หัวข้อข่าวปีที่ 7 ฉบับที่ 15 ประจำวันที่ 2006-04-10

ข่าวการศึกษา

ศธ.จับมือสสวท.ประกวด "ห้องสมุดอีเล็กทรอนิกส์"
"จุฬาฯ-พระจอมเกล้าธนบุรี"คว้าแชมป์หุ่นยนต์
ไอเอยูพีเร่งประกันคุณภาพ เตรียมถกที่ออสเตรียก.ค.นี้
ม.หอการค้าฯร่วมมหา"ลัยนานาชาติ เปิดสอนป.โทควบเอกเศรษฐศาสตร์

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

สร้างนักวิทยาศาสตร์ไทย ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด??
โครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับเด็กและเยาวชน (JSTP : Junior Science Talent Project) ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง สำนักพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
สวทช.ตั้ง"TMC"บริหารจัดการเทคโนโลยีประเทศ
เตรียมตัวคุยกับมนุษย์ต่างดาวได้ภายในเวลาอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
สิงคโปร์พร้อมใช้ หนังสือเดินทางชีวภาพ
ญี่ปุ่นสร้างหอส่งทีวีสูงที่สุดในโลกโค่นสถิติแชมป์โลกหอซีเอ็นลงได้
ผ่าตัดช่วยคนเตี้ยสูงขึ้นได้แล้วหากต้องใช้ทุนรอนเรือนแสน
แมลงสาบทะเลผจญแมลงสาบ
เนคเทค ชูรถสื่อสารฉุกเฉิน
"เซติ"คาดอีก20ปี"เอเลี่ยน"เยือนโลก
ยอดนักประดิษฐ์ฟิลิปส์
เทคโนโลยีจิ๋วรอบตัว

ข่าววิจัย/พัฒนา

ชุดเก็บเกลี้ยงตะปูเรือใบสิ่งประดิษฐ์คนไทยหนุนภารกิจทหาร
เร่งออกเมลามีนใช้ไมโครเวฟ
จีนอ้างพบวิธีรักษาไข้หวัดนกถูกๆ เอาภูมิต้านทานโรคมาจากม้า
วิจัยมัน “ห้วยบง60” เนื้อแป้งดีมีเอทานอลสูง
ตู้ชงกาแฟอัตโนมัติ อร่อยเหมือนมือชง
คนไทยเมินเรียนต่อเยอรมนี สกอ.เตรียมเพิ่มทุนเมืองเบียร์
เอ็มเทคจับมือสหรัฐตั้งศูนย์ชีวมวล
ไบโอเทคพบวิธีผลิตยาหวัดนกชนิดละลายน้ำ
วัคซีนป้องกันมะเร็งเพชฌฆาตเงียบ คอยปกป้องคุ้มกันได้นานถึง 4 ปีกว่า
ขิงมีฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็งมดลูกพริกกำราบมะเร็งม้ามจนงอหงิก
สร้างหลุมฝังศพของยุคดิจิตอลติดจอภาพฉายประวัติคนตาย
เบทาโกรตั้งศูนย์วิจัยอาหารสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค
แบคทีเรียในหน่อไม้ปิ๊บ ให้ทั้งคุณและโทษ
มท.เปิดโฉมเครื่องวัดความชื้นเมล็ดพืช ‘EE-KU 65’ แบบพกพา ใช้วัดกับพืชได้ทุกชนิด
กรมวิทย์หนุนวิจัยสารสกัดสมุนไพรในคน
ฉีด"เจล"ทำหมันชาย ไม่ผ่าตัด-ฆ่าอสุจิ10ปี

ข่าวทั่วไป

10 หนทางส่งเสริมเด็กสุขภาพดี





ข่าวการศึกษา


ศธ.จับมือสสวท.ประกวด "ห้องสมุดอีเล็กทรอนิกส์"

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) รับมอบหมายจากกระทรวงศึกษาธิการ ให้รับผิดชอบดำเนินการ "โครงการประกวดห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์" เพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้ดิจิตอลของประเทศแบบยั่งยืน ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึงเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นเพื่อรวบรวมสื่อมัลติมีเดีย และองค์ความรู้ต่างๆ ที่โรงเรียนมีอย่างเป็นระบบ มีความหลากหลาย สามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ต้องการได้ง่าย ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ เป็นหนึ่งในกิจกรรมการดำเนินงานของโครงการ "Thai e-Library" มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ครูและผู้เรียนร่วมมือกันสร้างองค์ความรู้ให้เกิดขึ้นในสถานศึกษา มีการเผยแพร่ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างสถานศึกษา และเป็นการส่งเสริมแหล่งการเรียนรู้ตามอัธยาศัย น.ส.นารี วงศ์สิโรจน์กุล รองผู้อำนวยการสสวท. กล่าวว่า สสวท.คาดหวังว่าการจัดประกวดห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ในครั้งนี้ สามารถเผยแพร่เนื้อหา ความรู้ในรูปแบบดิจิตอลในสาขาวิชาต่างๆ ให้ครู อาจารย์ นักวิชาการ นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนผู้สนใจทั่วไปสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งหน่วยงานทางการศึกษาต่างๆ จะมีระบบสารสนเทศที่ช่วยสนับสนุนการดำเนินงานให้มีการแลกเปลี่ยนการใช้ข้อมูลร่วมกัน และเป็นมาตรฐานเดียวกัน สำหรับผลงานที่ส่งเข้าร่วมประกวดห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์จะต้องอยู่ในรูปแบบของเว็บไซต์ ที่รวบรวมองค์ความรู้ในทุกแขนงวิชา ซึ่งอาจจะเป็นโครงงาน งานวิจัยซึ่งเกิดจากความร่วมมือของบุคลากรในโรงเรียน หรือเป็นการรวบรวมองค์ความรู้ของท้องถิ่น เช่น ภูมิปัญญาท้องถิ่น หรือปราชญ์ชาวบ้านที่สามารถเผยแพร่บนเว็บไซต์ได้ คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.ipst.ac.th หรือ 0-2392-4021 ต่อ 1102 สมัครได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 15 เม.ย. (ข่าวสด พุธที่ 4 เม.ย. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





"จุฬาฯ-พระจอมเกล้าธนบุรี"คว้าแชมป์หุ่นยนต์

ทีมหุ่นยนต์พลาสมา-ซี จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และทีม Revenger จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีครองตำแหน่งแชมป์ร่วมกัน ในการแข่งขันฟุตบอลหุ่นยนต์ชิงแชมป์ประเทศไทย 2549 จัดโดยสมาคมวิชาการหุ่นยนต์ไทย คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด โดยทีมชนะเลิศทั้งสองทีมรับรางวัลเงินสดรวมกัน 2.5 แสนบาท สำหรับรางวัลรองชนะเลิศได้แก่ทีมไข่นุ้ย จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, ทีมที่ได้รับรางวัลเทคนิคยอดเยี่ยม ได้แก่ ทีมอัศวินน้อย จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และทีมที่ได้รับรางวัล Technical Challenge ได้แก่ ทีมพลาสมา-ซี จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ข่าวสด พุธที่ 4 เม.ย. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ไอเอยูพีเร่งประกันคุณภาพ เตรียมถกที่ออสเตรียก.ค.นี้

ผศ.ดร.จันทร์จิรา วงษ์ขมทอง อธิการบดีมหาวิทยาลัยคริสเตียน ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) ด้านการประกันและรับรองคุณภาพการศึกษา ของสมาคมอธิการบดีนานาชาติ (International Association of University Presidents) หรือ IAUP เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้คณะกมธ.ของไอเอยูพีจากตัวแทน 9 ประเทศ ได้แก่ ไทย จีน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เดนมาร์ก เบลเยียม เยอรมันนี ออสเตรีย และสหรัฐอเมริกา ได้จัดการประชุมกันที่ประเทศเดนมาร์ก และมีข้อสรุปถึงการดำเนินการของคณะ กมธ.ด้านการประกันของไอเอยูพีที่จะดำเนินการต่อไป โดยสรุปคือ จะประสานงานให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการประกันและรับรองคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษาระหว่างมหาวิทยาลัยในภูมิภาคต่างๆ และกำลังดำเนินการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างมหาวิทยาลัยในอียู (European Union) กับเอเชีย และอเมริกา เป็นต้น นอกจากนี้ คณะ กมธ.จะสนับสนุนให้มีการจัดตั้งกลุ่ม ด้านการประกันและรับรองคุณภาพการศึกษาในภูมิภาคต่างๆ และก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษา การรับรองคุณภาพหลักสูตรการศึกษา การแลกเปลี่ยนอาจารย์และนักศึกษา เป็นต้น และมุ่งส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยและการประกันคุณภาพการศึกษาของมหาวิทยาลัยผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือ IAUP website และกระตุ้นให้เกิดระบบ World Quality Register ในประเทศต่างๆ ทุกภูมิภาคของโลกโดยใช้รูปแบบของ European Quality Register คณะ กมธ.จะประชุมครั้งต่อไปที่ประเทศออสเตรียในเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อผลักดันให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ในการประกันคุณภาพและการรับรองคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษาระหว่างมหาวิทยาลัยในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะการกระตุ้นให้มีการเทียบโอน การแลกเปลี่ยนอาจารย์และนักศึกษาระหว่างประเทศต่างๆ ทั่วโลก (คมชัดลึก เสาร์ที่ 8 เม.ย. 49 http://www.komchadluek.net)





ม.หอการค้าฯร่วมมหา"ลัยนานาชาติ เปิดสอนป.โทควบเอกเศรษฐศาสตร์

รศ.ดร.วิมุต วานิชเจริญธรรม ผู้อำนวยการโครงการปริญญาเอกเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยชิคาโก-มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยจะเปิดหลักสูตรปริญญาโทควบเอก (Graduate Program in Economics) ซึ่งเป็นหลักสูตรปริญญาที่มีการเรียนการสอนในมาตรฐานเดียวกับหลักสูตรปริญญาโท-เอกเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศ โดยหลักสูตรนี้จะเปิดรับนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ไม่ว่าในสาขาใดก็ตามเข้ามาเรียนต่อ โดยนักศึกษาจะสามารถเรียนรู้เนื้อหาในทั้งสองระดับไปด้วยกัน ก่อนจะเลือกในภายหลังว่าจะต้องการเพียงปริญญามหาบัณฑิต หรือปริญญาดุษฎีบัณฑิต นอกจากนี้ หลักสูตรนี้ยังเอื้ออำนวยให้นักศึกษาได้เปิดโลกทัศน์ทางการศึกษา โดยผ่านโครงการ Exchange Program ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้ทำข้อตกลงด้านความร่วมมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยในเครือข่าย อันได้แก่ University of Chicago, The University College of London, Texas A&M, The University of Oregon, Washington State University และ University of Southern California เป็นต้น เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาในโครงการสามารถไปเรียนหรือทำวิจัยในต่างประเทศได้ หลักสูตรนี้ยังมีทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาทั้งแบบเต็มจำนวนและทุนบางส่วน ตั้งแต่เริ่มต้นเข้าโครงการ และเมื่อนักศึกษาผ่านการเรียน coursework เรียบร้อยแล้ว นักศึกษายังสามารถสมัครเป็นผู้ช่วยนักวิจัยในศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยชิคาโก-มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เพื่อเป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์ควบคู่ไปกับการรับทุนการศึกษาในรูปแบบของค่าตอบแทนของผู้ช่วยวิจัย และว่า ผู้สนใจรายละเอียดหลักสูตรสามารถสอบถามเพิ่มเติมที่โทร.0-2697-6304-5 (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 7 เม.ย. 49 http://www.matichon.co.th)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


สร้างนักวิทยาศาสตร์ไทย ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด??

โครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับเด็กและเยาวชน (JSTP : Junior Science Talent Project) ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง สำนักพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) JSTP เป็นโครงการที่ค้นแววอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าโครงการนี้จะได้รับการสนับสนุนทางด้านการศึกษาและการทำวิจัย ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากนักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยง เพื่อพัฒนาเป็นนักวิทยาศาสตร์ในอนาคต โดยในปีนี้ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) รับเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมเพื่อนำเสนอผลงานวิทยาศาสตร์ ของเยาวชนในโครงการดังกล่าวทั้งระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และปริญญาตรี ซึ่งเป็นรุ่นที่ 8 แล้ว โดยมีนักเรียน นิสิต นักศึกษาเข้าร่วมกว่า 50 คน ศ.ดร.ประมวล ตั้งบริบูรณ์รัตน์ ผู้เชี่ยวชาญศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี สวทช.เผยถึงโครงการนี้ว่า ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2540 เพื่อสร้างนักวิทยาศาสตร์ไทยไทยให้มีจำนวนมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาเด็กที่สนใจด้านวิทยาศาสตร์กลับไม่ได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางวิทยาศาสตร์โดยตรง บางคนไปเรียนแพทย์ ไปเรียนวิศวะ เข้าสู่วิชาชีพเฉพาะทาง แต่หลังจากมีโครงการนี้เด็กไทยก็ตื่นตัวกันมาก จุดประกายให้อยากเป็นนักวิทยาศาสตร์มากขึ้น เป็นการชักนำให้เยาวชนหันมาสนใจ และใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ค้นคว้าความรู้ใหม่และแนวคิดใหม่ๆ ขึ้นมา คงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแต่ที่สำคัญกว่า จะทำอย่างไรเพื่อจุดประกายความฝันของเด็กไทย ที่จะก้าวไปสู่เส้นทางนักวิทยาศาสตร์ไทยให้มีเกียรติ และมีศักดิ์ศรีเทียมเท่าเส้นทางอาชีพที่เด็กเก่งส่วนใหญ่ตัดสินใจเลือกเรียน (สยามรัฐรายวัน จันทร์ที่ 3 เม.ย. 49 http://www.siamrath.co.th)





โครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับเด็กและเยาวชน (JSTP : Junior Science Talent Project) ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง สำนักพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)

นายอาภิรัตน์ เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท เอ.ที.สยาม จำกัด ผู้แทนจำหน่ายสารเคลือบกระจกป้องกันรังสียูวี "ARAYGA" จากประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า บริษัทได้เข้ามารุกตลาดสารเคลือบกระจกระบบนาโนเทคโนโลยีนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีคุณสมบัติดูดซับรังสียูวี ลดรังสีอินฟราเรด โดยวางแผนการตลาดเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการอาคารสูง บ้านพักอาศัย และโชว์รูม ทั้งนี้ ARAYGA เป็นนวัตกรรมใหม่ที่บริษัทเพิ่งนำเข้ามาทำตลาดเป็นรายแรก ถือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับอาคารที่ต้องการผลิตภัณฑ์ป้องกันรังสียูวีหรือความร้อนได้ โดยไม่บดบังทัศนียภาพการมองเห็นภายนอก ซึ่งจะต่างจากฟิล์มที่ป้องกันความร้อนได้แต่แสงสว่างจะเข้ามาในตัวอาคารได้น้อยลง ในการติดตั้งเคลือบสารบนผิวกระจกด้านในอาคาร เฉลี่ยแล้วอาคารขนาด 300 ตารางเมตร ใช้เวลาดำเนินการประมาณ 2-3 วัน จุดเด่นคือสามารถป้องกันรังสียูวีได้ถึง 95% และดูดกลืนรังสีอินฟราเรดที่ทำให้อุณหภูมิภายในอาคารสูงขึ้นได้ถึง 35% แต่แสงสว่างยังคงผ่านเข้าได้ตามปกติ ส่งผลให้อุณหภูมิภายในห้องลดลงได้ 2-5 องศาเซลเซียส หรือคิดเป็นการประหยัดพลังงานลงได้ประมาณ 20% สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักในปีแรกจะเน้นไปที่โครงการและอาคารขนาดใหญ่ อาทิ อาคารสูง คอนโดมิเนียม โครงการบ้านจัดสรร โรงแรม รีสอร์ต โชว์รูมรถ หลังจากทำตลาดในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีลูกค้าให้ความสนใจหลายราย อาทิ โครงการบ้านอิสสระ พระราม 9 คอนโดฯ แฮมตัน ทองหล่อ โชว์รูมโตโยต้า สยามสแควร์ โชว์รูมรถมิตซูบิชิ ภูเก็ต เป็นต้น คิดเป็นยอดขายกว่า 10 ล้านบาท หรือ 10% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปี 100 ล้านบาท (ประชาชาติธุรกิจ จันทร์ที่ 3 เม.ย. 49 http://www.matichon.co.th/prachachart)





สวทช.ตั้ง"TMC"บริหารจัดการเทคโนโลยีประเทศ

สวทช.เปิดตัวหน่วยงานใหม่ "ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี" ทำหน้าที่บริหารจัดการเทคโนโลยีของประเทศแบบครบวงจร ทั้งวางนโยบายด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การถ่ายทอดเทคโนโลยี การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และวิจัยเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมอุดหนุนเงินทุนด้านวิจัยพัฒนาสำหรับเอกชน ชี้โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีของไทยมีปัญหา นางชัชนาถ เทพธรานนท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (ศจ.) เปิดเผยว่า ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (Technology Management Center) เป็นหน่วยงานใหม่ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ สวทช. จุดประสงค์ในการก่อตั้งเพื่อบริหารจัดการเทคโนโลยีให้ครบวงจร ซึ่งเดิมโครงการเหล่านี้ได้ดำเนินการโดยหน่วยงานต่างๆ ภายใต้การกำกับดูแลของ สวทช. ซึ่งค่อนข้างกระจัดกระจาย เพราะหน่วยงานต่างๆ การจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยีถือว่าเป็นการจัดโครงสร้างพื้นฐานใหม่เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ โดยศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยีจะมีโครงสร้างการรับผิดชอบหลักๆ 5 สายงาน คือ การวางนโยบายด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การถ่ายทอดเทคโนโลยี การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และโครงการวิจัยเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ โดยทุกด้านต้องพัฒนาไปด้วยกัน เพราะจากผลสำรวจที่ผ่านมาการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของสถาบัน IMD ชี้ให้เห็นว่าโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีของไทยมีปัญหาโดยอยู่ในอันดับที่ 57 จาก 60 กว่าชาติ ขณะที่การจัดอันดับด้านอื่นๆ มีอันดับไม่ต่ำกว่าที่ 30 ซึ่งถือว่าศักยภาพพอที่จะแข่งขันได้ ทั้งนี้ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยีซึ่งมีงบประมาณในปี 2549 ประมาณ 1,200 ล้านบาท มีภารกิจในการจัดการเทคโนโลยีครบวงจร ประกอบด้วย การจัดทำยุทธศาสตร์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การถ่ายทอดเทคโนโลยี การบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาให้เกิดประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ การส่งเสริมสนับสนุนและบ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี บ่มเพาะสถาบัน โครงการและกิจกรรมที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีโครงการสถาบันพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์และหวังนำออกสู่ตลาดโลกอีกด้วย (ประชาชาติธุรกิจ จันทร์ที่ 3 เม.ย. 49 http://www.matichon.co.th/prachachart)





เตรียมตัวคุยกับมนุษย์ต่างดาวได้ภายในเวลาอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

นักวิทยาศาสตร์พยากรณ์ว่า เราจะได้สนทนากับมนุษย์ต่างดาว ภายในช่วงเวลาอีกไม่นานข้างหน้านี้ ดร.เสท โชสตัก แห่งกลุ่มพยายามติดต่อสิ่งที่มีสติปัญญาบนดาวดวงอื่น กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า เขากับคณะได้สร้างกล้องโทรทรรศน์ เพื่อคอยฟังเสียงจากมนุษย์ต่างดาว ไว้ตามสถานที่ต่างๆ ถึง 350 แห่ง หนังสือพิมพ์รายวัน “เดอะ ซัน” หนังสือ พิมพ์ยักษ์ใหญ่ฉบับหนึ่งของอังกฤษ ซึ่งเสนอข่าวเรื่องนี้ กล่าวว่า ตัว ดร.โชสตักเองนั้นเชื่อว่า ทุกวันนี้มนุษย์ต่างดาวก็ได้ยินเสียงจากโลกอยู่แล้ว เขายังกล่าวให้เห็นว่า สิ่งที่มีชีวิตต่างดาวที่มีสติปัญญาเหล่านี้ ความจริงอาจจะเดินทางลงมาถึงโลกของเราแล้วก็ได้ ในคราบของเซลล์ของแบคทีเรียต่างๆ. (ไทยรัฐ อังคารที่ 4 เม.ย. 49 http://www.thairath.co.th )





