยจะมีการประเมินในลักษณะคล้ายกับระดับอุดมศึกษา แต่จะประเมินทั้งวิทยาลัย ไม่แยกเป็นสาขาวิชา ทั้งนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบให้ทำการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสอง เพื่อให้การรับรองมาตรฐานการศึกษาในปี 2549 ในระดับอุดมศึกษา จำนวน 74 แห่ง อาชีวศึกษา 180 แห่ง และการศึกษาขั้นพื้นฐาน 5,000 แห่ง ส่วนผลสรุปรายงานการประเมินรอบแรกทั้งหมดทุกระดับนั้นเนื่องจากรายงานยังไม่สมบูรณ์ที่ประชุมจึงได้เลื่อนวาระไปพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป. (เดลินิวส์ พุธที่ 29 มี.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)





อาเซียนร่วมมือสร้างเอกลักษณ์การศึกษา

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยผลการประชุมรัฐมนตรีศึกษาอาเซียนครั้งที่ 1 และการประชุมสภารัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 41 ที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ที่ประชุมมีข้อตกลงร่วมกันเพื่อให้มีการดำเนินงานในกลุ่มประเทศสมาชิกในประเด็นหลัก ดังนี้เรื่องเอกลักษณ์ของความเป็นอาเซียน จะร่วมกันพัฒนาอาเซียนศึกษา โดยมีการประมวลข้อมูลต่าง ๆ จากประเทศสมาชิกทั้งหมด และพัฒนาจัดทำเป็นคู่มือ เพื่อใช้เป็นแหล่งข้อมูลสำหรับจัดการศึกษาให้นักเรียนตั้งแต่ระดับขั้นพื้นฐานจนถึงอุดมศึกษา เรื่องคุณภาพการศึกษา จะเน้นในเรื่องต่างๆ คือ การศึกษาด้านภาษา ซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่จะทำให้ตัวเองเรียนได้ดีขึ้น, การอาชีวศึกษา โดยจะหาผู้ที่จะให้การสนับสนุน ซึ่งประเทศสมาชิกต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการพัฒนาอาชีวศึกษาด้วย, การสร้างความเป็นผู้นำให้กับผู้บริหารโรงเรียน โดยส่งเสริมให้โรงเรียนมีการพัฒนาศักยภาพของผู้บริหารและครูให้มีความเป็นผู้นำที่กล้าใช้องค์ความรู้และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการจัดการเรียนการสอน เพื่อให้เด็กได้ความรู้มากที่สุดและเรียนรู้อย่างมีความสุข ซึ่งเรื่องนี้ประเทศสิงคโปร์จะจัดอบรมในระดับภูมิภาคให้กับผู้บริหารโรงเรียน โดยให้ทุนแก่ประเทศสมาชิก ประเทศละ 2 ทุน เพื่อส่งผู้บริหารโรงเรียนไปอบรมในเดือนกันยายนนี้ เพื่อนำความรู้และประสบการณ์ไปแบ่งปันกับครูในประเทศของตนเองต่อไป ทั้งนี้ที่ประชุมได้ขอให้เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการศึกษาในระดับปลัดกระทรวงของประเทศสมาชิกไปหารือกันว่าจะมีมาตรการอย่างไรที่จะทำให้ข้อตกลงดังกล่าวเป็นจริง และมุ่งสู่ความสำเร็จภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยจะมีการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการศึกษาในปลายปี 2549 ที่ประเทศไทย ส่วนการประชุมรัฐมนตรีศึกษาอาเซียนฯครั้งต่อไปจะจัดขึ้นที่ประเทศอินโดนีเซีย. (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 27 มี.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)





อนุมัติเกณฑ์ประเมินมหา’ ลัย แบ่ง 4 กลุ่มใหญ่-แยกสายวิชา

นายสมหวัง พิธิยานุวัตน์ ผอ.สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(สมศ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหาร สมศ.ว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติหลักเกณฑ์ และแนวทางในการประเมินคุณภาพภายนอกสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษา โดยแบ่งกลุ่มสถาบันออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสถาบันเน้นการวิจัยและบัณฑิตศึกษา, เน้นการผลิตบัณฑิตและการพัฒนาสังคม, เน้นการผลิตบัณฑิตเป็นหลัก และเน้นการผลิตบัณฑิตและพัฒนาศิลปะและวัฒนธรรม โดยจะทำการประเมินตามจุดเน้นและพันธกิจของสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งตัวบ่งชี้จะผันแปรไปตามจุดเน้นและพันธกิจของสถาบันอุดมศึกษานั้นๆ ทั้งนี้ การประเมินจะประเมินทั้งระดับกลุ่มสาขาวิชาใน 10 กลุ่ม ดังนี้ 1.วิทยาศาสตร์สุขภาพ 2.วิทยาศาสตร์กายภาพ 3.วิศวกรรมศาสตร์ 4.สถาปัตยกรรมศาสตร์ 5.เกษตรศาสตร์ 6.บริหารธุรกิจ พาณิชยศาสตร์ บัญชี การจัดการ การท่องเที่ยว เศรษฐศาสตร์ 7.ครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ 8.ศิลปกรรมศาสตร์ วิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์ 9.สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ และ 10.สหวิทยาการ และประเมินผลระดับสถาบันโดยรวม นอกจากนี้ยังได้อนุมัติหลักเกณฑ์และแนวทางการประเมินคุณภาพภายนอกสถาบันการศึกษา ระดับอาชีวศึกษา โดยจะประเมินในลักษณะคล้ายกับระดับอุดมศึกษา แต่จะประเมินทั้งวิทยาลัยไม่แยกเป็นสาขาวิชา อย่างไรก็ตามที่ประชุมได้เห็นชอบให้ทำการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสอง เพื่อให้การรับรองมาตรฐานการศึกษาในปี 2549 ในระดับอุดมศึกษา จำนวน 74 แห่ง อาชีวศึกษา 180 แห่ง และการศึกษาขั้นพื้นฐาน 5,000 แห่ง ส่วนผลสรุปรายงานการประเมินรอบแรกทุกระดับนั้น เนื่องจากรายงานยังไม่สมบูรณ์ ที่ประชุมจึงได้เลื่อนวาระไปพิจารณาในครั้งต่อไป (สยามรัฐ พุธที่ 29 มี.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)





ก.วิทย์ผนึกกำลัง 13 ม.ราชภัฏทั่วปท. ขยายเครือข่ายห้องปฏิบัติการ

เมื่อเร็วๆ นี้ ดร.ประวิช รัตนเพียร รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานพิธีร่วมลงนามความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่างกรมวิทยาศาสตร์บริการ และมหาวิทยาลัยราชภัฏ 13 แห่งทั่วประเทศ เพื่อสร้างห้องปฏิบัติการทดสอบรับใช้ชุมชน ตามโครงการขยายเครือข่ายห้องปฏิบัติการทดสอบ เพื่อกระจายศูนย์ทดสอบมาตรฐานและการรับรองคุณภาพไปยังภูมิภาคต่างๆ อย่างทั่วถึง แทนที่ทุกอย่างจะมารวมศูนย์อยู่ที่กทม.ทั้งหมดเหมือนเช่นที่เป็นมา กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงมอบนโยบายให้กรมวิทยาศาสตร์บริการ ดำเนินการขยายเครือข่ายห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ทดสอบขึ้น โดยมุ่งเน้นการพัฒนาการสร้างศักยภาพและความร่วมมือกับห้องปฏิบัติการที่มีอยู่แล้วในสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาให้เป็นห้องปฏิบัติการเครือข่ายบริการวิเคราะห์ทดสอบที่มีคุณภาพได้มาตรฐานครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมกับการจัดอบรมพัฒนาทรัพยากรบุคคลในด้านนี้ขึ้น โดยกรมวิทยาศาสตร์บริการ สำรวจความพร้อมของมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ 41 แห่ง พบว่ามีมหาวิทยาลัยราชภัฏที่มีศักยภาพเข้าร่วมโครงการในปี 2549 ทั้งสิ้น 13 แห่ง การจัดสร้างห้องปฏิบัติการในแต่ละสถาบันรวม 13 แห่งทั่วประเทศนี้ จะใช้เวลาระหว่างปีงบประมาณ 2549-2550 คาดว่าผลของการสร้างเครือข่ายนี้จะทำให้เกิดความสะดวกแก่ภาคอุตสาหกรรมรวมถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ในประเทศมากขึ้น พร้อมกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ขณะที่รายจ่ายกลับลดลงกว่าเดิม (ข่าวสด พุธที่ 29 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





คณบดียังทึ่งผลงานน.ศ.วิทยาศาสตร์สวนดุสิต

ผศ.ยุพาภรณ์ ณ พัทลุง คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เปิดเผยว่า หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต ของคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้จัดให้มีการเรียนการสอนรายวิชาปัญหาพิเศษในทุกโปรแกรมวิชา ดังนั้นในแต่ละปีการศึกษา นักศึกษาโปรแกรมวิชาต่างๆ ในสังกัดคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ผลิตงานวิจัยมากมาย ทั้งที่เป็นการศึกษาเชิงลึกในสาขานั้น และการศึกษาเชิงประยุกต์จากหลายสาขา ดังนั้นจึงได้จัดเวทีเพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้นำเสนอผลงานต่อสาธารณชนได้รับทราบถึงศักยภาพของนักศึกษาสาขาวิทยาศาสตร์ขึ้นภายใต้ชื่องานว่า Young Researcher Day 2006 โดยมีกิจกรรมมากมาย อาทิ การประกวดการนำเสนอผลงานวิจัย แบบบรรยาย (Oral Presention) และแบบโปสเตอร์ (Poster) ตลอดจนการเฟ้นหา "งานวิจัยไอเดียเด็ด" โดยให้ผู้ร่วมงานทุกคนได้มีส่วนร่วมโหวตลงคะแนนและแจกรางวัลทุนการศึกษาพร้อมทั้งเกียรติบัตร เช่นงานวิจัยการนำกากข้าวโพดมาทำเป็นกุนเชียง การนำผลผลิตทางการเกษตรมาทำเป็นถ่าน ซึ่งทั้งหลายเหล่านี้สามารถนำมาสร้างคุณค่า มีราคาเพิ่มขึ้นได้ และงานวิจัยบางชิ้นที่นำเสนอในงานนี้จะทำการจดลิขสิทธิ์ (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 30 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





แพทย์ มศวปลื้มเทียบชั้นคณะแพทย์ชั้นนำ

ศ.ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะแพทยศาสตร์ มศว ได้รับแจ้งผลการสอบประเมินผลความรู้ความสามารถในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ขั้นตอนที่ 1 ซึ่งเป็นการทดสอบความรู้ความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์พื้นฐานของนิสิตปีที่ 1-3 หรือพรีคลินิก ซึ่งแพทยสภาเป็นผู้จัดสอบระดับความรู้พรีคลินิกขึ้นเป็นปีแรก และมีสถาบันผลิตแพทย์เข้าร่วมการประเมิน 12 แห่ง ผลปรากฏว่า จำนวนนิสิตคณะแพทยศาสตร์ มศว ที่สอบผ่านมีจำนวนมากที่สุดเท่ากับนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล คือทำได้ร้อยละ 92.9 ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของผู้สอบผ่านทั่วประเทศจะอยู่ที่ร้อยละ 74.1 สำหรับนิสิตที่ทำคะแนนสอบเฉลี่ยสูงสุดคือนิสิตคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งมีคะแนนสอบเฉลี่ยสูงสุด 68.8% รองลงมาได้แก่นักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล 68.2% และ นิสิตคณะแพทยศาสตร์ มศว 65.7% คณะแพทยศาสตร์ มศว ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาเพียงแค่ 21 ปี และผลิตแพทย์สู่สังคมจำนวน 14 รุ่น แต่ผลการสอบประเมินความรู้ความสามารถในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมในระดับพรีคลินิกกลับอยู่ในระดับใกล้เคียงกับคณะแพทยศาสตร์ชั้นนำอื่น ๆ ที่ทำการเรียนการสอนด้านแพทยศาสตร์มาอย่างยาวนาน จึงถือว่าเป็นความภาคภูมิใจของคณะที่สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตและพัฒนาบุคลากรทางด้านแพทย์ ซึ่งเป็นสาขาที่ประเทศมีความต้องการสูง เพราะปัจจุบันประเทศของเรายังขาดแคลนแพทย์อีกจำนวนมาก (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 31 มี.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)





"ฮาร์วาร์ด"เลือกมธ.จัด "ความมั่นคงของมนุษย์"

น.ส.นันทินี มาลานนท์ น.ศ.ปี 4 คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) และประธานคณะทำงานโครงการ Harvard College in Asia project (HCAP) เปิดเผยว่า โครงการนี้เป็นกิจกรรมทางสังคมศาสตร์ระหว่างนักศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา และ มธ.ถือเป็นเวทีให้นักศึกษาได้สำรวจ และพัฒนาศักยภาพที่นำไปสู่การเป็นผู้นำในอนาคตด้านสังคมศาสตร์ รวมถึง กระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่ง มธ.เป็น 1 ใน 4 มหาวิทยาลัยชั้นนำของเอเชียที่ได้รับเลือกจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดให้จัดสัมมนาร่วม ส่วนอีก 3 แห่งคือ ไต้หวัน สิงคโปร์ และจีน ระหว่าง 27 มีนาคม-2 เมษายน ที่ มธ.ท่าพระจันทร์ หัวข้อหลักในการประชุมคือ Human security : youth perspectives และเสวนาเกี่ยวกับประเด็นทางสังคมศาสตร์ในสังคมไทยในปัจจุบัน การสัมมนาครั้งนี้ มีบทความของนักศึกษา มธ.ที่ได้นำเสนอต่อที่ประชุม อาทิ "เด็กกำพร้า...ชีวิต และความหวังหลังคลื่นยักษ์สึนามิ" ของ น.ส.ณัฐกานต์ โนรี น.ศ.ปี 2 คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์,"Sufficiency Economy and the Wealth of Nation" ของกลุ่มนักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์,"Human Security in Thailand : Food Safety" ของนายโฌม ดาวมณี น.ศ.คณะนิติศาสตร์ เป็นต้น (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 31 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





จันทรเกษมร่วมผลิต"แพทย์แผนจีน" "จะดูแลสุขภาพคนไทยอย่างประหยัด"

มหาวิทยาลัยได้รับความร่วมมือทางวิชาการจากสมาคมแพทย์จีนในประเทศไทย และมหาวิทยาลัยเซียะเหมิน ในการผลิตแพทย์แผนจีนของมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีมาตรฐาน คุณภาพ และมีความรู้ความสามารถ ตลอดจนทักษะการใช้การแพทย์แผนจีนร่วมกับการแพทย์แผนปัจจุบัน และการแพทย์แผนไทยในการดูแลสุขภาพของประชาชนไทยอย่างมีประสิทธิผล ปลอดภัยและประหยัด ศ.พรผจง เลาหวิเชียร ผู้อำนวยการหลักสูตร กล่าวว่า การเปิดหลักสูตรการแพทย์แผนจีนของ มจษ.นั้น เนื่องจากเราเห็นความสำคัญของการรักษาโรคด้วยแพทย์ทางเลือกที่ถูกต้องตามกฎหมาย ประชาชนให้ความสนใจ เพราะการรักษาเน้นการกินยา การฝังเข็ม การออกกำลังกาย ที่สามารถเห็นผลการรักษาของโรคหลายกลุ่มอาการโดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด ทั้งนี้หลักสูตรดังกล่าวจะเปิดการเรียนการสอนเป็นเวลา 5 ปี โดย 1 ปีสุดท้ายนักศึกษาจะได้ฝึกงานภายนอกมหาวิทยาลัยเป็นเวลา 6 เดือน จากนั้นจะเดินทางไปฝึกประสบการณ์ด้นการแพทย์แผนจีนที่มหาวิทยาลัยเซียะเหมิน นานกว่า 6 เดือน เพื่อฝึกงานด้านตำรับยาจีน การปรุงยา การจัดยา การนวดบำบัด และการฝังเข็ม ซึ่งเป็นจุดเด่นของการแพทย์แผนจีน จะเปิดรับรุ่นแรก 50 คน โดยจะเปิดรับสมัคร 21 มีนาคม - 24 เมษายนศกนี้ นักศึกษาทุกคนจะเรียนเรื่องการแพทย์ควบคู่กับการเรียนภาษาจีนในปีแรกเลย และรับรองว่า 5 ปี จบแล้วมีงานทำแน่นอน จึงอยากเชิญชวนให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือประชาชนทั่วไปที่สนใจการแพทย์แผนจีนเข้ามาศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ที่ มจษ. เนื่องจากสาขานี้ถือว่าได้รับความนิยมมาก มหาวิทยาลัยเปิดกว้างสำหรับผู้เรียนทุกสาขาทั้งสายวิทย์ สายศิลป์ก็สามารถเรียนได้ ทั้งนี้ มจษ. เปิดรับสมัครนักศึกษาหลักสูตรการแพทย์แผนจีนตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม - 24 เมษายน 2549 ทางอินเตอร์เน็ท นอกมหาวิทยาลัย www.chandra.ac.th หรือสมัครในมหาวิทยาลัยได้ที่สำนักวิทยบริการ ชั้น 1 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 0-2924-6900-99 ต่อ 5174 (ข่าวสด ศุกร์ที่ 31 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ศธ.เปิดหลักสูตรการศึกษาพระเครื่องขั้นพื้นฐาน

