หัวข้อข่าวปีที่ 7 ฉบับที่ 42 ประจำวันที่ 2006-10-16

ข่าวการศึกษา

ทปอ.เชื่อมือ 'วิจิตร' ให้ตัดสินเรื่องแยก ศธ.
กศน.จับตาปิดช่องเด็กในระบบมาประเมินเทียบระดับ

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

นักดาวเทียมเป็น รมว.ไอซีที คนแรก
รมต.นักวิทย์ กับภารกิจกำจัดจุดอ่อนวิทยาศาสตร์ไทย
ทีเอ็มซี จับมือ 6 ธนาคารหนุนโครงการดอกเบี้ยต่ำ ชวนโรงงานแป้งมันผลิตก๊าซชีวภาพ
เอกชนตั้งโรงงานแป้งทาตัวลดภูมิแพ้

รู้ลึกต้นเหตุของความแก่ชรา อยู่ที่ตัวยีนยันอายุให้ยืนยาว
ร้านอาหารหุ่นยนต์แห่งแรกในโลก
TMC เปิดคอร์ส “ชีวสารสนเทศศาสตร์” ออนไลน์ เจาะลึกจีโนม 24-27 ต.ค.นี้

ข่าววิจัย/พัฒนา

ออกกำลังกายมากอาจเป็นหมันง่าย ซ้ำยังเสี่ยงกับ การเกิดแท้งลูกมากขึ้น
วิจัยสร้าง "ฝายเล็ก" ชะลอน้ำไหลจากภูเขาได้สูงสุด 80%
องคมนตรีปลื้มผลงาน “บีอาร์ที” ติงนักวิจัยเมินความหลากหลายทางชีวภาพ
วช.เปิดเวทีระดมผู้เชี่ยวชาญน้ำ
มทร.ส่งกังหันลมผลิตไฟฟ้าป้อนเมืองพัทยา
ทีมมหิดลสกัดกระเจี๊ยบต้านโรคหัวใจ
สมัครโรงงานแป้งมันผันน้ำเสียเป็นเชื้อเพลิง


ข่าวทั่วไป

ประกวดตุ๊กตุ๊กชิงรางวัลใหญ่
แพทย์เสนอตั้ง 'กองทุนประกันตนเอง' ดึงชนชั้น กลางร่วมจ่าย
ดิสนีย์เปิดตูนทาวน์ออนไลน์ในเอเชีย
ผ่าตัดรักษาโรคอ้วนในอนาคต ใช้สอดท่อเข้าในปากไม่มีแผล
30 บาทวุ่น 'แพทยสภา' อัด สปสช.กินหัวคิ





ข่าวการศึกษา


ทปอ.เชื่อมือ 'วิจิตร' ให้ตัดสินเรื่องแยก ศธ.

ศ.ดร.ปรัชญา เวสารัชช์ อธิการบดีม.สุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมทปอ.เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ที่ประชุมได้รับฟังผลการศึกษาเรื่องการปรับโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) หรือการแยกสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เป็นกระทรวงการอุดมศึกษาและการวิจัย ซึ่งรศ.ดร.มณฑล สงวนเสริมศรี อธิการบดีม.นเรศวร (มน.) ประธานทำงานศึกษาฯ ได้นำเสนอ ซึ่งพบว่าการที่สกอ.เข้าไปรวมกับ ศธ. ก่อให้เกิดปัญหามากมาย เช่น ปัญหาความล่าช้าในการดำเนินงาน ปัญหาเรื่องโครงสร้าง ปัญหาเกี่ยวกับระบบบริหารจัดการ ปัญหาการแข่งขันกับนานาประเทศ ปัญหาการบริหารงานบุคคล ปัญหางบประมาณ หรือ ปัญหาด้านการเสนอกฎหมาย เป็นต้น ดังนั้นทางคณะทำงานจึงเสนอให้มีการแยก สกอ.ออกจาก ศธ. ศ.ดร.ปรัชญา กล่าวต่อไปว่า ปัญหาจากการรวมกระทรวงสะท้อนว่าเกิดจากวิธีคิดของคนใน ศธ.ที่ยังยึดติดกับอำนาจการควบคุม และสั่งการจนก่อให้เกิดการสร้างธรรมเนียมและวิธีปฏิบัติที่จะต้องผ่านส่วนกลางทั้งหมด ทั้ง ๆ ที่เจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ที่ให้รวมกระทรวงก็เพื่อให้การบริหารงานภายในของแต่ละองค์กรมีอิสระ และคล่องตัวมากขึ้น ทั้งนี้ทปอ. เห็นว่าศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการเข้าใจงานของอุดมศึกษา และปัญหาต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยเป็นอย่างดีจึงเชื่อว่าน่าจะช่วยแก้ปัญหาของอุดมศึกษาได้เป็นอย่างดี ดังนั้นทปอ.จึงเห็นตรงกันว่าจะไม่ไปกดดันเพื่อขอแยกกระทรวง แต่การจะแยกกระทรวงหรือไม่จะให้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรมว.ศึกษาธิการ (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 16 ต.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





กศน.จับตาปิดช่องเด็กในระบบมาประเมินเทียบระดับ

ดร.ชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาหลักสูตร สำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) เปิดเผยความคืบหน้าการประเมินเทียบระดับการศึกษาของ กศน. ว่า กศน. ได้ดำเนินการเทียบระดับการศึกษามาแล้ว 2 รุ่น โดยรุ่นแรกมีผู้สมัครขอประเมินเทียบระดับการศึกษาประมาณ 1,700 คน แต่ผ่านการประเมิน 550 คน ส่วนรุ่นที่ 2 สมัครประมาณ 2,000 คน ผ่านการประเมิน 1,700 คน ซึ่งผู้ผ่านการประเมินส่วนใหญ่จะมีอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยสามารถเทียบระดับการศึกษาได้ตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย และบางส่วนได้นำวุฒิการศึกษาที่ได้ไปต่อยอดศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีกับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มหาวิทยาลัยรามคำแหง หรือมหาวิทยาลัยราชภัฏ ทั้งนี้จากการประเมินผลการเทียบระดับ 2 รุ่นที่ผ่านมาพบว่า ผู้เข้ารับการประเมินมักจะไม่ผ่านการสอบวิชาพื้นฐานในวิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และคณิต ศาสตร์ และไม่ผ่านการประเมินความรู้ทั่วไปในด้านสังคม ซึ่งผู้ที่ไม่ผ่านการประเมินบางด้านนั้น กศน. จะเปิดโอกาสให้มาสอบแก้ตัวอีกครั้งหนึ่ง ดร.ชัยยศ กล่าวต่อไปว่า หลังจากที่ กศน. ได้ดำเนินการเทียบระดับมาแล้วทำให้เห็นถึงปัญหาและจุดบกพร่องที่ควรจะต้องมีการปรับปรุงระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วย การประเมินเทียบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน อุดมศึกษา และต่ำกว่าปริญญาตรี พ.ศ. 2546 ในหลายเรื่อง อาทิ กรณีการกำหนดอายุผู้ที่จะเข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษาไว้ตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งหลายฝ่ายเกรงว่าอาจเป็นการเปิดช่องให้นักเรียนที่อยู่ในระบบการศึกษาปกติหันเข้ามาสู่ระบบนี้เพื่อให้จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเร็วกว่าการเรียนในระบบ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีนักเรียนในระบบการศึกษาปกติ และระบบ Home School มาสมัครแล้ว 2 ราย และก็สามารถผ่านการเทียบระดับ เพราะมีเหตุผลที่รับฟังได้ “ผู้ที่จะเข้ารับการประเมินจะต้องประกอบอาชีพอยู่ โดยอาจจะต้องมีการทำแฟ้มประวัติสะสมผลงานพร้อมทั้งการฝึกปฏิบัติในด้านที่ชำนาญเพื่อส่งให้คณะกรรมการประเมินดูด้วย โดยการประเมินจะพิจารณาจาก 4 ด้าน ได้แก่ 1.ความรู้พื้นฐาน ซึ่งเป็นความรู้ที่คนแต่ละระดับพึงมี เช่น ความรู้ด้านภาษาไทย วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ 2.การประเมินด้านทักษะชีวิตและคุณภาพชีวิต เช่น สุขภาพอนามัย กิจกรรมนันทนาการ การพัฒนาอาชีพ 3. การพัฒนาสังคมและชุมชน และ 4.ความรู้ด้านประวัติศาสตร์” (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 16 ต.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


