หัวข้อข่าวปีที่ 7 ฉบับที่ 17 ประจำวันที่ 2006-05-02

ข่าวการศึกษา

เตรียมยกระดับ 'ศิริราช' เป็นสถาบันแพทย์ชั้นเลิศ
แบงค์โลกหนุนไทยทำวิจัย
ประธานทปอ.หนุนรื้อแอดมิชชัน แย้มปี 50 คง “จีพีเอ-จีแพ็ก” 30%
นิสิตแพทย์มน.คว้าที่2ของประเทศ
ม.รังสิตแจกโน้ตบุ๊กน.ศ.รั้งภาพลักษณ์ e-University
ส่องเทรนด์ มหาลัยอินเตอร์ สหศาสตร์-ดับเบิลดีกรีมาแรง
มน.รับ นศ.เภสัช 30 คน
สมศ.เตรียมประเมิน การเรียนนอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย
ค้านนำมาตรฐานต่างชาติวัดมหาวิทยาลัยไทย

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

เฟ้นน.ศ.ฟู้ดซายน์บินดูงานสิงคโปร์
ไทยยกเครื่อง "โรงฉายรังสี" รับส่งออกมะกัน
คุณค่าธัญพืช
กว่าจะได้เป็นผู้แทนฯฟิสิกส์โอลิมปิกเอเชีย
เรียนรู้วิทยาศาสตร์ปรมาณู จากประวัติศาสตร์ บอมบ์ บี-52
เครื่องพิมพ์บาร์โค้ดอินเตอร์เมค
เชิ้ตใยเหล็ก
ญี่ปุ่นเปิดโรงภาพยนตร์กลิ่นแห่งแรก แฟนหนังชอบใจเหมือนผจญภัยจริง
พบโรคประหลาดหนึ่งในสองล้านคน แปรกล้ามเนื้อเป็นโครงกระดูกขังคน
เตือนผู้ใช้คอมพิวเตอร์ระวังไวรัสปลอมก่อกวนในบล็อก

ข่าววิจัย/พัฒนา

เครื่องวัดความชื้นเมล็ดพืช จากหิ้งวิจัย มก.สู่การใช้งานจริง
ยืนยันกาแฟไม่ก่อให้เป็นโรคหัวใจ เว้นแต่เป็นคนกินเหล้ากับสูบบุหรี่
นวัตกรรมใหม่เครื่องตรวจหัวใจไฮเทค ไลฟ์สไตล์การกินคนไทยเสี่ยงหัวใจมากขึ้น
พระเทพฯส่งเสริมหญ้าแฝก พระราชทานหมื่นเหรียญงานวิจัย
ใช้มดเป็นครูสอนหุ่นยนต์หาทางกลับบ้าน
กินวัคซีนไข้สมองอักเสบ จุฬาฯพัฒนาตัดปัญหาเด็กกลัวเข็มฉีดยา
เตือนกินปลาร้าเสี่ยงมะเร็งท่อน้ำดี ด้วยเหตุติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ
เครื่องกระตุ้นความทรงจำ จับสมองมาออกกำลังหนีโรคความจำเสื่อม
เจาะแกนน้ำแข็งขั้วโลกใต้หาอดีตโลก
'เอ็นเอชเค'หนุนพัฒนาเส้นใยพืชผสมชิ้นส่วนรถยนต์
ก.วิทย์เปิดค่ายคัดเด็กอัจฉริยะหนุนเป็นนักวิจัย
ไทยพบสารปราบมดแดงจากผึ้ง เป็นการค้นพบครั้งแรกของโลก
นักวิจัยพบแบคทีเรียเรืองแสงชนิดใหม่
สกัดผักติ้วทำสารกันหืนศักยภาพไม่น้อยหน้าสารจากพืชเมืองนอก
"กาวยึดฟันปลอม" ผลงานหมอไทยเพื่อยิ้มใหม่ที่สดใส
ประดิษฐ์เจลมีฤทธิ์ป้องกันโรคเอดส์ เป็นเกราะให้ผู้หญิงใช้ป้องกันตัว
เสื้อนาโนร่วมฉลองครองราชย์ 60 ปี เติมอนุภาคผงเงินยับยั้งแบคทีเรียเติบโต
นักวิจัยไทยไขความลับ ต้นตอ"สัตว์โคลนนิ่ง"ตายเร็ว
อินเดียผลิตชาเม็ดต้านกับน้ำอัดลม วัยรุ่นทิ้งน้ำชาไปหาเครื่องดื่มน้ำสี
ยุโรปพัฒนา"รถคนเมือง" "เคลเวอร์"รถจิ๋วประหยัดเชื้อเพลิง
น้ำมันมะกอกวันละ 1 ช้อนโต๊ะ เพื่อสุขภาพ
พบวิธีกินถั่วไม่ต้องกังวลปล่อยผายลม
หมวกไฮเทคจับภาพเสียง
ธ.โลกแนะเร่งลงทุน ด้านพลังงานไร้มลพิษ ทดแทนน้ำมันดิบที่แพง
เย็นเจี๊ยบ! เครื่องทำน้ำเย็น มจธ.
คนไทยคว้ารางวัลระดับโลกต้านยาสูบ
สนองพระราชเสาวนีย์สมเด็จฯ วิจัยการปลูกกัญชงเพื่อผลิตเส้นใย
สร้างเครื่องกดตัดชิ้นยาง ระบบอัตโนมัติปลอดภัยสูง
หุ่นยนต์สองขาเดินคล่องหวังใช้แทนรถเข็น
สร้างหุ่นไล่กาสมองกลเฝ้าฟาร์มปลา ติดระบบคอมพิวเตอร์ส่งเสียงตวาด
แนะเทคนิคง่ายคลายร้อนนอนเย็น
ผู้ชายมีวิตามินดีต่ำเสี่ยงมะเร็ง
มข.เจ๋ง!สร้างสรรค์วิศวกรรมเกษตร
จีนส่งดาวเทียมเพื่อการวิจัยสู่วงโคจร
มาเลเซียส่ง 4 นักบิน ฝึกภารกิจตะลุยอวกาศ

ข่าวทั่วไป

แนะใส่ถุงเท้าคับยามนั่งเครื่องบิน ป้องกันเกิดโรคเส้นโลหิตดำอุดตัน
มรดกที่กำลังสูญเสีย
กระบวนเรือพยุหยาตราร่วมฉลอง 60 ปีครองราชย์ในหลวง
ผลกระทบหายนะ"เชอร์โนบิล" รุนแรงกว่าที่คาด-ก่อมะเร็งทั่วโลก
ม.รามฯนำร่องบริหารนวัตกรรม หวังสร้างคุณภาพบัณฑิตไทยโกอินเตอร์
"ปานามา"ขุดคลองข้ามมหาสมุทรแห่งใหม่
มหัศจรรย์หนึ่งเดียวในโลก‘ใบไม้สีทอง’ของดีนราธิวาส
มก.สร้างแคปซูลเวลาเก็บข้อมูลให้รุ่นหลังได้ศึกษา
งานวิสาขบูชาโลกจัดใหญ่-สาธยายธรรม 24 ชม.
เชิญท้าวมหาพรหมประดิษฐานใน 10 วัน





ข่าวการศึกษา


เตรียมยกระดับ 'ศิริราช' เป็นสถาบันแพทย์ชั้นเลิศ

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำกับโครงการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ เมื่อเร็วๆนี้ว่า ที่ประชุมเห็นชอบการพัฒนาศิริราชให้เป็นสถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ภายในปี 2553 ในวงเงิน 8,738 ล้านบาท และเตรียมเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่พิจารณา หลังจากที่ ครม.ได้เห็นชอบเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2546 ให้คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ดำเนินการโครงการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ โดยได้รับมอบพื้นที่สถานีรถไฟธนบุรีด้วย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 5 ที่ให้กำเนิดทั้งการรถไฟของไทยและคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล นอกจากนี้ ต้องการให้ประเทศมีสถาบันทางการแพทย์ที่มีศักยภาพในการแข่งขันกับนานาชาติทั้งด้านวิจัย การศึกษา และการบริการโดยศิริราชได้เป็นเจ้าภาพวางแผนดำเนินการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นศูนย์กลางต่อวงการแพทย์ การวิจัย การกระจาย และแลกเปลี่ยนความรู้กับสถาบันอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศตามลำดับ พร้อมทั้งมีคณะกรรมการกำกับโครงการฯ ซึ่งมีตนเป็นประธาน และดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 24 เม.ย. 49 http://www.thairath.co.th)





แบงค์โลกหนุนไทยทำวิจัย

คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะทำงานของธนาคารโลกได้มาหารือเกี่ยวกับการศึกษาขั้นพื้นฐานไป เพราะขณะนี้จุดเน้นของทุกประเทศกำลังมุ่งไปที่ระดับมัธยมศึกษา โดยเฉพาะเรื่องของภาษาต่างประเทศ นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รมว.ศึกษาธิการก็ให้ความสำคัญด้านภาษา และยังได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในการส่งเสริมการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเรื่องของคอมพิวเตอร์อย่างจริงจังอีกด้วย ทางธนาคารโลกจะเข้ามาช่วยส่งเสริมด้านงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ ทาง ศธ. อยากจะให้เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องใด ซึ่งตนได้ขอไปว่าถ้าจะมาทำงานร่วมกันอยากให้ทำวิจัยเรื่องเงินอุดหนุนการศึกษา เพราะถ้าเปรียบเทียบกับประเทศ อื่น ๆ ทำให้รู้สึกว่าของเรายังต้องดูแลให้มากยิ่งกว่านี้ โดยตนอยากให้นำเสนอว่าประเทศอื่นได้มีการลงทุนในเรื่องของเงินอุดหนุนทางการศึกษากันมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ยังมีเรื่องระบบบริหารจัดการเกี่ยวกับครู เพราะขณะนี้เรายังขาดแคลนอยู่จำนวนมาก แต่รัฐบาลมีความประสงค์ที่จะให้มีการปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ซึ่งตนก็อยากจะเปรียบเทียบวิธีการด้วยว่าในประเทศอื่นดำเนินการเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ทั้งนี้ในปัจจุบันทางธนาคารโลกได้มีการทำวิจัยร่วมกับประเทศไทยอยู่ 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การปฏิรูปการเงินในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2.การกระจายอำนาจสู่โรงเรียน และ 3.การพัฒนารูปแบบในการอบรมด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (เดลินิวส์ อาทิพย์ที่ 23 เม.ย. 49 http://www.dailynews.co.th)





ประธานทปอ.หนุนรื้อแอดมิชชัน แย้มปี 50 คง “จีพีเอ-จีแพ็ก” 30%

ดร.ปรัชญา เวสารัชช์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) และประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(ทปอ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุม ทปอ.ในวันที่ 29 เม.ย.ว่า ที่ประชุมจะพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือผลคะแนนในชั้นเรียนระดับม.ปลาย ที่นำมาเป็นองค์ประกอบการสมัครรับคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ในระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือระบบแอดมิชชัน ประจำปีการศึกษา 2549 ว่ามีความน่าเชื่อถือเพียงพอหรือไม่ ถ้าเกิดความไม่เชื่อถือขึ้น ในปีการศึกษา 2550 ก็ควรคงค่าน้ำหนักการพิจารณาผลการเรียนในชั้นม.ปลายในส่วนของผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ (จีพีเอ) คือร้อยละ 20 และผลการเรียนเฉลี่ยสะสมรวม 6 ภาคการเรียน(จีแพ็ก)คือ ร้อยละ 10 ต่อไปก่อน ซึ่งเมื่อ ทปอ.มีข้อสรุปแล้วก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รมว.ศึกษาธิการว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ในที่ประชุม ทปอ.จะไม่หารือกันในการที่จะเว้นวรรคหรือชะลอใช้ระบบแอดมิชชันในปีต่อไป โดยหันกลับไปใช้ระบบเอนทรานซ์แบบเดิม เพราะขณะนี้เดินหน้ามาไกลแล้ว และทีมงานที่ทำเอนทรานซ์กระจัดกระจายไปหมดแล้ว การรวมตัวใหม่ทำได้ยาก และจะไม่เป็นธรรมสำหรับนักเรียนที่เตรียมตัวสอบตามที่ประกาศไปแล้ว ถ้าจะมีการหารือก็จะเป็นในลักษณะที่ว่า ระบบแอดมิชชันที่ใช้อยู่ในขณะนี้จะนำผลสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) และผลสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง(เอเน็ต) หรือจะเอาคะแนนสอบกลางอย่างเดียว ส่วนใดจะเหมาะสมกว่ากัน (สยามรัฐ จันทร์ที่ 24 เม.ย. 49 http://www.siamrath.co.th)





นิสิตแพทย์มน.คว้าที่2ของประเทศ

รศ.ดร.มณฑล สงวนเสริมศรี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) เปิดเผยว่า คณะแพทยศาสตร์ มน.เปิดรับนิสิตในปีการศึกษา 2538 เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนแพทย์ในส่วนภูมิภาค และพัฒนาการให้บริการรักษาพยาบาลประชาชนในเขตจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลางตอนบน ที่ผ่านมา หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตได้รับการปรับปรุงตลอดเวลาเพื่อพัฒนาคุณภาพบัณฑิตแพทย์ให้สอดคล้องกับปัจจัยต่างๆ โดยล่าสุดได้ปรับปรุงหลักสูตรเมื่อปี 2547 ศ.นพ.ศุภสิทธิ์ พรรณารุโนทัย คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มน.กล่าวว่า ในปี 2549 คณะแพทยศาสตร์ได้รวมเข้ากับโรงพยาบาล มน.เพื่อจัดการเรียนการสอนนิสิตแพทย์ชั้นคลีนิค ร่วมกับศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษาชั้นคลีนิค โรงพยาบาลพุทธชินราช อุตรดิตถ์ แพร่ พิจิตร สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และเชียงรายประชานุเคราะห์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นอกจากนี้ คณะแพทยศาสตร์ มน.ที่จะนำไปสู่การยอมรับมากขึ้นมี 3 เรื่อง ได้แก่ 1.เพื่อคุณภาพบัณฑิตแพทย์ โดยใช้กลยุทธ์ "คลังสมองนานาชาติสู่นเรศวร" โดยเปิดรับอาจารย์แพทย์ไทยจากต่างประเทศ และอาจารย์ต่างประเทศมาสอนในลักษณะพาร์ทไทม์ รับอาจารย์ใหม่สาขาขาดแคลน พัฒนาคุณภาพอาจารย์ปริญญาโท และเอก และให้มีผลงานตีพิมพ์ไม่ต่ำกว่า 30 เรื่อง รวมถึงเตรียมความพร้อมเพื่อเทียบมาตรฐานกับกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย ตั้งคณะกรรมการเพื่อวางแผนรับการเทียบมาตรฐาน และเป็นโรงเรียนแพทย์มาตรฐานสากล แพทยสภากำหนดให้นิสิตแพทย์ปี 3 ต้องสอบเพื่อวัดมาตรฐานวิชาชีพ เป็นขั้นที่ 1 ของการสอบ เพื่อให้ได้ใบประกอบโรคศิลปของวิชาชีพแพทย์ และปีนี้เป็นปีแรกที่เปิดสอบ ปรากฏว่า นสพ.เพลิน โทนสระน้อย นิสิตปี 4 คณะแพทยศาสตร์ มน.ทำคะแนนได้ 261 จาก 300 คะแนน เป็นอันดับ 2 จากผู้เข้าสอบทั้งหมด 1,943 คน โดยคะแนนทิ้งห่างจากอันดับ 1 เพียง 4 คะแนน ซึ่งสร้างชื่อให้ มน.ที่เปิดหลักสูตรแพทย์มา 12 ปี ผลสอบนี้แสดงให้เห็นว่าคณะแพทย์ มน.มีความพร้อมในการเตรียมนิสิตแพทย์ระดับพรีคลีนิค ข้อดีคือมีเครือข่ายโรงพยาบาลสังกัด สธ.หลายแห่งร่วมผลิตแพทย์ และ มน.ควบคุมเรื่องคุณภาพ นิสิตได้เรียนรู้การแก้ปัญหาจากประสบการณ์ตรง และมีทักษะดูแลคนไข้สูง (มติชนรายวัน พุธที่ 26 เม.ย. 49 http://www.matichon.co.th)





ม.รังสิตแจกโน้ตบุ๊กน.ศ.รั้งภาพลักษณ์ e-University

ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต เผยว่า ปีที่ผ่านมามหาวิทยาลัยดำเนินโครงการแจกโน้ตบุ๊กให้กับนักศึกษาใหม่ปริญญาโทและเอก พร้อมสนับสนุนเงินรายละ 10,000 บาท สำหรับซื้อโน้ตบุ๊กของเอเซอร์ เพื่อสายความเป็นผู้นำด้าน e-University และส่งเสริมความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับนักศึกษายุคใหม่แห่งสังคมการเรียนรู้ได้เป็นผลสำเร็จ ทางมหาวิทยาลัยยังได้พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนรูปแบบ e-Learning และเปิดสอนในหลักสูตรนำเทรนด์ เช่น ทัศนแพทยศาสตร์ การบิน การซ่อมบำรุงอากาศยาน การจัดการธุรกิจการบิน และล่าสุด เปิดหลักสูตรการทูตและการต่างประเทศ ภายใต้แนวคิด e-University ด้านนายแฮรี่ หยาง กรรมการผู้จัดการบริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์จำกัด กล่าวว่า เอเซอร์พร้อมสนับสนุนโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง เปิดโอกาสให้เด็กไทยพัฒนาศักยภาพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ นำไปศึกษาหาความรู้ ทั้งประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งเอเซอร์มีส่วนแบ่งการตลาดครองใจนักเรียน นักศึกษา โดยดูถึงความต้องการของพวกเขา ทั้งเรื่องของเทคโนโลยี คุณภาพและสมรรถนะ (มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 28 เม.ย. 49 http://www.matichon.co.th)





ส่องเทรนด์ มหาลัยอินเตอร์ สหศาสตร์-ดับเบิลดีกรีมาแรง

หลักสูตรนานาชาติกลายเป็นหลักสูตรที่เป็นที่นิยมและมีการพัฒนาหลักสูตรอย่างน่าสนใจ จะเห็นว่าทุกมหาวิทยาลัยขยายงานในส่วนของหลักสูตรนานาชาติจำนวนมาก ทำให้นักเรียนที่เรียนในภาคภาษาอังกฤษสามารถสอบเข้าเรียนต่อในไทยได้ ที่สำคัญมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าการจะไปเรียนต่อในต่างประเทศ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าแนวโน้มปัจจุบันและในอนาคต อย่างน้อยต้องมี 2 ภาษา คือภาษาไทยและภาษาอังกฤษเป็นพื้นฐาน มากกว่านั้นยังจะต้องมีภาษาที่ 3 ตามมา" รศ.ดร.วศิน อิงควัฒนกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยศิลปากร กล่าว นางสาววรรณา บุญก่อเกื้อ หัวหน้าฝ่ายรับนักศึกษา สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินทร "ปัจจุบันคณะในมหาวิทยาลัยอินเตอร์เป็นที่นิยมมากสำหรับเด็กไทย และจากการสำรวจพบว่าในมหาวิทยาลัยอินเตอร์ในปัจจุบันมีเด็กไทยเรียนถึง 90% ส่วนที่เหลือเป็นต่างชาติ ถ้าถามว่า แล้วจะเหมือนเรียนเมืองนอกหรือไม่ ต้องบอกว่า บรรยากาศคงไม่เหมือน 100% แต่สิ่งที่เราทำคือการให้ความรู้ในแบบอินเตอร์" (ประชาชาติธูรกิจ พฤหับบดีที่ 27 เม.ย. 49 http://www.matichon.co.th/prachachart)





มน.รับ นศ.เภสัช 30 คน

ม.นเรศวร พะเยา รับนิสิตระดับปริญญาตรีหลักสูตรเภสัชศาสตร์ สาขาวิชาบริบาลเภสัชกรรมผ่านระบบแอดมิชชั่นส์จำนวน 30 คน เปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 4 พฤษภาคมนี้ ดร.นิรมล รังสยาธร ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยนเรศวร(มน.) เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยนเรศวร วิทยาเขตสารสนเทศพะเยารับสมัครนิสิตเพื่อเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี หลักสูตรเภสัชศาสตร์ สาขาวิชาบริบาลเภสัชกรรม ประจำปีการศึกษา 2549 จำนวน 30 คน โดยผ่านระบบแอดมิชชั่นส์ ซึ่งผู้สมัครมีคุณสมบัติคือ 1.ต้องจบ ม.6 สายวิทย์-คณิต มีใบระเบียบแสดงผลการเรียนระดับชั้น ม.ปลาย (รบ.1) ได้รับคะแนนเฉลี่ย (จีแพกซ์) 6 ภาคการศึกษาไม่น้อยกว่า 3.00 2.มีคะแนนสอบโอเน็ต 5 กลุ่มสาระวิชาต่อไปนี้ ภาษาไทย สังคม ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ รวมกันไม่น้อยกว่า ร้อยละ 40 และ 3.มหาวิทยาลัยพิจารณาคะแนนสอบเอเน็ต 3 กลุ่มสาระวิชา คือ วิทยาศาสตร์ 2 50% ภาษาอังกฤษ 2 คณิตศาสตร์ 2 วิชาละร้อยละ 25% เฉพาะผู้สมัครที่ผ่านคุณสมบัติข้อ 1 และ 2 ดร.นิรมล รังสยาธร กล่าวอีกว่า สาขาวิชาบริบาลเภสัชกรรม เป็นสาขาที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดในปัจจุบัน เมื่อสำเร็จการศึกษาไปแล้วสามารถประกอบอาชีพได้หลากหลาย เช่น ทำงานที่โรงพยาบาลของรัฐและเอกชน ผู้แทนบริษัทยา โรงงานยา สนใจสอบถาม โทร.0-5446-6666 ต่อ 1020-1023 หรือดาวน์โหลดใบสมัครที่ www.pyo.nu.ac.th และ www.acad.pyo.nu.ac.th (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 28 เม.ย. 49 http://www.komchadluek.net)





