![](images/leftside.jpg) |
![](images/digitalnews.gif)
หัวข้อข่าวปีที่ 7 ฉบับที่ 42 ประจำวันที่ 2006-10-16
ข่าวการศึกษา
ทปอ.เชื่อมือ 'วิจิตร' ให้ตัดสินเรื่องแยก ศธ. กศน.จับตาปิดช่องเด็กในระบบมาประเมินเทียบระดับ
ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
นักดาวเทียมเป็น รมว.ไอซีที คนแรก รมต.นักวิทย์ กับภารกิจกำจัดจุดอ่อนวิทยาศาสตร์ไทย ทีเอ็มซี จับมือ 6 ธนาคารหนุนโครงการดอกเบี้ยต่ำ ชวนโรงงานแป้งมันผลิตก๊าซชีวภาพ เอกชนตั้งโรงงานแป้งทาตัวลดภูมิแพ้
รู้ลึกต้นเหตุของความแก่ชรา อยู่ที่ตัวยีนยันอายุให้ยืนยาว ร้านอาหารหุ่นยนต์แห่งแรกในโลก TMC เปิดคอร์ส ชีวสารสนเทศศาสตร์ ออนไลน์ เจาะลึกจีโนม 24-27 ต.ค.นี้
ข่าววิจัย/พัฒนา
ออกกำลังกายมากอาจเป็นหมันง่าย ซ้ำยังเสี่ยงกับ การเกิดแท้งลูกมากขึ้น วิจัยสร้าง "ฝายเล็ก" ชะลอน้ำไหลจากภูเขาได้สูงสุด 80% องคมนตรีปลื้มผลงาน บีอาร์ที ติงนักวิจัยเมินความหลากหลายทางชีวภาพ วช.เปิดเวทีระดมผู้เชี่ยวชาญน้ำ มทร.ส่งกังหันลมผลิตไฟฟ้าป้อนเมืองพัทยา ทีมมหิดลสกัดกระเจี๊ยบต้านโรคหัวใจ สมัครโรงงานแป้งมันผันน้ำเสียเป็นเชื้อเพลิง
ข่าวทั่วไป
ประกวดตุ๊กตุ๊กชิงรางวัลใหญ่ แพทย์เสนอตั้ง 'กองทุนประกันตนเอง' ดึงชนชั้น กลางร่วมจ่าย ดิสนีย์เปิดตูนทาวน์ออนไลน์ในเอเชีย ผ่าตัดรักษาโรคอ้วนในอนาคต ใช้สอดท่อเข้าในปากไม่มีแผล 30 บาทวุ่น 'แพทยสภา' อัด สปสช.กินหัวคิ
![](images/line.gif)
![](images/top.gif)
ข่าวการศึกษา
ทปอ.เชื่อมือ 'วิจิตร' ให้ตัดสินเรื่องแยก ศธ.
ศ.ดร.ปรัชญา เวสารัชช์ อธิการบดีม.สุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมทปอ.เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ที่ประชุมได้รับฟังผลการศึกษาเรื่องการปรับโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) หรือการแยกสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เป็นกระทรวงการอุดมศึกษาและการวิจัย ซึ่งรศ.ดร.มณฑล สงวนเสริมศรี อธิการบดีม.นเรศวร (มน.) ประธานทำงานศึกษาฯ ได้นำเสนอ ซึ่งพบว่าการที่สกอ.เข้าไปรวมกับ ศธ. ก่อให้เกิดปัญหามากมาย เช่น ปัญหาความล่าช้าในการดำเนินงาน ปัญหาเรื่องโครงสร้าง ปัญหาเกี่ยวกับระบบบริหารจัดการ ปัญหาการแข่งขันกับนานาประเทศ ปัญหาการบริหารงานบุคคล ปัญหางบประมาณ หรือ ปัญหาด้านการเสนอกฎหมาย เป็นต้น ดังนั้นทางคณะทำงานจึงเสนอให้มีการแยก สกอ.ออกจาก ศธ.
ศ.ดร.ปรัชญา กล่าวต่อไปว่า ปัญหาจากการรวมกระทรวงสะท้อนว่าเกิดจากวิธีคิดของคนใน ศธ.ที่ยังยึดติดกับอำนาจการควบคุม และสั่งการจนก่อให้เกิดการสร้างธรรมเนียมและวิธีปฏิบัติที่จะต้องผ่านส่วนกลางทั้งหมด ทั้ง ๆ ที่เจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ที่ให้รวมกระทรวงก็เพื่อให้การบริหารงานภายในของแต่ละองค์กรมีอิสระ และคล่องตัวมากขึ้น ทั้งนี้ทปอ. เห็นว่าศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการเข้าใจงานของอุดมศึกษา และปัญหาต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยเป็นอย่างดีจึงเชื่อว่าน่าจะช่วยแก้ปัญหาของอุดมศึกษาได้เป็นอย่างดี ดังนั้นทปอ.จึงเห็นตรงกันว่าจะไม่ไปกดดันเพื่อขอแยกกระทรวง แต่การจะแยกกระทรวงหรือไม่จะให้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรมว.ศึกษาธิการ
(เดลินิวส์ จันทร์ที่ 16 ต.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)
![](images/line.gif)
![](images/top.gif)
กศน.จับตาปิดช่องเด็กในระบบมาประเมินเทียบระดับ
ดร.ชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาหลักสูตร สำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) เปิดเผยความคืบหน้าการประเมินเทียบระดับการศึกษาของ กศน. ว่า กศน. ได้ดำเนินการเทียบระดับการศึกษามาแล้ว 2 รุ่น โดยรุ่นแรกมีผู้สมัครขอประเมินเทียบระดับการศึกษาประมาณ 1,700 คน แต่ผ่านการประเมิน 550 คน ส่วนรุ่นที่ 2 สมัครประมาณ 2,000 คน ผ่านการประเมิน 1,700 คน ซึ่งผู้ผ่านการประเมินส่วนใหญ่จะมีอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยสามารถเทียบระดับการศึกษาได้ตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย และบางส่วนได้นำวุฒิการศึกษาที่ได้ไปต่อยอดศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีกับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มหาวิทยาลัยรามคำแหง หรือมหาวิทยาลัยราชภัฏ ทั้งนี้จากการประเมินผลการเทียบระดับ 2 รุ่นที่ผ่านมาพบว่า ผู้เข้ารับการประเมินมักจะไม่ผ่านการสอบวิชาพื้นฐานในวิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และคณิต ศาสตร์ และไม่ผ่านการประเมินความรู้ทั่วไปในด้านสังคม ซึ่งผู้ที่ไม่ผ่านการประเมินบางด้านนั้น กศน. จะเปิดโอกาสให้มาสอบแก้ตัวอีกครั้งหนึ่ง
ดร.ชัยยศ กล่าวต่อไปว่า หลังจากที่ กศน. ได้ดำเนินการเทียบระดับมาแล้วทำให้เห็นถึงปัญหาและจุดบกพร่องที่ควรจะต้องมีการปรับปรุงระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วย การประเมินเทียบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน อุดมศึกษา และต่ำกว่าปริญญาตรี พ.ศ. 2546 ในหลายเรื่อง อาทิ กรณีการกำหนดอายุผู้ที่จะเข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษาไว้ตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งหลายฝ่ายเกรงว่าอาจเป็นการเปิดช่องให้นักเรียนที่อยู่ในระบบการศึกษาปกติหันเข้ามาสู่ระบบนี้เพื่อให้จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเร็วกว่าการเรียนในระบบ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีนักเรียนในระบบการศึกษาปกติ และระบบ Home School มาสมัครแล้ว 2 ราย และก็สามารถผ่านการเทียบระดับ เพราะมีเหตุผลที่รับฟังได้
ผู้ที่จะเข้ารับการประเมินจะต้องประกอบอาชีพอยู่ โดยอาจจะต้องมีการทำแฟ้มประวัติสะสมผลงานพร้อมทั้งการฝึกปฏิบัติในด้านที่ชำนาญเพื่อส่งให้คณะกรรมการประเมินดูด้วย โดยการประเมินจะพิจารณาจาก 4 ด้าน ได้แก่ 1.ความรู้พื้นฐาน ซึ่งเป็นความรู้ที่คนแต่ละระดับพึงมี เช่น ความรู้ด้านภาษาไทย วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ 2.การประเมินด้านทักษะชีวิตและคุณภาพชีวิต เช่น สุขภาพอนามัย กิจกรรมนันทนาการ การพัฒนาอาชีพ 3. การพัฒนาสังคมและชุมชน และ 4.ความรู้ด้านประวัติศาสตร์
(เดลินิวส์ จันทร์ที่ 16 ต.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)
![](images/line.gif)
![](images/top.gif)
ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
นักดาวเทียมเป็น รมว.ไอซีที คนแรก
แม้ รศ.ดร.สิทธิชัย โภไคยอุดม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) คนใหม่ จะไม่เป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไป แต่ในวงการศึกษารู้จักกันดี ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านดาวเทียม และเป็นนักดาวเทียมคนแรกที่ได้รับตำแหน่ง รมว.
