หัวข้อข่าวปีที่ 7 ฉบับที่ 19 ประจำวันที่ 2006-05-08

ข่าวการศึกษา

ยันไม่เปิดให้นร.ตรวจดูกระดาษคำตอบแล้ว
สทศ.นำคะแนนโอเน็ต-เอเน็ตทยอยขึ้นเว็บไซต์คืนนี้
"อ๋อย"เตรียมเปิด 12 ร.ร.นำร่อง สอนระบบสองภาษาไทย-มลายูถิ่น
กศน.นำร่องคูปองการศึกษา
สร้างโปรแกรมพูดเป็นภาษามือ

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

ดูดไขมันระบายออกจากพุงสดๆ เพาะกระดูกอ่อนซ่อมแซมหัวเข่า
มจธ.คิดเครื่องกระตุ้นความจำกันสมองเสื่อม

ข่าววิจัย/พัฒนา

'ปรมาณู'พัฒนาชุดตรวจโคตั้งท้องหลังผสมเทียม
'บางมด'พัฒนาเทคนิคบำบัดน้ำทิ้ง
นักเคมีสร้างแบบจำลองเม็ดเลือด 3 มิติ
'เอ็นเอชเค'หนุนพัฒนาเส้นใยพืชผสมชิ้นส่วนรถยนต์
เอกชนต่อยอดงานวิจัยผลิตเสื้อไร้กลิ่น
ปูนซิเมนต์เปิดตัวเม็ดพลาสติกทนแรงดันสูง

ข่าวทั่วไป

ชายไทย3.5ล้านคนป่วยโรคอีดี
ชาวพุทธยกย่อง ‘ในหลวง’ ต้นแบบกษัตริย์โลก
ลดภาษี10%หนุนผลิตรถNGV ฝันขายทั่วโลก-เบนซ์ส้มหล่น





ข่าวการศึกษา


ยันไม่เปิดให้นร.ตรวจดูกระดาษคำตอบแล้ว

นักเรียนที่ยังข้องใจคะแนนโอเน็ตและเอเน็ต และได้ไปยื่นคำร้องขอตรวจสอบคะแนนที่ชั้น 35 อาคารพญาไท พลาซ่า สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ยังมีจำนวนมาก นายประทีป จันทร์คง รักษาการผู้อำนวยการ สทศ.แจ้งว่า จะรับคำร้องไว้ และจะไม่ให้นักเรียนตรวจดูกระดาษคำตอบแล้ว เพราะได้ปิดตั้งแต่ 7 พฤษภาคม 2549 ประกอบกับขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งเคลียร์ปัญหาให้กับนักเรียนที่มีปัญหาของคะแนนมากกว่าขอตรวจดูคะแนนสำหรับนักเรียนที่ติดใจคะแนนจะให้ดูในภายหลัง และสามารถดูคะแนนที่ปรับใหม่แล้วจำนวนประมาณ 10,000 รายการทางเว็บไซต์ www.ntthailand.com และ www.cuas.or.th ส่วนนักเรียนที่สมัครคณะแพทยศาสตร์ 9 สถาบันไว้ใน วันนี้ยังมีบางส่วนที่ไม่ได้รับการพิจารณาคัดเลือกมาขอตรวจดูคะแนน ซึ่ง สทศ.ได้ติดประกาศแจ้งว่า สทศ.จะขึ้นเว็บไซต์ วิธีคิดคะแนนและจะเปิดให้ผู้ที่มีคะแนนเกินขั้นต่ำของผู้รับเข้าไปยื่นคำร้องพร้อมหลักฐานคะแนนปรับใหม่ ตั้งแต่วันที่ 8 - 29 พ.ค.ที่ตึกอดุลยเดช คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 8 พฤษภาคม 2549 http://www.bangkokbiznews.com