นักดาวเทียมเป็น รมว.ไอซีที คนแรก

แม้ รศ.ดร.สิทธิชัย โภไคยอุดม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) คนใหม่ จะไม่เป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไป แต่ในวงการศึกษารู้จักกันดี ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านดาวเทียม และเป็นนักดาวเทียมคนแรกที่ได้รับตำแหน่ง รมว. ภายใต้ “ครม.สุรยุทธ์ 1” ซึ่งมีระยะเวลาทำงานเพียง 1 ปี เรื่องเร่งด่วน ที่ต้องรีบสาง คือ สมาร์ทการ์ด ปัญหาคาราคาซังที่ทำให้การทำบัตรประชาชนต้องหยุดชะงักไปช่วงหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ รมว. คนใหม่มอบนโยบายให้ปลัดกระทรวงไอซีทีประสานงานกับกระทรวงมหาดไทย จัดซื้อบัตรประชาชนแถบแม่เหล็กเพื่อรองรับการใช้งาน 6 เดือนก่อน หรืออาจยาวไปถึงเดือน มิ.ย. 2550 เลย ด้วยเหตุผลที่ว่า…ซอฟต์แวร์ที่รองรับไม่พร้อม ทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานสมาร์ทการ์ดในปัจจุบันเทียบเท่ากับแถบแม่เหล็ก ส่งผลให้ความล่าช้าในการจัดซื้อสมาร์ทการ์ดขณะนี้มีผลดีต่อประเทศมากกว่า เนื่องจากแถบแม่เหล็กมีราคาเพียงใบละ 14-15 บาท พร้อมเปิดทีโออาร์แก้ไขเนื้อหาบางส่วน เพื่อไม่ให้เกิดข้อโต้เถียงหรือฟ้องร้องของผู้ผลิตและประชาชนขึ้นอีกแต่! ไม่มีนโยบายที่จะเลิกใช้สมาร์ทการ์ด เพราะเป็นเทคโนโลยีที่กำลังมาและเป็นประโยชน์ เพียงแต่ต้องรอให้ซอฟต์แวร์ที่รองรับการใช้งานพร้อมกว่านี้ ส่วนธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซีดีเอ็มเอ ของ กสท และไทยโมบาย 1900 ของ ทีโอที ขอเวลาศึกษาข้อมูลก่อน และที่สำนักงานตรวจเงิน แผ่นดิน (สตง.) ดำเนินการตรวจสอบ โครงการซีดีเอ็มเอ อยู่ ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการ ด้านการเข้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ก็ยังไม่ยืนยันว่าจะดำเนินการได้ทัน 1 ปี ที่ดำรงตำแหน่ง แต่จะใช้ผลประโยชน์ของประชาชนเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ว่าควรจะกระจายหุ้นหรือไม่ ที่สำคัญต้องเน้นการขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 16 ต.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





รมต.นักวิทย์ กับภารกิจกำจัดจุดอ่อนวิทยาศาสตร์ไทย

“ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์” รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีคนล่าสุด ดีกรีเป็นถึงนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นปี 2527 เชี่ยวชาญในสาขาชีวเคมี เคยผ่านประสบการณ์การบริหารองค์กรด้านวิทยาศาสตร์มาหลายสมัย เรียกว่าเป็นคนในวงการอย่างแท้จริง 1 ปี สำหรับการบริหารงานในกระทรวงฯ ศ.ดร.ยงยุทธ ที่สื่อหลายคนยังติดปากเรียกว่าอาจารย์ บอกถึงนโยบายการทำงานว่า เน้นการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาสนับสนุนเศรษฐกิจพอเพียงและสร้างความสามารถของประเทศอย่างยั่งยืน โดยมีแนวทางหลัก 3 ด้านคือการสร้างคน สร้างระบบและคัดเลือกวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เหมาะสม สำหรับโครงการที่จะทำให้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีลงไปถึงระดับรากแก้วได้นั้น ศ.ดร.ยงยุทธ ยกตัวอย่างว่า จะมีการนำผลการศึกษาและงานวิจัยจากศูนย์ศึกษาพัฒนาต่าง ๆ ตามโครงการในพระราชดำริที่มีอยู่ทั่วประเทศ ออกเผยแพร่สู่ประชาชน ซึ่งผลงานเหล่านี้ทางศูนย์ฯ มีอยู่แล้ว กระทรวงเพียงนำผลงานเหล่านี้มาแปลงให้เข้าใจง่าย ๆ และเผยแพร่สู่ประชาชนในระดับชุมชน เมื่อถามถึงเทคโนโลยีที่มีความสำคัญในการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย ศ.ดร.ยงยุทธ บอกว่าหนีไม่พ้น 3 เทคโนโลยีหลัก คือ ไอซีที ที่กลายเป็นสิ่งจำเป็นและมีอะไรใหม่ตลอดเวลา ส่วนอีกเทคโนโลยีก็คือไบโอเทคหรือเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งมีทั้งด้านสุขภาพและการเกษตร และเทคโนโลยีสุดท้ายคือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับวัสดุ เครื่องจักรกล ต่าง ๆ เช่นนาโนเทคโนโลยี รวมถึงกระแสการควบรวมเทคโนโลยีหลายอย่างไว้ด้วยกัน (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 16 ต.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





ทีเอ็มซี จับมือ 6 ธนาคารหนุนโครงการดอกเบี้ยต่ำ ชวนโรงงานแป้งมันผลิตก๊าซชีวภาพ

วานนี้ (12 ต.ค.) ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (ทีเอ็มซี) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) ได้จัดการสัมมนา “โครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีบำบัดน้ำเสีย และผลิตก๊าซชีวภาพแบบตรึงฟิล์ม สำหรับโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลัง” ขึ้น ณ โรงแรมเซ็นจูรี่ ปาร์ค กรุงเทพฯ สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดงาน เพื่อเป็นการชักชวนให้ผู้ประกอบการโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังทั่วประเทศได้เข้ารับการถ่ายทอดวิทยาการในโครงการสนับสนุนการวิจัย พัฒนา และวิศวกรรมภาคเอกชน (ซีดี) ของศูนย์ฯ โดยในช่วงบ่ายวันเดียวกันยังได้นำคณะผู้ประกอบการภาคเอกชนเดินทางไปเยี่ยมผลการดำเนินการเทคโนโลยีบำบัดน้ำเสียและผลิตก๊าซชีวภาพแบบตรึงฟิล์ม ณ โรงงานชลเจริญ จำกัด จ.ชลบุรี ซึ่งได้เข้าร่วมโครงการมาก่อนหน้านี้จนเห็นผลและมีการขยายการใช้เทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง อันสืบเนื่องมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีกว่า 20 ปีของศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) รศ.ดร.สมชาย ฉัตรรัตนา รองผอ.ทีเอ็มซี กล่าวว่า ประเทศไทยมีโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังทั่วประเทศประมาณ 60 โรง และมีผู้ประกอบการที่มีระบบบำบัดน้ำเสียอยู่แล้ว 30 โรง ในจำนวนนั้นมีผู้ประกอบการที่ได้รับเทคโนโลยีบำบัดน้ำเสียและผลิตก๊าซชีวภาพแบบตรึงฟิล์มจากโครงการแล้ว 4 โรง คือ โรงงาน ชลเจริญ จำกัด โรงงาน ชัยภูมิพืชผล จำกัด โรงงาน แป้งมันตะวันออกเฉียงเหนือ (1987) จำกัด และโรงงาน สีมาอินเตอร์โปรดักส์ จำกัด ซึ่งได้ผลการดำเนินการเป็นที่น่าพอใจ จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะชักชวนผู้ประกอบการที่ยังไม่มีระบบบำบัดน้ำเสีย หรือผู้ประกอบการที่มีระบบบำบัดน้ำเสียอยู่แล้วแต่ยังให้ความสนใจเทคโนโลยีนี้ ได้เข้ามาร่วมรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีดังกล่าวผ่านทางโครงการด้วย ทั้งนี้ ประโยชน์ที่ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับได้แก่ การได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากทีเอ็มซี ซึ่งจะช่วยให้ระบบบำบัดน้ำเสียของโรงงานมีค่าก่อสร้างถูกกว่าการว่าจ้างให้บริษัทต่างชาติเข้ามาก่อสร้าง จากประมาณ 100 ล้านบาท เหลือเพียง 45-50 ล้านบาท การทำให้กลิ่นเหม็นจากบ่อบำบัดน้ำเสียลดลงอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงการช่วยเหลือด้านการบำรุงรักษาระบบเมื่อมีการใช้งาน ขณะที่เมื่อผลิตก๊าซมีเทนมาแล้ว ทางโรงงานยังสามารถใช้ก๊าซชีวภาพเหล่านั้นทดแทนน้ำมันเตาในโรงงานหรือใช้ผลิตไฟฟ้าในภาคการผลิตได้ (ผู้จัดการ จันทร์ที่ 16 ต.ค. 2549 http://www.manager.co.th)