ภายใต้ ครม.สุรยุทธ์ 1 ซึ่งมีระยะเวลาทำงานเพียง 1 ปี เรื่องเร่งด่วน ที่ต้องรีบสาง คือ สมาร์ทการ์ด ปัญหาคาราคาซังที่ทำให้การทำบัตรประชาชนต้องหยุดชะงักไปช่วงหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ รมว. คนใหม่มอบนโยบายให้ปลัดกระทรวงไอซีทีประสานงานกับกระทรวงมหาดไทย จัดซื้อบัตรประชาชนแถบแม่เหล็กเพื่อรองรับการใช้งาน 6 เดือนก่อน หรืออาจยาวไปถึงเดือน มิ.ย. 2550 เลย
ด้วยเหตุผลที่ว่า
ซอฟต์แวร์ที่รองรับไม่พร้อม ทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานสมาร์ทการ์ดในปัจจุบันเทียบเท่ากับแถบแม่เหล็ก ส่งผลให้ความล่าช้าในการจัดซื้อสมาร์ทการ์ดขณะนี้มีผลดีต่อประเทศมากกว่า เนื่องจากแถบแม่เหล็กมีราคาเพียงใบละ 14-15 บาท พร้อมเปิดทีโออาร์แก้ไขเนื้อหาบางส่วน เพื่อไม่ให้เกิดข้อโต้เถียงหรือฟ้องร้องของผู้ผลิตและประชาชนขึ้นอีกแต่! ไม่มีนโยบายที่จะเลิกใช้สมาร์ทการ์ด เพราะเป็นเทคโนโลยีที่กำลังมาและเป็นประโยชน์ เพียงแต่ต้องรอให้ซอฟต์แวร์ที่รองรับการใช้งานพร้อมกว่านี้
ส่วนธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซีดีเอ็มเอ ของ กสท และไทยโมบาย 1900 ของ ทีโอที ขอเวลาศึกษาข้อมูลก่อน และที่สำนักงานตรวจเงิน แผ่นดิน (สตง.) ดำเนินการตรวจสอบ โครงการซีดีเอ็มเอ อยู่ ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการ ด้านการเข้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ก็ยังไม่ยืนยันว่าจะดำเนินการได้ทัน 1 ปี ที่ดำรงตำแหน่ง แต่จะใช้ผลประโยชน์ของประชาชนเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ว่าควรจะกระจายหุ้นหรือไม่ ที่สำคัญต้องเน้นการขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป
(เดลินิวส์ จันทร์ที่ 16 ต.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)
![](images/line.gif)
![](images/top.gif)
รมต.นักวิทย์ กับภารกิจกำจัดจุดอ่อนวิทยาศาสตร์ไทย
ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีคนล่าสุด ดีกรีเป็นถึงนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นปี 2527 เชี่ยวชาญในสาขาชีวเคมี เคยผ่านประสบการณ์การบริหารองค์กรด้านวิทยาศาสตร์มาหลายสมัย เรียกว่าเป็นคนในวงการอย่างแท้จริง
1 ปี สำหรับการบริหารงานในกระทรวงฯ ศ.ดร.ยงยุทธ ที่สื่อหลายคนยังติดปากเรียกว่าอาจารย์ บอกถึงนโยบายการทำงานว่า เน้นการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาสนับสนุนเศรษฐกิจพอเพียงและสร้างความสามารถของประเทศอย่างยั่งยืน โดยมีแนวทางหลัก 3 ด้านคือการสร้างคน สร้างระบบและคัดเลือกวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เหมาะสม
สำหรับโครงการที่จะทำให้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีลงไปถึงระดับรากแก้วได้นั้น ศ.ดร.ยงยุทธ ยกตัวอย่างว่า จะมีการนำผลการศึกษาและงานวิจัยจากศูนย์ศึกษาพัฒนาต่าง ๆ ตามโครงการในพระราชดำริที่มีอยู่ทั่วประเทศ ออกเผยแพร่สู่ประชาชน ซึ่งผลงานเหล่านี้ทางศูนย์ฯ มีอยู่แล้ว กระทรวงเพียงนำผลงานเหล่านี้มาแปลงให้เข้าใจง่าย ๆ และเผยแพร่สู่ประชาชนในระดับชุมชน
เมื่อถามถึงเทคโนโลยีที่มีความสำคัญในการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย ศ.ดร.ยงยุทธ บอกว่าหนีไม่พ้น 3 เทคโนโลยีหลัก คือ ไอซีที ที่กลายเป็นสิ่งจำเป็นและมีอะไรใหม่ตลอดเวลา ส่วนอีกเทคโนโลยีก็คือไบโอเทคหรือเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งมีทั้งด้านสุขภาพและการเกษตร และเทคโนโลยีสุดท้ายคือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับวัสดุ เครื่องจักรกล ต่าง ๆ เช่นนาโนเทคโนโลยี รวมถึงกระแสการควบรวมเทคโนโลยีหลายอย่างไว้ด้วยกัน
(เดลินิวส์ จันทร์ที่ 16 ต.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)
![](images/line.gif)
![](images/top.gif)
ทีเอ็มซี จับมือ 6 ธนาคารหนุนโครงการดอกเบี้ยต่ำ ชวนโรงงานแป้งมันผลิตก๊าซชีวภาพ
วานนี้ (12 ต.ค.) ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (ทีเอ็มซี) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) ได้จัดการสัมมนา โครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีบำบัดน้ำเสีย และผลิตก๊าซชีวภาพแบบตรึงฟิล์ม สำหรับโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลัง ขึ้น ณ โรงแรมเซ็นจูรี่ ปาร์ค กรุงเทพฯ
สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดงาน เพื่อเป็นการชักชวนให้ผู้ประกอบการโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังทั่วประเทศได้เข้ารับการถ่ายทอดวิทยาการในโครงการสนับสนุนการวิจัย พัฒนา และวิศวกรรมภาคเอกชน (ซีดี) ของศูนย์ฯ โดยในช่วงบ่ายวันเดียวกันยังได้นำคณะผู้ประกอบการภาคเอกชนเดินทางไปเยี่ยมผลการดำเนินการเทคโนโลยีบำบัดน้ำเสียและผลิตก๊าซชีวภาพแบบตรึงฟิล์ม ณ โรงงานชลเจริญ จำกัด จ.ชลบุรี ซึ่งได้เข้าร่วมโครงการมาก่อนหน้านี้จนเห็นผลและมีการขยายการใช้เทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง อันสืบเนื่องมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีกว่า 20 ปีของศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)
รศ.ดร.สมชาย ฉัตรรัตนา รองผอ.ทีเอ็มซี กล่าวว่า ประเทศไทยมีโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังทั่วประเทศประมาณ 60 โรง และมีผู้ประกอบการที่มีระบบบำบัดน้ำเสียอยู่แล้ว 30 โรง ในจำนวนนั้นมีผู้ประกอบการที่ได้รับเทคโนโลยีบำบัดน้ำเสียและผลิตก๊าซชีวภาพแบบตรึงฟิล์มจากโครงการแล้ว 4 โรง คือ โรงงาน ชลเจริญ จำกัด โรงงาน ชัยภูมิพืชผล จำกัด โรงงาน แป้งมันตะวันออกเฉียงเหนือ (1987) จำกัด และโรงงาน สีมาอินเตอร์โปรดักส์ จำกัด ซึ่งได้ผลการดำเนินการเป็นที่น่าพอใจ จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะชักชวนผู้ประกอบการที่ยังไม่มีระบบบำบัดน้ำเสีย หรือผู้ประกอบการที่มีระบบบำบัดน้ำเสียอยู่แล้วแต่ยังให้ความสนใจเทคโนโลยีนี้ ได้เข้ามาร่วมรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีดังกล่าวผ่านทางโครงการด้วย
ทั้งนี้ ประโยชน์ที่ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับได้แก่ การได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากทีเอ็มซี ซึ่งจะช่วยให้ระบบบำบัดน้ำเสียของโรงงานมีค่าก่อสร้างถูกกว่าการว่าจ้างให้บริษัทต่างชาติเข้ามาก่อสร้าง จากประมาณ 100 ล้านบาท เหลือเพียง 45-50 ล้านบาท การทำให้กลิ่นเหม็นจากบ่อบำบัดน้ำเสียลดลงอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงการช่วยเหลือด้านการบำรุงรักษาระบบเมื่อมีการใช้งาน ขณะที่เมื่อผลิตก๊าซมีเทนมาแล้ว ทางโรงงานยังสามารถใช้ก๊าซชีวภาพเหล่านั้นทดแทนน้ำมันเตาในโรงงานหรือใช้ผลิตไฟฟ้าในภาคการผลิตได้