สทศ.นำคะแนนโอเน็ต-เอเน็ตทยอยขึ้นเว็บไซต์คืนนี้

นายประทีป จันทร์คง รักษาการ ผู้อำนวยการสำนักงานทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2549 นักเรียนที่ยังต้องการตรวจกระดาษคะแนนคำตอบโอเน็ต-เอเน็ต เพื่อความมั่นใจจะต้องมาติดต่อที่ สทศ. หรือประสานงานกันเว็บไซต์ของ สทศ. เท่านั้น ทั้งนี้ คงจะไม่แก้ไขคะแนนอีกแล้ว แต่จะเป็นการดูเพื่อความมั่นใจเท่านั้น เพื่อนักเรียนจะได้นำคะแนนไปสมัครแอดมิชชั่นส์ สำหรับคะแนนอัตนัยภาษาอังกฤษที่ส่วนใหญ่ได้คะแนน 0 แต่เมื่อมีการร้องขอตรวจคะแนน ส่วนมากจะได้คะแนนเพิ่ม 1 หรือ 2 คะแนนเท่านั้น เนื่องจากผู้ตรวจข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษเป็นผู้มีความรู้ และได้ตรวจข้อสอบอย่างดีแล้ว ดังนั้น คะแนนจึงไม่เปลี่ยนแปลงมาก และในคืนนี้ผลคะแนนจะทยอยขึ้นเว็บไซต์ (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 8 พฤษภาคม 2548 http://www.bangkokbiznews.com





"อ๋อย"เตรียมเปิด 12 ร.ร.นำร่อง สอนระบบสองภาษาไทย-มลายูถิ่น

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการพัฒนาการเรียนรู้ระบบสองภาษาแบบประยุกต์ (ไทย-มลายู) ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2549 ศธ.ได้คัดเลือกโรงเรียนนำร่อง 12 โรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อดำเนินการสอนระบบสองภาษาไทย-มลายูในระดับก่อนประถมศึกษาจะทำให้เกิดความเชื่อมโยงในการเรียนต่อในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ทั้งนี้ หลังจากที่นำร่องในโรงเรียน 12 แห่งนี้แล้วก็จะขยายไปยังโรงเรียนอื่นที่มีความสนใจให้สอนสองภาษาไทยตามกระแสตอบรับของประชาชนในพื้นที่ต่อไป สำหรับแนวทางการดำเนินการจัดรูปแบบจัดการเรียนการสอนสองภาษาไทย-มลายูที่รับฟังความคิดเห็นจากผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา ผู้ทรงคุณวุฒิ ฯลฯ มีแนวทางดังนี้ 1.การสร้างความเข้มแข็งการเรียนรู้ภาษาไทยจะเน้นระดับก่อนประถมศึกษาและเชื่อมต่อชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เน้นการฟัง พูดภาษามลายูถิ่นและภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร เรียนรู้ภาษาไทยเริ่มต้นภาษามลายู 2.การสร้างความเชื่อมโยงระหว่างภาษามลายูและภาษาไทย โดยจะจัดเวลาในกลุ่มสาระสังคมศึกษาเพิ่มเติม 1-2 ชั่วโมง ใช้เนื้อหาของอิสลามศึกษาเป็นหลักในการเรียนรู้ เป็นต้น 3.การพัฒนาบุคลากรโรงเรียนกลุ่มเป้าหมาย และ4.จัดทำพจนานุกรมภาษาไทย-มลายู เพื่อให้ครูได้เรียนรู้และใช้ภาษามลายูที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าการสอนสองภาษาจะช่วยให้นักเรียนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ใช้ภาษาไทยได้ดีขึ้นและจะช่วยให้ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาดีขึ้นด้วย ทั้งจะทำให้นักเรียนเรียนต่อในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงและระดับอุดมศึกษาเพิ่มขึ้นเช่นกัน (ข่าวสด จันทร์ที่ 8 พฤษภาคม 2548 http://www.matichon.co.th/khaosod





กศน.นำร่องคูปองการศึกษา

นายวิรัตน์ มะลิสุวรรณ ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดยะลา (ศนจ.ยะลา) เปิดเผยว่า ศนจ.ยะลา ได้รับการพิจารณาคัดเลือกจากสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน ให้เป็น 1 ใน 10 จังหวัดนำร่อง โครงการทดลองคูปองส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2549 โดยร่วมมือกับภาคีเครือข่ายเน้นจัดในพื้นที่นำร่อง 8 ตำบล ใน 8 อำเภอ ของจังหวัดยะลาก่อน ในระยะแรก จะจัดเฉพาะการศึกษาขั้นพื้นฐานระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย ส่วนกิจกรรมอื่นๆ จะขยายผลต่อไป (บ้านเมืองออนไลน์ จันทร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.2549 http://www.banmuang.co.th)