สิงคโปร์พร้อมใช้ หนังสือเดินทางชีวภาพ

นายหว่อง คันเส่ง รัฐมนตรีมหาดไทยสิงคโปร์แถลงว่า อี-พาสปอร์ตที่รุ่นใหม่กำลังจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปนำไปใช้งานนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2549 เป็นต้นไป มีชื่อเป็นทางการว่า "ไบโอพาส" (หนังสือเดินทางชีวภาพ) สาเหตุที่มีคำ "ชีวภาพ" พ่วงท้าย ก็เพราะภายในหนังสือเดินทางเหล่านี้จะมี "ชิพคอมพิวเตอร์" ซึ่งบรรจุข้อมูลทางกายภาพส่วนบุคคลของเจ้าของหนังสือเดินทาง นั่นคือ เค้าโครงโครงสร้างใบหน้า เช่น ลักษณะของฟันกราม และลายนิ้วมือ ความจริงทางการของประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่เป็นสมาชิก "องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ" มีภาระหน้าที่ในการจัดทำอี-พาสปอร์ตแบบเดียวกันนี้ให้กับประชาชนของตน วัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นหนึ่งในกลไก-เครื่องมือป้องกันไม่ให้สมาชิก "กลุ่มก่อการร้าย-อาชญากรข้ามชาติ" ปลอมแปลงหนังสือเดินทางได้อย่างง่ายดายเหมือนในอดีต ในส่วนของประเทศไทยเราก็กำลังอยู่ระหว่างการจัดทำโครงการอี-พาสปอร์ต ราคาของอี-พาสปอร์ตคาดว่าจะสูงกว่าพาสปอร์ตรุ่นเก่า 2-3 เท่า เฉลี่ยแล้วน่าจะอยู่ที่ 2-3 พันบาทต่อเล่ม ซึ่งภาระส่วนนี้ชาวบ้านก็ต้องรับผิดชอบจ่ายกันเอง (ข่าวสด อังคารที่ 4 เม.ย. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ญี่ปุ่นสร้างหอส่งทีวีสูงที่สุดในโลกโค่นสถิติแชมป์โลกหอซีเอ็นลงได้

บริษัทกระจายเสียงวิทยุและโทรทัศน์ของญี่ปุ่นประกาศแผนสร้างหอสูงที่สุดในโลกเพื่อเพิ่มการส่งสัญญาณโทรทัศน์และส่งเสริมการท่องเที่ยว หอสูง 2,000 ฟุต (610 เมตร) แห่งนี้จะเป็นหอส่งสัญญาณวิทยุ-โทรทัศน์ ที่สามารถทรงตัวได้ด้วยตัวเองสูงที่สุดในโลก ข้างบนจะมีจุดชมทิวทัศน์ ร้านอาหาร และสำนักงาน สถานที่ก่อสร้างจะอยู่บริเวณโรงเก็บรถไฟเก่าริมแม่น้ำสุมิดะในกรุงโตเกียว ราคาก่อสร้าง 425 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (17,000 ล้านบาท) คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในเดือนมีนาคม 2552 และจะแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2555 หอ “นิว โตเกียว ทาวเวอร์” จะครองสถิติหอสูงที่สุดในโลกโดยทันทีเมื่อแล้วเสร็จ โดยจะสูงกว่าหอ ซีเอ็น ทาวเวอร์ ในนครโตรอนโต ประเทศแคนาดา ซึ่งเป็นเจ้าของสถิติความสูง 553 เมตรในปัจจุบัน ลักษณะของหอ “นิว โตเกียว ทาวเวอร์” จะเป็นอาคารที่สามารถทรงตัวได้ด้วยตนเอง แตกต่างจากหอเคทีเอชไอทีวี ในรัฐนอร์ทดาโกตา สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความสูง 629 เมตร แต่ทว่าหอแห่งนี้ต้องใช้สายเคเบิลช่วยในการทรงตัว. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 7 เม.ย. 49 http://www.thairath.co.th)





ผ่าตัดช่วยคนเตี้ยสูงขึ้นได้แล้วหากต้องใช้ทุนรอนเรือนแสน

การศัลยกรรมต่อกระดูกและแก้ไขกะโหลกศีรษะที่วิปริตผิดรูป เป็นวิธีศัลยกรรมที่ค่อนข้างใหม่ ซึ่งต้องใช้อุปกรณ์ยืดกระดูก ปกติกระดูกแขนขาของคนเราจะสามารถยืดออกไปอีกได้โดยเฉลี่ยระหว่าง 5-9 ซม. เทคนิคศัลยกรรมแบบนี้ ก็มีแพทย์ในไทย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ทำกันอยู่แล้ว ศัลยแพทย์กระดูก ทรัพย์จิต สิงห์ ซึ่งอยู่ที่โรงพยาบาลตัน โต้ก เส็ง ที่สิงคโปร์ อวดว่า เขาเป็นหมอคนแรก ที่ใช้เทคนิคนี้ในเอเชีย และได้ทำมาแล้ว 35 ราย ส่วนใหญ่เป็นคนไข้ อุบัติเหตุ ผู้พิการแต่ กำเนิดและผู้ที่มีรูปกายเตี้ยหรือแคระผิดธรรมดา เทคนิคของศัลยกรรมต่อกระดูกขาจะใช้การตัดกระดูกและฝังตะปูชนิดยืดเข้าออกได้ลงไป บังคับให้ตะปูยืดขึ้นวันละ 1 มม. ขณะที่กระดูกก็จะงอกขึ้นรอบๆ ตะปู เมื่อยาวจนเข้าที่ จะต้องรอจนกว่ากระดูกอยู่ตัว การผ่าตัดจะกิน เวลา 3-4 ชม. คนไข้จะต้องอยู่โรงพยาบาล 1 อาทิตย์ แต่กว่าจะเดินได้อย่างปกติอาจต้องกินเวลาถึง 9 เดือน ส่วนตะปูจะถูกถอนออกหลังจากนั้น 2 ปี อย่างไรก็ตาม การทำต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก อย่างเช่นถ้าหากทำที่สิงคโปร์ จะต้องใช้เงินถึง 200,000 บาท. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 6 เม.ย. 49 http://www.thairath.co.th)





แมลงสาบทะเลผจญแมลงสาบ

อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ไฟลัมอาร์โทรโปดาได้ให้ข้อสังเกตความต่างของแมลงสาบทะเลกับแมลงสาบที่พบตามบ้านทั่วไปที่เด่นชัด คือ แมลงสาบทะเลไม่ใช่แมลงเหมือนแมลงสาบ ก่อนอื่นมารู้จักคำจำกัดความง่ายๆ ของแมลงกันก่อน แมลงเป็นสัตว์ขาปล้องที่มีขา 3 คู่ ถ้าลองนับดูขาของมด ผีเสื้อ แมลงปอ ผึ้ง ยุง และแมลงสาบ จะพบว่ามันมีแค่ 3 คู่เท่านั้น สัตว์พวกนี้จึงเป็นแมลง แต่แมลงสาบทะเลมีขามากกว่านั้น แมลงสาบทะเลเป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกทั่วไปด้วยความที่มันคล้ายกับแมลงสาบทั้งที่มันไม่ใช่แมลงด้วยซ้ำไป แต่นักวิทยาศาสตร์เรียกมันว่า Ligia sp. เป็นสัตว์ในกลุ่มครัสเตเชีย ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยในไฟลัมอาร์โทรโปดาอีกที ตัวอย่างสัตว์ในกลุ่มนี้ เช่น ปู กุ้ง ตัวกะปิ เคย ไรนางฟ้า แต่ภายหลังนักวิชาการออกมาบอกว่ามันไม่ใช่แมลงสาบแต่เป็นไอโซพอด ซึ่งไอโซพอดนั้นเป็นชื่อเรียกกลุ่มย่อยๆ จำเพาะลงไปอีกทีในกลุ่มครัสเตเชีย ตัวอย่างสัตว์จำพวกไอโซพอด เช่น ตัวกะปิ (ไม่ใช่ตัวที่ไว้ทำกะปิ ตัวที่ไว้ทำกะปิคือเคย) และแมลงสาบทะเล เป็นต้น ลักษณะของแมลงสาบทะเลที่เห็นได้ชัดคือ ตัวมันจะเป็นรูปไข่ แบน มีหนวดสองคู่ แน่นอนว่ามันไม่มีปีกเพราะมันไม่ใช่แมลง อาศัยอยู่ตามพื้นทะเล เกาะอยู่ตามวัตถุใต้น้ำ ไม่ค่อยว่ายน้ำเท่าไร มันจึงเกาะมากับปลาหรือตอนลากอวนได้ และไม่เป็นอันตราย เป็นสัตว์ที่ไม่มีพิษเหมือนกับเคยหรือไรน้ำ ส่วนแมลงสาบ (Periplaneta sp.) เป็นสัตว์ที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป อยู่ตามบ้านเรือน ก่อความรำคาญ และดูสกปรก มันเป็นสัตว์ในกลุ่มเฮกซะโปดา (เฮกซะ แปลว่า หก, โปดา แปลว่า ขา รวมเป็นขาหกขา) ซึ่งเฮกซะโปดาหรืออีกชื่อคืออินเซ็กตา (มาจากคำว่า insect ที่แปลว่า แมลง) ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มย่อยของไฟลัมอาร์โทรโปดาเช่นกัน สัตว์ในกลุ่มเฮกซะโปดาที่พบเห็นทั่วไป คือ แมลงทุกชนิด จะมีขา 6 ขา หรือ 3 คู่ มีหนวด 1 คู่ มีปีกแต่บางชนิดปีกอาจลดรูปไปเช่นในมดทั่วไป (แต่ก็ยังคงพบปีกในราชินีมด) (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 6 เม.ย. 49 http://www.komchadluek.net)





