หัวข้อข่าวปีที่ 7 ฉบับที่ 37 ประจำวันที่ 2006-09-11

ข่าวการศึกษา

เด็กไทยเจ๋งคว้ารองแชมป์แข่งหุ่นยนต์เอเชีย
สกอ.สรุปยอดสมัครวิชาเฉพาะพุ่ง 1.4 แสนคน
สทศ.เตรียมเผยแพร่แนวข้อสอบโอเน็ตอึ้งรร.กวดวิชารู้ก่อน
สมุทรสาครนำร่อง"ปฏิรูปการศึกษา"
ศธ.ประกาศมาตรฐานอุดมศึกษา
คลอดเกณฑ์มาตรฐานอุดมศึกษาเน้นความรู้คู่คุณธรรม

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

แนะผู้หญิงที่ยังไม่อยากมีลูก ฝากไข่แช่แข็งไว้ผสม วันหน้า
รอลุ้นแทบแย่ “แอตแลนติส” บินสู่อวกาศครั้งแรกในรอบ 7 ปีเสียที
นักบอลพรีเมียร์ลีกเริ่มฝาก “สเต็มเซลล์” เผื่อไว้ยามเจ็บป่วย
เฟอร์นิเจอร์จากแผ่นไม้อัดเปลือกส้ม-ตะไคร้ผสมหญ้าคา เปลี่ยนของน่าทิ้งเป็นของน่าใช้
“แอตแลนติส” เชื่อมสถานีอวกาศ ขนแผงโซลาร์เซลล์ต่อ
เผยภูมิปัญญามังกรโบราณ "โอ่งวัดแผ่นดินไหว" ในงานสัปดาห์วิทย์ 49
มข.ประดิษฐ์เครื่องเตรียมเนื้อเยื่อได้

ข่าววิจัย/พัฒนา

เบรก 50 โครงการวิจัยในอุทยานแห่งชาติ
ไบโอเทคเดินหน้าดัน "พืชจีเอ็ม" ทดสอบไร่นา ส่วนจะใช้หรือไม่ขึ้นอยู่กับผู้บริโภค
พบยีน “ทนน้ำท่วม” ในข้าว ยืดอายุไม่ให้ต้นเน่าได้ถึง 2 สัปดาห์
บ.ไบโอเทคไทยทำสารสกัดยีสต์ใช้เอง ทดแทนการนำเข้า ต่างชาติแห่รุมจีบ
คนไทยมีเอี่ยวทำ “โลกร้อน” สูงเป็นอันดับ 9
วว.ลุ้นสาหร่ายลาบไปนอก เอกชนรุมจีบขอรับสิทธิผลิตขาย
วว.ตั้งเป้าผลิตวิจัยสุขภาพคู่พลังงานทดแทน
5 นักวิจัยมหาสารคามทำระบบแอนตี้เว็บโป๊ ดึงเด็กไทยห่างจากภาพเปลือย
กินส้มจีนป้องกันโรคมะเร็งตับ ทดลองให้คนไข้โรค ไวรัสตับดื่ม
วช.เผยสหรัฐฯ ทึ่งสเต็มเซลล์ไทย เดินหน้าความร่วมมือ 2 ประเทศ
เตาเผาขยะติดเชื้อรุ่นประหยัด ลดสารก่อมะเร็งในควันไฟได้ด้วย
เต้าเทียมฟื้นสภาพจิตผู้ป่วยมะเร็ง

ข่าวทั่วไป

แนะมหา'ลัยให้บริการชุมชนอย่ายัดเยียด
เปิดตัว! ข้าวโพดหวานไทย 3 พันธุ์ใหม่
พบช้างพังพูดภาษาเกาหลีได้ 8 คำ ไม่แน่ใจรู้ความ หมายที่พูดหรือไม่
เปิดยุค "ชีวิตตั้งต้นเมื่ออายุ 100 ปี" ระดมวิทยา การใหม่ต้านความชรา
กศน.สอนทางไกลพระเครื่อง ปั้น"เซียนพระ"สืบทอดศิลป์ไทย
รพ.จุฬาฯ เปิดศูนย์เพ็ท-ซีที วินิจฉัยมะเร็งระยะเริ่มต้นจนหายขาด





ข่าวการศึกษา


เด็กไทยเจ๋งคว้ารองแชมป์แข่งหุ่นยนต์เอเชีย

เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ศูนย์ประชุมพุทรา เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย มีการจัดการแข่งขันหุ่นยนต์ “เอบียู เอเชีย แปซิฟิก โรบอต คอนเทสต์ 2006” โดยมีทีมหุ่นยนต์เข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 19 ทีม จาก 18 ประเทศ โดยประเทศไทย ส่งทีมหุ่นยนต์ “หอยหลอด” จากวิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม เข้าแข่งขันในประเภท “ตึกแฝดเฉียดฟ้าท้าพิชิต” ผลปรากฏว่า ทีมหอยหลอด สามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 โดยในนัดชิงชนะเลิศต้องแพ้ให้กับทีมจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีโฮจิมินห์ จากประเทศเวียดนาม นายสรัช ลี้เซ่งเอง นักศึกษา ปวส. 2 วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม ผู้บังคับหุ่นยนต์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจมาก เพราะตั้งเป้าไว้เพียงรอบ 8 ทีม สำหรับข้อผิดพลาดที่ทำให้ไม่ได้แชมป์ เพราะหุ่นยนต์ไปล้มในจุดที่จะสามารถทำคะแนนได้สูงสุด ซึ่งตามกติกาแล้ว สามารถเข้าไปขอซ่อมหุ่นได้ ในเวลา 20 วินาที แต่กรรมการให้เข้าไปแค่ 10 วินาทีเท่านั้น เลยทำให้ทีมเวียดนามเข้าไปวางบล็อกในจุดดังกล่าวได้ นอกจากนี้ยอมรับว่าหุ่นยนต์ยังมีจุดอ่อนเรื่องของการเคลื่อนไหว ที่ช้ากว่าทีมอื่นๆ ด้านนายนุกูล ฮวดรักษา อาจารย์ที่ปรึกษาด้านโครงสร้างทีมหุ่นยนต์ กล่าวว่า ใช้เวลาเตรียมตัว 2 เดือน โดยเดินทางมาเก็บตัวที่มาเลเซีย ขณะเดียวกันก็เขียนโปรแกรมที่ไทยควบคู่ไปด้วย การแข่งครั้งนี้ไม่ได้มุ่งหวังแต่เรื่องชัยชนะ แต่อยากให้นักเรียนได้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนานาชาติ เป็นเป้าหมายหลัก ส่วนเรื่องชัยชนะเป็นเป้าหมายรอง การแข่งของทีมจึงเน้นการเล่นแบบมีน้ำใจนักกีฬา ไม่หวังชัยชนะแบบเอาเป็นเอาตาย สำหรับรายชื่อทีมหอยหลอด 1. นายวรวุฒิ สุวรรณพาเพลิน 2. นายสรัช ลี้เซ่งเอง 3. นายเกรียงไกร ญาณวัฒณะ 4. นายจิรโรจน์ เธียรทองอินทร์ 5. นายพงษ์ศิริ ถารี 6. นายเดชนภา ดาโสม และ 7. นายมานะชัย คงน้อย (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 11 ก.ย. 2549 http://www.thairath.co.th)





สกอ.สรุปยอดสมัครวิชาเฉพาะพุ่ง 1.4 แสนคน

กลุ่มรับบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา เผยยอดผู้สมัครสอบวิชาเฉพาะ เดือนตุลาคม 2549 ใน 11 รายวิชา ที่จำเป็นต้องใช้ประกอบการคัดเลือกผู้เข้าศึกษาต่อในบางสาขาวิชา เช่น ครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ และสาขาที่เกี่ยวกับศิลปะและดนตรี ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ได้เปิดรับสมัครตั้งแต่ 15 สิงหาคม – 5 กันยายน 2549 รวมมีผู้สมัคร 258,820 คน แต่เป็นผู้สมัครที่ชำระเงินค่าสมัครเป็นที่เรียบร้อย 147,011 คน ทั้งนี้ ในปีนี้มีผู้สมัครสอบวิชาเฉพาะมากกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้สมัครชำระเงินทั้งสิ้น 133,352 คน คาดที่มีผู้สมัครสอบเพิ่มขึ้น เป็นเพราะสอบเผื่อไว้สำหรับเลือกสมัครคัดเลือกในคณะที่ต้องใช้คะแนนสอบวิชาเฉพาะ อย่างไรก็ตาม หากผู้สมัครต้องการแก้ไขข้อมูลส่วนตัวของผู้สมัคร เช่น ชื่อ-สกุล เลขประจำตัวประชาชน เลขประจำตัวนักเรียน ไม่เกี่ยวกับการแก้ไขวิชาสอบ ให้ส่งหลักฐานขอแก้ไขข้อมูลมายังกลุ่มรับบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา สกอ. ทางโทรสาร 0-2354-5624 , 0-2354-5598 ภายในวันที่ 15 กันยายน 2549 ทั้งนี้ สกอ.จะประกาศแผนผังที่นั่งสอบ และประกาศอุปกรณ์วิชาเฉพาะภายในวันที่ 5 ตุลาคม 2549 ทางเว็บไซด์ www.cuas.or.th และเริ่มสอบวิชาเฉพาะวันที่ 17-23 ตุลาคม 2549 (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 12 ก.ย. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





สทศ.เตรียมเผยแพร่แนวข้อสอบโอเน็ตอึ้งรร.กวดวิชารู้ก่อน

ดร.วิเชียร เกตุสิงห์ รักษาการผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ(สทศ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สทศ.ได้เตรียมนำแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) และแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง(A-NET) ประจำปีการศึกษา 2549 ที่ผ่านมาทั้ง 5 วิชาหลัก ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ออกเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ www.ntthailand.com ของ สทศ. แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่า สทศ.จะยังไม่ได้นำข้อสอบดังกล่าวออกมาเผยแพร่อย่างเป็นทางการ แต่ก็ได้ทราบว่าข้อสอบได้หลุดไปถึงสถาบันกวดวิชาต่าง ๆ หลายแห่งแล้ว จนกระทั่งล่าสุดได้มีสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งทำหนังสือติดต่อมายัง สทศ.เพื่อขอพิมพ์ตัวอย่างข้อสอบโอเน็ตและเอเน็ต พร้อมเฉลยเพื่อการเผยแพร่และจำหน่าย แต่ทางสทศ.ก็ยังไม่ได้ตอบกลับไป เพราะถือว่าในขณะนี้ข้อสอบโอเน็ตและเอเน็ตยังเป็นเอกสารลับของทางราชการอยู่ ดร.วิเชียร กล่าวต่อไปว่า ระบบใหม่ที่นำมาใช้ในปีการศึกษา 2549 เป็นครั้งแรก จึงเชื่อว่าน่าจะมีนักศึกษาจำนวนมากที่ต้องการศึกษาแนวข้อสอบเก่าก่อนที่จะมีการจัดทดสอบโอเน็ตและเอเน็ตประจำปี 2550 ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม 2550 ดังนั้นตนจึงเห็นว่าเพื่อให้นักเรียน นักศึกษาทั่วไปได้มีโอกาสศึกษาแนวข้อสอบโอเน็ตและเอเน็ตของปีที่ผ่านมา ตนจึงได้เสนอว่าควรนำข้อสอบมาเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ของสทศ. ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร สทศ.ก็ได้พิจารณาอนุมัติแล้ว และคาดว่าจะสามารถนำข้อสอบทั้งหมดออกมาเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ได้ภายในสัปดาห์หน้า (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 14 ก.ย. 2549 http://www.dailynews.co.th)