สร้างโปรแกรมพูดเป็นภาษามือ

น.ส.ศิฬาณี นุชิตประสิทธิ์ชัย นักศึกษาจากภาควิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ คณะเทคโนโล ยีสารสนเทศสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เปิดเผยถึงการสร้างโปรแกรมเพื่อคน หูหนวก ว่า เป็นผลงานที่แปลงเสียงพูดให้เป็นภาษามือเพื่อการติดต่อสื่อสารกับผู้บกพร่องทางการได้ยิน( A voice-to-sing- Language Program for communication with the Deafs) โดยมีอาจารย์สมชาย ปราการเจริญ และ อาจารย์ไชยันต์ สุวรรณชีวะศิริ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ซึ่งผลงานนี้ได้รับรางวัลจากกลุ่มประดิษฐ์ทางด้าน software รางวัลชมเชยจากการประกวดราง วัลนวัตกรรมเทคโนโลยี ประจำปี 2548 โดยเป็นการนำเอา software ที่มีใช้ในปัจจุบันมาประยุกต์ ใช้ วัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นโปรแกรมแปลเสียงพูดในการติดต่อสื่อสารเบื้องต้นระหว่างคนปกติที่ไม่มี ความรู้ในเรื่องภาษามือได้โดยเสียงผ่านโปรแกรมกลายเป็นภาพ 3 มิติ สำหรับคำศัพท์ที่ใช้ในชีวิต ประจำวันเป็นจำนวน 100 คำ กับผู้บกพร่องทางการได้ยิน (แนวหน้า จันทร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 http://www.naewna.com)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


ดูดไขมันระบายออกจากพุงสดๆ เพาะกระดูกอ่อนซ่อมแซมหัวเข่า

นักวิทยาศาสตร์แห่งเมืองน้ำชา ได้ พบหนทางนำเอาไขมันที่สะสมอยู่ตรงพุง นำไปให้ก่อตัวขึ้นทำเป็นกระดูกอ่อน และใช้ซ่อมแซมหัวเข่าที่เสื่อมเสียลงได้ ข่าวของหนังสือพิมพ์รายวันฉบับใหญ่ อังกฤษแจ้งว่า พวกเขาได้พบโปรตีนชนิดหนึ่ง ช่วยแปลงเซลล์ต้นกำเนิดที่มีอยู่ในไขมันเหล่านี้ให้กลายเป็นเนื้อเยื่อที่มีลักษณะเหมือน กับกระดูกอ่อนขึ้นได้ ซึ่งความสำเร็จในเรื่องนี้สร้างความหวังว่า อาจจะรักษาคนไข้ข้ออักเสบ โดยการดูดไขมันที่พุงเพื่อนำออกมาใช้สร้างเซลล์ใหม่ แล้วฉีดเข้าไปซ่อมแซมข้อต่อต่างๆที่เสียหายได้. (ไทยรัฐ จันทร์ ที่ 8 พฤษภาคม 2549 http://www.thairath.co.th)





มจธ.คิดเครื่องกระตุ้นความจำกันสมองเสื่อม

เด็กสถาปัตย์ออกแบบเครื่องป้องกันโรคความจำเสื่อมในผู้สูงอายุ กระตุ้นสมองให้ออกกำลังทุกวัน ช่วยฝึกเซลล์สมองให้จดจำ คิดและประมวลผลอย่างต่อเนื่อง นางสาวภารดี อินทรีวรวงศ์ นักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมและการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ออกแบบและสร้างอุปกรณ์ลดความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อม หลังจากสำรวจพบผู้สูงอายุกว่าครึ่งหนึ่งเป็นโรคความจำเสื่อม เหตุจากขาดการกระตุ้นทางสมองอย่างถูกต้อง ประกอบกับผลิตภัณฑ์ที่จะเข้ามาช่วยในส่วนนี้ยังมีอยู่น้อย ด้วยเหตุนี้ จึงสนใจคิดค้นและออกแบบเครื่องช่วยลดความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อม สำหรับผู้ที่อายุ 45 ปีขึ้นไป ซึ่งมีลักษณะเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทำงานเน้นหลักการกระตุ้นสมองให้จดจำ เรียนรู้และบันทึกข้อมูล จากนั้นเรียกกลับมาใช้ใหม่ผ่านทางรูปภาพสัญลักษณ์กระตุ้นความทรงจำ ร่วมกับการดำเนินกิจวัตรประจำวัน ผลงานชิ้นนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ จอภาพสื่อสารแบบสัมผัส ซึ่งทำหน้าที่คล้ายคอมพิวเตอร์พกพา ภายในบรรจุโปรแกรมช่วยเตือนความทรงจำ ที่บรรจุข้อมูลกิจกรรมที่ต้องทำในแต่ละวัน โดยผู้ใช้จะต้องใส่ข้อมูลและกำหนดรูปแบบด้วยตนเอง ส่วนนี้จะช่วยกระตุ้นสมองให้คิดและจัดการกับภารกิจประจำวันอย่างมีระบบ สำหรับส่วนที่ 2 คือ อุปกรณ์กล้องถ่ายภาพขนาดพกพาสะดวก ทำหน้าที่บันทึกภาพภารกิจในแต่ละช่วงเวลาของวันเก็บไว้ และเมื่อนำอุปกรณ์ดังกล่าวมาเชื่อมต่อกับจอภาพสื่อสาร ภาพถ่ายทั้งหมดก็จะถ่ายโอนมายังจอภาพสื่อสาร เพื่อให้ผู้ใช้ได้ฝึกสมองด้วยการจัดเรียงลำดับภาพตามกิจกรรมที่ทำในแต่ละวันให้ถูกต้อง ซึ่งเป็นการทบทวนความทรงจำในแต่ละวันได้ด้วย ทั้งนี้ โปรแกรมที่ออกแบบมีลักษณะคล้ายเกมที่ช่วยกระตุ้นความคิด โดยใช้ภาพและสัญลักษณ์ง่ายๆ ที่ผู้ใช้สามารถกำหนดได้ด้วยตัวเอง และเหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่ต้องการเรียนรู้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนจนเกินไป (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2549http://www.bangkokbiznews.com)





