หัวข้อข่าวปีที่ 7 ฉบับที่ 30 ประจำวันที่ 2006-07-24

ข่าวการศึกษา

ศธ.รับเด็กไทยไอคิวต่ำเหตุ การศึกษาไม่สอดรับพัฒนาการสมอง
ครม.โยนมหา'ลัยควักเนื้อเพิ่มเงินพนักงาน
สร้างช่องทางการเรียนรู้โลกไซเบอร์ เปิดห้องเคเบิลให้นศ.และประ
พระเทพฯฝากครูรักษาภาษาไทยเป็นสมบัติชาติ
‘ภาวิช’ติง ปอมท.อย่าดึงมาตรฐานอุดมฯ
เด็กแฉเรียนฟรีไม่จริงถ้าไม่จ่ายตกซ้ำชั้น
ทปอ.ย้ำปี 50 ต้องรับตรงลดลง
เดินหน้าตรวจข้อมูล ม.6 รับมือสอบโอเน็ต-เอเน็ต

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

ไทยอวดฝีมือท่อระบายน้ำพลาสติกยักษ์
ศิริราชเปิดตัวอัลตราซาวนด์หัวใจ 360 องศา
'แขนกล'รับจ้างทำงาน
รับสมัครเศรษฐีเป็น 'มนุษย์ดาวเทียม' ปล่อยให้ออกไปเดินท่องในอวกาศ
สร้างคอมฯเลียนแบบสมอง ชิ้นส่วนเสียก็ยังทำงาน ได้ไม่หยุด
แคปซูลจิ๋ว
การเตือนภัยคลื่นสึนามิ
เภสัชกรไทยเลี้ยงแบคทีเรียทำวัสดุปิดแผลเรื้อรัง
เครื่องแยกไข่แดง-ไข่ขาวหนุนครัวไทยครัวโลก
สอศ.เปิดตัวเครื่องจักรผลิตปุ๋ย

ข่าววิจัย/พัฒนา

'นิด้า-จุฬา'คว้ารางวัลวิจัยพัฒนาพฤติกรรมไทยดีเด่นปี49
ยกแมวเป็นยามเฝ้าระวังหวัดนก ใช้เป็นสัญญาณเตือนไวรัสเอช 5 เอ็น 1 คุกคาม
ม.เกษตรประยุกต์'เคมีคอมพ์'ออกแบบยาเอดส์
มจธ.พัฒนาแขนกลอัตโนมัติเพื่อคนพิการ
ฟีโบ้เปิดตัวหุ่นยนต์เสมือนคนรุ่น 2
นักธุรกิจพัฒนารีโมตแอร์ประหยัดพลังงาน
จุฬาฯ ออกแบบปั่นจักรยานเสมือนจริง
ปูนซิเมนต์ไทยสร้างกระเบื้องกลิ่นบำบัด
กินคาเฟอีนเหนือกว่ากินน้ำตาลแก้ง่วงให้คงรู้สึก ตื่นตัวอยู่เสมอ
ปั๊มเด็กให้ออกกำลังกายเต็มชั่วโมงกันโรคหลอด เลือดหัวใจตอนผู้ใหญ่
ทีเซลส์ผนึก11 สถาบันแจ้งเกิดบอร์ดวิจัยยาในคน
วิศวกรออกแบบบ้านกันแผ่นดินไหว

ข่าวทั่วไป

สร้างปะการังเทียม เปิดโลกใหม่ให้สัตว์ทะเล
รู้วิธีดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม ไม่ให้เดินเที่ยวท่อง ล่องลอย
ขุดอุโมงค์ผันน้ำ กระทบมรดกโลก
‘คำสอนสมเด็จย่า’ข้อคิดทรงคุณค่าเพื่อลูกหลานไทย
เวบคนดี
เด็กไทยเจ๋ง คว้าเหรียญทองขับร้องประสานเสียงโอลิมปิกที่เมืองจีน
ยัน 'สุวรรณภูมิ' พร้อมเปิดใช้ เร่งเก็บงานห้องรับรอง-สนง.





ข่าวการศึกษา


ศธ.รับเด็กไทยไอคิวต่ำเหตุ การศึกษาไม่สอดรับพัฒนาการสมอง

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) กล่าวว่า ปัญหาไอคิวของเด็กไทยต่ำกว่ามาตรฐาน และปัญหาการพัฒนาเด็กเล็กนั้น เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทย และกระทรวงศึกษาธิการ ก็ตระหนักถึงปัญหานี้อยู่ อย่างไรก็ตาม สมองของเด็กไทยไม่ได้มีปัญหา แต่ที่เด็กไทยไอคิวต่ำกว่ามาตรฐาน เพราะได้รับการพัฒนาสมองไม่ถูกต้องตามขั้นตอนพัฒนาการทางสมอง เนื้อหาที่จัดการเรียนการสอนให้เด็กเล็กนั้น ไม่สอดคล้องกับขั้นตอนพัฒนาการทางสมอง อีกสาเหตุหนึ่งเพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการทำงานด้านพัฒนาเด็กเล็กนั้น กระจัดกระจายอยู่หลายที่ จึงไม่เกิดเอกภาพ "ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการนั้น ได้จัดทำแผนการพัฒนาการปฐมไว้เสร็จเรียบร้อยนำ เพื่อนำมาใช้เป็นแนวทางในการจัดการศึกษาให้เด็กเล็ก แต่ต้องชะลอการนำมาใช้เพราะต้องรอเสนอของบประมาณก่อน แต่ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คัดบางเรื่องในแผนที่สามารถดำเนินการได้เลยมาทำก่อน" ด้านนายภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า ไอคิวของคนปรกติควรจะ 90 ขึ้นไปจึงจะสามารถเรียนรู้ได้อย่างดี ถ้า 120 ถือว่า อัจฉริยะแล้ว เพราะฉะนั้น สังคมควรหันมาให้ความสนใจข้อมูล อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ทำให้เด็กไทยไอคิวต่ำนั้น มาจากทั้งระบบการศึกษาและสาธารณสุข เช่น โภชนาการของแม่ที่ตั้งครรภ์ แต่หลัก ๆ น่าจะเป็นเรื่องการศึกษา ทำให้เด็กไทยไอคิวต่ำ แต่ไม่ใช่การศึกษาในห้องเรียนเท่านั้น หมายถึงการศึกษาทั้งภาพรวม ซึ่งประเทศไทยยังขาดแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียน หรือสื่อที่ดีให้เยาวชนได้อ่านพัฒนาปัญญา (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 24 ก.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





ครม.โยนมหา'ลัยควักเนื้อเพิ่มเงินพนักงาน

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ว่า กระทรวงศึกษาธิการได้เสนอขอใช้งบฯกลางของปีงบฯ 49 เพื่อนำมาใช้ในการปรับเพิ่มค่าตอบแทนให้แก่พนักงานมหาวิทยาลัยจำนวน 17,083 คน ในมหาวิทยาลัยของรัฐ 20 แห่ง รวมทั้งสิ้น 523 ล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องทำให้สอดคล้องกับมติ ครม. 3 มติที่เคยอนุมัติให้เพิ่มค่าตอบแทนแก่พนักงานในสังกัดอื่น ๆ ดังนั้นก็น่าจะเพิ่มค่าตอบแทนให้แก่พนักงานมหาวิทยาลัยด้วย และเคยเสนอที่ประชุมครม.มาแล้ว แต่ ครม.ให้ไปพิจารณาปรับแผนงาน หรือโครงการของแต่ละมหาวิทยาลัยเพื่อนำเงินไปจัดสรรให้แก่พนักงานไปก่อน แต่หลังจากมีการหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และเห็นว่าการปรับแผนเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก จึงจำเป็นต้องเสนอ ครม.เพื่อขอใช้งบฯกลาง นายจาตุรนต์ กล่าวต่อไปว่า หลังการพิจารณาข้อเสนอของ ศธ.แล้ว ที่ประชุมก็มีมติให้สำนักงบประมาณไปประสานกับมหาวิทยาลัยในการนำเงินภายในมาใช้ แต่หากไม่พอจริง ๆ จึงให้ใช้งบฯกลางได้ ดังนั้นจึงถือว่าเรื่องของการเพิ่มค่าตอบแทนให้แก่พนักงานมหาวิทยาลัยมีความคืบหน้าพอสมควรแล้ว ศ.(พิเศษ)ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรม การการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า เท่าที่ทราบมหาวิทยาลัยหลายแห่งได้ปรับแผนไปแล้ว แต่เมื่อจัดสรรเงินเพิ่มให้พนักงานไปแล้วคงจะไม่ได้รับเงินคืนจากรัฐบาล เพราะถือว่าเป็นการทำตามข้อเสนอของสำนักงบฯ ซึ่งทางสำนักงบฯ อ้างว่าก่อนหน้านี้ได้เคยหารือกับหลายมหาวิทยาลัยมาแล้ว และได้รับคำยืนยันว่าสามารถนำเงินของตัวเองมาใช้ได้ อย่างไรก็ตามสำหรับปีงบฯ 50 ทาง สกอ.ได้เสนอตั้งงบฯ เพื่อการปรับเพิ่มค่าตอบแทนพนักงานมหาวิทยาลัยไว้เรียบร้อยแล้ว (เดลินิวส์ พุธที่ 26 ก.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th/)





สร้างช่องทางการเรียนรู้โลกไซเบอร์ เปิดห้องเคเบิลให้นศ.และประ

ผศ.วิพัฒน์ หมั่นการ ผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง แจ้งว่า ขณะนี้ทางสำนักวิทยบริการฯ ได้เปิดให้บริการนักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไป เกี่ยวกับการชมรายการเพื่อความรู้ต่างๆ ด้วยระบบเคเบิลทีวี (ยูบีซี) โดยสำนักวิทยบริการฯ จัดหาอุปกรณ์และติดตั้งระบบเคเบิลทีวี (ยูบีซี) และสร้างห้องไว้บริการ โดยเฉพาะภายในอาคารหอสมุดชั้น 1 ซึ่งผู้ที่ต้องการใช้บริการสามารถเข้าไปใช้บริการได้ทุกวันทำการ เวลา 09.00-16.00 น. นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำโครงการทดลองจำหน่ายกาแฟ เครื่องดื่ม แบบบริการตัวเองภายในห้องดังกล่าวอีกด้วย ผอ.สำนักวิทยบริการฯ ยังกล่าวเกี่ยวกับโครงการอื่นๆ ที่จัดทำขึ้นว่า เนื่องจากในวันที่ 17-19 สิงหาคม นี้ ทางหอสมุดจะได้จัดงานสัปดาห์ห้องสมุดขึ้น ณ หอสมุด สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยจะมีกิจกรรมที่น่าสนใจต่างๆ มากมาย และทางหอสมุดยังได้จัดกิจกรรมการประกวดคำขวัญเพื่อชิงทุนการศึกษามากมาย โดยคำขวัญที่จะส่งเข้าประกวดนั้นต้องเป็นคำขวัญที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการส่งเสริมการอ่าน ส่งเสริมการใช้ห้องสมุด ผู้ที่สนใจจะส่งคำขวัญเข้าประกวด สามารถร่วมส่งคำขวัญเข้าร่วมประกวดได้ภายในวันที่ 10 สิงหาคม พร้อมกับเขียนชื่อ-สกุล สาขาที่ศึกษา และชั้นปีที่กำลังศึกษาอยู่ และสถานที่ศึกษา โดยส่งเข้าประกวดที่เคาน์เตอร์ยืม-คืนหนังสือชั้น 1 อาคารสำนักวิทยบริการฯ (หอสมุด) หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่คุณพิศวง กองกระโทก หมายเลขโทรศัพท์ 0-1750-6002 (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 28 ก.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)