เนคเทค ชูรถสื่อสารฉุกเฉิน

นายสุทัศน์ ปฐมนุพงศ์ นักวิจัยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) กล่าวถึงโครงการรถสื่อสารฉุกเฉินว่า ปัจจุบันเมื่อเกิดอุบัติภัยจากธรรมชาติ ระบบสื่อสารในบริเวณดังกล่าวมักจะประสบปัญหาความล้มเหลว เนื่องจากเกิดความเสียหายต่างๆ ทั้งอาคาร สายเคเบิ้ล ระบบจ่ายไฟฟ้า อุปกรณ์ชำรุด และน้ำท่วมเครื่องปั่นไฟฟ้าสำรอง ส่งผลให้ใช้เวลาหลายวันในการตรวจสอบความเสียหายและซ่อมแซม ทั้งนี้ ศูนย์เนคเทคร่วมกับบริษัท ซิสโก้ ซีสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด ทำการออกแบบและพัฒนารถสื่อสารฉุกเฉินที่สามารถให้บริการทางโทรศัพท์และเชื่อมต่อเครือข่ายอินเตอร์เน็ตผ่านทางการกระจายสัญญาณแบบไร้สาย เพื่อใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน นายสุทัศน์กล่าวว่า เนคเทคร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย และศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย (ADPC) ทำโครงการนำร่องเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับรถสื่อสารฉุกเฉินเพื่อสังคมไทย ระหว่างเดือนเมษายน 2549 -มีนาคม 2550 รถดังกล่าวเป็นรถบรรทุก 6 ล้อ ลุยน้ำในระดับความลึก 70 เซนติเมตร ปีนเขาได้ที่ระดับความลาดชันเป็นมุมสูงสุด 40 องศา รองรับน้ำหนักได้ 4.8 ตัน รัศมีวงเลี้ยว 5.1 เมตร เสาอากาศสูงประมาณ 18 เมตร สามารถถอดเก็บได้ และยังเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบสื่อสารหลัก (backhaul) ได้หลายวิธี เช่น ระบบดาวเทียม และระบบสื่อสารไมโครเวฟ เป็นต้น พัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีระบบบรอดแบนด์ไร้สายสำหรับชุมชน (Rural Wireless Broadband Access : RWBA) ซึ่งสามารถเคลื่อนตัวเข้าไปในท้องที่ทุรกันดารหรือชนบทห่างไกลได้อย่างคล่องตัว (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 7 เม.ย. 49 http://www.matichon.co.th)





"เซติ"คาดอีก20ปี"เอเลี่ยน"เยือนโลก

ดร.เซ็ธ โชสแต็ก และคณะนักวิจัยจากโครงการค้นหาสิ่งมีชีวิตต่างดาวที่ทรงปัญญา หรือ "เซติ" (Search for Extra Terrestrial Intelligence : SETI) ประเทศสหรัฐอเมริกา เชื่อว่า มนษุย์ต่างดาว หรือ "เอเลี่ยน" จะมาเยือนโลกภายใน 20 ปีข้างหน้านี้ คณะของดร.โชสแต็กกำลังสร้างกล้องโทรทรรศน์จำนวน 350 เครื่องเพื่อใช้รับสัญญาณจากมนุษย์ต่างดาว ภายใต้สมมติฐานที่มีความเชื่อว่า มนุษย์ต่างดาวได้รับสัญญาณจากโลกแล้ว และอาจจะมาเยือนโลกในรูปของสิ่งมีชีวิตแบบกลุ่มเซลล์ หรือ เซลล์แบคทีเรีย (ข่าวสด ศุกร์ที่ 7 เม.ย. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ยอดนักประดิษฐ์ฟิลิปส์

ทีม “Blue Fire” วิศวะจุฬาฯ คว้าแชมป์ “เยาวชนยอดนักประดิษฐ์ฟิลิปส์” สาขาสิ่งประดิษฐ์อิเล็กทรอนิกส์ ประจำปี 2548 จากผลงาน “ระบบไร้สายสำหรับควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าอัตโนมัติ” ช่วยชาติประหยัดไฟ ลดการสิ้นเปลืองการใช้พลังงานชาติ จากผลงาน ที่ส่งเข้าประกวดทั้งสิ้น 54 โครงงาน สำหรับแชมป์มือใหม่อย่าง “Blue Fire” ประกอบด้วยหนุ่มๆ จากภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ นำโดย “สกลพงษ์ บูรณะวิทย์” “สมคิด เชี่ยวชาญพิพัฒน์” “สิทธิ กุลชล” และ “ปิยะชาติ อิศรภักดี” อุปกรณ์นี้จะทำงานโดยไมโครคอนโทรเลอร์ที่เชื่อมกับระบบไฟฟ้าภายในบ้าน โดยตัวหนึ่งติดไว้ที่ประตูห้อง เพื่อสร้างสนามแม่เหล็กในตรวจสอบการเปิดปิดประตูเข้าออก จากนั้นแผงวงจรไฟฟ้าจะทำงานด้วยการส่งสัญญาณไปยังไมโครคอนโทรเลอร์ ส่วนอีกตัวหนึ่งซึ่งทำงานคู่กับเซ็นเซอร์ เพื่อตรวจสอบอุณหภูมิภายในห้องว่ามีคนอยู่หรือไม่โดยเครื่องมือจะประมวลผลว่า ภายในห้องมีการตรวจพบคลื่นความร้อนของรังสีอินฟราเรดจากคนที่อยู่ในห้องหรือไม่ ถ้าไม่พบก็จะส่งสัญญาณสั่งสวิตซ์หลอดไฟให้ปิดการทำงานทันที ทีม Blue Fire ใช้ระยะเวลา 3 เดือนเต็มในการพัฒนาประดิษฐกรรมชิ้นนี้จนสามารถใช้งานได้จริง โดยมี รศ.ดร.เอกชัย ลีลารัศมี เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน (สยามรัฐรายวัน เสาร์ที่ 8 เม.ย. 49 http://www.siamrath.co.th)





เทคโนโลยีจิ๋วรอบตัว

ผลิตภัณฑ์ที่อาศัยประโยชน์จากขนาดระหว่าง 1-100 นาโนเมตร หรือเล็กกว่าเส้นผ่าศูนย์กลาง ของเส้นผมคนทั่วไปหลายร้อยเท่า ได้ถูกนำมาใช้เป็นจุดขายในสินค้าหลายประเภท จากการสำรวจผลิตภัณฑ์ใน 15 ประเทศ ผ่านแบบสอบถามทางอินเทอร์เน็ต ผู้ผลิตจำนวนมากยอมรับว่า ผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่มีนาโนเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง สินค้าเหล่านี้แบ่งออกเป็น 8 ประเภท รวมถึงสินค้าที่เกี่ยวกับสุขภาพและบริหารร่างกาย บ้านและสวน และที่ยานพาหนะ โดยสินค้าที่เกี่ยวกับสุขภาพและบริหารร่างกาย จะเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด ส่วนสินค้าเด็กกลับมีแค่ 3 ชิ้น อย่างเช่น Xbox 360 เริ่มจากไอพ็อด นาโน จากแอปเปิล มีรูปร่างบางมาก เพราะมีชิพความจำ ใช้เทคโนโลยีระดับนาโนในระดับน้อยกว่า 100 นาโนเมตร (0.1 ไมครอน) ชิพซึ่งผลิตโดยบริษัทซัมซุงแห่งเกาหลีนี้ สามารถเก็บเพลงเล่นได้ต่อเนื่องถึง 3 วัน หรือเก็บรูปได้ 25,000 รูป ไนโตรฮอกกี้สติก ผลิตโดยมอนทรีล สปอร์ตส์ ออย ได้รับการยกย่องว่าเป็นไม้ฮอกกี้ที่แกร่งที่สุดในโลก มอนทรีล สปอร์ตส์ ออย ใช้ท่อนาโนคาร์บอน เป็นวัสดุผสมสำหรับผลิตไม้ฮอกกี้ เลยมีความทนทานกว่าไม้ฮอกกี้ทั่วๆไปถึง 70% ไม้ชนิดใหม่นี้เวลาฟาดลงไปกับพื้นน้ำแข็งแล้วโอกาสหักน้อยกว่าไม้ทั่วไป และยังช่วยประหยัดค่ารักษาฟัน หากผู้เล่นถูกไม้หวดใส่หน้า นอกจากนี้ยังส่งลูกได้นิ่มนวลกว่า และวิ่งเข้าประตูได้เร็วขึ้นด้วย นาโนแวกซ์ ผลิตโดย อีเกิล วัน ผสมอนุภาคนาโนลงไป เพื่อช่วยเคลือบตัวถังรถ อนุภาคที่อยู่ในแวกซ์เคลือบรถสามารถปกป้องตัวรถ และแทรกซึมเข้าไปในพื้นผิวได้ดีขึ้น และอยู่ได้นานว่าแวกซ์ชนิดอื่นๆ ยิ่งโมเลกุลของแวกซ์มีขนาดเล็กลงเท่าไหร่ ตัวแวกซ์ก็จะยิ่งเกาะกับผิวของรถได้ดียิ่งขึ้น ให้ความเงางามมากขึ้นดังที่บริษัทอ้างไว้ พรีเมียม พลัส คิตเชน และบาธ เพนท์ เป็นผลิตภัณฑ์สีทาห้องน้ำและห้องครัวชนิดพิเศษ ผลิตโดย เบอห์ร โปรเซส คอร์โปเรชั่น เพราะการหาสีทาผนังที่ดีเยี่ยมนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งสีที่ต้องดูแลรักษาได้ง่ายด้วยแล้ว ต่อให้เป็นมัณฑนากรมือหนึ่งก็ยังรู้สึกเอือมระอา ดังนั้น ผู้ผลิตสีรายนี้จึงผสมสาร ที่มีคุณสมบัติพิเศษระดับนาโนเข้าไปในสี เพื่อให้สีมีความหนาแน่นมากขึ้น พอสีแห้งมันจะต่อต้านสิ่งสกปรกอย่างเชื้อราและหยดน้ำมันได้ดีขึ้น คาโนลา แอกทีฟ ออย ผลิตโดย เชเม็น อินดรัสทรีส์ เป็นน้ำมันเพื่อสุขภาพไฮเทค ที่บริษัทเติมหยดนาโนลงไปในสูตร หยดนาโนนี้จะช่วยพาวิตามินและแร่ธาตุที่ไม่ละลายทั้งในน้ำและไขมัน ให้ซึมเข้าไปในระบบย่อยอาหาร ซึ่งเป็นอวัยวะที่สามารถดูดซึมสารเหล่านั้นได้อย่างเหมาะสม กางเกงทิมเบอร์เลดจ์ ผลิตโดย บริษัทแอล แอล บีน ไม่น่าเชื่อว่าแม้แต่กางเกง ก็ยังมีนวัตกรรมนาโนเข้ามายุ่งเกี่ยว บริษัทเรียกผลิตภัณฑ์นี้ว่า "นาโนเทกซ์" มีคุณสมบัติพิเศษในการขจัดรอยเลอะ ไม่ย่น ไล่ความชื้น เพราะโมเลกุลของเนื้อผ้าจะเกี่ยวเอาความเปียกชื้นออกจากร่างกายมายังเนื้อผ้า แล้วจะระเหยออกไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์นาโนอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นไม้กอล์ฟ ไมโครชิพ ไม้แบด ผงขัดฟันขาว อาหารเสริม และอื่นๆ อีกมากที่ใช้ความก้าวหน้าทางนาโนเทคโนโลยีอีกมาก (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 5 เม.ย. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





