|
หัวข้อข่าวปีที่ 7 ฉบับที่ 29 ประจำวันที่ 2006-07-17
ข่าวการศึกษา
มข.ชี้โอเน็ต-เอเน็ตวุ่น เหตุ'สทศ.'ปรับโปรแกรมตรวจข้อสอบ เฟ้นหาเด็กไทยก้าวสู่การเป็นมาร์เก็ตติ้งมืออาชีพ เด็กไทยเก่ง ชนะ 'ที่ 1 โลก' โอลิมปิกชีวะ
เล็งออกกฎรับ ม.1 ไม่เกิน 45 คน/ห้อง "จาตุรนต์" ไฟเขียวให้ ร.ร.ดังจัดสอบ100% จี้อ๋อยแจงปัญหาแอดฯ อัดสพฐ.ไม่ยอมรับผลโอเน็ต เด็กไทยสร้างชื่อกระฉ่อน! มันสมองเป็นเลิศทางวิชาการ "ภาวิช"เผยไม่มีการเลื่อนกำหนดสอบโอเน็ต การผสมผสานองค์ความรู้สู่ชีวิตจริง "องค์หริ"คว้าเกียรตินิยมคณะจิตรกรรมฯ เปิดโปง ร.ร.แพทย์ 'เถื่อน' หลักสูตรไม่ผ่าน จี้คุมหลักสูตรรั้วอุดมหวั่นฉุดคุณภาพ นศ.เบี้ยวหนี้เงินกยศ.3 หมื่นราย เปิดช่องเจรจา 9 จุดก่อนยื่นฟ้องช่วงส.ค. เงินกู้กรอ.ส่อเค้าวุ่น แนะ 3 ฝ่ายจับเข่าคุย ม.ฟาร์อีสเทิร์นใจป้ำ แจกทองคำ1สลึง นศ.แต่งกายดีเด่น "ทักษิณ"ปลื้มประชุมอธิการบดีโลก น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
แขนกลไฮเทค มจธ.พัฒนาเพื่อคนพิการ สหรัฐเอื้อเฟื้อกล้องโทรทรรศน์หนุนครู-เยาวชนไทยรู้ดาราศาสตร์ฟิสิกส์ เครื่องแรกของโลก i-Square ซอฟต์แวร์บริหารบุคคลครบวงจร จุลชีพแปรธาตุละอองดินเป็นทองพบหลักฐานใน เหมืองออสเตรเลีย
ข่าววิจัย/พัฒนา
เปิดตัว 18 เมธีส่งเสริมนวัตกรรมปี 49 กระทรวงวิทย์เปิดโรงเรียน "สบู่ดำ" นำร่องสอนที่ ม.เกษตรฯ วิทยาเขตกำแพงแสน สาวอ้วนแต่วัยรุ่นเสี่ยงอายุไม่ยืด ยิ่งมั่วเหล้ายาอยู่ได้ไม่เกิน 60 ปี ฟังเพลงดังวันละ1ชม.ถึงหูพัง เครื่องสมัยใหม่ทำให้การฟังเสีย ประดิษฐ์ลูกตา 'ไบโอนิก' ออกสู่ตลาด ช่วยคนจอประสาทตาเสื่อมกลับเห็น ห้ามซื้อยาบำรุงกามตามเน็ต อาจทำปฏิกิริยากับยากินถึงตายได้ คนขายาวก้าวห่างไกลโรคหัวใจหลอดโลหิตไม่มี คราบจับอยู่หนา 'อะนอเร็กเซีย' - โรคกลัวอ้วน วิศวกรออกแบบบ้านกันแผ่นดินไหว ติดโช้คอัพใต้บ้านช่วยกระจายแรงสั่นสะเทือน นร.เชียงใหม่ทำแบบจำลองน้ำท่วม คิดกล่องสมองกลประหยัดแอร์ คำนวณเวลาเปิดปิดคอมเพรสเซอร์
ข่าวทั่วไป
เผยสถิติยื่นถวายฎีกาเพิ่มกระฉูด นอนน้อยเสี่ยงเบาหวานโรคหัวใจ ถวายการผ่าตัดในหลวง ด้วยกล้องรักษา"พระปิฐิกัณฐกัฐิ" ธุรกิจพลังงานทดแทนไฟฟ้าเอสเอ็มอีจากแดด-ลมก็มีลุ้น! วัดอย่างไร-บ่งชี้อะไร? 'ดัชนีความสุข' 'ใคร' เป็น 'ตัวถ่วง' ชูธงฤกษ์มหามงคล 5ธ.ค.2550 ไทยพอเพียงยั่งยืน เผยคนไทยมีปัญหาทางจิต12ล้าน เครียดจัดเกือบ4ล้านคน
ข่าวการศึกษา
มข.ชี้โอเน็ต-เอเน็ตวุ่น เหตุ'สทศ.'ปรับโปรแกรมตรวจข้อสอบ
นายสุมนต์ สกลไชย อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวปรากฏตามสื่อมวลชนต่าง ๆ เรื่องโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตรวจข้อสอบโอเน็ต-เอเน็ต ที่มีปัญหานั้น ขณะนี้ได้ข้อยุติแล้ว
เนื่องจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นตั้งขึ้น ได้ตรวจสอบโปรแกรมแล้วพบว่าเป็นไปตามข้อตกลงระหว่าง มข.กับผู้ว่าจ้าง ทุกประการ และนายประทีป จันคง ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ได้ทำหนังสือตอบกลับมายังมหาวิทยาลัยขอนแก่นแล้ว โดยระบุว่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้สร้างขึ้น เป็นไปตามข้อตกลงทุกประการ และมีประสิทธิภาพใช้งานได้ดี
"สทศ.ยอมรับว่า ตอนที่นำโปรแกรมไปใช้งานได้มีการปรับเปลี่ยนระบบให้เหมาะกับการใช้งาน แต่ไม่คาดการณ์ว่าจะมีปัญหาใหญ่ตามมา ดังนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงเกิดจากกระบวนการในการนำไปใช้งาน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับตัวโปรแกรม และขณะนี้ ทาง สทศ. ก็แจ้งมาแล้วว่าจะจ่ายเงินค่าจ้างทั้งหมดตามจำนวนที่ระบุไว้ในการลงนามร่วมกัน ยกเว้นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำวิจัย ซึ่งทาง สทศ.แจ้งว่าจะทำเอง ดังนั้น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ตรวจข้อสอบโอเน็ต-เอเน็ต ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น จึงไม่มีปัญหาในแง่ของตัวโปรแกรม และความผิดพลาดก็ไม่ได้เกิดจากตัวโปรแกรมแต่อย่างใด"
(กรุงเทพธุรกิจ วันจันทร์ที่ 17 ก.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)
เฟ้นหาเด็กไทยก้าวสู่การเป็นมาร์เก็ตติ้งมืออาชีพ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยสถาบันพัฒนาความรู้ตลาดทุน (TSI) บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) - AYS และนิตยสารBrandAge ได้ร่วมกันจัดโครงการAWARD YOUNG SECURITIES MARKETING 2006STUDENT CONTEST ขึ้นเพื่อเฟ้นหานักศึกษาที่มีแววด้านการเป็นเจ้าหน้าที่การตลาดมืออาชีพซึ่งนักศึกษาที่เข้าร่วมแข่งขันจะมีโอกาสได้รับการอบรมการเป็นเจ้าหน้าที่การตลาดอย่างสมบูรณ์และที่สำคัญจะได้ทดลองซื้อขายหลักทรัพย์จริง อันจะเป็นประสบการณ์ที่ดีต่อการทำงานในอนาคต
ด้าน ม.ร.ว.ศศิพฤนท์จันทรทัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AYS ในฐานะผู้ริเริ่มโครงการนี้กล่าวว่า นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการนี้จะได้เข้ารับการอบรมการเป็นเจ้าหน้าที่การตลาดอย่างสมบูรณ์ผ่านหลักสูตรต่างๆที่เข้มข้น และยังจะได้ทดลองซื้อขายจริง ซึ่งจะเป็นการพัฒนาทักษะ ความรู้และเสริมสร้างประสบการณ์เพื่อเตรียมความพร้อมในการทำงานในอนาคต
(กรุงเทพธุรกิจ วันจันทร์ที่ 17 ก.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)
เด็กไทยเก่ง ชนะ 'ที่ 1 โลก' โอลิมปิกชีวะ
เด็กไทยแสดงศักยภาพบนเวทีโลกได้สำเร็จอีกครั้ง ด้วยการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกวิชาการทุกสาขา โดยผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายสุรินทร์ พงศ์ศุภสมิทธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เปิดเผยว่า ตามที่ประเทศไทยได้จัดส่งเยาวชนเป็นผู้แทนประเทศไทยไปแข่งขันชีววิทยาโอลิมปิกระหว่างประเทศ ประจำปี 2549 ที่เมืองริโอคาร์โต ประเทศอาร์เจนตินา ระหว่างวันที่ 9-16 ก.ค. ที่ผ่านมา ปรากฏว่าผู้แทนประเทศไทยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศด้วยการคว้าเหรียญรางวัลได้ถึง 3 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน และที่น่ายินดีคือสามารถพิชิตคะแนนเหรียญทองได้สูงเป็นอันดับที่ 1 ของโลกอีกด้วย โดยผู้แทนประเทศไทยที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในครั้งนี้ ประกอบด้วย นายชนติ จันทรโชติชัชวาล โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กทม. เหรียญทอง อันดับ 1 ของโลก นายสิขริณญ์ อุปะละ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จ.นครปฐม เหรียญทอง นายนพรัตน์ หว่านณรงค์ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จ.นครปฐม เหรียญทอง และนางสาวกนกวรรณ กุลาเลิศ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กทม. เหรียญเงิน
ผอ.สสวท.กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ผู้แทนประเทศไทยที่ไปแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 8-17 ก.ค.ที่ผ่านมา สามารถคว้า 1 เหรียญทอง และ 4 เหรียญเงินอีกด้วย โดยเหรียญทองตกเป็นของนายรณชัย เจริญศรี โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กทม. ส่วนเหรียญเงิน ได้แก่ นายกษิดิศ โตประเสริฐพงศ์ โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ฝ่ายมัธยม) นายชนปทิน ไพบูลย์พลาย้อย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กทม. นายสรวิศ แสงทวีสิน โรงเรียนเซนต์คาเบรียล กทม. นายอำนวย พลสุขเจริญ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จ.นครปฐม และเป็นที่น่ายินดีว่าในการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกวิชาการระหว่างประเทศ ที่เมืองลีอูเบลียนนา ประเทศสโลวีเนีย ระหว่างวันที่ 6-18 ก.ค. เด็กไทยยังสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศด้วยการคว้า 1 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง โดยนายภูมิพงศ์ วัฒนะประกรณ์กุล โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กทม. ได้เหรียญทอง ส่วนเหรียญเงินเป็นของนายภานุพงศ์ ภาสุภัทร โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษากทม. นายธีระเดช กิตติภัสสร โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย (ฝ่ายมัธยม) กทม. และนายธีรวุฒิ วรรณะพาหุณ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กทม. และเหรียญทองแดง เป็นของนายธนวิต แซ่ซือ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กทม. และนางสาวสริตา บุณย์ศุภา โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จ.นครปฐม
(ไทยรัฐ วันจันทร์ที่ 17 ก.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)
เล็งออกกฎรับ ม.1 ไม่เกิน 45 คน/ห้อง "จาตุรนต์" ไฟเขียวให้ ร.ร.ดังจัดสอบ100%
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า จะผลักดันให้มีกฎหมายจำกัดจำนวนนักเรียนต่อห้อง ให้เหมาะสมกับจำนวนครูที่สอน โดยให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ระดมความคิดเห็น ก่อนยกร่างกฎกระทรวงศึกษาธิการเสนอคณะรัฐมนตรีรักษาการ ส่วนตัวเห็นว่าเด็กมัธยมต่อห้องไม่ควรเกิน 40-45 คน แต่ปัจจุบันมีถึง 60-62 คนต่อห้อง ถ้าปล่อยไว้เช่นนี้คุณภาพการศึกษาของชาติจะแย่ และถ้าไม่มีกฎหมายมาควบคุม คนที่รับแรงกดดันและถูกสังคมบีบให้รับเด็กเพิ่มคือผู้บริหารโรงเรียน