(ผู้จัดการ จันทร์ที่ 16 ต.ค. 2549 http://www.manager.co.th)
![](images/line.gif)
![](images/top.gif)
เอกชนตั้งโรงงานแป้งทาตัวลดภูมิแพ้
นายวาทิต วงศ์สุรไกร ผู้บริหารบริษัท เอราวัณ ฟามาซูติคอล รีเซิซ แอนด์ ลาบอราตอรี่ จำกัด กล่าวอีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการจัดตั้งโรงงานผลิตแป้งฝุ่นทาผิว ที่ลักษณะการผลิตพิเศษกว่าโรงงานแป้งฝุ่นทั่วไป เพราะใช้แป้งข้าวเจ้าเป็นวัตถุดิบแทนแป้งข้าวโพด ซึ่งใช้ในโรงงานเครื่องสำอางทั่วไป รวมทั้งสามารถใช้แทน "ทัลคัม" แป้งที่ได้จากการโม่หิน ที่เป็นตัวการก่อโรคภูมิแพ้และโรคปอด
โครงการจัดตั้งโรงงานใหม่ด้วยงบประมาณ 200 ล้านบาทในปี 2550 นี้ เป็นผลต่อเนื่องจากการวิจัยพัฒนาของบริษัท ที่ประสบความสำเร็จในการปรับแต่งคุณสมบัติของแป้งข้าวเจ้า ให้โมเลกุลเล็กลงหรือขนาดใกล้เคียงโมเลกุลแป้งข้าวโพด ทั้งยังไม่ดูดซับน้ำ สำหรับใช้แทนแป้งข้าวโพดในการผลิตแป้งฝุ่นทาผิว โดยเนื้อแป้งข้าวเจ้ามีสีขาว ให้ความเนียนละเอียด ป้องกันชื้นแถมยังดูดซับความมันได้ดีกว่าแป้งฝุ่นจากแป้งข้าวโพด
ตามธรรมชาติแล้ว โมเลกุลแป้งข้าวเจ้ามีลักษณะแบน ขณะที่โมเลกุลแป้งข้าวโพดมีลักษณะกลม และผู้ใช้รับรู้ถึงความแตกต่างของเม็ดแป้งดังกล่าว ขณะทาแป้งลงบนผิว แต่คุณสมบัติใหม่ของแป้งข้าวเจ้า จะลดความรู้สึกที่แตกต่างนั้นได้ ขณะเดียวกันคุณสมบัติใหม่นี้ยังสามารถใช้เป็นวัตถุดิบทดแทน ทัลคัม ซึ่งไม่ย่อยสลายจึงมีโอกาสตกค้าง และสะสมในร่างกาย หากสูดดมต่อเนื่องเป็นเวลานาน นอกจากจะทำให้เกิดภาวะภูมิแพ้ และโรคปอดแล้ว ยังส่งผลให้เด็กอาจเสียชีวิตได้ด้วย
ปัจจุบัน ในบางประเทศโดยเฉพาะสหรัฐ นายแพทย์แนะนำผู้บริโภคให้ใช้ผลิตภัณฑ์แป้งฝุ่น ที่ทำมาจากแป้งข้าวโพดแทนแป้งทัลคัม เพราะให้ความปลอดภัยมากกว่า ประเทศไทยซึ่งมีความพร้อมด้านวัตถุดิบคือ "ข้าว" ทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีการผลิตแป้งข้าวเจ้าดัดแปรคุณสมบัติ จึงมีโอกาสเป็นผู้นำในการผลิตแป้งเครื่องสำอาง ทั้งแป้งฝุ่น แป้งผัดหน้า แป้งทาตัวและแป้งเด็ก จากแป้งข้าวเจ้าดัดแปร ซึ่งคุณสมบัติดีกว่าแป้งข้าวโพด
(กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 17 ต.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)
![](images/line.gif)
![](images/top.gif)
วันนี้ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในบ้านเรา..กับบริการไวไฟในรถยนต์ ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อไวไฟได้ทุกที่ แม้ขณะเดินทางโดยดีแทคจับมือเอ็มเบส เทคโนโลยี พัฒนาระบบสื่อสารไร้สายความเร็วสูงใส่บริการรถเช่าสุดหรูของลิมู ซีนเอ็กซ์เพรส สามารถเชื่อมต่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ต และรูดบัตรจ่ายค่าบริการผ่านเครื่องรูดบัตรไร้สายภายในรถได้ตลอดการเดินทางโดยไม่จำกัดสถานที่และเวลา
โดยดีแทคร่วมกับเอ็มเบส เทคโน โลยี พัฒนาเป็นโซลูชั่นและบริการ แบ่งได้ 2 ส่วนคือ ส่วนแรกเป็นการติดตั้งจุดเชื่อมต่อ (Access Point) ภายในตัวรถ เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถเชื่อมต่อเครื่องโน้ตบุ๊ก หรือ พีดีเอ (PDA) เข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตจากภายในรถในระหว่างการเดินทางได้
สำหรับส่วนที่สองจะเป็นบริการอนุมัติบัตรเครดิตไร้สายผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า EDC (Electronic Data Capture) ซึ่งเอ็มเบสเทคโน โลยีเป็นผู้ติดตั้งอุปกรณ์พร้อมซิมการ์ดในรถ โดยการทำงานของเครื่องจะต้องอาศัยการสื่อสารระหว่างเครื่องรูดบัตรไร้สายที่ติดตั้งไว้ในรถ กับธนาคารผู้ให้บริการ (ผู้อนุมัติ) โดยผ่านเครือข่ายไร้สายความเร็วสูงของดีแทค
เมื่อลูกค้าเดินทางถึงปลายทางแล้วรูดบัตรเครดิตเพื่อชำระค่าบริการ เครื่องจะส่งรหัสขออนุมัติผ่านซิมการ์ดที่วิ่งอยู่บนเครือข่ายของดีแทค ไปยังธนาคารปลายทาง เพื่อขออนุมัติ จากนั้นเครื่องจะออกใบเสร็จให้กับลูกค้าเพื่อยืนยันการชำระเงินหลังจากได้รับการยืนยันการอนุมัติจากธนาคาร
ทั้งนี้ อุปกรณ์ดังกล่าวจะอาศัยอุปกรณ์ต่อพ่วงที่ใช้เชื่อมต่อ GPRS/ EDGE (GPRS router) ด้วยซิมการ์ดของดีแทคอยู่ภายใน หากเครื่องโน้ตบุ๊กของลูกค้ามีระบบไวไฟอยู่ภายในก็สามารถเปิดเครื่องพร้อมกรอกรหัสผ่านที่ได้รับจากจุดบริการเพื่อเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตได้ทันที
ส่วนเครื่องที่ไม่มีระบบไวไฟจะสามารถต่อเชื่อมเข้าสู่เครือข่ายได้ผ่านทางสายแลน (LAN) ที่อยู่ภายในรถ โดยการเข้าสู่ระบบ ซิมการ์ดของดีแทคจะทำหน้าที่เชื่อมต่อการใช้งานให้วิ่งอยู่บนเครือข่าย GPRS/EDGE ของดีแทคที่มีอยู่ทั่วประเทศ
ความเร็วของไวไฟในรถยนต์ซึ่งเคลื่อนที่แม้จะไม่ เร็วเท่าการติดตั้งในอาคารหรือพื้นที่แน่นอน แต่ก็สามารถใช้ได้ดี ในระดับ 40-120 Kbps
ด้าน ลิมูซีนเอ็กซ์เพรส กรุ๊ป ศ.ดร.ซด็อก เลมเพิร์ท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บอกว่า เตรียมเปิดตัวบริการนี้ในรถรุ่นใหม่ล่าสุดคือ BMW 520 Diesel จำนวน 30 คันก่อน ขยายการติดตั้งให้ครอบคลุมเช่ารุ่นอื่น ๆ ที่ปัจจุบันมีกว่า 200 คันให้บริการในจังหวัดใหญ่ คือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ตและกำลังจะเปิดตัวที่พัทยา
(เดลินิวส์ อังคารที่ 17 ต.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)
![](images/line.gif)
![](images/top.gif)
รู้ลึกต้นเหตุของความแก่ชรา อยู่ที่ตัวยีนยันอายุให้ยืนยาว
นักวิทยาศาสตร์สืบรู้ลึกเข้าไปถึงสาเหตุของความแก่ชราได้แล้ว ค้นพบยีนใหญ่ตัวหนึ่ง ช่วยให้เข้าใจสาเหตุที่สังขารต้องเสื่อมโทรมลงไปตามกาลเวลา
ยีนตัวการมีชื่อเรียกว่า ไอเอ็นเค เป็นตัวควบคุมโปรตีนอย่างหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่ค้ำจุนการมีอายุยืนยาว โดยการเข้าไปทำลายล้างการก่อกำเนิดเซลล์มะเร็ง แต่เมื่อคนเราแก่ชราลง มันจะกลับซนหนักขึ้น จนไปขวางกลไกซึ่งสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นทดแทน เพื่อสร้างเนื้อเยื่อของร่างกาย
นายซอน มอริสัน ผู้อำนวยการศูนย์ชีววิทยาของเซลล์ต้นกำหนด มหาวิทยาลัยมิชิแกนของสหรัฐฯ หัวหน้าคณะวิจัย กล่าวเปิดเผยว่า ส่วนดีก็คือ มันทำให้เราแก่ลงก่อนจะเป็นมะเร็งขึ้น แต่ข้อเสียก็คือ เนื้อเยื่อของเราจะไม่อาจซ่อมแซมตัวเองได้
ในการศึกษาที่ทำกับหนูทดลองได้ลองเพาะหนู ที่ถูกตัดแต่งหน่วยพันธุกรรม ไม่ให้มียีน ไอเอ็นเค อยู่ในตัว ความสามารถในอันที่จะซ่อมแซมเซลล์ให้กลับคืนดีดังเดิมยังคงมีอยู่ แต่มันกลับอายุสั้นอยู่ได้เพียงแค่ปีเดียว เนื่องจากถูกมะเร็งรุมเร้า.
(ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 19 ต.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)
![](images/line.gif)
![](images/top.gif)
ร้านอาหารหุ่นยนต์แห่งแรกในโลก
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ร้านอาหารที่เรียก ว่า ครัวหุ่นยนต์ หรือ Robot Kitchen ซึ่งตั้งอยู่ที่ฮ่องกง ได้รับความสนใจจากลูกค้าทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่แวะเวียนไปรับประทานอาหารเป็นอย่างมาก โดยร้านดังกล่าว มีหุ่นยนต์ทำงานเป็นพนักงานรับรายการอาหารจากลูกค้าชื่อ Robot No.1 และมี พนักงานเสิร์ฟอาหารชื่อ Robot No.2 โดยเจ้าของร้านอ้างว่าร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านอาหารที่เดียวในโลกที่ใช้หุ่นยนต์ทำงาน
สำหรับ Robot No.1 ถูกออกแบบให้เป็นหุ่นยนต์รับรายการอาหารจากลูกค้า ส่วน Robot No.2 ถูกออกแบบให้เป็นหุ่นยนต์ผู้หญิงมีหน้าที่ถือจานอาหารไปส่งให้ลูกค้า
(เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 19 ต.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)
![](images/line.gif)
![](images/top.gif)
TMC เปิดคอร์ส ชีวสารสนเทศศาสตร์ ออนไลน์ เจาะลึกจีโนม 24-27 ต.ค.นี้
สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (TMC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้เปิดรับสมัครนักศึกษา บัณฑิตในสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ และวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ นักวิจัย อาจารย์ ตลอดจนผู้สนใจด้านชีววิทยาโมเลกุลทั่วไปเรียนออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ต (e-Learning) ในหลักสูตร Hypercourse on Bioinfomatics หรือ ชีวสารสนเทศศาสตร์ ขึ้น ซึ่งจะเน้นให้ผู้เรียนได้เข้าใจถึงความสำคัญของวิชาดังกล่าวต่อวงการวิทยาศาสตร์ และนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับงานค้นคว้าวิจัยได้อย่างหลากหลาย
ในหลักสูตรดังกล่าว ผู้เรียนจะได้เรียนรู้ศาสตร์ด้านชีวสารสนเทศศาสตร์ ซึ่งมุ่งเน้นไปยังยุคหลังจีโนม หรือ post genome informatics ควบคู่ไปกับระบบการประมวลผลข้อมูลชีววิทยา หรือ computational biology อันเป็นการนำข้อมูลที่ได้จากโครงการจีโนม หรือสารพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต ในระดับ ดีเอ็นเอ อาร์เอ็นเอ และโปรตีนมาวิเคราะห์ร่วมกันเพื่อให้เข้าใจโครงสร้างหน้าที่และการทำงานของจีโนมโดยอาศัยเทคโนโลยีด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) รวมทั้งการสาธิตการใช้โปรแกรมโปรแกรมชีวสารสนเทศ หรือ BIO-IT ซึ่งเป็นมัลติมีเดีย เลิร์นนิ่ง โปรแกรม (multimedia learning program) ที่ทางทีมผู้สอนได้พัฒนาขึ้นเพื่อการสืบค้นข้อมูลจีโนมและการวิเคราะห์ผลได้ด้วยตัวเอง
สำหรับวิธีการเรียนการสอนในขั้นแรก คณะผู้สอนจะจัดอบรมผู้เรียนเป็นเวลา 4 วัน ระหว่างวันที่ 24 - 27 ตุลาคม 2549 ณ ห้องบรรยาย 04 ตึกกลม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เขตราชเทวี กรุงเทพฯ จากนั้นผู้สอนจะกำหนดแบบฝึกหัดแก่ผู้เรียนได้ทำภายในระยะเวลา 3 เดือน ภายใต้การดูแลของผู้สอนผ่านเว็บไซต์ในลักษณะของห้องเรียนเสมือน (virtual classroom) ที่ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องเวลาและสถานที่ในการศึกษา ทั้งนี้ นักศึกษาและผู้สนใจควรใช้อินเตอร์เน็ตเบื้องต้นได้ และเคยผ่านรายวิชาทางชีววิทยามาบ้าง ซึ่งหลักสูตรดังกล่าวจะรับผู้เรียนเพียง 100 คน โดยได้เปิดรับสมัครแล้ว
ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี สวทช. โทร. 0-2564-7000 ต่อ 1422-1426 อีเมล learnonline@learn.in.th หรือที่เว็บไซต์ www.learn.in.th
(ผู้จัดการ พฤหัสบดีที่ 19 ต.ค. 2549 http://www.manager.co.th)
![](images/line.gif)
![](images/top.gif)
ข่าววิจัย/พัฒนา
ออกกำลังกายมากอาจเป็นหมันง่าย ซ้ำยังเสี่ยงกับ การเกิดแท้งลูกมากขึ้น
คณะนักวิจัยของโรงพยาบาลบริกแกมแอนด์วูเมน ในนครบอสตันของสหรัฐฯ เผยผลการศึกษาลงในวารสารสูติแพทย์และนรีเวชวิทยา ฉบับเดือนตุลาคมว่า การออกกำลังกายดีต่อสุขภาพแต่การออกกำลังกายมากเกินไปอาจไม่ดีต่อการทำเด็กหลอดแก้ว และไม่ได้หมายความว่าสตรีที่ทำเด็กหลอดแก้วไม่ควรออกกำลังกายเลย พวกเขาประเมินผลการทำเด็กหลอดแก้วของสตรี 2,232 คน ช่วงปี 2537-2546 ในเขตบอสตันพบว่า การออกกำลังกายสม่ำเสมอไม่มีผล เพิ่มหรือลดโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการทำเด็กหลอดแก้ว แต่สตรีที่ออกกำลังกายไม่ต่ำกว่าสัปดาห์ละ 4 ชั่วโมง ตั้งแต่ 1 ปี จนถึง 9 ปี โอกาสประสบความสำเร็จลดลงถึงร้อยละ 40 การออกกำลังกายระดับนี้ทำให้เสี่ยงแท้งมากขึ้นด้วย
คณะนักวิจัยยังได้พิจารณาปัจจัยด้านดัชนีมวลกายหรือบีเอ็มไอว่า มีความสัมพันธ์กับโอกาสที่จะทำเด็กหลอดแก้วสำเร็จหรือไม่ เพราะสตรีที่มีน้ำหนักตัวต่ำหรือสูงกว่ามาตรฐานเสี่ยงเกิดภาวะมีบุตรยาก พวกเขาไม่พบความแตกต่างใดๆ ระหว่างกลุ่มที่มีดัชนีมวลกายแตกต่างกันในเรื่องความสัมพันธ์ ของการออกกำลังกายกับผลการทำเด็กหลอดแก้ว อย่างไรก็ดี คณะนักวิจัยย้ำว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปคำแนะนำที่ชัดเจนในเรื่องนี้ได้ ต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลการศึกษาต่อไป.