ข่าววิจัย/พัฒนา


ชุดเก็บเกลี้ยงตะปูเรือใบสิ่งประดิษฐ์คนไทยหนุนภารกิจทหาร

นายวัชรินทร์ รัตนวงศา กรรมการผู้จัดการบริษัท ซูเปอร์-วี เอทีวี จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้พัฒนาชุดอุปกรณ์เก็บกู้ตะปูเรือใบแบบไฮดรอลิก ติดตั้งบริเวณด้านหน้ารถกระบะ ประสิทธิภาพการจัดเก็บสูงถึง 99.5% โดยได้ทดสอบขีดความสามารถกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหมเรียบร้อยเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งสนใจที่จัดซื้อสิ่งประดิษฐ์ไปทดสอบจริงในพื้นที่ พร้อมเปรียบเทียบประสิทธิภาพร่วมกับอุปกรณ์เก็บตะปูเรือใบ ที่มีการพัฒนาในลักษณะเดียวกัน อุปกรณ์เก็บกู้ตะปูเรือใบดังกล่าวเป็นผลงานรุ่นที่ 10 จากรุ่นแรกเป็นลักษณะของเครื่องกวาดตะปูเรือใบออกจากผิวถนน แต่พบว่ามีการเก็บตะปูดังกล่าวเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ ในรุ่นถัดมาจึงได้พัฒนาให้มีชุดจัดเก็บตะปูไว้ภายในเพื่อนำไปทำลายทิ้ง รวมทั้งพัฒนาชุดอุปกรณ์ให้ใช้งานได้ในทุกสภาพพื้นผิวทั้งผิวถนนขรุขระและผิวดินลูกรัง ในการพัฒนาได้เลือกใช้เหล็กเป็นวัสดุหลัก ประกอบเป็นอุปกรณ์ขนาด 82x210 เซนติเมตร เมื่อติดตั้งกับรถกระบะ ตัวอุปกรณ์จะยื่นออกจากตัวรถด้านละ 20 เซนติเมตร ช่วยให้สรรถนะในการเก็บกู้ขณะเลี้ยวรถทำได้คล่องตัว โดยประสิทธิภาพสูงสุดรองรับรถที่วิ่งด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนตัวอุปกรณ์กวาดเก็บจะทำหน้าที่เก็บตะปูเรือใบที่อยู่บนพื้นถนน มาเก็บไว้ในส่วนของอุปกรณ์จัดเก็บ ซึ่งบรรจุตะปูได้สูงสุด 1,000 ตัว เพื่อนำไปกำจัดในภายหลัง ในกรณีรถเสียสามารถถอดประกอบ และเปลี่ยนสู่รถคันอื่นได้ภายใน 5 นาที บริษัทจะพัฒนาอุปกรณ์รุ่นใหม่ โดยปรับน้ำหนักของเครื่องให้เบาขึ้นจากเดิม 100 กิโลกรัม เนื่องจากวัสดุเป็นเหล็กทั้งชิ้น โดยจะใช้วัสดุอะลูมิเนียมแทน คาดว่าน้ำหนักจะลดลงเหลือ 50 กิโลกรัม แต่ในส่วนของราคาต้นทุนอาจจะเพิ่ม 5 เท่าตัวจากราคาเดิม 2.50 แสนบาท (คมชัดลึก จันทร์ที่ 3 เม.ย. 49 http://www.komchadluek.net)





เร่งออกเมลามีนใช้ไมโครเวฟ

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีไทย ซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทกำลังวิจัยผลิตภัณฑ์เมลามีนที่สามารถใช้กับเตาไมโครเวฟได้ เพื่อขยายตลาดเมลามีนให้กว้างขึ้น คาดว่าจะใช้เวลาในการวิจัยอีกประมาณ 1 ปี ขณะเดียวกัน จะขยายฐานการผลิตเมลามีนไปยังต่างประเทศมากขึ้น โดยใน 2-3 ปีข้างหน้า บริษัทมีแผนจะขยายกำลังการผลิตเมลามีนไปยังประเทศอินเดีย ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องของระบบโลจิสติกส์ ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทมีแผนเพิ่มทุนบริษัทลูกในเวียดนามเป็นจำนวนเงิน 20 ล้านบาท เพื่อลงทุนสร้างโรงงานผลิตเมลามีน จากปัจจุบันที่โรงงานในเวียดนามผลิตแต่ผลิตภัณฑ์พลาสติก โดยเหตุผลในการสร้างฐานการผลิตเมลามีนในเวียดนาม เนื่องจากความต้องการเมลามีนมีสูง และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าโรงงานดังกล่าวจะเริ่มการผลิตได้ในปลายปีนี้ โดยเมลามีนมีแนวโน้มเติบโตสูงในตลาดโลก (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 3 เม.ย. 49 http://www.dailynews.co.th)





จีนอ้างพบวิธีรักษาไข้หวัดนกถูกๆ เอาภูมิต้านทานโรคมาจากม้า

นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยซุน ยัดเซน ที่เมืองกว่างโจว นายเจียไฮ่ หลู แจ้งว่า ยังคงใช้วิธีสมัยเก่า ให้ร่างกายม้าสร้างภูมิต้านทานขึ้น และสกัดเอามาฉีดให้หนูให้พ้นฤทธิ์ของไวรัสได้ ทั้งนี้ ทำโดยเอาวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดนกพันธุ์เอช 5 เอ็น 1 ฉีดให้กับม้า เพื่อให้ร่างกายมันสร้างภูมิต้านทานขึ้น แล้วดูดเลือดของมัน มาสกัดเอาภูมิต้านทานโรคอีกต่อหนึ่ง แล้วเอามาทำให้มันอ่อนลง เพื่อจะได้ฉีดให้กับคนได้ ในการทดลองกับหนู เมื่อฉีดให้กับหนูที่ถูกจับฉีดเชื้อไวรัสซึ่งเป็นอันตรายถึงตายไว้ก่อนหน้า มา 24 ชั่วโมง แค่ในปริมาณเพียงเศษหนึ่งส่วนสิบ ของมิลลิกรัม ปรากฏว่าหนูทุกตัวรอดตายมาได้ นักวิทยาศาสตร์จีนกล่าวต่อไปว่า ภูมิต้าน ทานต่อเชื้อไวรัสไข้หวัดนกนี้ ตามทฤษฎีแล้วสามารถจะสร้างขึ้นในเวลาอันรวดเร็วได้ และจะสามารถช่วยรักษาชีวิตผู้คนและสกัดกั้นการระบาดของโรคไว้ได้. (ไทยรัฐ อังคารที่ 4 เม.ย. 49 http://www.thairath.co.th )





วิจัยมัน “ห้วยบง60” เนื้อแป้งดีมีเอทานอลสูง

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงได้วิจัยและปรับปรุงพันธุ์มันสำปะหลังเพื่อใช้ในการผลิตเอทานอล สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานชื่อว่าห้วยบง 60 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิจารณ์ วิชชุกิจ และทีมนักวิจัยจากภาควิชาพืชไร่นา คณะเกษตร มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ จึงได้ทำการวิจัยในการใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบในการผลิตเอทานอล ผลงานวิจัยนี้เกิดจากการพัฒนาร่วมกันของ... นักวิชาการของภาควิชาพืชไร่นา และมูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย เดิมทีมีชื่อว่า พันธุ์ MKUC34-114-206 อันเกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่าง พันธุ์ระยอง 5 กับพันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 โดยวิจัยและพัฒนามันสำปะหลังมาตั้งแต่ปี 2534 และได้กระทำมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งได้พันธุ์ “ห้วยบง 60” ที่ให้ทั้งผลผลิตหัวสด- หัวแห้งปริมาณแป้งในหัวสูง และต้านทานโรคใบจุด เนื้อแป้งมีความหนืดเหมาะกับอุตสาหกรรม... ซึ่งเหมาะที่เกษตรกรจะปลูก เพื่อส่งเข้าโรงงานมันเส้น หรือโรงงานแป้ง สำหรับใช้เป็นอาหารสัตว์ และอุตสาหกรรมต่างๆ (ที่ใช้แป้ง) และใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตเอทานอล เพื่อใช้ในกิจการอุตสาหกรรมและพลังงานทดแทน โดยผ่านการคัดเลือกและทดสอบในช่วงระหว่างปี พ.ศ.2535-2544 ของพื้นที่การเกษตร จังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา ฉะเชิงเทรา ชลบุรี กาญจนบุรี ขอนแก่น สระแก้ว ปราจีนบุรี และระยอง มันสำปะหลังพันธุ์ “ห้วยบง 60” ได้ขยายและส่งเสริมแจกจ่ายให้เกษตรกรตั้งแต่ ปี 2545-ปี 2548 มีพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังพันธุ์ห้วยบง 60 ประมาณ 200,000 ไร่ และจากการที่พันธุ์นี้ ให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นไร่ละ 369 กิโลกรัมต่อไร่ ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 550 บาทต่อไร่ คิดเป็นเงินประมาณ 100 ล้านบาท และในปี พ.ศ.2550-2551 คาดว่าจะมีพื้นที่ปลูกประมาณ 1.625 ล้านไร่ เพิ่มรายได้ ให้เกษตรกรประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปี งานวิจัยนี้ทำให้ ผศ.ดร.วิจารณ์ วิชชุกิจ กับคณะ ได้...รางวัลสิ่งประดิษฐ์คิดค้นดีเยี่ยม ประจำปี 2549 สาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยาด้านเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร จาก สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ. (ไทยรัฐ อังคารที่ 4 เม.ย. 49 http://www.thairath.co.th )