สมุทรสาครนำร่อง"ปฏิรูปการศึกษา"

วันที่ 13 ก.ย. นายธีระบูลย์ โพ บุคดี ผวจ.สมุทรสาคร เปิดเผยว่า ได้จัดโครงการนำร่อง “การปฏิรูปปรับการเรียน เปลี่ยนการ สอน” ของ อบจ.สมุทรสาคร ที่นำกิจกรรมห้องเรียน 11 กิจกรรม มานำเสนอเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริหารการศึกษา คณาจารย์ นักเรียนและประชาชนทั่วไปในพื้นที่ 7 จังหวัดใกล้เคียงมาเรียนรู้และนำองค์ความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ ทั้งนี้การเข้ามามีส่วนร่วมขององค์กรท้องถิ่น ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากในอนาคต ยุทธศาสตร์การศึกษาในระดับจังหวัด จะเป็นการขยายโอกาสทางการศึกษา เด็กและเยาวชนไทยสามารถเรียนตามหลักสูตรบังคับได้ 12 ปี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ให้ความสำคัญสำหรับผู้ด้อยโอกาส และการศึกษาสำหรับคนพิการอย่างกว้างขวางและมีคุณภาพ ดังนั้น สังคมทางการศึกษาของ จ.สมุทรสาคร ต้องเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ควบคู่ไปกับคุณธรรม จริยธรรม และประกาศให้ปี พ.ศ.2549 เป็นปีแห่ง “การปฏิรูปปรับการเรียน เปลี่ยนการสอนขึ้น” ทั้งนี้ โครงการจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 ก.ย. -1 ต.ค. 49 ที่ รร.สมุทรสาครวิทยาลัย และ รร. เอกชัย จ.สมุทรสาคร ด้านนายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ เลขานุการ รมว.ศึกษาฯ กล่าวว่า ในส่วนของยุทธศาสตร์กระทรวง ได้แบ่งเป็น 4 ระดับ คือ 1.จัดระบบการศึกษาให้คนไทยมีโอกาสได้รับการเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต 2.ส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ เพื่อพัฒนา ผู้เรียนให้เต็มตามศักยภาพและได้มาตรฐาน 3.พัฒนาครู คณาจารย์ ผู้บริหารและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อเป็นผู้นำทางวิชาการและวิชาชีพ สนองเจตนารมณ์การปฏิรูปการศึกษา และ 4.ปฏิรูปการบริหารและการจัดการศึกษา เพื่อดำเนินงานจัดการศึกษาของกระทรวงให้มีผลสำเร็จ เป็นผลดีต่อผู้รับบริการ (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 14 ก.ย. 2549 http://www.dailynews.co.th)





ศธ.ประกาศมาตรฐานอุดมศึกษา

.(พิเศษ)ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยว่า ตามที่ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) กำหนดให้คณะกรรมการ กกอ.จัดทำมาตรฐานการอุดมศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาของชาติ เพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบายของสถาบันอุดมศึกษาในการพัฒนาการอุดมศึกษา ซึ่ง กกอ.ได้จัดทำมาตรฐานนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้เสนอนายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ลงนามใน ศธ.เรื่องมาตรฐานการอุดมศึกษาไปแล้วเมื่อเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา และวันที่ 28 กันยายนนี้ จะจัดสัมมนาเพื่อชี้แจงรายละเอียดให้สถาบันอุดมศึกษาได้รับทราบและนำไปปฏิบัติ สาระสำคัญประกาศมาตรฐานการอุดมศึกษามี 3 ด้าน 12 ตัวบ่งชี้ ดังนี้ 1.ด้านคุณภาพบัณฑิตมีความรู้ มีคุณธรรมจริยธรรม ความสามารถในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง ประยุกต์ใช้ความรู้ เพื่อการดำรงชีวิตในสังคม สำนึกและรับผิดชอบในฐานะพลเมืองและพลโลก โดยมี 3 ตัวบ่งชี้ คือ 1.1 บัณฑิตมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ 1.2 มีจิตสำนึกและปฏิบัติหน้าที่โดยยึดหลักคุณธรรมและจริยธรรม และ 1.3 มีสุขภาพร่างกายและจิตใจดี 2.ด้านการบริหารจัดการการอุดมศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลและพันธกิจของอุดมศึกษาอย่างดุลยภาพ มี 7 ตัวบ่งชี้ คือ 2.1 บริหารจัดการบุคคลที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล 2.2 บริหารจัดการทรัพยากรและเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ คล่องตัว โปร่งใส ตรวจสอบได้ 2.3 มีระบบประกันคุณภาพเพื่อพัฒนาคุณภาพและอุดมศึกษาอย่างต่อเนื่อง 2.4 มีหลักสูตรและการเรียนการสอนที่ทันสมัย ยืดหยุ่น 2.5 วิจัยเพื่อสร้างและประยุกต์องค์ความรู้ใหม่ 2.6 ให้บริการวิชาการที่ทันสมัย และ 2.7อนุรักษ์ ฟื้นฟู สืบสาน พัฒนา เผยแพร่ วัฒนธรรม ภูมิปัญญา ท้องถิ่น และ 3.ด้านการสร้างและพัฒนาสังคมฐานความรู้และสังคมแห่งการเรียนรู้ แสวงหา สร้าง และจัดการความรู้นำไปสู่สังคมฐานความรู้และสังคมแห่งการเรียนรู้ ที่มี 2 ตัวบ่งชี้คือ 3.1 แสวงหา การสร้าง และใช้ประโยชน์ความรู้ทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่นและเทศ และ 3.2 บริหารจัดการความรู้อย่างเป็นระบบ (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 14 ก.ย. 2549 http://www.komchadluek.net)





คลอดเกณฑ์มาตรฐานอุดมศึกษาเน้นความรู้คู่คุณธรรม

ศ.พิเศษ ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จัดทำมาตรฐานการอุดมศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาของชาติ เพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบายของสถาบันอุดมศึกษาในการพัฒนาการอุดมศึกษา ตามที่ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติกำหนดไว้ เรียบร้อยแล้ว และนายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ลงนามในประกาศ ศธ. เรื่องมาตรฐานการอุดมศึกษาแล้ว สาระสำคัญของประกาศมาตรฐานการอุดมศึกษา ประกอบด้วย มาตรฐาน 3 ด้าน 12 ตัวบ่งชี้ คือ มาตรฐานด้านคุณภาพบัณฑิตที่จะต้องมีความรู้ มีคุณธรรมจริยธรรม ความสามารถในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง สามารถประยุกต์ใช้ความรู้ เพื่อการดำรงชีวิตในสังคม สำนึกและรับผิดชอบในฐานะพลเมืองและพลโลก มาตรฐานด้านการบริหารจัดการการอุดมศึกษาที่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและพันธกิจของอุดมศึกษาอย่างดุลยภาพ และมาตรฐานด้านการสร้างและพัฒนาสังคมฐานความรู้และสังคมแห่งการเรียนรู้ ที่จะแสวงหาการสร้าง และจัดการความรู้ตามแนวทางหลักการอันนำไปสู่สังคมฐานความรู้และสังคมแห่งการเรียนรู้ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 14 ก.ย. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


แนะผู้หญิงที่ยังไม่อยากมีลูก ฝากไข่แช่แข็งไว้ผสม วันหน้า

ดร.กิลเลียน ล็อควูด แห่งสมาคมเจริญพันธุ์ อังกฤษ แนะให้ผู้หญิงวัย 30 ต้นๆ ที่ยังไม่คิดมีลูกด้วยเหตุผลเรื่องการงาน การเงิน หรือยังไม่พบคนถูกใจ ควรมีทางเลือกในการเก็บไข่แช่แข็งเพื่อใช้ในอนาคต แต่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยวิจารณ์ว่าเป็นข้อเสนอที่ไร้สาระ ในขณะนี้ผู้หญิงอังกฤษเริ่มมีลูกช้าลง และเป็นครั้งแรกที่ผู้หญิงวัย 30 เศษ มีอัตราการตั้งครรภ์ สูงกว่าผู้หญิงวัย 20 เศษ และมีแนวโน้มจะเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งจะทำให้ผู้หญิงอายุมากที่คิดอยากมีลูกกลัดกลุ้มกังวลมากขึ้น เพราะเมื่ออายุมากผู้หญิงก็เสี่ยงที่จะแท้ง หรือมีลูกที่มีอาการผิดปกติอย่างดาวน์ซินโดรมได้ ทั้งนี้ ในอังกฤษมีคลินิกเพียง 30 แห่ง ที่ได้รับใบอนุญาตให้เก็บไข่แช่แข็ง เพื่อรอการผสมพันธุ์ในอนาคตได้ แต่ในจำนวนนี้มีเพียง 10 แห่ง ที่คาดว่าจะให้บริการดังกล่าว โดยคนไข้ที่สนใจเก็บไข่แช่แข็งก็เพื่อป้องกันผลกระทบหากป่วยเป็นมะเร็ง และต้องรับการรักษา คาดว่าผู้หญิงที่สนใจเก็บไข่แช่แข็งจะต้องเสียค่าใช้จ่ายอย่างน้อยคนละ 2,500 ปอนด์ แต่ไม่มีการรับประกันว่าการนำไข่ที่แช่แข็งไว้มาผสมเทียมหลอดแก้ว ในภายหลังแล้วจะประสบผลสำเร็จทุกราย. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 11 ก.ย. 2549 http://www.thairath.co.th)