พระเทพฯฝากครูรักษาภาษาไทยเป็นสมบัติชาติ

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานเปิดการอบรมเนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ 2549 เรื่อง “ภาษาไทย : การสอนเพื่อความเป็นไทยก้าวไกลสู่สากล สำหรับครูภาษาไทย ช่วงชั้นที่ 1” และทรงปาฐกถาเรื่อง “การจัดการเรียนการสอนภาษาไทย” ว่า การเรียนภาษาไทยในระดับประถมศึกษาเป็นการเรียนขั้นต้น เพื่อวางรากฐานการศึกษา ไม่เฉพาะด้านความรู้ภาษาไทย แต่เป็นรากฐานการศึกษาความรู้วิชาอื่น ๆ เป็นรากฐานการคิด การรับคุณธรรมจริยธรรม การรู้จักระเบียบวินัย และกฎเกณฑ์ของสังคม ตลอดจนการปลูกฝังวัฒนธรรมไทย และความเป็นไทยด้วย สำหรับคนไทยภาษาไทยจึงเป็นภาษาที่มีความสำคัญมากที่สุด หากผู้เรียนได้เรียนและถูกต้องแม่นยำแล้ว จะสามารถยึดถือเป็นหลักตลอดไป ทำให้ใช้ภาษาถูกต้องในการอ่าน การเขียน และการใช้ตามบริบทของสังคม ซึ่งครูเป็นบุคคลสำคัญในการจัดการเรียนการสอน ครูจึงต้องมีความรู้ มีความทันสมัย ข้าพเจ้าขอให้ครูภาษาไทยทุกคนมีสุขภาพสมบูรณ์ มีกำลังใจมุ่งมั่นในการสอนภาษาไทยให้เด็กไทยรัก และตั้งใจรักษาภาษาไทยไว้ให้เป็นสมบัติของประเทศชาติตลอดไป สมเด็จพระเทพฯ ทรงตรัสด้วยว่า ปัจจุบันสื่อและเทคโนโลยีต่าง ๆ ช่วยรักษาภาษาเอาไว้ได้ สามารถส่งข้อความไปในพื้นที่ที่ห่างไกลได้ ทั้งนี้การที่ครูปัจจุบันต้องเอานักเรียนเป็นศูนย์กลาง หมายความว่า ครูต้องหาวิธีให้เด็กได้เรียน ซึ่งแต่ละคนจะมีพื้นฐานไม่เหมือนกัน ดังนั้นเมื่อมาอยู่ในห้องเรียนเดียวกันต้องทำให้แต่ละคนพัฒนาตนเองไปได้ก็ประสบความสำเร็จ ทั้งนี้คนที่จะอ่านได้ต้องอ่านอยู่เสมอ หากอ่านไปหยุดไปก็จะไม่ได้ ส่วนมากคนที่อ่านหนังสือเก่งจะเป็นที่ครอบครัว ที่อาจจะบังคับ หรือลูกเห็นตัวอย่างจากพ่อแม่ก็ทำตาม แต่บางครอบครัวพ่อไม่ได้นั่งเขียน นั่งอ่านหนังสือ แต่เด็กมีโอกาสไปโรงเรียน ซึ่งครูคือพ่อ คือแม่ที่ดีของเด็ก นอกจากการที่ครูจะต้องค้นคว้าแล้ว ครูต้องแสดงความชอบในเรื่องการอ่านหนังสือให้แก่เด็ก หรืออาจจะไปอ่านหนังสือมาแล้วก็เล่าให้ เด็กฟังบางส่วน เพื่อจะทำให้เด็กอยากจะอ่าน เรื่องนั้นต่อ นอกจากนี้ครูภาษาไทยควรจะต้องส่งเสริมว่าเด็กจะนำภาษาไทยไปขยายสู่การเรียนรู้ในสาขาวิชาอื่นได้อย่างไร เช่น เด็กบางคนชอบวิทยาศาสตร์ก็ต้องแนะนำให้อ่านหนังสือดังกล่าว สำหรับภาษาต่างประเทศที่จะต้องนำมาเขียนด้วยอักษรไทย เช่น ภาษาจีนบางคำก็จะเขียนไม่ได้ บางครั้งเขียนไปครูภาษาไทยบอกว่าผิดภาษา จึงน่าจะมีกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อกำหนดว่าจะเขียน อย่างไร (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 28 ก.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





‘ภาวิช’ติง ปอมท.อย่าดึงมาตรฐานอุดมฯ

ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวถึงกรณีที่ที่ประชุมประธานสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ปอมท.) จะขอยับยั้งประกาศคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ (ผศ.) รองศาสตราจารย์ (รศ.) และศาสตราจารย์ (ศ.) พ.ศ.2549 ที่ระบุว่า การขอตำแหน่งนั้น ผู้ขอจะต้องทำผลงานวิชาการที่เป็นผลงานวิชาการร่วม โดยผู้ขอต้องมีส่วนร่วมในการทำผลงานวิชาการไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 และต้องเป็นผู้ดำเนินการหลักว่า การกำหนดมาตรฐานการเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการให้สูงขึ้นถือเป็นเรื่องปกติ เพราะเมื่อร่างประกาศใหม่ก็ต้องปรับหลักเกณฑ์ให้สูงกว่าเดิม เพื่อยกมาตรฐานอุดมศึกษาให้สูงขึ้น “ส่วนที่ ปอมท.เกรงว่าหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะทำให้ไม่เกิดความร่วมมือทางวิชาการ โดยเฉพาะถ้าผู้ทำวิจัยคนใดคนหนึ่งระบุว่ามีส่วนร่วมในผลงานวิจัยมากกว่าร้อยละ 50 ผู้ร่วมงานคนอื่นก็จะไม่ได้ผลงานนั้น ที่ผ่านมาประเทศไทยมีปัญหาอาจารย์ไม่ทำวิจัยเอง เพียงแค่เอาชื่อไปแปะไว้ในงานวิจัยคนอื่นก็ได้ตำแหน่ง ทางวิชาการกันแล้ว จึงทำให้จำนวนงานวิจัยในประเทศไม่เพิ่มขึ้น ประกอบกับหลักเกณฑ์การขอตำแหน่งทางวิชาการที่ผ่านมา กำหนดให้ผู้ขอเสนองานวิจัย หรือตำราก็ได้ จึงทำให้งานวิจัยไม่ค่อยมีคุณภาพ ดังนั้น ก.พ.อ.จึงปรับหลักเกณฑ์การขอตำแหน่งให้เข้มข้นขึ้น เช่น การขอตำแหน่ง รศ.จะต้องเสนองานวิจัยและตำราประกอบ ไม่ใช่เลือกที่จะเสนองานวิจัยหรือตำราประกอบเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งผมไม่รู้ว่าการที่ ปอมท.ไม่ชอบใจหลักเกณฑ์ดังกล่าว เพราะจะเอาชื่อไปแขวนไว้ไม่ได้อีกใช่หรือไม่ ทั้งที่การปรับหลักเกณฑ์นี้จะช่วยทำให้ระบบการศึกษาเข้มแข็งขึ้น ไมใช่เพื่อเอื้อต่อตัวบุคคล และเท่าที่เคยเห็นประเทศอื่นมีแต่จะผลักดันให้มาตรฐานคุณภาพอาจารย์สูงขึ้น แต่ที่นี่กลับจะปรับลดมาตรฐาน” (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 28 ก.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





เด็กแฉเรียนฟรีไม่จริงถ้าไม่จ่ายตกซ้ำชั้น

วันที่ 26 ก.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เครือข่ายการศึกษาเพื่อเด็ก และองค์การแอ็คชันเอดประเทศไทย ได้นำเสนอผลการศึกษาเรื่อง “การเข้าถึงสิทธิทางการศึกษาตาม พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติมาตรา 10 : กรณีศึกษาค่าใช้จ่ายการศึกษาที่แพงขึ้น” โดย น.ส.สุภรณ์ ปรีชาอนันต์ เจ้าหน้าที่ ว.8 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญมาตรา 43 ได้กำหนดให้รัฐต้องจัดการศึกษาแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง มีคุณภาพ และไม่เก็บค่าใช้จ่าย ซึ่งจากการวิจัยใน 175 เขตพื้นที่การศึกษา พบว่า โดยภาพรวมมีการจัดการศึกษาได้ทั่วถึง แต่เมื่อดูในรายละเอียดกลับ ยังกระจุกตัวในสถาบันที่มีชื่อเสียง ส่วนคุณภาพอยู่ในระดับปานกลาง ขณะที่ค่าใช้จ่ายรายหัวเพื่อให้เด็กเรียนฟรีจากรัฐบาลไม่พอเพียง โดยผู้ปกครองร้อยละ 72 ต้องจ่ายเพิ่ม และสถานศึกษาร้อยละ 72 มีการระดมทุนเพิ่มเติม อาทิ ค่าคอมพิวเตอร์ ค่าห้องสมุด ค่าเรียนพิเศษ รวมถึงค่าปรับภูมิทัศน์ให้สวยงาม และค่าทำความสะอาดห้องน้ำ แต่ที่ผ่านมารัฐไม่ทำความเข้าใจกับประชาชนให้ชัดเจนว่าการเรียนฟรี คือ ฟรีเฉพาะค่าเล่าเรียนเท่านั้น (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 28 ก.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





ทปอ.ย้ำปี 50 ต้องรับตรงลดลง

ศ.ดร.ปรัชญา เวสารัชช์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) กล่าวว่า ทปอ.ยังยืนยันมติที่ขอความร่วมมือมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ไม่ให้เพิ่มสัดส่วนการรับตรงในปีการศึกษา 2550 ขึ้นจากปี 2549 หากมหาวิทยาลัยใดที่รับตรงเกินกว่าร้อยละ 50 ก็ขอให้ลดลงมาไม่เกินร้อยละ 50 อย่างไรก็ตาม ทปอ.เข้าใจถึงความจำเป็นของมหาวิทยาลัยและรู้ว่ามติดังกล่าวเป็นเรื่องยากในการดำเนินการ จึงขอให้มหาวิทยาลัยพยายามลดสัดส่วนลงเรื่อย ๆ ไม่ได้ลดลงฮวบฮาบ เช่น ถ้าปีที่ผ่านมารับร้อยละ 80 ในปีหน้าก็ขอให้ลดลงเหลือ 75 และลดลงอีกในปีต่อไป ซึ่งได้มอบให้ รศ.ดร.วันชัย ไปหารือในรายละเอียดเรื่องสัดส่วนการรับนักศึกษาของแต่ละมหาวิทยาลัยให้ชัดเจนอีกครั้ง ประธานทปอ. กล่าวต่อไปว่า สำหรับการรับตรงในปีการศึกษา 2550 จะมีการดำเนินการจัดสอบ และประกาศผลในช่วงระยะเวลาเดียวกัน ซึ่งอาจจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน โดยในส่วนของการจัดสอบนั้นจะมีกระบวนการและแบบฟอร์มเดียวกัน โดยนักเรียนจะสมัครที่มหาวิทยาลัยใดก็ได้ เช่น นักเรียนสามารถสมัครที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อคัดเลือกระบบรับตรงของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ ทั้งนี้ภายหลังการประกาศผลและนักศึกษายืนยันสิทธิแล้ว จะส่งชื่อให้สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) ตัดชื่อออกจากการคัดเลือกระบบแอดมิชชั่นทันที ด้าน รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) ในฐานะประธานคณะทำงานจัดระบบการรับตรงและระบบแอดมิชชั่น กล่าวถึง กรณีที่ ทปอ. ขอความร่วมมือมหาวิทยาลัยที่จะรับตรงให้รับสมัครนักเรียนในช่วงเดียวกัน และประกาศผลพร้อมกันว่า เรื่องนี้จะต้องมีการประชุมกันระหว่างมหาวิทยาลัยที่จะรับตรง แต่การรับตรงของมหาวิทยาลัยภูมิภาคกับมหาวิทยาลัยส่วนกลางมีข้อจำกัดที่แตกต่างกัน จึงไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ ทปอ. ขอความร่วมมือจะมีทางเป็นไปได้หรือไม่ ส่วนที่จะให้มหาวิทยาลัยค่อย ๆ ปรับลดจำนวนการรับตรงให้เหลือ 50% ของจำนวนรับทั้งหมดนั้นก็ต้องหารือกันก่อน แต่ต้องไม่ว่ามหาวิทยาลัยมีอิสระที่จะเลือกวิธีการรับที่เหมาะสมกับตนเองได้ (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 28 ก.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