ตู้ชงกาแฟอัตโนมัติ อร่อยเหมือนมือชง

นักประดิษฐ์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี โดย “สิทธิพล อุดมเดช, ธนชัย แสนใจธรรม และศราวุธ พันธุ์ขะวงษ์ จากภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่ร่วมกันคิด ตู้ชงกาแฟอัตโนมัติ ตัวแทนนักประดิษฐ์เล่าถึงผลงานให้ฟังว่า “เครื่องชงกาแฟอัตโนมัตินี้ นอกจากจะเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกแล้ว ยังสามารถแก้ปัญหาในเรื่องรสมือไม่เที่ยง บ้างวันตักชงเองรสเข้มบ้างอ่อนบ้าง หรือบางวันกินไม่ได้ก็มี และยังเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้การประกอบการด้านธุรกิจร้านกาแฟที่มีสาขาย่อยหลายๆ สาขาจำเป็นที่จะต้องรักษารสชาติของกาแฟในแต่ละสาขาให้เหมือนกัน เพื่อให้ลูกค้าสามารถดื่มกาแฟในรสชาติที่ตนเองชอบได้ทุกๆ สาขา เครื่องชงกาแฟนี้ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน” การทำงานสามารถทำได้ทั้งระบบ Auto และ Manual คือ ในกรณีที่ชงแบบ Autoนั้น เราสามารถคีย์ข้อมูลของเราเข้าไปว่า ในการชงของเราเราใช้ กาแฟ น้ำตาล และครีมเทียม ในปริมาณอย่างละเท่าใด โดยเครื่องจะเก็บข้อมูลของเราไว้ และให้ตัวเลขรหัสเรามา ในการชงครั้งต่อไปเราก็ไม่จำเป็นต้องมากำหนดจำนวน กาแฟ น้ำตาล และครีมเทียมอีก เพียงแค่ป้อนรหัสที่เครื่องให้มา เครื่องก็จะชงกาแฟในอัตราที่เรากำหนดไว้ได้อย่างแม่นยำ และได้รสชาติที่คงที่ในทุกๆ ครั้งที่ชง ส่วนใครที่ชอบเปลี่ยนรสชาติบ่อยๆ เครื่องชงกาแฟอัตโนมัตินี้ก็มีระบบ Manual ไว้บริการคือในแต่ละครั้งที่ชงก็เพียงแค่กดค่าของจำนวนกาแฟ น้ำตาล และครีมเทียม จะมากหรือน้อยด้วยตนเองก็ได้เหมือนกัน และความพิเศษของเจ้าเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ อยู่ที่สามารถจดจำรสชาติของกาแฟ ได้ถึง 256 รสชาติ ร้านกาแฟใดสนใจก็ลองสอบถามไปได้ที่ ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ โทร.0-2549-3461 (สยามรัฐรายวัน อังคารที่ 4 เม.ย. 49 http://www.siamrath.co.th)





คนไทยเมินเรียนต่อเยอรมนี สกอ.เตรียมเพิ่มทุนเมืองเบียร์

นายภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เปิดเผยว่า ได้เดินทางไปเยอรมนีเพื่อหารือความร่วมมือด้านวิชาการระหว่างไทยกับเยอรมนี ได้พบผู้อำนวยการ BAAD ซึ่งสนใจอุดมศึกษาไทยมาก รวมทั้งโครงการเมกะโปรเจ็คต์ด้านการพัฒนาอาจารย์ และวิจัย โดยยินดีเป็นคนกลางประสานมหาวิทยาลัยท็อปเท็นของเยอรมนีให้อาจารย์ไทยไปเรียนต่อ และถ้าไทยมีโครงการเอง ก็ยินดีประสานนักวิชาการเยอรมนีมาช่วย ทั้งยังอยากรื้อฟื้นความร่วมมือด้านวิชาการ และการวิจัยกับไทย ตนได้พูดกับผู้บริหารมูลนิธิฮุมโบลท์ ซึ่งให้ทุนปริญญาเอกด้านวิจัยโดยเฉพาะ บอกว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไม่มีใบสมัครจากไทยเลย ทั้งที่ให้ทุนฟรี และพาครอบครัวไปได้ นอกจากนี้ ได้ไปเยี่ยมมหาวิทยาลัยอาเคน ซึ่งมีเฉพาะนักศึกษาปริญญาโท และเอก 3 หมื่นคน และมีความร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และไปเยี่ยมสภาวิจัยเยอรมนี ซึ่งสนใจการสร้างเครือข่ายการวิจัยไปสู่ความเป็นเลิศที่ไทยกำลังทำอยู่ ที่ผ่านมานักเรียนไทยสนใจเรียนต่อด้านแพทย์ วิศวะ และวิทย์ที่เยอรมนีมาก แต่ปัจจุบันคนน้อยลง ค่าใช้จ่ายเยอรมนีตก 6-8 แสนบาทเท่านั้น คุณภาพก็ดี ดังนั้น การให้ทุนของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จะเพิ่มทุนไปเรียนต่อเยอรมนีมากขึ้น (มติชนรายวัน อังคารที่ 4 เม.ย. 49 http://www.matichon.co.th)





เอ็มเทคจับมือสหรัฐตั้งศูนย์ชีวมวล

รศ.ดร.ปริทรรศน์ พันธุบรรยงก์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สังกัดสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยว่า สวทช.ได้ลงนามความร่วมมือกับสถาบันพัฒนาพลังงานหมุนเวียนนานาชาติแห่งสหรัฐ เพื่อดำเนินโครงการวิจัย พัฒนาและสาธิต การแปรสภาพชีวมวลเป็นพลังงานเชื้อเพลิงและวัสดุชีวภาพ อาทิ เชื้อเพลิงเหลว เอทานอล และไบโอดีเซล เป็นต้น โครงการความร่วมมือดังกล่าวมีระยะเวลา 5 ปี แบ่งออกเป็น 3 ระยะด้วยกันใช้เวลา 3 ปีสำหรับการศึกษา โดยในปีแรกจะเป็นการเก็บข้อมูลภาคเกษตร ซึ่งจะศึกษาถึงการปลูกพืช ที่สามารถนำมาผลิตเป็นพลังงานชีวมวล ในส่วนปีทีสองจะเป็นการเก็บข้อมูล จากโรงงานที่ผลิตพลังงานชีวมวล อาทิ เอทานอลและไบโอดีเซล ซึ่งขั้นตอนอาจต้องใช้ระยะเวลานาน เนื่องจากแต่ละโรงงานก็ต้องการเก็บความลับทางการค้าของตนเอง และในส่วนปีที่สาม จะเป็นขั้นตอนการทดสอบใช้งานจริงกับรถยนต์ ซึ่งต้องศึกษาประเภทของพลังงานที่เหมาะสม ต่อการนำมาใช้งานกับยานพาหนะ ทั้งนี้ คาดว่าในเบื้องต้นควรใช้งานกับรถกระบะและรถยนต์ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ การเก็บและประเมินข้อมูลวงจรชีวิตของพลังงานหมุนเวียนนี้ ใช้งบประมาณกว่า 15 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีโครงการสร้างโรงงานผลิตพลังงานชีวมวลต้นแบบ โดยใช้เทคโนโลยีที่ได้จากการวิจัยและพัฒนาร่วมกับสถาบันพลังงานหมุนเวียนนานาชาติของสหรัฐ โดยใช้งบประมาณ 10 ล้านบาทสำหรับโรงงานนำร่อง ขณะเดียวกัน ทางศูนย์ชีวมวลยังมีความร่วมมือกับโครงการหลวงเพื่อพัฒนาโรงงานไบโอดีเซลต้นแบบเพื่อชุมชน ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยใช้งบประมาณก่อสร้าง 30 ล้านบาท และคาดว่าภายใน 2 ปี จะได้โรงงานต้นแบบที่เสร็จสมบูรณ์ และหลังจากนั้น สร้างโรงงานอีก 20 แห่งทั่วประเทศ (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 4 เม.ย. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





ไบโอเทคพบวิธีผลิตยาหวัดนกชนิดละลายน้ำ

ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ค้นพบเทคนิคสกัดสารสำคัญ จากสารตั้งต้นในต้นโป๊ยกั๊กใช้ผลิตยาต้านไวรัสไข้หวัดนกชนิดละลายน้ำได้ ดร.ชะวะนี ทองพันชั่ง นักวิจัยจากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) เปิดเผยผลการวิจัยในการประชุมวิชาการประจำปี 2549 สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติว่า ไบโอเทคได้สกัดสาร Oseltamivir Phosphate ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ใช้ผลิตยาต้านไวรัสไข้หวัดนก (ทามิฟลู) สำเร็จในระดับห้องปฏิบัติการ และสารดังกล่าวสามารถนำไปแปรรูปใช้เป็นยารักษาโรคไข้หวัดนกชนิดละลายน้ำได้ด้วย ในการวิจัยได้ใช้สารตั้งต้น "ซิคิมิก" ซึ่งสกัดได้จากโป๊ยกั๊ก หรือดอกยี่หร่าแห้ง มาสังเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ ในกระบวนการต่างๆ เพื่อทดสอบความเป็นไปได้ และประสิทธิภาพของตัวยา กระทั่งได้สารสำคัญที่ใช้ผลิตยาต้านไวรัสไข้หวัดนก ซึ่งประสิทธิภาพเทียบเท่ากับยาทามิฟลู ที่ใช้รักษาโรคไข้หวัดนกในปัจจุบัน เนื่องจากใช้สารสำคัญชนิดเดียวกันในการสังเคราะห์ขณะนี้ได้สารตัวอย่างสาร Oseltamivir Phosphate ในห้องปฏิบัติการประมาณ 20-30 กรัม จากการสังเคราะห์สารสกัดจากโป๊ยกั๊ก เป็นสารตั้งต้นและดัดแปลงโมเลกุลของยา ตลอดจนเข้าสู่กระบวนการทางเคมีทั้ง 12 ขั้นตอน ในห้องปฏิบัติการ จนได้ตัวยาที่สามารถนำไปแปรรูปใช้เป็นยารักษาโรคไข้หวัดนก ชนิดละลายน้ำได้ การที่จะผลิตยาต้านไข้หวัดนกในระดับอุตสาหกรรมนั้น ไบโอเทคจะต้องสร้างความร่วมมือ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะองค์การเภสัชกรรม กระทรวงสาธารณสุข ที่มีศักยภาพ และอำนาจหน้าที่ในการผลิตยาโดยตรง เนื่องจากไบโอเทคไม่มีเครื่องมือรองรับการผลิตในระดับโรงงาน แต่ทางทีมนักวิจัยพร้อมจะให้การสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการ (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 4 เม.ย. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