รอลุ้นแทบแย่ “แอตแลนติส” บินสู่อวกาศครั้งแรกในรอบ 7 ปีเสียที

นาซา/เอเจนซี – หลังจากที่เลื่อนแล้วเลื่อนเล่ามาหลายสัปดาห์ ในที่สุด “แอตแลนติส” ก็เดินพานักบินอวกาศทั้ง 6 นายมุ่งหน้าสู่สถานีอวกาศนานาชาติแล้ว ก่อนหน้านี้ติดปัญหาทั้งเซลล์เชื้อเพลิงและเซ็นเซอร์วัดพลังงานไม่ทำงานอย่างละ 1 ตัว นับเป็นเที่ยวบินแรกในรอบ 7 ปีของแอตแลนติสที่เป็นไปอย่างขลุกขลักองค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) จุดระเบิดปล่อยยานอวกาศ “แอตแลนติส” สำเร็จแล้วเมื่อเวลา 22.15 น. ตามเวลาประเทศไทย หรือ 11.15 น.วันเดียวกันตามเวลาท้องถิ่น โดยแอตแลนติสพานักบินอวกาศ 6 นายพุ่งตัวออกจากฐานริมทะเล ณ ศูนย์อวกาศเคนนาดี บนแหลมคานาวารัล ในรัฐฟลอริดา ผ่านกลุ่มเมฆหนา พร้อมกับกล้องวิดิโอจำนวนมากตัวติดอยู่ตามส่วนต่างๆ ของยานโดยเฉพาะบริเวณถังเชื้อเพลิงด้านนอก เพื่อจับตาดูร่องรอยความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างปล่อยตัว ทั้งนี้ “แอตแลนติส” มีภารกิจเดินทางสู่สถานีอวกาศเพื่อขนแผงรับพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งที่สถานี เป็น 1 ในโครงการ 16 เที่ยวบินต่อเติมสถานีให้สำเร็จสมบูรณ์ ก่อนที่ยานลำนี้และยานร่วมฝูงบินจะถูกปลดระวางในปี 2010 และเมื่อสถานีอวกาศนานาชาติสมบูรณ์ นอกจากจะเป็นห้องแล็บให้ประเทศสมาชิกที่ร่วมลงขันกันสร้างแล้ว ยังจะเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างการเดินทางสู่ดวงจันทร์และดาวอังคารในอนาคต (ผู้จัดการ จันทร์ที่ 11 ก.ย. 2549 http://www.manager.co.th)





นักบอลพรีเมียร์ลีกเริ่มฝาก “สเต็มเซลล์” เผื่อไว้ยามเจ็บป่วย

หนังสือพิมพ์ซันเดย์ไทมส์ (Sunday Times) ของอังกฤษ เปิดเผยว่า 5 นักฟุตบอลอาชีพที่ค้าแข้งอยู่ในสโมสรชั้นนำของอังกฤษได้นำเซลล์ที่ได้จากเลือดที่สายสะดือ (umbilical cord blood) ของลูกๆ ที่เกิดใหม่ของพวกเขา ซึ่งมีเซลล์ต้นกำเนิดของเม็ดเลือดแช่แข็งไว้ เผื่ออนาคตข้างหน้าหากนักฟุตบอลเหล่านี้เกิดเจ็บป่วยก็จะสามารถนำไปรักษาโรคที่เกี่ยวกับกระดูกและเอ็นได้ “พวกเราตัดสินใจเก็บสเต็มเซลล์ของทารกน้อยเอาไว้ เพื่อการรักษาอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดในอนาคต ผมตั้งใจว่าจะเก็บเซลล์ของลูกทั้ง 2 และอาจจะรวมถึงตัวผมด้วย” หนังสือพิมพ์ซันเดย์ไทมส์ถ่ายทอดคำพูดของ 1 ใน 5 นักบอลพรีเมียร์ลีกที่ตัดสินใจก้าวตามเทคโนโลยีการรักษาแบบใหม่ สเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดของลูกๆ นักฟุตบอลเหล่านี้ “ไครโอเจเนซิส อินเตอร์เนชั่นแนล” (CryoGenesis International) ในลิเวอร์พูลเป็นผู้รับผิดชอบเก็บแช่แข็งไว้เป็นอย่างดี ซึ่งไครโอเจเนซิสเป็น 1 ใน 7 สเต็มเซลล์แบงก์ที่เปิดบริการรับฝากเซลล์ต้นกำเนิดบนเกาะอังกฤษ (ผู้จัดการ จันทร์ที่ 11 ก.ย. 2549 http://www.manager.co.th)





เฟอร์นิเจอร์จากแผ่นไม้อัดเปลือกส้ม-ตะไคร้ผสมหญ้าคา เปลี่ยนของน่าทิ้งเป็นของน่าใช้

ในทำเนียบสิ่งประดิษฐ์คิดค้นที่ส่งเข้าประกวดรางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2550 ของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ก็มีผลงานภูมิปัญญาไทยและเป็นมรดกทางธรรมชาติที่น่าจับตามองอยู่ชิ้นหนึ่ง โดยเป็นผลงานการต่อยอดของ น.ส.ปรินดา แตรวิจิตรศิลป์ นักประดิษฐ์รุ่นใหม่ อดีตนักศึกษามัณฑณศิลป์ รั้วมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยผลงานที่ว่าคือ แผ่นไม้อัดทำเฟอร์นิเจอร์จากเศษชีวมวล ทั้งนี้ เจ้าของบริษัทโกลเด้น อุตสาหกรรมไม้อัดหญ้าแฝก รายนี้ เผยว่า ได้แนวความคิดการทำไม้อัดทำเฟอร์นิเจอร์ด้วยเศษชีวมวลมาจากการเข้ารับการถ่ายทอดเทคโนโลยีเรื่อง “ปฏิสัมพันธ์ระหว่างหญ้าแฝกกับปลวก” โดยสภาวิจัยแห่งชาติร่วมกับกรมป่าไม้ ในราวเดือน ก.พ. 2545 เพื่อสนองพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงแนะนำให้เกษตรกรปลูกหญ้าแฝกเพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำ ทว่าในทางปฏิบัติเกษตรกรมักเบื่อหน่ายกับการกำจัดใบหญ้าแฝกที่ขึ้นรกหนา ต้องกำจัดโดยการถอนหรือเผาทำลาย“พระองค์จึงทรงมีแนวพระราชดำริให้นักวิจัยได้คิดหาวิธีการใช้ประโยชน์จากใบหญ้าแฝกให้มีประโยชน์อย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ สอดคล้องกับแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง คือได้ประโยชน์ทั้งแก่เกษตรกรที่สามารถสร้างรายได้ได้จากการขายใบหญ้าแฝกพร้อมๆ ไปกับการอนุรักษ์ดินและน้ำโดยส่วนรากของหญ้าแฝก” “อีกทั้งผลประโยชน์ยังตกแก่ผู้ที่นำหญ้าแฝกไปใช้ประโยชน์ในการผลิตสินค้าเพื่อจำหน่ายได้ด้วย ซึ่งจากพระราชดำริดังกล่าว นักวิจัยจึงคิดค้นพัฒนาและพบว่าใบหญ้าแฝกมีศักยภาพในการนำมาทำแผ่นไม้อัดทำเฟอร์นิเจอร์ได้ โดยมีเส้นใยลิกนินและเซลลูโลสเป็นส่วนประกอบสำคัญ แต่ก็ยังต้องพัฒนาให้มีความหนาแน่นมากขึ้นต่อไปด้วย” จากจุดเริ่มต้นนี้เอง เธอจึงได้เริ่มพัฒนาแผ่นไม้อัดทำเฟอร์นิเจอร์จากใบหญ้าแฝกอย่างจริงจัง ควบคู่ไปกับการทำจำหน่ายและการพัฒนาเรื่อยมา จนสามารถผลิตแผ่นไม้อัดทำเฟอร์นิเจอร์ทดแทนไม้ได้จริง โดยมีลวดลายสวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนใครในโลก ขณะเดียวกันก็ยังได้หาเศษวัสดุเหลือใช้อื่นๆ ที่เป็นเศษชีวมวล ซึ่งประเทศเกษตรกรรมอย่างประเทศไทยมีอยู่มากแต่ไม่ค่อยได้นำมาใช้ประโยชน์ มาทำแผ่นไม้อัดทำเฟอร์นิเจอร์ด้วย อาทิ แกลบข้าว เศษไม้จากงานศิลปะ โดยเฉพาะแผ่นไม้อัดจากเปลือกส้ม และแผ่นไม้อัดจากตะไคร้ผสมใบหญ้าคาที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ซึ่งทรัพย์สินทางปัญญาเหล่านี้ เธอได้จดสิทธิบัตรคุ้มครองสิทธิ์ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ผู้จัดการ จันทร์ที่ 11 ก.ย. 2549 http://www.manager.co.th)





“แอตแลนติส” เชื่อมสถานีอวกาศ ขนแผงโซลาร์เซลล์ต่อ

ลูกเรือประจำยานอวกาศแอตแลนติสเตรียมการเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศนานาชาติวันนี้ (11 ก.ย.) เมื่อเวลา 17.46 น.ที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทย โดยภารกิจสำคัญของพวกเขาคือต้องบังคับแขนกลที่ติดอยู่ด้านบนของยานเพื่อนำเอาห่อสัมภาระที่บรรจุแผงเซลล์แสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ 2 แผงออกจากคาร์โกขึ้นติดตั้งบนสถานี การเดินทางของแอตแลนติสครั้งนี้ก็เพื่อต่อเติมสถานีอวกาศที่เสร็จสมบูรณ์ไปเพียงครึ่งเดียว หลังจากหยุดพักไป 3 ปีเนื่องจากโศกนาฏกรรมการระเบิดของยานอวกาศโคลัมเบีย โดยแผนการต่อเติมสถานีอวกาศให้เสร็จสมบูรณ์นั้นยานอวกาศขององค์การบริหารอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) จะต้องบินขนอุปกรณ์ไปมาระหว่างโลกกับสถานีอีก 14 เที่ยวด้วยกัน หลังจากที่เชื่อมต่ออย่างปลอดภัยแล้ว นักบินอวกาศประจำยานแอตแลนติสจะเข้าสู่สถานีอวกาศในเวลา 18.55 น. และในเวลา 21.45 น. แขนยนต์ของแอตแลนติสจะส่งแผงโซลาร์เซลล์หนัก 17.2 ตันและยาวกว่า 300 ฟุต ให้กับแขนยนต์ของสถานีอวากาศ จากนั้นสัปดาห์หน้านักบินอวกาศจะต้องเชื่อมต่อแผงเข้ากับสถานีและจัดการให้แผงโซลาร์เซลล์ผลิตกระแสไฟฟ้าให้เรียบร้อย ซึ่งเป็นภารกิจที่ยากยิ่งในสภาพไร้น้ำหนัก โดยต้องใช้นักบินอวกาศถึง 4 นายออกไปต่อแผงดังกล่าวภายนอกยาน หรือสเปซวอล์ก ที่ในภารกิจนี้ต้องทำถึง 3 ครั้ง เมื่อติดตั้งเสร็จจะสร้างพลังงาน กระแสไฟฟ้า และปรับอุณหภูมิให้กับสถานีอวกาศ (ผู้จัดการ อังคารที่ 12 ก.ย. 2549 http://www.manager.co.th)