สมศ.เตรียมประเมิน การเรียนนอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย

นายรุ่ง แก้วแดง รักษาการ รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) และสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ถึงการประเมินคุณภาพภายนอกการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เนื่องจากที่ผ่านมา สมศ.ได้ประเมินคุณภาพภายนอกการศึกษาในระบบแล้ว แต่ยังไม่มีการประเมินการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย ในขณะที่ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 กำหนดให้สถานศึกษาสามารถจัดการศึกษา ได้ทั้งการศึกษาในระบบการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยได้ และสามารถเทียบโอนกันได้ ดังนั้นจึงต้องมีการประเมินคุณภาพภายนอกการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยเพื่อไม่ให้เกิดช่องโหว่ รวมถึงหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น ตามมาตรา 15(2) แห่งพ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน ของสำนักบริหารงานคณะกรรมการการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ด้วย “จากการหารือเห็นว่า กศน.มีการจัดการศึกษาที่หลากหลาย ถ้าประเมินในหน่วยจัดการศึกษาขนาดเล็ก เช่นศูนย์การเรียนชุมชน ซึ่งปิดและเปิดตามจำนวนผู้เรียนก็จะเป็นภาระมาก จึงเห็นว่าในการประเมินการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัยของ กศน.ควรจะเริ่มที่ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอ (ศบอ.) ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนเขต(ศนข.) และศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดเป็นหลัก โดยให้เน้นการบริหารการจัดการศึกษา ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปีการศึกษา 2549” นายรุ่ง กล่าวและว่า การประเมินคุณภาพภายนอกจะช่วยปรับปรุงการทำงานของ กศน.ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและช่วยลดปัญหาเรื่องเด็กผีส่วนความคืบหน้าการผลักดันร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิตนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างรอเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ (สยามรัฐรายวัน จันทร์ที่ 1 พ.ค. 49 http://www.siamrath.co.th)





ค้านนำมาตรฐานต่างชาติวัดมหาวิทยาลัยไทย

นายธนู กุลชล อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยว่า สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพทางการศึกษา (สมศ.) จะประเมินความพร้อมของมหาวิทยาลัยรอบที่ 2 ทางมหาวิทยาลัยกรุงเทพจะเป็นรุ่นแรกที่ถูกประเมิน โดยสถาบันการศึกษาทุกแห่งจะต้องเตรียมความพร้อมไว้ตลอดเวลา การที่สมศ.มาตรวจประเมินนั้น เพื่อมาดูสภาพจริงของสถาบันการศึกษา โดยบางแห่งอาจรู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะถูกประเมิน จึงจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมแบบผักชีโรยหน้า ถือว่าผิดวัตถุประสงค์ จึงอยากฝากให้สถาบันการศึกษาทุกแห่งคำนึงถึงคุณภาพของประเทศชาติด้วย เพราะคุณภาพของคนเป็นเรื่องสำคัญ นายธนูกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการจัดอันดับมหาวิทยาลัย กำลังอยู่ระหว่างหารือกันอยู่ เท่าที่ทราบสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ยังไม่จัดอันดับอะไร แต่หากจัดอันดับขึ้นจริงจะทำให้เกิดปัญหา ผลที่ออกมาอาจไม่เป็นที่ยอมรับได้ แต่ขณะนี้ สกอ.สนใจวิธีการจัดอันดับของสมศ. โดยสถาบันระดับอุดมศึกษาในประเทศไทยควรจะมุ่งเป้าหมายไปเป็นมหาวิทยาลัยในอุดมคติ แบบเดียวกับมหาวิทยาลัยชื่อดังในประเทศที่เจริญแล้ว แต่ในปัจจุบันสถาบันอุดมศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน ยังไม่มีคุณภาพเทียบเท่ามหาวิทยาลัยต่างประเทศได้ ดังนั้น หากประเมินโดยนำระดับมาตรฐานของมหาวิทยาลัยต่างประเทศมาจัดอันดับ เชื่อว่าตกอันดับหมด เนื่องจากต่างประเทศมีเงินอุดหนุนในการทำวิจัย และการเรียนการสอนด้านต่างๆ ในขณะที่สถาบันอุดมศึกษาของไทยไม่มีการสนับสนุนด้านงบประมาณเลย (ข่าวสด จันทร์ที่ 1 พ.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


เฟ้นน.ศ.ฟู้ดซายน์บินดูงานสิงคโปร์

สมาคมวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีทางอาหารแห่งประเทศไทย (FOSTAT) ร่วมกับบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด จัดแข่งขันตอบปัญหาวิชาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหาร ภายใต้ชื่อ Fostst-Nestle Quiz Bowl ปีที่ 4 ที่อาคารฐานเศรษฐกิจ โดยเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหาร หรือคณะอุตสาหกรรมการเกษตร ที่เรียกสั้นๆ ว่า "คณะฟู้ดซายน์" จากสถาบันต่างๆ เข้าร่วมแข่งขัน ในปีนี้มีสถาบันอุดมศึกษาเข้าแข่งขันมากถึง 54 สถาบัน ซึ่งมีทีมผ่านเข้ารอบ 16 ทีม หลังจากนี้ ทั้ง 16 ทีมคงต้องกลับไปซุ่มฟิตความพร้อมเพื่อเข้าแข่งขันรอบชิงชนะเลิดเฟ้นหาสุดยอดนักฟู้ดซายน์ ชิงถ้วยรางวัลเกียรติยศจากนายกรัฐมนตรี พร้อมทุนการศึกษา และเดินทางไปศึกษาดูงานที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาระดับภูมิภาคของเนสท์เล่ ประเทศสิงคโปร์ กำหนดจัดการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในวันเสาร์ที่ 17 มิ.ย.นี้ ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา สอบถามโทร. 0-2564-6700 ต่อ 3119-20 (คมชัดลึก อังคารที่ 25 เม.ย. 49 http://www.komchadluek.net)





ไทยยกเครื่อง "โรงฉายรังสี" รับส่งออกมะกัน

ดร.อดิศักดิ์ ศรีสรรพกิจ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ขณะนี้ไทยกำลังเตรียมดำเนินการปรับปรุงโรงฉายรังสี เพื่อให้ได้มาตรฐานตามที่กระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา (USDA) กำหนด รวมทั้งทันกับกำหนดการที่เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ จะเดินทางมาตรวจสอบคุณภาพโรงฉายรังสีของไทยในวันที่ 12-13 มิ.ย.นี้ โดยการมาครั้งนี้นอกจากการตรวจสอบคุณภาพโรงฉายรังสีแล้ว ยังจะมีการเจรจาในรายละเอียดการส่งออก/นำเข้าที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ ก่อนที่จะอนุญาตให้นำเข้าผลไม้ไทย 6 ชนิดประกอบด้วย มะม่วง มังคุด เงาะ สับปะรด ลำไย และลิ้นจี่ ไปยังสหรัฐอเมริกาได้ ปัจจุบันการยอมรับอาหาร หรือสิ่งมีชีวิตที่ฉายรังสีหรือการใช้นิวคลียร์เทคโนโลยีกับสิ่งมีชีวิตที่ดัดแปลงพันธุกรรม (GMOs)ในประเทศไทยนั้น ผู้บริโภคจะยอมรับนิวเคลียร์เทคโนโลยีหรือการฉายรังสีมากกว่าจีเอ็มโอ เนื่องจากการฉายรังสีหรือการใช้นิวเคลียร์เทคโนโลยีมีการตรวจสอบแล้วว่าปลอดภัยกับผู้บริโภค ขณะที่สิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมยังไม่มีการทดสอบจนถึงจุดนั้น อาหารหรือสิ่งมีชีวิตที่ผ่านขบวนการนิวเคลียร์เทคโนโลยี หรือการฉายรังสีจะได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคมากกว่า เพราะว่าผ่านขบวนการตรวจสอบด้านความปลอดภัยเรียบร้อย แต่สิ่งมีชีวิตที่ดัดแปลงพันธุกรรม ยังไม่ได้มีการวิจัยถึงที่สุดในเรื่องของความปลอดภัยจึงอยากให้มีการวิจัยเรื่องจีเอ็มโออย่างอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาข้อสรุปเรื่องความปลอดภัยให้ได้ (แนวหน้า พุธที่ 24 เม.ย. 49 http://www.naewna.com)





คุณค่าธัญพืช

“ธัญพืช” นั้น แท้จริงแล้วเป็นอาหารที่เหมาะสมที่สุดในการเป็นอาหารหลักของมนุษย์ มากกว่าอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน ทั้งนี้ก็เพราะใน “ธัญพืช” มีสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน เกลือแร่และวิตามิน นอกจากสารอาหารดังกล่าวแล้ว ยังมีการค้นพบว่าการรับประทานธัญพืช เป็นอาหารหลักอย่างต่อเนื่องยาวนาน จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้อีกด้วย โดยผลการวิจัยรายงานว่า ประชาชนในชุมชนโบราณที่ทานอาหารตามธรรมชาติและข้าวเป็นอาหารหลัก มีปัญหาหลอดเลือดหัวใจน้อยมาก ต่างกับในสังคมเมืองที่กินเนื้อสัตว์มากเกินไป สำหรับผู้ที่ชอบทานเนื้อสัตว์เพียงอย่างเดียวในปริมาณมากๆ พฤติกรรมดังกล่าวสามารถทำให้เกิดโทษกับร่างกายได้ แม้ในแง่ของการให้พลังงานเนื้อสัตว์และไขมันก็ยังเป็นอาหารที่ไม่เหมาะสม เพราะร่างกายต้องใช้เวลานานในการเผาผลาญ โดยเห็นได้ชัดว่าผู้คนในสังคมเมืองยังทานไขมันจากเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์นมและคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านกระบวนการมากเกินไป ในขณะที่ทานไฟเบอร์ในปริมาณที่ไม่เพียงพอ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะทำให้มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจสูงกว่ามาก การรับประทานเนื้อสัตว์แม้ไม่ใช่เรื่องต้องห้าม แต่ก็ควรจะรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ และเพื่อสุขภาพที่ดียิ่งกว่า อย่าลืมเพิ่มอาหารจำพวกธัญพืชเข้าไปในมื้ออาหารด้วย (สยามรัฐรายวัน พุธที่ 26 เม.ย. 49 http://www.siamrath.co.th)





กว่าจะได้เป็นผู้แทนฯฟิสิกส์โอลิมปิกเอเชีย

“การแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับทวีปเอเชีย” ซึ่งประเทศไทยไม่เคยพลาด ส่งผู้แทนประเทศเข้าร่วมชิงชัยด้วยทุกครั้ง และเช่นเคยที่สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) และคณะอนุกรรมการอำนวยการจัดส่งผู้แทนประเทศไทย ไปแข่งขันคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ จะเป็นผู้ดำเนินการคัดเลือก “เด็กไทย” ไปประชันฝีมือ สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ จัดที่เมืองอัลมาตี ประเทศคาซัคสถาน ระหว่างวันที่ 23-30 เม.ย.49 โดยมีผู้แทนประเทศไทย ร่วมชิงชัย ทั้งสิ้น 8 คน...ดังนี้ กษิดิศ โตประเสริฐพงศ์ โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ, จิรพัทธ์ เทียมสุพัต โรงเรียนนครนายกวิทยาคม, ชนปทิน ไพบูลย์พลาย้อย และชานน อริยประกาย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา, ธนากร เอี่ยมสระศรี โรงเรียนวัดสุทธิวราราม, รณชัย เจริญศรี โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย , สรวิศ แสงทวีสิน โรงเรียนเซนต์คาเบรียล และ อำนวย พลสุขเจริญ จากโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ (สยามรัฐรายวัน พุธที่ 26 เม.ย. 49 http://www.siamrath.co.th)





เรียนรู้วิทยาศาสตร์ปรมาณู จากประวัติศาสตร์ บอมบ์ บี-52

ฮิโรชิมา และนางาซากิ สองเมืองใหญ่ของญี่ปุ่น ทั้งสองเมืองถูกระเบิดนิวเคลียร์ บี-52 ชื่อ ลิตเติ้ล บอย (Little boy) และแฟต แมน (Fat man) ถล่มเสียยับเยิน ในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวบ้านธรรมดาสามัญสูญเสียชีวิตนับแสน จนวันนี้ ฮิโรชิมา มีสวนสันติภาพ และอนุสรณ์สถานอะตอมมิกส์โดม (Atomic Bomb memorial mound) เปิดรำลึกถึงมหันตภัยแห่งความรุนแรงเมื่อ 60 ปีที่ผ่านมา เหตุการณ์ที่เกิด กับประสบการณ์ที่ได้รับ ถูกถ่ายทอดเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ ณ อุทยานอนุสรณ์สันติภาพของฮิโรชิมา นำเสนอได้อย่างน่าสนใจ พลังงานนิวเคลียร์ เป็นพลังงานรูปแบบหนึ่ง ที่ได้จากปฏิกิริยานิวเคลียร์ นิวเคลียร์ เป็นคำคุณศัพท์ของคำว่า นิวเคลียส ซึ่งเป็นแก่นกลางของอะตอมธาตุ ซึ่งประกอบด้วยอนุภาคโปรตอน และนิวตรอน ซึ่งยึดกันได้ด้วยแรงของอนุภาคไพออน พลังงานนิวเคลียร์ หมายถึง พลังงานไม่ว่าลักษณะใดๆ ก็ตาม ซึ่งเกิดจากนิวเคลียสอะตอมโดย 1.พลังงานนิวเคลียร์แบบฟิซชั่น (Fission) ซึ่งเกิดจากการแตกตัวของนิวเคลียสธาตุหนัก เช่น ยูเรเนียม พลูโทเนียม เมื่อถูกชนด้วยนิวตรอนหรือโฟตอน 2.พลังงานนิวเคลียร์แบบฟิวชั่น (Fusion) เกิดจากการรวมตัวของนิวเคลียสธาตุเบา เช่น ไฮโดรเจน 3.พลังงานนิวเคลียร์ที่เกิดจากการสลายตัวของสารกัมมันตรังสี (Radioactivity) ซึ่งให้รังสีต่างๆ ออกมา เช่น อัลฟา เบตา แกมมา และนิวตรอน เป็นต้น 4.พลังงานนิวเคลียร์ที่เกิดจากการเร่งอนุภาคที่มีประจุ (Particle Accelerator) เช่น อิเล็กตรอน โปรตอน ดิวทีรอน และอัลฟา เป็นต้น พลังงานนิวเคลียร์ บางครั้งใช้แทนกันกับคำว่า พลังงานปรมาณู นอกจากนี้ พลังงานนิวเคลียร์ยังครอบคลุมไปถึงพลังงานรังสีเอ็กซ์ด้วย (พ.ร.บ.พลังงานเพื่อสันติ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2508) พลังงานนิวเคลียร์ สามารถปลดปล่อยออกมาเป็นพลังงานหลายรูปแบบ เช่น พลังงานความร้อน รังสีแกมมา อนุภาคเบตา อนุภาคอัลฟา อนุภาคนิวตรอน เป็นต้น จากความเสียหายอย่างมหันต์ในคราวนั้น ทำให้ญี่ปุ่นต้องยอมเซ็นสัญญาสันติภาพ ซึ่งระบุให้จักรพรรดิและรัฐบาลญี่ปุ่นอยู่ใต้การปกครองของผู้บัญชาการสูงสุดของทหารสัมพันธมิตร ปี 2496 ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศริเริ่มดำเนินโครงการ "ปรมาณูเพื่อสันติ" ขึ้น และอีก 2 ปีต่อมา สหประชาชาติจัดให้มีการประชุมขึ้นที่กรุงเจนีวา มีนักวิทยาศาสตร์กว่า 4,000 คน จาก 73 ชาติ ได้เข้าร่วมประชุมและพิจารณาถึงการนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ในทางสันติ เพื่อแสดงให้ชาวโลกทราบว่า พลังงานนิวเคลียร์ที่ใครๆ เห็นว่าเป็นมหันตภัยร้ายแรงสำหรับมนุษย์นั้น อยู่ในวิสัยที่อาจจะควบคุม และนำมาใช้เป็นประโยชน์ได้เช่นกัน และโครงการนี้ได้กระตุ้นให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกก่อตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาด้านพลังงานนิวเคลียร์ขึ้นในประเทศของตน เพื่อนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ประโยชน์ในทางสันติ และช่วยการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 27 เม.ย. 49 http://www.matichon.co.th)





เครื่องพิมพ์บาร์โค้ดอินเตอร์เมค

รุ่น PD41 นี้ พร้อมกับตัวเครื่องโลหะที่ทนทาน ประสิทธิภาพและความสามารถรอบตัว สำหรับแอพพลิเคชั่นด้านการขนส่ง, โลจิสติก, อุตสาหกรรมเบา และร้านค้าปลีกที่ทุกคนสามารถซื้อหามาเป็นเจ้าของได้ นายเดวิด เคร็บส์ ผู้อำนวยการด้านอุปกรณ์เคลื่อนที่และไร้สายของบริษัท เวนเจอร์ ดีเวลล็อปเมนท์คอร์ปอเรชั่น ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และวิจัยตลาดเทคโนโลยี กล่าวว่า PD41 รวมการออกแบบที่แข็งแรงเข้ากับความสามารถในการทำงานขั้นสูงรองรับความต้องการของลูกค้าตั้งแต่ระดับกลางไปจนถึงระบบล่าง เครื่องพิมพ์รุ่นนี้สามารถพิมพ์ป้ายผนึกข้อมูลได้หลากหลายขนาดและอย่างต่อเนื่องด้วยระดับความเร็ว 150 มิลลิเมตร/วินาที (6 นิ้วต่อวินาที) ใช้ร่วมกับม้วนป้ายผนึกขนาดมาตรฐานอุตสาหกรรม 200 มิลลิเมตร (8 นิ้ว) และยาว 450 เมตร (18,000 นิ้ว) ได้ ส่งผลให้ไม่ต้องเสียเวลาหยุดการทำงานของเครื่องบ่อยครั้ง และ PD41 ให้การเชื่อมต่อผ่านทางอีเธอร์เน็ตที่รวดเร็วและหลายช่องทางเป็นการกำหนดค่ามาตรฐาน นอกจากยังรองรับพอร์ตอนุกรม (serial), พอร์ตขนาน (parallel) และพอร์ตยูเอสบี อีกทั้งยังให้คุณลักษณะที่เรียกว่า "การพิมพ์อัจฉริยะ" (Smart Printing(tm)) ที่ปกติจะพบได้ในเครื่องพิมพ์ประสิทธิภาพสูงเท่านั้น (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 27 เม.ย. 49 http://www.matichon.co.th)





เชิ้ตใยเหล็ก

ฝันที่เป็นจริง ซึ่งซีเมนส์ค้นคิดขึ้นมาก็คือ เชิ้ตใยเหล็ก ซึ่งเป็นผลงานวิจัยและนำมาแสดงในประเทศเยอรมนีแล้ว กับราคาที่เสนอเพื่อจำหน่ายตัวละ 1,029 ยูโร ความสามารถของเชิ้ตใยเหล็กนี้ ช่วยลดความน่าเบื่อของงานบ้าน ในการจัดการทำความสะอาดเสื้อผ้า เชิ้ตตัวงามนี้สามารถใส่แล้วใส่อีก โดยไม่สะดวกให้ต้องซัก ประหยัดเวลาอย่างน้อย 40 นาทีต่อสัปดาห์เลยเชียว โดยเขาให้เหตุผลว่า ใยเหล็กที่ใส่ทำให้ดูใหม่ สดใส สดชื่นเหมือนซักทุกครั้ง ได้ในเวลานานพอสมควร แล้วยังใส่ปรับสภาพอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี ส่วนของการนำไปทำความสะอาด ก็ง่าย ใช้เวลาเพียง 6 นาทีครึ่งสำหรับการจัดการ และยังเหมาะกับการสวมใส่ร่วมกับผ้าทั้งลินิน ไหม ผ้าสักหลาด และใยผ้าประเภทต่างๆ ได้สบายๆ ขนาดเชิ้ตมีตั้งแต่ ไซส์ XS ถึง 4XL ถ้าเป็นกระโปรงไซส์ 38 ถึง 52 หรือ XXL (มติชนรายวัน พฤหัสบดีที่ 27 เม.ย. 49 http://www.matichon.co.th)