ข่าววิจัย/พัฒนา


'ปรมาณู'พัฒนาชุดตรวจโคตั้งท้องหลังผสมเทียม

นักวิจัยสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติพัฒนาเทคนิคใหม่ตรวจการตั้งท้องในแม่โคจากน้ำนม เผยประยุกต์ใช้ประเทคนิครังสีวัดระดับฮอร์โมนในน้ำนม ทั้งยังบอกถึงช่วงเวลาเหมาะสมสำหรับการผสมเทียมรอบใหม่ ระบุความคืบหน้าสำเร็จในระดับห้องปฏิบัติการ พร้อมเดินหน้าวิจัยชุดทดสอบการตั้งท้องโคอย่างง่ายสำหรับเกษตรกร ชูจุดเด่นราคาถูก รู้ผลเร็ว นางสาวอุษา กัลลประวิทย์ นักวิจัยโครงการผลิตไอโซโทป สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) เปิดเผยว่า ทีมวิจัยได้ศึกษาและพัฒนาเทคนิคใหม่ ที่ใช้ในการวัดระดับโปรเจสเตอโรนในน้ำนมโค เพื่อดูช่วงเวลาเหมาะสมที่สุดสำหรับการผสมเทียม รวมถึงเทคนิคในการตรวจการตั้งท้องของแม่โค ภายหลังจากการผสมเทียมเพียง 20 วัน เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการผสมเทียม โดยทราบผลได้รวดเร็ว ทั้งยังลดต้นทุนการวิเคราะห์ผลด้วย สำหรับชุดทดสอบที่ได้พัฒนาขึ้นนั้น ใช้วิธีการตรวจวิเคราะห์ด้วยการจุ่มแผ่นพลาสติกขนาดเล็ก ที่เคลือบด้วยแอนติบอดีลงในน้ำนมโค เพื่อวัดระดับโปรเจสเตอโรนของวัว แล้วจุ่มลงในสารละลายเจือจางและน้ำยาเพิ่มสี เพื่อสังเกตการเปลี่ยนแปลงของสีบนแผ่นพลาสติกเมื่อเทียบกับแทบสีมาตรฐาน โดยใช้เวลาประมาณ 5-15 นาที ซึ่งวิธีนี้เกษตรกรสามารถตรวจสอบได้เอง และลดขั้นตอนของการวิเคราะห์ไปได้มาก อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ผลด้วยชุดทดสอบอาจยังไม่แม่นยำเท่ากับการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ ในเบื้องต้นอาจต้องตรวจสอบแบบ 2 เทคนิคไปพร้อมๆ กันเพื่อยืนยันผล แต่หลังจากคณะวิจัยได้แอนติบอดีตัวใหม่แล้วเชื่อว่าจะให้ผลการทดสอบระดับโปรเจสเตอโรนที่แม่นยำยิ่งขึ้น อาจจะใช้เวลาอีก 2-3 เดือน เพื่อทดสอบยืนยันผล โดยจะวิจัยร่วมกับศูนย์วิจัยผสมเทียม จังหวัดราชบุรี “ชุดทดสอบที่พัฒนาขึ้นนี้ สามารถช่วยลดต้นทุนการวิเคราะห์ของเกษตรกรลงได้กว่า 50% จากเดิมที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการตรวจ 120-150 บาท/ตัวอย่าง ให้เหลือเพียง 50 บาท ซึ่งการตรวจวิเคราะห์ระดับโปรเจสเตอโรนจากน้ำนมนี้ เป็นการประยุกต์ใช้รังสีเทคนิควิเคราะห์กับงานด้านปศุสัตว์ ซึ่งทำขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก และในอนาคตเชื่อว่าจะส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ด้วย” (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 10 พฤษภาคม 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