เดินหน้าตรวจข้อมูล ม.6 รับมือสอบโอเน็ต-เอเน็ต

รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ในฐานะประธานคณะทำงานจัดระบบรับตรงและระบบแอดมิชชั่น ของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยว่า คณะทำงานจะประชุมนัดแรกในวันที่ 31 ก.ค.นี้ ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า สิ่งที่ควรดำเนินการในการจัดการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐานหรือโอเน็ต และเอเน็ตคือ ควรแยกกระดาษคำตอบระหว่างข้อสอบปรนัยและอัตนัยเลิกการตอบข้อสอบปรนัยแบบกากบาท สแกนกระดาษคำตอบด้วยเครื่องที่ สกอ.เคยใช้ และพร้อมจะให้สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ยืมใช้ และสแกนขึ้นเว็บไซต์เฉพาะกิจ ทั้งกำหนดแนวทางการตรวจข้อสอบอัตนัยที่มีมาตรฐานคงเส้นคงวา สำหรับการเตรียมการสอบโอเน็ตนั้น เลขาธิการ กกอ. กล่าวว่า สทศ. เตรียมการวางแผนจัดสถานที่สอบแล้ว โดยให้มหาวิทยาลัยส่วนภูมิภาค 18 แห่ง สำรวจห้องสอบในแต่ละโรงเรียน ที่จะใช้ในการสอบแล้ว ทั้งตั้งกรรมการออกข้อสอบโอเน็ตเรียบร้อยแล้ว ส่วนการสมัครเอเน็ตของนักเรียนที่จบ ม. 6 แล้วนั้น จะยังคงให้สมัครผ่านเว็บไซต์ ปีนี้จะสมัครเร็วกว่าปีที่ผ่านมา คาดว่าจะสมัครได้ประมาณเดือน ต.ค.2549 พร้อมทั้งใช้เซิร์พเวอร์ของ สกอ. มาร่วมใช้ในการสมัคร เพื่อที่การสมัครผ่านเว็บไซต์จะได้ไม่มีปัญหา นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือไปยังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้เริ่มตรวจสอบฐานข้อมูลนักเรียน ม. 6 โดยเฉพาะเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก โดยให้ครูประจำชั้น ม. 6 ตรวจสอบเลข 13 หลักจากทะเบียนบ้านเด็ก โดยจะมี ผอ.ร.ร.เป็นผู้ควบคุมดูแลอีกระดับหนึ่ง หากดำเนินการได้ดังกล่าว ประกอบกับการสมัครสอบที่รวดเร็วขึ้น จะทำให้ สทศ. มีเวลาตรวจสอบข้อมูลให้เสร็จเรียบร้อยก่อนวันสอบโอเน็ต. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 28 ก.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


ไทยอวดฝีมือท่อระบายน้ำพลาสติกยักษ์

นายนภดล ธรรมนิยม ผู้ชำนาญการตลาด บริษัท วิค แอนด์ ฮุคลันต์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทผลิตท่อน้ำ Weho lite ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เมตร ทำจากพลาสติก เพื่อใช้เป็นท่อระบายน้ำแบบใหม่ โดยชูคุณสมบัติของพลาสติกที่คงทน สามารถโค้งงอได้ตามความต้องการ ต่างจากท่อปูน หรือท่อเหล็กที่ใช้กันในปัจจุบัน ท่อ Weho lite เหมาะสำหรับงานวางท่อใต้ดินและใต้น้ำ ทั้งในเมืองใหญ่ และนิคมอุตสาหกรรม อาทิ ท่อระบายน้ำ ท่อส่งก๊าซ โดยท่อพลาสติกมีคุณสมบัติทนต่อแรงกระแทก และการกัดกร่อนจากธรรมชาติ และไม่เป็นสนิม ในขณะที่ท่อปูนแตกหักง่าย แต่ราคาถูก ส่วนท่อเหล็กเมื่อใช้ไปนานๆ อาจเกิดสนิมทำให้รั่วไหลสร้างมลพิษให้แก่ดินและแหล่งน้ำ ท่อที่ผลิตขึ้นนี้ใช้เม็ดพลาสติกที่ผลิตได้ในประเทศ ซึ่งเป็นพลาสติก HDPE ที่มีอายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 50 ปี ทำให้ไม่ต้องขุดหน้าเดินเพื่อวางท่อใหม่เมื่อท่อเดิมรั่วซึม การบำรุงรักษาทำได้ง่าย โดยใช้วิธีเชื่อมต่อด้วยความร้อน หากท่อเกิดรอยรั่วหรือท่อแตก โดยตัวท่อได้ผ่านการทดสอบแรงดันและการบีบอัด จนได้รับการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) รวมถึงมาตรฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 24 ก.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





ศิริราชเปิดตัวอัลตราซาวนด์หัวใจ 360 องศา

การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและขดลวด หรือที่มักจะเรียกกันว่า การทำบอลลูนนั้นเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมเพราะไม่จำเป็นต้องผ่าตัดใหญ่ ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และช่วยให้ผู้ป่วยไม่ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลนาน แต่ก็มีข้อจำกัด คือ มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการหลอดเลือดหัวใจตีบซ้ำ ข้อมูลจากสมาคมศัลยแพทย์ทรวงอกแห่งประเทศไทย เมื่อปี 2546 แสดงให้เห็นว่า ภายในช่วง 3 ปี มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาโรคหัวใจเพิ่มขึ้นถึง 14.1% โดยอาการที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ อาการหลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและขดลวด หรือการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ เทคนิคการอัลตราซาวนด์หัวใจแบบใหม่ที่เรียกว่า IVUS (Intra Vascular Ultrasound) เป็นเทคนิคใหม่ที่ช่วยให้การตรวจสอบสภาพอุดตันของหลอดเลือดหัวใจมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยภาพที่ได้มีความละเอียดสูงและสามารถหมุนดูได้รอบ 360 องศา จึงมองเห็นผนังหลอดเลือดหัวใจและภายในหลอดเลือดหัวใจได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องผ่าตัด ช่วยให้ศัลยแพทย์หัวใจสามารถตรวจสภาพหลอดเลือดหัวใจ และดำเนินการขยายหลอดเลือดหัวใจตีบ รวมถึงติดตามผลการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนเทคนิค IVUS ประกอบด้วยเครื่องตรวจสอบสภาพหลอดเลือดหัวใจขนาดจิ๋ว ที่สามารถใช้เป็นตัวนำในการใส่บอลลูน และขดลวดเข้าไปภายในหลอดเลือดหัวใจได้ เมื่อใส่เครื่อง IVUS เข้าไปในหลอดเลือดหัวใจและดำเนินการอัลตราซาวนด์ จะทำให้แพทย์สามารถมองเห็นภาพตัดขวางภายในหลอดเลือดหัวใจได้อย่างชัดเจนแบบรอบด้าน 360 องศา เทคนิคดังกล่าวแพทย์สามารถตรวจสอบระดับการอุดตันภายในหลอดเลือดหัวใจของผู้ป่วยได้โดยละเอียด ทำให้วางแผนการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถใช้ IVUS เป็นตัวนำทางในการใส่บอลลูนและขดลวด ทำให้มองเห็นสภาพภายในหลอดเลือดในระหว่างที่ทำการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและฝังขดลวด ส่งผลให้การรักษามีประสิทธิภาพสูง และป้องกันการตีบซ้ำของหลอดเลือดหัวใจอย่างได้ผล โดยจากสถิติ การขยายหลอดเลือดหัวใจโดยใช้เทคนิค IVUS นี้มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิธีการรักษาแบบเดิมอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ดี เทคนิค IVUS นี้ยังเป็นเทคนิคที่ค่อนข้างใหม่ และต้องอาศัยความชำนาญของศัลยแพทย์หัวใจ จึงยังมีให้บริการเฉพาะในสถาบันการแพทย์โรคหัวใจชั้นนำเท่านั้น หนึ่งในจำนวนนี้ ก็คือ โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งมีศัลยแพทย์โรคหัวใจผู้เชี่ยวชาญจนได้รับการยอมรับ ให้ดำเนินการสาธิตการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและขดลวด โดยใช้เทคนิค IVUS ถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียมแก่ศัลยแพทย์โรคหัวใจในเอเชียที่ร่วมการสัมมนาทางการแพทย์ระดับภูมิภาคเอเชียที่ประเทศมาเลเซียในวันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคมนี้ จากอาคารศูนย์โรคหัวใจสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เพื่อเผยแพร่แก่ศัลยแพทย์โรคหัวใจทั่วเอเชีย (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 24 ก.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





'แขนกล'รับจ้างทำงาน

ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ ผู้อำนวยการหน่วยปฏิบัติการวิจัยประยุกต์ทางเทคโนโลยีหุ่นยนต์และชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ทีมงานได้พัฒนาแขนหุ่นยนต์ ที่ราคาถูก ใช้งานง่ายและประสิทธิภาพการทำงานสูง สำหรับใช้ในโรงงานขนาดเล็กที่ต้นทุนต่ำ แต่ต้องการใช้เครื่องจักร "แขนหุ่นยนต์ที่พัฒนาขึ้นนี้ มีข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับแขนหุ่นยนต์ทั่วไป โดยระบบควบคุมและระบบเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ ได้รับการออกแบบให้ไม่ซับซ้อน มีน้ำหนักเบาและราคาถูก ซึ่งเป็นผลจากการเลือกและประยุกต์ใช้วัสดุในประเทศเป็นหลัก"สำหรับแขนหุ่นยนต์ที่ใช้กันทั่วไป ส่วนใหญ่ใช้มอเตอร์เป็นอุปกรณ์หลักในการขับเคลื่อน ทำให้ตัวหุ่นมีน้ำหนักมาก ขณะที่แขนหุ่นยนต์ใหม่ ใช้อุปกรณ์ขับเคลื่อนแบบ 2 สถานะ อาศัยระบบอัดอากาศลูกสูบที่ทีมงานพัฒนาขึ้นในการขับเคลื่อนแทนการใช้มอเตอร์ ตลอดจนออกแบบใช้กลไกร่วมแบบกึ่งอนุกรมและขนาน สร้างระบบควบคุมขึ้นใหม่ เพื่อให้แขนหุ่นยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ยังได้ออกแบบข้อต่อราว 300 จุด โดยสามารถดัดแปลงส่วนปลายสุดของแขน ให้สามารถทำงานเฉพาะที่กำหนดได้ อาทิ ใช้เพื่อหยิบจับสิ่งของ หรือทำงานแทนคนในฝ่ายบัดกรีของอุตสาหกรรม ที่ต้องการความละเอียดของชิ้นงานสูง เป็นต้น (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 28 ก.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)