เอกชนตั้งโรงงานแป้งทาตัวลดภูมิแพ้

นายวาทิต วงศ์สุรไกร ผู้บริหารบริษัท เอราวัณ ฟามาซูติคอล รีเซิซ แอนด์ ลาบอราตอรี่ จำกัด กล่าวอีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการจัดตั้งโรงงานผลิตแป้งฝุ่นทาผิว ที่ลักษณะการผลิตพิเศษกว่าโรงงานแป้งฝุ่นทั่วไป เพราะใช้แป้งข้าวเจ้าเป็นวัตถุดิบแทนแป้งข้าวโพด ซึ่งใช้ในโรงงานเครื่องสำอางทั่วไป รวมทั้งสามารถใช้แทน "ทัลคัม" แป้งที่ได้จากการโม่หิน ที่เป็นตัวการก่อโรคภูมิแพ้และโรคปอด โครงการจัดตั้งโรงงานใหม่ด้วยงบประมาณ 200 ล้านบาทในปี 2550 นี้ เป็นผลต่อเนื่องจากการวิจัยพัฒนาของบริษัท ที่ประสบความสำเร็จในการปรับแต่งคุณสมบัติของแป้งข้าวเจ้า ให้โมเลกุลเล็กลงหรือขนาดใกล้เคียงโมเลกุลแป้งข้าวโพด ทั้งยังไม่ดูดซับน้ำ สำหรับใช้แทนแป้งข้าวโพดในการผลิตแป้งฝุ่นทาผิว โดยเนื้อแป้งข้าวเจ้ามีสีขาว ให้ความเนียนละเอียด ป้องกันชื้นแถมยังดูดซับความมันได้ดีกว่าแป้งฝุ่นจากแป้งข้าวโพด ตามธรรมชาติแล้ว โมเลกุลแป้งข้าวเจ้ามีลักษณะแบน ขณะที่โมเลกุลแป้งข้าวโพดมีลักษณะกลม และผู้ใช้รับรู้ถึงความแตกต่างของเม็ดแป้งดังกล่าว ขณะทาแป้งลงบนผิว แต่คุณสมบัติใหม่ของแป้งข้าวเจ้า จะลดความรู้สึกที่แตกต่างนั้นได้ ขณะเดียวกันคุณสมบัติใหม่นี้ยังสามารถใช้เป็นวัตถุดิบทดแทน ทัลคัม ซึ่งไม่ย่อยสลายจึงมีโอกาสตกค้าง และสะสมในร่างกาย หากสูดดมต่อเนื่องเป็นเวลานาน นอกจากจะทำให้เกิดภาวะภูมิแพ้ และโรคปอดแล้ว ยังส่งผลให้เด็กอาจเสียชีวิตได้ด้วย ปัจจุบัน ในบางประเทศโดยเฉพาะสหรัฐ นายแพทย์แนะนำผู้บริโภคให้ใช้ผลิตภัณฑ์แป้งฝุ่น ที่ทำมาจากแป้งข้าวโพดแทนแป้งทัลคัม เพราะให้ความปลอดภัยมากกว่า ประเทศไทยซึ่งมีความพร้อมด้านวัตถุดิบคือ "ข้าว" ทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีการผลิตแป้งข้าวเจ้าดัดแปรคุณสมบัติ จึงมีโอกาสเป็นผู้นำในการผลิตแป้งเครื่องสำอาง ทั้งแป้งฝุ่น แป้งผัดหน้า แป้งทาตัวและแป้งเด็ก จากแป้งข้าวเจ้าดัดแปร ซึ่งคุณสมบัติดีกว่าแป้งข้าวโพด (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 17 ต.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)







วันนี้ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในบ้านเรา..กับบริการไวไฟในรถยนต์ ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อไวไฟได้ทุกที่ แม้ขณะเดินทางโดยดีแทคจับมือเอ็มเบส เทคโนโลยี พัฒนาระบบสื่อสารไร้สายความเร็วสูงใส่บริการรถเช่าสุดหรูของลิมู ซีนเอ็กซ์เพรส สามารถเชื่อมต่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ต และรูดบัตรจ่ายค่าบริการผ่านเครื่องรูดบัตรไร้สายภายในรถได้ตลอดการเดินทางโดยไม่จำกัดสถานที่และเวลา โดยดีแทคร่วมกับเอ็มเบส เทคโน โลยี พัฒนาเป็นโซลูชั่นและบริการ แบ่งได้ 2 ส่วนคือ ส่วนแรกเป็นการติดตั้งจุดเชื่อมต่อ (Access Point) ภายในตัวรถ เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถเชื่อมต่อเครื่องโน้ตบุ๊ก หรือ พีดีเอ (PDA) เข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตจากภายในรถในระหว่างการเดินทางได้ สำหรับส่วนที่สองจะเป็นบริการอนุมัติบัตรเครดิตไร้สายผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า EDC (Electronic Data Capture) ซึ่งเอ็มเบสเทคโน โลยีเป็นผู้ติดตั้งอุปกรณ์พร้อมซิมการ์ดในรถ โดยการทำงานของเครื่องจะต้องอาศัยการสื่อสารระหว่างเครื่องรูดบัตรไร้สายที่ติดตั้งไว้ในรถ กับธนาคารผู้ให้บริการ (ผู้อนุมัติ) โดยผ่านเครือข่ายไร้สายความเร็วสูงของดีแทค เมื่อลูกค้าเดินทางถึงปลายทางแล้วรูดบัตรเครดิตเพื่อชำระค่าบริการ เครื่องจะส่งรหัสขออนุมัติผ่านซิมการ์ดที่วิ่งอยู่บนเครือข่ายของดีแทค ไปยังธนาคารปลายทาง เพื่อขออนุมัติ จากนั้นเครื่องจะออกใบเสร็จให้กับลูกค้าเพื่อยืนยันการชำระเงินหลังจากได้รับการยืนยันการอนุมัติจากธนาคาร ทั้งนี้ อุปกรณ์ดังกล่าวจะอาศัยอุปกรณ์ต่อพ่วงที่ใช้เชื่อมต่อ GPRS/ EDGE (GPRS router) ด้วยซิมการ์ดของดีแทคอยู่ภายใน หากเครื่องโน้ตบุ๊กของลูกค้ามีระบบไวไฟอยู่ภายในก็สามารถเปิดเครื่องพร้อมกรอกรหัสผ่านที่ได้รับจากจุดบริการเพื่อเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตได้ทันที ส่วนเครื่องที่ไม่มีระบบไวไฟจะสามารถต่อเชื่อมเข้าสู่เครือข่ายได้ผ่านทางสายแลน (LAN) ที่อยู่ภายในรถ โดยการเข้าสู่ระบบ ซิมการ์ดของดีแทคจะทำหน้าที่เชื่อมต่อการใช้งานให้วิ่งอยู่บนเครือข่าย GPRS/EDGE ของดีแทคที่มีอยู่ทั่วประเทศ ความเร็วของไวไฟในรถยนต์ซึ่งเคลื่อนที่แม้จะไม่ เร็วเท่าการติดตั้งในอาคารหรือพื้นที่แน่นอน แต่ก็สามารถใช้ได้ดี ในระดับ 40-120 Kbps ด้าน ลิมูซีนเอ็กซ์เพรส กรุ๊ป ศ.ดร.ซด็อก เลมเพิร์ท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บอกว่า เตรียมเปิดตัวบริการนี้ในรถรุ่นใหม่ล่าสุดคือ BMW 520 Diesel จำนวน 30 คันก่อน ขยายการติดตั้งให้ครอบคลุมเช่ารุ่นอื่น ๆ ที่ปัจจุบันมีกว่า 200 คันให้บริการในจังหวัดใหญ่ คือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ตและกำลังจะเปิดตัวที่พัทยา (เดลินิวส์ อังคารที่ 17 ต.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