'บางมด'พัฒนาเทคนิคบำบัดน้ำทิ้ง

ทีมวิจัยมจธ.ประสบความสำเร็จพัฒนาระบบบำบัดคุณภาพสูง รองรับน้ำเสียปนเปื้อนสีและโลหะหนัก ระบุพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้อุตสาหกรรม รศ.ดร.ไพทิพย์ ธีรเวชญาณ ภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ร่วมกับทีมงานในสถาบันพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสีย เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมที่มีสีหรือโลหะหนักปนเปื้อน และเป็นผลงานวิจัยล่าสุดที่ได้รับอนุสิทธิบัตรในนามมหาวิทยาลัยเมื่อประมาณกลางปี 2548 เทคนิคกำจัดน้ำเสียดังกล่าว ทางมหาวิทยาลัยมีความมุ่งหมายที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีให้อุตสาหกรรมเป้าหมาย อย่างเช่น โรงพิมพ์ทั้งโรงพิมพ์ออฟเซ็ต โรงพิมพ์เฟลกโซกราฟี โรงพิมพ์สกรีนที่ใช้หมึกพิมพ์ฐานน้ำ โรงงานผลิตสีโปสเตอร์หรือสีน้ำ โรงงานหมึกปั๊มตรายาง โรงงานสิ่งทอ โรงงานพิมพ์ผ้า โรงงานชุบโลหะ อุตสาหกรรมหม้อน้ำและรังผึ้งหม้อน้ำ อุตสาหกรรมผลิตทอง น้ำเสียจากอุตสาหกรรมเหล่านี้ จะมีโลหะปนเปื้อนปริมาณมาก จึงจำเป็นต้องหาวิธีการบำบัดน้ำเสียให้ได้คุณภาพระดับหนึ่ง ก่อนปล่อยทิ้งลงท่อระบายน้ำเพื่อรักษาสภาพแวดล้อม (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





นักเคมีสร้างแบบจำลองเม็ดเลือด 3 มิติ

นักเคมี ม.มหิดล ศึกษาโครงสร้างและการทำงานแบบ 3 มิติ ของเม็ดเลือดแดงลูกผสม โดยใช้เทคโนโลยีแสงซินโครตรอนช่วยย่นระยะเวลาทำงานวิจัย รศ.ดร.พลังพล คงเสรี นักเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยถึงงานวิจัยเพื่อศึกษาโครงสร้างและการทำงานของฮีโมโกลบินลูกผสมที่มีความเกี่ยวข้องกับโรคธาลัสซีเมียชนิดอีด้วยแสงซินโครตรอน ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในงานวิจัยชั้นสูง โดยการทำงานดังกล่าวได้รับการสนับสนุนทุนโดยศูนย์ซินโครตรอนแห่งชาติ และความร่วมมือจาก ศ.นพ.สุทัศน์ ฟูเจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคธาลัสซีเมียจากมหาวิทยาลัยมหิดล (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 8 พฤษภาคม 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