วัคซีนป้องกันมะเร็งเพชฌฆาตเงียบ คอยปกป้องคุ้มกันได้นานถึง 4 ปีกว่า

วัคซีนเซอร์วาริกซ์ของบริษัทแกล็กโซ่ สมิธ-ไคลน์ ของอังกฤษ พัฒนาให้สร้างภูมิคุ้มกันเชื้อไวรัส ฮิวแมน ปาปิลโลมา หรือเอชพีวี 16 และเอชพีวี 18 ผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก 2 ใน 3 มีสาเหตุจากเชื้อ 2 สายพันธุ์นี้ ผลการทดลองกับสตรีอาสาสมัคร 800 คน เมื่อปี 2547 พบว่าวัคซีนเซอร์วาริกซ์ให้ผลป้อง กันในระยะสั้น และมีผลป้องกันนานสูงสุดถึง 4 ปีครึ่ง นอกจากนี้ ยังสามารถป้องกันเชื้อเอชพีวี 31 และเอชพีวี 45 ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกเช่นกัน แกล็กโซ่ สมิธไคลน์ ประกาศก่อนหน้านี้แล้วว่าเตรียมขอใบอนุญาต จำหน่ายวัคซีนขนานนี้ในสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ สถิติขององค์การอนามัยโลกระบุว่า มะเร็งปากมดลูกคร่าชีวิตสตรีทั่วโลกปีละ 250,000 คน เป็นมะเร็งเพชฌฆาตอันดับ 2 ของสตรี รองจากมะเร็งเต้านม และมักเกิดขึ้นกับสตรีอายุน้อยมากกว่ามะเร็งชนิดอื่น วงการแพทย์ส่วนใหญ่แนะนำให้สตรีตรวจมะเร็งปากมดลูก ด้วยวิธีแปปสเมียร์ ทุก 3 ปี. (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 8 เม.ย. 49 http://www.thairath.co.th)





ขิงมีฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็งมดลูกพริกกำราบมะเร็งม้ามจนงอหงิก

ดร.รีเบกกา หลิว ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิชาสูติศาสตร์และโรคเฉพาะสตรี ของศูนย์โรคมะเร็ง มหาวิทยาลัยมิชิแกน หัวหน้าคณะผู้วิจัยรายงานว่า ขิงฆ่าเซลล์ มะเร็งลงได้ 2 แบบ แบบหนึ่งโดยทำให้ เซลล์มะเร็งทำลายตัวเองและอีกทางหนึ่งทำให้เซลล์ย่อยตัวเอง ขิงได้แสดงให้ เห็นว่า มีฤทธิ์ควบคุมการอักเสบไว้อยู่มือ ซึ่งการอักเสบติดเชื้อเป็นสาเหตุทำให้เกิดเป็นมะเร็งที่มดลูกขึ้น ในการศึกษาวิจัยอีกเรื่องหนึ่ง ได้พบว่าสารแคป-ไซซิน ได้ก่อชนวนให้เซลล์ มะเร็งตายราบได้ ยิ่งกว่านั้น ยังทำให้ก้อนมะเร็งหดเล็กลงอย่างสังเกตได้ด้วย โดยที่มันกัดกินเนื้อมะเร็งของม้าม โดยไม่แตะต้องเซลล์ ปกติของม้ามแต่อย่างใด และก่อนหน้าเมื่อเดือนก่อนนี่เอง นักวิจัยในลอสแอนเจลิสก็รายงานว่า สารแคปไซซินได้ฆ่าเซลล์มะเร็งของต่อมลูกหมาก ผู้เชี่ยวชาญยังแย้งว่า แม้ว่าจะปรากฏว่ามีสารประกอบหลายอย่างสามารถหยุดยั้งมะเร็งในหนูได้ แต่ก็ยังไม่ปรากฏว่ามันแสดงผลได้ใกล้เคียง เมื่อเปลี่ยนเอามาใช้กับคนไข้โรคมะเร็ง เหมือนอย่างที่ปรากฏในหนูเลย (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 7 เม.ย. 49 http://www.thairath.co.th)





สร้างหลุมฝังศพของยุคดิจิตอลติดจอภาพฉายประวัติคนตาย

วิศวกรเมืองกังหันลมได้ออกแบบประดิษฐ์หลุมฝังศพดิจิตอล มีจอภาพแบบผลึกเหลวติดอยู่ข้างหน้า ฉายรูปภาพและภาพยนตร์ ประวัติชีวิตเจ้าของร่างที่นอนอยู่ในหลุม ให้ ใครๆได้รู้จัก จอภาพจะทำงานเพราะมีเครื่องตรวจวัดรังสีอินฟราเรด คอยจับวัดไอตัวของผู้มายืนชมอยู่หน้าหลุมฝังศพ ฉายภาพหรือสารของผู้วายชนม์ พร้อมด้วยภาพถ่ายและภาพวีดิโอขึ้น นายเฮงค์ โรเซมา วิศวกรวัย 65 ปี เจ้าของความคิด กล่าวแจ้งว่าเขาได้ความคิด เมื่อได้ลอง เปิดฉายดีวีดีขึ้น ในงานฉลองวันเกิดของเขา แล้วเพื่อนฝูงพากันขอแผ่นซีดีไปหลายราย ทำให้เขาคิดว่าควรจะทำอะไรไว้บ้างเมื่อตอนตายไป จึงสร้างหลุมฝังศพดิจิตอลขึ้น (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 6 เม.ย. 49 http://www.thairath.co.th)





เบทาโกรตั้งศูนย์วิจัยอาหารสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค

นายวนัส แต้ไพสิฐพงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่เครือเบทาโกร กล่าวว่า ในปี 2548 เป็นช่วงเวลาที่สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศย่ำแย่ แต่ก็ผ่านอุปสรรคเหล่านี้ได้ เนื่องจากบริษัทในเครือฯมีโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งมียอดขายรวม 26,000 ล้านบาท มูลค่าการส่งออก 4,500 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิกว่า 1,130 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตกว่า 29 เปอร์เซ็นต์ ในปีนี้ (2549) บริษัทเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ จะยังคงเอื้อต่อธุรกิจด้านอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นทั้งตลาดในประเทศและตลาดโลก โดยเครือเบทาโกรจะย้ำจุดยืนในฐานะผู้นำที่ครบวงจรและทันสมัยที่สุด ตามนโยบายเรื่องความปลอดภัยด้านอาหาร (Food Safety) ในกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน คาดว่าจะสามารถทำยอดขายรวมได้เพิ่มขึ้นเป็น 30,000 ล้านบาท และได้ขยายการลงทุนสร้างโรงงานไก่ปรุงสุกแห่งใหม่ พร้อมขยายกำลังการผลิตของโรงงานชำแหละไก่ ส่วนสุกรก็เพิ่มกำลังการผลิต ได้ขยายฟาร์มและโรงงานอาหารสัตว์ที่ จ.นครราชสีมา ลำพูน และสุราษฎร์ธานี และการวิจัยค้นคว้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นฐานรองรับการพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลก ล่าสุดได้สร้างศูนย์วิทยาศาสตร์เบทาโกร ณ อุทยานวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย ใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งรับตรวจอาหาร ยา และเนื้อสัตว์ ทั้งของบริษัทและจากที่อื่นด้วย (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 6 เม.ย. 49 http://www.thairath.co.th)





แบคทีเรียในหน่อไม้ปิ๊บ ให้ทั้งคุณและโทษ

อันตรายจากแบคทีเรียนี้เกิดจากสารพิษประเภทโปรตีนที่มันสร้างขึ้นมา ซึ่งเมื่อมนุษย์รับประทานอาหารที่มีแบคทีเรียชนิดนี้ปนอยู่ สารพิษจะเข้าไปจับกับปลายเสันประสาทและทำลายโปรตีนบางชนิดของปลายเส้นประสาท จนทำให้หลั่งสารสื่อประสาท ชื่อ Acetycholine ไม่ได้ เมื่อไม่มีสารสื่อประสาทกล้ามเนื้อก็หดตัวไม่ได้ จนในที่สุดกล้ามเนื้อก็เป็นอัมพาต นั่นเอง ประโยชน์ของ โบทูลิซึม ช่วยลดรอยย่นบนใบหน้า แบคทีเรียชนิดนี้ จริง ๆ มันก็มีประโยชน์ในการช่วยลดความเหี่ยวย่นได้ดี เพราะสำนักงานอาหารและยา หรือ FDA ของสหรัฐอเมริกา ได้อนุญาตเมื่อปี 2002 ให้นำแบคทีเรีย คลอสทริเดียม โบทูลินัม ไปผ่านกระบวนการแยกเอาสารพิษออก แล้วทำให้เจือจาง เพื่อนำไปใช้ในการบำบัดรักษาโรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อได้ดี โดยตั้งชื่อใหม่ว่า "โบท็อก (Botox) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มักใช้สารโบท็อกฉีดเข้าไปบริเวณหนังใต้ดวงตา ส่วนต่างๆ ของใบหน้า รวมไปถึงลำคอที่มีความเหี่ยวย่น ซึ่งสารนี้จะทำให้กล้ามเนื้อหดตัวไม่ได้ รอยย่นจึงลดลง แต่ก็ไม่ได้หายอย่างถาวร เมื่อมันหมดฤทธิ์ (ฤทธิ์ของสารอยู่ได้นาน 3-9 เดือน) ก็จะกลับสู่สภาพเดิม แต่ถ้าใครอยากใช้ซ้ำ ก็ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะหากใช้บ่อยหรือมากเกินไป ก็จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นกลายเป็นอัมพาตถาวรได้ (เดลินิวส์ เสาร์ที่ 8 เม.ย. 49 http://www.dailynews.co.th)