รู้ลึกต้นเหตุของความแก่ชรา อยู่ที่ตัวยีนยันอายุให้ยืนยาว

นักวิทยาศาสตร์สืบรู้ลึกเข้าไปถึงสาเหตุของความแก่ชราได้แล้ว ค้นพบยีนใหญ่ตัวหนึ่ง ช่วยให้เข้าใจสาเหตุที่สังขารต้องเสื่อมโทรมลงไปตามกาลเวลา ยีนตัวการมีชื่อเรียกว่า “ไอเอ็นเค” เป็นตัวควบคุมโปรตีนอย่างหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่ค้ำจุนการมีอายุยืนยาว โดยการเข้าไปทำลายล้างการก่อกำเนิดเซลล์มะเร็ง แต่เมื่อคนเราแก่ชราลง มันจะกลับซนหนักขึ้น จนไปขวางกลไกซึ่งสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นทดแทน เพื่อสร้างเนื้อเยื่อของร่างกาย นายซอน มอริสัน ผู้อำนวยการศูนย์ชีววิทยาของเซลล์ต้นกำหนด มหาวิทยาลัยมิชิแกนของสหรัฐฯ หัวหน้าคณะวิจัย กล่าวเปิดเผยว่า “ส่วนดีก็คือ มันทำให้เราแก่ลงก่อนจะเป็นมะเร็งขึ้น แต่ข้อเสียก็คือ เนื้อเยื่อของเราจะไม่อาจซ่อมแซมตัวเองได้ ในการศึกษาที่ทำกับหนูทดลองได้ลองเพาะหนู ที่ถูกตัดแต่งหน่วยพันธุกรรม ไม่ให้มียีน “ไอเอ็นเค” อยู่ในตัว ความสามารถในอันที่จะซ่อมแซมเซลล์ให้กลับคืนดีดังเดิมยังคงมีอยู่ แต่มันกลับอายุสั้นอยู่ได้เพียงแค่ปีเดียว เนื่องจากถูกมะเร็งรุมเร้า. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 19 ต.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)





ร้านอาหารหุ่นยนต์แห่งแรกในโลก

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ร้านอาหารที่เรียก ว่า ครัวหุ่นยนต์ หรือ Robot Kitchen ซึ่งตั้งอยู่ที่ฮ่องกง ได้รับความสนใจจากลูกค้าทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่แวะเวียนไปรับประทานอาหารเป็นอย่างมาก โดยร้านดังกล่าว มีหุ่นยนต์ทำงานเป็นพนักงานรับรายการอาหารจากลูกค้าชื่อ Robot No.1 และมี พนักงานเสิร์ฟอาหารชื่อ Robot No.2 โดยเจ้าของร้านอ้างว่าร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านอาหารที่เดียวในโลกที่ใช้หุ่นยนต์ทำงาน สำหรับ Robot No.1 ถูกออกแบบให้เป็นหุ่นยนต์รับรายการอาหารจากลูกค้า ส่วน Robot No.2 ถูกออกแบบให้เป็นหุ่นยนต์ผู้หญิงมีหน้าที่ถือจานอาหารไปส่งให้ลูกค้า (เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 19 ต.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





TMC เปิดคอร์ส “ชีวสารสนเทศศาสตร์” ออนไลน์ เจาะลึกจีโนม 24-27 ต.ค.นี้

สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (TMC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้เปิดรับสมัครนักศึกษา บัณฑิตในสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ และวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ นักวิจัย อาจารย์ ตลอดจนผู้สนใจด้านชีววิทยาโมเลกุลทั่วไปเรียนออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ต (e-Learning) ในหลักสูตร “Hypercourse on Bioinfomatics หรือ ชีวสารสนเทศศาสตร์” ขึ้น ซึ่งจะเน้นให้ผู้เรียนได้เข้าใจถึงความสำคัญของวิชาดังกล่าวต่อวงการวิทยาศาสตร์ และนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับงานค้นคว้าวิจัยได้อย่างหลากหลาย ในหลักสูตรดังกล่าว ผู้เรียนจะได้เรียนรู้ศาสตร์ด้านชีวสารสนเทศศาสตร์ ซึ่งมุ่งเน้นไปยังยุคหลังจีโนม หรือ post genome informatics ควบคู่ไปกับระบบการประมวลผลข้อมูลชีววิทยา หรือ computational biology อันเป็นการนำข้อมูลที่ได้จากโครงการจีโนม หรือสารพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต ในระดับ ดีเอ็นเอ อาร์เอ็นเอ และโปรตีนมาวิเคราะห์ร่วมกันเพื่อให้เข้าใจโครงสร้างหน้าที่และการทำงานของจีโนมโดยอาศัยเทคโนโลยีด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) รวมทั้งการสาธิตการใช้โปรแกรมโปรแกรมชีวสารสนเทศ หรือ BIO-IT ซึ่งเป็นมัลติมีเดีย เลิร์นนิ่ง โปรแกรม (multimedia learning program) ที่ทางทีมผู้สอนได้พัฒนาขึ้นเพื่อการสืบค้นข้อมูลจีโนมและการวิเคราะห์ผลได้ด้วยตัวเอง สำหรับวิธีการเรียนการสอนในขั้นแรก คณะผู้สอนจะจัดอบรมผู้เรียนเป็นเวลา 4 วัน ระหว่างวันที่ 24 - 27 ตุลาคม 2549 ณ ห้องบรรยาย 04 ตึกกลม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เขตราชเทวี กรุงเทพฯ จากนั้นผู้สอนจะกำหนดแบบฝึกหัดแก่ผู้เรียนได้ทำภายในระยะเวลา 3 เดือน ภายใต้การดูแลของผู้สอนผ่านเว็บไซต์ในลักษณะของห้องเรียนเสมือน (virtual classroom) ที่ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องเวลาและสถานที่ในการศึกษา ทั้งนี้ นักศึกษาและผู้สนใจควรใช้อินเตอร์เน็ตเบื้องต้นได้ และเคยผ่านรายวิชาทางชีววิทยามาบ้าง ซึ่งหลักสูตรดังกล่าวจะรับผู้เรียนเพียง 100 คน โดยได้เปิดรับสมัครแล้ว ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี สวทช. โทร. 0-2564-7000 ต่อ 1422-1426 อีเมล learnonline@learn.in.th หรือที่เว็บไซต์ www.learn.in.th (ผู้จัดการ พฤหัสบดีที่ 19 ต.ค. 2549 http://www.manager.co.th)





ข่าววิจัย/พัฒนา


ออกกำลังกายมากอาจเป็นหมันง่าย ซ้ำยังเสี่ยงกับ การเกิดแท้งลูกมากขึ้น

คณะนักวิจัยของโรงพยาบาลบริกแกมแอนด์วูเมน ในนครบอสตันของสหรัฐฯ เผยผลการศึกษาลงในวารสารสูติแพทย์และนรีเวชวิทยา ฉบับเดือนตุลาคมว่า การออกกำลังกายดีต่อสุขภาพแต่การออกกำลังกายมากเกินไปอาจไม่ดีต่อการทำเด็กหลอดแก้ว และไม่ได้หมายความว่าสตรีที่ทำเด็กหลอดแก้วไม่ควรออกกำลังกายเลย พวกเขาประเมินผลการทำเด็กหลอดแก้วของสตรี 2,232 คน ช่วงปี 2537-2546 ในเขตบอสตันพบว่า การออกกำลังกายสม่ำเสมอไม่มีผล เพิ่มหรือลดโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการทำเด็กหลอดแก้ว แต่สตรีที่ออกกำลังกายไม่ต่ำกว่าสัปดาห์ละ 4 ชั่วโมง ตั้งแต่ 1 ปี จนถึง 9 ปี โอกาสประสบความสำเร็จลดลงถึงร้อยละ 40 การออกกำลังกายระดับนี้ทำให้เสี่ยงแท้งมากขึ้นด้วย คณะนักวิจัยยังได้พิจารณาปัจจัยด้านดัชนีมวลกายหรือบีเอ็มไอว่า มีความสัมพันธ์กับโอกาสที่จะทำเด็กหลอดแก้วสำเร็จหรือไม่ เพราะสตรีที่มีน้ำหนักตัวต่ำหรือสูงกว่ามาตรฐานเสี่ยงเกิดภาวะมีบุตรยาก พวกเขาไม่พบความแตกต่างใดๆ ระหว่างกลุ่มที่มีดัชนีมวลกายแตกต่างกันในเรื่องความสัมพันธ์ ของการออกกำลังกายกับผลการทำเด็กหลอดแก้ว อย่างไรก็ดี คณะนักวิจัยย้ำว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปคำแนะนำที่ชัดเจนในเรื่องนี้ได้ ต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลการศึกษาต่อไป. (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 16 ต.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)