นายสมบัติ สุวรรณพิทักษ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน(กศน.) สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาประจำชาติของไทย การบูชาพระเครื่อง ถือเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจที่สำคัญที่อยู่คู่กับคนไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในเรื่องของพระเครื่องนั้น นอกจากจะเป็นเรื่องของความเชื่อและความศรัทธาแล้ว ยังเป็นเรื่องที่เป็นสากล เนื่องจากมีหลักฐานอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี และพุทธประวัติ เป็นมรดกอันล้ำค่า และภูมิปัญญาไทยที่เกี่ยวกับศิลปะและการสืบสานทางวัฒนธรรมอีกด้วย ทั้งนี้ จากเหตุผลดังกล่าวสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยสถาบันการศึกษาทางไกล สำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน ได้ร่วมมือกับสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย ในการพัฒนาหลักสูตร สื่อ การจัดการเรียนการสอน การวัดผลประเมินผล หลักสูตร “การศึกษาพระเครื่องขั้นพื้นฐาน”ขึ้น เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพระเครื่อง ทั้งในด้านโบราณคดี ประวัติศาสตร์ ตลอดจนพุทธประวัติ โดยการสร้างองค์ความรู้อย่างถูกต้องแก่ผู้สนใจทุกเพศทุกวัย รวมทั้งสร้างเจตคติที่ดีต่อวงการพระเครื่องและการอนุรักษ์เผยแพร่พระเครื่องเชิงพุทธศิลป์ ในการสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ หลักสูตรดังกล่าวเป็นหลักสูตรระยะสั้น ใช้เวลาเรียนรู้เนื้อหา 60 ชั่วโมง และเรียนรู้จากการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมและทำกิจกรรมตามที่กำหนดอีก 100 ชั่วโมง รวม 160 ชั่วโมง ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองจากสื่อชุดการเรียนรู้ ทั้งที่เป็นสิ่งพิมพ์ แผ่นวิดีทัศน์ การฝึกปฏิบัติจากผู้รู้ รวมทั้งการเรียนรู้จากการสัมมนาเสริมสร้างประสบการณ์ก่อนจบหลักสูตรอีกด้วย สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันการศึกษาทางไกล อาคารศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา ถนนศรีอยุธยา เขตราชเทวี กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0-2354-5721, 0-2644-9764, 0-2354-5730-40 ต่อ 536 และ www.nfe.go.th/dei (คมชัดลึก เสาร์ที่ 1 เม.ย. 2549 http://www.komchadluek.net)





สกอ.โรดโชว์อุดมศึกษาไทยหวังดึงเด็กจีนเรียนในไทย

ศ.(พิเศษ) ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จะนำคณะของสถาบันอุดมศึกษาไทยทั้งรัฐและเอกชน รวมทั้งหน่วยงานทางการศึกษา 34 แห่ง ไปจัดงานสัมมนาวิชาการและนิทรรศการการศึกษาไทย พร้อมศึกษาดูงานการจัดการเรียนการสอนของ Sichuan University Sichuan Normal University และ Chengdu University of Internation Technology ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน ระหว่างวันที่ 5-9 เมษายนนี้ ณ โรงแรม Jinjiang นครเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะพัฒนาความร่วมมือระหว่างสถาบันอุดมศึกษาของไทยกับจีนให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 31 มี.ค. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





นักศึกษาเนเธอร์แลนด์ ทดลองเรียน ซีเอชเอ็น ม.รังสิต

นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยซีเอชเอ็น ประเทศเนเธอร์แลนด์ นำร่องเรียนจริงหลักสูตรซีเอชเอ็น รังสิต ประเทศไทย (CHN Rangsit University Thailand) เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อทดสอบศักยภาพการเรียนการสอนแบบ Problem Based Learning (PBL) ในหลักสูตรปริญญาตรีบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการจัดการการโรงแรม ซึ่งจะเปิดสอนในภาคเรียน 1/2549 การเรียนแบบ PBL ของซีเอชเอ็น เป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้แสดงความคิดเห็นและเรียนรู้จากปัญหา ซึ่งจะช่วยสร้างประสบการณ์และความรู้จากการปฏิบัติจริงนอกเหนือจากความรู้ด้านทฤษฎี ซึ่งจะใช้ปัญหาเป็นฐานให้นักศึกษาเกิดการตัดสินใจ สร้างภาวะผู้นำและมีความกระตือรือร้นมากกว่าหลักสูตรทั่วไป สำหรับ “หลักสูตรซีเอชเอ็น รังสิต ประเทศไทย” เป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยซีเอชเอ็น ประเทศเนเธอร์แลนด์ และมหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งจะเปิดสอนในหลักสูตรปริญญาตรีร่วมบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการการโรงแรม (หลักสูตรร่วมนานาชาติ) โดยกำลังเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ ภาคการศึกษา 1/2549 ซึ่งผู้สนใจต้องจบการศึกษาระดับ ม.6 หรือเทียบเท่า มีผลสอบ TOEFL หรือ TOEFLITP ได้ 550 คะแนนขึ้นไปหรือ IELTS มากกว่าระดับ 6.0 แต่หากไม่ผ่านเกณฑ์ทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษ ทางซีเอชเอ็น รังสิตฯ ก็มีหลักสูตรปูพื้นฐานเข้าก่อนเรียนด้วย ทั้งนี้สามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.chnrangsit-university.com หรือสอบถามโทร.0-2791-5593 ตั้งแต่บัดนี้-31 พ.ค.ศกนี้ (สยามรัฐรายวัน เสาร์ที่ 1 เม.ย. 49 http://www.siamrath.co.th)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


ยานโคจรรอบดาวอังคารส่งภาพชุดใหม่ คุณภาพดีกว่าเดิมหลายเท่า

ยานโคจรรอบดาวอังคาร “มาร์ส รีคอนเนสแซนส์ ออร์บิตเทอร์” ส่งภาพคุณภาพดีชุดแรกของพื้นผิวดาวอังคารลงมาสู่โลก เป็นส่วนหนึ่งในการค้นหาน้ำและสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงนั้น อัลเฟรด แมคอีเวน นักวิทยาศาสตร์ประจำการ และศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์ดาวนพเคราะห์ แห่งมหาวิทยาลัยอริโซนา กล่าวว่า ภาพขาวดำหลายภาพที่ได้รับมาจากยาน “มาร์ส รีคอนเนสแซนส์ ออร์บิตเทอร์” นั้นแสดงให้เห็นถึงร่องลึกและชิ้นส่วนของผิวดาวอังคาร ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการที่น้ำกัดเซาะให้เกิดเป็นรูปร่าง สำหรับภาพที่ส่งลงมานั้นถ่ายที่ระดับความสูง 2,489 กิโลเมตร เหนือพื้นผิวดาวอังคาร หรือสูงกว่าระดับที่ยานดังกล่าวจะเริ่มปฏิบัติการด้านวิทยาศาสตร์ ประมาณ 3 เท่า ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ยานอวกาศเข้าสู่วงโคจรของดาวอังคารเมื่อ 10 มีนาคม 2549 เพิ่งทำแผนที่ดาวอังคารได้ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ สำหรับใช้กับการส่งอุปกรณ์หุ่นยนต์และมนุษย์อวกาศไปลงดาวดังกล่าวในอนาคต. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 27 มี.ค. 49





เปิดโลกอาร์เอฟไอดีที่สภาอุตฯ

ศูนย์การแสดงและสาธิตเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดีเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา และธุรกิจเอกชนได้รู้และเข้าใจถึงเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดีมากขึ้น ในฐานะที่เป็นตัวช่วยให้การทำงานรวดเร็ว สามารถตรวจสอบคุณภาพได้ทุกขั้นตอน และอีกไม่นานเทคโนโลยีนี้จะเข้ามาแทนที่บาร์โค้ดในปัจจุบัน อาร์เอฟไอดี คือ ชิพขนาดเล็กอาศัยคลื่นวิทยุในการทำงาน เก็บข้อมูลได้มาก หากนำไปติดกับสินค้า จะทำให้ทราบรายละเอียดสินค้า ราคา รายการส่งเสริมการขาย วันหมดอายุ และข้อมูลอื่นๆ ซึ่งสามารถลบและเพิ่มได้จากคอมพิวเตอร์ สำหรับศูนย์ดังกล่าวอยู่ภายในศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในความดูแลของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยร่วมกับสถาบันรหัสสากล ที่ทำหน้าที่คล้ายนายทะเบียนกำหนดการใช้งาน "เลขรหัสสินค้าอิเล็กทรอนิกส์" ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ศูนย์สาธิตนอกจากจะเป็นแหล่งความรู้ในเรื่องอาร์เอฟไอดีให้เยาวชนแล้ว ยังเป็นศูนย์กลางให้ภาคธุรกิจเอกชนศึกษาแนวทางการนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขนส่ง การกระจายสินค้า ตรวจสอบสินค้าในคลัง จนถึงการสั่งสินค้าใหม่เข้าหลังร้าน เป็นต้น ระบบอาร์เอฟไอดีจะช่วยให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ทำงานได้รวดเร็ว และได้รับความน่าเชื่อถือถึงมาตรฐานการผลิตจากผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศได้เป็นอย่างดี (คมชัดลึก จันทร์ที่ 27 มี.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





ฮาร์ดไดรฟ์โซลิดสเตท

ซัมซุง บริษัทผู้ผลิตหน่วยความจำในเกาหลีสาธิตฮาร์ดไดรฟ์ที่ใช้หน่วยความจำแฟลชในระหว่างการประชุมประจำปีทางด้านโมบายโซลูชั่นครั้งที่ 3 ของซัมซุงในกรุงไทเป ประเทศไต้หวัน โดยเป็นการพัฒนาความจุที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่มีความจุสูงสุด 16 GB สำหรับการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ของฮาร์ดไดรฟ์โซลิดสเตท (SSD: Solid State Drive)ของซัมซุงในครั้งนี้ต้องถือว่า เป็นการรุกไล่ทางเทคโนโลยีกับคู่แข่งอย่างโตชิบาที่ผลิตฮาร์ดไดรฟ์ขนาด 1.8 นิ้ว โดยทางบริษัทอ้างว่า เมื่อเปรียบเทียบ SSD กับฮาร์ดไดรฟ์ทั่วไป จุดเด่นของฮาร์ดไดรฟ์แฟลช 32GB มีดังนี้ มี ความเร็วในการอ่าน และเขียนข้อมูลอยู่ที่ 57 เมกะไบต์ต่อวินาที และ 32 เมกะไบต์ต่อวินาทีตามลำดับ ในขณะที่ฮาร์ดไดรฟ์ (ที่ใช้จานแม่เหล็ก)จะอยู่ที่ประมาณ 15 เมกะไบต์ต่อวินาทีเท่านั้น มี ฮาร์ดไดรฟ์ที่เป็นหน่วยความจำแฟลชจะมีน้ำหนักเพียง 15 กรัม คิดเป็นหนึ่งในสี่ของฮาร์ดไดรฟ์ 1.8 นิ้วที่มีน้ำหนักถึง 61 กรัม ใช้พลังงานน้อยกว่า SSD ต้องการพลังงานไฟฟ้าแค่หนึ่งในสามของ HDD (0.5 วัตต์กับ 1.5 วัตต์) ทนทานกว่า SSD ไม่มีส่วนเคลื่อนไหวเชิงกล หมดปัญหาเรื่องหัวอ่านขูดขีดจานข้อมูลจนใช้ไม่ได้ มี เสียงเงียบสนิทหมุนของจานดิสก์สร้างความร้อน และเสียงรบกวน ในขณะที่ SSD ไม่มีการเคลื่อนไหวเชิงกลแต่อย่างใด และไม่สร้างความร้อนเพิ่มขึ้นจากการทำงานในลักษณะดังกล่าว จากข้อได้เปรียบหลายอย่างของการทำงานข้างต้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการใช้งาน SSD โดยเมื่อเร็วๆ นี้ได้มีการสาธิตโน้ตบุ๊กที่ใช้ SSD เทียบกับรุ่นที่ใช้ฮาร์ดดิสก์ทั่วไปในงาน CeBIT ที่ผ่านมา ในขณะที่โน้ตบุ๊กที่ใช้ฮาร์ดดิสก์ปกติใช้เวลาบู๊ตนานถึง 31 วินาที โน้ตบุ๊กที่ใช้ SSD จะใช้เวลาบู๊ตเพียง 18 วินาทีเท่านั้น (สยามรัฐรายวัน จันทร์ที่ 27 มี.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)





โรงเรียนในรัสเซียเฟื่องจัดเปิดหลักสูตรดู 'ยูเอฟโอ'

วิทยาลัยพารานอร์มัล ในรัสเซีย เปิดหลักสูตรใหม่สอนการดูจานบินลึกลับ หรือยูเอฟโอให้แก่ผู้สนใจ เพื่อจะได้เตรียมตัวได้ถูกยามต้องเผชิญกับมนุษย์ต่างดาว หลักสูตรดังกล่าวดำเนินการโดยคณะกรรมการจานบินวิทยา ในเมืองโทเกลียตติ ซึ่งนางทาเทียนา มาร์โควา ประธานคณะกรรมการ กล่าวว่า การเปิดหลักสูตรดังกล่าวเพื่อสนองตอบต่อความสนใจของคนในท้องถิ่นที่หันมาสนใจเรื่องนี้ “เราสอนให้คนรู้จักสังเกตจานบิน ได้รู้ว่าจะไปดูในสถานที่เช่นไร และต้องทำอย่างไรเมื่อพบเจอกับมนุษย์ต่างดาว” หลังจากนักศึกษาเรียนทฤษฎีเกี่ยวกับ “จานบินวิทยา” แล้ว ยังจะได้พาไปฝึกภาคสนามเพื่อฝึกฝนทักษะเพิ่มเติม. (ไทยรัฐ อังคารที่ 28 มี.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





NAC2006 สู่เศรษฐกิจพอเพียงด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน ผู้อำนวยการ สวทช. บอกถึงที่มาของแนวคิดการจัดงานว่าเศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงชี้แนะกับพสกนิกรชาวไทยมานานกว่า 25 ปี การประยุกต์ใช้ปรัชญาดังกล่าวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก็คือการรู้จักใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการและควรพัฒนาเทคโนโลยีจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่สอดคล้องเป็นประโยชน์กับสภาพแวดล้อมของตนเองและความพอดีด้านเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ลดรายจ่าย ดำรงชีวิตอยู่อย่างพออยู่พอกิน จึงเป็นประเด็นที่น่าสนใจ ส่วนนิทรรศ การมีการแสดงความก้าวหน้าของผลงานวิจัยต่างๆ อาทิ ชุดนักเรียนนาโน ที่เคลือบด้วยสารไททาเนียมออกไซด์ สามารถกำจัดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราและกำจัดกลิ่นได้ ด้านศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) โชว์ผลงานวิจัยใหม่เช่นต้นแบบรถสื่อสารฉุกเฉิน สามารถให้บริการการสื่อสารไร้สายทั้งโทรศัพท์ และอินเทอร์เน็ต ในพื้นที่ประสบภัยหรือพื้นที่ทุรกันดารต่างๆได้ เครือข่ายเซ็นเซอร์ไร้สายสำหรับงาน ตรวจนับรถยนต์ ที่พัฒนาโดยใช้เซ็นเซอร์แสง ส่งผ่านข้อมูลโดยใช้คลื่นวิทยุ ทำงานได้โดยใช้แบตเตอรี่ สะดวกในการติดตั้ง เหมาะสำหรับการใช้งานตามสี่แยกต่างๆรวมถึงที่ให้บริการจอดรถ การพัฒนาใช้เซลล์แสงอาทิตย์ในการชาร์จแบตเตอรี่มือถือ ที่ปัจจุบันสามารถใช้ได้กับทุกรุ่น และโปรแกรมวิจัยและพัฒนาระบบปรับอากาศและผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากนี้ยังมีบรรจุภัณฑ์กินได้ ไบโอพลาสติก หรือพลาสติกที่ผลิตจากพืช และชุดตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์และเกษตรกรรม ความก้าวหน้าในการตรวจพบเชื้อต่างๆรวมถึงการผลิตยาและวัคซีนป้องกัน หลากหลายความก้าวหน้า ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทย พบได้ในงาน NAC 2006 ระหว่างวันที่ 30 มีนาคม-1 เมษายนนี้ ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย รังสิต (เดลินิวส์ อังคารที่ 28 มี.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)