มท.เปิดโฉมเครื่องวัดความชื้นเมล็ดพืช ‘EE-KU 65’ แบบพกพา ใช้วัดกับพืชได้ทุกชนิด

ทีมวิจัยจากภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประสบความสำเร็จในการวิจัยและพัฒนาเครื่องวัดความชื้นเมล็ดพืชพัฒนารุ่น EE-KU 65 ขนาดเล็กสะดวกแก่การพกพา มี รศ.ชัยวัฒน์ ชัยกุล อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หัวหน้าทีมการวิจัย เครื่องวัดความชื้นเมล็ดพันธุ์รุ่นเกษตร 65 ปีนี้ เป็นเครื่องวัดความชื้นเมล็ดพันธุ์แบบตั้งโต๊ะ พัฒนาต่อยอดจากเครื่องวัดความชื้นรุ่นเกษตร 60 ปี โดยเพิ่มจุดเด่นหลายด้าน เช่น เพิ่มความไวของเครื่องวัดให้สูงขึ้นทำให้สามารถใช้กับเมล็ดพืชได้หลากหลายมากขึ้น สามารถวัดความชื้นเมล็ดต่าง ๆ ได้มากกว่า 9 ชนิด โดดเด่นด้วยจอแสดงผลแบบกราฟิกภาษาไทย สามารถแสดงชื่อเมล็ดและขั้นตอนการวัดได้ ใช้งานง่าย ตัวเครื่องเป็นโลหะพับขึ้นรูป ด้านบนจะ มีอุปกรณ์ช่วยเทเมล็ดเพื่อช่วยให้การใช้งานมีความสะดวกและผลการวัดที่สม่ำเสมอ ควบคุมการทำงานด้วยไมโครโปรเซสเซอร์ ใช้ถ่านแบตเตอรี่ขนาด AA 1.5V 6 ก้อน และมีอแดป เตอร์ต่อเข้ากับไฟฟ้า 220V AC ได้ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อการโอนถ่ายข้อมูล ทำรายงาน พิมพ์ข้อมูลได้ ลักษณะเครื่องวัดความชื้นเมล็ดพันธุ์เป็นแบบพกพาขนาดเล็ก น้ำหนักประมาณ 1.2 กิโลกรัม ใช้สำหรับวัดความชื้นเมล็ดพืชหรือวัสดุอื่นที่มีลักษณะเป็นเม็ดหรือผง แสดงผลด้วยตัวเลขดิจิตอล วัดความชื้นได้ตั้งแต่ 00.0–75.0 เปอร์เซ็นต์ ใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ 9 โวลต์ 1 ก้อน หรือสามารถเลือกใช้อแดปเตอร์ต่อเข้ากับไฟฟ้า 220V AC ได้ เครื่องวัดความชื้นเมล็ดพันธุ์มีอยู่ 3 รุ่น คือ รุ่น EE-KU รุ่นเกษตร 60 ปี และรุ่นเกษตร 65 ปี นับเป็นอีกหนึ่งในผลงานที่เกิดมาจากความพยายามของภาควิชาการการเกษตร อย่างน้อยก็เป็นการดีต่อวงการเกษตรที่เกษตรกรจะสามารถมีอุปกรณ์เพื่อใช้งานในภาคการเกษตรซึ่งจะมีราคาที่ถูกกว่าการสั่งเข้ามาจากต่างประเทศ และที่สำคัญ เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตของเกษตรกรเอง (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 7เม.ย. 49 http://www.dailynews.co.th)





กรมวิทย์หนุนวิจัยสารสกัดสมุนไพรในคน

นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ลงนามร่วมกับ 4 สถาบันการศึกษา ที่มีความพร้อมด้านงานวิจัยสมุนไพร ได้แก่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยศิลปากร และมหาวิทยาลัยมหิดล สำหรับดำเนินโครงการศึกษาวิจัยสารสกัดสมุนไพร ที่มีฤทธิ์ฆ่าหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคต่างๆ โครงการวิจัยจะเน้นกลุ่มโรคหลัก ได้แก่ กลุ่มไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก กลุ่มไข้เลือดออก กลุ่มวัณโรค กลุ่มโรคฉี่หนู กลุ่มโรคระบบทางเดินลำไส้ และระบบทางเดินหายใจจากแบคทีเรีย และไวรัสเชื้อราดื้อยา โดยกรมวิทยาศาสตร์ฯ ให้ความสนับสนุนด้านงบประมาณ และดำเนินการทดสอบสารสกัดสมุนไพร กับเชื้อจุลินทรีย์ทางห้องปฏิบัติการ เพื่อศึกษาฤทธิ์ของสารสกัดสมุนไพร ในการยับยั้งและทำลายเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคในหลอดทดลองและทางคลินิก ส่วนมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒและมหาวิทยาลัยรามคำแหง ทำหน้าที่ในการศึกษา และคัดเลือกสารสกัดจากพืชที่มีแนวโน้ม ในการฆ่าหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคต่างๆ พร้อมจัดเตรียมสารสกัดเพื่อรับการทดสอบ ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 5 เม.ย. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





ฉีด"เจล"ทำหมันชาย ไม่ผ่าตัด-ฆ่าอสุจิ10ปี

การ "ทำหมัน" เป็นวิธีทางการแพทย์และทางเลือกสำคัญในการควบคุมจำนวนประชากรของแต่ละประเทศ หนึ่งในโครงการทำหมันชายที่เคยได้รับความสนใจระดับโลก ก็คือ โครงการผลิตยาชนิดเจลใส "RISUG" (Reversible Inhibitation of Sperm Under Guidance) ซึ่งมีศาสตราจารย์สุโย กุหา จากสถาบันเทคโนโลยีอินเดีย เป็นแกนนำการวิจัย RISUG เป็นเจลซึ่งผลิตจากน้ำยาฆ่าอสุจิชนิดพิเศษ เมื่อฉีดเข้าไปในท่อน้ำเชื้อของผู้ชายเรียบร้อยแล้ว ตัวยาจะเข้าไปเคลือบตัวท่อเอาไว้ ทำให้อสุจิที่ถูกปล่อยออกมาจากลูกอัณฑะมีอันต้องหมดสภาพ เข้าไปปฏิสนธิกับไข่ของฝ่ายหญิงไม่ได้ โครงการ RISUG ค้นคว้ากันมานับ 10 ปีเลยครับ มีอาสาสมัครร่วมทดลองนับพันคน แล้วก็ได้รับความสนใจจากองค์กรวางแผนครอบครัวในสหรัฐอเมริกาด้วย เพราะการทำหมันชายด้วย RISUG ไม่ต้องผ่าตัด ใช้เวลาฉีดเจลเพียง 60 มิลลิกรัมเพียง 10 นาทีก็ออกฤทธิ์ได้นาน 10 กว่าปี ถ้าต้องการเลิกใช้ยาก็ฉีดน้ำยาอีกชนิดเข้าไปล้างเจลออกได้สะดวกสบาย การทดลอง RISUG ต้องยุติชั่วคราวเมื่อ 4 ปีก่อน หลังจากกระทรวงสาธารณสุขอินเดียเห็นว่า อาสาสมัคร 1 ใน 3 เกิดอาการถุงอัณฑะบวม ซึ่งแม้ว่าการบวมจะไม่ทำให้เจ็บปวด แต่ทางการขอระงับไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ มีแพทย์บางกลุ่มเตือนด้วยว่าสาร dimethyl sulfoxide ที่อยู่ในเจลอาจทำอันตรายต่อไต อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางการอินเดียอนุมติการทดลองอีกครั้งแล้ว และฝ่ายศ.กุหา ได้ติดต่อขอความร่วมมือจากนักวิจัยในสหรัฐให้มาช่วยแก้จุดบกพร่อง ซึ่งทีมงาน RISUG เชื่อว่าถ้าหนนี้ทำสำเร็จจะเป็นการปฏิวัติวิธีการทำหมันชายครั้งใหญ่ของโลก (ข่าวสด ศุกร์ที่ 7 เม.ย. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ข่าวทั่วไป


10 หนทางส่งเสริมเด็กสุขภาพดี

เว็บไซต์ www.americanheart.org ของสมาคมโรคหัวใจอเมริกัน กระซิบบอก 10 หนทางนำลูกหลานของคุณไปสู่นิสัยสุขภาพดี ดังต่อไปนี้ 1. พ่อแม่ผู้ปกครองต้องเป็นตัวแบบที่ดี หากผู้ใหญ่มีนิสัยทางสุขภาพที่ดีก็จะเป็นการง่ายที่จะชักชวนให้เด็กทำตาม 2. ควรจะให้ทั้งครอบครัวมีกิจกรรมแอ็กทีฟ ร่วมกัน วางแผนการใช้เวลาของแต่ละคนให้สามารถใช้เวลาร่วมกันได้ เช่น ไปเดินเล่น ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ ทำสวนด้วยกัน ทุกคนก็จะได้ประโยชน์จากการออกกำลังและยังได้ใช้ เวลาร่วมกันด้วย 3. ต้องจำกัดเวลาในการดูโทรทัศน์ เล่นวีดิโอเกม และการใช้เวลาหน้าจอคอม-พิวเตอร์ เนื่องจากกิจกรรมแบบนี้จะทำให้นั่งอยู่กับที่และมักคว้าขนมขบเคี้ยวเข้าปากมากเกินไป อันจะเพิ่มปัจจัยเสี่ยงในการลงพุงและเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจได้ในที่สุด 4. พยายามสนับสนุนเด็กๆให้มีกิจกรรมออก กำลังกายที่เด็กรู้สึกสนุกจริงๆ ลองให้เด็กทดลองกิจกรรมที่ต่างกัน เพื่อจะได้รู้ว่ารักชอบที่จะเล่นอะไร เขาจะได้เล่นกับสิ่งนั้นได้นาน 5. ผู้ใหญ่ควรเป็นผู้สนับสนุน หมั่นสนับสนุนยกย่องกิจกรรมที่เด็กทำ แทนที่จะตำหนิอย่างเดียว 6. กำหนดเป้าหมายและจำกัดเวลาสำหรับการทำกิจกรรม เช่น ออกกำลังกายวันละ 1 ชั่วโมง 7. อย่าให้รางวัลเด็กด้วยอาหาร ลูกอมและของขบเคี้ยวเป็นรางวัลที่จะไปสร้างเสริมนิสัยสุขภาพที่ไม่ดี ควรให้รางวัลด้วยวิธีอื่นดีกว่า 8. ลองทำให้เวลาอาหารมื้อค่ำเป็นเวลาสำหรับครอบครัว เมื่อทุกคนในบ้านนั่งลงกินข้าวด้วยกัน เด็กๆก็จะได้กินอาหารที่มีประโยชน์ด้วย แทนที่จะกินแต่ขนม หรืออาจชวนให้เด็กมาร่วมทำอาหารด้วยก็ได้ 9. เล่นเกมอ่านฉลาก อาหาร เกมนี้จะช่วยให้ทั้งครอบครัวได้เรียนรู้ร่วมกันว่า สิ่งใดเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ และตระหนักถึงเรื่องอาหารการกินมากขึ้น 10. พ่อแม่ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมให้เด็กเห็นความสำคัญเรื่องสุขภาพมากขึ้น เช่น ให้เด็กรู้จักเลือกอาหารที่มีประโยชน์ที่โรงเรียน เป็นต้น. (ไทยรัฐ เสาร์ที่ 8 เม.ย. 49 http://www.thairath.co.th)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215