'เอ็นเอชเค'หนุนพัฒนาเส้นใยพืชผสมชิ้นส่วนรถยนต์

บริษัทเอ็นเอซเคจากญี่ปุ่นมอบทุนให้เอ็มเทคพัฒนาเส้นใยธรรมชาติจากพืชท้องถิ่น แทนที่เส้นใยจากการสังเคราะห์ในไทย ผู้ผลิตชิ้นส่วนตกแต่งภายในรถยนต์จากญี่ปุ่น หนุนเอ็มเทค 10 ล้านบาท ทำวิจัยแสวงหาแนวทางการใช้วัสดุธรรมชาติ ทดแทนการใช้เคมีภัณฑ์จากกระบวนการทางปิโตรเคมี อาทิ เส้นใยเสริมแรงคอมโพสิตผสมเยื่อไผ่ พลาสติก/โฟมที่สามารถย่อยสลายได้โดยธรรมชาติ หวังผลด้านการตลาดบนพื้นฐานความได้เปรียบทางเทคโนโลยี ดร.ปริทรรศน์ พันธุบรรยงก์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค/สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า เอ็มเทคร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสม จากวัสดุธรรมชาติ/วัสดุหมุนเวียนในประเทศไทย สำหรับประยุกต์ใช้กับชิ้นส่วนยานยนต์ กับ บริษัท เอ็น เอช เค สปริง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตชิ้นส่วนประเภทตกแต่งภายในรถยนต์ โดย Mr.Yoshinori Omori ประธานกรรมการบริษัท ความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายจะก่อให้เกิดการพัฒนา วิจัย เพื่อยกระดับเทคโนโลยีการผลิตในอุตสาหกรรมรถยนต์ ทั้งยังเป็นการสร้างองค์ความรู้ ทำให้เกิดศักยภาพการแข่งขันบนพื้นฐานความได้เปรียบทางเทคโนโลยีด้วย โดยเป้าหมายหลักของการวิจัย พัฒนาและวิศวกรรม จะเน้นไปที่การแสวงหาแนวทางการใช้วัสดุธรรมชาติ ทดแทนการใช้เคมีภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการทางปิโตรเคมี รวมทั้งการนำวัสดุใช้แล้วมารีไซเคิลหรือใช้ซ้ำ และการใช้วัสดุธรรมชาติมาเป็นส่วนผสมในชิ้นส่วนรถยนต์ในปริมาณมากขึ้น ขณะเดียวกันยังเป็นการสร้างเสริมองค์ความรู้เชิงลึกด้านวัสดุศาสตร์ และส่งเสริมการรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 8 พฤษภาคม 2548 http://www.bangkokbiznews.com





เอกชนต่อยอดงานวิจัยผลิตเสื้อไร้กลิ่น

นายพิชัย อุตมาภินันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูไนเต็ด เท็กซ์ไทล์ มิลล์ จำกัด เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับสถาบันวิจัยโลหะและวัสดุ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดทำ "เสื้อไร้แบคทีเรีย" จากงานวิจัยเสื้อซิลเวอร์นาโนเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัย โดยผลิตเป็นเสื้อโปโลสีเหลืองทำจากผ้าฝ้าย ปักตราสัญลักษณ์ครองราชย์ 60 ปีเพื่อร่วมเฉลิมฉลองอีกด้วย และบริษัทมีแผนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 2 พฤษภาคม นี้ ที่เซ็นทรัล ชิดลม นวัตกรรมเสื้อซิลเวอร์นาโนเทคโนโลยีนี้ เป็นผลงานวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยถือเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมสิ่งทอ ที่มีการนำเทคโนโลยีซิลเวอร์นาโนมาใช้ในการผลิต รวมทั้งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้อุตสาหกรรมสิ่งทอ และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลกด้วย "อนุภาคของซิลเวอร์นาโนจะไปยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ช่วยระงับกลิ่นเหงื่อ และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองบนผิวหนัง จึงเหมาะกับประเทศเขตร้อนที่เกิดเหงื่อสะสมบนร่างกาย และเสื้อผ้า ซึ่งเป็นสาเหตุของเชื้อโรคต่างๆ" นายพิชัย กล่าวและว่า อนุภาคของซิลเวอร์นาโนยังซึมซับน้ำได้เป็นพิเศษ ทำให้ซับเหงื่อได้ดีไม่ระคายเคืองต่อผิวหนัง ด้านนางสาวกนกวรรณ แสงเกียรติยุทธิ์ นักวิจัยจากสถาบันวิจัยโลหะและวัสดุ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า งานวิจัยที่พัฒนาขึ้นนั้น เป็นกระบวนการใหม่ที่สามารถสร้างอนุภาคเงินขนาดนาโนเมตร และทำให้เกิดการแทรกซึมอยู่ในเส้นใยผ้าได้ภายในขั้นตอนเดียว จึงมีประสิทธิภาพในการยับยั้ง แบคทีเรียได้มากกว่า 99% แม้จะผ่านการซักไปแล้วอย่างน้อย 30 ครั้ง ทั้งนี้ ซิลเวอร์นาโนหรือโลหะเงิน เป็นสารยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพสูง และปลอดภัยต่อการใช้งาน สามารถทำลายเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้หลายชนิด โดยเฉพาะ แบคทีเรีย เชื้อรา ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นอับ จุดด่างดำ การเปื่อยขาดง่ายของเส้นใย เป็นต้น เมื่อซิลเวอร์สัมผัสกับแบคทีเรีย จะทำปฏิกิริยากับเยื่อหุ้มเซลล์ และซึมทะลุเข้าไปขัดขวางกระบวนการทำงานของสารพันธุกรรมภายในเซลล์ ส่งผลให้โครงสร้างของเชื้อจุลินทรีย์ถูกทำลายในที่สุด ในส่วนข้อกังวลของผลข้างเคียงจากผลิตภัณฑ์ เช่น แพ้ ระคายเคือง ทีมวิจัยได้ทดสอบกับอาสาสมัครที่ร่างกายปกติ พบว่าผลิตภัณฑ์นาโนซิลเวอร์ในสิ่งทอปลอดภัยและไม่ปรากฏผลข้างเคียง (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