หมวกไฮเทค

หมวกกันน็อกของฮอนด้าที่ติดตั้งระบบอินเตอร์คอมผ่านไมโครโฟนประสิทธิภาพสูงแบบ Bone Con-duction ซึ่งทำงานสัมพันธ์กับเครื่องเสียง โดยจะลดเสียงเพลงทันทีหากมีการสนทนา เป็นเทคโนโลยีใหม่ของฮอนด้าที่นำมาสาธิตในงานมอเตอร์โชว์ จนถึงวันที่ 2 เม.ย. นี้ ณ ไบเทค บางนา. (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 30 มี.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)





โมบายพีซี Q1

ในงานซีบิท ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าไอทีและโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่เยอรมนี ซัมซุงได้เปิดตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแบบอัลตราโมบาย (Ultra Mobile PC) หรือ UMPC รุ่น Q1 ที่เป็นผลงานการออกแบบร่วมกันระหว่าง ซัมซุง อินเทล และไมโครซอฟท์ ส่งผลให้มีคุณสมบัติหลากหลาย และถือเป็นการปฏิวัติครั้งยิ่งใหญ่ในอุตสาหกรรมเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล UMPC ซัมซุง Q1 เป็นอุปกรณ์พกพาที่ผสานพลังความสามารถในการเคลื่อนที่ สมรรถนะ และฟังก์ชันการใช้งานจาก 3 ผู้นำตลาดไว้ด้วยกันโดย UMPC ซัมซุง Q1 ใช้ซีพียูของอินเทลและ Windows XP Tablet OS ของไมโครซอฟท์ เพื่อให้การใช้งานเทียบเท่ากับเครื่องคอมพิวเตอร์พีซี สามารถพกพาไปทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา มีขนาดบาง น้ำหนักเพียง 779 กรัม และใช้เทคโนโลยีจอภาพแอลซีดีระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว UMPC ซัมซุง Q1 รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ และระบบ LAN แบบไร้สาย ช่วยให้มั่นใจในการต่ออินเตอร์เน็ตได้ตลอดเวลา ฟังก์ชันวินโดวส์เอ็กซ์พีประกันความสามารถในการใช้งานได้หลากหลาย รวมทั้งการรับชมโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมด้วยเทคโนโลยี DMB และระบบเนวิเกชั่น นอกจากนี้ยังใช้งานมัลติมีเดียต่างๆ เช่น ชมภาพ วิดีโอ และฟังเพลง (สยามรัฐรายวัน พฤหัสบดีที่ 30 มี.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)





ประดิษฐ์ "จมูกอิเล็กทรอนิกส์" ยอดไวตรวจโรคต่างๆ ด้วยการดมกลิ่น

นักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯกำลังคิดสร้าง“จมูก” อิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้ให้ดมเนื้อตัวคน เพื่อหากลิ่นของโรคภัยว่าเป็นโรคภัย ไข้เจ็บอะไรบ้าง นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยบัฟฟาโลผู้ร่วมคิดค้นคนหนึ่ง นายแฟรงค์ ไบรท์ กล่าวว่า มันจะสามารถจับกลิ่นของโรคจากกลิ่นของสารเคมีที่พ่นออกมาพร้อมกับลมหายใจ แต่เขากล่าวเน้นว่า อุปกรณ์นี้ยังอยู่ในระยะการทดลองขั้นต้นๆอยู่ จนกว่าจะพิสูจน์ให้เห็นผลนั่นหละ เราถึงจะพูดบอกได้ว่าจะใช้มันทำอะไรได้บ้างในชีวิตประจำวันของคนเรากันได้” ก่อนหน้าก็เคยมีผู้พยายามประดิษฐ์ ระบบซึ่งสามารถตรวจโรคได้จากการดมกลิ่นขึ้นเหมือนกัน แต่มันมักจะมีขนาดใหญ่ ใช้ลำบาก แถมยังใช้ได้จำกัดอีกด้วย สิ่งที่เราทำเป็นเครื่องที่มีขนาดเล็ก ทนทานและไม่แพงเกินไปด้วย สามารถจะไปใช้ได้ในที่ทุกแห่ง ส่วนที่เป็นหัวใจของเครื่อง ได้แก่ส่วนที่ถือว่าเป็นจมูก จะอัดแน่นไปด้วยเครื่องตรวจวัดโมเลกุลชนิดต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 100 อย่าง และคณะผู้ประดิษฐ์ตั้งใจจะให้มันมีมากถึง 1 ล้านตัว. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 31 มี.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





ทำไมทรายตามชายหาดจึงมีสีขาว?

สีขาวของทรายตามชายหาดนั้นเกิดจากแร่ชนิดหนึ่ง คือ ควอทซ์(QUARTZ) ตัวอย่างเช่น หินเขี้ยวหนุมาน แร่ควอทซ์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักส่วนใหญ่ของทรายสีขาว ทั้งนี้เกิดจากการรวมตัวของธาตุ 2 ชนิด คือซิลิกอน และออกซิเจน ซึ่งทั้ง 2 ชนิดนี้ จากการสำรวจพบว่า มีอยู่เป็นจำนวนสัดส่วนที่สูง เมื่อเทียบกับธาตุอื่น ๆ ที่มีอยู่ใกล้ผิวโลก แร่ควอทซ์นอกจากจะมีอยู่มากตามธรรมชาติแล้ว ยังสามารถเกิดขึ้นได้อีก จากการรวมตัวของซิลิกอน และออกซิเจน ซึ่งธาตุทั้งสองก็พร้อมที่จะรวมตัวกันอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้แร่ควอทซ์ หรือหินควอทซ์ ยังมีคุณสมบัติที่โดดเด่นเฉพาะตัว ในเรื่องความแข็งแกร่ง และคงทนต่อสภาพการกัดเซาะ และสึกกร่อน จากอิทธิพลของคลื่นจากทะเลได้เป็นอย่างดี ต่างจากหินชนิดอื่นที่มีความคงทนน้อย พอเกิดการบดกันก็จะทำให้แตกย่อยจนแหลกละเอียด ต่อจากนั้นก็จะถูกพัดพาลงสู้ก้นมหาสมุทรต่อไป เพราะฉะนั้น บริเวณชายหาด จึงเหลือเพียงอนุภาคของหินควอทซ์ ที่มีสีขาวอย่างที่เราเห็น (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 31 มี.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)





เพลงคลาสสิกช่วยสมองพัฒนาการ

ผศ.ดร.นวลจันทร์ จุฑาภักดีสกุล ประธานหลักสูตรปริญญาโทสาขาประสาทวิทยาศาสตร์ สถาบันวิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เหตุผลหนึ่งที่สามารถอธิบายทฤษฎีที่ว่าดนตรีมีอิทธิพลต่อสมองของเด็กก็คือ พัฒนาการแรกที่เกิดขึ้นกับเด็กแรกเกิดตั้งแต่ในครรภ์ คือการได้ยิน จึงน่าจะเป็นสิ่งที่พัฒนาได้ง่ายกว่าการรับรู้ในด้านอื่นๆ เช่น การมองเห็นที่เกิดขึ้นมาทีหลัง นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาผลกระทบของดนตรีต่อพัฒนาการของสมอง หรือที่เรียกว่า "โมสาร์ท เอฟเฟคท์" จนได้รับการยอมรับจากทั่วโลก คือ ดร.ฟรานซิส เราส์เชอร์ งานวิจัยชิ้นนี้เผยให้เห็นว่าท่วงทำนองของบทเพลง เปียโน โซนาต้า หมายเลข เค 448 หนึ่งใน 600 บทประพันธ์ของโมสาร์ท มีมิติสัมพันธ์กับการเต้นของหัวใจ การทำงานของสมองโดยเฉพาะภาคการคิดคำนวณ กล่าวคือ "โมสาร์ท เอฟเฟคท์" ทำให้สมองของมนุษย์ฉลาดขึ้น จนเป็นต้นกำเนิดของการไขความลับของดนตรีในหลายๆ ลักษณะเพื่ออธิบายปรากฏการณ์ดังกล่าวในเวลาต่อมา เนื่องจากสมองของเด็กวัยนี้ยังคงว่างเปล่า เซลล์ประสาทยังเชื่อมต่อกันได้ไม่ดีนัก เสียงดนตรีที่ผ่านเข้าสู่เซลล์ประสาทบริเวณกกหูด้านซ้าย จึงมีส่วนกระตุ้นการทำงานของสมองในส่วนต่างๆ ให้ต่อเชื่อมเข้าถึงกัน สร้างกระบวนการคิดวิเคราะห์และประมวลผลจากการรับรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้บทเพลงที่มีแต่ท่วงทำนองจะช่วยสร้างจินตนาการของเด็กถูกกระตุ้น ในขณะที่บทเพลงที่รุนแรง ดุดัน ก็มีผลต่อประสิทธิภาพการได้ยินของหูเด็กเช่นกัน ดังนั้นการเลือกบทเพลงให้ลูกฟังจึงเป็นด่านแรกของพ่อแม่ที่ควรคัดสรรให้กับลูก (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 31 มี.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





สิงคโปร์เผยหนังสือเดินทางแบบใหม่ ใช้ระบบชีวสถิติ

สิงคโปร์ได้เผยแผนการใช้หนังสือเดินทางระบบชีวสถิติ หรือ ไบโอเมทริค เพื่อป้องกันพวก ผู้ก่อการร้ายและอาชญากร เพื่อให้ยากต่อการปลอมแปลงหรือการลอกเลียน ซึ่งนายหว่อง กัน เซ็ง รัฐมนตรีมหาดไทย กล่าวว่า ชายแดนของประเทศเป็นด่านหน้าในการป้องกัน ประเทศจากผู้ก่อการร้ายและภัยคุกคามด้านความมั่นคง ทำให้ไม่อาจปล่อยวางได้ เพราะ อาจให้ผลที่นึกไม่ถึงตามมา สิงคโปร์ กำลังเตรียมจะใช้หนังสือเดินทางระบบชีวสถิติ ที่เรียกว่า ไบโอ พาสสต์ โดยเริ่ม ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน ซึ่งทั้งเจ้าหน้าที่รัฐบาลและพนักงานของสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลนส์ จะเริ่มใช้ก่อนเพื่อเป็นการตรวจสอบไปในตัวด้วยว่า ยังมีข้อบกพร่องใด หรือ มีจุดใดที่ตรวจสอบไม่พบ ทั้งนี้ ที่สหรัฐได้มีการกำหนดเส้นตายไว้ในวันที่ 26 ตุลาคม ปี 2549 ว่า จะต้องใช้หนังสือ เดินทางแบบใหม่ ที่บรรจุข้อมูลที่ฝังชิพและข้อมูลต่าง ๆ ด้วยระบบโพลีคาร์บอนเนต ดาต้า เพจ ขณะที่สิงคโปร์ ได้ใช้เลเซอร์และคลื่นสี ในการตรวจสอบภาพถ่ายของผู้ถือหนังสือเดินทาง ซึ่งจะสะดวกต่อการตรวจจับ (คมชัดลึก เสาร์ที่ 1 เม.ย. 2549 http://www.komchadluek.net)





ในหลวงทรงห่วงสภาพอากาศ ใช้ไฮเทคช่วยรับมือน้ำท่วมปีนี้

ดร.รอยล จิตรดอน ผอ.สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) แถลงเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่มูลนิธิชัยพัฒนา ถึงความร่วมมือระหว่าง จ.นนทบุรี และ สสนก.เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมว่า สถานการณ์น้ำในปีนี้ผิดปกติ เนื่องจากสภาพภูมิอากาศมีการเปลี่ยนแปลง โดยอุณหภูมิในฝั่งอ่าวไทยต่ำมากและมีการเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติ ส่งผลให้ช่วงฤดูแล้งไม่แล้งอย่างที่คิด เพราะจากที่ไม่มีฝนก็เกิดฝนตกมาก ประกอบกับมีลมพายุเข้ามากกว่าปกติ อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถระบุได้ว่าปีนี้จะเกิดภัยน้ำท่วมหรือไม่ ต้องรอสถานการณ์ช่วงเดือนพฤษภาคมก่อน ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงในเรื่องภูมิอากาศที่ผิดปกติ โดยรับสั่งให้ระมัดระวังกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง หากเกิดปัญหาน้ำท่วมจริง พื้นที่ที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ จ.นนทบุรีและปทุมธานี เบื้องต้น สสนก.ได้ร่วมกับ จ.นนทบุรี และกรมชลประทาน นำระบบโทรมาตรเคลื่อนที่ตรวจวัดข้อมูลระยะไกลมาใช้เตือนภัยน้ำท่วม โดยเริ่มติดตั้งที่สถานีแรกบริเวณสำนักงานเกษตร จ.นนทบุรี และจะติดตั้งให้ครบทั้งหมด 30 สถานี หากสถานการณ์ปกติ ระบบดังกล่าวจะส่งผ่านข้อมูลอัตโนมัติทุกๆ 1 ชั่วโมง แต่หากฝนตกหนักจะส่งข้อมูลทุกๆ 15 นาที จากนั้นส่งผ่านข้อมูลไปยังเว็บไซต์หรือโทรศัพท์มือถือในรูปแบบ SMS ซึ่งจะมีประโยชน์ในการวางแผนระบายน้ำออกได้ทันท่วงที รวมถึงการเตือนภัยอพยพหากเกิดกรณีน้ำไหลบ่ามากเกินไป (มติชนรายวัน เสาร์ที่ 1 เม.ย. 49 http://www.matichon.co.th)





ข่าววิจัย/พัฒนา


กังขา “โอเมกา3” ดีต่อสุขภาพ? ยังไร้หลักฐานชี้มีประโยชน์ชัดเจน

นักวิจัยได้ศึกษาผลกระทบของกรดไขมันโอเมกา 3 ที่มีผลต่ออัตราการตาย โรคหัวใจ และมะเร็ง พบว่าไม่มีหลักฐานที่แสดงว่า “มีประโยชน์ ชัดเจน” จากกรดไขมันปลาดังกล่าว หลังจากที่เชื่อกันมาเป็นเวลาหลายปีแล้วว่าการกินปลา อย่างเช่น ปลาแม็คเคอเรล หรือแซลมอน สัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ แต่จากการศึกษาครั้งนี้ที่ได้วิเคราะห์กรณีศึกษา 89 ราย ไม่พบหลักฐานที่มั่นคงแข็งแรงที่จะบอกว่ากรดไขมันโอเมกา 3 ช่วยลดหรือเพิ่มอัตราการตายจากโรคดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาอื่นๆ ก่อนหน้านี้พบว่าโอเมกา 3 ให้ผลในเชิงบวกต่อสุขภาพ (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 27 มี.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