(ไทยรัฐ จันทร์ที่ 16 ต.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)
![](images/line.gif)
![](images/top.gif)
วิจัยสร้าง "ฝายเล็ก" ชะลอน้ำไหลจากภูเขาได้สูงสุด 80%
รศ.ดร.ชัยยุทธ ชินณะราศรี อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ศึกษารูปแบบการไหลของน้ำบนภูเขาที่ผ่านมาอาคารและเครื่องกีดขวาง โดยมีแนวคิดว่าบนภูเขาที่มีฝายเล็กขนาดเล็กๆ โพล่ขึ้นมาบนดิน หากกีดขวางทางเดินของน้ำจะช่วยลดความเร็วการไหลของน้ำได้ ขณะเดียวกันก็จะช่วยลดการพัดพาต้นไม้ ดิน ทราย ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนในพื้นที่ด้านล่างของทิศทางน้ำ
วิธีการของ รศ.ดร.ชัยยุทธคือย่อส่วนฝายเล็กลง 1 ใน 100 ส่วนเพื่อทดลองในห้องปฏิบัติการชลศาสตร์ ซึ่งได้ทดลองสร้างฝายจำลองกว้าง 40 เซนติเมตร สูง 5 เซนติเมตร แล้วกำหนดค่าตัวแปรต่างๆ เช่น ปริมาณน้ำ ความเร็วของการไหล พลังงานน้ำ มุมลาดเอียง สมบัติของดิน ความสูงของฝาย ระยะห่าง และการกัดเซาะของน้ำ เป็นต้น แล้วใช้แคลคูลัสเพื่อสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์
นอกจากนี้ รศ.ดร.ชัยยุทธกล่าวว่าการศึกษาเรื่องการชะลอน้ำไหลด้วยฝายนั้นยังเป็นเรื่องใหม่ ที่ต่างประเทศเพิ่งมีการศึกษาได้ 6 ปี ขณะที่เมืองไทยสร้างฝายด้วยเทคโนโลยีชาวบ้าน คือใช้หินเรียงกัน ซึ่งก็มีฝายล่ม ฝายแตก และการใช้ประโยชน์ก็เพื่อกักเก็บน้ำเท่านั้น ไม่ได้ใช้เพื่อชะลอน้ำท่วม แต่จากปัญหาที่ฤดูฝนมีน้ำความเร็วสูงไหลท่วมพื้นที่เฉียบพลัน เกิดดินถล่มและพัดพาดิน หิน มาทำลายบ้านเรือน จึงเกิดความที่จะหาวิธีลดความเร็วของกระแสน้ำนี้ขึ้นมา
แม้ว่าเราจะทราบดีว่าป่าไม้คือด่านชะลอความเร็วของกระแสน้ำในฤดูน้ำหลากได้เป็นอย่างดี แต่จากความสามารถในการรักษาพื้นที่ป่าซึ่งมีค่อนข้างต่ำนี้ งานวิจัยของ รศ.ดร.ชัยยุทธจึงอาจเป็นทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ได้ผล แต่ทั้งนี้ต้องหามาตรการแก้ปัญหาที่ต้นตอเพื่อให้ได้ผลที่ยั่งยืนต่อไป
(ผู้จัดการ จันทร์ที่ 16 ต.ค. 2549 http://www.manager.co.th)
![](images/line.gif)
![](images/top.gif)
องคมนตรีปลื้มผลงาน บีอาร์ที ติงนักวิจัยเมินความหลากหลายทางชีวภาพ
โครงการพัฒนาองค์ความรู้และศึกษานโยบายการจัดการทรัพยากรชีวภาพในประเทศไทย หรือบีอาร์ที (BRT) ร่วมกับสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตกระบี่ โดยการสนับสนุนของศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้จัดการประชุมวิชาการประจำปีโครงการบีอาร์ที ครั้งที่ 10 ทุนทางธรรมชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ขึ้น ณ มาริไทม์ปาร์ค แอนด์ สปา รีสอร์ท จ.กระบี่ ระหว่างวันที่ 8-11 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยมีคณาจารย์ นักวิชาการ นักวิจัย นิสิตนักศึกษา และผู้นำชุมชนในเขตภาคใต้ เข้าร่วมการประชุมราว 350 คน
นายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี กล่าวเปิดการประชุมในฐานะประธานของงานว่า จากการได้ติดตามและร่วมรับรู้การทำกิจกรรมของโครงการบีอาร์ทีเรื่อยมาตั้งแต่การประชุมครั้งแรก พบว่า โครงการได้มีความก้าวหน้ามากขึ้นตามลำดับ มีการค้นพบสาหร่าย แพลงก์ตอน ไลเคน แมลง สัตว์ปีก สัตว์เลื่อยคลาน และสัตว์สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกชนิดใหม่เพิ่มขึ้นหลายชนิด รวมถึงการโครงการศึกษาบรรพชีวินของ สวทช. เพื่อติดตามหาฟอสซิลซากดึกดำบรรพ ซึ่งการดำเนินการเหล่านี้ล้วนได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากหน่วยงานพันธมิตรที่ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ทั้งที่เป็นหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระ สถาบันการศึกษา เช่น โรงเรียนและมหาวิทยาลัย เป็นต้น
นอกจากนี้ การทำงานของโครงการยังทำให้เกิดการบัญญัติศัพท์ใหม่ๆ ที่ใช้ในวงการชีววิทยาที่มีความหมายเฉพาะตัวใหม่ๆ หลายคำ อาทิ พุ พรุ และซากบรรพชีวิน ฯลฯ ขณะเดียวกันยังทำให้เกิดผลงานตีพิมพ์ระดับชาติ นานาชาติ และบัณฑิตระดับปริญญาโทและเอกอีกมากมายตามมา
(ผู้จัดการ จันทร์ที่ 16 ต.ค. 2549 http://www.manager.co.th)
![](images/line.gif)
![](images/top.gif)
วช.เปิดเวทีระดมผู้เชี่ยวชาญน้ำ
สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกับสมาคมอุทกวิทยาและทรัพยากรน้ำเอเชียแปซิฟิก (APHW) และสมาคมนักวิจัยจัดการประชุมนานาชาติเรื่อง การบริหารการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างชาญฉลาดเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน และบรรเทาความยากจน ระหว่างวันที่ 16-19 ตุลาคม
ศ.มูซิอาเกะ เลขานุการสมาคมอุทกวิทยาฯ กล่าวนำการประชุมว่า ระเบียบวิธีทางอุทกวิทยาและการจัดการทรัพยากรน้ำ รับการพัฒนาและกำหนดกฎเกณฑ์ในยุโรปและอเมริกาเหนือ แต่วิธีการและการจัดการเหล่านี้ไม่สามารถใช้ได้ในทุกภูมิภาค เช่น ทวีปเอเชียและแปซิฟิก ซึ่งมีความแตกต่างกับภูมิศาสตร์ของโลกตะวันตกอย่างมาก
นอกจากนี้ ประเด็นปัญหาเรื่องน้ำของเอเชียแปซิฟิก ยังไม่มีใครให้ความสำคัญ ดังนั้น การสัมมนาครั้งนี้จึงมีความสำคัญต่อภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การประชุมจะเน้นการวิจัยด้านวิชาการเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำ ความรู้ทางเทคโนโลยีด้านอุทกวิทยา การบริหารจัดการน้ำต่อสังคม ชุมชน โดยสมาคมฯ เตรียมงบประมาณสนับสนุนนักวิจัยรุ่นเยาว์ และผู้เชี่ยวชาญเสนอผลงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ 40 เรื่อง
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสเสมอว่า น้ำคือชีวิต ทรงแก้ปัญหาสำคัญ 3 ประการเกี่ยวกับน้ำ คือ น้ำเสีย ภาวะแล้ง และน้ำท่วม ด้านน้ำเสีย ทรงใช้หลักการจัดการน้ำเสียคือ การจัดการเชิงอนุรักษ์ผสมผสานกับวิธีการพัฒนาอย่างง่าย ๆ ซึ่งเป็นวิธีการจัดการอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ ตัวอย่างที่เด่นชัดคือ การใช้น้ำดีไล่น้ำเสีย เพื่อแก้ปัญหาน้ำเสีย โดยใช้น้ำดีจากแม่น้ำเจ้าพระยาไล่น้ำเสียตามคลองต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ
อีกตัวอย่างคือ การบำบัดน้ำเสียโดยใช้บึงมักกระสันเป็น ไตธรรมชาติของกรุงเทพฯ ซึ่งจะรับน้ำเสียจากชุมชนกรุงเทพฯ และบำบัดโดยใช้พืช เช่น ผักตบชวาและพืชน้ำ มาดูดซับสิ่งพิษและมลพิษต่าง ๆ ในน้ำ
(กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 17 ต.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)
![](images/line.gif)
![](images/top.gif)
มทร.ส่งกังหันลมผลิตไฟฟ้าป้อนเมืองพัทยา
ดร.บุญยัง ปลั่งกลาง อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี กล่าวว่า กังหันลมผลิตไฟฟ้าเป็นผลงาน ของ ดร.วิชัย โรยนรินทร์ อาจารย์จากภาควิชาเดียวกัน ที่ใช้เวลากว่า 20 ปีในการพัฒนา และขณะนี้ได้รับความสนใจจากภาคเอกชน ที่จะนำไปผลิตเชิงพาณิชย์ เริ่มจากเทศบาล นครพัทยาสนใจติดตั้งกังหันลมแนวแกนตั้งนี้กว่า 100 ตัว เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนพื้นที่เกาะห่างไกล
กังหันลมผลิตไฟฟ้านำเข้ามีราคาสูง และประสิทธิภาพต่ำเมื่อนำมาใช้ในประเทศไทย เพราะแรงลมในต่างประเทศ (ยุโรป-สหรัฐ) มีความเร็วเฉลี่ยสูงกว่า จึงไม่เหมาะใช้กับเมืองไทย แต่กังหันลมที่พัฒนาขึ้นนี้ ออกแบบมารองรับความเร็วลมของประเทศไทยโดยเฉพาะ โดยผ่านการศึกษาทดสอบในอุโมงค์ลมและทดสอบการทำงานจริงในไทยและอังกฤษ ผลที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจ
ในเบื้องต้น นักวิจัยได้ออกแบบกังหันลม 2 รุ่นคือ ระบบแนวแกนตั้งกำลังผลิต 1 กิโลวัตต์ และระบบแนวแกนนอน 0.5 กิโลวัตต์ สามารถทำงานได้ดีที่ความเร็วลมต่ำและผลิตไฟฟ้าได้ทุกความเร็วรอบการทำงาน ทั้งยังออกแบบใบพัด ตัวผลิตไฟฟ้าและชุดควบคุม ให้สัมพันธ์กันเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
(กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 17 ต.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)
![](images/line.gif)
![](images/top.gif)
ทีมมหิดลสกัดกระเจี๊ยบต้านโรคหัวใจ
รศ.ดร.เนตรนภิส ธีระวัลย์ชัย ภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ศึกษาคุณสมบัติของกระเจี๊ยบแดงต่อการเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (เอชดีแอล) และยับยั้งคอเลสเตอรอลชนิดร้าย (แอลดีแอล) จนพบว่า สารสกัดกระเจี๊ยบแดงออกฤทธิ์ยับยั้งไขมันตัวร้ายและเพิ่มปริมาณไขมันดีอย่างเห็นได้ชัด จึงเหมาะนำไปพัฒนาเป็นยาลดไขมันในเลือดได้ในอนาคต
สาเหตุของโรคหัวใจเกิดจากภาวะไขมันในเลือดสูง เกิดจากการสะสมของไขมันเป็นเวลานาน ก่อให้เกิดก้อนไขมันเกาะและอุดตันอยู่บริเวณหลอดเลือดหัวใจ เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลว และหากเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองขาดเลือด มีความเสี่ยงเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตในที่สุด ผู้ที่ประสบภาวะไขมันในเลือดสูงมักจะไม่รู้ตัว เนื่องจากไม่มีอาการแสดงออก แต่รู้ได้ด้วยการเจาะเลือดตรวจ
ปัจจุบันผู้ป่วยที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง จำเป็นต้องรับประทานยาลดไขมัน ซึ่งมีความเป็นพิษต่อตับสูง ทีมวิจัยจึงศึกษาสมุนไพรที่มีฤทธิ์ลดไขมัน เพื่อนำมาศึกษาถึงการออกฤทธิ์ ตลอดจนพัฒนาเป็นยาลดไขมันจากสมุนไพร ที่ราคาถูกและปลอดภัย กระทั่งพบว่ากระเจี๊ยบแดงมีคุณสมบัติดังกล่าว แต่ยังไม่มีผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ยืนยันประสิทธิภาพ จึงยังไม่มีผู้ผลิตตัวยาจากสมุนไพรชนิดนี้
(กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 17 ต.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)
![](images/line.gif)
![](images/top.gif)
สมัครโรงงานแป้งมันผันน้ำเสียเป็นเชื้อเพลิง
รศ.ดร.สมชาย ฉัตรรัตนา รองผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวในงานสัมมนา โครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีบำบัดน้ำเสียและผลิตก๊าซชีวภาพแบบตรึงฟิล์ม (เอเอฟเอฟอาร์) สำหรับโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังว่า ศูนย์เปิดรับสมัครโรงงานเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมปีนี้จนถึงกันยายนปีหน้า ในเบื้องต้นรับจำกัด 10 โรงงาน
โรงงานที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับการช่วยเหลือแบบครบวงจรทั้งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำพิเศษเพียงร้อยละ 3-4 ต่อปี เป็นค่าก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียและผลิตก๊าซชีวภาพ 45-50 ล้านบาท/โรง รวมทั้งด้านของเทคโนโลยีจากผู้เชี่ยวชาญ สวทช.
นักวิจัยของสวทช.ได้ศึกษาทดสอบเทคโนโลยีแบบต่างๆ ในการบำบัดน้ำเสีย และผลิตก๊าซชีวภาพ กระทั่งพบว่าระบบเอเอฟเอฟอาร์ จากการคิดค้นของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) มีความเหมาะสมที่สุดสำหรับน้ำเสียจากการผลิตแป้งมัน ซึ่งมีสารอินทรีย์ปะปนสูง จึงร่วมกับสำนักนโยบายและแผนพลังงาน และสถาบันการเงิน นำร่องสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและเงินกู้ให้กับโรงงานแป้งมัน 4 แห่ง เมื่อปี 2547 ดร.สมชาย กล่าว
เอเอฟเอฟอาร์ เป็นระบบปิดไร้ปัญหาเรื่องกลิ่นรบกวน ทั้งยังไม่ต้องใช้พลังงานในการบำบัด ใช้พื้นที่น้อยกว่าบ่อเปิดครึ่งหนึ่ง ลดปริมาณสารเคมีที่ใช้ในระบบและประสิทธิภาพการบำบัดสูงถึงร้อยละ 80-90
(กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 17 ต.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)
![](images/line.gif)
![](images/top.gif)
3 นักวิจัยญี่ปุ่นย้ำ "โลกร้อน" ชี้อากาศแปรปรวนทำกระแสน้ำเปลี่ยนแปลง ความเสี่ยงดินถล่มหลังหิมะละลาย ขณะที่ความร้อนจากชุมชนเมืองส่งผลให้เมืองใหญ่ฝนตกหนัก
อากิโอะ กิโตะ (Akio Kitoh) จากสถาบันวิจัยอุตุนิยมวิทยา ประเทศญี่ปุ่น ได้ศึกษาผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่มีต่อการรวมตัวของไอน้ำในอากาศและกระแสน้ำในช่วง 20 ปีนี้ โดยอาศัยการคำนวณทางคณิตศาสตร์และการจำลองทางคอมพิวเตอร์
พบว่าภาพรวมของแถบอาเซียนนั้น การรวมของไอน้ำในอากาศเพิ่มขึ้นแต่ของการตกของฝนกลับลดลง และบางพื้นที่ไอน้ำในอากาศยังสัมพันธ์กับอัตราการไหลของความชื้นที่มีผลต่อปริมาณน้ำฝน
จากการศึกษาของ กิโตะพบว่าภาวะโลกร้อนได้ส่งผลให้การรวมตัวของไอน้ำในอากาศที่ประเทศอินเดียเพิ่มสูงขึ้น ยกเว้นรัฐเกรละที่พบว่าปริมาณน้ำฝนและกระแสน้ำไม่สัมพันธ์กับโดยรวมของประเทศ ขณะที่ประเทศไทยนั้นเขาก็ได้ศึกษาแล้วพบว่าการรวมกันของไอน้ำในอากาศลดลง และกระแสน้ำมีปริมาณลดลงสัมพันธ์กับการระเหยของน้ำที่เพิ่มขึ้น และเขายังพบอีกว่ากระแสน้ำในหลายพื้นที่ซึ่งเขาศึกษานั้น จะพบความสัมพันธ์ว่าเมื่อกระแสน้ำที่ต้นน้ำเปลี่ยนแปลงจะส่งผลต่อกระแสเบื้องล่างด้วย