ด้านนางพรนิภา ลิมปพยอม เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ในประกาศรับนักเรียนของ สพฐ.กำหนดชัดเจนให้โรงเรียนรับเด็กประถมศึกษา-มัธยม 40 คนต่อห้อง แต่ยังพบโรงเรียนยอดนิยม 400 แห่งทั่วประเทศที่รับเกินที่ สพฐ.กำหนด จากการสำรวจขององค์กรเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) ในปี 2548 พบว่า นักเรียนต่อห้องระดับประถมอยู่ที่ 25.1 คน, มัธยมอยู่ที่ 36.3 คน ค่าเฉลี่ยนี้สูงกว่าญี่ปุ่น 2 คนต่อห้อง แต่ต่ำกว่ามาเลเซียและฟิลิปปินส์ โดยมาเลเซียมีค่าเฉลี่ยระดับประถม 32.9 คนต่อห้อง มัธยม 37.1 คนต่อห้อง และฟิลิปปินส์ระดับประถม 39.7 คนต่อห้อง มัธยม 51.6 คนต่อห้อง
แหล่งข่าวกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมผู้บริหารศธ. นายจาตุรนต์ ได้เปิดประเด็นให้โรงเรียนยอดนิยม เช่น มหิดลฯ, เตรียมอุดมฯ, ร.ร.สาธิต, บดินทร์, ฯลฯ รับเด็กด้วยการจัดสอบ 100% เหมือนในอดีต เพื่อให้โรงเรียนเหล่านี้พัฒนาเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กที่มีความสามารถพิเศษ
(คมชัดลึก อังคารที่ 18 ก.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)
จี้อ๋อยแจงปัญหาแอดฯ อัดสพฐ.ไม่ยอมรับผลโอเน็ต
รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า อยากให้ นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รมว.ศึกษาธิการ ชี้แจงความคืบหน้าของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงปัญหาระบบแอดมิชชั่นส์ ปี 2549 ไม่ใช่ให้เรื่องยุติแค่การลาออกของคณะกรรมการบริหารสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เท่านั้น ประชาชนต้องการรับรู้ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น รวมถึงการเตรียมระบบแอดมิชชั่นส์ปี 2550 ก็ยังไม่ชัดเจน ทั้งองค์ประกอบ การแบ่งหน้าที่ และการประสานงาน รวมถึงมหาวิทยาลัยบางแห่งไม่รับข้อเสนอให้รับตรงไม่เกิน 50% แล้วในที่สุดจะเป็นอย่างไร ซึ่งเวลาที่เหลือก็จวนเจียนเต็มที หวั่นเกิดปัญหาซ้ำรอย
ส่วนที่ผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ออกมาปฏิเสธผลการจัดอันดับ 50 โรงเรียน ที่มีคะแนนเฉลี่ยโอเน็ตสูงสุดของ สทศ. ที่เกือบไม่มีรายชื่อโรงเรียนในสังกัด สพฐ.ติดอันดับนั้น เท่ากับ สพฐ.ไม่ยอมรับความจริงและจะไม่ปรับปรุง ทั้งที่ควรจะใจกว้างยอมรับว่าอาจจะเป็นจริงได้ เพื่อหาทางปรับปรุงต่อไป
(คมชัดลึก อังคารที่ 18 ก.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)
เด็กไทยสร้างชื่อกระฉ่อน! มันสมองเป็นเลิศทางวิชาการ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) และคณะอนุกรรมการอำนวยการได้คัดเลือกและจัดส่งผู้แทนของประเทศไทยไปเข้าร่วมการแข่งขัน คณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์โอลิมปิก ระหว่างประเทศ ประจำปีพุทธศักราช 2548-2549 ซึ่งได้ดำเนินการสอบคัดเลือก นักเรียนเข้าอบรมคัดเลือก ในระหว่างวันที่ 12-31 มีนาคม และระหว่างวันที่ 16-28 เมษายน 2549 จนกระทั่งได้นักเรียนที่มีความรู้ความสามารถ เข้าร่วมแข่งขันคณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศดังนี้
ประเภท เคมีโอลิมปิก ไปแข่งขันระหว่างวันที่ 2-11 กรกฎาคม 2549 ณ เมืองเกียงซาน ประเทศเกาหลีใต้ ปรากฏว่า นักเรียนไทยใช้ความสามารถ คว้าเหรียญรางวัลมาครองได้ 1 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง ประเภท ชีววิทยาโอลิมปิก สร้างชื่อเสียงไม่น้อยหน้า ตัวแทนนักเรียนไทยสามารถ พิชิตรางวัลมาได้ 3 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน ซึ่งมีการแข่งขันระหว่างวันที่ 9-16 กรกฎาคม 2549 ณ เมืองริโอคาร์โต ประเทศอาร์เจนตินา และที่สำคัญในครั้งนี้ผู้เข้าแข่งขันสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยดังกระฉ่อนโลกอีกครั้ง ด้วยการคว้ารางวัลคะแนนเหรียญทองได้เป็นอันดับ 1 ของโลกอีกด้วย การแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิก ระหว่างประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2549 ณ เมืองลีอูเบลียนนา ประเทศสโลวีเนีย ในระหว่างวันที่ 6-18 กรกฎาคม 2549 นักเรียนที่เข้าร่วมแข่งขันกับนานาชาติ สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยไม่น้อยหน้าเช่นกัน คว้ารางวัลมาได้ 1 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง
การแข่งขัน ฟิสิกส์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2549 ณ ประเทศสิงคโปร์ ในระหว่างวันที่ 8-17 กรกฎา คม 2549 นักเรียนไทยสร้างชื่อเสียงให้กับประ เทศได้อีก คว้ารางวัลมาได้ 1 เหรียญทอง 4 เหรียญเงิน การแข่งขัน คอมพิว เตอร์โอลิมปิก ให้ได้ลุ้นกันต่อ ซึ่งมีขึ้นที่เมืองเมอริดา ประเทศเม็กซิโก ระหว่างวันที่ 13-20 สิงหาคม ที่จะถึงนี้
โดยประเทศไทยได้ส่งนักเรียนที่มีความเป็นเลิศทางด้านคอมพิวเตอร์เข้าร่วมแข่งขันชิงชัยในครั้งนี้ 4 คน
ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหรือผู้เกี่ยวข้องกับการส่งเด็กนักเรียนไปเข้าร่วมแข่งขันวัดฝีมือทางด้านวิชาการกับนานาชาติ จนนำไปสู่การสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ จะต้องสานต่อความสามารถของเด็กนำไปสู่การพัฒนาประเทศต่อไป
แต่คงจะไม่ลืมที่จะตกรางวัลงาม ๆ กับเด็กนักเรียนเหล่านี้ เพราะต้องใช้ความรู้ความสามารถ ความเพียรพยายามอดทนอย่างมาก ในการฝึกฝนกว่าจะได้มาซึ่งความสามารถอันยอดเยี่ยม รวมทั้งถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เยาวชนรุ่นน้อง ๆ อีกด้วย.
(เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 20 ก.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)
"ภาวิช"เผยไม่มีการเลื่อนกำหนดสอบโอเน็ต
.(พิเศษ)ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกเพื่อเสนอชื่อคณะกรรมการสรรหาประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันทดสอบทางการศึกษา(สทศ.) เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า เนื่องจากทั้งประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหาร สทศ. ได้ลาออกพร้อมกันทั้งหมด ที่ประชุมจึงเสนอให้ใช้คณะกรรมการการสรรหาประธานและกรรมการผู้ทรง คุณวุฒิเป็นชุดเดียวกัน ซึ่งประกอบด้วย นางพรนิภา ลิมปพยอม เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) นายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) ศ.ดร.เทียนฉาย กีระนันทน์ อดีตอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นางเจือจันทร์ จงสถิตอยู่ ที่ปรึกษา รักษาการ รมว. ศึกษาธิการ (ศธ.) ดร.โสภณ ธนมัย และตน โดยจะมีการเสนอรายชื่อคณะกรรมการการสรรหาฯ ต่อ นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รมว.ศธ. เพื่อแต่งตั้งและคัดเลือกประธานคณะกรรมการการสรรหา ในเร็ว ๆ นี้
ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช กล่าวด้วยว่า สำหรับการกำหนดวันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือ โอเน็ต นั้น ที่ประชุมมีมติให้สอบในวันที่ 24-25 ก.พ. 2550 เหมือนเดิมไม่มีการเลื่อนวันสอบให้เร็วขึ้นแต่อย่างใด ส่วนการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง หรือเอเน็ตนั้น ที่ประชุมมีคำแนะนำว่าควรจัดสอบต่อเนื่องจากการสอบโอเน็ต เพื่อไม่ให้นักเรียนสับสน ส่วนหน่วยงานที่จะจัดสอบเอเน็ตนั้นจากการที่ สกอ. ประชุมร่วมกับ ทปอ. ทาง ทปอ.ต้องการให้ สกอ. เป็นผู้จัดสอบ แต่ตนเห็นว่าควรให้ สทศ.เป็นผู้จัด ดังนั้นเรื่องนี้จะต้องมีการหารือกับ ทปอ.อีกครั้งหนึ่ง
(เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 20 ก.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)
การผสมผสานองค์ความรู้สู่ชีวิตจริง
หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2544 เน้นให้ครูผู้สอนจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ คือ ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตนเองได้ตามความถนัด ความสนใจ และเต็มตามศักยภาพ ให้ผู้เรียนได้มีโอกาสเรียนรู้อย่างหลากหลายสอดคล้องกับสภาพจริง และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพราะในยุคสมัยนี้องค์ความรู้ไม่จำกัดอยู่แค่ในหนังสือเรียนหรือเนื้อหาสาระที่กำหนดไว้ในหลักสูตรเท่านั้น
ปัญหาหนึ่งของการจัดการศึกษาที่เป็นปัญหาเรื้อรังที่ยากต่อการแก้ไขที่หลาย ๆ ประเทศ รวมถึงการศึกษาของบ้านเราประสบพบเจอ นั่นก็คือ การจัดการเรียนรู้แบบแยกส่วน โดยแยกสอนเป็นวิชา ๆ ซึ่งเป็นเหตุให้ผู้เรียนต้องจดจำเนื้อหา และมักจะไม่สามารถเชื่อมโยงสิ่งที่เรียนรู้ระหว่างวิชาต่าง ๆ ได้ ในเรื่องนี้มีนักวิชาการหลายท่านเห็นว่า การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ ซึ่งเป็นการนำเนื้อหาวิชาที่สอดคล้องกันใกล้เคียงกันมาสอนร่วมกัน มุ่งเน้นให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้ ความคิด ทักษะ และประสบการณ์ที่มีความหลากหลายและสัมพันธ์กัน ให้เกิดการรู้ลึก รู้จริง ในสิ่งที่ศึกษา และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ น่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ครูผู้สอนสามารถนำมาใช้ในการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
จากการติดตามประเมินผลการใช้หลักสูตรของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) พบว่า ผู้ใช้หลักสูตรยังขาดความชัดเจนในเรื่องการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ ที่ผ่านมา สพฐ. โดยสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ได้จัดทำเอกสารเรียนรู้...บูรณาการ แนวการจัดทำหน่วยการเรียนรู้แบบบูรณาการ และแนวทางการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ เพื่อเป็นสื่อช่วยให้ผู้ใช้หลักสูตรมีความเข้าใจตรงกัน และเห็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการที่ครอบคลุมทั้งด้านหลักการ แนวคิด และตัวอย่างแนวการจัดการเรียนรู้ที่มีความหลากหลาย ซึ่งครูผู้สอนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
(เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 20 ก.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)
"องค์หริ"คว้าเกียรตินิยมคณะจิตรกรรมฯ
ที่หอศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ ได้มีการแถลงข่าวพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ประจำปีการศึกษา 2548 ของมหาวิทยาลัยศิลปากร โดย รศ.ดร.วิวัฒน์ชัย อัตถากร อธิการบดี กล่าวว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ในวันที่ 29 ก.ค. โดยมีผู้สำเร็จการศึกษาทั้งสิ้น 2,725 คน และในปีนี้ทางสภามหาวิทยาลัยได้ขอพระราชทานทูลเกล้าฯถวายปริญญาศิลปดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาภาพพิมพ์และปริญญาอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาภาษาไทย แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี และปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพ แด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าปลื้มปีติแก่มหาวิทยาลัยและปวงชนชาวไทยที่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ทรงสำเร็จการศึกษาจากคณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์อีกด้วย
รศ.ญาณวิทย์ กุญแจทอง หัวหน้าภาควิชาภาพพิมพ์ คณะจิตรกรรมฯ กล่าวว่า พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ทรงสนพระทัยทรงได้รับผลการศึกษาเกียรตินิยมอันดับ 2 ซึ่งนับเป็นเจ้านายพระองค์แรกที่ทรงสำเร็จการศึกษาด้านศิลปะจากมหาวิทยาลัยในประเทศ ทั้งนี้พระองค์หญิงทรงเป็นที่รักของคณาจารย์และพระสหายทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้อง ทรงมีบุคลิกขี้อาย แต่จะทรงมุ่งมั่นทุ่มเทการทำงานศิลปะเช่นเดียวกับศิลปินอาชีพ และทรงมีจิตนาการที่เป็นส่วนพระองค์ ส่วนผลงานที่ทำจะมีพลังที่แตกต่างจากนักศึกษาทั่วไปและทรงชื่นชอบผลงานชิ้นใหญ่ ๆ
(เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 20 ก.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)
เปิดโปง ร.ร.แพทย์ 'เถื่อน' หลักสูตรไม่ผ่าน
น.พ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา แถลงถึงนโยบายการเปิดโรงเรียนแพทย์แห่งใหม่ว่า ได้ทราบจากคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ว่า มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ได้เปิดรับนักศึกษาแพทย์โดยที่ยังไม่ผ่านการรับรองหลักสูตรจากแพทยสภา ทางแพทยสภาได้เตรียมเชิญอธิการบดี ม.นราธิวาสมาหารือร่วมกัน เพื่อหาทางออกในวันที่ 27 ก.ค.นี้ และว่า ถ้ามหาวิทยาลัยไม่พร้อม ถึงจะสอนนักศึกษาแพทย์จนจบก็ไม่มีสิทธิในการสอบใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ทางออกคืออาจจะต้องยุบหรือโอนถ่ายนักศึกษาไปยังโรงเรียนแพทย์อื่น ซึ่งถือเป็นเรื่องยาก เพราะแต่ละสถาบันก็มีนักศึกษามากจนเต็มความสามารถในการสอนแล้ว หากเพิ่มนักศึกษาแพทย์อีกก็จะทำให้การสอนมีประสิทธิภาพน้อยลงไปอีก
น.พ.สมศักดิ์กล่าวอีกว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดจากที่รัฐบาลต้องการเพิ่มจำนวนแพทย์ และให้งบประมาณสำหรับการตั้งคณะแพทย์แห่งใหม่ในงบประมาณ 2 ล้านบาทต่อนักศึกษา 1 คน ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักศึกษาแพทย์อีกคนละ 3 แสนบาท แต่ มหาวิทยาลัยต้องมีนักศึกษาก่อนจึงจะได้งบประมาณดังกล่าว ทำให้แต่ละมหาวิทยาลัยรีบเปิดคณะแพทย์เพื่อให้ได้รับงบประมาณสนับสนุนทั้งที่ยังไม่มีความพร้อม อย่างคณะแพทยศาสตร์ที่ ม.อุบลราชธานี และ ม. มหาสารคาม ที่ได้รับรองหลักสูตรไปแล้วยังพบว่ามีปัญหา เพราะมีอาจารย์แพทย์ เพียง 2 ท่านเท่านั้นที่จะต้องฝึกหัดแพทย์กว่า 48 คน และไม่มีโรงพยาบาลสำหรับสอน ต้องฝากนักศึกษากับโรงพยาบาลชุมชน ขณะนี้มีสถาบันการศึกษาที่มีแนวโน้มจะเปิดคณะแพทยศาสตร์ในอนาคต แต่ก็ยังไม่เสนอหลักสูตรให้แพทยสภารับรองอีก 3 แห่ง คือ ม.วลัยลักษณ์ ม.เกษตรศาสตร์ และ ม.แม่ฟ้าหลวง ส่วนโรงเรียนแพทย์ใหม่ที่ยื่นหลักสูตรให้แพทยสภารับรองแล้ว แต่ยังอยู่ในการกระบวนการพิจารณาคือ ม.บูรพา
ด้าน น.พ.พินิจ กุลละวณิชย์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า การเปิดโรงเรียนแพทย์โดยไม่มีความพร้อม จะส่งผลกระทบทั้งระบบหากแพทย์จบมาแล้วไม่สามารถทำการรักษาได้จริง นอกจากจะทำให้ แพทย์ทั้งระบบดูไม่น่าเชื่อถือแล้ว ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนด้วย แพทยสภาควรเข้าไปมีบทบาทในเรื่องการตั้งโรงเรียนแพทย์ตั้งแต่เริ่ม ส่วนภาครัฐควรเปลี่ยนเงื่อนไขในการผลิตแพทย์เพิ่ม จากที่จะต้องมีนักศึกษาก่อนถึงให้งบประมาณ มาเป็นการให้งบประมาณก่อน เพราะการตั้งโรงเรียนแพทย์แห่งใหม่ต้องใช้เวลาเพื่อเตรียมการประมาณ 3 ปี.
(ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 20 ก.ค. 2549 http://www.thairath.co.th )
จี้คุมหลักสูตรรั้วอุดมหวั่นฉุดคุณภาพ
ตามที่นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เรียกร้องให้สภามหาวิทยาลัยทำการล้างบางหลักสูตรเก่าของตนเอง และพิจารณาศักยภาพก่อนเปิดสอนนอกพื้นที่ จึงจะเป็นอุดมศึกษาที่ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง ไม่ใช่ธุรกิจการศึกษานั้น ศ. (พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า เป็นคำแนะนำที่ถูกต้องที่สุด ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ขาดแคลนอาจารย์ถึง 20,000 อัตรา ส่วนใหญ่เป็นการขาดแคลนในมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) ดังนั้น มรภ. ต้องปรับการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับอัตรากำลังที่มีอยู่ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ มรภ.บางแห่งจ้างอาจารย์อัตราจ้างวุฒิปริญญาตรี มาสอนนักศึกษาปริญญาตรี ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการศึกษา นอกจากนี้ในส่วนของมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนนอกสถานที่ หลายแห่งมีการดำเนินการในรูปของแฟรนชายด์ โดยให้อำนาจหน้าที่กับหัวหน้า ศูนย์จัดหาอาจารย์ผู้สอนกันเอง เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง การเปิดสอนนอกสถานที่ต้องให้สภามหาวิทยาลัยเป็นผู้ควบคุมคุณภาพและการดำเนินการ
เลขาธิการ กกอ.กล่าวต่อว่า ในอนาคตเมื่อมหาวิทยาลัยเปลี่ยนสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐแล้ว ตามกฎหมายกำหนดให้มีสภาวิชาการ หากสภาวิชาการมีความเข้มแข็งต้องดูแลเรื่องคุณภาพของหลักสูตร การเปิดสอนนอกสถานที่ด้วย และควบคุมเกณฑ์ อาจารย์ประจำหลักสูตร ตนอยากให้มีการทบทวนเกณฑ์ใหม่ แต่คงเป็นเรื่องยาก เพราะประกาศเกณฑ์ออกไปแล้ว และมหาวิทยาลัยก็ต้องการความเป็นอิสระ แต่ ทางออกที่พอจะทำได้คือ อนุกรรมการดูแลมาตรฐานอุดมศึกษา ของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ในสถาบันอุดมศึกษา จะตรวจสอบและให้ ใบรับรองหลักสูตรปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยต่างๆเปิดสอนอยู่ หากได้ มาตรฐานก็จะออกใบรับรองให้ ซึ่ง ศ.ดร.เทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานอนุ กพอ.ก็รับที่จะดำเนินการให้ โดยจะตรวจสอบและให้การรับรองหลักสูตรปริญญาเอกก่อน.
(ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 20 ก.ค. 2549 http://www.thairath.co.th )
นศ.เบี้ยวหนี้เงินกยศ.3 หมื่นราย เปิดช่องเจรจา 9 จุดก่อนยื่นฟ้องช่วงส.ค.
ดร.เปรมประชา ศุภสมุทร ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เปิดเผยว่า เมื่อช่วงต้นปี 2549 ที่ผ่านมา กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. ได้เข้าร่วมกับสำนักงานระงับข้อพิพาท สำนักงานศาลยุติธรรม จัดโครงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้องคดีขึ้น เพื่อให้ผู้กู้ยืมเงินที่ไม่เคยติดต่อชำระหนี้คืนกองทุน ได้มีโอกาสเข้าเจรจาทำสัญญาประนอมยอมความ ซึ่งมีผู้กู้เข้าร่วมโครงการ 1,600 ราย และมีผู้ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีอีกจำนวน 3 หมื่นราย
ทั้งนี้ กยศ.ร่วมกับ 9 จังหวัดทั่วประเทศ คือ อุบลราชธานี เชียงราย พิษณุโลก ลพบุรี สุพรรณบุรี ขอนแก่น จันทบุรี สุราษฎร์ธานี และสงขลา จัดโครงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาก่อนฟ้องคดีอีกครั้งในระหว่างเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน 2549
"โดยในระหว่างวันที่ 22-24 สิงหาคมนี้ จะมีการจัดไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้องที่ศาล จ.อุบลราชธานี ดังนั้น จึงขอเชิญผู้กู้ยืมที่จะถูกฟ้องคดีที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดใกล้เคียง เข้าร่วมการไกล่เกลี่ยเพื่อสิทธิประโยชน์ของผู้กู้เอง ให้ได้มีโอกาสผ่อนชำระหนี้ต่อไปได้อีก 9 ปี หรืออาจได้ลดเบี้ยปรับที่เกิดขึ้น"
(คมชัดลึก ศุกร์ที่ ก.ค.2549 http://www.komchadluek.net)
เงินกู้กรอ.ส่อเค้าวุ่น แนะ 3 ฝ่ายจับเข่าคุย
ผศ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ให้สัมภาษณ์ว่าขณะนี้รายละเอียดเกี่ยวกับกองทุนเงินให้กู้ยืมที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) ขั้นตอนการดำเนินการยุ่งยาก ซับซ้อนมากกว่าหลักการใหญ่ หลักการดีแต่จะล้มเหลวด้วยรายละเอียด คงถึงเวลาแล้วที่ 3 หน่วนงานอย่าง กรรมการปฏิรูปการเงินระบบอุดมศึกษา, ผู้บริหารมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จัดทำเวิร์คช็อปเกี่ยวกับ กรอ. เพื่อพูดคุยและลงลึกในรายละเอียด กรอ.