ปูนซิเมนต์เปิดตัวเม็ดพลาสติกทนแรงดันสูง

นักวิจัยในเครือซิเมนต์ไทย พัฒนาเม็ดพลาสติกทนแรงดันสูง สำหรับผลิตท่อส่งน้ำและก๊าซธรรมชาติได้ในระดับอุตสาหกรรม เป็นรายแรกในไทย นักวิจัยในเครือซิเมนต์ไทย พัฒนาต่อยอดเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ทำเม็ดพลาสติกทนแรงดันสูงพีอี 100 สำหรับผลิตท่อส่งน้ำและก๊าซธรรมชาติได้ในระดับอุตสาหกรรม ไม่ผุกร่อน ประหยัดงบซ่อมบำรุง ไม่เกิดสนิมทำให้ปลอดภัยต่อผู้บริโภค หวังทดแทนเม็ดพลาสติกนำเข้าที่ต้นทุนขยับสูงตามราคาน้ำมันโลก นายอรรถวุฒิ คุ้มครอง ผู้จัดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท ซีซีซี ค้าเคมีภัณฑ์ จำกัด ธุรกิจในเครือซิเมนต์ไทย เปิดเผยว่า ทีมงานประสบความสำเร็จจากการพัฒนาเม็ดพลาสติกโพลิเอททีลีน (พีอี) 100 ทั้งในส่วนของสูตรเคมีและเทคโนโลยีผลิต โดยประยุกต์การสร้างองค์ความรู้ใหม่ จากการใช้ Product Transition จากสินค้าเกรดหนึ่ง (พีอี 80) ไปอีกเกรดหนึ่ง (พีอี 100) และถือเป็นผู้ผลิตรายแรกที่คิดค้นและผลิตได้ในระดับอุตสาหกรรม เม็ดพลาสติกพีอี 100 เหมาะใช้ในอุตสาหกรรมผลิตท่อรับแรงดัน ได้แก่ ท่อน้ำแรงดันสูงของระบบชลประทานหรือการประปา ท่อก๊าซธรรมชาติรวมถึงท่อร้อยสายไฟและท่อน้ำทิ้ง ปัจจุบันวัสดุที่ใช้ผลิตท่อลักษณะนี้จะเป็นเหล็ก ซีเมนต์ พลาสติกพีวีซี แต่ก็มีบ้างไม่มากที่ทำจากพลาสติกพีอี ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษกว่าวัสดุอย่างอื่น โดยท่อพีอี 100 มีความยืดหยุ่นสูงจึงลดรอยต่อของท่อ ไม่แตกร้าวง่าย ไม่เกิดการผุกร่อนจึงรั่วยาก ไม่เกิดสนิมทำให้ปลอดภัยต่อการบริโภค ทนทานต่อสารเคมีและจุลินทรีย์กัดกร่อนได้ในระดับหนึ่ง เมื่อนำไปใช้งานแล้วจึงประหยัดงบประมาณซ่อมบำรุง ลดต้นทุนในการติดตั้ง มีอายุใช้งานยาวนานถึง 100 ปี (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 http://www.bangkokbiznews.com