ทางด้าน อิโตะ (Y. Ito) นักศึกษาปริญญาโท ปี 2 จากมหาวิทยาลัยเกียวโต ได้ศึกษาผลกระทบของความร้อนจากชุมชนเมืองต่อการตกของฝน โดยการวิเคราะห์แบบจำลองทางคอมพิวเตอร์ของก้อนเมฆคิวมูโลนิมบัส (cumulonimbus) ทั้งนี้ได้เลือกกรณีศึกษาของญี่ปุ่นที่เกิดฝนตกหนักเมื่อวันที่ 21 ก.ค.2542 ที่ อ.เนริมากุ เมืองโตเกียว อันเป็นชุมชนเมืองที่หนาแน่น ซึ่งวันดังกล่าวมีปริมาณน้ำฝนสูง 131 มิลลิเมตรภายใน 2 ชั่วโมง
ผลจากการศึกษาของอิโตพบว่าทิศทางของไอน้ำและบริเวณที่มีฝนตกจะเคลื่อนไปยังเขตชุมชนเมือง อีกทั้งเขายังสรุปว่าการขยายตัวของชุมชนเมืองและการเติบโตของความร้อนอันเป็นผลพวงจากการกระทำของมนุษย์นั้น
จะเพิ่มความถี่ของภัยพิบัติจากการตกหนักของฝนให้กับพื้นที่เขตเมืองด้วย
ไซกิ คาวาโกะอิ (Seiki Kawagoe) นักวิจัยแดนปลาดิบอีกคน จากมหาวิทยาลัยโตโฮกุ ได้ประเมินอันตรายของดินถล่มจากการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล โดยได้เลือกพื้นที่ของเมืองโตโฮกุเป็นกรณีศึกษา ทั้งนี้เขากล่าวว่าความเปราะบางทางภูมิศาสตร์เป็นเรื่องปกติของญี่ปุ่น และทั้งฝนและหิมะที่มีมากเป็นสิ่งที่นำไปสู่ที่ลาดชันอันตรายและดินถล่ม
คาวาโกะอิพบว่าช่วงเดือน ธ.ค.ทางชายทะเลของญี่ปุ่นมีหิมะตก และเมื่อหิมะละลายในช่วงเดือน มี.ค.- เม.ย.จะเป็นช่วงที่พื้นที่ชายทะเลของญี่ปุ่นมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดดินถล่ม นอกจากนี้เขายังพบโอกาสของความเสี่ยงแตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ ซึ่งเขาคาดว่าจะเป็นข้อมูลเพื่อจัดอันดับความสำคัญในการเคลื่อนย้ายผู้คนออกจากที่เสี่ยงภัย อีกทั้งในพื้นที่ซึ่งมีความเสี่ยงสูงควรได้รับการเตรียมการอพยพและมาตรการป้องกัน
(ผู้จัดการ พฤหัสบดีที่ 19 ต.ค. 2549 http://www.manager.co.th)
![](images/line.gif)
![](images/top.gif)
ข่าวทั่วไป
ประกวดตุ๊กตุ๊กชิงรางวัลใหญ่
15 ต.ค. ที่บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) สาขาเชียงใหม่มีการจัดประกวดออกแบบรถตุ๊กตุ๊กในโครงการ Cat 009 TUK TUK DESIGN CONTEST โดยได้รับความสนใจจากนักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไปส่งผลงานเข้าประชันกันมากมายถึง 87 ชิ้น ทางคณะกรรมการคัดเหลือ 12 ชิ้นเตรียมนำไปใช้รับส่ง นักท่องเที่ยวในงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติราชพฤกษ์ 2549 และในจำนวนนี้ผู้ชนะเลิศคือ นายจตุพงษ์ แก้วเมือง อายุ 28 ปีได้รับรางวัลโล่เกียรติยศพร้อมเงินสด 20,000 บาท ซึ่งผลงานได้นำภาพหญิงสาวล้านนามาเป็นเอกลักษณ์ของตัวรถ สื่อความหมายจากท้องถิ่นสู่สากล 14 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งความอ่อนช้อยที่ใครเห็นก็ประทับใจมิรู้ลืม.
(เดลินิวส์ อังคารที่ 17 ต.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)
![](images/line.gif)
![](images/top.gif)
แพทย์เสนอตั้ง 'กองทุนประกันตนเอง' ดึงชนชั้น กลางร่วมจ่าย
นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ และ นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายแพทย์ภาครัฐ เปิดเผยว่า เมื่อ (16 ต.ค.) จะยื่นหนังสือเสนอแนวทางแก้ไขหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือโครงการ 30 บาท ต่อ รมว.สาธารณสุข ในฐานะผู้ปฏิบัติงานที่เห็นปัญหามาโดยตลอด ทั้งนี้ จากการหารือร่วมกันระหว่างแพทย์ ทันตแพทย์ และผู้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ ส่วนใหญ่วิตกกังวลในแนวคิดของผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะในประเด็นที่จะมีการยกเลิกเก็บเงิน 30 บาท ทั้งนี้เพราะประเด็นดังกล่าวไม่ใช่หัวใจของปัญหาที่แท้จริง แต่ปัญหาของโครงการ 30 บาทจริงๆอยู่ที่ปริมาณการมาใช้บริการ และความคาดหวังของประชาชน การขาดงบประมาณสนับสนุน การขาดแคลนทรัพยากรด้านบุคลากรทุกระดับที่ไม่สามารถตอบสนองความ ต้องการของประชาชนได้
ปัจจุบันมีประชากร 47 ล้านคนที่ถือบัตรทอง ในจำนวนนี้ 35 ล้านคน คือคนที่สังคมควรช่วยเหลือเกื้อกูล เช่น เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ผู้สูงอายุ ภิกษุ สามเณร ผู้พิการ และผู้มีรายได้น้อย ซึ่งได้รับบริการฟรีโดยไม่ต้องจ่ายอยู่แล้ว มีเพียง 12 ล้านคน ที่ถือบัตรทองโดยที่ไม่ปรากฏหลักฐานว่า คนกลุ่มนี้มีรายได้เท่าไหร่ ซึ่งอาจจะมีคนที่สามารถร่วมจ่ายได้ เช่นเดียวกับลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคม แต่รัฐเต็มใจที่จะเสนอจ่าย เนื่องจากรัฐบาลเดิมต้องการฐานเสียงจากกลุ่มคนชั้นกลางกลุ่มนี้ นพ.ฐาปนวงศ์กล่าวและว่า เครือข่ายฯเห็นด้วยที่จะให้คนไทยทุกคนมีหลักประกันสุขภาพ แต่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่จะต่อยอดประชานิยมจนสุดกู่ จึงอยากเสนอให้มีการก่อตั้งกองทุนประกันสุขภาพตนเอง โดยให้มีระบบร่วมจ่ายสำหรับประชาชนที่มีความสามารถที่จะจ่ายได้ ไม่ควรรวมเงินเดือนในส่วนของผู้ให้บริการไว้ในเงินประกันสุขภาพถ้วนหน้าจะทำ ให้ยอดเงินรายหัวที่จะตกถึงประชาชนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ควรต้องมีการกระจายเงิน กระจายอำนาจให้กับสถานบริการให้มากที่สุด เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ถูกต้อง และเห็นด้วยกับการประสานงานระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพอย่างสมานฉันท์ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไป
(ไทยรัฐ จันทร์ที่ 16 ต.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)
![](images/line.gif)
![](images/top.gif)
ดิสนีย์เปิดตูนทาวน์ออนไลน์ในเอเชีย
วอลท์ ดิสนีย์ เปิดตัวบริการใหม่เฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรียกว่า ตูนทาวน์ ออน ไลน์ เป็นเกมออนไลน์สามมิติเล่นพร้อมกันได้หลายคน เหมาะสำหรับครอบครัว