"ควรพูดรายละเอียดของ กรอ.ให้มากๆ ผู้บริหารส่วนใหญ่มักพูดว่ารายละเอียดไม่ต้องคุย ให้ฝ่ายปฏิบัติทำ แต่โครงการ กรอ.เป็นโครงการนำร่องผู้บริหารต้องลงมารับรู้และลงสู่การปฏิบัติบ้าง ถ้าไม่เข้าใจในรายละเอียดจะเกิดปัญหาตามอีก 2-3 ประการ 1.นิสิตนักศึกษาจะรู้สึกว่า กรอ.ต้องจ่ายคืนมากกว่า กยศ. 2.ผลจากการโหมโฆษณาว่าทุกคนกู้เรียนได้ เด็กจะคิดว่า กรอ.เป็นสวัสดิการจึงแห่กู้ 3.ถ้าใช้วิธีดูแลเด็กด้วยการให้กู้ยืมเงินเรียน เด็กจะเข้าสู่ระบบอุดมศึกษามากขึ้น เงินที่เตรียมไว้จะไม่พอ"
ผศ.เฉลิมชัย กล่าวต่อว่า จุดอันตรายของ กรอ. คือเงินคืนที่ผู้ยืมต้องคืนเงินตามอัตราเงินเฟ้อในแต่ละปี ว่าเมื่อถึงกำหนดต้องคืนเงินในอัตราที่มากกว่าส่วนที่ยืมไป ซึ่งขึ้นอยู่กับอัตราเงินเฟ้อ และในบางปีอาจจะมากกว่าดอกเบี้ยของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ซึ่งกำหนดดอกเบี้ยไว้ 1% รัฐบาลควรจะทบทวนในส่วนของเงินคืนที่ผูกติดกับอัตราเงินเฟ้อซึ่งแพงกว่าดอกเบี้ยของ กยศ.
(คมชัดลึก ศุกร์ที่ ก.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)
ม.ฟาร์อีสเทิร์นใจป้ำ แจกทองคำ1สลึง นศ.แต่งกายดีเด่น
ม.ฟาร์อีสเทิร์น ไอเดียกระฉูด จัดโครงการ "Power of Far" เพื่อให้นักศึกษาแต่งกายถูกระบียบ ระบุให้อาจารย์เป็นผู้ให้คะแนน ทุกเดือนจะมีการจับสลากมอบรางวัล และสิ้นเทอมจะมอบจี้ทองคำหนัก 1 สลึง สำหรับผู้ที่มีคะแนนสูงสุด
(20ก.ค.)นายกิติพงษ์ แดงเสริมศิริ หัวหน้าสำนักกิจกรรมนักศึกษา มหาวิทยาลัยฟาร์อิสเทิร์น จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการแต่งกายของนักศึกษาในปัจจุบันโดยนักศึกษาหญิงนิยมใส่เสื้อตัวเล็ก กระโปรงสั้นและนักศึกษาชายใส่เสื้อลอยชาย สวมกางเกงยีนส์ ทำให้ภาพลักษณ์ของนักศึกษาดูไม่เหมาะสมในสายตาบุคคลทั่วไป
จากปัญหาดังกล่าวทางมหาวิทยาลัยฟาร์อิสเทิร์น จึงได้จัดโครงการรณรงค์การแต่งกายชุดนักศึกษาสุภาพขึ้น โดยใช้ชื่อโครงการว่า "Power of Far " เพื่อให้นักศึกษาตระหนักถึงคุณค่าของชุดนักศึกษา และร่วมกันแต่งกายในชุดนักศึกษาที่เหมาะสม เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเยาวชนในสังคมไทย
นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวจะเป็นการร่วมรณรงค์กันภายในมหาวิทยาลัยโดยจะมีการกำหนดให้อาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่มีจำนวนกว่า 100 คน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้คะแนนกับนักศึกษาที่แต่งกายถูกกฎระเบียบของมหาวิทยาลัย
(คมชัดลึก ศุกร์ที่ ก.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)
"ทักษิณ"ปลื้มประชุมอธิการบดีโลก น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธิเปิดการประชุมอธิการบดีโลก เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ซึ่งมีรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการจาก 12 ประเทศ และอธิการบดีจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วโลก จาก 80 ประเทศเข้าร่วมประชุม
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวเปิดการประชุมว่า หลายปีที่ผ่านมารัฐบาลได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของประเทศและเริ่มปฏิรูปการศึกษาโดยปรับโครงสร้างการเรียนการสอน กระบวนการเรียนรู้ หลักสูตรการเรียนการสอนให้ได้มาตรฐานและคุณภาพ ซึ่งขั้นตอนต่าง ๆ อยู่ระหว่างดำเนินการ การประชุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งตลอดช่วง 60 ปีนี้ พระองค์ได้อุทิศพระองค์เพื่อประชาชนชาวไทยให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ การกระตุ้นการเรียนรู้ตลอดชีวิต การให้ทุนการศึกษา หรือพิมพ์สารานุกรมสำหรับเยาวชน
"การสร้างคุณประโยชน์ด้านการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สะท้อนให้เห็นการพัฒนาที่เน้นประชาชนเป็นส่วนกลาง จนได้รับการยกย่องจากองค์การสหประชาชาติ ได้กราบบังคมทูลถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุด ด้านการพัฒนามนุษย์ขององค์การการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ"
ยิ่งไปกว่านั้นการใช้แนวพระราชดำริด้านการพัฒนาที่กว้างไกลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่สะท้อนผ่านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีเนื้อหายึดหลักการถ่อมตนและความสมดุลในการดำเนินชีวิต ซึ่งปรัชญานี้ไม่เพียงเน้นการพัฒนาความรู้และการศึกษา แต่ยังรวมถึงศีลธรรมที่เป็นรากฐานในระบบการศึกษาด้วย
"รู้สึกยินดีที่หัวข้อปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จะมีการหยิบยกขึ้นมาพูดในที่ประชุมครั้งนี้ด้วย และหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะก่อให้เกิดความคิดและการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ นำมาซึ่งแถลงการณ์ที่จะเป็นนโยบายนำไปสู่การพัฒนาการอุดมศึกษาต่อไป"
(คมชัดลึก ศุกร์ที่ ก.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)
ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
แขนกลไฮเทค มจธ.พัฒนาเพื่อคนพิการ
นายรุจิศักดิ์ เมืองสง นักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมระบบควบคุมและเครื่องมือวัด คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และทีมงานได้ช่วยกันออกแบบและพัฒนาแขนกลหุ่นยนต์จนได้ต้นแบบแขนกล เพื่อนำมาพัฒนาต่อสำหรับใช้แทนแขนจริงสำหรับผู้พิการแขน
แขนกลที่ทีมงานพัฒนาขึ้นนี้เป็นรุ่นที่ 2 มีขนาดเล็กลงกว่ารุ่นแรกที่ใช้มอเตอร์หลายตัว และยังได้นำลวดชนิดพิเศษที่เรียกว่า "โลหะจำรูป" ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศมาใช้งานร่วมด้วย โลหะดังกล่าวมีความสามารถในการเปลี่ยนรูปตัวเองเมื่อได้รับอุณหภูมิความร้อนที่เปลี่ยนแปลง ที่ผ่านมาวัสดุดังกล่าวมาใช้ในงานผลิตขาแว่นตาชนิดพิเศษที่สามารถงอได้ และใช้ในวัสดุทำลวดดัดฟัน เป็นต้น
นายวุฒิชัย พลวิเศษ อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ กล่าวว่า ในอนาคตทีมงานตั้งเป้าที่จะพัฒนาระบบควบคุมแขนหุ่นยนต์ให้สามารถควบคุมด้วยแขน ผ่านเซ็นเซอร์ควบคุมที่กำลังพัฒนา โดยในเบื้องต้นกำลังอยู่ในขั้นตอนการทดลองควบคุมด้วยคำสั่งเสียง เพื่อนำไปแสดงในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์เดือนสิงหาคมนี้ อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ กล่าว
ทีมงานคาดว่าจะใช้เวลาในการพัฒนาอีกประมาณ 5 ปี หรือมากกว่านั้นเพื่อให้แขนกลใช้งานได้จริง พร้อมทั้งร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ หน่วยงานทางไบโอเทคโนโลยี และหน่วยงานทางวัสดุ เพื่อพัฒนาแขนกลให้สามารถใช้งานจริงได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด
(คมชัดลึก อังคารที่ 18 ก.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)
สหรัฐเอื้อเฟื้อกล้องโทรทรรศน์หนุนครู-เยาวชนไทยรู้ดาราศาสตร์ฟิสิกส์
รศ.สุชาตา ชินะจิตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กล่าวว่า โครงการศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์โลกและดาราศาสตร์ หรือ แอลอีเอสเอ ภายใต้การสนับสนุนของ สกว. ได้รับการสนับสนุนทางด้านวิชาการจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน สหรัฐ ให้ใช้ข้อมูลจากระบบกล้องโทรทรรศน์รอทซี ซึ่งติดตั้งไว้ 4 แห่งรอบโลก สำหรับการทำงานวิจัยทางดาราศาสตร์โดยการวิเคราะห์ข้อมูลดิจิทัลด้วยซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ประกอบการคำนวณ
"การลงนามครั้งนี้จะช่วยให้ศูนย์แอลอีเอสเอได้พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ด้านฟิสิกส์ดาราศาสตร์สำหรับเยาวชน เช่น ฟิสิกส์ดาราศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับดาวแปรแสง ซูเปอร์โนวา (ดาวระเบิด) กาแล็คซี ฯลฯ "
นาวาอากาศเอก ฐากูร เกิดแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์แอลอีเอสเอ กล่าวว่ากล้องโทรทรรศน์รอทซี เป็นโครงการกล้องโทรทรรศน์อัตโนมัติสำหรับการค้นหาปรากฏการณ์ระยะเวลาสั้นในช่วงคลื่นที่ตามองเห็นได้ โดยใช้เครือข่ายกล้องโทรทรรศน์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5 เมตร ที่ติดตั้งไว้รอบโลก 4 แห่ง ได้แก่ หอดูดาวในสหรัฐ ออสเตรเลีย ตุรกี และ นามิเบีย จึงทำให้สามารถศึกษาปรากฏการณ์บนท้องฟ้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง
(คมชัดลึก อังคารที่ 18 ก.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)
เครื่องแรกของโลก
เบ็นคิว เปิดตัว FP241 W แอลซีดีมอนิเตอร์เครื่องแรกของโลก กับเชื่อมต่อ HDMI ความคมชัดถึง 1080p พร้อมกับ AMA เทค โนโลยี (Advanced Motion Accelerator), เทคโนโลยี Senseye, คอนทราส 1000 : 1 และจอภาพที่ปรับได้ทำให้ผู้ ใช้สนุกสนานเหมือนระบบ วิดีโอผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอ นิกส์ยุค จอ 24" ไวด์สกรีน 2 หน้าต่างขนาด A4 เหมาะกับการใช้งานในทุกด้าน ครบวงจรกับ USB Port สนองตอบทุกรูปแบบของการเชื่อมต่อ USB
(เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 20 ก.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th/)
i-Square ซอฟต์แวร์บริหารบุคคลครบวงจร
นางสาวสายรุ้ง ฉันทะชัยมงคล กรรมการผู้จัดการบริษัทโปรเกรส อินฟอร์เมชั่น จำกัด ผู้ให้บริการระบบอี-เลิร์น นิ่งและระบบพัฒนาทุนมนุษย์ครบวงจร เปิดเผยว่า 3 ปีที่ผ่านมาตลาดอี-เลิร์นนิ่งหรือระบบการเรียน-การสอนผ่านอิเล็กทรอ นิกส์ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก็มีมูลค่าตลาดสูงถึง 1 พันล้านบาท ขณะเดียวกันตลาดระบบพัฒนาทุนมนุษย์ (HRD) ก็มีมูลค่ากว่า 5 พันล้านบาทต่อปี ทั้งสองตลาดนี้ยังมีช่องว่างอีกมาก บริษัทจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ครอบคลุมทั้งระบบ โดยใช้ชื่อว่า i-Square ซึ่งถือเป็นระบบพัฒนาทุนมนุษย์แบบครบวงจร รายแรกที่พัฒนาโดยคนไทย และราคาถูกกว่าต่างประเทศกว่าเท่าตัว
ทั้งนี้กลุ่มเป้าหมายหลักคือองค์กรขนาดกลางและขนาดใหญ่ ซึ่งมีเพียง 20% ที่เป็นกลุ่มที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์อยู่แล้ว ส่วนอีก 80% ยังใช้ระบบพัฒนาทุนมนุษย์แบบเดิม ๆ สำหรับองค์กรขนาดเล็กทางบริษัทมีระบบเช่าใช้ซอฟต์แวร์
สำหรับ i-Square มีการผสมผสานระหว่าง 3 เทค โนโลยีเข้าด้วยกันคือเทคโนโลยีด้านการพัฒนาทุนมนุษย์ เทค โนโลยีไอซีทีและเทคโนโลยีด้านอี-เลิร์นนิ่ง เน้นความเป็นนวัตกรรมและความชาญฉลาด (Innovation & Intelligence) โดยประกอบด้วยเครื่องมือช่วยงานครอบคลุมตั้งแต่การคัดสรร พัฒนาและประเมินผล เพื่อให้ได้บุคลากรที่เหมาะสมกับตำแหน่งต่าง ๆ ในองค์กรพร้อมทั้งรายงานและวิเคราะห์ผลอย่างครบถ้วนเพื่อวัดความฉลาดทางการเรียนรู้ อารมณ์ ความอดทน ความคิดสร้างสรรค์ ความเข้าใจองค์กร คุณธรรมจริยธรรมและบุคลิก ภาพ ซอฟต์แวร์สำหรับบริหารการเรียนการสอน และบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์สำเร็จรูปด้านการบริหารจัดการงานทรัพยากรบุคคล.
(เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 20 ก.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th/)
จุลชีพแปรธาตุละอองดินเป็นทองพบหลักฐานใน เหมืองออสเตรเลีย
ทีมนักวิทยาศาสตร์ มีนักวิจัยแฟรงค์ ไรธ์ เป็นหัวหน้า ได้รายงานในวารสาร วิทยาศาสตร์ ของสหรัฐฯ ว่า แบคทีเรียที่มีชื่อว่า รัลสโตเนีย เมทอลลิดูรันส์ อาจเป็นตัวทำให้เกิดก้อนและเศษทองคำ เพราะจากการวิจัยผงทองที่เก็บกวาดรวบรวมมาจากเหมืองทองคำออสเตรเลีย 2 แห่ง ที่อยู่ห่างกันไม่ต่ำกว่า 3,000 กม. ได้พบว่าผงทองปริมาณถึง 80% มีแบคทีเรียทำรังอยู่ สิ่งที่เราพบส่อว่า แบคทีเรียอาจเป็นตัวสะสมทองเหล่านั้นขึ้น
เขากล่าวต่อไป ว่า แบคทีเรียที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตาเปล่านั้น อาจทำตัวเป็นยาซัดหลอมละลายโลหะหนัก แปรมันเป็นรูปทรงแข็งที่เป็นพิษน้อยกว่า พวกโลหะหนักล้วนแต่มีพิษ ไม่แต่ เพียงกับเราเท่านั้นหากแต่กับพวกจุลชีพ ในสภาพที่มีความเข้ม ข้นสูงด้วย มันดูเหมือนว่าพวกมันสามารถได้ ถอนพิษออกจากทองที่อยู่รอบๆลงได้ เพื่อประโยชน์ของการเผาผลาญอาหาร
นักวิจัยแฟรงค์ยืนยันหนักแน่นว่า การค้นพบของเขา เป็นหลักฐานอันแข็งแรงที่สุด แสดงว่าแบคทีเรียเป็นตัวการสำคัญในการสร้างทองก้อน แม้ว่าจะยังไม่อาจทราบกลไกอันแน่ชัดได้ แต่ผมไม่ได้บอกว่า สัตว์และพืชที่มีชีวิตเป็นคนทำก้อนทองขึ้นได้คนเดียว มันยังมีหนทางอื่นอีกด้วย.
(ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 20 ก.ค. 2549 http://www.thairath.co.th )
ข่าววิจัย/พัฒนา
เปิดตัว 18 เมธีส่งเสริมนวัตกรรมปี 49
ดร.ประวิช รัตนเพียร รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยว่า สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ได้คัดเลือกนักวิจัยที่มีผลงานดีเด่นเพื่อเข้ารับรางวัล เมธีส่งเสริมนวัตกรรม ประจำปี 2549 จำนวน 18 คน ดังนี้ สาขาธุรกิจชีวภาพ ศ.ดร.อรอนงค์ นัยวิกุล ภาควิชาวิทยาศาสตร์ฯการอาหาร คณะอุตสาหกรรมเกษตร ม.เกษตรศาสตร์ ผศ.มาลี ซิ้มศรีสกุล ภาควิชาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมเกษตร คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ นายวิฑูรย์ เรืองเลิศปัญญากุล มูลนิธิสายใยแผ่นดิน รศ.ดร.วิชัย เชิดชีวศาสตร์ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายสมบัติ วนาอุปถัมภ์กุล บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล แลบบอราทอรีส์ จำกัด ดร.อุษาวดี ถาวระ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
รศ.ดร.เพลินพิศ บูชาธรรม ศูนย์เครื่องมือวิทยาศาสตร์เพื่อมาตรฐานและอุตสาหกรรม คณะวิทยาศาสตร์ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี รศ.ดร.จิตต์ลัดดา ศักดาภิพาณิชย์ ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล รศ.ดร.นภาวรรณ นพรัตนราภรณ์ ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ รศ.ดร.สุวบุญ จิรชาญชัย วิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดร.รัฐ พิชญางกูร ภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดร.สรวิศ เผ่าทองศุข ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ กระทรวงวิทย์ ดร.วรเทพ มุธุวรรณ สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล ม.บูรพา
สาขาพลังงานและสิ่งแวดล้อม ศ.ดร.จงจิตร์ หิรัญลาภ คณะพลังงานและวัสดุ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ศ.ดร.สำเริง จักรใจ ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ดร.เจิดศักดิ์ ไชยคุนา ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสาขาการออกแบบและการสร้างตราสินค้า รศ.ดร. อิทธิพล แจ้งชัด ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ และ ผศ.อภิเนตร อูนากูล ภาควิชาคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดยจะมีพิธีมอบรางวัลในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ.
(ไทยรัฐ วันจันทร์ที่ 17 ก.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)
กระทรวงวิทย์เปิดโรงเรียน "สบู่ดำ" นำร่องสอนที่ ม.เกษตรฯ วิทยาเขตกำแพงแสน
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจับมือนักวิจัยโครงการศึกษาสบู่ดำ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดโรงเรียนสบู่ดำครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย หวังนำร่องถ่ายถอดเทคโนโลยีจากงานวิจัยสู่ชุมชน ชาวกำแพงแสนแห่สมัครเรียนกว่า 500 คน คาดเป็นโรงเรียนต้นแบบ ก่อนขยายผลสู่ชุมชนในภูมิภาคอื่น
นายประวิช รัตนเพียร รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า จากโครงการวิจัยสบู่ดำ ที่ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) ทำร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ งานวิจัยจาก ม.เกษตรฯ และการพัฒนาเครื่องจักรโดยสมาคมเครื่องจักรกลไทย ล่าสุดได้ดำเนินการตั้งโรงเรียนสบู่ดำขึ้นที่ ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีจากงานวิจัยสู่ชุมชน
(คมชัดลึก อังคารที่ 18 ก.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)
สาวอ้วนแต่วัยรุ่นเสี่ยงอายุไม่ยืด ยิ่งมั่วเหล้ายาอยู่ได้ไม่เกิน 60 ปี
วารสารแอนนัลส์ออฟอินเทอร์นัลเมดิซีน ฉบับวันจันทร์ ลงพิมพ์ผลการศึกษานางพยาบาล 102,400 คนว่า สตรีที่มีน้ำหนักตัวเกินขณะอายุ 18 ปี มักดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และไม่ค่อยออกกำลังกาย เมื่อเทียบกับเพื่อนวัยเดียวกันที่ไม่มีน้ำหนักตัวเกิน และมักเสียชีวิตขณะอายุ 36-56 ปี ยิ่งมีน้ำหนักตัวเกินมากเท่าใด ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น สตรีที่มีน้ำหนักตัวเกินปานกลาง ขณะอายุ 18 ปี มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 ที่จะเสียชีวิตภายในเวลา 12 ปี สาเหตุของการเสียชีวิตมีหลากหลายอย่างด้วยกัน ทั้งมะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และการฆ่าตัวตาย
ผลการศึกษาอีกชิ้นหนึ่งที่ลงพิมพ์ในวารสารฉบับ เดียวกันพบว่า การปรับเปลี่ยน พฤติกรรมและการใช้ยาลดความอ้วนอาจช่วยให้สาวรุ่นลดน้ำหนักที่เกินลงได้ ผลการศึกษากับวัยรุ่นสตรีอายุ 12-16 ปี ที่มีน้ำหนักตัวเกินจำนวน 498 คนพบว่า เด็กที่ทานยาเมอริเดีย ซึ่งเป็นยาลดน้ำหนักของบริษัทแอ็บบอตต์ แลบอราทอรีส์ ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สามารถลดน้ำหนักได้มากกว่ากลุ่มที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเดียวเฉลี่ย 8.2 กิโลกรัม นอกจากนี้ ยังมีระดับคอเลสเทอรอลและน้ำตาลในเลือดดีกว่า แต่มีผลข้างเคียงเรื่องหัวใจเต้นเร็ว สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐฯเตือนเมื่อเดือนมีนาคมว่า ไม่ควรสั่งจ่ายยาเมอริเดียแก่เด็กเนื่องจากยังมีข้อมูลเรื่องความปลอดภัยน้อยมาก
(ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 20 ก.ค. 2549 http://www.thairath.co.th )
ฟังเพลงดังวันละ1ชม.ถึงหูพัง เครื่องสมัยใหม่ทำให้การฟังเสีย
วงการผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐฯ ได้บอกพร่ำเตือนว่า เทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้คนเราฟังเพลงเป็นเวลานานๆได้ง่ายขึ้น และด้วยเสียงดังยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน และการเปิดเร่งเสียงเพื่อให้กลบเสียงในรถใต้ดินหรือรถเมล์ ยิ่งน่ากลัวว่าจะทำให้หูหนวกถาวรไปเลย
สถาบันเพื่อคนหูหนวกกล่าวชี้แจงว่า การได้ยินเสียงดังขนาด 80 เดซิเบล ระดับเดียวกับเสียงของยวดยานในถนน เป็นเวลานาน อาจจะทำให้หูอื้อหรือเสียงแว่วในหูชั่วคราวขึ้นได้ ยิ่งถ้าหากขืนฟังเสียงดังสุดระดับ 105 เดซิเบลแค่วันละ 1 ชั่วโมง ก็อาจทำให้หูดับไปเลย โดยที่ไม่อาจรักษาอะไรได้
นักวิจัยได้พบว่า ผู้ที่อยู่ในวัยระหว่าง 16-24 ปีกว่าครึ่ง ล้วนแต่พากันฟังเพลงด้วยเครื่องเล่นเพลงดิจิตอลกันวันละไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมงทั้งสิ้น นายจอห์น โลว์ หัวหน้าคณะผู้บริหารของสถาบัน บ่นว่า พวกคนหนุ่มๆสาวๆ ช่างไม่สำนึกถึง อันตรายของการฟังเครื่องเล่นเพลงพกพา ด้วยเสียงดังๆกันบ้างเล
(ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 20 ก.ค. 2549 http://www.thairath.co.th )
ประดิษฐ์ลูกตา 'ไบโอนิก' ออกสู่ตลาด ช่วยคนจอประสาทตาเสื่อมกลับเห็น
ผู้สูงอายุที่สายตาเสื่อมเพราะจอประสาทตา อาจจะมีโอกาสได้ใส่ตาไบโอนิก ลูกตาไฮเทค เหมือนอย่างพระเอกในหนังทีวีเรื่อง เดอะ ซิกซ์ มิลเลียน ดอลลาร์ส แมน สมัยเมื่อทศวรรษปี 1970 ช่วยให้กลับมองเห็นได้อย่างปกติ
บริษัทวิชั่น แคร์ เทคโนโลยีจักษุวิทยา ของสหรัฐฯ ผู้ผลิตลูกตาไบโอนิก กำลังขออนุมัติรัฐบาลกลาง เพื่อผลิตออกจำหน่ายทั่วไป หากได้รับอนุมัติเมื่อใด จะออกจำหน่ายในชื่อกล้องดึงภาพจิ๋ว เพื่อใช้ฝังในลูกตา ลูกตาไบโอนิก นี้ จะใช้ผ่าตัดฝังอยู่ในตาของผู้สูงอายุที่มีจอประสาทตาเสื่อม มันมีส่วนประกอบสำคัญเป็นเลนส์ขนาดเล็กโตเท่าเมล็ดถั่ว ช่วยให้ผู้ใช้ที่มีสายตาเสื่อม ที่ต้องใช้แว่นตาพิเศษ และกล้องขยายมือถือ เมื่อเวลาจะมองดูตรงกลางภาพ จะกลับมองเห็นได้อย่างปกติ แต่มันใช้ไม่ได้กับผู้พิการตาบอด