วิจัยสร้าง "ฝายเล็ก" ชะลอน้ำไหลจากภูเขาได้สูงสุด 80%

รศ.ดร.ชัยยุทธ ชินณะราศรี อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ศึกษารูปแบบการไหลของน้ำบนภูเขาที่ผ่านมาอาคารและเครื่องกีดขวาง โดยมีแนวคิดว่าบนภูเขาที่มีฝายเล็กขนาดเล็กๆ โพล่ขึ้นมาบนดิน หากกีดขวางทางเดินของน้ำจะช่วยลดความเร็วการไหลของน้ำได้ ขณะเดียวกันก็จะช่วยลดการพัดพาต้นไม้ ดิน ทราย ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนในพื้นที่ด้านล่างของทิศทางน้ำ วิธีการของ รศ.ดร.ชัยยุทธคือย่อส่วนฝายเล็กลง 1 ใน 100 ส่วนเพื่อทดลองในห้องปฏิบัติการชลศาสตร์ ซึ่งได้ทดลองสร้างฝายจำลองกว้าง 40 เซนติเมตร สูง 5 เซนติเมตร แล้วกำหนดค่าตัวแปรต่างๆ เช่น ปริมาณน้ำ ความเร็วของการไหล พลังงานน้ำ มุมลาดเอียง สมบัติของดิน ความสูงของฝาย ระยะห่าง และการกัดเซาะของน้ำ เป็นต้น แล้วใช้แคลคูลัสเพื่อสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ นอกจากนี้ รศ.ดร.ชัยยุทธกล่าวว่าการศึกษาเรื่องการชะลอน้ำไหลด้วยฝายนั้นยังเป็นเรื่องใหม่ ที่ต่างประเทศเพิ่งมีการศึกษาได้ 6 ปี ขณะที่เมืองไทยสร้างฝายด้วยเทคโนโลยีชาวบ้าน คือใช้หินเรียงกัน ซึ่งก็มีฝายล่ม ฝายแตก และการใช้ประโยชน์ก็เพื่อกักเก็บน้ำเท่านั้น ไม่ได้ใช้เพื่อชะลอน้ำท่วม แต่จากปัญหาที่ฤดูฝนมีน้ำความเร็วสูงไหลท่วมพื้นที่เฉียบพลัน เกิดดินถล่มและพัดพาดิน หิน มาทำลายบ้านเรือน จึงเกิดความที่จะหาวิธีลดความเร็วของกระแสน้ำนี้ขึ้นมา แม้ว่าเราจะทราบดีว่าป่าไม้คือด่านชะลอความเร็วของกระแสน้ำในฤดูน้ำหลากได้เป็นอย่างดี แต่จากความสามารถในการรักษาพื้นที่ป่าซึ่งมีค่อนข้างต่ำนี้ งานวิจัยของ รศ.ดร.ชัยยุทธจึงอาจเป็นทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ได้ผล แต่ทั้งนี้ต้องหามาตรการแก้ปัญหาที่ต้นตอเพื่อให้ได้ผลที่ยั่งยืนต่อไป (ผู้จัดการ จันทร์ที่ 16 ต.ค. 2549 http://www.manager.co.th)





องคมนตรีปลื้มผลงาน “บีอาร์ที” ติงนักวิจัยเมินความหลากหลายทางชีวภาพ

โครงการพัฒนาองค์ความรู้และศึกษานโยบายการจัดการทรัพยากรชีวภาพในประเทศไทย หรือบีอาร์ที (BRT) ร่วมกับสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตกระบี่ โดยการสนับสนุนของศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้จัดการประชุมวิชาการประจำปีโครงการบีอาร์ที ครั้งที่ 10 “ทุนทางธรรมชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย” ขึ้น ณ มาริไทม์ปาร์ค แอนด์ สปา รีสอร์ท จ.กระบี่ ระหว่างวันที่ 8-11 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยมีคณาจารย์ นักวิชาการ นักวิจัย นิสิตนักศึกษา และผู้นำชุมชนในเขตภาคใต้ เข้าร่วมการประชุมราว 350 คน นายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี กล่าวเปิดการประชุมในฐานะประธานของงานว่า จากการได้ติดตามและร่วมรับรู้การทำกิจกรรมของโครงการบีอาร์ทีเรื่อยมาตั้งแต่การประชุมครั้งแรก พบว่า โครงการได้มีความก้าวหน้ามากขึ้นตามลำดับ มีการค้นพบสาหร่าย แพลงก์ตอน ไลเคน แมลง สัตว์ปีก สัตว์เลื่อยคลาน และสัตว์สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกชนิดใหม่เพิ่มขึ้นหลายชนิด รวมถึงการโครงการศึกษาบรรพชีวินของ สวทช. เพื่อติดตามหาฟอสซิลซากดึกดำบรรพ ซึ่งการดำเนินการเหล่านี้ล้วนได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากหน่วยงานพันธมิตรที่ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ทั้งที่เป็นหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระ สถาบันการศึกษา เช่น โรงเรียนและมหาวิทยาลัย เป็นต้น นอกจากนี้ การทำงานของโครงการยังทำให้เกิดการบัญญัติศัพท์ใหม่ๆ ที่ใช้ในวงการชีววิทยาที่มีความหมายเฉพาะตัวใหม่ๆ หลายคำ อาทิ พุ พรุ และซากบรรพชีวิน ฯลฯ ขณะเดียวกันยังทำให้เกิดผลงานตีพิมพ์ระดับชาติ นานาชาติ และบัณฑิตระดับปริญญาโทและเอกอีกมากมายตามมา (ผู้จัดการ จันทร์ที่ 16 ต.ค. 2549 http://www.manager.co.th)





วช.เปิดเวทีระดมผู้เชี่ยวชาญน้ำ

สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกับสมาคมอุทกวิทยาและทรัพยากรน้ำเอเชียแปซิฟิก (APHW) และสมาคมนักวิจัยจัดการประชุมนานาชาติเรื่อง “การบริหารการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างชาญฉลาดเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน และบรรเทาความยากจน” ระหว่างวันที่ 16-19 ตุลาคม ศ.มูซิอาเกะ เลขานุการสมาคมอุทกวิทยาฯ กล่าวนำการประชุมว่า ระเบียบวิธีทางอุทกวิทยาและการจัดการทรัพยากรน้ำ รับการพัฒนาและกำหนดกฎเกณฑ์ในยุโรปและอเมริกาเหนือ แต่วิธีการและการจัดการเหล่านี้ไม่สามารถใช้ได้ในทุกภูมิภาค เช่น ทวีปเอเชียและแปซิฟิก ซึ่งมีความแตกต่างกับภูมิศาสตร์ของโลกตะวันตกอย่างมาก นอกจากนี้ ประเด็นปัญหาเรื่องน้ำของเอเชียแปซิฟิก ยังไม่มีใครให้ความสำคัญ ดังนั้น การสัมมนาครั้งนี้จึงมีความสำคัญต่อภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การประชุมจะเน้นการวิจัยด้านวิชาการเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำ ความรู้ทางเทคโนโลยีด้านอุทกวิทยา การบริหารจัดการน้ำต่อสังคม ชุมชน โดยสมาคมฯ เตรียมงบประมาณสนับสนุนนักวิจัยรุ่นเยาว์ และผู้เชี่ยวชาญเสนอผลงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ 40 เรื่อง ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสเสมอว่า “น้ำคือชีวิต” ทรงแก้ปัญหาสำคัญ 3 ประการเกี่ยวกับน้ำ คือ น้ำเสีย ภาวะแล้ง และน้ำท่วม ด้านน้ำเสีย ทรงใช้หลักการจัดการน้ำเสียคือ “การจัดการเชิงอนุรักษ์ผสมผสานกับวิธีการพัฒนาอย่างง่าย ๆ” ซึ่งเป็นวิธีการจัดการอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ ตัวอย่างที่เด่นชัดคือ “การใช้น้ำดีไล่น้ำเสีย” เพื่อแก้ปัญหาน้ำเสีย โดยใช้น้ำดีจากแม่น้ำเจ้าพระยาไล่น้ำเสียตามคลองต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ อีกตัวอย่างคือ การบำบัดน้ำเสียโดยใช้บึงมักกระสันเป็น “ไตธรรมชาติของกรุงเทพฯ” ซึ่งจะรับน้ำเสียจากชุมชนกรุงเทพฯ และบำบัดโดยใช้พืช เช่น ผักตบชวาและพืชน้ำ มาดูดซับสิ่งพิษและมลพิษต่าง ๆ ในน้ำ (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 17 ต.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