บดินทรฯเสนอหญ้าปล้องซับมลพิษน้ำมัน

พีรจุฬา จุฬานนท์ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กล่าวว่า ศึกษาคุณสมบัติในการดูดซับของหญ้าปล้อง เพื่อนำมาใช้ซับคราบน้ำมันที่ปนเปื้อนตามแหล่งน้ำ สามารถแก้ปัญหามลพิษได้ในราคาถูก เนื่องจากเป็นพืชที่ขึ้นอยู่ทั่วไป และมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับวัสดุสังเคราะห์ ไส้หญ้าปล้องมีคุณสมบัติพิเศษ คือ มีน้ำหนักเบา และมีรูพรุนคล้ายฟองน้ำ ทำให้การดูดซับน่าจะเป็นผลดีต่อการทดลองนี้ ซึ่งเมื่อทดลองแล้วพบว่า ไส้หญ้าปล้องดูดซับน้ำมันได้ดีกว่าน้ำ เนื่องจากน้ำมันมีสารบางอย่างในตัว เมื่อนำไปทดลองกับไส้หญ้าปล้อง สารดังกล่าวเกิดการเกาะติดกับไส้หญ้าปล้องและดูดซับน้ำมันได้ดีกว่าน้ำหลายเท่า ก่อนหน้านี้เคยมีนักศึกษารุ่นก่อนทำเครื่องกรองอากาศ โดยนำไส้หญ้าปล้องมาใช้ ผลปรากฏว่าไส้หญ้าปล้องสามารถจับฝุ่นละอองได้ดี ผู้ทำการทดลองจึงนำหลักการดังกล่าวมาประยุกต์ใช้กับการทดลองของตน ซึ่งก็ได้ผลดีเช่นกัน ทั้งนี้ ผลงานทดลองดังกล่าวสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศจากการประกวดโครงงานนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ ปี 2549 จากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ที่ร่วมกับบริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) ซึ่งนักเรียนกลุ่มนี้จะได้ร่วมเดินทางเข้าร่วมผลงานวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมระดับนานาชาติ หรืออินเทล ไอเซฟ ที่สหรัฐ เดือนพฤษภาคมนี้ (คมชัดลึก จันทร์ที่ 27 มี.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





วิจัยการเลี้ยงปูม้าในคอก มิติใหม่ในศาสตร์ประมงเพื่อเกษตรกร

การเลี้ยงปูม้าในคอก ภายใต้การสนับสนุน จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ผศ.ดร.ชลธี ชีวะเศรษฐธรรม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี และทีมงานใช้วิธีการผลิตปูม้า ในโรงเพาะฟักระบบ ผลิตลูกพันธุ์ปูม้าปลอดสารพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แล้วนำไปเลี้ยงในบ่อดินอันเป็นบ่อกุ้งร้าง และสามารถเจริญเติบโตได้ดี ในระดับหนึ่ง ได้ ศึกษาพื้นที่อ่าวปัตตานี และที่ชุ่มน้ำรอบอ่าว อำเภอเมืองและอำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี ในพื้นที่ราวๆ 74 ตารางกิโลเมตร ซึ่งพื้นที่แห่งนี้มีความสำคัญหลายด้าน หลายมิติที่เหมาะสม ในการอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อน ที่สำคัญคืออุดมไปด้วยหญ้าทะเล สาหร่ายผมนาง หอยกะพง และหอยแมลงภู่ ที่เกิดตามธรรมชาติสามารถนำมาใช้เป็นอาหารสดสำหรับการเลี้ยงปูม้าในคอกอย่างเพียงพอ อาหารปูเหล่านี้บางส่วนเป็นผลพลอยได้ จากการทำประมงจากเดิมแล้ว และบางส่วนก็มาจากการเหลือทิ้งอย่างเปล่าประโยชน์ เมื่อนำมาเป็นอาหารปูม้าจึงเป็นการเพิ่มมูลค่าโดยปริยาย โครงการนำร่อง ได้ทดลองที่ บ้านดาโต๊ะ บ้านปาตาบูดี และบ้านกำปงบูดี ตําบลแหลมโพธิ์ อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี โดยใช้เทคนิคการเลี้ยงปูม้าในคอก ขั้นตอนการวิจัยขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนทดลองศึกษาเก็บข้อมูลต่างๆ จะใช้เวลาในการดำเนินการ 12 เดือนงานนี้ได้รับผลตอบรับและความร่วมมือจากชาวบ้านเป็นอย่างดี (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 27 มี.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





จุฬาฯศึกษาเทคนิคใหม่ทำไก่ปลอดเชื้อ

ผศ.น.สพ.ดร.ศุภชัย เนื้อนวลสุวรรณ อาจารย์และนักวิจัยจากภาควิชาสัตวแพทยสาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับทีมงานศึกษากระบวนการทำไก่ปลอดเชื้อไข้หวัดนก ด้วยเครื่องแรงดันสูงซึ่งไม่ใช้ความร้อน ไก่จึงไม่สุกและสามารถนำไปประกอบอาหารได้เหมือนไก่สด และมีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อไวรัส และแบคทีเรียต่างๆ ที่เป็นสาเหตุของโรคอาหารเป็นพิษด้วย ข้อดีของกระบวนการไก่ปลอดเชื้อ ด้วยเครื่องแรงดันสูงด้วยน้ำ นอกจากมั่นใจได้ว่าปลอดเชื้อต่างๆ แล้ว ไก่ที่ผ่านกระบวนการแล้วยังคงมีลักษณะเนื้อหนังไก่ และรสชาติสีสันเหมือนไก่สด ซึ่งผู้บริโภคจะคุ้นเคยมากกว่าไก่ต้มสุก ที่ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อด้วยความร้อน ทำให้สูญเสียรสชาติ และอรรถรสในการปรุงอาหาร สำหรับเครื่องต้นแบบทดลอง ทีมวิจัยได้สั่งเครื่องอัดแรงดันสูง ที่เป็นรุ่นสำหรับใช้ในงานวิจัยจากต่างประเทศ แต่ในอนาคต ดร.ศุภชัย หัวหน้าทีมวิจัยโครงการ มั่นใจว่า เครื่องดังกล่าววิศวกรไทย มีศักยภาพทำขึ้นมาใช้เองได้ โดยใช้วิธีที่เรียกว่า "วิศวกรรมย้อนรอย" โครงการวิจัยดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของแผนงานบูรณาการด้านยาเคมีภัณฑ์ และวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการบูรณาการระยะปานกลางมูลค่า 310 ล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ มีเป้าหมายส่งเสริมงานวิจัยที่มีศักยภาพ ตลอดจนพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ออกเป็นสินค้าในเชิงพาณิชย์ (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 27 มี.ค. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





สวทช.นำเศษโซลาร์เซลล์ทำอุปกรณ์ชาร์จมือถือ

นายชาตรี ตั้งอมตะกุล นักวิจัยสถาบันเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยว่า ทีมวิจัยประสบความสำเร็จในการนำเซลล์แสงอาทิตย์ หรือโซลาร์เซลล์ในส่วนของเศษชิ้นส่วนเหลือใช้ จากโรงงานผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์นำร่องแบบสายการผลิต ขนาด 250-300 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการของ สวทช. มาใช้ดัดแปลงเพื่อใช้ประโยชน์ ล่าสุดได้นำเศษของโซลาร์เซลล์ขนาด 3 วัตต์ มาพัฒนาเป็นชุดชาร์จโทรศัพท์เคลื่อน ซึ่งอุปกรณ์ประกอบด้วย เซลล์แสงอาทิตย์แบบฟิล์มบาง หรืออะมอฟัสซิลิกอน ที่พัฒนาได้จากห้องปฏิบัติการของสถาบันเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นเซลล์แสงอาทิตย์ที่ประยุกต์ใช้เป็น อุปกรณ์ขนาดเล็กสำหรับตรวจสอบประสิทธิภาพการใช้งาน ก่อนหน้านี้ ทีมวิจัยได้พัฒนาเสาไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ รถขนถ่ายวัสดุพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งทดลองใช้งาน ในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทยอยู่ในปัจจุบัน สำหรับวิธีการใช้งาน เพียงคลี่แผงโซลาร์เซลล์ดังกล่าวออก เพื่อรับแสงอาทิตย์ จากนั้นต่อสายชาร์จเข้ากับเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยวางทิ้งไว้ราว 2-3 ชั่วโมง แผงโซลาร์เซลล์จะทำหน้าที่รับและเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นไฟฟ้ากระแสตรงได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านอุปกรณ์แปลงสัญญาณ หรืออินเวอร์เตอร์ เนื่องจากกระแสไฟฟ้าที่ใช้ชาร์จเข้ากับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น เป็นไฟฟ้ากระแสเดียวกัน พร้อมกันนี้ ทีมวิจัยได้เพิ่มชุดขั้วต่อสายในแบบต่างๆ ถึง 5 แบบ เพื่อรองรับการใช้งานมือถือทุกรุ่นทุกยี่ห้อ โดยอุปกรณ์ดังกล่าวมีน้ำหนักเพียง 200 กรัม ขนาดแผง 50x22x0.5 เซนติเมตร และสามารถพับเก็บได้เพื่อความสะดวกในการพกพา ส่วนต้นทุนผลิตอุปกรณ์ชาร์จนี้ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ตัวแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งราคาขายอยู่ที่วัตต์ละ 200 บาท (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 27 มี.ค. 49 http://www.bangkokbiznews.com





เครื่องขูดมะละกออัตโนมัติ

ภานุวัฒน์ จันทร์มาก และธีรวุฒิ ชมแก้ว จากคณะวิศวกรรมและเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี นำเสนอเครื่องขูดเส้นมะละกอ ถ้าการบริโภคมะละกอเพิ่มขึ้นเครื่องดังกล่าวน่าจะใช้ช่วยทุ่นเวลาในการขูดที่โดยปกติพ่อค้าแม่ค้าใช้มือกัน นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นของการริเริ่ม การขูดให้ออกมาเป็นลักษณะเส้นๆ ยาวๆ ก็สามารถใช้ได้กับเครื่องนี้ เครื่องขูดมะละกออัตโนมัตินี้ถูกออกแบบและสร้างขึ้นโดยมีมอเตอร์เป็นเครื่องต้นกำลังในการขับสายพาน ส่งไปยังชุดใบมีดเพื่อทำการขูดชิ้นเนื้อมะละกอขนาดความยาวประมาณ 13 เซนติเมตร โดยพิจารณาจากระยะห่างของใบมีดแต่ละใบ ใช้อัตราความเร็วรอบอยู่ระหว่าง400-700 rpm สามารถขูดมะละกอได้ 0.5 กิโลกรัม ในเวลา 3-7 วินาที แต่เมื่อมาทดสอบหาประสิทธิภาพของเครื่องแล้วพบว่า ที่ความเร็วรอบระหว่าง 500-600 rpm จะให้ประสิทธิภาพสูงสุดที่ 82.00% ใช้เวลาประมาณ 5-6 วินาที ขูดมะละกอได้ 0.5 กิโลกรัม โดยที่ชิ้นมะละกอที่ขูดได้ไม่ช้ำและเป็นชิ้นยาวไม่ขาด สำหรับผู้ใดที่สนใจเครื่องขูดมะละกออัตโนมัตินี้ สามารถติดต่อสอบถามไปได้ที่ คณะวิศวกรรมและเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี หมายเลขโทรศัพท์ 0-2549-3300 หรือ 0-9671-2945 (สยามรัฐรายวัน จันทร์ที่ 27 มี.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)





ไวรัสโจมตีเซลล์ต่างจุด เหตุ"หวัดนก"ลามคนสู่คนยาก

คณะนักวิจัยม.วิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา เปิดเผยกับวารสารเนเชอร์ว่า ได้ศึกษาว่าเหตุใดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เอช 5 เอ็น 1 จึงยังไม่แพร่จากคนสู่คนโดยง่ายทั้งที่สามารถขยายจำนวนในปอดคนได้อย่างรวดเร็ว ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 100 คน ตั้งแต่กลับมาระบาดใหม่เมื่อปลายปี 2546 และพบว่า เซลล์ของคนที่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มักเป็นเซลล์ของระบบทางเดินทางหายใจส่วนบน ส่วนเซลล์ของคนที่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกมักเป็นเซลล์ของระบบทางเดินหายใจส่วนล่างคือเซลล์ที่อยู่ลึกลงไปในปอด ทำให้ยากที่จะแพร่กระจายผ่านการไอหรือจาม นักวิจัยเชื่อว่าหากไวรัสเอช 5 เอ็น 1 สามารถพัฒนาตัวให้เล่นงานเซลล์ของระบบทางเดินหายใจส่วนบนได้ก็จะก่อให้เกิดการระบาดในระดับโลกได้ ศาสตราจารย์เอียน โจนส์ จากมหาวิทยาลัยรีดดิง ประเทศอังกฤษ ให้ความเห็นว่า ผลการศึกษาชิ้นนี้อาจใช้อธิบายได้ว่าเหตุใดเด็กจึงติดเชื้อเอช 5 เอ็น 1 ได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ สาเหตุเป็นเพราะระบบทางเดินหายใจของเด็กสั้นกว่าผู้ใหญ่ (ข่าวสด จันทร์ที่ 27 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





โอโซนในกลุ่มควันพิษ ออกฤทธิ์ทำลาย"สเปิร์ม"

นักวิจัยวิทยาลัยแพทย์เค็ค มหาวิทยาลัยเซาเธิร์นแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา นำโดยรีเบคก้า โซคอล ค้นพบว่า โอโซนที่อยู่ในกลุ่มควันพิษในอากาศไม่เพียงเป็นอันตรายต่อปอด แต่ยังส่งผลร้ายทำให้ "อสุจิ" ผู้ชายลดลง ผลการค้นพบดังกล่าว ตีพิมพ์ในนิตยสารนิว ไซแอนซ์ติสต์ ระบุว่า จากการนับจำนวนสเปิร์มผู้ชาย 43 คนที่บริจาคสเปิร์ม หรือ น้ำอสุจิ อย่างน้อย 10 ครั้งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาให้กับธนาคารสเปิร์มลอสแองเจลิส สหรัฐ ร่วมกับการวัดมลพิษทางอากาศในพื้นที่ซึ่งผู้ชายแต่ละคนเหล่านี้อาศัยอยู่และประเมินปริมาณมลพิษที่ผู้บริจาคสเปิร์มแต่ละคนรับเข้าไป พบว่า โอโซนในหมอกควันพิษเป็นมลพิษชนิดเดียวที่มีส่วนเกี่ยวข้องชัดเจนกับการผลิตสเปิร์มที่ลดลง ส่วนคาร์บอนมอนอกไซด์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แม้โอโซนจะไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลูกอัณฑะ แต่โอโซนเป็นสาเหตุให้เกิดการอักเสบและการผลิตสารพิษในกระแสเลือดซึ่งมีฤทธิ์ทำลายสเปิร์ม (ข่าวสด จันทร์ที่ 27 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





อากาศเสียส่งผลต่อความเป็นชาย โอโซนยิ่งสูงยิ่งพบเชื้ออสุจิลด

อากาศที่เต็มไปด้วยหมอกควันมิได้เป็นผลเสียต่อปอดเท่านั้น แต่ยังส่งผลร้ายต่อตัวเชื้ออสุจิของชายชาตรีทั้งหลายด้วย ดังผลที่ได้จากการสำรวจชายหนุ่มในนครลอสแอนเจลิส อเมริกา ที่พบว่าผลการตรวจนับเชื้ออสุจิของพวกเขาลดลงในขณะที่ระดับโอโซนเพิ่มขึ้น รีเบคกา โซโคล และคณะจากมหาวิทยาลัยเซาเธิร์น แคลิฟอร์เนีย ที่ลอสแอนเจลิส (แอลเอ) ได้นับเชื้ออสุจิของชาย 48 ราย ที่บริจาคให้ธนาคารอสุจิแอลเอ อย่างน้อย 10 ครั้ง ในช่วงระยะเวลา 2 ปี จากนั้นวัดระดับอากาศเป็นพิษตามพื้นที่รหัสไปรษณีย์ที่ชายเหล่านั้นแจ้งว่าอาศัยอยู่ ทีมศึกษาได้คาดการปริมาณของมลพิษในอากาศที่มีอยู่หลากหลาย ที่ชายกลุ่มนี้ต้องเผชิญในวันก่อนที่จะถึงการบริจาค นักวิจัยพบว่า ระดับโอโซนซึ่งเกิดขึ้นเมื่อแสง อาทิตย์ทำปฏิกิริยาระหว่างไนโตรเจน ออกไซด์ กับไฮโดรคาร์บอนส์ในอากาศที่เต็มไปด้วยหมอกควันนั้น เป็นเพียงมลพิษชนิดหนึ่งที่เชื่อมโยงไปถึงการผลิตอสุจิลดลง โดยผลในการทำลายล้างของมันจะมีขึ้นในระหว่าง 90 วัน ของกระบวนการผลิตตัวเชื้อนั้น หัวหน้าคณะนักวิจัยกล่าวว่า ระดับโอโซนที่สูงขึ้นไม่ได้มีผลโดยตรงต่ออัณฑะ แต่มันอาจจะเป็นเหตุให้เกิดการอักเสบหรือผลิตสารพิษขึ้นมาในเลือด ซึ่งทำลายตัวอสุจิได้ (ไทยรัฐ อังคารที่ 28 มี.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