ข่าวทั่วไป


ชายไทย3.5ล้านคนป่วยโรคอีดี

ภญ.ศิริวรรณ ฉันทรัตนรักษา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไฟเซอร์ เปิดเผยว่า อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายไทยอายุ 40 ปีขึ้นไปนั้น มีประมาณ 4 ใน 10 คน หรือประมาณ 3.5 ล้านคน ทั้งนี้ จากการศึกษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ เมื่อปี 2541 พบว่า อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายมี 4 ระดับ ได้แก่ เกรด 1 หมายถึง การที่อวัยวะเพศตื่นตัวและขยายขนาดขึ้นแต่ไม่แข็ง เกรด 2 หมายถึง การที่อวัยวะเพศแข็งตัว แต่ไม่เพียงพอที่จะสอดใส่เมื่อมีเพศสัมพันธ์ เกรด 3 หมายถึง อวัยวะเพศแข็งตัวไม่เต็มที่ แต่เพียงพอจะสอดใส่ได้ และเกรด 4 หมายถึง อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้อย่างมีความสุขทั้งสองฝ่ายภญ.ศิริวรรณกล่าวว่า สำหรับเกรด 1-3 สามารถบำบัดได้ แต่ผู้ชายมักจะอับอายทั้งที่การพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาในการพัฒนาหรือปรับปรุงสมรรถภาพทางเพศ เพื่อความสุขของชีวิตคู่ อย่างไรก็ตาม ทางเลือกในการรักษาอาการอีดีนั้นมีหลายวิธี วิธีที่นิยมกันมากที่สุดคือ การใช้ยาชนิดรับประทาน ร้อยละ 93 การใช้เครื่องสุญญากาศ ร้อยละ 5 การฉีดยา ร้อยละ 1 ส่วนน้อยนิยมใช้การผ่าตัด และว่า ในปี 2548 มูลค่าตลาดยารักษาอาการอีดีชนิดรับประทานในไทยประมาณ 282.2 ล้านบาท (มติชน พุธที่ 10 พฤษภาคม 2549 http://www.matichon.co.th)





ชาวพุทธยกย่อง ‘ในหลวง’ ต้นแบบกษัตริย์โลก

ศูนย์ประชุมองค์การสหประชาชาติ มีการประชุมชาวพุทธนานาชาติ เนื่องในงานวันวิสาขบูชาโลก ประจำปี 2549 เป็นวันที่ 2 โดยนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมว่า รัฐบาลไทยต้องการเห็นคำสอนของพระพุทธศาสนา ถูกส่งต่อไปยังเด็กและเยาวชนชาวพุทธเพื่อให้คำสอนของพระพุทธศาสนาให้เด็กได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน จากนั้นนายคิม ฮักสุ เลขาธิการบริหารองค์การสหประชาชาติ สำนักงานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้อ่านสารของนายโคฟี อันนัน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ว่า อุดมการณ์ของการเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชา คล้ายคลึงกับอุดมการณ์ของยูเอ็น คือ สร้างความเข้าใจระหว่างประชาชน มุ่งความสามัคคี และส่งเสริมสันติภาพ ส่วนนายไคชิโร มาตสุอุรา เลขาธิการองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก กล่าวสุนทรพจน์ว่า อยากใช้โอกาสนี้เฉลิมฉลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครองสิริราชสมบัติ 60 ปี ซึ่งตั้งแต่พระองค์ขึ้นครองราชย์ทรงสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นบนความหลากหลายเชื้อชาติศาสนาในประเทศ พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) กล่าวว่า การประชุมในวันที่ 2 ได้รับความสนใจจากทั้งพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เข้าร่วมประชุมกว่า 2,500 คนที่ประชุมได้มีการพูดถึงนโยบายของยูเอ็น ที่มุ่งเน้นการพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ โดยการพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมกับยกตัวอย่างของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์มีโครงการในพระราชดำริกว่า 3,000 โครงการ เพื่อให้เป็นต้นแบบของการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมทั้งยกย่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้เป็นต้นแบบของพระมหากษัตริย์ที่ประสบความสำเร็จในโลกปัจจุบัน. (ไทยรัฐ พุธที่ 10 พฤษภาคม 2549 http://www.thairath.co.th





ลดภาษี10%หนุนผลิตรถNGV ฝันขายทั่วโลก-เบนซ์ส้มหล่น

ในที่สุดมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลเพื่อลดผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ด้วยการสนันสนุนพลังงานทางเลือก และผลักดันให้ประชาชนหันมาใช้ก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) ซึ่งมีราคาต่ำกว่าราคาน้ำมันถึง 3 เท่าตัว กำลังชัดเจนมากขึ้น โดยล่าสุดกระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงานเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตหน้าโรงงาน สำหรับรถยนต์ที่ผลิตในประเทศและสามารถใช้เชื้อเพลิงประเภทก๊าซธรรมชาติได้ตามรายการที่ 3 หมวดการจัดเก็บภาษีว่าด้วยรถยนต์นั่ง หรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ประเภทใช้เชื้อเพลิงทดแทนที่มีความจุของกระบอกสูบไม่เกิน 3000 CC และมีคุณลักษณะตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนด ในข้อ (3.2) รถยนต์ที่สามารถใช้เชื้อเพลิงประเภทก๊าซธรรมชาติได้ จากอัตราที่จัดเก็บในปัจจุบันร้อยละ 30 ให้จัดเก็บเพียงร้อยละ 20 (ประชาชาติธุรกิจ พุธที่ 10 พฤษภาคม 2549 http://www.matichon.co.th/prachachart)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215