ญี่ปุ่นเปิดโรงภาพยนตร์กลิ่นแห่งแรก แฟนหนังชอบใจเหมือนผจญภัยจริง

โรงภาพยนตร์ในกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น ให้บริการกลิ่นสร้างบรรยากาศให้ผู้ชมเป็นแห่งแรก โดยประเดิมด้วยภาพยนตร์แอ็กชั่นผจญภัยจากฮอลลีวูด ให้บริการกลิ่นหอมที่แตกต่างกันถึง 7 กลิ่นในระหว่างการฉายภาพยนตร์ เรื่อง “The New World” ที่นำแสดงโดยพระเอกโคลิน ฟาร์เรล การสร้างกลิ่นหอมเพื่อให้ ผู้ชมในโรงภาพยนตร์ได้ร่วมซึมซาบบรรยากาศนี้เป็นบริการใหม่ของบริษัท เอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่น ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ของญี่ปุ่น เรียกว่าเป็นบริการ “อโรมาดูลส์” มาจากคำว่า “อโรม่า” กับ “มอดูล” ซึ่งจะติดไว้ใต้ที่นั่งด้าน หลังในโรงภาพยนตร์ ซึ่งกลิ่นหอมต่างๆเหล่านี้เป็นผลงานสร้างสรรค์ ของผู้เชี่ยวชาญด้านกลิ่นที่มาช่วยวิเคราะห์การสร้างบรรยากาศในอารมณ์ที่แตกต่างกัน อย่างฉากรักจะใช้กลิ่นหอมของดอกไม้ ส่วนฉากเศร้าหรือตอนที่กระชากใจผู้ชมจะใช้กลิ่นเปปเปอร์มินต์และโรสแมรี่ ฉากตลกสนุกสนานใช้กลิ่นมะนาวปนส้ม และฉากรุนแรงใช้ กลิ่นสมุนไพรผสมผสานกับยูคาลิปตัส และกลิ่นสังเคราะห์ ผู้ชมบางคนชื่นชอบกับประสบการณ์กลิ่นใหม่ๆ ในโรงภาพยนตร์ ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศให้เข้าถึงป่าและดอกไม้ เหมือนกับได้เข้าไปอยู่ในหนังแนวผจญภัยเรื่องนั้นจริงๆ ซึ่งนอกจากผู้ชมจะได้ดื่มด่ำไปกับเนื้อเรื่องแล้ว ก็ยังได้รับกลิ่นหอมๆ เป็นของแถมให้ประทับใจอีกด้วย (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 28 เม.ย. 49 http://www.thairath.co.th)





พบโรคประหลาดหนึ่งในสองล้านคน แปรกล้ามเนื้อเป็นโครงกระดูกขังคน

นักวิจัยสหรัฐฯได้ค้นพบตัวหน่วยพันธุกรรมผ่าเหล่า ซึ่งเป็นตัวการทำให้เป็นโรคกรรมพันธุ์อันหายาก ทำให้กล้ามเนื้อและเอ็นในตัวคนแปรสภาพเป็นกระดูกไป ขนาดทำให้ผู้ป่วยเหมือนกับโดนถูกขัง อยู่ในโครงกระดูกซ้อนอีกโครงหนึ่ง หนังสือพิมพ์ “ลอสแอนเจลิส ไทมส์” รายงานข่าวว่า ดร.เฟรเดอริก เอส.คาปลาน จากโรงเรียนแพทย์ มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนียกล่าวแสดงความยินดีว่า การค้นพบยีนตัวการตัวนั้น อาจจะเป็นการเปิดทางไปสู่หนทางการรักษาโรคประหลาดนี้ได้เป็นครั้งแรก รวมทั้งวิธีการใหม่ในการรักษาโรคของกระดูกอื่นๆ อันเกิดจากการการเติบโตมากหรือน้อยของกระดูกเกินไป โรคประหลาดนั้นเรียกกันว่าโรค “เอฟโอพี” ซึ่งเคยพบว่าในคน 2 ล้านคน จะมีผู้ป่วยสักหนึ่งราย เริ่มปรากฏอาการขึ้นตั้งแต่เด็ก และไม่มีทางรักษาเยียวยา มันจะค่อยๆแปรกล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อยึดเสริมและเอ็น เป็นอวัยวะที่เป็นเหมือนสายเชือก ปลอกและแผ่นกระดูกคลุมและยึดข้อต่อต่างๆไว้ จนเจ้าตัวไม่อาจเคลื่อนไหวได้ มีสภาพเหมือนกับมีโครงกระดูกซ้อนขึ้นมาอีกโครงหนึ่ง ยิ่งกว่านั้นมันจะยังไปบีบรัดอวัยวะภายในอื่นๆ ในเวลาต่อมาเข้าอีก จนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ชีวิตลง. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 28 เม.ย. 49 http://www.thairath.co.th)





เตือนผู้ใช้คอมพิวเตอร์ระวังไวรัสปลอมก่อกวนในบล็อก

บริษัทแพนด้าซอฟต์แวร์ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ ป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์แจ้งว่า ขณะนี้มีภัยคุกคามคอมพิวเตอร์ในลักษณะที่ไม่ใช่ไวรัส แต่ เป็นเพียงเรื่องล้อเล่นที่สร้างความสับสนให้แก่ บรรดาผู้อ่านและผู้เขียนบล็อก ซึ่งเป็นสถานที่สนทนา หรือบันทึกข้อ ความบนโลกไซเบอร์ โดยแพนด้าได้แนะนำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ สแกนคอมพิวเตอร์ของตนด้วยโปรแกรมสแกนมัลแวร์ฟรีแบบออนไลน์ Active Scan จาก www.pandasoftware.es/activescan ทั้งนี้ แล็บของแพนด้าได้ตรวจพบไวรัสปลอมบนบล็อกซึ่งเริ่มสร้างความสับสนให้แก่ บรรดาผู้อ่านและผู้เขียนบล็อก โดยมัลแวร์ดังกล่าวได้ถูกค้นพบตั้งแต่ เดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ภายหลังพบว่าเป็นเพียงเรื่องล้อเล่นจากชาวดัตช์คนหนึ่ง ที่แนะนำให้มีการใส่ภาพเคลื่อนไหวไว้บนบล็อก และเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าว ผู้ใช้ไม่ควรสอดแทรกโค้ดคำสั่งภายนอกไว้บนเว็บเพจส่วนตัว แม้จะเป็นเพียงเรื่องล้อเล่นก็ตาม หรือหากต้องการนำโค้ดคำสั่งมาใส่ไว้จริงๆ ควรตรวจสอบให้มั่นใจว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ได้มีการเรียกใช้กระบวนงานใดๆ ไปยังรีโมตเซิร์ฟเวอร์. (ไทยรัฐ อังคารที่ 2 พ.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





ข่าววิจัย/พัฒนา


เครื่องวัดความชื้นเมล็ดพืช จากหิ้งวิจัย มก.สู่การใช้งานจริง

รศ.ชัยวัฒน์ ชัยกุล อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า หัวหน้าทีมวิจัยสร้าง เครื่องวัด ความชื้นเมล็ดพืชแบบพกพา ทีมงานได้ร่วมมือกัน ทำการวิจัย และพัฒนาเครื่องวัด ความชื้นเมล็ดพันธุ์พืชมาตั้งแต่ปี 2524 ถึงปัจจุบัน จนได้รับความสำเร็จและผลิตออกมาเป็น เครื่องมือการเกษตรจำหน่ายแล้ว ปัจจุบันเกษตรกร ทั่วไปสามารถซื้อหามาใช้งานได้ ในราคาถูกกว่าเครื่อง ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งยังมีความ แม่นยำในการวัดความชื้นและสามารถใช้กับเมล็ดพืช ที่มีปลูกอยู่ในประเทศไทยเกือบทุกชนิด “เครื่องวัดความชื้นเมล็ดพันธุ์รุ่นเกษตร 65 ปี” ที่ผลิตขึ้นมาเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ได้ต่อยอดการพัฒนาจากเครื่องวัดความชื้นรุ่นเกษตร 60 ปี โดยเพิ่มจุดเด่นหลายด้าน เช่น เพิ่มประสิทธิภาพและความไว ของเครื่องวัดให้สูงขึ้น ทำให้ สามารถใช้ได้กับ เมล็ดพันธุ์พืชได้หลากหลาย ซึ่งโดดเด่นด้วย จอแสดงผลแบบกราฟฟิกภาษาไทย สามารถแสดงชื่อเมล็ดพันธุ์และ ขั้นตอนการวัดเพื่อให้ใช้งานง่าย ตัวเครื่องเป็นโลหะพับขึ้นรูป ด้านบนจะมีอุปกรณ์ช่วยเท เมล็ดพันธุ์เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกและวัดผลการวัดที่สม่ำเสมอ ควบคุมการทำงานด้วย ไมโครโปรเซสเซอร์ ใช้ถ่านแบตเตอรี่ขนาด AA 1.5 โวลต์ 6 ก้อน และมีอะแดปเตอร์ เข้ากับไฟฟ้า 220 VAC ได้ นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์พิเศษเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อการโอนถ่าย ข้อมูลทำรายงานและพิมพ์ข้อมูลได้ ลักษณะของเครื่องวัดความชื้นเมล็ดพันธุ์นี้เป็นแบบพกพาขนาดเล็ก น้ำหนักเพียง 1.2 กิโลกรัม พร้อมกับการแสดงผลด้วย ตัวเลขดิจิตอล วัดความชื้นได้ตั้งแต่ 00.0%-75.0% ณ วันนี้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สามารถผลิตเครื่องวัดความชื้นเมล็ดพันธุ์ได้ถึง 3 รุ่นแล้วคือ รุ่น EE-KU, รุ่นเกษตร 60 ปี และรุ่นเกษตร 65 ปี นอกจากเป็นที่รู้จักและมีการใช้งานในกลุ่มบริษัทพืชผลและกลุ่มเกษตรกรทั่วไปแล้ว ยังถูกนำไปจำหน่ายและใช้ในต่างประเทศ เช่น จีน, พม่า, ลาว, เวียดนามและฟิลิปปินส์ เกษตรกรหากสนใจ ติดต่อไปที่ รศ.ชัยวัฒน์ ชัยกุล โทร. 0-1611-9016 (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 24 เม.ย. 49 http://www.thairath.co.th)





ยืนยันกาแฟไม่ก่อให้เป็นโรคหัวใจ เว้นแต่เป็นคนกินเหล้ากับสูบบุหรี่

นักวิจัยได้เปิดเผยผลการศึกษา ซึ่งทำจากหญิงชายจำนวน 128,000 คน เป็นเวลาถึง 20 ปี ในวารสารวิชาการ “การไหลเวียนของโลหิต” ว่าการดื่มกาแฟแบบกรองด้วยถุง ไม่ใช่กาแฟเอสเปรสโซ หรือต้มกลั่นแบบฝรั่งเศส ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจ เว้นเสียแต่ผู้ดื่มหนักและกินเหล้าสูบบุหรี่บ่อยเท่านั้น ที่อาจจะต้องเสี่ยงกับโรคหัวใจมากขึ้นอย่างแน่นอน หมอเอสเธอร์ โลเปซ-การ์เซีย ผู้บรรยายของโรงเรียนแพทย์ มหาวิทยาลัยออโตโนมา เดอ แมดริด ผู้ร่วมการศึกษา กล่าวว่า “เราเชื่อว่าการศึกษานี้ได้แสดงให้รู้อย่างชัดเจนว่า การดื่มกาแฟกรองด้วยถุงกับการเป็นโรคของหลอดเลือดหัวใจไม่เกี่ยวพันกัน เรื่องนี้นับว่าเป็นข่าวดี เพราะเหตุว่ากาแฟเป็นเครื่องดื่มที่นิยมดื่มกันมากที่สุดทั่วโลก” แต่ก็ได้บอกเสริมว่า “แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าใครจะดื่มหัวปักหัวปำเท่าไหร่ก็เชิญได้ (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 27 เม.ย. 49 http://www.thairath.co.th)





นวัตกรรมใหม่เครื่องตรวจหัวใจไฮเทค ไลฟ์สไตล์การกินคนไทยเสี่ยงหัวใจมากขึ้น

ศ.น.พ.นิธิ มหานนท์ ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจมือหนึ่งของเมืองไทย ซึ่งอยากให้คนเมืองสุขภาพดี หัวใจแข็งแรง ควรไปตรวจสุขภาพร่างกายประจำปีกัน คุณหมอได้แนะนำ “CT64 Slices” เครื่องตรวจหัวใจใหม่ล่าสุด ที่สามารถหาปริมาณหินปูนที่เกาะในผนังหลอดเลือดหัวใจได้แม่นยำ ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ความเร็วสูง โดยคุณหมอเน้นย้ำหลายครั้งว่า การตรวจด้วยเครื่องมือนี้ “ง่าย เร็ว แม่นยำ และไม่เจ็บ” ซึ่งถ้าเทียบวิธีการตรวจเดิมๆ การตรวจด้วยเครื่องมือนี้ เครื่องตรวจวัดปริมาณแคลเซียมหรือหินปูนเกาะหลอดเลือดหัวใจตัวนี้ เสมือนหมอพยากรณ์ฟันธงสุขภาพสำหรับผู้ชายในวัย 40 อัพ และผู้หญิงวัย 45 ปีขึ้น ส่วนความถี่ห่างในการตรวจขึ้นอยู่กับระดับหินปูน ถ้าไม่มีเกาะเลยก็เซฟตี้ เฟิร์สต์ 10 ปี/ครั้ง ส่วนรายที่หินปูนเกาะอย่างหนาตรวจทุกปี . (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 27 เม.ย. 49 http://www.thairath.co.th)





พระเทพฯส่งเสริมหญ้าแฝก พระราชทานหมื่นเหรียญงานวิจัย

นายอภิชาต จงสกุล รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เปิดเผยว่า การสัมมนาหญ้าแฝกนานาชาติครั้งที่ 4 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-26 ตุลาคม ณ ประเทศเวเนซุเอลา ที่จะถึงนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินจากมูลนิธิชัยพัฒนาจำนวน 10,000 เหรียญสหรัฐฯ เป็นรางวัล The King of Thailand Vetiver Awards สำหรับงานวิจัยหญ้าแฝกดีเด่นและงานส่งเสริม และถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบหญ้าแฝกดีเด่น จำนวน 4 รางวัล ในการนี้กรมพัฒนาที่ดินได้ มอบหมายให้ทางสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 12 เขต, สถานีพัฒนาที่ดินทั้ง 76 จังหวัด, ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ, ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ, ศูนย์ปฏิบัติการพัฒนาที่ดินโครงการหลวง, สำนักวิจัยและพัฒนาการจัดการที่ดินและสำนักสำรวจดินและวางแผนการใช้ที่ดิน ส่งผลงานหญ้าแฝกทั้งในส่วนของผลงานวิจัย และผลงานส่งเสริมถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบหญ้าแฝก หัวข้อละ 1 เรื่อง เพื่อให้คณะกรรมการวิชาการหญ้าแฝก คัดเลือกผลงานที่โดดเด่นสำหรับส่งเข้าประกวด สำหรับหลักเกณฑ์ในการพิจารณาต้องเป็นการดำเนินการศึกษา ของนักวิจัยหรือหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับ เป็นงานศึกษาวิจัยในระดับพื้นฐานหรือประยุกต์ เป็นผลงานวิจัยที่ทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ผลอย่างกว้างขวาง ส่วนผลงานด้านการส่งเสริมและถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบหญ้าแฝกดีเด่น ต้องมีคุณสมบัติเป็นผลงานที่แสดงถึงวิธีการส่งเสริมไปยังเกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเทคโนโลยีที่เหมาะสมสอดคล้องที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 27 เม.ย. 49 http://www.thairath.co.th)





ใช้มดเป็นครูสอนหุ่นยนต์หาทางกลับบ้าน

นักวิทยาศาสตร์ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ศึกษาวิธีจำทางกลับรังของมดมาใช้ฝึกหุ่นยนต์ให้กลับบ้านได้เอง โดยเวลาที่มดออกไปหาอาหารแต่ละครั้ง มันจะจดจำตำแหน่งสำคัญไว้แล้วกลับมารังแล้วเริ่มต้นเดินใหม่เป็นระยะๆ วนเวียนอยู่อย่างนี้เพื่อไม่ให้หลงทางกลับบ้าน แมลงหลายชนิดใช้วิธีเดินกลับไปกลับมาระหว่างรังกับแหล่งอาหารหลายครั้ง เพื่อไม่ให้หลงทางกลับบ้าน แต่ถ้าเส้นทางเดินไปแหล่งอาหารเหมือนกับเส้นทางที่มันออกเดินทางอาจทำให้เกิดสบสนได้เหมือนกัน แมลงแต่ละจำพวกจึงมีวิธีแก้ปัญหาดังกล่าวแตกต่างกันไป ความรู้ที่ได้จากการทดลองนี้ถูกนำไปใช้กับหุ่นยนต์อัตโนมัติ โดยติดตั้งระบบ "ตั้งค่าใหม่" ให้กับระบบเชื่อมเส้นทางเวลาหุ่นยนต์เดินทางถึงตำแหน่งที่ใช้เป็นจุดสังเกต ซึ่งจะช่วยให้การเปลี่ยนทิศทางเดินของหุ่นยนต์มีความแม่นยำมากขึ้น ในการทดลอง นักวิทยาศาสตร์ได้ลองจับมดย้ายจากแหล่งอาหารกลับไปยังรัง บางทีก็ย้ายไปอยู่ตำแหน่งอื่น พวกเขาสังเกตเห็นว่า มดที่ถูกย้ายจากแหล่งอาหารกลับมาที่รังจะเดินกลับไปยังตำแหน่งที่มันเจออาหารโดยตรง แต่พวกที่ถูกย้ายไปจุดอื่น จะเดินทางกลับมาที่รังก่อนแล้วถึงเดินทางไปยังจุดที่มีอาหาร การที่มดต้องเดินกลับไปกลับมาที่รังก่อนหลายรอบก็เพราะต้องการล้างระบบใหม่เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด (คมชัดลึก จันทร์ที่ 24 เม.ย. 49 http://www.komchadluek.net)





กินวัคซีนไข้สมองอักเสบ จุฬาฯพัฒนาตัดปัญหาเด็กกลัวเข็มฉีดยา

นายวิวัฒน์ พิชญากร นักศึกษาโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.) คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เนื่องจากโรคไข้สมองอักเสบประเภทจีอี เป็นปัญหาทางสาธารณสุขในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งไทย แต่การรักษาในปัจจุบันยังใช้วิธีให้วัคซีนป้องกันในรูปยาฉีด ซึ่งจำเป็นต้องให้ซ้ำเป็นเวลาหลายครั้ง การฉีดยาส่วนใหญ่มักไม่ได้รับความร่วมมือ อีกทั้งมีอาการแพ้อย่างรุนแรง โดยเฉพาะในวัยเด็ก ทำให้ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเพียงพอที่จะกระตุ้นร่างกายให้สร้างภูมิคุ้มกันโรค นักวิจัยจึงพิจารณาเห็นว่า หากสามารถพัฒนาวัคซีนในรูปแบบยาเม็ดสำหรับกิน น่าจะช่วยให้เด็กมีโอกาสได้รับวัคซีนป้องกันโรคได้อย่างทั่วถึง จึงได้เริ่มต้นจากการเตรียมวัคซีนอนุภาคนาโน ด้วยการพยายามคัดเลือกพอลิเมอร์ที่จะใช้เป็นสารห่อหุ้ม และป้องกันวัคซีนถูกกรดกระเพาะย่อยสลาย โดยตั้งเป้าให้วัคซีนต้องอยู่รอดปลอดภัยไปจนถึงลำไส้ ซึ่งจะทำหน้าที่ดูดซึมฤทธิ์ยาเข้าสู่กระแสเลือดได้ดีสุด ส่งผลให้ยาออกฤทธิ์เต็มประสิทธิภาพ ส่วนวัสดุที่ใช้ทำพอลิเมอร์นั้นเป็นไคโตแซน ซึ่งเป็นสารสกัดจากเปลือกกุ้ง-ปู จึงไม่เป็นพิษต่อร่างกายและช่วยเพิ่มการดูดซึมได้ดี เมื่อได้พอลิเมอร์ที่เหมาะสมแล้ว จึงนำไปจับกับวัคซีนไข้สมองอักเสบและเข้าสู่กระบวนการเตรียมอนุภาควัคซีน โดยใช้คลื่นความถี่สูงในการลดขนาดอนุภาค จากนั้นทดสอบอนุภาควัคซีนในสารละลาย ซึ่งเลียนแบบสภาวะต่างๆ ในร่างกาย เช่น น้ำเลือด น้ำเหลือง เพื่อดูอัตราปลดปล่อยและย่อยสลายของวัคซีน พบว่า โปรตีนจะค่อยๆ ถูกปลดปล่อยออกมาภายใน 10 วัน แทนที่จะปลดปล่อยออกมา หรือถูกย่อยสลายในทันที เช่น ยาที่อยู่ในรูปของสารละลายทั่วไป นักวิจัยยังได้ทดสอบความเป็นพิษต่อร่างกาย โดยทดสอบในเซลล์เพาะเลี้ยงที่แยกมาจากคน พบว่า เซลล์เพาะเลี้ยงมีการดูดซึมอนุภาควัคซีนได้ดี และแทบจะพบความเป็นพิษ ซึ่งผลสำเร็จของการวิจัยครั้งนี้ ช่วยให้คณะวิจัยสามารถพัฒนาตำรับอนุภาคนาโน ที่สามารถสร้างภูมิต้านทานในระดับป้องกันโรคได้สำเร็จ แต่ต้องศึกษาหาปริมาณวัคซีนในยาเม็ด ที่ให้ผลป้องกันเทียบเท่ากับยาฉีดและทดลองกับสัตว์ขนาดใหญ่ก่อนทำมาใช้ในคน (คมชัดลึก จันทร์ที่ 24 เม.ย. 49 http://www.komchadluek.net)





เตือนกินปลาร้าเสี่ยงมะเร็งท่อน้ำดี ด้วยเหตุติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ

นักศึกษา คปก. วิจัยพบการติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับยิ่งมากครั้ง ยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งท่อน้ำดี สถิติระบุคนไทยในแถบภาคอีสานเป็นมะเร็งท่อน้ำดีมากที่สุดในโลก จากการกินปลาร้า โดยตั้งข้อสังเกตชาวญี่ปุ่นกินปลาดิบแต่กลับไม่พบพยาธิดังกล่าว น.ส.เรณู ทานันท์ นักศึกษาโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.) ศึกษาถึงสาเหตุของการเป็นโรคมะเร็งท่อน้ำดี โดยมี รศ.ดร.พวงรัตน์ ยงวณิชย์ เป็นที่ปรึกษา หลังจากพบว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีสถิติผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีสูงที่สุดในโลก โดยพบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งสาเหตุสำคัญในการก่อมะเร็ง คือ การติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ จึงได้ศึกษาถึงสาเหตุของมะเร็งพบว่าเกิดจากการติดเชื้อแบบซ้ำซ้อน จากการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่าการติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับเพียงครั้งเดียวนั้น มีระดับการกลายพันธุ์ของดีเอ็นเอ น้อยกว่าการติดเชื้อแบบซ้ำซ้อนมาก เนื่อง จากจะเกิดภาวะอักเสบในท่อน้ำดีแบบเรื้อรังและกระตุ้น ให้มีการสร้างอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่มีการติดเชื้อซ้ำ โดยอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากนี้มีความว่องไว ในการทำลายสารชีวโมเลกุลต่างๆให้ด้อยประสิทธิภาพลง ทั้งนี้ สารกลายพันธุ์ของดีเอ็นเอทำให้เกิดสารชนิดหนึ่ง เรียกว่า 8-oxodG ซึ่งหากพบสารชนิดนี้มากในกระแสเลือดหรือปัสสาวะ จะมีความเสี่ยงของโรคมะเร็งท่อน้ำดีสูง แต่ก็ยังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาเทคนิคการตรวจ เนื่องจากจะต้องอาศัยเครื่องมือวิเคราะห์ที่สลับซับซ้อน เมื่อตรวจพิสูจน์ได้จึงจะมาสรุปว่า 8-oxodG เป็นสารมะเร็งในท่อน้ำดีจริง ทั้งนี้ ร้อยละ 10 ของผู้ติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ ซึ่งติดเชื้อมานาน 20-30 ปี ประมาณ 9 ล้านคน จนพัฒนามาเป็นมะเร็งท่อน้ำดี ในขณะที่ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่จะเป็นโรคระบบท่อน้ำดีอักเสบ และอาจหายจากโรคได้หากได้รับยากำจัดพยาธิ. (ไทยรัฐ อังคารที่ 25 เม.ย. 49 http://www.thairath.co.th)





เครื่องกระตุ้นความทรงจำ จับสมองมาออกกำลังหนีโรคความจำเสื่อม

น.ส.ภารดี อินทรีวรวงศ์ นักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมและการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ออกแบบและสร้างอุปกรณ์ลดความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อม หลังจากสำรวจพบผู้สูงอายุกว่าครึ่งหนึ่งเป็นโรคความจำเสื่อม เหตุจากขาดการกระตุ้นทางสมองอย่างถูกต้อง ประกอบกับผลิตภัณฑ์ที่จะเข้ามาช่วยในส่วนนี้ยังมีอยู่น้อย หนึ่งในวิธีลดความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อมคือ เพิ่มโอกาสในการใช้สมอง หรือการบริหารสมองเป็นประจำทุกวัน และหากมีเครื่องมือมาช่วยกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ และปฏิสัมพันธ์ร่วมกับบุคคลรอบข้าง ก็จะช่วยพัฒนาสมองและลดการเกิดโรคสมองเสื่อมในอนาคตได้ ผลงานชิ้นนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ จอภาพสื่อสารแบบสัมผัส ซึ่งทำหน้าที่คล้ายคอมพิวเตอร์พกพา ภายในบรรจุโปรแกรมช่วยเตือนความทรงจำ ที่บรรจุข้อมูลกิจกรรมที่ต้องทำในแต่ละวัน โดยผู้ใช้จะต้องใส่ข้อมูลและกำหนดรูปแบบด้วยตนเอง ส่วนนี้จะช่วยกระตุ้นสมองให้คิด และจัดการกับภารกิจประจำวันอย่างมีระบบ สำหรับส่วนที่ 2 คือ อุปกรณ์กล้องถ่ายภาพขนาดพกพาสะดวก ทำหน้าที่บันทึกภาพภารกิจในแต่ช่วงเวลาของวันเก็บไว้ และเมื่อนำอุปกรณ์ดังกล่าวมาเชื่อมต่อกับจอภาพสื่อสาร ภาพถ่ายทั้งหมดก็จะถ่ายโอนมายังจอภาพสื่อสาร เพื่อให้ผู้ใช้ได้ฝึกสมองด้วยการจัดเรียงลำดับภาพ ตามกิจกรรมที่ทำในแต่ละวันให้ถูกต้อง ซึ่งเป็นการทบทวนความทรงจำในแต่ละวันได้ด้วย ทั้งนี้ โปรแกรมที่ออกแบบมีลักษณะคล้ายเกมที่ช่วยกระตุ้นความคิด โดยใช้ภาพและสัญลักษณ์ง่ายๆ ที่ผู้ใช้สามารถกำหนดได้ด้วยตัวเอง และเหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่ต้องการเรียนรู้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนจนเกินไป ส่วนผู้ที่สนใจเครื่องมือดังกล่าวนั้น เจ้าของผลงานได้ผลิตเครื่องต้นแบบแล้ว เหลือเพียงรอการติดต่อจากนักลงทุน ที่จะนำไปผลิตเพื่อจำหน่าย (คมชัดลึก อังคารที่ 25 เม.ย. 49 http://www.komchadluek.net)





เจาะแกนน้ำแข็งขั้วโลกใต้หาอดีตโลก

นักวิจัยญี่ปุ่นบุกดินแดนน้ำแข็งขั้วโลกใต้ ตั้งแท่นขุดลึกลงไปใต้โลก 3 กิโลเมตร ทะลวงเอาก้อนน้ำแข็งอายุล้านปีออกมาศึกษาสภาวะบรรยากาศโลกในอดีต ฮิเดกิ โมโตยามา นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิจัยขั้วโลก ผู้นำทีมสำรวจขั้วโลกใต้ กล่าวว่า แท่งน้ำแข็งที่ขุดมาจากความลึกใต้ผืนน้ำแข็งของทวีปแอนตาร์กติกขั้วโลกใต้ ได้ถูกนำมาเก็บรักษาในห้องที่มีความเย็นติดลบ 20 องศาเพื่อไม่ให้ละลาย และนอกจากแท่งน้ำแข็งที่ขุดจากความลึกถึง 3,000 เมตรแล้ว ยังมีแท่งน้ำแข็งจากที่ระดับความลึกต่างๆ กัน โดยพวกเขาเตรียมศึกษาองค์ประกอบของอากาศที่ถูกกักอยู่ข้างในแกนน้ำแข็งตัวอย่าง เพื่อเอามาทำนายรูปแบบของอากาศโลกที่จะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต นักวิจัย กล่าว ว่าแกนน้ำแข็งที่ขุดมาศึกษานี้เกิดจากหิมะที่ทับถมเมื่ออดีตอันยาวนาน สามารถเอามาศึกษาการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ระดับปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซมีเทนในช่วงอดีต ซึ่งเป็นข้อมูลที่หาได้จากแท่งน้ำแข็งนี้เท่านั้น กว่าจะได้แท่งน้ำแข็งนี้มาได้ ทีมนักวิจัยต้องใช้เวลาที่แอนตาร์กติกมากกว่า 2 ปี เพื่อติดตั้งอุปกรณ์ขุดเจาะบนพื้นน้ำแข็งอย่างลำบาก และค่อยๆ ขุดลึกลงไป 3 กิโลเมตร จนเดือนมกราคมที่ผ่านมา ถึงได้แกนน้ำแข็งเก่าแก่นี้ขึ้นมา จากนั้นจึงขนขึ้นเรือตัดน้ำแข็งส่งไปยังญี่ปุ่นเพื่อทำการศึกษา ก่อนหน้านี้เคยมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร "เนเจอร์" ระบุว่า ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซมีเทนเมื่อ 650,000 ปีก่อนมีความเข้มข้นมากกว่าในปัจจุบันมาก นักวิจัยญี่ปุ่นหวังว่า พวกเขาอาจมีโอกาสได้ศึกษาสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ติดอยู่ในก้อนน้ำแข็ง ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่า ในสภาวะแวดล้อมที่โหดร้ายจากอุณหภูมิที่ติดลบ 45 องศา อาจจะไม่เอื้อต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตได้ แต่ก็ยังเชื่อว่าจะได้พบสิ่งมีชีวิตในแท่งน้ำแข็ง (คมชัดลึก อังคารที่ 25 เม.ย. 49 http://www.komchadluek.net)





'เอ็นเอชเค'หนุนพัฒนาเส้นใยพืชผสมชิ้นส่วนรถยนต์

ผู้ผลิตชิ้นส่วนตกแต่งภายในรถยนต์จากญี่ปุ่น หนุนเอ็มเทค 10 ล้านบาท ทำวิจัยแสวงหาแนวทางการใช้วัสดุธรรมชาติ ทดแทนการใช้เคมีภัณฑ์จากกระบวนการทางปิโตรเคมี อาทิ เส้นใยเสริมแรงคอมโพสิตผสมเยื่อไผ่ พลาสติก/โฟมที่สามารถย่อยสลายได้โดยธรรมชาติ หวังผลด้านการตลาดบนพื้นฐานความได้เปรียบทางเทคโนโลยี ดร.ปริทรรศน์ พันธุบรรยงก์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค/สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า เอ็มเทคร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสม จากวัสดุธรรมชาติ/วัสดุหมุนเวียนในประเทศไทย สำหรับประยุกต์ใช้กับชิ้นส่วนยานยนต์ กับ บริษัท เอ็น เอช เค สปริง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตชิ้นส่วนประเภทตกแต่งภายในรถยนต์ โดย Mr.Yoshinori Omori ประธานกรรมการบริษัท ความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายจะก่อให้เกิดการพัฒนา วิจัย เพื่อยกระดับเทคโนโลยีการผลิตในอุตสาหกรรมรถยนต์ ทั้งยังเป็นการสร้างองค์ความรู้ ทำให้เกิดศักยภาพการแข่งขันบนพื้นฐานความได้เปรียบทางเทคโนโลยีด้วย โดยเป้าหมายหลักของการวิจัย พัฒนาและวิศวกรรม จะเน้นไปที่การแสวงหาแนวทางการใช้วัสดุธรรมชาติ ทดแทนการใช้เคมีภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการทางปิโตรเคมี รวมทั้งการนำวัสดุใช้แล้วมารีไซเคิลหรือใช้ซ้ำ และการใช้วัสดุธรรมชาติมาเป็นส่วนผสมในชิ้นส่วนรถยนต์ในปริมาณมากขึ้น ขณะเดียวกันยังเป็นการสร้างเสริมองค์ความรู้เชิงลึกด้านวัสดุศาสตร์ และส่งเสริมการรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย สำหรับความร่วมมือเฟสแรก 3 ปี ในการวิจัยพัฒนาเกี่ยวกับเส้นใยเสริมแรงคอมโพสิตจากวัสดุธรรมชาติที่เป็นพืชท้องถิ่นในประเทศไทย, พลาสติก/โฟมที่สามารถย่อยสลายได้โดยธรรมชาติ, เทอร์โมเซตเรซินจากวัสดุธรรมชาติและวัสดุดูดซับกลิ่นที่สามารถใช้เคลือบผิวของเบาะนั่งรถยนต์ โดยทั้ง 4 เรื่องนี้จะดำเนินการก่อนในเรื่องแรกคือ การวิจัยพัฒนาเส้นใยเสริมแรงคอมโพสิตฯ เนื่องจากประเทศไทยมีพืชท้องถิ่นที่สามารถผสมเยื่อไม้ธรรมชาติได้ เช่น ไผ่ตง (คมชัดลึก อังคารที่ 25 เม.ย. 49 http://www.komchadluek.net)





ก.วิทย์เปิดค่ายคัดเด็กอัจฉริยะหนุนเป็นนักวิจัย

ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ ประธานโครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กและเยาวชน เปิดเผยภายหลังพิธีเปิดกิจกรรมค่ายวิทยาศาสตร์ ครั้งที่ 1 โครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับมัธยมศึกษาตอนปลาย/ปริญญาตรี รุ่นที่ 9 ประจำปี 2549 ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี จัดโดยโครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์ สำหรับเด็กและเยาวชน (Junior Science Talent Project :JSTP) ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กิจกรรมค่ายวิทยาศาสตร์ครั้งนี้ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-28 เมษายนนี้ ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ซึ่งได้เปิดโอกาสให้เยาวชน ซึ่งเป็นผู้ที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์กว่า 60 คนจากทั่วประเทศเข้าร่วมกิจกรรม โดยค่ายนี้ถือเป็นค่ายครั้งที่ 1 ประจำปี 2549 จากจำนวน 3 ครั้งในช่วง 1 ปี ในแต่ละครั้งจะคัดเลือกเยาวชนผู้ฉายแววอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Genius) จากกลุ่มดังกล่าว ปีละประมาณ 10 คน เพื่อรับทุนการศึกษาและการวิจัยจนกว่าจะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก และเข้าสู่อาชีพนักวิชาการและนักวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมีนักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยงและนักเทคโนโลยีพี่เลี้ยง (Mentor) คอยดูแล และให้คำปรึกษา ในการคัดเลือกจะพิจารณาถึงความรู้ ความสามารถ ตลอดจนผลงานในรูปของโครงงานวิทยาศาสตร์ ที่นำเสนอให้ได้รับการสนับสนุนจากโครงการในระยะยาว จึงถือเป็นการส่งเสริม การพัฒนากำลังคนทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทั้งในภาครัฐและเอกชน (คมชัดลึก อังคารที่ 25 เม.ย. 49 http://www.komchadluek.net)





ไทยพบสารปราบมดแดงจากผึ้ง เป็นการค้นพบครั้งแรกของโลก

ยาฆ่าแมลงพบคู่แข่งสำคัญคือสารชีวภาพ จากตัวผึ้งที่อาจมีฤทธิ์ป้องกันแมลงได้ งานวิจัยล่าสุดพบยางไม้รอบรังผึ้งช่วยไล่ มดแดงที่มารังควานได้ หากยางไม้ดังกล่าวผสมเอ็นไซม์จากตัวผึ้ง แล้วจึงออกฤทธิ์ได้จริง จะเป็นการค้นพบครั้งแรกของโลก น.ส.อรวรรณ ดวงภักดี นักศึกษาโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.) เปิดเผยว่า ได้ใช้ เวลา 1 ปี 6 เดือน ในการศึกษาการทำงานของยางไม้ที่ผึ้งชนิดต่างๆนำมาป้ายไว้บริเวณรอบรัง ซึ่งทำให้มดแดงไม่เดินเข้าไปยังรังผึ้ง โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าไม่ว่าจะนำยางไม้มาจากที่ใดมาทดลองก็ยังมีคุณสมบัติเดียวกัน คือทำให้มดแดงไม่ยอมเดินผ่านเข้าไปยังรังผึ้งเลย จึงเกิดข้อสงสัยว่าน้ำยางที่มาจากต้นไม้ต่างชนิดกันจะต้องมีโครงสร้างแตกต่างกัน แต่เหตุใดจึงออกฤทธิ์ในการไล่มดได้เหมือนกัน จึงอาจเป็น ไปได้ที่เอ็นไซม์ในตัวผึ้งเองที่เป็นส่วนสำคัญที่ไปทำปฏิกิริยากับน้ำยางจนเกิดฤทธิ์ช่วยไล่มดได้ ซึ่งหากพิสูจน์ได้เช่นนั้นจริงก็จะเป็นการค้นพบครั้งสำคัญของโลก ซึ่งจะต้องใช้เวลาศึกษาต่อ แต่ในส่วนที่ตนกำลังศึกษาอยู่นั้นเหลือเวลาอีก 1 ปี 6 เดือน เพื่อสรุปว่าสารจากธรรมชาติมีความเฉพาะเจาะจง ในการฆ่าแมลงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจริงหรือไม่ โดยได้นำผึ้งและรังผึ้งที่มียางไม้อยู่รอบๆมาทำการทดลอง ทั้งผึ้งพันธุ์จากเยอรมนีและไทย ผึ้งมิ้ม และชันโรง ซึ่งเป็นผึ้งที่ไม่มีเหล็กในจากประเทศมาเลเซีย พบว่าในผึ้งมิ้มมีประสิทธิภาพในการขับไล่มดร้อยละ 99 ส่วนชันโรงมีประสิทธิภาพร้อยละ 70 (ไทยรัฐ พุธที่ 26 เม.ย. 49 http://www.thairath.co.th)





นักวิจัยพบแบคทีเรียเรืองแสงชนิดใหม่

นางสาวชุตินธร เสือดี นักศึกษาโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.) คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เจ้าของโครงงานวิจัยเรื่อง “การศึกษาเอนไซม์ลูซิเฟอเรสที่สกัดแยกได้จากสิ่งมีชีวิตในทะเล” เปิดเผยว่า จากการเก็บตัวอย่างดิน ทราย น้ำ และปลาทะเล ตั้งแต่จังหวัดชุมพร พังงา ภูเก็ต จนถึงตรัง พร้อมนำตัวอย่างแบคทีเรียซึ่งมีเอนไซม์ลูซิเฟอเรสในการผลิตแสงมาทำการทดสอบพบว่า แบคทีเรีย วิบริโอ แคมเบลลิอาย (Vibrio cambellii) ซึ่งไม่เคยมีรายงานทางวิชาการว่ามีเอนไซม์ลูซิเฟอเรสที่สามารถเรืองแสงได้ กระทั่งเกิดการกลายพันธุ์จนสามารถเรืองแสงได้ จากการทดลองพบว่า เอนไซม์ลูซิเฟอเรสที่สามารถเรืองแสงได้ของแบคทีเรีย วิบริโอ แคมเบลลิอาย เรืองแสงได้มากกว่าเอนไซม์เรืองแสงของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ถึง 3 เท่า โดยขั้นตอนที่ต้องเร่งศึกษาคือ หาปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการเรืองแสง เพื่อค้นหาว่ากรดอะมิโนตัวใดที่มีผลต่อการทำงานของเอนไซม์ ทั้งนี้ การวิจัยดังกล่าวมีประโยชน์อย่างมากต่อวงการแพทย์ เพราะสามารถใช้เอนไซม์ลูซิเฟอเรสติดตามการเติบโตของก้อนมะเร็ง ด้วยการตัดต่อยีนเรืองแสงใส่ไว้ในเซลล์มะเร็ง เพื่อให้เกิดการผลิตเอนไซม์ลูซิเฟอเรส และเซลล์มะเร็งจะเรืองแสงเมื่อใส่สารที่ไวต่อแสงลงไป ซึ่งเป็นวิธีใหม่ที่ไม่มีผลข้างเคียงเหมือนการรักษาแบบใช้ยาในปัจจุบัน (เดลินิวส์ พุธที่ 26 เม.ย. 49 http://www.dailynews.co.th)





สกัดผักติ้วทำสารกันหืนศักยภาพไม่น้อยหน้าสารจากพืชเมืองนอก

นางพิชญ์อร ไหมสุทธิสกุล นักวิจัยคณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า งานวิจัยสกัดผักติ้วทำสารกันหืน ได้คัดเลือกพืชพื้นเมืองของไทยที่มีศักยภาพในการกันหืน โดยแบ่งพืชที่นำมาวิจัยเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผลไม้เน้นศึกษาที่เมล็ด กลุ่มผักจิ้มน้ำพริกเน้นศึกษาพืชรสฝาด เช่น ติ้ว กระโดนบก กระถิน กลุ่มผักเคี้ยวเล่นพวกหมาก พลูและสีเสียด การศึกษาพบเมล็ดพืชและผักจิ้มน้ำพริก มีสารฟลาโวนอยและสารฟีนอลิก ซึ่งเป็นสารป้องกันการเกิดปฏิกิริยาอนุมูลอิสระ มีฤทธิ์ช่วยกันหืนในปริมาณมาก ส่วนหมากแม้จะมีปริมาณสารฟีนอลิกสูงกว่ากลุ่มอื่น แต่ก็มีรายงานวิจัยว่า พืชบางชนิดในกลุ่มนี้มีสารก่อมะเร็ง ดังนั้น ผักจิ้มน้ำพริก โดยเฉพาะผักติ้ว จึงเป็นพืชที่โดดเด่นที่มีโอกาสวิจัยและพัฒนาเป็นสารกันหืนในอุตสาหกรรมอาหาร อย่างไรก็ตาม สารสกัดที่ได้จากงานวิจัยสามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ส่วนการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ จะต้องผ่านขั้นตอนทดสอบความเป็นพิษ ถ้าสามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่มีพิษหรือปลอดภัย ก็สามารถนำไปใช้ได้ในทันที สำหรับอุตสาหกรรมอาหารใช้สารกันหืน จากสารสกัดจากเมล็ดองุ่น ดอกโรสแมรี่และดอกพริมโรส ซึ่งล้วนเป็นพืชจากต่างประเทศ หากต้องการนำผักติ้วมาสกัดเป็นสารกันหืนเพื่อใช้ในระดับอุตสาหกรรม จะต้องศึกษาและประเมินศักยภาพในการปลูกพืชชนิดดังกล่าว ถึงปริมาณที่เพียงพอต่อการนำมาผลิตในภาคอุตสาหกรรมด้วย งานวิจัยผักติ้วกันหืนนี้ได้รับการสนับสนุนจาก โครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย เป้าหมายเพื่อหาพืชตามธรรมชาติ ที่ปลอดภัยและมีศักยภาพใช้เป็นสารกันหืนในอาหารที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ ซึ่งอาหารเหล่านี้ เช่น ขนมขบเคี้ยว เมื่อเสื่อมคุณภาพแล้วจะเกิดกลิ่นเหม็นหืน นอกจากจะเป็นกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์แล้ว ยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพจากการรับประทานอาหาร เพราะอาหารที่มีกลิ่นหืนจะมีสารก่อมะเร็งปะปนอยู่ด้วย เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง หากเสื่อมสภาพจะเกิดกลิ่นหืนด้วย (คมชัดลึก พุธที่ 26 เม.ย. 49 http://www.komchadluek.net)