ชิพไร้สายวัดอายุผลไม้สุกส่งสัญญาณไร้สายผ่านคลื่นไมโครเวฟ

ศ.ดร.โมไนย ไกรฤกษ์ ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีสายอากาศ จากภาควิชาวิศวกรรมโทรคมนาคม คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ประยุกต์ความรู้ด้านคลื่นไมโครเวฟมาใช้ตรวจวัดความสุกของผลไม้ เพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถวางแผนการเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อย่างแม่นยำ และได้ผลไม้ที่มีคุณภาพ จากการทดลองพบว่า คลื่นไมโครเวฟยิงเข้าไปในผลมะม่วงที่เก็บเกี่ยวมาในระยะเวลาที่แตกต่างกัน ให้คุณสมบัติทางไฟฟ้าต่างกัน และเป็นตัวเลขซึ่งค่อนข้างคงที่สำหรับไม้ผลแต่ละชนิด โดยเฉพาะกับผลไม้ที่มีเปลือกบาง เช่น มะม่วง ส้ม เทคนิคดังกล่าวยังสามารถใช้คัดแยกมังคุดที่มีปัญหาเนื้อแก้วยางไหลได้โดยไม่ต้องผ่าดู ช่วยแก้ปัญหาสำคัญของการส่งออกมังคุด จากความสำเร็จดังกล่าวนำไปสู่การวิจัยขั้นต่อไปคือ พัฒนาเครื่องมือเพื่อให้เกษตรกรสามารถใช้สิ่งประดิษฐ์นี้ในสวนผลไม้ของตนเองได้ ทีมวิจัยจะใช้ความรู้ด้านสายอากาศมาช่วยพัฒนาเครื่องมือตรวจวัดความสุกของผลไม้ด้วยไมโครเวฟนี้ให้มีขนาดเล็กลงจนมีขนาดเท่ากับพวงกุญแจ ซึ่งจะทำให้เกษตรกรพกติดตัวเข้าไปในสวนได้ และสามารถใช้ตรวจสอบได้ทันทีว่าผลไม้ลูกไหนพร้อมที่จะเก็บเกี่ยว พร้อมกันนั้น ได้นำความรู้ด้านเทคโนโลยีสายอากาศที่มีอยู่ มาผสมผสานกับเครื่องไมโครเวฟดังกล่าว เพื่อสร้างระบบที่เรียกว่าแล้วระบบฟาร์มฉลาด สิ่งที่ทีมวิจัยมุ่งหวังมากกว่านั้นคือ การใช้ความรู้ต่างๆ มาพัฒนาและออกแบบ "ชิพ" ที่สามารถนำไปติดไว้กับผลไม้บนต้น ชิพดังกล่าวเป็นเซ็นเซอร์ที่สามารถใช้ตรวจวัดระยะสุกของผลไม้ได้ตลอดเวลา พร้อมกับชุดส่งสัญญาณไร้สายแจ้งมายังคอมพิวเตอร์พกพา "พีดีเอ" เพื่อให้ทราบว่าผลไม้ลูกไหนพร้อมที่จะเก็บเกี่ยวแล้ว (คมชัดลึก อังคารที่ 28 http://www.komchadluek.net)





วว.เปิดแล็บตรวจคุณภาพมอเตอร์

นายสุรพล วัฒนวงศ์ รองผู้ว่าการบริการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เปิดเผยว่า สถาบันได้จัดตั้ง "ห้องปฏิบัติการส่งเสริมการผลิตมอเตอร์ประสิทธิภาพสูง" เพื่อบริการทดสอบประสิทธิภาพของมอเตอร์แก่ผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ผู้นำเข้า ผู้ใช้มอเตอร์ในกิจการต่างๆ รวมทั้งตอบสนองความต้องการของหน่วยงานรับรองคุณภาพต่างๆ ที่ต้องการห้องปฏิบัติการ มอเตอร์ไฟฟ้าถือเป็นเครื่องต้นกำลังที่มีความต้องการสูงในภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม โดยประมาณว่า มีมอเตอร์กว่า 1 ล้านเครื่อง ที่ได้รับการติดตั้งทำงานอยู่ในประเทศ และคิดเป็นสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดภายในประเทศ 50% ขณะที่ผู้ใช้จำนวนมากต้องการใช้มอเตอร์ประสิทธิภาพสูงมากกว่ามอเตอร์มาตรฐาน เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในระยะยาว ส่งผลให้ผู้ใช้ส่วนหนึ่งต้องการทดสอบว่า มอเตอร์ที่ติดตั้งเป็นชนิดประสิทธิภาพสูงจริงหรือไม่ ด้าน นายสำเร็จ อายุพงศ์ นักวิชาการ วว. ได้สุ่มทดสอบมอเตอร์ทั้งสองชนิด ซึ่งมีขนาด 5 แรงม้าเท่ากันและผลิตจากบริษัทชั้นนำ พบว่า มอเตอร์แบบมาตรฐานจะใช้ไฟฟ้า 4.1778 กิโลวัตต์ ส่วนมอเตอร์ประสิทธิภาพสูงจะใช้ไฟฟ้าเพียง 3.7059 กิโลวัตต์ คิดเป็นการใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าถึง 11.30% ดังนั้น หากนำมอเตอร์ทั้งสองชนิดไปใช้ทำงานต่อเนื่องทั้งปีรวม 8,500 ชั่วโมง พบว่า การใช้มอเตอร์ประสิทธิภาพสูงจะประหยัดค่าไฟมากกว่าแบบมาตรฐานถึง 11,030.66 บาทต่อเครื่องต่อปี (คมชัดลึก อังคารที่ 28 http://www.komchadluek.net)





คิดเอง - เครื่องให้อาหารสุนัขอัตโนมัติเที่ยงตรง-หมดปัญหา-ราคาถูก

ผลการประดิษฐ์คิดค้น "เครื่องให้อาหารสุนัขอัตโนมัติ" นำทีมโดย 2 คณาจารย์ วิษณุ มีสวัสดิ์ และ ณราธร สังข์ประเสริฐ แห่งแผนกวิชาเทคนิคคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย (มทร.ศรีวิชัย) วิทยาเขตภาคใต้ จ.สงขลา เครื่องให้อาหารสุนัขที่คิดค้นขึ้นนอกจากราคาถูก ตั้งเวลาการทำงานได้ผลเต็มร้อย สามารถคลายความกังวลใจของผู้เลี้ยงที่ต้องไกลบ้านหลายวันได้ชะงัดแล้ว ยังปรับใช้กับระบบฟาร์มเลี้ยงสัตว์ชนิดอื่นได้อีกต่างหากด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องการให้อาหารในช่วงที่เจ้าของไม่อยู่บ้านรายละเอียดการคิดประ ดิษฐ์เครื่องนี้ ใช้ระบบไมโครคอนโทรลเลอร์ควบคุมโปรมแกรมการให้อาหารได้ สามารถตั้งโปรแกรมจำนวนมื้อและจำนวนวันให้ได้ผลเต็มร้อยชนิดไม่คลาดเคลื่อน ตลอดจนสามารถกำหนดปริมาณจำนวนอาหารในแต่ละมื้อให้เหมาะกับน้ำหนักของสุนัขได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ภายในเครื่องจะใช้ถาดปล่อยปริมาณอาหารได้ 3 ระดับ จำนวนมาก ปานกลาง และน้อย ประยุกต์จากถาดใส่ซีดีของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ชำรุดแล้วนำมาปรับแต่ง ราคาต้นทุนอยู่ที่ 2,000 บาทต่อเครื่อง จากการทดลองกว่า 10 ครั้ง ก่อนจะสรุปและเตรียมออกจำหน่ายให้แก่ผู้สนใจนั้น เจ้าเครื่องนี้ให้ผลถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ ทำหน้าที่อย่างดีมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับมนุษย์ เพียงขึ้นอยู่กับความต้องการหรือความจำเป็นของผู้เลี้ยงที่จะไปไกลบ้านนานหลายวันเท่านั้น ทั้งนี้บนพื้นฐานของการประหยัดเวลา กำลังคน ตลอดจนประหยัดปริมาณอาหารได้เป็นอย่างดี ผู้ที่สนใจ ติดต่อได้ที่ มทร.ศรีวิชัย โทร.0-7432-3504-6 ต่อ 1911 (คมชัดลึก อังคารที่ 28 http://www.komchadluek.net)





"เสื้อผ้าอัจฉริยะ" สู่ยุคสวมใส่ความไฮเทค

วิวัฒนาการของเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย กำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านจากที่เคยเน้นคุณภาพของเนื้อผ้าประเภทใหม่ๆ เช่น โพลีเอสเตอร์ สแปนเด็กซ์ กอร์-เท็กซ์ ฯลฯ มาเป็นเสื้อผ้าที่ผสานเอาเทคโนโลยีไฮเทคเข้าไปอยู่ในตัวเดียวกัน หรือที่เรียกว่า "เสื้อผ้าอัจฉริยะ" ตัวอย่างเสื้อผ้าอัจฉริยะที่มีวางจำหน่ายแล้วในปัจจุบัน เช่น เสื้อแจ๊กเก๊ตยี่ห้อเบอร์ลิงตันของสหรัฐ ซึ่งซ่อนเครื่องเล่นเพลงดิจิตอลเอาไว้ในแขนเสื้อ หรือ เสื้อแจ๊กเก๊ตที่ติดตั้งพัดลมเอาไว้ด้านในเพื่อดับร้อนยี่ห้อคุโชวฟุกุ ประเทศญี่ปุ่น และรองเท้ารุ่น "อาดิดาส 1" ซึ่งใต้พื้นรองเท้ามี "ชิพคอมพิวเตอร์" คอยปรับระดับส้นรองเท้าให้เหมาะกับแรงกระแทก ซึ่งเป็นเพียงตัวอย่างสินค้าทั้ง เพราะเสื้อผ้าอัจฉริยะชนิดไฮเทคอย่างแท้จริงจำนวนมาก กำลังอยู่ในระหว่างขั้นตอนพัฒนาในห้องทดลองและแผนกวิจัยของบริษัทใหญ่ๆ ทั่วโลก นอกจากนี้มีนักศึกษามีเดียแล็บกลุ่มหนึ่ง กำลังพยายามคิดค้นนำเอาวัสดุที่มีต้นทุนไม่สูงมากนัก มาดัดแปลงประดิษฐ์ชุดอัจฉริยะ ล่าสุด กำลังทดลองนำวัสดุนิกเคิล กับ ไทเทเนียม มาผสมเข้าด้วยกันเพื่อตัดเย็บเป็น "เสื้อเชิร์ตแขนยาว" มีคุณสมบัติยืด-หดแขนเสื้อได้ตามอุณหภูมิรอบๆ ตัว เช่น ถ้าอากาศร้อน แขนเสื้อจะหดตัวเป็นแขนสั้นภายในเวลาไม่กี่วินาที เส้นทางการพัฒนาเสื้อผ้าอัจฉริยะยังจะเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องติดตามดูกันต่อไป (ข่าวสด อังคารที่ 28 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod





ปั้นหมูโคลนนิ่งมีโอเมก้า 3 เล็งผลด้านเกษตรกับสุขภาพ

คณะนักวิจัยในสหรัฐอเมริการายงานในวารสารเนเจอร์ ไบโอเทคโนโลยี ฉบับวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า ได้โคลนนิ่งลูกหมูที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง ซึ่งเป็นกรดไขมันที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ นำโดย ดร.อี้ฟัน ไต้ แห่งคณะแพทย์ มหาวิทยาลัยพิตส์เบิร์ก ได้ทดลองนำยีนหรือหน่วยพันธุกรรมที่เรียกว่า กรดไขมัน 1 ของพยาธิตัวกลมชนิดหนึ่งไปปลูกถ่ายในเซลล์ของตัวอ่อนหมู ยีนดังกล่าวเข้าไปเปลี่ยนกรดไขมันโอเมก้า 6 ที่มีมากมายในหมู และไม่ค่อยเป็นประโยชน์เท่าใดนัก ให้กลายเป็นกรดไขมันโอเมก้า 3 นักวิจัยนำนิวเคลียสของเซลล์ที่ผ่านการตัดแต่งดังกล่าวเข้าไปใส่แทนนิวเคลียสในไข่ของหมู ตามวิธีการโคลนนิ่งที่เป็นต้นกำเนิดของแกะดอลลี่ เมื่อปี 2539 สำหรับวัตถุประสงค์ของงานวิจัยชิ้นนี้ คณะนักวิจัยแจ้งว่าต้องการศึกษาการทำหน้าที่ของหัวใจให้มากขึ้น เนื่องจากหัวใจหมูและหัวใจคนมีความคล้ายคลึงกันมาก พวกเขาจะใช้หัวใจหมูเป็นแบบศึกษาว่า หากเพิ่มระดับของโอเมก้า 3 ในร่างกายจะส่งผลต่อการทำหน้าที่ของหัวใจอย่างไร นอกจากนี้ การโคลนนิ่งหมูเหล่านี้เพื่อการบริโภคอาจได้ ประโยชน์สองต่อ เพราะหมูที่มีหัวใจแข็งแรงจะมี อายุยืน ลดการสูญเสียของผู้เลี้ยง ขณะเดียวกัน อาจเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อผู้บริโภคมากกว่าเดิม (ไทยรัฐ พุธที่ 29 มี.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





จอภาพรุ่นใหม่บางเทียบพลาสติก

นักวิจัยได้พัฒนาพลาสติกที่มีความบางเฉียบช่วยให้ประจุไฟฟ้าผ่านด้วยความเร็วสูงอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตจอภาพแอลซีดี และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิสก์อื่นๆ ให้ถูกลง ในอนาคตตัวพลาสติกใส ซึ่งคล้ายกับกระดาษแก้วเมื่อนำมาห่อชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แล้วสามารถนำมาใช้แทนสารเคมีสำหรับผลิตจอภาพต่างๆ หรือใช้ทำชิพความถี่คลื่นวิทยุสำหรับนำมาใช้ตรวจสอบจำนวนสินค้าในคลังสินค้า หรือใช้ติดตามขบวนรถจัดส่งสินค้า และฝูงปศุสัตว์ เป็นต้น ทีมนักวิจัยจากอังกฤษพบวิธีที่จะทำให้ประจุไฟฟ้าไหลผ่านพลาสติกได้เร็วกกว่าเดิม 6 เท่า โดยใส่สารประเภทอะมอร์ฟัสซิลิคอน ซึ่งมีคุณสมบัติให้อิเล็กตรอนไหลผ่าน การค้นพบดังกล่าวจะนำไปสู่วิธีใหม่ในการผลิตจอภาพ และอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ โดยไม่ต้องอาศัยขบวนการสุญญากาศในการเคลือบซิลิคอนบนแก้ว แต่วิธีใหม่นี้จะพ่นโพลีเมอร์เหลวลงบนพลาสติกชิ้นเล็กๆ คล้ายกับวิธีที่เครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ตพ่นหมึกลงบนกระดาษ วิธีใหม่นี้จึงเป็นขบวนการผลิตส่วนประกอบของมอนิเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่แปลกใหม่ต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง (คมชัดลึก พุธที่ 29 มี.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





เนคเทคทำสมองกลติดรถเอ็นจีวี

ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค/สวทช.) เปิดเผยว่า เนคเทคประสบความสำเร็จ ในการพัฒนาระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (ECU) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ควบคุมปริมาณจ่ายก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ โดยร่วมกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ดำเนิน "โครงการทดสอบผลงานวิจัยระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (ECU) กับรถยนต์ใช้ก๊าซธรรมชาติ” ทั้งการทดสอบใช้งานจริงบนท้องถนน และทดสอบในห้องปฏิบัติการของสถาบันวิจัยและพัฒนา ปตท. อุปกรณ์ ECU ของเนคเทค สามารถปรับใช้ได้กับเครื่องยนต์ ระบบ 4 หัวฉีดทุกรุ่น โดยแยกการทำงานตามจังหวะจุดระเบิด อีกทั้งสามารถปรับแต่งค่าผ่านซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าว ได้ผ่านการทดสอบวิ่งในรถยนต์จริงที่ระยะทาง 10,000 กิโลเมตร สามารถพิสูจน์ได้ว่าช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้ 50% อุปกรณ์จะแปลงค่าพลังงานน้ำมันที่ต้องการสำหรับเครื่องยนต์ ในขณะขับขี่ให้อยู่ในหน่วยของปริมาณก๊าซ ที่ให้พลังงานเท่ากัน และไม่ก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศ ซึ่งอาศัยหลักการประมวลผลจากเซ็นเซอร์ตรวจจับสัญญาณ จากการจ่ายเชื้อเพลิงของหัวฉีดน้ำมัน ที่สอดคล้องกับรอบของเครื่องยนต์ เพื่อหาค่าเวลาในการจ่ายก๊าซที่เหมาะสม ปตท. ได้เข้าร่วมโครงการทดสอบประสิทธิภาพการใช้งาน อุปกรณ์ ECU ของเนคเทค ว่าสามารถใช้ร่วมกับชุดอุปกรณ์อื่น อาทิเช่น เครื่องยนต์ วาล์วปรับความดันภายในรถ ที่แตกต่างกันไปในแต่ละยี่ห้อรถ รวมถึงปรับแต่งให้สอดคล้องกับลักษณะของเครื่องยนต์ ภายใต้ระยะเวลาในการทดสอบ 4 เดือน หากประสบความสำเร็จในการทดสอบ โครงการจะดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ โดยลดการนำเข้าอุปกรณ์ ECU ซึ่งสูงกว่า 50% และจะส่งเสริมให้เกิดการใช้ก๊าซ ในรถยนต์ทั่วไปมากขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 27 มี.ค. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