รับสมัครเศรษฐีเป็น 'มนุษย์ดาวเทียม' ปล่อยให้ออกไปเดินท่องในอวกาศ

บริษัทเอกชนที่รัฐเวอร์จิเนียของอเมริกา ซึ่งเคยส่งมหาเศรษฐีขึ้นไปทัศนาจรบนสถานีอวกาศ ในวงโคจรรอบโลกมาแล้ว 3 คน ด้วยค่าหัวคนละ 740 ล้านบาท ประกาศรับสมัครนักทัศนาจรอวกาศเที่ยวใหม่อีก ซึ่งคราวนี้จะมีโอกาสได้ออกไปเดินในอวกาศด้วย โดยจะต้องเสียค่าเดินทางแพงขึ้นกว่าหนก่อน อีกคนละ 555 ล้านบาท หัวหน้าผู้บริหารของบริษัทสเปซ แอดเวนเจอร์ จำกัด นายอีริก แอนเดอสัน กล่าวอวดว่า “มันนับเป็นสุดยอดของการเดินทางในอวกาศ แม้แต่มนุษย์อวกาศเองก็ยังน้อยคนที่จะได้ทำ” บริษัทสเปซคาดว่า จะสามารถจัดให้เดินทางได้ภายในเวลา 1 ปีนี้หรือเกินกว่าเล็กน้อย โดยจะส่งขึ้นไปกับจรวดนำส่งโซยูซ ให้ขึ้นไปค้างแรมบนสถานีอวกาศระหว่างประเทศเป็นเวลา 8 วัน ระหว่างนั้น จะได้ออกจากสถานีไปเดินในอวกาศ โดยมีมนุษย์อวกาศรัสเซียคอยเป็นพี่เลี้ยงด้วย นาน 90 นาที แต่ผู้จะเดินทาง จะต้องผ่านการฝึกอบรมเป็นมนุษย์อวกาศนานกว่าเดิมอีก 1 เดือน แทนที่จะแค่ 6 เดือนเหมือนแต่ก่อน. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 24 ก.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)





สร้างคอมฯเลียนแบบสมอง ชิ้นส่วนเสียก็ยังทำงาน ได้ไม่หยุด

นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ หวังจะสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์แบบใหม่ เรียกชื่อว่า “กล่องสมอง” ด้วยงบประมาณถึง 70 ล้านบาท ศาสตราจารย์สตีฟ เฟอเบอ แห่งคณะคอมพิวเตอร์ศาสตร์ แจ้งว่าเครื่องคอมพิวเตอร์สร้างขึ้น เพื่อให้ช่วยวิศวกรในการพัฒนาเครื่อง อิเล็กทรอนิกส์ โดยให้เลียนแบบการทำงานอย่างของระบบชีววิทยา เขาเผยว่า “สมองของเรานั้น แม้ว่าจะเกิดหน่วยประสาทองค์ประกอบจะขัดข้องบ่อย ก็ยังทำงานได้ ซึ่งวิศวกรรู้สึกทึ่งในเรื่องนี้มาก ในความคาดหวังที่จะสร้างคอมพิวเตอร์ที่มีความเชื่อถือได้มากขึ้น” เขาชี้แจงว่า กล่องสมองนี้จะใช้ไมโครโปรเซสเซอร์จำนวนมาก ทำงานเหมือนกับข่ายของหน่วยประสาทต่างๆ “เราต้องการใช้คอมพิวเตอร์หาความรู้ว่า สมองทำงานอย่างไร และเพื่อดูว่าจะอาศัยหลักทางชีววิทยามาช่วยเรา สร้างระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีคุณสมบัติ ยังคงทำงานต่อไปได้แม้จะมีชิ้นส่วนขัดข้องอยู่ก็ตาม”. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 24 ก.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)





แคปซูลจิ๋ว

บริษัท สมาร์ทพิลล์ (SmartPill) โชว์แคปซูลอิเล็กทรอนิกส์ ที่เหมือนโรงงานวิทยาศาสตร์ขนาดจิ๋ว เนื่องจากสามารถกลืนลงท้องเพื่อตรวจหาอาหารของการปวดท้องได้ ที่โรงงานผลิตของสมาร์ทพิลล์ในนิวยอร์ก (เดลินิวส์ พุธที่ 26 ก.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th/)





การเตือนภัยคลื่นสึนามิ

ศูนย์วิจัยภัยธรรมชาติ วิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต โดยการสนับสนุนของโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย จึงได้พัฒนาระบบการเตือนภัยคลื่นสึนามิ โดยใช้ระบบฐานข้อมูลเป็นแห่งแรกของประเทศไทย นอกจากนี้ยังประยุกต์ใช้เทคนิคทางด้าน Soft Com-puting ในการคำนวณความสูงคลื่นยักษ์เป็นแห่งแรกของโลกอีกด้วย โดยได้รับเชิญให้ไปนำเสนอบทความในการประชุมนานาชาติ AOGS 2006 (Asia Oceania Geosciences Society) ที่ประเทศ สิงคโปร์ระหว่างวันที่ 10-13 กรกฎาคมที่ผ่านมา อนึ่ง ฐานข้อมูลที่พัฒนาขึ้นครั้งนี้ครอบคลุมแหล่งกำเนินคลื่นสึนามิในพื้นที่ Andaman Microplate ที่เคยเกิดเหตุการณ์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ดังนั้นทันทีที่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวบริเวณดังกล่าว ระบบจะมองหาฐานข้อมูลที่สร้างไว้และนำเสนอเพื่อการตัดสินใจภายในเวลา 5 นาที จึงสามารถเตือนภัยให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ฐานข้อมูลที่พัฒนาขึ้น ยังมีความแม่นยำสูงด้วย ตัวอย่างฐานข้อมูลคลื่นสึนามิที่เกิดจากแผ่นดินไหวขนาด 9 ริคเตอร์ สำหรับชายฝั่งทะเลอันดามัน 13 แห่งของประเทศไทยแสดงไว้ข้างบน (เดลินิวส์ พุธที่ 26 ก.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th/)





เภสัชกรไทยเลี้ยงแบคทีเรียทำวัสดุปิดแผลเรื้อรัง

เภสัชกรสมบัติ รุ่งศิลป์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยนาโนเซลลูโลส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ทำวิจัยทดสอบประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์แผ่นเซลลูโลสชีวภาพ สำหรับปิดแผลเรื้อรังและแผลกดทับในผู้ป่วย โดยการทดสอบมีกำหนดเวลา 1 ปี จากนั้นจึงจะเข้าสู่ขั้นตอนการผลิตเพื่อจำหน่ายในลักษณะของเครื่องมือแพทย์ แผ่นเซลลูโลสชีวภาพนี้เป็นผลงานการพัฒนาของบริษัท เป็นการเพาะเลี้ยงแบคทีเรียสายพันธุ์ A.xylinum ในน้ำสับปะรด จากนั้นแบคทีเรียจะสร้างเส้นใยเซลลูโลส หลังจากได้เส้นใยแล้วต้องนำไปทำให้บริสุทธิ์ด้วยกระบวนการทางเคมี และฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูง จึงจะได้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประโยชน์ได้ โดยนอกจากจะใช้เป็นแผ่นปิดแผล ซึ่งสามารถใช้ได้กับบาดแผลทั่วไปทั้งแผลสด แผลกดทับ แผลเรื้อรัง แผลไฟไหม้ แต่เนื่องจากผลิตภัณฑ์ราคาแพงจึงไม่เหมาะใช้กับบาดแผลเล็ก ประโยชน์ของแผ่นเซลลูโลสชีวภาพ ยังใช้ได้กับอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง และอุตสาหกรรมด้านการดูดซับ เนื่องจากลักษณะเป็นเส้นใยขนาดเล็กเพียง 200 นาโนเมตร ที่สานกันเหมือนร่างแห จนเกิดรูพรุนขนาดเล็ก ทำให้เส้นใยมีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำได้ดีถึง 200 เท่า เหนียวแต่นุ่มนิ่มคล้ายวุ้น ทนต่อความเป็นกรดด่างและเคมี ให้ความรู้สึกเย็นเมื่อสัมผัส คุณสมบัติในการดูดซับน้ำนี้จะช่วยดูดซับน้ำเลือดน้ำเหลืองของแผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งดูดซับเนื้อตายบางส่วนออกมาด้วย ทำให้ลดความเจ็บปวดจากการขูดเนื้อตายทิ้ง ทั้งยังทำหน้าที่เป็นฉนวนหุ้มปลายประสาทที่อยู่ลึกลงไปใต้ชั้นผิวหนัง จึงลดอาการปวดแผลได้ด้วย (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 28 ก.ค. 2549 http://www.Bangkokbiznews.com)





เครื่องแยกไข่แดง-ไข่ขาวหนุนครัวไทยครัวโลก

นักศึกษาชั้น ปวช. 3 คณะอุตสาหกรรมเกษตร สาขาคหกรรม วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีตรัง ร่วมกับอาจารย์ที่ปรึกษาคือ นายสุธา เจริญพงศ์เวช หัวหน้าคณะอาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์คณะวิชาพื้นฐาน นางกันยา เจริญพงศ์เวช อาจารย์คณะอุตสาหกรรมเกษตร และนายทัศชัย อินทร์วิเศษ อาจารย์คณะวิชาพื้นฐาน คิดค้น "เครื่องแยกไข่แดง-ไข่ขาว" โดยนำลวดสแตนเลส มาพันเป็นเกลียวขดลวด ที่มีความเอียง 15 องศา ซึ่งอาศัยหลักของแรงโน้มถ่วงโลก และความลาดเอียงของขดลวด ในการแยกไข่แดงออกจากไข่ขาว ประกอบกับคุณสมบัติของไข่แดง ที่มีเยื่อหุ้มเหนียวกว่าไข่ขาว จึงทำให้ไข่ขาวสามารถหลุดออกจากไข่แดง แล้วไหลลงมาตามช่องของขดลวดได้โดยง่าย จึงทำให้การแยกไข่แดงและไข่ขาวกระทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เมื่อนำไปทำอาหารหรือขนม ก็สะดวก สะอาด ปลอดภัย และประหยัดพลังงาน รวมทั้งยังเป็นไปตามจุดประสงค์หลักในการคิดค้น ที่เพื่อต้องการให้นำไปใช้ในการประกอบอาชีพด้านการอาหาร โดยเน้นเรื่องของสุขาภิบาลเป็นหลักสำคัญ เป็นการตอบสนองนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกของรัฐบาล และสำนักคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ตลอดจนเป็นนวัตกรรมที่ทำให้เกิดจากการเรียนรู้ โดยใช้เทคโนโลยีทางขบวนการวิทยาศาสตร์ สำหรับการประดิษฐ์ "เครื่องแยกไข่แดง-ไข่ขาว" นั้น เป็นการนำแนวคิดมาจากการทำโครงงานทดลองขดลวด แล้วนำมาผสมผสานกับหลักการแรงโน้มถ่วงของโลก โดยการนำสแตนเลส ซึ่งเป็นวัสดุที่ไม่ทำปฎิกิริยากับสารอาหาร มาเป็นส่วนสำคัญในการประดิษฐ์เครื่องมือชิ้นนี้ แล้วนำไปให้ช่างประกอบเป็นรูปร่างดังที่เห็นกัน (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 28 ก.ค. 2549 http://www.Bangkokbiznews.com)





สอศ.เปิดตัวเครื่องจักรผลิตปุ๋ย

นายวีระศักดิ์ วงศ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวในพิธีเปิดงาน “เทคโนโลยีเครื่องจักรกลผลิตปุ๋ยอินทรีย์” ที่ศูนย์ฝึกอบรมวิศวกรรมเกษตร บางพูน จ.ปทุมธานี เมื่อวานนี้ๆ ว่าสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดงานครั้งนี้เพื่อสนับสนุนให้เกิดการผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตรขึ้นใช้เองภายในประเทศ เพื่อประโยชน์ต่อเกษตรกรไทยได้ใช้เครื่องจักรกลที่มีความเหมาะสมต่อสภาพพื้นที่การเพาะปลูก มีคุณภาพ ในราคาคนไทย และเพื่อเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนวิทยาการด้านการเกษตร และเผยแพร่ผลงานของนักศึกษาเกษตรสู่เกษตรกรไทย “สำหรับไฮไลน์ของงานจะอยู่ที่ เครื่องผลิตปุ๋ยอินทรีย์อัดเม็ด จากฝีมือของนักศึกษา อาชีวะ ที่สามารถผสมปุ๋ยให้เข้ากันและอัดเม็ดสำเร็จรูป ซึ่งสามารถบรรจุเก็บไว้ได้นาน และจำหน่ายเพื่อหารายได้เพิ่มเติมได้อีกด้วย ซึ่งมีต้นทุนเพียงเครื่องละ 2-3 หมื่นบาท ผลิตได้ 200 กิโลกรัมต่อชั่วโมง และหากมีการพัฒนาไปเรื่อยๆ ราคาเครื่องจักรจะถูกลง” เลขาธิการ กอศ.กล่าวและว่า ทั้งนี้ สอศ.ขอเชิญชวนผู้สนใจชมงานดังกล่าว โดยจะจัดแสดงเทคโนโลยี และผลิตผล ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรไปจนถึงวันที่ 31 ก.ค.ศกนี้ ซึ่งผู้เข้าชมงานจะได้รับแจก “ปุ๋ยดินดีใจ” ผลิตภัณฑ์ใหม่ของอาชีวะอีกด้วย (สยามรัฐ ศุกร์ที่ 28 ก.ค. 2549 http://www.saimrath.co.th)