วอลท์ ดิสนีย์ อินเทอร์เน็ต กรุ๊ป (WDIG) เตรียมส่งดิสนีย์ ตูนทาวน์ ออนไลน์ เกมออนไลน์สามมิติ สำหรับผู้เล่นหลายคน เจาะกลุ่มเด็กและครอบครัว โดยสามารถดาวน์โหลดออนไลน์พร้อมกันทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้นปีหน้า หลังจากได้ข้อสรุปด้านการตลาดและการกระจายสินค้าระหว่างบริษัท ดิจิตอล มีเดีย เอ็กซ์เช้นจ์ ที่ประเทศฟิลิปปินส์ สำหรับการส่งดิสนีย์ ตูนทาวน์ ออนไลน์ วางตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในต้นปี พ.ศ. 2550 โดยจะเป็นเกมที่มีลักษณะและฟังก์ชันโดดเด่นเช่นเดียวกับในสหรัฐอเมริกา
มร.ดันแคน ออร์เรลล์ โจนส์ รองประธานอาวุโส และกรรมการผู้จัดการ วอลท์ ดิสนีย์ อินเทอร์เน็ต กรุ๊ป (WDIG) เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า ดิสนีย์ ตูนทาวน์ ออนไลน์ จะผสมผสานเทคโนโลยีใหม่ ๆ กับการบอกเล่าเรื่องราวที่มาจากแรงบันดาลใจ เพื่อการสร้างสรรค์ประสบการณ์ความบันเทิงสำหรับเด็กและครอบครัวทั่วโลก หลังจากที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2546 ตูนทาวน์ เป็นเกมยอดฮิตสำหรับครอบครัวด้วยตัวการ์ตูนมากถึง 15 ล้านตัว และมีการตอบรับจากผู้เล่นเกมทุกกลุ่มอายุและทุกระดับทั่วโลก
(เดลินิวส์ อังคารที่ 17 ต.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)
![](images/line.gif)
![](images/top.gif)
ผ่าตัดรักษาโรคอ้วนในอนาคต ใช้สอดท่อเข้าในปากไม่มีแผล
นายกสมาคมแพทย์ผ่าตัดรักษาโรคอ้วนอเมริกัน กล่าวเปิดเผยว่า การผ่าตัดเย็บกระเพาะรักษาโรคอ้วนเกินขนาด ในอนาคตอันใกล้นี้ อาจจะทำโดยการผ่าตัดโดยการสอดท่อเข้าไปในปาก ปลอดภัยยิ่งกว่าการผ่าตัดเปิดท้อง จะยิ่งทำให้ผู้คนแห่กันมาทำกันมากยิ่งขึ้น
นับมาจนถึงทุกวันนี้ แพทย์ตามชาติต่างๆ ทั่วโลก ได้ใช้วิธีผ่าตัดรักษาโรคอ้วนกับคนไข้ มาไม่ต่ำกว่า 1 ล้านรายแล้ว ด้วยการเย็บกระเพาะให้เหลือขนาดเล็กลง ทำให้กินได้น้อยลง ซึ่งแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า เป็นวิธีลดความอ้วน และป้องกันไม่ให้กลับอ้วนขึ้นอีกได้ดีที่สุด
หมอฟิลิป ชอเออร์ หัวหน้าแผนกผ่าตัดรักษาโรคอ้วนของสถานพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งของคลีฟแลนด์ กล่าวบอกว่า การผ่าตัดโดยไม่ต้องเปิดแผล จะช่วยให้เสี่ยงน้อยลง ทุ่นค่าใช้จ่าย และยังอาจใช้กับคนอ้วน ซึ่งปัจจุบันยังไม่เห็นกันว่าเป็นมาก จนจำเป็นต้องใช้การผ่าตัดมากรายยิ่งขึ้น หมอผู้มีชื่อเสียงซึ่งเพิ่งได้รับเลือกเป็นประธานสมาคมแพทย์อีกตำแหน่งหนึ่งกล่าวต่อไปว่า การผ่าตัดรักษาโรคอ้วนได้ก้าวหน้าเร็ว จนเกินหน้าการผ่าตัดอื่นทั้งหมด ทำให้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงทศวรรษ ปี 1990 เพราะเหตุที่มีแต่รอยแผลเล็กๆ และไม่ต้องนอนโรงพยาบาลนานด้วย ผมเชื่อว่าบางทีเรากำลังใกล้จะอยู่ในการปฏิวัติกันอีกครั้งหนึ่ง
การผ่าตัดด้วยการสอดท่อ จะไม่มีแผลเพราะเครื่องมือที่ใช้ อย่างท่อยาวๆ และแขนกลกับเครื่องเย็บ จะสามารถสอดเข้าทางปาก และส่งมันลดเลี้ยวลงไปตามหลอดอาหารได้ อาจจะเกิดขึ้นได้ในเวลาอีก 5-10 ปีนี้
(ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 19 ต.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)
![](images/line.gif)
![](images/top.gif)
30 บาทวุ่น 'แพทยสภา' อัด สปสช.กินหัวคิ
พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา กรรมการแพทยสภา และอนุกรรมการโฆษกแพทยสภา เปิดเผยว่า จากการที่ นพ.มงคล ณ สงขลา รมว.สาธารณสุข มีแนวคิดจะให้เลิกเรียกชื่อโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าว่าโครงการ 30 บาท เพราะเป็นสโลแกนการหาเสียงของพรรคไทยรักไทย จึงอยากจะปรับเปลี่ยนวิธีการว่าให้รักษาฟรีเพื่อไม่ให้เรียกโครงการ 30 บาท และว่าเงิน 30 บาทไม่ช่วยให้รวยขึ้นหรือจนลง แต่เป็น ภาระแก่เจ้าหน้าที่ในการลงบัญชีนั้น ตนในฐานะกรรมการแพทยสภา ได้ส่งจดหมาย เปิดผนึกเรียกร้องให้ รมว.สธ.ปฏิรูประบบบริหารจัดการด้านการแพทย์และสาธารณสุขเสียใหม่ เพื่อให้เป็นการแพทย์พอเพียง เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการตามความจำเป็นและเหมาะสม เพื่อจะได้รับบริการที่มีมาตรฐานและปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่ออาการแทรก ซ้อนที่ไม่จำเป็น ไม่พิการหรือตายโดยที่ยังไม่สมควรตาย และได้รับความเข้าใจในการดูแลรักษาสุขภาพอย่างถูกต้อง อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้บุคลากรได้มีเวลาทำงานที่เหมาะสมในการให้บริการแก่ประชาชน
พญ.เชิดชู กล่าวอีกว่า ปัญหาจากโครงการ 30 บาทมีประเด็นสำคัญ 3 ส่วน คือ 1. เรื่องงบประมาณค่าหัว 1,630 บาทที่ไม่พอเพียง แม้จะขอเพิ่มเป็น 2,000 บาท ก็อาจไม่พอ เพราะ สธ.ยังต้องอาศัยงบรายหัวมาจ่ายเงินเดือนและค่าตอบแทนคนทำงาน ถ้างบรายหัวใช้จ่ายเป็นค่ารักษาจริงๆเหมือนงบประกันสังคมอาจจะพอ แต่ขณะนี้มีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ทำหน้าที่เหมือนคนกินหัวคิว คือเก็บค่าบริหารจัดการ ทำให้งบรายหัวที่ตกถึงโรงพยาบาลเพียง 500 กว่าบาทเท่านั้น 2. เรื่องการใช้บริการจากการเก็บข้อมูลของคณะอนุกรรมการกำหนดมาตรฐานการแพทย์ ของแพทยสภา พบว่าประชาชนมาโรงพยาบาลมากขึ้นเป็น 2 เท่า หลังมีโครงการ 30 บาท ทำให้แพทย์มีเวลาตรวจผู้ป่วยเฉลี่ยคนละ 2-4 นาที และจากข้อมูลของคณะผู้ทำงานในโครงการกำหนดยุทธศาสตร์กำลังคนภาครัฐ ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ของสำนักงาน ก.พ. ได้ตัวเลขตรงกันว่าแพทย์มีเวลาตรวจผู้ป่วยเฉลี่ยคนละ 2-4 นาที ทำให้เสี่ยงต่อการวินิจฉัยและการรักษาที่ผิดพลาด ก่อให้เกิดการฟ้องร้องแพทย์มากขึ้น 3. การขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ เนื่องจากแพทย์ ลาออกจากราชการมากขึ้น เพราะ 30 บาทก่อให้เกิดมีภาระงานมากขึ้น ทั้งงานในเวลาราชการและนอกเวลาราชการ จากการเก็บข้อมูลของคณะอนุกรรมการพิจารณาปรับเปลี่ยนค่าตอบแทนแพทย์ในภาคราชการของแพทยสภา พบว่าแพทย์ต้องทำงานทั้งในเวลาราชการสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง และยังต้องทำงานนอกเวลาราชการอีกเฉลี่ยสัปดาห์ละ 47 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการขยายตัวของโรงพยาบาลเอกชน ที่สร้างรายได้เพิ่มถึง 2 เท่า
(ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 19 ต.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)
![](images/line.gif)
![](images/top.gif)
KMUTT
Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215
|
|
![](images/rightside.jpg) |