ตัวกล้องประกอบด้วยเลนส์ 2 ตัว ที่จะทำงานร่วมกับกระจกตา สร้างภาพขยาย จะทำให้ภาพตกบนจอตาที่มีพื้นที่กว้างขวางกว่า ช่วยให้มองเห็นบริเวณกลางภาพดีขึ้น
(ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 20 ก.ค. 2549 http://www.thairath.co.th )
ห้ามซื้อยาบำรุงกามตามเน็ต อาจทำปฏิกิริยากับยากินถึงตายได้
องค์การอาหารและยาสหรัฐฯแจ้งเตือนว่า ห้ามซื้อยาบำรุงทางเพศขนานต่างๆ ที่ประกาศขายอยู่ตามอินเตอร์เน็ตมากิน ถึงแม้บางขนานจะมีตัวยาเช่นเดียวกับยาไวอากร้า เพราะนอกจากจะผิดกฎหมายแล้วยังเป็นอันตรายด้วย
เนื่องจากยาแก้โรค นกเขาไม่ขัน ในบุรุษ อาจจะไปทำปฏิกิริยากับยาโรคหัวใจหลายขนาน โดยเฉพาะพวกที่เข้าไนเตรท ซึ่งอาจทำให้ ถึงแก่ชีวิตได้ องค์การกล่าวว่า ยาเถื่อนเหล่านี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชน เพราะมีตัวยาที่ไม่เปิดเผย ที่อาจคล้ายหรือเป็นชนิดเดียวกัน กับยาที่องค์การอนุมัติให้ใช้ไปแล้ว
ดร.สตีเวน แกลสัน ผู้อำนวยการศูนย์ประเมินและวิจัยยาขององค์การชี้ว่า ผู้บริโภคอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ทันรู้ว่าส่วนผสมเหล่านี้ อาจไปทำปฏิกิริยากับยารักษาโรคที่กินอยู่ประจำ จนทำให้ ความดันโลหิตตกลงอย่างน่ากลัว เกิดเป็นอันตรายได้
ผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือโรคหัวใจ โดยมากก็มักจะต้องกินยาที่เข้าไนเตรทเป็นประจำอยู่แล้ว และผู้ที่มีโรคเหล่านี้ก็มักจะมีอาการหย่อนสมรรถภาพอยู่ด้วย จึงอาจจะไปหาหยูกยาอย่างที่บอกเตือนนี้มากินเอง.
(ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 20 ก.ค. 2549 http://www.thairath.co.th )
คนขายาวก้าวห่างไกลโรคหัวใจหลอดโลหิตไม่มี คราบจับอยู่หนา
คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยบริสตอลของอังกฤษ อันมี ดร.เคท ทิลลิง เป็นหัวหน้า ได้วิเคราะห์ข้อมูลหาความเกี่ยวพันของความยาวของขา กับความหนาของผนังชั้นในสุดของหลอดโลหิต ซึ่งอาจจะบ่งบอกถึงอาการของโรคหลอดเลือดแดงตีบตันหรือหลอดเลือดแข็งระยะต้นๆ
ดร.ทิลลิง ได้บอกในรายงานผลที่เสนอในวารสารสาธารณสุขศาสตร์อเมริกันว่า พบว่าหากตรวจพบว่าผนังหลอดโลหิตมีความบาง ก็ส่อว่าผนังของหลอดเลือดไปเลี้ยงสมองยังมีคราบจับบาง แสดงว่าเสี่ยงกับการเป็นโรคหัวใจและอัมพาตต่ำ
รายงานกล่าวว่า การจะมีขายาวหรือขาสั้นขึ้นอยู่กับชีวิตตอนช่วงแรกๆเป็นส่วนใหญ่ เหมือนอย่างที่พบในการศึกษาว่า อยู่ที่การได้กินนมแม่ การได้อาหารที่ให้พลังงานสูง และการได้รับการเลี้ยงดูอย่างอุดมสมบูรณ์ตอนช่วงอายุ 2-4 ขวบ จะทำให้บุคคลผู้นั้นเป็นคนมีขายาว
เพื่อที่จะพิสูจน์ให้รู้ชัดว่า การมีขายาว เกี่ยวพันกับการมีอาการของโรคหัวใจและหลอดโลหิตขั้นต้นๆหรือไม่ นักวิจัยจึงได้ศึกษาเทียบเคียงความยาวของขาของกลุ่มชายหญิง กับผลการตรวจวัดความหนาของหลอดโลหิต และได้พบว่าสัมพันธ์กันโดยตรง.
(ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 20 ก.ค. 2549 http://www.thairath.co.th )
'อะนอเร็กเซีย' - โรคกลัวอ้วน
อะนอเร็กเซีย เนอร์โวซา (anorexia nervosa) เป็นชื่อเต็มในภาษาอังกฤษของ โรคกลัวอ้วน ฟังดูชื่อไม่น่ากลัวเท่าไร แต่ถ้าใครเป็นขึ้นมาล่ะก็อาจถึงตายได้ง่ายๆ ก็เพราะคนที่มีอาการของโรคนี้มักจะไม่ยอมกินอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเอาเสียเลย
จากข้อมูลที่ผ่าน มาพบว่ากลุ่มวัยรุ่นหญิงมักจะเป็นโรคนี้กันมาก วัยรุ่นชายและกลุ่มอายุอื่นก็มีบ้างเหมือนกัน แต่ในสัดส่วนค่อนข้างน้อย
คนที่เป็นโรคกลัวอ้วน หรืออะนอเร็กเซีย มักจะเป็นห่วงเรื่องรูปลักษณ์ของตัวเองอย่างมาก อาจเรียกได้ว่า คลั่ง ไคล้ความผอม รู้สึกว่าตัวเองต้องลดน้ำหนัก และโหมออกกำลังกายอย่างหนัก ทั้งๆที่รูปร่างก็ผอมจะแย่อยู่แล้ว แต่ก็ยังต้องลดความอ้วนลงไปอีก
นักจิตวิทยาบอกว่า คนที่มีอาการโรคนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของอาหารและน้ำหนักตัวเท่านั้น แต่ยังมีปัญหาทางอารมณ์ คือมีความรู้สึกซึมเศร้า ย้ำคิดย้ำทำ และจะรู้สึกประสบความสำเร็จหากสามารถลดน้ำหนักให้ร่างกายผอมเพรียวได้
(ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 20 ก.ค. 2549 http://www.thairath.co.th )
วิศวกรออกแบบบ้านกันแผ่นดินไหว ติดโช้คอัพใต้บ้านช่วยกระจายแรงสั่นสะเทือน
วิศวกรสหรัฐออกแบบบ้านทนแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้ถึง 6.7 ริคเตอร์ ติดโช้คอัพใต้บ้านเทียบเท่าโช้คอัพรถ 20 คันรวมกันเพื่อกระจายแรงสะเทือน ตั้งเป้าลดความเสียหายชีวิตและทรัพย์สิน
บ้านตัวอย่างที่สร้างขึ้นมานี้เป็นบ้านโครงไม้สองชั้น มีเนื้อที่ 167 ตารางเมตร ออกแบบให้สามารถทนแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวรุนแรงได้ โดยติดตั้งเครื่องลดแรงสั่นสะเทือนซึ่งปกติแล้วจะใช้กับอาคารสูงและสะพาน แต่โครงการดังกล่าวนำมาประยุกต์ใช้กับบ้านโครงไม้เพื่อดูว่าจะช่วยลดผลกระทบตัวตัวบ้านได้มากน้อยแค่ไหน ผลที่ได้จะนำมาใช้เป็นออกแบบบ้านรุ่นใหม่ที่สามารถทนรับแรงสั่นสะเทือนได้ดียิ่งขึ้น
ทีมวิจัยได้ทำการทดสอบโดยนำบ้านตัวอย่างที่สร้างไว้มาตั้งบนเครื่องจำลองแผ่นดินไหว โดยใช้ข้อมูลแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกิดในมลรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อสิบกว่าปีก่อนมาทดสอบ หลังทดสอบกับแรงสั่นสะเทือนรุนแรงดังกล่าวแล้ว ยังมีการทดสอบกับสภาพแรงสั่นสะเทือนขนาดเล็กในเดือนต่อไปด้วย
โครงการนี้มีชื่อเต็มว่า เครือข่ายวิศวกรรมจำลองแผ่นดินไหว หรือ "นีส์วูด" มีงบประมาณโครงการ 1.2 ล้านดอลลาร์ (48 ล้านบาท) เริ่มดำเนินการทดลองมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เป้าหมายคือ หาแบบบ้านที่สามารถทนรับแรงสั่นสะเทือนได้ เหตุที่เลือกทดสอบกับบ้านโครงสร้างไม้เพราะยังเป็นตลาดที่ยังไม่ได้รับความสนใจมากนัก ทั้งที่บ้านหลายหลังที่ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่แผ่นดินไหวเป็นบ้านไม้
วิศวกรตั้งเป้าว่า ตัวบ้านต้นแบบจะสร้างเสร็จและตกแต่งเรียบร้อยภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ และจะเริ่มทดสอบกับระดับแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2537 ที่คร่าชีวิตคในเมืองนอรธ์บริดจ์ แคลิฟอร์เนีย ไป 60 ราย และสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ
ในการทดสอบที่จะมีขึ้นในเดือน พ.ย. นี้ วิศวกรจะฝังเครื่องรับแรงกระแทกไว้ใต้บ้านที่มีน้ำหนักกว่า 36 ตัน และเปิดเครื่องสร้างแรงสั่นสะเทือนในระดับรุนแรงต่างๆ กันเพื่อประเมินว่า บ้านที่ออกแบบไว้สามารถรับแรงแผ่นดินไหวได้มากที่สุดแค่ไหน โดยบ้านทำจากยิปซัม และผนังเบา ตัวรับแรงกระแทกมีขนาดยาว 20 นิ้ว หนา 3 นิ้ว ยึดติดอยู่กับโครงเหล็กรูปสามเหลี่ยมที่ยึดกับโครงไม้บ้านอีกที เมื่อเกิดแผ่นดินไหว ตัดซับแรงสะเทือนจะทำหน้าที่ถ่ายพลังงานของบ้านและเปลี่ยนไปเป็นพลังงานความร้อน ตัวซับแรงสะเทือนแต่ละตัวสามารถทำความร้อนได้ถึง 93 องศาเซลเซียส และสามารถกระจายแรงเค้นได้ราว 6,800 กิโลกรัม หรือเทียบเท่าโช้คอัพรถยนต์ 20 คัน
(คมชัดลึก ศุกร์ที่ ก.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)
นร.เชียงใหม่ทำแบบจำลองน้ำท่วม
ทีมนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนดาราวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มโกลบจูเนียร์ ได้พัฒนาแบบจำลองแผนที่น้ำท่วมเพื่อศึกษาพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัยบริเวณเขตตัวเมืองเชียงใหม่ โดยลงพื้นที่เก็บข้อมูลระดับความลึกของแม่น้ำปิงป้อนลงในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และเครื่องจะอ่านผลออกมาแจ้งเตือนได้ ว่ามีพื้นที่ใดบ้างที่น้ำกำลังจะเข้าท่วม เพื่อให้ประชาชนเตรียมตัวพร้อมรับกับสถานการณ์
กลุ่มโกลบจูเนียร์เป็นกลุ่มนักเรียนที่มุ่งเน้นศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับลักษณะและคุณภาพของอากาศ น้ำ ดิน และสิ่งปกคลุมดินในท้องถิ่น ภายใต้โครงการ Global Learning and Observations to Benefit the Environment ซึ่งเป็นโครงการเพื่อการศึกษาและวิทยาศาสตร์ที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งสหรัฐ (นาซา) และมูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (เอ็นเอสเอฟ)
น.ส.ภาวิณี กันธิยะ หนึ่งในทีมนักวิจัย กล่าวว่า ทีมนักวิจัยซึ่งเป็นนักเรียนทั้งหมดได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลช่วงเดือนกันยายน 2548 ซึ่งเป็นช่วงหลังจากเกิดน้ำท่วมเมืองเชียงใหม่รอบที่ 2 ของปีก่อน และทำการวัดระดับความลึกของแม่น้ำปิงใน 5 จุด ตั้งแต่ต้นน้ำลงไป คือวัดระดับน้ำแม่น้ำปิงที่บริเวณน้ำตกบัวตอง สะพานมิตรภาพป่าลัน ต.หนองมะจับ ในเขต อ.แม่แตง สะพานนวรัฐ และสะพานนครพิงค์ในเขตตัวเมืองเชียงใหม่
เมื่อได้ข้อมูลระดับน้ำในแต่ละจุดแล้วก็จะนำไปป้อนเข้าในแบบจำลองแผนที่น้ำท่วมที่เขียนด้วยภาษาวิชวลเบสิก ซึ่งเป็นโมดุลย่อยของโปรแกรมไมโครซอฟท์ เอ็กซ์เซล