เผยภูมิปัญญามังกรโบราณ "โอ่งวัดแผ่นดินไหว" ในงานสัปดาห์วิทย์ 49

นิทรรศการ 7,000 นวัตกรรมจีนที่เราจะนำมาได้แก่ “เครื่องวัดแผ่นดินไหว” เครื่องแรกของโลก สมัยราชวงศ์ฮั่น ปี ค.ศ.132 ผลงานการออกแบบของชาวจีนโบราณชื่อ “จาง เหิง” (Zhang Heng) มีขนาดกว้าง 225 ซม. ยาว 225 ซม. และสูง 170 ซม. ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเตือนภัยได้ว่ามีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นแล้วเท่านั้น แต่ยังสามารถบอกทิศทางที่เกิดแผ่นดินไหวซึ่งจำแนกออกเป็น 8 ทิศได้ด้วย โดยรูปลักษณ์ที่ดูแปลกตาเหมือนชิ้นงานประดับตกแต่งฝีมือประณีตมากกว่าผลงานที่จะใช้ประโยชน์ได้จริง ประกอบไปด้วยโอ่งสำริด, มังกรคาบลูกสำริด และคางคกสำริด ภายในโอ่งเป็นหลอดหรือลูกตุ้มที่เรียกว่า “ตูจู้” (duzhu) หลักการทำงานง่ายๆ ของเครื่องวัดแผ่นดินไหว คือ เมื่อเกิดแผ่นดินไหว การสั่นสะเทือนจะทำให้ลูกตุ้มที่มีน้ำหนักมากภายในโอ่งเอียงไปกดลงขากรรไกรของมังกรที่หันไปทางจุดเหนือศูนย์แผ่นดินไหว ทำให้ลูกสำริดหล่นออกจากปากมังกร หล่นไปสู่ปากของคางคกที่นั่งอยู่ด้านล่างในทิศที่เกิดแผ่นดินไหว ดังนั้นเสียงดังที่เกิดขึ้นจากลูกตุ้มที่เอียงไปกระทบกับโอ่งและการหล่นของลูกสำริดก็จะช่วยบอกให้เราทราบถึงการเกิดแผ่นดินไหวและทิศทางของจุดกำเนิดแผ่นดินไหวได้ (ผู้จัดการ อังคารที่ 12 ก.ย. 2549 http://www.manager.co.th)





มข.ประดิษฐ์เครื่องเตรียมเนื้อเยื่อได้

วันที่ 13 ก.ย. ศ.นพ.วิรุฬห์ เหล่าภัทรเกษม คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) เปิดเผยว่า หลังจากทีมงานทุ่มเททำงานอย่างหนัก คณะแพทย์ มข. ได้มีผลงานออกมาสู่สายตาสาธารณชนแล้ว โดย รศ.ดร.บรรจบ ศรีภา อาจารย์ประจำภาควิชาพยาธิวิทยา ประดิษฐ์เครื่องเตรียมเนื้อเยื่อชนิดหลายตัวอย่างได้สำเร็จ ในราคาประหยัดและใช้งานง่าย ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการจดอนุสิทธิบัตรกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา โดยเครื่องมือชนิดนี้สามารถนำไปใช้ในการเตรียมตัวอย่างเนื้อเยื่อได้มากกว่า 300 ตัวอย่างในสไลซ์แก้วเพียง 1 แผ่น ทำให้นักวิจัยสามารถศึกษาการแสดงออกของยีน หรือโปรตีนต่าง ๆ ในเนื้อเยื่อได้คราวละมาก ๆ ส่งผลให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายด้านค่าน้ำยาเคมีด้วย ทั้งนี้เนื้อเยื่อส่วนใหญ่ที่นำมาศึกษาอาจจะเป็นเนื้อเยื่อปกติหรือเซลล์มะเร็งก็ได้ โดยใช้ตัวตรวจจับกับยีนหรือโปรตีนจำเพาะนำมาศึกษา ทำให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของยีนโปรตีนต่าง ๆ ซึ่งสามารถทำให้รู้และเข้าใจในหลักชีววิทยา หรือกลไกการเกิดโรคในระดับ โมเลกุลของโรคนั้น ๆ อย่างชัดเจนและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการค้นหายาใหม่ ๆ การรักษา และการพยากรณ์ในโรคนั้น ๆ ได้ต่อไปใน อนาคต สำหรับประเทศไทยยังไม่เคยมีการนำเทคโนโลยี Tissue microarray มาศึกษาวิจัย ทางพยาธิวิทยาและวิทยาศาสตร์การแพทย์เลย ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ หลัก สูตรบัณฑิตศึกษาสาขาชีวเวชศาสตร์และศูนย์ วิจัยพยาธิใบไม้ตับมะเร็งท่อน้ำดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น เล็งเห็นความสำคัญในเทคโนโลยีระดับโมเลกุลนี้ จึงจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง Tissue microarray and analysis ขึ้น ในวันที่ 16-18 สิงหาคม 2549 ที่ผ่านมา ณ ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มข. เพื่อถ่าย ทอดความรู้และเทคโนโลยีใหม่ ๆ แก่ผู้สนใจนำเทคนิคนี้ไปประยุกต์ใช้ในการวิจัย นอกจากนี้ยังจัดให้มีการสัมมนาด้านชีววิทยาระดับโมเลกุลและเทคนิคทาง Microarray อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 14 ก.ย. 2549 http://www.dailynews.co.th)





ข่าววิจัย/พัฒนา


เบรก 50 โครงการวิจัยในอุทยานแห่งชาติ

นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมอุทยานฯ สั่งระงับโครงการวิจัยต่างๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติฯ ทั่วประเทศแล้ว เพื่อตรวจสอบรายละเอียดของโครงการวิจัยทั้งหมดที่มีอยู่กว่า 50 โครงการ เนื่องจากหลายโครงการ มีที่มาที่ไปไม่ชัดเจน โดยเฉพาะการที่นักวิจัยไทย ไปรับจ้างบริษัทต่างชาติ มาวิจัยเกี่ยวกับพันธุ์สัตว์ พันธุ์พืชก่อนนำ ไปจดทะเบียนลิขสิทธิ์เป็นของต่างชาติ ทั้งที่เป็นชนิดหรือพันธุ์พื้นเมืองของประเทศไทย รวมทั้งมีนักวิจัยบางคนที่ทำตัวเป็นเอเย่นต์ จับมือกับนักวิจัยต่างชาติ เข้าไปรับงานวิจัยจากหน่วยงานราชการ ก่อนนำมากระจายหรือจ้างนักวิจัยรายย่อย เพื่อให้ดูว่ามีนักวิจัยมาก แต่แท้จริงมีรายเดียวที่ผูกขาด หรือบางกรณี ก็จะมีการดึงหัวหน้าหน่วยในอุทยานแห่งชาติ เข้าไปร่วมงานด้วย เพื่อให้คอยอำนวยความสะดวกในการเข้าไปในพื้นที่ ซึ่งบางแห่งเป็นเขตหวงห้าม แล้วเข้าไปทำวิจัยเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว ที่ไม่เกี่ยวกับประเทศชาติเลยอธิบดีกรมอุทยานฯกล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันอุทยานฯ ก็ได้รับความเสียหาย สัตว์หลายชนิดถูกนำไปทดลอง ถูกทรมาน ต้องติดสัญญาณติดตามตัว ถูกไล่ล่าเพื่อดูพฤติกรรมตลอดเวลา โดยนักวิจัยอ้างว่าเพื่อให้ผลงานวิจัยออกมามีคุณภาพ ต้นไม้อายุหลายร้อยปีในหลายอุทยานฯ ถูกสว่านเจาะเข้าไปที่แก่นกลางของไม้ เพียงเพื่อจะนำเอาเนื้อไม้ออกมาดู ส่งผลให้เชื้อราเข้าไปทำลายจนต้นไม้ตายไปอย่างน่าเสียดาย (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 11 ก.ย. 2549 http://www.thairath.co.th)





ไบโอเทคเดินหน้าดัน "พืชจีเอ็ม" ทดสอบไร่นา ส่วนจะใช้หรือไม่ขึ้นอยู่กับผู้บริโภค

ศ.ดร.มรกต ตันติเจริญ ผอ.ไบโอเทค กล่าวว่า ขณะนี้ ไบโอเทคกำลังจัดทำแผนยุทธศาสตร์สร้างความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนาพืชจีเอ็มโอและความปลอดภัยทางชีวภาพ พ.ศ.2550-2553 เพื่อนำไปเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดปัจจุบันหรือในชุดหน้า ให้พิจารณาและใช้กำหนดนโยบายของประเทศซึ่ง แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ด้วยกัน คือ ยุทธศาสตร์ที่ 1 เสริมสร้างความสามารถของนักวิจัยไทยให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและสามารถแข่งขันได้ อาทิ การพัฒนาเทคโนโลยีการถ่ายฝากยีน การพัฒนาชุดยีนเพื่อพัฒนาพืชจีเอ็มโอของประเทศและให้สิทธิ์แก่ผู้สนใจนำไปใช้ในสายพันธุ์อื่นๆ ยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาพืชจีเอ็มโอที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยเลี่ยงไม่วิจัยพัฒนาพืชที่ใช้เป็นอาหารซึ่งมีข้อพิพาทมาก แต่จะหันไปให้ความสำคัญกับพืชพลังงานเช่นสบู่ดำและปาล์มน้ำมัน ไม้ประดับเช่นกล้วยไม้ พืชอุตสาหกรรมเช่นยูคาลิปตันในการผลิตกระดาษ และพืชสิ่งแวดล้อมเช่นจอกและแหนที่มีความสามารถกำจัดโลหะหนักในแหล่งน้ำได้ ยุทธศาสตร์ที่ 3 สร้างความสามารถในการทดสอบและควบคุมปลอดภัยทางชีวภาพภาคสนามและสภาพไร่นา พร้อมกันนั้นก็สร้างเครือข่ายและเสริมสร้างขีดความสามารถของหน่วยงานวิจัยด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ ทั้งเครือข่ายวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมและเครือข่ายวิจัยด้านอาหาร การพัฒนาเทคนิคและเทคโนโลยีใหม่เพื่อทดสอบความปลอดภัยทางชีวภาพอย่างเป็นระบบและง่ายต่อการเข้าถึง เช่น การศึกษาการแสดงออกของยีนในพืชจีเอ็มโอ (Transcriptomics) และการศึกษาการสร้างโปรตีนของพืชจีเอ็มโอ (Proteomics) รวมทั้งการเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบควบคุมและเครือข่ายการบริหารจัดการความปลอดภัยทางชีวภาพในระดับชาติและระดับสถาบัน และยุทธศาสตร์ที่ 4 การสร้างความเข้าใจเรื่องพืชจีเอ็มโอและการมีส่วนร่วมของสังคม ผ่านกิจกรรมที่ง่ายต่อการเข้าใจของเป้าหมายแต่ละกลุ่ม เช่นการเสวนา การจัดค่ายวิทยาศาสตร์ การจัดนิทรรศการ ตลอดจนการพัฒนานักสื่อสารวิทยาศาสตร์ เป็นต้น ทั้งนี้ ศ.ดร.มรกต ชี้ว่า จุดสำคัญที่ต้องเร่งผลักดันในขณะนี้จะอยู่ในยุทธศาสตร์ที่ 3 คือการสร้างความสามารถในการทดสอบและควบคุมปลอดภัยทางชีวภาพภาคสนามและสภาพไร่นา ซึ่งต้องมีการจัดทำแผนที่นำทางงานวิจัยความปลอดภัยทางชีวภาพขึ้นมาใช้เป็นแนวทางการสนับสนุนการดำเนินการงานวิจัยด้านความปลอดภัยของพืชจีเอ็มโอ จึงเกิดการประชุมระดมความคิดครั้งนี้ขึ้นเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากนักวิชาการอย่างหลากหลาย ก่อนจะนำเสนอไปยังที่ประชุม ครม.หากได้รับการอนุมัติก็จะทำให้เกิดการทดสอบภาคสนามในระดับไร่นาได้ทันที โดยขณะนี้งานวิจัยในห้องปฏิบัติการมีพร้อมอยู่แล้ว เหลือเพียงการทดสอบขั้นต่อไปในระดับไร่นาเท่านั้น (ผู้จัดการ จันทร์ที่ 11 ก.ย. 2549 http://www.manager.co.th)