วิศวกรโทรคมนาคมคิดชิพวัดอายุผลไม้

ศ.ดร.โมไนย ไกรฤกษ์ ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีสายอากาศ และอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโทรคมนาคม คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบังประยุกต์ความรู้ด้านคลื่นไมโครเวฟ มาใช้ตรวจวัดความสุกของผลไม้ เพื่อให้เกษตรกรสามารถวางแผนการเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อย่างแม่นยำ และได้ผลไม้ที่มีคุณภาพ จากการทดลอง ในห้องปฏิบัติการพบว่าคลื่นไมโครเวฟยิงเข้าไปในผลมะม่วงที่เก็บเกี่ยวมาในระยะเวลาที่แตกต่างกัน มีความแตกต่างกันของคุณสมบัติทางไฟฟ้า ซึ่งสามารถตรวจวัดได้จาก คลื่นไมโครเวฟที่ถูกยิงผ่าน และเป็นตัวเลขค่อนข้างคงที่ สำหรับไม้ผลแต่ละชนิด โดยเฉพาะผลไม้เปลือกบาง เช่น มะม่วง ส้ม นอกจากนี้ เทคนิคดังกล่าวยังสามารถใช้คัดแยกมังคุด ที่มีปัญหาเนื้อแก้วยางไหลได้โดยไม่ต้องผ่าดู จึงแก้ปัญหาการส่งออกมังคุด จากความสำเร็จดังกล่าว นำไปสู่การวิจัยขั้นต่อไปก็คือ พัฒนาเครื่องมือเพื่อให้เกษตรกรสามารถใช้งานในสวนผลไม้ได้จริง โดยในช่วง 2 ปีข้างหน้า ทีมวิจัยจะใช้ความรู้ด้านสายอากาศ สำหรับพัฒนาเครื่องมือตรวจความสุกผลไม้ด้วยไมโครเวฟให้มีขนาดเล็กลง จนมีขนาดเท่ากับพวงกุญแจ ซึ่งจะทำให้เกษตรกรพกติดตัวเข้าสวนได้ พร้อมทั้งจะนำความรู้ด้านเทคโนโลยีสายอากาศ มาผสมผสานกับเครื่องไมโครเวฟดังกล่าว เพื่อสร้าง "ระบบฟาร์มฉลาด" (Smart Farm) คือระบบการจัดการฟาร์มที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการดูแลอย่างครบวงจร ซึ่งในส่วนของการตรวจวัดความพร้อมของผลผลิตเพื่อการเก็บเกี่ยวนั้น นอกเหนือจากเครื่องมือวัดความสุกระบบไมโครเวฟ ที่พกพาได้แล้ว สิ่งที่ทีมวิจัยมุ่งหวังมากกว่านั้นก็คือการใช้ความรู้ต่างๆ มาพัฒนาและออกแบบ “เซ็นเซอร์ชิพ” ที่สามารถนำไปติดไว้กับผลไม้บนต้น ชิพดังกล่าวจะเป็นเซ็นเซอร์ที่สามารถใช้ตรวจวัดระยะสุกของผลไม้ ได้ตลอดเวลา พร้อมกับชุดส่งสัญญาณไร้สายแจ้งมายังคอมพิวเตอร์พกพา "พีดีเอ" เพื่อให้ทราบว่าผลไม้ลูกไหนพร้อมที่จะเก็บเกี่ยวแล้ว โดยภายใน 3 ปีจะทดสอบเทคโนโลยีนี้กับสวนทุเรียนจันทบุรี และหากสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจริง ก็จะช่วยทำให้สามารถเก็บเกี่ยวไม้ผลเศรษฐกิจชนิดนี้ ให้ตรงระยะเวลาเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมได้ทุกๆ ลูก ซึ่งนอกจากช่วยให้มีรายได้ จากการขายมากขึ้นแล้ว ยังทำให้มีผลผลิตคุณภาพส่งออกในปริมาณมากขึ้นด้วย (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 27 มี.ค. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





วว.ผุดแล็บทดสอบมอเตอร์รายแรกในไทย

นายสุรพล วัฒนวงศ์ รองผู้ว่าการบริการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เปิดเผยว่า สถาบันได้จัดตั้ง "ห้องปฏิบัติการส่งเสริมการผลิตมอเตอร์ประสิทธิภาพสูง" เพื่อบริการทดสอบและวิเคราะห์ค่าประสิทธิภาพของมอเตอร์แก่ผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ผู้นำเข้า ผู้ใช้มอเตอร์ในกิจการต่างๆ และผู้ส่งออก รวมทั้งตอบสนองความต้องการ ของหน่วยงานรับรองคุณภาพต่างๆ ที่ต้องการห้องปฏิบัติการ โดยได้ทดลองเปิดให้บริการมาแล้วประมาณ 1 ปี ขณะที่ผู้ใช้จำนวนมาก ต้องการใช้มอเตอร์ประสิทธิภาพสูงมากกว่า มอเตอร์มาตรฐาน เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในระยะยาว ส่งผลให้ผู้ใช้ส่วนหนึ่งต้องการทดสอบว่ามอเตอร์ที่ติดตั้ง เป็นชนิดประสิทธิภาพสูงจริงหรือไม่ ห้องปฏิบัติการฯ มีขีดความสามารถ ในการทดสอบหาค่าประสิทธิภาพของมอเตอร์ได้สูงสุดถึงขนาด 150 แรงม้า และเป็นห้องปฏิบัติการเพียงแห่งเดียวของประเทศ ที่บริการทดสอบมอเตอร์ประสิทธิภาพสูง ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม หากทราบถึงคุณสมบัติของมอเตอร์ใช้งาน สามารถนำไปพัฒนากำลังการผลิตให้สอดคล้องกับกำลังของมอเตอร์ ส่วนหน่วยงานราชการที่ให้บริการรับรองมาตรฐาน สามารถใช้รายงานด้านวิชาการจากห้องปฏิบัติการฯ เพื่อประกอบการพิจารณารับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ในการทดลองเปิดให้บริการนานเกือบ 1 ปี สัดส่วนผู้เข้ารับบริการส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ใช้งานมอเตอร์ มากกว่ากลุ่มผู้ผลิตและส่งออกมอเตอร์ ส่วนหนึ่งเพื่อนำข้อมูลไปปรับปรุงกำลังการผลิต แต่อีกส่วนหนึ่งจะเน้นประยุกต์ใช้ประโยชน์ด้านประหยัดพลังงาน เพื่อเข้ารับการสนับสนุนจากกองทุนอนุรักษ์พลังงาน (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 27 มี.ค. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





ไทยเจ๋งสร้างเครื่องบิน"ไร้คนขับ"

ที่สโมสรกองพลทหารปืนใหญ่ จังหวัดลพบุรี สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทหารกลาโหม (สวท.กห.) ร่วมกันเปิดตัวโครงการวิจัยและพัฒนาอากาศยานไร้นักบิน โดยสาธิตให้ถึงความก้าวหน้าของเครื่องบินไร้คนขับ ที่สร้างขึ้นโดยฝีมือนักวิชาการจาก 6 สถาบันการศึกษาและหน่วยงานของ 3 เหล่าทัพ พร้อมกับบินโชว์ ที่สนามบินสระพรานนาค ศูนย์การบินทหารบก โดยใช้รีโมตคอนโทรลในการควบคุมอยู่ภาคพื้นดิน โดยบินบนความสูง 1,000-3,000 ฟุต พล.ต.หญิงพงษ์รุจี ศิริวัฒนะ หัวหน้าสำนักระบบบริหารจัดการโครงการอากาศยานไร้นักบิน เปิดเผยว่า ปัจจุบันยานบินไร้คนขับประจำกองทัพที่นำเข้าจากประเทศอิสราเอล มีอายุการใช้งานมากกว่า 10 ปี เริ่มล้าสมัย อีกทั้งค่าซ่อมบำรุงสูงมาก จึงได้คิดค้นและวิจัยอากาศยานไร้นักบินขึ้นเอง เพื่อใช้ในการสอดแนมและนำวิถีเป้าหมาย มีระยะเวลาวิจัย 3 ปี ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2547 ถึงพฤษภาคม 2550 งบประมาณ 90 ล้านบาท มี สกว.สนับสนุน ที่ผ่านมาดำเนินการวิจัยไปเกือบ 90% ได้ทดลองเครื่องบินต้นแบบ 4 ลำ ชื่อว่า ปักษิน 1-4 ด้าน รศ.ดร.สุธีระ ประเสริฐสรรพ์ ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรม สกว. กล่าวว่า โครงการนี้ช่วยในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ด้านการลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยี ทำให้ไทยสามารถพึ่งพาตัวเองได้ในภาวะฉุกเฉิน เมื่อโครงการนี้เสร็จสมบูรณ์ จะนำไปใช้ในภารกิจภาครัฐเกี่ยวกับการตรวจสอบทรัพยากรธรรมชาติ ตรวจน่านน้ำ และช่วยเหลือภัยธรรมชาติต่างๆ สำหรับการสร้างอากาศยานไร้นักบิน เป็นความร่วมมือของ 6 สถาบันการศึกษา, และหน่วยงานจากกองทัพเรือ กองทัพบก กองทัพอากาศ (มติชนรายวัน พุธที่ 29 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





"น้องบิว" ปิยพร วิเศษศิริ พลิกภูมิปัญญาไทย รักษาคุณภาพผลไม้ส่งออก

นางสาวปิยพร วิเศษศิริ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จ.ขอนแก่น นักเรียนทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) นำเอาภูมิปัญญาท้องถิ่นมาประยุกต์เข้ากับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อสร้างสรรค์สารถนอมอาหารจากธรรมชาติจนประสบผลสำเร็จในการคิดค้นโครงงานเรื่อง "การศึกษาอัตราที่เหมาะสมระหว่างน้ำมันมะพร้าวกับขี้ผึ้งที่ใช้เคลือบกล้วยหอมทอง เพื่อรักษาคุณภาพของสินค้า แทนการใช้สารเคมีในปัจจุบัน เนื่องจากขี้ผึ้งมีคุณสมบัติพิเศษในการกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี สำหรับแนวทางการทดลองจะมุ่งศึกษาถึงค่าความเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของกล้วยเป็น 3 ประการ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก สี และระดับน้ำตาล และสัดส่วนที่เหมาะสมของสารประกอบขี้ผึ้งและน้ำมันมะพร้าว โดยกำหนดระยะเวลาในการทดลองแต่ละประเภทเป็นเวลา 1 สัปดาห์เท่ากัน เพื่อกำหนดตัวแปรให้คงที่ จากนั้นนำสารเคลือบมาทาไว้บนกล้วยหอมอัตราส่วนของขี้ผึ้งและน้ำมันมะพร้าวในสัดส่วนที่แตกต่างกัน ได้แก่ 1% 2% 3% 4% และ 5% ตามลำดับ ผลการทดลอง พบว่า การใช้สารเคลือบกล้วยหอมที่มีอัตราส่วนของน้ำมันมะพร้าวต่อขี้ผึ้ง 5% เป็นอัตราส่วนที่ดีที่สุดในการทำสารเคลือบกล้วยหอม เนื่องจากเมื่อนำกล้วยหอมเคลือบด้วยสารดังกล่าวแล้วสามารถคงคุณภาพเดิมไว้ได้มากที่สุด การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก แถบสี และน้ำตาลแปรผกผันกับสัดส่วนของขี้ผึ้งและน้ำมันมะพร้าว ซึ่งหมายความถึง อัตราส่วนที่เข้มข้น ยิ่งช่วยรักษาคุณภาพของกล้วยหอมได้ดีขึ้น โดยสังเกตได้จากค่าความเปลี่ยนแปลงที่ลดลง อาทิ การเปลี่ยนแปลงของสีมีเพียง 4.3% น้ำหนักของกล้วยหายไปเพียง 3.2% และปริมาณน้ำตาลเฉลี่ยลดลงเพียง 13.6% ภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์ การคิดค้นจากห้องทดลองเล็กๆ แห่งนี้ สามารถสร้างประโยชน์อันยิ่งใหญ่ให้กับภาคเกษตรกรรมของไทย (ข่าวสด พุธที่ 29 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ดาวเทียมกล่อง

ทีมวิศวกรจากมหาวิทยาลัยสแตนด์ฟอร์ด สหรัฐอเมริกา พัฒนาดาวเทียมรุ่นใหม่ "คิวบ์แซต" ขนาด 1 ลูกบาศก์เมตร น้ำหนัก 1 กิโลกรัม ใช้ทุนสร้างเพียง 1,600,000 บาท ส่วนค่ายิงดาวเทียมเท่าทุนสร้าง เพื่อใช้สอนนักศึกษาว่า ดาวเทียมทำงานอย่างไรในรั้วมหาวิทยาลัย เบน หยวน วิศวกรมหาวิทยาลัยล็อกฮีด มาร์ติน ในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ นำคิวบ์แซตมาสอนนักเรียนชั้นมัธยมโรงเรียนซานโฮเซ่ ในแคลิฟอร์เนีย ในโครงการชื่อ "เคที่แซต" ย่อมาจาก เด็กๆ ไม่ได้อายุน้อยเกินไปสำหรับดาวเทียม เพื่อให้เด็กวัยรุ่นรู้จักดาวเทียมและมีส่วนร่วมในด้านอวกาศมากขึ้น โดยปรับให้เนื้อหาเข้าใจง่าย อาจารย์ทวิกส์บอกว่า สิ่งที่ท้าทายสำหรับนักเรียนนักศึกษาขั้นต่อไปคือจะนำดาวเทียมที่ใช้งานมานาน 1-2 ปี กลับมายังโลกอย่างไร เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาขยะอวกาศ (ข่าวสด พุธที่ 29 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ความโดดเดี่ยวคนวัยเกินกึ่งศตวรรษทำให้ความดันโลหิตสูง

วารสาร “ไซโคโลจี แอนด์ เอจจิ้ง” ประจำเดือนมีนาคมรายงานว่า หลุยส์ ฮอว์คลีย์ หัวหน้าคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยชิคาโก ได้ทำการศึกษากับชายหญิงที่อาศัยในชิคาโก อายุ 50-68 ปี จำนวน 229 คน ได้พบว่าคนที่มีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่ค่อยได้ ข้องแวะกับใครนั้น เมื่อวัดค่าความดันโลหิตสูงแล้วมีระดับสูงกว่าคนที่ไม่มีชีวิตโดดเดี่ยวอยู่ถึง 30 จุด จึงมีข้อแนะนำว่าควรพิจารณาเรื่องความโดดเดี่ยวเดียวดาย เข้ามาเป็นปัจจัยด้วยว่าสามารถส่งผลเสียต่อหัวใจของคนเราได้ พอๆกับเรื่องของการมีน้ำหนักเกิน หรือพฤติกรรมที่ไม่ค่อยชอบออกกำลัง หัวหน้าคณะนักวิจัยบอกว่าจากข้อค้นพบนี้สามารถจะบอกเราเป็นนัยได้ว่าการ จะรักษาความดันโลหิตสูงให้ได้ผลนั้นอาจต้องบอกให้ผู้ป่วยเข้าร่วมวงสังคม ทำงานอาสาสมัคร หรือทำตัวเองให้มีคุณค่าขึ้นมาด้วย. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 30 มี.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