"กาวยึดฟันปลอม" ผลงานหมอไทยเพื่อยิ้มใหม่ที่สดใส

“กาวยึดฟันปลอม” เข้ามาเป็นตัวผสานช่องว่างนั้นให้แคบลง คณะแพทย์ไทยกลุ่มหนึ่งได้มีแนวคิดจัดทำโครงการกาวยึดฟันปลอม (Denture Adhesive) ของคนไทยขึ้น ประกอบด้วย รศ.ทพ.ดร.ปิยวัฒน์ พันธุ์โกศล ภาควิชาทันตกรรมประดิษฐ์ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นหัวหน้าโครงการ และมี ผศ.ทพ.นิยม ธำรงค์อนันต์สกุล จากภาควิชาเดียวกัน และ ผศ.ทพ.ดร.พสุธา ธัญญะกิจไพศาล จากภาควิชากายวิภาคศาสตร์ เป็นผู้ร่วมโครงการ โดยได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยประจำปีงบประมาณ 2548 จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) คณะวิจัยของ รศ.ทพ.ดร.ปิยวัฒน์ จึงเริ่มการวิจัยพัฒนากาวยึดฟันปลอมฝีมือคนไทยทดแทนการนำเข้าขึ้น โดยจะเป็นกาวยึดฟันปลอมรูปแบบใหม่ที่ไม่ใช่แบบครีมและแบบผง และใช้วัตถุดิบภายในประเทศ ขจัดปัญหาของกาวยึดฟันปลอมแบบเก่าออกไป และให้มีความเหมาะสมแก่การใช้งานมากที่สุด เพื่อใช้กับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องใส่ฟันปลอมหลายซี่หรือใส่ฟันปลอมทั้งปาก ผู้ป่วยที่ผ่าตัดกระดูกขากรรไกร และผู้ป่วยโรคปากแหว่ง เพดานโหว่ เพื่อให้เขาเหล่านั้นสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมั่นใจ โดยใช้สารในกลุ่มอาหารที่มีความปลอดภัยมาทำหน้าที่เป็นกาวที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ไม่เหนียวเหนอะหนะ ล้างออกง่าย สามารถใส่หรือถอดฟันปลอมได้ทุกเมื่อที่ต้องการ และมีความแพร่หลายมากขึ้น ที่สำคัญคือมีราคาถูกลง สำหรับการวิจัยพัฒนาในขณะนี้ ได้รับการเปิดเผยว่า กำลังอยู่ในช่วงทดสอบแรงดึง ความเป็นพิษ และความคงตัวของกาว โดยเปรียบเทียบกับสินค้าที่วางขายในท้องตลาด และปรับปรุงสูตรให้ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยได้สูตรเบื้องต้นแล้ว แต่จะพัฒนาให้ดีขึ้น เพื่อให้ไม่ด้อยกว่าของต่างประเทศ หรือพัฒนาให้ดีกว่า เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ สามารถเผยแพร่และวางขายทั้งในประเทศและส่งออกไปยังต่างประเทศได้ เชื่อว่าจะใช้เวลาอีก 1-2 ปี งานวิจัยชิ้นนี้ก็จะแล้วเสร็จและสามารถนำออกขายได้ในที่สุด (ผู้จัดการรายวัน อังคารที่ 25 เม.ย. 49 http://www.manager.co.th)





ประดิษฐ์เจลมีฤทธิ์ป้องกันโรคเอดส์ เป็นเกราะให้ผู้หญิงใช้ป้องกันตัว

นักวิจัยเปิดเผยว่า อาจจะมีข่าวดีของสตรีทั่วโลก จะได้มีเจลป้องกันไวรัสโรคเอดส์มาใช้ ภายใน พ.ศ. 2553 นี้ หากว่าการทดลองกับผู้หญิงเรือนพันขณะนี้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ผู้อำนวยการของสภาวิจัยการแพทย์แห่งสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ นางกิตา รามจี กล่าวแสดงความหวังว่า เจลนี้จะสร้างความหวังในการสกัดกั้นโรคเอดส์ ไม่ให้ระบาดออกไปอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะตามชาติที่ผู้ชายไม่ค่อยนิยมจะใช้ถุงมีชัย ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดลองกับผู้หญิงเรือนพันตามชาติต่างๆ และในแอฟริกาใต้เอง 12,000 คน คาดว่าจะรู้ผลแน่นอนภายในเวลาสองปีข้างหน้านี้ ผู้อำนวยการหญิงกล่าวต่อไปว่า หากว่ารัฐบาลของชาติต่างๆเร่งมือในการอนุมัติ กฎระเบียบของการใช้ยาฆ่าจุลชีพในช่องคลอดนี้ คงจะมีออกสู่ ตลาดได้ในปี พ.ศ. 2553 นี้ ยาฆ่าจุลชีพอาจทำในรูปของเจล ครีม ฟองน้ำ หรือห่วงอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 27 เม.ย. 49 http://www.thairath.co.th)





เสื้อนาโนร่วมฉลองครองราชย์ 60 ปี เติมอนุภาคผงเงินยับยั้งแบคทีเรียเติบโต

นายพิชัย อุตมาภินันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูไนเต็ด เท็กซ์ไทล์ มิลล์ จำกัด เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับสถาบันวิจัยโลหะและวัสดุ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดทำเสื้อไร้แบคทีเรีย จากงานวิจัยเสื้อซิลเวอร์นาโนเทคโนโลยีของจุฬาฯ โดยผลิตเป็นเสื้อโปโลสีเหลืองปักตราสัญลักษณ์ฉลองครองราชย์ 60 ปี เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นวัตกรรมเสื้อซิลเวอร์นาโนเทคโนโลยีนี้เป็นผลงานวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ นับเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมสิ่งทอที่มีการนำเทคโนโลยีซิลเวอร์นาโนมาใช้ในการผลิต ซึ่งจะช่วยให้เสื้อมีคุณสมบัติพิเศษ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมสิ่งทอ อนุภาคผงเงินขนาดเล็กจิ๋ว หรือที่เรียกว่าซิลเวอร์นาโนจะไปยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ช่วยระงับกลิ่นเหงื่อ และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองบนผิวหนัง นอกจากนี้ อนุภาคของซิลเวอร์นาโนยังซึมซับน้ำได้เป็นพิเศษทำให้ซับเหงื่อได้ดีไม่ระคายเคืองต่อผิวหนัง น.ส.กนกวรรณ แสงเกียรติยุทธิ์ นักวิจัยจากสถาบันวิจัยโลหะและวัสดุ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า งานวิจัยที่สถาบันวิจัยโลหะและวัสดุ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพัฒนาขึ้นนั้น เป็นกระบวนการใหม่ที่สามารถสร้างอนุภาคเงินขนาดนาโน และทำให้เกิดการแทรกซึมอยู่ในเส้นใยผ้าได้ภายในขั้นตอนเดียว ซึ่งมีประสิทธิภาพในการยับยั้งแบคทีเรียได้มากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ แม้จะผ่านการซักไปแล้วอย่างน้อย 30 ครั้ง ซิลเวอร์นาโนหรือโลหะเงินเป็นสารยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพสูงและมีความปลอดภัยต่อการใช้งาน สามารถทำลายเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้หลายชนิด โดยเฉพาะแบคทีเรีย เชื้อรา ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นอับ จุดด่างดำ การเปื่อยขาดง่ายของเส้นใย เป็นต้น งานวิจัยชิ้นต่อไปนั้น ยังคงอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอ เช่น ถุงเท้า และเสื้อชั้นในสตรี และทีมวิจัยกำลังนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปทดลองใช้กับผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ อาทิ ผ้าพันแผลซิล เวอร์นาโน ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนของการวิจัย (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 27 เม.ย. 49 http://www.komchadluek.net)





นักวิจัยไทยไขความลับ ต้นตอ"สัตว์โคลนนิ่ง"ตายเร็ว

การทำ "โคลนนิ่ง" ไม่เพียงจะมีประโยชน์ในด้านการเกษตรเพื่อเพาะขยายพันธุ์สัตว์เศรษฐกิจที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น ยังสามารถใช้รักษาสายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์ รวมถึงประโยชน์ด้านการแพทย์อีกหลายประการ แต่ขณะที่เทคโนโลยีการโคลนนิ่ง ได้รับการพัฒนาและมีความก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ทั้งในแง่ของเทคนิค และวิธีการ ปัญหาหนึ่งของการโคลนนิ่งที่ยังแก้ไม่ตกก็คือ เหตุใด "ตัวอ่อนจากการโคลนนิ่ง" รวมถึง "สัตว์ที่เกิดจากการโคลนนิ่ง" จึงมีอัตราการรอดชีวิตต่ำกว่าการผสมพันธุ์ตามธรรมชาติ ทั้งอยู่ในครรภ์และหลังคลอด งานวิจัยที่ผ่านมาเราพบว่าสาเหตุหลักการตายของตัวอ่อนวัวในครรภ์นั้น มาจากการที่รกเกาะกับผนังมดลูกได้ไม่ดี ดังนั้นคำถามสำคัญก็คือ สาเหตุของความผิดปกตินี้เกิดขึ้นในระยะที่ย้ายฝากหรือเป็นความผิดปกติมาตั้งแต่ก่อนการย้ายฝาก และความผิดปกติของการสร้างสารเหล่านี้ เกิดจากการทำ Nuclear reprograming หรือไม่ เพื่อศึกษาถึงความผิดปกติดังกล่าว จึงเป็นที่มาของงานวิจัยเรื่อง "การศึกษากลไกการควบคุมการแสดงออกของยีนระบบ epigenetics ในตัวอ่อนวัวโคลนนิ่งระยะเอมบริโอ" ที่มีนางสาวทัศนีย์ สุทีวรรณ นักศึกษาโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก(คปก.) เป็นผู้วิจัย และมี ดร.รังสรรค์เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา การศึกษาเน้นเจาะลึกไปที่กลไกการควบคุมการแสดงออกของยีน ที่เรียกว่ากลไก "epigenetic" ซึ่งควบคุมการทำงานของยีนที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโต งที่ น.ส.ทัศนีย์มุ่งเน้นศึกษาก็คือ การศึกษาโปรตีนที่เกิดขึ้น เปรียบเทียบระหว่างเซลล์ตัวอ่อนจากการโคลนนิ่ง กับเซลล์ตัวอ่อนจากการทำหลอดแก้วในระยะ "เอมบริโอ" (ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นแบ่งเซลล์จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 4 จาก 4 เป็น 8 จนถึงระยะที่พร้อมจะทำไปฝากในครรภ์) เพื่อหาความผิดปกติของกลไก epigenetic ต่างๆ ในเซลล์ตัวอ่อนโคลนนิ่ง "การศึกษาครั้งนี้เราพบว่าความผิดปกติของสัตว์โคลนนิ่ง เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ระยะที่เป็นตัวอ่อนก่อนนำไปฝากในแม่ตัวรับ ทำให้เราได้ข้อสรุปที่สำคัญว่า สาเหตุหลักของการตายของวัยโคลนนิ่งในครรภ์ รวมถึงหลังจากคลอดแล้วที่มากผิดปกติน่าจะมาจากเทคนิคการโคลนนิ่งในปัจจุบันที่ยังไม่สามารถกระตุ้นให้กิดกระบวนการ Nuclear reprograming อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งข้อผิดพลาดตรงจุดนี้ได้ทำให้การเจริญเติบโตของตัวอ่อนโคลนนิ่งมีปัญหา ทั้งในระยะฝากครรภ์ และหลังจากคลอดเป็นตัว ขั้นตอนต่อไปจะเดินหน้าศึกษาความผิดปกติในตัวอ่อนโคลนนิ่งของสัตว์ชนิดอื่นๆ พร้อมไปกับการศึกษาในระดับโปรตีน เพื่อนำไปสู่การค้นหายีนที่อาจมีความผิดปกติจากการทำ Nuclear reprograming และการพัฒนาเทคนิคการทำโคลนนิ่งในอนาคตให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น (ข่าวสด พฤหัสบดีที่ 27 เม.ย. http://www.matichon.co.th/khaosod)





อินเดียผลิตชาเม็ดต้านกับน้ำอัดลม วัยรุ่นทิ้งน้ำชาไปหาเครื่องดื่มน้ำสี

นักวิทยาศาสตร์อินเดียได้พบวิธีผลิตเม็ดชาขึ้น หากเกิดอยากน้ำชาขึ้นมาไม่มีเวลาชง ก็แค่หย่อนใส่ปากสักเม็ด ก็จะรู้สึกเหมือนกับได้ซดน้ำชาทั้งถ้วย นายมริดุล ฮาซาริกา ผู้อำนวยการของศูนย์ชา ที่แควันอัสสัม กล่าวบอกว่า ชาเม็ดมีสีน้ำตาล หนัก 0.3 กรัม ประกอบด้วยชา 80% และสารอย่างอื่นอีก 20% แค่กินเม็ดเดียวก็จะทำให้ชื่นใจ ได้เหมือนกับซดชาทั้งถ้วย “จะใส่ ปากอม ชงหรือละลายในน้ำ ไม่ว่าจะวิธีไหนก็จะได้รับรสชาติที่แท้จริงของชาทั้งสิ้น มันจะทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเหมือนอย่างกับน้ำชาทั้งถ้วย เพราะมันประกอบด้วยชาเกือบทั้งหมด ขณะนี้กำลังขอจดสิทธิบัตรอยู่ และเมื่อปรับปรุงอีกสักเล็กน้อย จะสามารถผลิตออกสู่ตลาดภายในเวลา 6 เดือนนี้ (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 28 เม.ย. 49 http://www.thairath.co.th)





ยุโรปพัฒนา"รถคนเมือง" "เคลเวอร์"รถจิ๋วประหยัดเชื้อเพลิง

สหภาพยุโรป (อียู) ออกเงินทุนให้คณะนักวิทยาศาสตร์จาก 9 ประเทศในยุโรป พัฒนาต้นแบบรถยนต์สำหรับคนเมืองรุ่นใหม่ "เคลเวอร์" ซึ่งเกิดจากการผสมผสานระหว่างความสะดวกคล่องตัวของรถจักรยานยนตร์เข้ากับความปลอดภัยของรถยนต์ โครงการเคลเวอร์ (CLEVER : Compact Low Emission Vehicle For Urban Transpot) มูลค่า 112 ล้านบาท เริ่มดำเนินการมาประมาณ 3 ปี ได้รับเงินสนับสนุนจากอียูและบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป วัตถุประสงค์ของโครงการเพื่อสร้างรถยนต์สำหรับวิ่งในเมืองรุ่นใหม่ที่มีความคล่องตัว เล็กกะทัดรัดช่วยลดความแออัดบนท้องถนน ปลอดภัย และปล่อยมลภาวะสู่สภาพแวดล้อมน้อย คณะนักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยบาธ หนึ่งในทีมพัฒนา เปิดตัวและสาธิตวิธีการขับขี่รถเคลเวอร์ให้ผู้สื่อข่าวชม โดยรถ 3 ล้อรุ่นนี้มีขนาดเล็กมาก ตัวถังทำจากอะลูมิเนียมและพลาสติกยาวเพียง 1 เมตรเท่านั้น แต่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษให้ช่วยลดแรงกระแทกเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้คนขับ รถเคลเวอร์ใช้ก๊าซธรรมชาติ "ซีเอ็นจี" เป็นเชื้อเพลิงช่วยลดมลพิษ วิ่งทำความเร็วสูงสุด 100 ก.ม./ช.ม. และเร่งจากระดับ 0-60 ก.ม./ช.ม. ภายในเวลา 7 วินาที นอกจากนั้น ยังติดตั้งระบบรักษาสมดุลควบคุมความเอียงของห้องโดยสารด้วยระบบไฮโดรลิกและระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้การเข้าโค้งไม่เสียหลักง่ายๆ อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 2.6 ลิตรต่อ 100 ก.ม. คาดว่ารถรุ่นนี้จะมีส่วนช่วยปฏิวัติการออกแบบรถคนเมืองในอนาคต (ข่าวสด ศุกร์ที่ 28 เม.ย. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





น้ำมันมะกอกวันละ 1 ช้อนโต๊ะ เพื่อสุขภาพ

นันทินี แทนเน่อร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอช แอนด์ โก จำกัด จึงนำเสนอผลิตภัณฑ์ระดับคุณภาพมาให้คนไทยได้ลิ้มลองในงาน "โอลีฟ ออย เทสติ้ง แนะนำ น้ำมันมะกอกโอลิวิเย่ร์ แอนด์ โก" ที่ร้านโอลิวิเย่ร์ แอนด์ โก ชั้น 2 ศูนย์การค้า เพนนินซูล่า พลาซ่า เมื่อเร็วๆ นี้ เจอราร์ด มอริส ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ โอลิวิเย่ร์ แอนด์ โก ประจำประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่บินมาเมืองไทยเพื่อร่วมงานนี้กล่าวถึงวิธีการชิมน้ำมันมะกอก ว่าการชิมที่ต่างประเทศจะใช้แก้วสีชาหรือเข้มๆ เพื่อไม่ให้สีของน้ำมันมะกอกมีอิทธิพลจูงใจผู้ชิม และใช้การหมุนแก้ววนๆ ให้น้ำมันมะกอกได้สัมผัสกับอากาศ เกิดความร้อนของน้ำมันจะได้ไอน้ำมันมะกอกที่จะส่งผลต่อรสชาติได้ดี น้ำมันมะกอกของโอลิวิเย่ร์ แอนด์ โก จะแบ่งได้ 3 ประเภท น้ำมันมะกอกประเภทแนวกลิ่นผลไม้ น้ำมันมะกอกกลิ่นพืชสมุนไพร และน้ำมันมะกอกกลิ่นเครื่องเทศ ซึ่งการแบ่งประเภทนี้ได้มาจาก สายพันธุ์ ซึ่งมีสายพันธุ์มะกอกที่หลากหลาย พื้นที่เพาะปลูกที่มาจากดินและสภาพอากาศ ภูมิประเทศที่แตกต่างกัน และขั้นตอนกระบวนการผลิต ผู้ก่อตั้ง โอลิวิเย่ร์ โบซอง จะจัดให้มีการคัดเลือกน้ำมันมะกอกจากกว่า 300 แห่งเป็นประจำทุกปี และคัดให้เหลือเพียง 20 แห่งที่จะเลือกนำมาจำหน่าย ซึ่งน้ำมันมะกอกจะมีการแบ่งระดับชั้นเหมือนไวน์ ส่วนบรรจุภัณฑ์จะใช้การบรรจุในกระป๋องอะลูมิเนียม เพื่อควบคุม 3 ปัจจัยที่มีผลต่อน้ำมันมะกอกนั่นคือ แสงแดด อุณหภูมิ และอากาศ ซึ่งตัวการเหล่านี้ จะทำให้น้ำมันมีการเปลี่ยนแปลงได้ และอย่าลืมว่าน้ำมันมะกอกแต่ละชนิดจะมีรสที่ต่างกัน และยังเหมาะกับอาหารที่ต่างชนิดกันด้วย" "แพทย์ยังแนะนำอีกว่าถ้ารับประทานน้ำมันมะกอกกันเพียวๆ วันละ 1 ช้อนโต๊ะ ก่อนอาหารเช้าทุกวันจะช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ และยังส่งผลดีต่อกระเพาะอาหาร ช่วยป้องกันการย้อนกลับของอาหารสู่หลอดอาหาร ที่ลำไส้ก็ทำให้ย่อยง่าย ด้านระบบเลือด ก็มีคอเลสเตอรอลที่ดีเพิ่มขึ้น ป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ ทั้งยังพบกรดโอลิกที่จำเป็นในกระบวนการสร้างมวลกระดูก ในน้ำมันมะกอกด้วย ที่สำคัญช่วยบำรุงสมอง ป้องกันการเกิดภาวะความจำในสมองลดลง (โรคสมองเสื่อม) ซึ่งผลพิสูจน์ออกมาแล้วว่า ผู้ที่มีอายุยืนยาวโดยมากจะพบในประเทศกรีก ซึ่งประชากรของประเทศจะบริโภคน้ำมันมะกอกถึง 26 ลิตรต่อคนต่อปี (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 28 เม.ย. 49 http://www.komchadluek.net)