นอกจากนี้ ยังได้นำแผนที่ดาวเทียมจากโปรแกรม Google Earth ซึ่งจะมีข้อมูลอ้างอิงพื้นฐานในส่วนของระดับความสูงในระดับน้ำทะเลของแต่ละพื้นที่มาร่วมเป็นตัวแปรในการคำนวณหักลบกับระดับแม่น้ำปิงเพื่อวิเคราะห์ผลพื้นที่ที่น้ำน่าจะท่วมถึง ประกอบกับระดับน้ำที่วัดโดยสำนักอุทกวิทยาและการบริหารน้ำภาคเหนือตอนบน
(คมชัดลึก ศุกร์ที่ ก.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)
คิดกล่องสมองกลประหยัดแอร์ คำนวณเวลาเปิดปิดคอมเพรสเซอร์
นายพิสิษฐ์ จันทเตมีย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท บิลเลี่ยนชายน์ จำกัด อธิบายว่า ระบบประหยัดพลังงานเครื่องปรับอากาศที่บริษัทคิดค้นขึ้นมานี้ เปลี่ยนแนวคิดจากเดิมที่พุ่งเป้าไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของคอมเพรสเซอร์มาเป็นการจัดการชั่วโมงการทำงานของคอมเพรสเซอร์แทน ซึ่งจะมาทำงานแทนตัวตัดอุณหภูมิ (เทอร์โมสตัต) ที่ใช้ควบคุมการเปิดปิดคอมเพรสเซอร์แอร์ตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ให้ตัด
ระบบใหม่นี้ ใช้การวิเคราะห์อุณหภูมิอากาศที่วนกลับมาเข้าเครื่องเพื่อวิเคราะห์หาอัตราการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ซึ่งเมื่อได้ค่าที่เหมาะสมแล้ว วงจรจะกำหนดช่วงเวลาการทำงานของคอมเพรสเซอร์ให้เปิดการทำงานนานหรือสั้นตามภาวะของอุณหภูมิห้อง
ทั้งนี้ ในระบบเครื่องปรับอากาศจะมีคอมเพรสเซอร์เป็นอุปกรณ์หลักตัวหนึ่งสำหรับทำความเย็นให้แก่ห้อง และเป็นอุปกรณ์ที่กินไฟ 70-80% ของเครื่องปรับอากาศ แอร์ที่เปิดทิ้งไว้นานๆ โดยที่คอมเพรสเซอร์ไม่ตัดจะสิ้นเปลืองไฟฟ้ามาก เช่นห้องที่มีคนอยู่จำนวนมาก ทำให้เครื่องปรับอากาศไม่สามารถลดอุณหภูมิได้ตามที่ตั้งไว้ หรือวันที่อากาศข้างนอกร้อนมาก
ข้อจำกัดของวิธีคิดแบบนี้ ทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน ระบบใหม่จึงเปลี่ยนวิธีคิดใหม่จากที่ใช้ "อุณหภูมิ" มาเป็น "ระบบเวลา" ควบคุมการทำงานของคอมเพรสเซอร์แทน โดยแทนที่จะเอาอุณหภูมิที่ตั้งไว้มาเป็นเงื่อนไขในการตัดแอร์ เปลี่ยนมาใช้วงจรคำนวณหาระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับเปิดปิดคอมเพรสเซอร์แทน
"ระบบควบคุมด้วยเวลา (duty cycle control) เป็นการควบคุมเวลาการทำงานของคอมเพรสเซอร์ ให้เปิดปิดการทำงานของคอมเพรสเซอร์สั้นยาวตามสภาวะการเปลี่ยนแปลงของความร้อนที่เกิดขึ้น ถ้าความร้อนในห้องมาก เครื่องจะตั้งเวลาให้ทำงานนานขึ้น ถ้าความร้อนน้อยวงจรจะลดเวลาการทำงานให้สั้นลง บางครั้งอุณหภูมิอาจไม่ถึงค่าที่ตั้งไว้ แต่คนในห้องรู้สึกเย็นสบายดี คอมเพรสเซอร์ก็ไม่จำเป็นต้องทำงานเพื่อให้ถึงค่าอุณหภูมิที่กำหนดให้ตัดการทำงาน" ในงานถนนเทคโนโลยี 2549 เดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา อุปกรณ์ดังกล่าวได้รับรางวัลรองชนะเลิศ ประเภทสิ่งประดิษฐ์ประหยัดพลังงาน
(คมชัดลึก ศุกร์ที่ ก.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)
ข่าวทั่วไป
เผยสถิติยื่นถวายฎีกาเพิ่มกระฉูด
นายอินทร์จันทร์ บุราพันธ์ เลขาธิการคณะองคมนตรี สำนักราชเลขาธิการ เปิดเผยว่า จากสถิติที่มีประชาชนนำเรื่องมาทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา และขอพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่านสำนักราชเลขาธิการ ตั้งแต่ พ.ศ.2516 เป็นต้นมา พบว่าระหว่าง พ.ศ.2516-2526 มีประชาชนมาทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา 2,770 เรื่อง พ.ศ.2527-2549 มีประชาชนทูลเกล้าฯถวายฎีกา 11,439 เรื่อง ซึ่งเมื่อดูในช่วง พ.ศ.2546 เป็นต้นมา จะมีประชาชนเข้ามาทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา มากกว่า 600 เรื่องต่อปี โดย พ.ศ. 2546 มี 672 เรื่อง พ.ศ.2547 มี 619 เรื่อง พ.ศ.2548 มีถึง 838 เรื่อง และ พ.ศ.2549 สถิติในช่วง 5 เดือนแรก มีถึง 487 เรื่อง การที่มีประชาชนมาทูลเกล้าฯถวายฎีกาเพิ่มมากขึ้น น่าจะมาจากการที่ได้มีการไปร้องทุกข์มาหลายที่ แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากหน่วยงานราชการบางพื้นที่ จึงมาพึ่งทางออกสุดท้าย คือการทูลเกล้าฯถวายฎีกา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเคยรับสั่งว่า ทุกเรื่องที่มีการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาผ่านทางสำนักราชเลขาธิการ พระองค์ท่านจะช่วยเหลือทุกคนและทุกเรื่อง ดังนั้น ทางสำนักราชเลขาธิการ จึงจะต้องมีการพิจารณาทุกเรื่องว่ามีข้อเท็จจริงมากน้อยเพียงใด มีความเดือดร้อนจริงหรือไม่ ก่อนที่จะลงพื้นที่เพื่อไปให้ความช่วยเหลือ นายอินทร์จันทร์กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การดำเนินงานช่วยเหลือเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ทางสำนักราชเลขาธิการจึงจัดตั้งโครงการพระราชทานความช่วยเหลือขึ้นเป็นครั้งแรก ประกอบกับปี 2549 เป็นปีมหามงคล ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี สำนักราชเลขาธิการจึงเห็นว่าการให้ความช่วยเหลือราษฎร ควรเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน มีการบริหารงานในลักษณะของคณะกรรมการ ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยเหลือประชาชนแล้ว ยังเป็นการช่วยเยียวยาทางด้านจิตใจด้วย พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานทุนเริ่มต้นจำนวน 1,000,000 บาท ให้กับทางโครงการด้วย ส่วนแนวทางในการดำเนินงาน กองนิติการ สำนักราชเลขาธิการ จะเป็นฝ่ายตรวจสอบข้อเท็จจริงจากที่มีผู้มาทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา หากพบว่ามีความเดือดร้อนจริง และต้องการความช่วยเหลือ จะมีการนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ ซึ่งจะถือเป็นการพระราชทานความช่วยเหลือจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างไรก็ตาม จากสถิติตั้งแต่ พ.ศ.2545-2549 จะพบว่าประชาชนที่มาทูลเกล้าฯถวายฎีกา จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการขอพระราชทานความช่วยเหลือมากที่สุดของสถิติในการทูลเกล้าฯถวายฎีกาในแต่ละปี
(ไทยรัฐ วันจันทร์ที่ 17 ก.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)
นอนน้อยเสี่ยงเบาหวานโรคหัวใจ
จากการศึกษาพบว่าคนที่นอนน้อย พักผ่อนไม่พอมีความเสี่ยงต่อการมีน้ำหนักเกินอ้วน และภาวะน้ำตาลในเลือดสูง และคนที่มีปัญหาการนอนหลับเรื้อรังมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้า เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ
นอกจากนี้ ยังพบว่าความชุกของโรคดังกล่าวจะเพิ่มตามอายุที่สูงขึ้นโดยอาการที่พบบ่อยคือ นอนไม่หลับหรือนอนไม่พอ หลับยาก นอนหลับไม่ต่อเนื่องตลอดคืน ตื่นขึ้นมาไม่สดชื่น อ่อนเพลีย
สาเหตุสำคัญที่ทำให้นอนไม่หลับหรือนอนน้อยประกอบด้วยอาการของโรคต่างๆ ได้แก่ โรคทางจิตเวช ที่พบบ่อยคือ โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก โรคทางกาย เช่น โรคหัวใจ โรคสมองเสื่อม โรคพาร์กินสัน ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ยาหลายชนิดที่มีผลทำให้นอนไม่หลับ เช่น แอมเฟตามีน ยาลดน้ำหนัก ยาไทรอยด์ฮอร์โมน
สำหรับคำแนะนำให้ปฏิบัติตามสุขบัญญัติเพื่อการนอนที่ดี (Sleep Hygiene) มีดังนี้ ตื่นนอนและเข้านอนให้เป็นเวลา ไม่ควรออกกำลังกายใกล้เวลานอน ควรทิ้งช่วงการออกกำลังกายกับการนอนประมาณ 5-6 ชั่วโมง ไม่งีบหลับในช่วงหลังบ่าย 3 โมง หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนนอน รวมทั้งการรับประทานยาที่มีผลกระทบต่อการนอนหลับ ดื่มนมอุ่นหรืออาหารอ่อนๆ ช่วยให้หลับสบายขึ้น อาบน้ำอุ่นก่อนนอน และทำตัวให้ผ่อนคลายช่วงก่อนการนอนหลับ เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง เป็นต้น (คมชัดลึก อังคารที่ 18 ก.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)
ถวายการผ่าตัดในหลวง ด้วยกล้องรักษา"พระปิฐิกัณฐกัฐิ"
วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลศิริราช และจากสถาบันการแพทย์อื่น ได้ร่วมประชุมปรึกษากันและเห็นพ้องต้องกันว่า ควรถวายการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด ในการนี้ต้องถวายพระโอสถก่อนการผ่าตัดสักระยะเวลาหนึ่ง และหลังจากการผ่าตัด จำเป็นต้องใช้เวลานานเพื่อการบริหารพระกล้ามเนื้อ เพื่อเสริมสมรรถภาพ จึงเห็นสมควรถวายการผ่าตัดหลังจากงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี คณะแพทย์ จึงได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ถวายการผ่าตัดขยายช่องทางเดินประสาทของพระปิฐิกัณฐกัฐิระดับบั้นพระองค์ (Lumbar spine) โดยใช้กล้องจุลทัศน์ (Microsurgical decompresion) ณ โรงพยาบาลศิริราช ในวันพฤหัสบดีที่ 20 กรกฎาคม พุทธศักราช 2549 จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง 17 กรกฎาคม พุทธศักราช 2549.(เดลินิวส์ อังคารที่ 18 ก.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)
ธุรกิจพลังงานทดแทนไฟฟ้าเอสเอ็มอีจากแดด-ลมก็มีลุ้น!