มทร.ส่งกังหันลมผลิตไฟฟ้าป้อนเมืองพัทยา

ดร.บุญยัง ปลั่งกลาง อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี กล่าวว่า กังหันลมผลิตไฟฟ้าเป็นผลงาน ของ ดร.วิชัย โรยนรินทร์ อาจารย์จากภาควิชาเดียวกัน ที่ใช้เวลากว่า 20 ปีในการพัฒนา และขณะนี้ได้รับความสนใจจากภาคเอกชน ที่จะนำไปผลิตเชิงพาณิชย์ เริ่มจากเทศบาล นครพัทยาสนใจติดตั้งกังหันลมแนวแกนตั้งนี้กว่า 100 ตัว เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนพื้นที่เกาะห่างไกล กังหันลมผลิตไฟฟ้านำเข้ามีราคาสูง และประสิทธิภาพต่ำเมื่อนำมาใช้ในประเทศไทย เพราะแรงลมในต่างประเทศ (ยุโรป-สหรัฐ) มีความเร็วเฉลี่ยสูงกว่า จึงไม่เหมาะใช้กับเมืองไทย แต่กังหันลมที่พัฒนาขึ้นนี้ ออกแบบมารองรับความเร็วลมของประเทศไทยโดยเฉพาะ โดยผ่านการศึกษาทดสอบในอุโมงค์ลมและทดสอบการทำงานจริงในไทยและอังกฤษ ผลที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจ ในเบื้องต้น นักวิจัยได้ออกแบบกังหันลม 2 รุ่นคือ ระบบแนวแกนตั้งกำลังผลิต 1 กิโลวัตต์ และระบบแนวแกนนอน 0.5 กิโลวัตต์ สามารถทำงานได้ดีที่ความเร็วลมต่ำและผลิตไฟฟ้าได้ทุกความเร็วรอบการทำงาน ทั้งยังออกแบบใบพัด ตัวผลิตไฟฟ้าและชุดควบคุม ให้สัมพันธ์กันเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 17 ต.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





ทีมมหิดลสกัดกระเจี๊ยบต้านโรคหัวใจ

รศ.ดร.เนตรนภิส ธีระวัลย์ชัย ภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ศึกษาคุณสมบัติของกระเจี๊ยบแดงต่อการเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (เอชดีแอล) และยับยั้งคอเลสเตอรอลชนิดร้าย (แอลดีแอล) จนพบว่า สารสกัดกระเจี๊ยบแดงออกฤทธิ์ยับยั้งไขมันตัวร้ายและเพิ่มปริมาณไขมันดีอย่างเห็นได้ชัด จึงเหมาะนำไปพัฒนาเป็นยาลดไขมันในเลือดได้ในอนาคต สาเหตุของโรคหัวใจเกิดจากภาวะไขมันในเลือดสูง เกิดจากการสะสมของไขมันเป็นเวลานาน ก่อให้เกิดก้อนไขมันเกาะและอุดตันอยู่บริเวณหลอดเลือดหัวใจ เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลว และหากเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองขาดเลือด มีความเสี่ยงเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตในที่สุด ผู้ที่ประสบภาวะไขมันในเลือดสูงมักจะไม่รู้ตัว เนื่องจากไม่มีอาการแสดงออก แต่รู้ได้ด้วยการเจาะเลือดตรวจ ปัจจุบันผู้ป่วยที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง จำเป็นต้องรับประทานยาลดไขมัน ซึ่งมีความเป็นพิษต่อตับสูง ทีมวิจัยจึงศึกษาสมุนไพรที่มีฤทธิ์ลดไขมัน เพื่อนำมาศึกษาถึงการออกฤทธิ์ ตลอดจนพัฒนาเป็นยาลดไขมันจากสมุนไพร ที่ราคาถูกและปลอดภัย กระทั่งพบว่ากระเจี๊ยบแดงมีคุณสมบัติดังกล่าว แต่ยังไม่มีผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ยืนยันประสิทธิภาพ จึงยังไม่มีผู้ผลิตตัวยาจากสมุนไพรชนิดนี้ (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 17 ต.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





สมัครโรงงานแป้งมันผันน้ำเสียเป็นเชื้อเพลิง

รศ.ดร.สมชาย ฉัตรรัตนา รองผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวในงานสัมมนา โครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีบำบัดน้ำเสียและผลิตก๊าซชีวภาพแบบตรึงฟิล์ม (เอเอฟเอฟอาร์) สำหรับโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังว่า ศูนย์เปิดรับสมัครโรงงานเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมปีนี้จนถึงกันยายนปีหน้า ในเบื้องต้นรับจำกัด 10 โรงงาน โรงงานที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับการช่วยเหลือแบบครบวงจรทั้งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำพิเศษเพียงร้อยละ 3-4 ต่อปี เป็นค่าก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียและผลิตก๊าซชีวภาพ 45-50 ล้านบาท/โรง รวมทั้งด้านของเทคโนโลยีจากผู้เชี่ยวชาญ สวทช. “นักวิจัยของสวทช.ได้ศึกษาทดสอบเทคโนโลยีแบบต่างๆ ในการบำบัดน้ำเสีย และผลิตก๊าซชีวภาพ กระทั่งพบว่าระบบเอเอฟเอฟอาร์ จากการคิดค้นของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) มีความเหมาะสมที่สุดสำหรับน้ำเสียจากการผลิตแป้งมัน ซึ่งมีสารอินทรีย์ปะปนสูง จึงร่วมกับสำนักนโยบายและแผนพลังงาน และสถาบันการเงิน นำร่องสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและเงินกู้ให้กับโรงงานแป้งมัน 4 แห่ง เมื่อปี 2547” ดร.สมชาย กล่าว เอเอฟเอฟอาร์ เป็นระบบปิดไร้ปัญหาเรื่องกลิ่นรบกวน ทั้งยังไม่ต้องใช้พลังงานในการบำบัด ใช้พื้นที่น้อยกว่าบ่อเปิดครึ่งหนึ่ง ลดปริมาณสารเคมีที่ใช้ในระบบและประสิทธิภาพการบำบัดสูงถึงร้อยละ 80-90 (กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 17 ต.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)