พบวิธีกินถั่วไม่ต้องกังวลปล่อยผายลม

ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยไซมอน โบไลวาร์ ประเทศเวเนซุเอลา ได้พบประโยชน์ของแบคทีเรีย 2 ชนิดที่จะช่วยให้เรากินถั่วได้อย่างหมดกังวล ไม่ต้องกลัวว่าจะผายลมทำเสียบรรยากาศ แบคทีเรียนี้คือ แลคโตบาซิลลัสคาเซอิ(Lactobacillus casei) และ แลคโตบาซิลลัสแพลนทารัม (Lactobacillus plantarum) ถั่วอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย และยังเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีสำหรับประเทศที่กำลังพัฒนา แต่ว่าการกินถั่วจะให้แก๊สไม่พึงประสงค์ออกมา ซึ่งเป็นผลจากแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่ เมื่อมันหมักอาหารเพื่อให้มีขนาดเล็กลงจนมันย่อยได้จะทำให้เกิดเป็นแก๊สไข่เน่าขึ้นมา พอมากเข้าก็ต้องผายลมปลดปล่อยออกมา คณะวิจัยพบว่าถ้าใส่แบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในลำไส้ไว้ในถั่วก่อนที่จะนำถั่วไปประกอบอาหาร ก็จะทำให้เมื่อรับประทานถั่วเข้าไปแล้วไม่เกิดแก๊สขึ้นมาอีก ซึ่งเป็นเทคนิคที่คล้ายกับการปรุงถั่วที่ฉลาดโดยนำถั่วไปหมักก่อน เพื่อทำให้รับประทานเข้าไปแล้วเกิดแก๊สน้อยลง ในการทดลองหาว่าแบคทีเรียชนิดใดที่พบในการหมักเพื่อลดการเกิดแก๊ส จึงเลือกใช้ถั่วดำ หรือในทางวิทยาศาสตร์รู้จักกันว่าฟาเซโอลัสวูลการิส (Phaseolus vulgaris) โดยนำมาหมักด้วยแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัสคาเซอิและแลคโตบาซิลลัสแพลนทารัม พบว่าปริมาณไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ลดลงมากกว่าร้อยละ 60 และยังลดปริมาณของแรฟไฟโนสซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดแก๊สได้ร้อยละ 88 จากนั้นลองให้หนูกินเพื่อให้แน่ใจว่าคุณค่าทางโภชนาการของถั่วไม่ได้ลดลงหลังจากที่ถูกนำไปหมักด้วยแบคทีเรียแล้ว ซึ่งให้ผลเป็นที่พอใจเพราะถั่วก็ยังคงมีสารอาหารอยู่ครบเหมือนเดิม และยังมีสารที่ก่อให้เกิดแก๊สลดลงอีกด้วย แบคทีเรียประเภทที่ให้กรดแลคติกที่มักใช้ในการหมักถั่วก็รวมไปถึงแลคโตบาซิลลัสคาเซอิใช้เป็นตัวโปรไบโอทิก สามารถใช้ในอุตสาหกรรมอาหารอื่นๆ ได้ เมื่อปรุงอาหารที่มีถั่วเป็นส่วนประกอบก็คงต้องเอาถั่วไปหมักด้วยแบคทีเรียเหล่านี้ก่อนเพื่อลดสารที่จะทำให้เกิดแก๊ส จะได้กินถั่วได้อย่างหมดกังวลเรื่องผายลม แม้ว่านักวิจัยจะไม่ได้เอ่ยถึงรูปร่างของถั่วหลังจากนำไปหมักแล้วว่าจะเปลี่ยนไปหรือไม่ แต่ที่สำคัญคือ คุณค่าทางอาหารไม่เปลี่ยนแปลง (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 28 เม.ย. 49 http://www.komchadluek.net)





หมวกไฮเทคจับภาพเสียง

นักวิจัยสหรัฐ พัฒนาอุปกรณ์ที่มีชื่อเรียกว่า "เบรนพอร์ต" เป็นชุดสวมศีรษะสำหรับติดกล้องดิจิทัล ตัวจับสัญญาณเสียง และอุปกรณ์อื่นๆ โดยสัญญาณจากอุปกรณ์เหล่านี้จะถูกพ่วงผ่านลิ้นมายังสมอง ซึ่งจะช่วยให้ทหารสามารถรับรู้การเคลื่อนไหวรอบข้างได้ดีเหมือนกับสัตว์บางชนิดที่มีประสาทสัมผัสพิเศษ เช่น นกเค้าแมว งู และปลา อุปกรณ์ดังกล่าวจะทำให้หน่วยทหารพรานสามารถมองเห็นภาพรอบทิศทางยามกลางคืน ดร.อนิล ราช นักวิทยาศาสตร์ที่เป็นหัวหน้าโครงการได้ทดลองต่อโดยออกแบบแถบพลาสติกสีแดงขนาดบางต่อเบรนพอร์ตเข้ากับลิ้นโดยใช้ขั้วไฟฟ้าขนาดจิ๋ว 144 ขั้วเป็นตัวส่งสัญญาณข้อมูลผ่านใยประสาทไปยังสมอง เมื่อใช้อุปกรณ์ตัวนี้แล้วนักประดาน้ำไม่จำเป็นต้องพกเข็มทิศและอุปกรณ์จับคลื่นเสียงแบบมือถือที่เทอะทะ ก็สามารถประมวลผลข้อมูลผ่านลิ้นได้เอง ในการทดสอบได้ติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวให้คนพิการสายตาเดินไปหน้าประตูและรับลูกบอล อุปกรณ์ตัวนี้ยังใช้ปรับสมดุลการเดินให้กับคนที่ระบบทรงตัวในหูชั้นในได้รับความเสียหายจากยาปฏิชีวนะ เบื้องต้นนักวิจัยได้พัฒนาให้อุปกรณ์ตัวนี้ทำหน้าที่แทนเข็มทิศและตัวเซ็นเซอร์วัดระดับความลึกด้วยไฟฟ้าเพื่อใช้กับปฏิบัติการใต้น้ำ เพื่อใช้งานด้านการทหารคือ ช่วยให้พวกเขาไม่ต้องคอยถืออุปกรณ์ หรือสวมแว่นพิเศษให้เกะกะตา ทำให้การปฏิบัติงานค้นหาทุ่นระเบิดสะดวกคล่องตัว และสามารถว่ายไปยังตำแหน่งได้ถูกต้องในพื้นที่ขมุกขมัว ขั้นต่อไปคือพัฒนาให้ใช้ตรวจจับคลื่นเสียง ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้มีขนาดพอกับกล่องอาหารกลางวัน ถ้าวันใดสามารถพัฒนาให้มีขนาดเล็กลงจนติดตั้งกับอุปกรณ์สวมศีรษะได้แล้ว จะสามารถใช้กวาดหาตำแหน่งเสียงได้รอบศีรษะ และสามารถรับรู้เสียงย่านความถี่ต่ำได้บนลิ้นช่วยยืนยันในสิ่งที่ตาเห็น ส่วนการพัฒนาให้อุปกรณ์สามารถส่งสัญญาณภาพอินฟราเรดผ่านลิ้นเพื่อให้ทหารพรานใช้นั้นไม่ใช่เรื่องยาก และเทคโนโลยีมองภาพกลางคืนมีประโยชน์มหาศาล ช่วยให้ทหารปฏิบัติการในที่มืดได้โดยไม่ต้องสวมแว่นตาพิเศษสำหรับมองภาพที่มืดให้เกะกะ แถมยังมองเห็นภาพข้างหลังได้ด้วย (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 28 เม.ย. 49 http://www.komchadluek.net)





ธ.โลกแนะเร่งลงทุน ด้านพลังงานไร้มลพิษ ทดแทนน้ำมันดิบที่แพง

นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการของธนาคารโลก ครั้งที่ 73 ระหว่างวันที่ 20-24 เม.ย.ที่ผ่านมา ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐ มีประเด็นสำคัญที่ได้หารือกัน 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ แนวทางการลงทุนเพื่อพัฒนาพลังงานไร้มลพิษและรายงานผลการดำเนินงานเพื่อเสริมสร้างการรับผิดชอบร่วมกัน โดยผู้ว่าการธนาคารโลกเห็นชอบแนวทางการลงทุนเพื่อจัดหารูปแบบการพัฒนาพลังงานไร้มลพิษ เพื่อทดแทนการใช้พลังงานจากน้ำมันดิบ โดยผู้ว่าการธนาคารโลกเห็นว่าหากมีการสนับสนุนให้ประเทศยากจนรวมถึงประเทศที่กำลังพัฒนาใช้พลังงานไร้มลพิษ เช่น การใช้พลังงานจากพืชทดแทนและพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ที่มีราคาไม่สูงนัก เชื่อว่าจะสามารถลดค่าใช่จ่ายในการจัดหาพลังงาน โดยเฉพาะการนำเข้าน้ำมันดิบ ซึ่งสามารถลดปัญหาความยากจนได้ส่วนหนึ่ง นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เสนอแนวทางการเพิ่มสัดส่วนทรัพยากรในประเทศกำลังพัฒนาและพัฒนาน้อยที่สุดและวิธีการใช้ทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้เกิดผลผลิต ที่เพียงพอในประเทศและสามารถส่งออกไปยังต่างประเทศ ต้องมีความรับผิดชอบร่วมกันและจำเป็นจะต้องมีระบบธรรมาภิบาลที่ดีเพื่อให้เกิดความโปร่งใส สำหรับการหารือกับ นาย Lawrence Greenwood รองประธานเอดีบี ได้มีการหารือในเรื่องการจัดทำ ADB Partnership Framework ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือระหว่างเอดีบีและประเทศไทย การส่งเสริมนโยบายการลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ในประเทศไทย การพัฒนาตลาดทุนของไทย ซึ่งเอดีบียินดีสนับสนุนมาตรการริเริ่มตลาดพันธบัตรเอเชียและการจัดตั้งศูนย์กลางการฝึกอบรมการเชื่อมโยงทางการเงินในภูมิภาคเพื่อเป็นศูนย์ฝึกอบรมด้านการเงินในการส่งเสริมศักยภาพด้านเศรษฐกิจการเงินให้แก่เจ้าหน้าที่จากประเทศต่างๆ ในภูมิภาค (สยามรัฐรายวัน ศุกร์ที่ 28 เม.ย. 49 http://www.siamrath.co.th)





เย็นเจี๊ยบ! เครื่องทำน้ำเย็น มจธ.

นักศึกษาภาควิชาเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) “เทพรัตน์ รอดวินิจ” “เวธิต วรบวร” และ “โกศล วิตตินานนท์” ได้คิดค้นนวัตกรรมของเครื่องทำน้ำเย็นขึ้น โดยผลงานชิ้นนี้ได้รับรางวัลชมเชย อันดับ 1 จากโครงการรางวัลนวัตกรรมแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 5 หรือ Thailand Innovation Awards 2005 จากผลงานที่ชื่อนวัตกรรมใหม่ของเครื่องทำน้ำเย็น ซึ่งมีผู้เข้าร่วมส่งผลงานทั้งหมด 133 ทีม เครื่องทำน้ำเย็นนี้สามารถผลิตน้ำเย็นได้ทั่วทั้งถัง ซึ่งต่างจากเครื่องทำน้ำเย็นปกติทั่วไปที่สามารถผลิตน้ำเย็นได้เพียงแค่ 3 ลิตรเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 20 ลิตรไม่สามารถทำความเย็นได้ทัน อีกทั้งยังส่งผลให้เกิดน้ำแข็งที่ผิวด้านในส่วนของบริเวณที่ทำความเย็น ทำให้ค่า COP ลดลง ส่งผลทำให้เกิดการสิ้นเปลืองพลังงานเพิ่มมากขึ้น หลักการทำงานของเครื่องนี้ จะปั้มน้ำเข้ามาติดตั้งทำให้ระบบการไหลเวียนของน้ำเป็นแบบปั่นป่วน (Turbulent) เพื่อช่วยในการถ่ายเทความร้อนได้ดีขึ้นโดยปั้มจะฉีดน้ำขึ้นสู่ในถังด้านบน ทำให้น้ำที่อยู่ในถังไหลลงมาแทนที่น้ำเย็นที่ไหลหมุนเวียนขึ้นไปอยู่ในถังแทนจนได้น้ำเย็นทั่วทั้งถังตามต้องการ เครื่องทำน้ำเย็นนี้นอกจากจะช่วยทำให้น้ำทั้ง 20ลิตร ในถังด้านบนและด้านล่างเย็นทั่วกันแล้ว ยังช่วยประหยัดไฟฟ้าอีกด้วยเพราะเครื่องทำความเย็นทั่วไป จะทำความเย็นได้แค่ 3 ลิตร และหากไม่มีการใช้น้ำก็จะเกิดน้ำแข็ง ซึ่งเสมือนฉนวนเครื่องอัดอากาศ ทำให้เครื่องทำงานหนักกว่าเดิม สำหรับเครื่องนี้จะไม่มีน้ำแข็งเกาะที่บริเวณเครื่อง จึงทำให้ประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้น ซึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามโดยตรงได้ที่ รศ.วีระชัย แก่นทรัพย์ ภาควิชาเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งที่เป็นปรึกษา โทร.0-2470-9125 (สยามรัฐรายวัน พฤหัสบดีที่ 27 เม.ย. 49 http://www.siamrath.co.th)





คนไทยคว้ารางวัลระดับโลกต้านยาสูบ

ดร.จอห์น เซฟฟริน ผู้อำนวยการบริหารของสมาคมต้านมะเร็งแห่งอเมริกา กล่าวว่า สมาคมต้านมะเร็งแห่งอเมริกาประกาศผลผู้ได้รับรางวัลลูเทอร์ เทอรรี ซึ่งเป็นรางวัลระดับโลกที่มอบให้บุคคลและองค์กรที่มีผลงานยอดเยี่ยมในการทำงานด้านการควบคุมการบริโภคยาสูบ โดยในปีนี้หนึ่งในผู้ได้รับรางวัลเป็นคนไทย คือ น.ส.บังอร ฤทธิภักดี ผู้ประสานงานเครือข่ายการควบคุมการบริโภคยาสูบในภูมิภาคอาเซียน ทั้งนี้รางวัลลูเทอร์ เทอรรี นี้ เป็นรางวัลที่ตั้งขึ้นเพื่อรำลึกถึงนายแพทย์ลูเทอร์ เทอรรี ซึ่งเป็นแพทย์ใหญ่ของอเมริกาคนแรกซึ่งสังเคราะห์องค์ความรู้ที่ชี้ให้เห็นว่าบุหรี่ก่อให้เกิดมะเร็งปอดและโรคต่าง ๆ เมื่อปี 2507 ดร.จอห์น เซฟฟริน กล่าวว่าคณะกรรมการจากทั่วโลกได้สรรหาและคัดเลือกองค์กรหรือบุคคลที่จะมารับรางวัลนี้จากทั่วโลก น.ส.บังอร ฤทธิภักดี จากประเทศไทย เป็น 1 ใน 9 คนที่ได้รับรางวัลนี้เพราะมีผลงานยอดเยี่ยมในฐานะผู้ประสานงานเครือข่ายการควบคุมการบริโภคยาสูบในภูมิภาคอาเซียน โดยได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่สนับสนุนประเทศในภูมิภาคนี้ให้มีความเข้มแข็งขึ้นในการควบคุมยาสูบ ในการกำหนดนโยบายออกกฎหมาย และจัดองค์กร โดยได้ทำงานด้านนี้มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2543 หลังจากที่ดำรงตำแหน่งผู้จัดการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ของประเทศไทย และร่วมสร้างความเข้มแข็งให้การควบคุมการบริโภคยาสูบของไทยมาเป็นเวลา 14 ปี (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 24 เม.ย. 49 http://www.bangkokbiznews.com)





สนองพระราชเสาวนีย์สมเด็จฯ วิจัยการปลูกกัญชงเพื่อผลิตเส้นใย

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ทรง มีพระราชเสาวนีย์มอบหมายให้ศูนย์ส่งเสริมการเกษตรที่สูงจังหวัดเชียงราย ให้ทำการศึกษาวิจัยและทดลองปลูกต้นกัญชง โดยมี นายธงชาติ รักษากุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร (ในขณะนั้น) เป็นผู้สนองฯ จากนั้นได้มอบหมายให้ ศูนย์ส่งเสริมเกษตรที่สูงภูชี้ฟ้า เป็นพื้นที่นำไปดำเนินการ ภายใต้การควบคุมของ นายอุดมศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการเกษตรที่สูงเชียงราย กัญชง...พื้นเพเดิมอยู่ในเอเชียในประเทศจีน และที่แคว้นไซบีเรีย ประเทศเปอร์เซีย แคว้นแคชเมียร์ตอนเหนือของอินเดีย และเชิงเขาหิมาลัย มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Cannabis sativa L. อันเป็นชื่อเดียวกับกัญชา แต่มีความแตกต่างที่ว่า กัญชาต้นเตี้ยเล็กสูงไม่เกิน 2 เมตร เป็นพืชเสพติด ส่วนกัญชงต้นสูงกว่า 2 เมตรขึ้นไป เป็นพืชเส้นใย มีการบันทึกว่าปี 960-1279 ก่อนคริสต์ศักราช ประเทศจีนมีการปลูกกัญชงเพื่อทำเป็นเส้นใย และในตอนนั้น โรมันก็ได้นำเข้าจากเอเชียไปปลูกในอิตาลี...แล้ว ได้แพร่หลายไปทั่วยุโรปและทั่วโลก ในเวลาต่อมา นายอุดม พรมจันทร์ตา หัวหน้าศูนย์ส่งเสริมเกษตรที่สูงภูชี้ฟ้า ได้ทำการวิจัยและทดลองปลูกกัญชงโดยดำเนินการตามขั้นตอนคือ ประชุมจัดตั้งกลุ่มเกษตรกรปลูกต้นกัญชง ที่หมู่บ้านพญาเลาอู หมู่ 23 ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย จำนวน 20 คน โดยมี นางซัว แซ่หาญ เป็นประธานกลุ่ม และ จัดการอบรมถ่ายทอดความรู้เทคโนโลยีด้านการเกษตรให้แก่กลุ่มเกษตรกร พร้อมกับนำเกษตรกรทัศนศึกษาดูงานการแปรรูปเส้นใยกัญชงเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ และได้ทำแปลงวิจัยและทดลองปลูกในพื้นที่ 5 ไร่ ปีหนึ่ง 3 รุ่น พบว่าการออกดอกมีผลต่อการสะสมสารเสพติด ถ้าในพื้นที่อากาศเย็นจะมีสารเสพติดน้อย และออกดอกไม่เกิน 100 วันจะติดผล มีคุณสมบัติพิเศษสามารถกินได้ แก้ปวดเมื่อย และ ช่วงที่เหมาะสมคือปลายฝนต้นหนาว จะทำให้ต้นสูง มีเส้นใยยาว และนำมาใช้งานในการทำเส้นใยได้ดีกว่าที่ปลูกในช่วงคาบเวลาอื่น จากข้อมูลในการทดลองและวิจัยพบว่า ลำต้นตรงมีสีเขียวสูง 1-6 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยวรูปฝ่ามือแยกเป็น 5 แฉก และ 7 แฉก ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย และเว้าลึกจนถึงโคนใบ ก้านใบยาว 2-7 เซนติเมตร ดอกมีขนาดเล็กมีเพศผู้เพศเมีย เมล็ดเป็นเมล็ดเดี่ยว เมื่อแห้งเป็นสีเทา รูปไข่ป้อมวนปลายกว้างวนออกเล็กน้อย ผิวเรียบเป็นมันและมีลายประสีน้ำตาล ขนาดประมาณ 3-4 มิลลิเมตร ภายในมีอาหารสะสมพวกแป้งและไขมันอัดแน่น ในการแปรรูปหลังจากเก็บเกี่ยวจะตัดลำต้นแล้วลอกเปลือก ออกโดยปล่อยให้แห้งด้วยวิธีธรรมชาติคือตากแดดประมาณ 5 วัน นำไปต้มผสมกับน้ำขี้เถ้า จึงตีเป็นเส้นใยแล้วจึงค่อยนำไปทอเป็นผืนผ้า จากข้อมูลผลของการวิจัยและทดลองในการปลูกกัญชงนี้ ก็พอที่จะสามารถนำไปส่งเสริมให้เกษตรกรบนพื้นที่สูงปลูกเป็นอาชีพเสริมหรืออาชีพหลักได้ เนื่องจากผลผลิตเป็นที่ต้องการของตลาดผู้บริโภค เพราะเป็นผ้าที่มีคุณสมบัติพิเศษคือ หน้าหนาวใส่แล้วอุ่น หน้าร้อนใส่แล้วเย็น เนื่องจากเส้นใยมีความยืดหยุ่นที่ดี สนใจติดต่อข้อมูลได้ที่ ศูนย์ส่งเสริมการเกษตรที่สูงจังหวัดเชียงราย โทร. 0-5367-8201-2 หรือที่ ศูนย์ส่งเสริมการเกษตรที่สูงภูชี้ฟ้า 0-5391-1555 ในเวลาราชการ. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 1 พ.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





สร้างเครื่องกดตัดชิ้นยาง ระบบอัตโนมัติปลอดภัยสูง

ยางพารา ยามนี้กำลังเป็นพระเอกแห่งแวดวงสินค้าเกษตรของไทย ราคาก็สูงและยังใช้งานในอุตสาหกรรมได้หลายหลาก ทั้งที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักและยังสามารถรีไซเคิลกลับมาใช้ได้อีก!!! อย่างไรก็แล้วแต่การแปรรูปจากระบบรีไซเคิลนั้น ในบางปัจจัยจำเป็นต้องมีการตัดย่อยชิ้นส่วนของผลิตภัณฑ์ยางพาราให้เป็นชิ้นเล็กๆ แล้วจึงค่อยนำไปใช้ในการแปรรูปอุตสาหกรรมอีกทีหนึ่ง จึงจำเป็นต้องมีเครื่องกดตัดชิ้นงานเป็นตัวช่วย ดร.ศุภสิทธิ์ รอดขวัญ อาจารย์ ประจำภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ผู้ผลิตเครื่องกดตัดชิ้นงานยางเก่าบอกถึงการนำชิ้นยางเก่ามาพัฒนาใช้ใหม่ว่า. การนำยางเก่ามาขึ้นรูปแม่ พิมพ์ใหม่ ส่วนใหญ่จะใช้กัน 3 รูปแบบ คือใช้วิธีการ อัดเบ้า หรือแบบการกึ่งฉีดหรือวิธีการฉีดขึ้นรูป การอัดเบ้าจะใช้กับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ยาง ที่ไม่มีรูปร่างและโครงสร้างที่ซับซ้อนมากมายนัก โดยใช้เทคนิคการอบยางให้สุกก่อน ส่วน การเตรียมชิ้นงานให้เหมาะสมต้องมีการตัดแต่ง จึงสร้างเครื่องกดตัดชิ้นงานยางขึ้นมา เครื่องกดตัดแยกชิ้นงานยางที่ใช้อุตสาหกรรม จะมีทั้งระบบควบคุมด้วยมือและระบบควบคุมเครื่องอัตโนมัติ ถ้าเป็นระบบอัตโนมัติจะสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว มีความปลอดภัยสูง แต่ว่าราคาแพงตามความไฮเทคของมัน และต้องมีการนำเข้ามาจากต่างประเทศ สำหรับแบบควบคุมด้วยมือแบบธรรมดา ราคาถูกแต่ไม่ปลอดภัย ด้วยความตระหนักในความปลอดภัย สถาบันค้นคว้าและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตทางอุตสาหกรรม มก. จึงได้ออกแบบและพัฒนาเครื่องกดตัดแยกชิ้นงานยางให้มีกลไก เพื่อความปลอดภัยลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุให้กับผู้ปฏิบัติงานในการควบคุมเครื่อง เน้นประสิทธิภาพในการใช้งานกดตัดได้สูง และ เพิ่มระบบควบคุมอัตโนมัติการป้อนยางเข้าเครื่อง ทำให้งานสะดวกขึ้น เครื่องจักรที่สร้างขึ้นมานี้มีศักยภาพเทียมเท่าที่นำเข้าจากต่างประเทศ นับว่า เป็นความก้าวหน้าของนักวิชาการ ที่ช่วยลดปัญหาการนำเข้าและลดความสูญเสียเงินตรา อันเป็นปัจจัยในการลดต้นทุนการผลิต...นั่นคือการสร้างกำไร หากสนใจเครื่องจักรกลที่ผลิตโดยฝีมือคนไทยก็ติดต่อได้ที่ http://pr.ku.ac.th , E-mail:prku@th ทุกเวลา. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 1 พ.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