พบยีน “ทนน้ำท่วม” ในข้าว ยืดอายุไม่ให้ต้นเน่าได้ถึง 2 สัปดาห์

ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในเดวิส (University of California, Davis) สหรัฐฯ ร่วมกับสถาบันวิจัยข้าวนานาชาติ (International Rice Research Institute : IRRI) ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่ฟิลิปปินส์ รายงานผ่านวารสารเนเจอร์ (Nature) ว่า ยีน “ซับ1เอ-1” (Sub1A-1) ช่วยให้พืชอดทนต่อการจมน้ำได้นาน ซับ1 (Sub1) นั้นย่อมาจาก “ซับเมอร์เจน1” (Submergence1) แปลว่าดำน้ำ โดยนักวิจัยระบุยีนตัวนี้ได้บนโครโมโซมตัวที่ 9 ของพืช ซึ่ง Sub1-A1 ยีนที่จำเพาะลงไปตัวนี้สามารถเพิ่มคุณสมบัติให้ข้าวจมอยู่ในน้ำได้มากกว่า 2 สัปดาห์ถึงจะเน่าตาย ทั้งนี้ ทีมนักวิจัยเตรียมจะเสนอให้เติมยีนดังกล่าวเข้าในเพื่อพิทักษ์ผลผลิตที่เสียหาย โดยดร.เดวิด แม็คคิล (David Mackill) จากสถาบันวิจัยข้าวนานาชาติและผู้ร่วมเขียนรายงานชิ้นนี้ เปิดเผยว่า นักวิทยาศาสตร์พยายามกว่าครึ่งศตวรรษเพื่อพัฒนาข้าวพันธุ์ที่อดทนต่อน้ำท่วม ซึ่งขณะนี้มีข้าวกว่า 120,000 ชนิดที่พัฒนาขึ้นมาทั้งการเพิ่มสารอาหารและทนทานในการเพาะปลูก (ผู้จัดการ จันทร์ที่ 11 ก.ย. 2549 http://www.manager.co.th)





บ.ไบโอเทคไทยทำสารสกัดยีสต์ใช้เอง ทดแทนการนำเข้า ต่างชาติแห่รุมจีบ

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) ร่วมกับบริษัท สเปเชียลตี้ ไบโอเทค จำกัด (Specialty Biotech Co;Ltd.) จัดงานแถลงข่าว "ความสำเร็จของนวัตกรรมยีสต์ นาโนไบโอเทคโนโลยีของประเทศไทย" ขึ้น ณ ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมไบเทค บางนา โดยมี ดร.ประวิช รัตนเพียร รมว.วิทยาศาสตร์ฯ เป็นประธาน รศ.ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท สเปเชียลตี้ ไบโอเทค จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ ทางบริษัทได้ประสบความสำเร็จในการผลิตสารสกัดอนุภาคนาโนที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจจากยีสต์ได้หลากหลายชนิดด้วยกัน อาทิ สารเบต้า-กลูแคน (Beta -glucan) สารคอสโมแคน (Cosmocan) สารอินโนวาแคน (Innovacan) สารอูมาบิน (Umamin) สารนาโนมอส (Nanomos) สารนาโนซอร์บ (Nanosorb) สารนาโนโปรพลัส (Nanoproplus) และสารอิมมูโนส (Immunose) โดยสารเหล่านี้จะมีประโยชน์ในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารเสริมและสารปรุงแต่รสชาติแทนผงชูรส ผลิตภัณฑ์ยาและเครื่องสำอาง รวมถึงการผลิตอาหารเสริมภูมิคุ้มกันทดแทนการใช้ยาปฏิชีวนะในสัตว์เศรษฐกิจ เช่น กุ้ง สุกร โคนม และไก่ ตามข้อกำหนดของสหภาพยุโรปและอเมริกา ซึ่งแต่เดิมที่ประเทศไทยต้องนำเข้าผลิตภัณฑ์ยีสต์เหล่านี้จากต่างประเทศทั้งหมดกว่า 1 พันล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ ทางบริษัท สเปเชียลตี้ ไบโอเทค จำกัด ได้จดทะเบียนบริษัทมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2546 มีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 120 ล้านบาท พร้อมกันนี้ก็ได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณจาก สนช. ในโครงการ "นวัตกรรมดี...ไม่มีดอกเบี้ย" ด้วยวงเงินกู้ 20 ล้านบาท และได้รับการส่งเสริมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อผลิตสินค้าโดยใช้นาโนไบโอเทคโนโลยีที่มีมาตรฐานระดับสากล มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค มีต้นทุนต่ำ ลดการพึ่งพิงต่างชาติ โดยกล่าวได้ว่าเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพที่ใช้ประโยชน์จากสารสกัดจากยีสต์เป็นแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งนอกจากจะเป็นการผลิตเพื่อใช้งานภายในประเทศแล้ว ยังมีแผนที่จะส่งออกสารสกัดที่ได้ไปยังประเทศในราวต้นปีหน้าเพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศต่อไปด้วย (ผู้จัดการ จันทร์ที่ 11 ก.ย. 2549 http://www.manager.co.th)





คนไทยมีเอี่ยวทำ “โลกร้อน” สูงเป็นอันดับ 9

จากข้อมูลของ รศ.ดร.สิรินทรเทพ เต้าประยูร ประธานสายสิ่งแวดล้อม บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) อาจทำให้คนไทยต้องกลับมาคิดใหม่ เพราะเราก็ส่วนไม่น้อยในการทำลายโลก แม้โดยภาพรวมทั่วโลกแล้วไทยปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นสัดส่วนแค่ 0.8% แต่ใน พ.ศ.2543 คนไทย 1 คนปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อนมากถึงปีละ 2.18 ตัน ซึ่ง จัดเป็นอันดับ 9 ของโลก ขณะที่ญี่ปุ่นมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คนละ 9.41 ตัน/ปี ส่วนประเทศยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐมีส่วนในการสร้างภาวะโลกร้อนคนละ 19.68 ตัน/ปี ดร.สิรินทรเทพ ให้ข้อมูลต่อว่าในประเทศไทยมี 3 ภาคหลักๆ ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ คือ ภาคการผลิตไฟฟ้า 43 % ภาคการขนส่ง 32 % และภาคอุตสาหกรรม 25 % ทั้งนี้การเป็นประเทศกำลังพัฒนาทำให้มีความพยายามเพิ่มจีดีพี จึงจะทำให้การใช้พลังงานเพิ่มขึ้น ซึ่งมีถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงหลักในโรงไฟฟ้าและโรงกลั่น และทำให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น ขณะที่ ผศ.ดร.อำนาจ ชิดไธสง บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ยังได้ให้ภาพรวมทั่วโลกอันเป็นผลกระทบจากภาวะโลกร้อน โดยระบุว่าในช่วง พ.ศ.2423-2543 นั้นอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกเพิ่มขึ้นทุกปี 0.6-0.8 องศาเซลเซียส และดัชนีความแห้งแล้งทั่วโลกก็เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งยังมีปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงที่มีความแปรปรวน โดยบางพื้นที่ฝนตกหนักขึ้น แต่ช่วงเวลาที่ฝนตกสั้นลง ยังมีปัญหาเรื่องการแข็งตัวของน้ำแข็งขั้วโลกที่แข็งตัวช้าลงแต่ละลายเร็วขึ้น ซึ่งจากข้อมูลใน พ.ศ.2403 น้ำในแม่น้ำกลายเริ่มกลายเป็นน้ำแข็งในวันที่ 1 พ.ย. แต่เมื่อ พ.ศ.2538 น้ำกลายเป็นแข็งในวันที่ 15 พ.ย. ซึ่งเลื่อนออกไป 2 อาทิตย์ และปกติน้ำแข็งจะเริ่มละลายประมาณเดือน เม.ย. แต่ปัจจุบันน้ำแข็งละลายช่วงกลาง มี.ค. ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการเริ่มต้นฤดูหนาวช้าลงและสั้นลง (ผู้จัดการ จันทร์ที่ 11 ก.ย. 2549 http://www.manager.co.th)





วว.ลุ้นสาหร่ายลาบไปนอก เอกชนรุมจีบขอรับสิทธิผลิตขาย

ดร.นงลักษณ์ ปานเกิดดี ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กล่าวถึงผลการดำเนินงาน 2 ปีของโครงการสร้างภาคีผลิตบัณฑิตระดับปริญญาโท-เอก ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษาใช้ห้องปฏิบัติการและสารเคมีในการทดลองของ วว.ว่า ปัจจุบันมีโครงการวิจัยทั้งสิ้น 85 โครงการ นักศึกษาปริญญาเอก 13 คน และปริญญาโทประมาณ 70 คน โครงการวิจัยกระจายอยู่ในสาขาต่างๆ เช่น ผลิตภัณฑ์อาหาร ชีวภัณฑ์ทางการแพทย์และผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ เทคโนโลยีเกษตร พลังงานและวิศวกรรม ทั้งนี้ วว.ตั้งเป้าว่าภายใน 2 ปีนี้จะมีมหาวิทยาลัยอีก 26 แห่ง เข้าร่วมโครงการจาก 15 แห่งในปัจจุบัน ตัวอย่างงานวิจัยที่ได้รับการจดสิทธิบัตรแล้วคือ โครงการผลิตสาหร่ายลาบจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่ได้รับความสนใจจากภาคเอกชนหลายราย ที่ต้องการรับสิทธิการผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ สำหรับสาหร่ายลาบเป็นการพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น และคณะวิจัยประสบความสำเร็จในการศึกษาข้อมูลพื้นฐานสูตรอาหารที่เหมาะสม ในการเพาะเลี้ยงสาหร่ายเห็ดลาบ และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ได้มาตรฐานสากล เพื่อยกระดับสาหร่ายไทยให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ ผลิตภัณฑ์อาหารจากสาหร่ายเห็ดลาบที่คณะวิจัยคิดค้น มีทั้งอาหารคาว หวาน ขบเคี้ยวและเครื่องดื่ม ดังนี้ อาหารคาว ได้แก่ ผงโรยข้าว (Thai dancing, furikake), ลาบ, ซุปใส, ซุปเต้าหู้ และสาหร่ายแผ่นดองเปรี้ยว-เค็ม อาหารหวาน ได้แก่ วุ้นสาหร่าย (รสชาเขียว รสกะทิ) และเยลลี่สาหร่ายรสผลไม้ อาหารขบเคี้ยว ได้แก่ ทองแผ่นสาหร่าย (รสหวาน รสเค็ม) คุกกี้ ข้าวเกรียบ บิสกิต และสาหร่ายแผ่นปรุงรส เครื่องดื่ม ได้แก่ น้ำข้าวผสมสาหร่ายรสผลไม้ (สับปะรด กระเจี๊ยบ มะนาว) และน้ำมะนาวสูตรสาหร่ายเห็ดลาบ (คมชัดลึก จันทร์ที่ 11 ก.ย. 2549 http://www.komchadluek.net)