ข่าววิจัย/พัฒนา


'นิด้า-จุฬา'คว้ารางวัลวิจัยพัฒนาพฤติกรรมไทยดีเด่นปี49

ศ.อานนท์ บุณยะรัตนเวช เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ(กวช.) เปิดเผยว่า ในปีนี้มีผู้ส่งผลงานการวิจัยและพัฒนาระบบพฤติกรรมไทยทั้งสิ้น 30 ผลงาน แบ่งเป็นรายงานวิจัย 13 เรื่อง และวิทยานิพนธ์ 17 เรื่อง มีผลงานจำนวน 8 เรื่องที่ได้รับรางวัล คือรางวัลผลงานวิจัยระดับดีมาก 1รางวัล จะได้รับเงินรางวัลจำนวน 80,000 บาท รางวัลผลงานวิจัยระดับดี 1 รางวัล ได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท แลวิทยานิพนธ์รางวัลชมเชยจำนวน 6 รางวัล จะได้รับรางวัลละ 10,000 บาท โดยจะมีพิธีมอบรรางวัลในวันพุธที่ 16 สิงหาคม 2549 ที่โรงแรมรามาการ์เด้น กรุงเทพฯ โดยนายชอบวิทย์ ลับไพรี รองเลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 24 ก.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





ยกแมวเป็นยามเฝ้าระวังหวัดนก ใช้เป็นสัญญาณเตือนไวรัสเอช 5 เอ็น 1 คุกคาม

ไวรัสหวัดนกสายพันธุ์เอช 5 เอ็น 1 ยังคงเป็นภัยคุกคามหลายประเทศในเอเชียอยู่ โดยล่าสุดพบเด็กอายุ 17 ปี ใน จ.พิจิตร เสียชีวิตด้วยไข้หวัดนก และมีรายงานพบไก่ติดเชื้อเอช 5 เอ็น 1 เสียชีวิตในหลายพื้นที่ นับเป็นการกลับมาของเชื้อมรณะครั้งใหม่ในรอบปีหลังจากห่างหายไปนาน เมื่อปี 2547 มีรายงานพบแมวบ้านติดเชื้อไข้หวัดนกในไทย และจากการเก็บตัวอย่างเลือดแมวมาตรวจล่าสุด พบแมวหลายตัวมีสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อต้านเชื้อหวัดนกอยู่ในร่างกาย จากการตรวจสอบเพิ่มเติมยังพบว่า เชื้อหวัดนกอาศัยอยู่ในลำไส้และอุจจาระแมว ซึ่งอาจปนเปื้อนในสภาพแวดล้อมและทำให้ไวรัสแพร่กระจาย โดยผลจากห้องแล็บและจากการตรวจสอบในพื้นที่สอดคล้องกัน นักวิจัยได้ทดสอบแมวต้องสงสัยในช่วงออกภาคสนามเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แถวเมืองเอียร์บิล ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของอิรัก หลังจากรับทราบรายงานว่า มีแมวตายจากการแพร่ระบาดของเชื้อเอช 5 เอ็น 1 ในตุรกีและอิรัก 1 เดือนก่อนหน้านั้น นักวิจัย กล่าวว่า เป็นที่เข้าใจกันว่า แมวอาจเป็นพาหะแพร่เชื้อหวัดนกได้ แต่แมวที่ติดเชื้อจะยังไม่ตาย มันจึงสามารถแพร่เชื้อต่อไปได้ ต่างจากไก่ ซึ่งเมื่อติดเชื้อแล้วจะตายในเวลารวดเร็ว เชื้อจึงไม่แพร่ระบาดไปไกล อย่างไรก็ดี โฆษกองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) กล่าวว่า รายงานวิชาการดังกล่าวซึ่งตีพิมพ์ลงในวารสารโรคติดเชื้อเกิดใหม่ฉบับเดือนสิงหาคม ยังไม่มีผลให้องค์การอนามัยโลกต้องเปลี่ยนจุดยืนเกี่ยวกับการเฝ้าระวัง โดยชี้ว่า ณ ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานที่แสดงว่า แมวมีบทบาทสำคัญในการแพร่ระบาดเชื้อเอช 5 เอ็น 1 และไม่มีกรณีคนติดเชื้อหวัดนกผ่านทางแมวด้วย ถึงกระนั้น การค้นพบล่าสุดนี้แสดงให้เห็นว่า ในการเฝ้าระวังการระบาดของหวัดนกอาจใช้แมวเป็นยามเฝ้าระวังได้ เนื่องจากหลายพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลเมืองยังขาดแคลนบุคลากรและเครื่องมือในการตรวจหาเชื้อหวัดนกเอช 5 เอ็น 1 ดังนั้น เมื่อสังเกตพบมีนก หรือแมวตายผิดสังเกตพร้อมกัน ก็ให้ตั้งข้อสงสัยและเฝ้าระวังไว้ก่อนเลย แต่ท้ายที่สุดยังจำเป็นต้องส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ดี (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 28 ก.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)





ม.เกษตรประยุกต์'เคมีคอมพ์'ออกแบบยาเอดส์

รองศาสตราจารย์ ดร.สุภา หารหนองบัว อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยถึงการค้นคว้าหาสารยับยั้งเชื้อเอดส์ ที่เพิ่งได้รับทุนวิจัย ลอรีอัล ประเทศไทย เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์ ว่า การศึกษาวิจัยครั้งนี้เป็นการค้นคว้าที่ได้จากวิธีเคมีคอมพิวเตอร์ หรือใช้การจำลองโมเดลในคอมพิวเตอร์ เพื่อคำนวณโครงสร้างโมเลกุลของยา แปรออกมาเป็นค่าตัวเลข และสมบัติของโมเลกุล แล้วคำนวณพลังงานของยาที่ไปจับกับเอนไซม์ จากนั้นจึงนำความรู้ความเข้าใจมาพัฒนาว่า โมเลกุลตัวไหนที่สามารถยับยั้งเชื้อที่มีปฏิกิริยาต่อเอนไซม์ดังกล่าว ซึ่งก็มีโมเลกุลหลายกลุ่มที่ได้ผล แต่กลุ่มที่เลือกนำมาพัฒนาอยู่ในกลุ่มยา ที่แพทย์ใช้รักษาคนไข้โรคเอดส์อยู่แล้ว เพื่อนำมาพัฒนาให้ดีขึ้น หรือสามารถยับยั้งเชื้อโรคเอดส์ได้โดยไม่เกิดการดื้อยา "การนำระบบคอมพิวเตอร์มาใช้ในการศึกษาค้นคว้า ช่วยให้การศึกษาวิจัยมีความเสี่ยงน้อย และไม่ต้องลองผิดลองถูก ซึ่งใช้เวลามากและผลออกมาอาจยังไม่มีความชัดเจนเหมือนในอดีต เพราะคอมพิวเตอร์จะช่วยคัดเฉพาะโมเลกุลที่มีปฏิกิริยาตามที่ต้องการมาศึกษาเท่านั้น และยังช่วยย่นระยะเวลาการทดลองให้น้อยลง ปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้น ผลที่ได้ชัดเจนและใกล้ความจริงมากขึ้น" นักวิจัย กล่าว ในการออกแบบโครงสร้างของตัวยับยั้งเอนไซม์ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นนี้ คณะผู้วิจัยได้ร่วมมือกับกลุ่มนักวิจัยเคมีสังเคราะห์ เพื่อสังเคราะห์สาร และนำสารไปทดสอบฤทธิ์ทางชีวภาพ และต่อไปการพัฒนางานวิจัยซึ่งอาจนำไปสู่การพบสารออกฤทธิ์ที่ดีต่อเอนไซม์ที่มีการกลายพันธุ์ ซึ่งอาจนำไปสู่การจดสิทธิบัตร รวมทั้งการสร้างนักวิจัยรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพสูงในระดับปริญญาโทและเอกด้านเคมีคอมพิวเตอร์และเคมีทางยาในไทย" (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 24 ก.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





มจธ.พัฒนาแขนกลอัตโนมัติเพื่อคนพิการ

นายรุจิศักดิ์ เมืองสง นักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมระบบควบคุมและเครื่องมือวัด คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และทีมงานได้ช่วยกันออกแบบและพัฒนาแขนกลหุ่นยนต์จนได้ต้นแบบแขนกล เพื่อนำมาพัฒนาต่อสำหรับใช้แทนแขนจริง สำหรับผู้พิการแขนขาด ให้สามารถช่วยดูแลตัวเองได้มากขึ้น แขนเทียมสำหรับคนพิการที่ใช้ในปัจจุบันไม่สามารถเคลื่อนไหวและใช้งานได้จริง เพียงแต่นำมาสวมหลอกไว้เท่านั้น ทีมวิจัยจึงได้เริ่มต้นศึกษา และออกแบบแขนกลหุ่นยนต์ขึ้นจากวัสดุที่หาได้ทั่วไป โดยในรุ่นแรกทีมงานใช้โลหะเป็นชิ้นส่วนหลักในการขึ้นรูปฝา มือ ประกอบกับติดตั้งมอเตอร์ 9 ตัว ติดตามข้อต่อบริเวณนิ้วมือ เพื่อช่วยในการเคลื่อนไหว แขนกลที่ทีมงานพัฒนาขึ้นนี้เป็นรุ่นที่ 2 มีขนาดเล็กลงกว่ารุ่นแรกที่ใช้มอเตอร์หลายตัว และยังได้นำลวดชนิดพิเศษที่เรียกว่า "โลหะจำรูป" ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศมาใช้งานร่วมด้วย โลหะดังกล่าวมีความสามารถในการเปลี่ยนรูปตัวเองเมื่อได้รับอุณหภูมิความร้อนที่เปลี่ยนแปลง ที่ผ่านมาวัสดุดังกล่าวมาใช้ในงานผลิตขาแว่นตาชนิดพิเศษที่สามารถงอได้ และใช้ในวัสดุทำลวดดัดฟัน เป็นต้น “ทีมงานได้ศึกษาวิธีการขึ้นรูปของโลหะชนิดดังกล่าว โดยหวังที่จะใช้เป็นวัสดุหลักในการพัฒนาแขนหุ่นยนต์ เนื่องจากสามารถงอตัวได้คล้ายกับมอเตอร์ แต่ในเบื้องต้นยังพบว่าความคล่องตัวในการเคลื่อนไหวนิ้วของลวดชนิดนี้ยังไม่ดีพอเมื่อเทียบกับการใช้มอเตอร์ ซึ่งทีมงานจะต้องพัฒนาต่อไป” เจ้าของผลงานกล่าว นายวุฒิชัย พลวิเศษ อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ กล่าวว่า ในอนาคตทีมงานตั้งเป้าที่จะพัฒนาระบบควบคุมแขนหุ่นยนต์ให้สามารถควบคุมด้วยแขน ผ่านเซ็นเซอร์ควบคุมที่กำลังพัฒนา โดยในเบื้องต้นกำลังอยู่ในขั้นตอนการทดลองควบคุมด้วยคำสั่งเสียง เพื่อนำไปแสดงในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์เดือนสิงหาคมนี้” อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการกล่าว ทีมงานคาดว่าจะใช้เวลาในการพัฒนาอีกประมาณ 5 ปี หรือมากกว่านั้นเพื่อให้แขนกลใช้งานได้จริง พร้อมทั้งร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ หน่วยงานทางไบโอเทคโนโลยี และหน่วยงานทางวัสดุ เพื่อพัฒนาแขนกลให้สามารถใช้งานจริงได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 24 ก.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