หุ่นยนต์สองขาเดินคล่องหวังใช้แทนรถเข็น

หุ่นยนต์สองขาเดินคล่องหวังใช้แทนรถเข็น นักศึกษาด้านวิศวกรรมเครื่องจักรกลของญี่ปุ่น คิดค้นหุ่นยนต์บังคับสองขา สามารถสั่งการเคลื่อนไหวได้ตามใจผ่านจอยสติ๊ก ทั้งลงบันไดและเร่งความเร็ว สิ่งประดิษฐ์ชิ้นใหม่ใช้แทนรถเข็น สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า นักศึกษาด้านวิศวกรรมเครื่องจักรกล มหาวิทยาลัยวาเซดะ (Waseda University) ในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับบริษัท Tmsuk พัฒนาหุ่นยนต์เดินสองขาตัวแรกของโลกชื่อว่า “WL-16RIII” ซึ่งสามารถเดินลงบันไดได้อย่างคล่องแคล่ว พร้อมควบคุมทิศทางและความเร็วได้ตามต้องการ สำหรับการใช้งาน ผู้บังคับต้องขึ้นไปนั่งในจุดควบคุมโดยสั่งงานผ่านปุ่มจอยสติ๊ก และเมื่อสาธิตเปรียบเทียบการทำงานของขาหุ่นยนต์พบว่า สามารถเดินลงบันไดได้เป็นอย่างดี โดยหวังว่าจะนำมาใช้แทนรถเข็นผู้ป่วย (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 1 พ.ค. 49 http://www.dailynews.co.th)





สร้างหุ่นไล่กาสมองกลเฝ้าฟาร์มปลา ติดระบบคอมพิวเตอร์ส่งเสียงตวาด

นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเซาท์ฟลอริดาสร้างหุ่นไล่กาไฮเทคล้ำยุค ในสมองมีตัวตรวจจับขั้นสูงและคอมพิวเตอร์ จึงไม่ใช่เพียงแค่สมองบรรจุด้วยฟางแบบในหุ่นไล่กายุคเก่าทั่วๆ ไป ที่ยืนตัวแข็งทื่อ แต่หุ่นไล่กาสมองกลสามารถส่งเสียงไล่พวกนกตัวฉกาจที่เข้ามาขโมยกินปลาในฟาร์มได้ ศาสตราจารย์ เคน คริสเตนเซ็น หัวหน้าทีมวิจัย ได้ออกแบบหุ่นไล่กามีชีวิตคอยส่งเสียงไล่นกที่บินลงมากินข้าวโพดในไร่ และจับปลาในฟาร์มเป็นอาหาร ซึ่งปลาที่จำหน่ายกันในตลาดทุกวันนี้ส่วนใหญ่ได้มาจากฟาร์มเลี้ยงปลาทั้งนั้น เฉพาะในมลรัฐในฟลอริดาก็มีมูลค่า 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้าไปแล้ว ปลาในฟาร์มเปิดจึงมีความเสี่ยงต่อการถูกนกมาขโมยกินปลา หุ่นไล่กาไฮเทคที่นักศึกษาสร้างขึ้นไม่ได้มีไว้เพื่อปกป้องปลาในฟาร์มจากนกที่บินลงมากินเหยื่อเท่านั้น แต่ยังช่วยปกป้องนกเหล่านี้จากมนุษย์ด้วย ซึ่งนกพวกนี้หลายชนิดเป็นสายพันธุ์คุ้มครอง การทำงานของหุ่นไล่กาซึ่งมีชื่อว่า อีรีบัส เริ่มตรวจจับจากการเคลื่อนไหวก่อน จากนั้นจึงจับภาพของสิ่งแวดล้อม แล้วประมวลผลภาพโดยใช้ไมโครคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นกล่องอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้แยกได้ระหว่างนกบุกรุกและสิ่งที่ไม่ได้มาทำอันตรายต่อฟาร์ม เช่น เกษตรกร ในไม่ช้าผู้เลี้ยงปลาอาจต้องเปลี่ยนเครื่องแต่งกายจากสีฟ้าเป็นสีส้ม เพราะอีรีบัสถูกสอนมาให้ไม่ทำอะไรกับวัตถุสีส้ม เวลาไล่นก มันจะส่งเสียงดังเหมือนเสียงปืนที่มีความดัง 120 เดซิเบล หรือไม่ก็ใช้ระบบพ่นน้ำที่ไม่เป็นอันตราย เพียงแต่สร้างความรำคาญให้กับนก อีรีบัสยังสามารถรายงานผ่านอีเมลหรือโทรศัพท์มือถือได้อีกว่ามีการบุกรุกฟาร์มเกิดขึ้น (คมชัดลึก จันทร์ที่ 1 พ.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





แนะเทคนิคง่ายคลายร้อนนอนเย็น

นักวิจัยเครือข่ายของบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม แนะวิธีปฏิบัติตัวอย่างง่ายๆ ไม่เสียเงินเพื่อลดการใช้พลังงาน และช่วยให้ร่างกายสบายตัวสำหรับเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงต่อระหว่างฤดูร้อนกับฤดูฝน ดร.พัฒนะ รักความสุข อาจารย์ประจำสายวิชาเทคโนโลยีวัสดุ คณะพลังงานและวัสดุ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และนักวิจัยเครือข่ายของบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า เหงื่อเป็นกระบวนการระบายความร้อนภายในตัวเรา หากร่างกายไม่สามารถขับเหงื่อออกจากร่างกายได้ เราจะรู้สึกร้อนอบอ้าวไม่สบายตัว ประเทศไทยในช่วงฤดูร้อนมีอุณหภูมิอากาศและความชื้นสัมพัทธ์สูงตามธรรมชาติของประเทศในเขตร้อนชื้น ดังนั้นการสร้างความสบายให้ร่างกายโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศแต่อาศัยกระแสลมให้พัดผ่าน และนำพาความร้อนออกจากร่างกายไปได้ "วิธีการง่ายที่สุดที่จะสัมผัสกับลมเย็นได้ คือการเลือกใส่เสื้อผ้าที่มีความโปร่งสบาย ระบายความร้อนได้ดี ซึ่งอาจจะยังไม่เพียงพอ อีกแนวทางหนึ่งที่สามารถจะทำได้ คือการปรับปรุงสภาพของตัวบ้าน เพื่อเปิดโอกาสให้มีการระบายเข้าออกของลมได้อย่างสะดวก และระบายความร้อนที่สะสมอยู่ในตัวบ้านออกไป เริ่มโดยการสังเกตทิศทางของลม ซึ่งลมที่พัดผ่านในช่วงฤดูกาลนี้เป็นลมที่มาจากทิศใต้ จากนั้นก็เริ่มปฏิบัติการปรับปรุงสภาพแวดล้อมภายในบ้านได้ ดังนี้ 1.เปิดช่องหน้าต่าง หรือช่องประตูด้านทิศใต้ และเปิดหน้าต่างหรือประตูด้านตรงข้าม เพื่อเปิดช่องทางให้ลมสามารถไหลเวียนภายในบ้านได้ จะเป็นการถ่ายเทความร้อนออกไปจากตัวบ้าน และลดความร้อนสะสม 2.ปลูกต้นไม้รอบบริเวณบ้าน ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใหญ่ ไม้พุ่มเตี้ย หรือหญ้าคลุมดิน พืชสีเขียวเหล่านี้เมื่อมีการสังเคราะห์แสงจะมีการคายน้ำซึ่งจะดูดซับความร้อนและระเหยสู่บรรยากาศ ทำให้สามารถลดอุณหภูมิรอบบริเวณบ้านได้ 3. การหาอุปกรณ์บังแดด บริเวณหน้าต่างด้านทิศใต้ ทิศตะวันตก หรือทิศตะวันตกเฉียงใต้ เพื่อบังเงาและไม่ให้แดดสามารถเข้าตัวบ้านได้ หรืออาจทำนั่งร้านปลูกพืชเถ้าไม้เลื้อย ที่จะช่วยเพิ่มความสวยงามและความร่มรื่นให้บ้านได้อีกด้วย "การลดความร้อนสะสมในตัวบ้าน ทำให้ภายในบ้านเย็นขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศ หรืออาจช่วยลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศได้ หากต้องการความเย็นสบายในเวลากลางคืน" ดร.พัฒนะ กล่าว (คมชัดลึก จันทร์ที่ 1 พ.ค. 49 http://www.komchadluek.net)





ผู้ชายมีวิตามินดีต่ำเสี่ยงมะเร็ง

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นักวิจัยของสถาบันมะเร็งในนครนิวยอร์กของสหรัฐ ระบุในวารสารฉบับล่าสุดว่า วิตามินดีสามารถช่วยป้องกันมะเร็งได้ และความเชื่อที่ว่าแสงแดดเป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนัง หรือมีส่วนทำให้เซลล์มะเร็งขยายตัวนั้น คงเป็นจริงเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น นักวิจัยเหล่านี้อ้างผลการวิจัยล่าสุด เกี่ยวกับอัตราความเสี่ยงการเป็นโรคมะเร็ง ในกลุ่มชายที่มีวิตามินดีในระดับต่างๆ พบว่า ชายที่มีระดับวิตามินดีต่ำ จะมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งสูง โดยเฉพาะมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับระบบการย่อยอาหาร อาทิ มะเร็งลำไส้ เป็นต้น ทั้งนี้ นักวิจัยของสถาบันได้ทำการวิจัยเรื่องดังกล่าวระหว่างปี 2529 ถึงปี 2543 โดยเก็บข้อมูลจากชายเกือบ 5 หมื่นคน ที่ได้รับวิตามินดีในระดับต่างๆ เป็นกลุ่มตัวอย่าง ปรากฏว่ามีผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งทั้งหมด 4,286 คน และมีผู้เสียชีวิต 2,025 คน โดยตัวเลขดังกล่าวไม่รวมถึงมะเร็งต่อมลูกหมากและมะเร็งผิวหนัง แต่ที่สำคัญคือ ผลการวิจัยชี้ว่าในจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต ส่วนใหญ่มีวิตามินดีในร่างกายต่ำมาก สำหรับวิตามินดี ซึ่งสามารถรับได้โดยตรงจากแสงแดดนั้น มีคุณสมบัติพิเศษในการเพิ่มประสิทธิภาพ ระงับการแพร่ขยายของเซลล์มะเร็ง นอกเหนือจากประโยชน์ในการรักษาภาวะสมดุลของระดับแคลเซียมในเลือดและในกระดูก (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 1 พ.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





มข.เจ๋ง!สร้างสรรค์วิศวกรรมเกษตร

คิดเครื่องแยก"มอด"ออกจากข้าว รางวัลชนะเลิศ-การันตีที่"แม่โจ้" นายศักย์ศรณ์ รัตอาภา นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ภาควิชาวิศวกรรมเกษตร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า ร่วมกับนายภัคคนันท์ รัตนขจรจิตต์ เพื่อนร่วมชั้นเดียวกัน จัดทำโครงงานการศึกษาและออกแบบเครื่องคัดแยกมอดในข้าวสาร และเมื่อเร็วๆ นี้ ได้ส่งผลงานเข้าประกวดแข่งขันในงาน "การประชุมวิชาการและประกวดโครงงานวิศวกรรมเกษตร ครั้งที่ 12" ประจำปี 2549 ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ ปรากฏว่าผลงานชิ้นนี้ได้รับรางวัลชนะเลิศ ด้านความคิดสร้างสรรค์ นายศักย์ศรณ์เปิดเผยถึงที่มาของโครงงานชิ้นนี้ว่า ในช่วงที่ผ่านมามีโอกาสไปศึกษาดูงานตามโรงสีข้าวต่างๆ พบปัญหาที่เกิดขึ้นกับข้าวที่เก็บในยุ้งฉาง เพราะมอดเข้าไปทำลายคุณภาพของข้าว ทำให้ข้าวเกิดความเสียหาย และผลผลิตที่ได้ตกต่ำไม่ตรงตามเป้า สำหรับหลักการการกำจัดมอดในข้าวสารนั้น ความคิดแรกคือจะทำเป็นระบบสุญญากาศ ให้มอดขาดอากาศหายใจตาย แต่พอไปปรึกษาอาจารย์ภาควิชากีฏวิทยา พบว่าเป็นการยากมากในการทำลายมอดด้วยวิธีนี้ ทำให้ต้องเปลี่ยนแนวความคิดว่า ควรเป็นการแยกมอดออกจากข้าว จากนั้นก็นำมอดไปทำลาย "หลักการทำงานของเครื่องที่ประดิษฐ์ คือใช้การดูดของพัดลม โดยใช้ความแตกต่างของน้ำหนักตัวมอดและข้าว ซึ่งปกติแล้วน้ำหนักของข้าวจะหนักกว่ามอดประมาณ 18 เท่า การทำงานของเครื่องจะให้ทั้งสองอย่างไหลพร้อมกันเป็นแบบขั้นบันได โดยมีช่องพัดลมดูดแยกออกมา ตัวที่เบากว่าจะถูกดูดออกมา ซึ่งตอนนี้อัตราการทำงานจะอยู่ที่ 760 กิโลกรัมต่อชั่วโมง และประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องประมาณ 80.5% คือจากตัวมอด 100 ตัว จะถูกดูดออกไป 80 ตัว ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพดีมากยิ่งขึ้น สามารถติดตั้งไว้ตามสถานที่ทั่วไป" นายศักย์ศรณ์กล่าว นายศักย์ศรณ์กล่าวด้วยว่า งบประมาณที่ทำโครงงานได้มาจากภาควิชา 10,000 บาท แต่ผลงานที่ได้ประสบผลสำเร็จเกินคาด เพราะตอนแรกคาดว่าน่าจะได้ 70% รู้สึกดีใจมาก เราได้ส่งโครงงานนี้ไปประกวด โดยมี รศ.ดร.ธวัชชัย ทิวาวรรณวงศ์ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา มีนักศึกษามหาวิทยาลัยต่างๆ เข้าร่วมแข่งขันทั่วประเทศ (มติชนรายวัน จันทร์ที่ 1 พ.ค. 49 http://www.matichon.co.th)





จีนส่งดาวเทียมเพื่อการวิจัยสู่วงโคจร

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า จีนส่งดาวเทียมเพื่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เข้าสู่วงโคจรแล้ว นับเป็นการส่งยานอวกาศครั้งแรกของประเทศในรอบปีนี้ จรวด "ลอง มาร์ช 4 บี" ของจีนปล่อยดาวเทียมเหยากาน น้ำหนัก 2,700 ก.ก. เข้าสู่วงโคจรตามแผนที่ได้วางไว้ โดยดาวเทียมดวงนี้จะทำหน้าที่สำรวจทรัพยากรภาคพื้นดิน ประเมินผลผลิตทางการเกษตร และการคาดหมายภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งนี้ จีนมักส่งดาวเทียมเพื่อการวิจัยเป็นประจำและมีแผนสำรวจอวกาศเมื่อปีพ.ศ.2546 จีนเป็นประเทศที่สามในโลกที่ประสบผลสำเร็จในการส่งมนุษย์ขึ้นสู่ห้วงอวกาศด้วยเทคโนโลยีของตัวเอง (ข่าวสด จันทร์ที่ 1 พ.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





มาเลเซียส่ง 4 นักบิน ฝึกภารกิจตะลุยอวกาศ

ว่าที่นักบินอวกาศชาวมาเลเซีย 4 คน เดินทางไปยังรัสเซียเพื่อเข้ารับการฝึกและทดสอบ เพื่อคัดเลือกเหลือเพียงหนึ่งเดียวเป็นนักบินอวกาศคนแรกของมาเลเซียที่จะเดินทางไปกับยานอวกาศรัสเซียไปยังสถานีอวกาศนานาชาติในปี 2550 นักบินอวกาศทั้ง 4 คน ซึ่งเป็นชาย 3 คน และหญิง 1 คน ผ่านการคัดเลือกจากทั่วประเทศ เดินทางออกจากมาเลเซียไปยังสำนักงานอวกาศรัสเซีย เพื่อเข้ารับการทดสอบเป็นเวลา 2 สัปดาห์ "ภาษาเป็นอุปสรรคสำคัญในช่วงเวลาของการทดสอบและประเมินผล แต่ทุกคนมั่นใจจะผ่านพ้นสิ่งนี้ไปได้เมื่อได้มาเรียนรู้ภาษารัสเซียที่นี่" เอส วานายาห์ นักบินอวกาศหญิงหนึ่งเดียวในทีมชุดนี้กล่าว ผู้ผ่านการคัดเลือกจะเข้ารับการฝึกเป็นนักบินอวกาศนาน 18 เดือน โดยมีกำหนดการจะขึ้นสู่อวกาศในเดือนตุลาคม 2550 เพื่อไปปฏิบัติภารกิจทางวิทยาศาสตร์บนสถานีอวกาศนานาชาติ ทั้งนี้ รัสเซียเลือกนักบินอวกาศมาเลเซีย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในข้อตกลงที่รัสเซียขายเครื่องบินขับไล่ ซู-30 เอ็มเคเอ็ม 18 เครื่อง มูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์แก่มาเลเซีย (ข่าวสด จันทร์ที่ 1 พ.ค. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ข่าวทั่วไป


แนะใส่ถุงเท้าคับยามนั่งเครื่องบิน ป้องกันเกิดโรคเส้นโลหิตดำอุดตัน

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญบอกแนะนำ ผู้ที่จะต้องนั่งเครื่องบินไอพ่นโดยสารเป็นเวลานานๆหลายชั่วโมง ให้สวมใส่ ถุงเท้าที่ค่อนข้างรัดเอาไว้ จะป้องกันไม่ให้เป็นโรคเส้นโลหิตดำอุดตันได้ถึง 90% ในรายงานผลการศึกษาที่เสนออยู่ในวารสารการแพทย์ “โคเครน ไลแบร์รี่ เจอนัล” ว่า ถุงเท้าที่ค่อนข้างรัดตั้งแต่หัวเข่าลงมา จะช่วยให้ โลหิตเดินสะดวกในขา เป็นการป้องกันไม่ให้ จับตัวเป็นก้อนอุดตันขึ้น. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 24 เม.ย. 49 http://www.thairath.co.th)





มรดกที่กำลังสูญเสีย

ผู้เชี่ยวชาญสภาพแวดล้อมเชื่อกันว่าอนาคตอันใกล้นี้ มรดกโลกหลายแห่งจะสูญหายเหลือเป็นแค่ประวัติศาสตร์ ด้วยเหตุผลความเปลี่ยนแปลงของสภาพชั้นบรรยากาศและฝีมือมนุษย์เอง “คีลิมานจาโร” ยอดเขาสูงสุดแห่งทวีปแอฟริกาในแทนซาเนีย อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 5,896 เมตร คาดว่าภายใน 15 ปี หิมะขาวโพลนที่ปกคลุมยอดเขาตลอดทั้งปีมายาวนาน จะมลายหายสิ้นเพราะสภาพอากาศโลกร้อนขึ้น ถึงขนาดบริษัทนำเที่ยวรีบฉวยโอกาสชูคำขวัญใหม่ “รีบมาชมหิมะสุดท้ายแห่งคีลิมานจาโรกันซะ” มหาวิหารลักซอร์แห่งอียิปต์ แหล่งอารยธรรมโบราณล้ำค่า นอกจากถูกคุกคามจากนักท่องเที่ยวและหัวขโมยวัตถุโบราณแล้ว โครงสร้างยังโดนเกลือกัดกร่อนอันเป็นผลจากการสร้างเขื่อนอัสวานเมื่อกว่า 40 ปีก่อน หลุมฝังศพโบราณนับพันแห่งถูกน้ำท่วม อาณาจักรโบราณ “บาบิลอน” แห่งอิรัก สร้างยุคเมโสโปเตเมีย พร้อมสวนลอยเลื่องชื่อ กำลังผุพังหนัก เพราะสงครามกลางเมือง เมืองโบราณอาณาจักรอินคาแห่งเปรู คลาคล่ำด้วยนักท่องเที่ยวปีละกว่าครึ่งล้าน แต่ตั้งอยู่บนรอยเลื่อนของเปลือกโลก ผนวกกับการพัฒนาพื้นที่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดภาวะดินถล่ม แม้ทางการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวเหลือวันละ 500 คน ปิดบูรณะปีละ 1 เดือน แต่ดูเหมือนสายเกินแก้ สามเหลี่ยมปะการังแห่งอินโดนีเซีย แหล่งชีวิตทางทะเลสมบูรณ์แบบที่สุดของโลก อยู่ในน่านน้ำตะวันออกอินโดนีเซียไปจนถึงปาปัวนิวกินีและบางส่วนของหมู่เกาะโซโลมอน เป็นแหล่งชุมนุมของปลามากกว่า 3,000 สายพันธุ์ ปะการังอีกกว่า 600 สายพันธุ์ แต่ผลจากการทำประมงเกินขอบเขต รวมถึงใช้ระเบิดและวางยาเบื่อปลา ทำให้สัตว์ทะเลหลายชนิดใกล้สูญพันธุ์ ผนวกกับภาวะน้ำทะเลอุ่นขึ้น ยิ่งทำให้สิ่งมีชีวิตสูญพันธุ์ง่ายขึ้นอีก หมู่เกาะสวรรค์ “มัลดีฟส์” อยู่เหนือระดับน้ำทะเลไม่ถึง 1 เมตร ภาวะโลกร้อน ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นกำลังทำให้มัลดีฟส์จม ผลพวงจากคลื่นสึนามิเมื่อปลายปี 2547 ต้องเขียนแผนที่หมู่เกาะขึ้นใหม่ เมืองเวนิส อิตาลี อัตราการทรุดตัวมากกว่า 1 ซม.ต่อ 100 ปี ผลจากการสูบใช้น้ำบาดาลกันมากและระดับน้ำทะเลสูงขึ้น กำลังทำให้เมืองเวนิสจมใต้บาดาลเช่นกัน ปิดท้ายที่กำแพงเมืองจีน ถูกสภาพแวดล้อมกัดกร่อนหนัก แนวกำแพง 2 ใน 3 ส่วนตลอดความยาว 6,352 กม. ถูกทำลายเสียหาย สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลงอีกเมื่อถึงช่วงจีนเป็นเจ้าภาพการแข่งขันโอลิมปิก 2008 (ไทยรัฐ อังคารที่ 25 เม.ย. 49 http://www.thairath.co.th)