3 นักวิจัยญี่ปุ่นย้ำ "โลกร้อน" ชี้อากาศแปรปรวนทำกระแสน้ำเปลี่ยนแปลง ความเสี่ยงดินถล่มหลังหิมะละลาย ขณะที่ความร้อนจากชุมชนเมืองส่งผลให้เมืองใหญ่ฝนตกหนัก อากิโอะ กิโตะ (Akio Kitoh) จากสถาบันวิจัยอุตุนิยมวิทยา ประเทศญี่ปุ่น ได้ศึกษาผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่มีต่อการรวมตัวของไอน้ำในอากาศและกระแสน้ำในช่วง 20 ปีนี้ โดยอาศัยการคำนวณทางคณิตศาสตร์และการจำลองทางคอมพิวเตอร์ พบว่าภาพรวมของแถบอาเซียนนั้น การรวมของไอน้ำในอากาศเพิ่มขึ้นแต่ของการตกของฝนกลับลดลง และบางพื้นที่ไอน้ำในอากาศยังสัมพันธ์กับอัตราการไหลของความชื้นที่มีผลต่อปริมาณน้ำฝน จากการศึกษาของ กิโตะพบว่าภาวะโลกร้อนได้ส่งผลให้การรวมตัวของไอน้ำในอากาศที่ประเทศอินเดียเพิ่มสูงขึ้น ยกเว้นรัฐเกรละที่พบว่าปริมาณน้ำฝนและกระแสน้ำไม่สัมพันธ์กับโดยรวมของประเทศ ขณะที่ประเทศไทยนั้นเขาก็ได้ศึกษาแล้วพบว่าการรวมกันของไอน้ำในอากาศลดลง และกระแสน้ำมีปริมาณลดลงสัมพันธ์กับการระเหยของน้ำที่เพิ่มขึ้น และเขายังพบอีกว่ากระแสน้ำในหลายพื้นที่ซึ่งเขาศึกษานั้น จะพบความสัมพันธ์ว่าเมื่อกระแสน้ำที่ต้นน้ำเปลี่ยนแปลงจะส่งผลต่อกระแสเบื้องล่างด้วย ทางด้าน อิโตะ (Y. Ito) นักศึกษาปริญญาโท ปี 2 จากมหาวิทยาลัยเกียวโต ได้ศึกษาผลกระทบของความร้อนจากชุมชนเมืองต่อการตกของฝน โดยการวิเคราะห์แบบจำลองทางคอมพิวเตอร์ของก้อนเมฆคิวมูโลนิมบัส (cumulonimbus) ทั้งนี้ได้เลือกกรณีศึกษาของญี่ปุ่นที่เกิดฝนตกหนักเมื่อวันที่ 21 ก.ค.2542 ที่ อ.เนริมากุ เมืองโตเกียว อันเป็นชุมชนเมืองที่หนาแน่น ซึ่งวันดังกล่าวมีปริมาณน้ำฝนสูง 131 มิลลิเมตรภายใน 2 ชั่วโมง ผลจากการศึกษาของอิโตพบว่าทิศทางของไอน้ำและบริเวณที่มีฝนตกจะเคลื่อนไปยังเขตชุมชนเมือง อีกทั้งเขายังสรุปว่าการขยายตัวของชุมชนเมืองและการเติบโตของความร้อนอันเป็นผลพวงจากการกระทำของมนุษย์นั้น จะเพิ่มความถี่ของภัยพิบัติจากการตกหนักของฝนให้กับพื้นที่เขตเมืองด้วย ไซกิ คาวาโกะอิ (Seiki Kawagoe) นักวิจัยแดนปลาดิบอีกคน จากมหาวิทยาลัยโตโฮกุ ได้ประเมินอันตรายของดินถล่มจากการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล โดยได้เลือกพื้นที่ของเมืองโตโฮกุเป็นกรณีศึกษา ทั้งนี้เขากล่าวว่าความเปราะบางทางภูมิศาสตร์เป็นเรื่องปกติของญี่ปุ่น และทั้งฝนและหิมะที่มีมากเป็นสิ่งที่นำไปสู่ที่ลาดชันอันตรายและดินถล่ม คาวาโกะอิพบว่าช่วงเดือน ธ.ค.ทางชายทะเลของญี่ปุ่นมีหิมะตก และเมื่อหิมะละลายในช่วงเดือน มี.ค.- เม.ย.จะเป็นช่วงที่พื้นที่ชายทะเลของญี่ปุ่นมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดดินถล่ม นอกจากนี้เขายังพบโอกาสของความเสี่ยงแตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ ซึ่งเขาคาดว่าจะเป็นข้อมูลเพื่อจัดอันดับความสำคัญในการเคลื่อนย้ายผู้คนออกจากที่เสี่ยงภัย อีกทั้งในพื้นที่ซึ่งมีความเสี่ยงสูงควรได้รับการเตรียมการอพยพและมาตรการป้องกัน (ผู้จัดการ พฤหัสบดีที่ 19 ต.ค. 2549 http://www.manager.co.th)





ข่าวทั่วไป


ประกวดตุ๊กตุ๊กชิงรางวัลใหญ่

15 ต.ค. ที่บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) สาขาเชียงใหม่มีการจัดประกวดออกแบบรถตุ๊กตุ๊กในโครงการ “Cat 009 TUK TUK DESIGN CONTEST” โดยได้รับความสนใจจากนักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไปส่งผลงานเข้าประชันกันมากมายถึง 87 ชิ้น ทางคณะกรรมการคัดเหลือ 12 ชิ้นเตรียมนำไปใช้รับส่ง นักท่องเที่ยวในงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติราชพฤกษ์ 2549 และในจำนวนนี้ผู้ชนะเลิศคือ นายจตุพงษ์ แก้วเมือง อายุ 28 ปีได้รับรางวัลโล่เกียรติยศพร้อมเงินสด 20,000 บาท ซึ่งผลงานได้นำภาพหญิงสาวล้านนามาเป็นเอกลักษณ์ของตัวรถ สื่อความหมายจากท้องถิ่นสู่สากล 14 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งความอ่อนช้อยที่ใครเห็นก็ประทับใจมิรู้ลืม. (เดลินิวส์ อังคารที่ 17 ต.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





แพทย์เสนอตั้ง 'กองทุนประกันตนเอง' ดึงชนชั้น กลางร่วมจ่าย

นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ และ นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายแพทย์ภาครัฐ เปิดเผยว่า เมื่อ (16 ต.ค.) จะยื่นหนังสือเสนอแนวทางแก้ไขหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือโครงการ 30 บาท ต่อ รมว.สาธารณสุข ในฐานะผู้ปฏิบัติงานที่เห็นปัญหามาโดยตลอด ทั้งนี้ จากการหารือร่วมกันระหว่างแพทย์ ทันตแพทย์ และผู้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ ส่วนใหญ่วิตกกังวลในแนวคิดของผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะในประเด็นที่จะมีการยกเลิกเก็บเงิน 30 บาท ทั้งนี้เพราะประเด็นดังกล่าวไม่ใช่หัวใจของปัญหาที่แท้จริง แต่ปัญหาของโครงการ 30 บาทจริงๆอยู่ที่ปริมาณการมาใช้บริการ และความคาดหวังของประชาชน การขาดงบประมาณสนับสนุน การขาดแคลนทรัพยากรด้านบุคลากรทุกระดับที่ไม่สามารถตอบสนองความ ต้องการของประชาชนได้ “ปัจจุบันมีประชากร 47 ล้านคนที่ถือบัตรทอง ในจำนวนนี้ 35 ล้านคน คือคนที่สังคมควรช่วยเหลือเกื้อกูล เช่น เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ผู้สูงอายุ ภิกษุ สามเณร ผู้พิการ และผู้มีรายได้น้อย ซึ่งได้รับบริการฟรีโดยไม่ต้องจ่ายอยู่แล้ว มีเพียง 12 ล้านคน ที่ถือบัตรทองโดยที่ไม่ปรากฏหลักฐานว่า คนกลุ่มนี้มีรายได้เท่าไหร่ ซึ่งอาจจะมีคนที่สามารถร่วมจ่ายได้ เช่นเดียวกับลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคม แต่รัฐเต็มใจที่จะเสนอจ่าย เนื่องจากรัฐบาลเดิมต้องการฐานเสียงจากกลุ่มคนชั้นกลางกลุ่มนี้” นพ.ฐาปนวงศ์กล่าวและว่า เครือข่ายฯเห็นด้วยที่จะให้คนไทยทุกคนมีหลักประกันสุขภาพ แต่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่จะต่อยอดประชานิยมจนสุดกู่ จึงอยากเสนอให้มีการก่อตั้งกองทุนประกันสุขภาพตนเอง โดยให้มีระบบร่วมจ่ายสำหรับประชาชนที่มีความสามารถที่จะจ่ายได้ ไม่ควรรวมเงินเดือนในส่วนของผู้ให้บริการไว้ในเงินประกันสุขภาพถ้วนหน้าจะทำ ให้ยอดเงินรายหัวที่จะตกถึงประชาชนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ควรต้องมีการกระจายเงิน กระจายอำนาจให้กับสถานบริการให้มากที่สุด เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ถูกต้อง และเห็นด้วยกับการประสานงานระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพอย่างสมานฉันท์ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไป (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 16 ต.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)