ฟีโบ้เปิดตัวหุ่นยนต์เสมือนคนรุ่น 2

นายบัณฑูร ศรีสุวรรณ นักศึกษาปริญญาโทจากภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เปิดเผยว่า หุ่นยนต์เสมือนคน หรือหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ เป็นผลงานการพัฒนาร่วมกับเพื่อนนักศึกษาจากสถาบันวิชาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (ฟีโบ้) โดยได้พัฒนาขึ้นมา 2 ตัว ตัวแรกชื่อว่า "ใจดี" ส่วนตัวที่สองชื่อ "จี๊ด" หุ่นยนต์ใจดีสามารถทำตามคำสั่งแบบอัตโนมัติ สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างคล่องตัว รวดเร็วและมีน้ำหนักเบา เนื่องจากโครงสร้างตัวหุ่นทำจากโลหะผสมอะลูมิเนียมแบบแผ่นบาง โดยใช้มอเตอร์ทั้งหมด 22 ตัว ช่วยควบคุมท่าทางการเดิน ตลอดจนควบคุมสัญญาณจากไจโรเซ็นเซอร์ ในการวัดมุมขณะที่หุ่นยนต์เอียงตัวไปในทิศทางต่างๆ เพื่อประมวลผลให้หุ่นยนต์ปรับท่าทางและรักษาเสถียรภาพในการเดินป้องกันการล้ม ทั้งยังได้พัฒนาระบบวางแผนการวางเท้า โดยติดเซ็นเซอร์วัดระยะให้หุ่นยนต์สามารถตัดสินใจเองได้ว่า ควรก้าวเท้าในระยะเมื่อมองเห็นเป้าหมาย หรือหยุดเมื่อพบสิ่งกีดขวาง “ขณะที่หุ่นยนต์ตัวที่สอง หรือ “จี๊ด” ถือเป็นฮิวแมนนอยด์รุ่นที่สอง ที่ได้ปรับลดความเร็วในการก้าวเดินของ "จี๊ด" ให้ช้ากว่าหุ่นยนต์รุ่นแรก เพราะใจดีเดินเร็วทำให้เสียการทรงตัวและล้มง่าย สำหรับการแข่งขันในปี 2550 ทีมงานตั้งใจที่จะพัฒนาให้หุ่นยนต์เสมือนคนรุ่น 3 ที่สามารถเดินได้เร็วขึ้นในอัตรา 10-20 เมตรต่อนาที โดยไม่เสียการทรงตัว พร้อมทั้งเพิ่มเซ็นเซอร์วัดความเร่ง ตลอดจนเซ็นเซอร์วัดแรงที่เท้า ซึ่งจะช่วยปรับท่าทางการเดินให้เหมือนคนยิ่งขึ้น” หัวหน้าทีม กล่าว ทั้งนี้ หุ่นยนต์ใจดีและจี๊ด ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 3 มาครอง จากเวทีโอลิมปิกหุ่นยนต์ ประเทศเยอรมนี ขณะที่ทีมโอซากา คิดส์ จากประเทศญี่ปุ่นได้รางวัลชนะเลิศ, ทีม NimbRo จากประเทศเจ้าภาพ เยอรมนี กับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 และทีมโอซากา ทีน จากประเทศญี่ปุ่น กับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 24 ก.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





นักธุรกิจพัฒนารีโมตแอร์ประหยัดพลังงาน

นายพิสิษฐ์ จันเตมีย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท บิลเลี่ยนซายน์ จำกัด กล่าวว่า ระบบประหยัดพลังงานเครื่องปรับอากาศที่บริษัทคิดค้นนี้ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของคอมเพรสเซอร์มาเป็นการจัดการชั่วโมงการทำงานของคอมเพรสเซอร์แทน ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่มาทดแทนตัวตัดอุณหภูมิ (เทอร์โมสตัต) เป็นการเปลี่ยนวิธีคิดจากการใช้เทอร์โมสตัตควบคุมการเปิดปิดคอมเพรสเซอร์แอร์ ซึ่งใช้เงื่อนไขของอุณหภูมิในการเปิด/ปิดการทำงานของคอมเพรสเซอร์" โดยไม่ได้ใช้อุณหภูมิจากการตั้งเทอร์โมสตัตมาเป็นตัวกำหนดในการตัดและต่อการทำงานของคอมเพรสเซอร์เพียงอย่างเดียว แต่ใช้อุณหภูมิอากาศกลับ (return temp) มาวิเคราะห์เพื่อหาอัตราการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ เพื่อมากำหนดช่วงเวลาการทำงานของคอมเพรสเซอร์ให้เปิดการทำงานนานหรือสั้นตามภาวะของอุณหภูมิห้อง (heat load) เทอร์โมสตัตปัจจุบันใช้ค่าอุณหภูมิอากาศกลับเป็นตัวพิจารณาการเปิดและตัดคอมเพรสเซอร์ ยกตัวอย่าง กรณีตั้งอุณหภูมิไว้ 25 องศาเซลเซียส คอมเพรสเซอร์จะตัดเมื่ออุณหภูมิทำงานถึงระดับดังกล่าว แต่ถ้าอุณหภูมิเย็นไม่ถึงค่าที่ตั้งไว้คอมเพรสเซอร์ก็จะทำงานไปเรื่อยๆ ทำให้เกิดการสิ้นเปลือง "ข้อจำกัดของวิธีคิดแบบนี้ ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานในระบบเครื่องปรับอากาศคือ ถ้าอุณหภูมิอากาศกลับเข้าเครื่องปรับอากาศไม่สามารถถูกทำให้ถึงจุดที่ทำให้คอมเพรสเซอร์ตัดการทำงาน คอมเพรสเซอร์จะทำงานไปเรื่อยๆ ระบบใหม่จึงใช้ "ระบบเวลา" ควบคุมการทำงานของคอมเพรสเซอร์แทน ระบบ time control หรือ duty cycle control เป็นการควบคุมเวลาการทำงานของคอมเพรสเซอร์ ให้เปิดปิดการทำงานของคอมเพรสเซอร์สั้นยาวตามสภาวะการเปลี่ยนแปลงของความร้อนที่เกิดขึ้น ถ้าความร้อนในห้องมาก เครื่องจะตั้งเวลาให้ทำงานนานขึ้น ถ้าความร้อนน้อยวงจรจะลดเวลาการทำงานให้สั้นลง ข้อดีก็คือ ความเย็นส่วนเกินที่เคยเกิดขึ้นจากระบบเทอร์โมสตัตถูกทำให้ลดลง เท่ากับว่าคอมเพรสเซอร์ทำงานน้อยลงทำให้ประหยัดพลังงาน" ระบบประกอบด้วยชุดคำนวณและกำหนดเวลาให้สัมพันธ์กับอุณหภูมิห้อง และชุดรีโมต ซึ่งแสดงค่าการประหยัดพลังงานให้ผู้ใช้ได้เห็นประสิทธิภาพของระบบ อุปกรณ์ดังกล่าวยังได้รับรางวัลรองชนะเลิศ ประเภทสิ่งประดิษฐ์ประหยัดพลังงาน ในงานถนนเทคโนโลยี 2549 เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 24 ก.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





จุฬาฯ ออกแบบปั่นจักรยานเสมือนจริง

กลุ่มนิสิตทีมซีพี8299 จากภาควิชาวิศวคอมพิวเตอร์ ชั้นปี 3 คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ช่วยกันพัฒนาซอฟต์แวร์แข่งปั่นจักรยานออนไลน์เพื่อสุขภาพ โดยไม่ต้องขี่จักรยานออกไปนอกบ้านเสี่ยงอันตราย หรือขับรถไปใช้บริการตามเฮลธ์คลับ นายวีนนาท มงคลมาลย์ หัวหน้าทีม เปิดเผยว่า ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นนี้ได้เชื่อมโยงจักรยานออกกำลังกายเข้ากับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และออกกำลังกายผ่านเวบเซอร์วิส ดังนั้นผู้ใช้โปรแกรมสามารถออกกำลังกายร่วมกับคนจากทุกมุมโลกได้โดยไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของสถานที่ เพียงมีจักรยานหนึ่งคัน ที่ติดอุปกรณ์เสริมเพื่อให้จักรยานสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้ โดยอุปกรณ์เสริมนี้สามารถประดิษฐ์ได้ง่ายและใช้ต้นทุนเพียง 350 บาท สำหรับโปรแกรมที่ออกแบบขึ้นนี้จะทำงานใน 2 ลักษณะ คือส่วนเก็บข้อมูล ส่วนจัดการระบบนัดหมาย ระบบสมาชิก และระบบการประมวลเชิงสถิติ ระบบการแข่งขันแบบออนไลน์ ระบบคำนวณพลังงานที่ใช้ในการออกกำลังกาย พร้อมทั้งประมวลผลข้อมูลเพื่อส่งไปแสดงผลในเชิงสถิติในรูปแบบแผนภูมิกราฟ “ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นสามารถบันทึกข้อมูลการปั่นจักรยานในแต่ละวันลงในฐานข้อมูล ที่สามารถเรียกดูได้ทันที ทั้งนี้เพื่อเป็นการตรวจสอบพัฒนาการในการออกกำลังกายที่ผ่านมาเพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้น พร้อมทั้งสามารถวัดเวลา ระยะทาง รวมถึงความเร็วในการปั่น เก็บไว้ในระบบออนไลน์” เจ้าของผลงานกล่าว ผลงานการพัฒนาแอพพลิเคชั่นซอฟต์แวร์ชื่อว่า "Arogya Web Services" เพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนหันมาออกกำลังกายชิ้นนี้ เป็นการร่วมกันพัฒนาของประกอบด้วย นายวีนนาท มงคลมาลย์, นายวรวงษ์ รามางกูร, นายกิตติพัฒน์ วิโรจน์ศิริ และนายปรัชญ์ ผลาภิรมย์ โดยโปรแกรมนี้พัฒนาขึ้นเพื่อหวังที่จะสร้างแรงจูงใจให้คนหันมาออกกำลังกายกันให้มากขึ้น ผลงานดังกล่าวทำให้ทีมนิสิตซีพี 8299 คว้ารางวัลชนะเลิศ จากการแข่งขัน Imagine Cup ซึ่งจัดโดยบริษัทไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีนักศึกษากว่า 500 คน จาก 26 สถาบันการศึกษาทั่วประเทศร่วมส่งผลงานเข้าประกวด โดยได้รับเงินรางวัลมูลค่า 100,000 บาท ตลอดจนได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันในเวทีโลก ที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดียในเดือนสิงหาคมนี้ ร่วมกับทีมเยาวชนจาก 90 ประเทศทั่วโลก ซึ่งในเวทีดังกล่าวมีเงินรางวัลรออยู่ถึง 250,000 เหรียญสหรัฐ (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 24 ก.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