วว.ตั้งเป้าผลิตวิจัยสุขภาพคู่พลังงานทดแทน

ดร.นงลักษณ์ ปานเกิดดี ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กล่าวถึงผลการดำเนินงาน 2 ปีโครงการสร้างภาคีผลิตบัณฑิตระดับปริญญาโท-เอก ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษาใช้ห้องปฏิบัติการครุภัณฑ์ สารเคมี และเครื่องมือที่ใช้ในการทดลองของ วว. โดยมีนักวิจัย วว.ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ ว่า ปัจจุบันมีโครงการวิจัยทั้งสิ้น 85 โครงการ นักศึกษาปริญญาเอก 13 คน และปริญญาโทประมาณ 70 คน โครงการวิจัยกระจายอยู่ในสาขาต่างๆ อาทิเช่น ผลิตภัณฑ์อาหาร ชีวภัณฑ์ทางการแพทย์และผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ เทคโนโลยีเกษตร พลังงานและวิศวกรรม ทั้งนี้ วว.ตั้งเป้าว่าภายใน 2 ปีนี้ จะมีมหาวิทยาลัยอีก 26 แห่งเข้าร่วมโครงการ จาก 15 แห่งในปัจจุบัน และจะส่งผลให้มีงานวิจัยได้รับการจดสิทธิบัตรและตีพิมพ์เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว สำหรับสิทธิบัตรที่ได้จะเป็นการถือครองร่วมกันระหว่าง วว.กับมหาวิทยาลัย นางสุมาลัย ศรีกำไลทอง รองผู้ว่าการวิจัยและพัฒนา วว. กล่าวว่า ผลจากการดำเนินโครงการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 2 วว.ได้จดสิทธิบัตรให้งานวิจัยในโครงการที่สำเร็จไปแล้ว 3 โครงการ ส่วนที่เหลือจะต้องใช้เวลาศึกษาต่อเนื่องอีก 3 - 4 ปี คาดว่าในอีก 2 ปีจะสามารถเพิ่มจำนวนสิทธิบัตรได้เท่าตัว ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2549 วว.สนับสนุนโครงการวิจัย 65 โครงการ งบประมาณทั้งสิ้น 6 ล้านบาท ด้านทิศทางการดำเนินงานของ วว.ในช่วง 5 ปีต่อจากนี้ (2550 - 2555) ยังคงเน้นการสนับสนุนใน 3 ด้านหลักคือ ผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ จากสมุนไพรธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพที่ไม่ใช่อาหาร เช่น เครื่องมือแพทย์ และพลังงานทดแทนและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะพลังงานทดแทน ถือเป็นภารกิจต่อเนื่องจากปัจจุบัน ที่ทีมวิจัยกำลังเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีผลิตไบโอดีเซล จากน้ำมันพืชใช้แล้ว รวมถึงกรรมวิธีการผลิตกลีเซอรีนบริสุทธิ์ เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 12 ก.ย. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





5 นักวิจัยมหาสารคามทำระบบแอนตี้เว็บโป๊ ดึงเด็กไทยห่างจากภาพเปลือย

ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) จึงได้ให้ทุนการวิจัยพัฒนาแก่คณะวิจัยจากคณะวิทยาการสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ให้จัดทำระบบกลั่นกรองเว็บไซต์อนาจาร (Automated Obscenity Web Sites Filtering Systems) ขึ้น ในชื่อ “แอนตี้ เอ็กซ์” (Anti X) เพื่อกำราบเว็บโป๊ให้อยู่หมัด! คณะวิจัยทั้ง 5 ประกอบด้วย อาจารย์รพีพร ช่ำชอง, อาจารย์จันทิมา พลพินิจ, อาจารย์ ดร.สมนึก พ่วงพรพิทักษ์, อาจารย์ชุมศักดิ์ สีบุญเรือง และอาจารย์อนิรุทธ์ โชติถนอม โดยได้รับทุนการวิจัยพัฒนาประมาณ 2.1 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาการวิจัยพัฒนาตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.2547 ถึงวันที่ 27 มิ.ย.2549 หรือร่วม 2 ปี ซึ่งระบบกลั่นกรองเว็บไซต์อนาจารนี้ก็เป็นหนึ่งในผลงานสิ่งประดิษฐ์คิดค้นที่ส่งเข้าประกวดในรางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2550 ของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ด้วย คณะวิจัยเผยว่า จากการพัฒนาโปรแกรมและอัลกอรึทึมของระบบมาโดยลำดับ ทำให้พวกเขาได้ระบบกลั่นกรองเว็บไซต์อนาจารที่พิจารณาข้อมูลได้ทั้งจากข้อมูลที่เป็นภาพ (Image) ข้อมูลที่เป็นข้อความภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (Text) และลิงก์ของเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงกันอยู่ (Link) ซึ่งในส่วนของข้อมูลที่เป็นภาพนั้น ระบบจะกลั่นกรองด้วยการดูสัดส่วนของภาพที่มีลักษณะเป็นสีผิวของมนุษย์เป็นหลัก หากพบว่าภาพใดมีสัดส่วนของสีผิวมนุษย์มากผิดปกติก็ต้องสงสัยไว้ก่อนว่าเข้าข่ายเป็นภาพเปลือย พร้อมกันนี้ระบบยังอาศัยข้อมูลทางสถิติมาประกอบการตัดสินใจอัจฉริยะเสมือนมนุษย์มาช่วยกลั่นกรองเว็บไซต์อีกชั้นหนึ่ง ผ่านการผสมผสานความรู้ด้านคอมพิวเตอร์แขนงต่างๆ อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) การประมวลผลข้อความ (Text Processing) การประมวลผลภาพ (Image Processing) และเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) จึงทำให้ไม่ต้องกังวลว่าเว็บไซต์ที่มีประโยชน์อย่างเว็บไซต์ด้านสุขภาพ เช่นเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม หรือเว็บไซต์เรื่องเพศศึกษาจะพลอยติดร่างแหไปด้วย (ผู้จัดการ อังคารที่ 12 ก.ย. 2549 http://www.manager.co.th)





กินส้มจีนป้องกันโรคมะเร็งตับ ทดลองให้คนไข้โรค ไวรัสตับดื่ม

นักวิทยาศาสตร์ชาวอาทิตย์อุทัย ได้ศึกษาโดยการสำรวจชาวเมืองมิคกาบี ซึ่งชอบบริโภคส้มจีน จำนวน 1,073 คน ได้พบสารส่อในการตรวจตัวอย่างเลือดว่า จะไม่ค่อยเป็นโรคหลอดเลือดแดงแข็งและอาการดื้อกับอินซูลิน และในการศึกษาแห่งที่สอง ของนักวิจัยมหาวิทยาลัยแพทย์เกียวโต ได้ศึกษาคนไข้โรคไวรัสตับ 30 ราย ซึ่งให้ดื่มน้ำส้มจีนคั้นทุกวันมานาน 1 ปี พบว่าจะช่วยผู้ที่เป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง ไม่ให้กลายเป็นมะเร็งตับได้ เมื่อเทียบกับคนไข้พวกเดียวกัน 49 คน ที่ไม่ได้ดื่ม ต่างพากันกลายเป็นมะเร็งตับไป 8.9% ทางองค์การวิจัยโรคมะเร็งการกุศลของอังกฤษกล่าวว่า รู้สึกยินดีกับผลการวิจัยนี้ แต่ยังเห็นว่าศึกษากับจำนวนตัวอย่างน้อยไป ซึ่งนักวิจัยญี่ปุ่นผู้ทำเรื่อง ก็ยอมรับว่า จะต้องศึกษาให้มากกว่านี้ และเตรียมที่จะศึกษาต่อไปเป็นเวลาอีก 5 ปีอยู่แล้ว. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 14 ก.ย. 2549 http://www.thairath.co.th)





วช.เผยสหรัฐฯ ทึ่งสเต็มเซลล์ไทย เดินหน้าความร่วมมือ 2 ประเทศ

ในงาน “การนำเสนอผลงานวิจัยแห่งชาติ 2549” (Thailand Research Expo 2006) โดยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ณ สกายฮอลล์และห้องบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว ที่ได้ปิดฉากลงเมื่อวันที่ (13 ก.ย.) ศ.ดร.อานนท์ บุณยะรัตเวช เลขาธิการ วช. กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างสภาวิจัยแห่งชาติกับโครงการยีนบำบัด ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยหลุยส์เซียนา สหรัฐอเมริกา ในการศึกษาวิจัยเซลล์ต้นกำเนิด หรือสเต็มเซลล์ว่า ความร่วมมือดังกล่าวเป็นโครงการที่ทั้ง 2 สถาบันได้ลงนามความร่วมมือกันมาได้ระยะหนึ่งแล้ว กิจกรรมที่เกิดขึ้นในโครงการได้แก่ การส่งผู้เชี่ยวชาญมาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันผ่านการสัมมนา และการแลกเปลี่ยนนักวิจัยของทั้ง 2 ฝ่าย โดยระยะต่อไปจะมีการเจรจากันถึงรายละเอียดของสิ่งที่จะวิจัยร่วมกันให้มากขึ้น นอกจากนั้นยังหวังให้ความร่วมมือนี้จะนำมาซึ่งทุนวิจัยจากสหรัฐอเมริกาด้วย เนื่องจากงบประมาณการวิจัยสเต็มเซลล์ของไทยมีค่อนข้างจำกัด ทั้งนี้ ในความร่วมมือดังกล่าว ต่างฝ่ายต่างก็มีความชำนาญในหัวข้อการวิจัยที่แตกต่างกัน โดยความก้าวหน้าที่ประเทศไทยประสบความสำเร็จคือ การศึกษาในผู้ป่วย การผลิตเซลล์คุณภาพสูง และการสร้างเนื้อเยื่ออวัยวะของมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งฝ่ายสหรัฐอเมริกาให้ความสนใจมาก ขณะที่ฝ่ายสหรัฐอเมริกาเองจะมีความก้าวหน้าทางด้านการศึกษายีนหรือหน่วยพันธุกรรมในเชิงลึก ทางด้านทิศทางการศึกษาวิจัยสเต็มเซลล์ของไทยในอนาคต ศ.ดร.อานนท์ ในฐานะผู้บริหารสภาวิจัยแห่งชาติ ชี้ว่า ควรมีการจัดระบบวิจัยและความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ อย่างชัดเจน รวมถึงควรทำวิจัยเพื่อให้ครอบคลุมการรักษาโรคหลายโรค โดยไม่เกิดการสูญเปล่าของงบประมาณเนื่องจากการทำวิจัยซ้ำซ้อน ซึ่งยังจะทำให้วิทยาการสเต็มเซลล์ของไทยก้าวไม่ทันต่างประเทศด้วย นอกจากนั้นแล้วยังต้องกำหนดบทบาทของสเต็มเซลล์สำหรับประเทศไทยอย่างชัดเจน และชักนำให้เกิดความร่วมมือระหว่างหน่วยวิจัยระหว่างประเทศด้วย (ผู้จัดการ พฤหัสบดีที่ 14 ก.ย. 2549 http://www.manager.com)