ดิสนีย์เปิดตูนทาวน์ออนไลน์ในเอเชีย

วอลท์ ดิสนีย์ เปิดตัวบริการใหม่เฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรียกว่า ตูนทาวน์ ออน ไลน์ เป็นเกมออนไลน์สามมิติเล่นพร้อมกันได้หลายคน เหมาะสำหรับครอบครัว วอลท์ ดิสนีย์ อินเทอร์เน็ต กรุ๊ป (WDIG) เตรียมส่งดิสนีย์ “ตูนทาวน์ ออนไลน์” เกมออนไลน์สามมิติ สำหรับผู้เล่นหลายคน เจาะกลุ่มเด็กและครอบครัว โดยสามารถดาวน์โหลดออนไลน์พร้อมกันทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้นปีหน้า หลังจากได้ข้อสรุปด้านการตลาดและการกระจายสินค้าระหว่างบริษัท ดิจิตอล มีเดีย เอ็กซ์เช้นจ์ ที่ประเทศฟิลิปปินส์ สำหรับการส่งดิสนีย์ ตูนทาวน์ ออนไลน์ วางตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในต้นปี พ.ศ. 2550 โดยจะเป็นเกมที่มีลักษณะและฟังก์ชันโดดเด่นเช่นเดียวกับในสหรัฐอเมริกา มร.ดันแคน ออร์เรลล์ โจนส์ รองประธานอาวุโส และกรรมการผู้จัดการ วอลท์ ดิสนีย์ อินเทอร์เน็ต กรุ๊ป (WDIG) เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “ดิสนีย์ ตูนทาวน์ ออนไลน์” จะผสมผสานเทคโนโลยีใหม่ ๆ กับการบอกเล่าเรื่องราวที่มาจากแรงบันดาลใจ เพื่อการสร้างสรรค์ประสบการณ์ความบันเทิงสำหรับเด็กและครอบครัวทั่วโลก หลังจากที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2546 ตูนทาวน์ เป็นเกมยอดฮิตสำหรับครอบครัวด้วยตัวการ์ตูนมากถึง 15 ล้านตัว และมีการตอบรับจากผู้เล่นเกมทุกกลุ่มอายุและทุกระดับทั่วโลก (เดลินิวส์ อังคารที่ 17 ต.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





ผ่าตัดรักษาโรคอ้วนในอนาคต ใช้สอดท่อเข้าในปากไม่มีแผล

นายกสมาคมแพทย์ผ่าตัดรักษาโรคอ้วนอเมริกัน กล่าวเปิดเผยว่า การผ่าตัดเย็บกระเพาะรักษาโรคอ้วนเกินขนาด ในอนาคตอันใกล้นี้ อาจจะทำโดยการผ่าตัดโดยการสอดท่อเข้าไปในปาก ปลอดภัยยิ่งกว่าการผ่าตัดเปิดท้อง จะยิ่งทำให้ผู้คนแห่กันมาทำกันมากยิ่งขึ้น นับมาจนถึงทุกวันนี้ แพทย์ตามชาติต่างๆ ทั่วโลก ได้ใช้วิธีผ่าตัดรักษาโรคอ้วนกับคนไข้ มาไม่ต่ำกว่า 1 ล้านรายแล้ว ด้วยการเย็บกระเพาะให้เหลือขนาดเล็กลง ทำให้กินได้น้อยลง ซึ่งแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า เป็นวิธีลดความอ้วน และป้องกันไม่ให้กลับอ้วนขึ้นอีกได้ดีที่สุด หมอฟิลิป ชอเออร์ หัวหน้าแผนกผ่าตัดรักษาโรคอ้วนของสถานพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งของคลีฟแลนด์ กล่าวบอกว่า การผ่าตัดโดยไม่ต้องเปิดแผล จะช่วยให้เสี่ยงน้อยลง ทุ่นค่าใช้จ่าย และยังอาจใช้กับคนอ้วน ซึ่งปัจจุบันยังไม่เห็นกันว่าเป็นมาก จนจำเป็นต้องใช้การผ่าตัดมากรายยิ่งขึ้น หมอผู้มีชื่อเสียงซึ่งเพิ่งได้รับเลือกเป็นประธานสมาคมแพทย์อีกตำแหน่งหนึ่งกล่าวต่อไปว่า การผ่าตัดรักษาโรคอ้วนได้ก้าวหน้าเร็ว จนเกินหน้าการผ่าตัดอื่นทั้งหมด ทำให้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงทศวรรษ ปี 1990 เพราะเหตุที่มีแต่รอยแผลเล็กๆ และไม่ต้องนอนโรงพยาบาลนานด้วย “ผมเชื่อว่าบางทีเรากำลังใกล้จะอยู่ในการปฏิวัติกันอีกครั้งหนึ่ง การผ่าตัดด้วยการสอดท่อ จะไม่มีแผลเพราะเครื่องมือที่ใช้ อย่างท่อยาวๆ และแขนกลกับเครื่องเย็บ จะสามารถสอดเข้าทางปาก และส่งมันลดเลี้ยวลงไปตามหลอดอาหารได้ อาจจะเกิดขึ้นได้ในเวลาอีก 5-10 ปีนี้” (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 19 ต.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)





30 บาทวุ่น 'แพทยสภา' อัด สปสช.กินหัวคิ

พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา กรรมการแพทยสภา และอนุกรรมการโฆษกแพทยสภา เปิดเผยว่า จากการที่ นพ.มงคล ณ สงขลา รมว.สาธารณสุข มีแนวคิดจะให้เลิกเรียกชื่อโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าว่าโครงการ 30 บาท เพราะเป็นสโลแกนการหาเสียงของพรรคไทยรักไทย จึงอยากจะปรับเปลี่ยนวิธีการว่าให้รักษาฟรีเพื่อไม่ให้เรียกโครงการ 30 บาท และว่าเงิน 30 บาทไม่ช่วยให้รวยขึ้นหรือจนลง แต่เป็น ภาระแก่เจ้าหน้าที่ในการลงบัญชีนั้น ตนในฐานะกรรมการแพทยสภา ได้ส่งจดหมาย เปิดผนึกเรียกร้องให้ รมว.สธ.ปฏิรูประบบบริหารจัดการด้านการแพทย์และสาธารณสุขเสียใหม่ เพื่อให้เป็นการแพทย์พอเพียง เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการตามความจำเป็นและเหมาะสม เพื่อจะได้รับบริการที่มีมาตรฐานและปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่ออาการแทรก ซ้อนที่ไม่จำเป็น ไม่พิการหรือตายโดยที่ยังไม่สมควรตาย และได้รับความเข้าใจในการดูแลรักษาสุขภาพอย่างถูกต้อง อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้บุคลากรได้มีเวลาทำงานที่เหมาะสมในการให้บริการแก่ประชาชน พญ.เชิดชู กล่าวอีกว่า ปัญหาจากโครงการ 30 บาทมีประเด็นสำคัญ 3 ส่วน คือ 1. เรื่องงบประมาณค่าหัว 1,630 บาทที่ไม่พอเพียง แม้จะขอเพิ่มเป็น 2,000 บาท ก็อาจไม่พอ เพราะ สธ.ยังต้องอาศัยงบรายหัวมาจ่ายเงินเดือนและค่าตอบแทนคนทำงาน ถ้างบรายหัวใช้จ่ายเป็นค่ารักษาจริงๆเหมือนงบประกันสังคมอาจจะพอ แต่ขณะนี้มีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ทำหน้าที่เหมือนคนกินหัวคิว คือเก็บค่าบริหารจัดการ ทำให้งบรายหัวที่ตกถึงโรงพยาบาลเพียง 500 กว่าบาทเท่านั้น 2. เรื่องการใช้บริการจากการเก็บข้อมูลของคณะอนุกรรมการกำหนดมาตรฐานการแพทย์ ของแพทยสภา พบว่าประชาชนมาโรงพยาบาลมากขึ้นเป็น 2 เท่า หลังมีโครงการ 30 บาท ทำให้แพทย์มีเวลาตรวจผู้ป่วยเฉลี่ยคนละ 2-4 นาที และจากข้อมูลของคณะผู้ทำงานในโครงการกำหนดยุทธศาสตร์กำลังคนภาครัฐ ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ของสำนักงาน ก.พ. ได้ตัวเลขตรงกันว่าแพทย์มีเวลาตรวจผู้ป่วยเฉลี่ยคนละ 2-4 นาที ทำให้เสี่ยงต่อการวินิจฉัยและการรักษาที่ผิดพลาด ก่อให้เกิดการฟ้องร้องแพทย์มากขึ้น 3. การขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ เนื่องจากแพทย์ ลาออกจากราชการมากขึ้น เพราะ 30 บาทก่อให้เกิดมีภาระงานมากขึ้น ทั้งงานในเวลาราชการและนอกเวลาราชการ จากการเก็บข้อมูลของคณะอนุกรรมการพิจารณาปรับเปลี่ยนค่าตอบแทนแพทย์ในภาคราชการของแพทยสภา พบว่าแพทย์ต้องทำงานทั้งในเวลาราชการสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง และยังต้องทำงานนอกเวลาราชการอีกเฉลี่ยสัปดาห์ละ 47 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการขยายตัวของโรงพยาบาลเอกชน ที่สร้างรายได้เพิ่มถึง 2 เท่า (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 19 ต.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215