ปูนซิเมนต์ไทยสร้างกระเบื้องกลิ่นบำบัด

นายเทวินทร์ วรรณะบำรุง ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ คอตโต้สตูดิโอ เครือปูนซิเมนต์ไทย เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ชุดกระเบื้องเนื้อหินทรายและกระเบื้องส่งกลิ่นหอม เป็นผลงานการออกแบบและพัฒนาจากฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์กระเบื้องคอตโต้ ควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตของทีมวิศวกร ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าและขยายตลาดไปยังลูกค้าต่างประเทศ โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังได้รับรางวัลนวัตกรรมจากเครือปูนซิเมนต์ไทย และรางวัลดีไซเน็ต จากนิทรรศการด้านวัสดุก่อสร้างตกแต่งที่ประเทศออสเตรเลีย หลังจากทีมนักออกแบบได้คิดค้นกระทั่งได้คำตอบที่ลงตัวแล้ว ได้ประสานกับทีมวิศวกรผลิต ซึ่งได้คิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตชุดกระเบื้องดังกล่าว แทนการนำเข้าเครื่องจักรต่างประเทศ โดยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นนี้ทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท มีจุดขายที่แตกต่างจากกระเบื้องเนื้อหินทรายจากผู้ผลิตรายอื่น ขณะที่เทคโนโลยีผลิตกระเบื้องเนื้อหินทราย ที่ทีมวิศวกรของบริษัทคิดค้นสามารถทำให้หินทรายแทรกอยู่ภายในเนื้อกระเบื้อง และเมื่อเกิดรอยขูดขีดหรือแตกหักก็ยังเห็นลักษณะของหินทรายแทรกอยู่ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ยังมีคุณสมบัติเปอร์เซ็นต์การดูดซึมน้ำต่ำกว่าหินทรายธรรมชาติ ทนต่อแรงขูดขีดสูงโดยวัดค่าความแข็งแกร่งได้สูงกว่าหินทรายธรรมชาติ ทนต่อการกัดกร่อนของกรดด่าง น้ำหนักเบา ทั้งยังควบคุมเฉดสีหรือริ้วหินทรายที่แทรกในเนื้อกระเบื้องได้ตามความต้องการ โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยออกแบบ จึงรองรับการใช้งานหลากหลาย ทั้งเป็นวัสดุตกแต่ง วัสดุปูพื้นและบุผนัง (กรุงเทพธุรกิจ จันทร์ที่ 24 ก.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





กินคาเฟอีนเหนือกว่ากินน้ำตาลแก้ง่วงให้คงรู้สึก ตื่นตัวอยู่เสมอ

นักวิจัยของมหาวิทยาลัยลอนดอนโบโร ได้พบว่า ในการทดสอบการมีสมาธิผู้รับการทดสอบที่ได้กินเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลต่ำแต่คาเฟอีนสูง จะทำคะแนนดีกว่าผู้ทดสอบกินเครื่องดื่มที่ใส่น้ำตาลมาก ทั้งยังพบว่าผู้ทดสอบที่ดื่มพวกเครื่องดื่มบำรุงพลังงาน ซึ่งกล่าวกันว่า ทำให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็ไม่อาจป้องกันไม่ให้เกิดอาการง่วงเหงาหาวนอนขึ้นได้ คณะนักวิจัยยังเปิดเผยผลการศึกษาต่อไปว่า ผู้ทดสอบที่กินเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงแต่ คาเฟอีนต่ำ เมื่อต้องทำการทดสอบมากครั้งขึ้นจะยิ่งได้คะแนนน้อยลง จึงสรุปว่า เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนจะช่วยให้เกิดความตื่นตัวได้ดีกว่าเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 24 ก.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)





ปั๊มเด็กให้ออกกำลังกายเต็มชั่วโมงกันโรคหลอด เลือดหัวใจตอนผู้ใหญ่

คณะนักวิจัย คณะวิทยาศาสตร์การกีฬาในกรุงออสโลของนอร์เวย์ เผยในวารสารการแพทย์แลนเซทเรื่องผลของการออกกำลังกายทุกวันที่ศึกษากับเด็ก 1,732 คนในเดนมาร์ก เอสโตเนีย และโปรตุเกส มีทั้งเด็กอายุ 9 ขวบ และ 15 ปีว่า ยิ่งเด็กออกกำลังกายมากขึ้น ยิ่งมีความเสี่ยงเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจลดลง เด็กอายุ 9 ขวบ ที่ออกกำลังกายวันละ 116 นาที มีทั้งออกกำลังกายปานกลางและออกกำลังกายอย่างหนัก และเด็กวัยรุ่นอายุ 15 ปี ที่ออกกำลังกายวันละ 88 นาที เป็นกลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจน้อยที่สุด โรคหลอดเลือดหัวใจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้นๆในประเทศพัฒนาแล้ว เกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น ความดันเลือดสูง ระดับคอเลสเทอรอลสูง การไม่ออกกำลังกาย โรคอ้วน และเบาหวาน ปัจจัยเหล่านี้เกิดขึ้นได้ตั้งแต่ในวัยเด็ก. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 24 ก.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)





ทีเซลส์ผนึก11 สถาบันแจ้งเกิดบอร์ดวิจัยยาในคน

นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธี ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง 11 สถาบัน ในการจัดตั้งสำนักงานร่วมของคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการทำวิจัยในคนของประเทศไทย (Thailand Joint institutional Review Board : TJIRB ) ซึ่งตั้งอยู่ที่ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย (ทีเซลส์) ซึ่งต่อไปจะเป็นศูนย์กลางแห่งเดียวของประเทศในการดำเนินการเรื่องการศึกษาวิจัยในคน คณะกรรมการร่วมดังกล่าว จะทำหน้าที่ในการพิจารณาจริยธรรมโครงการศึกษาวิจัยพัฒนายาใหม่ การพัฒนาเทคโนโลยีการรักษาผู้ป่วย ที่จำเป็นต้องศึกษาทดลองในคน ที่มีลักษณะเป็นคณะกรรมการร่วมวิจัยจากหลายสถาบัน ( Multi Center Clinical Trial) ซึ่งต้องทำการศึกษาวิจัยในหลายพื้นที่ตั้งแต่ 3 แห่งขึ้นไป โดยสามารถยื่นขอทำวิจัยมาที่คณะกรรมการร่วมชุดนี้เพียงชุดเดียว สถาบันทางด้านการแพทย์ การวิจัย และสาธารณสุขที่ร่วมลงนามครั้งนี้ประกอบด้วย กระทรวงสาธารณสุข ทีเซลส์ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล คณะแพทยศาสตร์จาก 7 มหาวิทยาลัย ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) โรงพยาบาลรามาธิบดี และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ การจัดตั้งสำนักงานร่วมของคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรม จะช่วยให้การพิจารณาอนุมัติการทดลองระยะ 3 (clinical trial) รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด รวมทั้งพัฒนาศักยภาพ และกระบวนการพิจารณาการทำวิจัยในคนให้มีมาตรฐานระดับสากล (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 28 ก.ค. 2549 http://www.Bangkokbiznews.com)





วิศวกรออกแบบบ้านกันแผ่นดินไหว

สหรัฐออกแบบบ้านทนแผ่นดินไหว 6.7 ริคเตอร์ ติดโช้คอัพใต้บ้านเทียบเท่าโช้คอัพรถ 20 คันรวมกันเพื่อกระจายแรงสะเทือน บ้านตัวอย่างที่สร้างขึ้นมานี้เป็นบ้านโครงไม้สองชั้น มีเนื้อที่ 167 ตารางเมตร ออกแบบให้สามารถทนแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวรุนแรงได้ โดยติดตั้งเครื่องลดแรงสั่นสะเทือนซึ่งปกติแล้วจะใช้กับอาคารสูงและสะพาน แต่โครงการดังกล่าวนำมาประยุกต์ใช้กับบ้านโครงไม้เพื่อดูว่าจะช่วยลดผลกระทบตัวตัวบ้านได้มากน้อยแค่ไหน ผลที่ได้จะนำมาใช้เป็นออกแบบบ้านรุ่นใหม่ที่สามารถทนรับแรงสั่นสะเทือนได้ดียิ่งขึ้น ทีมวิจัยได้ทำการทดสอบโดยนำบ้านตัวอย่างที่สร้างไว้มาตั้งบนเครื่องจำลองแผ่นดินไหว โดยใช้ข้อมูลแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกิดในมลรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อสิบกว่าปีก่อนมาทดสอบ หลังทดสอบกับแรงสั่นสะเทือนรุนแรงดังกล่าวแล้ว ยังมีการทดสอบกับสภาพแรงสั่นสะเทือนขนาดเล็กในเดือนต่อไปด้วย โครงการนี้มีชื่อเต็มว่า เครือข่ายวิศวกรรมจำลองแผ่นดินไหว หรือ "นีส์วูด" มีงบประมาณโครงการ 1.2 ล้านดอลลาร์ (48 ล้านบาท) เริ่มดำเนินการทดลองมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เป้าหมายคือ หาแบบบ้านที่สามารถทนรับแรงสั่นสะเทือนได้ เหตุที่เลือกทดสอบกับบ้านโครงสร้างไม้เพราะยังเป็นตลาดที่ยังไม่ได้รับความสนใจมากนัก ทั้งที่บ้านหลายหลังที่ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่แผ่นดินไหวเป็นบ้านไม้ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 28 ก.ค. 2549 http://www.Bangkokbiznews.com)





ข่าวทั่วไป


สร้างปะการังเทียม เปิดโลกใหม่ให้สัตว์ทะเล

นายสำราญ รักชาติ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทะเลและชายฝั่งกล่าวว่า กรมฯ ได้จัด “โครงการจัดสร้างปะการังเทียม” ขึ้น ด้วยการนำวัสดุที่แข็งแรงทนทานมีน้ำหนักที่สามารถต้าน ทานกระแสน้ำได้มาวางรวมกันอย่างมีแบบแผน...เพื่อดึงดูดสัตว์น้ำให้เข้ามาอยู่อาศัย ช่วยให้สัตว์น้ำมีแหล่งอาหาร-แหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ ใช้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำทะเลธรรมชาติ โดยดำเนินการในหลายพื้นที่ อาทิ จังหวัดเพชรบุรี, ชุมพร, พังงา, ปัตตานี, นราธิวาส, ตราด, สุราษฎร์ธานี และในปี 2549 นี้ จะดำเนินการจัดสร้างปะการังเทียม ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์และชลบุรี ประโยชน์ของการจัดสร้างปะการังเทียม ยังช่วยตอบสนองการขยายตัวทางธุรกิจดำน้ำและ กิจกรรมการท่องเที่ยวในไทยที่เพิ่มมากขึ้น มีตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย 80-90% มาท่องเที่ยวทางทะเลมาก กว่าไปท่องเที่ยว (ไทยรัฐ พุธที่ 26 ก.ค. 2549 http://www.thairath.co.th/)





รู้วิธีดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม ไม่ให้เดินเที่ยวท่อง ล่องลอย

สมาคมโรคอัลไซเมอร์แห่งลอสแอนเจลิส ในสหรัฐฯ ได้ให้คำแนะนำแก่ผู้ดูแลดังต่อไปนี้ * ควรจะดูแลให้แน่ใจว่าผู้ป่วยอยู่ในที่ที่ สะดวกสบายเสมอ ไม่ปล่อยให้หิวหรือกระหายน้ำ * พยายามให้ผู้ป่วยได้ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อลดความเบื่อหน่าย ถ้าหาก ผู้ป่วยยังพอทำอะไรได้บ้าง อาจจะให้ช่วยงานบ้านเล็กน้อย เช่น ทำครัวเบาๆ หรือดูแลบ้านสักนิด * บอกผู้ป่วยให้ทราบว่ามีคนอยู่ใกล้ๆที่จะคอยช่วยเหลือเขาเสมอ * รักษาสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้สงบและผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงการทำเสียงดังและความรู้สึกสับสนที่จะทำให้ผู้ป่วยตกใจจนเตลิดหนีไป * ถ้าเป็นไปได้ควรจะปิดล็อกประตูเพื่อป้องกัน ไม่ให้ผู้ป่วยออกไปเดินตามถนนเองจนหลงทาง * ควรตระเตรียมแผนการเอาไว้หากเกิดกรณีผู้ป่วยออกไปเดินหลงทางข้างนอก โดยเตรียมข้อมูลที่เป็นปัจจุบันที่สุดเกี่ยวกับตัวผู้ป่วยเอาไว้ให้พร้อม เช่น น้ำหนัก ส่วนสูง และภาพถ่ายล่าสุด อีกทั้งควรมีรายการสถานที่ที่ผู้ป่วยเคยออกไปเดินหลงทางมาก่อนหน้านี้ หรือสถานที่ที่มักไปบ่อยๆ.(ไทยรัฐ จันทร์ที่ 24 ก.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)