เตาเผาขยะติดเชื้อรุ่นประหยัด ลดสารก่อมะเร็งในควันไฟได้ด้วย

นายศรีวิชัย สู่สุข นักศึกษาปริญญาโท คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวถึง โครงการศึกษารูปแบบการเผาไหม้ของเตารุ่นที่ใช้ออกซิเจนเสริมว่า ข้อมูลจากโครงการจะนำไปสู่การออกแบบเตาประหยัดพลังงาน และลดปริมาณมลภาวะที่ปล่อยออกจากปล่องเตาและหลุดลอยอยู่ในอากาศหายใจ โดยเฉพาะเตาเผาขยะติดเชื้อที่มักพบสารไดออกซิน ซึ่งเป็นตัวการสำคัญในการก่อมะเร็ง งานวิจัยดังกล่าวอยู่ภายใต้โครงการสร้างภาคีในการผลิตบัณฑิตระดับปริญญาโท-เอก ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วว.) โดยมีนายแสวง เกิดประทุม นักวิชาการฝ่ายวิศวกรรม วว. เป็นที่ปรึกษาโครงการ การศึกษาดังกล่าว เกิดขึ้นจากปัญหาการกำจัดขยะด้วยเตาเผาในปัจจุบัน ที่สิ้นเปลืองพลังงานสูง และปัญหาฝุ่นละอองจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ ฝุ่นละอองเหล่านั้นจะล่องลอยอยู่ในอากาศ นอกจากก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังมีโอกาสเข้าสู่ร่างกายผ่านทางลมหายใจได้อีกด้วย (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 14 ก.ย. 2549 http://www.komchadluek.net)





เต้าเทียมฟื้นสภาพจิตผู้ป่วยมะเร็ง

นางปราศรัย สิริธัญกิจ พยาบาลและหัวหน้าศูนย์ศัลยกรรมหญิง โรงพยาบาลกำแพงเพชร กล่าวว่า โรงพยาบาลประสบความสำเร็จในการคิดค้นเต้านมเทียมราคาถูก สำหรับผู้ป่วยผ่าตัดมะเร็งเต้านม แถมยังต่อยอดเป็นเสื้อรัดอก ป้องกันการติดเชื้อหลังการผ่าตัด และหุ่นจำลองฝึกคลำหามะเร็งเต้านมด้วยตนเอง ปัญหาที่พบมากในผู้ป่วยเข้ารับการรักษามะเร็งเต้านมด้วยการผ่าตัด ในระยะลุกลามที่จำเป็นต้องตัดเต้านมออกทั้งเต้า คือ สภาพจิตใจที่เกิดจากการสูญเสียอวัยวะสำคัญ ผลจากการสำรวจพบผู้ป่วยมีภาวะความเครียดสูงทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด ในขณะที่ผู้ป่วยที่อยู่ในชนบทส่วนใหญ่ไม่สามารถหาซื้ออุปกรณ์เสริมเต้านมที่ทำจากยางหรือซิลิโคนมาใช้ได้ เนื่องจากราคาสูงถึงข้างละ 5,000 บาท การศึกษาในเบื้องต้นพบว่า อุปกรณ์เสริมเต้านมที่ทำจากซิลิโคน จะลื่นหลุดจากตำแหน่งได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อร่างกายเกิดเหงื่อ ส่วนอุปกรณ์เสริมเต้าจากยาง มักส่งผลให้เกิดผื่นแดงและอาการคันบริเวณช่วงอก เนื่องจากอาการแพ้ยาง "เต้านมเทียมที่ออกแบบขึ้นใหม่นี้ ทำจากวัสดุที่หาได้ในประเทศคือ ถุงน่องและเส้นใยไหมสังเคราะห์ ที่มีความยืดหยุ่นต่อการใช้งาน ดีกว่าผ้ายืดและใยสังเคราะห์ชนิดอื่น ตลอดจนเต้านมเทียมที่พัฒนาขึ้นนี้ มีลักษณะใกล้เคียงกับหน้าอกจริงของสตรี และสามารถถอดซักทำความสะอาดได้ โดยราคาขายอยู่ที่ข้างละ 50 บาท ทั้งนี้ทีมงานได้ผลิตเต้านมเทียมดังกล่าวออกมาทั้งหมด 5 ขนาด เพื่อให้เหมาะสมกับทรวดทรงของผู้ต้องการใช้งาน" หัวหน้าศูนย์ศัลยกรรมหญิง กล่าว ผลจากการพัฒนาเต้าเทียมดังกล่าว นำไปสู่การพัฒนาเต้าเทียมฝึกตรวจหามะเร็งเต้านมด้วยตนเอง และเสื้อรัดอกป้องกันการติดเชื้อ หลังการผ่าตัดในช่วง 5 เดือนแรก เพื่อปิดกดทับต่อมน้ำเหลือง ป้องกันโรคติดเชื้อแทรกซ้อนที่เกิดจากการเปลี่ยนถ่ายน้ำเหลืองหลังการผ่าตัด (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 14 ก.ย. 2549 http://www.komchadluek.net)





ข่าวทั่วไป


แนะมหา'ลัยให้บริการชุมชนอย่ายัดเยียด

นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ประธานกรรมการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม) กล่าวปาฐกถา เรื่อง “การบริการวิชาการแก่ชุมชน เพื่อชุมชนเข้มแข็ง” ที่ม.ศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า บทบาทสำคัญของมหาวิทยาลัยนอกจากเรื่องการสอนและวิจัยแล้วยังจะต้องให้บริการวิชาการแก่ชุมชนด้วย เพื่อสร้างเสริมให้ชุมชนเข้มแข็ง ซึ่งเสาหลักในการบริการชุมชนที่มหาวิทยาลัยต้องยึดมั่น คือ 1.ความดีที่มีคุณธรรม จริยธรรม ซื่อสัตย์ สุจริต คิดดีทำดี ตลอดจนมีความรัก เมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ มีความกรุณา ชื่นชมและยินดีเมื่อเห็นคนอื่นทำความดี 2.การเรียนรู้ ต้องสามารถวิเคราะห์และศึกษา สรุปแผนงานร่วมกับชาวบ้านและชุมชนได้ ซึ่งการไปร่วมเก็บข้อมูลกับชุมชนถือเป็นการเรียนรู้แทบทั้งสิ้น เรียกว่าเป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ และ 3.ต้องมีการจัดการโดยนำกระบวนการที่ได้เรียนรู้มาจัดการ และการจัดการจะสำเร็จได้ต้องอาศัยความดี (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 11 ก.ย. 2549 http://www.dailynews.co.th)





เปิดตัว! ข้าวโพดหวานไทย 3 พันธุ์ใหม่

นายพาโชค พงษ์พานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปซิฟิคเมล็ดพันธุ์ จำกัด ผู้นำด้านวิจัยพัฒนา และผลิตข้าวโพดหวานของไทย ได้เปิดตัวข้าวโพดหวาน 3 พันธุ์ใหม่ คือข้าวโพดหวานพันธุ์ “ไฮ-บริกซ์ 9” ข้าวโพดหวานสองสี “แฟนซี สวีท” และข้าวโพดข้าวเหนียว “ซุปเปอร์แชมป์” ข้าวโพดหวานทั้ง 3 พันธุ์ ได้ผ่านการทดสอบในห้องวิจัยมานานกว่า 3 ปีก่อนจะปล่อยออกสู่ตลาด มุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพพันธุ์ข้าวโพดฝักสดให้ได้มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ เนื่องจากการปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดหวานไม่ได้มุ่งตอบสนองเฉพาะข้าวโพดหวานเพื่ออุตสาหกรรมที่เน้นปริมาณการผลิตเพียงอย่างเดียว ยังมุ่งตลาดฝักสดที่ชอบลักษณะเด่นของฝักสวย เป็นจุดขายของตลาดผู้บริโภคที่สำคัญด้วย จากการวิจัยล่าสุดได้ ข้าวโพดหวานพันธุ์ใหม่ ไฮ-บริกซ์ 9 มีคุณภาพฝักสด และความหวานสูง จากการร่วมทดสอบพันธุ์กับทางโรงงาน อุตสาหกรรม พบว่าเหมาะกับการบรรจุกระป๋อง และแช่แข็ง มีจุดเด่นที่เห็นได้ชัดคือสีของเมล็ด หลังจากผ่านกระบวนการบรรจุกระป๋อง หรือแช่แข็งแล้วจะมีสีเหลืองสวยสดใสถูกใจตลาด พร้อมกันนั้น ข้าวโพดหวานสองสี ถูกพัฒนาพันธุ์ และผลิตขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของตลาดข้าวโพดหวานเช่นกัน โดยใช้ชื่อ “แฟนซี สวีท” ซึ่งข้าวโพดหวานสองสี จุดเด่นอยู่ที่เมล็ดมีสีเหลืองสลับขาวภายในฝักเดียวกัน ขนาดฝักใหญ่ เมล็ดติดเต็มถึงปลาย มีคุณภาพฝักสดสูง รสชาติหวานไม่แพ้ไฮ-บริกซ์ 9 และยังให้ผลผลิตสูงอีกด้วย ซึ่งในสถานีวิจัยให้ผลผลิตสูงถึง 4 ตันต่อไร่ จึงเป็นทางเลือกใหม่ของเกษตรกร และผู้บริโภค และข้าวโพดข้าวเหนียวลูกผสม ในชื่อ “ซุปเปอร์แชมป์” มีจุดเด่นด้านคุณภาพที่เหนียวนุ่ม มีรสหวาน ให้ผลผลิตสูง สามารถให้ผลผลิตทั้งเปลือกสูงกว่า 2 ตันต่อไร่ ขนาดฝักใหญ่ และเมล็ดสีขาวติดเต็มถึงปลาย โดยสามารถเก็บเกี่ยวที่อายุ 16-18 วันหลังออกไหมในขณะที่กาบฝักยังเขียวอยู่ ซึ่งพันธุ์ ”ซุปเปอร์แชมป์” จะเป็นอีกพันธุ์หนึ่งที่โดดเด่นในตลาดข้าวโพดหวานในอนาคตอันใกล้ (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 12 ก.ย. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