การผลิต พลังงานทดแทน มารองรับและบรรเทาปัญหาน้ำมันแพง ซึ่งชั่วโมงนี้ในประเทศไทยก็มีการเร่งวิจัย-เร่งผลักดันให้เกิดโครงการเป็นรูปธรรมในหลายภาคส่วน รวมถึงในลักษณะ ธุรกิจเอสเอ็มอี โดยภาคเอกชน โดยการสนับสนุนจากหน่วยงานฝ่ายรัฐ.ล่าสุด จีน ก็เข้ามาร่วมทุนกับเอสเอ็มอีไทยในธุรกิจด้านนี้
โดย สสว. ได้เข้ามามีส่วนทั้งร่วมทุนด้วยและช่วยประสาน...จีนอาจจะถูกระบุว่าใช้พลังงานน้ำมันสูงลิ่ว แต่ในอีกด้านจีนก็ได้นำเทคโนโลยีการผลิตพลังงานทดแทนจากซีกโลกตะวันตกมาปรับประยุกต์เป็นเทคโนโลยีของตนอย่างได้ผลในต้นทุนที่ต่ำกว่า และล่าสุดเมื่อ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทนครเทียนสิน ของทางจีนก็ได้มีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือ ร่วมทุนผลิตพลังงานทดแทนในไทย ฝ่ายจีนจะรับด้านสื่อเทคโนโลยี อุปกรณ์ องค์ความรู้ พัฒนากระบวนการผลิตพลังงานทดแทนที่มีประสิทธิภาพ ผลักดันนักลงทุนจากจีนให้มาลงทุนในไทย ขณะที่ฝ่ายไทยก็จะรับหน้าที่จัดการหาเงินทุน เงินทุนท้องถิ่น และผู้ร่วมทุนท้องถิ่น สำหรับโครงการต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในไทยเพื่อผลิตพลังงานทดแทน
ทาง สสว. หรือ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าวนี้ ทั้งในลักษณะการร่วมทุน และประสานส่งเสริมเอสเอ็มอีไทยในท้องถิ่นให้เข้ามาร่วม (เดลินิวส์ อังคารที่ 18 ก.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)
วัดอย่างไร-บ่งชี้อะไร? 'ดัชนีความสุข' 'ใคร' เป็น 'ตัวถ่วง'
มูลนิธิเอ็นอีเอฟทำการสำรวจดัชนีความสุขของประชากร 178 ประเทศ โดยใช้ตัววัดคือ มาตรฐานความเป็นอยู่ ผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม ความพอใจในการมีชีวิต ความคาดหวังในชีวิต ปริมาณการใช้สภาพแวดล้อมในการดำเนินชีวิต ปริมาณที่ดินที่เหมาะสมสำหรับจำนวนประชากร และการบริโภคพลังงานและพบว่า...ประเทศที่เป็นหมู่เกาะเล็ก ๆ อยู่แถบมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้อย่างประเทศ วานูอาตู เป็นประเทศที่มีดัชนีความสุขสูงสุดเป็นอันดับ 1 ขณะที่ประเทศโคลอมเบีย คอสตาริกา โดมินิกา และปานามา ติดอันดับท็อปไฟว์ ส่วนประเทศที่มีดัชนีความสุขน้อยที่สุดคือประเทศซิมบับเว ซึ่งอยู่ในอันดับ 178 อันดับบ๊วยสุด
เป็นที่น่าสังเกตว่า...จากการสำรวจดังกล่าวนี้ประเทศที่เป็นมหาอำนาจ ประเทศใหญ่ ๆ ก็ใช่ว่าจะมีดัชนีความสุขอันดับสูง ๆ เช่น อิตาลี อยู่อันดับที่ 66, เยอรมนี อันดับที่ 81, ญี่ปุ่น อันดับที่ 95, อังกฤษ อันดับที่ 108, แคนาดา อันดับที่ 111, ฝรั่งเศส อันดับที่ 129, สหรัฐอเมริกา อันดับที่ 150, รัสเซียอยู่อันดับที่ 172
สำหรับประเทศในแถบเอเชีย ไม่น่าเชื่อว่า...ประเทศที่มีดัชนีความสุขน้อยที่สุดคือประเทศ สิงคโปร์ โดยอยู่ในอันดับที่ 131 และน่าคิดยิ่งขึ้น...เมื่อ เวียดนาม จัดเป็นประเทศที่มีดัชนีความสุขสูงที่สุดในแถบเอเชีย อยู่อันดับที่ 12 ตามมาด้วยภูฏาน, ฟิลิปปินส์ อยู่อันดับที่ 17, อินโดนีเซีย 23, จีน 31, มาเลเซีย 44 และอินเดีย อันดับที่ 6
ส่วน ไทย ซึ่งทางมูลนิธิเอ็นอีเอฟระบุว่ามีดัชนีความสุขอยู่อันดับที่ 32 นั้น ในประเทศไทยเราเองทางศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ก็เคยทำการสำรวจความเชื่อมั่นทางสังคมหรือ ดัชนีความสุข ของคนไทยเช่นกัน ที่แย่ก็คือพบว่าดัชนีความสุขของคนไทย อยู่ในระดับ ต่ำกว่า 100 แสดงว่าความสุขของคนไทยยังอยู่ในระดับที่ไม่ดีนัก !!
ซึ่งจากการสำรวจของทางไทยเราเองนั้นพบว่า ที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องจากคนไทย-เมืองไทยยังมีปัญหาทั้งเรื่องค่าครองชีพสูงขึ้น ปัญหายาเสพติด รวมถึงการคอร์รัปชันที่ค่อนข้างสูงในแวดวงที่มีผลต่อประเทศโดยตรง
(เดลินิวส์ อังคารที่ 18 ก.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)
ชูธงฤกษ์มหามงคล 5ธ.ค.2550 ไทยพอเพียงยั่งยืน
ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองราชเลขาธิการ และผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กล่าวในงานปาฐกถาพิเศษเรื่อง ตามรอยใต้เบื้องพระยุคลบาท เนื่องในโอกาสครบรอบ 9 ปี สภาการหนังสือ พิมพ์แห่งชาติ และยังระบุอีกว่า...มีแนวโน้มว่าคนไทยจำนวนมากพร้อมน้อม นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปปฏิบัติใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
ดร.จิรายุยังเน้นย้ำให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพจากแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงที่นานาชาติให้การยอมรับว่า...เป็นเรื่องน่ายินดียิ่งเมื่อสหประชาชาติขอพระราชทานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอัญเชิญเพื่อเป็นแนวทางพัฒนาคนในโลก เป็นการตอกย้ำว่าเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางที่ดีที่สุด ที่ตอนนี้โลกได้ยอมรับแล้ว
(เดลินิวส์ อังคารที่ 18 ก.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)
เผยคนไทยมีปัญหาทางจิต12ล้าน เครียดจัดเกือบ4ล้านคน
นพ.สุชัย เจริญรัตนกุล รักษาการ รองนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม คณะกรรมการส่งเสริมสุขภาพจิตแห่งชาติ(คสสจช.) โดยระบุว่า ขณะนี้ปัญหาสุขภาพจิต เป็นโรคระบาดระดับโลกที่มีความซับซ้อน ที่น่าเป็นห่วงมาก จำเป็นต้องหาทางแก้ไขโดยเร่งด่วน
จากผลการสำรวจสถานการณ์สุขภาพจิตคนไทยครั้งล่าสุด เมื่อปี 2546 พบว่าคนไทยมีความเครียดขั้นรุนแรง ถึงร้อยละ 8 หรือเกือบ 5 ล้านคน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กนักเรียน ที่มีสติปัญญาต่ำกว่ามาตรฐานโลกถึง 10 จุด ส่วนกลุ่มวัยแรงงาน อายุ 15-59 ปี พบผู้มีความเครียดอยู่ในขั้นรุนแรง อันเป็นผลจากการทำงานถึงร้อยละ 8 หรือเกือบ 4 ล้านคน ขณะที่ กลุ่มผู้สูงอายุ มีผู้อยู่ในภาวะซึมเศร้า ประมาณ 9 แสนคน
นพ.สุชัย กล่าวว่า การแก้ปัญหาสุขภาพจิตของไทยในช่วงที่ผ่านมา จะเน้นการรักษาฟื้นฟูมากกว่าการป้องกัน ซึ่งในงบประมาณปี 2549 ได้จัดงบฯรักษาฟื้นฟู จำนวน 1,500 ล้านบาท และจัดงบฯป้องกันเพียง 158 ล้านบาทจึงทำให้การทำงานอยู่ในลักษณะการแก้ปัญหาปลายทาง ทำให้คนที่มีปัญหาสุขภาพจิต แต่ยังไม่ถึงขั้นป่วย ไม่ได้รับการส่งเสริม หรือชี้ทางออกที่เหมาะสม จนกลายเป็นปัญหาออกสู่สังคมเรื่อยๆ
(กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 20 ก.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)
KMUTT
Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215
|
|
|