ขุดอุโมงค์ผันน้ำ กระทบมรดกโลก

นางรตยา จันทรเทียร ผอ. มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร เปิดเผยว่า กรมชลประทานเตรียมเจาะอุโมงค์จากเขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี สร้างท่อส่งน้ำจากเขื่อนไปยังอ่างเก็บน้ำกระเสียว และอ่างเก็บน้ำขุนแก้ว จ.สุพรรณบุรี ภายใต้โครงการผันน้ำส่วนเกินจากลุ่มน้ำแม่กลองสู่ จ.อุทัยธานี โดยกรมชลประทานอ้างว่าเพื่อประโยชน์สำหรับเกษตรกรในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี และอุทัยธานี นางรตยากล่าวต่อไปว่า โครงการนี้จะเจาะอุโมงค์ ขนาดใหญ่ขนาดรถวิ่งได้ลอดใต้ภูเขาสูงของพื้นที่ลุ่มน้ำ 1 เอ และพื้นที่อุทยานแห่งชาติ 2 แห่ง คืออุทยานแห่งชาติศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี และอุทยานแห่งชาติพุเตย จ.สุพรรณบุรี การผันน้ำไปยังที่หมายอาจมีการนำเศษวัสดุที่ได้จากการขุดอุโมงค์จำนวนมากไปถมทิ้งในพื้นที่ใกล้แนวอุโมงค์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และแนวอุโมงค์ ส่งน้ำยังอยู่ใกล้กับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของประเทศ อีกทั้งระหว่างการก่อสร้างซึ่งใช้เวลานาน พื้นที่ป่าบริเวณดังกล่าวจะได้รับผลกระทบ “กรมชลประทานจ้างคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศึกษาความเหมาะสมเรียบร้อยแล้ว ทั้งโครงการใช้งบประมาณ 6,482.93-10,661.93 ล้านบาท แต่การก่อสร้างจริงน่าจะสูงกว่านี้ 3 เท่าคือประมาณ 30,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้ม แต่ได้รับความเห็นชอบจาก ครม.สัญจรที่ จ.นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2549 และอยู่ระหว่างทำรายงานการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ผืนป่าตะวันตกเป็นป่าอนุรักษ์ขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ 11.7 ล้านไร่ มีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 6 เขต อุทยานแห่งชาติ 11 แห่ง เชื่อว่าหากโครงการนี้เกิดขึ้น ป่าอนุรักษ์จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน” (ไทยรัฐ พุธที่ 26 ก.ค. 2549 http://www.thairath.co.th/)





‘คำสอนสมเด็จย่า’ข้อคิดทรงคุณค่าเพื่อลูกหลานไทย

กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้ขอพระราชทานพระอนุญาต สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อัญเชิญพระราโชวาทที่อยู่ในหนังสือเล่มต่าง ๆ มารวบรวมจัดพิมพ์เป็นหนังสือ “เรียนรู้คำสอนแม่ฟ้าหลวง พระราโชวาท ในสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี” ขนาดพกพา จำนวน 2 แสนเล่มเพื่อให้ประชาชนได้พกพาติดกระเป๋าไว้สอนลูกสอนหลาน หรือไว้อ่านเมื่อยามมีทุกข์ ท้อแท้ใจ จะได้นำปรับใช้ในการดำเนินชีวิต เมื่อหยิบหนังสือ เรียนรู้คำสอนแม่ฟ้าหลวงขึ้นมาอ่านทำให้รู้สึกว่า พระองค์อยู่เคียงข้างตัวเราเสมอ จากรอยยิ้มของพระองค์ที่อยู่บนปกหนังสือ สีแดง ซึ่งเป็นสีประจำพระองค์ เพราะทรงพระราชสมภพ ในวันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2443 ภายในเล่มมีภาพถ่ายเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ขณะทรงฉายพระรูปร่วมกับพระราชชนนี นอกจากนี้ยังมีภาพพระจริยาวัตร และพระราชกรณียกิจอันหลากหลายของสมเด็จย่า ซึ่งบางภาพเป็นภาพที่ทรงหอมแก้มพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บ่งบอกถึงความห่วงหาอาทรที่มีให้แก่กัน ถึงแม้ว่าลูกจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และเป็นถึงพระประมุขของชาติก็ตาม นอกจากภาพพระจริยาวัตรที่ตราตรึงในหัวใจเหล่าทวยราษฎร์แล้ว พระราโชวาทที่พระองค์พระราชทานไว้นั้น ยังทรงคุณค่ายิ่งเพราะพระราโชวาทเหล่านั้น ล้วนอยู่ในพระจริยาวัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะเรื่องของความพอเพียง ที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากพระองค์เอง ในการเป็นแบบอย่างให้เหล่าไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน สำหรับเนื้อหาในหนังสือ เรียนรู้คำสอนแม่ฟ้าหลวง ได้แบ่งพระราโชวาทออกเป็นหมวดหมู่ ได้แก่ หมวดของคนดี, ความถูกต้อง, ความรับผิดชอบ, ความจริงของชีวิต, ความพอดี, ความมีระเบียบวินัย, ความเข้มแข็ง, ความมีสติ, ความพยายาม, ความอดทน, การใช้จ่าย, การศึกษา, การอภิบาล, สิทธิเสรีภาพ, ศาสนา และหมวดจริยธรรม สำหรับผู้ที่ต้องการหนังสือ เรียนรู้คำสอนแม่ฟ้าหลวง ไว้ศึกษาและชื่นชมกับพระจริยาวัตรกันแบบเต็ม ๆ สามารถขอรับได้ที่กลุ่มประชาสัมพันธ์ และศูนย์บริการร่วม กระทรวงวัฒนธรรม โทร. 1765 หรือ 0-2422-8851-7 ในวันและเวลาราชการ ส่วนในภูมิภาคขอรับได้ที่ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทุกจังหวัด หรือส่งซองเปล่า จ่าหน้าซองถึงตนเอง พร้อมแนบแสตมป์ 5 บาทต่อ 1 เล่ม ส่งมายังกลุ่มประชาสัมพันธ์ กระทรวงวัฒนธรรม เลขที่ 666 ถนนบรมราชชนนี แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ10700 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป (เดลินิวส์ พุธที่ 26 ก.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th/)





เวบคนดี

กรมการศาสนาร่วมกับภาคเอกชนได้จัดตั้งโครงการเมืองไทยเมืองคนดี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและส่งเสริมให้บุคคล นักเรียน นักศึกษา หน่วยงาน และองค์กรต่างๆ ร่วมกันกระทำความดีตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ทุกคนในสังคมเล่าเรื่องการทำดีผ่านเวบไซต์ www.khondee.net เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์ของสังคมไทยปัจจุบัน นอกจากนี้ กรมการศาสนาซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการ จะประสานงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดและองค์กรต่างๆ พิจารณาผู้มีคุณสมบัติที่เหมาะสม สมควรได้รับการยกย่องประกาศเกียรติคุณ เพื่อนำประวัติของผู้ที่ทำความดีจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลของบุคคลที่ทำความดี และเผยแพร่ทางเวบนี้ด้วย หากคุณสนใจอยากจะแนะนำคนดีที่รู้จัก คลิกอ่านกฎกติกาก่อนลงมือกรอกรายละเอียด (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 28 ก.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)





เด็กไทยเจ๋ง คว้าเหรียญทองขับร้องประสานเสียงโอลิมปิกที่เมืองจีน

ประเทศไทยโดยกระทรวงวัฒนธรรม สมาคมขับร้องประสานเสียง หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้สนับสนุนส่งคณะขับร้องประสานเสียงเป็นตัวแทนประเทศไทย เข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกคณะนักร้องประสานเสียง World Choir Games 2006 ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 15-26 กรกฎาคม 2549 ที่เมืองเซียะเหมิน สาธารณรัฐประชาชนจีนนั้น เมื่อวันที่ 26 ก.ค. นายอภินันท์ โปษยานนท์ ผอ.สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย วธ.เปิดเผยว่า ในปีนี้มีตัวแทนประเทศไทย จำนวน 6 วงเข้าร่วมการแข่งขัน ปรากฎว่าวง St.John’s Choir จากมหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น สามารถคว้าเหรียญทองในประเภท Scenic Folklore ส่วน The Voice ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลทั่วไปได้รับเหรียญเงินจากประเภท Musica Contemporanea และอีก 1 เหรียญทองแดง จากประเภท Gospel & Spiritual ส่วนวง Payap Sacred Music Singers ได้รับ 2 เหรียญทองแดงจากประเภท Mixed Chamber Choirs และประเภท Musica sacra a cappella นายอภินันท์ กล่าวต่อไปว่า การแข่งขันครั้งนี้แบ่งออกเป็น 2 ช่วง โดยช่วงแรกระหว่างวันที่ 15-19 ก.ค. ที่ผ่านมาวง Wattana Girl’ s Chorus จากรร.วัฒนาวิทยาลัยทำได้ 2 เหรียญเงิน จากประเภท Youth Choir of Equal Voice (SSA) และประเภท Folklore with Instrumental Accompaniment และวงสวนพลูคอรัสได้ 1 เหรียญทองแดง จากประเภท Folklore A Cappella สำหรับวง The Montfort Boys’ Choir ได้รับรางวัลประกาศนียบัตรระดับ 8 ทำให้ตนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เยาวชนไทยสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ โดยได้แสดงความสามารถให้ชาวโลกเห็นว่าคนไทยก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าชาติไหน และถือว่าประสบผลสำเร็จอย่างยิ่ง เพราะทั้ง 6 วง สามารถคว้ารางวัลมาได้หลายประเภท รวม 1 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน 4 เหรียญทองแดง และประกาศนียบัตรระดับ 8 จากประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขันกว่า 70 ประเทศ และมีจำนวนคณะขับร้องประสานเสียงเข้าร่วมแข่งขันถึง 345 วง (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 28 ก.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





ยัน 'สุวรรณภูมิ' พร้อมเปิดใช้ เร่งเก็บงานห้องรับรอง-สนง.

พล.อ.ชัยนันท์ เจริญศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังตรวจเยี่ยมความพร้อมของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อรองรับการทดสอบเที่ยวบินพิเศษในวันที่ 29 ก.ค.นี้ ว่า ได้เร่งรัดให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการก่อสร้างและตกแต่งพื้นที่ในส่วนของห้องรับรองพิเศษและสำนักงานของสายการบินต่างๆ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.นี้ โดยระหว่างนี้จะให้สายการบินต่างๆ ใช้ห้องรับรองพิเศษของสายการบินไทยไปก่อน รมช.คมนาคม กล่าวว่า ในส่วนของภาพรวมการก่อสร้างทั้งหมด ยืนยันว่ามีความพร้อม 100 เปอร์เซนต์ ที่จะรองรับเที่ยวบินพิเศษในวันที่ 29 ก.ค. ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะโดยสารเครื่องบินของสายการบินไทยมาลงจอดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในเวลา 08.09 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และผู้รับเหมา ได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 1,000 คน เร่งดำเนินการตกแต่งพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมการทดสอบระบบและเที่ยวบินพิเศษในวันดังกล่าวอย่างเต็มที่ (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 28 ก.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215