นักวิจัยม.เกษตรฯออกแบบเครื่องกดแยกชิ้นงานยางฝีมือคนไทยราคาถูกปลอดภัย

ดร.ศุภสิทธิ์ รอดขวัญ อาจารย์ประจำภาควิศว กรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะแม่พิมพ์ยาง สถาบันค้นคว้าและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตทางอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้การศึกษาออกแบบและพัฒนาเครื่องกดตัดแยกชิ้นงานยางให้มีกลไก เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานในการคุมเครื่อง ซึ่งช่วยลดอุบัติเหตุจากการปฏิบัติงานและศึกษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของเครื่องกดตัด โดยใช้ระบบควบคุมอัตโนมัติช่วยในการกดตัดชิ้นงานแทนการใช้เท้าเหยียบของผู้ควบคุมเครื่องจักร และส่งผลให้อัตราการผลิตของโรงงานสูงขึ้นด้วย สำหรับกระบวนการกดตัดขึ้นรูปชิ้นงานโดยใช้หัวกดตัดนั้น เป็นกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ชิ้นงานยางที่ใช้กันอยู่แพร่หลาย โดยชิ้นงานที่ผลิตไว้ได้แก่ แหวนกันรั่ว ยางปะเก็น เป็นต้น เครื่องจักรที่ใช้ในการกดตัดแยกชิ้นงานที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ก่อให้เกิดอุบัติเหตุกับผู้ควบคุมเครื่องจักรอยู่เสมอ เนื่องจากใช้มือของผู้ควบคุมเครื่องจักรในการป้อนชิ้นงานยางเข้าไปในเบ้าตัดที่จะทำการกดตัด ดังนั้นการออกแบบและพัฒนาเครื่องกดตัด ชิ้นงานยางให้มีกลไกที่ออกแบบนอกจากจะเพิ่มความปลอด ภัยของผู้ควบคุมเครื่องลดอุบัติเหตุจากการปฏิบัติงานและยังลดเวลาในการผลิตที่สูญเสียจากการเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย นับเป็นความก้าวหน้าของนักวิจัยที่ออกแบบเครื่องจักรกดตัดให้สามารถตัดชิ้นงานได้อย่างมีประสิทธิ ภาพทั้งตัวผลิตภัณฑ์และความปลอดภัยของผู้ทำงานอีกด้วย. (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 30 มี.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)





วิศวะฯมก.เพิ่มมูลค่ายาง ตั้งศูนย์เชี่ยวชาญแม่พิมพ์

ดร.ศุภสิทธิ์ รอดขวัญ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางแม่พิมพ์ยาง สถาบันค้นคว้าและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตทางอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถึงการจัดตั้งศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางแม่พิมพ์ยางว่า “เป็นการพัฒนาด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยใช้หลักวิชาการและการใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยพัฒนาด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์ รวมทั้งปรับปรุงกระบวนการโดยเน้นด้านคุณภาพและต้นทุนการผลิต วัสดุและสูตรการผลิตของผลิตภัณฑ์ พัฒนาส่วนสนับสนุนการผลิต ได้แก่ แม่พิมพ์ และเครื่องมือที่เกี่ยวข้องและพัฒนาด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์และการทดสอบ” โครงการนี้จะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับยางธรรมชาติที่ยังไม่ได้แปรรูปให้มีมูลค่าสูงขึ้นโดยพัฒนากระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์ ในปัจจุบันผู้ประกอบการยังขาดองค์ความรู้ในเทคโนโลยีการออกแบบและสร้างแม่พิมพ์ฉีดขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ยาง รวมถึงไม่มีการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบและผลิต จึงทำให้แม่พิมพ์ที่ผลิตได้มีคุณภาพค่อนข้างต่ำ และทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ยางที่ได้ ทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะนำเข้าแม่พิมพ์จากต่างประเทศทำให้ไม่สามารถที่จะสร้างองค์ความรู้เพื่อที่จะพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองได้ นอกจากนั้นโครงการนี้ยังเป็นการส่งเสริมให้มีการนำเทคโนโลยีด้านอื่นๆ มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ของประเทศอีกด้วย รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ได้สู่ภาคเอกชนเพื่อก่อให้เกิดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน (สยามรัฐรายวัน พฤหัสบดีที่ 30 มี.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)





สแกนใบหน้า ตรวจหา"ผู้ร้าย"

ศาสตราจารย์มาร์คอส โรดริเกส แห่งสถาบันวิจัยวัสดุศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ (MERI) ประเทศอังกฤษ บอกว่า ระบบเข้ารหัสชีวภาพ หรือ รักษาความปลอดภัยด้วยการใช้คอมพิวเตอร์สแกนอ่านลักษณะของ "ใบหน้า" เพื่อพิสูจน์ตัวตนนั้นมีความปลอดภัยสูง แต่สาเหตุที่มักเห็นแค่ในจอภาพยนตร์ไซ-ไฟ และไม่ได้รับความนิยมแพร่หลายในชีวิตจริงก็เพราะ ราคา เกินหลักล้านบาทขึ้นไป เนื่องจากอุปกรณ์ในการติดตั้งระบบมีหลายชนิด เช่น กล้องจับภาพก็มี 3-4 ตัว ไม่นับรวบระบบประมวลผลคอมพิวเตอร์ที่ยุ่งยากซับซ้อน เพราะการเข้าไปยืนให้กล้องจับภาพนั้นต้องอยู่นิ่งสุดๆ ชนิดห้ามกระดิกตัวนานหลายนาที ไม่อย่างนั้นการสแกนใบหน้าจะไม่ได้ผล ล่าสุด ทางสถาบัน MERI กับนักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ฮัลลัม จึงกำลังร่วมกันพัฒนาโปรแกรมและระบบคอมพิวเตอร์พิสูจน์ใบหน้ารูปแบบใหม่ ที่สามารถให้คำตอบได้ภายในเวลาไม่ถึง 1 วินาที ซึ่งถือว่าเร็วมาก สามารถนำไปติดตั้งใช้รักษาความปลอดภัยตามสนามบิน ธนาคาร หรือแม้แต่ใช้เก็บข้อมูลใบหน้าของประชากรเอาไว้ในฐานข้อมูลของหน่วยราชการได้เลย วิธีการทำงานของระบบนี้มีอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์หลักแค่ 2 ชิ้น ได้แก่ โปรเจ๊กเตอร์ฉายแสง กับ กล้อง 1 ตัว ซึ่งเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ ทำให้ราคาลดต่ำลงมาเหลือแค่ระดับหลักหมื่นบาท โดยเมื่อฉายแสงลงไปบนหน้าและใช้กล้องถ่ายเรียบร้อยแล้ว ภาพใบหน้าของคนๆ นั้นจะกลายเป็นภาพ 3 มิติและถูกคอมพิวเตอร์ประมวลผลเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลใบหน้าบุคคลต้องสงสัย เพื่อดูว่าตรงกับอาชญากรที่ทางการส่งเรื่องมาหรือไม่ (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 30 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





นอนน้อยนอนมากเสี่ยงเบาหวานต้องนอน8ชม.ถึงจะสุขภาพดี

นักวิจัยเอกทางการแพทย์พบในการศึกษาว่า คนเรานอนมากก็ไม่ดี นอนน้อยก็ไม่ดี ล้วนแต่อาจจะทำให้เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ทั้งคู่ นอนให้ได้ระหว่าง 6-8 ชั่วโมงเป็นดีที่สุด คณะนักวิจัยที่สถาบันวิจัยนิวอิงแลนด์ และโรงเรียนแพทย์ มหาวิทยาลัยเยลของสหรัฐฯ ได้ความรู้จากการศึกษากับผู้ชายที่อยู่ในวัยระหว่าง 40-70 ปี จำนวน 1,709 คน ได้พบว่าผู้ที่นอนได้ระหว่าง 6-8 ชั่วโมงเป็นประจำ จะมีสุขภาพดีที่สุด ผู้ที่นอนน้อยชั่วเพียงคืนละ 5-6 ชั่วโมงเท่านั้น อาจจะกลายเป็นโรคเบาหวาน ได้มากกว่าคนที่นอนนานตามปกติ 2 เท่า และคนที่ชอบนอนนานเกินวันละ 8 ชั่วโมงกว่าขึ้นไป จะยิ่งเสี่ยงกับโรคมากขึ้นเป็น 3 เท่า การศึกษานี้ได้คำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ อย่างเช่น การสูบบุหรี่ ผู้มีโรคความดันโลหิตสูง และระดับการศึกษาแต่ละบุคคลก่อนแล้ว การศึกษาที่เคยทำในหมู่ผู้หญิงที่แล้วมา ก็ได้ผลออกมาทำนองเดียวกัน. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 31 มี.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





บัดกรีสมองเข้ากับชิพคอมพิวเตอร์

นักวิจัยยุโรปพัฒนาชิพสมองบัดกรีวงจรไฟฟ้าเข้ากับเซลล์สมอง ตั้งเป้าอนาคตสร้างเซลล์ประสาทเทียมไว้รักษาผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางประสาท หรืออาจเอาไปทำคอมพิวเตอร์ชีวภาพที่ใช้เซลล์สมองจริงทำหน้าที่ประมวลผล สเตฟาโน วาสซาเนลลี นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยปาดัวในอิตาลี ได้อัดทรานซิสเตอร์กว่า 16,000 ตัว และตัวเก็บประจุเป็นร้อยๆ ตัว ลงบนตัวชิพที่มีขนาดเพียง 1 ตารางมิลลิเมตร จากนั้นใช้โปรตีนชนิดพิเศษที่พบในสมองมาเชื่อมเซลล์สมองเข้ากับตัวชิพคอมพิวเตอร์ โปรตีนดังกล่าวไม่เพียงทำหน้าที่เหมือนตะกั่วบัดกรีเท่านั้น แต่ยังมีช่องทางเชื่อมให้ประจุไฟฟ้าจากเซลล์ประสาทซึ่งเป็นสัญญาณไฟฟ้าจากประสาทผ่านเข้าไปยังชิพคอมพิวเตอร์ได้ด้วย โปรตีนนี้จึงเป็นผู้ช่วยให้เซลล์ที่มีชีวิตกับชิพที่ไม่มีชีวิตสื่อสารกันได้ จากนั้นทรานซิสเตอร์จะเป็นตัวบันทึกสัญญาณที่ได้นี้ในขณะที่ตัวเก็บประจุจะกระตุ้นเซลล์ประสาทต่อไป อย่างไรก็ดี คงต้องใช้เวลาอีกเป็นสิบปีถึงจะเอาเทคโนโลยีนี้มาประยุกต์ใช้ในการสร้างคอมพิวเตอร์ที่มีชีวิตหรือใช้ในการรักษาความผิดปกติทางระบบประสาท ในระยะอันใกล้นี้ คงทำได้เพียงแค่การคัดเลือกยาในอุตสาหกรรมผลิตยาไปก่อน นักวิจัยคาดว่าบริษัทผลิตยาอาจใช้เจ้าชิพนี้ในการทดสอบประสิทธิภาพของยากับเซลล์ประสาท เพื่อจะได้ค้นพบวิธีที่แน่นอนในการวิจัยงานด้านยาอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ในขณะนี้ทีมนักวิจัยชิพก็ยังคงเดินหน้าต่อไปเพื่อหาความเป็นไปได้ที่จะควบคุมชิพเซลล์สมองผ่านคำสั่งการทำงานทางยีนของระบบประสาท (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 31 มี.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





ไบโอเทคจุฬาฯ พัฒนาชุดตรวจเนื้อสัตว์

ดร.นันทิกา ปานจันทร์ เจ้าหน้าที่บริการการศึกษา (วิจัย) ประจำสถาบันเทคโนโลยีชีวภาพ และวิศวกรรมพันธุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประยุกต์เทคนิคภูมิคุ้มกันวิทยา มาพัฒนาชุดทดสอบหาสารตกค้างในผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น สารเร่งเนื้อแดง สารลดไขมัน และยาปฏิชีวนะ เพื่อป้องกันปัญหาส่งออกอย่างเช่นเนื้อหมู และกุ้ง ถูกตีกลับ ชุดทดสอบสารตกค้างที่วิจัยอยู่นี้จะช่วยเกษตรกรคัดกรองตัวอย่างเบื้องต้น และเหมาะสำหรับตรวจตัวอย่างจำนวนมากๆ คาดว่าหลังจากพัฒนาสำเร็จ จนสามารถเป็นผลิตภัณฑ์สู่ตลาดแล้ว จะถูกกว่าราว 10 เท่าเมื่อเทียบกับชุดทดสอบที่นำเข้าจากต่างประเทศปีละ 15 ล้านบาท สำหรับชุดตรวจสารเร่งเนื้อแดง และยาปฏิชีวนะในสัตว์ที่ใช้ในปัจจุบันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ มีราคาสูงราวชุดละ 20,000 บาท สามารถตรวจได้ 40 ตัวอย่าง นอกจากนี้ อีกวิธีหนึ่งเป็นการตรวจสอบด้วยเครื่องขนาดใหญ่ ค่าตรวจตัวอย่างละ 2,000-4,000 บาท ด้วยเหตุนี้ งานวิจัยดังกล่าว ซึ่งจะช่วยลดการนำเข้าจึงถูกบรรจุไว้เป็นส่วนหนึ่งของแผนงานบูรณาการด้านยาเคมีภัณฑ์ และวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ ภายใต้โครงการบูรณาการระยะปานกลางของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช) นักวิจัยได้ประยุกต์เทคนิคภูมิคุ้มกัน มาใช้ทดสอบหาสารตกค้าง โดยการศึกษาหาสารโมโนโคนอลแอนติบอดี้ ที่ร่างกายผลิตขึ้นมาทำต่อต้านสารแปลกปลอมที่อยู่ในสัตว์ ทีมวิจัยได้พบโมโนโคนอลแอนติบอดี้ ต่อสารกลุ่มนี้แล้ว และอยู่ระหว่างเช็คปริมาณการใช้เพื่อตรวจสอบ และตรวจสอบว่าแอนติบอดี้ที่ได้ไปจับกลับสารตัวอื่นหรือไม่ และสามารถที่จะตรวจหาสารในปริมาณต่ำสุดได้ระดับใด โครงการดังกล่าวถือเป็นงานวิจัยอันดับแรกๆ ที่ใช้เทคนิคการตรวจหาโมเลกุลขนาดเล็กแต่หายาก เหมาะสำหรับใช้ตรวจสอบตัวอย่างจำนวนมากๆ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการส่งตัวอย่างไปตรวจด้วยเครื่องที่มีความแม่นยำสูง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง แต่การตรวจด้วยเครื่องยังมีความจำเป็นต้องใช้อยู่เพื่อยืนยันผลแน่นอน (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 29 มี.ค. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





นักวิทย์คิดยาฉีดสยบคอเลสเตอรอลร้าย

นักวิจัยจากบริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพในอังกฤษ ได้นำเอาเทคนิคโมเลกุลสังเคราะห์ของอาร์เอ็นเอ ไปหยุดการแสดงออกของยีนที่ผลิตอะโปลิโปโปรตีน บี หรือเรียกสั้นๆ ว่า อะโปบี ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีบทบาทสำคัญ ในกระบวนการเผาผลาญคอเลสเตอรอล ให้เกิดพลังงาน แนวทางการรักษาแบบนี้เป็นหนึ่งในวิธีที่ถูกพัฒนาขึ้น โดยอาศัยความรู้ด้านการแทรกแซงอาร์เอ็นเอ ซึ่งจะเป็นแนวทางใหม่ ที่แพทย์จะนำมาใช้รักษาโรคต่างๆ ตั้งแต่มะเร็ง และโรคที่เกิดจากความผิดปกติเกี่ยวกับยีนไปจนถึงโรคติดเชื้อไวรัส ในการทดลองกับลิง นักวิจัยได้กำหนดให้ อาร์เอ็นเอขนาดเล็กๆ เข้าไปหายีนที่ผลิตให้อะโปบีในลิง ซึ่งการศึกษานี้พบว่าช่วยการผลิตคอเลสเตอรอลตัวร้ายได้ถึง 75% เห็นผลได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากรักษาลิงด้วยวิธีนี้ และยังอยู่ได้ถึง 11 วันนับจากที่ถูกฉีดยาเข้าไปครั้งเดียว การทดลองดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ยาฉีดเพียงครั้งเดียวเข้าไปในกระแสเลือดของสัตว์ จำพวกไพรเมตซึ่งประกอบไปด้วยลิงและมนุษย์ จะสามารถหยุดการแสดงออกของยีน ที่จะก่อให้เกิดโรคซึ่งจะให้ผลที่คงทนและอยู่ได้นาน ความสำเร็จครั้งนี้เป็นก้าวที่สำคัญไปสู่การพัฒนาการบำบัดโรคโดยใช้ความรู้ด้านอาร์เอ็นเออินเทอร์เฟอเรนซ์ (RNAi) ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรก ที่นักวิจัยฉีดยาเข้าในสัตว์จำพวกไพรเมต แล้วเกิดอาร์เอ็นเออินเทอร์เฟอเรนซ์ ยับยั้งการผลิตโปรตีนที่เกี่ยวข้องในการทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้น ซึ่งนำไปสู่การรักษาในมนุษย์ได้นักวิทย์คิดยาฉีดสยบคอเลสเตอรอลร้าย ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรก ที่นักวิจัยฉีดยาเข้าในสัตว์จำพวกไพรเมต แล้วเกิดอาร์เอ็นเออินเทอร์เฟอเรนซ์ ยับยั้งการผลิตโปรตีนที่เกี่ยวข้องในการทำให้ระดับคอเลสเตสูงขึ้น ซึ่งนำไปสู่การรักษาในมนุษย์ได้ (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 29 มี.ค. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