พบช้างพังพูดภาษาเกาหลีได้ 8 คำ ไม่แน่ใจรู้ความ หมายที่พูดหรือไม่

สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ ที่กรุงซีอูล ประเทศเกาหลีใต้ อ้างว่า ช้างพลายเอเชีย อายุ 16 ปี เชือกหนึ่งสามารถพูดภาษาเกาหลีได้ถึง 8 คำ อย่างเช่น “นั่ง” “ครับ” “ไม่” และ “นอนลง” นายกิม จอง กั๊บ ควาญของ พลาย “โกสิก” ซึ่งอยู่กับช้างพูดได้มานาน 10 ปีแล้ว เล่าว่า มันทำเสียงพูดโดยอมงวงอยู่ในปาก พร้อมกับพ่นลมออกมาและส่ายหัวไปด้วย แบบเดียวกับคนที่ใช้เป่านิ้วมือให้เป็นเสียง เพียงแต่เขาไม่แน่ใจว่ามันเข้าใจความหมายของคำแต่ละคำหรือไม่ “ผมได้ยินมันพูด โดยเลียนเสียงของผมเมื่อสักสองปีมาแล้ว ตอนแรกก็ไม่เชื่อหู แต่ เมื่อคอยสังเกตดู ก็รู้ว่ามันทำเลียนเสียงผม” เคยมีการศึกษากันมาก่อนส่อว่า ช้างสามารถทำเสียงเลียนเสียงคนได้ ในรายงานการศึกษาซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร “ธรรมชาติ” เมื่อปีกลาย นักวิจัยพบว่าช้างสามารถเลียนเสียงได้ โดยพบช้างที่ทำเสียงเลียนเสียงของรถบรรทุก ทางสวนก็เชื่อว่า พลายโกสิกทำเสียงเลียนเสียงคนได้ และเมื่อศึกษาเสียงของมันด้วยเครื่องวัดความถี่ของเสียง พบว่ามันทำเสียงได้คล้ายกับเสียงมนุษย์ ผู้อำนวยการของสวนคุยว่า “เราคาดว่าโกสิกคงเลียนที่จะพูด เพราะคลุกคลีอยู่กับควาญมานาน เราเตรียมจะทำการศึกษา กับควาญ สัตวแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ เพื่อจะดูว่า โกสิกเข้าใจความของคำที่มันเปล่งออกมาหรือไม่”. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 14 ก.ย. 2549 http://www.thairath.co.th)





เปิดยุค "ชีวิตตั้งต้นเมื่ออายุ 100 ปี" ระดมวิทยา การใหม่ต้านความชรา

หมอโรเบิร์ต เอ็ม โกลด์แมน นายกบัณฑิตยสถานการแพทย์ต่อต้านความแก่ชราแห่งอเมริกัน กล่าวบอกกับที่ประชุมว่า “ชีวิตตั้งต้นเมื่ออายุ 100 ปี ซึ่งเป็นเรื่องที่ยังไม่อาจนึกถึงได้ในปัจจุบัน แต่ในอนาคต อายุ 100 ปี มนุษย์อาจจะเพิ่งย่างเข้าวัยหนุ่มกันเท่านั้น” เขากล่าวต่อไปว่า เพราะได้มีการนำเอาความรู้ความก้าวหน้าในด้านเซลล์ต้นกำเนิด นาโนเทคโนโลยี และพันธุวิศวกรรมและการโคลนนิ่ง มาเข้าร่วมในการแพทย์ต่อต้านความแก่ชรากันขึ้น เขาได้ยกตัวอย่างภาพถ่าย ของดาราภาพยนตร์ทรงเสน่ห์ โซเฟีย ลอเรน แม้จะมีอายุปาเข้าไปถึง 71 ปี ที่เพิ่งเผยแพร่ ทำให้คิดได้ว่าความคิดเรื่องวัยอายุ ชักเปลี่ยนไปแล้ว ดาราสาววัยขนาดนั้นยังถ่ายแบบ โดยมีตุ้มหูคู่เดียวได้ “หากเป็นเมื่อ 14 ปีก่อน หากใครมาบอกว่าจะ จับเอาดาราสาวที่เคยเป็นสาวทรงเสน่ห์มาถ่ายแบบ โดยใส่ตุ้มหูคู่เดียว ใครๆก็ต้องนึก ขยะแขยง หรือไม่อยากดู แต่ลองดูซิ เธอยังดูดี ขนาดอายุ 71 เข้าไปแล้ว” ในเวลาเดียวกัน หมอไมเคิล เคลนซ์ ผู้อำนวยการสถาบันแพทย์ต่อต้านความชรา เคลนซ์ ที่เมืองมิวนิก รายงานว่า การบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิด จะช่วยให้คนเรากลับมีผมดกขึ้นใหม่ ขจัดรอยเหี่ยวย่นของผิวหนัง ปลูกประสาทให้กับผู้ป่วยเป็นอัมพาตขึ้นใหม่ได้ เซลล์ต้นกำเนิดจะเป็นระบบซ่อมแซมให้กับร่างกาย เพราะมันสามารถจะแบ่งตัว แตกแขนง ไปแทนเซลล์ อื่นๆได้หลายอย่างหลายชนิด ตราบเท่าที่เจ้าตัวยังมีชีวิตอยู่ (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 14 ก.ย. 2549 http://www.thairath.co.th)





กศน.สอนทางไกลพระเครื่อง ปั้น"เซียนพระ"สืบทอดศิลป์ไทย

นายบุญส่ง คูวรากูล ผู้อำนวยการสถาบันการศึกษาทางไกล สำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า สถาบันการศึกษาทางไกลได้ลงนามความร่วมมือกับสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย ในการพัฒนาหลักสูตร สื่อการเรียนการสอน การวัดผลประเมินผลของหลักสูตรการศึกษาพระเครื่องขั้นพื้นฐาน วิธีเรียนทางไกลขึ้น เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับพระเครื่องและพระบูชาไทย ทั้งในด้านโบราณคดี ประวัติศาสตร์ และพุทธประวัติ "เป็นหลักสูตรระยะสั้น เรียนรู้เนื้อหา 60 ชั่วโมง เรียนรู้จากการศึกษาค้นคว้าและทำกิจกรรมตามที่กำหนดอีก 100 ชั่วโมง รวม 160 ชั่วโมง ซึ่งผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้จากสื่อชุดมรดกแผ่นดิน ชุดการเรียนรู้ ทั้งที่เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ แผ่นวีดิทัศน์ การฝึกปฏิบัติจากผู้รู้ที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาจากสมาคมพระเครื่องฯ ซึ่งเป็นผู้ทำหลักสูตรนี้ รวมทั้งการเรียนรู้จากการสัมมนาเสริมประสบการณ์ก่อนจบหลักสูตรอีกด้วย โดยผู้จบหลักสูตรจะได้รับวุฒิบัตรรับรองความรู้ที่ออกโดย 2 องค์กร" (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 14 ก.ย. 2549 http://www.komchadluek.net)





รพ.จุฬาฯ เปิดศูนย์เพ็ท-ซีที วินิจฉัยมะเร็งระยะเริ่มต้นจนหายขาด

ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เปิดเผยว่า รพ.จุฬา เป็นโรงพยาบาลรัฐแห่งแรกที่ซื้อเครื่องเพ็ท-ซีที มาใช้บริการผู้ป่วยในราคาร 120 ล้านบาท ซึ่งต่างประเทศมีใช้มานานแล้ว แต่ในไทยมีเฉพาะโรงพยาบาลเอกชน โดยเครื่องดังกล่าว รพ.จุฬาฯ ได้คำนวณระยะเวลาคุ้มทุนเมื่อเทียบกับผลที่ได้รับจากการรักษาผู้ป่วยแล้วคุ้มค่า ประหยัดทั้งเวลาและเงิน ด้าน รศ.นพ.ธวัชชัย ชัยวัฒนรัตน์ หัวหน้าสาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ฝ่ายรังสีวิทยา รพ.จุฬา กล่าวว่า เครื่องเพ็ท-ซีที เป็นความก้าวหน้าทางการแพทย์ต่อเนื่องจากเครื่องเอกซเรย์ ที่เริ่มใช้เมื่อ 40 ปีก่อน ต่อมามีเครื่องเอ็มอาร์ไอ หรือเครื่องตรวจด้วยสนามแม่เหล็ก แต่ปัจจุบันเครื่องเพ็ท-ซีที ได้รวมข้อดีของทั้ง 2 อย่างไว้ด้วยกัน โดยลักษณะพิเศษของเครื่องนี้สามารถตรวจหาตำแหน่งมะเร็งในระยะต่าง ๆ รวมถึงการแพร่กระจายของโรค ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีความละเอียดสูงสุดสามารถตรวจวินิจฉัยมะเร็งระยะเริ่มต้นที่มีขนาดเล็กกว่า 1 ม.ม.ได้ และระบุตำแหน่งที่มีความผิดปกติได้แม่นยำ รวมทั้งสามารถบอกระยะของโรค และนำไปสู่การวางแผนการรักษาที่ถูกต้องได้ดีกว่าวิธีการตรวจแบบอื่น ๆ ซึ่งการตรวจพบโรคมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้นสามารถรักษาให้หายได้ รศ.ธวัชชัย กล่าวอีกว่า เครื่องเพ็ทซีทีจะสามารถตรวจหาความผิดปกติของอวัยวะภายในในระดับโมเลกุล โดยใช้วิธีติดฉลากสารกัมมันตรังสีหรือฉีดกลูโคสที่มีสารกัมมันตรังสีเข้าไปในร่างกายผู้ป่วย กลูโคสนี้จะเข้าไปจับเนื้อเยื่อส่วนที่มีการเจริญเติบโตเร็วผิดปกติ ซึ่งจะเรืองแสงออกมาให้เห็นสามารถถ่ายภาพได้ เมื่อผนวกกับเทคโนโลยีซีทีสแกนก็จะสามารถรู้ว่าตำแหน่งอวัยวะใดที่เป็นมะเร็งบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งสารกัมมันตรังสีนี้ไม่มีอันตรายต่อร่างกาย จะถูกขับออกจากร่างกายทางปัสสาวะ นอกจากนี้ เครื่องดังกล่าวยังสามารถวินิจฉัยรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ผ่าตัดแก้ลมชักในสมอง และโรคสมองเสื่อมได้ด้วย อย่างไรก็ตาม การที่ผู้ป่วยจะใช้เครื่องเพ็ท-ซีทีนี้ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูงครั้งละประมาณ 60,000 บาท จะต้องมีข้อบ่งชี้ให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัยว่าใช้ได้หรือไม่ เช่น มีผลชิ้นเนื้อเป็นมะเร็งแน่นอนแล้ว ผู้ป่วยที่ผ่าตัดรักษาหรือฉายรังสีแล้วอาจมีก้อนเนื้อร้ายเกิดขึ้นใหม่ ก็จะใช้เครื่องเพ็ท-ซีทีติดตาม และผู้มีผลตรวจเลือดในแล็บผิดปกติ เป็นต้น (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 14 ก.ย. 2549 http://www.komchadluek.net)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215