กระบวนเรือพยุหยาตราร่วมฉลอง 60 ปีครองราชย์ในหลวง

ประเทศไทยเตรียมโชว์กระบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารคอวดประมุขจาก 28 ประเทศ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในหลวงทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี "สุรเกียรติ์" รุดตรวจความคืบหน้าการซ้อม มั่นใจทุกอย่างจะแล้วเสร็จทันตามกำหนด 25 พฤษภาคม และจัดซ้อมใหญ่วันที่ 2 และ 6 มิถุนายนนี้ ก่อนจัดแสดงจริงในวันที่ 12 มิถุนายน นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวภายหลังล่องเรือตรวจความคืบหน้าการซ้อมกระบวนเรือพระราชพิธีในงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ที่แหล่งรวมเรือวัดราชาธิวาส กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้ว่า จากการหารือกับผู้เกี่ยวข้องถึงเรื่องกระแสน้ำและสภาพอากาศ ในวันที่ 12 มิถุนายน 2549 กระแสน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะไหลทวนน้ำ ถือเป็นเรื่องดี เพราะสามารถควบคุมได้ง่าย แต่อาจส่งผลต่อฝีพายที่ต้องออกแรงมากกว่าเดิม ระยะเวลาจากท่าวาสุกรีถึงบริเวณวัดอรุณราชวราราม ประมาณ 20 นาที และมั่นใจทุกอย่างจะแล้วเสร็จตามกำหนดภายในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ กำหนดการซ้อมรูปกระบวนแบ่งออกเป็น 9 ครั้ง คือวันที่ 25 และ 28 เมษายน เป็นการซ้อมเวลากลางวัน ส่วนการซ้อมเวลากลางคืนจะเริ่มวันที่ 2, 19, 23, 30 พฤษภาคม จะซ้อมเสมือนจริง นายสุรเกียรติ์ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้วันซ้อมใหญ่จะมีขึ้นในวันที่ 2 มิถุนายน และวันที่ 6 มิถุนายน 2549 เป็นการแต่งกายจริง ปฏิบัติทุกอย่างเสมือนจริง โดยมีเรือพระที่นั่ง 4 ลำ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ เรือรูปสัตว์ 12 ลำ และเรือพระราชพิธีอื่นๆ อีก 36 ลำ โดยใช้กำลังพลจากหน่วยกองทัพเรือเป็นฝีพายพระราชพิธีจำนวน 2,082 นาย ส่วนวันที่ 9 มิถุนายน 2549 เป็นการฝึกซ้อมเตรียมพร้อมก่อนวันจริง (คมชัดลึก อังคารที่ 25 เม.ย. 49 http://www.komchadluek.net)





ผลกระทบหายนะ"เชอร์โนบิล" รุนแรงกว่าที่คาด-ก่อมะเร็งทั่วโลก

ผลการศึกษาล่าสุดโดยนายเอียน แฟร์ลี และนายเดวิด ซัมเนอร์ สองนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ระบุว่า พิษภัยจากกัมมันตภาพรังสีที่รั่วไหลมาจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลเมื่อ 20 ปีก่อน อาจเป็นผลพวงให้มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งอีกกว่า 66,000 คนทั่วโลก ต่างจากตัวเลข 4,000 คน ที่ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) และองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ตั้งไว้ก่อนหน้านี้ โดยระบุด้วยว่า ขณะนี้ปัญหาผลกระทบจากนิวเคลียร์ในประเทศเบลารุส ยูเครน และรัสเซีย อยู่ในระดับรุนแรงมาก นายซัมเนอร์ชี้ว่า ยากที่จะระบุตัวเลขที่ชัดเจนของผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งจากการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสี เนื่องจากการสัมผัสกับกัมมันตภาพรังสีเกิดขึ้นต่อเนื่องในระยะยาว และแม้ที่ผ่านมาได้มีการศึกษาในผู้รอดชีวิตจากการได้รับกัมมันตภาพรังสีระดับสูงในระยะสั้นแล้วหลายชิ้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะให้ความกระจ่างถึงผลกระทบจากการได้รับกัมตภาพรังสีระดับต่ำในระยะยาวได้ อุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลระเบิดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2539 แรงระเบิดได้ส่งก๊าซและฝุ่นที่ปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีกระจายไปตามกระแสลม เป็นเหตุให้มีพื้นที่ปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีทั่วทวีปยุโรปกว่า 3.9 ล้านตารางกิโลเมตร ขณะเดียวกันมีการประเมินว่า กัมมันตภาพรังสีที่รั่วไหลจากโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลมีระดับสูงกว่ากัมมันตภาพรังสีจากระเบิดปรมาณูที่ถล่มเมืองฮิโรชิมาและนางาซากิของญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมกันถึง 200 เท่า (ข่าวสด อังคารที่ 25 เม.ย. 49 http://www.matichon.co.th/khaosod)





ม.รามฯนำร่องบริหารนวัตกรรม หวังสร้างคุณภาพบัณฑิตไทยโกอินเตอร์

ดร.ศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฐานะประธานเปิดโครงการ “หลักสูตรบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการนวัตกรรม” เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(สนช.)ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้เปิดหลักสูตรบริหารธุรกิจฯโดยมีเป้าหมายในการสร้างทักษะด้านการจัดการนวัตกรรมของบุคลากรภายในประเทศให้สามารถนำหลักการบริหารจัดการในเชิงธุรกิจ ตลอดจนการบริหารจัดการองค์ความรู้มาประยุกต์ใช้ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ มหาวิทยาลัยได้ทำความร่วมมือกับ สนช.จัดทำหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาการจัดการนวัตกรรม โดยมีวิชาบังคับทั้งหมด 6 วิชา คือ การจัดการการเงิน การจัดการการตลาด การบัญชีสำหรับผู้บริหาร ความรู้ด้านนวัตกรรมสำหรับผู้ประกอบการ วิธีวิจัยทางธุรกิจสำหรับนวัตกรรม และการจัดการนวัตกรรม และยังมีวิชาเลือกอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกหลายวิชา ซึ่งนักศึกษาสามารถเลือกลงได้ตามความสนใจ และในหลักสูตรดังกล่าวจะจัดให้มีการศึกษาดูงานด้านนวัตกรรมในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ในระดับนานาชาติอีกด้วย โดยจะเริ่มรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ถึง วันที่ 18 มิถุนายน 2549 นี้ ด้านนายศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวยการ สนช.กล่าวว่า ที่ผ่านมา สนช.ได้ร่วมกับสถาบันการศึกษา 11 แห่ง และองค์กรชั้นนำ 9 แห่ง พัฒนาหลักสูตรการจัดการนวัตกรรมสำหรับผู้บริหาร เพื่อผลิตบุคลากรด้านนวัตกรรม และส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรม รวมถึงเป็นการรองรับแนวทางการบริหารจัดการสมัยใหม่ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทยและผู้บริหารธุจกิจไทยมีความพร้อมและมีการปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์ในการบริหารธุรกิจที่สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยโครงการดังกล่าวได้รับการตอบรับจากภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก (สยามรัฐรายวัน พุธที่ 26 เม.ย. 49 http://www.siamrath.co.th)





"ปานามา"ขุดคลองข้ามมหาสมุทรแห่งใหม่

เมื่อวันที่ 24 เมษายน ประธานาธิบดีมาร์ติน ทอร์ริโฮส ของปานามาเปิดเผย โครงการขุดคลองปานามาแห่งที่ 2 ซึ่งกว้างกว่า ยาวกว่า และลึกกว่า คลองปานามาแห่งแรกที่ขุดเสร็จเมื่อปี 2457 และใช้การมาจนถึงทุกวันนี้ ทั้งนี้เพื่อรับมือกับการสัญจรของเรือขนสินค้าและเรือบรรทุกน้ำมันสมัยใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยมีกำหนดขุดเสร็จภายในปี 2557 ใช้งบประมาณขุดราว 5,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (210,000 ล้านบาท) โดยคลองแห่งที่ 2 มีความยาว 1,400 ฟุตและกว้าง 180 ฟุตหรือยาวขึ้น 40% และกว้างขึ้น 64% เมื่อเทียบกับขนาดคลองปานามาปัจจุบัน โครงการขุดครองแห่งใหม่จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ต่อด้วยการเปิดทางให้มีการลงประชามติจากชาวปานามา ซึ่งผลการสำรวจครั้งหลังสุดพบว่า ชาวปานามาส่วนใหญ่เห็นชอบกับโครงการขุดครองใหม่ของประธานาธิบดีทอร์ริโฮส ขณะที่ การขุดคลองแห่งที่ 2 เป็นเป้าหมายแรกของทอร์ริโฮสนับตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศเมื่อปี 2547 สำหรับคลองปานามาปัจจุบันที่เชื่อมมหาสมุทรแปซิฟิก และแอตแลนติกเป็นคลองที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกเนื่องจากเป็นคลองที่ทำให้ระยะทางเดินเรือสั้นลง โดยที่เรือไม่ต้องอ้อมทวีปอเมริกาใต้ ทั้งนี้ นายแฟร์ดินอง เดอ เลเซป เป็นสถาปนิกชาวฝรั่งเศสที่ขุดคลองสุเอซ และเริ่มโครงการขุดคลองปานานาเมื่อปี 2423 แต่ขุดไม่เสร็จ เนื่องจากมีคนงานเสียชีวิตถึง 25,000 คนจากโรคมาลาเรียและไข้เหลือง โดยโครงการถูกยุบไปหลังจากเริ่มงานมาได้ 9 ปี ต่อมาประธานาธิบดีทีโอดอร์ รูสเวลต์ของสหรัฐ ได้ซื้อโครงการไปเมื่อปี 2447 และขุดเสร็จภายใน 10 ปี และสหรัฐคืนคลองให้รัฐบาลปานามาเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2542 ปัจจุบัน มีเรือขนส่งผ่านคลองปานามาถึง 38-40 ลำต่อวัน และรัฐบาลได้เก็บค่าผ่านและค่าบริการอื่นๆ รวมมูลค่า 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากเรือ 13,000 ลำที่ผ่านคลองปานามาเมื่อปี 2548 (มติชนรายวัน พุธที่ 26 เม.ย. 49 http://www.matichon.co.th)





มหัศจรรย์หนึ่งเดียวในโลก‘ใบไม้สีทอง’ของดีนราธิวาส

ข้อมูลของอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดีระบุไว้ว่า อุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในพื้นที่ อำเภอบาเจาะ อำเภอรือเสาะ อำเภอยี่งอ อำเภอเจาะไอร้อง อำเภอระแงะ อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส อำเภอรามัน จังหวัดยะลา และอำเภอกะพ้อ จังหวัดปัตตานี มีสภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร มีพันธุ์ไม้ที่มีค่านานาชนิด โดยเฉพาะปาล์มบังสูรย์และ ใบไม้สีทอง มีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง สำหรับใบไม้สีทอง หรือ ย่านดาโอ๊ะ หรืออีกชื่อหนึ่งว่า เถาใบสีทอง เป็นไม้เถาเลื้อยขนาดใหญ่ มีลักษณะเด่นตรงที่มีใบสีทอง และผิวใบนุ่มเนียนราวกับกำมะหยี่ รูปร่างคล้ายกับใบกาหลงหรือชงโค แต่ขนาดใหญ่กว่า มีขอบหยักเข้าทั้งโคนใบและปลายใบ คล้ายใบรูปไข่สองใบเชื่อมติดกัน พบเห็นได้ทั่วไปในผืนป่าบูโด และบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติ การเก็บ ต้องเริ่มจากการเก็บใบไม้สดมา แล้วมาทำให้แห้งตามธรรมชาติ ด้วยการใส่ลงในถุงคอยจนแห้ง ซึ่งต้องใช้เวลานานถึง 4-5 เดือน และนำมาอัดรีดให้เรียบ โดยต้องใช้เวลานานถึง 3 เดือน ก่อนที่จะนำมาใส่ ซองบรรจุภัณฑ์ หรือนำมาใส่กรอบรูป ขายเป็นของแต่งบ้าน หลายคนที่ซื้อเพราะเห็นว่าเป็นใบไม้มงคล โดยเฉพาะในช่วงใกล้เทศกาลตรุษจีน จะขายใบไม้สีทองได้จำนวนมาก ใบไม้สีทองเป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิต ภัณฑ์-OTOP ของตำบลบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ผู้ต้องการได้ใบไม้สีทองที่เป็นสินค้าโอทอป ของ ต.บาเจาะ จ.นราธิวาส ตอนนี้ โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ มีโครงการ “เพื่อนช่วยเพื่อน” จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมกันบริจาคเพื่อสนับสนุนกิจการภายในของ โรงพยาบาล สอบถามรายละเอียดได้ที่ 0-2234-7592, 0-1634-9922 หรือ www.forfriend.org. (เดลินิวส์ พุธที่ 24 เม.ย. 49 http://www.dailynews.co.th)





มก.สร้างแคปซูลเวลาเก็บข้อมูลให้รุ่นหลังได้ศึกษา

รศ.ดร.วิโรจ อิ่มพิทักษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) เปิดเผยว่า ในโอกาสที่มหาวิทยาลัยก้าวสู่ทศวรรษที่ 7 และเป็นปีที่ 63 ใน พ.ศ. 2549 สิ่งที่เป็นความภูมิใจของชาว มก.ตลอดมาคือ การเป็นสถาบันการศึกษาด้านการเกษตรระดับอุดมศึกษาแห่งแรกของประเทศไทย ดังนั้น จึงได้จัดสร้างสถานที่เก็บรวบรวมประวัติ ข้อมูล พัฒนาการของมหาวิทยาลัย รวมถึงแผนงานและแนวคิดในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลด้านการเกษตรที่มีประวัติและพัฒนาการมายาวนาน ในลักษณะแบบอย่างของสากล ที่เรียกว่า Time Capsule หรือ แคปซูลเวลา เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาค้นคว้าและร่วมภาคภูมิใจ รวมถึงเป็นข้อมูลพื้นฐานในการบริหารและวางแผนการพัฒนามหาวิทยาลัยให้ก้าวหน้าอย่างมีทิศทางที่ชัดเจนต่อไป ทั้งนี้ แคปซูลเวลา มก. จะได้ขึ้นทะเบียนร่วมเป็นสมาชิกของสมาคมแคปซูลเวลานานาชาติ มีชื่อเรียกว่า International Time Capsule Society (ITCS) ที่ Oglethorpe University เมือง Atlanta ประเทศสหรัฐอเมริกา นับเป็นแคปซูลเวลาของสถาบันการศึกษาของรัฐแห่งแรกของประเทศไทย ที่จะทำให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลก ได้รับทราบข้อมูล ผลงาน นวัตกรรม ของ มก.ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและเกิดความเป็นนิรันดร์ สำหรับแคปซูลเวลา มก.จะมีลักษณะเป็นถังทรงกระบอก ทำด้วยสเตนเลส สตีล ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 ฟุต สูง 4 ฟุต จำนวน 2 ชุด ภายในบรรจุเอกสาร สิ่งพิมพ์และสิ่งของ 7 ประเภท และได้กำหนดเปิดแคปซูลเวลา มก.จำนวน 2 ครั้ง หลังบรรจุลงไปในพื้นดิน ครั้งที่ 1 วันที่ 2 ก.พ.2585 ในโอกาสครบรอบการสถาปนา 99 ปี และครั้งที่ 2 วันที่ 2 ก.พ.2685 ในโอกาสครบรอบการสถาปนา 199 ปี (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 27 เม.ย. 49 http://www.thairath.co.th)





งานวิสาขบูชาโลกจัดใหญ่-สาธยายธรรม 24 ชม.

คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ในโอกาสที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมวิสาขบูชาโลก ระหว่างวันที่ 7-10 พ.ค. 2549 ประกอบกับเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี วธ.จึงได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล จัดทำพระไตรปิฎกคอมพิวเตอร์ ฉบับนานาชาติ ทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อพระราชทานให้กับสมเด็จพระสังฆราชและผู้นำศาสนาชาวพุทธที่มาเข้าร่วมการประชุม กว่า 45 ประเทศ ในวันที่ 9 พ.ค. ณ สำนักงานสหประชาชาติประจำประเทศไทย ทั้งนี้การจัดทำพระไตรปิฎกคอมพิวเตอร์ ได้บรรจุหลักธรรมตามคำสอนของพระสัมมาสัมมาพุทธเจ้า จำนวน 194 เล่ม มีการแปลเป็นภาษาต่างๆ ถึง 8 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย อังกฤษ เทวนาครี สิงหล พม่า เขมร ลาว และ ล้านนา สามารถเข้าไปศึกษาได้ที่ www.budsir.org อีกด้านที่มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) วัดบวรนิเวศวิหาร มีการแถลงข่าวการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชาโลก ประจำปี 2549 โดยพระราชปัญญามุนี เลขาธิการสำนักงานบริหารการศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง จะมีการจัดกิจกรรม สวดมนต์สรภัญญะ การเล่านิทาน จินตลีลา และนิทรรศการครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน และจะมีการสาธยายธรรม 7 วัน 7 คืน ตลอด 24 ชม. เป็นครั้งแรกของประเทศไทย ด้านนายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) กล่าวว่า จากที่ ศน.คัดเลือกผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาจำนวน 170 ราย จะได้เข้ารับพระราชทานเสาเสมาธรรมจักร จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขณะเดียวกันทาง ศน. จะถวายเสาเสมาธรรมจักรทองคำ เนื่องในมงคลวโรกาสที่สมเด็จพระเทพฯ ทรงเจริญพระชนมายุครบ 50 พรรษา โดยสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาปริณายก ได้ประทานนามของเสาเสมาธรรมจักรนี้ว่า สิรินธราภิวัฒนฑีฆายุตตมมงคล ซึ่งจะทูลเกล้าฯถวายในวันที่ 8 พ.ค. โดยสมเด็จพระเทพฯจะเสด็จเป็นองค์ประธานด้วย. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 1 พ.ค. 49 http://www.thairath.co.th)





เชิญท้าวมหาพรหมประดิษฐานใน 10 วัน

ที่สำนักช่างสิบหมู่ (โรงหล่อพระ)ถนนพุทธมณฑลสาย 5 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เวลา 08.30 น.วันที่ 1 พ.ค. นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรีและรักษาราชการแทน รมว.วัฒนธรรม พร้อมคณะได้เดินทางมาตรวจความคืบหน้าการบูรณะและประกอบพิธีบวงสรวงปิดทององค์ท้าวมหาพรหม ตามที่รัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง นายสุรเกียรติ์ ให้สัมภาษณ์ว่า เบื้องต้นได้คุยกับผู้อำนวยการช่างสิบหมู่คงใช้เวลาไม่เกิน 10 วัน หลังจากการปิดทองเสร็จเรียบร้อยก็จะสามารถอัญเชิญองค์ท้าวมหาพรหมกลับไปประดิษฐาน ณ ศาลหน้าโรงแรมเอราวัณได้ โดยในวันดังกล่าวจะจัดพิธีแห่อัญเชิญด้วยรถที่ประดับประดาอย่างสวยงามไปตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ ก่อนประดิษฐาน เช่น ศาลหลักเมือง วัดพระแก้วและโบสถ์พราหมณ์ เสาชิงช้า และหลังพิธีอัญเชิญประดิษฐานเรียบร้อยแล้วจะจัดพิธีสมโภชเลย ซึ่งต้องขอชื่นชมช่างสิบหมู่ ที่สามารถดำเนินการบูรณะได้รวดเร็วกว่าที่กำหนด นายสุรเกียรติ์ กล่าวอีกว่า สำหรับองค์ท้าวมหาพรหมที่มีการหล่อเป็นนวโลหะเพื่ออัญเชิญไปประดิษฐาน ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาตินั้น หลังพิธีสมโภชองค์ท้าวมหาพรหมที่ศาลหน้าโรงแรมเอราวัณไปแล้วประมาณ 10 วัน จะมีพิธีเททอง ซึ่งเป็นช่วงที่สำนักช่างสิบหมู่มีความพร้อมพอดี หลังจากนั้นสักระยะจะมีพิธีสมโภชและอัญเชิญไปประดิษฐานเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ.( เดลินิวส์ อังคารที่ 2 พ.ค. 49 http://www.dailynews.co.th/)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215