“วิตามินซี” เพื่อสุขภาพ

วิตามินซี เป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ ซึ่งร่างกายของเราไม่สามารถสังเคราะห์ได้เอง ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น พบมากในผักผลไม้สด ทั้งนี้ “วิตามินซี” เป็นวิตามินที่มีความสำคัญต่อระบบร่างกาย เห็นได้จากการวิจัยหลายชิ้นที่ระบุว่า วิตามินซีมีประสิทธิภาพในการป้องกัน และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีตัวหนึ่งด้วย สถาบันมะเร็งแห่งชาติอเมริกาได้ประกาศว่า “วิตามินซีมีฤทธิ์ต่อกระบวนการทางชีวภาพอย่างซับซ้อนและหลากรูปแบบ บางทีอาจเป็นที่สุดของบรรดาวิตามินและสารอาหารทุกชนิด” คุณสมบัติที่โดดเด่นของวิตามินซี ก็คือ ความเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Anti-oxidant) นั่นเอง โดยประโยชน์หลักๆ เมื่อร่างกายได้รับวิตามินซีเป็นประจำ คือ เพิ่มภูมิต้านทานแก่ร่างกาย ป้องกันการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง บำรุงผิวพรรณหรือชะลอความแก่ ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันหรือเหงือกอักเสบ หากร่างกายเราขาด “วิตามินซี” อาจส่งผลทำให้เกิดอาหารเหล่านี้ได้ - เป็นหวัดง่าย ภูมิต้านทานโรคและความสามารถในการกำจัดพิษลดลง - ผิวหนังขาดความยืดหยุ่น เกิดจุดด่างดำ ฝ้า มีเลือดออกตามไรฟัน - อ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง ประสาทสัมผัสด้อยลง - มีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งกระเพาะ ตับ และส่วนอื่นๆ - ประสิทธิภาพของต่อมหมวกไตลดลง เป็นภูมิแพ้ได้ง่าย - เป็นโรคโลหิตจาง หรือโรคต่างๆ ง่าย บาดแผลหายยาก หากขาดมากจะเป็นโรค โลหิตเป็นพิษ - เกิดโรคลักปิดลักเปิด แหล่งของวิตามินซี สามารถหาได้จาก อาหารที่มีอยู่ในธรรมชาติทั่วไป แต่แหล่งที่มีมาก คือ ผักสดและผลไม้ต่างๆ โดยเทียบง่ายๆ จากประเภทของอาหาร (100 กรัม) และวิตามินซี (มิลลิกรัม) ดังนี้ มะขามป้อม, ฝรั่ง, พุทรา, มะขามเทศ, มะปรางสุก, มะละกอสุก,แคนตาลูป, มะนาว และมะยม เป็นต้น ทุกคนจึงควรบริโภควิตามินซี แต่จะมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับความต้องของแต่ละบุคคล (สยามรัฐรายวัน ศุกร์ที่ 31 มี.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)





สัตวแพทย์ มก.สุดเจ๋ง จัดฟันสุนัข!เจ้าแรกในไทย

อาจารย์คณะสัตวแพทยศาสตร์ และทีมงานคลินิกทันตกรรม โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ที่ประสบความสำเร็จในการจัดฟันสุนัข ที่มีปัญาด้านสบฟันหน้าให้เป็นปกติ เป็นแห่งแรกในประเทศไทย โดย ผศ.น.สพ.ดร.นริศ เต็งชัยศรี อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์คลินิกสัตว์เลี้ยง คณะสัตวแพทยศาสตร มก.ในฐานะหัวหน้าคณะวิจัยเปิดเผยถึงความสำเร็จนี้ ว่าการวิจัยครั้งนี้ เป็นการแก้ไขความผิดปกติของฟันหน้าล่างคร่อมฟันหน้าบนและมีช่องเปิดระหว่างฟันหน้า ในสุนัขไวบีเรียฮัสกี้ เพศผู้วัย 2 ปี โดยคณะวิจัยได้รักษาโดยการใช้เครื่องมือจัดฟันชนิดติดแน่นจากวัสดุเหล็กปลอดสนิมยึดฟันด้านหน้าบนเป็นเวลา 2 เดือน ส่งผลให้ฟันหน้าบนเลื่อนลงร่วมกับดันออกไปด้านนอก ทำให้การสบฟันหน้าอยู่ในลักษณะปกตินั้นคือ ฟันหน้าบนคร่อมฟันหน้าล่าง การรักษานั้นจะเริ่มตั้งแต่ตรวจสุขภาพและตรวจเลือดของสุนัขเนื่องจากต้องวางยาสลบ จากนั้นก็ตรวจช่องปากสุนัขเพื่อดูความผิดปกติแล้วขูดหินปูนออก จัดทำพิมพ์ฟันเพื่อวางแผนรักษา ทำการถ่ายภาพรังสีบริเวณฟันก่อนการจัดฟัน ซึ่งอุปกรณ์ถ่ายภาพรังสีฟันนี้ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ การจัดฟันสุนัขจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ซึ่งระหว่างนี้สุนัขต้องกินอาหารอ่อน และต้องใส่ปลอกคอกันเลียเพื่อป้องกันการทำลายส่วนอุปกรณ์จัดฟัน ที่สำคัญเจ้าของสุนัขต้องหมั่นแปรงฟันหรือขัดฟันสุนัขหลังอาหารเพื่อป้องกันการเกิดหินปูนอีกด้วย ราคาอยู่ที่ 30,000-40,000 บาทเท่าๆ กับการดัดฟันคน คณะวิจัยชุดนี้ยังเดินหน้าวิจัยรักษาความผิดปกติของการสบฟันในสัตว์อื่นๆ เช่น ฟันของกระต่าย หรือนกที่มีจะงอยปากผิดรูป ซึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามได้ที่ โทร.0-2942-8181-3 (สยามรัฐรายวัน ศุกร์ที่ 31 มี.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)





ข่าวทั่วไป


"เก้าอี้ไฟฟ้าบำบัดโรค"โฆษณาเกินจริง

นายอิสรา นานาวิชิต หัวหน้างานบังคับใช้กฎหมายกลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานสาธารณสุขเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการชื้ออุปกรณ์บำบัดด้วยกระแสไฟฟ้าสถิต นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ต่อพ่วง กับเก้าอี้ให้ผู้ป่วยนั่งมาเปิดให้บริการ อ้างว่าสามารถบำบัดรักษาโรค ความดันโลหิตสูง ลดไขมันในเส้นเลือด อาการหูตึง เหน็บชา โดยชักชวนผู้สูงอายุ เด็ก และคนชรา มาทดลองใช้นั่งอุปกรณ์เก้าอี้ไฟฟ้า โดยคิดค่าบริการครั้งละ 20 บาท ต่อ 20 นาที ซึ่งเป็นการโฆษณาเกินความเป็นจริง อุปกรณ์ดังกล่าวเป็นเพียงการกระตุ้นโลหิต ให้หมุนเวียน และบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อเท่านั้น การใช้อุปกรณ์ ต้องอยู่ในการกำกับดูแลของแพทย์ หรือนักกายบำบัด นอกจากนี้ ผู้ประกอบการ ที่ซื้ออุปกรณ์ไปเปิดให้บริการ เป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติ สถานพยาบาลและกายภาพบำบัด มีโทษจำคุก 3 ปี หรือปรับ 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ข่าวสด จันทร์ที่ 27 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





จีนเจ๋งห้ามซื้อขายอวัยวะคน

กระทรวงสาธารณสุขจีนประกาศในเว็บไซต์ของกระทรวงวันนี้ ออกคำสั่งใหม่เพื่อควบคุมการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะของผู้ป่วยในจีน โดยกำหนดเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ เป็นต้นไป สาระสำคัญของประกาศฉบับดังกล่าว ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจีนระบุว่าเป็นมาตรการชั่วคราวนั้น บังคับให้การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะทำได้เฉพาะในสถาบันหรือโรงพยาบาลที่มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และจะต้องมีมาตรฐานในการดำเนินการสูง นอกจากนี้ ยังจะต้องยื่นเอกสารยืนยันการได้มาของอวัยวะที่นำมาใช้ในการผ่าตัดอย่างถูกต้อง และได้รับอนุญาตให้ดำเนินการผ่าตัดโดยคณะกรรมการจริยธรรมเสียก่อน นอกจากนี้ จีนยังห้ามการซื้อขายอวัยวะโดยเด็ดขาด อวัยวะที่จะนำมาใช้ในการผ่าตัดจะต้องมาจากผู้ประสงค์บริจาคอวัยวะเท่านั้น ทั้งนี้ การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะในจีนเป็นบริการทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ประสบปัญหาทั้งเรื่องมาตรฐานทางการแพทย์ไปจนถึงกระบวนการนำอวัยวะมาใช้ในการผ่าตัด นักสิทธิมนุษยชนกล่าวหาว่า มีการลักลอบนำอวัยวะนักโทษประหารขายให้แก่โรงพยาบาลนำไปใช้ในการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะผู้ป่วยมาโดยตลอด (สยามรัฐ พุธที่ 29 มี.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)





จี้ ร.ร.ใช้ตู้น้ำเย็น มอก.

แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก เชิญตัวแทนจาก สพฐ.ไปประชุมร่วมกับตัวแทนจากกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการผลิตตู้น้ำเย็น และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อหาทางแก้ปัญหาตู้น้ำเย็นในโรงเรียน ที่มักเกิดอุบัติเหตุไฟรั่วเป็นอันตรายต่อนักเรียนบ่อยๆ ครั้ง ที่ประชุมเสนอให้ตู้น้ำเย็นเป็นสินค้าที่ต้องมีตรามาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) รับรอง เนื่องจากที่ผ่านมาตู้น้ำเย็นยังเป็นสินค้าที่ผลิตโดยไม่มีมาตรฐาน ซึ่งตู้น้ำเย็นที่จำหน่ายกันอยู่บางรายผลิตกันในครัวเรือน ไม่ได้ผลิตจากโรงงาน และไม่สามารถรับประกันคุณภาพได้ รวมทั้งระบบติดตั้งก็ไม่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะไม่มีการเดินสายดิน หรือไม่ติดตั้งในจุดที่เหมาะสม จะก่อให้เกิดอันตรายต่อนักเรียนในโรงเรียนตามมาได้ (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 30 มี.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





สารฟอกสีในขาไก่ (เล็บมือนาง)

“ยำเล็บมือนาง” หรืออีกนัยหนึ่งก็คือขาไก่ที่นำมาเลาะกระดูกแข็งออก คงเหลือแต่กระดูกอ่อนพอให้เคี้ยวกรุบๆ เพิ่มรสชาติ มีกรรมวิธีการทำ ขั้นแรก นำขาไก่มาต้มแล้วเลาะกระดูกแข็งออก หลังจากนั้นบรรดาพ่อค้าแม่ค้าก็จะใส่สาร ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ หรือที่เรียกว่า สารฟอกสี เพื่อให้เล็บมือนางขาวอวบ น่ารับประทาน แม้ว่า สารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ จะเป็นวัตถุเจือปนที่อนุญาตให้ใช้ได้ แต่ถ้าใช้ในปริมาณที่เกินพอดี จะมีผลไปลดประสิทธิภาพของการใช้ไขมันและโปรตีนในร่างกาย และทำลายวิตามินบี 1 ในอาหารด้วย หากสะสมในร่างกายมากๆ อาจทำให้หายใจติดขัด ปวดท้อง ท้องร่วง เวียนศีรษะ อาเจียน หมดสติ โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคหืดนั้น พบว่าการบริโภคอาหารที่มีซัลเฟอร์ไดออกไซด์ หรือซัลเฟตเข้าไปจะทำให้โรครุนแรงขึ้น และหลอดลมตีบได้ สถาบันอาหารจึงสุ่มตัวอย่างขาไก่ เล็บมือนาง) ในท้องตลาด จำนวน 5 ตัวอย่าง เพื่อวิเคราะห์หาปริมาณสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ตกค้าง ปรากฏว่าไม่พบตกค้างเลยทั้ง 5 ตัวอย่าง (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 31 มี.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





เตือน"เด็ก-คนท้อง"ห่าง"ลูกเหม็น" มีสารแนพทาลีน-ทำลายเม็ดเลือดแดง

ศ.ดร.ภักดี โพธิศิริ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันแนพทาลีนหรือที่เรารู้จักกันว่า "ลูกเหม็น" นั้น ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางในรูปของลูกเหม็นสำหรับใส่ในตู้เสื้อผ้า เพื่อป้องกันแมลงกัด-กินเสื้อผ้าหรือใช้เพื่อดับกลิ่นในห้องน้ำ ซึ่งมีทั้งชนิดก้อน ชนิดเม็ด และชนิดผลึก ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะมีแนพทาลีนเป็นส่วนประกอบมากกว่าร้อยละ 99 ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ร่างกายเราจะได้รับจากการหายใจ หรือการสัมผัสทางผิวหนังโดยตรง หรือผ่านทางเสื้อผ้าหรือผ้าห่มที่มีการใช้ ลูกเหม็นแนพทาลีนจะทำให้ระคายเคืองตา จมูก คอและผิวหนัง หากได้รับแนพทาลีนในปริมาณมาก จะส่งผลให้เม็ดเลือดแดงถูกทำลาย ทำให้เกิดภาวะโลหิตจางได้ โดยจะพบในคนที่กินลูกเหม็น เพื่อความปลอดภัยของลูกหลาน และผู้บริโภค ควรเก็บลูกเหม็น หรือก้อนดับกลิ่นให้พ้นมือเด็ก เก็บในตู้ที่ปิดสนิทหรือใน ภาชนะที่ปิดสนิท เพื่อป้องกันการรั่วไหลของไอระเหยของแนพทาลีนสู่อากาศ และก่อนใช้เสื้อผ้าหรือผ้าห่มที่มีการใช้ลูกเหม็น ให้นำไปตากแดดหรือผึ่งลมก่อน เพื่อกำจัดกลิ่นและไอระเหยของแนพทาลีน ที่ตกค้างบนเสื้อผ้า และควรซักอีกครั้งก่อนที่จะใช้หรือสวมใส่ นอกจากนี้ขอให้หลีกเลี่ยงการใช้ลูกเหม็นกับเสื้อผ้าหรือผ้าห่มของเด็กและทารก (ข่าวสด ศุกร์ที่ 31 มี.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ประโยชน์จากการดื่มชา

หลายคนอาจจะรุ้แล้วว่า การดื่มชาสามารถป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ได้ และยังช่วยทำให้อายุยืนอีกด้วย ในปัจจุบันได้มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ยืนยันได้ว่าในใบชาเป็นแหล่งรวมของสาร antioxidant polyphenols เช่น catechins และ quercetin ซึ่งหลังจากที่เราดื่มชาแล้วประมาณ 30-50 นาที antioxidant activity ในเลือดจะพุ่งพรวดขึ้นไป 41-48% และคงอยู่เช่นนั้นนานประมาณ 80 นาที ซึ่งจะมีระโยชน์ต่อร่างกายตรงที่ทำให้ free radicals ซึ่งเป็นภัยของร่างกายถูกขจัดไปเป็นจำนวนมาก ทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้น นอกจากนั้นแล้ว ชายังช่วยลด คอเลสเตอรอล และช่วยป้องกันการอุดตันของเส้นเลือด การศึกษาวิจัยยังแสดงด้วยว่าช่วย ป้องกันการเกิดมะเร็งและหยุดยั้งการแพร่กระจายของมะเร็งอีกด้วย (เดลินิวส์ อาทิตย์ที่ 2 เม.ย. 49 http://www.dailynews.co.th)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215